Professional Documents
Culture Documents
Heat Treatment For Ferrous
Heat Treatment For Ferrous
โดย
อ.กิตติมา ศิลปษา และ ผศ.ดร.สุขอังคณา ลี
ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
กรรมวิธีทางความร้อนของเหล็กกล้าคาร์บอน
กรรมวิธีทางความร้อน (Heat Treatment) หรือเรียกสัน้ ๆ ว่า “การ
อบ-ชุบ”
หมายถึง “การรวมเอา การทําให้ร้อน การทําให้เย็น เวลา และการ
ประยุกต์ ใส่เข้าไปในโลหะหรือโลหะผสมในสภาพที่ยงั เป็ น
ุ สมบัติตามที่ต้องการ”
ของแข็ง แล้วทําให้ได้คณ
วัตถุประสงค์
เพื่อเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติให้ได้ตามที่ต้องการ เช่น
มีความอ่อนตัวสูง(Ductile) เพิ่มความสามารถในการขึน
้ รูป
มีความแข็งสูง (Hard) เพื่อเพิ่มความต้านทานการสึกหรอ
มีความเหนี ยวแน่ น (Toughness) เพิ่มความต้านทานแรงกระแทกและบิดตัว
2
Background
Steel is an alloy of iron and carbon (0.06-2% wt) with
some other alloying elements
Equilibrium phase diagram shown that Carbon can be in
solid solution (Ferrite and Austenite) or form a compound
of Fe3C
Iron has a Allotropy property:สามารถเปลีย ่ นระบบผลึกเมือ่
อุณหภูมเิ ปลีย่ นแปลง
3
Morphology of Steel
Phase Crystal structure Micrograph Characteristic
Ferrite BCC with Soft,
Carbon in
Ductile,
solid
solution Magnetic
Austenite FCC with Soft,
Carbon in
solid Moderate strength,
solution nonmagnetic
Cementite Compound
Fe3C
Hard and Brittle
Ortho-
rhombic
4
5
What happens when a steel is heated or cooled
under nonequilibrium condition?
On heating, phase change as in Phase Diagram.
On rapid Cooling, C atom in γ-FCC are trapped, resulting
in a (Body centered tetragonal) structure which is called
“Martensite”
Slow cooling
Equilibrium
Rapid
cooling BCC
γ-FCC
T> Ac3
7
1 .Hardening (การชุบแข็ง)
หมายถึง การอบเหล็กให้เกิดโครงสร้างออสเทนไนท์ และชุบ
เพื่อให้จะเกิดโครงสร้างมาเทนไซท์เพื่อเพิ่มความแข็ง
Hardening
Direct hardening Diffusion treatment
8
ความแข็งของเหล็กที่ผา่ นการชุบจะมากหรือน้ อยนัน้ จะ ขึน้ อยู่
กับปัจจัย 3 อย่าง คือ
1. ปริมาณโครงสร้าง ออสเทนไนท์ ของเหล็ก
2. ปริมาณ Carbon ในเหล็กที่เพียงพอ
ถ้ามี %C มาก มาร์เทนไซต์จะเกิดได้ง่ายและเกิดในปริมาณมาก
ถ้ามี %C น้ อย เฟสมาร์เทนไซท์จะเกิดน้ อย หรือ ไม่เกิด
3. อัตราการเย็นตัวในการชุบ
เย็นตัวเร็ว โอกาสที่ออสเทนไนท์ จะเปลี่ยนเป็ นมาร์เทนไซต์กม็ ีมาก
เย็นช้าๆ ออสเทนไนท์จะเปลี่ยนเป็ นเฟอร์ไรท์ กับซีเมนไตต์ (ตามเฟส
ไดอะแกรม)
9
1.1 Austenizing Process
Austenite Martensite
•Moderate strength •40-60 HRC
•Crystal structure: FCC with •crystal structure:
Carbon in solid solution BCT (Body-centered tetragonal) with Carbon in
Solid solution
10
start
Martensite
finish
13
Austenizing Process
เผาเหล็กที่อณุ หภูมิประมาณ 800-900 oC
ถ้า C< 0.8%ให้ใช้อณุ หภูมิเลยเส้น Ac3 ประมาณ 50-75 oC
ุ หภูมิเลยเส้น Ac1 ประมาณ 50-75 oC เท่านัน้
ถ้า C>0.8% ให้ใช้อณ
เกิดโครงสร้างออสเทนไนท์
ุ หภูมิไว้ประมาณ 1 ชม./ความหนา 25 มม.
แช่อณ Nonequilibrium
ออสเทนไนท์ มาร์เทนไซต์
14
Heating Rate
อัตราการเผาช้า (a)
เผาเหล็กให้ร้อนไปพร้อมๆ กับเตา อุณหภูมิของเหล็กจะตํา่ กว่าเตาเพียงเล็กน้ อย
เหมาะกับชิ้นงานที่มีรปู ร่างซับซ้อนและมีส่วนหนา บางต่างกัน
อัตราการเผาสูง (b)
ุ หภูมิที่ต้องการ โดยพบว่าเหล็กจะมีอณ
บรรจุเหล็กเข้าเตาที่มีอณ ุ หภูมิที่ต่างกัน
มากในตอนเริ่มต้นจากนัน้ จะเท่ากัน โดยใช้เวลาน้ อยกว่าอัตราการเผาช้า
เหมาะกับชิ้นงานที่มีรป
ู ร่างไม่ซบั ซ้อน และมีปริมาณคาร์บอนปานกลาง
สามารถลดความต่างของอุณหภูมิโดยบรรจุเหล็กไว้ในหีบปิดคลุมมิดชิดก่อน
บรรจุเข้าเตา
อัตราการเผาที่สงู มาก (c)
ไม่นิยม เพราะอุณหภูมิระหว่างผิวกับใจกลางต่างกันมาก ซึ่งอาจทําให้เหล็กบิด
เบีย้ วหรือแตกร้าวได้ ซึ่งสามารถลดความต่างของอุณหภูมิโดยบรรจุเหล็กไว้ใน
หีบปิดคลุมมิดชิดก่อนบรรจุเข้าเตาเช่นกัน
15
16
Quenching
ของเหลวสําหรับการชุบแข็ง (Quenching medium)
ต้องมีอตั ราการเย็นตัวทีส่ งู กว่าอัตราการเย็นตัววิกฤติ(see TTT)
มีอตั ราการเย็นตัวทีช่ า้ ลงในช่วงอุณหภูมกิ ารเปลีย่ นแปลงจาก
Austenite ไปเป็ น Martensite (ประมาณ 200-400 oC) เพือ่ ป้องกัน
ไม่ให้เกิดความเครียดภายในจนเกิดการบิดงอ หรือแตกร้าว
เสียหายได้
ของเหลวสําหรับการชุบแข็งทีใ่ ช้กน ั ทัวไป
่ ได้แก่ นํ้า, นํ้าเกลือ, นํ้า
ด่าง, เกลือละลาย และอากาศ
17
Heat transfer & Cooling rate during Quenching
การถ่ายเทความร้อนที่ของเหลวกลายเป็ นไอเมื่อสัมผัสแท่งเหล็กร้อน แบ่งเป็ น
3 ช่วง
ช่วงที่ 1 อัตราการถ่ายเทความร้อนช้า ของเหลวที่สม ั ผัสกับแท่งเหล็กร้อน
จะกลายเป็ นไอหุ้มแท่งเหล็กไว้ในลักษณะฟิล์มบางๆ การถ่ายเทความร้อน
ช้า แต่จะเป็ นอยู่ในระยะสัน้ ๆ
ช่วงที่ 2 อัตราการเย็นตัวสูง ฟิล์มบางๆ ที่ห้ม
ุ อยู่แตกออก ของเหลวสัมผัส
กับแท่งเหล็ก จะเดือดและกลายเป็ นไอ มีลกั ษณะเหมือนการกวน
ช่วงที่ 3 อัตราการเย็นตัวช้าลง เพราะแท่งเหล็กมีอณ ุ หภูมิตาํ่ ลง ของเหลวมี
อุณภูมิลดลงตํา่ กว่าจุดเดือด ความร้อนจึงถ่ายเทออกไปโดยการพาด้วย
ของเพียงอย่างเดียว อัตราการเย็นตัวจะลดลงจนถึงจุดที่ของเหลวกับแท่ง
เหล็กมีอณุ หภูมิเท่ากัน
18
1.1.1 Mar-tempering Process
เผาเหล็กให้รอ้ นถึงอุณหภูมิประมาณ 800-900 oC
ถ้า C< 0.8%ให้ใช้อณุ หภูมิเลยเส้น Ac3 ประมาณ 50-75 oC
ุ หภูมิเลยเส้น Ac1 ประมาณ 50-75 oC เท่านัน้
ถ้า C>0.8% ให้ใช้อณ
20
1.1.2 Aus-tempering Process
เผาเหล็กให้รอ้ นถึงอุณหภูมิประมาณ 800-900 oC
ถ้า C< 0.8%ให้ใช้อณ ุ หภูมิเลยเส้น Ac3 ประมาณ 50-75 oC
ุ หภูมิเลยเส้น Ac1 ประมาณ 50-75 oC เท่านัน้
ถ้า C>0.8% ให้ใช้อณ
22
Hardenability
ความสามารถในการชุบแข็งไม่สามารถวัดเป็ นปริมาณ(ตัวเลข)ได้
แต่ จะได้จากการเปรียบเทียบลักษณะความแข็งที่ได้จากการทดลอง
เหล็กชนิดใดมีความแข็งถึงผิวใจกลางสมํา่ เสมอถือว่ามี Hardenability
สูง
http://www.doitpoms.ac.uk/tlplib/jominy/jominy.php
23
Jominy End Quenched Test
วิธีการ:
ใช้แท่งเหล็กกลมขนาดศูนย์กลาง 1 นิ้ว,
ยาว 4 นิ้ว เผาให้ร้อนถึงอุณหภูมิ
Austenite
HRC
HRC
∅1 ∅2
∅ เส้นผ่าศูนย์กลาง (มม.)
∅1
∅2
ผิว ใจกลาง
ระยะห่างจากปลายสุด
25
ข้อสังเกตเกี่ยวกับความสามารถในการชุบแข็ง
1. Austenite ที่เกรนโตจะมี Hardenability สูง (มีระยะฟักตัวนาน)
2. Fe3C หรือ Carbide หรือสารมลทิน ที่ไม่สลายได้หมดใน Austenite จะ
ทําให้ความแข็งลดลง (กราฟขยับซ้าย)
3. เหล็ก 0.8%C เป็ นเหล็กที่มี Hardenability สูงที่สดุ (กราฟ ขยับขวาสุด)
4. ระดับความแข็งที่ผิวกับบริเวณภายในไม่ต่างกันมาก ถือว่ามี
Hardenability สูง (ความชันตํา่ )
5. เหล็กส่วนผสมเท่ากัน ใช้อตั ราเย็นตัวที่เท่ากัน ความแข็งเท่ากัน
(ขนาดเหล็กไม่มีผลต่อความแข็ง)
26
Diffusion treatment
carbulizing
27
Nitriding
28
Induction induced
29
2. Tempering (การอบคืนตัว)
ุ หภูมิตาํ่ เพื่อให้เหล็กมีคณ
เป็ นการอบที่อณ ุ สมบัติเหมาะในการ
ใช้งานภายหลังจากการชุบแข็งเพื่อลดความเค้น เพิ่มความ
เหนี ยว ลดความเปราะลง
เนื่ องจากเหล็กที่ผ่านการชุบ ย่อมเกิดความเค้นขึ้นภายใน
ถึงมีความแข็งเพิ่มขึ้น แต่ ขาดความเหนี ยว (Ductility) ทําให้
เปราะ หลังจากชุบแข็งแล้วจึงต้องนํามาอบ Tempering ก่อน
นําไปใช้งานจริง เช่น มีดกลึงที่ผา่ นการ quenching มีความแข็ง
62 HRC ต้อง temper ลดความแข็งลงมาที่ 60 HRC
30
Tempering Process
นําเหล็กที่ผา่ นการชุบแล้วมาเผาในเตา อุณหภูมิประมาณ 200-400 oC
แช่เหล็กทิ้งไว้ในเตา 1 - 3 ชัวโมง
่
เอาออกจากเตา ปล่อยให้เย็นในอากาศธรรมดา
32
200-280 oC
เกิด Ferrite (0.025%C)
+ Fe3C ที่ละเอียด
1 300-500 oC
2 Ferrite(Pseudo cubic) Ferrite
80-200 oC ε Carbide (Fe2C) Fe3C
3
เกิด Ferrite(Pseudo cubic)
+ ε carbide Fe2C (หรือ
Fe2C4)
4
> 500 oC
โครงสร้างสู่สมดุลย์ / ความแข็งลดลงมาก
ค่าความแข็งที่เปลี่ยนแปลงหลังการอบคืนตัว
33
การเปราะเนื่ องจากการอบคืนตัว
(Tempered Brittleness)
การอบคืนตัวจะทําให้สมบัติด้านความเหนี ยวดีขึน้ แต่ที่ช่วง
อุณหภูมิ 300-500 oC จะได้ทาํ ให้สมบัติทนแรงกระแทก (Impact
strength) ลดลง
เหล็กกล้าคาร์บอนจะเกิดการเปราะเล็กน้ อย
เหล็กกล้าผสม (โดยเฉพาะ Mn, Cr และ Mo) จะปรากฏชัดเจน
สาเหตุจาก เกิดการตกผลึกของคาร์ไบด์ที่มาจาก Martensite
หรือจากการที่ martensite แตกตัว ควรหลีกเลี่ยงอุณหภูมิ
ดังกล่าว หรือใช้เวลาน้ อยที่สดุ ในช่วงนี้
34
3. Annealing (การอบอ่อน)
หมายถึง การอบและปล่อยให้เหล็กเย็นตัวอย่างช้าๆ เพื่อให้เหล็ก
มีความอ่อนตัว (Softening) หรือเพื่อทําให้เหล็กมีความเหนี ยว
(Toughening) เพิ่มขึน้
35
มีสอง 2 วิธี คือ
1.1 Full Annealing (การอบอ่อนอย่างสมบูรณ์)
1.2 Incomplete Annealing หรือ Process Annealing
(การอบอ่อนไม่สมบูรณ์) มี 2 ประเภท ได้แก่
1.2.1 Stress-relief Anneals
1.2.2 Spheroidising Anneals
36
3.1 Full Annealing Process
เหล็ก Hypo-eutectoid เผาให้มีอณุ หภูมิเหนื อเส้น Ac3 ประมาณ 30-50 oC (เผาช้าๆ)
เหล็ก Hyper-eutectoid เผาให้มีอณุ หภูมิเหนื อเส้น Ac1 ประมาณ 30-50 oC (เผาช้าๆ)
37
Full Annealing Temperatures range for steel
Hypo-eutectoid Hyper-eutectoid
38
3.2.1 Incomplete Annealing (Stress-relieving)
ุ หภูมิตาํ่ กว่าเส้น Ac1 เล็กน้ อย (~500-650 oC)
เผาเหล็กให้มีอณ
แช่เหล็กทิ้งไว้ในเตาไว้นานพอสมควรเพื่อให้เหล็กร้อนทัวถึ
่ งกัน
ุ หภูมิเท่ากันถึงภายใน)
(ให้มีอณ
ปล่อยให้เย็นในอากาศ
โครงสร้างของเหล็กไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ความแข็งจะลดลงเล็กน้ อย เพราะความเค้นที่เกิดจาก strain hardening ลดลง
รวมทัง้ ความเครียดภายในลดลง
39
3.2.2 Incomplete Annealing (Spheroidising)
ุ หภูมิตาํ่ กว่า Ac1 และเผาสลับกับ อุณหภูมิสงู กว่า Ac1
•0.7-0.8%C เผาให้มีอณ
•>0.8%C เผาให้มีอณ ุ หภูมิสงู กว่าเส้น Ac1 เล็กน้ อย
ปล่อยให้เย็นในอากาศ
40
Incomplete Annealing temperature ranges for steel
Spheroidising Anneals
500-650 oC Stress-relieving
41
4. Normalizing (การอบปกติ)
•โดยทัวไปเหล็
่ กที่ผ่านการหล่อ (Casting) หรือการรีดร้อนขึน้ รูป
เช่น เหล็กรูปพรรณรีดร้อน (Hot-rolled bars) มักจะมีความแข็ง
หรือความเหนี ยวไม่สมํา่ เสมอตลอดทัง้ แท่ง เนื่ องจากการเย็นตัว
ที่ไม่เสมอกัน
• ดังนัน้ จึงจําเป็ นต้องนํามาทํา Normalizing ซึ่งก็คือ การอบและ
มีอตั ราเย็นตัวปานกลาง เป็ นการลดขนาดของเม็ดเกรน (Grain
Size) ของเหล็ก เพื่อทําให้ คุณสมบัติของเหล็กสมํา่ เสมอ
(Homogenous) แต่ยงั คงความแข็งแรงไว้ได้
42
Normalizing Process
ุ หภูมิเหนื อเส้น Ac3 ประมาณ 30-50 oC
เหล็ก Hypo-eutectoid เผาให้มีอณ
เหล็ก Hyper-eutectoid เผาให้มีอณุ หภูมิเหนื อเส้น Acm ประมาณ 30-50 oC
เอาออกจากเตา ปล่อยให้เย็นในอากาศปกติ
เม็ดเกรนของเหล็กจะมีขนาดเล็กกว่าแบบ Annealing
เนื่ องจากมีอตั ราการเย็นตัวที่สงู กว่า
44
Summary
45
Austenite transition temperature Martempering
Full annealing Hardening Austempering
Spheroidizing
Stress-relieving
Tempering
Ms
47