You are on page 1of 26

1.

ชื่อโครงงาน
แยมจากกล้วย 3 ชนิด
2.ผู้ทำโครงงาน
เด็กชาย ชิษณุพงศ์ คำปา เลขที่ 5 ม.2/2
เด็กชาย ธี ระพงษ์ อุดมกิจ เลขที่ 18 ม.2/2
เด็กหญิง กชนันท์ บุญยืน เลขที่ 21 ม.2/2
เด็กหญิง เจนนิเฟอร์ พิล่าร์ บิสสัน เลขที่ 29 ม.2/2
3.ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
คุณครู จุริยาภรณ์ สิทธางษ์
4.ที่มาและความสําคัญของโครงงาน 
       อาหารเป็ นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่มีความจำเป็ นต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์การถนอมอาหารได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อ
มนุษย์เป็ นอย่างมากเนื่องจากพฤติกรรมการบริ โภคอาหารมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเนื่องจากคนส่ วนใหญ่ตอ้ งการความ
สะดวก รวดเร็ ว และต้องการเก็บรักษาอาหารไว้บริ โภคได้นานๆ เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้เพื่อการแปรรู ปอาหาร เป็ นวัตถุดิบทาง
เกษตรกร เช่นผักเนื้อสัตว์ นม ผลไม้ ซึ่ งวัตถุดิบเหล่านี้เสื่ อมเสี ยได้ง่ายการแปรรู ปอาหารมีวตั ถุประสงค์เพื่อยืดอายุการเก็บ
รักษาอาหารถนอมรักษาคุณภาพอาหารด้านต่างๆของอาหารให้ใกล้เคียงของสด ชะลอ  และป้ องกันการเสื่ อมเสี ยโดยมีหลาย
วิธี การถนอมอาหารโดยการตากแห้ง การถนอมอาหารโดยการดอง  การอาหารเชื่อมแบบธรรมดาและการทำแยม

การทำแยมเป็ นวิธีการถนอมอาหารชนิดหนึ่งซึ่ งมีวิธีการทำโดยใช้น ้ำตาลเป็ นตัวการถนอมมีลกั ษณะคล้ายเยลลี่แต่ไม่จบั ตัว


เป็ นก้อนโดยวิธีการผลิตคือการนำของที่จะทำเป็ นแยมมาต้มกับน้ำและน้ำตาลด้วยอุณหภูมิราว 104 องศาเซลเซี ยสเพื่อให้
สารเคมีในตัวของผลไม้ท ำปฏิกิริยากับน้ำตาลแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นก็จะได้แยมตามที่ตอ้ งการสามารถเป็ นอาหารยอดเยีย่ มที่
คุณค่าทางโภชนาการสูงเป็ นมิตรต่อระบบการทำงานของร่ างกายแถมยังมีรสชาติที่แสนอร่ อยอย่างที่เราทราบกันว่าผลไม้เป็ น
อาหารที่มีไขมันโซเดียม และแคลอรี่ ต ่ำ รวมถึงไม่มีคอเลสเตอรอลและอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญมากมายนักวิชาการใน
มหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่างๆจำนวนมากที่ได้ศึกษาถึงคุณค่าของผลไม้เมื่อถูกแปรสภาพเป็ นแยมเชอร์รี่หรื อมาการี นแล้ว
แยมไม่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลตัวร้าย และมีปริ มาณแคลอรี่ ต ่ำกว่ามากนอกจากนี้หลายคนได้แย้งว่ามีประโยชน์หรื อ
ไม่ไม่วา่ จะเป็ นวิตามินไม่วา่ จะเป็ นคุณค่าทางโภชนาการ

      ทางคณะผูศ้ ึกษาได้แนวคิดการทำแยมเพื่อถนอมอาหารให้อยูไ่ ด้นานเป็ นวิธีการถนอมอาหารที่ข้ ึนชื่ออย่างหนึ่งโดยอาศัย


น้ำตาลเป็ นสารป้ องกันไม่ให้อาหารเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้แยมไม่บูดเน่าไม่เสี ยหายและมีวตั ถุประสงค์เพื่อต้องการทำแยม
จากกล้วย 3 ชนิดได้แก่ กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหอม เป็ นการแปรรู ปผลิตภัณฑ์ที่ท ำจากกล้วย 3 ชนิดเพื่อเกิดรสชาติแยม
ใหม่แยมจากกล้วยสารชนิดมีประโยชน์มากมายเช่นการขับถ่ายช่วยควบคุมระบบความดันโลหิ ต  ลดอัตราการเสี่ ยงหัวใจวาย
นอกจากนี้กล้วย 3 ชนิดยังมีธาตุเหล็กฟอสฟอรัสนในอาซิ นวิตามิน บี 1 บี2 บี6 และยังสามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย 
5.จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
จุดมุ่งหมาย
1. เพื่อศึกษาการทำแยมจากกล้วย 3 ชนิด ได้แก่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่
2. เปรี ยบเทียมคุณภาพแยมจากกล้วย 3 ชนิดได้แก่ กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหอม

6.ชอบเขตการศึกษา
ขอบเขตของโครงงาน
1 พืชที่ใช้ในการทดลอง คือ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม และกล้วยไข่
2.สูตรและการทำแยมดัดแปลงมาจากอินเตอร์เน็ต

7.ปัญหา สมมติฐาน ตัวแปร


ปัญหา แยมจากล้วยว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ แยมชนิดไหนคุณภาพดีที่สุด
สมมติฐาน แยมจากกล้วยไข่ คุณภาพดีที่สุด
ตัวแปร
ตัวแปรต้น แยมจากล้วยว้า กล้วยหอม กล้วยไข่
ตัวแปรตาม คุณภาพของแยม
ตัวแปรควบคุม ปริ มาณพืช,ขั้นตอนและวิธีการทำ

8.นิยามเชิงปฎิบัติการ
นิยามเชิงปฎิบตั ิการ
1.คุณภาพของแยม หมายถึง คุณสมบัติของแยมมีดงั นี้
1.สี ของแยม หมายถึงแยมที่มีสีตามผลไม้ที่น ำมาทำแยมต้องไม่ใส่ สีผสมอาหาร
2. เนื้อของแยม หมายถึง เนื้ อจะต้องมีลกั ษณะข้นเหนียวและไม่เหลวมาก
3. กลิ่นของแยม หมาถึง เป็ นกลิ่นเฉพาะตัวของผลไม้ที่น ำมาทำแยมและไม่ฉุน
มากไป
4.รสชาติของแยม หมายถึง มีรสหวานและมีรสตามผลไม้ที่น ำมาทำแยม
5.ผลการประเมินโดยใช้การประเมิน หมายถึง ให้ผปู ้ ระเมิน ชิมและสังเกตแล้ว
ประเมินลงในตารางประเมิน
9.วัสดุอุปกรณ์
10 วิธีดำเนินงาน
แยมจากกล้วย 3 ชนิด
วัสดุอุปกรณ์ และสารเคมี
1.เครื่ องปั่ น 1 เครื่ อง
2.ถ้วย 6 ถ้วย
3.หม้อ 3 หม้อ
4.โหลแก้ว 3 โหล
5.ทัพพี 1 อัน
6.มีด 1 เล่ม
7.ช้อนสำหรับทำขนม 1 ชุด
สารเคมี
1.เพตทิน 4 กรัม
ส่ วนผสม
1.น้ำตาล 600 กรัม
2.น้ำมะนาว 150 กรัม
3.น้ำเปล่า  150  กรัม
4.เกลือป่ น 1 กรัม
พืชทีใช้ ในการทดลอง
กล้วยไข่ 50 กรัม
กล้วยหอม 50 กรัม
กล้วยน้ำว้า 50 กรัม
วิธีการทดลอง
1. นำกล้วยน้ำว้า 50 กรัม กับน้ำสะอาด 150 กรัม ปั่ นให้ละเอียด
2. นำส่ วนผสมที่ปั่นใส่ ภาชนะตั้งไฟ กวนเพื่อระเหยน้ำนานประมาณ 10 นาที
3. นำน้ำตาลทราย 600 กรัมที่ผสมผงเพตทิน 4 กรัมและเกลือป่ น 1 กรัม ใส่ ลงกวนให้ละลาย กวนนานประมาณ 20 นาที
4. เติมน้ำมะนาว 150 กรัม ลงไป กวนต่ออีก 10 นาที
5. บรรจุขวดสะอาดในขณะที่แยมยังร้อนปิ ดฝาตั้งทิ้งให้เย็น
6. ทำการทดลองเหมือนข้อ 1 – 5 แต่เปลี่ยนจาก กล้วยน้ำว้า เป็ น กล้วยไข่และกล้วยหอม ตามลำดับ
7. นำมาประเมินตรวจสอบคุณภาพโดยใช้ สี กลิ่น เนื้อ รส เป็ นตัวประเมิน
7.1 สี = ใช้ตาในการสังเกตสี ของแยม
7.2 กลิ่น = ใช้จมูกในการดมกลิ่นของแยม
7.3 เนื้อ = ใช้ตาในการสังเกตความเข้มข้นของแยม
7.4 รส = ใช้ลิ้นในการชิมรสชาติของแยม
7.5 นำมาประเมินโดยใช้ 10 คนในการประเมิน
11.ผลที่คาดว่ าจะได้ รับ
1.เป็ นแนวทางในการทำแยมจากกล้วย 3 ชนิด
2.แยมจากกล้วย 3 ชนิด เมื่อรับประทานจะได้รับสารอาหารในแยมกล้วย 3 ชนิด
3.เพตทินที่เป็ นสารเคมีในแยมจากกล้วย 3 ชนิด มีคุณสมบัติช่วยการยับยั้งการเจริ ญเติมโตของมะเร็ ง
4.แยมจากกล้วย 3 ชนิด สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย
5. แยมจากกล้วย 3 ชนิด สามารถช่วยเรื่ องระบบขับถ่าย ช่วยลดอัตตราการเสี่ ยงหัวใจวาย และช่วยลดความดันโลหิ ต
12.หลักการ ทฤษฎี ข้ อมูลที่เกีย่ วข้ องกับเอกสารอ้างอิง
12.1 การทำแยมจากผลไม้
12.2 ประโยชน์ของแยม
12.3 พืชที่ใช้ในการทำแยม
1) กล้วยน้ำว้า
2) กล้วยไข่
3) กล้วยหอม
12.4 โครงงานวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
1. โครงงานแยมผลไม้

12.1 การทำแยมจากผลไม้
การทำแยม

แยม
เป็ นของหวานประเภทหนึง่ รับประทานโดยการทาลงบนขนมปั งเพื่อเพิ่มรสชาติให้ ขนมปั งอร่อยมากขึ ้น แยมมักจะทำมาจาก
ผลไม้ แต่ก็ไม่จริ งเสมอไป
วิธีการทำ  
แยมเป็ นอาหารหวานประเภทหนึง่ ใช้ ทานกับขนมปั ง มีลกั ษณะคล้ ายเยลลี่แต่ไม่จบั ตัวเป็ นก้ อน โดยมีวิธีการผลิตคือการนำ
ของที่จะทำเป็ นแยมมาต้ มกับน้ำและน้ำตาล ด้ วยอุณหภูมิราว 104°C เพื่อให้ สารเคมีในตัวของผลไม้ ทำปฏิกิริยากับน้ำตาล
แล้ วปล่อยทิ ้งไว้ ให้ เย็นก็จะได้ แยมตามที่ต้องการ
แยมแบ่ งเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี ้
แยมหวาน แยมชนิดนี ้จะมีรสหวาน ตังแต่ ้ หวานมากจนกระทัง่ หวานน้ อย แต่แยมในชนิดนี ้จะไม่นิยมทาขนมปั งมากๆ
เพราะมันจะหวานเลี่ยน
 แยมผลไม้ เป็ นแยมที่ได้ มาจากการต้ มผลไม้ ชนิดต่างๆกับน้ำตาล
 แยมสตอเบอรี่ – เป็ นแยมที่ทำจากสตอเบอรี่ แยมชนิดนี ้จะมีสีแดง
 แยมสัปปะรด – เป็ นแยมที่ทำมาจากสับปะรด เป็ นแยมที่มีสีเหลือง
 แยมส้ ม – แยมส้ ม มีสีส้ม
 แยมองุ่น – เป็ นแยมที่ผสมกับองุ่น
 แยมรสผลไม้ รวม – เป็ นแยมที่ได้ มาจากการผสมผลไม้ ทกุ ชนิดเข้ าด้ วยกัน
 แยมสารสังเคราะห์ – แยมชนิดนี ้ทำมาจากสารสังเคราะห์แต่ยงั ไม่แพร่หลาย       แยมที่ไม่หวาน เป็ น
แยมที่ไม่มีรสหวาน
 
ส่ วนผสม 
เนื ้อมะละกอสุก 310 กรัม 
น้ำมะนาว 90 กรัม 
น้ำตาลทรายขาว 330 กรัม 
เกลือ 0.20 กรัม 
ผงบุก 5 กรัม
แบะแซ 100 กรัม 
ผงเพคติน (Low methoxyl pectin) 5 กรัม
วิธีทำ 
เริ่มด้ วยการนำชิ ้นมะละกอสุกมาหัน่ หรื อปั่ นหยาบนำเพคตินมาผสมกับ
น้ำตาลทราย 6 เท่าของน้ำหนักแล้ วคนให้ เข้ ากัน เติมน้ำ 2 เท่าของน้ำหนักเพคติน 
รวมกับน้ำตาลทรายและคนให้ เข้ ากัน นำเนื ้อมะละกอที่หนั่ แล้ วมาใส่หม้ อสเตนเลส
แล้ วเอาไปตังไฟ
้ คนให้ เดือดอ่อน ๆ 5 นาที ใส่น้ำตาลทรายทีละน้ อย 
เพิ่มไฟให้ แรงขึ ้น คนตลอดเวลา ใส่เกลือ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายดี 
จึงเติมสารละลายเพคตินและน้ำมะนาวที่ใส่รวมกับแบะแซ ล้ างภาชนะด้ วยน้ำร้ อน 
เคี่ยวต่อจนส่วนผสมเดือด ยกลงมาชัง่ น้ำหนักแยมต้ องได้ 1,000 กรัม 
ถ้ าน้ำหนักเกินก็ให้ เคี่ยวต่อไป
ADVERTISEMENT
REPORT THIS AD
แต่ถ้าน้ำหนักน้ อยกว่าก็ให้ เติมน้ำต้ มสุก เมื่อได้ น้ำหนัก 1,000 กรัมแล้ ว
ให้ ยกลงจากเตาช้ อนฟองออกบรรจุใส่ขวดแก้ วที่ผา่ นการนึง่ ฆ่าเชื ้อแล้ ว 5 นาที 
รอให้ อณ ุ หภูมิแยมลดลง 85-93 องศาเซลเซียสแล้ วจึงปิ ดฝาให้ สนิท 
ก่อนที่จะวางทิ ้งไว้ ให้ แยมเป็ นเจล ก็จะได้ แยมมะละกอที่มีน้ำตาลต่ำประมาณ 35% 
และควรเก็บแยมไว้ ในตู้เย็นหรื อใส่สารกันเสียคือโซเดียมเบนโซเอท 0.04% 
และโปรตัสเซียมซอร์ เบท 0.04% ของน้ำหนักแยมโดยละลายน้ำเล็กน้ อย
และใส่ในช่วงใกล้ จดุ ยุติ จะสามารถเก็บแยมไว้ ได้ ที่อณ ุ หภูมิห้องไม่ต ่ำกว่า 6 เดือน
12.2 ประโยชน์
จากงานวิจยั ดังกล่าว สามารถสรุ ปได้วา่ การรับประทานแยม เจลลี่ และพรี เซิ ร์ฟผลไม้คุณภาพที่น ้ำตาลน้อย เป็ นการเพิ่มใย
อาหาร วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโนที่จ ำเป็ นต่อโภชนาการของเรา ซึ่ งส่ งผลดังต่อไปนี้
 ช่วยควบคุมและรักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสม

 ช่วยให้พลังงาน และความทนทานขณะออกกำลังกาย

 ช่วยชะลอการเสื่ อมสภาพของร่ างกายบำรุ งสุ ขภาพเส้นผม ผิวหนัง และเล็บมือ

 ช่วยลดภาวะสู ญเสี ยมวลกระดูก

 ช่วยรักษาฟั นและเหงือกให้แข็งแรง

 ช่วยลดความเสี่ ยงต่อการเป็ นโรคหลอดเลือดสมอง อาการหัวใจวาย และโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด

 ช่วยลดความเสี่ ยงของการเป็ นโรคมะเร็ ง และช่วยบรรเทาอาการของมะเร็ งในช่องปาก กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่

 ช่วยลดความดันโลหิ ต

 ช่วยลดความเสี่ ยงต่อการเป็ นโรคนิ่ วในไตและทางเดินปั สสาวะ

 ช่วยให้อิ่มท้อง รับประทานอาหารน้อยลง และไม่อยากอาหาร

 ช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย

 ช่วยลดความเสี่ ยงเป็ นเบาหวานชนิ ดที่ 2

 ช่วยลดอาการท้องผูกและโรคถุงผนังลำไส้ใหญ่

 ช่วยเสริ มสร้างการเจริ ญเติบโตให้สมบูรณ์และซ่ อมแซมเนื้ อเยือ


่ ร่ างกายที่สึกหรอ
 ช่วยให้แผลสมานได้ดี

 ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง

12.3 พืชที่ใช้ ในการทำแยม


1.กล้ วยน้ำว้ า
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa ABB cv. Kluai 'Namwa'
ชื่อสามัญ : Banana, Cultivated banana
วงศ์ : Musaceae
ชื่ออื่น : กล้ วยมะลิออ่ ง (จันทบุรี) กล้ วยใต้ (เชียงใหม่, เชียงราย) กล้ วยอ่อง (ชัยภูมิ) กล้ วยตานีออ่ ง (อุบลราชธานี)
ลักษณะทัว่ ไป
เป็ นพืชล้ มลุก ลำต้ นใต้ ดินอวบน้ำ สูงประมาณ 2-5 เมตร ใบ เป็ นใบเดี่ยว การเกาะติดของใบบนลำต้ นแบบเวียนถี่ชิดอัด
แน่นที่ลำต้ น ใบรูปขอบขนาน ขนาดใหญ่ประมาณ 40 x 200 เซนติเมตร ปลายและโคนใบมน ขอบใบเรี ยบ แผ่นใบเรี ยบ ผิว
ใบด้ านบนสีเขียวเข้ มด้ านใต้ สีออ่ นกว่าและมีสิ่งเกาะติดคล้ ายผงแป้งสีขาว ก้ านใบ แบ่งเป็ นสองส่วน ส่วนแรกเกาะติดกับ
ลำต้ นมีลกั ษณะแบนโค้ งอวบน้ำสีเขียวบนน้ำตาลแดง (ส่วนนี ้เห็นคล้ ายลำต้ น) ส่วนที่สองทรงกลมส่วนกลางเป็ นร่องโค้ งลึก
ตามทรงก้ านสีเขียวอ่อนยาวเรี ยวไปจนสุดปลายแผ่นใบ ดอก ออกเป็ นช่อ ที่ปลายยอดปลายช่อโค้ งห้ อยลง มีกาบประดับ
ขนาดใหญ่ที่โคนกลุม่ ดอกย่อยทุกๆ กลุม่ กาบมีเนื ้อหนาสีแดงเข้ ม เมื่อรังไข่เจริ ญเป็ นผลกาบประดับจะหลุดร่วงไป ผล เป็ น
ผลสด รูปทรงกระบอก ขนาดเส้ นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร ยาว 10 เซนติเมตร เมล็ด ทรงกลมสีดำผิวเป็ นคลื่น
ขนาดเส้ นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.50 เซนติเมตร

2.กล้ วยไข่
กล้ วยไข่
ชื่อวิทยาศาสตร์ Musa (AA) "Khai"
ชื่อวงศ์ MUSACEAE ชื่
ชื่อสามัญ  Pisang mas
ลักษณะทั่วไป
ต้ น- ลำต้ นเทียมสูงไม่เกิน 2.5 เมตร เส้ นผ่านศูนย์กลางประมาณ 16 เซนติเมตร กาบลำต้ นด้ านนอกสีเขียวปนเหลือง มี
ประดำหนา ด้ านในสีชมพูแดง
ใบ-ก้ านใบสีเขียวอมเหลือง มีร่องกว้ าง โคนก้ านใบมีปีกสีชมพูดอก ก้ านช่อดอกมีขนอ่อน ใบประดับรูปไข่ ม้ วนงอขึ ้น  ปลาย
ค่อนข้ างแหลม ด้ านบนสีแดงอมม่วง ด้ านล่างที่โคนกลีบสีซีด กลีบรวมใหญ่สีขาว ปลายสีเหลือง กลีบรวมเดี่ยวไม่มีสี เกสร
ตัวผู้และเกสรตัวเมียมีความยาวใกล้ เคียงกันแต่เกสรตัวเมียสูงกว่าเล็ก น้ อย เกสรตัวเมียมีสีเหลือง ส่วนเกสรตัวผู้มีสีชมพู
ผลกล้ วย- เครื อหนึง่ มีประมาณ 7 หวี หวีหนึง่ มีประมาณ 14 ผล ผลค่อนข้ างเล็ก กว้ าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 8-10
เซนติเมตร  ก้ านผลสันเปลื
้ อกค่อนข้ างบาง เมื่อสุกมีสีเหลืองสดใส บางครัง้ มีจดุ ดำเล็กๆ ประปรายโดยเฉพาะเมื่อผลงอม 
เนื ้อสีครี มอมส้ มรสหวาน

3.กล้วย หอม
ชื่อ วิทยาศาสตร์
Musa acuminata Cavendish Subgroup
ชื่อวงศ์ Musaceae
ชื่อสามัญ  Gros Michel 
ลักษณะทัว่ ไป
ราก รากกล้ วยหอมเป็ นแบบ adventitious root ที่แตกออกจากหน่อ ซึง่ หน่อจะแตกออกจากเหง้ า รากมีความยาวได้ มากกว่า
5 เมตร ลึกลงดินได้ ถึง 5 - 7.5 เมตร
ลำต้ น มีลำต้ นจริ งเป็ นหัวหรื อเหง้ าอยูใ่ ต้ ดิน และมีลำต้ นที่อยูเ่ หนือดินสูง 2.5 - 3.5 เมตร เส้ นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 20
เซนติเมตร กาบลำต้ นด้ านนอกมีประดำ ด้ านในสีเขียวอ่อนและมีเส้ นลายสีชมพู
ใบ เป็ นใบเดี่ยว เป็ นแบบขนาน ก้ านใบมีร่องค่อนข้ างกว้ าง และมีปีก เส้ นกลางใบสีเขียว ใบอาจยาวได้ มากถึง 3 เมตร
ดอก/ปลี ดอกหรื อปลีจะแทงออกจากหยวกตรงกลางปลายยอด เมื่อแทงออกช่วงแรกจะตังตรง ้ และค่อยๆโค้ งงอลงด้ านล่าง
ด้ านบนสีแดงอมม่วง มีไข่ ด้ านในสีแดงซีด บรรจุน้ำข้ างใน
ผล กล้ วยหอมติดผลเป็ นเครื อ เครื อหนึง่ มี 4 - 6 หวี หวีหนึง่ มี 12 - 16 ผล กว้ าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 21 - 25 เซนติเมตร
ปลายผลมีจกุ เห็นชัดเปลือกบาง เมื่อสุกเปลี่ยนเป็ นสีเหลืองทอง แต่ที่ปลายจุกจะมีสีเขียว แล้ วเปลี่ยนสีภายหลัง เนื ้อสีขาว
ขุ่น กลิ่นคาว รสหวานอุน่ ฉ่ำ

12.4 โครงงานวิทยาศาสตร์
1.โครงงานแยมผลไม้
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่ อง แยมผลไม้    เพื่อทดลองประสิ ทธิ ภาพของผลไม้ในการทำแยมโดยได้รับคำปรึ กษาจาก   อาจารย์
รัตนา นวีภาพ ที่ได้ให้ค ำปรึ กษาในการทำโครงงานและการทำรู ปเล่มโครงงาน
คณะผูจ้ ดั ทำ  ขอขอบคุณทุกท่านดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นและที่ไม่ได้กล่าวถึงไว้   ณ   ที่น้ ีเป็ นอย่างสู ง
คณะผูจ้ ดั ทำ
บทคัดย่ อ
การศึกษา                          แยมผลไม้รวม

มีวตั ถุประสงค์                    1.เพื่อศึกษาวิธีการทำแยม


                                     2.เพื่อศึกษาผลไม้ที่สามารถทำแยมได้
                                     3.เพื่อศึกษาความเป็ นมาและประโยชน์ของแยม
มีวธิ ีดำเนินการดังนี ้          เตรี ยมอุปกรณ์ให้เรี ยบร้อย นำผลไม้ กีวี่ แอปเปิ้ ล สตรอเบอร์รี่ ไปหัน่ เป็ นชิ้นเล็กๆ นำส้มไปคั้นใน
ที่ค้ นั น้ำส้ม จากนั้นนำผลไม้ท้ งั 4 ชนิด ไปปั่ นให้เข้ากัน นำไปต้มในหม้อ รอให้เดือด ใส่ เกลือ 3 ช้อนชา ใส่ น ้ำตาล 10 ช้อน
โต๊ะ เคี่ยวจนเริ่ มหนืด แล้วใส่ เพกติน 2 ช้อนชา เพื่อเพิ่มความเหนียว ยิง่ ขึ้นปิ ดแก็ส แล้วนำไปใส่ ถว้ ยรื อแก้วที่ตอ้ งการบรรจุ
รอให้เย็นสักครู่ จึงค่อยนำไปแช่ในตูเ้ ย็น
ผลการศึกษาพบว่ า               นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2/4 โรงเรี ยนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุ พรรณบุรี พบว่านักเรี ยนทุกคน
มีความพึงพอใจกับแนวคิดของแยมผลไม้อยูใ่ นระดับมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 88 และอยูใ่ นระดับน้อยที่สุดถึงปานกลาง ร้อย
ละ 59

บทที่ 1
บทนำ

1.ความเป็ นมาและความสำคัญของปัญหา

                แยมเป็ นผลิตภัณฑ์แปรรู ปซึ่ งอาจเป็ นผลไม้ท้ งั ผล  ผลไม้เป็ นชิ้น  เนื้อผลไม้  หรื อผลไม้ปั่น  ผสมกับน้ำตาลหรื อสาร
ให้ความหวานชนิดอื่นที่มีลกั ษณะเป็ นผล แยมมีลกั ษณะกึ่งเหลวมีความข้นเหนียวพอเหมาะ สามารถปาดหรื อทาขนมปั งได้
ส่ วนมาร์มาเลด  คือ  แยมที่ท ำจากผลไม้ตระกูลส้มซึ่ งอาจเป็ นผลไม้เป็ นชิ้น  เนื้อผลไม้  หรื อผลไม้ปั่น  ผสมกับเปลือกหรื อ
เนื้อผลไม้ชิ้นบางๆ  และน้ำตาล  การแปรรู ปแยมเป็ นการถนอมอาหารโดยการใช้น ้ำตาลความเข้มข้นสู ง  จัดอยูใ่ นกลุ่มการเกิด
เจล   แยมเกิดจาก  กรด  น้ำตาล และเพกติน  ผสมกันในสัดส่ วนที่เหมาะสม  สรุ ป  แยม  หมายถึงของหวานประเภทหนึ่ง  รับ
ประทานโดยการทาลงบนขนมปังเพื่อเพิ่มรสชาติให้ขนมปั ง  อร่ อยมากขึ้น   แยมมักจะทำจากผลไม้แต่กไ็ ม่จริ งเสมอไป
                   ดังนั้น  เราจะเห็นว่าแยมที่ขายตามท้องตลาดบางยีห่ อ้   มักเป็ นเยลลี่ปรุ งแต่ง  มีน ้ำตาลเยอะ  มีสารกันบูด  สารเคมี 
ปนเปื้ อนอยูท่ ำให้สารตกค้างในร่ างกายและเกิดโรคต่างๆ  ตามมา  ก่อให้เกิดโรคต่างๆ  ตามมา  ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ
ร่ างกาย  ทำให้ได้สารอาหารที่ไม่ดีต่อสุ ขภาพ  ซึ่ งตามท้องตลาดของเรามีแยมหลากหลายรสชาติ  โดยแยมส่ วนมากที่น ำมา
ขายมากที่สุดตามท้องตลาด  คือ  แยมสตอเบอร์รี่  ซึ่ งมีราคาประมาณ  70  บาท  ขึ้นไป  มีราคาค่อนข้างแพงแต่ถึงยังไงก็เป็ นที่
นิยมตามท้องตลาด
                   เพราะฉะนั้นผูจ้ ดั ทำจึงคิดที่จะนำผลไม้ที่ได้จากท้องตลาดมาแปรรู ปให้เป็ นแยมผลไม้  โดยคิดว่ามีความปลอดภัย
ไร้สารกันบูด  มีการใส่ ส่วนประกอบที่ไม่มากหรื อน้อยเกินไป  ไม่ท ำให้ร่างกายปนเปื้ อนสารเคมีต่างๆ  จึงได้น ำผลไม้  4 
ชนิด  คือ  สตอเบอร์รี่  กีวี่  ส้ม  และแอปเปิ้ ล  มาทำแยมผลไม้
                   ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าฉบับนี้   จึงมุ่งศึกษาวิธีการทำแยม  ประโยชน์และสรรพคุณของผลไม้ต่างๆ  ที่คดั สรรมา 
เพื่อให้รู้ถึงวิธีการทำแยม  และแก้ปัญหาการซื้ อแยมที่มีสารปนเปื้ อนได้อีกด้วย

2.วัตถุประสงค์ของการทำโครงงาน
        1.เพื่อศึกษาวิธีการทำแยม
        2.เพื่อศึกษาผลไม้ที่สามารถทำแยมได้
        3.เพื่อศึกษาความเป็ นมาและประโยชน์ของแยม

3.ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในการศึกษา
        1.สามารถทำแยมได้ดว้ ยตนเอง
        2.สามารถรู ้วา่ ผลไม้ชนิดใดมี่สามารถทำแยมได้
        3.สามารถรู ้ประวัติความเป็ นมาและประโยชน์ของแยม
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
            การศึกษาเรื่ องแยมผลไม้ในครั้งนี้ ผูศ้ ึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งเนื้อหาของเอกสารงานวิจยั
ออกเป็ นหัวข้อต่างๆ ดังนี้
1.ความหมายและประโยชน์ของแยม
   1.1 ความหมายของแยม
   1.2 ประโยชน์ของแยม
2.ประเภทของแยม
    2.1 แยมผลไม้
         2.1.1 แยมสับประรด
         2.1.2 แยมมะนาว
         2.1.3 แยมสตรอเบอร์รี่
         2.1.4 แยมมะละกอ
         2.1.5 แยมมะตูม
         2.1.6 แยมมะม่วง
         2.1.7 แยมพุทรา
         2.1.8 แยมส้มโอ
         2.1.9 แยมลูกท้อ
         2.1.10 แยมกล้วย
3.ตลาดของแยม
4.วัสดุและอุปกรณ์ของแยม

1.ความหมายและประโยชน์ ของแยม
          1.1 ความหมายของแยม
    ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ พรเฉลิม ให้ความหมายว่า
        แยม เป็ นผลิตภัณฑ์แปรรู ปจากจากผลไม้ซ่ ึ งอาจเป็ นผลไม้ท้ งั ผล ผลไม้เป็ นชิ้น เนื้อผลไม้ หรื อผลไม้ปั่น ผสมกับน้ำตาล
หรื อ สารให้ความหวาน(sweetener) ชนิดอื่นจะผสมน้ำผลไม้หรื อน้ำผลไม้เข้มข้นด้วยก็ได้ มีลกั ษณะเป็ นเจล (gel) แยมมี
ลักษณะกึ่งเหลวมีความข้นเหนียวพอเหมาะ สามารถปาดหรื อทาบนขนมปั งได้เพื่อเพิ่มรสชาติให้ขนมปั งอร่ อยมากขึ้น แยม
มักจะทำมาจากผลไม้ แต่กไ็ ม่จริ งเสมอไป
  

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นิธิยา รัตนาปนนท์ ให้ความหมายว่า


       การแปรรู ปแยมเป็ นการถนอมอาหารโดยการใช้น ้ำตาลความเข้มข้นสู งเพื่อลดค่าวอเตอร์แอคทิวิต้ ี (water activity) และมี
ค่า pH ต่ำ เพื่อป้ องกันการเจริ ญของจุลินทรี ย ์ จัดอยูใ่ นกลุ่ม intermediate moisture food การเกิดเจล (gel) ของแยม เกิดจาก
กรด น้ำตาล และเพกทิน (pectin) ผสมกันในสัดส่ วนที่เหมาะสม โดยกรด น้ำตาล และเพกทิน เป็ นส่ วนประกอบที่มีอยูแ่ ล้ว
ในผลไม้
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี                                        
      แยม เป็ นของหวานประเภทหนึ่ง รับประทานโดยการทาลงบนขนมปั งเพื่อเพิ่มรสชาติให้ขนมปั งอร่ อยมากขึ้น แยมมักจะ
ทำมาจากผลไม้ แต่กไ็ ม่จริ งเสมอไป
         1.2 ประโยชน์ ของแยม
      สถาบันวิจยั อาหารแห่งสหราชอาณาจักรค้นพบว่า แยมและเยลลี่ช่วยหยุดการแพร่ กระจายของเซลล์มะเร็ งได้ โดย
ศาสตราจารย์วิก มอร์ริส เจ้าของงานวิจยั กล่าวว่า "ทั้งแยมและเยลลี่อุดมไปด้วยเพกติน ใยอาหารธรรมชาติที่พบในผักผลไม้
เมื่อผ่านกระบวนการแปรรู ปเป็ นแยมและเยลลี่ เพกตินจะปล่อยโมเลกุลชนิดหนึ่งออกมาซึ่ งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเติบโต
ของ มะเร็ งอย่างได้ผล"
2.ประเภทของแยม
    2.1 แยมผลไม้
        2.1.1 แยมสับประรด
แยมสับประรด สู ตร 1
ส่ วนผสม 
เนื้อสับปะรด 400 กรัม (หัน่ ละเอียด)
น้ำสับปะรด 200 กรัม
น้ำตาลทราย 700 กรัม
ผงเพคติน 1 ช้อนโต๊ะ
กรดมะนาว 2 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ 
1. นำเนื้อและน้ำสับปะรดใส่ กระทะทองเหลืองตั้งไฟ
2. แบ่งน้ำตาลทราย 50 กรัมผสมกับผงเพคติน

ค่อย ๆ โรยลงในสับปะรด คนจนน้ำตาลทรายละลาย


3. เติมน้ำตาลทรายที่เหลือจนหมด คนให้ละลายแล้วกวนต่อไป
4. เติมกรดมะนาว เกลือลงไป แล้วคนไปเรื่ อย ๆ

จนวัดความหวานได้ 68 บริ กซ์ หรื อเมื่อยกพายไม้ข้ ึนแยมจะค่อย ๆ ไหลลงมา


5. บรรจุลงขวดสะอาดที่ฆ่าเชื้อแล้ว
ขณะที่แยมยังร้อนปิ ดฝาตั้งทิ้งไว้ให้เย็น แยมจะแข็งตัว
หมายเหตุ 
- ขวดที่จะใช้บรรจุตอ้ งล้างให้สะอาด แล้วนึ่งฆ่าเชื้อประมาณ 15 นาที ผึ่งให้แห้ง
- แยมที่เปิ ดใช้แล้ว ควรเก็บไว้ในตูเ้ ย็น
แยมสับปะรด สู ตร 2
ส่ วนผสม
สับปะรดสับละเอียด 2 ถ้วย
น้ำตาล 2 ถ้วย
น้ำ 1/2 ถ้วย
เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำของครู นิจ
1.สับปะรดปอกเปลือกแล้วสับหยาบๆ เอาแกนออกเสี ย แล้วเทใส่ ลงในหม้อเคลือบ
เติมน้ำตามส่ วน แล้วต้มเคี่ยวไฟปานกลางให้น ้ำงวดลงและ
สับปะรดเปื่ อยยกลงจากเตาทิ้งไว้ให้เย็น
2.เทสับปะรดใส่ ลงในกระชอนหยาบๆ ครู ดให้เนื้ อหลุดมาให้หมด
ตวงด้วยถ้วยตวงตามส่ วนข้างบน มีสบั ปะรด น้ำตาล เกลือ
แล้วยกขึ้นมาตั้งไฟกลางเคี่ยวจนงวด
3.เทใส่ ขวดแก้วซึ่ งเตรี ยมไว้ เทแยมใส่ ขณะกำลังร้อนให้เต็มขวด
ทิ้งไว้ให่เย็น แล้วปิ ดฝาเก็บไว้รับประทาน
แยมสับปะรด สู ตร 3
แยมสูตรนี้จะมีลกั ษณะเป็ นวุน้
เพราะมีส่วนผสมของผงเพคติน ซึ่ งหาซื้ อได้จากร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ ทวั่ ไป
ผงเพคตินสกัดมาจากผลไม้ที่มีเพคตินมาก จึงใช้ได้อย่างปลอดภัย
และไม่ท ำให้รสชาติแยมเสี ยไป
โดยในการใช้ ต้องพยายามให้เพคตินละลายให้หมดก่อนน้ำตาล
ช่วงที่ใส่ เพคตินจึงควรใช้ไฟอ่อน เมื่อเพคตินละลายหมด จึงค่อยเร่ งไฟขึ้น

ส่ วนผสม
เนื้อสับปะรดสับละเอียด 300 กรัม
น้ำสับปะรด 700 กรัม
น้ำตาลทราย 800 กรัม
น้ำเปล่า 150 กรัม
กรดซิตริ ก 1 ช้อนโต๊ะ
ผงเพคติน 7 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

ผสมเนื้อสับปะรด น้ำสับปะรด น้ำเปล่า น้ำตาลทราย 400 กรัม


ยกตั้งบนไฟกลางจนเนื้ อสับปะรดสุ กใส
ผสมน้ำตาลทราย 400 กรัมกับเพคติน หรี่ ไฟให้อ่อนลง เติมน้ำตาลลงในสับปะรด
ใส่ กรดซิ ตริ กคนให้ละลาย เร่ งไฟขึ้นเล็กน้อย คนด้วยพายไม้อย่างสม่ำเสมอ
จนส่ วนผสมเดือดประมาณ 1-2 นาที ตักดูส่วนผสมหนืดขึ้น ตักแล้วไม่หยดลงมา
ปิ ดไฟ คนไปเรื่ อยๆ จนส่ วนผสมอุ่น และข้นขึ้น เทใส่ ขวดที่ตม้ ฆ่าเชื้อแล้ว
และแห้งดี ปิ ดฝา รอเย็น เก็บเข้าตูเ้ ย็น ใช้ทานกับขนมปั ง
  2.1.2 แยมมะนาว
แยมมะนาว สู ตร 1
ส่ วนผสม
น้ำมะนาวสด 150 กรัม
น้ำตาลทราย 600 กรัม
เยือ่ จากเปลือกมะนาว 50 กรัม
เปลือกมะนาวหัน่ ชิ้นเล็กต้มกับน้ำตาล 50 กรัม
น้ำเปล่า 150 กรัม
วิธีทำ 
1. คั้นมะนาวเอาแต่น ้ำ
2.1.3 แยมสตรอเบอร์ รี่
แยมสตรอเบอร์ รี่  สู ตร 1
แยมเป็ นผลิตภัณฑ์ที่ท ำมาจากน้ำ และเนื้อผลไม้ปนกัน ผลไม้ที่จะนำมาทำแยมนั้น
จะต้องเลือกชนิดที่มีเพคตินสูง ผลไม้ที่นิยมนำมาใช้ท ำแยมกันมากได้แก่
สับปะรด ส้ม สตรอเบอร์รี่ ในการทำแยมจะต้องเลือกผลไม้ที่ห่าม จนเกือบสุ ก

เพราะจะเป็ นช่วงที่มีเพคตินอยูม่ ากที่สุด และมีกรดอยูใ่ นปริ มาณที่เพียงพอ


แยมที่ดีควรมีน ้ำตาลเป็ นส่ วนประกอบอยู ่ 68% มีลกั ษณะที่อ่อนตัว
สามารถทาบนขนมปั งได้ง่าย ภาชนะที่บรรจุแยมก็ตอ้ งมีความสามารถ
ในการทนความร้อนได้ดี เพราะจะต้องทำการบรรจุในขณะที่แยมยังร้อนอยู่
ส่ วนใหญ่นิยมใช้ขวดแก้วที่ผา่ นการต้ม หรื อนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อมาแล้ว
เมื่อบรรจุเสร็ จแล้วควรปิ ดฝาให้สนิทและเก็บไว้ในที่ ๆ เย็นและแห้ง
แยมสตรอเบอร์ รี่ สู ตร 2
ส่ วนผสม :
สตรอเบอร์รี่ 500 กรัม
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย

วิธีทำ :
ล้างสตรอเบอร์รี่ให้สะอาด ผ่าครึ่ งลูกใส่ ลงในหม้อ เคล้ากับน้ำตาล

แล้วนำไปตั้งไฟอ่อน ๆ คอยคนตลอดเวลา

เมื่อโดนความร้อน น้ำสตรอเบอร์รี่จะออกมา
ตั้งไฟเคี่ยวไปเรื่ อย ๆ จนสตรอเบอร์รี่สุกนุ่มและข้นติดพาย
จึงตักใส่ ขวดที่ลา้ งสะอาดแล้วปิ ดฝา

แยมสตรอเบอร์ รี่ สู ตร 3


วิธีทำ :
ละลาย เจลาตินผง 1/2 ออนซ์ (14.1 กรัม)กับน้ำ 1+1/2 ถ้วย

ลงในภาชนะเคลือบใบโต ๆ ตั้งทิ้งไว้ 4 นาที
ถ้าหาเจลาตินผงไม่ได้กใ็ ช้แผ่นเจลาติน ยีห่ อ้ เยลลิตา้ [GELITA] แทนได้
เป็ นซองสี ฟ้า ๆ หาซื้ อได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตทัว่ ไป โดยใช้ประมาณ 8 - 9 แผ่น
ตัดให้เป็ นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำมาแช่ในน้ำ ตั้งทิ้งไว้ 4 นาทีเหมือนกัน
จากนั้นก็น ำส่ วนผสมนี้ข้ นึ ตั้งไฟอ่อนประมาณ 5 นาที คนเรื่ อย ๆ จนเจลาตินละลายดี
จึงเติมสตรอเบอรี่ 4 + 1/ 2 ถ้วย , น้ำตาลทราย 3/ 4 ถ้วย และ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะลงไป ตั้งไฟจนส่ วนผสมเดือด
แล้วเร่ งไฟเป็ นไฟกลางค่อนข้างแรง เคี่ยวให้เดือดต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
ช่วงนี้ตอ้ งหมัน่ คน พอได้ที่กย็ กลง ทิ้งให้เย็น
แล้วตักใส่ ขวดที่น่ ึงฆ่าเชื้อแล้ว เป็ นอันเสร็ จ
แยมสตรอเบอร์ รี่ สู ตร 4
วิธีทำ :

นำสตรอเบอร์รี่ 4 +1/ 2 ถ้วย ใส่ ลงในหม้อเคลือบก้นหนา

ใช้ทพั พีกดสตรอเบอร์รี่ให้แตก เติมน้ำตาล 5 - 7 ถ้วย


และน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะลงไป นำขึ้นตั้งไฟกลางค่อนข้างแรงจนเดือด หมัน่ คน
เมื่อส่ วนผสมเดือดดีแล้ว เติมเพคตินชนิดน้ำ (Liquid Pectic) 
ลงไป 9 ออนซ์ ( 1 ออนซ์ = 2 ช้อนโต๊ะ)
เพคตินนี้สามารถหาซื้ อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ คนให้เข้ากัน
พอเดือดจัด ๆ อีกครั้งก็ยกลง บรรจุลงขวด

2.1.4 แยมมะละกอ
แยมมะละกอ สู ตรที่ 1
เนื้อมะละกอสุ ก (บด) 400 กรัม (2 ถ.ต.)
น้ำ 200 กรัม (1 ถ.ต.)
น้ำตาลทรายขาว 800 กรัม หรื อ 4 ถ.ต.
ผงเพคติน 8.4 กรัม (2 ช.ช.)
กรดมะนาว (กรดซิ ตริ ก) 8.4 กรัม (2 ช.ช.)หรื อใช้น ้ำมะนาว 100 ซี ซี (1/2 ถ.ต.)
เกลือ 2.1 กรัม (1/2 ช.ช)
แยมมะละกอ สู ตรที่ 2
เนื้อมะละกอสุ ก (บด) 400 กรัม หรื อ 2 ถ.ต.
เนื้อสับปะรด (หัน่ ชิ้นเล็ก) 200 กรัม (1 ถ.ต.)
น้ำตาลทรายขาว 800 กรัม หรื อ 4 ถ.ต.
ผงเพคติน 8.4 กรัม หรื อ 2 ช.ช.
เกลือ 2.1 กรัม หรื อ 1/2 ช.ช.
กรดมะนาว (กรดซิ ตริ ก) 7.0 กรัม หรื อ 1 1/2 ช.ช.
วิธีทำ
1. นำเนื้อผลไม้ใส่ หม้อปลอดสนิมหรื อกะทะทองเหลือตั้งไฟ
2. เติมน้ำตาลทรายขาวที่เหลือหลังจากแบ่งบางส่ วน
ไปผสมกับผงเพคติน คนจนน้ำตาลทรายละลายหมด
3. ค่อย ๆ โรยผงเพคตินที่ผสมกับน้ำตาลทรายลงไป คนให้เข้ากัน

และกวนต่อไปเรื่ อย ๆ จนข้น
4. เติมกรดมะนาว หรื อน้ำมะนาวลงไป แล้วคนไปเรื่ อย ๆ
จนวัดความหวานได้ 65 องศาบริ กซ์ หรื อเมื่อยกไม้พายขึ้นตามแนวนอน
แยมจะค่อย ๆ ไหลย้อยเป็ นแผ่นคล้ายผ้าม่าน
5. บรรจุขณะร้อนลงไปในขวดที่สะอาดซึ่ งผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว
ปิ ดฝาทิ้งไว้ให้เย็นแยมจะแข็งตัว
หมายเหตุ
1. แยมที่เปิ ดใช้แล้ว ควรเก็บในตูเ้ ย็น จะช่วยให้เก็บได้นาน
2. ขวดที่ใช้บรรจุ ต้องนำมาล้างให้สะอาด ทั้งขวดและฝาแล้วนึ่งฆ่าเชื้อ
นานประมาณ 15 นาที ผึ่งให้แห้งโดยคว่ำขวด และฝาตะแกรงที่สะอาดแล้วปิ ดฝาให้สนิท พร้อมที่จะนำไปใช้
2.1.5 แยมมะตูม
แยมมะตูม
เครื่องปรุง 
เนื้อมะตูมขูด 6 ช้อนโต๊ะ
อินทผลัมสดลูกใหญ่ 3 ผล
เกลือนิดหน่อย
ขนมปังโฮลวีต
วิธีทำ 
ขูดเนื้อมะตูมออกมาให้ได้ตามปริ มาณข้างต้น แกะอินทผลัมออกจากเมล็ด
หัน่ เป็ นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปผสมกับเนื้อมะตูม เติมเกลือลงไป
แล้วคนให้เข้าเป็ นเนื้ อเดียวกัน ปิ้ งขนมปังแล้วใช้แยมมะตูมทา
หมายเหตุ 
แยมมะตูมนี้จะรสชาติและกลิ่นพิเศษ เป็ นแยมที่หากินยาก
สูตรที่ให้ไว้เป็ นแยมที่ท ำจากมะตูมสด ทำแล้วกินเลย
แต่หากอยากเก็บไว้ใช้นาน ๆ ให้เอาใส่ ชามแล้วใช้แผ่นฟิ ล์มปิ ดหน้า
ทำสุ กในไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงนาน 2 นาที แล้วเก็บไว้ในตูเ้ ย็นจะเก็บได้นานเป็ นเดือน
2.1.6 แยมมะม่ วง
แยมมะม่ วง
ส่ วนผสม
เนื้อมะม่วงสุ กบดละเอียด 1,000 กรัม
กรดมะนาว 10 กรัม
น้ำตาลทราย 1,000 กรัม
น้ำ 250 กรัม
วิธีทำ
1. เติมกรดมะนาว น้ำในเนื้อมะม่วง ต้มโดยใช้ไฟอ่อนจนเกือบเดือด
คนตลอดเวลาจนเนื้ อมะม่วงข้น
2. เติมน้ำตาลทรายทีละน้อย คนส่ วนผสมอยูต่ ลอดเวลาจนน้ำตาลละลายหมด
เพิ่มไฟให้แรงขึ้นจนส่ วนผสมเดือด
วัดปริ มาณสารละลายทั้งหมดไม่ต ่ำกว่า 65 องศาบริ กซ์
ดูการเกิดเจลโดยใช้พายตักขึ้นดูลกั ษณะการไหลเป็ นแผ่น ช้อนฟองทิ้ง 3. บรรจุแยมลงในขวดที่ฆ่าเชื้อจุลินทรี ยแ์ ล้ว
2.1.7 แยมพุทรา
แยมพุทรา
ส่ วนประกอบ
เนื้อพุทรา 500 กรัม หรื อ 1/2 กก.
น้ำตาลทรายขาว 400 กรัม หรื อ 4 ขีด
เพคตินผง 9.0 กรัม หรื อประมาณ 4 1/2; ช้อนชา
กรดซิตริ ก (กรดมะนาว)8.0 กรัม หรื อประมาณ 2 3/4; ช้อนชา
น้ำสะอาด 800 มิลลิกรัม หรื อประมาณ 3 ถ้วยตวง
วิธีทำ
- ใช้พทุ ราสุ กแต่ไม่งอม ล้างให้สะอาด ปอกเปลือก สับให้ละเอียด
- ใส่ กรดซิ ตริ ก ต้มจนเนื้ อพุทราเปื่ อยใช้ไฟอ่อน ๆ
- เติมน้ำตาลทรายผสมเพคติน เพิ่มไฟให้แรงขึ้นจากอุณหภูมิถึง 105 องศาเซลเซี ยส และความข้นไม่ต ่ำกว่า 65 องศาบริ กซ์
- บรรจุขวดที่สะอาดและปิ ดสนิท
 2.1.8 แยมส้ มโอ
แยมส้ มโอ
ส่ วนผสม
ส้มโอ (แกะเอาแต่เนื้อ) 1 ผล
น้ำตาลทราย 4 ถ้วย
มะนาว 1 ผล
น้ำ
วิธีทำ
1.ส้มโอแกะเอาแต่เนื้อ แล้วหัน่ เป็ นชิ้นเล็ก ๆ
2.ใส่ หม้อเคลือบต้มกับน้ำในอัตราส่ วน 2/1 (น้ำ 2 ถ้วยต่อส้ม 1 ถ้วย) จนเปื่ อยประมาณ 20 นาที
3.ตวง ส้มใส่ หม้อผสมกับน้ำตาลในอัตราส่ วน 1/1 (ส้ม 1 ถ้วยต่อน้ำตาล 1 ถ้วย) กวนในไฟขนาดกลางใช้ชอ้ นไม้คนอยูเ่ สมอ
ใส่ มะนาว (ถ้าส้มหวาน) กวนจนกระทัง่ ข้นใส ประมาณ 30 นาที
4.เทแยกใส่ ขวดซึ่ งล้างสะอาดแล้ว เว้นที่วา่ งปากขวดประมาร 1/8 นิ้ว ปิ ดฝาทันทีจะเก็บไว้ได้นาน (ควรเก็บไว้ในที่เย็น)
2.1.9 แยมลูกท้ อ
แยมลูกท้ อ
ส่ วนผสม
เนื้อลูกท้อ 3 ถ้วย
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 3 ถ้วย
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ลูกท้อล้างให้สะอาด ผ่าสองเอาเม็ดออก แล้วสับให้ละเอียด
2. ตวงน้ำตามส่ วยใส่ ลงในหม้อเคลือบ ใส่ ลูกท้อที่สบั แล้วลงไปคนให้เข้ากัน
เคี่ยวไฟปานกลางจนน้ำงวดและลูกท้อเปื่ อย
3. ใส่ น ้ำตาลที่ตวงไว้ลงไปในหม้อลูกท้อ พร้อมกับเกลือ แล้วเคี่ยวต่อไปจนงวด
4. เทใส่ ขวดแก้วซึ่ งเตรี ยมไว้ขณะแยมยังร้อน ๆ ปิ ดฝาให้สนิท
 2.1.10 แยมกล้ วย
แยมกล้ วย
แยมโฮมเมดสู ตรนี้ หาทานที่ไหนไม่ได้หรอกค่ะ นอกจากทำเอง
หากไม่ชอบหวานอาจลดน้ำตาลได้บา้ ง แต่ระยะเวลาที่เก็บอาจสั้นลง คือ
ถ้าเก็บในตูเ้ ย็น จะอยูไ่ ด้ประมาณ 1-2 สัปดาห์
หลักอย่างหนึ่งในการทำแยม คือ หากเนื้อผลไม้ที่ใช้ท ำรสไม่จดั พอ
มักจะนิยมเติมน้ำมะนาว หรื อน้ำส้ม เพื่อให้รสแหลมขึ้น
และเพิ่มความเป็ นวุน้ ให้กบั แยมด้วยค่ะ
ส่ วนผสม
กล้วยหอมห่าม 12 ผล
มะนาว 4 ผล
น้ำตาลทราย ประมาณ 1 กิโลกรัม
ส้มเกลี้ยง 6 ผล

วิธีทำ
ปอกเปลือกกล้วย หัน่ เป็ นชิ้นบางๆ แต่ให้คงเป็ นแว่นรู ปกล้วยไม่แตกจากกัน
ตวงน้ำตาลในอัตราส่ วนกล้วย 1 ก.ก. ต่อน้ำตาลทราย 1 1/2 ก.ก.

ปอกเปลือกส้มเกลี้ยงเอาแต่เนื้อ หัน่ เป็ นชิ้นเล็กๆ


คั้นมะนาว แล้วผสมน้ำมะนาว กล้วย ส้มเกลี้ยง เข้าด้วยกัน นำไปต้ม
โดยใช้ไฟอ่อนๆ นานประมาณ 15 นาที ใส่ น ้ำตาลทราย
หมัน่ คนจนน้ำตาลละลายดี และส่ วนผสมเหนียวได้ที่ ปิ ดไฟ
บรรจุลงขวดที่ท ำความสะอาดไว้แล้ว ปิ ดฝาผนึก
3.ตลาดของแยม
แยมเป็ นผลิตภํณฑ์สาํ เร็ จรู ปอีกประเภทหนึ่งที่ผบู้ ริ โภคให้การยอมรับ และมีการ บริ โภค
เป็ นจํานวนมาก โดยมูลค่าตลาดรวมผลิตภัณฑ์ทาขนมปั งมีจาํ นวน 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็ นผลิตภัณฑ์  spread  มูลค่า  2,000 
ล้านบาท และผลิตภัณฑ์แยมมูลค่า 1,000 ล้านบาท และมีอตั ราการเติบโตร้อยละ 17 ต่อปี   (โจเซฟ, 2548) และในปี  2550 มี
การส่ งออกแยมผลไม้ตระกูลส้มปริ มาณ 26.6 ตัน คิดเป็ น มูลค่ากว่า 1.4 ล้านบาท (สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิ ชย์ 2550) แต่
ถึงอย่างไรก็ตามผลิตภัณ์ฑแยม ที่มีการวางจําหน่ายตามท้องตลาดส่ วนใหญ่น้ นั จะมีส่วนประกอบของน้ำตาลสู ง การผลิตแยม
ที่ลดปริ มาณน้ำตาล หรื อลดพลังงานจึงเป็ นผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผูท้ ี่ใส่ ใจสุ ขภาพ 
4.วัสดุอุปกรณ์ การทำแยม
การนำผลไม้มาทำ แยมก็เป็ นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่งในการถนอมอาหารและเพิ่มค่าให้กบั ผลิตผลทางการเกษตร ขั้นตอนในการทำก็
ไม่ยงุ่ ยากโดยส่ วนประกอบที่สำคัญในการทำแยมมีดงั นี้
ผลไม้ ผลไม้ที่น ำมาทำแยม ควรเลือกผลสด ไม่เน่าเสี ย ไม่เป็ นเชื้อรา และควรล้างให้สะอาดก่อนนำมาผลิต ผลไม้ที่เรานำมา
ใช้ในการทำแยม ได้แก่
กีว ี (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Actinidia chinensis) ภาษาจีนเรี ยกหมีโหวเถา เป็ นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน บริ เวณลุ่มแม่น ้ำแยงซี
เกียง[1] ต่อมาเริ่ มเป็ นที่แพร่ หลายออกนอกประเทศจีน ต่อมา มีผนู ้ ำไปปลูกที่นิวซี แลนด์เมื่อ พ.ศ. 2449 และได้ปรับปรุ งพันธุ์
จนได้กีวีที่รสดีมากขึ้น จนกลายเป็ นผูส้ ่ งออกกีวีรายใหญ่ที่สุด นอกจากนั้น นิวซี แลนด์ยงั เปลี่ยนชื่อเรี ยกผลไม้ชนิดนี้
จาก Chinese gooseberry เป็ นกีวี ตามชื่อของนกกีวีที่เป็ นสัญลักษณ์ของประเทศ Jack Turner เป็ นคนที่เริ่ มเรี ยกว่า "kiwifruit" 
เมื่อราว พ.ศ. 2505 ในประเทศไทยนำกีวีเข้ามาปลูกที่ดอยอ่างขาง และดอยขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่

          ส้ ม เป็ นไม้พมุ่ หรื อไม้ตน้ ขนาดเล็กหลายชนิด เป็ นพืชใบเลี้ยงคู่ สกุล Citrus วงศ์ Rutaceae มีดว้ ยกันนับร้อยชนิด เติบโต
กระจายอยูท่ วั่ โลก โดยมากจะมีน ้ำมันหอมระเหยในใบ ดอก และผล และมีกลิ่นฉุน หากนำใบขึ้นส่ องกับแสงแดด จะเห็นจุด
เล็กๆ เต็มไปหมด ซึ่ งจุดเหล่านั้นก็คือแหล่งน้ำมันนัน่ เอง ส้มหลายชนิดรับประทานได้ ผลมีรสเปรี้ ยวหรื อหวาน มักจะมี
แคลเซียม โปแทสเซี ยม ไวตามินเอ และไวตามินซี มาก
แอปเปิ ล (อังกฤษ: apple; ชื่อวิทยาศาสตร์ : Malus domestica) เป็ นผลไม้ในตระกูล Rosaceae แอปเปิ ลเป็ นผลไม้ที่นิยมมาก
ที่สุดชนิดหนึ่งในโลก เป็ นไม้ผลเมืองหนาว มีตน้ กำเนิดในบริ เวณประเทศอิหร่ านในปั จจุบนั จากนั้นจึงกระจายพันธุ์ไปยัง
เทือกเขาคอเคซัสและลุ่มแม่น ้ำไทกริ ส-ยูเฟรติส แล้วแพร่ หลายต่อไปในทวีปยุโรป ทวีปอเมริ กา และดินแดนอื่นทัว่ โลก ใน
ประเทศไทยปลูกได้ในพื้นที่ภาคเหนือ เช่นที่ดอยอ่างขาง

สตรอว์ เบอร์ รี (อังกฤษ: strawberry) เป็ นสกุลไม้ดอกในวงศ์กหุ ลาบ ผลสามารถรับประทานได้ ในอดีตปลูกเป็ นพืชคลุมดิน


ให้กบั ต้นไม้ปลูกเลี้ยงอื่น ซึ่ งอาจเป็ นที่มาของชื่อก็เป็ นได้[2] มีมากกว่า 20 สปี ชีส์ และมีลูกผสมมากมาย แต่สตรอว์เบอร์รีที่
นิยมปลูกมากในปั จจุบนั ก็คือสตรอว์เบอร์รีสวน (Fragaria × ananassa) ผลของสตรอว์เบอร์รีมีรสชาติหลากหลายขึ้นอยูก่ บั
สายพันธุ์ มีต้ งั แต่รสหวานจนถึงเปรี้ ยว สตรอเบอร์รีเป็ นผลไม้ทางการค้าที่สำคัญ มีปลูกกันเป็ นวงกว้างหลายสภาพอากาศทัว่
โลก
น้ำตาล เป็ นตัวให้ความหวานกับแยม โดยปริ มาณ ความหวานในแยมไม่ควรเกิน 70 องศาบริ กซ์ วัดโดยรี แฟคโตมิเตอร์  
กรด เป็ นตัวช่วยให้แยมอยูต่ วั กรดที่ใช้เป็ นกรด จากธรรมชาติ เช่น กรดซิ ตริ กจากส้ม มะนาว กรดทาร์ทาริ ก จากองุ่น มะขาม
หรื อ กรดมาลิก จากแอปเปิ้ ล
เพคติน เป็ นสารสกัดจากผลไม้ เช่น เปลือกส้ม ส้มโอ เพคตินเป็ นตัวช่วยให้เนื้อผลไม้กบั น้ำตาลเกาะตัวกันดีข้ ึน ผลไม้แต่ละ
ชนิดมีเพคตินในตัวเองแล้ว ดังนั้นการ เติมเพคตินมากหรื อน้อยก็ข้ นึ อยูก่ บั ผลไม้ที่น ำมาทำแยม
              มีด. คือเครื่ องมือชนิดแรกๆที่มนุษย์ประดิษฐ์ข้ึนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันมาอย่างยาวนาน เกี่ยวข้องสัมพันธ์กบั แทบ
จะทุกกิจกรรม ในการดำเนินชีวิต ไม่วา่ จะเป็ นเผ่าพันธุ์ หรื อกลุ่มสังคมใดๆ ก็ตาม มีดเป็ นเครื่ องมือตัดเฉื อนชนิดมีคมสำหรับ
ใช้ สับ หัน่ เฉื อน ปาด บางชนิดอาจมีปลายแหลมสำหรับกรี ด หรื อแทง มักมีขนาดเหมาะสมสำหรับจับถือด้วยมือเดียว
              หม้ อ. ภาชนะประเภทหนึ่ง มีรูปทรงต่าง ๆ สำหรับใส่ ของหรื อใช้งานบางอย่าง เรี ยกตามสิ่ งที่ใช้ท ำก็มี เช่น หม้อดิน
หม้อทองเหลือง หม้ออะลูมิเนียม เรี ยกตามสิ่ งที่บรรจุกม็ ี เช่น หม้อข้าว หม้อน้ำมนตร์ เรี ยกตามวัตถุประสงค์ที่ใช้สอยก็มี เช่น
หม้อตุ๋น หม้อนึ่ง.
              ช้ อน เป็ นเครื่ องครัวที่มีลกั ษณะเป็ นแอ่งตื้นและเล็กกว่าทัพพี ตรงปลายมีที่จบั โดยทัว่ ไปใช้ในการตักอาหารเหลว
หรื ออาหารกึ่งเหลว หรื ออาหารแข็งที่ไม่อาจใช้กบั ส้อมได้อย่างสะดวก เช่น ใช้ในการตักข้าวหรื อธัญพืชนอกจากนี้ ช้อนยังใช้
ในการทำอาหารที่จะตวงวัดปริ มาณส่ วนผสมของอาหารที่จะใช้ดว้ ย ช้อนอาจจะทำมาจากโลหะ ไม้ พลาสติก หิ น หรื อแม้แต่
งาช้าง
              เขียง. ไม้รองรับการสับ หัน่ มักเป็ นแผ่นกลม ๆ
              จาน. หมายถึง อุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดหนึ่ง ที่นิยมใช้กบั ไมโครคอมพิวเตอร์ มีลกั ษณะกลม
              เครื่องปั่นอาหาร หรื อเบลนเดอร์ ประกอบด้วยส่ วนหลักสองส่ วนคือส่ วนที่ใช้ใส่ อาหารซึ่ งจะประกอบด้วยใบมีด
สำหรับปั่นอาหาร (มักทำด้วยแก้วหรื อพลาสติก) และส่ วนที่ใช้ไฟฟ้ าให้พลังงานแก่ใบมีด สามารถใช้ปั่นอาหารให้เป็ นชิ้นเล็ก
ละเอียด ใช้ป่นพริ ก และใช้ท ำน้ำผลไม้ปั่น (ปั่ นรวมกับน้ำแข็ง) เป็ นต้น

บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
ในการศึกษาครั้งนี้ผศู ้ ึกษาได้ท ำการศึกษาแยมผลไม้รวม ซึ่ งมีวิธีการดังนี้

วัสดุและอุปกรณ์
1.      กีวี                                    2   ผล
2.      แอปเปิ้ ล                           2   ผล
3.      สตรอเบอร์รี่                     4   ผล
4.      ส้ม                                    2   ผล
5.      เครื่ องปั่ นน้ำผลไม้ถว้ ย      5   ชาม
6.      มีด
7.      ที่คนั่ น้ำส้ม
8.      เขียง
9.      เครื่ องปั่ นน้ำผลไม้
10. เกลือ
11. น้ำตาล
12. เพกติน
13. หม้อ
14. ช้อน
วิธีการดำเนินงาน
1.      นำผลไม้ กีวี่ แอปเปิ้ ล สตรอเบอร์รี่ ไปหัน่ เป็ นชิ้นเล็กๆ
2.      น้ำส้มไปคั้นในที่ค้ นั น้ำส้ม
3.      จากนั้นนำผลไม้ท้ งั  4 ชนิด ไปปั่ นให้เข้ากัน
4.      นำไปต้มในหม้อ รอให้เดือด
5.      ใส่ เกลือ 3 ช้อนชา ใส่ น ้ำตาล 10 ช้อนโต๊ะ
6.      เคี่ยวจนเริ่ มหนืด แล้วใส่ เพกติน 2 ช้อนชา เพื่อเพิม่ ความเหนียวยิง่ ขึ้น

7.      ปิ ดแก็ส แล้วนำไปใส่ ถว้ ยรื อแก้วที่ตอ้ งการบรรจุ รอให้เย็นสักครู่ จึงค่อยนำไปแช่ในตูเ้ ย็น

บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
          การวิเคราะห์ขอ้ มูลเกี่ยวกับแยมผลไม้ ของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2/4  โรงเรี ยน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุ พรรณบุรี
จำนวน 48 คน
ตารางที่ 1 แสดงผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล ของนักเรี ยนหญิงและชายชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2/4 โรงเรี ยน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย
สุ พรรณบุรี จำนวน 48 คน
เกณฑ์การให้คะแนน 1 = น้อยที่สุด 2 = น้อย  3 = ปานกลาง 4 = มาก 5 = มากที่สุด
ระดับคะแนน
รายการประเมิน
5 4 3 2 1
1.รสชาติของแยมผลไม้ 26 คน 15 คน 7 คน - -
2.สี สนั ของแยมผลไม้ 15 คน 10 คน 16 คน 7 คน -
3.ความสะอาดของแยมผลไม้ 45 คน 3 คน - - -
4.ปริ มาณของแยมผลไม้ 14 คน 10 คน 18 คน 6 คน -
5.กลิ่นของแยมผลไม้ 41 คน 6 คน 1 คน - -
จากตารางที่ 1 พบว่า นักเรี ยนหญิงและชายชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2/4 โรงเรี ยน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุ พรรณบุรี จำนวน 48 คน
มีความพึงพอใจกับแยมผลไม้ มีดงั นี้ คือ มีระดับมากถึงมากที่สุด 3 รายการ คือ รสชาติของแยมผลไม้ ความสะอาดของแยม
ผลไม้ กลิ่นของแยมผลไม้ คิดเป็ นร้อยละ 88 มีระดับน้อยที่สุดถึงปานกลาง 2 รายการ คือสี สนั ของแยมผลไม้ ปริ มาณของแยม
ผลไม้ คิดเป็ นร้อยละ 59

บทที่ 5
สรุ ปผล อภิปรายผล และข้ อเสนอแนะ
          
            จากการศึกษาดังนี้ เพื่อศึกษาถึงวิธีการทำแยม ศึกษาความเป็ นมา และประโยชน์ของแยม เพื่อสามารถทำแยมได้เอง
โรงเรี ยนกาญจนาภิเษกวิทายาลัย สุ พรรณบุรี ในภาคเรี ยนที่ 2 ปี การศึกษา 2557 ซึ่ งสามารถสรุ ปผล อภิปรายผล และข้อเสนอ
แนะได้ดงั นี้
              1.วัตถุประสงค์ของการศึกษา
              2.ขอบเขตของการศึกษา
              3.เครื่ องมือที่ใช้ในการศึกษา
              4.วิเคราะห์ขอ้ มูล
              5.สรุ ปผลการศึกษา
              6.ข้อเสนอแนะ
วัตถุประสงค์จากการศึกษา
                1.เพื่อศึกษาวิธีการทำแยม
                2.เพื่อศึกษาผลไม้ที่สามารถทำแยมได้
                3.เพื่อศึกษาความเป็ นมาและประโยชน์ของแยม
ขอบเขตของการศึกษา
สิ่ งที่ศึกษา   ผลไม้ในการทำแยม
ระยะเวลา    เดือน กันยายน – ธันวาคม 2557
สถานที่       บ้านของด.ญ. ศิรประภา  หวู
เครื่ องมือที่ใช้ในการศึกษา
              เครื่ องมือที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ประกอบด้วยแบบสอบถาม 1 ฉบับ เรื่ อง ความพึงพอใจเกี่ยวกับแยมผลไม้ของ
นักเรี ยนชั้น ม. 2/4 โรงเรี ยนเรี ยนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุ พรรณบุรี จำนวน 5 ข้อ
วิเคราะห์ขอ้ มูล
              ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ผูศ้ ึกษาได้วิเคราะห์ขอ้ มูลของนักเรี ยนที่มีต่อแยมผลไม้รวม เช่น รสชาติ สี สนั กลิ่น ปริ มาณ
และความสะอาดของแยมผลไม้ โดยการคิดคะแนนเฉลี่ยอยูใ่ นระดับมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 88 และอยูใ่ นระดับน้อยที่สุดถึง
ปานกลาง ร้อยละ 59
สรุ ปผลการศึกษา
              จากการศึกษาแยมผลไม้ของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2/4 โรงเรี ยนกาญจนาภิเษก
วิทยาลัย สุ พรรณบุรี พบว่านักเรี ยนทุกคนมีความพึงพอใจกับแนวคิดของแยมผลไม้
อยูใ่ นระดับมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 88 และอยูใ่ นระดับน้อยที่สุดถึงปานกลาง ร้อยละ 59
การอภิปรายผล
               พบว่าชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2/4 โรงเรี ยนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุ พรรณบุรี เห็นถึงความสะอาดของแยมผลไม้ กลิ ่น
หอม และรสชาติที่อร่ อยของแยมผลไม้ จึงอยูใ่ นระดับร้อยละ 88 แต่กต็ อ้ งปรับปรุ งในเรื่ องของสี สนั ที่ดูไม่ค่อยสดใสของแยม
ผลไม้ และปริ มาณของแยมผลไม้ จึงอยูใ่ นระดับร้อยละ 59
ข้ อเสนอแนะ
สามารถนำผลไม้ชนิดอื่นๆ มาแปรรู ปเป็ นแยมผลไม้ได้
13.เอกสารอ้ างอิง
การทำแยมผลไม้ สื บค้นเมื่อ 3 พฤษจิกายน 2563, จาก https://aksara99.wordpress.com
การทำแยมกล้วย สื บค้นเมื่อ 3 พฤษจิกายน 2563,จาก https://konphrae.wordpress.com
กล้วยน้ำว้า สื บค้นเมื่อ 3 พฤษจิกายน 2563, จาก https://th.m.wikipedia.org/wiki
กล้วยไข่ สื บค้นเมื่อ 3 พฤษจิกายน 2563, จาก https://sites.google.com/site/mybananas5720410054/klwy-khi
กล้วยหอม สื บค้นเมื่อ 3 พฤษจิกายน 2563, จาก https://th.m.wikipedia.org/wiki
แยมจากกล้วย สื บค้นเมื่อ 3 พฤษจิกายน 2563,จาก http://skillg.blogspot.com/2015/01/blog-post.html
ประโยชน์ของแยมกล้วย สื บค้นเมื่อ 3 พฤษจิกายน 2563,จาก https://www.pholfoodmafia.com/
14.ตารางบันทึกผลการทดลอง
ตารางตรวจสอบคุณภาพของแยมจาก กล้วย 3 ชนิด

คุณภาพของแยมจากกล ้วย 3 ชนิด

สี กลิน่ เนือ้ รส แบบประเมิณ


ชนิดของกล ้วย

กล ้วยน้ำว ้า

กล ้วยไข่

กล ้วยหอม
แบบประเมินแยมจาก กล้วย 3 ชนิด
คำชี้แจงให้ผปู ้ ระเมินสังเกตแยมจากกล้วย 3 ชนิด ได้แก่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ ในด้านต่างๆ มีดงั นี้ 1.สี 2.กลิ่น
3.เนื้อ 4.รสชาติ โดยมีคะแนนการประเมินดังนี้
4 หมายถึง ดีมาก
3 หมายถึง ดี
2 หมายถึง พอใช้
1 หมายถึง ปรับปรุ ง

กล ้วยน้ำว ้า กล ้วยไข่ กล ้วยหอม


คนที่ ่ื
รายชอ
สี กลิน
่ เนือ
้ รส สี กลิน
่ เนือ
้ รส สี กลิน
่ เนือ
้ รส

10

รวม

ค่าเฉลีย

สรุปค่าเฉลีย

You might also like