You are on page 1of 7

ประเภทของวงดนตรีสากล

แบ่งได้เป็ น 8 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1. วงแชมเบอร์ มิวสิ ค (Chamber Music)

หมายถึง วงดนตรี ประเภทบรรเลงด้วยเครื่ องดนตรี ที่เหมาะ สำหรับแสดงภายในห้องโถงหรื อสถานที่ที่จุผฟู ้ ังได้เพียงจำนวนน้อยในสมัยแรกเล่นกัน

ในห้องโถงตามราชสำนักหรื อคฤหาสถ์ของขุนนางในยุโรปและนักดนตรี เล่นกันเองในหมู่เพื่อนฝูง ต่อมาคนเริ่ มสนใจมากขึ้นทำให้สถานที่คบั แคบจึง

เลื่อนเล่นในห้องโถงใหญ่และใน Concert Hall ซึ่งจัดไว้เพื่อการแสดงดนตรีโดยเฉพาะ วงเดนตรี ชมเบอร์มิวสิ คจะเน้นความสำคัญของนักดนตรี ทุกคน

เท่าๆกัน โดยปกติจะมีนกั ดนตรี 2-9 คนและ เรี ยกชื่อต่างๆกัน ตามจำนวนของผูบ้ รรเลง ดังนี้

จำนวนผูบ้ รรเลง 2 คน เรี ยกว่า ดูโอ (Duo) จำนวนผูบ้ รรเลง 3 คน เรี ยกว่า ทรี โอ (Trio)

จำนวนผูบ้ รรเลง 4 คน เรี ยกว่า ควอเตท (Quartet) จำนวนผูบ้ รรเลง 5 คน เรี ยกว่า ควินเตท (Quinte

จำนวนผูบ้ รรเลง 6 คน เรี ยกว่า เซกซ์เตท (Sextet) จำนวนผูบ้ รรเลง 7 คน เรี ยกว่า เซปเตท (Septet)

จำนวนผูบ้ รรเลง 8 คน เรี ยกว่า ออกเตท (Octet) จำนวนผูบ้ รรเลง 9 คน เรี ยกว่า โนเนท (Nonet)

การฟังเพลงประเภทเชมเบอร์มิวสิ คต้องการความรู ้ความเข้าใจเช่นเดียวกับการฟังเพลงคลาสสิ คประเภทอื่นๆ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเพลงประเภทนี้

ใช้ผเู ้ ล่นเพียงไม่กี่คน ย่อมไม่สามารถสร้างอารมณ์ความรู ้สึกของดนตรี ได้อย่างเพลงที่บรรเลงโดยวงออร์เคสตร้าเช่น ความมีพลัง, สี สันหรื อเสี ยงของ

วงประสานเสี ยงที่ร้องไปกับวงออร์เคสตร้า ทำให้รู้สึกยิง่ ใหญ่, มโหฬาร แต่ส่ิ งที่จะได้รับจากเพลงประเภทเชมเบอร์มิวสิ คจะเป็ นในลักษณะของเสี ยงดนตรีี

ที่แท้จริ งในด้านคุณภาพของการเล่น เพราะถ้ามีผเู ้ ล่ผิดพลาดจะได้ยนิ อย่างเด่นชัด ฉะนั้นการบรรเลงประเภทนี้ ผบู ้ รรเลงต้องมีความถูกต้องและสามารถ

ถ่ายทอดอารมณ์ความรู ้สึกของเพลงได้อย่างกระจ่างแจ่มชัด

นอกจากนี้ ความเป็ นหนึ่งในการบรรเลงเพลงซึ่งเป็ นความหมายของคำว่า Ensemble คือความพร้อมเพียงของผูบ้ รรเลงเป็ นสิ่ งที่การบรรเลงเพลง

ประเภทนี้ ตอ้ งการเป็ นอย่างยิง่ ไม่ใช่เฉพาะความถูกต้องในการบรรเลงของแต่ละคนเท่านั้น ความถูกต้องความเป็ นหนึ่งของทั้งวง ย่อมจะต้องมีอยู่

อย่างครบครัน สิ่ งเหล่านี้เป็ นสิ่ งที่ได้จาการฟังเพลงประเภทเชมเบอร์มิวสิ ค ซึ่งต่างไปจากเพลงที่บรรเลงโดยวงออร์เคสตร้า


โดยปกติการผสมวงดนตรี แบบเชมเบอร์มิวสิ คจะมีนกั ดนตรี ต้งั แต

2 คนขึ้นไปจนถึง 9 คนและวงดนตรี จะมีชื่อต่างๆตามจำนวนขอ

ผูบ้ รรเลงเช่นการเรี ยกชื่อ จะต้องบอกชนิดของเครื่ องดนตรี และ

จำนวนของผูเ้ ล่นเสมอ ยกตัวอย่างวงดนตรี ประเภทเครื่ องสาย

เป็ นวงดนตรี ที่บรรเลงด้วยเครื่ องสายทั้งหมดเช่น Violin, Vio

Cello, DubleBass จะเรี ยกดังนี้

วงสตริงทรีโอ (String Trio) มี  ไวโอลิน(Violin) 1 คัน วิโอลา(Viola) 1 คัน และ เชลโล(Cello) 1 คัน

วงสตริงควอเต็ท (String Quartet) มี  ไวโอลิน(Violin)) 2 คัน วิโอลา(Viola) 1 คัน และ เชลโล(Cello)1 คัน

วงสตริงควินเตท (String Quintet) มี ไวโอลิน(Violin) 2 คัน วิโอลา(Viola) 1 คัน เชลโล(Cello) และ ดับเบิลเบส(DubleBass) 1 คัน

การบรรเลงของแชมเบอร์มิวสิ คเกิน 9 คน

แต่ไม่ถึง 20 คนเรี ยกว่า อังซังเบลอ(ensemble)

เช่น วินด์องั ซังเบลอกับดับเบิ้ลเบสของ โมสาร์ท

เป็ น Serenad สำหรับเครื่ องลม B แฟลต

วงแชมเบอร์มิวสิ คยังไม่จ ำกัดการบรรเลงของ

ประเภทเครื่ องดนตรี กค็ ือ วงดนตรี สามารถนำ

เครื่ องดนตรี ประเภทอื่นๆมาบรรเลงด้วยกัน


แต่ดนตรี ตระกูลเครื่ องสายจะเหมาะที่สุดเพราะ เสี ยงของเครื่ อ

2. วงซิมโฟนี ออร์ เคสตร้ า (Symphony Orchestra)

เป็ นวงดนตรี ขนาดใหญ่ ที่ใช้เครื่ องดนตรี และผูบ้ รรเลงจำนวนมาก และมี วาทยกร หรื อ ผูอ้ ำนวยเพลง (Conductor) เป็ นผูค้ วบคุมวงดนตรี

บทเพลง ที่ใช้บรรเลงมีหลายประเภทเช่น ซิมโฟนคอนแชร์โต โอเวอร์เจอร์ในสมัยนี้ นิยมนำนักร้องมาเสริ มเพืื่ ่อสร้างบรรยากาศให้ดียิง่ ขึ้น

วงดนตรี ประเภทนี้ จะประกอบด้วยเครื่ องดนตรี ครบทุกประเภทคือ เครื่ องสาย, เครื่ องลมไม้เครื่ องลมทองเหลือง, เครื่ องลิ้มนิ้วและเครื่ องตี

กระทบ เป็ นลักษณะการประสมวงดนตรี ที่สมบูรณ์ที่สุด ขนาดของวงดนตรี ออร์เคสตร้า (Orchestra)ได้ก ำหนดโดยผูบ้ รรเลงดังนี้


วงขนาดเล็ก(Small Orchestra)มีผบู ้ รรเลงประมาณ 40 – 60 คน

วงขนาดกลาง(Medium Orchestra)มีผบู ้ รรเลงประมาณ 60 – 80 คน

วงขนาดใหญ่( Full Orchestra )มีผบู ้ รรเลงประมาณ 80 คนขึ้นไป

การจัดวงออร์เคสตร้าคำนึงถึงความกลมกลืนของเสี ยงดนตรี ท้งั หมด

โดยกลุ่มดนตรี ประเภทเครื่ องสายจะมีจ ำนวนมากที่สุดในวง ประมาณ

2 ใน 3 ของจำนวนผูบ้ รรเลงทั้งหมด

วงดนตรี ประเภทนี้ สิ่งที่สำคัญก็คือผูแ้ สดงจะต้องมีประสบการณ์กบั ความสามารถในการบรรเลงเป็ นอย่างมาก ** ถ้าใช้เฉพาะเครื่ องสายของวง

Symphony  Orchestra ก็เรี ยกว่า String Orchestra **

3. วงป๊ อปปูลามิวสิ ค (Popular Music) หรือ วงดนตรีลลี าศ

ใช้บรรเลงตามงานรื่ นเริ งทัว่ ไปประกอบด้วย เครื่ องดนตรีี ประเภท เครื่ องลมไม้,

เครื่ องทองเหลือง, และ เครื่ องประกอบจังหวะ

วงป๊ อปปูลามิวสิ ค ส่ วนใหญ่มี 3 ขนาน

3.1 วงขนาดเล็ก (วง 4x4) มีเครื่ องดนตรี  12 ชิ้นดังนี้

1. ประเภทเครื่องลมไม้  ประกอบด้วย Alto Saxophone 1 เครื่ อง Tenor Saxophone 2 เครื่ อง, Baritone Saxophone 1 เครื่ อง

2. ประเภทเครื่องลมทองเหลือง ประกอบด้วย Trumpet 3 เครื่ อง, Trombone 1 เครื่ อง

3 . ประเภทเครื่องตีกระทบหรือเครื่องประกอบจังหวะ ประกอบด้วย Guitar, E.Bass, Piano, Drums, อย่างละ 1 เครื่ อง

( วง 4 x 4 หมายถึง ชุด Saxophone 4 ชุดทองเหลือง 4 ชุด ตามลำดับ ส่ วนเครื่ องประกอบจังหวะ 4 ชุด จะละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

3.2 วงขนาดกลาง (5x5) มีเครื่ องดนตรี  14 ชิ้นดังนี้ เพิ่ม Alto Saxophone และ Trombone อย่างละ 1 เครื่ อง

3.3 วงขนาดใหญ่  (Big Band )(5 x 7) มี 16 ชิ้นดังนี้   เพิ่ม  Trumpet และ Trombone อย่างละ 1 เครื่ อง

.ในปัจจุบนั ใช้กีตาร์เบสแทนดับเบิ้ลเบส และบางทีกใ็ ช้ออร์หรื อคียบ์ อดแกนแทนเปี ยโน

ราชาเพลงป็ อปคือ ไมเคิล แจ็คสัน ราชาเพลงร็ อคคือ เอลวิส เพรสลี่ย ์


4. วงคอมโบ้ (Combo band) หรือ สตริงคอมโบ้

เป็ นนวงที่เอาเครื่ องดนตรี บางส่ วนมาจาก Popular Music อีกทั้งลักษณะของเพลงและสไตล์การเล่นก็เหมือนกัน จำนวนเครื่ องดนตรี ส่วนมากอยู่

ประมาณ 3-10 ชิ้นเครื่ องดนตรี จะมีเครื่ องประกอบจังหวะและพวกเครื่ องเป่่ าทั้งลมไม้และเครื่ องทองเหลือง เครื่ องดนตรี ที่ใช้เป็ นหลักคือ Piano

E.Bass Drums หรื อมีเครื่ องเป่ าผสมด้วย จะเป็ นเครื่ องลมไม้หรื อทองเหลืองก็ได้ไม่จ ำกัดจำนวน แต่รวมแล้วต้องไม่เหมือนกับวงป๊ อปปูลามิวสิ ค

วงคอมโบ้กเ็ ป็ นสมอลล์แบนด์ (Small Band)แบบหนึ่ง ด

วงนี้จะเป็ นวงที่มีขนาดไม่ใหญ่นกั จึงเหมาะสำหรับเล่นตามงาน

รื่ นเริ งทัว่ ๆไปในปัจจุบนั จะใช้วงคอมโบเล่นตามห้องอาหารหรื

งานสังสรรค์ต่างๆประกอบด้วยเครื่ องดนตรี ดังต่อไปนื้

1. Alto Saxophone 2. Trumpet 3. Trombo

5. Guitar 6. E.Bass 7. Drums

5. วงชาร์ โด (Shadow)

เป็ นวงดนตรี ขนาดเล็กเริ่ มก่อตั้งเมื่อประมาณ 20 ปี มานี่เองในอเมริ กา วงดนตรี ประเภทนี้

ที่ได้รับความนิยมสูงสุ ดคือวง TheBeattle หรื อสี่ เต่าทอง เครื่ องดนตรี ในสมัยแรกมี4 ชิ้น

คือ 1. Guitar melody (or guitar solo) 2. Guitar chords 3. Bass 4. Drum

วงชาโดว์ในระยะหลังได้น ำ Organ หรื อ keyboard และ พวกเครื่ องเป่ า เช่น Saxophone

TrumpetTrombone เข้ามาผสมและบางทีอาจมี Violin ผสมด้วย เพลงของพวกนี้ ส่วนใหญ่

จะเร่ าร้อนซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่วยั รุ่ นโดยเฉพาะเพลงประเภทอันเดอร์กราว

6. วงแจ๊ ส (Jazz) 

แบบของแจ๊สที่ควรรู ้จกั Blues Jazz เพลงบลูส์ เกิดขึ้นที่นิวออร์ ลีนแถบปากแม่น ้ำมิสซิ สซิ ปปี ตั้งแต่สมัยแรกๆไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร

ต่อมาพ.ศ. 2467 ได้มีการอัดแผ่นเสี ยงจำหน่ายจึงแพร่ หลายได้รวดเร็ วขึ้น รวมทั้งดนตรี ได้มีโอกาสไปแสดงตามที่ต่างๆ ในสมัยแรกๆ


เพลงบลูส์ใช้Guitar เล่นนำและคลอเสี ยงร้องเล่นกันตามข้างถนนตามย่านชุมชนคนผ่านไปมาก็ให้เงินบ้างไม่ให้บา้ เนื้ อร้องร้องไปคิดไปไม่มีการ

เตรี ยมไว้ล่วงหน้ามาก่อน ดังนั้นร้องกี่ครั้งก็ไม่เหมือนกัน นึกจะจบก็จบเอาดื้อๆคล้ายกับเพลงฉ่อยของประเทศไทย เพลงบลูส์ได้รับอิทธิพล

จากศาสนามาก ดังนั้นเนื้อร้องก็มีเกี่ยวกับเรื่ องศาสนาเข้ามาปนอยูด่ ว้ ย ต่อมาเพลงบลูส์ได้เจริ ญขึ้นก็นำไปเล่นกับวงแจ๊๊สก็กลายเป็ นบลูส์

แจ๊๊สเพลงประเภทนี้ ส่วนมากจังหวะช้าๆครั้งแรกที่ไม่ค่อยนิยมเพลงบลูส์เนื่ องจากโน้ตค่อนข้างยากต่อมาอาร์มาสตรองนำมาเล่นใน

ปี พ.ศ.2472 จึงเป็ นแรงหนึ่งที่ท ำใก้รับความนิยม

New orlean and dixieland style ทั้ง 2 แบบเหมือนกันมากจนแทบจะแยกกันไม่ออก

เริ่ มขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 และมาแพร่ หลายในปี พ.ศ 2473 ต่อมาอาร์มาสตรองนำมาเล่นในปี

พ.ศ.2472 และมี Trombone, Clarinet, Banjo, Guitar, Tuba, Drums, Piano, Saxo

ปัจจุบนั ใช้เบสแทนทูบานิยมให้ Trumpet เป็ นตัวนำก่อนแล้วจึงเล่นพร้อมกันทั้งวงและเล่นกันเฉพาะ

ทำนองเพราะยังไม่มีใครรู ้จกั Adlib กันเท่าไหร่ กลองก็เล่นจังหวะธรรมดา Modern Style

โฉมหน้าของแจ๊๊สได้เปลี่ยนไปมากเมื่อ หลุยส์อาร์มสตรองได้คิดวิธีเล่นใหม่คือ มีท ำนองหลักแล้วผลัด

กันเล่นทีละคนแต่ละคน Adlib กันอย่างสนุกสนานและเล่นค่อนข้างเร็ วมาก บางทีกเ็ ล่นพร้อมๆกันฟัง

ดูเหมือนต่างคนต่างเล่นแต่อยู่ในกรอบอันเดียวกัน BopStyle ผูท้ ี่คิดขึ้น คือ The lonious Monk

 กับ Dizzy gillespie โดยเอาแบบของยุโรปมาผสมมีการเปลี่ยนแปลงทำนองและจังหวะ

 ใช้คอร์ดเป็ นหลัก เล่นเร็ วมากผลัดกันเล่นทีละชิ้น

จังหวะของแจ๊๊สในยุคหลังก็ได้เกิดขึ้นใหม่ๆ Swing แบบนี้ก๊ดู แมนเป็ นผูใ้ ห้ก ำเนิดจังหวะนี้  เมื่อก่อนกู๊ดแมนเล่นคลาริ เน็ทกับพวกผิวดำ ต่อมาได้แยกออก

มาเล่นกับพวกผิวขาวด้วยกัน และเขาได้แต่งเพลงใหม่ข้ ึนและได้ให้ชื่อเพลงใหม่น้ ีวา่ Swing Rock n’ Roll ก็แตกแขนงจากแจ๊๊สเมื่อราวพ.ศ.2493 ได้รับ

ความนิยมสูงสุ ดในหมู่วยั รุ่ น และแพร่ หลายอย่างรวดเร็ วในอเมริ กา ผูท้ ี่ได้ชื่อว่าเป็ นราชาเพลงร๊ อคก็คือ เอลวิส เพรสลี่(เสี ยชีวิตเมื่อส.ค.2520)

เพลงแจ๊๊สที่เราคุน้ ๆหูกค็ ือเพลง When the saints to marching in เพลงนี้ เป็ นเพลงที่เก่าแก่มาก ไม่ทราบว่าใครเป็ นผูแ้ ต่งเป็ นเพลงแจ๊สที่มีชื่อเสี ยงมาก

ในการแสดงดนตรี แจ๊๊สทุกครั้งมักมีเพลงนี้ เล่นด้วยเสมอ ตอนแรกเป็ นเพลงสวด ต่อมาเล่นแบบมาร์ชและในที่สุด ก็เล่นแบบ New orleans

อาร์มสตรองเล่นเพลงนี้ ได้ดีที่สุดเมื่อ พ.ศ. 2481
เครื่ องดนตรี แจ๊สที่นิยมเล่นกันมี ดังนี้ คือ

1. Clarinet 2. Saxophone (Soprano, Alto, Tenor) 3. Cornet 4. Trumpet

5. Trombone 6. Ben Joe 7. Piano 8. Guitar 9. Bass 10. Drum

ปัจจุบนั แจ๊๊สได้เล่นอย่างมีแบบแผน มีการเรี ยบเรี ยงเสี ยงประสานสำหรับวงดนตรี

เครื่ องดนตรี ที่ใช้เล่นมีการกำหนดแน่นอนซึ่งใช้แบบของวงดนตรี ป๊อปปูลามิวสิ ค

7. วงโยธวาทิต ( Military Band )

ประกอบด้วยเครื่ องเป่ าครบทุกประเภทคือประเภท เครื่ องลมไม้ เครื่ องทองเหลืองและกลุ่มเครื่ องกระทบ ได้แก่เครื่ องดนตรี ที่ให้จงั หวะทั้งหลาย 

วงโยธวาฑิตมีมาตั้งแต่สมัยโรมัน ใช้บรรเลงเพลงเดินแถวเพื่อปลุกใจทหาร ในสมัยสงครามครู เสดได้ซบเซาไปพักหนึ่งและเจริ ญอีกในสมัย 14

ต่อมาในสมัยของนโปเลียนได้ปรับปรุ งให้มีเครื่ องดนตรี อีกหลายชนิดเช่น พวกขลุ่ยผิว พวกปี่ พวกแตร และต่อมาก็เป็ นต้นแบบของวงโยธวาทิต

ในราวกลางศตวรรษที่19 เมื่อ อดอลฟ์ แซกซ์ นักประดิษฐ์ชาวเบลเยีย่ มได้ประดิษฐ์แซกโซโฟนและแตรต่างๆในตระกูลแซกฮอร์นแล้วได้น ำมาไว้กบั

วงโยธวาทิตด้วย จึงสมบูรณ์ดงั ได้กล่าวมาแล้ว ปัจจุบนั วงโยธวาทิตมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่ องดนตรี  56 ชิ้น


8.แตรวง (Brass Band)

คือวงที่ประกอบด้วยเครื่ องดนตรี ประเภท เครื่ องทองเหลืองและเครื่ องกระทบ

แตรวงเหมาะสำหรับ ใช้บรรเลงกลางแจ้งการแห่ต่างๆเช่น ในประเทศไทยใช้แห่นาค

แห่เทียนพรรษาเป็ นต้น แตรวงมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่ องดนตรี  26 ชิ้น

You might also like