You are on page 1of 1

ต้องการเขียน ต้องการขาย พรีเมียมเมมเบอร์ แจ้งการโอนเงิน เกี่ยวกับเรา ช่วยเหลือ เปลี่ยนภาษา

หนังสือ อี-บุ๊ค คอร์สออนไลน์ ไลฟ์สไตล์ เพิ่ มเติม เข้าสู่ระบบ

พิ มพ์ ชื่อหนังสือ / ผู้แต่ง... บล็อก ฿ 0.00

หน้าหลัก บล็อก วันสุนทรภู่ บุคคลสําคัญของโลก ตอนที่ 1 : วันสุนทรภู่ ทรรศนะ โลกความรู้กวีเอกกรุงรัตนโกสินทร์

ตอนที่ 1 : วันสุนทรภู่ ทรรศนะ โลกความรู้กวีเอกกรุงรัตนโกสินทร์

 

สุนทรภู่ ครูกลอน อักษรศิ ลป์, เป็นยอดจินตกวี ศรีสยาม, ผ่านภัยเคราะห์ เพาะสร้างพจน์ แสนงดงาม, จารึกความ เจิดจรัส สมบัติไทย, รอบร้อยปี
มีหนึ่งมา ว่ายังยาก, จึงได้ฝาก ชื่ออยู่ คู่สมัย, คนนับถือ ลือเลื่อง เมืองใกล้ไกล, เกียรติยิ่งใหญ่ ก้องหล้า มหากวี

ประพั นธ์โดย ก้องภพ รื่นศิ ร,ิ เนื่องในวันสุนทรภู่ 26 มิถุนายน 2564

นิราศพระบาท https://www.chulabook.com/th/product-details/56684

นิราศภูเขาทอง https://www.chulabook.com/th/product-details/17336

รําพั นพิ ลาป สุนทรภู่ยอดกวี https://www.chulabook.com/th/product-details/110571

ขุนช้าง ขุนแผน https://www.chulabook.com/th/product-details/16484

ทรรศนะ โลกความรู้ สุนทรภู่


กับ 'ประดิษฐการ' ใหม่
กวีนิพนธ์ล้าํ หน้าต้นกรุงรัตนโกสินทร์
มติชน ฉบับวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564

พอพล สุกใส อาจารย์ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร

สุนทรภู่ จากจินตนาการคนยุคหลัง

พระสุนทรโวหาร (ภู่) หรือ สุนทรภู่ เป็นกวีสําคัญท่านหนึ่งแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตามประวัติเกิดวันจันทร์ เดือน 8 ขึ้นคํ่า 1 จุลศักราช 1148
ตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน พุ ทธศั กราช 2329 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุ ทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เข้ารับ
ราชการที่ "ขุนสุนทรโวหาร" ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุ ทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จ นกระทั่งในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ย้ายไปขึ้นสังกัดกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นที่ "พระสุนทรโวหาร" และถึงแก่กรรมเมื่อพุ ทธศักราช 2398 อายุได้ 69 ปี

อาจกล่าวได้ว่า พระสุนทรโวหาร (ภู)่ เป็นกวีที่มีความชํานาญด้านการประพั นธ์กลอน ซึ่งแสดงออกถึงทรรศนะ โลกทัศน์ ทักษะ ความรู้ ถ่ายทอดไว้ใน
งานกวีนิพนธ์จํานวนมาก ทั้งยังอาจถือไปด้วยท่านได้สร้างขนบการประพั นธ์กลอนนิทานและกลอนนิราศขึ้นใหม่ อันถือเป็น "ประดิษฐการ" สําคัญที่
รังสรรค์ไว้เป็นมรดกแก่วรรณศิลป์ และกวีนิพนธ์ไทย ดังจะกล่าวถึงต่อไป

พระอภัยมณี เล่ม 3 พิ มพ์ ท่โี รงพิ มพ์ ราษฎร์เจริญ พ.ศ.2491 (ภาพจากฐานข้อมูลหนังสือเก่า ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรฯ)

พระอภัยมณี โลกทัศน์ 'ลํ้าหน้า' จุดเปลี่ยนวรรณกรรมรุ่นหลัง


นิทานคํากลอนเรื่องพระอภัยมณี ถือเป็นวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานที่ดีเด่นที่สุดเรื่องหนึ่งของสุนทรภู่ ด้วยเหตุที่วรรณคดีเรื่องนี้มี
ความแตก

ต่างจากวรรณคดีแบบฉบับเรื่องอื่นๆ เพราะถึงแม้ว่าเนื้อหาตอนต้นของเรื่องจะยังคงรูปแบบตามขนบการแต่งวรรณกรรมจักรๆ วงศ์ๆ ทั่วไป กล่าวคือ


มักกล่าวถึงตัวละครเอกเป็นโอรสกษัตริย์ ต้องไปเรียนศิลปวิทยาการกับๅษี หรือพราหมณ์ทิศาปาโมกข์ แล้วจึงกลับบ้านเมือง ระหว่างนั้นตัวละครเอก
หรือชายา มักถูกยักษ์ หรือโจร ลักพาให้พลัดพรากกัน ภายหลังจึงตามหากันจนพบ นอกจากนั้นยังอาจมีเหตุให้พระราชบิดาไม่ยอมรับ และขับไล่ตัวละคร
เอกออกจากบ้านเมือง ซึ่งตัวเอกมักจะได้ไปครองเมืองอื่นในภายหลัง

ดังที่กล่าวแล้วเป็นขนบของการแต่งวรรณกรรมจักรๆ วงศ์ๆ ทั่วไป ซึ่งเมื่อศึกษาวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีแล้ว พบว่าเนื้อหาตอนต้นเรื่องคือตั้งแต่


พรรณนาความเมืองสุทัศน์ พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ ไปเรียนวิชา เรื่อยไปจนถึงตอนพระอภัยมณีถูกนางผีเสื้อสมุทรลักพาตัว ยังถือว่าเป็นการดําเนิน
เรื่องไปตามขนบโบราณอย่างแท้จริง

เนื้อเรื่องพระอภัยมณีตอนหลังจากนั้น คือ ตั้งแต่ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ไปจนสิ้นสุดสงครามเมืองลังกา อาจถือ


ได้ว่าเป็นส่วนที่เด่นที่สุดของสุนทรภู่ ด้วยเหตุท่น
ี ําเสนอมุมมอง โลกทัศน์ใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น เช่น ให้ตัวเอก คือ พระอภัยมณี แก้ไขปัญหา
ต่างๆ ด้วยดนตรี และศิลปะทางการทูต มากกว่าใช้ความสามารถทางการรบเช่นเดียวกับตัวละครอื่นๆ ที่เคยเป็นมาในวรรณกรรมเรื่องอื่นๆ

นอกจากนี้ พระอภัยมณียังถือเป็นตัวแทนโลกทัศน์ของสุนทรภู่ที่มีต่อชาวต่างชาติ โดยชาวสยามในสมัยนั้นส่วนใหญ่มีมุมมองด้านลบต่อชาวต่างชาติ


ด้วยมองสาเหตุการเข้ามาว่าเพื่ อแสวงหา และกอบโกยผลประโยชน์ทางทรัพยากรจากสยาม แต่สุนทรภู่มองในมุมกลับสยามก็น่าจะได้ประโยชน์จากชาว
ต่างชาติ เช่น สรรพวิทยาการต่างๆ อันจะได้จากความสัมพั นธ์ ดังนั้น สุนทรภู่จึงสร้างตัวละครพระอภัยมณี ให้สนใจศึกษาสรรพวิชาการต่างๆ จากชาว
ต่างชาติเรือแตกที่อาศัยอยู่ ณ เกาะแก้วพิ สดาร โดยมองว่าอาจจําเป็น และได้ใช้ประโยชน์ต่อได้

ไม่ปิดกั้นสตรี สร้าง 'ตัวละครหญิง' มีปัญญาความรู้


ที่สําคัญอีกประการหนึ่งสุนทรภู่ยังแสดงโลกทัศน์เกี่ยวกับสตรี ที่แตกต่างจากโลกทัศน์ของคนในสังคมร่วมสมัยเดียวกัน ด้วยเหตุที่สุนทรภู่มิได้ปิดกั้น
สิทธิด้านต่างๆ ของสตรีโดยเฉพาะด้านการศึกษา เช่น ยกย่องสตรีที่มีปัญญาความรู้ หรือสตรีที่มีสภาวะเป็นผู้นํา โดยนําเสนอผ่านตัวละครสตรีในเรื่อง
พระอภัยมณี เช่น กําหนดให้นางวารี เป็นผู้มีสติปัญญา ความรู้พอที่จะเป็นคู่คิดร่วมทุกข์สุขกับพระอภัยมณีได้ รวมถึงกําหนดให้กษัตริย์เมืองลังกา เป็น
สตรี คือนางละเวง และสุนทรภู่ยังสร้างให้นางละเวงเป็นผู้นําที่มีความรู้ ความสามารถ ในอันจะบริหารบ้านเมืองได้ เช่นนี้เป็นต้น ดังคําประพั นธ์

๏ ส่วนวาลีปรีชาปัญญาหญิง

เป็นยอดยิ่งยิ้มย่องสนองไข

จะฟันแทงแย้งยิงออกชิงชัย

สงสารไพร่ก็จะม้วยลงด้วยกัน

๏ แม้นลวงล่อพอให้ได้ชัยชนะ

ก็เห็นจะทําได้ใจหม่อมฉัน

ขอพระองค์จงเป็นกองออกป้องกัน

คุมกําปั่นแปดร้อยคอยระวัง

๏ แม้นสงครามตามตีจงหนีหลบ

ไปวันหนึ่งจึงค่อยทบตลบหลัง

มาปากอ่าวก้าวสกัดตัดกําลัง

ให้พร้อมพรั่งทั้งทัพรบสมทบกัน

๏ ข้าจะรับจับท้าวเจ้าสิงหล

ด้วยเล่ห์กลโอนอ่อนคิดผ่อนผัน

นางทูลความตามปัญญาสารพั น

ทั้งสุวรรณมาลีเห็นดีจริง

๏จึงทูลว่าข้าจะรับเป็นทัพซํ้า

ช่วยเผาลํานาวาประสาหญิง

พระทรงฟังนั่งเอกเขนกอิง

เห็นดียิ่งเจียวปัญญานางวาลี

๏ทั้งโฉมยงนงลักษณ์อัคเรศ

รู้ไตรเพทพอใจรบไม่หลบหนี

เคยรบเรือเชื่อถือฝีมือดี

พระเปรมปรีด์ป
ิ รึกษาเสนาใน

๏ให้เตรียมรับทัพลังกาพวกข้าศึก

ที่ต้น
ื ลึกเล่าแจ้งแถลงไข

เห็นสมคะเนเสนีก็ดีใจ

ไปเตรียมไว้พร้อมพรั่งคอยฟังความฯ

(พระอภัยมณี)

ี ํ้า
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ นิทานคํากลอนเรื่องพระอภัยมณี นอกจากจะมีคุณค่าในเชิงวรรณคดีแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นการนําเสนอมุมมองโลกทัศน์ใหม่ท่ล
หน้าเกินกว่าคนในสังคมยุคเดียวกัน และถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของการสร้างสรรค์งานอันเป็นต้นแบบของงานวรรณกรรมในรุ่นหลังต่อไป

ประดิษฐการแบบใหม่ใน 'นิราศ'
บันทึกเหตุการณ์ แทรกสัจธรรมชีวิต

โคลงนิราศ ฉบับโครงนิราศสุพรรณ

พระราชวรวงศ์ เธอ กรมหมื่นพิ ทยาลงกรณ ทรงอธิบายว่า ที่มักเข้าใจว่า "นิราศ" มาจากคําบาลี (นิรา) สันสกฤต (นิราศ) แปลว่า "ปราศจากความ
หวัง" (ไม่มีอาศา) ยังไม่ทรงเห็นพ้ องเช่นนั้น ด้วยว่า คําว่า นิราศ แปลว่าไม่มี "อาศา" (ความหวัง) นั้นถูกตามศัพท์ แต่จะแปล "หนังสือนิราศ" ว่า "ไม่มี
อาศา" ดูไม่เข้ากัน ทั้งนี้ทรงอธิบายโดยหลักศาสนาว่า "อาศาเป็นเครื่องร้อน เป็นของไม่ดี ไม่มีอาศา คือตัดเครื่องร้อนได้ เป็นความสุข" นอกจากนี้ทรงอ้าง
คาถาจากวิธุรบัณฑิตชาดกว่า

"นิราสนฺติ ปุตฺตทาราทีหิ นิราสจิตฺต"ํ "ความว่านิราสจิต คือจิตที่พลัดพรากจากลูกเมียได้โดยไม่มีเดือดร้อนกังวล"

นอกจากนี้ยังทรงตั้งข้อสันนิษฐานเพิ่ มว่า "นิราศ" ที่หมายถึงหนังสือครํ่าครวญ น่าจะมาจากศัพท์ว่า "นิร" (ป.สํ) ที่แปลว่า ไม่ ไม่มี ออก ภายหลังทําให้
เป็นเสียงยาวโดยเติมสระอา จาก นิร เป็น นิรา และ เติม ศ เข้าลิลิตอีกในภายหลัง

วรรณคดีนิราศ จึงเป็นเรื่องที่กวีจับเอาอารมณ์เมื่อต้องจากจากนางอันเป็นที่รักมาแต่งพรรณนาอารมณ์ มาเป็นแก่นของเรื่อง และนํารายละเอียดใน


การเดินทางมาเป็นกระพี้ หรือส่วนประกอบของเรื่อง จึงปรากฏเป็นวรรณคดีนิราศขึ้น ลักษณะดังกล่าวนี้ นี่เป็นลักษณะของหนังสือนิราศในสมัยแรก และ
ค่อยๆ คลี่คลาย พั ฒนารูปแบบขนบการเขียนเรื่อยมาตามความนิยมในแต่ละสมัย

นิราสเมืองเพ็ ชร์ พิ มพ์ ที่โรงพิ มพ์ ราษฎร์เจริญ พ.ศ. 2492 (ภาพจากฐานข้อมูลหนังสือเก่า ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรฯ)

วรรณคดีนิราศแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา นิยมให้ความสําคัญและเน้นในเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกการครํ่าครวญถึงนางอันเป็นที่รักเป็นหลัก โดยอาศัย


เหตุการณ์ สถานที่ เป็นสื่อเชื่อมโยงเรื่องราวเท่านั้น เช่น กําสรวลสมุทร โคลงทวาทศมาส แล้วจึงค่อยเพิ่ มนํ้าหนักการพรรณนาเหตุการณ์ สถานที่ในช่วง
ปลายกรุงศรีอยุธยา เช่น นิราศเมืองเพชร (เพลงยาวหม่อมภิมเสน) โคลงนิราศธารโศก โคลงนิราศธารทองแดง เป็นต้น

ในสมัยรัตนโกสินทร์ อาจกล่าวได้ว่าสุนทรภู่ เป็นกวีสําคัญท่านหนึ่งที่มีงานกวีนิพนธ์เชิงนิราศเป็นจํานวนมาก และนิราศเหล่านั้น มีประดิษฐการที่ต่าง


ออกไปจากวรรณคดีนิราศแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยให้ความสําคัญกับการพรรณนาอารมณ์ความรู้สึก และการในรายละเอียดของเหตุการณ์ สถานที่ ใน
อัตราส่วนเสมอกัน ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่ง จึงมีลักษณะคล้ายกับการบันทึกเรื่องราว เหตุการณ์ เช่น

๏ ถึงบางพลัดยิง ่ พิ นิจนึกน่านํา้ ตาไหล พี่ พลัดนางร้างรักมาแรมไกล ประเดี๋ยวใจพบบางริมทางจร, ถึงบางซื่อชื่อบางนี้สุจริต


่ อนัตอนาถจิต นิง
เหมือนซื่อจิตที่พี่ตรงจํานงสมร มิตรจิตขอให้มิตรใจจร ใจสมรขอให้ซื่อเหมือนชื่อบาง, ถึงบางซ่อนเหมือนเขาซ่อนสมรพี่ ซ่อนไว้นี่ดอกกระมังเห็น
กว้างขวาง เจ้าเยี่ยมหน้าออกมาหาพี่ หน่อยนาง จะลาร้างแรมไกลเจ้าไปแล้ว ฯ (นิราศพระบาท)

๏ โรงหีบหนีบอ้อยออด แอดเสียง สองค่างรางรองเรียง รับนํ้า, อ้อยใส่ไล่ควายเคียง คู่รับ เวียนเอย อกพี่ นี้ชอกชํ้า เช่นอ้อยย่อยระยํา (โคลง
นิราศสุพรรณ)

นอกจากนี้ยังมีการแสดงทรรศนะ สัจธรรมของชีวิตแทรกไว้ในงานนิราศ เช่น

๏ เหมือนบายศรีมีงานท่านถนอม เจิมแป้งหอมนํ้ามันจันทน์ให้หรรษา พอเสร็จงานท่านเอาลงทิ้งคงคา ต้องลอยไปลอยมาเป็นใบตอง (รําพั นพิ ลาป)

๏ ถึงบางพู ดพู ดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้พูดชั่วตัวตายทําลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพู ดจา (นิราศภูเขาทอง)

้ โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้ น ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่


๏ มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอืน
พสุธาจะอาศัย ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกาฯ (นิราศภูเขาทอง)

รูปแบบพรรณนาความ ส่งอิทธิพลกวีรุ่นหลัง
การนําเสนอภาพสังคมวัฒนธรรม เช่น ความหลากหลายทางชาติพันธุ์และการผสมผสานทางวัฒนธรรม ดังเห็นจากความนิราศที่พรรณนาถึงชุมชน
รามัญ ที่มาตั้งอยู่ที่เกาะเกร็ด และภายหลังมีความคลี่คลายทางวัฒนธรรม โดยหญิงสาวชาวรามัญแทนที่จะไว้ผมมวยแบบเดิม กลับนิยมจับเขม่า ถอนไร
ผมเหมือนชาวไทย ดังความ

๏ ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย (นิราศ


ภูเขาทอง)

นอกจากนี้พระสุนทรโวหาร (ภู่) ยังได้กล่าวถึงการประกอบอาชีพของชาวญวน เมื่อเดินทางผ่าน "บ้านญวน" ว่าชาวญวนในสมัยนั้นเลี้ยงชีพด้วยการ


ทําประมง ดังความ

๏ ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง (นิราศ


ภูเขาทอง)

นอกจากการพรรณนาความนิราศ การให้รายละเอียดสถานที่แล้ว พระสุนทรโวหาร (ภู่) ได้สอดแทรกคติความเชื่อทางพระพุ ทธศาสนาไว้ใน นิราศ


ภูเขาทอง ความตอนหนึ่งดังกล่าวถึง ความเชื่อที่ว่าหากใครคบชู้ คือประพฤติตนผิดศีลข้อ 2 ตามหลักศีล 5 เมื่อตายไป ผู้นั้นจะตกนรกและต้องปีนต้นงิ้ว
ซึ่งมีหนามยาว แหลมคม

๏ งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแทรกแตกไสว ใครทําชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง (นิราศภูเขาทอง)

เนื้อความนี้เป็นความเชื่อมโยงอิทธิพลเรื่องไตรภูมิในสังคมไทย ดังความใน "ปฐมกัณฑ์" ว่าด้วยนรกภูมิ ที่กล่าวถึง

นรกบ่าวถัดนั้นอันเป็นคํารบ 15 ชื่อ โลหสิมพลีนรก ฝูงคนอันทําชู้ด้วยเมียท่านก็ดี แลหญิงอันมีผัวแล้วแลทําชู้จากผัวก็ดี คนฝูงนั้นตายไปเกิดในนรก


นั้น นรกนั้นมีป่าไม้ง้วิ ป่าหนึ่งหลายต้นนักแล ต้นงิ้วนั้นสูงได้แลโยชน์ แลหนามงิ้วนั้นเที้ยรย่อมเหล็กแดงเป็นเปลวลุกอยู่ แลหนามงิ้วนั้นยาวได้ 16 นิ้วมือ...

การพรรณนาความนิราศในงานกวีนิพนธ์ของสุนทรภู่ ยังสร้างประดิษฐการเป็นแบบแผนขึ้นใหม่อีกระดับหนึ่ง จากเดิมที่เป็นเพี ยงการพรรณนาความ


ถึงนางอันเป็นที่รัก โดยอาศัยเหตุการณ์ สถานที่เป็นสื่อนําอารมณ์ โดยยกระดับขึ้นสู่การพรรณนาความสะเทือนใจถึงพระมหากษัตริย์ ดังความ

๏ ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด คิดถึงบาทบพิ ตรอดิศร โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น พระนิพพานปานประหนึ่ง


ศีรษะขาด ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ ทั้งโรคซํ้ากรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นทึ่งจะพึ่ งพา (นิราศพระบาท)

๏ โอ้ปางหลังครั้งสมเด็จพระบรมโกศ มาผูกโบสถ์ก็ได้มาบูชาชื่น ชมพระพิ มพ์ ริมผนังยังยั่งยืน ทัง ่ สี่พันได้วันทา


้ แปดหมืน โอ้ครั้งนี้มิได้เห็นเล่น
ฉลอง เพราะตัวต้องตกประดาษวาสนา เป็นบุญน้อยพลอยนึกโมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวียน (นิราศพระบาท)

คําประพั นธ์ข้างต้น แสดงความสะท้อนสะเทือนใจของสุนทรภู่ที่ต้องออกจากราชการภายหลังสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุ ทธเลิศหล้านภาลัย


ลักษณะการพรรณนาความดังกล่าวนี้ ยังอาจถือได้ว่ามีอิทธิพลต่องานกวีนิพนธ์ของกวีรุ่นหลัง ดังปรากฏความลักษณะเดียวกันในนิราศวังบางยี่ขัน ของ
คุณพุ ่ ม ที่แต่งขึ้นในปี พ.ศ.2412 ดังนี้

หยุดบังคมพระบรมโกษฐ์รัตน์ โทมนัศนึกมานิจาเอ๋ย สิ้นพระเดชเขตรยศสลดเลย เหลือจะเงยภักตราลงมาแพ ฯ...............

นาวาล่วงทรวงเสียวเหลียวเหลียวหลัง แลดูวังสังเกตเทวศหมอง นิจาเอ๋ยเคยเปนข้าฝ่าลออง อําไพผ่องเพี ยงเดือนบนเรือนรถ สิ้นพระชนม์ล้น


กระหม่อมจอมกระษัตริย์ เคยเปรมปราสาระพั ดวิบัติหมด แต่ก่อนเอ๋ยเคยมีอิศริยศ เดี๋ยวนี้ลดลับเลือนเหมือนเดือนดาว (นิราศวังบางยี่ขัน)

ดังจะเห็นได้ว่า งานกวีนิพนธ์ประเภทงานนิราศของสุนทรภู่ เป็นพั ฒนาการขั้นสําคัญของงานนิราศที่มีความแตกต่างไปจากวรรณคดีนิราศสมัยกรุง


ศรีอยุธยา ที่มีเพี ยงแต่เน้นอารมณ์ความรู้สึกในการพรรณนาความนิราศเท่านั้น หากยังเป็นเสมือนเครื่องมือบันทึกเรื่องราว ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
ของสังคมไทยแต่ครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ผ่านมุมมอง และโลกทัศน์ของกวี คือสุนทรภู่ ที่ถ่ายทอดร้อยเรียงได้อย่างไพเราะสละสลวย ทั้งยังสร้าง
ประดิษฐการ ทั้งด้านลีลาการประพั นธ์ และขนบการแต่งวรรณคดีนิราศ อันส่งอิทธิพลต่อกวีรุ่นหลังยึดถือเป็นแบบแผนในการประพั นธ์อีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูล มติชน วันที่ 26 มิถุนายน 2564

และผู้เขียน อาจารย์พอพล สุกใส ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร

1 ถูกใจ อ่าน : 2.51K แชร์ :

เขียนความคิดเห็น

เขียนความคิดเห็น ...

 ส่งความคิดเห็น

ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับเรา ช่วยเหลือ นโยบายส่วนบุคคล โซเชียลเน็ตเวิร์ค


ก่อตั้ง 18 มิถุนายน พ.ศ.2518 ประวัติความเป็นมา วิธีการสั่งซื้อ เงื่อนไข
อาคารวิทยกิตติ์ ชั้น 14 ซอยจุฬาลงกรณ์ 64 คณะกรรมการบริหาร วิธีการชําระเงิน
ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ สาขาของเรา การจัดส่ง ติดต่อเรา
10330 ร้านค้าตัวแทนจําหน่าย การคืนสินค้า สมัครงานกับเรา  สมัครรับ
การยกเลิกสินค้า ติดต่อตัวแทนจําหน่าย ข่าวสาร
info@cubook.chula.ac.th
customer@cubook.chula.ac.th

ติดต่อเรา : 086-3233703-4 , 02-255- Copyright © 2020 chulabook.com All


4433 Rights Reserved.

You might also like