You are on page 1of 30

หน้า1จาก30

ตัวบทประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา
มาตรา 2 ในประมวลกฎหมายนี้
คานิยาม (1) "ศาล"
หมายความถึงศาลยุตธิ รรมหรือผูพ ิ ากษาซึง่ มีอานาจ
้ พ
ทาการอันเกีย่ วกับคดีอาญา
(2) "ผูต ้ อ
้ งหา"
หมายความถึงบุคคลผูถ ้ ก
ู หาว่าได้กระทาความผิด
แต่ยงั มิได้ถก ู ฟ้ องต่อศาล
(3) "จาเลย"
หมายความถึงบุคคลซึง่ ถูกฟ้ องยังศาลแล้วโดย
ข้อหาว่าได้กระทาความผิด
(4) "ผูเ้ สียหาย"
หมายความถึงบุคคลผูไ้ ด้รบั ความเสียหาย
เนื่องจากการกระทาผิดฐานใดฐานหนึ่ง
รวมทัง้ บุคคลอืน ่ ทีม
่ ีอานาจ
จัดการแทนได้ด่งั บัญญัตไิ ว้ใน มาตรา 4 มาตรา 5 และ
มาตรา 6
(5) "พนักงานอัยการ"
หมายความถึงเจ้าพนักงานผูม ้ ีหน้าทีฟ
่ ้ อง ผูต
้ อ
้ งหาต่อศาล
ทัง้ นี้เป็ นข้าราชการในกรมอัยการหรือเจ้าพนักงาน
อืน
่ ผูม ้ ีอานาจเช่นนัน ้ ก็ได้
(6) "พนักงานสอบสวน"
หมายความถึงเจ้าพนักงานซึง่ กฎหมาย
ให้มีอานาจและหน้าทีท ่ าการสอบสวน
(7) "คาร้องทุกข์"
หมายความถึงการทีผ ่ เู้ สียหายได้กล่าวหาต่อ
หน้า2จาก30

เจ้าหน้าทีต ่ ามบทบัญญัตแ ิ ห่งประมวลกฎหมายนี้


ว่ามีผก ู้ ระทาความ ผิดขึน ้
จะรูต ้ วั ผูก้ ระทาความผิดหรือไม่กต ็ าม
ซึง่ กระทาให้เกิดความ
เสียหายแก่ผเู้ สียหายและการกล่าวหาเช่นนัน ้ ได้กล่าวโดย
มีเจตนา จะให้ผก ู้ ระทาความผิดได้รบั โทษ
(8) "คากล่าวโทษ"
หมายความถึงการทีบ ่ ุคคลอืน ่ ซึง่ ไม่ใช่ผเู้ สียหาย
ได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่
ว่ามีบุคคลรูต ้ วั หรือไม่ก็ดไี ด้กระทาความผิด
อย่างหนึ่งขึน ้
(9) "หมายอาญา"
หมายความถึงหนังสือบงการซึง่ ออกตามบทบัญญัตแ ิ ห่งป
ระมวลกฎหมายนี้ส่งั ให้เจ้าหน้าทีท ่ าการ จับ ขัง จาคุก
หรือปล่อยผูต ้ อ้ งหา จาเลยหรือนักโทษ หรือให้ทาการค้น
รวมทัง้ สาเนาหมายเช่นนี้อน ั ได้รบั รองว่าถูกต้อง
และคาบอกกล่าว ทางโทรเลขว่าได้ออกหมายจับแล้ว
ตลอดจนสาเนาหมายจับหรือหมายค้นทีไ่ ด้สง่ ทางโทรสาร
สือ่ อิเล็กทรอนิกส์
หรือสือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอืน ่ ทัง้ นี้
ตามทีบ ่ ญ
ั ญัตไิ ว้ใน มาตรา 77
(10) "การสืบสวน" หมายความถึง
การแสวงหาข้อเท็จจริงและ
หลักฐานซึง่ พนักงานฝ่ ายปกครองหรือตารวจได้ปฏิบตั ไิ ป
ตามอานาจ
และหน้าทีเ่ พือ ่ รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนแล
ะเพือ ่ ที่ จะทราบรายละเอียดแห่งความผิด
(11) "การสอบสวน"
หน้า3จาก30

หมายความถึงการรวบรวมพยานหลักฐาน
และการดาเนินการทัง้ หลายอืน ่ ตามบทบัญญัตแ ิ ห่งประมว
ลกฎหมายนี้
ซึง่ พนักงานสอบสวนได้ทาไปเกีย่ วกับความผิดทีก ่ ล่าวหา
เพือ ่ ที่ จะทราบข้อเท็จจริงหรือการพิสจู น์ความผิด
และเพือ ่ จะเอาตัวผูก้ ระทา ผิดมาฟ้ องลงโทษ
(12) "การไต่สวนมูลฟ้ อง"
หมายความถึงกระบวนไต่สวนของศาล
เพือ ่ วินิจฉัยถึงมูลคดีซงึ่ จาเลยต้องหา
(13) "ทีร่ โหฐาน" หมายความถึงทีต ่ า่ ง ๆ
ซึง่ มิใช่ทส ี่ าธารณสถาน
ดั่งบัญญัตไิ ว้ในกฎหมายลักษณะอาญา
(14) "โจทก์" หมายความถึงพนักงานอัยการ
หรือผูเ้ สียหาย ซึง่ ฟ้ องคดีอาญาต่อศาล
หรือทัง้ คูใ่ นเมือ ่ พนักงานอัยการและผูเ้ สียหาย
เป็ นโจทก์รว่ มกัน
(15) "คูค ่ วาม"
หมายความถึงโจทก์ฝ่ายหนึ่งและจาเลยอีก ฝ่ ายหนึ่ง
(16) "พนักงานฝ่ ายปกครองหรือตารวจ" หมายความถึง
เจ้าพนักงานซึง่ กฎหมายให้มีอานาจและหน้าทีร่ กั ษาควา
มสงบ เรียบร้อยของประชาชน ให้รวมทัง้ พัศดี
เจ้าพนักงานกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมเจ้าท่า
พนักงานตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าพนักงาน อืน ่ ๆ
ในเมือ ่ ทาการอันเกีย่ วกับการจับกุมปราบปรามผูก ้ ระทาผิ
ด กฎหมาย ซึง่ ตนมีหน้าทีต ่ อ
้ งจับกุมหรือปราบปราม
EX.มาตรา
2(4)1.บุคคลทีไ่ ด้รบั ความเสียหายจากการกระทาผิดทางอ
าญา+2.ต้องเป็ นผูเ้ สียหายโดยนิตน ิ ยั เท่านัน

หน้า4จาก30

(ต้องไม่มีสว่ นร่วมในการกระทาความผิด,ไม่มีสว่ นก่อใน


การกระทาความผิด,ไม่ยน ิ ยอมให้เขากระทาผิด)
ถ้าทะเลาะวิวาทกันก็ถอื ว่าไม่เข้าในคาว่าผูเ้ สียหาย
มาตรา 2(7)คาร้องทุกข์
ต้องมีเจตนาให้ผก ู้ ระทาผิดมารับโทษ
ถ้าไม่ครบองค์ประกอบตามมาตรานี้ก็ไม่ถอื ว่าเป็ นคาร้อง
ทุกข์
มาตรา บุคคลเหล่านี้มีอานาจฟ้ องคดีอาญาต่อศาล
28 (1) พนักงานอัยการ
บุคคลทีม ่ ี (2) ผูเ้ สียหาย
อานาจฟ้ อ
งคดีอาญา
EX.ต้องตอบคาถามขึน ้ ต้นด้วยมาตรา28
แล้วค่อยไล่ไปทีม่ าตรา 2(4) ต้องเป็ นผูเ้ สียหายครบตาม
1+2 จึงจะสามารถฟ้ องตามมาตรา 28(2) ได้
มาตรา 3 บุคคลดั่งระบุไว้ใน มาตรา 4 มาตรา 5 และ มาตรา 6
อานาจขอ มีอานาจจัดการต่อ
งผูจ้ ดั การ ไปนี้แทนผูเ้ สียหายตามเงือ ่ นไขทีบ ่ ญ
ั ญัตไิ ว้ใน มาตรา
แทนผูเ้ สีย นัน ้ ๆ
หาย (1) ร้องทุกข์
(2) เป็ นโจทก์ฟ้องคดีอาญา
หรือเข้ารวมเป็ นโจทก์กบั พนักงานอัยการ
(3) เป็ นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งทีเ่ กีย่ วเนื่องกับคดีอาญา
(4)
ถอนฟ้ องคดีอาญาหรือคดีแพ่งทีเ่ กีย่ วเนื่องกับคดีอาญา
(5) ยอมความในคดีความผิดส่วนตัว
มาตรา 4 ในคดีอาญาซึง่ ผูเ้ สียหายเป็ นหญิงมีสามี หญิงนัน ้ มีสท
ิ ธิ
หญิงทีเ่ ป็ ฟ้ องคดีได้เอง โดยมิตอ ้ งได้รบั อนุญาตของสามีกอ ่ น
หน้า5จาก30

นผูเ้ สียหา ภายใต้บงั คับแห่ง มาตรา 5 (2)


ยฟ้ องคดีเ สามีมีสท ิ ธิฟ้องคดีอาญาแทน ภริยาได้
องได้ ต่อเมือ
่ ได้รบั อนุญาตโดยชัดแจ้งจากภริยา
EX. ในวรรค2
นี้สามีจะสามารถฟ้ องแทนภรรยา(ผูเ้ สียหาย)
ได้โดยต้องได้รบั อนุญาตจากภรรยาก่อน
(แค่อนุญาตด้วยวาจาก็ได้ไม่ตอ้ งทาเป็ นหนังสือเพราะกฎ
หมายมิได้กาหนดแบบเอาไว้)
มาตรา 5 บุคคลเหล่านี้จดั การแทนผูเ้ สียหายได้
ผูม
้ ีอานาจ (1) ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมหรือผูอ ้ นุบาล
จัดการแท เฉพาะแต่ในความผิดซึง่ ได้กระทาต่อผูเ้ ยาว์
นผูเ้ สียหา หรือผูไ้ ร้ความสามารถซึง่ อยูใ่ นความดูแล
ย (2) ผูบ ้ ุพการี ผูส
้ บ
ื สันดาน สามีหรือภริยา
เฉพาะแต่ในความผิดอาญาซึง่ ผูเ้ สียหายถูกทาร้ายถึงตาย
หรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้
(3) ผูจ้ ดั การหรือผูแ ้ ทนอืน
่ ๆ ของนิตบ ิ ุคคล
เฉพาะความผิด ซึง่ กระทาลงแก่นิตบ ิ ุคคลนัน้
EX.มาตรา 5(1) ผูแ ้ ทนโดยชอบธรรม,ผูอ้ นุบาล
สามารถดาเนินคดีแทนผูเ้ สียหายได้เลย
ไม่ตอ้ งมีการมอบอานาจอะไรเลย
แต่ผเู้ สียหายต้องเป็ นผูเ้ สียหายตัวจริงตามมาตรา
2(4)ด้วย
มาตรา 5(2) ต้องบาดเจ็บสาหัสหรือตายเท่านัน ้ บุพการี
ผูส้ บื สันดาน สามีหรือภรรยา
จึงจะมีอานาจจัดการแทนผูเ้ สียหายได้โดยไม่ตอ้ งได้รบั อ
นุญาตโดยชัดแจ้งก่อน
ผูบ ้ ุพการี หมายถึง พ่อทีไ่ ม่ได้จดทะเบียนกับแม่
สามารถฟ้ องแทนลูกชายทีถ่ ก ู รถชนตายได้ ต้องเป็ น ปู่
หน้า6จาก30

ย่า ตา ยาย ทวด ของผูเ้ สียหายสายตรงนับขึน้ ไป


ผูส้ บ
ื สันดาน หมายถึง ลูก หลาน เหลน ลือ่
ของผูเ้ สียหายโดยไม่จาเป็ นต้องชอบด้วยกฎหมายเป็ นตัว
แทนฟ้ องได้
สามีหรือภรรยา หมายถึง
จะต้องชอบด้วยกฎหมายเท่านัน ้
มาตรา 6 ในคดีอาญาซึง่ ผูเ้ สียหายเป็ นผูเ้ ยาว์ไม่มีผแ ู้ ทนโดย
ผูม
้ ีอานาจ ชอบธรรมหรือเป็ นผูว้ ก ิ ลจริตหรือคนไร้ความสามารถ
จัดการแท ไม่มผ ี อ
ู้ นุบาล
นโดยได้ร ั หรือซึง่ ผูแ ้ ทนโดยชอบธรรมหรือผูอ ้ นุบาลไม่สามารถจะ
บแต่งตัง้ จ ทาการตาม หน้าทีโ่ ดยเหตุหนึ่งเหตุใด
ากศาล รวมทัง้ มีผลประโยชน์ขดั กันกับผูเ้ ยาว์
หรือคนไร้ความสามารถนัน ้ ๆ
ญาติของผูน ้ น
้ ั หรือผูม
้ ีประโยชน์
เกีย่ วข้องอาจร้องต่อศาลขอให้ตง้ ั เขาเป็ นผูแ ้ ทนเฉพาะคดี
ได้
เมือ ่ ได้ไต่สวนแล้วให้ศาลตัง้ ผูร้ อ้ งหรือบุคคลอืน ่
ซึง่ ยินยอมตาม ทีเ่ ห็นสมควรเป็ นผูแ ้ ทนเฉพาะคดี
เมือ ่ ไม่มบ ี ุคคลใดเป็ นผูแ ้ ทนให้
ศาลตัง้ พนักงานฝ่ ายปกครองเป็ นผูแ ้ ทน
ห้ามมิให้เรียกค่าธรรมเนียมในเรือ ่ งขอตัง้ เป็ นผูแ
้ ทนเฉพ
าะคดี
มาตรา สิทธินาคดีอาญามาฟ้ องย่อมระงับไปดั่งต่อไปนี้
39 (1) โดยความตายของผูก ้ ระทาผิด
การสั่งยุติ (2) ในคดีความผิดต่อส่วนตัว
คดีกรณี สิ เมือ ่ ได้ถอนคาร้องทุกข์ถอนฟ้ อง
ทธิดาเนิน หรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย
คดีอาญาร (3) เมือ ่ คดีเลิกกันตาม มาตรา 37
หน้า7จาก30

ะงับ (4) เมือ่ มีคาพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึง่ ได้ฟ้อง


(5)
เมือ
่ มีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทาผิดยกเลิกความ
ผิด เช่นนัน ้
(6) เมือ ่ คดีขาดอายุความ
(7) เมือ ่ มีกฎหมายยกเว้นโทษ
เมือ่ คดีขาดอายุความ
สิทธิในการดาเนินคดีเป็ นอันหมดสิน
้ ไป
มาตรา ห้ามมิให้พนักงานอัยการยืน
่ ฟ้ องคดีใดต่อศาลโดย
120 มิได้มีการสอบสวนในความผิดนัน ้ ก่อน
เงือ
่ นไขใ
นการฟ้ อง
คดี
สอบสวนโดยเจ้าพนักงานสอบสวน
มาตรา พนักงานสอบสวนมีอานาจสอบสวนคดีอาญาทัง้ ปวง
121 แต่ถา้ เป็ นคดีความผิดต่อส่วนตัว
คดีทจี่ ะทา ห้ามมิให้ทาการสอบสวน
การสอบส เว้นแต่จะมีคาร้องทุกข์ตามระเบียบ
วน
วรรค 1 ทัง้ อาญาแผ่นดินหรืออาญาต่อส่วนตัว
วรรค 2
เจ้าทุกข์ตอ้ งร้องทุกข์กบั เจ้าพนักงานสอบสวนก่อน
มาตรา ผูเ้ สียหายอาจร้องทุกข์ตอ ่ พนักงานสอบสวนได้
123 คาร้องทุกข์นน ้ ั ต้องปรากฏชือ ่
การร้องทุ และทีอ่ ยูข
่ องผูร้ อ้ งทุกข์ลกั ษณะ
กข์กบั พนั แห่งความผิดพฤติการณ์ ตา่ ง ๆ
กงานสอบ ทีค ่ วามผิดนัน
้ ได้กระทาลง ความ
สวน เสียหายทีไ่ ด้รบั และชือ ่ หรือรูปพรรณของผูก
้ ระทาผิดเท่า
หน้า8จาก30

ทีจ่ ะบอกได้
คาร้องทุกข์นี้จะทาเป็ นหนังสือหรือร้องด้วยปากก็ได้
ถ้าเป็ น หนังสือต้องมีวน ั เดือน ปี
และลายมือชือ ่ ของผูร้ อ้ งทุกข์ ถ้าร้อง
ด้วยปากให้พนักงานสอบสวนบันทึกไว้ ลงวัน เดือน ปี
และลงลาย มือชือ ่ ผูบ
้ น ั ทึกกับผูร้ อ้ งทุกข์ในบันทึกนัน ้
ดูมาตรา 2(7) ประกอบด้วย
มาตรา ผูเ้ สียหายจะร้องทุกข์ตอ ่ พนักงานฝ่ ายปกครองหรือ
124 ตารวจซึง่ มีตาแหน่ งหน้าทีร่ องหรือเหนือพนักงานสอบสว
การร้องทุ นและเป็ นผู้
กข์กบั ตาร ซึง่ มีหน้าทีร่ กั ษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมายก็ได้
วจหรือฝ่ า เมือ ่ มีหนังสือร้องทุกข์ยน ื่ ต่อเจ้าพนักงานเช่นกล่าวแล้ว
ยปกครอง ให้รีบ จัดการส่งไปยังพนักงานสอบสวน
และจะจดหมายเหตุอะไรไปบ้าง
เพือ ่ ประโยชน์ของพนักงานสอบสวนก็ได้
เมือ ่ มีคาร้องทุกข์ดว้ ยปาก
ให้รีบจัดการให้ผเู้ สียหายไปพบกับ
พนักงานสอบสวนเพือ ่ จดบันทึกคาร้องทุกข์นน ้ ั ดั่งบัญญัติ
ในมาตราก่อน
ในกรณี เร่งร้อนเจ้าพนักงานนัน ้ จะจดบันทึกเสียเองก็ได้
แต่แล้วให้รบ ี ส่งไปยังพนักงานสอบสวน
และจะจดหมายเหตุอะไรไปบ้างเพือ ่
ประโยชน์ของพนักงานสอบสวนก็ได้
มาตรา เมือ ่ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานฝ่ ายปกครองหรือ
125 ตารวจได้กระทาการสืบสวนหรือสอบสวนไปทัง้ หมด
หรือแต่สว่ นหนึ่ง ส่วนใดตามคาขอร้องให้ชว่ ยเหลือ
ให้ตกเป็ นหน้าทีข ่ องพนักงานนัน ้
จัดการให้มีคาร้องทุกข์ตามระเบียบตามบทบัญญัตแ ิ ห่ง
หน้า9จาก30

มาตรา 123 และ มาตรา 124


มาตรา ผูร้ อ้ งทุกข์จะแก้คาร้องทุกข์ระยะใด หรือจะถอน
126 คาร้องทุกข์เสียเมือ ่ ใดก็ได้
การแก้หรื ในคดีซงึ่ มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว
อการถอน การถอนคาร้องทุกข์เช่นนัน ้ ย่อม
คาร้องทุก ไม่ตดั อานาจพนักงานสอบสวนทีจ่ ะสอบสวน
ข์ หรือพนักงานอัยการที่ จะฟ้ องคดีนน ้ั
มาตรา ให้นาบทบัญญัตใิ น มาตรา 123 ถึง มาตรา 126 มาบังคับ
127 โดยอนุโลมในเรือ ่ งคากล่าวโทษ
เจ้าพนักง เจ้าพนักงานผูม ้ ห
ี น้าทีร่ บั คากล่าวโทษจะไม่บน
ั ทึกคากล่า
านผูร้ บั คา วโทษ ในกรณีตอ ่ ไปนี้ก็ได้
กล่าวโทษ (1) เมือ ่ ผูก
้ ล่าวโทษไม่ยอมแจ้งว่าเขาคือใคร
(2) เมือ ่ คากล่าวโทษเป็ นบัตรสนเท่ห์
คากล่าวโทษซึง่ บันทึกแล้ว
แต่ผก ู้ ล่าวโทษไม่ยอมลงลายมือชือ ่
เจ้าพนักงานผูร้ บั คากล่าวโทษจะไม่จดั การแก่คากล่าวโท
ษนัน ้ ก็ได้
ความผิดทีก่ ล่าวโทษ จะต้องไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว
แต่เป็ นความผิดอาญาต่อแผ่นดินเท่านัน

มาตรา พนักงานสอบสวนมีอานาจให้เจ้าพนักงานอืน ่ ทาการ
128 แทนดั่งต่อไปนี้
การสอบส (1)
วนโดยให้ การใดในการสอบสวนอยูน ่ อกเขตอานาจของตนมีอานาจ
เจ้าพนักง ส่ง
านอืน่ ทาก ประเด็นไปให้พนักงานสอบสวนซึง่ มีอานาจทาการนัน ้ จัด
ารแทน การได้
(2) การใดเป็ นสิง่ เล็กน้อยในการสอบสวน
หน้า10จาก30

ซึง่ อยูใ่ นเขตอานาจของตนไม่วา่ ทาเองหรือจัดการตามปร


ะเด็น มีอานาจสั่งให้ผอ ู้ ยูใ่ ต้บงั คับ บัญชาทาแทนได้
แต่ทง้ ั นี้เมือ ่ ประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอืน ่
มิได้เจาะจงให้ทาด้วยตนเอง
มาตรา ในจังหวัดอืน ่ นอกจากจังหวัดพระนครและจังหวัด ธนบุรี
18 พนักงานฝ่ ายปกครอง หรือตารวจชัน ้ ผูใ้ หญ่ ปลัดอาเภอ
พนักงาน และ
สอบสวน ข้าราชการตารวจซึง่ มียศตัง้ แต่ชน ้ ั นายร้อยตารวจตรีหรือ
ต้องได้รบั เทียบเท่า นายร้อยตารวจตรีขน ้ึ ไป
แต่งตัง้ เป็ มีอานาจสอบสวนความผิดอาญาซึง่ ได้เกิด หรืออ้าง
นพนักงา หรือเชือ ่ ว่าได้เกิดภายในเขตอานาจของตน
นสอบสว หรือผูต ้ อ ้ งหามีทอี่ ยู่
นแล้วเท่า หรือถูกจับภายในเขตอานาจของตนได้
นัน
้ สาหรับในจังหวัดพระนคร และจังหวัดธนบุรี
ว.1 ให้ขา้ ราชการตารวจ ซึง่ มียศตัง้ แต่ชน ้ ั นายร้อยตารวจตรี
คดีเกิดใน หรือเทียบเท่านายร้อยตารวจตรีขน ึ้ ไป
จังหวัดอืน ่ มีอานาจสอบสวนความผิดอาญาซึง่ ได้เกิด หรืออ้าง
ว.2 หรือเชือ ่ ว่าได้เกิดภายในเขตอานาจของตน หรือผูต ้ อ
้ งหา
คดีเกิดใน มีทอ ี่ ยู่ หรือถูกจับ ภายในเขตอานาจ ของตนได้
กรุงเทพฯ ภายใต้บงั คับแห่งบทบัญญัตใิ น มาตรา 19 มาตรา 20
และ มาตรา 21
ความผิดอาญาได้เกิดในเขตอานาจพนักงานสอบสวนคน
ใด โดย ปกติให้เป็ นหน้าทีพ ่ นักงานสอบสวนผูน ้ น
้ั
เป็ นผูร้ บั ผิดชอบในการ สอบสวนความผิดนัน ้ ๆ
เพือ ่ ดาเนินคดี เว้นแต่เมือ ่ มีเหตุจาเป็ นหรือ
เพือ ่ ความสะดวก
จึงให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องทีท ่ ผ
ี่ ต ู้ อ
้ งหามีที่
อยูห ่ รือถูกจับ เป็ นผูร้ บั ผิดชอบดาเนินการสอบสวน
หน้า11จาก30

ในเขตท้องทีใ่ ดมีพนักงานสอบสวนหลายคน
การดาเนินการ
สอบสวนให้อยูใ่ นความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน
ผูเ้ ป็ นหัวหน้า ในท้องทีน ่ น้ ั หรือผูร้ กั ษาการแทน
มาตรา เมือ ่ ความผิดเกิดขึน ้
22 อ้างหรือเชือ ่ ว่าได้เกิดขึน ้ ในเขตอานาจของศาลใด
ศาลทีม
่ ีอา ให้ชาระทีศ ่ าลนัน ้ แต่ถา้
นาจชาระ (1)
คดี เมือ ่ จาเลยมีทอ ี่ ยูห
่ รือถูกจับในท้องทีห ่ นึ่งหรือเมือ ่ เจ้าพนัก
งาน
ทาการสอบสวนในท้องทีห ่ นึ่งนอกเขตของศาลดั่งกล่าวแล้
ว จะชาระ ทีศ ่ าลซึง่ ท้องทีน ่ น
้ ั ๆ อยูใ่ นเขตอานาจก็ได้
(2) เมือ ่ ความผิดเกิดขึน ้ นอกราชอาณาจักรไทย
ให้ชาระคดีนน ้ ั ทีศ ่ าลอาญา
ถ้าการสอบสวนได้กระทาลงในท้องทีห ่ นึ่งซึง่ อยูใ่ นเขต
ของศาลใด ให้ชาระทีศ ่ าลนัน ้ ได้ดว้ ย
จาเลยมีทอี่ ยู่ เป็ นทีอ่ ยูป
่ จั จุบน
ั ไม่ใช่ภม
ู ลิ าเนา
มาตรา เมือ่ ความผิดหลายเรือ ่ งเกีย่ วพันกันโดยเหตุหนึ่งเหตุใด
24 เป็ นต้น
(1) ปรากฏว่าความผิดหลายฐาน
ได้กระทาลงโดยผูก ้ ระทาผิด คนเดียวกัน
หรือผูก ้ ระทาผิดหลายคนเกีย่ วพันกันในการกระทาความ
ผิดฐานหนึ่งหรือหลายฐาน จะเป็ นตัวการ
ผูส
้ มรูห
้ รือรับของโจรก็ตาม
(2)
ปรากฏว่าความผิดหลายฐานได้กระทาลงโดยมีเจตนาอย่า
งเดียว กัน
หรือโดยผูก ้ ระทาผิดทัง้ หลายได้คบคิดกันมาแต่กอ ่ นแล้ว
หน้า12จาก30

(3) ปรากฏว่าความผิดฐานหนึ่งเกิดขึน ้
โดยมีเจตนาช่วยผู้
กระทาผิดอืน ่ ให้พน้ จากรับโทษในความผิดอย่างอืน ่ ซึง่ เข
าได้กระทาไว้
ดั่งนี้จะฟ้ องคดีทก ุ เรือ
่ ง
หรือฟ้ องผูก ้ ระทาความผิดทัง้ หมดต่อศาล
ซึง่ มีอานาจชาระในฐานความผิดซึง่ มีอตั ราโทษสูงกว่าไว้
ก็ได้
ถ้าความผิดอันเกีย่ วพันกันมีอตั ราโทษอย่างสูงเสมอกัน
ศาลซึง่ มีอานาจชาระ
ก็คอ ื ศาลซึง่ รับฟ้ องเรือ ่ งหนึ่งเรือ
่ งใดในความผิด
เกีย่ วพันกันนัน ้ ไว้กอ่ น

มาตรา ฟ้ องต้องทาเป็ นหนังสือ และมี


158 (1) ชือ ่ ศาลและวันเดือนปี
สาระสาคั (2) คดีระหว่างผูใ้ ดโจทก์ ผูใ้ ดจาเลย และฐานความผิด
ญของคา (3) ตาแหน่ งพนักงานอัยการผูเ้ ป็ นโจทก์
ฟ้ อง(ถ้าไ ถ้าราษฎรเป็ นโจทก์ ให้ใส่ชือ ่ ตัว นามสกุล อายุ ทีอ่ ยู่
ม่ถกู ต้องต ชาติและบังคับ
ามแบบจะ (4) ชือ ่ ตัว นามสกุล ทีอ
่ ยู่ ชาติและบังคับของจาเลย
เข้ามาตรา (5) การกระทาทัง้ หลายทีอ ่ า้ งว่าจาเลยได้กระทาผิด
161) ข้อเท็จจริง
และรายละเอียดทีเ่ กีย่ วกับเวลาและสถานทีซ ่ ง่ึ เกิดการกระ
ทานัน้ ๆ
อีกทัง้ บุคคลหรือสิง่ ของทีเ่ กีย่ วข้องด้วยพอสมควรเท่าทีจ่ ะ
ให้จาเลย เข้าใจข้อหาได้ดี
หน้า13จาก30

ในคดีหมิน่ ประมาท ถ้อยคาพูด หนังสือ


ภาพขีดเขียนหรือสิง่ อืน่ อันเกีย่ วกับข้อหมิน ่ ประมาท
ให้กล่าวไว้โดยบริบูรณ์ หรือติดมาท้ายฟ้ อง
(6) อ้าง มาตรา
กฎหมายซึง่ บัญญัตวิ า่ การกระทาเช่นนัน ้ เป็ น ความผิด
(7) ลายมือชือ
่ โจทก์ ผูเ้ รียง ผูเ้ ขียนหรือพิมพ์ฟ้อง
หมายเหตุ;
(7)ทนายความจะเซ็นชือ ่ แทนโจทก์ในคาฟ้ องในศาลชัน ้ ต้
นไม่ได้
มาตรา ถ้าฟ้ องไม่ถก
ู ต้องตามกฎหมาย
161 ให้ศาลสั่งโจทก์แก้ฟ้องให้ถก
ู ต้อง หรือยกฟ้ อง
การตรวจ หรือไม่ประทับฟ้ อง
คาฟ้ องคดี โจทก์มีอานาจอุทธรณ์ คาสั่งเช่นนัน้ ของศาล
อาญา
ฟ้ องไม่ถก
ู ตามกฎหมายเช่น การฟ้ องเคลือบคลุม
คือไม่ได้บรรยายสาระสาคัญให้ครบถ้วนในคาฟ้ อง
มาตรา ถ้าฟ้ องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ให้ศาลจัดการสั่ง
162 ต่อไปนี้
คดีทศี่ าลสั่ (1) ในคดีราษฎรเป็ นโจทก์ ให้ไต่สวนมูลฟ้ อง
งไต่สวนมู แต่ถา้ คดีนน ้ ั พนักงานอัยการได้ฟ้องจาเลยโดยข้อหาอย่าง
ลฟ้ อง เดียวกันด้วยแล้ว ให้จดั การตาม อนุมาตรา (2)
(2) ในคดีพนักงานอัยการเป็ นโจทก์
ไม่จาเป็ นต้องไต่สวนมูลฟ้ อง
แต่ถา้ เห็นสมควรจะสั่งให้ไต่สวนมูลฟ้ องก่อนก็ได้
ในกรณี ทม ี่ ีการไต่สวนมูลฟ้ องดั่งกล่าวแล้ว
ถ้าจาเลยให้การรับสารภาพ
ให้ศาลประทับฟ้ องไว้พจิ ารณา
มาตรา ในคดีซง่ึ พนักงานอัยการเป็ นโจทก์
หน้า14จาก30

165 วันไต่สวนมูลฟ้ องให้จาเลยมาหรือคุมตัวมาศาล


ว.1 ให้ศาลส่งสาเนาฟ้ องแก่จาเลย รายตัวไป
ถ้าอัยการเ เมือ
่ ศาลเชือ ่ ว่าเป็ นจาเลยจริงแล้ว
ป็ นโจทก์ ให้อา่ นและอธิบายฟ้ องให้ฟงั
ผูถ้ ก
ู ฟ้ อง และถามว่าได้กระทาผิดจริงหรือไม่
ถือว่าเป็ น จะให้การต่อสูอ ้ ย่างไรบ้าง คาให้การของจาเลยให้จดไว้
จาเลยแล้ว ถ้าจาเลยไม่ยอมให้การก็ให้ศาลจด รายงานไว้
ว.3 และดาเนินการต่อไป
ราษฎรเป็ จาเลยไม่มีอานาจนาพยานมาสืบในชัน ้ ไต่สวนมูลฟ้ อง
นโจทก์ผถ ู้ ู แต่ทง้ ั นี้ไม่เป็ นการตัดสิทธิในการทีจ่ าเลยจะมีทนายมาช่ว
กฟ้ องยังไ ยเหลือ
ม่เป็ นจาเล ในคดีราษฎรเป็ นโจทก์
ย ศาลมีอานาจไต่สวนมูลฟ้ องลับหลังจาเลย
จนกว่าศา ให้ศาลส่งสาเนาฟ้ องแก่จาเลยรายตัวไป
ลจะประทั กับแจ้งวันนัดไต่สวนให้จาเลย
บฟ้ อง ทราบจาเลยจะมาฟังการไต่สวนมูลฟ้ อง
โดยตัง้ ทนายให้ซกั ค้านพยาน โจทก์ดว้ ยหรือไม่ก็ได้
หรือจาเลยจะไม่มาแต่ตง้ ั ทนายมาซักค้านพยาน
โจทก์ก็ได้ ห้ามมิให้ศาลถามคาให้การจาเลย
และก่อนทีศ ่ าลประทับ
ฟ้ องมิให้ถอ ื ว่าจาเลยอยูใ่ นฐานะเช่นนัน้
EXว.1 กรณี ทอ ี่ ยั การเป็ นโจทก์
ผูถ
้ กู ฟ้ องจะถือว่าเป็ นจาเลยแล้ว
โดยทีศ ่ าลยังไม่ได้ประทับฟ้ อง
ว.2 กรณี ราษฎรเป็ นโจทก์
ผูถ้ กู ฟ้ องยังไม่ถอื ว่าเป็ นจาเลย
แต่ถา้ ศาลประทับฟ้ องเมือ่ ใด ก็ถอื ว่าเป็ นจาเลยเมือ่ นัน
้ .
มาตรา การพิจารณาและสืบพยานในศาล ให้ทาโดยเปิ ดเผย
หน้า15จาก30

172 ต่อหน้าจาเลย
การพิจาร เว้นแต่บญ ั ญัตไิ ว้เป็ นอย่างอืน ่ เมือ
่ โจทก์หรือทนายโจทก์แ
ณาต้องกร ละจาเลยมาอยูต ่ อ่ หน้าศาลแล้ว และ
ะทาโดยเ ศาลเชือ ่ ว่าเป็ นจาเลยจริง
ปิ ดเผยต่อ ให้อา่ นและอธิบายฟ้ องให้จาเลยฟัง และ
หน้าจาเล ถามว่าได้กระทาผิดจริงหรือไม่
ย จะให้การต่อสูอ ้ ย่างไรบ้าง คาให้การ ของจาเลยให้จดไว้
ถ้าจาเลยไม่ยอมให้การ ก็ให้ศาลจดรายงานไว้
และดาเนินการพิจารณาต่อไป
ในการสืบพยาน เมือ ่ ได้พเิ คราะห์ถงึ เพศ อายุ ฐานะ
สุขภาพอนามัย ภาวะแห่งจิตของพยาน
หรือความเกรงกลัวทีพ ่ ยานมีตอ ่ จาเลยแล้ว
จะดาเนินการโดยไม่ให้พยานเผชิญหน้าโดยตรงกับจาเล
ยก็ได้ ซึง่ อาจกระทาโดยการใช้โทรทัศน์วงจรปิ ด
สือ่ อิเล็กทรอนิกส์
หรือวิธีอน ื่ ตามทีก ่ าหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
และจะให้สอบถามผ่านนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์
หรือบุคคลอืน ่ ทีพ ่ ยานไว้วางใจด้วยก็ได้
ในการสืบพยาน
ให้มีการบันทึกคาเบิกความพยานโดยใช้วธิ ีการบันทึกลงใ
นวัสดุ
ซึง่ สามารถถ่ายทอดออกเป็ นภาพและเสียงซึง่ สามารถตรว
จสอบถึงความถูกต้องของการบันทึกได้
และให้ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาใช้การบันทึกดังกล่าวประกอ
บการพิจารณาคดีดว้ ย ทัง้ นี้ ตามหลักเกณฑ์
วิธีการและเงือ ่ นไขทีก ่ าหนดในข้อบังคับของประธานศาล
ฎีกา
ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาตามวรรคสามและวรรคสี่
หน้า16จาก30

เมือ
่ ได้รบ ั ความเห็นชอบจากทีป ่ ระชุมใหญ่ของศาลฎีกา
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บงั คับได้
มาตรา ในคดีทม ี่ ีอตั ราโทษประหารชีวติ
173 หรือในคดีทจี่ าเลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปี ในวันทีถ่ ก
ู ฟ้ องต่
ศาลถาม อศาล
จาเลยเรือ
่ ก่อนเริม่ พิจารณาให้ศาลถามจาเลยว่ามีทนายความหรือไ
งทนายคว ม่ ถ้าไม่มีก็ให้ศาลตัง้ ทนายความให้
าม ในคดีทม ี่ ีอตั ราโทษจาคุก
ก่อนเริม ่ พิจารณาให้ศาลถามจาเลยว่ามีทนายความหรือไ
ม่ ถ้าไม่มีและจาเลยต้องการทนายความ
ก็ให้ศาลตัง้ ทนายความให้
ให้ศาลจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จา่ ยแก่ทนายความทีศ ่ าลตั้
งตามมาตรานี้
โดยคานึงถึงสภาพแห่งคดีและสภาวะทางเศรษฐกิจ ทัง้ นี้
ตามระเบียบทีค ่ ณะกรรมการบริหารศาลยุตธิ รรมกาหนด
โดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
EX.วรรค1 ศาลจะต้องหาทนายความฟรีให้จาเลย
ถ้าจาเลยยังไม่มท ี นายความ แม้วา่ จาเลยไม่ตอ้ งการ
ศาลก็จาเป็ นต้องหาให้
ถ้าพิพากษาไปโดยไม่มีทนายจาเลย
คาพิพากษานัน ้ จะต้องถูกยก
วรรค 2 ศาลไม่ตอ้ งหาทนายความฟรีให้จาเลย
ถ้าจาเลยไม่ตอ้ งการทนายความ
และหากพิพากษาไปโดยไม่มีทนายจาเลย
คาพิพากษานัน ้ ก็ไม่ถก
ู ยก
มาตรา ก่อนนาพยานเข้าสืบ โจทก์มีอานาจเปิ ดคดีเพือ

174 ให้ศาลทราบคดีโจทก์ คือแถลงถึงลักษณะของฟ้ อง
การนาพย อีกทัง้ พยาน
หน้า17จาก30

านเข้าสืบ หลักฐานทีจ่ ะนาสืบเพือ่ พิสจู น์ความผิดของจาเลย


ในคดีอา เสร็จแล้วให้โจทก์ นาพยานเข้าสืบ
ญา เมือ ่ สืบพยานโจทก์แล้ว
จาเลยมีอานาจเปิ ดคดีเพือ ่ ให้ศาลทราบคดี จาเลย
โดยแถลงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายซึง่ ตัง้ ใจอ้างอิง
ทัง้ แสดง พยานหลักฐานทีจ่ ะนาสืบ
เสร็จแล้วให้จาเลยนาพยานเข้าสืบ
เมือ ่ สืบพยานจาเลยเสร็จแล้ว
โจทก์และจาเลยมีอานาจแถลงปิ ด คดีของตนด้วยปาก
หรือหนังสือ หรือทัง้ สองอย่าง
ในระหว่างพิจารณา
ถ้าศาลเห็นว่าไม่จาเป็ นต้องสืบพยานหรือ ทาการอะไรอีก
จะสั่งงดพยานหรือการนัน ้ เสียก็ได้
ศาลต้องสืบพยานโจทก์เสร็จก่อนจึงจะสืบพยานจาเลยได้
มาตรา ในชัน้ พิจารณา ถ้าจาเลยให้การรับสารภาพตามฟ้ อง
176 ศาลจะพิพากษาโดยไม่สบ ื พยานหลักฐานต่อไปก็ได้
คาให้การ เว้นแต่คดีทม ี่ ี ข้อหาในความผิดซึง่ จาเลยรับสารภาพนัน ้
รับสารภา กฎหมายกาหนดอัตรา
พ โทษอย่างต่าไว้ให้จาคุกตัง้ แต่หา้ ปี ขึน ้ ไปหรือโทษสถานที่
หนักกว่านัน ้
ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจาเลยได้กระทา
ผิดจริง
ในคดีทม ี่ ีจาเลยหลายคน และจาเลยบางคนรับสารภาพ
เมือ
่ ศาล เห็นสมควรจะสั่งจาหน่ ายคดี
สาหรับจาเลยทีป ่ ฏิเสธเพือ่ ให้โจทก์
ฟ้ องจาเลยทีป ่ ฏิเสธนัน้ เป็ นคดีใหม่ภายในเวลาทีศ่ าลกาห
นดก็ได้
EX. วรรค1 จุดสังเกตคือ
หน้า18จาก30

ให้ดอู ตั ราโทษขัน ้ ต่าให้จาคุกตัง้ แต่ 5


้ ไปหรือโทษเกินกว่านัน
ปี ขึน ้
ศาลจะต้องสืบพยานโจทก์กอ่ น
เพือ่ ให้แน่ ใจว่าจาเลยกระทาผิดจริง
หากโจทก์ไม่ยอมสืบพยาน ศาลจะยกฟ้ อง
แต่ถา้ อัตราโทษขัน ้ ต่าให้จาคุกนัน
้ ต่ากว่า 5 ปี
ศาลไม่ตอ้ งสืบพยานโจทก์ตอ่
หมายเหตุ; แต่ถา้ อัตราโทษในกฎหมายอาญาใด
ไม่มีอตั ราโทษขัน ้ ต่า ระบุไว้แต่อตั ราโทษขัน ้ สูง
ศาลก็ไม่จาเป็ นต้องสืบพยานอีกต่อไป
มาตรา ห้ามมิให้พพ ิ ากษา หรือสั่ง เกินคาขอหรือทีม ่ ไิ ด้กล่าว
192 ในฟ้ อง
หลักเกณ วรรค2
ฑ์ในการ ข้อเท็จจริงทีป ่ รากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริ
พิพากษา งทีก ่ ล่าวในฟ้ อง
หรือมีคาสั่ ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามทีป ่ รากฏในการพิจารณาแต
งของศาล กต่าง กับข้อเท็จจริงดั่งทีก ่ ล่าวในฟ้ อง
ให้ศาลยกฟ้ องคดีนน ้ ั เว้นแต่ขอ ้
แตกต่างนัน ้ มิใช่ในข้อสาระสาคัญและทัง้ จาเลยมิได้หลงต่
อสู้ ศาลจะ ลงโทษจาเลยตามข้อเท็จจริงทีไ่ ด้ความนัน ้ ก็ได้
วรรค3 ข้อเท็จจริงทีแ ่ ตกต่างกันนัน ้ เป็ นรายละเอียด
ในกรณี ทข ี่ อ ้ แตกต่างนัน ้ เป็ นเพียงรายละเอียด เช่น
เกีย่ วกับ
เวลาหรือสถานทีก ่ ระทาความผิดหรือต่างกันระหว่างการ
กระทาผิด ฐานลักทรัพย์ กรรโชกรีดเอาทรัพย์ ฉ้อโกง
โกงเจ้าหนี้ ยักยอก รับ ของโจร
และทาให้เสียทรัพย์หรือต่างกันระหว่างการกระทาผิด
โดยเจตนากับประมาท
หน้า19จาก30

มิให้ถอ ื ว่าต่างกันในข้อสาระสาคัญ ทัง้ มิให้


ถือว่าข้อทีพ ่ จิ ารณาได้ความนัน ้ เป็ นเรือ
่ งเกินคาขอหรือเป็
นเรือ่ งที่ โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
เว้นแต่จะปรากฏแก่ศาลว่าการที่
ฟ้ องผิดไปเป็ นเหตุให้จาเลยหลงต่อสู้
แต่ทง้ ั นี้ศาลจะลงโทษจาเลย
เกินอัตราโทษทีก ่ ฎหมายกาหนดไว้สาหรับความผิดทีโ่ จท
ก์ฟ้องไม่ได้
วรรค4 ข้อเท็จจริงโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงบางข้อดั่งกล่าวในฟ้ อง
และตามทีป ่ รากฏ
ในทางพิจารณาไม่ใช่เป็ นเรือ ่ งทีโ่ จทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
ห้ามมิให้ ศาลลงโทษจาเลยในข้อเท็จจริงนัน ้ ๆ
วรรค 5 โจทก์อา้ งฐานความผิดหรือบทมาตราผิด
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้ องนัน ้ โจทก์สบ ื สม
แต่โจทก์อา้ งฐาน ความผิดหรือบท มาตรา ผิด
ศาลมีอานาจลงโทษจาเลยตามฐาน ความผิดทีถ ่ ก
ู ต้องได้
วรรค6 ความผิดตามฟ้ องรวมการกระทาหลายอย่าง
ถ้าความผิดตามทีฟ ่ ้ องนัน
้ รวมการกระทาหลายอย่าง
แต่ละอย่าง
อาจเป็ นความผิดได้อยูใ่ นตัวเองศาลจะลงโทษจาเลยในก
ารกระทาผิด
อย่างหนึ่งอย่างใดตามทีพ ่ จิ ารณาได้ความก็ได้
มาตรา คดีอท ุ ธรณ์ คาพิพากษาหรือคาสั่งศาลชัน ้ ต้นใน
193 ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
การอุทธร ให้อท ุ ธรณ์ ไปยังศาลอุทธรณ์ เว้นแต่จะถูกห้ามอุทธรณ์
ณ์ ตอ
้ งเป็ น โดยประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอืน ่
ไปตามลา อุทธรณ์ ทก ุ ฉบับต้องระบุขอ ้ เท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมา
หน้า20จาก30

ดับชัน
้ ศา ้ อ้างอิงเป็ นลาดับ
ยที่ ยกขึน

มาตรา ห้ามมิให้อท ุ ธรณ์ คาพิพากษาศาลชัน ้ ต้นในปัญหา
193ทวิ ข้อเท็จจริงในคดี
การห้ามอุ ซึง่ อัตราโทษอย่างสูงตามทีก ่ ฎหมายกาหนดไว้ให้
ทธรณ์ ใน จาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมืน ่ บาท
ปัญหาข้อเ หรือทัง้ จาทัง้ ปรับ
ท็จจริงเพ เว้นแต่กรณี ตอ ่ ไปนี้ให้จาเลยอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง
ราะจาเลย ได้
ต้องโทษเ (1)
ล็กน้อย จาเลยต้องคาพิพากษาให้ลงโทษจาคุกหรือให้ลงโทษกักขั
งแทนโทษจาคุก
(2) จาเลยต้องคาพิพากษาให้ลงโทษจาคุก
แต่ศาลรอการลงโทษไว้
(3) ศาลพิพากษาว่าจาเลยมีความผิด
แต่รอการกาหนดโทษไว้ หรือ
(4)
จาเลยต้องคาพิพากษาให้ลงโทษปรับเกินหนึ่งพันบาท
ถ้าเข้า (1),(2),(3),(4) จาเลยข้างเดียวอุทธรณ์ ได้
มาตรา การยืน ่ อุทธรณ์ ให้ยืน ่ ต่อศาลชัน
้ ต้นในกาหนด
198 หนึ่งเดือนนับแต่วน ั อ่าน
กาหนดระ หรือถือว่าได้อา่ นคาพิพากษาหรือคาสั่ง
ยะเวลายืน
่ ให้คค ู่ วามฝ่ ายทีอ่ ทุ ธรณ์ ฟงั
อุทธรณ์ ให้เป็ นหน้าทีศ ่ าลชัน ้ ไ
้ ต้นตรวจอุทธรณ์ วา่ ควรจะรับส่งขึน
ปยัง ศาลอุทธรณ์ หรือไม่
ตามบทบัญญัตแ ิ ห่งประมวลกฎหมายนี้
ถ้าเห็นว่าไม่ควรรับให้จดเหตุผลไว้ในคาสั่งของศาลนัน ้ โ
ดยชัดเจน
หน้า21จาก30

หมายเหตุ; ถ้าคดีเป็ นโทษทั่วๆไป


ไม่ใช่ประหารชีวต ิ หรือจาคุกตลอดชีวต ิ
แล้วไม่อท ุ ธรณ์ ใน 30 วันคดีจะถือว่าเป็ นทีส่ ด

แต่หากเป็ นโทษประหารชีวต ิ หรือจาคุกตลอดชีวต ิ
เมือ่ ศาลชัน ้ ต้นตัดสินแล้ว
จะต้องส่งเรือ่ งไปให้ศาลอุทธรณ์ เพือ่ พิพากษา
ตามมาตรา 245 ว.2
ถ้าศาลอุทธรณ์ พพ ิ ากษายืนตามศาลชัน ้ ต้นคดีนน้ ั จึงถือว่า
เป็ นทีส่ ด

มาตรา ผูอ ้ ท ุ ธรณ์ ตอ ้ งขังหรือต้องจาคุกอยูใ่ นเรือนจาอาจยืน ่
199 อุทธรณ์ ตอ ่ พัศดีภายในกาหนดอายุอท ุ ธรณ์
การยืน ่ อุท
เมือ ่ ได้รบั อุทธรณ์ นน ้ ั แล้ว
ธรณ์ หรือให้พศั ดีออกใบรับให้แก่ผยู้ น ื่ อุทธรณ์
ฎีกาของผู้
แล้วให้รีบส่งอุทธรณ์ นน ้ ั ไปยัง ศาลชัน ้ ต้น
ต้องขังหรื
อุทธรณ์ ฉบับใดทีย่ ืน ่ ต่อพัศดีสง่ ไปถึงศาลเมือ ่ พ้นกาหนดอ
อต้องจาคุายุ อุทธรณ์ แล้ว
กอยูใ่ นเรื
ถ้าปรากฏว่าการส่งชักช้านัน ้ มิใช่เป็ นความผิดของ
อนจา ผูย้ น ื่ อุทธรณ์
ให้ถอ ื ว่าเป็ นอุทธรณ์ ทไี่ ด้ยน ื่ ภายในกาหนดอายุอท ุ ธรณ์
มาตรา ผูอ ้ ท ุ ธรณ์ มีอานาจยืน ่ คาร้องขอถอนอุทธรณ์ ตอ ่ ศาล
202 ชัน ้ ต้นก่อนส่งสานวนไปศาลอุทธรณ์
การขอถอ ในกรณีเช่นนี้ศาลชัน ้ ต้นสั่ง อนุญาตได้
นอุทธรณ์ เมือ ่ ส่งสานวนไปแล้วให้ยืน ่ ต่อศาลอุทธรณ์ หรือต่อศาล
ชัน ้ ต้นเพือ ่ ส่งไปยังศาลอุทธรณ์ เพือ ่ สั่ง ทัง้ นี้
ต้องก่อนอ่านคาพิพากษา ศาลอุทธรณ์
เมือ ่ ถอนไปแล้ว ถ้าคูค ่ วามอีกฝ่ ายหนึ่งมิได้อท ุ ธรณ์
คาพิพากษา
หรือคาสั่งของศาลชัน ้ ต้นย่อมเด็ดขาดเฉพาะผูถ ้ อน
หน้า22จาก30

ถ้าอีกฝ่ ายหนึ่งอุทธรณ์
จะเด็ดขาดต่อเมือ ่ คดีถงึ ทีส
่ ด
ุ โดยไม่มีการแก้คาพิพากษา
หรือคาสั่งศาลชัน ้ ต้น
หมายเหตุ; เมือ่ ถอนอุทธรณ์ ไปแล้ว
ผูข
้ อถอนจะอุทธรณ์ หรือฎีกาอีกไม่ได้
มาตรา ภายใต้บงั คับแห่ง มาตรา 246 มาตรา 247 และ มาตรา
245 248 เมือ
่ คดีถงึ ทีส่ ด
ุ แล้ว ให้บงั คับคดีโดยไม่ชกั ช้า
การดาเนิ ศาลชัน
้ ต้นมีหน้าทีต ่ อ้ งส่งสานวนคดีทพ ี่ พิ ากษาให้ลงโทษ
นการบังคั ประหาร ชีวต ิ หรือจาคุกตลอดชีวต ิ
บคดี ไปยังศาลอุทธรณ์ ในเมือ ่ ไม่มีการอุทธรณ์ คาพิพากษานัน ้
และคาพิพากษาเช่นว่านี้จะยังไม่ถงึ ทีส ่ ด ุ เว้นแต่
ศาลอุทธรณ์ จะได้พพ ิ ากษายืน

มาตรา พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยานบุคคลซึง่ น่ า


226 จะพิสจู น์ได้วา่ จาเลยมีผด
ิ หรือบริสท ุ ธิ ์
พยานทีจ่ ะ ให้อา้ งเป็ นพยานหลักฐานได้
นาเข้าสืบ แต่ตอ ้ งเป็ นพยานชนิดทีม ้ จากการจูงใจ
่ ไิ ด้เกิดขึน
ในคดีอา มีคามั่นสัญญา ขูเ่ ข็ญ
ญา หลอกลวงหรือโดยมิชอบประการอืน ่ และให้สบ
ื ตามบท
บัญญัตแ ิ ห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอืน ่ อันว่าด้ว
ยการ สืบพยาน
หมายเหตุ;
พยานทีจ่ ะนาเข้าสืบในคดีอาญาต้องเป็ นพยานของโจทก์เ
ท่านัน
้ ไม่ใช่พยานของจาเลย
มาตรา ให้ศาลใช้ดลุ พินิจวินิจฉัยชั่งน้าหนักพยานหลักฐาน
227 ทัง้ ปวงอย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ ใจว่ามีการกระ
การใช้ดลุ ทาผิดจริง และจาเลยเป็ นผูก ้ ระทาความผิดนัน

พินิจของ เมือ ่ มีความสงสัยตามสมควรว่าจาเลยได้กระทาผิดหรือไ
หน้า23จาก30

ศาล ม่ ให้ยก ประโยชน์แห่งความสงสัยนัน


้ ให้จาเลย
วรรค2
เพียงแค่ศาลสงสัยว่าจาเลยอาจจะไม่มีความผิดตามโจทก์
ฟ้ อง ศาลจะยกประโยชน์ให้แก่จาเลยคือ ยกฟ้ อง
มาตรา 52 การทีจ่ ะให้บค ุ คลใดมาทีพ ่ นักงานสอบสวนหรือมาที่
หมายเรีย พนักงานฝ่ ายปกครองหรือตารวจชัน ้ ผูใ้ หญ่หรือมาศาลเนื่
ก องในการ สอบสวน การไต่สวนมูลฟ้ อง การพิจารณาคดี
หรือการอย่างอืน ่ ตาม
บทบัญญัตแ ิ ห่งประมวลกฎหมายนี้จกั ต้องมีหมายเรียกขอ
งพนักงาน
สอบสวนหรือพนักงานฝ่ ายปกครองหรือตารวจชัน ้ ผูใ้ หญ่
หรือของศาล แล้วแต่กรณี
แต่ในกรณีทพ ี่ นักงานสอบสวน
หรือพนักงานฝ่ ายปกครองหรือ ตารวจชัน ้ ผูใ้ หญ่
ไปทาการสอบสวนด้วยตนเอง ย่อมมีอานาจที่
จะเรียกผูต ้ อ ้ งหาหรือพยานมาได้โดยไม่ตอ ้ งออกหมายเรี
ยก
มาตรา 53 หมายเรียกต้องทาเป็ นหนังสือ และมีขอ ้ ความดั่งต่อไปนี้
แบบของ (1) สถานทีอ่ อกหมาย
หมายเรีย (2) วันเดือนปี ทีอ ่ อกหมาย
ก (3) ชือ่ และตาบลทีอ ่ ยูข
่ องบุคคลทีอ่ อกหมายเรียกให้มา
(4) เหตุทต ี่ อ ้ งเรียกผูน ้ น ้ ั มา
(5) สถานที่ วันเดือนปี และเวลาทีจ่ ะให้ผน ู้ น ้ ั ไปถึง
(6) ลายมือชือ ่ และประทับตราของศาล
หรือลายมือชือ ่ และตาแหน่ ง เจ้าพนักงานผูอ ้ อกหมาย
มาตรา 54 ในการกาหนดวันและเวลาทีจ่ ะให้มาตามหมายเรียกนัน ้
ข้อคานึงว่ ให้พงึ ระลึกถึงระยะทางใกล้ไกล
หน้า24จาก30

าใกล้ไกล เพือ ่ ให้ผถู้ ก


ู เรียกมีโอกาสมาถึงตาม
แค่ไหน วันเวลากาหนดในหมาย
มาตรา 55 การส่งหมายเรียกแก่ผต ู้ อ
้ งหา จะส่งให้แก่บุคคลผูอ ้ นื่
ซึง่ มิใช่สามีภริยา
วิธีสง่ หมา
ยเรียก ญาติหรือผูป ้ กครองของผูร้ บั หมายรับแทนนัน ้ ไม่ได้
มาตรา ในคดีพนักงานอัยการเป็ นโจทก์
55/1 ถ้าศาลมีคาสั่งให้ออกหมายเรียกพยานโจทก์โดยมิได้กาห
การส่งหม นดวิธีการส่งไว้
ายเรียกในให้พนักงานอัยการมีหน้าทีด ่ าเนินการให้หวั หน้าพนักงาน
คดีทพ ี่ นัก
สอบสวนแห่งท้องที่ เป็ นผูจ้ ดั ส่งหมายเรียกแก่พยาน
งานอัยกา และติดตามพยานโจทก์มาศาลตามกาหนดนัดแล้วแจ้งผล
รเป็ นโจทการส่งหมายเรียกไปยังศาล และพนักงานอัยการโดยเร็ว
ก์ หากปรากฏว่าพยานโจทก์มีเหตุขดั ข้องไม่อาจมาศาลได้
หรือเกรงว่าจะเป็ นการยากทีจ่ ะนาพยานนัน ้
มาสืบตามทีศ ่ าลนัดไว้
ก็ให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสืบพยานนัน ้ ไว้ลว่ งหน้าตา
ม มาตรา 173/2 วรรคสอง
เจ้าพนักงานผูส ้ ง่ หมายเรียกมีสท ิ ธิได้รบั ค่าใช้จา่ ยตามระเ
บียบทีก ่ ระทรวงยุตธิ รรมกาหนด
โดยได้รบั ความเห็นชอบจากระทรวงการคลัง
มาตรา 56 เมือ ่ บุคคลทีร่ บั หมายเรียกอยูต ่ า่ งท้องทีก ่ บั ท้องทีซ ่ งึ่
ออกหมายเป็ นหมายศาลก็ให้สง่ ไปศาล
เป็ นหมายพนักงานฝ่ าย
ปกครองหรือตารวจทีม ่ ีอานาจออกหมายเรียกซึง่ ผูถ ้ ก ู เรีย
กอยูใ่ นท้องที่
เมือ ่ ศาลหรือพนักงานฝ่ ายปกครองหรือตารวจได้รบั หมา

เช่นนัน ้ แล้วก็ให้สลักหลังหมายแล้วจัดการส่งแก่ผรู้ บั ต่อไ
หน้า25จาก30


มาตรา 57 ภายใต้บงั คับแห่งบทบัญญัตใิ น มาตรา 78 มาตรา 79
หลักคุม
้ ค มาตรา 80 มาตรา 92 และ มาตรา 94
รองสิทธิเ แห่งประมวลกฎหมายนี้ จะจับ ขัง
สรีภาพขอ จาคุกหรือค้นในทีร่ โหฐาน หาตัวคนหรือสิง่ ของ
งประชาช ต้องมีคาสั่งหรือหมายศาลสาหรับการนัน ้
น บุคคลทีต ่ อ
้ งขังหรือจาคุกตามหมายศาล
จะปล่อยไปได้กเ็ มือ ่ มีหมายปล่อยของศาล
มาตรา 58 ศาลมีอานาจออกคาสั่งหรือหมายอาญาได้ภายในเขตอาน
ผูม
้ ีอานาจ าจ
ออกหมาย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการทีก ่ าหนดในข้อบังคับของประธ
อาญา านศาลฎีกา
มาตรา 59 ศาลจะออกคาสั่งหรือหมายจับ หมายค้น หรือหมายขัง
ตามทีศ ่ าลเห็นสมควรหรือโดยมีผรู้ อ้ งขอก็ได้
ในกรณี ทผ ี่ รู้ อ้ งขอเป็ นพนักงานฝ่ าย ปกครองหรือตารวจ
ต้องเป็ นพนักงานฝ่ ายปกครองตัง้ แต่ระดับสาม
หรือตารวจซึง่ มียศตัง้ แต่ชน ้ ั ร้อยตารวจตรีหรือเทียบเท่าขึ้
นไป
ในกรณี จาเป็ นเร่งด่วนซึง่ มีเหตุอน ั ควรโดย
ผูร้ อ้ งขอไม่อาจไปพบศาลได้
ผูร้ อ้ งขออาจร้องขอต่อศาลทางโทรศัพท์ โทรสาร
สือ่ อิเล็กทรอนิกส์
หรือสือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอืน ่ ทีเ่ หมาะสมเพือ

ขอให้ศาลออกหมายจับหรือหมายค้นก็ได้
ในกรณี เช่นว่านี้เมือ ่ ศาลสอบถามจนปรากฏว่ามีเหตุทจี่ ะอ
อกหมายจับหรือหมายค้นได้ตาม มาตรา 59/1
และมีคาสั่งให้ออกหมายนัน ้ แล้ว
ให้จดั ส่งสาเนาหมายเช่นว่านี้ไปยังผูร้ อ้ งขอโดยทางโทรส
หน้า26จาก30

าร สือ่ อิเล็กทรอนิกส์
หรือสือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอืน ่ ทัง้ นี้
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการทีก ่ าหนดในข้อบังคับ
ของประธานศาลฎีกา
เมือ่ ได้มีการออกหมายตามวรรคสามแล้ว
ให้ศาลดาเนินการให้ผท ู้ เี่ กีย่ วข้องกับการขอหมายมาพบศ
าลเพือ ่ สาบานตัวโดยไม่ชกั ช้า
โดยจดบันทึกถ้อยคาของบุคคลดังกล่าวและลงลายมือชือ ่ ข
องศาลผูอ ้ อกหมายไว้
หรือจะใช้เครือ ่ งบันทึกเสียงก็ได้โดยจัดให้มีการถอดเสียง
เป็ นหนังสือและลงลายมือชือ ่ ของศาลผูอ้ อกหมาย
บันทึกทีม ่ ีการลงลายมือชือ ่ รับรองดังกล่าวแล้ว
ให้เก็บไว้ในสารบบของศาล
หากความปรากฏต่อศาลในภายหลังว่าได้มีการออกหมาย
ไปโดยฝ่ าฝื นต่อบทบัญญัตแ ิ ห่งกฎหมาย
ศาลอาจมีคาสั่งให้เพิกถอนหรือแก้ไขเปลีย่ นแปลงหมายเ
ช่นว่านัน ้ ได้ ทัง้ นี้
ศาลจะมีคาสั่งให้ผรู้ อ้ งขอจัดการแก้ไขเพือ ่ เยียวยาความเ
สียหายทีเ่ กิดขึน ้ แก่บุคคลทีเ่ กีย่ ว
ข้องตามทีเ่ ห็นสมควรก็ได้
มาตรา ก่อนออกหมาย จะต้องปรากฏพยานหลักฐานตามสม
59/1 ควรทีท ่ าให้ศาลเชือ ่ ได้วา่ มีเหตุทจี่ ะออกหมายตาม มาตรา
66 มาตรา 69 หรือ มาตรา 71
คาสั่งศาลให้ออกหมายหรือยกคาร้อง
จะต้องระบุเหตุผลของคาสั่งนัน ้ ด้วย
หลักเกณฑ์ในการยืน ่ คาร้องขอการพิจารณา
รวมทัง้ การออกคาสั่งให้เป็ นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ทีก
่ าหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
หน้า27จาก30

มาตรา ภายใต้บงั คับแห่ง มาตรา 217 ถึง มาตรา 221


216 คูค
่ วามมีอานาจฎีกาคัดค้านคาพิพากษาหรือคาสั่งศาลอุท
กาหนดระ ธรณ์ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วน ั อ่าน
ยะเวลายืน
่ หรือถือว่าได้อา่ นคาพิพากษาหรือคาสั่งนัน ้ ให้คค ู่ วามฝ่ าย
ฎีกา ทีฎ่ กี าฟัง
ฎีกานัน ้ ให้ยน ื่ ต่อศาลชัน ้ ต้น และให้นาบทบัญญัตแ ิ ห่ง
มาตรา 200 และ มาตรา 201 มาบังคับโดยอนุโลม
มาตรา ในคดีซงึ่ มีขอ ้ จากัดว่า ให้คค ู่ วามฎีกาได้แต่เฉพาะ
217 ปัญหาข้อกฎหมาย
ข้อจากัดนี้ให้บงั คับแก่คค ู่ วามและบรรดาผูท ้ ี่
เกีย่ วข้องในคดีดว้ ย
มาตรา ในคดีทศ ี่ าลอุทธรณ์ พพ ิ ากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่
218 แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจาคุกจาเลยไม่เกินห้าปี
คดีทต
ี่ อ
้ ง หรือปรับหรือทัง้ จาทัง้ ปรับแต่โทษจาคุกไม่เกินห้าปี
ห้ามฎีกาเ ห้ามมิให้คค ู่ วามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฉพาะใน ในคดีทศ ี่ าลอุทธรณ์ พพ ิ ากษา
ปัญหาข้อเ ยืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษ
ท็จจริง จาคุกจาเลยเกินห้าปี ไม่วา่ จะมีโทษอย่างอืน ่ ด้วยหรือไม่
ห้ามมิให้โจทก์ฎก ี าในปัญหาข้อเท็จจริง
มาตรา ในคดีทศ ี่ าลชัน ้ ต้นพิพากษาให้ลงโทษจาคุกจาเลย
219 ไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสีห ่ มืน
่ บาทหรือทัง้ จาทัง้ ปรับ
ห้ามฎีกาใ ถ้าศาล อุทธรณ์ ยงั คงลงโทษจาเลยไม่เกินกาหนดทีว่ า่ มานี้
นปัญหาข้ ห้ามมิให้คค ู่ วาม ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
อเท็จจริง แต่ขอ ้ ห้ามนี้มใิ ห้ใช้แก่จาเลยในกรณี ทศ ี่ าล
อุทธรณ์ พพ ิ ากษาแก้ใขมากและเพิม ่ เติมโทษจาเลย
มาตรา ห้ามมิให้คค ู่ วามฎีกาในคดีทศ ี่ าลชัน ้ ต้นและ
220 ศาลอุทธรณ์ พพ ิ ากษายกฟ้ องโจทก์
การห้ามฎี
หน้า28จาก30

กาทุกกร
ณี ในข้อเท็
จจริงและ
ข้อกฎหม
าย
มาตรา ในคดีซงึ่ ห้ามฎีกาไว้โดย มาตรา 218 มาตรา 219 และ
221 มาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายนี้
การอนุญา ถ้าผูพ ้ พิ ากษาคนใดซึง่ พิจารณาหรือ
ตหรือรับร ลงชือ ่ ในคาพิพากษาหรือทาความเห็นแย้งในศาลชัน ้ ต้นห
องให้ฎกี า รือศาล
อุทธรณ์ พเิ คราะห์เห็นว่าข้อความทีต ่ ดั สินนัน้ เป็ นปัญหา
สาคัญอัน ควรสูศ ่ าลสูงสุดและอนุญาตให้ฎก ี า
หรืออธิบดีกรมอัยการลงลาย มือชือ ่ รับรองในฎีกาว่า
มีเหตุอน ั ควรทีศ ่ าลสูงสุดจะได้วน ิ ิจฉัย ก็ให้
รับฎีกาไว้พจิ ารณาต่อไป
มาตรา เมือ
่ ศาลชัน ้ ต้นไม่ยอมรับฎีกา ผูฎ ้ ก
ี าอาจฎีกาเป็ น
224 คาร้องอุทธรณ์ คาสั่งของศาลนัน ้ ต่อศาลฎีกาได้
กรณี ศาล คาร้องเช่นนี้ให้ยน ื่ ที่
้ ต้นสั่ง ศาลชัน
ชัน ้ ต้นภายในกาหนดสิบห้านับแต่วน ั ฟังคาสั่ง
ไม่รบั ฎีกา แล้วให้ศาลนัน ้ รีบ
ส่งคาร้องเช่นว่านัน ้ ไปยังศาลฎีกาพร้อมด้วยฎีกาและคาพิ
พากษา หรือคาสั่งของศาลชัน ้ ต้นและศาลอุทธรณ์
เมือ่ ศาลฎีกาเห็นสมควรตรวจ
สานวนเพือ ่ สั่งคาร้องเรือ ่ งนัน
้ ก็ให้ สั่งศาลชัน ้ ต้นส่งมาให้
หน้า29จาก30

มาตรา 19 ในกรณีด่งั ต่อไปนี้


้ คาบเกีย่ วกันเกินกว่า 1 ท้องที่ (1) เป็ นการไม่แน่ วา่ กา
กรณี ความผิดเกิดขึน
(2) เมือ ่ ความผิดส่วนห
(3) เมือ ่ ความผิดนัน ้ เป็ น
(4) เมือ ่ เป็ นความผิดซึง่
(5) เมือ ่ ความผิดเกิดขึน ้
(6) เมือ ่ ความผิดเกิดขึน ้
พนักงานสอบสวนในท
ในกรณีขา้ งต้นพนักงา
(ก) ถ้าจับผูต ้ อ้ งหาได้แ
(ข) ถ้าจับผูต ้ อ้ งหายังไม
มาตรา 46 ในการพิพากษาคดีสว่ น
การถือข้อเท็จจริงตามคาพิพากษาคดีอาญา
มาตรา 78 พนักงานฝ่ ายปกครองห
การจับโดยเจ้าพนักงานโดยไม่มห ี มายจับ (1) เมือ ่ บุคคลนัน ้ ได้กร
(2)
เมือ ่ พบบุคคลโดยมีพฤต
โดยมีเครือ ่ งมือ อาวุธ ห
(3) เมือ ่ มีเหตุทจี่ ะออกห
แต่มีความจาเป็ นเร่งด่ว
(4) เป็ นการจับผูต ้ อ
้ งหา
มาตรา 80 ทีเ่ รียกว่าความผิดซึง่ หน
หน้า30จาก30

ความผิดซึง่ หน้า หรือพบในอาการใดซึง่


อย่างไรก็ดี ความผิด อ
ผิดซึง่ หน้าในกรณี ด่งั น
(1) เมือ ่ บุคคลหนึ่งถูกไ
(2) เมือ ่ พบบุคคลหนึ่งแ
ในถิน่ แถวใกล้เคียงกับ
อาวุธหรือวัตถุอย่างอืน ่
หรือเนื้อตัวของผูน ้ น้ั
มาตรา 79 ราษฎรจะจับผูอ ้ นื่ ไม่ได
การจับโดยราษฎร และความผิดนัน ้ ได้ ระ
มาตรา 82 เจ้าพนักงานผูจ้ ดั การตา
บังคับให้ผใู้ ดช่วยโดยอ
มาตรา 117 เมือ
่ ผูต้ อ ้ งหาหรือจาเลย
ราษฎรจับบุคคลอืน่ ได้ ให้พนักงานฝ่ ายปกครอ
้ งเป็ นราษฎรซึง่ ประกันตัวผูต
แต่ตอ ้ อ
้ งหาหรือจาเลย แต่ในกรณีทบ ี่ ุคคลซึง่ ท
อาจขอให้พนักงานฝ่ าย
ถ้าไม่สามารถขอความ
แล้วส่งไปยังพนักงานฝ
งานนัน ้ รีบจัดส่งผูต ้ อ ้ งห
โดยคิดค่าพาหนะจากบ
มาตรา 166 ถ้าโจทก์ไม่มาตามกาห
คดีทศ ี่ าลได้ยกฟ้ องดั่งก
โดยแสดงให้ศาลเห็นได
ในคดีทศ ี่ าลยกฟ้ องดั่งก
แต่ถา้ ศาลยกฟ้ องเช่นน
เว้นแต่จะเป็ นคดีความ
มาตรา 232 ห้ามมิให้โจทก์อา้ งจาเล

You might also like