Professional Documents
Culture Documents
แสง Math house PDF
แสง Math house PDF
แสงและทัศนอุปกรณ์
Step ความรู้ที่ 1 : การเคลือ่ นทีข่ องแสงและการเกิดเงา
1.1 ) การเกิดเงา
เนื่องจากแสงเดินทางเป็นเส้นตรง ดังนั้น ถ้ามีวัตถุมาบังทางเดินแสงจะเกิด เงา ที่ด้านหลังวัตถุนั้น
1. แหล่งกาเนิดแสงเป็นจุด 2. แหล่งกาเนิดแสงมีขนาดเล็กกว่าวัตถุ 3. แหล่งกาเนิดแสงมีขนาดใหญ่กว่าวัตถุ
ผิวสะท้อนโค้งเว้า ผิวสะท้อนโค้งนูน
NOTE.
สิ่งสองสิง่ อยู่คนละตาแหน่งกัน:
จะเกิดการเปลี่ยนแปลงตาแหน่ง
เมื่อเปลี่ยนทิศการมอง
หรือ เรียกว่า “เกิดพารัลแลกซ์ ”
ถ้าน้องฉายลาแสงตกกระทบผิวกระจกเงาแน่นอนว่ามันต้องสะท้อน โดยการสะท้อนก็จะเป็นไปตามกฎ
การสะท้อนคือมุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน ในที่นี้สมมติว่ามุมตกกระทบกับมุมสะท้อนมีค่าเป็น x
จากนั้นให้น้องบิดกระจกเป็นมุม ดังรูป แน่นอนว่าแนวของรังสีสะท้อนต้องเปลี่ยนไป คาถามคือแล้วรังสี
สะท้อนใหม่มันบิดไปจากแนวสะท้อนเดิมเท่าไรล่ะ?
วิเคราะห์จากรูปเมื่อน้องบิดกระจกไปเป็นมุม แน่นอนว่าเส้นปกติต้องบิดไปจากเดิมเป็นมุม 𝜽 ด้วย(ผิว
กระจกจะตั้งฉากกับเส้นปกติเสมอ) ถ้ามุมตกกระทบเดิมเป็น x มุมตกกระทบใหม่จะเป็น x+𝜽 จากรูปน้อง
′
จะหามุมระหว่าง 𝐶 กับ 𝐶 ได้
มุมระหว่ าง 𝑪 กับ 𝑪′ =
มุมระหว่ าง 𝑪 กับ 𝑪′ = 2𝜽
ถ้ากระจกเบนจากเดิม รังสีสะท้อนใหม่จะเบนจากเดิม 2
3.3) การเกิดภาพในกระจกเงาราบ
1. เป็นภาพเสมือนหัวตั้ง
2. ระยะภาพ = ระยะวัตถุ
3. ขนาดภาพ = ขนาดวัตถุ
4. ภาพจะกลับซ้ายเป็นขวา กลับขวาเป็นซ้าย ซึ่งเรียกว่า “ปรัศวภาควิโลม ”
การคานวณเกีย่ วกับการเห็นภาพในกระจกราบ
Step 1. วาดรูปภาพที่เกิดขึ้นที่ด้านหลังกระจกเลย โดยจัด
แนวการวางกระจก ให้ ระยะภาพต้องเท่ากับระยะวัตถุ
และขนาดของภาพต้องเท่ากับขนาดของวัตถุ
Step 2.ลากเส้นจากตาไปยังภาพ (เป็นรูปสามเหลี่ยม)
Step 3.ใช้สามเหลี่ยมคล้ายคานวณสิ่งที่โจทย์ตอ้ งการ
M2
60°
M1
A θ
30๐
สรุป :
การบ้านชุดที่ 2
2.4m
ระยะโฟกัสของกระจกเว้า
2.กระจกนูน
ระยะโฟกัสของกระจกนูน
การเขียนทางเดินแสงเพือ่ หาตาแหน่งและลักษณะการเกิดภาพ
1 . หลักการเกิดภาพจากกระจก
ภาพจากกระจกโค้งเกิดจากการตัดกันของรังสีสะท้อนอย่างน้อย 2 เส้น (โดยทั่วไปใช้ 2 เส้น)
1. รังสีสะท้อนผ่านจุด f (รังสีสามารถสะท้อนผ่านจุด f ได้ต้องเป็นลาแสงที่ขนานกับแกนมุขสาคัญ )
2. รังสีที่สะท้อนผ่านจุด C(รังสีตกกระทบที่ผ่านจุด C จะเกิดการสะท้อนกลับในทิศทางเดิม )
2. วิธกี ารเขียนภาพ
1. จากจุดปลายวัตถุ (หัววัตถุ) ลากรังสีตกกระทบขนานกับแกนมุขสาคัญ แล้วสะท้อนจากกระจกผ่านจุด f
2. จากจุดปลายวัตถุ (ที่หัววัตถุเหมือนเดิม) ลากรังสีตกกระทบผ่านจุด C ไปกระทบผิวกระจกแล้วสะท้อน
กลับทางเดิม (โดยทั่วไปจะเขียนเป็นเส้นตรงตัดผ่านจุด C เท่านั้น เพราะทราบดีอยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้อง
สะท้อนกลับทางเดิม)………วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้เรียนใช้สอนกันในม.ปลาย อีกวิธีหนึ่งให้ดูจากการสอนของพี่นะ
3. จุดที่รังสีตัดกันจะได้ภาพดังรูป (จุดตัดคือหัวของภาพ )
4.1 การวาดภาพจากกระจกเว้า
(S = )
2f f
1. (2f <S< )
2f f
2. (S = 2f )
2f f
3. (f < S < 2f )
2f f
5. (S = f )
2f f
6. (0<S<f )
2f f
#ถ้าหมอฟันใช้กระจกเว้าความยาวโฟกัส 10 cm หมอฟันควรจัดระยะของกระจกกับระยะของฟันให้ห่างกันอย่างไร
4.2 การวาดภาพจากกระจกนูน
1.(S =
2.(0<S<
f 2f
กระจกนูนให้ภาพเสมือนหัวตัง้ ขนาดเล็กกว่าวัตถุเท่านัน้
เนื่องจากกระจกนูนให้ภาพขนาดเล็กมุมมองกว้าง จึงถูก
นาเอาไปใช้ติดตามมุมถนน ทาเป็นกระจกมองข้างของ
รถยนต์ ติดไว้ในร้านค้าเพื่อป้องกันการลักขโมยสินค้า
2. กาลังขยายของภาพ
1 1 1
หมายเหตุ : ถ้าน้องจาสูตรลัดด้านบนไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวลนะใช้สูตร = +
f s s
y s
และ m = แก้โจทย์ได้เลย
y s
ประโยชน์ของกระจกแต่ละชนิด
กราบ
ให้ส่องดูเพื่อช่วย
แต่งตัว ใช้ติดรถยนต์
เพื่อดูรถที่อยู่ด้านหลัง
เป็นต้น
กระจกเว้า
ใช้ประกอบกับกล้อง
จุลทรรศน์ เพื่อรวม
แสงไปตกที่สไลด์ ใช้
ส่องดูฟัน เป็นต้น
กระจกนูน
ใช้ติดรถยนต์
รถจักรยานยนต์เพื่อดู
รถด้านหลังเหมือน
กระจกราบ ติด
บริเวณทางเลี้ยว
ร้านค้า
2f f
15cm
20cm
การบ้านชุดที่ 3
3. นักเรียนกลุ่มหนึ่งทาการทดลองหาความยาวโฟกัสของกระจกเว้าอันหนึ่งพบว่า เมื่อวางวัตถุห่างกระจกเป็น
ระยะ 20 เซนติเมตร จะได้ภาพจริงมีความสูงเป็นสามเท่าของวัตถุ อยากทราบว่าถ้าวางวัตถุห่างจาก
กระจก 10 เซนติเมตร ภาพที่ได้จะเป็นเช่นไร
1. ภาพจริง สูงเท่าวัตถุ
2. ภาพเสมือน สูงเท่าวัตถุ
3. ภาพจริง สูงเป็นสามเท่าของวัตถุ
4. ภาพเสมือน สูงเป็นสามเท่าของวัตถุ
5. เสากลมต้นมีแผ่นสแตนเลสหุ้มอยู่
แผ่นสเตนเลสมีผิวเรียบมากและ สะท้อน
แสงได้ดีเหมือนกระจกนูน ถ้าเรายืนห่าง
จากเสาต้นนี้มากกว่าระยะสองเท่าของ
ความยาวโฟกัสของกระจกนูนนี้ เราจะ
เห็นภาพของตนเองในกระจกเป็นอย่างไร
1. ผอมลงและยืนหัวตั้ง
2. อ้วนขึ้นและยืนหัวตั้ง
3. ผอมลงและยืนหัวกลับ
4. อ้วนขึ้นและยืนกลับหัว
5cm
30cm
4 3
หมายเหตุ : ค่า ทีค่ วรจา คือ น้า = , แก้ว = , อากาศ =1
3 2
สังเกตว่าความเร็วในตัวกลาง ( 𝑣 ) มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีค่ามากกว่าความเร็วใน
สุญญากาศ(𝑐) ดังนั้นค่าดัชนีหักเห(𝑛 ก็ไม่มีทางที่จะน้อยกว่า 1 ดังนั้นถ้าน้องคานวณ
แล้วได้ค่า 𝑛 น้อยกว่า 1 คือผิดแน่นอน น้องต้องรีบตรวจสอบใหม่โดยด่วน…
𝑛ตา แทน ดัชนีหักเหในตัวกลางที่ตาอยู่ เช่น ตาอยู่ในอากาศ 𝑛ตา = 𝑛อากาศ ถ้าตาอยู่ในน้า 𝑛ตา = 𝑛น้า
𝑛วัตถุ แทน ดัชนีหักเหในตัวกลางที่วัตถุอยู่ เช่น วัตถุอยู่ในอากาศ 𝑛วัตถุ = 𝑛อากาศ ถ้าวัตถุอยู่ในน้า 𝑛วัตถุ = 𝑛น้า
𝜃ตา แทน มุมที่เกิดในตัวกลางที่ตาอยู่ 𝜃วัตถุ แทน มุมที่เกิดในตัวกลางที่วัตถุอยู่
พิสจู น์สมการ
กรณีมองเอียงทามุมกับเส้นแนวฉาก กรณีมองผ่านตัวกลางหลายชนิดซ้อนกัน
จากรูป tan 1 = x
s
และ tan 2 = x
s'
จาก = ตา
หรื อ = ตา
วัตถุ วัตถุ
x
นามาหารกัน
tan 1
= s s
ความลึกปรากฏในตัวกลางที่1 : = ตา
tan 2 x s
s ความลึกปรากฏในตัวกลางที่2 : = ตา
ตา ตา
=
วัตถุ วัตถุ
=
ตา
กรณีมองตรงๆ ในแนวตัง้ ฉากกับรอยต่อ
ทิศทางของแสงจะไม่เปลี่ยน วัตถุ = ตา =0๐
ซึ่ง cos 0๐ = 1
ดังนั้น มองตรงๆ = ตา
วัตถุ
3. 1.5
4. 1.7
45°
°
30
โจทย์มมุ วิกฤตและการสะท้อนกลับหมด
Ex10. มุมวิกฤตของตัวกลางชนิดหนึ่งเป็น 30 องศา จงหาอัตราเร็วของแสงในตัวกลางนั้น
1. 1.0 X 108 m/s
2. 1.5 X 108 m/s
3. 2.0 X 108 m/s
4. 3.0 X 108 m/s 30°
60°
ของเหลว
B
C
Ex15.แสงเดินทางอย่างไรจึงจะเกิดการสะท้อนกลับหมด
1. อากาศไปแก้ว 2. อากาศไปน้า 3. อากาศไปน้ามัน 4. แก้วไปน้า 5. น้าไปแก้ว
Ex16. ข้อใดไม่มีโอกาสเกิดมุมวิกฤต
1. แสงเดินทางจากตัวกลางที่มีดัชนีหักเหมาก ไปยังตัวกลางที่มีดัชนีหักเหน้อย
2. แสงเดินทางจากตัวกลางที่มีดัชนีหักเหน้อย ไปยังตัวกลางที่มีดัชนีหักเหมาก
3. มุมตกกระทบ มีค่าเท่ากับ 45 องศา
4. ถูกต้องทั้ง 3 ข้อ
โจทย์ลกึ จริงลึกปรากฎ
Ex17. คนมองปลาในสระน้าในแนวทามุม 30 องศากับแนวราบ จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้
1. คนเห็นปลาตื้นกว่าที่เป็นจริง
2. คนเห็นปลาลึกกว่าที่เป็นจริง
3. คนเห็นปลาตามตาแหน่งที่เป็นจริง
4. คนเห็นปลากลับซ้าย - ขวา
น้องลองทา
Ex19. ปลาเสือตัวหนึ่งอยู่ในน้ากาลังมองผีเสื้อที่บินอยู่ในอากาศในแนวตรง ห่างจากผิวน้า 30
4
เซนติเมตร จะเห็นผีเสื้อห่างจากผิวน้าตามข้อใด กาหนดให้ ดัชนีหักเหของน้าเท่ากับ
3
60°
(ตอบ 35 cm)
เบนซิน
6cm
น้า
4cm
กลีเซอรีน
10cm
การบ้านชุดที่ 4
1. จากรูปจงหาดรรชนีหักเหของแสงในตัวกลางที่ B
60° อากาศ
45° ของเหลว A
ของเหลว B
30°
ของเหลว
60°
ผลึกใส
3. ถ้ารังสีของแสงในอากาศตกกระทบผ่านด้านข้างของขวดแก้วและผ่านเข้าในของเหลวที่บรรจุไว้โดยดรรชนี
หักเหของเหลวเท่ากับ 1.25 มุมตกกระทบแก้วเท่ากับ 30๐ จะได้ค่าของมุมที่แสงหักเหที่รอยต่อ
ระหว่างผิวแก้วกับของเหลวเท่ากับเท่าใด
1. arc sine ( 0.25 )
2. arc sine ( 0.4 )
3. arc sine ( 0.5 )
4. arc sine ( 0.8 )
7. แสงเดินทางจากแท่งพลาสติกซึ่งมีดัชนีหักเห 3 ไปยังน้าซึ่งมีดัชนีหักเห
2
4
3
มุมวิกฤต
ระหว่างแท่งพลาสติกกับน้าจะมีค่าเท่าใด
1. sin-1 ( 9
) น้า
8
2. cos-1 ( 9 )
8
3. sin-1 ( 8 ) แท่งพลาสติก
9
4. cos-1 ( 8 )
9
4
10. วัตถุที่พื้นสระน้าซึ่งลึก 5 เมตร ถ้าดัชนีหักเหของน้ามีค่าเท่ากับ จะมองเห็นวัตถุลึกผิว
3
น้ากี่เมตร
15
1.
4
3
2.
4
4
3.
3
4. 5
จุดโฟกัส
ถ้าให้แสงขนานตกกระทบเลนส์นูน
รังสีแสงจะหักเหมาตัดกันที่จุด f (รูป
ซ้าย)
ถ้าให้แหล่งกาเนิดแสงอยู่ที่จุด f แสงที่
หักเหผ่านเลนส์นูนจะเป็นแสงขนาน
ถ้าให้แสงขนานกับแกนมุขสาคัญตกกระทบเลนส์เว้าแสงหักเห
จะกระจายออกจากกัน ถ้าต่อแนว
รังสีหักเหย้อนกลับมาด้านหลัง แนว
ของรังสีที่ต่อมานั้นจะตัดกันที่จุด f
ถ้ามีแสงพุ่งเข้ามาที่จุด f พบว่ารังสีที่
หักเหผ่านเลนส์จะขนานกับแกนมุขสาคัญ
หมายเหตุ
* เลนส์นูนแสงตัดกันจริง เราเรียกว่าโฟกัสจริง f ( + )
* เลนส์เว้าเสมือนว่าแสงตัดกัน เราเรียกว่าโฟกัสเสมือน f ( - )
2f f f 2f
2. 2f <S < ∞
2f f f 2f
3. S = 2f
2f f f 2f
4. f < S < 2f
2f f f 2f
5. S =f
2f f f 2f
6. 0 <S < f
2f f f 2f
2. 0<S< ∞
เลนส์เว้าให้ภาพเสมือนหัวตัง้ ขนาดเล็กกว่าวัตถุแสมอ
กระจกเว้า
เลนส์นนู
กระจกนูน
เป็นภาพเสมือนหัวตั้งขนาดเล็กกว่า
วัตถุ เกิดด้านด้านหลังกระจก
เลนส์เว้า
เป็นภาพเสมือนหัวตั้งขนาดเล็กกว่า
วัตถุ เกิดด้านด้านหน้าเลนส์
2.กาลังขยายของภาพ
1. ขนาดของภาพจะลดลง
2. ความสว่างของภาพจะลดลง
3. ส่วนบนของภาพหายไป
4. ส่วนล่างของภาพหายไป
Ex7. จากรูป
F
Ex9. เลนส์นูนมีความยาวโฟกัส F วางวัตถุไว้ข้างหน้าเลนส์นูนที่ระยะห่างจากเลนส์นูน คากล่าวข้อใด
2
อธิบายถึงภาพที่เกิดได้ถูกต้อง
1. ภาพจริง หัวกลับ อยู่หลังเลนส์ ขนาดโตกว่าวัตถุ
2. ภาพจริง หัวตั้ง อยู่หน้าเลนส์ ขนาดเล็กกว่าวัตถุ
3. ภาพเสมือน หัวตั้ง อยู่หน้าเลนส์ ขนาดโตกว่าวัตถุ
4. ภาพเสมือน หัวกลับ อยู่หน้าเลนส์ ขนาดเล็กกว่ากว่าวัตถุ
5. ไม่มีภาพเกิดขึ้น เพราะภาพเกิดที่จุดอนันต์
Ex10. เมื่อวางวัตถุไว้หน้าเลนส์เว้า
1. จะเกิดภาพเสมือนเสมอ และระยะภาพน้อยกว่าระยะวัตถุ
2. จะเกิดภาพจริงเมื่อระยะวัตถุมีค่าน้อยกว่าความยาวโฟกัส
3. จะเกิดภาพเสมือนเสมอ และระยะภาพมากกว่าระยะวัตถุ
4. จะเกิดภาพเสมือน เมื่อระยะภาพมีค่ามากกว่าความยาวโฟกัส
การบ้านชุดที่ 5
2. ถ้านากระดาษทึบแสงมาปิดช่วงครึ่งซ้ายของเลนส์ที่ทาให้เกิดภาพของวัตถุบนฉากข้อความใด
ต่อไปนี้ถูกต้อง
1. ภาพของวัตถุจะหายไป
2. ภาพซีกซ้ายของวัตถุจะหายไป
3. ภาพซีกขวาของวัตถุจะหายไป
4. ภาพของวัตถุจะครบทุกส่วน
Ex1. เลนส์นูน 2 อัน ความยาวโฟกัส 4 และ 16 เซนติเมตร ตามลาดับ วางห่างกัน 20 ซม. มีวัตถุ
อยู่ห่างจากเลนส์อันแรกที่ระยะ 6 ซม. ตาแหน่งและลักษณะของภาพสุดท้ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากเลนส์ทั้งสอง
1. ภาพเสมือนที่ระยะ 16 เซนติเมตร จากเลนส์อันที่สอง
2. ภาพจริงที่ระยะ 16 เซนติเมตร จากเลนส์อันที่สอง
3. ภาพเสมือนที่ระยะ 48 เซนติเมตร จากเลนส์อันที่สอง
4. ภาพจริงที่ระยะ 48 เซนติเมตร จากเลนส์อันที่สอง
20cm
6cm
1. ภาพจริง 10 เซนติเมตร
2. ภาพเสมือน 10 เซนติเมตร
3. ภาพจริง 20 เซนติเมตร
4. ภาพเสมือน 20 เซนติเมตร
1. – 3.33 ซม.
2. – 5 ซม.
3. – 6 ซม.
4. – 10 ซม.
20cm
1. 6 cm
2. 12 cm
3. 18 cm
4. 24 cm
การบ้านชุดที่ 6
1. A
2. B
3. C
4. D
1. 4.4 2. 20.0
3. 32.5 4. 62.4
20cm
7. เลนส์นูนอันหนึ่งห่างจากฉาก 20 เซนติเมตร ปรากฏว่าแสงจากวัตถุที่อยู่ไกลมาก เมื่อผ่านเลนส์ แล้วจะไป
ตัดกันที่ระยะ 15 เซนติเมตร ถ้านาเลนส์อีกอันหนึ่งวางลงที่กึ่งกลางระหว่างเลนส์นูนกับ ฉาก แล้วภาพจะ
เลื่อนไปบนฉาก เลนส์ที่นามาวางนี้จะต้องเป็นเลนส์ชนิดใด และมีความยาวโฟกัสเท่าใด
(ตอบ 10 cm)
20cm
1. 20
2. 24
3. 96
4. 120
คาอธิบายการใช้สมการ
f 1 , f2 , f 3 , …. เป็นความยาวโฟกัสของเลนส์แต่ละอันที่นามาประกบกันในการคานวณต้องคิด
เครื่องหมายของเลนส์แต่ละตัวด้วย โดย เลนส์นูน f เป็น + , เลนส์เว้า f เป็น –
ถ้า fรวม เป็น + แสดงว่าเลนส์รวมทั้งชุดเป็นเลนส์นูน
ถ้า fรวม เป็น - แสดงว่าเลนส์รวมทั้งชุดเป็นเลนส์เว้า
สมการ คาอธิบายตัวแปร
P= กาลังของ เลนส์ มีหน่วยเป็น ไดออปเตอร์(Diopter,D)
f= ความยา ความยาวโฟกัส มีหน่วยเป็น เมตร
9.1) การมองเห็นของคนสายตาปกติ
1.ระยะใกล้ทสี่ ดุ ที่เห็นภาพชัด 2.ระยะไกลทีส่ ดุ ที่เห็นภาพชัด
9.2) การหาความยาวโฟกัสของแว่น
ความยาวโฟกัสของแว่นสาหรับคนสายตาสัน้ ความยาวโฟกัสของแว่นสาหรับคนสายตายาว
1. ถ้าก่อนใส่แว่นมองเห็นได้ไกลสุดที่ระยะ X 1. ถ้าก่อนใส่แว่นมองเห็นได้ใกล้สุดที่ระยะ X
น้องลองทา
Ex2. ชายผู้หนึ่งสามารถอ่านหนังสือได้ชัดเมื่อหนังสืออยู่ห่างจากเขาไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร ดังนั้นเขาจะต้อง
สวมแว่นตาที่มีความยาวโฟกัสกี่เซนติเมตร
(ตอบ 34.6 cm)
Ex3. เลนส์แว่นตาสาหรับคนสายตายาวทาหน้าที่ต่อผู้ใส่แว่นนั้นอย่างไร
1. ย้ายวัตถุที่ระยะ 25 เซนติเมตร จากตาไปไว้ที่ระยะใกล้ที่สุดที่ตาเปล่ามองเห็นชัด
2. ย้ายวัตถุที่ระยะ 25 เซนติเมตร จากตาไปไว้ที่ระยะอนันต์
3. ย้ายวัตถุที่ระยะอนัตต์มาไว้ที่ระยะใกล้ที่สุดที่ตาเปล่ามองเห็นชัด
4. ย้ายวัตถุที่ระยะอนันต์มาที่ระยะไกลที่สุดที่ตาเปล่ามองเห็นชัด
เหลือง ฟ้า
แดง เขียว
แดงม่วง
น้าเงิน
ตัวอย่าง
แสงขาว
สมการคานวณหาอัตราการให้พลังงาน คาอธิบายตัวแปร
E แทน ความสว่างบนพื้นที่รับแสง มีหน่วยเป็น ลักซ์ ( lx )
F แทน อัตราการให้พลังงานแสง มีหน่วยเป็น ลูเมน ( lm )
A แทน พื้นที่รับแสง ( กรณีแสงเป็นจุดพื้นที่รับแสงจะเป็น
ทรงกลม A 4R 2 )
สมการคานวณหาความสว่างบนพืน้ ที่รบั แสง
R แทน ระยะห่างจากแหล่งกาเนิดแสง มีหน่วยเป็นเมตร ( m )
I แทน ความเข้มแห่งของการส่องสว่าง มีหน่วยเป็นแคนเดลา (cd )
การบ้านชุดที่ 11
1. ให้ลาแสงตกกระทบด้านข้างปริซึมมุมยอด 75องศา
โดยให้มุมตกกระทบเป็น 45 องศา ให้ค่าดัชนีหัก
เหของสารที่ใช้ทาปริซึมมีค่า 1.4 ค่า sin ของมุม
หักเหของลาแสงออกจากปริซึมมีค่าเท่าใด (Ent)
1. 0.99 2. 0.88 3. 0.77 4. 0.66
3. แท่งพลาสติกจมอยู่ในน้ามันสมมติว่ามีแหล่งกาเนิดแสงเล็กๆ วางอยู่ในแท่งพลาสติกนี้มุมวิกฤต C
สาหรับกรณีนี้จะมีค่าเท่าใด กาหนดดัชนีการหักเหของน้ามันเท่ากับ 1.10 และค่าดัชนีหักเหของ
พลาสติกมีค่าเท่ากับ 1.32
1. sin-1 ( 5
)
6
น้ามัน
2. tan-1 ( 5 )
6
3. cos-1 ( 5 )
6
4. sin-1 ( 6 ) พลาสติก
5
8. จากรูปดัชนีหักเหของของเหลวมีค่าเท่าใด
1. sin i
1
2.
sin i
3. 2 sin 2 i cos 2 i
sin i
4.
sin r
15.ดัชนีการหักเหของอากาศ = 1, ของน้า = 4
ถ้ามุมวิกฤตของแก้วชนิดหนึ่งกับอากาศเท่ากับ 45๐ มุม
3
วิกฤตระหว่างแก้วและน้าเป็นเท่าใด
1. sin-1 ( 3 2
)
8
2. sin-1 ( 2 2 )
2
3. sin-1 ( 3 2 )
2
4. sin-1 ( 8 2 )
3
16. ถังใบหนึ่งก้นถังมีกระจกเงาระนาบ และมีน้าลึก 10 เซนติเมตร แขวนวัตถุให้จมลงใต้ผิวน้า 4 เซนติเมตร
มองลงไปตรงๆ จะเห็นภาพของวัตถุอยู่ที่ไหนบ้าง ถ้าดัชนีหักเหของน้ามีค่า 4/3
(ตอบ 3, 12 cm)
17. ข้อความต่อไปนี้ข้อใดถูกต้อง
1. ภาพเสมือนจะเกิดขึ้นเสมอ หากวัตถุอยู่ด้านหน้าของกระจกนูน
2. ภาพที่เกิดจากกระจกเงาราบ เป็นภาพจริงเสมอ
3. ภาพที่เกิดจากกระจกเว้ามีได้กรณีเดียว คือ วัตถุอยู่ห่างจากผิวกระจกน้อยกว่าความยาวโฟกัสของกระจก
4. ภาพที่เกิดจากเลนส์เว้า เป็นได้ทั้งภาพจริงและภาพเสมือน
19. แสงสีเหลืองฉากกับด้านหนึ่งของปริซึมรูปสามเหลี่ยมที่วางติดอยู่กับแท่งพลาสติกรูปสี่เหลี่ยม(ดังรูป)
เมื่อแสงผ่านเข้าแก้วแล้วจะหักเหผ่านไปตามรอยต่อระหว่างวัตถุทั้งสอง ดังรูป ดัชนีหักเหของพลาสติก
3
สาหรับแสงสีเหลืองจะมีค่าเท่าไร ดัชนีหักเหของแก้ว =
2
( sin 20๐ = 0.342, sin 70๐ = 0.94 )
พลาสติก
แก้ ว
20°
1. 1.32
2. 1.38
3. 1.41
4. 1.52
20. อุปกรณ์ที่เป็นระบบรวมแสง คือ
1. กระจกเว้า, เลนส์เว้า 2. กระจกเว้า, เลนส์นูน
3. กระจกนูน, เลนส์เว้า 4. กระจกนูน, เลนส์นูน
21. เมื่อต้องการดูของที่มีขนาดเล็กเรามักจะใช้ “แว่นขยาย” ซึ่งทาด้วยเลนส์นูนเพราะภาพที่เกิดจากการวาง
วัตถุไว้หน้าเลนส์นูนนั้น
1. มีขนาดใหญ่กว่าวัตถุเสมอ
2. เป็นภาพเสมือนเสมอ
3. เป็นภาพจริงหรือภาพเสมือน และมีขนาดใหญ่กว่าวัตถุเสมอ
4. เป็นภาพเสมือน ขนาดใหญ่กว่าวัตถุ ที่ระยะวัตถุช่วงหนึ่ง
22.เลนส์นูนบางความยาวโฟกัส 15 เซนติเมตร วางวัตถุไว้หน้าเลนส์ทาให้เกิดภาพเสมือนขนาด 3 เท่าของวัตถุ
วัตถุและภาพอยู่ห่างกันเท่าใด
1. 10 cm
2. 20 cm
3. 30 cm
4. 40 cm
1. ก. และ ข. 2. ข. และ ค.
3. ก. และ ค. 4. ก., ข. และ ค.
25. ลูกศรในรูป แทนรังสีของแสงตกกระทบเลนส์ และกระจกโค้ง กรณีใดบ้างที่จะได้ภาพจริง
41. เลนส์แว่นตาสาหรับคนสายตายาวทาหน้าที่ต่อผู้ใส่แว่นนั้นอย่างไร
1. ย้ายวัตถุที่ระยะ 25 cm จากตาไปไว้ที่ระยะใกล้สุดที่ตาเปล่ามองเห็นชัด
2. ย้ายวัตถุที่ระยะ 25 cm จากตาไปไว้ที่ระยะอนันต์
3. ย้ายวัตถุที่ระยะอนันต์มาไว้ที่ระยะใกล้สุดที่ตาเปล่ามองเห็นชัด
4. ย้ายวัตถุที่ระยะอนันต์มาไว้ที่ระยะไกลสุดที่ตาเปล่ามองเห็นชัด