Professional Documents
Culture Documents
2 (July-December 2015)
มาตุคามสานึกและการโหยหาอดีตในกวีนิพนธ์ของเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์
Sense of Place and Nostalgia of Motherland in the Poetry
of Rewat Panpipat
ธัญญา สังขพันธานนท์
Thanya Sangkapanthanon
บทคัดย่อ
บทความนี้มจี ุดประสงค์สาคัญทีจ่ ะศึกษาสานึกในถิน่ ที่ (sense of place)
และการโหยหาสถานที่ (place nostalgia) ในกวีนิพนธ์ของเรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ ั น์ ในด้าน
การนาเสนอและการประกอบสร้างความหมายในกวีนิพนธ์ทเ่ี กีย่ วกับการสานึกใน
ถิน่ ที่ โดยศึกษาจากรวมกวีนิพนธ์จานวน 4 เล่ม คือ 1) บ้านแม่น้ า 2) พันฝน เพลงน้ า
3) แม่น้ าเดียวกัน และ 4) แม่น้ าราลึก ผลการศึกษาพบว่า เรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒั น์ใช้บท
กวีเพื่อนาเสนออารมณ์ถวิลหาอดีตซึง่ มีศูนย์รวมอยู่ทถ่ี นิ่ ฐานบ้านเกิดอันเป็ นท้องทุ่ง
ชนบทของภาคกลาง สานึกในถิน่ ทีไ่ ด้รบั การนาเสนอผ่านท่วงทานองการเขียนแบบ
โหยหาอดีต ซึง่ มีสาระสาคัญอยู่ทก่ี ารราลึกถึงอดีตแห่งวัยเยาว์ทไ่ี ด้ผ่านมาแล้ว ผ่าน
ร่องรอยหลักฐานหรือสัญญะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นสถานที่ ธรรมชาติ ฤดูกาล พืช สัตว์
วัตถุขา้ วของเครื่องใช้ และวิถีดาเนินชีวติ ของผู้คนในชนบท สานึกในถิ่นที่และการ
โหยหาอดีตในกวีนิพนธ์ของเรวัตร์เป็ นวิธกี ารสาคัญทีก่ วีนาเสนอตัวตนและอัตลักษณ์
ของตนเอง ขณะเดีย วกัน ก็ แ สดงให้ เ ห็น ถึ ง มโนทัศ น์ แ ละวิธี คิ ด ของกวี ท่ีม อง
ความสัมพันธ์ระหว่ างมนุ ษย์กบั ธรรมชาติว่า ธรรมชาติเปรียบเสมือนมารดาผู้ให้
กาเนิด โอบอุ้มและค้าจุนสรรพสิง่ การดาเนินชีวิตภายใต้วถิ ีของธรรมชาติและวิถี
วัฒนธรรมในชนบทเป็ นวิถที ง่ี ดงาม สงบ ปลอดภัยและพอเพียง ซึง่ เรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒั น์
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ประจาภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุ ษยศาสตร์
และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ติดต่อได้ท่ี phaitoon.thanya@gmail.com
วารสารมนุษยศาสตร์ ปีที่ 22 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2558) 65
Abstract
This article aims at studying the sense of place and nostalgia in the
poetry of Rawat Panpipat in terms of presentation and the construction of
meaning relating places. Four collections of Rawat Panpipat are investigated,
namely, Ban Maenam, Pan Fon Plaeng Nam, Maenam Deaw Kan, and Mae Nam
Ram Lauk. It is found that the poet’s works are presented as the nostalgia of
homeliness, which is of the pastoral central part of Thailand. Place attachment
is presented through nostalgic writing styles where childhood memory depicting
through various signs: places, nature, seasons, plants, objects, appliance, and
rural life. The sense of place and nostalgia in these poems are the poet’s ways
to present himself and his identity as well as his concept of the relationship
between man and nature, that is, nature is like the mother who nourishes and
takes care of others. Natural and rural way of life is peaceful, safe, and
sufficient, which, as the poet declares, is the way of Thai way and freedom.
Keywords: sense of place; nostalgia; place attachment
บทนา
สถานที่ (place) เป็ นองค์ประกอบหลักอย่างหนึ่งของวรรณกรรมประเภท
เรื่องเล่าและกวีนิพนธ์ รู้จกั กันดีในนามของฉากและบรรยากาศ (setting) ซึ่งใน
ความหมายโดยรวมก็คอื สภาพแวดล้อมทีเ่ กีย่ วข้องกับตัวละครและเหตุการณ์ในเรื่อง
ทัง้ ที่เป็ นสิง่ แวดล้อมทางธรรมชาติและสิง่ ที่มนุ ษย์ประดิษฐ์ขน้ึ เลอแฟร์บว์ (Henri
Lefebvre, 1991: 15) กล่าวว่า ถ้าเราค้นหาสถานทีใ่ นตัวบทวรรณคดี เราสามารถค้นพบ
ได้ทุกที่แม้จะถูกปิ ดบังไว้ก็ตาม เช่น การสอดแทรกในเนื้อเรื่อง การบรรยาย การ
66 Humanities Journal Vol.22 No.2 (July-December 2015)
มีอะไรในกวีนิพนธ์ของเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์
กวีนิ พนธ์ของเรวัตร์ พันธุ์พิพ ัฒน์ ท่ีน ามาเป็ นข้อมูลในการศึกษาครัง้ นี้
ประกอบด้วยหนังสือรวมบทกวีจานวน 4 เล่ม เรียงตามลาดับปี ทพ่ี มิ พ์คอื บ้านแม่น้ า
(2538) พันฝน เพลงน้ า (2544) แม่น้ าราลึก (2547) และแม่น้ าเดียวกัน (2555) จะ
เห็นได้ว่ารวมบทกวีนิพนธ์ทงั ้ หมดมีลกั ษณะร่วมทีน่ ่าสนใจอยู่ประการหนึ่ง คือการตัง้
ชื่อเล่มที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ าเกือบทุกเล่ม การตัง้ ชื่อเล่มในลักษณะนี้น่าจะมาจาก
ความตัง้ ใจของผู้เขียนมากกว่าเป็ นความบังเอิญ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเนื้อหา
ของกวีนิพนธ์ในแต่ละเล่มก็ยงั พบรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่บา้ ง ดังทีจ่ ะนาเสนอ
ให้เห็นโดยสังเขปดังนี้
บ้านแม่น้ า เป็ นรวมบทกวีเล่มแรกของเรวัตร์ มีการจัดแบ่งเนื้อหาออกเป็ น
3 ตอน คือ ตัวตน ค้นหา และอารมณ์รกั ซึง่ ถือเป็ นการจัดหมวดหมู่ของเนื้อหาบทกวี
ได้อย่างน่าสนใจ ในตอนแรกคือตัวตน ประกอบด้วยบทกวีทก่ี ล่าวถึงตัวตนและความ
นึกคิดของกวีเอง ในช่วงท้ายของตอนนี้เรวัตร์ได้กล่าวถึงการเดินทางออกจากบ้านเกิด
ออกไปสู่โลกที่กว้างขึ้น ต้องจากบ้านแม่น้ าและแผ่นดินถิ่นเกิดเพื่อไปทางานที่ใ น
เมืองใหญ่ตามวิถขี องสังคมทุนนิยม บทกวีบางบทได้แสดงให้เห็นน้ าเสียงและทัศนะ
ทีก่ วีมตี ่อสังคมเมืองซึง่ ให้ภาพทีแ่ ตกต่างอย่างสิน้ เชิงกับภาพของแผ่นดินถิน่ เกิด และ
72 Humanities Journal Vol.22 No.2 (July-December 2015)
ไปเป็นคนแผ่นดินอื่นกี่หมื่นพัน: ปฐมบทของการโหยหา
สานึกในถิน่ ทีเ่ ป็ นภาวะของอารมณ์และความรูส้ กึ ของมนุ ษย์ในฐานะปจั เจก
บุคคล ความรูส้ กึ ดังกล่าวไม่อาจเกิดขึน้ ง่ายๆ หากเรายังอาศัยอยู่ในถิน่ ฐานบ้านเกิด
แต่เมื่อใดทีจ่ ากมาหรือเดินทางออกจากทีแ่ ห่งนัน้ เพื่อไปอาศัยในถิน่ ทีอ่ ่นื ความรูส้ กึ
ดังกล่าวก็จะเกิดขึน้ สานึกในถิน่ ทีเ่ ป็ นเรื่องของความทรงจาบวกกับความรูส้ กึ ผูกพัน
ในถิน่ ทีเ่ ดิม โดยมีแรงขับดันมาจากความไม่ลงรอยและแปลกแยกกับสถานทีแ่ ห่งใหม่
ทีม่ สี ภาพแวดล้อมต่างไปจากสถานทีท่ ต่ี นเองคุน้ เคยและประทับใจ
การเปลีย่ นแปลงทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมในโลกปจั จุบนั เป็ นปจั จัย
หลักทีท่ าให้ผคู้ นต้องพลัดพรากจากถิน่ ฐานทีเ่ คยอยู่อาศัยมากขึน้ การละจากถิน่ ฐาน
บ้านเกิดนัน้ เป็ นไปทัง้ โดยสมัครใจและความจาเป็ นในการดิน้ รนหาเลีย้ งชีวติ ความเจริญ
แบบเมืองและวิถแี ห่งทุนนิยมได้ซมึ แทรกเข้าไปสูท่ อ้ งถิน่ ชนบทและส่งผลต่อวิถดี าเนิน
ชีวติ การทามาหากิน ความเชื่อและอุดมการณ์ของผูค้ นมากขึน้ เมื่อเงินและพฤติกรรม
บริโภคนิยมเข้ามาเป็ นตัวกาหนดชีวติ มันได้ส่งผลทีเ่ ห็นได้ชดั อยู่สองทาง หนึ่งคือ
ความเป็ นชนบทถูกแทนที่ด้วยความเป็ นเมือง การผลาญพล่าทรัพยากรธรรมชาติ
และการแตกสลายทางวัฒนธรรม อีกทางคือมันได้ผลักไสคนหนุ่ มสาวทัง้ ทีม่ กี ารศึกษา
และด้อยการศึกษาให้ออกจากแผ่นดินมาตุคามเข้าสู่เมืองใหญ่ด้วยเหตุ ผลหลักคือ
การแสวงหาชีวติ ทีด่ กี ว่าหรือเพื่อค้นหาความหมายให้กบั ตัวเอง
74 Humanities Journal Vol.22 No.2 (July-December 2015)
"แห่งชานชาลาอาลัย ข้ามาเข้าใจ
โลกใหม่, นอกเหนือทุ่งนา
วัยหนุ่มย่อมฝืนชะตา ความฝนั บัญชา
น้าตาแห่งแม่แร-ราย"
(บ้านแม่น้ า: 30-31)
เรวัตร์ตงั ้ คาถามต่อการเดินทางออกจากมาตุคามของคนหนุ่ มสาวเหล่านี้ไว้
ในรวมบทกวี “บ้านแม่น้ า” ว่า “หนุ่ มสาวเดินไปสู่หนไหน จึงร้างไกลอกแม่กระแสสินธุ์
ไปถามหาความรักจากแผ่นดิน หรือให้เมืองหยามหมิน่ จิตวิญญาณ์” (บ้านแม่น้ า: 14-18)
ในเมืองใหญ่พวกเขากลายเป็ น “คนอื่น” และแปลกแยก หรือดังที่เรวัตร์
เรียกว่า “ไปเป็ นคนแผ่นดินอื่น” วิถขี องคนหนุ่ มสาวในโรงงานทีอ่ ยู่กบั เครื่องจักรกล
และการงานอันซ้าซากทาให้รู้สกึ แปลกแยก โศกเศร้าและทุรนทุราย พร้อมกับรู้สกึ
โหยหาสถานทีท่ ต่ี นได้จากมา ดังทีเ่ ขากล่าวไว้ในบทกวีช่อื “ความฝนั กลับบ้าน” ไว้ว่า
ในโรงงาน-หนุ่มเหงา, สาวเหนื่อยหน่าย ทุกวิถที ุรนทุรายคล้ายน้าปา่
ซัดระลอกกระฉอกเชีย่ วเกลียวพันธนา ซึง่ ไหลบ่าพลัดสู่-ประตูโรงงาน
ซึง่ แออัด, อึงอล คน-เครื่องจักร มีหยุดพักผ่อนเพลาเร่งเร้าผลาญ
รีดหยาดเหงื่อ,ตาใสวัยแย้มบาน จนรูส้ กึ วัยกร้าน-ใจด้านชา
(บ้านแม่น้ า: 52)
ชีวติ ในสังคมเมืองและโรงงานคือชีวติ ทีเ่ ต็มไปด้วยพันธนาการ ไร้อสิ ระ ต่างจาก
ถิน่ ฐานเดิมทีจ่ ากมาซึ่งเต็มไปด้วยชีวติ ทีเ่ รียบง่าย ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
พืชพรรณ และช่วงฤดูกาลที่นาสีสนั บรรยากาศมาสู่ชวี ติ แต่เมื่อย้อนกลับไปยังถิ่น
ฐานบ้า นเกิด ก็พบความจริง อัน เจ็บปวดว่ า วิถี และคุ ณค่ า เดิมๆ ของชนบทได้
เปลีย่ นแปลงไปเกือบหมดแล้ว แม้แต่ธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมก็สญ ู เสียสภาพดัง้ เดิม
ไปพร้อมๆ กับตัวตนและอัตลักษณ์ของผู้คน ความแปลกแยกครัง้ ทีส่ องก็เกิดขึน้ ใน
แผ่นดินแม่ นาไปสูก่ ารโหยหาอดีตอันแสนงามอีกครัง้ สภาพการณ์ทว่ี ่านี้ดูเหมือนจะ
เป็ นทัง้ แก่นเรื่องสาคัญและในขณะเดียวกันก็เป็ นโครงสร้างที่ค่ อนข้างแน่ นอนที่
ปรากฏในบทกวีแทบทัง้ หมดของเรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ ั น์ ซึง่ สามารถสรุปออกมาให้เห็น
เป็ นแผนภูมไิ ด้ดงั นี้
วารสารมนุษยศาสตร์ ปีที่ 22 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2558) 75
กลับไปเยี่ยมวัยเยาว์และภาพฝันวันวาน:
มาตุคามสานึกและการโหยหาสถานที่ในกวีนิพนธ์ของเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์
ในรวมบทกวี แม่น้ าราลึก เรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ
ั น์ได้จดั วางเนื้อและเรียงลาดับ
เนื้อหาของบทกวีทงั ้ หมดภายใต้แนวคิด “กลับไปเยีย่ มวัยเยาว์” ซึง่ เปรียบเสมือนชื่อรอง
ของหนังสือเล่มนี้ ในขณะเดียวกันก็ส่อื ความหมายถึงการกลับคืนสู่มาตุภูมิ การคืนสู่
อดีตทีเ่ ลยลับ และประสบการณ์ในวัยเยาว์ ด้วยความรูส้ กึ ผูกพันในแผ่นดินถิน่ ทีแ่ ละ
สานึกโหยหาอดีต
การกลับไปเยี่ยมวัยเยาว์ในความหมายนี้กค็ อื การหวนกลับสู่ประสบการณ์
ดัง้ เดิมทีม่ เี กีย่ วข้องกับสถานที่ ดังทีอ่ อสติน (Austin, 2002: 85) ชีใ้ ห้เห็นว่า ความผูกพัน
กับสถานทีม่ กั จะเริม่ ต้นขึน้ ในวัยเด็ก ความสัมพันธ์ทแ่ี ข็งแกร่งนี้จะเริม่ ก่อตัวขึน้ ใน
วัยเยาว์ มันคือการเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สกึ ของปจั เจกบุคคลกับสถานที่ มันเป็ น
ความรูส้ กึ ทีด่ แี ละประทับใจต่อสถานทีใ่ นอดีต การนาเสนอเนื้อหาของบทกวีใน แม่น้ า
ราลึก ของเรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ ั น์ ดาเนินไปอย่างสอดคล้องกับแนวคิดนี้ ในบทกวีดงั กล่าว
เรวัตร์ใช้ “แม่น้า” เป็ นสถานทีห่ ลัก แวดล้อมไปด้วยสถานทีแ่ ละร่องรอยอื่นๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง
กับประสบการณ์และความทรงจาในวัยเยาว์ นอกจากนี้แล้วในกวีนิพนธ์เล่มอื่นๆ ก็
ปรากฏร่องรอยของความทรงจาและประสบการณ์เกีย่ วกับแผ่นดินถิน่ ทีแ่ ละสิง่ แวดล้อม
ในทานองเดียวกัน หากจัดหมวดหมู่ของร่องรอยหลักฐานเหล่านี้จากรวมบทกวีทุกเล่ม
ก็อาจจาแนกให้เห็นโดยคร่าวๆ ได้ดงั นี้
หมวดหมู่ ร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์
และความทรงจา
ช่วงเวลา/ฤดูกาล ฤดูฝน ฤดูรอ้ น ฤดูหนาว เช้า สาย ค่า กลางคืน ปิ ดเทอม
ฯลฯ
ข้าวของเครื่องใช้/ของเล่น เปล ว่าว เรือ ครกกระเดื่อง หน้าต่าง ตะเกียง จักรยาน
หนังสติก๊ โอ่งน้ า ประตู เรือโปงอนกระดาษ ปลาตะเพียนสาน
ลอบ ไซ ม้าก้านกล้วย กะลา จอบ เสียม ฯลฯ
สถานที่/พืน้ ที่ แม่น้ า ชายฝงั ่ ใต้ถุน ลาราง สวน สะพานไม้ บึงบัว ลานดิน
ร้านตัดผม โรงเรียน กระโจมฟาง ลอมฟาง กระท่อม หาดทราย
รัว้ บ้าน ภูเขา ท้องทุ่ง นา ไร่ ลาห้วย ร้านเหล้าในหมูบ่ า้ น ฯลฯ
วารสารมนุษยศาสตร์ ปีที่ 22 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2558) 77
หมวดหมู่ ร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์
และความทรงจา
ธรรมชาติ/ ดวงตะวัน ดาว รุง้ หมูเ่ มฆ ท้องทุ่ง แสงแดด สายลม
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หมอก ไอดิน กลิน่ หญ้า สายฝน ฯลฯ
พืช ดอกไม้ ต้นหว้า ใบไม้ ต้นกล้า ต้นข้าว เมล็ดพันธุ์ ฯลฯ
สัตว์ ปลา ปู หนู นก วัว ควาย ผีเสือ้ จั ๊กจั ่น หมา แมว ไก่ หอย ฯลฯ
อาหาร ห่อข้าว ปลาย่าง ฯลฯ
วัฒนธรรม นิทาน เพลงกล่อมเด็ก เพลงพืน้ บ้าน ฯลฯ
อาจกล่าวได้ว่าร่องรอยหลักฐานของประสบการณ์และความทรงจาในวัยเยาว์
ทัง้ หมดคือสัญญะทีเ่ รวัตร์ต้องการใช้ส่อื ความหมายถึงความผูกพันและความโหยหา
สถานที่ สัญญะเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่อื ความหมายถึงการดารงอยู่ของท้องถิน่ ชนบท
เป็ นสิง่ แวดล้อมอันเป็ นร่องรอยของธรรมชาติ วิถชี วี ติ ในอดีตทีผ่ เู้ ขียนเคยมีประสบการณ์
มาก่อนในวัยเยาว์ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็ นความทรงจาและความผูกพันในวัยเยาว์ทม่ี ี
ต่อถิน่ ฐานบ้านเกิด นี่คอื พาหนะของความรูส้ กึ โหยหาทีถ่ ูกนาเสนอผ่านเรื่องราวเหตุการณ์
ทีผ่ ูกร้อยเป็ นเรื่องเล่าเหมือนเรื่องสัน้ เรื่องหนึ่ง มีองค์ประกอบของฉาก ตัวละคร
การกระทา ผสมผสานด้วยอารมณ์ความรูส้ กึ ดังตัวอย่าง
การโหยหาผ่านช่วงเวลาและฤดูกาล
พฤศจิกายนฝนสิน้ ฟ้า เช้า, น้าเหนือไหลบ่ามาเร้าปลุก
เอ่อกระทังฝ ั ่ นปี นฝงรุ
่ งดิ ั่ ก บุกลานดินสนามเป็ นลานน้า
ไม่รอช้าเนื่องหนุนใต้ถุนเรือน เสียงกองทัพขับเคลื่อนเสียงสูงต่า
ในเช้าอันอ้อยส้อยไร้ถอ้ ยคา นาฏกรรมเช้าชื่นอันตื่นตา
(แม่น้ าราลึก: 16)
การโหยหาผ่านข้าวของเครื่องใช้
เรามีโลกของเราเสาร์, อาทิตย์ แม้อยากให้โรงเรียนปิดกันติดต่อ
ไปร้อยวันพันเดือนเหมือนไม่พอ โอ้สมุดดินสอหนอตารา
อยากมีเพียงหนังสติก๊ และกระสุน ั ้ มตุนเต็มย่ามผ้า
ดินเหนียวปนเติ
เมื่อทุกอย่างพร้อมพออย่ารอช้า ตะลอนทุ่งแถวท่าและปา่ ดง"
(แม่น้ าราลึก: 44)
78 Humanities Journal Vol.22 No.2 (July-December 2015)
การโหยหาผ่านวิถชี วี ติ กิจกรรมในวัยเยาว์
ข้ารักทุย, ทุยเจ้าเข้าใจข้า แม้เพลงขลุ่ยบ้าบ้าฟงั น่าขัน
ข้ารักทุย, รักรวงข้าว-เท่าเท่ากัน รักดวงจันทร์, ดวงดาว, รักเหย้าเรือน
ทุ่งทีเ่ ราเปลือยกายกลางสายฝน เล่นโจรปล้น, เล่นตารวจ-ไล่กวดเพื่อน
แม้แม่ถอื ไม้เรียวต้องกู่รอ้ งเตือน เราก็ยงั อิดเอือ้ น-ประวิงเวลา
(พันฝน เพลงน้ า: 25)
นักจิตวิทยามองว่า การโหยหาอดีตเป็ นอารมณ์สากลของมนุ ษย์ซง่ึ อาจเกิด
ขึน้ กับใครก็ได้ ดังคากล่าวของคาปลาน (Kaplan, 1987: 465) ทีว่ ่า “ไม่มใี ครสักครัง้ ที่
ไม่มปี ระสบการณ์โหยหาอดีต” อารมณ์โหยหาอดีตจะแสดงให้เห็นทัง้ เชิงบวกและลบ
แต่ส่วนใหญ่จะเป็ นการแสดงออกเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ (Wildschut et al., 2006)
เมื่อนาแนวคิดนี้มาพิจารณาการแสดงออกถึงการโหยหาอดีตในกวีนิพนธ์ของเรวัตร์
ก็พบว่าเรวัตร์ได้ใช้บทกวีแสดงออกถึงการโหยหาอดีตทัง้ สองลักษณะ การแสดงออก
ในเชิงบวกมักจะเป็ นการถวิลหาถึงภาพชีวติ ในเยาว์วยั ซึ่งเปรียบเสมือน “ภาพฝนั
วันวาน” ทีเ่ ต็มไปด้วยความบริสุทธิ ์ งดงาม แสดงถึงความสุข ความมันคงปลอดภั
่ ย
ทัศนียภาพของแผ่นดินถิ่นที่ท่ไี ด้รบั การนาเสนอผ่านการใช้ภาษาในเชิงอุปลักษณ์
เป็ นภาพที่งดงามมากกว่าภาพของความโหดร้าย ต่างจากการพูดถึงถิ่นที่ในเมือง
ใหญ่ท่เี ต็มไปด้วยความหมองหม่น หดหู่ ดังตัวอย่ างเช่น ในบางตอนของบทกวีช่อื
“สวน” ซึง่ พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสองคนในบ้านเกิดทีถ่ ูกเชื่อมโยงด้วยแม่น้ า
สายเดียวกัน
ชิงช้าใครในสวนช่างชวนมอง น้าสายเดียวเกีย่ วข้องเหมือนน้องสาว
ชิงช้าไกวไม้หมู่กก็ รูกราว ดอกสีเหลืองร่วงพราวเป็ นดาวดิน
เริม่ จากเช้า, ทางดินท่ามถิน่ ทุ่ง เราต่างมุ่งผ่านไปในทุ่งถิน่
จักรยานผ่านนกจึงผกบิน อวลอายกลิน่ ดินฟ้าท้องนานัน้
ระหว่างเราเนานานผ่านทางดิน ระหว่างเราได้ยนิ ความใฝฝ่ นั
ระหว่างเราซับแสงแห่งตะวัน ระหว่างเราแบ่งปนั ธารน้าใจ
เราจึงรูแ้ ม้เราต่างเหย้าเรือน เราจึงเหมือนมิง่ มิตรอันชิดใกล้
เราต่างรูต้ ่างเห็นความเป็ นไป สายน้าในชีวติ ล้วนชิดเชือ้
(แม่น้ าราลึก: 87)
วารสารมนุษยศาสตร์ ปีที่ 22 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2558) 79
มาตุคามสานึก: สานึกถึงสิ่งใด ?
สานึกในถิน่ ทีแ่ ละการโหยหาอดีตไม่ได้เป็ นเพียงเรื่องของความรูส้ กึ และภาวะ
วูบไหวทางอารมณ์เท่านัน้ แต่ในความเป็ นจริงมันคือวิธกี ารมองโลกในอีกแบบหนึ่งที่
กวีได้ประกอบสร้างความหมายบางอย่างพ่วงเข้ามาด้วย จากการศึกษากวีนิพนธ์แห่ง
สานึกในถิน่ ทีแ่ ละการโหยหาอดีตของเรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ
ั น์ทงั ้ สีเ่ ล่ม พบว่ามีนัยความหมาย
สาคัญบางประการแฝงเอาไว้ คือ 1) สานึกแห่งตัวตนและอัตลักษณ์ของกวี 2) มาตุคาม
สานึกกับธรรมชาติวถิ ี ดังซึง่ จะแสดงให้เห็นดังนี้
1) สานึ กแห่งตัวตนและอัตลักษณ์ของกวี
นักวิชาการมองว่า การโหยหาอดีตมีบทบาทหน้าทีท่ ส่ี าคัญอยู่ 3 ด้านคือ
หน้าทีด่ า้ นสังคม หน้าทีด่ า้ นอัตลักษณ์และหน้าทีด่ า้ นอารมณ์ (Wildschut et al., 2006;
Sedikides, 2010) กล่าวเฉพาะบทบาทด้านอัตลักษณ์ การโหยหาอดีตและมาตุคาม
สานึกทาให้บุคคลสานึกรู้ในตัวตนและอัตลักษณ์ ของตนเอง จิลเลียน โรส (Gillian
Rose) ชีใ้ ห้เห็นว่า สานึกแห่งแผ่นดินถิ่นที่บางครัง้ มีความเข้มข้นและกลายมาเป็ น
ศูนย์กลางของอัตลักษณ์ของแต่ละคน ส่วนหนึ่งของการนิยามตัวตนของบุคคลคือ
การสร้างสัญลักษณ์ให้เห็นว่าสถานทีน่ นั ้ ๆ มีคุณภาพทีส่ มบูรณ์แน่ นอน และคุณภาพ
ของสถานทีจ่ ะกลายมาเป็ นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องตัวตนของเรา (Massey and Jess,
1995: 89)
จากแนวคิดของโรส เมื่อนามาพิจารณากวีนิพนธ์ของเรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ ั น์ซง่ึ
เข้มข้นไปด้วยสานึกในถิน่ ที่ จะเห็นได้ว่าเรวัตร์ได้ใช้บทกวีจานวนหนึ่งในการนิยาม
ตัวตนและอัตลักษณ์ของเขา ว่าคือคนทีถ่ ูกสร้างและหล่อหลอมมาจากธรรมชาติและ
สิง่ แวดล้อมกับวิถชี วี ติ ทีผ่ ูกพันกับแผ่นดินถิน่ เกิดในท้องทุ่งชนบท สิง่ เหล่านี้ได้หล่อ
82 Humanities Journal Vol.22 No.2 (July-December 2015)
ในโลกของวรรณกรรมไทยร่วมสมัย การมองเมืองกับชนบทว่ามีความแตกต่าง
แบบคู่ตรงข้ามไม่ได้เป็ นมุมมองใหม่แต่อย่างใด เพราะนี่คอื ประเด็นทีถ่ ูกนาเสนอและ
ผลิตซ้าอยู่เสมอในผลงานของนักเขียนร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็ นนวนิยาย เรื่องสัน้ หรือ
กวีนิพนธ์ สาหรับกวีนิพนธ์ของเรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ
ั น์ การมองเมืองกับชนบทในคู่ตรงข้าม
อาจต่างไปจากงานเขียนของนักเขียนคนอื่นๆ ตรงทีค่ วามแตกต่างระหว่างเมืองกับ
ชนบทนัน้ ถูกนาเสนอผ่านมาตุคามสานึกและการโหยหาอดีตในระดับทีเ่ ข้มข้น
บทสรุป
จากการศึกษากวีนิพนธ์ของเรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ ั น์ในประเด็นทีเ่ กีย่ วกับสานึก
ในถิน่ ที่ หรือมาตุคามสานึกกับการโหยหาอดีต จากหนังสือรวมบทกวีจานวนสีเ่ ล่ม
จะเห็นได้ว่า เรวัตร์ใช้บทกวีของเขาเพื่อนาเสนออารมณ์ถวิลหาอดีตซึง่ มีศูนย์รวมอยู่
ทีถ่ นิ่ ฐานบ้านเกิดอันเป็ นท้องทุ่งชนบทของภาคกลาง สานึกในถิน่ ทีไ่ ด้รบั การนาเสนอ
ผ่านท่วงทานองการเขียนแบบโหยหาอดีต ซึง่ มีสาระสาคัญอยู่ทก่ี ารราลึกถึงอดีตแห่ง
วัยเยาว์ทเ่ี ลยลับ ผ่านร่องรอยหลักฐานหรือสัญญะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นสถานที่ ธรรมชาติ
ฤดูกาล พืช สัตว์ วัตถุขา้ วของเครื่องใช้ และวิถดี าเนินชีวติ ของผูค้ นในชนบท สานึก
ในถิน่ ที่และการโหยหาอดีตในกวีนิพนธ์ของเรวัตร์ยงั เป็ นวิธกี ารสาคัญทีก่ วีนาเสนอ
ตัวตนและอัตลักษณ์ของตนเอง ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงมโนทัศน์และวิธคี ิด
ของกวีท่มี องความสัมพันธ์ระหว่างมนุ ษย์กบั ธรรมชาติว่า ธรรมชาติเปรียบเสมือน
มารดาผูใ้ ห้กาเนิด โอบอุม้ และค้าจุนสรรพสิง่ การดาเนินชีวติ ภายใต้วถิ ขี องธรรมชาติ
และวิถีวฒ ั นธรรมในชนบทเป็ นวิถีท่งี ดงาม สงบ ปลอดภัยและพอเพียง ซึ่ งเรวัตร์
พันธุพ์ พิ ฒั น์ให้ความหมายว่า นี่คอื วิถที น่ี าไปสูอ่ สิ รภาพแห่งชีวติ หรือวิถไี ท
การเชิดชูความสมบูรณ์ แบบของชีวิตในท้องทุ่งชนบททัง้ ธรรมชาติและ
สิง่ แวดล้อมทาให้บทกวีของเขาสร้างภาพชนบทกับเมืองด้วยวิธคี ดิ แบบคู่ตรงกันข้าม
และเป็ นการผลิตซ้าอัตลักษณ์ของสถานทีท่ งั ้ สองแห่งเช่นเดียวกับทีน่ ักเขียนคนอื่นๆ
ได้ทามาก่อน อย่างไรก็ตาม กวีนิพนธ์ของเรวัตร์กน็ ่ าสนใจตรงทีม่ ลี กั ษณะใกล้เคียง
กับงานเขียนประเภทท้องทุ่งชนบท (pastoral) ของตะวันตก คงจะไม่ผดิ ไปจากความ
จริงนักหากกล่าวว่ากวีนิพนธ์ของเขาควรนับเนื่องอยู่ในประเภทของวรรณกรรมสีเขียว
90 Humanities Journal Vol.22 No.2 (July-December 2015)
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
ธัญญา สังขพันธานนท์. 2547. “ดาดิง่ ลงสูแ่ ม่น้ าราลึก สายน้ าบทกวีแห่งการโหยหาอดีต.”
จุดประกายวรรณกรรม 16, 5755 (12 กันยายน). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก
http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=arts31&topic=
513 [วันทีเ่ ข้าถึง 12 มิถุนายน 2558].
พัฒนา กิตอิ าษา, บรรณาธิการ. 2546. มานุษยวิ ทยากับการศึกษาปรากฏการณโหยหา
อดีตในสังคมไทยรวมสมัย. กรุงเทพฯ: แปลนพริน้ ติ้ง.
ั น์ . 2538. บ้านแม่น้า. กรุงเทพฯ: คมบาง.
เรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ
เรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒั น์. 2544. พันฝน เพลงน้ า. กรุงเทพฯ: สิรมิ งคลคา.
เรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ ั น์. 2547. แม่น้ าราลึก. กรุงเทพฯ: รูปจันทร์.
เรวัตร์ พันธุพ์ พิ ฒ ั น์. 2555. แม่น้ าเดียวกัน. กรุงเทพฯ: ในดวงใจ.
อุบลณภา อินพลอย. 2551. การถวิ ลหาอดีตในวรรณกรรมของเรวัตร์ พันธุพ์ ิ พฒ ั น์ .
ปริญญานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาภาษาไทย
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ภาษาอังกฤษ
Austin, Linda M. 2002. Emily Bronte's Homesickness. Victorian Studies 44, 4
(Summer): 573-97.
Ege University. “Memory and Nostalgia.” 11th International Cultural Studies
Symposium [Online] https://www.h-net.org/announce/show.cgi?ID=153294
[Accessed 27 June 2015].
Gifford, Terry. 1999. Pastoral. London: Routledge.
Hashemnezhad, Hashem, Heidari, Ali, Akbar and Hoseini, Parisa Mohammad. 2013.
International Journal of Architecture and Urban Development 3, 1
(Winter): 5-12.
วารสารมนุษยศาสตร์ ปีที่ 22 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2558) 91