Professional Documents
Culture Documents
ปัจจุบันการประกอบโครงสร้างเหล็กมักทําโดยวิธีการเชื่อมเป็นส่วนใหญ่ โดยการต่อโดยการเชื่อมนี้
Topics เป็นวิธีการต่อแผ่นโลหะให้ติดกันโดยใช้ความร้อนเผาโลหะตรงบริเวณรอยต่อให้ละลายแล้วพร้อม
กันนั้นใช้ลวดเชื่อมหลอมติดแผ่นโลหะนั้นเข้าด้วยกัน วิธีการเชื่อมด้วยลวดเชื่อมที่นิยมกันทั่วไปมี
• Introduction อยู่ 3 วิธี
1. การเชื่อมแบบแท่ง (Shielded metal arc welding , SMAW)
• Type of Welding , Electrode , Symbol
2. การเชื่อมแบบจุ่ม (Submerged arc welding , SAW)
• Failure of Welding , Effective Weld Area 3. การเชื่อมแบบใช้ก๊าซ (Gas metal arc welding , GMAW)
การเชื่อมแบบแท่ง จะเป็นลักษณะการเชื่อมด้วยมือโดยใช้ธูปเชื่อม ซึ่งประกอบด้วยแกนลวดหุ้ม
• Welding Connection Design ด้วยฟลักซ์ (flux) ความร้อนที่ปลายธูปจะทําให้ลวดและฟลักซ์หลอมละลาย ตัวลวดจะทําหน้าที่
เป็นตัวประสานให้ชิ้นงานเชื่อมติดกัน ส่วนฟลักซ์จะเปลี่ยนเป็นก๊าซที่ครอบคลุมบริเวณรอยเชื่อม
และ บางส่วนจะเปลี่ยนเป็นกาก (Slag) เกาะติดกับผิวรอยเชื่อมซึ่งสามารถเคาะออกได้ง่าย การ
เชื่อมด้วยวิธีนี้จะต้องมีการเปลี่ยนลวดเชื่อมเป็นช่วงๆทําให้รอยเชื่อมไม่สม่ําเสมอได้แต่เป็นวิธีเชื่อม
ที่สะดวกจึงมักนิยมใช้ในงานสนามทั่วไป
Introduction Introduction
การเชื่อมแบบจุ่ม จะเป็นลักษณะการเชื่อมแบบอัตโนมัติโดยฟลักซ์จะถูกกองไว้ในบริเวณที่เชื่อม
ก่อ นปลายลวดเชื่ อ มจะจุ่ ม อยู่ ใ นบริ เ วณฟลั ก ซ์ นี้ ลวดเชื่ อ มจะถู ก จ่ า ยออกมาอย่ า งต่ อ เนื่ อ งใน
ระหว่างการเชื่อมทําให้สามารถเชื่อมได้อย่างรวดเร็วและควบคุมคุณภาพรอยเชื่อมได้อย่างดีเป็น
วิธีการเชื่อมที่นิยมในโรงงาน
SMAW
Introduction Type of Weld
ชนิดของจุดต่อสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบด้วยกัน คือ
1. การเชื่อมต่อแบบทาบ (Fillet Weld) เป็นการต่อแผ่นเหล็กที่ตั้งฉากกันหรือซ้อนกัน แล้ว
เชื่อมตามแนวยาวหรือตามขวาง รอยเชื่อมต่อแบบฟิลเลท สามารถรับได้ทั้งแรงดึง แรงอัด
แรงเฉือน
2. การเชื่อมต่อแบบชน (Butt Weld or Groove Weld) เป็นการเชื่อมต่อตรงปลายขอบ
ชิ้นส่วนที่นํามาวางชนกัน การเตรียมรอยต่อแบบนี้ต้องเตรียมขอบปลายที่จะเชื่อมไว้ก่อน
ล่วงหน้าลักษณะการเชื่อมมีทั้งแบบเชื่อมในร่องลึกตลอดความหนาของชิ้นส่วนที่นํามาต่อ
SAW หรือ เชื่อมในร่องลึกเพียงบางส่วนของความหนาก็ได้ รอยเชื่อมแบบนี้จะใช้สําหรับแรงดึง
หรือ แรงอัดโดยตรง
3. การเชื่อมอุดแบบปลั๊ก (Plug or Slot Weld) เป็นการต่อแผ่นเหล็ก 2 ชิ้นที่นํามาซ้อนกันโดย
การเจาะรูหรือทําช่องเตรียมไว้ก่อน แล้วจึงเชื่อมอุดลงในช่องให้ติดกัน การเชื่อมลักษณะนี้คือ
การเชื่อมต่อแบบทาบนั่นเอง สามารถรับแรงเฉือนได้ดี แต่ชิ้นส่วนอาจเกิดการบิดงอหรือโก่ง
GMAW ตัว
Electrode Symbol
ตารางที่ 8.1 การจับคู่ (Matching) ของชิ้นงานเชื่อมกําหนดโดย AWS D 1.1
สั ญ ลั ก ษณ์ ก ารเชื่ อ มตามมาตรฐานอเมริ กั น
(American Welding Society , AWS) ซึ่ง
มาตรฐาน AISC ได้นํามาใช้เป็นการเขียนบอก
น้อยกว่าหรื อเท่ากับความหนา 19 มม. ให้ ช่ า งก่ อ สร้ า งได้ ท ราบถึ ง ลั ก ษณะ วิ ธี ก าร
เชื่ อ ม ขนาดขาเชื่ อ ม ความยาวรอยเชื่ อ ม
ตําแหน่งที่จะเชื่อม ลวดเชื่อมที่จะใช้ เป็นต้น
Symbol Failure of Welding , Effective Weld Area
หน่วยแรงต่างๆที่เกิดบนรอยเชื่อม
Failure of Welding , Effective Weld Area Failure of Welding , Effective Weld Area
การวิบัติของรอยเชื่อมอาจเกิดได้ 2 แบบ คือ การวิบัติที่รอยเชื่อม หรือ การวิบัติที่แผ่นเหล็กนํามา สําหรับการเชื่อมแบบต่อทาบที่มีขนาดขาเชื่อมเท่ากัน ระยะความหนาประสิทธิผลจะเป็นระยะที่
ต่อ การวิบัติทั้งสองแบบเกิดจากแรงกระทําในระนาบใดระนาบหนึ่ง เช่น แรงดึง , แรงอัด , แรง สั้นที่สุดที่วัดจากมุมของการเชื่อมไปยังผิวเชื่อมสมมุติ ซึ่งเป็นผิวเชื่อมในแนวเรียบที่วัดจากขาเชื่อม
เฉือน ซึ่งอาจอยู่ในระนาบของรอยเชื่อมหรือในระนาบของแผ่นเหล็ก จากรูปแสดงระนาบการวิบัติ หนึ่งไปยังขาเชื่อมอีกอันหนึ่ง นั่นคือ ระยะความหนาประสิทธิผล มีค่าเท่ากับ 0.707 เท่าของขนาด
ของรอยเชื่อม หรือ ที่แผ่นเหล็กเมื่อรับแรงเฉือนโดยแผ่นเหล็กอาจเกิดการวิบัติที่ระนาบ 1-1 หรือ ขาเชื่อมเมื่อเชื่อมด้วยวิธี SMAW ( แต่ถ้าเชื่อมด้วยวิธี SAW จะให้ค่ามากขึ้นอีกเล็กน้อย) ส่วนการ
3-3 และ รอยเชื่อมเกิดการวิบัติที่ระนาบ 2-2 ซึ่งเป็นระนาบที่มีพื้นที่น้อยที่สุด ที่เรียกว่า เนื้อที่ เชื่อมแบบต่อทาบที่มีขนาดขาไม่เท่ากัน ระยะความหนาประสิทธิผลจะเป็นระยะตั้งฉากที่วัดจาก
ประสิทธิผลของรอยเชื่อม โดยหาได้จาก ผลคูณของความยาวของรอยเชื่อมกับระยะความหนา มุมของการเชื่อมไปยังผิวเชื่อมสมมุติดังกล่าวแล้ว
ประสิทธิผล Throat = Size x Cos 45 Failure
plane
= (0.707)(Size) P
size
45 P
L
size size
Failure of Welding , Effective Weld Area Failure of Welding , Effective Weld Area
สําหรับการเชื่อมแบบต่อชน และ เชื่อมลึกตลอดความหนาของชิ้นส่วน
เนื้อที่ประสิทธิผล = (ความหนาของชิ้นส่วนที่บางกว่า)(ความยาวของการเชื่อม)
สําหรับการเชื่อมในรูหรือในช่อง
เนื้อที่ประสิทธิผล = เนื้อที่หน้าตัดของรูหรือช่องที่รับแรงกระทํา
Failure of Welding , Effective Weld Area Failure of Welding , Effective Weld Area
ความหนาประสิทธิผลน้อยที่สุดของรอยเชื่อม
กรณีรอยเชื่อมแบบลึกไม่เต็มหน้าของชิ้นงาน ความหนาประสิทธิผลน้อยที่สุดได้กําหนดให้มีค่าตาม
ตาราง 8.2
ตารางที่ 8.2 ความหนาประสิทธิผลน้อยที่สุดของรอยเชื่อมแบบร่อง
ความหนาของชิ้นงานที่ ความหนาประสิทธิผลน้อยสุด
บางกว่า (t) (มม.) ของรอยเชื่อมแบบร่อง (มม.)
t 6 3
6 < t 13 5
13 < t 19 6
19 < t 38 8
38 < t 57 10
57 < t 150 13
t > 150 16
Failure of Welding , Effective Weld Area Failure of Welding , Effective Weld Area
2. รอยเชื่อมแบบพอก (fillet Welds)
พื้นที่ประสิทธิผล ของรอยเชื่อมแบบร่องมีค่า Aw = Le x te te คือ ความหนาประสิทธิผลของรอยเชื่อม (ซม.) หรือ ระยะที่สั้นที่สุดของรอยเชื่อมไปยังผิวของ
โดยที่ Le คือ ความยาวประสิทธิผลของรอยเชื่อมแบบพอก (ซม.) โดยมีข้อกําหนดดังต่อไปนี้ รอยเชื่อม
(a.) กรณีออกแบบโดยวิธีกําลัง Le 4a หรือ มิฉะนั้น a Le / 4 (a.) กรณีของขนาดขาเชื่อมเท่ากัน te = 0.707a
(b.) กรณีเหล็กแบนรับแรงดึงที่มีรอยเชื่อมตามแนวยาวเท่านั้น Le w โดยที่ w เป็นระยะตั้งฉาก (b.) กรณีขนาดขาเชื่อมไม่เท่ากัน te = ab / (a2+b2)0.5
ระหว่างรอยเชื่อม (c.)กรณีการเชื่อมแบบจุ่ม te = a เมื่อ a 10 มม. และ 0.707a + 3 เมื่อ a > 10 มม.
(c.) กรณีเชื่อมรับแรงที่ปลาย (รอยเชื่อมตามแนวยาวขนานกับแนวแรงเพื่อทําหน้าที่ถ่ายแรงตาม a คือ ขนาดของขาเชื่อม (ซม.) ดูได้จากตารางขนาดขาเชื่อมสําหรับรอยเชื่อมแบบพอก
แกนที่ปลายองค์อาคาร) ให้ L คือ ความยาวจริงของรอยเชื่อม จะได้
เมื่อ L 100a ; Le = L
เมื่อ 100a < L 300a ; Le = L โดยที่ = 1.2 – 0.002(L/a) 1.0
เมื่อ L > 300a ; Le = 0.6 L
(d.) กรณีรอยเชื่อมเว้นระยะ Le = Li โดยที่ Li คือ ความยาวของรอยเชื่อมแต่ละช่วง (4a หรือ
40 มม.)
(e.) กรณีจุดต่อแบบทาบ Le 5t หรือ 25 มม. โดยที่ t คือความหนาของชิ้นงานที่บางกว่า
Failure of Welding , Effective Weld Area Failure of Welding , Effective Weld Area
การสิ้นสุดของรอยเชื่อมแบบพอก สามารถหยุดรอยเชื่อมต่ไปจนถึงปลายหรือด้านข้างของชิ้นส่วน
ต่อ ยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้
ตารางแสดงขนาดขาเชื่อมสําหรับรอยเชื่อมแบบพอก 1.) กรณีจุดต่อแบบทาบกับองค์อาคารรับแรงดึง รอยเชื่อมแบบพอกบนชิ้นส่วนที่นําไปต่อจะต้อง
ตารางที่ 8.3 ตารางแสดงขนาดขาเชื่อมสําหรับรอยเชื่อมแบบพอก เว้นระยะจากขอบขององค์อาคารหลักนี้เป็นระยะไม่น้อยกว่าขนาดของรอยเชื่อม
ความหนาของชิ้นงานที่ ขนาดขาเชื่อมที่เล็กที่สุด a ขนาดขาเชื่อมใหญ่ที่สุด a 2.) กรณีการเชื่อมอ้อมปลาย (end return) ความยาวของรอยเชื่อมที่อ้อมปลายนี้จะต้องน้อยกว่า
บางกว่า (t) มม. (มม.) (มม.)
4 เท่าขนาดของรอยเชื่อมหรือครึ่งหนึ่งของความกว้างชิ้นงาน
t 6 3 6
3.) รอยเชื่อมแบบพอกที่ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างแผ่นเหล็กตั้งเสริมกําลังกับเอวของคานแผ่น
6 < t 13 5 t-2
เหล็กประกอบที่มีความหนาเอว 19 มม. หรือน้อยกว่าจะต้องเว้นระยะห่างจากรอยเชื่อมต่อ
13 < t 19 6 t-2
t > 19 8 t-2
แผ่นเอวและปีกไม่น้อยกว่า 4 เท่า และ ไม่มากกว่า 6 เท่าของความหนาของแผ่นเอว ยกเว้น
ในกรณีที่ส่วนปลายของแผ่นเหล็กตั้งเสริมกําลังเชื่อมติดปีก
End Return
P P
Failure of Welding , Effective Weld Area Failure of Welding , Effective Weld Area
รอยเชื่อมแบบอุดรูกลมและร่อง (Plug and Slot Welds)
พื้นที่ประสิทธิผล (Ae)
พื้นที่รับแรงเฉือนประสิทธิผลมีค่าเท่ากับพื้นที่หน้าตัดระบุหรือร่องในระนาบของผิวสัมผัสระหว่าง โดยที่ t คือ ความหนาของชิ้นงาน (มม.)
องค์อาคาร คือ เส้นผ่าศูนย์กลางของรอยเชื่อม (มม.)
ตารางแสดงค่ากําหนดต่างๆเกี่ยวกับขนาดรอยเชื่อม ระยะห่าง และ ความยาวของรอยเชื่อมแบบ w คือ ความกว้างของรอยเชื่อม (มม.)
อุดรูกลมและอุดรูร่อง L คือ ความยาวของรอยเชื่อม (มม.)
ขนาดของรอยเชื่อม รอยเชื่อมแบบอุดรูกลม รอยเชื่อมแบบอุดรูร่อง
s คือ ระยะห่างระหว่างศูนย์กลางรู (มม.)
a (มม.) ข้อกําหนดอื่นๆ ข้อกําหนดอื่นๆ S(L) คือ ระยะระหว่างศูนย์กลางของรอยเชื่อมในแนวขนานกับความยาว (มม.)
t 16 a = t t + 8 มม. 2.25 a t + 8 มม. w 2.25 a S(T) คือ ระยะระหว่างศูนย์กลางของรอยเชื่อมในแนวตั้งฉากกับความยาว (มม.)
t >16 a t/2 (min) + 3 มม. L 10a
> 16 มม. s 4 S(L) 2L
S(T) 4w
a.) d Sx = d2 / 6 Ip = d3 / 12 b
X(c.g.)
b.) d Sx = d2 / 3 Ip = d(3b2 +d2 ) / 6 e.) d X(c.g.) = b2 / (2b + d) Sx = bd + d2 / 6 Ip = [(8b3+6bd2+d3 )/ 12] – [b4 / (2b+d)]
b b
b
Welding Connection Design Welding Connection Design
b
b
b
b
d Sx = bd + d2 / 3 Ip = [(b3+3b2+d3 )/ 6]
i.)
g.) d Sx = bd + d2 / 3 Ip = (d +b )3 / 6
P 200 mm. P
5 200
P 9 mm.
9 mm. P
5 200
Example Example
กําลังรับแรงดึงที่สามารถรับได้ เมื่อพิจารณาการวิบตั ิของแผ่นเหล็กดังนี้
กําลังรั บแรงดึ งที่สามารถรั บได้ของรอยต่อ ขึ้นอยู่กบั กําลังรั บแรงของรอยเชื่ อมและของแผ่น เนื่องจากการคราก ; Pn = 2,450x0.9x20 / 1000 = 44.1 ตัน
เหล็ก ASD ; Pn / t = 44.1 / 1.67 = 26.40 ตัน
กําลังรับแรงดึงที่สามารถรับได้ เมื่อพิจารณาการวิบตั ิของรอยเชื่อมดังนี้ LRFD ; tPn = 44.1x0.9 = 39.69 ตัน
เนื่องจากเป็ นการเชื่อมแบบ SMAW จะได้ความหนาประสิ ทธิ ผลของรอยเชื่อม te = 0.707a = เนื่องจากการขาด Pn = FuAe = 4,000x0.9x20x1.00 / 1000 = 72 ตัน ; (U=1.00)
0.707x5 = 3.535 มม. จากตารางที่ 8.1 แผ่นเหล็กชนิดเทียบเท่า A36 สามารถจับคู่ได้กบั ชนิดลวด ASD ; Pn / t = 72 / 2 = 36 ตัน
เชื่อม E70 LRFD ; tPn = 72x0.9 = 64.8 ตัน
ดังนั้นจาก Table J2.5 พิจารณาในส่ วนของรอยเชื่อมแบบพอก ซึ่งพฤติกรรมการถ่ายแรงจะเป็ น ดังนั้นจะได้วา่ กําลังแรงดึงที่สามารถรับได้เนื่องจากการวิบตั ิของแผ่นเหล็ก มีค่า
แบบแรงเฉื อนบนพื้นที่ประสิ ทธิผล จะได้ ASD ; Pn / t = 44.1 / 1.67 = 26.40 ตัน
หน่วยแรงระบุของรอยเชื่อม Fnw = 0.6FEXX = 0.60x4900 = 2,940 ksc. LRFD ; tPn = 44.1x0.9 = 39.69 ตัน
กําลังแรงระบุของรอยเชื่อม Rn = FnwteLe = 2,940x0.3535x20x2/1000 = 41.57 ตัน ดังนั้นกําลังรับแรงดึงที่สามารถรับได้ของรอยต่อ ได้แก่ กําลังแรงดึงที่สามารถรับได้จากการวิบตั ิ
ASD ; Rn / = 41.57 / 2 = 20.785 ตัน ของรอยเชื่อม
LRFD ; Rn = 0.9x41.57 = 37.41 ตัน ASD ; Rn / = 41.57 / 2 = 20.785 ตัน
LRFD ; Rn = 0.9x41.57 = 37.41 ตัน
Example Example
ตัวอย่างที่ 8.2) รอยต่อแบบทาบและการเชื่อมแบบพอกด้วยวิธี SMAW ขององค์อาคารรับแรงดึง กําลังรับแรงดึงที่สามารถรับได้ของรอยต่อ คํานวณได้จาก
ใช้ลวดเชื่อมชนิด E60 แผ่นเหล็กชนิด Fy = 2,450 ksc. และ Fu = 4,000 ksc. ให้คาํ นวณกําลังแรง จากตารางที่ 8.3 เมื่อความหนาของชิ้นงานส่ วนที่บางกว่า t = 20 มม. จะได้ขนาดขาเชื่อมที่เล็กสุ ด
ดึงที่สามารถรับได้ของรอยต่อด้วยวิธี ASD และ LRFD เท่ากับ 8 มม. และ ขนาดขาเชื่อมใหญ่สุดเท่ากับ 18 มม. ดังนั้น เลือกใช้ขนาดขาเชื่อม 12 มม.
L=200 แผ่นเหล็ก a PL 150x25 ใช้ได้
ตรวจสอบความยาวของรอยเชื่อม
กรณี เหล็กแบนรับแรงดึงที่มีรอยเชื่อมตามแนวยาวเท่านั้น Le w โดยที่ w เป็ นระยะตั้งฉาก
P P ระหว่างรอยเชื่อม
Le = 200 มม. > w = 150 มม. ใช้ได้
กําลังแรงดึงของรอยเชื่อมที่สามารถรับได้
12 200
te = 0.707 a = 0.707 x 12 = 8.484 มม.
แผ่นเหล็ก b PL 250x20 Le = 2x200 = 400 มม.
Awe = Lete = 400x8.484 /100 = 33.936 ตร.ซม.
กําลังแรงดึงระบุ Rn = 0.6FE60Awe = 0.6x4,200x33.936/1,000 = 85.518 ตัน
Example Example
ASD ; Pn / t = 85.518 / 2 = 42.759 ตัน 1.) การครากบนพื้นที่หน้าตัดรวม : Tn= Fy Ag = 2450x37.50 / 1000 = 91.90 ตัน
LRFD ; tPn = 85.5x0.75 = 64.138 ตัน
ASD : 91.90 / 1.67 = 55.0 ตัน
กําลังรับแรงดึงของแผ่นเหล็กที่สามารถรับได้ LRFD : 91.90 x 0.90 = 82.7 ตัน
แผ่นเหล็ก 150x25 : Ag = 15x2.5 = 37.5 ตร.ซม. 2.) การขาดบนพื้นที่หน้าตัดสุ ทธิประสิ ทธิผล : Tn = FuAe = 4000x28.12 / 1000 = 112.5 ตัน
แผ่นเหล็ก 250x20 : Ag = 25x2.0 = 50.0 ตร.ซม. ASD : 112.50 / 2.00 = 56.20 ตัน (เฉพาะแผ่นเหล็ก 150x25 มม.)
เนื่องจาก 150 มม.(w) < 200 มม. (L) < 1.5x150(1.5w) จึงใช้ U = 0.75 จะได้ Ae = UAn = 0.75 x LRFD : 112.50 x 0.75 = 84.40ตัน
Example Example
ตัว อย่า งที่ 8.3) ให้ ค าํ นวณหากํา ลัง ของแรงที่ ส ามารถรั บ ได้ข องรอยต่ อ ระหว่ า งเหล็ก ฉาก 1.) การครากบนพื้นที่หน้าตัดรวม : Tn= Fy Ag = 2450x19.00 / 1000 = 46.55 ตัน
100x100x10 มม. (Ag = 19 ตร.ซม.) กับองค์อาคาร WT เพื่อถ่ายแรงดึงสถิต การเชื่อมแบบพอก
ASD : 46.55 / 1.67 = 27.87 ตัน
SMAW ลวดเชื่อมชนิด E70 เหล็กมี Fy =2,450 ksc. และ Fu = 4,000 ksc. ด้วยวิธี ASD และ
LRFD T. LRFD : 46.55 x 0.90 = 41.89 ตัน
c.g. ของรอยเชื่อม
2.) การขาดบนพื้นที่หน้าตัดสุ ทธิประสิ ทธิผล : Tn = FuAe = 4000x15.43 / 1000 = 61.72 ตัน
c.g. ของเหล็กฉาก
ASD : 61.72 / 2.00 = 30.86 ตัน
L100x100x10
LRFD : 61.72 x 0.75 = 46.29ตัน
6 mm.
100 6 50 50
Example Example
3.) การเฉื อนออก : Tn = 0.6FuAnv + UbsFuAnt 0.6FyAgv + UbsFuAnt ASD : กําลังรับแรงดึงที่สามารถรับได้ คือ Min(27.87,30.86,37.8) เท่ากับ 27.87 ตัน
โดยที่ Anv = Agv = 2x15x0.9 = 27 ตร.ซม. LRFD : กําลังรับแรงดึงที่สามารถรับได้ คือ Min(41.89,46.29,56.7) เท่ากับ 41.89 ตัน
Ant = 10x0.9 = 9.0 ตร.ซม. กําลังรับแรงดึงของรอยเชื่อมที่สามารถรับได้
0.6FuAnv = (0.6x4000x27)/1000 = 64.8 ตัน เนื่ องจากเป็ นรอยต่อของเหล็กฉากภายใต้แรงดึงสถิต จึงไม่จาํ เป็ นต้องคํานึ งถึงผลของการเยื้อง
0.6FyAgv =(0.6x2450x27)/1000 = 39.69 ตัน ศูนย์ของรอยเชื่อม กําลังแรงดึงสามารถคํานวณได้ดงั นี้
UbsFuAnt =(1.0x4000x9)/1000 = 36 ตัน Rnwl = FnwLete = 0.6x4900x2x15x0.707x0.6/1000 = 37.4 ตัน
ดังนั้น Tn = 39.6 +36 = 75.6 ตัน Rnwt = FnwLete = 0.6x4900x10x0.707x0.6/1000 = 12.5 ตัน
ASD : Tn /t = 75.6 /2 = 37.8 ตัน จะได้ Rn = Rnwl + Rnwt = 37.4 + 12.5 = 49.9 ตัน
LRFD : tTn = 0.75x75.6 = 56.7 ตัน หรื อ Rn = 0.85Rnwl + 1.5Rnwt = (0.85x37.4) + (1.5x12.5) = 50.5 ตัน
Example Example
กําลังแรงระบุ Rn = 50.5 ตัน (ใช้ค่าที่มากกว่า) ตัวอย่างที่ 8.4) ให้ออกแบบรอยต่อของเหล็กฉากขนาด 100x100x10 มม. กับแผ่นเหล็กหนา 9
ASD ; Pn / t = 50.5 / 2 = 25.2 ตัน มม. เพื่อถ่ายแรงดึงได้เต็มกําลังของเหล็กฉาก ใช้การเชื่อมแบบพอกวิธี SMAW ลวดเชื่อมชนิด E
LRFD ; tPn = 50.5x0.75 = 37.90 ตัน 70 เหล็กมี Fy = 2,450 ksc. และ Fu = 4,000 ksc. ด้วยวิธี LRFD และ กําหนดให้จุดศูนย์ถ่วงของ
กําลังรับแรงดึงของรอยต่อที่สามารถรับได้ นั้นขึ้นอยูก่ บั กําลังจากรอยเชื่อม และ มีค่าดังนี้ เหล็กฉากทับกับจุดศูนย์ถ่วงของรอยเชื่อม (Xc.g. = 28.2 มม.)
ASD ; Pn / t = 50.5 / 2 = 25.2 ตัน
LRFD ; tPn = 50.5x0.75 = 37.90 ตัน
L1
P
L3= 100 L100x100x10
A
แผ่นเหล็กหนา 9 มม. L2
Example Example
กําลังรับแรงดึงที่สามารถรับได้ของเหล็กฉาก ดังนั้นจะได้วา่ กําลังรับแรงดึงปรับค่าที่เหล็กฉากสามารถรับได้ คือ 41.89 ตัน
1.) การครากบนพื้นที่หน้าตัดรวม : Tn= Fy Ag = 2450x19.00 / 1000 = 46.55 ตัน ออกแบบรอยเชื่อม
LRFD : 46.55 x 0.90 = 41.89 ตัน โดยรอยเชื่อมต้องมีขนาดอยูร่ ะหว่าง 5 < a < 7 ดังนั้นจึงเลือกใช้ขนาดขาเชื่อม 6 มม.
2.) การขาดบนพื้นที่หน้าตัดสุ ทธิประสิ ทธิผล : Tn = FuAe = 4000x16.15 / 1000 = 64.60 ตัน ดังนั้นจะได้กาํ ลังรอยเชื่อมต่อความยาว เท่ากับ Fnvte = 0.75x(0.60x4900)x(0.707x0.6) =
LRFD : 64.60 x 0.75 = 48.45ตัน 935.361 กก./ซม.
หมายเหตุ Ae = (0.85)(19) = 16.15 ตร.ซม. เนื่องจากยังไม่ทราบความยาวรอยเชื่อม จึงสมมติใช้ ความยาวรอยเชื่อม L1 และ L2 คํานวณได้จากสมดุลของโมเมนต์รอบจุด A และ แรงตาม
U = 0.85 และ เนื่ องจากยังไม่ทราบความยาวรอยเชื่อม จึงสมมติว่ารอยต่อไม่เกิดการวิบตั ิ แนวแกนดังนี้
เนื่ องจากการเฉื อนออกแต่จะต้องทําการตรวจสอบการวิบตั ิลกั ษณะนี้ ในภายหลังเมื่อทราบค่า
ความยาว L2 แล้ว
Example Example
ตรวจสอบค่า U
L1
935.361L1 U = 1 – (2.82 / 27.15) = 0.896 > 0.85 ใช้ได้
9353.61 P 3.) การเฉื อนออก : Tn = 0.6FuAnv + UbsFuAnt 0.6FyAgv + UbsFuAnt
L100x100x10
935.361L2 A โดยที่ Anv = Agv = 2x27x0.9 = 48.6 ตร.ซม.
แผ่นเหล็กหนา 9 มม. L2
Ant = 10x0.9 = 9.0 ตร.ซม.
0.6FuAnv = (0.6x4000x48.6)/1000 = 116.64 ตัน
MA = 0 ; 41,890 x 2.82 = 935.361L1x10 + 9,353.61x5 จะได้ L1 = 7.629 ซม. 0.6FyAgv =(0.6x2450x48.6)/1000 = 71.44 ตัน
Fx = 0 ; 41,890 = [935.361x(7.629 + L2)] + 9353.61 จะได้ L2 = 27.15 ซม. UbsFuAnt =(1.0x4000x9)/1000 = 36 ตัน
ดังนั้น Tn = 71.44 +36 = 107.44 ตัน
LRFD : tTn = 0.75x107.44 = 80.58 ตัน > 41.90 ตัน
Example Example
ตัวอย่างที่ 8.5) ให้หาขนาดรอยเชื่ อมของรอยต่อบ่าเสา โดยการเชื่ อมแบบพอกด้วยวิธี SMAW การออกแบบด้วยวิธี ASD
ใช้ลวดเชื่อม E70 แผ่นเหล็กมีความหนา 12 มม. และไม่เกิดการวิบตั ิภายใต้แรงกระทําด้วยวิธี
จาก Case (e.) การหารอยเชื่อมลักษณะเส้น จะได้ x(c.g.) = 152 / (2(15) + 60) = 2.5 ซม.
ASD และ LRFD กําหนดให้แรงกระทําใช้งานเนื่องจากนํ้าหนักบรรทุกคงที่ 4 ตัน และ นํ้าหนัก
บรรทุกจร 14 ตัน Rv , f v
8b3 6bd 2 d 3
Ip
12
b4 8(15)3 (6)(15)(60) 2 154
te
2b d 12
154
te 46687te
(2)(15) 60
P
y
Rx , fx Ry , f y โมเมนต์บิดในรอยเชื่อม Mt = 18x(35+15 -2.5) = 855 ตัน-ซม.
A
Xc.g.
150 350
A แรงเฉื อนเนื่องจากโมเมนต์บิดในทิศทาง x และ y ที่จุด A มีค่า
A
Rx = (Mt y / Ip ) te = (855x1000x30 / 46687 ) = 549.40 กก./ซม.
Plate 12 mm. d
600 x
x Ry = (Mt x / Ip ) te = (855x1000x12.5 / 46687 ) = 228.91 กก./ซม.
แรงเฉื อนในทิศทาง y เนื่องจากแรงใช้งาน P = 18 ตัน มีค่า
y Rv = fvte = P / L = 18x1000 / [(2x15) + 60] = 200 กก./ซม.
Example Example
แรงลัพธ์ R = ( (549.40)2 + (228.91 + 200 )2 )0.5 = 697 กก./ซม. การออกแบบด้วยวิธี LRFD
จากตาราง Table J 2.5แรงเฉื อนที่รอยเชื่อมสามารถรับได้ แรงปรับค่าที่ตอ้ งการ Pu = (1.2x4) + (1.6x14) = 27.2 ตัน
Rn / = (0.6 / 2)(4900)(0.707a) = 1039a กก./ซม. โมเมนต์บิดที่ตอ้ งการ Mt = 27.2(35+15-2.5) = 1,292 ตัน-ซม.
ดังนั้นจะได้ขนาดขาเชื่อมที่ตอ้ ง a 697 / 1039 = 0.67 ซม. แรงเฉื อนเนื่องจากโมเมนต์บิดในทิศทาง x และ y ที่จุด A มีค่า
และเนื่องจากแผ่นเหล็กมีความหนา 12 มม. จะได้ขนาดขาเชื่อมจากตารางที่ 8.3 คือ 5 a 10 Rux = (Mut y / Ip ) te = (1292x1000x30 / 46687 ) = 830.20 กก./ซม.
ดังนั้นใช้ลวดเชื่อม E70 ขาเชื่อมขนาด 7 มม. Ruy = (Mut x / Ip ) te = (1292x1000x12.5 / 46687 ) = 345.92 กก./ซม.
แรงเฉื อนในทิศทาง y เนื่องจากแรงปรับค่า P = 27.2 ตัน มีค่า
Ruv = fvte = Pu / L = 27.2x1000 / [(2x15) + 60] = 302.22 กก./ซม.
Example Example
แรงลัพธ์ R = ( (830.2)2 + (345.92 + 302.22 )2 )0.5 = 1053.24 กก./ซม. ตัวอย่างที่ 8.6) ให้หาขนาดรอยเชื่อมของรอยต่อสําหรับฐานรองคานเพื่อรับแรงปฏิกิริยาใช้งาน
เนื่ องจากนํ้าหนักบรรทุกคงที่ 1.5 ตัน และ นํ้าหนักบรรทุกจร 3.5 ตัน แผ่นเหล็กมีความหนา 6
จากตาราง Table J 2.5แรงเฉื อนที่รอยเชื่อมสามารถรับได้
มม. และสมมุติวา่ ฐานรองรับคานมีความแข็งแรงพอ ใช้การเชื่อมแบบพอกด้วยวิธี SMAW ลวด
Rn = (0.6 x0.75)(4900)(0.707a) = 1558.93a กก./ซม. เชื่อม E70 ด้วยวิธี ASD และ LRFD
ดังนั้นจะได้ขนาดขาเชื่อมที่ตอ้ ง a 1053.24 / 1558.93 = 0.675 ซม. 150 mm.
P
te te
และเนื่องจากแผ่นเหล็กมีความหนา 12 มม. จะได้ขนาดขาเชื่อมจากตารางที่ 8.3 คือ 5 a 10
ดังนั้นใช้ลวดเชื่อม E70 ขาเชื่อมขนาด 7 มม. 250 mm. 250 mm.
Plate 6 mm.
E-70
a 250
Example Example
การออกแบบด้วยวิธี ASD ดังนั้นจะได้ขนาดขาเชื่อมที่ตอ้ ง a 373.63 / 1039 = 0.359 ซม.
แรงเฉื อน เนื่องจากแรงใช้งาน P = 5 ตัน มีค่า และเนื่องจากแผ่นเหล็กมีความหนา 6 มม. จะได้ขนาดขาเชื่อมจากตารางที่ 8.3 คือ 3 a 6
Rv = fvte = P / L = 5x1000 / (2x25) = 100 กก./ซม. ดังนั้นใช้ลวดเชื่อม E70 ขาเชื่อมขนาด 4 มม.
M = 5x1000x15 = 75,000 กก. – ซม.
จาก Case (b.) ของการเชื่อมลักษณะเส้น จะได้ Sx = (252 / 3)te = 208.33 ซม3.
แรงดึงเนื่องจากโมเมนต์ Rt = ft te = Mte / S = 75,000 / 208.33 = 360 กก./ซม.
แรงลัพธ์ R = (Rv2 + Rt2)0.5 = (1002 + 3602)0.5 = 373.63 กก./ซม.
จากตาราง Table J 2.5แรงเฉื อนที่รอยเชื่อมสามารถรับได้
Rn / = (0.6 / 2)(4900)(0.707a) = 1039a กก./ซม.
Example Example
การออกแบบด้วยวิธี LRFD ดังนั้นจะได้ขนาดขาเชื่อมที่ตอ้ ง a 552.9 / 1558.93 = 0.354 ซม.
แรงเฉื อน เนื่องจากแรงปรับค่าที่ตอ้ งการ P = 1.2x1.5 + 1.6x3.5 = 7.4 ตัน มีค่า และเนื่องจากแผ่นเหล็กมีความหนา 6 มม. จะได้ขนาดขาเชื่อมจากตารางที่ 8.3 คือ 3 a 6
Rv = fvte = P / L = 7.4x1000 / (2x25) = 148 กก./ซม. ดังนั้นใช้ลวดเชื่อม E70 ขาเชื่อมขนาด 4 มม.
Mu = 7.4x1000x15 = 111,000 กก. – ซม.
แรงดึงเนื่องจากโมเมนต์ Rt = ft te = Mute / S = 111,000 / 208.33 = 532.8 กก./ซม.
แรงลัพธ์ Ru = (Ruv2 + Rut2)0.5 = (1482 + 532.82)0.5 = 552.9 กก./ซม.
จากตาราง Table J 2.5แรงเฉื อนที่รอยเชื่อมสามารถรับได้
Rn = (0.6 x 0.75)(4900)(0.707a) = 1558.93a กก./ซม.