Professional Documents
Culture Documents
รับแรงทางข้าง
รศ.ดร.อมร พิมานมาศ
ภาณุวฒั น์ จ้อยกลัด
ปรีดา ไชยมหาวัน
สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ความสําคัญในการจําลองฐานรากรับแรงทางข้าง
(Soil Structure Interaction : SSI)
ปัจจุบันการออกแบบโครงสร้างไม่ได้คํานึงถึง กําลัง (Strength Based
Design : SBD) โครงสร้างเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคํานึงถึงการวิบัติและการ
ทรุดตัวของดินที่อาจมีผลต่อแรงที่เกิดขึ้นในโครงสร้างด้วย
การออกแบบโครงสร้างต้องคํานึงถึงการเคลื่อนตัวของโครงสร้าง โดยเฉพาะ
ในพื้นที่ต้องรับแผ่นดินไหวหรือแรงลม ความแข็งหรือความอ่อนของดินมีผล
ต่อการเคลื่อนตัวของโครงสร้างอย่างมาก
การออกแบบโครงสร้างฐานราก เช่น ฐานแผ่ ฐานแพ ฐานรากเสาเข็ม ฯ ต้อง
พิจารณาปฏิสัมพันธ์ของดินเพื่อคํานวณแรงที่เกิดขึ้นในโครงสร้างฐานราก
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ทําไมต้องสนใจ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างดินและโครงสร้าง
ประเภทของ ฐานรองรับ (supports) มีผลต่อกระทบต่อ โมเมนต์ แรง
เฉือน การเคลื่อนที่และรูปแบบการวิบัติของอาคารของโครงสร้าง
ฐานรากเปลี่ยน = เปลี่ยนรูปแบบการวิบัติ!!
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ทําไมต้องสนใจ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างดินและโครงสร้าง
บางโครงสร้างภาวะการใช้งานของโครงสร้างเป็นสิ่งสําคัญและจําเป็นต้อง
พิจารณาเป็นอันดับต้นๆ
เช่น โครงสร้างรถไฟฟ้าที่ต้องควบคุมการเคลื่อนตัวของโครงสร้างไม่ให้เกินค่าที่
ยอมให้เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัวขณะใช้บริการ
- + - +
< Δall
Pin support Pile & Spring support
การเคลื่อนที่ รถไฟโคลงมากเลย การเคลื่อนที่
รู้สึกมึนหัว!! ใกล้กับความเป็นจริง
น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
Soil spring
การ model ฐานรากโดยทั่วไป
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
ไม่สามารถแสดงค่าการเคลื่อนที่ๆแท้ เทานั้นจริงได้ Pile
ประเภทของฐานรองรับโดยทั่วไป
ในกรณีที่ไม่ได้พิจารณาลักษณะของดินที่รองรับโครงสร้างวิศวกรใช้
ฐานรองรับอยู่ 2 ประเภทในการวิเคราะห์โครงสร้าง
ฐานรากยืดหยุ่น
(Elastic support) ทําไงดีอยากจําลอง
ผลกระทบจากดินแต่
โปรแกรมทั่วไปเลือก
ตรึงแน่น ใส่ได้แค่ 2 แบบ ปล่อยหมุน
(Fully Rotation Fixed) ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
(Fully Rotation Free)
เทานั้น
การวิเคราะห์โครงสร้างทัว่ ไป
ในอดีตวิศวกรอาจวิเคราะห์ทั้ง 2 ระบบแล้วนําผลตอบสนองสูงสุดในแต่ละ
กรณีมาออกแบบ
แม้ว่าจะให้ค่าที่ปลอดภัยแต่ไม่ประหยัดและไม่แสดงพฤติกรรมจริงของ
โครงสร้าง
Fixed Free
ฐานรากตื้น ฐานรากลึก
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
การจําลอง ฐานรากตื้น
รับแรงทางข้าง
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
การจําลองฐานรากตื้น (Shallow Foundation modeling)
วิเคราะห์เฉพาะจุด
ชุดสปริงของดิน Kv 3 Kv 2 Kv 3
K h1
วิเคราะห์เชิงรวม Kv 2 Kv1 Kv 2
Kh 2
ลิขสิทธของKวสท. ใชเพื่อเพิ่มK
v3
เทานั้น
ความรูในการออกแบบ
v2 Kv 3 K h1 ชุดสปริงของดิน
การวิเคราะห์ด้วยวิธีของ FEMA237 (เชิงรวม)
จะพิจารณาฐาณของโครงสร้างด้วยสปริงของดิน 3 ตัว คือ สปริงแนวดิ่ง
(vertical spring) สปริงในแนวราบ (Horizontal spring) และ สปริง
เชิงหมุน (Rotational spring)
P
H M
Kr Kh
Kv
Eso
Gso =
2(1 + νso )
L
L
ตารางที่ 2 รัศมีเทียบเท่า
K = αβk0
เมื่อ α คือ พารามิเตอร์เกี่ยวกับรูปร่าง รูปที่ 1
และ β คือ พารามิเตอร์เกี่ยวกับความลึก รูปที่ 2
และ k0 คือ ส.ป.ส.ความแข็งเกร็งของฐาน
ทั้งนี้ K มีหน่วยเป็น “แรง/การเคลื่อนที่”
ตารางที่ 2
= 77,153.70 ตัน/ม.
- แนวราบ (//y) Khy = αβk = 1.013*1.65*33,883.93
ohy
= 57,635.30 ตัน/ม.
-การพลิก (@x) Krx = αβk = 1.055*1.8*81,274.98
orx
= 154,341.19 ตัน/ม./เรเดียน
Kv1
Kv3
t 1 2 6
7
4 3 5
Kv2
L 8 9
B
ลิActual footing
ขสิทธของ วสท. Model
ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ footing : Shell element
เทานั้น
หลัการจําลองโดยวิธีของ Bowles
¾ สปริงของดินทางข้างคํานวณจากวิธีของ Vesic (1961)
Kv 3 Kv 2 Kv 3
K h1
Kv 2 K v1 Kv 2
2 × 0.65 E so E so B 4
k sh = 12 Kh 2
B 2 E pI p
1 − ν so
Kv 3 Kv 2 Kv 3 K h1
การจําลองสปริงของดินโดยวิธีของ Bowles
วิธีทํา แยกคํานวณสปริงในแนวดิ่งและแนวราบ
ขั้นที่ 1 สปริงของดินในแนวดิ่ง
ค่า ks = 40qult = 40*120=4,800 ตัน/ม.3
ความแข็งเกร็งรวมในแนวดิ่ง Kv = ksBL
นั่นคือ Kv = 4,800*2,*3 = 28,800 ตัน/ม.
ขั้นที่ 2 สปริงของดินในแนวราบ
เมื่อ Ep สําหรับ f’c = 280 กก./ซม.2 เท่ากับ 2,526,713.3 ตัน/ม.2
ค่า Ip = (1/12)Bt3 = (1/12)*2*0.53 = 0.021 ม.4
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ตัวอย่างที่ 2 จากตัวอย่างที่ 1 จงหาค่าสปริงของดินเมื่อ
qult = 120 ตัน/ม.2 และฐานลึก 0.50 ม.
วิธีทํา แยกคํานวณสปริงในแนวดิ่งและแนวราบ
ขั้นที่ 2 แทนค่าในสูตรของ Vesic
2 × 0.65 E so E so B 4
k sh = 12
B 2 E pI p
1− ν
1/12
1.30 13,750 ⎛⎜ 13,750 × 24 ⎞
⎟
=
2 1 − 0.40 ⎝ 2,526,713.3 × 0.021 ⎟⎠
2 ⎜
Qs Qult Qs
คอนกรีตวิบัติ φPn
ดินวิบัติ Δ
Qult/F.S. เกิดการทรุดตัวมาก
ΔH
Hs Hu Hs
ดินวิบัติ คอนกรีตวิบัติ
Hult/F.S. φMn
เกิดการทรุดตัวมาก
(2) การวิเคราะห์โดยใช้สปริงของดิน Q
K = ks × B × ΔL
(คอมพิวเตอร์) เสาเข็ม
ชั้นที่ 1
ΔL
ชั้นที่ 2
ชั้นที่ 3
Lfix = ??
โมเมนต์เท่ากัน
ตําแหนงเข็มเดิม
แรงปฏิกริยาของดิน
p = ks y ks = p / y
x
ตําแหนงเข็มใหม ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ค่า ks สําหรับดินทราย
มีค่าเท่ากับ ks = nh*(x/B)
เมื่อ nh คือ ค่าคงที่สําหรับต้านทานแรงแนวราบ (Constant of
horizontal subgrade reaction) รูปที่ 3
มีความสัมพันธ์กับค่าความหนาแน่นสัมพัทธ์ของดิน (Relative density,
Dr) ตารางที่ 6
และ x คือ ความลึกของจุดที่พิจารณา (ม.)
และ B คือ ความกว้างหรือเส้นผ่านศูนย์กลางของเสาเข็ม (ม.)
Lfix
L
จุดยึดแนนเสมือน โมเมนตดัดสูงสุด
เราจะพิจารณาเสาเข็มเป็น เสาเข็มปลายอิสระ
(Free head pile) แต่หากเป็นในกรณีของฐาน L L
รากกลุ่มซึ่งมีแท่นหัวเข็ม จะพิจารณาเป็นแบบ B B
1/ 4
⎛ E pI p ⎞
R =⎜ ⎟
⎜k ×B ⎟
⎝ s ⎠
φΜ
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูใnนการออกแบบ
เทานั้น
การวิเคราะห์โดยวิธีของบรอม
การวิเคราะห์โดยวิธีของบรอมสามารถทําได้ 2 แบบคือ
(1) ใช้สมการ
(2) ใช้กราฟ
ดินทราย/ดินเหนียว ?? พารามิเตอร์ที่ใช้
แตกต่างกัน
Cohesionless Cohesive
โมเมนต์แตกต่างกัน
ปลายอิสระ/ยึดแน่น ??
Free Fixed Free Fixed
เข็มสั้น/เข็มยาว ?? พฤติกรรม
การวิบัติแตกต่างกัน
Short เข็มยาว – เข็มพัง
Long
สมการ/กราฟ ??
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
เข็มสั้น - ดินพัง
เข็มสั้น : ในชั้นดินเหนียว
ปลายอิสระ ปลายยึดแน่น
H
H
e
L
L
จุดหมุน
1.5B 1.5B M max
x0
L L L − 1.5B
9Su B M max
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ 9Su B
เทานั้น
แรงดันดิน โมเมนตดัด แรงดันดิน โมเมนตดดั
การออกแบบเข็มสั้น : ดินเหนียว - กราฟ
H ult
Su B 2
EX1
Ultimate Lateral Capacity
H ult = 9S u B (L − 1.50B )
L
¾ โมเมนต์ที่เกิดจากแรงทางข้าง 1 .5 B M max
2 e
⎡ H ult ⎤ ⎡ 1 ⎛ H ult ⎞⎤
2.25BS u ⎢L − ⎥ − H ⎢ e + 1 .50 B + ⎜ ⎟⎥ = 0
2 ⎜⎝ 9S u B ⎟
ult
⎣ 9S u B ⎦ ⎣⎢ ⎠ ⎦⎥
L
จุดหมุน
¾ โมเมนต์ที่เกิดจากแรงทางข้าง 1.5B
M u = H u (e + 1.50B + 0.5x 0 )
x0
เมื่อ L
Hu
x0 =
9S u B 9Su B M max
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น แรงดันดิน โมเมนตดัด
เข็มยาว : ในชั้นดินเหนียว
ปลายอิสระ ปลายยึดแน่น
H H
1.5B 1.5B M M
x0 x0
9Su B M 9Su B
EX1
Ultimate lateral load
Mu
Su B 3
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
Ultimate lateral moment
เทานั้น
เข็มยาว : ดินเหนียว – ปลายยึดแน่น - สมการ
H
¾ โมเมนต์ที่เกิดจากแรงทางข้าง
Hu
Mu = (1.50B + 0.5x 0 )
2 1.5B M M
เมื่อ
x0
Hu
x0 =
9S u B
9Su B
M u = H u (e + 1.50B + 0.5x 0 )
1.5B
เมื่อ Hu
x0 = x0
9S u B
9Su B M
L
L
จุดหมุน
M max
x0
L L
L − x0
3Bγ′LK p M max
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ 3Bγ′LK p
H ult = 1.50 γ ′L 2 BK p L
M u = γ ′L 3 BK p L
¾ โมเมนต์ดดั สูงสุด
M u = H u (e + 1.50x 0 )
1 + sin φ ′ Hu
เมื่อ Kp = และ x 0 = 0.82
1 − sin φลิข′สิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ γ ′BK p
เทานั้น
เข็มยาว : ในชั้นดินทราย
ปลายอิสระ ปลายยึดแน่น
H H
M M
x0 x0
3Bγ′LK p
M
3Bγ′LK p
แรงดันดิน ลิขสิทธของ
โมเมนต ดดั วสท. ใชเพืเท่อาเพินั้น่มความรูใแรงดั
นการออกแบบ
นดิน โมเมนตดดั
การออกแบบเข็มยาว : ดินทราย - กราฟ
Hu
K p B 3 γ′
Ultimate lateral load
Mu
K p B 4 γ′
x0
Hu ⎡ Hu ⎤
Mu = ⎢e + 0.54 ⎥
2 ⎢⎣ γ ′BK p ⎥⎦
3Bγ′LK p
แรงดันดิน โมเมนตดดั
e ⎡ Hu ⎤
Mu ⎢
= H u e + 0.54 ⎥
⎢⎣ γ ′BK p ⎥⎦
x0
M
3Bγ′LK p
จากการวิจัยพบว่าหากเสาเข็มในฐานเรียงอยู่ชิดกันเกินไป กําลังของเสาเข็ม
แต่ละต้นที่คํานวณได้จะมีกําลังที่ลดลง
อย่างไรก็ดีจากการวิจัยพบว่าหากระยะเรียงของเสาเข็มแต่ละต้นมีค่ามากพอ
เช่น ประมาณ 6 – 8 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลาง เสาเข็มก็จะรักษากําลังแบบ
เสาเดี่ยวไว้ได้
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ค่าตัวคูณลดกําลังสําหรับเสาเข็มกลุ่มในชั้นดินเหนียว
ระยะเรียงในทิศทางที่มี 2x2 3x3 ค่าแนะนํา
แรงกระทํา (S/B)
3.0 0.42 0.39 0.40
3.5 0.50 0.42 0.45
4.0 0.57 0.44 0.50
4.5 0.61 0.47 0.55
5.0 0.63 0.48 0.55
6.0 - - 0.65
8.0 - - 1.00
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ค่าตัวคูณลดกําลังสําหรับเสาเข็มกลุ่มในชั้นดินทราย
ระยะเรียงในทิศทางที่มีแรงกระทํา ตัวคูณลดกําลัง
(S/B)
3 0.50
4 0.60
5 0.68
6 0.70
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ค่าตัวคูณลดกําลังสําหรับเสาเข็มสําหรับการเคลื่อนตัว
ระยะเรียงในทิศทางที่มีแรงกระทํา ตัวคูณลดกําลัง
(S/B)
3 0.25
4 0.40
6 0.70
8 1.00
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ตัวอย่าง ตรวจสอบกําลังของหน้าตัด
แรงอัดแนวแกนใช้งาน
PLL = 75 ตัน และ PDL = 550 ตัน
แรงทางข้างใช้งาน Hs = 24.75 ตัน
แรงทางข้างประลัย Hu = 40.50 ตัน
กําหนด f’c = 350 ksc
และ fy = 4,000 ksc
0.25
- นั่นคือ ⎛ 2,824,951.3 × 0.657 ⎞
R =⎜
⎝ 428.61 × 1.80
⎟
⎠
= 7.00 ม.
- เมื่อ L/R = 18/7 = 2.57 มากกว่
ลิขสิทา
ธของ2.0 แต่เพื่อนเพิ่ม้อความรู
วสท. ใช ยกว่ า 3.5 ต้องตรวจสอบทัง้ 2 กรณี
ในการออกแบบ
เทานั้น
ขั้นที่ 3.1 คํานวณกําลังรับแรงทางข้างของดิน – เข็มสั้น ด้วยกราฟ
- เมื่อ c u = Su = qu /2 = 23.03 /2 = 11.51 ตัน/ม.2
จุดอยู่ในเส้นโค้ง ปลอดภัย
30 4
- แทนค่าจะได้, I =
12
+ 2 × (2 × 7.22 − 1) × 3 × 2.01 × 10 2 = 8.37 × 10 4 ซม.4
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ขั้นที่ 2 ตรวจสอบว่าเป็นเข็มสั้นหรือยาว
- เมื่อกําหนด nh = 480.50 ตัน/ม.3
- เมื่อ Ep = Ec = 2,824,951.30 ตัน/ม.2
- และ Ip = I= 0.00084 ม.4
1/ 5
⎛ E pI p ⎞
- สําหรับดินทราย T =⎜
⎜ n
⎝ h
⎟
⎟
⎠
0.20
⎛ 2,824,951.3 × 0.00084 ⎞
- นั่นคือ T =⎜
⎝ 480.50
⎟
⎠
= 1.38 ม.
Hu 7.00 Mu
- เปิดกราฟเมื่อ K p B γ′3
=
5.83 × 0.3 × 23
= 22.24 จะได้ 4
K p B γ′
≈ 20
7⎡ 7 ⎤
- ได้ Mu = ⎢0 + 0.54
2 ⎢⎣ 2 × 0.30ลิ×ขสิ5ทธ.ข83
⎥ =ใช2เพื.่อ67
อง วสท.
⎥⎦
ตัน-ม.
เพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ขั้นที่ 5 ตรวจสอบกําลังของหน้าตัดด้วย เส้นโค้งปฏิสัมพันธ์
อยู่ในเส้นโค้งถือว่าปลอดภัย
y(x )
QgT 3
การเคลื่อนที่ทางข้าง ΔH = Cy
EI
การเคลื่อนที่ทางข้าง
Qg R 3 M gR2
Δ H = Ayc + B yc
EI EI
224
- แทนค่าจะได้ I =
12
0.20
- นั่นคือ ⎛ 2,824,951 .33 × 0.000195 ⎞
T =⎜ ⎟ = 1.53
⎝ 66 ⎠
อยู่ในเส้นโค้งถือว่าปลอดภัย
bh 3
- โมเมนต์ความเฉือ่ ย, I = 12 + (2n − 1)As1d12 + (2n − 1)As2d 22
22 4
- แทนค่า I = 12 + 2 × (2 × 7.22 − 1) × 4 × 1.13 × 7.5 2 + 2 × (2 × 7.22 − 1) × 2 × 1.13 × 2.5 2
- นั่นคือ I = 26,735 .25 ซม.4
0.20
⎛ 2,824,951.33 × 0.000267 ⎞
- ดังนั้น T = ⎜⎝ 66
⎟
⎠
= 1.63 ม.
ขั้นที่ 1 ตรวจสอบว่าเป็นเสายาวหรือไม่
- เมื่อ qu = 2.45 ตัน/ม.2
- ดังนั้น Su = qu/2 = 2.45/2 = 1.225 ตัน/ม.2
- จะได้ ks = 67(Su/B) = 67(1.225/0.22) = 373.07 ตัน/ม.3
- เมื่อ Ec = 282,495.13 กก./ซม.2
0.25
⎛ 2,824,951.3 × 0.000195 ⎞
- สําหรับดินเหนียวR =⎜
⎝ 373 .07 × 0 .22
⎟
⎠
= 1.61 ม.
Qg R 3 M gR2
- การเคลือ่ นตัวทางข้างคํานวณจาก Δ H = Ayc
EI
+ B yc
EI
1.50 × 1.743
- แทนค่า ΔH =2
2,824,951.33 × 0.000267
+ 0 = 0.0210 ม.
M max
Lm
Ld
M max
x
เสาเข็ม
โมเมนตดัด ระยะขจัด (คานยื่นเทียบเทา) (คานยื่นเทียบเทา)
(โครงสรางจริง) สําหรับระยะขจัด สําหรับโมเมนตสงู สุด
ลิขสิทธของ วสท. ใชเพื่อเพิ่มความรูในการออกแบบ
เทานั้น
ตัวอย่างที่ 5 จากตัวอย่างที่ 3 หากกําหนดให้ปลายบนแบบอิสระ จง
คํานวณโมเมนต์และการเคลื่อนตัวทางข้างด้วยวิธีคาน
บนฐานรากยืดหยุน่ และวิธีคานยื่นเทียบเท่า
โมเมนต์
คานบนฐานรากยืดหยุ่น
จากตัวอย่างที่ 3 เมื่อ T = 1.63 ม. ดังนั้น Z = L/T = 22/1.63 = 13.50
หา Am ได้เท่ากับ 0.77 เมื่อ Qg = 2.0 ตัน และ Mg = 0 ตัน-ม.
ดังนั้น Mu = AmQgT = 0.77*2.0*1.63 = 2.51 ตัน-ม.
คานยื่นเทียบเท่า
สําหรับดินทราย Lm = 0.78T = 0.78*1.63 = 1.27 ม.
โมเมนต์ดัดสูงสุดจาก Qg =ลิขสิ2ทธขตัองนวสท.คืใชอเพื่อเพิM่มความรู
u =ในการออกแบบ
2*1.27 = 2.54 ตัน-ม.
เทานั้น
การเคลื่อนตัวทางข้าง
คานบนฐานรากยืดหยุน่
เมื่อ Z > 10 ค่า ส.ป.ส. Ay จะมีค่าประมาณ 2.25
QgT 3 M gT 2
เมื่อ Δ H = Ay + By
EI EI
เมื่อ Qg = Hs = 1.50 ตัน และ Mg = 0 ตัน-ม. จะได้
คานยื่นเทียบเท่า
สําหรับดินทราย Ld = 1.80T = 1.80*1.63 = 2.93 ม.
QL3d
แรงทางข้างเมื่อ Qg = 1.50 ตัน คือ Δ H =
3EI
1.5 × 1,000 ×ลิ(ข2 .ธ93 × 100 )เพิ3่มความรูในการออกแบบ
นั่นคือ ΔH = สิ ท ข อง
3 × 282,495.13 × 26,735เท.า25
วสท. ใช เพื อ
่
นั้น
= 1.67 ซม.
ตัวอย่างที่ 6 จากตัวอย่างที่ 4 จงตรวจสอบกําลังของหน้าตัด
โมเมนต์
สําหรับดินเหนียว Lm = 0.44R = 0.44*1.74 = 0.77 ม.
โมเมนต์ดัดสูงสุดจาก Qg = 2.0 ตัน คือ Mu = 2.0*0.77 = 1.53 ตัน-ม.
เมื่อเปรียบเทียบกับ Mu ในข้อที่ 3 คือ 1.39 ตัน-ม. O.K.
แรงทางข้าง
สําหรับดินเหนียว, Ld = 1.40R = 1.40*1.74 =2.44 ม.
1.5 × 1,000 × (2.44 × 100)3
ดังนั้น Δ H = = 0.96 ซม.
3 × 282,495.13 × 26,735.25
การวิเคราะห์โดยวิธีค่าสปริงของดินแท้ที่จริงก็คือการวิเคราะห์ด้วยวิธีคาน
บนฐานรากยืดหยุ่นนั่นเอง โดยข้อแตกต่างก็คือวิศวกรสามารถวิเคราะห์ได้
เองโดยไม่ต้องใช้การอ่านค่าจากกราฟหรือตาราง
22.0 m.
Ks18 = 1,192.68 T/m