You are on page 1of 13

เอกสารประกอบการสอน หน่ วยที่ 2

ชื่อวิชา งานไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น สอนครั้งที่ 2


ชื่อหน่ วย ตัวต้านทาน ชั่วโมงรวม 4
ชื่อเรื่อง ตัวต้านทาน จำนวนชั่วโมง 4

หัวข้ อเรื่อง
2. ตัวต้านทาน
2.1 ชนิดของตัวต้านทาน
2.2 หน่วยของความต้านทาน
2.3 การอ่านค่าความต้านทาน
2.4 การต่อวงจรความต้านทาน

จุดประสงค์ การเรียนรู้
1 . อธิบายรายละเอียดของตัวต้านทานแบบต่าง ๆ ได้
2. เขียนหน่วยของตัวต้านทานได้
3. อ่านค่าความต้านทานได้
4. นำตัวต้านทานไปต่อในวงจรแบบต่าง ๆ ได้
5. ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
6. มีมนุษย์สมั พันธ์ ยอมรับความคิดเห็นของผูอ้ ื่น

เนือ้ หาสาระ
ตัวต้ านทาน (Resistor)
ตัวต้านทาน (Resistor) เป็ นอุปกรณ์ที่ใช้ในการต้านการไหลของกระแสไฟฟ้ า เพื่อทำให้กระแส
และแรงดันภายในวงจรได้ขนาดตามต้องการ เนื่องจากอุปกรณ์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์แต่ละตัวถูก
ออกแบบให้ใช้แรงดันและกระแสที่แตกต่างกัน ดังนั้นตัวต้านทานจึงเป็ นอุปกรณ์ที่มีบทบาทและใช้กนั
มากในงานด้านไฟฟ้ าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น วิทยุ, โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์, เครื่ องขยายเสี ยง ตลอดจนเครื่ อง
มือเครื่ องใช้ทางด้านไฟฟ้ าอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ เป็ นต้น สัญลักษณ์ของตัวต้านทานที่ใช้ในการเขียนวงจรมี
อยูห่ ลายแบบดังแสดงในรู ปที่ 2.1

รู ปที่ 2.1 แสดงสัญลักษณ์ของตัวต้านทาน


ชนิดของตัวต้ านทาน
ตัวต้านทานที่ผลิตออกมาในปัจจุบนั มีมากมายหลายชนิด ในกรณี ที่แบ่งโดยยึดเอาค่าความ
ต้านทานเป็ นหลัก จะแบ่งออกได้เป็ น 3 ชนิด คือ
1. ตัวต้านทานแบบค่าคงที่ (Fixed Resistor)
2. ตัวต้านทานแบปรํบค่าได้ (Adjustable Resistor)
3. ตัวต้านทนแบบเปลี่ยนค่าได้ (Variable Resistor)

ตัวต้ านทานแบบค่ าคงที่


ตัวต้านทานชนิดค่าคงที่มีหลายประเภท ในหนังสื อเล่มนี้จะขอกล่าวประเภทที่มีความนิยมใน
การนำมาประกอบใช้ในวงจรทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ โดยทัว่ ไป ดังนี้
1. ตัวต้านทานชนิดคาร์บอนผสม (Carbon Composition)
2. ตัวต้านทานแบบฟิ ล์มโลหะ (Metal Film)
3. ตัวต้านทานแบบฟิ ล์มคาร์บอน (Carbon Film)
4. ตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์ (Wire Wound)
5. ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิ ล์มหนา (Thick Film Network)
6. ตัวต้านทานแบบแผนฟิ ล์มบาง (Thin Film Network)

ตัวต้ านทานชนิดคาร์ บอนผสม (Carbon Composition)


เป็ นตัวต้านทานที่นิยมใช้กนั แพร่ หลายมาก มีราคาถูก โครงสร้างทำมาจากวัสดุที่มีคุณสมบัติเป็ น
ตัวต้านทานผสมกันระหว่างผงคาร์บอนและผงของฉนวน อัตราส่ วนผสมของวัสดุท้ งั สองด้านของตัว
ต้านทานต่อด้วยลวดตัวนำ บริ เวณด้านนอกของตัวต้านทานจะฉาบด้วยฉนวน

รู ปที่ 2.2 แสดงตัวต้านทานชนิดคาร์บอนผสม


ตัวต้ านทานแบบฟิ ล์ มโลหะ (Metal Film)
ตัวต้านทานแบบฟิ ล์มโลหะทำมาจากแผ่นฟิ ล์มบางของแก้วและโลหะหลอมเข้าด้วยกันแล้วนำ
ไปเคลือบที่เซรามิค ทำเป็ นรู ปทรงกระบอก แล้วตัดแผ่นฟิ ล์มที่เคลือบออกให้ได้คา่ ความต้านทานตามที่
ต้องการ ขั้นตอนสุ ดท้ายจะทำการเคลือบด้วยสารอีป๊อกซี () ตัวต้านทานชนิดนี้ มีค่าความผิดพลาดบวกลบ
0.1% ถึงประมาณ บวกลบ 2% ซึ่ งถือว่ามีค่าความผิดพลาดน้อยมากนอกจากนี้ ยงั ทนต่อการเปลี่ยนแปลง
อุณหภูมิจากภายนอกได้ดี สัญญาณรบกวนน้อยเมื่อเทียบกับตัวต้านทานชนิดอื่น ๆ
รู ปที่ 2.3 แสดงตัวต้านทานแบบฟิ ล์มโลหะ

ตัวต้ านทานแบบฟิ ล์มคาร์ บอน (Carbon Film)


ตัวต้านทานแบบฟิ ล์มคาร์บอน เป็ นตัวต้านทานแบบค่าคงที่โดยการ
ฉาบผงคาร์บอนลงบนแท่งเซรามิคซึ่ งเป็ นฉนวน หลังจากที่ทำการเคลือบแล้วจะตัดฟิ ล์มเป็ นวงแหวน
เหมือนเกลียวน็อต ในกรณี ที่เคลือบฟิ ล์มคาร์บอนในปริ มาณน้อยจะทำให้ได้คา่ ความต้านทานสู ง แต่ถา้
เพิ่มฟิ ล์มคาร์บอนในปริ มาณมากขึ้นจะทำให้ได้ค่าความต้านทานต่ำ ตัวต้านทานแบบฟิ ล์มโลหะมีค่า
ความผิดพลาด บวกลบ 5%ถึงบวกลบ 20%ทนกำลงวัตต์ต้ งั แต่ 1/8 วัตต์ถึง 2 วัตต์ มีคา่ ความต้านทาน
ตั้งแต่ 1 ถึง 100 M

รู ปที่ 2.4 แสดงตัวต้านทานแบบฟิ ล์มคาร์บอน

ตัวต้ านทานแบบไวร์ วาวด์ (Wire Wound)

รู ปที่ 2.5 แสดงตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์ชนิดต่างๆ


โครงสร้างของตัวต้านทานแบบนี้ เกิดจากการใช้ลวดพันลงบนเส้นลวดแกนเซรามิค หลังจากนั้น
ต่อลวดตัวนำด้านหัวและท้ายของเส้นลวดที่พนั ส่ วนค่าความต้านทานขึ้นอยูก่ บวัสดุที่ใช้ทำเป็ นลวด
ตัวนำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์ของแกนเซรามิคและความยาวของลวดตัวนำ ขั้นตอนสุ ดท้ายจะเคลือบด้วยสาร
ประเภทเซรามิคบริ เวณรอบนอกอีกครั้งหนึ่ง ค่าความต้านทานของตัวต้านทานแบบนี้ จะมีค่าต่ำเพราะ
ต้องการให้มีกระแสไหลได้สูง ทนความร้อนได้ดี สามารถระบายความร้อนโดยใช้อากาศถ่ายเท

ตัวต้ านทานแบบแผ่นฟิ ล์มหนา (Thick Film Network)


โครงสร้างของตัวต้านทานแบบนี้ ทำมาจากแผ่นฟิ ล์มหนา มีรูปแบบแตกต่างกันขึ้นอยูก่ บั การใช้
งาน ในรู ปที่ 2.6 แสดงตัวต้านทานแบบแผนฟิ ล์มหนาประเภทไร้ขา (Chip Resistor) ตัวต้านทานแบบนี้
ต้องเทคโนโลยี SMT(Surface Mount Technology) ในการผลิต มีอตั ราทนกำลังประมาณ 0.063 วัตต์ ค่า
ความคลาดเคลื่อนบวกลบ 1% ถึง บวกลบ 5%

รู ปที่ 2.6 แสดงตัวต้านทานแบบแผ่นฟิ ล์มหนาชนิดต่างๆ


ตัวต้ านทานแบบแผ่นฟิ ล์ มบาง (Thin Film Network)
โครงสร้างของตัวต้านทานแบบนี้ ทำมาจากแผนฟิ ล์มบาง มีลกั ษณะรู ปร่ างเหมือนกับตัวไอซี
(Integreate Circuit) ใช้เทคโนโลยี SMT (Surface Mount Techonlogy) ในการผลิตเช่นเดียวกับตัว
ต้านทานแบบแผ่นฟิ ล์มหนา โดยส่ วนใหญ่จะมีขาทั้งหมด 16 ขาการใช้งานต้องบัดกรี เข้ากับแผ่นลาย
วงจร อัตราทนกำลัง 50 มิลลิวตั ต์ มีคา่ ความคลาดเคลื่อนบวกลบ 5% ที่แรงดันไฟฟ้ าสู งสุ ดไม่เกิน 50
VDC
รู ปที่ 2.7 แสดงลักษณะรู ปร่ างและสัญลักษณ์ของตัวต้านทานแบบแผ่นฟิ ล์มบาง

ตัวต้ านทานแบบปรับค่ าได้


โครงสร้างของตัวต้านทานแบบนี้ มีลกั ษณะคล้ายกับแบบไวร์วาวด์ แต่โดยส่ วนใหญ่บริ เวณลวด
ตัวนำจะไม่เคลือบด้วยสารเซรามิคและมีช่องว่างทำให้มองเห็นเส้นลวดตัวนำเพื่อทำการลัดเข็มขัดค่อมตัว
ต้านทาน โดยจะมีขาปรับให้สมั ผัสเข้ากับจุดใดจุดหนึ่งบนเส้นลวดของความต้านทาน ตัวต้านทานแบบนี้
ส่ วนใหญ่มีค่าความต้านทานต่ำ แต่อตั ราทนกำลังวัตต์สูง การปรับค่าความต้านทานค่าใดค่าหนึ่งสามารถ
กระทำได้ในช่วงของความต้านทานตัวนั้น ๆ เหมาะกับงานที่ตอ้ งการเปลี่ยนแปลงความต้านทานเสมอ ๆ

รู ปที่ 2.8 แสดงลักษณะรู ปร่ างของตัวต้านทานแบบปรับค่าได้

ตัวต้ านทานแบบเปลีย่ นค่าได้


ตัวต้านทานแบบเปลี่ยนค่าได้ (Variable Resistor) โครงสร้างภายในทำมาจากคาร์บอนเซรามิค
หรื อพลาสติกตัวนำ ใช้ในงานที่ตอ้ งการเปลี่ยนค่าความต้านทานบ่อย ๆ เช่นในเครื่ องรับวิทยุ , โทรทัศน์
เพื่อปรับลดหรื อเพิม่ เสี ยง , ปรับลดหรื อเพิม่ แสงในวงจรหรี่ ไฟ มีอยูห่ ลายแบบขึ้นอยูก่ บั วัตถุประสงค์ของ
การใช้งาน เช่น โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer) หรื อพอต (Pot) สำหรับชนิดที่มีแกนเลื่อนค่าความ
ต้านทาน หรื อแบบที่มีแกนหมุนเหลี่ยนค่าความต้านทานคือ โวลลุ่ม (Volume) เพิ่มหรื อลดเสี ยงมีหลาย
แบบให้เลือกคือ 1 ชั้น 2 ชั้น และ 3 ชั้น เป็ นต้น ส่ วนอีกแบบหนึ่งเป็ นแบบที่ไม่มีแกนปรับโดยทัว่ ไป จะ
เรี ยกว่า โวลลุ่มเกือกม้า หรื อทิมพอต (Trimpot)
รู ปที่ 2.9 แสดงลักษณะรู ปร่ างของตัวต้านทานแบบเปลี่ยนค่าได้

ตัวต้านทานแบบเปลี่ยนค่าได้ดงั นี้ สามารถแบ่งออกเป็ น 2 ชนิดด้วยกันคือ โพเทนชิโอมิเตอร์


(Potentiometer) และเซนเซอร์ซิสเตอร์ (Sensor Resistor)

โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer)
โพเทนชิโอมิเตอร์หรื อพอต (Pot) คือตัวต้านทานที่เปลี่ยนค่าได้ในวงจรต่าง ๆ โครงสร้างส่ วน
ใหญ่จะใช้วสั ดุประเภทคาร์บอนผสมกับเซรามิคและเรซิ นวางบนฉนวน ส่ วนแกนหมุนขากลางใช้
โลหะที่มีการยืดหยุน่ ตัวได้ดี โดยทัว่ ไปจะเรี ยกวาโวลุ่มหรื อ VR (Variable Resistor) มีหลายแบบที่นิยม
ใช้ในปัจจุบนั คือแบบ A , B และ C

รู ปที่ 2.10 แสดงลักษณะรู ปร่ างและสัญลักษณ์ของโพเทนชิโอมิเตอร์และรี โอสตาท


จากรู ปที่ 2.10 (ก) จะเห็นว่าโพเทนชิโอมิเตอร์มี 3 ขา ขาที่ 1 และขาที่ 2 จะมีคา่ คงที่ส่วนขาที่ 3
เปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามที่ตอ้ งการ ส่ วนรี โอสตาทนั้นจะมี 2 ขา ตามรู ปที่ 2.10 (ข) แต่ในกรณี ที่ตอ้ งการต่อ
โพเทนชิโอมิเตอร์ให้เป็ นรี โอสตาทก็ทำได้โดยการต่อขาที่ 3 เข้ากับขาที่ 2 ก็จะกลายเป็ นรี โอสตาทตาม
รู ปที่ 2.10 (ค) ส่ วนรู ปที่ 2.10 (ง) แสดงโครงสร้างทัว่ ๆ ไปของโพเทนชิโอมิเตอร์
อีกชนิดหนึ่งคือจำพวกฟิ ล์มคาร์บอนใช้วิธีการฉาบหรื อพ่นฟิ ล์มคาร์บอนลงในสารที่มีโครงสร้าง
แบบเฟโนลิค (Phenolic) ส่ วนแกนหมุนจะใช้โลหะประเภทที่ใช้ทำสปริ ง เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น VR
100 KA หมายความว่า การเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานต่อการหมุนในลักษณะของลอกการิ ทึม
(Logarithmic) หรื อแบบล็อกคือ เมื่อหมุนค่าความต้านทานจะค่อย ๆ เปลี่ยนค่า พอถึงระดับกลางค่าความ
ต้านทานจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ วนิยมใช้เป็ นโวลุ่มเร่ งความดังของเสี ยง ส่ วนแบบ B นัน่ ค่าความ
ต้านทานจะเปลี่ยนไปในลักษณะแบบลิเนียร์ (Linear) หรื อเชิงเส้นคือ ค่าความต้านทานเพิ่มขึ้นตามการ
หมุนที่เพิ่มขึ้น ส่ วนมากนิยมใช้ในวงจรชุดควบคุมความทุม้ แหลมและวงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้ า
รู ปที่ 2.11 แสดงความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานแบบ A และแบบ B

รู ปที่ 2.12 แสดงลักษณะรู ปร่ างของรี โอสตาทแบบต่างๆ ที่มีอตั ราทนกำลังวัตต์สูง

ตัวต้านทานแบบโพเทนซิโอมิเตอร์อีกประเภทหนึ่ง คือ ตัวต้านทานแบบปรับละเอียด (Trimmer


Potentiometers) ตัวต้านทานแบบนี้ ส่วนมากมักใช้ประกอบในวงจรประเภทเครื่ องมือวัดและทดสอบ
เพราะสามารถปรับหมุนเพื่อต้องการเปลี่ยนค่าความต้านทานได้ทีละน้อย และสามารถหมุนได้ 15 รอบ
หรื อมากกว่า ซึ่ งเมื่อเทียบกับโพเทนชิโอมิเตอร์แบบที่ใช้ในเครื่ องรับวิทยุและเครื่ องเสี ยง ซึ่ งจะหมุนได้
ไม่ถึง 1 รอบก็จะทำให้ค่าความต้านทานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ ว

รู ปที่ 2.13 แสดงลักษณะของตัวต้านทานแบบโพเทนชิโอมิเตอร์แบบปรับละเอียด

ตัวต้ านทานชนิดพิเศษ
ตัวต้านทานชนิดพิเศษ เป็ นตัวต้านทานที่มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างจากตัวต้านทานทัว่
ๆ ไป เช่น ใช้ในการควบคุมอุณหภูมิ ใช้เป็ นสวิตช์เปิ ดปิ ดไฟด้วยแสง ฯลฯ เป็ นต้น
แอลดีอาร์ (LDR: Light Dependent Resistor)
LDR คือตัวต้านทานชนิดที่มีความไวต่อแสงมาก บางครั้งเรี ยกว่าตัวต้านทานแบบโฟโต้คอนดัค
ตีฟเซล (Photoconductive Cells) หรื อโฟโต้เซล โครงสร้างภายในโดยทัว่ ไปจะทำด้วยสารแคตเมียมซัล
ไฟต์ (Cadmium Sulfide) หรื อแคดเมียมเซลีไนต์ (Cadmium Selenide) มีความเข้มของแสงระหว่าง 4,000
A (Blue Light) ถึง 10,000 A (Infrared) 1 A เท่ากับ 1 x 10 –10 N Light
แผนตัวต้านทานไวแสง ช่องรับแสง
กระป๋องโลหะ
แผ่นตัวต้านทานไวแสง
โลหะ
ฐานรองเซรามิค

ขา

ดูจากด้านบน ดูจากด้านข้าง
(ก) โครงสร้าง

(ข) สัญลักษณ์ของ LDR


รู ปที่ 2.14 แสดงลักษณะโครงสร้างและสัญลักษณ์ของตัวแอลดีอาร์
R(ohm)

ก) การเปลี่ยนค่าความต้านทานเมื่อความเข้มแสงเพิ่มขึน้ ทันที่ทนั ใด

ระดับอ้างอิง
t (sec)
ข) การเปลี่ยนค่าความต้านทานเมื่อความเข้มแสงลดลงทนั ที่ทนั ใด

รู ปที่ 2.15 แสดงค่าความต้านทานตามความเข้มของแสง


รู ปที่ 2.16 แสดงการหาค่าความต้านทานและความสัมพันธ์กบั แสงของ LDR

เมื่อมีแสงมาตกกระทบที่ LDR จะทำให้คา่ ความต้านทานภายในตัว LDR ลดลง จะลดลงมาก


หรื อน้อยขึ้นอยูก่ บั แสงที่ตกกระทบ ในกรณี ที่ไม่มีแสงหรื ออยูใ่ นตำแหน่งที่มืดค่าความต้านทานภายใน
ตัว LDR จะมีค่าเพิ่มมากขึ้นตามรู ปที่ 2.16 การทดสอบ LDR อย่างง่าย ๆ คือต่อสายมิเตอร์เข้ากับ LDR ตั้ง
ย่านวัดโอห์ม หาอุปกรณ์ให้แสงสว่างเช่นไฟฉายหรื อหลอดไฟ โดยให้แสงตกกระทบที่ตวั LDR ตรงด้าน
หน้า แล้วสังเกตค่าความต้านทานจากมิเตอร์จะมีค่าลดลง ถ้ามีอุปกรณ์ไปบังแสงทำให้มืด ค่าความ
ต้านทานจะเพิ่มขึ้น

หน่ วยของความต้ านทาน


หน่วยของความต้านทานวัดเป็ นหน่วย “โอห์ม” เขียนแทนด้วยอักษรกรี กคือตัว “โอเมก้า” ()
ค่าความต้านทาน 1 โอห์มหมายถึงการป้ อนแรงดันไฟฟ้ าขนาด 1 โวลต์ ไหลผ่านตัวต้านทานแล้วมี
กระแสไฟฟ้ าไหลผ่าน 1 แอมแปร์
1,000  = 1 K
1,000 K = 1 M

การอ่ านค่ าความต้ านทาน


ค่าความต้านทานโดยส่ วนใหญ่จะใช้รหัสแถบสี หรื ออาจจะพิมพ์ค่าติดไว้บนตัวต้านทาน ถ้า
เป็ นการพิมพ์ค่าติดไว้บนตัวต้านทานมักจะเป็ นตัวต้านทานที่มีอตั ราทนกำลังวัตต์สูง ส่ วนตัวต้านทานที่มี
อัตราทนกำลังวัตต์ต ่ำมักจะใช้รหัสแถบสี ที่นิยมใช้มี 4 แถบสี และ 5 แถบสี

แถบสีที่ 2 ตัวเลขที่ แถบสี ที่ 4


โค้ ดสี แถบสีที่ 1 ตัวเลขที่ 1 แถบสีที่ 3 ตัวคูณ
2 ค่ าความผิดพลาด
ดำ 0 0 1 +,-20 (M)
น้ำตาล 1 1 10 +,-1 (F)
แดง 2 2 100 +,-2 (G)
ส้ ม 3 3 1000 -
เหลือง 4 4 10000 -
เขียว 5 5 100000 +,-0.5 (D)
น้ำเงิน 6 6 1,000,000 +,-0.25 (C)
ม่ วง 7 7 - +,-0.1 (B)
เทา 8 8 - +,-0.05 (A)
ขาว 9 9 - -
เงิน - - x0.01 +,-5 (J)
ทอง - - x0.1 +,- (K)

ตารางที่ 2.1 แสดงรหัสแถบสี จากตัวต้านทานแบบ 4 แถบสี

การอ่านค่ารหัสแถบสี สำหรับผูเ้ ริ่ มต้นศึกษาอาจจะมีปัญหาเรื่ องของแถบสี ที่ 1 และแถบสี ที่ 4


ว่าแถบสี ใดคือแถบสี เริ่ มต้น ให้ใช้หลักในการพิจารณาแถบสี ที่ 1,2 และ 3 จะมีระยะห่างของช่องไฟเท่า
กัน ส่ วนแถบสี ที่ 4 จะมีระยะห่างของช่องไฟมากกว่าเล็กน้อย

ตัวอย่ างที่ 2.1 ตัวต้านทานมีรหัสแถบสี ส้ม แดง น้ำตาล และทอง มีความต้านทานกี่โอห์ม


แถบสีที่ 1 แถบสีที่ 2 แถบสีที่ 3 แถบสี ที่ 4 แถบสี ที่ 5
โค้ดสี
ตัวเลขที่ 1 ตัวเลขที่2 ตัวเลขที่3 ตัวคูณ ค่ าความผิดพลาด
ดำ 0 0 0 1 -
น้ำตาล 1 1 1 10 +,-1 (F)
แดง 2 2 2 100 +,-2 (G)
ส้ ม 3 3 3 1000 -
เหลือง 4 4 4 10000 -
เขียว 5 5 5 100000 +,-0.5 (D)
น้ำเงิน 6 6 6 1,000,000 +,-0.25 (C)
ม่ วง 7 7 7 - +,-0.1 (B)
เทา 8 8 8 - +,-0.05 (A)
ขาว 9 9 9 - -
ทอง - - - 0.1 -
เงิน - - - 0.01 -

ตารางที่ 2.2 แสดงรหัสแถบสี จากตัวต้านทานแบบ 5 แถบสี

ตัวอย่ างที่ 2.3 ตัวต้านทานมีรหัสแถบสี เหลือง เทา แดง ส้ม และน้ำตาลมีความต้านทานกี่โอห์ม


ตัวอย่ างที่ 2.4 ตัวต้านทานมีรหัสแถบสี ขาว แดง ดำ ดำ และแดงมีความต้านทานกี่โอห์ม

ค่าผิดพลาดหมายถึงความคลาดเคลื่อนจากความเป็ นจริ ง ตัวต้านทางที่มีคา่ ผิดพลาด 2 %


หมายความว่า ความต้านทาน 100 โอห์ม ถ้าวัดด้วยมัลติมิเตอร์แล้วอ่านค่าได้ต้ งั แต่ 98 โอห์ม ถึง 102
โอห์มถือว่าตัวต้านทานตัวนั้นอยูใ่ นสถานะปกติใช้งานได้ นอกจากนี้ ยงั มีตวั ต้านทานประเภทที่พิมพ์ค่า
ของความต้านทานไว้บนตัวต้านทานซึ่ งในตารางที่ 2.1 และ 2.2 ได้เขียนเป็ นอักษรภาษาอังกฤษเอาไว้
แต่ละตัวมีความหมายดังนี้ คือ
J ค่าผิดพลาดบวกลบ 5 เปอร์เซ็นต์
K ค่าผิดพลาดบวกลบ 10 เปอร์เซ็นต์
M ค่าผิดพลาดบวกลบ 20 เปอร์เซ็นต์
F ค่าผิดพลาดบวกลบ 1 เปอร์เซ็นต์
G ค่าผิดพลาดบวกลบ 2 เปอร์เซ็นต์
A ค่าผิดพลาดบวกลบ 0.5 เปอร์เซ็นต์
B ค่าผิดพลาดบวกลบ 0.25 เปอร์เซ็นต์
C ค่าผิดพลาดบวกลบ 0.1 เปอร์เซ็นต์
D ค่าผิดพลาดบวกลบ 0.05 เปอร์เซ็นต์

รู ปที่ 2.13 แสดงอักษรภาษาอังกฤษบนตัวต้านทาน

จากรู ปที่ 2.13 จะมีการพิมพ์อตั ราแทนกำลัง ค่าความต้านทาน และค่าผิดพลาด จากในรู ปจะ


เห็นว่ามีการพิมพ์อกั ษรภาษาอังกฤษเป็ นตัว J คือผิดพลาด 5 % K 10 %

การต่ อวงจรตัวต้ านทาน


การต่อตัวต้านทานมีอยู่ 3 แบบคือ วงจรอนุกรม , วงจรขนาน และ วงจรผสม ได้
เขียนรายละเอียดของการต่อวงจรทั้ง 3 แบบไว้ในเรื่ องวงจรไฟฟ้ าเบื้องต้น

You might also like