Professional Documents
Culture Documents
เอกสารประกอบการเรียน
เอกสารประกอบการเรียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ
เรื่อง Part of Speech (ชนิดของคา)
จัดทาโดย
นางสาววรัญญา ต๊ ะวิชัย
สาขาวิชาภาษาอังกฤษ
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลาปาง
คานา
บทเรี ยนสาเร็ จรู ปนี้ จัดทาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรี ยนการสอน เรื่ อง Part of Speech ในกลุ่มสาระ
การเรี ยนรู ้ภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 โดยรวบรวมเนื้อหา ตลอดจนแบบทดสอบก่อนเรี ยนและหลัง
เรี ยน เพื่อเป็ นคู่มือให้ผเู ้ รี ยนได้เรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง เน้นให้นกั เรี ยนได้พฒั นาตนเอง ให้มีความรู ้ความเข้าใจ มี
ทักษะการนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างถูกต้อง
ผูจ้ ดั ทาหวังว่า บทเรี ยนสาเร็ จรู ปเล่มนี้จะเป็ นประโยชน์แก่นกั เรี ยนที่เรี ยนภาษาอังกฤษและผูส้ นใจ
ทัว่ ไปในการฝึ กฝนการเดาความหมายของคาศัพท์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อเป็ นพื้นฐานในการพัฒนาการอ่านใน
ระดับสูงต่อไป
ผูจ้ ดั ทา
หน้ า
คานา 2
สารบัญ 3
คาชี้แจงบทเรี ยน 4
วัตถุประสงค์บทเรี ยน 5
แบบทดสอบก่อนเรี ยน 6-11
เนื้อหาบทเรี ยน
1. Noun (คานาม) 12-18
2. Verb (คากริ ยา) 19-20
3. Pronoun (คาสรรพนาม) 21-23
4. Adjective (คาคุณศัพท์) 24-29
5. Adverb (คากริ ยาวิเศษณ์) 30-32
6. Preposition (คาบุพบท) 33-37
7. Conjunction (คาสันธาน) 38-43
8. Interjection (คาอุทาน) 44-48
แบบทดสอบหลังเรี ยน 49-55
แหล่งอ้างอิง 56
บทเรี ยนสาเร็ จรู ป เรื่ องPart of Speech (ชนิดของคา)สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 ผูเ้ รี ยนสามารถ
ศึกษาเนื้อหาได้ดว้ ยตนเองตามขั้นตอนที่กาหนดไว้ จะมีการเสริ มแรงแก่ผเู ้ รี ยนเป็ นระยะๆ เนื้อหาการเรี ยนรู ้
แบ่งเป็ นตอนย่อยๆ เนื้อหาที่จะเรี ยนมีแบบฝึ กหัดให้ผเู ้ รี ยนคิดทากิจกรรมหรื อตอบคาถาม ผูเ้ รี ยนจะสามารถ
รับรู ้ได้ดว้ ยตนเองตามความสามารถของแต่ละบุคคลซึ่งมีกิจกรรมให้นกั เรี ยนปฏิบตั ิดงั นี้
1. อ่านจุดประสงค์การเรี ยนรู ้ของบทเรี ยนให้เข้าใจ
2. ทาแบบทดสอบก่อนเรี ยน
3. ศึกษาความรู้จากบทเรี ยน ในเรื่ องที่ 1-4 ซึ่ งประกอบด้วย
Noun (คานาม)
Verb (กริ ยา)
Pronoun (คาสรรพนาม)
Adjective (คาคุณศัพท์)
Adverb (กริ ยาวิเศษณ์)
Preposition (บุพบท)
Conjunction (คาสันธาน)
Interjection (คาอุทาน)
4. ทาแบบทดสอบหลังเรี ยน
Noun (คานาม) คือคาที่ใช้แทนคน สัตว์ สิ่ งของ สถานที่ (รวมถึง ชื่อของคน สัตว์ สิ่ งของ สถานที่)
คน เช่น boy girl man student doctor king father/ John Sam Ted Tom
สิ่ งของ เช่น TV radio fan car soap / Sony Samsung Lux
นอกจากนี้ คานามบางคาจะเป็ นพหูพจน์เสมอ เช่น shoes, eyeglasses, scissors, trousers เป็ นต้น
แต่คานามบางคาถือเป็ นคานามเอกพจน์ แม้มีรูปเป็ นพหูพจน์ คือ เติม – s เช่น news, mathematics, measles
(โรคหัด) เป็ นต้น
3) Common Noun คือ ‚คานามทัว่ ไป‛ เป็ นคานามที่ใช้เรี ยกคน สัตว์ สิ่ งของ สถานที่ทวั่ ๆไป ความคิด (
person, animal, place, thing, idea ) โดยไม่เฉพาะเจาะจง กล่าวโดยสรุ ปคือ คานามทั้งหลายที่ไม่ใช่ proper
nouns คือ common nouns เช่น
สิ่ งของ boy, sign, table, hill, water, sugar, atom, elephant
สถานที่ city, hill, road, stadium, school,company
เหตุการณ์ revolution, journey, meeting
ความรู ้สึก fear, hate, love
เวลา year, minute, millennium
5) Concrete Noun คือ ‚คานามที่เป็ นรู ปธรรม‛ หรื อคานามวัตถุเป็ นสิ่ งที่จบั ต้อง เป็ นคานามที่ใช้เรี ยกสิ่ งที่
เป็ นรู ปธรรม คานามประเภทนี้เป็ นmass noun เป็ นคานามที่เรี ยกสิ่ งของที่มีรูปร่ างอยูเ่ ป็ นกลุ่มก้อน แต่นบั
ไม่ได้ตอ้ งระบุจานวนมากน้อยโดยบอกเป็ นปริ มาณและเป็ นคานามที่บ่งบอกถึงเนื้อวัตถุจะมีรูปเป็ นเอกพจน์
และใช้กบั กริ ยาเอกพจน์เสมอ เช่น rice, soap, gold, water, wood
คานามวัตถุจะ ไม่ ใช้ คากากับนาม a/an นาหน้ า เช่น
Rice is grown in Thailand.
We wash our hands with soap and water before meals.
Gold is very expensive these days.
6) Abstract Noun คือ ‚คานามที่เป็ นนามธรรม‛ หรื ออาการนาม ได้แก่คานามที่เรี ยกสิ่ งที่ไม่มีรูปร่ าง
เช่น เช่น idea, happiness, taste, honesty เป็ นต้น
คานามประเภทนี้เป็ นคานามที่บอกการกระทา ( action) คุณสมบัติ (quality) หรื อสภาพ ( state) ซึ่งไม่มีตวั
ตนที่จบั ต้องได้ อาการนามเป็ นคานามที่นบั ไม่ได้ เช่น
ability courage death fear help
decision experience beauty hope pity
honesty horror knowledge happiness mercy
poverty arrival choice shopping camping
ข้ อยกเว้ น
1. คาที่ลงท้ายด้วย o เช่นbuffalo ใช้ได้ 2 แบบ คือเติม es ดังนี้ buffaloes หรื อใช้รูปเดิมก็ได้ คือ buffalo
2. คานามที่ลงท้ายด้วย o ที่มาจากภาษาอื่น หรื อคาที่เป็ นคาย่อ ให้เติม s เท่านั้น เช่นคาต่อไปนี้
kilo = kilos photo = photos
piano = pianos dynamo = dynamos
kimono = kimonos soprano = sopranos
กลุ่มที่ 3 คานามที่ลงท้ายด้วย y โดยอักษรที่นาหน้า y เป็ นรู ปพยัญชนะต้องเปลี่ยน y เป็ น i ก่อน
เติม es เช่น
Singular Form Plural Form
baby babies
country countries
fly flies
แต่คานามที่ลงท้ายด้วย y โดยอักษรที่นาหน้า y เป็ นรู ปสระ ให้เติม s เช่น
boy = boys
monkey = monkeys
9) Collective Noun คือ ‚คานามที่กล่าวถึงสิ่ งต่าง ๆ ในลักษณะเป็ นกลุ่ม‛ เช่น team, army, committee เป็ น
ต้น
Collective Nouns คือ คาที่ใช้เรี ยกบุคคล หรื อ สิ่ งของเป็ นกลุ่มๆ โดยทัว่ ไป เป็ นกลุ่มที่ประกอบด้วยปัจเจก
บุคคลต่างๆเช่น
the air force (กองทัพอากาศ) the army (กองทัพ) an audience (ผูช้ ม)
a band (วงดนตรี ) a board (คณะกรรมการบอร์ด) a committee (คณะกรรมการ)
a crew (ลูกเรื อ) a firm (บริ ษทั ) a jury (คณะลูกขุน)
the press (สื่ อมวลชน) a choir (กลุ่มนักร้องประสานเสี ยง) a community (ชุมชน)
a crowd (ฝูงชน) a gang (แก๊ง) the navy (กองทัพเรื อ)
the public (สาธารณชน) a class (ชั้น, รุ่ น) a company (บริ ษทั )
an elite (กลุ่มชนชั้นา) the government (รัฐบาล) an orchestra (วงออเชสตร้า)
แม้วา่ คานาม collective nouns เหล่านี้จะเป็ นเอกพจน์ แต่มกั จะใช้กริ ยาพหูพจน์ โดยเฉพาะเมื่อคุณใช้ใน
ความหมายที่วา่ คานามเหล่านี้ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลในเชิงปัจเจกชนรวมกัน แต่ถา้ ใช้ในความหมายที่เป็ น
หน่วยเดียวแทนที่จะที่เป็ นหลายๆคน ก็ให้ใช้กริ ยาเอกพจน์ โปรดสังเกตตัวอย่างต่างๆ ดังต่อไปนี้:
My family comes from Hong Kong.
(ครอบครัวของฉันมาจากประเทศฮ่องกง)
My family were pleased to see me again.
(ครอบครัวของฉันรู ้สึกดีใจที่ได้พบฉันอีกครั้งหนึ่ง)
The staff consists of a manager and four sales assistants.
(ทีมของพวกเรามีโอกาสสูงที่จะได้รับชัยชนะ)
Our team have been practising hard.
(ทีมของพวกเราฝึ กฝนอย่างหนัก)
The public rarely gets a say.
(สาธารณชนแทบจะไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นเลย)
The public are admitted on weekdays.
(สาธารณชนเข้ามาได้ในช่วงวันเปิ ดทาการ)
The committee is too large.
(คณะกรรมการมีขนาดใหญ่เกินไป)
The committee are considering further action.
(คณะกรรมการกาลังพิจารณาดาเนินการต่อไป)
เอกพจน์ พหูพจน์
I - myself we - ourselves
you - yourself you - yourselves
he - himself they - themselves
she - herself
it - itself
I am working by myself.
He ate the whole cake by himself.
She cut herself while making dinner.
ดูตารางการเปรี ยบเทียบ
Possessive Possessive
Subjective Objective Reflexive pronoun
adjective pronoun
I me my mine myself
You you your yours yourself
We us our ours ourselves
They them their theirs themselves
He him his his himself
She her her hers herself
It it its - itself
2. Proper Adjective คือ "คุณศัพท์ บอกสั ญชาติ" หมายถึง คาที่ไปขยายนามเพื่อบอกสัญชาติ ซึ่งอันที่จริ งมี
รู ปเปลี่ยนมาจาก Proper noun นัน่ เอง ได้แก่
Proper Noun (เป็ นนามเฉพาะ)
England America Thailand Japan
India Germany Italy China
ตัวอย่ างเช่ น : John employs a chinese cook. (จอห์นจ้างพ่อครัวชาวจีนคนหนึ่ง)
Do you learn French literature? (คุณเรี ยนวรรณคดีฝรั่งเศสหรื อ)
The English language is used by every nation. (ภาษาอังกฤษใช้ในทุกประเทศ)
ข้อสังเกต : Chinese, French, English เป็ นคาคุณศัพท์บอกสัญชาติ
ตัวอย่างเช่น:
I invited that man to come in.
(ฉันได้เชิญผูช้ ายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน)
Jan hated such things because they made her ill.
(แจนเกลียดสิ่ งเหล่านั้นเพราะมันทาให้เธอไม่สบาย)
They said the same thing two or three times.
(พวกเขาพูดถึงสิ่ งเดียวกันนี้2หรื อ3ครั้งแล้ว)
ข้ อสั งเกต: that,such,same เป็ นคุณศัพท์ช้ ีเฉพาะวางไว้หน้านาม
ตัวอย่างเช่น:
Give me what money you have.
(จงให้เงินเท่าที่คุณมีอยูแ่ ก่ฉนั )
I will take whichever horse you don t want.
(ฉันจะนาเอาม้าตัวที่คุณไม่ตอ้ งการ)
He will read what book he wishes.
[ แซมจะอ่านหนังสื ออะไรก็ได้ที่เขาปราถนา (จะอ่าน) ]
ข้อสังเกต : What, Whichever เป็ นคุณศัพท์สมั พันธ์ ไปขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ทา
หน้าที่เชื่อมประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีกด้วย
หน้ าทีข่ องคาคุณศัพท์ Adjective
1. ใช้ Adjective เพื่อขยายคานาม
ตัวอย่างGary is a smart student. (แกรี่ เป็ นนักเรี ยนที่ฉลาด)
คาว่า smart เป็ นคาคุณศัพท์ ขยายคาว่า student ซึ่งเป็ นคานาม
2. ใช้ Adjective เพื่อขยายคาสรรพนาม
ตัวอย่างHe is tall. (เขาเป็ นคนสูง)
คาว่า tall เป็ นคาคุณศัพท์ ขยายคาว่า He ซึ่งเป็ นคาสรรพนาม
หน้าที่ของคากริ ยาวิเศษณ์
คากริ ยาวิเศษณ์แบ่งออกได้เป็ นประเภทต่าง ๆ ตามหน้าที่ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1 คากริยาวิเศษณ์ ที่ทาหน้ าทีบ่ อกเวลา (adverbs of time)เช่น soon, lately, recently, today,
tomorrow, yesterday, etcadverb ที่ บอกว่าการกระทานั้นเกิดเมื่อใด ( when ) เป็ นเวลานานแค่ไหน ( for how
long ) และบ่อยแค่ไหน ( how often )
เช่น When = today, yesterday, later,now, last year, after, soon, before, sometime, For how long = all day,
not long, for a while, since last year, temporarily, briefly, from……to, till, until ( บางตาราแยกเป็ น
Adverbs of Duration [กริ ยาวิเศษณ์บอกระยะที่ดาเนินการมา] )
How often = sometimes , frequently, never, often, always, monthly ( บางตาราแยกหัวข้อนี้ออกเป็ น
Adverbs of Frequency [กริ ยาวิเศษณ์บอกความสม่าเสมอ] )
2 คากริยาวิเศษณ์ ที่ทาหน้ าทีบ่ อกสถานที่ (adverbs of place) เช่น here, there, upstairs, downtown,
inside, outside, etc.adverbที่ บอกว่าการกระทานั้นเกิดขึ้นที่ไหน หรื อ การเคลื่อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด
หนัง ( Where )
เช่น here, there, everywhere, up, down, near, abroad, above
3 คากริยาวิเศษณ์ ที่ทาหน้ าทีบ่ อกอาการ (adverbs of manner)เช่น quietly, nicely, graciously,
quickly, rapidly, slowly, steadily, safely, silently, etc.adverbที่บอกว่าการกระทานั้นได้กระทาในลักษณะ
อาการอย่างไร ( How ) ส่ วนมากจะเป็ น adverb ที่ลงท้ายคาด้วย -lyของคาคุณศัพท์
เช่น quickly, happily, bravely, hard, fast, well
4 คากริยาวิเศษณ์ ที่ทาหน้ าทีบ่ อกระดับ (adverbs of degree)เช่น very, rather, fairly, quite, slightly,
extremely, etc.เป็ นกริ ยาวิเศษณ์ที่ส่วนใหญ่ไปขยาย adjective หรื อ adverb ด้วยกันเอง เพื่อบอกระดับหรื
อปริ มาณความมากน้อย คาที่พบบ่อยๆ (How much) ( บางตาราแยกหัวข้อนี้ออกเป็ น Adverbs of quantity
[กริ ยาวิเศษณ์บอกปริ มาณมากหรื อน้อย] )
ได้แก่very, fairly, rather, quite, too, hardly
5 คากริยาวิเศษณ์ ที่ทาหน้ าทีบ่ อกความถี่ (adverbs of frequency) เช่น often, seldom, always,
frequently, every day, rarely, occasionally, etc.
Susan looked to the right before crossing the street. Susan looked to the left before crossing the street.
- Susan looked both to the right and to the left before crossing the street.
The teacher objected to the change in the curriculum. The students objected to the change in the curriculum.
- Not only the teacher but also the students objected to the change in the curriculum.
You can have your party at my house. You can have your party at your parents’ house.
- You can have your party at either my house or your parents’.
You must make the first payment by November 2. You can explain the delay on Form 233A.
- You must either make the first payment by November 2 or explain the delay on Form 233A.
We don’t have food until the end of the week. We don’t have money until the end of the week.
- We have neither food nor money until the end of the week.
Tomatoes are not good for this season. Beans are not good for this season.
- Neither tomatoes nor beans are good this season. (ขอให้สงั เกตว่าเมื่อใช้ neither … nor
เชื่อมประธานสองตัว คากริ ยาจะใช้สอดคล้องกับประธานที่อยูใ่ กล้คากริ ยามากที่สุด ในที่น้ ีใช้ are สอดคล้องกับ beans)
The news did not distress him. The news did not delight him.
- The news neither distressed nor delighted him.
Prepositions (คาบุพบท)เป็ นคา หรื อกลุ่มคาที่วางหน้า noun หรื อ pronoun เพื่อแสดงว่าคานามหรื อสรรพ
นามนั้นเกี่ยวข้องกับคาอื่นๆในประโยคอย่างไรเช่น on, at, in, from, within
คาบุพบทแบ่งเป็ นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
1 .คาบุพบทบอกสถานที่ (prepositions of place) เช่น at, on, in, etc
2. คาบุพบทบอกตาแหน่ง (prepositions of position) เช่น above, beneath, behind, in front of, etc.
3 คาบุพบทบอกการเคลื่อนไหว (prepositions of motion) เช่น through, into, towards, out of, away from,
etc.
4 .คาบุพบทบอกทิศทาง (prepositions of direction) เช่น up, down, across, along, etc
5 .คาบุพบทบอกเวลา (prepositions of time) เช่น on, in, at, by, after, before, etc.
6 .คาบุพบทบอกลักษณะอาการ (prepositions of manner) เช่น in, with, without, etc.
7 .คาบุพบทบอกความสัมพันธ์ (prepositions of relationship) เช่น about, of, with, in, from, etc.
การใช้ คาบุพบท
ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับการใช้คาบุพบท มีดงั นี้
1.การใช้คาบุพบทให้ถูกต้องมักต้องอาศัยการสังเกตและจดจา ว่าในสถานการณ์น้ นั ๆ จะต้องใช้คาบุพบทคา
ใด เช่น เมื่อกล่าวถึงวัน ต้องใช้คาบุพบท on เมื่อกล่าวถึงเดือน ต้องใช้คาบุพบท in เป็ นต้น ดังตัวอย่าง
ต่อไปนี้
-I study English on Monday.
-I started studying English in 1990.
2 ถึงแม้วา่ คาบุพบทแต่ละคาจะมีความหมายของตัวเอง แต่คาบุพบทมักถูกนาไปใช้คู่กบั คาอื่น ๆ และทาให้
เกิดความหมายพิเศษ มีลกั ษณะคล้ายสานวน
ตัวอย่าง
· approve of (เห็นชอบ)
We approve of the new plan.
· angry at หรื อ angry with (โกรธ)
We are angry at/with John.
· satisfied with (พอใจกับ)
We are satisfied with our success.
Preposition
Preposition คาเดียวที่พบเห็นบ่อยๆและนิยมใช้กนั มากมีอยู่ 44 คาคือ in, on, at, under, to, from, of, off,
since, for, near, around, inside, outside, beneath, towards, into, till, until, from…to, with, without, by, up,
down, after, before, beside, besides, against, through, across, along, above, over, behind, below,
underneath, during, between, among, from…until, within, forward
Preposition คาเดียว
การใช้ in, at, on บุพบทที่ใช้กบั เวลามีหลักดังนี้
at :ใช้ เพือ่ บอกเวลาเกีย่ วกับชั่วโมง noon, night, midnight, midday, Christmas, Easter เพื่อบอกเวลา
เฉพาะเจาะจงเช่น
They want home at three o’clock. พวกเขากลับบ้านเวลา15.00 น
Preposition วลี
คือ บุพบทตั้งแต่ 2ตัวขึ้นไปรวมอยูด่ ว้ ยกัน และมีความหมายเสมือนเป็ นบุพบทคาเดียว แบ่งเป็ น 2ชนิด คือ
4. การใช้ by (โดย)
คาบุพบท by นี้มีวิธีการใช้ในหลาย ๆ ความหมาย ดังนี้
4.1 ใช้ by กับกริ ยาที่เรี ยกหากรรม (Transitive Verb) ในประโยคกรรมวาจก (Passive Voice) เพื่อแสดงให้รู้
ว่าใครหรื ออะไรเป็ นผูก้ ระทากริ ยาอาการนั้น ๆ เช่น
He was attacked by a dog. (เขาถูกสุ นขั โจมตี (ไล่กดั ))
ในที่น้ ีจะเห็นว่าผูท้ ี่กระทากริ ยาอาการคือการโจมตีน้ นั คือสุ นขั (a dog) ส่ วนเขา (He) นั้นเป็ นผูถ้ ูกกระทา
ข้ อสั งเกต
บางครั้งอาจใช้ duringและ inแทนกันได้ เมื่อต้องการพูดว่าบางสิ่ งบางอย่างเกิดขึ้นภายในช่วงระยะเวลาใด
เวลาหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น
We will be on holiday during (in) April. (พวกเราจะอยูใ่ นช่วงวันหยุดระหว่าง (ใน) เดือนเมษายน)
นิยมใช้ during เมื่อต้องการเน้นถึงช่วงตลอดระยะเวลานั้น เช่น
The company was closed during the whole of April. (บริ ษทั ทาการปิ ดในช่วงตลอดเดือนเมษายน)
เรานิยมใช้ during เมื่อต้องการบอกว่าบางสิ่ งได้เกิดขึ้นในเวลาหนึ่งและมีการจบลงในเวลาหนึ่งแต่ไม่ใช่ช่วง
ระยะเวลา เช่น
I phoned him during the meeting. (ผมโทรถึงเขาในระหว่างการประชุม)
I met him during his stay in Bangkok. (ผมได้พบเขาในช่วงที่เขาพักอยูใ่ นกรุ งเทพฯ)
สานวนเกี่ยวกับ duringที่ใช้บ่อย เช่น duringmyabsence (ในระหว่างที่ผมไม่อยู)่ , duringthe concert (ระหว่าง
6. ติเตียน
- Fie! (ไฟ) = เชอะ! ถุย!
7. เตือนให้ ระวัง
- Hark! (ฮ้าค) = ฟัง!
- Hush! (ฮัช) = อย่าทาเสี ยงดัง!
8. เรียกหรือทักทาย
- Ho! (โฮ) = ฮ้า!
การอุทานทีอ่ อกมาในรูปแบบของประโยค เช่ น ประโยคอุทานทีข่ นึ้ ต้ นด้ วย What และ How เช่ น
What a pity! (ว็อทอะพิททิ)
ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนั้น
What a mess! (ว็อทอะเมส)
มันช่างสับสนอะไรอย่างนั้น
What a fool he is!(ว็อทอะฟูลฮี อีส)
เขาช่างโง่อะไรอย่างนั้น!
What a shame you can’t come!
(ว็อทอะเชม ยู ค้านท คัม)
ช่างน่าอานอะไรอย่างนั้นที่คุณมาไม่ได้!
What an awful noise!
(ว็อท แอน ออฟูลนอยซ)
มันช่างเสี ยงดังอะไรอย่างนั้น!
What a nuisance! (ว็อทอะนิวซันซ)
มันช่างน่าราคาญอะไรอย่างนั้น
What a shame! (ว็อทอะเชม)
ช่างน่ายอายอะไรอย่างนั้น!
What a pretty girl!
(ว็อทอะพริ ททิเกิล)
เธอช่าน่ารักอะไรอย่างนั้น!
What an expensive dress!
(ว็อท แอน อิ๊คซเพนซีฟว เดรส)
ชุดอะไรช่างแพงอย่างนั้น!
What a large room!
(ว็อทอะลาจรู ม)
- https://sakawdurn.wordpress.com/category/part-of-speech/
- http://www.studysquare.co.th/studyenglish/noun-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD-
%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/
- http://ภาษาอังกฤษออนไลน์.com/parts-of-speech-
%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%
E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94/