Professional Documents
Culture Documents
2557คลื่นกล
2557คลื่นกล
่ กล
คลืน่ กล (Mechanical Wave)
ถาม : คลืน่ คืออะไร?
คลืน่ คือ รูปแบบหนึ่งของการถ่ายทอดพลังงานจากบริเวณหนึ่งสู่อีกบริเวณหนึ่ง
ถาม : คลืน่ เกิดขึน้ ได้อย่างไร?
คลื่นเกิดจากการที่แหล่งกาเนิดคลื่นถูกรบกวน แล้วส่งพลังงานออกมา ที่ใดที่พลังงานถูกส่งออกไปก็จะเห็นเป็นคลื่น
เช่น คลื่นน้าที่เกิดจากการโยนก้อนหินลงน้า คลื่นในเส้นเชือกที่เกิดจากการสะบัดเส้นเชือกขึ้นลงเราก็จะเห็นคลื่นวิ่งออกไป แต่
คลื่นบางชนิดเราก็ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่เราสามารถตรวจรับได้ เช่น คลื่นวิทยุ
หมายเหตุ : ..........................................................................................................................................................
เมื่อเราสะบัดเชือกขึ้นลงก็จะทาให้เกิดคลื่นวิ่งออกไปจากมือเรา เมื่อคลื่น
วิ่งไปถึงก้อนวัตถุ
ก็จะทาให้ก้อนวัตถุนั้นเกิดการเคลื่อนที่ขึ้นลง
จึงทาให้เราได้ข้อสรุปว่า คลื่นก็คอื การถ่ายทอดพลังงานจากบริเวณหนึง่
ไปยังอีกบริเวณหนึง่ และขณะที่คลื่นเคลื่อนที่ไปก็จะพาพลังงานติดไป
พร้อมกับคลื่นด้วย
NOTE.
มักมีความเข้าใจผิดกันมากว่าคลื่นน้าเป็นคลื่นตามขวางซึ่งถ้าจะให้ถูกต้องจริงๆ ต้องบอกว่าเป็นทั้งคลื่น
ตามยาวและตามขวางประกอบกันและอนุภาคของน้าจะวิ่งวนเป็นวงกลมหรือวงรี(ขึ้นอยู่กับระดับความลึก)
คลืน่ ดล คือ คลืน่ ทีเ่ กิดจากแหล่งกาเนิดสัน่ เพียงหนึง่ คลืน่ ต่อเนือ่ ง คือ คลืน่ ทีเ่ กิดจากแหล่งกาเนิดสัน่ เป็น
หรือสองครัง้ ทาให้เกิดคลืน่ เพียงหนึง่ หรือสองลูก จังหวะต่อเนือ่ ง ทาให้คลืน่ เคลือ่ นทีอ่ อกจากแหล่งกาเนิด
เช่น ใช้นิ้วมือเคาะผิวน้าเพียง 1 ครั้ง แล้วหยุด คลืน่ อย่างต่อเนือ่ ง เช่น ใช้นิ้วเคาะผิวน้าเป็นจังหวะ
ก็จะเกิดคลื่นเพียงลูกเดียวแล้วก็หายไป ตลอด เวลาคลื่นก็จะถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
2.การบอกตาแหน่งของอนุภาคต่างบนๆบนคลื่นตามขวางเมือ่ เวลาผ่านไปเล็กน้อย
หลักการวิเคราะห์ : ขณะที่คลื่นเคลื่อนที่ไป อนุภาคของตัวกลางไม่ได้เคลื่อนที่ตามไปด้วยแต่มันจะ
ขยับขึ้นๆลงๆ
Step การวิเคราะห์
1. ดูว่าคลื่นเคลื่อนที่ไปทางไหน วาด
รูปคลื่นลูกใหม่ ขยับไปข้างหน้าเล็กน้อย
2. ต้าแหน่งของอนุภาคจะขยับจากคลื่น
ลูกเดิมไปยังคลื่นที่เกิดขึ้นใหม่
โจทย์การถ่ายทอดพลังงานของคลืน่
Ex1. ในการเคลื่อนที่แบบคลื่นนั้น พลังงานจากการสะบัดปลายเส้นเชือกด้านหนึ่งจะถ่ายทอดไปยัง
ปลายเชือกอีกด้านหนึ่งได้ แสดงว่า
1. พลังงานถ่ายทอดไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ของคลื่น
2. พลังงานถ่ายทอดหลังจากการเคลื่อนที่ของคลื่นผ่านไปแล้ว
3. พลังงานถ่ายทอดไปก่อนที่คลื่นจะเคลื่อนที่มาถึง
4. พลังงานจากคลื่นจะถ่ายเทให้อนุภาค และอนุภาคจะเคลื่อนที่ไปยังปลายเชือก
โจทย์จาแนกประเภทของคลืน่
Ex3.คลื่นตามยาวและคลื่นตามขวางถูกนิยามขึ้นโดยดูจากปัจจัยใดเป็นหลัก(O-NET)
1.ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น
2.ทิศการสั่นของอนุภาคของตัวกลาง
3.ประเภทของแหล่งกาเนิด
4.ความยาวคลื่น
Ex4.คลื่นในข้อใดต่อไปนี้ เป็นคลื่นประเภทเดียวกัน
1. คลื่นเสียง , คลื่นวิทยุ , คลื่นไมโครเวฟ 2. คลื่นน้า , คลื่นในเส้นเชือก , คลื่นดล
3. คลื่นในสปริง , คลื่นน้า , แสง 4. แสง , คลื่นไฟฟ้ากระแสสลับ , รังสีแกมมา
1. จุดทั้งสามจะเคลื่อนที่ไปซ้ายมือ
2. A สูงกว่าเดิม B ต่ากว่าเดิมและ C สูงกว่าเดิม
3. A สูงกว่าเดิม B สูงกว่าเดิมและ C ต่ากว่าเดิม
4. A ต่ากว่าเดิม B ต่ากว่าเดิมและ C สูงกว่าเดิม
EX6.ถ้ากระทุ่มน้าเป็นจังหวะสม่าเสมอ ลูกปิงปองที่ลอยอยู่ห่างออกไปจะเคลื่อนที่อย่างไร(O-NET)
1. ลูกปิงปองเคลื่อนออกห่างไปมากขึ้น
2. ลูกปิงปองเคลื่อนที่เข้ามาหา
3. ลูกปิงปองเคลื่อนที่ขึ้น-ลงอยู่ที่ตาแหน่งเดิม
4. ลูกปิงปองเคลื่อนี่ไปด้านข้าง
คาตอบทีถ่ กู ต้องคือ
1. ทั้ง 1 , 2 และ 3 2. ข้อ 2 และ 3
3. ข้อ 1 เท่านั้น 4. ผิดทุกข้อ
3. จงพิจารณาคลื่นในเส้นเชือกที่เกิดจากการสะบัดปลายเชือกขึ้นลง คลื่นผิวน้าที่เกิดจากวัตถุกระทบผิวน้า
และคลื่นเสียง แล้วบอกว่าข้อความใดผิด
1. คลื่นทั้งสามชนิดเป็นคลื่นกล
2. คลื่นทั้งสามชนิดเป็นคลื่นตามยาว
3. คลื่นทั้งสามชนิดเป็นการถ่ายโอนตามยาว
4. คลื่นทั้งสามชนิดนี้จะสะท้อนเมื่อเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางต่างชนิด
4.เมื่อมีคลื่นผิวน้า แผ่ไปถึงวัตถุที่ลอยอยู่ที่ผิวน้าจะมีการเคลื่อนที่อย่างไร
1. อยู่นิ่งๆ เหมือนเดิม 2. กระเพื่อมขึ้นลงและอยู่กับที่เมื่อคลื่นผ่านไปแล้ว
3. เคลื่อนที่ตามคลื่น 4. ขยับไปข้างหน้าแล้วถอยหลัง
5.คลื่นตามยาวและคลื่นตามขวางต่างกันอย่างไร
1. ต่างกันที่ความยาวคลื่น 2. ต่างกันที่ทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น
3. ต่างกันที่ประเภทของแหล่งกาเนิด 4. ต่างกันที่ทิศทางการสั่นของตัวกลาง
1. ส่วนประกอบของคลืน่
คลืน่ ประกอบด้วย
กราฟการกระจัดของอนุภาคใดๆ
กราฟการกระจัดของอนุภาค กับระยะทาง
บนหน้าคลืน่ กับเวลา
รูปนี้คือรูปที่เกิดจากการถ่ายรูปของคลื่น ณ เวลา
รูปนี้ไม่ใช่ภาพถ่ายของคลื่นนะครับ มีเยอะที่เข้าใจผิด ไอ้
ใดเวลาหนึ่ง
รูปนี้มันเป็นกราฟความสัมพันธ์ระหว่างการกระจัดกับ
เวลาของอนุภาคใดอนุภาคหนึ่งของคลื่น
สังเกต
เวลาที่คลื่นเคลื่อนที่ไปได้ 1 เท่ากับเวลาที่
อนุภาคบนคลื่นเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ
ค่าความถี่ของคลื่นจะขึ้นอยู่กับความถี่ของแหล่งกาเนิด ถ้าแหล่งกาเนิดสั่นเร็วจะให้ค่าความถี่คลื่นสูง
8) เฟส (phase) คือ
การบอกมุมเฟสของตาแหน่งต่างๆ บนหน้าคลืน่
สังเกต :หน้าคลื่นจะตั้งฉากกับทิศทางการเคลื่อนที่เสมอ
2. อัตราเร็วของคลืน่
ถ้าคลื่นเคลื่อนที่ได้ระยะทาง s ในเวลา t เราสามารถ
หาความเร็วของคลื่นได้จาก v = s/t ถ้าคลื่น
เคลื่อนที่ได้ครบ1 ลูก ระยะทางที่คลื่นคลื่อนที่ได้จะ
เท่ากับ ส่วนเวลาที่คลื่นเคลื่อนที่ได้ครบ 1 ลูกก็คือ
คาบ T เมื่อแทน s ด้วย และแทน t ด้วย Tลงใน
s
v จะได้ v แทน f
1 ใน v ก็จะได้ v f
t T T T
สมการ คาอธิบายตัวแปร
v แทน อัตราเร็วของคลื่น แทน ความยาวคลื่น
แทน ระยะทางที่คลื่นเคลื่อนที่ แทน คาบ
แทน เวลาที่คลื่นใช้ในการเคลื่อนที่ แทน ความถี่
หมายเหตุ : สาหรับในตัวกลางเดียวกันอัตราเร็วจะเท่ากัน
1. ความยาวคลื่น
2. ความเร็วคลื่น
3. ความถี่ของการสะบัดเชือก
1. ความยาวคลื่นมีค่าเท่าไร
2. แอมพลิจูดมีค่าเท่าไร
3. ถ้าคลื่นเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 5 m/s จงหาความถี่คลื่น
4. จุดคู่ใดบ้างที่มีเฟสตรงกัน
5. จุดคู่ใดบ้างที่มีเฟสตรงข้ามกัน
1. 320
2. 640
3. 800
4. 1,200
Ex8. แหล่งกาเนิดคลื่นปล่อยคลื่นมีความยาวคลื่น 0.05 เมตร วัดอัตราเร็วได้ 40 เมตร/วินาที เป็นเวลา 0.8 วินาที ได้
คลื่นทั้งหมดกี่ลูกคลื่น
1. 320
2. 640
3. 800
4. 1,200
Ex9. ในการทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ของคลื่น โดยใช้ถาดน้ากับตัวกาเนิดคลื่นซึ่งเป็นมอเตอร์ที่หมุน 4 รอบ ต่อวินาที ถ้า
คลื่นบนผิวน้าเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว 12 เซนติเมตร/วินาที จงหาความยาวคลื่นบนผิวน้าที่เกิดขึ้น
1. 1.5 cm
2. 3.0 cm
3. 4.5 cm
4. 6.0 cm
P
𝑦 𝑦
1. 2.
𝑡 𝑡
𝑦
𝑦
3. 4
.
𝑡 𝑡
1.สาหรับคลื่นน้าในตัวกลางเดียวกันถ้าแหล่งกาเนิดสั่นเร็วขึ้นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากความถี่
1. คาบเพิ่มขึ้น 2. ความยาวคลื่นลดลง
3. พลังงานมากขึ้น 4. อัตราเร็วเพิ่มขึ้น
2.เคาะน้าเป็นจังหวะสม่าเสมอด้วยความถี่ 10 Hz เมื่อเวลาหนึ่ง สันคลื่นลูกแรกและลูกที่ 3 ห่างกัน 2 เมตร จงหาความเร็ว
ของคลื่น
1. 0.5 Hz
2. 1.0 Hz
3. 2.0 Hz
4. 4.0 Hz
มักใช้คู่กับสมการ มักใช้คู่กับสมการ
ความต่างเฟสของ A กับ B
ความต่างเฟสของ A กับ C
ความต่างเฟสของ B กับ C
Q 1. 14.0103 2. 12.0103
3. 2.7103 4. 2.0103
P
R
Ex6.
1.
2.
3. 2
4.
1. 0.11
2. 0.22
3. 0.33
4. 0.44
1. ถ้าเฟสเริ่มต้นเป็นศูนย์
2. ถ้าเฟสเริ่มต้นเป็น 90 องศา
1. 90
2. 135
3. 180
4. 225
1. 45 องศา
2. 90 องศา
3. 180 องศา
4. 225 องศา
𝑓1 = Hz
Ex13. คลื่นสองขบวนมีความถี่ 200Hz และ 250 Hz ตามลาดับถูกปล่อยออกมา พร้อมกันด้วยเฟส และ
3 2
ตามลาดับแล้วอีกนานเท่าไรคลื่นทั้งสองจึงจะมีเฟสตรงกัน (ตอบ 0.018 วินาที)
การบ้านชุดที่ 3
(ตอบ )
ส่วนประกอบ ที่สาคัญ
1. ตัวถาดคลืน่ ซึ่งก้นถาดเป็นแผ่นแก้วหรือแผ่นพลาสติกใสเพื่อให้แสงส่องผ่าน
ลงสู่ด้านใต้ถาดคลื่นได้
2. ตัวกาเนิดคลืน่ ซึ่งสามารถปรับความถี่ได้โดยปรับการหมุนของมอเตอร์ให้
ช้าหรือเร็ว
3. โครมไฟ ติดอยู่เนือเพดานเพือ่ ส่องแสงจากด้านบนให้เห็นคลื่นได้ชัดเจน
- จุดกึ่งกลางของแถบมืด แทนตาแหน่งของท้องคลืน่
- จุดกึ่งกลางของแถบสว่าง แทนตาแหน่งของสันคลืน่
การบ้านชุดที่ 4
การรวมกันแบบเสริม การรวมกันแบบหักล้าง
ก่อนพบกัน คลื่น
ก่อนพบกัน คลื่นสีดามีการกระจัด 1 หน่วย ในทิศขึ้น สีดามีการกระจัด 1หน่วย ในทิศลง เคลื่อนที่ไปทางขวา คลื่นสีขาวมี
เคลื่อนที่ไปทางขวา คลื่นสีขาวมีขนาด 2 หน่วยในทิศขึ้น ขนาด 2 หน่วยในทิศขึ้นเคลื่อนที่ไปทางซ้าย
เคลื่อนที่ไปทางซ้าย
รูปแสดงการรวมกันของคลืน่
0.03m 0.03m
A
1. 8.00
2. 4.50 0.16m
3. 4.00 0.32m
4. 2.25
การกระจัด(m)
ต้าแหน่ง(m)
1 2 3 4 5
รูป
ต้าแหน่ง (m)
ก.
1 2 3 4
การกระจัด(m)
การบ้านชุดที่ 5
1.คลื่นสองขวนเคลื่อนที่สวนกันด้วยอัตราเร็วเท่ากัน
10 m
NOTE.
กฎการสะท้อน
1. มุมตกกระทบ 1 มุมสะท้อน ( 2 )
2.รังสีตกกระทบ, รังสีสะท้อน และเส้นแนวฉากต้องอยูใ่ นระนาบเดียวกัน
มุมตกกระทบ มุมสะท้อน
บอกได้ 2 แบบ คือ บอกได้ 2 แบบ คือ
1. มุมทีร่ ังสีตกกระทบกระทากับเส้นแนวฉาก 1. มุมทีร่ ังสีสะท้อนกระทากับเส้นแนวฉาก
หรือ หรือ
2. มุมทีห่ น้าคลืน่ ตกกระทบกระทากับผิว 2. มุมทีห่ น้าคลืน่ สะท้อนกระทากับผิวรอยต่อ
รอยต่อ
Note. เมื่อคลื่นเกิดการสะท้อนกลับมายังตัวกลางเดิม อัตราเร็ว ความยาวคลื่นและความถี่ของคลื่น
จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง นะครับ มีทิศทาง กับความเร็วเท่านั้นที่เปลี่ยน
(ความเร็วเป็นเวกเตอร์ ทิศทางเปลี่ยนถือว่าความเร็วเปลี่ยนด้วย )
เฟสของคลื่นสะท้อนเหมือนเดิม
เฟสของคลื่นสะท้อนเปลีย่ นไป 180 เฟสของคลื่นสะท้อนเหมือนเดิม
(ตอนมาเอาสันเข้ามา ตอนกลับก็เอาสัน
(ตอนมาเอาสันเข้ามา ตอนกลับเอาท้อง (ตอนมาเอาสันเข้ามา ตอนกลับก็เอาสันกลับ
กลับเหมือนเดิม)
กลับ ตอนมากับตอนกลับจะสลับกัน) เหมือนเดิม )
โจทย์ทฤษฎี
Ex1. คลื่นน้าหน้าตรงเคลื่อนที่เข้ากระทบผิวสะท้อนราบเรียบจะเกิดการสะท้อนขึ้นคลื่นน้าที่สะท้อน
ออกมามีเฟสเปลี่ยนไปกี่องศา
1. 0 2. 90 3. 180 4. 270
โจทย์ทดสอบความเข้าใจ
Ex3. คลื่นดลดังรูปเคลื่อนที่ตกกระทบผิวสะท้อนอิสระคลื่นสะท้อนจะมีรูปร่างอย่างไร
1. 2.
3. 4.
1. 2.
3. 4.
1.
2.
3.
4.
1. กงขค
2. ขค ก ง
3. ก ค ข ง
4. ข ง กค
(ตอบ 2.2s)
ต้าแหน่ง(m)
0 2 4 6 8
0 2 4 6 8 9
ต้าแหน่ง(m)
ก (ตอบ 0.4m)
มัดแน่น
0.2m
หมายเหตุ :
เมื่อคลื่นมีการหักเหเข้าไปในอีกตัวกลางหนึ่ง มันก็จะมีคลื่นส่วนหนึ่งที่สะท้อนกลับมาเสมอ พลังงานของคลื่นตกกระทบจึงเท่ากับ
พลังงานของคลื่นที่สะท้อนกลับออกมา บวกกับพลังงานของคลื่นที่หักเหเข้าไปในอีกตัวกลางหนึ่ง ดังนัน้
สาหรับคลืน่ ผิวน้า บริเวณน้าตืน่ ๆ (ลึกไม่มากนัก) ( > >h) ( หลักสูตร ม .ปลายจะสนใจกรณีน้คี รับ)สาหรับคลืน่ น้าทีม่ ี
ความลึกไม่มาก v gh แสดงว่าความเร็วคลื่นน้าขึ้นอยู่กับความลึก (v h ) ในบริเวณน้าตืน้ คลืน่ จะเคลือ่ นทีช่ า้ กว่าน้า
ลึก จาก v= gh และ v = f
ทาให้ทราบว่า v h
ปัจจัยที่มีผลต่อความเร็วของน้าก็คือ“ระยะความลึกของน้า” ดังนั้นตัวกลางที่เราจะพิจารณาจึงมี 2 ตัวกลาง
คือ บริเวณน้าลึก กับ บริเวณน้าตืน้ ความเร็วและความยาวคลื่นในน้าลึกจะมากกว่าในน้าตื้น แต่ ความถีจ่ ะเท่ากัน
เพราะมันเกิดจากแหล่งกาเนิดคลื่นเดียวกัน
บริเวณน้้าลึก 𝑣 𝜆 𝛳 มาก
บริเวณน้้าตื้น 𝑣 𝜆 𝛳 น้อย
ความถี่ในน้้าลึกับในน้้าตื้นเท่ากันเสมอ!
สมการการหักเห :
โจทย์ทฤษฎี
Ex 1. เมื่อคลื่นผิวน้าเคลื่อนที่จากเขตน้าลึกเข้าไปยังเขตน้าตื้น โดยทามุมตกกระทบเป็นมุม พิจารณาข้อความต่อไปนี้
ก. ความยาวคลื่นในน้าลึกจะยาวกว่าในน้าตื้น
ข. ความถี่คลื่นในน้าลึกจะน้อยกว่าในน้าตื้น
ค. ความเร็วของคลื่นในน้าลึกจะน้อยกว่าในน้าตื้น
ง. มุมหักเหจะมีค่าน้อยกว่ามุม
1. (ก) และ (ง)
2. (ข) และ (ค)
3. (ก), (ข) และ (ค)
4. (ข), (ค) และ(ง)
Ex2.ในการทดลองเรื่องการหักเหของคลื่นผิวน้า เมื่อคลื่นผิวน้าเคลื่อนที่จากบริเวณน้าลึกไปน้าตื้น
ความยาวคลื่น ความเร็ว v และความถี่ f ของคลื่นผิวน้าจะเปลี่ยนอย่างไร
1. น้อยลง v น้อยลง แต่ f คงที่ 2. มากขึ้น v มากขึ้น แต่ f คงที่
3. น้อยลง f มากขึ้น แต่ v คงที่ 4. มากขึ้น f น้อยลง แต่ v คงที่
1. A ลึกกว่า B แต่ตื้นกว่า C
2. C ลึกกว่า B แต่ตื้นกว่า A
3. B ลึกกว่า A แต่ตื้นกว่า C
4. C ลึกกว่า A แต่ตื้นกว่า B
A B
D C
5.1) ความยาวคลื่นในน้าตื้น
โจทย์ฝกึ ความชานวญ
Ex7. ถ้าคลื่นน้าเคลื่อนที่ผ่านจากเขตน้าลึกไปยังเขตน้าตื้น แล้วทาให้ความยาวคลื่นลดลงครึ่งหนึ่ง จงหาอัตราส่วนของ
อัตราเร็วของคลื่นในน้าลึกกับอัตราเร็วของคลื่นในน้าตื้น
1. 0.5
2. 1.0
3. 2.0
4. 4.0
3
1. รอบต่อวินาที 2. 4 รอบต่อวินาที
2 3
12 1
3. รอบวินาที 4. รอบต่อวินาที
3 3
น้องลองทา
โจทย์เกีย่ วกับมุมวิกฤติ
Ex13. ในการทดลองโดยใช้ถาดคลื่น พบว่า ความเร็วของคลื่นน้าลึกเป็น 2 เท่าของความเร็วในน้าตื้นถ้าจะทาให้เกิดการ
สะท้อนกลับหมด คลื่นจะต้องตั้งต้นเคลื่อนที่จากบริเวณไหนและมีมุมวิกฤตเท่าไร
1. น้าตื้น, 300
2. น้าลึก, 300
3. น้าตื้น, 600
4. น้าลึก, 600
Ex14. อัตราเร็วของคลื่นน้าในน้าลึกมีค่า 5 เท่าของอัตราเร็วของคลื่นในน้าตื้น คลื่นจะเกิดการสะท้อนกลับหมดเมื่อคลื่น
3
เคลื่อนที่ จากบริเวณใด มีมุมตกกระทบเท่าใด
1. 100 (ตื้น)
2. 200 (ลึก)
3. 300 (ลึก)
4. 400 (ตื้น)
การบ้านชุดที่ 7
1. คลื่นผิวน้าเคลื่อนที่จากบริเวณน้าลึกไปยังบริเวณน้าตื้นโดยหน้าคลื่นตกกระทบขนานกับบริเวณรอยต่อคลื่นในบริเวณทั้ง
สองมีค่าใดบ้างที่เท่ากัน
ก. ความถี่ของคลื่น ข. ความยาวคลื่น
ค. อัตราเร็วของคลื่น ง. ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น
1. ก. และ ข. 2. ข. และ ค.
3. ค. และ ง. 4. ก. และ ง.
1. เป็นคลื่นแนวตรงเหมือนเดิมทุกประการ
2. เป็นคลื่นแนวตรงเหมือนเดิม แต่มีระยะระหว่างหน้าคลื่นสั้นกว่าเดิม
3. เป็นคลื่นแนวโค้งที่ขนานกับแนว de และระยะระหว่างคลื่นเท่าเดิม
4. เป็นคลื่นแนวโค้งที่เหมือนส่วนหนึ่งของวงกลมที่ออกจากแหล่งกาเนิดที่เป็นจุด
1. sin 1 2. sin 1
1 1
2 3
3. sin 1 4. sin 1
1 1
5 4
1 1
1. arcsin 2. arctan
3 3
1 1
3. arcsin 4. arctan
3 1 3 1
5. คลื่นน้าแบบต่อเนื่องที่มีหน้าคลื่นตรง เคลื่อนที่ผ่านรอยต่อระหว่างบริเวณน้าลึกและน้าตื้นแล้วทาให้เกิดคลื่นหักเหหน้า
คลื่นตรง ถ้าแนวทางเดินของคลื่นตกกระทบทามุมกับรอยต่อระหว่างตัวกลางเท่ากับ 30 องศา จงหามุมหักเห ถ้าความ
ยาวคลื่นในน้าตื้นลดลงเป็น 1 ของความยาวคลื่นในน้าลึก
3
1. 15 องศา 2. 30 องศา
3. 45 องศา 4. 60 องศา
6. เมื่อคลื่นแนวตรงเคลื่อนที่จากบริเวณ A ไปสู่บริเวณ B ในถาดคลื่น ทาให้เกิดการหักเหของคลื่นปรากฏดังรูปซึ่งมีไม้สเกล
เซนติเมตรวางเทียบอยู่ ถ้าคลื่นนีเ้ กิดจากแหล่งกาเนิดซึ่งมีความถี่ 9 เฮิรตซ์ จงหาอัตราความเร็วของคลื่นน้าที่บริเวณ B
ดังนัน้ จุด Pที่อยูบ่ นแนวปฎิบพั (A)ใดๆ จะมีสตู รเป็น สาหรับจุด P ทีอ่ ยูบ่ นแนวบัพ(N)ใดๆจะได้สตู รเป็น
Path diff = S1P –S2P =nλ Path diff = S1P –S2P =(n-0.5)λ
………..….(16w)
การหาสูตรกรณีเฟสตรงข้ามกัน
จากรูปจะประมาณว่าผลต่างของระยะทางระหว่าง
S1P กับ S2P มีค่าประมาณ d sin ดังนั้น
𝑑 sin 𝛳 = (𝒏 𝟎 𝟓)
𝑑 sin 𝛳 = 𝑛𝜆
เมื่อ = 2
เมื่อ = 2
บัพ (N) ;
บัพ (N) ;
𝑑 sin 𝛳 = (𝒏 𝟎 𝟓)
𝑑 sin 𝛳 = 𝑛𝜆
เมื่อ = 2
เมื่อ = 2
หมายเหตุ : ต้องเป็นจานวนเต็มเท่านั้น
โดยปกติข้อสอบมักออกกรณีเฟสตรงกันมากกว่ากรณีเฟสตรงข้าม ในการ
ท่องจ้าสูตรพี่แนะน้าให้ท่องจ้าเฉพาะกรณีสูตรเฟสตรงกันก็พอ ถ้าหากโจทย์พูดถึง
กรณีเฟสตรงข้าม น้องก็เพียงแค่สลับสูตรระหว่างสูตรบัพกับปฎิบัพเท่านั้นเอง และ
แนวการแทรกสอดก็ต้องสลับกันด้วย อย่างเช่น ถ้าเป็นกรณีเฟสตรงกันแนวกลางจะ
เป็น 𝐴0 กรณีเฟสตรงข้ามแนวกลางจะเป็น 𝑁0 (สลับทั้งสูตร สลับทัง้ แนว)
จ้านวนแนวบัพทั้งหมด = 2n จ้านวนแนวบัพทั้งหมด = 2n + 1
1. 3
2. 4
3. 5
4. 6
7cm
P
4cm
5.5 cm
Ex12. จากรูป S1 และ S2เป็นช่องแคบ ถ้ามีคลื่นหน้าตรงความยาวคลื่น 1.0 เซนติเมตร ตกกระทบทามุม 60 องศา กับ
แนว S1 และ S2 ซึ่งห่างกัน 3.0 เซนติเมตร การแทรกสอดที่จดุ P จะเป็นอย่างไร
1. จะไม่เกิดการแทรกสอดของคลื่น
2. จะเกิดจุดปฏิบัพ
3. จะเกิดจุดบัพ
4. เกิดการแทรกสอดที่ไม่ใช่ทั้งบัพและปฏิบัพ
การบ้านชุดที่ 8
ต้าแหน่งบัพ ( เป็นจุดที่ไม่สั่น
คลืน่ นิง่ ในเส้นเชือก
ต้าแหน่งปฏิบัพ(สั่นรุนแรงจะเห็นเป็นป่องๆ)
สมการความเร็วในเส้นเชือก
คาอธิบายตัวแปร
ความยาวคลื่นหาได้จากรูปคลื่นนิ่ง
แทน อัตราเร็วคลื่น (m/s)
แทน แรงตึงเชือก (N)
ที่เกิดขึ้น แล้วใช้ความสัมพันธ์ที่ว่า
แทน มวลต่อหน่วยความยาว (kg/m)
1 = 2Loop
เดี๋ยวเราจะไปฝึกหา ในหน้า
ถัดไป....
ถ้า L = 3 m =?
ถ้า L = 3 m =?
พิจารณาชิ้นส่วนเชือกที่มีแรงกระทาดังรูป
∑ =
2 ∆𝑚 แทนมวลของเชือกส่วนที่พิจารณา
2 sin =∆
2
2 sin =∆
2 =∆ θ≅
∆𝑙
∆ 2 sin 𝜃 ≅ 𝜃 =
2 ( )=∆ 2𝑅
2
2
∆ =∆
∆ 2
=( )
∆
2 เมื่อก้าหนดให้ ( ค่า (มิว) เป็นค่าคงที่ เช่น
=
มันแปลว่าถ้า เชือกยาว 1 เมตรจะมีมวล 0.5 กิโลกรัม ถ้าเชือกยาว 2 เมตรก็จะมี
มวล 1 กิโลกรัม
𝑇
𝑣=
𝜇
เป็นคลื่นที่มีการสะท้อนและแทรกสอดกันเป็นคลื่นนิ่ง เป็นคลื่นที่มีการเคลื่อนที่ตามปกติ
1. 50 m/s
2. 100 m/s
3. 150 m/s
4. 200 m/s
1. 1 Hz
2. 2 Hz
3. 3 Hz
4. 4 Hz
Ex7. เชือกขึงตึงยาว 1.2 เมตร สั่นด้วนความถี่ 100 เฮริตซ์ เกิดปฏิบัพ 3 ตาแหน่ง ความเร็วของคลื่นในเส้นเชือกเป็น
เท่าใดของหน่วยเมตรต่อวินาที
การบ้านชุดที่ 9
เสริมกัน(A)
หักล้างกัน(N)
6 cm
เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ปะทะสิ่งกีดขวางที่เป็นช่องเปิดคลื่นจะเกิดการเลี้ยวเบนลักษณะการเลี้ยวเบนของคลื่นจะ
ขึ้นอยู่กับความกว้าง(d)ของช่องเปิดกับความยาวคลื่น() ดังรูปข้างล่างนี้
d d d
สมการการแทรกสอดหลังจากเลีย้ วเบนผ่านช่องเปิดเดี่ยว
แนวปฏิบพั (A) แนวบัพ (N)
dsin = ( n 1 ) dsin = n
2
x dx = n
d L d x = ( n 1 ) L
L 2
เมื่อ n = 1, 2, 3, ……
เมื่อ n = 1, 2, 3, ……
พิจารณาการเกิดบัพที่ 1 จากช่องเดี่ยว
จาก dsin = n ถ้า d > จาก sin = ดังนั้นค่า sin < 1
n
sin =
d เป็นไปได้ ท้าให้ เกิดแนวบัพขึน้ เรียกว่า “เลีย้ วเบนไม่ด”ี
เมื่อ n = 1 ;
sin =
ถ้า d < จาก sin = ดังนั้นค่า sin > 1
เป็นไปไม่ได้ จึงไม่เกิดแนวบัพ เรียกว่า“เลีย้ วเบนดี ”
ข้อสังเกต สมการแนวบัพแนวปฏิบัพของการแทรกสอดช่องเปิดคู่กับช่องเปิดเดี่ยวจะมีความต่างกัน
- d ในช่องเปิดคู่ คือระยะห่างของช่องเปิดทัง้ สอง
แต่ d ในช่องเปิดเดีย่ วคือ ความกว้างของช่อง
- สมการทีใ่ ช้งานก็แตกต่างกันจุดนี้แหละที่ทาให้นักเรียนส่วนใหญ่สับสน เพราะฉะนั้น
ต้องสังเกตและจาให้แม่นๆ เพื่อผลประโยชน์ของน้องเอง
ลักษณะโจทย์แบบที่ 1 : โจทย์พื้นฐานเน้นการใช้สูตร
Ex1. นายสั่งสอนยืนอยู่บนฝั่งสังเกตคลื่นน้าเคลื่อนที่เข้าฝั่ง มีท่อนไม้ 2 ท่อนลอยขนานกับฝั่งปลายด้านในห่างกัน 50
เซนติเมตรกิดบัพและปฏิบัพของคลื่น ถ้าระยะระหว่างปฏิบัพแรกเท่ากับ 8 เมตร คลื่นน้ามีความยาวคลื่นเท่าไร
1. 5.0 cm คลื่นน้้า ปฏิบัพ
2. 6.7 cm
3. 10.0 cm d 8m
4. 20.0 ปฏิบัพ
L = 20m
4. คลื่นน้าแบบต่อเนื่องที่มีหน้าคลื่นตรง เคลื่อนที่ผ่านรอยต่อระหว่างบริเวณน้าลึกและน้าตื้นแล้วทาให้เกิดคลื่นหักเหหน้า
คลื่นตรง ถ้าแนวทางเดินของคลื่นตกกระทบทามุมกับรอยต่อระหว่างตัวกลางเท่ากับ 30 องศา จงหามุมหักเหถ้าความ
ยาวคลื่นในน้าตื้นลดลงเป็น 1 ของความยาวคลื่นในน้าลึก
3
1. 15 องศา
2. 30 องศา
3. 45 องศา
4. 60 องศา
5cm
𝑠2 (ตอบ 2 แนว)
𝑠1
5cm
A0 𝑃
𝑄
𝑃