You are on page 1of 2

นิทานเวตาล

ผู้แต่ง พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์


(ทรงพระนามเดิมว่า : พระองค์เจ้า “รัชนีแจ่มจรัส” ทีม่ าของนามแฝง น.ม.ส.)
ทรงพระนิพนธ์ขึ้น เมื่อ ปีพุทธศักราช 2461 ซึ่งจัดได้ว่าเป็นวรรณคดีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของไทย โดยที่คุณค่าของนิทาน
เวตาลนั้น มิได้จำกัดเพียงประโยชน์ด้าน "วรรณคดีศึกษา" หากยังเป็นความรู้ด้าน "คติชนวิทยาตะวันออก" อีกด้วย
โครงเรื่อง
นิทานเวตาล เริ่มต้นที่เรื่องราวของพระเจ้าวิกรมาทิตย์ ในฐานะกษัตริย์แห่งสังคมอินเดียยุคโบราณองค์หนึ่ง พระองค์ทรง
เป็นกษัตริย์นามระบือสามารถทั้งการศึกและการปกครองไพร่ฟ้า แต่ถูก "โยคี" ตนหนึ่ง ซึ่งปลอมตัวเป็นพ่อค้า มาทำอุบายแยบยล
ใกล้ชิด และลวงพระองค์ให้หลงกล ต้องสัญญาด้วยการบำเพ็ญ
ทรงหน้าตาอัปลักษณ์ดังซากศพ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเดินเรื่อง เล่านิทานซ้อนนิทาน เป็นช่วงๆ นำพาพระเจ้าวิกรมาทิตย์
เดินทางมาถึงจุดหมายที่ "โยคี" กำลังกระทำพิธีสำคัญ ซึ่งก็คือพิธี ลอบปลงพระชนม์พระองค์และพระราชโอรสนั่นเองความเพียร
พยายามในการ "ข่ม" พระองค์เองให้ "นิ่ง" เป็นและ "แกล้งโง่" เป็น รวมทั้งการรู้จักระแวดระวังพระองค์ทุกระยะทุกฝีก้าวทุกขณะ
จิต เป็นผลให้เวตาลผู้ทำหน้าที่ตามคำบัญชาของ "โยคี" ผู้หมายปองร้ายพระราชาล่อลวง หยามหยันพระองค์ ต่างๆ นานาไม่สำเร็จ
และยังเกิดความสะเทือนใจ กลับเป็นฝ่ายช่วยเหลือแนะนำพระองค์ให้พ้นภัย ในตอนท้ายเรื่อง น.ม.ส. ทรงไขปัญหาความเป็นมา
ของเรื่องราว ผ่านคำพูดของเวตาล
เรื่องย่อ
ณ ฝั่งแม่น้ำโคทาวรี มีพระมหานครแห่งหนึ่งตั้งอยู่นามว่า ประดิษฐาน ที่เมืองนี้ในสมัยบรรพกาลมีพระราชาธิบดีองค์หนึ่ง
ทรงนามว่า ตริวิกรมเสน ได้ครองราไชศวรรย์มาด้วยความผาสุก พระองค์เป็นราชโอรสของพระเจ้าวิกรมเสนผู้ทรงเดชานุภาพเทียม
ท้าววัชรินทร์
ต่อมาได้มีนักบวชชื่อ ศานติศีล ได้นำผลไม้มาถวายทุกวันมิได้ขาด ซึ่งพระราชาแปลกใจ และได้ไปพบในคืนหนึ่ ง ตามนัด
ได้ถามถึงเหตุผลและเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ โยคีศานติศีลจอมเจ้าเล่ห์ได้ขอให้พระวิกรมาทิตย์นำเวตาลมาให้ตนเพื่อจะ
ประกอบมหายัญพิธี
พระราชาผู้มีสัจจะเป็นมั่น ได้ไปนำเวตาลมาให้โยคีเจ้าเล่ห์ แต่เวตาลก็พยายาม หน่วงเหนี่ยวด้วยการเล่านิทานทั้งสิ้น 24
เรื่องด้วยกัน ซึ่งแต่ละเรื่องจะมีคำถามให้พระราชาตอบ โดยมีข้อแม้ว่า หากพระราชาทราบคำตอบแล้วไม่ตอบ ศีรษะของพระราชา
จะต้องหลุดจากบ่า และหากพระราชาเอ่ยปากพูดเวตาลก็จะกลับไปสู่ที่เดิม
และก็เป็นดังนั้นทุกครั้ง ที่พระราชาตอบคำถามของเวตาล เวตาลก็จะหายกลับไปสู่ต้นไม้ ที่ สิงที่เดิม พระราชาก็จะเสด็จ
กลับไปเอาตัวเวตาลทุกครั้งไป จนเรื่องสุดท้ายพระราชาไม่ทราบคำตอบ ก็ทรงเงียบไม่พูด เวตาลพอใจในตัวพระราชามาก เพราะ
เป็นพระราชาผู้ไม่ย่อท้อ ผู้มีความกล้าหาญ ทำให้เวตาลบอกความจริงในความคิดของโยคีเจ้าเล่ห์ ว่าโยคีนั้นแท้จริงแล้ว ต้องการ
ตำแหน่งราชาแห่งวิทยาธร โดยจะเอาพระราชาเป็นเครื่องสังเวยในการทำพิธี และอธิบายถึงวิธีกำจัดโยคีเจ้าเล่ห์
เมื่อพระราชาเสด็จมาถึงโยคีตามที่นัดหมายไว้ ก็ปรากฏว่าโยคีได้เตรียมการทำ อย่างที่เวตาลได้บอกกับพระราชาไว้
พระราชาจึงแก้โดยทำตามที่เวตาลได้อธิบายให้พระราชาฟัง พระราชาจึงได้ตำแหน่งราชาแห่งวิทยาธร และเวตาลได้บอกกับพระวิ
กรมาทิตย์ว่า "ตำแหน่งนี้ได้มาเพราะความดีของพระองค์ ตำแหน่งนี้จะคอยพระองค์อยู่หลังจากที่ทรงเสวยสุข ในโลกมนุษย์จนสิ้น
อายุขัยแล้ว ข้าขอโทษในกาลที่แล้วมาในการที่ยั่วยวนประสาทพระองค์ แต่ก็ไม่ทรงถือโกรธต่อข้า บัดนี้ข้าจะถวายพรแก่พระองค์
ขอทรงเลือกอะไรก็ได้ตามใจปรารถนาเถิด" พระราชาก็ตรัสว่า "เพราะเหตุที่เจ้ายินดีต่อข้า และข้าก็ยินดีในความมีน้ำใจของเจ้า
เช่นเดียวกัน พรอันใดที่ข้าจะปรารถนาก็เป็นอันสมบูรณ์แล้ว ข้าเพียงแต่อยากจะขออะไรสักอย่างเป็นที่ระลึกระหว่างข้ากับเจ้า นั่น
ก็คือนิทานที่เจ้ายกปัญหามาถามข้าถึงยี่สิบสี่เรื่อง และคำตอบของข้าก็ให้ไปแล้วเช่นเดียวกัน แลครั้งที่ยี่สิบห้าคือวันนี้ถือเป็น
บทสรุป แสดงอวสานของเรื่อง ขอให้นิทานชุดนี้ จงมีเกียรติแพร่กำจายไปในโลกกว้าง”
เวตาลก็สนองตอบว่า “ขอจงสำเร็จ โอ ราชะ บัดนี้จงฟังเถิด ข้าจะกล่าวถึงคุณสมบัติที่ดีเด่นของนิทานชุดนี้ สร้อยนิทาน
อันร้อยรัดเข้าด้วยกันดังสร้อยมณีสายนี้ ประกอบด้วยยี่สิบสี่เรื่องเบื้องต้น แลมาถึงบทที่ยี่สิบห้า อันเป็นบทสรุปส่งท้าย นับเป็น
ปริโยสาน นิทานชุดนี้จงเป็นที่รู้จักกันในนามของเวตาลปัญจวิ งศติ (นิทานยี่สิบห้าเรื่องของเวตาล) จงมีเกียรติยศบันลือไปในโลก
และนำความเจริญมาสู่ผู้อ่านทุกคน ใครก็ตามที่อ่านหนังสือแม้แต่โศลกเดียว หรือเป็นผู้ฟังเขาอ่านก็เช่นเดียวกัน จักรอดจากคำสาป
ทั้งมวล บรรดาอมนุษย์ทั้งหลาย มียักษ์ เวตาล กุษมาณฑ์ แม่มด หมอผีและรากษส ตลอดจนสัตว์โลกประเภทเดียวกันนี้ จงสิ้นฤทธิ์
เดชเมื่อได้ยินใครอ่านนิทาน อันศักดิ์สิทธิ์นี้”
พระศิวะได้ฟังเรื่องของต่าง ๆ ของเวตาลจบก็กล่าวชื่นชมในองค์พระราชาตริวิเสนมาก ซึ่งพระศิวะได้สร้างจากอนุภาค
โดยให้มาปราบอสูรคนร้ายต่าง ๆ เมื่อพระวิกรมาทิตย์ได้เป็นจอมราชั นแห่งวิทยาธรทั้งโลกและสวรรค์แล้ว ก็เกิดความเบื่อหน่าย
หันไปบำเพ็ญทางธรรม จนบรรลุความหลุดพ้น
ลักษณะของเวตาล
เวตาล เป็นอมนุษย์จำพวกหนึ่ง คล้ายค้างคาวผี ในปรัมปราคติของฮินดู ดำรงอยู่เป็นภูตที่อาศัยในซากศพผู้อื่นในตอน
กลางวัน ศพเหล่านี้อาจใช้เป็นเครื่องมือเพื่อนการเดินทาง เพราะขณะที่เวตาลอาศัยอยู่นั้น ซากศพจะไม่เน่า แต่เวตาลอาจออกจาก
ศพเพื่อหากินในตอนกลางคืน ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 กล่าวไว้ว่า "เวตาล คือ ผีจำพวกหนึ่ง ชอบสิงอยู่ใน
ป่าช้า"
ตามตำนานของชาวฮินดู กล่าวว่าเวลานั้นเป็นวิญญาณร้ายที่วนเวียนอยู่ตามสุสาน และคอยเข้าสิงอยู่ในซากศพต่างๆ มัน
จะทำร้ายมนุษย์ที่เข้าไปรบกวน เหยื่อของเวตาลจะถูกเข้าสิง ทำให้มือและเท้าหันไปข้างหลังเสมอ เวตาลยังทำให้ผู้ค นเป็นบ้า ฆ่า
เด็ก และแท้งลูก แต่เวตาลยังมีข้อดี คือ มันจะคอยดูแลหมู่บ้านของมันเอง
เวตาลนั้นเป็นวิญญาณร้าย คอยทำร้ายบุคคลที่ลูกหลานไม่ยอมทำพิธีศพให้พ่อแม่ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงถูกกักอยู่ในแดน
สนธยา ระหว่างการดำรงอยู่ด้วยชีวิต และการดำรงอยู่หลังมีชีวิต (หลังความตาย) ปิศาจเหล่านี้อาจได้รับอามิสด้วยเครื่องเซ่นหรือ
ถูกขับให้ตกใจด้วยมนตร์ เวตาลอาจหลุดพ้นจากสภาพปิศาจได้หากการทำพิธีศพของตน แต่เมื่อเป็นปิศาจแล้ว ก็ไม่สามารถพ้นจาก
กฎแห่งเวลาและเทศะ พวกมันจะความรู้ประหลาดเกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต และหยั่งรู้สึกถึงใจตน ดังนั้นหมอผีจำนวน
มากจึงพยายามดั้นด้นเสาะหาเวตาล และควบคุมเอาไว้ใช้เป็นทาส
ตำนานนิทานเวตาล (ที่มาของเรื่อง)
มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งหมอผีกราบทูลให้พระเจ้าวิกรมาทิตย์ไปจับเวตาล ซึ่งอาศัยอยู่ บนต้นไม้ในใจกลางสุสาน วิธีเดียว
ที่จะจับเวตาลได้ก็คือ ต้องทำอย่างเงียบๆ และห้ามปริปากพูดสิ่งใด มิฉะนั้นเวตาลจะหนีกลับไปได้
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่พระเจ้าวิกรมาทิตย์จับเวตาลได้ มันจะหลอกล่อพระองค์โดยเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะจบ
ด้วยคำถาม และพระองค์ก็อดรนทนไม่ได้ ต้องตอบคำถามนั้นทุกครั้งไป ทำให้เวตาลหนีกลับไปยังต้นไม้ได้ดังเดิม เรื่องราวเกี่ยวกับ
เวตาลนั้นรวบรวมไว้เรียกว่า "เวตาลปัญจวิงศติ" (หรือ นิทานเวตาล 25 เรื่อง) รวมอยู่ใน หนังสือกถาสริตสาคร ของนักปราชญ์
อินเดียชื่อโสมเทวะ

You might also like