Professional Documents
Culture Documents
สาระการเรียนรู้
1. โครงสร้างและชนิดของทรานซิสเตอร์
2. การจ่ายไบอัสให้ทรานซิ สเตอร์
3. การจัดวงจรพื้นฐานของทรานซิ สเตอร์
4. วงจรขยายเบสร่ วม (Common Base Amplifier)
5. วงจรขยายคอลเล็คเตอร์ ร่วม (Common Collector Amplifier)
6. วงจรขยายอิมิตเตอร์ ร่วม (Common Emitter Amplifier)
7. กราฟแสดงคุณสมบัติของทรานซิสเตอร์
แบบทดสอบก่อนเรียนหน่ วยที่ 1
ก. ข.
ค. ง.
ก. ข.
ค. ง.
3
3. หัวลูกศรในสัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ มีความหมายอย่างไร
ก. บอกทิศทางการไหลของกระแส
ข. บอกชื่อขาอิมิตเตอร์
ค. บอกชื่อขาคอลเล็คเตอร์
ง. บอกทิศทางของสัญญาณเข้าออก
4. การกาหนดศักดิ์ไฟฟ้ าให้ทรานซิสเตอร์ ชนิด NPN ข้อใดถูกต้อง
ก. ข.
ค. ง.
ก. ข.
ค. ง.
6. อัตราขยายกระแสของวงจรเบสร่ วมมีค่าเท่าไร
ก. 20 – 50 เท่า
ข. 15 – 30 เท่า
ค. 5 – 10 เท่า
ง. 0.95 – 0.98 เท่า
4
ข. β = IC /IB
ค. β = IC IE
ง. β = IC × IB
ข. β = 100
ค. β = 200
ง. β = 50
ข. 98 μA
ค. 192 μA
ง. 196 μA
5
หน่ วยที่ 1
วงจรทรานซิสเตอร์ เบือ้ งต้ น
ทรานซิสเตอร์ เป็ นอุปกรณ์ประเภทไบโพล่าร์ (Bipolar) กล่าวคือ ทรานซิ สเตอร์ สามารถ
ทางานได้ท้ งั กับประจุบวก (Hole) และประจุลบ (Electron) จึงใช้คาว่า Bi ซึ่ งแปลว่า 2 และ polar ซึ่ง
ย่อมาจาก polarity ซึ่ งแปลว่า ขั้ว การแบ่งชนิดของทรานซิ สเตอร์ แบ่งตามวัสดุที่ใช้สร้าง คือ
เยอรมาเนียมทรานซิสเตอร์ และซิลิกอนทรานซิสเตอร์
1.1 โครงสร้ างและชนิดของทรานซิสเตอร์
โครงสร้างของทรานซิสเตอร์ ประกอบด้วย สารกึ่งตัวนาชนิด P และชนิด N วางเรี ยงติดกัน
3 ชั้น โดยชั้นกลางจะเป็ นเนื้อสารต่างชนิดกับที่ปลายทั้ง 2 ทาให้สามารถแบ่งทรานซิ สเตอร์ ตาม
โครงสร้างออกเป็ น 2 ชนิด คือ ชนิด NPN และชนิด PNP โดยมีขาต่อออกมาใช้งาน 3 ขา คือ
ขา Emitter (E) ขา Base (B) และขา Collector (C) ทรานซิ สเตอร์ ที่ถูกสร้างมาใช้งานนี้ มักถูกเรี ยกว่า
ทรานซิ สเตอร์ ชนิดสองรอยต่อ (Bipolar Junction Transistor) หรื อ BJT ซึ่งมีโครงสร้างและ
สัญลักษณ์ดงั รู ปที่ 1.1
ขาหนึ่งของทรานซิ สเตอร์ เป็ นขาร่ วม หรื อ Common โดยใช้ ขาร่ วมกันเป็ น ทั้ง Input และ Output
ดังรู ปที่ 1.3
เป็ นบวก ขั้วล่างเป็ นลบ ซึ่ งศักย์ไฟฟ้ าที่เกิดขึ้น จะไปอนุกรมเสริ มกับ แรงดัน VEE ทาให้กระแส IE
มีค่าสู งขึ้น กระแส IC จึงมีค่าสู งขึ้นตาม ส่ งผลให้แรงดันที่ตกคร่ อม ความต้านทาน RC มีค่ามากขึ้น
โดย ขั้วบนของ RC เป็ นบวกมากขึ้น ดังนั้นขณะนี้แรงดัน Output ครึ่ งบวก จึงมีค่ามากกว่าแรงดัน
ครึ่ งบวกของค่า Input
ส่ วนในครึ่ งลบของสัญญาณ Input จะทาให้ศกั ย์ไฟฟ้ าที่ข้ วั บนของ ความต้านทาน RE
เป็ นลบ ขั้วล่างเป็ นบวก ไปหักล้างกับ แรงดัน VEE ทาให้ กระแส IE มีค่าน้อยลง กระแส IC ก็จะ
น้อยลงตามศักย์ไฟฟ้ าที่ข้ วั บน ของความต้านทาน RC จึงเป็ นบวกน้อยลง แรงดัน Output ครึ่ งลบจึง
มีค่าสู งกว่าระดับแรงดันครึ่ งลบทางด้าน Input จึงถือ ได้วา่ สัญญาณ Input และสัญญาณ Output
มีเฟสเดียวกัน
1.4.2 คุณสมบัติของวงจรขยายเบสร่ วม พอสรุ ปได้ดงั นี้
1. มีค่าอิมพีแดนซ์ทาง Input (Zi) ต่ามากประมาณ 30 – 150 เพราะขา E และขา B ของ
ทรานซิสเตอร์ได้รับไบอัสตรง
2. มีค่าอิมพีแดนซ์ทาง Output (Zo) สู งมาก ประมาณ 300 – 1 M เพราะขา C และขา B
ของทรานซิสเตอร์ได้รับไบอัสกลับ
3. สัญญาณ Input และสัญญาณ Output มีเฟสเดียวกัน
11
จะไม่ขยายกระแส
5. อัตราขยายแรงดัน หรื อ Voltage Gain ใช้สัญลักษณ์ VG หรื อบางครั้งเรี ยกว่า
Voltage Amplifier (AV ) คือ อัตราส่ วนระหว่างแรงดัน Output (VO ) ต่อแรงดัน Input
(Vi ) จะมีค่าสู งเนื่องจากมีค่า มีค่าอิมพีแดนซ์ทาง Output (Zo) สู งมาก และมีค่า
อิมพีแดนซ์ทาง Input (Zi) ต่า
6. อัตราขยายกาลัง หรื อ Power Gain ใช้สัญลักษณ์ PG เป็ นอัตราขยายที่เกิดจากผลคูณ
ของอัตราขยายกระแส (𝛼) กับอัตราขยายแรงดัน (VG )
ตัวอย่างที่ 1.1
วงจรตามรู ป ที่ 1.5 มีกระแส IE ไหล 10 mA และกระแส IC ไหล 9.5 mA มีค่า R E = 200
วิธีทา
1. คานวณหาอัตราขยายของกระแส (α)
กระแส Output IC
α= =
กระแส Input IE
9.5 × 10−3
α=
10 × 10−3
𝛼 = 0.95 เท่า
2. คานวณหาอัตราขยายทางแรงดัน (VG )
แรงดัน Output VBC
VG = =
แรงดัน Input VBE
IC × R C RC
VG = =α×
IE × R E RE
30 × 103
VG = 0.95×
0.2 × 103
VG = 142.5 เท่า
3. คานวณหาอัตราการขยายกาลัง (PG )
PG = α × VG
PG = 0.95 × 142.5
PG = 135.375 เท่า
13
ค่ามากกว่า 1 แสดงว่าวงจรมีการขยายกระแส
5. อัตราการขยายแรงดัน หรื อ Voltage Gain ใช้สัญลักษณ์ VG หรื อเรี ยกว่า Voltage Amplifier
(AV ) คือ ค่าอัตราส่ วนระหว่างแรงดัน Output (VO ) ต่อแรงดัน Input (Vi ) เขียนเป็ นสมการ
VO IE R E
ได้วา่ VG = Vi
= IB R B
ค่าอัตราการขยายแรงดัน VG ของวงจรคอลเล็คเตอร์ ร่วม มีค่า
น้อยกว่า 1 คือ ไม่เกิดการขยายแรงดัน เพราะอิมพิแดนซ์ ZO มีค่าต่า ทาให้แรงดันตกคร่ อม
ต่า ส่ ว นอิมพีแดนซ์ 𝑍i มีค่าสู ง ทาให้แรงดันตกคร่ อมสู ง เมื่อนามาหารกันทาให้ได้ค่าน้อย
กว่า 1
6. อัตราขยายกาลัง หรื อ Power Gain ใช้สัญลักษณ์ PG เป็ นอัตราการขยายที่เกิดจากผลคูณของ
อัตราขยายกระแส (𝛾) กับอัตราขยายแรงดัน (VG ) เขียนเป็ นสมการได้วา่ PG = 𝛾 × VG
ตัวอย่างที่ 1.2
จากรู ปวงจรที่ 1.7 มีกระแส IB ไหล 0.5 mA และกระแส IE ไหล 20 mA มีค่า RE = 100 ,
R B = 10k จงคานวณหาอัตราขยายกระแส () อัตราขยายแรงดัน (VG ) และอัตราขยายกาลัง
(PG )
20 × 10−3
γ=
0.5 × 10−3
γ = 40 เท่า
2. คานวณหาอัตราขยายทางแรงดัน (VG )
แรงดัน Output IE R E
VG = =
แรงดัน Input IB R B
−3
20 × 10 × 100
VG =
0.5 × 10−3 × 10 × 103
20 × 100
VG =
0.5 × 10 × 103
16
VG = 0.4 เท่า
3. คานวณหาอัตราขยายทางกาลัง (PG )
PG = γ × VO
PG = 40 × 0.4
PG = 16 เท่า
ขั้วล่างมีศกั ย์เป็ นบวกไปอนุกรมเสริ มกับ แรงดัน VBB ทาให้กระแส IB ไหลมากขึ้น กระแส IC จึง
ไหลมากขึ้นตาม จึงทาให้แรงดันตกคร่ อมที่ RC เป็ นบวกมากขึ้น ดังนั้นเราจะเห็นได้วา่ สัญญาณ
Input กับ Outpu มีเฟสตรงกันข้ามกันอยู่ 1800 หรื อ Out off Phase
1.6.2 คุณสมบัติของวงจรขยายอิมิตเตอร์ ร่วม พอสรุ ปได้ ดังนี้
1. มีค่าอิมพีแดนซ์ทาง Input (𝑍i ) ต่าประมาณ 500 – 1500 เพราะขา Base ได้รับไบอัส-
ตรงเมื่อเทียบกับขา Emitter
2. มีค่าอิมพีแดนซ์ทาง Output (𝑍O ) สู งประมาณ 50k เพราะขา Collector ได้รับไบอัสกลับ
เมื่อเทียบกับขา Emitter
3. สัญญาณ Input และ Output มีเฟสต่างกัน 1800
4. อัตราขยายกระแส หรื อ Current Gain ใช้สัญลักษณ์ เบต้า (β) หรื อ hfe เป็ นค่าอัตราส่ วน
ระหว่างกระแส Output (IC หรื อ IO ) กับกระแส Input (IB หรื อ Ii ) เขียนเป็ นสมการได้วา่
IO I
Ii
= IC
B
ถ้าแทนค่ากระแส IC = 98% ,กระแส IB = 2% ดังนั้น β = 982 = 49 เท่า
5. อัตราการขยายแรงดัน หรื อ Voltage Gain ใช้สัญลักษณ์ (VG ) หรื อเรี ยกว่า Voltage
Amplifier (AV ) คือ ค่าอัตราส่ วนระหว่างแรงดัน Output (VO ) ต่อแรงดัน Input (Vi )
VO I R
เขียนเป็ นสมการได้วา่ VG = Vi
= IC RC
B B
ค่า VG ของวงจร ขยายอิมิตเตอร์ ร่วม
มีค่าประมาณ 250 – 300 เท่า เกิดการขยายแรงดัน เพราะ 𝑍O มีค่าสู งทาให้แรงดัน
ตกคร่ อมสู ง ส่ วน 𝑍i มีค่าต่า ทาให้แรง ดันตกคร่ อมต่า เมื่อนามาหารกัน จึง ทาให้ได้ค่า
ออกมาสู ง
6. อัตราขยายกาลัง หรื อ Power Gain ใช้สัญลักษณ์ (PG ) เป็ นอัตราการขยายที่เกิดจาก
ผลคูณของอัตราขยายกระแส ( β ) กับอัตราขยายแรงดัน ( VG ) เขียนเป็ นสมการได้วา่
PG = 𝛽 × VG ค่า PG ของวงจรขยายอิมิตเตอร์ ร่วม มีค่าประมาณ 40 dB การที่วงจร
ขยายอิมิตเตอร์ ร่วม มีอตั ราการขยายทุกอย่างสู ง ดังนั้นค่า อัตราขยายกาลัง PG จึงสู งกว่า
วงจรอื่น
18
ตัวอย่างที่ 1.3
จากรู ปวงจรที่ 1.9 เป็ นวงจรขยายแบบ Common Emitter มีค่ากระแส IB = 0.2mA, กระแส
IC = 10mA แรงดันระหว่างขา Base และขา Emitter = 0.2 V ความต้านทาน RC = 500Ω
และแหล่งจ่ายแรงดันมีค่า 15 V จงคานวณหาอัตราขยายทางกระแส อัตราขยายทางแรงดัน และ
อัตราขยายทางกาลัง
วิธีทา
1. คานวณหาอัตราขยายทางกระแส (β)
กระแส Output IC
β= =
กระแส Input IB
10 × 10−3
β=
0.2 × 10−3
β = 50 เท่า
2. คานวณหาอัตราขยายทางแรงดัน (VG )
แรงดัน Output VO
VG = =
แรงดัน Input Vi
19
VCC − IC R C
VG =
Vi
10
VG =
0.2
VG = 50 เท่า
3. คานวณหาอัตราขยายทางกาลัง (PG )
PG = β × VG
PG = 50 × 50
PG = 2500 เท่า
IC
IE
β=
IE IC
IE − IE
α
β=
1−α
IC
γ= +1
IB
γ=β+1
IC
IB
α=
IC IB
IB + IB
β
α=
β+1
21
ตัวอย่างที่ 1.4
จงหาค่า α และหาค่ากระแส IC ของทรานซิสเตอร์ เมื่อมีกระแส IE = 30 mA และมีอตั ราการ
ขยายกระแส (β) = 100
วิธีทา
จากสู ตร
β
α=
β+1
100
α=
100 + 1
100
α=
101
α = 0.99
I
จาก α = IC
E
เพราะฉะนั้น
IC = α × IE
IC = 0.99 × 30 × 10−3
IC = 29.7 mA
ทางาน (Operating point) หรื อเรี ยกสั้น ๆ ว่า จุดคิว (Q-point) โดยการทาการหาเส้นโหลดไฟ
กระแสตรง (DC Load Line) บนกราฟของคุณสมบัติทรานซิ สเตอร์ และกาหนดค่ากระแสที่ไหลเข้า
มาทาง Input สามารถหาจุดทางานออกมาได้ตามต้องการ การหาเส้นโหลดและจุด ทางานหาได้โดย
การคานวณจากสมการทางด้าน Input และ Output ของทรานซิสเตอร์ดงั แสดงในรู ปที่ 1.11
รู ป ก. รู ป ข.
VCC
IC = … … … … … … … . (2)
RC
VCC = 0 + VCE
VCC = IB R B + VBE
IB R B = VCC − VBE
VCC − VBE
IB =
RB
ตัวอย่างที่ 1.5 วงจรตามรู ป ที่ 1.15 กาหนดให้ RB = 820 k R C = 1k VCC = 25V จงหา
จุดทางานของทรานซิสเตอร์ในวงจรเมื่อเป็ นทรานซิสเตอร์ชนิดซิลิกอน
ก. รู ปวงจร
ข. กราฟคุณสมบัติทาง O/P
วิธีทา
กาหนดจุด IC เมื่อทรานซิ สเตอร์ อยูใ่ นสภาวะอิ่มตัวจะได้
VCC = IC R C + VCE
VCC = IC R C + 0
VCC
IC =
RC
แทนค่า
25V
IC =
1 × 103
IC = 25mA
VCC = IC R C + VCE
VCC = VCE + 0
VCC − VBE
IB =
RB
25 − 0.7
IB =
820 × 103
IB = 29.63μA ≈ 30μA
VCEQ = 10V
ICQ = 15mA
สรุ ป
ทรานซิ สเตอร์ เป็ นอุปกรณ์ประเภทไบโพล่าร์ (Bipolar) โครงสร้างของทรานซิสเตอร์
ประกอบด้วย สารกึ่งตัวนาชนิด P และชนิด N วางเรี ยงติดกัน 3 ชั้น มีขาต่อออกมาใช้งาน 3 ขา คือ
ขา Emitter (E) ขา Base (B) และขา Collector(C) ดังนั้น การต่อจุดร่ วม (Common) จึงจัดได้
3 รู ปแบบ คือ
1. วงจรเบสร่ วม หรื อ Common Base
2. วงจรคอลเล็คเตอร์ ร่วม หรื อ Common Collector
3. วงจรอิมิตเตอร์ ร่วม หรื อ Common Emitter
การเลือกใช้วงจรแบบใดจะต้องทราบคุณสมบัติของวงจรนั้นๆ
30
คาชี้แจง จงตอบคาถามต่อไปนี้ให้สมบูรณ์
แบบทดสอบหลังเรียนหน่ วยที่ 1
ก. ข.
ค. ง.
ค. ง.
33
3. อัตราขยายกระแสของวงจรเบสร่ วมมีค่าเท่าไร
ก. 0.95 – 0.98 เท่า
ข. 5 – 10 เท่า
ค. 15 – 30 เท่า
ง. 20 – 50 เท่า
ก. ข.
ค. ง.
ก. ข.
ค. ง.
6. หัวลูกศรในสัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ มีความหมายอย่างไร
ก. บอกชื่อขาคอลเล็คเตอร์
ข. บอกชื่อขาอิมิตเตอร์
ค. บอกทิศทางการไหลของกระแส
ง. บอกทิศทางของสัญญาณเข้าออก
34
ข. β = 100
ค. β = 200
ง. β = 500
ข. β = IC × IE
ค. β = IC IB
ง. β = IB IC
ข. 98 μA
ค. 192 μA
ง. 196 μA
35