Professional Documents
Culture Documents
วันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 จ.ชลบุรี July 15-17, 2020, Chonburi, THAILAND
อิทธิพลของขนาดแผ่นเหล็กเกลียวต่อกาลังการรับแรงแบกทาน โดยใช้ข้อมูลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ
Influence of helical plate diameter on bearing capacity based on laboratory study
1
โปรแกรมวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมโยธา คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร จ.กาแพงเพชร
2,3
ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
*Corresponding author; E-mail address: jakkaphan_t@elearning.cmu.co.th
GTE26-1
การประชุมวิชาการวิศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครั้งที่ 25 The 25th National Convention on Civil Engineering
วันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 จ.ชลบุรี July 15-17, 2020, Chonburi, THAILAND
2. ข้อมูลและวิธีการทดสอบ
การศึกษาอิทธิพลของขนาดแผ่นเหล็กเกลียวต่อกาลังการรับแรงแบก
ทานของเสาเข็มเหล็กเกลียวนั้น ดาเนินการโดยการติดตั้งแบบจาลองเสาเข็ม
ลงในแบบจาลองดิน ก่อนการทดสอบกาลังรับแรงอัด ในห้องปฏิบัติการ โดย
มีตัวแปรที่เปลี่ยนแปลงคือขนาดของแผ่นเหล็กเกลียว ส่วนในสภาวะต่างๆ
จะ คงที่ อันได้แก่ แบบจาลองเสาเข็ม แบบจาลองดิน และชุดอุปกรณ์ การ
ทดสอบต่างๆ ดังนั้น เพื่อให้ทุกการทดสอบสามารถควบคุมสภาวะแวดล้อม
ต่ า ง ๆ ให้ ค งที่ ม ากที่ สุ ด จึ ง ต้ อ งมี ก ารจั ด เตี ย มวั ส ดุ แ ละอุ ป กรณ์ โดยมี
รายละเอียดดังนี้
2.1 วัสดุและอุปกรณ์การทดสอบ
2.1.1 แบบจาลองเสาเข็มแผ่นเหล็กเกลียว รูปที่ 2 กราฟการกระจายของขนาดเม็ดทราย
การศึกษาในครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้แบบจาลองเสาเข็มแผ่นเหล็กเกลียวสแตน
เลส เกรด 304 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 นิ้ว หนา 1.1 มม. ความยาว 40 ตารางที่ 1 รายละเอียดคุณสมบัติของแบบจาลองเสาเข็มแผ่นเหล็กเกลียว
Property Value
ซม. เชื่อมปิดปลายเสาเข็ม ติดตั้งแผ่นเหล็กเกลียวเสริมกาลัง หนา 2 มม. ที่
Outer diameter, D (mm.) 12.7
ระยะ 0.5 นิ้ว จากปลายเสาเข็ม (e) ที่อัตราส่วนเส้นผ่าศูนย์กลางแผ่นเหล็ก 1.1
Wall thickness, t (mm.)
เกลียว (D) ต่อเส้นผ่าศูนย์กลางเสาเข็ม (d) เท่ากับ 1, 2, 3 และ 4 ดังแสดง Length from raft base, L (mm.) 400
ในรูปที่ 1 โดยทาการทดสอบเป็นจานวน 4 ต้น ต่ออัตราส่วน D/d ต่างๆ Young’s modulus, Ep (GPa.) 180
คุณสมบั ติทางวิศวกรรมเบื้ อ งต้น ของแบบจาลองเสาเข็ ม มีค่าโมดูลัส Poisson’s ratio, ν 0.270
ยืดหยุ่น (Young’s modulus) เท่ากับ 180 GPa. และค่าอัตราส่วนปัวซอง Relative density, Dr (%) 50
(Poisson's ratio) เท่ากับ 0.270 ซึ่งเป็นค่าคุณสมบัติทั่วไปของสเตนเลส Interface friction angle, (deg.) 18.3
โดยรายละเอียดคุณสมบัติของแบบจาลองเสาเข็มแสดงในตารางที่ 1 ตารางที่ 2 คุณสมบัติทางวิศวกรรมเบือ้ งต้นของทราย
2.1.2 แบบจาลองดิน Property Value
แบบจาลองดินใช้ทรายซิลิกา คัดขนาด 0.40-0.84 มม. ผ่านตะแกรง Classification (USCS) SP
D50 0.56
เบอร์ 20 ค้างบนตะแกรงเบอร์ 40 โดยมีคุณสมบัติทางวิศวกรรมเบื้องต้น ดัง
Coefficient of uniformity, Cu 1.45
แสดงในรูปที่ 2 และตารางที่ 2
Coefficient of curvature, Cc 1.17
2.1.3 ชุดอุปกรณ์ถังทดสอบ Specific gravity, Gs 2.65
ชุดอุ ป กรณ์ ถั งทดสอบเป็นชุดถังโครงเหล็กรูป พรรณประกอบ ขนาด Maximum dry density, ρdmax (kg/m3.) 1,679
ภายใน กว้า งxยาวxสูง 50x80x53 ซม. เพื่อ ใช้ในการบรรจุ ทราย รวมทั้ง Minimum dry density, ρdmin (kg/m3.) 1,344
ติ ด ตั้ ง เครื่ อ งมื อ การให้ แ รง (Hydraulic jack), เครื่ อ งมื อ การอ่ า นค่ า แรง Maximum void ratio, emax 0.971
Minimum void ratio, emin 0.578
(Load cell), เครื่องมือการวัดการทรุดตัวของโมเดลเสาเข็ ม (LVDT) และ
Relative density, Dr (%) 50 60 70 80
เครื่องมือการบันทึกและแปลผลข้อมูล (Data logger) ดังแสดงในรูปที่ 3
Internal friction angle, (deg.) 29.7 30.2 31.7 32.5
Dry density, ρ (kg/m3.) 1493 1526 1562 1599
Void ratio, e 0.775 0.735 0.696 0.657
รูปที่ 1 แบบจาลองโมเดลเสาเข็ม
GTE26-2
การประชุมวิชาการวิศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครั้งที่ 25 The 25th National Convention on Civil Engineering
วันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 จ.ชลบุรี July 15-17, 2020, Chonburi, THAILAND
3. สมมุติฐานและสมการในการออกแบบ
3.1 สมมุติฐานการออกแบบ
วิธีการประเมินประสิทธิภาพเสาเข็มเหล็กเกลียวที่ใช้โดยทั่วไป มี 3 วิธี
คือ 1. วิธีกาลังแบกทานแบบแยกส่วน 2. วิธีกาลังแบกทานแบบทรงกระบอก
LVDT (ดังแสดงในรูปที่ 5) และ 3. ความสัมพันธ์ระหว่างแรงบิดระหว่างการติดตั้ง
Data Logger (installation torque) และกาลังการรับแรง [1], [3] ในการศึกษานี้ ศึกษา
ถึงอิทธิพลของขนาดแผ่นเหล็กเกลียวต่อกาลังการรับแรงแบกทาน โดยใช้
แบบจาลองเสาเข็มที่มีแผ่นเหล็กเกลียวจานวน 1 แผ่น ที่ขนาดต่างๆกัน และ
Hydraulic jack ทดสอบหลังจากการติดตั้งเสาเข็มแล้วเสร็จ ในประเมินกาลังรับแรงแบกทาน
จึงใช้เพียงวิธีเดียวคือ วิธีกาลังแบกทานแบบแยกส่วน
ก าลังรับ แรงแบกทานของเสาเข็ มแผ่น เหล็ก เกลีย วมีส มมุติ ฐานและ
Load cell
พฤติก รรมระนาบการวิบั ติเช่นเดีย วกับ ฐานรากลึก โดยกลไกการถ่ า ยเท
รูปที่ 3 ชุดอุปกรณ์ถังทดสอบ
น้าหนักของเสาเข็มจากโครงสร้างสู่ดิน ในระหว่างการถ่ายน้าหนัก เสาเข็ม
2.2 การเตรียมการทดสอบและวิธีการทดสอบ แผ่นเหล็กเกลียวจะถ่ายน้าหนักจากโครงสร้างสู่ดินรอบเสาเข็ม โดยผ่านแรง
เสียดทานระหว่างแกนเสาเข็มแผ่นเหล็กเกลียว(shaft) หรือที่เรียกว่าแรง
2.2.1 แบบจาลองชันนดินและการติดตันงเสาเข็มทดสอบ เสียดทานที่ผิว (skin friction) บวกกับแรงแบกทานที่แผ่นเหล็กเกลียว (end
การจาลองชั้นดินเพื่อให้ทุกการทดสอบคงที่ มีวิธีการดาเนินการ ดังนี้ bearing) การถ่ายน้าหนักนี้จะส่งผลให้เกิดพื้นที่หน่วยแรง "stress zone"
a. แบ่งชั้นทรายออกเป็นชั้นๆ ชั้นล่ะ 5 ซม. จานวน 9 ชั้น โดย ภายใต้แผ่นเหล็กเกลียว ซึ่งมีการกระจายแรงดันที่ด้านล่างของแต่ละแผ่น
ขีดเส้นไว้ที่ถังทดสอบ เหล็กเกลียวอย่างสม่าเสมอทั่วแผ่น กาลังการรับแรงแบกทานของเสาเข็ ม
b. คานวณน้าหนักชั้นทราย ใส่ชั้นทราย และทาการบดอั ดชั้น ได้มาจากผลรวมของแรงแบกทานที่แผ่นเหล็กเกลียว (end bearing) รวม
ทราย ทีละชั้น เพื่อให้ได้ความหนาแน่นสัมพัทธ์ที่ต้องการ กับแรงเสียดทานของแกนเสาเข็ม (shaft) [1], [4]
c. ใส่ ชั้ น ทรายจนถึ ง ระดั บ ปลายเสาเข็ ม จึ ง ด าเนิ น การติดตั้ง
เสาเข็มเข้ากับแท่นยึดและ Load cell
d. ดาเนินการใส่ชั้นทราย และทาการบดอัดชั้นทรายที่เหลือจน
ครบทั้ง 9 ชั้น
2.2.2 การควบคุมความสมาเสมอของแบบจาลองชันนทราย
เพื่อให้การจาลองชั้นทรายมีความสม่าเสมอทั่วพื้นที่ และคงที่ในทุกการ
ทดสอบ จึ งดาเนินการทดสอบ Cone Penetration Test โดยแสดงผ่ า น
ความสัมพันธ์ระหว่างค่าความต้านทานแรงกดกับความลึก [6]
ในการทดสอบจะใช้แท่งเหล็กตันขนาดเส้นผ่า นศูนย์กลาง 12.7 มม.
ความยาว 70 ซม. ปลายรูปทรงกรวย มุมเอียงทรงกรวย 60 องศา ยึดติดกับ
รูปที่ 4 ตาแหน่งการทดสอบ Cone Penetration
Load Cell เพื่อใช้ในการบันทึกและอ่านค่าแรงกด
ดาเนินการกดแท่งเหล็ก ตันลงบนผิวแบบจาลองชั้นทราย ที่ตาแหน่ง
ต่างๆ ทั่วพื้นที่ผิว ดังแสดงในรูปที่ 4 กดลงด้วยอัตราคงที่ และบันทึกค่าแรง
ต้านทานที่ความลึกทุก 5 ซม.
2.2.3 การทดสอบกาลังการรับแรงแบกทาน
การทดสอบก าลังการรับ แรงแบกทาน ดาเนินการโดยใช้ Hydraulic
jack เป็ น เครื่ อ งให้ แ รงแบกทานในแนวดิ่ ง ที่ อั ต ราการเคลื่ อ นตั ว คงที่
ประมาณ 0.2 มม./วินาที ทาการบันทึกค่าแรงและค่าการเคลื่อนตัว ที่การ
เคลื่อนตัวประมาณทุก 0.25 มิลลิเมตร
รูปที่ 5 กลไกการถ่ายน้าหนักของเสาเข็มแผ่นเหล็กเกลียว(a) วิธกี าลังแบกทาน
แบบแยกส่วน และ (b) วิธีกาลังแบกทานแบบทรงกระบอก [3]
GTE26-3
การประชุมวิชาการวิศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครั้งที่ 25 The 25th National Convention on Civil Engineering
วันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 จ.ชลบุรี July 15-17, 2020, Chonburi, THAILAND
GTE26-4
การประชุมวิชาการวิศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครั้งที่ 25 The 25th National Convention on Civil Engineering
วันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 จ.ชลบุรี July 15-17, 2020, Chonburi, THAILAND
เป็นส่วนสาคัญต่อการกาหนดค่ากาลังรับแรงแบกทานสูงสุด โดยมีอัตราส่วน 70
Equation
y = Intercept +
B1*x^1 + B2*x^
2 70
ความจาเป็นที่จะต้องให้ความสาคัญต่อการประเมินค่ากาลังรับแรงแบกทาน 20 20
จะทาให้การประเมินกาลังรับแรงแบกทานมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น 0
0 1 2 3 4 5
0
0 D/d
รูปที่ 8 ความสัมพันธ์ระหว่างกาลังแบกทานกับอัตราส่วน D/d
0 1 2 3 4 5
12 12
10
y = Intercept +
Equation B1*x^1 + B2*x^
2
10 Weight No Weighting 10
Residual Sum 0.20686
Depth (cm.)
of Squares
Adj. R-Square 0.98744
20 Value Standard Error
QHP/QSP Intercept 1.00099 1.26617
8 QHP/QSP B1 -0.64078 1.1551 8
QHP/QSP B2 0.7415 0.22741
QHP/QSP
30 6 6
4 4
40
0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11
Tip resistance (kg.) 2 2
15 15 40
10 10
5 5
30
0 0
0 4 8 12 16 20
Settelmant (mm) 20
รูปที่ 7 ความสัมพันธ์ระหว่างกาลังแบกทานกับการทรุดตัว
10
0
1 2 3 4
D/d
รูปที่ 10 ค่าเฉลี่ยกาลังแบกทานจากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการกับผลจาก
การออกแบบเปรียบเทียบกับอัตราส่วน D/d
GTE26-5
การประชุมวิชาการวิศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครั้งที่ 25 The 25th National Convention on Civil Engineering
วันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 จ.ชลบุรี July 15-17, 2020, Chonburi, THAILAND
ตารางที่ 3 ค่าเฉลี่ยกาลังแบกทานจากผลการทดสอบในห้องปฏิบัตกิ ารและค่าจาก and design methods of screw piles: A review,” Soils
Found., vol. 56, no. 1, pp. 115–128, 2016, doi:
แบบจาลอง ค่าเฉลี่ยกาลังแบกทาน ผลจากการออกแบบ (กก.)
10.1016/j.sandf.2016.01.009.
เสาเข็ม จากห้องปฏิบัติการ (กก.) Pu qult An H ( d )
[5] M. Elkasabgy and M. H. El Naggar, “Axial compressive
D/d = 1 6.32 2.30 1.49 (65%) 0.81 (35%)
D/d = 2 18.9 6.20 5.52 (89%) 0.68 (11%)
response of large-capacity helical and driven steel piles
D/d = 3 34.42 13.21 12.53 (94.9%) 0.68 (5.1%) in cohesive soil,” Can. Geotech. J., vol. 52, no. 2, pp.
D/d = 4 65.75 23.12 22.44 (97.1%) 0.68 (2.9%) 224–243, 2014, doi: 10.1139/cgj-2012-0331.
การออกแบบ [6] Y. S. Unsever, T. Matsumoto, and M. Y. Özkan,
“Numerical analyses of load tests on model
5. บทสรุปและอภิปราย foundations in dry sand,” Comput. Geotech., vol. 63,
บทความนี้ได้ศึกษาถึงอิทธิพลของขนาดแผ่นเหล็กเกลียวต่อกาลังการรับ no. January 2016, pp. 255–266, 2015, doi:
แรงแบกทาน โดยใช้ข้อมูลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ แล้วจึงเปรียบเทียบ 10.1016/j.compgeo.2014.10.005.
กับผลการออกแบบ ได้ผลสรุปดังนี้
- ขนาดของแผ่นเหล็กเกลียวมี อิทธิพลต่อการเพิ่มขึ้นของกาลังแบก
ทานของเสาเข็ มเหล็ก เกลีย ว อั นเกิดจากพื้นที่ห น่ว ยแรง "stress zone"
ภายใต้แผ่นเหล็กเกลียว
- การเพิ่มขนาดแผ่นเหล็ก เกลียว ส่งผลให้ ก าลังรับ แรงแบกทานที่
ปลายเสาเข็มเพิ่มขึ้นในลักษณะเอกซ์โพเนนเชียล ตามการเพิ่มขึ้นของขนาด
แผ่นเหล็กเกลียว ส่วนแรงเสียดทานที่ผิวเสาเข็มคงที่
- กาลังรับแรงแบกทานที่ปลายเสาเข็มเป็น ส่วนสาคัญต่อกาลังรับแรง
แบกทานสูงสุด โดยมีอัตราส่วนมากกว่า 90% ของกาลังรับแรงสูงสุด และจะ
มี เ พิ่ ม มากขึ้ น ตามการเพิ่มขึ้ นของขนาดแผ่ น เหล็ก เกลี ย ว ดั ง นั้ น ในการ
ออกแบบเสาเข็มแผ่นเหล็กเกลียว จึงจาเป็นที่จะต้องให้ความสาคัญต่อการ
ประเมินค่ากาลังรับแรงแบกทานที่ปลายเสาเข็ม ซึ่งโดยทั่วไปถูกกาหนดด้วย
ค่า Nc , Nq , N เพื่อให้การประเมินกาลังรับแรงแบกทานมีความถูกต้อง
มากยิ่งขึ้น
ในการที่จะเข้าใจถึงพฤติกรรมการถ่ายแรงของเสาเข็มและแผ่นเหล็ก
เกลียวที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบ อันจะส่งผลต่อการออกแบบที่มีความ
ถูกต้องมากยิ่งขึ้นนั้น การทดสอบกาลังรับแรงดึง เพื่อหาค่าแรงเสียดทานที่
ผิวเสาเข็ม การติดตั้ง strain gauge เพื่อวัดค่า stress ของเสาเข็มที่จุดต่างๆ
รวมถึ ง ผลจากโปรแกรมวิเ คราะห์ ไ ฟไนท์ อิ ลิ เ มนต์ ย่ อ มมี ค วามจ าเป็ น ที่
จะต้องทาการศึกษาต่อไป
เอกสารอ้างอิง
[1] ธ. จักรพันธ์, ท. สุริยะ, จ. พีรพงศ์, and อ. อาศิส, “การทบทวน
วรรณกรรมและการประยุกต์ใช้งานเสาเข็มแผ่นเหล็กเกลียว,” in
การประชุมวิชาการวิศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครันงที 23, 2018.
[2] H. A. Perko, Helical Piles: A Practical Guide to Design
and Installation. 2009.
[3] Jessica Young, “Uplift Capacity and Displacement of
Helical Anchors in Cohesive Soil,” Oregon State
University, 2012.
[4] A. Mohajerani, D. Bosnjak, and D. Bromwich, “Analysis
GTE26-6