Professional Documents
Culture Documents
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
นายกฤตภาส หอมระรื่น
ุวรร
บทคัดย่ อ
งานวิจยั เล่ มนี้ ไ ด้ทาํ การออกแบบและสร้ างเครื่ องเครื่ องสับต้นข้าวโพดที่ ใ ช้เป็ นสิ่ ง
อํานวยความสะดวกต่างๆ ใช้กบั เกษตรกรในการผลิตอาหารสัตว์โดยการสับย่อยต้นข้าวโพดอีกทั้ง
ยังเป็ นการลดเวลาในการสับต้นข้าวโพดด้วยมือของเกษตรกรและยังเป็ นการป้ องกันอันตรายที่เกิด
ขึ้นกับการสับต้นข้าวโพดด้วยมืออีกด้วย จากการพิจารณาถึงศักยภาพของเครื่ องสับต้นข้าวโพดนั้น
มีความเหมาะสมที่จะนํามาสับย่อยต้นข้าวโพดของเกษตรกรหลังการเก็บเกี่ยว
หลักการทํางานโดยการใช้เครื่ องยนต์เล็ก 5.5 แรงม้าใบตัด หนา 4 ม.ม จํานวน 4 ใบ จะ
ูมิ
ร.ส พ.
ทําให้สามารถสับต้นข้าวโพดหลังเก็บเกี่ยวของเกษตรกร นํามาสับย่อยเป็ นอาหารของสัตว์ซ่ ึงในการ
ณภ
มท สว
สับย่อยแต่ละครั้งนั้นสามารถสับต้นข้าวโพดให้มีความละเอียดตามความต้องการได้เป็ นอย่างดี
ุวรร
ข
ABSTRACT
This research has made to design and build machines that use corn as facilities. Used in
the production of animal feed by farmers chopping corn as well as reduce the time to chop corn at
the hands of farmers and also prevents damage to the corn by hand with a hack. Considering the
potential of the corn that is appropriate to adopt the chopped corn farmers after the harvest.
Management by the 5.5 hp engine cutting thickness 4 mm 4 blade is able to cut the
harvest of corn farmers. The food is broken down into the sub chop chop corn at a time can have a
good detailed requirements.
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ค
กิตติกรรมประกาศ
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
กฤตภาส หอมระรื่ น
ง
สารบัญ
เรื่ อง หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย ก
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ข
กิตติกรรมประกาศ ค
สารบัญ ง
สารบัญ (ต่อ) จ
สารบัญตาราง ฉ
สารบัญรู ป ช
สารบัญแผนภูมิ ซ
คําอธิบายสัญลักษณ์และคําย่อ ฌ
บทที่
ูมิ
ร.ส พ.
1 บทนํา 1
ณภ
มท สว
1.1ความเป็ นมาและความสําคัญของปัญหา 1
1.2จุดประสงค์ของโครงการนักศึกษา 2
ุวรร
1.3ขอบเขตโครงการวิจยั 2
1.4ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2
1.5 ขั้นตอนการดําเนินงาน 2
2 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 3
2.1ทฤษฎีเกี่ยวกับเครื่ องยนต์ 3
2.2ทฤษฎีเกี่ยวกับสายพาน 9
2.3ทฤษฎีเกี่ยวกับพูลเล่ย ์ 19
2.4ทฤษฎีเกี่ยวกับการออกแบบเพลา 19
2.5ทฤษฎีเกี่ยวกับใบมีดตัด 25
2.6 ทฤษฎีเกี่ยวกับเฟื อง 26
2.7 ทฤษฎีการตัด 28
จ
สารบัญ (ต่ อ)
บทที่ หน้า
3 วิธีการดําเนินโครงงาน 29
3.1การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง 29
3.2เครื่ องมือที่ใช้ในการศึกษา 29
3.5การคํานวณทางวิศวกรรม 32
4 รายงานผลการดําเนินงาน 34
4.1 วิเคราะห์ผลการทดลองของเครื่ องสับต้นข้าวโพด 34
4.2 วิเคราะห์หาประสิ ทธิภาพของเครื่ องต้นข้าวโพด 35
4.3 สรุ ปผลอภิปรายผลการทดลอง 36
5 สรุ ปผลและข้อเสนอแนะ 37
5.1จุดประสงค์ของปริ ญญานิพนธ์ของการสร้างเครื่ องสับต้นข้าวโพด 37
ูมิ
ร.ส พ.
5.2 ปั ญหาของการดําเนินงาน 37
ณภ
มท สว
5.5ข้อเสนอแนะ 38
บรรณานุกรม 39
ภาคผนวก ก แสดงคุณสมบัติของวิศวกรรม 40
ภาคผนวก ข ขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน 49
ประวัติผจู ้ ดั ทํา 60
ฉ
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
1.1 แสดงขั้นตอนการดําเนินงาน 2
4.2.1 ตารางผลการทดลองการสับต้นข้าวโพด 35
4.2.3 ตารางการเปรี ยบเทียบการสับด้วยมือและการสับด้วยเครื่ อง 36
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ช
สารบัญรูป
รู ปที่ หน้า
1.1 เครื่ องยนต์เล็ก 5.5 แรง 3
1.2 แสดงการทํางานของของลูกสูบ 4
1.3 แสดงความสัมพันธ์ ปริ มาตรดูด 5
1.6 แสดงปริ มาตรห้องเผาไหม้ 7
2.1 แสดงการกวดสายพานให้แน่นตึง 16
2.2 แสดงไดอะแกรมภาระแรงที่ปรากฏบนระนาบสายพาน 17
4.1 รู ปร่ างลักษณะของเพลา 19
4.2 แบริ่ งชนิดต่าง ๆ 24
5.1 ลักษณะตัวจับใบมีด 25
5.2 ลักษณะใบมีดมุมใบมีด 30 และ 45 องศาของต้นแบบเครื่ องตัด 25
ูมิ
ร.ส พ.
6.1 เฟื องหนอน 26
ณภ
มท สว
สารบัญแผนภูมิ
แผนภูมิที่ หน้า
3-1 แสดงขั้นตอนการสร้างเครื่ องสับหัน่ ข้าวโพด 30
4.2.2 กราฟแสดงผลการทดลองการสับต้นข้าวโพด 35
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ฌ
σc ความเค้นแรงอัด N/m2
F แรงกระทํา N
A พื้นที่หน้าตัด M
τ ความเค้นแรงอัด N/m2
Ρd กําลังเฉลี่ยของตัวจับ Kw
Ρ กําลังที่ตอ้ งการถ่ายทอด Kw
N ความเร็ วรอบของเพลา rpm
τa ค่าความเค้นเฉือนอนุญาต N/m2
T ค่าโมเมนต์บิด N/m2
ูมิ
ร.ส พ.
D ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางนอกเพลา m
ณภ
มท สว
D ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางด้านใน m
θ มุมบิดตัว rad
ุวรร
L ความยาวชิ้นงาน m
τy ค่าความเค้นในการออกแบบ N/m2
τ max ค่าความเค้นสูงสุ ด N/m2
n ความเร็ วรอบ Rpm
R ระยะจากแรงกระทําถึงจุดรองรับ m
บทที 1
บทนํา
ูมิ
ร.ส พ.
แทนข้าว ข้าวโพดสามารถนําไปใช้เป็ นอาหารสัตว์ข้าวโพดนับเป็ นพืชที่ใช้เป็ นอาหารสัตว์ได้ดีชนิด
ณภ
38 38
มท สว
1.2วัตถุประสงค์ งานวิจยั
1. เพื่อพัฒนาและสร้างเครื่ องสับต้นข้าวโพด
2. เพื่อศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการสับต้นข้าวโพด
1.3ขอบเขตงานวิจัย
เพื่อพัฒนาและสร้าง ทดสอบและประเมินสมรรถนะเครื่ องสับต้นข้าวโพดทีใช้พลังงาน
กลเป็ นต้นกําลังเพื่อใช้สาํ หรับการสับหัน่ ข้าวโพดตามวิธีการสับต้นข้าวโพดของเกษตรกร
1.5ขั้นตอนการดําเนินงาน
ูมิ
ร.ส พ.
ตารางที่ 1.1 แสดงขั้นตอนการดําเนินงาน
ณภ
มท สว
แผนการดําเนินงาน
ุวรร
1. ทฤษฎีเกีย่ วกับเครื่องยนต์
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
สัญลักษณ์ (L)
ุวรร
3. ปริ มาตรดูด (SWEPT VOLUME) หรื อ(DISPLACACMENT VOLUME) หมายถึง
ปริ มาตรห้องว่างภายในกระบอกสู บ ระหว่างจุดศูนย์ตายบนถึงศูนย์ตายล่างเป็ นห้องว่างใช้สาํ หรับ
ดูดไอดีเข้าบรรจุภายใน สัญลักษณ์ (Vd)
4. ปริ มาตรห้องเผาไหม้ (COMBUSTION CHAMBER) หรื อ (CLEARANCE
VOLUME) หมายถึง ปริ มาตรช่องว่างบนหัวลูกสู บในขณะที่ลูกสู บอยู่ที่ศูนย์ตายบน สัญลักษณ์
(Vc)
5. พื้นที่ภาคดตัดกระบอกสูบ เป็ นพื้นที่ภาคตัดภายในกระบอกสูบ สัญลักษณ์ (A)
π
A= d2 (1)
4
เมื่อ
A = พื้นที่ภาคตัดกระบอกสูบ mm2 ,cm 2 , m2
d = เส้นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบ mm, cm, m
สมการพื้นที่ภาคตัดดังกล่าวนี้ เป็ นสมการพื้นที่ภาคตัดฉายของกระบอกสู บดังนั้นจึงไม่
คํานึงถึงรู ปร่ างของหัวลูกสูบ ไม่วา่ จะเป็ นรู ปร่ างใดจะใช้สมการนี้คาํ นวณหาขนาดพื้นที่ภาคตัด
5
ูมิ
ร.ส พ.
ปริ มาตรดู ด หรื อ ความจุกระบอกสู บ หมายถึง ปริ มาตรห้องว่างภายในกระบอกสู บ
ณภ
ระหว่างศูนย์ตาบบน T.DC. ถึงศูนย์ตายล่าง B.D.C. เป็ นปริ มาตรที่ใช้สาํ หรับดูดไอดีเข้าบรรจุไว้
มท สว
ภายในเครื่ องยนต์
ุวรร
T.D.C C
Vc
Vd L
B.D.C
π
Vd = d 2 . L (3)
4
6
เมื่อ
Vd = ปริ มาตรดูด mm3 ,cm 3 , m3
d = เส้นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบ mm, cm, m
L = ระยะชัก mm,cm,m
22
π มีค่าเท่ากับ 3.14 หรื อ
7
หมายเหตุ 3
cm มีค่าเท่ากับ C
ูมิ
ร.ส พ.
เป็ นต้น ซึ่งหมายความว่าเครื่ องยนต์น้ นั มีความจุกระบอกสู บ 2000 CC และแต่ละสู บมีปริ มาตรดูด
ณภ
เท่ากับ 1 ใน 4 ของความจุกระบอกสู บรวมนั้นเอง ในการคํานวณขนาดปริ มาตรกระบอกสู บรวมได้
มท สว
ดังสมการ
ุวรร
VD = Vd × K (4)
หรื อ
π
VD = d 2 . L. K (5)
4
เมื่อ
VD = ปริ มาตรความจุกระบอกสูบ mm3 ,cm 3 , m3 lite
หมายเหตุ 1 lite = 1000 cm 3 ,CC
T.D.C
Vc C
Vc
B.D.C
π
Vc = d 2 .C . K (6)
4
เมื่อ
ูมิ
ร.ส พ.
Vc = ปริ มาตรอัด mm3 ,cm 3 , m3
ณภ
d = เส้นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบ mm, cm, m
มท สว
C = ระยะความสูงห้องเผาไหม้ mm,cm,m
ุวรร
1.3 ความเร็วรอบ
ความเร็ วรอบหมายถึงความเร็ วรอบในการหมุนของเครื่ องยนต์ โดยปกติกาํ หนดเป็ น
รอบ/นาที (rpm) ความเร็ วรอบเครื่ องยนต์มีความสัมพันธ์ต่อเนื่ องไปถึงกําลังเพลาแรงบิดกําลังใน
กระบอกสูบและความเร็ วในการเคลื่อนที่ของรถยนต์
กรณี
เครื่ องยนต์ ชนิด 2 จังหวะ N รอบ/นาที
N
เครื่ องยนต์ ชนิด 4 จังหวะ รอบ/นาที
2
การคํา นวณหาอัต ราการบรรจุ ไ อดี อ งเครื่ อ งยนต์ สั ม พัน ธ์ กับ รอบการทํา งานของ
เครื่ องยนต์น้ นั จะได้ความสัมพันธ์ดงั กล่าวคือ
Q = VD × N
Q = Vd × K × N
π
Q = d 2 × L× K × N (7)
4
เมื่อ
VD = ปริ มาตรความจุกระบอกสูบ mm3 ,cm 3 , m3 lite
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
d = ปริ มาตรดูด mm3 ,cm 3 , m3
มท สว
L = ระยะชัก mm,cm,m
K = จําวนวนกระบอกสู บ
N = ความเร็ วรอบเครื่ องยนต์ ,รอบ/นาที , รอบ/วินาที
Q = อัตราการบรรจุไอดี m3/min
1.5ประสิ ทธิภาพเชิงปริมาตร
คือ อัตราส่ วนปริ มาตรของไอดี หรื อ อากาศที่สามารถเข้าบรรจุไอดีจริ งต่อปริ มาตรดูด
ของกระบอกสู บ
ดังนั้น
ปริมาตรของไอดีที�บรรจุจริง
ประสิทธิภาพเชิงปริมาตร =
ปริมาตรดุดของกระบอกส◌ูบ
VD /
ηฮ = (8)
VD
9
เมื่อ
VD = ปริ มาตรความจุกระบอกสูบ mm3 ,cm 3 , m3 lite
VD/ = ปริ มาตรดูดจริ ง mm3 ,cm 3 , m3
η = ประสิ ทธิภาพเชิงปริ มาตร %
2.ทฤษฎีเกีย่ วกับสายพาน
สายพานลิ่มใช้ส่งกําลังได้ค่อนข้างมาก โดยต้องการแรงดึงขั้นต้นในสายพานค่อนข้าง
น้อย ทั้งนี้ เพราะผลจากการเกาะยึดตัวกันระหว่างด้านข้างของสายพานที่เรี ยวกับร่ องรู ปลิ่มของล้อ
สายพาน ทําให้เกิดแรงเสี ยดทานสู ง ซึ่ งเป็ นผลให้สายพานทํางานได้อย่างมีประสิ ทธิภาพดี แม้ว่าจะ
มีส่วนโค้งสัมผัสน้อย และมี แรงดึ งขั้นตํ่า และเหมาะกับการใช้งานในกรณี ที่ระยะห่ างระหว่าง
ศูนย์กลางน้อย ในการส่ งกําลังจะส่ งได้มากที่สุดเมื่อผิวด้านข้างของสายพานอัดแน่นกับร่ องบนล้อ
สายพาน และในกรณี ที่ มี เ หตุ ฉุ ก เฉิ น ก็ อ าจใช้ผ ลจากการอัด แน่ น นี้ ทํา หน้า ที่ เ ป็ นเบรกได้ด้ว ย
การขับด้วยสายพานลิ่ ม มี ขอ้ ดี คือ เงี ยบ สะอาด และสามารถรับแรงกระตุกได้ นอกจากนั้นยังมี
ูมิ
ร.ส พ.
ขนาดกะทัดรัด มีประสิ ทธิ ภาพดี และแบริ่ งของเพลาไม่ตอ้ งรับแรงมากเกินไป จึงมักใช้ในการขับ
ณภ
มท สว
T1
= 2.5 (9)
T2
T1 = 2.5T2
แรงที่สายพานกดเพลา
F = T1 + T2 (10)
2.1ขนาดสายพานและล้ อสายพานลิม่
1.) สายพานลิ่มมีหน้าที่ตดั เป็ นรู ปลิ่ม ดังนั้นในการกําหนดขนาดจึงมักกําหนด โดยใช้
ความกว้างพิทช์(Pitch Width) และความหนาสายพานโดยใช้ตวั อักษรแทน ซึ่งแบ่งออกเป็ นสายพาน
ลิ่มแบบแคบ (Narrow V-Belts) มีขนาด SPZ SPA SPB และ SPC และสายพานลิ่มแบบธรรมดา มี
10
n1
i = d2 = (11)
d1 n2
เมื่อ
d1 คือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของพูเล่ยต์ วั ขับ (มิลลิเมตร)
d2 คือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของพูเล่ยต์ วั ตาม (มิลลิเมตร)
n1 คือ ความเร็ วรอบของพูเล่ยต์ วั ขับ (รอบต่อนาที)
n2 คือ ความเร็ วรอบของพูเล่ยต์ วั ตาม (รอบต่อนาที)
2.2การคํานวณความยาวของสายพาน
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
ความยาวของสายพานเปิ ด (Open Belts) อาจประมาณได้จากสมการดังต่อไปนี้
มท สว
L = 2C+1.57(D +D ) + (D2 + D1 )
2
(12)
ุวรร
2 1
4C
เมื่อ
L = ความยาวพิทช์ของสายพาน
C = ระยะห่างระหว่างศูนย์กลางของล้อขับและล้อตาม
D1 = เส้นผ่าศูนย์กลางของล้อขับ
D2 = เส้นผ่าศูนย์กลางของล้อตาม
เมื่อ
P = 0.25L p – 0.39(D 2 + D 1 ) (14)
q = 0.125(D 2 – D 1 ) (15)
และ
11
C max = 2(D 1 + D 2 )
C min = 0.7(D 1 + D 2 ) (16)
แล้วเลือกใช้ค่าที่อยูร่ ะหว่าง C max กับ C min
ูมิ
ร.ส พ.
กระทํากับสายพานลิ่มส่ วนโค้งสัมผัส จากสูตร
ณภ
มท สว
DP − dp
α1 = (17)
C
ุวรร
มุมสัมผัสของล้อสายพาน จากสูตร
(D − dp )
α1 = π − 2Sin −1
p
(18)
2C
หาความเร็ วของสายพาน จากสูตร
V = πD p n (19)
จากสมการแรงดึงในสายพานขณะส่ งกําลัง คือ
Wp
F = F1 – F2 = (20)
v
ให้แรงดึงในแนวแกน
eαf ′ + 1
Fw = F1 + F2 = F (21)
eαf ′ − 1
แรงหนีศูนย์กลางเนื่องจากนํ้าหนักสายพาน
wAv 2
Fc = (22)
g
แรงลัพธ์เนื่องจากแรงหนีศูนย์กลาง คือ
12
ูมิ 2
ร.ส พ.
2
2.Z. wAv sin α
ณภ
= (26)
มท สว
g 2
ซึ่งเขียนได้ใหม่เป็ น
ุวรร
2.3 การคํานวณหาขนาดสายพานลิม่
การคํานวณทางด้านการส่ งกําลังโดยสายพานลิ่มจะใช้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางพิทช์ ของ
ล้อสายพาน d เป็ นพื้นฐาน และในที่น้ ี ก็จะแสดงวิธีการเลือกขนาดของสายพานลิ่มตามคําแนะนํา
ของบริ ษทั ผูผ้ ลิตเช่นเดียวกับในกรณี ของสายพานแบน
ในการเลือกขนาดของล้อสายพาน บริ ษทั ผูผ้ ลิตได้แนะนําให้เลือกขนาดของล้อสายพาน
ให้โตที่สุดเท่าที่จะทําได้ ขนาดของล้อสายพานไม่ควรจะเล็กกว่าค่าที่กาํ หนดไว้ในตาราง แต่ขอ้ ควร
ระวังก็คือ ขณะใช้งานปกติความเร็ วของสายพานไม่ควรสูงกว่า 30 m/s
13
ูมิ
ร.ส พ.
Dp = เส้นผ่านศูนย์กลางล้อสายพานใหญ่ มิลลิเมตร
ณภ
dp
มท สว
= เส้นผ่านศูนย์กลางล้อสายพานเล็ก มิลลิเมตร
C = ระยะห่างระหว่างล้อสายพานลิ่ม มิลลิเมตร
ุวรร
2.5 แรงดึงในสายพานลิม่
ส่ วนต่าง ๆ ของสายพานจะอยูภ่ ายใต้ความเค้นที่แตกต่างกัน โดยทัว่ ไปแล้วความเค้น
เหล่านี้ จะประกอบไปด้วยความเค้นดึงเนื่ องจากแรงดึงขั้นต้น ความเค้นเนื่ องจากการส่ งกําลังและ
แรงหนีศูนย์กลางและความเค้นตัดเนื่องมาจากสายพานเคลื่อนที่ผา่ นล้อสายพาน แรงดึงในสายพาน
ลิ่มขณะส่ งกําลัง
Wp
F= (33)
V
FW = F1 + F2 (34)
ในทางปฏิบตั ิจะใช้ค่าประมาณของแรงดึงในสายพานจากสมการ
α
Fw = K1.F.sin (35)
2
มุมสัมผัสของล้อสายพาน
15
Dp − d p
α = π + 2 sin −1 (36)
2C
โดยที่
F = แรงดึงในสายพานลิ่มขณะส่ งกําลัง นิวตัน
Fw = แรงดึงของสายพาน นิวตัน
K1 = ตัวประกอบการใช้งาน ตัวแปรไร้มิติ
α = มุมสัมผัสของล้อสายพาน เรเดีย
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
F1
มท สว
= e µα (37)
F2
F1 = FU+ F2 (38)
ุวรร
สายพานให้ตึงก็จะลดขนาดตามด้วย ดังนั้นหากจะให้แรงกวดแน่นสายพานลดน้อยลงก็ควรจะต้อง
เพิ่มมุมพับม้วนสายพานให้มากขึ้นและเพิ่มสัมประสิ ทธิ์แรงเสี ยดทาน µ ให้มากขึ้นด้วย
สมการที่ 39 มีขอบเขตจํากัดในขณะใช้งานคือ
F1
< e µα (40)
ูมิ
ร.ส พ.
F2
ณภ
โดยสายพานจะยังไม่ลื่นไถลตกออกมาล้อสายพาน วิธีคาํ นวณหาค่าแรงดึงสู งสุ ดใน
มท สว
1
F1 = FU µα
(41)
e −1
วิธีคาํ นวณค่าแรงดึงที่หัวสายพาน F 3 และ F 4 จากภาพที่ 2.24 สามารถคํานวณได้จาก
สมการที่ 40 และสมการที่ 41 ดังนี้
F3 = F4
F3 = F 2 + F WU (42)
F WU = ƒ ges .L. (G B +G RU )
(43)
แล่นของชุดลูกกลิ้งมีสายพานต่าง ๆ ชุดบนและชุดล่างรวมกัน
FU = F WU + F WO (44)
FWO
= 4:7
FwU
เมื่อ
F1 คือ ค่าแรงดึงสูงสุ ดในเนื้อสายพาน มีหน่วยเป็ นกิโลนิวตัน
F2 คือ แรงดึงสายพานค่าน้อยที่สุด ณ ล้อกลับสายพาน
มีหน่วยเป็ นกิโลนิวตัน
F3 คือ แรงดึงสายพาน ณ ล้อกลับสายพานด้านล่าง
มีหน่วยเป็ นกิโลนิวตัน
F4 คือ แรงดึงสายพาน ณ ล้อกลับสายพานด้านบน
มีหน่วยเป็ นกิโลนิวตัน
F WU คือ แรงต้านทานแล่นที่ลูกกลิ้งสายพานชุดล่าง
มีหน่วยเป็ นกิโลนิวตัน
ƒ ges คือ สัมประสิ ทธิ์แรงอัดรวม
ูมิ
ร.ส พ.
L คือ ความยาวการขนถ่าย มีหน่วยเป็ นเมตร
ณภ
GB คือ นํ้าหนักสายพานต่อเมตร มีหน่วยเป็ นกิโลนิวตันต่อเมตร
มท สว
มีหน่วยเป็ นกิโลนิวตันต่อเมตร
F WO คือ แรงต้านทานแล่นที่ลูกกลิ้งสายพานชุดบนมีหน่วยเป็ นกิโลนิวตัน
2.7กําลังขับระบบสายพาน
วิธีคาํ นวณขนาดกําลังขับระบบสายพานนั้นกระทําได้หลายวิธี ซึ่งวิธีที่ถูกต้องแน่นอน
ที่สุด คือการคํานวณหาความต้านทานของแต่ละตัวต่อการขนถ่ายในระบบทั้งหมดแล้วนํามารวมกัน
แต่วิธีดงั กล่าวจะต้องคํานวณหาค่าต่าง ๆ มากมายและยุง่ ยากมาก วิธีที่สะดวกกว่าคือ คํานวณด้วย
สมการที่กาํ หนดไว้ในมาตรฐานเยอรมัน DIN 22101 ซึ่ งจะต้องคํานวณหาค่าแรงขับที่ลอ้ ขับ
สายพาน FU ในค่าของ FU นี้จะรวมค่าความต้านทานแล่นของสายพานเส้นบนกับเส้นล่างไว้ดว้ ย
หากเป็ นสายพายลาดเอียงจะต้องพิจารณาระบบขับลาดเอียงของทั้งสายพานและวัสดุขนถ่ายเพิ่มขึ้น
อีกเป็ นพิเศษด้วย
IG I .H
FU = ƒ ges .L. (G m + ± G ) (45)
3600.V 3600.V
เมื่อ
F U คือ แรงขับที่ขอบล้อสายพานมีหน่วยเป็ นกิโลนิวตัน
ƒ ges คือ สัมประสิ ทธิ์แรงจับรวม
G m คือ
ูมิ
นํ้าหนักของสายพานต่อเมตร และนํ้าหนักของลูกกลิ้งหมุน
ร.ส พ.
ณภ
(ทั้งบนและล่าง) มีหน่วยเป็ นกิโลนิวตันต่อตารางเมตร
มท สว
3.ทฤษฎีเกีย่ วกับพูลเล่ย์
พูลเล่ยเ์ ป็ นชิ้นส่ วนเครื่ องจักรที่ใช้งานร่ วมกับสายพาน ลักษณะรู ปร่ างของพูลเล่ยท์ ี่ใช้ก็
จะขึ้นกับลักษณะของสายพานชนิดนั้น ๆ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
พูลเล่ยส์ ายพานแบน เป็ นพูลเลย์ที่ใช้คู่กบั สายพานแบนทําจําหล่อ เหล็ก กล้า โลหะเบา
พลาสติก หรื อไม้ บนผิวบ้อที่สมั ผัสกับสายพานจะต้องลื่นมิเช่นนั้นจะทําให้สายพานสึ กหรอเร็ วมาก
โดยให้มีความหยาบของผิวอยูร่ ะหว่าง 4 ถึง 10 Um พูลเล่ยแ์ บบรู ปโค้งและพูลเล่ยแ์ บบถอดแยกได้
เป็ น 2 ชิ้นได้
พูลเล่ยส์ ายพานลิ่ม ตามมาตรฐานของ DIN 2217 พูลเล่ย ์ สายพานที่ลิ่มจะแบบร่ องเดียว
หรื อหลายร่ อง มุมรวมของร่ องล้อมพูลเล่ยส์ ายพานลิ่มเท่ากับ 32 องศา 34 ลิปดาและ 38 องศา โดย
ล้อพูลเล่ยท์ ี่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโตกว่า จะมีมุมร่ องล้อพูลเล่ยท์ ี่โตกว่า ร่ องล้อพูลเล่ยท์ ี่โตกว่า
ร่ องล้อพูลเล่ยจ์ ะมีการผลิตให้สายพานที่สวมประกอบแล้วไม่เลยพันจากขอบร่ องล้อ และจะต้องไม่
จมอยู่ในร่ องล้อไม่เช่ นนั้นสายพานจะสู ญเสี ยปฏิกิริยา แรงลิ่มขัน ลักษณะของพูลเล่ยส์ ายพานลิ่ม
ลักษณะ
ูมิ
ร.ส พ.
พูลเล่ยส์ ายพานฟั นเฟื อง พูลเล่ยแ์ บบนี้มีลกั ษณะคล้ายกับเฟื องสําหรับเป็ นตัวสัมผัสกับ
ณภ
มท สว
4. ทฤษฎีเกีย่ วกับการออกแบบเพลา
เพลาเป็ นชิ้ นส่ วนเครื่ องมือกล ที่มีความสําคัญของระบบส่ งผ่านกําลัง กําลังที่ส่งผ่าน
เพลาอยู่ในรู ปของ โมเมนต์แรงบิด (Torque) ในการส่ งกําลังผ่านระหว่างเพลาหนึ่ งไปยังอีกเพลา
หนึ่ งจําเป็ นต้องอาศัยตัวกลาง เช่น เฟื อง โซ่ สายพาน ฯลฯ ดังนั้นจึงเกิดแรงซึ่ งเกิ ดจากการขบกัน
ของเฟื อง แรงเนื่ องจากการฉุ ดของโซ่ หรื อแรงดึงของสายพานมากระทําต่อเพลาอันเป็ นผลให้เกิด
โมเมนต์ดดั (Bending moments) ขึ้นบนเพลาด้วย ดังนั้นขณะที่เพลาทําหน้าที่ส่งผ่านกําลังเพลาจะ
รับทั้งโมเมนต์บิดและโมเมนต์ดดั พร้อมๆกัน
ูมิ
ร.ส พ.
เมน (Main Shaft) เป็ นเพลาซึ่งต่อตรงจากเครื่ องต้นกําลัง และใช้ในการส่ งกําลังไปยังเครื่ องจักรกล
ณภ
มท สว
อื่น ๆ โดยเฉพาะ
6) แจ๊คซาฟต์(Jack Shaft) หรื อเพลาเคาน์เตอร์ซาฟต์(Counter Shaft) เป็ นเพลาขนาดสั้น
ุวรร
4.1 วัสดุเพลา
วัสดุที่ใช้ทาํ เพลาโดยทัว่ ไป คือ เหล็กกล้าละมุม (Mild Steel) แต่ถา้ ต้องการให้มีความ
เหนี ยว และความหนาทนทานต่อแรงกระตุกเป็ นพิเศษแล้วมักจะใช้เหล็กกล้าผสมโลหะอื่น เพื่อใช้
ทําเพลา เช่น 17Cr3 16MnCr5 20MnCr5 ตาม DIN EN 10084 เป็ นต้น เพลาที่มีขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลางโต กว่า 90 มม. มักจะกลึงมาจากเหล็กกล้าคาร์บอน ซึ่ งผ่านการรี ดร้อน อย่างไรก็
ตามเพื่อให้เพลามีราคาถูกที่สุด ผูอ้ อกแบบควรพยายามเลือกใช้เหล็กกล้าคาร์ บอนธรรมดาก่อนที่จะ
เลือกใช้เหล็กกล้าชนิดอื่น
4.2 ขนาดของเพลา
เพื่อให้เพลามีมาตรฐานเหมือนกัน องค์การมาตรฐานระหว่างประเทศจึงได้กาํ หนด
มาตรฐานของเพลา ซึ่ งเป็ นขนาดระบุ (Normal Size) ใน ISO/R 775-1969 เอาไว้ให้สาํ หรับ
ผูอ้ อกแบบเลือกใช้ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถซื้ อได้ทว่ั ไป นอกจากนี้ ยงั เป็ นขนาดที่สอดคล้องกับขนาด
ของแบริ่ งที่ใช้รองรับเพลาด้วยขนาดระบุของเพลา
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
4.3การพิจารณาในการออกแบบเพลา
การคํานวณหาขนาดเพลาที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยูก่ บั ลักษณะการใช้งานในบางครั้งการหา
ุวรร
16 ⋅ T ⋅ α t
d = (สําหรับเพลารับความเค้นเฉือน)
ุวรร
3
π ⋅t d
d = 3
16
π ⋅t d
[
⋅ (M ⋅ α b ) + (T ⋅ α t )
2
]
2 1/ 2
(สําหรับเพลาความเค้นดัดและเฉือน)
αb = แฟคเตอร์แก้ไขโมเมนต์ดดั
α t = แฟคเตอร์ แก้ไขโมเมนต์บิด
ค. สู ตรการตรวจสอบความแข็งแรงของเพลา
1 + (R ⋅ α k − 1) ⋅η k
b =k
bo
βk = ค่าเผือ่ สําหรับ Stress Concentration
ηk = Factor สําหรับวัสดุ
R = Factor สําหรับความละเอียดผิว
αk = Factor สําหรับลักษณะ รู ปร่ าง
bo = Factor สําหรับขนาด
23
σ A = 0.46 ⋅ σ u
σ
σ AS = A
βk
32 ⋅ M
σb =
π ⋅d3
σ e = σ b2 ⋅ l ⋅ 3(τ )2
σA = ค่าความเค้นที่ยอมให้ใช้งานแบบสลับของวัสดุทาํ เพลา (N/mm2)
2
σ AS = ค่าความเค้นที่ยอมให้ใช้งานได้ของเพลา ณ บริ เวณต่างๆ (N/mm )
β k = ค่าเผือ่ สําหรับ Stress Concentration
2
σ e = ค่าความเค้นรวมบริ เวณตรวจสอบ (N/ mm )
ง. ค่าความปลอดภัย
σ AS
≥ 1.5-2.5
σe
ค่า 1.5-2.5 นี้คือ ค่าความปลอดภัย
σ AS
ูมิ
ร.ส พ.
Sf =
ณภ
σe
มท สว
Sf = ค่าความปลอดภัย
= ค่าความเค้นที่ยอมให้ใช้งานได้ของเพลา ณ บริ เวณต่าง ๆ (N/mm2)
ุวรร
σ AS
σe = ค่าความเค้นรวมบริ เวณตรวจสอบ (N/mm2)
4.5 การรับแรงของแบริ่ง
AFBMA (Anti-Friction Bearing Manufactures Association) ได้มีมาตรฐานเกี่ยวกับ
ความสามารถรับแรงของแบริ่ ง โดยไม่คาํ นึ งถึงความเร็ ว ซึ่ งเรี ยกว่า ความสามารถในการรับแรง
พื้นฐาน (Basic load rating) ความสามารถในการรับแรงพื้นฐาน C R มีความนิ ยามว่าเป็ น
ความสามารถของแบริ่ งที่รับแรงคงที่ทาง radial ได้ โดยหมุนวงแหวนวงในหนึ่ งล้านครั้งค่าหนึ่งล้าน
รอบเลือกใช้เพื่อให้คาํ นวณง่าย โรลลิ่งแบริ่ ง (Rolling beatings) หมายถึง แบริ่ งที่รับแรงโดยอาศัย
ชิ้นส่ วนของแบริ่ งที่มีลกั ษณะเป็ นผิวสัมผัสแบบกลิ้ง (Rolling contact) แทนที่จะเป็ นผิวสัมผัสแบบ
เลื่อน (Sliding contact) เนื่ องจากแบริ่ งชนิ ดนี้ มีค่าความเสี ยดทานน้อยมาก ซึ่ งประกอบด้วย วง
แหวนเหล็กกล้า 2 วง ที่แยกออกจากกัน ด้วยลูกกลิ้งทรงกลม ลูกกลิ้งเหล่านี้รับแรงมาจากวงแหวน
วงหนึ่ง แล้วส่ งแรงนี้ไปยังแหวนอีกวงหนึ่ง โดยการกลิ้งไปบนวงแหวน
24
1
LD n D 1 α
CR = F LR n R 6.84
(47)
1
1 1.17α
ln R
โดยที่
LRnR คือ 106 (รอบ)
LD คือ จํานวนชัว่ โมงที่ใช้ออกแบบ (ชัว่ โมง)
ND คือ จํานวนรอบที่ใช้ในการออกแบบ (รอบต่อชัว่ โมง)
F คือ แรงที่แบริ่ งรับ (นิวตัน)
R คือ ความไว้วางใจได้
A คือ 3 สําหรับแบริ่ งกลุ่มหรื อ 10/3 สําหรับแบบริ่ งลูกกลิ้งตรง
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
5.ทฤษฎีเกีย่ วกับใบมีดตัด
รู ป5.1ลักษณะตัวจับใบมีด
6.ทฤษฎีเกีย่ วกับเฟื อง
41 เฟื องหนอน (Worm Gears)เป็ นชุดเฟื องที่ประกอบด้วยเกลียวตัวหนอน (Worm) ซึ่งมี
ลักษณะของเกลียวที่วางอยู่บนก้านเกลียวตัวหนอน (Shank) เหมือนลักษณะของสกรู และเฟื อง
(Worm Wheel) ซึ่ งมีลกั ษณะเป็ นล้อเฟื องคล้าย ๆ กับเฟื องเฉี ยง (Helical Gear) แต่จะต่างกัน
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ตรงสันฟันเฟื องจะมีลกั ษณะเว้าเพื่อให้รับกับความโค้งของเกลียวตัวหนอน ดังรู ป
ที่ 14
แนวเพลาขับ (Worm Shaft) และเพลาตาม (Worm Wheel Shaft) ของเฟื องตัวหนอนจะ
ทํามุมกันที่มุมฉาก 90 องศา การทํางานของเฟื องตัวหนอนจะเงียบและมีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นน้อย
เนื่ องจากการส่ งถ่ายกําลังจากเฟื องขับไปยังเฟื องตามนั้นการส่ งถ่ายกําลังจะเป็ นไปในลักษณะของ
การลื่นไถล (Sliding)
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
mw = NG
NM (48)
โดยที่ mw คือ อัตตราทดเฟื องของตัวหนอน
ww คือ ความเร็ วเชิงมุมของสกรู หนอน เรเดียน/นาที
wG คือ ความเร็ วเชิงมุมของเฟื องเกียร์ เรเดียน/นาที
NG คือ จํานวนฟันของเกียร์
NW คือ จํานวนฟันของสกรู
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
รู ป6.2แบบของเฟื องชนิดต่าง ๆ
28
สรุปเรื่องชนิดของเฟื อง
41
7.ทฤษฎีการตัด
ูมิ
ร.ส พ.
ความเร็วตัด (Cutting Speeds) ความเร็วรอบ (Speeds) และอัตราป้อน (Feeds)
ณภ
มท สว
ูมิ
ร.ส พ.
ออกแบบสร้างเครื่ องสับหัน่ ข้าวโพด ซึ่งประกอบด้วยความหมาย องค์ประกอบ วิธีการสร้างและ
ณภ
มท สว
3.2.2 ขั้นตอนการดําเนินงาน
เริ่ ม
ศึกษาและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ออกแบบเครื่ องสับต้นข้าวโพด
คํานวณแบบเครื่ องสับต้นข้าวโพด
ดําเนินการสร้างเครื่ อง
ทําการทดลอง
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
แก้ไขปรับปรุ ง
ทําการทดลอง
วิเคราะห์ขอ้ มูล
จัดทําเล่มงานวิจยั
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
32
การคํานวณทางวิศวกรรม
อัตราการหมุนและทฤษฎีการคํานวณ
N4 N3
N2
16
ูมิ
ร.ส พ.
สมการหาความเร็วและอัตราการทดแบบสายพาน
ณภ
D1 x D2 = D2 x N2
มท สว
D2 = (D1 x N1)
ุวรร
N2
D2 = 2 x 4000
16
D2 = 500 รอบ/ต่อนาที ANS
33
อัตราการทดเฟื องตัวหนอน
N4 20 ฟันเฟื อง
4 ฟันเฟื อง 20 รอบ/นาที
N3 20 ฟันเฟื อง
mGW = NG
NW
mGW = 4
20
N3 = 0.2
N4 =
ูมิ N3 x D2
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
N4 = 0.2 x 500
ุวรร
คํานวณหาความเร็วตัดของเครื่องตัด
หาความเร็วของใบมีด
กําหนดให้
d = 260 มิลลิเมตร
N = 20 รอบ/นาที
V = πxdxn
1000
V = 3.14 x 260 x 500
1000
ความเร็ วตัด = 408.2 เมตร/นาที ANS
บทที่ 4
รายงานผลการดําเนินงาน
ูมิ
ร.ส พ.
4.1.1 เปิ ดสวิตช์ไปยังตําแหน่ง ON ทําการสตาร์ตเครื่ อง
ณภ
มท สว
นาที กิโลกรัม
1 8.3
5 41.6
10 83.3
30 250
60 500
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
4.3สรุปผลอภิปรายผลการทดลอง
สรุ ปผลการทดลอง
สรุ ปผล เครื่ องสับต้นข้าวโพด สามารถสับต้นข้าวโพดได้และช่วยประหยัดพื้นที่
ในการจัดเก็บ ค่าขนส่ ง และเพิ่มราคารายได้แก่ เกษตรกรผูเ้ ลี้ ยงสัตว์ ทําให้เกษตรกรคุ ม้ ค่ากว่า
อาหารสัตว์ที่สง่ั ซื้อ อีกการใช้การสนับสนุนในการผลิตครั้งต่อๆไป
บทที่ 5
สรุปผลและข้ อเสนอแนะ
ูมิ
ร.ส พ.
5.4 อภิปรายการสร้างเครื่ องสับต้นข้าวโพด
ณภ
มท สว
5.5 ข้อเสนอแนะ
ุวรร
5.2 ปัญหาของการดําเนินงาน
ในการจัดทํางานวิจยั การออกแบบและสร้างเครื่ องสับต้นข้าวโพด ตามมาตรฐานที่
ต้องการได้พบข้อมูลและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในการดําเนินงานขึ้นในครั้งต่อไป
5.2.1 ด้านวัสดุจะนํามาสร้างเครื่ องสับต้นข้าวโพด อยูใ่ นช่วงพิจารณาจัดซื้อ
5.2.2 เครื่ องสับต้นข้าวโพด มีข้ นั ตอนการสร้างที่ค่อนข้างยุง่ ยาก
5.2.3 การวางแผนในการสร้ างเครื่ องสับต้นข้าวโพด บางครั้ งไม่สามารถปฏิบตั ิตาม
แผนที่วางไว้จึงเกิดความล่าช้า
38
ูมิ
ร.ส พ.
ยังไม่ได้ทาํ การสับเพื่อทําการเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภาพ
ณภ
มท สว
5.5 ข้ อเสนอแนะ
ุวรร
http://www.thailandindustry.com/guru/view.php?id=13479§ion=9&rcount=Y
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ภาคผนวก ก.
ูมิ
ร.ส พ.
แสดงคุณสมบัติของวิศวกรรม
ณภ
มท สว
ุวรร
41
ภาคผนวก ก.
แสดงคุณสมบัติของวิศวกรรม
ูมิ
ร.ส พ.
ตารางที่ ก.11 ขนาดระบุเพลาตามมาตรฐาน ISO/R 775-1969
ณภ
มท สว
K1 สภาวะการทํางาน
1.5 งานปานกลาง
ชนิดของภาระ αb αt
ูมิ
ร.ส พ.
เพลาอยูน่ ่ิง
ณภ
มท สว
- แรงกระตุกอย่างแรง
4
3
ต
าร
างท
่ก
ี.3ค
วาม
เ้
คน
ออก
แบบ
เพล
า
ค
วาม
เค
้น
ออก
แบบ เ
พลา
ไ่
ม
ี
ม่
ร
องิ
ล
ม
่ เ
พลา
ี
ม่
ร
อง
ิ
ลม
่
αbd 0
.
6×σy 0
.
7×0
.
6×σy
0
.
4×σu 0
.
7×0
.
4×σu
αd 0
.
36×σy 0
.
7×0
.
36×σy
0
.
18×σu 0
.
7×0
.
18×σu
ต
าร
างท
่ก
ี.4ต
ั
วปร
ะกอ
บรป
่
ร
ูา
งเ
่
ื
นอง
จาก
การ
สวม
อ
ัด่
ร
องล
่
ิ
มแห
วนล
็
อคαk
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
4
4
ต
าร
างท
่ก
ี.5่
ค
าαk บ
ิ
รเ
วณต
ก่
บา
ูมิ
ร.ส พ.
ต
าร
างท
่ก
ี.6่
ค
าαk บ
ิ
รเ
วณต
ก่
บา
ณภ
มท สว
ุวรร
4
5
ต
าร
างท
่ก
ี.7บ
ิ
รเ
วณร
เ
ูจา
ะ
ต
าร
างท
่ก
ี.8ต
ั
วปร
ะกอ
บขน
าดbo
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
46
ความละเอียดของผิวงาน R
งานขัด 1
งานเจียระไน 1.1-1.3
งานกลึง 1.2-1.5
งานอัดขึ้นรู ป 1.3-2.2
ูมิ
ร.ส พ.
วัสดุ
ณภ
ηk
มท สว
เหล็กเหนียว 0.6-0.1
ุวรร
เหล็กหล่อ 0.1-0.2
47
1 6 16 55 31 160
2 7 17 60 32 170
3 8 18 65 33 180
4 9 19 70 34 190
5 10 20 75 35 200
6 12
ูมิ
21 80 36 220
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
7 14 22 85 37 240
ุวรร
8 18 23 90 38 260
9 20 24 95 39 280
10 25 25 100 40 300
11 30 26 110 41 320
12 35 27 120 42 340
13 40 28 130 43 360
14 45 29 140 44 380
15 50 30 150 45 400
48
MN/m2 σu σy MN/m2
MN/m2 MN/m2
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
MN/m2 σu σy MN/m2
MN/m2 MN/m2
ูมิ
ร.ส พ.
ขั้นตอนการปฏิบัตงิ าน
ณภ
มท สว
ุวรร
50
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
ูมิ
ร.ส พ.
ณภ
มท สว
ุวรร
60
ประวัติผู้วจิ ัย
ประวัติการศึกษา
พ.ศ.2535 สําเร็ จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิค
สุ พรรณบุรี
พ.ศ.2538 สําเร็ จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสู ง สาขาช่างยนต์ มหาวิทยาลัย
สยาม
ูมิ
ร.ส พ.
พ.ศ.2540 สําเร็ จการศึกษาระดับปริ ญญาตรี อส.บ. สาขาวิศวกรรมเครื่ องกล มหาวิทยาลัย
ณภ
มท สว
เอเชียอาคเนย์
พ.ศ.2552 สําเร็ จการศึกษาระดับปริ ญญาโท คอม. สาขาเครื่ องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
ุวรร
พระจอมเกล้าพระนครเหนือ
ประวัติการทํางาน
พ.ศ.2546 ผูจ้ ดั การฝ่ ายผลิต บริ ษทั ไทยออสโตรโมลค์
พ.ศ.2548 วิศวกร บริ ษทั นวสันต์เอ็นจิเนียร์ร่ิ ง
ปัจจุบนั อาจารย์สาขาวิศวกรรมเครื่ องกล คณะครุ ศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลสุ วรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี