You are on page 1of 5986

The Avalon of Five Elements

ผูเขียน: ฟางเสี่ยง (方想)

ในกาลที่จักรวาลนับหมื่นหลอมรวมเขาดวยกัน เมื่อนั้นพลังวิญญาณไดสูญสลาย
ไป เปนเหตุใหเกิดวิกฤตการณการลมสลายแหงโลกบำเพ็ญตน โลกซึ่งกอนนี้เคยเรือง
อำนาจเกรียงไกรยาวนานผานมาแลวรวมหลายลานปแหงบรรพกาล
ทวาครั้น “แดนราง” บุกรุกกินอาณาเขตเปนวงกวาง ทำให “อูสิงเทียน” แดนที่
ผูกลายอมสละชีวิตเพื่อกอตั้งขึ้น ไดกลายมาเปนที่พึ่งสุดทายของเหลาผูบำเพ็ญตน
ลวงพนมาหลายพันป “อายฮุย” ชายหนุมแสนต่ำตอยระหกระเหินเดินทางมา
จากดินแดนเกา มาสมัครเปนแรงงานในแดนรางเปนระยะเวลาสามป ครั้นแลวจับ
พลัดจับผลูไดโอกาสเขาสู “อูสิงเทียน” เพื่อศึกษาตอ
เด็กหนุมผูเปยมลนดวยแรงปรารถนาที่จะพิชิตโชคชะตาและมีพลังตอสูอันแกรง
กลาประดุจอสูรราย เขาเพียรฝกฝนเพื่อแสวงหาความแข็งแกรงและพลังอันมหาศาล
แตหารูไมวาตนจะเปนผูสรางความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ
บทที่ 1 การตัดสินใจ
เจาอวนที่อยูขางกายในปากเคี้ยวตังเมสงเสียงดังแจบๆ แสงอาทิตยอัสดงที่สาด
แสงไปทั่วพื้นแผนดิน สายลมออนๆ ที่พัดผานราวขนนก ชางไรซึ่งวี่แววของจิตสังหาร
หรือความหนาวเหน็บเหมือนดังทุกที ตัวของอายฮุยเองก็ไมรูวาในภายหลังจะจดจำ
วันนี้ไดหรือไม
“ตัดสินใจไดแลวหรือ” เจาอวนพึมพำถามขึ้น
“ตัดสินใจแลว” อายฮุยตอบดวยความหนักแนน เขาไดตัดสินใจมาตั้งแตแรกแลว
ไมมีสิ่งใดคูควรแกการลังเล
เจาอวนราวกับกำลังทอดถอนใจ และเหมือนกับกำลังอิจฉาพลางกลาววา “เจา
อยาไดพายแพแกพวกกระจอกนั่น ถาหากเปนเชนนั้นมันจะทำใหขารูสึกขายหนา ขา
ไมเขาใจจริงๆ การฆาฟนกันมีอะไรดี ไดเงินกอนนี้มาก็มากพอที่จะใหพวกเราใชชีวิตที่
เหลือกันไดอยางสบายๆ! คนที่เขาแดนรางไปกับพวกเรามีกี่คน สองพันคน! มีเพียง
พวกเราสองคนที่รอดออกมาได! นี่คือเงินคาชีวิต เขาใจไหม! ถาขาตายไปแลว เงิน
พวกนี้คนที่บานขายังไดรับ ถาหากเจาตายไปเลา...”
“ดังนั้นขาจำเปนตองมีชีวิตรอด” อายฮุยพูดตัดบทขึ้นยิ่งพูดเขายิ่งไมสงบ เจา
อวนไดลุกขึ้นยืน ใบหนาของเขาที่ดื้อรั้นในตอนนี้กลับสงบอยางที่ไมอาจอธิบายได
โอกาสที่จะสามารถเขาอูสิงเทียนนั้นไมใชจะไดมางายๆ ความสามารถของเขา
ไมไดมีความโดดเดน แตเดิมถือไดวาไมมีคุณสมบัติที่จะเขาอูสิงเทียน ทวาในสามปที่
ผานมาการแสดงออกของเขานับไดวายอดเยี่ยมเปนอยางมาก ภายใตสถานการณที่
ซับซอนกดดันเขากลับแสดงออกถึงความสงบสุขุม ในเวลาคับขันสามารถแสดงถึง
ความกลาหาญและจิตวิญญาณแหงการตอสู สิ่งเหลานี้ลวนสลักลงไปในใจของผูคนที่
ไดพบเห็น
ในตอนที่เขาแสดงเจตจำนงที่จะสงคำขอเพื่อเขารวมกับอูสิงเทียน เบื้องบนไดรับ
ไปพิจารณาแลวในทายที่สุดก็ไดอนุมัติ
แรงงานจำนวนสองพันคน มีเพียงแคสองคนที่โชคดีรอดมาได แมจะพูดวาเปน
เพราะโชคชะตาเสียสวนใหญ ก็เพียงพอตอการอธิบายปญหาตางๆ ไดมากมาย
เจาอวนหยอนตัวนั่งลงอยางผิดหวัง ความดื้อรั้นของอายฮุยเปนสิ่งที่เขารูดีอยูแก
ใจ คิดไปคิดมา เขาเริ่มที่จะกลับมากระตือรือรนขึ้นอีกครั้ง พรอมพูดดวยใบหนาที่
จริงจังวา “จำไววาตองเขียนใบเงินชดเชยนั่นเปนชื่อของขา ยกใหขาดีกวาใหผูอื่นอีก”
อายฮุยครานที่จะใสใจ ตัวเขากลับหันไปหยิบตนหญาสีเขียวใสปากคาบไว พลาง
เอามือรองศีรษะนอนลงบนพื้นอยางสบายใจ สามปมานี้ในแดนราง ทุกๆ วันลวนตอง
ตึงเครียดอยางถึงขีดสุด ทั้งคาวเลือด ความเปนความตาย การฆาฟน ที่นั่นคือโลกอัน
หนาวเหน็บที่มีแตความมืดมิดและสีแดงฉาน
การที่ขามผานสามปนี้มาไดอยางไรนั้น เขาไมรูและก็ไมอยากจะนึกยอนกลับไป
เพราะมันไมใชความทรงจำอะไรที่สวยงามนัก
แสงอาทิตยอัสดงสาดสองลงบนราง ใหความอบอุนแสนสบาย คิ้วของอายฮุยได
คลายออกอยางไมรูตัว ใบหนาที่แข็งกระดางและดื้อรั้นคอยๆ ผอนคลายลงชางดูสงบ
และเต็มไปดวยความสุข
ชางสบายเสียจริง!
ความอบอุนแสนสบายนี้ทำใหรางกายของเขาคอยๆ ผอนคลายลง ความคิดของ
อายฮุยเองก็ผอนคลายลงเชนกัน ราวกับหมอกที่ปกคลุมสลายไปและกระจายออก
อยางเงียบงัน
แสงอาทิตยอันอบอุน สายลมอันแผวเบา ใหความรูสึกที่ทั้งแปลกและคุนเคย
ปลุกความทรงจำในสวนลึกของสมองที่ทั้งแปลกและคุนเคยเหลานั้นใหตื่นขึ้น
เมื่อหกปกอนแสงอาทิตยและสายลมที่โรงฝกดาบ ก็เปนดังเชนในยามนี้
ครั้งกอนโนนในยามที่พระอาทิตยยังไมขึ้นสูขอบฟา เขามักจะสูดหายใจรับอากาศ
เย็นบริสุทธิ์เขาปอด แลวก็พรอมเริ่มทำความสะอาดคลังเก็บของเกาไรประโยชนที่ถูก
ปรับเปลี่ยนมาเปนโรงฝก เริ่มดวยการเช็ดทำความสะอาดที่พื้นกอนสามรอบ ซึ่งถือได
วาเปนการอบอุนรางกาย เมื่อเช็ดทำความสะอาดพื้นเสร็จ จึงเริ่มทำความสะอาดชั้น
วางของไมตอ ไมทั้งหมดลวนเปนไมที่เขาเก็บมาจากถนนแถวนั้น ความสั้นยาวหนา
บางลวนตางกัน รูปรางของชั้นวางของนั้นจึงไมตองไปพูดถึงเลย
เมื่อทำความสะอาดชั้นวางของไมเสร็จ เขาก็เริ่มจัดระเบียบคัมภีรกระบี่ล้ำคาที่
เถาแกเพิ่งจะไดมา
คัมภีรกระบี่เหลานี้มีราคาตลาดอยูที่หนึ่งหยวนตอน้ำหนักยี่สิบชั่ง คัมภีรที่ทำจาก
กระดาษนั้นราคาถูก แผนเหล็กสลักตัวอักษรสีทองจะแพงขึ้นมาหนอย สวนคัมภีรที่
ทำจากไมไผคือไดวาไรราคาที่สุด งานที่ทำถือไดวาไมนอย แตทวาก็ไมมีคนคอยเรงเรา
แตไหนแตไรมาอายฮุยก็ไมเคยเรงรีบ เขาถือโอกาสเปดตำราไปมา วิจารณบางสัก
หนอย
ในบางครั้ง เขาก็เพอฝนขึ้นมา หากวาอยูในยุคบำเพ็ญตน ตัวเขาเองจะมีหนามีตา
ขนาดไหน ขายคัมภีรกระบี่คงจะตองขายจนมือไมหมดเรี่ยวแรงเปนแน
เมื่อจัดระเบียบคัมภีรกระบี่เสร็จ เขาก็เริ่มจัดกระบี่บินและกระบี่วิเศษ
ในยามนี้เปนเวลาที่พระอาทิตยขึ้นแลว แสนจะอบอุน เหมือนกับในตอนนี้ มุม
ปากของอายฮุยคอยๆ ยกขึ้นเปนรอยยิ้มบางๆ อยางไมรูตัว
ถึงแมวาพลังวิญญาณของกระบี่บินและกระบี่วิเศษจะสูญสิ้นไป มืดมัวไรแสง เปน
เพียงแคซากเหล็กกองหนึ่ง แตทวาเมื่ออยูภายใตแสงอาทิตย อายฮุยก็มักจะถูกความ
งามจากความโบราณของพวกมันดึงดูด
กระบี่บินนั้นเปนตัวแทนแสดงถึงจุดสูงสุดของโลกแหงการบำเพ็ญตน เปนสิ่งที่
มักจะถูกเหลาชางทำอาวุธในยุคอดีตชื่นชอบ มันทั้งแปลกประหลาด และไมวาจะ
รูปแบบใดลวนมีทั้งสิ้น บางสวนมีรูปรางที่ทำใหผูคนถึงกับดูไมออกวามันมีความ
เกี่ยวของอะไรกับกระบี่บิน.
เขาจะไมแตะตองพวกที่ขึ้นสนิมมาก เพราะหากหักขึ้นมา เถาแกจะตองดาทอเขา
เปนแน
เขาไมไดเงินคาแรง แตมีอาหารใหกินครบสามมื้อ สำหรับเด็กเรรอนที่ตองพเนจร
อยางยากลำบากกอนอายุสิบขวบนั้น การไดใชชีวิตเชนนี้เรียกไดวาสวยงามราวกับ
แสงอาทิตยในเวลานี้ก็ไมปาน เขานั้นไมอาจหาคำอธิบายใดที่จะดีไปกวานี้ได
เถาแกนั้นเปนคนดี ก็แคฝมือในการทำการคาแยไปสักหนอย.
พอคาปกติที่ไหนจะมาเปดโรงฝกดาบ
อายฮุยอยูที่โรงฝกมาสามป คนที่มาเดินเยี่ยมชมโรงฝกมีไมเกินสิบคนดวยซ้ำ พอ
มองเห็นปายโรงฝกกระบี่ที่แขวนอยูหนาประตู คนที่เห็นกวาเกาสวนลวนแตหันหนา
เดินหนีไปทั้งสิ้น
ในตอนนี้ยังจะมีที่ใดฝกดาบอยูอีกหรือ
ภายในโรงฝกดาบนอกจากคัมภีรกระบี่ กระบี่บิน และกระบี่วิเศษแลว ก็หาไดมี
สิ่งใดอีก เพื่อของเหลานี้เถาแกถึงกับวิ่งหาตามตลาดของเกาไปทั่วทุกหนทุกแหง
แมกระทั่งครั้งที่ไปทำการคาตางเมือง ก็จะตองนำติดไมติดมือกลับมา
พูดไดวาระดับความคลั่งไคลการฝกดาบของเถาแกนั้นถือวาสุดขีดเลยทีเดียว แค
ราคาคาขนสงก็ถือไดวามากกวาตัวราคาของพวกมันมากนัก
แนนอนวาในบางครั้ง อายฮุยรูสึกวาหากดูจากกำลังทรัพยอันนาเวทนาของเถาแกแลว
ก็ดูเหมือนวาจะมีงานอดิเรกไดแคพวกการฝกดาบตนทุนต่ำเชนนี้เทานั้น
อายฮุยเคยโนมนาวเถาแก ใหเปลี่ยนมาฝกฝนรางกายพวกนั้นดีกวา อยางไรเสียก็
ดูมีอนาคตมากกวาการฝกดาบมากมายนัก เถาแกถึงกับโกรธมาก ดาทอเขาเสียยก
ใหญ อายฮุยในตอนนั้นถึงไดเขาใจวาพรสวรรคดานการทำการคาของเถาแกนั้นชางไม
มีอะไรดีเสียจริง
อายฮุยที่ตองคอยเฝาโรงฝกอันแสนวางเปลา ก็พลอยไดฝกฝนตัวเองจากคัมภีร
กระบี่ราคาหนึ่งหยวนแตหนักถึงยี่สิบชางพวกนั้นไปดวย ไมไดฝกจนเปนนักดาบ เพียง
อาศัยโชคจากการออกกำลังอยางตอเนื่อง ทะเลาะวิวาทถือไดวารายกาจอยูไมนอย
อาศัยแคกำปนก็สามารถหาเรื่องพวกกระจอกไดถึงสองสามคน
ดวยความสามารถของเถาแกที่แย จึงทำใหการคาลมเหลวไมมีปญญาใชหนี้ จน
สุดทายก็ฆาตัวตายไป อายฮุยเสียใจกับเรื่องนี้เปนอยางมาก ถึงแมเถาแกจะเปนคนดี
แตก็ไมนับวาเปนคนที่เขมแข็ง
ติดหนี้แลวตองคืนถือเปนสัจธรรม ตามหลักแลวโรงฝกควรตกเปนของผูอื่น ในวัน
สุดทายคนทวงหนี้ไดเขามายึดโรงฝก อายฮุยไดบอกกับตนเองเชนนี้
ทวาในยามที่เขาเห็นกับตาวาชั้นหนังสือที่เขาทำอยางลวกๆ นั่นถูกดันลมลงพื้น
คัมภีรกระบี่ล้ำคากระจัดกระจายอยูเต็มพื้น ครึ่งหนึ่งนั้นคือคัมภีรที่เถาแกนำกลับมา
จากเมืองไกล เมื่อเขาเห็นชั้นวางกระบี่ที่ทุกวันเขาตองเช็ดทำความสะอาดรอบแลว
รอบเลาถูกคนทวงหนี้เหยียบย่ำจนเละเปนชิ้นๆ เถาแกเคยพูดวานั่นคือสมบัตลิ ำ้ คาที่
เขาคนพบในถ้ำแหงหนึ่งของปรมาจารยกระบี่ ในปนั้นกระบี่บินที่อยูบนชั้นเคยอาบ
โลหิตมาแลวนับพันลี้ สยบสิ้นเหลาขุนศึก ในยามที่เขาเห็นกระดิ่งลมของกระบี่ เกา
เสียงที่แขวนบนชายคาถูกดึงออกเปนชิ้นๆ เถาแกเคยพูดวานั่นคือสมบัติล้ำค าของ
พรรคกระบี่เกาเสียงแหงภูเขาเจิ้นซานที่มีชื่อเสียงเกริกกองในกาลกอน มีคำกลาววา
เกากระบี่ปรากฏ ทองฟาไรเสียง
เขาไมอาจทนได ราวกับหมาปาตัวหนึ่งที่บาดเจ็บผอมโซใกลตาย พุงตัวเขาไป
อยางบาคลั่ง
เปนเพียงแคการดิ้นรนเทานั้น ใช มันเปนแคการดิ้นรนกอนตายเทานั้น
อายฮุยไมรูชื่อของเถาแก เขาเพียงแคหาไมแผนหนึ่งมาเขียนคำวาเถาแกสอง
ตัวอักษรนี้ทำเปนแผนปายวิญญาณ นำกิ่งไมเล็กๆ มาแทนธูป นำคัมภีรกระบี่ทั้งหมด
ที่สามารถเผาไดเผาสงไปใหเถาแก หลังจากคำนับเสร็ จก็ ตั้งจิตภาวนาให เทพบน
สวรรคอำนวยพรใหเถาแกที่อยูบนสวรรคสามารถบรรลุความฝนเรื่องการฝกกระบี่ได
เขาพารางตนที่เต็มไปดวยบาดแผล จองมองซากโรงฝกอยูพักใหญ แลวจึงไดหัน
หลังจากไป เขาเดินผานทองถนนทามกลางแสงอาทิตยที่ทอแสงกระทบหลังคาที่อยู
ตางระดับกัน เกิดเปนภาพเงาที่หลากหลายทอดลายเรื่อยไปตามทาง เขากาวเดิน
อยางไรชีวิตชีวา จิตสำนึกเขาบอกใหเดินหนาตอไป แตกลับไมรูเลยวาจะเดินหนา
ตอไปยังที่แหงใด
แมวาเวลาจะผานไปแลวหนึ่งป ความรูสึกหมดหนทางและความโดดเดี่ยวไรที่พึ่ง
นั้นยังคงแจมชัดในใจ เขาจำไดในตอนนั้นตนเองรูสึกหนาวอยูบางเล็กนอย จึงกระชับ
เสื้อที่ซักจนซีดขาว เอามือทั้งสองขางซุกไวในกระเปา แสงอาทิตยในตอนนั้นชาง
แตกตางกับตอนนี้ มันชางหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูก
เขาเดินไปเรื่อยๆ ไมรูวาผานไปนานเพียงใด จนกระทั่งความหิวอยางรุนแรงปลุก
ใหเขาตื่นขึ้นจากความมึนงง เขาผูทั้งหนาวเหน็บและหิวโหย ไดเห็นใบประกาศรับ
แรงงานเขาแดนรางของอูสิงเทียน
เขาผูไรซึ่งหนทางใหเดิน ไรสถานที่ใหไปก็ไดเขาสมัคร
ยังดีที่ตัวเขาเองนั้นสามารถรอดออกมาได
ความคิดของอายฮุยถูกดึงกลับมา เขาพบวารางของเขาคอยๆ เกร็งขึ้นอยางไม
รูตัว เขาอดไมไดที่จะยิ้มอยางขมขื่นในใจ ชวงเวลาที่ดีเชนนี้กลับถูกเรื่องราวไมคอยดี
ในอดีตทำลายเสียแลว
เขาทอดถอนใจออกมายาวๆ คราหนึ่ง พยายามผอนคลายกลามเนื้อทั่วรางที่เกร็งแข็ง
ตลอดระยะเวลาสามปเต็ม ภายในแดนราง เขาโชคดีที่สามารถมีชีวิตรอดออกมา
ได กลุมของพวกเขาจำนวนทั้งสิ้นสองพันคนมีเพียงแคสองคนที่รอดมาได คนหนึ่งคือ
ตัวเขา อีกคนคือเฉียนไต โอ ชื่อของเจาอวนคือเฉียนไต
ครอบครัวของแรงงานที่ตายจะไดรับเงินชดเชยกอนหนึ่ง สวนคนที่รอดจะไดรับ
เงินกอนใหญ แตไหนแตไรอูสิงเทียนไมเคยตระหนี่กับเรื่องพวกนี้อยูแลว
เจาอวนนั้นเตรียมตัวที่จะกลับบาน ที่บานของเขาลวนมีแตเปนเด็กกำพราและแม
หมาย เจาอวนตัวคนเดียวตองดูแลทั้งครอบครัว แรงกดดันของเขานั้นมากกวาตนนัก
“เอาเถิด ขารูวาเจาเปนพวกตัดสินใจสิ่งใดแลวไมมีทางเปลี่ยน นิสัยของเจาก็
ไมไดดี ขอเสียก็เยอะ แตไหนแตไรไมเคยฟงคำเตือนใคร อายุของเจาก็ไมใชนอยๆ
แลว ทำตัวเชนนี้ ภายหลังจะมีหญิงใดยอมแตงดวย ใชจายเงินก็ใหนอยหนอย...”
เจาอวนยังคงจูจี้ไมเลิก ไมรูวาเปนเพราะใกลจะลาจากกันหรือไม
ปกติไมไดเปนคนที่ทนตอความจูจี้ แตอายฮุยเองก็ไมไดรูสึกรำคาญขนาดนั้น ทวา
เมื่อเขาไดยินเจาอวนพูดถึงเรื่องเงิน หนาผากก็เริ่มปวดหนึบๆ ขึ้นมาทันที เจานี่ขอแค
เรื่องเกี่ยวกับคำวาเงิน ก็จะตื่นเตนขึ้นมาทันที
เปนจริงดังคาด มองไปที่เสนเลื อดที่ คอของเจาอว นเริ่ มที่ จะเตนขึ้ น อายฮุย
ตัดสินใจอยางรวดเร็ว จากนั้นก็โยนถุงผาออกมาในทันที “ขาใหเจา!”
เจาอวนมองอายฮุยดวยสายตาที่ ไม เขาใจ กระนั้นกลับรับดวยความเร็วที ่ ไม
สอดคลองกับขนาดรางกาย เมื่อถุงผาเขาไปอยูในมือ ดวงตาที่เล็กตี่ของเจาอวนก็เบิก
จนกลมโตขึ้นมาทันที
นิ้วมือที่หยาบราวกับแครอทขยับ พริบตาเดียวก็เปดถุงผาออก เจาอวนมองดูแลว
ตื่นเตนเสียจนไขมันทั้งรางกระเพื่อมไหว
อายฮุยหันหนาที่เมินเฉยหนีไปอีกดาน ใบหนาของเจาอวนที่เห็นเงินนั้นไมอาจจะ
ทนมองไดจริงๆ
“ปาบ!” เจาอวนพุงเขามาจับที่มือทั้งสองขางของอายฮุย บนใบหนาเต็มไปดวย
ความรูสึกตื้นตันใจ น้ำตาเออคลออยูที่เบาตา
เมื่อมองไปที่ทาทางของเจาอวน ภายในใจของอายฮุยก็รูสึกตื้นตัน ทำใหรูสึกวา
ความคิดของตนที่มีตอเจาอวนนั้นอาจจะผิดไป ทั้งสองคนตอสูเคียงบาเคียงไหลกันมา
นานถึงเพียงนั้น มิตรภาพนี้ถือวาลึกซึ้งจริงใจ เขาไมคอยคุนชินกับสถานการณเชนนี้
จึงอยากจะตะโกนใหไสหัวไป แตพอนึกขึ้นมาไดวาอีกไมนานก็ตองแยกจากกัน เขาจึง
พยายามยับ ยั้งใจไว แลว คอ ยๆ เปล งเสี ย งออกมา ซึ ่ งค อ นข า งจะตะกุ กตะกักวา
“อยางไรเสียขาก็ตัวคนเดียว เงินที่ตองใชก็ไมมาก เจากลับดินแดนเกา คนที่บาน
หลายคน เงินที่ตองใชยอมมากกวาขานัก...”
“ไอเพื่อนรัก! ชางเปนเพื่อนรักของขาเสียจริง!” เจาอวนสะอึกสะอื้นเขาเขยามือ
ทั้งสองขางของอายฮุยอยางแรง น้ำตาอุนปริ่มอยูที่ขอบตา “อูสิงเทียนมีท้งั ที่อยูที่กิน
ที่เหลืออีกครึ่งเจาก็ไมไดใช เอาใหขาทั้งหมดไมดีกวาหรือ”
ไมคิดเลยวาตนเองจะยังมีความหวังกับเจานี่ได ชางไรเดียงสาเสียจริง มือทั้งสอง
ขางที่ถูกกุมของอายฮุยพลิกกลับ ออกแรงเพียงเบาๆ เจาอวนก็ราวกับกอนเมฆอวนๆ
นุมๆ กอนหนึ่ง บินถลาออกไปถึงสิบกวาจั้ง ลมลงไปบนพื้นจนตังเมเปอนปาก
“ไสหัวไป!”
ความรูสึกที่ไดพูดความในใจออกมาชางดีเหลือเกิน
อายฮุยปดมือเบาๆ แลวถือโอกาสลูบดูถุงเงินที่อก มือของเจาอวนนั้นไวมาก ตอง
ปองกันครั้งแลวครั้งเลา
เจาอวนลุกขึ้นจากพื้นดวยสภาพมอมแมม
เสียงสัญญาณเรียกรวมพลดังขึ้นจากคายที่อยูไกลออกไป ทั้งสองคนก็เงียบลงโดย
ไมไดนัดหมาย
เวลาแหงการลาจากมาถึงแลว นี่คือการรวมพลครั้งสุดทาย
อายฮุยตองการไปอูสิงเทียนตอ แตเจาอวนตองการกลับดินแดนเกา แสงสีแดงสมของ
อาทิตยอัสดงที่ใกลจะตกสูพื้นดิน ทอแสงผานรางของทั้งสองเปนเงาทอดยาวออกไป
“อายฮุย เจาจงมีชีวิตรอด!”
“อืม”
บทที่ 2 การประกาศ
อายฮุยแบกหอผาสัมภาระใบเกายืนอยูทามกลางกลุมคนดวยใบหนาอันหมองหมน
สภาพจิตใจของเขาตอนนี้เรียกไดวาแยสุดๆ เมื่อครูเขาหยิบกระเปาเงินเปดดู เงินดาน
ในหายไปหมด เหลือเพียงแคกอนหินกองหนึ่ง
เจาอวนนี่นาฆาทิ้งนัก มาทำกันไดลงคอ!
เขาสาบานภายในใจ วันหนาหากกลับไปยังดินแดนเกา ไดเจอเจานั่นอีก ครั้ ง
จะตองจับมาจัดการใหได
เขาเหมอลอยเพียงชั่วครู จากนั้นจึงทอดถอนใจออกมายาวๆ
ในใจภาวนาใหที่อูสิงเทียนเปนแบบที่เจาอวนพูด คือดูแลทั้งอาหารและที่พัก หาก
ไมเปนเชนนั้นละก็เขาคงทำไดแค...เพิ่มแรงตอนจัดการเจาอวนเสียหนอย
ในขณะนี้ทิ้งเรื่องเงินไปกอน ความสนใจของเขาอยูที่ตรงหนา
ยังเหลือเวลาอีกมากกวาจะถึงเวลารายงานตัว ทวาหนาประตูใหญของสนาม
เหนี่ยวนำลวนเต็มไปดวยนักเรียนหมดแลว พวกเขาตางทักทายกันอยางตื่นเตน จับ
กลุมคุยกันอยางคึกคัก
การอยูในแดนรางที่เงียบสงัด ทุรกันดาร และทุกที่เต็มไปดวยอันตรายถึงสามป
ภาพเสียงดังวุนวายเฉกเชนเบื้องหนานี้ อายฮุยไมคุนเคยเปนอยางมาก ในแดนรางขอ
เพียงมีสิ่งใดเขาใกลตัวเขาในรัศมีหาเมตร เขาก็จะระวังตัว นี่กลายเปนสัญชาตญาณ
ของเขาเสียแลว
ทวาในเวลานี้...รอบตัวเขาในรัศมีหาเมตรกลับอัดแนนไปดวยคนถึงสิบสี่คน
เขาพยายามปรับตัว ทวากลับไรประโยชน เขาทำไดเพียงควบคุมตัวเองไมใหวิ่ง
หนี หรือวูวามพุงเขาไปจัดการกับเปาหมายทั้งสิบสี่คน ในแดนราง หากมีส่งิ มีชีวิตนา
สงสัยเขาใกลเขา เขามีเพียงแคสองทางเลือกนี้เทานั้น
เอาเถอะ เปนตอนอยูแดนรางอีกแลว...
ยังไมทันไดเขาสนามเหนี่ยวนำ อายฮุยก็สัมผัสไดวาตัวของเขานั้นแปลกแยกไป
จากคนอื่นที่อยูโดยรอบ เขาสูดหายใจเขาลึกๆ พยายามสงบใจของตน เขารูวาตัวเขา
จำเปนตองเอาชนะอุปสรรคในใจนี้
ไมนาน เขาก็รูสึกเกร็งขึ้นมา รูสึกไดวาประตูของสนามเหนี่ยวนำกำลังเปดออก
ฝูงคนเปนดั่งเรือที่แลนไปตามกระแสน้ำ อายฮุยในสภาพขนลุกซูไปทั่วรางกับชุด
ที่แสนยับยูยี่ เขาหายใจหอบอยางหนัก ระยะทางสั้นๆ หาสิบเมตร แตเขากลับรูสึก
เหนื่อยกวาการเดินทางหาสิบกิโลเมตรมากนัก
อายฮุยที่มาถึงหนาประตูของสนามเหนี่ยวนำ เงยหนามองประตูขนาดใหญสูง
ตระหงาน
ประตูใหญทางเขาของสนามเหนี่ยวนำ จากการคะเนดวยสายตาแลวมีความสูง
ราวๆ หกสิบกวาเมตร ถูกสรางจากแผนเหล็กที่ตางกันประกอบขึ้น ฝมือในการตอเขา
ดวยกันถือไดวาหยาบมาก มองดูราวกับผาขาดๆ ผืนใหญที่เต็มไปดวยรอยปะชุ น
ประตูใหญมีรอยสนิมขึ้นเปนจุดๆ ทุกแหงลวนพบรองรอยขีดขวน
แผนศิลาที่อยูหนาประตูเหล็ก มีคูน้ำลึกขนาดกวางประมาณครึ่ งเมตรที่ เป น
เสนตรงราวกับถูกวาด วันเวลาผานไปศิลาถูกกัดกรอนจนขอบและมุมราบเรียบ ซึ่งใน
รองหินมีน้ำอยูประมาณครึ่งหนึ่ง
อายฮุยมองไปที่คูน้ำสายนอยอยางเงียบๆ
ในอูสิงเทียน เจาคูน้ำสายนอยนี้ไมมีผูใดไมรูจัก อายฮุยรูจักมัน เปนเพราะวามัน
เกี่ยวของกับการฝกกระบี่
มันถูกเรียกวา “แนวปองกันสุดทาย”
ในยามที่ถูกความมืดมิดที่สุดของแดนรางรุกล้ำ เจาคูน้ำตื้นๆ ที่กวางแคครึ่งเมตร
ยาวแคสองรอยเมตร มันก็คือแนวปองกันสุดทายของสงครามแหงความเปนความตาย
ครั้งนั้น
ในประวัติศาสตรผูฝกกระบี่คนสุดทายที่มีชื่อเสียง เขาเผาไหมชีวิตของตนเพื่อให
กระบี่เปลงประกายเปนครั้งสุดทาย สังหารหัวหนาของศัตรู ในยามนั้นนี่คือแนว
ปองกันสุดทาย ผูคนที่ถูกปลุกเราลวนตอสูอยางไมยอมแพ ยืนหยัดจนกระทั่งอูสิง
เทียนถูกสถาปนาขึ้น
ประตูเหล็กบานใหญที่เต็มไปดวยรองรอยขีดขวน มันถูกสรางมาจากของเหลือ
เดนที่เก็บไดจากสงครามครั้งนั้นมาประกอบขึ้น สนามเหนี่ยวนำที่กอตั้งขึ้นมาในที่แหง
นี้ ก็เปนเพราะผูกอตั้งอูสิงเทียนในครั้งนั้นหวังวาชนกลุมหลังจะไมลืมชวงเวลาในยาม
นั้น และไมลืมปณิธานแรกของการสถาปนาอูสิงเทียน
รูปลักษณและควันสงครามสลายไปตามกาลเวลา ความทรงจำที่ระลึกถึงและ
ตำนานกลับถูกเลาขานตอๆ กันมาทุกยุคทุกสมัย
สนามเหนี่ยวนำในอูสิงเทียนนับวาสำคัญมาก คิดวาจะตองเกี่ยวของกับเรื่องนี้เปนแน
ความเขาใจของอายฮุยที่มีตอแนวปองกันสุดทาย เดิมมาจากการที่เขาจัดคัมภีร
กระบี่ที่โรงฝกดาบ
เกือบทั้งหมดของคัมภีรกระบี่ที่พูดถึงแนวปองกันสุดทายลวนแตเปนคำยกยอง
กระบี่นี้ อยางเชนแบงแยกความเปนความตายของผูคนดวยกระบี่เดียว อยางเชน
แบงแยกยุคสมัยในกระบี่เดียวเปนตน ในการระลึกถึงผูฝกกระบี่ในใจของผูคนนั้น
กระบี่เลมนั้นคือการประกาศการจบลงของยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน เปนการเริ่มยุค
สมัยของอูสิงเทียน
เรื่องพวกนี้ไมไดเกี่ยวของอะไรกับอายฮุย เขาจัดระเบียบคัมภีรกระบี่มามากมาย
แตทวาแตไหนแตไรไมเคยมีความคิดอันโงเขลาที่จะฝกกระบี่อะไรพวกนั้น
ใช...เถาแกก็โงเขลาเชนนี้แหละ ดังนั้นการคาจึงลมเหลวไมเปนทา เปนหนี้เปนสิน
แมกระทั่งชีวิตก็ไมเหลือ ทวาการไดเห็นคัมภีรกระบี่พูดถึงเศษซากของประวัติศาสตร
หลายตอหลายครั้ง อายฮุยก็รูสึกไมเลว นอกเหนือจากจะคิดถึงเถาแกเพราะเหตุนี้ เขา
ยังรูสึกเจ็บปวดใจอยูเล็กนอย
เขาใชเวลาไมนานก็กลับมาเปนปกติ การขัดเกลาในแดนรางกวาสามป ทำใหคุน
ชินกับความเปนความตาย นับวันเขายิ่งจะไมเจ็บปวดกับเรื่องราวเกาๆ ที่แสนจะเลือน
รางพวกนี้ คนที่มีชีวิตรอดตองพยายามที่จะมีชีวิตอยู เพื่อใหคนที่จากไปไดสงบสุข
หลังจากยอนมองรองรอยแหงประวัติศาสตรเปนที่เรียบรอย เขาก็ถอยออกมา
จากฝูงชนอยางรวดเร็ว ถอยมาจนถึงรอบนอกสุดของฝูงชน เมื่อถึงจุดที่ความกั งวล
หายไป เขาถึงโลงใจไดเสียที
ทันใดนั้นที่หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาที่แสนจะคุนตา สีหนาของอายฮุย
ถึงกับขรึมขึ้นอยางรวดเร็ว
เขากาวยางไปดานหนาอยางรวดเร็ว ยกขาถีบเขาที่ทรวงออกดวยความเร็ว ดัง
สายฟาฟาด
“ปง!”
เงาของรางที่อุดมไปดวยไขมันลอยถลาไปในอากาศ และรวงลงกระแทกพื้นอยางแรง
ไมรอใหเจาอวนคลานขึ้นมา เทาของอายฮุยก็ไดเหยียบลงบนหนาของเจาอวน
เขาพูดออกมาดวยน้ำเสียงที่เขมขรึม “เอาเงินออกมา”
เจาอวนกะพริบตาปริบๆ “ไมเหลือแลว!”
“เงินของใครที่ไมเหลือแลว” เทาของอายฮุยเพิ่มแรงกดมากขึ้นอยางรวดเร็ว
น้ำเสียงของอายฮุยเองก็เพิ่มความดุดันอยางรวดเร็วเชนกัน
“ทั้งหมดไมเหลือแลว” เจาอวนรีบพูดขึ้น “ขาสงเงินกลับบานไปแลว”
“เงินของขา” น้ำเสียงของอายฮุยยังคงนิ่งสงบ แตทวาตอใหเปนคนที่ทึ่มขนาด
ไหนก็ฟงออกวาภายใตความนิ่งสงบนั้นคือความโกธรเกรี้ยว ราวกับลาวาที่ปนปวน
“ขาซื้อสิทธิ์เขาที่นี่” ใบหนาของเจาอวนฉายแววเจาเลห “ไมมีทางเลือก เลย
ชวงเวลารับสมัครไปแลว ทำไดแคใชเงินซื้อสิทธิ์ ขาใชเสนมาไมนอย เงินของเจาก็
ใชไดพอดิบพอดี เจาตองดีกับขาหนอย คนที่ติดหนี้เปนดั่งนายทานไมเคยไดยินหรือ
หากขาตายไปแลว เงินก็จะสูญสิ้นไป...”
เจาอวนที่อยูใตฝาเทายังคงพูดไมหยุด ความโกธรเกรี้ยวของอายฮุยก็หายไปเสีย
แลว เขากระทืบลงไปหนักๆ หลายทีดวยใบหนาไรซึ่งความรูสึก
ผูคนรอบขางตางถอนสายตาออกดวยความรังเกียจ บนรางของเจาอวนทั้งเต็มไป
ดวยฝุนเทาและโคลนตม เสื้อผาบนตัวของอายฮุยก็นับไดวาสะอาด ทวาเปนเสื้อที่ซัก
จนซีดขาว หอผาสัมภาระที่ถืออยูในมือก็ซีดขาวเชนกัน มองดูชางยากจนยิ่งนัก
เจาอวนแบกใบหนาที่เต็มไปดวยรอยเทาคลานขึ้นมา กระนั้นกลับไมมีความสำนึก
ผิดหรืออับอายแมแตนอย
ทั้งสองคนหาที่ที่หางจากฝูงชนนั่งลง เจาอวนไมรูไปหยิบตังเมชิ้นหนึ่งมาจากไหน
เอาเขาปากเคี้ยวดังแจบๆ เขาไมหยุดที่จะมองไปทั่วสี่ทิศ ประเมินดูรอบดานอยางสน
อกสนใจ
“เจาจะไมตื่นเตนสักหนอยหรื อ” เจาอวนมองอายฮุยดวยสายตาที่ ไมเข า ใจ
“สนามเหนี่ยวนำนะ! เขามาในสนามเหนี่ยวนำแลว พวกเราก็ไมใชแรงงานอีกตอไป!
ผานไปอีกสิบป ก็สามารถพาครอบครัวเขามาอยูในอูสิงเทียนได นั่นเปนดั่งปลาที่
เขาประตูมังกร* เชียวนะ เจารูหรือไมที่ดินแดนเกามีผูคนมากมายเทาใดตองการที่จะ
มีเอกสิทธิ์เชนนี้”
อายฮุยครานที่จะสนใจเจาอวน เขาหยิบตนหญาจากซอกอิฐขึ้นมาตนหนึ่ง เคี้ยว
เอาไวในปากพลางถาม “เจาธาตุอะไร”
“ธาตุไฟ!” เจาอวนพูดขึ้น ดวงตาขนาดเทาเมล็ดถั่วเขียวหรี่ลง “ขาไมรูมากอน
เลยวารากฐานของขาจะดีเชนนี้...”
เจาอวนเพิ่งจะรูสึกไดวาหลุดปากพูดไป จึงชะงักหยุดเอาไว
อายฮุยหันศีรษะกลับมา ใบหนามีความสงสัย “มีรากฐานดีหรือ”
สนามเหนี่ยวนำของอูสิงเทียนนั้นมีกฎตายตัว ภายในอูสิงเทียนไมแบงแยกชาย
หญิง ไมแบงแยกฐานะรวยจน ขอเพียงอายุถึงเกณฑ ก็จะตองเขามาร่ำเรียนในสนาม
เหนี่ยวนำ และสำหรับผูคนจากดินแดนเกา ขอเพียงผานการตรวจสอบรากฐาน ลวน
สามารถเขาสนามเหนี่ยวนำได
เจา อว นพูดโกหกหนา ตาย “ใช ซี อี ก นิ ดเดี ย วก็ จ ะผ า นเกณฑ แ ล ว เที ย บกั บ
พรสวรรคของเจาแลวนับวาดีกวามากนัก มิเชนนั้นตอใหอยากจะยัดเงินก็ไมมโี อกาส
จะไดยัด กฎของสนามเหนี่ยวนำออกจะเขมงวด ใชเสนสายใชวาจะใชกันไดงายๆ”
ใช ตีใหตายอยางไรเขาก็จะใหอายฮุยรูไมไดวารางกายของตนนั้นผานเกณฑจึง
ไดรับสิทธิ์มา มิเชนนั้นคงโดนเอาเงินไปเปนแน เจาอวนเตือนตัวเองในใจซ้ำๆ ไมเผย
ใหเห็นชองโหวแมแตนอย
“อืม” อายฮุยตอบรับหนึ่งคำ แลวจึงถอนสายตามา รากฐานของเขานั้นธรรมดา
มาก หางไกลกับเกณฑมาตรฐานมากนัก
“นาเสียดายที่ธาตุของเราตางกัน” เจาอวนรูสึกเสียดายอยูบาง ฐานกายของเขา
เปนธาตุไฟ ฐานกายของอายฮุยเปนธาตุทอง ซึ่งหมายความวาทั้งสองจะตองถูกแยก
เปนคนละกลุมกัน
ภายในใจของอายฮุยก็รูสึกเสียดายอยูน ิดหนอย เขากับเจาอวนเขาขากันไดดี ตาง
เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน หากไดอยูกลุมเดียวกัน เขายังสามารถดูแลเจาอวนไดบาง
เจาอวนเหมือนรูวาอายฮุยกำลังคิดอะไรอยู จึงชิงพูดขึ้นมาวา “วางใจเถอะ จะ
อยางไรเสียก็เคยอยูในแดนรางมากอน ยังจะถูกพวกกระจอกรังแกไดอีกหรือ”
ในเวลานั้นเอง มีเมฆสีแดงสดกอนหนึ่งก็ลอยมาจากขอบฟาไกล มันคอยๆ รอน
ลงสูพื้นดิน ทำใหรอบขางเกิดความวุนวายขึ้น ชายหนุมผูแตงกายดวยเสื้อผาหรูหรา
กาวลงมา หญิงสาวมากมายตางพูดกันอยางตะลึงวา ‘หลอมาก’ อะไรทำนองนี้
“ดูรวยมากเลย!” สายตาของเจาอวนถูกดึงดูดไปในทันที น้ำเสียงเต็มไปดวย
ความอิจฉา “คุณภาพของเจาเมฆเพลิงนี่ทำเอาอึ้งไปเลย! สีแดงสดใส ไรตำหนิใดๆ
เจาดูสิ รูปรางของเมฆเหมือนดั่งเปลวเพลิงเลยจริงหรือไม โอโห ชางเปนเมฆเพลิงที่
เยี่ยมยอดเสียจริง เจานี่จะตองมีเบื้องหลังที่ใหญโตเปนแน ตองหาโอกาสไปเกาะแขง
เกาะขาเสียแลว!”
หญาที่อยูในปากถูกเคี้ยวจนกลายเปนกาก อยูๆ อายฮุยก็รูสึกคิดถึงแดนราง
อยางนอยที่นั่นทุกที่ลวนมีตนเถียจี่เถิง เจาสิ่งนั้นไมเพียงแคหวาน แตยังเหนียวมากอีก
ดวย เคี้ยวไปคอนวันก็ยังเหนียวอยู เขาชำเลืองตามองเมฆเพลิงแคแวบเดียวก็ถอน
สายตากลับ เดนสะดุดตาแลวยังลอยเนิบไปเนิบมา ในแดนรางนี่จะตองเปนเหยื่อชั้นดี
เปนแน
เมฆเพลิงกอนนี้ก็เหมือนกับสัญญาณ ตามหลังมาติดๆ ในทุกทิศทุกทางปรากฏสิ่ง
ประหลาดหลายชนิดที่บินไดโพลมาไมขาดสาย รอนลงมายังหนาประตูของสนาม
เหนี่ยวนำ
เจาอวนราวกับกินยาบำรุง ตื่นเตนสุดจะเปรียบ ในปากพนออกมาแตคำศัพทที่
อายฮุยไมรูจัก ตาของเขารายกาจอยางมาก ไมเพียงรูจักสิ่งที่บินไดเหลานี้เทานั้น ทั้ง
ยังสามารถบอกมูลคาไดอีกดวย
ฟงเสียงเจี๊ยวจาวของเจาอวน สายตาของอายฮุยมองผานกลุมคนอยางไมเจาะจง
ในแดนรางยากนักที่จะเจอใบหนาที่ออนเยาวนุมนิ่มพวกนี้ ทุกคนในแดนรางลวนราว
กับสัตวปา ดุดันโหดราย ปราดเปรียว อันตราย
แตชายหนุมในที่นี้ ใบหนากลับออนเยาวเต็มไปดวยความสดใสและพละกำลัง ใน
ดวงตาที่ตื่นเตนนั้นเต็มไปดวยความใฝฝนในอนาคต พวกเด็กหนุมลอมพวกเด็กสาว
พูดคุย กันอยา งสุภ าพ พวกเขาแสดงถึ งความมี ระดั บ และความมี อ ารมณ ข ั น ซึ่ ง
พยายามที่จะดึงดูดความสนใจจากเด็กสาว พวกเด็กสาวใบหนาเต็มไปดวยความเขิน
อายจนหนาแดง ราวกับแสงอาทิตยในยามเชาตรู มุมปากของพวกเธอยกขึ้นเป น
รอยยิ้มบางๆ ยั่วยวนราวกับบุปผา
ความเขียวของหญาปากระจายทั่วปาก อายฮุยใจลอยเล็กนอย แลวก็อิจฉานิด
หนอยดวย
ความอิจฉาในแววตาของเขาเพียงพริบตาก็หายไป ดวงตาของเขากลับมาเปน
ดังเดิม เฉื่อยชาและสงบนิ่ง เขาคิดถึงเถาแก คิดถึงสามปในแดนรางที่รกรางวางเปลา
รวมกันเปนปา กลายมาเปนปาโครงกระดูกของเหลาแรงงาน ตัวเขานั้นถือวาโชคดี
มากพอแลว
การมีชีวิตอยูสำคัญกวาทุกสิ่ง การมีชีวิตอยูคือลาภอันประเสริฐ
เสียงเจี๊ยวจาวของเจาอวนที่ดังอยูขางหู ในยามนี้ฟงสบายหูขึ้นมาก
ประตูใหญคอยๆ เปดออก อายฮุยปดเศษโคลนบนรางออก ใบหนาอันดื้อรั้น
แสดงออกถึงความหนักแนน เขารู ดานหลังของประตูใหญเปนเสนทางที่ใหมมาก เปน
เสนทางที่เขาไมเคยแมแตจะนึกถึง
ทางเสนนั้นจะนำพาไปหนแหงใด เขาไมอาจรู
เขาทำไดเพียงเหมือนเมื่อสามปกอนที่เขาแดนราง กาวเดินไปขางหนา ไมแมแต
จะหันมองเจาอวนพลางกลาว “ไปกันเถิด”

*ปลาที่เขาประตูมังกร หมายถึงฝนที่กลายเปนจริง
บทที่ 3 ความโกรธเกรี้ยว
“ขาชื่ออายฮุย ปนี้อายุสิบหกป รูสึกดีใจเปนอยางมากที่ไดอยูหองเดียวกับทุกคน
ขอฝากเนื้อฝากตัวดวย”
อายฮุยที่ยืนอยูบนแทนบรรยายพยายามอยางถึงที่สุดที่จะใหน้ำเสียงของตน
ออกมาออนโยน เขาตองแอบเตือนตัวเองอยูตลอดวาที่แหงนี้ไมใชแดนราง
รอบหองเรียนในทุกๆ จุดลวนอยูในสายตาของเขา เมื่อไมพบอันตรายใดๆ อายฮุยที่
แนะนำตัวเองเสร็จจึงไดหลบลงจากเวทีอยางรวดเร็ว
นัก เรีย นที่อ ยูดา นลา งลว นตะลึ งกั บ อายุ ท ี ่ มากแล ว ของอ า ยฮุ ย จึ งเกิ ดการ
วิพากษวิจารณกันถวนทั่ว
“อายุมากขนาดนี้เขามาในสนามเหนี่ยวนำไดอยางไร อีกทั้งชื่อยังแปลกอีก”
“คนจากดินแดนเกากระมัง...”
อาจารยสวี่ที่อยูขางเวทีเห็นจึงไดกระแอมเบาๆ พลางกลาว “นักเรียนที่เหลือ
อยาไดแนะนำตัวสั้นๆ เชนนี้ แนะนำเรื่องราวของตนเองใหมากหนอย เชนนี้เพื่อนๆ
คนอื่นจะไดเขาใจพวกเจาไดดียิ่งขึ้น”
อายฮุยที่กลับมายังที่นั่งถึงไดโลงใจ เทียบกับการตอสู สถานการณเบื้องหนานี้
กลับทำใหเขาทำอะไรไมถูกเสียยิ่งกวา
พอสัมผัสไดถึงลมหายใจอันยุงเหยิงของตน เขาก็คอยๆ สูดหายใจเขาลึกๆ แลว
ความรูสึกที่แสนอึดอัดก็คอยๆ สลายไป รางกายจึงเริ่มกลับมาอยูในสภาพเดิม
อายฮุยในยามนี้ มองดูชางสงบอยางผิดปกติ ไมมีผูใดสังเกตเห็นวา เด็กหนุมที่
เงียบสงบดั่งน้ำในสระอันแสนสงบตรงมุมหอง แทจริงแลวคือสัตวรายที่กำลังจำศีลตัว
หนึ่ง มันสามารถระเบิดพลังที่สรางความตื่นตระหนกใหแกผูคนไดทุกเวลา
การใชชีวิตในแดนรางสามป ทิ้งรองรอยบาดแผลไวมากมายเหลือเกิน
ตัวอยางเชน การเลือกตำแหนงที่นั่งของเขา
เขาเลือกนั่งตรงบริเวณขางหนาตาง จากตรงนั้นจะสามารถมองออกไปดานนอก
เห็นไดอยางชัดเจน สามารถเตรียมพรอมปองกันการโจมตีจากนอกหนาตางได หากมี
การโจมตีเกิดขึ้นจากในโรงเรีย น เขาก็สามารถหลบหนีออกทางหนา ตา งไดอ ย า ง
ทันทวงที
ตัว อยา งเชนการสังเกต เขาแอบสั งเกตบริ เวณโดยรอบทั้ งหมด ไม ว  า จะเปน
อาจารยที่อยูบนแทนยืนบรรยาย เพื่อนนักเรียนที่อยูรอบๆ โครงสรางของโรงเรียน
หรือตำแหนงของเกาอี้นั่งเปนตน สิ่งเหลานี้ดูเหมือนจะเปนรายละเอียดที่ไมจำเปนแต
มันสามารถที่จะตัดสินความเปนความตายของเราได จงอยาไดรังเกียจที่จะมีขอมูล
มากมายอยูในมือของตน
เขาไมไดจงใจที่จะทำสิ่งเหลานี้ ทั้งหมดลวนเปนไปตามธรรมชาติ
นัก เรียนในหองมีสองรอยกวาคน อายุ ยั งน อยกั นทั้ งนั ้น สามารถมองไดจาก
ใบหนาที่ออนเยาวยังไมโตเต็มที่ของพวกเขา มีอยูหลายคนที่เสื้อผาหรูหรางดงาม
ทาทางหยิ่งยโส ดูทานาจะมาจากตระกูลใหญโต มีอยูคนหนึ่งที่อายฮุยจดจำได นั่นก็
คือคุณชายที่ลงมาจากเมฆเพลิงซึ่งเขาและเจาอวนเห็นตรงหนาประตูใหญ
เขามีนามวา ตวนมูหวงฮุน มองดูแลวยโสไปหนอย ทวาฝมือนับวาไมเลวเลย
ทีเดียว อายฮุยจึงจับตามองดวยความสนใจ
เจานี่ถูกเลือกใหเปนหัวหนาหอง หัวหนาหองคืออะไร ผูนำของทุกคนอยางนั้น
หรือ เอาคนที่หยิ่งยโสมาเปนผูนำหาใชเรื่องที่ดีไม อายฮุยที่มีประสบการณมามาก
มองดูดวยสายตาที่เย็นชา
ทวาเรื่องนี้มันก็ไมไดเกี่ยวของอะไรกับตัวเขา
นาเสียดายที่เจาอวนไมไดถูกแบงใหอยูหองเดียวกับเขา
นึกถึงเรื่องนี้ อายฮุยก็รูสึกเสียดายอยูเล็กนอย
ทวาในวินาทีถัดมา ความรูสึกเสียดายเหลานี้ก็ถูกคำพูดของอาจารยสวี่บดขยี้เสีย
สิ้น สิ่งที่เขามาแทนกลับเปนความโกธรเกรี้ยวสุดประมาณและจิตสังหารที่ไรขอบเขต
“ตอจากนี้ขาขอแจงเกณฑคาใชจายที่ตองจายภายในสนามเหนี่ยวนำ อาคาร
ทั้งหมดภายในเขตพื้นที่ตองเสียคาใชจาย ทุกคนคงจะสัมผัสไดวาภายในเขตพื้นที่น้มี ี
ระดับพลังธาตุเขมขนมาก การฝกฝนในสภาพแวดลอมเชนนี้ ชวยการฝกไดกวาครึ่ง
คาใชจายสำหรับหองพักเดี่ยวคือหาหมื่นหยวนตอป นอกเหนือจากนี้พวกขายังได
เตรียมหอพักที่หรูหรามีระดับยิ่งขึ้นไปอีก ที่นั่นมีระดับความเขมขนของพลังธาตุ
มากกวาโลกภายนอกถึงเกาเทา คาใชจายคือเจ็ดแสนหยวนตอป ผูที่มีปจจัยพรอมก็
ลองไปพิจารณาดูได พวกเรามาพูดถึงคาอาหารกันเสียหนอย คาอาหารภายในนี้ถูก
มาก ราคามาตรฐานตอวันอยูที่สองรอยหยวน ซึ่งรวมอาหารเสริมพลังธาตุหนึ่งชุด...”
ใบหนาของอายฮุยถึงกับกระตุก เขาไมอยากจะฟงตอ เขาใชกำลังอยางมากทีจ่ ะ
ควบคุมการแสดงอารมณของตน ทวาเพลิงโกธรที่สุมอยูภายในอกแทบจะเผาเขาให
ไหมเปนจุณ มือที่อยูใตโตะเองก็เกร็งจนเสนเลือดขึ้นปูด
สนามเหนี่ยวนำดูแลทั้งอาหารและที่พัก เหอะๆ!
ทำไมตอนที่เขารายงานตัวถึงไมจับเจาอวนมาสับใหตายนะ
ดานบนแทนบรรยาย อาจารยยังคงพูดไมหยุด น้ำลายเปลงประกายที่กระเด็นติด
อยูบนกระดานดำราวกับเปนคำวา ‘เงิน’ อยางไรอยางนั้น
ผานมากวาครึ่งชั่วโมงเต็มแลว! เจานี่ยังคงพูดแจกแจงเรื่องคาใชจายอยูอีก!
ในขณะนั้นเองเขาแทบจะวูวามขึ้นไปจัดการกับอาจารยสวี่ ดวยอาจารยสวี่ซึ่งยืน
อยูบนแทนบรรยายราวกับเปนสัตวรายที่เพิ่งจะคุกคามเขา โอไม มันเปนสัตวรายที่มี
ความอาฆาตแคนอยางมหาศาลกับเขา!
อายฮุยหรี่ตาลง แววตาเต็มไปดวยความเย็นยะเยือก เหอะๆ เจาสัตวรายเชนนี้ไม
รูวาตัวเขาจัดการไปแลวกี่ตัว
หนึ่งชั่วโมงผานไป...
เพลิงโกธรในใจของอายฮุยไดดับมอดไปแลว อีกทั้งแววตาที่เย็นยะเยือกก็เริ่ม
เปลี่ยนเปนเฉยชา เขารูสึกวาตัวของเขากำลังจะถูกจัดการ แถมยังเปนการตายอยาง
อนาถอยางถึงที่สุด
ในยามนี้ ภายในใจของเขาเต็มไปดวยความตองการที่จะหนีกลับแดนราง
แดนรางที่อันตรายรอบดาน หนาวเหน็บดวยไอสังหาร เจาพวกสัตวรายแดนราง
ที่คมเขี้ยวยอมดวยหยาดโลหิตนั้น ในยามนี้ภายในใจของอายฮุยรูสึกวาพวกมันนั้นชาง
นารักออนโยนเสียเหลือเกิน
นี ่ ค ื อ โฉมหน า ที ่ แ ท จ ริ ง ของสนามเหนี่ ย วนำเช น นั้ น หรื อ แท จ ริ ง แล ว สนาม
เหนี่ยวนำเปนสถานที่ที่นากลัวยิ่งกวาแดนรางนับรอยเทา!
ในที่สุดอาจารยสวี่ก็ยอมหยุดลงเสียที “นักเรียนผูมาจากดินแดนเกา ในตอนที่
ผานการทดสอบความถนัดคงไดรับเงินกอนหนึ่งสินะ เงินกอนนั้นก็มีไวเพื่อเติม เต็ม
คาใชจายในระหวางการเรียน”
เขาไมผานการทดสอบรากฐาน...
ดวงตาทั้งสองของอายฮุยมองไปยังอาจารยโดยไรซึ่งจิตวิญญาณ
"แนนอน เงินกอนนั้นเพียงพอตอการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน หากพวกเจาตองการ
ทรัพยากรและโอกาสที่มากยิ่งขึ้น ก็จะตองขยันใหมาก สนามเหนี่ยวนำมีทั้งหมดเจ็ด
สิบหกเมือง มีโอกาสและหนาที่ในการทำงานมาก พวกเจาจะไดรับคาตอบแทนที่
เหมาะสม ขาขอเตือนทุกคนในที่นี้ สิ่งสำคัญที่ทุกคนมายังสนามเหนี่ยวนำคือการร่ำ
เรียนและการฝกฝน ไมใชการมาหาเงิน ทุกคนอยาไดมาเสียเวลาไปกับเรื่องนี้ จะไดไม
กระทบตอการฝกฝนของตน มันไมคุมเอาเสียเลย
อายฮุยในยามนี้คอยโลงใจขึ้นมา ยังดีที่เหลือทางรอดสุดทายใหตัวเขา ความยินดี
หลังจากที่รอดมาได ราวกับเพิ่งจะหนีรอดมาจากปากเสือ ทำใหหนาผากของเขานั้นมี
เหงื่อผุดขึ้นมาอยางไมรูตัว
อาจารยสวี่แจกเอกสารหนาๆ มาหนึ่งปก ในนั้นมีตารางเรียน แผนที่สถานที่
ใกลเคียง ตารางการทำงาน ตารางภารกิจ เกณฑการอยูหอพัก บริเวณรานอาหารของ
เมือง และเสนทางตางๆ ในเมืองเปนตน ซึ่งบอกมาอยางละเอียดถี่ถวน
“ทุกคนมีเวลาสามวัน จัดการเรื่องอาหารและที่พักของตัวเองใหเรียบรอย อีก
สามวันใหหลัง พวกเราจะเริ่มเรียนกันแลว ระวังไวดวยวา วิชาพื้นฐานพลังธาตุไมอยู
ในขอบเขตเนื้อหาการเรียนการสอนของพวกเรา หากไมเคยเรียนพื้นฐานมากอน ทุก
คนสามารถเรียนรูไดดวยตัวเองที่หองสมุด หรือไปเรียนที่หองเรียนของอาจารยตง
หมดแคนี้ทุกคนไปได”
อายฮุยหาคาบเรียนของอาจารยตงในตารางเรียนเจอจึงวงสัญลักษณเอาไว นั่น
เปนคาบเรียนที่เขาจำเปนตองเขาฟง
ทวาในตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการแกปญหาเรื่องเงินกอน ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาไมมี
เงินสักแดงเดียว แมแตเงินคาอาหารกลางวันก็ไมมี
เขานั่งหลังตรงดั่งพูกัน สายตาที่เฉียบคมกวาดผานเอกสารในมือ กอนอื่นตองดูวา
มีอาหารสามมื้อใหหรือไม มีอยูไมนอยเลยทีเดียว อายฮุยจึงทอดถอนใจออกมา ปลาย
นิ้วไลไปตามตารางทีละแผนทีละแผน ทันใดนั้นนิ้วมือที่เรียวยาวก็หยุดลง
สายตาที่แหลมคมดุจคมดาบคอยๆ จางไปเปลี่ยนเปนแววตาที่กำลังครุนคิดอะไร
อยางลึกซึ้ง แตก็ดูเหมือนเขาเหมอลอยอยูบาง
มือขางหนึ่งของอายฮุยถือหอผาสัมภาระใบเกา อีกมือถือแผนที่ ในปากคาบ
ตนหญาที่เก็บมาจากขางทาง เขาเดินเชนนี้ออกจากโรงเรียน
เบื้องหนาของเขาคือรานรวงและถนนแปลกตา เขาเดินผิวปากผานของตางๆ ที่
ไมเคยเห็นทั้งที่อยูดานขางหรือที่แขวนอยูเหนือศีรษะ อีกทั้งยังไดยินผูคนรอบตัวกำลัง
ถกเถียงหัวขอที่เขาไมเขาใจ
อายฮุยพบวา เขาสามารถมองดูสิ่งประหลาดไมคุนตาทั้งหมดที่อยูเบื้องหนา ได
อยางสงบ
สามปในแดนราง ถึงแมกำลังของเขาจะไมถึงขั้นกลาแกรง ทวาจิตใจนั้นกลับ
แข็งแกรงกวาเมื่อกอนมากมายนัก เขามีความกลาที่จะดำรงชีวิตในโลกใบนี้โดยลำพัง
การมีความกลาที่จะเผชิญหนากับโลกที่ไมรูจักและแสนแปลกประหลาดนั้น เรียกได
วาไมใชเรื่องงายเลย
นี่คงเปนเพราะเขาเติบโตแลว เติบโตเร็วกวาคนอื่นนิดหนอยก็ไมใชเรื่องแย
เขายิ้มปนหัวเราะเบาๆ ใหกับตัวเอง เหมือนวาตั้งแตที่ออกจากแดนรางมา ตัว
ของเขาก็เปลี่ยนมาออนไหวมากขึ้น เขาที่บนบาพาดหอผาสัมภาระใบเกา ปากคาบ
หญาสีเขียว สายตาที่มองไปยังแผนที่ ถูกแสงอาทิตยสาดผานรางทำใหเห็นเปนเงาเดิน
ไปดานหนา พรอมกับทอดยาวผานไปยังเสนทางที่เขากำลังจะกาวเดินไป
ยังดีที่สถานที่ไมไดหายากอะไร อาคารมอบหมายงานอยูที่บริเวณใจกลางเมือง
เดนสะดุดตาเปนอยางมาก
“เจาจะรับงานชุดนี้จริงๆ หรือ” ผูเฒาที่ทำหนาที่แจกงานเตือนเขาดวยความหวังดี
“พื้นที่ของโรงฝกไมใชเล็กๆ ปริมาณงานที่ตองทำก็ไมใชนอยๆ เลย พูดกันตามตรง
จนถึงตอนนี้ขาไมเห็นวาจะยังมีผูใดรับงานนี้ไปทำ เจาของโรงฝกไมไดกลับมานานกวา
ยี่สิบปแลว กอนที่เขาจะจากไปไดสงเงินมายังบัญชีของพวกเรา กอนที่เงินกอนนี้จะ
หมด ทุกปพวกเราจึงประกาศงานเหมือนที่เขาสงให ทวาเจาก็รู เงินคาตอบแทนของ
งานชุดนี้ยังใชเกณฑเดิมของเมื่อยี่สิบปกอน ตั้งแตเมื่อยี่สิบปกอนก็ไมมีผูใดรับทำแลว
ขาตองเตือนเจาเอาไว คาตอบแทนนี้ต่ำมาก แทบจะไมเพียงพอกับคาอาหารของเจา
เจาแนใจหรือวาจะรับงานนี้”
อายฮุยไมตอบแตกลับถามไปวา “ขาสามารถรับเงินคาตอบแทนบางสวนกอนได
หรือไม”
ผูเฒาเขาใจสถานการณของอายฮุยในทันที จึงพยักหนาเบาๆ “ไดสิ ทวาขาตอง
ขอเตือนเจา หากเจารับงานชิ้นนี้ ในขณะที่เจายังอยูในสนามเหนี่ยวนำแหงนี้ เจาจะ
ไมสามารถยกเลิกงานนี้ได อยากเปลี่ยนใจหรือไม”
อายฮุยตอบอยางชัดเจน “ขารับงานนี้”
“ดีมาก” ผูเฒาทำเอกสารใหเขาอยางรวดเร็ว “ที่แหงนั้นกวางพอสมควร เจา
สามารถประหยัดคาที่พักไปได เงินคาตอบแทนไดใสเขาไปในบัตรของเจาแลว นี่คือ
กุญแจ สวนที่อยูก็อยูที่ดานบน สุดทาย ขอตอนรับเขาสูสนามเหนี่ยวนำ”
อายฮุยรูสึกขอบคุณจากกนบึงของหัวใจ จึงตั้งใจทำความเคารพ “ขอบคุณทาน
จริงๆ!”
“เปนเด็กนอยที่มีมารยาทจริง” ผูเฒาเผยรอยยิ้มออกมา “พยายามฝกฝนเขา
ความแข็งแกรงนั้นเปนทุกสิ่ง”
พอรับรูถึงความปรารถนาดีจากอีกฝาย อายฮุยแมจะไมคุนเคยแตก็พยายามที่จะ
ยิ้มกลับไป “ขาจะทำใหได”
พอมีเงินในมือจิตใจจึงสงบ ชางเปนคำที่สมเหตุสมผลเสียจริง ตอนนี้อายฮุยรูสึกดี
มาก โลกทั้งใบงดงามขึ้นมากนัก
อายฮุยก็รูสึกสนใจของแปลกๆ พวกนั้นที่อยูบนถนนทันที ราวกับตัวเขาเปน
นักทองเที่ยวที่ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งตางๆ โดยรอบ
รถใบไมสามแฉกที่มีขนาดใหญโต ลอยผานศีรษะของเขาไป เขาถึงกับอดไมไดที่
จะเงยหนาขึ้นมองตาม
มีใบโคลเวอรสามแฉกติดอยูกับโครงหวายขนาดใหญดานบนสุดหมุนรอบไปมา
เปนใบพัด ดานในมีเกาอี้หวายอยูหลายแถว มีผูโดยสารนั่งอยูจนเต็ม
ดานหนาของตัวรถมีปายหวายแขวนอยูอันหนึ่ง ซึ่งมีเถาวัลยสีรุงถักเปนเกลียว
รวมกันเปนคำวา ‘เมืองชิงซาน’ สามคำ ที่สามารถมองเห็นไดจากที่ไกลๆ
ครั้งอายฮุยยังอยูแดนรางก็เคยเห็นรถใบไมสามแฉก ทวาเทียบกันแลวธรรมดา
กวา มาก อีก ทั้งตัว โครงหวายลว นเต็ ม ไปด ว ยหนามพิ ษ หลากสี เหมื อ นกั บ สั ต ว
ประหลาดก็ไมปาน ปกติแดนรางจะใชรถใบไมสามแฉกสำหรับสงวัตถุดิบ แตทวามี
จำนวนไมมากนัก นี่เปนงานที่อันตรายมาก นกนักลาในแดนรางถือวาดุรายมาก กำลัง
ในการโจมตีก็นับวานากลัวมากเชนกัน
โดยปกติผูใชพลังธาตุไมจะมีความกระตือรือรนในการตอสูคอนขางต่ำ พวกเขา
ชอบที่จะอยูแนวหลังมากกวา
ทวาการที่ในทุกที่สามารถเห็นรถใบไมสามแฉกไดนั้น ยังคงทำใหอายฮุยสัมผัสได
ถึงความรุงเรืองของสนามเหนี่ยวนำ อีกทั้งในที่แหงนี้เขาสามารถเห็นผูใชพลังธาตุที่อยู
ระดับสูงเกินเอื้อมไดทุกหนทุกแหงเชนกัน
เขาที่มองยังรถใบไมสามแฉกซึ่งอยูสุดขอบฟา ถอนสายตากลับมา แลวเดินตอไป
ขางหนา
ผานไปไมนาน เขาก็หาซอยที่ตั้งโรงฝกอยูเจอจนได ดูจากสัญลักษณในแผนที่แลว
ที่ตั้งของโรงฝกอยูที่บริเวณทายซอย
เขาเดินเขาไปในซอยที่ทั้งลึกและเงียบสงบ ราวกับกำลังเดินเขาไปในโลกอีกใบ
เกิดเปนความรูสึกเรียบงายและอางวางขึ้น ตึกตางๆ โดยรอบลวนเกาแก แคมองดูก็รู
วามีอายุไมนอยแลว
ทันใดนั้นอายฮุยก็หยุดฝเทาของตน
บทที่ 4 ตุกตาทรายโหลวหลาน
บริเวณตรงใจกลางของซอยไมไกลจากตัวเขานัก ไดปรากฏเงาหนึ่งจมอยูในกอง
ทรายสีเหลืองราวกับกำลังดิ้นรนอยูในทรายดูด
อายฮุยเริ่มระวังตัวขึ้นมา ทรายดูดที่มาอยูกลางซอยแบบนี้สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือ
ผูใชพลังธาตุดิน
ผูใชพลังธาตุดินมีกระบวนการสังหารที่แปลกประหลาดมากมาย ปองกันได ไม
หมด ผานไปสักพักก็ยังไมมีอะไรเกิดขึ้น อายฮุยไดวิเคราะหดูอยางละเอียด จึงจะ
สังเกตเห็นเงารางที่โผลพนมามีลักษณะคอนขางพิเศษ
ผิวหนังเปนสีเหลืองจางๆ มีกอนกรวดที่ดูหยาบๆ บนใบหนาใสหนากากสีดำ
อันหนึ่ง ดูจากวัสดุแลวนาจะเปนกอนหินที่มีความแข็งแกรงชนิดหนึ่ง
อายฮุยเปดปากพูดขึ้นมาในทันที “ตุกตาทรายหรือ”
อีกฝายหยุดการดิ้นรน มองที่เขาแวบหนึ่งจึงตอบ
“ใชแลว เจาเรียกขาวาโหลวหลานก็ได”
เปนน้ำเสียงของผูชายที่มีความทุมต่ำและดูซื่อตรง ในน้ำเสียงนั้นเจือความแหบอยูบาง
ตุกตาทรายเปนหนึ่งในความสามารถที่ผูใชพลังธาตุดินโปรดปรานที่สุด ระดับ
ความยากในการสรางไมมาก การซ อ มแซมก็ง าย อี ก ทั ้ งยังทำงานหนั กโดยไมบน
เหมาะสมอยางมากในการทำงานที่ตองใชแรง ทะเลทรายเหลืองของอูสิงเทียนสราง
ทรายหนักคุณภาพไมธรรมดาออกมา จึงทำใหทักษะการสรางตุกตาทรายนี้กลายเปน
ที่นิยม ในตอนที่อยูแดนรางอายฮุยเคยเห็นตุกตาทรายมามาก เขาจึงสามารถมองออก
ไดในเวลาไมนาน
“ดูแลวเจานาจะกำลังลำบากอยูนะ” อายฮุยเดินไปที่ดานหนาของโหลวหลาน
แลวคุกเขาลง “ดูทาแกนทรายจะมีปญหาแลว”
ทั้งรางของตุกตาทรายสวนที่เกิดปญหางายที่สุดก็คือแกนทราย แกนทรายไมใช
สิ่งที่เกิดจากธรรมชาติ แตเปนสิ่งที่ผูใชพลังธาตุดินสกัดมากจากทรายหนัก เปนสวน
แกนกลางที่สุดของตุกตาทราย ดวยความสำเร็จในทักษะของแตละคนไมเหมือนกัน
แกนทรายของตุกตาทรายแตละตัวจึงตางกัน
รางกายทั้งหมดของตุก ตาทรายเกิ ดมาจากทรายเหลือ ง แกนทรายคือกุ ญ แจ
สำคัญในการขยับเปลี่ยนแปลงรูปรางของพวกมัน เมื่อแกนทรายเกิดปญหา รางกาย
ของพวกมันก็จะกลายไปเปนกองทรายที่กระจัดกระจาย
“ใชแลว ปญหาเกาๆ” โหลวหลานคอนขางจะหมดหนทางอยู “ชวยขาหนอยได
หรือไม เจานายของขาชื่ออาจารยเซา เขาอยูตึกที่สองนับจากทายซอย เจาสามารถ
ชวยขาสงขอความถึงเขาทีไดไหม”
“ตึกที่สองจากทายซอย” อายฮุยเลิกคิ้วขึ้นพลางกลาว “ดูทาพวกเราจะตองเปน
เพื่อนบานกันสักระยะเสียแลว”
ทาทางโหลวหลานจะฉลาดอยูไมนอย ทาทางเพื่อนบานของตนจะตองเปนผูใช
พลังธาตุดินที่รายกาจเปนแน
ฝามือของอายฮุยเพิ่งจะแทรกเขาไปในกองทราย ก็รูสึกถึงพลังธาตุดินที่เขมขน
ในทันที มือของตนนั้นราวกับหลนลงไปในโมหิน ถูกพลังธาตุอันหนาแนนหนักหนวง
บดขยี้ หนาของเขาถึงกับเปลี่ยนสี เขาใชพลังธาตุทองคลุมฝามือเอาไว ฝามือของเขา
เปนดั่งมีดสั้นคมกกริบ พุงไปยังใจกลางของกองทราย
“อดทนหนอยนะ”
อายฮุยเพิ่งจะพูดจบ ฝามือที่รวบรวมพลังธาตุทองก็ไดระเบิดออกในทันใด
“ปง!”
เสียงระเบิดดังออกมาจากดานในกองทราย การสั่นไหวที่ไรรูปแบบไดกระจาย
ออกมาในทันใด พอการบิดไปมาของกองทรายหยุดลง รางกายของโหลวหลานก็ได
หยุดนิ่งลง
สองวินาทีใหหลัง นัยนตาของโหลวหลานก็เปลงแสงออกมา ทรายที่กระจายไปก็
เปนดั่งผงเหล็กที่ถูกแมเหล็กดูดเขาหา ลอยเขามารวมกับรางของเขา
เพียงพริบตาเดียวก็ไมเหลือเม็ดทรายบนพื้นแมเพียงเม็ดเดียว รางกายของโหลวหลาน
กลับมาเปนดังเดิม เขาจึงลองขยับตัวดู จากนั้นก็เอยขึ้นดวยน้ำเสียงเต็มไปดวยความ
ประหลาดใจ “ชางเปนกระบวนทาที่นาอัศจรรยนัก เจาทำไดอยางไรกัน”
“เปนกระบวนทางายๆ” อายฮุยตอบไปตามตรงอยางไม ใส ใจ พลันยกหอผา
สัมภาระขึ้นมาใหม แลวพาดเอาไวบนบาพลางกลาว “นี่เปนเพียงการแกไขเฉพาะ
หนา เจายังตองกลับไปตรวจสอบแกนทรายดูอีกรอบ”
ที่จริงมันก็ไมใชกระบวนทาที่รายกาจอะไร ในแดนรางอายฮุยเคยเห็นผูใชพ ลัง
ธาตุดินใชวิธีนี้ในการแกปญหาตุกตาทรายมาหลายครั้งแลว แมวาจะไมใชทุกครั้งที่ทำ
สำเร็จ ทวาในสิบครั้งก็มีถึงเจ็ดแปดครั้งที่ทำไดสำเร็จ
ทวานี่ก็เปนครั้งแรกที่เขาไดลงมือทำจริงๆ เพราะไมมีผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญคนใด
จะยอมใหคนใชแรงงานมาชวยตนซอมแซมตุกตาทราย
แนนอนวาโหลวหลานไมมีทางสัมผัสไดเลยวาอายฮุยนั้นเปนมือใหม กลับรูสกึ วา
เขานั้นดูเต็มไปดวยทาทางของผูสูงสง
“ขอบพระคุณเปนอยางมาก!” โหลวหลานใชน้ำเสียงที่จริงจังแสดงความเคารพ
ตออายฮุย “ไมทราบวาทานมีชื่อแซอันใด”
“เรื่องเพียงแคเล็กนอยเทานั้น ขาชื่ออายฮุย” อายฮุยโบกมือไปมาแสดงใหเห็นวา
โหลวหลานไมจำเปนตองเก็บมาใสใจ พลางเดินไปขางหนา “ไปกันเถิด พวกเราไปทาง
เดียวกัน”
โหลวหลานเดินตามอายฮุยอยูดานหลังพลางถาม “เจาจะไปที่ใดกัน”
“โรงฝกศาสตราวุธอยูที่นี่ใชหรือไม” อายฮุยถามขึ้น
“ที่แทก็เปนเพื่อนบานกันจริงๆ”
น้ำเสียงที่ทุมต่ำของโหลวหลานมีความยินดีเจืออยู “พวกเราเปนเพื่อนบานกัน ที่
นั่นเปนบานของเจาเหรอ เหมือนวาจะไมเคยมีใครอยูเลย”
บาน...
เทาของอายฮุยหยุดลง ทวาในทันใดก็กลับมาเปนดังเดิม “ไมใชหรอก ขารับ
ภารกิจมา มีหนาที่ทำความสะอาดโรงฝกนั่น”
โหลวหลานสงเสียงโอมาครั้งหนึ่ง “เชนนั้นเจาก็เปนนักเรียนใหมสิ”
“ถูกตองแลว” อายฮุยพยักหนา เขาเริ่มรูสึกไดแลววาโหลวหลานนั้นนาจะไมคอ ย
ไดออกไปไหน
สติปญญาของตุกตาทรายมีระยะเวลาในการเติบโต อายฮุยตอนอยูในแดนราง
เคยเห็นตุกตาทรายที่ใชสูรบ พวกมันลวนเจาเลหไรความรูสึก เปนเครื่องจักรสังหาร
อยางแทจริง
ในแดนรางมีประโยคที่วาหากอยากจะรูวาผูใชพลังธาตุดินผูหนึ่งเปนเชนไร ให
มองดูจากตุกตาทรายของเขาดูก็จะรูแลว ดูจากโหลวหลานก็รูไดวาเจานายของเขาที่
ชื่ออาจารยเซาอะไรนั่นก็คงเปนผูใชพลังธาตุดินที่ไมสนใจเรื่องราวในโลก เอาแตใจจด
ใจจออยูแตกับการฝกวิชา
“ถึงแลว ที่นี่คือโรงฝกศาสตราวุธ” โหลวหลานชี้ไปยังโรงฝกหลังเกาที่อยูตรงทายซอย
“มาสรางโรงฝกอยูในที่หางไกลถึงเพียงนี้ ชาง...เสียจริง” อายฮุยสายหัว ดูทา
ประสบการณในโรงฝกดาบเมื่อสามปกอน ทำใหเขาออนไหวกับสิ่งที่เกี่ยวกับพวกโรง
ฝกมากขึ้น เมื่อกอนก็เคยคิดวาโรงฝกนี่คอนขางจะอยูไกล แตเมื่อไดเห็นดวยตาของ
ตัวเอง ถึงไดพบวาหางไกลยิ่งกวาที่ตนเคยคิดเสียอีก
อยาบอกนะวาเปนคนที่มีจุดจบอันนาเศราเชนเดียวกับเถาแก
ก็เปนไปได ผูเฒาบอกวาเจาของที่นี่ไมไดติดตอมายี่สิบกวาปแลวมิใชหรือ ที่จริง
จะใชอีกคำแทนก็คือไมรูเปนหรือตายนั่นแหละ
เอาเถิด อายฮุยรูสึกวาเรื่องที่ตนเก็บมาใสใจดูเหมือนจะคอนขางมากอยู กลับกัน
ตัวเองก็มาเพราะเรื่องเงินรางวัล โรงฝกกับตนก็ไมมีความเกี่ยวของใดๆ ตอกัน ความ
เปนความตายของเจาของที่นี่ก็ยิ่งไมเกี่ยวของอันใดกับตน
ประตูใหญทั้งสี่ดานลวนเต็มไปดวยใยแมงมุม ปายไมที่อยูบนประตูใหญก็มีฝุนเทา
เกาะหนาอยูเปนชั้นๆ แมกระทั่งตัวอักษรบนปายไมก็เลือนรางไมชัดเจน หากไมรูมา
กอนวาเปน ’โรงฝกศาสตราวุธ’ คงไมอาจมองออกเปนแน
เขาหยิบกุญแจขึ้นมาไขกลอนประตูออกไดอยางงายดาย นั่นแสดงวามาถูกที่แลว
เมื่อเปดประตูใหญออก ชั้นฝุนหนาสีเทาก็รวงลงมาราวกับหิมะโปรยทันใด
เขาหยุดยืนอยูที่หนาประตูพักหนึ่ง รอใหฝุนหายไปกอน อายฮุยจึงจะเดินเขาไป
บริเวณสนามอยูในสภาพนาผิดหวัง วัชพืชลวนสูงกวาตัวคน สวนใหญคือหญา
กระบี่มองดูราวกับกระบี่ที่ชี้ขึ้นทองฟา หางตาของอายฮุยกระตุก การปลูกหญากระบี่
ในบานของตน เจาของที่นี่ชางมีงานอดิเรกที่แสนจะแปลกประหลาด
ประโยชนของหญากระบี่คือการนำมาทำกระบี่หญา อาวุธของอายฮุยก็คอื กระบี่
หญาที่ทำมาจากหญากระบี่
ทวาในยามนี้ที่เขาเห็นบริเวณสนามทั้งหมดเปนหญากระบี่ที่สูงยิ่งกวาตัวของเขา
นั้น เขาก็รูสึกปวดหัวขึ้นมาในทันที เนื้อของหญากระบี่นั้นเหนียวเปนอยางมาก เรียก
ไดวาเหนียวกวาเหล็กเสียอีก การตัดหญากระบี่ถือเปนเรื่องที่ยากลำบากเปนอยาง
มาก ที่สำคัญที่สุดคือ หญากระบี่ขึ้นทีเปนกอหนาทึบ หากไมระวังเขาไปในนั้น แปด
ถึงเกาในสิบสวนอาจจะโดนมันบาดจนทั่วรางเปนแผลได
อายฮุยสายหัวพรอมยิ้มอยางขื่นขม
สิ่งที่ทำใหเขารูสึกเซ็งยิ่งกวาคือ เจาหญากระบี่เหลานี้มันแกเกินไป หากวาเปน
หญากระบี่ที่มีอายุหาป ยังสามารถเอามาขายไดเงินบาง ทวาหญากระบี่อายุประมาณ
นั้นขนาดใบของมันจะใหญกำลังพอดี สามารถนำมาทำกระบี่หญาได แตหากหญา
กระบี่แกมากใบก็จะใหญเกินไปและกลายเปนไรประโยชน
“ขาชวยไดนะ” โหลวหลานพูดกับอายฮุย
อายฮุยสายหัวปฏิเสธ “ขาทำเองได เจายังตองไปตรวจสอบแกนทรายอีก เมื่อครู
เปนเพียงการแกไขปญหาเฉพาะหนาไมสามารถแกตนตอของปญหาได”
“เอาเถอะ” โหลวหลานพยักหนา “วันพรุงนี้เจารอขามาชวยแลวกัน”
“ขาทำเองได รับเงินมาแลวก็ตองทำงาน” อายฮุยพูดไปพลางเปดหอผาสัมภาระ
ใบเกาของตนไปพลาง เขาไมมีความเคยชินที่จะโยนงานไปใหผูอื่นทำ
“ได เชนนั้นขากลับกอนนะ” โหลวหลานไมไดพูดอะไรอีก จากนั้นรางกายก็
เปลี่ยนเปนทรายดูดแทรกลงสูพื้นดิน แลวหายไปอยางไรรองรอย
หญากระบี่เปนหนึ่งในพืชที่คอนขางจะยุงยาก ทำใหคนตองปวดหัว ทวานี่กลับ
ไมไดรวมถึงตัวอายฮุย
เขาอาศัยอยูในแดนรางมาสามป อายฮุยก็นับไดวาเปนผูเชี่ยวชาญดานพืชอยูไม
นอย นาเสียดายที่รากฐานของเขาไมใชธาตุไม เขารูสึกวาการฝกวิชาธาตุไมดูจะมี
อนาคตมากกวาการฝกวิชาธาตุทองเสียอีก
ในหอผาสัมภาระใบเกาของเขานั้นเต็มไปดวยของแปลกประหลาดมากมาย ทั้ง
กระดูก สัตว หนังสัตว เมล็ดพืช หิ น ที ่ มี สี เป น เอกลั ก ษณ และสิ ่ งต า งๆ มากมาย
หลากหลาย ไมวาอะไรก็มีหมด ของพวกนี้เปนรางวัลจากชัยชนะของเขาในแดนราง
ตลอดระยะเวลาสามป และก็เปนสมบัติทั้งหมดของเขา สวนมากคือสิ่งที่เขาเก็ บ
รวบรวมเอง บางสวนไดมาจากผูใชพลังธาตุที่ยิ่งใหญใหเปนของรางวัล ยังมีบางสวนที่
เปนพวกเศษเหลือที่ผูใชพลังธาตุไมสนใจ
อายฮุยลวนเก็บรักษาอยางระมัดระวัง ไมวาจะเกิดอะไรขึ้น หอผาสัมภาระของ
เขาก็ไมเคยหายเลย
ขวดสีแดงใบเล็กใบหนึ่งถูกคนออกมา สิ่งนี้คือพิษไฟชนิดหนึ่งที่เขาปรุงขึ้นในแดน
ราง ชื่อของมันคือหรานมู พิษของมันไมไดรุนแรงอะไร จึงไมสามารถเอาไปใชในการ
ตอ สูได ทวา มันกลับ เปนสิ่งจำเป น ที ่ คนในแดนร า งจะต อ งพกติ ดตั ว ไปเสมอ ซึ่ ง
ประโยชนของมันก็คือใชกำจัดหญา
แดนรางลวนเต็มไปดวยวัชพืช สามารถพบไดทุกหนทุกแหง มีหลายที่ที่ถึงกับเดิน
ไดลำบาก การจะตั้งคายพักก็จำเปนตองจัดพื้นที่ใหไดที่วางขนาดใหญ
พลังชีวิตของพืชในแดนรางนั้นแข็งแกรงเปนอยางมาก วัชพืชที่ทนทายาดยิ่งกวา
หญากระบี่นั้นมีมากมายราวกับขนบนตัววัว ยากเกินกวาจะพึ่งกำลังคนในการจัดการ
ไฟธรรมดาไมสามารถกำจัดมันลงได จึงจำเปนจะตองใชพิษไฟอยางหรานมูเทานั้น
อายฮุยเปดฝาขวดออก กลิ่นคลายกำมะถันก็กระจากออกมา หรานมูที่มีสีแดง
เพลิงดั่งลาวาถูกเทลงไปยังกอของหญากระบี่
หรานมูที่หยดลงสูใบของหญากระบี่ ทำใหใบของหญากระบี่ที่เคยเปนสีเขียว
เปลี่ยนเปนสีเทาในทันที สีเทานี้ไดลุกลามไปทั่วดวยความเร็วที่ตาเปลาสามารถเห็นได
อยางชัดเจน
กลิ่นกำมะถันในอากาศคอยๆ จางลง ประมาณหานาที กอหญากระบี่ทั้งกอที่แต
เดิมเปนสีเขียวก็เปลี่ยนเปนสีเทาทั้งหมด
ฟุบ!
หญากระบี่สีเทาพังทลายลงราวกับหิมะถลม เหลือเพียงซากหญาสีเทาบนพื้น
อายฮุยฝงซากหญาสีเทาลงไปในดินอยางชำนาญ ทำเชนนี้จะสกัดกั้นไมใหวัชพืช
งอกใหมอีก เพราะพวกวัชพืชไมชอบกลิ่นอายของพิษไฟ
เขาทำไดอยางรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็จัดการจนสนามวางเปลา เขาหาไม
กวาดมาทำความสะอาดใยแมงมุมที่อยูตามมุมตางๆ ออก แลวตักน้ำมาจากบอเพื่อใช
ทำความสะอาดพื้น เนื่องจากฝุนหนามาก จึงตองเช็ดถึงหาหกรอบจึงจะสะอาด
เขากำจัดใบที่ปวยของตนน้ำ เตาซึ่ งอยู ในรางหินบริ เวณกำแพงหอ ง นำเครื อ
เถาวัลยของมันมาถักแขวนไว แลวแขวนน้ำเตาลูกที่ใหญที่สุดไวตรงชายคา สวน
เถาวัลยที่เหลือก็ถักไวตามชายคา แลวทำความสะอาดน้ำเตาทุกลูกอยางละเอียด
จากนั้นเขาก็เปดประตูหนาตางทั้งหมดออก เพื่อใหอากาศไดถายเท
เขาแขวนปายไมเกาที่ถูกตากแดดตากลมกลับไปไวในโถงหลัก สวนกระถางธูปที่
ทำจากทองแดงก็ลางจนสะอาด จากนั้นก็หาธูปกำหนึ่งมาจากตู แลวจุดขึ้นมาสาม
ดอกปกใสกระถาง
ทำงานมาทั้งวัน ในที่สุดโรงฝกก็กลับมาเปนเหมือนใหม
ยามราตรีที่คืบคลานมาถึง น้ำเตาที่แขวนตรงชายคาก็เปลงแสงที่ออนโยนออกมา
ทำใหโรงฝกสวางไสว แผนหินที่สะอาดและสมบูรณ อาคารไมที่มีกลิ่นอายโบราณและ
เรียบงาย ของใชในบานที่ถูกจัดไวอยางสมบูรณ ควันธูปที่หมุนวนขึ้นสูอากาศนำมาซึ่ง
ความหอมจางๆ
ทิวทัศนที่แสนสงบเบื้องหนา ราวกับมีภาพฝนบางอยางซอนอยูในสวนลึกของ
จิตใจ มันมาถึงตรงหนาเขาโดยไรซึ่งสัญญาณใดๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นอยางฉับพลันเชนนี้ เปนสิ่งที่ไมอาจตานทานได
เขารูสึกงงงวยอยูเล็กนอย
บทที่ 5 การปดตาตอสู
ความเปนจริงไดพิสูจนแลววาความรูสึกไมอาจเอาชนะทองหิวได
อายฮุยที่ดึงสติกลับมาเพิ่งจะพบวาตนนั้นไมไดกินอะไรเลยมาทั้งวัน เขาถึงถูก
ความหิวอันรุนแรงเขาจูโจมอยางฉับพลัน
เขาพยุงตัวไวกับกำแพง รูสึกมือเทาของตนไรเรี่ยวแรง
คนไมอาจทำงานไดตอนทองหิว ขาดขาวเพียงมื้อเดียวก็แทบตาย คำกลาวนี้ชางมี
เหตุผลเสียจริง
พอเดินออกมาจากซอยไดไมไกล เขาก็เห็นรานบะหมี่อยูรานหนึ่ง เขาเกือบที่จะ
คลานพุงเขาไปในราน
“เถาแก เอาบะหมี่มาชาม!”
“ไดเลย!”
พอกินบะหมี่ไปหนึ่งชาม ในที่สุดอายฮุยก็กลับมามีแรง ในตอนที่คิดเงิน ตาของ
เขาเกือบจะเบิกโตจนเปนทรงกลม “ราคา...เทาไรนะ”
“หนึ่งรอยหาสิบหยวน ขอบคุณที่อุดหนุน” เถาแกตอบ
“หนึ่ง...หนึ่งรอยหาสิบ” อายฮุยราวกับไดยินสิ่งที่ไมอาจจะเขาใจ สายตาที่มอง
ไปยังเถาแกก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป จิตสังหารถูกปลอยออกมา แตไหนแตไรมาเด็กหนุม
คนนี้ไมใชเด็กนอยนิสัยดีที่จะปลอยใหใครมาเอารัดเอาเปรียบ
“เปนนักเรียนใหมหรือ” เถาแกขมวดคิ้ว
เรื่องแบบนี้ไมไดเกิดขึ้นครั้งแรก เขารูสึกจนปญญานิดหนอยพลางชี้ไปที่ปายไมที่
แขวนอยู “ราคาอยูดานบนนั้น ไมมีการหลอกลวงใคร ราคาของในสนามเหนี่ยวนำ
หากเทียบกับดินแดนเกาแลวถือวาแพงกวามากนัก”
อายฮุยมองตามปลายนิ้วของเถาแกไปยังปายราคาบนกำแพง แลวในใจก็รูสึกถึง
รางสังหรณที่ไมคอยดีนัก
ที่เถาแกพูดเกรงวาจะเปนเรื่องจริง...
อายฮุยเดินออกมาจากรานบะหมี่ดวยใบหนาซีดเผือด ในที่สุดเขาก็เขาใจวาทำไม
งานดูแลโรงฝกถึงไมมีผูใดรับทำเลยในระยะเวลาตลอดสิบกวาปมานี้ เงินคาตอบแทน
ที่ไดทุกเดือนเพียงแคสี่พันหารอยหยวนนั้น พอที่จะกินอาหารเหรอ ใครเปนคนสอนผู
เฒาที่ศูนยมอบหมายงานคิดเลข โผลหัวออกมาเลย!
บะหมี่สามสิบชาม!
วันหนึ่งกินบะหมี่ไดหนึ่งชาม เขาลูบๆ ที่ทองอันไรความรูสึกของตนที่เพิ่งจะกิน
บะหมี่ไปหนึ่งชาม พอคิดถึงการใชชีวิตของตนในวันขางหนาแลว สองตาของอายฮุยก็
มืดมนลง เขาทุมเทสุดกำลังเพื่อที่จะเขามายังสนามเหนี่ยวนำ เขารูสึกวาภายหลัง
ตนเองจะตองไดเปนผูใชพลังธาตุที่ยงิ่ ใหญ และสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง
ได แตไมคิดเลยวาสนามเหนี่ยวนำจะจูโจมแสกหนาเขาเชนนี้
แมแตขาวยังกินไมอิ่ม ยังจะพูดถึงการฝกวิชาอะไรอีก
สายลมในยามราตรีที่พัดผานทำใหหัวใจดวงนอยของเขาหนาวเหน็บ
ไมไดแลว ตองคิดวิธีหาเงิน!
อายฮุยที่ซึมเศราไปหาวินาทีไดดึงสติกลับมาใหม ไมเพียงแคปญหาเรื่องอาหาร
การกิน เงินกับการฝกพลังธาตุก็เกี่ยวของกันอยางใกลชิด ตอนที่เขาอยูในแดนราง
เขาอยูกับพวกผูใชพลังธาตุพวกนั้นเพื่อที่จะลาอสูรแดนราง
ชิ้นสวนรางกายของอสูรแดนรางลวนเปนสมบัติมีคา
กระดูกและกลามเนื้อสามารถนำมาสรางอาวุธ หนังของอสูรแดนรางสามารถ
นำมาสรางชุดเกราะ เลือดสวนมากสามารถนำมาผลิตเปนยาเสริมพลังธาตุ และเนื้อ
สวนใหญนำมาทำเปนอาหารเสริมพลังธาตุ
ที่เรีย กอาหารเสริมพลังธาตุก ็ คื อ อาหารที ่ สามารถเพิ ่ มพลั งธาตุ ไ ด ถื อ ว า มี
ประโยชนอยางมากตอผูฝกวิชา
ระบบพลังธาตุไดรับสืบทอดมาจากระบบการบำเพ็ญตน ระบบที่ยิ่งใหญของการ
บำเพ็ญตนสงผลกระทบตอระบบของพลังธาตุอยางลึกซึ้ง ดังนั้นระบบพลังธาตุจึงเปน
ผลของการบำเพ็ญตนสะสมเอาไว
นานแลวที่อายฮุยไมไดเปนเด็กหนุมใสซื่อ เขาเขาใจอยางแจมแจงวา ไมสามารถ
พึ่งแตการอดทนฝกวิชาอยางยากลำบากเทานั้นถึงจะไดมาซึ่งพลังอันยิ่งใหญ
โคมไฟของเมืองซงเจียนถูกจุดขึ้นใหสองสวางในยามราตรี ทุกที่สามารถเห็น
นักเรียนใหมออกมาเดินดวยกัน เปนภาพที่ดูมีชีวิตชีวาเปนอยางมาก นักเรียนใหมยัง
ไมคอยมีเรื่องไมสบายใจเทาไรนัก ความตื่นเตนยินดีที่เพิ่งไดเขาสนามเหนี่ยวนำจึงยัง
ไมลดลง ทุกคนตางเต็มไปความใฝฝนในอนาคต
ไมรูเปนเพราะไดรับอิทธิพลจากเสียงแหงความสุขของเหลานักเรียนใหมรอบตัว
หรือไม ความไมสบายใจของอายฮุยถึงไดลดลงไปไมนอย
มือทั้งสองขางของเขาซุกไวในกระเปากางเกง แลวเดินอยางไมรีบรอนเพียงลำพัง
ภายใตแสงอันงดงามจากโคมไฟ พอมองดูฝูงคนและแสงไฟภายใตหมอกควัน กลิ่น
ของอาหารที่อบอวนไปทั่วทองถนน ก็ดูรื่นเริงขึ้นมาบางเล็กนอย สำหรับเขาแลวนั้น
สิ่งนี้เปนความรูสึกที่พิเศษมาก แมวาเขาจะระมัดระวังภัยขึ้นมาอยางไมรูตัว แตทวา
ในโลกที่หรูหรางดงามนี้ก็ทำใหความตึงเครียดในหัวของเขาผอนคลายลง
เขาเดินอยางไรจุดหมายไปตามทองถนน
ในทันใดนั้น สายตาของเขาก็ถูกปายประกาศแผนหนึ่งดึงดูด
“การปดตาตอสู! หากยังยืนอยูไดในหานาทีก็รับไปเลยหาหมื่นหยวน!”
หาหมื่น!
นัยนตาทั้งสองขางของอายฮุยเปลงประกายขึ้นมาทันที ราวกับหมาปาหิวโซที่
มองเห็นเหยื่อ แลวมือทั้งสองขางที่ซุกอยูในกระเปาก็ยายมาลูบที่ทองตั้งแตเมื่อไรไมรู
พอรูตัวอีกทีก็กำลังลูบทองอยูแลว
ยังไมอิ่มเลย...
เงินหา หมื่ นนี้ เทา กับ บะหมี ่ก ี ่ ชามนะ ดู ท  า จะนั บ ยากอยู  แ ฮะ ทำไมถึ งรู  สึ ก
เหมือนวาทองหิวอีกแลวละนี่
ยังไมทันไดคิดตรึกตรองใหดี ขาทั้งสองขางก็ขยับไปเองแลว เขาพาตัวเองเดินกาว
ไปเบื้องหนา
รางกายชางซื่อตรงอะไรขนาดนี้นะ...
ณ โรงฝกตระกูลซือ
ประตูหองพักถูกเปดออก พรอมกับหญิงสาวที่มีรูปรางสูงโปรงทาทางเย็นชาเดิน
เขามา นางสวมเสื้อกันลมสีดำและสวมหมวกที่เกือบจะปกปดใบหนาจนมิดใบหนึ่ง
หญิงสาวปลดเสื้อคลุมกันลมออก สงไปใหชายวัยกลางคนที่ยืนอยูดานหลัง พลางถาม
“การปดตาตอสู เปนความคิดที่นาสนใจ ขาชอบ!”
“คุณหนูชอบก็ดีแลว” ชายวัยกลางคนรีบโคงตัวรับเสื้อคลุมกันลม “พวกขาไดรับการ
แจงขาวจากตระกูล ถึงเรื่องที่คุณหนูจะเขามา ที่เมืองซงเจียนนั้นไมมีพวกยอดฝมือ
สวนมากเปนนักเรียนใหม จึงไดคิดวิธีนี้ขึ้นมา แตก็ไมทราบวาจะมีประโยชนหรือไม”
“ไมไดลงชื่อขาสินะ” หญิงสาวที่นั่งอยูยกขาอันเรียวงามไขวขึ้น จากนั้นก็ยกน้ำ
ผลไมที่อยูเบื้องหนาขึ้นมาคอยๆ ดื่ม ผมของนางคลุมอยูที่ไหล รูปโฉมงดงามไรตำหนิ
มีใบหนาเรียวไดรูป นัยนตาเปลาประกายราวกับดวงดารา ทาทางดูมีความมั่นใจและ
หยิ่งยโส สิ่งเหลานี้ทำใหนางมีพลังที่สามารถสยบผูคน ตอใหกำลังนั่งอยูบนโซฟาก็
ยังใหความรูสึกที่กดดันผูคนอยางรุนแรง
“ไมขอรับ!” ชายวัยกลางคนรีบตอบ “หากประกาศชื่อของคุณหนูออกไป จะยังมี
ผูใดกลามาอีก นามของทานนั้นออกจะขมขวัญผูคนเกินไป พวกขาวางแผนจัดการปด
ตาตอสูนี้ขึ้น ก็ไดจัดเตรียมหนากากที่ไมมีชองตรงดวงตาไวเพื่อปองกันไมใหมีผูใดดู
ออกวาเปนทาน”
“ดูทาพวกเจาจะพยายามวางแผนกันมาไมนอย ลำบากพวกเจาแลว”
ซือเสวี่ยมั่นแสดงออกใหเห็นถึงความพอใจ “บอกทุกคนวา ทุกคนไดรางวัลเปน
เงินเดือนสามเดือน”
บุคคลผูซึ่งไดรับความสนใจที่สุดในสนามเหนี่ยวนำ อีกทั้งยังเปนสาวงาม ไมวา
นางจะไปที่ใดลวนไดรับความสนใจ ทวานางกลับไมไดเกลียดการถูกสนใจ นางนั้นเปน
คนฉลาด นางรูวาเวลาใดควรที่จะถอมตัวและเงียบเอาไว
ความแข็งแกรงคือทุกสิ่งอยางแทจริง สิ่งนี้เปนสิ่งที่นางถูกสอนมาตั้งแตยังเล็ก
“ขอบคุณคุณหนูขอรับ” ชายวัยกลางคนรีบกลาวขอบคุณ ในแววตาแสดงออกถึง
ความยินดีอยางไมรูตัว เงินรางวัลเปนเงินเดือนสามเดือน สำหรับพวกเขาแลวนั่นไมใช
เงินกอนเล็กๆ เลย ที่สำคัญกวาคือคำชมจากคุณหนู การมีชื่ออยูในสายตาคุณหนู
นับวาผลประโยชนในอนาคตคงจะมากนัก
ซือเสวี่ยมั่นถามตอ “มีคนสมัครกี่คน”
“ตอนนี้มียี่สิบสามคน” ชายวัยกลางคนเพิ่งจะตอบ ทันใดนั้นก็มีคนมากระซิ บขาหู
เขาจึงพูดตอ “ยี่สิบสี่คน เมื่อครูมีอีกหนึ่งคนมาลงสมัคร พวกขาไมไดกำหนดคาสมัคร
เขาแขง ก็เพราะหวังวาจะมีคนมาสมัครมากขึ้น เพียงแตพวกขาใชเวลาในการวางแผน
คอนขางสั้น จึงไมมีเวลาประกาศออกไป”
“พอแลว ดูทาวันนี้ขาจะไดออกแรงเสียหนอย” ซือเสวี่ยมั่นเลิกคิ้วขึ้น ปากเผย
รอยยิ้มบางๆ ทันใดนั้นนางก็หุบยิ้มลงพลางกลาว “อีกนานเทาไรจึงจะเริ่ม”
“แปดโมงครึ่ง ยังเหลืออีกสิบหานาที” ชายวัยกลางคนตอบ เขาจำเปนตองเตือน
บางเรื่อง “คุณหนู ทานออมแรงหนอย ดูแลวสวนมากเปนนักเรียนใหม หากทำราย
บาดเจ็บจะเกิดปญหาวุนวายได”
“วางใจเถิด” ซือเสวี่ยมั่นพยักหนา “ขาใสกำไลผนึกพลังเอาไวแลว”
ชายวัยกลางคนไดยินดังนั้นจึงเบาใจลงไปได สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คือคุณหนูจะทำ
ใหนักเรียนใหมบาดเจ็บ หากเปนนักเรียนเกาก็ไมเทาไร พวกนั้นคงไมนาเขามายุงใน
สนามเหนี่ยวนำ ทวาหากเปนนักเรียนใหมพวกนั้นจะใหความสนใจกับสนามเหนี่ยวนำ
เปนอยางมาก กำไลผนึกพลังจะชวยผนึกเขตแดนของพลังธาตุ พอเขาลองกลับมาคิด
อีกทีก็พบวาตนเองนั้นคิดมากเกินไปแลว
ดูจ ากระดับ การฝ ก อันมากพรสวรรค ข องคุ ณหนู แ ล ว ต อ งเข มงวดกั บ ความ
ตองการของตนขนาดไหน ถึงไดถอมาเสียไกลเพียงเพื่อรังแกนักเรียนใหม
“เจาออกไปไดแลว ขาจะเตรียมตัวเสียหนอย” ซือเสวี่ยมั่นกลาวขึ้นตัดความ
สงสัยของเขา
“ขอรับ!” ชายวัยกลางคนโคงตัวถอยออกจากหองไป
ซือเสวี่ยมั่นเก็บรอยยิ้มบนใบหนา แลวทาทางของนางก็เริ่มจริงจังขึ้น แมวาจะมา
เปนเพื่อนทานปูมาเยี่ยมเพื่อนที่เมืองซงเจียน แตนางก็ไมไดมีความคิดที่จะมาพักผอน
กอนออกเดินทาง นางไดสงขอความมายังโรงฝกของตระกูลสาขาเมืองซงเจียน วานาง
จะเขาไปเพื่อทำการฝกฝน
คาดไมถึงวาโรงฝกสาขาเมืองซงเจียนจะมีความคิดใหมๆ อยางเตรียมการปดตา
ตอสูไวให
นางยังไมเคยมีประสบการณปดตาตอสูมากอน
เมื่อสวมกำไลผนึกพลังแลว ความแข็งแกรงของนางก็ไมไดตางกับนักเรียนใหม
มากนัก นี่จึงเปนการทดสอบทักษะของนาง อีกทั้งในสถานการณการปดตาตอสู นาง
สามารถแสดงความแข็งแกรงออกมาไดมากนอยเพียงใด ในใจของนางเองก็ยังไมรู
ทวานางหาไดเกรงกลัวตอการตอสูที่มิอาจรูไดไม กลับกันสิ่งนี้ทำใหนางตื่นเตน
และอยากรูอยากลอง
นางไมไดตื่นเตนเชนนี้มานานมากแลว นางเริ่มจัดชุดตอสูของตน แลวใชเชือกสี
แดงมามัดผมขึ้น เผยใหเห็นเรียวคอระหงขาวราวหิมะ การขยับเขยื้อนของนางไมได
เร็ว ทวาทาทางจริงจังชางทำใหผูคนรูสึกถึงความพิถีพิถัน
เมื่อสวมหนากาก โลกเบื้องหนาก็กลายเปนความมืดมิด
ความมืดมิดที่แปลกหนา ทำใหเกิดระลอกคลื่นขึ้นในใจของนาง
นางหลับตาลงคอยๆ ปรับลมหายใจของตน พยายามสัมผัสถึงความมืดมิ ดรอบ
ดานอยางละเอียด ไมรูวาเปนเพราะโลกมืดมิดหรือไม โลกถึงไดกลายเปนเงียบสงบ
ยิ่งขึ้น เสียงที่ตามปกตินางมองขามก็กลายเปนดั่งปลาที่วายอยูกลางกนมหาสมุทร
แลวลอยขึ้นสูผิวน้ำอยางเงียบเชียบ
ประสาทสัมผัสของนางเปลี่ยนเปนแหลมคมยิ่งขึ้น ราวกับมันถูกยืดออก แลวอากาศ
บางๆ ที่ไหลผานผิวกายของนาง ก็ทำใหรางของนางอดที่จะสั่นขึ้นอยางไมรูตัวไมได
นี่เปนโลกใบใหม โลกที่นางไมเคยไดสัมผัสมากอน
เปนโลกที่ทำใหนางตื่นเตนอยางถึงที่สุด ในทันใดนั้นนางก็มีความรูสึกวาหากนาง
สามารถควบคุมโลกใบใหมนี้ได นางคงสามารถบรรลุระดับที่ตนอยูในตอนนี้ไดเปนแน
เวลาคอยๆ ไหลผานไป นางกำลังสังเกตโลกอันแปลกใหมและเงียบสงบใบนี้อยาง
ละเอียด
“การปดตาตอสูกำลังจะเริ่มขึ้น ยังเหลือเวลาอีกสามนาทีสำหรับการเตรียมตัว
การตอสูใชเวลาหานาทีในการตัดสิน ในทายที่สุดผูที่สามารถยืนหยัดไดครบหานาที ผู
นั้นจะสามารถไดรับเงินรางวัลจำนวนหาหมื่นหยวน เพื่อใหสมจริงยิ่งขึ้น บนสนามจะ
มีการปลอยควันหมึกรัตติกาลซึ่งเปนควันที่ไมมีพิษและไมมีกลิ่น เพียงแตสิ่งนี้จะสงผล
กระทบตอ การมองเห็น มันสามารถเลี ย นแบบความมื ดมิ ดในยามราตรี ได อ ย า ง
สมบูรณแบบ เพื่อปองกันการทำรายกันอยางไมจำเปน การตอสูในครั้งนี้จึงเปนการ
ตอสูดวยมือเปลา ทุกคนกรุณาใสเครื่องปองกันและสวมหนากาก หนึ่งนาทีใหห ลัง
การตอสูจะเริ่มตนขึ้น”
ซือเสวี่ยมั่นลุกขึ้นยืนในทันที นางเดินออกจากหองพักไปยังบริเวณสนามแขง
นางกาวเดินราวกับใชไมบรรทัดก็ไมปาน ในพริบตาที่หนากากกำลังจะชนกับ
ประตู นางก็หยุดเดินพอดี
นางยืนรออยางสงบ ชางราวกับรูปสลักที่งดงามซึ่งถูกแกะโดยชางฝมือ
“การปดตาตอสูกำลังจะเริ่มขึ้น นับถอยหลัง สิบ เกา แปด...”
ซือเสวี่ยมั่นไมขยับแมแตนอย
“สาม สอง หนึ่ง! การตอสูเริ่มได!”
ประตูที่อยูดานหนาถูกเปดออกอยางรวดเร็ว
ซือเสวี่ยมั่นกาวเดินไปยังสนามอยางไมลังเล วินาทีที่เดินไปสูสนามแขง นาง
สามารถสัมผัสไดวาแสงที่แตเดิมเคยลอดผานหนากากมาไดหายไป ตัวของนางราวกับ
อยูทามกลางความมืดมิดที่ลึกล้ำและดำสนิท
สมกับเปนหมึกรัตติกาลอันเลื่องชื่อ
ซือเสวี่ยมั่นแอบชื่นชมอยูในใจ
ควันหมึกรัตติกาลถือวาเปนควันพิษที่คอนขางนอกรีต ผูใชพลังธาตุไมที่สามารถปรุง
มันไดมีนอยมาก ดังนั้นราคาของมันจึงสูงมาก ทวาผลลัพธที่ไดก็ดีเยี่ยม ซือเสวี่ยมั่น
เพิ่งจะคุนเคยกับความมืด สัญญาณเริ่มแขงก็ดังขึ้น
ในตอนนี้เอง สัญญาณเตือนในใจของนางก็เกิดขึ้นในทันที
บทที่ 6 ขึ้นนำ
เมื่อเทียบอายฮุยกับคนอื่นที่ทำอะไรไมถูก เขาก็เปนดั่งปลาที่อยูในน้ำ
ในแดนรางความมืดมิดคือผูควบคุมทุกสิ่ง การจูโจมและการสังหารมากมายลวน
เกิดขึ้นอยางเงียบงันในความมืดมิด ทั้งแยงชิงชีวิตและความอบอุน ผูใชพลังธาตุที่ไม
อาจคุนชินกับความมืด ตอใหแข็งแกรงเพียงใดก็ไมอาจรอดชีวิตอยูในแดนรางได
ในตอนแรกอายฮุยก็สามารถสัมผัสไดวาใกลตัวเขามีคนอยู อีกทั้งยังอยูใกลกับเขา
เปนอยางมากแตกตางจากที่เขาคาดการณเอาไว
แตเดิมเขาไมไดเตรียมการที่จะลงมือ ขอเพียงเขาสามารถอยูอยางไรตัวตนในมุม
หนึ่งของสนาม ยืนหยัดจนครบหานาที ก็จะสามารถรับเงินรางวัลไปได หากดูจากกฎ
แลว ขอเพียงยืนหยัดอยูไดครบหานาทีโดยที่ไมไดตอสูแพก็ถือวาชนะการแขง
อยางไรก็ตามแดนรางมีเพียงแคความเปนความตาย หาไดมีกฎเกณฑไม
อายฮุยพบวาสถานการณปจจุบันแตกตางไปจากที่เขาคาดการณไว จึงตอบสนอง
ดวยสัญชาตญาณในทันที ระยะหางระหวางเขากับอีกฝายอยูใกลกันมาก ดวยระยะที่
ใกลกันเชนนี้ หากอีกฝายทำการโจมตี เขามีโอกาสอยางมากที่จะถูกดึงเขาสูการตอสู
ดวยการประเมินความอันตรายอยางแมนยำราวกับอสูรแดนรางที่นาหวาดกลัว
อ า ยฮุ ย จึ ง เขา ใจสถานการณ ไ ด เ ป น อยา งดี เขาไม ม ี ท างมี ค วามคิ ด โง เขลา
เหมือนกับพวกรอบกายเขาที่ไมคุนชินกับความมืด
ประสบการณที่ผานความเปนความตายหลายตอหลายครั้งไดบอกกับรางกายของ
เขาวา เมื่อพบเจอกับสถานการณเชนนี้ ผูที่เริ่มโจมตีกอนจะมีโอกาสมากกวา
ฝเทาของเขาแผวเบาราวกับแมวในยามราตรี ยางกาวลวนไรซึ่งสุมเสียง
การเคลื่อนไหวของเขาชามาก ชาเสียจนไมทำใหเกิดเสียงใดๆ สิ่งนี้คือสวนที่เปน
ประสบการณอันมากมายของอายฮุย ในสภาพแวดลอมที่มืดมิดเชนนี้ เสียงและลม
หายใจก็เปนดั่งแสงสวางที่แยงตา สัตวปาที่เชี่ยวชาญในการลา กอนที่จะเริ่มการโจมตี
ลวนสงบราวกับความมืดมิดของยามราตรี
ความเงียบสงบและความมืดมิดลวนเปนเพื่อนขางกายที่ดีที่สุด
อายฮุยสัมผัสไดถึงตำแหนงของอีกฝายอยางคลุมเครือ เขาขยับอยางแผวเบาไป
ทางฝายตรงขาม
สมาธิของเขาตึงเครียดอยางที่สุด กลามเนื้อทั่วรางของเขาอยูในสภาพที่ไมปกติ
เหมือนกับเขาใกลจุดอันตรายของภูเขาไฟ ขอเพียงมีสะเก็ดไฟดวงเล็กๆ ก็สามารถที่
จะทำใหเขาระเบิดออกมาได อยางไรก็ตามหากดูจากภายนอกกลับหาไดมองเห็นถึง
รองรอยใดไม
ทันใดนั้น เขาก็หยุดลงและกลั้นลมหายใจเอาไว
เขาก็เปนเหมือนนักลาที่มากประสบการณ เขาสัมผัสไดวาเหยื่อของเขาสัมผัสได
ถึงบางอยาง
เขาไมรูวาควรจะบรรยายสัญชาตญาณนี้เปนความรูสึกอยางไร และก็ไมรูวาการ
คาดเดานี้นำหลักฐานใดมาตัดสินใจ ทวาในแดนรางไมตองการหลักฐาน มีเพียงแพ
หรือชนะ มีชีวิตรอดหรือตายเทานั้น
เขาหยุดอยูกับที่ไมขยับแมแตนอย ราวกับรูปสลักรูปหนึ่ง
ซือเสวี่ยมั่นสัมผัสไดถึงกลิ่นอันตรายที่คลุมเครือ แมวานางจะไมแนใจมากนัก
ทวาสิ่งนี้ก็ทำใหนางระวังตัวขึ้นมา จึงทำการเพงความสนใจ และใชหูพยายามฟงเสียง
ที่เกิดขึ้นรอบตัว
รอบตัวเงียบเปนอยางมาก ไมมีสิ่งใดเลย
ทวาบริเวณที่ไกลออกไปอีกหนอย นางไดยินเสียงหายใจของคนบางสวน ถึงแม
พวกเขาจะพยายามกลั้นลมหายใจ แตก็ถูกนางจับได นางยังไดยินบริเวณดานซายของ
ตนวามีคนกำลังกาวเดินอยางระมัดระวัง
นางอดไมไดที่จะแอบสายหัวเบาๆ ในตอนนี้ไมวาการเคลื่อนไหวใดลวนสามารถ
ดึงดูดการโจมตีจากผูอื่น
ในเวลานี้เอง อยูๆ ดานหนาสิบกวาเมตรก็เกิดเสียงอุทานตกใจและหดหูใจขึ้น
จากนั้นก็มีเสียงการปะทะกันอยางรุนแรงเกิดขึ้น เพียงไมนานในบริเวณนั้นก็ดึ งดูด
ความวุนวายขึ้น
ในใจของซือเสวี่ยมั่นผอนคลายลง ดูทาตนคงจะรูสึกไปเอง ในบริเวณสามเมตร
รอบตัวของตนนั้นไมมีผูใดเลย
ความรูสึกในการปดตาตอสูชางแตกตางจริงๆ
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกตื่นเตนขึ้นมาเล็กนอย การตอสูเชนนี้เปนสิ่งที่นางไมเคยเจอมา
กอน นางสัมผัสไดถึงสมาธิของตนที่ไมเคยตึงเครียดเชนนี้ การสัมผัสถึงบริเวณรอบตัว
ก็มีความเฉียบแหลมอยางที่ไมเคยเปนมากอน หากนางสามารถคงสภาพสัมผัสอัน
เฉียบแหลมของตนไดตั้งแตเริ่มจนจบ ความสามารถทางการตอสูของนางจะตองเพิ่ม
อยางกาวกระโดดเปนแน
นางมองเห็นถึงเสนทางที่ไมเคยเห็นมากอน
นางรูสึกราวกับตัวเองเปนนักลาที่ซอนเรนอยูในเงามืด รอคอยโอกาสเหมาะสมใน
การออกลามาถึง ในใจของนางเต็มเปยมไปดวยความมั่นใจ ดวยระดับการเพงความ
สนใจที่สูงถึงเพียงนี้ การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กนอยที่เกิดขึ้นโดยรอบจึงปรากฎขึ้น
ภายในใจของนาง
ความรูสึกอันแปลกใหมนี้ ทำใหนางรูสึกลุมหลง
ทันใดนั้นนางก็รูสึกวาหัวไหลของตนชนเขากับอะไรบางสิ่ง
ในขณะที่นางพบสถานการณที่แปลกแยกขึ้นมา ขนทั่วรางก็ลุกซูขึ้น ตนเองไมได
ขยับ เหตุใดจึงชนเขากับบางสิ่ง
มีคนกำลังเขาใกลตน! ทวาตนเองกลับไมสามารถสัมผัสไดถึงสิ่งใดหรือไดยินถึง
เสียงใดเลย บรรยากาศรอบดานไมมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มีเพียงความเยือกเย็นที่
ลามขึ้นมาจากกระดูกกนกบ ลุกลามไปตามแนวไขสันหลัง
อยางไรก็ตามการตอบสนองของนางชาไปเพียงอึดใจเดียวเทานั้น ในขณะที่นาง
นึกเขาใจขึ้นมา ก็ไดตกอยูอันตรายเสียแลว
ในตอนที่ซือเสวี่ยมั่นผอนคลายความระวังตัวลง อายฮุยที่นิ่งราวหุนสลักก็เริ่มตน
เคลื่อนไหว การเคลื่อนที่ของเขาเชื่องชาเปนอยางมาก ชายิ่งกวายายแกอายุเกาสิบ
เสียอีก นิ้วทั้งหาของเขากางออก แลวคอยๆ คลำไปทางดานหนา
รางกายของเขาไดขยับไปทางดานหนา
กลามเนื้อทั่วรางรวบรวมกำลังรอคอยการจูโจม
การเพงความสนใจของอายฮุยอยูในระดับสูงสุด เขาปลอยเสียงการตอสูที่อยูไม
ไกลใหผานไป จึงไมไดรับผลกระทบแมแตนอย ความสนใจทั้งหมดของเขาเพงรวมอยู
ที่ปลายนิ้ว เขารูวาหากสัมผัสโดนเปาหมาย การตอสูก็จะเกิดขึ้นในชวงเสี้ยววินาทีนี้
ชัยชนะหรือความพายแพ ลวนตัดสินขึ้นในชวงเสี้ยววินาทีนั้น
ในขณะที่ปลายนิ้วสัมผัสไดถึงบางอยาง อายฮุยก็เริ่มทำการโจมตีอยางไมลังเล
หัวเขาที่คอยๆ โคงงอ กลามเนื้ออันแขงแกรงระเบิดพลังออกมา รางกายของเขา
พุงไปดานหนาอยางไมจำเปนตองตระเตรียมใดๆ ก็เหมือนกับเสือชีตาหที่รวดเร็วและ
ดุราย เขาพุงเขาไปอยางรวดเร็วปานสายฟาฟาด
แลวสัมผัสที่ปลายนิ้วก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรง ประสบการณอันมากมายของอายฮุย
สามารถตัดสินไดทันทีวาสวนที่เขาสัมผัสโดนคือหัวไหลของอีกฝาย
กวาซือเสวี่ยมั่นจะรูตัว การจูโจมอันดุดันรวดเร็วก็เปนดั่งภูเขาไทซานที่กดทับอยู
บนตัว ในขณะนั้นนางเกิดเสียสมดุลขึ้นมา รางกายกำลังจะทรุดลงพื้น สวนมือซายที่
เตรียมจะปองกันก็ใชไมไดผล นางจึงตัดสินใจจะใชฝามือยันพื้นเอาไวเพื่อรักษาสมดุล
ทวากลับถูกหยุดเอาไว แขนของนางทั้งแขนถูกแขนของอีกฝายจับยึดไว อีกฝาย
ลงมืออยางดุดันเปนอยางมาก นางรูสึกไดวาแขนขวาของตนไดไรความรูสึกไปเสียแลว
การโจมตีที่ทำใหถึงกับหายใจไมออกยังไมจบสิ้น สิ่งที่ทำใหซือเสวี่ยมั่นตองตกตะลึงก็
คือ รางกายของอีกฝายเปนดั่งงูที่บีบรัดอยูบนตัว อีกฝายแนบชิดอยูที่ดานหลังของ
นาง เปนราวกับหนวดปลาหมึกก็ไมปานเกาะอยูบนหลังของนาง รวมทั้งขาสองขางที่
เปรียบประดุจลวดเหล็กอันแข็งแกรงถูกยืดมาดานหนาเกี่ยวรัดขาทั้งสองขางของนาง
เอาไว แลวปลายเทาที่เหมือนตัวล็อกเหล็กกลา ก็ยึดชวงตนขาและทองจนขยับไมได
ตั้งแตเล็กจนโต ซือเสวี่ยมั่นไมเคยชิดใกลกับผูชายคนใดถึงเพียงนี้ ทวาในตอนนี้
นางไมไดมีความรูสึกหลงใหลหรืออบอุนหัวใจแมแตนอย จะมีก็เพียงแตความกลัว
ความหวาดกลัวจากกนบึ้งของจิตใจ
การล็อกจับอยางดุรายทำใหนางรูสึกราวกับเปนปลาที่ติดอยูในแห ไรซึ่งกำลังดิ้น
รน นางอยากที่จะปลดกำไลผนึกพลัง แตทวาแขนขาของนางถูกล็อกอยู ไมอาจขยับ
ไดแมแตนอย นางไมไดยินเสียงลมหายใจจากดานหลัง ความเงียบสงบอันเย็นยะเยือก
ทำใหนางหวาดกลัว ราวกับสิ่งที่โจมตีนางเปนเครื่องจักรไรชีวิต และสิ่งที่จับนางเอาไว
เปนเพียงโซเหล็ก สิ่งที่ยิ่งทำใหตื่นกลัวก็คือ อีกฝายกำลังคอยๆ บีบรัดแนนขึ้น
นางไดกลิ่นอายแหงความตายที่เขมขน
ความหวาดกลัวที่รุนแรง ทำใหนางดิ้นรนอยางไมคิดชีวิต แลวสัญชาตญาณแหง
การเอาชีวิตรอดก็ทำใหนางระเบิดพลังที่ไมเคยมีออกมา
เสนผมที่ปรกหนากากซึ่งสวมอยูบนใบหนา ดานหลังหนากากคือใบหนาที่กำลัง
ปดตาดวยทาทีแสนเย็นชาดังทุกที สิ่งนี้เปนสถานการณที่เกิดขึ้นตามปกติ ไมวาจะ
เปนสัตวปาใดกอนตายยอมตองดิ้นรนอยางสุดความสามารถ ยิ่งเปนคนดวยแลว
การตอสูยังไมจบ ถัดจากนี้จะเปนการตอสูดวยปญญาและความอดทน
เขาคอยๆ ผอนแรงลงเล็กนอย
แนนอน เมื่อรูสึกวาการดิ้นรนของตนมีประโยชน รางกายของซือเสวี่ยมั่นจึงยิ่ง
สะบัดไปมาอยางรุนแรง
อายฮุยเปนดั่งนักลาที่เยือกเย็น สวนสำคัญของอีกฝายที่ถูกจับไวมั่นคงราวกับหิน
กอนยักษ การดิ้นรนของอีกฝายจึงเปนเพียงการเสียกำลังกายไปเรื่อยๆ ในตอนที่กำลัง
กายหมดสิ้น ก็จะเปนเวลาตายของเหยื่อนั่นเอง
เพียงไมนานซือเสวี่ยมั่นก็เริ่มหายใจหอบเสียแลว เหงื่อหอมเปยกโชกไปทั่วกาย
นางรูสึกไดวากำลังกายของตนกำลังลดนอยถอยลงอยางรวดเร็ว ขณะที่ตนเหนื่อยขึ้น
เรื่อยๆ อีกฝายกลับยิ่งรัดแนน
มาถึงตอนนี้ ในที่สุดนางก็ดึงสติออกมาจากความหวาดกลัวไดสำเร็จ
ฟนคืนสูซือเสวี่ยมั่นที่สงบสุขุม ในที่สุดการฝกฝนอยางยากลำบากเปนเวลานานก็
แสดงผลลัพธออกมา นางถือกำเนิดขึ้นในตระกูลใหญ เพิ่งจะไดเปดหูเปดตาก็ตอนนี้
ในตอนแรกเปนเพราะตื่นตระหนก และยังตกลงสูความหวาดกลัว ทำใหตนสับสนทำ
อะไรไมถูก ในตอนนี้ฟนคืนสูความสงบสุขุม นางจึงสามารถหากลยุทธในการตอบโตได
ในทันที
นัย นตางามสอ งประกายแสงแปลกประหลาด พลั งธาตุ ในกายหมุ น วน แล ว
รางกายที่ถูกจับไวอยางแนนหนาเกิดการสั่นไหวขึ้นในทันที
การสั่นไหวครั้งนี้ไมอาจเทียบกับการดิ้นรนอยางรุนแรงในคราวกอน แตทวาพลัง
ที่ถูกปลอยออกมากลับยิ่งใหญ เรียกไดวายิ่งใหญเกินกวาคราวกอนมากมายนัก
อายฮุยสัมผัสไดถึงพลังที่ทำใหผูคนตองตกตะลึกแผออกมาจากรางสูภายนอก
แขนขาทั้งสี่ขางรูสึกชา เขารูสึกถึงความอันตรายจนตองปลอยมือ
อันตรายจริง!
ความแข็งแกรงของเหยื่อเหนือกวาที่เขาคาดการณไวนัก สัญญาณอันตรายเพิ่งจะ
ปรากฎขึ้นภายในสมองของเขา รางกายของเขาไดตอบสนองอยางซื่อตรงที่สุด ไมมี
แมแตความลังเล แขนที่แตเดิมพันแขนเรียวเปนดั่งงูที่เลื้อยออกมา นิ้วทั้งหากางออก
พุงตรงไปยังลำคอของเปาหมายดวยความเร็วดั่งสายฟาฟาด
มันแตกตางหากเทียบกับการลาสังหารที่เงียบเชียบราวกับใตทะเลลึก กรงเล็บสง
เสียงแหวกสายลม รวดเร็วดังสายฟา
ซือเสวี่ยมั่นถึงกับใจสั่น ขนลุกชันไปทั่วราง นางไมสงสัยแมแตนอยวากรงเล็บนี้
หากโดนคอของตนจะตองทิ้งรอยนิ้วทั้งหาไวเปนแน
ยังดีที่อีกฝายผอนแรงแขน ทำใหนางมีโอกาสสกัดเอาไว แขนบางราวไรกระดูก
ผิวขาวราวหิมะ เปนดั่งตนหลิวลูลม ยื่นออกโดยไรซึ่งหมอกควัน สกัดอยูเบื้องหนา
ลำคอของตน
“ฟุบ!”
กำลังอันมหาศาลทำใหขอมือของนางเจ็บปวดไปหมด นางใชกำลังทั้งหมดรีบรอน
เงยหนาไปทางดานหลัง ทวาก็ยังคงไมอาจหลบไดทั้งหมด ลำคอรูสึกแนนขึ้นมา ภาพ
เบื้องหนาดำมืด จนเกือบจะสลบไป ทวานางรูวาในสถานการณตอนนี้ตอใหลำบาก
กวานี้ก็จะตองทนใหได
นางฝนตัวเองเอาไว เหลือเพียงขอมือที่ยังพอขยับได จึงสกัดกั้นการจูโจมที่บาคลั่งราว
พายุฝนของอีกฝายอยางตอเนื่อง เวลานี้ไมอาจคำนึงถึงลำคอที่เจ็บปวดราวไฟเผา
การสกัดกั้นเชนนี้เปนหนึ่งในวิชาถนัดที่นางฝกฝนมา แมวาการจูโจมของอีกฝาย
จะรุนแรง นางก็ยังคงสกัดเอาไวได
โดยเฉพาะอยางยิ่ง นางใชเวลาไมนานในการพบวาอีกฝายอาจจะมีจุดออน ที่พูด
วาอาจจะก็เพราะนางเองก็ไมแนใจ
จนถึงบัดนี้ อีกฝายก็ยังไมไดใชพลังธาตุ เปนการเก็บซอนเอาไว หรือวาพลังธาตุ
ต่ำตอย ตัวนางไมแนใจ
ดวยซือเสวี่ยมั่นนั้นยากที่จะเอาชนะ ในใจอายฮุยจึงรูสึกถึงอันตรายรุนแรงขึ้น
ราวกับเปนสัญชาตญาณ เขายิ่งเพิ่มจิตสังหารและจูโจมอยางรุนแรงมากขึ้น
หัวใจ!
ไมวาผูใดหากถูกจูโจมที่หัวใจ ลวนตองสูญเสียกำลังที่จะตอตาน
ทวาเขาตองปลดเครื่องปองกันของอีกฝายกอน สำหรับเขาแลวนั้น สิ่งนี้ไมใช
ปญหาใหญอะไรเลย ถอดเกราะปลดเชือกเปนหนึ่งในทักษะที่เขาถนัดที่สุดตอนอยูใน
แดนราง ชุดเกราะของชนเผาแดนรางถือวาหนามาก ปมเชือกเองก็แนนหนาไมแพกัน
จึงเปนการยากที่อาวุธทั้งหลายจะสรางบาดแผลใหกับคนสวมใสได มีเพียงการใช
ทักษะแกปมเชือก และการปลดชุดเกราะออกจากศพของชนเผาแดนรางเทานั้นที่เปน
งานหลักของเขา
เขากางมือขวาออกราวกับหมอกควันที่เบาบาง และรวดเร็วราวสายไฟ ทวากลับ
เงียบงันไรสุมเสียง พุงตรงไปแกปมเชือกที่รั้งเครื่องปองกันไว หากมีผูใดเห็นเขา ก็ยาก
ที่จะจับการเคลื่อนไหวของมือเขาได
มือขวาที่ราวกับปลาไหลแทรกเขาไปยังภายในของเครื่องปองกันจนพบกับปมเชือก
เขาแกปมออกอยางไมคิดมาก ไมวาสิ่งปองกันใดสำหรับเขามันคือเครื่องกีดขวาง
ในชวงวินาที่ที่สัมผัสถูกผิวหนังของอีกฝาย นัยนตาของเขาก็สองประกายเย็นเยียบ จิต
สังหารลุกไหมดั่งแกนแท นิ้วทั้งหาราวกรงเล็บ พุงตรงไปยังตำแหนงของหัวใจในทันที
ทวาในวินาทีสุดทาย เขานึกขึ้นไดวาที่แหงนี้ไมใชแดนราง แตเปนการสูเพื่อเงิน
รางวัลหาหมื่นหยวน ตนเองตรึงจุดตายของอีกฝายไวไดกอนแลวคอยวากัน ถาหาก
ยังคงตอตานละก็ เชนนั้นอยาไดโทษวาเขาโหดเหี้ยมไรหัวใจ ภายในใจของอายฮุยเต็ม
ไปดวยจิตสังหารอันนาเกรงขาม
“ฟุบ!”
เขากลางเปาหมาย!
เขาสามารถสัมผัสไดอยางชัดเจนวาเปาหมายที่กำลังตอตานภายใตออมกอดของ
ตนนั้นอยูๆ รางกายก็แข็งคางไป
หืม ความมืดมิดทำใหสัมผัสที่ปลายนิ้วของอายฮุยแหลมคมมากกวาปกติ เขารูสึก
งงงวยเล็กนอย
ความรูสึกนี้...ดูเหมือนวา...จะไม...คอยถูกตองนะ
บทที่ 7 ความศรัทธาทีม่ ั่นคง
อายฮุยที่ในหัวเต็มไปดวยเมฆหมอก ผานไปครูหนึ่งจึงไดเขาใจวาสิ่งที่ตนควาจับ
ไปคือสิ่งใด
อายฮุยรูสึกราวกับฝามือของตนนั้นควาไปที่ถานแดงรอนๆ จะจับก็ไมใชจะปลอย
ก็ไมเชิง
สมควรตายจริง!
อายฮุยอดไมไดที่จะแอบดาในใจ แตก็ไมรูวาดาใคร เปาหมายที่อยูในออมกอด
ของตนไมแมแตจะขยับ ทาจะละทิ้งการดิ้นรนตอสูไปเสียแลว หากดูจากมุมมองการ
ตอสู สิ่งนี้ก็นับเปนเรื่องที่ดี แตทวาความอึดอัดใจที่ไรสาเหตุนี่มันอยางไรกัน
เวลาหนึ่งวินาทียาวนานราวหนึ่งป หยาดเหงื่อไหลชุมกายไปหมด
“แตงๆๆๆ!”
เสียงสัญญาณจบการตอสูดังขึ้น อายฮุยราวกับไดรับพระราชโองการ เขาดึงมือ
ออกจากหนาอกของอีกฝายดวยความเร็วดั่งสายฟา แถมยังถือโอกาสชวยอีกฝายผูก
เชือกของเครื่องปองกันใหใหม จากนั้นก็ปลอยมือปลอยขาแลวลงมาจากหลังของอีก
ฝาย จากนั้นจึงพุงไปภายในหมอกควันราวกับแมวที่กำลังระวังตัว
อึดอัดใจ...คงตองหางจากเปาหมายใหไกลอีกหนอยจะดีกวา
อายฮุยที่เขาไปรวมในกลุมคนใหม อีก ครั้ งก็ผอนคลายลงโดยที่ไมรู ตัว ความ
วุนวายนี้ทำเอาเขาถึงกับทำอะไรไมถูก ยังดีที่บนหนายังมีหนากากอยู อีกทั้งหมึก
รัตติกาลก็ดำมืดพอสมควร อายฮุยรูสึกวาใบหนาของตนราวกับมีไฟเผา ในใจเต็มไป
ดวยความคิดที่จะหันหลังหนีออกจากตรงนี้
ยังดีที่ในใจของเขายังเหลือความศรัทธาอันมั่นคงเปนฟางเสนสุดทาย เงินรางวัล
หาหมื่นหยวน!
ความอึดอัดในใจของอายฮุยคอยๆ หายไปตามหมอกควันที่คอยๆ เลือนรางนี้ สิ่ง
นี้เปนเพียงเรื่องเหนือความคาดหมายเทานั้น ในสนามตอสูก็มักจะมีเหตุไมคาดคิด
เกิดขึ้น อายฮุยพร่ำบอกกับตนเองเชนนี้
ใช เรื่องมีเหตุผลเชนนี้ตนเองก็ไรหนทางจะคาน
เมื่อพูดกลอมตัวเองสำเร็จ อายฮุยจึงสงบใจลงมาได
ในตอนที่หมอกควันจางหายไป ผูรับผิดชอบโรงฝกก็เห็นวาบนสนามยังเหลือคน
อยูถึงสิบกวาคน จึงอดไมไดที่จะตกตะลึง ในการคาดการณของเขา เหลือรอดไดสอง
ถึงสามคนก็นับวาไมเลวแลว เขานั้นรูดีวากำลังในการสูรบของคุณหนูนั้นแขงแกรง
เพียงใด โดยเฉพาะคุณหนูที่จริงจังกับการฝกฝนมาโดยตลอด ในการตอสูจริงจะไมมี
ทางยอมออมมือเปนแน
เหตุใดจึงเหลือรอดเยอะถึงเพียงนี้ หรือวาคุณหนูจะไมเหมาะกับการตอสูแบบปด
ตาที่เปนรูปแบบการตอสูชนิดพิเศษ
มีคนเห็นวาทางโรงฝกยังไมแสดงทาทีใดๆ จึงอดไมไดที่จะตะโกนขึ้น “เงินละ
สรุปจะใหไมให”
ทันใดนั้นเสียงทักทวงจากอีกหลายคนก็ดังขึ้นมา
“ใชแลว คงจะไมเบี้ยวกันหรอกนะ!”
“รีบใหเงินมา! ขาไมไดวางรอนะ!”
ชายวัยกลางคนมองไปยังคุณหนูของตน เมื่อเห็นคุณหนูยังไมมีทาทีใด ราวกับไม
เห็นสายตาของเขาที่จองมองอยู อยางไรเสียเขาก็เปนคนดูแลยอมมีความสามารถ
แกไขปญหาเฉพาะหนา โดยเฉพาะอยางยิ่งเงินรางวัลหาหมื่นหยวนสำหรับโรงฝกแลว
นั้น ไมคูควรจะใหพูดถึงดวยซ้ำ ถึงแมจะคิดไมออกวาเหตุใดจึงเหลือผูชนะมามายถึง
เพียงนี้ ทวาเงินสดหลายแสนหยวนนี้ก็คือวาจายใหไดไมยาก
เมื่อไดรับเงิน ทุกคนตางก็สงเสียงรองยินดีออกมาในทันที
เงินหาหมื่นสำหรับนักเรียนนั้นถือไดวาไมใชเงินจำนวนนอยๆ เลย ในเวลาปกติ
ของที่ตัดใจซื้อไมลงในตอนนี้ก็จะไดไปซื้อมาใหหมด!
ทุกคนตางแยกยายกันไป
อายฮุยปะปนไปกับฝูงชนดูแลวไมสะดุดตาแมแตนอย
เงินหาหมื่น! พอเงินตกถึงมือ ความรูสึกดีนี้ก็ทำใหเขาลืมเรื่องราวนาอึดอัดใจและ
เรื่องอุบัติเหตุนั้นไปเสียสิ้น
เขายังจะมีอารมณที่ไหนมาเดินเลน ตอนนี้เขาเต็มไปดวยพลังและความกลาหาญ
พุงเขาไปยังรานบะหมี่อีกครั้งราวกับเปนสายลม พอเผชิญหนากับเถาแก เขาก็สูดลม
หายใจเขาเต็มปอด พรอมกับยกมือขึ้นมาและพูดประโยคที่วางอำนาจที่สุดในวันนี้
“เถาแก เอาบะหมี่มาอีกหาชาม!”
ในที่สุดเขาก็ไดกินจนอิ่มทองเสียที
เพียงแต...
สายตาของอายฮุยหยุดอยูที่ฝามือของตน ซึ่งเปนมือขางนี้ที่เมื่อครู...
ผับ! เขาหุบนิ้วทั้งหา กำหมัดขึ้นมา
ในการตอสูยอมตองมีอุบัติเหตุที่ไมคาดคิด อายฮุยพูดกับตนเองอยางจริงจังอีกครั้ง
จากนั้นก็สงบใจกินบะหมี่ตอ
ผูดูแลโรงฝกมองไปยังคุณหนูที่ยืนอยูเพียงลำพังไปขยับไปไหน ในใจรูสึกไดถึงลาง
ไมดี คุณหนูยืนอยูตรงนั้นไมขยับแมแตนอย ซึ่งผานมาสิบกวานาทีแลว
“คุณหนู!” เขาอดไมไดที่จะเรียกขึ้น
ทวาคุณหนูกลับทำราวกับวาไมไดยิน
ในใจเขายิ่งรูสึก ไมส งบ หรือ ว า ระหว า งการฝ ก ฝนของคุ ณหนู เกิ ด เหตุ อ ะไร
ผิดพลาดขึ้น เขาไมคิดแมแตนอยวาคุณหนูจะไดรับบาดเจ็บ พูดเลนอะไรกัน ทั้งสนาม
เหนี่ยวนำนี้ผูที่จะเปนคูตอสูของคุณหนูไดเรียกวานับนิ้วไดเลย แมวาคุณหนูจะผนึก
ระดับเขตแดนพลังไว และปดตาตอสูทั้งที่ไมคุนเคย ทวาเขาก็ยังไมเชื่อวาจะมี ผู ใด
สามารถสรางปญหาใหกับคุณหนูได ปญหาใหญที่สุดของคุณหนูมีเพียงแคไมคุนชินกับ
การปดตาตอสูเทานั้น
นัยนตาของเขาเปนประกายขึ้นในทันที อยาบอกนะวาคุณหนูบรรลุการฝกแลว
ไมผิดแน สถานการณเบื้องหนานี้จะตองเปนการบรรลุการฝกในตำนาน จะตอง
เปนเชนนี้แน!
เขาเปลี่ยนมาเปนตื่นเตนในทันที ในโรงฝกที่เขาดูแล การปดตาตอสูที่เขาจัดขึ้น
ทำใหคุณหนูบรรลุการฝก สิ่งนี้เปนความชอบที่ยิ่งใหญเทียมฟาเลยทีเดียว ในหัวของ
เขาลวนเปนภาพจินตนาการที่ตนเองประสบความสำเร็จอยางยิ่งใหญในอนาคต บน
ใบหนาจึงปรากฏเปนรอยยิ้มโงๆ อยางไมรูตัว
ในใจของซือเสวี่ยมั่นมีแตความวางเปลา
เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู สงผลกระทบตอนางอยางรุนแรง ทำใหนางสับสนอยางที่สุด
ตั้งแตวินาทีที่เหตุการณนั้นเกิดขึ้นตลอดจนถึงตอนนี้ ในสมองของนางลวนมีแต
ความวางเปลา นางไมไดยินเสียงเรียกจากชายวัยกลางคนแมแตนอย และไมรูดวยซ้ำ
วาการตอสูไดจบลงแลว รวมทั้งผูเขารวมแขงทั้งหมดนั้นไดกลับไปหมดแลว
นางมึนงงสับสนไปหมด จนในที่สุดนางก็เริ่มคอยๆ ไดสติกลับมาอยางชาๆ
รางของนางสั่นเทิ้ม ทวานางพยายามสะกดมันเอาไว นั่นเปนเพียงเหตุการณไม
คาดฝนเทานั้น นางบอกกับตนเองเชนนี้ ทวามันกลับไรประโยชน รางของนางยังคง
สั่นเทิ้มไมหยุด ความรูสึกที่ถูกลบหลูอยางรุนแรงนี้ ทำใหนางไมอาจควบคุมตัวเองได
นางพยายามที่จะกลั้นใจไมใหรองไหอยางสุดความสามารถ
ตอใหเปนเพียงแคอุบัติเหตุ นางก็จะไมมีวันปลอยเจาสาระเลวนั้นไปเปนแน!
นางกัดฟนแนน บอกกับตัวเองทีละคำทีละคำ ประโยคนี้ราวกับมีพลังเวทมนตร
ในที่สุดรางกายที่สั่นเทิ้มก็หยุดลง นางไมตองการที่จะรองไหแมแตนอย ถูกแลว จะไม
มีวันปลอยเจาสาระเลวนั้นแน!
นางฟนคืนความมั่นใจของตนเองใหกลับมาใหม กลับมาเปนเทพธิดาผูสูงสงที่จุติ
ลงมายังโลกอีกครั้ง
หนากากบนหนาถูกถอดออก แลวแววตาก็ฟนกลับมาเปนดังเดิม
ในทันใดนั้นเอง สีหนาของชายวัยกลางคนก็เปลี่ยนไปเปนอยางมาก สายตาของ
เขาจับจองอยูที่รอยนิ้วมือหานิ้วที่ประทับเปนรอยช้ำเขียวช้ำมวงอยูบนคอของซื
อเสวี่ยมั่น
สวรรค...เขาแทบจะไมเชื่อสายตาตัวเอง แมแตเสียงรองอุทานยังมิอาจเปล ง
ออกมา การตอบสนองของเขาในตอนนี้คืออุดปากของตนเอาไว
คุณหนูพายแพแลว!
ถาหากขาวนี้แพรออกไปจะตองทำใหสนามเหนี่ยวนำสั่นสะเทือนเปนแน
ความแข็งแกรงของคุณหนูในสนามเหนี่ยวนำนับเปนหาอันดับแรก ผูใดกันที่
สามารถเอาชนะนางได หรือเปนเจาพวกไมกี่คนกอนหนานี้แอบปลอมตัวเขามาจงใจ
กอความวุนวาย
ทวาไมนานเขาก็สามารถปฏิเสธการคาดเดานี้ได การเคลื่อนไหวของคุณหนูถือ
เปนความลับ คนที่มายังโรงฝกนั้นสวนมากลวนเปนเหตุบังเอิญ โดยเฉพาะอยางยิ่ง
มองดูจากรอยนิ้วที่อยูบนคอ ฝายตรงขามนาจะยั้งมือเอาไว ไมเชนนั้นเกรงวาคอของ
คุณหนูจะแหลกภายในพริบตา
พอนึกถึงเรื่องที่หากเกิดเหตุไมคาดฝนกับคุณหนูในโรงฝกที่ตนเปนผูดูแล หลัง
ของชายวัยการคนก็เปยกชุมไปดวยเหงื่อในชั่วพริบตา
ยังดีที่คุณหนูไมเปนอะไรมาก ชายวัยการคนที่เพิ่งรอดมาจากเคราะหใหญรูสึกได
วาขาของตนนั้นออนไปเล็กนอย ซือเสวี่ยมั่นที่ถอดหนากากออกมองดูแลวไมมีสิ่งใด
ตางไปจากในยามปกติ นางกลาวขึ้นอยางเฉยชา “ไปสืบฐานะของผูเขาแขงขันเมื่อครู
ทุกคนมา รวมถึงพวกที่นอนอยูบนพื้นดวย”
ชายวัยกลางคนไมกลาที่จะชักชา เขารีบตอบรับคำสั่ง “ขอรับ!”
เขาสามารถฟงออกถึงความเยือกเย็นจากน้ำเสียงอันเฉยชาของคุณหนู เขารูวาตัว
คุณหนูโกรธขึ้นมาจริงๆ เสียแลว ตั้งแตเล็กจนโตดูเหมือนวาคุณหนูจะไมเคยถูกเอา
เปรียบมากถึงเพียงนี้ หางตาที่แอบมองไปยังรอยนิ้วบนคอของคุณหนู ในใจของเขา
รูสึกกลัวเหลือเกิน
ถาหากเขารูวาที่จริงเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู เกรงวาตอนนี้คงเปนลมสิ้นสติไปแลว
แมวาเขาจะตอบรับอยางเด็ดขาด ทวาในใจกลับรองขึ้นมาวาลำบาก เขากลาว
อยางระมัดระวัง “ขานอยทำงานสะเพรา จึงไมไดเก็บขอมูลของพวกเขา บัดนี้ทำได
เพียงอาศัยวิธีอื่นในการตรวจสอบ อาจจะตองขอกำลังจากทางตระกูล”
เขาไมไดคิดเลยวาจะเกิดเหตุการณเชนนี้ขึ้น ในความคิดของเขา ผูเขาแขงทั้งหมด
ก็เปนเพียงแคคูฝกเทานั้น อีกอยางเดี๋ยวคุณหนูก็เอาชนะได ฐานะอะไรนั่นนะ จะไปมี
ความหมายอะไร
“ไมวาจะตองแลกดวยอะไรก็ตาม” น้ำเสียงของซือเสวี่ยมั่นเต็มไปดวยความ
หนาวเหน็บ “ดว ยกำลังทั้งหมดที ่ ตระกู ลสามารถใช ได จงตรวจสอบให ข  า อยาง
ละเอียด”
ในใจของชายวัยกลางคนถึงกับเย็นวาบ “ขอรับ!”
สิ่งนี้ไมใชเรื่องแปลกอะไร อยูๆ เกิดมีนักเรียนที่สามารถกดดันคุณหนูโผลออกมา
ไมวาจะเปนคุณหนู หรือจะเปนทางตระกูลลวนไมอาจนั่งนิ่งดูดาย เขามีความมั่นใจ
พอ ขอเพียงทางตระกูลเริ่มเคลื่อนไหว ตอใหอีกฝายหลบซอนอยางมิดชิดเชนใด เขาก็
สามารถที่จะสืบขอมูลมาไดแนนอน
รอบตัวซือเสวี่ยมั่นเต็มไปดวยไอเย็นเยียบ เดินออกไปทางประตูใหญ
พอเดินออกจากประตูใหญ นางก็มองเห็ นผูคนบนถนนที ่พ ลุก พลาน นางหั น
กลับมามองโรงฝกอีกครั้ง พรอมกับกำมือแนนแลวจึงหันหลังจากไป
อายฮุยจับกำแพงพยุงตัวเองเดินออกมา แลวกลับไปโรงฝกศาสตราวุธ
ตอนแรกเปนเพราะทองหิวจนไมมีแรงเดิน ทวาตอนนี้เปนเพราะกินอิ่มจนเดินไม
ไหว เขาเดินอยางลำบาก ใชเวลาไปถึงสิบนาทีเต็มจากปากซอยมายังหนาประตูโรงฝก
ที่ประตูของโรงฝก โหลวหลานกำลังนั่งอยูบนบันไดหิน ทาทางเบื่อหนายอยูบาง
ในใจของอายฮุยรูสึกแปลกๆ ตุกตาทรายที่กำลังเบื่อ สิ่งนี้ดูแลวเปนภาพที่ไมคอย
เขากันนัก
“ขารอเจามาหนึ่งชั่วโมง”
โหลวหลานมองมายังอายฮุย แลวลุกขึ้นมาปดฝุนที่อยูบนตัว
อายฮุยเพิ่งจะเคยเห็นตุก ตาทรายที ่เหมือนคนถึงขนาดนี ้ โดยเฉพาะอยางยิ่ง
ทาทางในการปดฝุน ถือวาเหมือนสุดๆ แตเจาเปนตุกตาทรายนะ แตเดิมก็ไมมีฝุน
อะไรอยูแลว ที่ปดออกก็มีแตเม็ดทรายเทานั้นแหละ
อีกทั้งพวกเราก็ไมไดสนิทอะไรขนาดนั้น
เขาเปดประตูไปดวยพูดไปดวย “มีเรื่องอะไรหรือเปลา”
“ไมมี” โหลวหลานกมนาคิดอยูสักพัก ดูเหมือนวากำลังหาคำที่เหมาะสมอยู
“พวกเราเปนเพื่อนบานกัน นี่เปนการมาเยี่ยม”
ถึงแมจะมืดแลว ทวาอายฮุยก็ยังสามารถมองเห็นหนากากสีดำที่อยูบนหนาของ
โหลวหลานไดอ ยางชัดเจน พอเห็น หน ากากของโหลวหลาน ก็ ท ำให เขานึ กไปถึง
อุบัติเหตุในวันนี้ เขาจึงรูสึกอึดอัดใจขึ้นมา
เขาถามขึ้นอยางเหมอลอย “ทำไมถึงตองใสหนากาก”
โหลวหลานตอบ “เพราะวาไมมีใบหนา”
“ไมมีใบหนาหรือ” อายฮุยรูสึกคาดไมถึง “ทำไมไมสรางขึ้นมา”
การสรางใบหนาของตุกตาทรายงายมาก มีบางตัวเปลี่ยนรูปรางของใบหนาไดดวยซ้ำ
โหลวหลานกลาววา “อาจารยเซารูสึกวามันยุงยาก”
อายฮุยนึกถึงผูใชพลังธาตุดินขางบานผูซึ่งไมสนใจเรื่องราวใดๆ บนโลก เขารูสึก
วานิยามเชนนี้จึงจะเหมาะสมกับภาพลักษณของอาจารยเซา ในบรรดาผูใชพลังธาตุ
ดิน มีไมนอยที่นิสัยแปลกประหลาด อายฮุยเคยเจอผูใชพลังธาตุดินที่มีนิสัยประหลาด
ยิ่งกวานี้มามากมายนัก พอเทียบกันดูแลว แมวาอาจารยเซาจะมีบุคลิกเฉพาะไปบาง
แตทวาอุปนิสัยที่อันตรายกลับไมไดมีมากมายอะไร
“ที่จริงก็ไมใชเรื่องยุงยากอะไร” อายฮุยพูดในสิ่งที่ตนก็รูวาไรประโยชน เขารูสึก
วาที่จริงตนเองนั้นไมจำเปนตองใสใจเรื่องอุบัติเหตุนั้น ถึงแมวาความรูสึกที่ฝามือจะไม
เลวเลยก็ตาม
“ไมจำเปนหรอก ขาเปนเพียงแคตุกตาทราย ไมจำเปนจะตองมีใบหนา” โหลว
หลานอธิบายอยางจริงจัง “ใครจะไปจำตุกตาทรายตัวหนึ่งกันละ”
มือที่กำลังเปดประตูของอายฮุยไดหยุดชะงักลง
เขาอยากจะพูดอะไรสักอยาง ทวาเมื่อคำพูดมาถึงริมฝปาก กลับไมรูวาจะพูดอะไร
“นั่นสิ”
อายฮุยราวกับกำลังทอดถอนใจ ดูโหดรายไปหนอย แตทวาเขาไมอาจพูดสิ่งที่ไม
ตรงกับใจได ตุกตาทรายเปนสิ่งที่สามารถทำลายและกวาดลา งไดงายในแดนร า ง
รองลงมาจากพวกแรงงาน
ไมมีผูใดจดจำตุกตาทรายตัวหนึ่ง แลวผูใดจะมาจดจำแรงงานเพียงแคคนเดียว
เปนคนที่เดินอยางไรจุดหมายใตขอบฟาเดียวกัน แตขามีหาหมื่นหยวน
อายฮุยที่ทาทางวางอำนาจสุดๆ เปดประตูออก “ยินดีตอนรับการมาเยี่ยมเยือน”
บทที่ 8 เมล็ดพันธุตัวออนกระบี่
อายฮุยที่นั่งพิงมุมผนังอยูบนเตียงกำลังกอดกระบี่เอาไว เขาคอยๆ ลืมตาขึ้นมา
วินาทีที่นัยนตาอันมืดมิดเสียยิ่งกวารัตติกาลลืมขึ้น ในหองอันมืดมิดก็ราวกับมี
ประกายความเย็นยะเยือกเกิดขึ้น ประกายแสงที่หนาวเหน็บและแหลมคมนี้เกิดขึ้น
และหายไป จากนั้นอายฮุยก็คืนกลับมาสูรูปลักษณไรพิษสงอีกครั้ง
เขาออกจากแดนรางมาระยะเวลาหนึ่งแลว ทวาก็ยังคงไมคุนชินกับการนอนบนเตียง
เขาตรวจสอบดูเมล็ดพันธุตัวออนของกระบี่ที่เขาเลี้ยงเอาไวในรางกายมาสามป
มันยังคงไมมีอะไรเปลี่ยนแปลง
เขาวางกระบี่หญาที่กอดไวในออมอกลง แลวการตอบสนองของตัวออนกระบี่ใน
รางก็ไดหายไป เมื่อกอนมีอยูชวงหนึ่งที่เขาพึ่งพาตัวออนกระบี่มากเกินไป ไมวาจะ
เวลาใดก็ไมยอมปลอยใหกระบี่หางมือ ภายหลังเขาพบวาหากทำเชนนี้จะทำใหตนเอง
สูญเสียประสาทสัมผัสในการระวังภัยไป เขาจึงบังคับตัวเองวานอกจากเวลาตอสูกับ
เวลาเฝายามกลางคืนแลว ในเวลาอื่นเขาจะไมแตะตองกระบี่เปนอันขาด
เอาชีวิตรอดมาจากแดนรางไดอยางปลอดภัย อายฮุยยอมมีความพิเศษเปนของ
ตัวเอง เมล็ดพันธุตัวออนของกระบี่ก็คือที่พึ่งที่ยิ่งใหญที่สุดของเขา
วันที่สามในแดนรางเขาก็เกือบจะไดไปปรโลก ตั้งแตวินาทีนั้นเปนตนมา เขาก็เริ่มที่จะ
ไลตามความแข็งแกรงอยางบาคลั่ง หากมีพลังที่มากพอจึงจะสามารถมีชีวิตรอดอยูใน
แดนรางอันหนาวเหน็บได เขาไมมีผูใดใหขอความชวยเหลือ อยางไรผูใชพลังธาตุก็ไม
สนใจไยดีพวกแรงงานอยูแลว อีกทั้งอายฮุยเองก็ไมใชพวกชอบเอาอกเอาใจใครดวย
สัตวปาที่ถูกบีบคั้นจนไรหนทางมักจะสามารถระเบิดพลังที่ยิ่งใหญเกินกวาปกติ
ออกมาได เมื่อมนุษยถูกบีบคั้นในสถานการณเชนนั้นก็สามารถระเบิดพลังออกมาได
เชนกัน
อายฮุยเปนเหมือนกับคนที่กำลังจมน้ำ เขาดิ้นรนอยางไมคิดชีวิตและควาทุกสิ่งที่
อยูตรงหนาเอาไว
ตัวอยางเชนเคล็ดกระบี่ ซึ่งเปนสิ่งที่มีมากที่สุดในหัวของเขา
พลังวิญญาณที่สูญหาย ทำใหโลกแหงการบำเพ็ญตนตองลมสลาย ยุคสมัยของผู
บำเพ็ญตนไดสิ้นไปอยางไมอาจหวนคืน แตทวาระยะเวลาที่สั่งสมมายาวนานกวาลาน
ป ชางลึกซึ้งเกินกวาประมาณ ระบบการบำเพ็ญตนที่พัฒนาอยูในระดับสูง หางไกล
เกินกวาที่คนยุคนี้จะสามารถจินตนาการถึง
การฝกรางกาย คายกล การฝกอาวุธ ธาตุทั้งหา และการควบคุมศพพิสดารพันลึก
เหลานี้ดูเปนเรื่องงายหากใชพลังวิญญาณรวมกับพลังจินตนาการอันมากมายของ
มนุษย ทำใหเกิดระบบการฝกที่ยิ่งใหญที่สุด เปลงประกายที่สุด และจรัสแสงที่สุดใน
ประวัติศาสตร
แมจะเปนระบบการบำเพ็ญตนที่เปลงประกายสมบูรณแบบเชนนี้ การฝกกระบี่ก็
เปนไขมุกที่สองประกายมากที่สุด ในโลกแหงการบำเพ็ญตนไมวาจะยุคสมัยไหน ผูฝก
กระบี่ก็นับเปนพวกที่แข็งแกรงที่สุด
ในเวลานั้นหากมีเคล็ดกระบี่สุดยอดปรากฏสูโลก ก็มักจะทำใหเกิดการนองเลือด
ขึ้น ทวาในตอนนี้พวกมันกลับถูกฝงเอาไวในกองขยะของเกาที่ไรราคา
ผูฝกกระบี่เปนกลุมคนที่ใหญที่สุดในหมูของผูบำเพ็ญตน แนนอนวามีพลังแปลกๆ
ไมนอยอยูแลว
เคล็ดกระบี่ที่ตองใชพลังวิญญาณนั้นเปนสิ่งแรกที่ถูกอายฮุยตัดทิ้งเปนอยางแรก
ในยุคที่เต็มไปดวยพลังวิญญาณเคล็ดกระบี่พวกนี้มักจะเปนของที่พวกพรรคธรรมะ
พรรคใหญคิดหาวิธีใชประโยชนจากพลังวิญญาณเสียสวนใหญ ถัดมาที่เขาตัดทิ้งก็คือ
พวกเคล็ดกระบี่ที่เขาไมเขาใจ เคล็ดกระบี่ที่ยากเกินกวาจะเขาใจนั้นมีมากมายราวกับ
ขนบนตัววัว
อายฮุยเองก็อานคัมภีรก ระบี่มาไมน อย เปนจำนวนที่ทำใหคนตอ งตกใจเลย
ทีเดียว ถือไดวาเกือบจะเปนผูเชี่ยวชาญดานเคล็ดกระบี่เลยก็วาได แตทวาก็ยังมีคัมภีร
กระบี่อีกมากที่อานไมเขาใจ บางสวนคือเจตนาเขียนใหซับซอนเพื่อใหคนอานสับสน
บางสวนก็เปนคัมภีรเกาแกที่ผานระยะเวลามายาวนาน
หลังจากเขาคัดเลือกรอบแลวรอบเลา ก็ยังพอมีคัมภีรกระบี่เหลืออยูอีกบางสวน
ถาหากอยูในยุคสมัยของการบำเพ็ญตน คัมภีรพวกนี้ลวนเปนของนอกรีต หาก
เจอเขากับผูยิ่งใหญจากพรรคธรรมะ จะตองถูกตะโกนใสวาวิถีมารเปนแน
ตอใหเมื่อกอนเคยอานผานตามา อายฮุยก็อดที่จะอกสั่นขวัญแขวนไมได เคล็ด
กระบี่พวกนี้แปลกประหลาดยากจะคาดเดา แตละกระบวนทาลวนอยูนอกเหนื อ
สามัญสำนึกของผูคนปกติ ยกตัวอยางเชนมีเคล็ดกระบี่อยูเคล็ดวิชาหนึ่ง กลาววาใหผู
ฝกใสอารมณความรูสึกของมนุษยเขาไปในตัวกระบี่ แลวตัดอารมณความรูสึกทิ้ง
ทั้งหมดในขั้นสุดทาย เพื่อใหไดรับวิถีแหงกระบี่ในระดับสูงสุด เชนเคล็ดกระบี่มารฝน
ผูฝกจะตองใชวิชาลับหลับใหลภายในโลงศพ ฝกกระบี่อยูภายในฝนราย คนที่ฝกจน
สำเร็จได กระบี่นี้จะทำใหเรื่องเท็จเปนเรื่องจริง ซึ่งความสามารถนั้นสุดประเมิน
เมื่อกอนที่เขาอานคัมภีรกระบี่เหลานี้ก็แคเห็นวามันนาสนใจดีเทานั้น ไมไดมี
ความรูสึกซาบซึ้งอะไรมากมาย วันนี้เมื่อลองคิดยอนไป หากตนตองฝกคัมภีรพวกนี้ ก็
ทำใหตัวสั่นขึ้นมาในทันที
ในที่สุดอายฮุยก็หาคัมภีรกระบี่เลมที่ไมคอยประหลาดและไมนอกรีตเจอ คัมภีร
เลมนี้นั้นไรชื่อ เนื้อหาขาดหายบางสวน สวนแรกมีกลาวเพียงแคสิ่งเดียว สิ่งนั้นก็คือ
จะทำอยางไรในการปลูกเมล็ดพันธุตัวออนของกระบี่
หลังจากพิจารณาอยางละเอียด อายฮุยจึงเขาใจความหมายอยางคราวๆ ของสิ่ง
ที่เรียกวิถีของตัวออนกระบี่ ที่จริงถือวาไมยาก กายเนื้อของมนุษยนั้นเติบโตอยางมี
ขีดจำกัด สวนจิตวิญญาณซึ่งเปนสิ่งไรรูปลักษณนั้นไรขีดจำกัด
ทวา จิตวิญ ญาณนั้นลอ งลอยวา งเปล า ราวกั บหมอกควั น ไม มี พ ลั งทำลายใด
ผูเขียนคัมภีรกระบี่เลมนี้ไดแสดงแนวคิดที่นาสนใจมาอยางหนึ่ง กายเนื้อของคนก็เปน
ดั่งฝกดาบ สวนจิตวิญญาณเปนกระบี่ที่แทจริง
และจะทำอยางไรใหจิตวิญญาณที่ไรรูปลักษณไรมวลสารควบแนนเปนกระบี่ได
คัมภีรกระบี่ไดใหแนวคิดที่สุดแสนจะเปนเอกลักษณ จิตวิญญาณนั้นยากที่จะควบแนน
เชนนั้นก็ใหพวกมันเปนดั่งพื้นดิน ที่ฟูมฟกเมล็ดพันธุตัวออนของกระบี่
หากเปรีย บเทีย บกับ คัมภีร ก ระบี ่ เ ล มอื ่ น คั มภี ร ก ระบี ่ เล มนี ้ เห็ น ได ช ั ด ว า ดู
สมเหตุสมผลกวากันมาก
อายฮุยไรซึ่งความลังเล เขาฝกฝนตามที่คัมภีรกระบี่เขียนไว ในที่สุดเขาก็สามารถ
เพาะเมล็ดพันธุตัวออนของกระบี่ไดสำเร็จ
ถาหากเขายังอยูที่โรงฝกดาบ เขาไมมีทางที่จะเสี่ยงอันตรายเชนนี้ แตทวาในแดน
ราง ยังมีสิ่งใดใหลังเลอีก ทุกๆ วันมีคนลมตาย ตนเองจะอยูรอดถึงวันพรุงนี้หรือไมก็
ยังไมรู เสี่ยงอันตรายเสียยิ่งกวาอะไรดี แตที่เขากังวลยิ่งกวาคือสิ่งที่เรียกวาตัวออน
กระบี่นั้นมีประโยชนหรือไม
มีชีวิตรอดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
สามปผานไป เขาเอาชีวิตรอดมาจากแดนรางได จนไดเขามายังสนามเหนี่ยวนำ
เมล็ดพันธุตัวออนของกระบี่ก็ยังคงเปนเมล็ดพันธุ ไมมีความเคลื่อนไหวหรือการ
เปลี่ยนแปลงใด
สำหรับเรื่องนี้อายฮุยกลับสงบนิ่งไมสะทกสะทาน แคสามารถทำใหเขามีชีวิตรอด
มาจากแดนรางไดก็นับวาคุมคาอยางหาที่ใดเปรียบแลว เขาไมไดคาดหวังอะไรเกินจริง
จากตัวออนกระบี่ ดวยคัมภีรกระบี่ไมครบสมบูรณ ในสวนหลังจะตองฝกเชนไรจึง
ไมไดมีกลาวไวแมเพียงตัวอักษรเดียว
เคล็ดกระบี่ในยุคของการบำเพ็ญตน ทุกสรรพสิ่งที่กลาวลวนหวนสูจุดเริ่มตน ไมวา
คัมภีรกระบี่จะนอกรีตแปลกประหลาดเพียงใด เมื่อมายังปลายทางสุดทายก็ยังหวน
กลับไปสูคำวา ‘พลังวิญญาณ’ อยูดี เขาคาดวาการฝกสวนหลังที่หายไปคงจะหนีไม
พนพลังวิญญาณ
การฝกกระบี่เปนสิ่งที่อยูในอดีต ดังนั้นการฝกที่อางอิงจากคัมภีรกระบี่จึงไรราคา
เขาไมใชเถาแก เขาไมมีทางที่จะลุมหลงงมงายไปกับคัมภีรกระบี่ หรือคิดวาการฝก
กระบี่เปนเรื่องยิ่งใหญเทียมฟา
เขาเองก็ไมไดคิดจะฝกสวนหลังของการสรางตัวออนกระบี่แมแตนอย
ถึงแมคัมภีรกระบี่จะกลาววาการนั่งกอดกระบี่นั้นสามารถเลี้ยงดูเมล็ดพันธุ ตัว
ออนของกระบี่ได ทวาที่จริงแลวสิ่งที่สำคัญกวาก็คือการกอดกระบี่ทำสมาธิ ซึ่งมี
ประโยชนในการระวังภัยยามราตรี
ตัวออนกระบี่นั้นแสนมหัศจรรย ในยามที่กระบี่อยูในมือของเขา ตัวออนกระบี่ก็
จะถูกกระตุน เมื่อตัวออนกระบี่ถูกกระตุน สัมผัสทั้งหกของเขาก็เปลี่ยนเปนเฉียบคม
กวาปกติ การเคลื่อนไหวเล็กๆ รอบดาน เขาสามารถสัมผัสไดทั้งสิ้น ในภายหลังผูใช
พลังธาตุผูยิ่งใหญทั้งหลายตางรูวาเขามีความสามารถในการระวังภัย หนาที่เวรยามใน
ยามวิกาลจึงกลายมาเปนหนึ่งในหนาที่หลักของเขา
สิ่งนี้ก็เปนสาเหตุที่ทำใหเขาไดรับของรางวัลมาสวนหนึ่ง ถึงแมจะเปนเพียงเศษ
วัสดุก็ตาม
เขานั่งกอดกระบี่จนหลับไป ชวงระยะเวลาตลอดสามปที่ราวกับหนึ่งวัน เขายืน
หยัดเชนนี้มาตลอด
ในตอนนั้นเขาตัวสั่นอยูทามกลางดินโคลนและสายลมอันหนาวเหน็บ ทวาตอนนี้
เขาอยูในหองที่ปลอดภัยและอบอุนจนถึงเชา
เขาพอใจเปนอยางมาก ตอนนี้รูสึกสุดแสนจะมีความสุข
วันนี้เปนวันที่เริ่มตนเรียนวิชาแรก เขาตั้งหนาตั้งตารอคอยวันนี้มานานแลว ตั้งแต
ที่ไดเงินหาหมื่นหยวนมาอยูในมือ สองวันใหหลังเขาก็ไมไดออกไปไหนเลย
อากาศดานนอกหนาตางยังคงมืดอยู แสงสลัวมีความเย็นอยูเล็กนอย กวาฟาจะ
สวางยังเหลือเวลาอยูอีกชวงหนึ่ง
อายฮุยกระโดดลงมาจากเตียงอยางกระฉับกระเฉง เทาเปลาเหยียบลงไปบนพรม
เขาเหมือนกับแมวที่วองไวปราดเปรียว ทุกการเคลื่อนไหวลวนเงียบเชียบไรเสียง พรม
นี้ถักมาจากหญาปาลมที่ทั้งแข็งทั้งเหนียว คอนขางจะทิ่มตำเทา อายฮุยกลับไมรูสึก
แมแตนอย เขาไมไดเปดไฟ แสงสลัวจากขอบฟานอกหนาตางก็ทำใหเขาสามารถ
มองเห็นในหองไดอยางชัดเจน
เขาเริ่มลงมือลางหนาแปรงฟนในหองที่ยังคงมืดอยู โดยอาศัยแสงสลัว
เขานั้นคุนชินกับความมืดมิดอยูแลว สิ่งนี้เปนของขวัญที่ไดจากแดนราง ในแดน
รางที่มีแตอันตรายรอบดาน แสงใดๆ แมเพียงเล็กนอยลวนสามารถทำใหตนเองตกอยู
ในอันตรายได
เขาปลดกำดักที่อยูประตูหลังไดอยางชำนาญ แลวเปดประตูไมออก สูดอากาศที่
เย็นเยือกเขาเต็มปอด เวลานี้อายฮุยไดตื่นขึ้นเต็มตาแลว
ทองฟาที่มีแสงสลัว โรงฝกที่เงียบสงบ ในชั่วพริบตาเขาราวกับไดยอนกลับไปยัง
โรงฝก ดาบ ความรูสึก ที่คุนเคยกระจายไปทั ่ ว กาย อากาศที ่ เย็ น ยะเยื อ กราวกับ
เปลี่ย นเปนหอมหวาน ใบหนา ที่แ ข็งกร าวเต็ มไปด วยเหลี ่ ยมมุ มกลั บเปลี่ ยนเปน
ออนโยน ริมฝปากปรากฏรอยยิ้มอันออนโยนอยางไมรูตัว
เขาเริ่มที่จะเคลื่อนตัวตักน้ำเช็ดพื้นอยางรวดเร็ว
ความทรงจำของรางกายถูกปลุกใหตื่นอยางรวดเร็ว การเคลื่อนไหวจากที่ไมคลอง
ก็เปลี่ยนเปนชำนาญในทันที
ดวงอาทิตยยังไมขึ้น อายฮุยก็ทำความสะอาดเสร็จเรียบรอยแลว เขาอดไมไดที่จะ
ปาดเหงื่อ แลวมองดูโรงฝกที่สะอาดเอี่ยมออง อายฮุยรูสึกพอใจและมีความสุขจากกน
บึ้งของหัวใจ
พอเขามองดูโรงฝกที่สะอาดสะอาน ก็ทำใจเหยียบโรงฝกไมคอยลง
สามปในแดนราง เขาใชชีวิตทามกลางบึงโคลน สวนกองซากพืช และซากสัตว
ประหลาดที่เนาเฟะก็คืออาหารประจำวัน เสื้อผาของเขาเต็มไปดวยโลหิตสดๆ เมื่อ
เวลาผานนานแลวก็กลายเปนดางดวงสีน้ำตาลเขมออนสลับกันไป มองดูไมออกวาเปน
ของสัตวปาหรือของตัวเองกันแน
ฝาเทาที่เหยียบบนพื้นกระดานที่แสนสะอาด ชางเปนความรูสึกที่คุนเคย
โรงฝกที่เงียบสงบและสะอาดสะอาน ก็เปนดั่งภาพฝนที่อยูในใจสวนลึกของเขา
พออายฮุยผานการใชชีวิตที่ไมคุนเคยมาสองวัน เขาก็เริ่มชอบการใชชีวิตเชนนี้
เสียแลว ถาหากไดใชชีวิตเชนนี้ตลอดไปก็คงไมเลว เขาถึงกับมีความคิดนี้แวบขึ้นมา
พอสัมผัสไดถึงความเด็กนอยของตน อายฮุยก็หัวเราะขึ้นมา เขาหันหลังกลับหอง
เพื่อเก็บของ ตารางเรียนของเขานั้นแนนมาก
เมล็ดพันธุตัวออนของกระบี่ทำใหเขามีชีวิตรอดมาจากแดนรางได ทวานั่นไม
คูควรใหพูดถึง ในการฝกฝนพลังธาตุ เขานั้นรั้งทายผูอื่นมาโดยตลอด แรงกดดันที่ตอง
เผชิญถือวามากกวาผูอื่นมากมายนัก
สนามเหนี่ยวนำมีกฎที่เขมงวดมาก ถาหากภายในหนึ่งปไมสามารถเปดผนึกพลัง
ธาตุของตนเองได หรือภายในหาปไมสามารถฝกถึงขั้นเกือบสมบูรณได ก็จะถูกขับไล
ออกจากสนามเหนี่ยวนำ
ถาหากนักเรียนเปนผูที่มาจากอูสิงเทียน จะตองลงโทษบิดามารดา ในฐานะที่สั่ง
สอนบุตรไดไมดี ถาหากนักเรียนมาจากดินแดนเกา ก็จะหมดสิทธิในการเขาอูสิงเทียน
และจะตองกลับไปยังดินแดนเกา
เมื่อไปถึงในระดับเกือบสมบูรณ ก็จะตองออกจากสนามเหนี่ยวนำเชนกัน เพราะ
นั่นหมายความวามีคุณสมบัติมากพอที่จะมีชื่อบันทึกไวในทะเบียนของผูใชพลังธาตุ
แลว จึงไมจำเปนตองอยูตอ
ระยะเวลาหาป คือเสนตายที่สนามเหนี่ยวนำมอบให และในอันที่จริงแลว อายฮุย
เหลือเวลาแคเพียงสี่ปเทานั้น เพราะวาสนามเหนี่ยวนำยังมีกฎอยูอีกขอหนึ่ง ซึ่งก็คือ
นักเรียนทั้งหมดเมื่ออายุเกินกวายี่สิบปจะตองออกจากสนามเหนี่ยวนำ
เวลาที่มีใหเขานั้นไมมาก ถาหากเขาตองการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของ
ตนเอง เขายิ่งตองเพิ่มความพยายามใหมากขึ้น
ในเมื่อต่ำตอยมาก เชนนั้นก็จงพยายามที่จะเขยงปลายเทาขึ้น
ดวงอาทิตยที่เหนือเสนขอบฟาสองแสงสวางไปทั่วทองนภาสีคราม อากาศเย็นฉ่ำ
ที่ลองลอยอยู เกิดแสงหักเหกลางอากาศ เขาเก็บของเรียบรอย ในปากคาบหญาสี
เขียว สะพายหอผาสัมภาระใบเกา ทามกลางหมูเมฆและทองฟาสีคราม เขากาวเดิน
ออกจากประตูใหญของโรงฝก
ถนนในยามฟาสางไมมีเสียงดังวุนวายอยางตอนกลางวัน และไมมีโคมไฟอยาง
ตอนกลางคืน มันเงียบสงบมาก ราวกับมันยังหลับใหลอยู แสงอาทิตยแรกที่ขามผาน
หุบเขาแมน้ำมา สองผานหลังคาบาน เปนแสงสวางแรกที่สองลงมายังทองถนน
อายฮุยชอบแสงอาทิตย
ชวงกอนเวลาฟาสางในแดนราง คือชวงเวลาที่อันตรายที่สุด การลอบจูโจมมัก
เกิดขึ้นในชวงเวลานี้ นั่นเปนชวงเวลาที่ความตายและโลหิตสดๆ เขมขนที่สุด
และในตอนที่แสงอาทิตยสองผานน้ำคางที่ปลายหญา อสูรแดนรางและชนเผา
แดนรางจะถอยกลับราวกับเรือที่แลนบนผิวน้ำ แดนรางที่เต็มไปดวยการฆาฟนก็จะ
กลับมาสงบสุข
โรงเรียนกับโรงฝกศาสตราวุธไมถือวาไกลมาก แตก็ไมใชใกลๆ
ยิ่งเขาเขาใกลโรงเรียนก็ยิ่งเห็นนักเรียนเดินขวักไขวกันมากขึ้น
ชางเปนภาพที่อายฮุยชางรูสึกแปลกตา ใบหนาอันออนเยาวของพวกเขาเต็มไป
ดวยชีวิตชีวาและความใฝฝน อายฮุยรูสึกอิจฉาอยูบาง พวกเขาไมมีรองรอยหรื อ
ประสบการณที่เคยอาบโลหิตมาแมแตนอย สัญชาตญาณระแวดระวังตอโลกภายนอก
ที่ไดมาจากประสบการณฆาฟนเองก็ไมมีเลย
พวกเขานั้นบริสุทธิ์ไรมลทิน อยูในชวงเวลาที่ดีงาม
อายฮุยรูสึกวาตนเองนั้นแปลกแยก เขาออกแรงเคี้ยวหญาสีเขียว ใหความดิบและ
เหม็นเขียวกระจายในปาก
สนามเหนี่ยวนำคือโรงเรียนสำหรับพวกเขา ทวาสนามเหนี่ยวนำสำหรับอายฮุย
นั้น คือสนามรบแหงใหม
สำหรับตัวเขาเองนั้น การมีชีวิตสำคัญกวาความสวยงาม เขาขยับเทากาวเดิน มุง
ตรงเขาสูโรงเรียน
บทที่ 9 วิชาพื้นฐาน
ซือเสวี่ยมั่นมองรางกายของตนที่สะทอนผานกระจก รางกายที่แตเดิมสมบูรณ
แบบไรตำหนิที่นางภาคภูมิใจ กลับมีรอยนิ้วทั้งหาอยูบนหนาอกซาย ชางแสนจะขัดหู
ขัดตา ขนาดผานมาหลายวันแลว ทวารอยนิ้วกลับไมไดจางหายไป สามารถเห็นไดเลย
วาแรงในตอนนั้นมหาศาลเพียงใด
นัยนตานางสอแววมุงรายออกมา ไมอยากนึกยอนกลับไปสูเหตุการณในวันนั้น
ทวาเวลาที่อาบน้ำในทุกๆ วันไดเห็นรอยที่อยูบนรางกาย เพลิงโกรธในใจก็ยากที่จะ
ระงับได
วันนี้เปนวันเปดเรียน ยังดีที่รอยบนคอไดจางหายไปแลว
นางหยิบเสื้อขึ้นสวม ใบหนาฟนคืนสูสภาพมั่นใจตามปกติ
นางเดินออกจากหอง อาหารเชาที่หองโถงใหญไดเตรียมไวเรียบรอยแลว ทานปู
มองเห็นนางจึงแยมยิ้มอยางเมตตา “รีบมากินเถิด”
“ทานปู” นางตอบกลับดวยเสียงออนหวาน แลวจึงไดนั่งลงที่ดานขางของทานปู
ตั้งแตเด็กนางก็สูญเสียมารดาไป บิดาก็ยุงอยูแตกับงาน เปนทานปูที่เลี้ยงนางมาจนโต
ทุกวันในตอนเชา นางกินอาหารเปนเพื่อนทานตลอด คนรับใชไดยกชามแกงรอน
ขึ้นมาให น้ำแกงนี้ปรุงขึ้นจากวัตถุดิบมีชื่อล้ำคา ไมเพียงแตมีประโยชนชวยในการฝก
ทวายังมีรสชาติที่เลิศรสอีกดวย หากแตในวันนี้ นางกลับดูเหมอลอย จิตใจไมอยูกับ
เนื้อกับตัว
ทานผูเฒาเลี้ยงดูนางตั้งแตตีนเทาฝาหอย จึงเขาใจนางเปนอยางดี ผูเฒากลาว
ดวยน้ำเสียงอบอุนวา “เปนอะไรไป ยังคิดถึงเรื่องที่พลาดไปในวันนั้นอยูอีกหรือ”
พรสวรรคของหลานสาวตนนั้นในตระกูลถือวาไมมีผูใดเทียบได แตเล็กก็รูความ
เปนอยางมาก ไมถือตัวเปนคุณหนูจากตระกูลใหญ กลับกันยังขยันหมั่นเพียรกวาคน
ธรรมดาเสียอีก ตั้งแตเล็กนางก็แสดงออกถึงความปราดเปรื่องและความแข็งแกรง ถึง
ขนาดที่วากาวขามบิดาของตน นางถูกตระกูลมองวาเปนผูนำในรุนตอไป เปนความ
ภาคภูมิใจของทั้งตระกูล ผูอาวุโสทั้งตระกูลตางรักใครเอ็นดูนางเปนอยางมาก
ทานผูเฒาลึกๆ นั้นแสนจะภาคภูมิใจในตัวหลานสาวคนนี้ เขารูสึกวาหลานสาว
ของตนนั้นแสนจะสมบูรณแบบไรที่ติ สิ่งเดียวที่ทำใหเขากังวลใจก็คือความทะนงตน
ของนาง ชางเหมือนบิดานางไมมีผิด ตั้งแตเด็กนางก็ไมเคยไดผานความลมเหลว
ทวาทานผูเฒามีประสบการณชีวิตมามาก รูวาในโลกนี้มียอดฝมือที่หลบซอนอยู
มากมาย เหนือฟายังมีฟา ถึงหลานสาวจะยอดเยี่ยมเพียงไร แตก็ยังมีผูที่เกงกาจยิ่ง
กวานาง
ดังเชนความลมเหลวในครั้งนี้
วันนั้นที่เขาไดเห็นรอยนิ้วบนคอของหลานสาวถึงกับใจหาย และที่ตามมาก็คือ
ความกลัวในภายหลัง หากอีกฝายออกแรงมากกวานี้อีกนิด ชีวิตของหลานสาวก็คงจะ
จบลงที่ตรงนั้น จากความกลัวในตอนแรก ทวาหลังจากนั้นเขาก็สังเกตไดถึงอารมณ
ของหลานสาวนั้นไมคอยปกติ
ดูทาความลมเหลวครั้งนี้เกรงวาจะหนักกวาที่คิด
ในสายตาของทานผูเฒาแลว ความลมเหลวเพียงเล็กนอยแคนี้ไมถือวาหนักหนาอะไร
ทวาเขาก็รู สำหรับเสวี่ยมั่นที่ทำอะไรราบรื่นมาตั้งแตเล็ก เรื่องนี้จำเปนตองใชเวลาใน
การยอมรับ ทวามีอยูสวนหนึ่งที่เขายังอยากจะกลาวขอบคุณอีกฝาย ซือเสวี่ยมั่นได
พบกับความลมเหลวในอายุเทานี้ สำหรับการใชชีวิตแลวถือไดวาเปนของขวัญล้ำคา
ถาหากทานผูเฒาไดรูเรื่องราวที่แทจริง จะตองจับอายฮุยมาฉีกเปนชิ้นๆ เปนแน
“เปลา” ซือเสวี่ยมั่นกมหนาลงกินขาวตอ
ทานผูเฒาเห็นทาทางของนางเปนเชนนี้ ก็อดไมไดที่จะยิ้มขึ้นมา “เจารูหรือไมวา
เจาพายแพจากจุดใด”
ทานผูเฒามีประสบการณมากมาย เขารูวาสำหรับคนหนุมสาวนั้นการหนีปญ
 หา
ไมใชตัวเลือกที่ดีนัก
ชอนในมือของซือเสวี่ยมั่นถือคางไวอยางนั้น ถูกคำถามของทานปูหยุดเอาไว
เวลาสามวันไดผานไปแลว ตั้งแตเริ่มจนจบนางยังคงจมอยูทามกลางความขุน เคือง
และอับอาย ในสมองเต็มไปดวยความคิดวาจะทำเชนไรจึงจะหาตัวเจาสาระเลวนั้น
เจอ หลังจากนั้นจะไดจับเจานั่นมาสับใหเปนหมื่นชิ้น
นางไมใชคนโงเขลา เพียงแคถูกความโกรธบังตา ในตอนนี้พอทานปูพูดขึ้น นางก็
สังเกตเห็นถึงปญหาที่ตนมองขามไดในทันที
“อีกฝายเชี่ยวชาญการปดตาตอสูเปนอยางมาก”
ซือเสวี่ยมั่นเปลี่ยนทาทางมาเปนเขมงวดจริงจัง ปลอยภาพความทรงจำออกมา
รายละเอียดของการตอสูครั้งนั้นไหลเวียนอยูในใจของนางราวกับสายน้ำไหล นี่เปน
ครั้งแรกที่นางยอนนึกถึงการตอสูครั้งนั้นโดยไมตกสูความโกรธในชวงสามวันมานี้
ทานผูเฒายิ้มขึ้นมาอยางไรเสียง คอยๆ ถามตอ “ยังมีอะไรอีก”
“เขามีป ระสบการณในการตอสู  มาก การตอบสนองเฉี ยบคม ลงมื อ ได อ ย าง
โหดเหี้ยมเด็ดขาด เขาใจที่จะใชประโยชนจากจุดเดนของตน” เมื่อซือเสวี่ยมั่นกลับมา
ใจเย็นลง ก็เกิดความสามารถในการตรวจสอบอันยอดเยี่ยมไดในทันที นางราวกับ
กำลังพูดกับตนเอง
“พอมาลองนึกดูแลว เขานาจะสัมผัสไดถึงตำแหนงของขาตั้งแตแรก แตขากลับไม
โดยเฉพาะอยางยิ่งขายังไมสามารถสัมผัสไดถึงการเคลื่อนไหวของเขา เขาเชี่ยวชาญ
การปดตาตอสูเปนอยางมาก สามารถตอสูในความมืดไดอยางทะลุปรุโปรง เขาเลือกที่
จะตอสูแบบประชิดตัว ลองคิดอยางละเอียดแลว ถือเปนรูปแบบการตอสูที่ดีที่สุดใน
การตอสูกลางความมืด ดังนั้นการที่ขาถูกจูโจม ไมมีเวลาใหแมแตนอย เมื่อไมมีเวลา
กระบวนทาและทักษะทั้งหลายลวนไม อาจได ใช กลั บ กั น กำลั งของเขานั ้นเพียง
พอที่จะสำแดงออกมาอยางเต็มที่”
ทา นผูเฒา ตั้งใจฟงอยางละเอี ยด เขารู  ว  า ในเวลานี ้ แค ตั ้งใจฟงอย า งเต็ม ที่ก็
เพียงพอแลว
"เขาจงใจจะใหขาดิ้นรน เพื่อเรงใหขาหมดแรงเร็วขึ้น ถือวารายกาจมาก ขาสัมผัส
ไดวาพลังธาตุของอีกฝายไมแข็งแกรงนัก ตั้งแตเริ่มจนจบ เขาไมไดใชพลังธาตุเลย ขา
จึงไมอาจยืนยันระดับพลังของเขาได
ทานผูเฒาไดยินจึงกลาววา “ไมไดใชพลังธาตุก็สามารถเอาชนะเจาได แสดงวาอีก
ฝายตองเกงกาจพอตัว”
“เกงกาจมาก และคิดวานาจะเหมือนกับขา เขานาจะใสกำไลผนึกพลัง”
ซือเสวี่ยมั่นไมไดหลีกเลี่ยง นางคิดตอไป “ตอนที่เขาจับตัวขาเอาไว ขาไดใชเคล็ดวิชา
มัจฉาสะบัดกาย แตก็ไมอาจหลุดออกมาได”
เปนครั้งแรกที่ทานผูเฒาแสดงสีหนาออกมา “ไมไดใชพลังธาตุแตสามารถสะกด
เจาที่ใชเคล็ดวิชา มัจฉาสะบัดกายไดกระนั้นหรือ อายุเขามากหรือเปลา”
“มัจฉาสะบัดกาย” เปนทักษะที่ไวใชสลัดใหหลุดจากพันธนาการ มันเปนเทคนิค
ที่เลิศล้ำ เปนการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของปลาที่สะบัดตัวในตอนที่ตกใจ ซึ่งเปน
การระเบิดพลังอยางรุนแรง อีกฝายไมไดใชพลังธาตุแตกลับสามารถสะกดเคล็ดวิชา
“มัจฉาสะบัดกาย” ได ทานผูเฒาถึงกับตองตกตะลึง
“ใช” ซือเสวี่ยมั่นพยักหนาอยางจริงจัง “จิตสังหารของเขารุนแรงมากนัก แตเดิม
ขาคิดจะใชเคล็ดวิชามัจฉาสะบัดกายสลัดใหหลุด เชนนี้จะไดถอดกำไลผนึกพลังได แต
ทวากลับสลัดไมหลุด อายุของเขาไมควรจะมาก ไมเชนนั้นก็คงไมมาแสดงฝมือเพื่อเงิน
หาหมื่นหยวนหรอก”
ตอนนี้ลองยอนคิดดู นางก็อดไมไดที่จะนับถืออีกฝาย เนื่องจากตนเองเปนสตรี
หากถูกจับพันธนาการไวไดจะตองเสียเปรียบเปนแน คนในตระกูลจึงไดสอนเคล็ดวิชา
มัจฉาสะบัดกายใหตั้งแตยังเปนเด็กเล็ก นางทุมเทไปกับวิชานี้ไมนอย ฝกจนซึมลึกเขา
ไปในกระดูก
พลังที่ระเบิดออกมาจากเคล็ดวิชามัจฉาสะบัดกาย ตัวของนางเองยังแทบจะคุมไว
ไมอยู
“ไมไดใชพลังธาตุก็สามารถสะกดเคล็ดวิชามัจฉาสะบัดกายได อายุยังไมมาก
เชนนั้นคงเปนนักเรียนแลวแหละ” ทาทางของทานผูเฒาเต็มไปดวยความชื่นชม
“ดูทาในปนี้นักเรียนใหมที่เขามาลวนแลวแตเปนผูมากพรสวรรคกันทั้งนั้น ก็ไมรู
วาเปนทายาทของตระกูลใด เหตุใดจึงไมไดยินขาวคราว”
“ทานปู ทานตองชวยขาตรวจสอบนะ!” ซือเสวี่ยมั่นเขยาแขนขอรองทานปู
“ขาไมอาจจะถูกเอาเปรียบเชนนี้ ขาจะตองประลองกับเขาอยางยุติธรรมอีกครั้งหนึ่ง”
ทานผูเฒาถึงกับหัวเราะเสียงดัง “ได ได ได เสวี่ยมั่นขอรองปูถึงขนาดนี้ ปูจะไม
รับปากก็คงยากแลวละ”
เห็นไดชัดวาเสวี่ยมั่นตองการลบเลือนความอับอายในครั้งกอน คนหนุมสาวนั้น
คอนขางจะกระตือรือรน จนบางครั้งตองพบเจอปญหาอีกอยางตัวเขาเองก็สนใจเจา
หนุมนี่อยูอยางมาก อยูๆ ก็มีเจาหนูที่รายกาจยิ่งกวาหลานสาวของตนปรากฏตัวขึน้ มา
ชางนาสนใจเสียจริง
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกยินดีเปนอยางมาก ทานปูออกออกปากอยางนี้แลว เจาสาระเลว
สมควรตายนั่นไมมีทางหนีพน
คอยดูเถอะ! ขาจะไมมีทางปลอยเจาไปแน!
นัยนตาของซือเสวี่ยมั่นสองประกายอันตรายออกมา
การแสดงออกของหลานสาวอยูในสายตาของทานผูเฒา ทานผูเฒาที่มีประสบการณ
ชีวิตมายาวนานจะไมรูความคิดของหลานสาวไดเชนไร เขาพูดขึ้นเสียงเบา “เขาไมได
ใชพลังธาตุก็สามารถสยบเจาได ความแข็งแกรงเกรงวาจะอยูเหนือกวาเจา เจาตอง
ระวังตัวดวย”
ซือเสวี่ยมั่นเงยหนาขึ้น นัยนตาของนางทั้ งสองขางราวกับถานไฟที่ รอ นระอุ
“เสวี่ยมั่นจะพยายามคะ!”
ทานผูเฒาถึงกับตกตะลึง เขาไมเคยเห็นวาหลานสาวของตนจะมีความตองการ
ตอสูรุนแรงถึงเพียงนี้
ดูทาการพายแพในครั้งนี้จะเปนความลมเหลวที่ยิ่งใหญสำหรับเสวี่ยมั่น ทานผู
เฒาลอบยิ้มอยูในใจ
อายฮุยนั้นไมรูเลยวาเงินหาหมื่นหยวนนี้จะนำพาปญหาอะไรมาในภายหลัง เขา
นั้นกำลังจะไปเรียนวิชาพื้นฐาน
แสงอาทิตยที่สองผานหนาตางเขามาในหองเรียน สองลงมาโตะหนังสือที่อยูบน
พื้นกระดาน แมแตฝุนละอองที่ลอยอยูในอากาศลวนดูเหนื่อยหนาย
หองเรียนนั้นแสนจะวางเปลา มีเพียงคนนั่งอยูแคหกคน คนที่ตองเขาเรียนวิชา
พื้นฐานนั้นมีจำนวนนอยมาก ไมวาจะเปนที่ดินแดนเกาหรือจะเปนที่อูสิงเทียน เด็กๆ
โดยมากก็ไดเรียนวิชาพื้นฐานแลว
อาจารยตงที่อยู ณ แทนบรรยายกำลังวาดไมวาดมืออธิบายถึงนโยบายของอูสิงเทียน
นั้นตองใชระยะเวลานานเพียงใดในการวางแผนจนน้ำลายแตกฟอง และยังพูดถึงการ
ที่ตองใชกำลังคนกำลังทรัพยขนาดไหน ในยามที่การบำเพ็ญตนแตละพรรค ผูคนนับ
หมื่นมีใจเปนหนึ่งเชนไร ในวันนี้อูสิงเทียนที่มั่นคงก็เปนเชนนั้น เริ่มจากการลองเขาไป
ในแดนรางครั้งแรก อีกทั้งเขายังเลาถึงการประกาศจุดสิ้นสุดของชวงเวลาการปองกัน
ของอูสิงเทียน ยางเขาสูยุคสมัยแหงการโตกลับอันยิ่งใหญ
อายฮุยไมเหมือนกับผูอื่นที่แทบจะหลับ เขาฟงอยางตั้งอกตั้งใจ เมื่อกอนเขามี
เพียงอานคัมภีรกระบี่ สำหรับประวัติศาสตรของอูสิงเทียนนั้นสวนมากเขารูมาจาก
เวลาที่ผูใชพลังธาตุคุยกันตอนอยูในแดนราง
การเลาประวัติศาสตรคืองานอดิเรกที่สำคัญสุดของอาจารยตง เขาใชเวลาในคาบ
เรียนวิชาพื้นฐานสวนใหญในการเลาประวัติศาสตร การพูดถึงการฝกฝนขั้นพื้นฐานนั้น
กลับนอยมาก
เรื่องราวประวัติศาสตรอันยุงเหยิงพวกนี้เกี่ยวอะไรกับพวกเขา นักเรียนคนอื่นๆ
ลับหลังลวนเรียกวิชานี้วาวิชาพนน้ำลาย เพราะไมชอบมาเสียเวลาใหเรื่องพรรคนี้ ทำ
อยางไรได คาบเรียนวิชาพื้นฐานของพวกเขา ก็เปนวิชาในดูแลของอาจารยตง อีก
อยางอาจารยตงนั้นแสนจะขึ้นชื่อเรื่องอารมณฉุนเฉียว ถาหากนักเรียนที่โดดเรียนวิชา
ของเขาแลว อยากจะไปขอคำชี้แนะเรื่องปญหาในการฝกละก็ อาจารยแกไมแมแตจะ
มองมาดวยซ้ำ
ใครใชใหพวกเขาไรพื้นฐานกัน
นักเรียนผูมาจากอูสิงเทียนไมตองไปพูดถึง พวกเขาเรียนที่บานจนถึงวิชาขั้นสูง
นักเรียนธรรมดาก็เรียนถึงวิชาระดับกลาง ตอใหเปนนักเรียนจากดินแดนเกา ก็ได
ฝกฝนตั้งแตยังเล็ก ถึงแมจะเปนเพราะปจจัยจากสภาพแวดลอม ความแข็งแกรงจึง
เทียบไมไดกับนักเรียนของอูสิงเทียนที่พลังแสนลึกล้ำ แตทวาในดานทฤษฎีก็ไมไดมี
ปญหาอะไร
สิ่งที่เหลืออยูมักจะเปนการเปลี่ยนแปลงของพลั งอันแข็ งแกร ง หลังจากการ
พัฒนาที่ผานระยะเวลานับพันป พลังของธาตุทั้งหาก็ไดซึมลึกเขาสูใจคน
นาเสียดายที่จำนวนนักเรียนที่เริ่มจากขึ้นพื้นฐานอยางอายฮุยนั้น มีนอยจนนาสงสาร
อยูใตชายคาบานทาน ยอมตองกมหัว
อาจารยตงที่พ ูดพร่ำไมห ยุดมาค อนวั น ในที ่ สุ ดก็ พ ู ดถึ งการฝ ก ฝนเสีย ที สติ
นักเรียนคนอื่นๆ ก็ถูกเรียกกลับมาใหคึกคัก
ความเต็มที่ของอาจารยตงเหมือนจะอยูกับการถายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร
พูดอธิบายถึงการฝกพลังฐานราวกับไมมีกะจิตกะใจ เขาพูดเพียงแคครึ่งชั่วโมง ก็
ปลอยใหเลิกเรียน อายฮุยกำลังนึกทบทวนเนื้อหาที่เรียนเมื่อครู รอใหเขาไดสติกลับมา
อาจารยตงก็หายไปอยางไรรองรอยเสียแลว
เทียบกับนักเรียนคนอื่นที่ทำหนาเศราอมทุกข ในใจของอายฮุยในตอนนี้เต็มไป
ดวยความปติยินดี
เขาใชเวลาอยูในแดนรางถึงสามป ก็ไดสั่งสมประสบการณมากมาย และไดรับการ
ฝกฝนจนชำนาญ เมื่อพบอันตราย ก็ไมใชปญหาสำหรับเขา เขาถือวาโดดเดนที่สุดใน
บรรดาแรงงานทั้งหมด ผูใชพลังธาตุที่ยิ่งใหญทั้งหลายลวนไวใจเขา หากพบผูที่มีน้ำใจ
ก็ยังไดสอนกระบวนทาที่มีประโยชนใหแกเขาบาง
ทว า ในแดนร า งอั น ตรายรอบด า น สามารถพบเจออั น ตรายได ท ุ ก เวลา ใน
สภาพแวดลอมเชนนั้นจึงไมมีใครที่จะมีความอดทนมาถายทอดวิชาใหแรงงานคนหนึ่ง
วาจะตองฝกฝนอยางไร
สามปที่ผานมา สิ่งที่เขาไดเรียนมีไมนอย ซึ่งลวนเปนพวกเทคนิคที่ใชไดจริง แต
เปนพวกเล็กนอยมากๆ
ทฤษฎีของเขานั้นไมครบสมบูรณ ทวาประสบการณตอสูมากมาย สิ่งที่สะสมมี
มากกวานักเรียนคนอื่นจะเทียบเทียมได อีกอยางเขายังเชี่ยวชาญในการครุ  นคิ ด
ไมเชนนั้นก็คงไมอาจเพาะเมล็ดพันธุตัวออนกระบี่ออกมาได ในแดนรางถึงแมสิ่ งที่
เรียนจะงายดาย เปนเพียงสวนเล็กสวนนอย แตวาเขานั้นทุมเทเวลาใหแตละอยางใน
การวิเคราะหและครุนคิดเปนอยางมาก แตอุปสรรคของเขาถือรากฐานที่ออนแอ ผลที่
ไดรับจึงมีขีดจำกัด พอกพูนเปนปญหาที่คางคาในใจ
ในระยะเวลาการสอนของอาจารยตงที่แสนจะสั้นนั้น เขาพูดถึงเนื้อหาวิธีการ
ฝกฝนเพียงไมกี่คำ ที่พูดเยอะกวาลวนเปนการอธิบายทฤษฎีที่เกี่ยวของกับพลังธาตุ
และสิ่งนี้ก็เปนสวนที่อายฮุยขาดไปมากที่สุด
บทที่ 10 กลุมผูมีพรสวรรค
พลังธาตุไมใชของหายากอะไร
แตกอนในยุคของการบำเพ็ญตนก็มีคนไดทำการศึกษาไว แตทวาในยุคสมัยของ
การบำเพ็ ญ ตนที่ เ ต็ ม ไปด ว ยพลัง วิญ ญาณ จึ ง สามารถนำพลั ง นั ้ น มาใชไ ด อ ย า ง
กวางขวาง เพราะวาพลังวิญญาณนั้นมีพลังชีวิตมากกวาพลังธาตุมากนัก อีกทั้งยังใช
งายมากกวา การผลิตพลังวิญญาณที่ที่มีมากไดไปยับยั้งการกำเนิดของพลังธาตุ ดังนั้น
ในยุคสมัยของการบำเพ็ญตนการวิจัยเกี่ยวกับพลังธาตุจึงมักเปนพวกพรรคเล็กๆ
มีเพียงแคแดนรางที่มีพลังวิญญาณเบาบาง พลังธาตุจึงไดเปนพลังหลัก
อาจกลาวไดวาโลกแหงการบำเพ็ ญตนนั ้ นราวกั บได รั บความโปรดปรานจาก
สวรรคเปนพิเศษ ทำใหเต็มเปยมไปดวยพลังวิญญาณ เปนเขตแดนที่กวางขวางใหญโต
ราวกับเปนที่ดินที่ถูกประทานมาจากฟา โลกแหงการบำเพ็ญตนก็หยิ่งในเกียรติของตัว
มาโดยตลอดดวยเหตุผลเหลานี้ เมื่อผานไปนานเขา ผูบำเพ็ญตนเกือบทั้งหมดลวนคิด
วาโลกแหงการบำเพ็ญตนคือศูนยกลางของโลกใบนี้
การดำรงอยูของสภาพแวดลอมอยางแดนราง ไมเคยอยูในสายตาของพวกเขา
ใครตอใครก็คิดไมถึงวาพลังวิญญาณในโลกจะลดลงทุกวันๆ พลังวิญญาณคือรากฐาน
ของระบบการบำเพ็ญตน หากพลังวิญญาณสูญหายไป โลกแหงการบำเพ็ญตนที่แสน
ยิ่งใหญรุงเรืองก็จะลมสลายลง
ครั้นแลวหลายลานปตอมา แดนรางที่โลกแหงการบำเพ็ญตนไมเคยมองอยูใน
สายตา กลับกลายมาเปนศัตรูที่พวกเขาไมมีหนทางจะเอาชนะได
ผูอาวุโสที่ถูกบีบคั้นจนถึงทางตัน จึงไดเสาะหาแหลงพลังใหมอยางบาคลั่ง และ
อาจารยของพวกเขาก็คือศัตรูของพวกเขา นั่นคือพวกอสูรแดนรางและชนเผาแดนราง
พลังธาตุก็ถูกคนพบและพัฒนาขึ้นภายใตสถานการณนั้น
อยางไรก็ตาม เพราะสติปญญาที่สั่งสมมากวาลานปของเหลาผูบำเพ็ญตน พวกเขาจึง
ใชเวลาไมนานในการริเริ่มระบบของพลังธาตุทั้งหาซึ่งเปนของเหลาผูบำเพ็ญตนเอง
ทฤษฎีมีการพัฒนาอยางตอเนื่อง ระบบพลังธาตุจึงเริ่มเสถียรขึ้น อูสิงเทียนก็เริ่ม
แข็งแกรงขึ้นเชนกัน
ดิน น้ำ ไฟ ไม ทอง พลังของธาตุทั้งหาประกอบขึ้นเปนพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้ง
มวล พลังธาตุทั้งหาที่มั่นคงจะประกอบขึ้นเปนสสาร และเมื่อเกิดพลังชีวิต พลังธาตุ
ของธาตุทั้งหาก็ถูกสรางขึ้น จากทฤษฏีที่มีอยูในปจจุบัน พลังธาตุทั้งหาประเภทไมไดมี
รากฐานที่แตกตางกัน พวกมันเพียงแคมีลักษณะของพลังธาตุที่แตกตางกัน ยับยั้งซึ่ง
กันและกัน รวมเปนวัฏจักรอันสมบูรณแบบ นี่ก็เปนเพราะพลังของธาตุทั้งหายากที่จะ
คงอยูเพียงลำพัง พวกมันมักจะดำรงอยูรวมกัน
สิ่งนี้ถือเปนกฎของธรรมชาติ เปนเหตุผลที่แสนซับซอน
สิ่งที่อาจารยตงอธิบายลวนเปนทฤษฎีที่พื้นๆ ในสายตาของหลายๆ คนลวนมอง
วาไรประโยชนไมนาสนใจ แตสำหรับอายฮุยนั้นกลับไขขอสงสัยมากมายที่อยูภายใน
ใจของเขา เขาคุยเคยกับพวกการฝกกระบี่ ไมวาจะเปนพรรคใหญ หรือจะเปนพวก
พรรคเล็กพรรคนอกรีต คัมภีรกระบี่นั้นมีเยอะราวกับเสนขนบนตัววัว แตทวาหาก
สูญเสียพลังวิญญาณที่เปนพื้นฐานแลว ของเหลานี้ก็ลวนไมมีคาอะไร แมกระทั่งเมล็ด
พันธุแหงตัวออนกระบี่ที่เขาเพาะขึ้น หากวาภายในสามปยังไมแตกหนองอกออก เขา
คงหมดสิ้นความหวัง กระนั้นก็ปฏิเสธไมไดวาการอานคัมภีรกระบี่มากมายนับไมถวน
ถือวายังมีสวนชวยในการเปดโลกทั ศนของอายฮุย ทฤษฎีของการฝกกระบี่ในยุ ค
โบราณก็ไดพัฒนาไปถึงจุดสูงสุดแลว ทั้งกวางขวางลึกซึ้ง ทั้งกวางใหญราวมหาสมุทร
ในตอนที่อยูในแดนรางก็เปนเชนนี้ วิถีการใชกระบวนทาของเขาสวนใหญแตกตางจาก
ผูอื่น แมแตผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญและแข็งแกรงก็ยังประหลาดใจ
เขาสามารถมีชีวิตรอดมาจากแดนรางได ไมใชเพราะวาโชคชวย
แตกอนที่เขาไดร่ำเรียนลวนเปนชิ้นสวนเล็กๆ ตอนนี้เขาคอยๆ แกปมออกมา สิ่ง
นี้ทำใหเขารูสึกตื่นเตน แตกอนเขาก็มีความคิดที่คอนขางคลุมเครือ แตตอนนี้ดูทา
ความคิดของเขาพวกนี้ไมใชวาจะไรหนทางทำใหเปนจริงเสียทีเดียว
เขาควบคุมจิตใจที่กำลังเคลื่อนไหวอยางไมเปนสุข ตอนนี้ยังไมถึงเวลา เขายัง
ตองการเก็บสะสมใหมากยิ่งกวานี้
การมาสนามเหนี่ยวนำในครั้งนี้ถือวาถูกตองแลว คาบเรียนแรกก็ไดรับประโยชน
มากมายถึงเพียงนี้ ทำใหเขาปติยินดีที่สุด ถัดจากนี้เขาตั้งหนาตั้งตาคอยคาบเรียนอื่นๆ
วันเวลาแหงการเรียนนั้นแสนจะธรรมดาและเต็มไปดวยเนื้อหา แตสำหรับอายฮุย
แลว ชา งเปนเหมือนกับแสงอาทิตย ท ี่ งดงาม ในทุ ก วัน ทุ ก วิ ชาเรียนเขาทุ มเทให
ความสำคัญ สำหรับคนที่มีรากฐานพื้นๆ เชนเขานั้น การจะไดรับโอกาสเชนนี้เปน
เรื่องที่ยากมาก เขาเปนเหมือนกับฟองน้ำที่ละโมบดูกลืนอาหารทั้งหมด
คาบวิชาพื้นฐานของอาจารยตงนั้นสั้นมากมีเพียงแคสิบคาบ อายฮุยยังไมอยากให
จบ ถึงแมคาบเรียนของเขานั้นมีเยอะมาก แตเขากลับพบวาคาบเรียนที่จะกลาวถึง
ทฤษฎีการฝกฝนพลังธาตุ มีเพียงวิชาพื้นฐานของอาจารยตงเทานั้น อาจารยของคาบ
วิชาอื่นๆ ลวนถายทอดแตพวกกระบวนทาที่ใชประโยชนไดจริงหรือพวกเคล็ดวิชาใน
การฝกฝน มีนอยมากที่จะมีอาจารยอธิบายถึงทฤษฎีที่อยูในนั้น
บางทีในสายของของเหลาอาจารย สำหรับนักเรียนที่เพิ่งจะเขาเรียน รูแควาจะ
ฝกฝนเชนไรก็เพียงพอแลว
ตอนนี้อายฮุยก็เริ่มคุนเคยกับชีวิตการเรียนในเมืองซงเจียนขึ้นมาทีละนอย เขาไม
รูสึกประหมาเหมือนกับตอนที่อยูหนาประตูสนามเหนี่ยวนำ
นักเรียนในเมืองซงเจียนผอนคลายเปนอยางมาก ที่นี่ไมไดมีกฎที่เขมงวด ไมวาจะ
เปนคาบเรียนใด ขอเพียงแคเจามีเงื่อนไขที่เหมาะสม ตัวอยางเชนระดับเขตแดนถึง
เกณฑ ก็สามารถที่จะเลือกเรียนได
แตทวาเขาก็ยังมีเรียนอีกคาบหนึ่ง เพื่อนรวมหองเรียนของเขาก็คือพวกที่เจอใน
วันแรกที่เริ่มเรียน และอาจารยที่รับหนาที่ดูแลก็คือ อาจารยสวี่ทานนั้น
ระดับพลังของแตละคนนั้นแตกตางกันเปนอยางมาก แตละคนจึงเลือกวิชาลง
เรียนแตกตางกัน เวลาปกตินั้นยากที่จะไดเจอหนากัน มีเพียงคาบโฮมรูมที่มีสัปดาห
ละครั้งเทานั้น เขาจึงจะไดพบกับเพื่อนรวมหองของตน
ไมมีผูใดใหความสนใจอายฮุย
ในบรรดานักเรียนสวนใหญ เกรงวาจะไมมีผูใจจำชื่อของอายฮุยได เขาที่เปน
นักเรียนที่ทั้งไมแข็งแกรงและไมมีชีวิตชีวา ทำใหไมมีใครรูสึกวาเขามีตัวตนอยูตรงนั้น
อาจารยสวี่เห็นวาทุกคนมาครบแลว ก็ไดเริ่มเอยปาก "ที่เรียกทุกคนมาในครั้งนี้
เปนเรื่องเกี่ยวกับการคัดเลือกคนเขาสูกลุมผูมีพรสวรรค
ไดยินคำวา “กลุมผูมีพรสวรรค” พวกนักเรียนที่มาจากอูสิงเทียนราวกับกินยา
บำรุงกำลังในทันที สวนพวกนักเรียนที่มาจากดินแดนเกาลวนทำหนาพิศวงงงงวย
“กลุมผูมีพรสวรรคนั้นก็คือการเลือกนักเรียนที่พอจะมีความแข็งแกรงแล ว ก็
พรสวรรคพอใชได ภายในกลุมไมเพียงแตจะมีอาจารยผู เชี ่ยวชาญเฉพาะดา นมา
แนะนำการฝกฝน แตยังมีการฝกปฏิบัติมากมายอีกดวย ยกตัวอยางเชน ผูเขารวมจะ
ไดรับมอบหมายงานของโรงเรียน ไดติดตอกับนักเรียนจากเมืองอื่นเพื่อจัดตั้งการ
แขงขันขึ้นเปนตน ถึงขนาดมีโอกาสไดเขาแดนรางไปพรอมกับอาจารย เพื่อเขาศึกษา
สภาพโดยรอบของแดนรางอีกดวย”
สามารถเขาไปในแดนราง เรื่องนี้ทำใหเหลานักเรียนตื่นเตนขึ้นมาในทันที เกิด
เสียงพูดคุยกันระงมดังขึ้น
แดนรางในสายตาของทุกคนนั้นเปนสถานที่ลี้ลับ เต็มไปดวยสิ่งที่ไมรูจัก ยิ่งไป
กวานั้น การมีเหลาอาจารยเขาไปดวยก็ไมตองกังวลเรื่องปญหาความปลอดภัย ไดยิน
วาสามารถเขาไปเรียนรูจากแดนรางอยางนี้ ทำใหเหลานักเรียนทั้งหลายตางตั้งตารอ
คอยกันขึ้นมา
ทามกลางเหลานักเรียนที่กำลังตื่นเตน ใบหนาของอายฮุยกลับมีแตความเฉยชา
เพราะสำหรับเขาแลวสิ่งที่เรียกวากลุมผูมีพรสวรรคนั้นเขาไมไดสนใจมันเลย การ
แนะนำของอาจารยนั้นนับวาไมเลวเลย แตสำหรับเขาในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญยิ่งกวาคือ
การสะสมพลังธาตุใหเพียงพอ เพื่อที่จะเปดคลังชีวิตพลังธาตุของตน
สำหรับแดนรางนั้น เขาอยูเสียจนแทบจะอวกอยูแลว
อาจารยสวี่มองไปยังนักเรียนที่กำลังตื่นเตนกันใหญ เขาคอยๆ ยิ้มแลวพูดตอ
“แนนอนวาเงื่อนไขของการจะถูกเลือกเขากลุมผูมีพรสวรรคคอนขางยากลำบากอยู
ทุกคนเพิ่งจะเขามายังสนามสนามเหนี่ยวนำ ถาหากดูจากเกณฑของปที่แลว ระดับที่
ต่ำที่สุดจะตองอยูขั้นเปดตำหนักไดสองตำหนักขึ้นไป”
ดานลางไดสงเสียงคร่ำครวญกันในทันที หากเปนไปตามเกณฑมาตรฐานนี้ ทั้ง
หองเกรงวาจะมีเพีย งสามถึงหาคนที่ผา นเงื่อ นไข เมื่อรูวาตนสามารถผานเกณฑ
คัดเลือก พวกนั้นก็แสดงความตื่นเตนออกมาอยางออกหนาออกตา
“นี่เปนเกณฑมาตรฐานขั้นต่ำสุด และไมใชเกณฑตายตัว ทุกคนไปลองดูกอน”
อาจารยสวี่พูดตอ “จะทำอยางไรจึงจะไดรับเลือก ทุกคนไปดูก็จะรูเอง ตอนนี้ที่ขาจะ
พูดคือ ถาหากเปนนักเรียนที่ไดรับเลือก เมืองซงเจียนของพวกเรามีรางวัลให ซึ่งลวน
เปนทรัพยากรที่มีประโยชนเปนอยางมากตอการฝกฝนของทุกคน ทุกคนพยายามเขา
ใชแลว ตวนมูหวงฮุน เอาเอกสารแจกใหทุกคนที”
ตวนมูหวงฮุนก็คือคุณชายคนนั้นที่ใสเสื้อผาหรูหราที่อายฮุยเจอที่หนาประตู
โรงเรียน และก็เปนนักเรียนที่แข็งแกรงที่สุดในหองเรียนของเขา
อายฮุยก็ยังคงไมไดสนใจไยดีอะไร ของรางวัลนั้นถือวาไมเลว ทวาลองคิดดูอีกทีก็
ยังมีเรื่องหยุมหยิมอีกมาก มันจึงไมไดมีแรงดึงดูดตอเขาอะไรมากมาย ที่สำคัญความ
แข็งแกรงของเขายังหางไกลอีกมากนัก
กระแสความคิดของเขาลองลอยไปอยูที่เรื่องการฝกฝน สภาพแวดลอมของเมือง
ซงเจียนถือวายอดเยี่ยมสำหรับการฝก เรียกไดวาราวกับสรวงสวรรค เขากำลังคิดวาง
แผนการฝกฝนและครุนคิดอยางละเอียด
ตวนมูหวงฮุนที่กำลังแจกเอกสารเดินขามอายฮุยไปโดยที่ไมไดหยุดเดิน เขาบน
พึมพำออกมาหนึ่งประโยคที่เต็มไปดวยการเยาะเยย “วิชาพื้นฐานยังไมไดเรียน ก็ไม
ตองดูแลว”
อายฮุยรูสึกสับสนมึนงง ความเปนอริจากฝายตรงขามสงมาอยางไมมีปมีขลุย อีกทั้งยัง
ชางเปนนิสัยเด็กนอยเสียจริง!
บานตระกูลซือ
“ยืนยันไดแคหกคน”
เสียงของซือเสวี่ยมั่นไมไดดัง ทวาอุณหภูมิในหองโถงใหญราวกับลดต่ำลงนับสิบ
กวาองศา คนรับใชและองครักษทั้งหลายลวนรูสึกหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจไปตามๆ กัน
ผูดูแลสวนลางของเมืองซงเจียนใบหนาซีดเซียว รางกายสั่นเทา พูดดวยเสียงที่สั่น
“ขานอยมีความผิด! ในตอนนั้นไมไดถามชื่อแซเอาไว และพอดีกับเปนชวงเปดเรียน
ของนักเรียนใหม ซึ่งทำใหพวกขาตองเจอกับความยุงยาก พวกขาทำไดเพียงแคอาศัย
ขาวลือที่มาจากกลุมนักเรียน ถามเสียงตอบรับจากรานคาในบริเวณใกลเคียง สุดทาย
สามารถยืนยันไดหกคน แตทวาพวกขาไดตัดหกคนนี้ทิ้ง”
ตอนนี้เขาเสียใจจนลำไสเขียวไปหมดแลว ไมมีเรื่องอื่นทำแลวหรืออยางไรถึง
ไดมาจัดการปดตาตอสูบาบออะไรนี่ขึ้น เชนนี้ก็คือตัวเองผลักใหตัวเองตองตกลงไปใน
กองไฟแทๆ เลย!"
ซือเสวี่ยมั่นทอดถอนใจออกมายาวๆ พยายามที่จะควบคุมอารมณของตน นางรู
วาเรื่องนี้จะโทษอีกฝายไมได ในตอนนั้นตนเองตอบสนองไดชาเกินไป ที่จริงหากตอน
นั้นนางไมสติหลุดไป ก็จะสามารถไดรับขอมูลของทุกคนไดอยางสบายๆ เจาสาระเลว
สมควรตายนั่นก็จะหนีไมรอด
“ลำบากเจาแลว เจาทำไดดีแลว เรื่องนี้ไมใชความผิดของเจา”
น้ำเสียงของซือเสวี่ยมั่นยังคงเย็นยะเยือก
ชายวัยกลางคนที่อยูดานลางถึงกับน้ำตาไหลออกมา ในชวงนี้เขาไดรับแรงกดดัน
มากมายเหลือเกิน หางไกลเกินกวาที่คนธรรมดาจะจินตนาการถึง โดยเฉพาะอยางยิ่ง
การตรวจสอบขอมูลจนแลวจนรอดก็ยังไมมีความคืบหนา เขาเองก็ใกลที่จะถึงขั้น
สิ้นใจแลว
บรรยากาศกดดันภายในหองโถงใหญลดลงไมนอย
ซือเสวี่ยมั่นคอยๆ เอยปากขึ้น “แตทวาเรื่องนี้ ขายังตองกวนเจาอีกหนอย จะมี
คนคอยชวยเหลือเจา ไมวาจะตองแลกดวยอะไรก็ตาม จะตองหาคนคนนี้ใหเจอ”
ชายวัยกลางคนคิดไมถึงวาทาทางของคุณหนูจะแนวแนถึงเพียงนี้ นี่ไมใชครั้งแรก
ที่ไดยินคำวา “ไมวาจะตองแลกดวยอะไรก็ตาม” จากปากของคุณหนู ทวาเมื่อคิดถึง
นิสัยที่วายิ่งลมเหลวยิ่งกลาหาญของคุณหนู เขาก็รูสึกวาเรื่องนี้เปนเรื่องธรรมดา
“ขานอยจะพยายามอยางสุดความสามารถ” เขาไมกลารับประกันไดอยา งเต็ม
ปาก คิดดูแลวเขาจึงพูดตอ “ขานอยมีอยูวิธีหนึ่ง แตก็ไมรูวาจะสำเร็จหรือไม”
“วิธีอะไร” ซือเสวี่ยมั่นถามตออยางชัดเจน
“พวกเราตามหากันเชนนี้ ก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร ทวาขานอยกำลัง
คิด เขาสามารถคุกคามคุณหนูได แสดงวาตองมีความแข็งแกรงอยางมาก คิดวาคน
เชนนี้จะตองโดนเดนเหนือผูคนในเมืองซงเจียนเปนแน ขานอยคิดวาหากดูจากความ
แข็งแกรงของคนผูนี้ การจะถูกเลือกเขากลุ มผู มีพ รสวรรคไมน าจะมีปญหาอะไร
เชนนั้นพวกเราควรจำกัดวงใหแคบ แลวลงมือหาจากกลุมผูมีพรสวรรค”
ที่การแขงขัน เขามองเห็นยังซือเสวี่ยมั่น แตไมเห็นชายลึกลับผูนั้นลงมือกับตา
การตอสูของคนลึกลับกับคุณหนูนั้นเขาไมรูอะไรเลย การจะประเมินความแข็งแกรง
ของชายผูนั้น มีเพียงแคคุณหนูเทาที่ที่มีสิทธิ์ออกเสียงที่สุด
ซือเสวี่ยมั่นฟงคำพูดของชายวัยกลางคนแลวนัยนตาคูงามก็เกิดเปลงประกาย
ขึ้นมา ในตอนที่ขารับใชมองมาที่นางอีกครั้ง นางก็ตอบกลับอยางไมลังเล
“จับตาดูกลุมผูมีพรสวรรคเอาไว ขาตองการเปนคนแรกที่ไดรายชื่อมา”
“ขอรับ!” ขารับใชรีบตอบรับทันที
ซือเสวี่ยมั่นหันหลังจากไป รวดเร็วดั่งสายลมรุนแรงดั่งฟาฟาด นางจะไมปลอยให
เสียเวลาเปลาแมแตนอย ในหัวของนางตอนนี้เต็มไปดวยเรื่องการฝกฝน ภายในแวว
ตาเต็มไปดวยเจตนาแหงการตอสูที่กำลังลุกไหม
ตอใหตอนนี้เจาแข็งแกรงกวาขา ขาก็จะไมมีทางลมเลิก!
ความอัปยศในครั้งนี้ ขาซือเสวี่ยมั่นจะตองเอาคืนดวยมือของตนเอง!
บทที่ 11 การคาดเดาของอายฮุย
แนนอนวาอายฮุยไมรูตัวเลยวามีคนกำลังตามหาเขาอยูทุกที่เพื่อลางแคน ถึงรู
แลวเขาก็คงไมใสใจ ใครจะไปมีเวลาวางเชนนั้น ขนาดโหลวหลานมาเยี่ยมเยือน เขายัง
ขี้เกียจจะใสใจ แมอีกฝายจะเปนตุกตาทรายที่แสนดีก็ตาม...
อายฮุยคร่ำเครงอยูกับเรื่องการเรียนและการฝกฝนของตน ในตอนนี้เขาเหมือน
ไดหลุดเขาไปในโลกใบใหม โลกใบนี้แสนจะกวางใหญ แสนจะมั่งคั่งและมีสีสัน ใน
สนามเหนี่ยวนำมีสถานที่ฝกตนหลายแหงที่โลกภายนอกไมมีทางพบเจอ อายฮุยได
คนพบสิ่งใหมๆ ในทุกวัน
เขาหมกมุนอยูทามกลางสิ่งเหลานี้ทำอยางไรก็ไมเบื่อ
ไมมีที่แหงใดตองการความแข็งแกรงยิ่งไปกวาแดนรางอีกแลว ที่นั่นไมมีความรูสึก
อันอบอุนใดๆ ถึงขนาดที่วาแมแตผาแพรที่ใชปดบังสักชั้นหนึ่งก็ยังไมมี ทวาในแดนราง
กลับไมมีสถานที่ใหเขาฝกฝน ขอเพียงแคระดับพลังธาตุคอนขางเขมขน ไมถูกอสูร
แดนรางที่ดุรายยึดไป ก็ถูกชนเผาแดนรางยึดครอง
อีกทั้งไมมีเวลาใหเขาไดฝกฝน เขาจำเปนตองตามคนกลุมใหญใหทัน และเขายังมี
งานหนักมากมายที่จะตองทำ ในทุกวันเวลาที่ไดหลับนอนถือวานอยเสียจนนาสงสาร
เปนเพราะพวกผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญทั้งหลายเกือบจะไมตองนอนพัก การทำงานของ
พวกเขารวดเร็วเปนอยางมาก
ดวยความที่ไมมีอาจารยคอยอธิบายเหตุผลตางๆ ใหเขา แคสามารถไดรับการชี้แนะ
หนึ่งถึงสองกระบวนทาจากผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญ ก็เรียกไดวาเปนความเมตตาอัน
ยิ่งใหญแลว แตถาเจอพวกที่นิสัยไมดี พวกที่ไมถูกชะตา เขายังตองลำบากอยูไมนอย
หากเทียบกับแดนรางแลว สนามแหงการตอบรับก็คือสวรรคดีๆ นี่เอง
ผูชายคนหนึ่งที่สะสมความหลงใหลมาตลอดสามป วันหนึ่งหากมันระเบิดขึ้นมา
ระดับความรอนคงรุนแรงยิ่งกวาภูเขาไฟปะทุเสียอีก
อายฮุยราวกับถูกครอบงำก็ไมปาน ลุมหลงอยูทามกลางการฝกฝน
เขารูวารากฐานของตนนั้นไมดี จึงไมอยากตั้งเปาหมายไวสูงเกินไป ขอเพียงใหได
มีโอกาสมีชื่อในทะเบียนของผูใชพลังธาตุก็ดีเทาไรแลว สำหรับเขาแลวนั้นมันตองแลก
มาดวยความพยายามที่เหนือยิ่งกวาคนทั่วไป จึงจะสามารถทำใหมันเปนจริงได
มีเวลาที่ไหนใหมาเสียไปเปลาๆ
ในสี่ปนี้ เปนเวลาสี่ปแหงการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเขา เขารูวาตนเองนั้นไม
มีทางไดโอกาสเปนครั้งที่สอง
ดูเหมือนวาจะเปนความสารถในการปรับตัวที่ไดฝกมาจากแดนราง อายฮุยจึงใช
เวลาไมมากนักก็สามารถปรับตัวใหเขากับการใชชีวิตในเมืองซงเจียนได แผนการเรียน
ของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละนอย จากในตอนแรกที่ไมวาจะวิชาอะไรก็เขา
เรียน แตตอนนี้เขาเริ่มที่จะเลือกวิชาเรียนแลว
เขาจะตองเขาใจถึงสภาพของตนเองรวมถึงปญหาที่สำคัญที่สุดที่ตองเผชิญ สิ่งนี้
เปนประสบการณที่เขาถูกสอนจากแดนรางที่เหน็บหนาวและเต็มไปดวยการฆาสังหาร
ปญหาที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้ก็คือการเปดคลังชีวิตของตน
ถาหากภายในหนึ่งปเขายังไมอาจเปดคลังชีวิตไดก็จะถูกขับไลใหกลับบานไป
เขาไดเลือกสถานที่สำหรับฝกฝนมาแหงหนึ่ง ที่นั่นคือ เจดียเสวียนจิน
เจดียเสวียนจินตั้งอยูที่นอกเมือง อยูหางจากเมืองซงเจียนประมาณหนึ่งรอยหาสิบลี้
เนื่องจากระยะทางที่คอนขางไกล แมจะนั่งรถใบไมสามแฉกก็ยังตองใชเวลาไมนอย
จึงมีนักเรียนนอยมากที่คิดจะถอไปไกลถึงเพียงนี้ ดังนั้นที่นี่จึงเงียบเหงาเปนอยางมาก
แนนอนวาอายฮุยไมมีทางนั่งรถใบไมสามแฉก คาใชจายไปกลับของมันแพงถึง
หนึ่งพันหยวน เขาจะไดเจ็บปวดไปเปนหลายวันกันพอดี
ระยะทางหนึ่งรอยหาสิบลี้สำหรับเขา ก็แคพอดีกับการอบอุนรางกาย ในแดนราง
จังหวะการตอ สูแ ละระดับความรุ น แรงนั ้ น แสนจะน าตกใจ ถึ งแม อ  า ยฮุ ยจะเปน
แรงงานไมตองเขาตอสู แตเขายังตองไปกับคนกลุมใหญคอยแบกสิ่งของสัมภาระ
แรงงานเมื่อไปถึงแดนรางบทเรียนแรกที่ตองเจอก็คือการวิ่ง ตองวิ่งได จึงจะตามกลุม
ทัน ไมมีกลุมใดตองการแรงงานที่วิ่งตามพวกเขาไมทัน
รางกายของอายฮุยมองดูแลวไมถึงกับกำยำอะไร ฝเทาก็ไมไดถือวาใหญ แตทวา
มั่นคงมาก รางกายสวนบนไมมีสวนใดขยับแมแตนอย
เขาไมไดเดินผานทางสายหลัก แตวาผานทางกลางปา ที่เขาเดินคือทางลัดที่เปน
เสนตรง ราวกับเสือชีตาหที่ปราดเปรียว พุงผานปามาไดอยางงายดาย
ในตอนที่เขามาถึงเจดียเสวียนจิน ไดใชเวลาไปยี่สิบหกนาที ซึ่งเร็วกวาครั้งที่แลว
ถึงหานาที อายฮุยแสดงออกถึงความพึงพอใจ เขาชอบความรูสึกที่มีความกาวหนา
ที่ปรากฏอยูเบื้องหนาของอายฮุยเปนซากเจดียเหล็กที่ทรุดโทรมแหงหนึ่ง บริเวณ
โดยรอบเงียบเหงาไรผูคน เจดียเหล็กมีทั้งสิ้นเจ็ดชั้น มีอยูหลายสวนที่ทรุดโทรมไมมี
ชิ้นดี ประวัติของมันสามารถยอนกลับไปถึงยุคของการบำเพ็ญตน พูดกันวาแตกอน
เปนของสำนักบำเพ็ญตนสำนักใหญ ภายหลังเมื่อพลังวิญญาณสูญสิ้น เจดียแหงนี้ผาน
วันเวลายาวนาน ชำรุดทรุดโทรม แตทวาก็ยังคงเหลืออยูมาถึงทุกวันนี้
ที่เจดียเหล็กสามารถคงอยูมาถึงทุกวันนี ้ เปนเพราะดานลา งของมั นมีถ ้ ำ ลม
ทองคำอยูแหงหนึ่ง สายลมที่พัดอยางบาคลั่งภายในถ้ำนั้นเต็มไปดวยพลังธาตุทองที่
เขมขน เปนเพราะพลังธาตุทองที่หมุนวนอยางไมหยุดยั้ง แตเดิมตัวเจดียนั้นเปนไมก็
คอยๆ เปลี่ยนเปนโลหะ กลายเปนเจดียเหล็กในที่สุด จึงสามารถเหลืออยูมาถึ งทุก
วันนี้ ภายหลังสนามเหนี่ยวนำจึงไดปรับปรุงมันใหกลายเปนสถานที่สำหรับฝกฝน ทวา
เนื่องจากตำแหนงของที่นี่คอนขางไกล และในหมูสถานที่ฝกของเมืองซงเจียน ที่แหงนี้
ไมไดมีอะไรพิเศษไปกวาที่อื่น คนที่มาจึงนอยจนแทบไมมี
ที่จริงเจดียเสวียนจินไมใชสถานที่ฝกสำหรับนักเรียนที่เพิ่งเริ่มตน แตเปนสถานที่
ฝกสำหรับนักเรียนที่สามารถเปดคลังชีวิตของตนไดแลว
อายฮุยไดวางแผนเอาไวแลว
เมื่อเดินมาถึงประตูของเจดียก็ไดยินเสียงลมพัดดังสนั่น
ในที่สุดอายฮุยก็เขาใจวาเหตุใดจึงไมเห็นใครที่นี่เลยแมแตคนเดียว
ลำพังแคฟงเสียงลม เขาก็รูแลววาสายลมดานในจะตองรุนแรงมากเพียงใด เขาได
อาหนังสือแนะนำที่ผูอาวุโสในสนามเหนี่ยวนำเขียนไวหลายเลม สวนใหญไมมี ผู ใด
แนะนำเจดียเสวียนจินเลย
พูดกันวาลมทองคำที่อยูดานในเจดียเสวียนจินนั้นราวกับระเบิดพัด รุนแรงเกินจะ
เทียบ อีกทั้งลมทองคำนั้นเต็มไปดวยพลังธาตุทองที่เขมขน หากพัดถูกกาย จะรูสึก
ราวกับถูกมีดกรีดแทงถึงกระดูก และพลังในการซึมผานของมันแข็งแกรงมาก สามารถ
ซึมผานรูขุมขนพัดเขาเลือดเนื้อไปยังสวนลึกของรางกาย เจ็บปวดนับเทาทวี เทียบกัน
แลวกับบอน้ำรอนในตัวเมือง ถือวาออนโยนและสบายกวามาก หากแตผลลัพธไม
ตางกัน แนนอนวาไมมีใครคิดจะมาที่นี่เพื่อหาความลำบากใสตัว
สิ่งที่กระตุนใหอายฮุยมาหาความลำบากใสตัวที่นี่ เพราะเขาไดอานหนังสือแนะนำเลม
หนึ่งของผูอาวุโสเมืองซงเจียนที่ไมไดรับความสนใจกลาวเอาไวประโยคหนึ่ง
ถาหากมีความอดทนสูง จงไปที่เจดียเสวียนจิน แลวจะไดผลลัพธที่ถือไดวาไมเลวเลย
หากพูดถึงความเขากันไดกับพลังธาตุ เขานั้นไมมีความมั่นใจอะไร รากฐานของ
เขาแย แมแตเกณฑมาตรฐานเขาก็ยังผานไมได แตหากพูดถึงความอดทน เขายังมี
ความมั่นใจอยูเต็มเปยม
ในตอนที่อยูแดนราง เขาสามารถฝกฝนจนไดพลังธาตุมาสวนหนึ่ง พลังธาตุสวนนี้
แสนจะออนแอ เปนเพราะมีผูใชพลังธาตุทานหนึ่งมอบเนื้ออสูรแดนรางใหเขาชิ้นหนึ่ง
บวกกับวัตถุดิบที่เขาสะสมไว ปรุงขึ้นเปน น้ำแกงเสริมพลั งธาตุ ถึงไดสามารถฝ ก
ออกมาได
เลือดเนื้อของอสูรแดนรางนั้นประกอบไปดวยพลังธาตุ ซึ่งเปนพลังที่ใกลเคียงกับ
พลังธาตุที่มนุษยฝกได มันสามารถดูดซึมไดงายที่สุด
และนี่ก็เปนสาเหตุที่เนื้อของอสูรแดนรางนั้นมีราคาที่สูงโดยไมตกลงเลย ก็เลยทำ
ใหผูใชพลังธาตุมากมายยอมเสี่ยงอันตรายเขาไปในแดนรางเพื่อลาอสูรแดนราง
พลังธาตุกอนนี้แสนจะล้ำคา ในเวลาสำคัญหลายครั้ง พลังนี้ไดชวยชีวิตอายฮุยเอาไว
ผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญทานนั้นเคยพูดกับอายฮุยตรงๆ วารากฐานของอายฮุยนั้นไม
ดี ความเขากันไดกับพลังธาตุก็แย การจะพึ่งพาของภายนอกชวยในเรื่องการฝกฝนนั้น
เปนความสามารถของพวกที่ร่ำรวยเทานั้นถึงจะทำได
ในภายหลังระหวางการฝก ฝนของอายฮุย ก็พบวาเปนไปดั่ งที่ ผูใชพลั งธาตุ ผู
ยิ่งใหญไดกลาวไว สามปผานมา พลังธาตุของเขาไม ไดเพิ่มขึ้ นเลย เหตุผลที่ต อ ง
ยอมรับนั้นมีมาก ทั้งเวลาการฝกฝนที่นอย ทั้งความเขมขนของพลังธาตุ ทั้งการไมได
รับการชี้แนะเปนตน ทวาการเพิ่มขึ้นที่เกือบจะเปนศูนยนั้น ก็ทำใหอายฮุยสัมผัสไดวา
รากฐานของตนนั้นแยถึงเพียงใด
ทวาเขาก็ไมไดคิดจะยอมแพ และตั้งแตตอนนั้นเปนตนมา เขาก็เริ่มคิดหาวิธี
ที่เขาสามารถนำมาอางอิงได มีเพียงแคพวกคัมภีรกระบี่ไรราคาที่ลาสมัยไปแลว
ผูฝกกระบี่ในยุคโบราณนั้นเกือบจะเปนคำเรียกแทนของผูมีพรสวรรค หากเปนผู
ไรพรสวรรคแมแตประตูก็ไมอาจสัมผัสได โดยเฉพาะอยางยิ่งพรรคใหญ ลักษณะเชนนี้
ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก ทวาก็ยังมีขอยกเวน มักจะมีผูฝกกระบี่บางสวนที่พรสวรรคไมได
โดดเดน แตสามารถขึ้นไปสูจุดสูงสุดของโลกการบำเพ็ญตนได ใชกระบี่สยบทั่วปฐพี
ในยุคสมัยการบำเพ็ญตนที่แสนยาวนาน เปนยุคสมัยที่โลกแหงการบำเพ็ญตนยัง
รวมเปนหนึ่ง ไมไดแบงแยก มีพรรคเล็กๆ ชื่ออูคงเจี้ยน มีศิษยผูฝกกระบี่ผูหนึ ่งแซ
เหวยชื่อเซิ่ง พรสวรรคเขาแสนจะธรรมดา ทว า ในตอนท ายที่ สุ ดเขากลับประสบ
ความสำเร็จในขั้นสูงสุด ยิ่งใหญเหนือผูคน
อายฮุยอานคัมภีรกระบี่มามากมาย ผูฝกกระบี่เชนนี้ยังมีอีกหลายทาน
สำหรับการฝกกระบี่นั้นอายฮุยหาไดสนใจสักนิดไม ทวาคนเหลานี้สามารถเปด
เสนทางในยุคที่ใหความสำคัญกับเรื่องพรสวรรคในการจะเปนผูฝกกระบี่ไดนั้น แสดง
วาจะตองมีจุดอื่นที่เกงกาจ เขาหวังวาจะสามารถหาทางสวางเจอจากในนี้
บรรดาผูแ ข็งแกรงเหลา นี้มัก จะมี น ิ สั ย บางอย า งที ่ เหมื อ นกั น อย า งมาก เช น
แข็งแกรงอดทน ขยันหมั่นเพียร ใจจดจออยูกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สิ่งเหลานี้ลว นคุม
คาที่เขาจะเรียน แตเห็นไดชัดวาไมไดงายเลย และตามที่เขาไดศึกษาคนควาอยาง
ลึกซึ้ง เขาพบวาเหลาผูแข็งแกรงมักมีอีกสิ่งหนึ่งรวมกัน
ปกติแลวหากมีขอดียอมตองมีขอเสีย รากฐานบางสวนไมดี หากเปลี่ยนวิธีคิด ก็
ไมแนวาจะเปนเรื่อ งราย ผูอาวุโสเหลานั้นที ่มีรากฐานธรรมดา สามารถที่จะเป ด
เสนทางใหมได ก็เพราะวาพวกเขาไดคนพบเสนทางที่เปนของตนเอง
อายฮุยรูสึกวาที่ตนสรุปมานั้นมีเหตุผลอยางมาก อยางไรก็ไมใชวาจะไรประโยชน
เสียทีเดียว
จนกระทั่งหลังจากเขาเรียนวิชาพื้นฐานของอาจารยตงจบ ปญหาคาใจมากมายของ
เขาไดรับการไขจนกระจาง ตัวอยางเชนเขารูวาสิ่งที่เรียกวารากฐานแยนั้นก็คือผูฝกมี
ระดับความเขากันไดกับพลังธาตุคอนขางต่ำนั่นเอง เนื่องจากรากฐานตนเปนสาเหตุ
พลังธาตุที่เขาสูรางกาย สวนใหญจึงสูญสลายไป มีเพียงจำนวนนอยนิดที่หลงเหลืออยู
นี่ก็คือเหตุผลที่ทำใหการเลื่อนระดับพลังของเขาเปนไปไดชา
รากฐานเปนสิ่งที่ติดตัวมาแตกำเนิด ไมมีทางจะเปลี่ยนแปลงได คนทั่วไปหากได
ฟงขาวนี้ ก็คงไมตางกับไดรับโทษประหารชีวิต
แตอายฮุยกลับไมมีวี่แววของความโศกเศรา กลับกันเขาเกิดมีความคิดขึ้นมา ใน
เมื่อรางกายของตนนั้นมีความเขากันไดกับพลังธาตุต่ำ เชนนั้นรางกายเขามีขอดีอะไร
เขาเชื่อวาตนเองจะตองมีขอดีอยูบาง บางทีขอดีนี้อาจจะไมไดมีประโยชนที่เห็น
ไดอยางชัดเจน แตทวาจะตองมีอยางแนนอน
สวรรคไมมีทางปดตายประตูหนทางทั้งหมด
ในกับการฝกฝนแลว นอกจากความเขากันไดยังมีอะไรอีก
มองดูคำแนะนำของผูอาวุโสประโยคนั้น สายตาของเขาก็เปนประกายขึ้นมา
นอกจากความเขากันได ยังมีความอดทนนี่นา
รากฐานเขาไมคอยมีความเขากั น ได กั บ พลั งธาตุ หากลองเปลี ่ ยนวิ ธี พูดใหม
รางกายของตนนั้นมีสัมผัสตอพลังธาตุไมคอยจะเฉียบคม ลมทองคำสำหรับคนอื่น
อาจจะรุนแรงราวกับมีดกรีด ตนเองอาจจะรูสึกแคอึดอัดเทานั้น
อายฮุยไดเขาใจขึ้นมาในทันที นี่ไมใชวาเขาไดหาขอดีของตนเจอแลวหรอกหรือ
สัมผัสตอพลังธาตุไมเฉียบคม แนนอนวาทำใหผลการฝกชา แตถาลองคิดกลับกัน
ดู รา งกายเขาไมใชวาสามารถทนรั บการโจมตี จากพลั งธาตุท ี ่อยู ในระดั บสูงและ
แข็งแกรงไดหรอกหรือ อายฮุยไมใชพวกไกออนที่ทำอะไรไมถูก ประสบการณการตอสู
ของเขามีมากมาย ขอเพียงใหขอดีกับเขาสักหนอย เขาก็สามารถที่จะใชประโยชนมัน
ไดอยางเต็มที่
อายฮุยคิดขอดีอีกอยางหนึ่งออกมาไดอยางรวดเร็ว
ความอดทนที่สูง นั่นก็ห มายความวา เขาสามารถทนต อการฝ กในระดับ ที่สูง
ยิ่งขึ้นไปอีกได
วันนี้เขาจึงมาเพื่อยืนยันการคาดเดาของตนเองวาสรุปแลวถูกตองหรือไม
บทที่ 12 ผูมีพรสวรรคกบั เศษสวะ
อาจารยสวี่มองตวนมูหวงฮุนชายหนุ มผูปกปดความยิ ่ งยโสเอาไวไมม ิดที่อยู
ตรงหนาอยางรูสึกปวดหัวอยูนิดหนอย ตวนมูหวงฮุนเปนผูที่มีพรสวรรค เสื้อคลุมสีดำ
ที่สวมอยูสะบัดไหว รูปรางสูงโปรงราวดามทวน ใบหนาหาวหาญหลอเหลาแลดูมี
เสนหอันรายกาจอยูหลายสวน เกือบจะเปนประเภทที่หญิงสาวชื่นชอบกันที่สุด
นอกจากจะยิ่งยโสเกินไป เจาเด็กนี่ก็ไมมีขอเสียอื่นใด แนนอนวาเขามีคุณสมบัติที่
จะยิ่งยโส
เขาถือกำเนิดมาจากตระกูลมีชื่อ ตระกูลตวนมูมีประวัติศาสตรในอูสิงเทียนมา
อยางยาวนาน บรรพบุรุษก็เปนหนึ่งในผูอาวุโสที่สถาปนาอูสิงเทียนขึ้น และพรสวรรค
ของตัวเขานั้นก็โดดเดนเปนอยางมาก ในบรรดาลูกศิษยที่อาจารย สวี่เคยสอนมา
ทั้งหมด ตวนมูหวงฮุนถือวาอยูในหาอันดับแรก
อาจารยสวี่คอนขางจะปวดหัวอยูไ มนอย ยิ่งยโสไมไดผิดอะไร สำหรับเด็กหนุมที่มี
พรสวรรคแลวนั้น ใครบางกันที่จะไมมีความยิ่งยโสบางบางสวน ทวาอาจารยสวี่อยูใน
สนามเหนี่ยวนำมานาน เคยเห็นผูมีพรสวรรคมามากมาย ตวนมูหวงฮุนแสดงออกตอ
เหลาเพื่อนนักเรียนที่อยูในระดับต่ำโดยมีเจตนาเปนอริดวย ทำใหเขาคอนขางที่จะ
กังวลเรื่องอนาคตของตวนมูหวงฮุนอยูบาง
อาจารยสวี่ผูมีประสบการณสอนมามากมาย เขาไมไดแสดงสีหนาและถามขึ้น
อยางเปนมิตร “เปนอยางไรบาง เปดเรียนมาระยะหนึ่งแลวรูสึกอยางไรบาง”
“พอไดอยู เพียงแควิชาเรียนงายไปหนอย” ตวนมูหวงฮุนตอบคราวๆ อยางถือตัว
อาจารยสวี่ยิ้มขึ้น “นั่นก็เพราะเจาเรียนมาแลวจากที่ตระกูล พรสวรรคเจาก็ดี
แนนอนวาจะรูสึกสบายเกินไปอยูบาง นี่ก็เปนสาเหตุที่ขาเลือกเจามาเปนหัวหนาหอง
เจาเปนหัวหนาหอง ขาคาดหวังวาเจาจะไดเปนผูนำของผูแข็งแกรง หวังวาเจาจะไม
ปลอยตน ตั้งใจพยายามใหมาก”
ตวนมูหวงฮุนไดยินความคาดหวังของอาจารยสวี่ที่มีตอตน ก็อดไมไดที่จะตื่นเตน
ยินดี เด็กในชวงอายุเชนนี้สิ่งที่ตอตานไมไดที่สดุ ก็คือพวกคำชม ผูนำเลยนะ ชางเปน
คำที่ยิ่งใหญอะไรขนาดนี้ แคคิดก็ทำใหรูสึกตื่นเตน เขายืดอกขึ้นโดยไมรูตัว ตอบอยาง
ภาคภูมิใจ
“ทานอาจารยโปรดวางใจ หวงฮุนคนนี้จะไมทำใหทานอาจารยตองผิดหวัง”
“เจามีความสามารถที่จะทำได!” น้ำเสียงของอาจารย สวี่ห นักแนนกว า ปกติ
“เชนนั้นการเปนผูนำ เจาจะปฏิบัติเชนไรกับเพื่อนๆ ที่ระดับพลังยังไมสูงนัก แนนอน
เจาจะตองคอยชวยเหลือพวกเขา นี่จึงจะเปนสิ่งที่ผูนำควรที่จะทำมากที่สุด เชนนั้นขา
จะมอบหมายหนาที่ใหเจาอยางหนึ่ง ในหองของเราอายฮุยนั้นระดับความแข็งแกรง
คอนขางจะออนดอย ขาตองการใหเจาชวยเขา เปนอยางไร คิดวาพอทำไดหรือไม”
ตวนมูหวงฮุนถึงกับอาปากคาง ทาทางมึนงง
“ขารูวาตวนมูหวงฮุนเปนผูนำผูมีพรสวรรคที่มีความรับผิดชอบ!” อาจารยสวี่ใช
น้ำเสียงที่มีความสุข ซึ่งไมเปดโอกาสใหตวนมูหวงฮุนไดเอยปาก เขาพูดตอ “เชนนั้น
เรื่องของอายฮุยก็ฝากเจาดวยนะ! ขอเรียกรองของขาไมไดสูงอะไร หวังวาในเวลานี้
ของปหนา เขาจะบรรลุถึงระดับสี่ตำหนักเต็มได”
ตวนมูหวงฮุนเต็มไปดวยความมึนงงแลว เขาไมรูวาจะพูดอะไร ภายในเวลาหนึ่งป เปด
สี่ตำหนักเลยเชียวหรือ ลอเลนอะไรกัน เจาเศษสวะนี่แมแตคลังชีวิตยังไมไดเปดเลย...
“อะไรคือผูมีพรสวรรค ผูมีพรสวรรคก็คือคนที่สามารถทำเรื่องที่คนอื่นไมสามารถ
ทำได!” อาจารยสวี่ถามดวยสีหนาที่จริงจัง “หวงฮุน หรือวาเจาไมมั่นใจในพรสวรรค
ของตนเอง”
ตวนมูหวงฮุนพูดโพลงออกมาอยางไมรูตัว “ไมใช...”
คำพูดหลุดออกจากปากไปพลัน ใบหนาของเขาก็มืดคล้ำลง ในใจก็รูสึกแยราวกับกลืน
แมลงวันลงทอง เขามองเจาอายฮุยวารกหูรกตามาตั้งแตแรก คนที่เรียนวิชาพื้นฐานมี
เพียงหกคน หนึ่งในนั้นดันมาเปนนักเรียนในหองของเขาเสียนี่ ในฐานะที่เปนหัวหนา
หอง เขามองเจาเศษสวะที่ถวงแขงถวงขาทุกคนเชนนี้ จะมองอยางไรก็รกหูรกตา
เจาเศษสวะเชนนี้มีคุณสมบัติอะไรมาอยูกลุมเดียวกับผูมีพรสวรรคเชนตน
ตอนนี้อาจารยสวี่ถึงกับใหเขารับหนาที่ดูแลชวยเหลือเจานี่ เขารูสึกวาตนเองราว
กับถูกสายฟาผาใสในวันที่อากาศแจมใสอยางไรอยางนั้น
เขารูสึกวาตัวเองนั้นกำลังจะเปนบา ปกติเวลามองเห็นเจาหมอนั่นก็ทำใหเขารูสึก
ไมสดชื่นแลว ซ้ำยังจะตองชวยเหลือเขา ไมใชวาเขาจะตองเจอหนากับเจาเศษสวะนั้น
ทุกวี่ทุกวันเลยหรอกหรือ ตวนมูหวงฮุนรูสึกวาตนเองจะตองเปนบาแน ไมสิ ตอนนี้เขา
ก็ใกลจะบาอยูแลว!
ตั้งแตที่ตวนมูหวงฮุนเดินออกมาจากหองทำงานของอาจารยสวี่หัวของเขานั้นอยู
ในอาการมึนงงเต็มที
เดินไปไดไมกี่กาว เขาก็เขาใจขึ้นมาในทันที วาตนเองเพิ่งจะตกปากรับคำอะไรไป
เขาตองรับหนาที่ชวยเหลือเจาเศษสวะนั้นใหภายในหนึ่งป ตองทำใหเขากาวสูระดับ
เขตแดนสี่ตำหนัก!
ถาหากจะกลาววาการที่รับหนาที่คอยชวยเหลือเจาเศษสวะนั่นทำใหเขารูสึก
เหมือนกับเหยียบย่ำลงไปในโคลนตม เชนนั้นการที่ภายในหนึ่งปเปดสี่ตำหนัก ก็ทำให
เขารูสึกราวกับตกลงไปในบึงที่เต็มไปดวยหมอกพิษ
ระบบการฝกพลังธาตุนั้นผานระยะกวาพันปเพื่อพัฒนาใหสมบูรณ ตอนนี้ไดสุก
งอมแลว ตระกูลและพรรคตางๆ ลวนมีจุดเดนเปนของตนเอง ทวาแกนหลักของ
แนวคิดลวนหนีไมพนระบบการเปดหาคลังแปดตำหนัก
หาคลังหมายถึง หาคลังชีวิต ซึ่งเปนตนกำเนิดของพลังธาตุ ตำแหนงที่ตางกันของ
คลังชีวิตจะใหกำเนิดพลังธาตุที่ตางกัน หัวใจใหกำเนิดไฟ ตับใหกำเนิดไม มามให
กำเนิดดิน ปอดใหกำเนิดทอง ไตใหกำเนิดน้ำ
ไมวาจะเปนการฝกประเภทไหน กาวแรกที่จะตองทำคือการเปดคลังชีวิต เพียง
แคเปดคลังชีวิต ก็จะเปนการเปดประตูแรกแหงการเชื่อมตอระหวางกายเนื้อและโลก
ภายนอก คลังชีวิตสามารถเพิ่มการรับพลังธาตุเขาสูรางกายไดมาก คุณสมบัติของพลัง
ธาตุกับพลังวิญญาณมีความแตกตางกันอยางมาก ตำแหนงกักเก็บที่อยูภายในรางกาย
ไมไดตามเสนชีพจรเลยแมแตนอย
ผานการคนควาอันยาวนาน มนุษยชาติก็มาถึงปจจุบันนี้ สามารถหาตำแหนงกัก
เก็บพลังธาตุทั้งแปดแหงได เรียกชื่อของพวกมันวาตำหนัก แปดตำหนักที่เต็มเปยม ก็
จะกลายเปนขั้นเกือบสมบูรณ
สี่ตำหนักเต็มเปยมในสำหรับสนามเหนี่ยวนำไมถือวาพิเศษอะไร ไมตองไปพูดถึง
เหลานักเรียนเกา แมแตตัวเขาในตอนนี้ก็ไดเติมเต็มครบสี่ตำหนักแลว ตอใหเปนขั้น
เกือบสมบูรณ เขาก็มั่นใจวาจะไปถึงไดภายในระยะเวลาสองป
แตทวาอีกฝายเปนเศษสวะที่เพิ่งจะเรียนวิชาพื้นฐาน ไปถึงการเติมเต็มสี่ตำหนัก
ในหนึ่งป นาขำสิ้นดี!
หากไมใชเพราะวาชื่อเสียงบารมีของอาจารยสวี่นั้นดีมาโดยตลอด เขาคงสงสัยไป
แลววาอาจารยสวี่กำลังแกลงเขาอยู เพียงผูมีพรสวรรคเทานั้นจึงจะเลื่อนขั้นจากการ
เรียนวิชาพื้นฐานไปถึงขั้นเติมเต็มสี่ตำหนักไดภายในเวลาหนึ่งป ผูมีพรสวรรคระดับนี้
ยังไยตองใหตนมาสอนอีก
ใบหนาของเขาดำมืดราวกับกนหมอ เกือบจะหันหลังกลับพุงตัวเขาไปยังหอง
ทำงานของอาจารยสวี่
แตทวาพอเขานึกถึงคำพูดของอาจารยสวี่ที่วา “ผูมีพรสวรรคก็คือคนที่สามารถ
ทำเรื่องที่คนอื่นไมสามารถทำได” เขาถึงหยุดเทาของคนลงได
ถูกตอง ตนเองคือผูมีพรสวรรค!
ตวนมูหวงฮุนกัดฟนแนน คอปกเสื้อที่ปกลายเถาวัลยสีเขียวอันแสนงดงามถูกเขา
ดึงขาดดวยความบุมบาม หึ ในพจนานุกรมของเขาแตไหนแตไรไมเคยมีคำวา ‘พาย
แพ’ ผูมีพรสวรรคจะมายอมแพงายๆ ไดอยางไร
เจาเศษสวะที่นาสงสาร จงขอบคุณสวรรคที่ประทานพรใหเถอะ
ตวนมูหวงฮุนเชิดคางขึ้นอยางหยิ่งยโส จัดระเบียบคอเสื้อใหมใหเรียบรอย ฟนคืน
ความงดงามมีสงาดั่งเชนในยามปกติ
เขาเดินอยางไมชา ไมเร็ว ไปขา งหนา คิดในหัววาควรจะทำเชนไรจึงจะทำให
เปาหมายที่ไดรับจากอาจารยสวี่เปนจริงขึ้นมา โดยไมไดสนใจสายตาหวานหยาดเยิ้ม
ของหญิงสาวระหวางทางที่เดินผาน ดวยความที่เขาเรียนรูฝกฝนจากตระกูล ความรู
แนนอนวาไมใชสิ่งที่นักเรียนธรรมดาจะมาเทียบได ไมนานเขาก็คิดแผนการที่เปนไป
ไดออกมาไดหลายแผน
นัยนตาของเขาสองประกายขึ้น ใบหนาหลอเหลาเต็มไปดวยความแนวแน ลด
ความโอหังและไอชั่วรายใหเบาบางจางไป แตกลับเพิ่มความสุขุมบางอยางขึ้น
นักเรียนหญิงที่ลุมหลงอยูตามทาง มองโดยไมละสายตาจนไมไดระวังทางที่เดิน
ลมลงพื้นกันไปเปนแถว
ตวนมูหวงฮุนถูกเสียงนั้นทำลายสมาธิ เมื่อเขาเงยหนาขึ้นมอง สายตาที่มีเสนหทำ
ใหนักเรียนหญิงที่นั่งอยูกับพื้นถึงกับลืมความเจ็บปวดในทันที พวกหลอน ๆ สมองทึ่ม
ไปเสียแลว
ตวนมูหวงฮุยกลั้นหัวเราะไวไมได รอยยิ้มอันอบอุน ทำใหผูคนจิตใจลองลอย
“ตุบ ตุบ ตุบ!” รอบดานเกิดเสียงลมลงอยางตอเนื่อง
สิบนาทีใหหลัง ตวนมูหวงฮุนก็มายืนอยูที่ดานขางของบอน้ำพุรอน ใบหนามืดคล้ำ
สายตาของเขากวาดไปกวาดมาหลายรอบ แมแตเงาของอายฮุยเขาก็ไมเห็น เขาได
สอบถามเพื่อนรวมหองอยูหลายคน แตก็ไมมีใครเห็นเขา
ควรตายนัก!
เปลวไฟไรชื่อไดลุกไหมขึ้นในใจ ตวนมูหวงฮุยไมเคยรูสึกโกรธเชนนี้มากอน
การมาสอนเศษสวะคนหนึ่งก็ทำใหเขารูสึกเปนการดูหมิ่นแลว และพับผาสิ เจา
เศษสวะนี่ยังเปนตัวขี้เกียจอีก! ความแข็งแกรงแยขนาดนั้น ยังจะไมรูจักขยันอีก แมแต
การฝกฝนขั้นพื้นฐานประจำวันยังทำไมได โคลนตมเชนนี้จะเอามากอกำแพงไดเชนไร
แตทวาไมวาเขาจะโกรธอยางไร แตก็ตามหาอายฮุยไมเจอ
เขาถอมาที่หอพักโดยเฉพาะ ถามนักเรียนรวมหองทั้งหมด จึงไดขาวรายกลับมา
ขาวหนึ่ง อายฮุยไมไดพักอยูหอพัก และก็ไมมีผูใดรูวาเขาพักอยูที่ไหน
บัดซบนัก!
บทที่ 13 ลมทองคำแสนอันตรายในเจดีย
เพียงแคประตูที่ขวางกั้น ราวกับแบงเปนโลกสองใบ
อายฮุยคายหญาสีเขียวที่ถูกเคี้ยวจนเหลือแตกากออกจากปาก กาวเทาเขาไปใน
เจดียเสวียนจิน เขาก็ถูกสายลมที่รุนแรงถาโถมใส
ในหูของเขาเต็มไปดวยเสียงลมที่พัดอยางบาคลั่ง เขาไมเคยไดยินเสียงลมพัดที่
รุนแรงถึงเพียงนี้มากอน ใตเทาของเขาเปนลูกกรงเหล็ก ลมทองคำที่รุนแรงเกินกวาจะ
ประมาณไดพัดขึ้นมาจากดานลางของลูกกรงเหล็ก พัดหมุนเวียนอยูภายในเจดีย เกิด
เปนพายุหมุนที่รุนแรง
อายฮุยยังไมทันไดยืนใหมั่นก็ถูกลมพัดจนลอยออกจากพื้น ตีลังกากลางอากาศ
เขาเปนเหมือนกับใบไมที่ลองลอยอยูทามกลางพายุฝนอันรุนแรง
“ตุบ!”
ดานหลังของเขากระแทกเขากับผนัง เจ็บจนใบหนาของอายฮุยถึงกับบูดเบี้ยว ลม
ทองคำชางรุนแรงเสียจริง มันพัดแรงเสียจนเขาไมอาจจะลืมตาขึ้นมาได ที่ยิ่งไปกวา
นั้นก็คือลมทองคำที่พัดปะทะเขากับรางของเขา ราวกับเข็มเล็กๆ มากมายนับไมถวน
กำลังทิ่มแทงเขาไปในราง เคลื่อนผานกลามเนื้อของเขา พุงตรงไปยังจุดที่ลึกที่สุดใน
กระดูก
เปนความเจ็บปวดที่ยากจะพรรณนากระจายไปทั่วราง ทำใหอายฮุยถึงกับตอง
เปลี่ยนสีหนา ตัวเขาประเมินเจดียเสวียนจินไวต่ำเกินไป
ยังดีที่ประสบการณของเขานั้นโชกโชน ทันทีที่สัมผัสไดวาตนนั้นคิดผิด รางกายก็
สามารถตอบสนองไดอยางรวดเร็ว สถานการณตรงหนาที่เขาไมอาจจะควบคุมไวได
การปกปองตัวเองจึงจะเปนเรื่องสำคัญที่สุด
แขนทั้งสองขางของเขากอดศีรษะเอาไว ทั้งตัวมวนเปนกอน
ตุบ ตุบ ตุบ!
เขาเปนเหมือนกับลูกบอล ถูกพัดจนกระแทกเขากับผนังเจดียไปทั่ว
พลังในการแทรกซึมของลมทองคำแข็งแกรงมาก ของเจ็บปวดที่ถูกทิ่มแทง ราว
กับกำลังจมอยูใตกระแสน้ำ ความรูสึกไรกำลังที่แสนคุนเคย ราวกับเขาไดยอนไปตอน
ที่เพิ่งเขาแดนราง ความเจ็บปวดก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะที่กระดูก อายฮุยรูสึก
ราวกับ กระดูก ของตนกำลังถูก ตะไบจำนวนนั บ ไม ถ  ว นกำลั ง ตะไบใส เป น ความ
เจ็บปวดอยางถึงที่สุด เกือบจะไปถึงขีดจำกัดที่เขาสามารถทนได
นานเพียงใดกันที่ไมไดตกอยูในสภาพย่ำแยถึงเชนนี้ เขาจำไมคอยไดแลว ตอให
เปนในแดนราง เขาก็ไมไดตกอยูในสภาพย่ำแยถึงเพียงนี้มานานมากแลว
ถึงแมวาเขาจะรูวาเจดียเสวียนจินมีไวสำหรับนักเรียนที่เปดคลังชีวิตไดแลว แตทวา
เขามีความมั่นใจในความอดทนของตน คิดวาเพียงแคกัดฟนเอาไวก็นาจะทนผานไปได
พลังธาตุทองที่ประกอบอยูในสายลมที่มีความเขมขนเปนอยางมาก เมื่อแทรกซึม
เขาสูเลือดเนื้อของเขา มันไมไดมีทีทาจะกระจายออก ก็จะพูดไดวา พลังธาตุทองที่เขา
สูรางกายของเขา ไมอาจที่จะถูกกลามเนื้อของเขาดูดซึมไปได
การประเมินคูตอสูของตนต่ำเกินไป มักพาใหตกสูสถานการณที่ย่ำแยไดงาย
เบื้องหนาก็คือสถานการณที่ย่ำแยจนไมอาจจะย่ำแยไปมากกวานี้อีกแลว
การฝกฝนพลังธาตุในขั้นแรกก็คือการใชกลามเนื้อดูดซึมพลังธาตุ
วิธีที่เห็นผลไดคอนขางเร็วกวาก็คือการดื่มน้ำแกงเสริมพลัง กินเนื้ออสูรแดนรางที่
เต็มไปดวยพลังธาตุ โดยเฉพาะพลังธาตุกลุมนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับใหผูฝกดูดซึม
พลังธาตุในตัวอายฮุยก็ไดมาจากวิธีนี้
วิธีนี้แมจะดี แตมีคาใชจายแสนแพง เปนสิ่งที่ ผียาจกเชนอายฮุย ไมสามารถ
นำมาใชไหว
อีกวิธีหนึ่งก็คือการอาศัยการฝกฝน เปนการดึงเอาพลังธาตุจากภายนอกเขาสู
รา งกาย ผา นการดูดซึมพลั งธาตุข องกล า มเนื ้ อ การดึ งพลั งธาตุ เข า รา งกายก็ มี
รายละเอียดอยู สวนใหญมักจะเรื่องพลังธาตุที่มีความออนโยน เชนนี้ก็จะยิ่งงายตอ
การดูดซึมของกลามเนื้อ
พลังธาตุในลมทองคำ ราวกับเสนขนสีเงินที่เล็กละเอียด ไมมีความออนโยนสักนิด
ควบแนนราวกับเข็ม นี่ก็หมายความวาการดูดซึมจะไมเกิดขึ้นไดโดยงาย อีกทั้งความ
เจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงนี้ยิ่งแสดงใหเห็นวามันกำลังทำรายกลามเนื้ออยู
อายฮุยพยายามใชดูดพลังธาตุเขาสูพลังตนเอง ทวาไมนานกลับพบวา วิธีคิดของ
เขาชางไรเดียงสาเสียจริง
พลังธาตุทองที่แทรกซึมเขาสูรางกาย ถึงแมจะละเอียดราวกับขนวัว แตกลับ
ควบแนนยิ่งกวาพลังธาตุของตนเสียอีก!
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เขาใจวาทำไมเจดียเสวียนจินตองใหผูที่เปดคลังชีวิตไดกอนจึง
เขามาฝก
“ตุบ!”
รางกายของเขาสั่นเทา กระดูกทั่วรางราวกับจะแตกเปนเสี่ยงๆ การรับรูเขากลับ
ชัดเจนขึ้นมา เมื่อครูที่กระแทกไปถึงแมจะเจ็บ แตเขากลับพบวาความรูสึกถูกทิ่มแทง
ที่หลังกลับเบาลงไมนอย
ในใจของเขาสั่นไหว หรือวา...
“ตุบ!” เขาชนผนังอยางแรงอีกครั้ง ในใจของเขากลับยินดีขึ้นมาอยางเหลือลน
เขาสามารถรับรูไดอยางชัดเจนถึงความเจ็บปวดของกลามเนื้อ แตทวาความเจ็บ
ราวถูกเข็มทิ่มแทงในกายกลับเบาลงไปอยางมาก ตอใหเปนสถานการณที่แสนวุนวาย
เชนนี้ ตอใหในมือของเขาไรซึ่งกระบี่ เขาก็ยังคงไมสูญเสียความเยือกเย็นสุขุมไป เขา
สัมผัสไดถึงการเปลี่ยนแปลงของรางกายตนไดอยางเฉียบคม
ในวินาทีที่ชนเขากับผนัง พลังธาตุทองที่แทรกซึมเขาสูรางกาย มีบางสวนที่ถูกทำ
ใหกระจายออก เชนนี้จึงเปนสาเหตุที่ลดทอนความเจ็บปวด เพราะพลังธาตุทองที่ถูก
ชนใหกระจาย จะถูกดูดซึมไดงายดายยิ่งขึ้น
อายฮุยดีใจอยูไดเพียงแคสองวินาที สีหนาของเขาก็เปลี่ยนไป
พลังธาตุทองที่ถูกชนจนกระจายออกยังดูดซึมไดไมเทาไร พลังธาตุทองที่มากยิ่ง
กวาก็แทรกซึมเขาสูรางกายของเขา ความเจ็บปวดยิ่งเพิ่มขึ้นอยางรุนแรง เขาถึงกับ
รูสึกวารางกายของตนเปนโรคทองมานก็ไมปาน
อายฮุยไมรูวาถึงแมในทฤษฎีแลวขอเพียงแคเปดคลังชีวิตแลวก็สามารถมาฝกฝน
ที่เจดียเสวียนจินได แตทวาในความเปนจริงแลวนอยมากที่จะมีนักเรียนที่เพิ่งเปดคลัง
ชีวิตไดมาฝกฝนที่เจดียเสวียนจิน ลมทองคำของเจดียเสวียนจินนั้นรุนแรงเกินไป พลัง
ธาตุทองที่อยูในลมทองคำถึงจะเขมขนมากแตกลับยากที่จะดูดซึม
ที่สำคัญยิ่งไปกวานั้น ปริมาณของพวกมันนั้นมีมากเกินไป
ในตอนที่อายฮุยรูตัวเรื่องนี้ เขาก็สัมผัสไดวาสถานที่นี้เปนอันตรายตอตน หากยัง
ทนอยูตอไป ก็จะยิ่งเจ็บปวดรุนแรงขึ้นไปอีก อาจทำใหสติของเขาเลือนราง และจุด
จบสุดทายก็คือรางกายระเบิดจนเสียชีวิต
เขาจะตองรีบออกจากที่นี่ในทันที!
อายฮุยคลายรางกาย พยายามควบคุมพลังธาตุในกายอยางระมัดระวังโดยเคลื่อนยาย
มันมาที่ดวงตาทั้งสองขาง สายลมดานในเจดียที่พัดอยางบาคลั่งทำใหเขาไมอาจลืมตา
ได ในสภาพแวดลอมที่บาคลั่งเชนนี้ หากมองไมเห็น เชนนั้นก็จะไมอาจหนีออกไปได
ไมรูวาเปนเพราะความเจ็บปวดทั่วรางสงผลกระทบตอการตัดสินความเจ็บปวด
ของเขาหรือ ไม เขาเพีย งแครูสึก ถึ งความไม เหมาะสม ทว า เขาก็สามารถควบคุม
ความรูสึกที่ไมเหมาะสมนั้นไดในทันที
ทัศนวิสัยรอบดานเปลี่ยนเปนชัดเจนขึ้นมา เขาเปนเหมือนกับใบไมแกที่ลอยหมุน
วนไปมาภายในเจดีย ผนังสี่ดานปรากฏใหเห็นรองบากลึกสีทองเปลงประกาย ภายใต
ลมทองคำที่พัดผานเปนเวลานาน ผนังก็ไดถูกพลังธาตุทองเปลี่ยนสภาพไป ดานบน
ผนังที่รองรอยนับไมถวนที่ไรรูปแบบ ซึ่งก็คือรอยบากจากกระแสลม
สวนกลางของเจดียเสวียนจินนั้นไดวางเปลาไปแลว พวกบันไดอะไรทั้งหลายลวน
หายไปสิ้น
ที่อายฮุยตกตะลึงก็คือลมทองคำดานในเจดียพัดหมุนวนขึ้นสูดานบน แรงลมไม
ลดนอยถอยลง แตกลับกลายเปนวายิ่งพัดขึ้นสูดานบนแรงลมยิ่งเพิ่มความรุนแรง
ไมมีเวลาที่จะมาเงยหนามองสภาพดานบนแลว เวลาเหลือนอยมาก เขาจะตอง
หนีออกจากเจดียเสวียนจินใหไดกอนถึงขีดจำกัดของตนเอง
อายฮุยตั้งจิตเพงสมาธิอยางที่สุด คอยๆ จัดระเบียบทาทางของรางกายภายใต
สายลมอันบาคลั่ง เตรียมตัวใหพรอม ในสถานการณที่รางกายนั้นเจ็บปวดไปทั่วราง
แลวยังตองรักษาสมาธิไวไมใชเรื่องงาย แตทวาสำหรับอายฮุยที่มากดวยประสบการณ
นั้น สิ่งนี้ก็ไมใชปญหาอะไร
สายตาถูกดึงไปที่ป ระตูเจดียอ ยา งรวดเร็ ว อ า ยฮุ ยบิดเอวอย างแรง ร า งกาย
เหมือนกับสปริง ปลายเทาสัมผัสพื้นเพียงเล็กนอย
“พับ!”
ปลายของนิ้วเทาออกแรง รางกายโคงขึ้นอยางประหลาด ราวกับชวงเอวถูกพับ
เอาไว ผามือทั้งสองขางจับอยูกับพื้น เขาก็เหมือนแมวตัวใหญที่กำลังโกงหลัง
อายฮุยใชทั้งมือทั้งขาลมลุกคลุกคลานออกจากเจดียเสวียนจิน
ในวินาทีที่พุงออกจากประตูเจดีย แรงที่มีทั้งหมดของอายฮุยราวกับถูกดูดไปจน
สิ้น ความเจ็บปวดอยางถึงที่สุดทำใหอายฮุยรูสึกราวกับตกลงไปในกองเข็มนับพันนับ
หมื่นเลม
“อาก อาก อาก...”
เสียงรองอันโหยหวน ทำใหนกในปาแตกตื่นจนบินหนีไปทั้งฝูง
เขากรีดรองนานถึงยี่สิบนาทีเต็ม อายฮุยถึงจะดึงสติกลับมาได
ชางเจ็บปวดเหลือเกิน!
อายฮุยที่น้ำตาไหลรินกัดฟนกรอด ใบหนาบูดเบี้ยวเหยเก ทั่วรางไรซึ่งเรี่ยวแรง
ทวาเขาก็ยังดิ้นรนพยายามลุกขึ้นยืนอยางยากลำบากเกินกวาจะประมาณ
พลังธาตุทองที่เรียวเล็กดังเข็มเงินที่อยูในรางนั้นมากเกินไป ขนาดนอนอยูโดยไม
ขยับยังเจ็บปวดไปถึงไขกระดูก
เจ็บนานไมไดดีไมกวาเจ็บเพียงชั่วครู!
นึกถึงเมื่อครูตอนที่อยูภายในเจดีย การชนผนังสามารถลดทอนความเจ็บปวดได
อายฮุยจึงกัดฟน ตัดสินใจเด็ดขาด!
เขาพุงโผไปชนตนไมฃที่อยูใกลที่สุด พับ! ตนไมใหญถูกชนจนหักโคนลง
พุงไปชนกับหินกอนใหญที่อยูดานหนา ปง! หินกอนใหญแหลกเปนชิ้นๆ
อายฮุยที่นัยนตาแดงก่ำกวาดมองทั้งสี่ดาน ยังมีอะไรใหพุงชนอีกไหม
“อาก อาก อากกก...”
นกและสัตวภายในปาจำนวนนับไมถวนตางแตกตื่นหลบหนีกัน ดานหลังของ
เหลาสัตว มีเสียงรองโหยหวนกับฝุนควันที่ปลิววอน เสียงตนไมที่ถูกโคนลมลง สภาพ
ที่นั้นราวกับมีอสูรแดนรางโบราณมาอาละวาดทำลายลาง
บทที่ 14 แข็งยิ่งกวาเหล็ก แกรงยิง่ กวาเหล็กกลา
โหลวหลานนั่งอยูที่หนาประตูทางเขาโรงฝกศาสตราวุธอยางเบื่อหนายถึงที่สุด
ในตอนที่เขาเห็นใบหนาฟกช้ำดำเขียวและลมหายใจโรยรินของอายฮุย เขาจึงกม
หัวลงถาม “อายฮุย เกิดอะไรขึ้นหรือเปลา”
ครั้นอายฮุยมองเห็นโหลวหลาน นัยนตาที่มืดมิดอับแสงก็เปลงประกายขึ้นมา
ในทันที เขาไมทันพูดอะไรก็ลากโหลวหลานแลวดันประตูเขาไปดานใน “ชวยอะไรขา
อยางหนึ่งสิ!”
โหลวหลานไดยินคำวาชวยก็รีบยืนขึ้นในทันที เอยดวยน้ำเสียงดีใจ “ไดเลย”
เขาลากโหลวหลานเขาไปในโรงฝก อายฮุยเลือกที่เปดกวางแลวจึงยืนนิ่ง ทำสี
หนาจริงจังขอรองโหลวหลาน “ตีขา!”
โหลวหลานเบิกตากวาง เขาคิดวาตนเองฟงผิดเปนแน
“มาเลย ตีขา! ตีขาใหแรงๆ!” อายฮุยพูดดวยใบหนาใหกำลังใจ
ทุกอยางที่เขาสามารถพุงชนไดระหวางทางเขาก็พุงชนมาหมดแลว แตทวาพลัง
ธาตุทองที่เปนดั่งเข็มเงินในรางกายยังคงหลงเหลืออยูอีกมาก แตวากำลังทั้งรางของ
เขานั้นใชจนหมดสิ้น อยาพูดถึงจะพุงชนเลย ตอนนี้แมแตแรงที่จะขยับนิ้วก็ไมมี อีก
อยางหลังจากเขามาในตัวเมือง เขาก็ไมกลาพุงชนอะไรซี้ซั้ว หากเกิดไปชนอะไรจนพัง
แลว เกรงวาจะชดใชไมไหว
ในตอนที่เขาเห็นโหลวหลาน เขาก็เกิดความคิดที่แสนจะยอดเยี่ยมนี้ขนึ้ มาในทันที
สามารถไดรับผลลัพธเหมือนการพุงชน แถมยังไมเปลืองแรงของตัวเองอีกดวย
โหลวหลานเอียงหัวมองอายฮุยดวยสายตาจริงจัง น้ำเสียงมีความเปนหวงแทรกอยู
“อายฮุย เจาไมสบายหรือเปลา”
“ขาไมไดปวย นี่เปนการฝกฝน” อายฮุยเคนสมองเพื่ออธิบายอยางเต็มที่ “นี่เปน
วิธีการฝกแบบพิเศษที่ขาคิดคนขึ้น”
“เปนแบบนี้เอง...” โหลวหลานเขาใจขึ้นมาในทันใด
“เขามาเลย เขามาเลย!” สติของอายฮุยปลุกระตุนอยางเต็มที่ “ลงมือใหหนัก
หนอย ยิ่งหนักยิ่งดี อยาไดกลัววาจะเปนการทำรายขา สบายใจได ความอดทนของขา
นั้นมีมาก!”
“แตวาโหลวหลานตอยตีไมเปน” โหลวหลานตอบเสียงออย
อายฮุยราวกับถูกฟาผาใส เบิกตาโต มองไปยังโหลวหลานอยางไมเชื่อสายตา พูด
ขึ้นอยางตะกุกตะกัก “ตอย ตอยตีไมเปนหรือ”
ตอย...ตอยตีเนี่ยนะ
อายฮุยเกือบจะคิดวาหูของตนนั้นฟงผิดไป “ตอยตี” สองคำนี้ เขาคอยขางจะไม
คุนอยูบาง ทำหนาที่เปนหนึ่งในนักรบมืออาชีพที่ไดรับการขัดเกลาจากแดนรางถึงสาม
ป คำศัพทสมัครเลนเชนนี้ ทำใหเขาใชเวลาไปสองวินาทีถึงจะตอบสนองกลับมาได
เดี๋ยวกอน ตอยตีไมเปนหรือ ยังจะมีตุกตาทรายที่ตอยตีไมเปนอยูอีกหรือ
อายฮุยมองไปที่โหลวหลานอยางอึ้งๆ
ตุกตาทรายทั้งหลายที่เขาเคยพบเจอมา ลวนแลวแตเปนผูเชี่ยวชาญดานการตอสู
ดวยกันทั้งสิ้น พวกมันแสนจะเจาเลหเลือดเย็น เชี่ยวชาญการปลอมตัว วางหลุมพราง
ทำตามคำสั่งโดยไมโตแยง เลหเหลี่ยมแพรวพราว ทำใหคนปองกันกันไมไหว
ตุกตาทรายทุกตัวลวนเปนเครื่องจักรสังหารที่แทจริง การถือกำเนิดของตุกตาทรายก็
เพื่อการตอสู นี่เปนครั้งแรกที่เขาเจอกับตุกตาทรายที่ไมสามารถตอสูได
อายฮุยตั้งสติแลวถามตอ “เชนนั้นเจาทำอะไรเปนบาง”
โหลวหลานนับ นิ้ว มือ พลางตอบ “โหลวหลานสามารถซั ก ผ า ทำกั บ ข า ว ซื้ อ
กับขาว ทำความสะอาดหองและสวน แลวก็ชงชา...ได”
อายฮุยตกตะลึงจนตาคาง เขารูสึกวามุมมองในชีวิตถูกโจมตีอยางรุนแรง สิ่งนี้...
ยังเปนตุกตาทรายอยูหรือไม
เมื่อดึงสติกลับมาได อายฮุยก็แสดงความสามารถในการปรับตัวของตนออกมา ในเมื่อ
ไมมีทางเลือกอื่น เชนนั้นเขาจึงไดแตพูดใหกำลังใจขึ้น “ไมเปนไร ขาจะสอนเจาเอง!”
ถึงแมวาน้ำเสียงของเขาจะไมไดมีความมั่นใจก็ตาม
โหลวหลานกลับฮึกเหิมเปนอยางมาก “โหลวหลานจะพยายามนะ!”
ไมชายามราตรีก็มาถึง น้ำเตาของโรงฝกศาสตราวุธสองแสงสีขาวสวางไสวอยาง
ออนโยน สองใหโรงฝกสวางชัด เงาของทั้งสองทอดผสานอยูภายใตแสง
“ครั้งนี้เจาออกแรงไมถูก เจาเปนตุกตาทราย ไมมีขอตอ เจาไมสามารถเลียนแบบ
ตามขาได ตอนที่ควรออนจงออน ตอนที่ควรแข็งจงแข็ง พลังธาตุคือกุญแจสำคัญ ใช
พลังธาตุทำใหสวนที่เจาใชโจมตีแข็งแกรงยิ่งขึ้น”
“แข็งยิ่งกวาเหล็ก! แกรงยิ่งกวาเหล็กกลา!”
“ใหความสำคัญกับมุมองศา! ใช มุมองศาในการโจมตีนั้นสำคัญยิ่ง อยาไดออม
แรงไว!”
“หากขาไมตะโกนใหหยุดก็จงอยาหยุด หึ มีความกาวหนา! โอย ครั้งนี้ใชไดนะ!
เพิ่มแรงอีกนิด อาอาอาอา...”
เวลายังคงดำเนินไปอยางตอเนื่อง
โหลวหลานรูสึกวาตนเองมีความกาวหนาไวมาก สิ่งนี้ทำใหเขาแสนจะดีใจ ได
เรียนรูอะไรใหมๆ เปนเรื่องที่นาดีใจเปนอยางมาก ถึงแมวางานอดิเรกของอายฮุยจะ
แปลกไปบาง แตทวาสามารถชวยเหลืออายฮุยไดก็เปนเรื่องที่แสนจะนาดีใจ
เขาจดจำที่อายฮุยไดย้ำเอาไววา “อยาไดออมแรง” แตละหมัดจึงตอยลงเต็มแรง
โหลวหลานโจมตีอยางสวยงามดวยกระบวนทาตอเนื่องสิบหาทา รวบรวมกำลัง
เปนการระเบิดจูโจมอันรุนแรง ปง เสียงระเบิดที่ดังเสียยิ่งกวาตอนแรก อายฮุยราวกับ
เปนกระสอบทราย วาดเปนรอยโคงที่สวยงาม บินลอยกระเด็นไปไกลกวาสิบเมตร
ทำไดดีมาก!
โหลวหลานพอใจกับการโจมตีตอเนื่องเมื่อครูเปนอยางมาก ไมมีขอผิดพลาดเลย
อายฮุยนอนหายใจโรยรินอยูบนพื้น สายตาเลื่อนลอย ทาทางเหมอคาง
โหลวหลานโคงตัวลงมา กมหนามองมายังอายฮุยแลวถามอยางจริงจัง “อายฮุย พวก
เรายังจะฝกฝนกันตอหรือไม”
อายฮุยไมรูสึกถึงความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงแลว เพราะวากลามเนื้อทั่วรางดวยเจ็บยอก
ไปหมด พลังธาตุทองที่เปนดั่งเข็มเงินนาจะสลายไปหมดแลว วันนี้ก็พอแคนี้แลวกัน...
แตทวาในไมนานอายฮุย ก็ไดพบกั บความเป น จริ งที ่ แสนจะนากลั วเรื ่องหนึ่ง
กลามเนื้อใบหนาของเขาเมื่อครูถูกการโจมตีอันรุนแรงทำใหเปนอัมพาตไป ตอนนี้
แมแตจะอาปากเขาก็ยังทำไมได ไมเพียงเทานี้ กลามเนื้อทั่วรางของเขาก็ตกอยูใน
สภาพอัมพาตเชนกัน
เมื่อครูที่ตนสอนโหลวหลานไปหรือวาจะเปนการโจมตีแบบสั่นสะเทือน ใหตาย
เถอะ ทำไมตนตองสอนสิ่งนี้ใหเขากัน
“อายฮุย” โหลวหลานเอียงคอ “พวกเรายังตองฝกตอไหม”
พอแลว พอไดแลว ไดโปรดพอที
อายฮุยร่ำรองอยูภายในใจ
โหลวหลานอยูอยูก็นึกขึ้นได ทาทางดูกระจางแจงขึ้นมา “โหลวหลานเขาใจแลว
อายฮุยเพิ่งจะพูดไป หากไมตะโกนใหหยุดก็ไมตองหยุด! ไดเลย พวกเรามาตอกัน!
โหลวหลานจะพยายามตอนะ!”
แขนของโหลวหลานขางหนึ่งเปลี่ยนสภาพเปนเชือกทราย มวนอายฮุยที่อยูบนพืน้
ขึ้นมา ในปากก็ทองพึมพำ “แข็งยิ่งกวาเหล็ก! แกรงยิ่งกวาเหล็กกลา!”
ไม! อายฮุยที่ร่ำรองในใจเริ่มกลายเปนหวาดกลัว ไมไมไม! เฮยเฮยเฮย! พอแลว
ไมฝกแลว พวกเราไมฝกกันแลวนะ...
“ปง ปง ปง!”
อายฮุยที่ในใจแหลกสลายมองดูตนเองถูกถลมจากการโจมตีที่ราวกับฝนคลั่ง
ใบหนาของตวนมูหวงฮุนแสนจะมืดคล้ำ คุณชายทั้งหลายที่สนิทกับเขา แตละคน
ลวนปลีกตัวหางจากเขา เจานี่หากอารมณไมดี อยาไดไปยั่วอารมณเชียว ตอนนี้เขา
ไมใชเพียงแคอารมณไมดี แตเปนอารมณไมดีมากๆ!
พวกเขาตางก็รูกันดีวา ตวนมูหวงฮุนเปนพวกรักษาหนา ไมวาจะพบเขาเวลาไหน
เขามักจะอยูในสภาพสุภาพงดงาม ทาทีงดงามมีสงามาโดยตลอด ตอนไหนกันที่จะได
เห็นเขาหนาบึงตึงเชนนี้ โดยเฉพาะสีหนาที่แยขึ้นทุกวัน ทั่วรางปลอยออกมามีแตจิต
สังหาร พวกที่ตาดีเห็นในสภาพแบบนี้เปนตองหลบใหหางจากเขาทั้งสิ้น
อารมณของตวนมูหวงฮุนแยถึงขีดสุด เขากวาดตามองไปที่โรงเรียน ใบหนายิ่งบูด
บึ่งเขาไปอีก
ควรตายนัก! ไอเลวเอย!
เขากำหมดแนนจนปลายนิ้วซีดขาว
มาเรียนไดไมกี่วัน เจาสวะนั่นก็คิดจะโดดเรียนเสียแลว!
ใหเขาตองมาชี้แนะเศษสวะที่แมแตวิชาพื้นฐานก็ยังไมเคยเรียน ก็ทำใหศักดิ์ศรี
ของเขาไดรับการดูหมิ่นอยางมากแลว เขาพยายามอยางหนักที่จะปลอบใจตนเอง
ตองทำความเขาใจ เพื่อตนจะไดกลายเปนเปนผูนำของผูมีพรสวรรค!
ตอนนี้เขากลับไดรับการจูโจมที่แสนโหดราย เปนผูมีพรสวรรคที่ตองทนกล้ำกลืน
แตก็ไมอาจจะทำอะไรเจาเศษสวะนี้ได
เขาวิ่งไปทั่วสนามฝกของเหลานักเรียนระดับเริ่มตนทุกที่ ก็หาอายฮุยไมพบ เรื่อง
นี้ทำใหเขาอารมณไมดีเอามากๆ เขาทำใจยอมรับแตแรกแลววาอายฮุยเปนนักเรียน
ระดับเริ่มตนที่พรสวรรคย่ำแย จึงไดวางแผนจะชี้จมูกสั่ง เทานี้ก็คิดนาจะไดแลว แตนี่
...
เจานี่แมแตวิชาเรียนก็ไมเขา!
ตวนมูหวงฮุนตอนนี้อยากจะดาไปถึงมารดามัน เคยเห็นพวกขี้เกียจ แตไมเคยเห็น
มีใครจะขี้เกียจขนาดนี้!
แมแตเรียนยังไมเรียน แลวจะมาสนามเหนี่ยวนำทำไมกัน
ไมงายเลยที่ตนจะลดทาทีลง ยอมลดศักดิ์ศรีรับปากอาจารย สุดทายแลว เขายัง
หาตัวหมอนั่นไมเจอเลยดวยซ้ำ!
ในใจขอตวนมูหวงฮุนถึงกับรองไหจนน้ำตาอาบแกม สวรรค เหตุใดจึงไดกลั่น
แกลงกันเชนนี้ เขาตองโชครายมากเพียงใดกัน ถึงไดมาเจอกับเรื่องเส็งเคร็งเชนนี้ ยัง
ไมพอตองมาเจอกับคนเส็งเคร็งอีกดวย!
พอนึกถึงชื่อผูมีพรสวรรคของตน จะตองถูกเจาสวะนี่ทำใหแปดเปอน ไฟโกรธใน
ใจของตวนมูหวงฮุน ก็ลุกไหมโหมกระหน่ำอยูภายใน
รอขากอนเถอะ! ในใจของตวนมูหวงฮุนนั้นแสนจะเดือดดาล
บทที่ 15 น้ำแกงบำรุงพลังธาตุ
อายฮุยลืมตาขึ้นมาอยางมึนงง ทั่วรางเจ็บปวดไปหมด ทำใหเขาสูดลมหายใจเอา
อากาศเย็นเขาปอดเสียงดัง
“เจาตื่นแลวหรือ”
โหลวหลานเปดประตูเขามา ในมือถือน้ำแกงรอนๆ มาถวยหนึ่ง ถึงระยะหางจะ
อยูคอนขางไกล แตอายฮุยก็สามารถไดกลิ่นที่แสนจะดึงดูดใจ เจาทองไมรักดีถึงกับ
รองโครกๆ ขึ้นมาในทันที น้ำลายก็แทบจะไหลออกมา อายฮุยกลืนน้ำลายลงคอพลาง
ถาม “ตอนนี้กี่โมง”
“แปดโมงเชา” โหลวหลานสงน้ำแกงมาให
อายฮุยไมไดสนใจความเจ็บปวด เขารับน้ำแกงมาดื่มลงคออยางรวดเร็ว ชางเปน
อาหารเลิศรสของโลกเสียจริง!
เขาถามขึ้นดวยเสียงงึมงำ “เมื่อคืนวานเราฝกกันถึงกี่โมง”
เมื่อคืนวานไมไดยืนหยัดอยูนาน สติของเขาก็เลือนรางไปเสียแลว ภายหลังเกิด
อะไรขึ้นบางนั้นเขาไมมีความทรงจำเหลืออยูเลย
“ถึงตีหา” โหลวหลานตอบ
ตีหา...
การเคลื่อนไหวของอายฮุยหยุดนิ่งไป สีหนาก็ชะงักคาง ในที่สุดเขาก็รูวาทำไมทั่ว
รางถึงไดเจ็บปวดเชนนี้ รางกายทั้งหมดไมมีสวนใดที่ไมเจ็บ แมแตจะขยับสักนิ้วหนึ่ง ก็
ทำใหเขาเจ็บไปถึงจิตใจ ใบหนาของเขาถึงกับกระตุกดวยความรูสึกไมอยากเชื่อ
“เจาทุบตีขาจนถึงตีหาเชียวหรือ”
เมื่อคิดวาหลังจากที่ตนหมดสติไปแลว ยังเปนเหมือนกับกระสอบทรายที่ถกู ซอม
อยางบาคลั่งไปจนถึงตีหา อายฮุยก็รูสึกวามันไมใชเรื่องที่ดีขึ้นมาในทันที
“ขออภัยดวย” ความรูสึกขอโทษในน้ำเสียงของโหลวหลานเพิ่มขึ้น
“ถึงแมว า อา ยฮุย จะยังไมไดตะโกนให ห ยุ ด แต ท ว า โหลวหลานต อ งกลั บ ไป
ทำอาหารใหอาจารยเซาตอนตีหา จึงทำไดเพียงหยุดการฝกลง วันนี้โหลวหลานทำงาน
ของชวงกลางวันเสร็จหมดแลว สามารถอยูฝกเปนเพื่อนอายฮุยตอได พวกเราจะเริ่ม
กันเลยไหม”
ขออภัยที่ทุบตีจนถึงตีหานี่หมายความวา...
อายฮุยสั่นหัวยืนยันอยางมุงมั่น “ไมตองแลว!”
เมื่อคืนวานโศกนาฏกรรมอันเจ็บปวดยังคงชัดเจนอยู อายฮุยนั้นไมกลาอีกแลวจริงๆ
อายฮุยสังเกตเห็นความรูสึกของโหลวหลานดูไมดีนัก จึงไอเบาๆ พลางกลาว “น้ำ
แกงนี้รสชาติไมเลวเลย” อายฮุยดื่มแลวก็ยังไมรูวาเปนน้ำแกงอะไร เพียงแครูสึกวา
ชางเลิศรสยิ่งนัก เปนน้ำแกงที่รสเลิศที่สุดที่เขาเคยดื่ม โดยเฉพาะเมื่อหลังจากดื่มแลว
ก็มีความรอนแผออกมาจากทองกระจายไปทั่วราง รูสึกอบอุนไปทั้งตัว
โหลวหลานที่ถูกชมกลับมาราเริงขึ้นมาในทันที “อายฮุยการฝกของเจานั้นสราง
ภาระใหกับรางกายอยางมาก จำเปนตองบำรุงและดูแลรางกายใหทันทวงที ไมเชนนั้น
จะเกิดความเสียหายไดงาย และจากนั้นจะกลายเปนอาการบอบช้ำภายใน”
“โหลวหลานเกงจริงๆ!” อายฮุยอดไมไดที่จะชื่นชม “มินาขารูถึงสึกวาตอนนี้
รางกายรอนขึ้นมา เหมือนกับเมื่อกอนที่ขาไดดื่มน้ำแกงเสริมพลังธาตุ นั่นคงจะเปน
อาหารพลังธาตุสินะ”
โหลวหลานพูดดวยน้ำเสียงที่คอยๆ ดังขึ้น “สิ่งนี้คือน้ำแกงบำรุงพลังธาตุ”
“น้ำแกงนี้เปนอาหารพลังธาตุหรือ” อายฮุยตะลึงไปครูหนึ่ง อาหารเสริมพลังธาตุ
นั้นเทียบกับอาหารทั่วไปแลวมีราคาสูงกวามากมายนัก ที่โรงเรียนก็มีการกลาวถึง
อาหารเสริมพลังธาตุ แตทวาตองจายเงินกอนหนึ่งใหกับโรงอาหาร ราคาถือวาถูกกวา
ภายนอกไมนอย ทวาราคาก็ยังสูงอยูดี
อายฮุยอยูๆ ก็สัมผัสไดถึงลางสังหรณไมดีในใจ “วัตถุดิบของน้ำแกง...”
“หาเจอจากหอผาของเจานั่นแหละอายฮุย” โหลวหลานทำราวกับมันควรจะเปน
เชนนั้น “ถึงแมว า จะเปนพวกของเหลื อ เศษๆ แต ท ว า คุ ณภาพไม เลวเลย และก็
เหมาะสมอยางมากในการเอามาตุนน้ำแกง ถึงแมจะไมไดปรุงตามตำรา แตขอให
วางใจได อัตราพลังธาตุที่เอามาใชประโยชนได นาจะมีอยางนอยรอยละเจ็ดสิบเลย
ทีเดียว”
อายฮุยราวกับถูกตีจนสลบแลวโดนปลนทรัพยไป ทาทางของเขาดูสับสน “เจา...
เจาใชไปแลวเทาไหร”
“ใชทั้งหมดเลย วางใจได โหลวหลานรับรองวาไมมี สูญ เปลาแน นอน” โหลว
หลานทำการรับรอง
เขาไมอยากฟงการรับรองอะไรแบบนี้เลยสักนิด...
“ตุบ!” อายฮุยทิ้งตัวลงนอนที่เตียง ในใจเต็มไปดวยความสิ้นหวัง วัตถุดิบที่เขา
เก็บสะสมมาสามปเต็ม ก็มาหายไปเชนนี้ เจ็บเหลือเกิน เจ็บปวดถึงหัวใจ! สมบัติกนกรุ
ที่ประหยัดกินประหยัดใชมาสามปที่นาสงสาร แคหลับไป ตื่นมาก็พบวาใชไปหมดแลว
เจ็บปวดจนในใจของอายฮุยตองร่ำรอง
ถา หากอา ยฮุย เขา ใจความหมายของสิ ่ งที ่ เรี ย กว า อั ตราพลั งธาตุ ท ี ่ เอามาใช
ประโยชนไดอยางนอยรอยละเจ็ดสิบ ก็คง...
โหลวหลานเตือนขึ้น “อายฮุย ตอนนี้เปนเวลาที่ดีที่สุดที่จะฝกฝนเพื่อดูดซับพลัง
ธาตุเอาไว”
อายฮุยสะดุงขึ้น ถูกแลว อยางไรเสียที่ใชก็ใชไปหมดแลว จะมาเจ็บปวดก็ไมได
อะไร เขากัดฟนลุกขึ้นมาจากเตียง ตอใหตองหลั่งเหงื่อหลั่งเลือดก็จะไมปลอยใหพลัง
ธาตุตองสูญเปลาไปแมแตนอย
วิธีฝกตามที่อาจารยตงที่สอนวิชาพื้นฐานกลาวไว อายฮุยนั่งขัดสมาธิ ตาเพงที่
จมูก จมูกเพงที่ใจ ดึงพลังธาตุที่อยูในกายตน ใหขับเคลื่อนไปตามเสนทางของหาคลัง
แปดตำหนัก
ในแปดตำหนักนี้ มีสี่ตำหนักที่เปดไดงายที่สุดคือแขนขาทั้งสี่ ตำหนักที่แขนซาย
ตำหนักที่แขนขวา ตำหนักที่ขาซาย ตำหนักที่ขาขวา จากกลางหวางคิ้วไปจนถึงกนกบ
จะแบงเปน นภา ประตู มหาสมุทร ปฐพี รวมอีกสี่ตำหนัก ระดับการทะลวงผานยาก
กวาแขนขาสี่ตำหนักมากนัก
ทวาไมวาคลังชีวิตจะถูกเปดหรือไม แปดตำหนักจะถูกเปดทะลวงหรือไม เสนทาง
การขับเคลื่อนของพลังธาตุลวนไมออกไปจากขอบเขตของหาคลังแปดตำหนัก เพียง
แคแตละตระกูลมีลำดับเสนทางที่ตางกัน เสนทางที่ตางกัน ผลลัพธยอมตางกันอยาง
สิ้นเชิง รูปแบบเคล็ดวิชาที่มากมายของแตละสำนัก บวกกับความพิศวงของแปด
ตำหนัก มีหลายคนที่ทำการคนควา เมื่อเวลาผานไป สะสมไดมากมาย ก็กลายเปน
รูปแบบเคล็ดวิชาลับของแตละตระกูล
เสนทางที่อายฮุยเลือกเปนเสนทางที่ปลอดภัยที่สุด และก็เปนเสนทางที่งายที่สุด
เริ่มจากทำใหแขนขาสี่ตำหนักกลายเปนเสี่ยวโจวเทียน*กอน แลวคอยเริ่มจากกลาง
หวางคิ้วลงไปเชื่อมตอนภากับปฐพี
เมื่อขับเคลื่อนพลังธาตุ อายฮุยก็รูสึกไมเหมือนเดิม
พลังธาตุของเขาเพิ่งจะเคลื่อนมาถึงตำหนักที่แขนซาย พลังธาตุก็แข็งแกร งขึ้น
มากนัก ในสถานการณเชนนี้ เขานั้นไมเคยเจอมากอน ในรางกายทุกสวนลวนเปน
พลังธาตุที่มีชีวิตชีวาและออนโยน รางกายเขาก็เบาสบายมีชีวิตชีวา เต็มไปดวยพลัง
ชีวิต การขับเคลื่อนพลังธาตุไมไดกินแรงเลย เปนไปตามดั่งใจนึก ตางจากปกติที่เคย
ถูกกีดขวางมากนัก
แตไมนาน อายฮุยก็ไมอาจจะมาตื่นเตนอยูได เขาพบวาพลังธาตุในรางกำลัง
คอยๆ กระจายออกไปสูภายนอก
ระดับความเขากันไดของรางกายตนกับพลังธาตุนั้นต่ำมาก
เขาควบคุ ม จิ ต ใจไม ใ ห เ สี ย สมาธิ อ ี ก โดยเฉพาะยิ ่ ง ต อ งแข ง กั บ เวลาในการ
ขับเคลื่อนพลังธาตุ เพงสมาธิทั้งหมด! กัดฟนไวจนแนน!
อยาปลอยใหสูญเปลา!
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนสะสมมาทั้งหมด แลกมาซึ่งพลังธาตุพวกนี้ อายฮุยก็เหมือนกับ
กินยาบำรุงกำลังเขาไป พลังการเพงสมาธิของเขานั้นสูงมาก พลังธาตุที่อยูในกายก็วิ่ง
อยางบาคลั่งดั่งมาปา ขับเคลื่อนในระดับความเร็วที่ไมเคยมีมากอน
โหลวหลานเห็นอายฮุยเขาสมาธิ จึงคอยๆ ออกจากหองไป
เวลาคอยๆ คืบคลานผานไป อายฮุยที่นั่งขัดสมาธิอยูนั้นกลามเนื้อทั่วรางกำลัง
เปลงแสงเรืองรองสีเงินเปนชั้นบางๆ รอบตัว หากเขาไปดูใกลๆ แลวก็จะเห็นไดวา ชั้น
แสงเรืองรองบางๆ นี้เกิดมาจากกลุมพลังธาตุที่เปนเข็มเงินเล็กละเอียดราวกับขนวัว
รวมตัวกัน เสนแสงเล็กละเอียดนี้ก็คือพลังธาตุที่กระจายตัวออกมา
ตอใหอายฮุยพยายามอยางมาก ก็ยังมีพลังธาตุจำนวนมากที่กระจายออกมาภายนอก
ขณะขับเคลื่อนไปตามเคล็ดวิชา อายฮุยก็คอยๆ สัมผัสรับรูได พลังธาตุที่มีจำนวน
มากที่สุดที่อยูในรางกาย ก็คือพลังธาตุสีเงิน นั่นเปนพลังธาตุทองที่เปนเข็มเงินถูกทำ
ใหกระจายตัวออก ซึ่งตางกับพลังธาตุทองเข็มเงินที่ควบแนนจนแสนจะแหลมคม
หลังจากถูกทำใหกระจายตัว พวกมันก็เปลี่ยนเปนเล็กละเอียด พื้นฐานก็ออนโยนลง
มาก ราวกับหิ่งหอยกำลังโบยบินอยูภายในรางกายของเขา
ปรากฏวาพวกมันลองลอยอยางอิสระ ซึ่งก็คือพลังธาตุที่กระจายตัวออกเร็วที่สุด
และพลังธาตุอีกชนิดหนึ่งกลับมั่นคงกวามาก พวกมันมีความสัมพันธใกลชิดกับ
เลือดเนื้อเปนอยางมาก ทุกครั้งที่พลังธาตุของอายฮุยเคลื่อนไหว จะมีการดึงพลังธาตุ
ชนิดนี้มาใชเปนสวนใหญ ที่สำคัญกวาคือ มันดึงเอาพลังธาตุทองที่อิสระใหรวมเขากับ
พลังธาตุของอายฮุย
พลังธาตุชนิดนี้ ก็คือพลังธาตุที่มีเอกลักษณที่เปนองคประกอบอยูในน้ำแกงบำรุง
พลังธาตุนั่นเอง
ในที่สุดอายฮุยก็เขาใจ วาเหตุใดคนมากมายจึงเขาไปในสวนลึกของแดนรางเพื่อ
ลาอสูรแดนรางกลับมา
พลังธาตุทองที่อิสระไดกระจัดกระจายไปหมดสิ้นแลว แตทวาอายฮุยก็ไมไดหยุด
การเคลื่อนพลังตามเคล็ดวิชา ยังคงไมเบื่อหนายกับการขับเคลื่อนพลังธาตุ
อวลไอจางๆ ไดกระจายรัศมีออกมาจากรางของอายฮุย

*เสี่ยวโจวเทียน คือการทำสมาธิครองลมปราณใหทะลวงผาน
บทที่ 16 ไดเจอกันเพราะโลกกลม
ขนสีเงินบางๆ หมุนวนราวกับควัน ลอมอยูรอบตัวของอายฮุย แปลงสภาพเปน
รูปรางกระบี่ที่เลือนราง จากนั้นทุกสิ่งก็สองประกายฉายวาบแลวสลายหายไป
อายฮุยจมดิ่งอยูกับการฝกจึงไมรูตัวแมแตนอย
หนึ่งชั่วโมงใหหลัง เขาลืมตาขึ้น ภายในแววตาเต็มไปดวยความปติยินดีอยางที่สุด
ฝกฝนมาสามป นี่เปนครั้งแรกที่เขารูสึกไดถึงความกาวหนาที่ชัดเจนเชนนี้ เขาอดไมได
ที่จะตื่นเตนดีใจ สามปมานี้ที่ยืนหยัดมา ในที่สุดก็ไดพบแสงแหงรุงอรุณ ยังจะมีอะไร
ใหดีใจยิ่งกวานี้อีก
ถึงแมสุดทายแลวเขาจะสามารถดูดซึมพลังธาตุไดเพียงแคหนึ่งในยี่สิบสวน แต
สำหรับเขาแลวนั้น นี่ก็เปนการกาวหนาที่เขาไมเคยคาดคิด พลังธาตุในกายของเขา ได
แข็งแกรงขึ้นเต็มๆ ถึงสามเทา
อัตราดูดซึมต่ำนั้นไมเปนอะไร ใชเวลาฝกฝนใหนานขึ้นก็ไดแลว ขอเพียงใหเห็นถึง
ความคืบหนา ตอใหเปนความคืบหนาเล็กๆ เขานั้นไมกลัวเลย ที่เขากลัวที่สุดก็คือ
ฝกฝนมาหลายปแลวพลังธาตุกลับไมมีความเคลื่อนไหวเลยตางหาก
อายฮุยนึกยอนไปถึงการฝกที่ผานมาเมื่อครูอยางละเอียด น้ำแกงบำรุงพลังธาตุ
ของโหลวหลานชามนั้น ไดใชประโยชนในจุดสำคัญที่สุด หากไมมีน้ำแกงชามนั้น พลัง
ธาตุทองที่อายฮุยซึมซับมา จำนวนที่ไดคงจะลดฮวบลง จะลดลงถึงขั้นไหนนั้น อายฮุย
เองก็ไมรู แตเขามีรางสังหรณ เกรงวาจะเหลืออยูนอยมากเปนแน
เอายฮุยสายหัว เอาความคิดที่ยุงเหยิงทั้งหลายทิ้งไวเบื้องหลัง
เจาพอทองถิ่นก็มีวิธีฝกแบบเจาพอทองถิ่น ตะพาบน้ำก็มีวิธีฝกของตะพาบน้ำ
พลังธาตุทองเข็มเงินที่ดูดซึมเขามาในรางกาย ถึงแมจะไมไดออนโยนสักนิด แตวา
ยิ่งเพิ่มความควบแนน และก็ยิ่งเพิ่มความบริสุทธิ์ ถึงแมวาอายฮุยจะดูดซึมมาไดเพียง
แคสว นเล็ก ๆ แตในดา นความบริสุท ธิ ์ หากเที ย บกั บ นั ก เรี ยนที่ เพิ ่งเริ ่ มนั ้ นถือวา
แข็งแกรงกวามากนัก อายฮุยก็รับรูถึงสวนนี้ ในตอนที่พลังธาตุอิสระสลายหายไป
หมดแลว แตเขาไมไดหยุดการฝกลงในทัน ที และไม หยุ ดการขั บเคลื ่อ นพลังธาตุ
เพื่อใหมันบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก
นัก เรีย นโดยทั่ว ไปสว นมากมั กจะไล ตามที ่ ระดั บเขตแดน ไล ตามพลั งธาตุ ที่
แข็งแกรง แตทวาประสบการณในการตอสูของอายฮุยที่มีมากมายนั้น เขาไดเห็นผู
แข็งแกรงมาหลากหลายประเภท เคยเห็นผูที่มีระดับเขตแดนเทากันมามากมาย แต
ทวากลับเปนผูใชพลังธาตุที่มีความสามารถการตอสูตางกันราวฟากับดิน พลังธาตุที่
บริสุทธิ์ สามารถทำใหรับมือคูตอสูไดดียิ่งกวา ทำใหมีโอกาสโจมตีมากยิ่งกวา
อายฮุยเองก็เขาใจแบบนั้นเชนกัน พลังธาตุที่อยูในรางกายของเขานั้น ถึงแมจะ
ออนแอ แตก็บริสุทธิ์มากกวาปกติ มันไดชวยชีวิตเขามาหลายตอหลายครั้ง เมื่ออยูใน
กำมือของเขามันไดแสดงผลลัพธมากมาย แคมีวิธีการสักหนอย แมแตเหลาผูใชพลัง
ธาตุผูยิ่งใหญที่ไดเห็นก็อดที่จะชื่นชมไมได
อาวุธที่ทรงพลานุภาพนั้นไมสูอาวุธที่ถนัดมือ
อายฮุยเดินออกมาจากหอง ไดเห็นโรงฝกที่สะอาดเอี่ยมออง จึงรูสึกคาดไมถึงอยูบาง
โหลวหลานสังเกตเห็นสายตาของอายฮุย จึงกลาวอธิบาย
“ขาคอนขางวาง จึงถือโอกาสทำความสะอาดให หากอายฮุยถือสาละก็ ครั้งหนา
โหลวหลานจะไมทำอีกแลว”
“ทำไดสะอาดกวาขาเสียอีก” อายฮุยแอบเอียงอายอยูบาง
โรงฝกราวกับถูกชำระลาง แมแตมุมเล็กมุมนอย ก็ไมมีแมแตเศษเสี้ยวของฝุนผง
แตกอนอายฮุยคุยโวมาโดยตลอดวาเปนผูเชี่ยวชาญดานการทำความสะอาดโรงฝก ไม
คิดเลยวาเหนือฟายังมีฟา
โหลวหลานไดยินคำชมก็แสดงออกอยางดีใจ น้ำเสียงดูมีความสุขขึ้นอยางไมรูตัว
“โหลวหลานเปนตุกตาทราย เรื่องพวกนี้คอนขางจะเชี่ยวชาญ”
ใครจะไปจำตุกตาทรายตัวหนึ่งไดกัน
อายฮุยไมรูเหตุใดจึงนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมา มองดูโหลวหลานที่กำลังดีใจ จึงรีบกลาว
“ขอบคุณน้ำแกงบำรุงพลังธาตุของเจา มันมีประโยชนมาก”
อายฮุยไมคอยจะพูดอะไรแบบนี้ ตอหนาคนอื่น เขามักจะรักษาความระวังตัวและ
ระยะหางเอาไว แตตอหนาโหลวหลาน เขารูสึกผอนคลายกวามาก อาจจะเปนเพราะ
โหลวหลานเปนตุกตาทราย นาจะเปนเชนนี้แหละ
โหลวหลานไดยินวาน้ำแกงบำรุงพลังธาตุมีประโยชน ยิ่งเพิ่มความดีใจ เขาสำรวจ
อายฮุยอยางจริงจัง นัยนตาทั้งสองขางเปลงแสงประหลาดสีดินเหลือง
อายฮุยราวกับสัมผัสไดถึงบางอยาง ถึงกับขนลุกขนชันขึ้นในทันที
“แผลฟกช้ำกับอาการบวมตองใชเวลาในการฟนตัว อาการบาดเจ็บของกลามเนื้อ
ไมไดมีอันตรายอะไรแลว” แสงสีเหลืองในดวงตาของโหลวหลานหายไปแลว
ความรูสึกไมสบายใจของอายฮุยก็พลอยหายตามไปดวย เขารูสึกวาโหลวหลาน
เปนตุกตาทรายที่ประหลาดจริงๆ ตุกตาทรายที่เชี่ยวชาญการทำอาหาร ตุนน้ำแกง ทำ
ความสะอาด มองดูแลวยังสามารถรักษาพยาบาลได นี่ชางเปนการผสมผสานอยาง
แปลกประหลาดอะไรเชนนี้ “ขาตองไปฝกฝนแลว” อายฮุยเตรียมตัวจะออกไปขาง
นอก เขาวางแผนจะกลับไปที่เจดีย เสวียนจินอีก แตทวากอนหนานั้น เขาตองไป
เตรียมงานบางสวนกอน แลวก็ไปซื้อของบางอยางดวย
“โหลวหลานก็จะกลับไปทำงานแลว อายฮุย ไวเจอกันใหมนะ” โหลวหลานโบก
มือใหอายฮุย รางกายก็เปลี่ยนเปนทราย แทรกหายเขาสูพื้นดิน
ตวนมูหวงฮุนเดินตามลำพังที่ถนน สายตาของเขามองกวาดผานฝูงชนอยูบอยครัง้
อายฮุยไมไดมาเรียนติดตอกันหลายวัน ขณะที่ทำอะไรไมได เขาทำไดเพียงออกมาลุน
โชค เขาก็รูวาจะมาหาคนเชนนี้ ก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร แตจะใหเขาไป
หาอาจารยสวี่เพื่อขอใหยกเลิกเรื่องนี้ เกรงวานั่นจะเปนเรื่องนาขายหนาจนเกินไป
นึกถึงเจาสวะอายฮุยนั่น ในใจของเขาก็รูสึกหงุดหงิดแบบบอกไมถูก
เขานั้นมีเสนหราวปศาจแตกลับมีใบหนาที่ละเอียดหลอเหลา ซึ่งมักจะดึงดูสายตา
ของคนที่ผานไปผานมา มีหญิงงามหลายคนเดินหนาเขามา ซึ่งลวนถูกสายตาอันเย็น
ชาของเขาไลใหถอยไป รางสูงโปรงยืนพิงตนการบูรที่อยูขางทาง ในมือถือปงถังหูลู
คอยๆ กัดลงไป สีแดงสดของปงถังหูลูกับใบหนาซีดขาวเปยมเสนห หลอมรวมเปน
ภาพที่แสนจะดึงดูดคนที่ไดพบเห็น
เหลาหญิงสาวตางไมกลาเดินขึ้นหนา แตกลับไปรวมกันอยูไมไกล ใชสายตาอาลัย
อาวรณจับจองไปที่ตวนมูหวงฮุน อยากจะใหตนเองไดเปนปงถังหูลูไมนั้นเสียเหลือเกิน
แตตวนมูหวงฮุนไมไดยี่หระอะไร เขาเคยชินกับการถูกจับจองแบบนี้ตั้งนานแลว
จึงทำหนาตาสบายๆ
“ตวนมูหวงฮุน! ดูสิวาเจาจะหนีไปไหน!”
ทันใดนั้นอยูๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากถนนอีกดาน ตวนมูหวงฮุนชายตามองเพียง
ปราดเดียว ก็ถอนสายตากลับ เขาครานจะใสใจ เขาเพียงสนใจกินปงถังหูลูของตน
ไมไกลมีชายรูปรางกำยำทาทางแข็งแกรงหาวหาญคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น เขา
มองไปที่ตวนมูหวงฮุนดวยนัยนตาที่เปลงประกายทั้งสองขาง แลวจึงพูดขึ้น
“รูวาขาจาวจือเปาจะมาทาสูเจา ทำไม กลัวเหรอ ตั้งใจที่จะหลบกันใชไหม ชาง
ทำใหขาผิดหวังเสียจริง ขาก็นึกวาตวนมูหวงฮุนนั้นเปนถึงผูมีพรสวรรค ที่แทก็เปนแค
เจาขี้ขลาด!”
แมแตหนังตาของตวนมูหวงฮุนยังไมขยับแมแตนอย ขนตาที่แสนยาวนั้นถูกขับใหโดด
เดนเมื่ออยูคูกับผิวกายที่ขาวผอง สงางามดึงดูดใจ มากถึงกับทำใหหญิงสาวตองอิจฉา
เหลาหญิงสาวที่มุงอยูถึงกับมีอารมณรวมในทันที
“จาวจือเปา! เจาจะคุยโวก็หัดรูจักดูสภาพตัวเองเสียบาง! เจามีคุณสมบัติอะไรมา
ทาสูกับหวงฮุนของเรา!”
“ใชแลว! หวงฮุนของเราใชวาหมาแมวที่ไหนก็จะมาขอทาสูได”
“ดูสารรูปเจาสิ ตัวหนาทั้งตัว ยังไวผมยาวอีก เหอะเหอะ ยังกับกลองไมที่เสียบไม
ถูกพื้น”
จาวจือเปารูสึกโกรธอยางมาก จนใบหนาแดงก่ำไปทั้งหนา
เขาคิดวาตนนั้นไมธรรมดามาโดยตลอด ถึงแมเขาจะเคยไดยินเรื่องราวของผู มี
พรสวรรคที่ชื่อตวนมูหวงฮุนมาตั้งแตแรก แตเขาก็ไมไดกลัวเลยสักนิด กลับกันเขาได
ทาตวนมูหวงฮุนตอสูอยางเปดเผย ความแข็งแกรงของรางกายเขานั้นไมธรรมดา ใน
หองเรียนของตนเขาก็สามารถขึ้นไปอยูในหาอันดับแรก
“นี่หรือคือผูมีพรสวรรคตวนมูหวงฮุนของพวกเรา ผูมีพรสวรรคที่หลบอยูหลัง
กลุมผูหญิง เหอะ!”
หนังตาของตวนมูหวงฮุนยังคงไมขยับ ปากคายเมล็ดซานจาออกมา พูดขึ้นอยาง
เฉยชา “วันนี้ขาอารมณไมดี ทางที่ดีเจาควรไสหัวไป”
“อารมณไมดีหรือ เหอะ มาสิ ตอยขาสิ!” จาวจือเปาก็ทำเหมือนกับไดยินเรื่อง
ตลก อดไมไดที่ทำยียวน
หานาทีใหหลัง
ตวนมูหวงฮุนใบหนายังคงไรความรูสึก เก็บขาของตนอยางสงางาม จาวจือเปาที่
อยูบนพื้นไมเหลือสวนใดที่ยังดีอยู หนาตาบวมเปง ตวนมูหวงฮุนกัดซานจาลูกสุดทาย
ที่อยูในไมปงถังหูลู ทิ้งไมลง แลวจึงหันกายจากไปอยางเฉยเมย
“ฟบ!” ไมนั้นปกลึกลงไปในพื้น ตำแหนงที่ปกนั้นอยูหางกับจมูกของจาวจือเปาเพียง
สองเซนติเมตร สายตาของจาวจือเปาถึงกับชะงักในทันที ไมกลาที่จะขยับแมแตนอย
หญิงสาวที่มุงดู รองเชียรตามดานหลังตวนมูหวงฮุนไปราวกับฝูงผึ้ง
ในมุมหนึ่งที่ไมไกลบนถนน มีหญิงสาวที่ใสผาแพรคลุมหนา นัยนตาของนางเปน
ประกายวูบหนึ่ง ซือเสวี่ยมั่นมาที่เมืองซงเจียนอยางเงียบๆ ซึ่งเปนการตั้งใจมาโรงฝก
ของตระกูลตน คาดไมถึงวาจะไดเห็นฉากนี้ ชื่อของตวนมูหวงฮุนนั้นนางเคยไดยินมา
ไมคิดวาก็จะอยูที่เมืองซงเจียน โดยเฉพาะความแข็งแกรงที่แสดงออกมาเมื่อครู ชางไม
ธรรมดาอยางมากเลย
หรือวาจะเปนเขา
แตวาในไมนาน ซือเสวี่ยมั่นก็สายหัว ถึงแมจะเปนการปดตาตอสู แตเจาสาระเลว
ควรตายนั่น มีลักษณะการตอสูที่แตกตางกับตวนมูหวงฮุนอยางสิ้นเชิง เจาสาระเลว
นั้นมีลักษณะการตอสูที่ปาเถือนดุราย ราวกับสัตวปา
นางหันหลังจากไปยังทางโรงฝกของตระกูลตน
จาวจือเปาผานไปกวายี่สิบนาทีเต็ม จึงฟนสติขึ้นมาได เขาพยายามลุกขึ้นจากพื้น
อยางยากลำบาก
เมื่อเงยหนาขึ้น เขาก็ชะงักไป
เขามองเห็นคนที่หนาตาบวมเปงเหมือนกับเขา กำลังเดินมาทางนี้
อายฮุยที่เพิ่งจะซื้อของเสร็จ เขามองไปที่จาวจือเปาที่อยูตรงกลางถนน ก็ชะงักไป
เชนกัน
ทั้งสองคนชางเหมือนกันเหลือเกิน หนาตาบวมเปงเหมือนกัน ทั้งตัวมีแตอาการ
บวม ทุกที่มีแตรอยช้ำ ใบหนาบิดเบี้ยว มีแผลไปทั่วตัว เสื้อผาก็ขาดรุงริ่ง
จาวจือเปาที่เมื่อครูถูกซอมจนเจ็บ มองไปที่อายฮุย ก็เหมือนกับไดเห็นตนเองวา
อยูในสภาพทุเรศทุรังเพียงใด เชนนี้มันเปนการหัวเราะเยาะดูหมิ่นตนหรือไร วันนี้เขา
ก็เหมือนกับตัวตลก มีเพียงความรูสึกไมพอใจ
เขาดันตัวลุกขึ้นจากพื้น พลางกลาวอยางดุราย “วันนี้ขาอารมณไมดี ทางที่ดเี จา
ควรไสหัวไป!”
อายฮุยหรี่ตาที่ทั้งบวมทั้งช้ำเขียวลง
บทที่ 17 ถือโอกาส
แตไหนแตไรอายฮุยก็ไมเคยคิดวาตนนั้นนิสัยดี ในแดนรางไมตองการนิสัยดี แต
ตองการความแข็งแกรง ความกาวราว ความทรหดอดทน
ตอใหเปนสภาพที่อับจนหนทางก็ตองเดิมพันทุกสิ่งที่มีเพื่อใหอยูรอด พวกที่นิสัย
ออนโยนนั้นถูกคัดออกไปนานแลว
พูดถึงความโกรธ ถูกอัดจนถึงตีหา จะไมมีความโกรธไดอยางไร
อายฮุยรูสึกวาตนเปนภูเขาไฟลูกหนึ่ง ที่พรอมจะระเบิดออกมาอยูเนืองนิตย แต
ทวายังหาโอกาสไมเจอ โหลวหลานนั้นเต็มไปดวยความจริงใจไรเดียงสาอันเปรียบ
เหมือนกับกระดองเตาที่แข็งแกรง ทำใหคนไมอาจจะลงมือได เจาอวนสิดี อยากจะอัด
เมื่อไรก็ไดโดยไมตองมีเหตุผล คิดไมถึง พองวงนอนก็มีคนสงหมอนมาให อยากจะอัด
คนก็มีคนสงกระสอบทรายมาให
อายฮุยที่หรี่ตาอันบวมช้ำ ปลดปลอยจิตสังหารอันหนาวเหน็บออกมาจากรางที่
เต็มไปดวยรอยฟกช้ำ เขาวางขาวของที่อยูในมือลงพื้น ของนี้ใชเงินซื้อมา ถาหากทำ
พังก็ไมคุมกัน
จาวจือเปาเห็นอีกฝายเดินมาทางเขา ความโกรธในใจยิ่งเพิ่มเปนทวีคูณ การพาย
แพใหแกตวนมูหวงฮุน ก็ทำไดเพียงแคอดทน ตอนนี้แมกระทั่งหมาแมวที่ไหนไมรบู น
ถนนก็ยังกลามาทาทายเขา จะใหเขาไมโกรธไดอยางไร
เขาแสยะยิ้มขึ้น ยื่นมือไปทางอายฮุย ฝามือปลอยเปลวไฟสีแดงออกมาอยางหนาแนน
เปลวไฟสีแดงเปนเหมือนลิ้นที่แลบเลียไปมาไมหยุดนิ่ง อุณหภูมิรอบดานก็สูง
ขึ้นมาในทันที ผามือขวามีประกายแสงวูบไหว ในใจของจาวจือเปาพอใจอยางถึงที่สุด
เมื่อครูเขายังไมทันไดใชพลังธาตุก็ถูกตวนมูหวงฮุนซัดลงกับพื้นไปกอน
ถูกดูหมิ่นเหยียบย่ำอยูหานาทีเต็ม ในตอนนี้เปลวไฟไดถูกจุดขึ้นมา ความมั่นใจ
ของเขาที่ถูกทำลายไปไดกลับมาแลว เขารูสึกวาตนเองชางแข็งแกรงอะไรเชนนี้
เมื่อครูที่แพใหแกตวนมูหวงฮุน เปนเพราะตนประมาทเกินไป ถูกแลว จะตองเปน
เชนนี้แน หากวาตนใชพลังธาตุแตแรก แพชนะก็ยังไมอาจตัดสิน
มองผ า นเปลวไฟ ร า งของฝ า ยตรงข า มดู บ ิ ด ไปมาและแสนจะผอมบาง ก็
เหมือนกับคูตอสูมากมายที่เคยพายแพใหแกเขา
หากจะโทษก็จงโทษที่เจาดวงไมดีแลวกัน!
จาวจือเปาคำรามขึ้น เขาพุงไปดวยกาวยาวๆ อยางเชี่ยวชาญ เปลวไฟสีแดงที่มือ
ขวาราวกับถูกจับยักยายดวยมือที่มองไมเห็น เปลวไฟแลบเลียเปลี่ยนไปมา มีเปลวไฟ
สองสายราวกับปกที่กำลังสยายออก มีเสียงรองของอีกาดังขึ้นทามกลางเปลวไฟ ซึ่ง
โดดเดนราวกับอีกาเพลิงสยายปก
ในใจของจาวจือเปาดีใจเปนลนพน
“วิชาปกอีกาอัคคีเยือกแข็ง” เปนกระบวนทาที่ผูใชธาตุน้ำและไฟนิยมใชกันทั่วไป
จาวจือเปานั้นเปนธาตุไฟ แนนอนวาที่ฝกคืออีกาเพลิง กระบวนทาแรกที่เขาได
เรียนหลังจากเปดตำหนักที่แขนขวาไดก็คืออีกาเพลิง การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณไมใช
เรื่องยากสำหรับเขา ทวาการเปลี่ยนรูปลักษณเปนเพียงขั้นแรกของวิชานี้ และอีกา
คำรามก็คือขั้นที่สอง พลังธาตุเกิดเปนเสียงคำรามรอง พลังของกระบวนทานี้ก็เพิ่มขึ้น
อยางมาก
จาวจือเปาไมคิดวาตนจะสามารถทะลวงระดับพลังไดในเวลานี้ เพียงแตในใจรูสึก
เสียดาย กระบวนทาที่แสนจะงดงามนี้กลับตองมาใชกับพวกไรชื่อ นึกดูวาเมื่อครู
ตนเองนั้นไมไดใชทานี้ตอหนาตวนมูหวงฮุน ในใจเขาเต็มไปดวยความเสียดาย
อายฮุยนั้นไมไดสะทกสะทานเลย
“วิชาปกอีกาอัคคีเยือกแข็ง” เปนกระบวนทาที่เห็นไดทั่วไปมาก ไมใชอะไรคูควร
ใหตื่นตระหนก แมแตอีกาคำรามในอายุขนาดที่ที่สามารถใชได ถือวาไมใชเรื่องงายก็
จริง แตทวาก็เพียงแคนี้แหละ
ในวินาทีที่จาวจือเปากาวเทาพุงเขามา นัยนตาของอายฮุยก็ทอประกายแสงแสน
จะเย็นยะเยือก
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เขาก็พุงไปยังอีกฝายอยางเหี้ยมหาญ
การเคลื่อนไหวของอายฮุยทำใหจาวจือเปาถึงกับคาดไมถึงอยูบาง เขาไมคิดวาอีก
ฝายนอกจากจะไมหลบแลว ยังพุงมาทางตนอีก เจานั่นสมองไมปกติหรือ แตวาในเมื่อ
อีกฝายรนหาที่ตาย แนนอนวาเขาก็จะไมออมแรงแน
ในตอนที่ระยะหางของทั้งสองยนลงมาใกลกัน จาวจือเปายิ่งรูสึกตื่นเตน ตาของ
เขาเบิกกวาง ใบหนาแสยะยิ้ม ฝามือขวาเตรียมซัดออก จะใหเขาไดรูวาอะไรคือสิ่งที่
เรียกวาซัดสลบในทีเดียว!
ขณะมองดูอีกฝายกำลังจะปะทะกับฝามือขวา อยูๆ รางของอายฮุยก็แวบหายไป
จาวจือเปาถึงกับลมหายใจปนปวน
อีกฝายแวบหายเชนนี้ ทำใหตนรูสึกไมสบายใจอยางบอกไมถูก หากชากวานี้หนึ่ง
นาที เขาก็จะไมสนใจ แลวเพิ่มความเร็วในการฟาดฝามือไป หากเร็วกวานี้นาทีหนึ่ง
เขาก็จะมีเวลาที่จะตอบสนองการเปลี่ยนแปลง แตวาที่อีกฝายแวบหายกลับไมชาไม
เร็ว ปดทางเสียจนเขาอยากจะกระอักเลือด
ระยะของทั้งสองหางกันใกลมาก ในเวลานี้จาวจือเปาจะเปลี่ยนทาก็ไมทัน เสีย
แลว ทำไดเพียงพลิกขอมือ เปลี่ยนทิศทางฝามือกวาดไปทางอายฮุย
เดี๋ยวกอน หายไปไหนแลว
ตาของเขาเบิกจนกลมโต ราวกับเห็นผีก็ไมปาน อีกฝายถึงกับหายไปจากระยะ
สายตาของเขาอยางไรรอ งรอย
นี่มันเรื่องอะไรกัน
“ปก!”
ซี่โครงดานขวาของจาวจือเปาเจ็บขึ้นมาอยางรุนแรง ความเจ็บปวดอันกระจายไป
ทั่วรางในชั่วพริบตาเดียว รางกายของเขาหยุดนิ่งไป เปนไปไดอยางไร...
สมองของเขาวางเปลา ไมรูเปนเพราะความเจ็บปวดอยางรุนแรง หรือเปนเพราะ
การสะเทือนอยางแรง จึงทำใหสมองของเขาสูญเสียการรับรูไป
หลังจากอายฮุยแวบหายไป เขาก็ยอกายพุงไปทางซี่โครงดานขวาของจาวจือเปา
การโจมตีครั้งนี้เขาไมไดใชพลังธาตุ ตำแหนงนี้เปนศูนยรวมประสาท หากถูกโจมตี
อยางแรง ก็เพียงพอที่จะทำใหอีกฝายสูญเสียการรับรูไปในชวงสั้นๆ
อายฮุยโจมตีสำเร็จ ก็ถือโอกาสเอียงตัวหลบออกมา พลังธาตุถูกรวมอยูที่เทา เปน
ประกายสีเงินขึ้นมา แผนหลังแนบกับหนาอกของจาวจือเปาอยางไรเสียง
เมื่อแนบกับหนาอกของอีกฝาย อายฮุยโคงหลังขึ้น เปนเหมือนกับสปริงที่ถูกอัด
จนแนนแลวปลอยออก กำลังอันมหาศาลระเบิดออกในทันที จาวจือเปารากับถูกแรด
คลั่งพุงชนใสกลางอก
จาวจือเปาลอยกระเด็นเปนเสนโคงขึ้นสูงเกิดเสียงดังสนั่น บินลอยออกไป
“ปง!”
จาวจือเปาหลนฟาดลงกับพื้นอยางหนัก ในเวลาเดียวกัน อายฮุยก็เคลื่อนไหวราว
กับดวงวิญญาณมาปรากฏตัวที่ขางกายของจาวจือเปา ไมมีการหยุดลังเลใดๆ เขาขาง
ขวาของอายฮุยก็กดอยูบนเอวดานหลังของอีกฝาย มือซายจับศีรษะเอาไว มือขวาควา
ไดไมปลายแหลมที่อยูบนพื้นดานขางขึ้นมา แลวจึงแทงลงไปอยางแรงที่บริเวณหลัง
คอของจาวจือเปา
อยา วา แตไมป ลายแหลมเลย ต อ ให เป น ตะเกี ย บที ่ ท ู  ก ว า หลายเท า เขาก็ ยั ง
สามารถแทงทะลุคอของสัตวรายไดอยางไมกินแรง ทุกอยางผานไปราวกับน้ำไหล
วองไวดังสายฟา
ในวินาทีที่ไมปลายแหลมกำลังจะแทงทะลุหนังที่หลังคอของจาวจือเปา อายฮุย
เพิ่งรูตัวขึ้นมา ที่นี่ไมใชแดนราง! ไมปลายแหลมจึงถูกหยุดเอาไวไดทัน หลังคอของ
จาวจือเปาจึงเหลือ เพียงรอยแดงเล็ก ๆ คลายรอยเข็ม เลือดหยดหนึ่ งคอยๆ ไหล
ออกมา
จาวจือเปาที่รางกระแทกพื้นจนมึนงงไมรูตัวเลยวาตนเพิ่งรอดผานประตูผี
ที่นี่ไมใชแดนราง!
นัยนตาของอายฮุยดูสงบลึกล้ำ เขาแอบเตือนตนเองอีกครั้ง จากนั้นก็เอาไมปลาย
แหลมเสียบไปที่กนของจาวจือเปา คนไมตายก็พอแลว
“อากก!”
จาวจือเปารองโหยหวนออกมา แตในอีกวินาทีถัดไป เสียงรองโหยหวนก็หยุดลง
ในทันที
ฝามือของอายฮุยที่สับลงที่หลังคอของจาวจือเปาดึงกลับมา เขาไมแมแตจะมอง
อีกฝายที่ตอนนี้หมดสติไปแลว เอาชนะคูตอสูแบบนี้ได เขาก็ไมไดมีความรูสึกตื่นเตน
อะไร การโจมตีก็มีรูปแบบของมัน ไมมีโอกาสที่จะใชความคิดเลย
คูตอสูคนนี้เสียสมาธิกลางคัน การแสดงออกอยางมือสมัครเลนเชนนี้ ทำใหอายฮุย
รูสึกขาดความตื่นเตน
ดวยความเคยชินของมืออาชีพที่ยอดเยี่ยม อายฮุยจึงไมลืมที่จะคนเอารางวัลแหง
ชัยชนะมา
จาวจือเปาที่นาสงสารถูกรูดทรัพยไปแบบไมเหลือ ไมปลอยใหอะไรเหลือรอด แต
เดิมก็เปนสัญชาตญาณของอายฮุยอยูแลว
เงินสองหมื่นหยวนถูกเก็บไป ทำใหอายฮุยอารมณดีเปนอยางมาก เสื้อผาของอีกฝาย
เนื้อผาไมเลวเลยนะ ไมพูดพร่ำทำเพลง อายฮุยก็ถอดเอามาใสใหตนแลว
ตวนมูหวงฮุนที่ยังไมถอดใจ ไดเลือกสถานที่ที่คอนขางสูงบริเวณใกลๆ ประตูเมือง
เริ่มตนแผนการนั่งรอคอยโชคของตนอีกครั้ง ไมรูวาเขาไปเสกปงถังหูลูอีกไมมาจาก
ไหนอีก แลวเขาก็คอยๆ กินมันอยางชาๆ
ไมอยูในเมือง เชนนั้นเปนไปไดหรือไมวาอยูนอกเมือง
ไดอัดจาวจือเปาไป ตวนมูหวงฮุนรูสึกวาใจของตนสงบลงไปไมนอย ตรงจุดนี้เปน
จุดที่ตองผานเมื่อเขาเมือง
ไมไกลนัก เหลาหญิงสาวยังคงจองมองตวนมูหวงฮุนดวยสายตาหลงใหล ทันใด
นั้น พวกนางก็สงเสียงขึ้น
“มาดูเร็ว! จาวจือเปา!”
“สภาพนาสังเวชจัง! ทั้งหนาทั้งตัวเปลี่ยนไปเลย!”
“สมควรแลว! กลามาทาทายหวงฮุนของพวกเรา แคนี้ยังนอยไป...”
ตวนมูหวงฮุนที่อยูดานบนหรี่ตามองแลวจึงถอนสายตากลับ เขาไมสนใจอะไรกับ
คูตอสูที่แพไปแลว ตั้งแตเริ่มจนจบ เขาก็ไมไดมองอีกฝายตรงๆ สักครั้งเลยดวยซ้ำ
จาวจือเปาจะหนาตาเปนอยางไร เขาไมสนใจ ตอนนี้บวมเปงเชนนี้ เขายิ่งไมสนใจ
อายฮุยที่สังเกตเห็นตวนมูหวงฮุน หรี่ตามองแลวก็ถอดสายตากลับ ไมเขาเรียนไม
ฝกฝน ถอมากินปงถังหูลูถึงที่นี่ งานอดิเรกของลูกผูลากมากดีนี่ประหลาดเสียจริง
ที่พวกผูหญิงพูดกันเจื้อยแจวเขาก็ไดยิน แตก็ไมรูวาผูใดคือ จาวจือเปา
มันไมไดเกี่ยวอะไรกับตน อายฮุยจึงไมสนใจ เขาสนใจแคทางไปเจดียเสวียนจิน
บทที่ 18 การคนควา
การเอาชนะมือสมัครเลน ไมไดทำใหอายฮุยมีอารมณตื่นเตนใดๆ แตทวาเขาก็
สัมผัสไดจากการตอสูในเวลาสั้นๆ นี้ถึงความกาวหนาของตน พลังธาตุที่เพิ่มขึ้นนั้น
สงผลตอความแข็งแกรงของเขาโดยตรง จากการไดดูดซับพลังธาตุทองของเจดี ย
เสวียนจิน เทียบกับพลังธาตุทั่วไปแลวถือวาบริสุทธิ์กวามาก พลังธาตุในรางของเขา
ยั ง คงนั บ ได ว  า อ อ นแออยู  แต ว  า การเพิ ่ มขึ ้ น ถึ ง สามเทา สำหรั บ อ า ยฮุ ย แล ว ก็
หมายความวาเขาจะมีชองวางใหพัฒนาความสามารถเพิ่มขึ้น
อายฮุยเดินไปถึงหนาประตูของเจดียเสวียนจิน ครั้งนี้เขาไมไดบุมบามเขาไปอยาง
หุนหันพลันแลน บทเรียนจากครั้งที่แลวนั้นยังคงสลักอยูในใจ
เสียงสายลมอันบาคลั่งจากในเจดีย ยังคงทำใหจิตใจสั่นไหว
อา ยฮุย หยิบเชือกที่เพิ่งซื้อออกมาเมื ่อ ครู  ด า นหนึ ่ งผู กเขา กั บกอ นหิ นขนาด
ประมาณตะกราไมไผ อีกดานผูกไวกับเอวของตน เขายกกอนหินขึ้นมาและโยนเขาไป
ดานในของเจดีย
เชือกถูกรั้งจนตึงในทันที มีแรงมหาศาลถายเทมา อายฮุยไดเตรียมตัวมาตั้ งแต
แรก แตก็ยังคงถูกดึงจนตัวเซ
ลมทองคำในเจดียชางบาคลั่งเสียจริง กอนหินนั้นถูกพัดจนชนนูนชนนี่ไปทั่ว
เสียงกระแทกแตละครั้งดังสนั่น แรงดึงที่ถายทอดผานเชือกมาเหนือกวาที่อายฮุย
คาดไวนัก เขาพยายามที่จะประคองตัวเองใหมั่น แตก็ยังถูกดึงใหเขาใกลประตูเจดียที
ละนิดทีละนิด
ในใจของอายฮุยเกิดความกลัวขึ้นมา คราวที่แลวที่ตนรอดมาได ถือวาโชคยังดีอยู
ไมนอย
ทันใดนั้นเชือกก็หยอนลง พรอมกับแรงดึงที่หายไป อายฮุยที่ออกแรงลาถอยอยู
ไมไดเตรียมพรอมกับการเปลี่ยนแปลงอันกะทันหันนี้ เขาจึงหงายหลังลมลงเอามือดัน
พื้นไว แลวลุกขึ้นยืนใหมอยางมั่นคง
อายฮุยดึงสวนที่ขาดมาดู พบวาสวนนั้นพบรูเล็กๆ มากมาย ราวกับรูเข็มก็ไมปาน
อายฮุยสายหัวไปมา เชือกฟางคงไมไหว สวนปลายที่เปนรูเล็กๆ มากมายนั้นเกิดจาก
พลังธาตุทองเข็มเงินจากลมทองคำสรางขึ้น คาดวากอนหินเองก็คงทนอยูไดไมนาน
อยางที่คิด เพียงไมนาน เสียงกระแทกไปมาในเจดียก็เงียบลง เสียงแตกนั้น คงจะเปน
เสียงกอนหินถูกบดจนละเอียด
ลมทองคำชางรายกาจจริงเชียว!
มินาเลาถึงตองเปดคลังชีวิตใหไดกอนจึงจะมาฝกฝนที่นี่ได
ยังดีที่อายฮุยไดทำการเตรียมพรอมอยางอื่นมาดวย เขาหยิบโซเหล็กออกมาเสน
หนึ่ง โซเหล็กมีความหนาประมาณขอมือ กวาจะแบกมาถึงเจดียเสวียนจินไดทำเอา
อายฮุยเหนื่อยแทบตายอยูเหมือนกัน เขาโยนโซเหล็กเขาไปดานในเจดีย สักพักผาน
ไปจึงดึงออกมา โซเหล็กนั้นไรซึ่งริ้วรอย คราวกอนที่อายฮุยเห็นตาขายเหล็กในเจดีย
เขาก็เลยคิดวาโซเหล็กนาจะทนลมทองคำได
อายฮุยใชแรงอยางมหาศาล แถมยังใชเวลาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม เพื่อลากกอนหิน
ขนาดสูงกวาตัวเขามาจากที่ที่หางไกล ชวยไมได กอนหินที่ใหญหนอยในบริเวณนี้
ลวนถูกเขาชนจนแหลกไปหมดแลวในครั้งกอน
เขาเอาปลายโซเหล็กดานหนึ่งผูกกับกอนหิน สวนปลายอีกดานผูกไวกับเอวของตน
เมื่อแนใจวาผูกแนนแลว อายฮุยหายใจเขาลึกๆ จากนั้นก็ทะยานรางเขาไปใน
เจดียเสวียนจิน
เมื่อเขาไปในเจดียเสวียนจินแลว อายฮุยก็ถูกลมทองคำอันบาคลั่งพัดใส ลอยเควง
ควางไปมา มีแรงมหาศาลที่สะเอว เกือบจะทำใหเอวเขาถูกดึงจนขาด โซเหล็กที่ยึด
เอวไวถูกรั้งจนเปนเสนตรง เห็นวาวิธีการของตนไดผล อายฮุยอดจึงถอนหายใจโลงอก
ออกมา แตทวาเขาก็ดีใจอยูไดเพียงไมนาน แผนหลังของเขาก็ชนเขากับผนังอยางแรง
เขารีบเอาแขนสองขางปองศีรษะเอาไว มวนตัวเปนกอน ทำใหตนเปนเหมือนลูกบอล
ที่กลิ้งชนไปมา
เวลาที่อายฮุยอยูในเจดียครั้งนี้เทียบแลวถือวาสั้นกวาครั้งกอน เขาไมรอใหเกือบ
ถึงขีดจำกัดของตนจึงจะออกมา แตเปนพอเริ่มรูสึกบวม เขาก็ใชโซเหล็กดึงตนเอง
ออกมา
อายฮุยที่ดึงโซเหล็กออกมา พนลมหายใจออกยาวๆ ดานนอกกับดานในของเจดีย
ราวกับเปนโลกที่แตกตางกันสองใบ อายฮุยควบคุมเวลาไวไดอยางดีเยี่ยม ครั้งนี้สติ
ของเขายังแจมชัด และก็ยังมีแรงเหลือดวย
เขาเริ่มที่จะตุบตีรางงกายของตน
หลังจากการฝกในคราวกอน เขาก็ไดขบคิดพิจารณาวาจะทำเชนไรในการดูดซับ
พลังธาตุทอง ความปรารถนาที่จะไลตามพลังของอายฮุยนั้นไมตองสงสัย แตทวาตอ
ใหเปนเชนนี้ เขาก็ไมตองการใหตนถูกอัดทุกวันจนถึงตีหาเชา นั่นไมใชประสบการณที่
สวยงามอะไร เขาไมอยากที่จะเจออีกเปนครั้งที่สอง
ดังนั้นเขาจึงคิดวิธีเมื่อครูนี้ออกมา
หากอยากจะดูดซึมพลังธาตุทอง กาวแรกที่เขาตองทำก็คือทำใหหลังธาตุทองเข็ม
เงินที่ซึมเขามาในรางกระจายตัว ถาหากพลังธาตุทองเข็มเงินที่ซึมเขารางมาในครั้ง
หนึ่งๆ ไมไดมากนัก ตนก็ยังพอจะจัดการไดอยู
เปนการตุบตีเชนกัน ตัวเองอัดตัวเอง กับตนถูกคนอื่นอัด ความรูสึกมันแตกตาง
กันอยางสิ้นเชิง
อายฮุยทุบตีรางกายของตนอยางไมมีการออมแรง ในเวลาเดียวกันก็ตรวจสอบ
การเปลี่ยนแปลงภายในรางกายอยางละเอียด แรงที่ใชมากเพียงใด กระบวนทาอะไร
ที่ใช จึงจะไดผลลัพธที่ดีที่สุด ทุกอยางตองใหเขาคอยๆ คนควา
รากฐานของตนแสนแย เชนเดียวกับสถานะทางการเงินของเขา ดังนั้นแลวจึงตอง
ใชความพยายามใหมาก
เขาคอยๆ สัมผัสไดถึงเคล็ดลับความสำเร็จ แตในไมนานเขาก็พบปญหาขอหนึ่ง
ขึ้นมา พลังธาตุทองที่อยูในกลามเนื้อบริเวณแผนหลัง เขาตีไมถึง พอลองครุนคิ ดดู
สายตาของเขาก็ไปหยุดอยูที่เจดียเสวียนจิน
ถูกลมทองคำพัดมานานแรมปถึงเพียงนี้ ตัวเจดียนาจะมั่นคงอยู อายฮุยจึงถือ
โอกาสเอาหลังจนเขากับผนังเจดีย ไมมีอุปกรณใดจะเหมาะสมไปมากกวานี้อีกแลว
เพียงไมนานเขาก็พบวาคงคิดมากเกินไป ผนังเจดียแข็งแกรงราวเหล็ก เขาชนไปสอง
สามที กระดูกทั่วรางแทบที่จะหลุดหมดแลว
พลังธาตุทองเข็มเงินที่อยูในกลามเนื้อบริเวณแผนหลังยังเหลืออีกมากที่ยังไม
กระจายตัว อายฮุยอยูๆ ก็นึกไปถึงการตอสูที่สูกับผูชายมือสมัครเลนที่ตัวบวมช้ำเมื่อ
คราวกอน ตนนั้นใชแผนหลังกระแทกบริเวณปอดของอีกฝายดวยกระบวนทา
“มัจฉาสะบัดกาย”
กระบวนทา “มัจฉาสะบัดกาย” นี้ ที่ทำใหอายฮุยจดจำไดมากที่สุดยังคงเปนการ
ปดตาตอสูในคราวนั้น ตนเองพันธนาการคูตอสูไว กระบวนทาที่คูตอสูใชดิ้นหนีก็คือ
“มัจฉาสะบัดกาย” ในตอนนั้นกำลังของคูตอสูมหาศาล จนเขาเกือบจะหลุดมือ ทำให
เขาตกตะลึงเปนอยางมาก เพราะวาหลายปที่ทำงานซึ่งตอ งใชแรงอยางมาก เขา
เชื่อมั่นในกำลังอันปาเถื่อนของตนพอสมควรเลยทีเดียว
เขาสามารถสัมผัสไดวาอีกฝายไมไดมีพลังธาตุที่แข็งแกรงอะไรมาก กำลังของ
รางกายก็ไมไดมาก แตกลับสามารถใช “มัจฉาสะบัดกาย” ระเบิดพลังออกมาไดอยาง
มหาศาลเชนนี้ ดูทาจะมีความรูที่ลึกซึ้ง
อายฮุยสนใจใน “มัจฉาสะบัดกาย” อยูไมนอย กระบวนทานี้เขาเองก็ใชได ใน
แดนรา งสามป เขาเรียนพวกวิชาที่ ไมเปน ระบบที่ เหมื อนกับ “มั จ ฉาสะบัดกาย”
สำเร็จมาไมนอย มันปลีกยอยเปนอยางมาก แตกลับเปนกระบวนทาที่ใชไดจริง
แตทวาเขาหยิบทานี้มาใชนอยมาก จากความแข็งแกรงของเขา หากถูกศัตรูจับ
พันธนาการไวได เชนนั้นก็คงเหลือเพียงทางตายอยางเดียว ไมมีโอกาสแมแตจะไดใช
กระบวนทานี้
วันนี้พลันนึกขึ้นได ใช “มัจฉาสะบัดกาย” จัดการเจาหนุมตัวบวมมือสมัครเลน
จนบินลอยไป ทำใหเขาเห็นวากระบวนทานี้ยังสามารถใชในทางอื่นไดอีก
เขาเริ่มที่จะใช “มัจฉาสะบัดกาย” กับผนังของเจดีย
เพียงไมนาน เขาก็พบจุดที่ยอดเยี่ยม ในตอนที่อยูในเจดียเขามวนตัวเปนกอน จุด
ที่พลังธาตุทองเข็มเงินซึมเขามามากที่สุดก็คือแผนหลัง “มัจฉาสะบัดกาย” ไมเพียงจะ
ระเบิดพลังอันนาตกใจ ยังมีผลจากการสะเทือนอีกดวย
มินาตอนที่ปดตาตอสูแขนของตนถึงไดชาไป ที่แทก็เปนเชนนี้
วิธีคิดของตนไดผลลัพธที่เยี่ยมยอดเปนอยางมากไดปลุกเราใหอายฮุยฮึกเหิม เขา
เพิ่มความจริงจังและความพยายามใหมากขึ้น
ตอนที่พลังธาตุทองเข็มเงินในรางลวนกระจายตัว อายฮุยเริ่มนั่งขัดสมาธิเพื่อ
เขาสมาธิ ดูดซึมพลังธาตุทองอิสระ
หนึ่งชั่วโมงใหหลัง อายฮุยลืมตาขึ้น ก็สามารถสัมผัสไดถึงพลังธาตุของตนที่เพิ่มขึ้น
ถึงแมจะมีพัฒนาการนอยกวามากเมื่อเทียบกับเมื่อคืนวาน นึกไปถึงน้ำแกงบำรุงพลัง
ธาตุชามนั้น อายฮุยก็รูสึกเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง ความกาวหนาของเมื่อคืนวานแสดง
ใหเห็นอยางชัดเจน แตทวาคาใชจายก็สูงไปดวย วันนี้ถึงจะกาวหนาเพียงเล็กนอย แต
ทวาเหมือนจะไมตองเสียคาใชจายอะไร
ถึงแมวาวิธีการฝกฝนเชนนี้จะยากลำบากและยาวนาน แตสำหรับอายฮุยแลว ขอ
เพียงสามารถเห็นถึงความหวัง เขานั้นไมสนใจสักนิด
ทามกลางความมืดมิดและความยากลำบาก แตเขากลับไมยินยอมที่จะจมดิ่งลง
ไป ดวยวาความลำบากนั้นไมเปนปญหาตอตัวขา
บทที่ 19 มีวิชามัจฉาสะบัดกาย
ชายวัยกลางคนมองไปยังซือเสวี่ยมั่นผูชุมโชกไปดวยเหงื่อที่อยูในสนาม เขานึก
เสียใจจนลำไสเขียวไปหมดแลว จริงๆ เลย ตัวเองอยูดีไมวาดีอวดฉลาดจัดการปดตา
ตอสูอะไรไมรูขึ้น ตอนนี้เปนเชนไร ทำเอาซือเสวี่ยมั่นเปนเชนนี้ไปแลว
ในใจของเขาเต็มไปดวยความละอายใจ ในบรรดาคุณหนูคุณชายในตระกูลซือ
คุณหนูเสวี่ยมั่นถือเปนผูมีพรสวรรคหาผูใดเสมอเทียบ แมนิสัยภายนอกดูเย็นชาแต
ภายในนั้นอบอุน ทุกคนลวนมีใจรักและปกปองนาง เมื่อกอนเขาใจรอนอยากสราง
ผลงาน ทำใหตอนนี้คุณหนูตองฝกฝนอยางบาคลั่งเชนนี้ เขายิ่งโทษตัวเอง เขาก็ได
กลาวเตือนอยูหลายครั้ง แตก็ไมมีประโยชน หากคุณหนูเสวี่ยมั่นไดตั้งเปาหมายไว
ชัดเจนแลว ตอใหเอาวัวเกาตัวมาฉุดก็ไมเปนผล
นิสัยนี้เหมือนกับบิดานางไมมีผิด
ชายวัยกลางคนนึกเสียใจ เขาเคยไดทำงานรวมกับบิดาเสวี่ยมั่นอยูชวงหนึ่ง รูสึก
นับถือบิดาของนางเปนที่สุด ในตอนนี้ไดเห็นเงารางที่ชุมโชกไปดวยเหงื่อในสนาม
เวลาราวกับยอนไปยังเมื่อยี่สิบปกอน เขาดูเหมอลอยจิตใจไมอยูกับเนื้อกับตัว
การฝกของซือเสวี่ยมั่นที่อยูในสนามจบลง นางก็เดินมาทางชายวัยกลางคน เช็ด
เหงื่อที่อยูบนใบหนาไปพลาง พูดกับชายวัยกลางคนไปพลาง “ทานอาหยงเจิ้ง ทานไม
ตองสนใจขามากมาย ขาฝกเองคนเดียวก็ดีแลว”
น้ำเสียงของนางถึงแมจะเย็นชาแตกลับไมมีความหางเหินปะปนอยู
ซือเสวี่ยมั่นเองก็เพิ่งจะรูจากปากของทานปูในครั้งนี้วา ผูดูแลโรงฝกนี้ในอดีตเปน
เพื่อนที่เคยรวมงานกับบิดาตน ถึงแมวาจะเปนเพราะพรสวรรคมีอยางจำกัด จึงไมได
ประสบความสำเร็จอะไร แตทวาในอดีตเขามีความสัมพันธอันดีกับทานพอ ก็นับไดวา
เปนผูอาวุโสของนาง
“ขาหวงวาเจาจะลำบากเกินไป” หยงเจิ้งถอนใจกลาว “เจาอยาไดกดดันตัวเอง
มากเกินไป เฮอ ชางเหมือนกับบิดาของเจาในครั้งนั้นไมมีผิด บิดาเจาในตอนนั้นหาก
ตอสูกับใครแลวพายแพ ตอนกลางคืนจะไมยอมหลับยอมนอน ชางเปนลูกไมหลนไม
ไกลตนเสียจริง”
ซือเสวี่ยมั่นฟงอยูอยางเงียบๆ ตั้งแตเล็กจนโต หลอนไดพบกับบิดานอยมาก
ความทรงจำที่มีตอบิดาทั้งหมดลวนรับรูมาจากปากของผูอื่น
“นี่คือรายชื่อของสมาชิกใหมในเมืองซงเจียนที่เขารวมกลุมผูมีพรสวรรค นักเรียน
พวกนี้เพิ่งจะเขาเรียน คนที่เขารวมยังมีอยูไมมาก” หยงเจิ้งสงใบรายชื่อใหใบหนึ่ง
“ขาจะตามดูนักเรียนใหมที่เขารวมตอ ถึงแมจะพูดมาแลวหลายรอบ คอนขางจะดูจูจี้
อยูบาง แตวาขาก็ยังคงจะพูด เจาไมจำเปนตองเขมงวดกับตนเองถึงเพียงนี้เลยจริงๆ
นั่นก็เปนเพียงแคเรื่องเหนือความคาดหมายเทานั้น”
ซือเสวี่ยมั่นรับเอาใบรายชื่อมา สงวนทาทางสงบนิ่งแลวกลาว “ทานอาหยงเจิง้
นั่นไมใชเรื่องเหนือความคาดหมาย พายแพก็คือพายแพ ไมมีเหตุผลใดจะมาอธิบาย”
หยงเจิ้งยิ้มอยางขมขื่น รูอยูแลววาจะตองจบลงเชนนี้
ซือเสวี่ยมั่นอยูๆ ก็กลาวขึ้น “ทานอาหยงเจิ้ง ทานวาหากพวกเราจัดการปดตา
ตอสูขึ้นอีกเปนอยางไร”
“จัดการปดตาตอสูขึ้นอีกครั้งอยางนั้นหรือ” หยงเจิ้งมึนงงไป เพียงไมนานก็ตอบ
กลับ “คุณหนูคิดที่จะลอใหเขามาติดกับเองใชไหม”
“ใช” ซือเสวี่ยั่นพยักหนา “เสวี่ยมั่นคิดวา เหตุผลที่คนคนนี้เขารวมการปดตาการ
สู ไมนาจะนอกเหนือจากสองขอนี้ หนึ่งอาจเปนเพราะเขาเกิดคันไมคันมือขึ้นมา ตัว
เขาเองแตเดิมเชี่ยวชาญการตอสูในยามราตรี ไดพบการแขงขันที่เปนเอกลักษณเชนนี้
เปนเรื่องปกติมากที่จะคันไมคันมือ อีกเหตุผลอาจเปนเพราะวายากจน และที่มาก็เพื่อ
เงินรางวัล”
หยงเจิ้งพึมพำกลาว “ความเปนไปไดของขอแรกคอนขางมาก ผูที่แข็งแกรงขนาด
เอาชนะคุณหนูได ไมนาจะโดนโนมนาวจากเงินหาหมื่นหยวน”
“เสวี่ยมั่นก็คิดเชนนี้ พวกเรานาจะเอาเวลาไปลงกับการป ดตาตอสู ดีห รื อ ไม
จัดการแขงขันปดตาตอสูขึ้นมาใหม เพื่อดึงดูดใหคนคนนั้นเขามา”
ซือเสวี่ยมั่นกลาวตอ “ถึงแมวาความเปนไปไดของขอที่สองจะคอนขางต่ำ พวก
เราก็ยังไมอาจจะมองขามไป จงเพิ่มยอดเงินรางวัลใหมากขึ้น”
หยงเจิ้งนัยนตาเปนประกาย “วิธีนี้ของคุณหนูยอดเยี่ยมนัก! คนคนนี้เชี่ยวชาญดาน
การตอสูในความมืด หากวาไดเห็นการแขงขันปดตอตอสูครั้งใหม จะตองอดไมไดเปน
แน ขอเพียงแคมีความแปลกใหมเปนเอกลักษณ จะตองมีแรงดึงดูดอยางมากตอเขา
เรื่องเงินรางวัลนั้นจัดการไมยาก พวกเราสามารถเพิ่มเงินรางวัลใหเปนหาแสนหยวน”
“หนึ่งลานเถิด” ซือเสวี่ยมั่นพูดตัดขึ้น “อีกสักพักขาก็จะกลับแลว เรื่องการปดตา
ตอสูก็ขอรบกวนทานดวย สองสัปดาหใหหลังขามีวันหยุดอยูสามวัน ถึงเวลานั้นก็ตอง
ขอรบกวนทานอาหยงเจิ้งดวย”
หยงเจิ้งกลาวขึ้นในทันที “ใหเปนหนาที่ขาเถอะ”
ขอเพียงแคมีวิธี เขาก็เต็มไปดวยความฮึกเหิม พูดกันตามจริง เขาเองก็เต็มไปดวย
ความสงสัยอยากรูเกี่ยวกับผูมีพรสวรรคลึกลับที่สามารถเอาชนะคุณหนูเสวี่ยมั่น ได
เชนกัน
เจดียเสวียนจิน
อายฮุยเปนเหมือนปลาตัวใหญที่ดุราย แผนหลังพุงชนผนังอยางแรง ในชั่วพริบตา
ที่จะสัมผัสกับผนัง แผนหลังไดมีการสั่นไหวที่ไมอาจสัมผัสได ปาบ! เสียงระเบิดที่ดัง
สนั่นผิดปกติดังขึ้น ราวกับเสียงแสที่หวดลงผานอากาศ
นัยนตาของอายฮุยเปนประกายในทันที การใชมัจฉาสะบัดกายครั้งนี้มีความกาวหนา
อยางชัดเจน แรงที่ระเบิดออกมาเต็มเปยม หางไกลจากครั้งกอนๆ ที่ผานมา
ยังไมทันไดรอใหเขาไดปติยินดี แรงที่เกรี้ยวกราดทรงพลังที่ถายทอดมาจากผนัง
ก็ทำใหรางของเขาราวกับเปนลูกบอลที่ถูกหวดอยางแรง ลอยกระเด็นไกลออกไปสิบ
กวาเมตร
“ตุบ!”
เขาตกลงไปในดินโคลนอยางแรง แตวายังดีที่เขามีประสบการณมากมาย ใน
ระหวางลอยอยูกลางอากาศจึงสามารถจัดระเบียบรางกาย สภาพที่ตกลงพื้นถึงแมจะ
ดูย่ำแย ทวาแมแตผิวหนังก็ยังไมถลอกเลยสักนิด
ขณะที่ลุกขึ้นมาจากพื้น เขาก็ถือโอกาสถอนหญาเขียวติดมือ เอามาใสปากเคี้ยว
นัยนตาของเขาทอประกายแปลกๆ ราวกับกำลังใชความคิด
พลังของมัจฉาสะบัดกายที่ใชเมื่อครู มากเกินกวาที่เขาคาดการณไวมาก ถาหาก
มัจฉาสะบัดกายที่ใชในคราวกอนทรงพลังถึงเพียงนี้ เกรงวาหนาอกของอีกฝายจะ
แหลกเปนผงในพริบตา
ความทรงพลังของมัจฉาสะบัดกาย มากกวาที่ตนคิดเอาไวมากมายนัก ที่สำคัญยิ่ง
กวาคือ มันยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาตอ
อายฮุยคายกากหญาในปากออก นัยนตาทอประกายความตื่นเตน
มัจฉาสะบัดกายไมใชกระบวนทาที่สูงสงอะไร บวกกับที่มันไมเปนระบบ ผูฝกจึงมี
ไมมาก แตการไมเปนระบบก็มีขอดีของมัน หมายความวาเขาแคฝกกระบวนทานี้ทา
เดียวก็ได หากแตจะสามารถยกระดับความทรงพลังของกระบวนทานี้ขึ้นไปอีกขั้น
เชนนั้นก็จะใชเปนกระบวนทาสังหารไดเลยทีเดียว
ในแผนการเดิมของอายฮุย มัจฉาสะบัดกายเปนเพียงสวนหนึ่งของการฝกฝนพลังธาตุ
คาดไมถึงวาจะยังสามารถไดกระบวนทาสังหารเพิ่มมาทาหนึ่ง สำหรับเขาแลวถือเปน
เรื่องนายินดีที่เหนือความคาดหมาย
การฝกฝนของเขานั้นจริงจังเปนอยางมาก การฝกในทุกๆ วันนั้นแสนจะจืดชืด
เขาเจดีย ออกเจดีย ฝกฝนมัจฉาสะบัดกายกับผนัง นั่งขัดสมาธิ ดูดซึมพลังธาตุ ทำ
เชนนี้ซ้ำไปซ้ำมา ไมรูจักเหน็ดเหนื่อย ในการทำซ้ำไปซ้ำมานี้ก็ทำใหพลังธาตุคอยๆ
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ไมรูเปนเพราะพลังธาตุที่เพิ่มขึ้นหรือไม ความเขากันไดของรางกายเขากับพลัง
ธาตุทองเข็มเงินก็เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอยางยิ่งมันสงผลใหเขากระบวนทามัจฉา
สะบัดกายไดลึกซึ้งยิ่งขึ้น อัตราความสำเร็จในการฝกฝนก็เพิ่มขึ้นอยางไมหยุดยั้ง ไม
นานเขาก็ไดพบกับปญหาขอหนึ่ง พลังธาตุทองเข็มเงินที่บริเวณแผนหลังเขาใชมัจฉา
สะบัดกายเพื่อใหมันกระจายตัว และผลลัพธที่ไดก็ดีเยี่ยมเปนอยางมาก แตรางกายใน
สวนอื่นๆ เขาทำไดเพียงใชฝามือตุบตี ผลลัพธหากเทียบกับการใชมัจฉาสะบัดกายถือ
วาแยกวามากนัก
แตทวามัจฉาสะบัดกายเปนเทคนิคการปลอยพลัง เขาไมอาจที่จะนำมาใชกับ
รางกายสวนอื่นไดเลย เพราะสวนสำคัญในการปลอยพลังของมัจฉาสะบัดกาย คือการ
ใชกระดูกสันหลังและกลามเนื้อบริเวณแผนหลัง เปนการเรียนแบบการปลอยพลังของ
ปลาที่สะบัดตัวเพื่อการดิ้นหนี
อายฮุยพบวาอัตราความกาวหนาในการฝกของตน ถูกปญหานี้ถวงเอาไว เขารูวา
ตนเองจำเปนตองกลับไปอีกครั้ง เพื่อเตรียมของบางอยาง
ครั้งกอนที่เขากลับไป ไดนำอาหารแหงมาไมนอย ถือโอกาสไหววานใหโหลว
หลานชวยเขาทำความสะอาดโรงฝก โหลวหลานก็รับปากอยางเบิกบานใจไปแลว
การฝกฝนติดตอกันเจ็ดวัน มองดูแลวราวกับเขาเปนคนปาก็ไมปาน เสื้อผาที่สวม
ใสบนตัวขาดรุงริ่ง ทวาไมอาจซุกซอนความปราดเปรียวหาวหาญไปได ภายใตผมเผาที่
รุงรังใบหนาที่เต็มไปดวยฝุนดิน นัยนตาคูนั้นกลับสุกใสสงบนิ่งราวกับสายน้ำ
บทที่ 20 หันกลับในทันที
กิจกรรมกลุมผูม ีพรสวรรคไมไดมีกฎตายตัว แตวานอยมากที่สมาชิก จะขาด
ประชุมที่เปดโอกาสใหไดรับคำชี้แนะจากผูอาวุโส ทุกคนลวนไมอยากที่จะพลาดไป
เมื่อเทียบกับเหลาอาจารยในสนามเหนี่ยวนำแลวไมเหมือนกัน เพราะผูอาวุโสในกลุม
ผูมีพรสวรรคสวนใหญลวนแตเปนอดีตทหารแนวหนา พวกเขาอาจไมไดเชี่ยวชาญดาน
ทฤษฎี แตเรื่องการสูรบนั้นมีประสบการณมากมาย สิ่งที่ถายทอดลวนเปนพวกเทคนิค
ที่มีประสิทธิภาพในการใชงานจริง
จากทหารแนวหนาถูกสงมารับผิดชอบกลุมผูมีพรสวรรค แตไหนแตไรมาก็เปน
งานแสนจะดีเยี่ยม ทำงานเหมือนพักผอน แถมยังไดรับคาจางสองทาง อาหารการกิน
ก็ดี ไมตองตากลมหนาวคอยเตรียมการปองกันอสูรแดนรางที่จะบุกโจมตีในยามวิกาล
ไดอยูในหองอุนๆ ดื่มชารอนๆ ชางเพลิดเพลินเจริญใจนัก!
เนื่องจากงานนี้เปนที่ตองการอยางมาก ดังนั้นบุคลากรที่ถูกสงไปในทุกเมือ ง
จะตองเปลี่ยนในทุกๆ ป
หลี่เหวยกับโจวเสี่ยวซีทั้งสองคนเพิ่งจะถูกสงมายังเมืองซงเจียน รับหนาที่ดูแล
กลุมผูมีพรสวรรคในเมืองนี้ หลี่เหวยมาจากหนวยทหารราบ และโจวเสี่ยวซีมาจาก
หนวยทะเลเหนือ ทั้งสองหนวยมีความสัมพันธอันดีตอกัน ไมไดมีความแคนอะไรกัน
ทั้งสองจึงใชเวลาไมนานก็สนิทกัน ไมวาอยางไร ในเวลาหนึ่งจากนี้ ทั้งสองจะตองอยู
รวมกัน
“ชางเปนที่ที่สงบสุขเสียจริง” โจวเสี่ยวซีมองรอบดานสี่ทิศ พลางถอดทอนใจ
“เวลาชางผานไปรวดเร็วนัก พริบตาเดียวเวลาสิบหาปก็ผานไปเสียแลว อยากจะ
ยอนกลับไปเมื่อสิบหาปกอนเสียจริง วัยเยาวนั้นดีที่สุดแลว”
หลี่เหวยที่ไดยิน จึงหัวเราะกลาว “จากนั้นก็จีบสาวที่ตอนนั้นจีบไมติดใหไดถูกไหม”
โจวเสี่ยวซีถึงกับกลอกตาใส “ขาเปนพวกตื้นเขินเชนนั้นหรืออยางไร”
ไมรอใหหลี่เหวยไดพูด เขาก็ขยับปากตอบหนาตาจริงจัง “ใช”
หลี่เหวยระเบิดหัวเราะกาก
โจวเสี่ยวซีอ ยูๆ ก็ถ ามขึ้น “หากเจ าได ย อนกลั บไปในตอนที ่ใช ชี วิ ตในสนาม
เหนี่ยวนำ เจาอยากที่จะทำอะไรที่สุด”
“นอน!” หลี่เหวยตอบขึ้นอยางไมลังเล
“นอนเรอะ” โจวเสี่ยวซีรูสึกคาดไมถึงอยูบาง
“ถูกแลว!” หลี่เหวยน้ำเสียงนักแนน เขาเรียนแบบน้ำเสียงของโจวเสี่ยวซีเมื่อครู
“ขาจะพูดกับตนเองวา หลี่เหวยเอย ภายหลังอีกสิบหาปเจาจะไมไดนอนนะ รีบหา
โอกาสนอนใหมากขึ้นอีกหนอย ผานตอนนี้ไปจะไมมีโอกาสอีกแลว!”
โจวเสี่ยวซีหัวเราะขึ้นดังลั่น เขาถามดวยความแปลกใจ “พวกเจามีภารกิจในชวง
กลางคืนคอนขางมากอยางนั้นหรือ”
“ใชแลว” หลี่เหวยทำหนาชวยไมได “พอลองนึกดูแลวขานี่ชางซวยเสียจริง ตอน
ที่ข า เพิ่งจะจบการศึก ษาจากสนามเหนี ่ ย วนำแล ว ไปถึ งชายแดน อสู รแดนร า งก็
เคลื่อนไหวกันบอยขึ้นทุกวันทุกวัน สองปแรกก็ยังดี ไมกี่ปมานี้รุนแรงถึงขั้นเกือบจะ
โผลมาวุนวายทุกคืน”
สีหนาของโจวเสี่ยวซีเปลี่ยนเปนเครงขรึมขึ้นมา ไมกี่ปมานี้ ชายแดนทุกที่ลวนตึง
เครียดกวาแตกอนมากนัก การเคลื่อนไหวของอสูรแดนรางก็เปลี่ยนอยางผิดปกติ
สรางความโกลาหลอยางมาก พวกเขาอยูที่ชายแดนเปนเวลานาน ความรูสึกที่มีตอ
เรื่องนี้ลึกซึ้งนัก
แตพอไดมาอยูสวนหลังนี้ ก็ไมรูสึกถึงความตึงเครียดแมแตนอย ความตึงเครียดที่
ชายแดนไมไดสงผลกระทบมาถึงการใชชีวิตสำมะเลเทเมาในสวนหลังเลย
หลี่เหวยสัมผัสไดถึงบรรยากาศที่เครงเครียด จึงหัวเราะพลางกลาว “พวกเราจะ
มาใสใจอะไร เบื้องบนยังมีบุคคลยิ่งใหญอีกมาก พวกเรามาเสวยสุขกับชวงเวลาหนึ่งป
ที่แสนวิเศษนี้เถิด เอาเวลานอนที่ขาดไปมาชดเชยใหหมด!” “ก็ใช ไมไดเกี่ยวอะไรกับ
พวกเรานี่!” โจวเสี่ยวซีใบหนาเต็มไปดวยรอยยิ้มชั่วราย “ขาจะตั้งใจฝกพวกออนหัด
พวกนี้! นึกถึงตอนที่ขามายังสนามเหนี่ยวนำก็ถูกผูอาวุโสของกลุมผูมีพรสวรรคทรมาน
เสียจนขาในตอนนี้กระเหียนกระหือรืออยากจะทำแบบเดียวกัน”
นึกถึงตนเองในตอนนั้นแสนจะอเนจอนาถ หลี่เหวยจึงพยักหนาเห็นดวย “ในสวน
นี้ พวกเราก็จะไมยอมแพเหลาผูอาวุโสที่เราเจอในตอนนั้น! ดูสิ เจาหนูที่เดินเขามา
หนาตาดูทาวาจะปวยแลว แบบนี้จะไหวไดอยางไร อนาคตของอูสิงเทียนลวนอยูบน
ตัวพวกเขา หัวไหลที่ออนแอเชนนี้ จะแบกรับอนาคตของอูสิงเทียนไดอยางไรกัน”
“เจาไดพูดตรงกับความในใจของขา!” โจวเสี่ยวซีเห็นดวยอยางมาก รอยยิ้มบนใบหนา
ของเขายิ่งดูชั่วราย สายตาที่มองไปยังนักเรียนที่ออนแอผูนั้น ราวกับเปนสายตาของ
หมาปาสีเทาตัวใหญที่มองไปยังกระตายนอยตัวหอมเนื้อแนนที่ขนสีขาวราวหิมะ
ตวนมูหวงฮุนสีหนาย่ำแยอยางมาก รางกายของเขาไมปกติเหลือหลาย ทั้งเวียน
หัวตาลาย มือไมออนแรง ทั่วรางเหน็บหนาว หากไมใชเพราะเปนการนัดรวมตัวครั้ง
แรกของกลุมผูมีพรสวรรค เขาก็คงไมมาแลว
เขาเฝาอยูที่ดานบนของประตูเมืองถึงสามวันสามคืน ไมไดสนความหนาวเย็นใน
ยามวิกาล เจึงเจ็บไขไดปวยจากอากาศหนาวเชนนี้
เจาสวะนั่นสมควรตาย!
พอนึกถึงเจาสวะนั่น เพลิงโกรธของตวนมูหวงฮุนก็ลุกไหมขึ้นมา ทำใหเขาทนไม
ไหวจนไอขึ้นอยางรุนแรง รอกอนเถิด จะตองมีสักวันหนึ่งที่เจาจะตกอยูในกำมือของ
ขา ขาตวนมูหวงฮุนจะไมมีทางปลอยเจาไปแน!
“ตวนมู เจาไมสบายหรือ ไมเปนอะไรมากใชไหม”
คำถามที่แสดงความเปนหวงไดหยุดความคิดของตวนมูหวงฮุนลง เขาเงยหนาที่
ซีดขาวขึ้น ชายที่อยูตรงหนานั้นเขาไมรูจัก แตวาเข็มกลัดที่หนาอกไดบอกสถานะของ
อีกฝายใหแกเขา เขาจึงรีบตอบกลับ “ขอบคุณผูอาวุโสที่เปนหวง เพียงแคโดนลม
หนาวนิดหนอย ไมไดเปนอะไรมาก”
“ขาคิดดูแลวก็ใช” โจวเสี่ยวซีแยมยิ้มขึ้น เผยใหเห็นฟนเขี้ยว “ตวนมูนั้นมีชื่อเปน
หนึ่งในผูมีพรสวรรคที่โดดเดนทีสุดในปนี้ จะมาลมลงเพราะแคโดนลมหนาวไดอยางไร
มา มา มา ลองดูแผนการฝกที่ขาจัดเตรียมไวใหเจาเสียกอน! ในฐานะผูมีพรสวรรค
แผนการฝกแนนอนวาก็ตองเปนแผนการฝกของผูมีพรสวรรค ในเมื่อไมเปนอะไรมาก
เชนนั้นพวกเราก็เริ่มกันเลยเถิด หากชักชาละก็ พวกเราจะฝกไมทันการฝกชวงค่ำ”
ตวนมูหวงฮุนมองไปยังผูอาวุโสดวยสายตามึนงง เขาคิดวาหูของตนนาจะฟงผิดไป
ฝกชวงค่ำหรือ ใหนักเรียนที่เปนหวัดไปฝกชวงค่ำนี่นะ
ใบหนาที่ซีดขาวแตรูปงามเปยมเสนหนั้นมึนงง จมูกเปนสันโดงดูหลอเหลา มี
น้ำมูกไหลลงมาอยางชา ๆ
ในขณะที่ตวนมูหวงฮุนเช็ดน้ำมูกตัวสั่นอยูทามกลงอากาศหนาวเหน็บ ทวาภายใน
โรงฝกศาสตราวุธ อางอาบน้ำที่รอนกำลังดี อายฮุยอยูในสภาพที่พึงพอใจอยางที่สุด
ความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลายถูกลางไปจนสิ้น
ชางสบายจริงเชียว!
โรงฝกลวนสรางขึ้นเพื่อรองรับการฝกฝน โดยทั่วไปจะมีการเตรียมอางอาบน้ำไว
โดยเฉพาะ เพื่อที่จะไดใชผอนคลายความเหนื่อยลา เมื่อกอนตอนที่อยูที่โรงฝกดาบ
เขาก็ไดใชแผนเหล็กสรางอางขึ้นมาใบหนึ่ง เวลาสามปในแดนราง อยาวาแตจะแชน้ำ
รอนเลย แคจะอาบน้ำเย็นสักครั้งยังเปนเรื่องที่แสนจะหรูหราเลยดวยซ้ำ
เมื่อฟาสวางแลว เขาจึงจะออกขางนอกอีกครั้ง
หยุดพักผอนไปหนึ่งวัน ทำใหความตึงเครียดของเขาผอนคลายลงไปมาก โหลว
หลานแนะนำใหเขาดื่มพวกน้ำแกงพลังธาตุบำรุงกระดูก ที่สามารถซอมแซมบาดแผล
ภายในของกระดูกและกลามเนื้อ โหลวหลานอาสาจะเปนคนตุนน้ำแกงใหเขา อายฮุย
จึงลองถามดูราคา อยางนอยที่สุดตองใชเงินถึงสี่หมื่นหยวน
ดวยความเสียดายของอายฮุย หลังจากที่ถามโหลวหลานแลว ก็ตัดสินใจวาจะดื่ม
หลังจากที่กลับมาในสัปดาหหนา
ชางแพงเสียจริง!
เมื่อวานเขาไปรานตีเหล็กในเมืองเพื่อสั่งทำของบางอยาง เงินที่จายไปก็ไมนอย
กอนหนานี้ที่ซื้อโซเหล็กไดใชเงินไปมากอยู หากไมใชเพราะคนเอาเงินมาจากชายมือ
สมัครเลนตัวบวมคนนั้นมาไดสองหมื่นหยวน แมแตเงินสี่หมื่นหยวนเขาก็จายไมไหว
ทองฟาคอยๆ สวางขึ้น อายฮุยก็ลุกขึ้นจากอางน้ำ ดวยกำลังที่เต็มเปยม เขารูสึก
วาในรางกายตนเต็มไปดวยพลังอันไรขีดจำกัด
เขาเก็บกวาดโรงฝกเสร็จ พกเอาน้ำและอาหารแหง ปดประตูจนเรียบรอย จึง
ออกเดินทางไปยังรานตีเหล็ก เพื่อไปรับของที่ตนสั่งทำ
ตวนมูหวงฮุนกระชับเสื้อในขณะที่ตัวสั่น พรอมกับไอไปดวย สองขาของเขาออนแรง
เดินโซเซเขามาในตัวเมือง เมื่อคืนที่เปนดั่งฝนราย เขาไมรูวาตนเองนั้นผานมาได
อยางไร เมื่อคืนถูกลมหนาวที่ทุงนอกเมืองพัดใสตลอดทั้งคืน อาการหวัดยิ่งทรุดหนัก
เขาไปอีก ในเวลานี้เขาทั้งหนาวทั้งหิวทั้งเหนื่อย
สายตาเขาพลาเบลอ ลมหายใจแผวๆ ราวกับเปนซากศพที่เดินได
สติสัมปชัญญะสุดทายบอกกับตัวเขาวา ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการไปหาหมอ
สายตาของเขากวาดมองไปยังรานตีเหล็กแหงหนึ่งบนถนนอยางไมไดตั้งใจ พอดี
ไดเห็นคนคนหนึ่งกำลังแหวกมานที่ถักจากหญาเดินเขาไปในรานตีเหล็ก
ตามหาเขาไปทุกหนทุกแหง พอเลิกหากลับไดพบจนได เจานั่นอยูที่รานตีเหล็ก!
สายตาเพงมองไปในทันที เพลิงโกรธทั้งหลายถูกจุดใหระเบิดขึ้น อาการหวัดอะไร
หาหมออะไรทั้งหลายถูกทิ้งไวดานหลัง! ในที่สุดก็จับเจาไดแลวเจาสวะ! เขาไมรูวาไป
เอาแรงมาจากที่ไหน รีบกาวขายาวๆ พุงตัวไปยังรานตีเหล็ก
เขาพุงเขาไปที่ประตูราน เมื่อแหวกมานที่ทำจากหญาจึงมองเห็นแผนหลั งของ
อายฮุย ในหัวของตวนมูหวงฮุนก็มีเพียงแคความคิดเดียว ดูซิวาเจาจะหนีไปไหนพน!
ดว ยความโกรธอันไรที่สิ้นสุด เขาได ตวั ดมื อออกไปอยากรุ นแรงเพื ่อ จับไปที่
หัวไหลของอีกฝาย!
บทที่ 21 เปาหมายคือหัวใจ
“เถาแก ของที่สั่งไวทำเสร็จหรือยัง”
“ทำเสร็จเรียบรอยแลว เวลาคอนขางกระชั้นชิด หนาตาไมคอยสวยนัก แตวา
คุณภาพขอใหวางใจไดวาไมมีทางมีปญหาแนนอน ลองตรวจสอบดูสิ”
อายฮุยยื่นมือไปรับมา หลังจากทำการตรวจสอบอยางละเอียดก็รูสึกพอใจเปน
อยางมาก ฝมือของเถาแกไมเลวเลย ถึงแมสภาพภายนอกจะดูหยาบ แตวาทำออกมา
ได แ ข็ ง แรงทนทานมากที เ ดี ย ว ขอเพี ย งแค แ ข็ ง แรงทนทานก็พ อ สำหรั บ สภาพ
ภายนอกนั้น แตไหนแตไรมาเขาไมเคยสนใจอยูแลว
เมื่อเก็บของเสร็จเรียบรอย ก็เตรียมพรอมจะกลับออกไป
เขาสัมผัสไดวามีคนกำลังเขามาใกล จึงระวังตัวขึ้นในทันที ในตอนที่เขาสัมผัสไดวา
ฝเทาของอีกฝายออนเปลี้ยไรแรง ในใจจึงผอนคลายลง ที่นี่ไมใชแดนราง เขาเตือน
ตัวเองขึ้นมาในใจ
อายฮุยเพิ่งจะเตือนตนเองเสร็จ ก็มีอะไรบางอยางมาสัมผัสกับหัวไหลของตน ฝา
มือ! ขนทั่วรางของเขาลุกชัน ที่เพิ่งจะเตือนตนเองไปเมื่อครูแมแตตัวอักษรเดียวเขาก็
จำไมได รางกายของเขาตอบสนองดวยสัญชาตญาณพื้นฐานที่สุดในชั่วพริบตา
เขาไมไดหลบหลีก แตกลับงอหลังยอหนาอกลง สองขาออกแรงยันที่พื้น ทั่วราง
ราวกับเปนลูกปนใหญที่ยิงจากปากกระบอก พุงชนไปที่ดานหลัง
เขาที่อยูในอาการตึงเครียด ในพริบตาที่แผนหลังสัมผัสโดน มัจฉาสะบัดกายที่เขา
ฝกมาทั้งสัปดาห ก็ถูกใชโดยที่ไมไดผานการคิดพิจารณาใดๆ
เขาโคงแผนหลัง ยิงออกไปอยางแรง ราวกับเปนปลาดุรายตัวใหญที่ดีดตัวขึ้นสูผิว
น้ำ เหมือนปลาที่สะบัดตัวอยางแรงในทันที!
ราวกับน้ำทวมใหญที่ซัดทลายเขื่อน พลังที่รุนแรงและโหมกระหน่ำ ระเบิดใสในทันใด
“ฟุบ!”
ราวกับเปนความพายแพ
อายฮุยสัมผัสไดเปนสิ่งแรกคือ ทามัจฉาสะบัดกายที่ใชเมื่อครูโจมตีโดนอีก ฝาย
เต็มๆ เพราะวาเขาไดกระแทกอีกฝายลอยไปแลว แตกลับไมไดรูสึกเปลืองแรงอะไร
เลย เหมือนกับ...เหมือนกับวาสิ่งที่กระแทกจนลอยไปนั้นเปนเพียงกระสอบทราย
เบาๆ ใบหนึ่ง
เขารูสึกคอนขางแปลกอยูบาง อีกฝายไมไดสงเสียงใดๆ ออกมาเลย ศัตรูที่ถูก
โจมตีสวนกลับเชนนี้หรือถูกโจมตีใสตามปกติแลว มักจะตองสงเสียงรองโหยหวน
ออกมา ตัวอยางเชนไมปลายแหลมของเมื่อวันนั้น
“ตุบ!”
ดานหลังมีเสียงของหนักๆ รวงสูพื้น
โดนโจมตีทีเดียวก็จอดแลวเชนนี้ อายฮุยรูสึกสงสัยขึ้นมาตงิดๆ แตเขาก็เพิ่งรูตัว
วาเมื่อครูตนไดทำอะไรลงไป ในใจก็รูสึกไดถึงลางรายขึ้นมา พอเขาหันไปดู ก็เห็นคน
นอนอยูบนพื้นไมขยับแมสักนิด
หัวใจของอายฮุยก็เตนอยางรวดเร็ว รูสึกหงุดหงิดอยูบาง เมื่อครูยังเตือนตัวเอง
อยูเลยวาที่นี่ไมใชแดนราง ทำไมพอหัวรอนขึ้นมาก็เผลอลงมือตลอดเลยนะ
เจานี่ก็ออนแอเกินไปหนอยแลว แคมัจฉาสะบัดกายทาเดียวก็ลงไปนอนกองเสียแลว
อายฮุยที่รูสึกไมสบายใจ ก็รีบวิ่งเขาไปหา “เฮ เฮ เฮ เจายังไหวไหม ไมเปนอะไรนะ”
ในตอนที่เขาจับอีกฝายพลิกตัวขึ้นมา มองเห็นรูปรางของอีกฝายชัดเจน อายฮุยก็
นิ่งไปเลย เฮย นี่ใชคนที่ชื่อตวน...ปงหวาน* อะไรสักอยางหรือเปลา เขาจำไดในตอน
นั้นเขายังรูสึกแปลกใจ ไมนึกวาจะมีคนที่ใชชื่อประหลาดเชนนี้อยู หรือวาตนจะจำผิด
ปงหวานอะไรตวน หรือวาจะเปนตวนหวาน**
“เพื่อนปงหวาน เพื่อนปงหวาน เจายังไหวอยูไหม”
หรือโดนเขากระแทกจนหมดสติไปแลว
ในใจอายฮุยเกิดความรูสึกผิด เขากระแทกเพื่อนนักเรียนคนนี้จนหมดสติไป เรื่อง
นี้ตนนั้นตอบสนองรุนแรงเกินไปแลว ถึงแมเจานี่จะยิ่งยโสหาเรื่อง โดยเฉพาะอยางยิ่ง
เหมือนจะไมไดเปนมิตรอะไรกับตนนัก แตวาอายฮุยรูสึกวาอีกฝายยังไมถึงขั้น ลอบ
โจมตีตน พอลองคิดดูเขาถึงกับกระแทกเพื่อนนักเรียนของตนจนหมดสติไปแบบนี้...
ทำรุนแรงเกินไปแลว...ทำรุนแรงเกินไปแลว...
อายฮุยทบทวนตัวเองไปพลาง ยกตวนหวานที่หมดสติขึ้นมาไปพลาง เขาแบกอีก
ฝายพาดบา แลวก็หยิบอาวุธที่สั่งทำเสร็จขึ้นมา เดินทางกลับไปยังโรงฝก
เมื่อเขามาในโรงฝก อายฮุยก็ไปยังขางบานแลวตะโกนเรียก
“โหลวหลาน! โหลวหลาน!”
ไมนาน ก็มีกองทรายกองหนึ่งโผลขึ้นมาจากพื้นดิน เปลี่ยนแปลงรูปรางกลายเปน
คน โหลวหลานทาทางคอนขางจะแปลกใจ “อายฮุย เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“ขาทำรายเพื่อนโดยไมไดตั้งใจ” อายฮุยไมไดปดบังอะไร บอกไปตามตรง เพียง
แคตอนที่พูดใบหนานั้นแดงดวยความอาย หากเปนที่แดนราง การทำรายเพื่อนรวม
กลุมโดยไมตั้งใจจะถูกทุกคนขับไล อายฮุยไมนึกเลย วาความผิดพลาดชั้นต่ำแบบนี้จะ
มาเกิดขึ้นกับตน
หืม ไมถูกสิ เขาไมใชเพื่อนรวมกลุมของตนนะ
คิดเชนนี้แลวอายฮุยก็สบายใจขึ้นมาในทันที
อายฮุยรีบกลาว “โหลวหลาน เจาสามารถรักษาไดนี่ ชวยขาดูหนอยวาเขาเปน
อยางไรบาง”
“ไมมีปญหา” โหลวหลานตอบรับอยางรวดเร็ว นัยนตาของเขาเปลงประกาย
เรืองแสงสีเหลืองขึ้นมา เพงมองไปที่ตวนมูหวงฮุนที่ไมไดสติ
นี่เปนครั้งที่สองที่อายฮุยไดเห็นนัยนตาของโหลวหลานเปลงแสงสีเหลืองขึ้นมา
ครั้งนี้เขาเห็นในมุมมองของผูสังเกตการณ จึงไมไดมีความรูสึกกดดันบีบคั้นเหมือนครั้ง
กอน แตเขาก็ยังรูสึกวามันชางนาเหลือเชื่อยิ่งนัก เขาเห็นผูที่สามารถรักษาไดมามาก
พื้นฐานแลวลวนเปนผูใชพลังธาตุไม ซึ่งเปนผูที่ควบคุมพลังชีวิตและการบำรุงฟนฟู มี
ความเขาใจเกี่ยวกับการชวยชีวิตรักษาบาดแผลสูง จึงไดเปรียบตามธรรมชาติ
ตุกตาทรายที่สามารถทำการรักษาได เห็นไดนอยมาก
ตุกตาทรายใชไดเพียงพลังธาตุดิน แตกระนั้นพลังธาตุดินนี้ก็ยังมีพลังในการรักษา
อายฮุยรูสึกวาตนมีความรูเพียงหางอึ่ง
“เขาถูกการโจมตีจากภายนอกจนหมดสติไป เขาโดนลมหนาวพัดจนเปนหวัด
สภาพรางกายจึงคอนขางจะออนแอ ถือวาย่ำแยอยูมาก” โหลวหลานสรุปผลออกมา
อยางรวดเร็ว
อายฮุยหลังจากฟงจบยิ่งรูสึกผิด ถึงแมวาปงหวานจะไมใชเพื่อนรวมกลุมของตน
แตเขาก็ไมควรโจมตีเพื่อนที่ปวยอยูจนหมดสติ เรียกไดวาไมสมควรอยางยิ่งจริงๆ
เขารีบถามตอ “เชนนั้นตอนนี้ควรจะทำเชนไร” “วิธีที่งายก็คือใหเขาพักฟน”
โหลวหลานตอบ “รางกายของเขาพื้นฐานไมเลว ขอเพียงพักผอนสักสองสามวัน ไม
นานก็จะหายกลับมาเปนเหมือนเดิม”
“เชนนั้นก็ดี” อายฮุยคอยโลงอก แลวจึงตอบสนองขึ้นมาในทันที “เวลาสองสามวัน
ไมมีวิธีที่เร็วกวานี้แลวหรือ”
อายฮุยใหความสำคัญกับเวลามาก ไดยินวาใชเวลาสองสามวัน คิ้วก็ขมวดมุน
ขึ้นมาในทันที เวลาสองสามวัน เชนนั้นจะเสียเวลาฝกไปมากเหมือนกัน
“มี” โหลวหลานพยักหนา “แตวาคอนขางเปลืองแรงอยูบาง”
อายฮุยรีบตอบ “เปลืองแรงไมเปนไร โหลวหลานเจาวามา”
“เขาไดเปดตำหนักที่แขนขาทั้งสี่แลว โดยทั่วไปจะไมเจ็บปวย แตวานาจะเปน
เพราะมีเรื่องกลัดกลุม มีเพลิงลุกไหม ในใจ สะกดสี่ตำหนักไว จึงทำใหสิ่งชั่ว ร า ย
ภายนอกเขามาได จากตรงนี้ทำใหติดหวัดจากลมหนาว แตทวาภูมิตานทานในรางกาย
ของเขาคอนขางสูง ขอเพียงใหสี่ตำหนักที่ถูกสะกดกลับมาขับเคลื่อนไดเหมือนเดิม
ขจัดเพลิงในใจ ก็จะสามารถหายไดดวยตัวเอง”
อายฮุยถูกโหลวหลานพูดจอใสไมหยุดจนมึนงง ผานไปสักพัก จึงจะตอบสนอง
กลับมาได “จะตองทำอยางไร”
“ใชพลังธาตุใสผิวหนังของเขา เริ่มตนจากแขนขาสี่ตำหนัก ไปจนถึงหัวใจ เพื่อ
ขจัดเพลิงในใจ”
“ได” อายฮุยตอบอยางชัดเจน ไมยืดยาดแมแตนอย เขาถอดเสื้อผาของตวนมูหวงฮุน
ที่หมดสติออกอยางชำนาญ การชวยคนก็เหมือนดับไฟ ในสนามรบไมมีการมาพิถีพิถนั
เร็วไดเทาไรยิ่งดี
กวาดมองผานผิวกายที่ขาวผุดผอ ง อายฮุยก็ถือโอกาสแสดงความคิดเห็ นสั ก
หนอย เรียกไดวาขาวเนียนยิ่งกวาผิวของหมูที่เพิ่งถูกเชือดแลวถอนขนลวกดวยน้ำรอน
เสียอีก
“ปาบ ปาบ ปาบ!”
มือขวาซายทั้งสองของอาฮุยเริ่มตีลงไปอยางตอเนื่อง ยังดีที่ชวงนี้พลังธาตุของเขา
กาวหนาเปนอยางมาก ไมเชนนั้นคงไมอาจยืนหยัดทำตอไปได
เมื่อคิดไดวาตนสามารถประหยัดเงินคายารักษาไปได อายฮุยก็รูสึกหายเหนื่อย
ในทันที
ขาตี! ขาจะตี! ขาจะตีตีตี!
การตีครั้งสุดทายแลว!
เปาหมายคือหัวใจ!
ฝามือทั้งสองขางของอาฮุยนำพลังธาตุเฮือกสุดทาย ปาบ! ฟาดเขาไปยังตำแหนง
หัวใจของตวนมูหวงฮุนอยางแมนยำ
ฮา ทำสำเร็จแลว!
ดีที่อายฮุยมีแรงมากกวาคนอื่น ในตอนนี้เขาเหนื่อยเสียแทบแย แขนทั้งสองขาง
ยันรางกายเอาไวพลางหายใจหอบ
ร า งกายของตวนมู  ห วงฮุ น สั ่ น ไหวขึ ้ น เขาค อ ยๆ เป ด เปลื อ กตาออกอย า ง
สะลึมสะลือ
นัยนตาสองคูสอดประสานกัน บรรยากาศรอบดานนิ่งคาง
*ปงหวาน (傍晚)มีความหมายเดียวกับ หวงฮุน (黄昏)ซึ่งแปลวาชวงพลบ
ค่ำ ดังนั้นอายฮุยจึงจำสลับกัน
**ตวนหวาน (端碗)ซึ่งแปลวายกชาม อายฮุยจำไมไดจึงคิดวาตวนหวานเปน
ชื่อแชของตวนมูหวงฮุน [แซตวนมู端木 ชื่อหวงฮุน黄昏]
บทที่ 22 เสียงคำรามของตวนมูหวงฮุน
ไมอาจบรรยายชวงวินาทีที่ตวนมูหวงฮุนเบิกตาขึ้นได ที่จริงแลวในตอนนั้นสมอง
ของเขาวางเปลาขาวโพลน
ทั่วรางกายสั่นเทิ้มเพราะความเย็นยะเยือก มีผูชายผูหนึ่งกำลังเอาแขนทั้งสองขาง
ยันหนาอกตนไว แถมยังหายใจเหนื่อยหอบ เขามองเห็นหนาตาของอีกฝายได ไม
ชัดเจน ภายในหัวมีแตความมึนงง ความคิดหัววางเปลาราวกับขมับถูกตอยหนักๆ ไป
หนึ่งหมัด
อายฮุยสังเกตเห็นตวนมูหวงฮุนลืมตาขึ้นแลว แตทวา...นัยนตากลับดูไรวิญญาณ
อายฮุยรูสึกรอนรนขึ้นมาในทันที เขาไดเห็นความเปนความตายมามาก ในตอนที่
เพิ่งเขาแดนราง แรงงานมีจำนวนทั้งสิ้นสองพันคน แตที่เหลือรอดออกมาไดมีเพียงแค
สองคน คนอื่นๆ ตางฝงรางอยูภายใตดินโคลนของแผนดินแดนรางไปตลอดกาล อาย
ฮุยไดเห็นพวกเขาจมลงทามกลางกองโลหิตกับตา ไดเห็นนัยนตาของพวกเขาคอยๆ ไร
วิญญาณ จนกระทั้งสูญเสียพลังชีวิตทั้งหมดไป
“โหลวหลาน เขาเปนอะไรไป”
อายฮุยถามพลางใชมือตีที่ใบหนาของตวนมูหวงฮุน “เฮย นาย ไมเปนอะไรนะ
รีบตื่นเร็วเขา! อยาหลับสิ!”
โหลวหลานเองก็เหมือนจะสับสนกับสถานการณตรงหนา แตก็ยังคงตอบอยาง
ตรงไปตรงมา “เขาไมไดมีปญหาอะไร”
“เพียะ เพียะ เพียะ!”
อายฮุยออกแรงใชฝามือตบไปที่ใบหนาของตวนมูหวงฮุน
นัยนตาที่ไรวิญญาณของตวนมูหวงฮุนคอยๆ ฟนกลับมา การมองภาพก็คอยๆ
กลับมาเปนปกติ ใบหนาที่แตเดิมพราเลือนก็เปลี่ยนเปนชัดเจน ในตอนที่เขามองเห็น
ใบหนานี้ชัดเจน ดวงตาก็เบิกกวางจนกลมโต
เจานี่ไมใชเจาสวะสมควรตายผูนั้นหรอกหรือ
เจาคนที่มีพรสวรรคแยมากๆ แถมยังไมเขาเรียน ไมฝกวิชา ตัวถวงแขงถวงขาของ
คนในหอง เจาคนที่เปนดั่งกอนโคลนที่เอามากอกำแพงไมได
นี่คือเจาคนที่ทำใหเขาเสียเวลาไปอยางเปลาประโยชน ทำชื่อเสียงพรสวรรคของ
เขาตองดางพรอย ตัวการสำคัญที่ทำใหเขาตองเปนหวัดจากการตากลมหนาว
เพลิงโกรธที่ปะทุขึ้นกลางอก ตอนนี้ไมวาเรื่องเลวรายอะไรเขาก็กลาทำ
ตวนมูหวงฮุนลุกขึ้นนั่งอยางรวดเร็ว จะตองจับเจาตัวนารังเกียจนี่มาสับใหเปน
หมื่นๆ ชิ้น ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดลง
ความเย็นยะเยือกนี้...
ทั่วทั้งรางลวนเย็นยะเยือก...
ทาทางของเขาหยุดนิ่ง การเคลื่อนไหวหยุดนิ่ง ผานไปสักครู เขาก็กมหนาลงอยาง
ประหลาดใจ
รางกายทั้งหมด เหลือเพียงแคกางเกงชั้นในตัวเดียว บนขา บนแขนทั่วตัวลวน
เต็มไปดวยรอยผามือเปนปนแดง เทียบกับผิวหนังสวนอื่นที่ขาวผุดผอง กลายเปนสีสัน
ที่แสนจะสดใส
โอ...ไม!
ดวงตาของเขาเบิกวางในชั่วพริบตาที่ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในสวนลึก เจา
สวะสมควรตายนี่ ทำอะไรลงไปกับตัวเขาบาง
สมองของตวนมูหวงฮุนกลับมาวางเปลาอีกครั้ง ใจลอยหยิบเสื้อผาที่อยูดานขาง
กาวเทาสะดุดลมลุกคุกคลานพุงออกจากโรงฝกไป
อายฮุยและโหลวหลานตางเอียงคอมองตามไปที่ประตูใหญ
“ดูทาจะหายดีแลว โหลวหลานชางรายกาจเสียจริง” น้ำเสียงของอายฮุยมีความ
ปติยินดีอยู ในที่สุดตนก็สามารถไปฝกฝนตอไดแลว
“ถึงแมวาเขาจะมีสภาพชวงหนึ่งที่โหลวหลานไมคอยเขาใจ แตเทาที่ดูคอื หายดีแลว”
ไดยินคำชมของอายฮุยโหลวหลานเองก็มีความปติยินดีไปดวย
“ขอบคุณเจานะโหลวหลาน ขาไปฝกตอแลว”
“อายฮุย แลวเจอกันใหม”
ตวนมูหวงฮุนเดินอยูบนถนน สายลมเหน็บหนาวเปลาเปลี่ยวพัดผานขั้วหัวใจ
ตอนนี้เขาเต็มไปดวยความสิ้นหวัง เขาไมกลาที่จะนึกยอนไปยังเหตุการณตอนนั้น ไม
กลาคิดวาในตอนที่ตนหมดสติไปไดเกิดอะไรขึ้นบาง
ชวงเวลาที่มืดมิดที่สุดในชีวิต ก็คือตอนนี้
ผานไปไดสักพักหนึ่ง ตวนมูหวงฮุนก็เปลี่ยนจากความหวาดกลัวกลับมาเยือกเย็น
สุขุมลงได เขาเพิ่งพบวาอาการหวัดของตนไดหายดีแลว อยางไรเสียเขาก็ถือกำเนิด
จากตระกูลใหญ บวกกับแตเดิมพรสวรรคของเขาก็แสนจะโดดเดน ตระกูลก็เลี้ยงดูมา
อยางดี ความรูที่มีแนนอนวาคนธรรมดาไมอาจจะเทียบได
หลังจากฟนคืนความสุขุม เขาก็คิดเชื่อมโยงรอยฝามือที่อยูตามตัวขึ้นมาได จึง
เขาใจวาเหตุใดอาการปวยเปนหวัดของตนถึงไดหายดี
เขาคอนขางจะตกใจอยูบาง เจาขยะนั่นเขาใจทักษะเชนนี้ไดอยางไร แมแตเขาที่
มีความรูกวางขวาง ยังตองคิดวกไปวนมาจึงจะสามารถเชื่อมโยงสองสิ่งนี้เขาดวยกันได
อีกฝายกลับใชวิธีนอกรีตนี้รักษาอาการหวัดของเขาจนหาย
ความรูมากมายที่เคยไดยินมันเปนอีกเรื่องหนึ่ง แตการที่สามารถนำมาใชไดจริงก็
เปนอีกเรื่องหนึ่ง
หรือบางทีเจานี่อาจจะไมไดแยอยางที่เขาคิด
หรือเปนถึงผูใชพลังธาตุทองที่เชี่ยวชาญการรักษา
ถึงแมวานี่จะนาประหลาดใจอยางมาก แตในประวัติศาสตรของอูสิงเทียนก็ใชวา
จะไมเคยมีมากอน บางทีตนอาจจะประเมินเขาต่ำไป อยางนอยดูจากรากฐานที่แสน
แยของเจานั่น ไมมีทางที่จะไดเขามาในสนามเหนี่ยวนำ หากวาเขามีความสามารถอื่น
สนามเหนี่ยวนำยังพอจะใหโอกาส
เมื่อทำใจใหสงบลงและไดรูวาอีกฝายทำการรักษาใหตน ตวนมูหวงฮุนก็ไมไดใสใจ
กับเหตุการณที่ไดเกิดขึ้นเมื่อครู แตทวาพอเขานึกถึงเรื่องที่ตนถูกเจาคนแสนออนแอ
กระแทกจนหมดสติ ใบหนาของตวนมูหวงฮุนก็ดำมืดลง
ตอใหในตอนนั้นเขาจะมีขออาง อาทิวากำลังปวยอยู รางกายไมมีเรี่ยวแรง อีก
ฝายจูโจมใสอยางกะทันหันเปนตน แตลวนไมเพียงพอที่จะทำใหเขายอมรับเรื่องที่ตน
ถูกสวะคนหนึ่งกระแทกใสจนหมดสติได
เปนการหยามกันเกินไปแลว!
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำขอของอาจารยที่มีตอเขา ใบหนาของเขาก็เปลี่ยนเปนสีแดงก่ำ
อาจารยใหตนไปชี้แนะเจาสวะ สุดทายกลับถูกเจาสวะนี่กระแทกใสจนหมดสติ
ใชแลว เขามีเหตุผลอยูมากมาย
เขานั้นประมาทเกินไป ประเมินคูตอสูต่ำเกินไป ตนถูกความโกรธเกรี้ยวเขาบังตา
รางกายตนนั้นแยนักที่ถูกลมเพียงเล็กนอยก็เปนหวัด ความอดทนของตนต่ำเกิ น ไป
เพียงแคการฝกภาคค่ำก็ทำใหตนหมดสิ้นเรี่ยวแรง...
แตวาไมมีเหตุผลขอใดที่จะเพียงพอใหตวนมูหวงฮุนยอมรับได
เขาเปนผูถึงมีพรสวรรค
ผูมีพรสวรรคจะตองสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นไมสามารถทำได! ตนจะมาเขมงวด
ตอตัวเองในระดับเดียวกับคนทั่วไปพวกนั้นไดอยางไร เชนนั้นคือความหละหลวม
เชนนั้นคือความเสื่อมโทรม ตวนมูหวงฮุน เจาชางนาขายหนานัก!
ในใจของตวนมูหวงฮุนไดดาตัวเองอยางไมมีชิ้นดี
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นผูคนบนถนนที ่ ชี ้ ไม ชี ้ มื อมาที่ ตน ในนั ้ น มี ห ญิ งสาว
มากมาย เมื่อเขายางเทาผานไป หญิงสาวพวกนั้นตางปดปากหัวเราะกัน
นี่มันไมถูกตอง!
ในชีวิตของตวนมูหวงฮุน แตไหนแตไรไมเคยไดพบกับสถานการณเชนนี้ ไมวาเขา
จะไปที่ใด ไมวาจะเปนเมื่อไร หญิงสาวพวกนั้นลวนมองเขาสายตาลุมหลง เขาไมเคย
เห็นใบหนาของหญิงสาวในลักษณะนี้มากอน
หรือวาใบหนาของตนมีอะไรสกปรกติดอยู
เมื่อเดินผานรานขายอาวุธแหงหนึ่ง เขาก็หยุดลง และหยิบดาบที่ถูกขัดจนเงางาม
ขึ้น เอาตัวดาบใชแทนกระจก สองสะทอนใบหนาของตน
จากนั้นเขาก็นิ่งอึ้งไป ใบหนาที่ปูดบวมราวกับหมูนั่นเปนใครกัน
ในสมองของเขามีกระแสไฟฟาไหลผานขึ้น ฉากที่เลือนรางไปไดผุดขึ้นภายใน
สมองของตน เงารางที่เลือนรางรางหนึ่ง ปากราวกับกำลังตะโกนอะไรบางอยาง มือ
ซายขวาทั้งสองขางงอขึ้น กำลังออกแรงตบหนาของเขาฉะฉาดอยางตอเนื่อง
เพียะ เพียะ เพียะ...
เสียงที่ตบหูฉาดดังชัดเจน ใบหนาก็เหมือนแป งหมั ่นโถวที ่หมักแลวนำไปอบ
คอยๆ บวมขึ้นมา จากนั้น...
ใบหนานั้นที่อยูในสมองกับใบหนาที่ในตอนนี้กำลังสะทอนจากตัวดาบไดซอนทับกัน
มือที่จับดาบอยูสั่นเทิ้ม ริมฝปากของตวนมูหวงฮุนพึมพำขึ้นมา หลังจากนั้นก็เฉก
เชนภูเขาไฟปะทุ เสียงกัดฟนคำรามเกือบถลมรานขายอาวุธใหพังราบ
“อายฮุย ขาจะจับเจามาสับเปนหมื่นๆ ชิ้น!”
บทที่ 23 ชุดเกราะเปลือยหลัง
เสียงคำรามของตวนมูหวงฮุนถูกสายลมพัดจนกระจายหายไป อายฮุยไมไดยิน
เลยสักนิด สำหรับเขาแลวหากจะมีความทรงจำเรื่องเมื่อครูเหลืออยู ก็คงจะเปนเพียง
การที่เขาเตือนตนเองอีกครั้งวาที่นี่ไมใชแดนราง
ดานนอกเจดียเสวียนจิน อุปกรณที่สั่งทำไววางอยูบนพื้น อายฮุยหยิบขึ้นมาสวม
กับรางกายทีละชิ้นๆ นี่เปนชุดเกราะที่เขาสั่งทำ ทั้งหมดลวนสรางขึ้นมาจากเหล็กกลา
เนื่องจากเวลามีนอย รูปลักษณภายนอกจึงดูหยาบและเรียบงาย ไมมีลวดลายอะไร
เลย ตัวหมวกก็เหมือนกับถังใสน้ำกลับดาน มีเพียงบริเวณดวงตาทั้งสองขางที่เหลือ
ชองวางเอาไวสำหรับมอง สวนอื่นบนรางก็ยิ่งแลวใหญ ตรงบริเวณหนาอกเปนแค
เพียงแผนเหล็ก สวนอื่นๆ ก็มีสภาพดูไมไดเชนกัน แตในสวนขอตอกลับทำไดอยาง
ประณีต แสดงใหเห็นวาชางตีเหล็กมีฝมือไมเลวเลย
ชุดเกราะทั้งชุดนี้มีจุดที่ประหลาดที่สุดก็คือบริเวณสวนหลัง บริเวณแผนหลัง
ทั้งหมดไมมีเกราะเลยสักชิ้น สิ่งนี้คือชุดเกราะเปลือยหลังที่อายฮุยตั้งใจไวใชสำหรับ
การฝกที่เจดียเสวียนจินโดยเฉพาะ
หลังจากสวมใส เ รีย บร อ ย อา ยฮุ ย ก็ ลองขยั บ ดู น ิ ด หน อ ย รู  สึ ก ว า ไม เลวเลย
เนื่องจากอายฮุยเนนย้ำกับชางตีเหล็กเรื่องความแข็งแรงทนทาน ตัวเกราะเหล็กจึงทำ
ขึ้นแบบหนาเปนพิเศษ ชุดเกราะเปลือยหลังทั้งชุดนี้มีน้ำหนักรวมอยูที่ประมาณสอง
รอยชั่ง ยังดีที่ในแดนรางอายฮุยทำหนาที่แบกสัมภาระหนักมาโดยตลอด แตวาการ
แบกชุดเกราะนี้มาจนถึงเจดียเสวียนจิน ก็ทำเอาเขาเหนื่อยแทบแยเหมือนกัน
โชคดีที่อายฮุยทำงานหนักมาเปนเวลานาน ถือไดวารางกายแข็งแรงมีพละกำลัง
แตวาการสวมชุดเกราะทั้งชุด ก็ยังมีผลกระทบตอการเคลื่อนไหวรางกายอยูดี
เมื่อผูกโซเสร็จแลว อายฮุยที่สวมเกราะทั้งชุด ก็เขาไปในเจดียเสวียนจินอีกครั้ง
“แกรง แกรง แกรง!”
อายฮุยที่สวมเกราะเหล็กบนรางไดชนเขากับผนัง เทียบกับเมื่อกอนถือวาดูเปน
ภาพอันสงา งามกวา กันมาก ทุก ครั ้ งที ่ ชนกั น ก็ จ ะเกิ ดประกายไฟขึ้ น รอบๆ เสี ย ง
กระแทกก็ดังกวาเมื่อกอนไมรูกี่เทา ในหัวลวนสะเทือนจนเกิดเสียงอื้ออึงไปหมด
ผานไปสักครู อายฮุยจึงคอยๆ ปรับตัวกับเสียงที่ดังสะเทือนจนหูอื้อได เริ่มที่จะ
ลิ้มรสขอดีของชุดเกราะเปลือยหลัง
พลังธาตุทองที่อยูในลมทองคำ ไมอาจแทรกผานชุดเกราะที่อายฮุยสวมใสได
ความเจ็บปวดราวถูกเข็มทิ่มแทงลวนไปรวมกันอยูที่บริเวณผานหลังทั้งสิ้น อายฮุยตั้ง
สติขึ้นมา ชุดเกราะเปลือยหลังนี้เขาเปลืองสมองคิดมาไมนอย เขายังไดแรงบันดาลใจ
มาจากโซเหล็กที่ไรริ้วรอย ลมทองคำไมอาจทำลายโซเหล็กได เชนนั้นมันก็ไมอาจจะ
ทำลายเกราะเหล็กไดเชนกัน
ความจริงขอนี้ไดพิสูจนความคิดของเขาวามันถูกตองแลว ไมมีอะไรจะใหกำลังใจ
อายฮุยไดมากกวาสิ่งนี้
เมื่อรูสึกไดถึงความเจ็บปวดที่บริเวณหลังไปถึงขีดจำกัดแลว อายฮุยก็รีบดึงโซนำ
ตัวเองออกมา อายฮุยที่ปนออกมาก็ขี้เกียจที่จะถอดชุดเกราะออก เขาทำเหมือนกับ
ทุกที ฝกใชมัจฉาสะบัดกายกับผนังดานนอก
“ปง!”
ในครั้งนี้อายฮุยรูสึกไมเหมือนเดิม บริเวณแผนหลังของเขาราวกับจะหลุดเปน
ชิ้นๆ เขาตองพักถึงหานาทีเต็มอาการถึงจะดีขึ้น ใบหนาเผยรอยยิ้มอันขมขื่น การ
กระจายตัวของพลังธาตุทองเข็มเงินใหผลลัพธดีเยี่ยม เทียบกันแลวดียิ่งกวาเมื่อกอน
เสียอีก แตทวาเนื่องจากเพิ่มน้ำหนักของชุดเกราะเปลือยหลังเขาไปดวย แรงที่ไดจาก
มัจฉาสะบัดกาย ถือไดวามากกวาเมื่อกอนมากนัก สงผลใหกลามเนื้อบริเวณแผนหลัง
ไดรับบาดเจ็บเพียงเล็กนอย
พลังที่ไดจากมัจฉาสะบัดกายถึงแมจะมาก แตก็มาจากชุดเกราะเปลือยหลัง หาก
พูดจากมุมมองความสำเร็จ กลับถือวาลดถอยไมนอย เนื่องจากชุดเกราะทีน้ำหนัก
มาก ทำใหอายฮุยออกแรงไดผิดพลาด พละกำลังอาจแข็งแกรงเพียงพอ แตกลับ
กระจายตัวออกไป เกิดการรวมจุดไมเพียงพอ อายฮุยรูสึกวาอาการดีขึ้น ก็พิจารณา
อยูสักพัก ตั้งทาขึ้นใหม และเริ่มใชมัจฉาสะบัดกายอีกครั้ง
“ปง!”
ครั้งนี้อายฮุยถูกดีดกระเด็นลอยออกไป กระแทกพื้นเสียงดัง ทำเอาฝุนผงขจร
กระจายไปทั่วบริเวณ
ฝุนผงกระจายออก อายฮุยก็ดิ้นรนลุกขึ้นมา บวนดินที่อยูในปากทิ้ง ตัดสินใจ
อยางเด็ดขาดแลวจึงสาวเทายาวๆ มุงไปยังเจดียเสวียนจิน
“ปง ปง ปง!”
กระปองเหล็กใบหนึ่งพุงชนเจดียเหล็กอยางไมรูจักเหน็ดเหนื่อย
ยามราตรีมาเยือน พรอมกับดวงดาวที่ลอยขึ้นถึงยอดเจดีย สายลมยามค่ำระรวย
พัดหยาดเหงื่ออันเปลงประกายราวกับดวงดาว มิชามินานเสนขอบฟาก็เริ่มแตงแตม
ดวยสีพยับหมอก กอนเมฆคอยๆ ยอมปุยเปนสีสมเหลือง พระอาทิตยยามฟาสางเริ่ม
ทอแสงแรกของวันใหม สองผานชายคาเจดีย ลงมายังศีรษะของเจากระปองเหล็กที่
นอนหลับพิงผนังอยู หยาดน้ำคางที่กอตัวบนชุดเกราะเปลงประกายระยับตา มินาน
ดวงอาทิตยรอนแรงก็ลอยสูงเหนือทองฟา เหงื่อที่อยูใตชุดเกราะเหล็กถูกแดดแผดเผา
จนแหงระเหย
เวลาผานไปวันแลววันเลา การฝกในระดับสูงที่ตอเนื่องและจืดชืด สำหรับมนุษย
แลวคือวาเปนการทดสอบที่ยิ่งใหญ
เมื่อหนื่อยอยางที่สุดแลว อายฮุยจึงนั่งลงกับพื้น ชุดเกราะเหล็กบนตัวก็ขี้เกียจจะ
ถอดออก จึงถอดเพียงหมวกออกเทานั้น เจาของสิ่งนี้สวมมานานก็เปนตองรูสึกอึดอัด
บางเปนธรรมดา ตั้งแตที่สวมชุดเกราะเปลือยหลังนี้เปนตนมา เขาก็ไมเคยไดถอดออก
เลย ไมว า จะเปนกินขา วหรือ นอนหลั บ สี ห น า ของเขาเลื อนพรา ซึ ่ งตอนที ่ฝกฝน
ติดตอกันจนถึงขีดจำกัดก็มักจะเปนเชนนี้
หลังจากนั่งอยูรวมยี่สิบกวานาที ใบหนาของเขาจึงเริ่มกลับมาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
บาง จากที่เบลอๆ ก็กลับมามีสติดี อายฮุยอาการดีขึ้นแลว ก็ถูกความรูสึกหิวอยาง
รุนแรงถาโถมใส เขาหยิบขนมเบื้องออกจากหอผา ซึ่งอายฮุยไมไดใสใจเลยแมมันจะ
เปนขนมเบื้องที่ทั้งแหงทั้งแข็ง เพียงไมนานก็กินหมดไปแลวชิ้นหนึ่ง
ในตอนที่เขาลวงขาไปในหอผาอีกครั้ง กลับพบแตความวางเปลา
หมดแลวหรือ
เขาอึ้งไปพักหนึ่ง ไดสติแลวก็เอาหอผามาคนดูใหละเลียด และพบแตความวางเปลา
เขาอยูที่นี่มานานเพียงใดกัน จำไมไดแลว รูเพียงวาตอนนี้เปนเวลาที่ตองกลับไป
เขาเพิ่งจะเตรียมตัวกลับ คิดไปคิดมา ก็ถอดชุดเกราะออกจากตัวกอนจะดีกวา แลวหา
ที่ใกลๆ ซอนชุดเกราะเอาไว อยางไรเสียสิ่งนี้ก็ไมใชของมีคามีราคาอะไร คงไมมีใครมา
สนใจ เมื่อเติมอาหารแหงเสร็จแลว คอยกลับมาใหม ไมสวมชุดเกราะนี้ก็จะไดนำ
อาหารแหงกลับมาไดมากขึ้นอีกหนอย
หลังจากที่ถอดชุดเกราะออก อายฮุยก็รูสึกวารางกายของตนเบาขึ้นมา ราวกับทั้ง
รางกำลังเหยียบอยูบนกองนุน เบาหวิวดีเหลือเกิน
อายฮุยที่กำลังตื่นเตนอยางมากพุงไปดานหนา แลวก็ตองตกใจกับความเร็วของ
ตน นัยนตาของอายฮุยเปลงประกายขึ้นมาในทันที ที่แทการสวมชุดเกราะเปลือยหลัง
ฝกวิชาก็ยังมีขอดีอยางนี้อยูอีก
เขาไมพูดพร่ำทำเพลง สาวเทาวิ่งไปทางเมืองซงเจียน
ตัวของหลี่เหวยนั้นไมไดสูง เขาสวมชุดสีเขียวที่เรียบงาย เทียบแลวตางกับโจว
เสี่ยวซีที่ดูกำยำล่ำสัน แตหลี่เหวยนั้นดูแลวคอนขางจะยังมีความเรียบรอยบอบบาง
ทาทางเหมือนกับอาจารยที่โรงเรียนอยางมาก เขาแสนจะตื่นเตนในการเดินเลน มีคน
นอยมากที่รูวาสิบหาปกอนเขาก็เรียนอยูที่เมืองซงเจียน เวลาวางเขาจะชอบเดินเที่ยว
ตามสถานที่เกาๆ
มองดูทิวทัศนที่ทั้งแปลกและคุนเคย เขาก็นึกถึงชวงเวลาที่แสนงดงามของตนในอดีต
ความทรงจำที่เลือนรางมากมาย ก็คอยๆ พรั่งพรูเขามา
เขาเดินเตรไปตามทาง มองทิวทัศนรอบกายที่เปลี่ยนไป เขารูสึกคอนขางคุนเคย
เขารูวาที่นี่เมื่อกอนตนตองเคยมา แตวาเขายังไมแนใจวาเปนที่แหงใด อยางไรเสียเขา
ก็ไมไดมาตั้งสิบหาป
จนกระทั่งเขาไดเห็นยอดเจดียสูงเขามาในสายตา จึงนึกออกทันใด
ที่แทก็คือเจดียเสวียนจิน!
หลี่เหวยตื่นเตนดีใจขึ้นมาในทัน ที แม แ ต ฝ เท าก็ ก า วเร็ว ขึ ้ นอย างไม รู ตั ว ใน
สมัยกอนนั้นเจดียเสวียนจินเปนสถานที่ที่เขามาฝกฝนบอยๆ เขายังจำไดวาเมื่อกอน
เหมือนตนจะเคยเขียนแนะนำการฝกฝนที่เจดียเสวียนจิน
ที่นี่คนก็ยังนอยเหมือนเดิม!
เขาอดไมไดที่จะแสดงความรูสึกปลงอนิจจังเหมือนกับเมื่อสิบหาปกอน
เจดียเสวียนจินแตไหนแตไรก็ไมใชสถานที่ฝกฝนที่เปนที่นิยม ในตอนนั้นที่ เขา
เลือกเจดียเสวียนจินเปนสถานที่ฝก ก็เพราะวาเขาเห็นวาที่นี่คอนขางจะเงียบสงบ
สิบหาปใหหลัง เจดียเสวียนจินก็ยังคงเหมือนกับในอดีต ไมมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
เขารูวาตราบใดที่ทองคำยังคงไมหยุดพัด เจดียเสวียนจินแหงนี้ก็จะไมมีวันลมสลาย
เขาเดินขึ้นบันไดไป ตนไมใบหญาที่นี่แตละตน เขาลวนรูสึกคุนเคยเกินจะเปรียบ
เขาเดินหนาไปพลาง ก็เอามือลูบตามผนังเจดียไปพลาง วันเวลาเกาๆ ที่เคยผาน
มาชางมากมายราวกับเปนโคมขี่มา* ที่หมุนวนอยูในใจของเขา ริมฝปากของเขาก็แยม
ยิ้มที่รำลึกถึงอดีต
มือของเขาอยูๆ ก็หยุดลง
เขาไดสติขึ้นมาในทันที สังเกตตำแหนงที่ฝามือของตนสัมผัส อดไมไดที่จะสงเสียง
อยางประหลาดใจ

*โคมขี่มา เปนโคมที่ทำเพื่อชมความงามชนิดหนึ่ง ใชกระดาษตัดเปนรูปคนขี่มา


ในลักษณะตางๆ แลวติดไวที่วงจักรที่ทำขึ้นเปนพิเศษแลวติดในโคมไฟ และวงจักรนั้น
จะหมุนเพราะกระแสอากาศที่ไดรับความรอนจากเปลวเทียนไหลวนสวนกัน ครั้นแลว
โคมกระดาษจะพลอยหมุนตามวงจักรไปดวย
บทที่ 24 เพื่อน
หลี่เหวยฝกฝนอยูที่เจดียเสวียนจินถึงสามปเต็ม ทุกจุดของเจดียแหงนี้เขาคุนเคย
จนไมรูจะคุนเคยอยางไรแลว สัมผัสที่สงผานมือขึ้นมา มันมีปญหา!
ผนังเจดียเหมือนจะมีรอยบุม...
เขาเขาไปสังเกตใกลๆ พบวามีสวนที่บุมลงไป และยังเปนเนื้อผนังขนาดใหญที่บุมลง!
หลี่เหวยในใจตื่นตระหนกเปนอยางมาก เขารูวาผนังของเจดียเสวียนจินนั้นแข็ง
เพียงใด ลมทองคำที่พัดใสเปนระยะเวลานาน เนื้อเดิมของเจดียจึงถูกเปลี่ยนเปนโลหะ
ทั้งหมด มีคุณสมบัติแข็งแกรง เรียกไดวาเหนือกวาโลหะทั่วไป
เขาจำไดวาเมื่อกอนเคยมีคนแนะนำใหหั่นเนื้อเจดียออกมาเพื่อสรางอาวุธ แต
สุดทายกลับปรากฏวา เจดียทั้งหมดรวมเปนเนื้อเดียวกัน แข็งแกรงเกินสิ่งใด ไมอาจ
ตัดแยกไดจึงลมเลิกกันไป
หลี่เหวยลองทดสอบดู ผนังเจดียยังคงเหมือนเมื่อกอน ระดับความแข็งแกรงไมได
มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ รอยบุมขนาดใหญเบื้ องหนา แนนอนวาไมได เกิดขึ้ นตาม
ธรรมชาติ
หรือวาจะเปนอสูรที่รายกาจพุงชนผนังเจดีย
เปนเชนนั้น เขาเห็นรอยเทาในบริเวณโดยรอบอยูไมนอย ดูไปแลวขนาดตัวไมเล็ก
เลย เขาเกือบจะจินตนาการภาพเหตุการณที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได อสูรดุรายยักษใหญ
เกิดบาคลั่ง พุงเขาชนกับเจดียเสวียนจิน ทำใหผนังเจดียถูกชนจนเกิดรอยบุม ตัวมัน
เองก็ถูกแรงจากการพุงชนกระแทกจนลอยออกไปตกสูพื้นไกลๆ
อืม ดูทาแลวอสูรรายไมไดพุงชนเพียงแคครั้งเดียว เพราะวาเขาเห็นรอยถากของ
ดินหลายแหง
ดูแลวเจาอสูรรายตัวนี้จะมีแตกำลัง แตระดับสติปญญาไมคอยสูงนัก
หลี่เหวยที่รูสึกวาตนหาสาเหตุพบแลว ก็วางปญหานี้ลง ถึงเวลาคอยเตือนทาง
โรงเรียนใหแจงกับนักเรียนวาบริเวณใกลๆ นี้มีอสูรรายอาละวาด ใหทุกคนระวังตัว
เอาไว เขาไมไดกังวลอะไร อสูรที่สติปญญาต่ำเชนนี้ มีภัยคุกคามไมมาก อีกอยาง
นักเรียนที่กลามาเจดียเสวียนจิน อยางต่ำก็เปนนักเรียนในระดับสองตำหนักขึ้ น ไป
อสูรที่มีแตกำลังไมสามารถทำอะไรพวกเขาไดอยูแลว
หากเปดสองตำหนักแลวยังจัดการอสูรเชนนี้ไมได เชนนั้นหากตายไปก็สมควร
หลี่เหวยไมเห็นใจแมแตนอย
เขาออกมาที่นี่ก็นานแลว จึงหันหลังจากไป
.....
โรงฝกศาสตราวุธ
อายฮุยมองดูน้ำแกงรอนๆ ที่อยูตรงหนา พลางเลียริมฝปาก เขาแทบจะพุงเขาใส
กลิ่นหอมหวนรัญจวนใจ น้ำแกงบำรุงกระดูกใหผลลัพธเชนไรเขายังไมรู แตลำพังเพียง
กลิ่นหอมก็ทำใหเขาทนไมไหวแลว
ฝมือการตุนน้ำแกงของโหลวหลานนี้ อายฮุยนับถืออยางสุดใจ
เขารูสึกวาโหลวหลานเหมาะแกการไปเปดรานขายน้ำแกง การคาจะตองเปนที่
นิยมแน แตกอนอายฮุยยังรูสึกวาฝมือการทำอาหารของตนไมเลว อยางนอยไมวาจะที่
โรงฝกดาบ หรือวาที่แดนราง เขาตองเปนคนทำอาหารเองตลอด การฝกฝนยอม
กอใหเกิดความชำนาญ ทำมากๆ เขาแนนอนวาฝมือตองไมเลว แตหากเปรียบเทียบ
กับโหลวหลานแลวนั้น แมแตจะถือรองเทาใหเขาก็ยังไมคูควร
ตุกตาทรายอะไรเชี่ยวชาญการตุนน้ำแกง เปนตุกตาทรายที่แสนพิลึกนัก
อายฮุยเองก็ไมรูวาเขาปลงอนิจจังครั้งที่เทาไรแลวกับการที่โหลวหลานเปนตุกตาทราย
ที่แปลกประหลาด แตวาไมนาน เขาก็ไมมีอารมณจะมานั่งปลงอนิจจัง ความสนใจ
ทั้งหมดของเขาถูกโหลวหลานที่กำลังถือน้ำแกงเขามาดึงดูดไปจนหมด
“ดื่มตอนที่ยังรอนๆ ผลลัพธที่ไดจะดีกวานะ” โหลวหลานบอก
อายฮุยรับชามแกงมาอยางระมัดระวัง ประหนึ่งวากำลังถือของล้ำคาระดับโลก
สี่หมื่นหยวนเชียวนะ! เงินสี่หมื่นหยวนสุดทายของเขา ทั้งหมดลวนใชไปกับน้ำ
แกงชามนี้ ใชของทั้งบานแลกกับน้ำแกงหนึ่งถวย ชางเปนการกระทำที่แสนสิ้นเปลือง
ไมคิดวาตนเองจะทำแบบนั้นได อายฮุยยังรูสึกยังไมอยากเชื่ออยูเลย
เขาเลียริมฝปาก ตัดสินใจแนวแน แลวยกชามขึ้นดื่มลงคออึกใหญ
น้ำแกงที่มีไอรอนพวยพุงออกมา กลับไมไดรอนอยางที่คิดไว ความเอร็ดอรอย
แสนพิเศษ ความกลมกลอมของกระดูกและเนื้อที่ตุนออกมาทั้งหมด รวมเขากับความ
หอมรัญจวนใจของสมุนไพรที่สดใหม เปนความลงตัวที่ยากจะบรรยาย มีรสชาติ
เขมขนและเหนียวเล็กนอย ไหลลื่นลงไปในคอตอนดื่ม
ชางเลิศรสเสียจริง!
โหลวหลาน เจาไปขายน้ำแกงเถอะ!
น้ำแกงหยดสุดทายเขาปาก อายฮุยก็เบิกตาโพลง เขาเลียกนชามเสียจนเกลี้ยง
แลวจึงวางถวยน้ำแกงที่วางเปลาลงอยางไมเต็มใจ
มวลความรอนที่ยากจะอธิบายกลุมหนึ่ง กระจายจากฝาเทาขึ้นมา พริบตาเดียวก็
กระจายไปทั่วราง กระแสความรอนแทรกอยูภายในกระดูกของเขา ใบหนาของเขา
แดงก่ำ ราวกับดื่มเหลาจนเมามาย รูสึกรอนผาวอยางบอกไมถูก
“อายฮุย รีบฝกวิชา ดูดซับตัวยา” โหลวหลานเตือนอายฮุย
เมื่อไดยินดังนั้นอายฮุยก็เริ่มออกกระบวนทา เริ่มตนจากหมัดและขา
นัยนตาของโหลวหลานเปลงประกายวูบไหว มีหลายกระบวนทาที่คุนตา เพราะครั้ง
กอนอายฮุยเคยไดสอนเขา กระบวนทาเหลานี้ลวนเปนเศษเล็กเศษนอย และก็ดูงาย
มาก ไมไดมีสวนที่โดดเดนซับซอน แตพออายฮุยนำมาใช กลับรูสึกแตตางอยางสิ้นเชิง
ดุเดือดรุนแรง ดุดันโหดราย ไอสังหารกระจายทั่วทิศ ราวกับสัตวปาดุรายที่ชอบ
หยาดโลหิตกำลังแผขยายตามรางกาย
โหลวหลานออกจะอิจฉาอยูเล็กนอย ตนเองนั้นเปนตุกตาทรายที่แมแตการตอยตี
ก็ยังทำไมได เขารูวาตุกตาทรายเชนตนนั้นมีนอยมาก ตุกตาทรายลวนเปนเครื่องจักร
แหงสงคราม พวกมันทำงานที่อันตรายที่สุด สามารถชวยเหลือเพื่อนๆ ในยามที่ตกอยู
ในอันตราย แตตนเองทำไดเพียงแคทำความสะอาดหอง เก็บกวาดลานสวน ทำกับขาว
และงานบานงานครัวอื่นๆ เขาไมเขาใจวาทำไมอาจารยเซาถึงตองการสรางตุกตา
ทรายเชนตนขึ้นมา
บางทีอาจารยเซาอาจแคตองการตุกตาทรายที่สามารถทำความสะอาดหองและสวน
แลวก็ทำกับขาวได โหลวหลานคิดเชนนี้
แตกอนเขาไมมีเพื่อนบาน และก็ไมมีคนมาพูดคุยกับเขา นอกจากเถาแกที่ขาย
กับขาว โอ นั่นก็ถือเปนความสัมพันธในเรื่องงาน อายฮุยเปนคนแรกที่โหลวหลานรูจัก
ที่ไมใชเพราะความสัมพันธเรื่องงานปานนี้คงจะนับวาเปนเพื่อนไดแลว โหลวหลานคิด
ไดชวยเหลืออายฮุยเขาก็ดีใจแลว ความหมายของการดำรงอยูของตุกตาทราย ก็
ไมใชเพื่อการชวยเหลือผูอื่นหรอกหรือ
อายฮุยที่จมดิ่งอยูกับการฝก รูสึกวาในรางของตนมีไฟอยูกองหนึ่งสุมอยู กองไฟ
กองนี้ทำใหเขาหลั่งเหงื่อดั่งสายฝน กระบวนทาที่ปกติตองเสียแรงอยางมาก ในตอนนี้
ราวกับไมไดเปลืองแรงอะไรขนาดนั้น
โดยเฉพาะอยางยิ่งกระบวนทามัจฉาสะบัดกาย อายฮุยลองใชแลวก็รูสึกไดถึง
กำลังอันมหาศาลบริเวณแผนหลังของตน เทียบกันแลวมากกวาที่เขาฝกฝนเมื่อกอน
ยิ่งขึ้นไปอีก
เวลาคอยๆ ลวงผานไป ลมหายใจภายในรางกายก็คอยๆ สงบลง ในที่สุดอายฮุยก็
หยุดลง
นัยนตาของเขาเปลงประกายราวกับดวงดารายามค่ำคืน รางกายของเขาชุมโชก
ไปดวยเหงื่อ แตกลับไมมีทาทีเหน็ดเหนื่อยแมแตนอย กลับกันเชามีชีวิตชีวาเต็มเปยม
ในตอนที่เขาสำรวจรางกายของตน ความปติยินดีบนใบหนายิ่งเดนชัดขึ้น
ระดับในการฝกของเขาเมื่อกอนรุนแรงเขมขนอยางมาก พลังมัจฉาสะบัดกายก็
รุนแรงเกินประมาณจากการที่เขาพุงชนผนังเจดีย ทุกๆ ครั้งพลังนี้ก็สะทอนกลับมายัง
รางกายเขา พลังธาตุทองที่แทรกซึมเขารางมีความแหลมคมประดุจใบมีด กลับไมมี
ผลลัพธในการเยียวยาเลือดเนื้อเลย
แตในตอนนี้บาดแผลภายในทั้งหลายลวนหายไปจนหมดสิ้น
อายฮุยรูสึกวาเงินสี่หมื่นหยวนจายไปคุมคาขึ้นมาในทันที เขาไมใชพวกที่มีละเลย
ปญหา ตนรูตัววาการเกิดความเสียหายภายมีผลรายซอนอยู เพียงแตเขายากจนจน
เคยชินแลว เทียบกับบาดแผลภายในที่เปนภัยรายที่แฝงเรนเชนนี้ เขายังมีปญหา
มากมายที่เปนเรื่องดวนซึ่งจำเปนตองรีบจัดการ
สิ่งที่ทำใหอายฮุยยิ่งตื่นเตนดีใจก็คือ พลังธาตุของเขามีการเพิ่มขึ้นอยางชัดเจน ที่
แทภายในกลามเนื้อยังมีพลังธาตุอิสระเหลืออยูโดยไมถูกดูดซึม พลังธาตุเหลานี้ตอนนี้
ไดเขาเปนหนึ่งเดียวกับกลามเนื้อของอายฮุยแลว
“โหลวหลาน ขอบคุณเจามาก!” อายฮุยกลาวดวยน้ำเสียงจริงใจ เขาเปนคน
จายเงินสี่หมื่นหยวน แตการซื้อวัตถุดิบไปจนถึงตุนน้ำแกงลวนเปนโหลวหลานที ่ทำ
ทั้งหมด ตุกตาทรายที่ดีเชนนี้จะไปหาไดจากที่ไหนอีก!
“ไมตองเกรงใจ” โหลวหลานเพิ่งจะนึกถึงสิ่งที่ตนสงสัยเมื่อครู ก็อดไมไดที่จะถาม
“อายฮุย พวกเราเปนเพื่อนกันใชไหม”
เพื่อนหรือ
อายฮุยนิ่งไปพักหนึ่ง เขาจริงจังขึ้นมาและตอบอยางจริงใจ “แนนอน!”
โหลวหลานยิ้ม รูสึกดีใจเปนอยางมาก
บทที่ 25 คนดี
ดื่มน้ำแกงแลวก็สดชื่นจนคลายไดยินเสียงระฆังกริ๋งๆ แววหวานดังมา แตแลว
กลับเปลี่ยนเปนเสียงโกรงเกรงราวกับระฆังใบนั้นชำรุดทรุดไป
เงินสี่หมื่นหยวนเปนเงินกอนสุดทายของอายฮุย ตอนนี้ไดลงไปอยูในทองของเขา
หมดแลว นี่ก็หมายความวาแผนการฝกของเขาก็จำเปนตองหยุดลงกลางคัน เงินกิน
ขาวในวันถัดไปก็ไมมี เชนนั้นก็จะตองอดตายกันจริงๆ แลว
“โหลวหลาน เจาพอจะมีวิธีหาเงินบอกขาไหม” อายฮุยถามดวยความหนักใจ
“หาเงินเหรอ” โหลวหลานนิ่งไปพักหนึ่ง นี่เปนครั้งแรกที่มีคนถามดวยคำถาม
เชนนี้ เขาอดไมไดที่จะถามกลับ “อายฮุยไมมีเงินแลวเหรอ”
“ใชแลว เงินทั้งหมดขาใชไปหมดแลว” อายฮุยครุนคิดไปพลาง ปากก็ตอบรับไป
พลาง “หากไมใชเพราะการปดตาตอสูครั้งที่แลว หาเงินมาไดหาหมื่นหยวน มิเชนนั้น
คงจะตองหิวตายไปแลวจริงๆ”
“การปดตาตอสูเหรอ” นัยนตาของโหลวหลานเปลงประกาย “อายฮุยเชี่ยวชาญ
การปดตาตอสูเหรอ เชนนั้นก็ไปลงแขงปดตาตอสูสิ”
“การแขงปดตาตอสูใชวาจะมีทุกวัน” อายฮุยสายศีรษะ รูสึกละอายใจแบบบอกไมถูก
ภาพเหตุการณในวันนั้นอยูๆ ก็ลอยขึ้นมาปรากฏในสมอง สัมผัสที่ปลายนิ้วราว
ยังคงชัดเจนอยู อายฮุยคร่ำครวญอยูในใจ สัญชาตญาณในการตอสูแข็งแกรงก็ไมใชวา
จะเปนเรื่องดีอะไร รายละเอียดของการตอสูเขายังจดจำไดอยางชัดเจน
เรื่องนาอับอายเชนนี้ เขาไมอยากจะจดจำไดเลยสักนิด
“มีสิ” โหลวหลานยื่นนิ้วออกมา นัยนตาลุกวาวเปนประกาย
อายฮุยรูสึกคอนขางจะคาดไมถึง หรือวาโรงฝกตระกูลซือจะจัดการแขงป ดตา
ตอสูขึ้นมาอีก มีความเปนไปไดอยู การปดตาตอสูที่จริงแลวคอนขางนาสนใจ โรงฝก
ไมนาที่จะลมเลิกงายๆ
แตทวาไอความรูสึกกระอักกระอวนใจอยางไรสาเหตุนี่มันคืออะไรกัน
แตพอนึกถึงเรื่องที่กำลังจะอดตายแลว อายฮุยก็รูสึกวาตนชางไรเหตุผลขึ ้นมา
ในทันที ความไมสบอารมณเอย ความกระอักกระอวนเอย ลวนสลายกลายเปนหมอก
ควันโดยพลัน เขารีบถามขึ้นทันที “อยูที่ไหน ไปกัน!”
เงินของตนผูใดก็ไมอาจมาขวาง เทพขวางฆาเทพ พระขวางฆาพระ หญิงขวาง...
เหอะ เหอะ สาวนอยเจาจงภาวนาใหตัวเองโชคดีแลวกัน อยาไดมาเจอกับขาอีก
นัยนตาที่หรี่ต่ำสองประกายเย็นยะเยือกขึ้นวูบหนึ่ง อายฮุยจิตมีใจราวเหล็กกลา
บดขยี้บุปผาอยางอำมหิต
หากไดพบเมื่อไร ก็ถือวาเจาโชคราย!
อายฮุยที่เงยหนาขึ้นมาจิตสังหารแผทั่วทั้งใบหนาพรอมเดินออกไป ราวกับนักรบ
ผูหาญกลาเดินเขาสูสนามรบ
ซือเสวี่ยมั่นมองเมืองซงเจียนเบื้องลาง จมจอมอยูในภวังค เมืองแหงนี้แตเดิมเปน
เพียงเมืองเล็กๆ ที่แมแตชื่อก็จำไมได ทวานางไดมาที่นี่ติดตอกันหลายครั้งแลว ขอ
เพียงมีวันหยุด ก็จะตองมาที่นี่อยูร่ำไป ความลมเหลวที่ยิ่งใหญที่สุดในชีวิต ความพาย
แพที่เจ็บปวดที่สุด ก็เกิดขึ้น ณ ที่แหงนี้
ชั่วชีวิตนี้นางจะไมมีวันลืม!
ใชแลว ชั่วชีวิตนี้จะไมมีวันลืม นางกัดฟนกรอดๆ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางก็นึกถึงแผนการการแขงปดตาตอสูของตน ไมรูวาดำเนินการ
ไปเปนอยางไรบางแลว นางตั้งความหวังไวกับแผนการนี้อยางมาก ถึงแมวานางจะ
รูสึกวาตนยังไมไดเตรียมตัวจนพรอม ความแข็งแกรงของตนยังไมอาจเอาชนะอีกฝาย
ได เจาคูตอสูที่นากลัวนั่น แตทวานางก็หวังที่จะพบเจอรองรอย เพื่อจะรูใหไดวาเจา
สาระเลวนั่นเปนใคร
บางทีวันนี้อาจมีขาวดี
นางมีความหวังเล็กๆ อยู พูดไดวาโรงฝกตั้งใจออกแบบกฎการแขงปดตาตอสู
แบบพิเศษมากมาย อีกฝายที่เชี่ยวชาญการปดตาตอสูเชนนี้ ไดเห็นการแขงปดตาตอสู
ที่มีลูกเลนมากมายเชนนี้แลว จะไมหวั่นไหวไดอยางไร นางรูสึกวาหากเปนตนเองแลว
จะตองอดไมไดที่จะเขารวมเปนแมนมั่น
พบเบาะแสเมื่อไร เจาก็จะตองตายอยางแนนอน!
ใบหนาที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งของซือเสวี่ยมั่นปลอยจิตสังหารที่หนาวเหน็บออกมา
วูบหนึ่ง
เมฆเพลิงคอยๆ รอนลงที่บริเวณสวน ทานอาหยงเจิ้งไดมารออยูนานแลว นาง
กระโดดลงจากเมฆเพลิง พลางกลาว “ลำบากทานอาหยงเจิ้งแลว แผนการการแขง
ปดตาตอสูของเรามีความคืบหนาอยางไรบาง”
หยงเจิ้งมีสีหนาทาทางประหลาด
ซือเสวี่ยมั่นมองดูทาทางของหยงเจิ้ง ก็รูวามีเรื่องเกิดขึ้น จึงรีบถามตอ “เกิดเรื่อง
อะไรขึ้น”
หยงเจิ้งยิ้มอยางขมขื่น “คุณหนูลองออกไปดูก็จะรู”
ซือเสวี่ยมั่นไดยินเขา ก็ไมพูดพร่ำทำเพลง เดินออกจากโรงฝกไป
อายฮุยที่เดินตามหลังโหลวหลานอยู คอนขางจะประหลาดใจ “โหลวหลาน ดูไม
ออกเลยวาเจาคุนเคยกับสถานที่แถวนี้!”
โหลวหลานอธิบาย “โหลวหลานตองออกมาซื้อกับขาว ซื้อเหลา ซื้อวัตถุดิบ ของ
ทั้งหมดที่อาจารยเซาตองการ ลวนเปนขาที่ซื้อ”
อายฮุยรูสึกมาโดยตลอดวาอาจารยเซาเจานายของโหลวหลานนั้นลึกลับเปน
อยางมาก เปนครั้งแรกที่เขาเห็นวาผูใชพลังธาตุดินจะสรางตุกตาทรายของตนใหเปน
แบบโหลวหลาน จึงอดไมไดที่จะถามดวยความอยากรู
“หรือวาเขาไมออกไปขางนอกเหรอ”
โหลวหลานตอบ “ขาของอาจารยเซาไมคอยดี อีกอยางเขาก็ไมชอบออกไปขางนอก
อาจารยเซาไมคอยชอบเห็นผูคน ไมเชนนั้นก็คงเชิญอายฮุยมาเยี่ยมที่บานแลว”
อ า ยฮุ ย ถึ ง ได ก ระจ า งขึ ้ น มา มิ น  า โหลวหลานถึง ได เ ชี ่ย วชาญทั ก ษะที ่ ใ ช ใน
ชีวิตประจำวันทั้งหมด ในสนามเหนี่ยวนำไมมีอันตราย บวกกับขาที่ไมคอยดี การใช
ชีวิตประจำวันจึงตองการตัวชวยเพิ่มขึ้น
ทันใดนั้น อายฮุยก็หยุดเทาลง ยืนนิ่งมองดูถนนดานหนา
“การปดตาตอสูขั้นสูงสุด! เงินรางวัลมหาศาล! การประลองขั้นสูงสุดของยอด
ฝมือ ไรแสง ไรกลิ่น ไรสี ไรเงา!”
“การแขงปดตาสวมหนากากตอสู! เงินรางวัลหาแสนรอทานอยู!”
“การปดตาตอสูทามกลางตุกตาที่วุนวาย! การปดตาตอสูที่แตกตาง! การทาทาย
ที่ไมเหมือนเดิม!”
......
ธงยาวหลากสีที่โบกสะบัดจนอายฮุยตาลาย ดานหนาของโรงฝกเกือบทั้งหมด
ลว นแขวนธงยาวประกาศการแขงป ดตาต อ สู  เขาอึ ้ งจนตาโตปากค า ง นี ่ ม ั นเป น
สถานการณอะไรกันแน
โหลวหลานเหมือนจะรับรูถึงความสงสัยของอายฮุย จึงกลาวอธิบายอยูดานขาง
“ขาจำไดเหมือนวาจะเปนสองสัปดาหกอน โรงฝกตระกูลซือไดประกาศการแขงปดตา
ตอสูที่มีเงินรางวัลหนึ่งลานหยวน ในตอนนั้นเปนที่ฮือฮา มีคนมากมายเขารวม โรงฝก
อื่นไมนานลวนเริ่มตนเลียบแบบ โรงฝกเกือบทั้งหมดตางก็เริ่มเปดการแขงปดตาตอสู
เมื่อวันกอนตอนที่มาซื้อกับขาว ยังไดยินคนพูดกันวา เมืองอื่นเองก็เริ่มมีการจัดการ
แขงปดตาตอสูแลวเชนกัน ชางรายกาจเสียจริง แพรกระจายออกนอกเมืองซงเจียน
แลว...”
โหลวหลานพูดอยางมีอรรถรส ราวกับเปนผูที่ไดรับความรุงเรืองอยางไรอยางนั้น
พออายฮุยไดสติกลับมาก็รูสึกตื่นเตนในทันที เขามองไปยังโรงฝกเหลานั้นตาเปน
ประกายเจิดจา ราวกับหมาปาหิวโซตัวหนึ่งมองไปยังแกะนอยนาอรอย โอไมสิ เปน
แกะนอยทั้งฝูง!
การแขงปดตาตอสูครั้งกอน เขาก็สังเกตเห็นวาคูตอสูคนอื่นๆ ไมคุนเคยกับความมืด
ในสถานการณที่ตอ งปดตา ความสามารถในการต อสูข องเขาสามารถปลดปล อ ย
ออกมาไดอยางสมบูรณ ในขณะที่คูตอสูคนอื่น ความสามารถในการตอสูถูกลดทอนลง
อยางมาก
นี่เปนสนามการตอสูที่เกิดมาเพื่อเขา!
อายฮุยยิ้มและเลียริมฝปาก เผยใหเห็นเขี้ยวขาวราวหิมะ เสมือนใบมีดคมกริบก็
ไมปาน
เขาตัดสินใจแลว เขาจะเขารวมการแขงปดตาตอสูของโรงฝกทั้งหมดรอบหนึ่ง
ยกเวนโรงฝกตระกูลซือ!
ขอบคุณโรงฝกตระกูลซือ! ชางเปนคนดีเสียจริง!
เขาเหลือบมองไปที่โรงฝกตระกูลซือแวบหนึ่ง ที่หนาประตูมีกลุมคนลอมรอบ
หญิงสาวผูหนึ่ง หญิงผูนั้นทำเชนกับเขา มองไปยังธงยาวประกาศการแขงปดตาตอสู
ดารดาษเต็มทองถนน ดูเหมือนวาจะยืนอึ้งไปเลย ผานไปสักพัก ใบหนาของหญิงสาวก็
มืดคล้ำลง ใบหนาดูเย็นยะเยือก ตอใหเปนอายฮุยที่อยูหางไกลก็สามารถรับรูถึงเพลิง
โกรธของอีกฝายได
โอโอโอ ทาทางเชนนี้...ชางมีชีวิตชีวาเหลือเกิน!
เหมือนวาหญิงสาวจะสัมผัสไดถึงสายตาที่ยินดีกับความโชครายของผูอื่นของอาย
ฮุย นางหันมาถลึงตาใสเขาหนึ่งที จากนั้นก็หมุนตัวกลับเขาไปยังโรงฝกตระกูลซืออ
ยางไมสบอารมณ
อายฮุยรูสึกวาโลกใบนี้เต็มเปยมไปดวยความหวัง ความปรารถนาจะตอสูทั่วราง
ของเขาแทบจะเผาไหมตน กระเปาเงินของเขาก็วางเปลาจนทนไมไดมานานแลว!
“โหลวหลาน พวกเรามาเริ่มกันเถอะ!”
โหลวหลานนิ่งไปสักพัก “เริ่มอะไรหรือ”
“หาเงิน!”
อายฮุยพกความปรารถนาที่จะตอสูอันเหลือลนมาพรอม สาวกาวอันเต็มเปยม
ดวยพลัง มุงหนาไปยังโรงฝกแหงแรก
บทที่ 26 ชัยชนะแรก
โหลวหลานยืนอยูดานลางเวที รูสึกประหมาเต็มที มีหนากากที่สวมอยูปกปด
อาการไว แตทวาดูจากมือของเขาที่กำหมัดแนนอยางไมรูตัว ทำใหยังคงดูออกวากำลัง
เปนกังวล เขาวิตกเปนอยางมาก แมไมไดเชี่ยวชาญเรื่องการตอสู แตก็ยังสามารถมอง
ออกวาเหตุการณที่ดานบนนั้นแสนจะอันตราย หากประมาทไปเพียงเสี้ยววินาที ก็อาจ
ถูกโจมตีจนพายแพได
อายฮุยที่อยูบนเวที ใชกระบวนทาที่เรียบงายแตดุดันเขาประชิด สยบคูตอสูคน
สุดทายลงได ทำเอาโหลวหลานที่กังวลมาตั้งแตแรกถึงกับกระโดดโลดเตนดีใจ ชูแขน
รองตะโกนในทันที
อายฮุยรับเงินรางวัลหนึ่งแสนหยวนพรอมกับรอยบวมช้ำหลายแหงลงมาจากเวที
“อายฮุยรายกาจมากเลย!” นัยนตาทั้งสองขางของโหลวหลานเปลงประกายแวว
วับดั่งดวงดาว เขานับถืออายฮุยอยางถึงที่สุด ตั้งแตที่เขาถูกสรางขึ้นเปนตนมา ชีวิตใน
ทุกๆ วันลวนทำเรื่องเดิมซ้ำๆ นับครั้งไมถวน ซื้อกับขาวเอย ทำความสะอาดหองเอย
เรียนรูสิ่งที่อาจารยเซาสอน เชนการรักษา บางครั้งก็เรียนเรื่องอื่น
แตไหนแตไรมาเขาไมเคยทะเลาะวิวาท ครั้งแรกที่ไดใชหมัดมือ ก็คือตอนที่ซอม
อายฮุยในคราวนั้น
วันนี้เปนครั้งแรกที่เขามาเห็นการตอยตีที่เวทีการประลอง ชางดุเดือดเสียจริง เขา
รูสึกคลายจะหายใจไมออก ลืมไปเลยวาตนเปนตุกตาทรายไมจำเปนตองหายใจก็ได
บรรยากาศที่หายใจไมออกเชนนี้ ทำใหโหลวหลานไมอยากคลาดสายตา และใชสมาธิ
ทั้งหมดไปกับการเฝาดู
ชีวิตของเขาเงียบสงบไรคลื่นลม ทุกๆ วันตองทำแตงานที่แสนจืดชืดอยูซ้ำๆ ร่ำไป
เมื่อกอนเขาไมไดรูสึกวา มันไม ดี จนกระทั่งวันนี้ เขาเพิ่งรู สึกวา ชีว ิตของตน
เหมือนกับขาดอะไรบางอยางไป
สายตาของโหลวหลานหยุดอยูที่ใบหนาของอายฮุย
ใบหนาของอายฮุยนั้นมีรอยบวมช้ำอยูหลายแหง มองดูแลวคอนขางนาสมเพช
เวทนา แตวาอายฮุยกลับไมไดสนใจเลยแมแตนอย สายตาของเขาทอแววความหนัก
แนน มีความเครงขรึมและแข็งแกรง ราวกับวาไมมีงอะไรสามารถมาขวางทางเขาได
นัยนตาอายฮุยไมไดสองประกายราวกับดวงดาว แตเปนนัยนตาที่แสนลึกล้ำ ราวกับ
ขอบฟาไกลยามเชาตรูที่พระอาทิตยยังไมขึ้น เปนประกายหนาวเหน็บสีเหลืองเขม
โหลวหลานดูคอนขางจะสะเทือนอารมณ เขาสัมผัสไดถึงรังสีความกระตือรือรนที่
ตางออกไปจากตัวอายฮุย นี่เปนความกระตือรือรนที่หนาวเหน็บ ความกระตือรือรนที่
เงียบขรึม เปนความกระตือรือรนที่ไมจางหายไปแมในชีวิตที่แสนจืดชืด เปนความ
กระตือรือรนที่มุงไปขางหนาอยางโดดเดี่ยวทามกลางสภาพแวดลอมอันยากลำบาก
ความสงบของอายฮุยก็เหมือนกับความมืดอันลึกล้ำในยามรัตติกาล กำลังรอคอย
ฟาสวางอยางเงียบงัน
โหลวหลานอยูๆ ก็เขาใจขึ้นมาวาตนนั้นขาดอะไรไป ที่ตนเองขาดไปก็คือความ
กระตือรือรนในชีวิต ชีวิตและชะตาของตนดวยถูกกำหนดเอาไวแลว ตนจะตองทำ
ตามสิ่งที่ชะตาไดกำหนดไว
โหลวหลานรูสึกวาความคิดของตนชางไมมีอะไร
ตนเปนตุกตาทราย เขาไดแตเตือนตัวเองเชนนี้
อายฮุยสังเกตเห็นสายตาของโหลวหลาน คิดวาเขากำลังสังเกตรอยบวมช้ำบน
ใบหนาของตน ซึ่งเขาไมสนใจแมแตนอย “ไมเปนอะไร แคแผลเล็กนอยเทานั้น นี่เปน
แผลภายนอก อาจจะดูนากลัวกวาที่เห็น”
ขณะทั้งสองคนเดินออกไปขางนอก ก็ไดยินเสียงตะโกนตามใหหลัง
“ถามีฝมือจริงก็อยาเพิ่งไป! พวกเรามาสูกันอีกรอบ!”
มันคือเสียงของคูตอสูคนสุดทายที่อายฮุยเพิ่งจะเอาชนะไป บนหนาของอีกฝาย
เขียนคำวาไมยอมรับอยางชัดเจน ถูกแลว เขาไมอาจยอมรับไดแมแตนอย เขารูสึกวา
สาเหตุที่ตนแพ เปนเพราะวาตนประมาทเกินไป มองดูกระบวนทาที่เจานั่นใช นา
เกลีย ดราวกับ ทา ที่พ วกนัก เลงขา งถนนใช ท ะเลาะวิ ว าท พ า ยแพ ให ก ั บ คนเช นนี้
แนนอนวาเขารูสึกวาไมอาจยอมรับได
โหลวหลานหยุดเทาลง อายฮุยที่อยูดานขางไมแมแตจะหันกลับไปพลางกลาว
“ไมตองไปสนใจเขา”
“ออนแอ! ขี้ขลาด! ไอตาขาว!” คูแขงที่อยูดานหลังผูนั้นรอนรนตะโกนดาขึ้นมา
คนอื่นๆ เองก็เริ่มฮือฮากันขึ้นมา พวกเขาเองก็รูสึกวาเมื่อครูแพอยางไรสาเหตุ
“คนเขาอุสาหโชคดีชนะมาไดตั้งหนึ่งครั้ง เจาอยาหวังวาคนเขาจะโชคดีทุกครั้งนะ”
“รีบไสหัวไป!”
......
ครั้นไดยินเสียงดาจากดานหลัง โหลวหลานก็โมโหอยางมาก คนพวกนี้ทำไมเปน
เชนนี้ แพแลวแทๆ ยังจะพูดจาไมนาฟงอีก ไมสมควรเกินไปแลว!
ผานไปสักพักหนึ่ง โหลวหลานเห็นอายฮุยไมไดมีการตอบสนองอะไร จึงอดไมไดที่
จะถามขึ้น “อายฮุย เจาไมโกรธเหรอ กลับไปซอมพวกเขาสักรอบดีไหม”
“มีอะไรใหตองโกรธกัน” อายฮุยถือโอกาสหยิบหญาสีเขียวจากขางทางมาตนหนึ่ง
แลวกัดใสปาก “หากเปนในแดนราง พวกเขาลวนไดตายไปแลว”
โหลวหลานถึงกับนิ่งไป เขาไมอาจบรรยายความรูสึกที่ไดยินคำพูดของอายฮุยได
คำพูดที่ดูสบายๆ มีความเชื่อมั่นอันแข็งแกรงแทรกอยู ทวายังคงแฝงกลิ่นอายความ
อางวาง
โหลวหลานถามดวยความประหลาดใจ “อายฮุยเคยไปที่แดนรางหรือ”
“อื้อ” อายฮุยเคี้ยวแกนหญาสีเขียวที่อยูในปาก “เคยอยูที่นั่นมาสามป”
“รายกาจมาก!” โหลวหลานรูสึกเลื่อมใสอยางสุดซึ้ง
แดนรางสำหรับโหลวหลานแลว เปนสถานที่ที่ทั้งลึกลับและหางไกล เขาไมเคยคิด
จะออกจากเมืองซงเจียนเลยสักครั้ง ความเขาใจที่มีตอแดนรางลวนมาจากหนังสือ
ทั้งหมด แตเขารูวาแดนรางนั้นอันตรายเปนอยางมาก หนังสือทุกเลมที่กลาวถึงแดน
รางตางก็บรรยายเหมือนกันอยางนาประหลาด เขาไมรูวาการอยูในแดนรางสามปนั้น
เปนประสบการณเชนไร แตจะตองรายแรงอยางแนนอน
อายฮุยสุดยอดมาก!
โหลวหลานนับถืออายฮุยอยางที่สุด เขารูสึกวาบนโลกใบนี้ คนที่รายกาจมี่สุดคือ
อาจารยเซา สว นที่สองก็คือ อา ยฮุ ย โอ ไม ถ ู ก สิ ความร า ยกาจของทั ้ งสองคนไม
เหมือนกัน เชนนั้นก็ใหอยูอันดับหนึ่งรวมกันเถอะ
“ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปที่ไหน” โหลวหลานนึกถึงเงินรางวัลหนึ่งแสนหยวนที่
อายฮุยเพิ่งไดรับ อยูๆ ก็รูสึกดีใจขึ้นมา
“โรงฝกถัดไป” อายฮุยตอบอยางกับมันควรจะเปนเชนนั้น
“โรงฝกถัดไป ยังจะแขงตอเหรอ” โหลวหลานนิ่งไปครูหนึ่ง
“โอกาสดีเชนนี้” อายฮุยเลียริมฝปากอยางไมรูตัว เขาหรี่ตาลง ราวกับสัตวรายที่
เล็งเปาเหยื่อ เตรียมพรอมจะจูโจม
ไมรูวาเพราะเหตุใด โหลวหลานเห็นทาทางของอายฮุยเชนนี้ อยูๆ ก็รูสึกหนาว
เหน็บขึ้นมาในใจเล็กนอย สมแลวที่เปนยอดฝมือผูเคยอยูในแดนราง แมแตทาทางยัง
มีไอสังหารถึงเพียงนี้ แดนรางไมรูวาจะเปนเชนไร ชางนาพิศวงเสียจริง
อายฮุยเดินเขาไปในโรงฝกแหงที่สอง เสียงดังเอ็ดอึงอึกทึกไดทวมใสพวกเขาในทันที
การปดตาตอสูเปนการแขงขันรูปแบบใหม จึงไมแปลกที่จะกลายเปนที่นิยม การ
ตอสูรูปแบบแปลกประหลาดเชนนี้ สำหรับทุกคนแลวถือเปนความทาทายที่แปลกใหม
มันมีโอกาสเกิดเรื่องบังเอิญไดสูง ระดับความแข็งแกรงในที่นี้ก็ไมไดชัดเจน ผูแข็งแกรง
ระดับ สี่ตำหนักอาจพายแพผูแข็งแกรงระดับ สองตำหนักได ถื อ ว าเป นเรื่ องพื้นๆ
ธรรมดา ตอใหเปนผูที่มีความแข็งแกรงอยางที่สุด เมื่ออยูบนเวทีการประลองปดตา
ตอสู ก็ลวนจำเปนตองระมัดระวังทุกฝกาว หากขาดความระวังไปแมเพียงเล็กนอยก็
อาจจะพบกับความลมเหลวอยางที่ไมคาดคิด
สภาพการณในการแขงปดตาตอสู ประสบการณทั่วไปลวนไรประโยชน ทุกคน
ตางทำอะไรไมถูกกันจนนาหัวเราะกันทั้งนั้น
ในตอนที่อายฮุยเดินเขามา ก็มีผูเขาแขงคนหนึ่งบนเวทีถูกอีกฝายควาโดนเสื้อเขา
โดยเขาผูนั้นไมไดรูเลยวาสิ่งที่ตนควาไดคืออะไร รีบออกแรงเสียเต็มที่ พรึบ! กางเกง
ของเขาถูกดึงจนหลุดในเพียงพริบตาเดียว เผยใหเห็นกนขาวอวบ
เวทีดานลางหัวเราะกันเสียงดังสนั่น เสียงโหรอง เสียงผิวปากวี้ดวิ่วดั่งเสียจนเผ
ดานแทบจะถลม
ในสภาพแวดลอมเชนนี้ ใบหนาไรความรูสึกของอายฮุยดูแลวชางผิดปกติและขัด
ตา เขาชมการแขงอยางตั้งใจ กนขาวๆ ของผูเขาแขงบนเวที เขาก็ทำเหมือนกับวา
มองไมเห็น สายตาของเขา กวาดผานผูเขาแขงบนสังเวียน
ใบหนาของทุกๆ คนลวนสวมหนากากทึบ แตสิ่งที่ทำใหอายฮุยรูสึกสนใจก็คือ ไม
คิดวาจะนี่จะเปนการตอสูแบบจับคูสองคนหนึ่งกลุม!
ถาหากเจาอวนอยูที่นี่ดวยก็คงจะดี จิตใตสำนึกของอายฮุยเกิดความคิดเชนนี้ขึ้นมา
เขาตรวจสอบอยางตั้งใจอีกครูหนึ่ง ก็อดสายหัวไมได ระหวางผูเขาแขงบนเวทีไม
มีอะไรที่จะเรียกวาการรวมมือเลย
หากเจาอวนอยูก็คงจะดี อายฮุยอดไมไดที่จะเกิดความคิดเชนนี้เปนครั้งที่ สอง
หากเขากับเจาอวนรวมมือกัน เขามั่นใจเปนอยางมากวาจะไดชัยชนะ
เขากวาดตามองไปที่ปายกฎการแขง หนึ่งกลุมจำเปนตองมีผูเขาแขงรวมกันสองคน
เปลี่ยนโรงฝกดีไหม แตอายฮุยยังมีความรูสึกอยากลงแขงอยู สายตาของเขากวาด
ผานโหลวหลานที่อยูดานขางผูที่แสนจะเขาตา ในใจก็หวั่นไหวขึ้นมา
หรือวาจะใหโหลวหลานลองดู
บทที่ 27 เขาเปนตุกตาทรายของขา
“โหลวหลาน ลองดูไหม” อายฮุยอยูๆ ก็หันหนามาถาม
“ลองดูหรือ” น้ำเสียงโหลวหลานมีความงงงวย “ลองอะไร”
“ลองขึ้นเวทีดู”
“ลอง...ขึ้นเวทีหรือ” ดวงตาของโหลวหลานเบิกกวางในทันที เสียงที่พูดก็สูงขึ้น
“อายฮุย เจาหมายถึงใหขาขึ้นเวทีตอสูหรือ”
อายฮุยมีทาทีเรียบเฉยมาโดยตลอด เมื่อโหลวหลานอยูๆ ก็ขึ้นเสียงสูงใสจงึ ตกใจ
พอสงบสติอารมณไดจึงกลาวขึ้น “ใชแลว ดานบนตองมีกลุมละสองคนจึงจะสามารถ
เขาแขงได แตหากเจาไมอยาก...”
“ไดสิ” โหลวหลานตอบอยางชัดเจน แตก็มีทาทีลังเลอยูบาง “แตวาขาไม เคย
ตอสูมากอน ถาหากเกิดแพขึ้นมาจะทำอยางไร”
“แพแลวก็แคเปลี่ยนโรงฝก” อายฮุยตอบอยางกับวามันก็ควรจะเปนเชนนั้น
“มีแพมีชนะเปนเรื่องปกติ ก็ถือเสียวาใหเจาไดฝกฝมือ”
โหลวหลานไดยินเชนนี้จึงไดเบาใจลง
แตเมื่ออายฮุยไปลงชื่อ กลับถูกโรงฝกปฏิเสธ
“ตุกตาทรายเขารวมไมได! ตุกตาทรายก็ไมใชคน ตุกตาทรายไมไดใชดวงตามอง
สิ่งตางๆ นั่นถือเปนการคดโกง” อายฮุยไรซึ่งคำจะกลาว
ใชแลว ตุกตาทรายไมใชมนุษย การตัดสินสภาพแวดลอมของพวกตุกตาทราย
แตกตางกับกลไกทางสรีระของมนุษยโดยสิ้นเชิง ตุกตาทรายบางตัวมีสัมผัสการดม
กลิ่นที่เฉียบคม
ตุกตาทรายบางตัวสามารถสัมผัสตำแหนงของฝายตรงขามไดจากพลังงานความ
รอนเชนเดียวกับงู และยังมีตุกตาทรายบางตัวที่สามารถสัมผัสตำแหนงของฝายตรง
ขามไดจากคลื่นเสียงที่สั่นไหวแตกตางกันในระดับที่เกินกวาหูของมนุษยจะสามารถทำ
ไดดั่งเชนเดียวกับคางคาว
อายฮุยเคยเจอตุกตาทรายมามากมายหลายประเภท ผูใชพลังธาตุดินหลายคนมัก
ทำการดัดแปลงใหมจนถึงระดับที่ไมอาจจะคาดเดาไดเพื่อใชประโยชนตุกตาทราย
ถึงแมวาผูใชพลังธาตุดินสวนใหญจะมีนิสัยแปลกประหลาดและไมชอบเขาสังคม แต
กลับไมมีผูใดกลามองขามพวกเขาเมื่ออยูในสนามรบ ผูใชพลังธาตุดินมักถูกมองเปน
กลุมคนที่อันตราย เหตุผลครึ่งหนึ่งมาจากตุกตาทรายของพวกเขานั่นเอง
อา ยฮุย อยากจะพูดอยางมากว า โหลวหลานไม มี ความสามารถอะไรแบบนั้น
แนนอน แตก็ยังไมไดพูดอะไรออกไป
โหลวหลานเปนตุกตาทรายที่ออนแอที่สุดที่อายฮุยเคยเจอ บนรางกายของโหลว
หลานมองดูแลวไมมีสิ่งใดที่ถูกสรางมาสำหรับใชในการตอสูเลย เขาเปนตุกตาทรายที่
ใชสำหรับชีวิตประจำวันลวนๆ
อายฮุยมองเห็นประกายแสงในแววตาของโหลวหลานมืดหมนลงอยางรวดเร็ว
เขาจึงตบหลังโหลวหลานเบาๆ พลางกลาว “พวกเราไปกันเถอะ”
อายฮุยสัมผัสไดถึงความรูสึกหดหูของโหลวหลาน ในใจก็แอบคิดกับตนเอง ดูทา
วาโหลวหลานจะรอคอยการตอสูบนเวทีอยางมาก
แตวาโหลวหลานเปนตุกตาทราย ในการแขงปดตาตอสูเชนนี้ มีความไดเปรียบ
อยางชัดเจน โรงฝกไมมีทางยอมใหโหลวหลานเขาแขงแน เวนแตวา...
นัยนตาของอายฮุยเปลงประกายขึ้น เขาคิดออกอยูวิธีหนึ่ง
สายตาของเขากวาดผานโรงฝกที่อยูโดยรอบ สายตาไปหยุดอยูที่โรงฝกแหงหนึ่ง
ในนั้น จึงกาวขาเดินไป
“โหลวหลาน ทางนี้”
อา ยฮุยพาโหลวหลานมุงหนาเขา ไปในโรงฝ กอี กแห ง ตรงไปยั งที ่ ลงชื ่ อ “ข า
ตองการลงชื่อเขารวม”
เจาหนาที่ของโรงฝกมองไปที่โหลวหลานแวบหนึ่ง
“เขาเปนตุกตาทรายของขา” อายฮุยกลาวเสริม “ขาเปนผูใชพลังธาตุดิน ขา
สามารถนำตุกตาทรายเขารวมแขงดวยไดหรือไม”
โหลวหลานผูอยูหลังอายฮุยถึงกับนิ่งไป
“ผูใชพลังธาตุดินเหรอ ไดสิ” เจาหนาที่พยักหนา แนนอนวาเขาไมไดเจอกับ
สถานการณ เ ช น นี ้ เป นครั ้ง แรก “แต ว  า ตุ ก ตาทรายของเจ า จะตอ งป ด ผนึ ก การ
ตอบสนองตางๆ ตองตัดการเชื่อมตอทางจิต ดังนั้นจึงตองเสียบหญาหมอกวิญญาณ
เอาไว หากวาหญาหลุดออกจะถือวาเจาแพ เจาแนใจวาจะเขารวมหรือไม”
ไมผิดจากที่ตนคาดคิดเลย อายฮุยแอบภูมิใจเล็กๆ
สำหรับผูใชพลังธาตุดินแลว ตุกตาทรายก็คือกำลังรบหลักของพวกเขา หากผูใช
พลังธาตุดินขาดตุกตาทรายไปก็ไมตางจากแกะรอถูกเชือด นอกจากวาโรงฝกทั้งหลาย
จะไมอนุญาตใหผูใชพลังธาตุดินเขารวม แตวาสิ่งนี้อายฮุยคิดวาไมนาเปนไปได กลุม
ของผูใชพลังธาตุดินมีอยูไมนอย โรงฝกจะมามองขามคนกลุมใหญเชนนี้ไดอยางไร โรง
ฝกจะตองมีมาตรการลดทอนความไดเปรียบของตุกตาทรายในการแขงปดตาตอสู
อยางแนนอน
อายฮุยเคยคิดวาโรงฝกจะตองมีมาตรการยับยั้ง แตไมคิดวามาตรการยับยั้งจะ
โหดถึงเพียงนี้
หญาหมอกวิญญาณเปนวัตถุดิบที่ใชสำหรับการตอตานตุกตาทรายโดยเฉพาะ
เปนสิ่งที่สรางขึ้นโดยผูใชพลังธาตุไม แมโดยทั่วไปจะใชกับการวางกับดักและพวกยา
พิษ แตหญาชนิดนี้ไมใชหญาพิษ ประโยชนที่สุดของมัน ก็คือใชรบกวนการตอบสนอง
ของตุกตาทราย และสำหรับตุกตาทรายแลว สิ่งนี้ถือเปนสิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุด
โดยเฉพาะอยางยิ่งกับตุกตาทรายระดับต่ำ จะไดรับผลกระทบจากหญาหมอก
วิญญาณอยางมาก ตุกตาทรายระดับต่ำเกือบจะถูกผนึกการตอบสนองทั้งหมดเอาไว
หากปราศจากประสาทสัมผัสการตอบสนองและการเชื่อมตอทางจิตแลว ก็แทบจะ
เหมือนพิกลพิการไปเลย ดังนั้นอายฮุยจึงรูสึกวามาตรการนี้โหดเปนอยางมาก
โหลวหลานอยูๆ ก็เอยขึ้น “ไมมีปญหา”
“มองดูแลวตุกตาทรายของทานฉลาดมากนะ” เจาหนาที่คอนขา งคาดไม ถึ ง
กลาวอยางยิ้มๆ “ตุกตาทรายที่ฉลาดเชนนี้ชางไดเปรียบจริงๆ เชนนั้นก็ขอใหพวกเจา
โชคดี”
อายฮุยรูวาที่อีกฝายพูดนั้นไมผิด เมื่อการตอบสนองและการชี้นำลถูกตัดขาดแลว
การทดสอบก็จะตองเปนการตัดสินใจของตัวตุกตาทรายเอง และตุกตาทรายที่ฉลาด
ในสถานการณเชนนี้ก็คอนขางจะไดเปรียบ
เจาหนาที่ไดหยิบหญาหมอกวิญญาณสีเขียวมรกตขึ้นมากานหนึ่ง สงใหกับโหลว
หลาน เปนครั้งแรกที่อ า ยฮุย เห็นหญ า หมอกวิ ญ ญาณที ่ สมบู รณ เต็ มใบ ลั ก ษณะ
คอนขางจะละมายคลายถั่วงอก
โหลวหลานรับหญาหมอกวิญญาณมาแลวปกไวบนหัว
อายฮุยหยุดยิ้มไมได หัวของโหลวหลานแตเดิมก็เปนทราย ตอนนี้มีหญาหมอก
วิญญาณเสียบอยู ก็เหมือนกับมีถั่วงอกงอกอยูบนหัว รูสึกนาขบขันอยางไรบอกไมถูก
โหลวหลานสั ง เกตเห็ น ทา ทางของอ า ยฮุย ที ่ ด ูแ ปลกไป ก็ ส งสั ย ใคร ร ู  ข ึ ้ นมา
“ตำแหนงที่เสียบไมถูกเหรอ”
“ดีแลว” อายฮุยกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง กลาววิจารณ “ดูมีชีวิตชีวามาก!”
ทั้งสองลงชื่อเสร็จ ก็ไปอยูดานขางรอการแขงรอบถัดไป
อายฮุยถือโอกาสที่ยังไมเริ่ม ถายทอดความรูของเขาใหโหลวหลาน “ในตอนที่เจา
ขึ้นเวที จะมองอะไรไมเห็น ไมตองลนลาน อยาหางจากขาไกลเกินไป เชนนั้นขาจะไม
มีโอกาสชวยเหลือเจา หากถูกโจมตีก็ไมตองลนลาน จำไวเจาเปนตุกตาทราย สามารถ
เปลี่ยนแปลงรูปรางได มา พวกเรามากำหนดสัญญาณลับในการเตือนภัยกัน เราจะใช
เสียงของการบดทราย เสียงไมตองดัง คอนไปทางเบาหนอยพอใหขาสามารถไดยินได
หลังจากขึ้นเวทีไปแลวไมตองพูดอะไร เดี๋ยวจะเปนการเปดเผยตำแหนงของเจาเสีย
เปลา เมื่อตัดสินใจจะทำการโจมตี อยาไดลังเล ยังจำวันที่เจาซอม...เคล็ดลับพวกนั้นที่
ฝกกับขาไดไหม จงจำไว หากการจูโจมลมเหลว ใหรีบออกจากตำแหนงของเจาใน
ตอนนั้นทันที วิธีที่ดีที่สุดก็คือกลิ้งไปกับพื้น เอ เจาเปนตุกตาราย สามารถไหลเรี่ยราด
ไปกับพื้นไดนี่นา...”
“อายฮุย อยาเปรียบเทียบขาราวกับเปนปสสาวะอยางนั้นสิ โหลวหลานเปน
ตุกตาทรายนะ” โหลวหลานกลาวแกไขอยางไมพอใจ “ไมใชตุกตาวารี”
“ความหมายก็ประมาณนี้แหละ” อายฮุยหัวเราะแหงๆ “อยางไรเสียขาจะชวย
เจา ผอนคลายหนอย เจามือใหม การตอสูครั้งแรกในชีวิต นับจากวันนี้เปนตนไป เจา
ก็จะกลายเปนตุกตาทรายที่มีประสบการณในการตอสูแลว เจาจะสามารถจดจำวันนี้
ไดเปนอยางดี ถาหากยิ่งเจ็บปวด ก็จะยิ่งจำไดไมลืม”
“โหลวหลานจำไดแลว” โหลวหลานตอบกลับอยางจริงใจ
“พวกเจาเตรียมตัวเขาสนามไดแลว” เจาหนาที่ตะโกนขึ้น
“ถึงตาเราแลว” อายฮุยตบบาใหกำลังใจโหลวหลาน “สูๆ เจาตัวตุนน้ำแกง!”
โหลวหลานไมทันสังเกตคำเรียกขานแสนประหลาดที่วา “เจาตัวตุนน้ำแกง”
น้ำเสียงโหลวหลานมีความสับสน “อายฮุย...”
แกรง แกรง แกรง เสียงระฆังดังขึ้น
อายฮุยราวกับเปลี่ยนเปนคนละคนในทันที อยูๆ สายตาก็เปลี่ยนเปนดุเดือดรุนแรง
เขาเคลื่อนไหวอยางมั่นคง หยิบหนากากทึบไรชองวางขึ้นมาสวม
บทที่ 28 ความมึนงงของโหลวหลาน
โหลวหลานยืนอยูบ นเวที ใสห น า กากของโรงฝ ก เพิ ่ มเข า ไป จึ งรู  ว  า ตนสวม
หนากากอยูถึงสองชั้น นี่เปนประสบการณที่ไมเคยมีมากอน ก็เหมือนกับในตอนนี้ที่
เขากำลังยืนอยูบนเวที ทุกวันที่ซื้อกับขาว ซื้อวัตถุดิบ เขาเดินผานโรงฝกมากมาย เห็น
ธงยาวที่เขียนประกาศการแขงปดตาตอสู ไดยินผูคนมากมายพูดถึงการแขงปดตาตอสู
แตกอนจะถึงวันนี้ เขาเองก็ไมเคยนึกมากอนวาตนจะมีโอกาสไดขึ้นมาอยูบนเวที
ประลองของการแขงปดตาตอสู
ไมนึกไมฝนจริงๆ แตทวาความเปนจริงก็ปรากฏอยูเบื้องหนานี้แลว
เขายืนอยูบนเวที สิ่งที่รอคอยเขาก็คือการตอสู เขาจะตองเอาชนะคูแขง หรือไมก็
ถูกผูอื่นเอาชนะ ที่จริงเมื่อครูเขายังรู สึกมึ นงงอยู เลย อยากจะบอกกับอายฮุยวา
สถานการณของเขาไมเหมือนกับที่เจาหนาที่โรงฝกไดกลาวเอาไว
เขาเอื้อมมือไปจับหญาหมอกวิญญาณที่อยูบนหัว
เมื่อครูเขาถูกพูดตัดบทไป ก็คือเขาอยากจะบอกอายฮุยวา หญาหมอกวิญญาณดู
เหมือนจะไมแสดงผล เขายังสามารถ “มองเห็น” ผูอื่นอยู
โหลวหลานรูสึกประหลาดใจมาก เขาเองก็รูจักหญาหมอกวิญญาณ ตามความรูที่
เขาไดเรียนมา หญาหมอกวิญญาณสามารถยับยั้งตนได แตทำไมถึงยัง “มองเห็น”
ผูอื่นไดอีก
นี่เปนครั้งแรกที่เขาสังเกตเห็นถึงความแตกตางจากปกติของตนเอง หรือวาที่จริง
ตนไมใชพวกระดับต่ำ โหลวหลานรูสึกวาเปนไปไมได ตุกตาทรายที่ใชทำอาหาร ทำ
ความสะอาดหอง แมแตตุกตาทรายระดับต่ำก็สามารถเอาชนะเขาได
เขารูสึกวาเปนไปไดมากกวาที่วาความผิดปกตินี้เปนเพราะอาจารยเซาทำการ
ทดลองอะไรบางอยางกับรางกายของตน อาจารยเซาหลุมหลงการวิจัย เมื่อมีความคิด
แปลกใหม ก็จะมาทดลองกับตัวของโหลวหลาน
นี่จึงเปนเหตุที่ทำใหรางกายของโหลวหลานมักจะมีปญหา เฉกเชนครั้งแรกที่ได
พบกับอายฮุย แกนทรายของเขามีปญหา รางกายกระจัดกระจายไมจับกลุมกัน
บางทีคงเปนเทคนิคใหมแหละ
เขาเตือนตัวเองวากลับไปใหถามอาจารยเซาดู
หญาหมอกวิญญาณไมใชวา ไมแ สดงผลอะไรกับ เขาเลย ทัศนวิสัยของเขาก็ มี
ผลกระทบอยูบาง รอบดานมองเห็นเลือนรางมากขึ้น โดยเฉพาะอยางยิ่งโหลวหลาน
ยังพบสถานการณที่คาดไมถ ึงอยา งหนึ่ง ซึ่งสงผลกระทบกับ เขามากที่สุด นั่นคื อ
หนากากที่ไรชองวางที่สวมอยูบนใบหนาของเขา
หรือวาปกติแลวเขาใชดวงตาในการมองโลกภายนอก แปลกประหลาดเสียจริง...
โหลวหลานรูสึกคาดไมถึงกับเรื่องนี้ มีนอยมากที่ตุกตาทรายจะใชดวงตาในการ
มองโลกภายนอก สำหรับผูใชพลังธาตุดินที่มีฝมือเกงกาจหลากหลายแลว ดวงตาจะ
ไดรับผลกระทบและมีขีดจำกัดคอนขางมาก ภายใตการกลอมเกลาของอาจารยเซา
ความรูความเขา ใจของโหลวหลานที ่มี ตอ ตุ  กตาทรายถื อวามากนั ก แต ไหนแตไร
อาจารยเซาก็มักจะตั้งอกตั้งใจในการสอนดานนี้ โหลวหลานก็ไมเคยคิดจะตรวจสอบ
รางกายตนเอง ไมนึกเลยวารางกายของตนจะมีสวนที่พิเศษมากมายเชนนี้
เมื่อนึกถึงอาจารยเซา โหลวหลานก็รูสึกผอนคลายลง แตไรมาอาจารยเซาก็เปน
คนที่ไมชอบทำตามหลักการทั่วไป
หากตนเหมือนกับตุกตาทรายตัวอื่น เชนนั้นถึงจะเรียกวาไมปกติ
ระหวางที่คิดเรื่องนี้อยู โหลวหลานก็สังเกตเห็นวาอายฮุยไดเจอกับคนอื่นเขาแลว
ทาทางที่อายฮุยใชมือคลำรอบกายดูประหลาดมาก เอวโคงลงมาครึ่งหนึ่ง สองขา
กางออก แขนทั้งสองขางก็กางออกเหมือนกามปู
การเคลื่อนไหวของอายฮุยนั้นเงียบกริบ ฝาเทาประดุจแมวไรสุมเสียงใดๆ
รายกาจมาก!
โหลวหลานสงเสียงชื่นชมอยูในใจ เทียบกับอายฮุยแลว คูตอสูที่อยูไมไกลจากเขา
ก็ดูมือสมัครเลนกวามาก แมแตโหลวหลานก็สามารถมองเห็นไดวาการเคลื่อนไหวของ
อีกฝายมีความลุกลี้ลุกลนอยู
ภาพเบื้องหนาทำใหโหลวหลานนึกถึงภาพสัตวปาลาเหยื่อในหนังสือ อายฮุยก็
เหมือนกับสัตวปาที่กำลังรุกไล และอีกฝายก็เหมือนกับเหยื่อที่ตื่นกลัว
อายฮุยขยับกาย ฝามือของเขาจับไปโดนเอวของคูตอสู
ในวินาทีที่สัมผัสกัน ทั้งสองฝายตางทำการตอบสนองในทันที
ผูเขาแขงคนนั้นตอบสนองเปนอยางแรกคือปลอยหมัดที่ดุดันไปทางอายฮุยหนึ่ง
หมัด แตไมคิดวาอีกฝายจะโคงเอวอยู หมัดนี้จึงเพียงแคเฉียดผานศีรษะของอายฮุยไป
โจมตีโดนอากาศ
เมื่อเทียบกับอีกฝาย การจูโจมของอายฮุยไดผลมากกวา
ในชวงวินาทีที่สัมผัสเอวของฝายตรงขาม ฝามือของอายฮุยก็ควาไปดานหนา ฉุด
กระชากอยางแรง และก็ยืมแรงสวนนี้ในการดันตัวเองไปดานขาง และสับขาของอีก
ฝายลงไป
เมื่อแรงสองสวนทั้งดานบนและดานลางประสานกัน คูตอสูก็เสียสมดุล ลมไปทาง
อายฮุยในเสี้ยววินาที
อายฮุยไดแสดงถึงกลยุทธการตอสูที่นาตื่นตะลึง เขาเปรียบประดุจงูเหลือมที่
ปราดเปรียวตัวหนึ่ง ไมเพียงแตจะไมถอย แตกลับรุกไปขางหนา ถือโอกาสบีบคออีก
ฝาย และทั้งรางกายฝายนั้นก็ถูกอายฮุยพันธนาการจนขยับไมไดแมแตนอย คูตอสูยืน
หยัดอยูไดเพียงยี่สิบวินาทีก็หมดสติไป
กรรมการที่ดูอยูดานขางใชแสลักษณะคลายเปนงูเกี่ยวเอาผูเขาแขงที่หมดสติ
ออกมา และแพทยของโรงฝกมากซึ่งประสบการณก็รีบเขามาประคองตัวไป ผานไป
สักครูจึงไดสงสัญญาณวาไมเปนอะไร
ถึงผูเขาแขงขันผูนั้นจะไมเปนอะไรมาก แตเหตุการณเมื่อครูก็ทำเอากรรมการทั้ง
สองคนตึงเครียดขึ้นมาไมนอย ทาทางของทั้งสองคนเปลี่ยนเปนจริงจังขึ้นมา
“ผูใชพลังธาตุดินคนนั้นลงมือไดโหดมาก!”
“ใชแลว ตุกตาทรายไมขยับสักนิด ผูใชพลังธาตุดินที่สามารถสูได ชางเห็นไดนอยนัก”
“ปกติผูใชพลังธาตุดินก็คือกลุมคนที่ไมปกติ ไมปกติถึงจะเรียกวาปกติ”
“ที่พูดมาก็ถูก”
......
ปากของทั้งสองคนพูดคุยกันเสียงเบา แตกลับไมกลาละสายตาจากเวที
ผูคนที่ดูการประลองอยูดานลาง เห็นการจูโจมที่ดุดันรุนแรงของอายฮุยแลวก็
ชะงักงัน ไมเอยปากสักคำ
หากจะพูดกันตามจริง การจูโจมเมื่อครูไมไดดูแพรวพราวนาจับตาแมแตนอย ซ้ำ
ยังไมไดซับซอนอะไรมากมาย แมแตพลังธาตุก็ไมไดใช แตเพียงกระบวนทาเดียวกลับ
ทำใหเหลานักเรียนรับรูไดถึงกลิ่นคาวโลหิตไดแลว
ในชวงหลายวันนี้พวกเขาอยูในโรงฝกดูการแขงปดตาตอสูมามาก มีทั้งที่วางแผน
ซับซอน มีทั้งประหลาดนาหัวเราะ มีทั้งตอยผิดตอยถูก
แตไมมีครั้งใดที่เหมือนกับเหตุการณเมื่อครูเลย มันทำใหพวกเขาตะลึงพรึงเพริด
ไปตามๆ กัน
ไมกี่วินาทีตอมา ดานลางก็ระเบิดเสียงขึ้น
“ดุดันมาก!”
“เทระเบิดไปเลย!”
“กระบวนทาเมื่อครูนั้นเรียกวาอะไร มีใครรูบาง”
“ขาไมไดเขาใจผิดไปใชไหม ดุดันมาก แถมยังเปนผูใชพลังธาตุดินอีก! เชนนี้จะให
คนอื่นจะเอาชนะไดอยางไร”
"ยังดียังดี เจามองดูตุกตาทรายของเขาสิ ดูสมองทึ่มจะตาเสียไมมี
......
เทียบกับการโจมตีเมื่อครู การตอสูของทุกคนลวนดีแตกระบวนทาแตใชการจริง
ไมได ออนแรงไรกำลัง แตเมื่อไดยลความดุดันรุนแรงของอายฮุยแลว ก็ทำใหทุกคน
รูสึกสนใจขึ้นมาในทันที
โหลวหลานอยูนิ่งชะงักงันอยูบนเวที ตามองตามอายฮุยอยางเลื่อนลอย
การชมการประลองบนเวทีตางกับการชมจากดานลางเปนอยางมาก ความรูสึกได
สัมผัสโดยตรงยิ่งกวา ในวินาทีที่อายฮุยลงมือ โหลวหลานรูสึกหัวใจของตนกำลังเตน
ระส่ำระสาย
อายฮุยที่จัดการคูตอสูไปไดหนึ่งคนแลว ก็คอยๆ คลำทางไปหาอีกคน
การเคลื่อนไหวของผูเขาแขงคนเมื่อครูนี้ไดเปดเผยตำแหนงของตนเอง
รูดังนั้นอายฮุยก็คอย ๆ เคลื่อนตัวไปหาเปาหมาย โหลวหลานอดไมไดที่จะเบิก
ตาโต เกรงวาตนจะพลาดรายละเอียดไป เขาไมเคยตอสูเลย ลืมไปแลววาตนเองขึ้นมา
ทำอะไร ใจเขานั้นจดจออยูแตเพียงการตอสูของอายฮุย และรูสึกแกร็งไปหมด
ผูคนดานลางเวทีเห็นอายฮุยไดตั้งเปาเหยื่อรายใหม ก็ไดเงียบเสียงลงพรอมกัน
อยางไมไดนัดหมาย ควบคุมลมหายใจ ตาเบิกกวาง
โรงฝกไดเขาสูความเงียบอีกครั้ง
อายฮุยไมรับรูถึงการเปลี่ยนแปลงของภายนอก เพราะทางโรงฝกไดใชวิธีการ
พิเศษในกลบเสียงภายนอกไว เขาเปนเสมือนกับสัตวปาที่กระหายเลือด ซุมอยูอยาง
ระมัดระวัง ปลอยจิตสังหารอันไรเสียง สาวฝเทาแผวเบายองไปหาฝายตรงขาม
ทวาในเวลานี้เองเหตุการณบางอยางไดเกิดขึ้นอยางกะทันหัน
บทที่ 29 จูเหยี่ยน
ทันใดนั้นก็มีไฟสายหนึ่งปรากฏขึ้นบริเวณใตเทาของอายฮุยโดยฉับพลัน
ไมดีแลว!
สีหนาอายฮุยเปลี่ยนไป เขาไมแมแตจะคิด รีบพุงตัวกลิ้งหลบไปดานขางดวย
สัญชาตญาณ ในเวลานี้เอง เปาหมายที่อยูนิ่งมาโดยตลอดพลิกฝามืออยางเรียบลื่น
เปลวไฟสายหนึ่งก็พุงขึ้นมาจากตำแหนงที่อายฮุยยืนอยูเมื่อครู
ผูเขาแขงขันผูนั้นก็นึกไมถึงวาการตอบสนองของอายฮุยจะรวดเร็วเพียงนี้ การจู
โจมที่ตนอำพรางไวอยางดีจึงตองสูญเปลา
อายฮุยที่ถูกเปลวไฟเฉียดผานหัวไหลไป รีบลุกพรวดขึ้นจากพื้นอยางแรง พุงตรง
ไปยังอีกฝายราวกับลูกปนใหญที่ออกจากปากกระบอก คูตอสูเชี่ยวชาญการจูโจมใน
ระยะไกล พลังธาตุเองก็แข็งแกรงยิ ่งกวาตนมากนัก มี เพี ยงการย นระยะหางเขา
กระชั้นเทานั้นอายฮุยจึงจะมีโอกาสเอาชนะได
ถา จะพูดวาการจูโ จมของอา ยฮุ ยเมื ่ อ ครู  น ั ้น ไร สุ  มเสี ยงและปกปดจิ ตสังหาร
เชนนั้นการจูโจมครั้งนี้กลับเปลงรัศมีจิตสังหารอยางเต็มที่ ทุมกำลังรุนแรงอยางไม
เหมือนใคร
คูตอสูที่เชี่ยวชาญการโจมตีระยะไกล เมื่อถูกบุกเขาใกลดังนี้แลว ก็มักจะกังวลตื่น
ตระหนกไปโดยสัญชาตญาณ นี่คือกลยุทธอันแยบยลของอายฮุย เขามีเจตนาเชนนีก้ ็
เพื่อจูโจมทางจิตใจกอน ความลนลานของคูตอสูถือวาเปนประโยชนตอตัวเขาอยาง
มาก
แตทวาอีกฝายไดทำทาทางประหลาดอยางหาใดเปรียบขึ้นมาทาหนึ่ง อยูๆ ก็เอา
แขนทั้งสองขางยันพื้น และเอาขาทั้งสองขางชี้ฟา
โหลวหลานที่มองอยูอยางไมละสายตาในใจก็เกิดสั่นไหวขึ้นทันที ไมดีแลว!
เปนตอนนี้เองที่ฝามือของอีกฝายถูกหอหุมไปดวยเปลวไฟกอนหนึ่ง เปลวไฟเสนสี
แดงคล้ำนั้นไหลไปราวกับน้ำมันกาด กระจายไปทั่วดานในของสนาม
นี่มัน...
โหลวหลานรูสึกวาฉากเบื้องหนาราวกับเคยเห็นที่ใดมากอน คอนขางจะคุนตาอยู
แตทวาเขาไมคอยสันทัดเรื่องทางดานนี้ เมื่อมีความกังวลทำใหเขาจำอะไรไมไดเลย
“ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน!”
ที่ดานลางเวทีมีคนรองตกใจ
“จูเหยี่ยน!”
“สวรรค แมแตจูเหยี่ยนก็มา!”
ผูคนที่อยูดานลางเวทีก็เกิดความวุนวายขึ้นในทันที ทางโรงฝกก็ดีใจเปนลนพนที่
ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย
จูเหยี่ยนเปนยอดฝมือของเมืองเฟงเจียน เมืองเฟงเจียนเปนเมืองที่อยูใกลกับ
เมืองซงเจียนมากที่สุด แตทวาหากพูดถึงเรื่องการศึกษากลับสูงกวาเมืองซงเจียนถึง
หนึ่งป ดวยความที่ทั้งสองเมืองใกลกั นมาก ยอดฝมือของทั้งสองฝายจึ งคอ นข า ง
คุนเคยกันดี
ระดับพลังของจูเหยี่ยนไมไดสูงนัก ดวยวาอยูเพียงขั้นเปดสองตำหนัก แตทวา
ชื่อเสียงกลับยิ่งใหญอยางมาก นั่นก็เปนเพราะเขาสำเร็จวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟา
แปรผัน] ซึ่งเปนวิชาลับขั้นสูง
พลังธาตุที่พัฒนามาถึงปจจุบัน ไดผานกาลเวลามานับพันป แตทวาสิ่งที่เรียกขาน
วาเปนวิชาลับขั้นสูงนั้นกลับมีไมมาก
วิชาลับขั้นสูงเปนรากฐานที่แทจริงที่ประกอบขึ้นเปนตระกูลใหญ
อยางวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] ก็ไดบรรพบุรุษในแตละยุคสมัยทำการ
ปรับแกอยูเนืองนิตย ทำใหลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถึงไดคอยๆ เปนรูปเปนรางขึ้นมาทีละนอย
หากเทียบกับคัมภีรขั้นสูงสุดซึ่งผานการสืบทอดมาหลายลานปในยุคสมัยแหงการ
บำเพ็ญตนแลวนั้น วิชาลับขั้นสูงเหลานี้ลวนยังออนหัดมากนัก ทุกตระกูลในอูสิงเทียน
ลวนรูเรื่องสวนนี้อยางลึกซึ้ง จึงไมมีใครกลามานอนขี้เกียจตอความพยายามของเหลา
บรรพบุรุษ
สายเลือดของตระกูลจูแตกำเนิดคือธาตุไฟ วิชาลับขั้นสูงนี้ก็เขากันไดกับสายเลือด
ของตระกูลจูอยางสมบูรณแบบ อีกทั้งระดับความยากในการฝกก็สูงมาก โดยเฉพาะ
เงื่อนไขในการบรรลุก็อยูในระดับที ่ไมอาจจะนึกถึง ทายาททุกรุนของตระกูลจู  ที่
สามารถฝกวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] ไดสำเร็จมีไมเกินสามคน ทุกรุนเปน
เชนนี้ เปนเหมือนดั่งกฎเหล็ก
วิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] ถึงแมยากจะบรรลุ แตหากเพียงไดบรรลุ
แลว ไมหยุดสะสมพลังธาตุ ฝกวิชาใหสำเร็จ ก็จะสามารถทำไดอยางราบรื่นไรสิ่งขีด
ขวาง และจะตองกลายเปนยอดฝมืออยางแนนอน
จูเหยี่ยนเปนทายาทตระกูลจูในรุนนี้ที่บรรลุวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน]
ไดเปนคนแรก
ตระกูลจูเปนตระกูลใหญของอูสิงเทียน และผูมีพรสวรรคอันดับหนึ่งของตระกูล
แนนอนวาจะตองมีชื่อเสียงกวางไกล ดังนั้นเมื่อตาขายเพลิงที่มีลักษณะเหมือนใยแมง
มุมไดสองแสงสวางขึ้นมาบนเวที ในตอนนั้นก็มีคนที่ตามีแววดูออกถึงความเปนมาของ
จูเหยี่ยนในทันที
ความตื่นเตนของทุกคนก็ยิ่งสูงขึ้นเมื่อไดมาเห็นผูมีพรสวรรคอยางจูเหยี่ยนแสดง
ฝมือ นั่นไมใชเรื่องงายๆ เลย
ทุกคนลวนเต็มไปดวยความอยากรูอยากเห็นวาวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน]
ที่เรียกวาเปนวิชาลับขั้นสูง สรุปแลวจะรายกาจถึงเพียงใด
เถาแกของโรงฝกยิ้มเสียจนแมแตคางก็ยังมองไมเห็น จูเหยี่ยนที่เปนยอดฝมือ
เชนนี้ม าปรากฏตัวที่โรงฝกของตน ถื อ ว า มี ส วนช วยอยา งมากกั บ ธุรกิจ โรงฝ ก ก็
เหมือนกับโรงฝกตระกูลซือที่อยูใกลๆ หากวาพวกเขาสามารถเชิญซือเสวี่ยมั่นมาได
เกรงวาธรณีประตูของโรงฝกจะถูกคนเหยียบจนแหลกเปนแน
ทุกๆ คนตางกลั้นลมหายใจจับจองไปบนสนามอยางไมละสายตา คอยดูใหเห็น
กับตาวาจูเหยี่ยนจะแสดงกระบวนทางดงามใดตอไป
การจูโจมของอายฮุยรวดเร็วดั่งสายฟา วินาทีที่จูเหยี่ยนเพิ่งจะตั้งทากลับหัวเสร็จ
หมัดของอายฮุยก็กำลอยพุงมากลางอากาศ
ใจจูเหยี่ยนเกิดสั่นไหว การตอบสนองของอีกฝายเร็วยิ่งกวาที่ตนคิดไว มีมือทั้ง
สองขางยันไวกับพื้นเชนนี้แลว บริเวณโดยรอบทั้งหมดก็ลวนอยูในกำมือของเขา เขา
สามารถสัมผัสไดถึงความรุนแรงของหมัดนี้ไดอยางชัดเจน อีกฝายไมไดใชพลังธาตุ แต
หมัดนี้กลับรวบรวมพลังของทั้งรางไดอยางสมบูรณแบบ ถึงจะสามารถสรางพลังที่
รุนแรงอยางถึงที่สุดไดเชนนี้
หากวาถูกหมัดนี้โจมตีเขา...
จูเหยี่ยนคิดวาตนเองอยาไดลองจะดีกวา
การตอบสนองของเขาเองก็ไมชา ขอมือของเขาคอยๆ กดลง รางกายทั้งลางโคง
ไปดานหลัง เสมอเหมือนคันธนูที่งางออก บริเวณเอวระเบิดพลังออกมาอยางฉับพลัน
พลังธาตุถายเทมายังขาขวาที่เหยียดตรง เปลวไฟจึงไดลุกไหมข ึ้น ราวกับมีขวาน
หนักๆ ที่ถูกเผาจนรอนมีเปลวไฟลอมรอบผาลงมา
หมัดและขากระแทกเขาหากันอยางแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น สะเก็ดไฟกระจาย
ออกไปทั่ว
อายฮุยเพียงแครูสึกถึงพลังอันมหาศาลหาใดเปรียบไดกระจายซานออกมา ราง
ของเขาถึงกับลอยถลากลับหลังอยางแรง จูเหยี่ยนเองก็ใชสองแขนยันพื้นถอยหลัง
ออกไปเจ็ดถึงแปดกาวจึงประคองรางใหอยูนิ่งได
ในตอนนี้เองที่โหลวหลานไดสติขึ้นมา รีบพุงไปหาอายฮุยโดยไมแมแตจะคิดดวยซ้ำ
จูเหยี่ยนสัมผัสไดวาตุกตาทรายของอีกฝายพุงเขาไปชวยเจานาย เลือดลมในอกที่
ตีกลับตองใชเวลาสักพักถึงจะสงบลงได หมัดเมื่อครูของอายฮุยไมไดทำใหเขาเองก็
อาการดีไปกวากัน ไมคิดเลยวากำลังของอีกฝายจะแข็งแกรงยิ่งกวาที่ตนคิดเสียอีก
ในใจของเขามีความงุนงงอยางที่สุด เพราะวาหมัดเมื่อครูของอีกฝายไมไดใชพลัง
ธาตุเลยแมแตนอย!
แคกำลังของกลามเนื้อเพียงอยางเดียว ก็สามารถปลอยหมัดที่มีพลังไดรุนแรงถึง
เพียงนี้ อีกฝายเปนใครกันแน เมืองซงเจียนมียอดฝมือเชนนี้ดวยหรือ
ในตอนนี้การปดตาตอสูของเมืองซงเจียน มีชื่อเสียงอยางมากในบริเวณใกลเคียง
เมืองเฟงเจียนที่อยูใกลมาก แนนอนวาไมไดรับการยกเวน ถึงแมวาโรงฝกของเมืองเฟง
เจีย นจะไดเริ่มมีการนำเขามา แต ห ากเที ยบกับ เมื องซงเจีย นที่ มีลู กเลนมากมาย
หลากหลายแลว ยังถือวาหางไกลกันอีกมาก ทุกคนหากมีเวลาก็จะตั้งใจถอมาถึงเมือง
ซงเจียนเพื่อเขารวมสักรอบ อยางไรเสียระยะทางก็ไมไดไกลกันมาก
ขณะจูเหยี่ยนกำลังพิจารณาถึงสถานะของอายฮุยอยูนั้น โหลวหลานก็รับอายฮุย
เอาไวแลว
สภาพของอายฮุยดูแลวคอนขางนาเวทนา แขนขาของเขาหอยลงมาอยางไมเปน
ธรรมชาติ ดูทาการโจมตีเมื่อครูไดสรางความเสียหายใหแกเขาอยางมาก กำปนยิ่ง
ปรากฏใหเห็นรอยดำไหม โหลวหลานไมตองทำการตรวจสอบก็รูไดวาแขนขวาของ
อายฮุยนั้นหักไปแลว
ในใจของโหลวหลานเต็มไปดวยความรูสึกโทษตัวเอง ตนนั้นพูดเสียดิบดีวาจะชวย
อายฮุย สุดทายกับไมไดชวยอะไรเลยแมแตนอย เขาไมรูวาจะตอกรกับจูเหยี่ยนอยาง
ไร เขาเพิ่งจะดูออกวาเปนวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] แตก็ไมมีประโยชน
อะไร ประสบการณในการตอสูของเขานั้นวางเปลา ในตอนนี้ เขาไมมีวิถีทางใดจะชวย
อายฮุยไดเลย
“พวกเรายอมแพเถอะ” โหลวหลานกลาวขึ้นอยางซื่อตรง
ภายในสนามไมไดยินเสียงจากภายนอก แตภายนอกสนามกลับสามารถไดยิน
เสียงภายในสนามไดอยางชัดเจน
พอไดยินคำพูดประโยคนี้ของโหลวหลาน ผูชมก็รวมกันระงมเสียงหัวเราะดังลั่น
“ฮา ฮา ฮา นี่ยังเปนตุกตาทรายอยูอีกเหรอ”
“ฮา ฮา ฮา เปนครั้งแรกที่ไดยินตุกตาทรายบอกใหเจานายยอมแพ ชางนาสนุก
เสียจริง!”
“ทนไมไหวแลว ไมไหว ใหขาหัวเราะสักหนอยเถอะ ฮา ฮา ฮา...”
“เฮย เฮย เฮย เจาเปนตุกตาทรายนะ ตองยอมตายไมยอมกมหัว ตองอุทิศตน
เพื่อใหเจานายไดมีโอกาสชนะสิ ฮา ฮา ฮา...”
บทที่ 30 ตุกตาทรายกุนซือ
การแสดงออกของโหลวหลานไมไดทำใหอายฮุยตกใจแมแตนอย ตุกตาทรายตัว
หนึ่งที่ทั้งชีวิตไมเคยมีประสบการณการตอสู ครั้งแรกที่ขึ้นเวทีแขงขันแลวไมสูญเสีย
การรับรูถึงขอบเขตไป ก็ถือวาไมใชเรื่องงายแลว
ยิ่งเปนตุกตาทรายที่มีความฉลาด ผลกระทบทางอารมณก็จะยิ่งมาก แตกลับกัน
สำหรับพวกตุกตาทรายระดับต่ำนั้น เมื่อไมมีสติปญญามากนัก ก็จะทำไดแคปฏิบัติ
ตามคำสั่ง โดยไมมีอารมณความรูสึกเขามาเกี่ยวของ
นี่จึงเปนเหตุผลที่ผูใชพลังธาตุดินไมชอบตุกตาทรายที่ฉลาด ตุกตาทรายที่ยิ่ง
ฉลาดเทาไร ก็จะยิ่งคลายกับมนุษยเทานั้น ความคิดที่เปนของตัวเองก็จะยิ่งแข็งกลา
พวกมันสามารถตัดสินสิ่งตางๆ มากมายไดดวยตัวเอง
ตุกตาทรายประเภทที่ใชตอสู สวนใหญลวนไมไดฉลาดอะไร
หากตุก ตาทรายตัว ใดมีความคล า ยมนุ ษ ย จะมี อ ารมณ ความรู  สึ ก หวั ่ นเกรง
หวาดกลัว และขี้ขลาดตาขาวระหวางการสูรบ นี่เปนสวนที่เหลาผูใชพลังธาตุดินผู
ตองการสรางอาวุธสังหารไมชอบที่สุด
อยา งไรก็ดีโ ลกใบนี้ก ็ มี ความย อ นแย งกั น เช น นี ้ ความฉลาดหลั ก แหลมเป น
คุณสมบัติที่เครื่องจักรสังหารระดับสูงจำเปนตองมี เพื่อที่จะไดรูวาจะตัดสินใจเชนไร
ใหถูกตองเมื่ออยูในสนามรบ การไรความสงสัยถือเปนมาตรฐานที่สำคัญที่สุดของ
เครื่องจักรสังหารขั้นสูงสุดเครื่องหนึ่งจะตองพิจารณา
โหลวหลานนั้นฉลาดมาก จึงกลายเปนปญหาใหญของการเขาสนามรบครั้งแรก
ของเขา
แตวาในตอนนี้ดูแลวถือวาไมเลวเลย โหลวหลานไมไดลนลานจนคิดผิดพลาด การ
เตือนใหตนยอมแพนั้นเปนการพิจารณาจากความแข็งแกรงของสองฝายตรงขามจาก
การปะทะกันแลวสรุปไดเปนทางเลือกที่ถูกตอง
ฉลาดและสุขุม เมื่อมองจากจุดนี้แลวแสดงใหเห็นวาโหลวหลานเปนตุกตาทรายที่
มีศักยภาพสำหรับตอสูระดับสูงแฝงอยู
“วิชาที่เขาฝกคือวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] นี่เปนหนึ่งในวิชาลับขั้นสูง”
โหลวหลานกลาวขึ้นเสียงเบา
“ระดับของเขานาจะอยูที่เปดสองตำหนัก วิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน]
ที่เปดสองตำหนักไดแลว จะใช [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] ได ซึ่งพวกเราไมมีโอกาสที่จะ
ชนะ”
หากพูดวากอนหนานี้ที่โหลวหลานเตือนใหเจานายยอมแพทำใหผูชมดานลางเวที
หัวเราะกันยกใหญ ประโยคที่โหลวหลานพูดขึ้นนี้ กลับทำใหเกิดความตกตะลึง
“ไมใชวานี่เปนตุกตาทรายรูปแบบกุนซือหรอกนะ”
“ถึงกับรูจักวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] ตองเปนตุกตาทรายกุนซือแน!”
“ชางเปนตุกตาทรายที่ฉลาดนัก นี่ก็คือตุกตาทรายกุนซือหรือ”
“วันนี้เปนวันอะไรกัน ไดเห็นทั้งวิชาลับขั้นสูง และตุกตาทรายกุนซือในวันเดียวกัน!”
ผูคนดานลางมีใบหนาที่เต็มไปดวยความตะลึงปนสงสัยวิพากษวิจารณเรื่องนี้กัน
เสียงเบา
ตุกตาทรายไดผานการพัฒนามากวาหนึ่งพันป ไดมีการพัฒนาตุกตาทรายรูปแบบ
แปลกประหลาดตางๆ มากมายหลายประเภท ผูใชพลังธาตุดินภายใตสายตาของผูคน
สวนใหญ ลวนเปนพวกที่มีนิสัยแปลกประหลาด นี่เปนสิ่งที่มีลักษณะโดดเดนเปน
เอกลักษณของกลุมเปนที่สุด ถาหากวาผูใดมีนิสัยปกติเกินไป เชนนั้นก็จะพูดวาตน
เปนผูใชพลังธาตุดินไดไมเต็มปาก
ตุกตาทรายรูปแบบกุนซือก็เปนประเภทที่เห็นไดนอยที่สุด เพราะไมเพียงแตตอง
มีสติปญญาและความสามารถในการเรียนรูที่สูงมากเทานั้น แตตองมีความสุขมุ เยือก
เย็น และสามารถที่จะใหคำแนะนำที่มีคาที่สุดไดในชวงเวลาสำคัญไดดวย
ระดับความยากในการสรางตุกตาทรายรูปแบบกุนซือนั้นสูงมาก เพราะมีความ
ตองการในดานสติปญญาที่ไกลเกินกวาตุกตาทรายธรรมดา ตุกตาทรายกุนซือนั้น
ออนแอมาก ในสนามรบมักจะเปนเปาหมายในการโจมตีของศัตรู ดังนั้นจึงงายมากที่
จะถูกทำลาย
แนนอนวาผูใชพลังธาตุดินลวนมั่นใจวาตนเปนผูมีสติปญญา ตองการเพียงแคสิ่งที่
จะมาชวยพวกเขาทำงานจิปาถะมากกวา และเปนตุกตาทรายที่สามารถรักษาความ
ปลอดภัยใหแกพวกเขาได สำหรับตุกตาทรายกุนซือ พวกเขาไมไดโปรดปรานเทาใด
นัก
แตวาสำหรับผูใชพลังธาตุสายอื่นแลว ตุกตาทรายกุนซือกลับเปนประเภทที่พวก
เขาชื่นชอบมากที่สุด โดยเฉพาะพวกที่มีแตกำลังไมมีสมองพวกนั้น ความสามารถใน
การเรียนรูของตุกตาทรายเทียบกันแลวแข็งแกรงกวามนุษยมากมายนัก เพราะตุกตา
ทรายไมจำเปนตองนอนหลับ แถมยังเรียนรูและซึมซับความรูไดอยางไมเหน็ดเหนื่อย
อีกตางหาก
ใครบางที่จะไมอยากมีคูหูที่ฉลาด ดวยเหตุนี้ตุกตาทรายกุนซือในทองตลาดจึงมี
ราคาสูงอยางไมตกลงเลย
คนที่รูสึกเบิกบานที่สุดก็คือเถาแกโรงฝกอยางไมตองสงสัย วิชาลับขั้นสูงของ
ตระกูลจู [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] เพิ่งจะปรากฏ อยูดีๆ ตุกตาทรายที่ดทู ึ่มๆ
นั่นก็มีความเปนไปไดวาจะเปนตุกตาทรายกุนซือที่พบไดยากยิ่ง ความรูสึกราวกับถูก
รางวัลสองครั้งภายในวันเดียว ทำใหเขาแทบจะบินไดอยูแลว
แตเดิมอายฮุยคิดวาจะยอมแพ เปนไปตามที่โหลวหลานไดพูดมา ความแข็งแกรง
ของทั้งสองฝายแตกตางกันมากเกินไป เขานั้นไมมีโอกาสชนะไดเลย
เขามาเขาแขงที่โรงฝกก็เพื่อหาเงิน ในเมื่อไมมีโอกาสที่จะหาเงินได เชนนั้นก็
เปลี่ยนโรงฝกก็พอแลว เขาไมไดสนใจผลการตอสูแมแตนอย
แตทวาในตอนที่เขาไดยินโหลวหลานพูดวาอีกฝายใชวิชาลับขั้นสูง อายฮุยก็
เปลี่ยนความคิดขึ้นมาในทันที
อายฮุยอยูที่แดนรางมาสามป ไดรูจักผูใชพลังธาตุที่แข็งแกรงมากมาย แตทวาไม
มีผูใดเลยที่มีวิชาลับขั้นสูงในครอบครอง ในสายตาของเขาแลว ตอนที่เหลาผูใชพลัง
ธาตุที่สูงสงเกินเอื้อมกลาวถึงวิชาลับขั้นสูง ลวนแตเปนใบหนาที่เต็มไปดวยความใฝฝน
และความปรารถนา ตั้งแตตอนนั้นเปนตนมา อายฮุยก็รูสึกสงสัยเปนอยางยิ่งวาวิชา
ลับขั้นสูงนั้นแทจริงแลวเปนเชนไร
ถึงแมเขาจะไมรูวาโหลวหลานรูไดเชนไรวาวิชาที่อีกฝายใชเปนวิชาลับขั้นสูง แต
วาเขาเชื่อมั่นในโหลวหลาน ตั้งแตที่ไดรูจักกันมา แตไหนแตไรโหลวหลานก็ไมเคยพูด
เรื่อยเปอย ไมนาเชื่อถือออกมาสักครั้ง
โอกาสก็มาอยูตรงหนาของตนแลว!
ไมมีโอกาสใดจะดีไปกวาวันนี้อีกแลว!
การปดตาตอสูนี้เปนเพียงแคการแขงขัน การพายแพที่นี่ก็ไมจำเปนที่จะตองกังวล
เรื่องอันตรายถึงชีวิต การใดอยูในสนามแขงซึ่งไมใชสนามรบ ไดเรียนรูถึงวิชาลับขั้นสูง
เสียหนอย จะมีอะไรดีไปกวานี้อีก!
ในใจของอายฮุยไดตื่นเตนขึ้นมา แขนขวาไมมีความรูสึกแลว แตวาเขากลับรูสึก
วาทั่วรางกายของตนนั้นมีพลังที่ใชไดไมหมดสิ้น
“เจาลงไปกอน อีกสักครูขาถึงจะตามลงไป”
ภายใตหนากากอายฮุยเลียริมฝปาก แลวคอยๆ ยอกายลง
โหลวหลานไมรูวาทำไมอายฮุยถึงไดปฏิเสธคำแนะนำของตน ความแข็งแกรงของ
ทั้งสองฝายแตกตางกันมาก ซึ่งไมมีโอกาสที่จะเอาชนะไดเลย อายฮุยเองก็นาจะรูนี่!
แตในเมื่ออายฮุยเลือกที่จะสูตอ เชนนั้นตนก็ไมมีเหตุผลที่จะถอยหลัง ทันใดนั้น
โหลวหลานก็นึกถึงสิ่งที่เขาสังเกตไดกอนหนานี้ เขาสัมผัสไดถึงความกระตือรือรนจาก
ตัวอายฮุย นั่นเปนความกระตือรือรนที่เขาไมเคยมีมากอน
อยางมากรางกายก็แคถูกตีจนแตกกระจายเทานั้นแหละ...
โหลวหลานปลอบใจตนเอง
เขายืนอยูขางๆ อายฮุย แกนทรายไดขับเคลื่อนเต็มกำลัง และเริ่มทำการคนหา
ขอมูลที่เกี่ยวของกับวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน]
อายฮุยสังเกตไดถึงโหลวหลานที่อยูขางกาย เขาคิดไมถึงเลยวาโหลวหลานไมได
จากไป แตทวาเขาก็ไมไดโวยวายหรือพูดอะไรอีก ซึ่งตางจากผูอื่น อายฮุยรูสึกวา
สำหรับโหลวหลานแลว นี่เองก็เปนโอกาสที่ดีอยางที่สุดเชนกัน
ครั้งแรกของการตอสูก็ไดพบกับวิชาลับขั้นสูงแลว การเริ่มตนเชนนี้...ชางดีเสียจน
ใครๆ ตองอิจฉาเลยเชียว!
มือใหมตองประสบกับความลมเหลวหรือไม เรื่องนั้นอายฮุยนั้นไมไดคิดถึงเลย
แมแตนอย เทียบกับแดนรางที่มีโลหิตและชิ้นเนื้อทุกหนทุกแหงแลว สนามแขงก็ถือได
วาอบอุนราวกับบานก็ไมปาน
โหลวหลานยืนอยูที่ขางกายของอายฮุย แตกลับไมรูวาควรจะแสดงทาทางอะไร
ออกมา ดูไปแลวก็เหมือนกับนกเพนกวินเซอซาตัวหนึ่ง
หญิงสาวที่อยูดานลางเวทีนัยนตาสองประกายราวดวงดาว สองมือประสานกันอยู
ตรงกลางอก
“ชางเปนตุกตาทรายที่นารักจริง!”
“หนาตาบองแบว อยากไดสักตัวเหลือเกิน!”
ทวาคนอื่นๆ นั้นตางก็สายศีรษะ ตุกตาทรายกุนซือถอออกมาตอสูจริงกับคนอื่น
ก็เปรียบไดกับการรนหาที่เทานั้นแหละ ดูทาเจาตุกตาทรายกุนซือตัวนี้จะมีระดับ
สติปญญาที่ไมสูงนัก ไมเชนนั้นก็คงไมถทำเรื่องโงเขลาเชนนี้ออกมาหรอก
เมื่อครูทุกคนคาดเดาไวนั้นเห็นทาจะไมถูกตอง นี่ไมใชตุกตาทรายกุนซืออะไรทั้งนั้น
ตาขายเพลิงสีแดงสดที่อยูบนพื้นก็เหมือนกับใยแมงมุมขนาดใหญ จูเหยี่ยนก็คือ
แมงมุมที่อยูบนใย ทุกการเคลื่อนไหวภายในสังเวียนลวนอยูภายในกำมือของตน เมื่อ
ครูเจาคนที่ปะทะหมัดกับตนเปนคูตอสูเพียงคนเดียวที่ทำใหเขาสนใจ
จูเหยี่ยนสัมผัสไดวาคนเมื่อครูนั้นไมไดมีเจตนาจะจากไป ก็รูสึกสนใจขึ้นมามาก
ทีเดียว เขาเปดโอกาสใหอีกฝายไดพักครูหนึ่ง แลวก็ใชเวลาในชวงนี้ทำใหคนอื่นๆ ใน
สนามออกไปนอกสนามทั้งหมด ประดุจดั่งสายลมในฤดูใบไมรวงที่พัดใบไมใหรวงหลน
ลงก็ไมปาน
อายฮุยในตอนนี้ไมมีเวลามาสนใจโหลวหลานแลว สมาธิทั้งหมดของเขาลวนไป
อยูที่รางของฝายตรงขามทั้งสิ้น
บทที่ 31 ตาขายเพลิงแมงมุมดิน
พลังสมาธิของอายฮุยสงบนิ่งอยางที่ไมเคยเปนมากอน
ผูเขาแขงขันเบื้องหนาเปนคูตอสูที่แข็งแกรงที่สุดที่เขาเคยไดเจอมาจนถึงทุกวันนี้
ความแข็งแกรงของอีกฝายมากกวาเขานัก ความจริงขอนี้ทำใหเขาไมกังวลวาใครจะ
แพใครจะชนะอีกตอไป แตก็ไมรูวาเปนเพราะเหตุใด เขายิ่งรูสึกตื่นเตนขึ้นมา เลือด
สดๆ ที่ไหลเวียนอยูในตัวรอนเราราวกับลาวา
การจะไดเรียนรูถึงวิชาลับขั้นสูงอันเปนตำนานเชนนี้ ก็ทำใหรูสึกตื่นเตนขึ้นมาแลว
แมวาแขนขวายังหอยอยูอยางไรเรี่ยวแรง และทัศนวิสัยยังคงอำพรางดวยความมืด
แตทวาพลังสมาธิที่ไมเคยเกิดขึ้นมากอนทำใหอายฮุยรูสึกไดวาสัมผัสที่หกของตน
กำลังขยายออก
เขารับรูตำแหนงของอีกฝายไดอยางัดเจน เพราะไมไดมีเจตนาจะหลบซอน
อายฮุยสัมผัสไดถึงทาทางแปลกประหลาดของอีกฝาย รวมไปถึงฝามือทั้งสองขาง
ที่ปลอยไอความรอนออกมา ตลอดจนการเคลื่อนไหวของพลังธาตุที่บางครั้งก็ปรากฏ
เดี๋ยวเดนชัดเดี๋ยวเลือนราง
พลังธาตุที่อยูบนพื้นเคลื่อนไหวอยางแผวเบา ซึ่งกอนหนานี้อายฮุยไมสามารถ
ตรวจจับได
การจูโจมของตนในครั้งกอน ก็นาจะถูกตรวจจับไดผานเสนใยพลังออนๆ เหลานี้
อีกฝายไดวางตาขายลอมเอาไวหมดแลวตั้งแตแรกอยางเงียบเชียบ รอใหเหยื่อบุก
เขามา ชางไมเสียทีที่เปนวิชาลับขั้นสูง อายฮุยรูสึกนับถืออยูในใจ การวางกับดักก็เปน
ทักษะที่เขาเชี่ยวชาญเชนกัน แตเมื่อครูเขากลับไมไดรูตัวเลยสักนิด แสดงใหเห็นวาอีก
ฝายอยูเหนือกวาเขาอีกขั้นหนึ่ง
เขานึกถึงคำพูดของโหลวหลานที่กลาวไวเมื่อครูทันที
อีกฝายสามารถใช [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] ไดแลว
แมงมุมเปนสัตวที่อายฮุยคุนเคยเปนอยางมาก ในแดนรางอายฮุยไดรูจักแมงมุมที่
ประหลาดหลากหลายประเภท ไมวาจะเปน [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] หรือ [ตา
ขายเพลิงแมงมุมดิน] ดูเหมือนวาจะลวนมีความเกี่ยวของกับแมงมุมทั้งสิ้น บางทีนี่
อาจจะเปนชองโหวที่อาจนำไปสูชัยชนะก็เปนได
วิชาทั้งหลายนั้นไมอาจตั้งชื่อเรียกขึ้นมามั่วๆ ได โดยทั่วไปตองสามารถแสดงถึง
ลักษณะพิเศษของตัวมันได
อายฮุยรูวิธีจับแมงมุมอยางทะลุปรุโปรง ในใจเกิดสั่นไหวขึ้นมา หรือวา...
รางกายของเขาขยับพุงไปดานหนาในทันที และเกือบจะเปนเวลาเดียวกัน เขาก็
รูสึกไดถึงรางของฝายตรงขามที่คอยๆ ขยับ ไมผิดแน อายฮุยเขาใจแลว วงคลื่นอัน
แผวเบาจนแทบไมสามารถสัมผัสไดอยูบนพื้น ที่จริงก็คือตาขายลองหนขนาดใหญ อีก
ฝายเปนดั่งแมงมุมที่รอคอยอยูกลางใยแมงมุม เพียงคูตอสูเขามาในใยแมงมุมไมวาจะ
เปนสวนใด ก็ลวนตกอยูในกำมือของเขา
ในตอนนี้ อายฮุยเองก็คิดวิธีที่ดีกวานี้ไมออก
นี่เปนครั้งแรกที่อายฮุยไดพบกับคูตอสูที่เหนือกวาเขาในการประลองปดตาตอสู
[ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] เปนทักษะที่เหมาะกับการปดตาตอสูที่สุดอยางไมตองสงสัย
“ในเมื่อเจาไมเขามา เชนนั้นขาจะเขาไปเอง!”
จูเหยี่ยนทนรอไมไหว จึงตะโกนขึ้นแลวเริ่มทำการรุกเขาจูโจม เปลวเพลิงที่หอหุม
มือขวาฟาดลงกับพื้นหนึ่งที รางของเขาเปรียบดั่งธนูที่เต็มไปดวยความเกรี้ยวกราด
พุงเขาใสอายฮุย ความมืดไมไดสงผลกระทบตอเขาแมแตนอย
เขายืมแรงจากการพุงตัว ยืดขาจนตึงแลวเคลื่อนพลังธาตุ เปนอีกครั้งที่ขาราวกับ
เปนขวานหนักๆ ฟนลงใสอายฮุย
เสียงแหวกอากาศที่รุนแรงดังมาพรอมกับเสียงเปลวเพลิงลุกไหมแตกพรา ความ
ดุเดือดเลือดพลานของการจูโจมในครั้งนี้ดูรุนแรงอยางหาใดเปรียบ แมแตผูชมที่อยู
ดานลางเวทีก็ยังสามารถเห็นถึงกำลังอันมหาศาลของการฟาดขาในครั้งนี้ เปนตอง
หนาเปลี่ยนสีกันในทันที
รางของอายฮุยที่อยูตรงกลางรูสึกไดถึงความรุนแรงยิ่งกวา เสียงลมบาดแกวหูทำ
ใหเขาถึงกับรูสึกไรทางสู
อายฮุยหวั่นไหวหวาดกลัว ราวกับสายลมอันบาคลั่งพัดเขามาใกลเปลวเทียนโรย
รอนออนแสง แตจิตใจยังเหลือความชัดเจนอยูเล็กนอย เขากัดลิ้นของตนอยางแรง
ปลอยใหความเจ็บปวดดึงสติใหแจมชัดขึ้นมา เปลวเพลิงที่เหมือนขวานดามหนัก
แหวกอากาศมาถึง
อายฮุยใชแรงทั้งหมดกลิ้งหลบไปดานขาง
บึ้ม!
ทามกลางเปลวเพลิงอันไรขอบเขต ขายาวราวกับขวานหนักๆ ที่ถูกยักษเหวี่ยงได
ปกลงกับพื้นอยางแรง
พื้นเวทีที่แข็งแรงราวกับเปนขนมอบกรอบ พื้นแตกกระจายเรื่อยไปทั่วทุกที่ กาย
อายฮุยก็ระโหยโรยแรงออนลา
จูเหยี่ยนคอนขางจะคาดไมถึง ลูกเตะเมื่อครูของเขาดูแลวดูดุเดือดรุนแรง มันเปน
กระบวนทาสังหารอยางแทจริง และเปนการรบกวนจาก [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน]
กระบวนทานี้เขาใชมาหลายครั้งก็ไมเคยพลาด ความสนใจของคูตอสูโดยทั่วไปลวนถูก
ลูกเตะของตนดึงดูดสมาธิ คลื่นไรรูปลักษณก็จะกระทบจิตใจอีกฝายโดยที่ไมรูตัว
ระหวางการตอสูของยอดฝมือ หากเสียสมาธิเพียงเสี้ยววินาทีก็เพียงพอที่จะทำให
พายแพได
คิดไมถึงวาการรบกวนของตาขายเพลิงแมงมุมดินจะไมมีผลกับรางของอีกฝาย
ความตื่นเตนของจูเหยี่ยนยิ่งเพิ่มมากขึ้น สามารถหลบกระบวนทานี้ของตนได
ยอมไมใชพวกไรชื่อ
“เจาเปนใครกันแน” จูเหยี่ยนราวกับไดดื่มยาปลุกกำลัง เขาตะโกนไปพลาง
กระหน่ำโจมตีราวพายุไปพลาง ลูกเตะหนักๆ เสียงดังสนั่นสะเทือนจิตใจคน เปลว
เพลิงสีแดงสดเปลงประกายครอบคลุมทั่วพื ้นสนาม เศษอิฐราวกับหาฝนกระเด็ น
ออกไปทั่วทั้งสี่ทิศ ชนเขากับมานพลังธาตุสำหรับปองกันราวกับฝนตกใสใบตองกลวย
ภายในโรงฝกนั้นเงียบเปนเปาสาก ทุกคนลวนถูกฉากเบื้องหนาสะกดเอาไว พวกเขา
มาเห็นการโจมตีที่รุนแรงเชนนี้ไดอยางไรกัน พวกที่ใจเสาะหนอยรางกายก็สั่นอยางไม
รูตัว ตอใหเปนพวกที่โออวดวาตนเปนพวกมีความกลา ใบหนาก็ซีดเผือดไปพลัน
แมแตเหลากรรมการที่อยูขางสนามในตอนนี้ก็ลวนมีใบหนาตึงเครียด พวกเขาได
เตรียมพรอมสำหรับการเขาไปชวยเหลือตลอดเวลาไวแลว
เสนขนทั่วรางของอายฮุยลุกชัน ตั้งแตเริ่มตนจนถึงตอนนี้ อันตรายก็ไมไดห าง
จากเขาเลยแมชั่วขณะ ความรูสึกอันตรายสะเทือนอยูในจิตใจของอายฮุย เขาไมมี
เวลาที ่จ ะมาขบคิ ด พิจ ารณาอะไรทั้ ง นั ้น หนี ! หนี อ ย า งสุ ดชีว ิ ต! หนี โ ดยการพึ่ ง
สัญชาตญาณ!
เขารูสึกวาตนสามารถถูกโจมตีไดทุกเวลา ไม เพียงถูกลูกเตะของอีกฝายเฉียด
ผานเพียงเล็กนอย หากไมตายก็ตองถูกถลกหนังออกไปเปนแน
“เจาเปนหนูหรือไร หนี! ก็รูจักแตหนี!” หลังจากจูโจมที่ไมเขาเปาอยางตอเนื่อง
น้ำเสียงของจูเหยี่ยนก็คอยๆ เพิ่มความโกรธขึ้น “เจาคิดวาเจาจะหนีพนหรือ”
การจูโจมของจูเหยี่ยนไดเพิ่มความเร็วขึ้นหลายเทาทวี
เปลวไฟเกายังไมไดดับไป เปลวไฟใหมที่มากับลูกเตะก็แผดเสียงขึ้น เพียงพริบตา
เปลวไฟบนสนามก็ซอนทับกันเปนชั้นๆ ราวกับเปลวไฟจะเผาไหมไปยังเมฆบนฟา
สถานการณของอายฮุยยิ่งเพิ่มความทาทายเขาไปอีก เขาราวกับอยูทามกลาง
มหาสมุทรที่มีสายลมบาคลั่งพัดกรรโชก สามารถถูกคลื่นยักษกลืนหายไดทุกเวลา
กำลังของเขาก็ลดฮวบลงดวยความเร็วที่มากยิ่งกวาในตอนปกติ
ทั่วรางของเขาชุมโชกไปดวยเหงื่อ มีอาการหายใจหอบ ลำคอก็รอนราวกับถูกไฟเผา
ผูคนดานลางเวทีก็คอยๆ ไดสติกลับมาจากตอนแรกที่ตื่นตะลึง ไมนานพวกเขาก็
ไดพบวามีบางสิ่งผิดปกติ ผูใชพลังธาตุดินที่แปลกประหลาดคนนั้น ดูนาหวาดเสียว
เกินประมาณและมีสภาพนาเวทนา จะลมแหลมิลมแหล อาจถูกบดขยี้ไดทุกเวลา แต
ทวาผานไปนานขนาดนี้แลว เจาหนุมนี่กลับถูกโจมตีเทาไรก็ไมโดนตัวเสียที!
ชางประหลาดจริง!
คนที่มีสมองลวนดูออกถึงสิ่งผิดปกติในที่นี้ การหลบไดหนึ่งถึงสองกระบวนทา ยัง
มีความเปนไปไดวาเปนเพราะโชคชวย แตบนเวทีผานไปแลวหลายสิบกระบวนทา
เชนนั้นแลวคงไมมีทางเปนโชคดีไปได
คอยๆ มีคนมองเหตุผลขอนี้ออก
ผูใชพลังธาตุดินผูนั้นราวกับวาสามารถวิเคราะหไดกอนถึงการโจมตีของจูเหยี่ยน
อีกทั้งการเคลื่อนไหวก็แสนจะรวดเร็วเปนอยางมาก ไมมีการลังเลและอืดอาดยืดยาด
ไหลลื่นราวกับไดอาบน้ำมันไวทั่วราง เปนการหลบหลีกระดับสูงอยางแทจริง
ชางเปนการหลบหลีกที่ลื่นไหลอะไรเชนนี้ จะตองไมใชพวกไรชื่ออยางแนนอน!
ทุกคนขบคิดพินิจพิเคราะหอยางสุดชีวิต ผูใชพลังธาตุดินผูใดกันที่เชี่ยวชาญการ
ตอสูในรูปแบบเชนนี้ รอเดี๋ยว ผูใชพลังธาตุดิน...ในใจของทุกคนไดรูสึกถึงความคับของ
ใจที่อธิบายไมถูกขึ้นมาในทันที
หากวาเปลี่ยนเปนผูอื่น ทุกคนยังรูสึกวายังดี แตพอนึกไดวาคนผูนี้ที่อยูดานบน
เปนผูใชพลังธาตุดิน ทุกคนก็รูสึกไมสบายใจขึ้นมา
รูปแบบการตอสูที่ลื่นไหลเชนนี้ มาจากผูใชพลังธาตุดิน ชางเปนเรื่องที ่ ก ลั บ
ตาลปตรจริงๆ
รูปแบบการตอสูของผูใชพลังธาตุดิน ควรจะใชตุกตาทรายเปนหลักไมใชหรือ
เอ มาถึงตอนนี้ ทุกคนจึงจะนึกขึ้นไดในทันที เจาตุกตาทรายดูทึ่มๆ ตัวนั้นหายไปไหน
บทที่ 32 สัญญาณลับ
ไมมีผูใดยังจดจำโหลวหลานได
จูเหยี่ยนไมไดมองโหลวหลานอยูในสายตาเลยแมแตนอย อีกทั้งยังถูกอายฮุยยั่วโมโห
ทำใหเขานั้นลืมเลือนโหลวหลานไปตั้งแตแรกแลว และในตอนนี้จิตใจของอายฮุยก็ตึง
เครียดถึงขีดสุด เขาอาศัยเพียงสัญชาตญาณและประสบการณที่มากมายของตนใน
การหลบหลีก แนนอนวาไมไดคำนึงถึงโหลวหลานอยูแลว และผูชมที่อยูดานลางเวที
ลวนตราตรึงไปกับการโจมตีที่รุนแรงสะดุดตาของจูเหยี่ยนทั้งสิ้น ในใจเต็มไปใหความ
ตกตะลึง ยังจะไปจำเจาตุกตาทรายทึ่มนั่นไดอยางไรกัน
โหลวหลานจึงถูกทิ้งไวตรงซอกมุมเชนนี้ มองดูอายฮุยที่วิ่งแลนไปทั่วสนาม เขา
ยืนคิดอยูนิ่งๆ วาควรจะชวยเหลืออายฮุยเชนไร
ในตอนนี้จากตอนแรกที่เปนกังวลก็ไดฟนคืนกลับมาเปนปกติอยางสมบูรณแลว
แตนั่นก็ไมไดมีประโยชนอะไร...
ไมมีโอกาสใหแทรกแซงเลยแมแตนอย ในดานการตอสูเขานั้นเปนมือใหมอยางไม
ตองสงสัย อายฮุยที่เขามองวาเปนเทพสงคราม ยังถูกไลตอนจนตองวิ่งแจนไปทั่ว
สนาม ไมไดมีโอกาสตอบโตเลยแมแตนอย
ความแข็งแกรงของอีกฝายชางสูงเกินไปเสียจริง!
ภายใตความแตกตางของความแข็งแกรงอยางที่สุดเชนนี้ โหลวหลานคิดไมออก
วาจะมีวิธีใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณการตอสูนี้ได
ถาหากวาในตอนนี้อายฮุยหยุดลงแลวถามเขาวา “โหลวหลานคิดหาวิธีออกหรือยัง”
เขาก็คงจะตองตอบกลับไปวา “พวกเรายอมแพเถอะ”
หลังจากนั้นคอยบอกอายฮุยวา หากดูตามความคืบหนาของสถานการณเบื้อง
หนานี้แลว ทายที่สุดผลลัพธที่ถูกกำหนดก็คือความพายแพ แขนขวาของอายฮุยนั้นได
หักไปแลว จะรักษาใหหายตองใชเงินจำนวนไมนอย ถายังตอสูตอไป อานฮุยจะยิ่ง
ไดรับบาดเจ็บหนัก และตองใชเงินรักษาที่มากยิ่งขึ้น จากนั้นโหลวหลานก็จะพูดใน
ฐานะของสหาย เตือนสติอายฮุย อายฮุยเจาจนมากเลยนะ
นี่คือวิธีที่มีตรรกะที่สุดแลว
แตเห็นไดอยางชัดเจนวา ตรรกะไมมีประโยชนใดๆ ในที่แหงนี้ โหลวหลานนึกถึง
นัยนตาของอายฮุย มันไมไดสองสวาง หากแตเปนนัยนตาที่เยือกเย็นลึกล้ำ มีประกาย
แสงเจิดจาอยูนอยๆ เปยมดวยความมุงมั่นในการตอสู
ความกระตือ รือ รนที่ห ลบเรนอยู เบื ้ อ งใต ส ว นลึ กของจิ ตใจจะระเบิ ดออกมา
ในตอนนี้เชนนั้นหรือ
โหลวหลานรูสึกคอนขางอิจฉา เขาไมรูวาอายฮุยสูสุดแรงเชนนี้เพื่ออะไร ทำไมถึง
ไดไมสนใจอะไรทั้งสิ้น ทำไมรูทั้งรูวาตนออนแอกวาอีกฝายมากมายขนาดนั้นก็ยังจะ
ฝนตอสูกับอีกฝาย ทำไมทั้งที่ถูกไลตอนจนตองวิ่งแลนไปทั่วสนามไมมีโอกาสสวนคืน
แตก็ยังไมยอมแพ
สิ่งนี้ก็คือความกระตือรือรนหรือ โหลวหลานคิดกับตนเองอยางจริงจัง ความ
กระตือรือรนเชนนี้ไมเคยปรากฏขึ้นในใจตน
ชางคิดมากเกินไปจริงๆ โหลวหลานรูสึกขบขันตนเอง
เขาเตือนตนเอง โหลวหลาน เจาเปนตุกตาทราย
กระนั้นก็ตาม การมีเพื่อนเชนอายฮุยก็เปนเรื่องหนึ่งที่โหลวหลานควรดีใจ อีก
อยางตนเองในตอนนี้ก็ยังไดสูเคียงบาเคียงไหลกับอายฮุย!
โอ เขากวาดสายตาไปยังการตอสูอันรุนแรงบาคลั่งที่อยูไมไกล พึมพำอยางไม
คอยมั่นใจนัก แบบนี้ก็นาจะถือวาเคียงบาเคียงไหลกระมัง...
ความไมสบายใจเล็กนอยเมื่อครู ก็ไดสลายหายไปในทันที
ถึงแมโหลวหลานจะไมมีความกระตือรือรนแบบอายฮุย แตวาอายฮุยเปนเพื่อน
โหลวหลาน เพื่อนคนแรกและคนเดียวของโหลวหลาน เหตุผลของการตอสูเชนนี้ก็ถือ
วาเพียงพอแลว
โหลวหลานเปนตุกตาทราย!
รางกายของโหลวหลานไดกระจายออกในทันที เปลี่ยนเปนทรายกองหนึ่ง
บนเวทีทุกที่ลวนเต็มไปดวยกระแสอากาศที่พัดกระเพื่อม โหลวหลานไดยืมแรงจา
กระแสอากาศนั้น พยุงใหตัวลอยอยูกลางอากาศ มีหลายครั้งที่เศษอิฐทะลุผานตัวของ
เขาไป แตวาเขาก็ไมไดทำการตอบสนองอะไรทั้งสิ้น เขาเหมือนเปนเมฆทรายกอน
หนึ่งที่ไมอยูในสายตา ลองลอยอยางไรเสียงอยูทามกลางเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ
โหลวหลานมีความเขาใจที่แนนอนกับวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน]
สวน [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] เขาก็ไดอานหนังสือบรรยายมากอน
วิชา [ตาขา ยเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน ] สามารถกลายมาเป นวิชาลั บ ขั ้ นสูงได
เพราะในนั้นมีจุดที่คูควรแกการชมเชยมากที ่สุ ด นั่นคือมันมีการเติบโตที ่ยิ่ งใหญ
หลังจากบรรลุวิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] แลว การเปดตำหนักแตละครั้ง
ความแข็งแกรงก็จะเพิ่มขึ้นเปนเทาตัว
ดูจากระดับสองตำหนักแลว การใช [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] ถือวาฝนกำลังอยู
มาก ถาใหดีตองระดับสี่ตำหนักจึงจะเหมาะสมมากกวา [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] ใน
ระดับสองตำหนักนั้นมีชองโหว
นั่นก็คือมันสามารถตรวจสอบไดเพียงแคศัตรูที่ยืนอยูบนพื้นเทานั้น ถาหากศัตรู
เขาใกลจากกลางอากาศ ก็จะไมมีการตอบสนองจาก [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน]
นาเสียดายที่อายฮุยไมสามารถบินได
ที่จริงแลว สิ่งที่เปนจุดออนจะมีความหมายก็ตอเมื่อความแข็งแกรงของทั้งสอง
ผายแตกตางกันไมมาก แตดวยความที่ความแข็งแกรงของทั้งสองฝายแตกตางกัน
เชนนี้ ตอใหรูจุดออนไปก็ไมมีประโยชนอะไร
โหลวหลานลอยกลางอากาศ ขณะเลื่อนไหลไปตามกระแสอากาศอยางเงียบเชียบ
เขารับรูไดวาพลังธาตุและกำลังกายของอีกฝายลดหายลงไปอยางมาก ดูจาก
อัตราการโจมตีที่ชาลงและลมหายใจที่เหนื่อยหอบ แตหากเทียบกันแลว กำลังกาย
ของอายฮุยมาถึงจุดที่หมดสิ้นไมเหลือหลอ
โหลวหลานถึงขนาดรับรูไดวาขาทั้งสองขางของอายฮุยกำลังสั่นอยู
เขาอดนับถืออายฮุยไมได คำวาความตั้งใจนี้สำหรับตุกตาทรายคอนขางแปลกอยู
บาง เขาเคยแตอานเจอคำนี้ในหนังสือ แตวาในวันนี้ไดมาเห็นอายฮุยสูสุดชีวิตเชนนี้
เขาก็ไดรูซึ้งอยางแทจริง สิ่งนี้ก็คือความตั้งใจสินะ
อายฮุย ชางรายกาจเสียจริง!
ในตอนนี้เองอายฮุยไดพุงเขาไปผานดานขาง ที่ตามมาติดๆ ก็คือลูกเตะที่ลงมา
จากดานบน ปง! มันฟาดลงพื้นเต็มแรง ซึ่งก็พลาดไปอยางเฉียดฉิวอีกครั้ง
เมื่อมองเห็นคูตอสูที่อยูใกลแคเอื้อม โหลวหลานก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันที
จูเหยี่ยนนึกไมถึงเลยวาตนจะพบกับการลอบโจมตี ความสนใจทั้งหมดของเขา
ลวนไปอยูที่ตัวอายฮุย อีกทั้งการลอบโจมตีนี้ก็ยังมาจากกลางอากาศ
พรึบ!
เมฆทรายกอนหนึ่งไดกระจายตัวออกในทันที หอหุมตัวของจูเหยี่ยนดวยความเร็ว
ปานสายฟา ทรายบางๆ ชั้นหนึ่งไดแทรกไปยังใตฝามือของจูเหยี่ยน ทำใหระหวางฝา
มือกับพื้น มีชั้นทรายบางๆ เพิ่มเขามาขวางกั้น
จูเหยี่ยนที่ไมทันไดตั้งตัวใบหนาถึงกับเปลี่ยนสีอยางฉับพลัน ฝามือกับพื้นมีชั้น
ทรายบางๆ เพิ่มขึ้นมา การเชื่อมตอระหวางตัวเขากับ [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] จึง
ไดรับผลกระทบ บริเวณโดยรอบเปลีย่ นเปนเลื่อนรางในทันที
ซา ซา ซา!
เสียงทรายเล็กๆ นับไมถวนกำลังบดเบียดกัน
เมื่อจิตสำนึกของอายฮุยที่เริ่มผอนลงก็ไดยินถึงเสียงทรายเล็กๆ เหลานี้ ราวกับมี
สายฟาผาขึ้นกลางสมอง ทลายหมูเมฆ เปดทางสวางใหสองลงมายังสมองอายฮุย
“...พวกเรามากำหนดสัญญาณลับในการเตือนภัยกัน ก็ใชเสียงของการบดทราย
เสียงไมตองดัง คอนไปทางเบาหนอยพอใหขาสามารถไดยินได...”
รูมานตาที่หยอนยานไดหดตึงในทันที ทาทางของอายฮุยก็เปลี่ยนไปอยางรวดเร็ว
เขาจัดแจงทาทางใหพรอม ขาขวายันไวที่พื้นอยางแรง เสียงของพื้นรองเทาที่
เสียดสีกับพื้นดังขึ้นเสียดหู พรอมกับมีควันสีเขียวเกิดขึ้น ตัวของอายฮุยอยูในทาเอียง
ลง เกือบเปนระนาบเดียวกับพื้น เขาใชมือทั้งสองขางพยุงพื้นเพื่อรักษาสมดุล
อายฮุยหยุดขยับรางแลวใชพลังกายสวนสุดทายและพลังธาตุทั้งหมดที่เขามีอยาง
ไมลังเล แขนขาถูกใชรวมกัน รางทั้งรางเปนเหมือนกับสปริง เขาไดเหวี่ยงรางของตน
ออกไป พุงชนไปยังรางที่ถูกทรายสีเหลืองหอหุมเอาไว
อายฮุยที่อยูกลางอากาศ คอยๆ งอตัวลง
ในวินาทีที่แผนหลังของเขาไดสัมผัสกับอีกฝาย รางของเขาไดตอบสนองขึ้นตาม
สัญชาตญาณ
[มัจฉาสะบัดกาย]!
ปง!
ไมเหมือนกับเสียงระเบิดจากการเตะของจูเหยี่ยน เสียงระเบิดนี้สงเสียงอึกทึก
ครืนครั่นเกินใดเปรีย บ ราวกับ วา ออกมาจากส ว นลึ ก ของพื ้ น ดิ น เพิ ่ มพลั งความ
หวาดกลัวมากยิ่งกวา
ทรายสีเหลืองเปนดั่งเชนหาฝนที่กระจายไปทั่วสี่ทิศ รางของจูเหยี่ยนก็ราวกับถูก
แรดคลั่งพุงเขาชนใส ลอยไปกระแทกมานปองกัน ประหนึ่งแผนแปงที่แผออกติดอยู
กับผนัง สักพักใหหลัง ก็คอยๆ ไหลลงมาจากมานปองกัน
กรรมการที่อยูขางสนามรีบวิ่งเขาไป หลังจากตรวจสอบแลวถึงไดถอนหายใจโลงอก
“ไมเปนไร แคหมดสติไปเทานั้น”
ภายในโรงฝ ก เงี ย บเป น เป า สาก ทุ ก คนต า งตะลึ ง พรึ ง เพริ ด ไปกั บ การพลิ ก
สถานการณในครั้งนี้จนพูดไมออก
เมื่อครูการใช [มัจฉาสะบัดกาย] ผลาญพลังทั้งหมดของอายฮุยไปจนสิ้น ในตอนนี้
เขาไมมีแรงแมแตจะขยับนิ้ว
ซา ซา ซา ทรายสีเหลืองนับไมถวนไดกลิ้งอยูบนพื้น เสมือนลำธารสายหนึ่งที่ไหล
รวมกัน ครูตอมา ดานหนาของอายฮุยก็มีกองทรายสีเหลืองกองใหญรวมตัวกันขึ้น
ซึ่งก็คือโหลวหลาน
ทรายสีเหลืองแทรกเขาไปที่ใตรางของอายฮุย ยกอายฮุยขึ้น แลวไหลออกจาก
เวทีประดุจทรายดูด
ทุกคนยืนอึ้งมองเหตุการณฉากนี้ ในสภาพเงียบราวปาชา พวกเขายังไมไดหลุด
ออกจากความตกตะลึงเมื่อครู
ทรายสีเหลืองไมไดแบกอายฮุยออกไปทางประตู แตไหลมาที่ดานหนาของเถาแก
โรงฝก ฟุบ หญาหมอกวิญญาณถูกทรายดูดคายออก ตกลงมาอยูบนโตะของเถาแก
จากนั้นทรายดูดสวนหนึ่งก็เปลี่ยนแปลงรูปรางเปนมือขางหนึ่ง ยื่นมาอยูตรงหนาของ
เถาแก
เถาแกชะงักนิ่งไป
หลังจากรออยูถึงสิบวินาที ทรายสีเหลืองก็ทนไมไหวจนตองตีลงไปที่โตะดานหนา
เถาแกสองสามที และใชนิ้วโปงกับนิ้วชี้ถูกันบอกเปนนัย
เถาแกถึงไดกระจางขึ้นมาในทันที รีบรอนที่จะหยิบเอาเงินรางวัลขึ้นมา วางไวใน
ฝามือของทรายสีเหลือง
ครั้นแลวทรายเหลืองจึงไดแบกอายฮุยผานโรงฝกอันเงียบสงัด กอนจะออกจาก
ประตูไปทามกลางสายตาพิศวงงงงวยของฝูงชน
บทที่ 33 เสียงสะทอนกลับ
ซือเสวี่ยมั่นตอยทอนไมสำหรับฝกพังติดตอกันถึงยี่สิบหกทอน และเตะแผนเปา
เหล็กแหลกไปสามสิบเจ็ดแผน ครั้นแลวจึงไดหยุดพักหายใจหายคอ
นางเช็ดเหงื่อที่ไหลเยิ้มลงตามหนาผาก ไดระบายอารมณเชนนี้แลว เพลิงโกรธใน
ใจถึงไดผอนลงมามาก เมื่อแรกนางพอใจกับความคิดเรื่องการปดตาตอสูนี้มาก แตวา
นึกไมถึงวาความเปนจริงจะตบหนานางฉาดใหญ
ตั้งแตที่ไดพบกับเจาสาระเลวสมควรตายนั่นเปนตนมา ซือเสวี่ยมั่นก็รูสึกวาตน
เริ่มเขาชวงอับโชค เรื่องแตละเรื่องลวนกลายเปนไมไดดั่งใจทั้งสิ้น
นางเห็นทานอาหยงเจิ้งรีบรอนวิ่งเขามา จึงไดหยุดการฝกลง เกิดความหวังขึ้นมา
หรือวาจะมีขาวของเจาสาระเลวนั่นกัน
“คุณหนู เมื่อครูไดรับขาว คุณชายจูเหยี่ยนอยูที่โรงฝกแหงหนึ่ง ถูกคนซัดจนสลบ
ไปแลว”
ซือเสวี่ยมั่นชะงักไปพักหนึ่ง กอนจะตอบสนองกลับมาได “จูเหยี่ยน เขาถูกซัดจน
สลบไปแลวหรือ ตอนนี้เปนอยางไรบาง”
นางรูจักมักจี่กับจูเหยี่ยนนั้นตั้งแตเด็ก ความสัมพันธของทั้งสองตระกูลนั้นก็
เหนียวแนนเสมอมา ถือไดวาเปนการคบกันมาหลายชั่วอายุคน จูเหยี่ยนอายุนอยกวา
นางสองป ในสายตานางเขาเปนเจาเด็กนอยมาโดยตลอด
สมัยยังเด็ก ก็มักจะตามหลังนางตอยๆ ราวกับเปนแมลงเกาะอยูที่กน คิดไมถึงวา
ภายหลังโตขึ้นมาหนอยแลว พรสวรรคจะเริ่มแสดงออกมา ถึงกับเปนคนหนุมคนแรก
ในทายาทรุนเยาวของตระกูลจูที่บรรลุวิชา [ตาขางเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน]
ตั้งแตนั้นเปนตนมาซือเสวี่ยมั่นก็ไดพบกับเขานอยมาก คาดวาคงถูกกักใหฝกวิชา
อยูที่เรือน ในฐานะทายาทคนเดียวในกลุมชนรุนใหม ตระกูลจูจึงใหความสำคัญกับเขา
เปนอยางมาก แนนอนวาจะตองเหนือยิ่งกวาคนอื่นๆ ในจุดนี้ ซือเสวี่ยมั่นเองก็เปน
เหมือนกัน แตวานางคอนขางจะรูความ เขมงวดกับตัวเองคอนขางมาก ไมจำเปนตอง
ใหคนอื่นมาควบคุม และทางตระกูลก็ไมไดบังคับนางเทาไรดวย
หยงเจิ้งกลาวขึ้น “ตระกูลจูไดสงคนมารับเขากลับไปแลว”
“เช น นั ้ น ก็ ด ี แ ล ว ” ซื อ เสวี ่ ย มั ่ น ถอนหายใจโล ง อกออกมา ใบหน า ของนาง
เปลี่ยนเปนเครงขรึมในทันที “อีกฝายมีความเปนมาเชนไร”
“ยังไมทราบ ชวงนี้มียอดฝมือจากภายนอกเขามาลองการแขงปดตาตอสูที่เมือง
ซงเจียนเปนจำนวนมาก” หยงเจิ้งกลาวตอ “ตอนนี้รูเพียงแตวาอีกฝายเปนผูใชพลัง
ธาตุดินผูหนึ่ง มีตุกตาทรายที่ฉลาดมาก เขานั้นเอาชนะคุณชายจูเหยี่ยนไดในการแขง
ปดตาตอสู”
“การแขงปดตาตอสูหรือ” ซือเสวี่ยมั่นตกตะลึงไป
ความคิดแรกของนางก็คือเจาสาระเลวนั้นในครั้งกอน แตวาอีกฝายเปนผูใชพลัง
ธาตุ ด ิ น เช น นั ้ น ก็ ไ ม ถ ู ก ต อ งแล ว ซื อ เสวี ่ ย มั ่ น จดจำการต อ สู  ใ นครั ้ ง ก อ นในทุ ก
รายละเอียดไดอยางลึกซึ้ง ถึงแมนางจะไมอาจตัดสินสถานะของอีกฝายได แตก็กลา
ยืนยันไดวาไมใชผูใชพลังธาตุดินอยางแนนอน
โดยเฉพาะอยางยิ่ง ตอใหเปนเจาสาระเลวนั่น ก็ไมอาจจะเอาชนะจูเหยี่ยนในการ
แขงปดตาตอสูได
ตระกูลซือกับตระกูลจูคบหากันมาหลายชั่วอายุคน ซือเสวี่ยมั่นรูถึงวิชาลับขั้นสูง
ของตระกูลจูมากกวาคนทั่วไปมากมายนัก นางนั้นรูวาจูเหยีย่ นเปดสองตำหนักไดมา
นานแลว วิชา [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] ขอเพียงแคเปดสองตำหนัก ก็จะ
สามารถเรียนการใช [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] ได
และ [ตาขา ยเพลิงแมงมุมดิน] นี้ก ็ เป น เสมือ นใยแมงมุมที ่ สามารถตรวจสอบการ
เคลื่อนไหวบริเวณโดยรอบได นั่นเปนอาวุธที่มีประสิทธิภาพอยางแทจริงในการปดตา
ตอสู
ถึงขนาดที่พูดไดวา การปดตาตอสูก็เหมือนกับถูกสรางมาเพื่อจูเหยี่ยนโดยเฉพาะ
ในการตอสูแบบปกติซือเสวี่ยมั่นมีความมั่นใจถึงแปดสวนวาสามารถเอาชนะจูเหยี่ยน
ได แตถาหากวาเปนการปดตาตอสู ซือเสวี่ยมั่นรูวาตนจะตองแพอยางราบคาบเปนแน
แตนี่จูเหยี่ยนถึงกับถูกคนเอาชนะในการปดตาตอสู!
ซ้ำยังถูกซัดจนหมดสติอีก!
ความตกตะลึงภายในใจของซือเสวี่ยมั่นนั้นไมใชเรื่องแปลกอะไร นางพยายามใช
สมองครุนคิด พวกผูใชพลังธาตุดินที่รายกาจในสนามเหนี่ยวนำ มีใครบางที่สามารถ
เอาชนะจูเหยี่ยนในการแขงปดตาตอสูไดบาง ผูใชพลังธาตุดินที่แข็งแกรงกวาจูเหยี่ยน
มีมากมายนัก แตวาผูที่สามารถเอาชนะจูเหยี่ยนในการแขงปดตาตอสูไดนั้นนางไมรู
เลยจริงๆ
นางคอยๆ สงบใจที่ตกตะลึง แลวกลาวขึ้น “บางทีนี่อาจจะเปนเรื่องดีก็ได เขาจะ
ไดไมหยิ่งยโสอีกตอไป”
หยงเจิ้งชำเลืองมองคุณหนูแวบหนึ่ง ในใจแบบยิ้มขมขื่นกับตัวเอง ตอนที่เขาเพิ่ง
จะไดยินขาว ก็ชะงักไปเลย เมืองซงเจียนในชวงนี้ สามารถใชคำวากระแสคลื่นโหมซัด
สาดมาใชบรรยายเลยก็ยังได เขาอยูที่นี่มาหลายป ก็คุนเคยกับเมืองซงเจียนที่สงบสุข
ไปแลว ภายในสนามเหนี่ยวนำแหงนี้ เมืองซงเจียนเปนเพียงเมืองเล็กๆ ไมไดมียอด
ฝมืออะไร
การปดตาตอสูที่อยูๆ ก็เกิดขึ้น ไดทำใหเมืองซงเจียนเปลี่ยนแปลงไปอยางไม
เหมือนเดิม
ไมตองสงสัยเลย ขาวที่วาจูเหยี่ยนพายแพหมดสติแกผูใชพลังธาตุดินที่ลึกลับ ไม
นานก็จะแพรกระจายออกไปราวไฟปา เมื่อถึงตอนนั้นเกรงวาจะยิ่งดึงดูดยอดฝมอื ให
เขามามากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะโรงฝกของตระกูลตน ยังมีคุณหนูที่เปนบุคคลมี
ชื่อเสียงที่ซุกซอนอยู ถาหากวาถูกโลกภายนอกรูเขา เชนนั้นเมืองซงเจียนก็ถึงเวลาได
คึกคักแลว
เอาเถิด สิ่งเหลานี้ลวนไมใชสิ่งที่ตนจะมาใสใจ
เขาไดแตยิ้มสลดใจพลางปลอยใจคิดไปวาการปดตาตอสูนี้เปนความคิดของตน
ตั้งแตแรก
ซือเสวี่ยมั่นอยูๆ ก็กลาวขึ้น “ชวยหาขอมูลของผูใชพลังธาตุดินผูนี้ที”
หยงเจิ้งพยักหนาตอบ “ไดเลย”
ขาวที่จูเหยี่ยนถูกเอาชนะโดยผูใชพลังธาตุดินลึกลับไดแพรกระจายไปทั่วเมืองซงเจียน
ดวยความเร็วที่ทำใหคนตองตกใจ เพราะวาจูเหยี่ยนนั้นมีชื่อเสียงเปนอยางมาก! ถึงแม
เขาจะอยูในระดับเปดสองตำหนัก ในสนามเหนี่ยวนำไมถือวามากมายอะไร แตการที่
แบกรับวิชาลับขั้นสูงอยางวิชา [ตาขางเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] ก็ถือวาเพียงพอแลวที่
จะชวยเลื่องชื่อระบือนาม
ประวัติศาสตรอันยาวนานของตระกูลจู ไมวายุคสมัยใด
ผูที่บรรลุวิชา [ตาขางเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] ไดนั้น ลวนแลวแตอายุอานามเกิน
สามสิบป แตจูเหยี่ยนผูที่บรรลุไดตั้งแตอายุยังนอย ก็ไดแสดงถึงพรสวรรคที่ใครตอใคร
เปนตองตกใจ ความแข็งแกรงในตอนนี้ก็เพียงแคอยูที่ขีดจำกัดของอายุเทานั้น อายุที่
นอยเชนนี้ก็สามารถบรรลุวิชาลับขั้นสูงได ก็ทำใหผูคนเชื่อมั่นวาอนาคตของเขาจะตอง
สองสวางยิ่งกวานี้เปนแน
ยิ่งไปกวานั้น สุดทายแลววิชาลับขั้นสูงก็คือวิชาลับขั้นสูง ถึงแมเพียงแคเปดสอง
ตำหนัก แตความแข็งแกรงของจูเหยี่ยนก็ไมไดดอยไปกวานักเรียนในระดับเป ดสี่
ตำหนักเลยแมแตนอย
จูเหยี่ยนตองแบกรับภาระในฐานะอันดับหนึ่งของชนรุนใหมในตระกูลจูไวบนหัว
แลวเขามายังสนามเหนี่ยวนำ ถึงแมจะไมถึงขั้นที่เปนที่รูจักของทุกๆ คน แตถาพูกถึง
ชื่อเสียง เรียกไดวาเหนือกวาบรรดานักเรียนทุกคนในเมืองซงเจียน
แมแตผูมีพรสวรรคอันดับหนึ่งของเมืองซงเจียนอยางตวนมูหวงฮุน ชื่อเสียงของ
เขายังไมอาจเทียบจูเหยี่ยนได
จูเหยี่ยนพายแพที่เมืองซงเจียน เสียงฮือฮาที่เกิดขึ้นในเมืองซงเจียนก็เปนสิ่ งที่
สามารถคาดคะเนได ทั่วทั้งเมืองลวนกำลังถกเถียงกันวาผูใชพลังธาตุดินผูลึกลับผูนั้น
เปนใครกันแน ผลกระทบจากเรื่องนี้ไมเพียงแตจะอยูที่เมืองซงเจียนเทานั้น นักเรียนที่
มีชื่อมากมายในเมืองอื่นๆ หลังจากที่ไดยินเรื่องนี้ไปแลว ก็เกิดความสนใจในการแขง
ปดตาตอสูที่มีความเปนเอกลักษณของเมืองซงเจียนขึ้นมาอยางมาก อยากชื่นชมใน
ชื่อเสียงของเมืองนี้
กระนั้นกลับไมมีผูใดลวงรูเลยวาตัวเอกของเรื่องทั้งหมดนี้ อยางอายฮุยกับโหลวหลาน
ตกอยูในสถานการณอันนาเศราสลดถึงเพียงใด
.....
โครม! โหลวหลานไหลลงมาจากบนกำแพงดั่งทรายดูดกองหนึ่งก็ไมปาน
“อายฮุย รูสึกเปนอยางไรบาง”
โหลวหลานในสภาพทรายดูดไหลมาที่ดานขางของอายฮุย ทาทางดูนาสลดอยูไมนอย
ทั่วรางลวนถูกพันดวยผาพันแผลสีขาวรอบแลวรอบเลา ดูละมายคลายมัมมี่อยาง
อยางไรอยางนั้น แขนขวาหอยตองแตงอยูที่หนาอก
ในหองโถงหลักของโรงฝก อายฮุยนอนอยูบนเกาอี้หวายพลางกัดหญาสีเขียวไวใน
ปาก พูดพึมพำไมชัดเจน “แยสุดๆ โหลวหลานเจาไมเปนอะไรนะ”
“อาจารยเซาบอกวาโหลวหลานตองใชเวลาอีกสามวันจึงจะสามารถกลับมายืนได
เหมือนเดิม กอนจะถึงตอนนั้นไมมีวิธีที่ชวยรักษาใหอายฮุยได” โหลวหลานกลาวขึ้น
“อายฮุยจะใหโหลวหลานหาหมอที่เปนผูใชพลังธาตุไมมารักษากอนหรือไม”
“ไมตอง” อายฮุยบอก “อยางไรเสียขาก็ไมไดรีบ แคสามวัน รอเจาหายแลว คอย
มารักษาขาก็แลวกัน ขามันเปนผียาจก!”
“ได” โหลวหลานไมไดปฏิเสธ ทรายดูดดูราวกับงูเลื้อยขึ้นเสาขางอายฮุย แลวจึง
หยุดลงเมื่อถึงระดับความสูงเดียวกับศีรษะอายฮุย
“โหลวหลาน เมื่อวานนี้ขอบคุณเจาจริงๆ” อายฮุยอยูๆ ก็พูดขึ้น
“อายฮุยทำไมถึงขอบคุณโหลวหลาน นี่ไมใชสิ่งที่ควรทำหรอกเหรอ” โหลวหลาน
ถามดวยความไมเขาใจ
“ที่ขาพูดหมายถึงตอนออกมาเจาไมลืมเอาเงินรางวัลกลับมาดวย” นัยนตาทั้ง
สองขางของอายฮุยมองขึ้นไปยังทองฟา ปากก็พูดอยูตลอดเวลาวา “เงินมากมายนัก!
รวยแลว รวยแลว!”
เงินรางวัลจากการประลองกับจูเหยี่ยนนั้นมากมายเสียจริง เงินรางวัลสูงถึงหา
แสนหยวน สำหรับอายฮุยแลวถือเปนเงินกอนใหญอยางแทจริง
“พวกเราชนะแลวนะ” น้ำเสียงของโหลวหลานเต็มไปดวยความดีใจ เพียงตอสู
จริงครั้งแรกก็ไดรับชัยชนะมาแลว มันทำใหเขาดีใจเกินจะเปรียบ โดยเฉพาะตนไดทำ
หนาที่อันสำคัญในการตอสู ไมมีอะไรจะทำใหโหลวหลานพึงพอใจไปมากกวานี้อีกแลว
อายฮุยอยูๆ ก็ถามดวยความเปนหวงขึ้น “ใชแลว เรื่องรางกายพิเศษของเจา
อาจารยเซาพูดวาอยางไรบาง”
บทที่ 34 แบงเงิน
สวนตางๆ ที่แปลกประหลาดของรางกายโหลวหลานนั้น
หลังจากที่กลับมาโหลวหลานก็ไดบอกกับอายฮุย อายฮุยนั้นตกตะลึงเปนอยาง
มาก เขาคุนเคยกับหญาหมอกวิญญาณเปนอยางดี การที่หญาหมอกวิญญาณไมไดมี
ผลควบคุมตุกตาทรายไดทุกอยางก็จริง แตทวาหากระดับของตุกตาทรายไมสูงนัก ผล
ของการควบคุมจะยิ่งเดนชัด โดยเฉพาะสถานการณอยางเชนเมื่อวานนั้น หญาหมอก
วิญญาณทั้งตนถูกเสียบเอาไวที่หัวของโหลวหลาน แตโหลวหลานยังสามารถมองเห็น
ได ชางนาประหลาดใจยิ่งนัก
อายฮุยรูสึกมาโดยตลอดวาอาจารยเซาชางลึก ลั บและเก งกาจเปนอยา งมาก
เพราะวาโหลวหลานมีหลายจุดที่ทำใหเขารูสึกตกตะลึงไมรูกี่หน
อายฮุยเคยเห็นตุกตาทรายมามากมาย แตโหลวหลานถือเปนผูที่มีเอกลักษณที่สุด
“อาจารยเซาบอกวาอาจารยใชแนวคิดการสรางแบบพิเศษกับรางกายโหลวหลาน
แมแตอาจารยเองไมคาดคิดวาจะไดผลลัพธเชนนี้ เขาไมรูวาสุดทายแลวโหลวหลานจะ
เปลี่ยนแปลงเปนเชนไร เพราะวาเทคนิคมากมายลวนเปนของใหม โหลวหลานเปนสิ่ง
ที่ไมอาจคาดเดาได พูดใหชัดเจนคือเปนผลงานทดลอง
อาจารยเซาบอกวา การแสดงออกของโหลวหลานทำใหเขารูสึกตกตะลึง เขาไมเคยคิด
มากอนเลยวาโหลวหลานจะสามารถตอสูได สวนเรื่องสถานการณของโหลวหลาน
ในตอนนี้ อาจารยเซาตองการเวลาในการพิจารณา”
พูดจนจบแลว โหลวหลานก็ดูดีใจอยูบาง เขาถึงกับทำใหอาจารยเซาตกตะลึงได
เทานี้ก็ทำใหเขาดีใจแลว
“แนนอนสิว า เจา ตอ สูได!” น้ ำ เสี ย งของอ า ยฮุ ย หนั กแน น “ข า รู  สึ ก ว า เจามี
ศักยภาพของตุกตาทรายสำหรับการตอสูระดับสูงซอนอยู!” “จริงหรือ” น้ำเสียงของ
โหลวหลานเปยมดวยความดีใจ เหมือนกับเด็กนอยที่ไดรับคำชม
“แนนอน!” อยูๆ อายฮุยก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได “ใชแลว พวกเรายังมีอีกเรื่อง
หนึ่งที่ยังไมไดทำ”
“เรื่องอะไรเหรอ” โหลวหลานถามดวยความประหลาดใจ
อายฮุยที่หายใจแผวๆ อยูบนเกาอี้หวาย ในตอนนี้ราวกับไดดื่มยาบำรุงกำลังก็ไม
ปาน ความหาวหาญอันมหาศาลไดพุงผานออกจากราง แมแตผาพันแผลหนาๆ ก็ไม
อาจจะปกปดไวได “แบงเงิน!”
“แบงเงิน” โหลวหลานฟงไมเขาใจ
“แนนอนวาตองแบงเงินอยูแลว เงินรางวัลมีของเจาอยูครึ่งหนึ่งนะ” อายฮุย
กลาวเหมือนวามันก็ควรจะเปนเชนนั้น
โหลวหลานนิ่งไปครูหนึ่ง ถึงไดกลาวขึ้น
“ไมตองแบงหรอก โหลวหลานเปนตุกตาทราย”
“ใครตั้งกฎกันวาตุกตาทรายไมตองแบง” อายฮุยถามกลับอยางเรียบๆ และกลาว
อยางจริงจังขึ้นมาในทันที “ไมวาเจาจะเปนตุกตาทรายหรือไม พวกเราก็ตอสูเคียงบา
เคียงไหลกัน ก็ถือเปนคูหู ครึ่งหนึ่งเปนความดีความชอบของเจา แนนอนวาเงินก็ตอง
แบงใหเจาครึ่งหนึ่ง นี่คือกฎ”
โหลวหลานพึมพำ “แต...”
“ไมตองแตอะไรทั้งนั้น!” อายฮุยกลาวตัดบทขึ้น “เปนอันตกลงตามนี้แลวกัน ตอ
จากนี้ไปก็เอาตามนี้ โอ หนึ่งแสนหยวนจากการตอสูครั้งแรกไมแบงกับเจานะ ขาตอสู
แคคนเดียว เงินรางวัลของการตอสูครั้งที่สองคือหาแสนหยวน พวกเราแบงกันคนละ
สองแสนหาหมื่นหยวน เอาสิรีบเอาไป ขาจะไดไมตองเห็นใหปวดใจ! หนึ่งแสนบวกกับ
สองแสนหาหมื่น เชนนี้ขาก็มีอยูสามแสนหาหมื่นหยวนแลว!”
น้ำเสียงของอายฮุยแสนตื่นเตน สามแสนหาหมื่นหยวนเชียวนะ สำหรับเขาแลว
เปนเงินกอนใหญที่เขาไมเคยมีมากอน
รวยแลว รวยแลว!
ในสมองของเขาลวนเต็มไปดวยสี่คำนี้ เบื้องหนาของเขาราวกับมีน้ำแกงบำรุงพลังธาตุ
ถวยแลวถวยเลาลอยผาน กลิ่นหอมที่ดึงดูดใจนั่น เขากลืนน้ำลายลงคออยางไมรูตัว
ชางนาสงสารนัก เจาตะพาบน้ำที่ไมเคยเห็นเงินมากมายเชนนี้เอย “โหลวหลาน
มีเงินแลวเจาวางแผนจะใชจายอยางไร” อายฮุยถามดวยทาทางเหมือนคนละเมอ
โหลวหลานดูงงงวยอยูบาง “ไมรูสิ...”
“แมแตเงินก็ยังไมรูวาจะเอาไปใชจายอยางไร ฮา ฮา โหลวหลานเจานี่มันซื่อบื้อ
เกินไปจริงๆ...” อายฮุยที่งวงสลึมสะลือ พูดจาก็ไมคอยจะชัดเจนนัก
แตโหลวหลานไมรูจริงๆ ดวยวาไมเคยคิดมากอนเลยดวยซ้ำวาตนเองจะไดเงิน
แบง ตั้งแตที่ถ ูกสรา งขึ้นมา โหลวหลานก็ไดสัมผัสกับ เงิ นมามากมาย จากตอนที่
อาจารยเซาใชใหไปซื้อวัตถุดิบ และกับขาวที่ตองซื้อประจำวันเปนตน แตวาแตไหนแต
ไรมาเขาไมเคยมีเงินที่เปนของตัวเอง
ตอใหเขาชวยเหลือผูอื่นก็ไมเห็นมีใครใหเงินกับเขา เขาเปนตุกตาทราย ตุกตา
ทรายตองชวยเหลือมนุษย เปนเชนนั้นไมใชหรือ
แตวาวันนี้เปนครั้งแรกในชีวิตที่เขาไดรับเงิน เงินกอนแรกที่เปนของตนเอง
เงินกอนนี้ที่มาอยางกะทันหัน เปนการจูโจมใสเขาอยางยิ่งใหญ เขาอดไมไดที่จะ
มองไปหาอีกคน อายฮุยหลับใหลไมไดสติไปแลว หลับฝนแลวปากยังขยับ เหมือนกับ
วากำลังเคี้ยวอะไรอยู
โหลวหลานมองอายฮุยอยางเงียบๆ คำพูดเมื่อครูยังคงวนเวียนอยูในสมองของเขา
“ไมวาเจาจะเปนตุกตาทรายหรือไม พวกเราก็ตอสูเคียงบาเคียงไหลกัน ก็ถือเปน
คูหู ครึ่งหนึ่งเปนความดีความชอบของเจา แนนอนวาเงินก็ตองแบงใหเจาครึ่งหนึ่ง นี่
คือกฎ...”
คูหูเหรอ...
ความรูสึกอยางหนึ่งที่ไมเคยมีมากอนไดพรั่งพรูขึ้นภายในใจของโหลวหลาน เขา
ไมรูวาจะบรรยายความรูสึกนี้ออกมาเชนไร แตวาเขารูสึกวาวันนี้ เขาจะตองจารึกไว
ในใจตราบจนชั่วชีวิตเปนแน
วันนี้ในที่สุดโหลวหลานก็ไดมีเงินเปนของตัวเอง ในวันนี้ เขาถูกมองวาเปน คูหู
และไมไดถูกมองเปนอุปกรณชิ้นหนึ่ง
เขารูสึกวาบางสิ่งบางอยางที่ตนขาดแคลนนั้น ไดถูกเติมเต็มขึ้นมาอยาเงียบๆ เฉก
เชนพื้นดินรกรางที่หนาวเหน็บ ไดมีพลังชีวิตเขามาบำรุง
ในฉับพลันนั้น เขาจึงไดรูวาตนในตอนนี้ไมเหมือนกับในอดีตอีกแลว
เขาไมรูวาควรบรรยายการเปลี่ยนแปลงนี้อยางไร แตเขารูวาเขานั้นไมเหมือนเดิม
อีกแลว
“หวงฮุน วันนี้ก็ยังไมไปเรียนเหรอ” เพื่อนที่เตรียมพรอมจะออกไปเรียนตะโกน
ผานประตูหองที่ปดอยางแนนหนา
ภายในหอง ตวนมูหวงฮุนขยับเขาไปใกลกระจก มองดูใบหนาที่ยังคงเห็นรอยบวมและ
รอยฝามือไดอยางชัดเจน นัยนตาแข็งคาง มีคำพูดเล็ดรอดออกจากไรฟนมาสองคำ
“ไมไป”
“เชนนั้นพวกเราไปแลวนะ” เพื่อนๆ ไดหันหลังจากไป เดินไปก็ถกเถียงกันไป
“หวงฮุนชวงนี้เปนอะไรไป วิชาเรียนก็ไมเขา แตกอนเขาไมเคยโดดเรียนเลยนะ!”
“นาจะไมสบายแหละ กอนหนานี้ไมใชเปนหวัดหรอกเหรอ”
“ใชแลว ดูเหมือนวาจะถูกครูฝกของกลุมผูมีพรสวรรคทรมานมา ชางไมมีความ
เปนคนเสียจริง! ยังดีที่พวกเราไมไดเขาไปดวย!”
“อยายอตัวเองไปหนอย ถึงเราอยากเขาเขาก็ไมรับเขาหรอก เจาคิดวาใครๆ ก็
ลวนเหมือนหวงฮุนเหรอ หนาตาก็หลอเหลา หญิงสาวก็หลงรักหัวปกหัวป� พรสวรรค
ก็สูง เปนผูมีพรสวรรคอันดับหนึ่งของเมืองซงเจียน!” ......
ใบหนาของตวนมูหวงฮุนมืดคล้ำ ในตอนนี้เขาอยากจะอุดหูเอาไว เสียงที่เพื่อนๆ
ถกเถียงกันดานนอกนั้นลอยเขาหูตน พอมองใบหนาที่บวมเปงในกระจก ทุกๆ คำพูด
ลวนเปนดั่งมีดที่กรีดลงบนหนาอก
ไอหวัดบา! ตนถึงกับถูกเจานั่นชนจนสลบ เขารูสึกวาใบหนาของตนรอนผาว
นึกถึงเรื่องที่ตนถูกเจาอายฮุยที่นารังเกียจนั่น ใชวิธีแสนอัปยศอดสูมารักษา
อาการหวัดของตน เขาก็รูสึกไดวาใบหนารอนผาวขึ้นมา
นึกถึงวันนั้นที่ถูกหญิงสาวมากมายบนถนนชี้ไมชี้มือใส ใบหนาของเขาก็แทบจะ
ลุกเปนไฟ
ไมรูวาเปนเพราะคิดไปเองหรือไม เขารูสึกวาใบหนาในกระจกนั้นดูบวมอยางราย
กาจยิ่งกวาเมื่อครู รูปรางเปลี่ยนไปราวกับเปนกอนหมั่นโถวก็ไมปาน คางที่หลอเหลา
สงางามก็มองไมเห็นแลว ใบหนาทั้งหมดเปลี่ยนไป นัยนตาที่ทำใหผูคนลุมหลงก็กลาย
มาเปนตาที่ปูดบวมราวกับหลอดไฟ
ชางนาอัปยศอดสูเกินไปแลว!
ชางนาขายหนาเกินไปแลว!
ความแคนนี้ไมอาจอยูรวมฟา รอกอนเถอะอายฮุย ขาตวนมูหวงฮุนไมมีทางปลอย
เจาไปแน!
ในเวลานี้เอง ดา นนอกหนาตางอยู ๆ ก็ มี คนตะโกนเสียงดั งขึ ้น มา “ได ย ินมา
วาตวนมูหวงฮุนเปนยอดฝมืออันดับหนึ่งของเมืองซงเจียน ขานอยกูเทียนหนิงเลื่อมใส
ในชื่อเสียงของทานมานานจึงไดมาขอทาประลอง! ตวนมูหวงฮุน กลาออกมาสูกัน
หรือไม”
รางของตวนมูหวงฮุนนิ่งคางไป
“สหายตวนมูหวงฮุน หรือวาความกลาที่จะรับคำทาตอสูแคเพียงนัดเดียวเจายังไมมี
ชางทำใหผิดหวังเสียจริง!” ผูมาใหมตะโกนเสียงกึกกอง กระจายออกไปไกลแสนไกล
ตวนมูหวงฮุนโกรธจนทั่วรางนั้นสั่นไปหมด แตวาพอมองเห็นใบหนาที่บวมเปงใน
กระจก ความวูวามทั้งหมดของเขาก็ สลายหายไปอย างไร ร องรอย ถ า หากวาเขา
ออกไปในสภาพเชนนี้ พรุงนี้เขาก็จะกลายไปเปนตัวตลกที่สุดของเมืองซงเจียน
อายฮุย เจารอขากอนเถอะ!
บทที่ 35 ผลสำเร็จและการระเบิดขึ้นอยางฉับพลัน
อายฮุยลองขยับแขนดู เขารูสึกวาตนแข็งแรงจนสามารถตอยวัวตายได ฝมือของ
โหลวหลานนี้นาเชื่อเถือจริง
“โหลวหลาน ขาไปฝกวิชาแลวนะ”
อายฮุยแบกน้ำและอาหารแหงที่ไดเตรียมตั้งแตเชาขึ้นบา เสร็จก็โบกมือลาโหลวหลาน
โหลวหลานกระจายตัวกลายเปนทรายสีเหลืองกองหนึ่งบนพื้น เปลี่ยนรูปรางมา
เปนกำปนทรายสีเหลืองขนาดใหญ “อายฮุยพยายามเขา!” อายฮุยหัวเราะออกมา
เสียงดัง เขากระชับหอผา ที่อยูบนไหล และเดินออกไปทางประตูใหญ ของโรงฝ ก
ศาสตราวุธ
ระหวางเดินบนถนน อายฮุยรูสึกไดอยางชัดเจนวามีผูคนมากกวาปกตินัก ไมนาน
เขาก็เขาใจขึ้นมา คนเหลานี้สวนใหญลวนเปนนักเรียนที่มาจากเมืองอื่น และลวนมา
เพื่อการแขงปดตาตอสู เขาไดยินที่พวกเขากำลังวิพากษวิจารณกันอยางรอนแรง
อยางเชนเรื่องไดเจอกับยอดฝมือผูหนึ่ง ผูใชพลังธาตุดินลึกลับอะไรสักอยาง จูเหยี่ยน
อะไรสักอยาง
อายฮุยไดยินแลวในหัวมีแตหมอกควัน แตละอยางลวนไมเคยไดยินมากอน เขา
นั้นลืมเรื่องที่ตนนั้นก็เคยแอบอางเปนผูใชพลังธาตุดินไปตั้งนานแลว
แตวาไมนาน เขาก็ไดยินเรื่องหนึ่งที่เขาฟงแลวเขาใจได
“ไดยินหรือเปลา กูเทียนหนิงทาตวนมูหวงฮุนสู แตนาเสียดายเพราะวาตวนมูหวง
ฮุนเปนหวัด ไมอาจจะออกมาตอสูได”
“หา เชนนั้นก็ชางนาเสียดายเหลือเกิน! ความแข็งแกรงของกูเทียนหนิงขา เคย
เห็นมากอน เขาแข็งแกรงมาก! เขาอยูในอันดับที่สี่สิบเกาของสนามเหนี่ยวนำเชียวนะ
เปนถึงยอดฝมือในหาสิบอันดับแรกเชียว!
โดยเฉพาะอยางยิ่งยังเปนพวกบาการตอสู ตวนมูหวงฮุนเองก็เปนผูมีพรสวรรค
อันดับหนึ่งของเมืองซงเจียน เปนทายาทที่โดดเดนที่สุดของตระกูลตวนมู จะตองเปน
การตอสูที่ดุเดือดรุนแรงเปนแน!”
“เชนนั้นถึงพูดอยางไร ไมนาเลย ตอนแรกกูเทียนหนิงยังคิดวาตวนมูหวงฮุนนั้น
หาขออาง ภายหลังถึงไดรู เขานั้นปวยเปนหวัดจริงๆ ไมไดเขาเรียนมาหลายวันแลว”
“ชางนาเสียดายจริงๆ...”
อายฮุยที่ยืนฟงอยูขางๆ ถึงกับยิ้มหยันขึ้นในใจ
ในใจนั้นเหยียดหยามตวนมูหวงฮุนเปนอยางมาก เปนหวัดอะไรกัน หลอกผีหรือ
ไง หากไมใชวาตนเปนคนรักษาใหหายกับมือ จะตองถูกคำโกหกนี้หลอกจนหลงเชื่อไป
แลวเปนแน
รูปรางหนาตาก็ไมไดแย แตดูทาแลวนิสัยจะใชไมได
อายฮุยที่เดินไปพลางในใจก็ดาทอเพื่อนปงหวานไปแลวหลายประโยค ไมทันเดิน
ถึงสิบเมตร อายฮุยก็ทิ้งเรื่องนี้ไปไกลจากสมอง อายฮุยนั้นแตไหนแตไรก็ไมไดใสใจกับ
เรื่องที่ไมไดเกี่ยวของกับตัวเอง ตวนมูหวงฮุน ถึงแมจะเปนเพื่อนนักเรียนของตน แต
ในสายตาของอายฮุยแลวก็ไมไดตางอะไรกับคนเดินดิน
อายฮุยระมัดระวังเปนอยางมาก ทิ้งระยะหาง และเฉยชาตอโลกใบนี้ เขาไมใสใจ
วาโลกใบนี้จะเปนอยางไร จะลมสลายหรือเจริญรุงเรือง เขาสนใจเพียงแคโลกใบนอย
ของเขา
คำวาเพื่อนคำนี้ สำหรับอายฮุยแลว มีความหมายที่แตกตางอยางสิ้นเชิง
เจาอวนถึงจะหนาเลือด ละโมบ และขี้ขลาดกลัวตาย แตที่จริงแลวเปนคนจิตใจดี
งาม ในตอนที่อยูแดนราง แรงงานที่สังเวยชีวิตไปลวนเปนเจาอวนที่ขุดหลุมฝงศพ
ใหกับมือ มีเพียงเจาอวนที่จะทำเรื่องเชนนี้ ซึ่งอายฮุยไมมีทางทำ เขารูสึกวาสิ่งนี้ไมได
มีความหมายอะไร
เขาแคใสใจเจาอวน พวกเขานั้นเปนเพื่อนที่ผานความเปนความตายมาดวยกัน
เจาอวนเคยชวยชีวิตเขา ซึ่งไมไดมีเพียงแคครั้งเดียว
ครั้งที่เลวรายที่สุดคือตอนที่กลุมของเขาถูกอสูรแดนรางฝูงหนึ่งเขาโจมตี ผูใชพลัง
ธาตุในกลุมตายไปกวาครึ่ง แรงงานยิ่งบาดเจ็บลมตายกันเกือบหมด อายฮุยบาดเจ็บ
หนักจนไมไดสติ เจาอวนที่ตัวสั่นเทาดึงเขาออกมาจากกองคนตาย ผูใชพลังธาตุลวน
ลนลานกันไปหมด พวกเขาคิดเพียงแตจะรีบกลับออกไป ไมมีใครมาสนใจพวกเขา เจา
อวนเปนคนแบกเขาวิ่งตามกลุมไปถึงหาวัน หาวันนี้ทำใหน้ำหนักลดลงไปถึงยี่สิบชั่ง
นั่นเปนเพียงครั้งเดียวที่เจาอวนเคยผอม ตอนที่เขาลืมตาขึ้นครั้งแรกหลังจากหมดสติ
ไป ภาพเหตุการณที่เจาอวนกอดเขารองหมรองไหยกใหญนั้น เขาไมอาจจะลืมเลือน
ไปไดตลอดกาล
ตอนนี้ก็มีโหลวหลานเพิ่มขึ้นมา คงเปนเพราะโหลวหลานเปนตุกตาทราย ความ
ระแวดระวังภายในใจของอายฮุยถึงไดนอยลงไปมาก
เขารูสึกวาเปนเชนนี้ก็ดี เขาจะไดดึงสมาธิทั้งหมดไปไวที่เรื่องการฝกฝน โลกของ
เขาก็เล็กเพียงเทานี้ แตนั่นคือสิ่งที่เขาตองการ
เมื่อออกจากเมืองซงเจียน ฝเทาของอายฮุยก็รวดเร็วขึ้นมาก ไมมีผูใดสังเกตเห็น
เด็กหนุมที่แบกหอผาสัมภาระใบเกาผูนี้ ถึงแมวาเขาจะเพิ่งไดเงินกอนใหญถึงสามแสน
หาหมื่นหยวนมา แตทวาอายฮุยก็ทำใจใชไมลง หอผาสัมภาระใบเกาก็ยังคงเปนใบเดิม
อาหารแหงก็ยังคงเปนขนมเบื้องที่ทั้งแข็งทั้งแหง
ยังมีตอนที่ตองใชเงินอีกมาก การปดตาตอสูครั้งนี้ทำใหอายฮุยเขาใจขึ้นมาวาการ
ที่เขาคิดจะอาศัยการแขงปดตาตอสูเพื่อหาเงินนั้นชางไรเดียงสามากเพียงใด ตอใหเขา
รวมมือกับโหลวหลาน ชัยชนะในครั้งกอนลวนเปนความโชคดี ความโชคดีเชนนี้ไมมี
ทางที่จะเกิดขึ้นอีก ในตอนนี้การปดตาตอสูของเมืองซงเจียนนั้นมีชื่อเสียงไปทั่ว ยอด
ฝมือที่เขามานับวันก็ยิ่งมากขึ้น โอกาสชนะของเขานับวันก็ยิ่งลดนอยถอยลง
เมื่อกอน เขาอาจใชความไดเปรียบจากประสบการณการตอสูที่คุนเคย แตวาตอ
หนาวิชาที่แสนลึกล้ำตางๆ และพลังธาตุที่เด็ดขาด ประสบการณของตนในสวนนี้นั้น
ไมมีคาจะใหพูดถึง
ไมวาจะเปนเวลาใด ประสบการณไมมีวันที่จะแทนที่ทักษะได ไมเชนนั้นเขาก็คง
ไมตองเขามาเรียนถึงสนามเหนี่ยวนำ
เมื่อเดินไปเจียนถึงเจดียเสวียนจิน เขาก็ไดพบกับเจาหนาที่คุมกันของเมือง ซึ่งได
เตือนเขาวาเจดียเสวียนจินมีอสูรปาเขาออก ใหระมัดระวังอันตราย อายฮุยคอนขาง
จะตกใจ ไมไดมาที่นี่เพียงไมกี่วัน ก็มีอสูรปาเขาออกเสียแลว ซึ่งเขาก็ยังขอบคุณอีก
ฝายสำหรับเจตนาอันดีนี้
ดูทาตนจะตองระวังตัวแลว อายฮุยตั้งสติใหดี เขาเปนผูที่เคยอยูในแดนรางมา
กอน แนนอนวาจะไมมีการประมาทแมแตนอย
เมื่อมาถึงเจดียเสวียนจิน อายฮุยก็ทำการตรวจสอบสภาพแวดลอมของบริ เวณ
โดยรอบอยางระมัดระวัง มันไมไดมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่เขาจากมาเลย
อายฮุยรูสึกสงสัยอยูเล็กนอย
ถึงแมจะไมรูวาเหลาเจาหนาที่คุมกันของเมืองใชอะไรในการมาตัดสินวามีอสูรปา
บุกรุก แตอายฮุยก็เชื่อมั่นในการตัดสินของตนเองยิ่งกวา เขามีประสบการณโชกโชน
ในทางดานนี้
เขาหาชุดเกราะเปลือยหลังที่ตนซอนเอาไว ออกมา เมื่อมองเห็ นชุดเกราะยั ง
ปลอดภัยดี อายฮุยก็คอยโลงใจไปเปลาะหนึ่ง ชุดเกราะเปลือยหลังชุดนี้เขาใชเงินไป
กับมันไมนอย ถือไดวาเปนทรัพยสินที่สำคัญของตน
เมื่อสวมชุดเกราะ และคลองโซเรียบรอย อายฮุยก็เริ่มตนการฝกพิเศษเฉพาะตัวที่
แสนโดดเดนขึ้น
ในตอนที่อายฮุยกระโดดเขาไปในเจดียเสวียนจินอีกครั้ง เขาก็รูสึกไมเหมือนกับ
เมื่อกอน ลมทองคำยังคงแทรกซึมเขากระดูก แตวาความเจ็บปวดที่เกิดจากพลังธาตุ
ทองเข็มเงินนั้นนอยลงมากเมื่อเทียบกับเมื่อกอน
สิ่งนี้ทำใหอายฮุยเกิดความสนใจขึ้นมา หลังจากที่เขาสัมผัสและตรวจสอบอยาง
ละเอียดแลว จึงไดพบวากลามเนื้อของตนไดมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กนอย
กลามเนื้อของเขาแข็งแรงทนทานขึ้น ตัวกลามเนื้อก็เปลี่ยนเปนละเอียดและหนา
ขึ้น แตเดิมกลามเนื้อของเขาก็เปนเหมือนกับฟางขาว พลังธาตุทองเข็มเงินก็เปนดั่ง
เข็มโลหะ ในยามที่แทรกซึมเขารางกายก็เจ็บปวดราวถูกทิ่มแทงอยางสุดประมาณ
ตอนนี้ราวกับฟางขาวไดเปลี่ยนมาเปนใยไผ ความเจ็บปวดแนนอนวาลดลงไปมาก
พลังธาตุทองทั้งหมดที่แฝงอยูภายในพลังธาตุทองเข็มเงิน พวกมันนั้นควบแนน
กวาพลังธาตุทองทั่วไปมากนัก แนนอนวาผลลัพธในการพัฒนาที่มีตอกลามเนื้อก็เห็น
ไดชัดกวาพลังธาตุทองทั่วไปมากนัก
สิ่งนี้ทำใหอายฮุยรูสึกไดถึงความฮึกเหิม เขารูวาตนมาถูกทางแลว
ความเขากันไดไมมาก แตวาความอดทนของเขาคอนขางสูง ถึงแมอัตราการดูด
ซึมจะไมสูง แตวาก็ยังดูดซึมพลังธาตุในระดับที่สูงยิ่งกวาได พลังธาตุที่ยิ่งอยูในระดับที่
สูงขึ้น ผลลัพธที่ไดตอความแข็งแกรงของรางกายยอมเห็นไดชัดกวา
ไมมีสิ่งใดที่ชวนตื่นเตนไปกวาการไดพบเสนทางของตัวเอง
คราวนี้อายฮุยยืนหยัดอยูไดนานยิ่งกวาครั้งกอนๆ
วันเวลาไดเต็มไปดวยสาระขึ้นมาในทันที แมเปนการฝกฝนที่แสนจืดชืด แตอายฮุย
กลับรูสึกวามันหอมหวานราวน้ำตาล
ไมวาจะเปนการดูดซึมพลังธาตุ หรือการฝก [มัจฉาสะบัดกาย] ลวนเต็มไปดวย
อารมณที่พลุงพลาน วิชา [มัจฉาสะบัดกาย] แตเดิมอายฮุยใชเพียงเพื่อกระจายพลัง
ธาตุทองเข็มเงินที่อยูภายในตัว แตวาการปดตาตอสูครั้งกอนกลับทำใหเขาไดรูวา
กระบวนทานี้หากฝกใหดีแลว พลังนั้นจะยิ่งแข็งแกรง
ยอดฝมือในระดับเปดสองตำหนัก ทั้งยังมีวิชาลับขั้นสูง ยังถูกวิชา [มัจฉาสะบัดกาย]
ของตนกระแทกจนหมดสติมาแลว
นี่จะตองเปนทาที่แข็งแกรงที่สุดของตนอยางแนนอน!
อายฮุยพกเอาอาหารแหงมาสำหรับหนึ่งเดือนเต็ม และเขาก็ยังเจอแหลงน้ำตรง
บริเวณหางออกไปสามลี้ เขาเริ่มชวงเวลาไรเดือนไรตะวัน ฝกฝนอยางไมหยุ ดพักที่
เจดียเสวียนจินซึ่งแสนจะอยูหางไกลผูคน
สำหรับเขาแลว นี่ไมใชการฝกฝนอยางลำบาก ไมมีใครรูวาในตอนที่เขาอยูในแดน
ราง เขาตองมุงมั่นไปที่การฝกฝนเพียงอยางเดียวโดยไมตองสนใจสิ่งอื่นใด
ชางมีความสุขยิ่งนัก!
ทุกๆ วันไดมีความรูสึกของเหงื่อที่ไหลทวมกาย ชางมีความสุขอยางมากยิ่งนัก!
ทุกๆ วันไดสัมผัสไดถึงความกาวหนาของตน ความกาวหนาที่เล็กมากๆ แตวา
แสนจะมั่นใจ และไดความรูสึกของการบรรลุผลสำเร็จ
ใชแลว โลกของเขาก็เล็กเพียงเทานี้ เขาไมไดคิดอยากจะชวยโลก ไมเคยคิดจะ
เปนวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ ทุกๆ วันอยากจะฝกฝนอยางสงบเชนนี้ ไมตองมากังวลกับการ
โจมตีของอสูรปา ไมตองกังวลวาพรุงนี้จะตองไปทำอะไร ชีวิตเชนนี้ยังจะไมเรียกวามี
ความสุขอีกหรือ
เขาคิดไมออกวาชีวิตที่มีความสุขยิ่งกวานี้เปนเชนไร เขาอยากจะใชชีวิตดั่งเชน
ในตอนนี้ตอไปเรื่อยๆ
ระยะเวลาหนึ่งเดือน สำหรับอายฮุยที่ลุมหลงอยูกับการฝกฝนแลว ก็ราวกับชั่ว
พริบตาเดียว จนถึงตอนที่เขาลวงเขาไปในหอผาสัมภาระใบเกาอีกครั้ง แลวพบวามัน
วางเปลา เขาถึงไดรับรูวา ชวงเวลาหนึ่งเดือนไดผานไปแลว
เขาถอดชุ ด เกราะเปลื อ ยหลั ง ออก ทั ้ ง หน า เต็ ม ไปด ว ยความตกตะลึ ง
ความกาวหนาของเขายิ่งใหญเสียจนแมแตเขาเองก็ยังไมอยากเชื่อ
ภายใตแสงอาทิตย ผิวหนังของเขามองเห็นประกายแสงของโลหะเปนชั้นบางๆ
อยูรำไร ปรากฏการณเชนนี้เขาเคยไดเห็นจากรางของผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญมากอน
แตนั่นก็เปนผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญที่แทจริง
ผิวหนังของเขาเปลี่ยนเปนแข็งแกรงทนทาน เขาไดลองเอาหินแหลมกรีดดู ซึ่งได
เพียงแคแผลตื้นๆ เทานั้น พลังของเขาไดเพิ่มขึ้นอยางชัดเจน พลังธาตุทองไดควบแนน
เขากับกลามเนื้อ สามารถที่จะสำแดงพลังที่แข็งแกรงยิ่งกวาเดิม
แตเดิมพลังของเขาก็ไมไดนอย พลังของเขาในตอนนี้ ไดเปลี่ยนไปจนตองตก
ตะลึง ในสถานการณที่ไมไดใชพลังธาตุ กำลังของเขาก็ไดเพิ่มขึ้นมาถึงหาเทาตัว
พลังธาตุในกายยิ่งเพิ่มขึ้นอยางเดนชัด พลังธาตุแตกอนละเอียดราวเสนผม แต
พลังธาตุของอายฮุยในตอนนี้ไดเพิ่มขึ้นจนเหมือนไมจิ้มฟน
พลังธาตุที่เพิ่มขึ้น ไดทำใหพลังในการตอสูของอายฮุยเพิ่มขึ้นทุกดาน
พลังของ [มัจฉาสะบัดกาย] ไดเพิ่มมากกวาเมื่อกอนมากนัก สังเกตไดจากรอยบุม
ที่ผนังเจดีย ประหนึ่งวาเปนลายพาดกลอน ถึงแมผนังของเจดียเสวียนจินในครั้งกอน
จะมีรอยบุมลงไป แตวารอยนั้นจะตองเขาไปมองใกลๆ ถึงจะสามารถมองเห็นได แต
ในตอนนี้ ตำแหนงที่บุมลงไปนั้นชัดเจนเปนอยางมาก สามารถมองเห็นไดอยางสบายๆ
ตามระดับความเร็วเชนนี้ ผานไปอีกสองเดือน อายฮุยรูสึกวาตนจะลองทะลวง
ประตูคลังชีวิต
ในตอนนี้อายฮุยกลับไมไดรีบรอนกับการเปดคลังชีวิต เพราะวาเขาสามารถรับรู
ไดถ ึงความกาวหนา ของตน การฝ ก ร า งกายยั งไม ถึ งจุดติ ดขั ด เขาก็ ไม ได รี บรอน
ประสบการณ จ ากแดนร า งได บ อกกับ เขาว า รา งกายที ่แ ข็ง แกร ง ไม ว  า จะอยู  ใน
สถานการณใดลวนเปนสิ่งที่จำเปน
เขาเคยเห็นผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญบางคนตองสังเวยชีวิตที่แดนรางเพราะฐาน
รางกายออนแอ ถึงแมวามีพลังธาตุแข็งแกรงเพียงไรก็ตาม
ในเมื่อตอนนี้มีปจจัยเชนนี้ ทำไมเขาจะไมขัดเกลาใหรางกายของตนแข็งแกรง
ยิ่งขึ้นไปอีกกัน เมื่อรูวาเสนทางของตนนั้นไมผิดไป ใจที่รีบรอนของอายฮุยก็ไดสงบลง
มา เขาอานคัมภีรกระบี่มามากมายขนาดนั้น แตวาไมมีคัมภีรกระบี่ของพวกพรรค
ใหญเลมใดไมพูดเนนย้ำถึงความสำคัญของพื้นฐาน พรรคกระบี่ที่สืบถอดกันมานับ
หมื่นปพวกนั้นลวนเปนเชนนี้ ดังนั้นก็ควรจะมีเหตุผลและขอเท็จจริงอยูบาง
จูๆ เมื่อนึกถึงน้ำแกงบำรุงพลังธาตุของโหลวหลาน อายฮุยก็น้ำลายสอขึ้นมา
ในทันที จึงไดพุงไปทางเมืองซงเจียนราวกับสายลมพัด
เขาไมรูวาเวลาหนึ่งเดือนมานี้ ภายนอกไดเกิดความโกลาหลอลหมานขึ้น
จูเหยี่ยนที่พายแพไปคราวกอนไดเก็บตัวฝกวิชาอยางหนัก เขาไดสงหนังสือทารบ
กับผูใชพลังธาตุดินลึกลับผูนั้น โดยนัดเวลาเปนครึ่งปใหหลังมาตัดสินแพชนะ หนังสือ
ทารบไดสงไปทั่วสนามเหนี่ยวนำในทุกๆ เรือนในทุกๆ เมือง
ซือเสวี่ยมั่นเองก็กำลังฝกหนัก นางรูสึกวาความแข็งแกรงของนางยังไมเพีย ง
พอที่จ ะเอาชนะศัตรูข องตนได เพื ่ อ ที ่ จ ะขั ดเกลาพลั งในการต อสู  ของตน นางจึ ง
เตรียมการเก็บตัวฝกที่ยากลำบากยิ่งขึ้น
เมืองซงเจียนไดกลายเปนเมืองที่คึกคักที่สุดในสนามเหนี่ยวนำไปแลว สายลมที่
เรียกวาการปดตาตอสูไดพัดผานไปทั่วสนามเหนี่ยวนำ การแขงขันรูปแบบใหมนี้ได
ดึงดูดความสนใจของทั้งสนามเหนี่ยวนำ แมแตเหลาอาจารยก็ยังพูดถึงบอยๆ ใน
ชั่วโมงเรียน มีการพูดอธิบายถึงเทคนิคที่ใชการการปดตาตอสู พวกโรงเรียนจมูกไวที่มี
แนวความคิดกาวหนา ถึงกับเตรียมเปดสอนวิชาการปดตาตอสู
แตวาในเวลาหนึ่งเดือนนี้ ทั่วทั้งเมืองซงเจียน คนที่เปนจุดสนใจที่สุดมีเพียงคน
เดียว นั่นก็คือตวนมูหวงฮุน
ตวนมูหวงฮุนถูกขนานนามวาเปนผูมีพรสวรรคอันดับหนึ่งของเมืองซงเจียน ใน
บรรดานักเรียนใหมของปนี้เขาเปนหนึ่งในผูที่มีพรสวรรคดีที่สุด อีกทั้งยังเปนนักเรียน
เพียงคนเดียวที่พอจะมีชื่อเสียงของเมืองซงเจียน
ดวยชื่อเสียงที่กระเดื่องไกลทำใหการปดตาตอสูของเมืองซงเจียนดึงดูดยอดฝมือ
จำนวนมากจากภายนอก ยอดฝมือในเมืองซงเจียนก็มีมากมาย แนนอนวายอมมีคน
คิดอยากจะทาประลองกับตวนมูหวงฮุน
โดยเฉพาะตวนมูหวงฮุนไดปฏิเสธคำทาของกูเทียนหนิงไปโดยมีขออางวาเปนหวัด แต
วาหลายคนยังคงเหยียดหยามตวนมูหวงฮุนและดูถูก
ถึงกับมีขาวลือที่วาตวนมูหวงฮุนแข็งนอกออนใน ทำใหพวกนักเรียนที่อยากมี
ชื่อเสียงไดเขามาทาสูกับตวนมูหวงฮุนกันเปนแถว
ตวนมูหวงฮุนจึงไดระเบิดขึ้นมาตอจากนั้น!
ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห เขาไดเอาชนะนักเรียนรูนพี่ที่แกกวาเขาอยางนอยสี่ป
ติดตอกันไดถึงเกาคน ในตอนนั้นขาวลือก็ไดหยุดลงในทันที
แตนี่เปนเพียงแคการเริ่มตน ตวนมูหวงฮุนที่มีเพลิงโกรธอยูเต็มอกไมไดพอใจกับ
ผลลัพธในการตอสูนี้ เมื่อถึงสัปดาหที่สอง เขาก็เขาไปโรงฝกตางๆ ทาแขงกับยอดฝมือ
ที่ยิ่งใหญทั้งหลาย
ภายในหนึ่งสัปดาหเอาชนะไดสิบหานัดติดตอกัน!
โดยหนึ่งในนั้นมียอดฝมือที่เปดถึงหกตำหนัก ผลการประลองที่นากลัวถึงเพียงนี้
ทำใหชื่อเสียงของตวนมูหวงฮุนดังสะเทือนไปทั่วสนามเหนี่ยวนำในทันที
แตตวนมูหวงฮุนที่เลือดขึ้นหนา ไมไดมีทาทางจะหยุดลงแมแตนอย
ในสัปดาหที่สามเขาตัดสินใจออกจากเมืองซงเจียน เพื่อทาสูกับกูเทียนหนิงผูอยู
ในอันดับที่สี่สิบเกาของสนามเหนี่ยวนำ ทาสูกับชุยจื้อหยวนผูอยูในอันดับที่สามสิบ
สาม ทาสูกับฟูหวาผูอยูในอันดับที่ยี่สิบหา ผลการประลองคือชนะรวด!
ในขณะนั้น ทั่วทั้งสนามเหนี่ยวนำถึงกับพูดไมออก
อั น ดั บ ล า สุด ที่ พ ึ ่ง ออกมาของสนามเหนี ่ ย วนำ เขาอยู  สู ง ถึ ง อั น ดั บ ที ่ สิ บ เจ็ ด
กลายเปนหนึ่งในยี่สิบ อันดับ แรกเพี ย งคนเดี ย วที ่ เป น นั ก เรี ย นใหม ป  ห นึ ่ ง และก็
กลายเปนผูนำของนักเรียนใหมในปนี้
ในประวัติศาสตรของสนามเหนี่ยวนำ นักเรียนใหมปหนึ่งที่สามารถมาถึงระดับที่
สูงเชนนี้ สามารถที่จะนับนิ้วไดเลย

ตวนมูหวงฮุนที่ฉายแสงอันรุงโรจนไปไกล ก็ไดอาศัยผลการประลองที่เหมือนฝนนี้
กระโดดเพียงครั้งเดียวก็กลายเปนหนึ่งในผูแข็งแกรงอันดับสูงสุดในสนานเหนี่ยวนำ
ความปราดเปรื่องและพรสวรรคอันนาตกใจของเขา สะเทือนไปถึงหูผูนำแหงสนาม
เหนี่ยวนำ เพื่อใหเขาไดรับการชี้แนะที่ดียิ่งขึ้นไปอีก สนามเหนี่ยวนำจึงอนุญาตใหเขา
เขาเขตการศึกษาขั้นสูงไดเลย
ฝายบริหารของโรงเรียนมากมายในเขตการศึกษาขั้นสูงพอไดยินขาวนี้ก็มีการ
เคลื่อนไหว ถือโอกาสตอนที่ตวนมูหวงฮุนยังไมไดกลับไปที่โรงเรียนซงเจียน ตัดหนวด
กลางทาง เสนอเงื่อ นไขที่ ดี เลิ ศ ตา งๆ โดยหวั งว า จะสามารถดึ งดู ด เด็ ก หนุ  ม ผู  มี
พรสวรรคผูนี้เขาสูสถาบันตน
แตสิ่งที่ทุกคนลวนคาดไมถึงก็คือตวนมูหวงฮุนไดปฏิเสธไปทั้งหมด
ตวนมูหวงฮุนไดประกาศอยางชัดเจนวาจะอยูแคที่โรงเรียนซงเจียนเทานั้น และ
จะยอมรับคำชี้แนะจากอาจารยสวี่เพียงผูเดียว
ผลลัพธอันคาดไมถึงนี้ ทำใหทั่วสนามเหนี่ยวนำตองพูดไมออกอีกครั้ง แตวาใน
ครั้งนี้ การประเมินตวนมูหวงฮุนของทุกคนก็สูงขึ้นมามากเลยทีเดียว โดยมองวาเด็ก
คนนี้มีคุณธรรม ไมลืมบุณคุณของผูที่เคยชวยเหลือตน
ภาพพจนอันจรัสแสงของตวนมูหวงฮุนไดขึ้นสูงอีกครั้ง
เขาผูมีรูปโฉมหลอเหลา ทาทางทรงเสนห มีความเยือกเย็นโดยธรรมชาติ จึงได
กลายเปนผูชายในฝนของเหลาหญิงสาวในสนามเหนี่ยวนำ หญิงสาวมากมายออกจาก
โรงเรียนเพื่อติดตามตวนมูหวงฮุนที่ไปทาสูกับเหลายอดฝมือ
ไมวาเขาจะไปที่ใด ลวนมีหญิงสาวงดงามติดตามไปนับไมถวน
โรงเรียนซงเจียนที่แตเดิมไรชื่อ ก็ไดเลื่องชื่อกระจายไปทั่ว กลายเปนที่อิจฉาของ
โรงเรียนและเมืองตางๆ และวันนี้ก็คือวันที่ตวนมูหวงฮุนกลับมายังเมืองซงเจียน
บทที่ 36 ฝนราย
“คิดไมถึงเลย เพื่อนตวนมูจะรายกาจถึงขั้นนี้!”
“ใชแลว แถมยังมีคุณธรรมดีถึงเพียงนั้น เขาเลือกที่จะอยูที่โรงเรียนซงเจียนตอ
ชางเปนคนชื่อสัตยเสียจริง เมื่อกอนขามองเขาผิดไปเอง”
“ถูกแลว ดูทาเพื่อนตวนมูจะเปนประเภทที่ดูเย็นชาแคภายนอก!”
......
เมื่อคณะบริหารของโรงเรียนรับรูขาวที่วาวันนี้ตวนมูหวงฮุนจะกลับเมืองซงเจียน
ก็ไดตั้งใจรวมกลุมของเหลาอาจารยและนักเรียนทั้งหมด จัดพิธีตอนรับอยางเปน
ทางการขึ้น ไมวาจะเปนอาจารยหรือนักเรียน บนใบหนาของทุกคนลวนเต็มไปดวย
ความปลื้มปติ ในประวัติศาสตรของโรงเรีย นซงเจียนไมเคยมี ใครได รับ เกียรติ ย ศ
ชื่อเสียงเชนนี้มากอน การเปนนักเรียนปหนึ่งแตไดติดอันดับยี่สิบอันดับแรกของสนาม
เหนี่ยวนำ ไมไดนำพาเพียงชื่อเสียงมาใหโรงเรียนซงเจียน แตยังนำมาซึ่งผลประโยชน
อื่นๆ อีกมากมาย
ขอเพียงแคสามารถรั้งตัวตวนมูหวงฮุนไวได ในทุกๆ ปโรงเรียนซงเจียนก็จะไดรับ
คะแนนสะสมจำนวนมหาศาล คะแนนสะสมจากตวนมูหวงฮุนเพียงคนเดียวก็มากไป
กวาผลรวมจากนักเรียนคนอื่นทั้งหมด คะแนนสะสมนี้เกี่ยวของกับระดับการประเมิน
ในอนาคตของโรงเรียนซงเจียนและจำนวนทรัพยากรที่จะถูกจัดหาให
ชื่อเสียงของตวนมูหวงฮุนในตอนนี้ที่จริงก็คือทองคำกอนหนึ่ง
ตวนมูหวงฮุนสามารถมีผลการประลองที่ทำใหผูคนตองตกตะลึงเชนนี้ ถือวาเกิน
ความคาดมายของทางโรงเรียนอยางมาก และการที่ตวนมูหวงฮุนประกาศวาจะอยูที่
โรงเรียนซงเจียนตอ
ยิ่งทำใหทางโรงเรียนราวกับพายชิ้นใหญที่ตกลงมาจากฟาหลนเขาปาก ดวยเหตุ
นี้จึงไดจัดพิธีตอนรับอยางเปนทางการขึ้น ไมวาจะเปนอาจารยหรือนักเรียน ในเวลานี้
ลวนยินยอมพรอมใจกันทั้งสิ้น
ผลประโยชนที่ตวนมูหวงฮุนมีตอทางโรงเรียน ไดสงผลไปถึงทุกๆ ฝาย ทั้งสวัสดิการ
เงินเดือนของอาจารย ทรัพยากรการฝกของนักเรียน ลวนไดรับการยกระดับขึ้นทั้งสิ้น
แตที่ยิ่งดึงดูดสายตาคนผูคน ก็คือนักเรียนหญิงของโรงเรียนซงเจียน ความนิยม
ของตวนมูหวงฮุนจากบรรดานักเรียนหญิงของโรงเรียนซงเจียนแตเดิมก็คอนขางจะนา
ตกตะลึงอยูแลว และในตอนนี้ที่ตวนมูหวงฮุนไดกลายมาเปนพระเอกของทั่วทั้งสนาม
เหนี่ยวนำ ยิ่งทำใหพวกบรรดาหญิงสาวเหลานั้นบาคลั่งกันใหญ
“พี่นอ งทั้งหลายจงเตรีย มจิตใจให พร อ ม! อย า ได ป ล อ ยให พ วกนางมารจาก
โรงเรียนอื่นเอาชนะได!”
“ใชแลว! หวงฮุนเปนของพวกเรา พวกนางคิดวาตนเปนใครถึงจะมาแยงไป คิด
จะมาแตะตองหวงฮุ ตองขามศพเราไปกอน!”
“เรื่องดีๆ เชนนี้จะไมปลอยใหผูอื่นไป ไสหัวเจาพวกแพศยาที่หลงระเริงพวกนั้น
ไปใหไกลเทาที่จะไกลได!”
“พวกเราตองใหหวงฮุนไดรูวา ใครกันที่รักเขาอยางแทจริง!”
......
เหลานักเรียนหญิงตางสวมอาภรณแพรลวนหรูหรางดงามอันเปนที่ชื่นชอบที่สุด
แตงกายเฉิดฉันไฉไลมารวมพิธีตอนรับครั้งนี้ แตละคนลวนงดงามหยาดเยิ้ม
คณาจารยและนักเรียนโรงเรียนซงเจียนยืนเรียงแถวทั้งสองฝงถนน เตรียมตัว
สำหรับการตอนรับตวนมู ฝูงชนยืนเรียงรายยาวเหยียดไมขาดสาย ตั้งแตจากประตู
เมืองไปจนถึงประตูของโรงเรียนซงเจียน
รานคาบนถนนสองขางทางตางก็แขวนธงหลากสี โรงฝกแตละแหงก็ใหพนักงาน
แขวนแผนภาพอักษร พวกเถาแกตางแยมยิ้มอยางมีความสุข ชวงนี้การคาของทุกเจา
ลวนคึกคักกันอยางหาใดเปรียบ ถุงเงินที่อยูตรงเอวก็ไมรูวาเพิ่มขนาดขึ้นมาเทาไร
ความแพรหลายของการปดตาตอสู ทำใหธุรกิจของโรงฝกแตละแหงในเมืองซงเจียน
ตางคึกคัก เมืองซงเจียนไดกลายเปนแหลงตนกำเนิดของการปดตาตอสู การมีปายชื่อ
เชนนี้อยู การคาของพวกเขาก็จะคึกคักไปไดชวงหนึ่ง แตพวกเขาก็เขาใจแจมแจงวา
ความคึกคักเชนนี้ไมอาจจะดำรงอยูไดนาน การปดตาตอสูสำหรับทุกคนในตอนนี้เปน
สิ่งแปลกใหม แตพอผานไปชวงเวลาหนึ่ง ความรูสึกแปลกใหมจะหายไป การคาก็
จะตองลดลงอยางฮวบฮาบ
ตวนมูหวงฮุนที่จรัสแสงไปแสนไกล ขอเพียงเขาอยูที่เมืองซงเจียน เมืองแหงนี้ก็
จะไมใชเมืองเล็กๆ หางไกลผูคนอีกตอไป ยี่สิบอันดับแรกของสนามเหนี่ยวนำนั้น
หมายถึงอะไร มันคือการดำรงอยูที่ทำใหคนตองจับตามอง หากใชคำพูดใหม เมื่อกอน
ปายชื่อของเมืองซงเจียนก็คือการปดตาตอสู แตในตอนนี้ปายชื่อของเมืองซงเจียนมี
เพียงอยางเดียว นั่นก็คือ ตวนมูหวงฮุน
ในสายตาของเหลาเถาแกที่มีสายตาในการทำการคาที่แหลมคม ตวนมูหวงฮุนนั้น
เปนของหายากที่สามารถกักตุนไวเก็งกำไรไดอยางเปนกอบเปนกำ นอกจากความ
แข็งแกรงอันยิ่งใหญของเขาและการอยูในตระกูลที่มีชื่อเสียงแลว เขายังเปนนักเรียนป
หนึ่งที่เลื่อนขึ้นไปอยูในยี่สิบอันดับแรกของผูแข็งแกรง การจะเหนือกวาผูมีพรสวรรค
ในรอบรอ ยปนั้นไมมีปญหา ตวนมู  ห วงฮุ น ในวัน นี้ ได ก ลายมาเป น ผู น ำของเหลา
นักเรียนใหมไปแลว เชนนั้นจะมีผูมาทาสูมากมายเพียงใด ภายหลังจะมีหัวขอที่พูดคุย
มากมายเพียงใด
ยิ่งไปกวานั้นแลว ตวนมูหวงฮุนยังมีใบหนาที่งดงามจนหญิงสาวตองอิจฉา นึกถึง
พวกผูหญิงที่สูญเสียสติสัมปชัญญะพวกนั้นดูเถอะ นั่นก็เปนเงินจำนวนมหาศาลเชียว!
เงินของใครจะหาไดงายที่สุด ก็เงินผูหญิงอยางไร!
ระดับชื่อเสียงของเมืองซงเจียนที่เพิ่มขึ้น ลวนเปนประโยชนกับทุกๆ คน
ผูคนในเมืองเกือบทุกคนออกมารวมงาน เมืองซงเจียนไมเคยปรากฏผูมีพรสวรรค
ที่เปนที่จับตามองถึงเพียงนี้ ทุกคนลวนเต็มไปดวยความยากรูอยากเห็น ไมตองพูดถึง
นักเรียนที่อยูในยี่สิบอันดับแรก แคนักเรียนที่อยูในรอยอันดับแรก เมืองซงเจียนก็ยัง
ไมเคยปรากฏขึ้น เมื่อกอนนักเรียนที่อยูอันดับสูงสุดของเมืองซงเจียนนั้นอยูในอันดับที่
สองรอยเกาสิบสอง
เมฆเพลิงกอนหนึ่งไดลอยอยูกลางอากาศมาดวยความเร็ว
ตวนมูหวงฮุนนั่งอยูดานบน ใบหนาที่หลอเหลาเปยมเสนหดูมีความเหนื่อยลา
การทาสูกับผูที่แข็งแกรงติดตอกันเชนนั้น ไมวาจะเปนสภาพจิตใจหรือรางกาย ยอม
ตองแบกภาระไวเปนอยางมาก
เขามองเห็นรอบนอกของเมืองซงเจียนอยูไกลๆ ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ เพื่อที่จะ
สลัดพวกนักเรียนหญิงที่บาคลั่งพวกนั้น เขาตองเดินทางออกมาในตอนกลางคืน
ชวงเวลานี้สำหรับเขาแลวราวกับเปนฝนรายก็ไมปาน ตั้งแตที่ไดรับมอบหมาย
งานจากอาจารยสวี่เปนตนมา เขาก็รูสึกวาตนนั้นดวงซวยติดๆ กัน ในใจของเขาเต็มไป
ดวยเพลิงโกรธมาตลอด จนในภายหลัง เพลิงกอนนี้นับวันยิ่งใหญโต เมื่อคิดวาชวง
หลายวันมานี้ตนตองใชชีวิตเชนไร โดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อนึกถึงการทาสูอยางเปน
ทางการของกูเทียนหนิง แตตนกลับตองปฏิเสธเพราะใบหนาที่บวมช้ำ จนกลายเปน
วาตนถูกกลาวหาวาเปนพวกออนแอขี้ขลาด
เรื่องนี้ไดทำใหตวนมูหวงฮุนรูสึกอัปยศอดสูอยางมาก ไมคิดเลยวาภายหลังจะมี
พวกหมาแมวทั้งหลายคิดจะมาเหยียบไหลเขาขึ้นไป เพลิงโกรธที่ตวนมูหวงฮุนสะกด
ไวภายในก็ไดระเบิดออกในทันที
ดังนั้นเขาจึงไมพูดพร่ำทำเพลง จัดการซอมเจาพวกที่มาทาสูกับตนจนหัวบวมเปน
หัวหมูเสีย
ไมเพียงเทานี้ ภายใตความโกรธนี้ เขาจึงมุงตรงไปที่โรงฝกตางๆ เพื่อจัดการพวก
ยอดฝมือที่เมืองอื่นที่มาลองการแขงปดตาตอสูและจัดการแบบไมเลี้ยงเลยทีเดียว
ถึงจะเปนเชนนี้ เพลิงโกรธของตวนมูหวงฮุนก็ยังคงไมถูกระบายออกมาจนหมด
ไมมีใครรูเลยจริงๆ วาเขาตองการการระบายมากมายเพียงใด
ดังนั้นเขาจึงตกลงใจออกจากเมืองซงเจียนไป คนแรกที่จัดการก็คือคนที่เขารูสึก
วามากดขี่ตนอยางกูเทียนหนิง นึกถึงวันที่ตนสองกระจกเห็นใบหนาบวมเปง แลวได
ยินเสียงทาสูจากภายนอก จิตวิญญาณที่หยิ่งทระนงของเขาตอนนั้นสัมผัสไดถึงการ
เหยียดหยามที่ยากจะบรรยาย
มาถึงตอนหลัง ตวนมูหวงฮุนที่เลือดขึ้นหนาเปนที่เรียบรอยแลว เพลิงโกรธที่เขา
สะกดไวในอกมากจนแทบจะระเบิด ทำใหมีเสียงหนึ่งดังกองอยูในหัว ขาตองการ
ระบายอารมณ! ขาตองการระบายอารมณ!
แตหลังจากตวนมูหวงฮุนไดตอสูกับสองยอดฝมือติดตอกัน ในที่สุดก็หมดสิ้น
เรี่ยวแรง และเพลิงโกรธในอกเองจึงไดบรรเทาเบาบางลง
จิตใจของเขาสงบลงมามากแลว
สำหรับคำเชิญจากโรงเรียนอื่นนั้น เขาไมแมแตจะมองก็โยนทิ้งขยะไปสิ้น
ลมลงที่ใด ก็ตองปนขึ้นมาจากตรงนั้น!
การไปที่โรงเรียนอื่น ก็เหมือนการปลอยใหเจาอายฮุยหลุดมือไป คดีของพวกเขา
ยังไมไดคิดบัญชี เขาจะไมมีทางยอมจากเมืองซงเจียนไปแน กลับมานึกถึงใบหนาที่
บวมเปงของตน จิตสังหารที่กลางอกก็ยากที่จะสะกดกลั้นเอาไวได และเหตุการณที่
แสนจะนาหวาดกลัวในครั้งนั้น เขาไมกลาแมแตจะนึกถึง
เจาอายฮุยสมควรตายนั่น ชางเปนฝนรายของเขายิ่งนัก เขาจะตองกำจัดเจาฝน
รายนี้ทิ้งใหได!
เมื่อสังเกตเห็นกลุมคนที่มาตอนรับอยูหลังประตูเมือง เขาก็ทำการจัดระเบียบชุดที่ใส
ปรับสีหนาใหกลับมาอยูในทาทีที่เยือกเย็นทรงเสนหเหมือนเดิม เขายืดอกเชิดคางขึ้น
เมื่อกลับมาเปนดั่งเชนวีรบุรุษเชนเดิมไดแลว ใจทะเยอทะยานของเขาก็รูสึกพอใจ
เปนอยางมาก
ทามกลางการจับจองของสายตานับหมื่นคู เมฆเพลิงคอยๆ หยุดลงที่ประตูเมือง
คนที่อยูหลังประตูเมืองทั้งหลาย ตางอดไมไดที่จะสูดลมหายใจเขา ใบหนาที่หลอเหลา
เย็นชาของตวนมูหวงฮุนทำใหผูคนไมอาจละสายตา รางที่สูงโปรงมีทาทีที่แสนจะไม
ธรรมดา เสื้อผางดงามไดผานการเดินทางอยางลำบาก มีสภาพเหมือนการไดชัยชนะ
มาหลังจากออกรบครั้งใหญที่แสนมีเกียรติ
สนามเหนี่ยวนำอยูๆ ก็ปรากฏผูมีพรสวรรคที่เปนที่สุดแหงยุคขึ้น!
ตนแบบของนักเรียนใหมทั้งหมด!
เมฆเพลิงไดลอยอยูเหนือพื้นเล็กนอยคอยๆ นิ่งสนิท ทามกลางสายตาที่จับจอง
ของผูคนนับหมื่น ตวนมูหวงฮุนเปรียบดังวีรบุรุษก็ไมปาน เขาเปลงประกายเจิดจรัส ดู
สุขุมและเอาจริงเอาจัง เขาคอยๆ กรีดกรายกาวขาลงจากเมฆเพลิงอยางบรรจง
“เฮ เพื่อนปงหวาน เจาก็อยูที่นี่เหรอ!”
เสียงแหงฝนรายดังขึ้นที่ขางหลังอยางไมมีสัญญาณใดๆ
ตวนมูหวงฮุนที่ไมไดนึกถึงเลยนั้ น เบิกตากวางขึ้นในทันที สัญชาตญาณของ
รางกายหยุดนิ่ง ขาที่กาวออกอยางสงางาม เหยียบพลาดไปกลางอากาศโดยพลัน
ตุบ! ตวนมูหวงฮุนรวงลงพื้นหนาคะมำราวกับเปนหุนไม
ทั้งภายนอกและภายในของประตูเมือง ผูคนนิ่งอึ้งตาโตเปนไขหาน
บทที่ 37 รานบะหมี่
ที่จริงไดอายฮุยไมไดคิดจะทักทายตวนมูหวงฮุนเลย ทั้งสองก็ไมไดสนิทกัน แคทำ
เปนไมเห็นก็สามารถเดินผานไปได
ใครจะไปรูวาเมฆเพลิงของตวนมูหวงฮุนดันหยุดอยูตรงกลางประตูเมือง ขวางทาง
เอาไวพอดี อีกทั้งผานไปคอนวันก็ยังไมขยับไปไหน แคจะลงจากเมฆเพลิงก็อืดอาด
ยืดยาดราวกับเตา อายฮุยรอมาคอนวันจนทนไมไหว เจานี่ยังทำตัวชักชาเชนนั้น จึง
ทำไดเพียงทักทายขึ้นมา โดยความหมายที่จะสื่อก็คือเตือนเพื่อนปงหวานวาดานหลัง
เจายังมีคนอยู ทำอะไรใหมันเร็วๆ หนอย
สรุปแลว...
เมื่อมองดูตวนมูหวงฮุนที่เอาหนาปกลงพื้นโคลนแลว ในใจของอายฮุยก็นึกดูถูก สภาพ
ออนแอเชนนี้ชางเหลือทนเสียจริง เสียงของตนเบาราวเสียงกระซิบยังหัวทิ่มขนาดนี้
หากวาอยูในแดนรางแลวเจอเขากับเสียงคำรามของอสูรแดนรางที่ราวกับฟาลั่น ไมใช
วาจะหัวใจวายไปเลยหรือ
เอาเถิด บางทีเด็กสมัยนี้อาจเปนเชนนี้กันหมดแลว อยางไรเสีย อายฮุยนั้นก็เห็น
วาตวนมูหวงฮุนเปนเด็กนอยมาโดนตลอด
สำหรับเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากการฝก แตไหนแตไรมาอายฮุยก็ไมเก็บมาคิดให
วุนวาย รวมถึงเรื่องที่วาทำไมหนาประตูเมืองจึงมีผูคนมากมายเชนนั้น เรื่องพวกนั้น
มันเกี่ยวกับตนเสียที่ไหน
โรงฝกยังคงสะอาดเอี่ยมอองเหมือนเคย ระดับการทำความสะอาดของโหลว
หลานก็ยังคงเดิมไมเปลี่ยน แตตอนนี้โหลวหลานนั้นไมอยู อายฮุยจึงไปอาบน้ำอยางมี
ความสุขสักรอบแทน
โหลวหลานยังไมมา ดูทาแลววันนี้จะไมมีน้ำแกงใหดื่ม ความฝนแสนหวานของ
อายฮุยจึงไดสลายไป
อายฮุยมองไปที่ทองฟายังสวางอยู จึงตัดสินใจออกไปกินบะหมี่!
ถูกแลว กินบะหมี่! บะหมี่ชามละหนึ่งรอยหาสิบหยวน! อยางไรเสียตนก็เปนคนมี
เงินกอนใหญถึงสามแสนหาหมื่นหยวนอยูกับตัว วันนี้จะกินบะหมี่ใหเปนสุขเลย พอ
นึกถึงบะหมี่ของรานนั้น อายฮุยที่แทะขนมเบื้องมาหนึ่งเดือนเต็มก็ถึงกับน้ำลายไหล
เขาไมพูดพร่ำทำเพลงเรงรุดออกประตูไป
ซือเสวี่ยมั่นกำลังเดินอยางไรจุดหมายอยูบนถนนในเมืองซงเจียน นางไดยินเรื่อง
ฉากเหตุการณอันยิ่งใหญของตวนมูหวงฮุนในวันนี้มาแลว นาเสียดายที่ไมไดเห็นดวย
ตาของตนเอง ไดยินทานอาหยงเจิ้งเลาวา ในตอนที่ตวนมูหวงฮุนกระโดดลงจากเมฆ
เพลิง เขาไดลมลงไปกองกับพื้น ทุกคนในที่นั้นลวนปลงอนิจจังวา ผลการประลองใน
คราวนี้ของตวนมูหวงฮุนชางไดมาอยางยากลำบาก
ซือเสวี่ยมั่นคอนขางนับถืออยูบาง ภายในหนึ่งสัปดาหไดทาสูกับสามยอดฝมือที่
อยูในหาสิบอันดับแรก วีรกรรมที่ยิ่งใหญเชนนี้ไมเคยไดยินมากอนดวยซ้ำ การที่
รางกายจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงก็ไมใชเรื่องแปลกอะไร
ในตอนที่เขาเรียนปแรก นางเขาไปอยูในอันดับที่หนึ่งรอยเทานั้น มินาตวนมูหวงฮุนถึง
ถูกยกยองวาเปนผูมีพรสวรรคที่จะพบไดในรอบรอยป
แตทวานางไมไดมีความสนใจในตัวตวนมูหวงฮุน นางเพียงแคสนใจในตัวยอด
ฝมือลึกลับที่เอาชนะนางลงได นางเองก็เคยสงสัยวายอดฝมือลึกลับผูนั้นอาจจะเปนต
วนมูหวงฮุน แตไมนานนางก็ปฏิเสธการคาดเดานี้ไป
รางของตวนมูหวงฮุนนั้นมีทาทีของชนชั้นสูงที่เดนชัดอยางมาก และทาทีของยอด
ฝมือที่ลึกลับผูนั้นกลับแตกตางอยางชัดเจน
เพื่อไมใหถูกผูอื่นจำได บนใบหนาของซือเสวี่ยมั่นไดทำการสวมใบหนาปลอมที่ทำ
จากพลังธาตุ ในตอนนี้ดูไปแลวนางก็เปนเพียงนักเรียนหญิงที่มีรูปโฉมแสนจะธรรมดา
ตั้งแตการแขงปดตาตอสูเปนตนมา เมื่อไรมีเวลาวาง นางก็จะตองมายังเมืองซงเจียน
ทำใหนางเองก็คอยๆ คุนเคยกับเมืองซงเจียนขึ้นมา การฝกของวันนี้ไดจบลงแลว
ความรูสึกของการเดินเลนอยางไรจุดหมายก็ถือวาไมเลวจริงๆ
ในอากาศมีกลิ่นอาหารหอมหวนลองลอยมา ซือเสวี่ยมั่นก็รูสึกหิวขึ้นมานิดหนอย
นางหันหนากลับไป เดินไปตามกลิ่นหอมที่ลอยมา ก็ไดพบกับรานบะหมี่รานหนึ่งเขา
นางกินอาหารภายนอกนอยมาก ถาพูดใหถูกคือ นางกินอาหารอยางอื่นนอกจาก
อาหารเสริมพลังธาตุนอยมาก
สาเหตุเปนเพราะการฝกฝน นางจึงตองเขมงวดกับอาหารการกิน อาหารที่กิน
ตามปกติลวนเปนอาหารเสริมพลังธาตุที่ปรุงขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งมีผลในการยกระดับการ
ฝกของนางได
นางลังเลอยูสักพัก...แตก็ไมอาจทนตอกลิ่นหอมที่ลอยออกมาได
ในตอนนี้ไมใชเวลากินอาหาร ในรานจึงไมมีใคร เถาแกเองก็กำลังยุงอยูกับการตุน
เนื้อวัว กลิ่นหอมฟุงไปทั่ว
เมื่อเดินเขารานก็หาที่นั่งแบบไมไดใสใจ และสั่งบะหมี่มาหนึ่งชาม ในตอนนี้เอง เงา
รางหนึ่งพุงเขามาในราน แลวนั่งลงที่โตะตรงขามกับนาง “เถาแก เอาบะหมี่หาชาม!”
ซือเสวี่ยมั่นหรี่ตามองแวบเดียวก็เห็นวาเปนนักเรียนชายคนหนึ่ง มองแลวรูสึกคุนตา
ราวกับเคยเห็นที่ไหนมากอน
พอลองนึกดูสักหนอย ถึงไดนึกออกวาครั้งกอนที่ตนมายังเมืองซงเจียน มองเห็น
ทั่วเมืองมีธงยาวที่เขียนคำวา “การปดตาตอสู” เต็มไปหมด ในตอนที่กำลังหัวรอนได
ที่ ถนนฝงตรงขามก็มีเจาคนนารังเกียจกำลังยินดีกับความทุกขของคนอื่นอยู
เปนเจาคนนี้นี่เอง
ซือสวี่ยมั่นนึกถึงตนเองในครั้งกอนที่เต็มไปดวยความมั่นใจ แตกลับลายเปนตอง
มาผิดหวัง ตอนนี้ก็เลยรูสึกละอายใจนิดหนอยขึ้นมาทันที ผูชายที่อยูตรงหนา นางเอง
ก็ไมไดพาลโกรธอะไรมากมาย อีกฝายก็ไมไดรูจักตน ในตอนนั้นอารมณของตนไมดี
เหมือนวาจะถลึงตาใสอีกฝายไปทีหนึ่งดวย
นางอดแอบหัวเราะในใจไมได พอดีกับตอนนี้บะหมี่ยกมาพอดี นางจึงกมหนากม
ตากินบะหมี่
รสชาติของบะหมี่อรอยเขมขน แตกตางอยางสิ้นเชิงกับอาหารเสริมพลังธาตุที่
นางเคยกินเปนประจำ มันทำใหนางไมอาจหยุดกินได
แตวาหากเทียบกันตนแลว เจาคนที่อยูตรงขาม กินไดอลังการยิ่งกวานัก เรียกได
วาเปนพายุคลั่งที่พัดใบไมรวง โดยเฉพาะอยางยิ่งคือบะหมี่หาชามที่เรียงกันเปนตัวเลข
หนึ่ง มองดูแลวชางมีพลังทำลายลางอยู อีกอยางทาทางการกินบะหมี่ก็เรียกไดวาดู
หยาบคายราวกับสัตวคลั่ง ตะเกียบลงไปทีเดียวบะหมี่เกือบทั้งชามก็หายไปแลว ทำ
เอาซือเสวี่ยมั่นมองดูแลวตะลึงจนปากอาตาคาง
นางเคยเห็นการกินเชนนี้ที่ไหนกันนะ คนที่อยูรอบกายนาง เวลาที่กินอาหาร แต
ละคนลวนกินอยางสุภาพและเชื่องชา
อายฮุยตั้งแตแรกมาก็ยังไมไดสังเกตเห็นผูหญิงที่อยูตรงขาม แตดีที่วาอายฮุย
ในตอนนี้ไดเริ่มปรับตัวเขากับการใชชีวิตในสนามเหนี่ยวนำแลว จึงไมไดตัดสินวา
นัยนตาสองขางที่อีกฝายจับจองมายังเขาเปนการกระทำที่มีอันตราย
ความสนใจทั้งหมดของเขาลวนจดจออยูที่บะหมี่ตรงหนาจนลืมตัวไปเลย
เขายกชามบะหมี่ขึ้นดื่มน้ำแกงลงไปครึ่งคอนชาม อายฮุยจึงไดพึงพอใจกอนจะวาง
ชามบะหมี่ลง ในตอนนั้นเอง เขาก็ไดสังเกตเห็นผูหญิงฝงตรงขามที่กำลังจองมองมา
สายตาทั้งสองคูประสานกัน ซือเสวี่ยมั่นก็รับรูไดถึงการกระทำอันไรมารยาทของ
ตนในทันที จึงรีบกมหนากมตาลงเพื่อหลบซอนความอายไว นางรีบตะโกนขึ้นมา
“เถาแก คิดเงินดวย”
“ทั้งหมดหนึ่งรอยหาสิบหยวน” เถาแกสงใบเสร็จมาให
“ได” ปากของซือเสวี่ยมั่นตอบรับไป นางก็รีบลวงหาถุงเงิน แตแลวอยูๆ ก็หยุดลง
เมื่อไดพบกับเรื่องที่เลวรายมากๆ
...นางไมไดเอาเงินมา!
นางนึกขึ้นไดวาตอนที่ตนเพิ่งจะฝกเสร็จก็ไดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผา ถุงเงินนั้นอยูใน
เสื้อผาชุดเกาที่เปลี่ยนไป
ทำอยางไรดี นางไมเคยพบกับสถานการณเชนนี้มากอน มือไมออนไปหมด นาง
ไมรูเลยวาควรจะตองทำเชนไร ในขณะนั้นจึงไดนิ่งคางไป
“คุณลูกคา” เถาแกเห็นนางนิ่งไป อดไมไดที่จะเรียกขึ้นมาหนึ่งคำ
“เถา...เถาแก ขาลืมหยิบเงินมา...”
นางพูดอยางตะกุกตะกักจนจบประโยค ใบหนาแทบจะไหมขึ้นมา ในตอนนี้นาง
อยากใหพื้นมีรอยแยกใหนางไดแทรกตัวหนีลงไป
ใบหนาของเถาแกถึงกับดำมืดลงในทันที
อายฮุยพอดีไดเห็นเหตุการณนี้เขา เห็นใบหนาของสาวนอยนั้นแทบมุดลงไปใต
แขนแลวก็อดไมไดที่จะสายหัวในใจ จึงเอยปากขึ้น “เฮ ขาใหเจายืม เจาหาขอมาค้ำ
ประกันไวกับขาสักชิ้น เมื่อคืนเงินคอยเอาของกลับไป”
ใหคิดเงินกับเขาก็ได คำพูดที่ตองเสียเงินเปลาๆ เชนนี้อายฮุยไมมีทางพูด!
หนึ่งรอยหาสิบหยวน เปนเงินที่มากอยูนะ!
ถาหากวาไมมีของมาค้ำประกัน เขาก็จะไมใหยืม ความเห็นใจของเขาแตไหนแต
ไรก็ไมไดทวมทนอยูแลว ในสายตาของเขา การที่ตนยอมใหยืมเงินก็ถือวาเปนการ
ชวยเหลืออันใหญหลวงแลว
เมื่อพูดจบเขาก็ควักเงินออกมา และชี้ไปที่ชามตรงหนาตนกับเถาแก “คิดเงินรวม
กับของขา”
เมื่อจายเงินเสร็จ อายฮุยกัดไมจิ้มฟนเอาไวในปากแลวเดินออกจากรานบะหมี่ ใน
มือมีสรอยไขมุกที่รับมาจากซือเสวี่ยมั่น
ซือเสวี่ยมั่นกลาวขอบคุณกับอายฮุยอยางจริงจัง “ขอบคุณเจา ขาจะตองคืนเงิน
เจาอยางแนนอน! กรุณาทิ้งที่อยูใหกับขาดวย!”
“ขาอยูที่โรงฝกศาสตราวุธ” อายฮุยกลาว “เจาคืนเงินมาแลว ไขมุกคอยคืนเจา
ขาไปแลว รีบกลับไปเอาเงินเถอะ”
อายฮุยมองทองฟาที่เริ่มมืด จึงถือโอกาสพูดใหม “พรุงนี้คอยเอามาคืนก็ได ไป
แลวนะ”
เขาสะบัดชายแขนเสื้อเบาๆ โดยไมไดนำพากอนเมฆไปดวย*

*ชาวจีนใชประโยคนี้บรรยายภาพเหตุการณในการแยกยายจากลากัน
บทที่ 38 มารในใจ
ซือเสวี่ยมั่นไดกลับมายังโรงฝกของตระกูล เมื่อเห็นทานอาหยงเจิ้งจึงไดเอยถามขึ้น
“ทานอาหยงเจิ้ง ทานทราบหรือไมวาโรงฝกศาสตราวุธอยูที่ใด”
“โรงฝกศาสตราวุธหรือ” หยงเจิ้งนึกดูอยางละเอียด จึงสายหัวตอบ
“ไมมี เมืองซงเจียนไมมีโรงฝกศาสตราวุธ คุณหนูไปไดยินชื่อโรงฝกแหงนี้มาจาก
ที่ไหนกัน”
เขารับหนาที่เปนผูดูแลโรงฝกที่เมืองซงเจียนมาเปนเวลานาน คอนขางจะคุนเคย
กับเรื่องตางๆ ของเมืองซงเจียนเปนอยางมาก โดยเฉพาะกับเรื่องโรงฝก เขายิ่งคุนเคย
เกินจะเปรียบ เขากลาที่จะรับประกันเลยวาเมืองซงเจียนไมมีโรงฝกชื่อนี้อยู
คุณหนูอยูๆ ก็ถามถึงโรงฝกศาสตราวุธอะไรนี่ขึ้น ทำใหเขารูสึกไดถึงลางไมดี
ความแข็งแกรงของคุณหนูนั้นไมตอ งพูดถึ ง เขาไมไดกั งวลถึงความปลอดภั ย ของ
คุณหนูแมแตนอย แตทวาตั้งแตเล็กคุณหนูก็อยูในสภาพแวดลอมที่เรียบงายเปนอยาง
มาก มีใจลุมหลงอยูเพียงแคกับการฝก ไมไดเขาใจโลกและใจคน ความคิดบริสุทธิ์
เรียบงาย ซึ่งงายที่จะถูกหลอก
ซือเสวี่ยมั่นไดเลาเรื่องที่ไดเจอในวันนี้ออกมารอบหนึ่ง
ความรูสึกไมสงบในใจของหยงเจิ้งยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก เขารีบถามทันที “สรอย
ไขมุกของคุณหนูหมายถึงสรอยครามสงบจิตที่คุณหนูมักจะใสติดมือเสนนั้นหรือ”
“ใช บนตัวขามีเพียงสรอยไขมุกนั่นที่พอจะใชค้ำประกันได นั่นเปนของดูตางหนา
ของทานยา ปกติแลวขามักเก็บ ไวติดตัว ไมห างกาย” ซือเสวี่ยมั่น สั งเกตเห็ นการ
แสดงออกบนสีหนาของหยงเจิ้ง จึงอดไมไดที่จะถามขึ้น “ทานอาหยงเจิ้งคิดวาคนผู
นั้นมีปญหาอะไรหรือเปลา”
พอหยงเจิ้งไดยินวาเปนของดูตางหนาของทานยาของซือเสวี่ยมั่น เหงื่อเย็นๆ ก็
ไหลอาบลงมา
สรอยครามสงบจิตนั้นสรางขึ้นจากปกปกษาสีครามโดยอสูรแดงราง ดวยความที่
มันผลิตออกมานอย จึงถือวาล้ำคาอยางมาก มันสามารถทำใหจิตใจของคนสงบนิ่งได
มีประโยชนอยางมากในการฝกฝน ตอใหเปนสมัยกอนที่เปนยุคบำเพ็ญตน สมบัติล้ำ
คาเชนนี้ก็ยังล้ำคาเกินประมาณเชนกัน
ยิ่งไปกวานั้น สิ่งนี้ยังเปนของดูตางหนาของทานยาของซือเสวี่ยมั่น!
เขารูดีวาทานยาของซือเสวี่ยมั่นมีสถานะที่สูงสงถึงเพียงใด ของดูตางหนาของ
นางหากวาสูญหายไป โดยเฉพาะยังสูญหายในเมืองซงเจียน ความรับผิดชอบนี้เขาไม
อาจแบกรับไดไหวอยางแนนอน
“ขาจะไปสืบหาเดี๋ยวนี้!” หยงเจิ้งไมคิดถึงเรื่องอื่น เขาหันหลังวิ่งออกไปในทันที
ถึงแมวาซือเสวี่ยมั่นจะยังขาดประสบการณอยู แตทวาก็ฉลาดหลักแหลม เมื่อ
มองเห็นทานอาหยงเจิ้งที่มีทาทีตึงเครียด ก็ไดเขาใจขึ้นมาหลายสวน แตวานางกลับ
ไมไดกังวลมากนัก ถึงแมอีกฝายจะตองการของค้ำประกัน แตการใชสรอยไขมุก ค้ำ
ประกัน เปนการที่ตนเสนอออกไปเอง นางรู  สึ ก ว า ความเป น ไปได ท ี ่ จ ะเป น การ
หลอกลวงไมคอยมี
ผานไปสักพัก หยงเจิ้งที่เหงื่อทวมตัวก็วิ่งกลับมา “คุณหนู ตรวจสอบพบแลว มี
โรงฝกศาสตราวุธอยูแหงหนึ่ง ซึ่งปดกิจการไปนานแลว เร็วๆ นี้มีนักเรียนคนหนึ่งเขา
ไปอยู ทำหนาที่ทำความสะอาดและดูแลโรงฝก”
“ลำบากทานอาหยงเจิ้งแลว เอาที่อยูใหขาที ขาจะเปนคนไปเองแลวกัน”
ซือเสวี่ยมั่นในใจรูสึกดีใจอยูไมนอย นางไมคอยจะกังวลเทาไรวาจะถูกหลอก หาก
มีคนหลอกเอาของของนางไป นางก็มีวิธีที่จะทำใหอีกฝายเอามาคืนไดภายในเขต
สนามเหนี่ยวนำแหงนี้ ไมตองพูดถึงเมืองซงเจียนเลย นางเพียงแคไมปรารถนาใหการ
กระทำที่จิตใจดีงามเชนนี้ กลายมาเปนการหลอกลวงฉากหนึ่งเทานั้น ซึ่งนั่นจะทำให
นางไมสุขใจเปนอยางมาก
หยงเจิ้งเองก็โลงอกไป ไมใชการหลอกลวงนั้นดีที่สุด เขารีบนำที่อยูที่ตรวจสอบ
มาไดใหกับคุณหนูไป เรื่องความปลอดภัยของคุณหนูเขาคงไมตองเปนกังวล
เขาเคยเห็นพลังในการตอสูที่รุนแรงของคุณหนูแตนานมา
หยิบที่อยูกับเงินพรอมแลว ซือเสวี่ยมั่นก็ออกเดินทาง
......
หลังจากจบพิธีตอนรับแลว ตวนมูหวงฮุนก็ไดกลับมายังที่พัก เนื่องดวยคุณูปการ
อันโดดเดนของเขา ทางโรงเรียนจึงไดจัดที่อยูใหมใหแกเขา เปนเรือนเดี่ยวที่อยูในจุด
ที่พลังธาตุเขมขนที่สุด การจัดวางภายในหองก็เรียกไดวาหรูหรา
ตวนมูหวงฮุนทอดถอนใจออกมา ในที่สุดก็สามารถพักผอนไดเสียที
ชวงหลายวันมานี้รางกายของเขานั้นเหนื่อยลาอยางถึงที่สุด เมื่อกอนเปนเพราะ
ความโกรธอันรุนแรงพยุงเอาไว ตอนนี้กลับมายังที่พักแลว ความโกรธที่อยูในอกก็ได
ระบายแลว ความเหนื่อยลาจึงเปนดังสายน้ำที่หลั่งไหลเขามา
แตวา เขานอนอยูบนเตียงจะทำอยางไรก็นอนไมหลับ
ในสมองของเขามีภาพในวันนี้ที่ตนลมลงราวกับสุนัขกระโดดบอโคลนที่หนาประตู
เมืองผุดขึ้นไมหยุด ตั้งแตเล็กจนโต เขาไมเคยทำอะไรที่นาขายหนาเชนนี้มากอน
ภายใตสายตาที่จับจองของคนนับหมื่น ในตอนที่ตนมีหนามีตาที่สุด กลับตองมาขาย
หนาไมมีชิ้นดี
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโห เจาอายฮุยที่แสนสมควรตาย!
แมแตตัวเขาเองก็ไมเขาใจวาในตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพอตนไดยินเสียง
ของอายฮุยถึงไดลมลง
คิดอยูสักพัก ตวนมูหวงฮุนก็ลุกขึ้นั่งอยางไมรูตัว ทาทีดูเครงขรึมขึ้นมา เปน
เพราะวาเขานึกถึงคำที่นากลัวคำหนึ่งขึ้นมา...มารในใจ!
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรูสึกวามีเหตุผล ไมผิดแน เสียงของอายฮุย ตนนั้นรูสึกราวกับเปน
ฝนรายก็ไมปาน หากสิ่งนี้ไมใชมารในใจแลวจะเปนอะไรไปได ตวนมูหวงฮุนนั้นในดาน
ของการฝกฝนถือไดวาเปนสุดยอดของผูมีพรสวรรค เขามีลางสังหรณที่แสนจะแหลม
คม เมื่อลองกลับไปคิดดูความผิดปกติทุกครั้งที่เกิดขึ้นตอนที่ไดพบกับอายฮุย เขายิ่ง
รูสึกวาการวินิจฉัยนี้ของตนนั้นถูกตอง
การไดพบกับมารในใจระหวางการฝกนั้นมีไมนอย ตวนมูหวงฮุนไดเห็นในคัมภีร
มากมายกลา วไว ยิ่งเปนผูมีพ รสวรรค ยิ ่ งง า ยต อ การพบกั บ มารในใจ มารในใจ
โดยทั่วไปจะสื่อถึงความยึดติดบางอยางที่สงผลกระทบตอการฝก หรืออาจจะเปนปม
บางอยางภายในใจ
เมื่อฝกฝนถึงระดับหนึ่งที่แนนอน ขอเรียกรองในระดับของจิตใจก็จะยิ่งตองสูงขึ้น
ฝกวิชาที่แตกตางกัน ขอเรียกรองตอจิตใจก็จะแตกตางกัน บางวิชาตองการใหผฝู ก มี
จิตใจแนวแนในการแสวงหาความกาวหนา ใหลืมตัวตนของตนเองไปเหลือไวเพียง
ความกลาหาญ หากวาในใจมีความกลัวเพียงเล็กนอย ก็จะยากตอการคืบหนา และ
บางวิชาตองการใหผูฝกมีจิตใจที่สงบนิ่งดั่งสายน้ำ ไมยินดียินรายในตัวตน หากในใจ
นั้นมีสิ่งยึดเหนี่ยว ก็จะยากตอการประสบผลสำเร็จ
มารในใจนั้นสงผลกระทบตอผู ฝ กเป น อย างมาก ผลอย า งเบาคื อยากตอการ
คืบหนา ผลอยางหนักคือจะมีธาตุไฟเขาแทรก มีอันตรายถึงชีวิต
นึกถึงครั้งกอนที่ตนลืมตาขึ้นมา ทั่วรางหนาวเหน็บ บนตัวมีรอยฝามือเรียงรายกัน
เปนแถบ ใบหนาของเขาก็รูสึกรอนราวกับถูกไฟเผาขึน้ มาในทันทีเมื่อนึกถึงใบหนาของ
ตนที่บวมเปง เพลิงแคนในอกก็ไดถูกจุดขึ้นมา ยิ่งนึกถึงสภาพทุเรศทุรังในวันนี้ แลว
เพลิงโกรธในอกก็ราวกับน้ำมันเดือดปุดๆ
แคนเกาไมทันหาย แคนใหมก็เขามาแทรก!
ดวงตาของตวนมูหวงฮุนทั้งสองขางเต็มไปดวยเสนเลือด ถูกแลว จนถึงตอนนี้
สมองของเขามั่นใจเต็มรอยวาอายฮุยก็คือมารในใจของเขา
ในคัมภีรการฝกที่เขาเคยอานมีอยูขอหนึ่ง นั่นคือ การกำจัดมารในใจ
เมื่อกำจัดมารในใจแลว ผูฝกจึงจะทำใหการฝกของตนราบรื่นยิ่งขึ้น ไมเกิดธาตุไฟ
เขาแทรก การกำจัดมารในใจไมใชการสังหารบุคคลที่มีความเกี่ยวของกับมารในใจ แต
เปนเหมือนกับการแกปมมากกวา เพื่อใหเกิดความเขาใจในความคิด
ตวนมูหวงฮุนไดตัดสินใจที่จะกำจัดมารในใจนั้นเสีย!
เมื่อกอนถือวาตนมองขามปญหานี้ไปอยู วันนี้จะตองแกไขเสียใหหมด เพลิงโกรธ
ทั้งหมดจะไดระบายออกใหสิ้น สำหรับเรื่องที่วาจะสำเร็จหรือไม ตวนมูหวงฮุนนั้นมี
ความมั่นใจเต็มเปยม อายฮุยนั้นแมแตคลังชีวิตก็ยังไมไดเปด ความแข็งแกรงต่ำจนไม
ตองไปนึกถึง
แมแตยอดฝมือหาสิบอันดับแรกตนยังสามารถเอาชนะไดถึงสามคน เพียงแคอาย
ฮุยคนเดียว จะไมทำสำเร็จอยางงายดายไดอยางไร เมื่อกอนที่ยังไมไดลงมือ เปนเพียง
เพราะถูกหนาที่ที่อาจารยสวี่มอบหมายใหกับเขายับยั้งเอาไวก็เทานั้น
ตวนมูหวงฮุนที่มีความมั่นใจเต็มเปยม เริ่มตริตรองวาจะกำจัดมารในใจตนนี้
ออกไปไดอยางไร
หรือวา จะเอาความอัปยศที่ตนไดรับ ใหอายฮุยไดเผชิญสักรอบหนึ่ง
ความคิดนี้ไดผุดขึ้นมา ตวนมูหวงฮุนก็ตื่นเตนแลว ถูกแลว ก็เอาตามนี้แหละ! เขา
คิดทีละขั้นทีละตอน เริ่มจากใหอาฮุยตากลมหนาวจนเปนหวัดกอน แลวคอยทำการ
รักษาให วิธีที่ใชก็จะเปนวิธีที่อายฮุยเคยใช ใชวิธีหนามยอกตองเอาหนามบง! ทำให
หนาเขาบวมเปง ทำใหลมหัวทิ่ม!
ใบหนาของตวนมูหวงฮุนปรากฎรอยยิ้มเย็นชาเปยมเสนหแฝงความชั่วราย อายฮุย ขา
จะใหเจาไดลิ้มรสสิ่งเหลานี้ทีละนิด ซึมซับไปทีละนอย!
เมื่อคิดถึงสวนที่นาตื่นเตน ตวนมูหวงฮุนก็ทนไมไหว หัวเราะยาวๆ เงยหนาขึ้นฟา
แผกลิ่นอายชั่วรายอันเขมขนออกมา
“วะ ฮา ฮา ฮา ฮา ฮา...”
จิตใจที่แสนตื่นเตน ทำใหเขาไมรูสึกถึงความเหนื่อยลาของรางกายแมแตนอย เขา
หยิบหนากากพลังธาตุชิ้นหนึ่งขึ้นมาสวมบนใบหนา เขารอไมไหวแลว
บทที่ 39 รำกระบี่
ณ โรงฝกศาสตราวุธ อายฮุยลากเอาเกาอี้หวายมาไวที่บริเวณสวนเพื่อมานอนเลน
อยางสบายๆ
โรงฝกอันเงียบสงบ แสงจากน้ำเตาที่ออนโยน แสงจากดวงจันทรที่สองสวางเปน
ประกายจากทองฟา ทุกสิ่งลวนทำใหอายฮุยรูสึกสงบและสุขสบายมากกวาปกติ ไมมี
เสียงรบกวน ไมมีการตอสู ไมมีจิตใจที่ตึงเครียด ทั้งรางกายและจิตใจไดผอนคลาย ทำ
ใหเขานั้นรูสึกขี้เกียจขึ้นมานิดหนอย
เมื่อกอนตอนที่อยูที่โรงฝกดาบ เขาก็ชอบใหเวลากลางคืนผานไปเชนนี้ ปลอยใจ
ใหสบายเปนอิสระ
เกาอี้หวายที่โยกไปโยกมา พรอมทั้งแสงจันทรที่อาบเอิบมายังราง พอดีกับที่
ประตูใหญไดถูกเปดออก เสียงที่ดังจากสถานที่อันหางไกลไดเล็ดลอดเขามาในซอยอัน
เงียบสงบ ทำใหฟงดูแลวไมคอยไดยินแตกลับทำดูมีกลิ่นอายของโลกมนุษยมากขึ้น
สวนหนึ่ง
ในมือของอายฮุยกำลังเลนสรอยไขมุกที่เพิ่งไดมาวันนี้ ตัวไขมุกกระจายความเย็น
ออกมา เมื่ออยูในมือทำใหรูสึกสบายเปนอยางมาก ไมรูวาเปนเพราะสรอยไขมุก หรือ
วาเปนเพราะยามราตรีที่เงียบสงบ จิตใจของอายฮุยนั้นรูสึกสงบเปนอยางมาก
“สรอยครามสงบจิตหรือนั่น” โหลวหลานที่เดินเขามาจากทางประตูสังเกตเห็นสรอย
ไขมุกที่อายฮุยเลนอยูในมือ นัยนตาของเขาสองประกายแสงสีเหลืองขึ้นแวบหนึ่ง
จากนั้นก็ทำการประเมินคาออกมา “เปนสรอยครามสงบจิตหรือที่มีคุณภาพสูงมาก”
“แลวราคาสูงไหม” อายฮุยโยกบนเกาอี้ไปมา “เปนของค้ำประกันเงินหนึ่งรอย
หาสิบหยวนของสาวนอยคนหนึ่งแหละ!”
“มีราคาอยางมาก” โหลวหลานพยักหนา แสงสีเหลืองในดวงตาคอยๆ มืดลง เขา
นั่งลงขางๆ อายฮุยพลางกลาวขึ้น “ความกาวหนาของอายฮุยชางมากนัก อา รางกาย
ก็เปลี่ยนมาแข็งแกรงแลว ดวยความเร็วเชนนี้ อีกไมนานก็สามารถทะลวงประตูคลัง
ชีวิตไดแลว”
“ใหผานไปอีกสักชวงหนึ่งเถอะ” อายฮุยสายหัว “ขาคิดจะทำการฝกฝนรางกาย
กอน ลมทองคำมีผลที่ดีมากตอการฝกรางกาย สะสมพลังอีกสักนิด แลวคอยทำการ
ทะลวงคลังชีวิต เชนนี้จะไดมีโอกาสมากขึ้นอีกหนอย”
โหลวหลานกมหนาคิดอยูสักครูจึงกลาวขึ้น “ถาเปนเชนนั้น โหลวหลานจะชวย
ทำพวกขนมเคกเสริมกระดูกโลหิตใหอายฮุย ผลลัพธที่ไดดีมากเลยทีเดียว”
“ขอบคุณโหลวหลาน” อายฮุยลองคิดดูแลวจึงถามขึ้น “แพงหรือเปลา”
“ไมแพง เคกเสริมกระดูกโลหิตราคาหนึ่งแสนหยวนก็เพียงพอแลวสำหรับการกิน
ในหนึ่งเดือน” โหลวหลานคิดคำนวณให
หนึ่งแสนหยวน...ไมแพง...
ไมวาอยางไรอายฮุยก็ไมมีวิธีที่จะเอาคำวา “หนึ่งแสนหยวน” กับคำวา “ไมแพง”
มารวมเขาดวยกันได แตวาโหลวหลานพูดวาผลลัพธที่ไดไมเลว ก็ยังทำใหเขารูสึก
หวั่นไหวอยู เขารูวาโหลวหลานไมเคยพูดเรื่อยเปอย หากโหลวหลานพูดวาไมเลว
เชนนั้นผลลัพธก็จะตองไมเลวอยางแนนอน ไมวาจะเปนน้ำแกงบำรุงพลังธาตุ หรือน้ำ
แกงบำรุงกระดูกของเมื่อคราวกอน ผลลัพธก็ลวนไมธรรมดาทั้งสิ้น
ผลิตภัณฑที่ไดจากตัวตุนน้ำแกง แนนอนวาจะตองเปนผลิตภัณฑคุณภาพสูง
“ได!” อายฮุยกัดฟนพูด หนึ่งแสนหยวน ตองจายแลว!
อายฮุยที่สายตาแหลมคมไดสังเกตเห็นทรายที่อยูบนตัวโหลวหลานดูเหมือนจะมี
การเปลี่ยนแปลง จึงอดไมไดที่จะถามขึ้นอยางประหลาดใจ “โหลวหลานสีของตัวเจา
ดูเหมือนวาจะเปลี่ยนไปนิดหนอยนะ”
“ใชแลว โหลวหลานมีความสามารถในการการเรียนวิธีตอสู” โหลวหลานอธิบาย
“อาจารยเซาพูดวา โหลวหลานไมไดเปนตุกตาทรายที่ถูกสรางมาสำหรับการตอสู
ดังนั้นจึงไมไดมีทักษะสำหรับการตอสูโดยเฉพาะ แตวาในดานการตอสูโหลวหลานก็
ไมไดออนแอ”
ใบหนาของอายฮุยเต็มไปดวยความมึนงง “ฟงไมเขาใจ”
“หรือพูดไดวา โหลวหลานสามารถพัฒนาทักษะการตอสูจากการเรียนรู  ได ”
โหลวหลานอธิบายตอ “แตวาในขั้นตอนนี้ตองใชเวลา โหลวหลานชวงนี้ไดเรียนรูพวก
ทักษะการตอสูขั้นพื้นฐานบางสวน ทักษะการตอสูไดทำใหรากฐานพลังธาตุเกิดการ
เปลี่ยนแปลง ดังนั้นสีของทรายที่อยูบนรางก็เลยเปลี่ยนแปลงไปดวย”
ในที่สุดอายฮุยก็ฟงเขาใจกระจาง “ที่แทก็เปนเชนนี้นี่เอง”
“แตวาโหลวหลานพบกับปญหาอยูขอหนึ่ง อายฮุยสามารถชวยโหลวหลานไดหรือไม”
โหลวหลานถาม
“แนนอน!” อายฮุยตอบรับอยางหนักแนน “เจาวามา!”
“โหลวหลานไดอานคัมภีรที่เกี่ยวกับการตอสูมามากมาย ทั้งหมดลวนกลาวถึง
การใชอาวุธ โหลวหลานไมรูวาควรจะเลือกใชอาวุธอะไรดี” โหลวหลานรำพึง
“อาวุธ” อายฮุยเงียบไปครูหนึ่งจึงกลาวขึ้น “ขารูสึกวาเจาไมจำเปนตองใชอาวุธ
เพราะวารางกายของเจาก็คืออาวุธที่ดีที่สุด”
“รางกายหรือ” โหลวหลานคอนขางจะมึนงง
“ใชแลว” อายฮุยนั่งตัวตรงขึ้นมา ทาทีดูจริงจัง “รางกายของโหลวหลานสามารถ
เปลี่ยนแปลงรูปรางไดดั่งใจ ออนได แข็งได ไมคิดวานี่เปนอาวุธที่ดีที่สุดหรอกหรือ
การตอสูเปนเรื่องที่ซับซอน แตก็เปนเรื่องที่เรียบงายเรื่องหนึ่งเชนกัน ก็เหมือนกับใน
ครั้งกอน รางกายของโหลวหลานไดเปลี่ยนเปนเมฆทราย หลบซอนการตรวจจับของ
อีกฝาย เขาขัดขวางการเชื่อมตอของอีกฝายกับ [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] เชนนี้ก็แสน
รายกาจมากแลวนะ สิ่งนี้ถือเปนกุญแจสำคัญที่พวกเราสามารถเอาชนะมาได”
“จริงหรือ” เมื่อไดฟงคำชม น้ำเสียงของโหลวหลานก็แสดงออกถึงความดีใจ
“ใชแลว โหลวหลานรายกาจมาก ตราบใดที่โหลวหลานใชจุดเดนของรางกายได
อยางมีไหวพริบ ก็จะสามารถไปถึงจุดที่ไมมีผูไดสยบได” ทาทางของอายฮุยนั้นจริงจัง
“การตอสู ก็คือการใชจุดเดนของตัวเองในการโจมตีจุดออนของอีกฝาย”
“อายฮุยชางยอดเยี่ยมจริงๆ รูเรื่องมากมายถึงเพียงนี้” โหลวหลานมีความนับถือ
อยางมาก แตแลวก็ถามขึ้นอยางประหลาดใจ “แลวอายฮุยใชอาวุธอะไรเหรอ”
“ขาใชกระบี่” อายฮุยตอบ
โหลวหลานนึกถึงกระบี่หญาเลมนั้นที่อยูในหองขึ้นมาได จึงกระจางขึ้นมาในทันที
“นึกออกแลว อายฮุยมีกระบี่หญาอยูเลมหนึ่ง แตวาไมเคยเห็นอายฮุยใชมากอนเลย”
“รอขาสักครูหนึ่ง” อายฮุยรูสึกวาตนเองไมไดจับกระบี่มานานมากแลว อยูๆ ก็
รูสึกคันไมคันมือขึ้นมา จึงไดพุงเขาไปในหองอยางตื่นเตนเพื่อที่จะหยิบกระบี่หญาของ
ตนออกมา
เมื่อกระบี่หญามาอยูในมือ ก็รูสึกไดวาเมล็ดพันธแหงตัวออนกระบี่ที่อยูตรงหวางคิ้ว
เคลื่อนไหวขึ้นในทันที ความรูสึกที่ไมไดพบมายาวนานทำใหอายฮุยรูสึกตื่นเตนขึ้นมา
ในตอนที่โหลวหลานเห็นอายฮุยเดินถือกระบี่หญา เขามา ก็กมหนาลงพูดกั บ
ตัวเองวา “อายฮุยดูเหมือนวาจะแตกตางออกไป”
แสงจันทรที่เปนดั่งสายน้ำ “สภาวะตัวออนกระบี่” ที่ไมไดเขามาเนิ่นนานทำให
อายฮุยเกิดความรูสึกอยากจะรายรำกระบี่ขึ้น ไวเทาความคิดกระบี่หญาที่อยูในมือก็
ไดตั้งทาชี้ขึ้นสูทองฟา
นัยนตาที่มีประกายแสงอยูลึกๆ ขางใน ชางดูแลวลึกล้ำเงียบสงบจนไมอาจคาด
เดาได กลิ่นอายจางๆ แตกลับเย็นยะเยือกราวแสงจันทรไดแพรกระจายออกมาจาก
รางของอายฮุย
จิตใจที่นิ่งสงบดั่งสายน้ำ ราวกับคัมภีรกระบี่จำนวนนับไมถวนอยูๆ ก็ถูกสายลม
พัดใหเปดขึ้น พลิกเอาหนากระดาษเปดขึ้น กระบวนทาของแตละหนานั้นดูราวกับมี
ชีวิตขึ้นมา คอยๆ ลอยขึ้นมาจากหนากระดาษ กลายเปนคนตัวเล็กๆ ที่มีชีวิต
อายฮุยเริ่มรำกระบี่หญาที่อยูในมือ
กระบี่หญาถูกสรางขึ้นจากหญากระบี่ กวางสี่นิ้วมือ หนักสามชั่งสองตำลึงหกสลึง
มีความคมโดยธรรมชาติ
การเคลื่อนไหวของอายฮุยแสนเชื่องชา ราวกับเปนคุณยายแกๆ ก็ไมปาน แตวา
บรรยากาศรอบตัวของเขากลับเปลี่ยนไปราวกับจะแข็งตัวขนหนืดขึ้นมา
ในตอนที่อยูในแดนราง การฝกพลังธาตุของอายฮุยไมไดมีผลสำเร็จอะไร พลังธาตุ
กอนนั้นที่ฝกขึ้นมาไดอยางยากลำบาก จึงไมไดหยิบมาใชเลนๆ ราวกับเปนสมบัติกน
กรุเอาไวชวยชีวิตในยามคับขัน
สิ่งที่เขามีอยูมากที่สุดก็ยังคงเปนกระบวนทากระบี่
ตั้งแตที่สามารถเพราะตัวออนกระบี่ได เขาก็พบจุดที่ยอดเยี่ยมของตัวออนกระบี่
ซึ่งก็ทำใหเขาสามารถรับรูไดถึงกระบวนทาบางสวนที่ยังพอใชไดซึ่งหลงเหลืออยูใน
คัมภีรกระบี่ และในเวลานั้น เขาเองก็ไมไดมีทางเลือกอื่น
กระบวนทาในคัมภีรกระบี่ที่เขาเคยอานทั้งหมด เคยนำมาลองใชอยูหลายหน จน
ในภายหลังเขาพบวาพวกกระบวนทาพอจะมีประโยชนอยูสวนหนึ่ง
ซึ่งทั้งหมดลวนเปนพวกกระบวนทาที่เรียบงายและไมลึกซึ้ง
เขาคิดดูก็รูสึกวาเปนเรื่องปกติ ยิ่งเปนกระบวนทากระบี่ที่ลึกล้ำสูงสง ก็จะยิ่งมี
ความตองการพลังวิญญาณที่สูงตามไปดวย ดังนั้นตอนนี้กระบวนทาขั้นสูงจึงไมมี
ประโยชนอะไร กลับกันพวกกระบวนทากระบี่ที่เรียบงายและไมลึกซึ้ง ไดใชเทคนิคที่
เกี่ยวพันอยางมากกับการเคลื่อนไหวกลามเนื้อ กระบวนทาเหลานี้จะมีผลลัพธใน
ปจจุบันมากกวา
การรายรำกระบี่ของอายฮุย ยิ่งรายรำยิ่งรวดเร็วขึ้น สมาธิของเขาเพงสงบนิ่ง
อยางถึงที่สุด
คมดาบของกระบี่หญานั้นไมไดมีความมันวาว แตกระบี่ประกายแสงนวลจันทร
ลองลอยไปรอบกายของอายฮุย ราวกับปลาสีเงินที่กำลังเลนไลจับ ชางดูงดงามเปน
อยางมาก
เขาไมไดสังเกตเลยวาที่ประตูมีเงารางหนึ่งอยู
ซือเสวี่ยมั่นตกตะลึงอยางถึงที่สุด นางไมเคยคิดมากอนวาจะไดมาเห็นเพลงกระบี่
ที่งดงามเชนนี้ที่นี่ ในสนามเหนี่ยวนำก็มีสอนวิชากระบี่ แตนางไมเคยเห็นเพลงกระบี่ที่
งดงามเชนนี้มากอน
เมืองซงเจียนเปนเมืองที่เสือซอนมังกรเรน* เชนนั้นจริงๆ หรือ
ทันใดนั้น สายตาของซือเสวี่ยมั่นก็ไปหยุดอยูที่สรอยไขมุกที่อยูบนขอมือของอายฮุย
ในหัวอื้ออึงไปสักพัก ใบหนาก็ซีดขาวขึ้นมาอยางรวดเร็ว
*เสือซอนมังกรเรน หมายถึงมีคนเกงหลบซอนอยู
บทที่ 40 เพลิงโกรธของเงินแปดสิบลานหยวน
ซือเสวี่ยมั่นแทบจะไมเชื่อสายตาตนเอง
สรอยครามสงบจิตที่อยูบนขอมือของอายฮุยเปนเสมือนเทียนที่ถูกคอยๆ ไฟ
หลอมละลายไป กลายเปนเหมือนกับเมือกเหนียวซึมเขาไปในผิวของอายฮุย
หัวของนางราวกับถูกตอยไปหมัดหนึ่ง ในชวงวินาทีนั้นสมองกลับกลายเปนวางเปลา
นั่นเปนของดูตางหนาของทานยา!
แตเล็กจนโตนางแทบไมเคยถอดออกเลย เมื่อมองเห็นมันก็เหมือนกับไดเห็นทาน
ยาที่นางรักที่สุด
นางยังจำตอนที่ทานยามอบสรอยครามสงบจิตเสนนี้ใหแกนางได ทานยิ้มพลางกลาว
กับนางวา “หลานสาวที่นารักของขาเอย สรอยครามสงบจิตเสนนี้เจาจงใสติดตัวเอาไว
เมื่อเจาโตขึ้นแลวไดพบกับชายในดวงใจ ก็จงมอบสรอยครามสงบจิตเสนนี้ใหกับเขา
สิ่งนี้ถือเปนของแทนใจที่ดีที่สุด มันถูกสรางขึ้นจากปกปกษาสีครามเชียวนะ...”
แตวา...
ซือเสวี่ยมั่นดึงสติกลับมา ก็กาวขาเร็วๆ ราวลูกศรพุงเขาไป เสียงที่กลาวสั่นเทา
คลายจะรองไห “สรอยไขมุกของขา!”
อายฮุยถึงกับตกใจสะดุง รีบถอดตัวออกจากสภาวะตัวออนกระบี่เพื่อดึงสติกลับ มา
มองไปก็พบกับเด็กสาวที่รานบะหมี่ จึงไดตอบสนองขึ้นมา “เปนเจานี่เอง เฮ รองไห
ทำไม เอาเงินหนึ่งรอยหาสิบหยวนคืนใหขา สรอยไขมุกก็คืนเจาแลว”
พูดจบอายฮุยก็ยืนมือไปลูบบริเวณขอมือ และการเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดลง
ในทันที
ไมถูกนะ...
เขานิ่งไปหลายวินาที เมื่อเขากมหนาลงมองขอมือของตน วินาทีถัดมาก็มึนงงไปแลว
ขอมือของเขาเหลือเพียงแคสรอยเปลาๆ เสนหนึ่ง แลวไขมุกเลา เขากวาดตามอง
รอบดาน บนพื้นก็มองไมเห็นแมแตเงาของไขมุก
“อายฮุย ไขมุกถูกเจาดูดซึมเขาไปแลว” โหลวหลานกลาวขึ้นซื่อๆ
เขาดูดซึมเขาไปหรือ
อายฮุยมึนงงไปเลย นี่มันเปนสถานการณแบบไหนกัน จะถูกดูดซึมเขาไปไดอยางไร
เขารีบทำการตรวจสอบรางกายตนเอง เขาก็ไดพบวารอบๆ ตัวออนกระบี่มีหมอกสี
ครามลอมรอบเพิ่มขึ้นมา เขาอดไมไดที่จะสูดหายใจเอาอากาศเย็นๆ เขาปอดทีหนึ่ง
เขาดูดซึมเขาไปแลวจริงๆ ดวย
อายฮุยรูสึกราวกับวาหัวใจของเขาถูกวัวปาในทุงรกรางทั้งฝูงเหยียบย่ำขามไป
เขามองดูสาวนอยรานบะหมี่ที่ดวงตาเออลนไปดวยน้ำตาแลว อายฮุยก็ทำอะไรไมถูก
“ขอโทษ ขาไมไดตั้งใจ เออ...หนึ่งรอยหาสิบหยวนไมตองคืนแลว...”
เมื่อพูดออกไป อายฮุยก็รูตัววาตนนั้นพูดผิดไป ทำใหสาวนอยรานบะหมี่ที่ดวงตา
เต็มไปดวยน้ำตาเปลี่ยนเปนจิตสังหารในทันที
อายฮุยรีบรอนกลาวขึ้น “ขาจะชดใชให! ขาจะชดใชให!”
“สิ่งนี้เปนของดูตางหนาของทานยาขา!” ซือเสวี่ยมั่นกลาวขึ้นทำทาจะรองไห
อา ยฮุย รูสึกวา หัวของเขาโตขึ้ น มาแล ว ตอนนี ้ เขานึ กเสี ยใจจนลำไส เขียวไป
หมดแลว หากรูแตแรกคงไมตองมาค้ำประกงค้ำประกันอะไรนี่ รูอยางนี้นาจะเลี้ยง
บะหมี่ชามนั้นไปเสีย! แตวานี่เปนความผิดของเขาจริงๆ เขาทำไดเพียงนอมรับ
“ขะ...ขาผิดเอง ขาขอโทษ ตองขอโทษจริงๆ ขาไมรูจริงๆ วามันจะเปนเชนนี้ ขา
เองก็ไมแนใจเหมือนกันวาทำไมขาถึงไดดูดซึมของนี่เขาไปได เจาใหขาชดใชดีไหม”
ซือเสวี่ยมั่นไดฟนอารมณคืนสูความสงบบางแลว “เจาคิดจะชดใชอยางไร”
เหตุการณที่เกิดขึ้นทั้งหมดนางลวนเห็นอยูกับตา และก็รูวาอีกฝายไมไดตั้งใจ
สรอยครามสงบจิตถูกดูดซึมไปเอง นางก็ไมเคยไดยินเรื่องเชนนี้เชนกัน
“ขายังมีเงินอยูอ ีกสองแสนหาหมื่ นหยวน ใหเจาทั้งหมด” ใจของอายฮุย นั้ น
เจ็บปวดไปหมด แตวาจะทำอยางไรได ก็เปนตนที่ทำลงไปจริงๆ เรื่องอยางการเบี้ยว
หนี้เชนนี้ เขาก็ไมใจรายใจดำถึงขนาดที่จะทำออกมาได
“สองแสนหาหมื่นหยวนหรือ” ซือเสวี่ยมั่นแสยะยิ้ม
“ไมพอหรือ” อายฮุยถึงกับมึนงงขึ้นในทันที ก็แคสรอยไขมุกพังๆ สีครามอะไรนั่น
เงินกอนใหญตั้งสองแสนหาหมื่นหยวนยังไมพออีกหรือ
โหลวหลานที่อยูขางๆ จึงกลาวขึ้นอยางซื่อๆ “อายฮุย ราคาของสรอยครามสงบ
จิตโดยทั่วไปอยูที่สามสิบลานหยวนขึ้นไป คุณภาพของสรอยเสนนี้สูงมาก นาจะมี
ราคาสูงกวาหาสิบลานหยวนเสียอีก”
ซือเสวี่ยมั่นมองไปที่โหลวหลานแวบหนึ่ง ตุกตาทรายที่รูเรื่องสรอยครามสงบจิต
อยางละเอียดเชนนี้หาไดยากมาก นางกลาวขึ้นดวยใบหนาที่ไรอารมณ “สรอยคราม
สงบจิตเสนนี้เปนเสนที่คุณภาพอยูในระดับสูงสุด ราคาอยูที่แปดสิบลานหยวน”
แปด...แปดสิบลาน!
อายฮุยราวกับถูกถังน้ำจากบนฟาตกใสหัวแลวถูกฟาผาใสอีกที รูสึกวาตนนั้น
พังทลายไปอยางไมมีชิ้นดี เขาอาปากกว าง ตาทั ้ งสองข างเบิกโตจนแทบจะถลน
ออกมา กลามเนื้อของรางกายทุกๆ สวนแข็งคางราวกับเหล็ก
อายฮุยรูสึกวาชีวิตของตนนั้นดำมืดลงมาอยางนาอนาถ
แปดสิบลานหยวนเชียวนะ!
ทานยานอย เจามีเรื่องอะไรถึงไดใสสรอยไขมุกราคาแปดสิบลานมาเดินลอยหนา
ลอยตาที่ในเมือง
ทานยานอย ขนาดสรอยไขมุกราคาแปดสิบลานหยวนเจายังพกติดตัวทำไมเงิน
แคหนึ่งรอยหาสิบหยวนเจาถึงไมรูจักพก
เงินหนึ่งรอยหาสิบหยวนมันเปนเงินกอนใหญเพียงใดกัน ถึงกับทำใหทานยานอย
ตองเอาสรอยไขมุกราคาแปดสิบลานหยวนมาเปนของค้ำประกัน
ตัวออนกระบี่เจามันสาระเลว ไขมุกราคาแปดสิบลานหยวนเจายังกลากลืนลงไป
จิตใจของเจามันดำมืดเพียงใดกัน เจานี่มันทำรายคนยิ่งกวาเจาอวนอีกนะ!
แปดสิบลานหยวนขา ขา ขา...
อายฮุยไมรูเลยวาควรทำเชนไร ประสบการณทั้งชีวิตของเขาที่เคยเจอกับเรื ่อง
อันตรายตางๆ ลวนไมอาจชวยอะไรเขาในสถานการณตอนนี้ไดเลย
เขายอมที่จะไปเผชิญหนากับอสูรทั้งแดนราง ดีกวาจะมาเผชิญหนากับสาวนอย
รานบะหมี่ที่อยูตรงหนานี้
เอาเถิด อายฮุยไมมีอะไรจะเสียแลวตอนนี้ “ตอนนี้ขาเองก็ไมรูจะทำอยางไร ขาย
ตัวขาไปแลวก็ไมไดราคาถึงแปดสิบลานหยวน สาวนอยรานบะหมี่ เจาวาเอาอยางไรก็
เอาตามนั้น ขาไมมีทางเบี้ยวแน”
“หึ ถาไมใชเห็นวาเจาเองก็ไมไดตั้งใจ วันนี้เจาก็คงตายไปแลว” ซือเสวี่ยมั่นกลาว
ขึ้นอยางเย็นชา
อายฮุยมองดวยความโกรธ เขาอยากจะพูดขึ้นวาลูกผูชายฆาไดหยามไมได แตวา
พอสบตาเขากับซือเสวี่ยมั่นตรงๆ ก็ตองพึมพำแลวหันหัวไปอีกทาง
เจาตัวออนกระบี่ชางสมควรตายนัก!
ทำไมเขาไมใชเจาอวนนะ หากเปนเจาอวน ตอนนี้จะตองพูดอยางยิ่งยโสขึ้นมาวา
คนที่ติดเงินเปนดั่งนายทาน ยิ่งติดเงินอยูแปดสิบลานหยวนยิ่งเปนนายทานในบรรดา
นายทาน ควรจะดูแลนายทานกอน...
เอาเถอะ ตนยังรูจักขอบเขตอยู เขาทำเรื่องไรยางอายเชนนี้ออกมาไมได
อายฮุยทำหนาคลายคนอมทุกข
ซือเสวี่ยมั่นในตอนนี้ก็ยังไมรูวาควรทำเชนไร สรอยครามสงบจิตก็ไมเหลือแลว
จะฆาเจานี่ทิ้งเลยดีไหม ตอนอยูรานบะหมี่อีกฝายก็มีใจหวังดีที่จะชวยตน ระหวางที่
สรอยครามสงบจิตถูกดูดซึมนางเองก็เห็นกับตาวาเขาไมไดตั้งใจ
หากใหชดใช สรอยครามสงบจิตราคาแปดสิบลานหยวน เอาเจานี่ไปขายแลวก็ยัง
ชดใชไมหมด
หากจะซอมสักยกหนึ่ง ก็ยังรูสึกวาเปนการปลอยเจานี่ไปงายเกินไป
ในตอนนี้ซือเสวี่ยมั่นก็รูสึกคับของใจ เงินแปดสิบลานหยวนนั้นนางไมไดใสใจ แตการที่
ทำของดูตางหนาของทานยาหายไปเชนนี้ ในใจของนางเจ็บปวดจนแทบทนไมได
จะใหปลอยอีกฝายไปเลย ซือเสวี่ยมั่นยิ่งไมมีทางทำไดเปนอันขาด
ทั้งสองตางก็นิ่งเงียบจองหนากัน
โหลวหลานมองคนทั้งสอง ไมรูวาจะพูดอะไร จึงทำเพียงแคพูดขึ้นเบาๆ วา “ถึงแมจะ
ไมไดมีประโยชนอะไร แตทางนี้โหลวหลานยังมีเงินอีกสองแสนหาหมื่นหยวน”
อายฮุยสายหัว “ใครทำคนนั้นตองรับผิดชอบ โหลวหลาน ขาไมสามารถใชเงิน
ของเจาได”
ซือเสวี่ยมั่นคำรามเสียงเย็นในคอครั้งหนึ่ง แตก็ไมไดพูดอะไร
ทันใดนั้น อายฮุยหันขวับไปที่กำแพงที่ลอมรอบอยู “นั่นใคร”
ในเวลาเดียวกัน ซือเสวี่ยมั่นเองก็หันหนาอยางแรงไปทางกำแพง “นั่นใคร” ทั้ง
สองคนไดพูดขึ้นพรอมๆ กัน
“เหอะ เหอะ!” เสียงหัวเราะชั่วรายดังขึ้น พรอมกับเงาดำปรากฏขึ้นที่ดานบนกำแพง
สายตาแหลมคมของซือเสวี่ยมั่น แคมองแวบเดียวก็รูวาอีกฝายสวมหนากากพลัง
ธาตุอยูบนใบหนา เสียงที่พูดก็ราวกับรอดออกจากไรฟน “ไยจึงทำตัวลึกลับ!”
นางนั้นลืมไปเลยวาตนเองก็สวมหนากากพลังธาตุอยู
“อายฮุย คิดไมถึงเลย เจาเองก็ยังมีชูรักกับเขาดวย!” เงารางที่อยูบนกำแพงกลาว
ขึ้นอยางวิตถาร
ชูรัก! คิ้วของอายฮุยและซือเสวี่ยมั่นขมวดขึ้นเปนปมพรอมๆ กัน
ถุย! อยางเจานี่นะหรือจะมีคุณสมบัติเปนคนรักของขา ความโกรธของซือเสวี่ยมั่น
ที่สะกดเอาไวมาตลอดคืนไดระเบิดออกในชวงวินาทีเดียว
ฮึ่ย! ขาไมไดตองการชูรักที่ลืมไดแมกระทั่งเงินหนึ่งรอยหาสิบหยวนหรอก! ทำให
ตองเปนหนี้เปนสินถึงแปดสิบลานหยวนเพราะตัวออนกระบี่เจากรรมนี่! ความโกรธใน
ตัวอายฮุยก็ระเบิดออกมาเชนกัน
ซือเสวี่ยมั่นที่มีใบหนามืดคล้ำหายวับไปจากตำแหนงที่ยืนอยูในพริบตา
อายฮุยที่อารมณไมดีเองก็ไมไดพูดพร่ำทำเพลง จอกระบี่พุงออกไป
บทที่ 41 หนึ่งกระบี่
ในสมองของตวนมูหวงฮุนไดคาดเดาเหตุการณที่อาจจะเกิดขึ้นเอาไวนับไมถวน
แตทวาไมไดรวมไปถึงเหตุการณตรงหนานี้อยางแนนอน
แตวาเพียงไมนานเขาก็ยิ้มขึ้นมาแลว
เจาคนที่แมแตวิชาพื้นฐานก็ยังไมเคยเรียน คลังชีวิตก็ยังไมไดเปด ถึงกับเขามาทา
ทายเด็กหนุมที่มีพรสวรรคเชนตน ตวนมูหวงฮุนพูดไมออกเลยจริงๆ
รวมไปถึงชูรักของเจาอายฮุย เอาเถอะ ผูหญิงที่หลงชอบแมแตเจาคนที่เปนเหมือนดิน
โคลนเละๆ ที่เอาไปกอกำแพงไมไดเชนนี้ ยังจะหวังวาจะมีระดับสักเทาไรกันเชียว
วันนี้จะจัดการเจาคูรักนี้เสีย เพื่อกำจัดมารในใจใหสูญสิ้น!
ตวนมูหวงฮุนกระตุกยิ้มอยางชั่วราย นัยนตาทั้งสองขางทอแสงประกาย
แตวาในเวลาถัดมา รอยยิ้มของเขาก็แข็งคางอยูบนใบหนา
เงารางที่เลือนรางเปนดั่งภาพมายาในวารี ไดปรากฏขึ้นตรงหนาของเขา ใบหนานั้นที่
ไมไดมีความงดงามแตกลับมีเงาอันโหดเ**ยมอยู เกือบจะยายมาอยูตรงหนาของเขา
เร็ว...มาก!
ฝามือขาวผองราวหิมะอันไรมลทินขางหนึ่ง กดลงมาที่หัวไหลเขาอยางออนโยนไร
เรี่ยวแรง
นัยนตาของตวนมูหวงฮุนไดเบิกกวางจนกลมโตขึ้นมาในทันที
ตูม!
เสียงระเบิดที่ทุมต่ำราวกับเสียงยิงลูกปนใหญดังขึ้น นำมาซึ่งเสียงที่ทำใหคนตอง
หวาดกลัว
ภายใตความมืดมิดของรัตติกาล โดยรอบฝามือที่งดงามสมบูรณแบบจนทำให
ผูคนไมอาจละสายตาขางนั้นเผยออกมา ขณะที่กระแสอากาศเวียนมารวมกันเปนวง
แหวน เหมือนกับควันที่ออกมาจากปากกระบอกปน
รางของตวนมูหวงฮุนที่อยูบนกำแพงหายไปในชั่วเสี้ยววินาทีเดียว
ทันใดนั้นเอง เขาก็ลอยไปกระแทกกับกำแพงฝงตรงขามอยางแรงประหนึ่งเปน
ลูกปนใหญที่ออกจากปากกระบอก จนกำแพงแถบใหญถลมลงมา
ตวนมูหวงฮุนดิ้นรนลุกขึ้นมาจากกองเศษหิน ที่หัวไหลของเขามีโลที่ถักทอจาก
เถาวัลยหนามเพิ่มขึ้นมา ตาของเขาถึงกับเห็นดาวลอยไปลอยมา ในหัวมึนงงไปหมด
ชางเปนพลังที่นากลัวยิ่งนัก!
ชูรักของเจาอายฮุยเปนวัวปาหรืออยางไรกัน
นี่...นี่มันไมถูกหลักแลว...
อายฮุยจะมามีผูหญิงที่ดุรายเชนนี้ไดอยางไร
ในหัวของตวนมูหวงฮุนเต็มไปดวยหมอกควัน แตวาไมนานในใจของเขาก็แอบร่ำ
รองวาแยแลว เขาสามารถรับรูไดวาการตอบสนองของรางกายตนนั้นเชื่องชา
พับผาสิ!
รางกายของเขานั้นออนลาถึงขีดสุด พลังกายก็ใชเกินกำลังไปแลว ในตอนนี้แค
ประคองการรับรูใหยังชัดเจนอยูก็ลำบากแลว แตวาการตอบสนองของรางกายนั้นตาม
ไมทันเสียแลว
การจูโจมเมื่อครูมีความรุนแรงอยางมาก เขารูสึกไดวากลามเนื้อทั่วรางกำลังสั่นไหว
รางกายที่เหนื่อยลาทำใหพลังธาตุที่อยูในรางของเขาเริ่มจะไมสามารถควบคุมได
และในเวลานี้ อายฮุยเพิ่งจะถือกระบี่กระโดดขึ้นมาบนกำแพง
อายฮุยที่โจมตีโดนอากาศ ความโกรธในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เขาใชสายตากวาดมอง
รอบหนึ่ง มองเห็นเปาหมายที่กำลังลุกขึ้นยืนจากตรงกลางของกองเศษหิน เขาก็ไมพูด
พร่ำทำเพลง กระโดดลงจากกำแพงแลวพุงโจมตีอีกฝาย
ขณะอยูกลางอากาศสายตาพลันเหลือบไปเห็นหญิงสาวจากรานบะหมี่ปรากฏขึ้น
ขางๆ ตัวเปาหมาย
ฝามือขางหนึ่งของนางกระแทกไปที่โลเถาวัลยของเปาหมายอยางไรสุมเสียง
อายฮุยยิ่งโมโหเขาไปใหญ สาวนอยรานบะหมี่เจาจะกินบะหมี่นี้หมดโดยไมคิดจะ
เหลือน้ำแกงใหเขาดื่มสักคำเลยเหรอ
เขาพาความดุดันนี้พุงไปทางเปาหมาย
ตูม!
เสียงระเบิดไดดังขึ้นอีก มวลอากาศกระจายตัวเปนวงแหวน
สมองของตวนมูหวงฮุนยังไมไดกลับมาแจมชัด พลังที่แสนนาหวาดกลัวก็ไดถาย
ผานเขามา ทัศนะวิสัยเบื้องหนาเปลี่ยนเปนเลือนรางในทันที รางกายลอยขึ้นอีกครั้ง
การโจมตีครั้งนี้เปนโจมตีเพื่อจะเอาชีวิตอยางมาก แตเดิมที่ยังเหลือสติสัมปชัญญะอยู
ตอนนี้ถูกโจมตีจนสูญไปสิ้น
ตวนมูหวงฮุนที่ไมไดมีความคิดเตรียมพรอมแมแตนอย ภายในเสี้ยววินาทีก็ถูก
ซอมจนมึนงงไปหมด ตวนมูหวงฮุนสูญเสียกำลังที่จะตอบโตได กลายมาเปนแกะที่รอ
ถูกเชือด ในใจซือเสวี่ยมั่นเต็มไปดวยความโกรธจากคำพูดเมื่อครูที่วา ‘ชูรัก’ นั่น ตอน
ที่ลงมือจึงไดอำมหิตไรปรานี
ตูม ตูม ตูม!
เสียงระเบิดที่ดังตูมตามสนั่นหวั่นไหว ดังสะทอนขึ้นครั้งแลวครั้งเลาภายในซอยแคบๆ
อายฮุยมองไปที่เปาหมายที่เหมือนกับนั่งอยูบนจรวดก็ไมปาน พุงไปดานหนา
เรื่อยๆ ดวยความรวดเร็วสูง สวนตนทำไดเพียงแคจับฝุน โจมตีไมถูกตัวเปาหมายเสีย
ที ทำใหอายฮุยที่มีเพลิงโกรธอัดแนนอยูในใจอยูแลว ยิ่งเผาผลาญยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
หลายเทาทวี
ความรูสึกอัดอั้นที่ไมไดมีมานาน เพลิงโกรธของตลอดทั้งคืน ในชั่วเสี้ยววินาทีก็
เดือดจนถึงขีดสุด เขากระชับกระบี่หญาที่อยูในมือใหแนน เสนเลือดที่อยูบริเวณหลัง
มือไดปูดขึ้น ความเร็วของสาวนอยรานบะหมี่รวดเร็วราวสายฟา ดวงตาของเขานั้น
ยากจะตามทัน
อายฮุยที่เลือดขึ้นหนาไมทันสังเกตเห็นวาตัวออนกระบี่ในรางของเขากำลั งเกิด
ความเปลี่ยนแปลง เมล็ดพันธแหงตัวออนกระบี่ที่อยูตรงหวางคิ้ว กำลังดูดกลืนหมอก
สีครามที่อยูรอบๆ อยางไมหยุดยั้ง ประดุจดังทะเลทรายแหงแลงกำลังดูดกลืนน้ำฝน
อยางบาคลั่ง
หมอกสีครามสายแลวสายเลาไดถูกเมล็ดพันธแหงตัวออนกระบี่ดูดกลืนอยางไม
ขาดสาย
อายฮุยเพียงแครูสึกวากระบี่หญาที่อยูในมือดูเหมือนจะยิ่งเบาขึ้นเรื่อยๆ แตวาใน
เวลานี้ เขาเบิกตาโต วิ่งไปทางปากซอยอยางบาคลั่ง
ก็เพราะคำวา ‘ชูรัก’ นั่น วันนี้หากเขาไมไดใชกระบี่นี้ฟนลงไป เพลิงโกรธในใจ
ของเขากองนี้ก็ไมอาจที่จะดับลงได
แปดสิบลานหยวน!
แคกินบะหมี่มื้อเดียวก็ตองมาติดหนี้ถึงแปดสิบลานหยวน!
แมแตพลังธาตุที่เขาเก็บไวเปนสมบัติกนกรุ ในตอนนี้เขาก็ไมลังเลที่จะหยิบมาใช
ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นในทันที
ตัวออนกระบี่ที่หวางคิ้วของอาฮุยมีเคาโครงที่เลือนราง เนื่องจากดูดซึมสรอย
ครามสงบจิตอยางตอเนื่อง เคาโครงที่เลือนรางก็กำลังเปลี่ยนเปนชัดเจนขึ้น แตเดิม
นั้นอา ยฮุยจะสามารถรับรูไดถึงการมีอ ยู ของเมล็ ดพัน ธแ ห งตั วอ อนกระบี่ แตวา
คอนขางจะคลุมเครือไมชัดเจน
ถึงแมวาเขาจะเฝาฟูมฟกตัวออนกระบี่อยางไร แตวาผลลัพธกลับเหมือนเดิม
จนกระทั่งมาถึงครั้งนี้
ไมมีใครสังเกตเห็นวาดวงตาของอายฮุยไดยอมดวยประกายแสงสีครามบางๆ
ชั้นหนึ่ง แสงสีครามสองใหใบหนาของอายฮุยยิ่งดูเครงขรึม ราวกับแนวหินในทะเลลึก
ความเร็วที่เมล็ดพันธแหงตัวออนกระบี่ดูดซึมหมอกสีครามไดเพิ่มขึ้นอยางไมหยุดยั้ง
ความเร็วของอายฮุยเองก็กำลังเพิ่มขึ้นอยางไมหยุดยั้งเชนกัน
อายฮุยที่กำลังวิ่งอยางบาคลั่ง เพลิงโกรธในอกก็เพิ่มขึ้นไมหยุด ทำใหทัศนะวิสัย
เกิดสั่นไหวขึ้นอยางฉับพลัน ภาพสาวนอยรานบะหมี่กับเปาหมายเปลี่ยนเปนเลือนราง
ไมชัดเจนทั้งคู
เสียงลมที่ดังขึ้นที่ขางหู โคมไฟของบานเรือนทั้งสองฝงในซอย เปนดั่งแสงและเงา
ที่เคลื่อนไหวไปมา
เขาไมเคยวิ่งไดเร็วเชนนี้มากอน แมแตตอนที่พบกับอสูรแดนราง เขาก็วิ่งไดไมเร็ว
ขนาดนี้ เลือดลมพุงพลานอยูในกายเปรียบเสมือนกับเปลวไฟที่อยูเหนือคลื่นใตแอง
ลาวา คละเคลากับเสียงลมที่ดังกึกกองอยูในหูและเสียงหัวใจเตนที่ดังกังวานอยูในอก
แตวา...ยังเร็วไมพอ!
เงารางยังอยูเพียงเบื้องหนา ทวาดูหางไกลเกินเอื้อม
ยังมีวิธีไหนอีก...
กระบี่หญาที่อยูในมืออายฮุยขยับขึ้นลงตามการเคลื่อนไหวของเขา โยกไหวโดยที่
เขาไมรูตัว ราวกับใบไมที่ลอยไปตามกระแสลม
จังหวะอันเปนเอกลักษณนี้เหมือนจะปลุกใหความทรงจำที่หลับใหลอยูในสวนลึก
ของสมองใหตื่นขึ้น กระบี่หญาที่อยูในมือประหนึ่งกับจะเชื่อมตอกับจิตใจไดก็ไมปาน
ขอมือขางที่กุมกระบี่ไวคอยๆ ขยับ เงากระบี่ราวกับเปนปก เกิดเสียงดังขึ้น วาดไป
ดานหนาเบาๆ ครั้งหนึ่ง
สายลมที่ปะทะหนาราวกับถูกกระบี่ผาใหแยกออกจากตรงกลาง ไหลผานไปทาง
ดานขางทั้งสองดานของอายฮุย
เงารางของอายฮุยอยูๆ ก็เกิดเปนเงารอยเรียงกันกลางอากาศ
ใบหนา ที่เครงขรึมไมไดขยับ แมแ ต น อ ย นั ย น ตาที่ ท อประกายสี ครามดู ไรซึ่ง
อารมณใดๆ เพียงแคจองมองไปยังเปาหมายที่อยูตรงหนา
เปนตอนนี้เองที่สรอยครามสงบจิตสวนสุดทายไดถูกตัวออนกระบี่ดูดกลืนไปจน
สิ้น แสงสีครามในดวงตาของเขาก็หายไปในชั่วเสี้ยววินาที เสียงดังกึกกองทั้งหลายที่
ลอมอยูรอบตัวของอายฮุยก็ไดหายไปพรอมๆ กัน เสมือนหนึ่งวาไดหลนลงไปในความ
วางเปลาอันเงียบสงัด
ไมมีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
คัมภีรกระบี่เลมหนึ่งที่ทั้งคุนเคยทั้งไมคุนไดเปดขึ้น เหมือนวาจะเคยฝกฝนมาแลว
ครั้งนับไมถวน ผอนแรงแขน และโยนกระบี่ออกไป
แสงสวางของทางเขาซอยก็อยูที่ตรงเบื้องหนา ความโกรธในใจของซือเสวี่ยมั่นก็
ไดระบายออกไปพอสมควรแลว นางใชกระบวนทาที่ทรงพลังโจมตีตอเนื่องถึงสิบกวา
กระบวนทา นางจัดการตวนมูหวงฮุนตั้งแตทายซอยไปจนถึงปากซอย
นางมองดูตวนมูหวงฮุนที่มึนงงจนเหมือนกับกระสอบทรายใบหนึ่งที่บินไปทาง
ปากซอยก็ไมปาน นางไดเผยสีหนาที่มีความพึงพอใจอันเปยมลม เจานี่สมควรจะได
เจอกับปากกระบอกปน แถมยังปากมาก โทษตายละไดแตโทษเปนไมอาจเวน!
ครั้งนี้กลับไปคงตองนอนซมอยางนอยสิบวันหรือครึ่งเดือน อยางไรก็ไมมีทางลุก
ไหวแน
อยูๆ ในใจของนางก็กระตุกขึ้น เกิดการตอบสนองในทันใด นางหันกลับไปอยางแรง!
ทามกลางความดำมืดของยามราตรี อายฮุยราวกับปกษาตัวใหญที่กระโดดขึ้นสูง
มานรัตติกาลเปนดั่งปกที่หลังของเขา
เสนแสงกระบี่สายหนึ่งที่ยากจะพรรณนาฉายวาบทั่วทองฟา
ราวกับเวลาหยุดนิ่งไปพลัน
บทที่ 42 สงบจิตสงบใจ
สิ่งนั้นเปนเพียงกระบี่หญาราคาถูกและธรรมดาที่สุด ไมมีการสลักชื่อของผูทำ
หรือของประดับประดาใดๆ ถึงขนาดที่วารานขายอาวุธยังครานจะเอามันขึ้นมาวางไว
ที่ชั้นขาย สวนมากมักจะถูกทิ้งไวในมุมที่ไมถึงดูดสายตาคน ใชเชือกรอยเอาไวเปนพวง
ซึ่งมักจะเต็มไปดวยขี้ฝุน ราคาขายไมมีทางเกินหนึ่งพันหยวน
ตอใหเปนกระบี่สำหรับซอมที่ซือเสวี่ยมั่นใชตามปกติก็ยังมีมูลคามากกวากระบี่
หญาเลมนี้หลายสิบเทา
นางไมเคยคิดมากอนเลยวากระบี่หญาที่ไรราคาแสนธรรมดาจะปลดปลอยแสง
ประกายเจิดจาเชนนี้ออกมาได
นางไมเคยเห็นประกายกระบี่ที่เจิดจรัสถึงเพียงนี้ ชางราวกับดอกไมไฟก็ไมปาน
กระบี่หญาที่ลอยออกจากฝามือของอายฮุย ไดสองประกายแสงระยิบระยับราวกับ
หยาดฝน แหวกผานทองฟายามราตรี เหลือทิ้งไวเพียงรองรอยแหงแสงเสนหนึ่งที่สอง
แสงสวางไสวงดงาม และกำลังพุงตรงไปยังเจาผูนั้นที่อยูตรงปากทางเขาซอย
ฟบ ฟบ ฟบ!
ราวกับ ฝา มือ จำนวนนับ ไมถ ว นกำลั งฉี ก กระชากเสื ้ อ ผ า ของอี ก ฝ า ยในเวลา
เดียวกัน เสื้อผากระจายเปนชิ้นๆ ในชวงเสี้ยววินาที ราวกับผีเสือ้ จำนวนนับไปถวนที่
โบยบินกระจายออกไป
ซือเสวี่ยมั่นที่เบิกตาโพลงรีบรอนหันหนาหลบไป
ตูม!
รางกายเปลือยเปลาที่ขาวราวหิมะไดลอยจากบริเวณปากทางเขาซอยไปยังถนนใหญ
ผูคนที่เดินไปมาในตอนแรกตางตกตะลึง ผานไปสักพัก ผูหญิงที่อยูบนถนนตาง
กรีดรองตามกันเปนทอดๆ ทันที
สายตาของซือเสวี่ยมั่นจดจองอยูที่อายฮุย ในใจตื่นตะลึงอยางหาใดเปรียบ ใช
แลว เพลงกระบี่เมื่อครู รายกาจยิ่งกวาการรายรำกระบี่ที่เห็นกอนหนานี้ หรือวานี่จะ
เปนระดับที่แทจริงของเขา
นางเคยเห็นผูใชกระบี่มีชื่อมาบาง แตไมมีผูใดที่ทำใหนางตกตะลึงไดมากถึงเพียง
นี้ วิชากระบี่นั้นตกต่ำมานาน พวกผูใชกระบี่มีชื่อพวกนั้นถึงแมวาพลังในการตอสูจะ
ไมธรรมดา ทวามักจะแผกลิ่นอายความกลัดกลุมใจไรซึ่งความทะเยอทะยาน นางไม
ชอบบรรยากาศอารมณเชนนั้น ดังนั้นจึงไมชอบผูใชกระบี่ที่มีชื่อทั้งหลายมาโดยตลอด
แตวาเพลงกระบี่เมื่อครูนั้น...ชางรายกาจเสียจริงเลย!
หลังจากที่อายฮุยใชเพลงกระบี่นั้นไป กำลังทั่วรางราวกับถูกดูดออกไปจนหมดใน
เสี้ยววินาที เขาไดออกจากสภาวะเงียบสงบเมื่อครูในทันใด ราวกับเพิ่งไดตื่นจากฝน
รอบขางวางเปลา เอ อยูกลางอากาศหรือ เขากมหนาลงไปมองดูแวบหนึ่ง ก็นิ่งตะลึง
ไปในทันที
สูงถึงเพียงนี้เชียวหรือ
นี่เขา...กระโดดไดสูงถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ไมดีแลว!
รางของอายฮุย รว งลงเบื้อ งลางอยา งรวดเร็ว แขนขาของเขาแหวกวายไปมา
ใบหนาซีดเผือดไป เขานึกถึงตอนอยูแดนรางมีอยูครั้งหนึ่งที่ตนตกลงมาจากหนาผาสูง
เชนนี้ สุดทายแลวตกลงมาเกือบตาย ใชเวลาถึงครึ่งเดือนถึงจะฟนตัวได
ที่สำคัญยิ่งกวาคือ เขาพบวาแขนขาของตนออนแรง พลังธาตุในรางกายก็วาง
เปลา กระบี่ที่อยูในมือ...ก็โยนออกไปแลว!
ฟุบ ทรายสีเหลืองกองหนึ่งพุงเขามา
เปนโหลวหลานที่เขามารับตัวอายฮุยเอาไวไดอยางทันทวงที
อา ยฮุย ที่ในใจยังหวาดผวาถูก โหลวหลานวางลง เขาตบบ า โหลวหลานเบาๆ
“ขอบคุณนะโหลวหลาน!”
“ไมตองเกรงใจ อายฮุย” น้ำเสียงของโหลวหลานแสนจะดีใจอยางมาก
อายฮุยมองดูผลของเพลงกระบี่นั้นของตนดวยความพอใจอยางมาก
สนามเหนี่ยวนำไมอาจฆาคนได แตการที่ไดเห็นอีกฝายนอนเปลือยเปลาอยูกลาง
ถนน ดูผูคนลอมรอบจองมอง เพลิงโกรธในใจของอายฮุยก็ลดหายลงไปบาง
อยูๆ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น “โหลวหลาน เจาวารางกายของเจานี่ ดูคุนตาอยูใชไหม”
โหลวหลานหันหนาไป แสงสีเหลืองในดวงตาสั่นไหว แลวจึงตอบขึ้นตามตรง “ใช
แลว ประเมินจากรูปรางแลว เขาเหมือนกับเพื่อนปงหวานที่อายฮุยชวยรักษาเมื่อครั้ง
กอนมากกวาเกาในสิบสวน”
“ที่แทก็คือเพื่อนปงหวานนี่เอง” อายฮุยไดกระจางขึ้นทันที ใบหนาเผยรอยยิ้มหยัน
จากการที่ครั้งกอนหลอกผูอื่นวาเปนหวัดยังไมหาย ก็ทำใหรูสึกวานิสัยไมดที ำให
คนเหยียดหยาม ตอนนี้ดูแลว ที่แทก็เปนเด็กนิสัยไมดีจริงๆ
อายฮุยสายหนาระอาใจ หันไปพูดกับโหลวหลานดวยความปลงอนิจจัง “พวกเรา
กลับกันเถอะโหลวหลาน”
ซือเสวี่ยมั่นฟงแลวจับใจความไดบางสวน จึงคิดเพียงวาคนที่ถูกซัดจนสลบ เปน
เพียงเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งของอายฮุยที่ชื่อปงหวาน โดยไมไดคิดแมแตนอยเลยวาจะ
เปนตวนมูหวงฮุนที่เพิ่งจะสองประกายไปทั่วสนามเหนี่ยวนำ
เพลิงโกรธในใจที่ไดระบายออกมาหมดแลว ซือเสวี่ยมั่นก็สงบลงมาได สรอย
ครามสงบจิตหายไปแลว ในใจของนางแสนจะเจ็บปวด แตวาตอนนี้คิดเรื่องนี้ไปก็ไมมี
ประโยชนอะไร นางเดินไปคิดไปวาจะแกปญหานี้อยางไร
จะใหปลอยอีกฝายไปเลยเชนนี้ นางเองก็ไมไดใจกวางขนาดนั้น แตวาตนจะใหอีก
ฝายชดใชอยางไรดี
โหลวหลานที่เดินอยูในซอยไดกลาวกับอายฮุยอยางกระตือรือรนวา “อายฮุย
กำแพงของเพื่อนบานที่พังไป โหลวหลานซอมใหไดนะ”
“โหลวหลานเจาชางแสนดีเกินไปแลว!” อายฮุยซาบซึ้งจนเกือบจะหลั่งน้ำตาอุนๆ
อออกมา
“โหลวหลานเปนตุกตาทราย” โหลวหลานแสนจะดีใจที่ชวยเหลืออายฮุยได
ขอเพียงแคมีโหลวหลานอยูที่นี่ก็รูสึกไดถึงความอบอุนราวกับฤดูใบไมผลิ อายฮุย
แสนปลื้มปริ่มยิ่งนัก เขาหันหนา ไปมองสาวน อยร า นบะหมี ่ ใบหน า เย็ น ชาลงมา
ในทันที “พูดเถอะ เจาคิดจะแกปญหานี้อยางไร”
ซือเสวี่ยมั่นเพิ่งจะคิดอะไรขึ้นได แตเมื่อไดยินน้ำเสียงของอายฮุยก็ถึงกับขมวดคิ้ว
ในทันที “น้ำเสียงของเจา ราวกับวาขาติดเงินเจาอยูแปดสิบลานหยวน”
อายฮุยรูสึกอับอายเล็กนอยขึ้นมาชั่วครู จึงไดปรับน้ำเสียงใหออนลง “เจาพูดมา
ตามตรงเถอะวาจะทำอยางไร”
“เงินแปดสิบลานหยวนในเวลาอันสั้นเจาคงคืนไมไหว”
ซือเสวี่ยมั่นมองไปที่อายฮุยแวบหนึ่ง แลวจึงพูดตอ “ขาขอเสนอสองเงื่อนไขกอน
ขอแรกเจาตองรับผิดชอบเปนคูฝกวิชากระบี่กับขา ชี้แนะวิชากระบี่แกขา อีกขอหนึ่งก็
คือเจาตองชวยขาตามหาคนผูหนึ่ง”
อายฮุยโลงอกขึ้นในทันที “ได! พวกเราตกลงตามนี้ ขาสอนวิชากระบี่แกเจา ชวย
เจาหาคน เงินแปดสิบลานหยวนถือเปนอันเลิกแลวตอกัน”
“ฝนไปเถอะ!” ซือเสวี่ยมั่นแสยะยิ้ม “นี่เปนเพียงแคดอกเบี้ยเทานั้น”
อายฮุยไดมีน้ำโหขึ้นในทันที “สาวนอยรานบะหมี่ เจาอยาไดรังแกกันใหมากนัก!”
ซือเสวี่ยมั่นไมไดใสใจ พลางกลาวขึ้นอยางเรียบๆ “ลองถามตุกตาทรายเพื่อนของ
เจาดู ตอนนี้ในตลาดมีอัตราดอกเบี้ยเงินกูอยูที่เทาไร”
อายฮุยหันไปมองทางโหลวหลานในทันที
โหลวหลานก็ตอบตามตรง “โดยทั่วไปของการยืมเงิน อัตราดอกเบี้ยตอปจะอยูที่
รอยละสิบ”
รอยละสิบก็ไมมากเทาไรนี่ เดี๋ยวกอน รอยละสิบของแปดสิบลานหยวนคือเทาไรกัน
แปดลานหยวน!
ดวงตาของอายฮุยเบิกจนกลมโต ใบหนาเต็มไปดวยความหวาดกลัวและตกตะลึง
“ขาไมไดหลอกเจานะ” ซือเสวี่ยมั่นมองไปที่เขาแวบหนึ่ง “เจาคิดวาวิชากระบี่
ของเจามีคาถึงแปดลานหยวนหรอกหรือ”
อายฮุยไมมีเสียงตอบกลับแลว
วิชากระบี่ตกต่ำมานานถึงเพียงนี้ ตอใหเปนวิชากระบี่ของตระกูลที่มีชื่อ ก็ยังไม
กลาพูดเลยวามีคาถึงแปดลานหยวน อีกทั้งอายฮุยเองก็ไมไดอวดดีถึงขนาดนั้น ถึงจะ
ไดคิดวาวิชากระบี่ของตนจะสูระดับวิชากระบี่ของตระกูลมีชื่อ
โศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญที่สุดในโลกก็คือ ผูอื่นพูดความจริงดวย อธิบายเหตุผลจน
ไมอาจหาขอปฏิเสธได
“สวนเรื่องของการหาคนนั้น เปนเพราะเจาอาศัยอยูในเมืองซงเจียน ควรจะ
คุนเคยกับเมืองซงเจียนมากกวาขา” ซือเสวี่ยมั่นรูสึกวาการที่ตนฝากความหวังเรื่องนี้
ไวกับเจานี่คอนขางไรสาระ แตวามีความหวังเพิ่มอีกสวนหนึ่งก็ถือวาเปนเรื่องดี
อายฮุยถามดวยใบหนาอมทุกข “คนผูนี้หนาตาเปนอยางไร”
“ไมรู” ซือเสวี่ยมั่นสายหัวตอบ
อายฮุยมองไปที่ซือเสวี่ยมั่นดวยสีหนาสงสัยเต็มที “ไมใชวาเจาจะมาลอเลนกับขา
หรอกนะ ไมรูจักหนาคาตาแลวจะตามหาอยางไรกัน”
ซือเสวี่ยมั่นพูดเสียงคอย “ครั้งกอนขาพบเขาที่การแขงปดตาตอสูที่โรงฝก เจาลง
มือจากทางดานโรงฝก นาจะงายกวา”
“โรงฝกหรือ” คราวนี้เปลี่ยนเปนอายฮุยที่แสยะยิ้มขึ้น เขาหันหนาไปถามโหลวหลาน
“โหลวหลาน เมืองซงเจียนมีโรงฝกอยูกี่แหง”
โหลวหลานตอบขึ้นตามตรง “สี่สิบหก”
ซือเสวี่ยมั่นกลาวขึ้น “แนนอนวาขายังมีเบาะแสอื่นของเขา”
บทที่ 43 เจาโรคจิตกับตนขาวสาร
ตวนมูหวงฮุนตื่นขึ้นมาอยางสะลึมสะลือ
รอบดานเหมือนกับวามีเสียงดังเซ็งแซอยู...
ทำไมตนถึงรูสึกวารูสึกหนาวไปทั่วราง มือไมออนแรง ทั่วรางเจ็บปวดไปหมด เขา
ปวยหรือ
ตวนมูหวงฮุนพยายามลืมตาขึ้น ชวงที่สะลึมสะลือเหมือนเขาจะเห็นเงาคนจำนวน
ไมนอยอยูที่บริเวณดานบนของตน
หรือวาเขากำลังปวย ทางโรงเรียนจึงไดสงผูบริหารระดับสูงมาเยี่ยมเยียนหรือ
เสียงที่อยูรอบดานคอยๆ เปลี่ยนเปนชัดเจนขึ้นทีละนอย
“เฮย ชางเปนคนวิปริตเสียจริง!”
“ไมใสเสื้อผาสักชิ้น! สวรรค โรงเรียนของพวกเรามีคนเชนนี้ดวยหรือ!”
“หรือวาจะเปนโจรปลนสวาท หรือวาเปนชูที่ถูกจับไดคาเตียง”
......
ไมไดสวมเสื้อผา...เหน็บหนาวไปหมดทั้งตัว...
ตวนมูหวงฮุนสะดุงโหยงหนึ่งครั้ง ลืมตาโพลงขึ้นอยางแรง หลังจากนั้นเขาจึงได
พบวาใบหนาตนแนบอยูกับพื้นและเห็นขาของคนจำนวนนับไมถวน ทั่วรางเหน็บ
หนาวไปหมด ตัวของเขานิ่งคาง รูสึกเพียงภาพเบื้องหนามืดลง อยากจะใหมีรอยแยก
บนพื้นใหตนไดมุดหนีลงไป
ชาง...ชางอำมหิตเกินไปแลว!
ตวนมูหวงฮุนเกือบจะกลั้นใจใหตายไปตรงนั้น ความสนใจของคนรอบดานทำให
เขารูสึกอับอายไรที่ยืน สวรรค ตั้งแตเล็กจนโต ไมเคยมีเวลาไหนที่เขารูสึกวาชีวิต
มืดมนถึงเพียงนี้
เจาอายฮุยกับหญิงสุนัขคูนี้ จิตใจชางอำมหิตเกินไปแลว!
ตวนมูหวงฮุนอยูๆ ก็นึกขึ้นได ใบหนาของตนยังสวมหนากากพลังธาตุอยู จึงรูสึก
โลงอกขึ้นมาอยางไรสาเหตุ
จะตองรีบออกจากตรงนี้ทันที!
เขาสามารถสัมผัสไดวากลุมคนที่ลอมรอบเขามายิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ แตวา
พลังธาตุที่อยูในกายกลับไมย อมฟงเสี ยเลย ตอนนี ้ เขานึ กเสียใจจนลำไส เขียวไป
หมดแลว ทำไมถึงไดเลือกชวงที่รางกายของตนไรพลังมาหาเรื่องอายฮุยกัน
เขาฝนบังคับเคลื่อนพลังธาตุที่คลังชีวิต ถึงแมจะรูวาการทำเชนนี้จะทำใหบาดเจ็บ
ภายในจนตองรักษาตัวถึงครึ่งเดือน แตเขาก็ไมอาจจะมานั่งคำนึงอะไรมากมาย
ผูคนที่ม ุงดูรูสึกวาเบื้องหนาวู บไป เงาร า งที ่ เปลื อยเปล าก็ ได หายไปอย างไร
รองรอย
“เฮย ยอดฝมือ!”
“สังคมนับวันยิ่งตกต่ำ! ในตอนนี้แมแตยอดฝมือเชนนี้ ก็ยังหนาไมอายขนาดนี้เลย
หรือ”
“กระโดดหนีไปแลว! กระโดดหนีไปทางโรงเรียนแลว! เจาโรคจิตเชนนี้ พวกเรา
จะตองจับตัวเอาไวใหได!”
......
โรคจิต!
ไดยินเสียงที่ลอยมาจากทางดานหลัง ตวนมูหวงฮุนเกือบที่จะกระอักเลือดอุนๆ
ออกมา อาการบาดเจ็บภายในก็เหมือนจะเจ็บหนักขึ้นในทันที
อายฮุย เจารอขากอนเถอะ!
ตวนมูหวงฮุนกัดฟนกรอด
......
โรงฝกศาสตราวุธ
อายฮุยตั้งสติใหดีเตรียมพรอมที่จะตั้งใจฟงซือเสวี่ยมั่นบรรยายลักษณะของเปาหมาย
ไมวาจะพูดอยางไร เขาก็ไดดูดซึมเอาไขมุกของนางไปแลว ถึงแมวาจะเปนตัวออน
กระบี่ที่ทำ แตวาในใจของอายฮุยยังคงรูสึกผิดอยู โดยเฉพาะอยางยิ่งเขาเองก็ดูออกวา
สาวนอยรานบะหมี่ไมใชคนที่ไรเหตุผล ที่จริงแลวนางก็ถือวานิสัยไมเลวเลยทีเดียว
หากเปลี่ยนมาเปนตนแลวนั้น ขืนใครกลามากลืนเงินตนไปแปดสิบลานหยวน
เชนนี้ มันผูนั้นจะตองถูกแลเนื้อออกเปนชิ้นๆ
ดวยเหตุที่เปนความผิดพลาดของตน จึงไมมีอะไรใหพูดอีกแลว อายฮุยเองก็ไมใช
เด็กหนุมไรเดียงสาที่ไมรูความ เขารูวาเงินแปดสิบลานหยวนนั้นมีมูลคาที่ทำใหคนตอง
ตกตะลึงมากเพียงใด แมแตชีวิตของตน เขาก็ไมไดรูสึกวาจะมีคาถึงแปดสิบลานหยวน
หากอีกฝายคิดจะซื้อชีวิตของเขา ก็สามารถซื้อไดหลายชีวิตเลยทีเดียว
นางเองก็แข็งแกรงถึงเพียงนั้น แตก็ยังไมไดลงไมลงมืออะไร นิสัยถือวาดีจนไมรู
จะพูดอยางไรแลว
ดังนั้นทาทีของเขาถึงไดจริงจังอยางมาก
ซือเสวี่ยมั่นมองออกวาทาทีของอายฮุยนั้นจริงจังมาก จึงไดมีมุมมองตอเขาที่ดี
ขึ้นมาอีก เล็ก นอ ย นางกางนิ้ว ออกนั บ “เขาเชี ่ ย วชาญในการต อ สู  ป ระชิ ดตั ว มี
ประสบการณในการตอสูมากมาย รูปแบบการตอสูดุเดือดรุนแรง”
อายฮุยไดฟงก็รูวาสาวนอยนี่ไมไดมีประสบการณอะไรเลย จึงกลาวขึ้นตามตรง
“ที่เจาวามันทัว่ ไปมาก ไมมีชื่อแซเหรอ อายุเทาไร สวนสูงเทาไร อวนหรือผอม หรือ
วากำยำ รางกายมีลักษณะพิเศษอยางอื่นไหม ยกตัวอยางเชนรางกายพิการ สีของเสน
ผม สีผิวคล้ำหรือวาขาว”
จิตใจของซือเสวี่ยมั่นสะทานขึ้นมา นางนั้นฉลาดหลักแหลม แคฟงคำถามของ
อายฮุยก็รูแลววาคนผูนี้ละเอียดมาก จึงรีบกลาวขึ้น “ในตอนนั้นเปนการแขงปดตา
ตอสู เขาไมไดทิ้งชื่อเอาไว อายุไมไดมาก นาจะเปนคนหนุมผูหนึ่ง สวนสูงเหรอ สูง
พอๆ กับเจา รูปรางอวนผอมก็ไมตางกับเจานัก ลักษณะพิเศษอื่นของเขา ใชแลว มี
พละกำลังมหาศาลมาก”
อายฮุยสายหัวไปมา “ขอมูลนอยเกินไปแลว”
ซือเสวี่ยมั่นคอนขางจะวิตกกังวล จึงกัดฟนเพื่อนึกดูใหมอยางละเอียด ทันใดนั้น
ดวงตาก็เปนประกายขึ้นวูบหนึ่ง “ใชแลว เขามีความแข็งแกรงอยางมาก”
“แข็งแกรงเพียงใด อยูในระดับไหน” อายฮุยถามขึ้น
“นาจะแข็งแกรงกวาขา” ซือเสวี่ยมั่นกลาวเสริมตอ “หากไมแข็งแกรงกวาขาก็ไม
นาจะออนแอกวาขามากนัก”
อายฮุยพยักหนา “เชนนั้นก็สามารถจำกัดวงลงมาไดบาง”
เขาไมไดพูดขึ้นมั่วๆ เมื่อครูความแข็งแกรงที่สาวนอยรานบะหมี่แสดงออกมา เมื่อ
ยอนกลับไปคิดก็ทำใหเขารูสึกหวาดกลัวในภายหลังขึ้นมา
ขนาดตวนมูหวงฮุนที่หยิ่งยโสถึงเพียงนั้น ยังถูกนางซัดราวกับเปนสุนัขก็ไมปาน
ไรโอกาสที่จะตอบโตอยางสิ้นเชิง
เมื่อคิดดูแลว เขาก็ถามขึ้นอยางระมัดระวัง “เจาอยูในระดับไหน สะดวกที่จะพูด
ไหม หากไมสะดวกจะพูดก็ไมเปนไร”
ซือเสวี่ยมั่นตอบอยางเปดเผยอยางมาก “ระดับของขาคือหกตำหนัก”
“ใชวิชาลับขั้นสูงไดไหม”
“แนนอน!”
เฮือก ตอใหอายฮุยรูมากอนอยูแลววาความแข็งแกรงของสาวนอยรานบะหมี่แสน
จะดุดันรุนแรง แตพอไดรูระดับของอีก ฝายจริ งๆ ก็ยังอดไมไดที ่จะสู ดหายใจเอา
อากาศเย็นๆ เขาปอดครั้งหนึ่ง
แมสาวผูนี้...ตอใหเปนเจาอวนมาเองก็คงไมกลาเบี้ยวหนี้ และไมกลาพูดวาคนที่
ติดหนี้เปนนายทานแน!
เขารูสึก ดีใจที่ตนไมไดมีความคิดที่ จะเบี ้ ยวหนี ้ ไม เช น นั ้ น ตอนนี ้ ตนจะตอง
กลายเปนเศษกากที่อยูในแมน้ำไปแลวแนๆ
เขากระแอมไอเบาๆ ครั้งหนึ่ง ปกปดความตกตะลึงไว “เชนนั้นอีกฝายจะต อง
เปนยอดฝมือที่มีชื่อเปนแน ขอบเขตของพวกเราสามารถจำกัดใหแคบลงไดแลว”
ที่ไหนไดสาวนอยรานบะหมี่กลับสายหัว “ไม! ยอดฝมือมีชื่อขาลวนคุนเคยดวย
อยางมาก ไมใชพวกเขา จะตองเปนนักเรียนใหมแนนอน เปนผูที่ขาไมเคยปะมือดวย
มากอน”
สมองของอายฮุยหมุนอยางรวดเร็ว คำพูดที่ซอนอยูของสาวนอยรานบะหมี่ชาง
นากลัวอยางมาก อะไรที่เรียกยอดฝมือมีชื่อลวนคุนเคยดวยอยางมาก ดูจากประโยค
หลังที่วา “ไมเคยปะมือมากอน” ที่วาคุนเคยอยางมากนี้จะตองไมใชแคการพยักหนา
ทักทายกันเปนแน
โดยเฉพาะอยางยิ่งสาวนอยรานบะหมี่พูดยืนยันขนาดนั้น หรือนั่นจะเปนการ
กลาวนัยๆ วาสาวนอยรานบะหมี่เคยปะมือกับยอดฝมือมีชื่อมาแลวทั้งหมด
อายฮุยรูสึกปากคอแหงผาก ติดเงินแมสาวดุรายนี่ถงึ แปดสิบลานหยวน เขาตอง
ดวงซวยมากมายขนาดไหนกัน
เขาสูดหายใจเขาลึกๆ ครั้งหนึ่ง ฝนตัวเองใหสงบลง “นักเรียนใหมจะไปมียอด
ฝมือระดับหกตำหนักที่ใชวิชาลับขั้นสูงไดอยาไรกัน”
“ทำไมจะเปนไปไมได” สาวนอยรานบะหมี่กลาวขึ้นอยางไมคิดวาจะเปนเชนนั้น
“ไมแ นเจานั่นอาจมีนิสัยประหลาด มี ลั ก ษณะถอ มตั ว ชอบที ่ จ ะแสร งทำเปนหมู
เพื่อที่จะกินเสือก็ได”
อายฮุยคิดดูแลวก็ใช จึงกลาวสรุปขึ้น “โดยสังเขปก็คือ เปนยอดฝมือนักเรียนใหม
ที่มีรูปรางคลายกับขาอยางมาก อยูในระดับหกตำหนักหรือสูงกวา มีวิชาลับขั้นสูง
กระบวนทาตอสูดุดันรุนแรง เชี่ยวชาญการปดตาตอสูกับการตอสูระยะประชิดตัว ใช
หรือไม”
“นาจะประมาณนั้น!” ซือเสวี่ยมั่นพออกพอใจ
ถึงแมอีกฝายจะมีอายุไมมาก แตก็แสดงใหเห็นถึงการฝกฝนมานาน สุขุม ละเอียด
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำใหนางพอใจอยางมาก
อายฮุยตัดสินใจจะพูดเรื่องที่แนนอนไวกอน “ขาจะทำอยางเต็มที่ แตวาเรื่องการ
ตามหาคนเชนนี้ ตองใชโชคอยางมาก ขาไมสามารถรับรองไดวาจะสำเร็จ”
“ไมเปนไร” ซือเสวี่ยมั่นกลาวขึ้นอยางเปนธรรมชาติ “อยางไรเสียเจาก็ติดหนี้ขา
อยูแปดสิบลานหยวน ตองคืนดอกเบี้ยในทุกๆ ป สรุปคือขาสามารถหาเรื่องมาใหเจา
ทำไดตลอด สวนเรื่องที่วาจะเบี้ยวหนี้ ขอบอกไวกอนวาทั่วทั้งสนามเหนี่ยวนำยังไมมี
ผูใดกลาเบี้ยวหนี้ของขา”
สาวนอยรานบะหมี่พูดขึ้นอยางสบายๆ อายฮุยไดฟงแลวรูสึกวาหลังคอเย็นวาบขึ้นมา
อายฮุยกลืนน้ำลายลงคอ “เรื่องวิชากระบี่ที่ใหขาชี้แนะจะวาอยางไร”
“ขาจะเขาเมืองประมาณสองสัปดาหก็ครั้งหนึ่ง ถึงเวลาแลวก็จะมาหาเจาที่นี่”
ซือเสวี่ยมั่นกวาดสายตามองสภาพโดยรอบ “ที่นี่เองก็เปนโรงฝกพอดี ขาจะบอก
เจากอนลวงหนาหนึ่งวัน โชคดีที่มีตนขาวสาร เจาสังเกตตนขาวสารเอาไว”
“ตนขาวสารหรือ” อายฮุยมีใบหนาที่แสนจะมึนงง
ซือเสวี่ยมั่นมองแวบเดียวก็รูวาอายฮุยไมเคยใชมากอน จึงชี้ไปที่ตนไมตนหนึ่งที่ไม
สะดุดตาในมุมหนึ่งของสนาม “ก็นั่นอยางไร ใบของตนขาวสารไมเหมือนกับใบของ
ตนไมอื่น เสนใบของมันทุกใบลวนเหมือนกัน เมื่อมีขาวสาร มันก็จะทิ้งใบลงมาหนึ่งใบ
ดานบนจะมีตัวอักษร เปนฝมือของผูใชพลังธาตุไม ตอนเจาเขาเรียนไมมีสอนหรือ”
อายฮุยตกตะลึงอยางมาก เขาทำความสะอาดสนามมาหลายรอบ เขาไมเคยรูเลย
วาตนไมตนนั้นมีอะไรที่ผิดปกติ ที่แทก็เปนถึงตนขาวสารอะไรที่วานี่
ซือเสวี่ยมั่นเดินไปถึงใตตนขาวสาร จึงเด็ดใบมาหนึ่งใบ แลวนางก็หยิบหนังสือ
จากไหนไมรูขึ้นมา
นางเปดหนังสือออก แลวก็เอาใบไมใสลงไปในหนาหนังสือ แลวก็มีแสงเปลง
ประกายออนโยนออกมา หอหุมใบไมเอาไว
ทันใดนั้นซือเสวี่ยมั่นก็สงเสียงรองออกมาดวยความตกใจ
บทที่ 44 ตนขาวสารรุนแรก
ไดยินสาวนอยรานบะหมี่รองตกใจ อายฮุยก็อดไมไดที่จะถามขึ้น “มีอะไรหรือเปลา”
ซือเสวี่ยมั่นสายหัว ผานไปไดครูหนึ่งถึงไดเอยปากขึ้น “ไมมีอะไร ขาเพียงแคนึก
ไมถึงวาเสนใบของตนขาวสารตนนี้จะโบราณถึงเพียงนี้”
“โบราณหรือ” ในหัวอายฮุยเต็มไปดวยหมอกควัน
ซือเสวี่ยมั่นเงยหนาขึ้น “ตอนเขาเรียนไมเคยเรียนเหรอ”
“ขาเปนนักเรียนใหม!” อายฮุยพูดขึ้นดวยเหตุผลอยางเต็มปากเต็มคำ
ซือเสวี่ยมั่นมองเขาแวบหนึ่ง ในใจคิดวาพื้นฐานอีกฝายชางเลวรายเสียจริง ระดับ
ก็ต่ำขนาดนี้ แตวิชากระบี่กลับนาตกตะลึงถึงเพียงนั้น ไมรูวาเปนผูใดกันที่เลี้ยงดูตัว
ประหลาดเชนนี้ออกมา
นางกลาวอธิบายขึ้น “ตนขาวสารเปนผลงานที่คิดคนโดยผูใชพลังธาตุไมจากปา
หยก ผูใชพลังธาตุไมไดคนพบวาระหวางตนไมดวยกันจะสื่อสารกันโดยใชภาษาตนไม
ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว พวกมันสามารถสงตอขอมูลที่สั้นมากๆ บางสวนได ผูใช
พลังธาตุไมไดเพาะตนขาวสารขึ้นมาจากพื้นฐานของภาษาตนไม ซึ่งทำใหปริมาณการ
สงขอ มูลขาวสารและระยะทางการส งนั ้ น มี ความก าวหน าขึ ้ นเปน อย างมาก ต น
ขาวสารใชเสนใบในการจำแนกตัวตน แตเมื่อมีการใชตนขาวสารแพรหลายมากขึ้น
เพียงไมนานผูใชพลังธาตุไมจากปาหยกก็ไดพบวา เสนใบมีความซับซอนไมพอ จึงไม
สามารถตอบสนองตอความตองการที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นได ดังนั้นผูใชพลังธาตุไมจึง
ไดเพาะตนขาวสารรุนที่สองออกมา เสนใบของตนขาวสารรุนที่สองนั้นมีความซับซอน
กวามาก การพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ ไดมาถึงรุนที่สามแลว”
อายฮุยถามอยางใชความคิด “เชนนั้นตนขาวสารตนนี้เปนรุนแรกหรือวารุนที่สองกัน”
“รุนแรก” ซือเสวี่ยมั่นบอกสรุป
“ของเกาแกเลยนะ” อายฮุยเงยหนามองตนขาวสารตนนี้ ไมรูเปนเพราะคำพูด
ของสาวนอยรานบะหมี่หรือไมที่สงผลกระทบตอจิตใจ เขารูสึกวาตนขาวสารสูงตระ
งานเบื้องหนาตนนี้ไดปลอยกลิ่นอายโบราณอางวางออกมาอยางบอกไมถูก
“ดูทาแลวโรงฝกแหงนี้จะมีอายุ ไมนอยแลว” ซือเสวี่ยมั่นที่พ ิจารณาบริ เวณ
โดยรอบ อยูๆ ไดถามขึ้น “เจาของโรงฝกละ”
“ยี่สิบปกอนก็ไดเดินทางจากไปแลว” การตอบสนองของอายฮุยแสนจะธรรมดา
“ตอนที่ขามา ที่นี่ก็ถูกทิ้งรางอยูแลว หรือวาโรงฝกแหงนี้มีความเปนมาอยูมาก”
“ภูมิหลังไมธรรมดา” ซือเสวี่ยมั่นพยักหนาพลางกลาวขึ้น “ตนขาวสารรุนแรกใน
ตอนนั้นยังไมไดแพรกระจายเปนบริเวณกวาง เพียงแคใหคนกลุมเล็กๆ ไดใช เจาของ
รุนแรกของโรงฝกแหงนี้จะตองมีสถานะที่ไมธรรมดาแน”
หากพูดถึงประสบการณในการใชชีวิต อายฮุยนั้นทิ้งนำซือเสวี่ยมั่นแบบไมเห็นฝุน
แตหากพูดถึงความรูทางประวัติศาสตรที่สืบถอดกันมา ซือเสวี่ยมั่นก็ทิ้งนำอายฮุยแบบ
ไมเห็นฝุนเชนกัน
“ไมตองไปสนใจภูมิหลังแลว มันใชไดหรือไม” อายฮุยถาม
เรื่องที่วาโรงฝกนี้มีความเปนมาอยางไรกันแน เขาไมสนใจเลยแมแตนอย มีภูมิ
หลังที่ยิ่งใหญแลวเปนอยางไร จะเพิ่มเงินใหตนเหรอ แนนอนวาไมมีทาง รวมไปถึง
ประวัติอันรุงโรจนของมันในกาลกอน เขานั้นก็ไมไดมีความรูสึกอะไรเลย
เรื่องประวัติศาสตรและใจเสนหานี้ ผูใดจะมาเทียบไดกับผูฝกกระบี่
ลองดูพวกผูฝกกระบี่พรรคใหญพวกนั้นเถอะ เพียงแคหมื่นปแสนป
อูสิงเทียนก็ครอบครองที่ดินขนาดใหญ ในตอนนั้นพวกพรรคกระบี่พรรคใหญหาก
ไมแสดงความนาเกรงขามไปทั่วสาระทิศ ก็ลวนไมกลาจะพูดวาตนเปนผูนำของโลก
แหงการบำเพ็ญตน
ไมใชวาวิญญาณแตกดับไปแลวหรือ ไมใชวาถูกกวาดเขาไปอยูในกองขยะของ
ประวัติศาสตรแลวหรือ
ดังนั้นอายฮุยจึงไมอินังขังขอบเรื่องพวกนั้นที่สาวนอยรานบะหมี่พูด จะรุนแรก
หรือไมใชรุนแรก ก็ไมไดมีความเกี่ยวของอะไรกับตน มันใชไดหรือไมตางหากที่เปนขอ
สำคัญ
“ใชได” ซือเสวี่ยมั่นรูสึกแปลกใจอยูบาง หากเปลี่ยนเปนคนอื่นไดรูวาตนไดอยูใน
โรงฝกที่มีภูมิหลังอันยาวนานและยิ่งใหญ จะตองตื่นเตนอยากรูอยากเห็นเปนแน ไม
แนอาจหวังวาตนจะพบพวกคัมภีรวิชาลับขั้นสูงที่สืบทอดตอกันมาอะไรพวกนี้
เจาคนตรงหนานี้ กลับไมสนใจไยดี
“เชนนั้นพวกเราก็ตกลงกันตามนี้” อายฮุยพยักหนา
ซือเสวี่ยมั่นปดหนาหนังสือ แลวมองดูอยูสักพักจึงพยักหนา “ได จงสังเกตตน
ขาวสารของเจา ถาหากวามีขาว ใหแจงขาผานตนขาวสาร นี่คือใบตนขาวสารของขา
เอาเถอะ คิดวาเจาคงใชไมเปน”
พูดจบซือเสวี่ยมั่นก็หยิบเอาใบตนขาวสารของตน นำไปวางไวที่รอยแยกของกิ่งที่
เพิ่งจะเด็ดเอาใบไมออกมา ใบไมกับกิ่งที่ขาดออกมีแสงสีเขียวที่ออนโยนสองประกาย
ขึ้นมา ครั้นแลวใบไมก็เชื่อมติดอยูบนตนขาวสาร
“ตอนสงขาวใหขา ก็เขียนตัวอักษรไวดานบน จำนวนตัวอักษรไมตองมากนัก
ตอนที่ขาสงขาวใหเจา ก็จะปรากฏขึ้นดานบน เจาจงตรวจสอบสังเกตการณไว”
ซือเสวี่ยมั่นกลาว
อายฮุยหันหนามาพูดกับโหลวหลาน “โหลวหลาน ฝากเจาดวยนะ! มีขาวแลวให
มาหาขาที่ที่เดิม”
ซือเสวี่ยมั่นหรี่ตามองเขาแวบหนึ่ง พลางกลาวเสียงเย็น “ตั้งใจฝกใหดี ยิ่งเจา
แข็งแกรง เงินที่ติดขาไวแปดสิบลานหยวนก็จะใชคืนใหหมดไดเร็วขึ้น”
พูดจบนางก็จากไป
อายฮุยทอดถอนใจยาวครั้งหนึ่ง แลวลมตัวลงไปที่เกาอี้หวาย “โหลวหลาน ทำไม
ขาถึงไดโชครายอยางนี้”
แสงสีเหลืองที่นัยนตาของโหลวหลานคอยๆ วูบไหว แสดงใหเห็นวากำลั ง ใช
ความคิดอยา งเต็มกำลัง ไมนานจึ งได ฟ   นกลั บ มาเป น ปกติ แล ว เอ ยตอบตามตรง
“คำถามของอายฮุยขอนี้ลึกซึ้งเกินไป โหลวหลานไมรู”
“แปดสิบลานหยวน อา...”
อายฮุยรูสึกวาเปลือกตาของตนยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ เสียงการหายใจตอนนอนหลับ
ไดกระจายออกไปไกลแสนไกลภายใตแสงสีของยามราตรี
ตอนที่อายฮุยตื่นขึ้นมาก็เปนเวลากลางดึก โหลวหลานกลับไปแลว ตอนที่เขาลืม
ตาขึ้น สิ่งแรกที่เขามาอยูในทัศนะวิสัยก็คือดวงดาวที่ลอยอยูเต็มทองฟา เขาประดุจดัง
จมจอมอยูในหวงลึกอันไรขอบเขตแหงมานรัตติกาล จิตใจเหมอลอยไปตามดวงดาว
ผานไปเปนเวลานานเขาถึงไดเรียกสติกลับมา แลวลุกขึ้นนั่ง
ในชวงเวลาที่ฝกฝนอยูที่เจดียเสวียนจิน การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญที่สุดของเขา
คือความสามารถในการนอนหลับ ระดับของการฝกนั้นหนักหนาอยางมาก ทุกวันลวน
เหน็ดเหนื่อยหมดสิ้นเรี่ยวแรง พิงตัวไวกับกำแพงเจดีย แลวก็หลับไปอยางไมรูเนื้อรูตัว
เขานึกถึงเมล็ดพันธแหงตัวออนกระบี่ ที่ไดดูดกลืนเอาสรอยครามสงบจิตราคา
แปดสิบลานหยวนเขาไป โดยเฉพาะอยางยิ่งมันทำใหตนสามารถใชกระบี่ที่แสนราย
กาจดาบนั้นออกมา เจาตัวออนกระบี่ที่สมควรตายนั่น...
การตอบสนองแรกของเขาคือไปหากระบี่ แตวาไมนานเขาก็เผยรอยยิ้มที่ขมขื่น
ออกมา
กระบี่หญาเพียงเลมเดียวของตน ไดพังไปเสียแลว
เขาสายหนาและอดแคนหัวเราะไมได ในเมื่อนอนไมหลับ เชนนั้นก็ตื่นขึ้นมา
ฝกฝนเถอะ
สองวันใหหลัง
อายฮุยแบกกระเปาเดินทางที่เต็มไปดวยเคกเสริมกระดูกโลหิต เขาโบกมือไปทาง
โหลวหลาน “โหลวหลาน ไวเจอกันใหม!”
โหลวหลานไดเปลี่ยนรางกลายเปนกำปนสีเหลืองขนาดใหญ “อายฮุย พยายามเขา!”
เขาเดินไปบนทองถนน แสงอาทิตยไดอาบไปทั่วออมอก ความโชครายของเมื่อ
สองวันกอ นไดถูกชำระไปจนหมดสิ ้น เขาได เอาเรื ่องเงิน แปดสิบ ลานหยวนทิ้งไว
เบื้องหลัง ทั้งหัวใจยังคงอยูที่ความใฝฝนในอนาคตของตนและการใหกำลังใจตนเอง
“รูหรือเปลา เมื่อสองคืนกอน ที่นี่ไดมีเจาโรคจิตที่แสนรายกาจคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น!”
“โอ ไดยินมาแลว ไดยินมาแลว ที่วามีชายคนหนึ่งเปลือยกายวิ่งอยูที่ถนนใหญ”
“ใชแลว ชางนาตกใจนัก! อีกทั้งขาจะบอกเจาให เจาโรคจิตนี่แข็งแกรงมาก ราย
กาจเหลือเกิน หากวาเขาเกิดตองตาขาขึ้นมาจะทำเชนไร ไมมีโอกาสที่จะตอตานเลย
นะ! นากังวลเหลือเกิน! นาเสียดายที่ไมใชหวงฮุนของพวกเรา หากวาเปนหวงฮุนของ
พวกเราแลวละก็ ขาจะไมตอตานเลย”
“พูดบาๆ! หวงฮุนของพวกเราออกจะเปนคนสูงสงปานนั้น!”
“หลายวันมานี้เหมือนวาจะไมไดเห็นหวงฮุนของพวกเราเลยนะ”
“ดูเหมือนวาจะไดรับบาดเจ็บ เห็นวาจะตองพักรักษาตัวหลายสิบวัน จำไมไดเหรอวา
ตอนที่เขาเขาเมืองนั้นรางกายออนแรงจนถึงกับลมลงไปครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นเกรงวาจะ
ไดรับบาดเจ็บแลว ไมรูวาอาการบาดเจ็บรายแรงหรือไม ชางนาเปนหวงเสียจริง!”
“ใชแลว ใชแลว เขาออนแอเชนนี้ ยังจะไปถาประลองกับเจาพวกกูเทียนหนิงนั่น
อีก รูสึกปวดใจเหลือเกิน ชางดื้อรั้นเกินไปแลว!”
“แตก็ชอบที่เขาดื้อรั้นเชนนี้!”
......
เมื่อไดยินกลุมเด็กสาวที่พูดเจื้อยแจวอยูตรงนั้น ในใจของอายฮุยก็แสยะยิ้มขึ้น
เจาเด็กนอยตูดหมึกนิสัยเสียนั่น! ตีสองหนา! ชางนาอัปยศ! นาเหยียดหยามนัก!
อายฮุยยกหนาเชิดลำพองใจเต็มไปดวยแววดูถูก เดินออกจากประตูเมืองไป
การฝกฝนที่ยากลำบากและแสนจืดชืดในสายตาของคนอื่น กลับทำใหเขารูสึกได
ถึงความตื่นเตนและความสบายใจ
บทที่ 45 ทะลวงคลังชีวติ
เสียงลมทองคำภายในเจดียเสวียนจินดังสนั่น แตอายฮุยก็ไมไดหวั่นไหว เขาราว
กับหลับใหลอยูก็ไมปาน ปลอยใหลมทองคำพัดคำรามอยางรุนแรง พัดจนรางกายของ
เขาชนกระแทกไปทั่วทั้งสี่ทิศ
ผิวหนังของเขาสองประกายดั่งโลหะมากขึ้นทุกๆ วัน มองดูไปแลวราวกับทอง
สัมฤทธิ์ก็ไมปาน สิ่งนี้คือสัญญาณของการที่ใกลจะกลายเปน [หนังทองแดง]
การหลอหลอมรางดวยพลังธาตุทองแตไหนแตไรมา ลวนแบงออกเปน
[หนังทองแดง] [กลามเหล็ก] [กระดูกเหล็กกลา] [ไขกระดูกเงิน] [โลหิตทองคำ]
เปนตัวแทนบอกถึงระดับหาระดับของการหลอหลอมราง หากวาสามารถฝกไดสำเร็จ
ทั้งหาระดับ เชนนั้นก็จะกลายเปนรางธาตุทองบริสุทธิ์ที่หาไดยากยิ่ง
แตจะพูดก็พูดได พลังธาตุนั้นฝกงาย แตการหลอหลอมรางกายนั้นยากที่จะทำได
ความหมายก็คือตราบใดที่รากฐานไม ได ย่ ำแย มาก พลั งธาตุ ค อยๆ สะสมไป
สุดทายก็จะมีความคืบหนา แตการหลอหลอมรางกลับเปนสิ่งที่ตองใชความพยายาม
อยางแทจริง ไมเพียงแคขั้นตอนจะมีความยากลำบากนานัปการ อีกทั้งขั้นตอนยังแสน
ยาวนานอีกดวย หากไมมีความแนวแนและความอดทนที่เพียงพอ ก็ยากที่จะทำให
สำเร็จได
การหลอหลอมรางดวยพลังธาตุทองนี้ ภายในอูสิงเทียนไดมีการโตเถียงกันมาโดย
ตลอด มีผูใชพลังธาตุมากมายคิดวา แมมนุษยจะฝกฝนรางกายสักเพียงใด ก็ไมอาจ
เทียบไดกับอสูรแดนราง ดังนั้นการหลอหลอมรางดวยพลังธาตุที่จริงแลวก็เปนการ
สนใจเรื่องไรสาระและละเลยสิ่งสำคัญไป ยิ่งไปกวานั้นเมื่อระดับพลังสูงขึ้น พลังใน
การตอสูที่ไดจากพลังธาตุนั้นก็จะเหนือกวาพลังการตอสูที่รางกายมากมายนัก
ที่จริงแลวก็เปนเชนนี้ การเปดตำหนักของพลังธาตุทุกๆ หนึ่งตำหนัก ลวนมีความ
ยอดเยี่ยมตางๆ พลังในการตอสูก็กาวหนาขึ้นอยางรวดเร็ว แตการยกระดับของการ
หลอหลอมราง กลับไมมีผลโดยตรงกับพลังในการตอสู
อยางไรก็ตาม รูปแบบการฝกฝนสายหลักยังมีความเกี่ยวพันกับการหลอหลอม
รางอยูระดับหนึ่ง เชื่อกันวา พลังทำลายของพลังธาตุนั้นมากมายกวาของรางกาย
อยางแทจริง แตรางกายที่แข็งแกรง และเฉียบคมจะสามารถใชพลังธาตุไดดียิ่งกวา
นี่เปนอีกทางเลือกของผูใชพลังธาตุทองโดยมาก
แมจะเปนการหลอหลอมรางขั้นแรกอยาง [หนังทองแดง] ก็มักจะเปนนักเรียนที่
เปดไดหกตำหนักไปแลว จึงจะสามารถไปถึงระดับหรือเนื้อหาสวนนี้ได
นักเรียนระดับเริ่มตนมักจะไมเลือกการหลอหลอมราง นอกจากจะไมคุมคาแลว
ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ก็คือพลังธาตุที่ดูดซึมในชวงแรก มักจะมีลักษณะออนโยน ซึ่งยาก
อยางมากที่จะใหผลลัพธในการหลอหลอมราง
แตสำหรับอายฮุยกลับไมไดมีปญหาขอนี้
พลังธาตุทองภายในลมทองคำนั้นแหลมคมหาใดเปรียบ นอกจากจะหลอมรวม
กับเลือดเนื้อของอายฮุยไดแลว พลังธาตุหลังจากที่ทำใหกระจายตัว ก็บริสุทธิ์ยิ่งกวา
พลังธาตุที่นักเรียนใหมทั่วไปดูดซึม ดังนั้นถึงแมวาพลังธาตุที่อายฮุยกลั่นออกมาไดจะ
มีจำนวนนอย แตมีความบริสุทธิ์เปนอยางมาก
โดยเฉพาะการฝกในครั้งนี้มีเคกบำรุงกระดูกโลหิตของโหลวหลานดวยแลว ยิ่ง
เปนเหมือนกับเสือติดปก ความกาวหนาของอายฮุยกาวกระโดดอยางรวดเร็วอยางยิ่ง
โดยเฉพาะการหลอหลอมรางดวยพลังธาตุทอง
ผลลัพธของเคกบำรุงกระดูกโลหิตของโหลวหลานดีเสียจนอายฮุยจะรองไห มัน
ไมเพียงรักษาบาดแผลภายในไดเทานั้น แตยังมีสวนชวยในการหลอหลอมรางอยาง
ชัดเจน บวกกับการที่อายฮุยยังไมไดเปดคลังชีวิต การกระตุนของพลังธาตุที่มีตอเลือด
เนื้อยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
อายฮุยนั้นรับรูถึงการเปลี่ยนแปลงในรางกายของตน พลังของเขานั้นเพิ่มขึ้นอยาง
ชัดเจนที่สุด หากวาไดพบกับผูใช [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] ที่เจอที่การแขงปด
ตาตอสูครั้งกอนผูนั้น เขาก็จะไมใชไมแข็งตอบโตกับอีกฝายจนตัวเองสะบักสะบอม
เชนนั้น
หากวาเขาฝก [หนังทองแดง] ไดสำเร็จ เชนนั้นเขาก็จะสามารถตอบโตลูกเตะของ
ฝายนั้นไดอยางเต็มกำลัง สวนผลลัพธสุดทายนั้ น ก็ตองดูวาความอดทนของเขา
มากกวา หรือวาพลังธาตุของอีกฝายจะมีมากกวา
การประมือในครั้งกอนถึงแมจะเปนเวลาที่สั้นมาก อีกทั้งยังอยูในสภาพทุลักทุเล
เต็มที แตกลับมีผลประโยชนแกอายฮุย ผลประโยชนนี้ไมใชความกาวหนาของระดับ
พลัง แตเปนความกาวหนาในดานการเปดโลกทัศนและความมั่นใจ
วิชาลับขั้นสูงนั้นชวยใหเขามีแรงจูงใจเปนอยางมาก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไมเขาใจ
วา [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] ของอีกฝายสรุปแลวมีหลักการอยางไรกันแน ชางนา
ประหลาดอยางหาใดเปรียบ เมื่อกอนตอนอยูในแดนรางเขาไดเห็นความแข็งแกรงของ
พวกผูใชพลังธาตุที่ยิ่งใหญเหลานั้น ถึงแมวาทั้งหมดลวนแข็งแกรง แตเขาก็ยังรูวา
แข็งแกรงที่จุดใด แตวาความลึกลับเปนปริศนาของวิชาลับขั้นสูงนั้นอยูเหนือกวา
ความรูอันตื้นเขินของเขา
หากคูตอสูของเขามีประสบกาณมากกวานี้ ก็คงจะจัดการเขาไดตั้งแตแรกแลว
เขากับโหลวหลานไมมีโอกาสชนะไดแมแตนอย
แตวาการตอสูในครั้งนี้ ก็ใหความมั่นใจแกเขาเชนกัน ดวยวาขายังไมไดเปดคลัง
ชีวิต จึงถือวาออนกวาคูตอสู แตก็ยังสามารถยื้อเอาไวดวยตนเองไดนานขนาดนั้น
และยังสามารถพลิกกลับมาเอาชนะไดภายใตการชวยเหลือของโหลวหลาน แคนี้ก็
เพียงพอที่จะภาคภูมิใจแลว
เขาไมไดออนแอเชนที่คิดไวตอนแรก
การหลอหลอมรางเปนเรื่องนายินดีที่คาดไมถึง แตอายฮุยก็ไมไดลืมที่จะไลตาม
พลังธาตุ นั่นตางหากถึงจะเปนเปาหมายที่ตนมายังสนามเหนี่ยวนำ
เวลาคอยๆ ไหลผานไป พลังธาตุภายในตัวของอายฮุยก็คอยๆ ใหญขึ้น ประกาย
แสงโลหะที่ผิวของอายฮุยก็เขมขึ้นเรื่อยๆ รอยบุมที่กำแพงเจดียก็คอยๆ ลึกลงไป ทุกๆ
วันลวนมีแตความกาวหนา
เขาเพียรฝกฝนก็จนลืมตัว ไมรูวาเวลาผานไปนานเพียงใด
ผมของเขายุงเหยิง ทั่วรางมอมแมม มีกลิ่นเหม็นกระจายออกมา เคกบำรุงกระดูก
โลหิตกินหมดไปแลว แตอายฮุยก็ยังไมไดกลับเมือง เขามีลางสังหรณอยางหนึ่งผุด
ขึ้นมาวาตนนั้นใกลจะทะลวงคลังชีวิตไดแลว
ตูม ตูม ตูม!
[มัจฉาสะบัดกาย] ยังคงโจมตีใสกำแพงเจดียอยางไมหยุดพักเชนเคย เสียงการ
กระแทกอยางรุนแรงระหวางกำแพงเหล็กและกลามเนื้อดังขึ้นราวกับเสียงระเบิด
เม็ดเหงื่อถูกแรงสั่นสะเทือนจนกระจายออกเปนหมอกน้ำที่เล็กละเอียด ประดุจ
อาวุธที่เปนเสนๆ อยูรอบตัวของอายฮุย กระเพื่อมไปตามแรงของการโจมตี
ในตอนที่พลังธาตุทองสวนสุดทายกระจายออก อายฮุยก็นั่งลงขัดสมาธิเหมือน
อยางเคย
เมื่อเริ่มเคลื่อนพลังธาตุที่อยูในตัว เขาก็รับรูไดวามีบางอยางแตกตางไปจากทุกที
ปกติแลวพลังธาตุในรางที่กลั่นตัวแลว จะทำการเคลื่อนพลังไดอยางราบรื่น เปนไป
ดั่งใจนึก
แตในวันนี้เมื่อทำการเคลื่อนพลังธาตุในกายแลว กลับกลายเปนเหมือนมีมานับ
หมื่นตัววิ่งพลาน มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น มีหลายสวนที่คลุมเครือและตานการ
ควบคุม
อายฮุยรับรูขึ้นไดในทันทีวาเวลาของการทะลวงคลังชีวิตนั้นไดมาถึงแลว
พลังธาตุที่อยูในรางไดมาถึงขีดจำกัดของกลามเนื้อที่จะสามารถรับไวแลว เสมือน
น้ำที่เออลนบอน้ำ แคขยับเพียงนิดเดียวก็ยากตอการควบคุม
การทะลวงคลังชีวิตเปนเปาหมายอันดับแรกของอายฮุย เขาเตรียมพรอมอยาง
เต็มที่มาตั้งแตแรกแลว สนามเหนี่ยวนำมีประสบการณดานนี้มากมายอยางถึ งที่สุด
สถานการณรูปแบบตางๆ ลวนเคยไดพบเจอมาทั้งหมด การบรรยายและการวิเคราะห
ในดานนี้นั้นละเอียดและเปนรูปธรรมอยางมาก
เมื่อเตรียมพรอมอยางดีก็จะไมลนลาน สิ่งนี้เปนประสบการณอันล้ำคาของอายฮุย เขา
ใหความสำคัญกับการทะลวงคลังชีวิตอยางมาก จึงขบคิดเรื่องสถานการณที่อาจจะ
เกิดขึ้นไมรูกี่รอบ
นอยคนนักจะฝกพลังธาตุถึงจุดที่เออลนเชนนี้แลวจึงทำการทะลวงคลังชีวิต โดย
เนื้อแทแลวพลังธาตุที่สามารถเก็บอยูในเลือดเนื้อนั้นนอยกวาคลังชีวิตจนนาสงสาร
ถือวากินแรงไมนอย
แตมีนอยก็ใชวาจะไมมีเลย
ในประวัติศาสตรก็ยังมีคนบางสวนที่ทำได บางเพราะเหตุบังเอิญ บางเพราะ
ความตั้งใจ ในสถานการณเชนนี้ก็มีการบรรยายเอาไวอยางชัดเจนมากเชนกัน
ในตอนนี้เขาไมลนลานแมแตนอย เขาจิตใจสงบ แนวแน ไมวอกแวก
เขาครองสมาธิตั้งมั่น คอยๆ ขับเคลื่อนพลังธาตุที่อยูภายในกาย ดวยวาพลังธาตุ
อยูในสภาวะเออลน จุดสำคัญของการขับเคลื่อนคือจะตองชา
การขับเคลื่อนพลังอยางชาๆ คอยๆ เพิ่มความเร็ว พลังธาตุจึงจะไมสูญเสียการ
ควบคุมไป
รางกายของอายฮุยโดยรอบเพิ่มแสงสีเงินจางๆ ขึ้นมาชั้นหนึ่ง นั่นเปนสภาพที่
เกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนพลังธาตุที่เออลนในเลือดเนื้อ นี่หมายถึงพลังธาตุกระจาย
ตัวออกมา ซึ่งไมใชเรื่องที่ดีเลย
พลังธาตุในรางของอายฮุยที่คอยๆ เพิ่มความเร็วขึ้น แสงโดยรอบก็คอยๆ จาง
หายไป อายฮุยนิ่งสงบราวกับนอนหลับก็ไมปาน
แตวาภายในรางของอายฮุย กลับเปนสภาพที่แตกตางกันอยางสิ้นเชิง
บทที่ 46 คลังชีวิตทีเ่ ปดออก
ทุกครั้งที่พลังธาตุเคลื่อนผานจุดโจวเทียน ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นสวนหนึ่ง
เมื่อเคลื่อนผานจุดโจวเทียนทั้งหกจุด พลังธาตุที่อยูในรางอายฮุยก็เพิ่มความเร็ว
จนถึงขั้นวิกฤต อายฮุยรูสึกเลยวาหากเพิ่มความเร็วอีกเพียงนิดเดียวก็จะสูญ เสี ย
ความสามารถในการควบคุมพลังธาตุไป
ในตอนนี้ภายในรางกายของอายฮุยราวกับเปนเจดียเสวียนจินที่มีสายลมอันบา
คลั่งพัดคำรามอยูภายใน เสียงการเคลื่อนตัวของพลังธาตุดังสนั่นกึกกองไปทั่วบริเวณ
เปนครั้งแรกที่อายฮุยรูสึกวาการเคลื่อนพลังธาตุสามารถใหผลลัพธที่นาตกตะลึงไดถึง
เพียงนี้ หากไมใชวาเขาไดอานพวกการบรรยายกรณีคลายกันนี้มาแตแรก ในตอนนี้
เกรงวาคงจะตกตะลึงลนลานจนทำอะไรไมถูกไปแลว
อายฮุยนั้นสงบนิ่งเปนอยางมาก เขาไดเตรียมพรอมสำหรับสถานการณทั้งหมด
เชนนั้นยังจะมีอะไรใหตองลนลานอีก
พลังธาตุที่เพิ่มความเร็วขึ้นจนถึงขีดสุดสงเสียงดังสนั่นจนกลามเนื้อของอายฮุย
ถึงกับสั่นฟะฟนอยางไมรูตัว ในระหวางที่กลามเนื้อกำลังสั่นอยางรุนแรงนั่นเอง พลัง
ธาตุก็เปนดังน้ำทวมใหญที่ซัดซาดทะลวงเขาสูบริเวณปอดของอายฮุย
เมื่อแรกนั้น หากพลังธาตุเคลื ่อ นตัวมาถึ งจุดนี ้มักจะพบกับ การขวางกั้นที ่ ไ ร
รูปลักษณชั้นหนึ่ง ซึ่งเปนเหมือนกับกระดาษบางๆ กั้นอยู ในชวงเสี้ยววินาทีก็ไดแตก
ออกเปนเสี่ยงๆ
รางกายของอายฮุยสั่นไหวครั้งหนึ่ง บริเวณปอดของเขาก็ปลดปลอยประกายแสง
สีเงินเจิดจาผา นรางกายออกมา อ า ยฮุ ยที่ น ั่ งอยู  ท ามกลางความมื ดของรัตติกาล
มองเห็นปอดที่เปนสีเงินยวงไดอยางชัดเจน
อายฮุยอดไมไดที่จะสูดลมหายใจเขาไปหนึ่งที ทำใหไดยินเสียงสูดลมหายใจยาวๆ
คลายวามีเสียงขวานโลหะอยูแววๆ กระแสอากาศที่เชี่ยวกรากจนมองเห็นไดอยาง
ชัดเจนสายหนึ่ง เปนเหมือนปลาวาฬดูดสายน้ำเขาไป มวลอากาศนั้นไหลเขาไปใน
จมูกของอายฮุย แลวก็เขาไปยังบริเวณปอดของเขาอยางรวดเร็ว
สิ่งนี้ก็คือเสียงแรกของการเปดคลังชีวิต ที่จริงก็คือเวลาเปดคลังชีวิตบริเวณปอด
จะทำใหเกิดแรงดูดแรงหนึ่ง ซึ่งเปนตัวกำเนิดเสียงนั่นเอง
อายฮุยสัมผัสไดวาทั่วทั้งรางมีความรูสึกสบายอยางบอกไมถูก ประหนึ่งถูกฉีดพลัง
ชีวิตใหมเขามาทั้งหมด ความเหนื่อยลาลวนอันตรธานไปจนสิ้น และพลังธาตุที่แตเดิม
บาคลั่งไดสงบลงมาในทันที มันเปลี่ยนมาเปนออนโยนอยางที่มาเคยเปนมากอน
เขาไมสามารถอดกลั้นความปติยินดีที่ฉายชัดบนใบหนาได ถึงแมวาเขาจะได
คนพบเสนทางที่เปนของตนหลังจากเริ่มลองมาฝกฝนที่เจดียเสวียนจิน จนมั่นใจอยาง
มากวาจะสามารถเปดประตูคลังชีวติ ได แตวาในตอนที่มันสำเร็จเปนจริงขึ้นมา กลับ
ไมสามารถอดกลั้นความปติยินดีไวได
เปาหมายแรกที่เขาเขามายังสนามเหนี่ยวนำไดสำเร็จเปนจริงขึ้นมาแลว!
เขาถึงกับตกใจเล็กนอย ยังรูสึกไมอยากเชื่ออยูเลย
เร็วกวาเวลาที่ตนคาดไวในตอนแรกมากนัก
ความกดดันที่เขาไดรับตั้งแตเขามาในสนามเหนี่ยวนำลดลงไปอยางมากในทันที
อยางนอยที่สุดก็ไมตองกังวลเรื่องการเปดคลังชีวิตไมไดภายในเวลาหนึ่งป
อายฮุยที่มีนิสัยเปนผูใหญมานานแลว คอยๆ สงบลงจากความยินดีอันเปยมลน
การเปดคลังชีวิตเปนเพียงแคกาวแรกเทานั้น เสนทางไปสูการไดเปนผูใชพลังธาตุที่
ไดรับการบันทึกชื่อเอาไวยังอีกยาวไกล
นัยนตาของอายฮุยเปลี่ยนกลับมาลึกล้ำอีกครั้ง เขากวาดสายตาสำรวจรางกาย
ของตน ผานไปสักพัก ใบหนาก็ยังคงอดไมไดที่จะเผยถึงความปติโสมนัส
หลังจากที่คลังชีวิตไดเปดออก ผลลัพธชางแตกตางเสียจริง
ความกาวหนาที่ชัดเจนที่สุด คือความเร็วในการเคลื่อนพลังธาตุเพิ่มขึ้นอยาง
มหาศาล อายฮุยลองประมาณดูแลว ความเร็วดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเปนเทาตัว สิ่งนี้ก็
หมายความวา การเคลื่อ นผา นจุดโจวเที ย นแบบเดี ย วกั น จะใช เวลาลดลงไปถึ ง
ครึ่งหนึ่ง ประสิทธิภาพในการกลั่นพลังธาตุก็กาวหนาขึ้นเปนเทาตัว
เมื่อไดรูในตอนนี้ ในที่สุดอายฮุยก็ เขา ใจวา ทำไมนัก เรีย นระดับ เริ่ มตนจึ ง ไม
ยินยอมที่จะฝกพลังธาตุจนถึงระดับที่เออลนแลวถึงคอยทะลวงประตูคลังชีวิต
หลังจากที่ไดทำการเปดคลังชีวิตไปแลว ประสิทธิภาพในการฝกเรียกไดวาตางกัน
ราวฟากับเหว
โดยเฉพาะอยางยิ่ง ความกาวหนาของความเร็วในการเคลื่อนพลังธาตุ มันก็ทำให
ความกาวหนาของพลังในการตอสูเองก็เพิ่มขึ้นอยางมหาศาล นั่นจึงหมายความวา
เวลาในการใชพลังธาตุลดลงถึงเทาตัว ก็หมายความวาพลังธาตุจะปลดปลอยออกมา
อยางรุนแรงเพิ่มขึ้นถึงเทาตัว
ความภาคภูมิใจของอายฮุยในสมัยกอนไดสลายหายไปในทันที
ประสบการณในการตอสูของเขาและประสาทสัมผัสทั้งหกที่เฉียบคมไดชวยเหลือ
เขาในการตอสูอยางมาก แตวาตอหนาความแข็งแกรงอยางที่สุด สิ่งเหลานั้นลวนไมได
มีคาอะไร
เมื่อเปดคลังชีวิตแลวความกาวหนายังมหาศาลถึงเพียงนี้ เชนนั้นการเปดแตละ
ตำหนัก ความแข็งแกรงก็จะมีแตกาวกระโดดขึ้นไป แลวหากเปดไดแปดตำหนัก ละ
ความเร็วในการเคลื่อนพลังธาตุจะไปถึงจุดที่นาหวาดกลัวถึงเพียงใดกัน
เหมือนกับหมัดที่หยุดนิ่งจะไมมีพลังในการสังหารทำรายใดๆ พลังธาตุที่หยุดนิ่ง
เองก็ไมมีพลังในการสังหารทำรายใดๆ เชนกัน
พลังธาตุตองอยูในสภาพเคลื่อนไหวเทานั้น จึงจะสามารถแสดงประโยชนออกมาได
อายฮุยที่เต็มไปดวยประสบการณในการตอสู สามารถเขาใจในจุดนี้ไดไมยาก
การลงมือของคูตอสูที่รวดเร็วปานสายฟา ผลลัพธของการฝกของอีกฝายนั้น
แข็งแกรงกวาตนนับสิบนับรอยเทา ความตางที่มากถึงเพียงนี้ เพียงประสบการณอยาง
เดียวคงไมพอที่จะอุดชองวางนี้ได
อายฮุยที่กลับมาสงบลงแลว ไดเดินมายังหนาผนังเจดีย เขาสูดลมหายใจเขาลึกๆ
เอาแผนหลังกระแทกเขาหาเจดียเสวียนจินอยางแรง ในชวงวินาทีที่ไดสัมผัสกั บตัว
ผนัง แผนหลังของเขานั้นสั่นสะเทือน
[มัจฉาสะบัดกาย]!
ตูม!
เสียงระเบิดที่ดังกังวานยิ่งกวาทุกที ผนังเจดียที่แข็งแกรงยิ่งกวาเหล็กกลาเปนดั่ง
ดินน้ำมัน มันยุบลงไปในทันที รอยบุมเปนแองปรากฏขึ้นบนผนังเจดีย มองเห็นได
อยางชัดเจน
ดานขางก็คือรอยบุมตื้นๆ ที่เหลือทิ้งเอาไวจากการฝก [มัจฉาสะบัดกาย] ครั้ง
กอน เมื่อลองเอามาเทียบกันดู ก็จะเห็นความแตกตางอยางชัดเจนของทั้งสอง
[มัจฉาสะบัดกาย] ที่เมื่อกอนตนฝกฝนมาอยางยาวนานถึงเพียงนั้นทิ้งรอยบุม
เอาไวลึกเพียงครึ่งหนึ่งของรอยบุมเมื่อครูเทานั้น
ระดับที่สูงขึ้น ชางมีผลลัพธที่ไมธรรมดาเสียจริง
ในใจของอายฮุยเต็มไปดวยความปติยินดี การมาสนามเหนี่ยวนำในครั้งนี้ถือเปน
การตัดสินใจที่ถูกตอง
อายฮุยพออกพอใจเปนอยางมาก เขาไมไดอยูฝกตอ แตเปนเตรียมตัวที่จะกลับ
เมืองแทน
เขาตองการเวลาที่จะปรับตัวเขากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหมนี้ และก็ตองการ
เวลาเติมเต็มความรูใหม เนื้อหาของวิชาพื้นฐานในครั้งกอน ลวนวนรอบอยูกับเรื่อง
การทะลวงคลังชีวิต ในตอนนี้เขาไดเขามาสูระดับใหมแลว ความรูในสวนหลังนั้นเขา
แทบจะไมมีเลยทีเดียว
การฝ ก ฝนอย า งใจร อ นไม ลื ม หูล ื ม ตา รั ง แต จ ะไปกั ้ น ขวางความก า วหน า สู
ความสำเร็จเสียเปลาๆ
หากไมไดผานการคิดวิเคราะหและการคนควา ไมไดมาที่เจดียเสวียนจิน การฝก
ของเขาไมมีทางที่จะราบรื่นเชนนี้ การฝกก็เปนเหมือนกับการตอสูที่ยาวนาน การจะ
สำเร็จไดนั้นยอมตองมีการเตรียมพรอมเปนอยางดี
ดังนั้นอายฮุยจำเปนตองเขาเรียนแลว
นอกเหนือจากเรื่องนี้ อายฮุยก็ไมไดลืมเรื่องการหาคนของสาวนอยรานบะหมี่ จะ
ทำไมรูไมชี้มองขามหนาที่จากเงินแปดสิบลานหยวนไมได
หากจะหาสถานที่ฝกที่สามารถฝกไดเปนเวลานาน เจดียเสวียนจินคือตัวเลือกที่ดี
ที่สุด เพราะสามารถฝกพลังธาตุได สามารถหลอหลอมรางได และยังสามารถฝก
[มัจฉาสะบัดกาย] ไดอีก สถานที่ที่ดีเชนนี้จะไปหาที่ไหนไดอีก
ตอนที่อายฮุยกลับมาถึงโรงฝกศาสตราวุธก็เปนเวลากลางคืนแลว
เมื่อ โหลวหลานเห็นอายฮุย ประโยคแรกที ่ เขาพู ดก็ คือ “อ า ยฮุ ย เจ า ต อ งไป
อาบน้ำแลวนะ”
เมื่อโหลวหลานกลาวเตือนเชนนี้ อายฮุยถึงไดสังเกตเห็นวาบนรางของตนนั้น
สกปรกมากเพียงใด จึงไดรีบวิ่งไปอาบน้ำเสียใหเรียบรอย
หลังจากอาบน้ำอยางแสนสบายเสร็จ อายฮุยก็รูสึกวาตนนั้นราวกับเปนคนใหม
ลองลอยราวเทพเซียน เขานอนพิงเกาอี้หวายอยางขี้เกียจ ระหวางการฝกฝนอยาง
ตอเนื่อง อายฮุยมีแตความใจจดใจจอจนลืมสิ่งอื่นไปเลย ในตอนนั้นไมไดมีความรูสึก
ใดๆ เลยแมแตนอย ความเหน็ดเหนื่อยในภายหลังที่ซอนอยูราวกับเปนเชื้อโรคที่แพร
ออกมา
อายฮุยกำลังนอนพิงอยูบนเกาอี้หวาย ขี้เกียจแมแตจะขยับนิ้ว แมแตเสียงที่พูด
ออกมาก็ราวกับเปนเสียงหมูรองอูดๆ “โหลวหลาน ขอบคุณเคกบำรุงกระดูกโลหิต
ของเจา ชางชวยไดมากเลยจริงๆ!”
“จริงเหรอ ชวยเหลืออายฮุยไดโหลวหลานก็ดีใจมากแลว” แสงสีเหลืองในดวงตา
ของโหลวหลานวูบไหว “ยินดีกับอายฮุยดวย เปดคลังชีวิตแลว มีความกาวหนาอยาง
มากเลยนะ”
“อยาชมเร็วเกินไปเลย แมแ ตสาวนอยร านบะหมี ่ข ายั งสู ไมได” อ า ยฮุยเปน
เหมือนกับหมูที่ตายแลวไมยอมขยับแมแตนอย หลับตาอยูอยางนั้น “เจาตนขาวสาร
อะไรนั่นมีการเคลื่อนไหวหรือไม”
“ไมมี” โหลวหลานตอบ
“หนึ่งเดือนแลวยังไมมีขาวเลย ฮา หากจะใหดีก็ใหนางลืมเรื่องเงินแปดสิบลาน
หยวนนั่นไปเสีย” อายฮุยกำลังคิดเพอเจออยู
โหลวหลานพูดขึ้นตามตรง “คาดวาจะเปนไปไดยากนะอายฮุย”
“เชนนั้นก็อยาเพิ่งไปสนใจนาง พรุงนี้ตองไปเรียนกอนแลว แลวคอยไปดูการแขงปด
ตาตอสูที่โรงฝกเพื่อชวยนางตามหาคน เฮอ ชีวิตชางเต็มไปดวยเรื่องที่มีสาระทั้งนั้น!”
ปากของอายฮุยยังพึมพำกับตัวเองอยู หนังตายิ่งหนักขึ้นทุกทีๆ และทายที่สุดจึง
ไดเขาสูหวงนิทรา
โหลวหลานมองอายฮุยที่กำลังหลับอยู จึงไมไดรบกวนเขา แลวจากไปอยางเงียบๆ
บทที่ 47 อาจารยสวี่ทแี่ สนนารัก
เมื่อเปดคลังชีวิตไดแลว ในที่สุดอายฮุยก็ไมไดเปนตัวขวางหูขวางตาในโรงเรียน
อีกตอไปแลว เรื่องนี้เห็นทีตองฉลองกันสักหนอย
กลับหอพักของโรงเรียนไดไมมานาน พอมองดูฝูงชนที่คลาคล่ำแลว อายฮุยถึงกับ
รูสึกราวกับวาอยูกันคนละโลก เขาอดไมไดที่จะหัวเราะขึ้นมา หรือวาเปนเพราะออก
จากแดนรางมานานแลว ตนถึงไดเปลี่ยนเปนคนอารมณออนไหวขึ้นมา
เมื่อลองคิดดูอยางละเอียดแลว เขาเองก็ไดจากแดนรางมาเปนเวลาหลายเดือน
ตนเองนั้นที่จริงก็เปลี่ยนไปมาก
เขาสามารถนอนหลับไดอยางสงบโดยที่ไมตองกอดกระบี่หลับอยูที่มุมปลอดภัย
ยอมใหคนอื่นเขามาใกลตนไดโดยไมไดมีความคิดที่จะกำจัดอีกฝายเพื่อสกัดอันตรายที่
อาจเกิดขึ้นได คุยเรื่องสัพเพเหระกับโหลวหลาน นอนพิงเกาอี้หวายมองดูดวงดาวโดย
ที่ไมเหมือนเมื่อกอนที่ทุกนาทีตองคอยระแวดระวังเตรียมพรอมทามกลางอันตราย
และความไมสงบ
เขาไมรูวาการเปลี่ยนแปลงนี้เปนเรื่องดีหรือเรื่องแย แตวาอยางนอยที่สุดจนถึง
ตอนนี้เขาก็ไมไดปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงนี้
ระหวางทางเขาเห็นอาจารยสวี่ที่ใบหนาเปยมไปดวยความชื่นชมยินดี “ความ
คืบหนาของนักเรียนอายฮุยไมนอยเลยนะ เปดคลังชีวิตไดในเวลาอันสั้นเทานี้ได ชวงนี้
นักเรียนอายฮุยคงใชเวลาไปไมนอยเลย ขอใหพยายามตอไปนะ”
“ขอรับ ทานอาจารย” อายฮุยคำนับดวยความเคารพ
เขาเคารพอาจารยในโรงเรียนทั้งหมดจากกนบึ้งของหัวใจ ในสายตาของเขา การ
ถายทอดความรูเปนเรื่องที่ยิ่งใหญ ในตอนที่อยูแดนราง การจะเรียนอะไรสักอยางเปน
เรื่องที่ยากลำบากเปนอยางมาก เพราะทุกคนที่นั่นลวนมีเรื่องของตน
คนที่จะยอมสละเวลาสวนตัวเพื่อชวยเหลือผูอื่นนั้นมีนอยยิ่งนัก ไมมีผูใดสนใจวา
ใครจะเรียนอะไรได
อาจารยสวี่แตเดิมยังกังวลเรื่องที่อายฮุยไมคอยเขาเรียน แตวาเมื่อดูจากระดับ
ของอายฮุยในตอนนี้ ก็รูไดวาอายฮุยไมไดปลอยเวลาไปโดยเปลาประโยชน จึงไดสั่ง
สอนดวยความจริงใจ “คลังชีวิตไดเปดออกแลว สิ่งที่เจาจะตองเรียนก็มีมากกวา
เมื่อกอนนัก พื้นฐานของเจาแตเดิมก็ออนแอกวาของผูอื่น เพราะฉะนั้นอยางไดผอน
คลายไปเปนอันขาด”
“ขาเขาใจ ทานอาจารย” อายฮุยตอบกลับดวยความขอบคุณ
อาจารยสวี่พยักหนา “เจาเปนเชนนี้ขาก็วางใจแลว ระหวางเพื่อนนักเรียนดวยกัน
ตองเปนมิตรและเปนน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แมเพื่อนนักเรียนบางคนนั้น นิสัยอาจจะดูใจ
รอนไปบาง ทาทีอาจจะแยสักหนอย แตวาจิตใจนั้นยังคงดีงาม เจาสามารถเปดคลัง
ชีวิตไดดวยเวลาอันสั้นเชนนี้ คิดวาคงจะสามารถเขาใจในจุดนี้ได”
ในหัวของอายฮุยเต็มไปดวยความมึนงง อาจารยพูดเชนนี้หมายความวาอยางไร
หมายถึงใหตนพยายามไมไปวูวามกับเพื่อนนักเรียนหรอกหรือ
เขายังคงพยักหนาดวยความเคารพ “ขาจะจดจำไว ทานอาจารย”
อาจารยสวี่นั้นพึงพอใจกับทาทีของอายฮุยอยางมาก เพราะเปนนักเรียนที่ทั้ง
เคารพอาจารยทั้งมานะพากเพียร เชนนี้ยอมเปนนักเรียนที่ดี ประสบการณในการ
สอนนักเรียนของเขานั้นลนเหลือ ไดเห็นนักเรียนมาแลวมากมาย พื้นฐานแยนิดหนอย
ไมไดเปนปญหาอะไร คอยๆ เรียนก็ไดแลว ขอเพียงนิสัยไมไดแย ก็มีโอกาสที่จะ
กาวหนาดวยกันทั้งสิ้น เนื่องจากนักเรียนเชนนี้จะไมหวังพึ่งทางลัด จึงมักมีพื้นฐานที่ดี
ถึงแมการจะกลายมาเปนวีรบุรุษนั้นจะยากแคนแสนเข็ญ แตพวกเขาจะไดเปนกระดูก
สันหลังของอูสิงเทียน
“เมื่อกอน เปนเพราะวาเจายังไมไดเปดคลังชีวิต ขาจึงไมไดพูดถึงเรื่องนี้กับเจา
โรงเรียนมีกิจกรรมอยูมากมาย เจาจะตองเขารวมใหมาก เพื่อเปดหูเปดตา ใหผานไป
อีกสักชวงหนึ่ง พวกเจาก็จะไดออกไปทำภารกิจ ถือเสียวาเปนวิชาภาคปฏิบัติ และนี่ก็
เปนการประเมินผลพวกเจาของทางโรงเรียนดวย” อาจารยสวี่กลาวดวยความอดทน
“นักเรียนก็ตองออกไปทำภารกิจหรือ” อายฮุยคอนขางจะตกตะลึง
อาจารยสวี่เผยรอยยิ้ม “แนนอน พวกเจามาที่สนามเหนี่ยวนำเพื่อเรียนทักษะ
ความสามารถ ลำพังแคเรียนอยางเดียวไมมีการฝกแลวมันจะมีประโยชนอะไร แตก็ไม
ตองกังวลมากเกินไป ภารกิจชวงแรกนั้นงายมาก รอใหกำลังของพวกเจาแข็งแกรงขึ้น
ภารกิจถึงจะเปลี่ยนเปนยากขึ้นมา ในภายหลังพวกเจาจะตองไดพบกับสถานการณที่
ยิ่งอันตรายและซับซอน เพิ่มการฝกฝนเสียหนอยยิ่งเปนเรื่องดี”
“ขาจะพยายาม ทานอาจารย” อายฮุยตอบอยางจริงจัง
เมื่ออาจารยสวี่กำชับเสร็จก็พูดกับอายฮุยวา “ไปเรียนเถอะ”
เมื ่ อ มองเงารา งของอ า ยฮุย ที ่จ ากไป อาจารยส วี่ ก ็ ร ู สึ ก ปลงอนิ จ จั ง อยู  บ  า ง
สถานการณของอายฮุยนั้นถือวาเปนคนที่พิเศษที่สุดในหองคนหนึ่ง แรงงานที่แมแต
คลังชีวิตก็ยังไมไดเปด แตกลับสามารถอยูในแดนรางไดถึงสามปและยังรอดออกมาได
พูดกันตามจริง เขายังไมอาจที่จะจินตนาการไดวาสามปมานี้อายฮุยตองเจอกับอะไร
มาบาง แลวผานมาไดอยางไร
เขานั้นไมชอบและตอตานการประกาศรับแรงงานจากดินแดนเกามาโดยตลอด
แตวาคำพูดของเขานั้นไรน้ำหนัก ไมสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได
แตทวาในตอนที่เขาพบอายฮุยในครั้งแรก ก็มองเห็นถึงความปรารถนาในดวงตา
ของอายฮุย ความปรารถนาในการเรียน สำหรับอาจารยผูหนึ่งแลว ไมมีสิ่งใดที่จะทำ
ใหเขารูสึกหวั่นไหวไดยิ่งไปกวาสิ่งนี้อีกแลว
ดังนั้นเขาถึงไดตั้งใจเรียกหาตวนมูหวงฮุนมาและขอใหชวยเหลืออายฮุย
ในตอนนี้มองดูแลว ตวนมูหวงฮุนทำไดไมเลวเลยทีเดียว รากฐานของอายฮุยนั้น
เขารูอยางชัดเจน ที่อายฮุยเปดคลังชีวิตไดในเวลาอันสั้นขนาดนี้ ไมตองสงสัยเลยวา
จะตองเปนเพราะผลงานของตวนมูหวงฮุนอยางแนนอน
อาจารยสวี่พ ึงพอใจกับการตั ดสิ น ใจครั ้ งนี ้ ข องตนอย า งมาก เขาไม สงสั ย ใน
พรสวรรคและความแข็งแกรงของตวนมูหวงฮุนแมแตนอย ผลการตอสูที่งดงามของ
เมื่อชวงเวลากอนหนานี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายทั้งหมดแลว
เรื่องที่ตวนมูหวงฮุนชวยเหลืออายฮุยนี้แสดงใหเห็นถึงหัวใจที่มีความรับผิดชอบ
และจิตใจที่มีเมตตา ยิ่งทำใหเขารูสึกดีใจ
ทันใดนั้น สายตาของเขาไดสังเกตเห็นตวนมูหวงฮุนที่กำลังเดินมาอยูไมไกลนัก
ตวนมูห วงฮุนเองก็ เหลื อ บเห็น อาจารย สวี ่ จึ งได รี บ โค ง ศี รษะคำนั บ “ท า น
อาจารย!”
“บาดแผลหายดีแลวหรือ” อาจารยสวี่ถามขึ้นดวยความเปนหวง ตามดวยการ
กลาวตำหนิเล็กนอย “นักเรียนตวนมู ภายหลังอยาไดอยากเอาชนะถึงเพียงนี้ ชื่อเสียง
แนนอนวาสำคัญ แตวารางกายนั้นสำคัญเปนที่สุด เจาอายุยังนอย เสนทางในอนาคต
ยังอีกยาวไกล ชื่อเสียงเล็กนอยที่อยูเบื้องหนานี้ อยาไดไปใหความสำคัญกับมันมาก
นัก ดูสิ ครั้งนี้เจาทำเกินตัวจนตองมารักษาบาดแผลถึงหนึ่งเดือนเต็ม ภายหลังเรื่อง
เชนนี้อยาไดทำอีก”
“ทานอาจารยสั่งสอนไดถูกแลว ภายหลังหวงฮุนจะไมทำเรื่องที่บุมบามเชนนี้อีกแลว”
ตวนมูหวงฮุนรีบรอนที่จะกลาวขึ้นดวยความเคารพ ในใจรูสึกไมสงบอยู
“พรสวรรคของเจานั้นไมตองพูดถึง ประสบความสำเร็จตั้งแตอายุยังนอย เรื่อง
การฝกของเจานั้นขาไมกังวลใจเลย แตที่ขากังวลที่สุดก็คือความมีศีลธรรม”
ใบหนาของอาจารยสวี่เต็มไปดวยความเครงขรึม น้ำเสียงที่กลาวมีความเด็ดขาด
“ถึงแมคนเราจะมีพละกำลังแข็งแกรงเพียงไร แตหากไมมีความประพฤติที่ดีแลว
เชนนั้นก็มีเพียงความหายนะ เหมือนอยางชวงกอน ไดยินวามีนักเรียนวิ่งเปลือยอยูที่
ถนนใหญตอหนาสาธารณะชน เกิดเรื่องเชนนี้ขึ้น ชางเปนการลบหลูโรงเรียนซงเจียน
ของพวกเรา ทางโรงเรียนไมพอใจกับเรื่องนี้เปนอยางมาก จะมีการตรวจสอบจนถึง
ที่สุด ไมวาเจาคนคนนี้จะมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญเพียงใด หากวาถูกตรวจสอบพบ จะไมมี
ทางปลอยไปอยางแนนอน! นักเรียนตวนมู ทำไมเจาถึงไดมีเหงื่อออกมากมายเชนนี้”
ในใจตวนมูหวงฮุนยิ่งหวาดกลัววาความจะแตก เขาพยายามฝนยิ้มกลาว “นาจะ
เปนเพราะบาดแผลยังไมหายดีทั้งหมด รางกายขาคอนขางออนแออยู”
อาจารยสวี่กระจางในทันที จึงกลาวอยางเปนหวง “ตองระมัดระวังรางกายให
มาก มีอะไรก็ปรึกษาอาจารยได ไมตองเกรงใจ”
“ขาเขาใจแลว” ตวนมูหวงฮุนอยากจะจากไปแทบใจจะขาด
อาจารยสวี่ยังคงกลาวชมตอ “นักเรียนตวนมูชางมีหัวใจที่มีความรับผิดชอบยิง่ นัก
อาจารยเองก็นึกไมถึงเลยวานักเรียนตวนมูจะสามารถทำไดยอดเยี่ยมเชนนี้ นักเรียน
อา ยฮุย สามารถเปดคลังชีวิตไดในระยะเวลาที ่ สั้ น ขนาดนี้ ความดี ความชอบของ
นักเรียนตวนมูชางยิ่งใหญนัก ในตอนแรกขายังกังวลวานิสัยของพวกเจาจะเขากัน
ไมได ดูทาแลวจะเปนอาจารยที่คิดมากไปเอง พวกเจาก็เขาคูกันมานานถึงเพียงนี้แลว
ดูทาวาจะเขากันไดดีทีเดียว วันนี้มีการแบงกลุมกิจกรรมพอดี พวกเจาทั้งสองคนอยู
กลุมเดียวกันก็แลวกัน ไมมีอะไรแลว ไปเขาเรียนเถอะ”
ในตอนแรกตวนมูหวงฮุนไดฟงแลวในหัวมีแตหมอกควัน ประโยคสุดทายผานไป
นานโขกวาเขาจะตอบสนองกลับมาได
ตนกับ...อายฮุยอยูกลุมเดียวกัน
โอ ไม!
แขนทั้งสองขางของเขากุมขมับ ทั้งใบหนาเต็มไปดวยความตื่นตระหนกหวาดกลัว
มองไปยังเงาแผนหลังของอาจารยที่กำลังเดินจากไป
บทที่ 48 เขาเรียน
หลังจากที่ไดเปดคลังชีวิต อายฮุยก็พบวาประสบการณของตนในสมัยกอนนั้นไม
คอยจะใชไดแลว การเคลื่อนของพลังธาตุนั้นมีความตางกับแตกอนอยางมาก ไมวาจะ
เปนกระบวนทาใดก็แลวแตลวนประกอบขึ้นมาจากรายละเอียดเล็กๆ มากมาย ทุก
รายละเอียดหากไมไดทำใหดีแลว ก็จะทำใหพลังของกระบวนทาถูกลดทอนลงไป การ
จะปลอยพลังออกมาอยางไร การจะเคลื่อนพลังธาตุอยางไร เมื่อไรควรจะเร็ว เวลาใด
ควรจะชา รายละเอียดจำนวนมหาศาลนี้เปนตัวตัดสินวากระบวนทานี้สุดทายแลวจะ
มีพลังมากมายเพียงใด
จากประสบการณที่ผานมาทำใหอายฮุยเปนคนสุขุม
เขาไมไดใชเวลาคิดถึงสิ่งที่มีความลึกซึ้งเกินไป และก็รูสึกวาตนเองก็ไมใชคน
ประเภทนั้น การทดลองฝกที่เจดียเสวียนจินนั้นประสบความสำเร็จอยางมาก แตเขาก็
ไมไดอวดดีเพราะเรื่องนี้ อาจารยตงสอนอยางละเอียดและตัวเขาก็ขัดเกลาตอนอยู
แดนรางมานาน จึงมีการเตรียมความพรอมที่ดี สุดทายถึงไดสามารถบรรลุในเรื่อง
เหลานั้นได
เขารูน้ำหนักของตนเอง และรูวาตนไมไดเปนผูมีพรสวรรคอะไร ความรูสวนใหญ
ของเขาไมไดมาจากการเรียนรูตามแบบแผน
พลังธาตุของสนามเหนี่ยวนำไดมีพัฒนาการมากวาหนึ่งพันป ปรับปรุงขึ้นโดยผูมี
พรสวรรคและผูอาวุโสมากมายขนาดนั้น ยอมตองมีคนที่แกรงกวาเขาเปนแน ที่เขา
สามารถทำไดก็คือยืนหยัด ฝกฝน และตั้งใจเรียนที่อาจารยสอน
อะไรคือการตั้งใจเรียน
นั่นก็คือการทำความเขาใจในทุกๆ รายละเอียดที่อาจารยสอน ทำไมตรงนี้ถึงเร็ว
ทำไมตรงนั้นถึงชา วิเคราะหแยกแยะออกมาทีละสวนๆ ทำความเขาใจใหหมด เมื่อ
สามารถทำไดแลวจึงจะเรียกวาตั้งใจเรียน
เมื่อเปดคลังชีวิตไดแลว ระเบิดเวลาของการถูกไลออกจากโรงเรียนก็ไมใชเรื่องที่
ตองกังวลอีกตอไปแลว ตอนนี้เขามีเวลาถึงสี่ปในการคอยๆ เรียนรูไปโดยที่ไมตองรีบ
รอน ตราบในที่เขาขยันหมั่นเพียรเรียนอยางสงบตลอดสี่ป ก็คงจะไดเปนหนึ่งในผูใช
พลังธาตุที่มีชื่อบันทึกไวในทะเบียนเขาสักวัน
เขาไมไดมีความมั่นใจมาก แตวาสิ่งนี้ก็คือเปาหมายที่เขาจะพยายามไปใหถึง
คงเพราะไดเห็นความเปนความตายมาหลายครั้งแลว อายฮุยจึงใชชีวิตอยาง
เขาใจมากขึ้น
เขาเคยเห็นความออนแอของชีวิตที่ปดกั้นความคิดจากความทะเยอทะยานและ
การทำตามความฝน
ระหวางอาจารยกำลังอธิบายเรื่องวิชาการฝกขั้นพื้นฐานอยูด านบน อายฮุยก็ตั้งใจ
ฟงอยางละเอียด ในหองมีคนนั่งอยูเพียงครึ่งหนึ่ง ที่นั่งอื่นๆ วางเปลาไมมีคน นักเรียน
ในหองสวนใหญคือพวกที่มาจากดินแดนเกา ดวยความที่วิชานี้เปนวิชาพื้นฐานมาก จึง
มีเนื้อหาไมมากที่นักเรียนจากอูสิงเทียนยังไมเคยเรียน
โรงเรียนซงเจียนใหนักเรียนเลือกวิชาเรียนดวยตนเอง เนื่องจากแตละคนนั้ นมี
พื้นฐานแตกตางกัน ดังนั้นจึงตองการรับการชี้แนะสั่งสอนที่ไมเหมือนกัน เหมือน
อยางตวนมูหวงฮุนที่เปนผูมีพรสวรรคเชนนั้น จะทิ้งหางนักเรียนคนอื่นๆ อยางไมเห็น
ฝุน วิชาเรียนทั่วไปจึงไมมีความหมายใดๆ กับเขา ทางโรงเรียนซงเจียนไดคำนึงถึง
สถานการณเชนนี้ จึงไดตั้งใจจัดอาจารยที่โดดเดนที่สุดเพื่อมาชี้แนะการฝกของเขา
และนอกหองเรียนก็ยังมีกลุมผูมีพรสวรรคคอยชวยเหลือเขา
แตไหนแตไรมาอายฮุยไมเคยคิดวาตนเองเปนผูมีพรสวรรค แตก็ไมเคยรูสึกวาตวนมู
หวงฮุนเปนผูมีพรสวรรคเชนกัน เจานั่นมันเปนแคเด็กนอยนิสัยเสียที่นารังเกียจ!
อายฮุยนั้นกำลังซึมซับสิ่งที่อาจารยสอนทั้งหมดอยางละโมบ
สิ่งที่อาจารยแซหวังสอนเปนเรื่องพื้นฐาน เชนหลังจากที่เปดคลังชีวิตแลวการฝก
จะตองใหความสนใจกับเรื่องอะไร มีกระบวนทาใดที่สามารถเรียนได และสามารถ
เรียนกระบวนทาเหลานี้ไดกับอาจารยทานใด
ทุกๆ ดานของอูสิงเทียนลวนแลวแตมีความเกี่ยวของกับพลังธาตุ อายฮุยไดยิน
อาจารยพูดถึงการสรางระบบที่สมบูรณยิ่งกวาระบบหาธาตุมากกวาหนึ่งครั้งแลว
ระบบจะตองมีความสมบูรณอยางมากจึงจะสามารถไปถึงระดับเดียวกับโลกในยุค
บำเพ็ญตนที่รุงเรืองเฟองฟูนับลานปได
การที่อาจารยพูดยกยองโลกแหงการบำเพ็ญตนนั้นทำใหอายฮุยรูสึกประหลาด
อยางมาก แตวาพอไดฟงไปสักพักจึงคอยๆ เขาใจขึ้นมา อูสิงเทียนนั้นสรางขึ้นจาก
ซากปรักหักพังของโลกแหงการบำเพ็ญตน อีกนัยหนึ่งก็คือ สองฝายมีตนกำเนิดมา
จากแหลงเดียวกัน ทวาหากเทียบกับโลกแหงการบำเพ็ญตนที่มีประวัติศาสตรอัน
ยาวนานและมีความรุงเรืองกับอูสิงเทียนที่อยูมาเพียงหนึ่งพันป อูสิงเทียนยังไมเปน
แมแตเด็กทารกดวยซ้ำ
เมื่ออาจารยพูดถึงการฝกพลังธาตุที่ไดแพรกระจายไปถึงดินแดนเกา อายฮุยก็มี
ความรูสึกเขาใจโดยตรงมากยิ่งขึ้น
สมัยกอนที่ยังไมไดเขาไปในแดนราง เขาใชชีวิตอยูที่ดินแดนเกามาโดยตลอด
เทียบกันแลวกับอูสิงเทียน ดินแดนเกาก็เหมือนกับเปนโลกอีกใบหนึ่ง แตเดิมที่เคย
เปนจุดศูนยกลางของโลกแหงการบำเพ็ญตน ปจจุบันกลับลาหลังราวกับชนบท
การใชชีวิตในดินแดนเกามีความเชื่องชาและสงบสุขอยางมาก ภายใตการปกปอง
ของอูสิงเทียน ที่นั่นไมมีทั้งอสูรแดนรางและชนเผาแดนรางมารบกวน
ดินแดนเกาไมใชที่ที่เหมาะแกการฝกฝน ความเขมขนของพลังธาตุที่นั่นต่ำมาก
การไมมีอสูรแดนรางก็เปนการขาดแคลนวัตถุดิบในการฝกฝน และก็ไมมีอาจารยคอย
ชี้แนะ บรรยากาศในการฝกฝนนั้นจืดชืดอยางมากมาโดยตลอด
ชวงหลายปมานี้ยังดี มีผูใชพลังธาตุมากมายที่เกิดจากดินแดนเกา เมื่ออายุมาก
แลวก็กลับมายังบานเกิดของตน ไปเปดโรงฝกเพื่อชี้แนะสั่งสอนคนในพื้นที่เกี่ยวกับ
การฝกฝนพลังธาตุ
อาจารยที่อยูดานบนยังคงพูดไมหยุด บางครั้งก็วิจารณการโจมตีนโยบายบางสวน
ของอูสิงเทียนนิดหนอย
อายฮุยพบวาเหลาอาจารยของสนามเหนี่ยวนำเหมือนจะมีความชอบของตนเอง
เหมือนกับอาจารยตงที่ชอบเลาถึงประวัติศาสตรของอูสิงเทียน อาจารยหวังที่อยูเบื้อง
หนาก็ชอบพูดถึงอนาคต คิดดูแลวนาจะอยูเหนือความเกี่ยวของกับสถานะในสนาม
เหนี่ยวนำ ไมวาจะเปนตระกูลใหญ หรือจะเปนสิบสามหนวย ลวนยากที่จะสงผล
กระทบตอสนามเหนี่ยวนำได
อ า ยฮุ ย ไม ร ู  ส ึ ก เบื ่ อ หน า ยกั บ เนื ้อ หาเหล า นี ้ อี ก ทั ้ ง ยั ง ฟ ง อย า งสนอกสนใจ
ประวัติศาสตรก็ดี อนาคตก็ดี ลวนเปนสิ่งที่เขาไมเคยรูมากอนทั้งสิ้น ไดลองฟงก็เปน
การเปดมุมมองใหมแกตน
“หากวาทุกคนเพิ่งจะเปดคลังชีวิต ขาไมแนะนำใหเรงฝกกระบวนทาใหมๆ เร็ว
นัก เพราะอะไรนะเหรอ นั่นก็เพราะวากระบวนทาเหลานั้นสามารถจำกัดความเขาใจ
ของทุกคนที่มีตอพลังธาตุไดอยางงายดาย ความเขาใจเกี่ยวกับพลังธาตุของพวกเรา
นั้นตื้นเขินนัก มีบางคนที่เห็นตาง และเชื่อวาหาคลังแปดตำหนักนั้นสมบูรณและสุก
งอมมากแลว แตทุกคนตองรูไว การพัฒนาของพลังธาตุจนถึงปจจุบันเพิ่งจะแคหนึ่ง
พันป เมื่อลองมองโลกแหงการบำเพ็ญตน จะเห็นวาระบบของการบำเพ็ญตนนั้นชาง
กวางขวางและยิ่งใหญ อีกทั้งยังละเอียดประณีตมากมายเชนนั้น เมื่อเทียบกันแลวหา
คลังแปดตำหนักของพวกเราชางแสนจะเปราะบางและหยาบกระดางมากนัก ดังนั้น
ในตอนนี้ทุกคนควรจะทำความคุนเคยกับพลังธาตุของตน เขาใจมัน ก็เหมือนกับการ
เขาใจคูหูของเจา”
แตเห็นไดชัดเจนอยูแลววานักเรียนนั้นไมไดสนใจความเห็นนี้เลยแมแตนอย
การเรียนการสอนในสนามเหนี่ยวนำนั้นอิสระเปนอยางมาก โดยเฉพาะขอจำกัด
ที่เหลาอาจารยไดรับมีนอยมาก อาจารยแตละทานเพียงแคทำงานของตนใหสำเร็จ
ทางโรงเรียนจะไมเขาไปกาวกายเรื่องของแตละคน
บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและอิสระ ทำใหสนามเหนี่ยวนำกลายเปนสถานที่ที่มี
สำนักและทฤษฏีมากที่สุดในอูสิงเทียน มีคำพูดที่วาสนามเหนี่ยวนำมีอาจารยอยูมาก
เทาใดก็มีสำนักและทฤษฎีมากมายเทานั้น
นักเรียนทั้งหลายไดมอง “ผลงานสวนตัว” ของอาจารยแตละทานเปนภูมิคุมกันที่
คุนเคยไปตั้งนานแลว ไมใชวาทฤษฏีขออาจารยทุกทานจะเปนที่สนใจของนักเรียน
อาจารยเองก็เคยชินกับการตอบสนองของนักเรียนที่อยูเบื้องหนามานานแลว
สำหรับนักเรียนระดับเริ่มตนแลว กระบวนทาที่ดูงดงามสะดุดตาพวกนั้น มีแ รง
ดึงดูดอยางหาใดเปรียบ ในสายตาของพวกเขาแลว สิ่งนั้นคือสัญลักษณของความ
แข็งแกรง ตัวของอาจารยเองก็เคยผานชวงวัยหนุมมากอนจึงคุนเคยกับความคิดเชนนี้
“เอาเถิด เอาเถิด ขารูวาพวกเจาอยากจะรูอะไร ไมวากระบวนทาจะงายสัก
เพียงใด ทุกคนก็ตองใสใจธาตุของตน อยาไดฝกมั่วๆ ถึงจะเปนกระบวนทาที่งายดาย
ทุกคนก็จะตองใชความคิดใหมากหนอย”
อาจารยมองเห็นนักเรียนที่ไมมีความอดทนจะรอมาตั้งแตแรกแลว จึงไดประกาศ
เลิกเรียนไป
เขาเองก็รูสึกจำใจอยูบาง ทฤษฏีของตนดูเหมือนวาตั้งแตเริ่มตนก็ไมมีคนสนใจแลว
ถึงแมในสนามเหนี่ยวนำจะมีทฤษฎีเชนนี้อีกมากมาย แตมันก็ยังคงทำใหเขารูสึก
รันทดใจ
เหลานักเรียนตางก็ทนรอไมไหว เตรียมตัวออกจากหอง อยากไปฝกกระบวนทา
ของตน
อาจารยเองก็เก็บของเตรียมตัวกลับ ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ทานอาจารยชวยอธิบายใหละเอียดอีกหนอยไดหรือไม จะตองทำเชนไรจึงจะ
สามารถทำความเขาใจกับพลังธาตุของเราไดดียิ่งขึ้น”
บทที่ 49 รับศิษย
อาจารยนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง แตวาไมนานเขาก็ดึงสติกลับมาได เขาไมอยากจะเชื่อหู
ของตน “เมื่อครูเจาวาอะไรนะ” อายฮุยถามคำถามเดิมย้ำอีกครั้งหนึ่ง “ขารูสึกวาวิธี
คิดของทานอาจารยนาสนใจมาก จึงอยากจะทำความเขาใจเสียหนอย ไดหรือไม”
เมื่ออาจารยไดยินประโยคนี้เขาก็เกือบจะกลั้นน้ำตาไวไมไหว
สวรรคเมตตา ในที่สุดก็มีคนสนใจกับทฤษฎีของเขาแลว
เขาเสนอทฤษฎีนี้มาเปนเวลาหลายป แตวาไมมีผูใดถามถึงสักคน และเนื่องจาก
ไมมีตัวแปรในการศึกษาคนควา จึงทำใหทฤษฏีของเขาขาดหลักฐาน ไมมีใครเชื่อ
ทฤษฎีที่ไมไดยังรับการพิสูจน ยิ่งตัวของเขาเองก็อายุไมนอยแลว พลังธาตุเองก็หลุดไป
จากระดับเริ่มตนตั้งนานแลว ไมอาจพิสูจนทฤษฎีจากตัวของตนเองวาถูกตองได
ในสนามเหนี่ยวนำมีเพียงวิธีเดียวที่ทฤษฎีเกิดใหมจะไดรับการยอมรับจากทุกคน
นั่นก็คือทฤษฎีใหมนั้นจะตองไดรับการพิสูจนวาเปนจริง จะพิสูจนอยางไรนะหรือ ก็
ตองมีกรณีตัวอยางที่ประสบความสำเร็จ!
สมมติวามีนักเรียนผูหนึ่ง ฝกตามอยางทฤษฏีของเขา แลวทายที่สุดก็ประสบ
ผลสำเร็จ และไดความสามารถพิเศษ หรือกลายเปนยอดฝมือผูหนึ่งได นั่นก็จะเปน
การพิสูจนวาทฤษฎีนั้นมีจุดที่สามารถใชการได
และถาหากวามีนักเรียนจำนวนมากฝ กตามทฤษฎี นี ้แล วประสบความสำเร็จ
เชนนั้นก็จะเพียงพอที่จะใหทฤษฏีใหมนี้จะไดเปนที่รูจักไปทั่วสนามเหนี่ยวนำ
อาจารยเคยเพอคิดจินตนาการอยูหลายครั้งวาทฤษฎีของตนจะเปนที่รูจักไปทั่ว
สนามเหนี่ยวนำ และตนไดกลายเปนบุคคลยิ่งใหญแหงยุค แตวาความเปนจริงนั้นแสน
โหดราย ทฤษฎีของเขายังคงไมมีผูใดถามถึง แมแตตัวแปรในการทำการศึกษาสักคน
เขาก็ยังหาไมได
จนกระทั้งถึงวันนี้!
ในที่สุดก็มีคนที่สนใจในทฤษฏีของเขา
“ไมมีปญหา ไมมีปญหา!” เขารีบรอนกลาวขึ้น ใบหนาราวกับมีดอกไมเบงบาน
“นักเรียน เจามีอะไรที่อยากจะทำความเขาใจ ขอใหถามมาไดเลย อาจารยมีเวลาให
มากมาย”
“ทานอาจารยทานสามารถแนะนำทฤษฎีของทานอยางละเอียดสักหนอยไดหรือไม”
อายฮุยเอยถามอยางสุภาพอยางมาก
ถึงแมวานักเรียนจำนวนมากจะเมินเฉยตอวิธีการเหลานี้ของอาจารย แตอายฮุย
กับรูสึกวามันมีเหตุผลอยางมาก อายฮุยนั้นมีประสบการณในการตอสูจริงมากมาย
เขาเขาใจอยางชัดเจนวาพวกกระบวนทาที่สวยเดนสะดุดตาเหลานั้น ในระหวางการ
ตอสูใชวาจะมีประโยชน กระบวนทาที่อันตรายที่สุดก็คือกระบวนทาที่ไมดึงดูดความ
สนใจคนพวกนั้นที่เปนกระบวนทาสังหารอยางแทจริง แมจะไมมีประกายสวยงาม แต
กลับนากลัวและรุนแรงถึงชีวิต
โดยเฉพาะอยางยิ่ง เขามีความสนใจอยางมากในเรื่องราวประวัติศาสตร แ ละ
อนาคตของอูสิงเทียน
เขาเองก็มีความสนใจในสำนักและทฤษฏีตางๆ เชนกัน เพราะเขารูวาตนขาดแคลน
ความรูในเรื่องดานนี้มากเพียงใด ถึงแมอาจารยจะคิดเพอเจออยางไร แตวาเมื่อพูดถึง
ความรูและการศึกษาเกี่ยวกับพลังธาตุแลวนั้น อาจารยมีมากมายกวาตนไมรูกี่เทา
“ไมมีปญหา!”
เมื่ออาจารยตั้งสติขึ้นมาได เขาก็จัดระเบียบความคิดกอนเล็กนอย กอนจะคอยๆ
เอยปากขึ้น
“กอนอื่น พวกเราตองเริ่มจากความหมายพลังธาตุเสียกอน แมวาจนถึงทุกวันนี้
พวกเราจะยังมีความเขาใจที่เกี่ยวกับพลังธาตุนอยมากก็ตาม พลังธาตุไมไดมีชีวิตชีวา
ดั่งเชนพลังวิญญาณ แตจะมีความสงบนิ่งมากยิ่งกวา พวกมันแบงออกเปนธาตุดิน น้ำ
ไฟ ไม และทอง นี่เปนความรูพื้นฐานที่ทุกคนตองรูจัก ในการฝกพลังธาตุนั้น เรา
จะตองดูดซึมพลังธาตุจากธรรมชาติแลวจึงกลั่นตัวออกมา ซึ่งโดยพื้นฐานแลวไมไดมี
ความแตกตางอะไรกับการฝกพลังวิญญาณในยุคสมัยของการบำเพ็ญตนเทาไรนัก แต
ในความเปนจริงแลวกลับมีความแตกตางกันราวฟากับดิน นี่ก็เปนอีกสาเหตุหนึ่งที่วา
ทำไมเหลาผูอาวุโสของพวกเราจึงไมสามารถเรียนรูการใชพลังธาตุไดอยางรวดเร็ว
หลังจากที่พลังวิญญาณไดสูญสิ้นไป”
อายฮุยตั้งใจฟงอยางละเอียด เขาไดอานคัมภีรกระบี่มามากมาย ความเขาใจตอพลัง
วิญญาณนั้นก็มากกวาคนทั่วไปมากมายนัก แตวาหากจะใหเขาพูดวา ระหวางพลัง
วิญญาณกับพลังธาตุมีความแตกตางกันอยางไร เขาก็ยังไมสามารถพูดออกมาไดจริงๆ
“สิ่งที่แตกตางกันอยางแรกคือ พลังวิญญาณนั้นไมมีคุณลักษณะ แตพลังธาตุนั้นมี
คุณลักษณะอยูหาประเภท ผูบำเพ็ญตนในยุคโบราณดูดซึมพลังวิญญาณจากฟาดินเขา
มาสูภายในรางกายของตน จากนั้นก็ใชกระบวนทาวิชาของพวกเขาในการแบ งพลัง
วิญญาณใหมีคุณลักษณะที่แตกตางกัน เชน ไฟ น้ำ สายฟา เปนตน แตทวาพลังธาตุ
นั้นไมเหมือนกัน พลังธาตุในธรรมชาตินั้นมีคุณลักษณะของมันเอง เมื่อมีการดูดซึม
พลังธาตุ เราจะสามารถดูดซึมไดเพียงพลังธาตุที่มีคุณลักษณะเดียวกับเราเทานั้น”
“ความแตกตางขอที่สองคือ พลังวิญญาณกับวัตถุนั้นไมอาจแลกเปลี่ยนกันได
พลังวิญญาณก็คือพลังวิญญาณ แมจะสามารถบรรจุอยูในผลึกหินได แตทวาไมอาจ
เปลี่ยนแปลงไปเปนวัตถุได แตวาพลังธาตุกับวัตถุสามารถเปลี่ยนแปลงสลับกันได ดิน
น้ำ ไฟ ไม ทอง พลังธาตุทุกๆ ประเภทลวนมีรูปแบบวัตถุของตัวมันเอง นี่จึงเปน
สาเหตุที่ทำใหพวกเราสามารถใชประโยชนจากวัตถุดิบบางสวนได”
อายฮุยสดับฟงอยางเคลิบเคลิ้ม คำพูดของอาจารยไมไดซับซอนเลย แตก็ลึกซึ้ง
อยางมาก คนอื่นอาจจะสัมผัสไมถึง แตวาอายฮุยกับสามารถเขาถึงได
เขานึกถึงคำพูดในคัมภีรกระบี่มากมายที่เขาเคยอานมา ซึ่งสามารถบรรยายและ
วิเคราะหคำพูดของอาจารยไดอยางกระจาง
“ความแตกตางทั้งสองขอนี้สามารถอธิบายถึงจุดที่วา พลังธาตุนั้นมีความซับซอน
นี่คือทฤษฏีของขา เริ่มตน ณ จุดเริ่มตน หากจะถามวาสิ่งที่มีความซับซอนอีกสิ่งหนึ่ง
คืออะไร นั่นก็คือคนอยางไรละ!”
อาจารยไดมอบคำตอบที่อายฮุยนึกไมถึง
อายฮุยเบิกตากวาง ใบหนาเต็มไปดวยความตกตะลึง เขาไมเคยนึกถึงเรื่องปญหา
รางกายของตนมากอนเลย การเรียนเรื่องพลังธาตุเปนเหมือนกับการสำรวจสิ่งใหมที่
ไมเคยรูมากอน ผลลัพธในการฝกจะเปนเชนไร ก็ลวนแตเชื่อมโยงกับพลังธาตุทั้งสิ้น
และยังรวมไปถึงวิธีการในการฝกฝน
อาจารยนนั้ พึงพอใจกับการแสดงออกบนใบหนาของอายฮุยเปนอยางมาก จึงกลาวขึ้น
ตอ “โดยปกติแลวโครงสรางของรางกายมนุษยนั้นเหมือนกัน แตวาสวนรายละเอียด
เล็กๆ นั้นกลับแตกตางกันอยางสิ้นเชิง หากจะถามวาบนโลกใบนี้มีคนสองคนที่มี
ลักษณะเหมือนกันทุกประการหรือไม ขอตอบเลยวาไมมี! ตอใหเปนพี่นองฝาแฝด
รากฐานและพรสวรรคของพวกเขาก็แตกตางกันราวฟากับเหว โดยเฉพาะอยางยิ่ง
อยาไดลืมวา รางกายของมนุษยเองก็ประกอบขึ้นมาจากธาตุทั้งหา หากถามวาคนแต
ละคนประกอบขึ้นจากธาตุทั้งหาเหมือนกันหรือไมนั้น แนนอนวาไมเหมือนกัน”
“พลังธาตุที่มีความซับซอนกับการฝกที่มีความซับซอน ระหวางสองสิ่งนี้ จะทำ
เชนไรจึงจะสามารถหาจุดที่ลงตัวสอดคลองกันไดอยางสมบูรณ สิ่งนี้แหละคือแกนของ
เนื้อหาในทฤษฎีของขา!”
อายฮุยนึกแลวเอยปากถามขึ้น “ตองทำเชนไรจึงจะหาพบ”
อาจารยแยมยิ้ม เขารูวานักเรียนที่อยูตรงหนารูสึกหวั่นไหวจากคำพูดของตนแลว
เขาไมไดตอบ แตกลับถามคำถามขึ้น “สมมติวาเจามีคูหูคนใหม เจาจะทำเชนไรให
เกิดความคุนเคยกับเขา”
อายฮุยลองคิดดูแลวจึงตอบ “กอนอื่นก็ตองดูวาคูหูคนนี้เหมาะกับตัวขาหรือไม
จากนั้นก็ตองใชเวลาในการปรับตัวเขาหากัน”
ตอนอายฮุยอยูที่แดนรางไดมีการติดตอกับเหลาผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญหลายตอ
หลายคน มีที่อยูรวมกันอยางสนิทสนมกลมเกลียวกันดี และก็มีที่อยูดวยกันอยางไม
สนิทอยางมาก ถือวาเขามีประสบการณเรื่องนี้อยู
อาจารยนั้นตกตะลึงเปนอยางมาก เขาไมคิดเลยวาอายฮุยจะสามารถหาคำตอบ
ออกมาได คำถามนี้สำหรับผูที่อยูในวัยเรียนตรงหนาเชนนี้ เรียกไดวาคอนขางจะเกิน
ขอบเขตของอายุไปบาง คิดไมถึงวาอีกฝายไมเพียงแตตอบคำถามได แตยังเปนคำตอบ
ที่ถูกตองและเหมาะสมอยางมากอีกดวย
อาจารยอดไมไดที่จะประเมินนักเรียนที่อยูตรงหนานี้ใหม เขาดูออกวารากฐาน
ของอายฮุยนั้นไมดี แตใบหนาของเด็กหนุมคนนี้กลับแสดงออกถึงความจริงจังอยางหา
ใดเปรียบ มีความสุขุม สงบ ตั้งใจฟงและรูจักวิเคราะห โดยเฉพาะอยางยิ่งมีความคิด
เปนของตัวเอง ทำใหอาจารยเกิดหวั่นไหวในใจ
อายฮุยสังเกตเห็นอาจารยที่กำลังพิจารณาตนอยู จึงอดถามขึ้นไมได “ขาตอบผิด
เชนนั้นหรือ”
อาจารยไมไดตอบ แตกลับเอยถาม “เจามีชื่อวาอะไร”
“ชื่อขาคือ อายฮุย” อายฮุยรีบรอนโคงหัวคำนับ
“เจายินดีจะมาเปนลูกศิษยของขาหรือไม” อยูๆ อาจารยก็ถามขึ้นอยางจริงจัง
อายฮุยคิดไมถึงวาจะไดยินคำพูดประโยคนี้ เขาไดแตสับสนงงงวย
บทที่ 50 สมองไมพอใช
อาจารยมองเห็นทาทีงงงันของอายฮุยก็อดไมไดที่จะยิ้มขึ้นมา แตก็กลับมากลาว
อยางจริงจังในทันที “เจาไมตองกังวล ไมวาเจาจะตอบตกลงหรือไม ขาก็จะนำความรู
ทั้งหมดที่มีและที่เคยร่ำเรียนมาทั้งหมดถายทอดใหแกเจา ไมมีทางเก็บไวกับตัวอยาง
แนนอน โดยเฉพาะอยางยิ่งถึงแมวาเจาจะตอบตกลง ขาก็ทำไดเพียงชวยเหลือ เจา
วิเคราะหและเสนอความคิดของขาบางสวนใหกับเจาตอนฝกฝน แตนอกเหนือจากนั้น
การสนับสนุนในดานอื่นขาก็ชวยเจาไมไดมาก ขาเปนอาจารยจนๆ คนหนึ่ง สอน
วิชาการฝกขั้นพื้นฐานมาสามสิบป แตก็ยังไมมีเสนสายอะไร”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดทาย เสียงอาจารยก็กลายเปนเหมือนพึมพำกับตนเอง
อายฮุยคอนขางจะแปลกใจอยูบาง “เหตุใดอาจารยถึงสนใจในตัวขากัน รากฐาน
ของขาเองแสนจะย่ำแยแลวก็ยากจนเหมือนกัน”
“ฮา ฮา” อาจารยหัวเราะเอิ๊กอากใหญ “เรื่องที่รากฐานแยแลวก็ยากจนนั้นขา
มองออกตั้งแตแรกแลว แตวาไมเปนไร ทฤษฏีของขาไมไดตองการพรสวรรคที่มากนัก
ที่ตองการก็คือความอดทนและการยืนหยัดสู ซึ่งขามองเห็นสิ่งเหลานี้ในตัวเจา”
อายฮุยเองไมไดลังเลอีกแลว เขาคำนับลงอยางเคารพ “ศิษยคำนับทานอาจารย!”
อาจารยยินดีเปนอยางมาก และตื่นเตนอยางหาใดเปรียบ “ดี ดี ดี!”
อายฮุยเองก็ตื่นเตนมากเชนกัน เขากำพราพอแมมาตั้งแตเด็ก เมื่อไดมาพบกับ
อาจารยที่ยอมรับเขาเปนศิษยเชนนี้ เทานี้ก็มองออกวาเขาจะตื้นตันใจมากสักเพียงไร
คนหนึ่งนั้นขัดเกลามาสิบกวาป แตกลับเปนบัณฑิตยากจนที่ไมมีผูใดชื่นชม อีก
คนก็เปนนักเรียนหนุมผูมีรากฐานย่ำแยแตเต็มไปดวยความปรารถนา คนหนึ่งแกคน
หนึ่งหนุมแตกลับมีรสนิยมที่ตรงกัน
ผานไปไดพักหนึ่งเต็มๆ ทั้งสองจึงสงบความตื่นเตนในใจลงได
อาจารยกลาวอยางเอียงอาย “เขาอายุปูนนี้แลว แตยังครองอารมณใหสงบไมได
ละอายใจนัก ละอายใจนัก!”
อายฮุยเพียงแคยิ้มเทานั้น
อาจารยกลาวตอ “วันนี้อาจารยจะบอกนามใหแกเจา ขาแซหวัง ชื่อโสวชวน ก็
ไมไดมีความสำเร็จอะไร ลูกศิษยขา เจาเปนคนจากดินแดนเกาสินะ”
“ใชขอรับ ศิษยอายฮุยมาจากดินแดนเกา เมื่อกอนเคยอยูที่แดนรางมาสามป
ขอรับ” อายฮุยเองก็แนะนำตัวเอง
หวังโสวชวนกระจางขึ้นมาในทันที “ขาเคยไดยินมากอน พอเจาพูดถึงแดนรางขา
ก็รูแลว แรงงานที่สามารถอยูที่แดนรางสามปแลวยังสามารถรอดออกมาได ศิษยเอย
เจาไมธรรมดาเลยทีเดียว”
ผูเฒายิ่งมองดูอายฮุยยิ่งรูสึกพอใจ สามารถอยูในแดนรางถึงสามปแลวยั งรอด
ออกมาได ไมตองพูดถึงแรงงานที่ไมมีกำลังตอสู ตอใหเปนผูมีพรสวรรคของสนาม
เหนี่ยวนำพวกนั้นก็มีอยูไมกี่คนที่สามารถทำได
ผูเฒาสอนหนังสือที่โรงเรียนซงเจียนมาสามสิบป นักเรียนประเภทตางๆ ก็เจอมา
มาก แตวาประเภทที่เหมือนกับอายฮุยเชนนี้ ยังถือวาเปนครั้งแรกที่ไดพบ
รากฐานแยนิดหนอยจะไปสำคัญอะไร สนามเหนี่ยวนำมีปไหนกันที่ไมปรากฏ
พวกที่รากฐานธรรมดาแตกลับเปนนักเรียนที่พัฒนาไดไมเลว
ในตอนเริ่มแรกถึงแมวาเขาจะรูสึกวาอายฮุยเปนคนสุขุม แตยังคงไมแนใจวาอายฮุยจะ
สามารถยืนหยัดตอการฝกของตนนั้นไดจริงๆ
แตเมื่อไดรูประวัติความเปนมาของอายฮุยแลว เขาก็ไมมีความกังวลเลยสักนิด
หากเปนแรงงานคนหนึ่งที่ใจรอนจะสามารถอยูในแดนรางถึงสามปแลวยังมีชีวิต
รอดออกมาไดอยางไรกัน
ดานการทนลำบากนั่นยิ่งไมตองกังวล
ในตอนนี้ผูเฒาเพิ่งจะเขาใจวาความเปนผูใหญและความสุขุมในตัวของอายฮุยที่ดู
ไมเขากับอายุนั้นมาไดอยางไร
ลูกศิษยที่ผานการหลอหลอมมาเชนนี้ก็ไมใชคนธรรมดาแน
ผูเฒารูวาวันนี้ตนพบเพชรในตมเขาแลว
“มา มา มา อาจารยจะอธิบายทฤษฎีของอาจารยใหเจาฟงสักหนอย” ผูเฒาไดฮึกเหิม
ขึ้นมาทันที “เมื่อครูเจาพูดเอาไวมากมาย ในสวนของความสัมพันธของมนุษยนี้ หาก
วาคนสองคนมีนิสัยแตกตางกันอยางมาก จนไมอาจลงรอยกันได ดังนั้นการจะใหทั้ง
สองคนมาสนิทสนมกันจึงเปนเรื่องยื ดเยื้อ ไมมีที่ สิ้น สุด เฉกเชนที่เลากันในนิ ทาน
‘อาหรับราตรี’”
อายฮุยพยักหนาหงึกๆ ถูกแลว ในใจของเขานึกถึงกรณีที่มีความใกลเคียงอยาง
หนึ่งไดในทันที
ตวนมูปงหวาน!
เจาคนนาชัง นารังเกียจที่สุด สุภาพบุรุษจอมปลอม จอมแกนเปนเด็กนอย ดอย
คุณธรรม หากเอาคนพรรคนี้มาเปนคูหูของตน เชนนั้นคงไดกำจัดคูหูคนนี้กอนที่จะ
กำจัดศัตรูเปนแน!
“การมีคูหูที่เหมาะสมเปนสิ่งที่จำเปนอยางมาก หากวานิสัยของทั้งสองเขากั น ไดดี
เชนนั้นก็จะงายอยางมากที่จะสนิทสนมกันในระดับที่สูงขึ้น” ผูเฒากลาว
อายฮุยพยักหนาหงึกๆ อีกครั้ง ถูกแลว ในใจของเขานึกถึงกรณีที่มีความใกลเคียง
อยางหนึ่งไดในทันที
โหลวหลาน!
โหลวหลานแสนดี มีน้ำใจใบบุญ ละมุนละมอม โอบออมอารี ฝมือปรุงอาหารยอด
เยี่ยม แลวก็นาเชื่อถือ เขารูจักกับโหลวหลานไดไมนานเทาไรนัก ทั้งสองก็ไดกลายเปน
สหายที่คุยกันไดทุกเรื่องโดยที่ไมมีสิ่งใดขีดขวางเลยแมแตนอย
“แมจะเปนคูหูที่เหมาะสมแลว ก็ตองใชเวลาในการปรับตัวเขาหากันเชนกัน เจา
ตองใชเวลาในการทำความเขาใจคูหูของตน รูอุปนิสัยของเขา และก็ใหเขารูอุปนิสัย
ของเจา ทำเชนนี้ความสัมพันธของพวกเจาจึงจะไมมีชองวาง” ผูเฒากลาวสรุป
“ถูกแลว!” อายฮุยเห็นดวยอยางมาก
“พลังธาตุเองก็เหมือนกัน” ผูเฒาวาตอ “การฝกฝนในตอนนี้ ทุกคนมองพลังธาตุ
เปนเครือ่ งมือชนิดหนึ่งเสียมากกวา โดยที่ไมมองเปนคูหู ซึ่งไมใชสิ่งผิดอะไร เพราะถึง
อยางไรพลังธาตุนั้นก็ไมมีสติสัมปชัญญะ แตวาเครื่องมืออยางพลังธาตุนี้ เปนสิ่งที่
ซับซอนอยางมาก ไมใชเรื่องงายดายอยางที่ใครตอใครคิด”
ผูเฒามีใบหนาภาคภูมิในขณะพูดสรุปใจความ “นั่นก็เพราะวาคุณสมบัติของพลัง
ธาตุไมใชสิ่งที่จะไมมีวันเปลี่ยนแปลง”
แตวา...
ในตอนที่ไดเห็นใบหนาของอายฮุยที่นิ่งสงบ อาจารยรูสึกเหนือความคาดหมาย
อยา งมาก ติดจะไมคอยเขาใจ “ลู ก ศิ ษ ย เจ าไม ตะลึ งเลยหรื อ สิ ่ งนี ้ แ ตกต างกับที่
อาจารยทานอื่นสอนใชหรือไม”
“ทานอาจารยกลาวไดมีเหตุผลอยางมาก” อายฮุยพูดขึ้นราวกับมันก็สมควรเปน
เชนนั้น “อยางเชนพลังธาตุทองเหมือนกัน พลังธาตุที่เจดียเสวียนจินคอนขางรุนแรง
แตออนโยนกวาที่บอน้ำรอน ซึ่งเปนการอธิบายไดวาพลั งธาตุเองก็มีคุณสมบั ติ ที่
แตกต า งกั น อย า งไรก็ ต าม ถึ ง แม จ ะมี ค ุ ณ สมบั ต ิ ท ี ่ แ ตกต า งกั น แต ก ็ ส ามารถ
เปลี่ยนแปลงได นี่ไมใชเรื่องที่นาประหลาดใจอะไร เมื่อพลังธาตุทองลอยออกจาก
เจดียเสวียนจินแลว ก็จะคอยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง”
ผูเฒาถึงกับอึ้งไปเลย กวาจะไดบทสรุปนี้ เขาไดทำการอนุมานไวมากมาย คิดไม
ถึงวาอายฮุยจะบอดเหตุผลขอนี้ออกมาไดอยางงายดาย
ความจริงแลว อา ยฮุย ยังอยากจะเสริ มอี ก ว า หากพวกมั น ไม เปลี ่ ย นแปลงก็
สามารถทำใหเกิดการเปลี่ยนแปลงได ยกตัวอยางเชนการทำใหกระจายตัว
ผูเฒาหายจากอาการตกตะลึงแลวก็ยิ่งดีใจมากขึ้น พลางกลาวอยางเห็นดวย
“ลูกศิษยชางมีปญญาเสียจริง!”
เขากลาวตอ “ลักษณะของรางกายทุกคนจะมีสวนเล็กๆ ที่มีความแตกตางกัน
พลังธาตุทองที่มีลักษณะตางกันก็จะมีระดับความเขากันไดที่แตกตางกันดวย เหตุนี้เรา
จึงตองหาพลังธาตุที่ทีความสอดคลองกับตนเอง มันจะเหมาะสมกับรางกายของพวก
เรามากยิ่งกวา การฝกทั่วไปในตอนนี้มีปญหาเพียงขอเดียว ก็คือระดับความเขากันได
หรือที่เราเรียกกันวารากฐาน นั่นคือความยากงายในการดูดซึมพลังธาตุ แตทวาถาเกิด
มีพลังธาตุประเภทหนึ่งที่ดูดซึมไดยากแตวานำไปใชไดงายดายและลื่นไหลยิ่งกวา มี
คนนอยมากที่จะตระหนักถึงขอนี้”
อายฮุยสามารถทำความเขาใจไดโดยไมมีอุปสรรคเลยแมแตนอย เขาถึงกับแสดง
ความสามารถออกมาในประโยคถัดไป “ก็เหมือนกับรากฐานที่แยของศิษย แตศิษยมี
ความอดทนคอนขางสูง จึงสามารถเลือกพลังธาตุทองพวกที่ยิ่งมี ความบริ สุทธิ ์ ได
ถึงแมวาจะดูดซึมไดคอนขางชา แตวาผลลัพธที่ใชจะยิ่งมีความโดดเดน”
หลักการนี้มีความคลายคลึงกับการฝกของเขาอยางมาก อืม ถึงแมวามุมมอง
ความคิดของทั้งสองจะไมเหมือ นกั น แต ความหมายแก น กลางกลั บเชื ่ อ มโยงกัน
โดยเฉพาะอยางยิ่ง สิ่งนี้ยิ่งเปนการอธิบายวาทฤษฎีของอาจารยมีความเหมาะสมกัน
ตนอยางมาก เปนอยางนี้ใชหรือไม
อายฮุยตั้งหนาตั้งตาคอยการฝกที่จะมาถึงนี้อยางใจจดใจจอ
ผูเฒามองอายฮุยอยางนิ่งอึ้ง หรือวาสิ่งที่ตนครุนคิดมาหลายสิบป ที่จริงแลวเปน
สิ่งที่งายดายมาก
หรือวาเปนเขาที่บังเอิญพบนักเรียนที่ยินดีฟงทฤษฎีของตนอยางเต็มใจ รับเปน
ศิษยดวยความรอนใจ สุดทายก็กลายเปนวาดวงดีเก็บผูมีพรสวรรคมาไดคนหนึ่ง
ผูเฒารูสึกวาสมองของตนไมพอใชแลว
บทที่ 51 เก็บสมบัติได
อายฮุยมองไปยังอาจารยอยางคาดหวัง รอคอยใหอาจารยกลาวอธิบายเนื้อหาใน
สวนถัดไป ถึงแมวาการแสดงออกของผูเฒาจะตกตะลึงอยางมาก แตวาอายฮุยก็ไมได
รูสึกภาคภูมิใจอะไร เขารูวาความเขาใจของตนสวนใหญนั้นใชความรูสึกตัดสิน และ
การใชความรูสึกตัดสินโดยมากแลวไมมีความแนนอน
อาจารยหวังเองก็ไมใชปรมาจารยจากที่ไหนแตเพราะการที่สอนหนังสือในสนาม
เหนี่ยวนำมาหลายสิบปจึงทำใหมีพื้นฐานที่ลึกซึ้ง
ผูเฒาสะบัดหัวเบาๆ รูสึกตื้นตันใจยิ่งนัก “พวกเราชางสมกับเปนคูศิษยอาจารย
โดยแทนะ”
ผูเฒารูวาการที่จะหาลูกศิษยสักคนที่ไดดั่งใจเปนเรื่องที่แสนยากเย็นเพียงใด
สนามเหนี่ยวนำมีอาจารยมากมายเสียขนาดนั้น พวกที่มีชื่อเสียง มีความแข็งแกรง มี
ประสบการณมากยิ่งกวาเขาไมรูเทาไรตอเทาไร แตวาจะมีสักกี่คนกันที่จะหาลูกศิษยที่
ไดดั่งใจพบ
ทางสนามเหนี่ยวนำนั้นสงเสริมใหอาจารยรับศิษยมาโดยตลอด แตก็ยังมีอาจารย
จำนวนมากที่ยังไมไดรับลูกศิษย
ลูกศิษยกับนักเรียนนั้นไมเหมือนกัน นักเรียนเพียงแคเขาเรียนในวิชาที่อาจารย
สอน แตวาลูกศิษยจะตองสืบทอดวิชาและทฤษฎีของอาจารยนั้นๆ ดังนั้นหากอาจารย
ไมถูกใจนักเรียนมากๆ ก็จะไมมีทางรับนักเรียนคนนั้นเปนลูกศิษย
เหลาอาจารยสวนใหญถือหลักการดังนี้ นอยแตดี ยอมดีกวามากแตแย
ผูเฒาอยูในสนามเหนี่ยวนำอยางไมมีชื่อเสียง ทฤษฏีของเขาเองก็ไมมีผูใดถามถึง
แตก ็ไมรับลูก ศิษ ยงา ยๆ เชนกัน ถึ งแม ท ฤษฎี ของเขาจะไมมี ผู  ใดสนใจ แต ก ็ เปน
สติปญญาของเขาตลอดหลายสิบป หากจะตองมอบใหอยูในมือของคนที่ไมเห็นดวย
กับทฤษฏีของเขาเลย ถึงตายก็ตายตาไมหลับ
ผูเฒานั้นพอใจในตัวอายฮุยอยางมาก ในใจแสนจะภาคภูมิอยางหาใดเปรียบ
ถึงแมวาเรื่องความสำเร็จเขาจะดอยกวาอาจารยทานอื่นๆ แตวาการที่ไดรับลูกศิษยที่
ไดดั่งใจ โชคเชนนี้หากพูดออกไปจะตองทำใหอาจารยทานอื่นตองอิจฉาเปนแน
โดยเฉพาะเมื่อไดมองเห็นสายตาที่เต็มไปดวยความปรารถนาของอายฮุย เขาก็ยิ่ง
ดีใจ แลวกลาวตอ “ตอนนี้พวกเรามาพูดถึงปญหาขอที่สองกัน พลังธาตุเหมาะสมกับ
เจาอยางมาก แตการที่ตองไปถึงจุดที่เขากันไดทั้งสองฝายยังตองใชเวลาในการปรับตัว
เขาหากัน โดยอีกนัยหนึ่งก็คือตองขุดเอาพลังแฝงของพลังธาตุที่อยูในรางกายเจา
ออกมา พลังธาตุของทุกคนนั้นไมเหมือนกัน แตจะมีสักกี่กระบวนทากัน เจาเพิ่งจะ
เปดคลังชีวิต ธาตุของเจาคือธาตุทอง ดังนั้นกระบวนทาที่เจาสามารถฝกไดจึงมี อยู
ยี่สิบสองประเภท เจาจะเหมาะสมกับประเภทใด เจาก็ไมรู มีผูคนมากมายเลื อ ก
กระบวนทาเพียงเพราะมันนาสนใจ อาศัยความรูสึก รูสึกวากระบวนทานี้ทรงพลัง
รูสึก วา กระบวนทา นี้โ ดดเดนสะดุ ดตา แต ก ารทำเช นนี้ ไมได มี ประโยชน อะไรกับ
อนาคตของเจาเลย เจาเพิ่งจะเปดคลังชีวิต และเสนทางของการฝกฝนของเจาเพิ่งจะ
เริ่มตน พละกำลังของกระบวนทาไม ใช สิ ่งที่ เจาต องมาพิจารณาตอนนี ้ สิ ่ งที ่ควร
แสวงหาคือ การจะทำเชนไรถึงจะวางพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับเสนทางการฝกฝนของ
เจาได”
คำพูดของอาจารยทำใหอายฮุยรูสึกราวกับไดเห็นทางสวาง คำพูดที่สั้นๆ งายๆ
แตกลับมีเหตุผลที่ลึกซึ้งอยางมาก
สีหนาของผูเฒาก็เปลี่ยนมาเปนเครงขรึมจริงจัง “เขาใจในพลังธาตุตน เขาใจใน
รางกายตน ความหมายที่แทจริงของการฝกฝน คือการทำใหทั้งสองสิ่งเชื่อมโยงกันได
อยางสมบูรณ”
อายฮุยกลาวขึ้นดวยความเคารพ “คำสอนของทานอาจารย ศิษยจะจดจำไวในใจ
อยางแนนอน!”
ผูเฒาออกจะปลื้มใจนัก เขาอธิบายตอ “ตอนนี้พวกเรามาพูดถึงปญหาที่คอนขาง
จะเปนรูปธรรม นั่นคือเรื่องวิธีการฝกฝนของเจา ไหนบอกอาจารยมาซิวาเจาฝกพลัง
ธาตุมาไดอยางไร”
อายฮุยจึงตอบคำถามตามตรง เขาเลาวาตอนที่ตนอยูในแดนรางไดฝกพลังธาตุ
กอนแรกมาไดอยางไรการฝกของตนที่เจดียเสวียนจินเปนมาอยางไร ตนมีความคิด
อยางไร เหตุใดจึงไดสั่งทำเกราะเปลือยหลังขึ้น เหตุใดจึงคิดใช [มัจฉาสะบัดกาย] มา
ทำใหพลังธาตุทองเข็มเงินกระจายตัว หลังจากนั้นก็ทะลวงคลังชีวติ อยางไร ขอเพียง
แคเปนความคิดที่มีความเกี่ยวของกับพลังธาตุ เขาก็พูดออกมาจากสมองทั้งหมด
ผูเฒาไดแตปากอาตาคางอีกครั้งหนึ่ง ผานไปไดสักพักจึงถามขึ้นอยางไมแนใจ
“สิ่งเหลานี้ลวนเปนสิ่งเจาที่คิดขึ้นมาเองอยางนั้นหรือ”
เมื่อคำพูดออกจากปาก เขาก็รูวา ตนไดถามคำถามที่โงเงาออกไปแลว เมื่อครูอายฮุยได
พูดความคิดทั้งหมดออกมารอบหนึ่งแลว แมแตเรื่องที่วาความคิดนี้มาไดอยางไร ได
แรงบันดาลใจมาจากที่ใด ก็ลวนพูดไปแลวรอบหนึ่ง
อายฮุยพยักหนาตอบ “ใชขอรับ ทั้งหมดลวนเปนสิ่งที่ศิษยคิดไดดวยตัวเอง”
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ในที่สุดผูเฒาก็ไดยืนยันอยางแนนอนวา ลูกศิษยคนนี้ที่ตน
รับมาเปนผูมีพรสวรรคคนหนึ่ง! ผูมีพรสวรรคอีกประเภทหนึ่ งที่ ไม เหมือ นกับ ผู  มี
พรสวรรคคนอื่น!
นัยนตาทั้งสองขางของผูเฒาเปลงประกาย สายตาที่มองอายฮุยราวกับกำลังมอง
สมบัติล้ำคาของโลกก็ไมปาน รากฐานของอายฮุยย่ำแยมาก
ในยุคสมัยที่กระแสหลักใหความสำคัญกับเรื่องรากฐานมากที่สุด อายฮุยไมมีทาง
จะไดชื่อวาเปนผูมีพรสวรรคอยางแนนอน แตวาสติปญญาในการวิเคราะหการฝกฝน
ของอายฮุย หรือความโตเปนผูใหญกอนวัย ผูเฒานั้นยังไมเคยพบเจอผูที่มีคุณสมบัติ
แบบนี้ที่ไหนมากอน
นี่เปนการพบขุมสมบัติแทๆ!
สายตาของผูเฒาทำใหอายฮุยรูสึกประหมา “ทานอาจารย”
อาจารยราวกับไดตื่นขึ้นจากฝน พูดงึมงำอยูหลายครั้งจึงไดดึงสติกลับมา แลว
กลาวชื่นชมลูกศิษย “ชางเกินความคาดหมายเสียจริง ขาถึงกับตกตะลึงเลยนะ คิดไม
ถึงวาไมมีคนคอยชี้แนะ แตเจาก็ยังมีความรูเชนนี้ ไมเลว ชางไมเลวเสียจริง! ตอใหเจา
ไมไดขาเปนอาจารย แตขาก็เชื่อวาเจาจะพาตัวเองไมสูความสำเร็จได ขานี่โชคเสียจริง
เชียว ฮา ฮา ฮา!”
แตไหนแตไรมาอายฮุยไมเคยไดรับคำชื่นชมจากผูอื่นมากอน ทุกๆ เรื่องสำหรับ
เขาลวนไมใชเรื่องที่งายดาย เขาทุมเทอยางหนักสำหรับทุกสิ่งทุกอยาง การฝกฝนเปน
เชนนี้ การไลตามกลุมในแดนรางก็เปนเชนนี้เหมือนกัน
เมื่อไดยินคำชมจากอาจารย เขาก็ทำอะไรไมถูก
ครั้นผูเฒาเห็นทาทีของอายฮุย ก็ยิ่งดีใจขึ้นไปอีก เขาหัวรอตอกระซิกครูหนึ่งกอน
จะหยุดลง แลวทาทางก็เปลี่ยนเปนเครงขรึมขึ้นมา
อายฮุยรูวาอาจารยมีบางอยางจะพูดกับตน จึงไดรีบรอนครองสติใหนิ่ง
ลูกศิษยเขาเปนผูมีพรสวรรคอยางมาก และไดกระตุนใจที่อยากเอาชนะในตัว
อาจารยขึ้น ลูกศิษยไดยืนยันถึงคุณคาของตัวเองแลว อาจารยเองก็ไมสามารถที่จะ
นอยหนาได
นัยนตาของเขาสองประกายความฉลาดหลักแหลมออกมา เขาคอยๆ เอยปากขึ้น
“แนวทางของเจานั้นมาถูกทางแลว พื้นฐานของเมื่อกอนก็ปูเอาไวไดอยางแข็งแรง ถือ
เปนเรื่อ งดีอ ยา งมาก การที่ใหพ ลั งธาตุ เอ อ ล น แล ว ค อ ยทะลวงคลั งชี ว ิ ตนั ้ น จะ
ชวยเหลือเจาอยางมากในภายหลัง ในดานนี้พวกเราคอยมาวากันในภายหลัง แต
ตอนนี้เรามาพูดถึงปญ หาในการฝกของเจากันกอ น ในดานรูปธรรมนั้น มีวิธีการ
มากมายหลายประเภท พลังธาตุของเจาเปนธาตุทอง ลักษณะเดนของธาตุทองคือ
อะไร แหลมคม มีพลังโจมตีแข็งแกรง เหมาะสมกับการตอสู นี่เปนสิ่งที่ทุกคนลวนรู
กันดี เจาเลือกแนวทางของธาตุทองก็ไมไดมีปญหาอะไร เชนนั้นตอนนี้สิ่งที่พวกเรา
ตองทำก็คือ ทำใหเจารูวาตนเองนั้นเหมาะสมกับพลังธาตุทองประเภทใด!”
อายฮุยรีบรอนตามอาจารยออกจากหองเรียนไป
ทั้งสองมาถึงเรือนแหงหนึ่งที่คอนขางจะทรุดโทรม ภายในเรือนมีกองอุปกรณที่มี
ลักษณะแปลกประหลาดอยูเต็มไปหมด
“ที่นี่เมื่อกอนเปนเรือนของอาจารยทานหนึ่ง ภายหลังพอยายออกก็ทิ้งราง ขาจึง
ขอไวแลวก็เอามาใชเสียเลย” ผูเฒาพูดขึ้น “ของพวกนี้ลวนเปนสิ่งที่ขาที่สรางขึ้น แตก็
ยังไมเคยใช ขาถือวามันเปนงานอดิเรก อยางไรเสียนอกจากงานสอนก็ไมมีอะไรใหทำ
สรางมาหลายสิบป ก็เลยสะสมของมาไดไมนอยเลย”
อายฮุยมองดูอุปกรณตางๆ ที่หนาตาแปลกประหลาดวางอยูเต็มเรือนแลว ก็อด
ไมไดที่จะรูสึกนับถืออาจารย ไมวาจะเปนผูใด ไมวาจะเปนเรื่องเล็กนอยเพียงใด
สามารถทำมาไดถึงหลายสิบปเชนนี้ ก็ลวนไมใชเรื่องงายอยางมาก ความใจจดใจจอ
และการยืนหยัดจำเปนตองมีหัวใจที่สงบสุขุม ตองมีความอดทนตอความเงียบเหงา
“ตอนนี้ ในที่สุดของเหลานี้ก็จะไดใชงานเสียที!”
ผูเฒามองดูของชิ้นเล็กชิ้นนอยที่อยูในเรือน รูสึกปลงอนิจจังอยูบาง ไมรูวาเพราะ
เหตุที่พวกมันถูกฝุนเกาะมานาน หรือเพราะวาในที่สุดพวกมันก็จะไดเห็นแสงเดือน
แสงตะวันสักที หรือวาปลงอนิจจังกับตนเองก็ไมรู
เปนเรื่องดีที่ทั้งหมดยังไมสายเกินไป!
ผูเฒาที่ยืนอยูภายในเรือน ใบหนานั้นที่เต็มไปดวยริ้วรอยบงบอกถึงการผานโลก
มามาก เต็มตื้นดวยความภาคภูมิใจ ราวกับเปนราชาที่กำลังมองอาณาจักรของตน!
บทที่ 52 ชื่อสิบเอ็ดพยางค
“ขาทำวิจัยพลังธาตุทั้งหาชนิดไวอยางกวางขวาง”
ผูเฒาใชประโยคเชนนี้พูดอารัมภบท ก็ทำใหอายฮุยตกตะลึงไปในทันที
“การวิจัยสายหลักของพลังธาตุทองในปจจุบันนี้ก็คือ การฆาสังหาร การตอสูคือ
เปาหมายสำคัญที่สุดของผูใชพลังธาตุทอง หากมองจากมุมมองที่ซับซอนแลว ผูใช
พลังธาตุทองถือวาเรียบงายที่สุดในบรรดาธาตุทั้งหา โอ ใชคำวาเรียบงายมาบรรยายก็
ไมคอยถูกนัก ควรจะพูดวาตองการจิตสมาธิในระดับสูงมาก ผูใชพลังธาตุไมตองมี
ความรูเรื่องพืชอยางมาก ผูใชพลังธาตุดินตองเรียนเรื่องตุกตาทราย ผูใชพลังธาตุน้ำมี
ปกเมฆา กระบวนทามีความซับซอนอยางมาก ผูใชพลังธาตุไฟตองเรียนการหลอม
ผูใชพลังธาตุทองไมมีเนื้อหาอื่น มีความตองการเพียงขอเดียว คือการแสวงหากำลังใน
การตอสู เมื่อมองจากจุดนี้ กลับมีความคลายคลึงกับผูฝกกระบี่ในยุคโบราณ ผูฝก
กระบี่เองแตไหนแตไรก็ไมไดเนนหนักในสิ่งอื่น พวกเขานั้นเปนนักรบที่แทจริง ไลตาม
เพียงแคหนึ่งกระบี่สยบหมื่นกระบวนทา ผูใชพลังธาตุทองเองก็มีความหมายในจุดนี้
เชนกัน”
“การตอสูนั้นเปนเรื่องที่ซับซอ นเรื่ องหนึ ่ง ในจุ ดนี ้ เจ าน าจะมี ประสบการณ
มากกวาตัวอาจารย พูดขึ้นมาแลวชางนาละอายนัก ตัวอาจารยสอนหนังสือมาหลาย
สิบป แตไหนแตไรยังไมเคยไปที่ชายแดนเลย แลวก็ไมเคยไปแดนรางดวย การตอสูก็
ไมคอยเชี่ยวชาญ ที่อาจารยสามารถสอนเจาไดนั้น ก็คือสอนใหเจาเขาใจตัวของเจา
เอง แลวก็เขาใจพลังธาตุของตัวเจาดวย”
ผูเฒารื้อคนกองอุปกรณที่สูงราวภูเขา หาเกราะทองแดงออกมา หยิบขึ้นมากปดฝุนที่
อยูดานบน ผูเฒาถึงไดโลงอกแลวกลาว “ยังดีที่ไมหายไป มา เรามาลองเจานี่กัน”
อายฮุยมองประเมินชุดเกราะทองแดงชุดนี้ดวยความประหลาดใจ เนื้องานของ
ชุดเกราะทองแดงนั้นหยาบและอัปลักษณอยางมาก มีหลายจุดที่สามารถมองเห็น
รองรอยในการสราง แผนทองแดงที่นำมาสรางมีความเกาใหมตางกัน ทุกๆ ตำแหนง
ลวนมีสีที่ไมเหมือนกัน บนเกราะทองแดงสลักลวดลายเอาไวมากมาย มีลวดลายบาง
จุดที่ทับซอนกันเปนชั้นๆ
อายฮุยมองออกวาสวนที่เปนตำแหนงของหาคลังแปดตำหนัก ลวดลายจะมีความ
หนาแนนเปนพิเศษ
“ทานอาจารย ชุดเกราะทองแดงชุดนี้ใชทำอะไรเหรอ” อายฮุยถามดวยความ
ประหลาดใจ
“ใชสำหรับตรวจสอบรางกายของเจา แนนอนวาชิ้นนี้เปนคุณสมบัติธาตุทอง”
ผูเฒากลาวอยางภาคภูมิใจ “ชื่อเต็มคอนขางยาวอยูนะ ขาเรียกมันวา ‘เกราะ
ทองแดงแจงใจพลังธาตุพันปรัชญา’ คำวา ‘ปรัชญา’ ในที่นี้คือคำศัพทสันสกฤตใน
ศาสนาพุท ธสมัย โบราณ มีความหมายในภาษาบาลี ว  า ป ญ ญา ‘พั น ปรั ช ญา’ ก็
หมายถึงความสามารถในการเลียนแบบคุณลักษณะตางๆ ของพลังธาตุไดมากมาย
เกราะชุดนี้ใชสำหรับตรวจสอบพลังธาตุทองโดยเฉพาะ สวน ‘แจงใจ’ นี้คือการใชงาน
ของเกาะ คือ ใชสำหรับ มองตัว ตนให ชั ดเจน มั น สามารถเลี ย นแบบพลั งธาตุ ทอง
ประเภทตางๆ ได ใชกระตุนรางกายของเจา จากนั้นทำใหเจารูถึงพลังธาตุทองที่
เหมาะสมกับรางกายของเจามากที่สุด เปนอยางไรบาง ไมเลวเลยใชไหม ขาใชเวลาใน
การออกแบบถึงสองเดือนเลยแหละ และใชเวลาถึงสามเดือนถึงจะสรางเสร็จ การ
ตรวจสอบรากฐานของสนามเหนี่ยวนำนั้นหยาบเกินไปแลว แมแตผูมีพรสวรรคอยาง
ลูกศิษยของขาก็ยังตรวจสอบไมพบ หึ ชางเปนกลุมคนที่ตาไรแววนัก!”
ในตอนนี้ผูเฒารูสึกวาลูกศิษยของตอนเปนดั่งสมบัติ จึงไดเริ่มที่จะเขาขางลูกศิษย
ของตนอยางไรเงื่อนไขขึ้นมาแลว
“ทานอาจารยชางรายกาจเกินไปแลว!” อายฮุยรูสึกทึ่งจากใจจริง นัยนตาทั้งสอง
ขางของเขาเปลงประกาย ถึงแมวาจะรูสึกแตแรกแลววาทานอาจารยเกงกาจอยาง
มาก แตเมื่อไดเห็นชุดเกราะทองแดงกับตา ความรูสึกเคารพในตัวทานอาจารยยิ่งปะทุ
ออกมามากขึ้น
โดยเฉพาะชื่อนั่น!
เกราะทองแดงแจงใจพลังธาตุพันปรัชญา สิบเอ็ดพยางค ชางยาวเหลือเกิน...
ในใจของอายฮุยลอเลีย นอยา งเงียบๆ ดวงตาทั้งสองขา งก็มองไปที ่ช ุดเกราะ
ทองแดงที่แสนจะหยาบโลนชุดนี้
การที่สามารถรูไดวารางกายของตนนั้นเหมาะสมกับพลังธาตุทองแบบไหนที่สุด
นั้น มีสวนชวยในการฝกฝนอยางมาก แมแตมือใหมอยางอายฮุยก็ยังรูเลย เขารูสึกวา
ลำพังเพียงแคอาศัยชุดเกราะทองแดงสำหรับตรวจสอบชุดนี้ ทานอาจารยก็รียกไดวา
ยิ่งใหญแลว
“แนนอนอยูแลว! ไมเชนนั้นจะมาเปนอาจารยของเจาไดอยางไร” ใบหนาของผู
เฒาเต็มไปดวยความภาคภูมิใจ
อายฮุยคอนขางจะทนรอไมไหว “ใหขาลองดูเลยไหม”
“มา มา มา!” ผูเฒารีบชวยอายฮุยสวมชุดเกราะทองแดง ปากก็กลาววา
“ลูกศิษยเจาวางใจได อาจารยไดทำการพิจารณาการออกแบบชุดเกราะทองแดง
แตละสวนอยางละเอียด เกราะทองแดงแจงใจพลังธาตุพันปรัชญานั้นเปนผลงาน
บุกเบิกยุคใหมอยางแทจริง นาเสียดาย ชุดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร เชนนี้
กลับไมมีคนไดเห็น เอาเถอะ ผูบุกเบิกมักจะเงียบเหงา รองเพลงขับขานอยูบนเสนทาง
อันโดดเดี่ยว พวกเราศิษยอาจารยสองคน ตอสูเพื่อสัจธรรม!”
เมื่ออายฮุยไดฟงดังนั้น ในใจก็รูสึกถึงลางสังหรณที่ไมดีขึ้นมา หมวกที่เปนสวน
สุดทายก็ใสเสร็จเรียบรอยแลว อายฮุยก็นึกถึงเรื่อหนึ่งขึ้นมา “ทานอาจารย เจา...ชุด
เกราะทองแดงนี้เมื่อกอนทานอาจารยไดเคยทดลองมากอนหรือไม”
“เคยแลว!” ผูเฒาไดสงสายตาเปนเชิงวา “ขอใหเจาวางใจได” มาให ทำใหจิตใจ
ของอายฮุยสงบลง แตประโยคถัดมาของผูเฒา ทำใหอายฮุยตึงเครียดขึ้นมาในทันที
“แตวาที่ขาใชเปนรุนของพลังธาตุไฟ”
ผูเฒาตบชุดเกราะทองแดงเบาๆ มันรัดแนนสนิท สามารถเห็นไดเพียงดวงตาอายฮุย
เทานั้น เขามองไปที่สายตากระสับกระสายของเด็กหนุม จึงกลาวปลอบใจขึ้น
“ใจเย็นๆ ทุกๆ รุนของแตละธาตุลวนตางกันไมมาก ใชแลว ตองหาแผงควบคุมกอน
รออาจารยสักครูนะ”
ผูเฒาเขาไปรื้อของในกองขยะอีกครั้ง “โอย หายไปไหนแลว ทำไมถึงหาไมเจอ”
ความรูสึก ไมสงบในใจของอา ยฮุ ย รุ น แรงยิ ่ งขึ ้ น เขาเริ ่ มจะสงสั ย แล ว ว าการ
ตัดสินใจครั้งนี้ถูกตองแลวหรือไม
“หาเจอแลว!”
เสียงแหงความยินดีของผูเฒาลอดผานออกมาจากกองอุปกรณที่กองพะเนินเทิน
ทึกเปนภูเขาลูกเล็กๆ ผานไปสักพัก ผูเฒาก็ปนออกมาจากในนั้นผมเผายุงเหยิง ในมือ
มีแผนจานสีเขียวเขมอยู ดานบนสลักสัญลักษณหลากหลายประเภทที่อายฮุยไมเขาใจ
ดูแลวนาประทับใจยางยิ่ง
อายฮุยจึงกลับมามีความมั่นใจอยางบอกไมถูกอีกครั้ง
อาจารยที่เสื้อผายับยูยี่ ในมือถือแผงควบคุมเอาไว นัยนตาทั้งสองเปลงประกาย
ชางเปนวินาทีที่ยิ่งใหญเสียจริง ความฝนของตนกำลังจะเริ่มขึ้นแลว เสื้อผาของเขา
ลอยขึ้นทั้งๆ ที่ไรลม ผมเผาที่ยุงเหยิงราวกับนักกวีผูกลัดกลุม ดวงตาที่ผานโลกมามา
กราวกับสามารถมองทะลุสรรพสิ่งได น้ำเสียงที่เอยออกมาทุมต่ำแตกลับเต็มไปดวย
พลัง “ขาเริ่มแลวนะ!”
มือคูนั้นเปนดั่งกระแสน้ำที่วาดผานแผงควบคุม
ซา ซา กระแสไฟฟาสีเงินไหลอยูบนพื้นผิวของเกราะทองแดง
นัย นตาอา ยฮุยเบิกกวางดว ยความตื ่ น ตระหนกหวาดกลั วอย างหาใดเปรียบ
รางกายเปนดั่งตะแกรงที่สั่นไมหยุด เขาอยากจะรองขอใหชวย แตวาในปากกลับไม
อาจเปลงเสียงใดๆ ออกมาได
“เอ ทำไมถึงไดมีกระแสไฟฟาได” ผูเฒาดูเหมือนจะไมเขาใจ
อายฮุยไดยินประโยคนี้ก็แทบจะรองไหอยูแลว ทานถามขาแลวขาจะไปถามใคร
ผูเฒาหยุดการทำงานของแผงควบคุม แลวเดินมาที่หนาของชุดเกราะทองแดงที่
กระแสไฟฟาหายไปแลว เตะดังปงๆ ดูสองสามที จากนั้นก็เปดการทำงานของแผง
ควบคุมอีกครั้ง
ดวงตาของอายฮุยที่เพิ่งจะไดผอนลงก็ไดเบิกกวางขึ้นมาจนกลมโตในทันทีอีกครั้ง
รางกายก็สั่นราวกับตะแกรงอีกครั้งเชนกัน อาการชากระจายไปทั่วราง
ควันสีดำไดลอยออกมาจากรอยแยกของชุดเกราะทองแดง เพียงไมนาน รอบตัว
อายฮุยก็มีควันสีดำลอมอยูโดยรอบ
ผูเฒาพึมพำกับตัวเอง “เอ ทำไมถึงไดมีควันออกมาอีกแลว หรือวาโดนฝนจนเสียแลว
ออ ออ ออ ที่แทก็หยิบแผงควบคุมผิดอัน อันนี้เปนของธาตุไมนี่เอง มินาเลา มินาเลา”
ไดยินประโยคนี้แลวอายฮุยก็เกือบจะเปนลมหมดสติไป
ในที่สุดเขาก็รูวาทำไมตนถึงรูสึกไมสบายใจ ถารางเขาฟนกลับสูสภาพปกติเมื่อไร
เขาจะตองหยุดการทดสอบนี้ลงกลางคันใหได!
ถูกแลว!
จะตองหยุดลงกลางคัน!
อายฮุยไดแอบสาบานขึ้นในใจ
หลังจากนั้นเขาก็ไดเห็นแผงควบคุมสีเงินอันหนึ่งกับมือหนึ่งขาง มือขางนั้นไดเปด
การทำงานของแผงควบคุมอยางคลองแคลว แลวก็มีเสียงที่สงมาจากผูเฒา
“ครั้งนี้ตองไมผิดแน! ลูกศิษย เริ่มแลวนะ!”
รางกายของอายฮุยที่มึนชาแนนิ่งก็เกิดสั่นไหวขึ้นมา
ยังไมทันที่ผูเฒาจะพูดอะไร ดวงตาของอายฮุยก็เบิกโพลงขึ้นมาอีกครั้ง
บทที่ 53 จอมราชันยแหงตำหนัก
หากจะใหอายฮุยสรรหาคำศัพทมาอธิบายความรูสึกของตนในตอนนี้ คำคำนั้น
จะตองเปน “หมื่นศรทะลุใจ” เปนแน!
พลังธาตุทองที่แหลมคมแทรกผานเขามาภายในรางของเขาจากทั่วทุกมุม เขา
รูสึกเหมือนกับตุกตาผาที่ถูกแทงจนพรุนเปนรังผึ้ง เคราะหไมดีที่เวลาเชนนี้ความรูสึก
มึนชาทั้งหมดกลับหายไปอยางไรรองรอย ทำใหเขาเจ็บปวดอยางหาใดเปรียบ
หากไมใชเพราะตอนอยูที่เจดียเสวียนจินไดคุนชินกับความเจ็บปวดเชนนี้แลว
ในตอนนี้เขาคงจะตองรองโหยหวนไมหยุดอยางแนนอน
การฝกที่เจดียเสวีย นจินทำใหเขามีความอดทนตอ ความเจ็ บปวดรูปแบบนี ้ ที่
คอนขางจะแข็งแกรงอยูพอสมควร
“ความอดทนของศิษยคอนขางจะรายกาจอยูนะ” ผูเฒาตกตะลึง
หลังจากสรางชุดเกราะทองแดงสำหรับทดสอบพวกนี้ เขาเปนผูทดลองเพียงคน
เดียว ตัวเขาเองก็เคยไดทดลองกับรุนที่เปนธาตุไฟ แตทวาเขานั้นรองโหยหวนครวญ
ครางจนทำใหอาจารยที่เขาเรียกมาชวยตกใจจนมือ ไม สั ่น ถึงกับโยนแผงควบคุ ม
ออกไปไกลหลายเมตร
แตในตอนนี้อายฮุยกลับไมไดรองเลยสักแอะ ไมเสียทีที่เปนสัตวรายในรางคนที่
สามารถรอดออกมาจากแดนรางได!
นัยนตาทั้งสองขางของผูเฒาเปลงประกายขึ้น ในฐานะของอาจารยที่มีความคิดอยูนับ
ไมถวน จะไปมีอะไรสำคัญยิ่งกวาสิ่งที่เปนทั้งตัวทดลองและลูกศิษยที่ทั้งแขงแกรงและ
ทนทานเชนนี้ เขาจินตนาการไดเลยวาการมีลูกศิษยที่อดทนเชนนี้จะทำใหทฤษฎีและ
แนวคิดของตนกาวหนารวดเร็วเพียงใด และไมนานจะตองบรรลุถึงแกนแทเปนแน
ชางเปนเปาหมายในการทำการศึกษาที่สมบูรณแบบยิ่งนัก!
เขาเลียริมฝปากประหนึ่งวาไดเห็นอาหารเลิศรสก็ไมปาน ในปากก็พึมพำพูดกับ
ตัวเอง “เพิ่มระดับความเขมขนสักหนอย พลังธาตุก็ใหละเอียดยิ่งขึ้นอีกนิด พลังธาตุ
ทองนี่ไมคอยคุนอยูบางนะนี่ ไมเปนไร ทดลองใหมากเสียหนอย...”
หมื่นศรทะลุใจไดเปลี่ยนเปนมดนับหมื่นที่กัดกินรางในทันที
รางกายของอายฮุยไดเริ่มสั่นสะทานขึ้นมา
ผูเฒา เขา ใจอยา งลึก ซึ้งแลว ว า อารมณ พ ลุ  งพล า นที ่ สะสมมาหลายสิ บ ป ไ ด
ปลดปลอยออกมาพรอมกันทีเดียวนั้นเปนอยางไร สายตาของเขาบาคลั่ง ในปาก
พึมพำคำในลำคอ จองมองไปที่แผงควบคุมที่อยูในมือ โดยไมหยุดที่จะปรับแตงพลัง
ธาตุของชุดเกราะทองแดง หรือเงยหนาจองมองแสงสวางบนชุดเกราะเปนพักๆ
ชุดเกราะทองแดงเปลงประกายแสงออกมาตามการควบคุมที่ไมหยุด
อายฮุยรูสึกราวกับวาตนนั้นตกลงไปในขุมนรก อีกทั้งยังเปนนรกในขุมที่ลึกกวา
ขุมที่สิบแปดอีกดวย
พลังธาตุที่ทิ่มแทงรางของเขามีการเปลี่ยนแปลงอยางไมหยุดนิ่ง เกิดความรูสึกชา
คัน เจ็บ รอน ปวด และอีกหลายความรูสึก เปนความรูสึกทั้งหมดที่แตกตางกันนี้
ปรากฏขึ้นบนรางกายในตำแหนงที่ตา งกั น วันกอน ไมสิ กอนที่จะสวมชุดเกราะ
ทองแดง เขาไมเคยคิดมากอนวาพลังธาตุทองบนโลกนี้จะมีหลากหลายประเภทและ
จะสามารถเปลี่ยนแปลงไดมากมายถึงเพียงนี้
ทุกๆ ประเภทของการเปลี่ยนแปลง ลวนเกิดขึ้นอยางฉับพลันโดยที่ไมไดตั้งตัว
รสชาตินั้นเรียกไดวา...เจ็บปวดอยางสุดหัวใจ
ภายใตผมที่ยุงเหยิงของผูเฒา ดวงตาของเขาคูนั้นชางบาคลั่งและจดจอ
ประกายแสงที่อยูบนชุดเกราะเปลี่ยนแปลงไปมาไมหยุด ผูเฒายืนอยูดานขางจด
อะไรบางอยางอยู ปากก็พูดพึมพำคำศัพทเฉพาะที่อายฮุยลวนไมเขาใจ
ในตอนนี้อายฮุยไมไดมีความคิดอื่นแมแตนอยแลว เขาคิดเพียงแควาอยากจะจบ
การทดสอบที่ราวกับตกนรกตรงหนานี้โดยเร็ว
ชุดเกราะทองแดงชุดนี้ไมไดมีคาอะไรใหเผยแพรออกไป อายฮุยนั้นคิดวาความ
อดทนของตนไดอยูในระดับที่สูงแลว แตก็ยังมีหลายครั้งที่เขาเกือบจะหมดสติไป
จิตใจวางเปลาขาวโพลนอยูหลายหน เขาสงสัยวาหากเปนนักเรียนที่รางกายออนแอ
กวานี้สักเล็กนอย มีโอกาสเกิดอันตรายขึ้นได ตอใหไมมีอันตราย ก็เกิดการบอบช้ำ
ทางจิตใจขึ้นและมีผลกระทบตอการฝกฝนในภายหลัง
ชางเปนชิ้นงานที่แสนจะสุดโตงเสียจริง...
ในสมองของอายฮุยปรากฏความคิดเชนนี้ แตที่มีมากยิ่งกวาก็คือความนับถือใน
ตัวอาจารย
ถึงแมในระหวางการทดสอบจะอยูไมสูตายไปเสีย เหมือนกับตกนรกก็ไมปาน แต
วาอายฮุยก็ยังรับรูไดถึงความนาทึ่งอยูภายใน
ลำพังเพียงแครายละเอียดเล็กๆ ที่แตกตางกันมากของพลังธาตุทองนั้น ก็ถือวา
รายกาจอยางมากแลว!
อา ยฮุยมีความรูสึกแรงกลาอยางหนึ่ ง ถึ งแม วา การทดสอบในครั ้งนี้ จะไมให
ผลลัพธอะไร แตการไดมีประสบการณกับพลังธาตุทองที่แตกตางกันมากมายเชนนี้ ก็
มีประโยชนตอการฝกฝนในอนาคตของตนอยางมากแลว
หากวาไมไดมาลองดวยตัวเอง เขาก็จะไมมีทางรูถึงรายละเอียดเล็กๆ ที่แตกตาง
กันเหลานี้ หากเปนพลังธาตุทองเหมือนกัน มีรายละเอียดเล็กๆ ที่ตางกัน ก็จะแสดง
ถึงคุณสมบัติที่แตกตางกันอยางสิ้นเชิง
พลังธาตุทองมีสวนที่เหมือนกัน แตก็มีสวนที่แตกตางของแตละชนิดเชนกัน
ทฤษฎีของอาจารยชางลึกซึ้งยิ่งนัก
อายฮุยรูวาสิ่งเหลานี้ หากใหตนไปจับจุดดวยตัวเองละก็ เปนไปไดวาจะไมมีวันได
เขาถึง
ทันใดนั้น คลังชีวิตของเขาก็ไดสั่นไหวอยางรุนแรง เปนตอนนี้เองที่ผูเฒาไดเงย
หนาขึ้น “ตอนนี้พวกเรามาทดสอบหาคลังแปดตำหนักของเจาเสียหนอย มาดูกันมา
ตำหนักไหนแข็งแกรง ตำหนักไหนออนแอ”
อายฮุยอึ้งไปสักพัก เปนครั้งแรกที่เขาไดยินวา หาคลังแปดตำหนักมีบางตำหนักที่
แข็งแกรง และบางตำหนักที่ออนแอ
ผูเฒาราวกับรับรูไดถึงความสงสัยในใจของอายฮุย จึงกลาวอธิบาย “อาจารย
โดยทั่วไปจะไมพูดถึงสิ่งเหลานี้ เนื่องจากมีนักเรียนอยูมากมายและปญหาที่ผัวพันกับ
สิ่งนี้ก็มีมาก มันจึงคอนขางจะซับซอน เอาเปนวาใหเจาเขาใจเชนนี้ โลกเรามีคนถนัด
มือขวาและคนถนัดมือซาย มีคนที่ตั้งแตเกิดมาก็มีขาขวาที่แข็งแรงและวองไวยิ่งกวา
ขาซาย รางกายของมนุษยนั้นมีทั้งความสมดุล และความไมสมดุล หาคลังแปดตำหนัก
เองก็เปนเชนนี้ มีตำหนัก บางตำหนั ก ที ่ แ ข็ งแกร ง และบางตำหนั ก ที ่ อ  อ นแอ ใน
สมัย กอ นสิ่งเหลานี้เปนความลับ ที่ ถ า ยทอดสื บ มาในตระกู ลใหญ บ างตระกู ล แต
ในตอนนี้ไดแพรกระจายออกไปแลว พวกตระกูลใหญนั้นเกงกาจทีเดียว พวกเขาทำ
การวิจัยอยางลึกซึ้ง การรูจุดแข็งและจุดออนของแปดตำหนักอยางชัดเจนนั้น จะมี
ประโยชนในการฝกฝนของเจาในภายหลังเปนอยางมาก”
อายฮุยกระจางขึ้นมาในทันที การอธิบายของผูเฒานั้นมีพลังในการโนมนาวใจ
อยางเหลือเชื่อ
“คลังชีวิตของเจานั้นไมเลว ซึ่งเปนผลมาจากการที่เจาฝกพลังธาตุจนเออลนแลว
คอยทะลวงคลังชีวิต เมื่อกอนขาเคยพูดเอาไว การปลอยใหพลังธาตุเออลนแลวคอย
ทะลวงประตูคลังชีวิตจะมีขอดีอยางมากในภายหลัง มันจะทำใหคลังชีวิตของเจา
มั่นคงยิ่งขึ้น แตวาคนทั่วไปลวนไมมีความอดทนในสวนนี้” ผูเฒาพูดไปพลาง ปรับแผง
ควบคุมที่อยูในมือไปพลาง
ผานไปไดสักพัก ฝามือขางซายของอายฮุยก็เปลงแสงสองสวางขึ้นมากอนหนึ่ง
“ไมเลว ตำหนักแขนซายของเจาไมเลวเลย เปนตำหนักที่แข็งแกรง”
ผานไปอีกสักพัก ฝามือขางขวาของอายฮุยก็เปลงแสงสองสวางขึ้น
“ตำหนักแขนขวาก็เปนตำหนักที่แข็งแกรง ไมเลวนะ แขนทั้งซายขวามีความสมดุล มี
กระบวนทาบางทาที่ตองใชความสมดุลของแขนซายขวาถึงจะสามารถเรียนได”
“ตำหนักขาซายเปนตำหนักที่แข็งแกรง!” “โอโฮ ตำหนักขาขวาเองก็เปนตำหนัก
ที่แข็งแกรงเชนกัน ขาทั้งสองขางมีความสมดุล แขนขาทั้งสี่มีความสมดุล!” ผูเฒารอง
ขึ้นอยางประหลาดใจ ใบหนาเต็มไปดวยความตื่นเตน “ลูกศิษย เจานี่เปนตัวออนของ
นักสูเลยนะ! แขนขาทั้งสี่สมดุล ชางเปนสัตวเลื้อยคลานที่สมบูรณแบบนัก ขารูจัก
กระบวนทาที่รายกาจอยูหลายทาที่ตองมีสี่ตำหนักประสานกัน เมื่อสองรอยปกอน
หัวหนาหนวยทหารราบอูเหยียนก็มีตำหนักแขนขาทั้งสี่ที่สมดุลและเปนตำหนักที่
แข็งแกรง รูหรือเปลาวาฉายาของเขาคืออะไร [ปลาหมึกเหล็ก]! ฮา ฮา ฮา สมแลว ไม
เสียทีที่เปนลูกศิษยของขา” สัตวเลื้อยคลาน...
อายฮุยไมรูวาควรจะพูดอะไร แตวา...มันควรจะฟงดูนาเกรงขามอยางนั้นเหรอ
แลวก็คำวา “ปลาหมึก” ที่มี “เหล็ก” เขาไปอีกนี้ ก็ไมไดดูทรงพลังเลยแมแตนอย
“ตำหนักปฐพีก็แข็งแกรง!”
“ตำหนักมหาสมุทรก็แข็งแกรง!”
“ตำหนักประตูก็แข็งแกรง! อา อา อา เจาลูกศิษยหากตำหนักนภาก็แข็งแกรงอีก
ละก็ เจาก็ไรเทียมทานแลว! มีตำหนักที่แข็งแกรงทั้งราง! ตำหนักที่แข็งแกรงสมบูรณ!
ไมมีจุดตายอยางสิ้นเชิง! เปนหาคลังแปดตำหนักที่สมบูรณแบบ! เจารูหรือไมวาสิ่งนี้
เรียกวาอะไร จอมราชันยแหงตำหนัก!”
ตำหนักนภาก็อยูตรงหวางคิ้ว เมื่อเห็นอาจารยที่ทาทางตื่นเตนขนาดนั้นแลว อายฮุย
เองก็พลอยรูสึกตื่นเตนไปดวย จอมราชันยแหงตำหนัก! แคพลังก็ดูทรงพลังอยางมาก
แตวา...ทำไมตนถึงไดรูสึกถึงการฝนทำอะไรสักอยาง...
การมีตำหนักที่แข็งแกรงทั้งราง ไดยินอยางนี้คอยรูสึกสบายใจขึ้นมาบาง
“ตำหนักนภา ตำหนักนภา จะตองเปนตำหนักที่แข็งแกรงแน...เอ” อยูๆ ผูเฒาก็
หยุดชะงักลง นิ่งอึ้งมองไปที่บริเวณหมวกของอายฮุย
บทที่ 54 แสงกะพริบสวางแวววาว
อายฮุยไดยินเสียงรองเอของอาจารย หลังจากนั้นก็มองอยางนิ่งอึ้งมาที่ตน หัวใจ
จึงเตนไมเปนจังหวะขึ้นมา
ใบหนาราวกับคนเกือบถูกหวย เลขดานหนาเหมือนกับรางวัลที่หนึ่งทั้งหมด เหลือ
เพียงเลขตัวสุดทาย ขอเพียงหนึ่งตัวเลขนี้เหมือนกันก็ถูกรางวัลที่หนึ่งแลว หัวใจของ
เขาก็เตนระส่ำระสายราวกับจะทะลุออกมาจากอก กังวลอยางหาใดเปรียบ
อา ยฮุย รูสึกวา ตนเปนคนที่คอนข างอดกลั ้ น อารมณได ดี มาโดยตลอด แต วา
ในตอนนี้ เขากลับไมอาจควบคุมความกังวลของตนได
เขารูดีวาตนไมไดมีพรสวรรค ถึงแมวาอาจารยจะชมวาเขาเปนผูมีพรสวรรคมา
โดยตลอด แตวาสิ่งนี้ก็ไมอาจเปลี่ยนแปลงรากฐานที่ย่ำแยของเขาได ไมงายเลยที่จะมี
ถึงเจ็ดตำหนักที่เปนตำหนักที่แข็งแกรง ขอเพียงตำหนักนภาเปนตำหนักที่แข็งแกรง ก็
จะกลายเปนจอมราชันยแหงตำหนักที่ถูกโจษจันเปนตำนาน
เอาเถิด อยางไรเสียนี่ก็เปนครั้งแรกที่อายฮุยไดยินเรื่องจอมราชันยแหงตำหนัก
อะไรนี่ ไมรูดวยซ้ำวาจะเปนตำนานจริงหรือไม แตเห็นวาอาจารยมีทาทางตื่นเตนถึง
เพียงนั้นแลว มันก็ควรเปนพรสวรรคที่รายกาจมากพอตัว
อายฮุยที่ไมเคยคาดหวังในเรื่องพรสวรรคของตนมาตั้งแตแรก อยูๆ ก็มีคนมา
บอกวา ตนนั้นไดซอนพรสวรรคบางอยางที่ไมมีใครรูและแสนรายกาจอยางมากเอาไว
ไดยินขาวดีอยางนี้แลวก็ไมผิดที่เขาจะรูสึกตื่นเตนดีใจ
แตวา...อาจารยไดหยุดนิ่งไปแลว...
ประกายแสงในดวงตาของอายฮุยไดมืดดับลง เอาเถอะ ดูทาแลวจะกลายเปน
จอมราชันยแหงตำหนักไมไดแลว หากวาเปนตำหนักที่แข็งแกรงแลว อาจารยจะตอง
พูดออกมาเปนแน
อายฮุยใชเวลาไมนานก็ฟนตัวจากสภาพผิดหวังกลับมาได ในใจอดหัวเราะไมได
ตนเองก็ชางละโมบเสียจริง แขนขาทั้งสี่สมดุล และในตำหนักทั้งแปดมีถึงเจ็ดตำหนัก
ที่เปนตำหนักแข็งแกรง ยังจะมีอะไรที่ไมพอใจอีก
ประดุจดังคนที่คลำหาอยูทามกลางความมืดมาแสนนาน ใฝใจเพรียกหาแสงสวาง
แตกลับไมกลาหวังวาตนจะไดครองดวงอาทิตยทั้งดวง เขาเปนดั่งคนยากจนแตขยัน
ทำงาน บางครั้งก็คอยเพอฝนวาพรุงนี้จะถูกรางวัลไดเงินมาสักเล็กนอยพอยาไส แตไม
หวังวาตนจะมีราชรถมาเกย
“แสงนี้ทำไมถึ งไดกะพริบ ไปมา เชนนี้จะสรุปวาเปน ตำหนัก ที ่แข็ งแกร งหรื อ
ออนแอกันนะ” เสียงอาจารยพูดกับตัวเองดังแววมา น้ำเสียงเต็มไปดวยความสงสัย
“หรือ วา ชุดเกราะทองแดงจะมีป ญ หาขึ ้ น มาจริ งๆ แล ว ดู ท  า ว า จะมี ป  ญ หาแล ว
ไมเชนนั้นก็ไมมีทางกะพริบไดหรอก”
แสงสวางสีขาวเงินของตำหนักทั้งเจ็ดกอนหนานี้ที่สวางขึ้น ลวนสองสวางอยาง
มั่นคง แตตำหนักนภากลับติดๆ ดับๆ สวางบางมืดบาง
สักพักเปนตำหนักแข็งแกรงสักพักเปนตำหนักออนแอ จะเปนไปไดหรือ อายฮุย
อดหัวเราะไมได หรือวาตำหนักนภาจะยังไมแนนอน ในตอนนี้ผูเฒาไดปรับสภาพ
จิตใจของตนใหมแลว
ผูเฒาเตะหมวกอยูหลายที ตีอยูหลายหน ก็ยังเปนเหมือนเดิม
“ชางประหลาดเสียจริง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน” ผูเฒาพูดกับตัวเองดวยใบหนางงงวย
“หมวกเสียแลวหรืออยางไร ตองไปหาแบบแปลนออกมา หรือวาตอนที่ขาออกแบบมี
ตรงไหนที่เกิดปญหาขึ้นมา” อายฮุยตองใชแรงอยางมากในการถอดชุดเกราะทองแดง
แสนหนักนี้ออก ทั่วรางของเขาราวกับเพิ่งจะถูกงมขึ้นมาจากสระน้ำ เหงื่ออาบชุม
เสื้อผาไปทั้งชุด ในรางกายยังมีกลามเนื้อบางสวนที่ยังคงสั่นอยางคุมไมอยู ใบหนาของ
เขาซีดขาว กำลังกายออนลาถึงขีดจำกัด
เมื่อไดสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ อายฮุยก็รูสึกราวกับอยูกันคนละโลก ไดมีชีวิตใหม
อีกครั้ง ความรูสึกผิดหวังเมื่อครูถูกกวาดทิ้งไปจนสิ้น มีเพียงความยินดีในชีวิตหลังพน
ทุกขพนโศก
“ลูกศิษย ไมเปนไร!” ผูเฒากลาวปลอบใจอายฮุย "ขาจะออกแบบเจาพันปรัชญา
ใหมสักหนอย ในครั้งนี้ขามีแรงบันดาลใจใหมมากมาย และเล็งเห็นจุดผิดพลาดอยูบาง
จุด วางใจได รุนใหมจะตองไมมีปญหา แถมยังเพิ่มความสามารถใหมๆ ไดอีกดวย พอ
ถึงเวลาพวกเรามาทดสอบกันใหมอีกหนแลวกัน!
อายฮุยพอไดยิน “ทอสอบอีกหน” สี่พยางคนี้ รางกายก็สั่นเทิ้มขึ้นมา
การทดสอบที่เหมือนกับการตกนรกนี้ เขาไมคิดจะใหมีครั้งที่สองอีกอยางแนนอน เขา
รีบรอนกลาวขึ้น “ขารูสึกมันวาแมนยำอยางมากแลว ทานอาจารย ครั้งนี้ขารูสึกวาได
ผลสำเร็จอยางมาก ไมตองทดสอบอีกแลว มีเจ็ดตำหนักที่แข็งแกรงก็ดีมากพอแลว รอ
ใหศิษยฝกไปถึงตำหนักนภาเสียกอน แลวคอยทดสอบใหมก็คงไมสายเกินไป”
ผูเฒาลองไตรตรองดูแลวก็เห็นดวย ในหาคลังแปดตำหนักนี้ ตำหนักนภาถือวาฝก
ไดยากที่สุด นักเรียนปกติลวนเอาตำหนักนภาไวฝกเปนสวนทายสุด ดูตามความเร็วใน
การฝกของอายฮุยแลว ตำหนักนภายังหางไกลจากเขามากมายนัก
“ที่เจาพูดก็มีเหตุผล” ผูเฒาตัดสินใจวาจะไมไปยุงกับเรื่องราชันยแหงตำหนักอีก
อีกอยางลูกศิษยก็ดูสะบักสะบอม และหวาดวิตกเอาปานนั้น ไมงายเลยกวาจะมีลูก
ศิษยสักคน หากวาไมระวังเลนจนพังแลว...ไมถูกสิ หากวาไมระวังฝกจนรางพังแลว
เชนนั้นตนจะไปหาลูกศิษยที่ดีขนาดนี้จากที่ใดไดอีก
คนสวนใหญไมสามารถทนการทดสอบของตนได ตอนที่เขาทดลองดวยตัวเองใน
ครั้งนั้น ยังยืนหยัดอยูไดเพียงสามนาที หลังจากนั้นก็รองไดฟูมฟายคลานออกมาจาก
ตรงนั้น
ลูกศิษยสามารถยืนหยัดไดจนจบการทดสอบ ก็ถือวาไมใชเรื่องงายแลว
ผูเฒายิ้ม “ลูกศิษยเอย มีเจ็ดตำหนักที่แข็งแกรงก็ถือวาเปนพรสวรรคที่ไม เลว
อยางมากแลวนะ พวกเรามาพูดถึงวิธีการฝกที่เปนรูปธรรมสักหนอย แนนอนวาเปน
เคล็ดลับของอาจารยเอง”
อายฮุยพักหายใจหายคออยูครูหนึ่ง กำลังกายก็ฟนกลับมาไดไมนอยแลว เมื่อได
ยินประโยคนี้ ก็ตั้งสติขึ้นมาในทันที ถึงแมวาอาจารยจะมีบางครั้งที่ดูไมคอยนาเชื่อถือ
อยูบาง แตความรูยิบยอยของอาจารยกลับนาประทับใจอยางที่สุด
ผูเฒา สังเกตเห็นวาสีหนา ของอ ายฮุยไดฟ น กลับ มาบางแลว แอบคิ ดในใจวา
รางกายของลูกศิษยคนนี้ชางไมเลวเลย ความเร็วในการฟนฟูกำลังกายเหมือนวาจะ
เร็วยิ่งกวาคนทั่วไป คงตองลองใหเขาทำการทดสอบในดานนี้ดูสักวัน คุณสมบัติที่
พิเศษเชนนี้ถือเปนคุณสมบัติที่หาไดยากพอสมควรเลยทีเดียวละ ไมใชประโยชนใหดีก็
นาเสียดายเปลาๆ จะทำอยางไรถึงจะใชไดนั้น เรื่องนี้ตองคิดใหดีๆ
“ทานอาจารย” อายฮุยเห็นวาอาจารยดูเหมอลอยไปครูหนึ่ง จึงเรียกเตือน
“โอ โอ โอ” ผูเฒาดึงสติกลับมา กระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง “อาจารยยังตองใชเวลา
ในการวิเคราะหบันทึกการทดสอบของเจาสักสามสี่วันจึงจะใหผลสรุปแกเจาได ชวงนี้
นั้นเจาก็ฝกตามวิธีการฝกกอนหนานี้ไปกอน ตั้งใจเขาเรียน วิชาเรียนยังคงตองเขา ตัว
ขาเองก็ไมใชวาจะรูเรื่องทุกวิชา การเปดโลกทัศนเปนสิ่งที่จำเปนอยางมาก มันจะ
สงผลดีกับเจาในอนาคต การฝกหลังจากนี้จะไมเหมือนกับที่เจาเคยฝกมากอน เชน
การแกะสลัก”
“การแกะสลักหรือ” อายฮุยนิ่งไปพลัน จะคิดอยางไรก็นึกไมออกวาการฝกของ
ตนจะไปมีความเกี่ยวของกับการแกะสลักไดอยางไร
“ถูกแลว การแกะสลัก” ผูเฒามีความสุขกับทาทางตกตะลึงของอายฮุยอยางออก
หนาออกตา
“ฮา ฮา คิดไมถึงละสิ การฝกนั้นตองอาศัยวิชาความรูอยางมาก การแกะสลักกับ
การฝกมีความเกี่ยวของกันอยางไรนะหรือ เจาเปนผูฝกพลังธาตุทอง สิ่งที่เหมาะสม
ที่สุดก็คือการแกะสลัก การแกะสลักสามารถฝกฝนเจา เรื่อ งความสามารถในการ
ควบคุมพลังธาตุได เจาลองคิดดู สมมุติใหพลังธาตุเปนดั่งมีดแกะสลัก มีทั้งเล็ก ใหญ
โคง ตรง และที่มีลักษณะรูปรางแบบพิเศษไวใชในงานที่ตางกัน อีกทั้งในตอนที่ทำการ
แกะสลัก ความสนใจของเจาไมควรไปตกอยูแคกับการควบคุมพลังธาตุ มิเชนนั้นแลว
เจาก็จะแกะสลักไดไมดี การควบคุมพลังธาตุของเจาใหไดดั่งใจนั้นไมใชเรื่องงาย หาก
เจาสามารถเรียนรูการแกะสลักพลังธาตุไดและใชไดอยางชำนาญ การควบคุมพลังธาตุ
ที่เล็กละเอียดก็จะไปถึงระดับที่โดดเดนอยางมาก การฝกกระบวนทาที่มีความซับซอน
ของเจาในภายภาคหนา เจาก็จะสามารถทำไดอยางราบรื่น”
อายฮุยไดฟงแลวก็กระจางขึ้นมาในทันที นัยนตาทั้งสองขางก็เปลงประกายสวางขึ้น
ถูก แลว ถา หากเขาสามารถแกะสลัก สิ ่งที่ ซับ ซอ นถึ งเพี ยงนั ้น ได เช น นั ้นการ
ควบคุมพลังธาตุของเขาก็จะเพิ่มระดับขึ้นไมรูเทาไร!
“แตวา การฝกฝนตองเริ่มจากงายไปยาก ใหเจาเริ่มแกะสลักในทันที ก็คงจะยาก
เกินไป อาจารยไดคิดวิธีการฝกที่คอนขางงายกวาเอาไวแลว” ผูเฒากลาวดวยใบหนา
ที่มีรอยยิ้มลึกลับ
ไมรูวาเพราะอะไร เมื่ออายฮุยมองไปที่รอยยิ้มของอาจารยแลว ในใจกลับรูสึก
กังวลขึ้นมาตงิดๆ “วิธีการอะไรหรือ”
“ถึงเวลาเจาก็จะรูเอง”
ความกังวลในใจของอายฮุยยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที
บทที่ 55 เพื่อนเกา
ตอนที่อายฮุยตื่นขึ้นมาในวันที่สองก็เปนเวลาเที่ยงวันแลว แสงอาทิตยรอนแรง
สองลงมาจนเขาแทบลืมตาไมขึ้น ถึงเวลาเที่ยงวันแลวกลับยังไมตื่น สำหรับเขาแลวถือ
ไดวาเปนเหตุการณที่คอนขางจะพบไดนอยนัก
เมื่อคืนวานเขาเกือบคลานกลับมายังโรงฝก พอถึงโรงฝกก็ปนขึ้นเกาอี้หวายแลว
ลมหัวลงนอน นอนจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาชอบนอนบนเกาอี้หวายในสวน เพราะ
ดวงดาวที่อยูเต็มทองฟา มักจะทำใหจิตใจของเขารูสึกสงบ แสงอาทิตยที่อบอุนในยาม
เชาเปนจุดเริ่มตนที่งดงามที่สุดของวัน
ดวงอาทิตยยามเที่ยงวันรอนรุนแรงอยางมาก
พูดขึ้นมาแลวก็แปลกอยู เมื่อวานรางกายปวดบวมทั่วรางจนเหมือนกับเปนเสน
บะหมี่ พอตื่นขึ้นอาการปวดบวมกลับหายไปจนสิ้น จิตใจของเขามีชีวิตชีวา ทั่วราง
เต็มเปยมไปดวยพลัง
อายฮุยอารมณดีขึ้นมาในทันที รางกายที่เต็มเปยมไปดวยพลังทำใหเขารูสึกวา
สามารถตอนรับการทาสูไดทุกรูปแบบ
เขาตัดสินใจวาจะออกไปกินบะหมี่ จากนั้นคอยไปโรงฝกที่จัดการแขงปดตาตอสู
แตละแหงเพื่อตามหาคน
อายฮุยละอายใจอยูบางที่รับปากสาวนอยรานบะหมี่มานานขนาดนี้แลว แตกลับ
ยังไมไดลงมือเสียที ที่จริงแลวการจะทำตัวไรยางอายเหมือนเจาอวนนั้นชางยากนัก
อายฮุยแสนจะอิจฉาเจาอวนอยางมาก ทำตัวไรยางอยางไมสะทกสะทานอะไรเลย
เชนนั้น ถือเปนพรสวรรคอยางหนึ่งก็วาได เปนพรสวรรคที่แสนรายกาจยิ่งนัก
เมื่อมาถึงรานบะหมี่ อายฮุยก็วางทาใหญโตสั่งบะหมี่มาหาชาม
อายฮุยมาอุดหนุนหลายครั้งแลว เถาแกจึงคุนหนาคุนตาเขาดี โดยเฉพาะอยางยิ่ง
เรื่องการจายเงินแทนในครั้งกอนก็ทำใหเถาแกจำไดราวกับเพิ่งเกิดขึ้น ในตอนที่ยก
บะหมี่มาให เถาแกยังถามไถดวยความใสใจอยางมาก “พอหนุมไมไดเจอกันนานเลย
เออจริงสิ เงินหนึ่งรอยหาสิบหยวนของแขกผูหญิงในครั้งกอนไดคืนหรือยัง”
อายฮุยที่เพิ่งจะหยิบตะเกียบเตรียมกินบะหมี่คำใหญ ไดหยุดตะเกียบคางไวกลาง
อากาศ
คำพูดกรีดกลางใจ แถมยังเอาเกลือราดใสปากแผลอีก...ทำการคาไมเปนหรือไร
แตจะพูดอะไรได ใหบอกวาเขาติดเงินกอนใหญถึงแปดสิบลานหยวนเพราะเงิน
หนึ่งรอยหาสิบหยวนอยางนั้นหรือ บอกวาบะหมี่ชามเดียวกอใหเกิดโศกนาฏกรรม
ของชีวิตหรือ เงินหนึ่งรอยหาสิบหยวนทำลายสิ้นความหวังในชีวิตหรือ
โลกใบนี้ชางแปลกประหลาดนัก เพราะอะไรถึงยังรูสึกวาเรื่องทั้งหมดเปนเพียง
ความฝน...
อายฮุยทอดถอนใจอยางเสียมิได คอยๆ เริ่มกินบะหมี่อยางเงียบๆ
เถาแกเห็นอายฮุยมีสีหนาไมคอยดี ก็ทอดถอนใจเชนกัน เขาใหเนื้อวัวแวนหนึ่ง
แลวตบไหลกลาวปลอบใจ
“ชีวิตคนเราไมมีหลุมที่กาวขามไมได เงินหนึ่งรอยหาสิบหยวนไมไดคืนก็คือไมไดคืน
การเปนคนดีตองยืนหยัดตอไป มา อาใหเนื้อวัวกับเจาแวนหนึ่ง!”
เห็นเนื้อวัวแวนหนึ่งที่หอมฟุงไปทั่ววางอยูตรงหนา อารมณอายฮุยก็ดีขึ้นมาไมนอย
“ขอบคุณทานอา!”
เขาเริ่มโซยบะหมี่คำใหญ เนื้อวัวชางหอมหวานอยางมาก
อายฮุยกินบะหมี่หมดแลวทั้งหาชาม ก็โบกมือลาคุณอารานบะหมี่ “ลากอนทานอา!”
อายฮุยเริ่มเดินไปตามโรงฝกแตละแหง อิงตามรองรอยที่สาวนอยรานบะหมี่ใหไว
เพื่อตามหาเปาหมายที่นาสงสัย
ผานมาชวงหนึ่งแลวที่ไมไดมาโรงฝก ไมนานอายฮุยก็ไดพบวาในตอนนีผ้ ูเ ขารวม
การแขงปดตาตอสูในโรงฝกมีความแข็งแกรงมากกวาเมื่อกอนมากมายนัก
ตอนนี้ผูที่กลาขึ้นเวทีลวนเปนพวกที่มีความมั่นใจในความแข็งแกรงของตัวเองอยู
มากทีเดียว ผูเขาแขงที่เปลี่ยนมาเปนแข็งแกรง การตอสูก็ชวนชมอยูไมนอย
มองดูอยูหลายรอบอายฮุยก็รูวาหากคิดจะหาเงินจากการแขงปดตาตอสูของโรง
ฝกเชนเมื่อกอน คงเปนไปไมไดแลว แมวาเขาเพิ่งจะเปดคลังชีวิตและความแข็งแกรง
เพิ่มขึ้นอยางมาก แตหากเทียบความความแข็งแกรงกับผูเขาแขงขันที่อยูดานบนแลว
ยังถือวาหางไกลมากนัก โดยพื้นฐานแลวดานบนลวนเปนพวกนักเรียนเกาที่เปดตั้งแต
สี่ตำหนักขึ้นไป ในบางครั้งก็มีพวกอายุนอยใหไดเห็น ซึ่งก็เปนพวกที่เรียกไดวาเปนผูมี
พรสวรรคของโรงเรียนตางๆ ที่มีชื่อ
ชัยชนะอยางตอเนื่องของตวนมูหวงฮุนในการแขงปดตาตอสูนั้นไดทำใหการแขง
ปดตาตอสูของเมือ งซงเจียนไดขึ้น ไปสู ระดั บที ่สู งยิ ่งขึ ้นอีกครั ้ ง พวกเด็กหนุม ผู  มี
พรสวรรคและหัวรอนเหลานั้นลวนมาลองทดสอบดูสักหนอยวาตนกับตวนมูหวงฮุนจะ
มีระยะหางกันมากมายเพียงใด
การปดตาตอสูไดกลายเปนสัญลักษณของเมืองซงเจียนไปแลว
อายฮุยเดินเขาไปแลวหกโรงฝก ไมมีแหงใดเลยที่เปนขอยกเวน เขานั้นไมมีโอกาส
ไดรับชัยชนะเลยแมแตนอย
ไมมีท างที่จ ะหาเงินจากการแข งป ดตาต อ สู  ได อี ก แล ว ในใจของอ า ยฮุ ยรูสึก
เสียดายอยางมาก แตเขารูวาสิ่งนี้เปนเรื่องที่จะตองเกิดขึ้น เรื่องดีๆ ที่เคยเจอเมื่อกอน
อยาไดคิดวาจะไดเจออีก
เขาเดินเขาไปในโรงฝกทั้งหมดของเมืองซงเจียนแลวรอบหนึ่ง แตก็ไมไดพบกับผูที่
ตองสงสัยวาจะเปนเปาหมายสักคนเดียว
กอนที่ยามราตรีจะมาเยือน อายฮุยแบกความเหนื่อยลากลับไปยังโรงฝกศาสตราวุธ
พูดกันตามจริง การตามหาคนยังเหนื่อยกวาการฝกมากมายนัก ในวันแรกไมไดมี
ผลสำเร็จอะไรเลย ซึ่งไมใชเรื่องแปลกอะไร
การตามหาคนไมใชเรื่องที่งายดาย โดยเฉพาะอยางยิ่งรองรอยก็เลื่อนรางเชนนี้
ไมใชการงมเข็มในมหาสมุทรก็เปนการงมเข็มในสระเก็บน้ำ ทายที่สุดแลวดวงนั้น
สำคัญกวาวิธีการ
สาวนอยรานบะหมี่ในชวงนี้ก็ไมไดมีขาวคราว คาดวานาจะออกเดินทางแลว นึก
ถึงสิ่งที่อาจารยสวี่เคยพูดไว ผานไปสักชวงหนึ่งจะมีภารกิจใหทำ หรือวาสาวนอยราน
บะหมี่จะออกไปทำภารกิจที่วานี้
อายฮุยไมไดคิดใหวุนวาย ชีวิตของเขาไดเปลี่ยนเปนชีวิตที่ทั้งยุงและมีสาระขึ้นมา
ทั้งเขาเรียนเอย ฝกฝนเอย ตามหาคนเอย บางครั้งยังมีการทบทวนคัมภีรกระบี่อีกดวย
เขายังจำเรื่องที่สาวนอยรานบะหมี่พูดไดวาจะใหเขาชี้แนะวิชากระบี่ใหกับนาง
แนนอน ที่วาทบทวนคัมภีรนั้นก็เปนการกลอมใหหลับอีกรูปแบบหนึ่ง
เรื่องของตัวออนกระบี่ เขาไมไดไปใสใจ ครั้งกอนที่ทำกระบี่พังไป เขาก็ยังทำใจ
ซื้อกระบี่เลมใหมไมได แตวาเรื่องการฝก นับวันเขายิ่งจะกระโจนเขาใส
ณ ที่พ ัก อาจารย เถาอีเหวย มองดู ห วั งโส วชวนที ่ก ำลั งตั ้ งอกตั ้ งใจทำงานอยู
คอนขางจะคาดไมถึงอยูบาง ตาเฒาหวังในชวงสองวันมานี้ราวกับดื่มยาบำรุงกำลังเขา
ไปก็ไมปาน สภาพจิตใจแตกตางกับในยามปกติอยางสิ้นเชิง ทั้งสองคนทำงานรวมกัน
มาสิบกวาป รูจักมักคุนกันดีจนไมอาจจะคุนเคยไปมากกวานี้ไดอีก ความกระตือรือรน
เชนนี้ ไมไดเห็นจากตัวของตาเฒาหวังมานานแลว
หรือวาทฤษฏีของตาเฒาหวังมีการบรรลุอะไรแลว ตาเฒาเถากังวลอยูในใจ ปาก
จึงอดไมไดที่จะกลาวขึ้น “ตาเฒาหวัง ใบหนาเจาแดงเปลงปลั่งเชนนี้ มีเรื่องดีอะไร
เกิดขึ้นก็พูดออกมา ขาจะไดสัมผัสไอมงคลบาง”
หวังโสวชวนที่กำลังวิเคราะหบันทึกการทดสอบอยูเมื่อไดยินแลวจึงไดเงยหนาขึ้น
ใบหนาปกปดความปติยินดีและความภาคภูมิใจเอาไวไมมิด
“อะไรก็ไมอาจะปดบังดวงตาทั้งสองของเจาตาเฒาเถาไดจริงๆ เมื่อเร็วๆ นี้มีเรื่อง
ดีเกิดขึ้นจริง ขาไดรับศิษยแลว”
“อะไรนะ” เถาอีเหวยนิ่งอึ้งไป แตไมนานก็ตอบสนองกลับมาได ทั้งใบหนาเต็มไป
ดวยความตกตะลึง “ตาเฒาหวังเจารับศิษยแลวอยางนั้นหรือ”
ตาเฒาหวังนี้เขาคุนเคยอยางมาก ทั้งนิสัยเสียทั้งหัวแข็ง ทำตัวดื้อรั้น กระดาง
กระเดื่อง มุทะลุลำพองจนเกินควร เกือบจะเอาทั้งชีวิตอุทิศใหกับทฤษฎีของตนเอง
วาทศิลปก็ไมมี นิสัยก็ใชไมได ไมรูจักประกาศทฤษฎีของตน ของพวกนั้นของตาเฒา
หวังจนถึงตอนนี้ก็ยังไมมีผูใดถามถึง
คิดไมถึงวาตาหวังจะถึงกับรับศิษยแลว
เถาอีเหวยคอนขางอิจฉา “ชางเปนเรื่องที่นายินดีนัก ดีใจดวยนะตาเฒาหวัง!”
เขาไมไดปกปดความอิจฉาของตนแมแตนอย จนถึงตอนนี้เขาก็ยังหาลูกศิษยที่จะ
มาสืบทอดวิชาความรูของตนไมได ทฤษฏีของตาเฒาหวังไมไดมีอะไรมาก แตกลับ
เคราะหดีเสียอยางนั้น
ในใจของตาเฒาหวังรูสึกภูมิใจ แตปากก็ยังคงกลาว “ยังพูดเร็วเกินไป ความ
แข็งแกรงของเจาเด็กนั่นยังย่ำแยอยูมาก”
ตาเฒาเถายิ้มขึ้นมา เขารูวาสายตาของตาเฒาหวังนั้นสูงมาก ไมมีทางที่จะเอาใคร
ก็ไดมาเปนลูกศิษยเปนแน เมื่อไดยินคำพูดประโยคนี้ก็อดหัวเราะขึ้นมาไมได เขาออก
ปากพูด “เปนเชนนี้ไมใชวาจะไดทดสอบทฤษฏีของเจาพอดีหรอกเหรอ”
“ขาก็คิดเชนนั้น” ตาเฒาหวังกลาวขึ้น “รากฐานของเจาเด็กนั่นก็ไมไดมีอะไร แตวาไม
ถึงกับไมมีจุดที่ใชการได เขาสามารถทนการทดสอบของพันปรัชญาของขาไดเชียวละ”
ตาเฒาเถาถึงกับตกตะลึง “เขาทนผานไปไดอยางนั้นหรือ”
พันปรัชญาของตาเฒาหวังนั้นเขาคุน เคยอยางมาก ไมเพียงรวมถกเถียงตอน
ออกแบบ แตในตอนที่ตาเฒาหวังสรางพันปรัชญาชุดแรกขึ้นมา ก็เปนเขาที่ชวยตา
เฒาหวังคุมแผงควบคุม ผลลัพธคือตาเฒาหวังทนไดเพียงแคสามนาทีก็รองหมรองไห
ครวญครางคลานออกมาแลว
ในตอนที่ตาเฒาหวังออกแบบในตอนนั้น เขาก็รูสึกวาพันปรัชญาไมไดมีคาอะไร
จริงๆ เขารูสึกวาความคิดของตาเฒาหวังดูเปนอุดมคติเกินไป ไมมีใครสามารถยืนหยัด
ทนการทดสอบชุดพันปรัชญาได
เมื่อไดยินตาเฒาหวังบอกวาลูกศิษยของเขาผานการทดสอบมาแลว เถาอีเหวยจะ
ไมตกตะลึงไดอยางไร
บทที่ 56 ไตกงั
มองดูตาเฒาเถาที่ปากอาตาคางแลว หวังโสวชวนก็ยิ่งภาคภูมิใจยิ่งขึ้นไปอีก
ทั้งสองคนตางรูจักความนากลัวของพันปรัชญาดี เมื่อกอนเขาก็เหมือนกับตาเฒาเถา
รูสึกวาไมมีใครสามารถทนพันปรัชญาได
ที่จริงตาเฒาหวังไมพอใจกับเรื่องนี้มาโดยตลอด ไมวาจะออกแบบอยางไร จะทำ
ใหสวยงามหรือเปนเอกลักษณ แตถาหากไมมีคาใหใชงานจริง เชนนั้นก็เปนเพียงของ
เลนชิ้นหนึ่งเทานั้น
ความเปนจริงในตอนนี้ไดพิสูจนแลววาพันปรัชญาของตนนั้นมีคาในการใชงาน
จริง เขาจะไมภาคภูมิใจไดอยางไร ยิ่งไปกวานั้น คนที่ผานการทดสอบของพันปรัชญา
ยังเปนลูกศิษยของตน เขายิ่งเพิ่มความภาคภูมิใจเขาไปอีก
ผานไปสักพักตาเฒาเถาถึงไดดึงสติ และถอนหายใจออกมา “ตาเฒาหวังเจาชาง
โชคดีเสียจริง!”
สามารถทนรับพันปรัชญาได ลำพังแคสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะใหคนนับถือแลว ใครจะ
ไมอยากใหลูก ศิษยของตนมีจ ิตใจแข็ งแกร งราวเหล็กกลา ครั้งนี้ท ำให ตาเฒา เถา
คอนขางจะตารอนขึ้นมาจริงๆ แลว
“ลูก ศิษยของขาก็คือลูกศิษยของเจ าไม ใชห รื อ” ตาเฒ าหวังรับ รู ไดถ ึงความ
ผิดหวังของเพื่อนเกา จึงเจตนากลาวขึ้น “ขาอุตสาหมาขอรองเจาถึงที่นี่ หรือวาเจายัง
จะซอนตัวอยูอีก”
ตาเฒาเถาชี้ไปที่ตาเฒาหวัง พลางหัวเราะเสียงดัง “ถึงเวลาใหลูกศิษยของเจาเอา
เปรียบขาแลว!”
ตาเฒาหวังเองก็หัวเราะขึ้น “นั่นมันแนนอนอยูแลว! ไมเอาเปรียบเจา ก็เสียเปลา
นะสิ!”
“ไมมีปญหา” ตาเฒาเถาตอบขึ้นอยางสบายอกสบายใจ “มีปญหาก็แคมาหาขา
ตราบใดลูกศิษยของเจาอยูที่นี่ยของเจาอยูกับขานี่ลาเ ขาจะดูแลอยางดี ไมทารุณเขา
หรอก”
“พอดีเลย ขามีเรื่องใหเจาชวยออกความคิดเสียหนอย” ตาเฒาหวังไดมีทาที
จริงจังขึ้นมา พูดจบก็หยิบเอาบันทึกการทดสอบในมือสงใหตาเฒาเถา “ชวยขาดู
บันทึกการทดสอบของเขาที”
ตาเฒาเถารับมาอยางแปลกใจอยูเล็กนอย เมื่ออานดูสักพักก็รองขึ้นมา
“ตาเฒาหวัง นี่เจาตั้งใจจะมาอวดขาเหรอ แปดตำหนักมีถึงเจ็ดตำหนักที่เปน
ตำหนักแข็งแกรง เจากอบโกยไดครั้งใหญเลยนะ!”
“รากฐานของเขาไมดี แยจนเกือบจะเขามาในสนามเหนี่ยวนำไมได” ตาเฒาหวัง
แอบรูสึกปติในใจ ปากกลับกลาวขึ้นอยางถอมตัว
“รากฐานงั้นหรือ ในสายตาของเจาพวกนั้นก็มีเพียงแครากฐาน” ตาเฒาเถายิ้ม
หยันอยางไมพอใจ ในสายตาของพวกเขา วิธีการทดสอบพวกนั้นของสนามเหนี่ยวนำ
ถือไดวาทั้งงายทั้งหยาบเกินไปจริงๆ
อยูๆ ตาเฒาหวังก็กลาวขึ้น “เจาชวยขาดูบันทึกการทดสอบที่ตำหนักนภาของ
เขาหนอย”
“ตำหนักนภาหรือ” เมื่อตาเฒาเถาไดยินคำพูดของเพื่อนเกา สายตาก็อดไมไดที่
จะกวาดมองไปที่บันทึกการทดสอบที่ตำหนักนภา เมื่ออานไปสักพักก็สงเสียงขึ้นมา
อยางสงสัย “ไมถูกตองอยูนะ พันปรัชญาของเจามีปญหาแลวกระมัง จะมีที่ไหนที่
ตำหนักนภาจะเดี๋ยวแข็งแกรงเดี๋ยวออนแอ”
ตาเฒาหวังตอบอยางกลัดกลุม “ใชแลว ขาเองก็รูสึกวาบันทึกนี้แปลกประหลาด
เกินไปแลว หากวาตำหนักนภาของเขาแข็งแกรง ก็จะกลายเปนราชันยแหงตำหนักไป
แลว”
ตาเฒาเถาเขาใจความคิดของตาเฒาหวัง จึงกลาวปลอบใจเขาขึ้น “มีเจ็ดตำหนัก
ที่แข็งแกรงก็หาไดยากมากแลว เจาอยาไดมีใจละโมบโลภมาก จะตองเปนพันปรัชญา
ของเจาที่เสียแลวแน ตำหนักนภาที่เดี๋ยวแข็งแกรงเดี๋ยวออนแอ เรื่องเชนนี้ขายังไมเคย
ไดยินมากอนเลยจริงๆ พวกเราทั้งสองสอนวิชาการฝกขั้นพื้นฐานมาเปนเวลานาน
ขนาดนั้น ในจุดนี้เจายังไมชัดเจนอีกเหรอ หากเจาไมวางใจจริงๆ จะทำการทดสอบอีก
รอบก็ได”
“ทดสอบอีกรอบหรือ” ตาเฒาหวังกลาวขึ้นอยางจำใจ “เจาไมเห็นทาทางของเจาหนู
นั่น ในตอนนั้นพอไดยินวาจะทำการทดสอบอีกรอบ ก็เตรียมยกขาวิ่งหนีแลว!”
“ฮา ฮา ฮา!” ตาเฒาเถานึกภาพฉากเหตุการณนั้นแลวก็อดหัวเราะไมได “หาก
เปนขาก็คงวิ่งหนีเหมือนกัน! ตัวเจาเองยืนหยัดทนไดแคสามนาที ก็ยังรองหมรองไห
ราวกับเปนหญิงสาวก็ไมปาน”
ตาเฒาหวังเองก็หัวเราะขึ้น “เจาอยาพูดเลย ขาเองก็กลัววาจะทดสอบเขาจนแย
ไป ยังมีเวลาอีกยาวนาน ลูกศิษยก็มีอยูคนเดียว ตองรูจักบันยะบันยังหนอย”
ตาเฒาเถากลาวเตือนเขา “เจาไปรายงานกับทางโรงเรียนแลวหรือยัง”
“รายงานแลว” ตาเฒาหวังพยักหนา “เรื่องนี้ใครจะกลาลืม”
อาจารยสวี่ไดมาถึงที่พักอาจารยเหมือนอยางเคย ระหวางทางมีอาจารยทานอื่นๆ
ทยอยกันเขามาทักทาย หลัจากการประกาศอยางเปนทางการของตวนมูหวงฮุนฉบับ
นั้น ในตอนนี้อาจารยสวี่ก็กลายเปนคนดังของโรงเรียนซงเจียนไปแลว ชื่อเสียงของ
อาจารยสวี่พุงสูงไปถึงตำแหนงที่สูงอยางไมเคยเปนมากอน
ในสายตาของหลายๆ คน สาเหตุที่ตวนมูหวงฮุนยอมอยูที่โรงเรียนซงเจียนตอก็
เปนเพราะเสนหเฉพาะตัวของอาจารยสวี่
ดวยเหตุนี้เองอาจารยสวี่จึงไดกลายมาเปนอาจารยอันดับหนึ่งของเมืองซงเจียน
อีกทั้งตัวอาจารยสวี่เองก็มีนิสัยใจกวาง จึงไดรับความเคารพรักจากทุกคน
อาจารยสวี่ไดแสดงความเคารพตอบกลับไมหยุด จากประตูที่พักอาจารยไปถึง
หองของเขาที่ชั้นสอง ใชเวลาไปทั้งสิ้นสิบนาทีเต็ม เมื่อมาถึงหองเขาถึงไดทอดถอนใจ
ออกมา ทันใดนั้นก็ไดสังเกตเห็นซองเอกสารสองซองวางเอาไวอยูบนโตะของตน
เขารินชาใสถวยแลวก็หยิบเอกสารซองแรกขึ้นมาเปดออกดู เขาหยิบเอกสาร
ออกมามองแคแ วบแรก เขาก็นั่งตั ว ตรงขึ ้ น อย า งไม รู  ตั ว สภาผู  อ าวุ โ สของสนาม
เหนี่ยวนำไดสงบันทึกการลงนามมาโดยตรง!
ตวนมูหวงฮุนไดเขาตาของไตกังและไดกลายเปนศิษยคนสุดทายของเขา!
ไตกัง!
อาจารยสวี่แทบจะไมกลาเชื่อสายตาตนเอง ขาวอันกะทันหันนี้ทำใหเขาตะลึงงัน
ไปแลว ไตกังคือใคร ผูอาวุโสอันดับสองของสภาผูอาวุโสของสนามเหนี่ยวนำ หนึ่งในป
รามาจารยผูใชพลังธาตุไมที่แข็งแกรงที่สุด ผูคิดคนวิชาลับขั้นสูง [คำสั่งเปนตาย] ที่
เปนหนึ่งในหาวิชาลับขั้นสูงที่แข็งแกร งที ่สุดของผู ใชพ ลังธาตุ ไม สรรคสรา งวิ ช า
[ดอกบัวเชื่อมกระดูก] และ [หญากลามเนื้อ] ทำใหเกิดสำนักดอกบัวและสำนักหญา
กลามเนื้อสองสำนักใหญ
ไต ก ั ง แต ไ หนแต ไ รมาแทบจะไมส นใจเรื่ อ งราวทางโลก หมกมุ  น อยู ก ั บ การ
ศึกษาวิจัย นอกจากที่ลูกศิษยที่เคยรับเอาไวตั้งแตตอนแรก หลายปมานี้ก็ไมเคยรับ
ศิษยอีกเลย คิดไมถึงเลยวาจะรับศิษยเพิ่มอีกคน!
อาจารยสวี่รูวาหากขาวนี้ถูกประกาศออกไป จะนำพามาซึ่งเหตุการณสะทาน
สะเทือนครั้งใหญเปนแนแท
อาจารยสวี่ไมใชพวกลาหลังที่ไมรูเรื่อ งราวทางโลก ตวนมูหวงฮุนนั้นเปนผู  มี
พรสวรรคอยางไมตองสงสัย แตวาผูมีพรสวรรคที่สามารถเขาไปในสายตาของไตกังได
ตรงจุดนี้ยังถือวานากังขาอยู
เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้จะตองไมธรรมดาเปนแน ความสัมพันธของตระกูลต
วนมูกับไตกังนั้นเพียงพอที่จะนำมาซึ่งเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอยางในอูสิงเทียน
ไมนานเขาก็อดหัวเราะขึ้นมาไมได รูปแบบของอูสิงเทียนไมใชสิ่งที่บุคคลธรรมดา
อยางเขาจะสามารถรบกวนได ไมวาจะเปนความสัมพันธในรูปแบบใด การกราบไตกัง
เปนอาจารย สำหรับตวนมูหวงฮุนแลวถือวาเปนตัวเลือกที่ดี ไตกังไมไดเปนเพียง
ปรมาจารยผูใชพลังธาตุไมผูหนึ่งเทานั้น แตในดานการสอนลูกศิษยเองก็มีความโดด
เดนอยางมากเชนกัน
ลูกศิษยคนแรกของเขาคือ ลูเฉิน ซึ่งเปนผูที่ถูกยกยองวาเปนหนึ่งในสามของแพทยที่
โดดเดนที่สุดของยุค วิชาแพทยไปถึงระดับบรรลุมรรคผล ลูกศิษยคนที่สองอวี้หมิงชิว
รองหัวหนาหนวยหญามรณะที่เปนหนึ่งในสิบสามหนวย ไดทำลายสถิติของรองหัว
หนาที่มีอายุนอยที่สุด และไดสรางวิชาลับขั้นสูง [รอยนภาสีเขียว] ใชวิชาธนูบุกเดี่ยว
ทั่วหลา
นักเรียนของตนมีอนาคตที่สวางไสวเชนนี้อาจารยสวี่เองก็ดีใจ
ผานไปเนิ่นนานในที่สุดเขาก็สามารถสลายความตกตะลึงในใจไปได สายตาของ
เขายายไปที่ซองเอกสารซองที่สอง เมื่อเขาเปดออกดู ก็รูสึกตกตะลึงอยูเชนกัน
หวังโสวชวนรับอายฮุยเปนศิษย
อาจารยที่ชื่อหวังโสวชวนนี้เขาก็รูจักอยู เปนอาจารยทานหนึ่งที่สอนวิชาการ
ฝกฝนขั้นพื้นฐานมาหลายสิบป ในโรงเรียนซงเจียนก็ถือวาเปนคนเกาคนแก เทียบ
ประสบการณกันแลว อาจารยสวี่ถือวาอยูมานานกวา ความทรงจำที่อาจารยสวี่มีตอ
อาจารยหวังนั้นนอยจนนาสงสาร เขารูเพียงแควาอาจารยหวังไมคอยเขาสังคม ถอม
ตัวอยางมาก และก็ไมมีจุดไหนที่จะดึงดูดความสนใจเลย อาจารยที่เปนเชนนี้ ในทุกๆ
โรงเรียนลวนมีใหเห็นอยูทั่วไป
อาจารยหวังที่แตไหนแตไรไมเคยมีใครถามถึง
บัดนี้ไดรับลูกศิษยก็เปนเรื่องที่นาอัศจรรยใจพออยูแลว แตการที่เขารับอายฮุย
เปนลูกศิษย ยิ่งทำใหอาจารยสวี่ตะลึงยิ่งกวา
อาจารยสวี่คอนขางจะชื่นชมอายฮุยดวยความที่เขาเปนคนที่มีไหวพริบ ขยันมั่น
เพียร และมีมารยาท ชวงกอนหนานี้ก็เพิ่งเปดคลังชีวิตได
แตอาจารยสวี่ก็รูเชนกันวาอายฮุยรากฐานรางกายย่ำแย พื้นฐานออนแอ เปน
นักเรียนที่มีพื้นฐานต่ำคนเดียวในหอง แตกลับไดเขาตาอาจารยหวัง
อาจารยหวังเองก็เปนคนประหลาด!
อาจารยสวี่เพิ่งจะสังเกตเห็นถึ งสิ่งนี้ สองคนนี ้ อ ยู กลุ มเดี ยวกั น คนหนึ ่ งเปน
นัก เรีย นที่มีพ รสวรรคดีที่สุดและมี ความแข็ งแกรงมากที ่ สุ ดในห อ ง คนหนึ ่ งเป น
นักเรียนที่มีพรสวรรคแยที่สุดและมีพื้นฐานออนแอที่สุดในหอง ทั้งสองตางมีอาจารย
เปนของตัวเองในเวลาเดียวกัน อาจารยคนหนึ่งเปนปรมาจารยแหงยุค อาจารยคน
หนึ่งเปนอาจารยที่ไมมีใครถามถึง
ชาง...นาสนใจเสียจริง!
อาจารยสวี่เปนอาจารยมาหลายปขนาดนี้ ยังเปนครั้งแรกที่ไดพบกับเรื่องที่นา
ประหลาดและนาสนใจเชนนี้
บทที่ 57 การเย็บปก
อายฮุยเคี้ยวหญาสีเขียวเอาไวในปาก ตอนนี้เขานั่งอยูที่เรือนหลังเล็กที่ใชเก็บของ
จิปาถะของผูเฒา เมื่อเหลือบไปเห็นเกราะทองแดง เขาก็ยายกนออกมาเงียบๆ เพื่อให
หางจากเจาของชิ้นนั้นอีกสักเล็กนอย
ประสบการณของครั้งที่แลวนั้นเจ็บปวดแสนสาหัส แมแตอายฮุยที่เปนผูที่มีจิตใจ
ที่แขงแกรงดั่งเหล็กกลา ก็ยังบอบช้ำถึงเพียงนั้น
ผูเฒาไมไดสังเกตเห็นการเคลื่อ นไหวเล็กๆ ของอายฮุย เพราะมัวแตอธิ บ าย
ผลสรุปการวิเคราะหของตนอยู
“...รากฐานของเจาแย ระดับความเขากันไดของรางกายกับพลังธาตุก็คอนขางต่ำ
ที่จริงแลวก็ไมใชเรื่องเลวรายอะไร นอกจากมันจะทำใหเจาสามารถรับพลังธาตุที่
คอนขางบริสุทธิ์ไดแลว ยังมีระดับความออนไหวคอนขางต่ำ ทำใหเจาสามารถดูดซึม
พลังธาตุทองไดอยางกวางขวาง เหมือนอยางเชนพวกมาล้ำคาพวกนั้น มีพรสวรรคดี
แตวาเลือกอาหารกิน ไดกินของกินดีกวาคนเสียอีก สวนเจาก็เหมือนมาแกถูกใชงาน
มาเยอะแลว ถึงแมวาจะวิ่งไดไมเร็ว แตวามีความอดทนสูง อีกทั้งยังเลี้ยงงาย จะเปน
หญาอะไรกินเขาไปก็มีชีวิตรอดแลวไมเลือกกิน เอ เจากินหญาจริงๆ นี่หวา!”
อายฮุยกำลังเคี้ยวหญาอยูก็ชะงักไป
ผูเฒาเห็นอายฮุยหยุดไป จึงรีบรอนกลาวขึ้น “เจากินไป เจากินไป”
เมื่อพูดจบก็ยังไมลืมที่จะกลาวเสริมอีกประโยค “ดูทาวาขาจะเปรียบเทียบไดเปน
รูปธรรมเสียจริง”
อายฮุยรูสึกกระอักกระอวนใจ ไมรูวาจะเคี้ยวตอหรือจะคายทิ้งดี
“ขา ไดไปทำการตรวจสอบพลั งธาตุ ท องที ่ อ ยู  ในเจดี ย  เสวี ย นจิ น มาแล ว มั น
เหมาะสมกับเจาอยางมาก ภายหลังเจาก็ฝกพลังธาตุที่เจดียเสวียนจินตอเสีย เทียบกับ
รากฐานที่ย่ำแยของเจาแลว รางกายของเจาจัดวายอดเยี่ยมทีเดียว โดยเฉพาะผลลัพธ
ในการหลอหลอมรางของเจาชัดเจนเปนอยางมาก ในระดับต่ำแบบนี้ ผลของการหลอ
หลอมรางจะดีที่สุด พลังธาตุทองของเจดียเสวียนจินอยูในระดับที่สูงมาก แตเดิมไมใช
สิ่งที่ระดับของเจาในตอนนี้จะสามารถมีเอี่ยวได แตวาคุณสมบัติของรางกายเจานั้น
โดดเดนที่สุดเทาที่อาจารยเคยพบเห็นมา อีกทั้งเจายังเชี่ยวชาญในการใชประโยชน
จากมัน ดังนั้นประสิทธิภาพของการหลอหลอมรางของเจาจึงสูงมาก แนนอนวาก็มี
ความเกี่ยวของกับพลังธาตุทองของเจดียเสวียนจินที่มีระดับสูงอยางมาก ผิวหนังเจามี
ระดับความเปลี่ยนแปลงเปนโลหะมากที่สุด และ [หนังทองแดง] ของเจาไดสำเร็จไป
แลวกวาแปดสวน หากดูจากระดับความเร็วนี้ เจาจะสำเร็จ [หนังทองแดง] ไดภายใน
เวลาประมาณสองเดือน”
ใบหนาของผูเฒาเผยใหเห็นถึงความตกตะลึง “เปนครั้งแรกที่ตัวอาจารยไดเห็น
คนที่มีสภาพตำหนักแรกยังไมไดเปด แตก็สามารถฝก [หนังทองแดง] ไดสำเร็จ ชางนา
อัศจรรยเสียจริง!”
เมื่อรูวาตนสามารถทำใหอาจารยตกตะลึงไดเชนนี้ ในใจของอายฮุยเองก็มีความ
ภาคภูมิใจอยูเล็กๆ
“แนนอนวาจุดสำคัญยังอยูที่เจ็ดตำหนักที่แข็งแกรงของเจา หากไมนับตำหนัก
นภา ตำหนักอื่นของเจาทั้งเจ็ดลวนเปนตำหนักที่แข็งแกรง สิ่งนี้เปนพรสวรรคที่โดด
เดนอยางมาก โดยเฉพาะอยางยิ่งในตอนหลังที่จะทำการเลือกกระบวนทา เจาจะมี
ความไดเปรียบอยางมาก ขาจำไดวาสนามเหนี่ยวนำมีวิชาอยูชุดหนึ่งเรียกวา [เปย
โตว] ที่ตองมีตำหนักที่แข็งแกรงเจ็ดตำหนัก ถึงแมวา [เปยโตว] จะไมใชวิชาลับขั้นสูง
แตวามีความแข็งแกรงและยอดเยี่ยมอยางมาก”
ไดยินดังนั้นนัยนตาทั้งสองของอายฮุยก็สองประกาย เขาไมลังเลแมแตนอย “ขา
สามารถเรียนไดไหม”
“แนนอน ขอเพียงแคเจาเขาไปในหาพันอันดับแรกของสนามเหนี่ยวนำได ก็จะ
ทำเรื่องขอไดแลว” ผูเฒาพูดตออยางภาคภูมิใจอยู “ใชแลว เจาเปนลูกศิษยของขา
ขอเพียงมีเงื่อนไขเหมาะสม ทางโรงเรียนจะตองสงคำรองใหแน ขาไดสงเอกสารที่
เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธศิษยอาจารยของเราใหกับทางโรงเรียนแลว”
หาพันรายชื่อแรก ฟงไปแลวก็ไมไดเปนขอเรียกรองที่สูงมากนัก
ผูเฒาสังเกตเห็นทาทางของอายฮุย ก็สามารถเดาไดถึงความคิดของเขา จึงได
กลาวขึ้น “อยาไดดูถูกหาพันรายชื่อแรกนี้ ทั้งหมดนี้เปนอันดับที่ซอนเอาไว โดยทั่วไป
ในปกอนๆ นักเรียนที่ฝมือดีที่สุดของสนามเหนี่ยวนำ ก็เขาไปอยูในหารอยรายชื่อแรก
แลว ถาเปนหาพันอันดับแรกของสนามเหนี่ยวนำ นั่นหมายความวาเจาตองอยูในสิบ
อันดับแรกของโรงเรียนซงเจียน”
อายฮุยนิ่งอึ้งไป “ตองอยูสิบอันดับแรกของโรงเรียนซงเจียน ถึงจะสามารถเขาไป
ยังหาพันอันดับแรกไดอยางนั้นหรือ”
“ถูกแลว!” ผูเฒายิ้มอยางมีความสุขเกินหนาเกินหนาอยางไรพิกล
อายฮุยรูในทันทีวาความคิดของตนเมื่อครูชางไรเดียงสามากมายเพียงใด สิบ
อันดับแรกของโรงเรียนซงเจียน สำหรับเขาแลวถือวาหางไกลอยางมาก
แตวาไมนานเขาก็ถามออกไปราวกับไมมีอะไรเกิดขึ้น “วิธีการฝกที่อาจารยพูด
เอาไวในครั้งกอนคืออะไร” ผูเฒาคอนขางจะคาดไมถึงอยูวาอายฮุยจะสามารถปรับ
อารมณไดเร็วถึงเพียงนี้ เขาไมรูวาตั้งแตเด็กจนโต อายฮุยไดพอเจออุปสรรคขวาก
หนามมามากมายเพียงไร สำหรับเขาแลวอุปสรรคเชนนี้ถือวาเปนเรื่องเล็กนอย
ผูเฒาพูดโพลงออกมาสองคำ “เย็บปก!”
“เย็บปกหรือ” อายฮุยนิ่งสนิทไปเลย ทาทางก็นิ่งแข็งเปนหิน ผานไปสักพัก เขา
ถึงไดฟนสติกลับมา “การเย็บปก...การเย็บปกถักรอยนะหรือ”
“ถูกแลว!” ผูเฒาตอบกลับอยางหนักแนนมากจนอายฮุยรูวาตนไดยินไมผิดเปนแน
อายฮุยจองไปที่ผูเฒา ทาทางดูไมเปนมิตร ถึงแมจะเปนถึงอาจารย แตถาจะ
เชื่อถือไมไดแบบนี้ เชนนั้นคงตองมา “คุยกัน” สักหนอยแลว
ผูเฒายืนยัน ไมไดมีความไมสบายใจแมแตนอย “รจักการเย็บปกหรือไม”
น้ำเสียงของอายฮุยแฝงดวยความไมเปนมิตร “รู งานเย็บปกของผูหญิง”
“มองแคดานเดียว! ตื้นเขิน!” ผูเฒาสายหัว ใบหนามีความดูถูก “การเย็บปกตอง
อาศัยพลังธาตุเปนเข็ม เพื่อรอยดายปกลาย คิดวาอยางนั้นหรือ ดายมีทั้งหยาบทั้ง
ละเอียด แผนหนัง ฝาย และไหม มีทั้งแข็งทั้งออน ลวดลายที่ซับซอน คิดวางายมาก
หรือ ชางปกฝมือดี สามารถควบคุมเข็มพลังธาตุสิบเลมไดในเวลาเดียวกัน และเย็บปก
จากตำแหนงที่แตกตางกันพรอมกันได และเจารูหรือไมวาชางปกที่อยูในระดับสูงสุด
สามารถควบคุมเข็มพลังธาตุไดกี่เลมในเวลาเดียวกัน”
“กี่เลม” อายฮุยพูดออกมา ถูกดึงดูดไปโดยคำพูดของผูเฒา
“ตามบันทึกจำนวนสูงสุดในตอนนี้คือเการอยสี่สิบเกาเลม” ผูเฒาตอบ ใบหนา
เปยมดวยความนับถือ
อายฮุยอึ้งไปพลัน ควบคุมเข็มพลังธาตุไดถึงเการอยสี่สิบเกาเลมในเวลาเดียวกัน
เปนไปไดอยางไร เขานั้นไมอาจที่จะจินตนาการไดเลย!
“ปรมาจารยเย็บปกแหงยุค หันอวี้ฉิน ตอนที่นางเย็บปก เข็มพลังธาตุทั้งเการอย
สี่สิบเกาเลมก็เปนดั่งมีเมฆดำปกคลุมและฝูงมัจฉาแหวกวายไปพรอมกัน ดายหลากสี
ถักทออยูกลางอากาศราวกับเปนสายรุง ดังนั้นการเย็บปกของนางจึงถูกเรียกวา ‘การ
ปกลายสายรุง’ ตอใหเปนลายปกที่ซับซอนที่สุด แตไหนแตไรมานางก็ไมเคยใชเวลา
เกินหนึ่งชั่วโมง” ใบหนาของผูเฒาเต็มไปดวยความจริงจัง
“ยังมีดายอีก เจาคิดวาดายทั้งหมดลวนเบาหวิวใชไหม ดายทมิฬละเอียดราวเสน
ผม แตก ลับ มีน้ำหนักมาก การจะรอ ยมัน ดวยเข็ มพลั งธาตุ เบาหวิ วตอ งเป นเรื่อง
ยากเย็นถึงเพียงใด ดายเงินออนมีสภาพนุมออนราวกับเปนสายน้ำก็ไมปาน เพียงแค
ใชแรงมากเกินไปก็จะถูกดึงจนขาด ยังมีพวกแผนหนัง ตองใชฤทธิ์ยาหอหุมเข็มพลัง
ธาตุถึงจะสามารถปกใหทะลุได”
การบรรยายของผูเฒาตรึงใจอายฮุยเปนอยางมากจนพูดอะไรไมออก เขาไมคิด
เลยวาการเย็บปกนั้นจะมีวิชาความรูและความพิถีพิถันมากมายถึงเพียงนี้
“เจาเริ่มเรียนการเย็บปกกอน จากนั้นคอยเรียนการแกะสลัก” ผูเฒาคอยๆ กลาว
จูงใจอยางเปนขั้นเปนตอน “ขอเพียงแคเจาสามารถฝกสองสิ่งนี้จนชิน การควบคุม
พลังธาตุข องเจาในระดับรายละเอียดเล็ กๆ ก็ จ ะไมมี ป ญหาอย างแนน อน ยิ ่ งเจา
สามารถควบคุมพลังธาตุไดละเอียดแลว ก็จะยิ่งมีสวนชวยเจาในภายหลังเปนอยาง
มาก”
อายฮุยโนมนาวไปตามผูเฒาแลว เขาตองยอมรับวาสิ่งที่ผูเฒาพูดมานั้นมีเหตุผล
อยางมาก
“เย็บปกก็เย็บปก! ขาจะเรียน!” อายฮุยกันฟนพูดออกมา
สำหรับเขาแลว ถึงแมการใหผูชายอกสามศอกไปเรียนการเย็บปกคอนขางจะขายหนา
อยูบาง แตขอเพียงสามารถทำใหแข็งแกรงขึ้นได สิ่งนี้ก็ไมถือวาเปนปญหาสักนิด หาก
จะบอกวาการเปนแรงงานสูงสงกวาการเปนชางเย็บปก นั่นเปนเรื่องเหลวไหลสิ้นดี!
สายตาของผูเฒาเผยใหเห็นความภาคภูมิใจออกมา แลวใบหนาก็มีสภาพเครง
ขรึมจริงจัง “เปนการตัดสินใจที่ชาญฉลาด! ลูกศิษย ภายหลังเจาจะตองรูสึกภูมิใจกับ
การตัดสินใจในครั้งนี้! วางใจได ตัวอาจารยไมมีทางพูดจาเรื่อยเปอยเปนแน อีกทั้งยัง
ไตรตรองมาอยางดีแลวถึงไดเสนอคำแนะนำนี้ออกมา”
“ขาตองไปเรียนที่ไหน” หลังจากที่อายฮุยตัดสินใจแลว ก็ไมมีอะไรที่จะตองมา
เอียงอายอีก
“วางใจได ขามีโรงเย็บปกที่คุนเคยอยู” ผูเฒากลาวขึ้น “ตามขามา!”
บทที่ 58 ปกเข็มรอยดาย
อายฮุยมีทาทางเครงขรึม แววตาแผไอจิตสังหารอันหนาวเหน็บนาเกรงขามราว
กับฤดูใบไมรวง บรรยากาศรอบดานราวกับจะแข็งคางนิ่งไป บริเวณหนาผากมีเหงื่อ
เม็ดเล็กๆ เกาะอยู ซึ่งเขาไมไดรูตัวเลย
ที่ปลายนิ้วชี้และนิ้วหัวแมมือขวา มีประกายแสงสีเงินเสนหนึ่งในรูปเข็มที่ไมหยุดนิ่ง
มือซายหยิบดายเสนเล็กละเอียดอยูเสนหนึ่ง เขาพยายามรอยดายเขาไปที่รูเข็มพลัง
ธาตุอยางระมัดระวัง
รูเข็มพลังธาตุนั้นไมนิ่ง สักพักมีขนาดใหญสักพักมีขนาดเล็ก ซึ่งลำบากตอการ
ควบคุมอยางมาก อายฮุยลองมาครึ่งวันแลวจนถึงตอนนี้ก็ยังทำไมสำเร็จ
ดานหลังมีเสียงหัวเราะอยางสนุกสนานของหญิงสาวกลุมหนึ่ง การมีผูชายมาที่
โรงเย็บปก ยอมทำใหบรรดาสาวนอยทั้งหลายเกิดความสงสัยใครรูกันเปนปกติ จึงได
รวมตัวกันมามุงดู โรงเย็บปกไมไดอนุญาตใหผูชายเขามา ดังนั้นตอนที่เหลาสาวนอย
เห็นอายฮุย นัยนตาทั้งสองขางของแตละคนก็เปลงประกายดวยความประหลาดใจ
ในตอนที่อายฮุยเริ่มเรียนการเย็บปก ทุกคนก็ตื่นเตนขึ้นมาในทันที ผูชายเรียน
เย็บปกเปนสิ่งที่ไมเคยเห็นมากอน
“ชางทึ่มเสียจริง รอยมานานเพียงนี้ ยังรอยดายไมเขาเลย”
“ใชแลว ใชแลว เจาดูเขาสิเหงื่ออาบเต็มหนาเลย สายตาดูดุรายชะมัด!”
“เพราะวาเขากับปลายดายมีความแคนตอกันอยางไรเลา!”
เสียงหัวเราะของพวกสาวเจาดังขึ้นไมหยุด รูสึกวานาสนใจเหลือเกิน โดยเฉพาะ
การที่ไดเห็นอายฮุยทำตัวงุมงาม ยิ่งทำใหเหมือนกับไดเห็นสัตวหายากก็ไมปาน
ยังดีที่ความสนใจทั้งหมดของอายฮุยอยูที่เข็มพลังธาตุกบั ปลายดาย ปลอยใหเสียง
เซ็งแซจากภายนอกผานหูไป ไมเชนนั้นหากไดยินเสียงพูดจากระเซาเยาแหยพวกนี้
เกรงวาจะตองกระอักเลือดเปนแน
โตะทำงานของแตละคนในโรงเย็บปกลวนถูกกั้นไวดวยมานที่ทำจากผาโปรง มาน
ผาโปรงที่กึ่งโปรงแสงนี้สามารถมองเห็นภายนอกไดอยางชัดเจน
ที่ดานหลังมาน หวังโสวชวนกำลังดื่มชาอยูกับยายเฒา จะชำเลืองมองไปทางอายฮุย
เปนครั้งคราว
“จนปานนี้แลวดายสักเสนก็ยังรอยไมได เจาคิดวาเขาเหมาะแกการเย็บปกจริงๆ
หรือ” ยายเฒาถอนสายตาออกมาแลวถามเสียงเรียบ
ตาเฒาหวังกำลังดื่มชาอยู มีทาทางสบายๆ “ก็ไมไดหวังวาเขาจะพึ่งสิ่งนี้ทำมาหา
กิน แคใชฝกฝนพลังธาตุเทานั้น เจาไมเห็นหรือวาความสงบของเจาเด็กนี่คอนขางจะ
รายกาจ”
“ก็จริงอยูบาง” น้ำเสียงของยายเฒามีความชื่นชมอยู “อายุนอยเทานี้ รอยดาย
มาคอนวันแลวยังไมสำเร็จ แตกลับไมถอดใจแมแตนอย แถมยังใจจดใจจอไดเพียงนี้
ชางไมงายเลย นิสัยนั้นไมเลวจริงๆ มินาเลาเจาถึงไดรับเขาไวเปนศิษย”
ตาเฒาหวังดูทาพออกพอใจ รับศิษยดีๆ มาแลว หากไมอวดเสียหนอยเขาก็จะ
รูสึกกระสับกระสายไมสบายใจ “ใชแลว! เขาอาจจะมีรากฐานแย แตวามีเจ็ดตำหนัก
ที่แข็งแกรงเชียวละ อีกทั้งสิ่งที่เจาเด็กนี่เรียนก็ถือวาเอาจริงเอาจังมาก พลังธาตุเออ
ลนแลวถึงไดทะลวงคลังชีวิต ไมมีผูใดแนะนำเขา เปนการเรียนดวยตัวเอง รายกาจใช
หรือไม แมแตพันปรัชญาของขาก็ทนผานมาได ขาเองก็นับถือ”
ใบหนาของยายเฒาปรากฏความตกตะลึงออกมา อายฮุยนั้นไมวาจะมองจากมุม
ไหนก็ลวนแตดูธรรมดา ไมคิดเลยวากลับมีจุดที่โดดเดนมากมายเชนนี้
“ดูทาแลวเจาจะพอใจอยูสินะ!” ยายเฒาแปลกใจหนอยๆ นางรูวาตาเฒาหวัง
นิสัยเสียอยางไร ความหัวแข็งของเขาบางครั้งเรียกไดวาคาดไมถึงเลย
“ไมใชแคพอใจ แตพอใจเหลือลนเลยละ” ตาเฒาหวังกลาวแกขึ้น “ในชีวิตของ
ขาเจอกับเรื่องดีอยูสองเรื่อง เรื่องแรกก็คือการไดพบกับเจา อีกเรื่องก็คือมีลูกศิษยได
กอนตาย”
ยายเฒาไดยินประโยคแรกแลวก็เบิกบานใจ พอไดยินประโยคหลังคิ้วก็ขมวดมุน
ในทันที จึงกลาวดวยความโกรธ “อยูดีๆ จะพูดเรื่องตงเรื่องตายอะไร จะตายเจาก็ไป
ตายเองไป”
“ฮาฮา” ผูเฒารูสึกอายนิดหนอย แตก็เปลี่ยนหัวขอสนทนา “ขาไดพูดกับเขาไวแลววา
เจาเกงกาจเพียงไหน เจานาจะไดมาเห็นวาตอนที่ขาบอกวาเจาสามารถควบคุมเข็ม
พลังธาตุไดพรอมกันเการอยสี่สิบเกาเลม ตาของเจาหนูนั่นเบิกโตเปนไขหานไปเลย”
“ตอนนี้ไดหนึ่งพันหกสิบสี่เลมแลว!” ยายเฒากลาวขึ้นอยางภูมิใจ กอนจะพึมพำ
กับตัวเอง “ดูทาวาจะตองใหเขาไดดูของจริงเสียหนอยแลว”
“เอาเลย ทรมานไดตามสบาย ไมตองกลัววาจะเปนอะไรไป งานอะไรยากก็ใหเขา
ทำ งานอะไรเหนื่อยก็ใหเขาทำ เจาเด็กนี่กินหญาเขาไป แตที่ถายออกมาคือสมบัติ!”
ตาเฒากลาวอยางอารมณดี
ยายเฒาถูกหยอกจนดีใจ “การเปนศิษยของเจาชางนาสงสาร”
อายฮุยไมรูเลยวาตนไดถูกผูเฒาขายไปแลว ดายของเขาในที่สุดก็รอยเขาไปใน
เข็มพลังธาตุไดสำเร็จ ตอนนี้เขาเพิ่งจะพบวาหนาผากของตนเต็มไปดวยเม็ดเหงื่อ
ในตอนนี้เขาไดเชื่อคำพูดของผูเฒาไปเรียบรอยแลว การเย็บปกเปนการทดสอบการ
ควบคุมพลังธาตุจริงๆ เมื่อกอนเขายังคิดวาตนควบคุมพลังธาตุไดไมเลว วันนี้ความคิด
นั้นถูกทำลายไปเสียสิ้น
เมื่อไดมาอยูในมือจริงๆ ถึงไดรูถึงความยากของสิ่งนี้
การทำใหเข็มพลังธาตุคงที่เปนเรื่องที่ยากอยางมาก แตที่ยากยิ่งกวาคือการรวม
พลังธาตุที่สวนปลายเข็ม เพื่อเปดเปนรูเข็มขึ้น อายฮุยชะงักอยูที่ขั้นตอนนี้นานมาก
ในที่สุดภายใตการชี้แนะถึงไดสรางรูเข็มไดสำเร็จแตไมนานอายฮุยก็พบวา การสรางรู
เข็มที่วายากแลว การทำใหรูเข็มคงที่ยากยิ่งกวา และในการรอยดาย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็
คือการทำใหรูเข็มคงที่
มือซายถือดาย มือขวาถือเข็ม เขาตองแบงสมาธิออกเปนสองสวน
รูเข็มเดี๋ยวใหญเดี๋ยวเล็ก ทำใหอายฮุยไมสามารถรอยไดเสียที ดีที่จับจุดอยูตลอดบาย
ในที่สุดเขาก็สามารถรับรูหลักเกณฑได และรอยดายเขาเข็มพลังธาตุไดสำเร็จ
เขาอดถอนหายใจไมได การเย็บปกตองอาศัยการควบคุมพลังธาตุสูงมากเสียจริง!
อายฮุยนึกถึงปรมาจารยการเย็บปกผูนั้นที่อาจารยเลาถึง การที่สามารถควบคุม
เข็มพลังธาตุจำนวนเการอยกวาเลมไดในเวลาเดียวกัน นั่นชางเปนเรื่องที่นาหวาดกลัว
มากยิ่งนัก
แตวาไมนานอายฮุยก็ตื่นเตนขึ้นมา เมื่อกอนเขายังเชื่อคำพูดของอาจารยเพียง
ครึ่งหนึ่ง แตในตอนนี้เขามั่นใจแลววาการเย็บปกเปนวิธีสุดยอดในการฝกฝน
เขาสนใจเพียงการพัฒนาความแข็งแกรงของตน จะนาอายหรือไม เรื่องนั้นเขา
ไมไดสนใจแมแตนอย
“รูสึกอยางไรบาง”
เสียงของอาจารยดังขึ้นจากดานหลัง
อายฮุยรีบรอนลุกขึ้นยืน ตอนนี้เพิ่งจะสังเกตเห็น ไมรูวาอาจารยมาอยูดานหลัง
ตนตั้งแตเมื่อไร ดานขางของอาจารย ก็คือเจาของโรงเย็บปก เปนทานยายคนหนึ่งดู
ทาทางเขมงวด
“รูสึกดีมาก” เขาคิดดูแลวจึงกลาวตอ “เปนวิธีการฝกที่มีผลอยางมาก ตองใช
สมาธิในการควบคุมพลังธาตุที่สูงมาก”
การมาโรงเย็บปกในครั้งนี้เหมือนเปนการไดเปดหูเปดตา เมื่อกอนเขาคิดวาโรง
เย็บปกเพียงแคเปนที่ปกผา พอมาถึงที่นี่แลวถึงไดรูวาไมเหมือนกับที่ติดคิดเอาไวเลย
เปนเหมือนโรงงานมากกวา
ที่นี่มีกองผา เสนดาย และเครื่องหนังชุดเกราะที่ยังทำไมเสร็จ มีแมกระทั่งกระบี่
และมีด ในอากาศอบอวนไปดวยกลิ่นยา เมื่อไดถามอาจารยถึงไดรูวาเชือกที่พันดาม
กระบี่แ ละพูระยา ลวนตองใชการเย็ บ ป กถัก ร อย ของพวกนี ้ ไม เพี ยงแต จะตองดู
สวยงาม ทวาลวนเปนสิ่งที่ตองใชในการตอสู อยางเชนเชือกที่พันดามกระบี่ วัสดุที่ใช
ทำไมใชของธรรมดา จำเปนตองใชฝเข็มแบบพิเศษ ถักทอจนกลายเปนเชือกที่มีความ
หยาบแบบเฉพาะ กระบี่พลังธาตุในระดับสูงมักจะกอรูปรางอยางเปนธรรมชาติและไม
ยอมรับวัสดุประเภทอื่น วิธีการธรรมดาไมสามารถทำเชือกที่พันรอบดามกระบี่ได
จะตองใชวิธีพิเศษเทานั้น
อายฮุยยังไดพบกับกระบี่หญาแบบออนซึ่งเขาไมเคยเห็นมากอน ลวดลายที่อยูบน
ตัวกระบี่ก็ไดมาจากการเย็บปกลงไป เขาถามอาจารยแลวถึงไดรูวามันคือกระบี่หญาที่
มีลักษณะออน ลวดลายที่อยูบนตัวกระบี่พวกนั้นสามารถทำใหพลังธาตุไหลผานเขา
มาในตัวกระบี่และเพิ่มพลังไดดียิ่งขึ้น กระบี่พวกนี้จะถูกสงไปใหพวกทหารเพื่อนำไปสู
กระบวนการตอไป ผานการแชน้ำยา และผานการหลอหลอมเฉพาะตัว แลวจึงไดมา
เปนกระบี่หญาระดับสูง
โดยพื้นฐานแลว ทุกอยางที่มีความเกี่ยวของกับดายหรือเชือกลวนสามารถเห็นได
ที่โรงเย็บปกแหงนี้
แนนอนวาโรงเย็บปกจะรับเพียงของระดับสูงเทานั้น
วิธีการเย็บปกพวกนั้นโดดเดนสะดุดตาอยางที่สุด มองแลวอายฮุยถึงกับอุทาน
ดวยความประหลาดใจ
บทที่ 59 ขอเรียกรอง
มีสาวนอยคนหนึ่งที่อายุพอๆ กับอายฮุย เข็มพลังธาตุของนางละมายคลายกับฝูง
ปลาสีเงินแหวกวายกระโดดไปมา ผาปกก็เปนเสมือนดั่งผิวน้ำในสระอันนิ่งสงบ เข็ม
พลังธาตุรายรำอยูบนผืนผาอยางวองไวเปนที่สุดราวกับมีชีวิตจิตใจ
ยังมีอีกคนหนึ่ง คนนี้เข็มพลังธาตุของนางเปนประหนึ่งลูกศรที่แหวกอากาศ เกิด
เสียงหวีดหวิว ผืนผาที่อยูตรงหนานางราวกับวาถูกถักทอมาจากดายเงิน ทั้งผืนเปลง
ประกายราวหิมะ ทุกครั้งที่เข็มพลังธาตุปกลงก็เกิดเสียงปกๆ ดังออกมา
ยังมีสตรีวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง ชั้นวางผาอยูดานขางเตาไฟที่มีรูปรางประหลาด
เข็มพลังธาตุทุกเลมลอยออกมากจากเปลวไฟในเตา กอนจะสงประกายไฟออกมาปก
ลงไปบนผืนผา ทิ้งจุดสีทองเอาไว แลดูงดงามเปนอยางยิ่ง
ทุกสิ่งที่ไดเห็นในวันนี้ไดลบลางความเขาใจเดิมที่เขามีตอการเย็บปกอยางสิ้นเชิง
ผูเฒานั้นพอใจกับคำตอบของอายฮุยเปนอยางมาก แตยายเฒาที่อยูดานขางกลับ
ไมพอใจ ผูเฒาสามารถพูดเชนนี้ได แตอายฮุยพูดเชนนี้นางกลับไมรูสึกเบิกบานใจแลว
จึงไดกลาวขึ้นเสียงเย็น “พูดจาเหลวไหล! วิธีการฝกฝนหรือ การเย็บปกในสายตาของ
เจาเปนเพียงวิธีการฝกฝนอยางหนึ่งเชนนั้นหรือ”
ผู  เ ฒ า ได ย ิ น ก็ ร ู  ว  า แย แ ล ว คนรั ก ของตนได โ กรธขึ ้ น มาจริ ง ๆ แล ว สำหรั บ
ปรมาจารยที่อุทิศทั้งชีวิตใหกับการเย็บปกแลวนั้น การพูดวาการเย็บปกเปนเพียงแค
วิธีหนึ่งในการฝกฝนตอหนาตอตาเชนนี้ จะไมใหขุนเคืองไดอยางไร
แยแลวแยแลว ถารูวาจะเปนแบบนี้ เขาคงเผยตัวตนของคนรักใหลูกศิษยรูตั้งแต
แรก ผูเฒาสงสายตาบอกใบอายฮุยอยางสุดชีวิต
อายฮุยมองเห็นทาทางของอาจารย แตวา...มันหมายความวาอยางไร
“หมิงซิ่ว” ยายเฒากลาวขึ้นเสียงเย็น
หญิงสาวออนหวานงดงามผูหนึ่งเดินออกมา “อาจารย!”
เหลาสาวนอยที่มุงดูอยูเงียบกริบไปดวยความประหวั่นพรั่นพรึง ยายเฒาโกรธขึ้น
มาแลว พวกที่ใจเสาะก็ลวนหลบถอยหลังกันไปหมด
ยายเฒากลาวกับอายฮุยดวยใบหนาที่เย็นชาแข็งคาง “โรงเย็บปกของขา ไมใชคิด
อยากจะเขามาก็เขามาได สิบวัน หากเจาสามารถทอผาโปรงไดผืนหนึ่ง ขาจะใหเจา
เขามาได”
หญิงสาวคนอื่นที่อยูโดยรอบตางทอดถอนใจอยางพรอมเพรียงกัน พวกนางมอง
ไปทางอายฮุยอยางเห็นใจ อายฮุยนัน้ แมแตการรอยดายยังฝนขนาดนั้น การเดินเข็ม
นั้นก็ยังไมไดเรียน การปนดายทอผาที่ยากเชนนี้ จะสามารถทำไดอยางไร
เมื่อเห็นการตอบสนองของรอบดานแลว อายฮุยก็รูทันทีวาการปนดายทอผาไมใช
งานที่จะทำใหสำเร็จไดงายๆ อยางแนนอน เขารูวาเมื่อครูตนตองพูดอะไรผิดไป ถึงได
ไปยั่วโมโหเจาของโรงเย็บปกขึ้นมา แตวาเขาก็ไมไดมีความลนลานจนเกินเหตุ ลนลาน
ไปก็ไมมีประโยชนอะไร
“อวี้ฉิน!” ผูเฒาเปลี่ยนสีหนา และกลาวอยางไมพอใจ “นี่ไมใชวาเจากำลังกลั่น
แกลงเขาเหรอ เขาเปนแคมือใหม จะทอผาผืนหนึ่งไดภายในสิบวันไดอยางไร” “ขามี
กฎของขา” ยายเฒายืนกราน ไมมีการยอมถอยแมแตนอย “ถาหากวาเจาไมพอใจ ก็
พาเขาออกไป”
อายฮุยมองใบหนาของอาจารยที่ตอนนี้แดงไปหมด จึงรีบรอนกลาวขึ้น “ขายินดี
ที่จะรับการทดสอบ”
อาจารยรูสึกโกรธ อายฮุยกลับใจเย็นเปนสายธาร การทดสอบเพียงเล็กนอยไม
นับวาเปนปญหาอะไร ตอนที่อยูในแดนราง อยากจะเรียนอะไรสักอยาง ไมรูวาตอง
ขอรองคนอื่นนานมากมายเพียงใด บางครั้งยังตองเอาของไปแลก
ไมมีใครมีหนาที่มาคอยชวยเหลือเรา ทุกสิ่งทุกอยางลวนตองขวนขวายหามาเอง
ทั้งน้ำ อาหาร เงิน และแสงอาทิตย
ยายเฒาตองมีขอเรียกรองเปนเรื่องปกติ เทียบกับผูใชพลังธาตุผูยิ่งใหญในแดน
รางแลว ขอเรียกรองนี้ถือวาเปนมิตรอยางมากแลว แถมไมตองจายเงินอีก
ยายเฒาคาดไมถึงอยูบางกับทาทางของอายฮุย แตก็ยังคงมีใบหนาเย็นชา
“หมิงซิ่ว สาธิตวิธีการทอผาคูใหเขาดูรอบหนึ่ง”
“เจาคะ”
หมิงซิ่วแยมยิ้มแลวโคงศีรษะใหอายฮุย “สวัสดีศิษยนอง!”
เมื่อครูหมิงซิ่วไดสำรวจอายฮุยมาโดยตลอด เห็นเขาตั้งแตเริ่มตนจนถึงตอนนี้ ไมเห็น
ถึงความลนลานแมแตนอย เขาสงบนิ่งมาโดยตลอด แนนอนวานางรูวาถอยคำใดของ
อายฮุยที่ไปยั่วโมโหอาจารยเขา แตวาในตอนนี้ นางเองก็ไมมีโอกาสที่จะกลาวเตือน
นางกำลังคิดวาตอนที่สาธิตใหดู จะสาธิตใหชาเสียหนอย
ที่จริงนางก็รูวาสำหรับมือใหมแลวนั้นเปนไปไมไดที่จะดูรอบเดียวแลวสามารถทอ
ผาได การทอผาโดยปกติตองรอใหฝกงานไดสองปกอนจึงจะไดเรียน
ทาทางของอายฮุยที่นิ่งสงบ ไมวาจะไดรับความโปรดปรานหรือถูกเหยียบย่ำก็ยัง
นิ่งเฉย ทำใหนางคอนขางจะชื่นชม แมกระทั่งคำพูดนั้น นางก็ไมไดรูสึกวาเปนการ
ลวงเกินเหมือนกับอาจารย ชายคนหนึ่งจะมาชอบการเย็บปกจริงๆ ไดอยางไร หาก
เปนเชนนั้นก็เรียกวาแปลกแลว!
ในใจของอาจารยที่จริงแลวก็รู แตวาไดยินคำพูดประโยคนั้นทำใหควบคุมเพลิง
โกรธเอาไวไมได
หมิงซิ่วเองก็คอนขางปวดหัว อาจารยกำลังเลือดขึ้นหนาจึงไมเกรงใจใครแมแต
นอย รอใหหายโกรธแลว เกรงแตวายายเฒาจะรูสึกเสียใจในภายหลังที่ทำใหทานลุง
หวังโกรธขึ้นมา ถึงตอนนั้นจะไดทอดถอนใจอยางกลัดกลุมไปอีกนาน
อายฮุยรีบรอนคำนับกลับ พลางกลาวอยางไมคุนนัก “สวัสดีศิษยพี่”
เขารูสึกเหมือนวาตนไดยอนกลับไปในยุคโบราณที่แมแ ตการเรียกขานกั นยั ง
ประหลาดถึงเพียงนี้ ในสนามเหนี่ยวนำก็ไมนิยมเรียกกันวาศิษยพี่ศิษยนองมาตั้งนาน
แลว ดูทาโรงเย็บปกจะเปนสถานที่ที่คอนขางเปนประเพณีนิยม อายฮุยคิดเชนนี้
โดยเฉพาะอยางยิ่ง ดูจากการเรียกขานแลวก็สามารถดูออกไดวาความสัมพันธระหวาง
อาจารยกับเจาของโรงเย็บปกนั้นไมธรรมดา
อายฮุยก็สัมผัสไดตั้งแตตอนที่ไดเขามาแลว อาจารยดูคุนเคยกับโรงเย็บปกอยางมาก
นาจะมาที่นี่บอยๆ
ความเขาใจเรื่องผูหญิงของอายฮุยนั้นขาดแคลนอยางมาก เขาไมรูวาจะบรรยาย
ลักษณะของศิษยพี่หมิงซิ่วอยางไร เพียงแครูสึกวาศิษยพี่หมิงซิ่วงดงามมาก ทำใหคน
รูสึกสบายใจอยางมาก ทาทางก็ดูเปนมิตร
“การทอผาคูเปนวิธีการทอผาพื้นฐานอยางหนึ่ง ใชสำหรับปนดายทอผา ใชผาโปรง
เปนหลัก ความพิเศษของมันคือใชเข็มคูพรอมกัน ถักทอสลับไปมา เดินดายหยินหยาง
ที่เรียกวาการเดินดายหยินหยาง ก็คือการเดินดายในแนวดิ่งและแนวขนานพรอ มๆ
กัน”
น้ำเสียงของหมิงซิ่วออนหวานและนาฟงอยางมาก นางเอยเอื้อนชาๆ พยายามใช
คำเขาใจงายมาอธิบาย
มือขางงามขยับกรีดกราย แกนดายที่อยูบนชั้นดายไมไกลนักก็ขยับอยางรวดเร็ว
ขณะแกนดายทั้งสองลอยมาหานาง ไมรูวาเข็มพลังธาตุสองเลมลอยอยูตรงหนานาง
ตั้งแตเมื่อใร เสนดายก็รอยเขาไปในเข็มพลังธาตุเปนที่เรียบรอยแลว
อายฮุยพิศดูตาเปนประกาย การวาดมือนี้ชางออนชอยเสียจริง เทียบกับตนที่ทุม
สุดกำลังถึงจะรอยดายสำเร็จ ฝมือนี้ไมรูวาสูงสงกวากี่เทากัน
พลังธาตุควบคุมไดอยางดี ฝมือช่ำชอง สายตาแมนยำ
การควบคุมที่ละเอียดถึงเพียงนี้ ถาหากนำมาใชในการตอสู ก็จะนากลัวอยูไมนอ ย
ในสมองของอายฮุยไดนึกถึงรูปแบบการโจมตีและสถานการณการตอสูที่เปนไปไดไว
มากมาย ซึ่งเปนผลมาจากทักษะเชนนี้
ถาหากใชในการลอบโจมตีในความมืดจะอันตรายยิ่งมากนัก
“การทอผาคูเปนวิธีการทอผาที่งายที่สุด ใชเพียงการควบคุมเข็มพลังธาตุสองเลม
ในเวลาเดียวกัน การทอชนิดนี้จุดสำคัญก็คือจังหวะการลงเข็ม จะตองตอเนื่อ งเปน
หนึ่งเดียว ศิษยนองเตรียมพรอมหรือยัง ขาจะเริ่มสาธิตใหดูแลว คอนขางจะยากอยู
ขอใหศิษยนองตั้งใจดวย”
“ศิษยพี่โปรดรอกอน”
อายฮุยชี้ไปที่กองกระบี่ที่รอการพันเชือกที่ดามกองอยูในหอง อยูๆ ก็เอยปากขึ้น
“ศิษยสามารถยืมกระบี่สักเลมหนึ่งไดหรือไม”
หมิงซิ่วมองไปที่ยายเฒาประเดี๋ยวหนึ่ง ยายเฒาไมรูวาอายฮุยคิดจะทำอะไร แต
วาในตอนนี้ความโกรธไดลดลงแลว จึงกลาวขึ้นเสียงเย็น “ใหเขาไป”
ชางหญิงคนหนึ่งจึงรีบหยิบกระบี่เลมหนึ่งสงใหอายฮุย อายฮุยโคงคำนับขอบคุณ
แลวรับกระบี่มา เขาไมไดดึงกระบี่เหล็กออกมา แตนำมาแขวนไวที่บริเวณเอวของตน
ทุกสายตาจับจองการกระทำที่นาประหลาดนี้ ไมรูวาเขากำลังทำอะไรกันแน แมแตใน
หัวผูเฒาเองก็มีแตหมอกควัน หรือวากระบี่เลมนั้นมีอะไรพิเศษเชนนั้นหรือ แตไม
นาจะมีนี่
มือซายของอายฮุยจับฝกไว และจับดามดวยมือขวา
ดามกระบี่ไมไดมีเชือกพันเอาไว เวลาจับจึงเย็นเยียบบาดมือ แตวาฝามือของอายฮุย
กลับถือมันอยางสมบูรณลงตัว วินาทีที่ไดจับดามกระบี่ โลกทั้งใบก็เปลี่ยนเปนเงียบ
สงบในทันที ความคิดฟุงซานทั้งหลายก็คลายหายไปประดุจสายน้ำก็ไมปาน
เขาเงยหนาขึ้น นัยนตาลึกล้ำเปลงประกายประดุจดวงดารา
“ศิษยพี่เริ่มไดเลย”
บทที่ 60 การเปลีย่ นแปลงของตัวออนกระบี่
หมิงซิ่วดูไมเขาใจวาอายฮุยคิดจะทำอะไร แตวานางดูออกวาอายฮุยเหมือนจะมี
ความมั่นใจมากทีเดียว
โดยเฉพาะ...
เมื่อครูในชวงวินาทีที่อายฮุยไดจับกระบี่ นางเหมือนจะสัมผัสไดวาทาทางของอาย
ฮุยเปลี่ยนไป แตไมสามรถอธิบายไดวาเปลี่ยนแปลงไปเชนไร และเมื่อมองดูอยาง
ละเอียดแลวนางจึงเชื่อวาตนอาจรูสึกไปเอง
อายฮุยที่อยูตรงหนาไมไดขยับแตอยางใด
“เชนนั้นขาเริ่มแลวนะ”
สิ้นเสียงของหมิงซิ่ว เข็มพลังธาตุที่แตเดิมหยุดนิ่งตรงหนานางก็เริ่มเคลื่อนไหว
ประกายแสงสองสายสะบัดพลิ้วผานอากาศ แสงเย็นเหมือนกับกำลังถักทอขณะที่แกน
ปนดายบนชั้นปกหมุนอยางรวดเร็ว
เข็มพลังธาตุของหมิงซิ่วเกิดประกายแสงราวกับสายน้ำไหลริน ผาโปรงผืนบางที่
ลอยอยูในอากาศคอยๆ ยาวขึ้นเรื่อยๆ เสียงของเสนดายที่เสียดสีกันดังขึ้นไมหยุด
“ศิษยพี่หมิงซิ่วรายกาจมาก!”
“เร็วมาก! การทอผาคูมีความเร็วเชนนี้ไดอยางไร สวรรคชวย แมแตครึ่งหนึ่งของ
ความเร็วของศิษยพี่หมิงซิ่วขาก็ยังทำไมได!”
“ดูสิ การทอคู ทั้งแนวดิ่งและแนวขวางลวนมีระลอกคลื่น รายกาจยิ่งนัก!”
“สมแลวที่เปนศิษยพี่ใหญ ในภายหนาศิษยพี่ใหญจะตองกลายเปนปรมาจารยหมิงซิ่ว
เปนแน!”
เหลาชางเย็บปกหญิงที่มุงดูกันอยูตางอุทานดวยความตื่นตะลึงกันไมหยุด พวก
นางร่ำเรียนการเย็บปกอยูทุกเมื่อเชื่อวัน ทำใหยิ่งเขาใจมากกวาคนทั่วไป ดวยเหตุน้ี
พวกนางจึงไดตะลึงพรึงเพริดไปตามๆ กัน เพราะตางก็รูวาการทำไดถึงขั้นนี้เปนเรื่องที่
ยากมากมายเพียงใด
ยาเฒามองดูการสาธิตของหมิงซิ่ว ก็อดเผยสีหนาปลื้มใจไมได ถึงแมชางเย็บปก
หญิงในโรงเย็บปกจะมีมากมาย แตวาคนที่มีความสามารถพอที่จะรับสืบทอดวิชาของ
นางก็มีเพียงแคหมิงซิ่วคนเดียว การทอผาคูเปนการทอขั้นพื้นฐานอยางหนึ่ง ไมไดถือ
วายากนัก แตหากจะฝกใหบรรลุถึงขั้นสุดยอด ก็เปนเรื่องที่ยากลำบากอยางมาก
เชนกัน
ไมเหมือนกับยายเฒาที่ปลื้มอกปลื้มใจ จิตใจของผูเฒาแสนจะวิตกกังวล
ทามกลางเสียงดายที่เสียดสีกันกับเสียงคนที่กำลังวิพากษวิจารณ อายฮุยที่มือ
ซายจับฟกดาบมือขวาจับดามกระบี่มีทาทางประหลาด เขาเหมือนกับรูปสลักที่ไมขยับ
เขยื้อน มีเพียงนัยนตาที่สองประกายเจิดจาหาใดเปรียบ จับจองไปที่ภาพอันงดงาม
เบื้องหนาหมิงซิ่ว
ในวินาทีที่อายฮุยจับดามกระบี่ เขาก็สัมผัสไดถึงเมล็ดพันธุแหงตัวออนกระบี่ที่ไม
เหมือนแตกอน
แรกเริ่มเดิมทีตัวออนกระบี่เดี๋ยวเดนชัดเดี๋ยวเลือนราง ถึงแมวาเขาจะรับรูไดถึง
การดำรงอยูของเมล็ดพันธุแหงตัวออนกระบี่ แตกลับยากที่จะบรรยายลักษณะได
อยางแมนยำ แตวาในครั้งนี้ เขาได “เห็น” เมล็ดพันธุแหงตัวออนกระบี่ นั่นเปนกระบี่
แสงสีครามเลมเล็ก
เล็กมากๆ จนไมรูวาจะเรียกวาเปนกระบี่แสงไดหรือไมก็ยังไมแนใจ
แตวา ณ วินาทีนั้น จิตใจของอายฮุยกลับติดตรึงอยูกับมัน แสงสีครามดูละมาย
คลายกับสีครามของสรอยครามสงบจิต อยูอยางเดียวดายและหยิ่งยโสตรงหวางคิ้ว
ของเขา ทามกลางกลุมอากาศที่มืดสลัว
กระบี่ยาวที่อยูในมือเปนเหมือนสวนหนึ่งของรางกายเขา เขาเคยมีความรูสึก
เชนนี้เมื่อครั้งกอน แตวาไมไดรุนแรงดั่งเชนตอนนี้ อายฮุยถึงขนาดรับรูไดถึงพละกำลัง
ที่กระบี่มีตอจิตใจเขา
จิตใจของเขายืดออกไปตามความยาวของกระบี่ ตามองไปทางหมิงซิ่ว
ประกายแสงของเข็มเปนเฉกเชนระลอกคลื่น อายฮุยมองเห็นวามันเคลื่อนชาลง
จนสามารถมองเห็นรองรอยของการเคลื่อนที่ของเข็มพลังธาตุไดอยางชัดเจน เขารับรู
ไดว า เข็ม พลังธาตุนั้นสอดประสานกั นอย างไร เส น ด ายถักทอกั นอย างไร รั บ รูได
แมกระทั่งบรรยากาศที่ถูกเข็มพลังธาตุนำพามา ทำใหเสนดายมั่นคง เข็มพลังธาตุนั้น
สั่นไหวเบาๆ อยูกลางอากาศ เกิดแรงดึงดูดตอกัน นั่นเปนกระแสอากาศหมุนวนที่เล็ก
ละเอียด ทำใหสามารถรักษาระยะหางที่เหมาะสมระหวางเข็มทั้งสองได
ชางนามหัศจรรยเสียจริง!
อายฮุยมองอยางนิ่งๆ เขารูวาไมใชเข็มพลังธาตุที่ชาลง หากแตเปนพลังในการ
สังเกตของเขาเปลี่ยนเปนเร็วขึ้น เขาชื่นชมภาพการเปลี่ยนแปลงที่งดงามเบื้องหนานี้
ชางนาอภิรมยยิ่งนัก!
แมจะดูเหมือนวาศิษยพี่หมิงซิ่วควบคุมเพียงเข็มพลังธาตุ แตในความเปนจริงแลว
กลามเนื้อทั่วรางของนางไมไดผอนคลาย หรือแข็งเกร็งเลย แตมันคือความพอดีที่อยู
กึ่งกลาง นางกางแขนทั้งสองขางออก เพื่อชวยทำใหศูนยกลางของรางกายมั่นคง
มันคือภาพของพละกำลังและความงาม
ในภาพนั้น พลังธาตุกำลังรินไหลดังสายธาร และมั่นคงราวกับแกนดายที่หมุนวน
เปนพลังธาตุที่เคลื่อนที่ดวยจังหวะสม่ำเสมอ ซึ่งกำลังรักษาความเร็วในการเคลื่อนตัว
ของเข็มพลังธาตุ
อายฮุยไดเรียนหลายสิ่งหลายอยาง เชนการควบคุมเข็มพลังธาตุนั้นจะตองมี
ความสม่ำเสมอ เชนนี้จึงจะสามารถเพิ่มความเร็วของเข็มพลังธาตุได
แตวาการเปลี่ยนแปลงเชนนี้ไมเพียงพอที่จะทำใหอายฮุยตกตะลึงได ถึงแมวาในตอนนี้
เขาจะมองเห็นอยางชัดเจนกวาเมื่อกอน แตวาเมื่อกอนเขาก็สามารถมองเห็นได
สิ่งที่ทำใหเขารูสึกถึงความตกตะลึงจริงๆ ก็คือในครั้งนี้เขาไดเห็นถึงสิ่งที่เขาไม
อาจอธิบายได
เขาเห็นหมอกจางๆ ที่ลอมอยูรอบๆ ตัวของศิษยพี่หมิงซิ่ว และไมรูวาสิ่งนั้นคือ
อะไร มันไมหยุดเปลี่ยนแปลงรูปรางไปมาสักพัก ราวกับเปนแสงที่ออนโยน บางครั้ง
กลับดูเหมือนหมอกควันที่ลึกลับ บางครั้งเปนแผนๆ ราวกับเกล็ดปลาที่บินฉวัดเฉวียน
และตอนที่เข็มพลังธาตุของศิษยพี่หมิงซิ่วสรางระลอกคลื่นขึ้นมา ก็มีแสงสวาง
ออนนวลเปนจุดๆ บางทีสวางขึ้นบางทีก็มืดดับ ก็เหมือนกับดวงดาวที่กระจัดกระจาย
อยูบนผิวน้ำ
เหลานี้ลวนปรากฏเปนครั้งแรก ไมเคยปรากฏมากอน
แมจะครุนคิดอยูนานสองนาน อายฮุยก็ยังไมรูวาสิ่งเหลานี้คืออะไร
เมล็ดพันธุแหงตัวออนกระบี่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเมื่อไดดูดกลืนสรอยคราม
สงบจิตเขาไปแลว เพราะเหตุใดมันถึงดูดกลืนสรอยครามสงบจิตเขาไป จนถึงตอนนี้
อายฮุยก็ยังคิดไมออก ในคัมภีรกระบี่เขาก็หาคำตอบนี้ไมพบ ในยุคอดีตมีวัตถุดิบ
หลายอยางที่แตกตางกับในปจจุบันนี้อยางสิ้นเชิง ทั้งคำเรียกและคุณสมบัติตางๆ
เปลี่ยนแปลงไปมากโข
สรอยครามสงบจิตก็เปนสิ่งที่เกิดขึ้นใหม ในยุคสมัยของการบำเพ็ญตนนั้นไมมี ใน
ตอนนั้นจะตองมีของที่คลายกันเปนแน แตวาอายฮุยไมรูวาคืออะไร
วิธีการฝกตัวออนกระบี่ในคัมภีรหลายสวนขาดหายไปไมครบถวน อายฮุยจึงเปน
ผูเติมขอมูลที่หายใปใหสมบูรณดวยตัวเองเกินกวาครึ่ง เขานั้นไมรูเลยวามันจะออกมา
เปนอยางไร
ยังดีที่ในตอนนี้เมล็ดพันธุแหงตัวออนกระบี่ไดดูดกลืนสรอยครามสงบจิตไปโดย
ไมไดตั้งใจ ทำใหมันขยายใหญและมีกำลังมากขึ้น อายฮุยคาดเดาวาสรอยครามสงบ
จิตจะตองมีวัตถุดิบบางอยางที่ชวยในการฝกตัวออนกระบี่เปนแน
นาเสียดายที่ไมมีสรอยครามสงบจิตแลว แมแตแบบที่ราคาถูกที่สุดเขาเองก็ยังไม
มีปญญาซื้อ ไมเชนนั้นเขาคงจะหาคำตอบไดวาการฝกฝนตัวออนกระบี่ตองใชวัตถุดิบ
อะไรกันแน
ความคิดเชนนั้นไดแวบขึ้นเพียงชวงครูภายในสมองของอายฮุย ก็เหมือนกันเปลว
เทียนริบหรี่ทามกลางสายลมคลั่ง
สรอยครามสงบจิต ราคาแปดสิบลานหยวน!
ถึงแมวาอายฮุยจะตกตลึงไปกับการเปลี่ยนแปลงของตัวออนกระบี่ แตวาพอนึก
ไดวานี่เปนการเปลี่ยนแปลงที่แลกมาดวยเงินแปดสิบลานหยวน ความตกตะลึงในใจ
ของเขาก็หายไปอยางไรรองรอย
ถ า หากเป น การฝ ก ฝนพลั ง ธาตุ เงิ น แปดสิ บ ล า นหยวนจะแลกมาด ว ยการ
เปลี่ยนแปลงเชนไร
อายฮุยไมรูวาการฝกทั้งชีวิตของตน วัตถุดิบที่ใชจะมีคาถึงแปดสิบลานหยวน
หรือไม อยางนอยคงทำใหตนฝกจนถึงขั้นที่เปนผูใชพลังธาตุที่แทจริงแหละ อายฮุยนั้น
คิดเชนนี้
อายฮุยขบคิดคำนวณอยางถี่ถวนแลวก็รูวาตัวออนกระบี่เปนการลงทุนที่สู งแต
ไดผลกำไรต่ำ ในขณะที่การฝกฝนพลังธาตุเปนการลงทุนสูงและไดกำไรสูง
คำตอบนั้นแจมชัดอยูแลว
อายฮุยไมมีทางที่จะไปหวั่นไหวกับตัวออนกระบี่ ตอใหเจาสิ่งนี้มีความพิเศษเปน
เอกลักษณมากมายเพียงใดก็ตาม เขาเปนคนที่ทำอะไรจริงจัง ความฝนของเขาคือการ
ไดกลายเปนผูใชพลังธาตุที่มีชื่ออยูในบันทึก
สายตาของเขาจองมองอยูที่หมิงซิ่ว ไมสั่นคลอนแมแตนอย
ความเร็วของหมิงซิ่วลดลงอยางรวดเร็ว อายฮุยรูวาอีกฝายตั้งใจทำแบบนั้นเพื่อ
ชวยเหลือตนใหเขาใจ
อายฮุยรูสึกซาบซึ้งกับเจตนาดีของอีกฝาย แตวาภาพของพละกำลังและความงดงาม
เมื่อครูนั้น ไดเปลี่ยนมาผอนลง ไมไดมีทวงทำนองทางศิลปะอยางเมื่อกอนอีกแลว
เขาทอดถอนใจอยางไรสุมเสียงกับตนเอง
บทที่ 61 ความตื่นตัว
หมิงซิ่วไมไดรับรูถึงการทอดถอนใจของอายฮุย นัยนตาอันงดงามของนางกวาด
มองไปที่เด็กหนุมที่มีกระบี่อยูในมือ ปลายแขนเสื้อรายระบำไปกับสายลมราวกับ
เกลียวคลื่น ประกายเข็มเคลื่อนไปมาราวกับกระสวยขณะที่แกนดายหมุนวนกลาง
อากาศ ผืนผาที่ลอยอยูคอยๆ ยาวขึ้นอยางไมหยุดหยอน
ชางเปนอิริยาบถที่ดูแปลกประหลาด...
หมิงซิ่วแอบนึกสังสัยอยูในใจวากระบี่อาจมีสวนชวยเขาก็เปนได ดูไปแลวเขายืน
อยางแนนิ่ง ไมสงเสียงใดออกมาราวกับวาเปนรูปสลักหิน เมื่อสายตาอันสงางามของ
นางปรายมองไป ก็เห็นนัยนตาเขาที่เปลงประกายราวกับกระบี่ล้ำคาถูกดึงออกจากฝก
ทำใหเปนประกายแสงเพียงจุดเดียวของรูปสลัก ประดุจดวงดาราที่สองประกายอยู
ทามกลางทองฟาอันธการไรที่สิ้นสุด
ชางดูสงายิ่งนัก ภาพเบื้องหนาทำใหหมิงซิ่วนึกถึงผูฝกกระบี่ในยุคโบราณ นาง
แอบชื่นชมอยูในใจ
แขนเสื้อ ของนางสะบัดไหวไปกั บ อากาศ ประกายเข็ มขยั บ ไปมาทำให เสี ย ง
เสนดายดังขึ้นไมหยุด
สายตาของตาเฒาหวังจับจองอยูที่อายฮุย ในใจเต็มไปดวยความอึดอัดกังวล เขารูสึก
วาการมาที่โรงเย็บปกในวันนี้เปนความผิดพลาด ยายเฒาจะมาสติแตกเอาอะไรตอนนี้
นอกจากการเย็บปกแลวยังมีวิธีการฝกฝนอยูอีกมากมาย เขาเพียงกังวลวาอายฮุยจะ
เจอกับอุปสรรคหากไมอาจฝกใหสำเร็จได
อายฮุยมีวิธีการฝกฝนอยางเปนระบบระเบียบ จะทำเรื่องอะไรก็ลวนเหมือนกับ
นักลาที่ช่ำชอง วางแผนกอนแลวคอยลงมือ มีความคิดเปนผูใหญ ไมเหมือนกับคน
หนุมเลยแมแตนอย ตาเฒาหวังกังวลวาอายฮุยจะเก็บตัวมากเกินไป ขาดความหุนหัน
พลันแลนตามประสาคนหนุมคนสาวพวกนั้น
พอลองนึกถึงตัวเขาเอง ในตอนวัยหนุมชางเลือดรอนและหยิ่งยโสยิ่งนัก
เขาสอนหนั ง สื อ อยู  ท ี ่ ส นามเหนี ่ ย วนำมาหลายป ได เ ห็ น ผู  ม ี พ รสวรรค ม า
หลากหลายแบบ แตละคนลวนจิตใจเรารอนฮึกเหิม
คนหนุ  ม สาวมั ก จะเปน กั น เชน นี ้ ถึ ง แม จ ะดอ ยประสบการณ แต ก ็ ม ี ห ั ว คิ ด
สรางสรรค มีขอจำกัดนอย กลาที่จะทาทายตออำนาจ และมีความคิดที่ไรเงื่อนไข
มากมาย
ในหมูคนหนุมสาว อายฮุยชางแปลกแยกและเดนสะดุดตาเกินไปจริงๆ อายฮุยที่
เปนผูใหญเกินไปเชนนี้ดูแลวคอนขางจะเก็บความรูสึก จนผูคนลืมอายุของขาไปเสีย
แลว ความทะนงตนที่มีก็ถูกซอนเอาไวภายในสวนลึกของจิตใจ นิสัยที่ยากจะคาดเดา
เชนนี้ หากพบอุปสรรค ความกระทบกระเทือนที่ไดรับก็จะมากยิ่งกวาคนรุนราวคราว
เดียวกันมากนัก
สิ่งนี้จึงเปนจุดที่ผูเฒาคอนขางจะกังวล
โดยเฉพาะอยางยิ่งเขารูวายายเฒาใจแคบอยางมาก ไมแนวาสุดทายอาจไมชอบ
อะไรขึ้นมาอีกก็ได
ไมงายเลยที่จะมีลูกศิษยที่ล้ำคาเชนนี้ เขาไมอยากใหอายฮุยไดรับความไมเปนธรรม
มีที่ใดบางที่สามารถฝกฝนเชนนี้ได ผูเฒาคิดในใจ โดยเฉพาะเมื่อไดเห็นการสาธิตอัน
เยี่ยมยอดของหมิงซิ่วแลว เขาก็ยิ่งไมสบายใจ ผูเฒาหวังไมใชคนที่มีจิตใจกวางขวาง
อยางแนนอน คราวอารมณดีนั้นนารักใคร แตเมื่อไรอารมณไมดีละก็ หึ หึ หึ
ลูกศิษยคนนี้เคยเรียนวิชากระบี่มากอนอยางนั้นหรือ
ผูเฒาทั้งตกใจและดีใจ อายฮุยมีอะไรใหเขาอัศจรรยใจอยูเสมอ ทวงทาของอาย
ฮุยดูไปแลวก็คอนขางจะประหลาด แตวาก็ไมไดดูขัดตาแมแตนอย ที่จริงมันเปนทาที่
งดงามอยางบอกไมถูก
ผูเฒาเปนคนที่มองคนออก ไดมองทาทางนี้ของอายฮุยเพียงแวบเดียว ก็รูแลววา
จะตองเคยฝกมากอนอยางแนนอน อีกทั้งระยะเวลาที่ฝกยังไมใชสั้นๆ อีกดวย
ดูตอนที่ลูกศิษยถือกระบี่เอาไวจะรวมสมาธิไดดีกวา
การอยูในสนามเหนี่ยวนำมานานก็มีขอดีอยูอยางหนึ่ง คือไดเห็นพวกประหลาด
แบบตางๆ มามาก ก็เลยมองที่ประหลาดวาไมประหลาดไปแลว และกลายเปนความ
เคยชินในการฝกฝน บางคนตองอยูในสภาพที่นิ่งสงบ ถึงจะสามารถทำสมาธิได แต
บางคนยิ่งอยูในที่ที่คนพลุกพลานจะยิ่งรวมสมาธิไดดีกวา
ดูท า วา อา ยฮุยจะใหความสำคั ญ กั บ เรื ่ องนี ้ อ ย า งมาก นี ่ ย ิ ่ งทำให ผู  เฒ า กั งวล
มากกวาแตกอนนัก เพราะความกระทบกระเทือนที่ไดรับจะยิ่งมากขึ้น
ยิ่งไปกวานั้นแลว ความพายแพเปนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไมได
ไมมีใครที่เพิ่งไดรูจักกับการเย็บปกถักรอยเปนครั้งแรกก็สามารถทอผาหนึ่งผืนได
ในเวลาหนึ่งสัปดาห แมแตหมิงซิ่วที่ยายเฒามองวาเปนผูรับสืบทอดวิชาก็ยังทำไมได
สมองตนคงมีปญหาไปแลวจริงๆ ทำไมเขาถึงใหอายฮุยมาเรียนเย็บปกอะไรพรรค
นี้ ผูเฒาเสียใจจนลำไสเขียวไปหมดแลว
“เปนอยางไรบาง” หมิงซิ่วจบการสาธิตลง ดวงตาที่งดงามจับจองมาที่อายฮุย
พลางเอยถามดวยน้ำเสียงออนโยน “ศิษยนองมีจุดใดที่สงสัยหรือไม”
หมิงซิ่วอาศัยตอนที่อาจารยยังไมเอยปากชิงถามขึ้นดวยตัวเอง ถึงแมวานางจะ
รูสึกวาไมไดมีประโยชนอะไร แตยังหวังวาจะสามารถชวยเหลือศิษยนองอายฮุยไดสัก
เล็กนอย
ยายเฒามองดูหมิงซิ่วแวบหนึ่ง แตก็ไมไดพูดอะไร
หากวาการทอผาเรียนไดงายเชนนั้น ก็ไมจำเปนที่จะตองมีโรงเย็บปกอะไรนี่แลว
การมองเห็นลูกศิษยที่ตนเอ็นดูที่สุดก็กำลังแอบชวยเหลืออายฮุย
ยายเฒายิ่งเห็นอายฮุยขัดหูขัดตากวาเกา แคดูการเย็บปกยังจะตองจับกระบี่
ทำทาทำทาง คิดจะโออวด!
“ไมมีปญหาอะไร”
คำตอบของอายฮุยทำใหหมิงซิ่วคอนขางจะคาดไมถึง แตก็กระจางขึ้นมาในทันที
ดูเหมือนอายฮุยเองจะรูถึงปญหาขอยากที่ตนไมอาจทำใหสำเร็จได
แมอายุของหมิงซิ่วจะมากกวาอายฮุย แตหาไดดูแคลนอายฮุยไม กลับกันยิ่งเพิ่ม
ความชื่นชม การรูจักถอยไมใชเรื่องย่ำแยอะไร แตการอวดเกงตางหากที่ไมใชการ
กระทำของผูมีปญญา
ฝามือของอายฮุยไดปลอยออกจากดามกระบี่
ในเวลานี้เอง สายตาของหมิงซิ่วไดมองไปบนรางของอายฮุย ในใจก็มีความรูสึก
แปลกประหลาดขึ้นมา ชายที่อยูเบื้องหนายังคงเปนอายฮุย แตไมรูวาเปนเพราะอะไร
ความรูสึกของนางถึงตางกันอยางสิ้นเชิง ราวกับเปลี่ยนเปนคนละคนก็ไมปาน นางไมรู
วาจะบรรยายการเปลี่ยนแปลงนี้อยางไร เมื่อครูนางรูสึกเหมือนวาไดเผชิญหนากับผู
ฝกกระบี่ที่แข็งแกรง ซึ่งมีทวงทาและพลังที่ทำใหคนหวาดกลัว แตวาอายฮุยในตอนนี้
ภายนอกไมไดมีการเปลี่ยนแปลงอะไร พลังที่ไรรูปลักษณน ั้นกลับหายไปอย า งไร
รองรอย
ชางประหลาดเสียจริง
เปนครั้งแรกที่นางไดเจอกับความรูสึกประหลาดเชนนี้ อีกทั้งยังเกิดขึ้นสองครั้งใน
วันเดียว ไมนานนางก็อดหัวเราะขึ้นในใจไมได หรือวาชวงนี้ตนจะเหนื่อยเกินไปแลว
ถึงมีความรูสึกที่ประหลาดเชนนี้ได นางจะรูไดอยางไรวาผูฝกกระบี่ผูหาญกลาเปนเชน
ไรในเมื่อยังไมเคยพบสักคนดวยซ้ำ
คนอื่นๆ ไมไดสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของอายฮุย
แตที่อายฮุยพูดวา “ไมมีปญหา” ก็ทำใหทุกคนคิดวานี่คือการรูจักถอยของอายฮุย
วินาทีที่ฝามือของอายฮุยหางออกจากดามกระบี่ โลกที่อยูเบื้องหนาก็ไดฟนคืนสู
ปกติ ความรูสึกที่เหมือนกับวาทุกอยางอยูในกำมือนั้นก็ไดหายไปอยางไรรองรอย
ความนึกคิดเปลี่ยนมาชาลง สัมผัสทั้งหกก็กลับมาอยูในระดับปกติอยางรวดเร็ว
ภายในสวนลึกของจิตใจไดเกิดการหมุนวนอยางรุนแรงจนอายฮุยเอื้อมไปจับ
กระบี่อยางไมรูตัว
แตวาในวินาทีที่ฝามือกำลังจะสัมผัสกับดามกระบี่ อายฮุยก็ไดสติขึ้นมา
เขาดึงมือกลับอยางแรง ราวกับวาดามกระบี่มีพิษรายติดอยูก็ไมปาน
เขาฝนสะกดกลั้นความรูสึกอันรุนแรงเมื่อครูลงไป แลวแอบเตือนตัวเองในใจ
ในตอนที่เขาเพิ่งจะเพาะเมล็ดพันธุแหงตัวออนกระบี่นั้น กระบี่แทบจะไมหางมือ
อายฮุยเลย ตัวออนกระบี่ปลุกปนสัมผัสทั้งหกของเขา ทำใหเขานั้นลุมหลงอยางหาใด
เปรียบ ประหนึ่งถูกผีสิงก็ไมปาน ฝามือนั้นไมยอมหางจากดามกระบี่
และไมนานเขาก็ไดพบเขากับอันตราย แมจะสัมผัสไดถึงอันตรายแลว แตวา
รางกายของเขากลับไมตอบสนอง เขามองดูสัตวรายฝงคมเขี้ยวลงมาที่รางกายตน โดย
ที่ตั้งแตเริ่มจนจบเขาไมไดปลอยดามกระบี่เลย สัมผัสทั้งหกถูกตัวกระบี่ปลุกปนทำให
ความเจ็บปวดรุนแรงเปนทวีคูณ
นั่นเปนความทรงจำครั้งหนึ่งที่เจ็บปวดรวดราวที่สุด
ตั้งแตครั้งนั้นเปนตนมาอายฮุยจึงไดเขาใจวาตัวออนกระบี่ไมใชวาจะสามารถทำ
ไดทุกอยาง หากพึ่งพิงตัวออนกระบี่มากเกินไป
ภาพลวงตาของความรูสึกที่วาทุกสิ่งทุกอยางลวนอยูในกำมือนั้นจะทำให ตน
ละเลยการฝกฝนรางกายตลอดจนการฝกฝนพลังธาตุ
อีกทั้งหากปราศจากรางกายที่แข็งแกรงกำยำ ความคลองแคลว พลังธาตุที่ลึกล้ำ
และสัมผัสทั้งหกที่แข็งแกรงแลวนั้น การจะทำอะไรลวนมีขีดจำกัดอยางมาก
“เชนนั้นศิษยพี่ ผาหนึ่งผืนมีความยาวเพียงใด ตองใชดายกี่มวน ขาสามารถนำ
ดายกลับไปไดเทาไร อาจจะมีที่เสียไปบาง ศิษยพี่สามารถใหขาเอาไปมากหนอยได
หรือไม”
อายฮุยถามอยางเคอะเขิน
ทุกคนตางคิดวาหูตนฝาดไป ณ ขณะนั้นโรงเย็บปกเงียบเปนเปาสาก
บทที่ 62 คนดี!
“เจาจะทอผาจริงๆ หรือ”
ระหวางทางกลับผูเฒาอดถามขึ้นไมได
“มีปญหาอะไรหรืออาจารย ทานถามขาเชนนั้นถึงสามครั้ง” อายฮุยรูสึกแปลกใจ
ชอบกล หรือวาอาจารยจะไมเห็นดวยที่ตนจะฝกการเย็บปกถักรอย ตั้งแตออกจากโรง
เย็บปกมา อาจารยก็ถามย้ำวาตนจะทอผาหรือไม ราวกับวาไมเชื่ออยางไรอยางนั้น
ทั้งๆ ที่อาจารยเปนคนพาเขามาเอง
“เจามองไมออกหรือวานางกำลังกลั่นแกลงเจาอยู” ผูเฒาถาม
“ไมนับวาเปนการกลั่นแกลงหรอก” อายฮุยพึมพำกับตนเอง ใชสมองคิดดูอยาง
ละเอียดอีกรอบหนึ่ง แลวเอยตอบอยา งหนักแนน “ขารูสึกวา เป นขอ เรียกร อ งที่
สมเหตุสมผลอยางมากแลว ตอนที่ขาอยูที่แดนราง ถาหากวาตองการขอใหผูอื่นทำ
การชี้แนะสั่งสอนละก็ ลวนจะตองจายเงินทั้งสิ้น ทานยายไมไดเรียกเงินจากขา เพียง
แคใหบททดสอบแกขาอยางหนึ่งเทานั้น อีกทั้งยังใหวัตถุดิบมามากมายถึงเพียงนี้ ทาน
ยายชางเปนคนดีเหลือเกิน อาจารยทานอยาไดพูดเรื่อยเปอยไป”
อายฮุยแกวงกระเปาเปที่อยูดานหลัง
ทานยายกลาวกับเขาวาอยากเอาไปเทาไรก็เอาไปเทานั้น ดังนั้นอายฮุยจึงอาศัย
ชวงที่ทุกคนกำลังปากอาตาคางอยูนั้น นำเสนดายทั้งหมดที่มองเห็นใสกระเปาเปที่มี
ขนาดสูงพอๆ กับตัวเขา
ผูเฒามองกระเปาเปที่เหมือนกับภูเขาลูกนอยของอายฮุยแลวก็นึกถึงทาทีตลึงจน
พูดไมออกของอวี้ฉิน นึกแลวก็อดหัวเราะไมได
อายฮุยไมเขาใจวาเขากำลังหัวเราะอะไร
หัวเราะไปไดพักหนึ่งแลว ผูเฒาถึงไดกลาวพลางหอบหายใจแรง “ที่เจาทำที่โรง
เย็บปกชางโหดเสียจริง กระเปาไมหนักบางเหรอ”
“ที่ขาทำหรือ” อายฮุยไมคอยเขาใจความหมายของอาจารย หรือกลัววาขาจะ
แบกไมไหว เขากลาวอยางไมคิดวาจะเปนเชนนั้น “แคนี้จะนับวาเปนอะไร มันไมได
หนักแมแตนอย ตอนที่ขาอยูในแดนราง สิ่งที่แบกหนักกวานี้มากมายนัก เสนดาย
เบาๆ พวกนี้ไมไดมีน้ำหนักอะไร นาเสียดายที่โรงเย็บปกมีอยูแคนี้”
นำเสียงอายฮุยเจือความรูสึกเสียดาย
ผูเฒาอยากจะหัวเราะแตก็ฝนเอาไวอยู เขาชี้ไปที่ดายสีอื่นๆ อยูดานบน “พวกนี้
เจาไมไดใชนะ ทำไมถึงไดหยิบติดมาดวย”
อายฮุยตอบอยางเขินอาย “เพราะเคยชินแลวจึงไมไดระวัง เมื่อกอนตอนที่ขาอยู
ที่แดนรางเวลาที่ตองเก็บกวาดสนามรบ มีขอแมวากระดูกสักชิ้นก็อยาไดปลอยไว ของ
พวกนี้อยูตรงหนาขา พอไมไดสนใจก็เลยเพลอหยิบพวกมันติดมือมา ขาควรเอาพวก
มันกลับไปคืนหรือไม” ไมไดสนใจ...
ผูเฒานึกถึงสีหนาและทาทางของยายเฒา ในใจก็แอบรื่นเริงอยู เจานี่ไมไดจงใจหรอก
หรือ มองดูอายฮุยอยูหลายที ดูไปแลวก็เปนปกติดี ไมนาจะใชการจงใจนั่นแหละ
“พวกนี้เปนปญหาเล็กๆ” ผูเฒาโบกมือขึ้น แลวจึงถามตอ “การสาธิตการทอผาคู
ของหมิงซิ่วเจาดูแลวเขาใจหรือไม”
“ขาเขาใจบางสวน” อายฮุยตอบขึ้นตามตรง
“เจาคิดจะทอผาจริงๆ หรือ” ทาทางของผูเฒาเปลี่ยนเปนจริงจัง “เจามั่นใจหรือไม”
“ความมั่นใจนี้ไมกลาพูด” อายฮุยกลาวขึ้นอยางระมัดระวัง “แตวาอยากจะลองดู”
ผูเฒาฟงออกถึงความยืนหยัดในน้ำเสียงของอายฮุย สมแลวที่เปนเด็กที่มีนิสัยดื้อรั้น
“ลองดูก็ลองดูเถอะ” ผูเฒากลาวขึ้นอยางเสียมิได แตก็รีบกลาวเสริม “หากวาทำ
ไมสำเร็จก็ไมเปนไรหรอก การฝกฝนนั้นไมไดมีแคเพียงการเย็บปก อยาไดมุงเขาสูทาง
ตัน ตอใหเปนผูมีพรสวรรคก็ไมใชวาจะสามารถทำไดทุกอยาง”
“อาจารยทานอยาไดกังวล ขาเพียงแคลองดู” ถึงแมจะไมรูวาเพราะเหตุใดผูเฒา
ถึงกังวลใจถึงเพียงนี้ แตอายฮุยก็สัมผัสไดถึงความใสใจของอาจารย ในใจก็เลยรูสึก
ซาบซึ้งขึ้นมา
ผูเฒาจึงไมไดหามปรามอีก
การแบกเอามวนดายมาถุงใหญกลับมาโรงฝกศาสตราวุธ โหลวหลานที่ไดเห็นจึง
แปลกใจอยูบาง “อายฮุย เจากำลังทำงานเหรอ”
“ไมใช” อายฮุยสายหัว “ขากำลังเรียนการฝกเย็บปก”
“การเย็บปกถักรอยหรือ” โหลวหลานกลาวตอบรับอยางประหลาดใจ จากนั้นก็
เขามาใกลดวยใบหนาที่อยากรูอยากเห็น “ดูทาทางแลวจะยอดเยี่ยมอยางมาก”
“ขายังไมทันเริ่มเลยนะโหลวหลาน” อายฮุยกลาวขึ้นอยางไมสบอารมณ “เจาก็รู
แลวหรือวามันยอมเยี่ยม แตพูดถึงความยอดเยี่ยม วันนี้เขาไดเห็นศิษยพี่หมิงซิ่วดวย
แบบนั้นถึงจะเรียกวาสุดยอดอยางแทจริง”
อายฮุยดูทาเหมือนจะเหมอลอย แมวาเขาจะออกจากภาวะตัวออนกระบี่มาแลว
แตวาภาพศิษยพี่หมิงซิ่วที่กำลังเคลื่อนเคล็ดวิชาทอผาคูอยางเต็มกำลังนั้น กลับไม
หยุดที่จะผุดขึ้นมาในหัวสมองของเขา
ภาพของพละกำลังและความงดงาม ชางสะทานสะเทือนจิตใจเสียจริง
ทุกรายละเอียดของภาพนี้ลวนประสานสมดุลกัน
เขาไมเขาใจการเย็บปก แตวายังคงรับรูไดถึงพลังทั้งหมดที่สะสมอยูในเหตุการณ
นั้น เขารูวาหากไมมีระดับความเขาใจที่ลึกซึ้งก็จะไมอาจทำไดถึงขั้นนั้น อายฮุยไม
เขา ใจการเย็บ ปก แตเขาเขาใจการตอ สู เข็ มพลั งธาตุ ถึ งแม จะเล็ กละเอี ยด แตก็
สามารถใชปลิดชีวิตไดเชนกัน ฝมือการทอผาของศิษยพี่หมิงซิ่วในระดับบรรลุมรรคผล
นั้น หากใชในการตอสู พลังในการสังหารจะนาหวาดกลัวเปนอยางมาก
ศิษยพี่หมิงซิ่วอายุมากกวาตนแคไมกี่ป แตมีความแข็งแกรงอยางมาก เขานั้นทั้ง
นับถือทั้งอิจฉา
“ศิษยพี่หมิงซิ่วแหงโรงเย็บปกอวี้นะหรือ”
ไมเสียทีที่เปนโหลวหลานผูยิ่งใหญที่เดินทุกตรอกซอกซอยเพื่อซื้ออาหารตมน้ำ
แกง คุนเคยกับขาวสารของเมืองซงเจียนในแตละดานเปนอยางมาก “แนนอนวาศิษย
พี่หมิงซิ่วนั้นรายกาจ นางเปนผูมีพรสวรรคในการเย็บปกอยางแทจริง ตั้งแตเด็กก็
กราบฝากตัวเปนศิษยของปรมาจารยการเย็บปกหันอวี้ฉิน เปนลูกศิษยที่โดดเดนที่สุด
ของโรงเย็บปกอวี้ หลายคนเชื่อวากอนนางจะอายุสามสิบ จะตองขึ้นแทนตำแหนง
ปรมาจารยเปนแน ความสำเร็จของนางจะสามารถกาวขามอาจารยหันอวี้ฉิน ไปได
และกลายมาเปนยอดปรมาจารยแหงการเย็บปก”
“รายกาจขนาดนั้นเชียว!” นัยนตาทั้งสองขางของอายฮุยเปลงประกายราวดวงดารา
เขารูสึกวาศิษยพี่หมิงซิ่วรายกาจมาก แตไมคิดวาจะรายกาจถึงขั้นนี้ เดี๋ยวกอน อวี้ฉิน
หรือ เขาเพิ่งจะนึกขึ้นไดวาอาจารยเคยเรียกทานยายวา “อวี้ฉิน” หรือวาทานยายก็
คือปรมารยแหงการเย็บปกผูมีนามวา หันอวี้ฉิน
เขานึกถึงที่อาจารยเคยพูดเอาไว บันทึกของผูที่สามารถควบคุมเข็มพลังธาตุใน
เวลาเดียวกันได ก็คือปรมาจารยแหงการเย็บปกผูหนึ่งนามหันอวี้ฉิน
ทานยายก็คือปรมาจารยแหงการเย็บปกหันอวี้ฉิน!
ดวงตาของอายฮุยเบิกกวางดวยความประหลาดใจ ผานไปสักพักจึงถามขึ้นอยาง
ไมแนใจ “โหลวหลาน เปนปรมาจารยจะตองเกงกาจอยางมากใชหรือไม”
“แนนอนที่สุด!” โหลวหลานมีใบหนาที่แสดงใหเห็นวามันก็ควรจะเปนเช นนั้น
รางกายกระจายออกตรงหนาของอายฮุย เมฆทรายกอนเล็กกอนหนึ่งกอรูปเปนขึ้น
เปนคำวา “ปรมาจารย” เมฆทรายกอนขางๆ ก็เปลี่ยนเปนคำวา “ยอดปรมาจารย”
“อายฮุย การขนานนามในอูสิงเทียนนั้นเขมงวดมากนะ การขนานนามที่สูงที่สุด
ของอูสิงเทียนในตอนนี้ก็คือยอดปรมาจารย หมายถึงผูแข็งแกรงที่มีคุณสมบัติที ่จะ
สถาปนาพรรคขึ ้ น มา รองจากยอดปรมาจารย ก ็ ค ื อ ปรมาจารย ตำแหน ง ของ
ปรมาจารยก็สูงสงอยางมาก คนที่มีคุณสมบัติไดรับการขนานนามวาปรมาจารย ลวน
เปนผูแขงแกรงในระดับเทียบเทากับผูที่อยูในจุดสูงสุดของอาณาจักร ลวนมีความ
แข็งแกรงที่ไมเปนสองรองใคร มีการสรางคุณูปการอันยิ่งใหญที่ไมอาจจะทดแทนได
ใหกับอาณาจักร ตองมีคุณสมบัติเหลานี้ถึงจะสามารถขนานนามวาปรมาจารยได
ปรมาจารยหันอวี้ฉิน นางก็ไดคิดคนวิธีการถักทออยูหลายสิบประเภท”
“รายกาจขนาดนี้!” อายฮุยตกตะลึง ยิ่งเพิ่มความมั่นใจวาเขาตองจะฝกการเย็บปก
การทดสอบเล็กๆ นั้นจะไมถือวาเปนปญหาอะไร โอกาสที่จะไดรับการชี้แนะจาก
ปรมาจารยแหงการเย็บปก ชางล้ำคาอยางมากนัก!
หากไมใชวาอาจารยหวังมีความสัมพันธกับปรมาจารยหันอวี้ฉินอยางลึกซึ้ง
เขาคงไมมีแมแตโอกาสที่จะได รับการทดสอบเชน นี้ ดูจากโรงเย็บปกก็รูแ ล ว
นอกจากอายฮุยก็ไมเห็นผูชายคนอื่นอีก
ขอเรียกรองของอาจารยจะตอ งทำให ทานปรมาจารย ลำบากใจอยางมากแน
เพียงแคใหบททดสอบเล็กๆ ขอเดียว ปรมาจารยชางเปนคนที่ดีมากเสียจริง
อายฮุยซาบซึ้งใจยิ่งนัก แถมยังใหมวนดายกับตนมามากมายเพียงนี้ ดูๆ แลวพวก
มวนดายหลากสีสันพวกนั้นจะแผกระจายพลังธาตุออกมาออนๆ ออกมาดวย แตละ
มวนไมใชถูกๆ เลย!
ยังมอบใหตนมากถึงเพียงนี้!
สายตาของอายฮุยไปหยุดอยูที่กระเปาเปที่สูงพอๆ กับภูเขาลูกนอยใบนั้น ในใจ
เต็มไปดวยความเคารพตอทานยาย ชางเปนคนดีเสียจริง!
บทที่ 63 เรื่องตลกที่ไมตลก
“อายฮุยจะเรียนการเย็บปกกับปรมาจารยหันอวี้ฉินเหรอ” โหลวหลานดีใจอยางมาก
“ชางดีเหลือเกินอายฮุย การฝกการเย็บปกนั้นดีมาก สามารถใชหาเงินไดดวย”
ฟุบ ฟุบ ฟุบ เมฆทรายที่เหลือไดเปลี่ยนเปนคำวา “เงิน” ที่มีทั้งขนาดเล็กและ
ขนาดใหญ ในสวนกลางของกอนกรวดมีแรไมกาที่กำลังสองประกายสะทอนสายตาอยู
คำที่อยูเบื้องหนาอายฮุยกำลังรายรำราวกับเกลียวคลื่นในลำน้ำ
“หาเงิน!” อายฮุยที่ไดยินสองคำนี้ ดวงตาก็เปลงประกายเจิดจาขึ้นมาในทันที
ที่เห็นตามมาติดๆ ก็คือตัวอักษร “เงิน” กำลังโบยบินและรายรำอยูตรงหนา
เลือดของอายฮุยก็พุงกระฉูดขึ้นสมองในทันที
“การเย็บปกจะหาเงินไดอยางไร” อายฮุยเรงรอนเอยปากถาม
เพียงไดยินคำวา “เงิน” เขาก็ไมมีเรี่ยวมีแรงจะตอตานสิ่งใดแลว ความแนวแน
ความมีเหตุผล ลวนลอยหายออกนอกหนาตางไปเสียสิ้น! เมื่อกอนเขาก็ไมใชพวกที่
เห็นเงินแลวตาโต แตวาเงินแปดสิบลานหยวนก็เปนเหมือนภูเขาที่กดทับอยูบนตัวเขา
จนทำใหตอนนี้ขอเพียงแคพูดถึงเรื่องเงิน เขาก็จะเลือดลมพุงพลานขึ้นมา
“การใชงานของการเย็บปกนั้นกวางขวางอยางมาก” โหลวหลานผูเปนอาจารยที่
ดีกลาวขึ้นตอ “การเย็บปกในปจจุบันไดถือกำเนิดมาจากการสรางของวิเศษในโลก
แหงการบำเพ็ญตนในยุคโบราณ ในสมัยกอนผูบำเพ็ญตนจะนำผนึกและเขตอาคม
หลอหลอมเขาไปในวัตถุดิบที่มีความพิเศษ โดยตั้งชื่อเรียกวาของวิเศษ นี่ก็คือตน
กำเนิด แตวาในยุคปจจุบัน เมื่อพลังวิญญาณหายสาบสูญไปและพลังธาตุไดรุงเรือง
ขึ้นมา สงผลใหคุณสมบัติของวัตถุดิบเกิดการเปลี่ยนแปลงอยางอยางสิ้นเชิง ผนึกใน
ยุคการบำเพ็ญตนไดไรผลไปแลว แตวาในภายหลังมีการคนพบวาอสูรแดนรางและพืช
พรรณนั้นแตกตางกับในยุคบำเพ็ญตนอยางสิ้นเชิง
พวกมันมีผนึกตามธรรมชาติตั้งแตเกิด ดังนั้นจึงกลายมาเปนวัตถุดิบหลักในทันที
กระบี่หญาที่เมื่อกอนอายฮุยเคยใช ก็ถูกสรางขึ้นมาจากหญากระบี่”
“ผนึกของพวกมันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เปนผนึกที่พลังธาตุสามารถทำการ
กระตุนได พวกเราเรียกมันวารองรอยพลังธาตุ ความหมายก็คือรองรอยที่ถูกทิ้งไวโดย
กฎของฟาดิน การจะดูวาวัตถุดิบอยางหนึ่งจะมีประโยชนหรือไม ใหดูวามันมีรองรอย
พลังธาตุอยูหรือไม อยางไรก็ตามรองรอยพลังธาตุตามธรรมชาติไมไดมีความสมบูรณ
มีที่บางสวนถูกทำลายไป บางก็พิกลพิการไมสมประกอบ รองรอยพลังธาตุที่สมบูรณ
แบบตามธรรมชาตินั้นหาไดยากมาก ดังนั้นรองรอยพลังธาตุของวัตถุดิบพวกนี้ จึงตอง
ไดรับการปรับแกเสียกอนจึงจะนำมาใชได จุดนี้ก็คือสวนที่ใชประโยชนของการเย็บ
ปก!”
อายฮุยฟงจนเคลิ้ม ในตอนที่อยูในแดนรา งเขาเองก็ เคยไดยิน ผู ใชพลังธาตุ ผู
ยิ่งใหญพูดถึงอยูในบางครั้ง แตวาเขาไมคอยเขาใจมาโดยตลอด จนกระทั่งได ฟ ง
คำอธิบายของโหลวหลานในวันนี้ ขอสงสัยมากมายที่อยูในใจถึงไดถูกไขกระจาง
เขาอดถามขึ้นไมได “การเย็บปกสามารถแกไขรองรอยพลังธาตุไดอยางนั้นหรือ”
“ใชแลว โดยเฉพาะกับพวกพืช เริ่มแรกทุกคนคิดวาการแกไขรองรอยพลั งธาตุ
สามารถทำไดผานการวาดภาพ แต ภ ายหลั งได พ บว าวิ ธี การนี้ ไม ค อยดีน ั ก ไม วา
รองรอยแหงฟานี้จะสมบูรณหรือไม ขอเพียงแคเปนรองรอยแหงฟาก็จะมีสนามพลัง
ธาตุที่เปนเอกลักษณของตัวเอง ซึ่งจะขับไลวัตถุดิบอื่นที่มีพลังธาตุออกไป ทำใหสีที่ใช
สำหรับการวาดไมติดอยูกับรองรอยแหงฟาเหลานี้ จะวาไปก็มีเรื่องตลกอยูเรื่องหนึ่ง
อายฮุยอยากฟงหรือไม”
“โหลวหลานเลาเรื่องตลกเปนดวยหรือ” อายฮุยถามดวยความตกตะลึง
“อานเจอจากในหนังสือ” น้ำเสียงภูมิใจของโหลวหลานดังออกมาจากเมฆทราย
“ไหนลองเลาซิ”
“เมื่อกอนการปรับปรุงอาวุธหญาโดยใชน้ำยาลงภาพเปนวิธีที่ไดรับความนิยม
มากที่สุด”
ตัวอักษร “เงิน” “เงิน” “เงิน” ที่ลอยอยูเต็มฟาเปลี่ยนกลับมาเปนกองทรายสี
เหลือง ทรายสีเหลืองกองหนึ่งกลายรางเปนคนตัวเล็กๆ อีกกองเปลี่ยนเปนกระบี่
ทรายเลมเล็กเลมหนึ่ง มนุษยทรายตัวนอยกมหนากมตาวาดแผนภาพลงไปที่ตัวกระบี่
ดวงตาของอายฮุยมองจนนิ่งไปแลว นี่เปนการแสดงประกอบการอธิบายหรือ
ทำไมถึงไดรูสึกวาโหลวหลานนับวันยิ่งฉลาดกันนะ นี่คงไมใชการคิดไปเองใชไหม!
“วิธีการในตอนนั้นยังลาหลังเปนอยางมาก ก็คือหลังจากการใชน้ำยาแบบพิเศษ
ซอมแซมและแกไขรองรอยพลังธาตุแลว จำเปนตองใชโคลนเหลืองที่ชื้นพอกเอาไวทั่ว
ตัวกระบี่ จากนั้นก็ใชน้ำหมอกเงินที่เต็มไปดวยพลังธาตุทองราดใหทั่วโคลนเหลืองอีก
ที ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่ผูใชพลังธาตุออกรบจำเปนจะตองมีดวยรถมาศึกตามหลั งมา
ดวย โดยดานบนจะมีไหใบใหญอยูสองใบ ไหใบหนึ่งจะบรรจุโคลนเหลือง สวนไหอีก
ใบบรรจุน้ำหมอกเงิน”
ทรายสีเหลืองอยูๆ ก็กระจายตัวออก คอยๆ เปลี่ยนมาเปนกลุมคนตัวเล็กกลุม
หนึ่งกำลังถือกระบี่พุงตัวไปดานหนา รถมาศึกก็ตามอยูดานหลัง ขนไหใบใหญสองใบ
“ในตอนที่เจอกับอสูรแดนราง”
ฟุบ! ทรายสีเหลืองกองหนึ่งเปลี่ยนรูปเปนฝูงอสูรแดนราง กำลังเขาปะทะกับคน
ตัวกระจิ๋วเหลานั้น
“การตอสูแสนจะดุเดือด สูไปสูมา เอ สีที่อยูบนตัวกระบี่ลอกไปแลว ทหารดินไม
พูดพร่ำทำเพลงรีบหยิบกระบี่หญาอีกเลมออกมา แลวก็ถือโอกาสเอากระบี่หญาในมือ
ที่น้ำยาหลุดไปแลวโยนกลับขึ้นไปบนรถ
นักปรุงยาที่อยูบนรถก็รับกระบี่หญามา ก็เอาโคลนเหลืองมาพอก แลวราดดวย
น้ำหมอกเงิน หลังจากนั้นก็โยนกลับออกไป ตามดวยตะโกนขึ้นวาเรียบรอยแลว คน
ตอไป!”
ทรายสีเหลืองแสดงภาพเหตุการณทั้งหมดออกมาราวกับมีชีวิต มนุษยทรายตัว
นอยที่อยูบนรถมาศึกวุนวายอลหมานเสียจนมือไมพัลวันพัลเก ขณะที่กระบี่ทรายเลม
เล็กลอยไปมาอยูกลางอากาศ
“หลังจากนั้น มีอยูครั้งหนึ่ง พวกเขาไดเจอเขากับอสูรแดนรางฝูงใหญ”
ทรายสีเหลืองเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้ขึ้นรูปเปนอสูรแดนรางจำนวนมากมาย
ดานหลังของอสูรแดนรางมีแตฝุนตลบ มีอานุภาพรายกาจอยางยิ่ง
อายฮุยมองดูอยางมีอารมณรวม ชางมีชีวิตชีวานัก
“การตอสูดุเดือดเปนอยางมาก”
โฉงฉาง โฉงฉาง ทั้งสองฝายตอสูอยางเอาเปนเอาตาย กระบี่ทรายลอยไปลอยมาดวย
ความเร็วที่มากยิ่งขึ้น มนุษยทรายตัวนอยที่อยูในสนามรบดิ้นรนตอสูจนเทาไมติดพื้น
“สุดทายแลว นักปรุงยาเหนื่อยจนสิ้นใจตายไปเลย”
มนุษยทรายตัวนอยที่อยูบนรถมาศึกลมตัวลง นอนพาดตัวอยูบนตัวรถ
อายฮุยเอามือเทาคางดูอยางตื่นเตน อยูๆ ทุกอยางก็หยุดลง จึงอดไมไดที่จะถามขึ้น
“แลวหลังจากนั้นเลา”
“ไมมีแลว” ตัวของโหลวหลานคืนรางกลับมาเปนดังเดิม เอียงคอมองมาทางอายฮุย
ติดจะมีความแปลกใจอยูเล็กนอย “ไมตลกเหรอ ทำไมอายฮุยไมขำ”
อายฮุยตอบขึ้นตามตรง “ไมคอยตลกเทาไร”
โหลวหลานอึ้งไป “โหลวหลานคิดวามันจะตลกมากเลยนะ ในหนังสือกลาวไววานี่
เปนเรื่องตลกครั้งใหญในรอบสิบปของตอนนั้น”
อายฮุยกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง “โหลวหลานพวกเรามาพูดถึงการเย็บปกตอเถอะ”
โหลวหลานตอ งเลา เรื่อ งตลกไม เป น สิ ถ ึ งจะเป น โหลวหลานตั ว จริ ง อ า ยฮุ ย
สังเกตเห็นรายละเอียดอยางหนึ่ง ระดับการเปลี่ยนแปลงรูปรางของโหลวหลานนับวัน
ยิ่งรายกาจ การเปลี่ยนเปนคนตัวเล็กพวกนี้ แตละตัวลวนคลายกับของจริง
สิ่งที่อายฮุยนึกถึงกลับเปนเรื่องอื่น การเปลี่ยนแปลงรูปรางเปนลูกไมอยางหนึ่งที่
ใชกันตามปกติของตุกตาทราย และก็เปนลูกไมที่ใชแลวคอนขางจะไดผล ตุกตาทราย
เกือบทั้งหมดลวนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปรางได แตวาที่โดดเดนเหมือนโหลวหลานนี้
กลับไมมีใหเห็นมากนัก ถาหากนำมาใชในการตอสู จะตองมีอานุภาพมหาศาลอยาง
แนนอน
ระดับสติปญญาของโหลวหลานชางสูงเสียจริง ระดับสูงต่ำของการเปลี่ยนแปลง
รูปรางคือตัวชี้วัดระดับสติปญญาของตุกตาทราย
บางทีเขาอาจเพิ่มการฝกฝนใหกับโหลวหลานในสวนนี้ได สติปญญาของโหลว
หลานสูงขนาดนั้น การเปลี่ยนแปลงรูปรางจะตองฝกจนรายกาจยิ่งขึ้นไดแน ในการ
ตอสูครั้งกอน การเปลี่ยนแปลงรูปรางของโหลวหลานก็สามารถใชประโยชนไดอยาง
มาก
ความคิดนี้ไดผุดขึ้นมาในหัวอายฮุยเพียงแวบเดียว แลวก็ไดสลายหายไปอยางไร
รองรอย
อา ยฮุย รูสึก วา ตนนั้นคิดมากเกิ น ไป โหลวหลานเป น ตุ  ก ตาทรายในรู ป แบบ
ชีวิตประจำวัน อยาไดนำพาเขาสูสนามรบจะดีกวา สนามรบเปนสถานที่อันโหดรายถึง
ขนาดนั้น แมแตตัวเขาเองก็ไมแนใจวาจะรอดออกมาได
อายฮุยแอบเตือนตัวเอง ที่นี่ไมใชแดนรา งอีกแลว และเขาก็ไดเริ่มตนชี ว ิ ตที่
แตกตางไปจากเมื่อสามปกอนอยางสิ้นเชิงแลว
การตอสูไมใชทั้งหมดของชีวิต อยางนอยสำหรับโหลวหลานแลวก็เปนเชนนี้ เพียง
ตุนน้ำแกงและทำความสะอาดไดก็พอแลว
การตอสูปลอยใหเปนหนาที่ของคนที่เคยชินกับการฆาสังหารเชนตนเถอะ
ใบหนาของอายฮุยเผยรอยยิ้มสดใสราวกับดวงตะวัน
บทที่ 64 หนทางทำเงิน
“การเย็บ ปก เปนหนึ ่ง ในอาชีพ ที ่ ท ำเงิ น ได ค อ นข า งดี ” ร า งของโหลวหลาน
เปลี่ยนเปนหนังสือหนึ่งเลม หนากระดาษเปดพึ่บพั่บ มีเสียงโหลวหลานดังออกมาจาก
ดานใน “ในสิบอาชีพที่ทำเงินไดมากที่สุดของอูสิงเทียน การเย็บปกไดติดหนึ่งในสิบ
ติดตอกันถึงยี่สิบสองป”
นัยนตาอายทอประกายราวกับดวงดาวในทองฟายามราตรี
ตอใหเปนตอนที่ถือกระบี่อยูก็ไมทำใหนัยนตาของเขาสองประกายถึงเพียงนี้
“สิ่งนี้เกี่ยวของกับการที่การเย็บปกสามารถนำไปปรับใชไดหลากหลายแขนง
โดยเฉพาะดานการจัดการกับพวกพืชและเครื่องหนัง การเย็บปกถือวาถูกนำไปใช
เยอะที่สุด ลำพังงานปกยางเดียวก็มีราคาสูงมากแลว ปริมาณการคาจึงยังไมไดมีเยอะ
มากนัก ราคาของผาทอพลังธาตุจะมีราคาเปนหนึ่งรอยเทาของผาทอธรรมดา ราคา
ในชวงสิบปมานี้ของผาทอพลังธาตุผืนเดี่ยวหนึ่งผืนอยูที่หาแสนหยวน”
อายฮุยตองสูดหายใจเอาอากาศเย็นเขาปอด เขาคิดไมถึงเลยวา ผาทอพลังธาตุ
ผืนหนึ่งจะมีราคาแพงหูฉี่ถึงขั้นนี้
หาแสนหยวนเลยนะ!
กอนจะมีเรื่องเงินแปดสิบลานหยวน เงินหาแสนหยวนในสายตาของเขาก็เปน
จำนวนมหาศาลอยูแลว แตนี่เปนราคาผาทอพลังธาตุเพียงหนึ่งผืน!
กำไรอันมหาศาล! ชางเปนกำไรอันมหาศาลเกินไปแลว!
นัยนตาของอายฮุยเรืองแสงแวววับ ในตอนนี้เขาอยากจะวิ่งไปหาอาจารย ใช
น้ำเสียงกระตือรือรนและจริงใจรองตะโกนขึ้นวา “อาจารย ขาจะฝกการเย็บปก!”
ชางเปนกำไรที่มหาศาลเสียจริง!
อายฮุยกัดฟนแนน รูสึกไมเปนตัวของตัวเอง
อาชีพที่ทำกำไรมหาศาลเชนนี้มีอยูบนโลกนี้ดวยหรือ มันตองมีอยูเพื่อรอใหเขา
เขารวมเปนแน!
วิชาการทอผาคูนั้นเขาจำไดมากนอยเทาไรกัน แรกเริ่มเดิมทีอายฮุยรับภารกิจนี้
มาเพียงเพื่อจะทดลองดูเทานั้น แตบัดนี้เขาไดเปลี่ยนใจแลว เขาจะตองผานการ
ทดสอบนี้ไปใหจงได
หัวเด็ดตีนขาดอยางไรก็อยาไดมาถามขาวาจะเย็บปกหรือไม!
ตอใหลมรายโถมถั่ง กลองรบดังลั่น หากไมฝกการเย็บปกถักรอยก็อยามาเรียกขา
วาอายฮุย!
“ผาทอพลังธาตุทำอะไรไดบาง ทำไมถึงไดมีราคาถึงขนาดนี้ ผาโปรงนับเปนผา
ทอพลังธาตุดวยหรือไม” อายฮุยรีบซักไซ
“ผาทอพลังธาตุใชเข็มพลังธาตุถักทอขึ้นมา เสนดายใชวัตถุดิบที่เต็มไปดวยพลัง
ธาตุสรางขึ้นมา ที่ผาทอพลังธาตุมีมูลคาสูงมากก็เพราะวามันสรางรองรอยพลังธาตุได
งาย ยกตัวอยางเชนการเย็บปกนี้สามารถนำมาใชเพื่อสรางพลังธาตุได ผาทอพลังธาตุ
สามารถนำไปใชไดมากมายหลายอยาง อาทิเชน นำไปสรางอาวุธ อยาง [เถาเยา] ของ
รองหัวหนาของหนวยทะเลเหนือเฮอเหลียนเฟยเออร ก็เปนผลงานชิ้นเอกของการเย็บ
ปก ยังมีพวกโลและชุดดานในของเสื้อเกราะมากมาย มันสามารถใชปองกันพลังธาตุ
จากการโจมตีของอสูรแดนรางไดอยางแนนอน”
โหลวหลานไดเปลี่ยนกลับมาเปนรูปลักษณเดิม แลวขยับเขาไปใกลมวนดายเบื้อง
หนาที่กองเปนภูเขาเล็กๆ
“ที่อายฮุยตั้งใจจะพูดก็คือจะใชมวนดายพวกนี้ทอเปนผาโปรงใชไหม ใช มันเปน
ผาทอพลังธาตุ มวนดายพวกนี้มีคลื่นของพลังธาตุอยู แตวาจะตองใชเข็มพลังธาตุถัก
ทอใหสำเร็จถึงจะใชได อายฮุยเจาทำไดดวยเหรอ การทอผาเปนกลวิธีที่คอนขางลึกซึ้ง
ในการเย็บปกถักรอยนะ” โหลวหลานเอยขณะจองมองไปที่อายฮุย
“ไมเปนก็จะตองเปนใหได” อายฮุยกลาวขึ้นอยางเด็ดขาด ไมเหลือเรื่องใหตอง
หารือใดๆ
ถาหากวาไมรูเรื่องเงินหาแสนหยวนก็แลวไป แตในเมื่อรูแลว เชนนั้นก็ไมมีเรื่องให
ขบคิดอีกแลว ผาหนึ่งผืนขายไดถึงหาแสนหยวน เชนนั้นเงินแปดสิบลานก็เทากับผา
จำนวนหนึ่งรอยหกสิบผืน ถาคิดเชนนี้ อายฮุยก็รูสึกขึ้นมาในทันทีวามันไมไดยากที่จะ
ทำใหสำเร็จอะไรขนาดนั้น
ภายในใจของอายฮุย ความสำคัญของการเย็บปกอยูที่การเพิ่มระดับความเร็ว
วิธีการทอผาคู...
ในสมองของอายฮุยนึกยอนไปถึงทุกๆ รายละเอียดของการทอผาของศิษยพี่หมิง
ซิ่ว เมื่อไมมีเมล็ดพันธุแหงตัวออนกระบี่แลว ก็รูสึกราวกับวาความคิดของเขาชาลงมา
มากเลยทีเดียว แตวาในทุกๆ ความทรงจำยังคงแจมชัดถนัดใจ
อายฮุยไมไดคิดที่จะหยิบยืมพลังของตัวออนกระบี่เขามาชวยเหลือในการจับจุด
วิธีการทอผาคู
ความรูสึกในครั้งนี้ข องเขานั้น ชั ดเจนอย างมาก พลั งของตั วอ อนกระบี ่กำลัง
กาวหนาขึ้น และความรูสึกที่ลุมหลงก็รุนแรงยิ่งกวาครั้งไหนๆ
ขณะใชพลังของเมล็ดพันธุแหงตัวออนกระบี่แตแตตนจนจบ อายฮุยรักษาการ
ควบคุ ม อย า งระวั ง ระไว พลั ง ที ่ ย ิ ่ ง แข็ง แกร ง ก็ ไ ม ใ ชเ รื ่ อ งที ่ ด ีอ ะไร เมื ่ อ เกิ ดการ
เปลี่ยนแปลงของตัวออนกระบี่ นั่นก็หมายความวาเขาตองระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
“โหลวหลานเจารูจักวิธีการทอผาคูไหม” อายฮุยถาม
โหลวหลานไดเปลี่ยนรูปรางเปนหนังสือเลมหนึ่งอีกครั้ง เสียงเปดหนากระดาษดัง
ขึ้นพึ่บพั่บ
“วิชาการทอผาคูเปนสิ่งที่ปรมาจารยหันอวี้ฉินคิดคนขึ้นตอนที่นางอายุสิบเกาป
มันเปนสัญลักษณที่แสดงถึงรูปแบบการเย็บปกของปรมาจารยหันอวี้ฉิน”
ประโยคแรกที่โหลวหลานพูดทำใหอายฮุยเกิดความนับถือในตัวทานปรมาจารย
หันอวี้ฉินขึ้นมา อายุสิบเกาก็สามารถสรางการทอรูปแบบใหมออกมาได สมแลวที่เปน
ปรมาจารย!
“การทอผาคูเนนที่การใชเข็มคูรวมกัน ใชประโยชนจากการเหนี่ยวนำจากพลัง
ธาตุที่อยูในเข็ม ใชเข็มเลมหนึ่งนำพาอีกเลม ปรมาจารยหันอวี้ฉินสรางพื้นฐานการทอ
ผาคูและไดพัฒนากลวิธีการใชเข็มที่แตกตางกัน ในทายที่สุดก็ไดกลายเปนรูปแบบการ
ใชเข็มที่เปนเอกลักษณของนางอยาง [น้ำตกมัจฉา] ที่เปนที่รูจักจากการใชเข็มพลัง
ธาตุจำนวนมหาศาล นางเปนผูรักษาสถิติผูที่สามารถควบคุมเข็มพลังธาตุพรอมกัน
เปนจำนวนมากที่สุดในปจจุบัน”
เสียงเปดหนากระดาษพึ่บพั่บไดหยุดลง โหลวหลานก็กลับมาสูรางเดิมพลางกลาวขึ้น
“อายฮุย โหลวหลานมีเพียงเทานี้ ตำราเกี่ยวของกับการเย็บปกของอาจารยเซามีอยู
นอยมาก”
อายฮุยไมไดยินสิ่งที่โหลวหลานพูด เขากำลังพูดกับตัวเอง “ใชประโยชนจากการ
เหนี่ยวนำจากพลังธาตุที่อยูในเข็ม...”
ถาหากอายฮุยไมไดใชเมล็ดพันธุแหงตัวออนกระบี่มองดูการสาธิตของศิษยพี่หมิง
ซิ่วแลวละก็ เขาจะตองจับจุดไมไดเปนแน แตวาทุกรายละเอียดของการสาธิตของ
ศิษยพี่หมิงซิ่วไดสลักลงไปในสมองของเขาอยางลึกซึ้ง เมื่อมีประโยคของโหลวหลาน
ประโยคนี้ รายละเอียดสำคัญตางๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวเขาโดยไมรูตัว
ที่แทก็เปนเชนนี้...
เมื่อกอนเขาก็มีความรูสึกที่คอนขางเลือนรางไมชัดเจนอยู แตหลังจากที่ไดยิน
ประโยคนี้ก็ไดจุดประกายใหกับเขา
ทาทางของอายฮุยเปลี่ยนเปนเครงขรึมขึ้นมา
เมื่อเขาใจหลักการทอผาคูแลว อายฮุยก็รูวาทำไมอาจารยถึงไมเห็นดีก ั บ ตน
ถึงแมหลักการของการทอผาคูจะไมซับซอน แตวาตองอาศัยการควบคุมพลังธาตุที่สูง
เปนอยางมาก
ระดับการควบคุมพลังธาตุของอายฮุยยังหางจากขั้นต่ำสุดที่การทอผาคูตองการ
อยูมากโข
แตวาอายฮุยก็ไมไดเศราโศกเสียใจ เพราะเขาเวลามาโศกเศราที่ไหนกัน
เขาเริ่มลองกอรางเข็มพลังธาตุขึ้น จากประสบการณครั้งนั้นทำใหการกอรางเข็ม
พลังธาตุในครั้งนี้เร็วกวาครั้งกอนมากมายนัก ผานไปสักพัก รูเข็มก็มั่นคงอยางมาก
ความสามารถในการเรียนรูของอายฮุยไมไดแย ขอเพียงครั้งแรกทำสำเร็จ เขาก็จะ
สามารถกุมกุญแจสำคัญไดอยางรวดเร็ว
เขานึกยอนไปถึงทุกๆ การกระทำของศิษยพี่หมิงซิ่ว ทันใดนั้นก็ไดพบเขากับ
ปญหาขอใหญขอหนึ่ง เขาไมอาจควบคุมเข็มพลังธาตุในระยะไกลได
ตั้งแตตนจนจบการสาธิต ศิษยพี่หมิงซิ่วไมไดใชมือควบคุมเข็มพลังธาตุเลยแมแต
นอย หลักการในการใหเข็มพลังธาตุหางจากกายไมไดลึกซึ้งนัก พลังธาตุที่รวมตัวกัน
อยางหนาแนนจะกอรางรวมเปนเข็มพลังธาตุ และสวนปลายของมันจะมี “เสนดาย
ลองหน” หนึ่งเสนที่เชื่อมโยงระหวางเข็มกับผูควบคุม “เสนดายลองหน” นี้ก็คอื ดาย
พลังธาตุ เนื่อ งจากมันถูกสรางมาจากพลังธาตุ ที ่เบาบางอยางมากจนไมสามารถ
มองเห็นได คนอื่นจึงไมสามารถสัมผัสได
หากอยากฝกการใชเข็มพลังธาตุใหหางกายไดจำเปนจะตองมีพลังธาตุที่ลึกล้ำ
เชนนั้นการสราง “เสนดายลองหน” ก็มีระดับความยากยิ่งกวาการกอรางเข็มพลังธาตุ
เปนอยางมาก
พลังธาตุเปนจุดออนที่ใหญที่สุดของอายฮุย เขาเพิ่งจะเปดคลังชีวิตได มีพลังธาตุ
ไมพอที่จะใหเข็มพลังธาตุหางจากกาย
แตวาอายฮุยไมมีทางยอมลมเลิกเปนอันขาด
ผืนละหาแสนหยวนเชียวนะ!
นึกถึงตัวเลขก็ตื่นเตนแลว
เขากำลังเคนสมองทั้งหมด ขบคิดวาจะทำอยางไรจึงจะสามารถแกไขปญหาขอนี้
ได การทอผา คูจ ะตอ งทำการเคลื ่ อ นเข็ มทั ้ งสองเล มพร อ มกั น เข็ มเล มหนึ ่ งต อ ง
เคลื่อนที่ในแนวนอน เข็มอีกเลมหนึ่งตองเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง เมื่อเข็มทั้งคูเคลื่ อนที่
พรอมกันถึงจะเรียกวาการทอผาคู
เขาไมจำเปนตองทำความเร็วใหเทาศิษยพี่หมิงซิ่ว ชาสักหนอยก็ไมไดมีปญหาอะไร
ระหวางการสาธิต อายฮุยก็ไดพบวาศิษยพี่หมิงซิ่วทำราวกับวาเปนเรื่องง า ย
ราบรื่นอยางหาใดเปรียบ ไมไดดูซับซอนนัก แตวาเมื่อคนทอผาเปลี่ยนมาเปนตน กลับ
ไมรูจะเริ่มจากตรงไหน
เงินหาแสนหยวนไมไดไดมางายๆ เลย!
อายฮุยกำลังรูสึกปลงอนิจจัง
บทที่ 65 เสนดายลองหน
เมื่ออายฮุยตื่นขึ้นจากหวงความคิดก็เปนเวลาฟามืดแลว โหลวหลานเองก็ไมเห็น
แมแตเงา
ที่จ ริงแลว ก็ใชวา อายฮุยจะไม ไดอ ะไรเลย สำหรั บ เขาแล วการทอผ าคู ถือวา
ยากลำบากเกินไป แตมันก็ไมเพียงพอที่จะทำใหอายฮุยรูสึกทอถอยขึ้นมา เขาเผชิญ
กับความยากลำบากมามากมายหลายประเภทเสียจนชินชาแลว
เขาตัดสินใจลองทำดู เริ่มแรกตองลองกอรางเข็มพลังธาตุสองเลมพรอมๆ กัน
เสียกอน นี่คือหลักที่เปนพื้นฐานที่สุดของการทอผาคู หากไมมีเข็มพลังธาตุสองเลมก็
จะไมมีทางทอผาใหสำเร็จได
ตอนกลางวันเพิ่งจะเรียนการกอรางเข็มพลังธาตุไดสำเร็จ และกระบวนการฝก
ทั้งหมดสามารถพูดไดเลยวายากลำบากทีเดียว การจะเริ่มกอรางเข็มพลังธาตุสองเลม
ในเวลาเดียวกัน อายฮุยรูสึกวาเปนความทาทายที่ยิ่งใหญมาก
สิ่งที่เขาคาดไมถึงก็คือ ถึงแมวาจะพบปญหามากมาย แตกระบวนการก็ถือไดวา
คอนขางจะราบรื่น
เมื่อสายตามองเห็นเข็มที่สองประกายอยูบนปลายนิ้วทั้งขางซายและขวาของตน
ใบหนาอายฮุยก็เผยรอยยิ้มออกมา
แขนขางซายและขวาของเขาสมดุลเปนอยางมาก นี่คือสิ่งเขาคนพบตอนอยู ใน
แดนราง เขาสามารถจับกระบี่ดวยมือซายหรือมือขวาก็ไดโดยไมมีปญหาอะไร แตคิด
ไมถึงวาในการขับเคลื่อนพลังธาตุ ขอดีขอนี้ก็ยังคงรักษาความดีนี้เอาไวเชนกัน
หลังจากที่เข็มพลังธาตุเสถียรบนปลายนิ้วแลว อายฮุยจึงใชโอกาสนี้ลองนำเข็ม
พลังธาตุออกหางจากนิ้วมือของตน
เขาเคยเรียนวิธีการมาแลว ในคาบเรียนวิชาการฝกพื้นฐานของอาจารยหวังก็ไดมี
การพูดถึงหลักการพื้นฐานในสวนนี้ อาจารยไมไดอธิบายละเอียดมากนัก อายฮุยจึง
ตองจับจุดดวยตัวเอง
อายฮุยครองลมหลายใจของตนใหเปนจังหวะ คลังชีวิตของเขาคือคลังที่บริเวณ
ปอด จึ ง มี ค วามเกี ่ย วขอ งโดยตรงกั บ การหายใจ ร า งกายของมนุ ษ ย น ั ้ น มี ความ
มหัศจรรยอยางหาใดเปรียบ คลังชีวิตทั้งหาแตกตางกันอยางมาก
คลังที่บริเวณปอดขยับ ขยายตามการหายใจของอายฮุย จึงมีการยุบพองเป น
จังหวะ เมื่อหายใจเขา อากาศก็เขามายังคลังบริ เวณปอดผานปากและจมูก คลัง
บริเวณปอดทอประกายสีเงินจางๆ และเกิดแรงดูดขึ้นแรงหนึ่ง พลังธาตุทองที่อยูใน
อากาศถูกคลังบริเวณปอดดูเขาไป อากาศเสียก็ผานออกมาทางปากและจมูกอีกครั้ง
ขอดีอยางหนึ่งหลังจากการเปดคลังชีวิตไดคือความสามารถในการฝกพลังธาตุได
ผานการหายใจเพียงอยางเดียว ถึงแมพลังธาตุที่อยูในอากาศจะเบาบางและพลังธาตุที่
ดูดเขามาในทุกๆ ครั้งลวนเล็กนอยอยางมาก แตวาการะสะสมจากนอยจนกลายเปน
มาก สะสมจากทรายจนกลายเปนเจดีย หากมองจากระยะยาวแลวก็มีขอดีอยางไม
ตองสงสัยเลย
ถาหากวาสามารถมองทะลุตัวอายฮุยไดก็จะเห็นดายสีเงินที่เล็กละเอียดอยางมาก
สองเสน ซึ่งลอยออกมาจากคลังปอดสีเงิน เสนหนึ่งเขาไปยังมือซายของอายฮุย อีก
เสนหนึ่งเขาไปยังมือขวาของอายฮุย นั่นก็คือพลังธาตุ
ตำหนักที่ฝามือขางซายและขวาของอายฮุยยังไมไดเปด ซึ่งหมายความวาเสนทาง
ระหวางตำหนักที่ฝามือกับคลังบริเวณปอดยังไมไดถูกเปดขึ้น อางอิงจากการปฏิบัติ
ของยุคการบำเพ็ญตนแลว ปจจุบันยังคงใชคำวา “เสนชีพจร” คำนี้อยู แลวจึงเรียกวา
เสนชีพจรพลังธาตุ
พลังธาตุของอายฮุยในตอนนี้ไหลมาจากกลามเนื้อ หากเปรียบเสนชีพจรพลังธาตุ
ก็จะเปนแมน้ำเสนสายใหญอันเชี่ยวกราก กลามเนื้อก็เปรียบเสมือนลำธารคดเคี้ยว
สายน อ ยในป า ทึ บ นอกจากจะไม อ าจส ง ผ า นพลั ง ธาตุ ไ ด ใ นปริ ม าณมากแล ว
ประสิทธิภาพการไหลผานก็ยังต่ำอีกดวย
สถานการณของอายฮุยดีขึ้นมาอีกหนอย
การทะลวงคลังชีวิตในตอนที่พลังธาตุเออลนมีสวนชวยใหกลามเนื้อทั่วรางกายผาน
การหลอหลอมจากพลังธาตุ และลดการขัดขวางการไหลผานของพลังธาตุลงไปมาก
พลังธาตุไดกอรางขึ้นที่ปลายนิ้วของอายฮุยกลายมาเปนเข็มพลังธาตุ แตวามัน
ไมไดแยกหางจากดายสีเงินที่อยูในรางกาย อายฮุยสามารถควบคุมเข็มพลังธาตุไดก็
เพราะปลายดายอีกดานของดายเงินเชื่อมตอกับคลังบริเวณปอด
อายฮุยลองควบคุมเข็มพลังธาตุใหยื่นออก
ภายใตสายตาของเขา เข็มพลังธาตุที่ปลายนิ้วคอยๆ ยาวขึ้นทีละนิด
ไมถูกนะ! นี่ไมใชพลังธาตุที่หางกาย
หลักการนั้นไมไดซับซอนเลย รักษาดายพลังธาตุอยาใหขาด สวนหนาสุดของเข็ม
พลังธาตุใหรัก ษาสภาพความหนาแน น ของพลั งธาตุ เอาไว และส ว นครึ ่ งหลั ง ให
เปลี่ยนเปน “เสนดายลองหน”
หรือสามารถพูดไดวา ตองรักษาใหสวนครึ่งหลังของเข็มเบาบางอยางมาก แต
ไมใหตัดขาดจากดายพลังธาตุที่อยูในรางกาย จะทำใหมันเบาบางลงไดอยางไร
อายฮุยรูสึกอับจนหมดหนทาง อาจารยไมเคยกลาวถึงเรื่องนี้มากอนเพราะเปน
เนื้อหาวิชาเรียนของนักเรียนในชั้นปที่สูงขึ้นไป ระดับความยากมีมากเกินไปสำหรับ
มือใหมที่เพิ่งจะเปดคลังชีวิตได
นี่ก็ค่ำมืดแลว ไปหาอาจารยในเวลานี้ดูจะไมเหมาะสม อายฮุยตัดสินวาตนจะลอง
คิดหาทางดวยตัวเองกอนคืนหนึ่ง พรุงนี้หากวายังไมมีความคืบหนาอะไรคอยไปถาม
อาจารย
อายฮุยหวนนึกวาเมื่อครูตนทำอยางไรถึงทำใหพลังธาตุกอรางขึ้นมา บางจะทำให
ดายพลังธาตุเปลี่ยนมาเปนเบาบาง เชนนั้นก็ตองทำยอนทาง
พอนึกไดแลวก็ลงมือทำ จุดสำคัญของการกอรางเข็มพลังธาตุก็คือการบีบอัดพลัง
ธาตุที่ปลายนิ้ว เพื่อจะทำใหพลังธาตุกอรางขึ้นได การจะทำยอนทางก็คือเจือจางพลัง
ธาตุที่ปลายนิ้ว
เข็มพลังธาตุที่ปลายนิ้วของอายฮุยคอยๆ เบาบางจางลง
ประกายแสงคอยๆ หรี่ลง เปลี่ยนเปนโปรงแสง สุดทายก็กลายเปนวางเปลา แต
วาอายฮุยสามารถสัมผัสไดวาเข็มพลังธาตุไมไดหายไป
อายฮุยไมไดหยุดตรงนั้น เขาควบคุมพลังธาตุที่อยูในกายอยางระมัดระวัง ยังคง
ลดระดับทำใหมันเบาบางลง และพยายามอยางยิ่งยวดที่จะครองรูปรางของมันเอาไว
ในเวลานี้การดำรงอยูของเข็มพลังธาตุเบาบางมาก แมแตอายฮุยก็ตองเพงสมาธิ
เปนอยางมากถึงจะสามารถรับรูได
ในทันนั้น รางกายของอายฮุยก็สั่นสะทาน ใบหนาของเขาไดเผยความปติยินดีออกมา
ขณะที่ความเขมขนของพลังธาตุที่ลดลงอยางไมหยุดหยอน ความรูสึกที่ปลายนิ้ว
ที่เบางบางจนแทบจะหายไปไดเปลี่ยนเปนชัดเจนขึ้นมา เขาสามารถสัมผัสไดวาพลัง
ธาตุออนๆ ที่อยูตรงหนาเขานั้นเคลื่อนที่ไปตามบรรดาลจิตของตน
“เสนดายลองหน”
ในดวงตาของอายฮุยปรากฏความยิน ดีอยา งบา คลั่ งขึ้ น สิ่งนี้ก็คือ “เสนด า ย
ลองหน”! ในใจของเขาไดกระจางแจงขึ้นมา ที่แท “เสนดายลองหน” ตองเจือจาง
ระดับความเขมขนของพลังธาตุใหกาวขามจุดวิกฤตไป
นี่แหละคือกุญแจสำคัญ!
เมื่อทะลวงจุดวิกฤตนี้ไปได การควบคุมดายพลังธาตุก็จะเพิ่มรัศมีขึ้นเชนกัน
เมื่อเขาใจ “เสนดายลองหน” อายฮุยก็เปยมสุขเปนอยางมาก ถึงแมจะยังมี
ระยะหางจากความสามารถในการเคลื่อนเข็มอยูอีกมาก แตวานี่ก็เปนการเริ่มตนที่ดี
มันคือวิชาเรียนของนักเรียนระดับสูง และเขาสามารถบรรลุไดในเวลานี้ อายฮุยจะไม
ปติยินดีไดอยางไร
ทันใดนั้น “เสนดายลองหน” ที่อยูตรงปลายนิ้วของอายฮุยไดสลายไป
สีหนาของอายฮุยไดนิ่งคาง ผานไปสักพัก เขาก็ไดเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ใน
ที่สุดเขาก็ไดรูวาทำไมมันถึงไดถูกใสเขาไปในเนื้อหาวิชาเรียนของนักเรียนระดับสูง
“เสนดายลองหน” นั้นมีความยืดหยุน และสามารถสรางการควบคุมที่ซับซอนได
มากมาย แตวามันกินพลังธาตุ เทียบกับการบีบอัดพลังธาตุแลวยังใชมากกวาอีก เมื่อ
ครูก็เปนเพราะพลังธาตุในตัวของอายฮุยหมดไป จึงไมอาจรักษาสภาพของดายพลัง
ธาตุไวได ทำให “เสนดายลองหน” สลายไป
“เสนดายลองหน” อยูไดในเวลาที่สั้นแคนี้ จะไปมีประโยชนอะไร
นอกจากนั้นแลว การควบคุม พลั งธาตุ ห  า งจากกายไม ไ ด ข ึ ้ น อยู  แ ต เพี ย งกั บ
“เสนดายลองหน” การประสานเข็มพลังธาตุเขากับ “เสนดายลองหน” จะเผาผลาญ
พลังธาตุของเขาเร็วยิ่งกวาแตกอน หลักการงายเชนนี้เขายังทำไมได แลวจะผานการ
ทอผาคูไปไดอยางไร
อายฮุยทรุดกายนั่งลงบนพื้นเบื้องใตทองฟาประดับดาว ในทองรูสึกโหวงเหวงพิกล
เขาพักอยูครูหนึ่ง พลังกายก็ฟนกลับมา จึงลุกขึ้นอยางไมลังเล บนหลังแบก
กระเปาเปบรรจุมวนดายราวกับภูเขาใบนอยขึ้นมา หันหลังใหกับแสงดาวบนฟากฟา
กาวขาเดินออกจากโรงฝกไป
บทที่ 66 ความกาวหนา
เมื่อมองเห็นหมิงซิ่ว หวังโสวชวนก็ชักสีหนาดำคล้ำพนลมฮึดฮัดไมชอบใจ
“ทานลุงโปรดอยาโกรธ” หมิงซิ่วพูดพรอมรอยยิ้มอยางสุภาพนอบนอม “ทานก็
ทราบอารมณของปรมาจารยดี ในตอนนั้นนางกำลังฉุนเฉียว ภายหลังเมื่อนางสงบลง
แลวนางก็รูสึกผิดเปนอยางมาก นางทราบวาทานตองโกรธเปนแน ถึงขนาดพูดวาศิษย
ของทานก็เหมือนศิษยของนาง ตอใหอายฮุยไมผานการทดสอบนางก็จะสอนใหกับเขา
ที่นางกลาววาจาลวงเกินไปนั้นก็เปนเพราะนางกำลังโกรธ”
“นั่นหมายความวาเจาไมมีความหวังในตัวของอายฮุยใชหรือไม” หวังโสวชวนพูด
ดวยสีหนาไมยินดี
หมิงซิ่วรูวาหวังโสวชวนยังโกรธไมหายนางจึงกลาววา “แนนอนวาเรายอมมี
ความหวังในตัวเขา อายฮุยมีการแสดงออกที่หาที่เปรียบไมได ขามั่นใจวาเขาตองมี
อนาคตที่ยาวไกล”
หวังโสวชวนกลาวดวยสีหนาไรซึ่งอารมณ “นั่นหมายความวาในตอนนี้เจาไม
คาดหวังในตัวเขาสินะ”
“เรายอมเชื่อมั่นในสายตาของทานลุง” หมิงซิ่วกลาวอยางนอบนอม “โปรดอยา
โกรธทานปรมาจารยเลย ทานก็รูวานางอารมณรอน แตนางก็มีความรักตอทานเชนกัน
นางรูวาตนกระทำหุนหันพลันแลนไป ตอนนี้นางใจเย็นลงแลวและรูสึกผิดอยางมากที่
ทำใหทานโกรธ หลายวันมานี้นางถึงกับกินอะไรไมลงน้ำหนักลดลงไปไมนอย”
หมิงซิ่วเปนทูตระหวางคนทั้งสองมานับครั้งไมถวน ไมมีฝายใดที่อารมณเย็น สักคน
ดังนั้นถึงแมวาทั้งคูจะรักกัน แตก็ไมไดอยูรวมชายคาเดียวกันเปนเวลานานมากแลว
หันอวี้ฉินเปนคนกาวราว นางดูแลโรงเย็บปกดวยตัวเองและมีความมุงหวังที่จะ
พัฒนาโรงเรียนของนางใหกาวหนาสืบไป ในอีกดานหนึ่งหวังโสวชวนก็ยึดติดในหลัก
คำสอนของตนโดยไมสนใจโลกภายนอก เขาเองก็เปนพวกหัวรั้นเชนกัน ดังนั้นทุกครั้ง
ที่ทั้งคูพบกันก็จะทะเลาะเบาะแวงกันอยางรุนแรง ตอนแรกหมิงซิ่วก็กังวลเปนอยาง
มาก แตหลังจากพบเห็นมานาน นางก็ชินเสียแลว นางรับรูไดวาแมทั้งคูจะทะเลาะกัน
ตลอดแตก็รักกันมาก
หากไมเปนเชนนั้น ทานปรมาจารยคงไมเปดโรงเย็บปกในเมืองเล็กอันหางไกล
อยาง เมืองซงเจียน กวายี่สิบปเชนนี้
หมิงซิ่วรูวาปรมาจารยรูสึกผิดอยางมากในครั้งนี้ ทานลุงไมเคยขอรองปรมาจารย
เรื่องใดมากอน นี่เปนครั้งแรกที่เขาทำและตองลงเอยอยางวุนวาย นั่นคือสาเหตุที่
อาจารยรูสึกผิดและอารมณเสียเปนอยางมาก
สีหนาของหวังโสวชวนแจมใสขึ้นเล็กนอย
หมิงซิ่วรูดีวาตีเหล็กตองตีตอนรอน
นางจึงรีบกลาววา “ขาจะไปนำอายฮุยมา ยิ่งเริ่มตนเร็วเทาไรยิ่งกาวหนาไดมาก
เทานั้น ทานลุงโปรดวางใจ ปรมาจารยจะดูแลอายฮุยเหมือนกับศิษยของนางเอง ยิ่ง
ไปกวานั้นขาเองก็จะชวยอีกแรง ขาจะดูแลเขาอยางดี ทานลุงเห็นวาอยางไร”
หวังโสวชวนไมตอบคำถามในทันที แตถามกลับไปวา “นั่นหมายความวาพวกเจา
ไมคิดวาอายฮุยจะผานการทดสอบ”
หมิงซิ่วคิดอยูครูหนึ่งกอนจะตอบกลับไป “อายฮุยมีความสงบและควบคุมอารมณไดดี
สวนเรื่องพรสวรรคนั้นขาเชื่อมั่นในการประเมินของทานลุง การทดสอบนั่นเปนเรื่อง
เหลวไหลที่อาจารยพูดออกมาดวยความโกรธ โปรดอยาจริงจังกับมันเลย ไมมีใครใน
โรงเย็บปกนี้สามารถทอผาดวยการทอผาคูภายในสัปดาหแรกของการเรียนมากอน”
หวังโสวชวนยอมรูดีวาหมิวซิ่วพูดความจริง แตเขายังคงสายหนา “เขาเปนศิษย
ของขา เขาบอกวาเขาอยากทดลองและขาเชื่อในตัวเขา ไวรอดูเมื่อถึงเวลาเถอะ ไม
จำเปนตองรีบรอน”
หมิงซิ่วไมคาดคิดวาหวังโสวชวนจะปฏิเสธ นางรูวาทานลุงมีความภาคภูม ิและ
หยิ่งทะนงเชนเดียวกับปรมาจารยแตครั้งนี้เขาดูเหมือนจะโกรธจริงๆ นางจึงเริ่มกลาว
อยางสุภาพ “ทานลุง....”
หวังโสวชวนโบกมือหาม “แครอดูก็พอ ถาเขาไรความสามารถในการเย็บปกจริงๆ
พวกเราก็ไมจำเปนตองเสียเวลา”
เมื่อเห็นวาทานลุงไดตัดสินใจแลว หมิงซิ่วก็ไมพยายามโนมนาวอีกตอไปและ
เดินทางกลับ
หันอวี้ฉินรับฟงรายงานของหมิงซิ่วอยางหนาดำคร่ำเครียด ก็ไมกลาวอะไรแมแต
คำเดียว นางรูดีวาครั้งนี้นางทำเกินไป ถึงแมวาพวกเขาจะเคยทะเลาะกันมากอน แต
ตราบใดที่หมิงซิ่วไปชวยไกลเกลี่ยก็จะสามารถแกไขได นางรูสึกเสียใจที่ไมทราบมา
กอนวาหวังโสวชวนจะคาดหวังในตัวของอายฮุยถึงเพียงนั้น มันเกินกวาที่นางคาดไว
มาก
ในตอนนี้ก็ชัดเจนแลววาเขาไมตองการนำตัวอายฮุยกลับไปแมแตนอย
การทดสอบนี้เขาไมอาจผานไดอยางแนนอน
“ชางมันเถอะ” หันอวี้ฉินกลาวอยางสิ้นหวัง
หมิงซิ่วนิ่งเงียบไมเอยปาก นางเองก็ไมคาดคิดวาทานลุงจะยึดมั่นถึงขนาดนี้ หรือ
นี่จะหมายความวาทานลุงไมตองการใหอายฮุยเรียนเย็บปกอีกแลว อยางไรก็ตามเมื่อ
นึกนึงทาที่ของทานลุงแลวหมิงซิ่วรูสึกวานั่นไมใชความตองการของทานลุง
หรือเขาเชื่อวาอายฮุยสามารถผานการทดสอบได
หมิงซิ่วตระหนกกับความคิดนี้
นั่นเปนไปไมได!
หมิงซิ่วรีบปฏิเสธความคิดนั้นทันที แมวาการทอผาคูจะไมซับซอน แตสำหรับ
มือใหมอยางอายฮุยที่ใชเวลาสนดายเขาเข็มอยูนาน มันยอมเปนการทดสอบที่ไมอาจ
ผานไดอยางแนนอน
นางมั่นใจวานั่นเปนเพราะทานลุงตองการแสดงความชื่นชมในตัวอายฮุย ซึ่งก็
นับเปนเรื่องปกติ ตลอดหลายปที่ผานมา ทานลุงไมเคยรับศิษยเลย อายฮุยนับวาเปน
ศิษยคนแรก นางรูจักทานลุงเปนอยางดี ถึงแมวาเขาจะอารมณรอนแตก็เปนคนมี
เมตตา
นางคิดวาจะไปเกลี้ยกลอมเขาอีกครั้งในสองสามวันนี้ หรืออาจจะขอใหอายฮุย
ชวยเหลือนางอีกแรง
หืมมม...แตวันนี้นางยังไมเห็นอายฮุยเลย
หมิงซิ่วนึกขึ้นไดวานางแอบชวยเหลือเขาอยางลับๆ ได ทานลุงนั้นกำลังอารมณ
ไมดี หากอายฮุยสามารถผานการทดสอบไดอยางราบรื่นก็จะจบเรื่องนี้ลงโดยที่ ทุก
ฝายมีความสุข ถึงแมวาการจะใหเขาสอบผานดวยตัวเองนั้นเปนไปไมได แตหากได
นางชวยนั่นก็ไมใชปญหาอีกตอไป
เสียงกระแทกดังออกมาจากภายในเจดียเสวียนจินเปนระยะๆ หลังจากพลังธาตุ
ทองภายในกายของเขาถูกกระจายตัวออกไปจากการใช [มัจฉาสะบัดกาย] อายฮุยก็
นั่งลงดูดซับพลังที่สลายตัวออก ความสามารถในการดูดซับพลังงานของเขาเพิ่มขึ้น
อยางมากหลังจากเปดคลังชีวิตได
ในตอนนี้เขารูถึงประโยชนของการเปดตำหนักแรกแลว เขาไดเห็นถึงการพัฒนา
โดยรวม ไมวาจะเปนประสิทธิภาพในการฝกหรือการควบคมพลังงานของเขา
เวลาที่เขาสามารถแขวนตัวอยูภายในเจดียเสวียนจินไดก็เพิ่มขึ้น นี่หมายถึงพลัง
ธาตุทองที่สะสมไวภายในกายของเขานั้นมีมากกวาเมื่อกอนอยางมาก ทวาความเร็วใน
การดูดซับของเลือดเนื้อของเขานั้นไมอาจเทียบกับความเร็วของคลังชีวิตเลย
ไมจำเปนตองกลาวถึงการควบคุมพลังงาน กอนหนานี้ อายฮุยสามารถใชพลังธาตุ
ในการทำงานพื้นฐานบางอยางเพียงเทานั้น แตในตอนนี้ เขาสามารถสราง “เสนดาย
ลองหน” ขึ้นดวยพลังธาตุ นี่คือความกาวหนาครั้งใหญ
ไมตอ งสงสัยเลยวาการเปดคลังชี วิตนั้ นเป นหลั กชัยแรกของการฝกพลังธาตุ
ประโยชนของมันนั้นสามารถเห็นไดอยางชัดเจน
ดวยการฝกฝนอยางหนัก อายฮุยจึงไดรับผลประโยชนโดยตรงและความกาวหนา
ก็เปนไปอยางรวดเร็ว
แตในตอนนี้อายฮุยไมมีเวลาปลื้มปติยินดี ในเมื่อพลังธาตุของเขาฟนฟูเรียบรอย
แลวระหวางการทำสมาธิ เขาก็ลืมตาขึ้นและเริ่มฝกการควบคุมเข็มพลังธาตุในทันที
ในตอนนี้เมื่อพิจารณาจากการที่เขาสามารถสรางเข็มธาตุขึ้นได อายฮุยก็ไมใช
มือใหมอีกตอไป จากการฝกฝนนับครั้งไมถวนเขาสามารถทำมันไดอยางคลองแคลว
ผมของเขายุงเหยิงและใบหนาสกปรกจากการไมไดหลับหรือพักผอนตลอดสอง
วันที่ผานมา
ในที่สุดเขาก็สามารถบังคับเข็มพลังธาตุใหหางกายได แตก็เพียงแตภายในรัศมีสิบ
เซนติเมตรเทานั้น แมวาระยะเทานี้จะไมนับวามากนัก แตก็เพียงพอสำหรับเขา
แตนี่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะยินดีเอาตอนนี้ เขายังคงทุมเทเพื่อที่จะเรียนรูกาวตอไป
การบังคับเข็มพลังธาตุโดยไมตองสัมผัสนั้นเปนเพียงการเริ่มตนเทานั้น
แตครั้งนี้อายฮุยก็เต็มเปยมไปดวยความมั่นใจ
บทที่ 67 การลบหลูต นเองของตวนมู
ตวนมูหวงฮุนนั่งอยูในโรงเรียนรูสึกรอนใจ
เหลา นัก เรีย นรอบกายตา งก็อ ดไม ได ต อ งหั น ไปจ อ งมองเขาทุ ก ที ไป สาวๆ
มากมายซอนตัวอยูหลังหนาตาง แอบมองเขาดวยสายตารอนแรง ตวนมูหวงฮุนชื่อ
เสียงกระฉอนขึ้นมาจากการตอสูที่โดงดังครั้งนั้น และในตอนนี้ไดกลายเปนศิษยคน
สุดทายของยอดปรมาจารยไตกังเปนที่เรียบรอย แตเรื่องเหลานี้กลับไมอาจทำใหเขา
พอใจหรือมีความสุขไดเลย
เนื่องจากเปนคนมีการศึกษาสูง พรสวรรคเลิศล้ำ ใบหนาหลอเหลา ซ้ำในตอนนี้
ยังเปนศิษยคนสุดทายของปรมาจารยผูมีชื่อเสียงอีก เขานับวาเปนผูที่สวรรค โปรด
ปราน เขานั้นชางสมบูรณแบบเสียจนไมมีใครกลาคิดริษยา
แตเขากลับไมมีความสุขสักนิด
เจาสารเลวนั่นไมมาโรงเรียนอีกแลว
ในใจของตวนมูหวงฮุนเต็มไปดวยความโกรธ ใชแลว ความโกรธ!
วันนี้เปนวันแรกที่เขากลับมายังเมืองซงเจียนหลังจากเดินทางไปพบกับอาจารย
ของเขา ดวยฐานะศิษยคนสุดทายของยอดปรมาจารยทำใหเขาเปลงประกายราวดวง
อาทิตย ครูใหญออกมาตอนรับขับสูเขาดวยตนเองอีกครั้ง ทำแมกระทั่งพูดจาประจบ
สอพลอเขา อาจารยคนอื่นก็ท ัก ทายเขาอย างอบอุ  น ทำราวกั บเขาไมใช นักเรียน
บรรดานักเรียนชายตางชมายมองเขาดวยความเคารพนบนอบ ในขณะที่นักเรียนหญิง
จองมองเขาดวยดวยความรักใครปรารถนา
แตเขาไมเคยตองการหรือสนใจสิ่งเหลานี้
คนเดียวที่เขาตองการพบ คนเดียวที่เขาสนใจ ไมอยูในกลุมคนพวกนี้
เขาตองการจะเห็นความอิจฉาริษยาและความออนนอมถอมตนจากดวงตาของ
อายฮุย ใชแลว นี่ตางหากคือสิ่งที่เขาตองการ เขาอยากเห็นหมอนั่นหมอบคลานอยู
แทบเทา อยูภายใตชื่อเสียงอันพรางพราวของเขา
มันตองรูสึกดีมากๆ แน!
แตบัดซบ! เจาหมอนั่นไมมาที่โรงเรียนอีกแลว!
ใบหนาของตวนมูหวงฮุนซอนไวดวยความโกรธแคน ถึงแมวาดวงตาของเขาจะ
เยือกเย็นเชนน้ำแข็ง แตความโกรธแคนกลับเผาไหมอยูภายใน
มันเหมือนกับกองทัพอันทรงพลังที่เพียบพรอมไปดวยทหารราบและทหารมา
หลังจากวางแผนมาอยางยาวนาน ในที่สุดก็เดินทัพไปยังคายของศัตรู หวังจะกวาด
ลางใหสิ้นซาก แตกลับพบวาคายนั้นกลับกลายเปนคายราง
นั่นเปนความรูสึกที่แยที่สุด
เขาไมไดฟงสิ่งที่อาจารยกำลังพูดเลยแมแตคำเดียว ตลอดทั้งเชาเขาเต็มเปยมไป
ดวยความแคนอัดแนนอยูในอก เหมือนภูเขาไฟที่พรอมจะปะทุไดทุกเวลา
ทุกนาทีในชั้นเรียนเหมือนกับการทรมาน ทำใหความโกรธของเขาเพิ่มพูนขึ้นเปน
เทาทวี เขารูสึกเหมือนตัวเองกลายเปนตัวตลกหนาโง ความรูสึกเชนนั้นชางรุนแรงจน
เขาแทบไมอาจหามตัวเองไมใหกระโจนออกจากหองเรียนได
ทวาเขาก็สามารถอดทนขมกลั้นไวจนหมดคาบเรียนได
ทันทีที่จบคาบเรียน เขาก็รีบเรงรุดออกจากโรงเรียนไปดวยความเร็วสูง
เมื่อออกมาภายนอกแลว แสงแดดเจิดจาก็ทำใหตองหรี่ตาอยางชวยไมได
“ขอโทษที ทานรูจักอายฮุยหรือไม”
เมื่อเขาเดินผานประตูโรงเรียน ตวนมูก็ไดยินเสียงนุมนวลสุภาพทำใหเขาหยุดเดิน
ในทันที นั่นไมใชเพราะเสียงออนนุมนั้นดึงดูดใจเขา แตเปนเพราะชื่อที่ไดยิน
อายฮุย...คนสารเลว!
หลังจากปรับสายตาใหชินกับแสงอาทิตยแลว เขาก็สามารถมองเห็นบุคคลตรงหนาได
อยางชัดเจน ดวงตาของเขาก็เปลงประกายขึ้น ชางเปนสาวงามตามแบบฉบับ
สาวนอยหนาตางดงามยืนอยางเอียงอายพรอมรอยยิ้มอันอบอุน ดูสุภาพและ
เหมาะสม ตวนมูหวงฮุนเคยเห็นสาวงามมานับไมถวนแตนอยคนนักที่จะเรียกไดวา
งดงามเทียบเทากับสาวนอยตรงหนา
คนรักสาวของอายฮุยอยางนั้นหรือ
เปนไปไมได ตวนมูปฏิเสธความคิดนั้นในทันที คนอยางอายฮุยจะไปมีคนรั ก
งดงามแบบนี้ไดอยางไร คนรักของเขายังหนาตาธรรมดาเลย ในตอนที่คำวาคนรักผุด
ขึ้นมาในจิตใจของเขา ใจของตวนมูก็เตนรัว เนื่องจากเขาระลึกถึงประสบการณท่นี า
สังเวชในคืนนั้น มันเปนฝนรายอยางแทจริงซึ่งเขายังคงพยายามที่จะลืม
เขาไมนึกเลยวาจะมานึกถึงมันในตอนนี้…
แมวาเขาจะรองคำรามดวยความโกรธเกรี้ยวอยางรุนแรงอยูในใจ แตตวนมูหวง
ฮุนก็ยังคงยิ้มอยางสดใสและกลาววา “ยินดีที่ไดพบ ขาเปนเพื่อนรวมชั้นของอายฮุย”
เขาตัดสินใจที่จะมัดมือมัดเทาศัตรูของเขากอนที่เขาจะลงมือ
“ชางดีเสียจริง ยินดีที่ไดพบเชนกัน ขาเปนศิษยอาวุโสของอาจารยของอายฮุย”
หมิงซิ่วกลาวดวยความตื่นเตนยินดี
ศิษยอาวุโสของอาจารยของอายฮุยหรือ
ตวนมูหวงฮุนเองก็ประหลาดใจเล็กนอย ความสัมพันธนี้ดึงดูดความสนใจของเขา
ในทันที อายฮุยมีอาจารยแลวอยางนั้นหรือ มีคนเลือกคนหวยแตกเชนนั้นเปนศิษย
ดวยหรือ เขาเริ่มรูสึกไมพอใจ
แตถึงอยางนั้นเขาก็สงบพอที่จะสามารถรักษาทาทีเอาไวได และเอยถามดวย
รอยยิ้มกวางแสดงความประหลาดใจออกมาอยางเหมาะสม “อายฮุยมีอาจารยดวย
เชนนั้นหรือ ขาไมเคยไดยินมากอน ทำไมเขาไมเคยบอกขาวดีนี้กับพวกเราเลย”
หมิงซิ่วไมคิดอะไรมากและตอบออกไปวา “ขาคาดเดาวาเขาคงไมมีเวลาที่จะ
บอกกับ ทา น เพราะมันเพิ่งเกิดขึ้น ไม ก ี่ ว ั นก อน อาจารย ข องเขาคื อหวั งโสวชวน
อาจารยของโรงเรียนซงเจียน”
“หวังโสวชวน อาจารยในโรงเรียนของเราทานนั้นหรือ” ตวนมูหวงฮุนหยุดไปครูหนึ่ง
เพื่อคนความทรงจำของเขา “เขาเปนอาจารยที่สอนวิชาการฝกขั้นพื้นฐานใชหรือไม”
“ถูกแลว” หมิงซิ่วรูวิชาที่ทานลุงสอนดี
“ขา เขา ใจแลว” ตวนมูห วงฮุนรู สึ กผ อนคลายในทั น ที ไม มี อ ะไรน าแปลกใจ
อาจารยที่ไมไดรับความเคารพยอมตองรับศิษยที่หวยแตกเชนนั้น เขาไมคิดวาอาจารย
ที่สอนวิชาการฝกขั้นพื้นฐานจะเปนผูมีฐานะยิ่งใหญอันใด
ตอนนี้ตวนมูหวงฮุนรูสึกยินดีกวาเดิมมาก แสรงแสดงความประทับใจออกมา
พรอมกลาววา “เขาเปนอาจารยที่ดี อายฮุยนับวาโชคดีที่ไดเขาเปนอาจารย”
ไดยินคำชมเชนนี้ หมิงซิ่วรูสึกประทับใจในตัวตวนมูหวงฮุนเพิ่มขึ้นอีก นางเรียน
การเย็บปกจากปรมาจารยมาตั้งแตยังเด็กดังนั้นสำหรับนางแลวทานลุงเปนเหมือนคน
ในครอบครัวเชนเดียวกับปรมาจารย
“ถาอยางนั้นทานกับอายฮุยก็คงรูจักกันดี” หมิงซิ่วถามดวยความสงสัย
“ดีมาก!” ตวนมูตอบ เขากัดฟนขมความโกรธไวและสงยิ้มสดใสออกมา “เราอยู
กลุมภารกิจเดียวกัน”
“ออ ถาอยางนั้นทานตองเปนเพื่อนสนิทของเขา” หมิงซิ่วรูสึกดีใจที่ไดยินเชนนั้น
สมาชิกกลุมภารกิจโดยทั่วไปแลวจะเปนเพื่อนสนิทกันชวยเหลือซึ่งกันและกัน
“ใชแลว ใชแลว” ตวนมูยิ้มอยางสดใสกวาเดิม แตภายในใจเขาหวังวาจะแทงอายฮุย
ใหสิ้นใจ
ออ ไมสิ แทงเหรอ เขาจะไปทำเรื่องปาเถื่อนแบบนั้นกับ “เพื่อนสนิท” ไดอยางไร
เขาตองสับมันเปนชิ้นๆ เพื่อระบายความโกรธ
“เออแนะ ขายังไมรูชื่อของทานเลย” หมิงซิ่วกลาว
ตวนมูใชความคิดอยางรวดเร็ว เขาควรจะบอกชื่อจริงกับนางหรือไม ไม เขา
ชื่อเสียงโดงดังเกินไปในชวงนี้ ดวยความเปนคนดัง นางอาจจะจำเขาไดหากรูชื่อจริง
ของเขา ถาอยางนั้นนางก็จะรูวาเขาโกหก เพราะเจาอายฮุยตองปากเสียเลาเรื่องของ
เขาใหนางฟงอยางแนนอน
ทำไมไมบอกชื่อปลอมกับนางไปเลา
ตวนมูหวงฮุนโพลงออกไปโดยไมทันคิด “เรียกขาวา ปงหวาน”
ครูตอมาเขาก็นึกไดวาตนเองพูดอะไรออกไป เขารูสึกเหมือนไดลงมือฆาตัวเอง
เขาแทบรองออกมา นี่เขาทำอะไรลงไป
“โอ สวัสดี ปงหวาน” หมิงซิ่วกลาวอยางจริงใจ
ไดยินชื่อที่คุนเคยแตนาหวาดกลัวอีกครั้ง น้ำตาของตวนมูก็เออขึ้นมา
“ใช ใช” เขาตอบกลับอยางเชื่องชา
การลบหลูตนเองครั้งนี้ชางรุนแรงเกินไปแลว
บทที่ 68 เปดเผย
“ปงหวาน ทานรูหรือไมวาอายฮุยพักอยูที่ใด” หมิงซิ่วถาม “ขาตามหาเขามา
หลายที่แลวแตไมพบ”
เมื่อตวนมูหวงฮุนที่กำลังหลั่งน้ำตาออกมาในใจอยางเงียบงัน ไดยินอยางนั้ นก็
เกือบจะระเบิดหัวเราะออกมา นี่แปลวาเขาไมใชคนเดียวที่หาอายฮุยไมพบ
เดี๋ยว นี่ไมใชสิ่งที่ควรจะดีใจนะ
ตวนมูหวงฮุนรูสึกเหมือนกำลังจะเปนบาเพราะตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนี่
ทำไมเขาทำเรื่องผิดพลาดแบบนี้ตลอดเลย
หลังจากทำเรื่องผิดพลาดอยางโงๆ และไรเหตุผลมาหลายรอบ เขาก็อยากจะ
รองไหออกมาจริงๆ
“ขา ก็ไมรูเหมือ นกัน เขาไมค อ ยเข า เรี ย น” เมื ่ อ ทำใจให สงบลงแล วตวนมูก็
ตัดสินใจพูดเรื่องไมดีเกี่ยวกับอายฮุยกอน แลวจึงกลาวเสริมอีกวา “เขาเคยอาศัยอยู
ในโรงฝกศาสตราวุธ ทานลองไปหาที่นั่นดูสิ”
“เยี่ยมเลย ถาอยางนั้นขาจะไปหาที่โรงฝกเดียวนี้เลย” หมิงซิ่วรูสึกยินดี จากนั้น
นางก็ขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงพฤติกรรมไมดีของอายฮุยที่ชอบโดดเรียน นางจะตองเตือน
เขาเมื่อเจอตัวหลังจากนี้
ตวนมูหวงฮุนจมอยูในความคิดพลางมองหมิงซิ่วเดินจากไป เขารูสึกคุนชื่อนาง
เหมือนเคยไดยินที่ไหนมากอน แตจำไมคอยได
เนื่องจากเขาเคยพบกับหญิงสาวมานับไมถวน ตวนมูจึงมีประสบการณดานนี้
มากมาย เปนไปไมไดที่หญิงสาวที่แสนสุภาพ นานับถือ กริยาทาทางสูงสงเชนนี้จะเปน
คนไรชื่อ เสียง ทันใดนั้นเขาก็นึก ถึ งรายละเอี ยดบางอย างเช นเสื ้อ ผา ของนาง ซึ่ ง
คอนขางเรียบงายไมโดดเดนแมแตนอย
แตเนื้อผากลับมีคุณภาพสูงอยางเห็นไดชัด และทำมาจากผาพลังธาตุทั้งสิ้น ยิ่งไป
กวานั้นงานเย็บปกบนผาก็เปนผลงานชั้นยอดอยางเห็นไดชัด
ในฐานะที่เปนคนของตระกูลผูดีที่ใชชีวิตอยางหรูหราฟุมเฟอยมาตั้งแตเด็ก
ตวนมูหวงฮุนเพียงแคชายตาดูก็รูไดวาเสื้อผาของหมิงซิ่วนั้นแมไมโดดเดนนักแต
ในดานราคาแลวกลับสูงกวาเสื้อผาที่เขาใสอยูเสียอีก
อายฮุยนั้นยากจนและออนแอ ทำไมศิษยพี่หมิงซิ่วของมันถึงไดรวยนัก
การเย็บปก.....
ในที่สุดตวนมูหวงฮุนก็นึกไดวาหมิงซิวเปนใคร นางเปนศิษยรักของอาจารยหันอวี้ฉิน!
เมืองซงเจียนนั้นเล็กนิดเดียวไมมีผูยิ่งใหญมากมายอะไร นี่คือสาเหตุที่ตวนมูหวงฮุน
สามารถจดจำนางไดอยางรวดเร็ว ดวยความที่เขาตัดสินใจจะศึกษาที่โรงเรียนซงเจียน
ทางตระกูลจึงไดรวบรวมขอมูลขาวสารเกี่ยวกับเมืองซงเจียนเอาไว
บุคคลแรกที่ไมควรไปลวงเกินในโรงเรียนซงเจียนก็คือปรมาจารยหันอวี้ฉิน
ไมวาจะไปที่ใด ปรมาจารยดานการเย็บปกผูนี้จะไดรับการตอนรับดุจแขกผูมี
เกียรติเสมอ แมแตอาจารยของเขา ยอดปรมาจารยไตกัง ยังตองสำรวมเมื่ออยูเบื้อง
หนานาง
ตวนมูหวงฮุนรูมากกวาคนอื่น โรงเย็บปกของหันอวี้ฉินนั้นอยูหางไกลและมีนอ ย
คนที่จะรูที่ตั้งของมัน หากไมใชเพราะตระกูลเขาทำการสืบคนเปนพิเศษ ก็คงไมรูวา
โรงเย็บปกเล็กๆ นี้จะมีเจาของที่ยิ่งใหญ
และไมมีใครโงพอที่จะไปลวงเกินเจาของโรงเย็บปกแหงนี้
โรงงานแบบนี้มีธุรกิจกับสิบสามหนวย ลูกคามากมายมาเพื่อซื้อผาทอพลั งธาตุ
ระดับสูง และลูกคาเหลานี้หากไมมีอำนาจก็จะตองร่ำรวยอยางมาก
ความสัมพันธภายในตัวที่สรางขึ้นนั้นนับเปนเครือขายขนาดใหญที่มองไมเห็นแหงหนึ่ง
เชนนั้นแลวหมิงซิ่วก็นาจะเปนศิษยของปรมาจารยหันอวี้ฉิน แลวนางกลายไปเปน
ศิษยของอาจารยหวังไดอยางไร ไม! ในทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นไดวาสามีของหันอวี้ฉิน
เปนอาจารยที่โรงเรียนซงเจียน นั่นตองเปนอาจารยหวังเปนแน
ตวนมูหวงฮุนรูสึกประหลาดใจเปนอยางมากที่ไดพบกับขอสรุปนี้
อาจารยหวังเปนคนที่นอยคนจะใหความสนใจ และตวนมูหวงฮุนไมมีความรูสึก
ประทับใจในตัวเขาแมแตนอย พิจารณาจากวิชาที่เขาสอนแลว ระดับพลังของเขาไม
นาจะสูงนัก
ตวนมูหวงฮุนสงบใจลงอยางรวดเร็ว เรื่องนี้ไมนาตื่นตระหนกสักนิด
ทันใดนั้นเอง เขาก็รูสึกสงสัย แลวหมิงซิ่วตามหาอายฮุยเพื่ออะไร
ทำไมไมตามไปดูเลา
เมื่อเขาคิดไดดังนั้นตวนมูหวงฮุนก็ไมหยุดนิ่งอีกตอไป ใชแลว เขาควรตามไปดู
เจาหมอนั่นออนแอมากอยูแลว อีกทั้งยังขาดเรียนแทบจะทุกวัน อยากรูเสียจริงวามัว
ไปทำอะไรอยูกันแน
ตวนมูหวงฮุนบอกกับตัวเองวาในเมื่อพวกเขาเปนเพื่อนรวมกลุมกัน หากอายฮุย
ออนแอจนเกินไปก็จะถวงเพื่อนรวมกลุมซึ่งแนนอนวาจะสงผลกระทบกับเขาโดยตรง
เขาออกเดินในทันที
โรงฝกศาสตราวุธนั้นอยูหางไกล ไมงายเลยที่หมิงซิ่วจะหาเจอ
ดังนั้นหากตวนมูหวงฮุนตามไปในตอนนี้ก็คงไมสายเกินไป
แตเขากลับไมไดเดินไปยังโรงฝกโดยตรง กลับกัน เขาเดินกลับไปยังที่พักและสวม
หนากากพลังธาตุ
นี่คือความไมสะดวกที่มาพรอมกับชื่อเสียง มีคนจดจำเขาไดบอยจนเกินไป เขาไม
ตองการใหนักเรียนหญิงผูคลั่งไคลเขามารบกวนระหวางทาง
เขาตัดสินใจจะสืบหาวาเจาสารเลวนั่นกำลังทำบาอะไรอยู
ใบหนาในกระจกนั้นแปลกไป ดวงตาทั้งคูดูเยือกเย็น
เปนไปตามที่เขาคาดไว เมื่อมาถึงตรอกทางเขาสูโรงฝกศาสตราวุธ หมิงซิ่วยังมา
ไมถึง ดังนั้นเขาจึงซื้อปงถังหูลูไมหนึ่งและหาที่ซอนกายเพื่อเฝารอเชนนักลาคอยเหยื่อ
“หากคราวหนาเจามาแถวนี้ตามลำพักอีกก็ระวังตัวกวานี้ดวย”
เด็กผูชายพูดกับเด็กสาวขางๆ ขณะยางเทามาดวยกัน
“ทำไมกัน แถวนี้ไมปลอดภัยหรือ” เด็กสาวถามดวยความสงสัย
เด็กชายกลาวอยางจริงจังวา “เจาไมรูหรือ ที่นี่คือสถานที่เกิดเหตุเปลือยกายเมื่อ
ไมนานมานี้”
“จริงหรือ” เด็กสาวตกใจเปนอยางมาก “คนบาเปลือยกายคนนั้นนะหรือ”
“ใชแลว ขาเองก็อยูที่นั่นในคืนนั้น และเห็นมันกับตา ไอคนบานั่นมีทักษะการ
ตอสูที่แข็งแกรงมากอีกดวย” เด็กชายกลาวตอ “รักษาตัวดวย”
ตวนมูหวงฮุนกำลังกินปงถังหูลูอยูก็ไดยินการสนทนานี้เขา เขาแข็งทื่อไปในทันที
ผิวหนาแสบรอนราวกับโดนตบอยางรุนแรง รูสึกเหมือนตองหาที่ซอนตัวเอาไว สิ่งที่
เกิดขึ้นในคืนนั้นปรากฏขึ้นในความคิดของเขาอยางไมตั้งใจ ถึงแมวาเรื่องนี้จะผานไป
แลว เขาก็ยังรูสึกอับอายขายหนาอยู
ตวนมูกำลังจมอยูในความทรงจำอันสุดจะทนอยู จึงไมทันสังเกตเห็นเด็กชายที่
เหลือบมองไปทางเขาอยางไมตั้งใจ
เด็กชายคนนั้นตัวแข็งคาง
เมื่อรับรูถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เด็กสาวจึงถามขึ้นวา “เกิดอะไรขึ้น”
“ไมมีอะไร” เด็กชายตอบดวยเสียงเบา แตเขาดึงมือเด็กสาวเงียบๆ สงสัญญาณ
วาพวกเขาตองไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
เด็กสาวไมเขาใจวาอีกฝายหมายความวาอยางไรแตก็เดินตามไปอยางรวดเร็ว
หลังจากเดินออกไปไดระยะหนึ่ง เด็กชายยังคงหวาดกลัวอยู เขาเหลือบมองไป
ดานหลังกอนจะถอนหายใจออกมาอยางโลงอกเมื่อมั่นใจแลววาตวนมูกำลังมองพื้น
และไมเห็นพวกเขา
“เกิดอะไรขึ้นกับเจาเมื่อครูนี้” เด็กสาวถามดวยความเปนหวง
เด็กชายกำลังจะตอบคำถาม ก็พลันมองเห็นยามสองคนเดินลาดตระเวนอยู เขา
รีบดึงมือของหญิงสาววิ่งทางพวกยาม
ตวนมูหวงฮุนที่อยูอีกดานหนึ่งของถนน กำลังจมอยูในความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ
อันนาอับอายและไมสังเกตเห็นความกังวลบนใบหนาของยามหลังจากที่ไดยินสิ่งที่
เด็กชายกลาว
พวกยามรับฟงอยางตั้งใจเพราะสาเหตุที่พวกเขาตองมาเดินลาดตระเวนทุกวันก็
เนื่องมาจากคดีเปลือยกายที่ทางโรงเรียนซงเจียนตองการจะสืบสวนนั่นเอง
เนื่องจากความโดงดังของตวนมูหวงฮุน ชื่อเสียงของสถาบันซงเจียนจึงเพิ่ มขึ้น
เชนเดียวกัน ดังนั้นจะใหพวกเขาปลอยเรื่องฉาวโฉเชนนี้ไปไดอยางไร
ยามทุกคนรูดีวาไอสารเลวเปลือยกายนั้นมีทักษาการตอสูที่แข็งแกรง
ยามคนหนึ่งเปดกลองแกวขนาดเล็กที่บาของเขา ผึ้งสื่อสารสีเทาพุงออกมาจาก
กลองและบินออกไป
พวกเขามองหนากันกอนจะดึงอาวุธออกมาจากฝกที่ขางสะเอว จากนั้นก็แยกกัน
เดินเขาหาผูชายที่กินปงถังหูลูอยูจากคนละดาน
บทที่ 69 จิ้งจอกเจาเลห
“ขอโทษนะ เจามาจากโรงเรียนไหน”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงรบกวนความคิ ดของตวนมู  หวงฮุน เสี ย งนั ้ น ดึ งเขากลับ
ออกมาจากความทรงจำอันนาอับอายและคับแคนใจ เขามองขึ้นไปเห็นทหารยามสอง
คนจองกลับมาที่ตนราวกับกำลังมองศัตรูที่นากลัว
“โรงเรียนซงเจียน” ตวนมูหวงฮุนที่กำลังอารมณไมดีตอบไปโดยไมคิด
“เจาชื่ออะไร ตราตนสนของเจาอยูที่ไหน เจาอยูชั้นเรียนใด” ยามยิงคำถาม
กลับมาเปนชุด ตราตนสนเปนสัญลักษณประจำตัวของนักเรียนโรงเรียนซงเจียนที่มีชอื่
นักเรียนคนนั้นเขียนไว
“อยามายุงกับขา” ตวนมูหวงฮุนเอยออกมาอยางหมดความอดทน
เขามีฐานะอันโดดเดนแตกตางจากนักเรียนทั่วไป ทำใหเขาไมกลัวที่จะเผชิญหนา
กับพวกยาม ดังนั้นเมื่อพวกยามบอกใหเขาแสดงตราตนสนใหดู ปฏิกิริยาแรกของเขา
คือสวนกลับ
“ตรวจตราตนสน” ยามปรับน้ำเสียงใหออนลง “ขอบคุณที่ใหความรวมมือ”
ตวนมูหวงฮุนลวงหยิบตราตนสนตามสัญชาตญาณแตหยุดลงในทันที ตราตนสน
หรือ เขาจะมีตราตนสนของใบหนาปลอมนี้ไดอยางไร แนนอนวาไมอาจสงมอบตราที่
มีชื่อของตวนมูหวงฮุนเขียนไวออกไปได
หลังจากทำตัวโงเงามาตลอดวันในที่สุดตวนมูหวงฮุนก็เริ่มไดสติ
“ขาไมไดเอาติดตัวมาดวย” ตวนมูพนลมออกมา “ขาเขาเมืองซงเจียนมาตั้ ง
หลายครั้ง ไมเคยไดยินวามีการตรวจแบบนี้มากอน”
ตวนมู  ห วงฮุ น เกิ ด และเติ บ โตมาในตระกู ล ที ่ ม ี ส ู ง ส ง และมี เ กี ย รติ ย  อ มไม รู
ความหมายของการสงบเสงี่ยมเจียมตัว กับยามสองคนของเมืองซงเจียนเทาไรนัก เขา
ไมแมแตจะเสียเวลามาสนใจพวกนั้น
ยามทั้งสองกังวลมากขึ้นเมื่อมือของตวนมูหวงฮุนหยุดเคลื่อนไหว ตอนแรกพวก
เขายังไมมั่นใจวาสิ่งที่เด็กชายบอกนั้นถูกตองหรือไม แตตอนนี้ ดูจากปฏิกิริยาของ
เปาหมายแลว เขาเปนผูตองสงสัยอยางแนนอน
ระดับความอันตรายของผูตองสงสัยเพิ่มขึ้นอยางมาก!
“กฎใหม เพิ่งประกาศไมกี่วันกอน” พวกยามจองมาที่เขาแลวพูด “ถาเจาไมเอา
ตราตนสนมาดวย โปรดมากับพวกขา ไปยังโรงเรียนซงเจียนเพื่อขอรับตราชั่วคราว”
โรงเรียนซงเจียนหรือ
ตวนมูหวงฮุนเริ่มมีความหวาดกลัวมากขึ้น เนื่องจากเกรงวาตัวตนปลอมของเขา
จะถูกเปดโปง
“ไม ทำไมขาตองทำตามที่เจาพูดดวย ใครจะรับผิดชอบหากภารกิจของขาตอง
ลาชา” ตวนมูหวงฮุนกลาวอยางเยอหยิ่งแตในใจของเขาเริ่มกังวลวาพวกยามจะคาด
เดาเจตนาตนได
แตนี่มันออกจะแปลกไปบา ง เขาไม ได ท ำอะไรน า สงสั ย สั ก หน อ ย เขาแค ใส
หนากากพลังธาตุเทานั้น...เดี๋ยวนะ!
ดวงตาของตวนมูหวงฮุนแทบกระเด็นออกจากเบา เขารูถึงปญหาในที่สุด นั่นคือ
หนากากของเขา...ไอหนากากเจากรรม!
เขาหันไปมองอีกดานหนึ่งของถนน ก็เปนไปตามที่คาดคิด เด็กสองคนนั้นที่เพิ่ง
เดินผานไป
“...ขาอยูที่นั่นดวยในคืนนั้น....”
สิ่งที่เด็กชายไดพูดไวดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง เวรแลว! ทำไมขาตองไปหยิบไอ
หนากากนี่มาใชวันนี้ เขาเริ่มตื่นตระหนกและลืมไปเสียสนิทวานี่เปนเพียงหนากาก
เดียวที่เขาเอาติดตัวมาดวย
ถาตัวตนที่แทจริงของเขาถูกพบ....
ตอใหเขามีปากนับรอยมาแกตาง ก็มิอาจลางมลทินได
ตวนมูหวงฮุนเปนไอโรคจิตเปลือยกาย!
ไมจำเปนตองกลาวอะไรใหเกินเลย แคขอเท็จจริงนี้ก็เพียงพอที่จะเปนขาวใหญ
ของโรงเรียนซงเจียนและทั่วทั้งสนามเหนี่ยวนำภายในวันพรุงนี้ สิ่งที่ตามมาก็คือ
ชื่อเสียงในฐานะผูมีพรสวรรคจะหายไป และถูกไลออกจากโรงเรียน เขาจะนำความ
เสื่อมเสียมาสูตระกูลตวนมู และยังกลายเปนตัวตลกของอูสิงเทียน
หนาของเขากลายเปนซีดขาว แคเรื่องเดียวจากที่กลาวมาทั้งหมดก็ทำใหเขา
หวาดกลัวสุดชีวิตแลว มันทำใหเขาตองตัวสั่นดวยความขยาดแขยง
ไม!
เขาจะถูกจับไมได!
ตราบใดที่ไมถูกจับก็จะไมมีใครสงสัยเขา และหากเขาหลบหนีไดสำเร็จ ตราบใดที่
ไมมีการตาย ไมเปดเผยพลังธาตุของเขา ไมมีหลักฐานใดหลงเหลือ เรื่องเหลานี้ก็จะ
จบลง ดังนั้นเขาไมสนใจวาใครจะไดรับบาดเจ็บทั้งนั้น
หลังจากสงบใจลงแลวตวนมูหวงฮุนก็ใชความคิดอยางรวดเร็ว ดวงตาหรี่ลงดู
คลายพระจันทรเสี้ยว
ยามทั้งสองรูสึกวาผูตองสงสัยพลันเปลี่ยนไปเปนคนละคน ดวยดวงตาที่หรี่ลงนั้น
ทำใหใบหนาที่เคยดูเรียบเฉยนั้นพลันเปลี่ยนเปนสีหนาของจิ้งจอกเจาเลหเลือดเย็น
ความรูสึกถึงอันตรายก็เออขึ้นในใจของทั้งคูในเวลาเดียวกัน
แตปฏิกิริยาของพวกเขาชาเกินไป รางของผูรายตรงหนาพลันพราเลือน เหมือนมี
บางอยางผานวูบไปจากสายตาของพวกเขา
ปง! ปง!
ทั้งคูถูกกระแทกเขาที่ทองในเวลาเดียวกัน หลังของพวกเขาโกงงอเหมือนกุงตม
ดวยความเจ็บปวด
มันกลาโจมตีไดอยางไร....
นั่นคือความคิดสุดทายของพวกยามกอนจะหมดสติลง
รอยยิ้มชั่วรายปรากฎขึ้นบนใบหนาที่ดูแสนธรรมดา พลันเปลี่ยนใหใบหนานั้นดู
เจิดจาขึ้นมา ดวงตาที่โคงงอราวประจันทรเสี้ยวดูคลายกับดวงตาของจิ้งจอก เมื่อรวม
กับรอยยิ้มชั่วรายนั้นแลว ยิ่งแสดงถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตออกมา
ชางเชื่องชานัก ตวนมูหวงฮุนเยยหยันออกมาหลังจากที่เอาชนะไดดวยเพีย ง
กระบวนทาเดียว ถึงแมวาเขาจะไมคาดหวังวาพวกยามจะมีความสามารถอะไรมาก
นัก แตเขาก็ประหลาดใจไมนอยที่สามารถจัดการไดอยางงายดายเชนนี้
เมืองซงเจียนเปนเมืองเล็กๆ อันดับของโรงเรียนซงเจียนก็อยูในกลุมต่ำสุ ดของ
สนามเหนี่ยวนำ ดังนั้นยามของที่นี่ยอมไมมีฝมือสูงเยี่ยมอันใด ยิ่งไปกวานั้นดวยความ
ที่เปนเมืองเล็กๆ นี่เอง จึงคอนขางมีความสงบสุข พวกยามทั้งหลายจึงผอนคลายไม
เขมงวด พวกเขาไมเคยคาดคิดวาอยูๆ ตวนมูหวงฮุนจะโจมตีในทันที
เมื่อตวนมูหวงฮุนกำลังจะจากไปในก็ไดยินเสียงสัญญาณเตือนดังเสียดหู ก รี ด
อากาศเขามา
นัยนตาของตวนมูหวงฮุนหดลงพลางกลาววา “เปนเรื่องแลว!”
ถึงแมวาพวกยามจะถูกจัดการไดโดยงาย แตพวกมันกลับเรียกกำลังเสริมไวกอน
แลว ซึ่งนั่นเปนสิ่งสุดทายที่ตวนมูอยากเห็น
เขาพุงตัวไปยังถนนใกลเคียงดวยความเร็วดั่งสายฟาโดยไมลังเล
ตองขอบคุณอายฮุยที่ทำใหเขาตองตามหาตัวอยูเปนเวลานาน ตวนมูจึงคุนเคยกับผัง
เมืองซงเจียนเปนอยางดี เขาไมเคลื่อนไหวในที่สูงเกินไปเพราะจะถูกตรวจพบไดงาย
ยามสองคนวิ่งเขามาบนถนนดวยความรวดเร็ว ถืออาวุธในมือพรอมลงมือไดทุกเมื่อ
ไมมีใครเห็นรางที่ซอนอยูในเงามืดที่ปากทางเขาถนน
มันอยูไหน ยามสองคนลดความเร็วลงเพื่อคนหาผูตองสงสัย
รางที่มีปงถังหูลูเสียบไมคาบไวในปากปรากฏตัวดานหลังของพวกเขาอยางเงียบ
เชียบ ดวงตาแคบยาวทำใหดูเหมือนจิ้งจอกที่งีบหลับใตแสงอาทิตย
รางนั้นโจมตีใสตนคอของยามทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน ทำใหพวกเขาหมดสติลม
ลงไปกองกับพื้น
คนที่เดินผานไปมาบนถนนลวนประหลาดใจ ไดแตยืนตะลึงไมรูวาจะทำตัวอยางไร
ทามกลางสายตาของคนที่อยูโดยรอบ ตวนมูหวงฮุนกินถังหูลูลูกสุดทายและโยน
ไมทิ้งอยางใจเย็น เขาดูไมตื่นตระหนกสักนิดเดียว
ตวนมูหวงฮุนเดินไปพลางเคี้ยวผลไมเชื่อมไปพลาง เขาทำตัวไมแตกตางจากคน
เดินทางทั่วไปสักนิดเดียว
เสียงกรีดรองไมหยุดหยอนเปลี่ยนถนนที่เงียบสงบใหกลายเปนชุลมุนวุนวาย
ตวนมูยังคงทำตาหรี่แคบ ดูเหมือนจะมีความสุขกับตัวเอง
เขาสุมเลือกรานน้ำชาที่เปดประตูคางไวและเดินเขาไป
ผูคนในรานน้ำชากำลังพูดคุยดื่มกินกันอยูก็มีเสียงกรีดรองดังขึ้นภายนอก พวก
เขาไมรูวาเกิดอะไรขึ้น แตในเมื่อตวนมูหวงฮุนเดินเขามาในจังหวะเดียวกัน ทำใหเขา
กลายเปนเปาสายตาของทุกคนในทันที แตเขาไมสนใจแมแตนอยแลวเดินไปยังที่นั่ง
ใกลประตูกอนจะนั่งลงราวกับไมมีคนอื่นอยูในราน
“เอาชาที่ดีที่สุดมากาหนึ่ง”
เสียงของเขาฟงดูเกียจคราน เสี่ยวเออเหมือนถูกปลุกขึ้นจากภวังคและตอบอยาง
รวดเร็ว “ไมมีปญหา รอสักครูเดียว”
เสียงสัญญาณเตือนที่ดังอยูขางนอกกลายเปนหัวขอสนทนาของผูคนภายในรานน้ำชา
“เกิดอะไรขึ้น อุบัติเหตุหรือ”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน”
...
ตวนมูหวงฮุนทำตัวไรกังวล เขาหยิบถวนน้ำชาขึ้นมาจิบอยางสบายใจ
รสชาตินั้นธรรมดา เขาวางถวยน้ำชาลงอยางผิดหวัง
ไมมีใครสักเกตเห็นนกหวีดไมไผที่ปรากฏขึ้นในมือของเขากอนที่เขาจะเอามันเขา
ไปในปาก
ทันใดนั้นเองเสีย งนกหวีดหวีดหวิวก็กรีดดั งไปทั ่วทั้ งรา นน้ำชาอยา งไม ม ี ใ คร
คาดคิด ทำใหเสียงอื่นๆ เลือนหายไปอยางรวดเร็ว
ทามกลางเสียงเงียบสงัดตวนมูหวงฮุนไดวางนกหวีดลง กอนเอยดวยน้ำเสียงขอ
โทษวา “ขอโทษที่รบกวน”
บทที่ 70 หมิงซิ่ว
ตวนมูหวงฮุนเดินออกจากรานน้ำชา ไมสนใจยามที่หมดสตินอนเกลื่อนกลาดอยู
บนพื้น
เขากำลังอารมณดี
ความโศกเศร า ที ่ อ  า ยฮุ ย นำมาให เ ขาในหลายวั น ที ่ ผ  า นมาหายไปหมดแล ว
ความสุขที่ไดจากการปลดปลอยความหดหูทั้งหมดออกไปในคราวเดียวนั้นชางยอด
เยี่ยมอยางนาเหลือเชื่อ ใชแลว แทนที่จะโทษหมิงซิ่ว ตวนมูหวงฮุนโยนความผิดให
อายฮุยวาเปนคนกอปญหาทั้งหมด คนเดียวที่ควรถูกกลาวหา ผูเปนตนเหตุแหงความ
ชั่วรายทั้งหลายทั้งปวง
ตอนนี้ตวนมูหวงฮุนสงบลงแลว เขาก็รูสึกตัวในทันทีวาเขาทำเรื่องบาคลั่งลงไป
เขาเปนคนที่วางาย เฉลียวฉลาด และเปนที่คาดหวังมาตั้งแตยังเด็ก อีกทั้งยังเปน
แบบอยางใหกับเด็กคนอื่นๆ ไมมีใครเทียบเขาได เขาเปนที่รูจักในฐานะเด็กหนุม
สมบูรณแบบในสายตาผูใหญ
แตเขาเพิ่งจะลงมือทำรายยามหลังจากที่ตั้งใจวางกับดักพวกเขา
กอนหนาวันนี้ เขาไมเคยคิดวาเขาจะทำเรื่องบาๆ แบบนี้ แตตอนนี้กลับไดทำลง
ไปแลว และนั่นเปนเพราะความเกลียดชังในใจที่ผลักดันเขาใหทำเชนนี้
เหตุการณที่ไมคาดฝนนี้อันที่จริงแลวทำใหเขารูสึกตื่นเตนอยางไรบอกไมถูก
แตเมื่อเขาเห็นรางอันงดงามยืนอยูกลางแสงแดดอยูไมไกลออกไปนัก ดวงตาของ
เขาก็หรี่ลงอีกครั้ง
“เจาคือคนที่โจมตีพวกยามใชไหม ขาไมเคยเห็นใครกลาทำเรื่องแบบนี้ในเมืองซง
เจียนมานานแลว”
หมิงซิ่วกลาวดวยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหนาของนางเคยนารื่นรมยดุจดั่งสูดอากาศ
บริสุทธิ์ แตตอนนี้มันไมเหลือความยินดีหรือรอยยิ้มบนหนาอีกตอไป ดวงตางดงาม
ของนางสงบและเครงขรึม และรัศมีพลังที่นานับถือซึ่งแผซานออกมารอบตัวนางก็
เหมือนจะทำใหคนไมอาจขัดขืนได
หมิงซิ่วปลดผาคลุมไหลสีพื้นออกจากไหลของนาง
ตวนมูหวงฮุนไมเคยสังเกตมากอนวาผาคลุมไหลนั้นอันที่จริงแลวยาวกวาที ่มัน
ควรจะเปนไปมาก
หมิงซิ่วยกขอมือขึ้นคลี่ผาคลุมไหลออกเต็มความยาวในสายลม
นัยนตาของตวนมูหวงฮุนหดเล็กลง
เสนแสงเจิดจาปรากฏบนผาคลุมไหลภายใตแสงตะวัน ทำใหดูงดงามเจิดจรัส
“ยุงยากอีกแลว”
คำพูดถูกรีดออกมาผานไรฟนที่ขบกันแนน ดวงตาของเขาเยือกเย็นรวมถึงรอยยิ้ม
อันชั่วรายแฝงความทาทายปรากฏขึ้นบนใบหนาของเขาอีกครั้ง
เขาหนีอยางไมลังเลสักนิด
ครึ่งชั่วโมงตอมา ตวนมูหวงฮุนก็ยังคงถูกไลลาออกสูนอกของเมือง เขาอยากจะ
รองไหออกมาเต็มที สภาพของเขาตอนนี้ชางนาอดสู เสื้อผาก็ขาดรุงริ่ง
อะไรก็ตามที่เกี่ยวของกับอายฮุยจะกลับกลายเปนหายนะของตัวเขาเอง
ศิษยพี่หมิงซิ่วที่ดูเหมือนจะมีอัธยาศัยดีกลับมีฝมือสูงเยี่ยมและคอยโจมตีอยางไม
ลดละ ตวนมูไมอาจจะปองกันตัวเขาไดและสิ่งเดียวที่ทำไดก็คือวิ่งหนี
ในตอนนี้นี่เองที่เขาเขาใจวาทำไมสิ่งแรกในขอมูลที่ตระกูลรวบรวมมาถึงบอกวา
อยาไปลวงเกินโรงเย็บปกอวี้ นั่นไมใชเพราะความสัมพันธเบื้องลึกเบื้องหลัง หากแต
นาจะเปนเพราะศิษยพี่หมิงซิ่ว!
เขายังคงไมเขาใจวาเหตุใดหมิงซิ่วจึงมีทักษะการตอสูที่แข็งแกรงถึงเพียงนี้ ถึงแม
จะเปนทายาทของปรมาจารยหันอวี้ฉินและผูมีพรสวรรคที่ถูกมองวามาสามารถเปน
ยอดปรมาจารยการเย็บปก กระทั่งที่วาสามารถกาวขามอาจารยของนางไดก็ตามที
เขาถึงขนาดสงสัยวาระดับของเขาในสนามเหนี่ยวนำเปนเพียงจินตนาการที่เขา
สรางขึ้นมาเอง
ซ้ำรายศิษยพี่หมิงซิ่วยังคงตามติดเขาอยู หากหยุดแคเพียงวินาทีเดียว นางจะตาม
ทันและโจมตีเขา ผาคลุมไหลสีพื้นนั่นตองเปนผลงานของปรมาจารยหันอวี้ฉินอยาง
แนนอน!
ทุกครั้งที่ผาคลายตัวเต็มความยาว แสงที่ลอยออกมาจากพื้นผิวของมันทำใหเขา
รูสึกมึนเมา ถึงแมวาเขาจะไมใชพวกมือใหมหรือคนงี่เงาไรประสบการณ แตเขาก็ยังไม
อาจละสายตาจากมันได
มันเปนงานฝมือของปรมาจารยดานการเย็บปก!
นี่เปนครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ตวนมูหวงฮุนพายแพใหกับคูตอสูในทุกแงทุกมุม
เขาไมเพียงแคดอ ยกวาหมิงซิ่วในด านของทักษะการตอ สู  แต ย ั งเป นในเรื ่องของ
สินทรัพยอีกดวย
แมแตกับตระกูลที่ทรงอำนาจอยางตระกูลตวนมู งานเย็บปกถักรอยแบบที่หมิง
ซิ่วสวมใสอยางผาคลุมไหลที่ใชอยูนี้จัดเปนของวิเศษหายาก เปนของวิเศษที่มีคา มาก
ถึงขนาดที่วา มีเพียงแตผูอาวุโสที่ได รั บความนั บถือของตระกูลเท านั ้น ที ่สามารถ
ครอบครองได คงไมมีใครจะมอบมันใหเด็กอยางตวนมูหวงฮุนหรอก แมวาเขาจะเปน
คนที่มีพรสวรรคสูงที่สุดในบรรดาเด็กรุนราวคราวเดียวกันของตระกูลก็ตาม
เขารูสึกสิ้นหวัง
ชางโชครายอะไรเชนนี้
ตวนมูหวงฮุนวิ่งตะบึงเขาไปในปาอยางไรทิศทางพยายามจะหลบเลี่ยงหมิงซิ่ว
พลังธาตุรวมถึงพลังกายของตวนมูหวงฮุนกำลังจะหมดลงหลังจากที่ตองตอสูและ
หลบหนีศิษยพี่หมิงซิ่วมาอยางไมหยุดหยอน ถึงแมวาเขาจะมั่นใจวาสามารถหลบพน
แลว แตเขาก็ยังไมกลาที่จะหยุดวิ่ง
ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นยอดแหลมอยูไกลๆ
นั่นมัน....เจดียเสวียนจิน!
เขาคิดอยูครูหนึ่งกอนจะคิดไดวาเขาควรจะแกลงทำเปนฝกฝนอยูขางในเจดีย ใช
แลว! สิ่งที่เขาตองทำก็คือสลัดหมิงซิ่วใหพน เขาไปในเจดียเสวียนจิน โยนหนากากทิ้ง
แลวแสรงทำเปนวากำลังฝกฝนอยู
สำหรับไอโรคจิตเปลือยกาย ไม ไม ไม ชายไรเสื้อผา ตราบใดที่เขาไมยอมรับเสีย
อยางใครจะมาสงสัยเขาได
ทั้งโรงเรียนตองพึ่งพาเขา พวกเขาไมมีวันทำลายผูมีพรสวรรคที่พวกเขาเพิ่งสราง
ขึ้นหรอก
อีกอยางยังมีนักเรียนจากตางถิ่นเขามาในโรงเรียนซงเจียนทุกวันนี้ ทางโรงเรียน
ไมมีทางมั่นใจไดเลยวานั่นเปนนักเรียนของโรงเรียนเองหรือเปนคนอื่นที่อางตัววาเปน
เรื่องราวทั้งหมดกำลังจะจบลง เพียงแคเขาโยนหนากากทิ้งและแกลงทำเปน
ฝกฝนอยูภายในเจดียเสวียนจิน มันไมสำคัญหากหมิงซิ่วจะรูความจริง ตราบใดที่เขา
ไมยอมรับออกมาตรงๆ
หมิงซิ่วคงไมลงไมลงมือเลนงานเขา ถึงแมวาโรงเย็บปกอวี้จะรับมือไดไมงายนัก
แตตระกูลตวนมูเองก็ไมงายเชนกัน
เขารอคอยอยางระแวดระวังอยูครูหนึ่ง เมื่อไมเห็นหมิงซิ่ว เขาก็รูสึกโลงอกใน
ระดับหนึ่ง ดูเหมือนวาเขาจะหนีพนจากปากเหยี่ยวปากกามาไดแลว เขาวิ่งเตลิดเปด
เปงไปทั่วปาอยางไรทิศทางราวกับไกไมมีหัว กระเสือกกระสนทำทุกอยางเพื่อที ่จะ
หลบหนีหมิงซิ่วใหได
เขาถอดหนากากออกและฝงมันลงหลุมอยางระมัดระวังเพื่อไมใหทิ้งรองรอยอะไรไว
จากนั้นเขาก็พุงตรงไปยังเจดียเสวียนจินดวยเรี่ยวแรงหยดสุดทาย
เขาไดตัดสินใจแลว เมื่อไปถึงเจดียเขาจะนอนลง แสรงทำเปนหมดแรงจากการ
ฝก สำหรับรอยฟกช้ำทั่วกายของเขานั้น ก็เกิดจากการฝกอันบาคลั่งที่เพิ่งผานมา จะ
เปนผูมีพรสวรรคแถวหนาไดอยางไรหากไมฝกฝนอยางหนัก
เขาภูมิใจในตัวเองเหลือเกิน
แตทันใดนั้นความพึงพอใจของเขาก็เลือนหายไป ขาของเขาหนักเหมือนมีตะกั่ว
ถวงไว เมื่อครูนี้เขาอยูในภาวะฉุกเฉิน ตอนที่เขากำลังถูกหมิงซิ่ว ตามลาและโจมตี เขา
เต็มเปยมไปดวยสมาธิและพลังทั้งหมดในรางถูกรีดออกมา เพราะเหตุนั้นเขาจึงไมรูสึก
เหนื่อย ตอนนี้เมื่อเขาพบทางออก ความตื่นเตนของเขาบรรเทาลง ความเหนื่อยลา
และความออนเพลียจึงถาโถมเขามาประหนึ่งน้ำปาไหลหลาก
ทุกกาวลวนหนักอึ้ง
ถึงแมวาเจดียเสวียนจินจะอยูหางไปไมไกล แตสำหรับตวนมูแลวมันเหมือนอยู
หางไปถึงขั้วโลก
พลังธาตุของเขา ซึ่งปกติแลวจะมีมากมาย ตอนนี้กลับแหงเหือด ระหวางการฝก
ประจำวันเขาแทบไมเคยแบงเวลาไปฝ กฝนร างกาย ทำให ไม คอ ยจะแข็งแรงทาง
กายภาพ ตอนนี้เมื่อไมมีพลังธาตุเปนตัวชวย กลามเนื้อของเขาก็สั่นเทิ้มไมหยุด
ตวนมูหนาขาวซีด หายใจหนักหนวง ลำคอแสบรอนราวถูกไฟเผา
เขาคอยๆ ลากตัวเองไปยังเจดียเสวียนจิน
แยเหลือทน...
รูสึกราวไปหมด เขาทำไมไดแมแตจะกระดิกนิ้ว นี่คือความรูสึกของการสู ญสิ้น
เรี่ยวแรงทั้งหมด ภาพเบื้องหนาของเขาคอยๆ พราเลือน แตยังพยายามดิ้นรนขัดขืน
เขาตองทำทุกอยางเพื่อไปใหถึงเจดียเสวียนจินใหจงได
ภาพของเจดียตรงหนาของเขาคอยๆ เลือนรางลงเรื่อยๆ
กอนที่ตวนมูหวงฮุนจะหมดสติไปเขาก็ไปถึงเจดียไดในที่สุด ทุกอยางกลายเปน
พรามัวขณะที่เขาพยายามไตขึ้นบันไดโดยใชทั้งมือและเทา
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสไดถึงบางสิ่งบางอยาง
บทที่ 71 การทอผาคูแบบงาย
ปรมาจารยหันอวี้ฉินคิดคนการทอผาคูเมื่ออายุสิบเกาป
กรุงโรมไมไดสรางขึ้นในวันเดียว และนางก็ไมไดกลายเปนปรมาจารยชั่วขามคืน
ไมมีใครสามารถกลายเปนปรมาจารยไดหากไมมีความรูอันลึกซึ้งและพรสวรรคแต
กำเนิด ปรมาจารยทุกทานในประวัติศาสตรตางก็มีความสามารถสูงล้ำมาแตออนแต
ออก และมีความโดดเดนเหนือผูอื่นตั้งแตยังเด็ก
อายุสิบเกาเปนชวงวัยที่คนสวนใหญยังคงเรียนอยูในสนามเหนี่ยวนำ แตในวัยนี้
ปรมาจารย ห ั น อวี้ ฉ ิ น กลั บ สามารถสรา งวิ ช าทอผา ของตัว เองขึ้ น มาได นั บ เป น
พรสวรรคที่ทำใหผูคนตองปากอาตาคาง
ในชวงเวลานี้อายฮุยตกอยูภายใตความประทับใจอยางล้ำลึกในตัวนาง เขาชื่นชม
นางอยางมาก
ทางทฤษฎีแลว การทอผาคูไมไดซับซอนอะไร มีการออกแบบอยางมาเรียบงาย
แตก็แยบยล ซึ่งทำใหมันกลายเปนผลงานที่ประณีตงดงาม
แนนอนวาคำวา “เรียบงาย” นั้นตางกันไปสำหรับแตละคน วิชานี้ล้ำลึกเหนือกวา
ความรูและพลังของอายฮุยในตอนนี้
กระบวนการในการทำความเขาใจการทอผาคูไดขยายมุมมองของอายฮุยใหกวาง
ขึ้น สำหรับเขาแลวมีอุปสรรคนับไมถวนอยูในขั้นตอนอันเรียบงายของการทดผาคูนี้
แตวาเขาไมยอมแพ
เมื่อใดก็ตามที่เขาพบกับอุปสรรค เขาจะพยายามคิดแกไขปญหา ไมมีใครให
คำแนะนำ เขาจำเปนตองขามผานทุกอุปสรรคที่เขาเจอดวยตัวเอง ยิ่งไปกวานั้นเขายัง
มีพื้นฐานออนดอยและไมมีความรูเกี่ยวกับพลังธาตุมากนัก หากเปนคนอื่นมาอยูใน
สถานการณแบบเขาก็คงไมรูวาจะทำอยางไร
โชคดีที่อายฮุยใชพลังของตัวออนกระบี่เพื่อดูการสาธิตของศิษยพี่หมิงซิ่วในวันนั้น
ทุกการเคลื่อนไหวของศิษยพี่หมิงซิ่วรวมถึงรายละเอียดการใชพลังธาตุถูกบันทึก
ไวอยางชัดเจนอยูในใจของเขา และสิ่งนี้ก็ชวยเหลือเขาอยางมากในการทำความเขาใจ
การทอผาคู
เมื่ออายฮุยเขาใจอยางแทจริงและซึมซับหลักพื้นฐานของการทอผาคู เขาก็ไดรับ
ประโยชนมากมาย ผลงานชิ้นเอกของปรมาจารยหันอวี้ฉินบรรจุไวซึ่งแนวคิดและ
เคล็ดการใชพลังงานธาตุที่เปนเรื่องใหมอยางมากสำหรับอายฮุยผูที่กอนหนานี้ ไมรู
อะไรสักอยางเดียว
ผลประโยชนที่ไดรับจากการคิดคนดวยตัวเองนั้นมีคามหาศาล
อายฮุยที่กำลังจมดิ่งอยูในความคิดไมไดชื่นชมยินดีกับผลประโยชนที่ไดรับ ทวา
เขากลับเต็มไปดวยความทุกขทรมานไมสิ้นสุด ในที่สุดเขาก็สามารถแกไขปญหาได
อยางยากลำบาก แตกอนที่เขาจะไดปติยินดี ก็เกิดปญหาใหมที่ยากกวา
เมื่อเขาทำความเขาใจถึงหลักการของการทอผาคูอยางถองแทแลว เขาก็ตระหนัก
ไดวาตนไมอาจใชมันได ระดับพลังของเขาต่ำกวาระดับพื้นฐานที่จำเปนตองใชใน
ทักษะนี้ เขาคำนวณไดวาระดับพลังธาตุขั้นต่ำที่จำเปนสำหรับการใชทักษะนี้คือระดับ
สี่ตำหนัก
แตเขายังไมเขาถึงระดับหนึ่งตำหนักดวยซ้ำ
อยางไรก็ตามเขาไมมีความคิดที่จะยอมแพอยางนี้ เขาเปนพวกไมยอมแพและไมเคย
ลืมวาเปาหมายของเขาคืออะไร เปาหมายของเขาคือการถักผาทอพลังธาตุใหสำเร็จ
อันที่จริงแลวนี่ไมใชครั้งแรกที่เขาพบกับปญหาเชนนี้
เมื่อตอนที่เขาอยูในแดนราง เขาก็ตกอยูในเหตุการณคลายๆ กันนี้หลายครั้ง ใน
ยามที่เขาไมมีกระบี่หญา เขาก็ทำกระบี่ไม เขาใชอะไรก็ไดตราบใดที่มันใชประโยชนได
ในสมัยที่อยูในโรงฝกดาบเขาไมมีชั้นหนังสือที่จะจัดวางคัมภีรกระบี่ เขาก็เลยเอาเศษ
ไมมาทำชั้นหนังสือดวยตัวเอง
เนื่องจากขาดแคลนทรัพยากร คนจนก็จะประสบกับความยุงยากมากมายในชีวิต
หลายครั้งในชีวิตที่ตองดัดแปลงเปลี่ยนสิ่งที่ไรคามาเปนสิ่งที่มีประโยชน
อาจบอกไดวานั่นเปนภูมิป ญญาของคนยากไร ถึงแมวาสิ่งที ่สรา งขึ้ นจะไม มี
ประสิทธิภาพมากนัก แตก็พอใชงานได
การทอผาคูในมือของอายฮุยเปลี่ยนไปจนแทบจำไมได
เมื่อเข็มพลังธาตุออกหางจากรางกาย พลังธาตุนั้นก็จะออนลงอยางรวดเร็ว ดังนั้น
อา ยฮุย จึงพยายามที่จ ะลดระยะห างระหวา งเข็ มพลั งธาตุ ก ับ นิ้ วของเขา ในที ่ สุด
ระยะหางระหวางเข็มพลังธาตุกับนิ้วของเขาลดเหลือ เพียงสองเซ็นติเมตรเท า นั้ น
ถึงแมจะดูไมงามสงา แตก็ยังใชงานได และสำหรับมือใหมอยางอายฮุยแลว นี่กลับชวย
ใหควบคุมไดงายขึ้น
สำหรับคนอยางอายฮุยที่ขาดความชำนาญในการควบคุมพลังธาตุ การสรางเข็ม
พลังธาตุสองอันขึ้นมาทำงานรวมกันเปนเรื่องที่เปนไมไปไมได ดวยเหตุนี้อายฮุยจึงคิด
หาวิธ ีอ ื่น ซึ่งก็คือ การใช สายตากับ มื อ ของเขาร ว มกั น ถึ งแม ว  า พลั งธาตุ อ าจจะ
เปลี่ยนแปลงไดอยางรวดเร็ว แตมันก็ยังงายกวาในการที่อายฮุยจะควบคุมกลามเนื้อ
และบังคับมือของเขาแทน
แน น อนว า มั นเปน เรื่ อ งเป นไปไม ไ ด ที ่ อ  า ยฮุ ย จะสามารถประสานพลั งธาตุ
เหมือนกับที่ศิษยพี่หมิงซิ่วไดแสดงใหดู
ถาการทอผาคูของศิษยพี่หมิงซิ่วมีความเร็วเหมือนนกฮัมมิ่งเบิรดกระพือปกแลว
การทอผาคูของอายฮุยก็เปรียบเหมือนกับหอยทากที่คลืบคลานอยางเชื่องชา อยางไร
ก็ตามสวนที่ยากที่สุดก็คือการเคลื่อนไหวมือทั้งคู
มือ ของอา ยฮุย ควบคุมเข็มพลั งธาตุ ไว ข  า งละเล ม เขาใช สองนิ ้ ว ชี ้ น ำเข็ ม ให
เคลื่อนไหว และเห็นไดวากำลังถักผา แตความงดงามของการทอผาคูในมือของเขาไม
ปรากฏใหเห็นเลย
แตนี่ก็ยังถือวาเปนการถักทอ เพราะวาทายที่สุดแลวเขาก็สามารถถักผาทอพลัง
ธาตุขึ้นมาได ถึงแมวามันจะดูยับยูยี่และนาเกลียด แตอายฮุยก็ยังตองใชความพยายาม
ทั้งหมดของเขาเพื่อสรางมันขึ้นมา
ใชแลว มันตองใชความพยายามทั้งหมดของเขา
พลังธาตุของอายฮุยคงอยูไดเพียงแคหานาที
ดังนั้นเขาตองทุมเทสมาธิอยางมากในเวลาหานาทีนี้ ความผิดพลาดเพียงเล็กนอย
จะเปนการสิ้นเปลืองพลังธาตุเสียเปลา
เมื่อพลังธาตุของเขาเหือดแหง เขาจึงจำเปนตองเขาไปในเจดียเสวียนจินเพื่อเก็บ
สะสมพลังงานธาตุทอง หลังจากนั้นก็ตองใช [มัจฉาสะบัดกาย] เพื่อกระจายพลังธาตุ
กอนที่จะเริ่มทำการดูดซับใหม กระบวนการนี้ใชเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
พูดอีกอยางหนึ่งก็คือ เขาตองฝกเปนเวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อที่จะทอผาไดหานาที
ความแตกตางของระดับพลังระหวางอายฮุยกับศิษยพี่หมิงซิ่วนั้นตางกันราวฟา
กันเหว อายฮุยตองใชเวลาไมรูกี่วันเพื่อที่จะถักผาทอพลังธาตุขนาดเดียวกับที่ศิษยพี่ห
มิงซิ่วใชเวลาถักแคสิบนาที
อายฮุยไมมีเวลาใหหยุดพัก เขาฝกฝนอยางบาคลั่งจากนั้นก็ทอผาอยางบาคลั่ง
กอนหนานี้เขามีอคติในการเย็บปกถักรอย แตเมื่อเขาเขาใจการทอผาคูอยาง
ลึกซึ้งแลว เขาก็เปลี่ยนทาทีไป ไมวาอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็ตองเรียนรูการเย็บปกถักรอย
ใหถึงที่สุด
หากความสามารถในการควบคุมอันซับซอนและงดงามนี้ถูกนำไปใชในการตอสู
มันจะนากลัวสักเพียงใด!
ยกตัวอยางเชน หากเข็มคูถูกนำไปใชในการตอสู คูตอสูของเขาจะตองพบกับ
ความยากลำบากในการรับมือกับสิ่งที่คาดไมถึง
ยิ่งไปกวานั้น ผาหนึ่งมวนมีมูลคาถึงหาแสนหยวน!
อายฮุยไมรูวาตองใชเวลามากเพียงใดในการทอผาหนึ่งมวน แตเขารูวาตราบใดที่
เขายืนกรานที่จะทำ เขาก็จะสามารถทำมันขึ้นมาได และถาเขาทะลวงผานสูระดับสี่
ตำหนักได เขาก็สามารถใชการทอผาคูไดอยางสมบูรณ
การทอผาคูเปนเพียงพื้นฐานการทอผาเทานั้นแตก็ทรงพลังและมีคามหาศาล
อายฮุยฝกฝนทังวันทั้งคืนโดยไมหยุดไมหยอน
ในฐานะคนที่รอดชีวิตจากแดนรางแลว อายฮุยจึงเขาใจถึงความสำคัญของโอกาส
เมื่อเห็นโอกาสจะตองทำทุกอยางเพื่อความันไว กอนที่จะสำเร็จหรือลมเหลว ก็ควรจะ
หุบปาก อยาเสียเวลาบนวาตองทำงานหนักอยางโนนอยางนี้
เขาฝกอยูนานสามวันโดยไมหลับไมนอน ในเวลาสามวันนี้เขาฝกอยางหนัก ไม
ยอมใหเวลาเสียเปลาแมแตวินาทีเดียว
รางกายของเขาคอยๆ ออนลาจากการฝกอยางหนัก แมแตคนบาอยางอายฮุยก็พบวา
การฝกแบบนี้นั้นมันมากเกินไป หากฝกนานจนเกินควรจะทำใหรางกายไดรับบาดเจ็บ
ในเวลานี้ อายฮุยใชเวลาสวนมากฝกอยูในเจดียเสวียนจิน ฝนทนกับการระเบิด
ของพลังธาตุทองภายในกาย เขาพยายามอยางมากที่จะไตโซเหล็กกลาเพื่อหาทาง
ออก แมวาพลังธาตุจะถูกเติมเต็มระหวางการฝก แตนั่นก็ไมไดรวมถึงความแข็งแกรง
ทางกายภาพของเขาที่เหือดแหงไปเรื่อยๆ เขาทอแทกับขั้นตอนการไตออกมา จิตใจ
อยากจะทำตอไปแตรางกายกลับออนแอเกินไป
วันนี้คงตองหยุดไวเทานี้กอน
เขาคิดวาจะนอนพักหลังจากนี้
กอนที่อายฮุยจะถอนหายใจออกมาดวยความโลงอกหลังจากที่ใชพลังทั้งหมดไต
ขึ้นมาจนถึงทางเขา รางหนึ่งก็เดินตุปดตุเปออกมาจากความมืดและลมลงบนตัวเขา
อายฮุยยื่นมือออกไปพยายามจะควารางนั้นไวอยางไมคอยมีสติ
รางนั้นเสียการควบคุม แขนแกวงไปมาพยายามควาตัวอายฮุยเอาไวเหมือนกับ
คนกำลังจมน้ำ
ทั้งคูปะทะกัน จึงสูญเสียการทรงตัวและรวงลงไปในเจดียเสวียนจินพรอมๆ กัน
บทที่ 72 อันตราย
เหตุการณไมคาดคิดนี้ทำใหอายฮุยเสียขวัญ กอนจะรูวาใครเปนคนชนเขา เขาก็
จมอยูในกระแสลมทองคำอันรุนแรงเสียแลว
เวรเอย!
โดยปกติแลวในยามที่อายฮุยอยูคนเดียวในเจดียเสวียนจิน เขาก็จะทำทุกอยาง
ดวยความระมัดระวัง ทวาตอนนี้เขากำลังแบกคนไวและกำลังกายทั้งหมดของเขาก็ถูก
ใชไปหมดแลว จะเคลื่อนไหวไดอยางไร
สิ่งที่นารำคาญที่สุดคือการที่อีกฝายหนึ่งกอดเอวของเขาเอาไวแนน พยายามสลัด
ออกถึงสองสามครั้ง แตก็ไมหลุดเสียที
อายฮุยโกรธอยางเห็นไดชัด ความคิดที่ไรความปรานีลุกโชนขึ้นในใจ เมื่อเขาออก
จากที่นี่ได จะทุบตีเจาสารเลวนี่ใหนวมจนไมมีใครจำหนาได
ที่นี่ออกจะใหญโต และโซเหล็กกลาก็เห็นไดอยางชัดเจน หมอนี่มองไมเห็นไดอยางไร
ตาบอดหรือไงกัน
ขณะที่อายฮุยกำลังจะระเบิดดวยความโกรธ มือของเขาก็ถอยหางออกไป รูสึก
เสียวซานไปถึงกระดูกสันหลัง โซเหล็กกลาขาด!
โซเหล็กกลาไมอาจรับน้ำหนักของคนสองคนได! สีหนาของอายฮุยเปลี่ยนไปทันที
ทั้งคูเปนเสมือนวาวที่ไรการควบคุม ปง! รางกายของเขากระแทกกับผนังอยา งแรง
และแมจะมีการปองกันของเกราะเขาก็ตองรองออกมาดวยเจ็บปวดอยางชวยไมได
แมวาจะมีเกราะที่ปองกันเขาจากลมทองคำ แตมันก็หนักมาก ซ้ำยังมีคนบนหลังอีก
แมวาพละกำลังของอายฮุยจะอยูที่จุดสูงสุด แตก็ยังไมมั่นใจวาจะเดินออกจากเจดีย
เสวียนจินไดทั้งที่ยังมีชีวิตอยูได
ปง!
คราวนี้คนบนหลังของเขาเปนคนที่กระแทกกับผนัง เสียงครางออนแรงดังมาจาก
ขางหลัง
ความโกรธของอายฮุยที่เพิ่งสงบลงระเบิดขึ้นอีกครั้ง
ตวนมูปงหวาน!
เขาจำอีกฝายไดดวยเสียงแอะเดียว
กอนหนานี้ทั้งคูตางก็สรางความโกรธแคนตอกัน และในตอนนี้ศัตรูทั้งสองได
เผชิญหนากันอีกครั้งดวยสายตาที่มีประกายแหงความเกลียดชัง! ไมใชเรื่องนาแปลก
ใจที่เจาสารเลวคนนี้มาที่นี่เพื่อกอปญหา! อายฮุยไมรูวาพลังของเขามาจากไหนใน
ขณะที่เขาพยายามจะควาตวนมูหวงฮุนที่เกาะติดอยูที่หลัง แตชุดเกราะบนรางกาย
ของเขาใหญเกินไปทำใหการเคลื่อนไหวของเขามีจำกัด
เขาจึงถอดชุดเกราะออก แกรง! แกรง! แกรง! มันรวงลงกระแทกกับตะแกรง
เหล็กดานลาง
ทวากอนที่เขาจะไดทำอะไร ตวนมูหวงฮุนก็ดูเหมือนจะคนพบโอกาสที่จะโจมตี
และใชแขนขาทั้งหมดของเขายึดเกาะหลังของอายฮุยราวกับปลาหมึกยักษ
หลังจากถอดเกราะที่เกะกะออกแลว อายฮุยก็รูสึกวาการเคลื่อนไหวของตนเปน
อิสระขึ้นอีกครั้ง ทวาในเวลาเดียวกันตัวเขาก็เบามากขึ้นทำใหตอนนี้ลมทองคำมี
ผลกระทบกับเขามากขึ้นเชนกัน แตเมื่อเขารูมันก็สายเกินไปเสียแลว
ปง! ปง! ปง!
ทั้งสองรางกระเด็นและปลิวไปรอบเจดีอยางไรการควบคุมประหนึ่งลูกบอลยาง
ในเวลานี้อายฮุยไมสามารถทำอะไรนอกจากปกปองศีรษะตนเอง แตในฐานะคน
ที่มีประสบการณเขาจึงสามารถตอบสนองไดทันเวลา เขารูวาตนจะสูญเสียพลังงาน
อยางเปลาประโยชนหากดิ้นรนอยางไรความคิด สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำตอนนี้คือตอง
ปกปองตัวเอง ประหยัดพลังงาน และรอโอกาส
อายฮุยที่สงบลงแลวรูวาตนกำลังทำอะไรอยู
เขาคุนเคยกับชั้นแรกของเจดียเสวียนจินดี หากลมพัดเขาไปใกลๆ ทางเขาเขาก็
จะสามารถหลบหนีไดสำเร็จ
เขาไมสนใจเรื่องตวนมูหวงฮุน และฟนตัวจากความโกรธของเขาราวกับวาไมมี
อะไรเกิดขึ้น ในสถานการณที่เปนอันตรายเชนนี้ การกระทำตามอารมณจะไมเปน
ประโยชนไมวาในทางใด สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำไดคือสงบจิตใจและนำพาตัวเองให
พนจากสถานการณนี้
ความเจ็บปวดจากการถูกลมทองคำทิ่มแทงเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น กอนหนา
นี้เขารูสึกวาตนอยูในขีดจำกัดแลว ทวาลมทองคำก็ทะลุเขาไปในรางกายของเขาอยาง
สม่ำเสมอ ความรูสึกเหมือนตัวเองกำลังจะระเบิดพวยพุงขึ้นมาอยางรวดเร็ว
อยางไรก็ตามมันไมไดสงผลกระทบตอความสงบของอายฮุย เขายังคงสงบเยือกเย็น
แตหลังจากการกระแทกครั้งแลวครั้งเลาในที่สุดเขาก็สูญเสียความสงบนั้นไป
คราวนี้การกระแทกเกิดขึ้นที่บริเวณหลังของเขา ชวงเวลาที่ตวนมูหวงฮุนที่กำลัง
หมดสติกระแทกเขากับกำแพงพวกเขาก็กระเดงกระดอนกับราวกับสปริง
อายฮุยทำไดเพียงแคมองอยางชวยไมได เขากระเดงขึ้นจากพื้นราวกับลูกบอลยาง
รวมกับแรงผลักจากลมทองคำ พวกเขาก็ปลิวไปที่ชั้นสอง
ตั้งสติ ตั้งสติ ตั้งสติ...
อายฮุยกลาวย้ำกับตัว เอง แตทวาเขาไมอาจทนไดอ ีกตอ ไปและเหวี ่ย งหั ว ไป
ดานหลัง
โปก!
หลังศีรษะของอายฮุยกระแทกเขาใสจมูกตวนมูหวงฮุนอยางแรงราวกับคอนเหล็ก
รางอันไรสติของตวนมูหวงฮุนกระตุกแตยังคงยึดติดกับอายฮุย ไมแสดงใหเห็น
แมแตนอยวาจะยอมปลอยมือ อยางไรก็ตามความโกรธของอายฮุยไดคลายลงแลว
เขารูวามันจะเปนไปไมไดที่ตวนมูหวงฮุนจะปลอยตัวเขา เขาเคยเห็นสิ่งนี้มากอนใน
แดนราง มันเปนสัญชาตญาณการอยูรอดของมนุษย คนที่กำลังจมน้ำจะติดอยูกับสิ่งที่
ควาไดและไมปลอยมือจากสิ่งนั้น นี่รวมถึงคนที่หมดสติไปแลวดวย
และในตอนนี้ตวนมูหวงฮุนก็อยูในสภาพนั้นนั่นเอง
อา ยฮุยไมสนเรื่องของตวนมูหวงฮุ นอีก ต อไปในเมื่ อเขากำลั งพบกั บปญหาที่
ยุงยากกวา
เขารูสึกวาความเร็วเขาเพิ่มขึ้น นี่เปนสถานการณที่แยมากเพราะที่หมายความวา
ลมกำลังพัดแรงขึ้น หลังจากฝกภายในเจดียเสวียนจินมานานแลวเขาก็คุนเคยกับ
สถานที่นี้มาก เจดียเสวียนจินมีทั้งหมดเจ็ดชั้น ชั้นบนสุดของเจดียจะแคบแตดานลาง
กวาง ชองระบายอากาศที่ชั้นแรกอยูใกลที่สุด แตลมที่พัดออกมาก็ออนแรงที่ สุด
เชนกัน ยิ่งขึ้นไปชั้นที่สูงขึ้นลมก็จะแรงขึ้นตามลำดับ
รางของพวกเขาหมุนควางในสายลม
ความกังวลของอายฮุยยิ่งเพิ่มมากขึ้น แตตอนนี้เขากำลังลอยอยูกลางอากาศและ
ไมมีสิ่งใหยึดเกาะ
กระสมลมหมุนวนกำลังพัดขึ้น!
เสียงลมที่ดังกองในหูของเขาเริ่มเปลี่ยนเปนแปลกประหลาดและนากลัว เสียงที่
แหลมคมบาดแกวหูทำใหอายฮุยไมไดยินสิ่งอื่นใด ลมแรงมากจนตอนนี้ทำใหเขา
หายใจลำบาก
ความเจ็บปวดจากลมทองคำเปรียบประหนึ่งการถูกฟนดวยดาบ อายฮุยรูสึกวา
ผิวของเขาถูกฉีกเปนชิ้นๆ ดวยพายุที่รุนแรง
แสงจางๆ สาดฉายออกมาจากขางหลังเขา
มันคือเสื้อผาที่ตวนมูหวงฮุนสวมอยู กำลังเปลงประกายจางๆ ตานกับลมทองคำ
ทั้งคูหมุนวนขึ้นไปอยางไรการควบคุมภายในกระแสลมทองคำที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เสื้อผาของอายฮุยถูกสายลมกรีดเปนชิ้นๆ ทิ้งแผลจำนวนนับไมถวนบนผิวของเขา
อายฮุยเต็มไปดวยความกังวล เมื่อสังเกตสภาพแวดลอมรอบกายก็รูวาพวกเขาก็
มาถึงชั้นที่หาแลว
โปง!
หลังจากเกิดการระเบิดที่ฟงดูเหมือนลูกโปงแตก แสงเรืองรอบตัวตวนมูหวงฮุนก็
หายไป เศษผาฉีกขาดกระจายไปทุกทิศทุกทาง แมแตเสื้อผาพิเศษของตวนมูหวงฮุนก็
ไมสามารถตานทานลมทองคำได
แฉะ! เลือดกระเด็นใสหนาอายฮุย กลิ่นเลือดจาง ๆ ดูเหมือนจะทำใหความกังวล
ใจของอายฮุยลดลง
เลือดนั้นเปนของตวนมูหวงฮุน
แมวา [หนังทองแดง] ของอายฮุยจะพัฒนาขึ้นเกือบเต็มที่แลว แตเขาก็ยังรูสึก
เจ็บแสบจากลมทองคำ นี่แสดงใหเห็นวาลมทองคำทรงพลังมากเพียงใด ครั้งกอนอาย
ฮุยไดรักษาไขของตวนมูหวงฮุน เพราะฉะนั้นเขารูทุกอยางเกี่ยวกับรางกายของหมอนี่
รางกายของตวนมูหวงฮุนนั้นเห็นไดชัดวาไมอาจตานทานลมทองคำได
สิ่งที่อายฮุยคาดคิดไวกลายเปนจริง ริ้วรอยสีแดงจำนวนมากปรากฏบนรางกาย
ของตวนมูหวงฮุน ยอมเสื้อผาที่ขาดวิ่นของเขาดวยเลือดสดๆ
คราบเลือดคอยๆ กระจายไปบนสื้อผาที่ขาดวิ่นทีละนิดๆ
ชางเปนคนที่โชคดีเสียจริง อายฮุยหัวเราะอยางขมขื่น เจาหมอนี่หมดสติอยาง
สิ้นเชิงและยังไมทราบถึงสถานการณคับขันที่เขาเผชิญอยูในขณะนี้
กลิ่นเลือดจางๆ ปลุกความกลาที่หลับใหลอยูนานของอายฮุยขึ้นมา
ความดุรายแวบขึ้นบนใบหนาของเขา เขาเริ่มดูดซับพลังธาตุทองที่กำลังทิ่มแทง
รางกายของเขาโดยตรงอยางไมลังเล
พลังงานธาตุทองนี้ไมไดถูกทำใหกระจายตัวและไมเหมาะสำหรับการดูดซับ แต
ในชวงเวลานี้อายฮุยไมสนอีกตอไปแลว
เขาหาทางเอาตัวรอดกอน ไมอยางนั้นเขาตองตายที่นี่วันนี้
ยิ่งขึ้นไปสูงเทาไร พลังงานธาตุทองก็ยิ่งบริสุทธิ์และแข็งแกรงขึ้นเทานั้น อายฮุย
เปดคลังชีว ิตอยางแข็งขืน พลังงานธาตุ ทองที ่ ให ความรู สึกเหมื อนเข็มเหล็กกลา
กระจายไปทั่วกายของเขา ความรูสึกที่ถูกเข็มทิ่มแทงทำใหใบหนาของอายฮุยซีดขาว
แตเขาก็ไมยอมหยุด ทวาหากสถานการณยังเปนไปเชนนี้ ไรซึ่งพลังกายและพลังธาตุ
เขาก็ไมตางจากเดินหนาเขาสูความตาย
ชีวิตนั้นสำคัญกวา ไมมีชีวิตก็ไมมีอยางอื่นใหตองพูดถึง หากคลังชีวิตเสียหายก็ยัง
พอจะหาวิธีรักษาได
พลังงานธาตุทองทะลักเขาสูคลังชีวิตของอายฮุยเฉกเชนฝูงฉลามเหี้ยมโหด
บทที่ 73 แสวงหาทางรอด
ทุกวันนี้ “หาคลังแปดตำหนัก” เปนระบบการฝกตนที่กาวหนาและเปนที ่นิยม
ที่สุด แมวาแตละคนจะมีแนวทางการฝกฝนที่ตางกัน แตก็ไมมีใครอยูนอกแนวทางหา
คลังแปดตำหนัก
หาคลังแปดตำหนักมีหลากหลายการใชงาน แตจุดที่สำคัญที่สุดก็คือคลังชีวิต
ไมวาใครก็สามารถรับรูถึงความสำคัญไดจากคำวา “ชีวิต” ธาตุไฟโยงกับใจ ธาตุ
ไมโยงกับตับ ธาตุดินโยงกับมาม ธาตุทองโยงกับปอดและธาตุน้ำโยงกับไต ทั้งหมด
รวมกันเปนแหลงกำเนิดของพลังงานธาตุ คลังชีวิตสามารถจัดเก็บพลังงานธาตุไดเปน
จำนวนมาก แตการใชประโยชนที่สำคัญที่สุดคือการดูดซับพลังงานจากธาตุและนำสง
ไปสูจุดอื่น
ในการตอสู คลังชีวิตรับหนาที่จัดสงพลังงานธาตุ
ในการฝกฝน พลังธาตุจำเปนตองสรางวงโคจรไหลเวียน วัตถุประสงคของวงโคจร
ไหลเวียนนี้ก็เพื่อสกัดพลังธาตุใหบริสุทธิ์ การทำพลังธาตุใหบริสุทธิ์ก็คือการขจัดสิ่ง
ปลอมปนเพื่อที่จะสามารถดูดซับพลังธาตุที่บริสุทธิ์ได ในขณะเดียวกันพลังธาตุที่สกัด
แลวก็ทำใหสามารถสะสมพลังธาตุไดมากขึ้น
ไมวาคนผูนั้นจะแข็งแรงหรือออนแอ คลังชีวิตจะทำหนาที่จัดสงและรองรับพลังธาตุ
ทั้งหมด แตถึงอยางนั้น แคพลังธาตุเพียงเล็กนอยก็สามารถทำใหคลังชีวิตบาดเจ็บได
ผูใชพลังธาตุระดับสูงลวนแลวแตมีพลังงานธาตุที่อัดแนนอยูในรางกายของพวก
เขา ทำใหพวกเขาแข็งแกรงมาก คนที่เชี่ยวชาญในการฝกรางกายนั้นจะมีรางกายที่
ทนทานเทียบเทากับอสูรแดนรางเลยทีเดียว
ในตอนที่ระดับพลังยังต่ำ รางกายของพวกเขาจะออนแอ ดังนั้นในชวงเริ่มตนของ
การฝกตน ผูคนสวนใหญจะเลือกสถานที่ฝกที่มีพลังธาตุที่ออนโยน ซึ่งพลังธาตุที่
บริสุทธิ์และอัดแนนนั้นจะไมทำรายรางกายของพวกเขา
ไมมีใครลอเลนกับคลังชีวิต เพราะหากคลังชีวิตไดรับบาดเจ็บแลวจะเปนปญหา
อยางมาก
เมื่อพลังธาตุอันแหลมคมทะลักเขาไปในคลังชีวิตของอายฮุย คลังชีวิตของเขาก็
ไดรับบาดเจ็บในทันที
นอกจากความเจ็บปวดที่ไมอาจบรรยายไดแลวนั้น รอยแผลจำนวนนับไมถวนก็
ปรากฏขึ้นในปอดของเขา
ทวาเขายังไมยอมหยุด ถึงแมวากระบวนการนี้จะเจ็บปวดและทรมาน แตเขาก็
สามารถฟนฟูเรี่ยวแรงดวยการสงพลังธาตุเขาไปในปอดได แตมันก็ยังไมเพียงพอ เขา
ยังจำเปนตองควบคุมพลังธาตุใหครบวงโคจร
แมวาจะมีพลังธาตุไรสิ้นสุดทะลักเขาสูปอด อายฮุยก็คนพบไดอยางรวดเร็ววาเขา
ไมอาจโคจรพลังธาตุจำนวนมากได
ระดับพลังของเขาต่ำเกินไปและความจุของคลังชีวิตก็ไมสูงพอ ความสามารถใน
การโคจรพลังของเขามีจำกัด นอกจากนี้ธาตุที่เออลนรางกายของเขาในตอนนี้นั้นไม
บริสุทธิ์และยังมีปริมาณมหาศาลอีกดวย
จำนวนบาดแผลในปอดของเขาเพิ่มขึ้นตามพลังธาตุที่ทะลักเขามาในคลังชีวิต
มันเปนสถานการณที่ลอแหลมมาก!
หากเขาไมสามารถหาวิธีแกไขปญหานี้ได คลังชีวิตของเขาคงถูกฉีกเปนชิ้นๆ ดวย
พลังธาตุอันแหลมคม บาดแผลในปอดของเขากำลังขยายใหญขึ้นและเลือดที่ไหล
ออกมาก็มากขึ้น
เลือดเปนฟองฟอดในปอด ไหลขึ้นมาสูปากของอายฮุยตามลมหายใจ กลิ่นเลือด
อันคุนเคยทำใหอายฮุยนึกยอนถึงชวงเวลาในแดนราง สถานที่ที่อันตรายรายลอมอยู
รอบดานและมีความตายตามติดอยูตลอดเวลา
เขาเผชิญความตายมากี่ครั้งแลว รอดหรือตาย ลวนขึ้นอยูกับวาเขาจะทำอะไร
ตอไป เขาขนลุกชูชัน ตัวสั่นไปจนถึงกระดูกสันหลัง
เขาจำอะไรไมไดแตก็รูสึกคุนเคยอยางประหลาด เหมือนกับทหารผานศึกที่กลับ
เขาสูสนามรบอีกครั้ง เปลวไฟลุกโชนในดวงตาที่เคยเยือกเย็น
สติของเขามั่นคงอยางผิดปกติ สมองเริ่มทำงานอยางรวดเร็ว สภาพแวดลอมรอบ
ขางกลายเปนเชื่องชาและเงียบสงัด
พลังธาตุที่กำลังแลนพลานในรางกายเหมือนกับฝูงฉลามทำลายพลังชีวิต
มั น แหลมคมกว า บริ ส ุ ท ธิ ์ ก ว า และเข ม ข น กว า พลั ง ธาตุ ท องที ่ ช ั ้น แรก มั น
เหมือนกับ...เข็มพลังธาตุ
เข็มพลังธาตุ...
อายฮุยเหมือนจะจับบางอยางได
มันเหมือนกับเข็มพลังธาตุอยางมาก อันที่จริงเมื่อวัดจากความแหลมคมและ
คุณลักษณะแลว คุณสมบัติของมันนั้นเปนเชนเดียวกับเข็มพลังธาตุ ความแตกตาง
เดียวก็คืออายฮุยไมไดกลั่นพวกมันขึ้นมาดวยตัวเอง
เขาคิดวา การที่เขาจะสรางเข็มพลังธาตุขึ้นมาไดนั้นยากเย็นเพียงใด และการ
ครองรูปมันไวแสนเข็ญขนาดไหน แมจะทุมเทเวลาและความพยายามมากมาย แตเขา
กลับทอผาไดปริมาณเพียงเล็กนอย ทามกลางเข็มพลังธาตุจำนวนมากมายเชนนี้ทำให
เขารูสึกอับอายในความไรความสามารถของตัวเอง
เดี๋ยวนะ ที่นี่มีเข็มพลังธาตุมากมาย...
ราวกับมีหลอดไฟสวางขึ้นในหัว อายฮุยพลันนึกถึงการทอผาคูขึ้นมา
ในการฝกการทอผาคู อายฮุยไมเคยเขาใจวิธีที่เข็มพลังธาตุทำปฏิกริยาตอกัน
รายละเอียดทั้งหมดที่ปรากฏขึ้นในหัวของอายฮุยเกี่ยวกับการสาธิตของศิษยพี่หมิงซิ่ว
ทำใหเขามั่นใจวามีเสนดายลองหนเพียงเสนเดียวตอนที่ศิษยพี่หมิงซิ่วบังคับเข็มพลัง
ธาตุสองเลม
นางตองใชปฏิกิริยาระหวางเข็มสองเลมเพื่อควบคุมเข็มอีกเลมหนึ่ง
ใชแลว มันตองเปนแบบนั้น
ในที่สุดเขาก็รูวาเกิดอะไรขึ้น
มันจะเปนไปไดหรือไมที่เขาจะควบคุมเข็มพลังธาตุจำนวนหนึ่งและใชปฏิกริยา
ระหวางพวกมันเพื่อโคจรพลังธาตุพวกนี้
การทอผาคูอยางงายของอายฮุยขามขั้นตอนนี้ไปโดยการใชกลามเนื้อควบคุมการ
ประสานงานระหวางเข็มคูแทน เขาไมมีพลังธาตุมากพอที่จะควบคุมเข็มรวมกันได มัน
มีความซับซอนอยางมาก
อยางไรก็ตามในตอนนี้รางกายของเขาเต็มไปดวยพลังธาตุจำนวนมหาศาล ดังนั้น
เขาจึงไมจำเปนตองกังวลเกี่ยวกับการหมดพลังอีกตอไป ความโชคดีอีกอยางหนึ่งก็คือ
สิ่งที่ใชในการควบคุมเข็มพลังธาตุก็คือคลังชีวิต
แมวาการบังคับพลังธาตุจากภายนอกรางกายนั้นจะยาก แตระดับความยากใน
การควบคุมพลังธาตุภายในคลังชีวิตนั้นงายกวามาก เขาเปนนายของคลังชีวิต
ในตอนนี้ภาวะจิตใจของอายฮุยในกระจางใสอยางที่สุด เขาไมรูวาแผนนี้จะไดผล
หรือไม แตเขาไมมีทางเลือกอื่นอีกแลว หากเปนคนอื่นคงตองเจอกับความยากลำบาก
ในการตอสูเพื่อเอาชีวิตรอด แตสำหรับอายฮุยแลวมันเปนประสบการณที่เขาคุนเคย
เขามองหากลุมของเข็มพลังธาตุที่หนาแนนและเริ่มทำการทดลองทันที
มันเริ่มตนอยา งราบลื่นเมื่อเข็มพลั งธาตุ ลอยขึ ้นกลางอากาศ ทวาเขาไมอ าจ
ควบคุมมันใหทำปฏิกริยากับเข็มอื่นๆ ได
สิ่งที่ทำใหเขาประหลาดใจก็คือเขารับรูไดถึงการมีอยูของปฏิกิริยาระหวางเข็มพลังธาตุ
แตปฏิกิริยานี้กลับออนมาก เบาบางจนกระทั่งไมอาจทำใหเข็มอีกเลมกระดิกได
เขาไมไดรูสึกทอแทแตยางใด สำหรับเขาแลววิธีนี้นับวาเปนกลวิธีชั้นสูงและถึงแมวา
เขาจะเขาใจหลักการของทักษะนี้ แตมันก็ยังคงเปนเรื่องยากที่จะลงมือทำจริงๆ
กลายเปนวาปฏิกริยาที่เกิดขึ้นระหวางเข็มพลังธาตุไมไดขึ้นอยูกับระดับพลังที่สง
เขาไปหากแตเปนไปเพราะกลวิธีเฉพาะบางอยาง
เปนไปไดไหมวาเขาเผลอมองขามอะไรไป
เขานึกถึงการสาธิตของศิษยพี่หมิงซิ่วอยางละเอียดอีกครั้งกอนจะนึกถึงบางอยาง
ที่เขาละเลยไปกอนหนานี้
ในตอนนั้นศิษยพี่หมิงซิ่วไดยืดตัวขึ้น นางไดสรางภาพอันแสนจะนาดึงดูด หมอก
บางเบาลองลอยอยูรอบกายของนางเปลี่ย นรูปรา งไปมาอยา งตอ เนื่อ ง ในขณะที่
ประกายแสงจำนวนมากเกิดขึ้นบนคลื่นน้ำที่นางสรางขึ้นนั้น ประกายแสงพวกนั้น
เดี๋ยวสวางเดี๋ยวดับไป ดูละมายคลายทะเลสาบประดับประดาไปดวยดวงดาวประกาย
แสง
นี่เปนสองสิ่งที่เขาเพิ่งเขาใจ
แมแตตอนนี้เขาก็ยังไมเขาใจวามันคืออะไร แตเขาก็ตัดสินใจที่จะลองอีกสักครั้ง
เขาตัดสินใจที่จ ะเริ่ม เลีย นแบบการเคลื ่ อ นไหวของศิ ษ ย พ ี ่ ห มิ ง ซิ ่ ว ภาพนั้ น
ประกอบไปดวยพละกำลังและความงามที่ผสมผสานกันอยางกลมกลืน สรางความ
ประทับใจอยางล้ำลึกใหกับอายฮุย
ศิษยพี่หมิงซิ่วไมไดมีกลามเนื้อชัดเจน แตอายฮุยกลับสามารถมองเห็นความ
แข็งแกรงและพลังในการเคลื่อนไหว
อายฮุยไมสนวารางของเขากำลังลองลอยอยูในอากาศ
เขาเหยียดแขนไปขางหนาอยางสบาย นิ้วทั้งหมดคลี่กางออกอยางเต็มที่ กลามเนื้อทั่ว
รางกายเริ่มตึง ขาเริ่มโคงงอ ยกจุดศูนยถวงของรางกายใหอยูในจุดที่พอดี
อายฮุยสามารถควบคุมกลามเนื้อเขาไดอยางดี ยิ่งไปกวานั้นเขามีความทรงจำที่
แมนยำเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของศิษยพี่หมิงซิ่ว ดังนั้นทวงทาของเขาจึงเหมือนกับ
ของนางอยางสมบูรณ
เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว
ทันทีที่เขาอยูในทวงทานั้น เขาก็รับรูไดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในรางกาย
บทที่ 74 เหตุไมคาดฝน
พลังธาตุในกายของเขาพลันกลายเปนแข็งแกรง
ไมสิ มันทวมทน อายฮุยไมเคยทำใหเข็มพลังธาตุมากมายลอยขึ้นพรอมกันเชนนี้
มากอน
กอนหนานี้เข็มพลังธาตุไมตางอะไรไปจากตะปูเหล็กกลุมหนึ่ง แตในตอนนี้พวก
มันเปนเหมือนแมเหล็ก บางชิ้นดึงดูดชิ้นอื่นๆ ในขณะที่บางชิ้นผลักชิ้นอื่นๆ กอใหเกิด
ความปนปวนขนาดใหญ เหตุเพราะวามีเข็มพลังธาตุมากเกินไปในรางกายของเขา
เข็มจำนวนนับไมถวนเออลนเขาสูคลังชีวิต สรางแรงทำลายราวกับพายุทำลายลาง
หลังจากถูกจูโจมดวยพายุนั้นแลว บาดแผลในคลังชีวิตก็ถูกเปดขึ้นอีกครั้ง
อายฮุยกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
แทนที่จะรูสึกตกใจ แตอายฮุยกลับรูสึกยินดี ตราบใดที่ทฤษฎีของเขาใชงานได
เขาก็รับไดทุกอยาง เขากังวลมากวาเข็มพลังธาตุจะนอนแนนิ่งอยูภายในคลังชีวิต
ดังนั้นตราบใดที่มันเกิดการเปลี่ยนแปลง อาจมีโอกาสที่เขาจะมีชีวิตรอด ตอนนี้เขาอยู
ในสถานการณที่เลวรายที่สุดแลวดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามลวนเปนสิ่ งที ่ดี
อยางนอยเขาก็มีโอกาสที่จะสรางความแตกตาง
อายฮุยดูเหมือนไมสนใจอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ บางทีแมแตศิษยพี่หมิงซิ่วก็อาจจะ
ไมสามารถอธิบายไดวาเกิดอะไรขึ้นกับเขาในตอนนี้
ไมเคยมีใครทำแบบนี้มากอน แมแตคนที่กลาหาญที่สุดก็ไมกลาทำเรื่องโงๆ กับ
คลังชีวิตอยางเขา
กระนั้นก็ดีอายฮุยไมมีทางเลือกอื่น พลังธาตุปริมาณมหาศาลไหลทะลักเขาคลัง
ชีวิต มากเกินขีดจำกัดของรางกายที่จะรับได ไปมาก นี่เปนสถานการณ ที ่สิ ้ นหวั ง
สำหรับเขาแตแรก
เขายอมไมลังเลที่จะลองวิธีใดก็ไดที่เขาสามารถคิดได
พายุในคลังชีวิตไมเพียงแคเริ่มตนขึ้นอยางรวดเร็ว มันยังจบลงอยางรวดเร็วอีกดวย
เข็มพลังธาตุที่พุงพลานเริ่มเรียงตัวกันอยางเปนระเบียบ หากกอนหนานี้เข็ม
เหลานี้เปรียบเสมือนฉลามที่เต็มไปดวยพลังทำลายลาง ในตอนนี้มันเปรียบเหมือน
จอมปลวกแมเหล็กที่เกิดจากการกองสุมกันของแมเหล็ก
ใชแลว ในตอนนี้พวกมันเงียบงันและสงบนิ่ง
หลังจากที่เข็มพลังธาตุดึงดูดซึ่งกันและกัน ความแหลมคมก็ลดลงอยางเห็นไดชัด
และตัวเข็มพลังธาตุก็สงบลงอยางมากเชนกัน แตสิ่งที่ทำใหอายฮุยประหลาดใจก็คือ
บาดแผลในคลังชีวิตของเขาเริ่มสมานตัว กอนพลังธาตุทองที่เปนเหมือนแมเหล็กมี
ระดับพลังสูงกวาระดับของอายฮุยดังนั้นเขาจึงไมอาจดูดซับมันได
อยา งไรก็ตาม คลังชีว ิตของอ ายฮุย อ อนไหวต อพลั งธาตุ ทองนี้ และยั งไดรับ
ประโยชนมากมายมหาศาลจากพลังธาตุที่บริสุทธิ์และมีระดับสูง บาดแผลของเขาจึง
สมานตัวอยางรวดเร็ว
อายฮุยถอนหายใจออกมาอยางโลงอกในที่สุด
เขาไมคาดหวังวาเหตุการณนี้จะคลี่คลายในลักษณะนี้
ตอนแรกเขาตั้งใจวาจะใชปฏิกิริยาระหวางเข็มพลังธาตุเพื่อบังคับเข็มใหครบวง
โคจร ซึ่งจะชวยใหเขามีพลังขึ้นมาในชวงสั้นๆ และใชมันหลบหนีได
ความหวังนี้ไดแตกลงเปนเสี่ยงๆ
ถึงแมวาเขาจะพบวิธีเพิ่มปฏิกิริยา แตก็ไมคาดคิดวาเข็มพลังธาตุจะดูดติดกันราว
กับแมเหล็ก
ตอนนี้เขารูแลววาปญหาคืออะไร นั่นก็เพราะวามีเข็มพลังธาตุมากเกินไป
ศิษยพี่หมิงซิ่วสามารถใชเข็มพลังธาตุเลมหนึ่งบังคับเข็มอีกเลมหนึ่งได ทวาหาก
วามีมากเกินไป ศิษยพี่หมิงซิ่วก็คงจะทำอะไรไมไดเชนกัน ยิ่งไปกวานั้นการบังคับ
ปฏิกิริยาระหวางเข็มของศิษยพี่หมิงซิ่วก็ไมเงอะงะเหมือนกับของเขา
อายฮุยเดาวานั้นเปนเพราะคลังชีวิต
ศิษยพี่หมิงซิ่วบังคับเข็มพลังธาตุทั้งสองภายนอกรางกาย ทำใหปฏิกิริยาระหวา
เข็มลดลง แนนอนวาสิ่งที่เขาทำมันผิด และสิ่งที่ศิษยพี่หมิงซิ่วทำเปนสิ่งที่ถูกตอง
ตามปกติ ใครจะทำเรื่องบาๆ เชนเขากัน
คลังชีวิตมีพลังในการควบคุมพลังธาตุสูงที่สุดในรางกายของผูฝก นั่นอาจเปน
เหตุผลที่ปฏิกิริยาระหวางเข็มพลังธาตุรุนแรงขึ้นภายในคลังชีวิต
หลังจากคาดเดาถึงสาเหตุคราวๆ ไดแลว อายฮุยก็ไมยินดีแมแตนอย
พลังธาตุจากลมทองคำทะลักเขาไปในรางกายของเขาอยางไมรูจบ ในตอนนี้
“มวลเข็มพลังธาตุ” ในคลังชีวิตนั้นเหมือนกับแมเหล็กขนาดใหญที่สรางแรงดูดอันทรง
พลัง อายฮุยไมจำเปนตองชักนำพลังในรางกายของเขา เพราะมันถูกถึงดวยมวลเข็ม
พลังธาตุ
เมื่อเข็มเลมแลวเลมเลาถูกดึงเขามา มวลเข็มพลังธาตุที่เคยกระจัดกระจายกอน
หนานี้เริ่มถลมลงสูจุดศูนยกลางและหนาแนนมากขึ้น เปลี่ยนจากกอนหิมะที่เล็กและ
เปราะบางกลายเปนกอนน้ำแข็งขนาดใหญ
มีเข็มพลังธาตุจำนวนมากเกินไปที่เพิ่มเขามาในมวลนั้น
อายฮุยตัวสั่นดวยความกลัวเมื่อเขาเห็นมวลเข็มพลังธาตุคอยๆ ขยายตัวขึ้นเรือ่ ยๆ
ไมวาเขาจะพยายามควบคุมคลังชีวิตมากเพียงใด เขาก็ไมอาจดูดซับพลังจากมวลเข็ม
ไดเลยแมแตนอย
เห็นไดชัดวาคลังชีวิตของอายฮุยไมมีความสามารถที่จะดูดซับพลังธาตุระดับสูงเชนนี้
เมื่ออายฮุยเห็นคลังชีวิตของเขาถูกเติมเต็มขึ้นทีละนอยๆ เขาเริ่มรูสึกไมแนใจ เขา
อาจจะระเบิดตายเนื่องจากคลังชีวิตถูกอัดแนนจนเกินไปก็ได
สิ่งเดีย วที่ชว ยใหเขาสบายใจก็ คื อมวลเข็ มพลั งธาตุ น ั ้น ไม เป น อั น ตรายอะไร
ในตอนนี้
เมื่ออายฮุยเห็นวาคลังชีวิตของเขาถูกเติมจนเต็ม หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ กอนหนานี้
เขายังสามารถบังคับเข็มไดเลมหรือสองเลม แตมวลเข็มพลังธาตุนี้มีเกินกวาที่กำลัง
ของเขาจะควบคุมได ไมวาเขาจะพยายามขยับมันมากเทาไร มันก็ไมเขยื้อนเลยสักนิด
ปง! เขากระแทกกับผนังอยางแรง เดี๋ยว..เขาถูกพัดขึ้นอยูนี่ ทำไมเขากระแทกกับ
กำแพงได
ความปติยินดีพลันปรากฏขึ้นบนใบหนาของเขา
ชั้นบนสุดของเจดีย! พวกเขาถูกพัดขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของเจดีย!
แนนอนวาลมทองคำกดพวกเขาไวกับเพดานของเจดีย ทำใหทั้งคูรูสึกเหมือนถูก
ฟาดฟนดวยดาบจำนวนมาก
แตนี่ก็นับวาเปนโอกาสของอายฮุยที่จะหลบหนีจากสถานการณที่ดูเหมือนจะ
เปนไปไมไดนี้ ลมทองคำนั้นรุนแรงจนอายฮุยไมอาจจะลืมตาขึ้นได แตเขายังคงสัมผัส
ไดถึงทิศทางของสายลม มันมีชองระบายอากาศทั้ งหมดหาชอง และเขาสามารถ
หลบหนีออกไปผานชองใดก็ได
ณ จุดนี้ เขาฟนฟูพลังกายมาบางแลว
เขาติดตามทิศทางของสายลมไป และคืบคลานไปตามเพดานของเจดีย สายลมนี้
ชา งทรงพลังยิ่งนัก มันทำใหเขารู  สึ ก เหมื อ นมี มื อขนาดยัก ษ ก ดลงมาบนรางกาย
ตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน ตวนมูหวงฮุนยังคงหมดสติและปกคลุมไปดวยเลือดอยูดานหลัง
ของเขา หมอนี่มีพลังธาตุประจำตัวเปนธาตุไม และในเมื่อธาตุทองทำลายธาตุไม
ดังนั้นการถูกทำรายโดยลมทองคำเปนเวลานานเชนนี้ยอมไมตางจากการถูกทัณฑ
ทรมาน ตอใหเขายังมีสติอยู เขาก็ยังคงตองบาดเจ็บสาหัสอยูดี
ณ ตอนนี้ อายฮุยเลิกบนเกี่ยวกับตวนมูหวงฮุนแลว หวังเพียงวาเขาจะรอดชีวิต
ออกไปได เขาพัฒนาความคิดเชนนี้ขึ้นหลังจากผานหายนะรวมกันมา เขาไมสนใจ
อะไรอีกแลวนอกจากเอาชีวิตรอด
อายฮุยพยายามสุดชีวิตที่จะคืบคลานไปยังชองลมทั้งที่ยังแบกตวนมูหวงฮุนที่นา
อนาถเอาไว
ผานไประยะหนึ่ง เขาก็มั่นใจวาเขาเดินทางมาถูกทิศทางแลว เขาไมจำเปนตอง
คลานดวยตัวเองเพราะกระแสลมอันรุนแรงพัดเขาไปยังชองลม
นั่นเปนเพราะกระแสลมจะพัดรุนแรงขึ้นเมื่อเขาใกลชองลม
อายฮุยขดตัวเปนวงกลมเพื่อปกปองศีรษะไม ใหก ระแทกกั บขอบของช อ งลม
ถึงแมวาเขาจะมีรางกายที่ใหญโตแข็งแรง แตการกระแทกเขากับขอบชองลมดวย
กระแสลมที่รุนแรงนั้นก็ยังถือวาเปนอันตรายอยางยิ่งอยูดี
“สหายปงหวาน ขาเกรงวาเจาตองปกปองตัวเองแลว” อายฮุยพึมพำกับตัวเอง
ในที่สุดพวกเขาก็เกือบจะออกไปไดแลว!
อายฮุยรูสึกยินดีเปนอยางมากราวกับไดเกิดใหม ถึงแมวาเขาจะไมอาจลืมตาขึ้นได แต
เขาก็สัมผัสไดถึงแสงที่คอยๆ สวางขึ้นได
นั่นหมายความวาเขากำลังเขาใกลชองลมมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนี้เขาสูญเสียการควบคุมทั้งหมดไป ราวกับกำลังถูกขับไลไสสงใหออกไป
ทางชองลมดวยกระแสลมอันรุนแรง
ปง!
เขารูสึกวาแขนของเขากระแทกเขากับบางอยางและแลวความมืดมิดก็เขาปกคลุม
ความคิดสุดทายที่ผุดขึ้นกอนที่เขาจะหมดสติก็คือ...
ขาคงไมโชครายขนาดนั้นกระมัง
บทที่ 75 สหายเกา
หมิงซิ่วหลงทาง
ไมนานหลังจากออกจากเมือง นางก็หลงอยูในปาเขตชานเมือง นางใชชีวิตที่เรียบ
งายอยูภายในโรงเย็บปกมาตั้งแตเด็ก นอกจากการดูแลธุรกิจของโรงเย็บปกแลว นาง
ยังไมเคยทำเรื่องอื่นใดเลย บรรดาอาจารยก็ชื่นชมในตัวนาง แมแตตอนที่ออกไปเก็บ
หนี้นางก็ไปกับผูคุมกันมืออาชีพ
ดังนั้นนางจึงไมมีประสบการณการเดินทางตามลำพังในเขตชานเมืองเลย
ถึงอยางนั้นนางก็ไมกังวลมากนัก เขตชานเมืองของสนามเหนี่ยวนำถูกกวาดลาง
มาหลายรอบ สัตวประหลาดที่อาจเปนอันตรายตอนักเรียนลวนถูกกำจัดโดยผู ใหญ
เปนประจำ
สนามเหนี่ยวนำเปนสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในอูสิงเทียน นี่เปนขอเท็จจริง
นอกเหนือจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นระหวางการประลองหรือแขงขันระหวาง
โรงฝกแลว แทบไมมีเหตุถึงตายอื่นใด สนามเหนี่ยวนำถึงขนาดสงเสริมใหเกิดการ
แขงขันระหวางพวกนักเรียน และทางโรงเรียนก็ไมคอยสนใจการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
ระหวางการประลองหรือแขงขัน สาเหตุอื่นของการบาดเจ็บก็มาจากการทำภารกิจ
ของโรงเรียน ถึงแมวาจะมีภารกิจที่อนั ตรายมากมาย แตสนามเหนี่ยวนำก็ยังสนับสนุน
ใหนักเรียนทำภารกิจอยูบอยๆ
นี่เปนธรรมเนียมของสนามเหนี่ยวนำ ดวยวาถูกสรางขึ้นมาจากขี้เถาและควันไฟ
อันตรายจึงไมเคยหางหายไปจากพื้นที่นี้
การคุกคามของแดนรางยังไมถูกสะสาง อูสิงเทียนจำเปนตองมีนักรบที่กลาหาญ
ไมใชเด็กนอยที่ถูกปกปองจนเกินควร และสนามเหนี่ยวนำไมเคยลืมหลักการนี้
ประเพณีมากมายของสนามเหนี่ยวนำนั้นเปนไปตามหลักการนี้
กลุมผูมีพรสวรรคก็เปนผลผลิตของหลักการนี้เชนกัน และธรรมเนียมในการนำ
อดีตกองทัพแนวหนากลับมายังสนามเหนี่ยวนำเพื่อเปนครูฝกไดสืบทอดมาในสนาม
เหนี่ยวนำตั้งแตยุคเริ่มตน
ถึงแมวาหลี่เหวยกับโจวเสี่ยวซีจะหยุดพักจากงานครูฝกของกลุมผูมีพรสวรรคใน
วันนี้ แตเมื่อพวกเขาไดยินเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น อุปนิสัยเดิมๆ ก็กลับมา ทำให
พวกเขาเปนคนกลุมแรกที่ตอบสนองตอสถานการณ
ครูฝกคนอื่นตอบสนองชากวามากเมื่อเทียบกับพวกเขาสองคนแลว
เมื่อมองเห็นยามสองคนสลบและรูวาผูตองสงสัยหลบหนีไปยังเขตชานเมืองพวก
เขาก็เริ่มการไลลา เมื่อมาถึงประตูเมืองพวกเขาก็แยกยายกัน หลี่เหวยกางปกเมฆาบน
หลังออก
ปกเมฆาปรากฏขึ้นเปนครั้งแรกหลักจากอูสิงเทียนกอตั้งขึ้น ปกนี้สรางขึ้นจากเมฆ
ที่กลั่นแลวซึ่งเก็บเกี่ยวมาจากหมูบานเมฆาหลากสีจากนั้นผูใชพลังธาตุน้ำก็สรางมัน
ขึ้นดวยวิธีการพิเศษ กอนการปรากฏขึ้นของปกเมฆา ทองฟาเปนเขตแดนของอสูร
แดนรางที่บินได มนุษยไมอาจปกปองตัวเองจากสัตวรายที่บินไดอยางงายดายนัก
จนกระทั่งมีการสรางปกเมฆาขึ้นมา ทำใหมนุษยสามารถตอสูตัวตอตัวกับอสูรแดนราง
บนทองฟาได
ปจจุบันนี้ปกเมฆาเปนอุปกรณการบินที่ใชกันอยางแพรหลาย หลังจากการพัฒนา
มาหลายพันป หมูบานเมฆาหลากสีสามารถสงออกเมฆหลากหลายชนิดสรางชื่อเสียง
ใหกับหมูบานเปนอยางมาก ทำใหพวกเขามีปกเมฆาหลากหลายชนิดใหเลือกสรร
เดิมทีมีเพียงผูใชธาตุน้ำเทานั้นที่สามารถใชปกเมฆาได แตหลังจากการทำงาน
หนักมาหลายชั่วอายุคน ผูใชธาตุน้ำไดพัฒนาปกเมฆาหลากหลายชนิดที่เหมาะสม
สำหรับการใชงานโดยผูใชธาตุชนิดตางๆ นอกเหนือจากธาตุน้ำ
เมื่อสยายออก ปกเมฆาของหลี่เหวยจะมีความกวางกวาเจ็ดเมตร ปกอันแข็งแกรง
มีสีเหมือนทองแดงและประดับไปดวยแสงเรืองรองของพลังธาตุทอง เปนที่รูจักในชื่อ
ปกษากระดูกทองแดง ซึ่งเหมาะสำหรับผูใชพลังธาตุทอง ปกษากระดูกทองแดงไม
สามารถบินไดเร็วนัก แตถึงอยางนั้น มันก็สามารถแบกน้ำหนักไดมากมาย หลี่เหวยมา
จากหนวยทหารราบ และรางกายของเขาก็พัฒนาหนังทองแดงกระดูกเหล็กสำเร็จ
แลวซึ่งทำใหปกเมฆาแบบปกติไมอาจแบกรับน้ำหนักของเขาได
ยิ่งไปกวานั้น ปกษากระดูกทองแดงมีพลังปองกันคอนขางสูง ทำใหมันคอนขาง
ทนทานและเสียหายไดยาก
เขากระพือปกเมฆาสรางกระแสลมกระโชกขนาดใหญกอนที่จะทะยานขึ้นไปบน
ทองฟา
เขาบินอยูดานบนกวาดสายตามองไปทั่วผืนปาดวยสายตาดุจนกอินทรี หากเขา
ยังอยูในแดนราง เขาคงไมทำเชนนี้ เขาถนัดการตอสูบนพื้นดินมากกวาการตอสูกลาง
อากาศ
แตเขาไมมีความกังวลเชนนั้นแลวในเมื่ออยูในสนามเหนี่ยวนำ
ผานไปสักพักเขาก็พบหญิงสาวนางหนึ่ง เขาจำไดวามียามคนหนึ่งบอกวามีหญิง
สาวไลตามผูตองสงสัยไป
เขารอนลงจากฟาลงสูพื้นใกลๆ กับหญิงสาวคนั้น และแนะนำตัวเอง “ขาชื่อหลี่
เหวยจากหนวยทหารราบ ขาเปนครูฝกจากกลุมผูมีพรสวรรคในเมืองซงเจียน ยินดีที่
ไดพบเจา”
“ขาคือลูหมิงซิ่วจากโรงเย็บปกอวี้” หมิงซิ่วตอบรับคำทักทายอยางสุภาพ
“ลูหมิงซิ่วจากโรงเย็บปกอวี้รึ” หลี่เหวยคิดอยางเงียบๆ พรอมกับมองใบหนาของ
นางอยางรอบคอบ นางดูคุนตาอยูบาง กอนที่จะถามขึ้นอยางรวดเร็ววา “พี่ชายของ
เจาคือทานลูเฉินใชหรือไม”
“พี่หลี่รูจักพี่ชายขาหรือ” หมิงซิ่วตกตะลึก
หลี่เหวยไมคิดวาเขาจะคาดเดาถูก เขายิ้มกวางตอบกลับวา “ทานลูเคยชวยชีวิต
ขาเอาไว ตอนนั้นขาไดรับบาดเจ็บ ขาอยูที่พักเขาประมาณเดือนหนึ่ง เขาเคยบอกวา
แมนางหมิงซิ่วฝกการเย็บปกอยู และเมื่อขาเห็นวาแมนางหมิงซิ่วกับพี่ลูดูคลายกันมาก
ขาจึงเอยถามไปเชนนั้น ขาไมคาดคิดวาจะเปนแมนางหมิงซิ่วจริงๆ แมนางหมิงซิ่ว
กำลังไลลาผูตองสงสัยอยูหรือ”
“เขาหนีไปได ปานี้กวางเกินไป หลังจากเลี้ยวไปมาขาก็หลงทาง ขาไมรูวาเขามุง
ไปทางไหน” หมิงซิ่วตอบดวยสีหนาเปนทุกข
“แมนางหมิงซิ่ว กลับไปที่เมืองกอนเถิด ขาจะจัดการเรื่องที่เหลือเอง” หลี่เหวยกลาว
“ไม เราไปดวยกันเถอะ” หมิงซิ่วสายหนาและกลาวตอไปวา “และพี่หลี่เรียกขา
วาหมิงซิ่วก็ได แมนางหมิงซิ่วฟงดูเปนทางการเกินไป”
เมื่อหลี่เหวยมองเห็นความเด็ดเดี่ยวในคำพูดของนาง เขาก็ไมโนมนาวนางอีก
ตอไป สนามเหนี่ยวนำเปนสถานที่ที่ถือวาปลอดภัยตลอดมา ยิ่งไปกวานั้นยามพวกนั้น
ก็แคหมดสติและไมมีใครไดรับบาดเจ็บ นี่อาจเปนแคการแกลงกัน สมัยที่เขายังเปน
นักเรียนก็เคยทำเรื่องผิดระเบียบแบบนี้เชนกัน
เขารูสึกวาพวกผูบริหารโรงเรียนออกจะทำเกินไปหนอย
อยางไรก็ตาม นั่นก็ไมถือวาเปน เรื่อ งผิ ด ในเมื่อชื่อเสีย งของสถาบัน ซงเจี ย น
เพิ่มพูนขึ้นมาอยางยากลำบาก ผูบ ริ ห ารโรงเรียนย อมไม ต องการให ชื่ อเสียงของ
โรงเรียนตองเสียหายไมวาดวยเหตุใดก็ตาม
อีกอยางเขาก็มาที่นี่เพื่อจัดการเรื่องนี้แลว
หลี่เหวยมั่นใจในความสามารถของตนเปนอยางมาก เมื่อมีเขาอยูดวยยอมเปนไป
ไมไดที่จะมีใครทำรายแมนางหมิงซิ่วได
ทวาเขากลับลังเลเมื่อแมนางหมิงซิ่วบอกใหเรียกนางดวยชื่อตรงๆ ดวยวาทานลู
เปนคนที่เขาใหความเคารพเปนอยางมาก
หมิงซิ่วสัมผัสไดถึงความลังเลของหลี่เหวย นางจึงกลาวกับเขาดวยน้ำเสียงสุภาพ
“เมื่อพี่หลี่เปนเพื่อนของพี่ชายขา ทานก็นับเปนเพื่อนของขาเชนกัน เวนแตวาพี่หลี่ไม
ตองการที่จะเปนเพื่อนกับหมิงซิ่ว”
หลี่เหวยไมใชคนที่พิรี้พิไร เมื่อไดยินคำพูดเหลานี้เขาก็ยิ้มแลวพูดวา “ถาอยางนั้น
ขาก็เคารพการตัดสินใจของแมนาง”
หมิงซิ่วเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมากอ นที ่จะเปลี่ยนเปนทุกข ใจอยา งรวดเร็ ว
“แลวเราจะทำอยางไรตอไป”
เมื่อ หลี่เหวยมองเห็นรอยยิ้มอั นสุ ภาพและงดงามของหมิ งซิ ่ ว เขาก็ ตะลึ งไป
ชั่วขณะ กอนที่จะคืนสติถอนสายตาออกมา และตอบกลับดวยความมั่นใจวา “หมิงซิ่ว
ตามขามา”
สำหรับหลี่เหวยแลวการแกะลอยตามหาคนภายในเขตชานเมืองนั้นไมใชเรื่อง
ยากเย็นอันใด
เขาพบรองรอยอยางรวดเร็วและเริ่มติดตามไปทันที
หมิงซิ่วประทับใจในทักษะและความสามารถของหลี่เหวย “พี่หลี่ชางมีฝมือสูงสง
นัก ทานสามารถหารองรอยไดแมกระทั่งภายในปาที่กวางใหญ”
หลี่เหวยตอบอยางเขินอาย “ฝมือของขาก็แคระดับกลางๆ เทานั้น มีคนมากมาย
ในหนวยรบที่มีฝมือสูงกวาขา”
เมื่อหมิงซิ่วมองเห็นชายที่กำยำแข็งแรงทำทาเอียงอาย นางก็หัวเราะออกมาเบาๆ
ดวยความรูสึกวามันชางนาขันเหลือเกิน
ตอนนี้หลี่เหวยถึงกับหนาแดง เมื่อเขารูตัววาตนมีสีหนาอยางไรก็อยากจะมุดตัว
แทรกแผนดิน หนี เพื่อ เปนการปกป ด ความกระดากอาย เขามองไปรอบๆ ด ว ย
ความรูสึกที่สงบและแสดงความประหลาดใจออกมาอยางฉับพลัน
หมิงซิ่วเปดตากวางถาม “พี่หลี่พบอะไรอยางนั้นหรือ”
“คนผูนั้นตรงไปยังเจดียเสวียนจิน” หลี่เหวยตอบ
เขาสามารถบอกเสนทางที่ถูก ตองไดในทั นที เพราะเขาคุ น เคยกับพื้น ที่ รอบๆ
เจดียเสวียนจินเปนอยางดี
“ถาอยางนั้นก็ไปกันเถอะ” หมิงซิ่วพูดอยางตื่นเตน ถึงแมวานางจะมีนสิ ัยสุภาพ
ตามธรรมชาติแตก็ยังเปนสาวนอย หลังจากใชชีวิตสวนใหญอยูภายในโรงเย็บปก นาง
แทบไมเคยพบเหตุการณแบบนี้มากอน เรื่องนี้จึงทำใหนางรูสึกแปลกใหมและตื่นเตน
หลี่เหวยถูกกระตุนดวยความตื่นเตนของหมิงซิ่ว ก็หัวเราะอยางจริงใจกอนจะพูดวา
“ไปจับผูรายที่กอปญหาผูนี้กันเถอะ”
บทที่ 76 การคนพบอันนาตระหนก
เมื่อทั้งสองคนเรงรุดมาถึงเจดียเสวียนจินแลวกลับไมพบใครแมแตคนเดียว แต
กลับพบสิ่งที่นาสนใจใตเจดียในทันที
กอนหินขนาดใหญถูกผูกไวดวยโซโลหะหนา และบางสวนของโซโลหะถูกกระชาก
ออก
หลี ่ เ หวยเคยฝ ก ภายในเจดี ย  เ สวี ย นจิ น มาก อ น และสามารถคาดเดาถึ ง
วัตถุประสงคของโซโลหะไดหลังจากใชความคิดเพียงนิดเดียว เขาอดไมไดที่จะรูสึกชื่น
ชมวาวิธีนี้นั้นล้ำลึกกวาวิธีที่เขาเคยใชในอดีตนัก
ในตอนที่เขาฝกภายในเจดียเสวียนจิน เขาตองอดทนกับความลำบากนานัปการ
แตเขาก็ฝกหนังทองแดงกระดูกเหล็กไดสำเร็จ มีนักเรียนในสนามเหนี่ยวนำไมก ี่คน
เทานั้นที่สามารถไปถึงระดับหนังทองแดงกระดูกเหล็กได ดวยคุณสมบัติทางรางกาย
ของเขาทำใหเขาไดรับเลือกใหเขารวมหนวยทหารราบ หนึ่งในสิบสามหนวย ซึ่งทำให
คนจำนวนมากประหลาดใจ
เขาไมอยากเชื่อวาจะมีใครเดินตามเสนทางที่เขาเคยเดิน ความสนใจของเขา
เพิ่มขึ้นอยางมาก
เจดียเสวียนจินไมเพียงเปนสนามฝกที่ถูกละเลยมากที่สุดของผูคนในเมืองซงเจียน
แตรวมถึงเมืองขางเคียงอื่นๆ ดวย มันอาจเปนสถานที่ที่วังเวงที่สุดดวยเหตุผลขอเดียว
การฝกที่นี่นั้นหนักหนาเกินจะทนรับไหว มันยากกวาการฝกอื่นๆ มาก ยิ่งไปกวานั้น
ตองใชเวลานานกวาจะสำเร็จผลอยางที่หวัง ซึ่งทำใหมันกลายเปนการทดสอบความ
มุงมั่นตั้งใจและพลังใจของผูฝก และมีผูคนเพียงจำนวนนอยนิดที่ผานการทดสอบได
พอมาคิดดูแลวหนวยทหารราบก็นับวาไมคอยเปนที่นิยมเทาไรนัก
หนวยทหารราบถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งวาหนวยแรงงาน แมวาหนวยขอบฟาจะ
เปนกองพลชั้นสูงเชนเดียวกับหนวยทหารราบ แตหนวยนี้ทรงเกียรติและเปนที่นิยมใน
หมูสาวๆ มากกวา หลี่เหวยถึงขนาดอิจฉาเลยทีเดียว จำนวนนักเรียนที่สมัครเขา
หนวยทหารราบแตละปนั้นนอยกวาจำนวนนักเรียนที่สมัครเขาหนวยขอบฟาเปน
จำนวนมหาศาล ความจริงแลวก็มีบางปที่พวกเขารับคนเขารวมไมไดตามเปาหมาย
ที่ตั้งไว ซึ่งนั่นกลายเปนเรื่องตลกที่แพรหลายไปทั่วสิบสามหนวย
หัวใจของหลี่เหวยเตนแรงขึ้นเมื่อมองเห็นโซเหล็ก
มันยอมเปนประโยชนตอหนวยทหารราบอยางมากหากเขาคนพบเด็กใหมฝมือดี
โซเหล็กขาด...
เกิดอุบัติเหตุอยางนั้นหรือ หัวใจของหลี่เหวยเตนอยางรุนแรง
ในตอนนั้นเองที่เขาไดยินเสียงของหมิงซิ่วพูดออกมาอยางตกใจวา “นั่นคือศิษย
นองอายฮุย”
หลี่เหวยมองขึ้นไปและพบวามีบางอยางกองอยูใกลกับบันไดใตเจดีย เขารีบเรงไป
ทางนั้นทันที
มันคือกระเปาที่เต็มไปดวยเสนดาย และมีเสนดายบางเสนกระจัดกระจายอยูบนพื้น
ใบหนาของหมิงซิ่วเต็มไปดวยความตระหนก เมื่อนางมองเห็นกระเปาที่เต็ มไป
ดวยเสนดาย นางก็มีความรูสึกวานั่นอาจเปนของอายฮุย แตเมื่อตรวจสอบเสนดาย
เหลานั้นและพบเครื่องหมายเฉพาะของโรงเย็บปก ยิ่งเปนการยืนยันวากระเปานี้เปน
ของอายฮุยจริงๆ
นางกำลังตามหาศิษยนองอายฮุยตามสถานที่นับไมถวนแตก็ไมพบ หมิงซิ่วไม
คาดคิดวาศิษยนองอายฮุยจะฝกอยูภายในเจดียเสวียนจินตามลำพังในพื้นที่อันวิเวก
วังเวงเชนนี้
นางเริ่มรูสึกกังวล
ศิษยนองอายฮุยเห็นไดชัดวาไมใชผูตองสงสัย นางไดตอสูกับผูตองสงสัยมากอน
และระดับพลังของผูตองสงสัยก็สูงกวาศิษยนองอายฮุยมาก นางเปนหวงวาผูตอง
สงสัยจะทำรายศิษยนองอายฮุยโดยเฉพาะอยางยิ่งตอนที่นางเห็นโซโลหะที่ขาด
อยางไรก็ตาม ไมมีรองรอยของเลือดและการตอสู
หลี่เหวยมีประสบการณมากกวา เขามองไปรอบๆและสังเกตเห็นเศษผาบนพื้น
เขาหยิบมันขึ้นมาอยางรวดเร็วและกลาววา “มีเศษผาโปรงอยูตรงนี้!”
หมิงซิ่วที่ตื่นเตนกอนหนานี้ สงบลงเล็กนอย แตเมื่อนางมองไปยังเศษผาที่อยูใน
มือของหลี่เหวย นางก็ไมอาจหยุดรางกายไมใหสั่นสะทานได รูสึกไมอยากเชื่อเต็มที
หลี่เหวยสังเกตเห็นสีหนาของหมิงซิ่วแลวสงเศษผาเล็กๆ นั้นใหกับนาง
มันเปนผาผืนเล็กๆ ที่เห็นไดชัดวายังไมสมบูรณเพราะมันยังคงติดอยูกับเสนดาย
สองเสน ผายับยน คุณภาพต่ำ และมีสวนที่ไมสม่ำเสมออยูมากมาย หากมีใครทอผา
แบบนี้ออกมาในโรงเย็บปก นางตองสงคืนกลับไปอยางแนนอน
อยางไรก็ตามสิ่งนี้ทำใหหมิงซิ่วตกใจเปนอยางมาก
หากมองขามเรื่องคุณภาพต่ำและรูปลักษณที่นาเกลียดแลว มันเปนผาพลังธาตุที่
ถูกทอขึ้นดวยวิธีการทอผาคูอยางแนนอน
ศิษยนองอายฮุยเปนมือใหมที่ไมเคยมีประสบการณเรื่องการเย็บปกมากอนและ
ใชเวลาครึ่งคอนวันสนดายเขาเข็ม แตเขากลับสามารถทอผาพลังธาตุขึ้นมาไดหลังจาก
ดูนางสาธิตแคครั้งเดียวเทานั้น จะไมใหนางตื่นตระหนกไดอยางไร
นางเติบโตขึ้นในโรงเย็บปกแตไมเคยไดยินเรื่องแบบนี้มากอน อยาวาแตเคยเห็น
เลย ผูเชี่ยวชาญการเย็บปกที่นางเคยพบ รวมถึงตัวนางเองก็ไมเคยทำแบบนี้ไดมากอน
นางจำไดอยางชัดเจนวากวานางจะทอผาดวยทอผาคูผืนแรกขึ้นมาไดก็เปนเวลาเจ็ด
เดือนหลังจากที่นางเขามาเรียนในโรงเย็บปก
นางยังจำความชื่นชมและยินดีในสายตาของอาจารยนางได
แตศิษยนองอายฮุยเพียงมองดูแคครั้งเดียว...
นอกเหนือจากความตื่นตระหนกแลว ความสงสัยจำนวนนับไมถวนก็กอตัวขั้นใน
ใจของของนาง ระดับพลังของศิษยนองต่ำเกินไป เขาสามารถใชวิธีการทอผาคูได
อยางไร เขาเขาใจการทอผาคูหลังจากไดเห็นเพียงแคครั้งเดียวไดอยางไร มันมีผูคนที่มี
ความจำราวภาพถายอยูบนโลกนี้จริงๆ หรือ นางมองออกวาศิษยนองอายฮุยตองทอ
ผาขึ้นมาอยางยากลำบากจากรอยยับของผืนผา
อยา งไรก็ตาม มันไมเกี่ยวกับว าเขาจะทำมั นขึ้ นมาอย างยากเย็ นแคไหน แต
เกี่ยวกับวาเขาทำมันขึ้นไดอยางไร
เขาสามารถทอผาขึ้นไดทั้งที่เขาเพิ่งเปดคลังชีวิตเดียวเทานั้น หากไมใชเพราะ
สัญลักษณเฉพาะตัวของโรงเย็บปกบนผา นางตองอนุมานวามันถูกสรางขึ้นดวยความ
ชวยเหลือของผูอื่น
หมิงซิ่วรูสึกเหมือนกับวาความรูทั้งหมดที่นางสะสมมาจากการเรียนทอผามาเปน
เวลาหลายปถูกทำลายจนหมดสิ้น
หลี่เหวยมองเห็นความผิดปกติของหมิงซิ่ว เหมือนนางจมลงไปในความคิด เขาจึง
ไมรบกวนนาง เขาหันไปสำรวจรอบๆ พื้นที่แทน เมื่อเขาเหลือบไปเห็นกำแพงของ
เจดียซึ่งอยูไมไกลออกไป นัยนตาของเขาก็หดลง
มีรอยบุบที่เห็นไดอยางชัดเจนบนผนังเจดีย
เขานึกยอนกลับไปถึงตอนที่เขามายังเจดียแหงนี้ครั้งลาสุด เขาเคยเห็นรอยบุบบน
กำแพงแตรอยบุบพวกนั้นไมชัดเจนและไมอาจเห็นไดดวยตาเปลา เขาคนพบมันโดย
บังเอิญ ณ ตอนนั้นเขาคาดเดาวาลอยบุบนี้เกิดจากการกระทำของอสูรราย แตตอนนี้
หลังจากดูรอบบุบที่ชัดเจนนั้นแลวเขาก็รูไดวามันเปนฝมือมนุษย
มีคนเขามาฝกที่นี่และกระแทกเขากับผนังเจดีย
เมื่อมองไปยังรอยบุบที่มีรูปรางและขนาดที่ตางกัน หลี่เหวยก็ตัดสินใจในทั นที
เขาเดินไปยังรอยบุบแลวเอาหลังแนบกำแพง
หลังของเขากับรอยบุบเขากันไดพอดี
เห็นไดชัดวามันเปนรอยบุบที่เกิดจากใครบางคนกระแทกหลังเขากับกำแพง
หากวาอารมณของหลี่เหวยเคยถูกกระตุนหลังจากไดเห็นโซโลหะกอนหนานี้
หลังจากไดเห็นรอยบุบพวกนี้ ดวงตาของเขาในตอนนี้เรียกไดวามีประกายแสงพวยพุง
ออกมา
เปนคนที่ปาเถื่อนเสียจริง!
ไมมีใครรูถึงความแข็งแกรงของผนังเจดียเสวียนจินดีไปกวาหลี่เหวยอีกแลว สราง
รอยบุบบนกำแพงที่แข็งเชนนี้ตองใชพลังที่แข็งแกรงจนนาหวาดหวั่น หลี่เหวยนึกถึง
ทาไมตายที่ใชหลังเพื่อโจมตีทุกทาที่เขารูจัก ทาไหนกันนะที่มีพลังขนาดนี้
พลังอันรุนแรงที่จำเปนตองมีระดับพลังอยางนอยสี่ตำหนัก
มันยังมีหลักฐานชี้ชัดวาคนผูนี้พัฒนาขึ้นดูจากรอยบุบที่ลึกขึ้นอีกดวย
ดวยความแข็งแกรงของหลี่เหวยในตอนนี้ เขาสามารถสรางรอยบุบแบบนี้ไดไม
ยากนัก แตสำหรับคนที่ฝกในเจดียแหงนี้ แนนอนวาตองเปนนักเรียน มันนับเปน
ความสำเร็จอันนาเหลือเชื่อที่นักเรียนสักคนสามารถทำไดขนาดนี้
อยางไรก็ตาม สิ่งที่ทำใหหลี่เหวยตื่นเตนจริงๆ ก็คือวิธีที่เขาฝก คนผูนี้เหมาะสม
กับหนวยทหารราบอยางมาก!
ไมวาอยางไรก็ตาม เขาตองนำคนผูนี้เขารวมกับหนวยทหารราบใหได!
หลี่เหวยตัดสินใจเปนที่เรียบรอยแลว
ทันใดนั้นเขาก็นึกยอนกลับมายังโซที่ขาด หนังตาของเขากระตุก เปนไปไดหรือไม
วาคนผูนี้กำลังฝกฝนอยูขางในและประสบอุบัติเหตุหลังจากโซโลหะขาด
เขาตัดสินใจที่จะรุดไปหาเขา ดวยความแข็งแกรงของเขาในตอนนี้ เจดียเสวียนจินจึง
ไมเปนอันตรายอีกตอไป
แตเมื่อเขาหันหนาไปทันใดนั้นเขาก็ไดยินเสียงดังมาจากยอดของเจดีย
ทั้งคูผงะอยางพรอมเพรียงกัน กอนที่จะเงยหนาขึ้นมองไปยังตนกำเนิดเสียงตาม
จิตใตสำนึก
หมิงซิ่วจดจำอายฮุยใดในทันที แตในชั่วขณะตอมา นางก็ตระหนกยิ่งขึ้น
เสื้อผากวาครึ่งของอายฮุยฉีกขาด เผยใหเห็นกลามเนื้อที่ชัดเจน เขาแบกคนคน
หนึ่งเอาไว ผูนั้นเสื้อผาขาดวิ่นเปนชิ้นเล็กชิ้นนอย และริ้วรอยสีแดงสามารถเห็น ได
อยางชัดเจนบนผิวที่ขาวราวหิมะ พวกเขาลอยไปอากาศทิ้งรอยเลือดไวตลอดทาง
ในตอนแรกหมิงซิ่วคิดวาคนที่อายฮุยแบกไวบนหลังเปนผูหญิง แตเมื่อนางเห็น
หนาของเขา ทำใหนางตองชะงักคางอยางชวยไมได
นั่นไมใชปงหวานหรอกหรือ
บทที่ 77 ฟนคืนสติ
อายฮุยตื่นขึ้นอยางมึนงง เขาฝนราย ในฝนเขาดิ้นรนอยูทามกลางพายุ ไมอาจ
ควาสิ่งใดเอาไวได เขาฝนเห็นเจาอวนอีกดวย เจาอวนแบกศพของเขาเอาไว นั่งรองไห
อยูในบอโคลน น้ำตาที่ไหลออกมาปลิวไปกับสายลมอันรุนแรง
เขาฝนถึงเถาแก ผูที่สั่งใหเขาเผาคัมภีรกระบี่ทั้งหมด เขายืนอยูกลางโรงฝกที่วาง
เปลาอยูนานชั่วนาตาป รูสึกสิ้นหวังและหมดหนทาง
อายฮุยตื่นขึ้นในที่สุด
สายตาของเขาเลื่อนลอยและขุนมัว แตพอผานไปพักหนึ่ง เขาก็เริ่มปรับสายตาให
ชัดเจนขึ้น ประกายแสงเจิดจาลุกโชนขึ้นทามกลางทะเลสีเทาอันเปลาเปลี่ยว จุดไฟให
ใบหนาที่เย็นเยือกราวแกะสลักขึ้นจากกำแพงโลหะและศิลา ประหนึ่งสายลมฤดูใบไม
ผลิที่พัดพาชีวิตกลับคืนมาสูดินแดนอางวางเย็นเยียบจากฤดูหนาว
เขาไมไดฝนรายมาเปนเวลานานมากแลว
เขานอนอยูบนเตียงจองมองไปบนเพดาน จมดิ่งอยูในหวงความคิด
เจาอวนกำลังทำอะไรอยูนะ เขายังคงลอยไปลอยมาไมยอมฝกอะไรเหมือนเดิม
หรือเปลา
อยากินน้ำตาลมากนัก เจาอวนเกินไปแลว ถามีใครรังแกเจาก็จำชื่อมันเอาไว แต
ไมตองเอามาบอกขา เพราะตอใหบอกขาก็ตองรอใหขาเกงขึ้นกวานี้กอน ไมอยางนั้น
ขาก็ไมสามารถชวยแกแคนใหเจาได รังแตจะทำใหพวกเราตกอยูในสถานการณอัน
เลวราย ไมตองหวงไป ขาจะฝกฝนอยางดี ถาขายังไมสามารถเอาชนะมันได ขาจะอัด
เจาแทนโทษฐานที่ไปหาเรื่องกับคนที่เกงเกินไป
เขาสงสัยวาเถาแกบนสวรรคจะเปนอยางไรบาง เขาเดาวาคงไมมีการฝกกระบี่บน
สวรรคอีกตอไป
เถาแก ทานตองทำตามอยางคนอื่นแถวนั้นเขาทำกัน ในฐานะคนคนหนึ่ง ไมสิ ใน
ฐานะผีตนหนึ่ง ทานตองอยูกับความจริงใหมากขึ้นและทำตัวหัวรั้นใหนอยลง อยา
พยายามทำธุรกิจเพราะทานไมเหมาะกับการทำธุรกิจ หางานที่เหมาะกับทานและ
ตั้งใจทำมันใหดี มันนา จะมีงานแบบนั ้น หลายสิบ งานบนสวรรค มั น ไม ควรจะถูก
เรียกวาสวรรคหากมันไมงานที่มั่นคงใหทำ
อายฮุย เจาตองขยัน
หลังจากพูดประโยคสุดทายกับตัวเอง เขาก็หายใจออกมายาวๆ ฝนรายและ
อารมณดานลบทั้งหลายก็ถูกเปาทิ้งไปในอากาศ
เขากลับมาเปนตัวตนของเขาอีกครั้ง ความมืดมนหมนหมอง ความหวาดกลัว
และความรูสึกขลาดเขลาก็หายไปจนหมดสิ้นราวกับมันไมเคยเกิดขึ้นมากอน
สายตาของเขาสงบและมั่นคง เขายังคงเปนอายฮุยที่นาเกรงขามผูไมเคยกลัว
อะไรทั้งสิ้น
เขาดิ้นรนพยายามลุกขึ้นจากเตียงแตตองพบกับความเจ็บปวดที่แขนซาย
เขาตรวจสอบอยางช่ำชองและรูวาตนกระดูกราว นี่ไมใชครั้งแรกที่ เขาได รับ
บาดเจ็บแบบนี้ คิดยอนกลับไปถึงฉากสุดทายกอนที่เขาจะหมดสติตอนที่เขากำลังดิ้น
รนเพื่อหนีออกจากเจดียเสวียนจิน เขาเหมือนจะกระแทกเขากับอะไรบางอยางและ
ทำใหตัวเองไดรับบาดเจ็บ เขาแคไมรูวานั่นเปนแขนซายของเขา
ตราบใดที่มันไดรับการรักษาอย างถู กตองและใชยาที่ เหมาะสม อา ยฮุยก็จะ
กลับมาเปนปกติในเวลาไมนาน เขามีประสบการณอยา งกวา งขวาง การบาดเจ็บ
ภายนอกอยางกระดูกราวอาจดูเหมือนจะรายแรงเมื่อมองอยางผิวเผิน แตในความ
เปนจริงแลว มันไมใชเรื่อ งใหญโ ตอะไร ตราบใดที ่ บ าดแผลได รั บ การรัก ษาอยาง
เหมาะสมและทันทวงที มันจะหายดีในเวลาอันสั้น การบาดเจ็บภายในตางหากที่เปน
ปญหาจริงๆ มันจะเปนปญหาอยางมากหากเกิดการบาดเจ็บที่หาคลังแปดตำหนัก
เมื่อคาดคิดไดวาตนเองมีปญหาใหญอายฮุยก็หัวเราะออกมาอยางขมขื่น
เขาตกอยูในความยุงเหยิง
เขายังคงไมรูวาสภาพภายในรางกายของเขาเปนเชนไร
ทันใดนั้นเขาก็ไดยินเสียงเอะอะก็ดังมาจากภายนอก
“โสวชวน เขาเปนผูมีพรสวรรคโดยแท! เขาเพิ่งจะเปดคลังชีวิตไดแตกลับสามารถ
ใชการทอผาคูถักผาทอพลังธาตุขึ้นมาได จนถึงตอนนี้ขาเองก็ยังไมเขาใจไดวาเขาทำได
อยางไร มันชางลึกล้ำเกินหยั่งถึง!”
เสียงของหญิงชราเปยมไปดวยความชื่นชม
อายฮุยรูสึกยินดีอยูภายใน การถูกชื่นชมจากคนอื่นนั้นเปนเรื่องนายินดี นี่ยังไม
รวมถึงความทุมเทอยางมากที่เขาทำลงไป
“เขาเปนผูมีพรสวรรค! ผูมีพรสวรรคดานการถักทอ! โสวชวน กอนหนานี้มันเปน
ความผิดของขาเอง พรสวรรคของเขาชางนาทึ่ง เจาตองใหเขามาอยูที่โรงเย็บปก ขา
จะสอนเขาดวยตัวเอง และขาตองการใหเขาเปนศิษยสายตรงที่ใกลชิดที่สุด” ยายเฒา
นั้นตื่นเตนอยางเห็นไดชัด
อายฮุยตะลึงงัน ไดโปรดอยาทำอยางนั้น ถึงแมวาการทอผาจะเปนงานที่กำไรดี
และมีอนาคตที่รุงโรจน แตเขาก็ยังเปนผูชายอยูดี มันคงนากระอักกระอวนใจอยาง
มากหากตองทำงานทอผาไปตลอดทั้งชีวิตที่เหลือของเขา
ตาเฒาเดิมทีมีความยินดีแตเมื่อไดยินวาอีกฝายตองการที่จะแยงตัวอายฮุย เขาก็
ไมปลอยปละละเลยอีกตอไป “นั้นเปนเรื่องเปนไปไมได เขาเปนศิษยของขา ขามีศิษย
เพียงคนเดียว เขาจะเปนผูสืบทอดของขาในอนาคต”
“เจาทำใหพรสวรรคของเขาสูญเปลา! เจากำลังทำตัวไรความรับผิดชอบ!”
ยายเฒาสบถเสียงเขียว “สอนทฤษฎีไรสาระพวกนั้นของเจา เขาก็ทำไดแคเรียนรู
และทำตามเทานั้น”
“ไมวาเจาจะวาอยางไร คำตอบของขาก็ยังคงเปนคำวา ไม” ตาเฒาตอบปฏิเสธ
อยางเถรตรง
ยายเฒาโกรธขึ้นมาในทันที “หวังโสวชวน ที่พูดหมายความวาอยางไร ขาขอโทษ
เจาไปแลว ตองการใหขาทำอะไรอีก ขาติดตามเจามาตั้งหลายป แลวนี่คือสิ่งที่ เจา
ตอบแทนขาอยางนั้นหรือ กอนหนานี้ขาทำผิดไป ครั้งใดกันที่ขาไดประโยชนจากการ
อยูกับเจามาเปนเวลายาวนาน เคยมีสักครั้งหรือไมที่ขารองขออะไรจากเจา เจาอยาก
มาอยูที่สนามเหนี่ยวนำ ขาก็ตามมาอยูที่สนามเหนี่ยวนำดวย ขายอมใหเจาทำทุก
อยางที่อยากทำ แลวนี่คือสิ่งที่เจาตอบแทนขาอยางนั้นหรือ หวังโสวชวน เจาอธิบาย
มาใหขาเขาใจหนอยซิ! ฮือฮือฮือ....”
มองเห็นอดีตภรรยารองไหออกมา หวังโสวชวนก็หัวใจแปว เขาลดน้ำเสียงลง
“ขาไมไดพูดอะไรสักหนอย ทำไมเจาตองรองไหดวย ศิษยของขาก็คือศิษยของเจา ถา
เขาไมตั้งใจเรียนเจาก็หักขาเขาเสีย”
หลี่เหวยกับหมิงซิ่วยืนอยูดานขาง กมหนามองพื้น แนนิ่งราวกับรูปปน หลี่เหวย
รูสึกออนแอและรูสึกผิดอยูบางในที่รีบรอนมาที่นี่ เหตุการณบานปลายออกมาใน
ลักษณะที่คนภายนอกเชนเขาไมควรไดเห็น
อาจารยเอยอาจารย โปรดอยาทำเชนนี้ตอหนาขา หลี่เหวยคิดกับตัวเอง
หมิงซิ่วเจอเรื่องแบบนี้มาไมนอยดังนั้นนางจึงไมรูสึกกระดากสักเทาไร กระนั้น
นางก็รูดีวาไมควรพูดอะไรออกมาในตอนนี้
เห็นคนรักเกาพยายามกลั้นน้ำตา หวังโสวชวนจึงกลาวตอไปวา “แตพวกเราก็
ตองพิจารณาถึงทางเลือกของอายฮุยเชนกัน”
ไดยินเชนนั้น ยายเฒาก็หยุดรองไหและขึ้นเสียง “เขากลาคัดคาน”
อายฮุยที่ฟงอยูภายในหองรูสึกวาหัวใจเตนรัว
“แนนอน เขาตอ งไมคัดคา น” หวั งโส ว ชวนกระแอมเบาๆ “ดู จ ากการที ่เขา
ตองการเขาโรงเย็บปกของเจาก็นาจะรู แตพวกเราก็ตองคิดเรื่องนี้ใหดี ถาหากเขาเปน
ผูหญิงขาจะยกเขาใหเจาโดยไมตองคิดแมแตนิดเดียว แตเขาเปนผูชาย และเจาก็
คุนเคยกับการทอผาดีกวาขา เมื่อไรกันที่ผูชายเปนปรมาจารยดานการทอผา ขารูนิสัย
ของเขาดี เขารักการตอสู เรียนรูการทอผาก็เรื่องหนึ่ง แตหากจะใหเขาทอผาไปตลอด
ชีวิตของเขานั้นคงเปนเรื่องยาก”
ยายเฒานิ่งเงียบไป
วาจาของหวังโสวชวนนั้นตรงประเด็น ความจริงแลวกอนที่นางจะมาที่นี่ นางก็
รูสึกเชนกันวานาเสียดายที่อายฮุยไมใชผูหญิง แมจะไมอาจพูดไดวาไมมีผูชายที่เรียน
การทอผาเลย แตคนที่เรียนก็มีจำนวนนอยอยางมาก ไมตองพูดถึงวาจะมีผูชายที่
ประสบความสำเร็จในการทอผา
ดวยเห็นวาตนกำลังชนะการโตแยง หวังโสวชวนจึงรีบกลาวเสริม “ประเด็นของ
ขาก็คือ ใหเขาไปที่โรงเย็บปกหลังจากที่หายดีแลว ปลอยใหเขาไดเรียนรูกอน แลวเรา
คอยมาตัดสินใจกันอีกครั้งหลังจากนั้น เราไมควรจะมากังวลเรื่องทักษะหรือความ
สนใจในการทอผาของเขา อนาคตของเขาควรใหเขาเปนคนตัดสินใจดวยตัวเอง”
สีหนาของยายเฒาไมหมนหมองเชนกอนหนานี้ นางพนลมออกมากอนที่จะพูดวา
“หลังจากสิ้นเปลืองน้ำตาของขาไปไมนอย ในที่สุดก็มีคำพูดที่มีมนุษยธรรมออกมา
จากปากของเจา หมิงซิ่ว เรากลับไปโรงเย็บปกกันเถิด”
แลวนางก็จากไปอยางเฉิดฉายไมมีรองรอยของยายเฒาเจาน้ำตาที่เห็นเมื่อครูนี้
เลยแมแตนอย
“ทานลุง พวกเราขอตัวกอน” หมิงซิ่วคำนับลาหวังโสวชวนอยางรีบรอน แลวโบก
มือลาหลีเหวยและวิ่งตามอาจารยของนางไป
หวังโสวชวนมองคนรักเกาเดินจากไปและถอนหายใจออกมาอยางโลงอก การ
ทะเลาะกันเมื่อครูทำใหเขารูสึกตกใจอยางมาก เขาควากาน้ำชาบนโตะและเริ่มดื่มชา
เขาไปอึกใหญ
เมื่อวางกาน้ำชาลงเขาก็หันไปหาหลี่เหวยที่ยืนอยูดานขาง “ไหนพูดเรื่องของเจา
มาอีกทีซิ”
บทที่ 78 ศรัทธาของอาจารย
“ขาตองการเชิญนักเรียนอายฮุยใหเขารวมกลุมผูมีพรสวรรค”
หลี่เหวยกลาวอยางรอบคอบ
ถึงแมวาอาจารยหวังจะไมใชคนที่มีชื่อเสียงนัก แตหลี่เหวยก็ไมกลาที่จะแสดง
ทาทางขาดความเคารพแมแตนอย เขาเคยเขาเรียนที่โรงเรียนในสนามเหนี่ยวนำและรู
วาพวกอาจารยมักเปนเสือซอนเล็บ เขาไมอาจสัมผัสไดตอนที่ยังเปนนักเรียน แตเมื่อ
ออกจากโรงเรียนไปแลวเขาถึงจะรูตัววาพวกอาจารยนั้นเปนคนที่โดดเดนแคไหน
ยิ่งไปกวานั้น ตอนเปนนักเรียนหลี่เหวยก็เคยเรียนกับอาจารยหวังมากอน
เขารูสึกเปนเกียรติที่ไดมายังที่พักของอาจารยหวัง
หลังจากไดยินวาอายฮุยมีอ าจารย เขาก็ ไม ก ล าเอ ยชวนอา ยฮุ ยโดยไม ไดรับ
อนุญาตกอน
“เราไวคุยเรื่องนี้กันทีหลัง” น้ำเสียงของผูเฒาไมสุภาพ เขาโบกมือหามไมใหหลี่เหวย
พูดตอ
หลี่เหวยก็ยอมถอยอยางแนบเนียน แตภายในใจของเขากลับเต็มเปยมไปดวย
ความมุงมั่นที่จะนำตัวอายฮุยเขาสูกลุมผูมีพรสวรรค อาจารยในสนามเหนี่ยวนำมักมี
มาตรฐานสูง การที่อายฮุยไดรับความสนใจจากอาจารยย อมหมายความวา เขามี
พรสวรรคสูงมาก การโตเถียงกอนหนานี้ยิ่งพิสูจนประเด็นของเขา แมแตปรมาจารย
หันอวี้ฉินยังตองการรับอายฮุยเปนศิษย มันจะเปนอยางอื่นไปไดอยางไร
ชางเปนเด็กหนุมที่เปยมพรสวรรคยิ่งนัก! เขาตองรูสึกผิดอยางแนนอนหากยอม
ปลอยอายฮุยไป!
หลี่เหวยใชความคิดอยางรวดเร็ว เขาจะลักพาตัว ไมใชสิ เชิญอายฮุยใหเขารวมกลุมผู
มีพรสวรรคใหได หลังจากนั้นก็จุดความสนใจที่จะเขารวมหนวยทหารราบใหกับเขา
หลังจากผูเฒาไลหลี่เหวยไปแลว เขาก็เดินเขาไปในหอง เห็นอายฮุยที่นอนลืมตาอยู
เขาหัวเราะออกมา “เจาไดยินหมดแลวใชไหม คิดวาอยางไร สนใจจะทอผาหรือไม”
อายฮุยสายหนา “แมศิษยจะมีรายไดจากการทอผา ศิษยก็ไมคิดจะทอผาไป
ตลอดชีวติ ”
“เขาใจแลว ขารูจักเจาเหมือนกับหลังมือของขาเอง” ผูเฒามีความสุขอยางมาก
เขาเดาะลิ้นดวยความสงสัย “เจาสามารถทอผาออกมาไดจริงๆ แมแตขายังตกใจเลย”
อยางไรก็ตาม ทาทีของผูเฒาเปลี่ยนไปในทันทีและกลาววา “ไมวาอยางไร เจาไม
ควรจะไปโรงเย็บปกสักระยะหนึ่ง อาการบาดเจ็บของเจาคอนขางสาหัสและจะเปน
ปญหาอยางมาก”
อายฮุยพลันนึกถึงกอนแมเหล็กขนาดใหญภายในกายของเขาและรูสึกสังหรณรา ย
ขึ้นมาทันที “มันสาหัสมากหรือไม”
ผูเฒาไมตอบคำถาม แตกลับพูดวา “บอกขามาใหละเอียดถี่ถวนซิวาเกิดอะไรขึ้น
กันแน”
อายฮุยเริ่มเลาประสบการณที่ผานมาวาเขาฝกฝนและทอผาอยางตอเนื่องอยู
ภายในเจดียเสวียนจินอยางไร เลาถึงตอนที่เขาถูกกระแทกกลับเขาไปขณะกำลังจะ
ออกมาจากเจดีย และตอนที่ถูกพัดขึ้นไปบนยอดเจดียเสวียนจิน ที่ดูดพลังงานธาตุเขา
สูคลังชีวิตก็เพียงเพราะวาเขาตองการจะเอาชีวิตรอดเทานั้น
ผูเฒารับฟงจนกระทั่งดวงตาของเขากลายเปนเสนตรง เขาไมเพียงตกใจกับแนว
ทางการแกไขปญหาอันดุดันของลูกศิษย แตยังรูสึกชื่นชมกับความกลาและชาญฉลาด
ของอายฮุยอยางเต็มที่
เขาถามขึ้นมาอยางชวยไมได “แลวเจาคิดถึงการดึงดูดซึ่งกันและกันของเข็มพลัง
ธาตุไดอยางไร”
“การทอผาคู! ศิษยพี่หมิงซิ่วเคยแสดงใหดูครั้งหนึ่งไมใชหรือ” อายฮุยตอบตามตรง
ผูเฒาจองมองอายฮุยอยูนานกอนจะเอยขึ้นในที่สุด “ขาเริ่มจะเชื่อที่ยายเฒานั่น
พูดแลววาเจาเปนผูมีพรสวรรคดานการทอผา”
ภรรยาของเขาเปนปรมาจารยดานการเย็บปกถักรอย เขาจึงเขาใจขั้นตอนการ
เย็บปกถักรอยดีกวาคนอื่นไปโดยปริยาย โดยเฉพาะอยางยิ่งการทอผาคูของยายเฒา
มีผูคนนอยมากที่รูวาความจริงแลวมีความเชื่อมโยงระหวางเขาและการทอผาคู
ผูคนรูเพียงวาหันอวี้ฉินเปนปรมาจารยดานการเย็บปกถักรอย ในขณะที่หวังโสวช
วนไมเปนที่รูจัก มีคนจำนวนนอยมากที่รูวาพวกเขาเปนคูรักกันตั้งแตวัยเยาว เปนที่รู
โดยทั่วกันวาปรมาจารยหันอวี้ฉินสรางวิชาการทอผาคูขึ้นตอนอายุสิบเกาป แตไมมี
ใครรูวาอันที่จริงแลวหวังโสวชวนเปนคนที่คนพบแรงเหนี่ยวนำระหวางเข็มพลังธาตุ
ดังนั้นผูเฒาถึงไดประทับใจในพรสวรรคของอายฮุยยิ่งกวาเดิม
ความสามารถที่จะเขาใจความซับซอนของการทอผาคูไดหลังจากการไดดูแคเพียง
ครั้งเดียวนั้นเปนพรสวรรคที่ไมเคยไดยินมากอน
การที่ศิษยของเขามีพรสวรรคนั้นเปนทั้งสิ่งที่ดีและรายในเวลาเดียวกัน นั่นเพราะ
ลูกศิษยที่มีพรสวรรคนั้นจะสรางปญหาไดมากกวาคนทั่วไปมากนัก
เชนครั้งนี้เปนตน
อายฮุยนึกถึงตวนมูหวงฮุน จึงถามขึ้นดวยความสงสัยอยางชวยไมได “อาจารย
แลวหมอนั่นเปนอยางไรบาง”
ผูเฒารูวาอายฮุยหมายถึงตวนมูหวงฮุน เขาก็ตอบอยางหงุดหงิดวา “อาจารยของ
เขาคือไตกัง เจายังตองเปนหวงเขาอีกหรือ”
“ขาไมไดเปนหวง” อายฮุยตอบอยางโกรธเกรี้ยว “ขารอคาชดเชยจากหมอมั่น
ตางหาก ไอเด็กเจาเลหนั่นทำใหขาตองเจอปญหาขนาดนี้ เรื่องนี้จะไมจบจนกวาขาจะ
ทำลายเขา!”
“อาจารยจะชวยเหลือเจา!” ผูเฒารูสึกชื่นชอบการตัดสินใจของอายฮุยเปนอยางมาก
“แลวอาการเจ็บของขาเลา” อายฮุยเบิกตากวางจองมองอาจารยของเขาดวย
ใบหนาไรเดียงสา
“ยุงยากอยางมาก” อาจารยตอบ “ระดับพลังของพลังธาตุทองในเจดียเสวียนจิน
นั้นสูงกวาระดับของคลังชีวิตของเจามากนัก รางกายของเจาออนแอเกินไปสำหรับ
พลังธาตุทองที่แข็งแกรงขนาดนี้ คลังชีวิตของเจาไมอาจยอยสลายและดูดซับมัน ได
นอกจากนี้เจายังไมอาจทำการฝกฝนไดในชวงนี้ ปกติแลวหากพลังงานธาตุทองไหล
เขา สูก ายเจามันจะถูก ดูดกลืนเขาไปโดยตรง ถ า เจ า เป ดได ถึ งสี ่ตำหนัก แลวละก็
พลังงานธาตุกอนนี้จะเปนประโยชนกับเจาอยางมากและเจาจะสามารถดูดซับมัน
อยางชาๆ ได”
อายฮุยถามดวยความกังวล “แลวขาควรทำอยางไร”
“มันมีทางแกเสมอนั่นแหละ” ผูเฒาตอบอยางวางทา “ถึงแมวาอาจารยของเจา
จะไมใชไตกัง เขาก็ยังมีความสามารถในการทำบางสิ่งบางอยาง”
อายฮุยหายใจออกอยางโลงอก ตราบใดที่ยังมีทางแกนั่นถือเปนเรื่องดี
“เรื่องนี้ตองใหอาจารยหญิงของเจาชวย” ผูเฒาคิดอยูครูหนึ่งกอนที่จะเอยเตือน
เขา “อาจารยหญิงของเจาอารมณ ไม คอยดี เจาควรจะตอบตกลงไมวา นางจะว า
อยางไรและตองไมไปลวงเกินนาง ถานางเคืองเมื่อไร แมแตขาก็ทำอะไรไมไดเชนกัน
ขาติดคางนางมากเกินไป”
ผูเฒาพูดประโยคสุดทายออกมาดวยน้ำเสียงที่แฝงความรูสึกผิด
...
กระดูกที่ราวของอายฮุยฟนฟูอยางรวดเร็ว รางกายของเขาคอนขางแข็งแรง และ
ความสามารถในการฟนตัวของเขาก็ดีกวานักเรียนโดยทั่วไป
เขาไมไดอยูเฉยระหวางการพักฟน ถึงแมวาเขาไมอาจจะฝกตนได แตเขาก็ยังไป
โรงเรียนได ตอนอยูในชั้นเรียน เพื่อนรวมชั้นสังเกตเห็นการบาดเจ็บที่แขนของเขา
บางคนก็เอยปากถามออกมาดวยความเปนหวง
ตวนมูปงหวานไมปรากฏตัว อายฮุยคาดวาเขาคงยังไมหายดี และเมื่อเขาถาม
เพื่อนรวมชั้น ก็ไมมีใครรูวาตวนมูปงหวานจะมาเรียนไดเมื่อไร มันดูเหมือนวาเรื่อง
อุบัติเหตุที่ทำใหเขาและปงหวานบาดเจ็บนั้นไมถูกเปดเผยออกไป
อายฮุยหัวเราะอยางเยือกเย็น รอจนเขาเห็นไอหมอนั่นอีกครั้ง เขาจะตองลาง
แคนอยางแนนอน
เขาตอ งเสียเวลาหลายวันไปโดยไม อาจฝ กฝนได และยั งต องเลื่ อนเรื ่องอื่นๆ
ออกไป เขาไมรูวามันจะมีผลกระทบอื่นๆ อีกหรือไม
เขาชางโชครายเสียจริง
ในระหวางการพักฟน เขาเดินทางกลับไปยังโรงฝกศาสตราวุธ โหลวหลานตรวจ
รางกายเขาและบอกวาอาการของเขาไมอาจรักษาหาย ยังคงไมมีขาวคราวจากสาว
นายรานบะหมี่ ราวกับวานางไดหายไปกับสายลม ทำใหอายฮุยรูสึกงุนงงอยูบาง
อายฮุยทำเหมือนวาอาการบาดเจ็บเปนเรื่องธรรมดา ปรับสมดุลความคิดจิตใจ
และใชชีวิตอยางเต็มที่
ผูเฒายุงวุนวายตั้งแตเชาจรดเย็น ดวงตาของเขาเต็มไปดวยเสนเลือดแดง อายฮุยรูวา
อาจารยทุมเทเวลาหาวิธชี วยรักษาใหกับเขา และนั่นทำใหเขาแอบรูสึกซาบซึ้งอยูในใจ
ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง เมื่อผูเฒาเอยถามวา “อาการบาดเจ็บของเจาเปนอยางไร”
“หายดีหมดแลว” อายฮุยโบกแขนเพื่อพิสูจนวามันหายเปนปกติดีแลว
“งั้นเรามาแกปญหาเรื่องกอนพลังงานธาตุของเจากัน”
อายฮุยสามารถคาดเดาไดจากสีหนาของอาจารยกอนที่เขาจะไดยินประโยคนี้เสีย
อีก อายฮุยพยักหนาติดตอกันเกือบจะโหรองออกมาวาอาจารยของเขาชางยอดเยี่ยม
ยิ่งนัก ถึงแมวาชีวิตในชวงนี้จะสุขสบายแตอายฮุยก็รูสึกวารางกายของเขาเริ่มขึ้นสนิม
เนื่องจากขาดการฝกฝน
“พวกเราตองไปที่โรงเย็บปกหรือไม”
อายฮุยหวนคิดไปถึงคำพูดของอาจารยที่วาเขาตองอาศัยความชวยเหลือของ
อาจารยหญิง จึงอดไมไดที่จะเอยถามออกไป
“ทำไมเราตองไปที่โรงเย็บปกดวย” ผูเฒาทำสีหนาแปลกๆ กอนจะเอยตอ “ตาม
ขามา”
อายฮุยเดินตามผูเฒาไปยังสถานที่อันคุนเคย ลานบานที่เต็มไปดวยกองขยะราว
กับวามันถูกสรางขึ้นมาเพื่อทิ้งขยะ เขาไมมีความทรงจำที่ดีอะไรเกี่ยวกับสถานที่นี้
ทวาเมื่อเห็นสิ่งที่อยูตรงกลางลาน สีหนาของอายฮุยก็เปลี่ยนไป
บทที่ 79 คำแนะนำของอาจารย
ลานทิ้งขยะมีความทรงจำที่อายฮุยไมตองการจะรื้อฟน
ถึงกระนั้นเมื่อเดินเขามา เขาก็รับรูไดวามีความเปลี่ยนแปลงอยางใหญหลวงใน
ลานทิ้งขยะแหงนี้ ซึ่งทำใหเขารูสึกเหมือนมายังสถานที่อื่นที่ตางไป ตนสนอันอุดม
สมบูรณหาตนยึดครองพื้นที่เกือบทั้งหมดของลานทิ้งขยะ ทั้งที่เขาจำไดวากอนหนานี้
มันไมมีตนไมสักตนเดียว
ตนสนทุกตนมีความสูงมากกวาสิบเมตรราวกับวามันถูกปลูกไวที่นี่มานานหลาย
ทศวรรษ
อายฮุยทราบดีวามันถูกสรางขึ้นดวยผู ใชพ ลังธาตุไม ยอนกลับไปในแดนร า ง
เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาตองการจะหยุดพักและสรางที่พักชั่วคราว พวกเขาจะปลูกพืช
หลายชนิดไวใกลๆ กัน ถาหากพวกเขาตองการสรางบานไม ผูใชพลังธาตุไมกจ็ ะปลูก
ตนจูซูที่สูงกวายี่สิบเมตรขึ้นมาไดภายในเวลาครึ่งชั่วโมง พวกเขายังสามารถปลูกหญา
พิษ ที่ไรสีไรก ลิ่น ทุงพุมไมห นามแหลมควบคู ก ั บหญา เสี ยงระฆั งที ่ ทำหน าที ่เปน
สัญญาณเตือนภัยอีกดวย
หากผูใชธาตุดินจัดเปนพวกที่มีพฤติกรรมประหลาดๆ และใชทักษะแปลกๆ แลว
ละก็ พวกผูใชธาตุไมก็ลวนเปนนักพฤกษศาสตรชั้นยอด พื้นนิสัยของพวกผูใชธาตุไม
นั้นแตกตางกันอยางสุดขั้ว พวกที่ใจดีมีเมตตาก็ใจดีอยางสุดขั้วชนิดที่มดก็ไมกลา
เหยีย บ สว นพวกที่ป ระหลาดก็ป ระหลาดถึ งขี ดสุ ด พวกนี ้ จ ะใช ท ั ก ษะอั นแปลก
ประหลาดในสังหารที่ไมทิ้งรองรอยอะไรเอาไวแมแตซาก
ตนสนทั้งหาถูกจัดเรียงเปนวงแหวน ระหวางตนไมแตละตนมีเถาวัลยหลากสี
จำนวนมากมาย ทำใหมันดูเหมือนกำแพงเถาวัลยสีสันสดใส
ชุดเกราะทองแดงเย็นเยียบดุจน้ำแข็งถูกวางไวตรงกลางวงตนสนทั้งหา
เมื่อมองเห็นเสื้อเกราะทองแดงสีหนาของอายฮุยก็เปลี่ยนไป
ความทรงจำเกี่ยวกับพันปรัชญายังคงเปนฝนรายสำหรับเขา
ยิ่งไปกวานั้น ขนาดของเสื้อเกราะก็ใหญกวาพันปรัชญามาก เถาวัลยหลากสี
จำนวนมากทอดตัวลงมาจากตนสนทะลวงเขาไปในชุดเกราะ
อายฮุยกลืนน้ำลายอยางยากเย็น ภาพตรงหนาของเขาทำใหเขานึกไปถึงเถาวัลย
ดูดเลือด หนึ่งในพืชที่รายกาจที่สุดที่พวกผูใชพลังธาตุไมใชกัน ผูใชพลังธาตุไมที่มีใจ
เมตตาหลายคนก็รังเกียจเถาวัลยดูดเลือดเหมือนกัน มันนากลัวจนเกินไป ในแดนราง
เขาไดพบเจอกับมันมาดวยตัว เองวา ผูใชธาตุไม ใชเถาวั ลย ดู ดเลือ ดเปลี ่ยนช า งให
กลายเปนกองผิวหนังและกระดูกในเวลาไมถึงนาที
ภาพเหตุการณอันนากลัวกลายเปนฝนรายของอายฮุยอยูเปนเวลานาน
“เปนอยางไร ยอดเลยใชไหม” ผูเฒาแฝงความภูมิใจในน้ำเสียง “ขาตองไหววาน
ใหปรมาจารยผูใชธาตุไมสองสามคนสรางมันขึ้นมา พลังธาตุทองในกายของเจามัน
มั่นคงเกินไป การจะขจัดมันออกไปนั้ นไมงายเลย แตเจาไมตองกังวล อาจารยมี
ประสบการณเกี่ยวกับปฏิกิริยาระหวางธาตุตางๆ มานานหลายป ยิ่งไปกวานั้น มันก็
ไมมีปญหาอยางแนนอนดวยความชวยเหลือของอาจายหญิงของเจา”
อายฮุยรูสึกมั่นใจหลังจากไดยินอยางนั้น อยางนอยชื่อเสียงในฐานะปรมาจารย
ของอาจารยหญิงก็นาเกรงขามไมนอย
“สถานการณของเจาคอนขางนาเปนหวง อันที่จริงแลว มันนาเปนหวงมากกวาที่
ขาเคยคิดไว” สีหนาของผูเฒาเริ่มตึงเครียด “พูดงายๆ ก็คือมันมีปริมาณมากเกินไป
บางทีเจาอาจเขาใจมากขึ้นหากขาอธิบายอีกแบบหนึ่ง หากเจาเปดไดสี่ตำหนัก การที่
จะยอยสลายและดูดซับมวลพลังงานธาตุนี้ใหหมดไปก็ตองใชเวลาประมาณแปดป
หากเจาเปดไดหาตำหนักเวลาที่ตองใชก็ลดเหลือสี่ป”
อายฮุยกระโดดขึ้นอยางตกใจ “คง..คงไมใชเวลานานขนาดนั้นใชหรือไม ขาไมได
อยูในเจดียเปนเวลานานนี่”
“นานกวาที่เจาคิดไวมาก” ผูเฒามองไปที่อายฮุยดวยสีหนาสงสารกอนที่จะพูด
อยางลอเลียนวา “เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แลว เจามันทำอะไรโดยไมคิดแลวก็ไมกลัวอะไร
เลย ขาละประทับใจจริงๆ ที่เจากลาเขาไปในเจดียเสวียนจินทั้งที่เพิ่งเปดไดแค คลัง
ชีวิตเทานั้น เจารูจักใครที่กลาเขาไปบางหรือไม สี่ตำหนัก มีแตนักเรียนที่เปดไดสี่
ตำหนักแลวเทานั้นที่กลาเขาไป นั่นเพราะพลังงานธาตุของลมทองคำนั้นบริสุทธิ์มาก
และตองการระดับพลังที่สูงมากในการดูดซับมัน หากไมมีการสนับสนุนของสี่ตำหนัก
มันยอมยากลำบากที่จะยอยสลายและดูดซับพลังงานเหลานั้น”
อายฮุยอาปากคางไมพูดอะไรออกมาแมแตคำเดียว
“และนั่นก็แคชั้นแรกเทานั้น เคยมีคนทำการวิจัยกอนหนานี้ ทุกชั้นที่เพิ่มขึ้น
ความบริสุทธิ์ของพลังธาตุก็เพิ่มขึ้นประมาณสามเทา แลวศิษยขา เจาไปจนถึงชั้นเจ็ด”
ผูเฒาเดาะลิ้นกอนจะกลาวตอ “ไมมีใครกลาทำเรื่องแบบนี้มาหลายปแลว หากเรื่องนี้
แพรออกไป เจาอาจกลายเปนคนดัง”
อายฮุยตกตะลึง
นี่เปนหลักฐานวาตาเฒาจะไมยอมปลอยเขาพนจากเรื่องนี้ไปงายๆ แน “ถานั่น
เปนแคอยางเดียวที่เกิดขึ้น เจาก็คงไมไดดูดซับพลังธาตุเขาไปมากนัก แตศิษยขา เจา
เปนผูมีพรสวรรค เจาคิดจะใชการทอผาคูมาโคจรพลังธาตุ อันที่จริงแลวนั่นก็ถือวา
เปนความคิดที่ชาญฉลาดอยางมาก แตวาเจาสูญเสียการควบคุมพลังธาตุเกินกวาที่เจา
จะควบคุมได มวลพลังธาตุควบแนนดวยตัวเองอยางตอเนื่องทำใหแรงดูดเพิ่มขึ้น
เชนเดียวกัน พลังงานธาตุจึงถูกดูดเขารางกายของเจาอยางตอเนื่อง ขากำลังนั่งสวม
อยูแลวก็รูสึกเบื่อขึ้นมาก็เลยเอาเรื่องของเจามาคิดดู ขาวาพลังธาตุที่สะสมอยูในตัว
เจามีมากกวาแปดสวนที่ถูกดูดเขามาโดยพลังงานที่หลุดออกจากการควบคุมของเจา”
“และสิ่งที่เลวรายที่สุดก็คือเจามันประทับใจในคลังชีวิตของตัวเองมาเกินไป เรื่อง
นี้ไมใชแคยุงยาก แตมันเปนเรื่องที่ยากเย็นอยางยิ่งสำหรับเจา หากพลังพวกนี้อยูใน
ตำหนัก ไมใชคลังชีวิต ความยุงยากจะลดลงไมนอย” ชายสูงอายุกลาวดวยสีหนาเยาะ
เยย กอนที่จะนึกถึงบางอยางขึ้นมาไดในตอนนั้นและกลาวตอ “เออ ขาลืมไปวา ศิษย
ขา เจาเพิ่งจะเปดไดแคคลังชีวิตเทานั้น”
เมื่อเห็นสีหนาอันซีดเผือดของอายฮุย ผูเฒาจึงเลิกพูดเยาะเยยและเปลี่ยนสีหนา
เปนเครงเครียดและกลาววา “สาเหตุที่อาจารยพูดมากมายเชนนี้ก็เพื่อใหเจาตกใจ”
อายฮุยมองไปยังอาจารยใจรายอยางสิ้นหวัง
“เจาอาจจะสามารถเอาชนะไดอยางไมนาเชื่อ บางครั้งก็เพราะโชคและความกลา
ที่จะเสี่ยง แตนั่นมันไมยั่งยืนหรอก เจามีประสบการณชีวิตมากกวาอาจารยเสียอีก
ดังนั้นเจาก็ตองรูวาความสำเร็จนั้นตองมาจากความสามารถ และความฉลาดเปนเพียง
สวนเสริมใหมันมีประสิทธิภาพมากขึ้นเทานั้น การฝกตนนั้นเปนเรื่องระยะยาว และ
การฝกตนใหแข็งแกรงเพื่อเอาชนะคนที่ออนแอกวานั่นจึงเปนแนวทางที่ถูกตอง หาก
เจาเอาแตพึ่งพาวาสนาเจาอาจประสบปญหาได เจาจะถูกสาบแชงไปชั่วนิรันดร”
น้ำเสียงของผูเฒามีความจริงจังที่หาไดยากแฝงอยู
อายฮุยสะดุงและตอบกลับอยางสุภาพวา “ศิษยจะจดจำใสใจ”
ผูเฒา พอใจกับ ทาทีของอายฮุย และกล า วต อ ช า ๆ “เอาละ เราพู ดข อ เสี ยมา
พอแลว มาพูดถึงขอดีกันดีกวา”
เมื่ออายฮุยไดยินคำวา “ขอดี” เขาก็ชะงักไปแวบหนึ่งกอนที่จะเอยถามอยาง
ตื่นเตน “อยาบอกนะวา เรื่องนี้ก็มีขอดีดวย”
“แนนอน” ผูเฒากลาวตอ “เจาลองคิดดูสิวา เจามีพลังธาตุจำนวนมาอยูภายใน
กาย แลวมันจะไมมีประโยชนเลยสักนิดไดอยางไร ปกติแลวเจามีพลังงานธาตุมหาศาล
อยางนั้นหรือ ยิ่งไปกวานั้น มันยังเปนพลังธาตุที่มีความบริสุทธิ์สูงอีกดวย”
“แตขาไมอาจใชมันได” อายฮุยตอบกลับไปดวยสีหนาสับสน
ผูเฒาตอบกลับอยางหมดความอดทน “ความฉลาดของเจาหายไปไหนหมด ปกติ
เจาคิดบางอยางออกเสมอนี่”
“ทานอาจารยคิดหาทางแกไขไดแลวหรือ” อายฮุยกาวไปขางหนาและมองไปยัง
อาจารยของเขาดวยคิ้วที่ขมวดมุน
“ไมอยางนั้นขาจะเปนอาจารยเจาไดอยางไร” ผูเฒาตอบดวยสีหนาพึงพอใจใน
ตัวเอง “พูดงายๆ วาพลังงานธาตุในรางกายของเจามันอัดแนนจนเกินไป หากเรา
สลายมันในทันที คลังชีวิตของเจาคงจะระเบิดออก เจารูจักศิลาปราณในยุคสมัยแหง
การบำเพ็ญตนหรือไม”
“ขอรับ ขาเคยไดยินมา” อายฮุยตอบตามจริง
“ศิลาปราณอันที่จริงแลวก็คือพลังวิญญาณที่ถูกบีบอัดจนถึงจุดสูงสุดกอนที่จะทำ
ใหเปนผลึกแข็ง มวลพลังงานธาตุในรางกายของเจาก็คอนขางจะเหมือนกับศิลาปราณ
มีคนจำนวนมากพยายามที่จะสรางศิลาพลังธาตุขึ้นมาแตก็ไมสำเร็จ ในทางตรงกัน
ข า ม เจ า กลั บ สามารถทำมั น ขึ ้ น มาได ด  ว ยความโชคดี อ ย า งน า เหลื อ เชื ่ อ ลอง
จินตนาการดูวา มวลพลังงานธาตุนี้เปนศิลาพลังธาตุระดับสูงดูสิ คิดเชนนี้แลวเจารูสึก
วาตัวเองชางยอดเยี่ยมใชไหมละ”
อายฮุยตอบอยางซื่อสัตย “ไมเลย”
“ไมหรือ” ดวงตาของผูเฒาเบิกกวางขึ้น “ดวยระดับพลังของเจาในตอนนี้ มวล
พลังธาตุนี้จะไมมีวันถูกใชจนหมดไปและยังฟนฟูพลังไดดวยตัวเอง นั่นมันไมยอดเยี่ยม
หรือไร”
“แตขาใชมันไมไดนี่” อายฮุยตอบตามขอเท็จจริง
“ใครบอกวาเจาไมสามารถใชมันได” ผูเฒาเกือบจะคลั่งดวยความโกรธกอนที่จะ
สวนกลับมาวา “ถาอยางนั้นแลวขามัวแตทำอะไรอยู”
อายฮุยประหลาดใจและถามดวยสีหนาตื่นตระหนกวา “อาจารยไมไดบอกวานั่น
เปนวิธีรักษาหรอกหรือ ขานึกวามันเปนการเอามันออกไปหรืออะไรทำนองนั้น”
“นั่นมันงายเกินไป” ผูเฒาตอบดวยทาทางสงางาม
อายฮุยกลืนน้ำลายลงคอ
ทำไมเขาถึงรูสึกผิดขึ้นมาได
บทที่ 80 ถุงมือและผาพันแผลโลหิต
“ก็มันเปนเรื่องที่ชวยไมไดนี่นะ” ผูเฒาไอเบาๆ
ไดยินคำพูดเหลานี้แลวอายฮุยก็รูสึกสบายใจขึ้นมาทันที
“พลังงานธาตุถูกบีบอัดจนถึงขีดสุด และหากมันแตกออก คลังชีวิตของเจาก็จะ
ถูกทำลาย นี่คือสาเหตุที่เราตองพยายามปองกันไมใหมันพังลง หรือเจาอาจลองคิดวา
มันเปนภูเขาน้ำแข็งที่เจาตองคอยๆ ละลายมันทีละเล็กทีละนอย เนื่องจากระดับพลัง
ของมันสูงมาก แคละลายออกมาเพียงสวนเสี้ยวเล็กๆ ก็สามารถใชเปนพลังงานได
ยาวนาน อยางไรก็ตาม ขั้นตอนการละลายนั้นไมสามารถทำไดโดยงาย เพียงแคตอง
ใชอุปกรณพิเศษบางอยางแบบนี้ เออ...ขาลืมชื่อของมันไป” ผูเฒามีสีหนาแปลกไป
“พลังงานธาตุในกายของเจามีพลังดึงดูดเหมือนกับวามันเปนแมเหล็ก นั่นเปน
อุปสรรคที่ใหญที่สุดของเรา เพราะมันเปนการยากมากที่จะเอาชนะแรงดึงดูดแบบนี้
ได แตถาหากเราตองการที่จะละลายแคสวนเล็กๆ เชนนั้นก็ยังพอจะเปนไปได เจา
สังเกตเห็นเถาวัลยนั่นไหม มันสามารถสรางพลังธาตุไมที่ทรงพลังได และเมื่อธาตุทอง
ทำลายธาตุไม พลังธาตุไมจะดึงดูดพลังธาตุทองไดเปนอยางดี และควบคุมมวลพลัง
บางสวนได ซึ่งสวนนั้นก็คือพลังธาตุทองที่เจาสามารถควบคุมได”
หลังจากฟงผูเฒากลาว ก็พอจะเขาใจสิ่งที่เกิดขึ้นไดคราวๆ “แสดงวาเราจะใช
พลังงานธาตุไมเปนเหยื่อ เพื่อดึงเอาพลังงานธาตุทองออกมาจากมวลพลังใชหรือไม”
“ใชแลว เจาเขาใจแลวสินะ” ผูเฒาพยักหนา “เราเริ่มกันไดหรือยัง”
อายฮุยพยักหนาอยางไมลังเล “ไดเลย”
ถึงแมวาเวลาไมกี่วันที่ผานมานั้นสะดวกสบาย แตการที่เขาไมไดทำการฝกฝนทำ
ใหเขารูสึกขาดอะไรบางอยางไป เขาไดทุมเทชีวิตใหกับการเปนผูใชพลังธาตุ และการ
ฝกฝนก็เปนสวนที่ขาดไมได
เมื่อสวมชุดเกราะทองแดงเสร็จแลว เขาก็สวมหมวกทองแดงขนาดใหญไวบน
ศีรษะทำใหระยะสายตาแคบลงและโลกรอบกายพลันเงียบสงัด
เขาไดยินเสียงหัวใจของตัวเองเตนอยางแข็งแรงและมั่นคง
เถาวัลยบนชุดเกราะทองแดงสวางขึ้นทีละเสน ทอแสงเจิดจาไปทั่วทั้งลาน
สายตาของผูเฒาคมกลาขึ้น เขามองไปที่อุปกรณควบคุมในมือเปนครั้งคราว
มวลพลังงานภายในรางกายของอ ายฮุ ยเริ ่ มเคลื ่ อนไหว ทำให เขารู  สึกอึดอัด
สำหรับเขามันเหมือนกับมีสัตวประหลาดขนาดยักษอยูภายในกายที่ออนดอยกวา
อยางเห็นไดชัดของเขา ตอนที่สัตวประหลาดนั่นอยูเงียบๆสงบสุข เขาก็ไมรูสึกอะไร
แตเมื่อมันเริ่มเคลื่อนไหวอายฮุยก็รูสึกวารางกายของเขาเหมือนจะถูกฉีกกระชาก
ออกเปนชิ้นๆ ไดทุกเมื่อ
รอยฉีกขาดเริ่มปรากฏขึ้นบนคลังชีวิตของเขา
มันคือชวงเวลาที่อายฮุยรับรูวาพลังงานธาตุภายในรางกายของเขานั้นนาหวาดกลัว
เพียงใด แคการเคลื่อนไหวเพียงเล็กนอยของมวลพลังนั้นก็ทำใหเขาบาดเจ็บแลว
มันเหมือนกับอายฮุยอยูกลางทะเลที่พายุโหมกระหน่ำ กระเด็นกระดอนไปใน
คลื่นอันบาคลั่ง
โลกของเขาหมุนควาง ภาพเบื้องหนามืดลง สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนราง
ผูเฒาที่ยืนอยูขางนอกก็เริ่มกังวลเชนเดียวกัน เถาวัลยบนเกราะทองแดงเริ่มออน
แสงลงทีละเสน และภายในเวลาชั่วพริบตา หนึ่งในสามก็ดับลง ผูเฒารีบดึงเถาวัลยที่
ดับแสงลงอยางรวดเร็ว
“พยายามเขา!” เขาพึมพำกับตัวเอง
เถาวัลยเรืองแสงดับลงทีละเสนตามเวลาที่ผานไป ผูเฒาก็ดึงเถาวัลยที่ดับแลวลง
อยางตอเนื่อง
ครึ่งชั่วโมงตอมา เถาวัลยเสนสุดทายก็ดั บลง ผูเฒาเปดเสื้อ เกราะออกอย า ง
รวดเร็ว ไอน้ำ รอ นๆ พวยพุงออกมาจากภายในชุ ดเกราะ อ า ยฮุ ย หมดสติ ไปแลว
ใบหนาของเขาขาวซีด เมื่อตอนที่ชายสูงอายุดึงตัวอายฮุยออกจากชุดเกราะ รางกาย
ของชายหนุมเปยกชุมไปดวยเหงื่อราวกับเขาเพิ่งออกมาจากบอน้ำ
ผูเฒาตรวจสอบมวลพลังธาตุภายในตัวอายฮุย เมื่อผูเฒาพบวามวลพลังธาตุกำลัง
เสถียรขึ้นเรื่อยๆ เขาก็รูสึกสบายใจขึ้นมาในทันที
เมื่อตอนผูเฒาดึงเถาวัลยที่ดับแสงเสนสุดทายออก เขาก็ดูประหลาดใจพอสมควร
เถาวัลยสีเขียวซีดดูธรรมดาไรซึ่งลวดลาย มันออนและเรียบเหมือนกับมีใครบาง
คนใชกระดาษทรายขัดเอาไว
มันคือเถาวัลยกระบี่
……
สามวันตอมา
อายฮุยกำลังเลนเถาวัลยกระบี่
หลังจากนอนสลบอยูหนึ่งวันเขาก็ตื่นขึ้น ผูเฒาทำเพียงแคโยนเถาวัลยนี้ใหกับเขา
เถาวัลยกระบี่มีพื้นผิวออนนุมแตก็มีความทนทานสูง เมื่อถูกขัดมันจะใหผิวสัมผัสที่
เรียบเนียน เถาวัลยกระบี่ไดชื่อนี้มาจากการที่มันถูกนำไปใชเปนวัตถุดิบในการผลิต
ดามจับของกระบี่คุณภาพสูง
อาจารยบอกวานี่เปนเถาวัลยที่เหมาะกับเขาที่สุด
อายฮุยรูสึกวาชะตาของเขาผูกพันธกับกระบี่ จนถึงตอนนี้เขาพบเจอกับคัมภี ร
กระบี่ การฝกกระบี่ ตัวออนกระบี่ และตอนนี้ก็มีเถาวัลยกระบี่ เปนไปไดหรือไมวาเขา
เกิดมาเพื่อเปนมือกระบี่
อายฮุยกำลังเลนเถาวัลยกระบี่อยูอยางเกียจคราน
จูๆ ก็เห็นอาจารยหญิงกับศิษยพี่หมิงซิ่วเขามาอยางฉับพลัน เขาลุกขึ้นยืนอยาง
รวดเร็วและเอยทักทาย “อาจารยหญิง! ศิษยพี่หมิงซิ่ว!”
หันอวี้ฉินไมคาดคิดวาอายฮุยจะเรียกนางวาอาจารยหญิง นั่นทำใหนางยิ้มออกมา
อยางชวยไมได “เด็กดี”
ความเปนปรปกษในอดีตสลายหายไปในอากาศในทันที
หมิงซิ่วยิ้มใหอายฮุยอยางสุภาพ
เมื่อเห็นผูเฒาเดินเขามา รอยยิ้มบนใบหนาของหันอวี้ฉินก็หายไป และกระแอมเบาๆ
ดวยความเคยชินกับพฤติกรรมนาขันของภรรยาเขาจึงไมใสใจและกลาววา “เจา
ทำเสร็จแลวหรือยัง”
“เอามันออกมา” หันอวี้ฉินสั่งหมิงซิ่ว
หมิงซิ่วหยิบถุงมือไรนิ้วสีเขียวซีดและมอบมันใหกับอายฮุย “ศิษยนอง ลองใสดู
มันคือถุงมือเถาวัลยกระบี่ที่อาจารยหญิงของเจาใชเวลาสรางถึงสามวันโดยไมหลับไม
นอน”
ไดยินดังนั้นอายฮุยก็สังเกตเห็นความออนลาและดวงตาที่แดงก่ำบนใบหนาของ
อาจารยหญิง “ขอบคุณอาจารยหญิง” เขากลาวดวยความรูสึกขอบคุณอยางจริงใจ
“เปนเด็กดีจริงๆ” หันอวี้ฉินเอยชมอายฮุยอยางเปนกันเอง หลังจากนั้นน้ำเสียงก็
เปลี่ยนไป นางพูดเสียงเย็นชา “เปนศิษยที่ดีกวาอาจารยมากนัก อยางนอยเขาก็เปน
หวงอาจารยหญิง ไมเหมือนบางคนไมเคยใสใจขาเลย”
ผูเฒากระแอมกระไอเบาๆ ดวยความเขินอาย “ขาก็แคยังไมไดเอยมันออกมา
เทานั้น ขอบคุณสำหรับการทำงานอยางหนักของเจา”
หันอวี้ฉินเชิดหนาใสอยางไมสนใจ
ในตอนที่อายฮุยกำลังจะใสถุงมือ หันอวี้ฉินก็หยุดเขาไวเสียกอน “เดี๋ยวกอน พัน
ผาพันแผลนี่กอน”
“ผาพันแผล” อายฮุยชะงัก
หันอวี้ฉินนำกลองสัมฤทธิ์โบราณออกมาและสงใหอายฮุย
เมื่อผูเฒาเห็นกลองสัมฤทธิ์ดวงตาของเขาก็เบิกกวาง “นั่นคือผากลั่นโลหิตหรือ”
หันอวี้ฉินสงเสียงออกมาเบาๆ เปนการยืนยัน แตใบหนานั้นมีรอยยิ้มลำพองใจที่
ไมอาจปกปดไวได
อายฮุยเปดกลองสัมฤทธิ์ปลดปลอยจิตสังหารที่พุงเขาปะทะใบหนาของเขา กลิ่น
ของเลือดครอบงำตัวเขา แตลมหายใจตอมากลิ่นนั้นก็หายไปราวกับวากลิ่นเมื่อครูนี้
เปนเพียงอาการหลอน ตัวผานั้นเปนของโบราณอยางเห็นไดชัด แตรอยเลือดที่แหง
กรังอยูบนผานั้นเกิดขึ้นไมนานขนาดนั้น
“ขาคนพบผากลั่นโลหิตโดยบังเอิญในอดีตที่ผานมา มันนาจะเปนสิ่งประดิษฐจาก
ยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน ขาไมรูวามันเปนของสำนักโลหิตอะไร แตเห็นไดชัดวามัน
ไมใชสิ่งประดิษฐดั้งเดิม อยางไรก็ตามการที่มันไมเนาเสียแมวาจะผานไปหลายพันปก็
พิสูจนไดวามันเปนของที่ดีทีเดียว
ขาเองก็ไมรูวาเลือดบนผานั้นเปนเลือดของใคร แตมันแผจิตสังหารที่รุนแรงมาก
มันออกจะปาเถื่อนเกินไปสำหรับขาและหมิงซิ่วที่จะใช ดังนั้นพวกเราจึงไมเคยแตะ
ตองมัน”
“อาจารยของเจาไมไดใหของขวัญอะไรเจาแมแตชิ้นเดียวตอนที่เขารับเจา เปน
ศิษย ขาไดตัดฝากลั่นโลหิตออกเปนสองชิ้น นำมันมาทำเปนผาพันแผลสองชิ้น แมวา
มันจะไมเหมาะที่จะใชรักษาแผล แตก็มีประโยชนมากในการปองกัน โดยเฉพาะอยาง
ยิ่งตอนที่รางกายของเจายังออนแอ ดวยผาพันแผลโลหิตสองผืนนี้ มันจะชวยปองกัน
เจา จากอาวุธ ใดๆ ที่จ ะเขา มาทำร า ยเจ า มั น จะช ว ยต า นทานการโจมตี บ างสวน
ปองกันไมใหเจาหมดสติ หลังจากนี้หมิงซิ่วจะสอนเจาถึงวิธีพันผาพันแผลนี้”
หันอวี้ฉินอธิบายดวยน้ำเสียงสุภาพ
รอยยิ้มกวางปรากฏบนใบหนาของผูเฒาและตะโกนวา “เจามัวรออะไรอยู รีบ
ขอบคุณอาจารยหญิงเสียสิ”
อายฮุยรูสึกซาบซึ้งและโคงคำนับอยางจริงใจ “ขอบคุณ อาจารยหญิง!”
ความรูสึกที่ไมคุนเคยคลายความอบอุนแหงแสงอาทิตยสาดสองตองรางของเขา
บทที่ 81 ผูกลาสามนาที
ทักษะการพันแผลของศิษยพี่หมิงซิ่วทำใหอา ยฮุยประหลาดใจ นางเคยบอกกอน
หนานี้วานางมีความรูดานการแพทยเล็กนอยซึ่งไดรับการถอยทอดมาจากพี่ชายผูเปน
แพทยของนาง
ทวาเทาที่ดูแลวความรูทางการแพทยของนางไมไดเล็กนอยอยางที่นางบอก อันที่
จริงมันคอนขางลึกซึ้งดวยซ้ำไป
นางเริ่มพันผาพาดบาของเขาไลตามหัวไหลและแขนไปจนถึงขอมือ สุดทายแลวก็
ผูกผาพันแผลเปนปมบนถุงมือเถาวัลยกระบี่ ดวยวิธีนี้ ผาพันแผลจะพันทั้งสองแขน
อยางสมมาตรกัน
ผาพันแผลโลหิตนั้นยาวอยางนาเหลือเชื่อ ยาวพอที่จะพันทุกสวนที่จำเปนเอาไว
ไดทั้งหมด
อายฮุยรูวาตนดูเซอซาเพียงใดหลังจากทดลองทำเองดูมากกวาสิบครั้งกวาจะทำ
ไดสำเร็จ
เสร็จแลวเขาก็รูสึกถึงความเปลี่ยนแปลงไดทันที
จิตสังหารอันเย็นยะเยือกจากผาพันแผลแทรกซึมเขาสูรางกาย ชวยคลายใหมวล
พลังงานธาตุสงบลง อายฮุยรูสึกวารางกายของตนผอนคลายในทันที ความรูสึกปลอด
โปรงกลับคืนสูรางของเขาอีกครั้ง ดูเหมือนวาผาพันแผลโลหิตที่รัดแนนนี้จะไมจำกัด
การเคลื่อนไหวของเขาแตกลับทำใหเขาปราดเปรียวมากขึ้น
“คราวนี้ลองคลายปมบนถุงมือ” หมิงซิ่วบอก
ดวงตาทุกคูจับจองไปที่อายฮุย โดยเฉพาะอยางยิ่งผูเฒาที่ดูคอนขางกังวล
อายฮุยหายใจเขาลึกกอนจะลงมือคลายปมบนขอมือขวา
มวลพลังงานธาตุในคลังชีวิตสั่นไหวกอนจะมีเสนใยพลังธาตุไหลออกมาและพุง
เขาสูมือขวาของเขาอยางรวดเร็ว
แมวาเสนใยพลังธาตุจะออนแอตามธรรมชาติ แตก็บริสุทธิ์อยางมาก มันไหลเวียน
ไปทั่วรางกายของเขาดวยความเร็วแสง มาถึงฝามือขวาของอายฮุยในทันใด และ
กอนที่เสนใยจะเจาะเขาไปในถุงมือเถาวัลยกระบี่ ก็หยุดลงอยางไมคาดคิดราวกับชน
เขากับกำแพงที่มองไมเห็น
ถุงมือที่สรางโดยปรมาจารยดานการเย็บปกชางรายกาจอยางแทจริง!
อายฮุยรูสึกยินดีอยางทวมทน เมื่อเขารูวาตนสามารถควบคุมเสนใยพลังธาตุนี้ได
ก็ยิ่งทำใหเขาตื่นเตนขึ้นไปอีก เขาพุงตัวไปอยางรวดเร็วราวกับผีสาง และไปปรากฏ
ขางตนสนตนสูงใหญที่ลานบาน
ครั้งลาสุดที่เขาฝก [มัจฉาสะบัดกาย] ก็ผานไปนานแลว แตในตอนนี้มันกลับถูกใช
ออกมาตามสัญชาตญาณ เขากระแทกตัวไปดานหลัง
เปรี๊ยะ!
ตนสนกวางขนาดสองคนโอบสั่นสะเทือน เศษไมกระจัดกระจายออกมาจากจุด
กระแทก สวนบนของตนไมหักออกและหลุดลอยไปในอากาศ
โครม!
ตนสนกระแทกเขากับกำแพงของลานบาน ฝุนผงคละคลุงอยูในอากาศ กำแพง
ยังคงตั้งตระหงานแตมีเศษไมปกอยูนับไมถวน
ทุกคนตื่นตะลึงดวยความหวาดกลัวหลังจากไดเห็นการโจมตีอันรุนแรงของอายฮุย
“ไอหนุมนี่เปนหมีหรือไร” ผูเฒาพึมพำ
อายฮุยที่ยืนอยูตรงตอไมก็ตื่นตะลึงไมตางกัน ไมอยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหนา
นั่นเปน [มัจฉาสะบัดกาย]จริงๆ หรือ
“ตอนนี้เจาคงรูถึงพลังของมันแลวสินะ” ผูเฒาไดสติและพูดออกมาดวยความ
ตื่นเตน “ถึงแมวามันจะเปนเสนใยเล็กๆ แตพลังธาตุคุณภาพสูงสามารถสรางพลังงาน
ไดมากกวาพลังธาตุคุณภาพต่ำ นี่ก็เปนอีกสาเหตุหนึ่งของการฝกฝน พลังธาตุที่เจาใช
ในตอนนี้นั้นเหนือกวาระดับพลังของเจามากนัก ผลประโยชนของมันคอนขางชัดเจน
ความสามารถในการตอสูของเจานั้นเพิ่มขึ้นอยางมาก รวมถึงรางกายของเจาก็จะ
แข็งแรงขึ้นดวย”
“หากถามวาทำไมพวกเราถึงตองมีถุงมือเถาวัลยกระบี่ นั่นเพราะเจาจะสามารถ
บังคับพลังธาตุไปยังฝามือได เปนประโยชนอยางมากในการเปดตำหนักที่ฝามือทั้งสอง
ของเจา รูสึกดีที่เปนยอดฝมือใชไหม เอาละ ในเมื่อเราพูดถึงประโยชนกันหมดแลว
เราก็มาพูดถึงขอเสียกันบาง”
อายฮุยหูผึ่งขึ้นมาทันที
เมื่อ เห็นสีหนา อันสงบของอายฮุ ย แทนที ่ จ ะเป น ตื ่ นเตน ยิ นดี ที ่ ไดรั บพลังอัน
แข็งแกรง ชายสูงวัยก็พยักหนานอยๆ
อายฮุยเหมาะสมที่จะเปนศิษยของเขาจริงๆ ความเปนผูใหญทั้งที่ยังอยูในวัยนี้
ชางหาไดยากยิ่ง
“ปญหาก็คือรางกายของเจาจะตองรับภาระหนักมาก ฟงนาสับสนหรือไม อันที่
จริงแลวมันก็ไมไดซับซอนอะไรหรอกนะ เมื่อเสนใยพลังธาตุโคจรชาๆ อยูในกายของ
เจา จะชวยในการฝกฝนของเจา อยางไรก็ตามในการตอสูนั้น พลังธาตุจะโคจรอยาง
รวดเร็วไปทั่วรางกาย ยิ่งพลังธาตุมีระดับสูงเทาไรมันก็ยิ่งโคจรเร็วเทานั้น ซึ่งมันจะทำ
ใหรางกายของเจาเหนื่อยลาอยางมาก หากแรงกดดันมากเกินไปรางกายของเจาก็จะ
บาดเจ็บอยางไมอาจเยียวยาได”
“ขาตอสูไดนานเทาไร” อายฮุยถามอยางสุขุม
ชายสูงวัยชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วและตอบวา “จากสภาพรางกายของเจาในตอนนี้
หากเจาตอสูไมนานเกินสามนาทีก็นับวาปลอดภัย”
“นั่นถือวาดีทีเดียว อยางนอยขาก็สามารถเปนผูกลาสามนาที” อายฮุยกลาว
เมื่อหันอวี้ฉินกับหมิงซิ่วไดยินคำวา “ผูกลาสามนาที” พวกนางก็หัวรอตอกระซิก
ออกมา
“เจาพูดถูก อยางไรก็ตามชวงเวลาที่วานี้ หากรางกายของเจาแข็งแกรงขึ้น ระยะเวลา
นี้ก็จะเพิ่มขึ้นเชนกัน เปาหมายหลักของเจาก็คือเปดตำหนักที่มือซายและมือขวาใหได
เมื่อเจาทำไดสำเร็จไมเพียงแคเจาจะสามารถใชพลังธาตุไดมากขึ้น แตยังสามารถใช
มันไดอยางปลอดภัยยิ่งขึ้นอีกดวย เจาตองจำใสใจเอาไววาถึงแมเจาจะมีผาพันแผล
โลหิตอยู แตมวลพลังงานธาตุในกายของเจานั้นก็ เหมือ นระเบิดเวลา หากมีอะไร
ผิดพลาดเกิดขึ้น รางกายของเจาก็จะระเบิดเปนชิ้นเล็กชิ้นนอยไดเลยทีเดียว” ผูเฒา
กลาว
ผลลัพธเชนนี้เปนสิ่งที่อายฮุยคาดเดาได เขายังคงรับฟงอยางใจเย็นเพราะเขารูวา
มันเปนเรื่องที่เลี่ยงไมได เขาไมใชพวกดาวโชคดีมาเกิด ไดอยางก็ตองเสียอยาง ไมเห็น
มีอะไรนาประหลาดใจ
ทุกคนในที่นี้คิดวาอายฮุยพูดเลนตอนที่เขาพูดวา “ผูกลาสามนาที” แตมันไมใช
อยางนั้น ถึงแมวาเวลาสามนาทีจะสั้น แตมันก็เพียงพอที่จะทำอะไรมากมาย การตอสู
อันที่จริงแลวตัดสินกันในชั่วพริบตา แมจะมีเวลาเพียงสามนาทีแตใชพลังอันแกรงกลา
ได อายฮุยยอมไมยอมเสียเวลาเปลาแมวินาทีเดียว เขาถามดวยสีหนาเยือกเย็น
“ขาควรฝกอยางไร”
“เจาไมจำเปนตองไปเจดียเสวียนจินอีกนานเลยละ” ชายสูงวัยลอเลนกอนที่จะ
พูดดวยสีหนาจริงจังวา “การฝกของเจามีปญหาที่สำคัญมากอยางหนึ่ง เสนใยพลัง
ธาตุไมอ าจกลับ คืนสูคลังชีวิตได ไม อ ย า งนั ้ น มั น จะถู กดู ดซั บกลั บ ไปรวมกับมวล
พลังงานธาตุอีกครั้ง”
ไดยินอยางนั้นอายฮุยที่เคยสงบก็พลันเสียทาที เขาถามวา “เชนนั้นขาควรจะฝก
อยางไร”
พื้นฐานการฝกฝนคือการควบคุมพลังธาตุโดยใชวงโคจรไหลเวียน ซึ่งคลังชีวิตเปน
ทั้งจุดเริ่มตนและจุดสิ้นสุดของวงโคจร หากพลังธาตุไมอาจกลับไปสูคลังชีวิตแลวเขา
จะฝกอยางไร
ชายสูงวัยยิ้มแลวตอบวา “ขาหาทางแกไขปญหานี้ไดแลว ก็งายๆ เราจะไมใชวง
โคจรไหลเวียน”
“ไมใชวงโคจรไหลเวียนเชนนั้นหรือ” อายฮุยคิดวาตัวเองฟงผิดไป
หันอวี้ฉินกับหมิงซิ่วก็แสดงความประหลาดใจเชนกัน
“ใชแลว ไมใชวงโคจรไหลเวียน” ชายสูงวัยกลาวโดยไมลังเล
“วัตถุประสงคของวงโคจรไหลเวียนคืออะไร เพื่อทำใหพลังธาตุบริสุทธิ์และดูดซับ
มันใชไหม ในตอนนี้พลังธาตุในตัวเจาไมจำเปนตองทำใหบริสุทธิ์อีกแลวเพราะมัน
บริสุทธิ์มากตามธรรมชาติอยูแลว ยิ่งไปกวานั้นมันก็มีเหลือเฟอ ในตอนนี้สิ่งที่เจาตอง
ทำก็คือทำใหรางกายแข็งแกรงขึ้นโดยเฉพาะอยางยิ่งที่ฝามือทั้งสองของเจา”
“มีเงื่อนไขอยูสองอยางในการเปดตำหนักที่มือซายและมือขวา อยางแรกทำให
มือของเจาไวตอพลังธาตุ อยางที่สองก็คือมีพลังธาตุใหมากพอ พลังธาตุที่เจามีนั้น
บริสุทธิ์ตามธรรมชาติอยูแลว แตปริมาณที่เจาควบคุมไดนั้นนอยเกินไป จึงไมเพียง
พอที่จะเปดตำหนักที่มือทั้งสอง”
อายฮุยรูสึกวาสิ่งที่อาจารยกลาวนั้นสมเหตุผล แตเขาก็ถามขึ้นอยางชวยไมได
“แลวขาตองทำอยางไรกันแน”
“เรื่องนี้เจาตองพึ่งอาจารยหญิงของเจา” ตาเฒายิ้ม
“พึ่งขา” หันอวี้ฉินเอยอยางงุนงง ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปนประกายเมื่อคิด
บางอยางขึ้นมาได “นี่เจากำลังจะบอกวา...”
บทที่ 82 การรักษาพยาบาลของโหลวหลาน
“อายฮุยรูสึกอยางไร”
โหลวหลานที่ยืนอยูดานขางถามอยางหวงใย
ตามจริงแลวอายฮุยก็ตองการเริ่มการฝกใหเร็วที่สุด แตอาจารยหญิงกลับบอกวา
นางตองการเวลาเตรียมตัวสองสามวันและยังขาดสิ่งของบางอยางที่จำเปน ในเวลา
เดียวกันอาจารยก็ทำตัวลึกลับ ประหนึ่งวาการฝกนี้คอนขางจะพิเศษ แตกระนั้นเมื่อ
เทียบกับอาจารยผูภาคภูมิในตัวอาจารยหญิ งผู ใจรอ นของเขาแลว ตัวอายฮุยนั้น
คอนขางผอนคลายกับการฝกนี้
ทำไมเขาตองไปคิดมากดวย ทำไมเขาถึงไมมั่นใจในตัวอาจารย
เมื่ออายฮุยรูตัววาตนมีความคิดเชนนั้น ก็รูสึกละอายและสำนึกผิด เขานั่งคิดอยู
นานวาทำไมเขาถึงไดคิดอะไรพรรคนั้น
สองสามวันหลังจากนั้น อายฮุยไปเขาเรียนตามปกติเนื่องจากเขาไมอาจฝกฝนได
ทำใหเขารูสึกกระตือรือรนตลอดคาบเรียน สิ่งเดียวที่เขาเสียดายคือเขาไมพบกับเพื่อน
รวมชั้นปงหวาน เลยไมสามารถเรียกรองคาเสียหายที่หมอนั่นทำไวกับเขาได
หลังจบคาบเรียนอายฮุยก็กลับมายังโรงฝก โหลวหลานที่รออยูอยางกังวลก็เรงรุด
อยางลุกลี้ลุกลน
อายฮุยอยากจะรูขีดจำกัดปจจุบันของตัวเอง เมื่อมีโหลวหลานที่มีความเชี่ยวชาญ
ในการรักษาอยูขางกายเชนนี้ อายฮุยก็ไมตองกังวลวาจะเกิดอุบัติเหตุไมคาดคิดขึ้น
“สามนาทีครึ่ง”
อายฮุยที่นอนอยูบนพื้นรูสึกมี ความสุ ข เขาสามารถใชพ ลั งธาตุ ได มากกว า ที่
อาจารยคาดไวถึงครึ่งนาที สำหรับคนอื่นเวลาที่เพิ่มขึ้นมาสามสิบวินาทีนั้นอาจทำได
แคหายใจไมกี่ครั้ง แตกับอายฮุยแลว เวลาสามสิบวินาทีที่เพิ่มขึ้นมานี้ทำใหเขาโจมตี
เพิ่มไดอีกสองสามครั้ง
“การโจมตีของอายฮุยคอนขางรุนแรง” โหลวหลานวิเคราะหดวงตาสองประกาย
แสงสีเหลื อ ง “การโจมตีปกติของอ ายฮุ ยเที ยบได กั บระดั บของพวกที ่เป ดไดสอง
ตำหนัก กระบวนทา [มัจฉาสะบัดกาย] นับวามีพลังโจมตีรุนแรงที่สุด เมื่อประเมิน
แลวก็นาจะเทียบเทาพลังสังหารของระดับสามตำหนัก โหลวหลานไมมีขอมูลมากพอ
จึงไมสามารถเปรีย บเทีย บไดอ ยา งแม น ยำ ร า งกายอ า ยฮุ ย นั ้ น โดดเด น ช ว ยเพิ่ม
ความสามารถในการตอสูไดมาก”
การประเมินของโหลวหลานคอนขางแมนยำ เกือบจะเทียบเทากับการประเมิน
ของตัวอายฮุยเอง
ระหวางเวลาสามนาทีครึ่ง แมวาระดับพลังของอายฮุยจะเทียบเทาระดับสอง
ตำหนัก ความแข็งแกรงในการตอสูของเขากลับสูงกวาระดับนั้น นอกเหนือจากทักษะ
การตอสูที่ยอดเยี่ยมและประสบการณแลว รางกายอันยอดเยี่ยมก็มีบทบาทสำคัญใน
การเพิ่มความสามารถในการตอสูของเขา
พลังธาตุระดับสูงทำใหเขาพัฒนา [หนังทองแดง] ไดสำเร็จ
[หนังทองแดง] ชวยพัฒนารางกายเขาไดมาก
ความแข็งแกรงและปฏิกิริยาตอบสนองก็ดีขึ้นเปนเทาตัว รางกายทนทานมากขึ้น
กระบี่หญาที่ไมผานการปรับปรุงไมอาจสรางรอยบาดใดๆ บนผิวเขาได
นั่นหมายความวาตอใหเขาไมมีพลังธาตุ พลังพื้นฐานของเขาก็เทียบเทากับระดับ
สองตำหนัก
การพัฒนารางกายใหแข็งแกรงขึ้นนั้นเปนขั้นตอนที่ยากเย็น ทวาหากผูใดทำ
สำเร็จก็จะเพิ่มความสามารถในการตอสูไดเปนอยางมาก
เหมือนกับพลังของ [มัจฉาสะบัดกาย] ที่ทำใหอายฮุยรูสึกยินดี
[มัจฉาสะบัดกาย] เปนทักษะสำหรับหลบหนี โดยปกติแลวจะใชในการหลบหนี
จากการถูกจับตัว ไมเหมาะแกการสรางความเสียหาย อายฮุยใชทานี้ระหวางการตอสู
โดยบังเอิญและคนพบวามันเปนทักษะที่ยอดเยี่ยมในการตอสู เขาสามารถฝกทักษะนี้
จนช่ำชองถึงจุดที่เรียกไดวาสมบูรณแบบระหวางที่ฝกอยูภายในเจดียเสวียนจิน
นอกจากอา ยฮุย แลว คงไมมีใ ครเสี ย เวลามากมายมาฝ ก ทั ก ษะหลบหนี ท ี ่ มี
ขอจำกัดในการใชเชนนี้
กระนั้นก็ตาม มันเชื่อมโยงกับประสบการณในอดีตของอายฮุยได เขาเปนคนที่
พิถีพิถันและออนไหวอยางมากตอทุกรายละเอียดที่เกี่ยวของกับการตอสู เขาสามารถ
รับรูไดถึงพลังที่เพิ่มขึ้นไดอยางแมนยำ ในอดีตเขาตองมองหาจุดออนในการปองกัน
ของฝายตรงขามกอนที่จะใช [มัจฉาสะบัดกาย] แตในตอนนี้หากฝายตรงขามพยายาม
ปองกันทา [มัจฉาสะบัดกาย] ตรงๆ จะตองไดรับบาดเจ็บอยางแนนอน
เศษไมกลุมใหญที่จมลึกลงไปในกำแพงลานบานของอาจารยเปนตัวอยางที่เห็นได
ชัดของพลังทำลายของ [มัจฉาสะบัดกาย]
การตอสูนั้นคอนขางซับซอน แตถึงอยางนั้นความแข็งแกรงก็ยังเปนสวนที่สำคัญ
ที่สุด เมื่อคนที่มีพลังพื้นฐานอยูที่ระดับสี่ตำหนัก ตอสูกับคนที่มีพลังพื้นฐานอยูที่ระดับ
สองตำหนัก แมวาจะไมอาจพูดไดวาฝายแรกจะชนะไดเปนมั่นเปนเหมาะ แตโอกาสที่
จะชนะก็มากกวาอยางแนนอน คนที่แข็งแกรงกวายอมถือไพเหนือกวา ซึ่งนั่นทำให
เขาอยูในสถานะที่ไดเปรียบในการตอสู
ตอนนนี้ถาอายฮุยตอสูกับนักเรียนทั่วไปในสนามเหนี่ยวนำ เขายอมสามารถ
เอาชนะไดอยางงายดายเพราะเขามีประสบการณในการตอสูมากกวา
อยางไรก็ตามหากเขาออกไปจากสนามเหนี่ยวนำและเขาสูแดนรางในอนาคต ก็
ยอมมีผลที่ตางออกไปอยางแนนอน ที่นั่นเปนสถานที่ที่ทุกคนรูวิธีตอสูเพราะคนที่ไมรู
ลวนตายหมดแลว
ความแข็งแกรงคือทุกอยาง
และมีเพียงความแข็งแกรงเทานั้นที่ทำใหอายฮุยรูสึกปลอดภัยได
“โหลวหลาน ขาขยับตัวไมได” อายฮุยสงเสียงออกมาจากบนพื้น
ถึงแมวาเวลาสามนาทีครึ่งจะนาชื่นชมยินดี แตมันก็ทำใหรางกายของเขาออนแรง
ลงมาก มากกวาที่เขาคาดคิดเอาไว ตอนนนี้เขารูสึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค ก าย
ความสามารถในการตอสูของเขาสูญสิ้นไปจนหมด กลามเนื้อของเขาสั่นระรัว
“โหลวหลานมาแลว”
โหลวหลานกลายรางเปนคอนทรายขนาดยักษพรอมกับสงเสียงราเริง
“ตุบ! ตุบ! ตุบ!”
คอนทรายฟาดลงบนรางของชายหนุม อายฮุยรูสึกสบายจนสงเสียงครางออกมา
อยางชวยไมได “โอว! โอว! ใชแลว ใชแลว ตรงนั้นแหละ! แรงขึ้นอีก!”
หลังจากเสพสุขอยูพักหนึ่ง อายฮุยก็รูสึกวาเพียงพอแลว และสงเสียงขึ้นดังๆ
“โหลวหลาน เปลี่ยนทา”
“ไมมีปญหา”
โหลวหลานตอบรับอยางยินดีแลวก็เปลี่ยนสถาพเปนมือขนาดยักษสองมือกอนจะ
ลงมือนวดอายฮุยประหนึ่งนวดแปง
“แรงกำลังดี กดตรงจุดพอดี ทุกอยางชางพอเหมาะพอดี....”
อายฮุยรูสึกเหมือนวารางกายของเขาออนนุมราวกับแปงนวด เฉกเชนวาไมใช
รางกายของเขาอีกตอไป
หลังจากผานไปครูหนึ่ง โหลวหลานก็เปลี่ยนเปนวงลอทรายขนาดเล็กจนนวนมาก
กลิ้งไปมาบนรางของอายฮุย
“ฮาฮาฮา โอว....โหลวหลาน เจาก็นวดเปนกับเขานี่ ฮาฮาฮา จั๊กจี้...”
โหลวหลานเปลี่ยนกลับมาเปนรางเดิม เมื่อเห็นวาอายฮุยไดหลับไปแลวก็ลากตัว
อายฮุยไปที่น้ำพุรอนดานหลังลานบานแลวโยนเขาลงไป
อายฮุยตื่นขึ้นอยางงุนงง ดวงตาเบิกกวางกวาดมองไปรอบๆ กอนจะถอนหายใจ
ออกมาอยางโลงอกเมื่อเขามองเห็นโหลวหลาน
“ขาหลับไปจริงๆ สินะ”
อายฮุยรูสึกอับอายเล็กนอย โหลวหลานทุมเทอยางมากในการนวดใหเขา แลว
เขากลับหลับไปเสียอยางนั้น เยี่ยมไปเลย!
“ไมเปนไรหรอกอายฮุย” โหลวหลานตอบกอนจะถามวา “อายฮุย เราจะทำอะไร
ตอไป”
“ตอไปก็...” อายฮุยตองการจะบอกวางีบสักพัก แตเมื่อเห็นสายตาที่จองมองมา
อยางคาดหวังของโหลวหลาน เขาก็เปลี่ยนใจ “มีขาวอะไรเกี่ยวกับแมสาวรานบะหมี่
หรือเปลา”
“ไมมี” โหลวหลานสายหนา
เมื่ออายฮุยรูสึกวาความแข็งแรงของเขาคอยๆ ฟนคืนมาแลวก็รูสึกมีชีวิตชีวาขึ้น
“เชนนั้นเราก็ไปที่โรงฝกกันเถอะ”
อายฮุยตองการทำตามสัญญาที่ใหไวกับสาวนอยรานบะหมี่แมวาเขาแทบจะไมมี
หวังที่จะพบคนผูนั้นก็ตาม
“ไดเลยอายฮุย” โหลวหลานตอบอยางกระตือรือรน
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหนาของอายฮุยเมื่อเขามองเห็นทาทีดีใจของโหลวหลาน
โหลวหลานทำใหเขานึกถึงเจาอวน แตนิสัยของโหลวหลานดีกวามากนัก
เปนตุกตาทรายที่นารักจริงเชียว!
เจาอวน เจาบานั่นไมรูแมแตวิธีนวด
บอน้ำพุรอนชวยใหเขาฟนฟูเรี่ยวแรงอยางรวดเร็ว ผานไปครูหนึ่งเขาก็สามารถ
ฟนฟูเรี่ยวแรงเกือบทั้งหมดได
โดยสรุปแลวเขาสามารถสูไดเปนเวลาสามนาทีครึ่งซึ่งเปนขีดจำกัดของเขา เมื่อ
หมดเวลาเขาก็จะหมดหนทางที่จะปองกันตัวเอง นั่นทำใหคำกลาวของอาจารยที่วา
เวลาในการตอสูของเขาคือ สามนาที ฟงดูสมเหตุสมผลขึ้นมา เมื่อเทียบกับสภาพหมด
เรี่ยวแรงทั้งกายของเขาแลว การฟนฟูจากการหมดเรี่ยวแรงอันเนื่องมากจากการโคจร
พลังนั้นงายกวามากนัก
“โหลวหลาน มีอะไรที่ชวยฟนฟูเรี่ยวแรงของขาไดบางหรือไม” อายฮุยถามขึ้น
ในทันที
โหลวหลานเอียงคอคิดอยูครูหนึ่งกอนจะพยักหนา “มี อายฮุยลองดื่มน้ำแกงเติม
พลังดูสิ”
“มีอะไรที่ขาสามารถพกติดตัวไดหรือไม” อายฮุยถามตอ
โหลวหลานพยักหนาอีกครั้ง “ขาทำขนมปงกาน*ใหได”
“แพงหรือไม” อายฮุยถาม
“ไมแพงหรอก” โหลวหลานสายหนาและกลาวตอ “วัตถุดิบที่เกี่ยวกับพลังธาตุ
นั้นคอนขางแพง สวนวัตถุดิบที่เกี่ยวกับพลังกายจะมีราคาถูก เงินหาหมื่นหยวนก็
สามารถทำขนมปงกานไดเยอะแยะ แตอายฮุยจะรูวามันไดผลดีแคไหนก็ตอเมื่อกินมัน
แลวเทานั้น”
“ขาหาเงินจำนวนนั้นได โหลวหลานชวยทำขนมปงกานใหดวย” อายฮุยกัดฟนพูด
“ไมมีปญหา อายฮุย” โหลวหลานจากไปอยางยินดีที่จะไดชวยเหลืออายฮุยอีกครั้ง
เมื่ออายฮุยรูสึกวาเรี่ยวแรงของเขากลับคืนมา เขาก็ตะโกนออกมาอยางมีพลัง
“ไปโรงฝกกันเลย!”

*ปงกาน หมายถึง ขนมปงกรอบ


บทที่ 83 จูเหยี่ยนและเด็กสาว
“อันที่จริงแลว เจาไมจำเปนตองสนใจเรื่องความพายแพที่ผานมาเลย”
เด็กสาวพยายามปลอบโยนชายหนุมใสหนากากขางกาย นางรูสึกตื่นเตนมากเมื่อ
นางมองเห็นปา ยโฆษณา “การแข งขั น ป ดตาต อ สู  ” ข า งถนน หญิ งสาวมีใบหนา
ธรรมดา ดวงตาเปลงประกายมีรองรอยความขบขัน
“อาจารยเคยบอกวาตองลุกขึ้นยืนจากจุดที่เคยลม!”
เสียงที่ดังมาจากเบื้องหลังหนากากมีความเยือกเย็นแฝงอยู สามารถฟงออกได
จากน้ำเสียงวาพูดทั้งที่ยังกัดฟนอยู
“อีก ฝา ยไมย อมตอบสนองคำท าเจ า” หญิ งสาวยังคงโนมนา วตอ ไป “สนาม
เหนี่ยวนำกวางใหญเกินไป นักเรียนก็มีเยอะเกินไป ถาอีกฝายไมยอมเปดเผยตัวแลว
เจาจะหาเขาพบไดอยางไร”
“อาจารยบอกวาตองลุกขึ้นยืนจากจุดที่เคยลม!”
ชายหนุมในหนากากกลาวซ้ำคำเดิมผานไรฟน
เด็กสาวสายหนา ความหัวรั้นไมใชสิ่งที่ดี นางผายมือออกและถามวา “แลวเราจะ
ไปที่โรงฝกที่เจาไปครั้งกอนเชนนั้นหรือ”
“เจาพูดถูก!” ดวงตาของชายหนุมในหนากากเปยมไปดวยพลัง “อาจารยเคย
บอกวาตองลุกขึ้นยืนตรงจุดที่เคยลม”
เด็กสาววางมือแปะหนาผากมองอีกฝายอยางชวยไมได
เขาเคยเปนเด็กหนุมที่ราเริง แลวดูเขาตอนนี้สิ นี่คือสิ่งที่ยืนยันคำพูดที่วา จงคิด
ใหรอบคอบเวลาที่จะเลือกใครสักคนมาเปนอาจารย
จูเหยี่ยนตรงเขาเมืองซงเจียนไปโดยไมเหลือบมองเด็กสาว แตเมื่อกาวเขาสูถนน
ของเมืองซงเจียน เขาก็เกือบจะบาคลั่งขึ้นมาในทันที
ความทรงจำอันเจ็บปวดใหความรูสึกเหมือนกับวามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
เขาเก็บตัวฝกวิชาก็เพื่อเตรียมตัวสำหรับวันนี้
เขาตองลมไอหมอนั่นใหได!
จูเหยี่ยนกำหมัดแนนอยางควบคุมอารมณเอาไวไมได อาจารยเคยบอกวาตองลุก
ขึ้นยืนจากจุดที่เคยลม
“เจาไมกังวลวาเขาจะไมอยูที่นั่นหรือ” เด็กสาวถามอยางสบายๆ แตกอนที่จูเหยี่ยน
จะตอบนางก็เปลี่ยนคำถามอีกครั้ง “เจารูหรือไมวาตวนมูหวงฮุนอยูหองเรียนไหน”
ถึงแมวาจูเหยี่ยนจะครุนคิดเรื่องความพายแพของตน แตเขาก็ยังคงรับรูสิ่งที่
เกิดขึ้นรอบๆ ไดอยางดี
ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอยางขึ้นมาได “ขาก็สงสัยอยูวาเจาจะตามขามาทำไม ที่แท
ก็มาหาตวนมูหวงฮุนนี่เอง”
“ใชแลว!” เด็กสาวตอบดวยความมั่นใจ “ถาไมใชเพราะตวนมูหวงฮุน แลวขาจะ
มายังสถานที่สกปรกอยางนี้เพื่ออะไร ตวนมูหวงฮุน ขวัญใจคนใหมของขา เจารูไหมวา
เขาหลอเหลาเพียงใด เขาหลอกวาเจาเปนพันเทา!”
จูเหยี่ยนสงเสียง “หึ เด็กนอย!”
“อยาอิจฉาเขาสิ” ใบหนาของหญิงสาวเปลี่ยนเปนหลงใหลขึ้นมา “เจารูไหมวา
เขาโดงดังเพียงไร ถาขาตะโกนเรียกคนใหไปหาตวนมูหวงฮุนพรอมกับขา เด็กนักเรียน
สาวเกินกวาครึ่งจะเดินตามขาไปในทันที และที่สำคัญเขายังไมมีเจาของ”
จูเหยี่ยนไมสนใจนาง “ชางไมรูประสา!”
“หลังจากนี้ ถาเจาไมพบคนที่เจาตามหา เจาไปตามหาตวนมูหวงฮุนเปนเพื่อนขา
ไดหรือไม” เด็กสาวควาศอกของจูเหยี่ยนอยางออดออน
“ไม ขาจะตองหามันใหพบ” จูเหยี่ยนสายหนา
“เขาอาจจะยุงอยูก็ได ใครจะวางมาที่นี่และเขารวมการประลองปดตาตอสูไดทุกวี่วนั ”
เด็กสาวโต แตเมื่อมองเห็นแววตานากลัวของจูเหยี่ยนแลวก็รีบเปลี่ยนน้ำเสียงในทันที
“ก็อาจจะมา! ขาแคบอกวาเขาอาจจะไมวาง เขาใจไหม”
“ขาจะหามันใหพบ” จูเหยี่ยนพูดดวยสีหนายืนกราน “ขามีความรูสึกวามันกำลัง
รอขาอยู”
“จบแลว จบสิ้นแลว หมอนี่สิ้นหวังแลว!” ใบหนาของเด็กสาวกลายเปนหมดอาลัย
“เจาไมเขาใจ!” จูเหยี่ยนมองไปทางเด็กสาวอยางดูถูก
จูเหยี่ยนหยุดอยูหนาโรงฝกและมองดูตัวอักษรที่คุนตาบนแผนปายขางประตู
ภาพความทรงจำจากวันนั้นทวมทนจิตใจของเขา ความพายแพครั้งกอนยังคงชัดเจน
เขากำหมัดแนนและเดินเขาอาคารไปดวยสีหนามุงมั่น
“คือที่นี่อยางนั้นหรือ” เด็กสาวเขาใจในทันทีแลวกาวเขาไปอยางรวดเร็ว
ในจังหวะที่พวกเขาเขาไปในโรงฝกนั้น เด็กสาวก็จมอยูทามกลางเสียงอึกทึ ก
ครึกโครม แตนางกลับเปลี่ยนเปนตื่นเตนในเวลาตอมา ชางมีชีวิตชีวา สถานที่แหงนี้มี
ชีวิตชีวามากกวาโรงฝกในโรงเรียนของนาง ไมนาแปลกใจเลยวาทำไมถึงมีคนจำนวน
มากอยากมาที่นี่
จูเหยี่ยนเดินไปยังฝูงชนอยางมั่นคง
เด็กสาวลอบเดาะลิ้น ทันทีที่พี่เหยี่ยนมาถึงที่นี่ เขาก็เปลี่ยนไปอยางสิ้นเชิง ตอนนี้
ความตองการตอสูทวมทนไปทั่วกาย ลุกโชนราวกับเปนลูกไฟ นางไมเคยเห็นพี่เหยี่ยน
เปนแบบนี้มากอน
เห็นไดชัดวาความพายแพที่พี่เหยี่ยนไดรับนั้นสรางผลกระทบใหกับเขาไมนอย ใน
สายตาของนางพี่เหยี่ยนก็ไมตางจากพวกเด็กหนุมจากตระกูลชนชั้นสูงทั่วไปจนกระทัง่
ความพายแพในครั้งนั้น เขาดูเปลี่ยนไปเปนคนละคน
พี่เหยี่ยนในตอนนี้ไมใชคนเดิมที่นางเคยรูจัก
นางหวังวาพี่เหยี่ยนจะไดพบกับคนที่เอาชนะเขาได นางก็สงสัยเชนกันวาคนผูนั้น
หนาตาเปนอยางไร
เมื่อเด็กสาวมองไปรอบๆ ก็เห็นจูเหยี่ยนเดินตรงไปหาพนักงานและกลาววา
“ขาตองการเขารวมรอบตอไป”
หลังจากไดรับปายหมายเลขแลวจูเหยี่ยนก็หันไปหาเด็กสาว “หาที่นั่งรอกัน”
จูเหยี่ยนเดินตรงไปยังจุดพักเพื่อเตรียมสภาพรางกายและจิตใจใหพรอมในขณะที่
เฝารอใหรอบตอไปเริ่มขึ้น
เด็กสาวถูกทิ้งใหยืนงงแตหลังจากนั้นนางก็ไดสติกลับมา นางเดินตามจูเหยี่ยนไป
และตะโกนอยางโกรธเกรี้ยว “เจาทิ้งใหขาไวคนเดียวไดอยางไร เจาจะตองแพแนๆ!”
“ไม ขาจะชนะ!” จูเหยี่ยนตอบกลับไปดวยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “อาจารยบอกวา
ตองลุกขึ้นยืนจากจุดที่เคยลม”
“....” เด็กสาวหมดคำพูด
ในขณะเดียวกันอายฮุยก็เดินออกจากโรงฝกแลวสายหนา “ไมมีอะไรอีกแลว”
โหลวหลานปลอบเขา “อายฮุยอยาทอแทไป”
“ขาไมไดทอแท” เขาสายหนาอีกครั้ง เขาไมไดผิดหวังอะไรกับผลลัพธแบบนี้
เพราะมันก็ไมตางอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร
“อายฮุย เราจะทำอยางไรตอไป” โหลวหลานถาม
ตอไป...
อายฮุยนึกถึงทาทีคาดหวังของโหลวหลาน เขาก็รูสึกผิดขึ้นมาทันที กอนหนานี้
เขามัวแตยุงอยูกับการฝก จึงไมไดสนใจโหลวหลานเลยแมแตนอย แตโหลวหลานก็
ยังคงทุมเทอยางมากเพื่อชวยเขาทำความสะอาดโรงฝก เขาชางเปนตุกตาทรายที่แสน
ดีเสียจริง
“โหลวหลาน เจายังจำโรงฝกนั้นไดหรือไม” อายฮุยถามขึ้นมาในทันที
“โรงฝกที่พวกเราชนะการตอสูนะหรือ” ดวงตาของโหลวหลานเปนประกาย
นั่นเปนครั้งแรกที่เขามีสวนรวมในการตอสู แมวาโหลวหลานจะแพในชวงแรกแต
เขาก็สามารถชวยเหลืออายฮุยไดในที่สุด สำหรับโหลวหลานแลวนั่นนับเปนความทรง
จำที่งดงาม
“ใชแลว ที่นั่นแหละ โรงฝกนั้นมอบเงินรางวัลมากขึ้นอีก ตอนนั้นพวกเราได
รางวัลหาหมื่นหยวนใชหรือไม” ดวงตาของอายฮุยเปนประกาย เขาพูดดวยความ
มั่นใจเต็มเปยม “เนื่องจากพลังของขาเพิ่มขึ้นมาก ไมวาอยางไรขาก็ตองไดเงินมาทำ
ขนมปงกาน”
“ไดเลย! ไดเลย!” โหลวหลานราเริง
โหลวหลานคิดกับตัวเอง “ชวงเวลาที่ผานมา โหลวหลานไมไดขี้เกียจ หลังจากนี้
โหลวหลานจะทำใหอายฮุยตองตะลึงไดอยางแนนอน”
อายฮุยรูดีวาชัยชนะครั้งกอนนั้นไดมาเพราะโชคชวย แตครั้งนี้เขาตองการที่จะชนะ
ดวยความสามารถของตนเอง พลังที่แทจริงจะแสดงออกมาไดก็ตอเมื่อตอสูกันจริงๆ
สาเหตุที่เขาเลือกโรงฝกนี้ก็เพราะเขาสามารถพาโหลวหลานมาดวยได
ตั้งแตที่เขารับปากสาวนอยรานบะหมี่วาจะตามหาคนผูนั้นให อายฮุยก็เริ่มคุนเคย
กับโรงฝกตางๆ ในเมืองซงเจียน เขาหาโรงฝกที่ตองการพบไดอยางงายดาย
กอนที่อายฮุยจะเปดประตูเขาไป ก็ไดเอาหนากากขึ้นมาใส หันกลับไปและถามวา
“โหลวหลาน เจาพรอมหรือไม”
“โหลวหลานพรอมแลว” โหลวหลานพูดดวยความตื่นเตนอยางมาก
อายฮุยก็รูสึกตื่นเตนเชนเดียวกัน อาจเปนเพราะวาเขาไมไดตอสูมานานแลว
เมื่อเขาเปดประตูแลวเดินเขาไป เสียงเอะอะก็ปะทะใบหนาของเขา อายฮุยรูสึก
วารางกายของเขาฮึกเหิม เลือดเดือดพลาน
“เราจะเขารวมรอบตอไป” อายฮุยกลาวกับพนักงานที่เขาเดินเขาไปหา
พนักงานจองไปที่โหลวหลาน
“เขาเปนตุกตาทรายของขา” อายฮุยพูดอยางมั่นใจ
“เจาเคยมาที่นี่หรือไม” พนักงานไดสติก็มอบเสนใยของหญาหมอกวิญญาณให
“เจารูวิธีใชมันหรือไม”
“เรารู!” โหลวหลานหยิบหญาหมอกวิญญาณขึ้นมาเสียบลงบนศีรษะของเขา
อยางมั่นใจไมลังเลแมแตนอย
บนศีรษะของโหลวหลาน มีหญาหมอกวิญญาณที่แกวงไกวไปตามลม
บทที่ 84 เลอปูเหลิ่ง
กลาวตามตรง มนุษยนั้นเปนสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดและยอนแยง
เมื่อยามที่ตองตอสูทุกวันในแดนรางก็มองหาชีวิตที่สงบสุข ทวาเมื่อมาอยูใน
สนามเหนี่ยวนำที่ซึ่งสามารถใชชีวิตอยางสงบสุขไดแลวกลับมองหาโอกาสที่จะตอสู
อายฮุยรูสึกออนไหวเล็กนอยเมื่อเขากาวเขาสูสนามการปดตาตอสู
ชีวิตในสนามเหนี่ยวนำไมไดนาเบื่ออยางที่เขาคาดคิดไว ถึงแมวาชีวิตของเขา
อาจจะไมหวาดเสียวเชนตอนที่อยูในแดนราง แตก็ยังคงมีเรื่องราวตางๆ ที่ทำใหชีวิต
แตละวันของเขามีสีสัน
เขาคิดถึงผูคนที่เขาเคยพบและเหตุการณที่เคยไดประสบ โหลวหลาน อาจารย
อาจารยหญิง และศิษยพี่หมิงซิ่ว คนเหลานี้ลวนเปนมิตรและใจดี ชีวิตของเขาชางสงบ
และสุขสบาย พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอยางมากเชนกัน เขามีชีวิตอันสวยสดงดงาม
สนามประลองมืดสนิทจนไมอาจมองเห็นสิ่งใดได
อายฮุยอดรูสึกประหลาดใจไมได มันเหมือนกับวาลานประลองไดรับการยกระดับขึ้น
ครั้งกอ นโรงฝ กใชควันหมึกรัตติกาลและให ผู  เขา รว มใส หน ากาก สิ ่ งเหล า นั ้นไม
จำเปนตองใชอีกตอไป เขาเงยหนาขึ้นมองโลพลังธาตุดานบนและคิดวาโลนั้นคือการ
ยกระดับที่วานี้
การคาดเดาของอายฮุยถูกตอง ตั้งแตแนวคิดการปดตาตอสูถูกสรางขึ้น ก็มีการ
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาหลายครั้ง ในตอนนี้โรงฝกอาศัยการการปดตาตอสูเพื่อหาเงิน
พวกเขาเคนสมองเพื่อพัฒนาแนวคิดนี้ ทำใหแตกตางจากโรงฝกอื่นๆ
ไมมีอะไรที่เปนแรงบันดาลใจไปกวานี้อีกแลว
โรงฝกนี้ทำตามแนวคิดตนตำรับของการการปดตาตอสู พวกเขาสรางโลพลังธาตุ
ชนิดพิเศษที่เรียกวาวงโคงกลืนแสง เปนซุมโคงที่ดูดซับแสงทั้งหมดทำใหเหลือเพียงแต
ความมืดมิดอยูภายใน อยางไรก็ตาม ที่นั่งคนดูยังคงสามารถมองเห็นการตอสูภายใน
ไดอยางชัดเจน ยิ่งไปกวานั้น เพื่อใหมั่นใจวาคนดูมองเห็นไดชัดเจน ที่นั่งถูกจัดวางไว
กลางอากาศรอบลานประลอง
แนนอนวาที่นั่งที่สามารถมองเห็นการตอสูไดอยางชัดเจนนั้นตองจายเงินซื้อ
จูชิวนี นั่งอยูบนที่นั่งที่วานี้ อันที่จริงแลวนางซื้อที่นั่งที่ดีที่สุด ดวยอยากรูวาพี่เหยี่ยน
พัฒนาไปมากเทาไรหลังจากเก็บตัวฝกฝน แมวานางเบื่อที่จะฟงคำพูดของอาจารย
ของพี่เหยี่ยนที่วา “ตองลุกขึ้นยืนจากจุดที่เคยลม” แตนางก็เขาใจวาอาจารยของเขาผู
นี้เปนพวกคลั่งไคลการฝกฝน
เลอปูเหลิ่งไมไดมีชื่อเสียงในอูสิงเทียนมากนัก
เทียบกับไตกังอาจารยของตวนมูหวงฮุนแลว เลอปูเหลิ่งชื่อเสียงนอยกวามาก
เขาครองตัวเปนโสดมาตลอด ใชชีวิตอยางโดดเดี่ยว ไมมีความสำเร็จที่โดดเดน
อะไรเชนกัน เกียรติยศสูงสุดในชีวิตของเขาก็คือการไดรับเกียรติเปนหัวหนาหนวย
ทหารของหนวยเพลิงน้ำแข็งเปนเวลาสามป อยางไรก็ตามดวยความที่เขาเสพติดการ
ฝกฝนทำใหเขาไมใสใจกิจการของหนวยอยางสิ้นเชิง เปนผลใหเกิดการคว่ำบาตรของ
สมาชิก เขาเองก็รูสึกวาหนาที่หัวหนาเปนอุปสรรคตอการฝกฝน ดังนั้นเขาจึงออกจาก
หนวยทหารในเวลาตอมา
ชื่อเสียงที่โดดเดนที่สุดของเลอปูเหลิ่งก็คือการฝกฝนอันเขมงวดของเขา
มีขาววา ไตกังเคยกลาววาหากเขาทุมเทใหกับการฝกเพียงแคครึ่งเดียวของเลอปูเหลิ่ง
เขาอาจไดเปนปรมาจารยตั้งแตอายุสามสิบ
นี่แสดงใหเห็นไดอยางชัดเจนวาเลอปูเหลิ่งทุมเทใหกับการฝกฝนมากเพียงใด
อยางไรก็ตามไตกังเปนยอดปรมาจารยตอนอายุสี่สิบและเลอปูเหลิ่งยังไมไดเปน
ปรมาจารยดวยซ้ำ
ในอดีตเมื่อพี่เหยี่ยนเพิ่งทำความเขาใจ [ตาขายเพลิงแมงมุมฟาแปรผัน] เขาได
เปนผูเยาวที่โดดเดนที่สุดในสายตาของคนมากมาย นั่นเปนตอนที่เขาอยูในจุดสูงสุด
ไมมีใครคาดคิดวาผูนำตระกูลจะใหเลอปูเหลิ่งเปนอาจารยของพี่เหยี่ยน ในชวงเวลา
นั้นมีการคัดคานอยางเปนเอกฉันทตอการตัดสินใจของผูนำตระกูล ดวยความสัมพันธ
อันกวางขวางและอิทธิพลของตระกูล แมวาจะไมอาจทำใหจูเหยี่ยนเปนศิษยของยอด
ปรมาจารยได แตมันก็ไมยากเกินไปที่จะใหเขาเปนศิษยของปรมาจารยสักคน
ในที่สุดผูนำตระกูลก็โนมนาวทุกคนไดสำเร็จ
แตทวาเลอปูเหลิ่งกลับปฏิเสธจูเหยี่ยนอยางเหนือความคาดหมาย เหตุผลของเขา
ก็คือจูเหยี่ยนมีบุคลิกที่ออนแอเกินไปและไมเหมาะที่จะเปนศิษยของเขา ผูนำตระกูล
ตองขอรองออนวอนกวาเขายอมรับจูเหยีย่ นเปนศิษย แตหลังจากรับจูเหยี่ยนเปนศิษย
แลว เลอปูเหลิ่งก็ไมไดใสใจจูเหยี่ยนนัก ปลอยใหเขาทำอะไรก็ไดที่เขาอยากทำ
จูชิวนีไมเขาใจวาทำไมผูนำตระกูลถึงตองการใหจูเหยี่ยนเปนศิษยของเลอปูเหลิ่ง
ทั้งๆ ที่มีผูมีคุณสมบัติเหมาะสมอยูมากมายในอูสิงเทียน
นางรูสึกวาการประเมินของเลอปูเหลิ่งเกี่ยวกับจูเหยี่ยนนั้นถูกตอง
แตตอนนี้ พ ี่เหยี่ยนเปลี่ย นเปนคนละคนโดยสิ ้ นเชิ ง สำหรั บ จู  ชิ ว นี แล ว สิ ่ งที่
นาสนใจที่สุดก็คือการเก็บตัวของพี่เหยี่ยน จูเหยี่ยนเผลอหลุดปากออกมาวาการเก็บ
ตัวของเขานั้นเปนแผนการฝกของอาจารยของเขา
เมื่อจูชิวนีไดยินเรื่องนี้ นางก็ตื่นตะลึงเปนอยางมาก นางไมคาดคิดวาคนผูนั้นจะ
เปนคนวางแผนการเก็บตัวใหกับพี่เหยี่ยน ยิ่งไปกวานั้น นางไมคาดคิดวาพี่เหยี่ยนจะ
เห็นดวยกับแผนการเก็บตัวนี้
แตกอนพี่เหยี่ยนบนอยูเสมอวาการฝกฝนของเลอปูเหลิ่งนั้นบาคลั่งแคไหน เขา
รูสึกวาคนทั่วไปไมอาจทำตามระบบการฝกฝนของอาจารยเขาไดอยางแนนอน
นางเฝาภาวนาอยูในใจ
ขาหวังวาพี่เหยี่ยนจะไมกลายเปนเลอปูเหลิ่งคนที่สอง เลอปูเหลิ่งไมนาจะเรียกได
วาตนแบบของความสำเร็จแมแตนอย...
ตอนนี้พี่เหยี่ยนเริ่มมีสัญญาณวาจะกลายเปนบา
จูเหยี่ยนยืนหลับตาทั้งสองขางอยางเงียบงันในลานประลอง เขาดูประหนึ่งรูปปน
ไมแมแตจะหายใจดวยซ้ำ
ทันใดนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้น เปนสัญญาณเริ่มการการปดตาตอสู จูเหยี่ยนก็ลืมตาขึ้น
เขาเปดใช [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] ในทันทีโดยไมลังเล เขาจดจำรายละเอียดทุก
อยางภายในลานประลองไวในใจตามที่อาจารยของเขาไดสอนไว สาเหตุที่เขาพายแพ
ไมใชความแตกตางของระดับพลังแตเปนเพราะการขาดความเขาใจในทักษะการตอสู
เขาไมสามารถเลือกใชทักษะตอสูที่ถูกตองตามสถานการณไดอยางเหมาะสม
ในชวงเวลาที่ผานมา เขาทุมเทความพยายามอยางมากเพื่อพัฒนาทักษะการตอสู
ของเขา
เขาใชรางกายที่พลิ้วไหวเคลื่อนตัวไปปรากฏขางกายผูรวมประลองราวกับภูต
พราย ถึงแมวาผูเขารวมประลองคนนี้จะระวังตัวอยางมาก แตเขาก็ไมมีปฏิกิริยาแต
อยางใดเมื่อจูเหยี่ยนเขาใกล รางของจูเหยี่ยนเหมือนจะปรากฏขึ้นอยางไรเสียงราวกับ
ผุดขึ้นมาจากอากาศ
เขาเตะขาขวาออกอยางไรเสียงราวกับงูพิษในความมืด
กวาอีกฝายจะไดยินเสียงลูกเตะของจูเหยี่ยน เทาจูเหยี่ยนก็อยูหางจากเขาเพียง
สามนิ้ว
สีหนาของฝายตรงขามเปลี่ยนไปอยางมาก ทวากอนที่ฝายนั้นจะมีปฏิกิริยา ราง
ของเขาก็ปลิวไปขางหนาเปนที่เรียบรอยแลว เขาหมดสติไปขณะที่ยังลอยอยูในอากาศ
กรรมการของโรงฝกโยนเชือ กไปรั ดตั ว ผู  เข าแข งขัน ที ่ หมดสติก  อนที่ เขาจะลมลง
กระแทกพื้น กรรมการสองคนมองตากัน เห็นความหวาดกลัวในแววตาของอีกฝาย
แมแตกรรมการยังตะลึงงัน ไมตองพูดถึงพวกผูชมเลย ลูกเตะนี้รุนแรงและมี
ประสิทธิภาพอยางมาก ทำใหทุกคนอาปากคางดวยความหวาดกลัว
หลังจากตกตะลึงอยางเงียบงันอยูครูหนึ่ง เสียงของผูชมก็ระเบิดออกมาอยางบาคลั่ง
นี่คือสาเหตุที่ทุกคนมาชมการการปดตาตอสูไมใชหรือ พวกเขามาชมการประลอง
ที่นาตื่นเตน และคนผูนี้ก็ทรงพลังอยางยิ่ง
จูชิวนีจองมองไปยังลานประลองอยางเลื่อนลอย ปากของนางยังคงเปดกวาง ลูก
เตะอันรุนแรงนั้นมาจากพี่เหยี่ยนจริงๆ หรือ
ภายในลานประลองใกลๆ กันนั้น อายฮุยไดยินเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอยางฉับพลัน
และความเย็นยะเยือกก็แลนผานสันหลังของเขา
ยอดฝมือ!
อายฮุยมีนิยามของคำวา “ยอดฝมือ” ตางจากคนทั่วไปอยูบาง เขาไมไดจัดระดับ
ของคนวาเปนยอดฝมือตามระดับพลังพื้นฐานของเขา แตตัดสินจากระดับของทักษะ
ตอสู เสียงของลูกเตะนั้นคลายระเบิด ทรงพลังอยางนาเหลือเชื่อ ทวาสั้นหวน ผู
ออกลูกเตะผูนั้นสามารถควบคุมพลังธาตุของเขาไดเปนอยางดี และยังเห็นไดชัดวาเขา
มีความเขาใจในการตอสูอยางถวนถี่และยังมีทักษะในการปกปดเสียงโจมตีอีกดวย
มีเพียงแตผูเชี่ยวชาญการตอสูที่สามารถเตะเชนนี้ได
อายฮุยรูไดวาไมอาจหลีกเลี่ยงศึกหนักได
ถึงแมจะรูวาตองเจอกับการตอสูอันยากเย็น ทวาดวยเหตุผลบางอยาง เขากลับไม
กลัวแมแตนอย แตรูสึกตื่นเตนแทน
คงจะดีถ า เขามีห ญา ใหเคี้ย วในตอนนี ้ ทั น ใดนั ้ น เอง เขาก็ น ึ ก ถึ งหญ า หมอก
วิญญาณบนหัวของโหลวหลาน ไมดีกวา ชางมันเถอะ หญาหมอกวิญญาณก็รสชาติไม
ดีอยูแลว
อายฮุยยิ้มกวางทำใหใบหนาของเขาดูนากลัว
บทที่ 85 พบกันอีกครั้ง
ผูเขาประลองจำนวนมากถูกโจมตีและโยนออกจากเวทีอยางตอเนื่องภายในเวลา
สั้นอยางนาเหลือเชื่อ
เมื่อเขารับรูไดถึงคลื่นพลังธาตุออนๆ จากพื้นลานประลองอายฮุยก็หยุดการ
เคลื่อนไหว เขารูสึกไดถึงความคุนเคยอยางประหลาด ทันใดนั้นเอง คูตอสูที่ เขา
เอาชนะในการประลองครั้งกอ นก็ โผล ขึ ้น มาในหัวของเขา คงไม บ ั งเอิ ญขนาดนั้น
กระมัง
อายฮุยผงะเล็กนอยแตไมนานเขาก็ตองประหลาดใจกับเรื่องอื่นแทน
กาวหนาอยางเห็นไดชัด!
ทักษะของอีกฝายกาวหนาขึ้นอยางมากราวกับวาเขาเปลี่ยนเปนคนละคน เทียบ
กับความออนโยนและออนหัดในอดีตแลว การโจมตีของเขาในตอนนี้เหี้ยมโหดและ
หลักแหลมกวามาก
แตเมื่ออายฮุยนึกถึงความกาวหนาของตัวเขาเอง เขาก็รูสึกโลงใจในทันที เขาเอง
ก็กาวหนาขึ้นอยางมาก แลวทำไมคูตอสูของเขาจะทำเหมือนกันบางไมได อีกฝายมี
รากฐานสูงกวาและใชเพียงวิชาลับขั้นสูง เขาตองมาจากตระกูลที่มีอิทธิพลอย า ง
แนนอน ดังนั้นจึงไมมีเหตุผลที่อีกฝายจะพัฒนาไดชากวาเขา
อายฮุยที่คิดวาการพบกันครั้งนี้เปนเหตุบังเอิญนั้นไมรูเลยวาอีกฝายไดคนหาตัว
เขาไปทั่ว เขาเคยไดยินเรื่องขอความทาทายของจูเหยี่ยนแตเขาไมรูเลยวามันเกี่ยวของ
กับเขา
นั่นก็เพราะวาจูเหยี่ยนคนหาผูใชพลังธาตุดิน!
เขายิ่งไมอาจรูไดเลยวาจูเหยี่ยนนั้นทุมเทเพียงใดเพื่อที่จะเอาชนะเขาใหได อายฮุยคิด
วาการตอสูครั้งกอนเปนเพียงการตอสูทั่วไป นอกเหนือจากอาการบาดเจ็บของเขา
แลว ก็ไมมีอะไรคูควรใหจดจำ
อยางไรก็ตามอายฮุยนั้นยิ่งกวายินดีที่ไดพบกับจูเหยี่ยนอีกครั้ง
การตอสูกับคูตอสูคนเดิมทำใหเขาสามารถวัดความกาวหนาของตนเองได
อายฮุยรุดหลบไปดานขางในทันทีโดยไมมีการลังเลหรือสัญญาณเตือนใดๆ
เพียะ!
เสียงครายแสฟาดระเบิดขึ้นจากจุดที่เขายืนอยูเมื่อครู ขาที่แข็งแกรงราวกับขวาน
เหล็กลอยผานดานขางของอายฮุย กอใหเกิดกระแสลมอันแหลมคมตัดผานอากาศ
จูเหยี่ยนไมไดตื่นตระหนกที่เขาโจมตีพลาด แตตรงกันขาม เขาดูเหมือนจะมี
ความสุข เมื่อขาของเขาเกือบจะปะทะเขากับพื้น เขากลับพลิกตัวและเปลี่ยนทิศทาง
ของลูกเตะโดยฉับพลัน
ในขณะเดียวกันอายฮุยก็โจมตีดวยหมัดของเขา
ปง!
เสียงระเบิดดังกองไปทั่วทั้งโรงฝก ราวกับสัตวประหลาดยักษใหญสองตัวพุงเขา
ปะทะกันตรงๆ เพราะพลังอันปาเถื่อนถูกบีบอัดลงไปในพื้นที่เล็กๆ อันคับแคบ
แรงปะทะมหาศาลทำใหอายฮุยตองถอยหลังไปสองกาว จูเหยี่ยนก็เชนกัน เขา
กระเดงไปดานหลังหากาว
ในเสี้ยววินาทีที่หมัดและหนาแขงปะทะกัน ดวงตาจูเหยี่ยนก็เปนประกาย ความ
ลมเหลวครั้งกอนของเขาฝงลงในความทรงจำ ทุกรายละเอียดไมอาจลืมเลือนได
“แกอยูที่นี่จริงๆ!” เขาโพลงออกมาอยางตื่นเตน
อายฮุยสัมผัสไดถึงความกาวหนาของฝายตรงขาม ขาของอีกฝายไมเพียงแคแนวแน
และมีพลังมากขึ้นเทานั้น แตยังนาเกรงขามและอันตรายมากขึ้นในการตอสูอีกดวย
ยิ่งไปกวานั้น เขามีประสบการณการตอสูเพิ่มขึ้นอยางมาก ไมอยางนั้นเขาไมมีทางใช
ทาโจมตีเมื่อครูไดอยางเปนธรรมชาติเชนนี้ไดแน
นี่ทำใหอายฮุยตื่นเตนจนเลือดลมพลุงพลาน
ถึงแมวาฝายตรงขามจะเชี่ยวชาญมากขึ้น ตัวเขาเองก็แข็งแกรงขึ้นอยางมาก
เชนกัน กอนหนานี้เขาทำไดเพียงแคหลบหนีขาของอีกฝายจนกวาจะหมดแรงไปเอง
แตคราวนี้เขาสามารถรับการโจมตีไดโดยตรงและไมเสียเปรียบแมแตนอย
ดวงตาของอายฮุยเย็นเยือกและไรความรูสึกความปรารถนาในการตอสูแลนพลาน
อายฮุยรูวาอีกฝายจดจำเขาได แตเขาไมมีความคิดที่จะทักทาย เขาไมแมแตจะ
เอยคำใดออกมา มันเหมือนกับเขาโดนผีสิง กอนหนานี้เขาทนทุกขทรมานอยางมาก
จาก [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] ของอีกฝายและไดวิเคราะหสิ่งที่เกิดขึ้นอยางละเอียด
รอบคอบ
นี่เปนนิสัยที่เขาสรางขึ้นจากการใชชีวิตในแดนราง เนื่องจากเขายังออนแอมากใน
ตอนนั้น จึงเปนเรื่องงายมากที่เขาจะสูญเสียชีวิต และสิ่งเดียวที่สามารถทำไดกค็ ือใช
เวลาทบทวนการตอสูของเขา ทุกครั้งที่ไดปะทะกับอสูรแดนราง เขาก็จะปรึกษากับ
ผูใชพลังธาตุเพื่อใหไดขอมูลเกี่ยวกับอสูรแดนรางโดยแลกกับการใชแรงงาน เมื่อเห็น
วาเขาเปนคนที่มีเหตุผล ผูใชพลังธาตุก็จะยอมใหคำแนะนำบางอยางสองอยาง
เขาไมเคยดูถูกศัตรูเพราะเขาไมมีสิทธิ์ทำแบบนั้น
การเปนคนที่ระแวดระวังและรอบคอบเปนสวนหนึ่งของเขามานานแลว
จูชิวนีเบิกตากวางสำรวจลานประลอง เหงื่อเริ่มไหลออกมาเมื่อนางไดยินคำพูด
ของจูเหยี่ยน คนสวมหนากากคือยอดฝมือลึกลับที่เอาชนะพี่เหยี่ยนไดกอนหนานี้
ถึงแมวาคนอื่นไมเห็นถึงขอเท็จจริงนี้ แตพวกเขาก็ยังจองมองไปยังทั้งคู การ
ปะทะของทั้งสองคนนั้นรุนแรงและรวดเร็วอยางยิ่ง!
ปฏิกิริยาของอายฮุยทำใหจูเหยี่ยนสงบลง
เมื่อจูเหยี่ยนเห็นวาอีกฝายกำลังพุงเขามาก็หลับตาลง เขามีสมาธิอยางมาก ทุก
มุมของเวทียกพื้นถูกปกคลุมดวย [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] และลวนตกอยูภายใตการ
ควบคุมของเขา
คลื่นระลอกแลวระลอกเลาปรากฏขึ้นบนใยแมงมุม พุงตรงเขามาทางเขาดวย
ความเร็วอันนาตื่นตระหนก
ตอบโตพลังดวยพลัง
คูตอสูของเขาไมซอนเจตนาและพุงตรงเขามา การปะทะกอนหนานี้คงทำใหเขามี
ความมั่นใจมากขึ้น
จูเหยี่ยนคอนขางประหลาดใจ ความกาวหนาของอายฮุยนั้นเหนือกวาจินตนาการ
ของเขาไปมาก กอนหนานี้อายฮุยถูกเขาเตะจนอยูในสภาพนาสังเวช แตตอนนี้กลับ
สามารถรับมือไดโดยตรง
ชางเปนคูแขงที่ดีอะไรเชนนี้!
ดวงตาของจูเหยี่ยนเปนประกายไฟ ความกาวหนาอยางมากของอายฮุยกระตุน
ความตองการตอสูของเขา ยิ่งคูตอสูแข็งแกรงมากเทาใด ก็ยิ่งแสดงใหเห็นถึงความ
แข็งแกรงของเขาหลังจากที่เขาไดรับชัยชนะ!
เขามีสมาธิสูงอยางมาก เห็นไดชัดจากการที่เขาสามารถรับรูแรงสั่นสะเทือนบนใย
แมงมุมไดอยางชัดเจนในใจ เขานิ่งเงียบดุจดั่งแมงมุมที่พบเหยื่อ รอจังหวะเหมาะๆ ใน
การโจมตี
เจาไมใชคนเดียวที่กาวหนาขึ้น
จูเหยี่ยนหลับตาลง กลืนเปนหนึ่งเดียวกับใยแมงมุม รูสึกเหมือนโลกกลายเปน
เงียบงันเหลือเพียงแคการสั่นสะเทือนแผวเบาบนใยแมงมุมเทานั้น ใบหนาสุขุมแฝงไว
ดวยความมั่นใจที่มาจากการฝกฝนอยางหนักที่ผานมา
ลูกเลนจากการตอสูครั้งกอนไมอาจเอามาใชกับเขาไดอีก
หลังจากสำเร็จการเก็บตัวฝกฝนที่อาจารยของเขาจัดเตรียมให เขาก็กลายเปน
หนึ่งเดียวกับใยเมงมุม เขาสามารถระบุตำแหนงของเปาหมายไดในทันทีแมวาจะอยู
ทามกลางแรงสั่นสะเทือนอันสับสนวุนวายกวายี่สิบจุด
กอนหนานี้ เขาไมอาจระบุเปาหมายไดอยางถูกตองหากมันมีมากเกินกวาสามจุด
ความเงียบและวางเปลาขยายตัวออกอยางตอเนื่อง ทำใหเขาสามารถจับทุกความ
เคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในบริเวณโดยรอบได และยังสามารถระบุตัวคนที่ทำใหเกิดการ
เคลื่อนไหวไดอีกดวย
การเคลื่อนไหวครั้งลาสุดนั้นรุนแรงกวาครั้งกอนๆ มาก อีกฝายตองการจะทำให
เขาสับสนดวยการกระโดด จูเหยี่ยนยิ้มและเริ่มนับเวลาอยูในใจ
ตอนนี้แหละ!
จูเหยี่ยนลืมตาขึ้นในทันทีเมื่อประกายแสงระเบิดขึ้น
ไมมีใครสังเกตเห็นเปลวเพลิงที่หอหุมขาขวาของเขาในฉับพลัน เตรียมพรอม
โจมตีอยูทุกเวลา เขากระโดดขึ้นจากพื้น หมุนตัวเหวี่ยงขาขวาออกเหมือนดั่งขวานอัน
หนักหนวงที่กำลังเงื้อขึ้น
เสียงทั้งหมดเหมือนจะถูกดูดซับโดยขาขางนั้น ทั่วบริเวณตกอยูในความเงียบสงัด
แสงทั้งหมดในลานประลองถูกดูดซับดวยวงโคงกลืนแสง แตผูชมที่อยูภายนอก
ซุมโคงลวนตื่นตะลึงไรคำพูดจะกลาวดวยเพลงเตะอันทรงพลัง ถึงแมวามันจะไมมี
เสียงใดๆ ใหไดยิน แตก็ยังทำใหพวกเขารูสึกไดถึงความรุนแรง
พวกเขากลั้นหายใจโดยไมรูตัว ดวงตาเบิกกวางดวยเกรงวาจะพลาดอะไรไป
จูชิว นีตื่นตะลึง นางไมอ ยากจะเชื ่ อสายตาตนเอง พี่ เหยี ่ ยนใชเพลงเตะที่นา
หวาดกลัวจริงๆ ดวย
นี่ใช...ผูชายที่บนวาตนฝกฝนหนักเกินไป เตะทาตอหนาสาวๆ และชอบเที่ยวเลน
กับเพื่อนๆ ที่เธอรูจักจริงๆ นะหรือ
พี่เหยี่ยนแข็งแกรงจริงๆ พี่เหยี่ยนเปลี่ยนไปแลว
ไมมีใครสามารถสกัดลูกเตะนี้ไดตรงๆ อยางนอยก็ไมมีใครในสนามเหนี่ยวนำนี้ทำได!
แตภ าพตรงหนา ที่ก ำลังจะเปลี่ ยนไปทำให จู  ชิ วนีลุ กขึ ้น อย างฉับ พลัน สี ห นา
เปลี่ยนไปอยางสิ้นเชิง
“พี่เหยี่ยนระวัง!”
บทที่ 86 ความรูสึกที่คุนเคย
กอนการประลองเริ่มขึ้น อายฮุยคิดวานี่เปนการทดสอบความสามารถของเขา
ทวาเมื่อมันเริ่มขึ้นจริงๆ เขากลับโยนความคิดนี้ทิ้งไปในทันที
ทุกการตอสูในแดนรางเปนการตอสูที่ไมรอดก็ตาย
ไมมีการลองใหม ไมมีการแกตัว ไมมีการขอเวลานอกเพื่อเตรียมตัว ไมมีใครบอก
วาเขาสามารถเริ่มตนใหมไดเสมอในครั้งตอไป เพราะ...
...มันแคไมมีครั้งตอไปใหลองใหม
พายแพหมายถึงความตาย และความตายหมายถึงกลายเปนอาหารของอสูรแดนราง
และกลายเปนสวนหนึ่งของกองกระดูกที่กระจัดกระจายไปทั่วแดนราง
รางวัลของชัยชนะก็คือโอกาสในการหยัดยืนทามกลางสนามรบโชกเลือดแหงนั้น
หายใจอยูทามกลางซากศพอันเย็นเยียบ สัมผัสไดถึงความอบอุนของชีวิตและหัวใจที่
เตนรัวยามที่สูดอากาศหนาวเย็นเขาสูปอด
อา ยฮุยไมอาจรูไดวาการทดสอบครั ้ งต อไปจะเกิ ดขึ้ นเมื่ อไร จึ งไม รู  วาตนจะ
สามารถรอดพนมันไปไดหรือไม
เขาตองรีดเคนความสามารถทุกหยาดหยดออกมา เพราะเขานั้นออนแอและอาจ
ตายไดทุกเมื่อ เขาย้ำเตือนตัวเองทุกวันวามันจะไมมีโอกาสครั้งที่สองใหแกตัว เขาตอง
ทุมเททั้งหมดที่มี
จะมีวันพรุงนี้หรือไม เขาเองก็ไมอาจตอบได
แมวาเขาจะทุมเททั้งหมดแลว แตก็อาจจะไมเพียงพอที่จะทำใหเขาไดเห็นวันใหม
แตเขารูอยางแนนอนวาความผิดพลาดแคนิดเดียวนั้นหมายถึงความตายอยางแนนอน
ไมมีที่วางใหความผิดพลาดหรือโชคชะตา ความตายคือคำตอบเดียว
ทุกวันเต็มไปดวยความหวาดกลัวและความกังวล เขาหวาดกลัวถึงขนาดที่ไม
สามารถขมตาหลับลงได แมแตที่พักก็ไมชวยใหมั่นใจวาจะปลอดจากอันตรายได เมื่อ
ตองใชชีวิตแบบนั้น ในที่ซึ่งมีความตายรออยูทั่วทุกหนแหง การที่เขายังสามารถรักษา
สติสัมปชัญญะเอาไวไดก็นับวาเปนบุญโข พวกคนงานจำนวนมากตองประสบกับภาวะ
จิตหลุด วิ่งตะบึงออกจากคายพัก ไปกลางดึ ง โหรองราวกับพวกสัตว ราย และไม
กลับมาอีกเลย
นั่นแหละคือแดนราง สถานที่สำหรับผูแข็งแกรง สถานที่ที่คนออนแอตองดิ้นรน
เอาชีวิตรอด
อาจารยของเขาเคยบอกวาการทุมสุดตัวของเขานั้นไมใชวิธีแกปญหาระยะยาว
แตเขารูเรื่องนี้อยูแลว ทวาตอใหเขาทุมสุดตัวก็ยังไมอาจแนใจไดวาเขาจะสามารถอยู
รอดไปถึงวันพรุงนี้ได และถาเขาไมทุมเทสุดตัว เขาอาจไมมีโอกาสรอดอีกเลย
การที่จะสามารถกาวไปทีละกาวอยางมั่นคงนั้นเปนสิทธิพิเศษที่ไมใชวาใครๆ ก็มีได
อายฮุยเผชิญหนากับความตายมาจนนับครั้งไมถวน และเขาก็ไมคิดที่จะจดจำมัน
เชนกัน จะไดไมทำใหตัว เองจมอยู  ในความกลั ว ทั ้ งหมดที ่ เขาทำได ก ็ คื อ ต อ งใช
ความสามารถทั้งหมด ทำใจใหเขมแข็ง ในสภาพแวดลอมอันสุดขั้วเชนนั้น การมี
ความรูสึกออนไหวก็คือความตายดีๆ นี่เอง
ชวงเวลาสามปที่เขาใชชีวิตในแดนรางยังคงติดตามเขามาเหมือนกับเงาตามตัว
กลายเปนสวนสำคัญของตัวตนที่เขาเปนในปจจุบัน
เขาพยายามอยา งยิ่งยวดเพื่อ ที ่ จ ะปรั บ ตั ว ให เข า กั บ ชี ว ิ ตในสนามเหนี ่ ย วนำ
พยายามเตือนตัวเองวาเขาไมไดอยูในแดนรางอีกตอไปแลว ที่สำคัญก็คือเขาตองยั้งมือ
ไมใหฆาคูตอสูในการประลอง
นอกเหนือจากนั้น เขาจะไมยั้งมือ
เขาไมเคยเชื่อวาชะตาเปนสิ่งที่สามารถควบคุมได เพราะเขาไมเคยควบคุมชะตา
ตัวเองได มันก็เหมือนกับแดนรา งมีการตอ สูอยู ตลอดเวลา สิ่งเดียวที ่ทำให เขามี
ความสุขก็คือความโลงใจในชวงสั้นๆ หลังจากชัยชนะ
การตอสูคือสิ่งเดียวที่เขาสามารถใชในการขั ดขืนโชคชะตาของตัวเองได นั่น
หมายความวาเขาตองชนะเทานั้น หากไมอาจชนะไดเขาก็ไมเหลืออะไรเลย
สำหรับเขาแลวการตอสูจะมาทีเลนทีจริงไมได
เขาไมมีแมแตเวลาจะเยาะเยยความคิดนาขันของตนกอนจะเริ่มการตอสู และเขา
สูสภาพพรอมรบ
ดวงตาของเขาเยือกเย็น จิตใจเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง อายฮุยรูสึกเหมือนวาเขาเปน
ตุกตาทราย เครื่องจักรสังหารที่ถูกสรางขึ้นมาเพื่อการตอสูเทานั้น เขาไมคิดวามันเปน
เรื่องผิด สิ่งเดียวที่นาเศราใจก็คือเขามีพลังไมเพียงพอ
เขาไมไดตั้งใจจะปะทะกำลังด ว ยกำลั ง การปะทะครั ้ งแรกเป น เพี ย งแค การ
ทดสอบเทานั้น
ความคิดอันเฉียบคมของอายฮุยทำใหเขาสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงสภาพ
จิตใจของจูเหยี่ยนไดอีกดวย แมวาอีกฝายจะปดบังความสามารถเอาไวไดอยางดีก็ตาม
นิสัยในการตอสูที่เกิดขึ้นจากการเก็บตัวฝกซอมอยางไมรูจักเหน็ดเหนื่อยนั้นยอม
แตกตางจากการใชชีวิตดิ้นรนระหวางความเปนความตายมานับไมถวน
อายฮุยไมเขาใจวาทำไมสภาพจิตใจของอีกฝายถึงเปลี่ยนแปลงไป แตการสัมผัส
ถึงมันไดทำใหเขาไดเปรียบ
เมื่อเทียบกับคนที่อยูในสนามเหนี่ยวนำแลว อายฮุยนั้นจัดวาเปนสิ่งมีชีว ิ ตที่
แตกตางไปอยางสิ้นเชิง
ความแตกอยางอยางใหญหลวงของคูประลองทั้งสองสามารถมองเห็นไดอยางชัดเจน
จูชิวนีตะโกนออกมาสุดเสียงขณะที่มองดูอายฮุยลอยตัวอยูกลางอากาศ ประหนึ่ง
คางคาวในความมืด รางของอายฮุยลอยโคงผานอากาศ พุงไปขางๆ จูเหยี่ยน
นางตื่นตระหนก ความกลัวเขียนชัดอยูบนใบหนา
นางเขาใจถึงความตั้งใจของอายฮุย เขาพบจุดออนของ [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน]
เขาแลว
อายฮุยพบจุดออนของ [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] เขาแลวจริงๆ
เขาวิเคราะหการตอสูครั้งกอนและคนพบขอจำกัดของ [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน]
อยางงายดาย ตามหลักแลวทักษะนี้คือการกระจายเสนใยพลังธาตุไปทั่วพื้น ดังนั้นมัน
จึงมีจุดออนเปนการโจมตีทางอากาศ
จุดออนนี้เปนผลเนื่องมาจากระดับพลังพื้นฐานของจูเหยี่ยนที่มีไมพอ วิชาลับขั้น
สูงโดยปกติแลวจะไมมีจุดออนที่เห็นไดชัด หากระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นลักษณะของ
ใยแมงมุมก็จะเปลี่ยนไป
แตจุดออนนี้ไมใชเรื่องที่ตองเปนกังวลในสนามเหนี่ยวนำ เนื่องจากนักเรียนสวน
ใหญไมมีความสามารถในการโจมตีกลางอากาศจนกวาจะเปนผูใชพลังธาตุเต็มขั้นแลว
อายฮุยก็ไมเชนกัน แตเขาคิดหาวิธีที่แตกตางกันสามวิธีที่จะรับมือกับใยแมงมุมนี้
มันเปนนิสัยเขาไปแลว ถึงแมวาเขาจะไมคิดวาจะไดปะทะกับจูเหยี่ยนอีก แตอายฮุยก็
เตรียมพรอมเปนอยางดีหากตองปะทะกันขึ้นมา
การไดพบกับเขาอีกครั้งคอนขางเหนือความคาดหมาย แตมันก็ไมไดทำใหอายฮุย
ตื่นตระหนกแตอยางใด
เขาคลายปมของผาพันแผลโลหิตออกจากถุงมือ เถาวัลยก ระบี่ สงพลังธาตุ ที่
บริสุทธิ์กวาพลังปกติของเขาหลายเทาเขาสูแขน
ลางสังหรณของจูชิวนีนั้นถูกตอง ทักษะที่อายฮุยใชมีสวนเกี่ยวของกับคางคาวอยู
บาง มันดัดแปลงมากจากเพลงกระบี่ที่ชื่อวากระบี่คางคาววายุ
เปนกระบวนทาที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของคางคาววายุที่สูญพันธุ
ไปแลว ตามที่บันทึกไวบนขอบกระดาษของคัมภีรกระบี่
อายฮุยไดทำการจำลองสถานการณมากมายภายในหัวกอนจะคนพบทักษะที่ทำ
ใหเขาสามารถโจมตีกลางอากาศไดในที่สุดจากคัมภีรกระบี่
ถึงแมวาเขาจะไมสามารถแสดงภานุภาพของเพลงกระบี่ออกมาไดเต็มที่ดวยวา
ปราศจากกระบี่ในมือ แตเขาก็ยังสามารถใชทักษะนี้เพื่อเปลี่ยนทิศทางขณะอยูกลาง
อากาศ เชนเดียวกับตอนที่เขาฝกซอมกอนหนานี้ อายฮุยยืดแขนออกและสงพลังธาตุ
เปนเสนโคงไปตามแขน
เขารูสึกไดในทันทีวามีคลื่นอากาศผลักรางกายของเขา ทำใหเขาเคลื่อนตัวเปนวง
โคงรอบรางของจูเหยี่ยน
อายฮุยคิดถึงทุกรายละเอียดของแผนการอยางถี่ถวน แตดูเหมือนวาจะพลาดไป
อยางหนึ่ง พลังธาตุของเขาในตอนนี้นั้นบริสุทธิ์กวากอนหนานี้มาก
นั่นทำใหสิ่งตางๆ ไมเปนไปตามแผน
อายฮุยวางแผนที่จะโจมตีฝายตรงขา มจากดา นขา ง แตเขากลับพุงตัว เลยไป
ดานหลังของอีกฝายแทน
รางของจูเหยี่ยนชะงักเล็กนอยกลางอากาศ เตรียมพรอมที่จะโจมตีครั้งตอไป
นักเรียนคนอื่นอาจจะทำอะไรไมถูกในสถานการณแบบนี้ แตไมใชอายฮุย เขาคิด
เสมอวาจะตองไดพบเจอกับเรื่องไมคาดฝนและเชื่อวาในการประลองนั้นไมม ีความ
แนนอนอันใด
อายฮุยตั้งสติและใชทารางที่ทรงพลังถีบกายไปดานหลัง
จูเหยี่ยนตกตะลึงเมื่อสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนดานหลังของเขา คูตอสูของเขาไป
อยูตรงนั้นไดอยางไร
ปง!
อายฮุยกระแทกหลังเขาใสจูเหยี่ยนดวยพลังราวกับอสูรแดนรางเขาพุงชน
ทา [มัจฉาสะบัดกาย] ยังคงเปนที่พึ่งไดเสมอ สรางความรูสึกที่เขาคุนเคย
บทที่ 87 ผมสีเงิน
ทุกคนตกใจที่การประลองจบลงอยางรวดเร็ว
เถาแกโรงฝกรูสึกวาเหมือนเคยเห็นภาพตรงหนามากอน
โหลวหลานเปลี่ยนรางเปนมือขนาดใหญและพุงตรงเขาหาเถาแกโรงฝก ใชนิ้วชี้
กับนิ้วโปงถูกัน เมื่อเห็นดังนั้น เถาแกโรงฝกก็นึกขึ้นไดในทันทีวา คูตอสูของจูเหยี่ยน
คือผูใชพลังธาตุดินจากการประลองครั้งกอน
เถาแกโรงฝกรูสึกตื่นเตนเมื่อเขาเห็นวายอดฝมือลึกลับไดกลับมาแลว ยอดฝมือ
ลึกลับคนนี้เปนเหมือนปายโฆษณาเดินไดใหกับโรงฝกของเขา
การพายแพของจูเหยี่ยนเมื่อครั้งกอนสรางความนาสนใจใหกับธุรกิจของเขาอยู
เปนเวลานานทีเดียว
เขารูสึกตื่นเตนจนมือไมสั่น แตเขาก็ไมจายเงินเพิ่มใหแมแตแดงเดียว
ในตอนนั้นเองเสียงที่เต็มไปดวยความเปนหวงก็ดังมาจากดานหลังเขา “พี่เหยี่ยน!
พี่เหยี่ยน!”
พี่เหยี่ยน...จูเหยี่ยนหรือ
เถาแกโรงฝกไมอยากจะเชื่อในวาสนาของตน มันเกิดขึ้นแลวจริงๆ หรือ
ณ จุดนี้ เขารูสึกตื่นเตนจนลืมหายใจ หันหลังกลับไปมองทางกรรมการที่กำลัง
เดินมาหาเขา กรรมการที่เพิ่งตรวจอาการบาดเจ็บของจูเหยี่ยนกลาวดวยเสียงเบาวา
“เปนจูเหยี่ยน เขาหมดสติไปแตก็ไมมีอะไรรายแรง”
ชางโชคดีเสียจริง! เถาแกโรงฝกสงเสียงออกมาดวยความยินดี เขาตื่นเตนเจียน
หมดสติ
ความเปนปรปกษระหวาจูเหยี่ยนกับผูใชธาตุดินลึกลับนั้นนับเปนขาวใหญของ
เมือง จูเหยี่ยนไดเขียนคำทาสงไปยังสถาบันทุกแหงทั่วทั้งสนามเหนี่ยวนำ การปะทะ
กันครั้งที่สองนี้เปนเรื่องบังเอิญอยางนั้นหรือ และที่สำคัญยิ่งกวานั้น ผลลัพธก็คือจูเห
ยี่ยนพายแพอีกครั้ง!
“ถั่วบันทึกภาพ” เถาแกนึกถึงบางสิ่งที่สำคัญมากขึ้นมาได เขารูสึกเสียดายมากที่
เขาไมไดบันทึกการตอสูของทั้งคูเมื่อครั้งกอน ถั่วบันทึกภาพที่บันทึกการตอสูนั้นไว
ตองทำเงินมหาศาล
กรรมการพยักหนาอยางแรงขณะที่เขายื่นมือออกมา แบมือใหเห็นเมล็ดพืชที่มี
สีสันสดใสหลากหลายสีบนฝามือ
เถาแกหัวเราะออกมาอยางยินดี เขากำลังจะรวยแลว!
ฝกถั่วเงามายาเปนพืชที่ผูใชธาตุไมปลูกขึ้น สามารถใชบันทึกภาพและเก็บเอาไว
ในเมล็ด เรียกวา ถั่วบันทึกภาพ
ฝก ถั่ว เงามายานับ เปนผลงานที ่ ป ระสบความสำเร็ จ สู งสุ ดของผู  ใช ธ าตุ ไมใน
ศตวรรษนี้ เมื่อถูกเผยแพรก็กลายเปนที่นิยมไปทั่วอูสิงเทียนในเวลาอันรวดเร็ว
ฝกถั่วเงามายาก็เปนเชนเดียวกับตนขาวสาร มันถูกเพาะพันธุและปรับปรุงโดย
ผูใชพลังธาตุไมจากปาหยก ตอนนี้มีฝกถั่วเงามายามากมายหลายชนิด บางชนิดมี
ขนาดใหญ สามารถบรรจุเมล็ดถั่วมากกวายี่สิบเมล็ด ชนิดที่ไดรับความนิยมสูงสุดใน
หมูสาวๆ ก็คือถั่วเหมยถู ที่สามารถทำใหภาพถายออกมางดงามยิ่งขึ้น
เถาแกเห็นเงินกำลังเตนรำอยูตรงหนาเมื่อเขารับถั่วบันทึกภาพมาถือไว
จูเหยี่ยนถูกกำจัด แพนัดลางตา และทนทุกขกับความพายแพเปนครั้งที่สอง ใคร
คือผูใชธาตุดินลึกลับคนนี้กันแน
ทานสงสัยหรือไม ทานไมอยากเชื่อใชหรือไม ทานตองการจะเห็นดวยตาตัวเอง
หรือไม ซื้อถั่วบันทึกภาพสิ ซื้อไวเสียจะไดดูการตอสูอันนาหวาดกลัวนี้! ซื้อไวเพื่อดู
วิชาลับขั้นสูงของตระกูลจู ซื้อไวเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับผูใชธาตุดินลึกลับ
เงิน เงิน เงิน...
เถาแกหันไปมองดานหลังเมื่อเขาสงบลงในที่สุด พยายามมองหาตัวผูใชธาตุดิน
ลึกลับ เขาหายไปไหนแลว เถาแกรูสึกวุนวายใจมาก ทำไมเขาไมขอวิธีติดตอผูใชธาตุ
ดินเอาไว ถาหากวาผูใชธาตุดินลึกลับยอมอยูที่นี่ระยะยาวแลวละก็...
จะทำเงินไดมากมายเพียงใดกัน!
เถาแกรูสึกตื่นเตนนอยลงมากเมื่อรูตัววาเขาไดพลาดโอกาสทองไปเสียแลว
อายฮุยยังคงทบทวนการตอสูเมื่อครูในขณะที่เขาเดินออกจากลานประลอง การ
ตอสูนั้นใชเวลาไมนานแตเขาก็ไมอาจละเลยเรื่องของคูตอสูที่เขาไดพบเปนครั้งที่สอง
เขาจดจออยูกับสาเหตุหลักที่ทำใหเขาไดรับชัยชนะ วิธีเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ
ถึงแมว า มันจะดูมีป ระโยชน แต ก ารเปลี ่ ย นทิ ศทางกลางอากาศสามารถใช
ประโยชน ไ ด น  อ ยมากในสถานการณ จ ริ ง ยิ ่ ง ไปกว า นั ้ น ก็ ม ี อ ุ ป กรณ ก ารบิ น ที ่ มี
ประสิทธิภาพอยางปกเมฆาที่ผูใชพลังธาตุสวนใหญสามารถใชไดแลว ผลที่ตามมาก็คือ
คนจำนวนนอยมากที่เสียเวลามาเรียนทักษะที่สามาถใชไดเพียงผิวเผินกอนจะฝกถึง
ขั้นเกือบสมบูรณ
คูตอสูของเขาถูกโจมตีโดยไมตั้งตัว เพราะไมคิดวาเขาจะสามารถใชกระบวนทา
เชนนั้นได
อายฮุยคอนขาประหลาดใจในประสิ ทธิภาพของตนเองเชนกัน ในตอนนี้ก าร
เคลื่อนที่เปนแนวโคงกลางอากาศของเขานั้นกวางกวาที่เขาเคยทำไดมากนัก
ยิ่งวิถีโคงมีขนาดกวางขึ้นเทาไร ประสิทธิภาพและความอัศจรรยของกระบวนทา
นี้ก็มากขึ้นเทานั้น
อายฮุยยางเทาไปสองสามกาวกอนโฉบไปในอากาศ รางกายก็เคลื่อนออกจาก
เสนทางเดิมของเขาราวกับมีมือที่มองไมเห็นกระชากเขาจากภายใน
นาสนใจ!
หั ว คิ ด ด า นการต อ สู  ข องอ า ยฮุ ย เริ ่ ม ทำงานขึ ้ น มาในทั น ใด เขารู  ไ ด ว  า การ
เคลื่อนไหวนี้มีศักยภาพที่จะนำมาใชในการตอสู
เขาวิ่งตรงไปอีกสองสามกาว ใชปลายเทาแตะพื้นเพียงเล็กนอยเพื่อสงตัวเองไป
ขางหนา และกอนที่เขาจะชนกับกำแพงขางถนน อายฮุยก็ดีดปลายเทาเบาๆ ทะยาน
สูงขึ้นไปอีก ในครั้งนี้ทั้งมุมและความเร็วในขณะที่เขาเปลี่ยนทิศทางลดลง
อายฮุยกระโดดไปรอบๆ บินรอนไปในอากาศราวกับคางคาวยักษอยางที่ฝนอยาก
ทำตอนยังเด็ก
โหลวหลานเห็นวามันชางงดงามยิ่งนัก จึงเปลี่ยนรางเปนคางคาวและรวมบินไป
กับอายฮุยบนทองฟา
อายฮุยหยุดลงหลังจากวิ่งเลนอยูนานสามนาทีเต็มเพื่อปองกันไมใหหมดแรงจน
ตองใหโหลวหลานลากกลับบาน การบินนั้นเปนประสบการณที่นาทึ่งอยางแนนอน
แมกระทั่งการรอนเปนระยะเวลาสั้นๆ ก็มีความสุขมาก อายฮุยเคยไดยินผูใชพลังธาตุ
เลาเรื่องราวเกี่ยวกับผูที่ไมยอมหยุดบินหลังจากเรียนรูวิธีใชปกเมฆาแลว
เมื่อโหลวหลานกลับคืนสูพื้น เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับรูปลักษณของ
อายฮุย “อายฮุย ผมของอายฮุย” เขาตะโกน
“ผมของขามีอะไรผิดปกติหรือ” อายฮุยถามดวยความตื่นตระหนก
“ผมของอายฮุยกลายเปนสีขาว” โหลวหลานบอก
กลายเปนสีขาวหรือ อายฮุยตกใจเปนอยางมาก เขาหยิบมีดเหล็กสั้นจากราน
อาวุธใกลๆ ที่ถูกขัดจนขึ้นเงา เอามาสองตางกระจก
ผมของเขาเปลี่ยนเปนสีขาวเงินจริงๆ ดวย มันมีประกายประดุจโลหะทำใหมันดู
คลายเสนดายเงิน
หลังจากฟนสติจากความตื่นตระหนก อายฮุยก็ถอดหนากากออก
ใบหนาที่เขามองเห็นบนใบมีดนั้นไมคุนตาแตอยางใด
มีประกายสีเงินอยูทั่วใบหนา เสริมสงรูปหนาใหคมเขม แววตาดูคมกลา ทำให
ทาทางโดยรวมดูนากลัวมากขึ้น
ผูคนสัญจรตองหลบทางใหเมื่อทั้งคูเดินผาน
ในที่สุดอายฮุยก็เรียกสติคืนมาได กอนที่จะพูดออกมาอยางยินดีวา “ตอนนี้ขา
สามารถใชใบหนาหาเงินไดแลว”
รูปลักษณของเขาขัดแยงกับบุคลิกเรียบงายและสงบเสงี่ยม เสนผมสีเงินทำให
รูปลักษณของเขาโดดเดนมากขึ้น เสมือนหนึ่งวากระบี่แวววับถูกชักออกจากฝก
รูปลักษณภายนอกที่โดดเดนเชนนี้ยอมไมเหมาะกับการประลอง เขาจะถูกพบ
เจอไดงายเกินไป
“ความหวังของอายฮุยคงไมเปนจริงแลว ประกายสีเงินกำลังจางลง” โหลวหลาน
พูดดวยดวงตาเปนประกายสีเหลือง “โหลวหลานเขาใจแลว พลังงานธาตุทองในกาย
ของอายฮุยมีระดับสูงเกินไป เมื่อใชแลวจะทิ้งรองรอยไวบนรางกาย พลังงานเพียง
เล็กนอยก็สามารถแทรกซึมไปทั่วทั้งกายรวมทั้งเสนผมดวย
ในยามที่อายฮุยไมไดใชมัน มันจะเรืองแสงออกมาเนื่องจากพลังงานธาตุทั่วราง
ของอายฮุยถูกระบายออกชาๆ และรูปลักษณอายฮุยจะกลับเปนปกติเมื่อพลังเหลานัน้
หมดไป”
“นาเสียดาย ความฝนที่จะทำเงินของขาจบลงเร็วเกินไปแลว” อายฮุยพูดออกมา
แสรงทำเปนผิดหวัง “โหลวหลาน เจาคิดวาการประลองเปนอยางไรบาง”
โหลวหลานตอบ “การตอสูของอายฮุยเร็วเกินไป โหลวหลานตองฝกใหหนักกวานี้”
อายฮุยรูสึกละอายเมื่อไดยินคำตอบนี้ เปาหมายเดิมของเขาคือพาโหลวหลานไป
เที่ยวเลน แตกลับจบลงดวยการตอสู
เขารีบเปลี่ยนเรื่องพูด ตะโกนวา “แบงเงินกัน แบงเงินกัน!”
โหลวหลานเปลี่ยนสภาพเปนเงินจำนวนมากปลิวอยูรอบตัวของอายฮุยพรอมสง
เสียงราเริง “แบงเงินกัน แบงเงินกัน!”
อายฮุยหัวเราะเอิ๊กอากอยางมีความสุข
บทที่ 88 การสาวไหมและโพรงหญา
“อาจารยไมพอใจมากที่เจาไดรับบาดเจ็บ”
คนพูดคือไหชิง เขาทำงานรับใชไตกังมาตั้งแตกอนไตกังจะเปนปรมาจารย ปกติ
แลวก็เปนไหชิงผูเขมงวดและจริงจังผูนี้แหละที่คอยจัดการทุกเรื่องของไตกัง
ประกายแหงความริษยาฉายวาบในดวงตาของเขาเมื่อมองไปที่ตวนมูหวงฮุน แตก็
หายไปอยางรวดเร็วเชนเดียวกับที่มันปรากฏขึ้นมา เขาเปนผูชวยที่จงรักภักดีของ
ปรมาจารยมานานกวาสามสิบป แตเขาก็ยังไมมีคุณสมบัติพอจะเปนศิษย
ถึงแมวาเขาจะริษยาในวาสนาของตวนมูหวงฮุน แตก็ไมเคยปริปากบนแมแตคำ
เดียว แมปรมาจารยไตกังจะไมรับเขาเปนศิษย แตปรมาจารยก็ไมเคยคิดคดตอไหชิง
คำชี้แนะที่ไตกังมอบใหเขานั้นไมนอยไปกวาที่ศิษยทั้งหลายไดรับ เขารูสึกขอบคุณ
ปรมาจารยอยางมากและซื่อสัตยตอเขาเสมอมา
ไหชิงไมเขาใจวาคนที่ดูนาอนาถผูนี้มีคาพอในสายตาไตกังสนใจไดอยางไร
เมื่อตวนมูหวงฮุนที่ไดรับบาดเจ็บทั่วรางถูกพามาตรงหนาเขา ปฏิกิริยาแรกของ
ไหชิงไมไดหัวเราะเยาะเยย หากแตเปนความโกรธ
ใชแลว ความโกรธ
นับเปนเกียรติอยางมากที่คนผูหนึ่งไดเปนศิษยของไตกัง ไหชิงรูสึกวาภาระหนาที่
แรกของตวนมูหวงฮุนหลังจากไดเปนศิษยของไตกังก็คือปกปองเกียรตินี้ ไมใชทำให
สถานะใหมของเขาเสื่อมเสีย
เขาไมชอบตวนมูหวงฮุนเอาเสียเลย
ศิษยอีกสองคนของอาจารยนั้นลวนหลักแหลมและประสบความสำเร็จทั้งสิ้น
ลูเฉินเปนหนึ่งในแพทยแถวหนาในรุนของเขา เปนที่รูจักในนาม หมอเทวดา และ
เปนที่นับถือจากคนจำนวนมาก อวี้หมิงชิวเปน รองผู นำหนวยที ่อายุน อยที่ สุ ดใน
ประวัติศาสตร ความกาวหนาของเขาในชวงหลายปที่ผานมาอยูในระดับที่เรียกวา
มหัศจรรย และเปนผูที่อาจจะไดเปนผูนำหนวยหญามรณะคนตอไป
แตตวนมูหวงฮุนผูนี้กลับเปนความอัปยศอดสู
ไหชิงปกปองชื่อเสียงของทานปรมาจารยดวยทุกสิ่งทุกอยางที่มี และนั่นทำใหเขา
ไมชอบตวนมูหวงฮุนแมแตนิดเดียว
เนื่อ งจากไหชิงรับ ใชไตก ังมาเป น เวลานาน เขาจึ งเป น เหมื อ นส ว นหนึ ่ งของ
ครอบครัว ไหชิงเคยรับผิดชอบการฝกขั้นตนของทั้งลูเฉินและอวี้หมิงชิว แตเขาคงไม
ยอมทำแบบเดียวกันใหกับตวนมูหวงฮุน
“ศิษยของยอดปรมาจารยตองรับการชวยเหลือจากนักเรียนที่เพิ่งจะเปดคลังชีวิต
ไดเทานั้น โธเด็กนอย ขาหวังเหลือเกินวาขาไดยินผิดไป ที่แยไปกวานั้นก็คือถูกพบใน
สภาพเปลือยกายมีแผลเต็มตัว จำเอาไวนะ มันไมสำคัญหรอกวาเจาจะชอบผูชายหรือ
ผูหญิง หรือวาเจาจะเปนคนดีหรือคนเลว เจาสามารถทำไดทุกอยางที่เจาตองการ แต
ในฐานะศิษยของปรมาจารยไตกังแลว ความผิดที่หนักที่สุดที่เจาจะกอขึ้นไดก็คือ
ออนแอ”
ไห ช ิ ง พูด ออกมาอย า งเย็ นชา ถ อ ยคำของเขาประดิ ด ประดอยออกมาอย า ง
รอบคอบเพื่อยั่วยวน
ใบหนาของตวนมูหวงฮุนแสดงความโหดรายออกมาขณะจองมองไหชิงตาเขียว
“ไมพอใจหรือ หึๆ! ดีมาก จำสีหนานี้ของเจาเอาไว เจายังคิดอยูอีกหรือวาเจานั้นมี
พรสวรรคและไมจำเปนตองเคารพใครหนาไหน ขาจะบอกให ความหมายของการเปน
ผูมีพรสวรรคคืออะไร คนที่มีความแข็งแกรงมากกวาคนอื่นอยางมากเทานั้นที่คูควรแก
การขนานนามวาผูมีพรสวรรค คนนาสมเพชอยางเจาก็ไมตางอะไรจากหนอนแมลง”
สีหนาไหชิงยังคงไรความรูสึกในตอนที่เขาเปดแผลของตวนมูหวงฮุนออก
“บอกตามตรงนะ ขาไมอาจละเลยเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจาได เจาหนอนนาสมเพช
จากที่ขาเห็น เจามันไมคูควรกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แหงนี้ แตขาก็จำตองใหเกียรติหนาที่
ของขา นี่คือกุญแจสูโพรงหญา มาหาขาหากเจาสามารถออกมาจากที่นั่นได แตหาก
เจาตายอยูในนั้นขาก็คงจะมีความสุขมาก”
ไหชิงโยนใบไมมีเขียวมรกตลงบนพื้นแลวจากไป
ความโกรธของตวนมูหวงฮุนลดลงอยางรวดเร็ว เขากลายเปนสุขุมอยางมาก
เขาหยิบใบไมขึ้นมาโดยไมลังเล และเริ่มเดินตรงไปยังโพรงหญาภายใตความมืด
มิดยามราตรี
ไหชิงกลับไปยังบานของเขา
ภรรยาของเขาคอนขางเปนกังวลจึงถามขึ้น “ตวนมูหวงฮุนยังเด็กมาก ไมเร็วไป
หนอยหรือที่จะเขาไปในโพรงหญา”
“เขามีพรสวรรคแตตองไดรับการขัดเกลา ไมอยางนั้นเขาก็ไมมีคาอะไร” ไหชิงอธิบาย
“แตเขายังเด็กเกินไป ลูเฉินอายุสิบเจ็ดตอนที่เขาเขาไปในโพรงหญา หมิงชิวเขา
ไปเร็วกวานิดหนอยแตก็อายุสิบหก” ภรรยาของเขาตอบ เห็นไดชัดวายังคงกังวล
“เขาคือศิษยคนสุดทาย” ไหชิงตอบอยางราบเรียบ “เขาแตกตางจากคนอื่น”
“แตถาเกิดเหตุรายขึ้นกับเขา...”
“นั่นก็หมายความวาเขาไมไดมีพรสวรรคมากพอ และไมคูควรจะเปนสวนหนึ่ง
ของแผนการทานปรมาจารย เรายังมีเวลาในการหาคนอื่น” ไหชิงกลาวตอ “ศิษยคน
สุดทายมีความสำคัญที่ตางออกไปสำหรับทานปรมาจารย”
ภรรยาของเขาเงียบไปครูหนึ่งกอนที่จะถามวา “เรามีเวลาจริงๆ หรือ”
ไหชิงที่กำลังเก็บของอยูตอบกลับมาวา “มีสิ”
อายฮุยไมไดใหความสำคัญกับการปดตาตอสูที่เพิ่งผานมา เขากับโหลวหลานดู
เหมือนจะไมสนใจมันเลย
วันตอมา อายฮุยถูกเรียกไปที่โรงเย็บปก
หญิงสาวในโรงเย็บปกสักเกตไดถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปรอบๆ กายเขา และไมมี
ใครกลาลอเลียนเขาอีก อยางไรเสียเขาตองมีพรสวรรคสูงสงเปนแนถึงสามารถเรียน
การทอผาคูไดหลังจากไดดูเพียงแคครั้งเดียว และมีขาวลือวาเจาของโรงฝกถึงขนาด
ตองการจะรับเขาไวเปนศิษยคนสุดทาย
บางทีอาจเปนเพราะนี่ไมใชครั้งแรกที่เขามาที่นี่ อายฮุยรูสึกอึดอัดนอยลงในครั้งนี้
หมิงซิ่วยืนรออยูหนาประตูโบกมือใหอายฮุยแลวกลาววา “ศิษยนอง มาทางนี้”
อายฮุยเดินไปทันที
“อาจารยกับอาจารยหญิงอยูขางใน” หมิงซิ่วพูดพรอมกับผลักประตูใหเปดออก
เมื่อประตูเปดออกคลื่นความรอนก็พุงออกมาจากในหอง
อายฮุยยืนตะลึง อะไรอยูในนั้นกัน
“เจารออะไรอยู มานี่เร็ว” อาจารยของเขาตะโกนออกมาจากในหอง
อายฮุยเดินเขาไปอยางเรงรีบ
เมื่อเขาไป เขาก็รูวาอุณหภูมิภายในหองนั้นสูงมาก รูสึกเหมือนวาเขาเปนติ่มซำที่
กำลังถูก นึ่งอยู ทั้งอาจารยแ ละอาจารย ห ญิ งอยู  ท ี ่ น ี ่ แต ดู เหมื อ นว า จะไม ได รั บ
ผลกระทบจากความรอน
อายฮุยสังเกตเห็นเตาตมน้ำขนาดใหญอยูตรงกลางกำลังแผคลื่นความรอนออกมา
นี่คงเปนสาเหตุที่ทำใหโรงเย็กปกรอนเชนนี้
อายฮุยสงสัยเกี่ยวกับเตาตมน้ำวามีไวทำอะไร
“อาจารย อาจารยหญิง” อายฮุยทักทาย
หันอวี้ฉินทักทายกลับ “ใหขาดูถุงมือหนอยวามีอะไรเสียหายหรือไม”
นางรูสึกยินดีที่ถุงมือยังอยูในสภาพดี หลังจากที่นางตรวจสอบแลวก็พูดวา
“มีตาเฒาไรความรับผิดชอบบางคนโยนภาระการฝกฝนเจาใหกับขา ดูเหมือนขา
จะไมมีทางเลือกนอกจากยอมรับงานนี้”
ผูเฒาหวังหัวเราะ เขาไมรูสึกอับอายแตอยางไร แตเขากลับดูเหมือนวาจะมีความ
พอใจในตัวเองอยางมาก
หมิงซิ่วแอบขำอยูในใจ
“สภาพการณของเจานั้นพบไดยาก” ยายเฒากลาว กอนที่จะพูดตออยางจริงจัง
“เมื่อเจาไมอาจโคจรพลังธาตุได และเปาหมายของเราก็คือการเปดตำหนักทั้งสองที่
ฝามือสองขางของเจา หลังจากการพิจารณารวมกับอาจารยแลว เราตัดสินใจวาจะใช
การสาวไหมเปนวิธีฝกฝนเจา”
“การสาวไหมหรือ” อายฮุยถามสีหนาวางเปลา เขาไมคาดคิดถึงเรื่องอะไรแบบนี้
การสาวไหมจัดเปนการฝกฝนไดอยางนั้นหรือ
“ใชแลว การฝกฝนที่เหมาะสมกับเจานั้นตางจากปกติ เจาจำเปนตองโคจรพลัง
ธาตุดวยความเร็วที่ต่ำที่สุดเทาที่จะทำได พลังธาตุในกายของเจามีความบริสุทธิ์อยาง
มาก การโคจรอยางรวดเร็วจะสรางภาระหนักหนวงใหกับรางกายของเจา เมื่อโคจร
ชาๆ ภาระก็จะลดลงอยางมากและจะชวยใหรางกายเจาคอยๆ คุนเคยกับพลังธาตุที
ละเล็ก ทีละนอย การโคจรชาๆ จะสงผลใหรางกายของเจาสะสมพลังธาตุไดมากขึ้น
ชวยใหเจาดูดซับพลังธาตุไดอยางมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
“ในงานเย็บปกถักรอย การสาวไหมตองโคจรพลังธาตุใหชาที่สุด!”
บทที่ 89 ไหมสนธยา
ความพายแพครั้งที่สองของจูเหยี่ยนกลายเปนเรื่องอื้อฉาวยิ่งกวาความพายแพ
ครั้งกอน
นั่นเพราะถั่วบันทึกภาพที่มีจำหนายในครั้งนี้
ถึงแมว า ผูคนจะสงสัย เกี่ย วกั บ ความพ า ยแพ ก  อ นหน า นี ้ แต เพราะขาดการ
บันทึกภาพเอาไวทำใหคนสวนใหญไมเห็นการประลองที่เกิดขึ้น และนักเรียนของ
สถาบันซงเจียนก็ไมรูจักมักคุนกับจูเหยี่ยนเชนกัน จึงทำใหไมมีการพูดจาเรื่องนี้เทาไร
นัก สิ่งที่ทำใหคนสนใจในเรื่องนี้ก็คือ จูเหยี่ยนผูซึ่งเปนรุนเยาวที่มีพรสวรรคของ
ตระกูลจูสงจดหมายทาประลองเปดผนึกใหสาธารณะชนไดรับรู
ทวากลับเปนการประกาศใหโลกรูวาเขาไดพายแพใหกับคูตอสูคนเดิมอีกครั้ง
ผูคนจำนวนมากสงสัยวาคนทั้งสองอาจทำการสมรูรวมคิดกันอยางลับๆ เพื่อทำ
การแสดงก็เปนได
กระนั้นก็ตามยังคงมีคนจำนวนไม น  อ ยที ่ รี บ มาซื ้ อ ถั ่ วบั น ทึ กภาพ ด ว ยความ
ตองการที่จะไดเห็นวิชาลับขั้งสูง ความกระตือรือรนอยากจะพัฒนาตัวเองของนักเรียน
รวมถึงความอยากรูอยากเห็นเปนสาเหตุหลักที่เพิ่มยอดขายใหกับโรงฝก ในขณะที่
สนามเหนี่ยวนำมอบพื้นฐานและโอกาสใหไดเรียนรูเพิ่มเติม การเขาถึงขอมูลเกี่ยวกับ
ทักษะที่ทรงพลังนั้นจะตองมีระดับพลังสูงพอหรือไมก็ตองทำประโยชนใหกับสนาม
เหนี่ยวนำในทางใดทางหนึ่ง
สิ่งที่นักเรียนทั่วไปสามารถเรียนไดในสนามเหนี่ยวนำนั้นมีคอนขางจำกัด การ
ฝกฝนปกติประจำวันนั้นไมใชเรื่องยุงยากอะไร แตการที่จะเรียนรูทักษะที่ทรงพลังนั้น
คอนขางทำไดยาก
ถึงแมวาสนามเหนี่ยวนำจะมีวิชาลับขั้นสูงในครบครองอยูบาง แตการที่จะได
เรียนนั้นจัดวายากเย็นแสนเข็นทีเดียว เห็นไดชัดจากจำนวนผูที่สามารถทำไดสำเร็จ
นั้นมีนอยมาก
ตระกูลชนชั้นสูงมีความไดเปรียบอยางมากในเรื่องของวิชาลับขั้นสูง ตระกูลใดก็
ตามที่มีประวัติศาสตรยาวนานเกินรอยปยอมมีมรดกตกทอดอยูบาง อูสิงเทียนกอตั้ง
ขึ้นดวยแนวคิดของการพัฒนานวัตกรรม ดังนั้นคนทุกรุนตางก็ทุมเทใหกับการวิจัย
และพัฒนามรดกของครอบครัว ดวยการพัฒนาอยางตอเนื่องสงผลใหเกิดความเขาใจ
ในพลังธาตุมากยิ่งขึ้น กอใหเกิดการสรางสรรคตางๆ มากมาย
การปรากฏขึ้นของผูมีพรสวรรคจะนำมาซึ่งการรวบยอดของความรูทั้งมวลที่
สะสมมาจนถึงยุคของเขา และนั่นก็กอใหเกิดการสรางสรรควิชาลับขั้นสูงขึ้นจาก
มรดกของตระกูล
มีคำกลาวที่วา “วิชาลับขั้นสูงกำเนิดขึ้นจากการสั่งสมความรูมายาวนาน” และ
นั่นก็นับวาถูกตองทีเดียว
ยิ่งตระกูลเกาแกเทาไร ความรูที่สะสมมาก็ยิ่งมากเทานั้น หากมีผูมีพรสวรรคยอด
เยี่ยมเกิดขึ้นในตระกูลก็จะยิ่งทำใหอำนาจของตระกูลเพิ่มขึ้นอยางมาก
การสงตอมรดกเปนธรรมเนียมของตระกูลนั้นๆ แตไมใชของสนามเหนี่ยวนำ
สำหรับคนเปนอาจารยแลวมันไมงายเลยที่จะพบศิษยที่เหมาะสมกับการถายทอดทุก
อยางให อาจารยสวนใหญจึงใชเวลาโดยมากไปกับการศึกษาสิ่งที่ตนสนใจ ไมใชการ
พัฒนาสิ่งที่ผูอื่นทิ้งไว
สนามเหนี่ยวนำอาจเปนตนกำเนิดของแนวคิดบรรเจิดมากมายหลายหลาก แต
นอยครั้งที่จะถูกพัฒนาจนถึงระดับวิชาลับขั้นสูง
จุดออนที่เดนชัดที่สุดของบรรดาอาจารยก็คือการขาดประสบการณในการตอสู
จริง พวกเขาใชชีวิตที่คอนขางเรียบงายอยูภายในสนามเหนี่ยวนำ ซึ่งเปนสถานที่ที่
สงบสุขที่สุดในอูสิงเทียน อาจารยจะเกี่ยวของกับการตอสูก็เฉพาะตอนที่ฝกซอม
ภาคปฏิบัติกับนักเรียน หรือตอนที่ติดตามนักเรียนออกไปทำภารกิจเทานั้น
วิ ช าลับ ขั ้น สู ง นั ้น ใช ในการต อ สู เ ปน หลัก และส ว นใหญก ็ เ กิด จากการสะสม
ประสบการณในการตอสูมาอยางโชกโชน
บรรดาตระกูลที่ปรารถนาความกาวหนาเหนือผูอื่นลวนสงสมาชิกในตระกูลรุนแลวรุน
เลาเขาสูสนามรบ ผูคนเหลานั้นลวนกาวอยางภาคภูมิเขาสูสิบสามหนวยที่เปนแนว
หนาในสนามรบที่เปยมไปดวยความสามารถในการตอสูและไดรับความนับถือสูงสุด
ในระยะยาวแลว พวกเขาจะเขาใจลึกซึ้งมากขึ้นถึงจุดเดนและจุดดอยของทักษะ
ที่ตนไดรับสืบทอดมา และความเขาใจนี้เองที่เปนสวนสำคัญที่สุดในการพัฒนาทักษะ
ใหกาวหนายิ่งขึ้นไป
สมาชิกของตระกูลชั้นสูงจะไดสัมผัสกับวิชาลับขั้นสูงตั้งแตยังเยาว แตสำหรับ
นักเรียนทั่วไปแลว วิชาลับขั้นสูงนั้นเปนความฝนที่ไมอาจเขาถึงได ทุกตระกูลตางก็
พยายามปกปดวิชาลับขั้นสูงของพวกเขาจากความสอดรูสอดเห็นของบุคคลภายนอก
แมแตความรูที่สะสมมาก็ยังถูกปดบังไวอยางเต็มที่ เพราะนั่นเปนผลงานที่บรรพบุรุษ
ทุมเทชีวิตสรางขึ้นและยังเปนแกนแทแหงความแข็งแกรงของตระกูลอีกดวย
ในสายตาของนักเรียนทั่วไปแลววิชาลับขั้นสูงนั้นถูกหอหุมไวดวยความลึกลับ
เมื่อคนพบวามีถั่วบันทึกภาพที่ไดบันทึกการใชวิชาลับขั้นสูงไว นักเรียนจำนวน
มากก็รีบหาซื้อมาใหไดสักเมล็ดหนึ่ง ถึงแมวาถั่วนั้นจะราคาไมนอยแตการไดเห็นวิชา
ลั บ ขั ้ น สู ง ก็ ท ำให ม ัน คุ  ม คา ในความเป น จริ ง แล ว โอกาสแบบนี้ น ั ้น หาได ย ากยิ่ ง
โดยเฉพาะสำหรับพื้นที่หางไกลอยางเมืองซงเจียน
“เหลือแคยี่สิบกวาเมล็ดเอง”
เถาแกหยุดไปครูหนึ่งกอนที่จะตะโกนวา “แลวทำไมพวกเจายังยืนอยูแถวนี้ ไป
ปลูกเพิ่มสิ!”
“เราปลูกทั้งหมดแลว แตพวกเรามีผูใชธาตุไมเพียงแคสามคนเทานั้น” ผูชวย
พยายามอธิบาย
ตองใชผูใชธาตุไมที่มีความเชี่ยวชาญในการปลูกถั่วบันทึกภาพ ในขณะที่ถั่วหนึ่ง
เมล็ดสามารถเติบโตและใหผลไดถึงยี่สิบเม็ดภายในเวลาเพียงแคคืนเดียว แตก็ไมใชวา
จะโยนถั่วลงบนดินที่ใดก็ได ผูใชธาตุไมตองขยายพลังธาตุเพื่อควบคุมการเติบโตของ
ตนถั่ว และทำใหแ นใจวาถั่วที่ป ลู กนั้ น จะใหภ าพเหมื อนกั บ ตน ฉบั บ ผู  ใช ธ าตุไม
ความสามารถปานกลางคนหนึ่งสามารถปลูกตนถั่วไดเพียงครั้งละแคยี่สิบตนเทานั้น
“จางเพิ่มสิ เพิ่มเงินใหไป ใหสองเทาไปเลย” เถาแกตะโกน หัวใจเตนรัว “ขึ้นราคา
เราจะตองขึ้นราคาขาย”
เขาคาดเดาวาถั่วบันทึกภาพจะขายดี แตเขาไมเคยนึกฝนเลยวามันจะเปนที่นยิ ม
มากเพียงนี้
ผูใชธาตุไมหลายคนเรงรีบมายังโรงฝก ทำงานอยางไมรูจักเหน็ดเหนื่อยเพื่อปลูก
ถั่วบันทึกภาพเพิ่ม ตนถั่วเรียงรายตนแลวตนเลาอยูเต็มพื้นที่ของโรงฝก ไมเวนแมแต
พื้นที่ลานประลองก็ถูกนำมาใชปลูกตนถั่ว ไมเหลือที่วางแมแตนอย เสียงของฝกถั่ว
เปดออกดังเปนระยะๆ อยูตลอดคืน
เถาแกไมรูเลยวานี่เปนเพียงจุดเริ่มตนของความวุนวายที่กำลังจะตามมา
กลิ่นของสมุนไพรตลบอบอวนไปทั่วทั้งโรงเย็บปก อายฮุยจองมองผาไหมโปรง
แสงในมือของเขาอยางตั้งใจ เขาเคลื่อนไหวเชื่องชาไมตางจากหอยทาก หัวใจเขาสั่น
ระรัวไปตามการสั่นสะเทือนของเสนไหมอันละมุนนุมนวล
รังไหมสนธยาจัดเปนรังไหมที่หายากมากๆ และดูแลจัดการไดยากเย็นอยางยิ่ง
เชนกัน รังไหมที่ถูกสรางขึ้นดวยไหมสนธยานี้มีความแข็งแกรงดุจเหล็กกลา สามารถ
ทนทานน้ำและไฟไดอยางสมบูรณ
อายฮุยตื่นตะลึงกับปริมาณงานที่ตองทำในแตละขั้นตอนของการจัดการ เริ่มดวย
ผูใชธาตุพลังไมจะตองเตรียมสวนผสมสมุนไพรถังใหญที่จะใชแชรังไหมสนธยาเพียง
แครังเดียว ตอดวยการใหผูใชธาตุไฟเรงความเขมขนของไฟเพื่อตมรังไหมในสวนผสม
สมุนไพรเปนเวลาสองชั่วโมง
สวนผสมสมุนไพรจะกลายเปนน้ำใสในขณะที่รังไหมสนธยากลายเปนกอนวุนสีดำ
นี่คือจุดที่การฝกฝนของอายฮุยเริ่มขึ้น
ภารกิจของเขาก็คือการคอยๆ สาวใยไหมออกมาจากกอนวุนนั้น สิ่งที่ยากก็คือ
ตองพยายามปองกันไมใหเสนไหมที่หลอมละลายกลายเปนกอนวุนนั้นขาด แมเพียงใช
ความเร็วมากไปเพียงนิดเดียวก็จะทำใหเสนไหมขาด
ยิ่งไปกวานั้น เขาจะตองคอยๆ ผสานพลังธาตุของเขาเขาไปในใยไหมอยางตอเนื่อง
การผสานพลังธาตุเขาไปในกอนวุนไหมนั้นก็เพื่อทำใหมันคืนสภาพกลับมาเปน
ของแข็งอยางเชนที่เคยเปน
หากเกิดความผิดพลาดแมเพียงเล็กนอยก็จะทำใหกระบวนการทั้งหมดพังลง การ
สั่นสะเทือนเพียงเล็กนอยหรือการเพิ่มความเร็วของพลังธาตุที่ผสานเขาไปเพียงนอย
นิดก็อาจทำใหกอนวุนไหมสลายไป
ความรอนภายในโรงเย็บปกนั้นสูงจนนาตระหนก แตอายฮุยมุงมั่นอยูกับภารกิจ
ตรงหนาจึงไมอาจรับรูได บางทีเขาอาจไมรูตัวดวยซ้ำวาตนเหงื่อไหลออกมามาก
เพียงไรแลว
มูลคาของไหมสนธยานั้นขึ้นอยูกับความยาวของมัน
ไหมสนธยาที่ยาวที่สุดเทาที่อายฮุยเคยสกัดออกมาไดจนถึงตอนนี้นั้นยาวเพียง
หนึ่งเมตร ไหมสนธยาที่มีความยาวแคนี้นั้นเปนเพียงขยะไรคา
อายฮุยอยูภายใตความกดดันอยางหนัก เขาไมใชคนโง เมื่อคิดถึงคารังไหม คา
สวนผสมสมุนไพร คาจางผูใชพลังธาตุ เขารูตัวดีวาตนทุนในการผลิตไหมสนธยานั้น
มหาศาลขนาดไหนแมวาอาจารยหญิงจะไมเปดเผยขอมูลใดๆ ก็ตาม
หากเขาไมสามารถสาวไหมที่ดีพอได มันก็จะกลายเปนการสูญเปลาอยางสิ้นเชิง
นิ้วเขาสั่นไหวทำใหปลายดานหนึ่งของเสนไหมขาด อายฮุยไมอาจอดทนไดอีก
ตอไป เขารวงลงไปกองกับพื้น หอบหายใจ รางกายเปยกชุมไปดวยเหงื่อ
เศษไหมกระจายเกลื่อนอยูบนพื้นรอบตัวเขา
บทที่ 90 ถั่วบันทึกภาพ
โจวเสี่ยวซีรุดเขามาอยางตื่นเตนและกลาวา “เฒาหลี่ มาดูถั่วบันทึกภาพนี่สิ”
หลี่เหวยที่กำลังนอนครุนคิดอยูบนเตียง ขมวดคิ้วมุนกอนที่จะตอบกลับไปอยาง
ลอเลนวา “ก็ดูเองสิ”
“มันไมมีประโยชนอะไรหรอกที่จะมัวมานอนคิด ในเมื่อเจาไมสามารถทำอะไรได
หากอาจารยของเขาไมยินยอม เจาไมควรไปลวงเกินอาจารยในสนามเหนี่ยวนำแหง
นี้” โจวเสี่ยวซีตอบกลับมาจากดานนอก “การรับทหารใหมไมใชเรื่องงาย ไมตอง
กดดันตัวเองเกินไปหรอก หากเจาทำใหตัวเองจบลงดวยการโดนแทงขางหลังมันก็สาย
เกินไปแลวที่จะสำนึกผิด”
“อยามาพูดเหลวไหล อาจารยหวังไมใชคนเชนนั้น” หลี่เหวยสวนกลับไปอยาง
รวดเร็ว “ขาเคยเรียนกับเขามากอน ขารูวาเขาเปนอยางไร”
“ไมวาอยางไรก็ตาม อยาไดทำอะไรเกินเลย เจาพลาดมาหลายครั้งแลวกับเรื่อง
เชนนี้” โจวเสี่ยวซีกลาวเตือนหลี่เหวยตอไปดวยความเปนหวง “เจาควรเลิกรูสึกเปน
ทุกขไดแลว เจานับวาโชคดีไมนอยแลว ถึงแมวาอาจารยของคนที่อาจเปนผูสืบทอด
ของเจาจะไมยอมปลอยเขาใหเจา เจาก็ยังมีโอกาสที่จะคอยๆ เกลี้ยกลอมเขา สวนขา
ยังหาคนที่มีคุณสมบัติพอที่จะเปนผูสืบทอดไมพบเลย”
หลี่เหวยถามกลับอยางเกียจครานวา “หนวยทะเลเหนือของเจาไมไดรับสมั คร
สมาชิกใหมไดอยางงายดายหรอกหรือ เจาไมตองเอาตัวมาเปรียบเทียบกับพวกที่ขม
ขื่นอยางพวกขาหรอก”
“ขมขื่นหรือ ดูเหมือนจะหวานแหววเสียมากกวา” โจวเสี่ยวซีหยอกลอ
“ใครบางคนใจไมอยูกับเนื้อกับตัวตั้งแตกลับมาวันนั้น ขาสัมผัสไดถึงกลิ่น อาย
ความรัก โอ น้ำพุสวรรค”
หลี่เหวยกระโดดออกจากเตียงในทันทีดวยความขวยเขิน ทะยานออกจากหอง
และตะโกนวา “วันนี้เหมือนจะเปนวันดีที่เราจะแลกหมัดกันนะ เจาลอขาได แตอยา
มาทำใหชื่อเสียงของแมหญิงดีๆ ตองแปดเปอนเชนนั้น ขาทนไมได!”
โจวเสี่ยวซีประทวงดวยทาทางไรเดียงสา “ขาพูดอะไรผิดไปอยางนั้นหรือ ทำให
ชื่อเสียงของนางแปดเปอนไดอยางไร”
“เจา...” หลี่เหวยหมดคำพูดจะกลาว ความอับอายกลับกลายเปนความโกรธ
อยางรวดเร็ว เขากลาวทา “มานี่เลย ขาจะอัดหนาสุนัขทะเลเหนือของเจาใหกองอยู
กับพื้น”
โจวเสี่ยวซีไมมีความโกรธเคืองแมแตนอย เขายังคงหยอกลอตอไปดวยเสียงอันดัง
“ขาเปนสุนัขทะเลเหนือ สวนเจาเปนดอกสาคูที่เบงบาน*ไมสิ ขาหมายถึง เจาเปน
มนุษยเหล็กที่เบงบาน ก็ได ก็ได ขาแคลอเลน มันก็แคเรื่องปกติของมนุษย คราวหนา
ขาจะแนะนำสาวๆ จากทะเลเหนือที่งดงามราวกับทองทะเลให เจารูหรือไมวาทำไม
หญิงจากทะเลเหนือถึงถูกเรียกวาธิดาแหงทองทะเล”
หลี่เหวยถูกชักจูงใหเปลี่ยนประเด็น “เพราะพวกนางงดงามปานทองทะเล”
โจวเสี่ยวซีตอบอยางไรเดียงสา “ใชแลว พวกนางนั้นงดงาม แตอะไรคือลักษณะ
หลักของทองทะเลกันเลา มันผันแปรอยางถึงขีดสุด! เมื่อมีสุข ทุกอยางก็จะสงบ
รื่นรมย แตเมื่อไรไมยินดี ก็จงเตรียมรับมือกับพายุอันเกรี้ยวกราด! เจารูหรือไมวา
ทำไมขาถึงยังโสด เพราะขาเปนชายที่เผชิญกับพายุเหลานั้ นและรอดมาบอกเล า
เรื่องราวอยางไรละ! ขาไดยินมาวาสาวๆ ในหนวยทหารราบมีรูปรางดีไมใชหรือ”
หลี่เหวยพยักหนาเพื่อตอบคำถามของโจวเสี่ยวซี “ก็แนสิ พวกนางแตละคนลวน
มีสวนสัดอันนาทึ่ง มีกลามเนื้อที่กระชับ หนาทองแบนราบ ไมมีหญิงที่มีไขมันสวนเกิน
แมสักคนเดียว ยิ่งไปกวานั้น พวกนางสวนใหญนั้นไมคอยอารมณแปรปรวน”
“ยอดไปเลย!” โจวเสี่ยวซีกลาว ดวงตาเปนประกายดวยความยินดี “ขาคงตอง
ฝากความสุขในอนาคตไวในมือเจาแลว!”
“ตราบใดที่เจาตอบสนองความตองการของนางได ความสัมพันธของเจาก็จะ
เปนไปอยางสุขสันต” หลี่เหวยตอบในขณะที่ชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
“เงินอยางนั้นหรือ ไมใชปญหา! หนาตาหรือ ขาก็มีดี! รูปรางขาก็จัดวาไมเลว
เชนกัน” โจวเสี่ยวซีกลาวดวยความมั่นใจ
หลีเหวยหัวเราะเบาๆ “สาวๆ จากหนวยทหารราบไมสนใจเรื่องพวกนั้นหรอก
ความตองการทั้งสามคือ ความกระหายในการสังหาร ความตองการที่จะระบายความ
โกรธอยางรุนแรง และความตองการที่จะฉีกกระชากสิ่งของเมื่อยามเศรา”
โจวเสี่ยวซีสั่นเทิ้มดวยความกลัวขึน้ มาทันที กอนที่จะพึมพำวา “ขาคิดวาขาจะอยู
เปนโสดตอไปดีกวา”
“ชางมันเถอะ อยามัวพูดเรื่องเศราพวกนี้เลย เรามาดูถั่วบันทึกภาพกันเถอะ”
โจวเสี่ยวซีกลาว กลับมาทำตัวเปนปกติอีกครั้ง “เจาไมรูหรอกวากวาจะหาซื้อมาไดนั้น
ยากเย็นแคเพียงใด ขาตองตอแถวเขาซื้ออยูตั้งนานกวาจะซื้อสินคาขายดีนี้ได”
“มันบันทึกภาพอะไรไว” หลี่เหวยถามอยางเรียบๆ
“เจาเคยไดยินชื่อจูเหยี่ยนหรือไม คนที่พายแพใหแกผูใชธาตุดินกอนหนานี้ มันเปน
เด็กนอยหยิ่งยโสที่สงสารทารบเปดผนึกไปทั่ว คราวนี้มันทำตัวเองใหตกอยูในสภาพ
นาอับอายอีกแลว” โจวเสี่ยวซีพึงพอใจในความโชครายของจูเหยี่ยนอยางเห็นไดชัด
ระหวางตระกูลชั้นสูงกับสามัญชนนั้นมีเหวที่ไมอาจขามไดขวางอยู ความขัดแยง
นี้ปรากฏขึ้นทุกหนแหงไมเวนแมแตในแนวรบ
ตระกูลชั้นสูงนั้นมีประวัติศาสตรอันรุงเรืองยาวนาน ยอนกลับไปถึงการรบที่ทำให
เกิดการกอตั้งอูสิงเทียนขึ้นมา
หลังจากอูสิงเทียนคอยๆ มั่นคง ยุคแหงการขยายตัวจึงไดเริ่มตนขึ้น ผูมีพรสวรรค
จากดินแดนเกาถูกนำเขาสูอูสิงเทียนในฐานะประชากรใหมเพื่อเติมเต็มพื้นที่ที่ขยาย
ออกไป
ประชาชนทั่วไปสวนใหญในอูสิงเทียนลวนมีตนกำเนิดมาจากผูอพยพจากดินแดนเกา
นอกเหนือไปจากการลดลงของอิทธิพลที่ตระกูลชั้นสูงเหลานั้นเคยมีและการพุง
ขึ้นของประชาชนธรรมดาที่มีความโดดเดนแลว การจัดสรรทรัพยากรนั้นกลับเปนไป
อยางอยุติธรรมและเขาขางตระกูลชั้นสูงเปนอยางมาก พวกเขาควบคุมทรัพยากร
ระดับสูงไวถึงเกือบแปดในสิบสวน
ความขัดแยงระหวางประชาชนธรรมดากับชนชั้นสูงนั้นเกิดขึ้นในทุกที่โดยเฉพาะ
อยางยิ่งในแนวรบที่การปะทะเกิดขึ้นแทบทุกเมื่อเชื่อวัน
“ขาเคยไดยินมาเหมือนกัน” หลี่เหวยตอบพลางพยักหนา เขารูสึกสงสัยในทันที
“เขาพายแพอยางนาอนาถไดอยางไรในเมื่อเขาสามารถใชวิชาลับขั้นสูงได”
“ใชแลว ขาก็อยากเห็นผูใชธาตุดินผูดุดันคนนี้ดวยตัวเองเชนกัน”
โจวเสี่ยวซีนำถั่วบันทึกภาพออกมาและโยนมันลงไปในกระเปาะของตนกลืนแสง
คายเงาที่วางอยูบนโตะ ตนไมขนาดเล็กนี้สามารถใชประโยชนไดหลากหลายและ
สามารถใชรวมกับผลิตภัณฑสื่อหลากหลายชนิดที่ที่ผูใชธาตุไมสรางขึ้น
ในกระถางสีน้ำตาลเขมมีตนไมที่ดูคลายตนหมอขาวหมอแกงลิงขนาดสูงประมาณ
ยี่สิบเซนติเมตร มีกระเปาะขนาดใหญ บนกระเปาะมีสัญลักษณของผูใชธาตุไมตกแตง
อยูและขอบปากที่เปดออกของกระเปาะก็เปนสีแดงสดดูเหมือนวงแหวนสีแดง
หลังจากถูกโยนลงไปในกระเปาะแลว ถั่วบันทึกภาพก็ละลายอยางรวดเร็วดวย
ของเหลวที่อยูภายในนั้น ในเวลาไมนานลำแสงก็พวยพุงออกมาจากปากกระเปาะที่
เปดออก
แสงออนจางแสดงภาพที่พราเลือนออกมา
“ทำไมมันไมชัดแบบนี้” โจวเสี่ยวซีกลาวออกมาอยางหัวเสีย “ไอเถาแกหนา
เลือด กลาขายถั่วคุณภาพต่ำแบบนี้ในราคาสูงลิ่วขนาดนี้ไดอยางไร บาไปแลว”
“อยาคาดหวังอะไรมากมายในเขตแดนเล็กๆ นี้เลย” หลี่เหวยกลาวอยางเขาใจ
เขาคอนขางคุนเคยกับสิ่งที่เปนไปในพื้นที่แถบนี้ เขามองไปยังภาพฉายกอนจะเอย
ปากพูด “ตั้งใจดูเถอะ ไมอยางนั้นเจาจะพลาดไปมากกวานี้”
เมื่อไดยินคำเตือนของหลีเหวย โจวเสี่ยวซีก็หยุดบนและจองมองทุกรายละเอียด
อยางตั้งใจ
เห็นไดชัดวาฝกถั่วเงามายาจับจองไปที่จูเหยี่ยนตั้งแตเริ่มตน เพราะเขานั้นเตะตา
อยางมาก เพลงเตะหนักหนวงของเขาเหมือนกับขวานใหญ การโจมตีเปนไปอยาง
ชัดเจน การเคลื่อนไหวของเขาไมมีความเลินเลอแมแตนอย
“เขาทรงพลังไมนอยเลย” โจวเสี่ยวซีพึมพำกับตัวเอง
“นั่นนับเปนการใช [ตาขายเพลิงแมงมุมดิน] ที่ดีทีเดียว” การวางตัวกอนหนานี้
สลายหายไปอยางรวดเร็ว
กอนหนานี้เขาคาดเดาวาจูเหยี่ยนถูกโคนลงเพราะขาดประสบการณการตอสู แต
เมื่อพิจารณาจากภาพที่เห็นแลว จูเหยี่ยนมีความชำนาญพอตัวและไมไดทำอะไร
ผิดพลาดเลย นอกเหนือจากเรื่องที่เขามีระดับพลังสูงกวาแลว โจวเสี่ยวซีเองอาจจะไม
สามารถทำไดดีเชนจูเหยี่ยนก็เปนได
หลี่เหวยไมไดพูดอะไรออกมาแมแตคำเดียว เขาจองมองไปที่ภาพตรงหนา
ไมมีคูตอสูแมแตคนเดียวในสนามที่สามารถเทียบกับจูเหยี่ยนได เขาสามารถลม
คูแขงจำนวนมากไดโดยไมเสียเหงื่อแมแตหยดเดียว
แตทุกอยางเปลี่ยนไปเมื่อเขาโจมตีใสผูเขาแขงขันที่สวมหนากาก
ผูรวมลงแขงที่ดูไรอันตรายนั้นพลันเคลื่อนไหว เขาตอยหมัดใสเตะอันหนักหนวง
ของจูเหยี่ยน
โจวเสี่ยวซีสายหนาโดยไมรูตัว เมื่อพิจารณาจากการที่ขานั้นมีพลังมากกวาหมัด
แลว แนวทางการรับมือกับเพลงเตะที่รุนแรงนั้นก็คือการหลบและหาจังหวะสวนกลับ
หรือไมก็ใชวิธีตาตอตาโดยการเตะสวนกลับไป
แตสิ่งที่เกิดขึ้นตอมาทำใหเขาตกใจ จูเหยี่ยนถูกกระแทกกลับไปหลายกาวใน
ขณะที่คูประลองถอยไปแคสองกาวก็ตั้งตัวไดแลว
“แข็งแกรงอยางเหลือเชื่อ” หลี่เหวยกลาว
“จูเหยี่ยนดูเหมือนจะถูกกระตุน เขาตองจดจำคูตอสูไดแน” โจวเสี่ยวซีสังเกตเห็น
ไดอยางรวดเร็วจากประสบการณที่สะสมมาจากการตอสูนับครั้งไมถวน
แตเมื่อเห็นผูใชธาตุดินลึกลับเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศอยางกะทันหันในขณะที่
กระโดดเขาหาจูเหยี่ยน ภาพนี้ทำใหพวกเขาทั้งคูลุกขึ้นพรอมกันดวยความตกใจ

*ดอกสาคูที่เบงบาน หมายถึง ยากจะเกิดขึ้น


บทที่ 91 การพิจารณา
เปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ!
จากแสงและเงาที่ฉายออกมาจากเม็ดถั่ว ภาพรางของผูใชพลังธาตุดินนั้นสามารถ
มองเห็นไดวากำลังพุงตรงเขาหาจูเหยี่ยน เขาลอยอยูกลางอากาศและเปลี่ยนทิศไป
อยางมากเมื่อมาถึงกลางทาง แงมุมที่เปลี่ยนไปนั้นคอนขางกวาง ดูเหมือนกับคางคาว
ที่รอนกายอยูกลางอากาศ
จูเหยี่ยนรวบรวมพลังทั่วรางสงไปยังขาและเปลี่ยนเปนเพลงเตะอันรุนแรง แตเขา
ก็พลาด
ผูใชพลังธาตุดินรอนเปนวงโคงประหลาดและปรากฏกายขึ้นดานหลังจูเหยี่ยน
ในจังหวะที่เขาตกถึงพื้น กลามเนื้อของจูเหยี่ยนดูเหมือนจะเขม็งเกรียวขึ้น
ผู  ช มทั ้ ง สองตา งเป น ผู  ม ี ป ระสบการณก ารตอ สู อ ยา งโชกโชน เมื ่ อ เห็ นการ
เคลื่อนไหวของจูเหยี่ยน พวกเขาก็รูไดทันทีวาสถานการณกำลังตึงเครียด
ผูใชพลังธาตุดินถีบตัวขึ้นจากพื้น หลังของเขากระแทกเขาใสจูเหยี่ยน
จุดที่จูเหยี่ยนเคยอยูกลายเปนเพียงภาพติดตา เพราะตัวจริงของเขากระเด็นออกนอก
ระยะภาพไปราวกับลูกยางที่ถูกยิงออกจากหนังสติ๊ก เห็นไดชัดวาผูใชธาตุไมที่ควบคุม
ฝกถั่วเงามายาตกตะลึงกับภาพที่เห็น ภาพที่ถูกถายคางอยูชั่วขณะหนึ่งกอนที่ผูใชพลัง
ธาตุไมจะเรียกสติคืนมาไดและเริ่มเปลี่ยนทิศทางการจับภาพของฝกถั่วเงามายา
จากแสงและเงาที่ฉายออกมาจากฝกถั่วเงามายาแสดงภาพ รางของจูเหยี่ยนที่ติด
อยูบนกำแพงกั้นแสงเหมือนกับขนมเบื้อง
“ตองเจ็บมากแนๆ” โจวเสี่ยวซีกลาวเมื่อเขาเห็นมนุษยขนมเบื้องในภาพและกลืน
น้ำลายลงคออยางยากเย็น
“ไมตองกังวล มันไมเจ็บหรอก” หลี่เหวยสายหนาดวยสีหนาทื่อๆ “เขาหมดสติ
ไปแลว เขาไมรูสึกอะไรหรอก”
แวบ! ภาพแสงและเงาหายไปจากตนหมอขาวหมอแกงลิง
“แคนี้....แคนี้หรือ” โจวเสี่ยวซีที่เพิ่งจะรวบรวมสติไดกลับรูสึกมึนงงอีกครั้ง สอง
วินาทีตอมาเขาก็ระเบิดเสียงที่ดังพอจะถลมฝาเพดานลงไดออกมา
“ไมถึงหนึ่งนาทีก็จบแลว ไหนเลาวิชลับขั้นสูง ขาไมเห็นแมแตหนาผูใชธาตุพลัง
ดินดวยซ้ำ! ผูใชพลังธาตุดินหรือ แลวตุกตาทรายของเขาอยูไหน แลวคนอื่นละอยูไหน
มีแคนี้หรือ แกกลาขายตั๋วราคาหนึ่งแสนหยวนเพื่อการประลองแบบนี้หรือ อากกก!
ขาจะตองฆาคน! อยามาหามขา!”
“หนึ่งแสนหยวนหรือ” หลี่เหวยมองไปทางโจวเสี่ยวซีอยางเหยียดหยัน และไม
ลืมที่จะซ้ำเติม “ขาบอกไมไดหรอกวาเจาจะมีหนาตาดีและหุนล่ำอยางที่เจาโมหรือไม
แตเรื่องของทรัพยสมบัติขารูแลววาเจามี สวนเรื่องสมองนั้น เห็นไดชัดวาไมมี!”
ฟู! กอนควันพุงออกมาจากตนหมอขาวหมอแกงลิง กอใหเกิดเสียงดังในจังหวะ
พอเหมาะพอดีราวกับเห็นดวยกับคำพูดของหลี่เหวย “กลืนแสงคายเงา” อาจฟงดู
เปนชื่อที่ทรงพลัง แตมันก็เปนแคเพียงตนไมธรรมดาทั่วไป สิ่งที่ดูเหมือนจะเปนขอดี
ที่สุดของมันก็คือมันไมเลือกกิน
เมื่อผูใชธาตุไมสรางฝกถั่วเงามายาขึ้นเปนครั้งแรก เขาไดพบขอเท็จจริงอันนา
กระอักกระอวน กลิ่นของเมล็ดถั่วนั้นทำใหพืชและสัตวทุกชนิดถอยหาง
การทดสอบแรกนั้นทำกับกิ้งกาหลากสี ผิวหนังของมันสามารถเปลงแสงหลากสี
ออกมาได สรางภาพมายาขึ้นรอบกายเพื่อปองกันตัว แตการทดสอบนั้นลมเหลว
เพราะกิ้งกาถูกพิษอยางรุนแรงหลังจากกินถั่วเขาไป
ภาพที่ถูกเก็บไวในถั่วบันทึกภาพถูกฉายออกมาไดสำเร็จก็หลังจากที่ผูใชธาตุไม
คนพบตนหมอขาวหมอแกงลิงชนิดพิเศษ นั่นคือเหตุผลที่ทำใหมันไดรับชื่ออันยิ่งใหญ
เชนนี้
ทั้งสองคนยืนนิ่งเงียบ ซึมซับสิ่งที่ไดเห็นกอนหนานี้
“ชางเปนคนที่ทรงพลังจริงๆ นาเสียดายที่เขาเปนผูใชพลังธาตุดิน นาเหลือเชื่อจริงๆ”
โจวเสี่ยวซีรูสึกผิดหวังเพราะหนวยทะเลเหนือรับเฉพาะผูใชธาตุน้ำเขารวม
“นาเสียดายที่ไมเห็นตุกตาทราย” หลี่เหวยสงสัย “ผูใชพลังธาตุดินนั้นเกงในการ
ตอสูระยะประชิด...ขาอยากรูจริงๆ วาตุกตาทรายของเขาเปนอยางไร”
นักสูที่ช่ำชองอยางพวกเขารูวาจะประเมินผูใชพลังธาตุดินไดอยางไร พวกเขาตอง
ทำความเขาใจเกี่ยวกับตุกตาทรายที่ใช ตุกตาทรายคือไพเด็ดของผูใชพลังธาตุดิน
ไมมีใครตัดสินความสามารถในการรบของผูใชพลังธาตุดินไดหากไมไดประเมิน
ตุกตาทรายที่เขาใชเสียกอน
“นั่นเปนการเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศใชหรือไม” โจวเสี่ยวซีไมคอยแนใจ
“รูกระบวนทาหรือไม”
ระหวางคนทั้งคู ถึงแมวาหลี่เหวยจะดูตรงไปตรงมากวา แตบุคลิกของทั้งคู นั้น
แตกตางกันคนละขั้ว โจวเสี่ยวซีนั้นคอนไปทางไมระมัดระวัง ในขณะที่หลี่เหวยนั้น
คอนขางพิถีพิถัน
“ไม” หลี่เหวยสายหนา “การเปลี่ยนทิศกลางอากาศนั้นสามารถทำได แมวาจะ
ยากก็ตาม อยาลืมวาเขาเปนผูใชพลังธาตุดิน เขามีตุกตาทราย”
“มีเหตุผล” โจวเสี่ยวซีแตะคางกอนจะถามตอ “เจาไมรูสึกหรือวาทาพุงหลังนั่นดู
คลายกับทา [มัจฉาสะบัดกาย]”
อันที่จริงแลว เมื่อเขามองเห็นกระบวนทานั้นเปนครั้งแรก หลี่เหวยคิดถึงรอยบุบ
จำนวนมากภายในเจดียเสวียนจินขึ้นมาทันที นั่นจะเปนอายฮุยหรือเปลา ความคิดนี้
แวบเขามาในหัวของเขากอนที่จะสลัดออกไปอยางรวดเร็ว ถึงแมวารางกายของเขาจะ
พอดีกับรอยบุบ เขาก็เพิ่งเปดคลังชีวิตไดเทานั้น เปนไปไมไดที่เขาจะมีพลังตอ สู สูง
ขนาดนั้นได
ยิ่งไปกวานั้น นี่เปนภาพของผูใชพลังธาตุดิน แตวาอายฮุยนั้นเปนธาตุทองอยาง
แนนอน
“ขาเชื่อวามันเปน [หลังทลายภูผา] มากกวา” หลี่เหวยกลาว
โจวเสี่ยวซีเห็นดวย ถึงแมวากระบวนท าของผู ใชพ ลั งธาตุดินจะดูคล า ยกลั บ
[มัจฉาสะบัดกาย] พลังที่เผยออกมานั้นสูงกวามาก
[มัจฉาสะบัดกาย] เปนกระบวนทาที่ใชในการสลัดใหหลุดจากจับกุบไมใชการโจมตี
“มีพวกประหลาดทุกชนิดเลยปนี ้ ผูใชพลังธาตุดินจะเปน ผู ใชพลังธาตุด ิ น ได
อยางไรถาเขาไมใชตุกตาทรายในการตอสู” โจวเสี่ยวซีพึมพำกับตัวเอง
“เด็กรุนนี้ดุดันเสียจริง!” หลี่เหวยถอนหายใจ ความสามารถของจูเหยี่ยนนั้น
นับวาดีมากแลว แตผูใชพลังธาตุดินกลับสูงล้ำยิ่งกวา ความแตกตางของระดับพลังนั้น
อาจใชเวลาเพื่อลดมันลงได แตความแตกตางของพรสวรรคนั้นไมอาจเติมเต็มได
หลี่เหวยไมรูวาทำไม แตหลังจากไดชมภาพจากถั่วบันทึกภาพ เขากลับมีความ
ตองการที่จะชักชวนอายฮุยเขารวมหนวยของเขามากขึ้น
เขารูสึกวาอายฮุยเปนบุคคลที่เหมาะสมกับหนวยทหารราบอยางไมตองสงสัย
เขาควรจะทำอยางไรดี
หลี่เหวยตัดสินใจแลววาไมวาอยางไรก็ตามเขาจะตองไดพบกับอายฮุยเปนการ
สวนตัวกอนที่จะคิดทำอะไรตอไป
โรงเย็บปก
หมิ ง ซิ ่ ว กำลั ง รายงานต อ อาจารย เ ช น ปกติ โรงเย็ บ ป ก ได ร ั บ คำสั ่ ง ซื ้ อ ที ่ มี
ความสำคัญแตกตางกัน บางคำสั่งก็ดวนมากในขณะที่บางคำสั่งก็สามารถรอได บาง
คำสั่งตองใหอาจารยเปนคนจัดการดวยตัวเองสวนที่เหลือจะถูกดูแลโดยหมิงซิ่ว ซึ่ง
นางก็สามารถจัดสรรดูแลไดเปนอยางดี ทำใหหันอวี้ฉินวางใจและพึงพอใจในตัวศิษย
รักคนนี้มาก
หลังจากฟงรายงานของหมิงซิ่วจบแลว หันอวี้ฉินก็ถามถึงอายฮุย “แลวศิษยนอง
ของเจาเปนอยางไรบางชวงนี้”
“ไมกาวหนาเทาไร” หมิงซิ่วสายหัว และลังเลอยูครูหนึ่งกอนที่จะกลาวตอไปวา
“ขาเกรงวาไหมสนธยาจะยากเกินไปสำหรับเขา แมแตตัวขาเองยังรูสึกวามันยากเลย
เราควรเปลี่ยนเปนอยางอื่นหรือไม”
หันอวี้ฉินก็เหมือนจะลังเลอยูเชนกัน ที่หมิงซิ่วพูดก็มีเหตุผล
การที่ไหมสนธยามีราคาสูงในทองตลาดนั้นไมไดมีสาเหตุมาจากความขาดแคลน
ของรังไหมสนธยาอยางที่อายฮุยคิด ในความเปนจริงแลวรังไหมสนธยานั้นราคาถูก
ทีเดียว นั่นเพราะมันทนทานตอทั้งไฟและน้ำ รวมถึงความแข็งแกรงดุจเหล็กทำใหมัน
ไมถูกแมลงอื่นทำลาย สมุนไพรที่ใชในการหมักก็ไมไดมีราคาสูงนักเชนกัน
อันที่จริงแลวมันมีราคาสูงเพราะวามันสกัดออกมาไดยากยิ่งตางหาก
เครื่องปนไหมตองใชพลังธาตุที่บริสุทธิ์เพื่อทำใหเสนไหมเหนี่ยวหนึบกลายเปน
ของแข็ง ยิ่งไปกวานั้นมันยังตองการพลังธาตุในปริมาณที่พอเหมาะพอดี การเพิ่มขึ้น
หรือลดลงแมเพียงเล็กนอยก็สงผลใหเสนไหมขาดได
หากเสนไหมขาดลงแลว มันไมอาจนำมาเชื่อมตอกันไดใหม นั่นหมายความวามัน
เปนไปไมไดที่จะนำเสนไหมสั้นๆ มาตอกันใหเปนเสนยาว
และขั้นตอนการผลิตก็กินเวลาเป นอยางมากในขณะที ่ผลผลิ ตกลับนอยมาก
เมื่อใดก็ตามที่หันอวี้ฉินตองการใชไหมสนธยา นางเลือกที่จะซื้อมันมากกวาที่จะผลิต
มันขึ้นมาดายตัวเอง
วากันตามตรง หันอวี้ฉินเองก็รูสึกวาไหมสนธยานั้นยากเกินไปสำหรับอายฮุย
แตวาจะเปลี่ยนหรือไมนั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางก็ตองถามออกมาอยางชวยไมไดวา “แลวอายฮุยคิดเห็น
อยางไร”
ถึงอยางไรนางก็เปนอาจารยที่มีลูกศิษยลูกหา นางยอมรูดีวาเมื่อคนหนุมสาวพบ
เจอกับความยากลำบากก็จะทำใหความกระตือรือรนลดลง
หลังจากครุนคิด หันอวี้ฉินก็กลาวเสริมวา “ไปปรึกษากับเขากอน”
บทที่ 92 ประสบการณ
อายฮุยนั่งอยูบนพื้นโรงเย็บปก หอบหายใจอยางหนักหนวง
หมอกที่ลอยผานหนาตางออกมาเปนระยะๆ มีกลิ่นไอของสมุนไพรปนอยูดวย ทำ
ใหโ รงงานดูเหมือ นสัตว ป ระหลาดที ่ห ายใจออกมาเปน แก สพิษ ดว ยจั งหวะที ่ ไ ม
สม่ำเสมอ
บรรดาสาวๆ ในโรงเย็บปกไมกลาเขาใกลและเลือกที่จะเดินออมแทน หลายคน
เขาใจแลววาเหตุใดโรงเย็บปกจึงไมผลิตไหมสนธยาเอง แตก็ยังมีสาวๆ ใจกลาบางคน
ที่แอบมองอายฮุยจากระยะไกล
อุณหภูมิภายในโรงงานนั้นรอนมาก และอายฮุยก็เดินไปมาในสภาพกึ่งเปลือย
แสดงรูปรางสมสวนและกลามเนื้อกำยำ ผิวหนังชุมเหงื่อทอประกายแสงสีทองราวกับ
วาเขาถูกทาดวยน้ำมัน ไอน้ำที่ลอยอยูในโรงงานมีกลิ่นอันไมพึงประสงคซึ่งทำใหสาวๆ
ไมอยากเขาใกล แตก็ไมอาจหยุดพวกนางจากการแอบมองไกลๆ ได
อายฮุยไมรูตัววามีคนแอบมองอยู เพราะเขาทุมเทสมาธิทั้งหมดไปที่ไหมสนธายา
เจากรรมนี่
จนถึงตอนนี้เขายังไมสามารถสาวไหมที่มีความยาวเกินหนึ่งเมตรไดเลยแมแตครั้งเดียว
พลังธาตุในกายของเขานั้นชางเรียบรื่นอยางไมนาเชื่อและยังวองไวราวกับสายฟา
ความเร็วเพิ่มขึ้นไดงายมาก เพียงแคคิดพลังธาตุของเขาก็เพิ่มความเร็วขึ้นแลว แต
หากเปนการลดความเร็วแลวกลับยากกวามันมากนัก ยิ่งไปกวานั้นเขาไมเพียงแคตอง
ลดความเร็วของมันแตยังตองควบคุมความเร็วใหคงที่โดยไมอาจเปลี่ยนแปลงแมแต
นอยอีกดวย
อายฮุยคิดถึงเรื่องตางๆ มากมายในชวงไมกี่วันนี้
สิ่งที่เขาครุนคิดมากที่สุดก็คือ ถึงแมพลังธาตุในกายของเขาจะบริสุทธิ์แตมันก็ตาง
จากพลังธาตุที่เขาพัฒนาขึ้นดวยตัวเอง เขาอาจจะชักนำพลังไดดวยการชวยเหลือของ
ถุงมือเถาวัลยกระบี่ แตเขาก็ควบคุมมันไดอยางจำกัด
พลังธาตุที่เขาพัฒนาจากการฝกฝนดวยตัวเองนั้นถึงแมวาจะไมบริสุทธิ์และมี
ปริมาณเพียงนอยนิด แตมันสามารถควบคุมไดอยางงายได และสามารถนำมาใชงาน
ในแบบที่ซับซอนกวาได
อายฮุยหลุดพนจากความตื่นเตนจากชัยชนะในครั้งกอนและกลับมามีสมาธิมากขึ้น
มันไมสำคัญหรอกวาเขามีความแข็งแกรงมากเพียงไร หากเขาไมอาจควบคุมมัน
ไดก็ไรประโยชน ในทางตรงกันขาม ไมวาเขาจะมีความแข็งแกรงต่ำเตี้ยเรี่ยดินอยางไร
มันก็ยังมีประโยชนในชวงคับขันตราบใดที่เขาสามารถควบคุมมันไดอยางเต็มที่
ชาๆ และมั่นคงเปนวิธีที่เหมาะสม อายฮุยกลาวกับตัวเอง
คุณลักษณะของผูกลาสามนาทีก็ไมตางจากตัวออนกระบี่ ที่เขาตองการคือความ
แข็งแกรงที่วางใจได ทั้งความแข็งแกรงที่วางใจไดและทักษะที่วางใจได
“เปนอยางไรบาง ศิษยนอง” หมิงซิ่วกาวเขามาในโรงงาน
อายฮุยยืนขึ้น “ไมเลวเลย ศิษยพี่ คอนขางมีประโยชนทีเดียว”
หมิงซิ่วคอนขางประหลาดใจ นางคาดวาศิษยนองของนางจะมีความทอแทอยู
บาง แตเขากลับมองโลกในแงดีอยางมาก นางสำรวจอยางตั้งใจแตไมพบวี่แววของ
ความทอแทในสีหนาของอายฮุยเลย
แตกระนั้น ศิษยนองของนางสามารถทอผาคูไดทั้งที่เปดใชไดแคคลังชีวิตเทานั้น
แลวเขาจะทอแทเพราะความยากของไหมสนธยาไดอยางไรกัน
“ดีแลว ไมตองกระวนกระวาย ศิษยนอง คอยเปนคอยไป” หมิงซิ่วใหกำลังใจ
“ไหมสนธยานั้นมีราคาสูงก็เพราะมันสาวออกมาไดอยางยากเย็น”
เมื่อไดยินคำวา “ราคาสูง” แววตาของอายฮุยก็เปนประกายวูบ แตคำที่ตามมากลับ
ทำใหเขาสนใจมากกวา “ศิษยพี่หมายความวาวัตถุดิบนั้นราคาไมสูงอยางนั้นหรือ”
หมิงซิ่วพยักหนา “มันไมแพงหรอก รังไหมสนธยารังหนึ่งมีราคาประมาณสอง
แสนหยวนเทานั้นเอง”
ดวงตาของอายฮุยเบิกกวาง “สองแสนหยวนไมนับวาแพงอยางนั้นหรือ”
หมิงซิ่วหัวเราะออกมา “ถูกแลว ไมนับวาแพง ผาพลังธาตุราคาหาหมื่นหยวน”
“แลวไหมสนธยาเลา” อายฮุยถาม ไมอยากเชื่อสิ่งที่เขาไดยิน
“ก็ขึ้นอยูกับความยาว” หลังจากหยุดคิดอยูครูหนึ่งหมิงซิ่วก็กลาวตอ “ถาต่ำกวา
หาเมตรก็ไมมีคามากนัก หากประมาณสิบเมตรก็ราคาประมาณสองแสน แลวราคาก็
จะเพิ่มเปนสองเทาทุกๆ หาเมตร”
อายฮุยกลืนน้ำลาย รังไหมสนธยารังหนึ่งแมวาจะดูเล็กกระจอยแตใยไหมขางใน
นั้นละเอียดมาก โดยทฤษฎีแลวมันมีความเปนไปไดวาจะสามารถสาวไหมไดยาวกวา
หนึ่งรอยเมตร
เปนเงินเทาไรกันนี่!
ยี่สิบเมตรขายไดแปดแสนหยวน สามสิบเมตรขายไดสามลานสองแสนหยวน สี่
สิบเมตรขายไดสิบสองลานแปดแสนหยวน และหาสิบเมตรมีมูลคามากกวาหาสิบลาน
หยวน
เมื่อคิดดูแลว เงินแปดสิบลานหยวนของสาวนอยรานบะหมี่ ยังไมพอที่จะซื้อไหม
สนธยาความยาวหาสิบเมตรสองมวนเลยดวยซ้ำ
อายฮุยเกือบจะน้ำลายหก
อายฮุยรูสึกไมพอใจ ทำไมเมื่อพูดเกี่ยวกับการเย็บปกขึ้นมาทีไร ตองมีเงินจำนวน
มากเขามาเกี่ยวของทุกที
แตจากประสบการที่ผานมากับการทอผาคู อายฮุยรูดีวาถึงแมการหาเงินจากงาน
เย็บปกจะดูเหมือนมากมาย แตมันก็นับวาไดมาอยางยากเย็นแสนเข็น
อายฮุยไดคำนวณความเร็วที่เหมาะสมในการสาวไหมสนธยาแลว ตอใหทำทั้งวัน
ทั้งคืนก็สามารถสาวไดเพียงแควันละสองเมตรเทานั้น ไมมีทางผิดพลาดไปได
ไหมสนธยาความยาวหาสิบเมตรตองใชเวลาในการผลิตนานยี่สิบหาวันติดตอกัน
นั ่ น หมายถึ ง การควบคุ ม พลัง ธาตุ ใ ห ม ี ค วามเร็ ว คงที ่ โ ดยไม ผ ิ ด พลาดแม แ ต น อ ย
ตอเนื่องกันโดยไมหยุดเลย
นี่ไมเพียงแตเปนความทาทายอยางยิ่งยวดเทานั้น แตยังนาสะพรึงกลัวอีกดวย
อยาวาแตพลังธาตุเลย เพียงควบคุมสมาธิไวใหไดยี่สิบหาวันติดตอกันก็เกือบเปนไป
ไมไดแลว
ถาต่ำกวาหาเมตรก็ไมมีคามากนัก แตกับอายฮุยแลวใหสาวไหมยาวหาเมตรยัง
เปนปญหาอยูเลย
โอโฮ หาเงินไมใชเรื่องงายจริงๆ!
เมื่อเห็นสีหนาของอายฮุย หมิงซิ่วก็กลาวปลอบวา “อยาทอแทศิษยนอง การผลิต
ไหมสนธยาเปนงานที่ยากลำบาก แมแตผูที่ทำไดยังไมอยากจะทำเลย ไหมสนธยา
ความยาวสามสิบเมตรยังหาซื้อไดไมงายนักในตลาดทุกวันนี้ อีกทั้งเจาก็ทำเพียงเพื่อ
การฝกฝน เมื่อทักษะของเจาสูงขึ้นการสาวไหมก็จะพัฒนาขึ้นตามธรรมชาติ”
อายฮุยกลับมามีกำลังใจอีกครั้ง ถึงแมวาเขาจะลมเหลวในการสาวไหม แตมันก็ยัง
เปนวิธีฝกฝนที่มีประสิทธิภาพทีเดียว
การสาวไหมทำใหตองควบคุมพลังงานธาตุใหชาลง การมีพลังงานธาตุที่บริสุทธิ์
ไหลเวียนอยูในรางกายดวยความเร็วต่ำนั้นเปนการกระตุนพลังไดเปนอยางดี
ในอดีต เมื่อไรก็ตามที่เขาเคลื่อนพลังธาตุไปใกลจุดตำหนักที่มือของเขา มันจะ
รูสึกไมตางจากสวนอื่นของรางกายแตอยางไร แตในตอนนี้เขารูสึกไดวาจุดนั้นบนมือ
ของเขามีความไวตอพลังธาตุมากขึ้น
เขารูวาจุดนั้นที่รูสึกไวตอพลังธาตุก็คือจุดตำหนักที่มือ
พลังธาตุในรางกายของอายฮุยไมเคยเคลื่อนตัวชาแบบนี้มากอน ชวงสองสามวัน
มานี้เขาจมอยูในประสบการณแปลกใหมมากมาย ยกตัวอยางเชน เขาคนพบวาการ
เคลื่อนพลังธาตุชาๆ นั้นมีผลตอการหลอหลอมราง
โลกนี้ชางกวางใหญ อายฮุยก็มีความอยากรูอยากเห็นตอสิ่งตางๆ อยูเสมอ
เมื่อเห็นวาอายฮุยมีอารมณดีขึ้น
หมิงซิ่วก็แนะนำวา “กลับบานไปพักผอนสักสองสามวัน เจาตองรักษาสมดุล
ระหวางการฝกและการพักผอน การสลับกันระหวางความตึงเครียดและผอนคลายคือ
หัวใจสำคัญของการฝก เจาฝกฝนโดยไมหยุดมาสองสามวันแลว และมันเปนอันตราย
ตอรางกายของเจา กลับไปเถอะ ขาจะแจงทานอาจารยเอง”
พูดกันตามจริงแลว การฝกไมยอมหยุดของอายฮุยทำใหนางกลัว เขาคงทุมเท
ขนาดนี้เชนกันตอนที่พยายามเรียนรูการทอผคูในเจดียเสวียนจิน ไมแปลกใจเลยที่เขา
สามารถทำมันออกมาไดทั้งที่เปดไดแคคลังชีวิตเทานั้น ชางเปนความมุงมั่นอันนาทึ่ง!
อายฮุยรูสึกวาศิษยพี่กลาวถูกตอง เขาเริ่มรูสึกวาการรวบรวมสมาธิทำไดยากขึ้น
เขารูวานั่นเปนสัญญาณของความออนลา
“ถาอยางนั้นขาก็จะกลับไป ศิษยพี่”
อายฮุยบอกลาศิษยพี่หมิงซิ่วกอนที่จะออกจากโรงเย็บปกไป
เมื่อมาอยูบนถนน อายฮุยก็รูสึกเหมือนอยูในอีกโลกหนึ่ง หมอกควันและกลิ่น
สมุนไพรภายในโรงงานไดหายไป หลงเหลือเพียงกลิ่นจางๆ ที่ติดกายเขาอยูเทานั้น
เปนสิ่งเดียวที่ย้ำเตือนวาเขาผานอะไรมาในชวงสองสามวันนี้
ใตแสงอาทิตย อายฮุยยิ้มและบิดขี้เกียจ เขาตัดสินใจแลววาเมื่อกลับไปถึงบาน
แลวเขาจะอาบน้ำนอน
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงใครบางคนเรียกชื่อเขา
บทที่ 93 หลีเ่ หวยเลี้ยงอาหาร
อายฮุยจองมองไปทางหลี่เหวยดวยความรูสึกคุนๆ อยูบาง
“ขาชื่อหลี่เหวย เปนครูฝกของกลุมผูมีพรสวรรค ขายังเปนเพื่อนของหมิงซิ่วอีก
ดวย เปนคนแบกเจากับตวนมูหวงฮุนออกจากเจดียเสวียนจิน”
อดีตทหารแนวหนาหลี่เหวยกลาวแนะนำตัวกับอายฮุย
“พี่หลี่เหวยนี่เอง! ขอบคุณทานมากพี่ หลี่ เหวย!” อายฮุยรูสึกอายและกล า ว
ขอบคุณอยางรวดเร็ว
“เจายังไมไดกินขาวใชหรือไม ไปหาอะไรกินกัน แลวเราคอยคุยไปกินไป”
หลี่เหวยแสดงทาทีเปนมิตรอยางมาก
เมื่ออายฮุยไดยินวาจะมีอาหารใหกิน ดวงตาของเขาก็ลุกวาว และตอบตกลง
รับคำเชิญของหลี่เหวยในทันที
เมื่ออายฮุยไดรูวาหลี่เหวยเปนคนเดียวกับผูที่เขียนตำรากลยุทธการรับมือกับ
เจดียเสวียนจิน ความเคารพที่มีตอหลี่เหวยก็เพิ่มขึ้นอยางมาก เมื่อรูวาหลี่เหวยจะ
เลี้ยงขาว ก็รีบพาเขาไปยังรานบะหมี่ อายฮุยตั้งใจวาจะสั่งชามใหญพิเศษเพื่อเปนการ
แสดงความเคารพตอหลี่เหวย
“กลุมผูมีพรสวรรคหรือ”
“พี่หลี่เหวย ขาไมมีเวลาหรอก จนถึงตอนนี้ ขายังไมสามารถทำการฝกฝนที่ไดรับ
มอบหมายจากอาจารยทั้งหลายในโรงเรียนไดทั้งหมดเลย” คำปฏิเสธของอายฮุยทำ
ใหหลี่เหวยตองตกตะลึง
หลี่เหวยรูสึกผิดหวังอยูลึกๆ แตเขามองออกวาอายฮุยไมไดโกหก ความออนลา
เห็นไดชัดเจนบนใบหนาของอายฮุย เขาตองเหนื่อยมากแนๆ
“เจาพักผอนครั้งสุดทายเมื่อใด” หลี่เหวยถามดวยความเปนหวง “การฝกฝนนั้น
สำคัญ แตอยาเรงรีบจนเกินไป เจายังเยาวและมีเวลาอีกมา”
หลี่เหวยเปนคนที่ใหความสำคัญและใสใจกับผูมีพรสวรรค และในสายตาของเขา
อายฮุยเปนเด็กมหัศจรรย
“เทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ ขานั้นถือวาโตมากแลว” อายฮุยสายหนา
หลี่เหวยสงเสียงรับคำ จริงอยูที่อายฮุยไมใชเด็กอีกตอไปแลว ในตอนนี้เองที่เขา
ไดรูตัววาเขานั้นสนใจแตพรสวรรคของอายฮุยโดยไมเคยสังเกตอายุของอายฮุย เลย
เมื่อเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ แลวมันคอนขางสายไป
สำหรั บ พวกเด็ ก ที่ มี พ รสวรรคท ั้ ง หลายนั้ น สามารถจบการศึ ก ษาจากสนาม
เหนี่ยวนำไดตั้งแตอายุสิบหก อยางไรก็ตามอายฮุยกลับเพิ่งเริ่มฝกตอนอายุเทานี้ หลี่
เหวยรูสึกสงสารอายฮุยอยางมาก แตเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นเสมอกับสามัญชนทั้งใน
ดินแดนเกาและอูสิงเทียน
กวาจะคนพบพรสวรรคของตัวเอง ก็ไดผานชวงเวลาที่ดีที่สุดในการฝกฝนไปแลว
“ถึงแมวาเจาจะเริ่มตนชา แตขาก็ยังเชื่อมั่นวาเจาสามารถทำไดอยางแนนอน”
หลี่เหวยใหกำลังใจอายฮุย สัมผัสไดถึงความใจรอนของเขา
“ขอบคุณ พี่หลี่เหวย!” อายฮุยรูสึกตื้นตันกับคำพูดของหลี่เหวย เขารูสึกวาเขา
ตองทำอะไรบางอยางเพื่อตอบแทนความเปนหวงของอีกฝาย เขาจึงหันไปและตะโกน
บอกเถาแกเจาของราน “เถาแก ขอกวยเตี๋ยวเพิ่มชามนึง ไม เอามาสองเลย”
หลี่เหวยไมคาดหวังวาจะสำเร็จในครั้งแรกอยูแลว เขาเพียงแคตองการสรางความ
ประทับใจใหกับอายฮุย และจะพยายามชักชวนใหมในอนาคต ไมจำเปนตองรีบรอน
และหลังจากไดพูดคุยกับอายฮุยชวงสั้นๆ แลว เขาก็รูสึกวาการมาเที่ยวครั้งนี้ของเขา
นั้นไมเสียเปลา มันคอนขางมีประโยชนมากทีเดียว
อายฮุยสรางความประทับใจใหกับเขาอยางมาก
อายฮุยเปนคนที่สงวนทาทีแตมีความมุงมั่นและมีความเปนผูใหญเกินกวาวัย จาก
การสนทนาของพวกเขา หลี่เหวยสามารถสัมผัสไดถึงความมุงมั่นและจิตใจที่มั ่น คง
ของชายหนุมที่นั่งตรงหนาเขา
เมื่อ ใดก็ตามที่อ า ยฮุย ไมแ นใจเรื ่ อ งใดเรื ่ อ งหนึ ่ ง เขาจะถามคำถามมากมาย
เกี่ยวกับเรื่องนั้น บางคำถามทำใหหลี่เหวยรูสึกมึนงงไดดวยซ้ำ
พวกเด็กรุนใหมทุกวันนี้รับมือยากเชนนี้กันหมดเลยหรือ ตอนที่เขาอายุเทานี้เขา
นั้นยังไรเดียงสาและโงงมราวสุกร
รอบคอบ มองการไกล และมุงมั่น
หลี่เหวยถอนหายใจอยูภายในใจอยางเงียบงันอีกครั้ง เขารูสึกมั่นใจเปนอยางมาก
วาอายฮุยนั้นเปนอัจฉริยะที่แทจริง ถึงแมวาเขาจะเริ่มตนฝกชาไปก็ตาม หลี่เหวยก็ยัง
เชื่อวาเขาจะสามารถกาวขามอุปสรรคไปไดอยูดี
การชักจูงคนประเภทนี้เปนเรื่องงายและยากไดในเวลาเดียวกัน สวนที่ยากก็คือ
เขาไมคลอยตามคำพูดหวานหู สวนที่งายก็คือเขาสามารถตัดสินใจตอบรับไดในทันที
โดยไมมีความลังเล หากคิดวานั่นเปนประโยชนสำหรับตนเอง
และดวยเหตุนี้เองที่ทำใหหลี่เหวยมีความมั่นใจวาเขาจะสามารถชักชวนอายฮุยได
สำเร็จ ถึงแมวาหนวยทหารราบจะไมเปนที่นิยมเทากับหนวยอื่นๆ
แตมันก็เหมาะสมกับบุคลิกและคุณสมบัติทางกายภาพของอายฮุยเปนอยางมาก
เขาเชื่อมั่นวาอายฮุยก็สามารถมองเห็นถึงสิ่งเหลานี้ไดเชนกัน
ในตอนนี้ เขาตัดสินใจที่จะเปนเพื่อนกับอายฮุยกอน ยังมีเวลาและโอกาสอีกมาก
ในอนาคต อาจารยหวังอาจจะเปนผูทรงภูมิ แตความรูเกี่ยวกับการหลอหลอมรางกาย
และทักษะในการตอสูแลวเขาไมอาจเทียบกับหนวยทหารราบได
ดวยเหตุผลบางประการ หลี่เหวยสัมผัสไดวารัศมีพลังของอายฮุยนั้นคลายคลึงกับ
ของตัวเขาเอง
หลี่เหวยเปนทหารผานศึก เขารูดีวาการรับรูของเขานั้นใชวาไรเหตุผล ถึงอยางไร
ในใจของเขาก็เต็มเปยมไปดวยความสงสัยในขณะเดียวกัน มันเปนสิ่งที่นาเหลือเชื่อที่
จะพบลักษณะแบบนี้จากเด็กอายุสิบหกปคนหนึ่ง
แมแตพวกผูมีพรสวรรคที่สามารถจบการศึกษาจากสนามเหนี่ยวนำไดในอายุ
เทานี้ก็ยังสงกลิ่นอายของมือใหมที่ชัดเจน ขนาดที่วารับรูไดจากระยะสองกิโลเมตร
ในสนามรบ ถึงแมวามือใหมจะเปนพวกผูมีพรวสรรรค พวกเขาก็ยังจัดเปนกลุมที่
ไมมีใครอยากไดมากที่สุดอยูดี
กลุมคนที่ไมเปนที่ตองการตัวมากที่สุด ก็คือพวกผูนำมือใหม
เมื่อพวกรุนเยาวจากตระกูลชั้นสูงเขาสูสนามรบ นอยคนนักที่จะเริ่มตนจากการ
เปนทหารธรรมดา
หลี่เหวยไมไดมีอคติกับพวกรุนเยาวของตระกูลสูงศักดิ์ที่มีอำนาจเหลานั้น อันที่
จริงแลว เขาพบเห็นคนรุนใหมที่ยอดเยี่ยมจำนวนมากซึ่งมีตนกำเนิดมาจากตระกูลสูง
ศักดิ์ ทวาเขาเกลียดชังผูนำมือใหมอยางมาก
“เจาเคยอยูในแดนรางมากอนหรือไม” หลี่เหวยถามดวยความสงสัย
อายฮุยที่กำลังวุนวายอยูกับการกินหยุดปากลงและเงยหนาขึ้น กอนจะตอบทั้งที่
ยังมีบะหมี่อยูเต็มปากทำใหฟงแทบไมรูเรื่องวา
“ใชแลว ขาอยูในแดนรางมานานสามป ขาเคยเปนพวกแรงาน”
เมื่อเขาไดยินคำตอบของอายฮุย หลี่เหวยก็ตื่นตะลึงอยางมาก กวาจะกลับคืนสติ
ไดอีกครั้งก็ผานไปหลายวินาที กอนจะถามดวยสีหนาไมอยากเชื่ออีกครั้ง “เจาบอกวา
เจาเคยเปนแรงงานอยางนั้นหรือ เจาเคยอยูในแดนรางมานานถึงสามปเชียวหรือ”
“ถูกแลว” อายฮุยพยักหนาทั้งที่ยังยัดกวยเตี๋ยวเขาปากไมหยุด
หลี่เหวยตกใจกับขอมูลนี้ แนนอนวาเขารูวาแรงงานคืออะไร
ในแดนรางจะมีคนกลุมหนึ่งที่ถูกเรียกโดยทั่วไปวาแรงงาน แรงงานเหลานี้ถูกจาง
มาจากดินแดนเกา และพวกเขาสวนใหญเปนพวกสิ้นหวังและนาสงสาร พวกแรงงาน
นั้นแทบไมมีความสามารถในการตอสูแมแตนอยและจะกลายเปนกลุมแรกที่จะตาย
อยางรวดเร็วและงายดาย
เมื่อหลี่เหวยไดยินเรื่องเกี่ยวกับแรงงานเปนครั้งแรก เขาไมเขาใจวาทำไมถึงตอง
จางคนพวกนี้ ในความคิดของเขา แรงงานนั้นเปราะบางและออนแอ พวกเขายังสติ
แตกไดงายๆ รวมถึงยังถูกฆาไดงายๆ ดวย แตหลังจากที่อยูในแดนรางมาสักพักเขาก็
สามารถเขาใจถึงเหตุผลไดในที่สุด
ระบบการฝกตนของอูสิงเทียนนั้นพัฒนามาจากอสูรแดนราง ผูใชพลังธาตุนั้น
สามารถสัมผัสถึงพลังธาตุที่ไหลเวียนอยูในสัตวรายไดอยางงายดาย และนั่นก็มีผล
ในทางกลับกันอีกดวย
หากกองกำลังมีผูใชพลังธาตุมากเกินไป มันจะมีผลลัพธแคสองอยางเทานั้น อยาง
แรกคือมันทำใหอสูรแดนรางหวาดกลัวแลวหนีไป อยางที่สองก็คือมันจะชักนำพวก
อสูรจำนวนมากเขามากลุมรุมทำรายพวกเขา
หนวยทหารอยางเชนหนวยทหารราบนั้นไมไดเขาไปในแดนรางเพื่อลาอสูรแดนราง
ดังนั้นพวกเขาจึงไมมีความกังวลในเรื่องนี้
ทวาสำหรับผูที่เขาไปในแดนรางเพื่อลาอสูรแดนรางแลว ผลลัพธทั้งสองแบบนั้น
ลวนเปนสิ่งที่พวกเขาไมคาดหวัง
ดังนั้นการจางแรงงานจึงเปนทางเลือกที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับประโยชนที่ไดจาก
การลาอสูรแดนรางแลว การจายคาจางใหกับแรงงานนั้นแทบไมมีคาอะไรเลย
การจา งแรงงานนั้น มีป ระวั ติ ศาสตร ท ี ่ ย าวนานซึ ่ งอาจสื บ ย อ นกลั บ ไปได ถึ ง
ประมาณเจ็ดรอยปกอน
นับตั้งแตแนวคิดเรื่องการจางแรงงานเกิดขึ้นมาเปนครั้งแรก ก็ผานการถกเถียงมา
นับครั้งไมถวน ดังนั้นจึงไดมีการตั้งกฎที่ชัดเจนเกี่ยวกับการจายคาจางใหกับแรงงาน
อยางไรก็ตามจำนวน “พลเมืองใหม” ของอูสิงเทียนนั้นเพิ่มขึ้นอยางมาก และเสียง
คัดคานเรื่องการจางแรงงานของพวกเขาก็ดังขึ้นเรื่อยเชนกัน
พวกที่เรียกวา “พลเมืองใหม” นั้นหมายถึงประชาชนที่อพยพจากดินแดนเกา
มายังอูสิงเทียนหลังจากที่กอตั้งขึ้นแลว พวกเขามีความผูกพันกับดินแดนเกาอยาง
ลึกซึ้ง และผูคนระดับสูงก็รับฟงคำเรียกรองนี้อยางจริงจัง อาจเรียกไดวาการสิ้นสุด
ของการจางแรงงานกำลังจะมาถึงในไมชา
หลี่เหวยไมเคยคาดคิดเลยวาเด็กหนุมที่กำลังกมหนากมตากินบะหมี่อยูตรงหนานี้
จะเปนแรงงานคนหนึ่งเชนกัน!
บทที่ 94 เที่ยงคืน
หลี่เหวยไมรูวาตนนั้นชะงักไปนานเทาไร รูแตวาชามกวยเตี๋ยวตรงหนาของอายฮุยนั้น
ดูเหมือนจะเรียงตอกันสูงขึ้นเรื่อยๆ
เขาพูดอะไรไมออกอยูพักหนึ่ง
หลังจากเงียบอยูนาน ในที่สุดเขาก็เปดปากขึ้น “การเปนแรงงานนั้น โอกาสรอด
ชีวิตกลับมานั้นนอยมากเลยนะ”
ณ จุดนี้ อายฮุยเกือบจะกินอิ่มแลว และความเร็วในการกินของเขาก็ลดลงมาก เขาเงย
หนาขึ้นและสงยิ้มสดใสมาให “ใชแลว จากแรงงานสองพันคน มีแคสองคนรอดมาได”
ความหนาวยะเยือกวิ่งลงไปตามไขสันหลังของหลี่เหวย เขาใชชีวิตอยูในสนามรบ
มาเปนเวลานานและคุนเคยกับความตายเปนอยางดี ทวานี่เปนครั้งแรกที่เขาไดยิน
อัตราการตายที่สูงขนาดนี้ เขาเขาใจในที่สุดวาสิ่งที่พูดกันวาแรงงานนั้นถูกสังหารได
อยางงายดายนั้นหมายความวาอยางไร
เขานิ่งเงียบไปและสำรวจชายหนุมที่นั่งอยูตรงหนาเขา
ใบหนาของอายฮุยไมแสดงความรูสึกโกรธแคน สมเพชตัวเอง โศกเศรา หรือทุกขทน
แตอยางใด เขายังคงนั่งอยูตรงนั้นดวยความสุขุมและจริงจัง ไรซึ่งความกังวลในแววตา
เพราะอะไรไมอาจทราบ หลี่เหวยรูสึกออนไหวขึ้นมา “แลวเจาตองการมายัง
สนามเหนี่ยวนำดวยเหตุใด”
“ขาอยากเปนผูใชพลังธาตุ” อายฮุยหัวเราะพลางใชตะเกียบคนชามกวยเตี๋ยวที่
วางเปลา “เปนแรงงานนั้นไมมีอนาคต เปนผูใชพลังธาตุดีกวามาก”
ดวยเหตุผลบางประการ หลี่เหวยสัมผัสไดวาคำตอบที่ตรงไปตรงมาและเรียบงาย
นี้มีความหมายที่ลึกซึ้งกวานั้นซอนอยู
นี่เปนครั้งแรกที่หลี่เหวยไมรูวาจะพูดอะไรกับเด็กหนุมที่อยูตรงหนาดี เขาเขาใจ
ในที่สุดวาเหตุใดอายฮุยจึงดูเปนผูใหญกวาอายุจริงของเขามาก
จำนวนคนตายที่อายฮุยไดประสบพบเจอมานั้นมากเกินกวาที่เขาเคยพบเสียอีก
อายฮุยเปนผูรอดชีวิตจากสภาพแวดลอมที่โหดรายและเหี้ยมเกรียมที่สุด และเผชิญ
อันตรายที่หนักหนวงกวาที่เขาเคยพบเจอมา แตกระนั้นเวลาสามปอันโหดรายที่สุดนัน้
ก็ไมอาจทำลายความกลาและความตองการมีชีวิตของเด็กหนุมผูนี้ได
นอกจากเรื่องอายุและความแข็งแกรงแลว ประสบการณชีวิตและลักษณะนิสัย
ของอายฮุยไมดอยไปกวาเขาเลย
นี่เปนชายหนุมที่ไมตองการการปลอบโยนหรือใหกำลังใจ เขารูวาตนกำลังทำ
อะไรอยูและเขาก็พยายามอยางแข็งขันที่จะทำมันใหสำเร็จ ไมมีความลังเลหรือสับสน
มีเพียงความมุงมั่นและตั้งใจจริง
หลี่เหวยจองมองไปยังอายฮุยราวกับเขาเปนคนในวัยเดียวกันโดยไมรูตัว
เขาหยิบมวนใบไมสีทองขนาดเทานิ้วหัวแมมือออกมา “นี่บรรจุแนวทางการฝก
บางอยางที่ขาฝกเปนประจำเอาไว แตไมรวมถึงทักษะลับใดๆ ขาขอมอบมันใหกับเจา
หวังวามันจะชวยเหลือเจาไดบาง ขามีธาตุทองเหมือนกันและเคยฝกภายในเจดีย
เสวียนจินอยูเปนเวลานาน ที่นั่นเหมาะกับการฝกของเจา”
“ขอบคุณ พี่หลี่เหวย!” อายฮุยกลาวขอบคุณอยางจริงใจ นี่เปนสิ่งที่เขาตองการ
มากที่สุดในตอนนี้ และเขาก็ไมอาจเสแสรงไดวามันไมใช
ชางเปนรุนพี่ที่ดีอะไรเชนนี้ หากเขาไมทำอะไรเพือ่ ตอบแทนบาง เขาคงตองรูสึก
ผิดแนๆ อายฮุยหันไปมองรอบๆและกำลังจะสั่งบะหมี่เพิ่มอีกชามเพื่อแสดงความ
เคารพตอพี่หลี่เหวย อาว...เขากินอะไรไมลงแลว
ความเศราและสำนึกผิดเกิดขึ้นในใจของอายฮุย ไมใชฉากจบที่สมบูรณแบบเสียแลว
เมื่อเห็นวาเวลาผานมานานพอสมควรแลว หลี่เหวยก็ยืนขึ้นละตบบาอายฮุ ย
“กลับบานไปพักผอนเถอะ”
อายฮุยพยักหนารับอยางรวดเร็ว
“เถาแก คิดเงินดวย”
เถาแกพุงเขามาดวยความเร็วดุจสายลม “ทั้งหมดหนึ่งพันหารอยหยวน”
หลี่เหวยชะงักงันไปชั่วขณะ “เถาแกคิดผิดหรือเปลา”
พวกเขาจะกินบะหมี่หนึ่งพันหารอยหยวนไดอยางไร สิบชามเลยหรือ
“ชวยดูที่โตะดวย” เถาแกชี้ไปที่โตะ
เมื่อหลี่เหวยหันไปมองที่โตะและเห็นกองชามสูงบนโตะ เขาก็เงียบงันไป
อายฮุยนั่งหนาตาใสซื่ออยูดานขาง
หลังจากกลาวลากับพี่หลี่เหวย อายฮุยก็ลากทองที่อัดแนนของตัวเองกลับไปยังโรงฝก
โหลวหลานไมอยูที่นั่น อายฮุยที่เหนื่อยจัดและอิ่มแปลเดินตรงไปยังเตียงในทันที
เขาผล็อยหลับไปหลังจากหัวถึงหมอนไดไมนาน
อีกดานหนึ่งของกำแพง มีหองที่มืดสลัวมีเพียงแสงเรืองสีเหลืองสมเทานั้นที่สอ ง
สวางอยู
“เจารูสึกอยางไรบาง ขาไดทำการปรับปรุงหลายอยางใหกับแกนทรายใหมของเจา
ปญหาที่เคยเกิดกอนหนานี้ก็แกไขเรียบรอยแลว นี่เปนแกนทรายที่ขาพึงพอใจที่สุดใน
รอบหาสิบปและขาใชความรูทั้งหมดของขาในการสรางมันขึ้นมา โหลวหลาน เจามี
แกนทรายที่ไรคูปรับ นาเศราที่ขาไมคอยรูเรื่องเกี่ยวกับการตอสูมากเทาไร และนั่นทำ
ใหขาไมอาจปรับปรุงในสวนนั้นไดมากนัก”
ชายชราผมสีเทาดุจขี้เถามองตรงไปที่โหลวหลานที่กำลังบิดขี้เกียจอยูอยางสบายตัว
สายตาของชายชรานั้นชางออนโยน เสมือนหนึ่งวาเขากำลังมองไปที่ลูกของตัวเอง
“ไมเปนไร อาจารยเซา” โหลวหลานตอบหลังจากที่เขาสัมผัสและรับรูความ
เปลี่ยนแปลงในรางกาย “โหลวหลานเรียนรูดวยตัวเองได”
“ถูกแลว!” อาจารยเซารูสึกตื่นเตน “เจาฉลาดมาก ขามั่นใจวามีตุกตาทรายไมกี่
ตัวในโลกเทานั้นที่ฉลาดกวาเจา ตราบใดที่เจาหมั่นเรียนรูเพิ่มเติม เจาจะแข็งแกรงขึ้น
การตอสูจะไมใชปญหาสำหรับเจา เจามีแกนทรายอันหาใดเทียบได นาเสียดายที่ขาไม
มีเงินมากพอที่จะเปลี่ยนรางกายของเจา หากวัตถุดิบในรางกายของเจาถูกเปลี่ยนเปน
ทรายคุณภาพสูงจากทะเลทรายเหลืองแลวละก็ เจาก็เกือบจะเรียกไดวาไรพายเลย
ทีเดียว”
น้ำเสียงของอาจารยเซาเต็มไปดวยความภูมิใจ
“นั่นเปนเพราะรางกายของโหลวหลานสามารถเปลี่ยนสภาพคลายของเหลว
อยางนั้นหรือ” โหลวหลานถามดวยความสงสัย
อาจารยเซาหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากนั้นพักหนึ่งเขาถึงหยุดลง
“โหลวหลานเปนเด็กดีจริงๆ”
โหลวหลานไมคอยเขาใจวาอาจารยเซาหมายความวาอยางไร แตเขารูวาคำพูด
นั้นเปนคำชมและเขาก็รูสึกยินดี
“โหลวหลาน เจาคิดวาอายฮุยเปนอยางไร” อาจารยเซาถามขึ้นอยางฉับพลัน
“อายฮุยเปนเพื่อนรักของโหลวหลาน” โหลวหลานตอบอยางไมลังเล
“เจารูสึกอยางไรเวลาอยูกับเขา”
“มีความสุขมาก” โหลวหลานตอบ “อายฮุยเปนคนดี คนดีมากๆ”
อาจารยเซารักและเขาใจในตัวโหลวหลานเชนบุตรตน ใบหนาของเขาเต็มไปดวย
ความอบอุนเมื่อเขามองไปที่โหลวหลาน
“เด็กดี ถึงแมวาแกนทรายของเจาจะทรงพลัง แตมันก็ยังจัดวาเปนสิ่งที่ยังไมสมบูรณ
อยูดี ถึงแมวาขาจะทุมเทเวลาถึงหาสิบปในการสรางมันขึ้น แตพรสวรรคของขาก็มี
ขีดจำกัด ขาเกรงวาจะไมสามารถทำใหสมบูรณได เด็กนอย สิ่งที่ขาจะบอกตอไปนี้
สำคัญมาก เจาจะตองจดจำเอาไวใหดี เก็บเอาไวในสวนที่ลึกที่สุดของแกนทราย”
สีหนาของอาจารยเซากลายเปนเครงขรึม
“ตกลง โหลวหลานเริ่มทำการบันทึกแลว” โหลวหลานกลาวอยางจริงจัง
อาจารยเซานิ่งงันไป ใบหนาแฝงความปติอยูบาง ราวกับเขากำลังจมอยูในหวงนึก
หลังจากผานไปครูนึ่ง เขาก็กลับคืนสูสติและหัวเราะกับตัวเอง “ขาแกแลวจริงๆ”
“อาจารยเซา โหลวหลานจำเปนตองบันทึกประโยคนี้หรือไม” โหลวหลานถาม
ดวยดวงตาเบิกกวาง
“ไมตอง ไมตอง” อาจารยเซาหัวเราะเบาๆ
“โหลวหลาน แกนทรายที่เจาใชอยูในตอนนี้อยูในขั้นที่ไมสมบูรณ นั่นเปนเพราะ
รางกายของเจาไมอาจรองรับพลังทั้งหมดของแกนทรายนี้ได ดังนั้นขาจึงจำเปนตอง
ปดผนึกบางสวนของแกนทรายเอาไว กอนที่รางกายของเจาจะแข็งแกรงขึ้นกวานี้ เจา
ไมไดรับอนุญาตใหปลดผนึกที่วานี้ สำหรับขอมูลเกี่ยวกับการปลดผนึกรวมถึงวิ ธี
เปลี่ยนรางของเจานั้น ขาไดบันทึกมันเอาไวในแกนทรายของเจาแลว เจาจำเปนตอง
ใชเวลาในการศึกษาขอมูลเหลานี้ และเรื่องสุดทายก็คือ หากวันใดอาจารยเซาไมอยู
กับเจาแลว เจาตองติดตามอายฮุยไป เขาเปนคนดี” อาจารยเซากลาวกับโหลวหลาน
ดวยน้ำเสียงเขมงวด
โหลวหลานถามกลับอยางรวดเร็ว “อาจารยเซาจะทิ้งโหลวหลานไปหรือ”
“โหลวหลาน ชีวิตของขาใกลจะถึงจุดสิ้นสุดแลว กอนขาจะตาย ขาจำเปนตองไป
ทำบางอยางเพื่อแกไขสิ่งที่ขารูสึกผิดมากที่สุดในชีวิตของขา”
อาจารเซาเงียบงันและจมอยูในความคิดอยูนานกอนจะกลาวขึ้นโดยพลัน
“โหลวหลาน จำสิ่งนี้เอาไว...แกนทรายของเจานั้นเรียกวา เที่ยงคืน”
บทที่ 95 ความเปลีย่ นแปลงของผาพันแผลโลหิต
หลังจากนอนหลับพักผอนมาหนึ่งคืน อายฮุยก็รูสึกมีความสุขและพึงพอใจอยาง
ไมอาจบรรยายได ความออนลาที่เคยมีทั้งหมดลวนหายไปสิ้น
เมื่อมองดูเวลา รองรอยความงวงเหงาหาวนอนที่อายฮุยเคยมีก็หายไปทันที อันที่
จริงแลวเขาหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ รูวาตนเพิ่งตื่นนอนเชนนี้ อายฮุยจึงตัดสินใจที ่จะ
อาบน้ำอยางปุบปนฉับพลัน
ในขณะที่กำลังแชตัวอยูในน้ำพุรอน เขาก็เริ่มเลนกับผาพันแผลโลหิต
ผาพันแผลโลหิตนั้นเปนผาที่ไมธรรมดาอยางมาก ไมใชทั้งผาฝายหรือผาไหม แถม
ยังมีคราบเลือดที่เหมือนกับเพิ่งจะแหงไดไมนานอยูอีกดวย อาจารยหญิงกลาววามันมี
อยูมานานแสนนานแลว อาจจะนานกวาหนึ่งหมื่นปดวยซ้ำไป
ทุกครั้งที่มองผาพันแผลโลหิต เขาจะครุนคิดยอนไปถึงยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน มัน
เปนโลกกวางใหญที่อึกทึกครึกโครมและเปยมไปดวยความหลากหลาย มีทักษะวิชาที่
แตกตางกันไปมากมายและของวิเศษเปยมมนตรขลังจำนวนนับไมถวน เหลาผูบำเพ็ญ
ตนทยานฟาผาปฐพีเพื่อสำรวจสิ่งใหมๆ เปนผูปกครองยุคสมัยที่ยาวนานหลายพันป
ผาพันแผลโลหิตนั้นมีความคงทนสูงมาก ถึงแมวาอายฮุยจะใชแรงทั้งหมดที่มีก็ไม
อาจทำใหเกิดการฉีกขาดแมแตเพียงเล็กนอย ในตอนที่อาจารยหญิงแบงผาพันแผล
โลหิตออกเปนสองชิ้น นางก็ตองใชพลังที่มากมายมหาศาลอยางแนนอน นางเคย
กลาววาเสนไหมจะตองถักทอดวยพลังที่พิเศษเฉพาะเพื่อผสานมันเขาดวยกันอยางลง
ตัว ผาพันแผลโลหิตมีเสนดายหลุดลุยอยูมากมายบริเวณขอบดานขางที่เกิดขึ้นตอน
อาจารยหญิงตัดแบงมัน
เปนเพราะคัมภีรกระบี่ทั้งหลายนั่นเองที่ทำใหอายฮุยมีความเขาใจเกี่ยวกับยุค
สมัยแหงการบำเพ็ญตนเพิ่มขึ้นมากมาย
ในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน พรรคโลหิตตางๆ ไมเคยนับเปนพรรคกระแสหลัก
พรรคกระแสหลักนั้นมุงเนนไปที่การฝกกระบี่หรือการฝกอาวุธประเภทตางๆ แต
ในตอนนี้บรรดาสำนักตามแบบฉบับดั้งเดิมอันทรงเกียรติที่มีประวัติศาสตรยาวนาน
นับรอยนับพันปเหลานั้นลวนเสื่อมสลายหายไปเฉกเชนบรรดาของวิเศษทั้งหลาย
กระนั้นก็ดี สิ่งของจากพรรคโลหิตเล็กๆ กลับสามารถหลบพนชะตากรรมของการ
เสื่อมสลายมาไดนับพันป ชีวิตนั้นเต็มไปดวยความหลากหลายอยางแทจริง
เพียงแคชื่อ “กลั่นโลหิต” ก็สามารถบอกไดวาสิ่งนี้ตองเกี่ยวของกับเลือ ดสดๆ
และความแข็งแกรงอันนาเหลือเชื่อของมันก็ตองเกี่ยวของกับเลือดสดๆ เชนกัน
ผาพันแผลโลหิตมีกลิ่นจางๆ ที่ทำใหหนาวไปจนถึงกระดูก ในชวงแรกอายฮุยไม
คุนเคยกับการพันผาพันแผลโลหิตซึ่งทำใหเขาเกิดจิตสังหารขึ้นอยางฉับพลัน รูขุมขน
ของอายฮุยหดตัวอยางรวดเร็วดวยความรูสึกเย็นเยียบราวกับผาผันแผลนี้เปนน้ำแข็งก็
ไมปาน
แมกระนั้นก็ยังโชคดีอยูบางที่จิตสังหารนั้นไมไดปะทุขึ้นบอยๆ และแตละครั้งที่
ปะทุขึ้นมาก็เปนเพียงระยะเวลาสั้นๆ เทานั้น
ชางเปนสิ่งของที่แปลกประหลาดจริงๆ
ในเมื่อมันมีสวนเกี่ยวของกับเลือด....
บางทีเขานาจะลองหยดเลือดสักสองสามหยดลงไปบนผาพันแผลดู
ความคิดแปลกใหมนี้ทำใหอายฮุยรูสึกมีพลัง เขาสงสัยใครรูเกี่ยวกับผาพันแผล
โลหิตมาตลอด ผาพันแผลโลหิตเปนวัตถุกลั่นโลหิตชนิดหนึ ่ง และเขาไมมีความรู
เกี่ยวกับกลั่นโลหิตเลยสักนิดเดียว แตการเสียเลือดสักสองสามหยดก็ไมใชเรื่องใหญ
อะไรสำหรับ อา ยฮุย เขาไมใชพ วกเด็ ก รวยที ่ ถ ู ก ประคบประหงมมาทั ้ งชี ว ิ ต การ
บาดเจ็บนั้นเกิดขึ้นเปนประจำเมื่อเขาใชชีวิตอยูในแดนราง
เมื่อไมอาจควบคุมความสงสัยที่ฝงรากลึกลงไปในหัวใจของเขาราวกับรากหญาได
อายฮุยจึงกัดปลายนิ้วของเขาในทันทีโดยไมลังเลแมแตนอย เขาหยดเลือดสองสาม
หยดลงบนผาพันแผลโลหิตทั้งสองผืน
เลือดสดๆ หยดลงบนผาพันแผลโลหิต เปนหยดกลมๆ สีแดงเขมบนผาพันแผล
ราวกับหยดน้ำกลิ้งบนใบบัว
ในขณะตอมาหยดเลือดก็ถูกดูดซับเขาไปในผาพันแผลโลหิ ตราวกับน้ำซึ ม บ อ
ทราย เหลือไวเพียงคราบเลือดที่แดงฉานผิดปกติบนผาพันแผล
ฉากตอมาทำใหอายฮุยตองเบิกตากวางดวยความตกใจ ผาพันแผลโลหิตพลันมี
ชีวิตขึ้นมา เสนดายหลุดลุยตรงสวนที่อาจารยหญิงตัดออกนั้นสั่นไหวและงอกยาวขึ้น
ทวาครูตอมาสวนขอบของผาพันแผลโลหิตก็ไมเหลือรองรอยของการถูกฉีกขาด
อีกตอไป ทั้งสองชิ้นไมมีรองรอยความเสียหายใดๆ อยูในสภาพครบถวนสมบูรณ
อายฮุยตื่นตะลึง
วัตถุกลั่นโลหิตนี้ชางพิลึกกึกกือเสียจริง
กอนหนานี้ผาพันแผลโลหิตนั้นดูมูทูไรคา แตตอนนี้ มันดูดีเหมือนใหมและยังขาว
กวาและสวางกวาเดิม รอยเลือดเดิมนั้นจางลงยกเวนแตลอยเลือดใหมของเขาที่ ซึ่ง
ตอนนี้เปนแดงสดอยางผิดปกติ
ผิวสัมผัสของผาพันแผลโลหิตก็กลายเปนออนนุมตางไปจากเดิมที่เคยหยาบกระดาง
อายฮุยสำรวจมันไปทั่วครั้งแลวครั้งเลาแตเขาก็ไมอาจหาขอสรุปอันใดไดนอกเสียจาก
ยืนยันไดอยางหนึ่งวาเลือดสดๆ ของเขาเปนจุดสำคัญที่ทำใหเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
“ชางสมกับชื่อของเจาจริงๆ” อายฮุยพึมพำ
แต เ ขาก็ ไ ม ค ิ ด จะเสี ย เลื อ ดเพิ ่ ม เติ ม คนทั ่ ว ไปคงจะตื ่ น กลั ว เมื ่ อ เห็ น ความ
เปลี่ยนแปลงอันแปลกประหลาดของผาพันแผลโลหิต ทวาอายฮุยกลับไมรสู ึกกลัวแต
อยางไร เขาเคยพบสถานการณที่เหมือนกับตกนรกมาแลวหลายครั้งหลายหน แลวเขา
จะมาตกใจกลัวเพราะเลือดไมกี่หยดไดอยางไร
เขาอาบน้ ำ จนเสร็ จ แล ว ออกจากบ อ น้ ำ ร อ น หลั ง จากเช็ ด ตั ว เสร็ จ สรรพก็
เตรียมพรอมที่จะพันผาพันแผลโลหิตบนราง
เมื่อผาสัมผัสกับผิวกายก็มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง มันเลื้อยไปราวกับงู มวนพันไปรอบ
กายของอายฮุย ในชั่วพริบตาก็พันเสร็จสมบูรณในลักษณะเดียวกันกับที่อายฮุยพัน
เปนประจำ ดวยความแนนพอดิบพอดีไมรัดแนนหรือหลวมเกินไป มันไมใหสัมผัสที่
เย็นเยือกเสียดกระดูกเชนที่เคยเปนมา แตกลับใหความรูสึกอบอุนและนุมนวล ให
ความสบายเปนอยางมาก อายฮุยเบิกตากวาง นี่มันเปนผาพันแผลโลหิตจริงๆ หรือ
ชางยอดเยี่ยมเหลือเกิน...
เขาไมอยากจะเชื่อวาการกระทำอันไมคาดคิดของเขาจะนำมาซึ่งผลลัพธที่ยอดเยี่ยม
เชนนี้ เขารูสึกวาตนนั้นโชคดีทีเดียว การพันผาพันแผลโลหิตนั้นเปนงานที่คอนขาง
ซับซอนและทำใหอายฮุยตองเสียเวลาไปอยางมาก แตในตอนนี้ผาพันแผลสามารถพัน
ตัวเองไดแลว มันชวยใหเขาประหยัดเวลาและลดความยุงยากไปไดมากทีเดียว
หลังจากใสเสื้อผาแลว อายฮุยก็เด็ดใบหญาใสเขาปากและเคี้ยวเลน กอนที่จะเดิน
เขาไปในโรงฝก เขาก็พบโหลวหลานนั่งอยูที่ลาน เขาเห็นไดวาโหลวหลานนั้นอารมณ
ไมคอยดีนัก ซึ่งทำใหอายฮุยสงสัย หากตุกตาทรายมีอุปนิสัย โหลวหลานก็คงเปนพวก
มองโลกในแงดีและใชชีวิตตามอำเภอใจอยางแนนอน
“โหลวหลาน เกิดอะไรขึ้น”
อายฮุยนั่งติดกับโหลวหลาน
“อายฮุย อาจารยเซาไปแลว” โหลวหลานกมหนากมตาพูด
อายฮุยหยุดพักหนึ่ง “อาจารยเซาไปแลวหรือ เขาออกเดินทางหรือวาเกิดเหตุราย
กับเขา”
อายฮุยรูสึกวาเพื่อนบานของเขานั้นลึกลับเสมอมา มีคำกลาววาเราสามารถรู
บุคลิกของผูใชธาตุดินไดจากตุกตาทรายของเขา แตเขาไมอาจคิดไดเลยวาผูใชธาตุดิน
แบบใดกันที่จะสรางตุกตาทรายแบบโหลวหลานขึ้นมา
อา ยฮุย เคยพบเห็นตุก ตาทรายมาหลายตั ว แล ว ตุ  ก ตาทรายเหล า นั ้ นล ว นมี
ความสามารถในการรบสูงอยางนาเหลือเชื่อ แตเมื่อเทียบกับโหลวหลานแลว ตุกตา
ทรายเหลานั้นโฉดเฉาเบาปญญากวาไมรูตั้งกี่เทา
“อาจารยออกเดินทาง” โหลวหลานตอบอยางออนโยน “อาจารยบอกวาตนใกล
จะถึงจุดสุดสิ้นสุดของชีวิตแลว และตองการที่จะไปทำบางสิ่งบางอยางที่อาจารยรูสึก
ผิดมาตลอดชีวิตใหสำเร็จ อายฮุย เรื่องแบบไหนกันที่ทำใหอาจารยเซารูสึกผิดมา
ตลอดชีวิตได”
อายฮุยถอนหายใจออกมาอยางโลงอก ตราบใดที่อาจารยเซาไมไดเกิดอุบัติเหตุก็ไม
นับวาเปนเรื่องใหญอะไร เขาคิดอยูครูหนึ่งกอนจะเอยออกมา “มันอาจเปนอะไรก็ได
ความสัมพันธ ภาระหนาที่ ในชีวิตคนเรามีเรื่องสำคัญอยูมากมายหลายอยาง”
“แตถาเปนเชนนั้น ทำไมอาจารยไมทำตั้งแตกอนหนานี้” โหลวหลานพูดดวยสี
หนาสับสน
อายฮุยนิ่งอึ้งไป เขาไมรูจะตอบคำถามที่ลึกซึ้งแบบนี้ไดอยางไร เขาใชความคิด
อยางรวดเร็วแลวผายมือออก “ก็ยกตัวอยางเชน เขาไมมีเงินอยางไร!”
“ไมมีเงินอยางนั้นหรือ” โหลวหลานเอียงคอและกลาวอยางครุนคิดวา “ใชแลว
อาจารยเซาใชเงินกับโหลวหลานมาตลอด”
อายฮุยหายใจออกแลวกลาววา “ตอนนี้โหลวหลานโตแลว และอาจารยเซาไม
จำเปนตองเฝาดูแลโหลวหลานอีก เขาสามารถไปทำความตั้งใจที่ยังไมสำเร็จใหลุลวง
ไดแลว”
อายฮุยรูสึกเหมือนตัวเองเปนตาแกนากลัวที่กำลังลักพาตัวเด็กนอยอยู
“แตทำไมอาจารยเซาไมพาโหลวหลานไปดวย โหลวหลานสามารถชวยอาจารย
เซาได” โหลวหลานมองไปยังอายฮุยดวยดวงตาเบิกกวาง
อายฮุยรีดเรนสมองหาคำตอบ “มีเรื่องมากมายที่ตองแกไขดวยตัวเองเทานั้น ดู
อยางอาจารยกับอาจารยหญิงของขาสิ ขาสามารถยื่นมือเขาไปชวยความสัมพันธของ
ทั้งคูไดเชนนั้นหรือ แนนอนวาไมมีทาง หากอาจารยตองการออกไปเที่ยวกับอาจารย
หญิง ทานจะพาขาไปดวยหรือไม แนนอนวาไม”
“อาจารยเซาเดินทางไปหาอาจารยหญิงเซาหรือ” โหลวหลานเหมือนจะเขาใจ
ขึ้นมาบาง “ขาเขาใจแลว”
“มันตองเปนเชนนั้นแหละ” อายฮุยสงสัยวาเซลลสมองของตนตองตายไปเทาไร
เขายังเริ่มเชื่อคำโกหกของตัวเองเลย เขากล า วด วยน้ ำ เสีย งจริ งใจว า “ถึ งแมวา
อาจารยเซาจะอายุมากแลว แตก็ยังมีสิทธิ์ที่จะแสวงหาความสุข การที่จะทำเรื่องนี้
ดวยวัยขนาดนี้ เราตองอวยพรใหกับเขานะ”
โหลวหลานพยักหนา “โหลวหลานก็อยากอวยพรอาจารยเซา”
เปรี้ยง! โหลวหลานเปลี่ยนรางเปนตัวหนังสือหาพยางค
“อา-จารย-เซา-สู-สู!”
อายฮุยหัวเราะออกมาเสียงดัง
บทที่ 96 การสนทนาระหวางผูเฒาและเด็กหนุม
ไมรูวาเปนเพราะเขาอยูกับโหลวหลานเปนระยะเวลานานหรือไม แตอายฮุยรูสึก
วาเขากลายเปนคนที่ราเริงมากขึ้น
บางทีนี่อาจเปนตัวตนที่แทของเขา
อายฮุยครุนคิดถึงเรื่องนี้ ที่โรงฝกดาบเขามักอยูเพียงลำพัง ไรซึ่งสหายวัยเดียวกัน
และมักศึกษาคัมภีรกระบี่เงียบๆ คนเดียว สมัยอยูในแดนราง ทุกคนตางอยูในความตึง
เครี ย ดราวกั บ จะเกิ ด ภั ย ขึ ้ น ได ท ุ ก เมื ่ อ ด ว ยเหตุ น ี ้ เ ขาจึ ง ไม ม ี ส หายในแดนร า ง
เชนเดียวกัน อยางไรก็ดี ยังมีเจาอวน แตเจานี่ก็เชื่อใจไมไดนัก
โชคยังดีที่โหลวหลานเปนคนดี ไมสิ ทรายดี เดี๋ยวกอน จะอยางไรก็ฟงไมเขาที…
โหลวหลานกลับคืนรางเดิมแลว “อายฮุย อาจารยเซาบอกใหโหลวหลานติดตาม
อายฮุยในภายภาคหนาได อายฮุยเห็นอยางไร”
“ไดสิ เราเปนคูหูชั้นยอดนี่” อายฮุยตอบโดยไมลังเล เขารูสึกปรีดายิ่ง เขาทำได
แลว เขาหัวเราะจนตาแทบปดและเปลงเสียงอยางเริงรา “เดินทางรอบโลกดวยกระบี่
ของเราและทำเงินกันเถิด ขาจะครอบครองยุคแหงพลังธาตุ และโหลวหลาน เจาจะ
ปกครองครัว!”
โหลวหลานผูเคี่ยวน้ำแกง โหลวหลานผูทำความสะอาดโรงฝก โหลวหลานผูชว ย
อเนกประสงค...
ไมวาจะเปนการอันใด โหลวหลานก็ทำไดทุกสิ่ง
โหลวหลานรูสึกเริงใจ เกิดเสียงดังปง โหลวหลานก็กลายรางเปนคำวา “เงินทอง”
จำนวนนับไมถวนในหลากหลายขนาด คำเหลานี้เริงระบำอยูรอบตัวอายฮุยราวกับฝูง
ปลา
หลังจากไดบันเทิงกับโหลวหลานแลว อายฮุยก็จำตองกลับไปฝกวิชาตอ
ไมรูวาเปนเพราะเขากำลังอารมณดีหรือไม เพราะแมจะสาวไหมไดเพียงเล็กนอย
แตอายฮุยกลับไมรูสึกกังวลอีกตอไป จิตใจเขาอยูในภาวะมั่นคง
เปนเรื่องจำเปนที่ตองมีใจสงบขณะกำลังสาวไหมสนธยา นั่นทำใหอายฮุยสามารถ
ทำไปไดหนึ่งเมตรในครั้งเดียว
ชีวิตของเขาเริ่มมีแกนสารสาระมากขึ้น เขาไมไดใชเวลาทั้งหมดสาวไหมสนธยา
ดวยตระหนักดีวาการสาวไหมสนธยานั้นจำตองใชสมาธิที่สูง หากเขาเหนื่อยลา มันจะ
ลดประสิทธิภาพในการฝกวิชาลง ในทางกลับกัน การไดพักผอนจะเปนประโยชนตอ
การฝกยิ่งกวา
เขาเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ยังคงเขาเรียนวิชากับผูเฒาเพื่อถกกันเรื่องพลังธาตุ
หลังจากสอนวิชามานานนับทศวรรษ ผูเฒาจึงมีความรู ในทฤษฎีอยางลึกซึ้ ง การ
สนทนากับผูเฒาชวยเปดโลกทัศนแกอายฮุย
เขาหารูไมวาหวังโสวชวนทึ่งศิษยของเขาเสียยิ่งกวา
เขาอยากเตือนสติอายฮุยตอนเห็นเขาฝกวิชาทั้งวันทั้งคืน แตเขาแทบไมอยากเชื่อ
วาอายฮุยจะตระหนักไดเองวามีบางสิ่งที่ไมถูกตองแลวก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไป
ในทางที่ดีขึ้น
หวังโสวชวนสงสัยวาศิษยของเขาปดเรื่องอายุหรือไม เขาดูช่ำชองและเปนผูใหญ
มากจนถึงจุดที่เรียกไดวานาเกรงขาม เขาไดเห็นความสามารถที่หลากหลายในสนาม
เหนี่ยวนำ แมวารากฐานของอายฮุยไมมีอะไรตองพูดถึง ทวาภาวะอารมณและความ
มุงมั่นของเขาตางหากที่จะทำใหเขาอาจเปนคนเกงในสามอันดับแรกได
ชางนาเกรงขามอะไรเชนนี้
อยางไรก็ดี ความสามารถของอายฮุยไมไดปรากฏบนใบหนา ภายใตรูปลักษณ
ธรรมดาๆ ของเขา มีมหาสมุทรลึกลับซอนอยูภายใน
แรกเริ่มเดิมที หวังโสวชวนเปนผูอธิบายและถายทอดความรูเรื่องพลังธาตุใหแก
อายฮุย แตเมื่อกาลผานไป เขากลับตระหนกเมื่อตระหนักไดวามันเริ่มกลายเปนเพียง
การสนทนาระหวางกัน
ศิษยของเขามีสัญชาตญาณประหลาดและเฉียบคมตอเรื่องความแข็งแกรง ที่นา
สะพรึงยิ่งกวาคืออายฮุยมีความเขาใจอยางลึกซึ้งในเรื่องการฝกกระบี่โบราณ เขามักใช
ความรูนี้เปนแหลงอางอิงและคนควา ซึ่งมักมาพรอมกับทฤษฎีและขอสันนิษฐานที่ทำ
ใหหวังโสวชวนตองตกใจครั้งแลวครั้งเลา
อายฮุยเปนเสมือนฟองน้ำที่พยายามซึมซับศาสตรทุกแขนงไดไมมีวันจบสิ้น
เขาเปลี่ยนเปนคนละคนยามฝกวิชา เขาสามารถสงบไดในบางรูปแบบของการฝก
แตเมื่อไรที่เขาเกิดความคิดใหมๆ ขึ้นมา เขาจะไมลังเลที่จะทดลองทำ
หวังโสวชวนรูสึกไมคุนเคยกับเรื่องนี้ เขาเปนคนที่ระแวดระวังและหัวโบราณ หา
ไมแลวคงไมอยูในสนามเหนี่ยวนำมานานถึงเพียงนี้
ในแงมุมนั้น อายฮุยแสดงใหเห็นจิตวิญญาณที่เขมแข็งและความกลาหาญที ่ ไม
ธรรมดา หวังโสวชวนมีมายาคติหนึ่งอยูในใจ เขารูสึกวาศิษยของเขาคงไมลังเลที่จะ
กลาเดิมพันชีวิตของตัวเองหากถึงคราวจำเปน
เรื่องเสี่ยงที่เขาทำที่เจดียเสวียนจินอธิบายประเด็นนี้ไดเปนอยางดี
หวังโสวชวนปรารถนาอยากใหอายฮุยสุขุมกวานี้ ในทางตรงขาม หันอวี้หินกลับ
ชื่นชมในบุคลิกของอายฮุย นางมองวาเปนการแสดงใหเห็นความเปนชายชาญ เมื่อมี
โอกาสนางมักแสดงความชอบใจทุกครั้งที่อายฮุยแสดงออกถึงความเปนชายชาญ
ยายเฒาผูนี้ติดใจเขาเสียแลว
หวังโสวชวนรูสึกหมดหนทาง แตคำพูดสองประโยคของนางทำใหเขาคิดได “อยาบอก
นะวาเจาอยากใหศิษยเปนเหมือนเจา ตองอยูในสนามเหนี่ยวนำนี่เปนสิบๆ ปหรือ”
ประโยคนี้ทำใหเขาเสียสมาธิไปนานพอดู
อายฮุยไมรูเรื่องพวกนี้เลย เขาจมอยูในทะเลแหงปญญา ประโยชนยิ่งยวดที่เขาได
ในแตละวันมาจากการสนทนากับ อาจารย เมื ่ อ เที ย บกั บ การเรี ยนอื ่น ทั ่ วไป การ
สนทนานี้นับแตจะมีความลึกซึ้งมากขึ้น
ผานการสนทนาที่เขมขน ความเขาใจของอายฮุย เรื่ องการฝกและพลังธาตุ ก็
เพิ่มขึ้นทุกวัน
เรื่องดีถัดไปคือเขาไดคนพบวามีหลายสิ่งในคัมภีรกระบี่ที่มีประโยชน เมื่อเทียบ
กับระบบของหาคลังแปดตำหนักแลว ระบบของการฝกกระบี่นั้นนาเกรงขามและ
กวางไกลกวากันมาก
มีไมกี่คนที่ศึกษาคัมภีรกระบี่หลายเลมและใชเวลามากมายเรียกดูระบบที่ไมไดใช
ประโยชน ยิ่งไปกวานั้น มันเปนระบบที่กวางไกลและซับซอนยากจะเขาใจ ทุกวันนี้ ผู
ที่หลงใหลในการฝกกระบี่จึงขาดความสนใจในการฝกฝนพลังธาตุของตนเอง
หลังจากจำแนกระบบการฝกที่กวางไกลและเขมงวดนี้ได อายฮุยจึงตระหนักไดวา
ตอนนี้เขามีความเขาใจทั้งหมดที่แตกตางไปเกี่ยวกับหาคลังแปดตำหนักโดยสิ ้น เชิง
หลังจากที่ไดนึกทบทวน
เขาปติยิ่งกวาเมื่อไดรูวาแนวคิดที่เกี่ยวของกับการฝกกระบี่บางอยางอาจใชการได
ณ ที่ใดที่หนึ่ง
ตัวอยางเชน ไหมสนธยาจำเปนตองใชสมาธิแหงพลังธาตุ อยางไรก็ตาม ในอีก
มุมมองหนึ่ง นี่ไมใชการใชพลังธาตุเพื่อเปนแรงผลักจากกระบี่หรอกหรือ
กลาวคือกระบี่นี้จำตองมั่นคงและเชื่องชาอยางมาก
กระบี่ที่เชื่องชาหรือ
ในบรรดาคัมภีรก ระบี ่ที ่ก วา งไกลและน า เกรงขามซึ ่ งบรรจุ ส ิ ่ งประหลาดไว
หลากหลาย อายฮุยจัดการจะหาคัมภีรเลมที่เปนกึ่งกลางมาได
บางทีเขาอาจใชเคล็ดวิชาหรือชุดความคิดนี้มาอางอิงได
ดวงตาของอายฮุยเปลงประกาย
หวังโสวชวนก็เห็นดวยกับทฤษฎีนี้
บรรยากาศในตอนนี้ยิ่งเปนใจกับการสนทนาเนื่องจากมีผูเรียนเพียงไมกี่คนที่
สนใจในหลักของการฝกวิชาพลังธาตุ ในระหวางเรียน อาจารยจะพยายามอธิบาย
เรื่องการฝกพลังธาตุแบบผานๆ แตจะเนนไปที่การบรรยายกระบวนทาและปญหาที่
อาจเกิดขึ้นไดระหวางการฝกฝนพลังธาตุมากกวา
ผูเฒาและเด็กหนุมจมดิ่งลงสูการสนทนาเรื่องทฤษฎี
แตกอนนั้น ผูเฒาหวังมีความตั้งใจจะสอน แตตอมาเขาไดจมดิ่งสูการสนทนาและ
ไมอาจดึงตนเองออกมาได อายฮุยมีความคุ น เคยมากกับ ระบบเคล็ ดกระบี ่ เขามี
คำถามที่นาสนใจมากมายที่เกี่ยวของกับเคล็ดกระบี่
ผูเฒารูสึกไดรับแรงบันดาลใจและประโยชนอีกคณานับ
ตัวอยางเชน อายฮุยไดถามวา หากเคล็ดกระบี่และพลังวิญญาณถูกแยกจากกัน
ดวยพลังหยินและหยางแลว เหตุใดพลังธาตุจึงไมถูกแบงแยกเชนนั้นบาง
คำถามนี้ทำเอาผูเฒานิ่งงันไป เขาขบคิดเรื่องนี้อยูสองสามวันจนสรุปแนวคิด
คราวๆ ไดบางอยาง เขาอยากถกเรื่องนี้กับอายฮุยและขยายการฝกฝนทางความคิด
ของเขา ทวาเขาตองประหลาดใจ เมื่อเวลาลวงเลยไปหลายวัน อายฮุยก็ยังไมโผลมา
ผูเฒารูสึกรอนใจ หนุมนอยผูนี้ไปอยูที่ใด
เขาไมอาจหามตัวเองใหวิ่งตรงไปยังโรงเย็บปกได
หลังจากรีบเรงเขาไปในโรงเย็บปก เขาเกือบจะตะโกนรองเรียกสุดเสียงกอ นที่
พลันหางตาของเขาจะเหลือบไปเห็นบางสิ่ง ยายเฒากับหมิงซิ่วยืนอยูนอกหนา ตาง
ของโรงเย็บปกดวยทาทีตะลึงงัน
ผูเฒาอดกลั้นไมสงเสียงรองตะโกน ปรี่ไปเขยงเทาขางยายเฒา มองผานหนาตาง
เขาไป
ดวงตาของเขาเบิกกวาง
บทที่ 97 ผูมีพรสวรรคดานเย็บปกถักรอย
โรงเย็บปกเต็มไปดวยหมอกที่หนาขึ้น อายฮุยซึ่งถูกหอหุมดวยผาพันแผลโลหิต
กำลังใจจดใจจอ ทาทางของเขาเชื่องชามาก ชาเสียจนไมอาจตรวจจับการเคลื่อนไหว
ของเขาไดดวยตาเปลา อยางไรก็ตาม รางกายเขาสอดประสานอยางไรรอยตอ ราวกับ
เปนรูปปนมัมมี่ที่กำลังคายความแข็งแกรงและความงดงาม
เสนไหมเปนยองใยราวเสนผม หอรอบปลายนิ้วของเขาในขณะที่อีกปลายขาง
หนึ่งแชอยูในหมอไอน้ำรอน
ดานหลังอายฮุยเปนกองไหมที่สำเร็จแลว แตหมอกก็หนาขึ้นเรื่อยๆ จนผูเฒา
มองเห็นไดไมชัด แตดูจากจำนวนกองแลว นาจะมีความยาวมากพอดู
เทาที่ผูเฒามองเห็น ความยาวของมันเกินสามเมตรไปแลว
ผูเฒากลืนน้ำลายอยางยากลำบาก ดวยหัวใจที่เต็มไปดวยความคาดหวัง เขาลด
เสียงแลวถาม “นานเพียงใดแลว”
“ไมทราบได” หันอวี้ฉินตอบโดยไมเหลือบมองเขา นางไมยอมละสายตาที่กำลัง
จองมองอายฮุยอยางชื่นชม
ผูมีพรสวรรคดานเย็บปกถักรอย!
ถามีใครบอกนางวาอายฮุยไมใชผูมีพรสวรรคดานเย็บปกถักรอย นางคงใชคำวา
“ปรมาจารย” ฟาดหนาผูนั้นจนเลือดอาบโดยไมตองคิด แมจะเปนผูเฒาที่กลาโตเถียง
ดวย นางก็ไมเวน!
การทอไหมสนธยานั้นยากลำบากเพียงใด แมแตหันอวี้ฉินก็ไมอยากปวดหัวกับ
คำถามนี้ มันเปนงานที่เปลืองเวลา ตรากตรำ และดูไรคา อายฮุยซึ่งเปนมือใหมและ
เริ่มเปดคลังชีวิตไดไมนาน สามารถสาวไหมไดขดยาวถึงเพียงนี้ ถาไมใชผูมีพรสวรรค
แลวคือสิ่งใด
ทั้งการทำความเขาใจการทอผาคูและการสาวไหมสนธยานั้นไมใชงานสำหรับ
มือใหมที่เพิ่งเปดคลังชีวิตจะทำสำเร็จได
แรงจูงใจหลักของหันอวี้ฉินที่อยากใหอายฮุยลองใชมือปอกเปลือกรังไหมก็เพื่อให
เปนรูปแบบหนึ่งของการฝก เพราะทีแรกนางไมคิดวาอายฮุยจะสามารถสาวไหม
สนธยาใหออกมามีราคาได
แตทวาอายฮุยทำได
นางไมรูวาอายฮุยทำไดอยางไร เชนเดียวกับที่นางไมรูวาเขาหยั่งรูการทอผาคูได
อยางไร
นางเหลือบมองผูเฒาแวบหนึ่ง นี่แนะ ถึงผูเฒาจะธรรมดาทั่วไปในเรื่องอื่นๆ แต
รสนิยมการคัดเลือกศิษยถือวาดีทีเดียว!
นางควรคิดวิธีจะแงะอายฮุยออกมาจากมือผูเฒา แตนี่ไมใชเวลาจะมาคุยเรื่องใน
แบบผัวๆ เมียๆ พวกเขาไมควรทำใหความสามารถของชายหนุมเสียเปลา
ผูเฒายังมีแนวโนมที่จะเอาใจไดงาย นางเพียงแคสะอื้นแลวแสรงทำยั่วเยาสักนิด
เทานี้นางก็คิดวาผูเฒาคงยากที่จะพนเงื้อมมือของนางแลว แตสำหรับอายฮุยคงเปน
เรื่องที่ยากกวา
ปวดหัวจริงเชียว อืม เปนความผิดของผูเฒาคนเดียว! เขารับศิษยมาแตกลับเปน
ชายที่เขาถึงยาก สองคนนี้ทาจะอยูดวยกันลำบาก
ผูเฒาไมไดสังเกตวาคนรักของเขากำลังมองเขาแปลกๆ จูๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่อาย
ฮุยหายตัวไปหลายวันแลวก็มีสีหนาตกใจ “หลายวันมานี้ เขาอยูที่นี่ตลอดรึ”
“ถาไมใชที่นี่ แลวจะเปนที่ใด เจาดูแคลนโรงงานของขามากเพียงนั้นเชียวหรือ”
ยายเฒาหรี่ตา พรอมจะโจมตีกลับ
ผูเฒาผานประสบการณการโตแยงทำนองนี้มามาก เขาจึงรีบชมเชยหญิงเฒา
ทันที “หามิได โรงงานของเจาคงเปนอัญมณีแหงฮวงจุย หาไมแลว เจาเด็กคนนี้จะมี
พัฒนาการไดไวถึงเพียงนี้หรือ ตองยกความดีความชอบใหเจา”
หญิงเฒาเห็นวาผูเฒาไมยอมตอกนดวย จึงกลาวแบบไมเต็มใจวา “ขาเห็นวาเสี่ยวฮุยก็
ดูทาจะสนใจงานเย็บปก มิเชนนั้นแลวเขาคงไมอยูใหเสียเวลา”
ผูเฒามีทาทีเห็นพองและกลาวตอดวยน้ำเสียงราบเรียบ “ทุกสิ่งขึ้นอยูกับความ
สนใจของเขาเอง งานเย็บปกถักรอยเปนงานที่มีเกียรติและทำเงินไดมหาศาล เมื่อกอน
ขาก็เคยสนับสนุนวิชาชีพของเจา”
ผูเฒาพูดประโยคเหลานี้อยางไหลลื่น ยายเฒาทำไดแคมองคอนไปที่เขา
หวังโสวชวนแอบรูสึกยินดี ชวงที่ผานมาเขาไดสนทนาเชิงลึกกับอายฮุยในระหวาง
ฝกหลายครั้ง เขาเห็นวาอายฮุยนั้นคูควรแกการตอสูที่แทจริง ความสนใจของอายฮุย
ตอทฤษฎีพวกนั้นไมไดเปนเพราะเขาชอบเรื่องของทฤษฎีพลังธาตุ แตเพราะการเขาใจ
หลักการพวกนี้จะมีประโยชนตอการฝกวิชา เมื่อเขาใจหลักการแลว กาวตอไปของ
อายฮุยคือการคิดวาจะนำคุณลักษณะเหลานั้นไปใชในการรบไดอยางไร
เด็กหนุมนี่ชางนาตกใจเสียจริง
หวังโสวชวนเขาใจในที่สุดแลววา การที่อายฮุยร่ำเรียนเรื่องพลังธาตุและการ
ฝกฝนเรื่องธรรมดาทั่วไปนั้น ก็เพื่อความสำเร็จในการรบ
พูดกันตามจริง ลึกๆ แลวหวังโสวชวนก็ไมคอยชอบเรื่องที่ศิษยของเขามีเปาหมาย
ในการเรียนเชนนี้ แตเขาทำไดแคถอนหายใจเมื่อนึกขึ้นวาอายฮุยไดผานอะไรมาบาง
เหตุนี้เขาจึงมั่นใจวาอายฮุยคงไมยึดอาชีพเย็บปกถักรอยเปนสัมมาชีพ เขาคง
เรียนไปเพียงเพื่อหาเงินและเพิ่มทักษะใหตนเอง
อายฮุยคงเรียนเย็บปกถักรอยไปเพื่อสรางอุปกรณชั้นเยี่ยมดวย แตเขาคงไมเปน
เหมือนคนรักของเขาที่ยึดทำอาชีพนี้ไปทั้งชีวิต
หวังโสวชวนเขาใจประเด็นนี้แจมแจง เหตุนี้เขาจึงไมกังวลในความคิดของยายเฒา
ทันใดนั้นหวังโสวชวนสังเกตเห็นทาทางของอายฮุยแลวก็เกิดประหลาดใจ
“เขาอยูในทานี้ตลอดเลยหรือ”
ทาทางของอายฮุยเปนเอกลักษณ ขาซายอยูหนา ขาขวาอยูหลัง ตั้งทาละมาย
คลายคันศร มือซายของเขาโอบเอวตัวเอง สวนมือขวายืดตรงออกไป ในขณะที่นิ้วชี้
และนิ้วกลางคีบเขาหากันคลายกระบี่
หวังโสวชวนเปนอาจารยผูรอบรู มองแวบเดียวก็รู วาอายฮุยกำลั งใชม ื อ เป น
ประหนึ่งกระบี่ลองหน
การใชมือเปนกระบี่ลองหนเปนเคล็ดวิชาทั่วไปที่ผูฝกกระบี่โบราณใชกัน อยางไร
ก็ตาม ปจจุบันไมมีผูฝกกระบี่เหลืออยูแลว ถึงมีก็คงนอยเต็มที ถึงแมวาผูใชพลังธาตุ
จะใชกระบี่และบางรูปแบบของเคล็ดกระบี่เชนกัน แตก็แตกตางกันกับผูฝกกระบี่
โบราณอยางสิ้นเชิง
“ใช เขาไมไดขยับเลย” ถึงตอนนั้นหันอวี้ฉินก็สังเกตเห็นทาทางอันเปนเอกลักษณ
ของอายฮุย จึงอดถามไมได “ทานี้มีที่มาที่ไปเชนไร”
หาคลังแปดตำหนักไมไดมีประวัติศาสตรยาวนานเปนพันป การมีอยูของวิชาเย็บ
ปกถักรอยยิ่งสั้นกวา ยิ่งเปนการสาวไหม ยิ่งไมใครเปนที่รูจัก และไมไดมีการกำหนด
เคล็ดลับที่ตายตัว ทุกคนตางฝกโดยใชเคล็ดลับที่ตางกัน
แตหันอวี้ฉินรูจักสามีนางดี ผูเฒายอมสังเกตเห็นบางสิ่งแน นางมีศรัทธาสูงสุดใน
วิชาความรูของเขา เพราะจุดสำคัญนี่เองที่ทำใหนางตกอยูในกำมือของเขาสมัยวัย
เยาว ตอนนั้นนางยังสาวและไรเดียงสา
“กระบี่ลองหน” ผูเฒาอธิบาย “การฝกกระบี่สมัยกอนใชเคล็ดวิชากระบี่ลองหน
ในการกระตุนกระบี่วิญญาณ”
หันอวี้ฉินเงียบงันไปครูหนึ่ง นางไมนึกมากอนวาจะมีเคล็ดวิชาที่โบราณและไม
คุนเคยอยางกระบี่ลองหนนี้อยูจริง
“กระบี่ลองหนนี้ยังคงใชกันอยูหรือ”
“หากเปนผูอื่นคงเสียการเปลา แตหากเปนเด็กผูนี้ อาจจะไมก็ได” น้ำเสียงผูเฒา
เจือความพึงพอใจ
หมิงซิ่วที่ยืนอยูขางๆ เอยขึ้นมา “ปรมาจารยและอาจารยลุง ศิษยนองทำสำเร็จแลว!”
ทั้งสองรีบหันไปดู อายฮุยที่อยูในโรงงานยืนขึ้นและกำลังหมุนไหลตัวเอง
ทั้งสามรีบรุดเขาไป
ประตูโรงงานเปดกระแทกออก อายฮุยที่กำลังยืดเสนยืดสายอยูกระโดดโหยงดวย
ความตกใจ แตเมื่อ เห็นวาผูบ ุก รุกเปน คนที ่คุ  นหน าจึ งรี บทักทาย “ท า นอาจารย
อาจารยหญิง ศิษยพี่หมิงซิ่ว”
หลังจากอยูในทาเดิมมาหลายวัน อายฮุยก็ประสบกับความปวดเมื่อยในแบบที่
อธิบายไมได สิ่งที่ไดจากไหมสนธยาตองแลกมากับงานหนัก เขานึกสงสัยวาแลวผูที่
ตองสาวไหมอยางตอเนื่องเปนสิบๆ วันนั้นจะปวดเมื่อยเพียงใด
ผูเฒาเอยขึ้นดวยทาทีประทับใจ “ไมเลวนี่ เจาพัฒนาไปไดรวดเร็วมาก”
หันอวี้ฉินหยิบไหมสนธยาขึ้นมาแลวเขยาเบาๆ นางพินิจและสรุปไดทันทีอยาง
ผูเชี่ยวชาญ “ประมาณสิบเมตร”
อายฮุยรูสึกลิงโลดขึ้นมาทันใด เขาจำไดดีวาขดไหมสนธยายาวสิบเมตรมีมูลคา
มากถึงสองแสนหยวน
หมิงซิ่ว กะพริบ ตามองดว ยความประหลาดใจ “เป น ไปได อ ย า งไร ศิ ษ ย น อ ง
สามารถสาวไหมสนธยายาวสิบเมตรไดในเวลาเพียงสามวันสามคืน”
หันอวี้ฉินก็เกิดปฏิกิริยาเชนกัน การสาวไดสิบเมตรในเวลาสามวันสามคืนแสดงให
เห็นวาเขาสามารถสาวไหมสนธยาไดถึงวันละประมาณสามเมตร หันอวี้ฉินเคยทำ
การคากับผูใชพลังธาตุที่สาวไหมสนธยาบางรายมากอน ที่เร็วที่สุดที่พวกเขาทำไดคือ
แคเพียงวันละสองเมตร
หากสถิติของอายฮุยถูกตองจริง นั่นหมายถึงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึงครึ่งเทา ใน
แงของการคา นี่ถือเปนความสำเร็จอยางยิ่งยวด
ผูมีพรสวรรคดานเย็บปกถักรอย!
ราวกับสมญานามนี้ลอยลองอยูเบื้องหนาหันอวี้ฉิน ทอแสงพรางพราวเปนสีทอง
สายตาที่นางมองอายฮุยแปรเปลี่ยนเปนความปลาบปลื้ม
บทที่ 98 ใจถึงและเปยมจินตนาการ
อายฮุยยังคงปวดเมื่อยไปทั้งราง ครั้งลาสุดที่เขาอยูในภาวะย่ำแยเชนนี้ก็เปนตอน
ที่อยูในแดนราง ในตอนนั้น กองทหารถูกโจมตี และเขาพลัดหลงกับคนอื่น แตเมื่อดู
ความสามารถของเขาในตอนนั้น การอยูในแดนรางคนเดียวคือหนทางสูหายนะ ทาง
รอดเดียวของเขาคือการคอยอยู ณ จุดเดิมที่ซึ่งกองทหารจะเสริมกำลังมา
เขาพรางตัวเองดวยโคลนและนอนนิ่งอยูในเลนโดยไมเคลื่อนไหวเพื่อใหกองทหาร
กลับมาอีกคครั้ง
ในตอนนั้นก็เปนเวลาสามวันสามคืนเชนกัน กาลลวงเลยไปสามทิวาราตรี รางกาย
ของเขาก็ชุมโชกไปดวยเหงื่อ
อายฮุยปาดเม็ดเหงื่อเงียบๆ ไมชาความเจ็บปวดก็เริ่มทุเลา ความยินดีฉายแวว
ยามเขากะพริบตา สะทอนวาสิ่งที่เขาคิดอยูนั้นถูกตอง
“ศิษยขา เจาใชเคล็ดวิชากระบี่ลองหนใชหรือไม” ผูเฒาถามดวยความสงสัย
“เจาคิดเชนไรถึงใชวิชานั้น เพราะเหตุอันใด”
หันอวี้ฉินกับหมิงซิ่วหันขวับไปมองเขาดวยความอยากรูเชนกัน
“ใชแลวอาจารย นั่นเปนวิชากระบี่ลองหน” อายฮุยเคยชินกับการที่ผูเฒามักจะ
ถามทีละหลายคำถาม ผูเฒามักทำเชนนี้บอยครั้งหากยอนไปเมื่อตอนที่พวกเขาทำการ
สนทนากัน
อายฮุยจัดระเบียบความคิดในหัวกอนจะเริ่มอธิบาย “จากการที่ไดสนทนากับ
ทานอาจารยเมื่อหลายวันกอน ศิษยนึกขึ้นไดถึงเรื่องที่วาไหมสนธยานั้นตองอาศัย
สมาธิในการคุมพลังธาตุอ ยา งเต็มอั ตรา กระบวนการนี ้ คล า ยกั บ การแทงกระบี่
เพียงแตกระบี่นี้คือพลังธาตุที่ถูกแทงออกไปดวยความเร็วที่เชื่องชาและคงที่”
ผูเฒาพึมพำกับตนเอง “ฟงดูมีเหตุผล”
อายฮุยกลาวตอ “ศิษยนึกสงสัยวามีกระบี่ชาในการฝกกระบี่สมัยอดีตหรือไม
และพวกเขาควบคุมความเร็วกระบี่อยางไร ศิษยจำไดวาเคยผานตาจากคัมภีรกระบี่
บางเลมและพบวากระบี่ชานั้นมีอยูจริง”
“กระบี่ชาหรือ จะมีประโยชนอันใดหากกระบี่นั้นเชื่องชา” หันอวี้ฉินโพลงออกมา
ดวยสีหนาฉงน
ในปจจุบัน การเคลื่อนไหวและการโจมตีเปนเรื่องของความเร็ว ซึ่งเปนที่เขาใจได
ผูที่มีความเร็วยอมถูกโคนลมไดยากกวา ความเคลื่อนไหวหรือธรรมเนียมในการใช
ความเชื่องชานั้นยังไมเคยไดยินมากอน
“ถาพูดใหถูก ที่เรียกวากระบี่ชานั้น ไมใชความพยายามที่จะเชื่องชา แตหากเปน
การพยายามไมใชความรวดเร็ว หากทำการเรงเราเกินไป ก็อาจทำไดไมสำเร็จ ดั ง
ประสงค ผูฝกกระบี่โบราณใชวิธีนี้อยางสม่ำเสมอและไดรับผลลัพธที่ดีกวา” อายฮุยดู
เปลี่ยนเปนคนละคนเมื่อเขาเริ่มพูดถึงหัวขอการฝกกระบี่ เขากลาวตออยางสงบและ
ราบเรียบ “ดังนั้น กลาวคือมันเกี่ยวของกับ ‘ความเชื่องชา’ แตหาไดหมายความตรง
ตัวไม ตัวอยางเชน ยามมีพายุ การเคลื่อนไหวกระบี่ของพวกเขาจะเปนดั่งสายลม สาย
ลมที่รวมตัวกันอยางตอเนื่องนั้นเปนผลใหเกิดพายุ แตไมวาสายลมนั้นจะมีความเร็ว
เพียงใด พลังของมันก็เทียบไมไดเลยกับพายุ ยิ่งความเร็วลมมีมากเทาไร ก็จะยิ่งสราง
พายุไดไวขึ้นกระนั้นหรอกหรือ มันหาไดเปนเชนนั้นไม ในการสรางพายุนั้น จำตองมี
ลมในรูปแบบเฉพาะ ไมเกี่ยวกับเรื่องที่ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”
ประโยชนที่ไดจากการสนทนากับอาจารยคืออายฮุยสามารถอธิบายเรื่องราว
ซับซอนใหเปนเรื่องเขาใจงายไดดีมากขึ้น
ดวงตาของหมิงซิ่วแวววาว “ขาเขาใจแลว กระบี่ชาที่ศิษยนองพูดถึงนั้นคลายคลึง
กับการสาวไหมสนธยา แมพลังธาตุที่เชื่องชามีความจำเปนในการสาวไหมสนธยา แต
ความเปนจริงแลว ไมไดหมายถึงการชาเทาที่จะชาได หากแตเปนความคงที่ตางหาก
การเนนการใชความเชื่องชาในการสาวไหม
แทจริงแลวคือการควบคุมความสม่ำเสมอในการทำใหพลังธาตุกระจายกันอยาง
เทาเทียม ศิษยนองแกปญหาเรื่องความเร็วที่สม่ำเสมอนี้ไดอยางไร”
หวังโสวชวนและหันอวี้ฉินตางก็พยักหนา
“ศิษยพี่หลักแหลมนัก!” อายฮุยกลาวชมหมิงซิ่ว ตอนนี้อายฮุยดูเปลงประกาย
เรืองรองราวกับจะทำใหตาพรามัวได ดวงตาของเขาสุกใสประหนึ่งดวงดาวยามราตรี
“ขาใชคัมภีรกระบี่หลายเลมที่คลายคลึงกันมาอางอิง จึงไดคนพบปรากฏการณอยาง
หนึ่งที่ไมปกติ เกือบทุกรูปแบบที่คลายกับกระบี่ชานั้นใชประโยชนของวงกนหอย วิธีนี้
ศึกษามาจากการทำงานของพายุและน้ำวน หลังจากนั้น ขาคนพบวาเมื่อพลังธาตุถูก
นำมาใชในรูปแบบกนหอย มันไมไดชวยเพิ่มความเร็ว แตกลับทำใหความเร็วเบื้องตน
นั้นสูญเสียไป อยางไรก็ตาม เสถียรภาพของมันกลับเพิ่มขึ้น และพลังธาตุก็เกาะตัวกัน
มากขึ้น ไมกระจัดกระจาย”
ทุกคนในโรงเย็บปกตกตะลึงอยูในความเงียบ
ผานไปสักครู อายฮุยเริ่มรูสึกอึดอัดขึ้นมา เขาจึงทำลายความเงียบดวยการถาม
“ขาพูดอะไรผิดไปหรือ”
หันอวี้ฉินถามอยางทันควัน “เจาคิดทั้งหมดนี้ไดดวยตนเองหรือ”
“ถูกแลว” อายฮุยรูสึกอายขึ้นมา “ศิษยแคลองคาดเดา”
หันอวี้ฉินไมสนใจเขา รีบหันไปหาผูเฒาแลวตะโกน “เขาเปนผูมีพรสวรรคดาน
เย็บปกถักรอย! เราตองไมใหความสามารถของเขาสูญเปลา!”
ผูเฒาแกไขคำพูด “เขาคือผูมีพรสวรรคดานการฝกวิชา!”
หวังโสวชวนเคยนึกเสียดายที่ศิษยของเขาเริ่มตนชา แตในตอนนี้เขากลับปรีดาที่เขา
เริ่มตนชา หากอายฮุยผานการฝกวิชาและใกลชิดกับหาคลังแปดตำหนักตั้งแตยังเยาว
เขาจะยังมีความคิดที่นอกกรอบ ใจถึง และเปยมจินตนาการเชนนี้อยูหรือไมก็ไมรู
ความพากเพียรและมุงมั่นของอายฮุยทำใหเขาดูนายำเกรง บรรดาความคิดที่
ไมไดถูกจำกัดอยูแคในกรอบชวยติดปกใหเขาไดโบยบิน
หวังโสวชวนเดาไมถูกเลยวาอายฮุยจะประสบความสำเร็จมากเพียงใดในอนาคต
ราวกับเขาไดเห็นโครงรางของหอคอยนา เกรงขามที่กำลั งพั ฒนาสูงขึ้น ไปบน
ทองฟาแหงอนาคต
“ถูกตอง งานเย็บปกถักรอยสามารถนำมาใชทั้งในการฝกและการตอสูได” ยาย
เฒาอุทาน
“ยอดปรมาจารยดานเย็บปกถักรอย เจาคิดวาเจามีทักษะการตอสูเพียงพอหรือ”
“หวังโสวชวน! หมายความวาอยางไร เจาอยากมีเรื่องอยางนั้นรึ ขาตอใหเจากอน
เลย”
“เจานี่ชางนาเบื่อเสียจริง ดูศิษยของเราสิ กำลังมองเราที่แสดงความเขลาออกมา
เอาไวเจาคอยทุบขาหลังจากที่ขาสนทนากับอายฮุยจบแลวกัน ขายังมีเรื่องสงสัยที่
อยากไขใหกระจาง...”
อายฮุยมองทั้งคูที่กำลังหนาแดงดวยความโมโหโทโสอยางตะลึง กอนจะพูดเสียง
เบาๆ “ขา.....ขามีคำถาม”
ทั้งคูหยุดในทันทีและหันมาหาอายฮุย
อายฮุยโบกไหมสนธยาในมือแลวถามเสียงออย “สิ่งนี้เอาไปขายไดหรือไม”
ทั้งคูพูดขึ้นมาพรอมกัน “ขายหรือ”
อายฮุยตาเบิกกวาง “อยาบอกนะวาทานโกหกที่บอกวาสิ่งนี้สามารถขายไดราคา
สองแสนหยวน”
“...”
ทั้งสองหยุดวิวาทในทันที
ในตอนทาย อายฮุยตั้งใจอยากไดคาแรงจำนวนหนึ่งแสนหยวน เนื่องจากสถานที่
และวัสดุที่ใชทั้งหมดก็เปนของโรงเย็บปก อายฮุยยิ่งกวายินดีที่จะสามารถหาเงินได
หนึ่งแสนหยวนในเวลาแคสามวันสามคืน ถึงแมจะเปนงานที่หนักเอาการก็ตาม แต
จำนวนเงินนั้นไมใชนอย เขายังมั่นใจดวยวาเขาจะสามารถสาวไหมไดยาวกวาเดิมใน
คราวหนา
ที่สำคัญที่สุดคือ เขาจะไดมีรายไดที่มั่นคงเสียที
เขาหันไปถามอาจารยหญิงวาการสาวไหมนั้นจัดวาเปนหัตถศิลปหรือไม
ทา ทางของอาจารยหญิงดูไมคอ ยพึงใจนั ก นางพยั กหน าอย างไม คอ ยเต็มใจ
อาจารยหญิงเคยเตือนเขาแลววาในโรงเย็บปกนั้น การสาวไหมถูกจัดเปนงานชั้นลาง
และไมใชสิ่งที่ยิ่งใหญ
ตราบใดที่มันทำเงินได อายฮุยก็ไมสนเรื่องความยิ่งใหญ รอใหเขาสาวไหมไดยาว
หาสิบเมตรเสียกอนเถิด อืม เขาจะเอาไปขายสักสองมวน เอาเงินไปจางแมสาวราน
บะหมี่ ใหนางไปเรียนการทำบะหมี่จากเถาแกรานบะหมี่ จะไดมาปรุงบะหมีม่ ากกวา
สิบชามมาใหเขาไดในแตละวัน
เขาจะใหโหลวหลานเคี่ยวน้ำแกงใหเขาทุกวันและตระเตรียมอาหารพลังธาตุ
จำนวนมากใหเขาได คิดแลวก็น้ำลายสอ อายฮุยเกิดความคิดขึ้นมาทันควัน วันนี้เขา
ควรใหโหลวหลานตุนน้ำแกงใหเขาสักหมอดีไหมหนอ
คิดแบบนี้ขึ้นมา อายฮุยก็เริ่มใจเตน
ตรงปากทางเขาตรอก เขาหยุดเดินกะทันหัน มองไปที่รางเงาใกลๆ กับตรงปาก
ทางอยางประหลาดใจ
นั่นมันนักเรียนปงหวานไมใชหรือ
หึๆ สวรรคมีทางใหหนี แตเจาปฏิเสธจะเดินผานมัน! นรกไมมีประตูเสียดวย เจา
อยูนี่แลว!
ทาทางของอายฮุยเปลี่ยนเปนเยือกเย็นและอำมหิต
บทที่ 99 ทาทีเชนนั้น
ไหชิงยืนอยูอยางสุภาพดานนอกกระทอมหญา
รั้วถูกสรางจากกิ่งไมแหง สรางบรรยากาศไมเปนมิตรแกผูพบเห็น เงาที่สาดยาม
พระอาทิตยสองเหนือกระทอมเปนภาพที่จับใจไหชิงเสมอ รั้วถูกสรางดวยตัวอาจารย
ของเขา ผูซึ่งมีระดับการบำเพ็ญตนที่สามารถเขาใจตอพลังธาตุไดอยางลึกซึ้ง การ
เคลื่อนไหวของเขาในแตละครั้งแฝงนัยสำคัญไวเสมอ
กระทอมหญามัวหมนหลังนี้อาจารยของเขาเริ่มสรางตั้งแตยังไมมีอะไร
ไหชิงอดรูสึกเคารพไมไดทุกครั้งที่ไดเห็นกระทอมหญาหลังนี้
สี่สิบปกอน เขาติดตามปรมาจารยมายังดินแดนแหงแลงในแดนรางหลังออกมา
จากอูสิงเทียน ปรมาจารยของเขาชี้ไปตรงพื้นที่แหงแลงจุดหนึ่งและบอกวานี่จะเปน
บานหลังใหม เขาจะสรางกระทอมหญาตรงจุดนั้น
ปนั้นเอง ปรมาจารยของเขาซึ่งยังไมไดเปนยอดปรมาจารย หยิบกิ่งไมแหงกิ่งแรก
ขึ้นมา ขวางเมล็ดพันธุเมล็ดแรกออกไป และตักดินบนพื้นโลกเปนหนแรก
ตลอดหาปที่ปรมาจารยทำเพียงแตเชนนั้น บางครั้งเขาก็นั่งสมาธิอยูบนหนาผา
ราวกับรูปปนโดยไมสนใจไยดีสภาพอากาศ บางคราวเขาจะเตร็ดเตรไกลออกไปเพื่อ
หากิ่งไมแหงที่เหมาะสม เขายังใชมือตนเองเปนพลั่ว ตอนนั้นปรมาจารยสภาพสกปรก
มอมแมมดูไมตางจากขอทาน
ไหชิงจะไมมีวันลืมวันที่กระทอมหญาสรางเสร็จสมบูรณเลย
ในตอนนั้น ปรมาจารยไดแขวนมานหญาไวตรงทางเขากระทอม จากนั้นก็หันขวับ
มาบอกไหชิงดวยใบหนากระจาง “ไหชิง ตอนนี้ขาเปนยอดปรมาจารยแลว”
โดยที่ไหชิงไมทันตั้งตัว พลังธาตุไมก็ระเบิดขึ้นราวภูเขาไฟ
ตนกลา จำนวนนับ ไมถวนโผล พ นออกมาจากผืน ดิ น แห งแลงบนเนิ นเขา ดวง
อาทิตยที่แผดจาถูกแทนที่ดวยเมฆดำกำเนิดฝนปรอยๆ ใบหญาเริ่มเติบโตและเติมเต็ม
บริเวณที่ราบบนยอดเขาที่เคยวางเปลา
ทามกลางฝนปรอยๆ ตนไมเริ่มเติบโต ดอกไมเบงบานสะพรั่งพราวราวกับฤดู
ใบไมผลิ แสงของดวงอาทิตยสองทะลุผานเมฆหนาลงมาหอหุมกระทอมหญา ภายใต
แสงแดดอันอบอุน กระทอมหญาไมไดโดนละอองฝนเลยแมเพียงหยดเดียว
ในตอนนั้น ไหชิงไมอาจควบคุมตนเองได เขาคุกเขาลงดวยความเคารพ
ภูเขาที่เคยแหงแลงกลับกลายเปนทะเลเขียวขจีอยางนาตะลึง
มานหญานั้นบาง เขาสามารถมองเห็นอาจารยกำลังตัดแตงและรดน้ำตนไมได
ทาทางของเขาเรียบงายและดูผอนคลาย การเฝามองเขาทำใหหัวใจของไหชิงอบอุน
“หวงฮุนออกมาจากโพรงหญาไดไวนัก”
น้ำเสียงที่อบอุนราวกับหยกแตปราศจากชีวิตชีวาดังมาจากดานหลังมานหญา
“ขอรับ” ไหชิงประหลาดใจเชนกัน “ตอนขาเห็นหวงฮุนไดรับบาดเจ็บจากลมทองคำ
ขานึกวาเขาคงตองใชเวลารักษาตัวสักระยะหนึ่ง ไมนึกวาจะออกมาจากโพรงหญาได
ไวเชนนี้” ไหชิงพูดตออยางเคารพ “ตลอดชีวิตของขา ขาเห็นพรสวรรคของเขาไมเปน
รองผูใด เกงยิ่งกวาพี่เฉินกับหมิงชิวเสียอีก ผูเดียวที่อาจจะปราบเขาไดคงเป นทาน
อาจารย ที่หายากยิ่งกวาคือเขาเปนคนมีนิสัยชอบการแขงขัน เขาเปนคนที่ชอบชิงชัย
ที่สุดในบรรดาทั้งสามคน บุคลิกของพี่เฉินออนโยนเกินไป ในขณะที่หมิงชิวออกจะ
เปนคนเจาสำราญ”
ไตกังหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนตระกูลตวนมูจะผลิตผูเปนตำนานขึ้นมาแลวสิ ถึง
สามารถไดรับคำสรรเสริญจากไหชิงได”
ไหชิงตอบกลับอยางนอบนอม “หวงฮุนยืนยันจะกลับไปที่สนามเหนี่ยวนำ ไหชิง
จะใหคนไปสงเขากลับไป”
ไตกังตอบอยางออนโยน “จริงแท เขาควรกลับไป ในวัยนี้ สนามเหนี่ยวนำเปนที่
ที่เหมาะกับเขาที่สุด และอาจเปนชวงเวลาในความทรงจำที่วิเศษสำหรับเขาในอนาคต
ดวย”
“ขอรับ ” น้ำ เสีย งของไหชิงยังคงแฝงเคารพเมื ่อ เขากล าวต อ “สั มภาระของ
ตระกูลตวนมูมาถึงแลว”
“เอาไปเก็บกอน ศิลากำลังจะเบงบานแลวในที่สุด” น้ำเสียงของไตกังอบอุนราว
ฤดูใบไมผลิ
ไหชิงไมอาจซอนเรนสีหนาที่เปยมสุขของตนได “ยินดีดวย ปรมาจารย”
...
ในเมืองซงเจียน ตวนมูหวงฮุนยืนอยางลังเลอยูตรงปากทางเขาตรอก รูสึกกังวลใจ เขา
ไปเปนหนี้บุญคุณเจาวายรายนั่นไดอยางไร ทุกครั้งที่นึกขึ้นมา เขาจะรูสึกปนปวนใจ
มากจนรูสึกราวกับวาตนเปนฆาตกร
เขาถึงกับออกเดินทางไปพบครูฝกหลี่เหวยเพื่อขอทราบเหตุการณใหกระจาง
ในตอนนั้น เขายังคงงงงวยกับสีหนาของครูฝกหลี่เหวยที่มองเขา แตหลังจากที่ได
ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาก็เปลี่ยนเปนหนาซีด
เขานอนอยูบนหลังอายฮุยหรือ
เสื้อผาของพวกเขาขาดเปนชิ้นๆ ดวย
เขาจองมองหลี่เหวยไมวางตาเปนเวลาหาถึงหกนาทีเต็มจนทำใหเขารูสึกขนลุก
ตวนมูหวงฮุนยืนลังเลอยูตรงปากทางเขาตรอกอยูพักใหญ จิตใจเขาสับสน ความ
ทะนงของเขาชวยกลบเกลื่อนการแสรงทำวาไมเคยมีอะไรเกิดขึ้น ไหชิงเคยเตือนเขา
วายิ่งเขาอยูในเจดียเสวียนจินนานเพียงใด ก็จะยิ่งชวยเหลือเขาออกมาไดยากขึ้นเพียง
นั้น ถึงแมไมใชเรื่องอันตรายถึงชีวิต แตก็อาจนำมาซึ่งความเจ็บปวดตอรางกายใน
ระยะยาวได
เขาจำไดแมนยำตอนที่เขาวิ่งไปที่เจดียเสวียนจิน
แตใหตายสิ!
ทำไมเขาตองถูกไอเจาวายรายชวยชีวิตไว
เขายอมรับไดหากเปนใครก็ตามจากสนามเหนี่ยวนำมาชวยเขา แตไมใชอายฮุย
บาเอย!
เขาเฝามองหาโอกาสกระทืบเจาหมอนั่นมาตลอด แตตอนนี้เขาจะทำเชนนั้นได
อยางไร ไอบานั่น! ตอนนี้อายฮุยคงสาแกใจ คิดวาเขาเปนแคไอตัวตลก
“นั่นนักเรียนปงหวานไมใชหรือ”
จูๆ น้ำเสียงคุนเคยประหนึ่งฝนรายก็ดังขึ้นจากดานหลัง ตวนมูหวงฮุนเปนเหมือน
แมวที่หางลุกตั้ง เขาเกือบกระโดดดวยความตกใจ
ตวนมูหวงฮุนที่ยังอยูในความตระหนกแสรงทำใจเย็น หันไปเจอะใบหนาที่แสน
เกลียดชัง เขาเชิดคางขึ้นแลวถามอยางไวทา “โอะ เจาเองหรอกรึ เจามองหาขาดวย
เหตุอันใด”
“มองหาเจาหรือ” อายฮุยแสรงทำเปนมองเลิ่กลั่กรอบตัว
“ไดยินเจาวาเชนนั้นแลว ขานึกวาตัวเองเดินเขามาผิดตรอกเสียอีก แตเปลาเลย
นักเรียนปงหวานนี่ชางไมเหมือนใครเสียจริง ที่นี่เปนบานของขา แตเจากลับถามวาขา
มองหาเจาอยูกระนั้นหรือ”
ถึงตอนนั้นตวนมูหวงฮุนก็ออกอาการ ใบหนารอนผะผาว เขาแทบอยากขุดหลุม
ลงไปซอนตัว เขาทำผิดพลาดงายๆ เชนนี้ไดอยางไร
อายฮุยไมคิดจะปลอยเขาไปงายๆ เขาตั้งใจจะทำใหตวนมูหวงฮุนลำบากใจถึง
ที่สุด จะปลอยใหเขาจากไปโดยไมระทมไดอยางไร
“ดูเหมือนนักเรียนปงหวานจะยังไมลืมวาเขาเปนหนี้ขาอยู เอาละ มาตกลงกัน
ดีกวาวาเจาจะชดใชขาอยางไร” อายฮุยพูดเขาประเด็นโดยไมใหเสียเวลา “เราตองตก
ลงกันใหชดั อยางแรกคือตอนที่ขาชวยเจาออกมาจากเจดียเสวียนจิน อยางที่สองคือ
คาชดเชยใหกับการบาดเจ็บของขา”
ตวนมูหวงฮุนเคยไดยินเรื่องคาชดเชยนี่จากที่ไหนมากอนนะ
ใชแลว! ทาทีเชนนั้นนี่เอง!
เขายิ่งรูสึกสะอิดสะเอียนยิ่งขึ้นไปอีก “เจาไมใชคนดีจริงๆ ดวย!”
“ไมใชคนดีหรือ เจาพูดเชนนี้กับผูที่ชวยชีวิตเจาไดอยางไร” อายฮุยหัวเราะอยาง
เยือกเย็น แสดงทาทีหมดความอดทน “ใชสิ เพราะมันไมใชเรื่องสำคัญ ขาอยากไดสิ่ง
ที่ใชการไดมากกวา นักเรียนปงหวาน”
ตวนมูหวงฮุนตั้งสติไดในที่สุด เขากลาวอยางเครงขรึม “ขาเปนหนี้บุญคุณเจา ไม
ว า เป น สิ ่ ง ใดหรื อ เมื ่ อ ไร หากตอนนั ้ น เจ า อยากให ข  า ได ต อบแทน ข า จะทำสุ ด
ความสามารถ”
ตวนมูหวงฮุนสูดหายใจเขาอยางโลงใจหลังไดใหคำมั่นที่จริงจัง แมเขาจะรูสึกวา
อายฮุยเปนคนนารังเกียจ แตอายฮุยก็ชวยชีวติ เขาไวจริงๆ ความทะนงไมอาจทำใหเขา
ชดใชใหอายฮุยแบบไมเต็มใจได
เขาตองมีสติเต็มรอยที่ไปใหคำสัญญามูลคานับลานเชนนั้น
การแสดงออกของเขาดูยโสแตก็สงางาม นี่เปนคำมั่นที่เขาใหกับตัวเอง
“แคนี้เองหรือ”
อายฮุยมองตวนมูหวงฮุนอยางเรอราราวกับเห็นผี
ตวนมูหวงฮุนที่ดูสงบในทีแรกกลับกลายเปนอึกอักและรูสึกผิดจากสีหนาฉงนของ
อายฮุย เขาจึงโพลงออกไปโดยไมทันคิด “ถา...ตอบแทนสองครั้งละ”
บทที่ 100 ใหตายสิ!
ปดโธเอย ใหตายสิ!
อายฮุยคำรามในใจดวยความโกรธ ราวกับมีสัตวปามากมายกำลังมาชุมนุม
ปกติเขาไมคอยมีปญหาในการควบคุมอารมณตนเอง แตวันนี้ เขาอยากเอากอน
อิฐกระแทกหนาตวนมูหวงฮุนยิ่งนัก
เขาควบคุมความตองการในใจดวยการพยายามหามใจตนเอง
เขาบอกตัวเองวาถาตวนมูหวงฮุนไดรับบาดเจ็บ เขาก็จะอดไดคาชดเชย นี่ถาฆา
เขาได เขาก็คงฆาไปแลว แตในเมื่อฆาไมได ก็ไมมีเหตุผลจะไปทำรายเขา ดังนั้นเขาจึง
ตองยับยั้งตัวเอง
ในแดนรางนั้นการบอกผูอื่นวา “เจาชวยชีวิตขาไว ขาเปนหนี้บุญคุณเจา” จะ
เกิดขึ้นตอเมื่อความตายใกลเขามาเยือนเทานั้น ไมมีใครที่รูวาจะอยูไดเห็นวันใหม
หรือไม การพูดวา “ขาเปนหนี้บุญคุณเจา” จึงไมเพียงแตจะไมมีใครอยากชวยผูนั้นอีก
ในภายภาคหนา แตผูนั้นยังอาจถูกฆาเสียเลยก็เปนได ในสิ่งแวดลอมเชนนั้น บุญคุณ
เปนเรื่องที่ไรคายิ่ง
หวานพืชเชนไร ตองไดผลมากกวานั้นหรือ
เจาคนเนรคุณ!
ความรูสึกของอายฮุยที่มีตอตวนมูหวงฮุนแข็งกระดางไปแลว โดยไมมีความลังเล
เขาพูดตอ “บุญคุณนี้มีคาถึงหาสิบลานหยวนหรือไม”
“แนนอน!” ตวนมูหวงฮุนกลาวดวยแววทะนงฉายบนใบหนา “เจาเปรียบเทียบ
บุญคุณที่ชวยขาเพียงแคหาสิบลานเองหรือ”
จริงแท ภูมิหลังของเขาพิสูจนราคาของเขาได
ในฐานะทายาทของตระกูลตวนมู และการเปนศิษยของไตกั ง จึงไมใชเรื ่ อ งที่
เกินไปที่จะกลาววาบุญคุณนี้มีคามากกวาหาสิบลานหยวน
อายฮุยยับยั้งตัวเองไมใหพลั้งมือฆาเขา แตความอดทนของเขาใกลจะสิ้นสุด “ก็ได ขา
ไมตองการสิ่งอื่นใด นอกจากบุญคุณทั้งสอง เมื่อรวมกันแลวก็ไดหนึ่งรอยลานหยวน”
ถึงตอนนี้ตวนมูหวงฮุนถึงกับพูดไมออก เขาคำนวณออกมาในรูปนี้ไดอยางไร นี่
เขาไมตระหนักถึงประโยชนที่จะไดจากบุญคุณครั้งนี้เลยหรอกหรือ เขาไมอยากเปน
สวนหนึ่งของสิบสามหนวยในอนาคตเลยหรือ
หาสิบลานหยวน หมอนี่กำลังตั้งใจดูถูกเขาหรือเปลา บุญคุณของเขาจะมีคาเพียง
หาสิบลานหยวนไดอยางไร
ถึงเขาจะโงเขลาเพียงใด แตอยางนอยก็ควรคิดกอนพูด
ตวนมูหวงฮุนมองอายฮุยอยางดูแคลน ความเกลียดชังคอยๆ เพิ่มขึ้นในแววตา
หมอนี่ชางเปนคนชั้นต่ำ ชางนารังเกียจและหยาบชาที่ปรารถนาอยากไดเงินตอบแทน
ในการทำความดี
ความขึ้งโกรธที่อ ธิบ ายไมไดลุ ก โชนในตั วของตวนมู  ห วงฮุ น เขารู  สึ ก เหมื อน
ของขวัญล้ำคาที่เขามอบใหผูรับกลับถูกโยนไปใหสุนัขโดยไมลังเล และเขาก็ขมขื่นเกิน
กวาจะถามสุนัขวาอยากกินของดีนั้นหรือไม
ตวนมูหวงฮุนหนาซีด เขาจองมองราวจะพนไฟได
แตแทนที่จะกลัว อายฮุยกลับหัวเราะ “หยุดเพอเจอกันไดแลว สรุปวาเจามีเงิน
หนึ่งรอยลานหยวนหรือไม”
ยิ่งมองเขา ความโกรธของตวนมูหวงฮุนยิ่งทวี เขาเกือบจะโพลงออกไปวา “มี”
แตในตอนทาย ความคิดหนึ่งก็บังเกิด และทาทีของเขาก็เปลี่ยนไป
ตั้งแตยังเล็ก เขามีชีวิตที่หรูหรามาตลอด เงินทองไมเคยขาดมือ ตระกูลของเขา
ลงทุนอยางยิ่งยวดใหกับสิ่งที่เขาตองใชในแตละวัน อาทิ อาหาร เคหะสถาน และการ
ฝกวิชา ไมวาเขาตองการสิ่งใด ครอบครัวก็จะจัดหามาใหเขาโดยไมลังเล
แตอยางไรก็ตาม เขาก็ไมไดพกเงินสดมากมาย และตระกูลของเขาคงไมยินดีที่จะ
ใหเงินจำนวนมากขนาดหนึ่งรอยลานหยวนแกเขางายๆ
ถึงแมวาเขาตองการ แตเขาก็จนปญญา ไมรูวาจะตองเริ่มตนขออยางไร
จะขอยืมจากสหายหรือ เขาสายหนาในใจ ถาเขาเองยังไมสามารถหาได ไมวา
สหายคนใดก็คงไมตางกัน ยิ่งไปกวานั้น เขารูจักพวกนั้นดี ตางจากเขาที่หลงใหลใน
การฝกวิชาโดยไมปรารถนาวิถีชีวิตที่หรูหรา แตพวกนั้นกลับดื่มด่ำไปกับการปรนเปรอ
ความสุขตนเองดวยการใชจายเกินตัวโดยไมมีการเก็บออม เขาขอพึ่งตนเองในการหา
เงินหนึ่งรอยลานหยวนเองดีกวา
เมื่อเห็นสีหนาที่เปลี่ยนไปของตวนมูหวงฮุน อายฮุยก็รูสึกวาชายคนนี้นาชิงชัง เขา
พูดตอ “เจาไมมีใชหรือไม เจาดีแตพูดนั่นพูดนี่ แตสุดทายก็ดีแตปาก ขารูสันดานของ
เจาดี ไมเปนไร ขาจะถือวาเคยชวยสุนัขตัวหนึ่งไวก็แลวกัน”
ในความคิดของอายฮุย ตวนมูหวงฮุนถูกตีตราเปนคนเสแสรงและเนรคุณไปแลว
อายฮุยไมอยากเสียเวลากับเขาอีกตอไปจึงเดินสะบัดออกมาทันที เขาเปนคน
ประเภทที่ชัดเจนวารักหรือเกลียดสิ่งใด เมื่อเขารูสึกวาตวนมูหวงฮุนไมมีคาพอ การ
สนทนากับเขาอีกเพียงประโยคจึงเปนเรื่องเสียเวลา และเวลาก็เปนเงินเปนทอง
สีหนาของตวนมูหวงฮุนเปลี่ยนอารมณไปมา เขากัดริมฝปากตัวเองอยางแรง
หยาม หยามกันเกินไปแลว! ตั้งแตเกิดมาเขายังไมเคยรูสึกถูกดูแคลนถึงเพียงนี้
เขายังไมทันปริปากพูดหรือเถียงแมสักคำ หากเปนผูอื่นที่ปรารถนาเพชรพลอยหรือ
ทรัพยสมบัติ เขาคงพอหาทางจัดหามาใหได แตอายฮุยอยากไดเงินสด เปนสิ่งเดียวที่
เขาหาใหไมได
ชางนาอัปยศ อัปยศเสียจนบรรยายไมถูก ผิวของเขาเริ่มแดงราวกับโดนแผดเผา
เขากำหมัดแนนจนมีเสียงกระดูกลั่น สายตาของเขาพรามัว
ถูกแลว เขามองโลกในแงดีเกินไป คนชั้นต่ำอยางอายฮุยจะมาคูควรกับบุญคุณ
จากเขาไดอยางไร
แคหนึ่งรอยลานหยวนหรือ เดี๋ยวกอนสิ!
“สำหรับคนไรประโยชนอยางเจา” เขาคิด “การหาเงินคงเปนเรื่องยาก แตอีกไม
นาน เจาจะไดเห็นวาการหาเงินหนึ่งรอยลานหยวนเปนเรื่องธรรมดามากสำหรับผูมี
พรสวรรคเชนขา”
เมื่อตัดสินใจแลว ตวนมูหวงฮุนก็สาบานกับตนเองวาจะหาเงินมาใหไดภายในสอง
สามวันนี้ เขาจะหาเงินหนึ่งรอยลานหยวน ไมสิ หนึ่งรอยลานหยวนยังไมมากพอ
สำหรับคุณคาของเขา
สองรอยลาน! ไมสิ ตองหารอยลาน!
เขาจะเอาเงินสดหารอยลานไปปาใสหนาเจาหมอนั่น
ในหัวของเขานึกภาพของอายฮุยมีสีหนาระริกระรี้ คลานราวกับสุนัขอยูขางเงิน
สดกองเปนภูเขา
ทันใดนั้น ใบหนาของเขาก็เปลี่ยนเปนสีแดงชวนมอง เขารูสึกวารางกายเปยมไป
ดวยพลังงาน ใชแลว! ความรูสึกแบบนี้ละ!
“วะฮาๆๆ”
ตวนมูหวงฮุนหัวเราะอยางโหยหวน
เมื่ออายฮุยไปถึงโรงฝก เขาก็สังเกตเห็นโหลวหลาน เมฆครึ้มในใจเขาเริ่มจางไป
ชางหัวเจาคนเนรคุณจอมเสแสรงนั่นปะไร เขามีโหลวหลาน ตุกตาทรายแสนดี
แลวในตอนนั้น เสียงหัวเราะอยางบาคลั่งก็ดังมาจากบริเวณปากทางเขาตรอก
โหลวหลานเอียงหูฟง แสงสีเหลืองวาบขึ้นในดวงตา แลวสักพักเขาก็พูดวา “อายฮุย
เสียงหัวเราะของผูนี้ฟงดูไมแข็งแรงเลย มันดังกอง วางเปลา และขาดซึ่งพลังชีวิต ดู
เหมือนจะมีความรอนภายในที่ไมดีตอสุขภาพกำลังโจมตีหัวใจเขาอยูดวย เขาอาจเปน
ลมได เอะ เสียงหัวเราะนี้ฟงดูคุนๆ โหลวหลานเคยไดยินจากที่ไหนนะ”
ตุบ!
ตวนมูหวงฮุนที่ยืนอยูตรงปากทางเขาตรอกตัวแข็งและลมหนาคว่ำดวยสีหนา
ประหลาด
อายฮุยทำเสียงออกจมูกแลวพูด “ชางเขาปะไร ดีแลวที่เปนลมไป ขาจะไดไมตอง
เสียเวลาอัดเขา...”
ยังไมทันจบประโยค เขาก็ไมเห็นวี่แววของโหลวหลานแลว
เขาหายไปไหน
อายฮุยมองไปรอบๆ กอนจะตาลุกเมื่อเห็นโหลวหลานยืนอยูตรงทางเขากำลัง
แบกตวนมูหวงฮุนอยูบนหลัง
“อายฮุย นี่นักเรียนปงหวาน โชคดีที่โหลวหลานเขาไปดู” โหลวหลานพูดอยางดีใจ
อายฮุยเกือบพลั้งปากออกไปวา “สวะอยางตวนมูหวงฮุนควรโยนใหสุนัขแทะกิน”
แตเมื่อเห็นทาทีหวงใยของโหลวหลาน เขาจึงพูดอะไรไมไดมาก เขาแอบถอน
หายใจพลางคิด “โหลวหลานของขาชางดีกับทุกสิ่ง แตกระนั้นก็โอบออมเกินไป”
อา ยฮุยไมห วังอยากเปลี่ยนอุปนิ สั ยนี ้ข องโหลวหลาน ที ่ จ ริ งแล วเขาชื ่นชอบ
ลักษณะนิสัยเฉพาะตัวเชนนี้ สำหรับเขา มันชวยแยกแยะโหลวหลานออกจากตุกตา
ทรายตัวอื่นๆ ที่ยินดีทำตามคำสั่งของเจานายอยางไมลดละ แตกลับไมสนใจเรื่องอื่นๆ
ที่ไมเกี่ยวของกับพวกเขา
โหลวหลานนั้นแตกตาง เปยมไปดวยความอยากรูและความรักอันแรงกลาสำหรับ
โลกนี้ โหลวหลานควรเปนอยางที่เขาเปน ตางกับเขาที่ดวงตายังมืดบอดราวทองฟา
ยามค่ำคืน
แตทำไมตองเปนเจาเนรคุณนี่ดวย อายฮุยมองรางตวนมูหวงฮุนที่หมดสติก็ใหรูสึก
สับสนระคนไมพอใจ
บทที่ 101 สถานการณใหม
อายฮุยมองอยูขางๆ อยางเย็นชา หากสายตาฆาคนได ตวนมูหวงฮุนคงจะตายไป
แลวหลายรอบ ขณะที่โหลวหลานเปลื้องผาของตวนมูหวงฮุนออกอยางชำนิชำนาญ
อายฮุยยืนมองโดยไมมีทาทีจะเขาไปชวยแมแตนอย
สำหรับเขา ตวนมูหวงฮุนดูไมตางอะไรไปจากลูกหมูที่ยังไมหยานม พอคาหมูคง
หัวเสียที่เนื้อซี่โครงแบบนี้ไมมีความสดเอาเสียเลย
เขาแอบสบถเบาๆ ในลำคอไมหยุด
หากโหลวหลานละไปเพียงสักครู อายฮุยคงแทงตวนมูหวงฮุนไปแลวหลายแผล
เขาชิงชังพวกที่ชอบดีแตปากมาตลอด ซึ่งเขาตอนนี้ไมไดแตกตางไปจากพวกนั้น
อายฮุยรูสึกเสียดาย นี่ถาเขาไมไดอยากไดเงินรอยลานละก็ หมอนี่ไมรอดแน!
“เตรียมการเรียบรอยแลว” โหลวหลานพูด
คำพูดของโหลวหลานปลุกใหเขาตื่นขึ้นจากความสังเวชตนเอง อายฮุยตอบไป
อยางอัตโนมัติ “อา...”
เขาเห็นตวนมูหวงฮุนเปลือยเหลือแคชุดชั้นในนอนอยูบนโตะขางๆ โหลวหลาน
รางกายของเขาเปนสีแดงสดใสอยางประหลาดคลายกุงตม
อายฮุยมองโหลวหลานแบบงงๆ ที่บอกวาเตรียมการเรียบรอยแลวหมายความวา
อยางไร
“หรือหมายถึงใหเริ่มซอมเขาได” เขาคิด “ทำไมไมบอกใหเร็วกวานี้ โหลวหลาน
คงไมคอยประสีประสาเรื่องพวกนี้ ที่เราตั้งใจจะทำก็เหมือนพอคาเนื้อที่จะเชือดปศุ
สัตว แตไมตองเปลื้องผาเขาออกกอนฆาก็ได ความสามารถของขาตอนนี้สามารถฆา
เขาไดโดยไมตองเสียเลือดสักหยดเดียว
หลังจากนั้นคอยโยนรางของเขาใหพวกอสูรแดนรางกิน ทีนี้เขาก็จะหายไปโดยไร
รองรอย การแสรงวาเปนการตายโดยธรรมชาติก็เปนไปไดเชนกัน ที่ตองทำคือตองมี
อุปกรณที่ดี เจาเตรียมอุปกรณพวกนี้แลวหรือยังโหลวหลาน...”
ขณะที่ความคิดเรื่องการสังหารในใจของอายฮุยเริ่มถึงขีดสุด โหลวหลานก็เริ่มตน
อธิบาย
“สภาพของปงหวานตอนนี้รายแรงกวาคราวที่แลวมาก โชคดีที่ความแข็งแกรง
ของอายฮุยพัฒนาขึ้น เราจึงสามารถชวยเขาได อายฮุยคงกังวลมากที่ตองชวย เพราะ
เจาทั้งสองดูมีความสัมพันธที่ดีตอกัน”
อายฮุยยืนแข็งราวกับโดนมนตรสะกด หางตาของเขากระตุกขณะถามวา “ชวย
เขาเหรอ ขานี่นะ”
“ใช พลังธาตุทองของอายฮุยสามารถกระตุนรางกายและชวยใหเลือดลมของเขา
ไหลเวียนดีขึ้น” โหลวหลานกลาวตออยางจริงใจ “พลังธาตุของโหลวหลานอาจไม
เพียงพอตอการชวยปงหวาน แตมั่นใจไดวาพลังของอายฮุยสามารถชวยเขาไดแนๆ”
อะไรกันนี่!
ขาตองชวยเจาคนเนรคุณนี่อีกแลวหรือ
ความโกรธแคนในกายของอายฮุยราวกับอสูรแดนรางที่กำลังกราดเกรี้ยวไปทั่วผืนปา
“อายฮุยไมสบายหรือ” โหลวหลานถามดวยความเปนหวง อายฮุยแทบไมขยับตัว
ทาทางของเขาดูไมปกติ โหลวหลานเตรียมดวงตาเพื่อพิเคราะห
อายฮุยเชิดหัวขึ้น เผยรอยยิ้มที่ฝนเต็มที
โหลวหลานถอนใจอยางโลงอก “อายฮุย วิธีการก็เฉกเชนเดียวกับเมื่อครั้งกอน”
เขาหันหนาไปยังรางที่หมดสติอยูบนโตะ สายตาฉายแววชิงชังขณะถาม “ขาตอง
ใชพลังธาตุชวยหมอนี่หรือ”
“ใชแลวอายฮุย” โหลวหลานอธิบายเพิ่มเติม “สภาพของปงหวานตอนนี้รายแรง
กวาเกามาก อายฮุยตองใชพลังธาตุ ควรเพิ่มแรงที่สงไปสักนิดหนึ่งดวย”
“เพิ่มแรงดวยหรือ” อายฮุยถาม ริมฝปากเปนรูปยิ้มกวาง “ก็ได!”
ทันที่ที่พูดจบประโยค เสียงตบก็ดังกองสะทอนไปทั่วในอากาศ รอยฝามือของ
อายฮุยปรากฏชัดอยูบนรางสีแดงใสของตวนมูหวงฮุนที่ยังสั่นเทิ้มจากแรงกระทบ
เจาอาจหนีความตายได แตเจายังตองเผชิญกับความแคนของขา โชครายของเจา
ที่ตองมาตกอยูในกำมือของขา!
อายฮุยใชฝามือสงพลังอยางตอเนื่องครั้งแลวครั้งเลาอยางเต็มพลัง
ศัตรู ศัตรู ศัตรู! คนเนรคุณ คนเนรคุณ คนเนรคุณ!
รางของตวนมูหวงฮุนเริ่มพองตัวราวกับลูกโปง อายฮุยยังคงสงพลังใสไมหยุดราว
สายฝน
นี่เปนครั้งที่สองที่เขาไดปลดปลอยความแข็งแกรงอยางเต็มที่ตั้งแตเหตุการณครา
นั้น ครั้งแรกเปนตอนระหวางการปดตาตอสูที่โรงฝก กอนหนานี้ การสาวไหมบังคับให
เขาตองใชพลังธาตุอยางเชื่องชา รวมถึงการฝกวิชาทั่วๆ ไปเชนกัน
การสามารถใชความแข็งแกรงไดอยางเต็มกำลังนี้สรางความพึงใจใหเขาเปนอันมาก
หวนนึกถึงวิธีการใชเคล็ดวิชากระบี่เพื่อสาวไหมแลว นิ้วของเขาก็เคลื่อนเข า
ประจำจุด พรอมปฏิบัติการ
เคล็ดกระบี่ที่เขาใชกอนหนานี้เปนผลมาจากแรงบันดาลจิตที่เกิด ณ จุดนั้น จิตใต
สำนึกของเขาพยายามถายทอดพลังธาตุไปสูกระบี่ที่ไมมีอยูจริง และไดสรางผลลัพธที่
โดดเดนนาแปลกใจ
ระหวางการสาวไหมนั้น อายฮุยแทบสัมผัสไมไดเลยถึงการเคลื่อนไหวของพลัง
ธาตุเนื่องจากความเร็วที่เชื่องชาอยางนาเหลือเชื่อ แตหนนี้ พลังธาตุของเขาปราศจาก
ขอจำกัดและสามารถไหลเวียนไดอยางเต็มกำลัง อายฮุยนำเคล็ดวิชากระบี่มาใชและ
สัมผัสไดถึงความแตกตางทันที
ปง!
ไรซึ่งการเตือนใดๆ พลังธาตุที่ไหลเร็วอยางบาคลั่งในกายเขากลับเชื่องชาลง
สภาวะตัวออนกระบี่!
อายฮุยรูสึกหงุดหงิด ตัวออนกระบี่ที่เขาพยายามระมัดระวังและหลีกเลี่ยงปรากฏ
ขึ้นโดยไรซึ่งสัญญาณเตือน และเปนครั้งแรกที่เขาทำใหมันเกิดขึ้นโดยไรกระบี่ในมือ
ไมผิดแน เขารูสึก ไดถ ึงกลิ่นอายที ่ ไหลออกมาจากปลายแหลมของกระบี ่บ ริเวณ
ระหวางคิ้วของเขา
อายฮุยไมรูจะสรรหาคำใดมาบรรยายกลิ่นอายนี้ได คำที่ใกลเคียงที่สุดที่เขาพอนึก
ออกคือ “นาสะพรึง”
ก็เปนเฉกเชนการอยูในสภาวะตัวออนกระบี่
สภาวะตัวออนกระบี่นั้นมีคุโณปการแนแท แตก็เปนการงายที่จะพึ่งพามันมากเกินไป
โลกในมุมมองของอายฮุยตอนนี้ตางไปโดยสิ้นเชิง ผิวของตวนมูหวงฮุนเริ่มจางลง
เผยใหเห็นการเคลื่อนไหวของของเลือดลมและจุดอันตรายไดชัดเจนขึ้น
อา ยฮุย คุนเคยเปนอยา งดีก ับ สภาวะตั ว อ อ นกระบี ่ เขามี ป ระสบการณ จ าก
ประโยชนดีๆ ของมันมากมาย พอๆ กับความหายนะที่มันสามารถนำมาได
ถึงกระนั้น เขาก็ตกใจที่สามารถสัมผัสการเคลื่อนไหวของพลังธาตุในตัวเขาได
ชัดเจนถึงเพียงนี้
นับตั้งแตที่พลังธาตุของเขาบอบช้ำมาอยางหนัก เขานำพลังธาตุออกมาใชไดเพียง
จำนวนนอยนิดดวยการใชถุงมือเถาวัลยกระบี่เปนตัวชวย อยางไรก็ตาม ความบริสุทธิ์
ของพลังธาตุนี้ยังเหนือกวาคลังชีวิตของเขามากนัก ผลก็คือเมื่อเกิดการไหลเวียนเต็ม
กำลัง ความเร็วของมันนั้นเกินกวาที่อายฮุยจะรับรูได เฉพาะตอนสาวไหมที่พลังธาตุ
นั้นถูกจำกัดไว เขาจึงรับรูความเคลื่อนไหวไดชัดเจน
การไหลเวียนของพลังธาตุที่เชื่องชานั้นเหมาะสมกับการฝกวิชา แตในการสูรบ
จำตองใชความวองไว หากการไหลเวียนมีความเร็วเกินกวาสมองจะรับรูไดทัน พลัง
ธาตุนั้นก็อาจจะหมุนโดยเสียการควบคุมไดโดยงาย
เขารูวาพลังธาตุไมไดไหลเวียนชาลงเลย เปนสภาวะตัวออนกระบี่ตางหากที่ชว ย
เพิ่มความเร็วและการรับรู ชวยใหเขาจับการไหลของพลังธาตุของตนไดอยางเต็มที่
อายฮุยทำฝามือเปนรูปใบมีดแลวแทงนิ้วลงไปยังจุดอุดตันจุดหนึ่งภายในราง
ของตวนมูหวงฮุนโดยไมลังเล
ฉึก!
รอบๆ ปลายนิ้วของเขาปรากฏใบมีดจางๆ ขึ้น เกิดเสียงเบาๆ เมื่อใบมีดผานทะลุ
เนื้อของตวนมูหวงฮุน
จุดอุดตันพลันไหลโลง ดวงตาของเขาฉายแวววิถีมาร นิ้วของเขาแทงลงไปยังทั่ว
ทั้งรางของตวนมูหวงฮุนอยางตอเนื่อง
ฉึก ฉึก ฉึก!
เสียงเจาะดังขึ้นมาไมหยุด การทิ่มดวยนิ้วของอายฮุยแตละครั้งสรางจุดเลือด
เล็กๆ บนรางของตวนมูหวงฮุน เมื่อจำนวนจุดเพิ่มมากขึ้น ความแดงบนรางกายของ
เขาก็เริ่มมีสีจางลง
ตวนมูหวงฮุนคอยๆ ลืมตาฟนขึ้นมา
เมื่อมองเห็นใบหนาสามานยที่อยูตรงหนา เขาก็ตัวแข็งทื่อ
รูสึกคุนเหลือเกินกับสถานการณเชนนี้
เขาหลับตาลงอยางเงียบๆ ทำไมฝนรายถึงเกิดขึ้นซ้ำอีก เหตุการณนั้นก็ลวงเลย
มาแสนนานแลว จิตใจเขาอุตสาหแข็งแกรงขึ้นแลวแทๆ
ฝนรายนี้ตองตามหลอกหลอนเขาแนเพราะเรื่องเกานั้นเขาก็ยังลืมไมลง เขาตอง
หาทางแกแคนไอโสมมนี่ใหได
“สวัสดี ทำไมเจาตองทำแสรงตายดวย อยากเรียกรองความสนใจเชนนั้นหรือ”
ตวนมูหวงฮุนเริ่มหัวหมุน เขาไมคาดคิดวาจะเกิดเรื่องแบบนี้...
“จำไวดวย รวมครั้งนี้ เจาเปนหนี้ขาหนึ่งรอยหาสิบลานแลวนะ!”
การเห็นตวนมูหวงฮุนแสรงตายจุดประกายความโกรธใหอายฮุย เขาหามใจตอไป
อีกไมไหว จึงฟาดลงไปบนตนขาของตวนมูหวงฮุนเขาอยางจัง
ราวกับโดนสายฟาฟาด ตวนมูหวงฮุนเจ็บจนสะดุง
บทที่ 102 ผลสะทอน
อายฮุยไมสนใจรางกายปวกเปยกของตวนมูหวงฮุน
การรักษาตวนมูหวงฮุนหนนี้ชวยใหอายฮุยสังเกตเห็นวาตัวออนกระบี่ไดเติบโตไป
มากเพียงใด ตัวออนกระบี่นั้นไวตอ ความรู สึกขึ ้นมากหลังจากที ่พ ลั งธาตุของเขา
บริสุทธิ์มากขึ้น
ทันใดนั้นเอง อายฮุยตระหนักไดวาคัมภีรกระบี่ที่ดูเหมือนจะเลื่อนลอยนั้น ไมได
ไรประโยชนอยางที่คิด เคล็ดวิชาในคัมภีรกระบี่สามารถนำไปใชไดในหลากหลาย
บริบท อาทิ การสาวไหมและการเติบโตของตัวออนกระบี่ กระทั่งกระบี่คางคาววายุก็
พิสูจนใหเห็นวามีประโยชนในการแขงขันปดตาตอสูกับจูเหยี่ยน
อา ยฮุย เปนคนที่เชื่อในเรื่อ งของความจริง เขาไม อ าจเพิ กเฉยหลั กฐานที่อยู
ตรงหนาเขาได
เหตุใดคัมภีรกระบี่ที่คนอื่นๆ รังเกียจกลับมีประโยชนตอเขา
เขาเขาใจในทันทีวากุญแจของเรื่องนี้คือ ตัวออนกระบี่!
คัมภีรกระบี่จะไรความหมายหากเกิดการสลายตัวของพลังวิญญาณ
นานมาแลว สมัยที่เขาเริ่มศึกษาคัมภีรกระบี่ อายฮุยนึกสงสัยวาเคล็ดวิชากระบี่
นั้นสามารถเกิดขึ้นจากการใชพลังธาตุไดหรือไม
เขาคนพบอยางรวดเร็ววาไมนาเปนไปได คงมีผูคนมากมายที่เคยทดลองทำเรื่อง
พื้นๆ นี้แลว ผูฝกกระบี่ในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนมีพลังมากกวาผูใชพลังธาตุในทุก
วันนี้มาก และในการแสวงหาพลัง ผูใชพลังธาตุมากมายคงพยายามดูการเรียนรูของผู
ฝกกระบี่ นอกจากนี้ ยังมีผูชื่นชอบเคล็ดกระบี่อีกมากที่จะยอมทำทุกอยางเพื่อรื้อฟน
ชวงเวลาอันรุงโรจนของการฝกกระบี่ แนนอนวาพวกเขาตองพยายามอยูแลวถูก
หรือไม
มันตองเปนเชนนั้นแน
อยางไรก็ดี จำนวนของผูชื่นชอบเคล็ดกระบี่ไดลดลงตั้งแตการกอตั้งอูสิงเทียน
คุณคาของคัมภีรกระบี่ก็ตกลงเฉกเชนเดียวกัน กอนนั้นคัมภีรขายกันเปนเลมๆ ตอมา
ก็ชั่งขายตามน้ำหนัก สวนทุกวันนี้ คัมภีรเหลานี้มีคาไมตางอะไรกับขยะ
ความจริงอันโหดรายนี้สะทอนใหเห็นความลมเหลวในการพยายามหลายต อ
หลายครั้งเพื่อรื้อฟนเคล็ดกระบี่ แตการที่อูสิงเทียนทั้งบางเพิกเฉยเรื่องการฝกดาบไป
เสียดื้อๆ ยอมกอใหเกิดปญหารายแรงซอนเรนอยู
อายฮุยไมเคยเขาใจสาเหตุของความลมเหลวเหลานั้น แตบทเรียนของเขาใน
สนามเหนี่ย วนำ และโดยเฉพาะการได สนทนากั บ อาจารย ทำให เขากลั บ มานึ ก
ทบทวนถึงปญหานี้
ความเสถียรของพลังธาตุกับพลังวิญญาณนั้นแตกตางกันมาก
พลังวิญญาณมีกำลังที่สูงกวาพลังธาตุมาก สามารถอธิบายเพิ่มเติมโดยการวาด
เสนขนานของน้ำสองสาย พลังวิญญาณนั้นพูดไดวาเปนเหมือนไอน้ำ สามารถทะลุ
ผานไดแมชองที่เล็กที่สุด สวนพลังธาตุนั้น ในทางกลับกัน เปนเหมือนกับโคลนซึ่งยาก
ที่จะไหลผานชองทางแคบๆ
ความแตกตางพื้นฐานนี้เองที่เปนปจจัยหลักที่เคล็ดวิชากระบี่ถูกนำมาใชไมได
อายฮุยถามอาจารยของเขาวาเปนไปไดหรือไมที่จะแปลงพลังธาตุใหเปนพลัง
วิญญาณ
อาจารยไดฟงความคิดนี้ก็ถึงกับหัวเราะ แลวอาจารยหวังก็อธิบายใหฟงวามีผูคน
จำนวนนับไมถวนที่พยายามทำเชนนั้นมาตลอดหนึ่งพันป
ทุกคนทราบดีวาการแปลงพลังธาตุเปนพลังวิญญาณนั้นเปนกุญแจสูการเขาถึง
วิชาและขุมทรัพยที่ไมมีที่สิ้นสุดของยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน ผูใดที่สามารถทำ
เชนนั้นไดก็จะสามารถเจาะเขาหาทรัพยากรอันไพศาลไดโดยงาย โดยไมตองฝกวิชา
ดวยระบบใหมทั้งหมดตั้งแตตน
ยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนเปนชวงเวลาของอำนาจและความมั่งคั่ง บรรดาอสูร
แดนรางเปนเพียงเหยื่อของผูบำเพ็ญตน ไวเปนสัตวเลี้ยง ไวขี่ และบางครั้งก็ถูกฆาเปน
อาหาร เหตุผลเดียวที่แดนรางยังไมถูกพิชิตนั่นก็เพราะมันยังไมมีคาเพียงพอ
แตการทดสอบทั้งหมดจบลงดวยความลมเหลว แมจะมีเหลายอดปรมาจารยเปน
ผูดำเนินการก็ตาม
อายฮุยไมเคยคิดเลยสักครั้งวาปญหาที่ดูเหมือนจะเปนไปไมไดนี้จะมาเกี่ยวของ
กับเขาได
ความสนใจหลักของเขาอยูที่ตัวออนกระบี่ที่ดูเหมือนจะสามารถเชื่อมโยงพลังธาตุ
ของเขากับคัมภีรกระบี่ได พัดกระพือถานไฟแหงศาสตรศิลปที่ใกลจะมอดดับใหลุก
ไหมขึ้นมา
ความสนใจของอายฮุยทั้งหมดพุงไปที่การคืนชีพถานเหลานี้ใหมากขึ้น
หลังจากความตึงเครียดในกายของเขาเริ่มนอยลง อายฮุยก็เริ่มพยายามอีกครั้ง
ขณะที่เขาใหพลังธาตุไหลเวียนและใชเคล็ดวิชาสรางกระบี่ขึ้นมาดวยมือนั้น อายฮุยก็
สามารถทำไดแบบหนกอน แมจะรูสึกลิงโลด แตหนนี้เขาเยือกเย็นกวาเดิมมาก การ
ทำไดทั้งสองครั้งแปลวามันไมใชแคความบังเอิญ
อายฮุยเกิดรูสึกอยากทดสอบเคล็ดกระบี่บางอยาง
เขาพยายามใชเคล็ดวิชาจากคัมภีรกระบี่หลากหลายเลม แตเขาคนพบโดยไววา
เขาไมสามารถทำได พลังวิญญาณแหงยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนมีวิธีการใชตางจาก
วิถีของหาคลังแปดตำหนักในปจจุบัน
อายฮุยจมดิ่งในความคิด การทำตามคัมภีรกระบี่ดูเหมือนจะไมใหผลใดๆ ทีนี้ควร
ทำอยางไรตอไป ตัวออนกระบี่นั้นอาจมีประโยชน แตทวามันทำงานเชนไร
ทันใดนั้นเองเขาก็เริ่มจวงอากาศดวยใบมีดพลังบนนิ้วของเขา คลายกับตอนที่เขา
กำลังรักษาตวนมูหวงฮุน
ดวงตาของเขาเบิกกวางอยางตระหนก
ไมมีผลตอบรับใดๆ!
ไมมีผลตอบรับใดๆ เลยแมแตนอย!
เกิดอะไรขึ้น
อายฮุยรูสึกไมอยากเชื่อ เขาพยายามทำทาเดิมอีกหลายครั้ง แตก็ไมเกิดผลใดๆ
มันเกิดอะไรขึ้น อายฮุยรีบรวบรวมสติคิดหาเหตุผลที่นาจะเปนไปไดที่ทำใหเกิ ดผล
ลัพธที่ไมนาพึงใจนี้ แตไมวาจะพยายามอยางไร เขาก็ไมสามารถเขาไปสูสภาวะตัว
ออนกระบี่ไดอีกครั้ง
เขารูสึกผิดหวังเมื่อรูวาการขุดคนหาความลับเพิ่มเติมจากคัมภีรกระบี่นั้น มัน
ไมไดงายอยางที่คิดไวแตแรก
อยางไรก็ดี เพียงไมนานเขาก็เลิกกลัดกลุมใจ อายฮุยนั้นคุนชินดีกับความลมเหลว
การกาวถอยหลังครั้งนี้ไมไดทำใหเขายอทอ ยิ่งกวานั้น ปญหาครานี้ก็ซับซอนยิ่งนัก
และทำใหผูมีพรสวรรคเกงๆ กอนหนาเขางุนงงมาแลวนักตอนัก แนนอนวามันคงไมใช
เรื่องที่แกกันงายๆ
สมองที่ทำงานเกินพิกัดของอายฮุยเริ่มสงบลง เขาเริ่มมองสะทอนสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
บางทีเขาอาจอวดดีเกินไปอันเปนผลมาจากการฝกวิชาที่แสนราบรื่น การถูกยกยอวา
เปนผูมีพรสวรรคคงทำใหเขาลืมตัว
เสนทางของเขาตอนนี้ชัดเจนขึ้น
อายฮุยตระหนักวาตัวเขาพัฒนาไปมาก เขาเพิ่งเปดคลังชีวิตและไดตั้งเปาที่ ตัว
ออนกระบี่
ไมวามันจะเปนเมล็ดพันธุเล็กๆ หรือเปนขนงวิศษก็ดี ตัวออนกระบี่ก็จะอยูที่นั่น
เสมอ จุดสนใจตอนนี้ของเขาไมควรเปนสิ่งที่มองไมเห็น ที่เขาควรตองทำตอนนี้คือทำ
การฝกวิชาอยางตอเนื่องและเปดตำหนักที่มือทั้งสองใหจงได
นี่เปนสิ่งที่เขาควรทุมเทเวลาและความพยายาม
เมื่อใครครวญถวนถี่แลว อายฮุยก็มีสมาธิกวาเกา เขารูสึกเต็มเปยมดวยความสงบ
และไมรูสึกวอกแวกอีกตอไป
...
หลังตื่นจากการหลับ พักผอ น อา ยฮุยก็สั่งลาโหลวหลาน เขาออกจากโรงฝก
ศาสตราวุธแลวมุงหนาไปยังโรงเย็บปก
เมื่อหันอวี้ฉินสังเกตเห็นอายฮุยกลับมาหมกมุนอยูกับการฝกวิชาอยางเงียบๆ นาง
ก็อดโลงใจอยางเสียไมได กระทั่งหวังโสวชวนก็ไมกลาเขาไปรบกวนศิษยเมื่อเห็นเขา
มุงมั่นถึงเพียงนั้น
สามีและภรรยาเฒาเคยเห็นผูมีพรสวรรคที่มีความสามารถอันนาทึ่งมากมาย สวน
ใหญมักลงเอยดวยการสูญเสียวิสัยทัศนไปกับคำสรรเสริญเยินยอ
ทันทีที่พวกเขาเริ่มเกิดความเปนหวงในตัวอายฮุย เขาก็ไดพิสูจนตนเองผานการ
กระทำวาเขาจะไมสูญเสียตัวตนของเขาไปเพราะคำปอยอเปนแน เขาไดปรับเปลี่ยน
ทัศนคติและตอนนี้ก็กลับมาขยันและถอมตนเหมือนดังแตกอน
หนุมนอ ยที่มีผา พันรอบตัว จดจอ อยู  กั บ การฝก ในโรงงานที ่ เต็ มไปด วยไอน้ำ
แรกเริ่มเดิมทีหญิงสาวในโรงเย็บปกก็เคยนึกแปลกใจที่เห็นเขา แตจากนั้นก็กลายเปน
ภาพที่ชินตา เมื่อ เวลาผานไป หนุ  มน อยก็ถ ูก สาวๆ ในโรงเย็ บ ปก ลื มเลื อนไปเสีย
ยกเวนเวลาเดินผานหนาตางโรงงานเปนครั้งคราวและไดสังเกตเห็นชายหนุมที่อยูดาน
ในยืนนิ่งราวกับรูปปน
ดวงตาคูนั้นที่ดูลุมลึกราวหุบเหวสามารถมองเห็นไดแมอยูในสายหมอก
ดำเนินไปเชนนี้อยางไมรูจักเหน็ดเหนื่อยวันแลววันเลา
บทที่ 103 โถงเกาเสียง
หลังจากโยนบรรดาความคิดที่ไรสาระและทำใหเสียสมาธิทิ้งออกไปจากใจ จิตใจ
ของอายฮุยก็สงบลง เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับปงหวานหรือเงินหนึ่งรอยหาสิบลานหยวน
ไมสำคัญกับเขาอีกตอไป เขาจะไมยอมเสียเวลาและพลังงานไปกับเจาเนรคุณนั่นอีก
พวกเขาไมไดเปนญาติโกโหติกากันเสียหนอย อายฮุยเปนคนตระหนี่เวลา เขาอยากใช
มันใหกับผูที่ใกลชิดเขามากกวา
เจาเนรคุณนั่นอยูในวงสังคมใกลชิดกับเขาหรือไม ก็ไมใช
มีเพียงโหลวหลาน เจาอวน อาจารยหวัง อาจารยหญิง และศิษยพี่หมิงซิ่วเทานั้น
ที่คูควร สวนคนอื่นจงไปจัดการธุระกงการของตนเอง!
สวนเงินหนึ่งรอยหาสิบลานนะหรือ หึๆ ลืมมันเสียเถอะ
จากการเติบโตในแดนราง อายฮุยไดพบเห็นการแขงขันที่แสนดุเดือดเพื่อแยงชิง
ทรัพยากร ผูคนจะตอสูกันเพื่อเศษเงิน และบางครั้งอาจถึงขั้นรบรากันจนถึงแกชีวิต
เพียงเพื่อเงินไมกี่รอยหยวน
ทีนี้มีเด็กรวยบางคนเขามาเสนอเงินใหเขาหนึ่งรอยลานนะหรือ คนอื่นๆ อาจ
คลอยตามอยางหนามืดตามัว แตไมใชอายฮุย
โหลวหลานเปนเหตุผลเดียวที่ทำใหเขายอมเต็มใจชวย
อายฮุยรูดีวาตนแตกตางจากโหลวหลาน และยังเขาใจดวยวาเขาคงไมมีวันเมตตา
ไดมากเทาโหลวหลาน และเขาก็ไมอยากใหโหลวหลานกลายเปนแบบเขาเชนกัน
แมเขาอยากจะหนีใหพนจากความดำมืด แตสิ่งนั้นมันแทรกซึมกลายเปนตัวตนของ
เขามานาน เขารูวาตนเองคงไมมีวันหลุดพนจากเรื่องการสูรบและการฆาฟนในอดีตได
ชัยชนะและความแข็งแกรงเปนสองสิ่งที่ทำใหเขารูสึกปลอดภัย
ตางกับโหลวหลาน ความปรารถนาของเขาตอโลกใบนี้แผรังสีอบอุนราวแสงตะวัน
และอายฮุยชื่นชอบแสงตะวัน เขาชอบโหลวหลานในแบบที่เขาเปน ทุกอยางนั้น
คงดีตราบที่โหลวหลานมีความสุข
สวนเจาเนรคุณนั่น อยาไดมาเจออายฮุยในสนามรบเลยเชียว
การมุงความสนใจเฉพาะเรื่องที่จำเปนและการทำเหมือนตวนมูหวงฮุนเปนสิ่งที่ไม
มีตัวตน ชวยใหอายฮุยสงวนสันติสุขภายในใจไวได
แตตวนมูหวงฮุนนั้น กลับไมมีความสงบใจเลยสักนิด
จะใหสงบไดอยางไร
เขาขุนเคืองที่อุตสาหยอมละทิ้งศักดิ์ศรีกลาวคำขอโทษจากใจแตกลับไมเพียงพอ
สำหรับอายฮุย ยิ่งไปกวานั้น เขากลับตองมาเจอฝนรายอีกครั้ง ชางเปนประสบการณ
สุดแสลงใจ!
เขากลัวมากวาเขาจะไมสามารถหาทางหลบออกมาจากโรงฝกศาสตราวุธได
ตวนมูหวงฮุนฟนคืนสติในวันถัดมา
เมื่อไดตรองสถานการณอยางถวนถี่ เขากลับขุนเคืองยิ่งขึ้นไปอีก
เขาเกิดเปนลมในตรอกนั่นไดอยางไร ทำไมเขาปลอยใหอายฮุยตองมาชวยเหลือ
เขาไดอีก ฉากตอนที่อายฮุยถามเขาอยางเหยียดหยันเรื่องเงินหนึ่งรอยลานหยวนนั้น
ยังติดตรึงในใจเขา
ตวนมูหวงฮุนไมเคยถูกเยยหยันในเรื่องนี้มากอนเลยในชีวิต
ไมแมแตครั้งเดียว!
ไมมีใครเคยมองวาเขาเปนคนที่ใหสัญญาแบบพลอยๆ ทุกๆ คนรอบตัวตวนมูหวงฮุน
แมแตผูใหญหรือกระทั่งเพื่อนวัยเด็กนับถือเขาวาเปนบุรุษผูมีเกียรติและรักษาคำพูด
เสมอ!
เงินหรือ สำหรับเขา เงินไมใชสิ่งสำคัญ!
เขามองวาเงินทองเปนของนอกกาย การที่สัญญาของเขาถูกมองขามนั่นเปนเรื่องหนึ่ง
แตการถูกมองวาเขามีคานอยกวาหาสิบลานหยวนนั้นถือเปนการดูแคลนตัวตนของ
เขาอยางที่สุด ที่แยกวานั้นคือมีคนที่เชื่อวาเขาไมมีทางหาเงินหนึ่งรอยลานหยวนได
เออ เขาไมสามารถหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นไดทันเวลาจริง
เจาคนนาชัง!
ตวนมูหวงฮุนกำหมัดแนน ขอนิ้วเริ่มเปนสีขาว ดวงตาประหนึ่งจะลุกเปนไฟได
เขาสูดหายใจลึก คอยๆ คลายกำปน แมจะยังเต็มไปดวยความแคน แตตวนมูหวงฮุน
สามารถอดกลั้นไวได
เขาตัดสินใจแลว
ตอบโตกลับ!
เขาตองตอบโตกลับ!
เขาจะทำใหไอเจาวายรายนั่นเห็นวาเขาสามารถหาเงินไดงายเพียงใด เขาจะ
แสดงใหเห็นความแตกตางอยางยิ่งยวดระหวางผูมีพรสวรรคกับพวกเศษสวะ เขาจะ
ทำใหรูวาสัญญาของเขานั้นเปยมคาเพียงใด เชิญไอเจาวายรายเอาเงินหนึ่งรอยหาสิบ
ลานหยวนของเขาไปเกลือกกลิ้งดวยความสำนึกผิดไดเลย!
ตวนมูหวงฮุนกลับมาตั้งสติ พรอมแผนการที่ผุดขึ้นมาทันควัน
วันเกิดของอูฉี่ห รงมาถึงในที่สุด เขากลายเปนชายเต็มตัว ตระกูลอูมีประวั ติ
ยาวนานหกรอยป แมไมใชตระกูลที่ใหญโตนัก แตก็ไมไดเล็กเสียทีเดียว แมมรดกตก
ทอดของพวกเขาจะไมไดรับการยอมรับมากเทาเหลาตระกูลชั้งสูง แตตระกูลนี้ก็ถือ
ครองที่ดินและมีอิทธิพลในวงกวางพอสมควร
หลังจากหกรอยปแหงความมานะอุตสาหะ ตระกูลอูบัดนี้ก็ถึงคราวเฟองฟู
อูฉี่หรงเปนบุตรชายคนโตของตระกูลอู นามของเขาสะทอนความคาดหวังอัน
ยิ่งใหญจากเหลาผูอาวุโสในตระกูล* เมื่อวัยเยาวเขาเปนเด็กซุกซน และเติบโตมาเปน
ผูที่ชอบเขาสังคม มีพวกพองลอมหนาลอมหลังมากมาย อูฉี่หรงเปนคนฉลาด เขา
สังเกตไดมานานแลววาเขาคงสูงานหนักไมไดมากเทาผูอาวุโสทานอื่นๆ
ดวยเพราะเชนนั้น เขาจึงพุงเปาไปที่การขยายเครือขายทางสังคมของเขา เขาเปน
คนโอบออมอารีและมีความถนัดในการเจรจาตอรองกับผูอื่นโดยไมเคยทำใหผูใดขุน
เคือง คุณสมบัติเหลานี้จึงทำใหเขาคอนขางมีชื่อเสียงในหมูสังคมชั้นสูง
อูฉี่หรงยังคงผูกมิตรในสังคมแมกระทั่งตอนที่เขามาถึงสนามเหนี่ยวนำ เขาทุมไม
อั้นเปนเจาภาพงานเลี้ยงใหญโตเพื่อฉลองวันเกิดของเขา
ไมวาใครที่เห็นงานนี้ก็พอบอกไดวาเจาภาพของงานตองเปนคนมือเติบ งานเลี้ยง
ถูกจัดขึ้น ณ โถงเกาเสียง ซึ่งเปนสถานที่ที่หรูหราที่สุดในสนามเหนี่ยวนำ
โถงเกาเสียงถูกสรางโดยตี๋ซินยวน ปรมาจารยคีตกวี เมื่อฝายปกครองของสนาม
เหนี่ยวนำไดทราบขาววาปรมาจารยตี๋ซินยวนตั้งใจจะกลับมาที่สนามเหนี่ยวนำ พวก
เขาจึงมอบสถานที่ที่มีทัศนียภาพสวยงามใหแกเขาเพื่อเปนเกียรติแกการกลับมา
ทานปรมาจารยรูสึกยินดีอยางบอกไมถูกจึงตัดสินใจสรางโถงเกาเสียงขึ้นมาบน
สวนหนึ่งของที่ดินเพื่อจะใชชีวิตอยางสันโดษ ครั้งหนึ่งเขาเคยตะลอนไปทั่วโลก คนพบ
อูสิงเทียน และยังเคยเตร็ดเตรเขาไปในดินแดนเกา
เขาเลือกรูปแบบสถาปตยกรรมที่ชื่นชอบเกาแบบและสรางสนามหญาที่แตกตาง
กันเกาแหง นี่จึงเปนที่มาของชื่อโถงเกาเสียง
เมื่อสรางเสร็จ โถงเกาเสียงก็กลายเปนสถานที่ทรงคุณคาที่สุดในสนามเหนี่ยวนำทันที
นอกจากจะเปนสุดยอดดานสถาปตยกรรมแลว โถงแหงนี้ยังจัดการแสดงของ
เหลานักดนตรีที่ทานปรมาจารยเลือกสรรและสอนมาเองกับ มือ ดนตรีที่พวกเขา
บรรเลงมักเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และทั้งหมดนั้นปรมาจารยตี๋ซินยวนเปนผูแตงเองทั้งสิ้น
นับตั้งแตวันที่สรางเสร็จสมบูรณ โถงเกาเสียงก็กลายมาเปนสถานที่โปรดปราน
ของบรรดาคนรุนใหมจากเหลาตระกูลทรงอิทธิพล
การจองสถานที่ก็เปนเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ เพราะนอกจากจะราคาแพงมหาศาล
แลว สถานที่ยังมีขอจำกัดเรื่องสถานะของผูใชบริการอีกดวย อูฉี่หรงตองใชเงินจำนวน
ไมนอยเพื่อซื้อตอการจองจากผูอื่น
ถึงอยางไรเขาก็ยอมรับวามันคุมคา!
การตกแตงของโถงและบรรดาอาหารเสริมพลังธาตุเลิศรส เขาคูกันกับดนตรีที่
ไพเราะดั่งสรวงสวรรค ชวนใหเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศ สีหนาของบรรดาสหาย
ของเขายามกาวเทาเขามาในโถงสรางความพึงใจใหเขาเปนยิ่งนัก เขายินดีกับการใช
จายครั้งนี้เปนที่สุด
ขณะที่อูฉี่หรงกำลังมีความสุขอยางทวมทนอยูนั้น จูๆ เสียงเย็นยะเยือกเสียงหนึ่ง
ก็ดังมาจากทางเขา “เสี่ยวอู ทำไมขาจึงไมไดรับแจงเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดของเจา เจา
ตองดื่มเหลาสามจอกเพื่อเปนการลงโทษ”
รางเล็กมีทาทีหางเหินรางหนึ่งปรากฏตัวตรงทางเขา
บรรดาแขกเหรื่อตางเงียบเสียงทันที
สหายเจาสำราญผูหนึ่งของอูฉี่หรงรองออกมาอยางโกรธเกรี้ยว “เจาเศษสวะผูนี้
มันเปนผูใด...”
เพียะ!
เสียงตบหนาดังสะทอนกอง!
หนุมเจาสำราญเอามือกุมแกมและมองอูฉี่หรงอยางตะลึง ไมคาดคิดวาสหายของ
ตนจะกลาตบหนาเขา
อูฉี่หรงที่เมื่อครูยังมีทาทีสงา กมตัวลงโดยไมลังเลเพื่อรินเหลาสามจอกใหตนเอง
เขายกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
ยังไมทันวางจอก อูฉี่หรงก็รีบวิ่งไปหาแขกผูมาใหม เขาโคงคำนับเบาๆ และกลาว
วา “ทานพี่ พี่นาจะบอกขาลวงหนาสักนิดวาพี่จะมา! ขาคงไมอาจหาญกลาไปรบกวน
หากไมไดยินขาวจากพี่กอน บุคคลสำคัญเชนพี่ยอมมีภารกิจยุงเหยิง ตางจากเราพวก
คนโงเขลาที่ใชเวลาสวนใหญเตร็ดเตรเที่ยวเลนไปตามอำเภอใจ”
ทุกคนตกใจจนตะลึงงัน

*‘ฉี่ (启)’ แปลวาเริ่มตน สวน ‘หรง(荣)’ แปลวาความรุงโรจนหรือเกียรติยศ


เมื่อนำมารวมกัน ชื่อของเขาจึงสามารถแปลความไดวา “ดำเนินสูถนนแหงความ
รุงโรจน”
บทที่ 104 ราชามาร
สายตาคมกริบของตวนมูหวงฮุนกวาดไปทั่วหองโถงขณะกาวเดินไปอยางชาๆ ไป
ยังที่นั่งเกียรติยศ
สายตาทุกคูจับจองไปที่อวี๋จื่ออีซึ่งกำลังนั่งอยูตรงนั้น ตระกูลอวี๋เปนตระกูลที่มี
หนามีตาเชนกัน เปนชื่อเสียงที่แมกระทั่งอูฉี่หรงยังตองเอาอกเอาใจอวี๋จื่ออี
ตระกูลอวี๋ได ผลิตยอดปรมาจารย สามท า นตลอดระยะเวลาแปดร อ ยป ข อง
ประวัติศาสตรตระกูล หรือประมาณไดวามียอดปรมาจารยหนึ่งทานในทุกๆ สองรอย
ป ที่นาประทับใจยิ่งกวานั้นคือทั้งสามทานไดสงตอวิชาลับขั้นสูงสามวิชาที่ตางกัน
อยางสิ้นเชิงใหแกตระกูล
บุคคลภายนอกนั้นยากนักจะจินตนาการถึงความกวางไกลไพศาลในศาสตรวิชาที่
ถูกทิ้งใหไวโดยยอดปรมาจารยทั้งสาม
ตระกูลอวี๋มีรากฐานที่มั่นคงในอูสิงเทียน ผูนำตระกูลในแตละรุนลวนประสบ
ความสำเร็จและมีความโดดเดน บรรดาตระกูลทรงอิทธิพลสวนใหญในทุกวันนี้มสี ว น
เกี่ยวของกับการกอตั้งอูสิงเทียน ตระกูลอวี๋ก็เปนหนึ่ งในตระกูลเหลา นั้ นที ่ย ั ง คง
สามารถสืบทอดอำนาจมาไดจนปจจุบัน
อวี๋จื่ออียังหนุม แตเขาอยูในลำดับที่สูงในการจัดลำดับชั้นของตระกูลอวี๋ เขาถูก
จดจำในฐานะผูซึ่งมีพรสวรรคอันเหลือลนและมีความเปนไปไดที่จะกลายเปนยอด
ปรมาจารยคนที่สี่ของตระกูลอวี๋
อูฉี่หรงใชความพยายามอยางหนักเพื่อเอาอกเอาใจอวี๋จื่ออี
แขกเหรื่อบางคนยิ้มแหงๆ ดวยเพราะไมแนใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ตระกูลอวี๋เปนที่
รูจักกันไปทั่วอูสิงเทียน แขกผูมาใหมผูนี้เปนผูใด ไยถึงกลาทำเชนนั้น เปนที่รูกัน
วาอวี๋จื่ออีเองก็ไมใชคนที่โอภาปราศรัยหรือถอมเนื้อถอมตัวแตอยางใด
เขาสงบรรยากาศแหงความหางเหินและหยิ่งยโสออกไป ใบหนาของเขาเย็นชา
เขาไมเผยอยิ้มเทาไรนักนับแตเริ่มมื้ออาหารแลว สำหรับผูที่คุนเคยกับอวี๋จื่ออีดีจะรูวา
เขาเปนคนที่จะไมลังเลแมเพียงนิดที่จะเริ่มตอสูแมจะเปนเพียงแคเรื่องขัดแยงเล็กๆ
นอยๆ ก็ตาม
สวนอีกฝายก็ดูจะมีภูมิหลังที่ไมแพกัน เมื่อเสือสองตัวอยูในถ้ำเดียวกัน คงหนีไม
พนการเกิดเรื่องนาดูชมเปนแน
อวี๋จื่ออีดันเกาอี้ไปดานหลังแลวยืนขึ้น ใบหนาไรซึ่งอารมณ
บรรดาผูมาเยือนเริ่มกระวนกระวายใจ แตพวกเขายังคงอยูในความเงียบ อวี๋จื่ออี
มีวิชาความรูที่ไดมาจากตระกูลแตแทบไมเคยไดแสดงทักษะเหลานี้ตอหนาผูอื่น สวน
ไมกี่คนที่เคยเห็นทักษะเหลานั้นของเขามาบางก็มีอาการเลิ่กลั่ก
บรรยากาศนั้นราวมีประจุไฟฟาดึงดูดสายตาทุกคู ความตึงเครียดตรงโตะอาหาร
พุงสูงจนแขกคนอื่นๆ ตองนั่งตอไปเงียบๆ อยางอึดอัดใจ
ทันใดนั้นอวี๋จื่ออีก็โคงเอวลงแลวรองออกมาอยางเสนหาวา “ทานพี่หวงฮุน!”
สายตาทุกคูเบิกกวาง รูสึกเหวอกับสิ่งที่เพิ่งไดเห็น
อวี๋จื่ออีชวยตวนมูหวงฮุนจัดการเรื่องที่นั่งพลางกลาวอยางอบอุน “นั่งกอนนะ
ทานพี่หวงฮุน หากขารูวาพี่จะมา ขาคงไปรับแลว!”
ไดฟ งอวี๋จ ื่ออีเอยเอื้อนกับ แขกด วยท าที นอบน อมเชน นั ้น ทำใหแ ขกคนอื่นๆ
เกือบจะพนอาหารออกมาจากปาก ทั้งโตะมีสีหนาดูสับสน นี่คืออวี๋จื่ออีผูชาเย็นและ
จองหองที่พวกเขารูจักจริงๆ นะหรือ
ตวนมูหวงฮุนพยักหนาใหอวี๋จื่ออี “ระดับขั้นพื้นฐานของเจาเพิ่มขึ้นเล็กนอย ดู
เหมือนเจาคงไมไดใชเวลาทั้งหมดเที่ยวเลนเตร็ดเตรเสียทีเดียว”
อวี๋จื่ออีรูสึกเหมือนโดนตำหนิจึงโอดครวญ “ทานพี่ คำพูดทานพี่แทงใจดำทำ! ขา
ทำงานหนักตลอดตั้งแตเชายันค่ำเพื่อพยายามตามทานพี่หวงฮุนใหทัน นี่ถาไมใช
เพราะเสีย่ วอู วันนี้ขาคงไมออกมาที่นี่หรอก”
“จริงแทขอรับ” อูฉี่หรงรีบยืนยันคำพูดของอวี๋จื่ออี “ทุกวันนี้คุณชายนอยอวี๋นั้น
ปลีกวิเวกอยูเสมอ”
ตวนมูหวงฮุนนั่งลงดวยทีทาสงางาม เมื่อเห็นทุกคนยังยืนอยูขางโตะ เขาจึงพูด
อยางไมใสใจ “นั่งลงสิ”
ทุกคนนั่งลงอยางงุนงงราวกับเพิ่งตื่นจากความฝน
แขกเหรื่อที่พอมีเชาวนเริ่มอนุมานตัวตนของตวนมูหวงฮุน นาม “หวงฮุน” นั้น
คอนขางเปนเอกลักษณ หากอยูในวงสังคมก็จักเปนที่จดจำไดงาย ไมนานนัก ทุกคนก็
รูจักบุคคลที่เปนเหมือ นพระเจา ผูนี้ บัดนี้พวกเขาเข าใจแลววา ทำไมอูฉ ี่ห รงและ
คุณชายนอยอวี๋จึงมีทาทีเชนนั้น
ตวนมูหวงฮุน! ผูเปนสุดยอดของตระกูลตวนมู! ผูซึ่งเพิ่งไดรับเลือกเปนศิษยคน
สุดทายของปรมาจารยไตกัง!
ตระกูลตวนมูเปนตระกูลเกาแกและทรงอิทธิพลที่สุดตระกูลหนึ่งในอูสิงเทียน
สมาชิกของตระกูลเหลานี้มีลำดับชั้นในสังคมสูงเกินกวาสามัญชนทั่วไปจะเอื้อมถึงได
พวกเขาไมใชคนที่เกงนัก หนุมเจาสำราญที่ไมมีดีอะไรเลยนอกจากความรวยกลุมนี้ยัง
ชอบเขาสังคมและตกอยูในขาวซุบซิบนินทาไดทุกรูปแบบ หลังจากที่ไดรูวาเขาเปน
ใคร พวกเขาก็นึกถึงบรรดาขาวลือนากลัวเกี่ยวกับคุณชายนอยตวนมูขึ้นมาไดทันที
กอนเขาไปในสนามเหนี่ยวนำ คุณชายนอยตวนมูนั้นขึ้นชื่อฉาวโฉเรื่องความชั่ว
รายอยางที่สุด
อวี๋จื่ออีอยูใกลตวนมูหวงฮุนไมหาง ตระกูลอวี๋และตระกูลตวนมูมีความสัมพันธกนั
จากการแตงงาน ดวยเหตุนี้จึงมีความเคยคุนกันเปนอยางดี
อวี๋จื่ออีรูจักกับตวนมูหวงฮุนตั้งแตยังเยาว แมตวนมูหวงฮุนจะออนวัยกวาเขา
อวี๋จื่ออีกลับถูกบังคับใหนับถือตวนมูหวงฮุนเปนพี่นับตั้งแตครั้งแรกที่พบกัน แตอวี๋จื่อ
อีปฏิเสธไมยอมทำตาม เขาจึงเริ่มถูกทุบตีตั้งแตวันนั้น
สิ่งเดียวที่ทำใหอวี๋จื่ออียินดีก็คือความจริงที่วาเขานั้นไมไดเปนเพียงผูเดียวที่ถูกทุบตี
แตสมาชิกทุกคนในวัยเดียวกันกับพวกเขาจากทั้งสองตระกูลลวนถูกตวนมูหวงฮุนทุบ
ตีเชนเดียวกัน
เหตุการณดำเนินไปจนถึงขั้นที่กลุมคนที่ถูกทุบตีตัดสินใจรวมมือกันเพื่อตอบ
โตตวนมูหวงฮุน แตแมจะมีการรวมมือกันเพื่อลมศัตรูคนเดียวกัน พวกเขาก็ยังถูกทุบตี
กลับมาอยางทารุณเชนเดิม
นับแตนั้นมา ตวนมูหวงฮุนก็ถูกนับถือเปนพี่ใหญหวงฮุนไปอยางเอกฉันท
แตเรื่องไมจบแคนั้น หลังการตอสูครั้งนั้น ตวนมูหวงฮุนก็เริ่มแสดงใหเห็นถึงความ
สนใจในการฝกวิชาและกลายเปนความหมกมุนแบบบาคลั่งไปในที่สุด
ในตอนนั้นทุกคนรูสึกเปรมปรีดิ์ที่ไมตองถูกขมเหงยามที่ราชามารปรากฏตัวอีก
ตอไป แตหารูไมวาฝนรายที่แทจริงกำลังจะเริ่มตน
ภาวะถูกครอบงำของตวนมูหวงฮุนแสดงออกดวยการที่เขาหวดทุกคนที่เขาเห็นวา
ไมไดกำลังฝกวิชา ครั้งหนึ่งอวี๋จื่ออีเคยถูกตวนมูหวงฮุนจับไดขณะที่เขากำลังเลนเรื่อย
เปอย ตวนมูหวงฮุนลากเขามาตรงหนาบิดาของเขาหลังจากหวดเขาไปแลวอยางจัง
ตวนมูหวงฮุนทำสีหนาคร่ำเครงขณะรายงานตอบิดาของอวี๋จื่ออี “ทานลุงอวี๋ ขา
ทนไมไดที่เห็นจื่ออีทำเรื่องเสียเวลาเชนนั้น ขาจึงตองทุบตีสั่งสอน”
บิดาอวี๋จื่ออีลูบหัวตวนมูหวงฮุนเบาๆ แลวกลาววา “เจาชางมีเหตุผล หวงฮุน เจา
ทำสิ่งที่ถูกแลว จากนี้ก็ชวยหวดจื่ออีแทนขาดวยหากเจาจับไดวาเขาทำตัวขี้เกียจอีก
เปนอยางไร”
เมื่อไดรับคำตอบเชนนั้น ตวนมูหวงฮุนก็กลับไปฝกซอมตออยางมีความสุข
หลังจากนั้น อวี๋จื่ออีก็ถูกบิดาปดประตูและทุบตีอยางทารุณ
ตวนมูหวงฮุนจอมวายรายใชประโยชนจากรูปรางหนาตาของเขาหวานลอมใหแม
สาวนอ ยจากเรือ นอื่นๆ ชว ยเขาเฝ า จั บ ตาดู ให ตายเถอะ! คื น วั น เหมื อ นฝ นร า ย
เหลานั้นมันชางเกินทานทน ตวนมูหวงฮุนเปนที่รักใครของบรรดาผูอาวุโสซึ่งมองเขา
อยางชื่นชมวามีความเปนผูนำอยางเต็มตัว
ในอดีต พวกเด็กหนุมจากตระกูลทรงอิทธิพลที่ไมเกงกาจในเรื่องอันใดจะสรรหา
ขออางสารพัดเพื่อหลีกเลี่ยงการเขาไปในสนามเหนี่ยวนำ
แตอวี๋จื่ออีและคนอื่นๆ ในรุนเดียวกันกับเขากลับกระตือรือรนอยากเขาไปใน
สนามเหนี่ยวนำใหเร็วที่สุดเทาที่จะเปนไปได ดวยหวังวาจะสามารถหนีไปจากราชา
มารไดไวกวากำหนดการปกติสองป
ในที่สุดความปรารถนาของพวกเขาก็กลายเปนจริง เมื่อสุดทายพวกเขาก็ไดเขาไป
ในสนามเหนี่ยวนำ อวี๋จื่ออีเพลิดเพลินกับชวงเวลาสองปที่เปนอิสระจากการกดขี่โดย
อำนาจปกครองของราชามารเปนยิ่งนัก
เขาอุตสาหทิ้งคืนวันอันโหดรายไวเบื้อ งหลั งแลว เชียว ตวนมูหวงฮุนกลั บ มา
ปรากฏกายอยูตรงหนา เมื่อเห็นเขาชัดๆ ใบหนาของอวี๋จื่ออีก็แข็งทื่อดวยความพรั่น
พรึง ถือเปนเดชะบุญที่เขามีพัฒนาการอยางมากตลอดสองปที่ผานมา ทำใหเขาหาม
ขาตนเองไมใหสั่นได ความทรงจำอันเลวรายเหลานั้นเริ่มผุดขึ้นมาในมโนสำนึก แลว
เขาก็นึกขึ้นมาไดวาปนี้เปนปที่ตวนมูหวงฮุนจะตองเขามาในสนามเหนี่ยวนำนี่นา
คืนวันอันแสนสุขสิ้นสุดลงแลว!
สิ่งเดียวที่เขาอยากทำตอนนี้คือหนีไปใหพนจากที่นี่ เขามางานเลี้ยงมื้อค่ำนี้ทำไม
กัน ตวนมูหวงฮุนในตอนนี้กลับมีอำนาจมากกวาแตกอน ผนวกกับเกียรติภูมิที่มากขึ้น
ของเขาดวยแลว เขาคงทำใหอวี๋จื่ออีมีชีวิตราวตกขุมนรกไปอีกเปนปๆ
อูฉี่หรง!
เจาทำใหขาตองตกที่นั่งลำบาก!
บทที่ 105 เดิมพันของทานพี่หวงฮุน
ในแวดวงหนุมเจาสำราญ พี่ใหญหวงฮุนเปนที่รูจักกันทั่วในฐานะราชามาร
แมความจริงตวนมูหวงฮุนจะไมไดมีปฏิสัมพันธอันใดมากนักกับคนกลุมนี้เลย
แมเขาจะใชจายสุรุยสุรายไมตางจากพวกนั้น แตชีวิตสวนใหญของเขากลับอุทิศ
ใหกับการฝกวิชา เขาไมใครสนใจไขวควาหาความสุขทางโลกนัก
หนุมเจาสำราญกลุมนี้เคยไดยินชื่อเสียงเรียงนามของเขาแตไมเคยพบเขามากอน
ยิ่งไมตองพูดถึงเรื่องกิตติศัพท จะมีใดผูใดกลาตอกรกับเขา ในเมื่อขนาดคุณชาย
นอยอวี๋ผูทรงอิทธิพลยังตองกมหัวให
ตวนมูหวงฮุนรูสึกผอนคลายเสมอเมื่ออยูทามกลางเหลาสหาย เพราะไดทำตาม
อำเภอใจ เขายกจอกเหลาในมือขึ้นมาแลวพูดเรียบๆ วา “วันนี้เปนวันเกิดของเสี่ยวอู
สหายรักของขา ขอเชิญทุกคนดื่มเพื่อฉลองใหแกเขา หมดจอก”
อูฉี่หรงตัวสั่นเทาดวยความตื่นเตน การไดยินคำพูดจากทานพี่หวงฮุนเชนนั้นเปน
เสมือนของขวัญที่ล้ำคาและหายาก แมเขาจะรูจักทานพี่หวงฮุนมานานหลายป
อูฉี่หรงก็ทำไดแคมองเขาอยูหางๆ ชองวางระหวางพวกเขานั้นชางกวางใหญราว
กับพวกเขามาจากคนละโลก อูฉี่หรงคิดเสมอวาพี่ใหญหวงฮุนนั้นเปนบุคคลที่ถกู ลิขิต
ใหมีความเกรียงไกร เปนผูที่วันหนึ่งจะตองกลายมาเปนยอดปรมาจารยหรือ ไม ก็
หัวหนาหนวย
เขามีเปาหมายในชีวิตที่ชัดเจน และเพราะดวยประโยคนี้ เขายินดียอมทำทุก
อยางเพื่อทานพี่หวงฮุน
อูฉี่หรงกลั้นความยินดีไวแลวยืนขึ้นพรอมชูจอกในมือเพื่อกลาวขอบคุณ
“ไมจำเปนตองเอื้อนเอยอันใดอีกตอไป จากเพลานี้ไป ทานพี่หวงฮุนจะเปนพี่ชาย
รวมสาบานของขา”
เขาผงกหัวดื่มจนหมดจอกอยางรวดเร็ว
ในอูสิงเทียนนั้นทุกคนพัฒนาพลังธาตุของตนตั้งแตยังเยาว ที่พวกเขาดื่มกันนั้น
คือเหลาเสริมพลังธาตุ เพียงจอกเดียวก็เพียงพอที่จะทำใหพวกเขาตื่นตัวราวกับพลัง
ธาตุในกายถูกจุดชนวน
ตวนมูหวงฮุนดื่มตอไปโดยไมเอื้อนเอยอันใด
เขาไมไดเปนคนที่ชอบดื่มนัก และแทบไมไดฝกฝนการยับยั้งชั่งใจในเรื่องอื ่นๆ
ของชีวิต แมจะหาผูใดที่จะมาตอกรกับเขาไดยาก แตตวนมูหวงฮุนก็ไมไดปลอยตนเอง
หลงระเริงไปกับเรื่องพึงใจเหลานี้
เขาหยิ่งทะนงในกฎระเบียบของเขา
พลังธาตุในกายเขาเริ่มลุกโชติชวง ความรอนแผกระจายไปจนถึงขีดสุด ใบหนา
ซีดขาวของเขาเปลี่ยนเปนสีแดง ทำใหทาทีของเขาดูนุมนวลและหางเหินนอยลง
คนอื่นๆ ไมกลาแมแตจะลังเลเพียงนิด ตางยกเหลาขึ้นดื่มคนละอึกดวยเชนกัน
ตวนมูหวงฮุนดึงปกเสื้อและกลอกตาไปมาดวยความพึงใจจากรสชาติของเหลา
เปลวไฟกระจายไปทั่วราง กระทั่งทำใหหมอกในใจของเขาสลายไป
แตกระนั้นความคับของใจที่เขาเฝาเก็บงำไวในใจยิ่งทำใหเขาอยากระเบิดรุนแรง
ขึ้นมายิ่งกวาเกา
ตวนมูหวงฮุนพยายามยับยั้งตนเอง เขายังไมลืมเหตุผลในการมาเยือนครั้งนี้ เขา
ไมใชพวกออนแอที่ตองพึ่งพาฤทธิ์สุราเพื่อชวยใหลืมความทุกขโศก เขาจะตองเอาชนะ
ไอคนสารเลวนั่นอยางตรงไปตรงมา
ใชแลว เขาจะใชวิธีการที่ทรงประสิทธิภาพและนาเชื่อถือที่สุดเทาที่มีอยู และนั่น
จะทำใหไอชั่วอายฮุยเจ็บปวดจนตองรอขอความเมตตา!
หลังดื่มเหลาเขาไป แขกเหรื่อตางก็เริ่มอยูไมสุข จิตสังหารนาสะพรึงของตวนมูหวงฮุน
ไมชาก็แผขยายไปทั่วทั้งโตะอาหาร ทำใหพวกเขารูสึกเสียวสันหลังจนตองนั่งเงียบ
อวี๋จื่ออีเปนผูที่ตัวสั่นมากที่สุด
สถานการณเยี่ยงนี้ชางคุนเคย!
เขาคุนเคยดีกับบรรยากาศเชนนี้ ความทรงจำเลือนรางในอดีตของเขาเริ่มผุดกัน
ขึ้นมาราวกับฝูงปลา นี่เปนบรรยากาศที่ปะทุขึ้นยามที่ทานพี่หวงฮุนอยากจะมีเรื่องกับ
ใครสักคน
บาจริง! ทำไมเราจึงโชครายเชนนี้ ตองมาเจอเขาในวันที่เขาอารมณไมดี
อวี๋จื่ออีรูสึกกังวลจนเขาแทบกลั้นน้ำตาเอาไวไมอยู
“ขามาวันนี้เพื่อมาขอความคิดเห็นจากพวกเจา”
คำพูดของตวนมูหวงฮุนทำเอาอวี๋จื่ออีตกตะลึง ขอความคิดเห็นจากผูอื่นหรือ เขา
อดเหลือบตามองตวนมูหวงฮุนไมได นี่ดูไมเหมือนพี่ใหญหวงฮุนในแบบเดิมๆ เลย เขา
เคยเปนพวกชอบฉายเดี่ยวนี่ ตั้งแตเมื่อใดกันที่เขาตองการความชวยเหลือดานความ
คิดเห็นจากผูอื่น
นาเศราที่ไมมีใครบอกไดวาทานพี่หวงฮุนนั้นมีความสุขหรือโกรธกริ้วอยู
ไมมีใครกลาสงเสียงสักแอะ
ทานพี่หวงฮุนอาจเอยปากขอความคิดเห็นก็จริง แตคิดจริงๆ หรือวาเราจะมีสิทธิ์
มีปากมีเสียง อยาออนตอโลกนักเลย!
ตวนมูหวงฮุนคุนเคยกับสถานการณเชนนี้ดีและรูดีวาคงไมมีผูใดกลาเอยสิ่งใดเปน
แนหากเขาไมทำตนเองใหชัดเจนมากขึ้น เพื่อจะเขาประเด็น เขาจึงประกาศออกมา
“ขามาที่นี่เพื่อใหทุกคนชวยขาคิดวิธีที่จะหาเงิน”
อะไรนะ
ทุกคนมองหนากันดวยความไมอยากเชื่อ นึกสงสัยวาหูตนเองคงฝาดไปแลวเปนแนแท
ตวนมูหวงฮุนผูทรงอำนาจและไดรับการเชิดชู บุตรชายคนโตของตระกูลตวนมู
อันทรงอิทธิพล กำลังขอความเห็นเรื่องการหาเงินจากพวกเขาจริงๆ หรือ
พี่ใหญ นี่มันไมตลกเลยสักนิด...
แมแตดวงตาของอวี๋จื่ออีก็เบิกกวางมองตวนมูหวงฮุนดวยความตกใจราวกับเขา
เพิ่งไดเห็นผี
อูฉี่หรงพึมพำออกมาเบาๆ “ทานพี่ ปญหาของทานคงเรงเราเปนแน นี่เปนเงิน
เก็บของขาสองลานหยวน ทานพี่...”
ทุกคนรีบทำตามโดยทันที รีบแสดงความจงรักภักดีเทาที่พวกเขามีโดยไมสนวา
จะตองปวดใจหรือไม อวี๋จื่ออีไมอยากนอยหนาผูอื่น เขาวางทากลาหาญและเสนอวา
“ขามีอยูหาลานหยวน ขาใหทานพี่หวงฮุนทั้งหมดเลย!”
อวี๋จื่ออีร่ำไหอยูในอก คร่ำครวญถึงการสูญเสียเงินทุกแดงที่ความมั่งคั่งของเขานั้น
พึงมี เขาไมกลาแจงเท็จวาทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีอยูแคไหน ดวยเกรงวาตวนมูหวงฮุนจะ
จับไดโดยงายวาเขาโกหกจากเครือขายของแมนางทั้งหลายในตระกูลอวี๋ที่หลงใหลได
ปลื้มเขา หากเขาจับได อวี๋จื่ออีคงถูกเขาฆาตายหรือไมก็ถูกถลกหนังทั้งเปน
เอาละ ถึงการเสียเงินหาลานจะทำใหสะเทือนใจไปบาง แตอยางนอยก็ไมเปนการ
สูญเปลาเสียทีเดียว และอีกอยาง อวี๋จื่ออีรูดีวาทานพี่หวงฮุนนั้นเปนผูที่หยิ่งทะนงใน
ศักดิ์ศรีและคงจะไมยอมรับความชวยเหลือแบบงายๆ
อวี๋จื่ออียิ่งประหลาดใจเมื่อทานพี่หวงฮุนเริ่มพูดถึงเรื่องเงินตออยางตรงไปตรงมา
“ขอบใจพวกเจาทุกคนในความปรารถนาดี” ตวนมูหวงฮุนพูดพลางสายหัว “แต
ขาไมไดตองการยืมเงิน ที่ขาตองการคือหาเงิน เอาละ เอาแบบนี้ก็แลวกัน พวกเจา
ชวยคิดวิธีหาเงินหารอยลานหยวนใหขาไดหรือไม”
ดวงตาของทุกคนเบิกกวางยิ่งกวาเดิม
แตหนนี้ ไมมีใครสงเสียงใดเลย
คนที่มาวันนี้มีเงินตั้งแตไมกี่แสนไปจนถึงหนึ่งลานหยวน ผูที่มีถึงหาลานหยวน
อยางอวี๋จื่ออีนั้นยิ่งหาไดยากนัก
แตนี่หารอยลานหยวนเชียวหรือ
เปนจำนวนที่แทบเปนไปไมไดเลย
จำนวนเงินหาลานหยวนของอวี๋จื่ออีอาจเปนจำนวนที่ใหไดสูงที่สุดแลว เพราะ
ถึงแมตระกูลทรงอิทธิพลทั้งหลายจะใชจายเงินหาลานไปกับลูกหลานของตนไดไมยาก
แตพวกเขาก็ไมไดมอบอำนาจใชจายใหลูกหลานไดมากมายถึงเพียงนั้น
อวี๋จื่ออีถามอยางระมัดระวัง “ทานพี่หวงฮุน เกิดเหตุอันใดขึ้นอยางนั้นหรือ”
“เกิดอะไรขึ้นนะหรือ” ตวนมูหวงฮุนพูดขณะหันหนาไปหาอวี๋จื่ออี
อวี๋จื่ออีตอบอยางตระหนก “ขารูสึกตกใจกับจำนวน หะ-หารอยลานนั่น...”
“ออ ขาพนันไวกับคนผูหนึ่งวาใครจะเปนผูที่หาเงินหารอยลานไดกอนกัน” ตวนมู
หวงฮุนเอยอยางใจเย็น ทุกคนตางถอนหายใจดวยความโลงอก
การพนันขันตอเปนเรื่องปกติธรรมดาของแวดวงนี้ สำหรับพวกเขาแลว เรื่องเดิม
พันแตละอยางนั้นลวนทำไดจริง! เงินหารอยลานอาจฟงดูเปนจำนวนที่สูงลิบเกินไป
แตเมื่อดูจากสถานะของทานพี่หวงฮุนแลว เรื่องเดิมพันของเขาจะมาอยูในระดับ
เดียวกันกับของพวกเขาไดอยางไร
ตองเรื่องเดิมพันระดับหารอยลานหยวนนี่สิจึงจะคูควรกับคนอยางทานพี่หวงฮุน!
เมื่อเห็นทุกคนคิดกันไปไดเชนนั้น ใบหนาของตวนมูหวงฮุนก็ฉายแววความพึงพอใจ
“ขาใชเวลาสวนใหญหมดไปกับการฝกวิชา ดวยเหตุนี้ ขาจึงแทบไมรูเรื่องเกี่ยวกับ
การทำธุรกิจคาขายเลย ขายอมบากหนามาที่นี่เพื่อปรึกษาพวกเจา เพราะรูวาพวกเจา
ทุกคนรูเรื่องเหลานี้ดีกวาตัวขา รวมถึงมีเสนสายและวิธีการที่มากกวาดวยเชนกัน ผูใด
ก็ตามที่สามารถหาหนทางได ขาจะตอบแทนบุญคุณเจาอยางแนนอน”
ตวนมูห วงฮุนกวาดสายตาไปรอบโต ะ อย า งไรก็ ตาม น้ ำ เสี ย งของเขาก็พลัน
เปลี่ยนเปนทุมลึกและแฝงไปดวยจิตสังหาร
“แตหากไมมีผูใดที่มีความคิดดีๆ เลยละก็ วันนี้หามผูใดออกไปจากที่นี่!”
บทที่ 106 เศษเหลือ
ขณะที่หมิงซิ่วเดินทอดนองไปยังโรงเย็บปก นางก็อดยิ้มไมไดเมื่อนึกถึงทา ทาง
เงอะงะของทานพี่หลี่เหวยกอนหนานี้ ประมาณทุกสองถึงสามวันพี่หลี่เหวยจะมา
พรอมสัตวปา แตกอนนั้น เขาเอาพวกมันมาแบบเปนๆ แตทุกวันนี้พวกมันจะถูกยาง
และหมักดวยน้ำผึ้งชั้นดี บางครั้งเขายังมีน้ำจิ้มมาดวย หมิงซิ่วจึงอดที่จะทานอยาง
เอร็ดอรอยไมได
จริงๆ เลยเชียว! เขาเอาเนื้อมาฝากสาวทุกครั้งแบบนี้ไดอยางไร เดี๋ยวเราก็อวนกัน
พอดี
แตทุกครั้งที่นางเห็นทาทางเลิ่กลั่กของทานพี่หลี่เหวย นางก็อดที่จะทานเสียจน
อิ่มไมได อีกอยาง อาหารนั้นก็เลิศรส ทาทางแข็งกราวของทานพี่หลี่เหวยนั้นแฝง
ความออนโยนไว เขาเปนชายธรรมดาคนหนึ่ง และการไดสนทนากับเขาก็กลายเปน
ชวงเวลาที่สุขที่สุดของวันสำหรับนาง
พี่หลี่เหวยมักเลาเรื่องที่แนวหนา การสูรบกับอสูรแดนราง และพืชพันธุประหลาด
ชนิดตางๆ ที่อยูภายในแดนรา ง ในทางกลับกัน นางก็มักเลา ใหเขาฟ งถึงเรื ่ อ งใน
โรงงานและประสบการณนาอายในวัยเด็กของนางซึ่งทำใหเขาหัวเราะออกมาไดทุก
ครั้ง แมแตนางเองก็หัวเราะจนตัวสั่นเมื่อไดฟงเรื่องเหลานี้
นางรูสึกหงุดหงิด ปกติแลวบุคลิกของนางจะดูเปนหญิงที่เรียบรอยและพูดนอย
เหตุใดนางจึงกลาเผยตัวตนของนางออกมาตอหนาทานพี่หลี่เหวยเชนนี้ได
พวกเขาแลกเปลี่ยนความลับเล็กๆ นอยๆ แกกัน
ตัวอยางเชน มีเพียงเขาสองคนที่รูวาตวนมูหวงฮุนคือบุรุษเปลือยลึกลับนั่น สิ่ง
เดียวที่นางไมเขาใจคือ เหตุใดตวนมูหวงฮุนจึงถูกเรียกวาปงหวาน
เมื่อคิดขึ้นมาวาปงหวานตองตกอยูในภาวะนาสงสารเชนนั้นเพราะการไลลาของ
นางทำใหนางลืมตัวแลบลิ้นออกมา ทานพี่หลี่เหวยเลาวาปงหวานเปนคนเกเร และยัง
เลาใหนางฟงตอถึงเรื่องรายๆ ตางๆ ที่เขาเคยทำสมัยอยูที่โรงฝกซึ่งทำใหหมิงซิ่วตอง
จองเขาตาโต
หมิงซิ่วจึงเลาเรื่องรายๆ ที่นางเคยทำตอนอยูในโรงฝกดวยเชนกัน ทำใหพี่หลี่เหวย
ถึงกับตะลึง ทาทางของเขาทำใหนางเกิดความภูมิใจขึ้นมาเล็กนอย
เวลาเหมือนติดปกยามพวกเขาอยูดวยกัน
เมื่อมาถึงโรงเย็บปก นางก็ตั้งสติและกลับไปสูภาวการณทำงาน นางมีหนาที่ชวย
ปรมาจารยของนางดูแลโรงงานมาเปนระยะเวลานานแลว และเปนผูชวยจัดการทุก
เรื่องที่เกี่ยวของกับงาน ไมวาจะเปนเรื่องใหญหรือเล็ก หมิงซิ่วตั้งใจทำงานอยูเสมอ
หากผูใดเสียสมาธิระหวางการเย็บปกถักรอยแลว เปนการงายมากที่จะเกิดความ
ผิดพลาดขึ้น
แมปรมาจารยของนางจะกลาวชมเชยในความสามารถของนางอยูบอยครั้ง แตหมิงซิ่ว
คิดวานางก็แคเปนคนพิถีพิถันและมีความตั้งใจ
พูดถึงความสามารถแลว อายฮุยสิเปนตัวจริง แมแตทานพี่หลี่เหวยก็เอยชื่นชม
เขาไมขาดปาก และพยายามอยางหนักเพื่อจะดึงเขาเขาหนวยทหารราบ
“หมอกมานั่นแลว สักประเดี๋ยวฝนคงตก!”
“ขยันอะไรเชนนี้! หรือเขาเปนตุกตาทราย จึงไมรูจักเหนื่อยลาเอาเสียเลย”
เสียงชวนตกใจของบรรดาสาวโรงเย็บปกสามารถไดยินไปทั่วโรงงาน และหมิงซิ่วรูดีวา
พวกนางหมายถึงอายฮุย นางเบนสายตาไปทางหองทำงาน สายหมอกพวยพุงอยูตรง
หนาตางราวกับอสูรแดนรางเพิ่งตื่นจากการหลับใหลและเริ่มพนหมอกออกมา
อายฮุยเริ่มตนการฝกของวันแลว
หมิงซิ่วรูสึกเหมือนถูกขับเคลื่อน พรสวรรคของศิษยนองนั้นวานาตกใจแลว แตความ
ขยันหมั่นเพียรของเขาก็ทิ้งหางนางไปมากเชนกัน นางรูสึกชื่นชมเขาอยางเต็มหัวใจ
นอกจากการไปเยี่ยมโรงฝกบางเปนครั้งคราวแลว อายฮุยอุทิศเวลาทั้งหมดของ
เขาไปกับการฝกเย็บปกถักรอย ดวยคิดวาการทานขาวนั้นเปนเรื่องเสียเวลามาก เขา
จึงเตรียมอาหารแหงจำนวนมากไวในหองทำงานดวย
อายฮุยมีตุกตาทรายที่มีทักษะการครัวอันนาทึ่ง เปนผูเชี่ยวชาญดานอาหารเสริม
พลังธาตุ อาหารแหงนี้ถูกปรุงอยางประณีตและบรรจุพลังธาตุไวในปริมาณที่พอเหมาะ
หมิงซิ่วทราบมาวาในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน มีผูบำเพ็ญตนกลุมหนึ่งเป นที่
รูจักกันในนาม “ผูบำเพ็ญตนขมขื่น” ซึ่งการฝกของพวกเขานั้นนาเบื่อและยากเย็นอยู
เสมอ จากที่นางสังเกต หากอายฮุยนั้นอยูในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน เขาจะตอง
เปน “ผูบำเพ็ญตนขมขื่น” คนหนึ่งเปนแนแท
ดื่มกินในหองทำงาน หลับนอนในหองทำงาน เริ่มฝกทันทีหลังตื่นนอน กินเมื่อ
ทองหิว นอนเมื่อกายงวง กลิ่นฉุนของสมุนไพรยาที่นางมองวาไมนาอภิรมยกลับเปน
น้ำเชื่อมรสหวานสำหรับอายฮุย กอนการมาถึงของเขานั้น นางไมเคยรูมากอนวาการ
ฝกวิชาจะตรากตรำไดถึงเพียงนี้
ชั่วเวลาไมนาน อายฮุยก็กลายเปนตนแบบใหกับสาวๆ โรงเย็บปก การกระทำนั้น
เสียงดังกวาคำพูด แมเขาจะไมคอยไดสนทนาพาทีกับพวกสาวๆ นัก แตการกระทำ
ของเขาไดเอาชนะใจพวกนาง
ความขยันหมั่นเพียรเชนนี้ควรคาแกการนับถือ

ในชวงตนนั้น หมิงซิ่วรูสึกกังวลเล็กนอยวาสุขภาพของอายฮุยจะไดรับผลกระทบ
นางไดรับความเชี่ยวชาญดานการแพทยในระดับหนึ่งมาจากพี่ชายของนาง นางจึงใช
ความรูนี้ตรวจสุขภาพใหอายฮุยอยางสม่ำเสมอ อยางไรก็ตาม นางกลับพบวาเขามี
สุขภาพที่ดีมาก สิ่งที่นางเคยกังวลนั้นไมไดเกิดขึ้นเลยแมแตนอย
หลังจากสังเกตการณมาไดพักหนึ่ง นางก็ตระหนักไดวาอายฮุยมีความเขาใจเปนเลิศใน
เรื่องสภาพรางกายของตนเอง เขาจะพักผอนเสมอทันทีที่รางกายกำลังจะถึงขีดสุด ไม
ปลอยใหตนเองใชกำลังเกินตัว
หมิงซิ่ว รูสึก ตกใจมาก นางไม รู  ว  า อ า ยฮุ ยทำได อยา งไร แต ถ ึ งกระนั้ น นางก็
พยายามที่จะไมกังวล
แตเรื่องหนึ่งที่นางไมเขาใจก็คือ ชวงไมนานมานี้ ไหมสนธยาที่อายฮุยปนนั้นมัน
สั้นลงเรื่อยๆ ไหมมวนลาสุดยาวเพียงหนึ่งเมตรเทานั้น หากไมใชเพราะความจริงที่วา
ไหมแตละมวนนั้นมีความยาวเทาขนาดมาตรฐานแลวละก็ นางคงนึกสงสัยวาการฝก
ของเขาคงมีบางอยางที่ผิดปกติ แตดูเหมือนเขาจะกำลังทดลองอะไรบางอยางเสีย
มากกวา
กอนหนานี้ สีหนากระหายเงินของเขาหลังจากทำไหมไดยาวกวาสิบเมตรนั้นได
ทำใหทานปรมาจารยขุนเคืองอยางหนักมาแลว
แตขณะกำลังฝกอยูนี้สีหนาของเขาไมมีแววใดๆ เห็นไดชัดวาเขาไมไดมองไหม
สนธยาเปนเงินทองอีกแลว
เศษเหลือนั้นไมมีคามากนักหากไหมของเขายังสั้นลงและสั้นลงตอเนื่องเชนนี้ เขา
กำลังสูญเสียเงินไปจำนวนมากในแตละวัน เมื่อนึกขึ้นมาวาเขาจะปวดใจเพียงใด นาง
ก็อยากจะหัวเราะ
แตในขณะที่ไหมสั้นลงเรื่อยๆ นั้น ปริมาณของมันกลับเพิ่มมากขึ้น เขาตกลงใจจะ
ใชรังไหมสนธยาสองรังภายในวันเดียว
กองไหมสนธยาที่เพิ่มพูนขึ้นจากฝมือเขาชางนาประทับใจ เพื่อปองกันการสูญเปลา
ทางโรงงานจะนำไหมพวกนี้มาทำเปนดายเย็บผา แมจะดูเปนเรื่องนาเสียดายในการ
นำวัสดุชั้นดีเชนนี้มาทำเปนดาย แตไหมสนธยานั้นมีความเหนียวมาก
ศิษยนองคงเดือดรอนแน หมิงซิ่วอดรูสึกสาแกใจเล็กนอยไมได
นับตั้งแตทานปรมาจารยรูสึกวาอายฮุยไมไดหลงใหลในการเย็บปกถักรอยแลว สี
หนาทาทางของนางก็เปลี่ยนไป ไมสิ นางตองไมพูดถึงปรมาจารยเชนนั้น เปนรูปแบบ
การสอนของนางตางหากที่เปลี่ยน
วัสดุทั้งหมดที่ใชจะถูกจดบันทึกและคิดเงินไว เมื่อหมิงซิ่วเห็นจำนวนของอายฮุย
ที่เพิ่มขึ้นอยางไมหยุดยั้ง ถึงจุดนี้นางคิดวาเขาคงตองขายตัวเองใหกับโรงงาน
แมกระทั่งปรมาจารยเองก็ทำอะไรไมได นางทำไดแคจดบันทึกวัสดุที่ถูกใชไป
ทั้งหมด โดยไมคิดเกินราคาเลยแมแตแดงเดียว
หมิงซิ่วชวยอายฮุยขายไหมสนธยาไปชุดหนึ่ง แมจะไมคอยมีราคานัก แตก็ยังพอ
ขายได นาเสียดายที่เสนสั้นๆ นั้นแทบไรราคา นางขายไปไดมากกวาหนึ่งรอยชิ้นใน
ราคาชิ้นละหาหยวน
“แมนางหมิงซิ่ว!”
หมิงซิ่วหลุดออกจากความคิดในหัวหลังจากไดยินเสียงเรียกชื่อของนาง เมื่อนาง
เห็นวาเปนผูจัดการหลี่ซึ่งเปนแขกเจาประจำ รอยยิ้มอบอุนบนใบหนาของนางก็
ปรากฏพลางทักทาย “ผูจัดการหลี่ ไมเจอกันเสียนาน ธุรกิจการคาเปนเชนไรบาง”
ผูจัดการหลี่เปนชายอายุราวสี่สิบปและมีเชาวนที่หลักแหลม
เขารีบตอบทันที “ขอบใจเจามาก กิจการราบรื่นดี ขามาเพื่อซื้อเศษเหลือ ของ
ไหมสนธยาอีกสักชุดหนึ่ง”
หมิงซิ่วรูสึกแปลกใจเล็กนอย “ทานใชไหมหนึ่งรอยชิ้นกอนหนานี้หมดไปแลวหรือ”
“ใช บังเอิญมีคำสั่งซื้อใหมเขามาพอดี” ผูจัดการหลี่ยังคงยิ้มอยางเปนมิตรและ
กลาวตอ “ขาคิดอยากจะมาซื้อเพิ่มแตไมแนใจวาทางรานยังมีเหลืออยูหรือไม”
หมิงซิ่วพยักหนา “ทานอยากไดอีกเทาไร”
“เอาทั้งหมดที่เจามี” ผูจัดการหลี่ตอบอยางรวดเร็ว “ความตองการใชตอนนี้มีสูง
และเพิ่มเร็วนัก เจามีสำรองไวบางหรือไม”
หมิงซิ่วยิ้ม “ขาจะไปดูให”
ผูจัดการหลี่กลาวอยางรอนรน “ขอบใจเจามากที่ยอมลำบาก”
อยางไรก็ตาม เมื่อหมิงซิ่วกลับหลังหัน รอยยิ้มของนางก็หายไป นางมีสีหนาครุนคิด
ขณะกาวขามประตูเขาไปในหองโถง นางออกปากสั่งสาวใชที่อยูขางๆ ทันที
“ไปเอาไหมสนธยาที่ศิษยนองสาวไวมาสักสองสามขด ไมสิ ขาจะไปเอาเอง กองไหม
อยูที่ใด”
บทที่ 107 ประโยชนใชสอยของไหมสนธยา
หมิงซิ่วนั่งลงยองๆ และเริ่มตนพิเคราะหกองไหมสนธยา
ไหมสนธยาที่อายฮุยสกัดไดในแตละวันวางไวขางๆ กองของผูอื่น ทีแรกมันไมไดมี
มากมายนัก แตหลายวันผานไปจำนวนก็กลับเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็ว โดยสองเฉพาะชวง
สองวันที่ผานมา อายฮุยสามารถใชรังไหมไดถึงสองรังในวันเดียว และจำนวนของไหม
ที่สาวไดจากรังไหมสองรังนั้นสูงเปนกองพะเนิน
หมิงซิ่วไมไดสังเกตเห็นมากอน แตบัดนี้เมื่อนางมองไปที่กองไหม นางก็ประหลาด
ใจเปนยิ่ง
รังไหมสองรังตอวัน ทำไมเขาจึงวองไวเชนนั้น เขาทำมันลงไปไดอยางไร
กอนนี้นางไมไดคิดเรื่องนี้อยางถี่ถวนมากพอ ถึงตอนนี้นางจึงตระหนักไดแลววา
เรื่องนี้มันชางเหลือเชื่อ นั่นแปลวาความเร็วในการสาวไหมของอายฮุยนั้นยิ่งยวดนัก
หาไมแลวคงไมสามารถใชรังไหมถึงสองรังไดในวันเดียว
หรือเขาอาจจะเปนหนอนไหมกลับชาติมาเกิด แตกระทั่งหนอนไหมสนธยาก็คง
ไมอาจผลิตไหมไดไวเทาเขา
แลวหมิงซิ่วก็สังเกตเห็นความผิดปกติไดอีกอยาง นั่นคือไหมแตละกองนั้นมีสีที่ตางกัน
เล็กนอย ยิ่งระยะเวลาที่ไหมทำเสร็จหางกันมากเทาไร ก็ยิ่งเห็นความแตกตางของสีได
ชัดขึ้นเทานั้น และในทางกลับกัน ขดไหมที่ทำเสร็จภายในชวงสามวันติดตอกันนั้นก็
แทบจะมีสีเดียวกัน ความแตกตางเรื่องสีนี้แทบสังเกตเห็นไมไดดวยตาเปลา
นางคิดถูก! อายฮุยกำลังทดลองอะไรบางอยาง
ความแตกตางของสีของไหมแตละขดตรงหนานี้ยืนยันขอสันนิษฐานของนางได
เปนอยางดี
หมิงซิ่วหยิบไหมขึ้นมาขดหนึ่งแลวตรวจสอบดูอยางรอบคอบ การที่ผูจัดการราน
กลับมานี้ทำใหนางงุนงงเล็กนอย ผูจัดการหลี่เปนคนหัวใสซึ่งมักรอบคอบและเขมงวด
เสมอกับรายจายในแตละวัน และจะไมมีวันใชจายในสิ่งที่ไมจำเปน
นี่เปนหนแรกที่หมิงซิ่วเห็นเขาเหมาซื้อหมดโดยไมมีความลังเล
เวนแต...เวนแตเขาจะเชื่อวาเขาเปนฝายไดเปรียบในการซื้อขายครั้งนี้
หมิงซิ่วคิดอยางวองไว ไหมสนธยาไมไดถูกใชกันอยางแพรหลายนัก อีกประการ
หนึ่งก็เพราะเนื่องจากเสนใยมันมีขนาดเล็ก ความตองการเสนใยที่ยาวจึงมีสูง ดังนั้น
ขดไหมสั้นๆ พวกนี้จึงแทบไมถูกนำไปใชประโยชน
ชางเย็บปกที่ดีนั้นจำเปนตองมีความคุนเคยดีกับวัสดุที่นำมาใชเย็บปกถักรอย
เพราะวัสดุที่นำมาใชเย็บปกนั้นเปนเรื่องละเอียดออน วัสดุที่แตกตางกันยอมสงผลตอ
คุณภาพของผาแตละผืน
หมิงซิ่วไมไดใหความสนใจเปนพิเศษกับขดไหมพวกนี้มากอน บัดนี้หลังจากพินิจ
พิเคราะหไหมอยางละเอียดแลว นางก็ประหลาดใจในสิ่งที่ตนพบ
อายฮุยไมรูเลยวาหมิงซิ่วกำลังตรวจสอบไหมที่เขาสาวอยู เขามุงมั่นอยูกับการฝกฝน
การเปลี่ยนแปลงที่เขากำลังกาวผานในเรื่องของการฝกนั้นมีความเดนชัดมากขึ้น
ในชวงแรกๆ นั้น เขาควบคุมพลังธาตุใหมีความเชื่องชาที่สุดเพื่อใชในการสาวไหม
ตามคำแนะนำของหวังโสวชวนและหันอวี้ฉิน แตหลังจากการฝกอยางตอเนื่อง เขาก็
เริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ และจากนั้นเขาก็ไดทำการคนพบเรื่องใหมขึ้นมา
ชวงระหวางการสนทนากับอาจารยของเขานั้น อายฮุยตระหนักวาถึงแมอาจารย
จะเต็มเปยมไปดวยความรูทางทฤษฎี แตเขาแทบไมมีประสบการณในดานปฏิบัติเลย
หากถึงเวลาฝกวิชา โดยเฉพาะเรื่องที่ตองใชรายละเอียด ความขาดประสบการณของ
เขานั้นคงจะปรากฏใหเห็น
ยิ่งไปกวานั้น กรณีของอายฮุยก็ไมเหมือนใคร หวังโสวชวนไมเคยพบเจอใครเชน
เขามากอน
นี่เปนปญหาสามัญของอาจารยทุกคน ในขณะที่พวกเขาสามารถอธิบายทฤษฎี
ของตนเองไดอยางชัดเจน แตกลับแทบไมพูดถึงรายละเอียดเลย
อายฮุยเองก็ไมไดมีประสบการณการฝกวิชามากนัก แตเขาคุนเคยดีกับการเรียนรู
ผานการทดลองและความผิดพลาด หลังจากสนทนากับอาจารยหลายตอหลายรอบก็
ไดเขาใจทฤษฎีอยางแจมแจง อายฮุยไดรับแนวคิดที่ไมคอยชัดเจนนักเกี่ยวกับสภาพ
รางกายของเขา เรื่องนาสนใจอยางหนึ่งที่เขาคนพบคือความรูสึก ตอนสงผานพลังธาตุ
ผานตำหนักที่มือทั้งสอง ไมจำเปนตองเพิ่มความรุนแรงขึ้นควบคูไปกับการควบคุม
พลังธาตุใหชาลง
ในตอนฝก เขาพยายามเปลี่ยนความเร็วของพลังธาตุเพื่อเทียบความแตกตางของ
แตละระดับ
นี่เปนวิธีที่เขาคนพบความเร็วที่เหมาะสมที่สุดที่ใชกระตุนตำหนักที่มือของเขา
และความเร็วที่เหมาะสมนี้เร็วกวาความเร็วที่ชาที่สุดของเขามาก
ตอนนี้อายฮุยคุนเคยดีแลวกับการสาวไหม พลังธาตุของเขาเปนเหมือนดั่งกระบี่ ยามที่
มันถูกสงเกลียวผานเขาไปในไหมดวยความเร็วที่เหมาะสมนั้น เสนไหมก็จะไมขาด
อยางไรก็ดี เมื่อเริ่มเชื่อวาตนสามารถสาวไหมไดยาวสิบเมตรตอวันนั้น ความจริง
ขอนี้ทำใหใจเขาเตนอยางรุนแรง
ในความเร็วที่เหมาะสมอายฮุยสามารถสาวไหมไดไวกวามาก แตเมื่อพลังธาตุของ
เขาสงผานตำหนักที่มือ แรงกระตุนที่เขารูสึกไดนั้นจะรุนแรงมากเสียจนทำใหตำหนัก
ที่มือของเขาสั่นและทำใหเสนไหมขาด นี่คือสาเหตุที่ไหมที่อายฮุยสกัดนั้นยาวเพียง
หนึ่งเมตร
นั่นเปน...จำนวนเงินมหาศาล!
แมในใจจะสะอื้น แตอายฮุยก็ยังคงฝกฝนตอไป
เขาปลอบใจตนเองวาไมเปนไร เขาสามารถหาเงินไดมากกวานี้อยูแลวในอนาคต
แมความสูญเสียจะมีมาก แตเขาก็ยินดีที่ประสิทธิภาพในการฝกของเขานั้นพัฒนา
ไปอยางมากมายเชนกัน
แมความเร็วที่เหมาะสมนี้เร็วกวาแตกอนมาก แตก็ยังชากวาความเร็วในการ
ไหลเวียนของพลังธาตุในระหวางการตอสู ดังนั้นนี่จึงยังไมเปนภาระสำหรับเขามากนัก
ซึ่งหมายความวาเขาสามารถเพิ่มความเขมขนและระยะเวลาในการฝกได และ
ดวยวิธีนี้อายฮุยจึงมีพัฒนาการแบบกาวกระโดด
เขาสัมผัสไดชัดถึงการมีอยูของตำหนักฝามือของเขา
เมื่อพลังธาตุไหลผานฝามือ นอกจากแรงสั่นสะเทือนเล็กนอยแลว เขายังรูสึกได
ถึงความรอนเบาๆ ตรงตำหนักฝามือ
ไมมีสิ่งใดจะชูใจเขาไปกวานี้อีกแลว
ไมมีสิ่งใดจะนายินดีไปกวาความรูสึกที่จับตองไดถึงพัฒนาการของตัวเขาเอง
และวันนี้ อายฮุยก็สัมผัสไดวามีบางสิ่งที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับตำหนักฝามือของเขา
ทันทีที่เขาเริ่มตนฝกวิชา ในยามที่พลังธาตุไหลผานฝามือของเขานั้น มันรอนราวกับ
เปนหัวแรงบัดกรี และมันสั่นสะทานอยางดุเดือดมากกวาปกติ
ดังนั้นอายฮุยจึงระมัดระวังเปนพิเศษ เขารูสึกวาวันนี้จะตองเกิดการทะลวงขึ้น
เปนแน
แตสิ่งนี้ไมไดรบกวนสภาพจิตใจของเขาเลย เขายังคงสาวไหมอยางไมเรงรีบเฉก
เชนปกติ
การทะลวงนั้นจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติเมื่อสภาวการณทุกอยางถึงคราวอำนวย
ดวงตาเยือกเย็นดุจสายน้ำของเขาซุกซอนอยูในสายหมอก
เมื่อเห็นหมิงซิ่วกลับมา ผูจัดการหลี่ก็สงยิ้มแหยๆ เขารูวาเขาเผลอแบไตไปเสีย
แลว เขาเคยคิดวาหมิงซิ่วเปนหญิงที่เรียบรอยและสงางาม แตสิ่งที่เขาไมรูคือนางเปน
หญิงที่ชาญฉลาดดวย
หมิงซิ่วยิ้มตอบ
ผูจัดการหลี่กุมมือตนเองและยิ้มอยางเฝอนๆ “ไมมีสิ่งใดหลุดรอดจากสายตาเจา
ไดเลย”
เขารู  ส ึ ก ผิ ด หวั ง เล็ ก น อ ย เขาตั ้ ง ใจจะหาผลประโยชน จ ำนวนมหาศาล แต
เปาหมายนี้ดูยากที่จะสำเร็จเสียแลว
“ขาปลื้มใจ” รอยยิ้มบนใบหนาของหมิงซิ่วจางหายไป แตน้ำเสียงของนางยังคง
ออนโยน ทาทีของนางดูแข็งขันขึ้นขณะกลาววา “โรงเย็บปกอวี้นั้นมุงเนนแต เพียง
เรื่องการเย็บปกถักรอยและไมสนใจในการคาดานอื่นๆ ทานเปนผูที่เกงกาจหาก
สามารถนำวัสดุนี้ไปใชการได เพียงแตไหมสนธยานี้ อายฮุยเปนผูทำขึ้นมา ขาเปน
ศิษยพี่ของเขา และขาคงไมอาจยืนเฉยมองดูทานเอารัดเอาเปรียบเขาได ขาคิดวาทาน
ควรรวมมือทำธุรกิจกับเรามากกวาการซื้อขายแบบครั้งตอครั้ง หากเรารวมมือกันได
ทานจะมีวัสดุที่ถูกจัดเตรียมไวใหพรอมเสมอ และเราตางก็จะทำกำไรไดมากขึ้นทั้งคู
ทานเห็นดวยหรือไม”
ผูจัดการหลี่เต็มเปยมไปดวยความชื่นชม “เจาชางใจกวางอยางที่ขาคิดไวไมมีผิด
หมิงซิ่ว ขาชื่นชมยิ่งนัก ศิษยนองของเจาเกงกาจนักที่ผลิตไหมสนธยานี้ขึ้นมาได มัน
แข็งแกรงราวลวดเหล็ก อีกทั้งยังคมมากดวย หากใชพลังธาตุในการทำ สามารถผาหิน
ไดเลยทีเดียว ขาแชชิ้นเถาไมมะเกลือหนาขนาดนิ้วหัวแมมือไวในน้ำมันจนกระทั่งนุม
แลวนำมาประกอบเปนลูกธนูรวมกันกับไหมสนธยาและหญาลวดทองคำ ลูกธนูดอกนี้
ขาสามารถเจาะทะลุแผนไมหนาสามนิ้วไดจากระยะไกลถึงหารอยกาว”
เขาเลาทุกสิ่งเกี่ยวกับกรรมวิธีและประโยชนใชสอยของไหมใหหมิงซิ่วฟงเพื่อ
แสดงความบริสุทธิ์ใจ แตทวานางไดสังเกตเห็นถึงความพิเศษของไหมสนธยามากอน
หนานี้แลว ไมนานนางก็สามารถคนพบประโยชนของมันไดดวยตัวของนางเอง
ดวงตาคูสวยของหมิงซิ่วเปนประกาย นางรูดีวานี่หมายถึงอะไร “ลูกธนูหนึ่งดอก
มีราคาเทาไร”
“ขาใชไหมสนธยาหนึ่งรอยเสนทำลูกธนูไดสิบดอก ขาขายทั้งหมดใหลูกคาผูหนึ่ง
ที่คุนเคยกันในราคาคันละสามหมื่นหยวน” ผูจัดการหลี่กลาวอยางภูมิใจ
หมิงซิ่วพยักหนา “หากเปนเชนนั้น ขาจะขอตัดสินใจแทนอายฮุยโดยการจัดหา
ไหมสนธยาใหแกทาน เพื่อเปนการตอบแทน ทานจะตองมอบสวนแบงจากกำไรสาม
สวนใหแกเขา ทานจะวาอยางไร”
ผูจัดการหลี่ประหลาดใจเล็กนอย “จริงหรือ”
จากวัสดุทั้งหมดนั้น ชิ้นที่สำคัญที่สุดก็คือไหมสนธยา เขาเตรียมจะเสนอสวนแบง
หาสวนใหกับหมิงซิ่วเสียดวยซ้ำ สามสวนนั้นเปนเรื่องที่เกินคาดสำหรับเขา
หมิงซิ่วเผยยิ้มประหนึ่งสายลมเย็นในฤดูใบไมผลิ นางกำลังจะเอยปากพูดบางสิ่ง
ขณะที่เกิดเสียงดังสนั่นราวกับฟาคำราม
พื้นดินสั่นสะเทือน
ทาทีของหมิงซิ่วเปลี่ยนไป นางไมมีเวลาพูดจนจบประโยคกอนจะรีบพุงเขาไปใน
โรงงาน
ศิษยนองอายฮุย!
บทที่ 108 ไหมสนธยาชนิดใหม
หมอกควันหลากสีสันพวยพุงสูทองฟา ดูคลายอสรพิษรายที่มีเขี้ยวยาว
โรงงานพังราบเปนหนากลอง ฝุนควันที่ลอยฟุงไปทั่วเปนตัวบงชี้ไดดีถึงความ
รุนแรงของการระเบิด
อายฮุยซึ่งมีผาพันแผลพันรอบตัวกำลังคลานออกมาจากซากปรักหักพัง แมตัวเขา
จะเปอนดำจากควันและไฟและดูย่ำแยมากก็ตามที แตเขาก็ไมไดรับบาดเจ็บแตอยาง
ใด เมื่อเห็นวาอายฮุยไมเปนอะไร หมิงซิ่วก็ถอนหายใจอยางโลงอก
ในตอนนั้นเอง หันอวี้ฉินไดยินเสียงดังจึงรีบวิ่งออกมา เมื่อนางเห็นวาอายฮุยไม
เปนอะไร แววตาอาทรของนางก็หายไป ชั่ววินาทีตอมา แววปรีดาก็วาบขึ้นในดวงตา
ของนาง นางพูดเยาะกับอายฮุย “ตอนนี้อาจารยของเจาก็ชวยเจาไมไดแลว อายฮุย
นอย เจารูหรือไมวาโรงงานนี้มีมูลคาเพียงใด ขาลงทุนกับมันไปราวแปดลาน ใบเสร็จ
ขาก็ยังเก็บไว ดูเหมือนเจาจะตองทำงานชดใชขาไปอีกหลายปเลยนะ อายฮุยนอย”
หมิงซิ่วลังเลอยูครูหนึ่ง แลวนางก็ขัดขึ้นมา “ทานปรมาจารย”
“เออหมิงซิ่ว เจาก็อยูที่นี่ดวยรึ” หันอวี้ฉินรูสึกยินดีที่ไดเห็นหมิงซิ่ว “เห็นไหม
อายฮุยเพิ่งทำโรงงานของขาพัง อยาลืมเอาใบเสร็จใหเขา อยาลืมคำนวณคาวัสดุที่เขา
ใชไปในการฝกแตละวันดวย หามเขาไปไหนจนกวาจะชำระหนี้จนครบ อายฮุย เจา
สามารถเรียนวิธีการเย็บปกใหไวขึ้นเปนสองเทาเพิ่มเติมไดจากศิษยพี่หมิงซิ่ว”
“เออ ทานปรมาจารย...” หมิงซิ่วตั้งสติแลวพูดออกไป “ขาคิดวาอายฮุยสามารถ
ใชหนี้ไดหมด”
หันอวี้ฉินประหลาดใจ “ทำไดอยางไร”
หมิงซิ่วหยิบขดไหมสนธยาที่อายฮุยเพิ่งทำเสร็จขึ้นมา “ดูนี่สิ ทานปรมาจารย”
“สั้นถึงเพียงนี้เชียว อายฮุยดูทาจะมือตกเสียแลว” หันอวี้ฉินขมวดคิ้ว แตเมื่อนาง
ไดสัมผัสไหมสนธยา ดวงตาของนางก็เบิกกวาง “ไม เดี๋ยวสิ ทำไมไหมสนธยาจึงเปน
เชนนี้”
ไหมสนธยาที่ บ างขนาดเส น ผมกลั บ แข็ ง และทนราวกั บ ลวดเหล็ ก ในฐานะ
ปรมาจารยเย็บปก หันอวี้ฉินมีความรูสึกละเอียดออนตอวัสดุมากกวาหมิงซิ่วนัก
นางลองใหเสนใยพลังธาตุซึมเขาไป แสงวาบสีเงินปรากฏขึ้นบนไหม รัศมีแสงพุง
มาจนขนคิ้วนางสัมผัสได
“เป น เช น นี ้ ไ ด อ ย า งไร” นางพึ ม พำกั บ ตั ว เอง นางเคยเห็ น ไหมสนธยามา
หลากหลาย เคยใชมาแลวจนนับไมถวน แตก็ไมเคยเห็นอะไรเชนนี้มากอน
ถึงตอนนี้อายฮุยก็สามารถพาตัวเองออกมาจากซากปรักหักพังได เขาดูโทรม
มากๆ ยกเวนผาพันแผลที่ยังเปนสีขาว สวนตัวเขานั้นเปอนดำไปดวยขี้เถาและควันไฟ
“อะไร...”
หนาตาของอายฮุยบูดเบี้ยวดวยความเจ็บปวดขณะเดินตรงไปหาพวกเขา แมเขา
จะไมไดรับบาดเจ็บ แตเขาก็ถูกหมอใบใหญหลนใสศีรษะ ตอนนี้เขารูสึกปวดราวไปทั่ว
สรรพางคกาย
หันอวี้ฉินเงยหนาขึ้นมาทันที “เจาทำไดอยางไร”
อายฮุยรูสึกสับสนเต็มที
หมิงซิ่วอธิบาย “อายฮุย ทานปรมาจารยกำลังถามวาเจาสามารถเปลี่ยนแปลง
คุณลักษณะของไหมสนธยาไดอยางไร”
“ขาเปลี่ยนคุณลักษณะของไหมสนธยาหรือ” อายฮุยรูสึกงุนงง “คุณลักษณะอัน
ใดที่ขาเปลี่ยน”
ดูจากทาทางของเขาแลว หันอวี้ฉินจึงรูว าเขานั ้นทำไปโดยมิ ไดตั ้ งใจ นางจึ ง
เปลี่ยนคำถามเปนถามอายฮุยถึงวิธีที่เขาไหลเวียนพลังธาตุ และเมื่อไดทราบแลว นาง
ก็พอนึกออก พลังธาตุทองของอายฮุยนั้นบริสุทธิ์และเฉียบคม ยามเมื่อถูกใสเกลียว
เขาไปในไหมสนธยา จึงชวยใหไหมนั้นมีความแหลมคมกวาเดิม นอกจากนี้ อายฮุยยัง
เพิ่มความเร็วในการอัดใสเขาไป จึงทำใหไหมมีความแข็งมากขึ้น นางประหลาดใจยิ่ง
นักที่ไหมสนธยามีคุณสมบัติเชนนี้ได
นางอดเหลือบมองอายฮุยไมได ศิษยของผูเฒาหวังคนนี้ชางเต็มเปยมไปดวยเรื่อง
นาประหลาดใจเสียจริง
ตลอดหลายปนับตั้งแตมีการคนพบไหมสนธยา ไหมนี้ก็ไดผานประวัติศาสตรการ
ใชงานที่หลายหลากมากมาย ไหมสนธยาชนิดตางๆ ที่มีอยูนั้นลวนถูกคนพบมานาน
เนิ่นแลว และดูเหมือนวาบัดนี้จะมีสมาชิกใหมเขาไปรวมวงดวยอีกชนิดแลว
ถึงแมวาอูสิงเทียนจะมีประวัติศาสตรที่ไมยาวนานนัก และพัฒนาการของพลัง
ธาตุนั้นยังเผชิญกับปญหาคอขวดในเรื่องของการคนพบใหมๆ ในทุกๆ วัน แตก็ยังถือ
เปนความสำเร็จที่เหนือธรรมดาสำหรับนักเรียนคนหนึ่งของสนามเหนี่ยวนำ
หันอวี้ฉินนั้นมีประสบการณโชกโชนในเรื่องของวัสดุ มองแวบแรกนางก็ประเมิน
มูลคาของไหมสนธยาชนิดใหมนี้ไดทันที
ผูคนในอูสิงเทียนนั้นนิยมชมชอบของใหมๆ พืชพรรณหรือวัสดุที่เปนของใหม
เอี่ยมนั้นมักจะสามารถทำเงินไดมหาศาล และผูใดที่สามารถเพาะปลูกพืชชนิดพิเศษ
อยางฝกถั่วเงามายาไดนั้นก็จะสามารถสรางความมั่งคั่งไดในชั่วขามคืน
นี่เปนสาเหตุที่ผูใชพลังธาตุมากมายกระตือรือรนในเรื่องการเพาะปลูกพืชพันธุใหมๆ
เมื่อรูวาความหวังของนางนั้นไดหลุดลอยไป อารมณของหันอวี้ฉินก็เปลี่ยนเปน
บูดบึ้ง นางจองอายฮุยเขม็งอยางโกรธขึ้งและกระทืบเทาเดินจากไป
“ทำไมทาน...” อายฮุยหันไปถามหมิงซิ่วอยางจับตนชนปลายไมถูก
หมิงซิ่ว รูดีว า ปรมาจารยของนางกำลั งคิ ดเช น ไร แต น างก็ บ อกอ า ยฮุ ยไมได
อยางไรก็ดี ในตอนนี้นางสังเกตเห็นผูจัดการหลี่กำลังมองมาที่ตน นางจึงเรียกเขาเขา
มา “ไดโปรดมาทางนี้เถิด ผูจัดการหลี่”
ผูจัดการหลี่ตั้งทาอยากเขามานานแลว แตเขาไมกลาเขามาใกลดวยเพราะเกรง
ปรมาจารยหันอวี้ฉิน เขากลัววาขอตกลงอาจจะถูกยกเลิก แตเมื่อหมิงซิ่วเรียกเขา เขา
จึงรีบตอบอยางไว “มาแลว!” และวิ่งไปหาพวกเขาทันที
หมิงซิ่วแนะนำอายฮุยใหผูจัดการหลี่ “นี่ศิษยนองของขา ชื่ออายฮุย อายฮุย นี่คือ
ผูจัดการหลี่”
อายฮุยรูสึกสับสน แตก็ทักทายผูจัดการหลี่ไป
หมิงซิ่วอธิบาย “ผูจัดการหลี่คนพบประโยชนอันยิ่งยวดจากไหมสนธยาของเจา
มันสามารถใชทำลูกธนูได จากนี้ไป เจาจงจัดหาไหมสนธยาใหผูจัดการหลี่ที่มีคุณภาพ
เทียบเทากับไหมที่เจาไดทำในชวงหลังมานี้ ผูจัดการหลี่จะแบงกำไรสามสวนใหแกเจา
เจาคิดเห็นเปนเชนไร อายฮุย”
แลวผูจ ัดการหลี่ก็ไดทราบวาหนุมผูนี้เปนผูผลิตไหม ถึงเขาจะยังดูออนวัยอยูมาก
แตในฐานะศิษยนองของหมิงซิ่ว เขายอมไมใชคนธรรมดาๆ เปนแนแท ผูจัดการหลี่
มองอายฮุยอยางแวววาม ถึงแมเขาตองสูญเสียกำไรไปสามสวน แตเขาก็จะมีวัสดุที่
เตรียมพรอมไวเสมอเปนการตอบแทน ซึ่งจะทำใหเขาสามารถผลิตธนูไดอยางตอเนื่อง
ธนูนั้นมีความตองการใชอยางแพรหลาย นี่จะกลายเปนเงินจำนวนมาก
“ไหมสนธยารึ” อายฮุยสายศีรษะ “ขาคงจะไมสาวไหมสนธยาอีกตอไปแลว”
หนาของผูจัดการหลี่เปลี่ยนเปนซีดเผือด
หมิงซิ่วเองก็ประหลาดใจ “ทำไมหรือ”
อายฮุยยิ้มอยางภูมิใจแลวชูมือขึ้น
หมิงซิ่วมองไปที่มือขางหนึ่งของเขา ชั่วอึดใจตอมา นางก็รูสึกอัศจรรยใจเปนยิ ่งนัก
“เจาเปดตำหนักมือไดแลวหรือ”
“ฮะฮา!ใชแลว!” อายฮุยตอบอยางตื่นเตน
“ขางไหนหรือ ซายหรือขวา” หมิงซิ่วถาม นางสงบลงนิดหนอยจากอาการตกใจ
เมื่อครู เมื่อเปรียบกับเรื่องไหมสนธยาและความเร็วที่เขาไดเรียนรูจากการทอผาคูนั้น
ก็ไมใชเรื่องนาแปลกใจนักที่เขาสามารถเปดตำหนักฝามือได ในสายตาของนาง นี่คง
เปนเรื่องงายดายสำหรับผูมีพรสวรรคเชนอายฮุย ตัวนางเองก็เคยเปดตำหนักมือได
เมื่อนานมาแลว นานมากเสียจนนางจำไมไดแลววามันเกิดขึ้นไดอยางไร
ผูจัดการหลี่รูสึกรอนใจ
เหตุใดพวกเจาจึงตองตื่นเตนกับเรื่องเปดตำหนักฝามือกัน ทำไมไมเจรจาเรื ่อง
ธุรกิจของเรากอน
อายฮุยหัวเราะนอยๆ “ทั้งสองขางเลย! เปดไดพรอมกัน!”
“เกงๆ” หมิงซิ่วกลาวเชยชม แตตอมานางก็เปลี่ยนเรื่องคุยอยางปุบปบ
“เจาจะไมลองพิจารณาเรื่องการคานี่หนอยหรือ เงินดีเชียวนะ นอยคนนักที่จะ
เมินเฉยจำนวนเงินมากขนาดนี้ได ดูเหมือนเจาจะไมใชคนธรรมดาทั่วไปเสียแลว”
เมื่อไดยินคำของหมิงซิ่ว อายฮุยก็หูผึ่ง “เงินจำนวนเทาไร”
บทที่ 109 ลูกธนูขนกระตาย
มันคงเปนเงินจำนวนมากมาย หาไมแลวหมิงซิ่วคงไมใสใจจะพูดถึง อายฮุยตอนนี้
ยากจนราวกับหนูในวัด เขาจำไมไดดวยซ้ำวามีเงินติดตัวอยูเทาไร และที่แยกวานั้นก็
คือ ของอุปโภคในแตละวัน อาทิ รังไหมสนธยา สมุนไพร วัสดุ และแรงงานคน ลวน
เพิ่มพูนรายจายใหเขาในแตละวัน
เขารูสึกอยางแรงกลาวาการฝกวิชานั้นชางเปนการผลาญเงินเสียจริงๆ
ทำไมเขาจึงไมรูตัวเสียตั้งแตแรก นั่นอาจเปนเพราะสิ่งที่เรียกวาการฝกของเขา
กอนหนานี้นั้นหางไกลจากมาตรฐานไปมาก
หากเปนเชนนั้น ชีวิตของผูใชพลังธาตุคงแสนลำบากเชนกัน อืมมม อาจจะไมก็ได
ใชวาทุกคนจะยากจนเหมือนเขา
หากผูใดที่มีหนี้สินพะรุงพะรัง พวกเขาคงเลิกวิตกกังวลเรื่องนั้นไปเลย อายฮุยไม
อยากคิดตอเรื่องหนี้สินของเขาอีกแลว ที่จริงคือเขาไมกลาจะนึกถึงมันอีก
เหตุผลที่เขาปฏิเสธขอเสนอของหมิงซิ่วไปก็เพราะเขานั้นอยากศึกษาเรื่องตำหนัก
ฝามือของตนเพิ่มเติม อายฮุยยังคงตื่นเตนกับเรื่องที่วาตำหนักฝามือของเขาทั้ งสอง
ขางนั้นสามารถทะลวงไดในเวลาเดียวกัน เขาจึงไมอยากเสียเวลาไปสาวไหมสนธยา
อีกตอไป เงินนะหรือ ไมมีใครสนใจหรอก!
ยกเวนตัวเขา!
ดวงตาของอายฮุยเบิกกวางแลดูระยิบระยับดุจดวงดาวบนทองฟา
หมิงซิ่วหัวรอตอกระซิก สีหนาของอายฮุยดูราวกับพวกหิวกระหายเงินทอง
หมิงซิ่วไมเคยรูมากอนวาอายฮุยเปนคนละโมบมากเรื่องเงิน ตอนนี้นางรูแลว เขา
ไปเรียนรูมาจากผูใดนะ
นาเสียดายที่เขาเปนศิษยของทานลุง ทานลุงนั้นยากจนยิ่งนัก แตเขาก็มักถือ
สันโดษ เขายอมรับความชวยเหลือของทานปรมาจารยไดบางในเรื่องเล็กนอย แตเขา
จะไมสบอารมณทันทีหากนางอยากใชจายเงินจำนวนมากเพื่อชวยเขา
ตลอดเวลาหลายป ทานปรมาจารยปรารถนาอยากชวยสนับสนุนดานการเงิน
ใหกับการคนควาของทานลุง แตทานลุงก็ปฏิเสธเสมอมา เขาขอทำทุกอยางดวย
ตนเองในลานเล็กๆ ของเขาที่เต็มไปดวยสิ่งของเหลือใช ดีกวายอมรับความชวยเหลือ
จากผูอื่น
ทานลุงเปนคนดื้อรั้นเสมอมา และทานปรมาจารยก็ไมสามารถทำอะไรได นอก
เสียจากยอมแพ
นี่เปนขอเสียขอเดียวของเขา เขาไมยอมโอนออนเรื่องเงินทองเลย ซึ่งถึงแมจะนา
นับถือ แตก็ชวนหงุดหงิดดวยเชนกัน
ในแงมุมนี้ อายฮุยกลับตางไปอยางสิ้นเชิง เขามักกระตือรือรนเรื่องเงินทองเสมอ
และดวงตาของเขาจะลุกโชนทุกครั้งที่ไดยินคำวา “เงิน” ทานปรมาจารยเคยบนเรื่อง
นี้ใหหมิงซิ่วฟงหลายตอหลายครั้ง บอกวาอายฮุยกำลังทำพรสวรรคของเขาใหเสีย
เปลา และเขาชะลาใจไมคิดวางแผนที่ดีสำหรับอนาคตเลย ถัดมานางก็จะเริ่มบนเรื่อง
ของทานลุง บอกวาเขานั้นสั่งสอนศิษยของเขาไดแยเสียจริง
แตหมิงซิ่วคิดวาไมเห็นเปนไร ทานลุงนั้นใจแข็งประหนึ่งจานเหล็ก แตกระทั่งจาน
เหล็กนั้นก็แตกหักได ในทางกลับกัน อายฮุยยังพอยืดหยุนได เฉกเชนเดียวกับ ไหม
สนธยาที่เขาสาว ทุกครั้งที่หมิงซิ่วเห็นผลงานจากหยาดเหงื่อและประสบการณที่เขา
ไดรับ นางจะรูสึกชื่นชมจากใจจริง ในขณะเดียวกัน นางก็อดที่จะเปนหวงเขาไมได ตัว
นางเองนั้นไมมีสิ่งใดตองกังวลตั้งแตสมัยนางยังเยาว นางไรซึ่งประสบการณเชนเขา
และไมอาจจินตนาการถึงชีวิตเชนนั้นได
“ลูกธนูแตละดอกถูกทำขึ้นจากไหมสนธยาสิบชิ้นและขายไดสามหมื่นหยวน เจา
ตองจัดหาไหมสนธยาใหผูจัดการหลี่ และเพื่อเปนการแลกเปลี่ยน เจาจะไดสวนแบง
กำไรสามสวน ผูจัดการหลี่จะเปนผูจัดหารังไหมสนธยาและสมุนไพรใหแกเจา”
หมิงซิ่วอธิบายทุกสิ่งอยางชัดเจนและรวบรัด
ลูกธนูดอกละสามหมื่นหยวน!
นี่เปนการปลนกันกลางวันแสกๆ ชัดๆ!
อายฮุยเกือบจะโพลงออกมาดังๆ แตอึดใจตอมา เขาก็ตระหนักไดวาเงินสวนหนึ่ง
นั้นจะตกเปนของเขา!
ปลนกันกลางวันแสกๆ ชัดๆ! แตก็ไมเห็นเปนไร
เขากัดลิ้นตัวเองและถามคำถามสำคัญตอไปวา
“ทานขายธนูไดมากเทาไรในหนึ่งเดือน”
ผูจัดการหลี่นึกอยูครูหนึ่งกอนจะตอบ “ลูกธนูสิบดอกที่ขาทำเมื่อหนกอนนั้นขาย
หมดไปแลว ขาไมแนใจวาจะขายธนูไดมากเพียงใดในหนึ่งเดือน แตเนื่องจากมันกำลัง
เปนที่ตองการ ขาเชื่อวาเราจะสามารถขายไดจำนวนมากแมราคาของมันจะสูงก็ตามที
หากเราดูยอดขายของสินคาที่ใกลเคียงกัน หลังจากเปดตลาดแลว ขาคิดวาเราจะ
สามารถขายลูกธนูไดราวสามถึงหารอยดอกตอเดือน”
ดวงตาของอายฮุยเบิกกวางเปนประกาย “หารอย! นั่นมันสิบหาลานหยวนเลย
เชียว และสามสวนคือสี่ลานหาแสนหยวนใชหรือไม”
ผูจัดการหลี่เริ่มเหงื่อตก “ไมขนาดนั้น กอนอื่นเราตองพิจารณาถึงคาใชจาย
รวมถึงตนทุนของรังไหมสนธยา คาแรงคนงาน วัสดุ และคาเชาราน อยางนอยสอง
สวนของราคาจะตองนำไปใชตรงจุดนั้น ขาคิดวาหมิงซิ่วคงพอนึกออกเชนกัน” เขาหัน
ไปหาหมิงซิ่ว “เจาก็รูวาขาไมไดปด”
หมิงซิ่วพยักหนาดวยรูวาผูจัดการหลี่นั้นพูดความจริง
“ตอไป ในชวงเริ่มแรก เราคงขายลูกธนูถึงหารอยดอกไดยาก เพราะกอนที่พลัง
ของธนูจะเปนที่ยอมรับ คงไมมีใครกลาซื้อครั้งละจำนวนมากๆ ขาจะลองติดตอกลุม
ลูกคาประจำกอน คาดวาคงจะขายลูกธนูไปไดจำนวนหลายโหล และเมื่อมันเปนที่
ยอมรับของผูคนสวนใหญ ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้น แตในชวงแรกนี้ ขาคิดวาเราคงขายลูก
ธนูไดมากสุดเดือนละสามสิบถึงหาสิบดอก”
ผูจัดการหลี่เปนคนหัวเกา ซึ่งมันจำเปนตอเขา หากเขาโออวดถึงรายไดที่อาจจะ
เกินจริง แตกลับทำไมไดดังที่ตั้งเปาไว เขาคงทำตัวเองเดือดรอน เพราะชายหนุม
ตรงหนาของเขาคงไมปลอยเขาไปงายๆ เปนแน
จากสามรอยถึงหารอย เหลือเพียงสามสิบถึงหาสิบ ชองวางมันชางหางกันมาก
และจำนวนเงินที่เขาจะหาไดนั้นชางหางไกลจากที่เขาจินตนาการไวเหลือเกิน
อายฮุยจองมองเขาอยางไมคอยพึงใจนัก แตเขาก็บอกตัวเอง “เอาเถอะ ก็ยัง
ดีกวาไมไดอะไรเลย”
“ลูกธนูหาสิบดอกกับกำไรดอกละสองหมื่นสี่พันหยวน สามสวนก็จะเปนสามแสน
หกหมื่นหยวน”
หมิงซิ่วบอกอายฮุยอยางออนโยน “อยาหวงเลย กำไรในชวงแรกอาจไมมาก แตนี่
เปนการคาระยะยาว อีกอยาง มันไมจำเปนตองใชไหมจำนวนมากนัก จึงไมสงผล
กระทบตอการฝกของเจาเปนแน ขาคิดวาเจาทำได”
“สามแสนหกหมื่นหยวนก็เปนเงินจำนวนมากโขสำหรับขาแลว” อายฮุยพูดอยาง
มีความสุข
แตผูจัดการหลี่ยังไมวางใจเขานัก ในฐานะลูกศิษยของปรมาจารย เงินสามแสน
หกหมื่นหยวนอาจไมเพียงพอสำหรับเงินเก็บของเขา เขารีบตอบอยางรวดเร็ว “ทันที
ที่เราเปดตลาด ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้น อยางไรก็ดี เราตองตั้งชื่อใหมใหวัสดุชิ้นนี้ เพื่อ
ไมใหผูใดรูวาแทจริงแลวมันคือไหมสนธยา”
“ถูกตอง” หมิงซิ่วพยักหนา “เจาตั้งชื่อใหมันได อายฮุย มันสมควรมีชื่อใหม หาก
ขาไมไดเห็นมันดวยตามากอน ขาก็คงไมนึกเชนกันวามันจะเกี่ยวของกับไหมสนธยา”
“ใชๆ ขาผลิตอาวุธมานานหลายป ยังไมเคยพบไหมสนธยาเชนนี้มากอนเลย”
ผูจัดการหลี่กลาว
อายฮุยไมปฏิเสธพวกเขา เขาคิดอยูครูหนึ่งจึงพูดวา
“เรียกไหมวา ‘ขนกระตายเงินหิมะ’ และเรียกลูกธนูวา ‘ขนกระตาย’ ดีหรือไม”
ผูจัดการหลี่สับสนเล็กนอยในทีแรก แตผานไปหนึ่งนาที เขาก็รูถึงเจตนารมณของ
อายฮุย เขาอดยกนิ้วชมเชยใหเขาไมได “หลักแหลมนัก”
ลำพังชื่อของมันไมไดมีความหลักแหลมแตอยางใด แตวิธีนี้ ลูกคาก็จะคิดวามันทำมา
จากขนของกระตายสักพันธุหนึ่ง ดวยเหตุนี้ จึงไมมีใครที่จะรูไดวาเสนดายเงินสีขาว
หิมะนี้แทจริงแลวคือไหมสนธยา เมื่อเขานึกถึงพวกอยากทำเลียนแบบที่จะเริ่มไลลา
กระตายทุกสายพันธุเพื่อนำมาใชทำเปนวัสดุนั้น ผูจัดการหลี่ก็อดหัวเราะออกมาไมได
เด็กหนุมผูนี้เหลี่ยมจัดเสียจริง!
ผูจัดการหลี่แอบจดบันทึกในใจวาใหระวังและอยาทำใหสหายผูนี้ขุนเคือง ถึงอายฮุย
จะไมรูตัวเอง แตเขาเปนผูที่เฉลียวฉลาดมากจริงๆ
กระทั่งหมิงซิ่วยังอดไมไดที่จะพูดวา “ชื่อนี้ชางโหดรายตอพวกกระตายนัก”
อา ยฮุย หัว เราะคิก คัก ทั้งคูไม มี ผู  ใดล ว งรู  ความตั ้ ง ใจจริ งของเขาเลย คำว า
“กระตาย” ออกเสียงคลายกับ “กระมพี” ซึ่งแปลวาผูมั่งคั่ง เมื่อธนูของเขาขายได
กำไร เขาก็จะกลายเปนกระมพี!
“แตขนกระตายจะยาวไดถึงเพียงนี้เชียวหรือ” หมิงซิ่วถามอยางสงสัย
“ทานไมรูหรอกรึ” อายฮุยประหลาดใจ “ขาเคยเห็นกระตายขนยาวกวานี้มาแลว
ในแดนราง พวกมันดุรายมาก สามารถกัดชิ้นไมออกจากตนไมไดขนาดหนาเทาชามใบ
หนึ่งเชียว พวกมันชอบกินไมพุม ใบไม และเนื้อสัตว ขนพวกมันก็ดูคลายกับไหม
สนธยานี่ละ”
ผูจัดการหลี่ประเมินอายฮุยต่ำไปมาก เขารูสึกทึ่งเมื่อไดยินวาอายฮุยเคยไปที่แดน
รางมากอน บรรดาศิษยของปรมาจารยผูนี้ดูเหมือนจะไมมีผูใดที่ธรรมดาเลย...
แดนราง…
หมิงซิ่วจำรายละเอียดนาอัศจรรยและบรรดาเหลาสัตวพิลึกพิลั่นตางๆ ในแดน
รางที่หลี่เหวยเคยเลาใหฟงได นางจึงอดไมไดที่จะหลงเสนหดินแดนลึกลับแหงนี้
บทที่ 110 ความกังวลใจของหมิงซิ่ว
ถึงแมอายฮุยจะยังไมไดจัดหา “ขนกระตาย” มาใหเพิ่ม แตผูจัดการหลี่ก็มอบเงิน
มัดจำจำนวนหนึ่งใหแกเขาโดยไมลังเล เขากำลังแสดงความใจกวางเพราะอายฮุยเริ่ม
กังขาวาเขานั้นเกงกาจพอที่จะทำเงินไดจริงหรือไม
ไมรีบถือโอกาสคากำไร ก็ไมไดเงิน!
เมื่อนางสังเกตเห็นความกังวลในน้ำเสียงของอายฮุย หมิงซิ่วก็อดระเบิดเสียง
หัวเราะออกมาไมได “อายฮุย เจานี่ชาง...จริงจังเสียจริง แตหากเจาคิดสงสัยวาเขานั้น
เปนคนเขลาหรือไม เจาเลิกกังวลเรื่องนี้ไปไดเลย เขาทำธุรกิจการคารวมกับโรงงาน
ของเรามาหลายปนัก และเขาเปนพอคาที่เกงกาจ เหตุผลที่เขาทำใจกวางเชนนั้นก็
เพราะเราขอสวนแบงกำไรจากเขานอยกวาที่เขาคาดการณไว”
“นอยกวาที่คาดการณไวหรือ” อายฮุยเบิกตากวาง เขาทำทาเหมือนจะวิ่งออกไป
ตามผูจัดการหลี่กลับมาเสียบัดนั้น
หมิงซิ่วชำเลืองมองเขา “เจาคิดวาขาจะยอมใหเจาเสียผลประโยชนหรือ”
อายฮุยหนาเจื่อน “ไมอยูแลว ขาไมใชคนเนรคุณ! ขาปลื้มใจที่ทานชวยเหลือขา
มาตลอด ขามั่นใจวามันตองดีเพียงพอตอขาแลว”
อายฮุยหมายความตามที่พูดจริงๆ ไมมีคำพูดใดของเขาที่ขัดแยงกับความรูสึกที่
แทจริงเลย หมิงซิ่วชวยเหลือเขามากเทาที่นางจะชวยไดมาตลอด บางครั้ง กระทั่ง
หันอวี้ฉินเองก็ไมทราบวานางทำอะไรไปบาง เขารับรูเรื่องนี้ดี
หากผูใดที่มีพี่สาว นางผูนั้นควรจะเปนแบบหมิงซิ่ว
กระทั่งปรมาจารยหันอวี้ฉินผูซึ่งมีใบหนาดุดันอยูตลอดเวลา ที่จริงแลวนางก็
เมตตาตอเขา นางแคไมพึงใจที่อายฮุยไมสามารถทุมเทใหกับการเย็บปกถักรอยได
อยางเต็มที่ นางมักบนอยูตลอดเรื่องเงินที่เขาเปนหนี้นางอยู
แตนางไมเคยลังเลที่จะเอาวัสดุที่จำเปนสำหรับการฝกวิชาใหแกเขา อาจารยของ
เขาก็เปนคนดีเชนกัน ถึงแมพูดกันตามตรงวาบางครั้งเขาอาจจะพึ่งพาไมคอยไดและ
โออวดวิชาไปบาง เขานั้นเกงเฉพาะในดานทฤษฎี แตกลับไมรูอะไรเลยเกี่ยวกับการฝก
ปฏิบัติจริง เขาไมใชผูที่สมบูรณแบบเลย
ถึงกระนั้น อายฮุยก็เชื่อวาทานอาจารยเปนอาจารยที่เกงที่สุด อาจารยหญิงของ
เขาก็เปนอาจารยหญิงที่เยี่ยมที่สุด และศิษยพี่หมิงซิ่วก็เปนศิษยพี่ที่ดีที่สุดที่เขาจะ
สามารถหาไดบนโลกใบนี้ คนเหลานี้เปนหวงเปนใยเขา รักเขา และชวยเหลือเขาอยาง
ดีที่สุดเทาที่จะทำได
เขาไมใชคนเนรคุณ!
ตวนมูหวงฮุนซึ่งอยูไกลออกไปมาก จามออกมาสองครั้ง ทั้งที่ไมรูวาอายฮุยกำลัง
พูดสิ่งใดอยู
หมิงซิ่วสัมผัสไดถึงความจริงใจในคำพูดของอายฮุย นางยิ้มและอธิบายอยางใจเย็น
“เจาจะมีอนาคตที่สดใส อายฮุย ธุรกิจนี้เปนแคเพียงจุ ดเริ่มตน จริงอยูที่ข า
สามารถเรีย กรอ งขอสว นแบ งของกำไรที ่ มากกว า นี ้ ได แต น ั ่ น ไม ใช เ รื ่ อ งจำเป น
เนื่อ งจากเจา เปนเพียงผูที่จ ัดหาไหมสนธยาเท านั ้น หากเจ า เอากำไรมากเกินไป
ผูจ ัดการหลี่จ ะขาดความกระตือรื อ ร น เพราะการผลิ ต การขาย และการพั ฒนา
ชองทางตางๆ นั้นลวนขึ้นอยูกับเขา เมื่อเวลาผานไป ความขัดแยงยอมจะเกิดขึ้น
ระหวางเราไดเปนแน เมื่อเปนเชนนั้น เขาอาจจะหาผูอื่นมาปลอมแปลงไหม หรือไมก็
เริ่มทำธุรกิจใหมดวยตัวของเขาเอง แตตอนนี้ เมื่อเจาขอสวนแบงเพียงสามสวนของ
กำไร ซึ่งเปนเรื่องที่ยอมรับไดในการทำการคาอิสระทั่วไป เขาจะไมรูสึกวาเขากำลัง
ทำงานใหกับเจา แตเขาจะมองวามั น เปนธุ รกิ จของเขา ดวยวิธีนี้ เขาจึงจะไม ทิ้ง
โรงงานของเราไปหาที่อื่น และธุรกิจก็จะดำเนินตอไปไดอีกนาน”
อายฮุยพยักหนา ในเรื่องของการทำธุรกิจการคา อายฮุยนั้นดอยกวาหมิงซิ่วอยาง
ไมตองสงสัย นางเปนผูที่ชวยจัดการเรื่องตางๆ ในโรงงานมานานหลายป
“ถึงแมสัดสวนของกำไรที่เราไดจะไมมากนัก แตรายไดของเจาจะคอยๆ เพิ่มพูน
มากขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจ อีกอยาง เจาจะไดมีเวลาฝกวิชามากขึ้น ในอนาคต
เจาจะรูถึงประโยชนที่การฝกวิชาของเจาจะไดรับจากรายไดที่มั่นคง”
อายฮุยรูสึกมีแรงขับเคลื่อนจากคำอธิบายที่แสนใจเย็นของหมิงซิ่ว เขาจึงตอบ
อยางตั้งใจ “ขาจะจดจำเอาไว”
ความหัวแข็งและดื้อรั้นของอายฮุยจางหายไป ตอนนี้เขากลับเปนเหมือนสิงโตที่
ถูกถอดเขี้ยวเล็บ เขาเชื่องเฉกเชนแมว
อายฮุยเดินจากไป หมิงซิ่วไมไดรั้งเขาไว นักเรียนทุกคนคงจะตื่นเตนเปนที่สุดที่
สามารถเปดตำหนักแหงใหมได และคงใจจดใจจออยากลองเปดตำหนักแหงตอไป
นางชายตามองไปที่โรงงานที่บัดนี้เหลือแตซากและคิดจะหาคนมาเก็บกวาด แต
ทันใดนั้นนางก็นึกบางอยางขึ้นมาได
นางเพิ่งนึกไดวานางลืมถามคำถามที่สำคัญไปขอหนึ่ง เหตุใดการเปดตำหนักใหม
ของอายฮุยจึงนำไปสูการระเบิด
การเปดตำหนักใหมของแตละคนนั้น จะใหผลลัพธที ่แตกตา งกัน ไปขึ้ นอยู  กั บ
ลักษณะทางกายภาพของคนผูนั้น แตหมิ่งซิ่วไมเคยไดยินวาเคยมีผูใดเปดตำหนักใหม
ไดดวยการระเบิด
การระเบิด…
“ระเบิดหรือ” หลี่เหวยประหลาดใจกับเรื่องที่หมิงซิ่วเลาใหเขาฟง เขาจึงถาม
“เจาวาตำหนักฝามือของเขาเปดใชไดพรอมกันทั้งสองขาง และมีการระเบิดเกิดขึ้นใน
กระบวนการดวยเชนนั้นหรือ”
“ใช โรงงานถึงกับพังราบเปนหนากลอง” หมิงซิ่วกังวลเล็กนอย “วิธีการฝกวิชา
ของอายฮุยมีปญหาอันใดหรือไม”
คำถามนี้หมิงซิ่วใชเวลาไตรตรองอยูพักหนึ่งกอนตัดสินใจถามหลี่เหวยเพื่อขอ
ความชวยเหลือ ทานปรมาจารยสำเร็จวิชาดานเย็บปกถักรอยแลวก็จริง แตนางไม
คอยสันทัดในเรื่องของการฝกขั้นพื้นฐาน ในทางกลับกัน แมทานลุงจะเกงในเรื่องของ
การฝกขั้นพื้นฐาน แตเขาก็รูเพียงแคทฤษฎี เขาไมรูเลยวาจะตองจัดการกับอุบัติเหตุ
ในระหวางการฝกไดอยางไรบาง
เมื่อเทียบกับพวกเขาแลว หลี่เหวยนั้นมีประสบการณมากกวานัก
เขาเปนผูมีประสบการณอยางแทจริง เขาปลอบใจหมิงซิ่ว “อยากังวลไปเลยซิ่ว
แมนี่จะไมใชปรากฏการณสามัญทั่วไป แตก็ไมไดแปลวามันจะไมเคยเกิดขึ้น”
หมิงซิ่วโลงใจเมื่อไดฟงหลี่เหวยกลาวเชนนั้น นางกังวลเปนที่สุดวาการระเบิดระหวาง
การเปดใชตำหนักฝามือทั้งสองขางของเขานั้นเปนผลจากการฝกที่ผิดวิธีหรือไม
หลี่เหวยดูเหมือนไมกังวลราวกับนี่เปนเรื่องปกติ แตภายในใจของเขานั้นกลับตก
ตะลึงเปนอยางยิ่ง
โดยทั่วไปแลว ยิ่งระดับฐานมีสูงเทาไร ผลลัพธที่เกิดจากการทะลวงไดสำเร็จนั้น
จะรุนแรงเปนเงาตามตัว สำหรับผูใชพลังธาตุบางคน การทะลวงนั้นอาจทำใหเกิดฟา
คะนองและสายฟา บางครั้งอาจมีพายุและเกิดน้ำไหลทวนกระแสได
นักเรียนในสนามเหนี่ยวนำนั้นไมคอยจะทำใหเกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงในยามที่ตำหนัก
เปดออก ดวยวาพลังธาตุในตัวของพวกเขามีไมมากพอจะทำใหเกิดเหตุวิปลาสได
แตอายฮุยตางจากคนอื่นๆ เพราะเขามีลูกกลมพลังธาตุซึ่งบรรจุพลังธาตุที่ มาก
เกินกวาเขาจะควบคุมได นี่ดูเหมือนจะเปนสาเหตุที่ทำใหเกิดเหตุวิปลาสนี้ขึ้น
แมหลี่เหวยจะไมรูสาเหตุของการระเบิด แตเขาก็สนใจวาอายฮุยนั้นไดรับสิ่งใด
ตอบแทนกลับมา
ครั้งหนึ่งหลี่เหวยเคยไดยินวาเหตุการณประหลาดเหลานี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีคนผูหนึ่ง
ไดเลื่อนระดับตนเองขึ้นไปอีกขั้น มีความเปนไปไดที่ผูใชพลังธาตุนั้นจะไดรับสิ ่งที่มี
ลักษณะเฉพาะ อยางไรก็ดี เรื่องเหลานี้มักเกิดขึ้นกับผูใชพลังธาตุในระดับสูงมากกวาผู
ที่ยังกำลังฝกอยูในขั้นพื้นฐาน
อายฮุยเพียงแคเปดตำหนักฝามือ แตมันกลับนำไปสูการระเบิด เกิดสิ่งใดขึ้นกับ
ตำหนักฝามือของเขา
หรือเขาคิดมากเกินไป ที่ผานมาคำกลาวนี้มักใชพูดถึงผูใชพลังธาตุในระดับ สูง
เขาไมแนใจวามันจะสามารถใชกับนักเรียนไดดวยหรือไม
หลี่เหวยขำตัว เอง ตอนนี้เขาค อ นข า งมั ่ น ใจแล ว ว า ตั ว เขานั ้ น คิ ดมากเกินไป
อยางไรก็ตาม อายฮุยเปนคนที่มีศักยภาพและมักทำสิ่งที่แตกตางอยูเสมอ นี่เปนสิ่งที่
คนวัยหนุมที่มีศักยภาพพึงกระทำ!
แมแตตอนที่เขาทานบะหมี่ เขาก็ยังแตกตางจากผูอื่น!
เมื่อเขานึกภาพอายฮุยกำลังทานบะหมี่ หลี่เหวยก็หัวเราะแลวพูดวา “ถาเจา
อยากรูวาทุกอยางนั้นเรียบรอยดีหรือไม มีวิธีที่แสนงายดาย”
หมิงซิ่วติดใจคำพูดของเขาขึ้นมาทันที “วิธีใด”
“พาเขาออกไปซื้อบะหมี่สิ” เมื่อเห็นหมิงซิ่วทำสีหนาไมเชื่อ เขาจึงพูดตอ “คราว
กอนในรานบะหมี่ ขาบอกวาจะเลี้ยงบะหมี่เขา เขานั่งตรงขามขา จองมองขาอยางใส
ซื่อและพร่ำพูดเพียงแตวา ‘ทานชางแสนดี หลี่เหวย’ ทีแรกนั้น ขาคิดวา ‘เอาละ เขา
เปนเด็กดี’ แตตอมา ขาตองตกใจมากเมื่อเห็นใบเรียกเก็บเงิน เจารูหรือไมวาเรากิน
กันไปกี่ชาม สิบชาม! นั่นหมายความวาเขากินบะหมี่ไปถึงเกาชามดวยตัวคนเดียว!
นั่นเปนตอนที่ขาเขาใจวาเหตุใดเขาจึงเปนผู ที่ซื่อตรงนัก ถูกแลว เขาซื่อตรง
เพราะบะหมี่นั้นเลิศรสยิ่งนัก ดังนั้น หากเจาอยากรูวาทุกอยางของเขาเรียบรอยดี
หรือไม จงพาเขาไปยังรานบะหมี่ หากเขากินบะหมี่ไดไมเกินหาชามแลวละก็ นั่นตอง
มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น...”
หมิงซิ่วหัวเราะออกมาเสียงดัง
บทที่ 111 ตำหนักฝามือทีแ่ ตกตาง
อายฮุยกำลังมีความสุขอยางทวมทนเมื่อคิดถึงเงินที่จะไดรับจากขอตกลงที่โรงเย็บปก
ดังนั้นเมื่อเขากลับมาถึงโรงฝกเขาก็คุยฟุงเรื่องนี้ใหโหลวหลานฟงอยูนานทีเดียว
โหลวหลานเหมอลอยในชวงสองสามวันที่ผานมาเพราะเขาตองแยกจากอาจารยเซา
แลวอายฮุยก็มัวแตยุงอยูกับการฝกฝนจนไมมีเวลาใหกับโหลวหลาน ดังนั้นอายฮุยจึง
ตั้งใจวาจะหาเรื่องโมใหโหลวหลานฟงตลอดชวงบายวันนี้
แตอายฮุยก็รับรูไดในที่สุดวาการโมตลอดบายนั้นเหนื่อยยิ่งกวาการฝกเสียอีก เขา
จึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนจาก “คุยโมกับโหลวหลาน” เปน “ฝกกับโหลวหลาน” แทน
โชคดีที่เขายังมีน้ำแกงพลังธาตุที่โหลวหลานทำใหอยู มันก็อรอยจนอายฮุยแทบ
จะกัดโดนลิ้นของตัวเอง
ความอรอยของน้ำแกงชวยลดทอนความเจ็บปวดที่เขารูสึกจากการที่ตองจายคา
วัตถุดิบเปนเงินถึงหนึ่งแสนหยวนไป
ในตอนค่ำโหลวหลานกลับไปยังบานอาจารยเซาและทำตัวใหยุงดวยการจัดขาว
ของที่อาจารยเซาทิ้งไว
โหลวหลานบอกวาเขาตองการใหอาจารยเซาเห็นบานที่สะอาดเรียบรอยในวันที่
เขากลับมา และนี่เปนสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำใหกับอาจารยเซาไดในตอนนี้
เมื่อไดยินเชนนั้นก็ทำใหอายฮุยนิ่งงันไปพักใหญ เขาอยากจะบอกกับโหลวหลาน
วาอาจารยเซาคงจะไมกลับมาอีกแลว แตเมื่อคิดดูแลวเขาก็รูสึกวาโหลวหลานเขาใจ
เรื่องนี้ดี โหลวหลานแคอยากจะทำอะไรสักอยางเทานั้น
ถาหากเขาเปนโหลวหลานละ
อายฮุยเคี้ยวหญาที่คาบไว ดวงตาจองมองไปบนฟากฟาอยางไรจุดหมายจมอยูใน
หวงความคิด รสชาติของหญาคอยๆ กระจายไปทั่วปากของเขาเชนเดียวกับทองฟาที่
คอยๆ ถูกความมืดกลืนกิน
ความคิดของเขายอนกลับไปยังเถาแกโรงฝกดาบในดินแดนเกา
เวลาชางผานไปอยางรวดเร็วจริงๆ
เถา แกอ ยูบ นสวรรคสบายดีห รื อไม ข า สบายดี น ะ และข า ก็ ห วั งวา ท านจะมี
ความสุขเชนเดียวกับขาในตอนนี้ แตถาไม...ก็พยายามหาทางเอาเองนะ
อายฮุยหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงหัวเราะพัดพาความกังวลใจทั้งหมดออกไป
เขารวบรวมสติและเริ่มศึกษาตำหนักที่ฝามือทั้งสองของเขาอยางหลงใหล อะไรก็
ตามสามารถทิ้งไวกอนไดในตอนนี้
เขาเองก็ไมคาดคิดวาจะสามารถเปดจุดตำหนักบนฝามือทั้งสองขางไดพรอมกัน
การเปดตำหนักทั้งแปดนั้นไมมีลำดับที่ตายตัว แตโดยมากแลวผูคนจะเปดตำหนัก
ที่ฝามือกอนเปนอันดับแรกเพราะมันเปนจุดที่งายที่สุดนั่นเอง อยางไรก็ตามวิชาที่สืบ
ทอดตอกันมาในตระกูลเกาแกนั้นมีบางวิชาที่จำเปน ตองเปดตำหนักตามลำดั บ ที่
กำหนดไว ยกตัวอยางเชนวิชา [ดาบอุณาโลม] นั้นตองเปดตำหนักนภากอนเปนอันดับ
แรกซึ่งในความเปนจริงแลวถือเปนจุดที่เปดไดยากที่สุด
ดังนั้นจึงมีผูที่ฝก [ดาบอุณาโลม] สำเร็จเพียงไมกี่คนเทานั้นในแตละรุน และการ
สืบทอดวิชาก็มีการขาดชวงอยูหลายครั้ง
นอกจากตำหนักทั้งสี่ที่มือและเทาแลว การเปดตำหนักที่เหลืออีกสี่ตำหนัก นภา
ปฐพี ประตู มหาสมุทร ลวนแลวแตยากเย็นแสนเข็นทั้งสิ้น
อยางไรก็ตาม ไมวาจะเปดจุดที่งายหรือยากกอนเปนจุดแรก ทั้งแปดตำหนักลวน
ถูกเปดทีละจุดเสมอมา ดังนั้นการที่เขาสามารถเปดจุดตำหนักทั้งสองมือพรอมกันจึง
ทำใหเขาประหลาดใจ แตการระเบิดที่เกิดขึ้นระหวางการเปดตำหนักนั้นทำใหเขา
สับสนยิ่งกวา
ทำไมถึงมีการระเบิด
การระเบิดเกิดขึ้นอยางฉุกละหุกเกือบจะในทันทีทันใดและตัวเขาเองก็ไมรูวามัน
เกิดขึ้นดวยซ้ำ กวาจะรูวาตำหนักที่มือทั้งสองเปดแลวก็เปนตอนที่เขาไตออกมาจาก
ซากปรักหักพังแลวและตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตัวเอง
อายฮุยจองมองไปยังมือทั้งสองขาง
ถุงมือเถาวัลยกระบี่ขาดกระจุย ถึงแมวาการระเบิดจะทรงพลัง แตเขาก็ปลอดภัย
ไรอันตราย ทวาเขาไมรูเลยวามันเกิดขึ้นไดอยางไร โชคยังดีที่โรงงานถูกตั้งแยกหาง
ออกไปเพราะกลิ่นอันไมพึงประสงคของสมุนไพรตางๆ ที่ใชในการสาวไหม นั่นทำให
ไมมีใครไดรับบาดเจ็บจากการระเบิด แมวาแรงระเบิดจะมากพอที่จะทำลายโรงงาน
ใหราบเปนหนากลองก็ตาม
อยางไรก็ตาม อายฮุยจำไดอยางชัดเจนวาตัวออนกระบี่เปนตัวจุดชนวนระเบิด!
ในขณะนั้นเขากำลังผสานพลังธาตุเขา สู  ไหมสนธยา และยั งจำความรู สึกอัน
เขมขนที่เกิดขึ้นตรงจุดตำหนักมือขวาไดเปนอยางดี อายฮุยคิดวามันเปนการสั่นของ
ตำหนักมือขวาที่ทำใหไหมสนธยาขาดเหมือนกับที่เคยเกิดมาแลวนับครั้งไมถวน
แตตัวออนกระบี่ที่สงบนิ่งมาตลอดกลับเคลื่อนไหวขึ้นมาอยางฉับพลัน
อายฮุยมั่นใจวามันไมใชจินตนาการที่เขาคิดขึ้นมาเอง การเคลื่อนไหวนั้นชัดเจนมาก
เหมือนกับการเตนของหัวใจที่แรงและรัวเร็ว จากนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้น!
ทั้งหมดเกิดขึ้นอยางฉับพลันทันดวนจนโดยที่อายฮุยไมรูตัวลวงหนาแมแตนอย
ทุกอยางเปนไปอยางรวดเร็วเกินกวาที่อายฮุยจะมีปฏิกิริยาอันใด เทาที่เขาจำไดก็
คือ การเคลื่อ นไหวของตัวออ นกระบี่ เป นต นเหตุ ของการระเบิด แต มั น เกิ ดขึ้นได
อยางไรนั้นเขาเองก็ไมอาจทราบได
อายฮุยรูสึกวาเรื่องนาปวดหัวกำลังจะตามมา
ตอนที่ฝงตัวออน เขาไมคาดคิดแมแตนอยวามันจะกลายเปนปญหา โดยเฉพาะ
อยางยิ่งเมื่อมันเกิดขึ้นตอนทะลวงผาน ในครั้งนี้เขาถือวาโชคดี ไมน อยที่ ไม ได รับ
บาดเจ็บจากการระเบิดและกลับสามารถเปดตำหนักที่มือซายไดอีกดวย
การเปดตำหนักเปนเรื่องที่ดีอยางไมตองสงสัย หากการระเบิดสามารถชวยเปด
ตำหนักที่สามได อายฮุยยินดีใหเกิดการระเบิดอีกในอึดใจเดียว
แตความไมเสถียรของตัวออนกระบี่นั่นออกจะนารำคาญ ไมอาจทราบไดเลยวาเมื่อไร
ที่มันจะปะทุขึ้นมาอีกหน ครั้งนี้ผลลัพธออกมาดีแตใครจะรูวาครั้งหนาจะเปนอยางไร
อายฮุยรูสึกผิดหวัง หากเขาสามารถถอนตัวออนกระบี่ออกไปไดเขาจะทำมันโดย
ไมรีรอเลย
เมื่อเทียบกับตัวออนกระบี่แลว ระบบหาคลังแปดตำหนักนั้นเสถียรกวา มาก
ตราบใดที่เขาขยันฝกซอม เขาก็สามารถประสบความสำเร็จไดดวยการทำตามระบบ
สวนตัวออนกระบี่นั้น มีเพียงสวรรคเทานั้นที่บอกได!
อยางไรก็ตาม ตัวออนกระบี่ไมอาจถอนออกได อันที่จริงเขาเองก็ไมแนใจวาเขา
สามารถปลูกตัวออนกระบี่ลงไปตั้งแตแรกไดอยางไร ใหถอนออกนี่ยิ่งแลวกัน
หลังจากคิดอยูนานอายฮุยก็ยังไมอาจหาความคิดดีๆ ไดเลย
เมื่อคิดดูดีๆ หากไมใชเพราะตัวออนกระบี่ เขาอาจตายไปแลวในแดนราง ไม
เหลือชีวิตใหมาฝกฝนตอนนี้หรอก
นั่นทำใหอายฮุยผอนคลายลงไดอีกครั้ง หากเขารูถึงผลกระทบทั้งหมดของตัว
ออนกระบี่ลวงหนา เขาจะยังเลือกที่จะปลูกฝงมันหรือไม คำตอบก็คงเปนใช เพราะใน
ตอนนั้น สิ่งเดียวที่เขาตองการก็คือเอาชีวิตรอด
ใชแลว อยางนอยเขาก็ยังไมตาย
การมีชีวิตรอดนั้นเปนเรื่องดี
ความรูสึกของอายฮุยสดใสขึ้นอีกครั้ง เขาเริ่มศึกษาตำหนักบนฝามือทั้งสองอยาง
ละเอียด
ลูกทรงกลมสีเงินปรากฏขึ้นที่ฝามือขวาของเขา
อายฮุยรูสึกประหลาดใจกับขนาดที่เล็กกระจอยของมัน
ลูกทรงกลมสีเงินที่มีขนาดเล็กพอๆ กับเมล็ดงานั้นอันที่จริงแลวเปนพลังธาตุของ
เขา ทันใดนั้นอายฮุยก็รูสึกไมแนใจขึ้นมาวาตำหนักที่ฝามือของเขานั้นเปดขึ้นแลวจริง
หรือไม เพราะเขาสังเกตเห็นวาตำหนักฝามือของเขานั้นมีบางอยางแตกตางจากของ
คนอื่น
การเปดออกของจุดใดๆ ก็ตามในหาคลังแปดตำหนักลวนมีประโยชนเฉพาะตัว
หนาที่พื้นฐานของแปดตำหนักนั้นก็คือเก็บสะสมพลังธาตุ และขีดจำกัดของมันก็ใหญ
กวาคลังชีวิตมากนัก
อายฮุยสันนิษฐานวาตำหนักที่เปดออกนั้นจะแบงเบาภาระของคลังชีวิตดวยการ
แบงกอนพลังธาตุมาเก็บไวหรืออยางนอยก็พลังธาตุบางสวน
อยางไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตางไปจากที่เขาคาดคิดไว
เมื่ออายฮุยสำรวจตำหนักที่มือซาย เขาก็พบลูกทรงกลมสีเงินเชนกัน
แตไมนานเขาก็พบสิ่งอื่นเพิ่มเติมขึ้นมา
ลูกทรงกลมสีเงินที่ขนาดเล็กกวาเมล็ดงานั้น ไมไดอยูน ิ่ ง แตมันหมุนวนอยา ง
รวดเร็ว
หลังจากครุนคิดอยูพักหนึ่ง ในที่สุดอายฮุยก็เขาใจถึงเหตุผล มวลพลังธาตุที่อยูใน
คลังชีว ิตของเขานั้นมีแรงดึงดูดที่รุนแรงซึ ่งสามารถดู ดและซึ มซับพลั งธาตุ ทั่วทั้ง
รางกายของเขาได และเพื่อปองกันไมใหถูกดูดซับไป ลูกทรงกลมสีเงินนี้จึงตองหมุน
อยางรวดเร็วเพื่อตานแรงดึงดูดนั้น
ยกตัวอยางเชน น้ำแกงพลังธาตุที่เขาเพิ่งกินเขาไปนั้นแมวามันจะยังไมถูกยอยจน
หมด แตพ ลังธาตุที่มีอยูกลับ ถูกมวลพลั งธาตุ ในคลั งชีวิ ตของเขานั ้น ดู ดซับไปจน
หมดแลว
ถึงแมวาลูกทรงกลมสีเงินในตำหนักฝามือทั้งสองขางนั้นจะมีขนาดเล็กมาก แตมัน
ก็เปนเพียงที่เดียวที่สามารถสะสมพลังธาตุในกายของเขาเอาไวไดโดยไมถูกดูดซับไป
โดยกอนพลังธาตุในคลังชีวิต
ตอนนี้ก็มีปญหาอีกอยางหนึ่งที่เขาตองคิดหาทางแก นั่นก็คือเขาจะชักนำพลังธาตุจาก
มวลพลังธาตุไปยังตำหนักฝามือไดอยางไร
อยางไรเสียเขาก็ยังตองหาถุงมือเถาวัลยกระบี่คูใหมมาใช
เมื่อมองไปยังซากถุงมือเถาวัลยกระบี่ในมือ อายฮุยก็ยิ้มอยางขมขื่น เขาตองขอ
ความชวยเหลือจากอาจารยหญิง
เขาตองโดนดุอีกเปนแน
บทที่ 112 การระดมความคิดของพวกมีสติปญ
 ญาปานกลาง
ณ โถงเกาเสียง วันแรก
“พี่ใหญ พวกเรากำลังคิดเรื่องหาเงินหารอยลานหยวน มันไมงายเลยที่จะหาเงิน
จำนวนมากขนาดนี้ ตอใหพวกเราทำเรื่องทุจริตอยางการเก็บคาคุมครอง ก็ยังเปนไป
ไมไดเลย อันที่จริงแลว แคหาเงินไดสักแปดลานหยวนก็นับวาเปนความสำเร็จอยาง
มากแลว”
“ทานพี่หวงฮุน มันเปนการยากที่จะหาเงินจากโรงฝกเชนกัน ตอนนี้เงินรางวัล
สูงสุดในการประลองก็คือหาแสนหยวน หากจะหาเงินหารอยลานหยวน ทานตองชนะ
การประลองถึงหนึ่งพันครั้ง ตอใหประลองวันละสามรอบทานก็ตองใชเวลาเปนปกวา
จะสำเร็จ”
“พี่หวงฮุน หากใหขาแนะนำ ขาคิดวาเปนไปไดหากเราคาอาวุธเพราะใครๆ ก็
ขาดแคลน แตทางที่ดีเราควรจะทำนอกพื้นที่สนามเหนี่ยวนำจะมีความเปนไปไดสูง
กวา หากขาวเรื่องการคาของเรากระจายออกไป พวกเราอาจถูกปราบปรามได”
“พี่หวงฮุน ทำไมทานไมลองขายตัวดูเลา ไม ขาไมไดหมายถึงขายตัวแบบนั้น แต
หมายถึงขายรูป ถา ยหรือ ของใชสว นตั ว อะไรพวกนั้ น ท า นเป น ขวั ญ ใจของสาวๆ
มากมาย พี่...พี่หวงฮุน ขาผิดไปแลว ขาผิดไปแลว โอย!”
ทุกคนตางก็เสนอความเห็นอยางออกรส อยางไรก็ตาม การที่จะหาเงินจำนวนมากถึง
หารอยลานหยวนเปนเรื่องที่เปนไปไมไดเลย แมบางคนจะใหความชวยเหลือตวนมู
หวงฮุนอยางจริงจัง แตคนสวนใหญกลับทำอยางตองการที่จะหนีไปใหพนจากภาระนี้"
โถงเกาเสียงเปนสถานที่พิเศษที่จะไมยอมรอมชอมกับใครหนาไหน ไมวาคนผูนั้น
จะมีชื่อเสียงยิ่งใหญเพียงใดก็ตาม
ดังนั้นจึงไมแปลกอะไรที่เสี่ยวเออจะกลาเดินมาพูดวา “ทานลูกคาทั้งหลาย เรา
กำลังจะปดแลว”
ตวนมูหวงฮุนรับฟงโดยไมเปลี่ยนสีหนาแมแตนอย หยิบบัตรสีทองเขมออกมา
และสงใหกับเสี่ยวเออ แลวพูดออกมาวา “ขาตองการใชลานนี้สักสองสามวัน”
เสี่ยวเออตกใจอยางมากเมื่อเห็นบัตรสีทองใบนั้น เขารีบวิ่งไปรายงานผูมีอำนาจ
ตัดสินใจในทันที
อูฉี่หรงสัมผัสไดถึงลางราย ทวาในเมื่อไมเคยมีใครเห็นบัตรสีทองนี้มากอน พวก
เขาจึงไมรูเลยวามันคืออะไร ทุกคนหันไปมองอวี๋จื่ออี แตเขาก็สายหนาบอกวาเขาเอง
ก็ไมเคยเห็นมากอนเชนกัน
แตกระนั้นพวกเขาทุกคนลวนรูสึกวาพี่หวงฮุนรองขอมากเกินไป
ทุกลานของโถงเกาเสียงลวนถูกจองลวงหนา แลวจูๆ จะมาขอใชไดอยางไร ไม
ตองพูดถึงเรื่องขอใชเปนวันๆ เลย
ผานไปพักหนึ่ง ผูจัดการใหญก็เรงรุดเขามาและกลาวดวยความออนนอมและ
เคารพอยางมาก “ขาขอโทษดวย พวกเราไมรูวาแขกผูมีเกียรติมาเยือนสถานที่ของเรา
ตามที่ทานแจงมาวาตองการจะใชลานหรรษาแหงนี้นั้นทางเราไมมีปญหา แตเราคิดวา
พื้นลานแหงนี้มีขนาดเล็กไปหนอย ทานตองการเปลี่ยนเปนลานโดที่ใหญกวานี้หรือไม
เราสามารถจัดเตรียมใหทานได”
ทั้งอวี๋จื่ออีและอูฉี่หลงอาปากคาง ตกตะลึงจนพูดอะไรไมออก
โถงเกาเสียงมีทั้งสิ้นเกาลานที่ตั้งชื่อตามระดับตัวโนตหาเสียงแรกอันไดแก โด เร
มี ฟา โซ และอารมณทั้งสี่ของมนุษยอันไดแก ปรีดา โกรธา โศกา หรรษา
ลานโดนับเปนลานที่ดีที่สุดในลานทั้งเกา มันไมเคยเปดใหบุคคลทั่วไปจอง เพราะ
เอาไวใชตอนรับแขกผูมีเกียรติของโถงเกาเสียงเทานั้น
แตโถงเกาเสียงถึงกับเชิญพี่หวงฮุนไปยังลานโด
ทุกคนตางตกตะลึงกันไปหมด!
ในชั่วขณะนั้น เหลาคุณชายทั้งหลายตางจองมองไปพี่หวงฮุนเปนตาเดียว
รีบตอบรับไปสิพี่หวงฮุน! ใหพวกเราไดสัมผัสกับลานโดในตำนานกัน พวกเราจะ
ไดเอาไปคุยโวใหคนอื่นฟงกันไดอยางภาคภูมิ
แตตวนมูหวงฮุนกลับทำในสิ่งที่พวกเขาไมคาดคิดมากอนดวยการตอบกลับไปวา
“ไมละ ขอบคุณ ขาวาที่นี่ก็เหมาะสมดีแลว”
เหลาคุณชายเจาสำราญสงเสียงออกมาดวยความผิดหวัง
“ขอรับ ตามแตทานจะเห็นควร” ผูจัดการตอบดวยความเคารพ “หากตองการ
อะไรเพิ่มเติม โปรดดึงเชือกสีแดงเสนนี้ มันเชื่อมกับกระดิ่ง เราจะรีบมาโดยเร็วที่สุด”
ตวนมูหวงฮุนพยักหนา “เจาไมจำเปนตองทิ้งคนไวคอยรับใช กลับไปพักผอน
ตามปกติเถอะ จัดอาหารใหพวกเขาดวย”
เขาสงสายตาที่สื่อความหมายไปยังเหลาคุณชายแลวกลาววา “ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล”
ผูจัดการมองไปยังทุกคนแลวโคงคำนับดวยความเคารพ “ขอรับ”
วันตอมา
ทุกคนตางทอแทและกระสับกระสาย โถงเกาเสียงไมสงใครเขามา พวกเขาไดรับ
เพียงอาหารประทังชีวิตเทานั้น และมันก็แหงกรังจนยากจะทำใจเอาเขาปากได
แตพี่หวงฮุนกลับกินมันไดอยางสบายอารมณราวกับมันเปนอาหารเลิศรสก็ไม
ปาน หลังจากกินอาหารในมือหมด เขาก็กลาวอยางเรียบเฉยวา “พระอาทิตยขึ้นแลว
มาระดมความคิดกันตอเถอะ”
“พี่หวงฮุน ขามีเรียนวันนี้...”
“ชางปะไร”
“พี่หวงฮุน ขาตองไปพบทานพอคืนนี้ ทานพอขาเขมงวดมาก...”
ตวนมูหวงฮุนดึงเชือกแดงเพื่อสั่นกระดิ่ง ไมนานหลังจากนั้นผูจัดการก็เขามารับ
คำสั่งจากตวนมูหวงฮุนและหันหลังจากไปอยางรวดเร็ว
สองชั่วโมงตอมา ก็มีชายหนาเหลี่ยมวัยกลางคนเดินตามผูจัดการเขามา
“ไอลูกเวร! ถาเจากลาทำใหคุณชายตวนมูเสียแผน ขาจะหักขาเจาเมื่อกลับถึงบาน”
“โอย อาก โอย พี่หวงฮุน ขะ...ขารูสึกไมสบาย...”
เปรี้ยง!
รอยเทาประทับชัดเจนบนใบหนาของเขา รางกายของเขาแข็งเกร็งอยูครูหนึ่ง
กอนที่จะลวงลงไปนอนกองกับพื้น
ตวนมูหวงฮุนกลาวดวยสีหนาไรอารมณวา “นี่ถึงเรียกวารูสึกไมสบาย”
วันที่สาม
มองไปยังกลุมหนุมเจาสำราญที่นั่งเศราอยูรอบๆ ตัวเขาแลว ตวนมูหวงฮุนก็รูสึก
ไดวาเขาเขาใจความหมายของคำวา “พวกไรประโยชน” ไดอยางแทจริงแลว
หลังจากขบคิดกันมาสามวันสามคืน เหลาพวกโงเงาไรความสามารถก็ยังไมอาจ
หาความคิดดีๆ ที่พอจะเปนไปไดออกมาแมแตขอเดียว
อวี๋จื่ออีที่กำลังหนามืดเพราะความหิวมองไปที่พี่หวงฮุนและเห็นสีหนาไมพึงพอใจ
ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผานไป เขารูวานี่เปน สัญญาณเตือนใหรูว า สั ตว
ประหลาดกำลังจะอาละวาดในไมชานี้
ทำใหเขาตองกลาวออกมาอยางยากเย็นเข็ญใจวา “พี่หวงฮุน พวกเราพยายาม
อยางมากที่จะคิดหาวิธีหาเงินหารอยลานหยวน แตเมื่อจำนวนเงินเกินหนึ่งรอยลาน
แลว มันก็ยากเกินกวาที่จะหาไดในสนามเหนี่ยวนำที่เล็กจอยแหงนี้ ทานจะตองมี
ความสามารถสูงสงถึงจะหาเงินมากถึงหารอยลานหยวนได”
เปรี้ยง!
ตวนมูหวงฮุนเตะอวี๋จื่ออีลงไปกองกับพื้น ใชเทาเหยียบหนาอกของอวี๋จื่ออีไวกอน
จะกลาวดวยสีหนาเยือกเย็นวา “เจากำลังหาวาขามีความสามารถไมพอเชนนั้นหรือ”
อวี๋จื่ออีตัวสั่น เขาอยากจะตบหนาตัวเองหลายๆ ฉาด เขาพูดอะไรผิดๆ เชนนี้
ออกไปอีกไดอยางไร
“ขาคิดออกแลว ขาคิดออกแลว ฮาฮาฮา ขาคิดออกแลว พี่หวงฮุน ขาคิดออกแลว”
อูฉี่หรงกระโดดโลดเตนดวยความยินดี
ทุกคนมองไปยังอูฉี่หรง น้ำตาเออขึ้นมาที่ดวงตาอันเปยมดวยความหวัง
หลังจากผานไปสามวันสามคืนเต็มๆ อูฉี่หรงเหนื่อยลาโรยแรงยิ่งนัก แตวาในขณะนี้
ดวงตาของเขาเปลงประกายเจิดจา “มันยากเกินไปที่จะหาเงินหารอยลานหยวนดวย
วิธีปกติธรรมดา ดังนั้นเราตองทำในสิ่งที่แปลกใหม พี่หวงฮุนเปนผูใชธาตุไม พวกเจา
ลืมไปแลวหรือวาผูใชธาตุไมมีจุดเดนในเรื่องใด”
“การรักษา!”
“วิ่งหนี!”
เปรี้ยง!
รางหนึ่งลอยขึ้นไปกลางอากาศ
สีหนาของตวนมูหวงฮุนยังคงไรอารมณใดๆ เมื่อเขารั้งเทากลับมา
เปนความจริงที่วาผูใชธาตุไมนั้นไมคอยชอบอยูในสนามรบ และเรื่องนี้เห็นได
เดนชัดในชวงหลายปมานี้ ในสิบสามหนวยมีหนวยธาตุไมอยูสองหนวยไดแก หนวย
หญามรณะ และหนวยไมแท การหลบหนีไมใชเรื่องใหญอะไรสำหรับหนวยไมแท
เพราะหนาที่หลักของพวกเขาคือการรักษาพยาบาล สวนในหนวยหญามรณะนั้นมี
สถานการณที่ไมนาพอใจของผูใชธาตุไมอยูมากมาย ถึงแมวามันจะถูกประกาศวา
เกิดขึ้นเนื่องจากกระบวนการคัดสรรคนอยางเขมงวด แตเหลารุนเยาวของตระกูลทรง
อิทธิพลลวนรูเหตุผลที่แทจริงอยางแจมแจง
อยางไรก็ตามผูมีอำนาจระดับสูงในอูสิงเทียนไมคอยพอใจกับเรื่องนี้
ตวนมูหวงฮุนจองไปทางอูฉี่หรงที่กำลังงุนงงและกลาววา “พูดตอซิ”
อูฉี่หรงไดสติโดยพลัน และรีบพูดตออยางกระวีกระวาด “ผูใชธาตุไมมีความ
เชี่ยวชาญในการเพาะปลูกพืชสายพันธุใหมๆ ขาสงสัยวาพวกเราจะสามารถใชแนวคิด
นี้ทำอะไรไดบางหรือไม เราไมจำเปนตองทำอะไรยิ่งใหญแบบตนถั่วเงามายา แคสาย
พันธุยอยที่มีความสามารถในการประยุกตใชไดจริง เราก็อาจสามารถหาเงินหารอย
ลานหยวนไดงายๆ ดวยการขายสายพันธุนี้ออกไป”
ตวนมูหวงฮุนดูเหมือนจะครุนคิดอยางหนัก จายเงินหารอยลานหยวนเพื่อซื้อ
วัตถุดิบชนิดใหมนั้นไมถือวาเปนราคาที่แพงเกินไป
“ยิ่งไปกวานั้น พวกเราก็สามารถชวยในสวนนี้ไดเชนกัน พวกเราชวยเหลือพี่หวงฮุน
โดยการสืบหาขอมูลวาวัตถุดิบประเภทใดที่สามารถทำกำไรไดดีเปนที่ตองการของ
ตลาด ทำใหเราสามารถสรางสรรคสิ่งที่ตรงกับความตองการขึ้นมาได
อาจารยของพี่หวงฮุนเปนยอดปรมาจารยผูใชธาตุไม และคาดวาทานคงเคยทำการ
วิจัยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาไมนอย พี่หวงฮุนเองก็เปนผูมีพรสวรรค ดังนั้นขาจึงมี
ความรูสึกวาวิธีนี้มีความเปนไปไดสูง หากเราผลิตสิ่งใหมขึ้นมาได ใครจะกลาเลน
ตุกติกกับเงินของเรากัน”
ทุกคนจองมองไปที่ตวนมูหวงฮุนเปนตาเดียว นี่เปนความคิดที่เปนไปไดมากที่สุด
แลวที่พวกมันคิดขึ้นมา
ใบหนาของตวนมูหวงฮุนยังคงลึกลับเชนเคย
แตในยามที่ทุกคนกำลังจะสิ้นหวัง ตวนมูหวงฮุนก็กลาวขึ้นมาดวยน้ำเสียงที่ ไม
เปลี่ยนไปแมแตนอยวา “ไปลานโดกันเถอะ”
ทุกคนชะงักไปครูหนึ่งกอนจะระเบิดเสียงไชโยยินดีออกมา
บทที่ 113 ขอความประหลาด
อายฮุยคอนขางมั่นใจวาอาจารยหญิงจะตองดุเขาอยางแนนอน แตเขาไมคาดคิด
เลยวานางจะโยนถุงมือเถาวัลยกระบี่คูใหมใหเขาโดยไมพูดอะไรเลยแมแตคำเดียว
โรงเย็บปกไมไดจัดจำหนายถุงมือเถาวัลยกระบี่ และก็มีเพียงเขาคนเดียวเทานั้นที่ใช
มันเหมือนกับวาอาจารยหญิงไดใชเวลาทั้งคืนผลิตมันขึ้นมาใหกับเขา
อายฮุยรูสึกซาบซึ้งใจ อาจารยหญิงเปนตัวอยางที่เหมาะสมกับคำวา “ปากรายใจดี”
นางปฏิบัติตอเขาประหนึ่งเขาเปนศิษยของนางเอง
ซากโรงงานถูกเก็บกวาดออกไปแลว
อยางไรก็ตามมันออกจะไมเหมาะสมหากอายฮุยจะทำการฝกอยูภายในโรงเย็บปก
ดังนั้นเขาจึงนำถุงมือเถาวัลยกระบี่กลับไปยังโรงฝก
อายฮุยรับรูไดถึงผลของถุงมือเถาวัลยกระบี่ก็ในยามที่เขาฝกฝนเทานั้น
อายฮุยสูดหายใจลึกกอนที่จะเริ่ม
ถุงมือเถาวัลยกระบี่ก็ทำงานไดอยางดี ในทันทีที่เขาคลายปมผาพันแผลโลหิตที่ผกู
ไวกับถุงมือเถาวัลยกระบี่ เขาก็สัมผัสไดถึงการสั่นสะเทือนของมวลพลังธาตุในคลัง
ชีวิตของเขา และก็มีเสนใยพลังธาตุบางเฉียบลอยออกมา
แตทวาสิ่งที่ทำใหอายฮุยประหลาดใจก็คือถุงมือเถาวัลยกระบี่ไมใชสาเหตุที่ทำให
ลูกทรงกลมสีเงินในตำหนักฝามือของเขาหมุนวนดวยความเร็วสูง
เสนใยพลังธาตุอันละเอียดออนลอยออกมาและเคลื่อนเขาไปในลูกทรงกลมสีเงิน
ที่ตำหนักฝามือเหมือนกับนกนอยที่เหนื่อยลาบินกลับสูรัง
ร า งของอ า ยฮุ ย สะดุ ง และตำหนั ก ฝา มื อ ทั ้ ง สองก็ร  อ นขึ ้น อย า งฉั บ พลั น ให
ความรูสึกราวกับวามือของเขากำลังถูกเผาไหมอยู กอนที่อายฮุยจะทันมีปฏิกิริยาอะไร
กระแสพลังธาตุจากมวลพลังธาตุในคลังชีวิตก็ไหลทะลักเขาใสตำหนักฝามือทั้ งสอง
ขางของเขาอยางตอเนื่อง
อุณหภูมิที่ตำหนักฝามือทั้งสองเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็ว อายฮุยรูสึกราวกับวามือทั้ง
สองขางของเขากลายเปนขาหมูในหมอตุนไปแลว เขาแทบกระโดดโหยงแตก็ฝนทน
เอาไวได เขารูสึกไดวาลูกทรงกลมสีเงินในมือของเขาขยายตัวอยางรวดเร็ว
ไมเพียงแตขนาดของลูกทรงกลมที่ขยายตัวขึ้น แตมันเปลี่ยนรูปรางไปดวยลูกทรง
กลมสีเงินเริ่มยุบตัวจากสวนกลางและคอยๆ เปลี่ยนรูปรางตอหนาตอตาของอายฮุย
กลายเปน
วังวน!
ลูก ทรงกลมสีเงินยังคงขายตัว ตอ ไปขณะเดี ยวกั นก็ เปลี ่ ยนรู ปทรงไปดวยจน
กลายเปนวังวนสีเงิน
วังวนพลังธาตุสีเงินคอยๆ ขยายตัวอยางเชื่องชาและตอเนื่อง อายฮุยรูสึกยิ่งกวา
ยินดีที่ไดเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยทั่วไปแลวเมื่อนักเรียนเปดตำหนักฝามือไดสำเร็จ
นั้น มันแทบเปนไปไมไดเลยที่จะเติมเต็มพลังธาตุเขาไปภายในระยะเวลาแควันสองวัน
เพราะพลังธาตุนั้นเบาบางอยางมากในธรรมชาติ แมวาจะมีอาหารพลังธาตุเปนตัวชวย
ก็ตองใชเวลาในการสะสมอยูดี
แตสถานการณของอายฮุยนั้นแตกตางไปอยางสิ้นเชิง ในรางกายของเขาอัดแนน
ไปดวยพลังธาตุปริมาณมหาศาล
ไมเพียงแควังวนพลังธาตุในมือทั้งสองของเขาขยายตัวอยางนาเหลือเชื่อ แตมันยัง
เพิ่มความสามารถในการดูดซับพลังธาตุขึ้นอยางตอเนื่องอีกดวย
ทวาอายฮุยกลับเริ่มรูสึกวามีบางอยางผิดปกติ ไมเพียงแคความเร็วในการดูดซับ
พลังธาตุเพิ่มขึ้น แตความเร็วในการโคจรของพลังธาตุในกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอยาง
มากเชนกัน ซึ่งนั่นจะสรางภาระใหกับรางกายของเขาอยางมาก
แมวาการหมุนเวียนของพลังธาตุจะไมเร็วเทากับตอนตอสู แตมันก็หมุนเวียนอยู
เปนเวลายาวนานกวามากนักซึ่งกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงอยางเห็นไดชัดตอรางกาย
ของอายฮุย กลามเนื้อทั่วรางของเขาเริ่มบวมขึ้นและสั่นสะทาน เหงื่อเม็ดโปงผุดขึ้น
และไหลลงมาเปนสายธาร
ในทายที่สุด กอนจะถึงจุดที่เขาไมอาจอดทนทานไดอีกตอไปเพียงนิดเดียว อายฮุยก็
สามารถผูกเงื่อนบนถุงมือเถาวัลยกระบี่ไดสำเร็จ
ความเชื่อมโยงระหวางตำหนักที่ฝามือทั้งสองกับคลังชีวิตของเขาก็ตัดขาดในทันที
ทำใหเขารูสึกโลงอกไดในที่สุด อายฮุยหอบหายใจอยางรุนแรงเหมือนคนที่จมน้ำแลว
ไดรับการชวยชีวิตขึ้นมาได เขานอนเหยียดกายอยูบนพื้นหนังตาหยอนจนเกือบปด
หลังจากผานไปเนิ่นนาน ดวงตาที่ขุนมัวของเขาก็เริ่มฟนตัว ภาพทองฟากระจาง
ประดับไปดวยดวงดาวพรางพรายคอยๆ ชัดเจนขึ้น
ถึงแมวาเขาจะยังนอนหอบหายใจ รางกายไรซึ่งเรี่ยวแรง แตสมองของเขาไมได
วางเปลาอีกตอไป ดูเหมือนวาเขาจะไมไดขยับตัวสักนิดเดียว แตในความเปนจริงแลว
เขากำลังพยายามอยางมากที่จะลุกขึ้น เมื่อตรวจสอบตำหนักที่ฝามือ เขาก็รับรูไดวา
วังวนพลังธาตุนั้นยังคงหมุนวนตอไปดวยตัวของมันเอง แตวามันหมุนดวยความเร็วที่
คงที่ไมเพิ่มขึ้นอีกตอไป แสงเรืองสีขาวเงินเล็ดลอดผานชองวางของถุงมือเถาวัลย
กระบี่ออกมาใหเห็นจางๆ หากเขาถอดถุงมือเถาวัลยกระบี่ออก ก็จะสามารถมองเห็น
วังวนที่ทอแสงสีเงินยวงออกมาจากตำหนักฝามือทั้งสองขางไดอยางชัดเจน
นับเปนโชคดีที่ถุงมือเถาวัลยกระบี่ชวยปดบังแสงเรืองนั้นเอาไว มิเชนนั้นมันคง
สะดุดตาจนเกินไป อายฮุยไมชอบอะไรที่ดูโดดเดนจนเกินไป ยิ่งสะดุดตาเทาไรก็ยิ่ง
เปนเปาในการโจมตีไดงายขึ้นเทานั้น
มวลพลังธาตุในคลังชีวิตลดขนาดลงเล็กนอย ถึงแมวามันจะไมมากมายอะไรนัก
แตก็นับเปนจุดเริ่มตนที่ดีอยางไมตองสงสัย
อายฮุยรูสึกไดเลยวาความเร็วในการฟนคืนพลังของเขานั้นรวดเร็วกวาแตกอน
มาก นั่นเปนเพราะการเปดออกของตำหนัก เมื่อใดก็ตามที่ตำหนักเปดไดสำเร็จ การ
ทำงานหลายอยางของรางกายจะพัฒนาขึ้นในระดับที่แตกตาง
ตามคำอธิบายของอาจารย พลังชีวิตของเขาเปนตัวชี้วัดที่ดี เมื่อระดับพื ้น ฐาน
สูงขึ้น พลังชีวิตก็จะเพิ่มขึ้นเชนกัน
อายฮุยรูสึกวาคำนิยามของอาจารยนั้นชางชาญฉลาด
เขาวางแผนที่จะลงไปแชในน้ำพุรอนในลานวางหลังโรงฝก เพราะมันชวยใหการ
ฟนฟูของเขาเร็วขึ้น และเมื่อเขาฟนตัวเต็มที่เขาก็จะกลับมาฝกฝนอีกครั้ง
ในตอนที่อายฮุยกำลังจะเริ่ม เขามองไปทางตนขาวสาร
ใบไมใบหนึ่งบนตนขาวสารมีแสงเรืองจางๆ
สาวนอยรานบะหมี่หรือ อายฮุยรูสึกตื่นเตน ผานมาสักพักแลวที่เขาไมไดขาวจากนาง
พักหลังนี้ดูเหมือนนางจะหายตัวไปเลย แตเมื่อคิดดูแลวอายฮุยก็รูสึกสงสัยเล็กนอย
ทำไมสาวนอยรานบะหมี่ถึงไดสงขอความมาดึกดื่นเชนนี้
แตเมื่อเขาไปใกลๆ ตนไมเขาถึงไดรูวาใบไมที่เปลงแสงออกมานั้นไมใชใบไมใบ
เดียวกับที่เด็กสาวรานบะหมี่ใชครั้งกอน
แลวมันเปนของใครกัน
อายฮุยงุนงง เขาไมรูจักใครอื่นอีกแลวในสนามเหนี่ยวนำ แตหลังจากครุนคิดดู
แลวเขาก็สายหนา เขาทำตัวชินชาเสียจนลืมไปแลววาเขาเปนแคเพียงภารโรงของที่นี่
เทานั้น
อาจเปนขอความจากเพื่อนของเถาแกโรงฝกศาสตราวุธแหงนี้ก็เปนได
เมื่อไดขอสรุปดังนี้ อายฮุยก็ตัดสินใจที่จะปลอยมันไป และหันหลังกลับ ทันใด
นั้นเองเขาก็เปลี่ยนความคิด เจาของโรงฝกแหงนี้ไมไดกลับมาเปนเวลายี่สิบปแลว อาย
ฮุยคาดเดาวานี่เปนขอความจากเพื่อนที่ไมไดติดตอกันมาเปนเวลานาน แตถาหากมัน
เปนเรื่องฉุกเฉินเลา บางทีเขาควรจะตอบกลับไปเพื่อแจงใหอีกฝายทราบวาเจาของ
โรงฝกไมไดกลับมาเปนเวลาหลายปแลว
อายฮุยวิ่งกลับเขาไปขางในเพื่อเอาปากกา โชคดีที่โหลวหลานเปนตุกตาทราย
นิสัยดีที่ชอบการเลาเรียน มีปากกาเก็บไวที่นี่สองสามดาม
เขาเดินตรงไปยังใบไมที่เรืองแสงและจองมองมันดวยความสงสัย นี่เปนครั้งแรกที่
เขาใชตนขาวสาร ความเปนเด็กบานนอกในตัวเขาเต็มไปดวยความสงสัย เขารูสึกวา
มันชางนาอัศจรรย
เอะ อายฮุยขมวดคิ้ว บนใบไมมีขอความอยูเพียงสี่ประโยค ที่ฟงดูไมมีเหตุผลเอา
เสียเลย
“ขาไมรูวาใครในหมูพวกเจายังมีชีวิตรอดอยู แตขารูวาไมมีใครสามารถหยุดพวก
มันได พวกมันเตรียมการทุกอยางเสร็จเรียบรอยแลว ทุกอยางจะเปลี่ยนไปภายในหก
วัน ใครเลาจะเปนผูปกปองอูสิงเทียน”
อายฮุยอานขอความซ้ำอีกสองสามรอบแตเขาก็ยังรูสึกวามันไมสมเหตุผลอยูดี
พวกมัน หกวันหลังจากนี้ ทุกอยางจะเปลี่ยนไป
อายฮุยที่เตรียมตัวจะเขียนตอบกลับไปวางปากกาลง ขอความนี้ทำใหเขารูสึกเย็น
เยียบขึ้นมา เสมือนหนึ่งวาเถาแกโรงฝกแหงนี้ตองเปนพวกแปลกๆ หรือไมก็มีเพื่อน
แปลกๆ อยางแนนอน
แลวใครกันที่จะสามารถปกปองอูสิงเทียนเอาไวได
อายฮุยตะลึงงัน อูสิงเทียนมีรากฐานที่มั่นคง และเขาไมเคยไดยินอะไรเกี่ยวกับ
ความไมมั่นคงของอูสิงเทียนมากอนเลยตลอดเวลาที่เขาอยูในแดนราง และความเชื่อ
นี้ก็ยิ่งหนักแนนขึ้นเมื่อเขากาวเขาสูสนามเหนี่ยวนำ
เมื ่ อ เที ย บกั บ แดนร า งแล ว อู  ส ิ ง เที ย นเป น ดั ่ ง แดนสวรรค ไม ม ี ก ารสู  ร บ
สภาพแวดลอมชางปลอดภัยและสุขสงบ
หลังจากครุนคิดอยูพักหนึ่ง อายฮุยก็เขียนลงไปบนใบไมวา “บางทีเจานาจะไปหา
หมอนะ”
มองดูตัวหนังสือเลือนหายไป อายฮุยรูสึกวาตนไมสื่อสารชางนาทึ่งเสียจริง
อายฮุยรูสึกพอใจ เมื่อเขาเดินไปยังลานดานหลังเพื่อแชน้ำพุรอน
ทวาไมนานหลังจากอายฮุยเดินไป ใบไมก็สวางขึ้นอีกครั้ง
บทที่ 114 การฝกฝนไกลบาน
อายฮุยไมอยากใหความสนใจกับพวกแปลกประหลาด ตอใหมีเหตุการณรายแรง
เกิดขึ้นจริงๆ มันก็ไมใชเขาอยางแนนอนที่จะไปกูโลก แลวเขาจะตองเปนหวงไปทำไม
เขาเปนคนที่ออนแอไรความสำคัญราวกับไมมีตัวตนอยูแลว
เขายังคงฝงตัวเองอยูกับการฝกฝน มีเพียงแคการฝกฝนเทานั้นที่ทำใหเขารูสึกวา
เปนการใชเวลาใหคุมคาอยางแทจริง เขาเพิ่งจะเปดไดเพียงสองตำหนัก และระดับ
พลังพื้นฐานของเขาก็ไมนับวาสูงสงอะไรในสนามเหนี่ยวนำแหงนี้ นอกเสียจากวาเขา
จะมีวิชาลับขั้นสูงแบบจูเหยี่ยน
แตทวาการฝกฝนของเขาถูกขัดขวางในวันที่สอง
“การฝกฝนไกลบานคืออะไร”
ทุกคนมีคำถามอยูในใจเมื่อมองไปยังอาจารยสวี่ ซึ่งเรียกตัวทุกคนมาในวันนี้
อาจารยสวี่อธิบาย “ใชแลว ทุกปเราจะจัดใหมีการเดินทางไกลของนักเรียนทุก
คนในชั้น วัตถุประสงคหลักก็คือใหทุกคนไดออกไปเห็นโลกกวาง อาจารยจะเปนคน
นำกลุมและทางโรงเรียนจะสงอาจารยอีกสองสามคนมากับเราดวย นอกจากนี้ยังมีครู
ฝกจากกลุมผูมีพรสวรรคอีกสองคนมารวมเดินทางกับเราในครั้งนี้ เราจะเดินทางไปยัง
บริเวณรอบนอกของสนามเหนี่ยวนำ”
ในขณะที่นักเรียนรสวนใหญกระตือรือรนที่จะออกเดินทาง ตวนมูหวงฮุ นกลับ
ขมวดคิ้ว “อาจารย ขาไมขอรวมการเดินทางไกลครั้งนี้ไดหรือไม ขามีการฝกฝนที่
สำคัญมากที่ตองทำในตอนนี้”
คนเนรคุณ! คนเนรคุณ! คนเนรคุณ!
อายฮุยสบถออกมาในใจสามครั้งติดตอกันกอนที่จะหันหนาไปมองอาจารยสวี่
ดวยสีหนาคาดหวัง หากอาจารยสวี่อนุมัติ ถาอยางนั้นเขาก็สามารถใชขออางเดียวกัน
เพื่ออยูตอไดเชนกัน
ไมมีใครคัดคานคำพูดของตวนมูหวงฮุน เมื่อดูจากระดับพลังของเขาแลว มันเปน
ความจริงที่วาการเดินทางไกลนี้ไมมีประโยชนอะไรตอการฝกฝนของเขานัก
เสียแตอาจารยสวี่สายหนา “ไม นักเรียนตวนมู นี่เปนครั้งแรกที่ชั้นเรียนของเรามี
กิจกรรมรวมกัน ทุกคนตองเขารวม เจาเปนหัวหนาหองและเจาตองทำตัวเปนตัวอยาง
ที่ดี”
ตวนมูหวงฮุนอาปากคาง แตเขาตัดสินใจอยางแนวแนวาจะไมเอยอะไรออกไป
เมื่อไดยินดังนั้นอายฮุยก็ยอมแพเชนกัน
หากอาจารยไมยอมอนุมัติคำขอของไอคนเนรคุณนั่น เขาก็คงไมมีหวังที่จะขอได
สำเร็จ ในขณะที่อายฮุยรังเกียจพฤติกรรมเนรคุณของตวนมูหวงฮุน เขาตองยอมรับ
อยางชวยไมไดวาไอคนเนรคุณนั่นไดรับการยอมรับจากพวกอาจารยมากกวาตัวเขาไม
รูตั้งกี่เทา
โชครายอะไรเชนนี้....
ในเมื่อเขาไมอาจเปลี่ยนแปลงอะไรได อายฮุยก็เริ่มวางแผนการไปทัศนศึกษาครั้งนี้
ดูเหมือนวาเขาจะตองเสียเวลาไปสองสามวัน เขาควรใหโหลวหลานเตรียมเสบียง
กรังที่จะใชในการฟนฟูพลัง เขาจะไดฝกฝนระหวางการเขาคาย
ออ แลวเขายังตองไปหาผูจัดการหลี่เพื่อเลือกกระบี่ที่เหมาะมือสักอัน ถึงแมวา
สนามเหนี่ยวนำจะเปนที่ปลอดภัย แตมันก็เปนการดีกวาหากจะเตรียมพรอมเอาไว
กอน ทักษะปองกันตัวเองมีความสำคัญที่สุด
อาหารแหงและกระบี่หนึ่งเลม อายฮุยหัวเราะออกมาอยางขมขื่น ตองใชเงินไม
นอยเลย
เขาเหลือเงินประมาณสามแสนหยวนและนั่นก็เปนเพราะวาเขาไดรับเงินลวงหนา
จากผูจัดการหลี่ เขาดูเหมือนจะไมเคยมีเงินเพียงพอใหใชเลย ซ้ำยังเปนหนี้อาจารย
หญิงอีกกอนโต ซึ่งเขาจะตองหาเงินมาใชคืนอยางแนนอน อายฮุยไมกลาที่จะคิดถึง
เงินแปดสิบลานหยวนของสาวนอยรานบะหมี่เลย
ขนกระตาย หนอ ขนกระตาย เจาตองขายดีนะ!
เมื่อกลับไปถึงโรงฝก อายฮุยก็มอบเงินหาหมื่นหยวนใหกับโหลวหลานเพื่อนำไปซื้อ
วัตถุดิบในทำเคกเสริมพลังธาตุ ตองขอบคุณน้ำแกงพลังธาตุของโหลวหลาน อายฮุย
จึงสามารถฟนฟูจากการฝกเมื่อคืนไดอยางรวดเร็ว ประสิทธิภาพของน้ำแกงพลังธาตุ
นั้นจะคงอยูเปนเวลานานสามวันแตจะลดประสิทธิภาพลงทุกวัน ถึงแมวาน้ำแกงพลัง
ธาตุนั้นมีประสิทธิภาพสูงกวาเคกเสริมพลัง แตน้ำแกงก็มีราคาแพงกวามาก
หลังจากนั้นอายฮุยก็เดินทางไปยังรานของผูจัดการหลี่ตามลำพัง
อันที่จริงแลวนี่เปนครั้งแรกที่อายฮุยกาวเทาเขามาในรานขายอาวุธของผูจัดการหลี่
มันอยูไมไกลจากโรงฝกเทาไรนัก แตอันที่จริงแลวเมืองซงเจียนก็ไมไดใหญโตอะไรอยู
แลว
แสงแวววับจากอาวุธที่จัดวางไวบนชั้นทำใหอายฮุยตาลุกวาว
เมื่อเห็นความปรารถนาของอายฮุยและไดยินวาอายฮุยวางแผนที่จะซื้ออาวุธ
ผูจัดการหลี่ก็ตอนรับเขาดวยความกระตือรือรน “แหม เชิญทดลองไดตามสบาย หาก
พบชิ้นไหนที่ถูกใจก็บอกไดเลย ขาจะลดราคาใหเปนพิเศษ”
อายฮุยมองไปยังกระบี่ตางๆ ที่จัดวางเรียงรายอยูแลวน้ำลายไหล ในฐานะคนที่
เคยผานการสูรบมามากมาย เขาก็มีความหลงใหลในอาวุธที่ฝงแนนอยูภายใน สำหรับ
เขาแลว อาวุธมีน้ำหนักที่สุดในการตัดสินระหวางชีวิตกับความตาย
ในแดนราง เขาใชกระบี่หญาเปนอาวุธซึ่งจัดอยูในระดับพื้นฐานที่สุด มันมีราคา
ประมาณสองถึงสามพันหยวนเทานั้น เทียบเทาบะหมี่สิบกวาชามเทานั้นเอง
กระบี่หญาเองก็มีหลายระดับ แตกระบี่หญาคุณภาพสูงนั้นราคาก็ไมคอยถูกนัก
ในแวบแรก อายฮุยมองไปที่กระบี่หญาฟนเลื่อยที่มีราคาหนึ่งแสนสองหมื่นหยวน
ในอดีตเขาเคยไดทดลองใชกระบี่ที่คลายคลึงกับกระบี่หญาฟนเลื่อยมากอน แตเขาไม
มีปญญาหาซื้อมันในตอนนั้น กระบี่หญาฟนเลื่อยนั้นมีน้ำหนักคอนขางมาก อายฮุยมี
ความไวตอสัมผัสของอาวุธและเขาเดาวากระบี่นี้มีน้ำหนักมากกวากระบี่หญาฟนเลื่อย
ที่เขาเคยใชถึงสองเทาครึ่ง หากเปนในอดีต เขาอาจตองใชความพยายามไมนอยใน
การยกมันขึ้น แตในตอนนี้ดวยพลังที่เพิ่มขึ้นในรางกายของเขาทำใหรางกายของเขา
แข็งแรงมากขึ้น ดังนั้นการใชกระบี่หนักกลับชวยเพิ่มขอไดเปรียบใหแกเขา
คมกระบี่เปนสีเทาเขม สวนฟนเลื่อยนั้นเปนสีแดงเขมเรียวบางและแหลมคมอยางยิ่ง
หญาฟนเลื่อยปลูกกันอยางแพรหลายโดยผูใชธาตุไมและมันตองใชดินโลหะในการ
ปลูก มันใชเวลาหนึ่งปในการเติบโตและสามารถใชในการผลิตเปนกระบี่หรือดาบใน
หองผลิตระดับหนึ่งของหนวยหญา เมื่อเทียบกับกระบี่หญาฟนเลื่อยแลว ดาบหญาฟน
เลื่อยมีประโยชนใชสอยที่หลากหลายกวา และมันก็มีพลังทำลายลางที่สูงกวาอีกดวย
สีและความเงาของหญาฟนเลื่อยนั้นเปลี่ยนไปตามอายุของมัน ยิ่งมันมีอายุมาก
เทา ไร สีก ็ย ิ่งเขมขึ้นเทา นั้น หากหญ า ฟ น เลื ่ อ ยมี อ ายุ มากกว าสิ บ ป สี ข องมั นจะ
เปลี่ยนเปนสีดำและมันมีราคาสูงมากทีเดียว
อยางไรก็ตาม สิ่งที่ทำใหอายฮุยตกตะลึงมากที่สุดก็คือราคาของกระบี่หญาฟนเลื่อย
ดวยราคาหนึ่งแสนสองหมื่นหยวน ซึ่งนับวาถูกมาก หากมีขายในรานเติมเสบียงที่
ตั้งอยูในแดนรางแลวละก็ ราคาของมันจะตองอยูที่ประมาณสามแสนหาหมื่นหยวน
อยางแนนอน
ถึงแมวาเมืองซงเจียนจะอยูแนวหลังไมใชแนวรบ แตราคาหนึ่งแสนสองหมื่นหยวนก็
ยังถูกเกินไปอยูดี อายฮุยตัดสินใจซื้ออยางไมลังเล
น้ำหนักกระบี่นี้หนักกวากระบี่หญาทั่วไปมาก หากไมมีความแข็งแกรงระดับหนึ่ง
แลวละก็ คงเปนการยากที่จะใชมัน ถึงแมวามันจะเปนเรื่องปกติที่จะมีนักเรียนบางคน
สามารถใชกระบี่เชนนี้ได แตราคาที่ต่ำแบบนี้คงไมมีใครหาได
หลังจากถามเหตุผลจากผูจัดการหลี่แลว อายฮุยก็พูดอะไรไมออก
เหตุผลนั้นเปนเพราะสีของกระบี่ไมสวย ดังนั้นมันจึงไมเปนที่นิยมของนักเรียนซึ่ง
เปนเหตุใหราคาต่ำลง
ผูจัดการหลี่ทำการแนะนำกระบี่หญาชนิดอื่นที่เรียกวา “แดงเพลิง” ที่เขาอางวา
เปนสินคาขายดี กระบี่มีสีแดงสดทั่วทั้งตัวกระบี่ สองประกายสีแดงระยิบระยับ ดู
เหมือนเหล็กที่ถูกเผาจนแดงจา ยามกวัดแกวงจะมีประกายไฟพวยพุงออกมา ดูราว
กับการแสดงดอกไมไฟอันสวยสดงดงาม
นี่เปนครั้งแรกที่อายฮุยเห็นกระบี่หญาที่เปลงประกายแพรวพราวขนาดนี้ และนั่น
ทำใหเขาประหลาดใจ เมื่อมองใกลๆ ก็ยิ่งทำใหสีหนาของเขาเปลี่ยนไป ใบกระบี่ที่
เปลงแสงสีแดงเจิดจานั้นไมทำใหรูสึกรอนเมื่อสัมผัสแตกลับใหความรูสึกเย็นเยียบ
ประกายไฟที่พวยพุงออกมานั้น อันที่จริงแลวเปนเมล็ดพันธุหญา
ผูจัดการหลี่บอกวาผูใชพลังธาตุดินที่เพาะพันธุหญาแดงนี้ไมตองการที่จะขายมัน
ในตอนแรก คุณภาพของหญาแดงนั ้น คอนขา งต่ำดังนั ้นกระบี่ท ี่สรา งออกมาจึ งมี
คุณภาพปานกลางเทานั้น
อยางไรก็ตาม ผูจัดการหลี่มีวิสัยทัศนที่กวางไกล เขาจึงตัดสินใจซื้อสิทธิ์ในการจัด
จำหนายมา เมื่อเขานำกระบี่เขามาขายในสนามเหนี่ยวนำมันก็กลายเปนที่นิยมอยาง
รวดเร็ว ผูมีประสบการณที่ทองไปในแดนรางอาจไมคิดวากระบี่ที่เจิดจาและคุณภาพ
ปานกลางจะนำไปใชประโยชนได แตพวกนักเรียนที่ไมไดใชกระบี่ในการรบจริงกลับ
ชอบกระบี่เชนนี้และรูสึกวากระบี่หญาแดงเพลิงนั้นชางหรูหราและงดงาม
อายฮุยยกนิ้วโปงให
ขาชอบความคิดไรยางอายของทานจริงๆ
ขนกระตายเอย ขาตองพึ่งเจาแลว!
หลังจากกลับมาถึงโรงฝกก็แกะหอของที่อาจารยสวี่ไดมอบใหกับเขา แตเมื่อเขา
ไดเห็นตำแหนงของสถานที่ซึ่งจะไปทัศนาจรกันจริงๆ แลวเขาก็รูสึกเสียขวัญเล็กนอย
สนามเหนี่ยวนำเคยเปนแนวรบมากอน แตเนื่องจากการขยายตัวของอูสิงเทียนทำให
สนามเหนี่ยวนำกลายเปนแนวหลังไปในที่สุด แตที่ตั้งของมันอยุใกลกับดินแดนเกา
และเปาหมายในการเดินทางครั้งนี้ก็คือบริเวณรอยตอนั้น
ดินแดนเกา…
บทที่ 115 ผูเฝามองอยางสันโดษ
อายฮุยยืนถือกระบี่หญาฟนเลื่อยไวในมือ ปรายสายตาอันเยือกเย็นไปยังเพื่อน
รวมชั้นที่กำลังอาเจียนออกมาอยางตอเนื่อง ในครั้งแรกที่เขานั่งรถใบไมสามแฉก เขา
เองก็อวกเชนกัน อันที่จริงแลวมากกวาพวกนักเรียนเหลานี้เสียอีก ดังนั้นเขาจึงไมรูสึก
เห็นอกเห็นใจคนพวกนี้เลยสักนิด เห็นไดชัดวาผูใชพลังธาตุไมที่ขับรถคันนี้ผอนแรงให
มากแลว
เมื่อเทียบกับรถใบไมสามแฉกที่ใชกันในเมืองแลว การนั่งรถบรรทุกใบไมสามแฉก
นั่นโหดกวามาก
โหดกวาในทุกแงมุม
ดวยใบและกานที่แข็งกวา หากรถใบไมสามแฉกเปรียบเหมือนสตรีที่ออนโยน
นุมนวลแลว รถบรรทุกใบไมสามแฉกก็เปรียบเหมือนยักษเหล็กล่ำบึ้ก กานที่หนาพอๆ
กับนองทนทานขนาดที่กระบี่ยังไมอาจทำลายมันไดโดยงาย สวนใบนั้นก็เหมือนกับ
ดาบ มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของบานประตู ยามที่รถเคลื่อนตัวมันก็สงเสียงชวนขน
หัวลุกไปดวย
รถบรรทุกสามแฉกไมเพียงแตจะตองบรรทุกสินคาใหไดปริมาณพอสมควร แตมัน
ยังตองทนทานเพื่อที่จะปองกันสินคาอีกดวย อีกทั้งยังตองมีความคลองตัวในระดับ
หนึ่ง พืชสีสันสดใสกระจายอยูสวนนอกของรถ ไมวาจะเปนดอก หนอ หนาม ซึ่งมี
ความสำคัญแตกตา งกัน ยกตัวอยางเชน บางสวนสามารถพน ไอพิษออกมาอย า ง
ตอเนื่องเพื่อขับไลอสูรแดนรางที่บินได ชวยแหวกทางหนีทีไลในสถานการณอันคับขัน
อยางไรก็ตาม อสูรแดนรางที่บินไดนั้นคอนขางอึด และความรุนแรงของพิษนั้นก็
จำกัด อันที่จริงแลวเปนกลิ่นของไอพิษตางหากที่ชวยใหรถบรรทุกสามารถหลบหนี
ออกไปได เพราะอสูรแดนรางบินไดสวนใหญนั้นเกลียดกลิ่นฉุน
ถึงแมวารถบรรทุกที่ใชเดินทางเขาออกแดนรางนี้มีความยืดหยุนและวองไวกวา
รถใบไมสามแฉกที่ใชกันในเมือง ทำใหมันเหมือนชายรางยักษที่มีความวองไวและ
แข็งแกรง แตผูใชพลังธาตุไมที่ขับรถบรรทุกนั้นปกติแลวชอบที่จะมอบประสบการณ
อันเลวรายใหกับพวกเด็กใหม
กระนั้นอายฮุยกลับสนุกกับการนั่งรถ
ผูใชพลังธาตุไมที่นั่งอยูหนารถในตอนนี้เห็นไดชัดวาจงใจไมทำใหมันรุนแรงเกินไป
ระดับการกระเดงกระดอนนั้นแคทำใหรูสึกงวงนอน
พวกนักเรียนคนอื่นลวนอยูในสภาพย่ำแย ตลอดชีวิตของพวกเขาลวนแตโดยสาร
ในพาหนะอยางเมฆเพลิงและรถใบไมสามแฉก แลวจะมีประสบการณการนั่งรถที่ปา
เถื่อนแบบนี้ไดอยางไร
อายฮุยเหลือบตาไปมองเจาคนเนรคุณ
เจาเนรคุณถูกจัดใหนั่งขางๆ เขา แตเมื่อเทียบกับนักเรียนคนอื่นแลวตวนมูหวงฮุนทำ
ไดดีทีเดียว เขายังคงนั่งนิ่งอยูกับที่ แมวาสีหนาของเขาจะไมสูดีนัก แตเขาก็ยังไมถึงกับ
สำรอกออกมา
อายฮุยพลันสังเกตไดวารางกายของตวนมูหวงฮุนเขม็งเกร็ง เขาเลยขยับเขาหา
และใหคำแนะนำดวยน้ำเสียงหมานเมินวา “อวกออกมาเถอะ อยาอั้นไวเลย เจาจะ
สบายขึ้นถาไดอวกออก...”
โอก!
ตวนมูหวงฮุนที่พยายามฝนอยูนานพลันรูสึกวาลำคอแหงผากและคันมาก เขาไม
อาจฝนทนไดอีกตอไป ตวนมูหวงฮุนโกงคอและปลดปลอยออกมาราวเขื่อนแตก
“อวกรดตัวเอง ชางสะเพราอะไรเชนนี้ มันไมมีที่ใหเจาอาบน้ำลางตัวหรอกนะใน
เขตชานเมืองแบบนี้ แตมันก็ไมใชเรื่องใหญอะไรหรอก เจาก็แคทนเหม็นไปอีก สอง
สามวันเทานั้น” เสียงชั่วรายของอายฮุยดังมาจากดานบน
ตวนมูหวงฮุนมองเห็นคราบอาเจียนที่เสื้อและกางเกงแลว นัยนตาก็หดลงและ
อาการหวาดกลัวเชื้อโรคของเขาก็สำแดงอาการออกมา ทำใหเขาอวกออกมาอยาง
รุนแรงอีกครั้ง
อายฮุยไมอาจทนดูไดอีกตอไป เขาขยับกายหนีหางออกไปเล็กนอย
เขาไมรูวาอาจารยสวี่คิดอะไรอยูถึงไดจัดใหเขากับไอสารเลวนี่อยูกลุมเดียวกัน
แลวยังตองมานั่งติดกันอีก
นาอึดอัดเสียจริง
โจวเสี่ยวซีมองไปยังอาจารยสวี่แลวสายหนาอยางชวยไมได สีหนาของอาจารยสวี่
ซี ด เผื อ ด และมั น เป น ก็ เ ป น สิ ่ ง ที ่ ย ื น ยั น ว า เขากำลั ง พยายามฝ น ทนอย า งสุ ด
ความสามารถ โชคยังดีที่พวกเขากำลังเดินทางภายในสนามเหนี่ยวนำ หากพวกเขา
กำลังมุงหนาไปยังแดนรางแลวละก็ เขาไมมีทางยอมรับหนาที่พี่เลี้ยงเด็กแบบนี้แน
ทามกลางผูคนมากมาย อายฮุยเปนคนที่สะดุดตาที่สุด เขาเปนคนเดียวที่โจวเสี่ยวซีไม
ตองเปนกังวลมากนัก
โจวเสี่ยวซีสามารถบอกไดจากทาทางของอายฮุยวาอายฮุยเปนผูมีประสบการณ
รางกายของเขานั้นผอนคลาย และเคลื่อนตัวขึ้นลงตามการเคลื่อนไหวของรถบรรทุก
ใชมื อ จับ อาวุธเอาไวแ ละมีสายตาที ่ มั่ น คง สิ ่ งเหล า นี ้ ท ำให เขาสามารถรั บ มือกับ
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นไดอยางรวดเร็ว เขามีสติตื่นตัวและดวงตาสำรวจสภาพแวดลอม
อยูตลอดเวลา
แมแตผูมีประสบการณอยางโจวเสี่ยวซียังไมอาจมองเห็นจุดผิดพลาดสักจุด เขา
คิดถึงสิ่งที่หลี่เหวยเคยพูดกอนหนานี้ เรื่องที่วาอายฮุยเคยทำงานเปนแรงงานในแดน
รางนานสามป ดูเหมือนมันจะไมใชเรื่องกุขึ้นมา
มีคนที่พึ่งพาไดอยางนอยหนึ่งคนถือเปนเรื่องดีเสมอ
“ฮาฮา เราเกือบจะถึงแลว!” ผูใชพลังธาตุไมประกาศออกมา
ทันใดนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงของเสียงเครื่องยนตและรถบรรทุกก็โยนตัวขึ้น
ทามกลางสายตาที่กำลังตื่นตะหนก อายฮุยสายหนาออกมาอยางชวยไมได คน
พวกนี้มีนิสัยเสียที่แกไมหายจริงๆ พวกมันหาอะไรใหมๆ ทำไมเปนหรือไง
รถบรรทุกที่โยนตัวขึ้นทำใหเกิดแรงเหวี่ยงอยางแรง และในทันใดนั้น มันก็รวงลง
อยารวดเร็ว
เสียงกรีดรองแหลมสูงดังกองไปทั่วทั้งคันรถ แตอายฮุยนั้นตางไปจากคนอื่นๆ เขา
หัวเราะเยาะเยยอยูภายในใจ เจาพวกผูใชพลังธาตุไมนี่ไรความคิดสรางสรรคจริงๆ
ความรูสึกรวงตกอันคุนเคยนี้ทำใหหวนนึกถึงชวงเวลาในแดนราง
เขารูสึกคิดถึงเจาอวนมากกวาปกติในตอนนี้ หากเจาอวนอยูที่นี่ พวกเขาคงคุยกัน
ไมหยุดปาก เขาเปนพวกพูดพร่ำเพรื่อยืดเยื้อเวลาหงุดหงิด
อายฮุยเปนคนแรกที่กระโดดออกมาเพราะเขาไมอยากทนดมกลิ่นในรถ แตคน
อื่นๆ นั้นขาออนไรเรี่ยวแรงจนตองคืบคลานไมก็กลิ้งตัวออกมา เด็กสาวขี้อายบางคน
ไมกลากระโดด ก็ถูกโจวเสี่ยวซีโยนออกมาจากรถ
ผูใชพลังธาตุไมรองเพลงอยูบนรถดวยความรูสึกพออกพอใจและเยาะเยยระคน
กัน ตอนที่รถบรรทุกเคลื่อนจากไป
กลุมนักเรียนที่ถูกทิ้งไวดูราวกับลูกแกะสิ้นหวังหลงทางในแดนราง
อาจารยสวี่ใครครวญถึงความออนประสบการณของพวกเด็กๆ ตอนที่วางเผนการ
เดินทางนี้ พวกเขาเปนแคเด็กปหนึ่งและยังออนแออยางมาก ดังนั้นการเดินทางไกล
ครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงคที่จะทำใหพวกเขามีประสบการณมากขึ้นสักเล็กนอย
"เราจะพักกันที่นี่คืนนี้และเดินทางตอวันพรุงนี้ กอนอื่นพวกเจาตองเรียนรูวิธีตั้ง
คายพัก มันเปนทักษะที่จำเปน และพวกเจาจะไดรูวามันมีความสำคัญขนาดไหนเมื่อ
เจาจบการศึกษาออกไป ครูฝกโจวจากกลุมผูมีพรสวรรคจะสอนวิธีการทำ เขาเปน
ทหารผานศึกที่มีความชำนาญจากหนวยทะเลเหนือ
โจวเสี่ยวซีไมปฏิเสธ มันเปนภารกิจหนึ่งของเขาอยูแลว
นี่คือธรรมเนียมของอูสิงเทียนที่ทหารผูมีประสบการณจากแนวรบจะกลับมา
ถายทอดความรูใหกลับเด็กนักเรียน เพราะมันจะเปนประโยชนตอการเติบโตของพวก
เขาอยางมาก
โจวเสี่ยวซีไมไดเริ่มในทันที แตเขาหันไปออกคำสั่งแทน
“อายฮุย เจารับหนาที่ยืนยาม”
“ตกลง” อายฮุยพยักหนาและเดินไปยังชายปาถือกระบี่ไวในมือ
โจวเสี่ยวซีพูดตอ “เรามาเริ่มการตั้งคา -”
“ทำไมเขาถึงไดไปยืนยาม” ตวนมูหวงฮุนเอยแทรก “ครูฝกโจว มันควรเป น
หนาที่ของคนที่แข็งแกรงที่สุดไมใชหรือ”
อายฮุยทำใหเขากลายเปนตัวตลกเมื่อครูนี้ เรื่องอะไรจะยอมปลอยโอกาสเอาคืน
ใหหลุดลอยไป
“โดยปกติแลวก็ใช” โจวเสี่ยวซียิ้มตอบ “เจาคิดวาตัวเองแข็งแกรงที่สุดเชนนั้นหรือ”
“ถูกตองแลว!” ตวนมูหวงฮุนไมคิดที่จะปฏิเสธ “ขาแข็งแกรงกวาและขาก็ได
เรียนวิธีการยืนยามมาแลว ขามีประสบการณมากกวา”
“แนนอน” โจวเสี่ยวซีตอบรับในทันที ผิดไปจากความคาดคิดของตวนมูหวงฮุน
“เชนนั้นเจาก็ไปยืนยาม แลวอายฮุยมาตั้งคายพัก”
เมื่อเห็นวาแผนของเขาสำเร็จ ตวนมูหวงฮุนพนลมออกจมูกแลวพุงตรงไปชายปา
มองหาอายฮุย
อายฮุยไมวาอะไร เขาถูกใชใหยืนยามบอยๆ และรูวานี่เปนงานที่หนักกวา งาน
ทั่วไป เขายิ่งกวาเต็มใจที่จะมอบมันใหกับตวนมูหวงฮุนซึ่งอาสามาทำงานนี้ดวยตัวเอง
ภายใตการควบคุมแนะนำของโจวเสี่ยวซี บรรดาเด็กนักเรียนก็เรียนรูวิธีตั้งคายพัก
และความไมสะดวกสบายที่ไดรับจากการนั่งรถบรรทุกก็ถูกลืมไปอยางรวดเร็ว การ
ทำงานคืบหนาไปดวยความเร็วสูงสุด
ครั้นทองฟามืดลง สายลมพัดแรงขึ้น กองไฟก็ถูกจุดใหลุกโชน
อายฮุยพลันเงยหนาขึ้น
บทที่ 116 กำแพงกั้น
อายฮุยไดยินเสียงแผวเบา
เขาเงยหนาขึ้นมองไปรอบๆ พลางเงี่ยหูสดับฟงอยางตั้งใจ
กองไฟลุกโชติชวง พวกนักเรียนกำลังฟนตัวจากอาการเมารถ ความแปลกใหม
ทั้งหลายนี้ทำใหพวกเขามีอารมณที่แจมใสขึ้นมาก ทั้งหมดนั่งลอมวงรอบกองไฟพูดคุย
กันอยางสบายอารมณ เด็กนักเรียนบางคนถึงขั้นรองเพลงเตนรำกัน อาจารยสวี่เองก็
ไดรบั ผลจากความกระตือรือรนของเด็กๆ เห็นไดจากรอยยิ้มกวางบนใบหนาของเขา
อายฮุยไมไดเขารวมกับคนอื่น เขาปลีกตัวออกมานั่งใตตนไมใหญหางจากกองไฟ
ประมาณสี่สิบเมตร
แสงไฟกลางดึกในเขตชายแดนนั้นสะดุดตาเปนอยางมาก มันงายมากที่จะชักนำ
สัตวรายเขามา
อายฮุยรูดีวา แทบไมมีสัตวรายในสนามเหนี่ยวนำและยังมียอดฝมืออยางครูฝกโจ
วอยูปกปองพวกเขา ก็ไมนาจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นได อยางไรก็ตาม ดวยความเคย
ชินของเขา การซอนตัวอยูในเงามืดกลายไดฝงแนนลงไปในสัญชาตญาณ การทำเชนนี้
ทำใหเขารูสึกปลอดภัย
เมื่อกาวเขาสูเขตชายแดน ก็เกิดความรูสึกเหมือนกับวาไดกลับคืนสูแดนรางอีก
ครั้ง สูดินแดนแหงการฆาฟนอันเลือดเย็น ทวาเขาก็รูสึกตกใจไมนอยเมื่อพบวาตนเอง
ไมรูสึกตอตานสิ่งเหลานี้แมแตนอย อันที่จริงแลวเขารูสึกตื่นเตนเสียดวยซ้ำ ในยามที่
เขากาวเขาสูชายปานั้นเขารูสึกเหมือนปลากลับคืนน้ำ บางทีเขาอาจเปนสัตว ปาใน
ชาติปางกอน
มนุษยชางต่ำชา!
อายฮุยเยยตัวเอง ผานมาเพียงไมกี่วันเทานั้น เขากลับเริ่มระลึกถึงอดีตเสียแลว
ใบไมสั่นไหวยามสายลมพัดผาน แตพื้นดินยังคงแนนิ่งไมไหวติง ไมมีเสียงผู คน
เหยียบย่ำใบไมแหง ไมมีเสียงผิดปกติจากพุมไม ไมมีเสียงกระพือปกในอากาศ
หรือวามันเปนแคภาพหลอน
อายฮุยเห็นครูฝกโจวยืนหางออกไป เขาไมแสดงปฏิกิริยาอะไร กำลังคุยโมเกี่ยวกับ
ความสำเร็จในชวงที่เขาเปนทหารใหเหลานักเรียนที่มองดูดวยความเคารพนับถือ
อายฮุยเมมปากจนกลายเปนเสนโคง
ยอดไปเลย!
จริงสิ นี่ไมใชแดนราง ไมมีสัตวราย มีเพียงความสงบและเงียบงัน
อายฮุยสายหนา เขาทำตัวเกินกวาเหตุ คิดยอนไปถึงการที่เขาเกือบจะลงมือฆา
คนในชวงที่เขาเขาสูสนามเหนี่ยวนำใหมๆ กวาจะปรับตัวไดก็ใชเวลายาวนาน แตการ
กลับเขามาอยูในเขตชายแดนก็ดึงความทรงจำเกี่ยวกับแดนรางคืนมาไดอยางรวดเร็ว
นี่ไมใชแดนราง
อายฮุยย้ำเตือนตัวเองอีกครั้ง เขาไมไดทำอะไรเชนนี้มาเปนเวลานานแลว
แตเมื่อนึกถึงไอเนรคุณนั่น อายฮุยก็รูสึกยินดีในคราเคราะหของเขา หมอนั่นตอง
กำลังทราบซึ้งกับหนาที่ที่เขาอาสาทำแลวแนๆ
ตวนมูหวงฮุนรูสึกสยอง สายลมบนยอดไมไมเพียงแคแรงกวาบนพื้น แตเขายัง
ตองรับมันไปเต็มๆ เขาตองมีความผิดปกติทางจิตแนๆ ตอนที่เขาออกไปเสนอตัวรับ
หนาที่เฝายาม
ครูฝกโจวเคยอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ทหารยามจำเปนตองมี
ตวนมูหวงฮุนไมมีทางยอมทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ดังนั้นเขาจึงทำหนาที่ตามที่ครู
ฝกโจวสั่งและตักเตือนไวอยางเต็มที่ ยกตัวอยางเชน เขาตองตื่นตัวตลอดเวลาและใส
ใจในทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นรอบกาย
ในตอนแรกตวนมูหวงฮุนไมเห็นวามันจะยากเย็นตรงไหน แตเมื่อเวลาผานไป
ความสงบเงียบนี้กลับทำใหหนังตาของเขาหนักอึ้ง เสียงลมพัดยอดไมเหมือนกำลัง
สะกดจิตเขา
เอะ นั้นมันเสียงอะไร
เขาตัวสั่น เขารูสึกเหมือนกับวาไดยินเสียงแผวเบาที่แตกตางไปจากเสียงใบไมไหว
แตเมื่อเขากางหูฟง กลับไดยินเพียงเสียงใบไมไหวอันคุนเคย
หูแววไปเชนนั้นหรือ ตวนมูหวงฮุนไมแนใจ เขากำลังมึนงง
เขารวบรวมสติสัมปชัญญะ ถึงจะขาดประสบการณ แตเขาก็รูดีถึงความสำคัญใน
การยืนยามเมื่ออยูนอกเมือง มันเปนเรื่องของความปลอดภัยของทุกคน ดังนั้นเขาไม
อาจหยอนยานได ในเมื่อเขาเปนคนที่ออกปากอาสาทำหนาที่นี้ ก็ตองทำมันใหดีที่สุด
อยางนอยก็ตองดีกวาไอสารเลวอายฮุย
เปลวไฟที่ลุกโชนคอยๆ สงบลง ความเหน็ดเหนื่อยและความทรมานที่ทนรับมา
ตลอดวันทำใหทุกคนหมดแรง ความเงียบเขาปกคลุมคายพักอยา งรวดเร็วเพราะ
บรรดานักเรียนตางก็พากันหลับใหลไปถวนหนา
ไมมีอะไรเกิดขึ้นตลอดคืน
อายฮุยลืมตามองเห็นถานที่ยังคุอยูตรงจุดที่เคยเปนกองไฟ แสงอรุณสาดสองไปทั่วฟา
โจวเสี่ยวซีกำลังเดินตรวจตราอยูตอนที่เขาสังเกตเห็นวาอายฮุยตื่นแลว เขาพยัก
หนาดวยดวงตาฉายแววชื่นชม กอนที่จะเดินตอไป การพาพวกเด็กใหมกลุมใหญมา
ดวยทำใหเขารูสึกกดดันมาก การขี้โมนั้นก็เปนเรื่องหนึ่ง สวนการทำภารกิจนั้นไมอาจ
เลินเลอได เขารูถึงความรายแรงของสถานการณดี
ยอดฝมือจริงๆ!
อายฮุยนับถือโจวเสี่ยวซีอยางเต็มที่ เขาแข็งแกรงกวาผูใชพลังธาตุสวนใหญที่อา ยฮุย
เคยพบเจอมา ในฐานะยอดฝมือจากสิบสามหนวย เขายอมเหนือกวาผูใชพลังธาตุจาก
กลุมนักลาในแดนรางอยูขั้นหนึ่ง
พวกนักเรียนทยอยกันตื่น เมื่อดวงอาทิตยขึ้นฟาก็ตื่นกันทั้งหมด หลังจากลาง
หนาทำความสะอาดเล็กนอยแลว พวกเขาก็พรอมที่จะออกเดินทาง
ตวนมูหวงฮุนกลับมาพรอมกับขอบตาที่ดำอยางเห็นไดชัด
หมาปาเจาเลหกลายเปนนองหมาตาขาวไปเสียแลว...
อายฮุยประทับใจ ที่สุดแลวการยืนยามก็ไมใชงานที่งายเลยและเขาทำไดไมเลว
ทั้งกลุมรวมตัวกันและเริ่มออกเดินทางไปสูจุดหมายตอไป
ไดยินเพื่อนรวมหองคุยเลนกัน ไดเห็นหลายๆ คนหยิบขนมออกจากกระเปามา
กินเลน ทำใหอายฮุยรูสึกเหมือนพวกเขากำลังออกมาเที่ยวเลนกัน
อายฮุยกับเพื่อนรวมกลุมไมคอยเปนอันหนึ่งอันเดียวกันเทาไร ดังนั้นพวกเขาจึง
อยูรั้งทาย
ระหวางทางอาจารยสวี่ก็มีหนาที่ตองอธิบายไปดวย
“พวกเรากำลังเดินหนาไปยังดินแดนเกา พวกเจาหลายคนมาจากที่นั่น ดังนั้นอาจ
เรียกไดวา พวกเรากำลังจะมุงหนาไปยังบานเกิดของพวกเจา ดินแดนเกาไมเพียงเปน
บานของนักเรียนบางคน แตยังนับวาเปนตนกำเนิดของพวกเราทุกคน
การกอตั้งอูสิงเทียนนั้นมีความเชื่อมโยงกับดินแดนเกาอยางใกลชิด ลวนมาจากตน
กำเนิดเดียวกัน ดังนั้นพวกเราก็นับเปนครอบครัวเดียวกัน และนักเรียนของเราจำนวน
มากก็จะเขารวมอูสิงเทียนในอนาคต ที่เราตอสูอยูทุกวันนี้ไมใชเพื่ออูสิงเทียนหรือ
ดินแดนเกา แตเพื่ออนาคตของเราเอง”
ภายใตแสงอาทิตย นักเรียนกำลังตรึกตรองคำพูดของอาจารยสวี่ที่กลาวออกมา
อยางทรงเกียรติ
โจวเสี่ยวซีไมพูดอะไร เขาเหลือบมองไปทางอาจารยสวี่กอนจะกมหนาเดินตอไป
อายฮุยสังเกตไดวาครูฝกโจวนั้นไมคอยมีแกจิตแกใจ แตไมรูวาเปนเพราะอะไร ใน
แนวรบ มีกำแพงกั้นระหวางอูสิงเทียนกับดินแดนเกาเหมือนดั่งกำแพงลองหน แมมอง
ไมเห็นแตมีอยูทุกที่
ทวาอายฮุยไมรูสึกวาคำพูดของอาจารยสวี่นั้นผิดเพี้ยนแตอยางใด เพราะไมวามัน
จะเปนดินแดนเกาหรือแดนราง อสูรแดงรางก็คือศัตรูที่แทจริงและสำคัญยิ่ง
นอกจากนี ้ เ ขาก็ ม ี ค วามเคารพต อ อาจารย ส วี ่ม าก อาจารย ท ุ ก คนในสนาม
เหนี่ยวนำมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แตนอยคนนักที่จะพูดออกมา อาจารยสวี่นับวา
กลาหาญมาก
แนนอนวาอายฮุยไมรูสึกแตกตางอะไรจากเดิมเพราะเขารู สึกวาหัวขอที ่ ท รง
เกียรตินี้ไมเกี่ยวอะไรกับเขาเลย โลกของเขานั้นเล็กจอย จนไมเหลือที่วางใหความ
ทะเยอทะยานอันยิ่งใหญเชนนั้น
มีชีวิตรอดและแข็งแกรงขึ้นจนพอที่จะปกปองผูคนที่เขารักได เทานั้นก็เพียงพอ
สำหรับเขาแลว
ดวงตาของอายฮุยกวาดมองไปทั่วพื้นที่และหยุดอยูตรงตอไมใกลๆ ทำใหเขาหยุด
เดินตามเสนทาง
เขาเดินตรงไปที่ตอไมแลวนั่งยองลง
บทที่ 117 สีแดงเขม
“เจาพบอะไรหรือ”
เสียงของครูฝกโจวดังขึ้นจากดานหลังของอายฮุย กอนจะรูตัว ทั้งสองก็ยืนเคียง
ขางกันแลว
อายฮุยตัวสั่น เขาไมอาจสัมผัสไดถึงการเขามาของครูฝกโจวเลยแมแตนอย นี่คือ
ความสามารถของยอดฝมือจากสิบสามหนวยเชนนั้นหรือ ตั้งแตเขาไดปลูกฝงตัวออน
กระบี่เมื่อตอนที่เขาอยูในแดนราง ก็ไมมีใครสามารถหลุดพนการตรวจจับของเขาได
ในรัศมีสามเมตร
อายฮุยรูสึกเกรงขาม ความปรารถนาอันแรงกลาและแรงกระตุนเติบโตขึ้นภายใน
จิตใจของเขา ยอดฝมือของสิบสามหนวยมีทักษะที่เหนือกวาผูใชพลังธาตุจากกลุมนัก
ลามากนัก
อายฮุยกลับคืนสูความสงบและตอบกลับ “มันเปนรอยกัดที่เกิดจากสัตว ขนาด
ใหญ แรงกัดนี้ชางอัศจรรย พิจารณาจากตอไมนี้แลวก็รูไดวา มันหักดวยการกัดเพียง
ครั้งเดียว”
เขาไมไดบอกวามันเปนอสูรปาหรืออสูรแดนราง แมจะตางกันเพียงคำเดียว แต
พวกมันกลับตางกันมากเนื่องมาจากความสามารถใชพลังธาตุที่ตางกัน
อสูรแดนรางมีมาตั้งแตยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนและมันเกี่ยวของกับแดนราง
อยางใกลชิด พวกมันสามารถใชพลังธาตุได ทวาสวนอสูรปานั้นไมมีความสามารถนั้น
ความชื่นชมฉายอยูในแววตาของครูฝกโจว เขาลดเสียงลงและกลาววา “ระวังตัว
ไว ไมตองพูดออกไป”
“ขาไมพูดหรอก” อายฮุยเขาใจความหมายของครูฝกโจวดี การปลอยขาวออกไป
จะกอใหเกิดการตื่นกลัวที่ไมจำเปน พวกนักเรียนไมคอยมีความมั่นคงทางจิตใจนัก
เมื่ออายฮุยหันกลับไป เขาก็พบกับความวางเปลา จนเมื่อเขามองไปที่ดานหนาจึง
ไดเห็นครูฝกโจวยืนอยูกับเพื่อนรวมกลุมหางไปสิบเมตร เขาขยิบตาใหอายฮุย
ความเร็วขนาดนี้....
อายฮุยตกตะลึงอีกครั้ง
ไมใชวาเขาไมเคยพบกับผูใชพลังธาตุที่มีชื่อเสียงดานความเร็วมากอน แตนี่เปน
ครั้งแรกที่เขาไดพบเห็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วดุจสายฟาแตไรซึ่งเสียงใหไดยินเชนนี้
เขาทำไดอยางไรกัน
อายฮุยครุนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยางมาก ไตรตรองถึงความเปนไปไดบางอยางแต
ไมมีอ ันไหนที่ดูเปนไปไดเลย อันที ่ จ ริ งแล ว เขารู  ว  า ระดั บ พลั งของครู ฝ ก โจวนั้น
เหนือกวาระดับความเขาใจของเขา แตเขาก็อดคิดไมไดวาตนจะทำเชนนี้ไดอยา งไร
หากเขามีระดับพลังระดับเดียวกับครูฝกโจว
เขาชอบดื่มด่ำไปกับการจินตนาการดวยการตั้งคำถามและคาดเดาเกี่ยวกับการ
ตอสู จนมันกลายเปนนิสัยของอายฮุยไปแลว เมื่อเขาเผชิญกับปญหา เขาจะพยายาม
คิดซ้ำแลวซ้ำเลาเพื่อวิเคราะหหาทางออกที่เปนไปได มันเปนผลตกคางมาจากใชตัว
ออนกระบี่มาทั้งคืน
อายฮุยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยางเงียบงันในขณะที่เขาเรงฝเทาเพื่อเดินตามเพื่อน
รวมกลุมใหทัน
ไมมีใครรับรูถึงการพูดคุยสั้นๆ ระหวางอายฮุยกับครูฝกโจว พวกเขาลวนอารมณดี
ทันใดนั้นใครบางคนจากดานหนาก็รองตะโกนออกมา “เร็วเขา ดูสิ นั่นมันอะไร”
ทั้งกลุมถูกปลุกใหตื่นตัว ทุกคนหยุดพูดคุยแลวกรูไปมุงดู
อย า งไรก็ ต ามอ า ยฮุ ย ไม ไ ด เ ข า ร ว มกั บ พวกเขา สถานที ่ ท ี ่ ค นหนาแน น นั้ น
เปราะบางตอการจูโจม เขาเคลื่อนตัวไปดานขาง เพิ่มระยะหางระหวางเขากับกลุมคน
พยายามทำความเขาใจกับสถานการณที่เกิดขึ้น
มด มดจำนวนนับไมถวน
พวกมันคลานออกมาไมขาดสายจากหลุมขนาดใหญบนพื้น กลายเปนกระแสคลื่น
มดขนาดกวางสามเมตรยาวสองเมตรกำลังมุงหนาไปยังอูสิงเทียน
“มดเยอะแยะเลย พวกมันกำลังทำอะไร”
“พวกมันกำลังอพยพหรือ”
“เปนภาพที่นาขนลุกเสียจริง”
“ไมตองกังวล พวกมันเปนแคมดธรรมดา ไมใชมดพลังธาตุ”
ทุกคนกำลังพูดคุยกันดวยความสงสัย นี่เปนครั้งแรกที่พวกเขาเห็นอะไรเชนนี้ แต
พวกเขาก็ไมไดกลัวแตอยางใดเพราะพวกมันก็เปนแคมดธรรมดาที่ไมมีอันตราย
“เปนฝูงมดที่ไมเล็กเลย” อาจารยสวี่อธิบาย “ไมใชเรื่องผิดปกติอะไรที่พวกมดจะ
อพยพ เมื่อพวกเจาเขาสูแดนรางในอนาคต เจาจะไดพบกับมดพลังธาตุหลากหลาย
ชนิดและพวกเจาจะตองระมัดระวังเอาไว หากพบเห็นมดอพยพเปนกลุม อยาไดไปยั่ว
ยุพวกมัน อยาไดดูถูกความแข็งแกรงของฝูงมด ถึงแมวามันจะออนแอ ทวานากลัว
มากเมื่อรวมกลุมกัน ครูฝกโจวชวยเลารายละเอียดที”
โจวเสี่ยวซีพยักหนา “ในแดนราง เมื่อมดพลังธาตุอพยพ แมแตอสูรแดนรางยัง
ตองหลบเลี่ยงเสนทางของพวกมัน จะเปนการดีที่สุดหากไมไปยั่วยุสัตวอยางมดหรือ
ผึ้งที่รวมกลุมกันเพื่อเอาชนะ พวกมันเจาคิดเจาแคน และมันจะพาพวกมาลางแคนเจา
หากพลาดไปเหยียบมันเขา ทางที่ดีที่สุดก็คือกำจัดใหหมดอยาใหรอดกลับฝูงได มียา
หลายชนิดที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับสัตวจำพวกนี้โดยเฉพาะ”
ทุกคนตางประหลาดใจ ชางนาสนใจจริงๆ!
อาจารยสวี่รูสึกพอใจมาก การเดินทางครั้งนี้ไดเปดโลกทัศนใหพวกนักเรียน และ
ภาพเชนนี้หาไดยากมากหากอยูในเมืองหรือในโรงเรียน
โจวเสี่ยวซีนำทุกคนออมฝูงมดไป เนื่องจากฝูงมดเคลื่อนไหวชามาก จึงไม ได
ขัดขวางการเดินทางของพวกเขา
ในปาทึบอุดมไปดวยพืชพรรณเขียวชอุม เปนบานของสายธารลาวาที่ไมอาจขาม
ไดซึ่งเปนเสนแบงเขตแดนระหวางสนามเหนี่ยวนำกับดินแดนเกา
สายธารลาวาไหลออกมาจากพื้นดินตลอดป
วากันวาธารลาวาแหงนี้เชื่อมโยงกับโพลงใตดินที่เรียกวา ทุงเพลิงแหงเขาน้ำเตา
แตไมเคยมีใครไดเห็นดอกไมเพลิงลอยอยูในสายธารนี้
ดอกไมเพลิงเปนผลผลิตเฉพาะที่พบไดในทุงเพลิง ซึ่งในความเปนจริงแลว เปน
สถานที่พักพิงของผูใชธาตุไฟ ทามกลางทุงกวางสีดำไรขอบเขตมีภู เขาไฟรู ป ทรง
เหมือนน้ำเตาสูงเสียดเมฆตั้งอยู นานๆ ครั้งภูเขาน้ำเตาจะระเบิดสรางฝนเพลิงชนิด
พิเศษโปรยปรายลงสูทุงเพลิง ฝนเพลิงที่ปกคลุมทุงอันโดดเดี่ยวนี้กอใหเกิดดอกไม
เพลิงที่แสนพิเศษขึ้นมา
ดอกไมเพลิงสีแดงสดกระจายอยูทั่วทุงกวางสีดำ กอใหเกิดทิวทัศนที่งดงามราว
ภาพวาด
หากสายธารลาวามีตนกำเนิดมาจากทุงเพลิงจริง ดอกไมเพลิงควรปรากฏใหเห็น
บนสายธาร ทวาเมื่อไมมีใครเคยเห็นดอกไม เพลิ งในสายธารลาวา จึงไมมีใครเชื่ อ
ตำนานนี้
สายธารลาวาไดแบงแยกสนามเหนี่ยวนำกับดินแดนเกาออกจากกัน และเมืองตางๆ
รวมถึงโรงเรียนตางๆ ในสนามเหนี่ยวนำ กระจุกตัวกันอยูในดานที่ใกลกับอูสิงเทียน
พื้นที่สวนที่ใกลกับดินแดนเกานั้นกลายเปนปาทึบที่เต็มไปดวยพืชพรรณเขียวชอุมและ
สัตวปาดุรายเพราะวาไรผูคน
สนามเหนี่ยวนำสงคนออกมากำจัดอสูรแดนรางเปนประจำแตพวกเขาจะปลอย
ใหอสูรปาธรรมดาไดดำรงอยูและสืบพันธุตอไป
พื้นที่แถวนี้จึงกลายเปนหองเรียนกลางแจงของบรรดานักเรียนในสนามเหนี่ยวนำ
ไปในที่สุด อสูรปานั้นไมนับวาเปนอันตรายเทาไรนัก ทำใหมันเหมาะแกการศึกษาของ
เหลานักเรียน ปาทึบแหงนี้ทำใหนักเรียนไดเรียนรูมากมาย
ไมมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นระหวางทาง
แตพวกของอายฮุยก็เผชิญกับความทาทายเล็กๆ นอยๆ อยูเสมอ อายฮุยรูสึกวา
กลุมนี้เดินทางดวยความเร็วที่เชื่องชาราวกับหอยทาก
แตเขาก็ไมบนออกมาแมแตคำเดียวและใชเวลาระหวางที่คนอื่นพักผอนทำการฝกฝน
เมื่อพวกเขาเขาใกลลาวาขึ้นเรื่อยๆ ดอกไมก็เริ่มปรากฏใหเห็นมากขึ้น อายฮุยพบ
พืชพรรณจำนวนไมนอยที่สามารถพบเห็นไดในแดนราง มันคงถูกพวกผูใชธาตุไม
นำมาปลูกในสนามเหนี่ยวนำ เมื่อเวลาผานไปพืชพรรณเหลานี้ก็เกิดการเปลีย่ นแปลง
ไปอยางมาก
อายฮุยเห็นตนหญากระบี่ แตมันไมเหมือนกับตนที่เขาเคยเห็นมาในอดีต มันไมได
สูงใหญ และมีใบที่เรียวกวา ไมไดมีสีเขียวเขมหรือเขียวหมน แตกลับมีสีแดงเขมแผ
รังสีชั่วรายออกมา
เปนเพราะอยูใกลกับลาวาเชนนั้นหรือ พืชพรรณสวนใหญแถวนี้ลวนมีสีแดงเขม
อายฮุยไมรูวาทำไม แตสีแดงเขมพวกนี้ทำใหเขาหัวใจเตนรัว
หลังจากอาจารยสวี่บรรยายจบ อายฮุยจึงเขาใจวา สถานที่แหงนี้ไมใชเพียงแคให
นักเรียนไดมาฝกฝน แตยังคงเปนสถานที่ซึ่งผูใชพลังธาตุไมเพาะปลูกพืชพรรณแปลก
ประหลาดนานาชนิด และปลอยใหพืชเหลานี้เติบโตตามธรรมชาติ แตดวยวาพรรณไม
แปลกประหลาดนั้นมีมากเกินไป จึงไมมีอาจารยคนใดรูจักครบถวนทุกชนิด
อายฮุยไดยินเสียงของมนุษยใกลเขามาจากที่หางไกลดวยสัมผัสอันเฉียบคมของเขา
อายฮุยมีสีหนาที่แปลกไป พวกเขาพบกับนักเรียนหองอื่นเขาโดยไมตั้งใจ
และทันใดนั้นเองเขาก็ไดยินเสียงอันคุนเคยเสียงหนึ่ง และความรูสึกอยากฆาคนก็
ฉายวาบขึ้นในดวงตาของเขา
เจาอวนสารเลว!
บทที่ 118 รวมตัวกัน
“เจายกไมไหวหรือ นี่ ใหขาชวยเจานะ ชั่วโมงละหนึ่งพันหยวนเหรอ นั่นเปน
ราคาเมื่อวานนี้ อันตรายมันเพิ่มขึ้นทุกวันนะ เลินเลอเพียงนิดเดียวนั้นอาจทำใหลมลุก
คลุกคลานได ขานะทนการลมไดสบายเพราะขามันหนังหนาไขมันยิ่งหนากวา แต
สิ่งของของเจานั้นมีคามากแตวาเปราะบาง! หากมันหลนเจาคงเสียหายนาดู! ขาขอพูด
ใหชัดเจนนะ ขาจะไมจายเงินชดเชยใดๆ สำหรับสิ่งของที่เสียหาย หากเจาจริงใจกับ
ขา ขาก็จะจริงใจกับเจาเชนกัน ในเมื่อเราเปนเพื่อนรวมชั้นเรียนกัน ขาจะใหราคาที่
สมเหตุผลกับเจา สองพันหยวนตอชั่วโมง เมื่อตัดเวลาพักออกไป ก็จะตกแคประมาณ
สองหมื่นหยวนตอวันเทานั้น เงินแคนี้จะชวยแกปญหาใหเจาไดมากมาย!”
สีหนาของเจาอวนเต็มไปดวยความจริงใจ เปหลังของอีกฝายดูเหมือนภูเขายอมๆ
ทำใหมันหนักและแบกไดยากเย็นยิ่ง หลังจากลังเลอยูครูเดียวเขาก็ตกลงกับขอเสนอ
ของเจาอวน แมของจะคอนขางแพง แตก็ไมใชเรื่องใหญอะไรสำหรับคนที่ร่ำรวย
เจาอวนรูสึกยินดีในใจ การแบกน้ำหนักเทานี้เปนเรื่องเด็กเลนสำหรับเขา
เขารับเงินมาอยางผาสุก ทวากอนที่เขาจะเอาเงินใสกระเปามือของใครบางคนก็
ยื่นมาจากดานหลังและควาเงินไป
เจาอวนตะลึง แตชั่วขณะตอมานัยนตาของเขาก็หดตัวลง ความรูสึกนี้...มันคุนๆ
อยูนะ เขารีบหันกลับไป คุกเขาลง และกอดขาของอายฮุยเอาไว เขาเริ่มน้ำตาไหล
“อายฮุย ในที่สุดขาก็พบเจา”
“ขอเวลาเราสักครู” อายฮุยฝนยิ้มใหกับนักเรียนที่เพิ่งจายเงินใหกับเจาอวน
เขายกเจาอวนขึ้นดวยมือเดียว สีหนาไรอารมณ รางกายใหญโตหนักอึ้งของเจา
อวนนั้นไมนับวาหนักอะไรในมือของอายฮุย อายฮุยใชมืออีกขางสำรวจไปทั่วกายเจา
อวน ไมเวนแมแตชองลับใดๆ อายฮุยคุนเคยกับวิธีซอนเงินของเจาอวน ในเวลาไมถึง
ครึ่งนาที เขาก็คนที่ซอนเงินทั้งหมดของเจาอวนเสร็จ
“เงินอยูไหน” อายฮุยถามอยางเยือกเย็น
เขาพบเงินเพียงไมถึงหาหมื่นหยวน
อายฮุยไมอยูนิ่งเฉย เขาดึงกิ่งที่เต็มไปดวยหนามแหลมจากพุมไมใกลๆ เมื่อเจา
อวนมองเห็นกิ่งที่เต็มไปดวยหนาม หนาเขาก็ซีดเผือด การสอบสวนดวยวิธีทรมาน
กำลังจะเกิดขึ้น
ทวาเขาไมกลาที่จะขัดขืน เขาเขาใจอายฮุยเปนอยางดี ยิ่งเขาดิ้นรนมากเทาไรเขา
จะยิ่งทรมานมากขึ้นเทานั้น เขารูดีวาความโกรธของอายฮุยนั้นมาจากการที่เขาได
ขโมยเงินอายฮุยไปกอนหนานี้
“ขาใชไปหมดแลว” เจาอวนตอบตามจริง น้ำเสียงของเขาเหมือนกับหมูที่กำลัง
จะถูกเชือด
“เจาใชไปหมดแลว” น้ำเสียงของอายฮุยยังราบเรียบ ความกลัวฉายชัดบนหนา
ของเจาอวนเมื่อเขามองไปที่กิ่งหนามซึ่งกำลังสั่นอยูในมือของอายฮุย
เจาอวนกลืนน้ำลายลงคอ เขารูวาตองจัดการเรื่องนี้ใหจบลงในครั้งนี้
“เจายังจำเจาหนาสิวไดหรือไม ขาวาเจาคงจำไมได เจาไมเคยพูดกับเขาเลย
แมแตครั้งเดียว ขายังจำไดวาในตอนแรก เมื่อขาไมอาจแบกของไดมากนัก เขาเปนคน
ที่ชวยขา และขาเปนคนฝงศพเขา อาการปวยของเมียเขาไมเคยดีขึ้น ลูกสาวเขาถึงวัย
เขาเรียนแลว ตอนที่เจาหนาสิวตาย ขาบอกกับเขาวาถาขารอดชีวิตมาได ขาจะดูแล
ครอบครัวเขา”
กิ่งหนามในมือของอายฮุยหยุดสั่น
เจาหนาสิว...
ใบหนาพราเลือนปรากฏขึ้นในความทรงจำอันแสนไกล ความปวดราว ความกลัว
ราตรีอันมืดมิดราวหมึกดำและสายลมเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ความทรงจำเลือนรางปก
คลุมจิตใจของเขา
อายฮุยมีภาพอันคลุมเครือของคนงานที่ตายในชวงแรกของการเขาไปในแดนราง
เจาอวนไมไดจำผิด เขาไมเคยไดคุยกับเจาหนาสิวแมแตครั้งเดียว เจาหนาสิวไมใชแค
คนเดียวที่เขาไมเคยพูดดวย อันที่จริงแลวเขาไมเคยพูดคุยกับใครเลยนอกจากเจาอวน
“เจายังจำเหลาเวยไดหรือไม ผูชายที่ชอบคุยโม ขาพนันวาเจาจำเขาไมไดเชนกัน
ขายังจำไดวาเมื่อขาเขาไปแดนรางใหมๆ ขานั้นหิวอยูตลอด เฒาเหวยเคยใหอาหารขา
กินครั้งหนึ่ง บอกวาขาอายุพอๆ กับลูกชายของเขา ในวันที่เขาตายมีฝนตกหนัก มันไม
งายเลยที่จะขุดหลุมศพบนดินโคลนที่ถูกชะลางดวยน้ำฝน ขาใชเวลาครึ่งคอนวันกวา
จะฝงเขาไดอยางเหมาะสม เขามีลูกสองคน คนเล็กเปนโรครายที่ไมอาจรักษาหาย
ตอนอายุเจ็ดขวบ เขารูวาลูกเขาไมอาจรอดชีวิต ดังนั้น เขาจึงเขาสูแดนราง ขาสงเงิน
กอ นหนึ่งใหก ับ ครอบครัว ของเขา ถึ งจะไม มากนั ก เพี ย งแค สี ่ ห มื ่ น หยวนเทานั้น
ถึงแมวาขาจะรอดชีวิต แตขาก็ไมอาจทำไดมากกวานี้..”
“เจายังจำพี่ใหญหลี่ไดไหม....”
เจาอวนพูดตอไปไมจบไมสิ้นโดยไมเขาประเด็น บางครั้งเขาจะพูดจนแทบไม
หายใจเมื่อใดที่รอนรน
นักเรียนที่จายเงินใหเจาอวนกอนหนานี้นิ่งอึ้งดวยหวาดกลัวอยูเนิ่นนาน
“ตวนมูหวงฮุน! อา! ขาไมไดฝนไปใชไหม”
“อา เร็วเขา เด็ดดอกไมใหขาที!”
ทันใดนั้นเสียงกรี๊ดกราดของเด็กสาวก็ดังมาจากปาใกลๆ
อายฮุยหมดคำพูด
“อาจารยสวี่ ชางบังเอิญอะไรเชนนี้!”
“อาว ชุยเซียนจื่อ ทานก็พานักเรียนมาทัศนศึกษาเชนกันหรือ”
“มีแคเราสองคนเทานั้นที่รอดชีวิต มีแคเราสองคนเทานั้นที่รอดชีวิต!”
“...อยางนอยพวกเราก็ยังไมตาย...”
ความอบอุน การตอนรับอยางจริ งใจ ความทรงจำที่เศราหมอง ทั้งหมดล ว น
ปรากฏขึ้นอยางผสมปนเปในหัวของอายฮุย
เขายืนแนนิ่งประหนึ่งวาอยูในความฝน
……
“ตอนที่ข า ฝงพวกเขา ขา บอกพวกเขาว า ถ า ข า มี ช ี ว ิ ต รอดมาได ข า จะดู แ ล
ครอบครัวของพวกเขา”
“ทำไมขายังมีชีวิตรอด ทำไม...”
……
เลือดสดๆ ฉีดพุง ฝนหาใหญ อสูรแดนรางขย่ำซากศพ ความทรงจำทั้งหลายฉาย
วาบในใจของอายฮุย รางกายของเขารูสึกเย็นเยียบในฉับพลันราวกับมีน้ำเย็นเฉียบ
ราดรดใสรางเขา เขากำกานหนามแนนจนนิ้วซีดเผือด
……
“ทำไมพวกเราทั้งสองหองไมเดินทางพรอมกันเลา เราจะไดดูแลกัน เมื่อมียอด
ฝมืออยางครูฝกโจวอยูดวย ขาก็คงสบายใจมากขึ้น”
“ดีมาก เปนความคิดที่ดีมาก! ชุยเซียนจื่อชางงดงามจริงๆ ทานแตงงานหรือยัง”
“ขารูวาเจาไมมีเงิน และนั่นทำใหเกิดความไมสะดวกมากมาย ขารูวาขาไมเคยทำ
อะไรใหเจาเลยนอกจากสรางปญหา แตเจามันชั่วชาและไมมีปญหาอะไรที่จะขัดขวาง
เจาได”
……
“สหายตวนมู เจามีคนรักหรือยัง”
“สหายตวนมู เจาตองการเปนเพื่อนกับขาหรือไม”
……
“ขารูวาขาเปนคนเริ่มเรื่องนี้ ขานิสัยไมดี! ขามันโง ขาเปนคนไรประโยชน แตขา
ยังมีชีวิตอยู ทำไมขาตองเปนผูรอดชีวิตดวย ขาทนไมไหวแลว ขาทนไมไหวแลว...”
“ขอโทษ...ขอโทษดวย...”
เจา อว นพูดอะไรฟงไมไดศัพ ท ร า งของเขาสั ่ น สะท า น อารมณ ความรู  สึ ก ที่
หลากหลายเออลนอยูในใจราวกับกระแสคลื่น
อายฮุยพลันหลุดพนออกจากฝนรายอันหนาวเหน็บและสูดหายใจลึกสองสามครั้ง
อากาศนั้นหนาวเย็นเสียดกระดูกแตเขาก็ยังรูสึกไดวารางกายของเขาคอยๆ อุนขึ้นอีก
ครั้ง
ใชแ ลว มันคือ ความฝน ความฝ น ที ่ เขาหลบหนี ได มานานแล ว เขาได ล ะทิ้ ง
ชวงเวลาแหงความมืดมนไปแลว ตอนนี้เขาไลลาแสงสวาง เขาไดเริ่มชีวิตใหมแลว
เขาไมใชอายฮุยในแดนรางอีกตอไป เขาแข็งแกรงขึ้นทั้งรางกายและจิตใจ
ดังนั้น...
เมื่อเขาขยับขอมือ กิ่งหนามในมือของเขาก็เริ่มฟาดใสตัวเจาอวน
“เจาไมอาจทิ้งมโนธรรมไดใชหรือไม เจาอยากเปนพระเอกนักใชไหม แลวทำไม
เจาไมฝกใหหนักขึ้น ทำไมไปยุงเรื่องของคนอื่นในเมื่อเจาทำไมได เพียงเพราะเจามี
ชีวิตแตพวกเขาตายเชนนั้นหรือ เจามีชีวิตแลวเปนเชนไร มันเปนเรื่องนาภูมิใจเพียง
นั้นหรือ พับผาสิ เจายังรอดอยูไดอยางไร เจาไมไดแข็งแกรงแลวเจายังมาพร่ำ เพอ
เรื่องมโนธรรมบาบออะไรกัน เจารูหรือไมวาเจาจะตองตายไมเร็วก็ชาหากเจาไม
แข็งแกรงพอ อะไรทำใหเจาคิดวาเจาไมจำเปนตองฝกฝน อะไรทำใหเจาคิดวาเจาไม
จำเปนตองแข็งแกรงขึ้น”
“เจาไมมีพลัง ไมมีเงิน แลวเจายังกลาไปยุงเกี่ยวกับเรื่องของชาวบานอีก แคนั้น
ยังไมพอ ยังจะมาลากขาลงไปกับเจาดวย ขาจะตีเจาใหตาย”
“ถาเขาออนแอก็ตองตาย ถาเขาออนแอก็ตองยากจน และถาเขาตายมันก็เปน
ปญหาของเขา ครอบครัวเขานาสงสารเชนนั้นหรือ ใครบางไมนาสงสาร”
“หากเจาไมตองการใหตัวเองกลายเปนวิญญาณนาสงสาร ก็หาวิธีทำใหตัวเอง
แข็งแกรงขึ้น ทำอะไรก็ตามที่ทำใหไดพลังเพิ่มขึ้น”
“เจาไมอาจหลบซอนจากมันได ขาก็ไมอาจหลบซอนได ไมมีใครหนีพนทั้งนั้น!”
……
“ครูฝกโจว จากนี้ไปโปรดดูแลขาดวย”
“ไมตองกังวล! ใหเปนหนาที่ของขา!”
บทที่ 119 สวนแหงชีวิต
นักเรียนทั้งสองหองเดินทางไปดวยกัน ทำใหพวกนักเรียนที่เริ่มเบื่อกับการทัศน
ศึกษาเปลี่ยนเปนสนอกสนใจและตื่นเตนที่ไดพบกับนักเรียนหนาใหม
ไมมีใครสังเกตเห็นวาอายฮุยลากเจาอวนที่ถูกทุบตีจนนวมกลับเขากลุมมาแลว
สาวๆ สวนใหญหอมลอมอยูรอบๆ ตวนมูหวงฮุน พูดคุยกันไมยอมหยุด
โจวเสี่ยวซีรูสึกเหมือนวาเขาไดพบกับเทพธิดาในฝนเมื่อเห็นชุยเซียนจื่อ เขา
พยายามสุดชีวิตที่จะทำใหนางประทับใจ ทำใหนางหัวเราะไมหยุด สวนอาจารยสวี่ก็
อธิบายใหความรูแกนักเรียนที่ตั้งใจฟงอยางอดทน
“พวกอาจารยเรียกบริเวณนี้วาสวนแหงชีวิต ทำไมถึงเลือกชื่อนี้นะหรือ มีบรรดา
อาจารยที่ใชธาตุไมอยูมากมายในสนามเหนี่ยวนำ และทุกคนก็ทราบดีวาพวกเขานั้น
รักการเพาะพันธุสายพันธุใหมๆ มากแคไหน ซึ่งนั่นทำใหเกิดพืชชนิดใหมมากมาย พืช
พรรณเหลานี้แมวาจะไมมีมูลคา แตพวกอาจารยตางก็ไมยินยอมที่จะทำลายมัน ดังนั้น
พวกเขาจึงนำมาปลูกที่นี่ มีพืชแปลกประหลาดอยูที่นี่มากมายซึ่งแมแตอาจารยก็ยังไม
อาจจดจำพวกมันทั้งหมดได นี่คือสาเหตุที่เราเรียกสถานที่แหงนี้วา สวนแหงชีวิต”
“แลวจะไมเปนปญหาหรือ มันมีอันตรายหรือเปลา” นักเรียนคนหนึ่งถามขึ้น
อยางชวยไมได
“อันที่จริงแลว ทุกคนลวนหวังวามันจะเปนเชนนั้น” เมื่อเห็นสีหนางุนงงของทุก
คน อาจารยสวี่ก็หัวเราะออกมา “อาจารยจะใหตวนมูหวงฮุนที่มีพลังธาตุไมเปนคน
อธิบายใหพวกเจารูวาทำไมพวกเราถึงมาที่นี่”
พวกสาวๆ ที่ทำตัวเหมือนฝูงเปดทำใหตวนมูหวงฮุนแทบบา เขากำลังอารมณไมดี
ไมอยากใหใครเขาใกล หากไมใชเพราะเห็นแกหนาอาจารยที่อยูที่นี่ เขาคงไลตะเพิด
พวกนั้นไปแลว
คำพูดของอาจารยสวี่ทำใหทุกคนสนใจ
ในสายตาของนักเรียนคนอื่น ตวนมูหวงฮุนเปนผูที่ลึกลับ ดังนั้นเมื่อไดยินอาจารย
สวี่บอกวาตวนมูหวงฮุนรูคำตอบ ทุกคนก็หันไปมองทางเขาเปนตาเดียว ดวยตองการ
จะรูวาตวนมูหวงฮุนผูเปนตำนานรูคำตอบจริงหรือไม
ขนาดชุยเซียนจื่อยังหยุดพูดกับโจวเสี่ยวซีแลวหันไปมองตวนมูหวงฮุนดวยความสนใจ
สาวๆ ที่เกะกะอยูรอบๆ ตัวตวนมูหวงฮุนก็เงียบลงไดในที่สุด และจองมองเขา
อยางจดจอดวยดวงตาเบิกกวาง
ตวนมูหวงฮุนรูสึกเหมือนคนขาดอากาศที่กลับมาหายใจไดอีกครั้งในที่สุด เขามอง
ไปทางอาจารยสวี่ดวยความขอบคุณจากนั้นสีหนาของเขาก็เปลี่ยนเปนเยือกเย็นและ
ตอบคำถาม “จากมุมมองของผูใชพลังธาตุไม การมีปญหากับพืชพรรณเปนสิ่งที่ดี
เพราะนั่นหมายถึงวายังมีชองวางใหเกิดการเปลี่ยนแปลงและความเปนไปไดใหมๆ
เมื่อมีการเพาะพันธุไมชนิดใหมขึ้นมา ยิ่งมีความเปลี่ยนแปลงไปมากเทาไร ก็จะยิ่งมี
ประโยชนมากเทานั้น ขาคิดวานั่นคือสิ่งที่อาจารยที่มีธาตุไมทุกคนลวนมุงหวัง”
ความชื่นชมในแววตาของสาวๆ เพิ่มขึ้นอยางมาก
ตวนมูหวงฮุนไมสนใจสายตาเหลานั้น รอบกายของเขาเงียบเชียบ
หากการพูดสามารถทำใหความเงียบงันนี้ยืดยาวออกไปได ตวนมูหวงฮุนก็จะยอม
พูดทั้งวัน

และเขาก็ทำมันจริงๆ กอนที่อาจารยสวี่จะไดเปดปาก ตวนมูหวงฮุนก็กลาวตอไป


ดวยความมั่นใจ “สาเหตุที่มันไมเกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ไมไดซับซอนนัก ตามหลัก
ทฤษฎีแลวพลังธาตุคือปจจัยหลักที่ทำใหเกิดการเปลี่ยนแปงในพืช ยิ่งบริเวณนั้นมีพลัง
ธาตุหนาแนนเทาไร ก็ยิ่งมีความเปนไปไดที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงกับพืชในบริเวณ
นั้น นี่คือเหตุที่พืชลึกลับมากมายอยูในสวนลึกของแดนราง ถึงแมวาสวนแหงชีวติ จะ
อยูในสนามเหนี่ยวนำ แตมันก็เปนสถานที่ซึ่งอยูใกลกับดินแดนเกามาก ดังนั้นความ
เขมขนของพลังธาตุจึงต่ำมาก จึงทำใหความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพืชพรรณใน
บริเวณนี้ต่ำมากเชนกัน...”
ทุกคนหลงใหลในคำพูดของตวนมูหวงฮุน
อาจารยสวี่พยักหนาถี่ๆ รูสึกภาคภูมิใจในตัวนักเรียนของเขาอยางมาก สำหรับ
นักเรียนปหนึ่งแลวการที่สามารถหาขอสรุปแบบนี้ยอมแสดงใหเห็นถึงพื้นฐานที่มั่นคง
อยางมาก
อาจารยสวี่พูดตอหลังจากที่ตวนมูหวงฮุนหยุดลง “นักเรียนตวนมูพูดถูกตอง พืช
ที่เกาแกที่สุดในสวนแหงชีวิตนั้นอาจพูดไดวามีมาตั้ งแตวันที่เริ่มกอ ตั้งอูสิ งเที ย น
อยางไรก็ตามจำนวนพืชพรรณที่เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นกลับมีจำนวนลดลงเรื ่อยๆ
เพราะความเขมขนของพลังธาตุนั้นต่ำมาก แมแตตนไมอายุนับพันปก็ไมมีขอยกเวน”
เจาอวนแอบเห็นวาอายฮุยเหลือบมองไปที่ตวนมูหวงฮุน
เจา อวนรู จักอา ยฮุยดีเกินไป แค มองเห็ น สี หน าของอ ายฮุ ย เขาก็ รู  ว ามีเรื่อง
บางอยางเกิดขึ้น เขาลดเสียงลงและถาม “เจามีเรื่องขัดแยงกับหมอนี่เหรอ”
“เรื่องเล็กนอยนะ” อายฮุยตอบโดยไมกะพริบตา “เขาติดเงินขา”
“เขาติดเงินเจา” ดวงตาของเจาอวนเบิกกวาง มวนแขนเสื้อขึ้นแลวถูมือ เข า
ดวยกัน “ยอมกันไมไดแลว! เขาติดเงินเจาเทาไร ขาจะชวยทวงใหเอง”
“รอยหาสิบลานหยวน” อายฮุยตอบอยางเรียบเฉย
เจาอวนซวนเซจนเกือบจะลมลง เขาอดไมไดแตตองถามดวยเสียงที่ดังชึ้น “เทาไรนะ”
เสียงของเขานั้นดังกองในความเงียบ ทุกคนหันไปมองที่คนทั้งสองโดยพรอมกัน
“หนึ่งรอยหาสิบลานหยวน” อายฮุยตอบ
ตวนมูหวงฮุนที่เต็มไปดวยความหยิ่งผยอง ก็ยืนเซเจียนลม คนอื่นๆ อาจจะงงงัน
เมื่อไดยินอายฮุยพูดเกี่ยวกับเงินหนึ่งรอยหาสิบลานหยวน
แตตวนมูหวงฮุนรูดีวาอายฮุยกำลังพูดถึงอะไร
ไอสารเลว!
เขากำหมัดแนนจนเสนเลือดดำปรากฏบนหลังมือของเขา
“หนึ่งรอยหาสิบลานหยวน” เจาอวนพึมพำดวยความตกใจ “เปนไปไมได จะมี
ใครโงเงาขนาดนั้น เปนหนี้มากมายขนาดนั้นเปนไปไดอยางไร”
ตวนมูหวงฮุนเกือบจะพุงตัวไปหาเขา
อายฮุยสังเกตเห็นวาทุกคนลวนหันมาสนใจพวกเขาจึงหยุดพูด ผานไปพักหนึ่ง
นักเรียนคนอื่นก็เริ่มหมดความสนใจและหันไปมองทางอื่น อายฮุยกับเจาอวนยังคง
รักษาระยะหางจากกลุมนักเรียน เดินยางเทาอยูทายกลุม
“จริงหรือ หนึ่งรอยหาสิบลานหยวนเชียวนะ” เจาอวนถามขึ้นอีกครั้งอยางจริงจัง
“ลอเลนนะ” อายฮุยตอบกลับอยางเรียบเฉย
“วาแลวเชียว เจาเกือบทำขาหัวใจวายตาย” เจาอวนลูบอกตัวเอง
“เจาอวน” อายฮุยสงเสียงเรียกออกมาในทันที
เจาอวนรูวาอายฮุยตองการจะพูดอะไรบางอยาง แคมองหนาก็รูแลว
อายฮุยกวาดมองพุมไมและตนไมรอบตัวตามสัญชาติญาณ เขาถามโดยไมมองไป
ที่เจาอวน “การฝกฝนของเจาคืบหนาไปถึงไหนแลว”
“ขาเพิ่งเปดตำหนักมือขวาไดสำเร็จ” เจาอวนตอบเสียงแผว เมื่อไดยินคำถาม
ของอายฮุย เขาก็รูสึกไมดี เจาอวนอาจจะดื้อดานแตอายฮุยก็ทำใหมันกลัวมากที่สุด
อายฮุยยังคงสีหนาไรอารมณ แตลึกลงไปขางในเขารูสึกตกใจ
ดูเหมือนวาเจาอวนจะมีพรสวรรคสูงกวาเขา
หากไมใชเพราะเขาบังเอิญเปลี่ยนโชครายใหเปนดีและสามารถเปดไดสองตำหนัก
เจาอวนคงกาวหนาในการฝกฝนมากกวาเขา
“อายฮุย แลวเจาละ” เจาอวนเหลือบมองไปยังอายฮุย
“ตำหนักมือซายและขวา” อายฮุยตอบ
เจาอวนมีสีหนาที่เหมือนจะบอกวา นั่นก็ถูกแลวไมใชเหรอ เปนเชนนี้เสมอมา
ตั้งแตตอนที่พวกเขายังอยูดวยกันในแดนราง นอกเหนือจากการวิ่งหนีเอาชีวิ ตรอด
แลว ไมมีอะไรเลยที่เขาทำไดดีกวาอายฮุย
“หลังจากวันนี้ไป ขาจะติดตามดูการฝกฝนของเจา”
น้ำเสียงของอายฮุยเย็นเยียบและไมเปดชองใหปฏิเสธ สีหนาของเจาอวนเต็มไป
ดวยความปวดราว ทุกครั้งที่เขาตองการเปดปากเพื่อจะพูดอะไรบางอยาง เขาตองปด
ลงดวยความขลาดเขลากอนที่จะมี คำใดเล็ดลอดออกมา เมื่อไรก็ตามที่อายฮุ ย ใช
น้ำเสียงแบบนี้กับเขา ก็รูวาวันเวลาอันนาอนาถกำลังจะมาเยือน
“เจาชอบยุงเกี่ยวกับเรื่องของผูอื่นใชหรือไม มีแตคนที่มีความสามารถพอเทานั้น
ที่จะไปยุงเรื่องผูอื่นได ผูไมมีความสามารถพอทำไปก็มีแตหาที่ตายเทานั้น”
เจาอวนรูสึกซาบซึ้งกับคำพูดเซาซี้ของอายฮุย เขารูวาอายฮุยตองการใหเขาไดสิ่ง
ที่ดีที่สุด
ในตอนที่เจาอวนเกือบจะเงยหนาขึ้นและประกาศความมุงมั่น อายฮุยพลันหยุดเดิน
“เจาอวน ไดยินอะไรหรือเปลา”
อายฮุยหรี่ตาลง เจาอวนนั้นคุนเคยกับสีหนาของอายฮุยดี ตองมีบางอยางผิดไป
แนๆ นัยนตาของเขาหดลงเมื่อเห็นอายฮุยเลื่อนมือไปจับดามกระบี่
บทที่ 120 ปรากฏการณประหลาด
เจา อวนมีป ระสบการณไมนอ ย อ า ยฮุยพูดจบเจ าอ วนก็เคลื่ อนตั วเขาหาเขา
เตรียมตัวตั้งรับประดุจแมวที่ตื่นตัว
สาเหตุหลักที่ทำใหเขารอดชีวิตผานอันตรายในแดนรางมาไดมากมายหลายครั้ง
ก็เพราะวาเขามีปฏิกิริยาในทันทีที่อายฮุยเตือนเขา
คนอื ่ น อาจจะตั ้ง คำถามกั บ สั ญ ชาตญาณของอ า ยฮุย เป น เหตุ ใ ห พ วกเขามี
ปฏิกิริยาชาลง
ทวาเจาอวนนั้นไมเคยสงสัย และนั่นเปนเหตุใหเขาเอาชีวิตรอดมาได
เจาอวนรูสึกไดวาอายฮุยนั้นมีพลังมากกวาตน อายฮุยเปนแรงงานที่ไมธรรมดาผูมี
โอกาสรอดในแดนรางสูงที่สุด เขาเชื่อในตัวอายฮุยอยางไรขอกังขา
เชื่อฟงคำสั่งอยางสมบูรณ
ไมวาอายฮุยตองการใหเขาทำอะไรก็ตาม เขารูวามันตองเปนสิ่งที่จำเปนอยาง
แนนอน ไมวาปฏิกิริยาของอายฮุยจะเปนอยางไร เขารูวาอายฮุยตองคนพบอะไร
บางอยางที่สำคัญ
เมื่ออายฮุยถามเขาวาไดยินอะไรหรือเปลา เขารูไดในทันดีวาอายฮุยตองไดยิน
อะไรแน
ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนตัวเขาใกลอายฮุยโดยไมลังเล ยิ่งเขาใกลอายฮุยเทาไรเขาก็ยิ่ง
ปลอดภัยเทานั้น อายฮุยทำอะไร เขาก็จะทำตาม
ดวยความวองไวปานสายลม กระบี่ของอายฮุยเฉียดผานใบหนาของเจาอวนและ
แทงทะลุไปยังพุมไมเบื้องหลัง
เฟยว!
เนื่องจากอายฮุยถือครองตัวออนกระบี่อยูจึงทำใหประสาทสัมผัสของเขาแมนยำ
อยางที่สุด ถึงแมวาเสียงนั้นจะดังมาเพียงแผวเบา เขาก็ยังคงไดยิน การจะสัมผัสถึงสิ่ง
ตางๆ ไดผานปลายกระบี่อาจเปนเรื่องยาก แตเขาก็ยังคงสัมผัสไดถึงสิ่งที่เขาแทงลงไป
ที่อยูดานในลึงลงไปนั้น อายฮุยยืนยันไดวาสิ่งที่เขาแทงนั้นมีขนาดเล็กมาก
เมื่อแรกที่เขาเขามาถึงสวนแหงชีวิต เขาไดยินเสียงแผวเบาที่แทบไมอาจไดยินใน
ยามคำคืน ในตอนนั้น เขายังคิดวานั่นมันเปนความเขาใจผิดที่เกิดจากการที่เขาหาง
หายจากปามานาน แตวันนี้เขาก็ไดยินเสียงเดียวกันอีกหน
เขาชักกระบี่หญาฟนเลื่อยออกมา เอาปลายกระบี่มาจอที่หนาของเขา
“เจาทำขาตกใจ” เจาอวนเดินเขาใกล “อะไรนะ เอะ มีเลือดอยูที่ปลายกระบี่
ของเจา”
เจาอวนเดินเขาไปที่พุมไม ผานไปครูหนึ่ง เขาหันกลับมาพรอมกับซากยุง ปกของ
มันขาดรุย รางถูกตัดขาดครึ่ง “มันคือยุง”
อายฮุยมองเห็นคราบเลือดที่เจาอวนพูดถึง มันเปนแคเลือดหยดเล็กๆ ตอนที่ยุง
ถูกแทงดวยกระบี่หญา รางของมันก็ระเบิดออก และเลือดหยดเล็กๆ นี้ก็ติดมกับกระบี่
อายฮุยก็ประหลาดใจเชนกัน เขาไมคิดวามันจะเปนยุง
เขาไมรูสึกโลงใจเพียงเพราะวามันเปนแคยุง ในความเปนจริงแลว ยุงในแดนราง
นั้นคอนขางอันตราย และมีจำนวนไมนอยที่มีพิษรายแรง หากถูกยุงกัด อาจอยูใน
ภาวะอันตราย
ดังนั้นเขาจึงยังไมลดความระแวดระวังลงเพียงเพราะวามันเปนแคยุง สิ่งที่ทำให
เขาประหลาดใจก็คือเสียงที่แผวเบาจนแทบไมไดยิน เขาไมเคยคาดคิดวายุงจะทำเสียง
ประหลาดแบบนีไ้ ด
“มียุงตัวนี้อะไรบางอยางแปลกไป” ศพยุงในมือของเจาอวนเหลือเพียงแค ครึ่ง
เดียว ปกของมันมีสีแดงเขมอยางประหลาด ดวยเหตุผลบางประการ แมแตเจาอวนผู
ที่เคยผานความเปนความตายมาไมรูกี่ครั้งแลว ยังรูสึกเย็นเยียบไปถึงไขสันหลัง เขา
พึมพำกับตัวเอง “ทำไมขาถึงไดหวาดกลัว”
ถึงแมวาเจาอวนจะกลัว เขาก็ยังคงตรวจศพยุงอยางละเอียด
ในแดนรางไมมีใครยืนนิ่งไมทำอะไร
เจาอวนอาจหลบอยูดานหลังของอายฮุยตอนเขารวมการตอสู แตเขาก็ไมไดทำตัว
เหลวไหลในยามจำเปน
อายฮุยเคลื่อนปลายกระบี่เขาใกลจมูกและสูดกลิ่นดม มันมีกลิ่นหอมหวานอัน
แปลกประหลาด
เขาเลียมันอยางทันทีทันใด
“เลือดนี้มีอะไรบางอยางผิดปกติ” ดวงตาของอายฮุยเย็นเยียบราวน้ำแข็ง เขา
วางกระบี่ลง
“มันตองมีปญหาอยางแนนอน” เจาอวนตอบ “เลือดหยดเล็กแคนั้นตองแหงไป
หมดแลวตอนนี้ แตดูสิ นี่ยังไมแหงเลย ดูที่ปกของมันสิ เจาคิดถึงอะไรเมื่อเจาเห็นสีนี้”
เจาอวนคุกเขาลงดึงหญาจากพื้นขึ้นมาตนหนึ่ง จากนั้นก็วางมันไวขางปกของยุง
“ดูที่รากสิ สีมันเหมือนกันหรือไม”
อายฮุยพยักหนา สีของทั้งสองอยางนั้นคลายคลึงกัน เพียงแตสีของปกยุงเขมกวา
เล็กนอย
“ดูที่หญาสิ” ดวงตาของเจาอวนเปนประกาย “รากมีสีแดงที่สุด สีคอยๆ จางลง
เรื่อยขึ้นไปจรดใบหญา ครึ่งบนของหญาเปนสีเขียวเขม เจาคิดเชนไร”
“ดิน!” อายฮุยตอบอยางไมลังเลแมแตนอย
ทั้งคูมองหนากันกอนจะนั่งลงและเริ่มมองทะลุพุมไม อายฮุยใชปลายกระบี่ขุด
รากหญา เขาเห็นดินสีแดงอยางที่คิดจริงๆ แตเขาก็ยังไมหยุดขุด ยิ่งเขาขุดลงไปลึก สี
ก็ยิ่งแดงมากขึ้น ดินนั้นมีสีแดงสดประดุจชาด
ทันใดนั้นน้ำโคลนขุนคนสีแดงก็พุงออกมาจากดานลางของกระบี่ มันดูเหมือนกับ
เลือดที่ไหลโครก
อายฮุยตัวแข็งทื่อและดูเหมือนวาอากาศก็หยุดนิ่งไปพรอมกับเขา ทั้งเจาอวนและ
อายฮุยมองเห็นความกลัวในดวงตาของอีกฝายหนึ่ง ทั้งสองคนเคยเห็นสิ่งนากลัวมา
มากมายในแดนราง แตภาพที่ปรากฏตรงหนาก็ยังทำใหทั้งคูรูสึกเย็นเยียบ
“อาจารยไดบอกอยูใชหรือไมวาที่นี่ปลอดภัย” เจาอวนกลืนน้ำลาย
อายฮุยเลื่อนปลายกระบี่มาอยูตรงหนา ปลายกระบี่กลายเปนสีแดงเขม ปกคลุม
ไปดวยคราบโคลน เขาสูดดมกลิ่นอยางระวัง ไมไดมีกลิ่นเหมือนโคลน แตเปนกลิ่น
หอมจางๆ
กลิ่นหอมนี้ละมายคลายกับกลิ่นหอมของเลือดยุงเพียงแตวากลิ่นของโคลนนั้น
ออนจางกวา
พวกเขาเคยเห็นดินสีแดงมากอน แตสีแดงของดินที่อยูตรงหนาพวกเขานี้ทำใหนกึ
ถึงสีของเลือด หรือจะเปนไปไดวามีเหมืองชาดแถวนี้ แตไมนาใช ชาดไมไดมีกลิ่น
แปลกแบบนี้ ยิ่งไปกวานั้น หากเปนเหมืองชาดจริงๆ พืชพรรณบริเวณนี้ตองเปนสีแดง
ตอนนี้มีเพียงแตสวนรากของมันเทานั้นที่ถูกยอมเปนสีแดง
เห็นไดชัดวา ปรากฏการณนี้เพิ่งเริ่มไดไมนานมานี้
นี่อาจเปนสาเหตุที่ทำใหทุกคนรวมทั้งอายฮุยไมสังเกตเห็นมันมากอน เมื่อมอง
จากระยะไกลทุกอยางดูเขียวขจีเชนปกติ
อายฮุยยางเทาตอไปอีกสิบกาว จนถึงจุดที่ไมมีพืชพรรณใดๆ แลวก็เริ่มลงมือขุด
อีกครั้ง
เจาอวนตัวสั่นดวยความกลัวและเรงติดตามไป
ดินที่อายฮุยขุดขึ้นมานั้นเปนสีขี้เถา สีแดงพวกนั้นหายไปที่ใดกัน
หรือวามัน...
สีหนาของเจาอวนเปลี่ยนเปนดูไมได
อายฮุยเดินไปใตตนไมและเริ่มขุดอีกครั้งโดยไมเอยปากหลากคำ ไมกี่วินาที โคลน
สีเลือดก็พวยพุงออกมาจากพื้นดิน เขากรีดเปดตนไมและพบวาในระยะหนึ่งเมตรจาก
พื้นแกนไมไดเปลี่ยนเปนสีแดงไปแลว หากมองจากภายนอก ก็จะไมมีใครสามารถ
มองเห็นได
เจาอวนกับอายฮุยเขาใจอยางชัดเจนวานี่ไมไดเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
“หรือบางทีนี่อาจเปนพิษโลหิตประเภทหนึ่ง” เจาอวนเสียงสั่นแฝงความไมแนใจ
เอาไว “มันเปนการปนเปอน พืชที่ปนเปอนตองถูกสัตวกินพืชกินไปแนๆ จึงทำใหสัตว
กินพืชพลอยไดรับสารปนเปอนไปดวยเหตุนี้ เมื่อสัตวกินพืชถูกยุงกัด ก็เปนเหตุใหยุง
ถูกปนเปอนเชนกัน นี่มันเปนพิษแบบใดกัน ชาง...ชางนากลัวเกินไปแลว...”
ทั้งสองตัวสั่นดวยความกลัวเมื่อรูวามีทะเลเลือดอยูใตพืชพรรณสีเขียวชอุมไรที่
สิ้นสุดรอบกายพวกเขา
“เราควรไปเรียกใหอาจารยกับครูฝกโจวมาดูนะ” เจาอวนเตือน “เพราะวาที่นี่
มันประหลาดเกินไป”
อายฮุยพยักหนาโดยไมลังเล “ไปเลย”
ทั้งสองคนตางรูสึกไมสบายใจอยางมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงรองตะโกนอยางตื่นเตนดังมาจากดานหนา
“กระตาย ฮา! นั่นกระตายนี่!”
“มันคือกระตายจริงๆ หรือ”
“ยิ่งกวานั้นอีก นั่นเปนกระตายขนแดงที่หายาก”
“โอโฮ ชางมีดวงตาที่งดงาม ราวกับทับทิมเลย สวรรคโปรด มันชางนารักเสียจริง!”
กระตายขนแดง....
อายฮุยกับเจาอวนคิดถึงหญาสีแดง ยุงสีแดง และโคลนสีแดงดุจเลือดขึ้น มาใน
เวลาเดียวกัน
“ระวัง!”
บทที่ 121 ไดรับพิษ
โจวเสี่ยวซีรูสึกวาเขาตัดสินใจถูกตองที่มารวมการทัศนศึกษาในครั้งนี้ เขาไมอาจ
ละสายตาจากชุยเซีย นจื่อ ไดเลย ก อ นหน า นี ้ เขายั งคิ ดว าคนอื ่ น ๆ พู ดเกิ น จริ งไป
เกี่ยวกับประโยชนของการกลับมายังสนามเหนี่ยวนำ อยางไรก็ตาม หลังจากวันนี้ เขา
เปลี่ยนความคิดและยินดีเปนอยางมาก
หากเขาไมเขารวมการทัศนศึกษาในครั้งนี้ แลวจะมีโอกาสไดพบสุภาพสตรีอยาง
ชุยเซียนจื่อไดอยางไรกัน
หญิงที่ประจำอยูในแนวรบปกติแลวจะนากลัวกวาผูชายเสียอีก เหมือนกับที่หลี่เหวย
เคยกลาวไว พวกผูหญิงที่ถือกระบี่ปกติแลวไมรักสวยรักงาม
มีเพียงแคในสนามเหนี่ยวนำเทานั้นที่มีผูหญิงสุภาพ สงา และงดงามอยางชุยเซียนจื่อ
สถานที่อยางสวนแหงชีวิตไมมีอันตรายมากนัก สำหรับยอดฝมืออยางเขาที่ผาน
สวนลึกในแดนรางมาหลายครั้ง สวนแหงชีวิตก็เหมือนสนามหลังบาน
แตกระนั้นเขาก็ไมคิดจะลดความระแวดระวังลง ในตอนนี้เมื่อเขาสัมผัสไดวามี
บางสิ่งใกลเขามา เขาก็ตองหัวเราะออกมาเมื่อเห็นวามันเปนเพียงแคกระตายตัวหนึ่ง
กระตางตัวนี้เปนกระตายขนแดงหายาก
ขนของมันเปนสีแดงลวน ดวงตาที่ดุจดั่งทับทิมคูนั้นจับใจโจวเสี่ยวซี ชางงดงามจริงๆ
หากเขาพบกับกระตายที่งดงามแบบนี้ในแดนราง เขาคงไมเสียเวลามาชื่นชม
อยางแนนอน แตเขาจะวิ่งหนีไปใหไกลที่สุดเทาที่จะทำได หากมีสัตวที่งดงามดำรงอยู
ในแดนราง ที่ซึ่งมีแตผูแข็งแกรงเทานั้นที่รอดชีวิต มันตองทรงพลังอยางมาก
ตองเปนสัตวเลี้ยงที่อาจารยคนอื่นปลอยออกมาแนๆ โจวเสี่ยวซีคิดกับตัวเอง
ในตอนนี้ พวกนักเรียนคนอื่นๆ ก็พบเจากระตายขนแดงนั้นเชนกัน
เหลานักเรียนหญิงเริ่มสงเสียงเจี๊ยวจาวดวยความตื่นเตน
พวกนักเรียนที่ใจกลาหนอยก็รวมตัวกันใชหญาปอนใหกระตาย ในตอนนั้นเองที่
โจวเสี่ยวซีก็กำลังจะหามพวกเขา ทวากลับเปลี่ยนใจเมื่อคิดไดวาเขากำลังทำเรื่องเล็ก
ใหเปนเรื่องใหญ ที่นี่เปนสวนแหงชีวิตที่สงบสุข ไมใชแดนรางอันแสนอันตราย
การที่นักเรียนออกมาทัศนศึกษาที่สวนแหงชีวิตเปนธรรมเนียมที่ทำตอกันมา เมื่อ
ครั้งโจวเสี่ยวซียังเปนนักเรียน เขาก็สงสัยเชนเดียวกับนักเรียนเหลานี้ การไปทัศน
ศึกษาทุกๆ ครั้งมอบความทรงจำอันงดงามใหแกเขา ตลอดหลายปที่ผานมาเขาไมเคย
ไดยินวาเกิดอุบัติเหตุในสวนแหงชีวิตมากอน อาการบาดเจ็บที่นักเรียนไดรับนั้นสวน
ใหญจะเกิดจากความเลินเลอ อยางเชนเคล็ดขัดยอก
ไมมีกฎหามไมใหจับสัตวปาในสวนแหงชีวิตไปเปนสัตวเลี้ยง
นักเรียนจำนวนไมนอยที่จับสัตวปาไปเปนสัตวเลี้ยงระหวางที่มาทัศนศึกษา โจว
เสี่ยวซีคิดถึงเมนสีเทาที่เขาจับมาจากสวนแหงชีวิต มันอยูกับเขาตลอดชีวิตการเปน
นักเรียนในสนามเหนี่ยวนำ
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
บางทีสิ่งไรเดียงสาเหลานี้อาจมีอยูแคในสนามเหนี่ยวนำแหงนี้เทานั้น เมื่อออก
จากสนามเหนี่ยวนำแลว สิ่งที่เขาคิดมีเพีย งแคการเอาชีวิตรอดและการฝก ตนให
แข็งแกรงขึ้น สัตวที่พวกเขาเลี้ยงไวเพื่อสุนทรียภาพนั้นสุดทายเปลี่ยนเปนอสูรปาที่
ชวยพวกเขาในการตอสู
วันเวลาเกาๆ ชางงดงาม
โจวเสี่ยวซียิ้มพลางมองการกระทำอันไรเดียงสาของนักเรียน
“ระวัง!”
เสียงตะโกนเตือนดังมาจากดานหลังกลุมนักเรียน โจวเสี่ยวซีตกตะลึง เขารูวา
เสียงหนึ่งในนั้นคือเสียงของอายฮุย
อีกเสียงหนึ่ง...ตองเปนของเจาอวนนั่น
โจวเสี่ยวซีสังเกตเห็นความขัดแยงระหวางนักเรียนทั้งสองคนกอนหนานี้ แตไมได
เขาไปยุงเพราะเขาสามารถสัมผัสไดวามีมิตรภาพอันลึกซึ้งระหวางทั้งสอง
เพราะหลี่เหวย โจวเสี่ยวซีจึงมีความประทับใจที่ดีตออายฮุย ถึงแมวาโจวเสี่ยวซี
จะอยูคนละหนวยกับหลี่เหวย แตเขาก็ประทับใจในความรูและนิสัยของหลี่เหวย
หลังจากที่ใชเวลารวมกัน ดังนั้นเด็กที่ไดรับความชื่นชมจากหลี่เหวยยอมตองยอด
เยี่ยมกวาคนทั่วไป
การกระทำของอายฮุยชวงสองสามวันที่ผานมาทำใหโจวเสี่ยวซีมองเขาดีขึ้นไปอีก
จะมีอะไรผิดพลาดไปไดเลา
ทุกอยางดูปกติดี กระตายตัวนั้นขยับจมูกและยืน่ ไปทางใบหญาในมือของนักเรียน
ทำทาใหความสนใจ
ทันใดนั้นเอง นัยนตาของโจวเสี่ยวซีก็ขยายกวาง
กระตายตัวนั้นพลันกระโดดแลวก็กัดมือของนักเรียน
“โอย!”
นักเรียนที่ถูกจูโจมโดยไมทันระวังตัวเปลงเสียงรองโหยหวน เลือดไหลซิกออก
จากมือ นักเรียนรอบๆ ก็สงเสียงกรีดรองตามและตกเขาสูความโกลาหล
ปฏิกิริยาของโจวเสี่ยวซีนั้นวองไวถึงขีดสุด เขาปรากฏกายขึ้นดานขางนักเรียนที่
บาดเจ็บราวดวยสีหนาเย็นเยียบกับภูติพราย ครั้นแลวเขาดีดนิ้วมือ
กระแสอากาศยิงออกไปราวกับลูกศรและแทงทะลุกระตายขนแดง
ตูม!
เลือดสาดกระจายไปทุกที่เมื่อกระแสอากาศทะลวงผานรางของกระตายขนแดง
จนระเบิดออก ชิ้นสวนรางกายกระจัดกระจายไปทั่ว
พวกนักเรียนกรีดรองออกมาในทันทีดวยความหวาดกลัว พวกเขาไมเคยเห็นอะไร
นากลัวแบบนี้มากอน
โจวเสี่ยวซีหนาซีดเพราะไมคาดคิดวาจะมีอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นจริงๆ เขาพลิกมือ
ของนักเรียนที่ถูกกัดขึ้นมาดู นักเรียนคนนั้นหวาดกลัวตัวสั่นไมหยุด เศษซากของ
กระตายกระจัดกระจายออกไปรอบทิศทาง แตหัวของมันยังคงกัดมือของนักเรียน
เอาไวแนนไมยอมปลอย
ดวงตาทับทิมของมันเต็มไปดวยความกระหายเลือดและความบาคลั่งที่ไมอาจ
บรรยายได ทาทางวานอนสอนงายและนารักในอดีตหายไป เปลี่ยนเปนชั่วรายอยาง
ยิ่ง
โปะ!
โจวเสี่ยวซีบดขยี้หัวกระตาย นักเรียนที่บาดเจ็บเปนลมไปในทันที
อายฮุยกับเจาอวนเขามาทันเห็นฉากตรงหนาพอดี เมื่อไดเห็นสถานการณเบื้อง
หนาหัวใจก็ตกลงไปอยูที่ตาตุม
“เจาพบอะไรอยางนั้นหรือ” โจวเสี่ยวซีหันกลับไปมองอายฮุย
อายฮุยรูสึกเหมือนวาอสูรรายเกรี้ยวกราดกำลังมองมา เขาตกอยูใตแรงกดดัน
อยางหนักจนไมอาจหายใจได
เขาสงบสติอารมณลงกอนจะตอบกลับไป “มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับเลือด เกิด
ปญหานี้กับพืชและดินเชนกัน”
เขารูวาจะทำใหอีกฝายเชื่อไดอยางไร เขาตัดตนไมเล็กๆ ที่อยูใกลๆ อยางไมลังเล
กระบี่หญาในมือของเขากรีดผานเปลือกไมอยางแมนยำ เปดเผยแกนของตนไม
ใหปรากฏแกสายตา
ดวงตาของโจวเสี่ยวซีหรี่ลง แกนของตนไมดูเสมือนหนึ่งวาอาบไปดวยเลือด
อายฮุยใชกระบี่หญาขุดดินใตตนไม ดินดานลางเปนสีแดงราวกับชาด ผานไปครู
หนึ่ง น้ำโคลนสีแดงราวกับโลหิตก็พวยพุง ออกมาจากใตผืนดิน กลิ่นหอมจางๆ อบอวล
ไปในอากาศ
ใบหนาของทุกคนซีดขาว พวกเขาไมเคยพบเห็นอะไรแบบนี้มากอน นักเรียน
ขวัญออนบางคนเกิดอาการหมดแรงทรุดนั่งกับพื้น ตัวสั่นดวยความกลัว
ใบหนาของโจวเสี่ยวซีก็ซีดเผือดเชนกัน นี่เปนครั้งแรกที่เขาไดเห็นสิ่งที่แปลก
ประหลาดเชนนี้
“เลือดของกระตายตัวนั้นมีบางอยางผิดปกติ มันอาจเปนพิษโลหิต” อายฮุย
กลับคืนสูความสงบ
โจวเสี่ยวซีสูดดมกลิ่นของเลือดกระตายบนมือของเขา กลิ่นหอมสดชื่นสัมผัสจมูก
เขาเกือบเอานิ้วแหยเขาปาก
“เลือดนี้เปนพิษ!”
การย้ำเตือนของอายฮุยทำใหโจวเสี่ยวซีตัวสั่นกอนจะกลับมาครองสติได
โจวเสี่ยวซีรูสึกรอนผาวที่ปลายนิ้วและเช็ดเลือดที่มือออกอยางรวดเร็ว ทวาเลือด
กระตายไดซึมเขาผิวหนังของเขาไปแลว
ชางเปนพิษโลหิตที่นากลัวอะไรเชนนี้
ในตอนนั้น โจวเสี่ยวซียังคงความเยือกเย็นเอาไวได ในใจรูวาตนไดรับพิษเขาแลว
สีแดงไดแผกระจายเขาไปทั่วรางของนักเรียนที่สลบไป
โจวเสี่ยวซีรูวาเขาเปนเสาหลักที่พึ่งพิงของพวกนักเรียน ในตอนนี้ เขามีหนาที่
สำคัญในการนำพานักเรียนทั้งหมดกลับสูความปลอดภัย
เขาหยิบเอาปลองไมไผเล็กๆ ออกมาแลวเปดฝาอยางไมลังเล ในนั้นมีใบสนเข็ม
จำนวนมากมายมีสีสันหลากหลายเก็บอยู
เขาหยิบใบสนเข็มสีแดงซึ่งเปนที่รูจักในชื่อ ใบเหตุราย เดินตรงไปที่ตนไมและปก
ใบสนเข็มสีแดงลงไปเหมือนกับฝงเข็ม ใบสนเข็มเริ่มเปลงแสงสีแดงที่กะพริบเป น
จังหวะราวกับกำลังหายใจ
ทันใดนั้น แสงสีแดงก็เริ่มออนแสงลงเรื่อยๆ ในที่สุดใบสนเข็มก็รวงลงจากตนไม
หัวใจของโจวเสี่ยวซีก็รวงลงเชนกัน
บทที่ 122 วิชาลับขั้นสูงของตวนมู
ใบเหตุรายมีหลากหลายชนิด ทั้งใบเมเปล ใบแปะกวย และอื่นๆ อีกมากมาย แต
ใบสนเข็มนั้นเปนที่นิยมที่สุด
ใบสนเข็มมีขนาดเล็กและพกพาไดสะดวก ปลองไมไผเล็กๆ ก็สามารถเก็บใบสน
เข็มไดมากมาย คุณสมบัติบางประการของตนสนก็สามารถพบไดในใบสนเข็มเชนกัน
ใบเหตุรายเปนผลิตภัณฑที่ผูใชพลังธาตุไมประดิษฐขึ้น ผูใชพลังธาตุไมรู สึกวา
ตนไมนั้นนาจะสามารถสื่อสารระหวางกันได และความคิดนี้กอใหเกิดพื้นฐานการ
สรางตนขาวสาร แตตนขาวสารไมอาจพบไดในปา
ดังนั้นผูใชพลังธาตุไมจึงไดประดิษฐใบไมชนิดหนึ่งขึ้นมาซึ่งสามารถสงขอความ
ผานตนไมในปาได
แตปริมาณขอความที่ใบเหตุรายสามารถสงออกไปไดนั่นมีจำกัดอยางมากไม
เหมือนตนขาวสาร แตกระนั้นมันก็ยังสามารถสงสัญญาณแจงเหตุรายได จำเปนตองมี
ตนไมหรือพืชพรรณอื่นๆ เพื่อเปนฐานใหใบเหตุรายทำงานได ทำใหใบเหตุรายไมอาจ
ใชในบางสถานที่ได เชนทะเลทรายหรือมหาสมุทร
ทหารผูเชี่ย วชาญยอ มตอ งพกพาใบเหตุ ร า ยจำนวนหนึ ่ งติ ดตั วไว ตลอดเวลา
สำหรับการทัศนศึกษาในสวนแหงชีวิตนี้ โจวเสี่ยวซีก็เลือกใบเหตุรายจำนวนหนึ่งติด
ตัวมาเผื่อวาจะมีอะไรเกิดขึ้น
เขาไมเคยคิดเลยวาจะมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ และเลวรายถึงขนาดที่ใบเหตุรายใช
งานไมได
เขาไมเคยพบกับสถานการณที่ใบเหตุรายไมอาจทำงานไดมากอน
เมื่อคิดถึงภาพที่อายฮุยขุดดินใหดู เขาก็มั่นใจวาพืชพรรณในบริเวณโดยรอบนั้น
ถูกพิษเชนกัน โจวเสี่ยวซีไมคอยเห็นดวยกับคำพูดของอายฮุยที่วานี่เปนพิษโลหิต
ประเภทหนึ่ง พิษโลหิตนั้นหาไดยากยิ่ง และเชนเดียวกับชื่อของมัน พิษโลหิตนั้นสงผล
ผานเลือด อยางไรก็ตามตนไมและพืชพรรณตางๆ ไมมีเลือด อีกทั้งโจวเสี่ยวซียังไมเคย
ไดยินมากอนวามีตนไมหรือพืชพรรณชนิดใดที่ไดรับผลกระทบจากพิษโลหิต
ทันใดนั้นเองเขาก็ไดยินกระแสเสียงแผวเบาเคลื่อนเขาใกลจากระยะไกล สีหนา
ของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง
มีอสูรปามากมายเรงรุดมายังที่แหงนี้!
เขาเห็นวาสีหนาของอายฮุยเปลี่ยนไปเชนกัน ทวาในเวลาเชนนี้เขาไมมีเวลาที่จะ
ประทับ ใจกับ ความแหลมคมในการฟ งของอา ยฮุ ย เขาไม ก ล า ลั งเลและตั ดสิ นใจ
ในทันที “ออกไปจากที่นี่! เราจะกลับออกไปเสนทางเดียวกับที่เราเดินเขามา”
กลา วจบ โจวเสี่ยวซีก ็ยกนัก เรี ยนที ่สลบมาพาดไว บนบา จากนั ้น ก็มองไปยัง
นักเรียนที่หวาดกลัวแลวตวาดอยางเย็นเยียบ “ใครวิ่งชาจะถูกอสูรปากิน”
ถึงแมวาอาจารยสวี่และชุยเซียนจื่อจะกังวลมาก แตพวกเขาก็ยังไมลืมหนาที่ของ
ตนเอง พยายามใหกำลังใจนักเรียน
“ระวังอสูรปาและก็พวกแมลง! อยาใหโดนกัดได” อายฮุยเตือนทุกคนดวยเสียงดังลั่น
เจ า อ ว นอยู  ใกล อ า ยฮุ ย ตลอดเวลา ร า งพ ว งพี น ี้ ก ลั บ สามารถเคลื ่ อ นไหวได
คลองแคลวอยางหนาเหลือเชื่อ
การกระทำของอายฮุยกอนหนานี้สรางความเคารพในสายตาของทุกคนโดยไมตั้งใจ
“ทุกคนอยูรวมกลุมกันไว อยาแยกออกจากกลุม ใหนักเรียนหญิงรวมตัวกันอยู
ตรงกลาง อายฮุยกับตวนมูหวงฮุน เจาสองคนไปอยูดานหนากลุม อายฮุยเจาเปนคน
นำทาง และตวนมูหวงฮุนคอยอารักขาเขา ขาจะระวังหลังใหเอง อาจารยสวี่จะดูแล
ปกซายสวนชุยเซียนจื่อดูแลปกขวา นักเรียนที่แข็งแกรงกวาคนอื่นใหอยูรอบนอกของ
กลุม ทุกคนฟงคำสั่งขา อยาแตกตื่น ขาจะพาทุกคนออกไปอยางปลอดภัย” โจวเสี่ยว
ซีออกคำสั่งอยางเฉียบขาด
น้ำเสียงของเขานั้นสุขุมและใจเย็น แสดงความเปนผูนำและเกียรติยศ
ในตอนนี้ เมื่อเปรียบกับอาจารยทั้งสอง ยอดฝมือจากสิบสามหนวยอยางโจวเสี่ยวซี
สรางความมั่นใจใหกับนักเรียนไดมากกวา
แมแตอายฮุยก็ยังแสดงความชื่นชมออกมาอยางชวยไมได โจวเสี่ยวซีนั้นชางสม
กับชื่อเสียงของเขาในฐานะยอดฝมือจากแนวรบจริงๆ แคคำสั่งในการจัดกลุมเดินทัพก็
เผยใหเห็นถึงประสบการณอันโชกโชนของเขาแลว
ดานหลังของกลุมเปนจุดที่อันตรายที่สุด และจุดนี้ไดรับการดูแลโดยโจวเสี่ยวซี
อาจารยอีกสองทานมีความแข็งแกรงรองลงมา พวกเขาดูแลสวนปกซายและปก
ขวาของกลุม ซึ่งปกทั้งสองขางก็ตองการการดูแลเชนเดียวกัน
สวนหนาของกลุมนั้นถือวาปลอดภัยที่สุด เพราะพวกเขากำลังเดินทางกลับไปยัง
เสนทางเดิมที่เขามาในสวนแหงชีวิต
ตวนมูหวงฮุนยังคงความสงบเยือกเย็นเอาไวได โพรงหญานั้นนากลัวกวาที่แหงนี้
มาก เขาไมใชคุณชายเปราะบาง แตบางเรื่อง...เขามองไปทางอายฮุยและรูสกึ กระอัก
กระอวนอยางไมอาจจะบรรยายออกมาได
เขาตองรวมตอสูเคียงบาเคียงไหลกับไอหมอนี่...
นี่มันไรสาระสิ้นดี
“ไปเร็ว” โจวเสี่ยวซีตะโกน “ทุกคนเดินหนาได!”
อายฮุยเดินตรงไปดานหนาของกลุมโดยไมลังเลแมแตนอย นักเรียนคนอื่นอาจ
หลงทางกลางปาไดงายๆ แตสำหรับอายฮุยแลวมันเหมือนกับเดินเลนในสวน
ตวนมูหวงฮุนสงเสียงหึในคอ กอนจะปรากฏกายขางอายฮุย
ถึงแมวาตวนมูหวงฮุนจะเกลียดชังอายฮุยเขากระดูกดำ แตเขาก็รูดีวาสถานการณ
นี้รายแรงเพียงไร ความลมเหลวในการใชใบเหตุรายยอมหมายความวาพวกเขาจะ
ไมไดรับการชวยเหลือจากกองหนุนใดๆ นี่ทำใหพวกเขาตกอยูในสถานการณหนาสิ่ว
หนาขวานอยางมาก
เขาเปนผูใชพลังธาตุไมและรูดีวาพิษโลหิตนั้นรายแรงเพียงใด
ยิ่งไปกวานั้น เขาจะปลอยใหเจาวายรายนี่เดนกวาไดอยางไร
เสียงรอบกายของพวกเขานั้นดังขึ้นเรื่อยๆ อันตรายกำลังยางกรายเขามา และ
ความหวาดกลัวของคนในกลุมก็เพิ่มสูงขึ้น
“ทุกคนระวังตัวไว!”
โจวเสี่ยวซีตะโกน ทันใดนั้นปกเมฆาสีขาวก็กางออกจากดานหลังของเขา ปก
เมฆาสยายออกดวยเสียงอันดัง กลายเปนหมอกขาวกอนหนึ่ง
ในมือของผูใชพลังธาตุคนอื่น ปกเมฆาเปนเพียงแคอุปกรณชวยในการบิน ในมือ
ของผูใชพลังธาตุน้ำนั้น มันคืออาวุธที่มีอันตายรายแรงถึงชีวิต
กอนหมอกแหวกวายอยูรอบกายเขาราวกับฝูงปลากระโทงดาบสีขาว
ฉับ ฉับ ฉับ!
เหลาอสูรปากระโจนเขาไปในกลุมหมอกอยางตอเนื่อง ทวาทันทีที่เขาไปพวกอสูร
ปาก็ถูกหั่นเฉือนดวยหมอกที่แหลมคมราวกับใบมีดโกน กอใหเกิดทะเลเลือดขึ้นอยาง
รวดเร็ว
อาจารยสวี่เองก็สำแดงความอาจหาญของเขาออกมา แผนแสงสีเงินจำนวนมาก
ปรากฏขึ้นรอบกาย สรา งมา นปอ งกั น สี เ งิ น กางกั ้ น กลุ  มนั ก เรี ย นเอาไว สิ ่ งที ่ น า
ประทับใจที่สุดของมานปองกันนี้ก็คือความยืดหยุนอันทรงพลังของมัน อสูรตนใดก็
ตามที่กระแทกเขากับมานปองกันนี้จะถูกสะทอนกลับไปราวกับกระโจนใสแทนสปริง
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
เสียงการปะทะดังขึ้นอยางถี่รัวราวกับเสียงฝนลงเม็ดซัดกระหน่ำ
การที่ชุยเซียนจื่อนำนักเรีย นออกมาทัศนศึกษาไดแสดงให เห็ นวานางเองก็ มี
ความสามารถพอสมควร ผาไหมเพลิงผืนหนึ่งปรากฎขึ้นบนมือของนางอยางลึกลับ รูป
นกที่ดูเหมือนมีชีวิตนับรอยถูกปกบนผาไหมผืนนั้น
ผืนผาไหมสงเสียงระเบิดดังกองพรอมกลายเปนทะเลเพลิงดวยการสะบัดเพียง
ครั้งเดียว
ฝูงนกที่สองแสงสวางโชติชวงสงเสียงรองจิ๊บๆ บินออกมาจากทะเลเพลิง
อสูรตนใดที่เขาใกลจะถูกนกเพลิงโจมตีและรางกายของมันก็ระเบิดออกเปนกองเพลิง
ปกติแลวอายฮุยจะจองมองการตอสูที่แพรวพราวดวยความหลงใหล ทวาเขาไม
อาจประมาททำเรื่องเชนนั้นไดในตอนนี้
ทันใดนั้นตวนมูหวงฮุนผูที่เดินตามเขาอยางเงียบงันมาตลอดเวลาพลันลงมืออยาง
รวดเร็ว
สัญลักษณสีเขียวเรืองแสงและลวดลายที่ปกติแลวเห็นไดบนแจกันลายคราม
ปรากฏขึ้นใตเทา ของตวนมูห วงฮุ น เถาวั ลย สี เขี ย วเข มจำนวนมากมี ชี ว ิ ตขึ ้ นมา
ขยายตัวออกจากแสงเรืองใตเทาของเขา เถาวัลยเหลานี้สรางลวดลายงดงามบนพื้น
ราวกับวาดเขียนขึ้นมาดวยปากกาที่มองไมเห็น
ทุกคนรูสึกไดวาตัวเบาขึ้น ทำใหความเร็วในการวิ่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นในทันที
ฝามือของตวนมูหวงฮุนเคลื่อนไหวอยางออนโยนในอากาศ เถาวัลยสีเขียวพุงไป
ในอากาศดวยความเร็วที่นาตระหนก ละมายคลายกับกานไมสีเขียวขยับขยายพัน
เกลียวขึ้นไปกลางเวหา
ดอกโบตั๋นสีเขียวนาขนลุกเริ่มเบงบานบนเถาวัลย
ในชั่วพริบตาเดียวดอกโบตั๋นก็เบงบานเต็มที่ เสียงลมฝาอากาศดังขึ้นอยางแผว
เบา กลีบดอกเริ่มหลุดออกจากดอกโบตั๋นที่บานเต็มที่
กลีบดอกโบตั๋นลองลอยและเตนรำไปในอากาศ ดูราวกับสายฝนที่ยอมทองฟาให
กลายเปนสีเขียว
เมื่ออสูรปาถูกขังอยูในสายฝนสีเขียวนี้และสัมผัสกับกลีบดอกไม รางกายสีแดง
เขมของมันก็พลัดสีเปนเขียว ในยามที่เปลี่ยนสีแลวนั่นเองรางอสูรจึงไดสลายมลายไป
อสูรปาที่กระโจนอยูกลางอากาศสลายกลายเปนหมอกควันสีเขียวตอหนาตอตา
ของอายฮุย
อายฮุยเหมอมองดวยความตกใจ
สีหนาของตวนมูหวงฮุนเต็มไปดวยความภาคภูมิและลำพองใจ
วิชาลับขั้นสูงของตระกูลตวนมู [บุปผาเขียวขจี]
บทที่ 123 การตัดสินใจของโจวเสีย่ วซี
อายฮุยตัวสั่นกับภาพที่เห็นตรงหนา เขาอาปากคางยืนตะลึง ไมเพียงแตเขา ทุก
คนในกลุมก็ตกตะลึงกับ [บุบผาเขียวขจี] ของตวนมูหวงฮุนเชนกัน
การรับมือกับภาวะฉุกเฉินของตวนมูหวงฮุนไมถูกจำกัดดวยวัยอันออนเยาวของ
เขา ทุกคนคิดแบบเดียวกันวาเขาเปนผูมีพรสวรรคโดยแท ทวามีความเขาใจเกี่ยวกับ
ตัวเขาหรือทักษะที่เขาไดรับสืบทอดมานอยมาก ในตอนที่ไตกังรับเขาเปนศิษยคน
สุดทาย นั่นยิ่งจาลึกความคิดที่วาเขาเปนผูมีพรสวรรคลงในจิตใจของทุกคนมากยิ่งขึ้น
ผลกระทบและความตกใจที่เกิดจาก [บุบผาเขียวขจี] ที่งดงามราวภาพวาดนั้นทำ
ใหทั้งกลุมเกิดหลงๆ ลืมๆ ไปชั่วขณะหนึ่ง
ณ จุดนี้ทุกคนก็นึกขึ้นมาไดวาตวนมูหวงฮุนนั้นถูกจัดอยูในอันดับที่สิบเจ็ ดของ
สนามเหนี่ยวนำเมื่อวัดจากความแข็งแกรงในการตอสู
เขาไมเพียงแตมีทักษะอันนาตะหนก ทวายังมีความกลาหาญอีกดวย
เจาอวนสมองวางเปลาในตอนที่เขาพึมพำ “ขาจบสิ้นแลว ขาจบสิ้นแลว เงินนั้น
ตองสูญไปแนแลว ทำไมอายฮุยถึงไดใหคนเกงถึงเพียงนี้ยืม… พินาศแลว เงินกอน
มหาศาลพังพินาศหมดแลว…”
ดวงตาของตวนมูหวงฮุนเปนประกายงดงามดวยความสงบ เขากาวเดินอยางครานๆ
แตมีชีวิตชีวา ทามกลางสายฝนสีเขียวสาดใส รางที่เหยียดตรงนั้นงดงามราวภาพวาด
ใบหนาที่ไรตำหนิฉายความมั่นใจ ทุกการเคลื่อนไหวเปนไปอยางสงบไมรีบรอน
เพียงครูเดียวสายตาของบรรดาหญิงสาวก็จับจองอยางตราตรึง
อายฮุยเองก็ตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง แตก็ฟนคืนสติไดอยางรวดเร็ว เขาเปลงเสียง
ออกมาวา “ไปทางนี้!”
การแสดงฝมือของตวนมูหวงฮุนเพิ่มกำลังใจใหกับทุกคนอยางมาก และดึงทุกคน
ออกจากภาวะตื่นตระหนกได เมื่อนักเรียนไดรับรูวากลุมนี้มีความสามารถเพียงใดพวก
เขาก็คอ ยๆ สงบลง การใหความสำคั ญ กั บ การต อ สู  เป น ประเพณี ข องอู  สิ งเที ย น
นักเรียนที่มาจากดินแดนเกาอาจจะไมคุนเคย แตนักเรียนจากอูสิงเทียนนั้นไดรับการ
ฝกฝนและเรียนรูมาตั้งแตเด็ก พวกเขาลวนยอมรับแนวคิดของการตอสู
เมื่อพวกเขาสงบสติได ความสามารถในการรับมือของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอยางมาก
นักเรียนหญิงหลายคนเริ่มมีความคิดที่จะเขารวม สถานการณก็คอยๆ ลงตัวมากขึ้น
ความกดดันของตวนมูหวงฮุนลดลงไปกวาครึ่ง เขาเหลือบมองไปทางอายฮุยแลว
ก็แอบประหลาดใจ นับจากเริ่มแรกอายฮุยไมเคยแสดงอาการลังเลออกมาแมแตครั้ง
เดียว นี่เปนปาทึบที่ไมมีจุดสังเกตใดๆ แลวเขารูทางไดอยางไร
ตวนมูหวงฮุนถึงขนาดมีความคิดวาอายฮุยเคยมาที่ปานี้หลายครั้งแลว
ทวาไมนานหลังจากนั้นตวนมูหวงฮุนก็ไมมีเวลาวางมาใหความสนใจอายฮุย เขา
เริ่มรูสึกกดดัน พวกเขาวิ่งมาเปนระยะทางหนึ่งรอยกวาลี้แลว แตพวกอสูรปาที่โจมตี
เขามากลับไมลดลงเลย พวกมันกลับมีแตจะเพิ่มขึ้น
ขนาดของอสูรปานั้นไมใหญนัก รางกายมีสีแดงประหลาด พวกมันโกรธเกรี้ยวอยาง
เห็นไดชัด ไมสนใจแมแตชีวิตตัวเอง อาการเหลานี้บงบอกไดวาพวกมันไดรับพิษโลหิต
แมแตยอดฝมืออยางโจวเสี่ยวซีก็ยังรูสึกหนาวยะเยือกในตอนนี้ พวกอสูรปาไม
เพียงแตบุกเขาโจมตีเทานั้น พวกมันยังกระหายเลือดอยางมาก ถึงขนาดกลืนกินเลือด
เนื้อจากศพของพวกเดียวกันเอง
เศษชิ้นสวนรางกายของอสูรปากระจัดกระจายเต็มพื้นเพราะอสูรปาจำนวนมาก
ตางกระโจนเขาใสพยายามตอสู
เศษชิ้นสวนรางกายที่ชุมโชกไปดวยเลือดรวงหลนลงบนพื้นถูกฉกฉวยโดยฝู ง
แมลงจำนวนมากที่พุงออกมาจากสุมทุมพุมไมและพื้นดิน ประหนึ่งวากำลังเขมือบ
อาหารอันโอชะ โจวเสี่ยวซีมีความภูมิใจในที่เขาไดผานสถานการณยากลำบากมานับ
ครั้งไมถวน ไมวามันจะโหดรายปาเถื่อนเทาไร เขาก็สามารถเชิญหนากับมันได
หากแตสิ่งที่เขาไดเจอในวันนี้ทำใหเขาหวาดกลัว เขาพยายามใชใบเหตุรายอีก
สามครั้งระหวางทาง ทวาก็ไมเปนผล โจวเสี่ยวซีมีการรับรูระยะทางที่แมนยำ พวกเขา
เดินทางมาไดประมาณหนึ่งรอยหาสิบลี้แลว ทวายังไมพนจากพื้นที่ติดเชื้อ
พิษโลหิตประหลาดนี้แพรกระจายไปมากเพียงใด เปนไปไดหรือไมวามันแพรไป
ทั่วสวนแหงชีวิตแลว...
เขาตัวสั่น ไมกลาที่จะอยูตอไปอีกแมแตนิดเดียว
แตถาหากทั้งสวนแหงชีวิตติดเชื้อจากพิษโลหิตที่ไมรูที่มา เขาตองรีบตัดสินใจแลว
พลันสายตาเหลือบมองไปทางกลุมนักเรียน หลังจากตอสูตอเนื่องมายาวนานกวาหนึ่ง
ชั่วโมง พวกเขาก็เริ่มมีความออนลาขีดเขียนใบหนา ขวัญกำลังใจก็ลดลง
หากมันเปนอยางที่เขาคิด พวกเขาคงไมสามารถออกไปจากที่แหงนี้ได!
เขาตะโกนในทันที “อายฮุย หาที่ที่งายตอการปองกันแตโจมตีไดยาก!”
เขารูวาอายฮุยเขาใจสิ่งที่เขาบอก
อายฮุยหันไปมองเขาทีหนึ่ง แลวก็เริ่มวิ่งนำหนาไปโดยไมกลาวอะไร
เขาเขาใจความตั้งใจของโจวเสี่ยวซีและตองยอมรับวานั่นเปนทางเลือกที่ดีที่สุด
ในตอนนี้ ดวยความเร็วในการเดินทางของพวกเขา เปนไปไมไดเลยที่จะหลบหนีออก
จากสวนแหงชีวิตไปได ครูฝกโจวมีปกเมฆา เขาสามารถบินกลับไปเรียกกำลังเสริมได
ตอใหรวมเวลาที่กำลังเสริมจะบินกลับมาหากลุมนักเรียนแลว ก็ยังเร็วกวาเวลาที่พวก
นักเรียนจะเดินออกจากสวนแหงชีวิตดวยตัวเอง
ตราบใดที่พวกเขาสามารถหาสถานที่เหมาะๆ ที่พอจะชวยการปองกันตัวได แรง
กดดันที่ไดรับก็จะลดลง ยิ่งไปกวานั้นพวกเขายังสามารถยืดเวลารอดชีวิตไปได
อายฮุยจำไดวามีกองหินหางออกไปไมไกลนัก หากพวกเขาสามารถใชประโยชน
จากกอนหินเหลานั้นได มันก็จะเปนจุดที่เหมาะแกการปองกัน ตวนมูหวงฮุนรูสึก
ประหลาดใจ เขาไมเขาใจวาทำไมครูฝกโจวถึงไดเชื่อใจอายฮุยในเมื่อพลังของอายฮุย
นั้นออกจะต่ำเชนนี้
เขาพลันคิดไปถึงวันแรกที่พวกเขายางกาวเขามาในสวนแหงชีวิต ครูฝกโจวไดสั่ง
ใหอายฮุยไปยืนยาม
ทันใดนั้นเองที่ตวนมูหวงฮุนรูตัววาความเขาใจในตัวศัตรูคูแคนของเขานั้น นอย
เกินไป
ไมสิ อันที่จริงแลว เขาไมรูอะไรเลย
เขาแอบสังเกตอายฮุยเงียบๆ และไดคนพบคุณลักษณะที่ไมปธรรมดามากมาย
ในทันที ยกตัวอยางเชน อายฮุยแทบไมเดินเปนเสนตรงเลย รางกายของอายฮุยเปน
เฉกเชนเสือชีตาหที่กำลังวิ่ง กระบี่หญาของเขากลับดานและเก็บอยูขางตัว แกวงไกว
เล็กนอยเปนวงโคง
ตวนมูห วงฮุนนั้นฉลาดมาก ถึ งแม ว  า เขาไม ได สั งเกตมาก อ น แต ก ็ เข า ใจถึ ง
ประโยชนของมันไดในทันทีที่เขาสังเกตเห็น
กระบี่หญาชักออกมาใชไดทันทีเมื่อพบอันตราย
หมอนี่...ไมธรรมดา!
ตวนมูหวงฮุนรูสึก ตื่นตัวอยูในใจ เขาไมพอใจกับตัวเองเพราะเขาเพิ่ งจะรู  ตัว
เกี่ยวกับลักษณะที่ไมธรรมดานี้
เมื่อโจวเสี่ยวซีเห็นกองหินจากระยะไกลก็ใจชื้นขึ้น เขามองไปทางอายฮุยพลางคิด
วาชางนาเสียดายที่อายฮุยไมมีธาตุน้ำ มิเชนนั้นเขาตองดึงตัวอายฮุยเขาหนวยทะเล
เหนือใหได แมวาระดับพลังของอายฮุยจะไมสูงนัก ต่ำจนทำใหโจวเสี่ยวซีสงสัยดวยซ้ำ
แตอายฮุยกลับมีผลงานอันโดดเดนนับตั้งแตพวกเขาเหยียบยางเขาสูสวนแหงชีวิต
อายฮุยเปนคนแรกที่พบความผิดปกติ พบกอนครูฝกอยางเขาเสียอีก โจวเสี่ยวซี
เปนยอดฝมือจากหนวยทะเลเหนือ แตเขายังไมหูตาไวเทากับนักเรียน นึกไดดังนี้แลว
ก็รูสึกกระดากใจเล็กนอย
นี่เปนทักษะติดตัวอันยอดเยี่ยม
แมว า ปฏิภาณตามธรรมชาตินั บเปน ทั กษะติดตัว แต ความรู ในการต อสูและ
ปฏิกิริยาตอสถานการณที่ซับซอนก็ตองมีพรสวรรคเชนกัน
กองหินประกอบดวยกอนหินดำสูงราวหกหรือเจ็ดเมตร จัดเปนจุดปองกันที่ดี
ที่สุดเทาที่พวกเขาจะหาได พวกนักเรียนที่เหนื่อยจนแทบหมดแรง ลมลุกคลุกคลาน
ตะเกียกตะกายเขาไปในกองหิน
โจวเสี่ยวซีรวมทั้งอาจารยสวี่และชุยเซียนจื่อ ประสานงานกันกระจายตัวกันยืน
ตรงจุดสูงของกองหิน กองหินสูงตระหงานปานหอคอยปองกันสัตวรายที่พุงมาราว
กระแสคลื่น
พวกนักเรียนมีโอกาสไดพักหายใจในที่สุด พวกเขาทิ้งตัวนอนกระจัดการจายอ
ยางไรระเบียบ
“ขาจะไปตามคนมาชวย พวกทานสองคนชวยปองกันที่นี่ไวดวย!” โจวเสี่ยวซี
ตะโกนบอกอาจารยสวี่และชุยเซียนจื่อ
“ตกลง!” อาจารยสวี่พยักหนาโดยไมลังเล
ชุยเซียนจื่อตะโกนดวยความเปนหวง “รักษาตัวดวย!”
“เจาก็ตองสูเขาไว!” ขณะที่โจวเสี่ยวซีพูดเขาก็โยนอาหารและยาทั้งหมดของเขา
ไปใหชุยเซียนจื่อ
โจวเสี่ยวซีมองชุยเซียนจื่ออยางลึกซึ้งอยูสองวินาทีราวกับเขาตองการจะเก็บ
ชวงเวลานี้ไวในความทรงจำ เขาไมรูวาเหตุใดตนจึงทำเชนนี้ อาจเปนเพราะในใจเขา
รูสึกไมปลอดภัย
เขาหวังวาโลกของเขาจะเปนเชนเดียวกับเมื่อวานนี้ เขาหันกลับไปดวยดวงตาอัน
มุงมั่น ทะยานไปในอากาศและอันตรธานลับไปในขอบฟา
บทที่ 124 การคาดเดาของอายฮุย
ค่ำคืนกำลังยางกรายเขามา
หินดำนั้นทนทาน เมื่อมีกองหินชวยกำบัง ประกอบกับการปองกันและการโจมตี
เพื่อลดทอนพลังของอสูรปาแลว สถานการณก็อยูภายใตการควบคุมในที่สุด
“หวงฮุน ขาจะรับหนาที่แทนเจา เจาควรพักผอนสักหนอย” อาจารยสวี่กลาว
ดวยน้ำเสียงหวงใย
นอกเหนือจากอาจารยสวี่และชุยเซียนจื่อแลว ตวนมูหวงฮุนคือคนที่เปนกำลัง
สำคัญ เวลาที่เขาใชในการตอสูปองกันนั้นพอๆ กับอาจารยทั้งสอง นักเรียนที่เหลือ
มองไปยังตวนมูหวงฮุนดวยความชื่นชมและเคารพยกยอง ยิ่งไปกวานั้นตวนมูหวงฮุน
นับเปนคนที่อายุนอยที่สุดคนหนึ่งในที่แหงนี้ ซ้ำยังตองมาแบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้
จะไมใหนับถือไดอยางไร
“ขอรับอาจารย” ตวนมูหวงฮุนตอบอยางสุภาพ แมแตในตอนนี้เขาก็ยังไมลืม
มารยาท
เขากระโดดลงจากกอนหินดวยสภาพหมดแรง เขาพบจุดที่สะอาดกลางกอนหิน
จึงไปนั่งที่นั่น กวาตวนมูหวงฮุนจะรูวาคนที่นั่งอยูขางๆ คืออายฮุย เขาก็ไดหลวมตัวนั่ง
ลงไปแลว
หมอนี่วางหมากเอาไวเชนนั้นหรือ นาเศราที่เขาไมทันเห็นกอนหนานี้
ความเขมขนในการตอสูเปลี่ยนไปอีกระดับ พวกอสูรปาดูเหมือนจะเปนบาไปแลว
และบุกเขามาอยางตอเนื่อง การปองกันนั้นเปนงานที่ตึงเครียดเพราะเขาตองทุมเท
ปองกันปอมปราการแหงนี้ จึงไมมีเวลาไปสนใจเรื่องอื่นใด
“เจาคิดอยางไรกับสถานการณในตอนนี้” ตวนมูหวงฮุนจูๆ ก็ถามขึ้น
อายฮุยรูสึกประหลาดใจ เหลือบไปมองตวนมูหวงฮุนอยางไมคิดวาอีกฝายจะตน
แตกระนั้น ณ จุดนี้ การจะมารื้อฟนความขัดแยงในอดีตก็คงไมมีประโยชนอะไร
ไมวาเขาจะตั้งใจหรือไมก็ตาม ทุกคนก็ลงเรือลำเดียวกันแลว ตวนมูหวงฮุนเองก็ให
ความชวยเหลือไดเปนอยางดีและไมคิดที่จะบายเบี่ยง หากพวกเขาสามารถรอดชีวิต
ออกไปได ตวนมูหวงฮุนก็เปนสวนสำคัญในความสำเร็จครั้งนี้
ความมุงรายของอายฮุยลดลงไปไมนอย
เขาสายหนา “หายนะ”
ตวนมูหวงฮุนขมวดคิ้วเล็กนอย “ทำไม สถานการณเริ่มมีคงที่แลวไมใชหรือ”
เมื่อมองสภาพการณตรงหนา ตวนมูหวงฮุนก็รูสึกวาสถานการณนั้นดีขึ้น พวกเขา
อยูในจุดที่เหมาะสมกับการตั้งรับ รูวิธีปองกันที่เหมาะสมแลว ปริมาณอาหารและน้ำก็
มีเพียงพอที่จะอยูไปไดอีกระยะเวลาหนึ่ง แลวจะเปนอันตรายไปไดอยางไร
ตวนมูหวงฮุนเชื่อวาอายฮุยคงไมพูดออกมาโดยไมคิด
ความสามารถในการตอสูของตวนมูหวงฮุนไดรับการยอมรับจากทุกคน ในขณะที่
ความแหลมคมในการประเมินสถานการณของอายฮุยก็ไดรับการยอมรับเชนเดียวกัน
แมวาขอสรุปเชนนี้จะทำใหตวนมูหวงฮุนไมสบายใจอยูบาง แตก็ตองยอมรับวา ถึงเขา
จะมั่นใจวาสามารถเอาชนะไดในการตอสูตัวตอตัว แตเขาก็ยังคงออนหัดอยูอีกหลาย
แงมุม
หลายครั้งที่ประสบการณและทักษะของอายฮุยทำใหเขานึกถึงครูฝกโจว
“เจาไมสังเกตหรือ พวกอสูรปาที่มาโจมตีลวนเปนพวกกินพืช”
แมวาน้ำเสียงอายฮุยจะสุขุม กระนั้นก็ยังทำใหตวนมูหวงฮุนรูสึกตกใจเมื่อไดยินเชนนี้
คิดยอนกลับไปในการตอสูที่ผานมา อสูรปาที่เขาพบนั้นเกือบทั้งหมดเปน สัตว
ขนาดเล็กที่กินพืชเปนอาหาร เขาครุนคิดอยูครูหนึ่ง “เจาหมายความวายังมีอสูรปาที่
โหดเหี้ยมกวานี้ที่ไดรับพิษเชนนั้นหรือ หรือวามีเพียงสัตวกินพืชเทานั้นที่ไดรับพิษ”
“น้ำสีแดงที่อยูใตดินนั้นมีกลิ่นที่ออนจางอยางมาก หากเจาดึงตนหญาออกมา กลิ่น
ของหญาจะแรงกวาน้ำสีแดง เจายังจำกระตายขนแดงไดหรือไม เลือดของกระตายขน
แดงกลับมีกลุนแรงยิ่งกวาตนหญา ขาฆายุงตัวหนึ่งกอนหนานี้ เลือดของยุงหวานกวา
และกลิ่นแรงกวาเลือดของกระตายขนแดง เจาคิดวานี่หมายความเชนไร”
“เจาหมายความวา...” สีหนาของตวนมูหวงฮุนกลายเปนกังวล
“ความเขมขนของพิษโลหิตเพิ่มขึ้นตามลำดับ” อายฮุยพูดออกมาตรงๆ แลว
กลาวตอไป “ดูไปที่พวกอสูรปาที่เราฆาตายไป ซากศพของพวกมันลวนถูกเก็บกวาด
ไปจนหมดใชหรือไม เจาเห็นเลือดสักหยดบนพื้นหรือเปลา”
“นั่นเปนตัวชี้วาอสูรปาที่ไดรับพิษพวกนั้นกระหายเลือดเปนอยางมาก”
ตวนมูหวงฮุนบอกสิ่งที่คิดวาเปนไปไดมากที่สุดออกมา
“ไม” อายฮุยสายหนา “พวกมันถูกดึงดูดดวยพิษโลหิต ขาคิดวาพวกมันกำลังเกิด
การเปลี่ยนแปลงสภาพ”
“เจาคิดอยางไรกับความสามารถในการตอสูของสัตวตัวเล็กกินพืชพวกนี้ มัน
เพิ่มขึ้นอยางเห็นไดชัดใชหรือไม” อายฮุยถามตอ
“ก็จริงอยางที่เจาพูด” ตวนมูหวงฮุนพยักหนา
“สิ่งที่ทำใหพวกมันเปลี่ยนไป ก็นาจะเปนพิษโลหิต มันทำใหพวกนั้นแข็งแกรงขึ้น
เจายังจำลำดับความกาวหนาไดหรือไม สำหรับอสูรกินเนื้อแลวพิษโลหิตจะยิ่งเขมขน
มากขึ้น ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงจะยิ่งมากขึ้นและอันตรายมากขึ้น” อายฮุยพูดอยาง
เครงขรึม
ตวนมูหวงฮุนพลาดรายละเอียดเล็กๆ เหลานี้ไปจริงๆ ความเย็นเยือกที่ยากจะ
บรรยายไหลไปตามแนวสันหลังทำใหเขาตัวสั่น
“สำหรับตอนนี้ พวกเรายังไมรูวามันจะกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบใด แต
กระนั้น ยุงที่ขาฆาไปกอนหนานี้นั้นออนแอมาก ดังนั้นขาคาดเดาวามีความเปนไปไดที่
พวกอสูรปากินเนื้อตองใชเวลาระยะหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสภาพ สาเหตุที่ทำใหพวก
เรายังไมเจอกับพวกอสูรปากินเนื้อก็เพราะมันยังเปลี่ยนสภาพไมสมบูรณ”
ตวนมูหวงฮุนหนาซีดขาวราวกระดาษ “นี่...นี่ก็แคการคาดเดาของเจา...”
“ถาหากขาคิดไมผิด อสูรปาที่กำลังจะบุกมาจะรับมือไดยากยิ่งขึ้น” อายฮุยกลาว
อยางเยือกเย็น ราวกับวาเขาเลาเรื่องที่ไมเกี่ยวของกับตัวเขาเลยอยางสิ้นเชิง “ขาหวัง
วาขาจะคิดผิด หาไมแลว ขาคงทำไดแคหวังวากำลังเสริมจะมาถึงเร็วขึ้น”
ตวนมูหวงฮุนจองมองไปที่อายฮุยอยางวางเปลา เขาไมรูวาอายฮุยรักษาความ
สงบเอาไวไดอยางไรในสถานการณคอขาดบาดตายเชนนี้
อายฮุยไมไดสนใจสายตาของตวนมูหวงฮุนที่มองมา เขากลาวตอไปวา “ทำไม
อสูรปาถึงไดโจมตีเรา และทำไมมันไมโจมตีเรากอนหนานี้ เจาสังเกตหรือไมวาพวก
อสูรปากินซากศพของสัตวชนิดเดียวกันแตกลับไมทำรายพวกที่ยังมีชีวิตอยู ทำไมจึง
เปนเชนนั้น”
ตวนมูหวงฮุนตะลึงงัน
เขาคิดมาตลอดวาเขาเปนผูมีพรสวรรคโ ดยแทจริงและมี สติป ญญาอันวอ งไว
สามารถขบคิดหาคำตอบไดทุกครั้งที่ประสบปญหา ทวาตอนนี้เมื่อไดยินคำถามวา
ทำไมจากอายฮุยติดตอกัน เขารูสึกวาสมองของเขามีไมเพียงพอ
ทุกคนไมไดเดินเสนทางเดียวกันเชนนั้นหรือ ทำไมสิ่งตางๆ ดูตางกันมากนัก
สีหนาของตวนมูหวงฮุนที่มองไปทางอายฮุยนั้นราวกับเขามองเห็นผี
ทุกรายละเอียดที่อายฮุยเอยออกมาเปนสิ่งที่ตวนมูหวงฮุนไมเคยสังเกต เมื่อลอง
คิดเรื่องนี้ใหถวนถี่แลว ทุกปญหาดูเหมือนจะมีทฤษฎีขั้นสูงอยูเบื้องหลัง
ในตอนนั้นเอง ตวนมูหวงฮุนรูสึกวาเขาตองมองอายฮุยใหม เขาเขาใจในที่สุดวา
เหตุใดอายฮุยจึงไดรับความไววางใจจากคนอื่นๆ เสมอ ความเฉลียวฉลาดของหมอนี่
มันนากลัวเกินไป ยิ่งไปกวานั้นการคิดดวยความสุขุมใจเย็นของเขาหยั่งลึกไปถึงปม
ของปญหา
นอกจากนี้ ไมวาสถานการณจะเลวรายเพียงใด อายฮุยดูเหมือนวาจะไมเคยตื่น
ตระหนก
ยกตัว อยา งเชน หากการคาดเดาของอา ยฮุย เปน จริ ง พวกเขาก็จ ะตกอยู ใน
สถานการณที่เลวรายที่สุด แตอายฮุยกลับพูดออกมาดวยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด
ใชแลว เปนน้ำเสียงที่ฟงเหมือนไมมีอะไรเกี่ยวของกับเขา สำหรับตวนมูหวงฮุนแลวมัน
ชางแปลกประหลาดเสียจริง
ฟงดูเหมือนเขาไมกังวลอะไรเลย...
นี่มันเปนทัศนคติแบบใดกัน ตวนมูหวงฮุนเองยังพูดอะไรไมออก
“อายฮุย ถึงรอบของพวกเราแลว”
เสียงของเจาอวนหยุดขบวนความคิดของอายฮุย
อายฮุยรวบรวมสติ ควากระบี่หญาเดินไปยังปอมของชุยเซียนจื่อพรอมกับเจาอวน
ดวงตาของตวนมูหวงฮุนกระจางขึ้น เขาสงสัยเกี่ยวกับความสามารถในการตอสูของ
อายฮุยเพราะเขาไมเคยไดเห็นมันมากอน ตอนนี้เขามีโอกาสไดเห็นแลว ในตอนนั้นเอง
เสีย งอสูรรอ งโหยหวนก็ ดั ง มาแต ไกล สี ห น า ของอ า ยฮุ ย และตวนมู  ห วงฮุ น พลั น
เปลี่ยนไปพรอมๆ กัน
บทที่ 125 ทางแก
อายฮุยรูสึกวาตนเปนดาวแหงความโชครายจริงๆ
เมื่อไดยินเสียงหอนยาวของอสูรปาก็รูทันทีวาพวกเขากำลังตกอยูในภาวะวิกฤติ
ถึงขีดสุด
สิ่งตางๆ ที่เขาเลาใหตวนมูหวงฮุนฟงนั้นไมใชความเห็นทั่วไป แตเปนสิ่งที่เขา
สงสัยมากที่สุด เขายังมีเรื่องที่สงสัยอีกมากมายที่ยังไมไดพูดออกไป แตในภาวะวิกฤติ
เชนนี้ขอสงสัยใดก็ไมสำคัญอีกแลว ถึงแมวาเขาจะไมอาจระบุไดวาเปนเสียงรองของ
อสูรปาชนิดใด เขาแนใจวาพวกเขาไมอาจเอาชนะมันได
บางทีอาจมีเพียงครูฝกโจวที่ทำได เขาเคยพบอสูรแดนรางมามากมายในแดนราง
อสูรแดนรางที่ทรงพลังทุกตัวลวนมีทาทางภูมิฐาน เชนเดียวกับมนุษยที่มีตำแหนง
สูงสง ลวนมีลักษณะนิสัยและทาทางที่ตางออกไปจากคนธรรมดาทั่วไป กฎแหงปานั้น
ยอมโหดรายและครอบคลุมมากกวาอยางเห็นไดชัดเมื่ออยูในปา การตอสูระหวางอสูร
ปานั้นตรงไปตรงมากวา เพื่อเปนการปกปองถิ่นของตน อสูรปาไมเคยยอมออนขอ
จาฝูงนั้นตองโหดราย เหี้ยมเกรียม และชอบตอสู ไมเชนนั้นมันก็ไมอาจประสบ
ความสำเร็จสมชื่อจาฝูงได
ผูที่สามารถใชชีวิตตามกฎแหงปาไดจะตองมีสัญชาติญาณสัมผัสไดถึงอันตราย
และยำเกรงตอผูที่แข็งแกรงกวา
อายฮุยสังเกตเห็นไดถึงความแตกตื่นของอสูรปาโดยรอบหลังจากไดยินเสียงหอน
นั้น และเขาก็รูไดในทันทีวาอสูรปาพวกนั้นไมใชสิ่งที่พวกเขาจะสามารถตานทาน
เอาไวได
ยิ่งไปกวานั้นฝูงอสูรปาที่กำลังบุกเขามาหันหลังกลับในทันที ราวกับวาพวกมัน
กำลังหนีไปยังทางออกอยูอีกฟาก ละทิ้งจากกองหินและแยกยายกันวิ่งหางไกลออกไป
แมวาจะมีความยินดีบนหนาของนักเรียนคนอื่น ทวานัยนตาของอายฮุยกลับหด
ตัวลง ขนลุกชูชัน
เศษเนื้อกระจัดกระจายอยูบนพื้น อสูรปาพวกนั้นวิ่งหนีโดยไมสนใจเศษเนื้อ
เหลานั้นทั้งที่กอนหนานี้ไมเคยละเวนแมแตเศษเล็กๆ นี่เปนครั้งแรกที่อายฮุยไดเห็น
กอนเนื้อชุมเลือดบนพื้น
มีความเปนไปไดเพียงอยางเดียวเทานั้น สัตวที่โหดเหี้ยมกวากำลังจะมา
ฉิบหายแลว! ความกลัวทวีความรุนแรงขึ้นภายในจิตใจของอายฮุย เขารูดีวาเขา
ตองหาทางรับมืออยางรวดเร็ว หากอสูรปาดุรายพบพวกเขาเขาอาจสายเกินไป
ควรทำอยางไร เขาบังคับใหตัวเองสงบลง ย้ำเตือนตนเองวาเขาไมไดตกอยูใน
สถานการณเลวรายแบบนี้เปนครั้งแรก เคยเจอแยกวานี้มาแลวในแดนราง ในตอนนั้น
เขาไมไดรับการชวยเหลือใดๆ และผูใชพลังธาตุก็ไมสนใจวาเขาจะรอดหรือตาย แตวา
ในตอนนี้พวกอาจารยคงไมใจดำปลอยใหเขาตอสูเอาชีวิตรอดดวยตัวเอง
กอนหนานี้เขาซอนตัวไดอยางไร
อายฮุยสะดุง ซอน...
ใชแลว!
ซอน! ซอนตัวเปนโอกาสเดียวที่พวกเขาจะมีชีวิตรอด
ซอน...ซอน...ซอน...
อายฮุยใชความคิดอยางตอเนื่อง นึกยอนกลับไปยังวิกฤติกาลที่อันตรายที่สุดที่
แทบจะไรหนทางหนี เขาซอนตัวอยูในบอโคลนใชโคลนทาทั่วตัว
เขากวาดตามองไปรอบๆ มีแตกอนหิน ไมมีโคลนแถวนี้
หิน...
สายตาของเขาหยุดลงบนกอนหินที่ใหญที่สุด กอนหินนั้นสูงประมาณสิบเมตร
และเอียงประมาณหนึ่ง ดวงตาของอายฮุยเปนประกายพลางตะเบ็งเสียง “ทุกคน รีบ
ไปซอนใตหินกอนนั้น!”
ทุกคนดูสับสน
ในหัวของตวนมูหวงฮุนอัดเต็มไปดวยการคาดเดาของอายฮุย ตะหนักวามันอาจ
เปนความจริงขึ้นมา สิ่งนี้ทำใหเขารูสึกไมสบายใจยิ่งขึ้น เมื่อเขาเห็นอายฮุยที่เคยสงบ
เงียบมีปฏิกิริยาที่รุนแรงถึงเพียงนี้ เขาก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันที
“ไปเร็วเขาทุกคน! ทำตามที่อายฮุยบอก!” อาจารยสวี่ตะโกน เขาก็สามารถรับรู
ไดถึงความกังวลของอายฮุยเชนกัน ที่ผานมาไมเคยเห็นอายฮุยกระวนกระวายเชนนี้
มากอน
“อาจารยยายหินกอนนั้นออกไดหรือไม” อายฮุยชี้ไปที่หินสี่เหลี่ยมผืนผา
“ใหขาจัดการเอง” ชุยเซียนจื่อไมถามถึงเจตนาของเขาดวยซ้ำ ผาสีแดงลอยออก
จากมือของนางและมวนรัดหินสี่เหลี่ยมกอนนั้นไวราวกับงู
ตุบ! หินสี่เหลี่ยมลอยขึ้นและปกลงพื้นกอนหินใหญ กอใหเกิดเปนพื้นที่ปดคลาย
กับที่หลบภัยขนาดเล็ก
ในตอนนี้ อสูรปาที่เคยลอมพวกเขาเอาไวก็หายไปหมดแลว เห็นแบบนี้แมแตพวก
นักเรียนที่หัวชาก็ยังรูวามีบางอยางผิดปกติ
“ทุกคน เขาไปเร็ว!” อายฮุยเรงนักเรียน ในขณะที่นักเรียนเริ่มเขาไปซอนอยาง
วุนวาย เขาก็ถามอาจารยสวี่ “เปนไปไดไหมที่จะใชโคลนปดชองวาง”
“ขารูวาตองทำอยางไร ขาเปนผูใชพลังธาตุดิน” นักเรียนที่อายฮุยไมรูจักยกมือ
ขึ้น เขากลาวตอวา “แตวาเราจะหายใจไดอยางไร”
“ก็กลั้นหายใจไว เร็วเขา พวกมันกำลังจะมาแลว” อายฮุยตอบดวยน้ำเสียงเรงเรา
มืออายฮุยที่กำกระบี่หญาสั่นเทาเล็กนอย แทบไมอาจสังเกตได เขาอยูในภาวะตัว
ออนกระบี่ สัมผัสทั้งหกของเขาทำงานดีขึ้น ซึ่งนั่นทำใหเขาสามารถสัมผัสไดถึงระดับ
ความนากลัวของฝูงสัตวปริศนาที่กำลังใกลเขามา
“โคลนหนาเทาไรยิ่งดี สูงไดเปนภูเขายิ่งจะดีขึ้นอีก มันจะชวยปกปดที่ซอนของ
พวกเรา!”
ผูใชพลังธาตุดินทำตามหนาที่ในทันที การควบคุมโคลนนั้นไมใชเรื่องยากสำหรับ
ผูใชพลังธาตุดิน โคลนและหินทรายเริ่มไตกอนหินสี่เหลี่ยมขึ้นไปชาๆ ดูราวกับสัตว
ประหลาดนาเกลียดกำลังคืบคลาน
อายฮุยกวาดมองไปยังซากศพที่อยูใกล แลวก็นึกอะไรขึ้นมาได “เปนไปไดหรือไม
ที่จะวางเศษซากพวกนี้ไวดานบนสุดของโคลน”
ตวนมูหวงฮุนเขาใจความตั้งใจของอายฮุยขึ้นมาไดเล็กนอย
เถาวัลยลายครามโบยบินออกมาจากมือของเขา เมื่อลอยอยูเหนือเศษเนื้อมันก็
แตกตัวออกเปนเถาวัลยลายครามสิบเสนที่เล็กลงกวาเดิม เถาวัลยเล็กๆ แตละเสน
ควาชิ้นเนื้อขึ้นมา
ตวนมูหวงฮุนบังคับใหเถาวัลยนำชิ้นเนื้อขึ้นไปวางเหนือกอนหิน
เมื่อชองวางสุดทายถูกปดผนึก เถาวัลยก็สลายหายไป และเมื่อเศษเนื้อไรที่ยึด
เกาะมันก็ลวงลงกระจัดกระจายอยูบนหินใหญ ความมืดมิดหอมลอมทุกคนเอาไว
นักเรียนผูใชพลังธาตุดินลมลงกับพื้น การสรางชั้นโคลนหนาขนาดที่ อา ยฮุ ย
ตองการนั้นทำใหเขาตองใชพลังไปจนหมดสิ้น หากมองจากดานนอกจะเห็นไดถึง
ความเปลี่ยนแปลงของกองหินอยางใหญหลวง กอนหินใหญที่กอนหนานี้มีชิ้นสวนกวา
ครึ่งเอนเอียงอยูกลางอากาศไดถูกฝงไวใตหินทรายกลายเปนเนินดินขนาดเล็ก
“มันมากันแลว อยาสงเสียง”
ในความมืด อายฮุยลดเสียงลง จงใจพูดเพื่อลดความตึงเครียดของทุกคน
ตุบ..ตั้บ..ตุบ..ตั้บ..
เสียงฝเทายางกาวเขามาชาๆ สามารถไดยินอยางชัดเจนในความมืด ทุกคนใจเตน
ระส่ำระสาย
หมาปาสีแดงเขมปรากฏกายขึ้นในบริเวณกองหิน มันขยับจมูกสูดดมราวกับสงสัย
อะไรบางอยาง สับสนกับสิ่งที่เห็นตรงหนา เนินดินนี้มีเศษซากศพจำนวนมากกระจัด
กระจายไปทั่ว
สภาพแวดลอมอบอวลไปดวยกลิ่นของเลือดและเนื้อ
หมาปาสลัดความสงสัยทิ้งไป เศษชิ้นเนื้อดานหนากระตุนความสนใจของมัน หมา
ปาเริ่มกัดกินเศษเนื้อพวกนั้นอยางตะกละตะกลาม แมวาเนื้อสดจะไมอาจเรียกไดวา
เปนอาหารที่ดีที่สุด แตก็ไมนับวาแยเชนกัน กอนหนานี้หมาปาไมนับวาเปนสัตวที่ทรง
พลังนักในสวนแหงชีวิต และแมวาจะเกิดการเปลี่ยนสภาพแลว ทวาก็ยังคงไว ซึ่ง
สัญชาตญาณที่จะไมปลอยใหอาหารเสียไปเปลา
ใตเทาของมันคือกลุมนักเรียนที่เฝารอกองหนุน รูสึกราวกับวาทุกวินาทียาวนาน
เหมือนเปนป
ทุกคนขนลุกเกรียวเมื่อไดยินเสียงขบกระดูกดังมาจากเหนือศีรษะของพวกเขา
หมาปาโลหิตกลืนกินซากศพพวกนั้นจนหมดเกลี้ยง แตมันก็ยังรูสึกไมพอใจแมแต
นอย ในทางกลับกันมันกลับหิวมากขึ้นไปอีก
ทันใดนั้นดวงตาหมาปาก็ทอประกายกระหายเลือด หันไปจองมองยังสวนลึกของปา
เสียงหอนดังขึ้นจากที่หางไกล ทำใหหมาปาโลหิตหันหนากลับไป ไมมีอสูรปา
ขนาดใหญแบบมันอีกในอาณาบริเวณนี้
มันไมรูวาเกิดขึ้นไดอยางไร แตตอนนี้มันตองการอาหารดีๆ สักมื้อ
มันละสายตาออกมาแลวหันหลังมุงตรงเขาปาไป
บทที่ 126 ขาคือสายลมแหงทะเลเหนือ
โจวเสี่ยวซีวิตกอยางมาก เขาบินดวยความเร็วสูงสุดเพราะรูวาพวกนักเรีย นไม
อาจตานรับไดนานนัก
ทุกสองรอยลี้เขาจะหยุดและตัดตนไมเพื่อดูวามันมีพิษโลหิตแพรอยูในพื้นที่แถบนั้น
หรือไม ทวาทุกครั้งที่เขาหยุดเพื่อตรวจสอบ ความผิดหวังของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขา
ไดบินผานสวนแหงชีวิตมาเกินครึ่งทางแลว แตแกนของตนไมก็ยังคงเปนสีแดงเลือด
เขาไมอาจจินตนาการไดวาอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เขารูสึกกลัว
ในสายตาของเขาเห็นสวนแหงชีวิตกวางใหญไพศาลนี้ไดกลายเปนทะเลเลือดไร
ขอบเขตไปแลว
สวนแหงชีวิตกำลังถูกพิษโลหิตกลืนกิน เฉกเชนที่มันกำลังกัดกรอนรางกายของ
เขาไปพรอมกัน ประหนึ่งวาเปนสัตวประหลาดที่กลืนกินพลังธาตุของเขาและเพิ่ม
ความแข็งแกรงใหตัวของมันเอง
เขากัดฟนออกแรงโผบินไปดวยพลังทั้งหมด หากแตไมนานก็คนพบวาปกเมฆา
ของเขานั้นกำลังออนแรงลงเรื่อยๆ ทำใหความเร็วในการบินก็ลดลง
เขารูสึกอนาถใจพลางนึกเยยหยันตัวเอง หากพี่นองรวมหนวยของเขาเห็นเขาบิน
ดวยความเร็วเพียงเทานี้ พวกนั้นจะตองหัวเราะเยาะเขาแนๆ วันที่สายลมแหงทะเล
เหนือโจวเสี่ยวซีเชื่องชายิ่งกวาเตาไดมาถึงในที่สุด
เขาสูญเสียการทรงตัวดั่งนกที่ปกไดรับบาดเจ็บ และเริ่มโคลงเคลงกลางอากาศ
ระดับความสูงลดลงอยางรวดเร็ว
เมื่อเขาบินผานทิวยอดไมของผืนปา กิ่งไมอันหนาแนนก็ครูดผานรางกาย ทวาเขา
กลับไมรูสึกอะไรเลย
ครั้งสุดทายที่เขาบินชาขนาดนี้คือเมื่อไรกันนะ นาจะเปนตอนที่เขาอายุสิบสองป...
ภาพของเด็กหนุมที่ยังไมเติบโตเต็มที่ปรากฏแกสายตาเขา เด็กหนุมสวมใสปก
เมฆาที่มีใหญกวาขนาดตัวอยางเงอะงะ มันเปนปกเมฆาของพอเขา แมแตยามหลับฝน
เขาก็ตองการที่จะทยานไปบนทองฟาเชนเดียวกับพอ
ในครั้งแรกที่เด็กชายสวมใสปกเมฆา เขารูสึกกังวลอยางมาก ปากเมมเขาดวยกัน
แลวเคลื่อนพลังธาตุกอนที่จะพุงทะยานขึ้นจากพื้นอยางทุลักทุเล ทวามิทันไดรูสึกมี
ความสุข เขาก็กรีดรองออกมา ตัวกระแทกเขาใสตนไมหลังบานราวกับนกยังไมสราง
เมา
ความรูสึกที่ถูกกิ่งไมฟาดใสหนานั้นเหมือนกับความรูสึกที่เขาสัมผัสอยูในตอนนี้
เด็กหนุมนั้นเต็มไปดวยความฝนและไมรูประสา นั่นคือชวงเวลาดีๆ ในอดีต
รางของโจวเสี่ยวซีตกกระแทกพื้นอยางแรง ทำใหดินและเศษใบไมกระจายไปทั่ว
รอยยิ้มอบอุนที่เกิดจากการคิดถึงความหลังปรากฎขึ้นบนใบหนาของเขา
หลังจากตะเกียกตะกายลุกขึ้นไดแลว ก็เอาหลังพิงตนไม ควาปลองไมไผออกจากเสื้อ
หยิบใบเหตุรายออกมาและปกมันลงไปที่ตนไม
เมื่อเห็นแสงเรืองรองของใบสนเข็มมืดลง เขาก็จมอยูกับความงุนงงนานสิบวินาที
เขาปดปลองไมไผลงอยางระมัดระวัง เก็บมันไวในเสื้ออยางดี หันหลังกลับแลว
เริ่มวิ่งกระโซกระเซไปทางสนามเหนี่ยวนำอยางไมลังเล ทวายามเคลื่อนกายกลับรูสึก
วาหายใจยากขึ้นเรื่อยๆ และอุณหภูมิรางกายก็เพิ่มขึ้น พลังก็ลดลงอยางรวดเร็ ว
เชนกัน เขาแทบไมเหลือกำลังอีกตอไป แขงขาออนปวกเปยก รางกายสั่นเทาไปหมด
โชคยังดีที่ชุยเซียนจื่อไมไดมาเห็นเขาในสภาพนาอนาถเชนนี้ มิเชนนั้นคงนาขาย
หนาเปนอยางมาก
ความมึนงงและเสียงที่ดังอยูในหัวทำใหเขาตกอยูในภาวะงุนงง
เคราะหซ้ำกรรมซัด...
ในความงุนงงนั้นเสมือนหนึ่งวาเห็นชุยเซียนจื่อสงยิ้มมาให ทันใดนั้นเทาของเขาก็
สะดุดกิ่งไม หกลมหนาคะมำ หนาผากของเขากระแทกเขากับกอนหินและเลือดก็เริ่ม
ไหลออกมา
นั่นทำใหเขาไดสติขึ้นมาเล็กนอย ดวยพลังที่พุงพลานขึ้นมา เขาลุกขึ้นเดินโซซัด
โซเซไปขางหนา
ลมลุกคลุกคลาน ตุปดตุเป ในสภาพงุนงง
รางกายของเขานั้นกลายเปนสีแดงราวกับกุงตม อุณหภูมิรางกายสูงอยางนา
เหลือเชื่อ เขารูสึกเหมือนมีภูเขาไฟปะทุอยูในรางกาย
เลือดบนหนาผากสงกลิ่นหอมยั่วยวนออกมา
เสียงกรอบแกรบดังออกมากพุมไมใกลๆ ดวงตาสีแดงสดมากมายหลายคูเปน
ประกายจองออกมาจากพุมไมเหลานั้น
แมกระนั้นเขาก็ไมหวาดกลัวอีกตอไป เชนเดียวกับที่เขาไมรูวาจะเดินไปไดอีกไกล
เพียงไหน ดวงตางุนงงของเขาถูกยอมเปนสีแดงดวยเลือดที่ไหลออกมาจากหนาผาก
ทำใหทุกอยางที่เขาเห็นกลายเปนสีแดงเลือด
เขาไดยินเสียงหายใจของตัวเองอยางชัดเจน หัวใจของเขาเตนรัวแรงราวกับสัตว
ประหลาดรองคำราม เขารูสึกราวกับโลกนี้ไดทอดทิ้งเขาไปแลว
นี่คือความรูสึกของความตายเชนนั้นหรือ...
เขาพยายามขยับริมฝปาก ทวาไมเหลือเรี่ยวแรงอีกตอไป เขารวงลงบนพื้น
อสูรปาเริ่มลอมเขามาจากทุกทิศทาง ดวงตาสีแดงสดเต็มไปดวยความหิวกระหาย
ดานหลังยอดไมสีแดงฉานก็คือทองฟาสีเลือด มันเปนภาพที่งดงาม เขาไมรูวาเขา
เริ่มหลงรักทองฟาตั้งแตเมื่อไร แตเขาปรารถนาที่จะทะยานขึ้นสูสวรรคตลอดมา
ใครกันนะที่บอกวาสิ่งสุดทายที่คนจะคิดถึงกอนตายคือสิ่งที่รักที่สุด
โกหกทั้งเพ...
เชนนั้นแลวสิ่งที่เขารักที่สุดก็คือปลองไมไผอยางนั้นหรือ ฮาฮาฮา...
ครั้งหนาเขาจะจำเอาไววาตองไมปดฝาปลองไมไผแนนเกินไป...นั่นปะไร คงไมมี
ครั้งหนาแลวสินะ
เขาสามารถเปดฝาปลองออกไดในที่สุดดวยมือไมอันสั่นเทา และทำใบสนเข็มรวง
กระจัดกระจายลงบนพื้นโดยไมตั้งใจ
เขาไมอาจบอกความแตกตางระหวางสีของใบสนเข็มตางๆ ไดดวยดวงตาที่ถูก
ยอมดวยเลือด
ดวงตาลกลายเปนบอดสีเพราะหยาดโลหิต...
น้ำตาสีแดงก่ำเริ่มไหลรินลงมาตามแกม แตเขาเองก็ไมรูวามันเปนเลือดหรือน้ำตา
กันแน น้ำตาหยดลงบนฝามือที่เปอนดิน กอใหเกิดแองน้ำรูปหัวใจเล็กๆ
ชุยเซียนจื่อจะตองมีชีวิตรอด!
เขารวบรวมพลังเฮือกสุดทายควาใบสนเข็มกลุมหนึ่ง และพุงตัวไปยังตนไมที่ใกล
ที่สุด ราวกับอสูรปาที่ถูกตอนใหจนมุม
ปง!
กลุมของใบสนเข็มที่เปรอะเปอนดินโคลนถูกปกลงไปบนตนไม
เขาจองมองมันดวยสายตาวางเปลา มันเปลงแสงออกมาและสวางขึ้นเรื่อยๆ ทีละ
เล็กทีละนอย
เขาอยากหัวเราะออกมา อยากหัวเราะออกมาอยางสุดเสียง ทวาไมอาจสงเสียง
ใดๆ ออกมาได
นี ่ ค ื อ ใบเหตุร  า ยของเขาและสนามเหนี่ ย วนำจะสามารถตรวจพบได สนาม
เหนี่ยวนำจะตรวจหาจุดที่ชุยเซียนจื่ออยูไดจากตราทะเลเหนือในกระเปาสัมภาระที่
เขามอบใหนาง
เขาเงยหนาขึ้นดวยความพอใจ มองเห็นอสูรปาดุรายผานดวงตาที่ยอมไปดวยเลือด
นาเกลียดจริงๆ...
ในตอนนี้เขาอยากเพียงตะโกนชื่อตนออกมาอยางภาคภูมิใหชุยเซียนจื่อและ
ทองฟาอันงดงามที่เขารักไดยิน เขาตองการใหสายลมพัดพาชื่อของเขาไป...
ขาคือสายลมแหงทะเลเหนือ!
เมื่อเขารวงลงกับพื้น รางกายก็แข็งเกร็ง ชะเงอมองทองฟาที่เขารักเปนครั้งสุดทาย
พวกนักเรียนใชเวลาอยูใตเนินดินมืดมิดอยูนานสามวันแลว
หลังจากอสูรปาดุรายจากไปครั้งกอน อายฮุยไดขอใหตวนมูหวงฮุนเจาะรูเล็กๆ
สองสามรูในเนินดินดวยเถาวัลย
ปริมาณออกซิเจนที่สามารถลอดผานรูเล็กๆ พวกนั้นเขามาไดมีนอยยิ่ง โชคยังดีที่
ทุกคนตระหนักไดวาขางนอกอันตรายเพียงใด แมแตนักเรียนหญิงผูออนโยนบอบบาง
ยังสามารถอดทนไดและมานะพยายามซอนตัวตอไป
ขางนอกนั้นชางสับสนวุนวาย มีอสูรปาไมทราบชนิดมากมาย เสียงรองคำราม
ของพวกมันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนตัวสั่นดวยความกลัวถึงแมวาพวกเขาจะซอนตัวอยูใตเนินดินก็ตาม
ที่หลบภัยถูกทำใหแข็งแกรงขึ้นเรื่อยๆ ในชวงสองสามวันที่ผานมา อายฮุยรับ
หนาที่ดูแลความปลอดภัยใหกับพวกนักเรียนในขณะที่พวกผูใชพลังธาตุดินทำหนาที่
ควบคุมดินโคลนเพื่อเสริมความแข็งแกรงใหกับเนินดิน
เนินดินมีความหนามากขึ้นเรื่อยๆ แตถึงแมวาจะแข็งแกรงขึ้นเพียงไรก็ยั งไม
สามารถกลบกันเสียงรองคำรามไมใหเสียดแทงเขามาได
เมื่อไรจะมีคนมาชวย
“พวกเราจะรอดหรือไม” เสียงใครคนหนึ่งถามขึ้นในความมืด
“เราจะรอดไปไดอยางแนนอน!” อาจารยสวี่ตอบอยาแนวแน “สนามเหนี่ยวนำ
จะไมเพิก เฉยตอ สถานการณที่โ จงแจ งเช น นี ้ แ น เราทุ ก คนต อ งเชื ่ อ มั ่ น ในสนาม
เหนี่ยวนำและเชื่อมันในตนเอง”
“อาจารยสวี่กลาวถูกแลว” ชุยเซียนจื่อกลาวเสริม “เราจำเปนตองเชื่อมั่นใน
สนามเหนี่ยวนำ ระยะทางระหวางสนามเหนี่ยวนำกับสวนแหงชีวิตคอนขางไกล คง
ตองใชเวลาสักพักกวากองหนุนจะมาถึง อยางไรก็ตามสนามเหนี่ยวนำจะไมมีทางนิ่ง
เฉยในสถานการณเลวรายเชนนี้ไมวาจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
หลังจากไดยินเชนนั้น พวกนักเรียนก็เริ่มสงบลง
พูดจบชุยเซียนจื่อก็เงียบไปในความมืด
เมื่อนางคิดถึงโจวเสี่ยวซี มือก็บีบถุงที่เขาโยนใหนางไวอยางไมรูตัว ผานไปเวลา
สามวันแลวยังไมมีขาวคราวจากเขา เปนไปไดหรือไมวาเขาเกิดอุบัติเหตุ
เมื่อคิดถึงพิษโลหิตที่โจวเสี่ยวซีไดรับ ก็ยิ่งเปนกังวลมากขึ้น
ใบหนาเหลาะแหละนั้นปรากฏขึ้นในความคิดของนาง เมื่อคิดวาเขาใชความหนา
ดานสรางความบันเทิงใหกับนาง ทำใหนางมีความสุข รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหนา
ของนางอยางไมรูตัว
คนผูนี้มีอารมณขันมากกวาอาจารยทานอื่นยิ่งนัก...
นางคิดถึงตอนที่โจวเสี่ยวซีตามตื้อขอที่อยูของนาง และบอกวาจะเขียนจดหมายมาหา
ชางเปนคนลาสมัยอะไรเชนนี้ เขาไมรูไดอยางไรวาการเขียนจดหมายนั้นตกยุคไปแลว
ถาถึงตอนนั้น หากเจาไมเขียนมา ขาไมยอมแน...เฮอ...
ในความมืดมิดใบหนาของชุยเซียนจื่อมีสีแดงระเรื่อขึ้นมา
แตกระนั้นความคิดทั้งหลายทั้งมวลก็กลับกลายเปนความกังวลในชั่วพริบตาเดียว
เมื่อนางมองไปทางนักเรียนที่ไดรับบาดเจ็บที่ถูกทำใหสลบและมัดเอาไวอยาง
แนนหนา นางก็ยิ่งกระวนกระวายมากยิ่งขึ้น
ไมวาอยางไร เจาตองมีชีวิตรอดใหได!
อันที่จริงแลวอายฮุยก็ตองการใหทุกคนหยุดพูด ถึงแมวาพวกเขาจะพูดกันดวย
เสี ย งที่ แ ผ ว เบา แต เ ขาก็ ย ั ง อยากจะบอกคนพวกนั ้ น ว า อสู ร ป า หลายชนิ ด มี
ความสามารถในการไดยินเปนเลิศ
แตวาสุดทายแลวก็ไมไดตัดสินใจพูดออกไป เพราะเขารูดีวาหากใหทุกคนนิ่งเงียบ
ตลอดเวลา พวกเขาตองทนไมไหวและจะสติแตกในไมชา
เขาคุนชินกับความมืดมิดแลวและไมรูสึกไมสบายแตอยางใด
เขามองไปทางเจาอวนที่นอนพิงกอนหิน สงเสียงกรนอยูครอกๆ อันที่จริงแลว สิ่ง
ที่ดีที่สุดที่ควรจะทำในสถานการณเชนนี้ก็คือนอนใหหลับเสีย
ทวาอายฮุยไมกลาหลับลงได เพราะเขาตองการมุงความสนใจไปยังสิ่งที่เกิดขึ้น
ดานนอก มือของเขาไมเคยหางจากกระบี่หญาแมแตนิดเดียว
หากเทียบกับคนอื่นๆ แลว เขาไมใชพวกมองโลกในแงดีตอสถานการณนี้ เขา
ไมไดนอนมานานสามวันแลว เขารูดีวาเกิดอะไรขึ้นขางนอก
สถานการณทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก!
ทุกคนไดยินเสียงอสูรปาคำรามมากขึ้นและบอยขึ้น แตมีเพียงอายฮุยเทานั้นที่นับ
ชนิดของเสียงคำรามอยูในใจ
ยี่สิบหก!
ชวงเวลาสามวันที่ผานมา เขาไดยินเสียงคำรามที่แตกตางกันยี่สิบหกแบบ แตสัตว
ดุรายเหลานี้โดยปกติแลวจะไมสงเสียงหอนออกมาอยางบาคลั่ง
อสูรปาทุกชนิดตางมีเสียงคำรามเฉพาะตัวเพียงเสียงเดียว
เขาเดาวาเสียงคำรามเหลานี้ตองแฝงไวดวยขอความพิเศษเฉพาะบางอยาง แต
จำนวนขอมูลที่เขารวบรวมมาไดนั้นนอยเกินไป จึงไมมีทางที่เขาจะเขาใจความหมาย
ที่ถูกซอนไวเบื้องหลังได
กระนั้นก็มีอยางหนึ่งที่เขามั่นใจ มีเพียงสัตวที่อันตรายอยางมากเทานั้นที่จะสง
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวเชนนั้น
มีอสูรปาทั้งหมดยี่สิบหกชนิดขางนอกนั่น และทุกชนิดลวนเปนอันตรายอยาง
ยิ่งยวด แคขอเท็จจริงนี้ก็สามารถทำใหทุกคนตัวสั่นดวยความหวาดกลัวแลว
อายฮุยรูวาพิษโลหิตกำลังแพรกระจาย ระยะฟกตัวของพิษโลหิตไดผานพน ไป
แลว และไดเขาสูขั้นโตเต็มวัย ในตอนนี้เรื่องที่วาพิษโลหิตฟกตัวแลวนั้นไดรับการ
ยืนยันเปนที่เรียบรอย
นักเรียนที่ถูกกระตายขนแดงกัดคือขอพิสูจนยืนยันความคิดของอายฮุย
พลังธาตุในกายของนักเรียนคนนั้นหายไปจนหมดสิ้น และรางของเขาก็รอนเรา
ราวน้ำเดือด เมื่อตื่นขึ้นเขาก็เต็มไปดวยความโกรธเกรี้ยวและฉุนเฉียว หากอายฮุยไม
ออกจากภาวะตัวออนกระบี่แลวมาตรวจสอบอาการของเขา เชนนั้นนักเรียนที่ซอนอยู
ในเนินดินนี้เกินกวาครึ่งก็คงถูกเด็กที่ติดพิษคนนี้ทำรายบาดเจ็บไปแลว
รางกายของเด็กนักเรียนที่บาดเจ็บเกิดการเปลี่ยนแปลงอันนาทึ่ง อาทิ ผิวหนัง
ของเขาหนาขึ้น ดวงตากลายเปนสีเลือ ดและสอ งแสงสีแดงชั่วราย ความแข็งแรง
เพิ่มขึ้นอยางมาก ผมของเขาก็หนาขึ้นเชนกัน แถมยังยาวขึ้นอยางเห็นไดชัดในชวง
สามวันที่ผานมา
บาดแผลที่มือของเขาก็หายดีไมมีแผลเปนใดๆ เหลือใหเห็น
ยิ่งไปกวานั้นอายฮุยยังสังเกตเห็นอีกวานักเรียนผูนี้ไมไดเสียสติสัมปชัญญะไป
ทั้งหมด เพียงแคไมอาจควบคุมอารมณเอาไวได เหมือนกับวามีบางอยางในตัวคนอื่นๆ
ที่ยั่วยุเขาอยูตลอดเวลา
เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนทุกคน นักเรียนคนนั้นจึงถูกมัดไว
อายฮุยแอบสำรวจนักเรียนคนนั้นอยูเงียบๆ เฉกเชนที่เขาสำรวจสัตวอสูรในแดนราง
อายฮุยกังวลเปนอยางมากวาสนามเหนี่ยวนำจะสามารถรับมือกับพิษโลหิตที่อยู
ในภาวะโตเต็มที่ ไดห รื อ ไม ทวา เมื ่ อ เขานึ ก ถึ งกองทหารที ่ ห ละหลวมของสนาม
เหนี่ยวนำแลว เขาก็ทำไดเพียงหัวเราะออกมาอยางขมขื่น
บทที่ 127 บันทึกซือหนาน
นี่เปนวันที่หาแลว อายฮุยสังเกตไดวาความเคลื่อนไหวขางนอกนั้นลดลง เขาคาด
เดาวาสนามเหนี่ยวนำไดลงมือทำอะไรบางอยางแลว
เขาบอกเรื่องนี้กับทุกคนที่เขารูจักเพราะรูวาทุกคนตองการกำลังใจในตอนนี้ หาก
ไมใชเพราะเสียงคำรามนากลัวของสัตวปาดานนอก คนที่อยูขางในเนินดินนี้ตองลงมือ
ทำอะไรบางอยางไปแลว แตไมมีใครกลาที่จะออกไปเมื่อยังไดยินเสียงคำรามอันเกรีย้ ว
กราดเหลานั้น
คำพูดของอายฮุยปลุกความสดชื่นใหกับนักเรียนที่หดหูไดมากทีเดียว พวกเขา
ลวนศรัทธาในการตัดสินใจของอายฮุยตั้งแตจุดเริ่มตนของการทัศนศึกษา
ทุกคนที่ติดอยูในพื้นที่อันดำมืดแออัด หายใจเอาอากาศเหม็นและสกปรกเขาปอด
รูสึกราวกับถูกทรมานอยูทุกเมื่อเชื่อวัน
วันที่ห ก อา ยฮุย กับ นัก เรีย นที ่ เหลื อ ก็ ได รั บ การช ว ยเหลื อ จากหลี ่ เหวยและ
หนวยกูภัยไดในที่สุด
ในยามที ่ ท ุ ก คนเดิ นออกมาจากเนิ น ดิ น พวกเขารู  ส ึ ก เหมื อ นว า ได เ กิ ดใหม
สภาพแวดลอมโดยรอบไดเปลี่ยนแปลงไปอยางมหาศาล ปาที่เคยเขียวชอุมมีไมพรรณ
ละลานตา บัดนี้ไดเปลี่ยนเปนผืนดินแหงแลงปกคลุมดวยไอหมอกและควันไฟ
อายฮุยสังเกตเห็นวามีคนจำนวนไมนอยกำลังราดรดน้ำมันสีแดงลงบนตนไมพืช
พรรณตางๆ ดานหลังของพวกเขาเปนพื้นดินที่ถูกแผดเผาไหมเกรียม แผนดินทุก
ตารางนิ้วลวนถูกเผาดวยน้ำมันที่เผาไหมอยู ไมมีพืชพรรณใดจะสามารถเจริญเติบโต
ไดบนดินเชนนี้
เขารูสึกฉงนสนเทห
ไมกี่วันกอนเขาเพิ่งจะพูดเกี่ยวกับความสงบสุขของสนามเหนี่ยวนำ ทวาเมื่อได
เห็นพื้นดินถูกยางไฟแบบนี้ เขาก็รูสึกวาตนนั้นชางออนตอโลกเกินไป
แมแ ตอ ายฮุยยังมีปฏิกิริยาเชน นี้ ไม ต อ งพู ดถึ งนักเรี ยนคนอื่ น เลยว าจะเปน
อยางไร การทัศนศึกษาธรรมดากลายเปนประสบการณอันนาหวาดหวั่นไปเสียแลว
หลังจากออกมาจากเนินดินได นักเรียนหลายคนก็สติแตกในทันที ทุกคนตางรอง
หมรองไหอยางขมขื่นใจ พวกเขาทุกคนลวนอยากกลับสูความปลอดภัยและบานที่
แสนอบอุน
อายฮุยสังเกตเห็นหลี่เหวยดึงอาจารยสวี่และชุยเซียนจื่อไปดานหนึ่ง หลี่เวยบอก
บางอยางกับพวกเขาทำใหสีหนาของชุยเซียนจื่อขาวซีดราวคนตาย และรางของนางดู
เหมือนจะกำลังทรุดลงอยูรอมรอ
เมื่อไดเห็นเชนนั้นอายฮุยก็ตกตะลึง อันที่จริงแลวเมื่อเขาไมเห็นครูฝกโจวหลัง
จากออกมาจากเนินดิน เขารูวามีบางอยางผิดปกติ
แมจะเคยพบเห็นความตายมากอน แตในตอนนี้เขาก็ยังรูสึกสลดใจ
ทุกคนถูกจัดสรรใหขึ้นรถบรรทุกและมุงหนากลับบาน
หลี่เหวยไมไดตามพวกเขากลับไปเพราะยังมีหนาที่ตองทำ ยังมีคนอีกมากที่ยังหา
ไมพบ มีนักเรียนออกมาทัศนศึกษาทั้งหมดหาหองเรียน ทวามีเพียงสองหองเทานั้นที่
ชวยไวได คือหองของอายฮุยกับหองของเจาอวน หองหนึ่งไดรับการยืนยันแลววา
เสียชีวิต อีกสองหองยังคงสูญหาย
หลังจากหายสาบสูญไปนานหลายวัน โอกาสที่จะรอดชีวิตก็ต่ำลงถึงขีดสุด
แตก็ไมมีใครอยากยอมแพ หลี่เหวยยินดีเปนอยางมากที่ไดพบกับหองของอายฮุย
และหองของเจาอวน
เมื่ออายฮุยไดยินวายังมีอีกสองหองที่หายสาบสูญ เขายิ่งรูสึกเศรามากกวาเดิม
ผูคนในแดนรางนั้นเตรียมพรอมที่จะตายไดทุกเมื่อ การมีชีวิตรอดนั้นนับเปนของขวัญ
จากพระเจา ไมมีใครแยแสตอความตาย
อยางไรก็ตาม สนามเหนี่ยวนำนั้นเปนประดุจดังสวรรค สงบสุขและปลอดภัย
อายฮุยเคยคิดวาสนามเหนี่ยวนำคือสถานทีท่ ี่ดีที่สุดในโลก เขาถึงขนาดเคยคิดวามัน
จะดีเพียงใดหากเขาอยูในสนามเหนี่ยวนำไปไดตลอดกาล
หลี่เหวยตบบาเขาเบาๆ บอกใหกลับไปพักผอน
บนรถบรรทุกไมมีใครอยูในอารมณที่จะพูดจา เสียงสะอื้นมีใหไดยินทุกหนแหง
ชุยเซียนจื่อนั่งเหมอมองที่วางอยางลองลอยราวกับวาวิญญาณของนางไดหลุดออก
จากราง ใบหนานางขาวซีดราวกระดาษ มือกำกระเปาของของโจวเสี่ยวซีเอาไวแนน
อายฮุยอยากจะปลอบโยนนาง แตไมรูวาจะพูดเชนไรดี การตายนั้นกะทันหัน
เกินไปและนางไมมีแมแตโอกาสจะกลาวลา
แมแตอายฮุยที่เชื่อมาตลอดวาตนนั้นคุนชินกับความตาย ยังตองกมหนาลงอยาง
ละหอยละเหี่ย
เมื่อถอนสายตาจากทองฟาก็เห็นไดวาผืนปาเขียวขจีไดหายไปแลว พื้นดินที่เผา
ไหมดูเหมือนรอยแผลเปนนาเกลียด ยืดยาวไปจนถึงขอบฟาซึ่งปกคลุมไปดวยควันไฟ
ขยายตัวตอไปเปนวงกวาง กลืนกินทุกอยางที่ขวางทาง
นักเรียนที่ไดรับพิษถูกสงขึ้นรถบรรทุกฉุกเฉินเพราะเขาตองการการชวยเหลือทาง
การแพทย
อยางไรก็ตาม อายฮุยรูสึกวาโอกาสที่เด็กคนนั้นจะรอดชีวิตไดนั้นไมสูงนัก เขาไม
เคยเห็ น พิ ษ ที ่ ป ระหลาดเช น นี ้ ม าก อ น ร า งกายของนั ก เรี ย นที ่ ถ ู ก พิ ษ ก็ ม ี ก าร
เปลี่ยนแปลงไปอยางมาก
ดวยเหตุผลบางประการ พิษโลหิตดูเหมือนจะคุนเคยสำหรับอายฮุย เขาจำไดวา
เคยอานเกี่ยวกับเรื่องคลายๆ กันนี้ในบันทึกเลมหนึ่ง แตเมื่อเขาพยายามคิดถึงมัน
กลับจำรายละเอียดไมได
เมื่ออายฮุยเห็นเมืองซงเจียนในที่สุด ก็รูสึกวาอารมณทวมทนขึ้นมาในทันใด
มันก็แค..
เมืองซงเจียนยังคงเหมือนเดิม รุงเรืองและสงบสุข เสมือนไมมีอะไรเกิดขึ้น
ในตอนนั้นเองที่บางคนสังเกตเห็นวารถบรรทุกไมไดบินไปทางเมืองซงเจียน
“จะพาเราไปไหน”
“ขาจะกลับบาน!”
“ปลอยพวกเราลงนะ!”
พวกนักเรียนเริ่มตืน่ เตน สภาวะจิตใจของพวกเขาถูกผลักใหอยูบนขอบเหว และ
เมื่อเห็นวารถบรรทุกกำลังพาตนไปยังที่อื่น พวกเขาก็กลายเปนบาคลั่ง
อายฮุยลอบสังเกตการณเงียบๆ อยูดานขาง เมื่อเขาเห็นวาเมืองซงเจียนไมไดถูก
ปองกันอยางจริงจัง เขาก็เขาใจไดคราวๆ วาเกิดอะไรขึ้น
สนามเหนี่ยวนำตองการจะปดขาว
“อาจารยสวี่โปรดใหความรวมมือดวย” ผูใชพลังธาตุคนหนึ่งกลาวเสียงจริ งจัง
“เพื่อปองกันการแพรกระจายของพิษ พวกทานทุกคนตองถูกกักตัวไวระยะเวลาหนึ่ง
ทุกคนโปรดเขาใจดวย นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคนรวมถึงตัวพวกเจาเองดวย”
สีหนาอาจารยสวี่กลายเปนปนยาก เขาไมคาดคิดวาจะโดนกักตัวหลังจากหลบหนี
ออกมาจากหลุมนรกนั่นได
แตจากสีหนาเครงเครียดจริงจังบนหนาของผูใชพลังธาตุก็บอกใหเขารูวานี่เปน
คำสั่งจากพวกเบื้องบนซังกะบวยนั่น
เขาเข า ใจเกี ่ ย วกั บ สนามเหนี ่ย วนำและวิ ธ ี ข องพวกเบื ้ อ งบนในการจั ดการ
สถานการณเปนอยางดี ดันนั้นเขาจึงไมมีทางเลือกนอกจากชวยปลอบโยนนักเรียน
เขารูวาหากปลอยใหนักเรียนสรางปญหามากขึ้น สิ่งที่เขาไมอยากเห็นอาจเกิดขึ้นก็
เปนได
“เจาตองการที่จะปดขาวใชไหม”
ตวนมูหวงฮุนถามขึ้นในทันที สีหนาของผูใชพลังธาตุเปลี่ยนไปเมื่อเขามองมา
ที่ตวนมูหวงฮุน อยางไรก็ตามเขาไมไดปฏิเสธแตกลับตอบอยางเรียบเฉยวา “เพื่อ
ประโยชนของทุกๆคน นี่เปนหายนะครั้งใหญ หากเรื่องนี้เผยแพรออกไปทำใหเกิดการ
แตกตื่นหวาดผวาไปทั่ว แลวใครจะเปนคนรับผิดชอบ”
“ทำไมไมกระจายขาวใหทุกคนไดรับรู” ตวนมูหวงฮุนสวนกลับ จองตากับผูใช
พลังธาตุตรงๆ โดยไมมีความหวาดกลัวและถามกลับเสียงเย็น “เจาเคยคิดบางหรือไม
วาจะเกิดอะไรขึ้นหากเจาไมอาจควบคุมสถานการณได มีผูคนมากเทาไรที่เกี่ยวของ
กับเรื่องนี้”
“เราจะตองควบคุมสถานการณไดอยางแนนอน”
ผูใชพลังธาตุรูฐานะของตวนมูหวงฮุนจึงใชน้ำเสียงอยางระมัดระวัง “เราคนพบวิธี
ที่จะจัดการกับพิษนี่แลว”
“เจาพบวิธีรับมือพิษนี้แลวหรือ” อายฮุยพลันเปดปากถามขึ้น
ในตอนแรกผู  ใ ช พ ลั ง ธาตุ ไ ม ต  อ งการจะเป ด เผยอะไร ทว า เมื ่ อ เห็ น ความ
กระตือรือรนของนักเรียนที่รายลอมอยูกับตวนมูหวงฮุนที่จองมาอยางเย็นเยียบแลว
เขาก็ตัดสินใจวาจะเปดเผยขอมูลเล็กนอย
“ใชแลว เราพบบันทึกถึงพิษที่คลายคลึงกันนี้ในบันทึกของผูใชพลังธาตุ ไม ที่
ลวงลับไปแลว สนามเหนี่ยวนำไดรวบรวมผูใชพลังธาตุไมที่ทรงพลังที่สุดในเมืองและ
คนพบวิธีรับมือกับพิษชนิดนี้ สถานการณนี้เปนเพียงอุบัติเหตุเทานั้น”
“อุบัติเหตุหรือ” ตวนมูหวงฮุนรูสึกเหมือนกำลังฟงเรื่องตลก นี่เปนหายนะครั้งใหญ
อยางเห็นไดชัด มีคนจำนวนมากเสียชีวิต แตชายผูนี้กลับบอกวามันเปนแคอุบัติเหตุ
“ใช มีการบันทึกสวนประกอบของพิษชนิดนี้เขียนไวอยางชัดเจนในบันทึกของ
ผูใชพลังธาตุไมคนนั้น ตอนนี้เรากำลังทำการทดสอบ ดูแลวทุกอยางกาวหนาไปอยาง
ราบลื่น”
ผูใชพลังธาตุตอบตวนมูหวงฮุนดวยความมั่นใจ
อายฮุยและพรรคพวกถูกพามายังคฤหาสนที่อยูหางจากเมืองซงเจียนประมาณ
แปดสิบลี้ เมื่อมาถึงพวกเขาก็ถูกซักไซไลเลียงโดยผูใชพลังธาตุจำนวนหนึ่ง นี่เปน
หลักฐานยืนยันวามีการปองกันแนนหนาเพียงใด
“ขาหวังวาพวกเจาทุกคนจะอยูที่นี่อยางสบายใจ หากทุกอยางเปนไปโดยราบลื่น
แลว พวกเจาทุกคนจะไดกลับไปยังเมืองซงเจียนเร็วๆ นี้ โปรดสงมอบใบไมทุกชนิดที่
เจามีอยูกับตัวออกมา จะมีผลกระทบที่รายแรงตามมาหากมีใครพยายามติดตอกับ
โลกภายนอกโดยไมไดรับอนุญาต หากทุกคนใหความรวมมือเปนอยางดี ทางสนาม
เหนี่ยวนำจะชดเชยใหกับความเดือดรอนที่เจาไดรับในชวงนี้”
ผูใชพลังธาตุจากไปอยางรวดเร็ว
“ไปหาที่นอนกันเถอะ” อายฮุยบอกเจาอวน
ดวยวาอายฮุยเฝาสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเนินดิน จึงไมอาจขมตานอนได ตองคง
สภาวะตัวออนกระบี่อยูนานถึงหกวัน เมื่อเขาปลอยมือออกจากดามกระบี่ในที่สุด
ความเหนื่อยลาออนแอก็ถาโถมเขามาราวกับคลื่นยักษ
เขาหาหองวางที่มีเตียงนอนหนึ่งเตียงพบไดโดยไมยากเย็นนัก เขาผล็อยหลับไป
ในทันทีที่เอนหลังลง
ขณะเดียวกันเจาอวนก็ยืนยามที่หนาประตู เขานอนหลับทั้งวันทั้งคืนตอนที่อยูใน
เนินดิน ตอนนี้รูสึกวาตนสามารถตื่นอยูไดหลายวันโดยไมจำเปนตองนอนหลับ
ชั้นใตดินที่ไดรับการปองกันอยางหนาแนนในสนามเหนี่ยวนำ
ผูใชพลังธาตุไมที่ทรงพลังในสนามเหนี่ยวนำลวนรวมตัวกันอยูที่นี่ ในตอนนี้พวก
เขากำลังศึกษาบันทึกโบราณเลมหนึ่ง แผนกระดาษที่เสื่อมโทรมนั้นบงบอกวาผานพน
เวลามายาวนาน
มันเปนบันทึกอายุสี่รอยปที่ตกทอดมาจากอาจารยผูใชพลังธาตุไมนามวาซือหนาน
ในบันทึกเลมนี้ เขาไดเขียนงานวิจัยและความรูชั่วชีวิตของเขาอยางละเอียด
งานวิจัยของเขาบันทึกการคนพบปรากฏการณที่พิเศษเฉพาะไววา นอกเหนือจาก
สิ่งประดิษฐกลั่นโลหิตแลว สิ่งประดิษฐอื่นๆ จากยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนลวน
กลายเปนขยะไรคา
เขาไดสะสมสิ่งประดิษฐกลั่นโลหิตสองสามชิ้นและไดทำการทดลองกับพวกมัน
พบวามันมีคุณสมบัติที่จะซอมแซมตัวเองได ไมมีใครในยุคนั้นรูวิธีใชสิ่งประดิษฐเหลานี้
แตมันก็ไมเสื่อมสลายเหมือนสิ่งประดิษฐอื่นๆ
มันรักษาสภาพไวไดเปนอยางดี
ปรากฏการณนี้กระตุนความสนใจของซือหนาน เขาไดทำการศึกษาคูมือกลั่นโลหิต
จากยุคแหงการบำเพ็ญตนมากมายหลายเลม และคนพบวาการกลั่นโลหิตนั้นแตกตาง
จากการฝกตนกระแสหลักของยุคแหงการบำเพ็ญตนโดยสิ้นเชิง
การกลั่นโลหิตนั้นเปนวิธีฝกตนโบราณ วากันวามีตนกำเนิดมาจากการสังเวย
โลหิตที่มนุษยทำเพื่อสักการะฟาดินในยุคเริ่มแรก
ซือหนานไดผสานความรูที่เขาไดจากการวิจัยการกลั่นโลหิตเขากับการเพาะพันธุ
พืชของผูใชพลังธาตุไม ดวยหวังวาจะสามารถเพาะพันธุไมที่มีพลังของโลหิตกลั่น และ
เขาทุมเทอยางมากเพื่อเพาะพันธุไมนานาชนิด ทวาไมประสบผลสำเร็จกระทั่งตัวตาย
หลังจากเขาไดเสียชีวิตลง ศิษยของเขาก็ไดคนพบพืชที่ยังไมโตเต็มที่มากมายใน
ขณะที่ทำการจัดระเบียบผลงานชั่วชีวิตของเขา
ศิษยของเขาไมอาจตัดใจทำลายงานชั่วชีวิตของอาจารยได แตก็ยุงเกินกวาจะ
ดูแลพวกมัน ดังนั้นจึงไดเอามันไปปลูกไวในสวนแหงชีวิต และศิษยคนนั้นก็ไดเขียนสิ่ง
เหลานี้เอาไวในบันทึกประจำวันของเขา
เมื่อหายนะนี้ไดเกิดขึ้นในสวนแหงชีวิต ก็มีคนนึกถึงบันทึกซือหนานระหวางการ
สืบสวนขั้นตน อาจารยสวนใหญมักบริจาคผลงานการวิจัยและการคนพบชั่วชีวิตของ
เขาใหกับสนามเหนี่ยวนำหลังจากเสียชีวิตลง เพื่อที่อาจารยคนอื่นๆ จะไดศึกษาหา
ความรูได
จึงมีคนมากกวาหนึ่งคนที่เคยอานบันทึกซือหนาน ผูใชพลังธาตุไมหลายคนที่
รวมตัวกันอยูที่นี่วันนี้ก็นึกถึงบันทึกนี้เชนกันเมื่อไดยินเกี่ยวกับพิษโลหิต
พวกเขาคนพบสาเหตุของปญหาแลว เรื่องนี้ฟนกำลังใจใหแกสนามเหนี่ยวนำได
อยางมาก
บทที่ 128 ทักษะเฉพาะตัวของเจาอวน
อายฮุยตื่นขึ้นดวยอาการปวดหัวราวหัวจะระเบิด
เขาฝนไป ฝนวาเหตุการณที่เพิ่งเกิดขึ้นไมนานมานี้เปนเพียงความฝน และเมื่อตื่น
ขึ้นจากฝนซอนฝนแลว เขาก็กลับไปอยูในแดนราง มีผูใชพลังธาตุถามเขาวาทำไมเขา
ยังทำงานไมเสร็จอีก
“เจาตื่นแลวหรือ”
เสียงของเจาอวนดึงเขากลับสูความเปนจริง เขาหันไปเห็นเจาอวนนั่งอยูหนา
ประตูกำลังเคี้ยวตังเมอยู ถาเปลี่ยนตังเมเปนกระดูกแลวละก็ เจาอวนก็นาจะดูเหมือน
สุนัขเฝายามตัวใหญ
สุนัข...เขาดูไมคอยเหมือนสุนัขเทาไร สุกรนาจะเหมือนกวาเยอะ
เขาเคยบอกเจาอวนไมใหกินตังเมมากเกินไปไมรูกี่ครั้งตอกี่ครั้งแลว แตเจาอวนก็
ทำเปนหูทวนลมไปเสียทุกครั้ง เขาไมรูวาเจาอวนซอนตังเมเอาไวที่ไหนแลวซอนได
อยางไร แตไมวาจะเปนที่ไหนเมื่อไรก็ตาม เขาก็จะลวงตังเมออกมาไดเสมอ นี่ตองเปน
ทักษะลับเฉพาะตัวของเจาอวนแนๆ
รางกายของอายฮุยเปยกชุมไปดวยเหงื่อ และเขาก็รูสึกไมสบายกายเปนอยางมาก
“ขาตองหาที่อาบน้ำหนอยแลว”
เมื่อพูดออกมาก็เปนตองตกใจกับเสียงแหบแหงของตัวเอง
“คอเจาเปนอะไรไป” เจาอวนหันกลับมาสีหนาเต็มไปดวยความกังวล
อายฮุยสายหนาไมไดพูดอะไรออกไปแมแตคำเดียว แขวนกระบี่ไวที่เอวแลวเดิน
ออกจากหองไป แสงแดดเจิดจากระทบใบหนาของเขาทำใหเขาลืมตาไมขึ้น เขาหยีตา
โดยไมรูตัวและใชมือบังแสงแดดที่แยงตา
หลังจากกวาดตาสำรวจไปรอบๆ อายฮุยก็รูไดวาที่แหงนี้ไมใชคฤหาสนหากแต
เปนคายทหาร ดูจากลักษณะภายนอกของมันแลวคายทหารนี้คอนขางเกาแก อาจ
เปนไปไดวาคฤหาสนนี้ถูกปรับปรุงขึ้นมาจากคายทหารที่ถูกทิ้งราง
เมื่อเขาเห็นยามที่ยืนอยูไมไกล อายฮุยก็เดินตรงเขาไปหาเขาและถามวา “มีที่ให
อาบน้ำหรือไม”
รองรอยความดูถูกฉายวาบขึ้นในดวงตาของยามเมื่อเขาจองมองกลับมาที่อายฮุย
เขาไมคิดที่จะเสียแรงพูดออกมาทำเพียงแคชี้นิ้วไปยังลาน
“ขอบคุณ” อายฮุยพยักหนาและเดินไปตามทิศทางที่ยามชี้นิ้วบอก
“รอขาดวย!”
เจาอวนตะโกนไลหลังมา แลวปรากฏกายขางตัวอายฮุยดวยความคลองแคลวผิด
กับรูปลักษณอวนทวมของเขา อายฮุยคุนเคยกับความขี้ขลาดของเจาอวนมานานแลว
ตั้งแตตอนที่อยูดวยกันในแดนราง เจาอวนนั้นคอยติดตามเขาไปทุกที่เชนเดียวกับ
ตอนนี้
โชคดีที่เจาอวนนั้นขี้ขลาดโดยสันดาน หาไมแลวคงไมอาจมีชีวิตยืดยาวมาจนถึง
ทุกวันนี้
มาถึงลานอายฮุยก็พบทางเดิน เมื่อเดินตามทางมาไดสักพักพวกเขาก็เห็นบอน้ำ
เล็กๆ ในที่สุด ขนาดของบอน้ำนั้นไมใหญมากนัก น้ำในนั้นใสและเปนระลอกคลื่น
เล็กนอย
ตูม! อายฮุยกระโจนลงไปในบอและเริ่มอาบน้ำอยางสบายอารมณ
เขาถอนหายใจออกมา มันจะยอดเยี่ยมเพียงใดกันหากเขาอยูที่โรงฝกในตอนนี้
การนวดของโหลวหลานจะชวยผอนคลายความออนลาและเหนื่อยหนายใหหายเปน
ปลิดทิ้งได
โหลวหลานยังคงดีที่สุด...
เขาสงสัยวาตอนนี้โหลวหลานกำลังทำอะไรอยู
“อายฮุย ขามาแลว!” เจาอวนตะโกนพรอมกระโดดลงไปในบอ
อายฮุยถูกน้ำกระเด็นใสหนาจนหนังตากระตุก ไออวนสารเลว...
ในเวลาไมกี่วินาที บอน้ำที่เล็กอยูแลวก็เสียน้ำไปกวาครึ่ง อายฮุยอยากจะเตะเจา
อวนออกจากบอน้ำขึ้นมาในทันที
หลังจากอาบน้ำเสร็จอายฮุยก็รูสึกสบายตัวขึ้นมาก อาการปวดหัวราวหัวจะระเบิดนั้น
หายไปจนเกือบหมด ทวาอาการปวดหัวเปนอาการที่ไมนับวาผิ ดปกติสำหรับ เขา
เมื่อไรก็ตามที่เขาใชตัวออนกระบี่เปนระยะเวลานาน เขาจะมีอาการปวดหัวเชนนี้ จึง
ไมใหความสนใจกับมันมากนักเพราเมื่อเวลาผานไประยะหนึ่งมันก็จะหายไปเอง
ครั้งนี้หากไมใชเพราะตัวออนกระบี่ชวยไวเขาคงตายไปแลว
หลังจากอาบน้ำเสร็จอายฮุยก็ เดิ น มานั ่งที่ บั นได เขาเด็ ดหญาออกมาใบหนึ่ง
เกือบจะเอาเขาปากอยูแลว แตก็หยุดลงและพิจารณาใบหญาใบนั้น เมื่อยืนยันแลววา
ไมมีรองรอยสีแดงใหเห็น ก็ลองสูดกลิ่นดูจนมั่นใจวาไมมีกลิ่นอะไรเขาจึงไดรูสึกโลงอก
ขึ้นมา แลวเอาหญาเขาปากเริ่มเคี้ยว
เขาใชมือรองศีรษะและเริ่มเอนกายนอนใตแสงแดดขณะที่เคี้ยวใบหญาในปากไปดวย
โหลวหลานทำอะไรอยูนะ อาจารย อาจารย หญิง กั บ ศิ ษ ยพ ี ่ห มิ งซิ ่ วเลาเปน
อยางไรกันบาง เมื่อเขาคิดถึงตอนที่เขาบินผานเมืองซงเจียนและเห็นวามันยังดูเปน
ปกติดี เขาก็สบายใจขึ้นมาก
เขารูสึกวาตนกังวลเกินกวาเหตุ อาจารยหญิงและศิษยพี่หมิงซิ่วนั้นแข็งแกรงมาก
ทำไมเขาจะตองเปนหวงพวกเขามากมายกันเลา
โหลวหลานก็เปนตุกตาทราย ไมมีใครจะจงใจมองเขาเปนเปาหมายอยางแนนอน
กรวม กรวม
เสียงใครบางคนกำลังเคี้ยวตังเมดังขึ้นดานขางของอายฮุย ภาพความคิดในใจของ
เขาพลันสลายหายไป และเขาก็ตองหัวเราะออกมาอยางไมตั้งใจใหกับความเศราโศก
ที่เขามีกอนหนานี้
ดวงอาทิตยแผดแสงแรงกลา หลังจากนอนใตแสงแดดแคเวลาสั้นๆ เสื้อของอายฮุยก็
ชุมโชกไปดวยเหงื่อ
เขายืนขึ้นและเตะเจาอวนอยางแรง
เจาอวนลืมตาที่หรี่ปรือมองไปยังอายฮุยอยางวางเปลา
“ตื่นเร็ว ไดเวลาเริ่มฝกฝนกันไดแลว” อายฮุยสั่ง
“ฝกหรือ” เจาอวนงุนงง ผานไปครูหนึ่งเขาก็ลมลงไปนอนกับพื้นอีกครั้ง “พระ
อาทิตยงดงามเชนนี้ ใหขานอนตออีกหนอยเถอะ”
อายฮุยไมไดพูดอะไรอีกแตใชมือขางหนึ่งยกตัวเจาอวนขึ้นมา และลากมันไปยัง
โรงฝกวางเปลาที่อยูไมไกล “อยาคิดวาขาจะลืมหนี้ที่เจาติดคางขาอยู เจาคิดหรือวา
ขโมยเงินขาแลวขาก็จะปลอยเจาไปงายๆ นับจากวันนี้ไป เขาคือเจาหนี้ของเจา เจาจะ
ไดช ีวิตคืนก็ตอเมื่อเจาคืนเงินที่ติดขา จนหมดแล ว และเพื ่ อปอ งกั นไมใหเจาเกิด
อุบัติเหตุตายไปกอนที่จะใชเงินคืนขาได ขาจะเปนคนดูแลการฝกฝนของเจา”
อายฮุยหยุดพูดเพราะรูสึกไมสบายในลำคอหลังจากที่เปลงเสียงพูดตอเนื่องหลาย
ตอหลายคำในลมหายใจเดียว
สีหนาของเจาอวนเต็มไปดวยความกลัว เขารูวากิจวัตรในการฝกของอายฮุยนั้น
นากลัวเพียงไร
โรงฝกนั้นวางเปลา แสงแดดก็รอนแรงเหลือเกิน เจาอวนรูสึกวาการอาบน้ำกอน
หนานี้นั้นชางสูญเปลาเสียจริง
“แสดงความสามารถของเจาออกมาหนอยใหดูหนอยซิ”
เมื่อเจาอวนไดยินเชนนั้น ก็ตัวสั่นดวยความกลัว แตทันทีที่กำลังจะเปดปาก
ขอรองเทานั้น หมัดอายฮุยก็พุงตรงเขามา
เจาอวนหลบไปดานขางตามสัญชาตญาณ การเคลื่อนไหวของเขาคลองแคลวและ
งดงามอยางไมนาเชื่อ ดูราวกับการเคลื่อนไหวของแมวอวน
หมัดของอายฮุยปะทะเขากับดานขางของใบหนา สงแรงสั่นสะเทือนผานชั้นไขมัน
ลงไปชั้นแลวชั้นเลา ดวงตาเจาอวนเบิกกวางเมื่อแรงสั่นสะเทือนเคลื่อนลงไปตามไข
สันหลัง
เจา...เจาหมอนี่เอาจริงแฮะ!
หากหมัดนี้กระแทกหนาเขาตรงๆ คงบวมปูดกลายเปนหัวหมูเปนแน
“อาย...อายฮุย....มี..มีอะไรผิดปกติหรือ พวกเราสามารถคุยกันไดนะ มัน...มันไม
คุมกันหรอกที่จะตองมาเสียความเปนพี่นองไปดวยเงินเพียงเล็กนอยแคนี้...”
เสียงของเจาอวนสั่นเครือ เขาดูเหมือนกับคนบา พยายามหลบหมัดของอายฮุยไปมา
“เจาหลบหนีไดเกงขึ้นนะ”
เจาอวนสังเกตเห็นประกายแวววับในดวงตาของอายฮุยจากหางตาของเขา ความ
สั่นเทาไหลแลนไปตามกระดูกสันหลังอีกครั้ง เขาคุนเคยกับสีหนาแบบนั้นดี ตอนนี้
อายฮุยอยูในอารมณที่เปนอันตรายอยางยิ่ง
“ละเวนขาดวย ละเวนขาดวย อายฮุย ปลอยขาไปเถอะ ไดโปรด ขารูวาขาผิดไป
แลว ขาสำนึกแลววาขาทำผิดไป” เจาอวนออนวอนอยางสิ้นหวัง
ใบหนาของอายฮุยยังคงไมแสดงอารมณความรูสึกใดออกมา แตเขากลับเริ่มออก
หมัดเร็วขึ้นกวาเดิม ถึงแมวาเขาจะไมเคยเรียนการชกมวยมากอน หมัดของเขานั้นก็
รวดเร็ว และแมนยำเปนอยางมาก ดุ จ ดั ่ งสายฝนสาดกระหน่ ำ ในตอนแรกเขาแค
ตองการจะวัดความกาวหนาของเจาอวน แตหลังจากตอยหมัดชกลมไปสองสามหมัด
เขาก็มีความกระตือรือรนที่จะโจมตีมากขึ้น
เจาอวนดูนาสงสารอยางมากจากสภาพที่ตองลมกลิ้งคลุกคลานไปรอบๆ เพื่อพยายาม
หลบหนี กระนั้นก็ยังสามารถหลบพนหมัดของอายฮุยได ราวกับมีน้ำมันหลอลื่ออาบ
ทั่วกายของเจาอวน
หากเปนเมื่อกอน เจาอวนไมอาจทำไดขนาดนี้อยางแนนอน ดูเหมือนวาเขาจะ
กาวหนาขึ้นอยางมาก
หมัดของอายฮุยยังคงพลาดเปาหมายอยางตอเนื่อง ทวายิ่งเขาประหลาดใจใน
ความกาวหนาของเจาอวนมากขึ้นเทาไร การโจมตีของเขาก็ยิ่งจริงจังมากขึ้นเทานั้น
ถึงแมวาเขาจะไมเกงในการชกมวย แตการชกพลาดครั้งแลวครั้งเลาก็กระตุนความ
ตองการในการตอสูของเขาขึ้นมา
เมื่ออายฮุยเริ่มเอาจริง หมัดของเขาก็ลดความเร็วลง
เจาอวนดูราวกับแมวที่ขนลุกชูชันเพราะสัมผัสไดวาพายุกำลังจะมา
ในเวลานี้อายฮุยสัมผัสไดถึงบางสิ่งที่ผิดปกติในรางกายของเขา เหมือนกับวาเขา
ไดเขาสูภาวะตัวออนกระบี่!
ในชวงไมกี่วันที่ผานมาในยามที่เขาซอนตัวอยูใตเนินดิน อายฮุยไมกลาที่จะปลอย
มือออกจากกระบี่หญาเพราะเกรงวาตนอาจหลุดจากภาวะตัวออนกระบี่
มันผานมาระยะหนึ่งแลวที่เขาถือกระบี่ติดตอกันนานหกวันหกคืน ตั้งแตที่เขา
คนพบวามันจะสามารถทำใหเกิดการเสพติดการพึ่งพาตัวออนกระบี่ไดงาย ซึ่งนั่นก็จะ
สงผลกระทบตอระดับทักษะที่แทจริงของเขาดวย เขาพยายามอยางมากที่หามกัน
ตัวเองไมใหเขาสูภาวะตัวออนกระบี่
สิ่งที่เกิดขึ้นใตเนินดินนั้นเปนเหตุฉุกเฉิน ในตอนนั้น เขาไมสนวาจะเกิดอะไรขึ้น
ตามมา เขาไมไดคิดถึงการเสพติดการพึ่งพาตัวออนกระบี่
กอนหนานี้ตอนที่ตื่นขึ้น อายฮุยคาดเดาวาอาการปวดหัวแทบระเบิดนั้นเปน
ผลขางเคียงของการอยูในภาวะตัวออนกระบี่เปนเวลานาน ทวาในตอนนี้ อายฮุยรับรู
ไดวายิ่งเขามีความคุนเคยกับภาวะตัวออนกระบี่มากขึ้น เขาก็จะยิ่งพบวาตนสามารถ
เขาสูภาวะนั้นไดงายขึ้น
แทนที่จะตอยหมัดตอไป อายฮุยกลับใชนิ้วของเขาแทนกระบี่และกวัดแกวงมัน
ออกไปอยางคลองแคลว
ฟบ! ฟบ! ฟบ!
เสียงกรีดอากาศนั้นผูใดไดยินเปนตองหมอบราบดวยความหวาดกลัว
เจาอวนดูราวกับแมวที่พองขนขึ้นดวยความกลัว เขาสัมผัสไดถึงอันตรายที่กล้ำ
กรายเขามาและฝนบังคับรางกายอยางรวดเร็ว แตดวยความหวาดกลัวที่มีอยูทำใหไม
วาเขาจะพยายามบังคับรางกายใหหลบเลี่ยงอยางไร ก็ไมอาจจะหลบพนจากนิ้วกระบี่
ที่ดูผอนคลายของอายฮุยไดเลย
เจาอวนรูวาหากเสียงกรีดอากาศที่นากลัวนั้นโดนตัวเขาเขาแลวละก็ ผลลัพธที่นา
อนาถจะตองตามมาอยางแนนอน
เจาอวนเกือบจะถูกแทงดวยเพลงกระบี่ของอายฮุยอยูแลว กอนจะรีบมวนตัวไป
กับพื้น มือขวาของเขายิงเปลวไฟรอนออกมา
ฟู! เจาอวนหมุนตัวกลับอยางรวดเร็วและรีบหนีไปราวกับหนูอวน รวดเร็วผิดปกติ
“นี่คอยนาสนใจหนอย!” ดวงตาของอายฮุยเป นประกาย เขาไมเคยเห็ นการ
กระบวนทานี้มากอน
มันทำใหเขานึกถึงดอกไมไฟ เจาอวนนั้นมีจุดเดนดานการหลบซอนและหลบหนี มา
ตลอด เมื่อใชรวมกับกระบวนทานี้ การหลบหนีของเจาอวนก็เรียกไดวาไรผูเทียมทาน
นี่เปนลักษณะเฉพาะตัวของเจาอวน
แมแตกระบวนทาที่เขาเรียนจากสนามเหนี่ยวนำก็ยังเอาไวใชในการหลบหนี
“เราพูดกันดีๆ ก็ได อายฮุย ถึงอยางไรเราก็เปนพวกพองกัน ไยตองปลอยใหเงิน
เพียงเล็กนอยมาทำลายความเปนพี่นองของเราดวย โลกของพวกที่คิดแตเรื่องเงินมัน
ชางเลือดเย็นและนาผิดหวังนัก! ไมตองหวง เมื่อขากลับไปและเก็บเงินไดครบแลว ขา
จะจายคืนใหเจาในทันที” เจาอวนออนวอนอายฮุย โคงหัวและสาบานไมยอมหยุด
“กลับไปและเก็บเงินใหครบหรือ เจาอวน ถาขาหาเจาพบหลังจากเจากลับไป ขา
ก็คงจะอวนเทากับเจาแลว!” อายฮุยหัวเราะเยาะ
“เจ า คนแซ อ  า ย! ถ า หากเจ า มี ค วามสามารถก็ ฆ  า ข า เลย! วั น นี ้ เ ราตั ด ขาด
ความสัมพันธกัน ขา...” เจาอวนเกรี้ยวกราด
อายฮุยรูสึกขี้เกียจที่จะฟงตอไปจึงพุงตัวไปขางหนา
“อากกก เวรเอย!” สีหนาของเจาอวนเปลี่ยนไป เขาหันหลังกลับในทันทีและเริ่ม
วิ่งหนี
ถึงแมวาเขาจะอวน แตเขาก็วิ่งไดเร็วมาก และในขณะที่วิ่งไป ฝามือของเขาก็พน
ไฟออกมาอยางตอเนื่อง
อายฮุยชักกระบี่หญาฟนเลื่อยออกมาดวยรางกายที่ยอโคงเล็กนอย ลากกระบี่อยู
ขางหลังเขา กระทืบเทาขวาลงบนพื้นอยางแรง และรางก็พุงเขาหาเจาอวนราวกับลูก
ธนูที่ถูกยิ่งออกจากคันศร
อายฮุยไมไดฝก [หนังทองแดง] เลนๆ พลังที่รวบรวมไวที่ขาขวานั้นเรียกไดวา
มหาศาล ขอเทาของเขาจมลงไปในดิน ทำใหกอนหินที่ถูกบดพุงไปดานหลังขณะที่เขา
พุงตัวออกไปดานหนา
ปง! เกิดเสียงดังมากๆ แมแตยามที่ยืนอยูไกลออกไปยังแสดงสีหนาตกใจออกมา
การที่นักเรียนในสนามเหนี่ยวนำจะสามารถเชี่ยวชาญการหลอหลอมรางอยาง
[หนังทองแดง] คอนขางหายาก
ทุกยางกาวของอายฮุยสรางพลังมหาศาล เขาเปนเหมือนกระทิงยักษที่พุง ตรงไป
อยางบาคลั่ง ทำใหภูเขาสะทานแผนดินสะเทือน
ใบหนาของอายฮุยขาวซีดเมื่อเหลียวหลังกลับไป
“เวรเอย!”
ระยะหางระหวางทั้งสองคนลดลงอยางรวดเร็ว และประกายในดวงตาของอายฮุยนั้น
ก็เยือกเย็นยิ่งกวากระบี่หญาในมือของเขา
ทันใดนั้น เจาอวนก็ยื่นฝามือขวาออกมาและยิงเพลิงขนาดใหญออกมาเปนทางยาว
รางของเขาก็เปลี่ยนทิศทางกลางอากาศอยางรวดเร็ว และราวกับลูกบอลยาง
กระเดงกระดอนไปอีกทิศทางหนึ่ง
เจาอวนถอนหายใจออกมาอยางโลงอก กระบวนทานี้ผานการทดสอบมายาวนาน
ยิ่งวิ่งเร็วเทาไร กระบวนทานี้ก็ยิ่งสงผลดีเทานั้น กอนหนานี้เขาจงใจเรงความเร็วขึ้นก็
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใหกับกระบวนทานี้
เห็นไดชัดวาอายฮุยไมอาจจับเขาได!
เจาอวนรูสึกพึงพอใจอยางมาก หันหลังกลับไปหมายใจจะไดเห็นวาอายฮุยหยุด
เขาไมไดและถูกโยนออกจากโรงฝกไป
ทวาเมื่อเขามองอายฮุยดีๆ แลวก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ
อายฮุยกำลังลอยตัวกลางอากาศดวยวงโคงที่แปลกประหลาดราวกับคางคาวยักษ
และกำลังรอนเขามาหาเขา
เขารูสึกเหมือนกับเห็นผี!
สิ่งที่เจาอวนคิดออกในตอนนี้มีแคหาพยางค “ติดตามตอนตอไป”
บทที่ 129 ตวนมูเห็นเขาแลว
ตวนมูหวงฮุนกำลังหลับอยูตอนที่เขาไดยินเสียงที่เกิดขึ้นดานนอก เสียงของเจา
อวนฟงเสียดแกวหูราวกับบทเพลงของปศาจ
พูดเรื่องหนี้สินอีกแลวหรือ!
เสียงนั้นกระตุกเสนใยแหงสติอันบอบบางของเขาในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ทำให
หางตาของเขากระตุกอยางแรง
อายฮุยกำลังทำอะไรของมันอยู วิ่งไลตามทวงหนี้ไปทั่ว เปนเจาพอเงินกูหรือไร
ตวนมูหวงฮุนดึงผาหมขึ้นคลุมโปง พยายามปดกั้นเสียงนั้น เขาตัดสินใจวาจะเก็บงำ
ความอยากรูอยากเห็นและอยูในหองตอไป เขามีแตจะสรางปญหาใหตัวเองหาก
ออกไปตอนนี้
มันไมงายเลยกวาพวกเขาจะมาถึงที่ปลอดภัยได ทำไมคนพวกนี้ถึงไมยอมพักผอน
กันนะ
ตวนมูหวงฮุนตองการที่จะนอนตอไปอีกสักหนอยเพื่อฟนฟูรางกายที่เสียหายของเขา
ระยะเวลาหกวันที่ถูกขังไวดานในเนินดินเปนดั่งฝนราย ถึงแมวาเขาจะดูสงบเยือกเย็น
อยางมากตลอดเวลาหกวันนั้น อันที่จริงแลวเขาก็หวาดกลัวเชนกัน ความตึงเครียด
เพิ่งจะลดลงตอนที่เขาไดกลับมาสูความปลอดภัย แตในตอนนี้ความเครียดหลังเรื่อง
รายเริ่มโจมตีเขาอีกครั้ง
ตวนมูหวงฮุนรูสึกงุนงงมาตลอดเวลาหกวัน เขาแทบไมไดนอนเลยและตองตื่นทุก
ครั้งที่ไดยินเสียงเพียงเล็กนอย เขาฝนรายตลอดคืน บางครั้งก็ตื่นขึ้นมาดวยความตื่น
กลัว ไมอาจมั่นใจไดวาเขาตื่นขึ้นแลวจริงๆ หรือไม การอดนอนติดตอกันนานหลายวัน
ทำใหตวนมูหวงฮุนอารมณไมดีและออนแรงลงอยางมาก
เขาไมใชคนเดียวที่มีอาการเชนนี้ คนอื่นๆ ก็เปนเชนนี้ดุจกัน แมแตอาจารยสวี่เอง
ก็มีอาการงุนงงใหเห็นบนใบหนา
ทวาตวนมูหวงฮุนไมอาจกลับไปนอนตอได เพราะเสียงขางนอกนั้นดังเกินไป เมื่อ
ทนรับฟงจนเกินพอ เขาก็แทบระเบิดออกมาดวยความโกรธ กระโดดลงจากเตียงและ
พุงตัวผานประตูออกไป
ไอสารเลวสองคนนั่นตองการทำอะไรกันแน ปลอยใหคนอื่นไดพักผอนอยางสงบ
บางไมไดหรืออยางไร
เมื่อรุดออกมาจากหอง ก็พบรางสองรางอาบชุมไปดวยเหงื่อ ยืนอยูกลางลานฝก
อันวางเปลา
“ยางกาวผีเสื้อลายบุหงัน สองรอยรอบ หากเจาทำไมครบ ขาจะฟาดเจา”
“อยา ไดโปรด โปรดละเวนขาดวยอายฮุย ตวนมูหวงฮุนติดเงินเจาหนึ่งรอยหาสิบ
ลานหยวน แตเจาก็ปลอยใหเขานอนหลับอยางสุขสบาย ขาติดเงินเจานอยกวามากนัก
ดังนั้นไดโปรดอยาทรมานขาตอไปอีกเลย...”
เมื่อไดยินเชนนั้น ตวนมูหวงฮุนรูสึกอยากกลับไปที่หองขึ้นมาในทันที
นี่มันจะหยามกันเกินไปแลว!
หนาของเขาเปลี่ยนเปนสีแดงสด เจาคนสมควรตายนั่นทำลายชื่อเสียงของเขาไปทั่ว
ชางนารังเกียจอะไรเชนนี้ ตวนมูหวงฮุนไมงวงเหงาหาวนอนอีกตอไป สิ่งเดียวที่เขา
รูสึกคือความตองการอันแรงกลาที่จะออกไปหาเงินอยางเรงรอน
เขาจะกอบกูชื่อเสียงคืนไดอยางไรหากเขาไมอาจใชหนี้แคหนึ่งรอยหาสิบลานหยวนได
ตวนมูหวงฮุนจองเขม็งไปทางอายฮุย
“ตอนนี้เปนสามรอยรอบแลว ขาไมอยากไดยินเรื่องไรสาระออกจากปากเจาอีก
มิเชนนั้นจะเพิ่มอีกหนึ่งรอยรอบ”
คำพูดของอายฮุยทำใหเจาอวนระเบิดความโกรธออกมา เขาพุงตัวเขาหาอายฮุย
ดวยสีหนาที่ปกคลุมไปดวยโทสะและไมยินยอมพรอมใจ
ตวนมูหวงฮุนมองดูอยางดูถูก
เขาคิดจริงๆ หรือวาทุกคนจะตองเชื่อฟงคำสั่งของเขา หึ แมแตอาจารยยังไมอาจ
สั่งอะไรเชนนั้นได ทำกับเพื่อนโดยไมเห็นแกหนาเชนนี้ไดอยางไร มีแตจะนำมาซึ่งการ
ตอสูแตกหักเทานั้น
เมื่อเห็นวาจะมีการแสดงใหดู ตวนมูหวงฮุนก็รูสึกยินดีในคราเคราะหของผูอื่น
อายฮุยยังคงไมแสดงอารมณอะไรออกมา กลาววา “เขามาเลยถาเจากลา”
เจาอวนไมสนใจจองไปทางอายฮุยดวยความโกรธและคำรามออกมา “ยาก!”
“เจาไมไดเปยมไปดวยความกลาหรอกหรือ เจาไมไดเลนเปนพระเอกอยูหรือ มาสิ
พูดจาเลวรายตอหนาขาเลย”
“ยาก”
“ไมกลาเถียงแลวหรือ อุเหม จุดยืนเจาอยูไหน เจากลัวแลวอยางนั้นหรือ พอ
พระเอก! เจาเพิ่งทำเปนเกงเมื่อกี้นี้เองนะ ความกลาของเจาหายไปไหนหมดแลว”
“ยาก ยาก ยาก”
“ถาเหาอีกครั้ง เจาตองทำหารอยรอบ!”
เจาอวนกระโดดหนีอายฮุยราวกับลูกชิ้นเดง จองมองเขาดวยความโกรธเกรี้ยวอยู
ตลอดเวลา
“......” ตวนมูหวงฮุนพูดอะไรไมออก
อายฮุยมองเห็นตวนมูหวงฮุนยืนอยูใตชายคาจากหางตา เขาก็พลันนึกถึง “เจา
คนที่ติดเงินเจาหนึ่งรอยหาสิบลานหยวน” ที่เจาอวนพูดถึงขึ้นมา
หนึ่งรอยหาสิบลานหยวน!
อายฮุยรูสึกรำคาญเจาเนรคุณผูนี้ยิ่งนัก
เขาหันหนาจากไปและเริ่มการฝกของตัวเอง
อายฮุยติดตามการฝกฝนของเจาอวนก็เพราะเขาไมตองการใหเจาอวนตายงายดาย
เกินไป ความออนแอก็ไมแยนักหรอกตราบใดที่สามารถซอนตัวไดเกง แตเจาอวนนั้น
ออนแอแลวยังไปชอบยุงเรื่องของชาวบานอีก เจาอวนอาจเปนคนไรคาแตอายฮุยก็ไม
ตองการเห็นเขาตาย เพราะใครจะเปนคนเอาเงินมาคืนเขาหากเจาอวนเกิดตายขึ้นมา
เขารูนิสัยของเจาอวนเปนอยางดี เขาเปนคนขี้เกียจ ขี้ขลาด และดูขี้โกงอยูบาง
แตในความเปนจริงแลวเขาเปนคนออนไหวที่พยายามทำดีกับทุกคน
อายฮุยไมเคยรูเลยวาเจาอวนไดทำอะไรมากมายลับหลังเขา แตเขารูวาเจาอวน
มายังสนามเหนี่ยวนำก็เพื่อคอยดูแลเขา
อายฮุยรูดีวาตนไมอาจเปลี่ยนลักษณะนิสัยของเจาอวนได เขาก็แคไมอยากใหเจา
อวนตาย
การแข็งแกรงขึ้นจะชวยเขาได แมแตตอนที่เขาจะพยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอดก็ตาม
อายฮุยรูสึกวาตนเห็นแกตัวกวาเจาอวนเสมอมา เขาหวงแตเอาชีวิตตัวเองรอด
เปนอยางแรกเสมอ และหาเสนทางที่เหมาะสมกับเขากอนที่จะทำอยางอื่น
หากเจาอวนถูกใครสักคนฆาตาย อายฮุยตองหาทางแกแคนอยางแนนอน หาก
คนฆาแข็งแกรงเกินไป เชนนั้นเขาก็จะฝกฝนอีกสักหลายปกอนที่จะหาทางแกแคน แต
ถาหากคนฆาแข็งแกรงมากเกินไปจนอายฮุยรูสึกวาไมอาจเอาชนะได เขาก็จะจุดธูป
เสนไหวเจาอวนดวยความเคารพ
อายฮุยแนะนำการฝกใหเจาอวนก็เพราะเขาเองก็ตองการฝกฝนเชนกัน
นี่เปนการยิงปนนัดเดียวไดนกสองตัว
หลังจากพักแลวอายฮุยก็เริ่มเตรียมตัวฝกฝนในทันที ไมมีเวลาใหเสียเปลา เวลา
หกวันใตเนินดินอาจเปนเหตุการณที่นาหวาดกลัวที่สุดในชีวิตของนักเรียนคนอื่น แต
กับอายฮุยแลวมันแคทำใหอายฮุยเขาใจวาชีวิตในสนามเหนี่ยวนำนั้นไมใชเทพนิยาย
อยางที่คิดเทานั้นเอง
ชีวิตในสนามเหนี่ยวนำนั้นนาทึ่ง แตมันก็ดูเกินจริง นั่นทำใหอายฮุยสงสัยอยูเสมอ
วาเขาฝนไปหรือไม เหตุการณที่เพิ่งเกิดขึ้นไมนานมานี้ไดเปดมานที่บังสายตาของเขา
ออกและแสดงใหเห็นถึงความเปนไปไดที่จะมีอันตรายซุมซอนอยูทุกที่แมวาจะอยูใน
สนามเหนี่ยวนำก็ตาม นี่คือความเปนจริงที่เขาเกือบลืมเลือนไป
นอกจากอันตรายจะไมทำใหเขาแตกตื่นแลว มันยังชวยใหเขาพบกับความสงบสุข
ภายใน
ไมว า ชีว ิตในสนามเหนี่ย วนำจะดู เหมื อนสมบู รณ แ บบมากถึ งเพี ย งใด แต ถึ ง
อยางไรก็ไมใชชีวิตในแบบที่อายฮุยคุนเคย เขารูสึกไมสบายตัวอยูเสมอ อีกทั้งในตอนนี้
สนามเหนี่ยวนำก็มีอันตรายซอนอยู เขาก็รูสึกเหมือนไดกลับคืนสูวิถีชีวิตที่เขาคุนเคย
เขารูสึกสบายกับสภาพแวดลอมใหมนี้มาก
อายฮุยปรับตัวใหเขาความเปลี่ยนแปลงไดอยางรวดเร็ว เพราะมันเปนประสบการณที่
เขาคุนเคยเปนอยางดีอยูแลว ในแดนรางเขาฝกฝนเมื่อใดก็ตามที่มีเวลา
คฤหาสนนี้ครั้งหนึ่งเคยเปนคายทหารมากอน ดังนั้นมันจึงมีขาวของเครื่องใชใน
การฝกฝนเพียบพรอม ยอมเปนการเสียเปลาหากไมฝกฝนในสถานที่ที่ยอดเยี่ยมแหงนี้
โดยเฉพาะในยามที่เขามีเวลาวางมากมายเชนนี้
อายฮุยนั้นใสใจเรื่องการใชเวลาเปนอยางมากและไมมีวันยอมที่จะเสียเวลาเปลา
เปนอันขาด ยิ่งไปกวานั้น การแลกหมัดกับเจาอวนก็ทำใหอายฮุยรูสึกมีกำลังใจในการ
ฝกฝนมากขึ้น
เจาอวนเพิ่งจะเปดไดแคตำหนักที่ฝามือขวาแตกลับสามารถใชทักษะออกมาได
อยางงดงาม อายฮุยถามซักไซเรื่องนี้กับเจาอวนอยางละเอียด จึงไดรูวาเจาอวนเรียนรู
ทักษะนี้ดวยตนเองผานการทดลองซ้ำแลวซ้ำเลา การเรียนรูวิธีหลบหนีไดอยางมี
ประสิทธิภาพมากขึ้นเปนเปาหมายสูงสุดของเจาอวนในการฝกฝนเสมอมา
อายฮุยก็เห็นดวยกับความคิดนี้ของเจาอวน
ความกระหายพลังที่มากขึ้นของเขาก็มาจากความปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอด เจา
อวนมุงเนนไปที่การหลบหนีกเ็ พื่อการเอาชีวิตรอดเชนกัน โดยแกนแทแลวทั้งสองคน
นั้นก็นับวาคลายคลึงกันอยางมาก
การทุบตีเจาอวนชวงสองสามยกหลังมานี้ชวยใหอายฮุยเขาใจถึงความกาวหนา
ของเจาอวนไดเปนอยางดี นอกจากนี้เขายังคนพบความเปลี่ยนแปลงบางอยางภายใน
รางกายของเขาอีกดวย
เมล็ดพันธุตัวออนกระบี่ไดเปลี่ยนแปลงไป
ตลอดเวลาหกวันในเนินดิน อายฮุยไมเคยปลอยมือจากกระบี่และอยูในภาวะตัว
ออนกระบี่อยางตอเนื่อง ในเวลานั้นเขามุงเนนไปที่การสงวนตัวตนเอาไว แตเขาไดรู
แลววาการอยูในภาวะตัวออนกระบี่นานหกวันนั้นเปนเหตุใหตัวออนกระบี่เกิดการ
เปลี่ยนแปลง
สัมผัสที่หกของเขานั้นเฉียบคมยิ่งกวาเดิม แมแตในยามที่เขาไมไดอยูในภาวะตัว
ออนกระบี่ สัมผัสที่หกของเขาในตอนนี้ก็มีความเฉียบคมเชนเดียวกับตอนที่เขาอยูใน
ภาวะตัวออนกระบี่กอนหนานี้
ถาหากเขากวัดแกวงกระบี่ในตอนนี้...
อายฮุยยกกระบี่ขึ้นและหลับตาลงชาๆ
เขารูสึก ราวกับวา กระบี่หญาได กลายเป นส วนหนึ ่ งของร า งกายของเขา เขา
สามารถสัมผัสไดถึงอุณหภูมิและกระแสอากาศรอบๆ กระบี่ผานตัวกระบี่ นี่เปนสิ่งที่
เขาไมเคยทำไดมากอน
เมื่ออายฮุยเริ่มโคจรพลังธาตุในกายของเขา ก็รูสึกทึ่งเมื่อคนพบวากระบีห่ ญาใน
มือของตนนั้นสามารถเชื่อมโยงเขากับพลังธาตุไดเปนอยางดี กอนที่อายฮุยจะรับรูสิ่งที่
เกิดขึ้นไดทั้งหมด พลังธาตุของเขาก็ไดหลั่งไหลเขาไปในกระบี่หญาแลว
กระบี่หญาฟนเลื่อยในมือของอายฮุยเริ่มสองแสงเรืองจางๆ สีตุนๆ ของกระบี่หญา
ยอมหมายถึงมันจะไมสะทอนแสงมากนักในยามกวัดแกวง เปนสิ่งที่อายฮุยชอบมาก
เพราะมันจะมอบความไดเปรียบใหกับเขาเมื่อตอสูในความมืด สิ่งที่เขาเปนหวงมาก
ที่สุดไมใชความแพรวพราวหรือสดใสของกระบี่แตเปนการที่มันสามารถกรีดแทงศัตรู
ของเขาไดหรือไมตางหาก
อยางไรก็ตามครั้งนี้แสงเรืองที่แผออกมาจากกระบี่หญากลับสามารถเห็นได ใต
แสงอาทิตยอันเจิดจา
อายฮุยคนพบวาตนสามารถสัมผัสไดวากระบี่หญานั้นมีความรูสึกที่เปยมลนแต
เขาก็ไมแนใจวาทำไม
มันคลายกับ...คลายกับความรูสึกที่เขามีในรานบะหมี่ตอนที่เขากินบะหมี่เขาไป
สิบชามในคราวเดียว
กระบี่รูสึกอิ่มไดดวยหรือ
อายฮุยหัวเราะออกมาอยางชวยไมได แตความรูสึกนี้ชางแหลมคมและชั ดเจน
เชนเดียวกับคนกินอิ่มที่ตองออกไปเดินเลนหลังจากกินเขาไปมากเกินไป อายฮุยก็ผลัก
กระบี่ในมือออกมาอยางไมรูตัว
ฟาดฟนออกไปครั้งแลวครั้งเลา ทุกการฟาดฟนลวนเรียบงายไรการแตงเติม
อายฮุยสัมผัสไดในไมชาวามีแรงตานทานอยูที่ปลายกระบี่ รูสึกเหมือนกับวาเขา
กำลังแทงกระบี่ผานน้ำ
ความรูสึกนี้เขมขนขึ้นเรื่อยๆ ในทุกฝกระบี่ที่ฟาดออกไปทำใหการออกกระบี่
ลำบากมากขึ้น แสงแดดยามเที่ยงชางรอนแรง หนาผากของอายฮุยชุมไปดวยเหงื่อ
กลามเนื้อของเขาสั่นเทาอยูภายใตผาพันแผล
ตวนมูหวงฮุนยืนอยูใตหลังคาใชสายตาที่วางเปลามองดูคนทั้งคูอาบเหงื่อตางน้ำ
อยูใตแสงอาทิตย
เจาคูนี้...
กอนหนานี้เขาคิดวาอายฮุยนั้นทรมานเจาอวนเพื่อ ระบายความโกรธออกมา
ตวนมูหวงฮุนไมคิดเลยวาอายฮุยจะเริ่มฝกดวยเชนกัน
เขาไมคาดหวังที่จะเห็นสิ่งนี้แมแตนอย
ประสบการณอันเลวรายที่สวนแหงชีวิตนั้นเหมือนกับฝนรายที่กลายเปนจริง สูบ
พลังชีวิตออกจากรางของเขา การถูกกักตัวไวที่นี่ทำใหจินตนาการของเขาเตลิดไปไกล
สงผลใหไมแนใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยูตอนนี้ยิ่งขึ้น ผานเหตุการณเชนนั้นมา ใครยัง
จะมีกะจิตกะใจฝกฝนไดอีกเชนนั้นหรือ
ไมใชเพียงแคเขา นักเรียนคนอื่นก็เชนกัน ทุกคนลวนจิตตกและกระสับกระสาย
เห็นไดชัดวาไดรับผลกระทบจากเหตุรายที่ประสบมา
แตไอบาสองคนนี้กลับเริ่มฝกฝน...
แสงแดดยามเที่ยงนั้นรอนแรงอยางยิ่งจนผูคนแทบไมอาจลืมตามองได นักเรียนที่
เหลือทุกคนลวนซอนตัวอยูในหองที่มืดครึ้มในขณะที่อายฮุยกับเจาอวนกำลังฝกฝน
อยางขะมักเขมนอยูในลานฝกที่วางเปลา
ตวนมูหวงฮุนคิดถึงปริมาณเหงื่อที่พวกนั้นไดหลั่งออกมา
รางกายของเจาอวนนั้นเปยกชุมไปดวยเหงื่อ ประหนึ่งกับวาเขาเพิ่งจะไปวายน้ำมา
เสื้อผาของเขานั้นเปยกชุมไปทั้งตัวและแนบสนิทติดอยูกับรางกายของเขา
อายฮุยเองก็อยูในสภาพเชนเดียวกัน กระบี่หญาในมือของเขานั้นใหความรูสึก
เหมือนหนักเปนตัน ทุกกระบี่ที่แทงออกไปนั้นชาลงเรื่อยๆ และตวนมูหวงฮุนก็บอกได
วาอายฮุยกำลังใชเรี่ยวแรงหยดสุดทายออกมา
ตวนมูหวงฮุนสลัดความงุนงงออกและเริ่มรูสึกละอายแกใจ เขานั้นออนแอเมื่อ
เปรียบเทียบกับสองคนนั้น!
เขาเกือบจะกลับไปที่หองของเขาเพื่อเริ่มการฝก กอนจะเหลือบเห็นรางของอายฮุยที่
หางตา รางของตวนมูหวงฮุนแข็งคางในทันที ดวงตาของเขาเบิกกวาง
บทที่ 130 แสงวาบ
อายฮุยไมรูเลยวามีใครบางคนกำลังสำรวจมองเขาอยูอยางลับๆ แตตอใหรูเขาก็
ไมสนอยูดี เพราะเขากำลังมุงมั่นอยูกับสิ่งอื่นในตอนนี้ ความสนใจทั้งหมดของเขาลวน
อยูที่กระบี่หญาในมือ
เขาไมเคยคาดฝนมากอนเลยวาจะมีวันที่เขาจะสามารถมองเห็นโลกใบนี้ผาน
“ดวงตา” กระบี่ได เขารูสึกเหมือนกับวาตนไดเขาสิงกระบี่หญาทำใหมันเปลี่ยนจาก
สิ่งของเปนสิ่งมีชีวิต
ถาหากเขาไมใชคนที่ซื้อมันมาจากรานของผูจัดการหลี่ดวยตัวเอง อายฮุยคงคิดวา
กระบี่เลมนี้เปนอาวุธในตำนานอะไรสักอยาง
ยอนกลับไปในตอนที่เขาอานคั มภี รกระบี่อยู ในโรงฝกกระบี่ อายฮุยเคยเห็ น
ขอความเกี่ยวกับวิญญาณกระบี่อันลึกลับอยูหลายตอหลายครั้ง นั่นเปนตำนานอัน
เกาแกและตอนนี้นักกระบี่ก็สาบสูญไปนานแลว จึงไมเหลือใครที่จะยืนยันเรื่องนั้นได
อายฮุยจัดขอความเหลานั้นวาเปนเพียงแคเรื่องเลา
ผูบำเพ็ญตนในอดีตไดทิ้งเรื่องราวแปลกประหลาดไวมากมาย แตเรื่องราวเหลานั้นก็
ยังคงไมอาจเทียบไดกับหัวขออันเกินจริงของผูฝกกระบี่ เขาไดอานเรื่องราวของผูฝก
กระบี่ที่รูสึกอับอายจนไมอยากจะออกจากบานจนกวาจะฝกฝมือไดระดับหนึ่งกอน
ในตอนแรกอายฮุยนั้นรูสึกประหลาดใจกับสิ่งที่ตนอาน แตเมื่อไดอานมากขึ้นเขา
ก็รูสึกดานชา ใชแลว วันนี้เจาดับดวงตะวันได พรุงนี้เจาทลายพระจันทรเปนผุยผง วัน
ตอมาเจาก็ทำลายดวงดาว ออ เจาเพิ่งบอกวาดวงดาวจำนวนมากมายใชไหม
ยิ่งเขาอานมากขึ้นเทาไร เขาก็ยิ่งรูสึกคุนชินกับเรื่องประหลาดเหลานี้มากขึ้นเทานั้น
จนกระทั้งเรื่องราวเหลานี้ไมอาจทำใหเขารูสึกตกใจหรือประหลาดใจไดอีกตอไป
แตวันนี้กระบี่หญาที่เขาถืออยูกลับดูราวกับมีชีวิตขึ้นมา แมวาความรูสึกนั้นจะไม
รุนแรงมากนักแตมันก็ชัดเจนทีเดียว เปนไปไดหรือไมวากระบี่จะมีชีวิตขึ้นมาไดจริงๆ
อายฮุยยังคงไมแนใจ
คัมภีรกระบี่ทุกเลมลวนบอกวากระบี่นั้นมีแกนแทอยูภายใน ความหมายของมันก็
คือกระบี่ทุกเลมลวนมีวิญญาณประจำตัวอยูนับตั้งแตมันถูกสรางขึ้น
แกนแทกระบี่นั้นมีความแข็งแกรงแตกตางกัน บางอาจเติบโตไปพรอมกับเจาของ
ได เปลี่ยนตัวมันเองใหกลายเปนวิญญาณกระบี่และจิตกระบี่
เนื่องจากมันถูกเขียนไวในคัมภีรกระบี่ทุกเลม อายฮุยจึงเชื่อวามันไมใชเรื่อง
เหลวไหลและอาจจะเปนเรื่องจริงที ่ พบเห็ น ไดในยุ คสมั ยแห งการบำเพ็ ญตน แต
กาลเวลาไดเปลี่ยนไปแลว เมื่อพลังธาตุกลายเปนผูปกครองหลังจากการสูญสลายของ
พลังวิญญาณ ในตอนนี้แมแตผูฝกกระบี่ก็สูญหายไปหมดแลว แลวมันจะยังมีแกนแท
กระบี่อยูไดอยางไร
อายฮุยกดความคิดที่ทำใหจิตใจวอกแวกนี้ไวและเริ่มใชทากระบี่งายๆ อีกครั้ง
เขาไดอานคัมภีรกระบี่มามากมายนับไมถวนและมีความเขาใจในเคล็ดกระบี่
มากกวาบุคคลใดในสมัยนี้จะเทียบได การเคลื่อนไหวของเขานั้นแมนยำและควบคุม
เปนอยางดี
ในยามที่เขาเพิ่งปลูกฝงตัวออนกระบี่ ความชวยเหลือเดียวที่เขาสามารถหาไดก็
คือจากคัมภีรกระบี่ นาแปลกที่คัมภีรระดับต่ำกลับเปนประโยชนกับเขา คัมภีรยิ่งมี
ระดับสูงขึ้นเทาไรก็ยิ่งเอามาใชประโยชนไดนอยลงเทานั้น
การกวัดแกวงกระบี่หญาสำหรับอายฮุยนั้น โดยปกติแลวเปนเรื่องงายดาย
ทวาในวันนี้กลับยากจะเรียกไดวาเปนเรื่องงาย
อายฮุยดูเหมือนจะกลายเปนหนึ่งเดียวกับกระบี่หญา เขารูสึกเหมือนกับวาเขาถูก
ผูกมัดไวดวยอากาศโดยรอบ เขาไมคุนเคยกับความรูสึกที่ถูกกักขัง ตอนนี้อายฮุยรูสึก
ประหนึ่งวาถูกขังไวใตน้ำ มีแรงดันอยูรอบตัวเขา
เขารูวาความรูสึกนี้เปนแคภาพหลอนทวามันกลับชัดเจนจนเกินไป
การแทงกระบี่ใหเร็วขึ้นเพียงเล็กนอยก็ทำใหรูสึกวาเขาไดกระแทกเขากลับคลื่น
ขนาดใหญทำใหกระบี่นั้นโยกคลอน
อายฮุยไมมีทางเลือกนอกจากตองเพิ่มความพยายาม และทุกการฟาดกระบี่ก็หนักขึ้น
กวาครั้งกอน กลามเนื้อของเขาบวมและสั่นเทา ดุจดังโซใหญดึงรั้งวงลอขนาดยักษ
เพลงกระบี่ของอายฮุยเชื่องชาลง เพราะกระบี่หนักขึ้นและแรงตานของอากาศก็
เพิ่มสูงขึ้น
เหงื่อเม็ดโปงไหลลงไปตามรางกายของอายฮุย เมื่อกลามเนื้อของเขารีดเรนพลัง
ออกมาอยางตอเนื่อง ทันใดนั้นเองเขารูสึกราวกับวาตนไดทะลวงผานแรงตานที่มอง
ไมเห็นไดในที่สุด
กระบี่หญาในมือของเขาพลันสั่นเทาขึ้นมา เปลงประกายแสงเจิดจาออกมาอยาง
เปนธรรมชาติดวยความสวางเจิดจาเขมขนจนแมแตแสงอาทิตยยามเที่ยงก็ไมอาจบด
บังความเจิดจาของมันได
แสงสวางที่ระเบิดออกจากกระบี่ หญา แยงตาอายฮุย จนมองอะไรไมเห็น เขา
สังเกตไดวากระบี่หญาเบาลงมาก
เสียงระเบิดดังกึกกองตามมา
พลังอันรุนแรงราวจะฉีกแผนดินสงใหอายฮุยบินขึ้นฟากอนจะทันไดมีปฏิกิริยาใด
แรงปะทะหนักหนวงทำใหอายฮุยมึนงง เสียงกองอยูในหู ไมรูวาเวลาผานไปนาน
เพียงไรกวาจะไดยินเสียงเปนกังวลของเจาอวนดังมาจากสถานที่ที่ดูเหมือนหางไกล
ออกไป “อายฮุย...อายฮุย เจาเปนอะไรหรือไม รูสึกอยางไรบาง”
เสียงที่ฟงดูไมเหมือนจริงนั้นเริ่มชัดเจนขึ้น และดวงตาอายฮุยก็เริ่มแจมชัด
เจาอวนพูดยืดยาวออกมาอยางพะวาพะวัง “อายฮุย เจาอยาทำใหขากลัวไดไหม
นี่เปนการฝกแบบไหนกัน มันเหมือนกับวาเจากำลังพยายามฆาตัวตาย นี่ขานึกวาเจา
กลายเปนเงียบขรึมกวาเดิม แตดูเหมือนวาเจายังปาเถื่อนเหมือนเดิม ไมสิ เจาปาเถื่อน
ยิ่งกวาเดิมเสียอีก ขาไมเขาใจเลย เจาก็มีความเปนอยูที่ดีไมใชเหรอ ยิ่งไปกวานั้นขา
ตางหากที่เปนหนี้ ไมใชเจา...”
คำพูดยาวเหยียดของเจาอวนทำใหอายฮุยนึกยอนไปถึงเวลาที่พวกเขาอยูในแดนราง
ความมึนชาที่ไมอาจทานทนไดปกคลุมไปทั่วทั้งกาย นี่เปนผลที่ตามมาจากแรง
กระแทกรุนแรงที่เขาเพิ่งประสบมา ถึงแมวาจะเปนอุปสรรคตอการไหลเวียนโลหิต
และพลังปราณ แตมันก็สามารถฟนฟูไดในเวลาอันสั้น หลังจากผานไปสิบวินาที เขาก็
สามารถเคลื่อนไหวไดในที่สุด ทรงตัวยืนขึ้นไดสำเร็จ
เขาถมทรายออกมาจากปาก ยังคงรูสึกมึนงง
มันเกิดอะไรขึ้น...
อายฮุยมองไปยังจุดที่เขาเคยยืนอยู สิ่งที่เขาเห็นทำใหเขาตกใจอยูลึกๆ ปฏิกิริยา
ของเขานั้นเหมือนกับกวางจองแสงไฟ
หลุมขนาดใหญ มีเสนผานศูนยกลางหกเมตร ลึกสามเมตร ปรากฏขึ้นตรงจุดที่
เขายืนอยูเมื่อครู
ตวนมูหวงฮุนจองมองไปตรงหลุมนั้นดวยแววตาวางเปลา ไมวาจะเปนแรงปะทะ
หรือเสียงดังก็ไมอาจปลุกเขาขึ้นจากความมึนงงได
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรเชนนั้นหรือ”
“มีอสูรปาบุกเขามาหรือ”
“ที่นี่ควรจะปลอดภัยไมใชหรือ”
“สวรรค...เกิดอะไรขึ้นที่นี่”
ความปนปวนดึงความสนใจใหน ัก เรี ยนออกมาจากหองมากขึ ้น ทุ ก คนยั งคง
แตกตื่นจากเหตุการณที่สวนแหงชีวิตดังนั้นพวกเขาจึงเสียขวัญไดงายๆ เสียงระเบิดดัง
กึกกองนั้นทำใหพวกเขาตื่นตระหนก
พวกยามในบริเวณใกลเคียงก็เรงมาตรวจสอบ
“เปนหลุมที่ใหญทีเดียว”
“เกิดอะไรขึ้น สัตวปาโจมตีหรือ”
“มีใครเห็นเหตุการณที่เกิดขึ้นหรือไม” ผูชายที่ดูเหมือนจะเปนหัวหนายามถาม
“ขะ...ขะ..ขา...” ยามที่บอกทางใหอายฮุยพูดอยางตะกุกตะกัก
“เปนอะไร” หัวหนาถามเสียงออนโยน
ยามกลืนน้ำลายและตอบวา “มีนักเรียนคนหนึ่งกำลังฝกฝนอยูแลวจูๆ ก็...”
“นักเรียนกำลังฝกอยางนั้นหรือ” หัวหนายามถามดวยความสงสัย เขามองไปทาง
หลุมใหญบนลานฝก “เจาตองการจะบอกวาหลุมลึกนั่นเกิดขึ้นจากการฝกฝนของ
นักเรียนเชนนั้นหรือ”
คนอื่นๆ ก็ไมอยากเชื่อเชนกัน นักเรียนจะสรางหลุมขนาดใหญเชนนั้นไดอยางไร
“สิ่งที่เขาพูดเปนความจริง” ตวนมูหวงฮุนพูดขึ้นมาอยางฉับพลัน เขาจองมองไป
ทางใบหนามึนงงของอายฮุยโดยไมอาจสงบใจได
ในตอนนี้เองที่เขารูไดวาตนไดประเมินอายฮุยต่ำไปเพียงใด
ตวนมูหวงฮุนพอจะเขาใจไดวาทำไมหัวหนายามถึงไมเชื่อ เขาเองก็คงไมเชื่อหาก
ไมไดมาเห็นดวยตาตนเอง [บุปผาเขียวขจี] ของเขานั้นไมอาจคาดเดาไดและเหี้ยมโหด
แตจะสรางหลุมใหญขนาดนี้ก็ตองใชพลังทั้งหมดที่เขามี
การสรางแรงระเบิดแบบนี้อันที่จริงแลวไมตองการทักษะอะไร แตสิ่งที่สำคัญที่สุด
คือคุณภาพของพลังธาตุในรางกาย
ผูใชพลังธาตุไฟเปนพวกที่ระเบิดพลังไดมากที่สุด แตการจะสรางหลุมใหญขนาด
นี้ก็ตองเปดใหไดอยางนอยสี่ตำหนักกอน นักเรียนที่มีพลังธาตุอื่นอาจจะตองเปดใหได
อยางนอยหกตำหนักจึงจะทำเชนนี้ได
อายฮุยไมใชผูใชพลังธาตุไฟแตเปนพลังธาตุทองที่ปกติจะไมระเบิด
ยิ่งไปกวานั้น เขาเพิ่งเปดไดแคเพียงสองตำหนัก
ตวนมูหวงฮุนรูสึกไมอยากเชื่อวาอายฮุยจะเปดสองตำหนักไดในเวลาอันสั้น ทั้งๆ
ที่ไอหมอนี่ก็มีรากฐานต่ำจนนาสงสาร
ถึงแมวาจะตกใจมากเพียงใด แตตวนมูหวงฮุนก็ยังคงตองยอมรับมัน เมื่อเปน
เรื่องของการฝกฝน ผูใชพลังธาตุที่มีรากฐานต่ำกวาจะมีชวงเวลาหนึ่งที่กาวหนาอยาง
กาวกระโดด
แตภาพที่อยูตรงหนาเขานี่สิ...
มันเกินกวาความเขาใจของเขาไปมากเหลือเกิน
หัวหนายามจำตวนมูหวงฮุนได โดยเฉพาะเมื่อเขาเปนคนเดียวที่ตองการการ
ปกปองเปนพิเศษ เขาพยักหนาใหตวนมูหวงฮุน ในตอนนี้เขารูแลววาลูกนองของเขา
นั้นพูดความจริง ความรูสึกสงสัยใครรูอันรุนแรงก็เกิดขึ้นในใจของเขา
เปนไปไดหรือไมวา มีผูมีพรสวรรคคนอื่นในหมูนักเรียน
เขาเดิ น ไปทางอ า ยฮุ ย ช า ๆ หั น ไปสำรวจดู ห ลุ ม ขณะที ่ เ ดิ น ผ า นมั น ไป เมื่ อ
ตรวจสอบในระยะใกลจึงไดรูถึงขนาดของระเบิดอยางแทจริง
สีหนาของหัวหนายามเปลี่ยนไปเปนจริงจัง เขามีโอกาสตายไดจากแรงระเบิดที่
รุนแรงเชนนี้
“พอหนุม ขาจะเรียกเจาอยางไรดี” หัวหนายามถามอยางสุภาพ
อายฮุยไดฟนคืนสติแลวในตอนนั้น และดวงตาของเขาก็เปนประกายแวววาว เขา
สัมผัสไดถึงการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญภายในรางกายของเขาและทนรอไมไหวที่จะ
กลับไปฝกฝนตอ
“ขาชื่ออายฮุย” เขาตอบกลับอยางรวดเร็ว “ขอยืมกระบี่สักเลมไดหรือไม”
กระบี่หญาฟนเลื่อยของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น สิ่งเดียวที่เหลืออยูคือดามกระบี่
ที่เขาจับเอาไว ความคิดในหัวเรงใหเขากลับไปฝกฝน เพื่อหลบเลี่ยงจากความโศกเศรา
ที่ตองเสียกระบี่ไป
หัวหนายามตะลึงงันไปครูหนึ่ง แตก็ตอบในที่สุด “ไมมีปญหา!”
เขาหันไปตะโกน “ใครก็ไดเอากระบี่มาเลมหนึ่ง”
ยามคนหนึ่งนำกระบี่ของเขาออกมา และหัวหนายามก็ควากระบี่เลมนั้นมามอบ
ใหกับอายฮุย เขาพูดดวยน้ำเสียงเปนมิตรวา “ใชไดตามสบาย อายฮุย คนอื่นชวยถอย
หางออกไปจากบริเวณนี้”
เขามีประสบการณมากพอที่จะรูไดวาอายฮุยเพิ่งจะคนพบอะไรบางอยาง เขารูดี
วามันนารำคาญเพียงใดที่ถูกรบกวนในเวลาเชนนี้ อยางไรเสีย แรงบันดาลใจก็ไมได
เกิดขึ้นงายๆ
อายฮุยขอบคุณหัวหนายามอยางจริงใจ
ทุกคนเงียบสนิทและมองดวยความสงสัยใครรู เมื่อเห็นอายฮุยเริ่มฝกพวกเขาก็จองไม
วางตา พวกเขาอาจพลาดการกระทำกอนหนานี้แตจะไมยอมพลาดอีกครั้งเปนแน
อายฮุยไมสนใจคนที่มุงดูอยู หยิบกระบี่ขึ้นมาแลวเริ่มใชกระบวนทาเดิม
ตวนมูหวงฮุนจองมองอายฮุยดวยดวงตาเบิกกวาง เขาจดจำทวงทานี้ได อายฮุย
จะใชกระบวนทานั้นอีกครั้งหรือ เขาจดจองไมวางตาเกรงวาเขาจะพลาดรายละเอียด
ปลีกยอยไป
ที่เขาเห็นกอนหนานี้มีเพียงแคการระเบิดของแสงสวางเจิดจาที่ครอบคลุมเงาราง
ของอายฮุยเอาไว ตามมาดวยความรูสึกราวกับแผนดินแยก
ครั้งนี้เขาตองเห็นทักษะที่ทำใหนักเรียนที่เปดไดแคสองตำหนักสามารถสรางแรง
ระเบิดที่ทรงพลังได ไมใชเพียงแคตวนมูหวงฮุนเทานั้น แตเปนทุกคนที่กลั้นหายใจมอง
ดวยดวงตาเบิกกวาง
บทที่ 131 พลังธาตุของกระบี่
อายฮุยถือกระบี่ไวในมือเตรียมตัวโจมตี
ยี่สิบนาทีผานไป อายฮุยยังคงอยูในทาเดิม ไมขยับแมแตนอย ไมนานนักเรียน
หลายคนก็เริ่มหมดความอดทนและกำลังจะเดินจากไป
“เขาพยายามทำอะไรกัน เห็นไดชัดวาเขาจงใจทำใหมันซับซอนโดยไมจำเปน!”
“ไปเถอะ” นักเรียนสวนใหญเดินออกไปจากลานฝก เหลือแคเพียงไมกี่คนเทานั้น
พวกที่ยังเหลือเริ่มนั่งลงจับกลุมพูดคุยกันอยูในที่รม
แรงระเบิดของอายฮุยทำใหนักเรียนทุกคนตกใจมาก
ความตกใจนี้ดูเหมือนจะชวยขับไลหมอกในจิตใจของพวกนักเรียน ปลุกพวกเขา
ขึ้นจากภาวะใจลอย ทายที่สุดแลวพวกเขาก็ยังเยาวและมีจิตใจที่ถูกชักจูงใหพนจาก
ความกังวลไดอยางงายดาย
ถึงแมวาเงาสะทอนแหงโศกนาฏกรรมจะยังคงอยูในจิตใจของพวกเขา ทวาพวก
นักเรียนก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น อาจารยสวี่รูสึกอายเล็กนอยที่เขายังคงอยูในสภาพมึนงง
และไมอาจดูแลพวกนักเรียนได หากไมใชเพราะอายฮุยทำใหเหลานักเรียนสนใจ พวก
เขาก็คงยังอยูในภาวะตื่นตระหนก
เขาหายใจยาวออกมาดวยความโลงอก สายตามองไปยังอายฮุย อาจารยสวี่มี
ความวิตกอยางมาก
เขารูสถานการณของอายฮุยดี รูวาอายฮุยมีรากฐานออนแตก็ขยันทั้งยังสุภาพ
นอบนอม เมื่อเห็นหลุมขนาดใหญบนพื้นจึงทำใหเขาสับสน
ชายหนุมถือกระบี่ผูนี้เปนอายฮุยผูไรพรสวรรคที่เขารูจักจริงๆ หรือ
สำหรับอาจารยสวี่แลว อายฮุยในตอนนี้เหมือนกับรางที่ถูกหอหุมดวยปริศนา
รายละเอี ย ดต า งๆ จากเหตุ ก ารณ ใ นสวนแห ง ชี ว ิ ต ฉายซ้ ำ ขึ ้ น ในจิ ต ใจของเขา
อาจารยสวี่จำไดวาอายฮุยไดแสดงพลังที่นานับถือออกมา
มีนักเรียนเพียงสองคนเทานั้นในหองที่ถูกยอมรับโดยอาจารยทานอื่นในฐานะ
ศิษย คนหนึ่งก็คือตวนมูหวงฮุน ในขณะที่อีกคนหนึ่งคืออายฮุย
เขามองไปทางตวนมูหวงฮุนที่กำลังสำรวจอายฮุยอยางตั้งใจ อาจารยสวี่ยิ้มใหกับ
ตัวเอง ไมมีอะไรที่อายฮุยสามารถแขงกับตวนมูหวงฮุนไดเลย
อายฮุยไมสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบนอก เขาฟนคืนความสงบไดหลังจากไดจับกระบี่
เคลื่อนความสนใจของตนไปยังการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในกายและจัดเรียงกระแส
ความคิดที่ถาโถมเขามาในจิตใจของเขา
ดวงตาของเขาใสกระจางมากขึ้น
อายฮุยพลันเคลื่อนไหว
อาจารยสวี่เห็นตวนมูหวงฮุนสั่นเล็กนอย
อาจารยตอบสนองอยางรวดเร็วขณะหันไปมองที่อายฮุย อายฮุยไดยืนขึ้นจริงๆ แลว
หัวหนายามนั้นมีประสบการณมากกวาอีกสองคนในสถานการณเชนนี้ ในขณะที่
อายฮุยอยูนิ่งไมเคลื่อนไหว หัวหนายามไมไดหมดความอดทน ในจังหวะที่อายฮุยเริ่ม
เคลื่อนไหว หัวหนายามก็เบิกตากวางในทันใดเพื่อที่ตนจะไดไมพลาดสิ่งสำคัญ
ชวงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ที่หาไดยากยิ่งนี้มีความสำคัญอยางยิ่งตอผูฝกตน มันยังเปน
ประโยชนอยางมากกับผูสังเกตการณที่เฝาดูชวงเวลานี้ โดยเฉพาะอยางยิ่งมันไมไดมี
ใหเห็นกันบอยนัก
ดังนั้นหัวหนายามจึงอดทนเปนอยางมาก
อายฮุยมุงความสนใจไปยังพื้นที่วางดานหนาของเขา เขาสรางผนึกดวยมือซาย
กอนที่จะคอยๆ ยกกระบี่ขึ้นดวยมือขวา
กระบวนทาของเขานั้นเคลื่อนไหวดวยความเร็วที่เชื่องชาอยางมากราวกับหญิงชรา
กลุมพลังงานธาตุไหลออกมาจากมวลพลังธาตุในคลังชีวิตของเขาและถูกดึงดูดดวย
การเคลื่อนไหวของกระบี่ กระบี่หญาในมือของเขาเปนราวกับชิ้นเนื้อรสเลิศที่ลอลวง
ใหพลังธาตุในกายเขาเคลื่อนไหว
เพลงกระบี่ของอายฮุยนั้นเชื่องชาอยางหมายใจ พลังธาตุในรางกายเสมือนดั่งมาปาที่
ถูกกระชากบังเหี้ยนอยางแรง เคลื่อนตัวไปขางหนาอยางเชื่องชาตามการเคลื่อนไหว
ของเขา มันเขาไปในตำหนักที่มือขวาของเขากอนที่จะเคลื่อนเขาสูกระบี่หญา ทันใด
นั้นเองเมื่อพลังธาตุไหลเขาไปในกระบี่หญา ตัวออนกระบี่กับกระบี่หญาสะเทือนไหว
สงเสียงดังกองขึ้นอยางฉับพลัน
ในจังหวะนั้นเอง ตัวออนกระบี่ที่อยูตรงหวางคิ้วของเขาก็เริ่มสั่นตุบๆ
สั่นเปนจังหวะเหมือนกับ การเต นของชี พจร การสั ่ น นั ้น ไม ไดรวดเร็ ว แต มั น
เหมือนกับมีอะไรบางอยางทุบจิตใจของเขาครั้งแลวครั้งแลว
อายฮุยควบคุมจิตใจของตนใหเพิกเฉยตอการสั่นของตัวออนกระบี่ เขาทุมสมาธิ
ไปที่การควบคุมความเร็วที่เขาใชเคลื่อนพลังธาตุพลางใชกระบวนทากระบี่ตอไปอยาง
อดทน
ตุบ ตุบ ตุบ! การสั่นเปนจังหวะยังดำเนินตอไปอยางเข็งขันราวกับกลองที่ไรเสียง
พลังธาตุภายในกระบี่ดูเหมือนจะรับฟงคำสั่ง มันไหลเวียนรอบกระบี่กอนที่จะ
กลับคืนสูรางกายของเขา อายฮุยรูสึกยินดีเมื่อยืนยันทฤษฎีของตนได อุบัติเหตุกอน
หนานี้ทำใหเขาเขาใจเกี่ยวกับตัวออนกระบี่ไดมากขึ้น เขาสัมผัสไดถึงกระบี ่หญาที่
ดึงดูดพลังธาตุภายในรางกายของเขา และก็สังเกตเห็นวาตัวออนกระบี่ดึงดูดพลังธาตุ
กลับมาจากกระบี่หญา
การระเบิดเกิดขึ้นเพราะเขาไมอาจควบคุมความเร็วในการไหลของพลังธาตุได
การที่พลังธาตุไหลเขาสูกระบี่โดยฉับพลันคือสาเหตุที่ทำใหเกิดการระเบิดตามมา จาก
ความยุงเหยิงนี้ อายฮุยสามารถระบุถึงทักษะกระบี่ที่ตัวออนกระบี่กระตุนขึ้นได
นี่เปนสิ่งที่แปลกใหม
ปริมาณพลังธาตุที่อายฮุยมียอนไปในตอนที่เขาเริ่มฝกกระบี่นั้นนอยจนนาสังเวช
แตถึงอยางนั้นเขาก็ฝกถายทอดพลังเขาไปในกระบี่หญาอยูเสมอ อยางไรก็ตามเขาเพิ่ง
จะโคจรพลังธาตุในรางกายไดระหวางการฝกกระบี่เมื่อไมนานมานี้นี่เอง
อายฮุยรูวาตนโชคดีครั้งใหญเมื่อพลังธาตุคอยๆ ไหลกลับจากกระบี่คืนสูตัวเขา
พลังธาตุที่กลับมาไดเปลี่ยนสภาพไป!
ความแหลมคมของพลังธาตุในกายเขาเพิ่มมากขึ้น อายฮุยไมรูวาจะบรรยาย
รสชาติที่เฉพาะเจาะจงนี้ไดอยางไร สิ่งแรกที่เขามาในหัวของเขาก็คือรสชาติของกระบี่
กอนหนานี่อายฮุยไมอาจกลั่นสกัดพลังธาตุที่เขาไดมาจากเจดียเสวียนจินได เมื่อ
รวมกับ ความรุนแรงตามธรรมชาติ ของมั นแล วพลั งธาตุ จากเจดี ย เสวี ย นจิ นนั้นมี
ระดับสูงเกินกวาที่เขาจะครอบครองได เนื่องจากพลังดึงดูดของมวลพลังธาตุในคลัง
ชีวิตทำใหอายฮุยบังคับพลังธาตุไดยากมาก
อายฮุยรูสึกยินดีอยางบอกไมถูกเมื่อเขาคนพบวาเขาสามารถควบคุมพลังธาตุที่
ไหลกลับ มาจากกระบี่ห ญา ไดงา ยดายยิ ่ งขึ ้ น พลั งธาตุ ท ี ่ ก ลั บ มาจากกระบี ่ นั ้ น มี
คุณลักษณะที่แตกตางไปจากเดิม มันไมถูกดึงดูดโดยมวลพลังธาตุอีกตอไป การดึงดูด
นั้นจะเกิดขึ้นกับพลังธาตุที่มีคุณลักษณะใกลเคียงกันเทานั้น พลังธาตุที่ไหลกลับมาสู
รางกายของเขานั้นโคจรวงลมปราณไหลเวียนดวยตัวของมันเอง
เขาสังเกตเห็นวาตัวออนกระบี่ดูดซับพลังธาตุบางสวนไปเมื่อพลังธาตุเคลื่อ นที่
ผานบริเวณระหวางคิ้ว แมจะประหลาดใจ แตอายฮุยก็ไมเสียสมาธิเพราะเหตุนี้ เขา
ยังคงรายรำกระบี่ตอไป
ประมาณหนึ่งในหาของพลังธาตุถูกตัวออนกระบี่ดูดซับไป
เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ โลงอกที่ตัวออนกระบี่ไมไดดูดกลืนพลังธาตุของ
เขามากจนเกินไป
เสนใยของพลังธาตุยังคงไหลออกจากคลังชีวิตไปยังกระบี่หญากอนที่จะยอนกลับ
คืนสูรางกายของเขาเพือ่ โคจรในวงลมปราณไหลเวียน สวนหนึ่งของพลังธาตุท่เี ขามา
ใหมถูกดูดกลืนโดยตัวออนกระบี่ในขณะที่สวนที่เหลือนั้นไปสะสมอยูที่ตำหนักที่มือ
ขวาและมือซายของเขา
เสนทางเดินสองเสนวิ่งขนานกันไปโดยไมรบกวนซึ่งกันและกัน
ผานไปไมนานตำหนักที่มือซายและขวาของอายฮุยก็เริ่มบวมขึ้น อายฮุยรูวาตนได
มาถึงขีดจำกัดแลว เขาเขาใจดีวาการฝกนั้นตองคอยเปนคอยไปอยางมั่นคง หากฝน
มากเกินไปจะมีผลกระทบที่ไมพึงปรารถนาตามมา
การเป ด และขยายตั ว ของแต ล ะตำหนั ก นั ้ น กล า วโดยสรุป แล ว ก็ ค ื อ ค อ ยๆ
กาวหนาทีละเล็กทีละนอย
เมื่อเห็นเชนนั้น เขาก็เตรียมพรอมที่จะหยุดการฝกลง แมจะยังไมอาจรูไดวาตัว
ออนกระบี่เปนอะไรกันแน แตเขาก็เริ่มที่จะมีความคิดบางอยางแลวในตอนนี้
อะไรก็ตามที่เกี่ยวของกับกระบี่ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาตอตัวออนกระบี่ทั้งสิ้น
ความรูสึกบางอยางพลันเกิดขึ้นในใจ เขาเพียงแครายรำกระบี่แบบพื้นฐานเทานั้น
จะเปนอยางไรหากวาเขาใชเพลงกระบี่จนครบถวนทั้งหมด
ราวกับกระบี่รูความคิดของเขา เพราะมันกำลังเคลื่อนตัวไปตามกระบวนทาแบบ
เดียวกับที่เขียนไวในคัมภีรเลมหนึ่งโดยไมผิดเพี้ยน
กระบวนทานี้ไมซับซอนเกินไป มันคือ [กระบี่คางคาววายุ] ที่เขาคุนเคยเปนอยางดี
[กระบี่คางคาววายุ] มีลักษณะเฉพาะตัวอยางหนึ่งก็คือมันไม เคลื่อนไหวเป น
เสนตรง ทุกฝกระบี่ที่ใชจะเปนวงโคง เฉือนผานอากาศไปในมุมมุมหนึ่งกอนจะพลัน
กระดอนขึ้น ประดุจกอนหินที่กระดอนบนผิวน้ำ
อายฮุยเคยใชกระบวนทานี้ในการเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ
อายฮุยศึกษา [กระบี่คางคาววายุ] มามากกวากระบวนทาอื่นเพราะวามันชวยให
เขาเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศไดซึ่งถือเปนความสามารถที่เปนประโยชนมาก วงโคง
อันเกิดจากกระบี่หญาดูคลายกับคางคาววายุกระพือปกสยาย
ตัวออนกระบี่ดูเหมือนจะตื่นเตนขึ้นเรื่อยๆ ในยามที่อายฮุยรายรำกระบี่ตอไป มัน
สั่นเหมือนกับสายพิณที่ถูกดีด
พลังธาตุที่บรรจุอยูในตำหนักที่ฝามือของเขานั้นเริ่มแกวงไกว
การเคลื่อนไหวของอายฮุยเร็วขึ้น
พลังธาตุในรางกายของเขาเตนพลานราวกับน้ำที่ตมจนเดือด
ตวนมูหวงฮุนตองผงะเมื่อตนสัมผัสไดถึงรัศมีพลังที่แผออกมาจากรางของอายฮุย
ดูราวกับวาอายฮุยไดกลายรางเปนกระบี่วิเศษในตำนานที่แผรังสีอันแหลมคมและเย็น
เยียบออกมา
อายฮุยที่ยืนอยูในลานฝกนั้นเปนคนละคนกับอายฮุยที่ตวนมูหวงฮุนเคยรูจัก
อาจารยสวี่ก็ตระหนกกับภาพที่เห็นตรงหนาเชนกัน พูดตามหลักเหตุผลแลว รัศมี
พลังที่แผออกมาจากตัวอายฮุยนั้นมีลักษณะเหมือนกับพลังธาตุทองในธรรมชาติ แต
อาจารยสวี่ก็ยังไมเคยพบเห็นอะไรแบบนี้มากอนเลย แมจะนับรวมความรูอันลึกซึ้งที่
เขาไดศึกษามาเขาไปดวยแลวก็ตาม
ความงดงามของเพลงกระบี่ที่อายฮุยรายรำนั้นทำใหอาจารยสวี่นึกไปถึงผูฝกกระบี่
ดวยการเสื่อมสลายของเคล็ดวิชากระบี่ทำใหพวกที่เรียกตัวเองวาผูฝกกระบี่สวนใหญ
ในทุกวันนี้เปนไดเพียงแคพวกนักแสดงปาหี่เทานั้น
ดวยเกรงวาอายฮุยจะเลือกเดินในเสนทางที่ผิดเขาจึงตัดสินใจที่จะคุยเรื่องนี้กับ
เขาในภายหลัง
หัวหนายามมองดวยความหวาดหวั่นเพราะเขามีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมและ
แมนยำ รัศมีพลังของอายฮุยนั้นมีเจตจำนงที่มีพลังรุนแรงแฝงอยู ซึ่งมันเสียดแทงเขา
มาในจิตใจของหัวหนายามดวยความแหลมคมที่ไมอาจบรรยายได
เขารูสึกชมชอบรัศมีพลังนี้ พลางนึกในใจวาคนผูนี้สามารถไตเตาไปเปนทหารกอง
หนาที่เกงกาจได
ตวนมูหวงฮุนเปนคนเดียวในหองนี้ที่มีความสำคัญอยูบาง ทหารยามไมไดรับแจง
ใหจับตาดูนักเรียนคนอื่น นั่นยอมหมายความวาครอบครัวผูนั้นไมไดมีอำนาจมากนัก
บางทีเขานาจะพิจารณาจับตัวอายฮุยเอาไว
อายฮุยไมไดรับรูถึงความคิดหรือความรูสึกของผูอื่นอยางสิ้นเชิง เขารูสึกวาตัวเอง
กำลังสูญ เสียการควบคุมพลังธาตุ ท ี ่ก ำลั งเดือ ดพล านในร างกาย เมื ่ อ สั มผั สไดถึง
อันตรายเขาก็ยุติกระบวนทาลงดวยจิตใตสำนึก
พลังธาตุที่รอนผาวพลันเย็นลงอยางรวดเร็ว ราวกับคลื่นยักษที่อยูๆ ก็สูญสิ้น
เรี่ยวแรงและสลายตัวลงสูผืนทรายเบื้องลาง
อายฮุยรูสึกเจ็บปวดอยางรุนแรงที่ตำหนักฝามือทั้งสองขาง เลือดสีแดงสดซึม
ออกมาจากใตผิวหนังที่ฝามือของเขา รองรอยความยอดเยี่ยมของเขาเมื่อครูหายไปจน
หมดสิ้น
อายฮุยกลับกลายเปนเด็กหนุมธรรมดาที่ทุกคนรูจัก ราวกับวาทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
เปนเพียงภาพลวงตา แตกอนที่หยดเลือดจะหยดลงจากฝามือของเขา ผาพันแผลสี
ขาวดุจหิมะบนแขนก็พุงออกมาราวกับ งูออกมาหา มเลือ ดไว หยดเลือดหายไปใน
พริบตาที่มันสัมผัสกับผาพันแผล
ราวกับวาพวกมันยังไมพึงพอใจ ผาพันแผลที่แขนทั้งสองขางเลื้อยขึ้นมาที่มือของ
เขาดวยตัวของมันเอง ในชั่วพริบตาก็ไมเหลือรองรอยของเลือดใหเห็นอีกเลย
ผาพันแผลโลหิตก็กลับคืนสูตำแหนงเดิมอีกครั้ง
อายฮุยมองสองมือของตนดวยความตื่นตะลึง
บทที่ 132 การสลายไปกอนเวลาอันควรของพลังธาตุ
“เห็นไดชัดวานี่เปนพิษโลหิตที่มีพลังและโดดเดนอยางมาก”
คนที่พูดคือเฉียวหวา อาจารยคนแรกที่นึกถึงบันทึกซือหนาน
มีอาจารยที่เปนผูใชพลังธาตุไมนับพันคนอยูในสนามเหนี่ยวนำและพวกเขาถูก
แบงใหไปประจำอยูที่แผนกตางๆ แตละแผนกนั้นแตกตางกันอยางมากในแงของ
มาตรฐาน เฉียวหวามีอายุนอยที่สุดในบรรดาอาจารยผูใชพลังธาตุไมสิบอันดับแรกใน
สนามเหนี่ยวนำ
ดวยความสำเร็จขนาดนี้ดวยวัยเพียงแคนี้ทำใหผูคนมากมายคาดคิดวาเขาคือคน
ที่จะเดินไปในเสนทางที่เทียบเคียงไดกับไตกัง
เฉียวหวามีดวงตาที่กระจางใสและทาทางมั่นใจ เขาแผรัศมีที่ใหความรูสึกวาเขามี
ความสามารถและประสบการณ แตเขากลับไมอวดรูเชนอาจารยทั่วไป ทำสิ่งตางๆ
ดวยความเด็ดขาดและไมเคยผัดวันประกันพรุง
ปญหามากมายที่คนอื่นไมอาจแกไขไดนั้น เขากลับแกไดอยางสมบูรณแบบอยูบอยๆ
เวลาที่ผานไปทำใหเขาไดรับความเชื่อมั่นจากผูคนที่แวดลอมตัวเขา
เฉียวหวารองขอบันทึกซือหนานในทันทีที่มันผุดเขามาในความคิด เขาคนพบ
ทฤษฎีมากมายที่เกี่ยวของกับบันทึกนั้น และรีบรวบรวมกลุมของผูใชพลังธาตุไมที่เปน
ที่รูจัก กลุมคนนี้มีวัตถุประสงคที่จะสืบคนบันทึกซือหนานเพื่อคนหาทฤษฎีที่เกี่ยวของ
และคิดหาวิธีที่จะแกพิษนี้
สนามเหนี่ยวนำก็ตอบสนองอยางทันทวงที รวบรวมอาจารยผูใชพลังธาตุไมที่มี
ความสามารถโดดเดนมาชวยงานเขา
นอกจากนั้นสนามเหนี่ยวนำยังสงคนออกไปจับสัตวที่ไดรับพิษ การสนับสนุนนี้
ชวยใหเฉียวหวามีความคาดหวังสูงขึ้นและคนพบสิ่งที่เขาตองการไดอยางรวดเร็ว
“พิษโลหิตชนิดนี้มีความเปราะบางมากเมื่ออยูในขั้นแรก ทำใหชวงเวลานั้นเปน
ชวงที่มันออนแอที่สุด อยางไรก็ตาม เห็นไดชัดวาเราไดพลาดชวงเวลานั้นไปแลว กอน
อื่นมันใชเวลาสิบวันในการแพรพิษไปสูพืช จากนั้นจะแพรกระจายไปอยางรวดเร็ว
มากจนนาเหลือเชื่อผานเกสรและเรณูของพืช สภาพอากาศก็เปนสวนประกอบหนึ่ง
ของการแพรกระจายครั้งใหญนี้ เพราะฤดูออกดอกไดเรงความเร็วในการแพรกระจาย
ของพิษ”
เฉียวหวาบรรยายดวยความมั่นใจใหกับผูเฒาของสนามเหนี่ยวนำ น้ำเสียงของ
เขานั้นนาเชื่อถือเปนอยางยิ่ง
“มันยังสามารถแพรพิษผานความชื้นในพื้นดินไดอีกดวย ซึ่งนั่นคือสาเหตุที่ทำให
พื้นดินที่ถูกขุดขึ้นมาเปนสีแดง ในตอนนี้ เรายังไมพบหลักฐานใดๆ ของการแพรพิษลึก
ลงไปในพื้นดิน หากวาแหลงน้ำใตดินลึกลงไปนั้นมีพิษปนเบื้อนแลวละก็ พวกเราก็จบ
สิ้น โชคยังดีที่เหตุการณเลวรายที่สุดยังไมเกิดขึ้น”
เสียงของเฉียวหวาดังกองไปทั่วหองประชุม ตรึงความสนใจทุกคนที่ไดยิน
“ลักษณะที่นากลัวที่สุดของพิษชนิดนี้ก็คือความสามารถในการกลายสภาพ เมื่อ
พิษแพรเขาสูพืชพรรณตางๆ แลว พิษโลหิตก็มีความเปนพิษยิ่งขึ้น และเมื่อสัตวกินพืช
เชนกระตาย กินพืชเหลาที่มีพิษปนเปอนเขาไป พิษนั้นก็จะกลายสภาพอีกครั้ง มีพลัง
เพิ่มขึ้นหลายเทา หากกระตายที่ไดรับพิษถูกหมาปากินเขาไป พิษโลหิตก็จะเพิ่มความ
รุนแรงขึ้นอีกหลายเทา ทุกครั้งที่เกิดการติดพิษตอเนื่องกัน ดูเหมือนวาความรายแรง
ของพิษจะเพิ่มขึ้นหลายเทา ทำใหพิษชนิดนี้นากลัวอยางมาก”
ความปนปวนเริ่มกอตัวขึ้นทามกลางกลุมผูเฒา ใบหนาของพวกเขาแสดงใหเห็น
ถึ ง ความประหลาดใจและหวาดกลั ว พวกเขาไม เ คยได ย ิ น ถึ ง พิ ษ โลหิ ต ที ่ แ ปลก
ประหลาดและนากลัวเชนนี้มากอน
อาจารยเฉียวหวาเริ่มกลาวตอไปดวยน้ำเสียงนากลัวกวาเดิม “หากความนากลัว
ของพิษชนิดนี้หยุดลงแคตรงนี้ก็คงจะดี แตในความเปนจริงแลวเราไดคนพบสิ่งที่
เลวรายยิ่งกวา ผลการทดสอบที่ไดจากนักเรียนที่บาดเจ็บนั่นเปดเผยใหเห็นวา พลัง
ธาตุนั้นทำใหพิษพัฒนาขึ้นไดดียิ่งกวาเลือดเนื้อสดๆ มากนัก พลังธาตุดูเหมือนจะเปน
อาหารอันโอชะของพิษโลหิต พลังธาตุเพียงนอยนิดก็เพียงพอแลวที่จะทำใหเกิดการ
เปลี่ยนแปลงคุณลักษณะของพิษ เนื่องจากพิษนี้นั้นกลืนกินพลังธาตุอยางรวดเร็ว ทำ
ใหผูใชพลังธาตุที่ไดรับพิษสูญเสียพลังธาตุที่มีอยูในกายทั้งหมดใหกับพิษไปอยาง
รวดเร็ว ยิ่งพิษมีความเปนพิษสูงเทาไรมันก็จะยิ่งแพรกระจายไปทั่วรางกายไดอยางมี
ประสิทธิภาพมากขึ้นเทานั้น หลังจากรางกายถูกกลืนกินพลังธาตุไปจนหมดผูใชพลัง
ธาตุก็จะกลายเปนเพียงมนุษยปุถุชนคนหนึ่งเทานั้น”
หองประชุมเงียบงันไปครูหนึ่งกอนจะระเบิดเสียงเซ็งแซออกมา
“เรื่องนี้ไดรับการพิสูจนหรือยัง พิษโลหิตแบบนี้มีอยูไดอยางไรกัน”
“เจาพูดจาเกินจริงไปหรือไม”
“นี่มันเปนไปไมได!”
เมื่อไมอาจยอมรับคำตอบนี้ได พวกผูเฒาตางก็รอนรนอยางเห็นไดชัด
เฉียวหวามองเหลาผูเฒาที่รอนรนอยางใจเย็นโดยไมพูดอะไรแมแตคำเดียว เหลา
ผูเฒาก็เริ่มเงียบลงชาๆ ภายใตการจองมองอยางใจเย็นของเฉียวหวา
หองประชุมกลับเปนเงียบงันอีกครั้งหนึ่ง
เฉียวหวาเปดปากพูดขึ้นชาๆ “ความจริงนั้นยากที่จะยอมรับ แตเรื่องนี้ไดรับการ
ทดสอบยืนยันแลว เราไดนำตัวอยางพิษโลหิตไปใชกับนักโทษที่มีโทษประหาร และได
ขอสรุปนี้มาหลังจากฉีดพิษเขาสูรางกายนักโทษสามคน”
“ทั้งสามคนตายอยางนั้นหรือ”
“ไมมีใครตาย” เฉี่ยวฮวาตอบพลางสายหนา “พิษโลหิตชนิดนี้ไมทำใหถึงตาย
ดังนั้นมันจึงไมฆาคน แตที่มันทำก็คือการกลืนกินและดูดซึมพลังธาตุในตัวของผูที่
ได ร ั บ พิ ษ จนหยดสุ ด ท า ยและทำให ต ั ว มั น แข็ ง แกร ง ขึ ้ น สิ ่ ง ที ่ ส ิ ้ น หวั ง ที ่ ส ุ ด ก็ คือ
กระบวนการนี้ไมอาจยอนคืนได พูดอีกอยางหนึ่งก็คือ หากใครไดรับพิษชนิดนี้มีจุดจบ
เพียงอยางเดียวคือกลายเปนมนุษยธรรมดาผูที่ไมอาจพัฒนาหรือใชพลังธาตุได เปน
หนาที่ของขาที่จะเนนย้ำวา หากมันไมถูกควบคุมเอาไวได พิษโลหิตนี้จะเปนการ
สิ้นสุดของอูสิงเทียนและระบบหาคลังแปดตำหนัก เหมือนกับที่ระบบการบำเพ็ญตน
ไดลมสลายไป ความแตกตางเดียวก็คือยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนนั้นจบสิ้นลงเพราะ
การเสื่อมสลายของพลังวิญญาณ”
ความเงียบงันดุจความตายปกคลุมเหลาผูเฒาที่ตื่นกลัว
หลังจากหยุดไปนาน หนึ่งในผูเฒาก็พึมพำดวยความสงสัยวา “พิษโลหิตรายกาจ
เชนนี้เกิดขึ้นมาไดอยางไร มันเปนลิขิตสวรรคอยางนั้นหรือ”
ผูเฒาทานอื่นๆ ก็แสดงสีหนาบงบอกวาพวกเขาเองก็มีความคิดแบบเดียวกัน
“นี่ไมใชลิขิตสวรรค!” เฉียวหวาตอบอยางหนักแนน ดวงตาของเขาเฉียบคมจน
ผูคนไมอาจสบสายตาเขาตรงๆ “หากนี่เปนลิขิตสวรรค สวรรคก็ไดมอบทางแกปญหา
นี้ใหเราผานทางบันทึกซือหนาน เราไดศึกษาทุกอยางในบันทึกของเขาแลว และ
อางอิงจากทฤษฎีในบันทึก พบวามีสวนประกอบที่จะใชในการทำลายพิษโลหิตนี้ เรา
ไมอาจจะรักษาเยียวยาผูที่ไดรับพิษไปแลวได แตพวกเราสามารถทำลายพิษโลหิตได”
ทุกคนเริ่มมีกะจิตกะใจขึ้นมาอีกครั้ง เหลาผูเฒาเงยหนาขึ้นมองไปที่เฉียวหวา
เฉียวหวากลาวตอไปอยางมั่นใจ “เราผลิตยาที่ใชตอตานพิษโลหิตขึ้นมาแลว หาก
เราสามารสืบหาตนไมที่ผลิตพิษโลหิตได ก็จะสามารถกำจัดมันลงไดดวยยานี้ จากจุด
นั้น ยาจะเขาไปในระบบของพิษโลหิต ทำหนาที่ในการทำลายโครงสรางพื้นฐานจาก
ภายใน ทำลายแรงกระตุนของพิษโลหิต เราผสมยานี้ขึ้นมาเพื่อใหมันแพรกระจายได
เหมือนกับพิษโลหิต ความแตกตางก็คือยานี้สามารถเติบโตไดดีโดยใชพิษโลหิ ตเปน
อาหาร ดังนั้นจึงกลาวไดวายานี้ไมเปนอันตรายตอผูใชพลังธาตุอยางพวกเรา”
เฉียวหวาพูดเสียงดังฟงชัด และเหลาผูเฒาก็ตบมือใหเขาอยางกระตือรือรน
บทที่ 133 ภยันตรายกรายกล้ำ
กวาอายฮุยจะสังเกตุเห็นบรรยากาศอันแปลกประหลาดในคายกักกันก็เปนวันที่
หกหลังจากที่เขาไดคนพบพลังธาตุกระบี่
บรรยากาศของคายกักกันนั้นตึงเครียด ยามที่กอหนานี้เคยทำหนาที่ดูแลพวกเขา
ถูกยายอยูบอยครั้ง ในวันที่เจ็ดอาจารยสวี่กับชุยเซียนจื่อก็ถูกนำตัวออกไปและยังไม
กลับมา
อายฮุยนับจำนวนยามอยางพิธีพิถัน และไดขอสรุปวาจำนวนของพวกเขาลดลง
อยางตอเนื่อง ในวันที่สิบจำนวนยามก็เหลือเพียงแคหนึ่งในสี่จากจำนวนที่มีในวันแรก
เจาอวนเองก็มีสัมผัสที่วองไวตออันตรายติดตัวมาแตกำเนิด เขารับรูไดอยาง
รวดเร็ววามีบางอยางผิดปกติ
“เราควรจะทำอยางไรดี อายฮุย” เจาอวนถามดวยความกังวลอยางมาก “ขามี
ความรูสึกวามีเรื่องไมดีกำลังจะเกิดขึ้น”
กอนที่อายฮุยจะไดกลาวปลอบโยนเจาอวน เสียงกรีดรองโหยหวนก็ดังฝาอากาศ
มาจากมุมหนึ่งของคฤหาสน
ทั้งสองหันไปมองกัน
นักเรียนทุกคนพุงตัวออกมาจากหองในทันที พวกยามเองก็ตื่นตัวจากเสียงกรีดรอง วิ่ง
เขามาและถามวา “เกิดอะไรขึ้น”
ในตอนนั้นเอง ดวงตาอันแหลมคมของอายฮุยไดเห็นรางสีแดงเขมของอสูรปาบน
กำแพงรอบนอก สีหนาของเขาเปลี่ยนเปนตกใจและตะโกนออกไปวา “บนกำแพง!
สัตวโลหิต!”
อายฮุยมองเห็นไดอยางชัดเจนวาเปนกระตายโลหิต อยางไรก็ตามรูปลักษณของ
มันนั้นแตกตางไปอยางมากจากตัวที่พวกเขาเคยเห็นในครั้งแรก
กระตายโลหิตตัวใหญเกือบเทากับหมาปา มีหูที่สั้นและชี้ชันไมเหมือนกับกระตาย
ทั่วไป ขนสีน้ำตาลแดงของมันนั้นหนาและยาบเหมือนใยมะพราว ขาหลังที่มีเสนเลือด
ปูดโปนและกลามเนื้อเดนชัดนั้นแข็งแรงกวาขาหนาที่เรียกไดวาแข็งแกรงเชนกัน หัวที่
ดูแหลมคมและฟนหนาที่คมกวาเดิมทำใหมันดูนากลัว ยิ่งไปกวานั้น สวนที่นากลัว
ที่สุดบนรางของมันก็คือดวงตาคูนั้น
ดวงตาปศาจคูนั้นจองมองพวกเขาราวกับนักลาจองมองเหยื่อ
กระตายโลหิตกระโดดลงจากกำแพงดวยขาหลังทรงพลังของมัน กลายเปนเงาสี
แดงพุงผานทองฟา
ยามคนหนึ่งที่ยืนอยูใกลกับกระตายโลหิตไมอาจตานรับไดทัน คอของเขาถูกสัตว
รายตัวนั้นฉีกออก เลือดสดๆไหลพุงราวน้ำพุออกมาจากลำคอของเขา สาดรดไปบน
ตัวของกระตายโลหิต กระตายตัวนั้นสั่นกายดวยความพึงพอใจและดูดซับเลือดสดๆ
พวกนั้นเขาสูขนของมัน
สีแดงสดเปนมันเงานากลัวปกคลุมขนสีแดงเขมของมัน
ทุกคนตื่นกลัวสุดขั้วหัวใจ พวกนักเรียนหญิงขี้กลัวสามสี่คนเริ่มกรีดรองออกมา
ไมเคยเห็นภาพที่นาสยดสยองนองเลือดแบบนี้มากอน ดวยวาเปนเพียงเด็กนักเรียน
ธรรมดาที่ใชชีวิตอยางสงบสุขมาตลอด
พวกยามพุงตรงไปดานหนา ปากก็สบถออกมาในลำคอ
อายฮุยพลันตะโกนขึ้นเสียงดัง “เพื่อนนักเรียน รีบไปรวมตัวกันที่ตวนมูหวงฮุน! เร็ว!”
สีหนาของตวนมูหวงฮุนซีดขาวราวกระดาษ เขาเองก็ไมเคยเห็นสิ่งที่นาสยดสยอง
แบบนี้มากอน โชคยังดีที่เขามีสภาพจิตใจที่มั่นคงกวานักเรียนทั่วไป ทำใหยังคงรักษา
ทาทีเอาไวได
ไดยินเสียงประกาศของอายฮุยทำใหเขาประหลาดใจเล็กนอย แตก็ตอบสนอง
อยางรวดเร็ว “นักเรียนทุกคนมาทางนี้”
บรรดานักเรียนผูตื่นตกใจพลันตื่นขึ้นจากภวังค รีบกระวีกระวาดวิ่งไปหาตวนมูหวงฮุน
ตวนมูหวงฮุนเองก็กลับคืนสูความแข็งแกรงที่เขาเคยใชระหวางหลบหนีออกจากสวน
แหงชีวิต เมื่ออาจารยสวี่และชุยเซียนจื่อไมอยูที่นี่ ตวนมูหวงฮุนก็คือคนที่แข็งแกรง
ที่สุดในหมูพวกเขา
ตวนมูหวงฮุนใช [บุบผาเขียวขจี] โดยไมลังเล กิ่งกานสาขาพุงออกจากพื้นใตเทา
ของเขา กระจายตัวไปตามพื้นดินรอบตัวพวกเขา
เขารูดีวาอายฮุยเฉียบคมเพียงใด
ในยามที่พวกเขาซอ นตัวอยูในเนิน ดิ น อายฮุยสามารถรับรู ไดถ ึงสิ่ งที่ เกิ ดขึ้ น
ภายนอก ตวนมูหวงฮุนรูสึกเหมือนบาไปแลวเมื่อไดรับรูวาอายฮุยมีประสาทสัมผัสที่
แหลมคมเชนนั้น
เมื่อรูแลววาอายฮุยไมใชคนที่ชอบพูดจาไรสาระ ดังนั้นตวนมูหวงฮุนสรุปไดวา
สถานการณในตอนนี้เปนอันตรายอยางมาก
อายฮุยนั้นคุนเคยกับรูปแบบการโจมตีของอสูรปา เมื่อเห็นกระตายโลหิตกรีดกราย
และยั่วยุพวกยามใหบุกเขาโจมตีทำใหอา ยฮุยคาดเดาวามันมีพวกพองที่กำลังดักซุมอยู
อสูรปาไมไดโงเงา
อายฮุยมองเห็นเสนแสงวาบสีแดงตัดผานระยะสายตาของเขา
เขาฟาดกระบี่หญาในมือออกโดยไมตองคิด
ตลอดเวลาหลายวันที่ผานมา อายฮุยไดนำเพลงกระบี่หลากหลายชนิดมาผสาน
รวมเขากับการฝกฝนของเขา ระหวางการฝกฝนอายฮุยไดรูวาเพลงกระบี่ของเขายิ่ง
แข็งแกรงขึ้นจากการที่เขาใชกระบวนทาไดอยางสมบูรณแบบ การตอบสนองของตัว
ออนกระบี่ก็แข็งแกรงขึ้นเชนกัน และการฝกฝนพลังธาตุก็มีประสิทธิภาพขึ้นดวย
หลังจากฝก ฝนมานานหลายวั น พลั งธาตุ ข องอ า ยฮุ ย ก็ ก  า วหน า ขึ ้ น เล็ ก นอย
กลายเปนลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในอดีตตำหนักที่ฝามือของเขามีขนาดเพียงแคเมล็ดถั่วเขียว แต
ในตอนนี้มันไดเติบโตขึ้นจนมีขนาดพอๆ กับเมล็ดถั่วลันเตา แมแตอายฮุยเองก็ยัง
ประหลาดใจกับความเร็วในการพัฒนาของตนเอง
นอกเหนือไปจากการพัฒนาพลังแลว อายฮุยเองยังมีความชำนาญในการใชเพลง
กระบี่มากขึ้น
อายฮุยเริ่มฝกกระบี่ตั้งแตตอนที่เขายังอยูในแดนราง หลังจากพัฒนาใยพลังธาตุ
เสนแรกขึ้นมาไดเขาก็มุงเนนไปที่การฝกฝนพลังธาตุแทน
ในชวงระยะเวลาไมนานมานี้เขาไดทุมเทเวลาและความพยายามจำนวนมากที่จะ
ปนแตงพลังธาตุของเขาผานเพลงกระบี่ นั่นสงผลใหเขามีความคุนเคยกับกระบี่มาก
ขึ้นอยางมหาศาล
ความกาวหนาอยางมากสามารถเห็นไดจากการฟนกระบี่ออกไปดวยความเร็วดุจ
สายฟาแตกลับเงียบงันไรเสียงใด
ติ๊ง! เสียงโลหะกระทบกับกอนหินดังกองไปในอากาศ
อายฮุยสัมผัสไดถึงแรงตานมหาศาลผานกระบี ่ของเขา แทนที่จะตอตานแรง
ปะทะนั้น เขากลับยืมพลังของมันและถอยหลังไปหลายกาว
เขาไมไดตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะความแข็งแกรงทางกายนั้นเปนจุ ดเดน
ของอสูรปาเสมอมา [หนังทองแดง] ของอายฮุยอาจทำใหเขาโดดเดนกวานักเรียนคน
อื่นในเรื่องกำลังกาย แตอสูรปาที่พบไดทั่วไปในแดนรางลวนแข็งแรงกวาเขา
แนนอนวาชัยชนะนั้นไมไดถูกกำหนดดวยความแข็งแรงเพียงอยางเดียว
มนุษยผูที่ไมไดแข็งแรงเฉกเชนอสูรปานั้นเปนเผาพันธุที่ชนะเสมอมา
อายฮุยงอขา ยอกายลงเล็กนอยเตรียมพรอมที่จะพุงไป แววตาของเขาเยือกเย็น
ใบหนาไรอารมณความรูสึก ในขณะที่ปลายกระบี่หมุนวงเปนวงเล็กๆ
ดวงตาของเขาจับจองไปที่สัตวโลหิตที่อยูไมไกล
มันคืองูโลหิต หรือเจาะจงลงไปก็ คือ งูทับสมิงคลาโลหิต จุดสีเลือดดูราวกั บ
ดอกไมสีแดงปกคลุมรางกายสีเงินของมัน ดวงตาดูเหมือนแกวสีแดงเลือดเปนประกาย
ทำใหรูปลักษณของมันนั้นดูออนกวาดวงตาของกระตายโลหิต
ตามการสันนิษฐานของอายฮุยจากเหตุการณในสวนแหงชีวิต ยิ่งสีของดวงตาและ
ขนของสัตวโลหิตเขมขึ้นเทาไร พิษโลหิตในกายมันก็แข็งแกรงขึ้นเทานั้น อยางไรก็
ตาม สัตวกินเนื้อนั้นยอมอันตรายกวาสัตวกินพืช
อายฮุยกวาดตามองรางของงูตัวนั้น พบวาการโจมตีของเขานั้นทิ้งไวเพียงจุ ดสี
ขาวเล็กๆ บนรางกายที่ไรจุดดางพรอยของมันเทานั้น
หัวใจของเขาเตนรัวดวยความกังวลเมื่อเขารับรูวาผิวหนังของงูโลหิตนี้มีความ
ทนทานพอๆ กับอสูรแดนรางที่ออนแอเลยทีเดียว เมื่อไมนานมานี้สัตวโลหิตตัวนี้เปน
เพียงแคอสูรปาธรรมดาตัวหนึ่ง ความเร็วในการพัฒนาความแข็งแกรงของมันชางนา
ตื่นตระหนก
หากใหเวลามากขึ้น....
นัยนตาของอายฮุยหดตัวลงเมื่อจิตสังหารของเขาเพิ่มขึ้น
เขาจองตรงไปยังงูโลหิตเบื้องหนาไมวางตา อยูไมไกลนักคือการตอสูอันดุเดือด
ระหวางพวกยามกับกระตายโลหิตที่ดูเหมือนจะเลือนหายไปเมื่ออายฮุยทุมเทสมาธิ
ทั้งหมดไปที่การตอสูกับงูโลหิตที่ใกลเขามา
ราวกับวามันรับรูไดถึงจิตสังหารของอายฮุย งูโลหิตชูคอขึ้นเตรียมตอสู ดวงตาดุจ
แกวสีแดงจับจองมาที่อายฮุยไรซึ่งอารมณความรูสึกโดยสิ้นเชิง
และนั่นก็คือจุดเริ่มตนของการเผชิญหนา
ตวนมูหวงฮุนตกตะลึงเมื่อไดเห็นอายฮุยเผชิญหนากันงูโลหิต
ความประทับใจที่เขามีตออายฮุยนั้นเปลี่ยนไปมากมายตั้งแตตอนที่อยูใ นสวนแหง
ชีวิต สัมผัสที่หกอันแมนยำของอายฮุยรวมกับประสบการณและความเด็ดขาดนั้นทำ
ใหตวนมูหวงฮุนรูสึกชะงักงันไป
แตสำหรับความสามารถในการตอสูนั้น ตวนมูหวงฮุนรูสึกวามันยังไมมีอะไรนา
ประทับใจ
อยางไรก็ตามในตอนนี้ ตวนมูหวงฮุนรูสึกไดวานัยนตาของเขาหดลงเมื่อสัมผัสได
ถึงจิตสังหารของอายฮุย
ตวนมูหวงฮุนเองก็มีพลังที่แข็งแกรงอยางมาก ทำใหเขามีความเขาใจเกี่ยวกับรังสี
และจิตเจตนาไดดีกวามากเมื่อเทียบกับนักเรียนทั่วไปแลว นั่นไมใชภาพลวงตาหรือ
รูสึกไปเองหากแตเปนปรากฏการณที่เกิดขึ้นจริง
ยอดฝมือที่มีความรูขั้นสูงในการตอสูนั้นสามารถบอกจุดแข็งและจุดออนของคู
ตอสูไดอยางแมนยำ นั่นเปนเพราะพวกเขามีความสามารถและกลวิธีมากพอที่จะ
แกไขสถานการณใหเปนไปตามที่เขามุงหวังได
ยอดฝมือเหลานี้จะครองสติเอาไวและรับมือกับสถานการณโดยไมมีความลังเล
แมแตนอย การกระทำของเขาในสนามรบนั้นทำใหพวกเขาสามารถแผรังสีหรือจิต
เจตนาที่ผิดแผกแตกตางจากคนทั่วไปออกมา
ตวนมูหวงฮุนไมเคยคาดคิดเลยวาอายฮุยจะมีสิ่งเหลานี้เชนกัน
หมอนี่คอนขางเกงในเรื่องเพลงกระบี่....
เขาคิดยอนกลับไปถึงการโจมตีแรกของอายฮุยที่จูโจมใสงูในขณะที่ดวงตาของเขา
ยังคงจับจองไปที่สถานการณปจจุบัน เขารูสึกรำคาญใจขึ้นมาเมื่อสงสัยวาอายฮุยแอบ
ซอนความสามารถที่แทจริงเอาไวตลอดมาหรือไม
นักเรียนคนอี่นก็จองมองไปที่อายฮุยก็มีความคิดเชนเดียวกันกับตวนมูหวงฮุน
การที่อายฮุยย้ำเตือนใหพวกเขาอยูใกลตวนมูหวงฮุนเพื่อจะไดเขาเปนโลกันภัยได ยัง
ทำใหพวกเขาประทับใจไมหาย
แตหารูไมวาอายฮุยนั้นวางแผนที่จะตอสูกับงูโลหิต
เจาอวนกังวลเปนอยางมาก
อายฮุยยังคงรักษาความสงบเอาไว ใจเย็นเปนอยางมาก เขาพลันลดกระบี่ลง
พรอมใหงูโลหิตกระโจนเขาใส
เสนแสงสีแดงพราเลือนพุงตรงเขาใสอายฮุยดวยความเร็วอันนาเหลือเชื่อ
ดวงตาของอายฮุยเปนประกายเมื่อเห็นงูจูโจมเขามา พึงพอใจที่แผนลอหลอก
ไดผล เขามีประสบการณในการรับมือกับอสูรปาและรูวาพวกมันนั้นถูกลอลวงใหโจมตี
ไดงาย ถึงสีแดงพราเลือนนั้นจะรวดเร็ว แตอายฮุยก็เตรียมพรอมไวอยูแลว อายฮุย
พลันแทงกระบี่ออกดวยความรวดเร็ว
กระบี่หญาในมือของเขานั้นเปนของระดับอาวุธสงครามที่ใชโดยหนึ่งในพวกทหาร
ยาม กระบี่หญาที่ใชในการทหารนั้นมีคุณภาพสูงเยี่ยมและดีกวากระบี่หญาฟนเลื่อยที่
เขาซื้อมามาก
ตัวกระบี่ถูกสรางขึ้นจากไมเหล็กกลาและหญาหนัก ทำใหมันแข็งแกรงมาก มี
ความทนทานยากที่จะเสียหาย กระบี่นี้มีน้ำหนักมากและไมเหมาะที่นักเรียนจะเอามา
ใชงาน แตน้ำหนักของมันกลับพอดีมืออายฮุยผูที่ไมใชนักเรียนธรรมดาทั่วไป
เมื่อผสานพลังธาตุเขาไปในกระบี่ทำใหคมของมันสงแสงเรืองอันเย็นเยียบที่มี
ความรูสึกแหลมคมอยางประหลาดแฝงอยู
สีแดงและขาวฉายวาบปะทะกัน
ติ๊ง! เสียงแสบหูที่แหลมคมกวาครั้งกอนดังกรีดผานอากาศ
งูโลหิตลาถอยดวยความเร็วที่มากกวาเกา มันขุดดินลึกลงไปทิ้งไวเพียงหลุมใหเห็น
แขนของอายฮุยสั่นเทาเขาแทบไมอาจยกกระบี่ขึ้นได
การโจมตีครั้งที่สองของงูโลหิตนั้นแข็งแกรงกวาครั้งแรกมาก แมแตอายฮุยผูที่ได
พัฒนา [หนังทองแดง] ขึ้นแลวก็ยังไมอาจทานรับได
แสงวาบสีแดงพุงออกมาจากหลุมเล็ก พุงตรงเขาหาอายฮุยอีกครั้งหนึ่ง
เห็นไดชัดวางูโลหิตไดรับบาดเจ็บในครั้งนี้ หนาผากของมันมีรอยแผลลึก อายฮุยไดใช
พลังธาตุกระบี่ที่เก็บอยูในตำหนักฝามือของเขาไปจนหมดแลวในการโจมตีครั้งกอน
งูโลหิตพุงตรงผานอากาศดวยความไวอันเหลือเชื่อ อาปากแยกเขี้ยวแวววาวของมัน
ตวนมูหวงฮุนสังเกตเห็นวาแขนขวาของอายฮุยนั้นออนแอลงและเขาไมอาจที่จะสู
ตอไปได เขาไมคิดวาอายฮุยจะมีแนวทางการตอสูที่เผชิญหนาถึงขนาดที่ทุมกำลัง
ทั้งหมดในการโจมตีโดยไมมีการหยั่งเชิงกอน
ตวนมูหวงฮุนที่ตื่นตะลึกกับสถานการณที่เปลี่ยนไปไมอาจยื่นมือเขาชวยไดทัน
บัดซบ!
หมอนี่ตองการฆาตัวตายหรืออยางไร ไมมีกระบวนทาตอไปแลวหรือ เปนบาไป
แลวหรือไร
ตวนมูหวงฮุนตะลึงงันไปเมื่อสายตาไปหยุดอยูที่กระบี่หญาของอายฮุย
บทที่ 134 รังสีกระบี่
อายฮุยทำในสิ่งที่ตวนมูหวงฮุนไมคาดคิดโดยสิ้นเชิง เขาเปลี่ยนไปถือกระบี่ดวยมือซาย
มือซาย! ตวนมูหวงฮุนเบิกตากวางราวกับเห็นผี
อายฮุยใชมือซายถือกระบี่อยางชำนาญ ไมมีความเกงกางใหเห็นแมแตนอย จวง!
พลังธาตุไหลกระจายเขาไปในตัวกระบี่ แสงเรืองออนๆ ปกคลุมทั่วกระบี่ในเวลา
ไมนาน กระบี่หญาพลันเปลี่ยนเปนแสงเย็นเยียบแผรังสีออกมาพรอมสั่นสะเทือน
เล็กนอย
แสงสะทอนตองหนาอายฮุย ขับเนนวงหนาไรอารมณและดวงตาเยือกเย็น ดูราว
กับเปลี่ยนเปนคนละคน เปนคนที่แผรังสีอันนาหวั่นเกรงออกมา ชางเปนการแสดง
ความสามารถที่ยอดเยี่ยมอะไรเชนนี้
กระบวนทาหลอก กระบวนทาลอเหยื่อ กระบวนทาสังหาร!
ไมวาจะเปนความหนักแนนจากครั้งกอน หรือฝกระบี่ที่จวงแทงออกไปในครั้งแรก
ลวนเปนทางผานมาสูกระบี่นี้ที่อายฮุยถือดวยมือซาย
กลามเนื้อของเขาถูกใชจนถึงขีดสุด และผาพันแผลบนมือซายของเขาก็คลายตัว
ออกเมื่อใดไมทราบได เมฆสีขาวเคลื่อนตัวลงมาเพราะการเคลื ่อนตัวของกระแส
อากาศอันรวดเร็ว หมุนวนลงมาจากฟาราวเพื่อเปนฉากจบอันนาประทับใจใหกับรังสี
กระบี่นี้
อายฮุยทุมเทหมดตัว ฝากชะตาของเขาไวกับสวรรค แสงสีแดงอันชั่วรายกับรังสี
กระบี่เย็นเยียบปะทะกันกลางอากาศอีกครั้ง
อายฮุยแทงกระบี่เขาใสบาดแผลตรงหนาผากของงูโลหิตดวยความแมนยำอยางที่สุด
ไมมีเสียงเสียดแทงอันใดดังออกมา หากแตเปนเสียงเงียบงันของใบมีดที่แหลมคม
กรีดผานแผนหนังที่ดังออกมาใหไดยิน
รังสีก ระบี่ที่เย็นเยียบเสีย ดกระดู กฟาดผ านกลางร างกายงู โ ลหิ ต ผ า แยกมัน
ออกเปนสองเสี่ยง เลือดสดๆ และเนื้อที่ถูกบดดูราวกับละอองฝนสีแดง แตกอนที่มัน
จะไดกระจายพรั่งพรูออกไป ก็ถูกดูดซับดวยผาพันแผลโลหิตในชั่วพริบตา
แปะ ชิ้นสวนที่เหลือของงูลอยเปนเสนตรงไปยังกลุมนักเรียนกอนที่จะรวงลงไป
กองกับพื้นไมหางจากพวกเขามากนัก
นักเรียนยังคงตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยางกะทันหันชวนขนหัวลุกนี้ พวกเขายัง
ไมอาจเรียกสติกลับมาได
ตวนมูหวงฮุนกลับตกใจยิ่งกวาผูใด พวกที่เรียกตัวเองกวาผูฝกกระบี่ที่เขาเคยเห็น
กอนหนานี้เปนเพียงพวกที่มีแตเปลือกและไรแกนสาร เพลงกระบี่ที่พวกเขาใชลวน
มุงเนนไปที่ความงดงาม แตการโจมตีของอายฮุยนั้นชางแหลมคม
เปนไปไดหรือไมวาหมอนี่จะเปนมามืดจริงๆ ไม ตวนมูหวงฮุนรีบปฏิเสธความคิด
นี้ในทันที เขาเปนคนที่มองไดลึกซึ้งกวาคนสวนใหญ และมันเปนความจริงที่ไมอาจ
เปลี่ยนแปลงไดวาอายฮุยเพิ่งเปดไดเพียงสองตำหนักเทานั้น เคล็ดกระบี่ไมใชวิชาลับ
ขั้นสูง แมวากระบวนทานั้นจะใชอยางเชี่ยวชาญแตมันก็ไมใชของหายากอันใด
ทุกอยางลวนธรรมดา แตเหตุใดผลลัพธถึงไดเฉียบคมและนาทึ่งเชนนี้เลา
หลังจากครุนคิดพักหนึ่งตวนมูหวงฮุนก็ตกใจอยางมาก ยิ่งเขาทำความเขาใจมาก
ขึ้นเทาไร เขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเทานั้น
อยางแรกก็คือทาทางอันผาเผย จากตนจนจบอายฮุยรักษาความสงบเยือกเย็น
เอาไวได ไมแสดงใหเห็นถึงความออนแอแมแตนอย เขามีความมั่นใจในการตอสูตั้งแต
เริ่มตน นี่นำมาซึ่งความสามารถในการควบคุมทิศทางของการรบ
รวมถึงการใชกระบี่ดวยมือซายที่ใครก็ไมคาดคิดนั้น หากเปลี่ยนใหเขาไปเปนคู
ตอสู ก็คงถูกอายฮุยแทงไดเชนกัน
พูดงายๆ ก็คือ อายฮุยใชทุกอยางที่เขามีเพื่อกอใหเกิดผลลัพธอันนาทึ่งนี้
เจาหมอนี่...เกิดมาเพื่อตอสู!
ตวนมูหวงฮุนหรี่ตาลง ความตองการแขงขันเออลนขึ้นมาในอก
ทั้งคูเปนไมเบื่อไมเมากันมาตั้งแตเริ่มแรก อายฮุยไมชอบขี้หนาตวนมูหวงฮุน
และตวนมูหวงฮุนก็ไมชอบขี้หนาอายฮุย ไอสารเลวนี่กลับกลายเปนผูมีพรสวรรคดาน
การสูรบเสียนี่ แตแลวอยางไร ถาเปนเรื่องของระดับพลังพื้นฐาน ทักษะการตอสูและ
ปณิธาน เขาลวนออนดอยกวาตนทั้งสิ้น
ตวนมูหวงฮุนคิดอยางทะนงตัว เมื่อพูดถึงสิ่งนี้เขามีความมั่นใจอยางมาก แตการ
กระทำอันยอดเยี่ยมของอายฮุยก็ทำใหเขาเห็นถึงสิ่งที่เขายังขาดอยู ตนมีพลังธาตุ
มากกวาและ [บุบผาเขียวขจี] ของตนนั้นก็ไมใชสิ่งที่เคล็ดกระบี่จะมาเปรียบเทียบได
แตในดานประสบการณการตอสูนั้น เขาไมอาจเทียบอายฮุยได
เขาไดตัดสินใจเรียบรอยแลววาหลังจากการเดินทางครั้งนี้จบลง เขาจะฝกการ
ตอสูจริงๆ เสียที หากตองพายแพใหกับไอหมอนี่ เปนเรื่องที่ไมอาจยอมรับไดอยาง
ที่สุด!
เจาอวนนั่งลงศึกษาซากงู “พบอะไรหรือไม” อายฮุยถามมาจากดานหลัง
เจาอวนตอบกลับโดยไมหันไปมอง “ขาตองตรวจสอบเพิ่มเติมอีกหนอย เพราะถึง
อยางไรมันก็นับเปนเรื่องใหม หากเราคนพบขอมูลที่เปนประโยชน พวกเราก็จะรวย!”
เจาอวนพูดไปพลาง เก็บซากงูทั้งสองชิ้นไปพลาง
อายฮุยนั้นยิ่งกวาคุนเคยกับนิสัยโลภมากของเจาอวน ถึงขนาดรีดน้ำมันหนักสองกรัม
ออกมาจากยุง แลวเขาจะปลอยงูโลหิตไปไดอยางไร อายฮุยไมสนใจเจาอวนและหัน
ไปกวาดตามองคนอื่นๆ เมื่อเห็นวาทุกคนเปนปกติดี เขาก็หันไปมองทางดานพวกยาม
นักเรียนคนอื่นมองไปยังอายฮุยดวยความนั บถือยิ่ งขึ้น ความสามารถในการ
สังหารงูโลหิตนั้น เห็นไดชัดวายกระดับภาพลักษณของอายฮุยขึ้นมาก
สภาพแวดลอมอันโหดรายรุนแรงนั้นเหมาะสมที่สุดที่จะหลอหลอมผูคนใหแข็งแกรง
ขึ้น ขอเท็จจริงที่วาไมมีใครกรีดรองในครั้งนี้ก็ถือเปนการพัฒนาอยางหนึ่งเชนกัน
แตในดวงตาของตวนมูหวงฮุนนั้น ไมมีรองรอยของความนั บถือ มีเพียงความ
ตองการตอสูที่ชัดเจน
อายฮุยกวาดตาผานใบหนาของตวนมู หวงฮุน ไปโดยไม สนใจราวกับ มองผ า น
อากาศธาตุ ทำใหสีหนาของตวนมูหวงฮุนดำคล้ำ
พับผาสิ!
โดนไอหมอนี่ดูถูกอีกแลว!
อายฮุยไมมีอารมณที่จะมาสนใจความรูสึกของปงหวาน ระหวางการสังเกตการณ
เขากำลังรุนคิดถึงเรื่องอื่น คฤหาสนนี้อยูนอกเมืองซงเจียน หางจากสวนแหงชีวิต แต
กลับมีสัตวโลหิตปรากฏขึ้นที่นี่
สีหนาเขาเปลี่ยนเปนปนยากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
หลังจากการรุมโจมตีของพวกยาม ไมนานนักกระตายโลหิตก็ตายลงเชนกัน นี่แสดงให
อายฮุยเห็นวาพวกยามนั้นมีรางกายและจิตใจที่ออนแอ ทั้งๆ ที่มีขอไดเปรียบในเรื่อง
จำนวนและความแข็งแกรงที่สูงกวา แตพวกเขากลับถูกกัดและไดรับพิษของพิษโลหิต
และบางคนถึงขั้นขี้ขลาด ตองผานเวลาไปพักหนึ่งพวกเขาถึงจะจบการตอสูลงได
อายฮุยตองอดสายหนา ระอาไม ได พวกยามในสนามเหนี ่ยวนำนั ้น คุ นชิ นกั บ
สภาพแวดลอมที่สงบสุขเกินไปทำใหมาตรฐานของพวกเขานั้นต่ำมาก
พวกยามโหรองยินดีในขณะที่พวกนักเรียนถอนหายใจดวยความโลงอก
อายฮุยพลันตะโกนออกมา “รีบออกไปจากที่นี่!”
เสียงของเขาเรียกความสนใจจากนักเรียน ทำใหประหลาดใจกันถวนหนา พวก
เขาไมคิดวาอายฮุยจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา มีเพียงตวนมูหวงฮุนที่มีสีหนาหม นลง
ดวยความเขาใจที่เขามีตออายฮุย หมอนี่ตองเจออะไรเขาแลวแนๆ
ยามวัยกลางคนยืนขึ้นและตะวาดอยางอารมณเสีย “ไอหนู อยาหาเรื่อง!”
อายฮุยยังคงไมเคลื่อนไหว “สัตวโลหิตปรากฏขึ้นที่นี่ แปลวาภัยพิบัติโลหิตไดแพร
มาถึงบริเวณนี้แลว ที่นี่ไมปลอดภัยอีกตอไป มันจะดีกวาถาพวกเรากลับไปที่เมือง”
ยามวัยกลางคนหัวเราะเยอะเยย “แคสัตวโลหิตสองตัวก็ทำเจากลัวแลวเหรอ ใจเย็น
พวกมันโจมตีเราไดเพราะพวกเราไมทันเตรียมตัว ตราบใดที่พวกเราเตรียมพรอม ไม
วาสัตวโลหิตจำนวนเทาไรก็ไมเปนภัยตอความปลอดภัยของเราหรอก”
“เจาไมสามารถรับรองไดหรอก” อายฮุยกลาวอยางเย็นชาไมสนใจสีหนาไมพอใจ
ของยามวัยกลางคน “เมื่อสัตวโลหิตกัดผูใด ผูนั้นก็จะไดรับพิษ และเมื่อมีตัวหนึ่งโผล
ออกมา อีกไมนานก็จะมีกลุมใหญกวาตามมา”
“หุบปากไปเลย! อยามาทำใหคนอื่นกลัว! พวกที่เหลืออยูไหนเลา มันมีแคสองตัว
เทานั้น” ยามวัยกลางคนพูดดวยความฉุนเฉียว หากไมใชเพราะความกำเกรงที่ยังฝง
อยูจากการไดเห็นการกระทำของอายฮุยกอนหนานี้ที่สามารถสังหารงูโลหิต เขาคง
โจมตีใสอายฮุยไปแลว
“ระยะฟกตัว” อายฮุยตอบ และกลาวตอโดยไมไยดี “และนักเรียนที่บาดเจ็บตัวรอน
ขึ้นหลังจากผานไปสองสามวัน หากพิษโลหิตปะทุขึ้นมา หากจะหนีก็สายเกินไปแลว”
พวกนักเรียนกระสับกระสายขึ้นมาในทันที สีหนาเปลี่ยนไปอยางมาก พวกเขาจำ
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแตละวันของนักเรียนที่ไดรับพิษไดอยางชัดเจน
สีหนาของตวนมูหวงฮุนก็เปลี่ยนไปเชนกัน เขานั้นนับวาฉลาดมากและสามารถ
เขาใจคำพูดของอายฮุยไดอยางงายดาย
เขาไมไดเขาใจในทันที เพราะตนก็เปนเพียงแคนักเรียนคนหนึ่งที่คุนเคยกับการ
รับฟงคำประเมินของอาจารย
อยางไรก็ตาม อายฮุยนั้นตองประเมินและตัดสินใจดวยตัวเองในทุกเรื่องไมวา
เรื่องใหญหรือเล็ก ในแดนรางผูใชพลังธาตุไมเคยสนใจไยดีตอความเปนอยูของแรงงาน
หากพวกเขาตองการจะรอดชีวิต ก็ไมอาจลดความระแวดระวังลงไดแมแตชั่วขณะ
เดียว
ณ จุดนี้ ชายวัยกลางคนเริ่มกระวนกระวายใจเพราะคำพูดของอายฮุย
เขารูสึกทำอะไรไมถูกทามกลางความโกลาหลของนักเรียน รวมทั้งคำพูดของเจา
หนูนี่ทำใหเขาสั่นคลอนเล็กนอย ไมใชแคเขา ยามคนอื่นก็รูสึกไมสบายใจเชนกัน
หัวหนายามไมอยูในตอนนี้ ดังนั้นทุกคนจึงรอใหเขากลับมาตัดสินใจ
“พวกเจารูวาขาคือใคร ถาหากวาเกิดอะไรขึ้นกับขาละก็...” ตวนมูหวงฮุนพลัน
กลาวขึ้น จองมองไปที่พวกยามเหมือนกับปดบังเจตนาชั่วรายไว แมวาเขาจะไมไดพูด
ออกมาดังๆ แตคนโงก็ยังเขาใจถึงการขมขูในน้ำเสียงของเขา
พวกยามสีหนาเปลี่ยนไป
ฐานะของตวนมูหวงฮุนสรางความกดดันใหกับพวกเขาครั้งแลวครั้งเลา หากมี
อะไรเกิดขึ้นกับนายนอยแหงตระกูลตวนมูขณะที่พวกเขารับหนาที่ดูแล ทางตระกูลคง
ไมปลอยพวกเขาไปงายๆ แน ครอบครัวของพวกเขาอาจจะตองรับเคราะหเชนกัน
“เฒาหวัง ไปกันเถอะ เรากลับเขาเมืองนาจะดีกวา”
“ใชแลว หากพิษโลหิตแพรมาจริงๆ ใครจะมาชวยพวกเราในที่หางไกลแบบนี้”
“ไมใชเรื่องใหญอะไร งานของพวกเราคือดูแลความปลอดภัยใหพวกนักเรียน ไม
มีใครสั่งหามไมใหกลับเขาเมือง เราสามารถดูแลความปลอดภัยพวกเขาที่นั่น”
คำพูดพวกนี้ทำใหดวงตาของเฒาหวังเปนประกาย ที่เขาพูดมาก็ถูก ดูแลความ
ปลอดภัยใหเด็กพวกนี้ในเมืองก็ไมตางกัน
“ไป! กลับเขาเมืองกัน!”
คนจำนวนไมนอยถูกสงออกไปชวงไมกี่วันมานี้ ทำใหรถบรรทุกทั้งหมดถูกใชไป
ไมเหลือแมแตคันเดียว นั่นหมายความวาพวกเขาตองเดินเทากลับไปยังเมืองซงเจียน
โชคยังดีที่คฤหาสนนี้อยูหางจากเมืองซงเจียนประมาณสี่สิบกิโลเมตรเทานั้น
ระยะทางสั้นๆ เทานี้ไมมีความหมายอะไรกับอายฮุย เขาเดินทางไปฝกที่ เจดีย
เสวียนจินยังไกลกวานี้ดวยซ้ำ
อายฮุยไมไดประมาทและใชทุกวินาทีที่มีในการฟนฟูพลังธาตุ พลังธาตุเกือบ
ทั้งหมดถูกใชไประหวางตอสูกับงูโลหิต ถาหากมีอะไรเกิดขึ้นระหวางเดินทางกลับ เขา
คงไมมีทางที่จะสูกลับได และแมวาจะมีพวกยามกับตวนมูหวงฮุนอยูดวย แตอายฮุยก็
ไมปรารถนาจะฝากชีวิตเขาไวในมือของผูอื่น
เขาเดินไป ก็กวัดแกวงกระบี่หญาในมือไป เพื่อใหตัวออนกระบี่สรางพลังธาตุ
กระบี่ขึ้นมา
ผูคนโดยรอบมองอายฮุยดวยสีหนาประหลาด
หมอนี่เปนโรคชักกระตุกหรือไร
เฒาหวังมองดูดวยความรูสึกที่เปลี่ยนไป โชคดีที่เขาไมไดลงมือกอนหนานี้ ไอ
หนุมนี่ประหลาดเกินไปแลว ชักกระตุกไปเดินไป ถามันพึมพำไปดวยละก็ มันคงดู
เหมือนคงทรงเจาที่กำลังเตนเรียกเจาอยูแนๆ เลย
อายฮุยไมสนใจความคิดของคนอื่น ความนาอับอายไมใชเรื่องใหญอะไรตราบใดที่
เขาสามารถฟนฟูพลังธาตุไดอยางรวดเร็ว
ทุกคนรูสึกเปราะบางอยูภายใน เกรงกลัวอยูบาง สะกดกั้นความคิดที่จะวิ่งหนีไป
ใหเร็วที่สุด
การเดินทางดวยความเร็วขนาดนี้ไมมีความหมายอะไรสำหรับอายฮุยผูที่เคย
ทำงานเปนแรงงานมากอน แตการกวัดแกวงกระบี่ขณะเดินทางนับวาเปนเรื่องแปลก
ใหมอยูบาง
ในตอนแรกเขาไมอาจจับจังหวะไดและการเคลื่อนไหวของเขาก็ดูเงอะงะ แตเขาก็
คอยๆ จับจังหวะได และในไมชาเขาก็คนพบบางสิ่งบางอยางที่ตางออกไป
บทที่ 135 แมลง
เนื่อ งจากอา ยฮุย ใชก ระบี ่ไ ปพร อ มกั บ วิ ่ ง ไปด ว ย เขาจึ งต อ งรั ก ษาสมดุ ล ซี่ ง
หมายความวาเขาไมอาจเอนตัวไปขางหนาได รางกายทอนบนของเขาอยูนิ่งในขณะที่
ทอนลางเคลื่อนไหวอยางยืดหยุนและมีพลัง กระบี่ในมือเขาเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ
การวิ่ง
แตนั่นเปนเพียงเรื่องการรักษาจุดศูนยถวง สิ่งที่ยากกวาก็คือการหายใจ
การควบคุมการหายใจนั้นทำไดยากเมื่อตองวิ่งเร็วเชนนี้ ดวยวามีประสบการณใน
เรื่องนี้มาไมนอย อายฮุยจึงรูดีวาหากการควบคุมพลังธาตุเปนหัวใจสำคัญของการ
โจมตีดวยพลังธาตุแลว การหายใจก็คือพื้นฐานที่จำเปนตอการโจมตีทุกรูปแบบ
ซึ่งนั่นรวมถึงการใชกระบี่ขั้นพื้นฐานอีกดวย การควบคุมลมหายใจเปนสิ่งจำเปน
ถาหากการหายใจไมเปนหนึ่งเดียวกับเพลงกระบี่แลว ไมเพียงแคการโจมตีจ ะออน
พลังลงเทานั้น แตจะนำมาซึ่งการบาดเจ็บอีกดวย
แนนอนวาสำหรับอายฮุยแลวผลกระทบที่ตามมานั้นสาหัสยิ่งกวา ซึ่งก็คือเขาจะ
ไมสามารถสรางพลังธาตุกระบี่ขึ้นมาได
เมื่ออายฮุยคอยๆ จับเคล็ดได เขาก็รูไดถึงประโยชนของมัน
การเตนของตัวออนกระบี่แข็งแรงขึ้นกวาแตกอน
ประโยชนที่เห็นไดในทันทีก็คือความเร็วในการสรางพลังธาตุกระบี่ขึ้นมานั้นมากขึ้น
พลังธาตุกระบี่ที่ถูกสรางขึ้นมาใหมไหลผานกระบี่หญาในมือของเขากลับคืนสูราง
และเริ่มโคจรพลังธาตุ พลังธาตุหนึ่งในหาสวนถูกดูดกลืนโดยตัวออนกระบี่และสวนที่
เหลือกลับคืนสูตำหนักที่ฝามือหลังจากโคจรครบรอบ
ตำหนักที่ฝามือของอายฮุยซึ่งเคยวางเปลากอนหนานี้ ถูกเติมเต็มขึ้นอยางรวดเร็ว
แตอายฮุยไมหยุดอยูแคนั้น เขายังคงโคจรพลังตอไปจนกระทั้งตำหนักที่ฝามือเริ่ม
บวมและปวด ทุกตำหนักที่เปดขึ้นหมายถึงความแข็งแกร งที่ เพิ่ มขึ้น ในการฝ ก ฝน
เหมือนกับบอน้ำเล็กๆ ขยายตัวเปนทะเลสาบ
ในขั้นตอนการพัฒนานี้ พื้นฐานรางกายมีบทบาทสำคัญที่สุด
ผูที่มีพื้นฐานรางกายดีกวาอยางปงหวานนั้นก็เปรียบเหมือนบอน้ำที่ถูกหอมลอม
ดวยหนองน้ำ การจะขยายตัวออกเปนทะเลสาบนั้นก็คอนขางงายดายกวามาก
ในทางกลับกัน พวกที่มีพื้นฐานรางกายออนดอยกวา อยางเชนอายฮุยก็เหมือน
บอน้ำกลางทะเลทราย การจะทำใหกลายเปนทะเลสาบไดนั้นยากแคนแสนเข็ญกวา
กันหลายเทา
แตโลกนี้ก็ไมมีความยุติธรรมอยูแลว อายฮุยจึงไมสนใจในเรื่องนี้แมแตนอย ผูที่มี
มัวมานั่งบนเรื่องพวกนี้ก็ควรจะเลิกฝกไปเสียดีกวา
อายฮุยไมตองพยายามฝนรั้งตัวออนกระบี่อีกตอไป เพราะในตอนนี้เขาสามารถ
ควบคุมมันไดแลว นั่นหมายความวาเขามีความแข็งแกรงมากขึ้นกวาเดิมทั้งรางกาย
และจิตใจ กอนหนานี้เขาเหมือนกับเด็กนอยที่เหวี่ยงขวานยักษที่หนักเกินไป แต
ตอนนี้เด็กนอยผูนั้นเติบโตขึ้นแลว สามารถยกอาวุธหนักๆ ไดแลว
อายฮุยเสร็จสิ้นการฝกและเด็ดหญาริมทางขึ้นมาตนหนึ่ง ที่แกนกลางของมันมีสี
แดงจางๆทำใหอายฮุยหนาดำคร่ำเครียดขึ้นมา
เมื่อนำมันมาวางใกลจมูก อายฮุยก็ไดกลิ่นออนจางหอมหวานดุจการลองลวงของ
ปศาจที่คุนเคย
อายฮุยโยนหญาทิ้งไป สีหนากลับมาเปนปกติ แตหัวใจกลับหมนมัว เขามองเห็น
ขอบนอกของเมืองซงเจียนที่อยูไกลออกไป เมืองที่เงียบสงบยังคงเปนเชนเคย ไมรับรู
ถึงภัยที่ยางกรายเขามาแมแตนอย
โรงฝกที่เสียงดังกึงกองไปดวยกิจกรรมตางๆ แสงสีเรืองรองสองฝงถนนยามคำคืน
ในอนาคตจะยังคงอยูตอไปหรือไม เชาอันสงบเงียบที่เขาเคยพบเจอ ตื่นขึ้นมาใต
แสงอาทิตยอบอุนตานสายลมอันเย็นฉ่ำ ดวงตาที่หรี่ปรือราวกับยังไมอยากตื่ นของ
ผูคน และกลิ่นขนมอบขจรขจายออกมาเปนอวลไอ เขายังจะสามารถตื่นมาพบสิ่ง
เหลานี้ไดหรือไม
จิตใจอายฮุยพลันไรชีว ิตชีวา เขาลอบถอนหายใจอยูภายใน เมื่อคิดวา ความ
งดงามเหลานั้นคอยๆ เลือนหายไป
เขาสายหนา รูสึกวาตัวเองกำลังไรเหตุผลไปบาง เวลาเพิ่งผานไปแคไมกี่วัน เขาก็
ปลอยใหตัวเองถูกความสุขสบายกัดกรอนเขาใหแลว
ที่วากันวา เกิดรายตายดี ก็มีเหตุมีผลอยูเหมือนกัน
อายฮุยกลับมามีพลังอีกครั้ง ไมวามันจะยากลำบากเพียงไร ก็ไมมีทางแยไปกวา
แดนรางหรอกใชหรือไม
เขาดึงตัวเองออกจากความคิดที่รบกวนจิตใจ และคิดยอนไปถึงผาพันแผลโลหิตที่
ดูดซับเลือดเนื้อของงูโลหิตเขาไป เขาไมไดสำรวจมันในตอนนั้น เพราะสถานการณอัน
คับขันไมเปดโอกาสใหเขาไดทำ เขาจึงหันความสนใจไปที่ผาพันแผลโลหิต
ผาขาวราวกับหิมะ ไมมีรองรอยใดๆ ใหเห็นได
อายฮุยตะลึงงัน ใชสายตาตรวจสอบไปทั่วผาพันแผลโลหิตแตก็ไมพบอะไรเลย
มันหายไปไหน เขาคิดยอนกลับ ไปถึ งเลือ ดที่ ไหลออกมาจากมือของเขาที ่ ถู ก
ผาพันแผลโลหิตดูดซับไป เปนไปไดไหมวาผาพันแผลโลหิตนั้นกลืนกินเลือด
เขานึกไปถึงคำของอาจารยหญิง ผาพันแผลโลหิตเปนสิ่งประดิษฐของพรรคโลหิต
ในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน
พรรคโลหิต...แคชื่อก็บอกไดอยางชัดเจนแลววาพวกเขาตองเกี่ยวกับเลือดไมทาง
ใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นในตอนที่ผาพันแผลโลหิตไดดูดซับเลือดของเขา อายฮุยจึงไม
ประหลาดใจเทาไรนัก แตเนื้อของงูโลหิตนั้นเปนพิษ มันจะเปนปญหาอะไรหรือไมเมื่อ
ผาพันแผลโลหิตกลืนกินมันเขาไป
อายฮุยหัวเราะออกมาโดยไมตั้งใจ เขาดันคิดไปไดอยางไรวาผาพันแผลโลหิตเปน
สิ่งมีชีวิต จะมีปญหาอะไรได ทองเสียเชนนั้นหรือ
ใหนึกถึงผาพันแผลโลหิตทองเสีย....เขานึกภาพไมออกจริงๆ...
เขาตัดสินใจที่จะมอบภาระนี้ใหกับโหลวหลาน และปลอยใหโหลวหลานตีความ
เอาเอง
รอยยิ้มบนใบหนาของเขาหายไปในทันใด พริบตาตอมาหูของเขากระดิก และ
แสงเย็นเยียบก็ฉายวาบผานนัยนตา เขาตะโกนออกมาในทันที “มีบางอยางผิดปกติ!”
ทุกคนตึงเครียดขึ้นมา
ตวนมูหวงฮุนจับตามองอายฮุยมาตลอด ไมวาอยางไรหากมีสัญญาณของปญหา
เพียงเล็กนอย ไมวามันจะเล็กนอยเพียงไร ก็ไมเคยหลุดรอดสายตาของหมอนี ่ไปได
ตวนมูหวงฮุนไมรูวาอายฮุยทำไดอยางไร แตอายฮุยก็แสดงใหเห็นอยางชัดเจนแลวใน
การหลบหนีครั้งกอน
ตวนมูหวงฮุนสามารถสังเกตเห็นสีแดงจางๆ บนใบหญาที่อายฮุยเด็ดขึ้นมาไดดวย
สายตาอันเฉียบคม ทำใหสีหนาของเขาเปลี่ย นไปเชนกัน เขารูสึกยินดีอยู ข  า งใน
ขอบคุณสวรรคที่พวกเขาออกจากคฤหาสนมาแลวถึงแมวาอายฮุยจะเปนตัววายราย
แตเขาก็มีจมูกที่ดีกวาสุนัขเสียอีก
เมื่อไดยินคำเตือนของอายฮุย เขาก็ตั้งสติและสูดหายใจลึก “พวกที่ระดับต่ำกวา
สองตำหนัก มาอยูใกลๆ ขา คนที่สูงกวาเตรียมจูโจม แตระวังตัวไวอยาอยูนอกระยะ
ปกปองของขา”
ไมมีอาจารยอยูแถวนี้อีกแลว คนที่แข็งแกรงที่สุดในกลุมก็คือตวนมูหวงฮุน จึง
ตองรับหนาที่แทน
อา ยฮุยมองไปทางตวนมูหวงฮุ น ด วยความประหลาดใจ เขาไม คาดคิดวาเจา
เนรคุณนี่จะมีความรับผิดชอบกับเขาก็เปน
พวกนักเรียนลวนเชื่อมั่นในตัวตวนมูหวงฮุนและเมื่อไดยินคำสั่งของเขา พวกเขาก็
เขาประจำตำแหนงตามคำสั่งในทันที แมวาจะทำไปอยางสับสนวุนวายแตพวกเขาก็
สามารถทำสำเร็จไดในที่สุด
ตวนมูหวงฮุนคอยๆ รูสึกวาเขาคุนเคยกับหนาที่นี้ ตั้งแตเด็กเขาก็ถูกเรียกวา พี่หวงฮุน
เพราะเขามีประสบการในการนำกลุมตอสู
“รักษาระยะดวย อยาอยูหางเกินไป”
“ชวยเหลือกัน”
“อยาหยุด เราอยูไมไกลจากเมืองซงเจียนแลว”
เขาเปนผูถือตัวและชมชอบความสมบูรณแบบ หากไดทำสิ่งใดแลว เขาจะทำมัน
อยางสุดความสามารถ
อายฮุยสังเกตดูพวกนักเรียนทำตามคำสั่งของเจาคนเนรคุณอยางเชื่อฟง พวกเขา
ยืนประจำที่อยางสงบรอการมาถึงของสัตวโลหิต เจาอวนมายืนอยูขางอายฮุยราวกับ
แมวอวนที่เผชิญหนากับศัตรูตัวใหญ
เสียงกรอบแกรบดังขึ้นในหูอายฮุย เสียงนั้นดังมาจากพุมไม เขาสูดหายใจเขา
กอนจะตะโกนออกมาเสียงดัง “พวกมันอยูนี่!”
กอนที่เขาจะพูดจบ กระบี่หญาในมือของเขาก็แทงออกไปอยางไมทันตั้งตัว
รังสีกระบี่จากกระบี่หญาของอายฮุยแทงเขาใสแมงมุมตัวหนึ่งขนาดเทากำปน
หลังของแมงมุมปกคลุมไปดวยลายเสนสีแดงเขม และดวงตาของมันก็แดงดั่ง
โลหิต เปนภาพที่ทำใหทุกคนตัวสั่น
เครง! เสียงปะทะของโลหะกรีดผานอากาศเมื่อรางที่แข็งทื่อของแมงมุมพุงกลับ
เขาไปในพุมไมดวยความเร็วที่มากกวาตอนออกมา
สีหนาของอายฮุยเปลี่ยนไปเล็กนอย กระบี่ของเขาไมอาจทะลวงผานกระดองของ
แมงมุมได!
เขารูจักพวกแมงมุมดีทีเดียว เขาเคยเห็นแมงมุมมาแทบทุกชนิดตอนอยูในแดนราง
แมวาแมงมุมจะมีพิษรายแรง ทวาความนากลัวของมันคือความสามารถในการซุม
โจมตีไดอยางไรสุมเสียงและเปนอันตรายถึงตาย แตมันไมเคยเปนที่รูจักวามีการ
ปองกันอันแข็งแกรง
แมงมุมโลหิตนั้นเห็นไดชัดเจนวาผานการกลายสภาพมาแลว มันสามารถรับการ
โจมตีของเขาไดโดยไมแตกสลาย กระดองของมันตองทนทานเปนอยางมาก
แมลงนานาชนิดที่มีบางสวนของรางกายเปนสีแดงเริ่มคืบคลานออกมาจากพุมไม
ตวนมูหวงฮุนใช [บุบผาเขียวขจี] เต็มกำลัง เถาวัลยสีเขียวปกคลุมพื้นที่โดยรอบ
กิ่งกานสาขาเคลื่อนไหวไมหยุดยั้ง กอใหเกิดเงาพราเลือนสีเขียว พวกแมลงพุงเขาใส
มันราวกับหาฝน
เถาวัลยและกิ่งกานที่ออนแอและไดรับความเสียหายคอยๆ หดเล็กลง แตพวกมัน
ก็ยังสามารถปองกันการโจมตีของพวกแมลงไดอยางมีประสิทธิภาพ
เมื่อเรียกสติกลับคืนมาได พวกนักเรียนก็เรงรุดใชทาโจมตีของตัวเองออกมา
ครูตอมาเสนแสงหลากสีก็สาดประกายถี่ยิบหนาแนน มีทั้งเปลวเพลิง น้ำแข็ง
ทรายดูด และเถาวัลย
อายฮุยไมอาจหยุดสายหนาได กระบวนทาของพวกเขานั้นอาจดูพรางพราว แต
กลับไมอาจทำอะไรเปาหมายที่เปนแมลงโลหิตได พวกมันอาจจะเคยออนแอและ
เปราะบางแตตอนนี้กลับยากยิ่งที่จะรับมือ
แมงมุมที่เคยโจมตีใสอายฮุยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและพุงเขาใสเขา เปลงแสงสีแดง
ออกมากลางอากาศ
อายฮุยเตรียมพรอมที่จะเหวี่ยงกระบี่เขาใสแมงมุม กลับถูกโจมตีโดยไมทันตั้งตัว
ดวยกระบวนทาของมัน เขารูวาสถานการณผิดปกติไป นัยนตาของเขาหดลง พลังของ
เขาถูกใชไปจนเกือบหมด
ทันใดนั้นก็มีแรงมหาศาลดึงรางเขาออกมาจากแสงสีแดง ทำใหเขาหลบพนมาได
อยางเฉียดฉิว
ผูนั้นคือเจาอวนที่ตื่นตัวอยูตลอดเวลา เมื่อเห็นวามีบางอยางผิดปกติ เขาก็รีบดึง
อายฮุยออกมาดานขางทันที
เสียงรองดังขึ้นดานหลังของอายฮุย ยามคนหนึ่งถูกแสงสีแดงโจมตี มันกลายเปน
ใยแมงมุมสีแดง เมื่อสัมผัสกายก็กักขังเขาเอาไวภายในอยางแนนหนา
กอนที่อายฮุยจะมีเวลาไดชวยเหลือ ยามคนนั้นก็ถูกฝูงแมลงเขากลุมรุม ในชั่วพริบตา
ก็เหลือเพียงแคกองกระดูกสีขาวโพรนใหเห็น ไมมีแมแตเศษชิ้นเนื้อเล็กๆ เหลืออยู
อายฮุยขนลุกเกรียว เขาสังเกตเห็นวาสวนสีแดงบนรางของแมลงสวางขึ้นและ
ขยายใหญขึ้น
เนื้อสดทำใหสัตวโลหิตแข็งแกรงขึ้นเชนนั้นหรือ
ในสวนแหงชีวิตอายฮุยไดรับรูแลวถึงความรุนแรงในการโจมตีของสัตวโลหิตแตไมอาจ
เขาใจเหตุผลของมัน แตตอนนี้เขารูแลววาทำไม พวกสัตวโลหิตทำเชนเดียวกับที่ผูใช
พลังธาตุลาอสูรแดนราง พวกมันลาเหยื่ออันโอชะที่สามารถทำใหมันแข็งแกรงขึ้นได
“อยามัวแตสูติดพัน! หนีเร็ว!” อายฮุยแผดเสียงในขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปขางหนา
สุดกำลัง เจาอวนก็ตามไปติดๆ เชนกัน
ตวนมูหวงฮุนมีปฏิกิริยาในทันที “ตามไป! เร็ว!”
พวกยามตื่นกลัวอยางที่สุด พวกเขาเสียคนไปสี่คน ซึ่งนับวาประสบความเสียหาย
มากที ่ ส ุ ด แม ว  า ตวนมู  ห วงฮุ น และพวกนั ก เรี ย นจะอ อ นแอกว า แต พ วกเขามี
ประสบการณจากสวนแหงชีวิต ทำใหรูลักษณะนิสัยของสัตวโลหิต และที่สำคัญที่สุด
พวกเขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของอายฮุยอยางเต็มที่
ในขณะที่พวกยามนั้นไมเชื่อในคำเตือนของอายฮุย และมีปฏิกิริยาชาไปเล็กนอย
เมื่อรวมเขากลับการขาดประสบการณในการรับมือกับสัตวโลหิต เปนเหตุใหพวกเขา
ถูกทำราย
ทุกคนพุงตรงไปยังเมืองซงเจียนราวกับฝูงผึ้ง
บทที่ 136 กลับสูเมือง
ถึงแมวาพวกแมลงจะไดรับพิษโลหิตและเกิดการเปลี่ยนแปลงอันนาตื่นตระหนก
แตอยางไรแมลงก็คือแมลงอยูดี แมจะเคลื่อนไหวไดเร็วราวสายฟา ทวาพวกมันก็ไม
สามารถเคลื่อนไหวเร็วแบบนั้นไดเปนระยะทางไกล อายฮุยกับเพื่อนนักเรียนวิ่ งสุด
ฝเทาและสามารถหลบหนีฝูงแมลงไดในที่สุด
สี่สิบกิโลเมตรไมนับวาเปนระยะทางไกล เมื่อชีวิตแขวนอยูบนเสนดาย ทุกคนก็วิ่ง
สุดฝเทาแมแตสาวนอยออนแอก็ยังสามารถวิ่งไดเร็วดุจสายฟา
เมื่อประตูเมืองซงเจียนปรากฏแกสายตา นักเรียนสวนใหญก็ลมลงกับพื้นรองไห
สะอึกสะอื้นดวยความยินดี
เมื่อมองไปที่ประตูเมืองที่มียามเฝาหนาแนน อายฮุยก็รูวามีบางสิ่งที่หนักหนา
สาหัสเกิดขึ้น ไมเชนนั้นประตูทางเขาคงไมมียามมากมายเชนนี้ ดูราวกับวาพวกเขา
เฝาระวังศัตรูที่กำลังจะบุกมา เขารูสึกกังวลขึ้นมา โหลวหลานจะปลอดภัยหรือไม
อาจารย อาจารยหญิง ศิษยพี่หมิงซิ่วก็นาจะปลอดภัยเชนกันใชหรือไม
ในวันที่เขากลับมา ก็ไดบินผานเมืองซงเจียน เห็นวาดูเงียบสงบเชนเคย เขาสัมผัส
ไดถึงสันติสุข แมวาเขาเพิ่งจะเอาชีวิตรอดผานความตายมาไดก็ตาม แตตอนนี้เขาเปน
กังวลเมื่อไดเห็นการปองกันที่เพิ่มขึ้นอยางมาก
เขามีผูคนมากมายใหหวงใย
อายฮุยหัวเราะเยาะตัวเอง เมื่อกอนเขาโดดเดี่ยวอยูตัวคนเดียวบนโลกไมมีสิ่งใด
เหนี่ยวรั้งเอาไว หากเขาเปนอะไรตาย ก็ไมแมแตจะกังวลวาจะมีใครฝงศพเขาหรือไม
เขาแบกรับความกดดันเอาไวไดแมวาฟาจะถลมลงมา
เมื่อเจาอวนเห็นวาปลอดภัยแลวก็เริ่มเคี้ยวตังเมอยางไมสนใจใคร เมื่อไดยินเสียง
ขบเคี้ยวอันคุนเคย อายฮุยก็สายหนาอยางชวยไมได เจาอวนไมเคยยอมเสียเวลา
แมแตนอย
เจาอวนไดชวยชีวิตเขาไวอีกครั้ง เปนหนี้ที่เกินกวาจะนับไหว
ตองขอบคุณสวรรคที่พวกเขามีตวนมูหวงฮุนที่ใครๆ ก็รูจักมาดวย พวกยามจดจำ
เขาไดดวยการมองแคแวบเดียวและปลอยใหพวกนักเรียนผานไปอยางรวดเร็ว
เมื่อกลับสูเมืองซงเจียนที่คุนเคย ทุกคนก็ผอนคลายในที่สุด หลังจากหลบหนี
ความตายมาไดเปนครั้งที่สอง พวกเขาก็ไมแสรงเปนหาวหาญอีกตอไป สวนใหญเริ่ม
หลั่งน้ำตาออกมา พรอมใจกันสะอื้นไหอยางเงียบงัน มีแตทำเชนนี้จึงจะปลดปลอย
ความกลัวออกจากใจได มีแตทำเชนนี้จึงทำใหพวกเขาสงบลงจากความคิดถึงบาน พอ
แมและครอบครัวที่พวกเขาคิดถึง
อายฮุยมองไปที่พวกนักเรียนคนอยางเงียบงัน เขาถอนหายใจออกมาเล็กนอย
พวกเขาเปนเพียงแคเด็กกลุมหนึ่งเทานั้น
เขาลืมไปแลววาตัวเขาเองก็ไมไดแกไปกวาคนพวกนี้เทาไร
เจาอวนหยุดเคี้ยวลูกอมในปาก เขารูสึกงุนงงเล็กนอยเพราะทุกคนกำลังรองไห
สะอึกสะอืน้
ยังมีพวกที่มีอารมณมั่นคงกวาเชนกัน นักเรียนชายรางผอมสูงเดินเขามาหาอายฮุย
และกลาวดวยความจริงใจวา “อายฮุย ขอบคุณเจามาก หากไมใชเพราะเจา พวกเรา
ทั้งหมดคงไมอาจกลับถึงบานได ขาชื่อเจียงเหวยไดโปรดบอกขาหากเจาตองการการ
ชวยเหลือใดๆ ในอนาคต โปรดอยาไดเกรงใจ”
ชื่อของเขานั้นตั้งตามชื่อของขุนพลในอดีต เขาเปนนักเรียนในหองของเจาอวน
และมีความสามารถไมเลว เขามีธาตุทองเชนเดียวกับอายฮุย มีความสามารถพิเศษใน
การยิงธนู อายฮุยเคยเห็นเขายิงมากอน เขาก็ทำไดดีทีเดียว
อายฮุยตอบอยางไมเกรงใจวา “ไมตองหวง ขาจะไมเกรงใจแนหากขามีอะไรให
เจาชวย”
เจีย งเหวยหัว เราะออกมาอยางจริ งใจ เขารู  สึ ก ชื ่ น ชอบอ า ยฮุ ย คิ ดว า เขาไม
วางมาดและไมใชพวกเสแสรง
ทันใดนั้นผูคนมากมาก็เดินเขามาขอบคุณอายฮุยสำหรับคำเตือนที่ทำใหพวกเขา
สามารถฝาความตายมาไดอยางเฉียดฉิวถึงสองหน หากไมมีอายฮุยคงไมมีใครรอดชีวิต
กลับมาบานไดอยางแนนอน
หากมีแคเจียงเหวยคนเดียว อายฮุยยังคงรักษาทาทีเปนปกติไวได แตเมื่อมีผคู น
มากมายตอแถวเขามาขอบคุณเขา อายฮุยก็รูสึกเงอะงะขึ้นมา นี่เปนครั้งแรกที่เขาตก
อยูในภาวะเชนนี้
ตวนมูหวงฮุนที่ยืนอยูดานขางพูดอยางริษยาวา “หากพวกเจารูสึกขอบคุณเขา
มากนัก ทำไมไมมอบเงินใหเขาไปเลา”
อายฮุยสงสายตาตื่นตะลึงไปทางเจาคนเนรคุณ หมอนี่คาดเดาความคิดของอายฮุย
อยางนั้นหรือ แถมยังเดาถูกอีกตางหาก
“เจาพูดแบบนั้นไดอยางไร นักเรียนตวนมู” หญิงสาวคนหนึ่งกลาวอยางโกรธเคือง
นางยืนขึ้นกลาวตอ “นักเรียนอายฮุยจะเปนคนเชนนั้นไดอยางไร”
อายฮุยเกือบจะพูดออกไปกวา “เปน ขาเปนคนเชนนั้นแหละ”
“นักเรียนตวนมู เจาดูถูกนักเรียนอายฮุยเชนนี้ไดอยางไร” นักเรียนหญิงอีกคนยืน
ขึ้นประทวงความไมยุติธรรม
ตวนมูหวงฮุนรูสึกผิดเปนและสงสารตัวเองเปนอยางมาก เขาอยากจะกลาววา “ก็
เปนเชนนั้นไมใชหรือ ไมเชื่อก็ลองถามเขาดูเองสิ” แตเมื่อมองเห็นสีหนาโกรธเคือง
ของทุกคนแลว เขาก็ทำไดแคพดู วาเขาลอเลนเทานั้น มีแตทำเชนนี้จึงจะคลายความ
โกรธเคืองของทุกคนได
แนนอน ทุกคนควรจะขอบคุณตวนมูหวงฮุนดวย
[บุบผาเขียวขจี] ของตวนมูหวงฮุนชวยชีวิตของพวกเขาไวหลายคน
คำพูดที่คาปากของอายฮุยอยูถูกกลืนกลับเขาไปอยางแข็งขืน และเมื่อคิดย้ำอีกครั้ง
เขาก็รูสึกวามันไมถูกตอง เห็นไดชัดวาเจาเนรคุณนี้รูดีวาการมอบเงินตอบแทนบุญคุณ
นั้นหมายความวาอยางไร คำสัญญาที่จะตอบแทนดวยเงินกอนหนานี้ยอ มหมายถึงการ
ดูถูกเขา
ไอคนเนรคุณ!
สายตาที่อายฮุยมองไปยังตวนมูหวงฮุนเริ่มไมเปนมิตรมากขึ้น อันที่จริงแลวมัน
เปนการเยยหยันเลยทีเดียว
หลังจากอยูอยางสันติมานาน พวกเขาตองการเวลาเพิ่มเพื่อที่จะรับมืออันตราย
โชคไมดีที่ในยามวิกฤตเชนนี้ เวลาเปนสิ่งที่ขาดแคลนที่สุด
อายฮุยสายหนา เขาก็เปนคนที่ไมมีความสำคัญอะไร เรื่องใหญพวกนี้ไมมีอะไร
เกี่ยวของกับเขา สิ่งที่เกี่ยวของกับเขาก็คือหาบะหมี่ชามใหญมากิน
เขาพาเจาอวนกลับไปที่โรงฝก ยังไมไดเขาประตูไปดวยซ้ำกอนอายฮุยตะโกน
ออกมาสุดเสียงวา “โหลวหลาน ขากลับมาแลว!”
โหลวหลานที่กำลังกวาดพื้นโรงฝกหยุดมือและหันหนาไปมองอายฮุยดวยความ
ประหลาดใจและกลาววา “ยินดีตอนรับกลับบาน อายฮุย!”
“นี่คือเฉียนไต เรียกวาเจาอวนก็ได เขาเปนเพื่อนตายของขา” อายฮุยดึงเจาอวน
ออกมาแนะนำตัว และหันไปมองเจาอวนดวยความภาคภูมิ
“นี่คือโหลวหลาน ตุกตาทรายของขา”
โหลวหลานเปลี่ยนรางเสียงดังปงเปนตัวหนังสือคำวา “ยินดีตอนรับ เจาอวน”
“โอโฮ นาสนใจ” เจาอวนยิ้มจนหนายน เขาวิ่งออกไปอยางตื่นเตนและกลาววา
“กินตังเมสิโหลวหลาน เจาเปลี่ยนรางอีกไดหรือไม”
โหลวหลานควาตังเมโยนเขาไปในปาก ขบเคี้ยวเสียงดังแจบๆ เหมือนกับเจาอวน
ไมผิดเพี้ยน “มีสวนผสมของขาวสาลี แลวโหลวหลานควรเปลี่ยนรางเปนอะไรดีละ”
เปลี่ยนเปนอะไรดีนะ เจาอวนขมวดคิ้วครุนคิด
“แปลงรางเปนผาพันแผลทองเสียสิ” อายฮุยพูดขัดขึ้นมา เขาโยนสิ่งที่ยากที่สุดที่
เขาคิดไมออกระหวางเดินทางไปใหโหลวหลาน
“ผาพันแผลทองเสีย.....”
โหลวหลานกับเจาอวนมีสีหนางุนงง
เมื่อทำเรื่องชั่วรายสำเร็จแลว อายฮุยก็ประกาศวาเขาจะไปยังโรงเย็บปกและจาก
ไปอยางรวดเร็ว
ที่โรงเย็บปก เขาพบวาศิษยพี่หมิงซิ่วกับอาจารยหญิงยังอยูดีมีสุข และยิ่งประหลาดใจ
เมื่อเห็นวาอาจารยของเขาก็อยูที่นี่ดวย อาจารยดูแกขึ้นมากและอาจารยหญิงก็ดู
ออนแอลงเชนกัน อายฮุยรูสึกตื้นตันใจ เขารูดีวาพวกทานเปนหวงเขา
เมื่อมองเห็นอายฮุย ทุกคนก็ตื่นเตนดีใจ โดยเฉพาะอยางยิ่งทานอาจารยที่ ดู
ตื่นเตนยินดีราวกับเด็กนอย
กวาพวกเขาจะกลับคืนสูความสงบจากความสุขที่ไดพบหนากันอีกครั้งก็ผานไป
นานพอควร
อายฮุยบอกเลาสิ่งที่เขาไดพบเจอมาอยางละเอียด
หวังโสวชวนถอนหายใจกลาววา “มันยากที่จะเชื่อวาจะมีพิษโลหิตแบบนี้อยูบน
โลก ผูใชพลังธาตุไมแบบใดกันที่สรางมันขึ้นมา ครั้งนี้จะตองเปนเรื่องวุนวายอยางมาก
เปนแน เจาไมควรออกไปขางนอกและอยูแตภายในเมือง อยางนอยโรงเรียนซงเจียนก็
อยูนี่ ดวยความแข็งแกรงของบรรดาอาจารย ขาจะวางใจไดมากกวา”
ศิษยพี่หมิงซิ่วบอกเลาเรื่องราวอยางไมเรงรีบและอายฮุยก็ไดเรียนรูวาเกิดอะไร
ขึ้นในชวงที่เขาไมอยู
ไมกี่วันกอนมีใครบางคนกลับมาพรอมกับโรคประหลาด หลังจากนำตัวอาจารยสวีแ่ ละ
ชุยเซียนจื่อไปตรวจ พวกเขาก็วินิจฉัยวาคนผูนั้นถูกพิษโลหิต หลังจากนั้นก็มีเหตุผูคน
ถูกพิษโลหิตเพิ่มขึ้นผิดไปจากความคาดหมายของพวกเขา มารูในภายหลังว า มั น
เกิดขึ้นจากหนูโลหิตฝูงหนึ่งที่เขามาในเมืองไดผานทางทอน้ำทิ้งเกาที่ไมใชแลว
โชคยังดีที่หนูโลหิตพวกนี้ยังไมเติบโตเต็มที่และไมแข็งแกรงนัก พวกมันจึงถูก
กำจัดอยางงายดาย แตก็มีคนตายไปไมนอยแลวในตอนนั้น
วิกฤตที่เมืองซงเจียนพบทำใหเกิดความตื่ นตระหนกขึ้น มาตรการฉุกเฉิ นถู ก
นำมาใชและคาดวาทั่วทั้งเมืองอาจอยูในอันตราย
คนที่ติดเชื้อถูกสงไปยังที่กักกันเพื่อเฝาสังเกต
อายฮุยเงียบงันไปอยางชวยไมไดหลังไดยินขาวคราว กอนหนานี้เขาคิดไวแลววา
หากมีการระบาดของพิษโลหิต สถานการณจะตองเลวรายอยางมาก เขาไมอยากเชื่อ
วาสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดจะเกิดขึ้นจริงๆ และมันไมไดเกิดในเมืองที่อยูใกลกับ สวน
แหงชีวิตหากแตเปนเมืองซงเจียน
หากเมืองซงเจียนยังเปนเชนนี้ เขาก็ไมอาจคาดหวังวาเมืองอื่นจะมีสถานการณที่
ดีกวานี้ได
พิษโลหิตชางนากลัวเกินไปแลว!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็คาดเดาไดวามันเปนเรื่องปกติสำหรับสนามเหนี่ยวนำที่จะมี
ปฏิกิริยาเชื่องชา มันเหมือนกับวาทุกคนยังคงหลงทางและไมรูวาจะทำอยางไรกับ
สถานการณนี้
สิ่งเดียวที่อาจารยหวงก็คืออายฮุย เขาสามารถปลอยวางมันไดก็เมื่อไดเห็นอายฮุย
กลับมาอยางปลอดภัย เขามั่นใจอยางมากวาในเมืองเปนสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ที่นี่มี
คนมากมายและอาจารยหลายทานที่มีวิชาลับขั้นสูงที่แตกตางกัน มันคงไมงายนักที่
สัตวโลหิตจะบุกเขามาในเมือง
อายฮุยไมขัดแยงแตตอบกลับไปวา “ศิษยมีความคิดบางอยางหลังจากหนีเอา
ชีวิตรอดมาได ศิษยรูสึกวาแผนรับมือเรื่องฉุกเฉินของศิษยยังบกพรอง ศิษยตองการ
เรียนรูกระบวนทาใหมๆ”
หวังโสวชวนเองก็คิดเชนนั่น ในขณะที่เขารูสึกวามันปลอดภัยกวาในเมือง ในเวลา
เชนนี้ กระบวนทาในการปองกันตัวสำคัญที่สุด ในอดีตเขาตองการใหอายฮุยเติบโต
อยางคอยเปนคอยไปแทนที่จะเรียนเคล็ดวิชาอยางรวดเร็ว แตตอนนี้สถานการณ
เปลี่ยนไปแลว เขาไมอาจคอยๆ เรียนตามสบายได
“อาจารยก็คิดเรื่องนี้เชนกัน เจาอยากเรียนกระบวนทาแบบใด”
อายฮุยตอบ “ศิษยอยากเรียนเพลงกระบี่”
“เพลงกระบี่” หวังโสวชวนไมรูสึกประหลาดใจแมแตนอย เขารูมานานแลววา
อายฮุยมีความสนใจดานกระบี่
เขาคิดครูหนึ่งกอนที่จะกลาววา “เคล็ดวิชากระบี่นั้นไดเสื่อมสลายไปนานมาก
แลว มีผูคนเพียงนอยนิดที่ฝกมัน จึงมีมรดกตกทอดมาสูคนรุนหลังเพียงนอยนิด แตก็
อาจพูดแบบเดียวกันนี้กับวิชาลับขั้นสูงไดเชนกัน ดังนั้นการสืบทอดจึงไมใชปญหา”
อายฮุยกำลังสับสนไมรูวาตองทำอยางไร วิชาที่เรียกวาเปนมรดกตกทอดนั้นมีสื่ง
ที่พิเศษเฉพาะ แตหากเปนเชนนั้น เขาตองละทิ้งตัวออนกระบี่ หากเปนกอนหนานี้
อายฮุยคงไมคิดลังเล แตตอนนี้ตัวออนกระบี่ไดพัฒนาขึ้นแลว ยิ่งไปกวานั้นมันคงนา
เสียดายหากเขาไมเอาพลังธาตุกระบี่ที่เปนของเขาโดยเฉพาะมาใชกับเพลงกระบี่
อาจารยหญิงพูดขึ้นพลางหัวเราะวา “ขามีมรดกขั้นสูง หากอายฮุยนอยตองการ
จะเรียน อาจารยหญิงจะสอนเจาทั้งหมดเลย”
ภาพของตัวเองปรากฏขึ้นในใจของอายฮุย เข็มแวววาวนับไมถวนรายรำรอบๆ
ตัวเขาในขณะที่เขาถือเข็มปกผาไว และเขาก็หันหนามาพรอมกับรอยยิ้มหวานแหวว
เห็นเชนนั้นแลวก็รูสึกเย็นเยือกและตัวสั่นอยางชวยไมได
เมื่อเห็นทาทางของอายฮุย ทุกคนก็หัวเราะออกมาอยางจริงใจ แมแตหันอวี้ฉินก็
ยังหัวเราะออกมาโดยไมมีความโกรธเคืองแมแตนอย
อายฮุยคิดอยางถี่ถวนและตัดสินใจ “ศิษยตองการที่จะฝกฝนเพลงกระบี่ตอไป”
หลังจากตัดสินใจเชนนั้น เขาก็รูสึกโลงใจอยางประหลาด เขามีตัวออนกระบี่อยู
ในกายและการฝกมันจำเปนตองกวัดแกวงกระบี่ พลังธาตุนั้นก็เปนสวนหนึ่งของพลัง
ธาตุกระบี่ ถาหากเขาไมคิดจะฝกเพลงกระบี่ตอไป แลวเขาจะไปฝกอะไรกัน
เขาไมใชพวกที่มีพรสวรรคเปยมลน หากโลภมากฝกวิชาหลากหลายในขณะที่
ตัวเองมีรากฐานที่ต่ำตอย ก็เหมือนกับการฆาตัวตายดีๆ นี่เอง
หวังโสวชวนกับหันอวี้ฉินมองตากันและพบรอยยิ้มที่หาไดยากยิ่งบนดวงตาของ
อีกฝายหนึ่ง
“อาจารยหญิงกับขาคาดเดาเรื่องนี้ไดนานแลว” หวังโสวชวนไมปดบังความรูสึก
เห็นชอบและหัวเราะออกมา
“ทุก สิ่งที่เจา ประสบมาลวนเกี่ ย วข องกั บ กระบี ่ อาจารย ห ญิ งกั บข า ก็ ลวนมี
ความรูสึกวาเจาควรที่จะฝกเพลงกระบี่”
“เคล็ดวิชากระบี่เสื่อมโทรมแลวจะทำไม” หันอวี้ฉินกลาวตออยางทะนงตน
“อาจารยหญิงไมใชบัญญัติวิชาเย็บปกขึ้นดวยตัวเองหรอกหรือ บางทีอายฮุยนอยอาจ
เปนสุดยอดปรมาจารยเพลงกระบี่คนแรกในอนาคตก็เปนได”
หมิงซิ่วหยิบกลองไมออกมาและพูดดวยรอยยิ้มวา “อาจารยและอาจารยหญิง
ดูแลสิ่งนี้มาเนิ่นนานแลว ศิษยนอง รีบเปดกลองดูสิ”
ทันใดนั้น ความรูสึกอบอุนที่อายฮุยไมเคยรูสึกมากอนก็ทวมทนจิตใจของเขา และ
เขาก็รูสึกเหมือนถูกโจมตีโดยไมทันตั้งตัวดวยความรูสึกนั้น
บทที่ 137 เพื่อความร่ำรวย
ภายในกลองไมมีเม็ดยาสีเงินวางอยูบนผากำมะหยี่สีดำ
“นี่คือยาเม็ดกระบี่” หวังโสวชวนมองออกวานี่เปนครั้งแรกที่อายฮุยไดเห็นของสิง่
นี้ จึงอธิบายวา "ศิษยเอย เจานั้นคุ น เคยกับ คั มภี รก ระบี่โบราณ จึงควรมีความรู
เกี่ยวกับยาเม็ดกระบี่ อยางไรก็ตาม ยาเม็ดกระบี่นี้แตกตางอยางมากกับยาเม็ดกระบี่
ในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน ยาเม็ดกระบี่นี้เปนสิ่งที่ใชในการผนึกเพลงกระบี่ไว
ภายใน โดยใชทองคำเหลวที่ดีที่สุดจากทะเลหมอกเงินและวิชาพลิกตำหนักนภา ยา
เม็ดกระบี่สรางขึ้นโดยใชความรูเกี่ยวกับเพลงกระบี่อยูภายใน มรดกความรูชั้นสูงนั้น
มีหลายสิ่งที่ไมอาจบรรยายออกมาเปนคำพูดได ดังนั้นการใชยาเม็ดกระบี่นี้จะชวยให
นักเรียนในอนาคตสามารถรับรูถึงสิ่งเหลานั้นได วิชาพลิกตำหนักนภานั้นสามารถ
เรียนไดจากคัมภีรซี่ไมไผโบราณ และกระบวนทาพลังธาตุทองจำนวนมากก็ถูกผนึกไว
ดวยวิธีการนี้
ครึ่งแรกของขอความทำใหอายฮุยงงงัน
เขารูจักทะเลหมอกเงิน มันเปนสวนหนึ่งของอูสิงเทียนและเปนดินแดนของผูใช
พลังธาตุทอง ถึงแมวาเขาจะไมรูวาพลิกตำหนักนภาคืออะไรแตมันก็ฟงดูนาสนใจ
แตเมื่อเขาไดยินคำวา “คัมภีรซี่ไมไผ” อายฮุยก็เขาใจไดในทันที
คัมภีรกระบี่สวนใหญถูกบันทึกไวในคัมภีรซี่ไมไผและอายฮุยก็เคยเห็นมาแลวเปน
จำนวนนับไมถวน ในตอนนี้คัมภีรซี่ไมไผลวนผุพังเสียหาย เขาคาดเดาวามันคงจะ
เสื่อมสลายไปสิ้นภายในศตวรรษหนา
ในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน คัมภีรซี่ไมไผจะมีอายุการใชนานไดนานนับหมื่นป
หวังโสวชวนใหคำแนะนำ “วางยาเม็ดกระบี่ไวบนมือของเจาและสงพลังธาตุทอง
เขาไปขางใน”
อายฮุยก็ทำตามคำสั่ง เขาหยิบยาเม็ดกระบี่สีเงินออกจากกลองไมและวางมันไวที่
ใจกลางฝามือ ยาเม็ดกระบี่ไมใหญมากนัก มันใหญกวายาเม็ดทั่วไปเพียงเล็กนอย
อายฮุยถายพลังธาตุทองเขาไปอยางระมัดระวัง
เสนแสงเรืองรองพลันฉายออกมาจากยาเม็ดกระบี่บนมือของเขา ภายในแสนแสง
นั้น มีเงารางที่กะพริบอยางตอเนื่อง กำลังถือกระบี่แสดงกระบวนทาออกมา เหมือน
แสดงไฟกะพริบและภาพเงาเคลื่อนผานซึ่งหายไปอยางรวดเร็วเชนเดียวกับตอนที่มัน
ปรากฏขึ้น
อายฮุยมุงความสนใจไปที่เงานั้นในทันใด
การเคลื่อนไหวของเงารางนั้นรวดเร็วปานสายฟา และมันทำใหเขางุนงงสับสน
ทันใดนั้นกระบวนทาที่เหี้ยมโหดก็โจมตีเขามาที่จุดกึ่งกลางระหวางคิ้วของเขา
อายฮุยกระโดดโหยงดวยความตกใจ แตเขาก็เปลี่ยนเปนรูสึกยินดีอยางมากในไมชา
เขาเคยเห็นคัมภีรก ระบี่มามากมายแต ก ารตี ความที ่ ถู ก ต องนั ้ น ได สู ญ สิ ้ นไปตาม
กาลเวลาหมดแลว เขาทำไดเพียงสรางกระบวนทาขึ้นตามคำอธิบายและภาพประกอบ
เทานั้น
เขาถามขึ้นดวยน้ำเสียงกระวนกระวาย “อาจารย นี่เปนเพลงกระบี่อะไรกัน”
หวังโสวชวนและหันอวี้ฉินหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหนากระวนกระวายของอายฮุย
อายฮุยปกติแลวจะดูเปนผูใหญเกินวัย จึงเปนการยากที่จะไดเห็นความเปนเด็กของ
เขา แมวาทั้งคูจะชื่นชอบความแนวแนเปนผูใหญของอายฮุย แตก็ตองการจะเห็นชาย
หนุมใชชีวิตอยางวัยรุนทั่วไมตองกังวลอะไรใหมากนัก สำหรับพวกเขาแลว ชวงวัย
เยาวเปนเวลาที่ดีที่สุด
“มันไมมีชื่อหรอก เปนกระบวนทาที่ไมเกี่ยวของกันสามทา” หวังโสวชวนตอบ
ดวยความเอ็นดู
“เพื่อ นเกา คนหนึ ่ งของขา ทิ้ ง เอาไว เขาชื ่ อ ว า เฉิ งโหรว เป น ผู  มี พ รสวรรค
ประหลาดที่มีความสนใจหลากหลาย จับๆ จดๆ ไปกับทุกสิ่งอยาง เขาเปนผูใชพลัง
ธาตุสมบูรณที่ห าไดยาก มีพ ลังธาตุ ครบทั้ งหา การจะฝ ก จนได เป น ผู ใช พลังธาตุ
สมบูรณเปนการยากมาก แตเขาก็เปนผูมีพรสวรรคและมีใจรักในการศึกษา ตราบใดที่
เขาใสใจจะทำ เขาก็สามารถเชี่ยวชาญในสิ่งนั้นได ทวาเขาไมมีความสนใจที่ยาวนาน
พอดวยนิสัยที่ปลอยตัวตามสบาย มีชวงเวลาหนึ่งที่เขาสนใจในเพลงกระบี่และบอกกับ
ขาวาเขาตองการจะประดิษฐเพลงกระบี่ขึ้นชุดหนึ่ง”
อายฮุยและหมิงซิ่วใหความสนใจอยางมากประหนึ่งวากำลังไดฟงนิทาน
เมื่อนึกยอนไปในอดีตหวังโสวชวนก็ถอนหายใจออกมาและกลาวตอ
“เขาใชเวลาเจ็ดวันสรางเพลงกระบี่ขึ้นมาไดสามกระบวนทา ขาไดเห็นวาเขาทำ
มันอยางไร เขาชางเปยมไปดวยพรสวรรคอันนาทึ่ง จนทุกวันนี้ขาก็ยังไมเคยเห็นใครที่
เหนือล้ำไปกวาเขา”
หันอวี้ฉินพนลมออกมาอยางเย็นชา “ชางนาเศราที่เขาทำใหพรสวรรคสูญเปลา
อายฮุยนอย อยาไดทำตามอยางเขา รูไปทุกอยางแตไมชำนาญสักอยางเดียว”
อายฮุยคิดกับตัวเองวาผูอาวุโสเฉิงโหรวผูนี้ตองเคยลวงเกินอาจารยหญิงมากอน
เปนแน แมวาเขามีความคิดเชนนี้แตอาจารยหญิงก็กลาวไดถูกตองและอายฮุยก็เห็น
ดวยสุดหัวใจ แมวาเฉิงโหรวจะดื้อรั้นแตเขาก็ยังคงเปนผูมีพรสวรรคในขณะที่อายฮุย
เปนเพียงเด็กนอยทั่วไป เขาตองใชความพยายามแทบตายกวาเขาจะทำสิ่งใดสิ่งหนึง่
ใหกาวหนาขึ้นมาได
หวังโสวชวนหัวเราะออกมาไมโตเถียงอะไร กลาวตอไปวา “หลังจากผานไปสาม
กระบวนทา เขาก็บอกวาความคิดสรางสรรคและแรงบันดาลใจของเขานั้นหมดลงแลว
และยุติก ารคิดคนลงเพีย งเทา นั้น สามกระบวนท า นี ้ ก ระจั ดกระจายเกิ นกวาจะ
จัดระบบระเบียบไดและไมอาจถายทอดใหกับคนรุนตอไปได ดังนั้นเขาจึงโยนมัน
ใหกับขา”
“หึ แลวเจาก็ทำราวกับวามันเปนสมบัติล้ำคา ทั้งที่เปนแคขยะของคนอื่น” หันอวี้ฉิน
สงเสียงเยยหยันอยางเย็นเยียบอีกครั้ง
ในตอนนี้อายฮุยมั่นใจเต็มเปยมวาผูอาวุโสเฉิงโหรวตองเคยลวงเกินอาจารยหญิง
อยางแนนอนและเปนการลวงเกินครั้งใหญอีกดวย
ก็เชนเคย หวังโสวชวนไมไดโกรธ เขาเพียงหัวเราะออกมาและกลาวตอ
“ขาไมเคยคาดคิดเลยวาขาจะไดนำมันออกมาอีกครั้ง แมวาทั้งสามทานี้จะกระจัด
กระจาย แตผลของแตละทาก็ยังถือวาดีไมนอย มันถูกประดิษฐขึ้นอยางละเอี ย ด
ซับซอนและเหมาะสมกับเจาที่จะเรียนรู จงรับไปและคอยๆ ทำการศึกษาวิเคราะห
เรียนรูใหมากที่สุดเทาที่จะมากได การใชงานยาเม็ดกระบี่นั้นงายมาก เหมือนกับที่เจา
ทำเมื่อครูนี้ แคถายทอดพลังธาตุเขาไปในยาเม็ดกระบี่ เจาก็จะเห็นภาพที่บันทึกไวได
เมื่อเจาคุนเคยกับทวงทา ความเร็ว และการเคลื่อนไหวของกระบวนทาดีแลว ให
วางยาเม็ดกระบี่ไวตรงตำหนักนภาที่หวางคิ้วของเจา เจตจำนงที่ถูกผนึกไวในยาเม็ด
กระบี่จะเผยออกมาสูจิตใจของเจา และเจาจะไดรับรูถึงความหมายที่แทจริงของ
กระบวนทา จงจำไวใหดี เจาตองเชี่ยวชาญในการใชกระบวนทากอนทำเชนนั้น เมื่อใด
ก็ตามที่ผนึกถูกเปดออก เจตจำนงที่แทจริงจะถูกปลอยออกมาเพียงระยะเวลาสั้นๆ
เทานั้น”
“ขอบคุณอาจารย!” อายฮุยวางยาเม็ดกระบี่ลงกลองอยางระมัดระวัง
ทุกคนยิ้มออกมาอยางชวยไมไดเมื่อเห็นอายฮุยมองมันราวกับเปนของวิเศษ
“ศิษยนองมีโชคไมนอยในชวงนี้” ศิษยพี่หมิงซิ่วกลาวพรอมรอยยิ้ม
“ความเสียหายที่เกิดจากสัตวโลหิตทำใหเกิดสถานการณเลวราย ลูกธนูขนกระตาย
ของศิษยนองทำหนาที่ไดเปนอยางดี และเปนที่ยอมรับโดยทั่วไปวามีประสิทธิภาพใน
การรับมือกับสัตวโลหิต ลูกธนูขนกระตายที่มีอยูในรานของผูจัดการหลี่ลวนถูกขาย
ออกไปจนหมดสิ้น ราคาดอกละสองหมื่นหยวนเทียบไมไดกับราคาขายตอในตลาดที่
สามหมื่นหยวน อยางไรเสีย การขายเปนจำนวนมากก็สรางกำไรไมนอย ผูจัดการหลี่
นั้นทำงานเปนเกลียวหัวเปนนอต ใชเวลาวันแลววันเลาผลิตลูกธนูขนกระตาย ขาคาด
เดาวาศิษยนองจะมีรายไดหลายลานหยวน”
อาจารยหญิงกลาวดวยความยินดี “ดีมาก ในที่สุดขาก็เห็นวาหนี้คาโรงงานมูลคา
แปดลานหยวนของขามีทาทีดีขึ้น”
อายฮุยรูสักอับอายเล็กนอย
ศิษยพี่หมิงซิ่วใหคำแนะนำวา “ศิษยนอง หลังจากนี้ลองไปดูที่รานผูจัดการหลี่สัก
หนอย เขารอเจาจนผมหงอกขาวแลว มีความตองการลูกธนูขนกระตายจำนวนมาก
เขากำลังกังวลถึงปญหาเกี่ยวกับขนกระตายอยู”
“ขาจะไปพบเขาหลังจากนี้” ดวงตาของอายฮุยตอนนี้เหมือนจะมีสัญลักษญเงิน
อันเล็กๆ จำนวนนับไมถวนบินวนอยู
เขาพลันนึกถึงเรื่องของผาพันแผลโลหิตขึ้นมาได จึงถามขึ้นในทันที “อาจารยหญิง
ทานยังจำเรื่องเกี่ยวกับผาพันแผลโลหิตไดหรือไม”
หันอวี้ฉินไมคิดวาอายฮุยจะเอยถึงผาพันแผลโลหิต และถามกลับไปอยางตะลึงงันวา
“มีอะไรเกิดขึ้นกับผาพันแผลโลหิตหรือ”
อายฮุยตอบอยางรวดเร็ววา “ไม ไมมีปญหาอะไร ขาแคสงสัยเกี่ยวกับวัตถุดิบ
ประหลาดที่ใชสรางมัน”
เขาตองการจะเก็บเรื่องที่ผาพันแผลโลหิตกลืนกินเลือดเนื้อสดๆ เอาไว ไมเชนนั้น
คนอื่นตองเปนกังวลอีกแน
หันอวี้ฉินขมวดคิ้วและครุนคิดกอนสายหนา “ขาจำไมไดเชนกัน มีคนมอบใหกับ
ขานานมาแลว ในตอนนั้นขาคิดวาวัตถุดิบนี้ชางพิเศษอยามาก ขาจึงเก็บมันเอาไว
เพราะขาไมเคยเห็นวัตถุแบบนี้มากอน”
อา ยฮุย รูสึก ผิดหวังอยูบ า ง แต เขาก็ ไม ป ระหลาดใจ เขาบอกให อ าจารยกับ
อาจารยหญิงดูแลตัวเองใหดีและพบวาอาจารยหญิงสงสายตาดูถูกกลับมาให เมื่อ
อาจารยหญิงดูแลโรงเย็บปกและมีศิษยพี่หมิงซิ่วผูที่แข็งแกรงเชนกันอยูดวย อายฮุย
เองก็รูสึกวาความเปนหวงของเขานั้นไมใชสิ่งที่จำเปนเลย
โรงเย็บปกนั้นยังคงยุงวุนวายเชนกาลกอน มันชางแตกตางอยางสิ้นเชิงกับโลก
ภายนอก
หลังจากออกจากโรงเย็บปก อายฮุยก็วิ่งตรงไปยังรานผูจัดการหลี่
เมื่อผูจัดการหลี่เห็นอายฮุย สายตาที่เขาใชมองอายฮุยนั้นเหมือนกับวาไดพบกับ
ญาติที่หางหายไปนาน “สวรรค พอหนุม ในที่สุดเจากลับมาแลว ขาไปที่โรงเย็บปก
สองสามครั้งแตพวกเขาบอกวาเจายังไมกลับมา พุทโธ จิตใจของขานั้นยุงเหยิงไปหมด
โลกนี้ชางสับสนวุนวายไปหมดในตอนนี้ แมวาเจาจะมีความสามารถโดดเดนเจาก็ตอง
ระวังตัวไวนะ อนาคตของพวกเรานั้นยังอีกยาวไกลและมีความร่ำรวยรออยู พวกเรา
ตองหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไมจำเปน”
น้ำเสียงของผูจัดการหลี่ตอนที่พูดใกลจะจบนั้นชางจริงใจและจริงจัง
อายฮุยมีทาทียินดีกลาววา “ถาเชนนั้นขาก็ตองพึ่งพาทานแลว ผูจัดการหลี่ ใน
การที่จะชวยขาหาเงิน”
เมื่อไดยินคำวาเงินดวงตาของผูจัดการหลี่ก็เปนประกาย “ขารอเจาอยูเลย ลูกธนู
ขนกระตา ยของเรานั้นขายที่ราคาสองหมื ่ น หยวนต อ ดอกในตอนนี ้ หลั งจากหั ก
คาใชจายในการผลิตแลว เรายังมีกำไรอยูที่หมื่นสี่พันหยวนตอดอก ทายซิวาเราขาย
ไดไปเทาไรแลว”
อายฮุยดวงตาเปนประกายเชนกัน ตอบวา “หารอย”
ผูจัดการหลี่มองไปทางอายฮุยดวยสายตาผิดหวัง
อายฮุยยินดียิ่งขึ้น “หนึ่งพัน”
“มีความมั่นใจหนอย! มั่นใจ! ความมั่นใจของเจาอยูที่ไหน ทำไมขาไมเห็นมันเลย”
ผูจัดการหลี่แสรงทำเปนไมพอใจ
อายฮุยตัวสั่น “หรือวาจะเปนสองพัน”
สีหนาของผูจัดการหลี่เปลี่ยนเปนภาคภูมิใจ ชูนิ้วมือขึ้นมาสามนิ้ว “สามพัน!”
ดวงตาของอายฮุยแทบถลนออกมา
“สามพัน!” ผูจัดการหลี่พูดน้ำลายกระเซ็น “เจารูหรือไมวาขาไมไดนอนมานาน
เพียงใดแลว เพราะวาเจาลูกธนูสามพันดอกนี้ ขาทำใหชีวิตตัวเองตองเสี่ยง ขาใชเวลา
ทั้งวันทั้งคืนไปกับมัน อนิจจา ชางเจ็บปวด โธ ชางเหนื่อยลา ขาละเหนื่อยจริงๆ จนขา
ไมอาจเหยียดหลังใหตรงได เจาคิดวามันงายนักหรือดวยอายุปูนนี้ พอหนุม ดูจาก
ความทุมเทที่ขาทำไป เปนไปไดหรือไมวา...”
ดวงตาของอายฮุยที่เกือบจะเดงออกมา พลันเปลี่ยนเปนระแวดระวังราวกับแมว
หิว โหยในยามค่ำ คืน มันเปนประกายวู บ วาบสี ท อง โดยไม รอให มี คำพู ด ใดของ
ผูจัดการหลี่ตามมา เขาขัดขึ้นในทันที “ไม! แบงเงินกัน! แบงเงินเดี๋ยวนี้!”
เขาตองไดเงินเจ็ดลานหยวนตอลูกธนูหนึ่งพันดอก สามพันดอกหมายถึงเงินยี่สิบ
เอ็ดลานหยวน
ยี่สิบเอ็ดลานหยวน!
มันเปนจำนวนที่เขาไมกลาคิดในอดีต กอนอื่นเขาตองชดใชคาโรงงานใหอาจารย
หญิงแปดลานหยวน เมื่อรวมกับคาใชจายอื่นๆ แลวเขาคิดวานาจะอยูที่สิบลานหยวน
เขาควรจะเหลือเงินอีกสิบเอ็ดลานหยวน โอสวรรค เงินเยอะเสียจริง ทำไมหัวใจ
เขาเตนเร็วเชนนี้....
“แบง! แบง! แบง!” ผูจัดการหลี่พยักหนาโดยไมพูดอะไรอีก เขาหยิบตั๋วแทนเงิน
ที่มีสัญลักษณของอูสิงเทียนพิมพอยูบนนั้นออกมา
ชางกาวหนาอะไรเชนนี้!
อายฮุยควาตั๋วแทนเงินนั้นมา เขาเคยเห็นผูคนใชมันมากอน แตนี่เปนครั้งแรกที่เขามี
เปนของตัวเอง ตั๋วนี้ไรชื่อดังนั้นอายฮุยตองแสดงความเปนเจาของ เขาถายพลังธาตุ
เขาไปอยางระมัดระวัง กระบี่สีเงินเลมเล็กก็ปรากฏขึ้นที่มุมขวาลางของตั๋วแทนเงิน
“โอ การฝกกระบี่ เจาก็มีรสนิยมนี่! ไมแปลกใจเลย ขารูสึกวาเจานั้นโดดเดน”
ผูจัดการหลี่ชื่นชมไมขาดปาก
ตั๋วแทนเงินสามารถจำแนกความแตกตางของพลังธาตุได และสรางสัญลักษณที่
ตางกันออกมา ลักษณะเฉพาะตัวของพลังธาตุของแตละคนนั้นจะตางกันออกไป ตาม
คุณลักษณะและการฝกฝนของแตละคน
อายฮุยจิตใจสั่นไหว จำนวนเงินที่ปรากฏบนหนาบัตรสีดำเปนจำนวนยี่สิบเอ็ดลาน
จริงๆ ดวย
เขาทำไดแลว! เขาทำไดแลว! เขาทำไดแลว!
ขนกระตายชางเปนชื่อที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ในพริบตาอายฮุยก็กลายเปนตื่นเตนอยางมาก เขาไมเคยมีเงินมากมายเชนนี้มากอน
“หลังจากที่ขาเรียนรูวาพอหนุมฝกกระบี่ ขาก็มองหากระบี่มาตลอด สิ่งดีๆ จะมา
พบคนที่รอคอย และในที่สุดขาก็สามารถหากระบี่ดีๆ ได เจาตองการลองดูหนอย
หรือไม นี่เปนกระบี่ที่ดีจริงๆ เมื่อโลกกำลังสับสนวุนวาย และไมมีกองทัพมาชวย
สนับสนุนเชนนี้แลวนั้น ชางอันตรายมากนัก”
ผูจัดการหลี่ยิ้มกวาง สีหนาของเขาในตอนนี้เปนตัวอยางของคำวาพอคาหนา
เลือดไดเปนอยางดี
บทที่ 138 เพลิงสันหลังมังกร
หลังจากจายหนี้ทั้งหมดที่ติดคางอาจารยหญิงและคำนวณดูแลว เขาเหลือเงิน
เพียงแคสองแสนหกหมื่นหยวน
แตดูจากสีหนาของผูจัดการหลี่แลว อายฮุยเดาไดวากระบี่นั้นตองไมธรรมดา
อยางแนนอน มิเชนนั้นเขาคงไมมีสีหนาทาทางดังนั้น หากจะบอกวาเขาไมสงสัยก็คง
จะเปนเรื่องโกหก อายฮุยเปนผูที่ผานการศึกมาไมนอยจึงรูดีวาการมีอาวุธดีๆ นั้น
สำคัญไฉน เขายังคงใชกระบี่ที่ยืมมาจากยามเฝาคฤหาสนหลังจากที่กระบี่ห ญาฟน
เลื่อยของเขานั้นแตกสลายไป
อายฮุยไมอาจฝนตัวเองไดอีกตอไปจึงกลาววา “อยาคิดหลอกขาดวยของธรรมดา
เชียว”
แมวาอาจารยกับอาจารยหญิงจะรูสึกวาสถานการณจะไมแยลง แตอายฮุยกลับ
ยังรูสึกกังวล การแพรระบาดของพิษโลหิตนั้นชางรุนแรงเกินไป และการตอบสนอง
ของสนามเหนี่ยวนำก็ชักชาจนเหลือเกิน อายฮุยมีลางสังหรณที่แมนยำถึงอันตราย
หลังจากดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยูในแดนรางมานาน
พวกแมลงติดพิษที่พวกเขาไดพบตอนวิ่งกลับมาที่เมืองนั้นมีแตทำใหอายฮุยรูสึก
กังวลมากขึ้น เมื่อลองคาดการณดูแลว มันขึ้นอยูกับเวลาเทานั้นกอนที่สัตวกินเนื้อ
ขนาดใหญจะเปลี่ยนรางเสร็จ สถานการณในตอนนั้นจะเลวรายกวานี้มากนัก
ในเนิ น ดิ น เสี ย งหอนของสั ต ว ร  า ยที ่ พ วกเขาได ย ิ น นั ้ น ดั ง พอที ่ จ ะสร า ง
แรงสั่นสะเทือน และความกลัวที่เกิดขึ้นก็ยังฝงอยูในจิตใจของเขา เขาไดพบอสูรแดน
รางมามากมายและทาทางนาเกรงขามของมันก็ไมมีผลอะไรกับเขา แตทวาเมื่อไดยิน
เสียงสัตวรายหอนอยูนอกเนินดิน เขากลับรูสึกหวาดกลัวขึ้นมาอยางที่สุด...
เขาไมรูวาจะมีใครในเมืองซงเจียนที่สามารถรับมือกับมันได
ยิ่งไปกวานั้นอายฮุยไมมีความหวังกับกองหนุนจากอูสิงเทียน มีเมืองมากมายใน
สนามเหนี่ยวนำ ใครจะไปสามารถชวยเหลือไดหมด
หากนี่เปนแผนสมคบคิด อายฮุยก็หวาดกลัวเจาของแผนการนี้อยางมาก
สนามเหนี่ยวนำเปนสถานที่ที่สงบสุขที่สุดจึงมีการปองกันต่ำที่สุด หากอูสิงเทียน
เปนสัตวรายขนาดใหญ เชนนั้นสนามเหนี่ยวนำก็เปนชวงทองอันออนนุม มันเปนพื้นที่
กวางใหญที่มีขอจำกัดเพียงเล็กนอย แมวามีผูใดกอปญหาขึ้น มันก็แทบไมสรางความ
สนใจใหกับผูมีอำนาจคนใดเลย สนามเหนี่ยวนำมีเพียงนักเรียนที่ออนแอกับอาจารยที่
ขาดประสบการณเทานั้น
สิบสามหนวยของอูสิงเทียนลวนมีที่ตั้งอยูใกลแนวรบติดแดนราง ดังนั้นการจะ
เดินทางมายังเมืองซงเจียนนั้นจำเปนตองใชเวลาระยะหนึ่ง
อา ยฮุย รูสึก เหมือ นมีเงามืดคื บ คลานเข า ปกคลุ มหั ว ใจของเขา ใครกั นที ่ คิ ด
แผนการเชนนี้ออกมาได เขาจะไดอะไรจากแผนการนี้
บุคคลที่นาสงสัยที่สุดอาจเปนอาจารยที่เสียสติ ที่คิดจะทรมานผูคนดวยแผนการ
อันรายกาจและกำจัดพวกเขาทิ้ง
เขาคาดเดาไปตางๆ นานา มีทั้งดีและราย แตเขาคิดวาคงตองใชเวลาอีกมากใน
การที่จะเอาคำทำนายเหลานั้นมาตัดสินสถานการณนี้ได ทุกคนคงตองมีชีวิตอยูในภัย
อันตราย กอนที่สิบสามหนวยจะมาชวยเหลือไวได เวลานั้นจะเปนชวงเวลาที่ยากเย็น
และสำคัญที่สุดที่จะตองผานไปใหได
พวกเขาจะตองผานอุปสรรคเหลานี้ไปใหไดเสียกอน
อายฮุยพยายามไมคิดถึงเรื่องเงิน เขาสามารถใชเงินไดก็ตอเมื่อเขามีชีวิตอยูใหใช
“แนนอนวามันไมใชกระบี่ธรรมดา” ผูจัดการหลี่ยิ้มดูราวกับพระสังกัจจายน
น้ำเสียงของอายฮุยก็เหมาะสมสำหรับศิษยมีครู คิดยอนกลับไปถึงตอนที่อายฮุยยืมเงิน
สองแสนเพื่อซื้อกระบี่หญา ดวงตาของผูจัดการหลี่ก็เกือบกระเดงหลุดออกจากเบา
ดวยความตกใจ นี่เปนครั้งแรกที่เขาเห็นศิษยที่มีสภาพยากจนขนแคนเชนนี้
ผูจัดการหลี่เดินเขาไปในหองดานขางและกลับออกมาพรอมกับกลองแคบยาว
สำหรับบรรจุกระบี่ในมือ
กลองกระบี่เปนสีดำสนิท มีลวดลายกระจับสีแดงกระจายตัวอยูดานบนของกลอง
ที่มุมทั้งสี่มีรูปของคางคาววาดไว อายฮุยมีความคุนเคยกับคัมภีรกระบี่เปนอยางดีและ
รูวารูปคางคาวเปนเปนสัญลักษณที่ใชในการประดับประดาซึ่งสามารถพบเห็นได
บอยๆ ในสมัยกอน มันหมายถึงโชคดี
เมื่อเปดกลองขึ้นมา กระบี่ยาวงดงามสามารถเห็นไดจากขางใน
มองแคแวบเดียวอายฮุยก็สามารถบอกไดเลยวามันงดงาม ลำตัวกระปสีดำไมมี
ความแวววาวและดูเหมือนเปนไมชนิดหนึ่ง มีแกวผลึกสีแดงเพลิงเล็กๆ เจ็ดเม็ดอยูบน
สันกระบี่ ดูเหมือนถูกหอหุมดวยทับทิมมีแดงสด ทั้งยังดูเหมือนกับกระดูกที่ยื่นออกมา
บนโหนกดานหลังของมังกรหลังกระบี่ ซึ่งเปนอสูรแดนรางในยุคโบราณ ทั้งสองดาน
ของกระบี่มีสีแดงเขมใหเห็นอยูจางๆ มันมีรูปคลื่นไมเปนระเบียบอยูที่สวนคมของ
กระบี่
ดวงตาของอายฮุยเปนประกายและเขาก็หยิบดาบออกมาอยางระมัดระวัง
“กระบี่เลมนี้มีชื่อวา เพลิงสันหลังมังกร มันถูกปลูกขึ้น!” ผูจัดการหลี่ประกาศ
“ถูกปลูกขึ้นหรือ” อายฮุยอุทาน
ผูจัดการหลี่ตอบดวยสีหนาพึงพอใจกับตัวเอง “ดูที่แกวผลึกสีแดงทั้งเจ็ดนั่นสิ มัน
เปนเศษสิ่งประดิษฐที่ตกขึ้นมาไดจากทะเลหมอกเงิน เปนเศษของกระบี่วิญญาณจาก
ยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน”
“เศษสิ่งประดิษฐอะไรกัน อยามาหลอกขาหนอยเลย” อายฮุยตอบกลับอยาดูถูก
“อยาทำเหมือนขาเปนคนโงเพียงเพราะขายังเด็ก มันก็แคขยะจากทะเลแลวทานยัง
จะพูดราวกับมันเปนของล้ำคา”
ใชแลว บางคนอาจเรียกมันวาสมบัติแหงทองทะเล แตคนสวนใหญเรียกมั นวา
ขยะแหงทะเล
ทะเลหมอกเงินเปนสวนหนึ่งของอูสิงเทียน รวมกับดินแดนของผูใชพลังธาตุทอง
ลวนถูกเรียกรวมกันวา ทะเลหมอกเงิ น ในความเปนจริ งแลว ทะเลหมอกเงิ น คื อ
แกนกลางของทะเลที่คนสรางขึ้น หรือเรียกอยางถูกตองวาเปนทะเลสาบเทียม มีมา
ตั้งแตชวงตนของการกอตั้งอูสิงเทียน
จุดประสงของการกอสรางทะเลหมอกเงินนั้นก็เพื่อขอความชวยเหลือจากผู ใช
พลังธาตุทอง
ในตอนนั้น พลังวิญญาณไดเริ่มสลายและเปนสิ่งที่หาไดยากยิ่ง ในขณะที่พลังธาตุ
ก็เพิ่งจะถูกคนพบ พวกผูเฒาก็มีความคิดโงๆ ขึ้นมาขอความชวยเหลือจากผูใชพลัง
ธาตุทอง พวกเขาขนเอากระบี่บินวิเศษที่ไรพลังวิญญาณแลวจำนวนนับไมถวนไปยัง
กลางหุบเขา
กระบี่บินวิเศษพวกนั้นสวนใหญถูกสรางขึ้นโดยผูใชพลังธาตุทอง เมื่อเวลาผานไป
พลังธาตุทองก็เริ่มแผกระจายออกและความหนาแนนของพลังธาตุทองก็เหมือ นกับ
หมอกสีเงิน ไมนานดานบนของหุบเขาก็ถูกปกคลุมไปดวยหมอกเงิน และนับแตนั้น
มันก็ถูกเรียกวาทะเลหมอกเงิน
นับตั้งแตเริ่มตนจนถึงตอนนี้ ทะเลหมอกเงินมีการขยายตัวออกไปอยางไมหยุดหยอน
มันยากจะบรรยายไดวาทะเลหมอกเงินขยายตัวไปมากเพียงใดแลว มันใหญกวาที่
เปนในอดีตมากและไมอาจมองหาสุดสิ้นสุดพบ เหตุนี้จึงเหมาะสมกับคำวา “ทะเล”
อยางมาก จนถึงตอนนี้ทุกๆปจะมีผูใชพลังธาตุจำนวนมากเดินลึกเขาไปในดินแดนเกา
เพื่อมองหาแดนสวรรคที่ไมมีใครรูจัก และพวกเขาก็จะจบลงดวยการนำเอากระบี่บิน
วิเศษที่ไมมีพลังวิญญาณอีกตอไปกลับมาจำนวนมาก กระบี่บินวิเศษนี้จะแผพลังธาตุ
ทองออกมาจำนวนมากเมื่อถูกหลอม
เมื่อแผพลังธาตุทองออกมา ภายนนอกของกระบี่บินวิเศษเหลานั้นก็จะผุกรอบ
พลังธาตุทองนั้นแข็งแรงและมีฤทธิ์กัดกรอน เมื่อเผชิญการกัดกรอนอยางตอเนื่องจาก
หมอกเงิน เปลือกนอกที่ผุกรอนของกระบี่บินวิเศษก็จะคอยๆ สสายกลายเปนผุยผง
แตมันก็จะมีชิ้นสวนบางอยางที่ยากจะถูกกัดกรอนโดยหมอกเงิน สิ่งเหลานั้นก็จะ
นอนกองอยูใตทะเลหมอกเงิน และถูกเรียกวากากทะเล พวกมันก็เหมือนกับตะกอนที่
ถูกทิ้งไวกนทะเลหมอกเงิน
กากทะเลนั้นมีความแปลกประหลาดแตกตางกันไปมากมาย และสวนใหญก็ไม
ทราบที่ม า สิ่งของที่ใชในการฝกตนในยุ คสมั ยแหงการบำเพ็ ญ ตนนั้ น มี ม ากมาย
หลากหลายและซับซอนอยางยิ่ง พวกมันถูกสรางขึ้นจากวัตถุดิบนานับชนิด ตอใหมี
ใครรูถึงตนกำเนิดของมัน แตกากทะเลก็ยังคงไรประโยชน เพราะการเสื่อมสลายของ
พลังวิญญาณ และการตื่นขึ้นของพลั งธาตุ วัตถุเหลานั้น ไดผานการเปลี ่ยนแปลง
คุณลักษณะไปอยางใหญหลวง
แตเมื่อคิดถึงการที่มันสามารถทนทานการกัดกรอนของหมอกเงินมาได กากทะเล
ยอมมีคุณสมบัติที่ไมธรรมดา ทุกเดือนจะมีการเปดทะเลหมอกเงิน เพื่อขจัดกากทะเล
จำนวนนี้ลงสูแมน้ำ สงผลใหมีคนกลุมหนึ่งตกเอากากทะเลพวกนี้ขึ้นมาจากแมน้ำเพื่อ
ขายหาเงินเลี้ยงชีพ
การใช ก ากทะเลก็ เ หมื อ นกั บ การพนั น หากใช ไ ด อ ย า งถู ก ต อ งเหมาะสมก็
เหมือนกับถูกรางวัล หากแตวาวัตถุที่พบเจอสวนใหญนั้นมีประโยชนใชสอยนอยมาก
ถึงแมวาผูจัดการหลี่จะถูกจับโกหกได เขาก็ไมละอายแมแตนอย แตกลับยกยออายฮุย
แทน “พอหนุม ชางเปนคนที่มีประสบการณและความรูกวางขวาง มันเปนความ
บังเอิญที่เพื่อนของขาไดเศษสิ่งประดิษฐ ไมสิ กากทะเลมาเจ็ดชิ้น ชางเปนจำนวนที่
เหมาะเจาะอะไรเชนนี้ พวกมันลวนมาจากตนกำเนิดเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ
นำมาเปนสรางอาวุธและฝงมันลงไปในตาดอกของตนปศาจจากปาไมจันทนสนธยา”
อายฮุยหัวเราะออกมาอยางเย็นเยียบ “แปลวาเขาตองการปลูกอาวุธหนักตัง้ แต
แรกอยูแลว แตมันกลับโตขึ้นมาเปนกระบี่โดยไมคาดคิด และเนื่องจากมีคนฝกกระบี่
ไมมากนัก รวมกับขอเท็จจริงที่วากระบี่นี้หนักเกินไป ทานจึงขายมันไมออก ขาพูดถูก
หรือไม”
เมื่อเขาไดยินตาเฒาหลี่พูดถึงตนปศาจจากปาไมจันทนสนธยา เขาก็รูวาความ
ตั้งใจแรกเริ่มของอีกฝายคือการสรางอาวุธหนัก เนื่องจากอาวุธที่ทำมาจากพืชพรรณ
กำลังเปนที่นิยมในปจจุบัน การใชพืชเปนตนกำเนิดเพื่อปลูกอาวุธขึ้นมา เปนขั้นตอน
มาตรฐานที่พบเห็นไดแพรหลาย
ผูจัดการหลี่ตอบอยางอับอายวา “ขาไมเคยขายมัน และขาก็คิดถึงเจาทันทีที่ได
เห็นมัน เจาใชกระบี่หญาฟนเลื่อยแลวรูสึกอยางไรบาง เพลิงสันหลังมังกรจะตอง
เหมาะกับเจาแนๆ!”
“ขาจะซื้อกระบี่นั่น” อายฮุยพูดออกมาตรงๆ
ผูจัดการลี่มีสีหนายินดีและยกนิ้วโปงขึ้น “ตองอยางนั้น! นี่สิจึงเรียกวาการกระทำ
ของศิษยมีอาจารย มันไมแพงแมแตนอย พอหนุม...”
โดยไมรอใหผูจัดการหลี่บอกราคา อายฮุยขัดขึ้นและกลาวเสียงเย็นเยียบ
“เฒาหลี่ ทานนับวาโชคดีในครั้งนี้ ขาเอาสวนแบงเพียงสามสวนในขณะที่ทานได
ไปเจ็ดสวน ขาไดไมถึงครึ่งของกำไรที่ทานไดมาใชหรือไม”
ผูจัดการหลี่รูสึกถึงลางรายไดหลังจากไดยินคำพูดของอายฮุย “แตเราตกลงกันไว
กอนแลว”
“ใชแลว เรามีขอตกลง” อายฮุยโบกมือและกลาวตอไป “ทานยังทำธุรกิจอยูใช
หรือไม มันยากนักที่จะผลิตขนกระตายออกมา หากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับขา อะไร
จะเกิดขึ้นกับธุรกิจของทาน ทานไมคิดจะลงทุนในความปลอดภัยของหุนสวนทาง
ธุรกิจหนอยหรือ หากทานไมตองการที่จะลงทุนก็คิดเสียวาขาไมไดพูดอะไร ขาจะจาย
ตามราคาที่ทานตั้งไว แตหากทานทำธุรกิจตอไป มันก็อาจมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นได”
เมื่อไดยินเชนนั้น ผูจัดการหลี่ก็แทบจะคุกเขาลงไป สีหนาเปยมไปดวยอารมณ
เขาตบหนาอกของตัวเองอยางจริงใจ “พอหนุม คำพูดของเจาชางโดนใจยิ่งนัก กระบี่
ดีคูควรแกผูกลา และมีแตผูกลาเชนพอหนุมที่คูควรกับกระบี่นี้ ขาคิดถึงเจาขึ้นมาทันที
ที่เห็นมัน มาสิ ถือกระบี่นี่ไว มันเปนเพียงการแสดงน้ำใจเล็กนอยของขา พอหนุม นี่
คือคำแนะนำจากพี่ใหญ ปลอดภัยไวกอน เราจะทำกำไรไดมากมายมหาศาลจากลูก
ธนูขนกระตาย เพื่อเห็นแกเงินจำนวนมหาศาล เจาตองดูแลตัวเองใหดีนะ”
เขาจะพูดอะไรไดอีก ผูจัดการหลี่แทบจะรองไหออกมาเมื่อพูดคำพูดพวกนั้น
ออกไป เขาคิดวาเขาจะเอาเปรียบอายฮุยได แตใครจะรูวาอายฮุยจะเจาเลหยิ่งกวา
เขาไมอาจจะทนการขูแบบนั้นได
ขอบคุณสวรรค เขาซื้อเพลิงสันหลังมังกรมาในราคาถูก กระบี่นั้นยากที่จะขายออก
กระบี่หนักอื่นๆ ยิ่งไมตองพูดถึง
แตเมื่อนึกถึงกำไรที่เขาจะได ผูจัดการหลี่ก็จิตใจแจมใสขึ้น เขานั้นเลอะเลือนไป
แลวจริงๆ เขาทำเรื่องผิดพลาดเชนนี้ไปไดอยางไร เขาตองทำใหไอเด็กนอยคนนี้พึง
พอใจสิถึงจะถูก!
ตอนนี้เขาเริ่มเขาใจดีขึ้นแลว แมวาอายฮุยจะเปนศิษยนองของหมิงซิ่ว แตเขาก็มี
วิธีการที่มีความยืดหยุนและรุกรานยิ่งกวา ทำใหเขารับมือไดยากกวามาก
เขาเคยคิดวาอายฮุยเปนมือใหม ไมรูเรื่องรูราววาเกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้ นั่นเปน
เรื่องโงเขลาสิ้นดี โชคยังดีที่เขาคนพบขอเท็จจริงนี้ไดเร็ว
“ถาอยางนั้นขาก็ขอรับกระบี่นี้ไปแลวกัน ขาจะไมลืมความหวังดีของทานเลย”
อายฮุยตบบาของผูจัดการหลี่และกลาวตอ “เฒาหลี่ ทานควรขบคิดใหมากในเรื่อง
ของการลงทุนอยางตอเนื่องนะ”
ผูจัดการหลี่เขาแทบทรุดเมื่อไดยินดังนั้น
ลงทุนอยางตอเนื่อง...
ขูกรรโชก นี่มันขูกรรโชกชัดๆ แลวอายฮุยก็พูดออกมาราวกับเปนเรื่องถูก ต อง
ชอบธรรมจนเขาไมอาจปฏิเสธได หมอนี่เปนศิษยของอาจารยจริงๆ หรือ ทำไมจึงไดมี
กลิ่นอายเหมือนนักเลงในตลาดเชนนี้
ดวงตาทั้งสองของเขามีน้ำตาเออขึ้นมาในขณะที่เขาพูดออกมา “ได ได ได ลงทุน
อยางตอเนื่อง ลงทุนอยางตอเนื่อง”
“เปนอยางไรบาง ทานยังมีขนกระตายเพียงพอหรือไม” อายฮุยเห็นวาบรรลุ
เปาหมายแลวก็ตัดสินใจจบงานที่นี่
ผูจัดกรหลี่สะดุงขึ้นมองไปทางอายฮุยอยางใจจดใจจอ “ใชเกือบหมดแลว ปญหา
หลักคือความยาวของขนกระตายไมเหมาะสม ขาเลยตองรอใหเจามาชวย”
อายฮุยคิดกอนที่จะตอบ "เตรียมรังไหมสนธยา สมุนไพร หมอตม และของอื่นๆ
ใหพรอม สงไปที่อยูของขา หลังจากนั้นก็สงคนไปรับขนกระตายทุกวัน
ผูจัดการหลี่รอฟงคำนี้จากอายฮุยมานานแลว และตอบในทันทีวา “ของพวกนั้น
เตรียมพรอมไวนานแลว ขาจะจัดสงไปเดี๋ยวนี้เลย”
อายฮุย “...”
บทที่ 139 เสียงกระบี่กำธรและอาวุธตางๆ
อายฮุยถือเพลิงสันหลังมังกรไวในมือดวยความยินดี
ชางเปนกระบี่ที่ดีอะไรเชนนี้!
กระบี่มีน้ำหนักประมาณสองรอยยี่สิบจิน* ตนปศาจจากปาไมจันทนสนธยาเปน
วัตถุดิบที่ใชในการสรางอาวุธหนัก มันมีความหนาแนนสูงที่สุด ดังนั้นกระบี่ที่งอกจาก
ไมชนิดนี้จึงมีน้ำหนักมากเปนพิเศษ หากอายฮุยยังพัฒนา [หนังทองแดง] ไมสำเร็จ
เขาอาจยกกระบี่นี้ดวยความยากลำบาก แมแตในตอนนี้เมื่อเขาพยายามจะเหวี่ยง
กระบี่เขาก็ยังรูสึกวามันหนักมาก
ถึงแมวาตัวกระบี่จะขาดความแหลมคม แตก็ยังสามารถใชทุบศัตรูไดเฉกเชน
กระบอง ทำลายกระดูกของศัตรูใหแตกหักไปได
ยอดไปเลย!
สำหรับอายฮุยแลวยิ่งอาวุธมีความรุนแรงเทาไรก็ยิ่งดีเทานั้น ทักษะของเขานั้นไม
ค อ ยเปน ระบบระเบีย บ ดั ง นั ้ น เขาจึ ง ไม อ าจใช อ าวุ ธ ที ่ จ ั ด ว า เป น อาวุ ธ ชั ้ นดี ที ่ มี
ประสิทธิภาพพิเศษไดจนถึงขีดสุด มีแตอาวุธหยาบ ๆ และธรรมดาจึงจะเหมาะสมกับ
เขาที่สุด
ยิ่งไปกวานั้น เขาไมตองจายอะไรเลยเพื่อใหไดเพลิงสันหลังมังกรมา
อาวุธที่ไดมาเปลาๆ ยอมเปนอาวุธที่ดีอยางไมตองสงสัย แมวามันจะเปนเพียง
กระบี่หญาก็ตาม
การเหวี่ยงกระบี่หนักสองรอยยี่สิบจินนั้นสรางเสียงหวดอากาศที่หนักและนากลัว
หากไมเห็นแกคนงานที่ตามหลังมา อายฮุยคงทดสอบกระบี่ไปเรียบรอยแลว เขา
ย้ำเตือนตัวเองเสมอวาตนเปนคนร่ำรวยแลว และคนร่ำรวยควรมีความประพฤติที่สงา
งาม
เมื่อผลักประตูโรงฝกออก จมูกของอายฮุยก็กระดิกกอนที่เขาจะพูดอะไรออกมา
ดวงตาก็พลันเบิกกวางขึ้น
กลิ่นอาหาร! น้ำแกงพลังธาตุ!
เมื่อ เรงรุดเขา ไปดา นในอา ยฮุ ย ก็ พ บเจ า อ ว นกำลั งเลี ย ก น ชามอยู  ทั น ใดนั้ น
ความคิดชั่วรายก็ทวมทนจิตใจ
แตเขาก็ยังไมไดระเบิดความโกรธออกไปในทันที ในทางกลับกันเขาสงยิ้มอยางชั่วราย
ใหกับเจาอวนและบันทึกเรื่องนี้ไวในใจ ถึงแมวาเจาอวนจะเปนเพื่อนของเขา แตไมมี
ทางที่เขาจะยอมใหเจาอวนมากินน้ำแกงพลังธาตุของเขาไปเปลาๆ
“อายฮุย” โหลวหลานเบิกตากวางเมื่อเห็นเขา
จากนั้นโหลวหลานก็เห็นคนงานดานหลังอายฮุยที่ กำลังหาบหมอใบใหญกับ
สมุนไพรมา แสงสีทองฉายวาบบนดวงตาของโหลวหลาน “หญาแสงราตรี น้ำโปงราก
สน หินไมไผ และตาปลาปอ ัน สมุ น ไพรเยอะแยะเลย อ า ยฮุ ย จะสาวไหมสนธยา
เชนนั้นหรือ”
อายฮุยไมรูสึกประหลาดใจกับความรอบรูของโหลวหลาน โหลวหลานมีทักษะ
ทางการแพทย ดังนั้นจึงไมแปลกอันใดที่เขาจะคุนเคยกับสมุนไพรชนิดตางๆ
“ใชแลว เจาก็รูเรื่องนี้ดวยเชนนั้นหรือ” อายฮุยบอกใหคนงานวางของลงใน
ขณะที่เขาพูดคุยกับโหลวหลาน
“โหลวหลานก็ไมรูลึกซึ้งนัก แตหลักการพื้นฐานลวนคลายคลึงกัน วาแตอายฮุย
สูตรนี้ยังไมดีพอนะ”
คนงานรูสึกไมพอใจที่ไดยินเชนนั้น “ไมดีพอ เปนไปไมได นี่เปนสูตรมาตรฐานที่
ใชในการแชรังไหมสนธยา”
“หุบปาก!” อายฮุยมองไปที่คนงานดวยสายตาไมเปนมิตร
อายฮุยลำเอียงเขาขางเพื่อนตัวเองเสมอและไมมีวันยอมใหใครพูดจาไมดีกับ
เพื่อนของเขา
โหลวหลานตอบอยา งซื่อ สัตย “หากปรั บ ปรุ งสั ดส ว นของส ว นผสม มั นจะมี
ประสิทธิภาพมากขึ้น”
คนงานอยากจะเถียงแตเขาพลันรูสึกถึงบางอยางที่หนักอึ้งบนบา เมื่อหันหนาไป
มองเขาก็พบหนาตาหมองคล้ำของอายฮุย และเพลิงสันหลังมังกรซึ่งจออยูที่คอของ
เขา ทำใหเขาไมกลาที่จะกลาวอะไรออกมาแมแตคำเดียว
อายฮุยมองไปที่เขากอนที่จะยกเพลิงสันหลังมังกรออกและพูดเบาๆ “วางของลง
ใหหมดแลวก็ไปซะ”
คนงานรูสึกเหมือนไดรับอภัยโทษและจากไปอยางเศราโศก
อายฮุยหันไปมองโหลวหลานพลางแยมยิ้ม “ถาอยางนั้นขายกสมุนไพรใหเจา
จัดการก็แลวกัน โหลวหลาน”
โหลวหลานมีความสุขอยางมากที่สามารถชวยเหลืออายฮุยได “ไมมีปญหา ให
เปนหนาที่โหลวหลานเถอะ”
แลวเขาก็เริ่มลงมือในทันที
ในตอนนี้เจาอวนไดดื่มน้ำแกงเสร็จแลวจึงมารวมกับพวกเขา “ขายังคงไมเขาใจ
วาเจาจะทำอะไร แตขาคิดวาโหลวหลานเปนตุกตาทรายที่ดีอยางแนนอน เจาไปซื้อมา
จากไหน ขาตองการจะซื้อสักตัวตอใหตองใชเงินทั้งหมดที่ขามีก็ตาม ยากนักที่จะได
เห็นตุกตาทรายดีๆ เชนนี้”
เห็นสีหนาดีใจของเจาอวน อายฮุยก็ยิ้มอยางเลือดเย็นอยูในใจแตพูดอยางใจดีวา
“น้ำแกงรสชาติเปนอยางไรบาง”
“อรอยมาก!” เจาอวนตาเปนประกาย “ขาไมเคยกินน้ำแกงที่ไหนอรอยขนาดนี้
มากอน นี่คือน้ำแกงพลังธาตุใชหรือไม มันชางยอดเยี่ยมจริงๆ รางกายขารูสึกอบอุน
ขึ้นทันทีที่กินคำแรก ถาหากขาไดกินน้ำแกงนี้ทุกวันละก็ ขาคงตายอยางหมดหวง”
กินน้ำแกงทุกวัน... อายฮุยรูสึกเคืองขึ้นมาทันทีจนตองแคนหัวเราะ “เจากลาคิด
ไดอยางไร โหลวหลานน้ำแกงราคาเทาไรนะ”
โหลวหลานเอียงคอและพูดวา “น้ำแกงนี่เรียกวาน้ำมันใตไฟ ซึ่งเหมาะสมกับคน
ที่มีพลังธาตุไฟ ตนทุนวัตถุดิบในการตมน้ำ แกงนี ้คือหนึ่ งแสนเจ็ ดหมื่ นยวน มันมี
ประโยชนตอการฝกของเขาอยางมาก”
หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นหยวน....
ใบหนาของอายฮุยแข็งกระดาง รูสึกผิดที่เขาไมไดเตือนโหลวหลานเรื่องนี้กอน
ออกไป โหลวหลานนั้นใสซื่อเกินไป
เจาอวนเลียปากเพื่อซึมซับรสชาติของน้ำแกง “ไมแปลกเลยที่มันรสชาติเยี่ยม
ชางเปนความอรอยที่ราคาแพงจริงๆ อรอยมาก!”
เห็นสีหนานารำคาญของเจาอวน ดวงตาของอายฮุยก็เย็นเยือก
“เจาเปนหนี้เพิ่มอีกหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นหยวน เจาไมไดยินที่โหลวหลานพู ดหรือ
อยางไร เร็วเขาเริ่มฝกไดแลว เจาเพิ่งฝก [ยางกาวผีเสื้อลายบุหงัน] สำเร็จไปใชไหม
เชนนั้นขั้นตอไปก็ [ยางกาวบุปผาเริงระบำ] เจานาจะมีแรงทำไดหารอยรอบเพราะเจา
เพิ่มกินน้ำแกงเขาไป”
“หารอยรอบ” ดวงตาของเจาอวนเบิกกวางราวกับเพิ่งไดรับฟงขาวรายมา
“ไมพอหรือ” รอยยิ้มอบอุนปรากฏขึ้นบนหนาของอายฮุย “เพิ่มอีกสองรอยรอบ
ก็แลวกัน”
“ฝก [ยางกาวบุบผาเริงระบำ] เจ็ดรอยรอบ ขาคิดวานั่นไมเพียงพอที่จะทำใหเขา
ดูดซับน้ำแกงไดทั้งหมดหรอก” โหลวหลานพูดดวยความซื่อสัตย
“แลวถาเการอยเลา เออ เอาแบบนี้แลวกันรวบยอดเปนหนึ่งพันรอบเลยดีกวา”
อายฮุยถามโหลวหลานดวยไปหนายิ้มแยม
“นาจะประมาณนั้น” โหลวหลานพยักหนา
อายฮุยสังเกตเห็นขาที่สั่นเทาของเจาอวนแลวก็ยิ้มอยางเลือดเย็นอยูในใจ ทวา
แสดงใบหนาที่ดูเปนมิตร “ถาหากฝกไมครบเลา โหลวหลาน เรามีวิธีลงโทษที่ไมเปน
อันตรายตอรางกายแตยังใชงานไดดีหรือไม”
โหลวหลานเอียงคอคิดอยูครูหนึ่งและกลาววา “อายฮุยหมายถึงการลงโทษทาง
จิตใจไมใชการลงโทษทางรางกายใชหรือไม โหลวหลานคิดไดวิธีหนึ่งนั่นคือกดหนาคน
ผูนั้นลงไปในน้ำจนกระทั่งเกือบหายอากาศหายใจ นี่เปนวิธีทรมานนักโทษในอดีต
ความทรมานและประสบการณเฉียดตายนั้นนับวานาประทับใจมาก”
“นั่นเปนความคิดที่ดี” อายฮุยพูดดวยความชื่นชม
ไมเพียงแตขาเทานั้นแตทุกสวนของเจาอวนกำลังสั่น เขามองโหลวหลานราวกับ
วาโหลวหลานเปนปศาจที่ไตออกมาจากนรก
เปนตุกตาทรายที่โหดเหี้ยมอะไรเชนนี้....
ครั้นแลวอายฮุยก็สั่งออกมาอยางเรียบๆ วา “คราวนี้แหละเจาจะไดรูวาถาเจาไม
สามารถทำไดครบหนึ่งพันรอบ เจาจะเจอกับอะไร เจาอวน”
สีหนาของเจาอวนซีดขาวราวขี้เถา เขาบนอุบอิบขณะที่คืบคลานไปยังลานฝกโดย
ไมลังเลเหมือนหมีที่มีลูกธนูปกกน เขารูวาอายฮุยนั้นพูดขู แตเขาก็ไมอยากเสี่ย งที่
จะตองโดนลงโทษแบบนั้นแมแตนอย
เมื่อเห็นเจาอวนจากไป โหลวหลานก็เริ่มจัดเตรียมสมุนไพร อายฮุยยอมรับวาการ
จัดเตรียมสมุนไพรของโหลวหลานนั้นเปนภาพที่งดงามเมื่อไดมอง ชางลื่นไหลประดุจ
เมฆนอยลอยตามลมและกระแสน้ำที่ไหลริน
โหลวหลานคือความภาคภูมิใจของขา!
อายฮุยรูสึกวางใจที่จะปลอยวัตถุดิบเหลานี้ไวกับโหลวหลานและเดินออกจาก
หองไป ในที่สุดเขาก็สามารถศึกษายาเม็ดกระบี่ที่ทานอาจารยมอบใหรวมถึงเพลิงสัน
หลังมังกรดวย
เมื่อตอนที่เขาอยูกับผูจัดการหลี่ อายฮุยทำไดเพียงแคสัมผัสกระบี่ในมือแทนที่จะ
ไดศึกษาอยางจริงจัง
หืม! เมื่อพลังธาตุไหลเขาไปในเพลิงสันหลังมังกร ตัวกระบี่ก็สั่นเล็กนอย มือของ
เขาสัมผัสไดถึงการสั่นสะเทือนและเกือบจะทำกระบี่ตกพื้น เพลิงสันหลังมังกรนั้นหนัก
จริงๆ แมแตการสั่นเพียงเล็กนอยก็สามารถสรางพลังไดอยางนาเหลือเชื่อ
การสั่นสะเทือนลึกและแผวเบานั้นเหมือนกับเสียงคำรามที่กระชากวิญญาณของ
มังกรหลังกระบี่
เสียงกระบี่กำธร! นี่เปนเรื่องนาประหลาดใจที่นายินดีและยังเปนลางดีสำหรับ
อายฮุย เพราะมันบงบอกวาพลังธาตุของเขานั้นเปนหนึ่งเดียวกันกับเพลิงสันหลังมังกร
อายฮุยคาดเดาวานี่อาจเปนเพราะพลังธาตุของเขานั้นเปนพลังธาตุกระบี่
เมื่อคนพบเชนนี้ อายฮุยก็สงบสติลงและเริ่มสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังธาตุที่
ไหลเวียนผานเขาไปในกระบี่
เมื่อพลังธาตุไหลเขาไปในกระบี่ เขาก็รับรูถึงความแตกตางไดในทันที
การไหลของพลังธาตุนั้นไหลลื่นและคลองตัวทำใหการไหลของพลังกลายเปนสิ่งที่
นารื่นรมย อายฮุยอดไมไดที่จะชื่นชมกระบี่นี้อีกครั้ง เพียงการไหลเวียนของพลังธาตุ
ก็ดีกวากระบี่หญาที่เขาเคยใชมากอนมากนัก แมวาตัวกระบี่จะมีน้ำหนักมากแตเมื่อ
พลังธาตุถูกสงเขาไปขางใน ก็เหมือนกับวาเบาลงอยางมาก สงผลใหอายฮุยสามารถ
กวัดแกวงกระบี่ไดอยางงายดายยิ่งขึ้น
ดวยการโคจรของพลังธาตุ ตัวกระบี่กลายเปนสีแดงเขม และสีนั้นก็กะพริบชา ๆ
ราวกับมีชีวิต
เขาลองแตะที่ผลึกแกวโกเมนในตัวกระบี่ดวยพลังธาตุ พลังธาตุถูกดูดซับ ลงไป
และหายสิ้นไมเหลือรองรอย ราวกับวัวปนดินเหนียวถูกโยนลงทะเล เขารูวานั่นเปน
เพราะพลังธาตุที่มีนั้นนอยเกินไปจึงไมอาจกระตุนการทำงานของผลึกแกวได และ
หยุดการทดลงลงเพียงเทานั้น
ระดับพลังของเขายังไมสูงพอ อายฮุยสายหนา
เพลิงสันหลังมังกรเปนอาวุธที่ดีอยางแนนอน สำหรับผูใชพลังธาตุทั่วไป คงตองใช
เงินจำนวนไมนอยกวาจะไดอาวุธเชนนี้มา อายฮุยคิดวาคงไมจำเปนตองกังวลเกี่ยวกับ
อาวุธไปอีกนานเลยทีเดียว
ทุกวันนี้ มีอาวุธอยูมากมายหลายแบบ แตสวนใหญแลวลวนเปนอาวุธที่ใชโจมตี
ระยะไกล
ผูใชพลังธาตุดินนั้นจะใชตุกตาทรายในการตอสู สวนตนเองจะฝกการปองกันหรือ
หลบซอน
มีอาวุธมากมายหลายแบบที่ออกแบบมาเพื่อผูใชพลังธาตุไม แตผูใชพลังธาตุ
บริสุทธิ์มัก ตอสูโดยใชผลเมล็ดหญ าชนิ ดพิเศษ ผู  ใช พ ลังธาตุท องมีสองหนวยที่มี
รูปแบบการตอสูตางกันอยางสิ้นเชิง หนวยขอบฟาและหนวยทหารราบ หนอยแรกใช
ดาบ ธนูและหอก ในขณะที่หนวยหลังสวนใหญใชอาวุธหนัก
มันเปนเรื่องนาคิดเมื่อคำนึงถึงขอเท็จจริงที่วาการใชกระบี่ที่เคยเปนแนวทางหลัก
มานานหลายพันปไดเสื่อมถอยลงและถูกแทนที่ดวยดาบที่ไมเคยเปนที่นิยมเปนวง
กวางมากอน
แตสาเหตุนั้นก็ไมยากเกินกวาจะเขาใจ การฝกกระบี่นั้นซับซอนและไมอาจใช
พลังวิญญาณสนับสนุนไดเชนแตกอน ผูคนสวนมากใชกระบี่ในการแทง ดังนั้นการทำ
ใหบาดเจ็บถึงตายจึงมีจำกัด เมื่อเทียบกับดาบนั้นฝกงายกวามากและผูคนก็ใชดาบใน
การฟาดและฟน ในยุคของพลังธาตุการใชพลังวิญญาณไมใชเรื่อ งสำคัญอีกต อ ไป
ขณะที่ประโยชนจากความเรียบงายและพลังนั้นมีผลมากขึ้น
การเพิ่มขึ้นของการฝกธนูนั้นก็เปนเพราะการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยเชนกัน มัน
กลายเปนอาวุธระยะไกลที่มีพลังมากที่สุด และเรียนรูไดงายที่สุด ผูฝกฝนธนูนั้นมีผูใช
พลังธาตุจากทุกธาตุ นี่แสดงใหเห็นถึงความนิยมไดอยางชัดเจน
อาวุธของผูใชธาตุไฟนั้นคลายน้ำเตา มันบรรจุลาวาเพลิงธรณี ซึ่งนำมาจากทุง
เพลิงและถูกกลั่นสกัดหลายตอหลายรอบ อายฮุยเคยเห็นผูใชพลังธาตุไฟแบกเหยือก
เหลาขนาดเทาตัวคนที่บรรจุเต็มไปดวยลาวาเพลิงธรณี
มีประโยชนมากมายหลายอยางในการรวมเดินทางกับผูใชพลังธาตุไฟ ยกตัวอยาง
เช น หากไปยั ง ที ่ ซ ึ ่ ง หนาวเย็ น ก็ จ ะอบอุ  น เพราะมี เ ตาผิ ง มนุ ษ ย อ ยู  ด  ว ย สิ ่ ง ที่
สะดวกสบายยิ่งกวาก็คือการทำอาหาร เพราะแคหั่นเนื้อและจุมลงในเหยือกเหลา ก็
ยางเนื้อยางไดงายดาย หากตองการอาหารที่รสชาติดีขึ้นก็สามารถทาน้ำมันและเพิ่ม
เครื่องเทศลงบนเนื้อได แตนั่นก็ขึ้นอยูกับระดับความสนิทสนมที่มีกับผูใชพลังธาตุไฟ
ในกรณีนี้หากมีผูใชพลังธาตุไมไปดวยก็จะเปนกลุมที่สมบูรณแบบ ผูใชพลังธาตุไม
จะหาพืชพรรม ผลไม และเห็ดแปลกประหลาดไดมากมายที่ไมเคยไดยินมากอน กิน
พืชพวกนี้พรอมกับเนื้อยางจะเพิ่มความอรอยและคาวนอยลง
อาวุธชนิดอื่นอยางเชนแสก็มีผูนิยมเชนกัน โดยเฉพาะอยางยิ่งผูใชพลังธาตุไม
เพราะมันสามารถใชรวมกับเถาวัลยไดเปนอยางดี อยางไรก็ตามแสจัดเปนอาวุธที่มี
ผูใชนอย อาวุธที่เปนที่รูจักอีกอยางหนึ่งในกลุมอาวุธที่มีคนใชนอยก็คือมีดบินซึ่งถูกใช
โดยผูใชพลังธาตุน้ำบางคน พวกเขารูวิธีบินดังนั้นพวกเขาจึงสามารถควบคุม การ
เคลื่อนไหวของมีดบินซึ่งในบางครั้งถือวายุงยากไดเปนอยางดี
ผูใชพลังธาตุน้ำสวนใหญใชปกเมฆาเปนอาวุธ ปกเมฆานั้นถูกประดิษฐขึ้นเพื่อใช
บินในชวงแรกๆ และพัฒนาเปนอาวุธในภายหลังโดยเพิ่มความสามารถในการโจมตี
และปองกันเขาไป
เมื่อกลาวถึงผูใชพลังธาตุน้ำ ก็ตองกลาวถึงอาวุธที่ไมเปนที่นิยมอีกชนิดหนึ่งซึ่งก็
คือแหลน แหลนที่หนักถูกเรงความเร็วดวยการพุงตัวลงมาจากฟาและขวางดวยพลัง
ธาตุโดยผูใชพลังธาตุน้ำ พวกเขาสามารถสังหารอสูรแดนรางไดมากมายโดยใชวิธนี ี้ ทำ
ใหแหลนกลายเปนอาวุธที่ทรงพลังที่สุดและเปนที่ชื่นชอบมากที่สุด
ถึงแมวาการฝกกระบี่จะเสื่อมความนิยมไปแลวก็ตาม แตมันก็เปนสิ่งที่อายฮุยทำไดดี
อายฮุยควายาเม็ดกระบี่ออกมา
*1 จิน เทากับ 500 กรัม
บทที่ 140 หัวหนากลุมซือเสวีย่ มั่น
นอกเหนือจากคัมภีรกระบี่แลว นี่เปนครั้งแรกที่อายฮุยไดศึกษาบันทึกการฝกกระบี่
อันที่จริงแลวสิ่งที่เขียนไวในคัมภีรกระบี่ไมใชเคล็ดกระบี่จริงๆ หากแตเปนเพลงกระบี่
มีความแตกตางระหวางเคล็ดกระบี่กับเพลงกระบี่
โดยปกติแลวเพลงกระบี่ก็คือการเคลื่อนไหวหรือการขับเคลื่อนพลังวิญญาณ และ
กระบี่เปนเพียงแคตัวสงผาน สวนเคล็ดกระบี่นั้นคือทักษะในการกวัดแกวงกระบี่ นั่น
คือเหตุผลที่ทำใหฐานะอาวุธของกระบี่เสื่อมถอยลง ในชวงเริ่มแรกของการพัฒนา
เพลงกระบี่ เคล็ดกระบี่คือพื้นฐานที่ตองฝกฝนสำหรับผูฝกกระบี่ทุกคน ในยุคสมัยแหง
การบำเพ็ญตน ผูฝกกระบี่ไมจำเปนตองเริ่มดวยการฝกเคล็ดกระบี่ เพราะกระบี่ไม
จำเปนตองถือไวในมืออีกตอไป
การใชพลังวิญญาณยังคับกระบี่ใหบินไปไกลนับนับหมื่นลี้คือการฝกฝนของผูฝก
กระบี่ในสมัยนั้น
แตทวาการสูญสลายอยางไมคาดฝนของพลังวิญญาณทำใหผูคนตองบังคับกระบี่
ดวยมืออีกครั้ง และในตอนนั้นเองที่พวกเขารูตัววาตัวเองไมอาจใชกระบี่ได
ในแงของการสับและฟน กระบี่นั้นมีพลังดอยกวาดาบหรือขวาน
ในแงของการแทง กระบี่ไมดีเทากับทวน
ชวงเวลานี้คือความอัปยศของการฝกกระบี่ หากการสูญพันธุเปนการเลือกสรร
ของธรรมชาติ การเสื่อมสลายของการฝกกระบี่ก็เปนการเลือกสรรของกาลเวลา
อายฮุยไมทราบถึงทฤษฎีขั้นสูงอันใด แตเขากับเชี่ยวชาญในขอจำกัดของกระฝก
กระบี่เนื่องจากประสบการณการตอสูอันมากมาย
หากไมใชเพราะตัวออนกระบี่และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เขาก็คงไมเลือกการ
ฝกเคล็ดกระบี่
เปนเพราะตัวออนกระบี่ เขาจึงไดพัฒนาความไดเปรียบของตัวเองขึ้นมา แมวาเขาจะ
ไมมีทางรูไดเลยวานี่จะเปนขอไดเปรียบใบอนาคตหรือไม แตเขาก็ยังตัดสินใจที่จะฝาก
อนาคตไวกับกระบี่ ดวยเหตุผลงายๆ วาเขาสามารถใชประโยชนจากมันไดในตอนนี้
คนอื่นอาจคิดวาเขานั้นประมาทเกินไปที่ตัดสินใจแบบนี้ แตอายฮุยไมเห็นดวย
อนาคตจะมีความหมายอันใดกับคนที่ไมมีอะไรเลยเชนเขา ชีวิตเขาไมมีคาอะไร
เลย ดังนั้นจึงไมมีประโยชนอะไรที่จะพูดถึงอนาคต สำหรับเขาแลวประโยชนเล็กนอย
ที่สามารถไดมาในตอนนี้นับวามีคาเพียงพอแลว
เขาคอยๆ ถายพลังธาตุเขาสูยาเม็ดกระบี่
ยาเม็ดเริ่มเปลงแสงอีกครั้งและเงารางก็ปรากฏขึ้นภายในแสงนั้น
อายฮุยมองดูดวยความตั้งใจในครั้งนี้ ยิ่งเขาถายพลังเขาไปเร็วเทาไร เงารางนั้นก็
จะเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเทานั้น และในทางกลับกัน เมื่อถายพลังเขาไปชาลงเงารางนั้นก็
เคลื่อนไหวชาลง
อาจารยข องเขาบอกวา มันเป น กระบวนท า ที ่ ไม เกี ่ ย วข อ งกั น สามท า ที ่ ม ี ชื่ อ
เฉพาะตัวของแตละทา กระบวนทาแรกมีชื่อวา [พระจันทรเสี้ยว] กระบวนทาที่สองมี
ชื่อวา [ธุลีรวงหลน] และกระบวนทาที่สามมีช ื่อวา [โกสุมรัตติกาล] ไมมีชื่ อ ใดที่
สัมพันธกัน นั่นคือเหตุผลที่เฉิงโหรวคิดวามันคือความยุงเหยิง อันที่จริงแลวอายฮุยก็
ไมเห็นความเกี่ยวของใดๆ ระหวางกระบวนทาทั้งสามเชนกัน
หลังจากดูอยางระเอียดตั้งแตตนจนจบ อายฮุยก็รูตัววาสามารถเรียนรูได เพียง
กระบวนทาเดียวเทานั้นจากทั้งหมดสามกระบวนทา
นั่นคือกระบวนทาแรก [พระจันทรเสี้ยว]
นั่นเปนเพราะ [พระจันทรเสี้ยว] เปนกระบวนทาเดียวที่ตองการเพียงแคตำหนักฝามือ
อีก สองกระบวนทา นั้นมีความตองการระดั บพลังที ่ สู งกวา และการเป ดตำหนักที่
มากกวา [ธุลีรวงหลน] ตองเปดตำหนักที่สองฝามือและตำหนักปฐพีที่เปดไดยากเย็น
อายฮุยตองพยายามอยางหนักหากตองการที่จะเปดตำหนักนี้ในเวลาสั้นๆ
สวน [โกสุมรัตติกาล] นั้นยุงยากยิ่งกวา ไมเพียงแตตองการตำหนักที่มือและเทา
ทั้งสี่ตำหนักแลว มันยังตองการตำหนักนภาอีกดวย
อายฮุยรูสึกผิดหวังเล็กนอยในตอนแรก แตเมื่อคิดอีกทีเขาก็พึงพอใจ เพราะรูวา
คงไม ม ี ป รมาจารย ท  า นใดจะเสี ย เวลามาคิ ด ค น เพลงกระบี ่ ส ำหรั บ มื อ ใหม แค
[พระจันทรเสี้ยว] ก็นับวาซับซอนเกินพอแลวสำหรับเขาที่จะเรียนรู
มันเปนกระบวนทาที่ซับซอนที่สุดเทาที่เขาเคยพบเห็นมา กระบวนทาที่เขาเรียนรู
กอนหนานี้ลวนเรียบงายและรุนแรง อยางเชน [มัจฉาสะบัดกาย] ถึงแมวาเขาจะยัง
ไมไดเริ่มฝกจริงๆ แตก็ไดประโยชนมากมายจากการดูกระบวนทาทั้งสามจากยาเม็ด
กระบี่ ประสบการณนี้ชางนาอัศจรรยและเปดโลกทัศนใหกับอายฮุย
สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นเกี่ยวกับกระบวนทาทั้งสามก็คือความประณีตในทุกแงมุม
ยกตัวอยางเชนเสนทางการโคจรพลังธาตุถูกออกแบบมาอยางซับซอนและบรรจง ยิ่ง
ไปกวานั้น ความเร็วในการไหลเวียนของพลังธาตุก็ไมคงที่เชนกัน แตเปนบางคราว
รวดเร็วบางคราวเชื่องชา
นอกจากนั้น การประสานกันระหวางการหายใจและรางกายก็ตองเปนไปตามที่
กำหนดไว
พูดอีก อย างก็คือ กระบวนทา นี ้ จะใช ได ก็ ตอ เมื่ อ พลั งธาตุ และการหายใจนั้น
ประสานรวมกับการเคลื่อนไหว
การผสมผสานอยางสมบูรณแบบของปจจัยทั้งสามจะนำมาซึ่งกระบวนทาที่ทรง
พลังอยางยิ่ง
รายละเอียดนับไมถวนซึ่งซับซอนจนเกือบจะทำใหอายฮุยหยุดหายใจ
ความยากในการฝกฝน [พระจันทรเสี้ยว] นั้นเกินกวาจินตนาการของอายฮุยไป
มาก แตมันยิ่งยากกวาหากจะนำกระบวนทานี้ไปใชในการตอสูจริง เพราะการตอสู
จริงนั้นสภาพแวดลอ มจะซับ ซอนและอั นตรายยิ่ งกวา ยิ่งไปกวานั้น นักสูจะต อ ง
พิจารณาถึงโอกาสในการหลบหนีในขณะที่ตองรับมือกับการขัดขวางและรบกวนของ
คูตอสูไปพรอมๆ กัน
จากประสบการณในการตอสูของเขา อายฮุยนิยมกระบวนทาที่งายกวาและใช
งานไดงายกวา อยางไรก็ตามเขาก็รูดีถึงจุดออนของตัวเองซึ่งก็คือขาดทาไมตายทรง
พลังที่จะใชจบการตอสู
สามกระบวนทาในยาเม็ดกระบี่อาจกลายเปนทาไมตายของเขา
ถึงแมวาเขาจะยังไมไดเรียนรูกระบวนทา เขาก็สามารถรูสึกถึงพลังของมันได
ทานอาจารยพูดถูก เฉิงโหรวเปนผูมีพรสวรรคโดยแท
ตองยอมรับวาอายฮุยไดเรียนรูบางอยางจากคัมภีรกระบี่ ถึงแมวาเขาไมอาจฝก
จากคัมภีรกระบี่ไดอีกตอไป แตเขาก็พัฒนาความเขาใจในเคล็ดกระบี่จากความรูใน
คัมภีรซึ่งบรรจุภูมิปญญาของผูบำเพ็ญตนจำนวนมากผานเวลายาวนานหลายพันป
กระบวนทาทั้งสามในยาเม็ดกระบี่นั้นโดดเดนในรายละเอียด พลังทั้งหมดใน
รางกายจะถูกจัดสรรอยางบรรจงกอนที่จะแปรเปลี่ยนและระเบิดออกไปในที่สุด
มันสุดยอดไปเลย อายฮุยสงบสติจากความตื่นเตนและเริ่มศึกษาอยางรอบคอบ
ดวยดวงตาเปนประกาย
ทองฟานอกเมืองซงเจียน
รถบรรทุกสงเสียงคำรามผานไป นักเรียนจำนวนหนึ่งนั่งเงียบงันอยูบนรถ
“ขายินดีที่จะไดตอสูรวมกับพวกเจาทุกคน ขาชื่อ ซือเสวี่ยมั่น และขาเปนหัวหนากลุม
หวังวาพวกเราจะเขากันไดดีและสำเร็จภารกิจนี้อยางราบรื่น นี่จะเปนการทดสอบจบ
การศึกษาของพวกเจา”
หากอายฮุยไดเห็นฉากนี้ เขาตองประหลาดใจอยางมากเพราะวาผูที่พูดอยู นั้น
เปนคนเดียวกับสาวนอยรานบะหมี่
ซือเสวี่ยมั่นในชุดรบสีขาวทาทางสงาและกลาหาญ ผมสีดำสนิทปลิวไปกับสายลม
และใบหนางดงามนั้นก็ราวกับภาพวาดอันวิจิตรตระการตา
แตกระนั้น ดวยความที่นางเปนยอดเทพี แถมยังเปนยอดเทพีแหงสงคราม จึงไม
มีผูใดบังอาจแสดงสีหนาลามกออกมา จำนวนบุรุษที่กลาไขวควานางนั้นมีจำนวนนอย
กวาบุรุษที่ถูกนางโคนลมมากนัก
ซือเสวี่ยมั่นดูเครงเครียด ดวงตาเย็นเยียบ รัศมีของนางกระตุนประสาทของทุกคน
บรรดานักเรียนรับรูไดวานางทรงพลังเพียงใด
“พวกเจาทุกคนลวนคุนเคยกับสถานการณปจจุบันดี ภัยพิบัติโลหิตเกิดขึ้นอยาง
เฉียบพลัน และสิบสามหนวยไมอาจเขามาชวยเหลือไดในเวลาอันสั้น สิ่งที่เรากังวล
มากที่สุดก็คือบริเวณที่อยูของนักเรียนรุนเยาว ผูที่มีพลังออนดอยและไมอาจตานทาน
ได ด  ว ยตั ว เอง สำหรั บ พวกยามในแต ล ะเมื อ ง ข า เชื ่ อ ว า พวกเจ า คุ  น เคยกั บ
ความสามารถของพวกเขาดี”
พวกนักเรียนหัวเราะเสียงดัง
นักเรียนที่เปนชนชั้นลางนั้นปกติแลวจะใหความเคารพตอทหารยาม แตพวก
นักเรียนที่เปนชนชั้นสูงที่มีประสบการณในการตอสูจริงจากภารกิจประจำวันไมคอ ย
จะยอมรับความสามารถของพวกยาม ยิ่งไปกวานั้นพวกนักเรียนบนรถบันทุกเปนพวก
หัวกะทิ ซึ่งมีความสามารถในการตอสูสูงกวายามอยางไมตองสงสัย
ซือเสวี่ยมั่นพูดตอไปราวกับไมไดยินเสียงหัวเราะ “ภารกิจนี้ออกจะกะทันหันไป
หนอย แตขาเชื่อวาพวกเจาคงไมหัวหด ขารูดีวาพวกเจาไมกังวลเรื่องการจบการศึกษา
แตในเมื่อสนามเหนี่ยวนำไดมอบภารกิจที่สำคัญเชนนี้ใหแกพวกเรา ขาเชื่อวาไมมีใคร
ตองการที่จะลมเหลวและทำใหชื่อเสียงของตระกูลตองดางพรอย”
เมื่อไดยินประโยคสุดทาย นักเรียนบางคนที่กำลังเอนกายพักผอนก็พลันนั่งตัวตรง
และมีสีหนาจริงจังขึ้นมา
ดวงตาของซือเสวี่ยมั่นเยือกเย็น มองไปทางเหลานักเรียนและกลาววา “นี่เปน
ภารกิจพิเศษที่เกี่ยวของกับชีวิตผูคนนับลาน ขาเชื่อวาพวกเจาเคยไดยินเรื่องพิษโลหิต
มาแลว แตขาตองการจะเตือนวามันนากลัวกวาที่เจาคิดไวมากนัก นี่เปนภารกิจที่ตาง
ไปจากสิ่งที่พวกเจาเคยผานมาในอดีต ในฐานะหัวหนากลุม ขาตองการสามอยางจาก
พวกเจา”
“อยางแรก ขาหวังวาพวกเจาจะทำตามคำสั่งและรวมมือกันทำงาน อยางที่สอง
จงระแวดระวังภยันตรายอยูเสมอ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นไดในเขตประสบภัยโลหิต....”
นักเรียนบางคนเริ่มกระสับกระสาย แมวาซือเสวี่ยมั่นจะมีชื่อเสียงก็จริง แตพวก
เขาเองก็ไมใชตาสีตาสา ดังนั้นจึงไมพอใจที่ถูกอบรมโดยหญิงสาวผูนำกลุม
นอกจากนี้พวกเขายังคิดวาซือเสวี่ยมั่นพูดเกินกวาเหตุและทำใหภารกิจงายๆ ดู
ยากขึ้น ภัยพิบัติโลหิตนี้อยูภายใตการควบคุมของสนามเหนี่ยวนำแลว พวกเขาลวนมา
จากตระกูลมีชื่อ ดังนั้นลวนทราบดีวาสนามเหนี่ยวนำไดพบทางแกภัยพิบัติโลหิตแลว
นั่นทำใหพวกเขามองวาภารกิจนี้เปนแคการลงพื้นที่เพื่อใหมีผลงานเพิ่มขึ ้น ใน
ประวัติการศึกษาซึ่งจะชวยใหไดรับตำแหนงที่ดีขึ้นหลังจบการศึกษาเทานั้น
แตแมสาวผูนี้กลับคิดเปนจริงเปนจัง
“หยุดพลามไดแลว!” นักเรียนชายทาทางกำยำโพลงออกมาโดยไมแมแตจะมองซื
อเสวี่ยมั่น “เจาก็เปนแคหัวหนากลุม...”
มืองดงามขางหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงหนาเขาโดยไมมีสัญญาณเตือนใดๆ เขา
ตกใจอยางมากและไมมีเวลาที่จะตอบสนองอันใดกอนที่เถาวัลยทรงพลังที่แข็งปาน
เหล็กกลาจะรัดตัวเขาเอาไวและลากเขาออกจากที่นั่ง
เมื่อเขารูตัววาเกิดอะไรขึ้น เขาก็ถูกโยนออกจากรถบรรทุกแลว
“อากกก....”
เสียงกรีดรองดังหางไกลออกไปเรื่อยๆ ทุกคนบนรถกลืนน้ำลายอยางหวาดกลัว สี
หนาพลันเปลี่ยนไป พวกที่หงุดหงิดอยูกอนหนานี้กลายเปนเงียบงันในทันใด
ไมมีใครคาดคิดวา ซือ เสวี่ย มั่น จะเป น คนหยาบกระด า งและโหดเหี ้ ย มเชนนี้
นักเรียนทุกคนลวนหวาดกลัว
โชคยังดีที่รถบรรทุกไมไดบินสูงมากนัก แตการบาดเจ็บก็ไมนอยอยางแนนอน
หญิงผูนี้นากลัวกวาที่พวกเขาคาดคิดไว...
“ขาจะรายงานเรื่องของหลีไหกับสนามเหนี่ยวนำและหากจำเปนขาก็ยินดีที่จะพบกับ
ผูปกครองของเขา” ซือเสวี่ยมั่นเรียบเฉยเฉกเชนทานหญิงไรซึ่งสีหนาคุกคามอันใดให
เห็น เมื่อนางใชมือเสยผม ทุกการเคลื่อนไหวนั้นก็เปนจุดศูนยรวมแหงความสงางาม
ไมมีใครกลามองนางหรือกลาวอะไรออกมา
พวกเขาเพิ่งนึกขึ้นมาไดในตอนนี้วาเทพีผูนี้ไมเพียงเหนือล้ำกวาพวกเขาในดาน
การตอสูเทานั้น ภูมิหลังของนางเองก็สูงสงกวาเชนกัน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
หลีไหทำไดเพียงแคทนรับมันเอาไวเทานั้น เพราะตระกูลหลี่คงไมกลาไปหาเรื่องอันใด
กับตระกลูซือเปนแน อยางไรก็ตามหากซือเสวี่ยมั่นรองเรียนกับผูปกครองของหลีไห
เขาจะนั่นแหละเปนคนถูกลงโทษเสียเอง
นี่...มันชางอยุติธรรม!
บรรดานักเรียนตางก็โกรธแคนและโศกา
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกไดวารถบรรทุกกำลังจะลงจอด นางจึงนั่งตัวตรงสีหนาเครงขรึม
จริงจังขึ้นมา
รถบรรทุกลงจอดอยางมั่นคงบนพื้น
“เคลื่อนพล!” นางออกคำสั่งอยางเยือกเย็น
นางเปนคนแรกที่กระโดดออกจากรถ ผมดำยาวสลวยพลิ้วไปทามกลางแสงแดด
ราวกับวีรสตรี
บทที่ 141 ลูกศรชนิดใหม
ความยากในการเรียนรู [พระจันทรเสี้ยว] นั้นเกินกวาที่อายฮุยคาดคิดเอาไวมากนัก
ถึงแมวาการใชกระบวนทานี้จะใชเพียงแคสองตำหนักเทานั้น แตอายฮุยก็ตอง
ทดลองอยูเปนเวลานานทวาไมอาจหาวิธีเริ่มตนได โชคดีที่การสนทนาระหวางเขากับ
อาจารยชวยเปดโลกทัศนของเขาใหกวางไกลขึ้น หวังโสวชวนนั้นมีความสามารถใน
การวิเคราะหทฤษฎีและชอบถกเรื่องทฤษฎีตางๆ กับอายฮุยอยูบอยครั้ง ถึงแมจะรูวา
อายฮุยนั้นเพิ่งเริ่มเรียนรูไดไมนานก็ตาม
อันที่จริงแลวกระบวนทาที่ใชเพียงแคสองตำหนักนั้นเปนเพียงกระบวนทาพื้นฐาน
ลวนแตเรียบงายและเรีย นรูไดไมยากนัก แตก็มีพลังทำลายที่จำกั ด เนื่องจากไม
จำเปนตองใชพลังธาตุมากนัก การโคจรพลังจึงเปนไปอยางเรียบงาย ดังนั้นกระบวน
ทาพวกนี้จึงไมมีความพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงมากนัก
มันก็เหมือนกับการทำอาหาร หากอาหารจานนั้นมีวัตถุดิบเพียงแคสองชนิด พอครัวก็
มีทางเลือกไมมากนักวาจะปรุงมันอยางไร และไมอาจทำใหมันเปนอาหารที่มีรสชาติ
ซับซอนได
นี่คือสาเหตุที่ทำใหเขาเชื่อวาเฉิงโหรวผูคิดคนกระบวนทา [พระจันทรเสี้ยว] ที่ซับซอน
ถึงเพียงนี้โดยใชแคตำหนักที่ฝามือทั้งสองขางนั้นเปนผูมีพรสวรรคอยางแทจริง!
เนื่องจากมันใชเพียงแคสองตำหนักจึงไมตองการพลังธาตุมากนัก แตเคล็ดลับใน
การใชพลังนั้นกลับไมเรียบงายแมแตนอย
มันซับซอนอยางมาก!
สิ่งแรกที่อายฮุยตองทำก็คือสรางการเชื่อมโยงที่มั่นคงระหวางตำหนักฝามือทั้งสอง แค
เพียงสิ่งนี้ก็ตองใชเคล็ดวิชาขั้นสูงและพวกมือใหมไมอาจทำใหสำเร็จไดอยางงายไดนัก
ตอนที่หวังโสวชวนมอบยาเม็ดกระบี่ใหกับอายฮุย เขาไมไดคาดหวังวาอายฮุยจะ
สามารถสำเร็จวิชาพวกนี้ไดในระยะเวลาอันสั้น เขาแคตองการใหอายฮุยไดเห็นวา
เพลงกระบี่ที่แทจริงนั้นเปนเชนไร ทำใหเขาสามารถตั้งเปาหมายไดอยางถูกตอ งใน
อนาคต
แตอ า ยฮุยก็ไมคิดจะยอมแพแมแ ต น อย แม ว า เคล็ดวิ ชานี้ จะซั บซ อนแตก็ยัง
สามารถที่จะทำไดอยู
แตกระนั้นเขาก็ตองหยุดฝกเพราะยังมีเรื่องอีกมากที่เขาจำเปนตองทำ อยางเชน
การสาวไหมสนธยาเปนตน
โหลวหลานไดจัดเตรียมสมุนไพรเสร็จเรียบรอยแลว รังไหมสนธยาที่แข็งราวกับ
เหล็กก็ถูกทำใหนุมลงแลว
ยังมีอะไรอีกบางที่โหลวหลานทำไมได เขาสามารถตมน้ำแกง ทำอาหารพลังธาตุ
รักษาแผล นวดผอนคลาย จัดเตรียมยาและทำใหรังไหมออนนุม...
ใครจะกลาพูดจาไมดีกับตุกตาทรายที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!
อายฮุยกลาววา “โหลวหลานเกงมาก!”
เมื่อไดยินคำชม โหลวหลานก็หัวเราะชอบใจจนดวงตากลายเปนรูปพระจันทรเสี้ยว
“พยายามเขาอายฮุย!”
ธงที่ทำจากทรายปรากฏขึ้นในมือของโหลวหลาน บนธงทรายนั้นมีรูเปนรูปตัวอักษร
อานไดวา “พยายามเขา!” โหลวหลานสงเสียงใหกำลังใจพรอมกับโบกธงไปดวย
อายฮุยหัวเราะออกมาเสียงดัง
ซือเสวี่ยมั่นกลับมายังเมืองซงเจียนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นถนนที่วางเปลานางก็รูสึก
ไมคุนเคยเปนอยางยิ่งทั้งที่นางเคยมาเยือนเมืองนี้แลวหลายครั้ง นี่เปนครั้งแรกที่นาง
เห็นถนนวางเปลาถึงเพียงนี้
มันดูเหมือนวาสถานการณจะเลวรายกวาที่คิด
นี่เปนครั้งแรกที่นางไดรับหนาที่เปนผูนำกลุม นางตองทำภารกิจนี้ใหสมบูรณแบบ!
นางปลุกขวัญตัวเองอยูในใจเงียบๆ
แตอยางไรก็ตามไมนานหลังจากนั้น นางก็ ตระหนักไดวานางเขาใจผิดไปมาก
อุปสรรคที่พบนั้นไมเคยเกิดขึ้นมากอน
“ขารู ขารู เจาวางใจพวกเราได พวกเราสามารถปกปองเมืองซงเจียนไดอยาง
แนนอน มีทหารยามจำนวนมากถูกจัดสรรมาใหพวกเรา ตอนนี้เรามีกำลังคนมากมาย
เจาสามารถไปพักผอนที่โรงเรียนซงเจียนได หรือไมก็ไปเดินเลนกับพวกนักเรียนใหม
ขาเชื่อวาเจาจะใชเวลาอยางมีความสุขที่นั่น หากพวกเราตองการความชวยเหลือ ขา
จะรีบติดตอเจาเปนคนแรก”
เจาหนาที่ของเมืองซงเจียนนั้นสุภาพมากแตก็ยังคงปฏิเสธการชวยเหลือของพวก
เขาอยู ดี ในสายตาของเขาเด็ก นัก เรี ย นพวกนี ้ ก ็ แ ค มาเที ่ ย วเล น จะให ข อความ
ชวยเหลือจากพวกเขาเชนนั้นหรือ อยาไดมาลอเลนเชียว หากมีพวกเขาคนใดไดรับ
บาดเจ็บขึ้นมาเขาตองพบปญหาอยางหนักเปนแน ถึงตอนนั้นถาแคตกงานก็นับวาโชค
ดีมากแลว
พวกเขาทุกคนมีฐานะราวกับพระพุทธรูป สิ่งที่พวกเขาตองทำก็แคนั่งอยูเฉยๆ หา
ความสุขใสตัวก็พอ
เมื่อเห็นสีหนายินดีของคนในกลุมซือเสวี่ยมั่นก็ยิ่งรูสึกถึงความหดหูที่หนาอก
แตไมใชเพราะวานางหนาอกเล็กหรอกนะ!
ณ โรงเรียนซงเจียน
“ยินดีตอนรับสูโรงเรียนซงเจียน เหลาหัวกะทิแหงสนามเหนี่ยวนำ นี่เปนครั้งแรก
ที่โรงเรียนซงเจียนไดพบเจอกับผูมีพรสวรรคมากมายถึงเพียงนี้ โรงเรียนอันต่ำตอย
ของพวกเรารูสึกเปนเกียรติมากที่พวกทานมาเยือน พวกทานสามารถพักอยูที่นี่และ
เราจะจัดหาที่พักที่ดีที่สุดให โปรดอยาไดเกรงใจหากพวกทานตองการอะไรเพิ่มเติม
โปรดทำตัวตามสบายเมื่ออยูที่นี่ พวกเราจะรูสึกยินดีเปนอยางยิ่งหากพวกทานยอม
พูดคุยและใหคำแนะนำกับบรรดานักเรียนของเราในยามที่พวกทานมีเวลา”
ครูใหญของโรงเรียนซงเจียนกลาวอยางกระตือรือรน
“ขอโทษที่มารบกวน”
“ไมเปนไร!”
“อุปกรณในการฝกฝนของพวกทานเปนอยางไรบาง ขาไมสนเรื่องที่พักนักหรอก
การฝกฝนตางหากที่สำคัญกวา”
ในตอนนี้ ซือเสวี่ยมั่นตระหนักไดในที่สุดวาไมมีเพื่อนรวมกลุมของนางคนใดที่
จริงจังกับภารกิจนี้สักคน
นางเองที่เปนคนออนตอโลกเกินไป
นางนิ่งเงียบไป บางทีมันอาจจะเปนการเดินทางมาเที่ยวเลนจริงๆ ก็ได
นางเคยคิดวาเมืองซงเจียนนั้นกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ แตดูเหมือนกับวาอันที่
จริงแลวไมมีเหตุวิกฤตเกิดขึ้นแมแตนอย
นางนั้นมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
ซือเสวี่ยมั่นยิ้มหยันใหกับตัวเอง รูสึกเบื่อหนายอยางยิ่ง นางปฏิเสธคำเชิญของ
โรงเรียนและเลือกที่จะพักอยูในโรงฝกตระกูลซือแทน
หากเปนชวงเวลาปกติสุข ครูใหญตองทำทุกวิถีทางเพื่อ ใหนางยอมพักอยู  ใน
โรงเรียน แตสำหรับเวลานี้เขาหวังเปนอยางยิ่งวานางจะจากไป แมวาเมืองซงเจียนจะ
ยังปลอดภัยอยูในตอนนี้ แตมันก็ยังอันตรายกวาที่เคยเปน เขาจะตองเปนผูรับผิดชอบ
หากเกิดอะไรขึ้นกับนางในโรงเรียนซงเจียน
หากนางพักอยูที่โรงฝกตระกูลซือนั่นก็ไมเกี่ยวอะไรกับเขาแลว
เขาถึงกับหวังวา ซือ เสวี่ยมั่นจะนำเพื่อนรว มกลุ มทั้ งหมดของนางไปที่โ รงฝ ก
ตระกูลซือของนางดวย แตแนนอนวาซือเสวี่ยมั่นไมสนใจพวกเขาแมแตนอย
โรงฝกศาสตราวุธ
อายฮุยมองดูไหมสนธยาที่เขาสาวออกมา ไหมสนธยาใหมนี้ดูเหมือนจะแตกตาง
ไปจากเมื่อกอน เงาสีเงินของมันดูราวกับเกล็ดหิมะหรือน้ำแข็ง ไมวาเขาจะวางมัน
อยางไร มันก็จะเหยียดตรงเหมือนดังลูกศรอยูดี
“ดูเหมือนวาไหมพวกนี้จะแข็งกวาแตกอน” อายฮุยพึมพำ เขาผสานพลังธาตุเขา
ไปในเสนไหมและลำแสงเรียวเล็กราวกับเข็มก็ปรากฏขึ้นที่ปลายของไหมสนธยา
อายฮุยถือเสนไหมเอาไวอยางระมัดระวังและแทงไปที่ขอบหมอเบาๆ มันก็ทะลวง
เขาไปในทันที ทิ้งรูเล็กๆ เอาไวรูหนึ่ง
อายฮุยคิดในใจอยางยินดี “ชางเปนความกาวหนาครั้งใหญ”
น้ำยาที่โหลวหลานใชนั้นชางแตกตางออกไปจริงๆ และอายฮุยยังสงสัยวามันอาจ
เกี่ยวของกับพลังธาตุที่เปลี่ยนแปลงไปของเขาเชนกัน มันกลายเปนแหลมคมยิ่งกวา
แต ก  อ น ความเปลี ่ ย นแปลงของพลั ง ธาตุ ใ นกายอาจเป น สาเหตุ ใ ห เ กิ ด ความ
เปลี่ยนแปลงกับไหมที่เขาสาวออกมา
อา ยฮุยมอบเสนไหมใหก ับ คนที่ มารับ และกลาววา “บอกเจ านายของเจาให
ทดลองขนกระตายแบบใหมดู”
คนผูนั้นนำกลองที่บรรจุไหมไวแคครึ่งเดียวจากไปอยางระมัดระวัง เขาเปนญาติ
หางๆ ของผูจัดการหลี่ ครั้งกอนเขาพูดมากเกินไปและถูกผูจัดการหลี่ดุดาเมื่อเขา
กลับไป นับตั้งแตนั้นมาเขาก็สุภาพขึ้นมาก
อยางไรก็ตาม อายฮุยสนใจแควาไหมพวกนี้มีคุณภาพดีขึ้นหรือไมและมันสามารถ
ทำเงินไดมากขึ้นหรือไมเทานั้น
ไมนานนักก็มีคนมายังโรงฝก ซึ่งกลายเปนวาผูจัดการหลี่เดินทางมาพบดวยตัวเอง
ผูจัดการหลี่หนาเปลงประกายดวยความสุขและหัวเราะเสียงดังเมื่อเขากาวเขามา
ในโรงฝก “อายฮุย เจาชางยอดเยี่ยมยิ่งเหมือนกับที่ขาคาดคิดไวไมผิด ขานั้นตกตะลึง
กับสิ่งที่เจาทำ ขนกระตายที่เจาสรางขึ้นมานั้นดีกวาแตกอนมาก ยอดไปเลย!”
อายฮุยรูสึกประหลาดใจ “เฒาหลี่ ทำไมถึงมาดวยตัวเอง”
“ขาตองมา” ผูจัดการหลี่ตอบ
“ความสำเร็จอันนาทึ่งของเจาทำใหขาประหลาดใจมาก มันนาตื่นเตนเกินไป
สำหรับคนขี้ขลาดแบบขา ขาเห็นทาทางของเจาแลวเจาตองมีความมั่นใจอยางมาก
ในตอนนี้แนๆ”
“เจาไดผลการทดสอบแลวหรือยัง” อายฮุยรูสึกตื่นเตนเชนกัน
ผูจัดการหลี่เลียริมฝปากและกลาววา “ลูกศรขนกระตายแบบเกานั้นสามารถยิง
ทะลุแผนเกราะหนาสามนิ้วจากระยะหางหารอยกาว พวกเราเพิ่งสรางลูกศรจากขน
กระตายแบบใหมขึ้นมาสิบลูก เจาลองทายผลของมันดูสิวาเปนอยางไร”
อายฮุยที่กำลังสงสัยใครรูแทบจะตบหนาเขาอยูแลว มันนารำคาญที่มายั่วเยาเอา
ในเวลาแบบนี้ เขาบอกใหตัวเองให ใจเย็นเอาไว แต ก ็ ยังคงอดไมไดท ี ่จะจองมอง
ผูจัดการหลี่กอนที่จะกลาววา “บอกมาเถอะนา”
ความฉลาดเฉลียวของผูจัดการหลี่ปรากฏใหเห็นในแววตา เขาทำไมทำมือพรอม
กับพูด “มันสามารถแทงทะลุแผนเกราะหนาหานิ้วจากระยะหารอยกาว และแผน
เกราะหนาสามนิ้วจากระยะพันกาว”
อายฮุยรูสึกประหลาดใจ เขารูวาคุณภาพของมันสูงขึ้นแตไมคิดวาจะมากมายถึง
เพียงนี้
คำถามตอไปที่เขาคิดจะถามก็คือ “ราคาของลูกศรแบบใหมนี้คือเทาไร”
“หนึ่งแสนหยวนตอลูกศรหนึ่งดอก” ผูจัดการหลี่ตอบอยางไมลังเล
อายฮุยถาม “ไมแพงไปหนอยหรือ”
“นี่คือราคาที่เมืองซงเจียนเสนอใหสำหรับการยึดเปนของเมือง”
ผูจัดการหลี่กลาวอยางภาคภูมิใจ “หากวางขายบนแผงแลวละก็ มันอาจขายได
ถึงหนึ่งแสนหาหมื่นหยวนตอลูกศรหนึ่งดอก”
อายฮุยตกตะลึงและพึมพำ “คนจำนวนเทาไรกันที่จะซื้อได”
กระบี่หญาฟนเลื่อยที่เขาซื้อคราวกอนราคาเพียงแคหนึ่งแสนสองหมื่นหยวน
เทานั้น ซึ่งถูกกวาราคาของลูกศรแบบใหมนี้ดอกเดียวเสียอีก ลูกศรนั้นเปนสิ่งที่ใชแลว
หมดไป ผูคนจะยอมจายเงินสักเทาไรกันเพื่อซื้อลูกศรที่แพงเชนนี้
ผูจัดการหลี่พนลมออกจมูก “นี่นับวาแพงหรือ ไม! นี่นับวาถูกมากแลว นั่นเปน
เพราะวามีลูกคาเจาใหญนอยมากในสนามเหนี่ยวนำ ยกตัวอยางเชน ลูกศรเลือดน้ำ
เงินที่พวกนักรบใชกันในแนวรบนั้นมีราคาถึงหาลานหยวน
มันขึ้นอยูกับวาเจามองมันเชนไร อสูรปาตัวหนึ่งมีคามากแคไหน ตอใหเปนอสูร
ธรรมดาสามัญที่สุดก็มีมูลคาหลายสิบลานหยวน หากเปนอสูรขนาดใหญพวกมันอาจมี
มูลคาหลายรอยลานหยวน ไมมีเพดานสำหรับราคาสินคาหรอก และบางครั้งเจาก็ไม
อาจจะหาซื้อไดตอใหยอมจายเงินก็ตาม ชีวิตของผูใชพลังธาตุที่กลาออกไปลาอสูรปา
ที่นาหวาดกลัวพวกนั้นมีคามากกวาหาลานหยวนอยางแนนอน”
อายฮุยตกใจ ตอนนี้เขารูแลววากลุมนักลาที่เขาเคยติดตามนั้นเปนพวกระดับต่ำ
เขาไมเคยเห็นผูใชพลังธาตุคนไหนใชลูกศรราคาหลายแสนหยวนมากอน
“อยาไดคิดวามันแพง เจาไมอาจหาซื้อศรเลือดน้ำเงินไดตอใหเจาอยากซื้อก็ตาม
เจาจำเปนตองสั่งซื้อลวงหนา และยอดสั่งซื้อขั้นต่ำคือหนึ่งรอยดอก พวกเขาไมยอม
ขายปลีกใหกับลูกคา เมื่อเทียบกันแลวธุรกิจของเรานั้นเล็กนอยยิ่งนัก”
ผูจัดการหลี่ถอนหายใจ แตเมื่อเขาเห็นสีหนาตกตะลึงของอายฮุย เขาก็เกรงวา
เขาจะบั่นทอนความกระตือรือรนของอายฮุยจึงรีบกลาวเสริมวา “แตเจายังเยาววัยนัก
และสามารถสรางขนกระตายนี้ขึ้นมาไดแลว เจายังมีโอกาสที่จะทำสิ่งที่ดีกวาขึ้นไดใน
อนาคต นอกจากนั้นบางทีเจาอาจทำใหขนกระตายมีคุณภาพดีขึ้นไปอีก หากเจาทำได
เชนนี้ พวกเราทั้งคูก็จะร่ำรวย…”
ในตอนแรกผูจัดการหลี่ตั้งใจจะปลอบโยนอายฮุยแตเขากลับจูงใจตนเองโดยไม
ตั้งใจและรูสึกตื่นเตนมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับวาลูกศรขนกระตายสามารถขายไดใน
ราคาดอกละหาลานหยวนขึ้นมาจริงๆ
เจาอวนที่กำลังฝก [ยางกาวบุปผาเริงระบำ] อยูไมไกลออกไปพยายามอยางยิ่งที่
จะแอบฟงสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน เขาไดยินพวกเขาพูดบางอยางเกี่ยวกับเงินและเริ่ม
สงสัยมากขึ้นจนแทบจะพุงตัวเขาไปรวมพูดคุยดวย
“สองรอยหกสิบสอง ฝกตอไปเจาอวน!”
โหลวหลานกลาวใหกำลังใจเขาเสียงดังและวิ่งผานไป
เจาอวนตกใจ เกือบจะทำหัวเขาตัวเองพลิก เขาจองมองโหลวหลานที่วิ่งหาง
ออกไปดวยดวงตาเขียวปด
ชางเปนตุกตาทรายที่โหดรายยิ่งนัก!
เจาอวนสงบสติและไมกลาที่จะหยุด เขารูวาอายฮุยจะทำตามที่พูดเอาไว หากเขา
ไมสามารถทำตามที่สั่งไดสำเร็จ เขาไมอาจจะหลบหนีการลงโทษไปได
ไมมีใครรูจักอายฮุยดีไปกวาเขา อายฮุยนั้นเย็นชา โหดเหี้ยม และใจแข็งยิ่งกวาหิน
เมื่ออายฮุยตัดสินใจแลว การออนวอนก็ไมมีความหมายอะไรกับเขา
เจาอวนทำไดแคระบายอารมณใสพื้นกระเบื้องใตเทา
เขากระทืบใสกระเบื้องอยางรุนแรงและคิดวา “หากเจาไมใหขามีสวนรวม ขาจะ
ทำลายพื้นกระเบื้องในโรงฝกของเจาใหหมด!”
บทที่ 142 ซังจื่อจวิน
ในโรงฝกที่แทบจะวางเปลา มีคนผูหนึ่งกำลังฝกอยางหนัก เหงื่อไหลลงมาตาม
ใบหนาของนางราวกับหยาดฝน การไดดูซือเสวี่ยมั่นฝกฝนทำใหหยงเจิ้งนึกถึ งอดีต
และยิ้มออกมาโดยไมรูตัว ซือเสวี่ยมั่นมีบุคลิกลักษณะเฉกเชนเดียวกับบิดาของนางไม
ผิดเพี้ยน
นางชางกลาหาญ มีวินัยในตัวเองและมีความรับผิดชอบเชนเดียวกับบิดาของนาง
เขาเริ่มเขาใจแลววาเหตุใดตระกูลจึงไดทุมเททรัพยากรจำนวนมากใหกับเสวี่ยมั่น
ในมุมมองของพวกเขาซือเสวี่ยมั่นคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในรุนนี้ที่จะรับหนาที่ดูแลตระกูล
ตอจากบิดาของนาง
ไมวาอยางไรก็ตามหยงเจิ้งรูสึกสงสารนางอยูบาง
เขาเห็นกับตาตัวเองวาเพื่อนของเขาตองเสียสละมากมายถึงเพียงไหนในการ
ยกระดับตระกูลมาจนถึงจุดนี้ ซือเสวี่ยมั่นเปนเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง มันยอมยากกวา
มากนักในการที่จะทำใหสำเร็จไดดังเชนที่บิดานางเคยทำ
หลังจากฝกฝนอยางไมคิดชีวิตความอัดอั้นตันใจของซือเสวี่ยมั่นก็ลดลงไปอยางมาก
ถึงแมจะไมมีภารกิจใหทำ นางก็บอกตัวเองใหคิดวานี่เปนเรื่องดีที่ทำใหนางมีเวลา
ใหฝกฝนในโรงฝก
“คุณหนู”
หยงเจิ้งกลาวทักทาย เขายับยั้งไมใหตัวเองบอกสิ่งที่คิดใหนางไดรับรู เขาเพียง
เก็บมันไวในสวนลึกของหัวใจ ผูคนนั้นมีความแตกตางกัน ตัวเขาเองเปนพวกสันหลัง
ยาวซึ่งเปนเหตุใหเขาใชชีวิตอยางนี้ มีเพียงครั้งเดียวเทานั้นที่เขาไดเห็นบิดาของซื
อเสวี่ยมั่นหลั่งน้ำตา มันเกิดจากความรูสึกเสียใจและปวดราวเนื่องจากความลมเหลว
ชายที่ถือวาประสบความสําเร็จในชีวิตซึ่งมีจิตใจแข็งแกรงดั่งหินผา มีทางเดียวที่
จะทำใหเขายอมแพก็คือทำลายเขาเสียเหมือนกับทุบหินใหละเอียดเปนเม็ดทราย
“ทานอาหยงเจิ้ง” ซือเสวี่ยมั่นฝนยิ้มออกมาและอดไมไดที่จะถาม “เมืองซงเจียน
ในตอนนี้เปนอยางไรบาง”
พวกเขาเปนคนแบบเดียวกันจริงๆ
หยงเจิ้งยิ้มอยูในใจแตไมแสดงอาการอะไรออกมาใหเห็นบนใบหนา เขาตอบ
ออกไปวา “มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยูบางกอนหนานี้ โชคยังดีที่มีการใชมาตรการออกมาได
ทันทวงที นักเรียนหองหนึ่งสามารถหนีออกมาจากสวนแหงชีวิตได พวกเขามีความรู
พื้นฐานบางอยางเกี่ยวกับพิษโลหิต ซึ่งนั่นชวยปองกันหายนะเอาไวได หลังจากนั้น
อาจารยทั้งหลายของโรงเรียนซงเจียนก็ทำการตรวจคนทั่วเมืองอยางละเอียดเพื่อ
กำจัดอันตรายใดๆ ก็ตามที่ยังซุกซอนอยู ในขณะเดียวกันอาจารยผูใชพลังธาตุดิน
หลายคนก็ไดทำการเสริมความแข็งแกรงใหกับระบบปองกันเมือง สวนที่วาการเมือง
นั้นก็ไดจัดสรรเวรยามเพิ่มขึ้นเพื่อเดินตรวจตราทั้งกลางวันและกลางคืน ในตอนนี้จึง
ไมนามีปญหาอะไร”
ซือ เสวี่ยมั่นรูสึก ผิดหวังอยูบาง ในตอนแรกนางคิ ดวาทางที่ ว าการเมื องและ
โรงเรียนซงเจียนพยายามปดบังความจริง แตในตอนนี้นางรูแลววาทุกสิ่งทุกอยางนั้น
เปนไปดวยดีในชวงเวลานี้
หลังจากหดหูอยูไมกี่วินาที นางก็ราเริงขึ้นอีกครั้ง
ตอนแรกนั้นนางรูสึกหดหูเพราะนางเตรี ยมตั วมาเป นอยา งดี ท ี่ จะต อสู อยาง
ยากลำบากแตเมื่อ ไดยินสิ่งที่ครูใหญบ อกก็ท ำใหรู สึ กเหมื อนกั บว านางถูกหลอก
ในตอนนี้นางรูสึกยินดีที่ไดรับทราบวาเมืองนั้นปลอดภัยอยางแทจริง ถึงแมวามันจะ
ทำใหนางดูโงเงากับภารกิจนี้ก็ตาม ถึงอยางไรมันก็เปนสิ่งที่นายินดีเพราะมีคนตาย
มากเกินพอแลวในภัยพิบัติโลหิตนี้
อยางนอยนางก็สามารถผอนคลายและทำสิ่งที่นางตองการได
อาจเปนเพราะนางหมดความกังวลแลว ซือเสวี่ยมั่นจึงรูสึกหิวขึ้นมาในตอนนี้
นางตัดสินใจที่จะไปกินบะหมี่เนื้อ!
นางกลาวลาหยงเจิ้ง อาบน้ำและเดินทางออกไป
นางเดินผานโรงฝกที่เคยจัดการประลองปดตาตอสู นางยังจำไดดีถึงความเปนที่
นิยมของมันในอดีต เนื่องจากเกิดภัยพิบัติโลหิตขึ้นการเดินทางสวนใหญเขามาใน
สนามเหนี่ยวนำจึงหยุดลง ในตอนนี้การบินไปมาระหวางเมืองนั้นไมอาจทำไดและคง
เปนเชนนี้ไปอีกระยะหนึ่ง
ผูเขาประลองในการปดตาตอสูสวนใหญนั้นเปนนักเรียนจากเมืองอื่นซึ่งมีนอยคน
นักที่จะมาไดในชวงเวลานี้
นอกเหนือไปจากโรงฝกแลว รานคาเกือบทั้งหมดก็ไดรับความเดือดรอนจากธุรกิจ
ที่ซบเซาเชนกัน เมื่อเห็นภาพอันนาหดหูเชนนี้ซือเสวี่ยมั่นก็หวังเปนอยางยิ่งวาภัยพิบัติ
โลหิตนี้จะจบสิ้นลงอยางรวดเร็วที่สุดเทาที่จะเปนไปได มันเพิ่งเกิดขึ้นไดไมนานนี้เอง
และแสดงใหเห็นถึงความเสียหายที่มันสามารถทำไดออกมาอยางชัดเจน
ขอยกเวนเดียวในเหตุการณนี้กค็ ือรานขายอาวุธเพราะผูคนจำนวนมากตองการ
ซื้ออาวุธในชวงวิกฤตการณเชนนี้
ซือเสวี่ยมั่นพบคนที่นางรูจักเขาโดยบังเอิญ
นั่นคือซังจื่อจวิน นอกจากซือเสวี่ยมั่นแลวก็มีนางที่เปนผูหญิงอีกคนในกลุม
“เสวี่ยมั่น!” ซังจื่อจวินรูสึกยินดีที่ไดเห็นซือเสวี่ยมั่น นางโบกมือชวน “มานี่สิ!”
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกประหลาดใจเล็กนอย “มีอะไรหรือจื่อจวิน”
นางไมไดสนิทกับซังจื่อจวินมากนัก เพราะพวกเขาไมไดอยูในสาขาเดียวกันที่
โรงเรียน พวกเขารูจักกันก็เพราะไดรับมอบหมายใหทำภารกิจรวมกัน แตเนื่องจาก
พวกเขาเปนเพียงเด็กสาวคูเดียวในกลุม จึงทำใหพวกเขาคุนเคยกันไดอยางรวดเร็ว
หลังจากไดรูจักกันมาระยะหนึ่ง ซือเสวี่ยมั่นคิดวาซังจื่อจวินเปนคนสบายๆ แตก็
สงางามและถอมตน นางแทบไมเคยแสดงทาทางดีอกดีใจออกมาใหเห็น
ซือเสวี่ยมั่นรีบเดินไปหานางทันที
“ขอยืมเงินหนอยไดไหม” ซังจื่อจวินดูเหมือนจะหมดหวังอยูบาง “ขาคิดวาที่นี่
คอนขางบานนอก ขาจึงไมไดนำเงินติดตัวมามากนัก ขาเลยมีเงินไมพอในตอนนี้”
“ไดสิ เจาตองการเทาไร” ซือเสวี่ยมั่นตอบตกลงในทันที เนื่องจากนางเคยมี
ประสบการณท ี ่ ลื ม นำเงิ น ติ ด ตัว มาและไม อ าจจา ยค า สิ น ค า ได ม าก อ น มั น เป น
ประสบการณที่กระอักกระอวนและปวดราวเปนอยางยิ่งสำหรับนาง
“ขอยืมสักยี่สิบลานกอนนะ” ซังจื่อจวินกลาว
ซือเสวี่ยมั่นตะลึง “ยี่สิบลานหยวน เจาจะเอาไปซื้ออะไร”
สิ่งแรกที่นางคิดก็คือซังจื่อจวินอาจจะถูกหลอกลวง ในเมืองเล็กๆ เชนนี้ ที่ที่บะหมี่เนื้อ
ชามหนึ่งราคาแครอยหาสิบหยวน จะมีอะไรที่มีคาถึงยี่สิบลานได ซังจื่อจวินตองถูก
หลอกเขาอยางแนนอน
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกโกรธอยางมากและตัดสินใจที่จะไปหาเรื่องกับพอคา
ซังจื่อจวินรูวาซือเสวี่ยมั่นกำลังคิดอะไรอยูเมื่อเห็นนางขมวดคิ้วจึงกลาววา “ใจ
เย็น ขาไมไดถูกหลอก ขาบังเอิญไปพบสิ่งที่ดีเขา”
เพื่อแกความสงสัยของซือเสวี่ยมั่น ซังจื่อจวินจึงไดนำลูกศรออกมาและกลาววา
“ดูนี่สิ”
ลูกศรหรือ
ราคายี่สิบลานหยวนเชียวหรือ นี่ตองเปนการโกงกันอยางแนนอน!
ซือเสวี่ยมั่นรับลูกศรมาอยางสงสัย การยิงธนูนั้นไมใชเรื่องที่นางชำนาญนัก แต
นางก็พอมีความรูพื้นฐานอยูบาง ลูกศรนี้ดูดีทีเดียวแตนางก็ยังไมอาจเขาใจไดวามันมี
ราคาถึงยี่สิบลานไดอยางไร แตกระนั้นนางก็รูดีวาซังจื่อจวินไมใชคนโงจึงไดถ าม
ออกไป “ขอโทษนะจื่อจวิน ขาไมเขาใจจริงๆ วาลูกศรนี้มีความพิเศษอยางไร”
ซังจื่อจวินอธิบายวา “มันมีอำนาจทะลุทะลวงที่รุนแรงมาก ขาเพิ่งทดสอบมันไป
ไมใชพลังธาตุก็ยังสามารถทะลวงผานเกราะหนาสามนิ้วไดในระยะหนึ่งพันกาว หรือ
ทะลุผานเกราะหนาหานิ้วจากระยะหารอยกาว”
ดวงตาของซือเสวี่ยมั่นเบิกกวางขึ้น นางพอมีความรูเกี่ยวกับการยิงธนูอยูเล็กนอย
ดังนั้นนางจึงรูวาผลทดสอบนี้หมายความวาอยางไร
ซังจื่อจวินมองไปรอบๆ เพื่อใหแนใจวาไมมีใครไดยินกอนจะพูดออกมาเบาๆวา “ขา
ยังไดทำการทดสอบและพบวาพลังธาตุทองสามารถเพิ่มประสิทธิภาพใหลูกศรได”
ซือเสวี่ยมั่นเขาใจในทันที ขอมูลที่ซังจื่อจวินเพิ่งบอกนางไปเปนพลังของลูกศรที่
ไมมีพลังธาตุ “หากผสานพลังธาตุเขาไปมันจะมีพลังทำลายลางสูงขึ้นโดยเฉพาะอยาง
ยิ่งหากเปนพลังธาตุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับมัน”
พลังธาตุพื้นฐานของซังจื่อจวินคือธาตุทอง ดังนั้นลูกศรนี้จึงเหมาะสมกับนางมาก
การที่เมืองซงเจียนมีสมบัติชั้นยอดแบบนี้อยูเปนเรื่องที่เกินความคาดหมายของซื
อเสวี่ยมั่น นางเคยมาที่นี่หลายครั้งแลวและนี่เปนครั้งแรกที่งานพบวามีรานที่ขาย
สินคาคุณภาพสูงแบบนี้อยู
“เจาตองการจะซื้อเทาไร” นางถามขึ้นเมื่อตระหนักไดวาซังจื่อจวินไมไดตองการ
จะซื้อแคศรดอกเดียว
ซังจื่อจวินตื่นเตนอยางมากและกลาวดวยเสียงเบาวา “เราคงจะหาเวลาที่ดีกวานี้
ไมไดอีกแลว ลูกศรนี้เพิ่งถูกคิดคนขึ้นในวันนี้ ราคาของลูกศรหนึ่งดอกคือหนึ่งแสนหา
หมื่นหยวน มันไมแพงเลย”
“ดอกละหนึ่งแสนหาหมื่นหยวน ไมแพงจริงๆ ดวย” ซือเสวี่ยมั่นกลาวออกมาโดย
ไมลังเลเลย “ขามีเงินอยูบาง เจาเอาไปใหหมดเลย”
ความสำคัญของลูกศรสำหรับผูใชพลังธาตุที่ฝกฝนการใชธนูนั้นเปนสิ่งที่ไม ตอง
สงสัยเลย ความเปนที่นิยมของการยิงธนูนั้นทำใหเกิดความตองการซื้อลูกศรอยางมาก
และมีผูคนจำนวนหนึ่งที่ทำงานเปนผูผลิตลูกศรโดยเฉพาะ
ทุกวันนี้สามารถเห็นลูกศรวางขายอยูในรานอาวุธเกือบทุกราน แตการจะหา
ลูกศรที่ดีนั้นก็ยังถือวาเปนเรื่องยากอยูดี การคนพบลูกศรที่เหมาะกับผูใชนับเปนโชค
อยางหนึ่ง
ซือ เสวี่ย มั่นเขา ใจสิ่งที่ซังจื่อ จวิ น กำลั งคิ ดอยู  นางต อ งซื ้ อ ลู ก ศรจำนวนมาก
ในตอนนี้เพราะมันเปนสิ่งที่ใชแลวหมดไป และนางอาจไมมีโอกาสที่จะหาซื้อเพิ่มได
อีกหากใชหมดไปแลว
“ขามีเงินติดตัวอยูสิบลานหยวนรวมกับที่เจาใหยืมอีกยี่สิบลานหยวน ขาก็จะมี
เงินทั้งสิ้นสามสิบลานหยวน ดังนั้น ขาสามารถซื้อลูกศรไดสองรอยดอก มันเพียง
พอที่จะใหขาใชไปไดอีกนานทีเดียว” ซังจื่อจวินรูสึกยินดีเปนอยางยิ่ง “พวกเขาเพิ่งจะ
สรางลูกศรนี้ขึ้นมาและยังไมไดนำมันออกสู ตลาด นอกจากนี้เขายังไม ไดม ีสิ น ค า
เตรียมพรอมไวดังนั้นขาจำเปนตองรอ ลูกศรสองรอยดอก! พวกเขาตองทำงานหนัก
ระยะหนึ่งทีเดียว”
ซังจื่อจวินจะเขาไปในรานเพื่อทำการตอรองกับผูดูแลรานในขณะที่ซือเสวี่ยมั่น
เดินดูของไปรอบๆ
ชางเปนเรื่องนาเหลือเชื่อที่รานธรรมดาเชนนี้จะมีลูกศรที่ยอดเยี่ยมขาย ซือเสวี่ย
มั่นจึงมองหาวามีสินคาชั้นยอดอื่นอีกหรือไม
แตเมื่อไดดูทุกอยางที่อยูบนชั้นวางของแลวซือเสวี่ยมั่นก็รูสึกผิดหวัง
ไมมีสินคาตัวใดที่ทำใหนางประทับใจ
ซังจื่อจวินเดินออกมาอยางดีใจพรอมกับลูกศรสิบดอกในมือ กลายเปนวาลูกศร
เหลานี้เพิ่งจะทำเสร็จ
“มันมีชื่อเรียกวาอยางไร” ซือเสวี่ยมั่นถามอยางไมจริงจังนัก
ซังจื่อจวินตอบกลับมาอยางอารมณดี
“ชื่อของมันคอนขางแปลก มันเรียกวาขนกระตาย ขารูเรื่องของลูกศรนี้มาจาก
ที่วาการเมือง พวกเขาไดรับมันมากอนแตของที่พวกเขาไดไปนั้นมีพลังเพียงแค ครึ่ง
เดียวของลูกศรนี้ พวกเขาซื้อมันไปในราคาดอกละสองหมื่นหยวนและขายในตลาดใน
ราคาสามหมื่นหยวน นั้นขาจึงตัดสินใจที่จะมาดูที่รานและตองประหลาดใจที่พบวา
เขาเพิ่งจะประดิษฐลูกศรชนิดใหมขึ้นมาไดและมีพลังยิ่งกวาเดิม ขาชางโชคดีจริงๆ”
เนื่องจากนางไมมีทางใชลูกศรที่ซื้อมาไปกับการฝกฝนประจำวัน ดังนั้นลูกศร
“ขนกระตาย” สองรอยดอกนี้ก็เพียงพอใหนางใชไปไดอีกนานทีเดียว
“ไมแพงเลยจริงๆ” ซือเสวี่ยมั่นกลาว “ไมงายเลยที่จะหาลูกศรที่ทรงพลังเชนนี้ได”
พลังของมันนั้นเพิ่มขึ้นเปนสองเทาแตราคานั้นจะเพิ่มขึ้นถึงหาเทา แตกระนั้นมัน
ก็ไมใชเรื่องนาประหลาดใจสำหรับซือเสวี่ยมั่น นางรูดีวาเมื่อพลังไปถึงระดับหนึ่งแลว
การจะเพิ่มมันขึ้นไปแมเพียงเล็กนอยนั้นตองใชความทุมเทอยางมาก ดังนั้นราคาจึง
เพิ่มสูงขึ้นอยางมาก
“เสวี่ยมั่น เจาตองเลี้ยงขาวขา” ซังจื่อจวินดูออนแอนาสงสาร “ขาไมเหลือเงินติด
ตัวแลว ขาคงตองพึ่งเจาแลวละ”
“ไมมีปญหา! ขาจะเลี้ยงเจาเอง” ซือเสวี่ยมั่นยิ้ม “ไปกินบะหมี่เนื้อกัน ขารูจัก
รานบะหมี่เกาแกที่ขึ้นชื่ออยางมาก”
ซือเสวี่ยมั่นนั้นเปนสาวงามที่เยือกเย็นในสายตาของหนุมๆ แตสำหรับเด็ก สาว
แลวนางเปนพี่สาวใหญที่อบอุนและพึ่งพาได
“เจาดูเหมือนจะคุนเคยกับเมืองนี้ดี” ซังจื่อจวินเดินตามไปพรอมกับถามอยาง
สงสัย สำหรับนางแลวซือเสวี่ยมั่นดูไมเหมือนคนที่จะมากินบะหมี่เนื้อในรานเล็กๆ
“ใชแลว” ซือเสวี่ยมั่นตอบ “พวกเรามีโรงฝกอยูที่นี่และขาก็เคยมาที่นี่หลายครั้งแลว”
กลิ่นเนื้อตุนทำใหซือเสวี่ยมั่นรูสึกหิว
นางเดินเขาไปในรานบะหมี่ตามปกติและสั่ง “ขอบะหมี่เนื้อสองชามกับเนื้อหนึ่งจาน”
เถาแกรานบะหมี่ตอบ “ไดเลย” เมื่อเงยหนาขึ้นมองก็เห็นลูกคาสาวที่ไมคุนหนา
คนหนึ่ง สวนคนที่สั่งอาหารนั้นงดงามอยางมาก หากนางเคยมาที่นี่มากอนเขายอมไม
มีทางลืมไดอยางแนนอน
“เชิญนั่งกอน บะหมี่จะมาในไมชา”
ถึงแมวาเขาจะรูสึกสับสนแตก็ยังบอกใหพวกนางนั่งลงกอน
ซังจื่อจวินมองไปรอบๆ ดวยความสงสัยอยูดานหลังซือเสวี่ยมั่น และในไมชานาง
ก็ถูกกระตุนความสนใจดวยเสียงประหลาด
“เจาอวน! เอ็งกินเยอะแบบนี้ไดอยางไร”
“นอยกวาเจาสองชาม ตกลงไหม”
“เจาเปนคนที่ติดเงินขาอยูนะ แลวจะกินมากเชนนั้นไดอยางไร อยางนอยตอง
นอยกวาขาสี่ชาม!”
“อายฮุย เจาลืมไปแลวหรืออยางไรวาขาเคยเก็บหมั่นโถวลูกสุดทายไวใหเจาใน
ตอนนั้น เจาอยาไดโหดรายจนเกินไป อยางนอยก็ตองใหขากินบะหมี่ใหอิ่ม”
“ก็มีเหตุผล เจาพูดตอไดและถาเจาสามารถหาเหตุผลใหขาไดหาขอ ขาจะใหเจา
กินเพิ่ม หือ ได วาไป… ตกลง เจาพูดถูก… หือ ประทานโทษ ขอบะหมี่เพิ่มอีกชาม!”
“เจาคนแซอาย เจามันเจาเลห!”
บทที่ 143 การคาขาดทุน
ซือเสวี่ยมั่นประหลาดใจที่ไดเห็นอายฮุย ดูเหมือนวานางจะตองพบเขากับชายผูนี้
ทุกครั้งที่นางมายังรานบะหมี่แหงนี้ นางไมไดกลาวอะไร หันไปนั่งขางซังจื่อจวิน
ซังจื่อจวินไมเคยนั่งกินในรานอาหารเล็กๆ เชนนี้มากอนจึงรูสึกสงสัยเปนอยาง
มาก พวกเด็กหนุมที่นั่งไมไกลออกไปนั้นกินกันอยางเสียงดังและกลิ่นที่หอมฟุงอยูใน
อากาศก็ทำใหนางรูสึกหิวเปนอยางมาก
โตะที่พวกเขานั่งกินกันนั้นมีชามวางกองซอนกันเปนชั้นสูง ซังจื่อจวินรูสึกพูด
อะไรไมออกเมื่อเห็นวาเด็กหนุมทั้งสองกินไปมากแคไหน นางไมเคยเห็นใครกินแบบ
พวกเขากินมากอน ผูชายทุกคนที่นางรูจักลวนมีมารยาทสงางามและสุภาพในยามที่
ทานอาหาร นี่นับเปนประสบการณแปลกใหมสำหรับนาง
แตสิ่งที่ทำใหนางประหลาดใจที่สุดก็คือซือเสวี่ยมั่น ในสายตาของนาง เทพธิดา
อยางซือเสวี่ยมั่นไมมีวันมานั่งกินในรานอาหารเชนนี้ อันที่จริงแลวไมเพียงแตพวกเด็ก
หนุมเทานั้น พวกเด็กสาวเองก็มองวาซือเสวี่ยมั่นเปนเทพธิดา
ซือเสวี่ยมั่นสังเกตเห็นซังจื่อจวินมองมาและสามารถเดาไดวานางคิดอะไรอยู นาง
เพียงแคย้มิ ออกมาและไมอธิบายอะไรออกไป
เด็กหนุมทั้งสองคนกำลังวุนวายอยูกับการกินโดยไม สนวามีคนอื่นอยู ในร า น
หรือไม
เจาอวนกลับคืนสูสภาพปกติอีกครั้งและกลาววา “ยอดไปเลย! ชีวิตตองใหได
เชนนี้! อายฮุยเจาเจอรานนี้ไดอยางไร ชางนาทึ่งเสียจริง! ขาตัดสินใจแลว!”
เสียงที่ดังขึ้นมาอยางฉับพลันของเจาอวนทำใหซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินตกใจ
อายฮุยไมไดแสดงสีหนาอะไรออกมา เขายังกมหนากมตากินบะหมี่ตอไปและพูด
โดยไมเงยหนาขึ้นมองวา “ตัดสินใจที่จะจายหนี้”
เจาอวนตอบกลับไปในทันที “เปลา แนนอนวาไมใช ขาตัดสินใจแลววาจะอยูกับ
เจา ขาลองคิดดูแลวในปที่สองของการอยูในสนามเหนี่ยวนำ ขาสามารถทำการขอ
เปลี่ยนสาขาเรียนไดหากสาขาใหมยอมรับใหขาเขาเรียน เจาก็เห็นแลววาขาฝกฝน
หนักเพียงใดทุกวันนี้ ขามั่นใจวาสาขาของเจาจะตองยอมรับขาอยางแนนอน”
“จายหนี้มากอน” อายฮุยยังคงพูดดวยน้ำเสียงไรอารมณและมุงมั่นกับการกิน
บะหมี่ตอไป ราวกับวาอารมณของเขาทั้งหมดนั้นเบื่อหนายเกินกวาจะไปวุนวายกับ
เจาอวนในตอนนี้
เจาอวนมองเขาดวยความโมโห “ทำไมเจาตองมาจริงจังเอาตอนนี้”
“เจาจะบอกวาเจาไมยอมจายหนี้เชนนั้นหรือ” อายฮุยทำเปนไมสนคำถาม
“ขายอมตองจาย…” เจาอวนไมกลายอมรับออกมาและตัดสินใจที่จะเปลี่ยน
ประเด็น “อายฮุย เจาคิดวาเมื่อไรภัยพิบัติโลหิตนี้จะจบลง”
สิ่งแรกที่เขามาในหัวของซือเสวี่ยมั่นเมื่อนางเห็นอายฮุยไมใชเรื่องหนี้ของเขา
หรือเรื่องที่วาเขาพบคนที่นางใหตามหาหรือไม หากแตเปนตนขาวสาร ตนไมนั้น
เกาแกอยางมากจนนางไมอาจสืบหาตนตอของมันได
มีความเปนไปไมไดที่ตนขาวสารเกาแกเชนนี้จะไมถูกบันทึกเอาไว และนางก็ได
เห็นดวยตาตัวเองวาตนไมนั้นยังสมบูรณแข็งแรงไมมีการติดโรคหรืออาการปวยใดๆ
หลังจากเกิดการระบาดของพิษโลหิต ความคิดเหลานี้ก็ถูกทิ้งไว นางเพิ่งมานึกถึง
ตนขาวสารก็ตอนที่ไดเห็นหนาอายฮุยเดี๋ยวนี้นี่เอง
เพื่อที่จะเรียนรูมากขึ้นเกี่ยวกับตนไมนี้ นางไดขอใหทางตระกูลชวยทำการสืบคน
เกี่ยวกับโรงฝกศาสตราวุธ
พวกเขาไดทำการสืบคนบันทึกในหอภารกิจของเมืองซงเจียนและพบวาเจาของ
โรงฝกนี้มีชื่อวา เหิงปงเฟง ซึ่งเปนชื่อที่ไมมีใครรูอะไรเกี่ยวกับคนผูนี้เลย
นี่คือขอมูลทั้งหมดที่นางสืบคนได นอกเหนือจากชื่อแลวไมมีขอมูลอื่นใดใหพบ
รวมถึงตนขาวสารหรือแมแตโรงฝกศาสตราวุธเอง
นางไดถามทานปูของนางดวยแตเขาก็ไมรูอะไรเกี่ยวกับชื่อนั้นเชนกัน
เมื่อนางเห็นอายฮุย นางก็อดคิดถึงการสืบคนนี้ขึ้นมาไมได
เมื่อเด็กหนุมทั้งสองสนทนาเกี่ยวกับภัยพิบัติโลหิตก็ทำใหนางเกิดสนใจขึ้นมา
ซังจื่อจวินทำสีหนาไมพอใจ นางเคยเห็นพวกเด็กหนุมที่ชอบพูดจายิ่งใหญเกินจริงมา
มากแลว
บะหมี่ก็มาพอดี ซือเสวี่ยมั่นเริ่มกินบะหมี่ในทันที แตนางก็ยังใหความสนใจกับสิ่ง
ที่พวกเด็กหนุมกำลังสนทนากันอยูเพราะนางตองการที่จะรูวาอายฮุยจะพูดวาอยางไร
ในสายตาของนางแมวาอายฮุยจะไมโดดเดนอะไร เขาก็มีความกลาชางสังเกตและมี
ความคิดเปนของตัวเอง
“จบ?” อายฮุยหยุดไปครูหนึ่ง “มันไมจบเร็วๆ นี้แน”
ในตอนแรกเจาอวนแคอยากจะเปลี่ยนเรื่องพูด เขาไมคิดวาจะไดยินคำตอบเชนนี้
จากอายฮุย เขาใชความคิดอยูครูหนึ่งกอนจะถาม “ทำไม มันก็แคพิษโลหิต ขาคิดวา
สนามเหนี่ยวนำมีความสามารถมากพอที่จะหาทางแกไดอยางรวดเร็ว”
เจาอวนมีความมั่นใจในสนามเหนี่ยวนำเชนเดียวกับคนอื่นๆ สนามเหนี่ยวนำเปน
สถานที่ปดซึ่งไมมีความขัดแยงระหวางขั้วอำนาจ มันมีความแข็งแกรงและผูคนก็
รวมกันเปนหนึ่งเดียว
คุณสมบัติที่โดดเดนที่สุดของมันก็คือความแข็งแกรง เนื่องจากสนามเหนี่ยวนำนั้น
ตัดขาดออกจากโลกภายนอก สภาพแวดลอมของมันจึงมีความบริสุทธิ์กวา ซึ่งสงผลให
มีปรมาจารยและผูมีชื่อเสียงมากมายใชชีวิตอยางสันโดษอยูในนี้
นอกจากนั้นยังมีนักวิจัยที่ทำการศึกษาสิ่งแปลกประหลาดตางๆ มีโรงเรียนนับไม
ถวน ทฤษฎีแปลกใหมมากมาย รวมถึงอาจารยผูมีความรู
แลวพิษโลหิตจะเหนือไปกวาสนามเหนี่ยวนำที่มีความแข็งแกรงขนาดนี้ไดอยางไร
ในตอนแรกเจาอวนนั้นไมเชื่ออายฮุย หากเปนคนอื่นพูดออกมาเจาอวนคงกลาวเยย
หยันกลับไปแลว แตนี่เปนอายฮุยดังนั้นเจาอวนจึงไดแตพึมพำและเริ่มเชื่อขึ้นมาในใจ
“ขาก็ไมรู” อายฮุยยังคงกมหนากมตากินบะหมี่ตอไปและกลาวดวยเสียงอูอี้วา
“มันเปนแคความรูสึก สิ่งที่กำลังจะเกิดนั้นไมดีอยางแนนอนและจะมาพรอมกับภัย
ครั้งใหญดวย”
“สิ่งที่กำลังจะเกิดนั้นไมดีอยางแนนอนและจะมาพรอมกับภัยครั้งใหญดวย” เจา
อวนพึมพำและรูสึกถึงอันตรายอยางทวมทน
สิ่งที่กำลังจะเกิดนั้นไมดีอยางแนนอนและจะมาพรอมกับภัยครั้งใหญดวย
ซือเสวี่ยมั่นเองก็กำลังคิดในสิ่งที่อายฮุยกลาว
เนื่องจากซังจื่อจวินไมใหความสนใจกับเด็กหนุมที่ชอบคุยโวทั้งสองนี้ตั้งแตแรก
เมื่อไดยินเหตุผลที่ฟงดูไรเหตุผลเชนนี้นางจึงยิ่งเชื่อมั่นวาสิ่งที่นางคิดเกี่ยวกับพวกเขา
ในตอนแรกนั้นถูกตองแลว
ในฐานะเด็กสาวคนหนึ่ง นางรูสึกกลัวพิษโลหิตมาตลอด
นางไมอยากฟงพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้อีกตอไปแตก็อายเกินกวาที่จะบอกใหพวก
เขาหยุด หลังจากคิดอยูพักหนึ่งนางก็กลาววา “ขอบคุณเสวี่ยมั่น หากไมใชเพราะเจา
ขาคงไมสามารถที่จะซื้อลูกศรได”
ซือเสวี่ยมั่นไดสติคืนมาจากหวงนึกและยิ้มออกมา “ไมใชเรื่องใหญอะไร ไมตอง
พูดถึงมันหรอก”
“ขาไมคิดเลยวาขาจะไดพบกับลูกศรชั้นยอดเชนนี้ในเมืองซงเจียน” ซังจื่อจวินพูดดวย
ความตื่นเตน “ถึงแมวาชื่อของมันจะประหลาดอยูบาง ลูกศรขนกระตาย… ถึงอยางไร
ขาก็รูมานานแลววาสนามเหนี่ยวนำนี้มีผูมีพรสวรรคที่ไมเปดเผยตัวอยูมากมาย แมแต
ในเมืองเล็กๆ เชนนี้ก็ตาม การเดินทางมาคราวนี้ชางเปนประโยชนจริงๆ”
“ใชแลว แตมันก็ขึ้นอยูกับโชคของเจาดวย” ซือเสวี่ยมั่นรูสึกยินดีกับซังจื่อจวิ
นดวยเชนกัน ไมใชวาทุกตระกูลจะเปนเชนเดียวกับตระกูลของนางที่สามารถใชจายได
อยางมากมายไปกับเด็กคนหนึ่งโดยไมสนวาตองจายเทาไร
ทุกตระกูลตางก็มีกฎเกี่ยวกับการใชจายของคนรุนเยาว เวนเสียแตวาคนผูน้นั จะ
เปนผูสืบทอดตระกูลอยางแนนอนแลว ยิ่งตระกูลมีประวัติยาวนานเทาไรก็ยิ่งมีกฎที่
เขมงวดมากขึ้นเทานั้น
หากตองการที่จะใชเงินมากขึ้นก็จำเปนตองหามันดวยตัวเอง
ในตระกูลที่มีลูกหลานจำนวนมากในแตละรุน การจบการศึกษาจากสนามเหนี่ยวนำ
คือจุดเริ่มตนของการแขงขัน ภายใตการสนับสนุนที่ใกลเคียงกันผูที่สามารถเอาชนะ
การแขงขันไดยอมมีความเปนไปไดที่จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาตระกูลตอไป
หากมีคนไหนที่ไมกระตือรือรนพอที่จะเปนผูรับมรดก สิทธิและประโยชนที่พวก
เขาจะไดรับนั้นก็จะเทาเทียมกันและการสนับสนุนที่จะไดรับจากตระกูลนั้นก็จะตอง
เป น ไปตามมาตรฐาน ไม อ าจได ม าอย า งไร เ งื ่ อ นไขได พวกเขารู  ด ี ว  า บางครั ้ งก็
จำเปนตองทำตามเงื่อนไขของตระกูล
อยางเชนการสรางสายสัมพันธผานการแตงงาน
พวกเขาเปนเหมือนดั่งเชือกที่ทางตระกูลไดใชเงินและทรัพยากรมากมายไปใน
การขัดเกลา และใชเปนสวนหนึ่งในการสรางเครือขายผลประโยชนของตระกูล
หากพวกเขาตอ งการที่จ ะหลุ ดพน จากขอ บั ง คับ ของตระกู ล พวกเขาก็ ไม มี
ทางเลือกอื่นนอกจากจะสรางผลประโยชนที่มากกวาใหกับตระกูล
สำหรับเด็กสาวอยางซังจื่อจวินหากไมตองการที่จะตองแตงงานตามการจัดสรร
ของตระกูลแลว นางจำเปนจะตองขยันทำงานอยางมากมายมหาศาลเพื่อแสดงถึง
คุณคาของนางใหประจักษ หากนางมีตำแหนงสูงสงอยางเชนหัวหนาตระกูลและ
สามารถสรางประโยชนที่มากกวาการแตงงานจะนำมาใหกับตระกูลไดแลว พวกผู
อาวุโสในตระกูลก็จะรับรูและเลือกสิ่งที่ใหประโยชนสูงกวา
แตนั่นยอมเปนทางที่ยากเย็นกวาอยางเห็นไดชัด
พวกเด็กที่ฉลาดจากตระกูลใหญไมเคยยอมแพที่จะทำงานหนัก พวกเขาจะยิ่งพึ่งพา
ตัวเองและขยันหมั่นเพียรมากขึ้น พยายามอยางดีที่สุดที่จะแสดงความสามารถและ
พรสวรรคของตนออกมา พวกเขารูอยางชัดแจงวานั่นเปนทางเดียวที่จะไดรับอิสระ
ตราบใดที่สามารถไปถึงจุดสูงสุ ดได ก็ จ ะสามารถทำอะไรก็ตามที ่ตอ งการได
ตามใจ ตอใหไมอาจไปถึงจุดสูงสุดได หากมีอิสรภาพไดมากเทาไรก็ยิ่งดีเทานั้น
ซังจื่อจวินกำลังจะจบการศึกษาในไมชาและนั่นคือจุดเริ่มตนที่นางจะตองเผชิญหนา
กับปญหา นี่จึงเปนเหตุใหนางรูสึกยินดี หากสงครามไมไดเกิดขึ้นบอยจนเกินไปนัก
ลูกศรขนกระตายสองรอยดอกนี้ ก็เพียงพอใหนางใชไดนานถึงสองปในแนวรบ
หรือหากนางเลือกที่จะรวมกลุมลาอสูรในแดนราง ลูกศรขนกระตายสองรอยดอก
นี้ก็จะมีบทบาทสำคัญอยางยิ่ง
เมื่อ ไดเห็นเชนนี้ ซือ เสวี ่ย มั ่นก็ เชื ่ อ ว า ซั งจื ่ อ จวิ น เป น เด็ ก สาวที ่ ฉ ลาดที ่ ร ู  จั ก
เตรียมการลวงหนา เมื่อเทียบกับเด็กสาวที่เปนผูใหญเกินวัยแลว พวกเด็กหนุมในกลุม
ของนางนั้นถือวาออนหัดไปเลย
“เพียงแตราคาสามสิบลานหยวนนั้นออกจะสูงเกินไปสำหรับขา” ซังจื่อจวินดูไม
สบายใจ ตระกูลของนางไมมีทางยอมมอบเงินจำนวนมากขนาดนั้นให
“เจาไมจำเปนตองรีบใชเงินคืน” ซือเสวี่ยมั่นกลาวอยางใจดี
ซังจื่อจวินยิ้มและตอบวา “ไมตองหวง ขาประหยัดเงินเสมอมาเพราะมันทำใหขา
รูสึกยินดีทุกครั้งที่ไดมีเงินอยูกับตัวมากๆ เพียงแตนี่เปนครั้งแรกที่ขาใชเงินมากมายถึง
เพียงนี้ก็เลยทำใหรูสึกผิดนิดหนอย”
ในตอนนี้ซือเสวี่ยมั่นก็เริ่มประเมินนางใหมโดยสิ้นเชิง เด็กสาวที่ประหยัดแตกลับ
ตัดสินใจซื้อลูกศรขนกระตายจำนวนมากโดยไมลังเล ดวยความกลาและเด็ดเดี่ยวนี้
แสดงใหเห็นวานางไมใชเด็กสาวทั่วไปอยางแนนอน
ขนกระตาย...
เมื่อไดยินคำนี้อายฮุยก็หยุดไปครูหนึ่งและเต็มไปดวยความปติยินดี แนนอนวาเขา
รูสึกยินดีที่ไดยินคนกลาวชื่นชมลูกศรของตนถึงแมวาเขาจะเพียงแครับผิดชอบในการ
ผลิตเสนไหมก็ตาม
เดี๋ยวกอน!
สามสิบลานหยวน!
เด็กสาวผูนั้นซื้อลูกศรขนกระตายมูลคาสามสิบลานหยวน!
อายฮุยจองมองไปที่นาง เขาปรารถนาที่จะพุงตรงไปหาผูจ ัดการหลี่และบอกเขา
ถึงสิ่งที่ไดยิน ลูกศรขนกระตายมูลคาสามสิบลานหยวน นางตองรวยมากแนๆ
เมื่อไดยินสองสาวคุยกัน เจาอวนก็หันไปดูและตกตะลึ งไปในทั นทีเขาพึ ม พำ
“อะ… อายฮุย งามยิ่งนัก…”
งามหรือ ในสายตาของอายฮุยตอนนี้มีแตเงินเทานั้น เขามองขึ้นไปและกลาว
อยางไมใสใจวา “เจาพูดถึงคนไหนกัน”
“ทั้งคู” ดวงตาของเจาอวนเปนประกาย
อายฮุยตบหัวของเจาอวนและบอกวา “คนจายเงินคือคนงาม เจาเขาใจหรือยัง”
ใครก็ตามที่กลาวชมลูกศรขนกระตายยอมงดงามกวาเสมอ
เออ ไมสิ ใครก็ตามที่จายเงินสามสิบลานหยวนซื้อลูกศรขนกระตายยอมงดงามวา
เสมอ
เจาอวนจองมองอายฮุยแลวพูด “เจารังแกขาเพราะวาขาไมมีเงิน”
“ถูกตอง!” อายฮุยพยักหนา “หรือเจาอยากจะใชหนี้”
"เจาอวนไมกลาที่จะพูดอะไรอีก
อายฮุยพูดกับเขาอยางจริงใจวา “เจาอวนจำเอาไวนะเงินคือทุกสิ่ง หากเจาไมมีเงินเจา
ไมอาจแมแตซื้อบะหมี่ชามหนึ่งได ครั้งกอนที่รานบะหมี่แหงนี้ ขาพบกับสาวนอยคน
หนึ่งที่ไมไดนำเงินติดตัวมาและจบลงที่ขาจายใหกับนาง เจารูอะไรไหม หากเจาเห็น
สาวนอยคนใดที่ไมไดนำเงินติดตัวมาดวย เจาตองรีบวิ่งใหหางจากนางไปใหไกลที่สุด
เทาที่จะทำได”
“ทำไม” เจาอวนรูสึกสับสน
“เพราะมันเปนการคาขาดทุน หากเจาจายใหกับนางเจาตาย” อายฮุยกลาว
ออกมาอยางเจ็บปวดใจ “ขาจายคาบะหมี่หนึ่งรอยหาสิบหยวน แตจบลงดวยการที่ขา
ตองเปนหนี้นางแปดสิบลานหยวน นี่คือการคาขาดทุน”
“แปดสิบลานหยวน…” เจาอวนงงงันไป ตัวเลขนั้นมากเกินกวาที่เขาจะพูดอะไร
ออกมาได
ซังจื่อจวินสังเกตเห็นใบหนาที่เปลี่ยนไปของซือเสวี่ยมั่นและถามดวยความเปน
หวงอยางจริงใจ “เสวี่ยมั่น เปนอะไรไปหรือ เจาดูไมคอยสูดี เจารูสึกไมสบายตรงไหน
หรือไม”
บทที่ 144 การซุมโจมตีและการมองขาม
ใบหนาของซือเสวี่ยมั่นซีดเผือด
การคาขาดทุน...
นางไมคาดคิดมากอนวาวันหนึ่งตนจะถูกเรียกวาการคาขาดทุน
บัดซบ! ถึงแมวานางจะพยายามอยางที่สุดที่จะทำเหมือนไมมีอะไรเกิดขึ้น แตสี
หนาของนางก็แสดงออกอยูดี นางหายใจเขาลึก พยายามขมความโกรธเอาไว ตอหนา
ความเปนหวงของซังจื่อจวินนางตองฝนยิ้มออกมาและกลาววา “ขาคงฝกหนักไป
หนอย”
ที่อีกฝงหนึ่งเจาอวนพูดออกมาในทันทีวา “เชนนั้นเจาก็มีหนี้อยูแปดสิบลาน
หยวนนะสิ”
อายฮุยรูสึกวาบะหมี่ไรรสชาติขึ้นมาในทันทีจึงหยุดกิน และตอบกลับไปดวย
น้ำเสียงเคืองๆ “ทำไมขารูสึกเหมือนกับวาเจากำลังยินดีกับคราวเคราะหของขา”
“ไม ไม ไม!” เจาอวนสายหัวดิก “มันไมใชดูเหมือน ขากำลังมีความสุขจริงๆ!
อายฮุยเจาเปนหนี้คนคนอื่นถึงแปดสิบลานหยวน ฮาฮาฮา! อายฮุยขาบอกเจา
ตามตรงนะ พวกเราลวนเปนลูกหนี้ ควรจะสนิทสนมกลมเกลียวกันไวและไมไปตอวา
อีกฝาย…”
“ขาจะจายหนี้ของขาในไมชานี้” อายฮุยมองเจาอวนอยางดูถูก เขาเหลือบมองไป
ทางซังจื่อจวินที่ปรากฏตอหนาเขาราวกับเทพแหงความมั่งคั่ง เจิดจาไปดวยประกาย
แสงสีทอง
ใครก็ตามที่ซื้อลูกศรขนกระตายตองเปนคนรวยอยางแนนอน!
เจาอวนสงเสียงหึและนิ่งเงียบไป แตอายฮุยยังรูสึกหมั่นไสสีหนาของเจาอวน
“กลับไปถึงบานแลวฝกยางกาวบุปผาเริงระบำอีกสองรอยรอบ!”
“เฮ เฮ เฮ เจาคนแซอาย นี่เจาพยายามลางแคนอยูใชไหม” เจาอวนเริ่มโมโห
“แลวทำไมเจาไมจายคาบะหมี่เองเสียละ” อายฮุยเยยหยันและใชไมตายออกมา
เจาอวนหุบปากไปในทันที แลวในตอนนั้นเองที่เขาเขาใจไดวาการอาศัยใตชายคา
ของคนอื่นหมายความวาอยางไร
ประกายเย็นเยียบฉายวาบขึ้นในดวงตาของซือเสวี่ยมั่นในขณะที่นางเยยหยันอยูในใจ
เจามีเงินมากินบะหมี่เนื้อ ดูทาเจาจะรวยแลวสินะ!
“นี่มันไมถูกตองนะอายฮุย” เจาอวนคิดถึงปญหาหนึ่งขึ้นมาไดและทำหนาสับสน
“เจากำลังพูดถึงเด็กสาวอยูใชหรือไม”
เด็กสาว? ผูหญิง?
ในความทรงจำของเจาอวน โลกของอายฮุยนั้นเต็มไปดวยการตอสู การฝกฝน
อาวุธและเงินทอง อาวุธก็เพื่อเพิ่มความสามารถในการตอสูและเงินนั้นก็เพื่อใหมีการ
ฝกฝนที่ดีขึ้น ดังนั้นทายที่สุดแลวมันก็เหลือแคการตอสูกับฝกฝน
เจาหมอนี่เปนเครื่องจักรสังหารเลือดเย็นอยางแทจริง
“ใชแลว” อายฮุยตอบระหวางที่กมหนาจายเงินคาบะหมี่ใหกับเถาแก
“โอโฮ ขาดูไมออกเลย… เจาคนพบแสงสวางแลวหลังจากออกมาจากแดนราง!”
เจาอวนตกตะลึง “หากเจาจายใหกับเด็กสาวจริง แลวทำไมเจาไมยอมจายใหขาบาง”
อายฮุยเงยหนาขึ้นมองไปที่เถาแกกอนจะชี้ไปที่กองชามดานหนาของเจาอวน
“เขาจะจายในสวนของเขาเอง”
เจาอวนตื่นตระหนกขึ้นมาในทันทีและหัวเราะออกมาแหงๆ “ชวยขาดวย โปรด
ชวยขาดวย เราจายดวยกัน เราจะไมแยกจาย”
อายฮุยกมหนาลงอีกครั้งเพื่อคิดราคาของบะหมี่ทั้งหมด เจาอวนบัดซบ กินมาก
เกินไปแลว!
ทันใดนั้นเองเจาอวนก็ดูเศราขึ้นมา “เหลือแคพวกเราสองคนแลว หากขาไดเห็น
เจา อายฮุย ไดอยูรวมกับสาวสักคน ขาคงตายตาหลับ”
มือของอายฮุยสั่นเทาในยามที่เขาจายเงิน เขาตอบอยางเย็นชาโดยไมเงยหนา
ขึ้นมา “ใชหนี้ขามากอนที่เจาจะตาย”
พับผาสิ เขานับถึงไหนแลว
หลังจากวุนวายอยูพักหนึ่งอายฮุยก็จายเงินไดสำเร็จ
ถึงตอนนี้ซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินก็กินเสร็จแลวเชนกัน ซังจื่อจวินที่กำลังปติยินดี
กินบะหมี่ไปจนเกือบหมดชาม หลังจากที่นางกินเสร็จแลวถึงสังเกตเห็นวาซือเสวี่ยมั่น
ไมไดกินไปมากนักและรูสึกเขินอายขึ้นมาเล็กนอย
กวาอายฮุยกับเจาอวนจะเดินออกจากรานบะหมี่ก็เปนยามค่ำคืนแลว
เนื่องจากภัยพิบัติโลหิตทำใหรานคาเกือบทั้งหมดบนถนนลวนปดลงแลว นี่เพิ่ง
เปนเวลาหัวค่ำเทานั้นแตทองถนนดูราวกับวาเปนเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนแลว ลึกลงไปใน
ความมืดมิดยามราตรีดูราวกับแสงและความอบอุนทั้งหลายถูกกลืนกินไปจนหมดสิ้น
แมแตแสงตะเกียงขางถนนก็ดูเหมือนหมนมัวกวาปกติ
ชางเปนภาพที่มืดมน...
หลังจากอยูในเมืองซงเจียนงมาเปนเวลานาน นี่เปนครั้งแรกที่อายฮุยเห็นท อง
ถนนยามค่ำคืนเปลาเปลี่ยวและเย็นเยียบถึงเพียงนี้
หากเมืองซงเจียนที่อยูหางไกลจากสวนแหงชีวิตยังไดรับผลกระทบจากพิษโลหิต
ถึงเพียงนี้ เชนนั้นเมืองและหมูบานที่อยูใกลกับสวนแหงชีวิตจะเปนเชนไร
ปาที่เคยเขียวชอุมไดกลายเปนดินแดนรกราง รอยแหงแตกจากพื้นดินที่ถูกเผา
ไหมดูราวกับรอยแผลเปนนาเกลียด ควันสีดำลอยที่ขึ้นสูทองฟาสามารถมองเห็นได
จากที่ไกลออกไป
ภาพในวันที่เขาไดรับการชวยเหลือออกจากสวนแหงชีวิตไดทิ้งความรูสึกในใจอัน
ลึกล้ำเอาไวใหแกเขา
มันเปนการแสดงถึงความยิ่งใหญของสนามเหนี่ยวนำออกมาไดอยางชัดเจนเปน
อยางยิ่ง พวกเขาตองการที่จะทำลายพิษโลหิตอยางเร็วที่สุดตอใหมันหมายถึงตองใช
วิธ ีที่โหดรายปาเถื่อ นที่สุดก็ตาม บางครั ้ งอ ายฮุ ยก็ อดสงสัยไม ไดว าเหตุ ใดสนาม
เหนี่ยวนำที่ทรงพลังจึงไมอาจที่จะรับมือกับพิษโลหิตได
ความไมสบายใจยังคงอยูในหัวใจของเขาราวกับหมอกควันที่ไมยอมจางหาย
อายฮุยเชื่อวาสนามเหนี่ยวนำยอมสามารถหาทางที่จะรับมือกับพิษโลหิตได บาง
ทีสิ่งเดียวที่เขาควรจะกังวลก็คือประสิทธิภาพของสนามเหนี่ยวนำ สาเหตุที่ทำใหเขา
รูสึกไมสบายใจอาจเปนเพราะการปรากฏขึ้นของพิษโลหิตภายในเมืองซงเจียน
อายฮุยสายหนาอยางเงียบงันและพยายามจะไมสนใจความคิดวอกแวกพวกนี้
เขาก็แคคนไมสำคัญคนหนึ่งทำไมเขาตองกังวลมากไปดวย เขาควรใชเวลานี้ใหเปน
ประโยชนโดยการฝกใหหนักขึ้น
ที่เบื้องหลังของเขา ซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินก็เดินออกมาจากรานบะหมี่เชนกัน
เชนนั้นเขาควรจะไปที่รานของตาเฒาหลี่สักหนอยในวันพรุงนี้ เขาจะไดเงินสัก
เทาไรกันจากการเจรจาธุรกิจครั้งใหญ
หลังจากจา ยหนี้ใหอ าจารย ห ญิ ง เงิ น สดในมื อ ของอ า ยฮุ ย ก็ ลดลงอย า งมาก
ถึงแมวาศิษยพี่หมิงซิ่วจะยืนกรานวาเขาไมจำเปนตองรีบรอนจายหนี้ แตอายฮุยก็
ยังคงจายหนี้ที่เขาติดคางอยูไปทั้งหมด
เขาติดคางอาจารยหญิงมากเกินไปแลว หากเขาไมมีเงินเขาก็ไมสามารถทำอะไร
กับหนี้กอนนี้ได แตเมื่อเขาสามารถหาเงินไดแลวยังไมยอมจายหนี้ นั่นหมายความวา
เขาเปนคนเชนไรกัน
โชคยังดีที่คืนนี้เขาคบคากับคนรวย เขาคงจะมีกำไรแลวในคราวนี้
อายฮุยที่ปติยินดีเปนอยางยิ่ง เหลือบมองไปทางซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวิน เขาจะ
ไมสังเกตเห็นลูกคาผูมั่งคั่งไดอยางไร
ทันใดนั้นเองนัยนตาของอายฮุยก็หดเล็กลง เขาตะโกนออกมาเสียงเครง “ระวัง!
ขางหลังเจา!”
ซังจื่อจวินกำลังเหยียดหลัง บะหมี่เนื้อที่นางเพิ่งกินไปนั้นอรอยเกินไป ทันใด
นั้นเองนางก็ไดยินเสียงตะโกนมาจากดานหนา และทำหนางุนงงในทันที
ความสนใจของซือเสวี่ยมั่นยังอยูที่เจาหนุมบัดซบคนนั้น เขากลาดีอยางไรมาเรียก
นางวาการคาขาดทุน นางไมมีวันยอมปลอยเรื่องนี้ไปแน! และดวยเหตุนี้เองนางจึง
สังเกตเห็นนัยนตาที่หดลงของอายฮุยและในตอนนั้นเองนางก็เพิ่มความระแวดระวัง
เปนอยางยิ่ง
ยิ่งไปกวานั้นดวยการที่นางเคยพบกับอายฮุยมากอนทำใหนางรูวาเขามีประสาท
สัมผัสที่แหลมคมเพียงใด
ซือเสวี่ยมั่นซึ่งเปนนักเรียนระดับหัวกะทิของสนามเหนี่ยวนำก็แสดงปฏิกิริยา
อันรวดเร็วอยางยิ่งออกมาในชวงเวลาวิกฤตไดอยางไมลังเล นางผลักซังจื่อจวินที่กำลัง
มึนงงอยูใหลมลงในขณะที่มืออีกขางหนึ่งปลอยกลุมหมอกออกมา
กลุมหมอกขนาดเทาฝามือ ระเบิดออกอย างรุน แรง กำแพงไอน้ำ รู ปวงแหวน
ขยายตัวออกพรอมกับสงเสียงดัง
กำแพงไอน้ำที่ดูออนแอสงเสียงซาออกมาอยางเกรี้ยวกราดแสดงความแข็งแกรง
นาหวาดหวั่นออกมา
ดานหลังของมัน...
ซือเสวี่ยมั่นยังคงสติเยือกเย็นไวไดอยางดียิ่ง เสียงเตือนของอายฮุยไดพุงเขาใสจิตใจ
ของนางดวยความเร็วแสง ในเวลาเดียวกันนั้นเองนางก็ปลอยเมฆหมอกออกไป เทาทั้ง
สองขางของนางปกอยูในพื้นดินในยามที่นางโยนรางของซังจื่อจวินไปทางอายฮุยดวย
มือขางเดียว
ตุบ! ฟุบ!
เสียงทั้งสองดังขึ้นในเวลาเดียวกัน ซือเสวี่ยมั่นตัวสั่นไปถึงไขสันหลัง
เสียงแรกนั้นอูอี้อยูบาง ชัดเจนวามันเกิดขึ้นจากการที่ผูโจมตีชนเขากับกำแพงไอน้ำ
เสียงที่สองนั้นเกิดจากการโจมตีที่กระทบพื้นดิน มันพุงเขาใสจุดที่พวกเขาเคยยืนอยู
กอนหนานี้
ซือเสวี่ยมั่นใจหายใจคว่ำ
นางรูดีวากำแพงไอน้ำนั้นทรงพลังเพียงไหน กำแพงไอน้ำนั้นสามารถดีดสะทอน
ชางใหกระเด็นไปไกลหลายรอยเมตรได
ผูโจมตีนั้นกระแทกเขาใสกำแพงแตก็ยังสามารถโจมตีพวกเขาไดอยู
นากลัว...
เมื่อซังจื่อจวินยืนขึ้นและเห็นรอยลึกตรงจุดที่พวกเขาเคยยืนอยูกอนหนานี้ สีหนา
ของนางก็เปลี่ยนไปอยางฉับพลัน
ซือเสวี่ยมั่นนั้นใจเย็นกวามากแตนางก็ยังสัมผัสไดถึงความกลัวที่ตกคางอยู หากนาง
ประมาทแมแตเพียงนิดเดียว พวกนางทั้งคูตองไดรับบาดเจ็บสาหัสสากรรจเปนแน
นางมองไปรอบๆ แตไมพบสิ่งใด ดังนั้นจึงไดเงยหนาขึ้นและมองไปบนทองฟา
ทองฟาอันมืดมิดในยามราตรีดูราวกับกลืนกินแสงที่มีทั้งหมดไป
“เกิดอะไรขึ้นกัน” นางหันไปถามอายฮุย
อายฮุยรูสึกตกใจที่ไดยินเสียงอันคุนเคย ทวาเขาไมไดคิดมากในเรื่องนี้ อยางนอย
อันตรายก็ยังไมผานพนไป เขาวางมือไวบนดามกระบี่และปรารภอยางเครงเครียดวา
“มันคือคางคาว มีอยูไมกี่ตัว พวกมันตองไดรับพิษโลหิตเปนแน”
“คางคาวหรือ” สีหนาของซือเสวี่ยมั่นเปลี่ยนไปเล็กนอย “พวกมันเขามาไดอยางไร”
เนื่องจากการปรากฏขึ้นของแมลงบินไดที่ไดรับพิษโลหิตดานนอกเมือง ทางเมือง
ซงเจียนจึงไดตั้งใจเพิ่มความแข็งแกรงของระบบปองกันทางอากาศ การปองกันทาง
อากาศของเมืองนี้เรียกไดวาหนาแนนอยางยิ่ง
ไมมีใครคิดวาเมืองซงเจียนที่พวกเขาคิดวาวางระบบปองกันไวเปนอยางดีจะ
ปลอยใหมีคางคาวเล็ดลอดเขามาได
อายฮุยกำดามกระบี่ไวแนน เสื้อของเขาเปยกชุมไปดวยเหงื่อเย็นเยียบบนหลัง นี่
เปนครั้งแรกที่เขาไมอาจระบุตำแหนงของศัตรูไดในยามที่อยูในภาวะตัวออนกระบี่
เขาเลียริมฝปากและกลาวเตือน “ระวังตัวดวย พวกมันยังไมไดจากไป”
สีหนาของซือเสวี่ยมั่นเปลี่ยนไปอยางยิ่งยวด ตั้งทารับมือการโจมตีของศัตรู
ซังจื่อจวินที่ตื่นตะลึงอยูกอนหนานี้ก็สงบสติอารมณไดอีกครั้ง นางปลดผาไหมที่พันอยู
รอบขอมือและดวยการพลิกมือเพียงครั้งเดียวมันก็กลายสภาพเปนเกาทัณฑสีทอง
นี่เปนครั้งแรกที่อายฮุยไดเห็นเกาทัณฑเชนนี้เขาจึงอดไมไดที่จะมองมันอีกครั้ง
ตัวเกาทัณฑถูกสรางขึ้นจากเสนไหมทองคำที่สอดผสานกันไปมาจำนวนนับไม
ถวนทำใหมันมองดูราวกับงานศิลปะมากกวาอาวุธ มันเรียวบางและงดงาม
ซังจื่อจวินที่สงบสติอารมณไดแลวดึงลูกศรขนกระตายออกมาสามดอก
ในชวงเวลาวิกฤติเชนนี้นางไมลังเลแมแตนอยและตัดสินใจอยางเด็ดเดี่ยว
ซือเสวี่ยมั่นไมไดกางปกเมฆาของนางออก มันกลายเปนไรคาเมื่อศัตรูเปนคางคาว
ที่มีความสามารถในการบินตามธรรมชาติ ยิ่งไปกวานั้นทองฟายังมืดมิด การบินขึ้นไป
มีแตจะทำใหตัวเองตกอยูในสภาพเสียเปรียบ
กลุมเมฆออนจางที่ยากจะสังเกตเห็นไดรวมตัวกันอยูบนฝามือของนาง
“พวกเราไมรองขอความชวยเหลือกอนหรือ” เจาอวนถามออกมาเบาๆ ในขณะที่
ซอนกายอยางมิดชิด
อายฮุยทุมสมาธิไปที่ทองฟาเวิ้งวางบนศีรษะของเขา เขาสำรวจพื้นที่รอบกายและ
ตอบไปวา “ไม ถาหากเราขอความชวยเหลือ ที่ตรงนี้จะเกิดความโกลาหล ความ
โกลาหลจะกลายเปนประโยชนใหกับคางคาวโลหิตพวกนั้น และหากพวกมันไดเปรียบ
เราก็คงไมอาจมีชีวิตรอดออกที่แหงนี้ไปไดในวันนี้”
ซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินลวนเห็นดวยกับคำพูดของอายฮุย
เมื่อครูนี้เองหากไมใชเพราะคำเตือนของอายฮุยพวกเขาคงถูกคางคาวโจมตีไปแลว
คางคาวคือนักฆาในความมืด หากพลาดในการโจมตี มันจะหลบหนีและซอนตัวใน
ความมืด รออยางอดทนจนกวาจะเห็นโอกาสในการโจมตีอีกครั้ง
สภาพแวดลอมที่โกลาหลจะมอบโอกาสจำนวนมากใหกบั คางคาวโลหิต
เหงื่อไหลลงมาตามหนาผากของอายฮุย ทวาเขายังคงรักษาทาทีเอาไว เขาสัมผัส
ไดถ ึงเสนใยบางๆ ของรัศมีพ ลังที่ แ ผ วบางซึ ่ งกระจายอยู  รอบๆ ก อ นหน านี ้ที่เขา
สามารถกลาวเตือนออกไปไดนั้นไมไดเกิดจากการที่เขาสัมผัสไดถึ งคางคาวโลหิ ต
หากแตเปนเพราะวาเขามองเห็นแสงเรืองสีแดงที่ลอยผานทองฟายามราตรีแวบไป
อายฮุยมองเห็นไดอยางชัดเจนวานั่นคือดวงตาที่เปลงแสงสีแดงเลือดของคางคาว
บทที่ 145 เขามาเลย!
คา งคาวเป นสัตวนักลา ชั้นยอด และมั น เปน หนึ ่งในอสู รแดนร างที ่อ ายฮุยไม
อยากจะเจอมากที่สุดในแดนราง แนนอนวามีอสูรแดนรางมากมายที่เขาไมตองการจะ
พบเจอ
“ทุกคนรวมกลุมกันไว”
ณ จุดนี้อายฮุยไมสนแลววาพวกเขาสนิทสนมกันหรือไม
ซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินไมใชพวกไรเหตุผล ซือเสวี่ยมั่นรูจักอายฮุยคอนขางดี
สวนซังจื่อจวินก็เปนคนตรงไปตรงมา หากไมใชเพราะคำเตือนของอายฮุยเมื ่อครูนี้
พวกเขาทั้งสองคนคงตายไปแลว
ทั้งคูยังคงรักษาความระมัดระวังเอาไวในตอนที่เคลื่อนตัวเขาไปอยูขางกายอายฮุยชาๆ
รอยกรงเล็บนาหวาดหวั่นที่เกิดขึ้นตรงจุดที่พวกเขาเคยยืนอยูกอนหนานี้ นั่นทำ
ใหพวกเขาตองตัวสั่นดวยความหวาดกลัว พวกเขาเกือบจะตายไปแลว
มือซังจื่อจวินที่จับเกาทัณฑไหมทองอยูนั้นสั่นเทาโดยไมรูตัว
แมแตซือเสวี่ยมั่นที่รับมือกับสถานการณนี้อยางมีสติก็ยังสัมผัสไดถึงความกลัว
ราวกับคลื่นยักษโถมเขาใสหลังจากที่นางสามารถกลับมาหายใจไดอีกครั้ง นางรูสึก
เหมือนแขงขาไรเรี่ยวแรง
ซือเสวี่ยมั่นมุงเนนการพัฒนาความสามารถในการตอสูจริงอยูเสมอ และนางก็ได
ออกไปทำภารกิจจำนวนนับไมถวน อยางไรก็ตามนางยังไมเคยประสบกับสถานการณ
ที่นาหวาดกลัวเชนนี้ เมื่อครูนี้เองที่นางอยูหางจากความตายเพียงแคเอื้อม
ในตอนนี้นางรูสึกวาคำพูดสรางแรงบันดาลใจอันเลิศเลอที่นางกลาวบนรถบรรทุก
นั้นฟงดูแลวชางงี่เงาและนาขัน
ในการตอสูที่ใชชีวิตเปนเดิมพันนั้นนางสามารถใชความสามารถในการตอสูที่มีออกมา
ไดเทาไร ครึ่งหนึ่ง? บางทีเพียงหนึ่งในสาม บางทีนางอาจจะถูกสัตวโลหิตสังหารโดยที่
ยังไมทันไดขยับตัวไปไหนดวยซ้ำ เพราะมัวแตยืนเหมอลอยไมรูวาจะทำอยางไรดี
จนถึงตอนนี้นางและซังจื่อจวินยังไมอาจสัมผัสไดถึงรัศมีพลังของคางคาวตัวนั้น
แมแตเศษเสี้ยว หากไมใชเพราะรอยเล็บที่ฝงลึกลงไปในพื้นดิน นางคงคิดวาสิ่งที่เห็น
กอนหนานี้เปนเพียงแคภาพลวงตา
นาเสียดายที่มันไมไดเปนเพียงแคภาพลวงตา
นางจึงเหลียวไปมองทางอายฮุยโดยไมรูตัว
อายฮุยเองก็ไมไดมีสภาพดีกวาพวกนางเทาไร รางของเขายอลงเล็กนอยมือขวา
กำดามกระบี่เพลิงสันหลังมังกรเอาไวแนน ยืนนิ่งราวกับรูปปน เหงื่อเม็ดโปงไหลลงมา
ตามหนาผากไลไปจนถึงปลายคางกอนจะหยดลงไปบนพื้น
โคมไฟขุนมัวริมถนนที่สองแสงสลัวนั้นดูอางวางเปนพิเศษบนถนนที่เงียบงันวังเวง
เสียงของเหงื่อที่หยดลงพื้นและเสียงหายใจหนักหนวงจึงดังชัดเจนเปนพิเศษ
เมื่อซือเสวี่ยมั่นมองไปยังรางกายที่ตึงเครียดของอายฮุยแลว ความกังวลของนางก็
ผอนคลายลงอยางไมทราบสาเหตุ
เม็ดเหงื่อเลื่อนไหลออกไปตามแพขนตาที่กะพริบ ดวงตาดูสงบนิ่งราวน้ำในบอไม
อาจมองออกวาเขามีความรูสึกเชนไร และดวงตานั้นเองที่ทำใหซือเสวี่ยมั่นรูสึกสบาย
ใจขึ้นมา
แววตาของเขานั้นไมมีความหวั่นเกรงใหเห็นแมแตนอย
ซือ เสวี่ยมั่นรูสึกวาการแสดงออกของตนนั้ นเลวรายมาก นางหลั บตาลงและ
หายใจเขาลึก เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้งความมั่นใจและจิตวิญญาณแหงการตอสูก็
กลับคืนมา
ซังจื่อจวินก็สงบสติไดอยางรวดเร็วเชนกัน
อันที่จริงแลวแมวาอายฮุยจะมีทาทางไมหวั่นเกรงแตเขารูสึกกังวลเปนอยางยิ่ง
สภาพจิตใจของเขานั้นตึงเครียดอยางหนัก เสนประสาททั่วรางแนนตึงราวกับสายพิณ
ที่ถูกขึงใหตึงจนเกินไป
การที่ไมอาจระบุตำแหนงของคางคาวไดสรางความกดดันใหเขาเปนอยา งมาก
เพราะเปนสิ่งที่เขาไมเคยพบเจอมากอน นับตั้งแตวันที่เขาปลูกเมล็ดพันธุตัวออน
กระบี่ไดสำเร็จ ไมมีสิ่งใดรอบกายเขาที่จะหลบพนสายตาอันเฉียบคมของตัวออน
กระบี่ไปได
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้นับเปนครั้งแรก เขาจึงรูสึกกดดันเปนอยางยิ่ง
เขาควรทำอยางไรดี
ความคิดแรกของอายฮุยก็คือหนี อยางไรก็ตามความมีเหตุผลของเขาย้ำเตือนใหรู
วานั่นเปนการตัดสินใจที่ผิดพลาด ไมวาเขาจะวิ่งไดเร็วเพียงใดก็ไมอาจเร็วกวาคางคาว
บนทองฟาไปได คางคาวที่เพิ่งโจมตีใสพวกเขานั้น รวดเร็วเป นอยางยิ่ ง เร็วจนไม
อาจจะมองตามไดทัน สิ่งที่เขาสามารถมองเห็นไดมีเพียงจุดสีแดงเลือดอันเลือนราง
คางคาวโลหิตตัวนี้นั้นทรงพลังยิ่งกวาพวกแมลงโลหิตที่พวกเขาเคยเผชิญนอก
เมืองเสียอีก!
คางคาวเปนสัตวกินเนื้อ...
ความคิดนี้แวบขึ้นมาในหัว
เขาควรจะทำเชนไรดี
กอนหนานี้เขาไดปฏิเสธขอเสนอของเจาอวนที่ใหรองขอความชวยเหลือเพราะ
เขาสัมผัสไดวาพวกคางคาวบนทองฟานั้นไดเล็งเปามาที่พวกเขาแลว
อายฮุยไมตองการจะเปนเปาหมายของสัตวนักลา ชางโชครายจริงๆ จากทั่วทั้ง
เมืองซงเจียนที่กวางใหญนี้กลับเปนเขาที่ตกเปนเปา เขาเคนสมองอยางหนักเพื่อ
หาทางออก
ประสาทรับรูของตัวออนกระบี่มันถึงขีดจำกัดของมันแลว….
เอะ ขีดจำกัด!
ทันใดนั้นอายฮุยก็คิดถึงตอนที่เขาดูดซับเสนใยพลังธาตุระหวางการฝกฝน
เมื่อคิดไดเขาก็รีบสงเสนใยพลังธาตุไปยังจุดกึ่งกลางระหวางคิ้ว
เมื่อเสนใยพลังธาตุไปถึงจุดที่อยูระหวางคิ้ว ตัวออนกระบี่ที่กำลังกระสับกระสาย
อยูนั้นก็รีบดูดซับมันในทันทีโดยไมลังเล
อายฮุยสามารถสัมผัสไดวาระยะรับรูของเขาขยายขึ้นอยางรวดเร็ว บนทองฟา
เหนือศรีษะ เริ่มปรากฏเงาดำที่ยากจะมองเห็นแกสายตา คางคาวตัวหนึ่งบินวนอยู
กลางอากาศไรซึ่งสุมเสียง ทุกสองสามวินาทีมันจะสรางวังวนอากาศที่มองไมเห็นเพื่อ
สรางความสับสนและซอนรัศมีพลังของตัวเอง
ในตอนนี้นี่เองที่อายฮุยตระหนักวาอันที่จริงแลวมันมีคางคาวเพียงแคตัวเดียว
รัศมีพลังอื่นๆ ที่ถูกสรางขึ้นนั้นเพียงเพื่อสรางความสับสนใหกับศัตรูและซอนรางที่
แทจริงของมันเอาไว อายฮุยไมคาดคิดเชนกันวาระหวางที่คางคาวตัวนี้บินวนไปใน
อากาศนั้นมันหลับตาอยู
ชางเปนคางคาวที่ทรงพลังนัก!
อายฮุยจุปาก เมื่ออสูรปาไดรับพิษโลหิตพวกมันก็ทรงพลังขึ้นอยางมาก
“มีคางคาวแคตัวเดียว มันบินวนอยูเหนือหัวพวกเรา”
อายฮุยพูดออกมาดวยเสียงเบา เขาทุมเทสมาธิอยูกับคางคาวโลหิต
ทุกคนรูสึกหนาวสั่นไปถึงไขสันหลัง
ในตอนนั้นเองอายฮุยรูสึกวาประสาทสัมผัสของเขาคอยๆ พราเลือน เขากนดาอยู
ในใจและสงเสนใยพลังธาตุใหตัวออนกระบี่อีกครั้งโดยไมลังเล แลวประสาทสัมผัสของ
เขาก็กลับมาชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
“มันอยูสูงขึ้นไปสองรอยเมตร” อายฮุยบอกระดับความสูงเหนือพื้นดินที่ชัดเจน
ของคางคาว
ซังจื่อจวินตกตะลึงและหันไปมองทางอายฮุยโดยไมตั้งใจ เจาหมอนี่สามารถบอก
ระดับความสูงเหนือพื้นดินของคางคาวได ชางเปนคนที่ทรงพลัง เหตุใดนางจึงไมเคย
ไดยินชื่อของเขามากอน นางเปนผูฝกฝนการยิงธนู การจะเปนนักธนูไดนั้นตองมี
สายตาที่เฉียบคม ซังจื่อจวินมีความมั่นใจในเรื่องนี้อยางมากเสมอมา แตในตอนนี้ตอ
ใหนางเพงสายตาอยางเต็มที่ก็ไมอาจเห็นไดแมแตเงารางๆ ของคางคาวตัวนั้น
รางของคางคาวโลหิตกลืนไปกับความมืดมิดอยางสมบูรณ และการบินของมันก็
ไมสงเสียงแมแตนอย มันเงียบงันราวกับภูตพราย
นางไมรูวาอายฮุยรูตำแหนงของคางคาวไดอยางไร
“แลวพวกเราควรทำอยางไรดี” ซือเสวี่ยมั่นถามเบาๆ
“หากขาลอมันลงมา พวกเจาสองคนมั่นใจหรือไมวาจะสังหารมันได” อายฮุย
ตอบกลับไปแลวเลียริมฝปาก
ในเมื่อพวกเขาไมอาจหนี ก็มีทางเดียวคือตองสังหารคางคาวตัวนี้เสีย และมันตอง
เปนตอนนี้
ในตอนนี้อายฮุยใชพลังธาตุของเขาไปอยางตอเนื่องเพราะตองจับตาดูคางคาว
โลหิต เมื่อใดก็ตามที่เขาใชพลังธาตุไปจนหมดสถานการณของพวกเขาจะเลวรายลง
การตอสูครั้งนี้ตองจบลงกอนที่พลังธาตุของเขาจะหมดไป ไมมีทางเลือกอื่นอีกแลว
อายฮุยพิจารณาสถานการณอยางแมนยำและรวดเร็ว
“ขาไมมั่นใจ”
เมื่อซือเสวี่ยมั่นพูดคำนั้นออกมานางก็รูสึกอับอายและตองการที่จะแทรกแผนดินหนี
อีกฝายหนึ่งใชรางกายของตัวเองเปนเหยื่อลอเพื่อเปดโอกาสใหกับพวกนาง ดังนั้น
อันตรายทั้งหมดลวนพุงเปาไปที่เขา ในสถานการณสุดโตงแบบนี้นางไมกลาที่จะพูดวา
ตัวเองมีความมั่นใจ
ถูกแลวนางไมกลาที่จะบอกวาตัวเองมีความมั่นใจจริงๆ กอนหนานี้ในตอนที่
คางคาวโลหิตพุงตัวลงมาโจมตีและกระทบถูกกำแพงไอน้ำของนาง นางก็ไดรับรู ถึง
ความแข็งแกรงของมันแลว
ซังจื่อจวินก็ตกใจกับความกลาหาญของอายฮุย นางรูสึกไมอยากเชื่อ นางรูสกึ วา
เรื่องแบบนี้มีแคพระเอกในนิยายเทานั้นที่ทำ ใครกันจะยอมเสียสละตัวเองไปเปน
เหยื่อลอ ตองโงเขลาถึงเพียงไหน
นางไมเคยคาดคิดเลยวาจะไดเห็นเรื่องแบบนี้กับตาตัวเอง ถาหากวาเปนคนอื่น
นางคงคิดวานี่เปนเพราะความงามของนางและซือเสวี่ยมั่น แตนั่นไมใชในกรณีของ
ผูชายที่อยูตรงหนานางคนนี้เปนแน เพราะเขาไมเคยแมแตจะมองพวกนางอย า ง
จริงจังตั้งแตแรก
มีคนที่โงขนาดยอมเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นแบบนี้อยูในโลกจริงหรือ
ดูเหมือนวาจะมีอยู….
อายฮุยไมรูวาซังจื่อจวินคิดอยางไรกับขอเสนอของเขา ตอใหเขารูเขาก็ไมสนใจ
อยูดี ในเวลาวิกฤตเชนนี้ใครจะไปมัวสนใจความคิดงี่เงาของเด็กสาวคนหนึ่งโดยเฉพาะ
อยางยิ่งเมื่อเขาไมรูจักกับนางดวยซ้ำ
เขารูเพียงแตวาไมอาจปลอยใหเหตุการณนี้ลากยาวตอไปได เขาไดใชพลังธาตุไป
แลวหนึ่งในสี่สวน ยิ่งเขาอยูในสภาพนี้นานเทาไรสถานการณก็ยิ่งจะแยลงเทานั้น
ตัวออนกระบี่นั้นเปนเหมือนหลุมดำที่กลืนกินพลังธาตุของเขา!
“แมวาเจาจะไมมีความมั่นใจ เจาก็ตองทำ” น้ำเสียงของอายฮุยเด็ดเดี่ยวและ
หนักแนน แตสีหนาของเขายังคงสงบนิ่ง “พวกเจาทั้งสองเตรียมพรอมไว”
ในตอนนี้ซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินกลายเปนตึงเครียดขึ้นมา ทั้งคูรูดีวาการโจมตี
ของพวกตนนั้นคือตัวกำหนดชะตากรรมของอายฮุย พวกเขาเองก็ตกอยูภายใตความ
กดดันอยางหนักเชนกัน
“แต…” หนาของซังจื่อจวินซีดเผือด
“ไมมีแต!” อายฮุยขัด ไมมีเวลาใหเสียอีกตอไป
เขาเองก็เปนกังวลมากเชนกัน ทาทางของทั้งสองคนนั้ นไม ได มอบความรู  สึก
ปลอดภัยใหกับเขาเลย ทำใหเขารูสึกวานี่เปนการตัดสินใจที่โงเขลา แตเขาก็พยายาม
สะกดของความกังวลและหวาดหวั่นลงไป หากเปนไปไดเขาก็คงไมเลือกที่จะเอาชีวิต
ของตัวเองไปฝากไวในมือของคนแปลกหนาสองคนเชนนี้
อยางไรก็ตามในตอนนี้เขาไมมีทางเลือกอื่นอีกแลว ไมมีประโยชนที่จะคิดถึงสิ่งที่
เปนไปไมได
แววตาของอายฮุยกลับสูความสงบและเย็นเยียบอีกครั้งหนึ่ง แมแตน้ำเสียงของ
เขาก็ยังมีความไมแยแสแฝงอยู เขาพูดเหมือนกับวาสถานการณนี้ไมเกี่ยวของกับเขา
แมแตนอย “เรามีโอกาสโจมตีเพียงแคครั้งเดียวเทานั้น”
หลังจากกลาวจบเขาก็ไมสนใจทั้งสองคนอีกตอไปและหันไปพูดกับเจาอวนวา
“ระวังตัวดวย”
เจาอวนรูวาอายฮุยหมายถึงอะไร เจาอวนพยายามจะบอกวาหากสถานการณ
เลวรายลง เจาอวนควรจะรีบหนีไปในทันที
เจาอวนไมไดพูดอะไรออกมาทำไดเพียงแคพยักหนาเพื่อบอกวาเขารูวาตองทำ
อยางไร ทาทางของเขาดูมีความมั่นคงยิ่งกวาซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินเสียอีก
“หากพวกเราลมเหลว พวกเจาทั้งสามคนใหแยกกันหนีเปนสามทาง” อายฮุย
ขาวเตือนพวกเขา เด็กสาวทั้งสองเปนมือใหมอยางเห็นไดชัด และเขาก็ไมมีทางเลือก
อื่นจึงกลาวเตือนพวกเขาใหรูถึงความรูพื้นฐานเหลานี้
เมื่อไดเห็นอายฮุยจัดเตรียมการอยางรอบคอบ ความกังวลของซือเสวี่ยมั ่ นก็
หายไป ดวงตาของนางกลับคืนสูความมุงมั่นเมื่อนางตอบกลับไปดวยน้ำเสียงจริงจัง
“ขาจะทำใหดีที่สุด”
ไขมุกโปรงใสที่สองแสงแวววาวอยูบนขอมือของนางก็สั่นสะเทือนขึน้ ในทันทีดูราว
กับหยาดน้ำคางที่สั่นไหวอยูบนยอดหญาในยามรุงอรุณ เมื่อนางพลิกมือที่ขาวดุจหิมะ
ไขมุกแวววาวลูกนั้นก็หลุดออกจากเสนดายยาวที่มวนรอบขอมือและกลิ้งไปจนถึงฝา
มือของนาง
เมื่อนางงอนิ้วกลางเรียวยาวลงมา ไขมุกนั้นก็มาหยุดอยูระหวางนิ้วโปงกับนิ้วกลาง
“ขาดวย” ซังจื่อจวินกัดริมฝปาก
นางโยนแลงใสลูกศรที่ผูกติดกับเอวลงพื้น มือของนางถือลูกศรขนกระตายไวสาม
ดอก และกางขาออกยืนอยางมั่นคงราวกับตนไมสูงใหญที่ฝงรากลึก
อายฮุยเดินไปขางหนาโดยไมเงยหนาขึ้นมองดูคางคาวตัวนั้น
คางคาวโลหิตบนทองฟาเคลื่อนไหวในทันที
ในชวงเวลานี้ เขาก็ยืนยันแลววาคางคาวนั้นเล็งเปามาที่เขาจริงๆ ระหวางคนทั้งสี่
เขาคือ เปา หมายเดียวที่เจาคางคาวเล็งเอาไว เป น ไปได ห รื อไม ว าค างคาวตัวนั้น
สามารถสัมผัสไดถึงรัศมีพลังของตัวออนกระบี่เชนกันคางคาวไมจำเปนตองใชดวงตา
เพื่อมองสิ่งตางๆ หากแตมันใชประสาทสัมผัสอื่นรวมถึงเสียงสะทอน
อายฮุยรีบขจัดความคิดที่ไมเกี่ยวของออกไปอยางรวดเร็วและหันกลับมากำหนด
สมาธิอยูกับพื้นที่กลางอากาศตรงหนาของเขา
ทันใดนั้นเองเขาก็พุงไปขางหนา ทำราวกับวาเขาไมอาจจะทนรับแรงกดดั นได
ตอไปและตองการจะวิง่ หนี
อา ยฮุย ไมรูว า เจา คา งคาวโลหิ ตบนฟ า จะตกหลุ มพรางของเขาหรื อ ไม ทว า
ในตอนนี้เขาไมอยากจะคิดอะไรอีก
แทบจะทันทีทันใด เขาก็สัมผัสไดวาเจาคางคาวโลหิตดานบนพุงตัวลงมาอยาง
เงียบงัน
มันมาแลว
ในความมืดมิด อายฮุยยิ้มกวางออกมาอยางชั่วรายในยามที่เขากระชับดามกระบี่
เพลิงสันหลังมังกรในมือ
เขามาเลย!
บทที่ 146 ออกกระบี่
ความมืดมิดในยามราตรีคือเกราะกำบังที่ดีที่สุด
ปกของมันสยายกวางกวาหนึ่งเมตร รางกายที่มีขนาดพอๆ กับสุนัขมีสีดำขลับ
และลวดลายเปนเสนสีแดงเลือด ซึ่งดูราวกับสีของลาวาที่เริ่มเย็นตัว ไมมีใครสามารถ
สัมผัสไดถึงการมีอยูของมันในยามราตรีอันมืดอันธการ
มันหลับตาแนน เต็มไปดวยความเยือกเย็นอยางที่สุด คลื่นเสียงที่มันแผออกมา
ปกคลุมไปทั่วทองถนน
เปา หมายของมันคือ มนุษ ยที่ แ ผ รั ศมี พ ลั งที ่ แ ตกต า งออกไป เป น รั ศมี พ ลั ง ที่
อันตรายซึ่งมันสามารถสัมผัสไดวาแผพุงออกมาจากรางของเขา สติปญญาที่ยังไม
พัฒนาของมันไมอาจทำความเขาใจไดอยางแทจริงวาเกิดอะไรขึ้น จิตสังหารและ
รางกายที่แข็งแกรงขึ้นกวาเดิมหลายเทาอาจเปนเหตุผลที่ทำใหมันทำเชนนี้ วิธีการบิน
อันเปนเอกลักษณของมันดูราวกับวาฬที่แหวกวายอยูในทองทะเลลึก ไมกอใหเกิด
เสียงอันใดแมแตนอย
เปาหมายตองการจะหลบหนี นี่เปนเรื่องที่มันพบเจอเปนประจำ
ความเร็วในการพุงตัวลงมาของมันนั้นรวดเร็วเปนอยางยิ่ง ระยะหางระหวางทั้ง
สองลดลงอยางรวดเร็ว เมื่อพุงตัวลงมาไดครึ่งทางก็เรงความเร็วขึ้นในทันที ดวงตาที่
เคยปดอยูก็ลืมขึ้น เผยใหเห็นดวงตาสีแดงเขมคูหนึ่งที่ดูราวกับเหล็กที่ถูกเผาจนรอน
แดง สีหนาของมันเปลี่ยนเปนชั่วรายและฟนแหลมคมสีขาวดุจหิมะก็กอใหเกิดเสียง
หวีดหวิวดังขึ้นในสายลม
ทันใดนั้นเองเปาหมายของมันก็หยุดวิ่งและหันกลับมา
การหลบหนีนั้นเปนการกระทำที่โงเขลา แตการพยายามขัดขืนนั้นกลับโงเขลายิ่งกวา
มันสามารถรูสึกไดวาเลือดในกายกำลังเดือดพลาน และจิตสังหารที่กระหายเลือดของ
มันก็เขมขนขึ้นอยางตอเนื่อง
มันยังคงเรงความเร็วตอไป
ถึงแมวาอายฮุยที่ทุมเทความสนใจทั้งหมดไปที่คางคาวโลหิตจะเตรียมตัวเตรียม
ใจไวอยางดี แตเขาก็ยังรูสึกตกใจกับความเร็วของคางคาวโลหิต
เร็วเหลือเกิน!
ดวงตาของคางคาวโลหิตกอใหเกิดแสงเรืองสีแดงอันพราเลือนและดูชั่วรายขึ้นใน
อากาศ ความเร็วของมันนั้นมากจนดวงตาของอายฮุยไมอาจจะตามไดทัน
สวนที่นากลัวยิ่งกวาก็คือเสียงของสายลมที่มันสรางขึ้นนั้นชางแผวเบา เสียงใน
ยามที่มันพุงตัวลงมานั้นแผวเบาราวกับเสียงงูขูฟอ
มันขัดกับตรรกะของอายฮุย จากความรูของเขายิ่งอสูรเคลื่อนไหวเร็วเทาไร ยิ่ง
กอใหเกิดเสียงดังขึ้นเทานั้น แมแตลูกศรยังกอใหเกิดเสียงดังเชนเดียวกัน ยิ่งลูกศรมี
พลังและบินดวยความเร็วมากขึ้นเทาไรมันก็ยิ่งดังมากขึ้นเทานั้น
ทวาคางคาวโลหิตที่พุงตัวลงมานั้นแทบจะไมกอใหเกิดเสียงอะไรเลย
และสิ่งที่นากลัวยิ่งกวาก็คือความเร็วของมันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!
มันไมสมเหตุสมผล!
ความตองการที่จะหนีพุงขึ้นมาในใจของอายฮุย เขารูสึกวาความคิดนี้ชางโงเขา
เด็กสาวทั้งสองจะตามความเร็วที่นาหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ไดอยางไร
เขาสะกดขมความกลัวในใจอยางเต็มที่ ณ ตอนนี้ถาหากเขาหนีก็ไมมีโอกาสรอด
ชีวิตอยูดี ขาของเขาจะเร็วกวาการบินของมันไดอยางไร
ยิ่งไปกวานั้นความเร็วของสัตวตัวนี้ยังเหนือกวาลูกศรใดๆ ที่เขาเคยเห็นมาเสียอีก!
เมื ่ อ อ า ยฮุ ย ตระหนั ก ว า ไม ม ี ห นทางให เ ขาหลบหนี เขาจึ ง สงบลงอี ก ครั้ ง
เชนเดียวกับกาลกอน เมื่อใดก็ตามที่เขาพบวาไมมีทางเลือกอื่น ความคิดที่ไมเกี่ยวของ
ทั้งหลายก็จะสลายหายไปในทันที
เขากำดามกระบี่เอาไว
ดามกระบี่เพลิงสันหลังมังกรนั้นใหความรูสึกแข็งกระดาง เชือกที่พันดามกระบี่
นั้นเปนผลงานของเขาเอง หลังจากอยูในโรงเย็บปกมาเปนเวลานาน การจะทำเชือก
พันกระบี่ซักเสนก็ไมเรื่องยากจนเกินไปนัก
เชือกที่พันกระบี่นี้ใหความรูสึกเหมาะมือเปนอยางมาก
ดวยเหตุผลอันใดไมทราบ เมื่อใดก็ตามที่อายฮุยทุมเทสมาธิไปยังกระบี่ จิตใจของ
เขาก็จะสงบลงในทันที
เขาจำไดวาคัมภีรกระบี่จำนวนมากไดพูดถึงสิ่งที่ผูฝกกระบี่ควรจะทำกับกระบี่
ของตน บางคัมภีรถึงขนาดบอกวาผูฝกกระบี่ควรสรางกระบี่ของตัวเองขึ้นมาและตอง
ทำดวยตัวเองในทุกขั้นตอนของกระบวนการสราง
หลังจากสรางเสร็จแลว ผูฝกกระบี่ก็ตองเริ่มขั้นตอนอันยาวนานในการฟูมฟก
กระบี่ที่สรางขึ้นใหม
ผูบำเพ็ญตนบางประเภทอาจจะเปลี่ยนอาวุธตัวเองบอยครั้ง แตผูฝกกระบี่จะไม
ทำเชนนั้น ผูฝกกระบี่จำนวนมากมีกระบี่อยางมากไมเกินหาเลมตลอดชั่วชีวิต และก็มี
ผูฝกกระบี่จำนวนไมนอยที่ไมเคยเปลี่ยนกระบี่แมแตครั้งเดียวในชีวิต แตพัฒนากระบี่
ธรรมดาเลมหนึ่งใหกลายเปนกระบี่ในตำนานแทน
อายฮุยรูสึกอัศจรรยใจที่เขายังสามารถคิดเรื่องไรสาระไดในเวลาแบบนี้
เขาไมมีความกังวลหรือหวาดกลัวแมแตนอย ราวกับวาอันตรายทั้งหลายไดสลาย
หายไปในทันที
เมื่อจับกระบี่เขาสามารถรับรูไดถึงสัมผัสจากดามกระบี่ จิตใจของเขาสงบนิ่ง ตัว
ออนกระบี่ที่เคยกระวนกระวายกอนหนานี้ก็เปลี่ยนเปนสงบนิ่งและแข็งแกรง
อา ยฮุย นั้นสงบนิ่งไรอ ารมณใดๆ เขาย อ กายลงเล็ ก น อ ย งอเข า และข อ ศอก
ขณะเดียวกันก็แนบดามกระบี่ไวกับอกและชี้ปลายกระบี่ขึ้นไปบนฟา ตัวกระบี่ที่มีสีดำ
สนิทนั้นไมสงแสงสะทอนออกมาแมแตนอยนิด ผลึกแกวสีแดงทั้งเจ็ดเม็ดดูราวกับ
เกาะลึกลับเจ็ดเกาะที่ลอยอยูในทะเลอันมืดมิด
การเคลื่อนไหวของเขานั้นเปนไปอยางสบายๆ ไมมีสัญญาณของความนาเกรง
ขามหรืออันตรายใหเห็น
เสนผมของเขาคอยๆ กลายเปนสีเงินไลจากรากผมขึ้นมา แววตาของเขายังคงเฉย
เมยและสงบนิ่งราวกับน้ำ
จิตใจของเขานั้นสงบนิ่งเปนอยางมาก
แมแตเสียงแหวกลมที่แผวเบาก็หายไป กระบี่ที่หนักประมาณหนึ่งรอยกิโลกรัม
กระชับแนนอยูในมือ แนนิ่งไมไหวติงเสมือนหนึ่งภูผา เขาสามารถรับรูไดถึงไดถึง
สัมผัสอันแผวเบาที่ปลายกระบี่ในยามที่มันเคลื่อนตัวผานอากาศ ใหความรูสึกเหมือน
มีกระแสน้ำไหลผานกระบี่ของเขา
อายฮุยเคลื่อนพลังธาตุไปยังตัวออนกระบี่เพื่อขยายการรับรูของเขาใหกวางขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นเองเขาก็สัมผัสไดถึงสิ่งที่แปลกไป เขารูสึกวาระยะการรับรูของเขาเริ่ม
หมดลงและมันก็เปนไปเชนนั้นจนกระทั่งเขาสามารถรั บรู ไดเพียงแคกระบี่ ในมื อ
เทานั้น เขาสามารถมองเห็นและสัมผัสไดอยางชัดเจนถึงรอยแตกราวเล็กๆ และความ
ไมบริสุทธิ์บนเศษผลึกแกวสีแดงทั้งเจ็ดเม็ด
ความรูสึกนี้ชางนาอัศจรรย
ไมไกลออกไปซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินกำลังตกใจที่ไดเห็นการเปลี่ยนแปลงอยาง
ใหญหลวงของรัศมีพลังรอบกายอายฮุยดวยตาของตนเอง
โดยเฉพาะซือเสวี่ยมั่น ถึงแมวานางจะเคยเห็นอายฮุยตอสูมากอน แตนางยังไม
อาจลืมเพลงกระบี่อันเจิดจรัสที่ไดเห็นในวันนั้น มันเปนเพลงกระบี่ที่นาตื่นตาตื่นใจ
ที่สุดเทาที่นางเคยเห็นมาในชีวิตนี้ และนับตั้งแตนั้นเปนตนมานางก็รูสึกประทับใจใน
วิถีกระบี่ของอายฮุย
แตมันก็มีเพียงแคนั้น
ในยุคสมัยนี้ที่การฝกกระบี่ไมใชสิ่งที่ไดรับความนิยมอีกตอไป ตอใหเขามีความ
ชำนาญในการใชกระบี่เปนอยางยิ่ง มันก็ไมมีความสำคัญอันใดนัก
นับตั้งแตวันที่กอตั้งอูสิงเทียนไมเคยมียอดปรมาจารยที่เปนผูฝกกระบี่แมแตคนเดียว
แมแ ตพ วกที่เรีย กตัวเองวาปรมาจารย กระบี ่ ก็ ล วนแต เป น พวกหลอกลวงที ่มอบ
ตำแหนงใหกับตัวเอง
ทวาในตอนนี้อายฮุยไดแสดงใหนางเห็นถึงวิถีกระบี่ที่แตกตางไปอยางสิ้นเชิง
มันไมมีความสูงสงาหรือความรุงโรจนอันใด อายฮุยเปนเหมือนดั่งรูปปน หินผา
หรือทะเลสาบที่สงบนิ่ง
นับตั้งแตยังเด็กซือเสวี่ยมั่นไดพบเจอกับยอดฝมือมามากมายและนางก็คุนเคยกับ
บุคลิกทาทางของพวกเขาเปนอยางดี นางรูดีวายิ่งยอดฝมือมีความสงบนิ่งมากเทาไรก็
ยิ่งมีพลังที่รุนแรงเก็บซอนไวมากขึ้นเทานั้น
ซือเสวี่ยมั่นไมกลาที่จะมองอีกตอไป อายฮุยที่เปนเหมือนรูปปนนั้นแผพลังดึงดูด
ที่ไมอาจบรรยายไดออกมา ทำใหผูคนหลงใหลและดึงดูดไปถึงขั้ววิญญาณ
นางไมไดลืมความรับผิดชอบของตัวเอง พวกเขามีโอกาสเพียงแคครั้งเดียว และ
ถาหากเกิดความผิดพลาดขึ้น อายฮุยยอมตองจบชีวิตลงในที่แหงนี้
แผนหลังของซือเสวี่ยมั่นปกคลุมไปดวยหมอกจางซึ่งเปนผลมาจากการเคลื ่อน
พลังธาตุน้ำของนางจนถึงขีดจำกัด นางพยายามอยางเต็มที่ที่จะเล็งเปาไปยังคางคาว
โลหิตที่วองไวตัวนั้น แตไมวานางจะพยายามอยางไรก็ไมอาจทำไดสำเร็จ
มันรวดเร็วเกินไป!
คางคาวโลหิตลืมตาขึ้นทำใหซือเสวี่ยมั่นสามารถมองเห็นแสงสีแดงพราเลือนที่ดู
ชั่วราย ถึงอยางไรก็ตามแมวานางจะพยายามอยางเต็มที่ นางก็ทำไดแคมองเห็นภาพ
ติดตาชั่วขณะเทานั้น
ซังจื่อจวินกัดริมฝปากตัวเองจนเลือดไหลโดยไมรูตัว หนาผากของนางเต็มไปดวย
เม็ดเหงื่อ
นางไมอาจเล็งเปาหมายอยางคางคาวโลหิตไดเชนกัน
ในตอนที่ซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินกำลังอับจนปญญานั้นเอง อายฮุยก็ออกกระบี่
ในทันใด
การโจมตีนี้ชางเชื่องชาและแผวเบา เหมือนกับวาอายฮุยออกกระบี่โดยไมใช
ความพยายามแมแตนอย
แสงสีแดงชั่วรายที่วองไวปานสายฟากับกระบี่อันเชื่องชาของอายฮุยกอให เกิด
ภาพที่ขัดแยงกันอยางรุนแรง
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกไมสบายอยางบอกไมถูกที่ไดเห็นมัน ทวาสายตาและความสนใจ
ของนางกลับถูกการโจมตีนี้ของอายฮุยดึงดูดไวโดยไมรูตัว
ในขณะที่ปลายกระบี่สัมผัสเขากับแสงสีแดงอันเลือนรางนั้น ความเฉื่อยชาที่
เชื่องชาผิดปกติก็เปลี่ยนไปอยางรวดเร็ว
กรงเล็บสีแดงเขมกับปลายกระบี่สีดำดูเหมือนจะหยุดเวลาใหคางเอาไว
ซือเสวี่ยมั่นไมอาจบรรยายถึงความอึดอัดที่ไดรับจากภาพที่เห็นออกมาได นาง
รูสึกมึนงงและคลื่นเหียน แนนหนาอกราวจะหายใจไมออก รูสึกไมสบายจนอยากจะ
อาเจียนออกมา ซังจื่อจวินที่อยูดานขางนั้นยืนกระโซกระเซใบหนาเปลี่ยนเปนขาวซีด
ตูม! แรงระเบิดอันรุนแรงทำใหทุกคนตัวสั่นไปถึงไขสันหลัง
คลื่นอากาศรูปวงแหวนสามารถมองเห็นไดดวยตาเปลาแผกระจายออกมาจากจุด
ที่ปลายกระบี่และกรงเล็บของคางคาวโลหิตปะทะกัน
หนาของอายฮุยแดงก่ำขึ้นมาในทันที ดูราวกับวาเขากำลังเมา เขากัดฟนแนนและ
ดูเหมือนกำลังพูดอะไรบางอยางแตไมมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากปาก เขากระเด็น
ออกไปเปนวงโคงในอากาศ กระแทกเขากับกำแพงที่อยูไมไกลออกไปทำใหกำแพงทั้ง
ผืนถลมลงดวยเสียงอันดัง
คางคาวโลหิตปรากฏขึ้นตอหนาซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินเปนครั้งแรก รางกาย
ของมันนั้นมีรอยเสนสีแดงประดุจโลหิต ทวาในเวลานี้ใบหนาที่ดูชั่วรายของมันนั้นเต็ม
ไปดวยความงุนงง
ซือเสวี่ยมั่นฝนทนความเจ็บปวดที่หนาอกเพราะนางรูวานี่คือชวงเวลาที่ สำคัญ
ที่สุด นางเคลื่อนพลังธาตุที่มีทั้งหมดเขาสูไขมุกที่อยูระหวางนิ้วโปงกับนิ้วกลางโดยไม
ลังเลและดีดมันออกไปดวยการดีดนิ้วกลางของนาง
ไขมุกในมือของซือเสวี่ยมั่นอันตรธานหายไปพรอมกับแสงวูบวาบ จากนั้นนางก็
ลมลงเพราะใชพลังไปจนหมดสิ้น
อีกดานหนึ่งซังจื่อจวินที่หนาซีดแตดวงตาของนางก็ยังเต็มไปดวยความมุงมั่นใน
การตอสูอยางเปยมลน เกาทัณฑไหมทองในมือของนางดูดาวกับพระจันทรเสี้ยวที่มี
ลูกศรขนกระตายสามดอกวางพาดเอาไว แมวานางจะคีบลูกศรทั้งสามแยกกั นไว
ระหวางนิ้ว แตหัวลูกศรนั้นมารวมกันอยูที่จุดเดียว
ลูกศรขนกระตายทั้งสามแผแสงสีเงินออนจางออกมาดวยความแหลมคมที่ไมอาจ
เทียบเคียงไดจนทำใหซังจื่อจวินรูสึกประหลาดใจอยางมีความสุข
ฟว! ลูกศรขนกระตายทั้งสามที่ถูกยิงออกไปหลอมรวมเปนลำแสงสีเงินเจิดจา
กลางอากาศ
เมื่อเทียบกับซือเสวี่ยมั่น ซังจื่อจวินนั้นแยยิ่งกวา หลังจากที่ทุมเทพลังทั้งหมดไป
ในการโจมตีนี้ นางก็ลาถอยไปหลายกาวกอนที่ขาของนางจะหมดแรงและหงายหลัง
ลมลง
ไขมุกของซือเสวี่ยมั่นพุงเขาใสคางคาวโลหิตที่งงงันอยู และในทันทีที่มันสัมผัสกับ
รางของคางคาวโลหิต ไขมุกก็สลายกลายเปนเมฆหมอกขนาดเล็กและแทรกซึมเขาไป
ในรางของคางคาว
คางคาวโลหิตตัวคางแข็ง ไมวาเลือดหรือของเหลวใดในรางกายของมันตางก็
กำลังพุงเขาหาเมฆหมอกเล็กๆ นั้นอยางรวดเร็ว แตดูราวกับวารางกายของมันกำลัง
พยายามกลืนกินเมฆหมอกนั้นซึ่งอัดแนนไปดวยพลังธาตุอยางเขมขน
ในตอนนี้คางคาวโลหิตอยูในตำแหนงที่เหมาะสมกับการโจมตีเปนอยางยิ่ง
แสงสีเงินที่พุงออกมาจากธนูของซังจื่อจวินสามารถโจมตีถูกศีรษะของคางคาว
โลหิตไดอยางงายดาย
แสงสีเงินนั้นระเบิดออกในทันทีทำใหหัวคางคาวโลหิตระเบิดออกเปนเศษเล็กเศษ
นอยนับชิ้นไมถวน
รางที่ไรหัวนั้นพนไอน้ำออกมา ดูราวกับวามันถูกโยนลงไปในน้ำเดือด ผิวหนังที่
แข็งเหมือนกับโลหะกอนหนานี้ไดสูญเสียความมันวาวและเริ่มแหง
รางของมันกระแทกพื้นดวยเสียงดังสนั่น
รางอวนใหญดึงอายฮุยไปทางดานหนึ่ง
ในทันทีที่อายฮุยกระเด็นลอยไปในอากาศ เจาอวนก็พุงตัวออกมาเพื่อรับเขา
เอาไว
อายฮุยหมดสติไป
เจาอวนแบกรางที่เต็มไปดวยฝุนของอายฮุยไวบนหลังและวิ่งตรงไปยังทิศทางของ
โรงฝกอยางรวดเร็วโดยไมกลาวอะไรแมแตคำเดียว
“เขาไมแมแตจะบอกลา เอาจริงสิ…” ซังจื่อจวินบนพึมพำในขณะที่ยังนั่งอยูกับ
พื้น จองมองเจาอวนวิ่งหนีไปดวยใบหนาวางเปลา
“เขาคงกำลังกังวลเกี่ยวกับการชวยเพื่อนเขา” ซือเสวี่ยมั่นฟนฟูเรี่ยวแรงกลับมา
ไดเล็กนอยแลวก็ชวยดึงซังจื่อจวินขึ้นจากพื้น
“เราจะทำอยางไรตอไป” ซังจื่อจวินที่หมดแรงกลาวดวยสีหนาสับสน
“ขอความชวยเหลือ” ซือเสวี่ยมั่นตอบพรอมกับสงสัญญาณขอความชวยเหลือ
นางมองไปยังทิศทางที่เจาอวนวิ่งหายไป รูสึกเปนกังวลเล็กนอย อายฮุยไดรับ
บาดเจ็บอะไรหรือเปลา
เขาปะทะกับคางคาวโลหิตโดยตรงซึ่งนั่นนาประทับใจมาก....
เขาตองปลอดภัย!
บทที่ 147 อายฮุยคือใคร
การบุกรุกของคางคาวโลหิตสรางความตื่นตระหนกไปทั่วทั้งเมืองซงเจียน
ทุกคนลวนคิดวาระบบปองกันภัยของเมืองซงเจียนนั้นไมอาจลุกล้ำได แตทวา
ความเปนจริงกลับไมเปนดังคาด ยิ่งไปกวานั้นซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินคือคนที่ไดพบ
กับอันตรายในครั้งนี้
หากมีอุบัติเหตุอันใดเกิดขึ้นกับทั้งสองคน เมืองซงเจียนจะตองถูกกลาวโทษและ
ผลที่ตามมานั้นคงเปนหายนะ
ทันทีที่เกิดเหตุการณขึ้นทั้งที่วาการเมืองซงเจียนและโรงเรียนซงเจียนก็สงตัวแทน
ไปพบพวกเขา แตกลับถูกหยงเจิ้งที่เต็มไปดวยความโมโหบนใบหนาหามเอาไว เมื่อ
หยงเจิ้งทราบขาววาซือเสวี่ยมั่นเกือบจะประสบอุบัติเหตุ เขาก็รูสึกหวาดกลัวเปน
อยางยิ่ง
ซือเสวี่ยมั่นไมใชเพียงแคคนที่ไดรับการยืนยันแลววาจะเปนผูนำรุนที่สามของ
ตระกูล แตนางยังเปนบุตรสาวของเพื่อนรักของเขาอีกดวย หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง
เขาคงไมใหอภัยตัวเองเปนแน
ดังนั้นเมื่อเผชิญหนากับผูมาเยือน หยงเจิ้งจึงก็พูดจาหยาบคายและเถรตรง
ถึงแมวาซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินจะยังคงฟนฟูสภาพรางกายที่ออนแอของพวก
นางอยู แตทั้งคูก็ไดเลาเรื่องราวเกี่ยวกับการตอสูและความสามารถในการตอสูของ
คางคาวโลหิตอยางละเอียด
จากการรายงานของทั้งคู ก็เปนหลักฐานเกินพอแลวที่จะแสดงใหเห็นถึงความนา
หวาดกลัวของคางคาวโลหิต
ยกตัวอยางเชน ในรายงานบอกวาซือเสวี่ยมั่นจำเปนตองใชสิ่งประดิษฐล้ำคา
อยางเชนไขมุกหมอกน้ำคางแข็ง
ไขมุกหมอกน้ำคางแข็งนั้นมีราคามากกวาสามสิบลานหยวน บิดาของนางไดมอบ
ใหเปนของขวัญวันเกิดครบรอบอายุสิบสองป เมื่อทุกคนที่อานรายงานนี้เห็นคำวา
“ไขมุกหมอกน้ำคางแข็ง” ไมวายตาถลนออกจากเบา พวกเขามีความเห็นเปนอยาง
เดียวกันวาตระกูลซือนั้นชางทรงอิทธิพลและร่ำรวยอยางแทจริง
ไขมุกหมอกน้ำคางแข็งนั้นเปนสิ่งประดิษฐธาตุน้ำที่มีความบริสุทธิ์เปนอยางยิ่ง
ภายใตเงื่อนไขที่พิเศษเฉพาะบางอยางเทานั้นที่ทำใหเมฆในดินแดนเมฆาหลากสี
ผลิตไขมุกหมอกน้ำคางแข็งออกมา สิ่งประดิษฐนี้นับวาหาไดยากเย็นอยางยิ่ง
ทุกคนรูดีวาซือเสวี่ยมั่นไมมีทางยอมใชไขมุกหมอกน้ำคางแข็งเวนเสียแตวาจะอยู
ในสถานการณเสี่ยงตาย ไมมีใครยอมใชมันมากอน ยิ่งไปกวานั้นนางยังใชวิชาระดับสูง
[ผนึกกวนอิม] ในการใชไขมุกหมอกน้ำคางแข็งออกไป
กวนอิมนั้นเปนเทพในยุคบรรพกาลและไมคอยเปนที่รูจักในปจจุบัน จึงกลาวได
วาตระกูลซือนั้นมีประวัติสืบทอดมาอยางยาวนาน
ตระกูลซือนั้นมีวิชาลับขั้นสูงมากกวาหนึ่งวิชา
วิชาลับขั้นสูงที่ซือ เสวี่ย มั่นฝกนั้นเรียกวา [เวทวารี] ซึ่งเปนวิชาที่ ลึก ซึ้ งและ
ซับซอนเปนอยางยิ่ง สำหรับวิชาลับขั้นสูงที่เกี่ยวของกับการใชสัญลักษณมือ นั้นก็มี
[ผนึกกวนอิม] [ผีผารำพึง] [หยาดฝนบนใบตอง] [ระลอกคลื่น] เปนตน และวิชา
เหลานี้ลวนเปนที่รูจักไปทั่ว
กระบวนทาที่ซังจื่อจวินใชก็ยอดเยี่ยมอยางยิ่ง
ตระกูลซังไมไดมีวิชาลับขั้นสูงมากมาย อันที่จริงแลวมีเพียงหนึ่งเดียวเทานั้น นั่น
ก็คือ [วิชาผสานศร] วิชานี้จะผสานลูกศรจำนวนมากใหกลายเปนลูกศรดอกเดียว
ซังจื่อจวินสามารถผสานลูกศรไดสามดอก
การผสานลูกศรสามดอกใหเปนหนึ ่งนั้ นถือวามี ความสำคัญอยา งมากสำหรั บ
ตระกูลซัง มีเพียงศิษยที่สามารถผสานลูกศรสามดอกใหเปนหนึ่งไดจึงจะมีคุณสมบัติ
มากพอที่จะออกเดินทางดวยตัวเอง นี่แสดงใหเห็นถึงความสามารถของซังจื่อจวินได
เปนอยางดี เหตุการณนี้ทำใหผูคนประเมินความสามารถของนางใหม
[ผนึกกวนอิม] และไขมุกหมอกน้ำคางแข็งของซือเสวี่ยมั่น และ [วิชาผสานศร]
ของซังจื่อจวิน....ชางเปนความสามารถในการตอสูที่นาอิจฉาและแสดงใหเห็นถึงทั้ง
อำนาจและความมั่งคั่ง แลวจะไมใหสัตวโลหิตที่นากลัวนั้นถูกทำลายลงไดอยางไร
ถึงอยางไรก็ตาม ทั้งซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินลวนกลาวในรายงานวาพวกเขา
ไมใชหัวใจสำคัญของชัยชนะจากการลมคางคาวโลหิต
กุญแจสูชัยชนะคือนักเรียนที่ชื่อวา อายฮุย
อายฮุยเปนคนแรกที่พบการมีอยูของคางคาวโลหิตและชวยใหพวกเขารอดชีวิต
มาไดอยางฉิวเฉียด อายฮุยคือคนที่สัมผัสไดวาคางคาวโลหิตยังไมไดจากไปและบินวน
อยูบนทองฟา อายฮุยเปนคนที่ระบุวามีคางคาวโลหิตแคตัวเดียว อายฮุยคือคนที่เสนอ
ความเห็นที่จะใชตนเองเปนเหยื่อลอ อายฮุยแสดงวิถีกระบี่ที่มิอาจหาใครเทียบได
ออกมาและยับยั้งการโจมตีที่รวดเร็วดุจสายฟาของคางคาวโลหิตเอาไว เปดโอกาส
ใหซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินสามารถโจมตีไดอยางงายดาย
อายฮุย อายฮุย อายฮุย...
“อายฮุยคือใคร”
ครูใหญของโรงเรียนซงเจียนโบกรายงานทั้งสองฉบับในมือขณะที่กวาดตามองไป
ยังบรรดาอาจารยประจำชั้นทั้งหลาย
ทุกคนมองหนากันไปมาแตไมมีแมแตคนเดียวที่รูวาเขาเปนใคร
“ไมมีใครรูวาอายฮุยคือใครแมแตคนเดียวเลยหรือ” หนาของครูใหญขุน มัว ลง
ในทันที
ทั่วทั้งหองเงียบงันไปในทันทีเพราะไมเคยมีใครไดยินชื่อของเขามากอน เจาหมอ
นี่โผลมาจากไหน อาจารยทุกทานที่อยูในที่นี้ไมเคยไดยินวามีนักเรียนชื่ออายฮุยมา
กอน
“เขาอยูหองเจาหรือเปลา”
“ไม หองขาไมมีนักเรียนเชนนี้!”
“เขาก็ไมไดอยูในหองขาเชนกัน!”
หลังจากถามกันไปมารอบหนึ่งทุกคนก็เงียบลง
“หรือวาจะมาจากชั้นของอาจารยสวี่” บางคนถามขึ้นมาเมื่อนึกไดวาอาจารยสวี่
ไมอยูในหองนี้
“เปนไปไมได”
ทุกคนรูสึกอิจฉาที่หองของอาจารยสวี่มีตวนมูหวงฮุนอยูแลว แลวหองนี้จะมีผมู ี
พรสวรรคอีกคนไดอยางไร ทุกคนคิดวาพวกเขาอานรายงานผิดไป
หากเปลี่ยนชื่ออายฮุยเปนตวนมูหวงฮุนคงจะสมเหตุสมผลมากกวา!
โชคยังดีที่ทุกคนรูวาซือเสวี่ยมั่นรูจักตวนมูหวงฮุนดังนั้นนางจึงไมมีทางเขาใจผิด
ไดเปนแน
“อาจารยสวี่เดินทางไปยังสวนแหงชีวิตแลว” ใครบางคนกลาวย้ำเตือนขึ้นมา
อาจารยสวี่และชุยเซียนจื่อไดเดินทางไปยังสวนแหงชีวิต แตไมมีใครรูวาภารกิจของ
พวกเขาคืออะไรกันแน
ในที่สุดทุกคนก็คิดหาทางออกได อาจารยสวี่อาจจะไมอยูที่นี่แตตวนมูหวงฮุนอยู
พวกเขาก็แคตองไปถามเขาเทานั้น
ที่วาการเมือง
“อายฮุยคือใคร”
ชายรางกำยำที่เอนกายพิงเกาอี้ดานหลังโตะยาวถามขึ้นอยางเกียจคราน เขาคือ
เจาเมืองของเมืองซงเจียน หวังเจิน
ทุกคนมองหนากันดวยความหวาดกลัวเพราะไมมีใครสามารถตอบคำถามนี้ได
“สืบสิ! ออกไปสืบเดี๋ยวนี้!” หวังเจินโบกมืออันใหญโตของเขา “ขาตองการรูทุก
อยางเกี่ยวกับเขา!”
“ขอรับ!”
โรงฝกศาสตราวุธ
“เขาปลอดภัยแนหรือ หากปลอดภัยเหตุใดเขาไมตื่นสักที” เจาอวนถามดวย
ความกังวลในขณะที่จองมองอายฮุยซึ่งยังหมดสติอยู
ถึงแมวาอายฮุยจะหมดสติไป แตเขาก็ยังกำกระบี่ของเขาเอาไวแนน กอนหนานี้เจา
อวนพยายามดึงกระบี่ออกจากมือของอายฮุยแตไมวาเขาจะใชแรงมากเทาไรอายฮุยก็
ไมยอมปลอยมือ
“โหลวหลานก็ไมรูวาทำไมอายฮุยถึงยังไมตื่น” โหลวหลานเวียนศีรษะ ดวงตา
กะพริบแสงสีเหลือง “พลังธาตุในรางของอายฮุยกำลังเคลื่อนไหวอยู ดังนั้นไมตอง
กังวลเจาอวน ในตอนนี้เขาอยูในสภาพที่ดี ดีกวาแตกอนเสียอีก”
“เชนนั้นก็ดีแลว” เจาอวนพยายามไมใหตนเองกังวลจนเกินไป เขาไดแตบอก
ตัวเองใหเชื่อโหลวหลาน
รางของอายฮุยไดเกิดการเปลี่ยนสภาพอยางมหาศาล
แรงปะทะที่เกิดขึ้นจากคางคาวโลหิตนั้นมากมายมหาศาลเกินกวาที่รางกายของ
อายฮุยจะรับไหว หากไมใชเพราะตัวออนกระบี่ที่ชวยเขาไวในยามวิกฤต และการ
ระเบิดศักยภาพของเขาออกมาไดทันทวงทีที่ทำใหเขาสามารถใชกระบวนทากระบี่ที่
ไมคาดคิดออกมาได หากไมเปนเชนนั้นปานนี้เขาคงกลายเปนแคกอนเนื้อไปแลว
อยางไรก็ตาม การโจมตีอันรุนแรงของคางคาวโลหิตยังคงสรางความเสียหาย
อยางหนักใหกับรางของอายฮุย แรงที่เกิดขึ้นจากการปะทะไดซึมซาบเขามาในสวนลึก
ของรางกาย
ภายใตแรงกระทบอันรุนแรง มวลพลังธาตุในรางของอายฮุยจึงแตกสลายลงราว
กับกอนหิมะ
แรงจากภายนอกที่นาสะพรึงกลัวทำลายแรงดึงดูดที่มีอยูของมวลพลังธาตุในทันที
พลังธาตุที่แตกสลายออกมาก็วิ่งพลานอยูในกายของอายฮุย พลังบางสวนไหลเขา
ไปในกระบี่เพลิงสันหลังมังกรที่อายฮุยจับไว ในตอนแรกตัวออนกระบี่ที่อยูระหวางคิ้ว
ของอายฮุยนั้นซึมเศราและกระสับกระสายราวกับมันไดรับบาดเจ็บอยางหนัก ทวาตัว
ออนกระบี่กลับมีพลังขึ้นมาในทันทีราวกับฉลามไดกลิ่นเลือด
พลังงานธาตุที่แตกสลายกลายเปนอาหารเสริมอยางดีของตัวออนกระบี่ในทันที
ถึงแมวาอายฮุยจะยังหมดสติอยู แตตัวออนกระบี่ก็สามารถทำงานไดดวยตัวเอง
อยางเปนธรรมชาติ
พลังงานธาตุไหลผานมือของอายฮุยเขาสูกระบี่เพลิงสันหลังมังกรอยางตอเนื่อง
กอนที่จะไหลกลับเขามาสูรางกายของอายฮุยอีกครั้ง หลอเลี้ยงใหตัวออนกระบี่ฟนคืน
พลังและกลับมาแข็งแรงอยางรวดเร็ว
หากอายฮุยตื่นขึ้นมาในตอนนี้ เขาคงตองประหลาดใจที่ตัวออนกระบี่เติบโตขึ้น
อยางมาก เพลงกระบี่ทรงพลังอยางนาประหลาดใจที่อายฮุยใชเพื่อหยุดคางคาวโลหิต
นั้นกระตุนตัวออนกระบี่ไดเปนอยางมากเชนกัน
พลังงานธาตุจากมวลพลังธาตุไดกลายสภาพเปนพลังกระบี่อยางตอเนื่อง
จำนวนพลังธาตุที่ไหลเขาสูวงโคจรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำใหมันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ในขณะเดียวกันพลังกระบี่ที่โคจรอยูในรางของอายฮุยก็พุงพลานอยางรุนแรงราวกับ
กระแสน้ำที่สรางมาจากกระบี่แหลมคมจำนวนนับไมถวน มันทำความสะอาดรางกาย
ของเขาอยางตอเนื่อง สวนใดของรางกายที่มันผานไปจะถูกทำใหบริสุทธิ์ขึ้นแตก็ถูก
ทำลายดวยเชนกัน
รางของอายฮุยสั่นเทาเมื่อตำหนักที่เทาซายของเขาถูกเปดออก ในทันทีที่มันถูก
เปด มันก็ถูกเติมเต็มดวยพลังกระบี่ที่ถาโถมเขามา หากอายฮุยตื่นขึ้นมาในตอนนี้เขา
คงหมดสติอีกครั้งดวยความเจ็บปวด
พลังกระบี่พวยพุงอยูในรางของเขาในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อพลังกระบี่เขาไปในตำหนักที่เทาขวาของอายฮุยเทาขวาของเขาก็สั่นสะทาน
ตำหนักที่เทาขวาของเขาก็เปดออกเชนกัน!
ในทันทีที่ตำหนักถูกเปดออก พลังกระบี่ก็พุงเขาไปอยางรวดเร็ว
ขาทั้งสองขางของอายฮุยสั่นอยางรุนแรง รองเทาของเขาถูกฉีกกระชากดวยพลัง
กระบี่ที่แหลมคม
ถึงอยางไรก็ตามนี่เปนเพียงการเริ่มตนเทานั้น พลังงานธาตุไหลเขาสูวงโคจรใน
จำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ
ณ จุดนี้โหลวหลานไมอาจนั่งนิ่งเฉยโดยไมทำอะไร หากพลังเพียงแคเขาไปที่เทา
ของเขาก็ไมนับเปนปญหาอะไร แตหากพลังนี้พุงเขาสูตำหนักอื่น ไมวาจะเปนปฐพี
มหาสมุทร ประตู หรือนภาก็ตาม มันจะกอใหเกิดปญหาขึ้นและความเสียหายนี้ ไม
อาจแกไขได
“เจาอวน รีบทุบเขาเร็วเขา!” โหลวหลานเรงเรา
“หือ!” เจาอวนตกตะลึง
……
ที่วาการเมือง
“ไดมาแลว พวกเราพบขอมูลเกี่ยวกับอายฮุยจากอาคารมอบหมายงาน!”
“เขาอาศัยอยูที่โรงฝกศาสตราวุธ ผูนอยหาที่ตั้งของมันพบแลว!”
“ชุดของขา ชุดของขาอยูไหน เร็วเขารีบไปหามาใหขาเดี๋ยวนี้! พวกเราจะไปโรง
ฝกศาสตราวุธกัน!” หวังเจินยืนขึ้นและตะโกนราวกับวาเขารูสึกกระปรี้กระเปราขึ้นมา
ในทันที
โรงเรียนซงเจียน
ตวนมูหวงฮุนรูสึกงงนั้นเมื่อไดยินอาจารยตะโกนเรียกชื่อของเขา แตเมื่อไดยินชื่อ
“อายฮุย” เขาก็กลับคืนสูสติและกลาววา “ใชแลว เขาอยูหองเดียวกับขา”
เขายังคงสงบนิ่ง
ทุกคนถอนหายใจออกมาอยางโลงอก ในที่สุดพวกเขาก็พบวาอายฮุยเปนนักเรียน
หองไหน
“เจารูหรือไมวาเขาพักอยูที่ไหน” ครูใหญถามอยางเครงเครียด
เปนไปไดไหมวาเจาบานั่นไปกอคดีรายแรงไว ตวนมูหวงฮุนรูสึกยินดีอยูลึกๆ ไม
อาจจะปกปดรอยยิ้มเอาไวได ไมวาเขาจะพยายามอยางไรก็ตาม เขาตอบโดยไมลังเล
วา “รู”
“เชนนั้นเจาก็นำทางเลย!” ครูใหญสั่งอยางเด็ดขาด
ดูเหมือนวาหมอนั่นจะทำเรื่องรายแรงจริงๆ ตวนมูหวงฮุนเยยหยันอยูในใจ
โรงฝกศาสตราวุธ
“ขาจำเปนตองทุบตีเขาจริงๆหรือ” เจาอวนลังเล
“ใชแลว ออกแรงใหเต็มที่!” โหลวหลานใหกำลังใจเจาอวน “ยิ่งเจาทุบแรงเทาไร
เขาก็ยิ่งฟนเร็วยิ่งขึ้นเทานั้น!”
“จริงหรือโหลวหลาน เจาคงไมหลอกขานะ!” เจาอวนกลาว
“โหลวหลานไมพูดปดอยูแลว” โหลวหลานสายหนา
“ถาอายฮุยฟนขึ้นมา โหลวหลานเจาตองเปนพยานใหกับขานะ” เจาอวนกลาว
เห็นไดชัดวายังลังเลอยู
“ไมมีปญหา” โหลวหลานพยักหนา
รอยยิ้มชั่วรายปรากฏขึ้นบนใบหนาของเจาอวน เขาลากอายฮุยไปยังลานฝกและ
ผูกเขาเอาไวกับหุนไม
เจาคนแซอาย ในที่สุดเจาก็ตกอยูในมือขา! วันนี้ขาจะสะสางความแคนทั้งหมดที่
มีตอกัน!
ตุบ! หมัดนี้สำหรับการฝกยางกาวที่เจาใหขาทำ!
ตุบ! หมัดนี้สำหรับการฝกเตะที่เจาบังคับใหขาทำ!
ตุบ! หมัดนี้สำหรับที่เจากินบะหมี่มากกวาขาหนึ่งชาม!
ตุบ! หมัดนี้สำหรับบะหมี่หนึ่งชามที่เจากินเขาไป!
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
หมัดของเจาอวนระดมใสรางของอายฮุยราวกับหาฝน เขารูสึกปลอดโปร งเปน
อยางมาก การไดอัดอายฮุยนั้นเปนความฝนของเขามานานแลว! ตลอดมาเขาตกอยู
ภายใตการควบคุมของอายฮุยอยูเสมอ
วันนี้ ขาจะใหเจารูวาเจาอวนก็เปนผูกลาเชนกัน!
อะไรทำใหเจาคิดวาเจาสามารถกินบะหมี่ไดมากกวาขาสองชาม
ขาจะทุบตีจนหัวของเจาปูดบวม!
ขาจะทุบตีจนรางกายของเจาบวมเปงเชนเดียวกับขา...
ทวาขณะที่เจาอวนทุบตีอายฮุยตอไปเขาก็สัมผัสไดวามีบางอยางไมถูกตอง
“โหลวหลาน ขาเกือบเสร็จแลว เจาอยากลองดูสักหนอยไหม” เจาอวนที่เหงื่อชุม
โชกหันมาและถามโหลวหลานในขณะที่หอบหายใจและทุบตีอายฮุยอยางปาเถื่อนไป
พรอมๆ กัน
“เจาอวนอดทนไว!” โหลวหลานสายหนาอยางรวดเร็วราวกับกลองปองแปง
ทำไมเขาถึงสายหนาอยางรุนแรงเชนนั้น
เจาอวนรูสึกไมสบายใจ
บทที่ 148 เจาเมืองหวังเจิน
หมั ดแล วหมัดเลา หลังจากตอยออกไปหลายรอบ อ า ยฮุ ยก็ย ังคงหมดสติอยู
เชนเดิมความระแวงสงสัยของเจาอวนก็แทบจะหมดไป
“ดูเหมือนวาขา จะคิดมากไป ขาควรจะใชโอกาสที่ สวรรคป ระทานใหนี ้ ม อบ
บทเรียนใหกับอายฮุย ขาถึงกับมีโหลวหลานคอยเปนพยาน สวรรคนับวาชวยเหลือขา
อยางแทจริงในครั้งนี้! ฮาฮาฮา!” เจาอวนสรวลยิ้มเจาเลห
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ทันใดนั้นเองเจาอวนก็รูสึกวาหมัดของเขาชาดาน เมื่อมองไปทางอายฮุยเขาก็
สะดุงขึ้นในทันที “อาก! ทำไมเขาถึงอวนขึ้นอยางฉับพลันเชนนี้”
รางของอายฮุยบวมเปงผิดรูปไปราวกับลูกโปงพองลม
“มีพลังธาตุอยูในรางของเขามากเกินไป ในตอนนี้พวกเราตองใชวิธีนี้เพื่อลดความ
ดันในรางกายของเขา” โหลวหลานอธิบาย
“โหลวหลานจำเปนตองตรวจดูสภาพพลังธาตุในรางกายอายฮุย ดังนั้นโหลวหลานจึง
มอบหนาที่การทุบตีใหเปนของเจานะเจาอวน”
“ไมมีปญหา ใหเปนหนาที่ขาเอง! ขาจะทำเต็มที่เพื่อระบายความดัน!” เจาอวน
พูดดวยเสียงสูง
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
“พลังธาตุรวมตัวกันอยูที่แกมซาย!”
“แกมขวา!”
“ปลายคาง!”
ดวงตาสีเหลืองของโหลวหลานกะพริบอยางตอเนื่องในขณะที่เขาออกคำสั่งใหเจา
อวนทุบตีตามจุดตางๆ ในตอนที่เจาอวนมองเห็นศีรษะของอายฮุยเปลี่ยนสภาพกลาย
ไปเปนหัวหมูเขาก็รูสึกประสบความสำเร็จ
“เจาอวนออกแรงขึ้นอีก!” โหลวหลานออกคำสั่ง
“ไดเลย!” หมัดของเจาอวนหนักขึ้น
เวลาผานไปทีละนอย เจาอวนก็เปยกชุ มไปดวยเหงื ่อ จำไมไดวาตัวเองต อ ย
ออกไปกี่หมัดแลว ใบหนาของอายฮุยเปลี่ยนไปจนจำไมไดรางกายของเขาก็บวมขึ้น
มากกวาเดิมสองถึงสามเทา
หากเจาอวนเห็นอายฮุยในสภาพนี้บนถนน เขายอมไมอาจจำไดเปนแน
อยางไรก็ตาม...
แขนเจาอวนรูสึกเจ็บจนแทบไมอยากจะยกมันขึ้นได ทั่วรางของเขาก็โชกไปดวยเหงื่อ
ลำคอแสบรอนราวกับมีคนเทตะกั่วหลอมเหลวเขาไปในปาก ดูราวกับวาเขาอาจจะ
หยุดหายใจลงตรงนี้และตายลงดวยความเหนื่ อยลา เขาหอบหายใจพลางถามวา
“โหลวหลาน… นี่… นี่ใกลเสร็จแลวใชหรือไม ขาแทบ… ขาแทบจะหมดแรงอยูแลว!”
“เจาอวนอดทนอีกนิด ใกลจะเสร็จแลว”
ดวงตาเรืองแสงสีเหลืองของโหลวหลานกะพริบในขณะที่เขาจองมองรางของอาย
ฮุยเพื่อดูการไหลเวียนของพลังธาตุอยางเปนหวง
“หัวไหล!”
“ตนขา!”
……
โหลวหลานยังคงตะโกนออกคำสั่งตอไป แตรางกายของเจาอวนนั้นชาดานไปแลว
พลังงานทั้งหมดของเขาถูกใชไปจนหมดสิ้น เขายังไมทันสังเกตเห็นวาหมัดของตัวเอง
ไดบวมราวกับซาลาเปา การตอยรางของอายฮุยก็คลายกับการตอยใสตัวเมนดีๆ นี่เอง
ซู ซู ซู!
รอ งรอยของพลังธาตุที่แ หลมคมแผ พุ  งออกมาตามรู ข ุ มขนของอ ายฮุ ยอยาง
ตอเนื่อง ทำใหเขาเปนเหมือนดั่งตัวเมนที่มีหนามแหลมคม
“เจาอวน ออกแรงอีก!” โหลวหลานตะโกน
เจาอวนไดยินเสียงเหมือนมีการเคลื่อนไหวอยูที่ตรอกทางเขา แตในตอนนี้เขาทุม
ความสนใจทั้งหมดไปที่อายฮุยดังนั้นเขาจึงไมไดยินมันชัดเจนนัก
“โหลว-โหลวหลาน… ขาทนไมไหวแลว !” เจาอวนรองไหอ อกมา เขารูสึก ว า
อาจจะสลบไปไดทุกเมื่อเนื่องจากความเหนื่อยลา เขาตอยออกไปกี่หมัดแลวในวันนี้
นาจะเทากับที่เขาตอยมาทั้งชีวิต
“เจาอวนอดทนไว! ตอนนี้ถึงจุดสำคัญแลว!”
โหลวหลานใหกำลังใจเจาอวน ดวงตาของเขาไมเคยละออกจากรางกายของอายฮุย
แมแตเสี้ยววินาที ดวงตาสีเหลืองที่กะพริบอยูนั้นกลายเปนแสงพราเลือน ปริมาณของ
พลังธาตุในรางกายอายฮุยนั้นชางมากมายอยางนาหวาดกลัว โหลวหลานไมอาจเขาใจ
ไดวาทำไมมันถึงมีมากนัก เปนไปไดอยางไรที่อายฮุยสามารถอยูรอดปลอดภัยมาได
จนถึงทุกวันนี้ หากเปนคนอื่นคงระเบิดไปแลวดวยพลังธาตุที่มากมายขนาดนี้!
สถานการณมาถึงจุดวิกฤต
ตำหนักทั้งสองที่เทาของอายฮุยไดเปดออกแลวทำใหสภาพของเขาดีขึ้นเปนการ
ชั่วคราว แตถึงกระนั้นตำหนักที่แขนขาทั้งสี่นั้นไดขยายออกอยางรุนแรงดวยพลัง
กระบี่ที่ทวมทน ความเร็วในการขยายตัวของตำหนักไมอาจรองรับจำนวนพลังธาตุที่
ทวมทนเขามาได
การขยายตำหนักอยางแข็งขืนจะกอใหเกิดความเสียหายอยางหนักกับรางกาย
โหลวหลานมีวิธีมากมายที่จะรักษาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตำหนักตามแขนขา
ของอายฮุย ดังนั้นมันจึงไมใชปญหาใหญเทาไรนัก แตตำหนักปฐพี มหาสมุทร ประตู
และนภานั้นตางออกไป หากไดรับบาดเจ็บเสียหายขึ้นมาสถานการณจะเปนปญหา
อยางยิ่ง
นี่คือเหตุผลที่พลังธาตุในรางของอายฮุยตองถูกระบายออก
การทุ บ ตี ร  า งของอ า ยฮุ ย ช ว ยระบายพลั ง ธาตุ อ อกมาได บ างส ว น ตลอด
กระบวนการโหลวหลานไดสำรวจดู พลังธาตุในร างของเขาวามีจุ ดใดที่สะสมมาก
จนเกิ น ไปซึ ่ ง อาจจะก อ ใหเ กิ ด ความเสี ย หายต อ รา งกายของอ า ยฮุ ย ดั ง นั ้ น เขา
จำเปนตองใหเจาอวนรับหนาที่ทุบตี
กอนหนานี้โหลวหลานกังวลวาเจาอวนจะไมมีพลังเพียงพอ เขาไมคาดคิดวาเจา
อวนจะมีพลังมากมายและสามารถตอยไดแรงถึงเพียงนี้
ชางเปนสหายที่ดี!
โหลวหลานชื่นชมเจาอวนอยูในใจ เขาทุมเทพลังทั้งหมด มีเพียงมิตรที่แทจริงที่
ยอมหลั่งเหงื่อตางน้ำเชนนี้เพื่อสหายตน
เจาอวนชางเปนคนดีจริงๆ
อีกดานหนึ่ง เจาอวนไมรูเลยถึงความชื่นชมที่โหลวหลานมีให เขากำลังจะรองไห
ออกมา หมัดทั้งสองขางเปงและทุกหมัดที่ตอยออกไปก็เปนเหมือนการทรมานตัวเอง
ทำไมเขาตองเปนคนที่ทุบตีอายฮุยดวย นี่เปนการลงโทษอายฮุยหรือตัวเขากันแน
โหลวหลาน ขาอยากจะฝกฝนแลวในตอนนี้!
เพลงเตะ! ยางกาว! อะไรก็ได!
รอยรอบ สองรอยรอบ… จะกี่รอบก็ได!
เจาอวนโอดครวญอยางเศราโศกน้ำตาไหลนองอาบแกม
ฟุบ! เจาอวนสัมผัสไดถึงบางสิ่งที่แปลกไปจากการตอยของเขา มันรูสึกราวกับวา
ตอยไปโดนกองฝาย
“เจาอวนระวัง!”
มีอะไรใหตองระวัง….
เจาอวนที่กำลังมึนงงไมอาจตอบสนองไดทันเวลา ราวกับมีอสูรปาพุงเขามาชน
รางของเขากระเด็นไปดานหลังเหมือนกับลูกปนใหญที่ถูกยิงออกไป
ในที่สุดก็จบแลว...
โหลวหลานรูสึกกระวนกระวาย อายฮุยมาถึงภาวะวิกฤตที่สุดแลว!
...
ครูใหญไมคาดคิดวาจะพบกับหวังเจินที่ตรอกทางเขา เขาถลึงตาถามวา “เจามา
ทำอะไรที่นี่”
“ขาอยูที่นี่ดวยเหตุผลเดียวกับเจา” หวังเจินยิ้มตอบกลับมาอยางทะลึ่งตึงตัง
“อายฮุยเปนนักเรียนของโรงเรียนซงเจียน” หนาของครูใหญเครงเครียดขึ้นมา
“ทานเจาเมืองเขามายุงเกี่ยวกับเรื่องของโรงเรียนตั้งแตเมื่อใดกัน”
หวังเจินและพวกที่วาการเมืองนิ่งงันไปพักหนึ่ง โรงเรียนซงเจียนเปนองคกรที่มี
ความสำคัญที่สุดภายในเมืองซงเจียนดังนั้นจึงมีบทบาทสำคัญอยางยิ่งในเมืองแหงนี้
ในทางกลับกันภาระหนาที่ของที่วาการเมืองนั้นกลับนอยกวาและไมสำคัญเทา ใน
สนามเหนี่ยวนำโรงเรียนนับวามีตำแหนงสูงกวาที่วาการเมืองดังนั้นเมื่อครูใหญ เห็น
หวังเจินเขาจึงไมรูสึกเกรงกลัวแมแตนิดเดียว
“นักเรียนอายฮุยอาศัยและศึกษาอยูในเมืองซงเจียน ในฐานะของเจาเมืองยอม
เปนเรื่องธรรมดาที่ขาจะรูสึกเปนหวงเขา” หวังเจินตอบกลับมาอยางเกียจคราน
“พวกเจาถอยไปใหหมด ขามีธุระจะพูดคุยกับเจาเมืองเปนการสวนตัว” ครูใหญ
บอกกับผูใตบังคับบัญชาของตนในทันที
“เจาคิดจะทำอะไร” ครูใหญลดเสียงลงถามหวังเจิน
หวังเจินหยุดยิ้มและตอบวา “ขาแคไมอยากใหเกิดอะไรขึ้นกับ เมือ งซงเจี ย น
ภายใตการดูแลของขา”
“อยาไดฟงขาวลือ สนามเหนี่ยวนำควบคุมสถานการณไวไดแลว” ครูใหญกะพริบตาถี่
“หากเปนเชนนั้นทำไมครูใหญถึงไดมาที่นี่” หวังเจินเยยหยัน
ครูใหญไดพบกับเจาเมืองไมกี่ครั้งกอนหนานี้ แตนี่เปนครั้งแรกที่เขาพบวาเจา
เมืองไมใชคนที่ยอมใครงายๆ การเปนเจาเมืองในสนามเหนี่ยวนำนั้นไมใชเรื่องงาย
สนามเหนี่ยวนำนั้นปกครองตนเองและตัดขาดจากโลกภายนอกมาแตไหนแตไร เจา
เมืองตางๆ ลวนอยูในสภาพที่ไมนาพอใจ เพราะอำนาจหนาที่ตางๆ ในแตละเมืองนั้น
ตกอยูในมือของโรงเรียนแทนที่จะเปนเจาเมือง ยิ่งไปกวานั้นสนามเหนี่ยวนำยังมีความ
ปลอดภัยที่เขมงวดอยางยิ่งดังนั้นเจาเมืองตามเมืองตางๆ จึงไมมีอะไรใหทำมากนัก
คนที ่ ต  อ งการจะเป น เจ า เมื อ งในสนามเหนี ่ ย วนำโดยปกติ แ ล ว จะเป นพวก
ขาราชการที่เกษียณแลว หรือไมก็พวกไรน้ำยาที่ไมมีความทะเยอทะยาน
“เจาเมืองมีความรูสึกวาสถานการณนั้นเกินกวาที่จะควบคุมไดเชนนั้นหรือ”
ครูใหญถามออกมาตรงๆ
“ใชแลว สถานการณนั้นอยูในขั้นวิกฤตอยางยิ่งในตอนนี้” หวังเจินพยักหนาอยาง
เครงขรึม
เขาเองก็ตองการที่จะหาโอกาสสนทนากับครูใหญมาตลอด อยางไรก็ตามเขารูวา
ครูใหญคงไมยอมฟง แมวาจะมีตำแหนงเจาเมืองแตเขามีอำนาจนอยมากและบรรดา
อาจารยในโรงเรียนซงเจียนยอมไมฟงคำสั่งของเขา
“เปนไปไดอยางไร” ครูใหญเขาใจถึงความเครงเครียดของสถานการณเปนอยางดี
เขาเองก็อยากจะแสดงความรับผิดชอบตอเมืองซงเจียนเชนกัน ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม
มีความขัดแยงแตอยางใด
“ขาไมรูวาสนามเหนี่ยวนำมีแผนการอยางไร แตจนกระทั่งบัดนี้ภัยพิบัติจากพิษโลหิต
ก็ยังควบคุมไมได ซ้ำสถานการณกลับเลวรายลง” หวังเจินตอบ “การปรากฏขึ้นของ
คา งคาวโลหิตนั้นก็ทำให ทุก คนนั้น ตื ่ น ตระหนกแล ว หากข า เข า ใจไม ผิ ด สนาม
เหนี่ยวนำยังไมรูวาคางคาวโลหิตเขามาในเมืองไดอยางไร”
นัยนตาของครูใหญหดเล็กลง
เมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาของครูใหญ หวังเจินก็กลาวตอไปอยางเยือกเย็น “ขาพอจะ
เดาทางแกที่เจาคิดออกมาได มันคือผูกงอิงกระดิ่งลม ใชหรือไม ขาพูดถูกใชไหม”
ครูใหญรูสึกประหลาดใจอยูบางกับการคาดเดาของหวังเจินแตก็ตอบกลับไปอยาง
งายดายวา “ใครๆ ก็เดาแบบนี้ได”
ผูกงอิงกระดิ่งลมนั้นเปนพืชที่ผูใชพลังธาตุไมเพาะพันธุขึ้นเมื่อนานมาแลว สวน
ใหญใชในการรักษาความปลอดภัยที่มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเปนเครื่องมือขั้นสูง เมล็ด
ในเกสรผูกงอิงเล็ก ๆ จะลอยไปในสายลมไดเปนเวลานานและหากใชเปนจำนวนมาก
มันก็จะกลายเปนเครือขายระวังภัยที่ไมอาจแทรกซึมได
หากมีการแทรกซึมเขามา เมล็ดพันธุที่เล็กจอยเหลานี้จะสงเสียงกระดิ่งที ่ ดัง
กังวานและสั่นสะทานเพื่อเตือนใหผูใชพลังธาตุไมที่เฝารักษาความปลอดภัยอยูได
ทราบในทันที
“ขาหวังวาจะไดรับผิดชอบการปกปองเมือง ขามีประสบการณในเรื่องนี้อยูบาง และ
ถึงแมวาขาจะไมใชคนที่ทรงพลังอะไรนัก แตขาก็เคยอยูในแนวรบมานานถึงสิบป”
หวังเจินจองมองไปยังครูใหญและเปดเผยถึงสิ่งที่เขาซอนเอาไวในขากางเกงขาง
ซายโดยไมลังเล
มันคือขาเทียมที่ทำจากเหล็ก
ครูใหญพูดอะไรไมออก แววความเคารพฉายขึ้นในดวงตาของเขาในตอนที่เขา
ถามหวังเจิน “ทานไดรับบาดเจ็บเมื่อไร”
“สิบปกอน” หวังเจินตอบโดยไมถือสา
“ขาจะมอบการปองกันเมืองใหเปนหนาที่ของเจาก็ได ถึงอยางนั้นขาก็จะจับตาดูเจา”
“ไมมีปญหา” หวังเจินเห็นดวยอยางจริงใจ
ทั้งคูถอนหายใจออกมาอยางโลงอกพรอมกัน หวังเจินบรรลุเปาหมายของตนเอง
และครูใหญก็สามารถถอนตัวออกจากภาระยุงยากได
ครูใหญสงสัญญาณใหผูใตบังคับบัญชาของเขากลับมาและออกคำสั่งวา “จากนี้
ไปเจาเมืองจะเปนคนดูแลเรื่องการปองกันเมือง อาจารยทุกคนรวมถึงนักเรียนจะตอง
ใหความรวมมือกับเขา”
“พวกเราเขาไปกันเถอะ” ครูใหญยิ้มออกมา
“เชิญ!” หวังเจินผายมือใหครูใหญเขาไปในโรงฝก
ประตูโรงฝกเปดกวาง ทั้งคูกาวขามธรณีประตูเขาไป และในตอนนั้นเองก็มีเงา
หนึ่งลอยออกมาดวยความเร็วสูง
ทั้งคูลวนตกใจ
หวังเจินมีปฏิกิริยารวดเร็วกวา เขายกเทาซายขึ้นเตะใสอยางรุนแรงโดยไมลังเล เขา
ประมาทแรงกระแทกที่มาจากรางนั้นผิดไปและถูกกระแทกกระเด็นลอยไปดานหลัง
โชคยังดีที่ครูใหญสามารถรับเขาไวไดและปองกันไมใหเกิดสภาพนาขายหนาขึ้น
เมื่อยืนกับพื้นขาของเขาก็หมดแรงทันทีทำใหเขาตองคุกเขาลงตรงจุดนั้น
ชางเปนแรงกระแทกที่ทรงพลัง
เมื่อมองไปยังคนผูนั้นใกลๆ พวกเขาก็เริ่มสงสัย หรือวาคนผูนี้จะเปนอายฮุย
เจาอวนกระแทกกับพื้นอยางแรงพรอมกับเสียงดังกึกกอง ทำใหพื้นสั่นสะเทือน
และฝุนผงลอยคลุงไปในอากาศราวกับเมฆหมอก
หวังเจินและครูใหญมองตากันดวยความตกใจ
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังออกมาจากลานกวาง “อายฮุยออกกระบี่!”
อายฮุย… ออกกระบี่หรือ
ทั้งคูถอนหายใจออกมาอยางโลงอก ดูเหมือนคนผูนี้จะไมใชอายฮุย
เดี๋ยว! ออกกระบี่เชนนั้นหรือ
ในตอนนั้นเองรัศมีพลังที่เย็นเยียบและทรงพลังก็ปะทุออกมาจากลานกวาง
ชายหนุมถูกปกคลุมไปดวยแสงสีขาวบาดตาและถูกมัดอยูกับหุนไมในลานกวาง
เขาคอยๆ ลืมตาขึ้นมา
แววตาของเขานั้นเย็นเยียบแตลุมลึก ตอนเขาลืมตาขึ้นชาๆ ดูราวกับอสูรโบราณ
ที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหลมานานหลายพันปจากการถูกคุมขังอยูเบื้องใตภูผา
สีหนาของหวังเจินและครูใหญฉายความตกตะลึงพรึงเพริด!
บทที่ 149 พระจันทรเสี้ยว
เสนใยพลังธาตุแผพุงออกมาตามรูขุมขนของอายฮุยอยางตอเนื่องกอใหเกิ ดวง
แหวนแหงแสงอันเจิดจา
จิตใจของอายฮุยในตอนนี้นั้นวางเปลา
พลังกระบี่ในรางของเขานั้นเปนเหมือนดั่งมหาสมุทรไรขอบเขตที่ซึ่งในตอนนี้
กำลังสงเสียงดังสนั่นดวยความโกรธทามกลางพายุ สติของอายฮุยเปนดั่งใบไมที่ไร
กำลังทำไดเพียงแตลอยไปตามกระแสน้ำ ถูกคลื่นซัดขึ้นสูงและตกลง ถูกฉีกออกเปน
ชิ้นๆ กอนที่จะจมลงสูกนมหาสมุทร
เจาอวนทุบตีเขาอยางตอเนื่องไดกระตุนใหพลังกระบี่ในรางของอายฮุยไหลซึม
ออกมาอยางวองไว หากเปนสถานการณปกติแลวพลังธาตุจะไมมีลักษณะเชนนี้ ยิ่งไป
กวานั้นผิวหนังของอายฮุยนั้นแข็งราวกับทองแดงจากการฝกฝนอยางหนักหนวง ซึ่ง
มันแข็งและทนทานยิ่งกวานักเรียนทั่วไปมากนัก จึงเปนการยากที่พลังธาตุจะไหลซึม
ออกมาผานรูขุมขนของเขา
ในที่สุดความทุมเทอยางตอเนื่องของเจาอวนก็เปนผล พลังธาตุจำนวนมากไหล
ซึมออกจากรางของอายฮุยราวกับไอน้ำ
เมื่อพลังธาตุถูกระบายออกไปแรงดันในกายของอายฮุยก็ลดลง ทำใหสติที่หลุด
ลอยของอายฮุยมีชองวางใหไดพักและสามารถกลับคืนสูความกระจางชัดไดเล็กนอย
“อายฮุย! ออกกระบี่!”
เสียงกระตุนของโหลวหลานเปน เหมื อนดั่ งเสีย งระเบิดในจิ ตของอายฮุย แต ก็
เหมือนกับมาจากที่หางไกลอีกฟากหนึ่งของทะเล
ออกกระบี่หรือ
ทามกลางความสับสนวุนวาย เพลงกระบี่เพลงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาดวย
ความเร็วราวกับสายฟา
ทามกลางพลังธาตุที่กวางไกลราวกับมหาสมุทร มีเสนใยเล็กๆ ที่เชื่อมระหวาง
ตำหนักฝามือซายเขากับตำหนักฝามือขวา นี่คือเสนเชื่อมระหวางตำหนักที่อายฮุย
พยายามจะสรางใหสำเร็จอยางยากลำบากมาตลอด แตกลับถูกสรางขึ้นอยางงายดาย
ในยามที่เขาหมดสติ
ในจังหวะที่เสนเชื่อมพลังธาตุกอตัวสำเร็จ พลังธาตุที่แผพุงออกจากรางกายของ
อายฮุยก็เปลี่ยนไปในทันที
แทนที่จ ะลอยจากไป มันกลับ ห อ งล อ มอยู  รอบกายอ ายฮุ ยและหมุ น วนดวย
ความเร็วสูง
วูบ วูบ วูบ!
มันเหมือนราวกับวามีกระบี่ขนาดเล็กที่แหลมคมจำนวนนับไมถวนโบยบินดวย
ความเร็วอยูในอากาศ หุนไมและเชือกที่มัดเขาเอาไวแตกสลายกลายเปนเศษเสี้ยว
กระจัดกระจาย ลอยอยูกลางอากาศราวกับวามีมือที่มองไมเห็นยกมันเอาไว อิฐหินใต
เทาของอายฮุยถูกพลังกระบี่เชือดเฉือนอยางตอเนื่อง เศษอิฐหินกระเด็นขึ้นและลอย
ไกลออกไป
ทะเลพลังธาตุที่เดือดพลานอยูในกายของอายฮุยก็สงบลงในทันทีที่เสนเชื่อมพลัง
ธาตุสรางขึ้นสำเร็จ
ราวกับเวลาหยุดนิ่ง
เนื่องจากอายฮุยไดฝกฝนมาเปนจำนวนนับครั้งไมถวนแลว เขาจึงมีความคุนเคยกับ
กระบวนทานี้อยางถองแท กระบี่เพลิงสันหลังมังกรที่ไมเคยหลุดออกจากมือถูกยกขึ้น
ขนานกับพื้นอยูเบื้องหนาของเขา เขาออกกระบี่พรอมกับกาวไปขางหนาหนึ่งกาว
กระบี่เพลิงสันหลังมังกรที่มีน้ำหนักสองรอยยี่สิบจินนั้นออนโคงและปราดเปรียว
ราวกับหินที่กระดอนบนผิวน้ำ
พลังธาตุที่ถูกกักขังเอาไวในรางกายของอายฮุยพุงออกมาราวกับเขื่อนแตกและ
ไหลเขาสูกระบี่เพลิงสันหลังมังกรในมือขวา
ควับ!
กระบี่เพลิงสันหลังมังกรสั่นสะทานตวัดเปนวงโคง ประกายแสงเจิดจาปรากฏขึ้น
บนตัวกระบี่สีดำของกระบี่เพลิงสันหลังมังกร
วงโคงที่เกิดขึ้นจากปลายกระบี่สลายหายไปในเวลาไมนาน
สีหนาของครูใหญและเจาเมืองเปลี่ยนไปเมื่อไดเห็นทาทางอันยิ่งใหญของอายฮุย
ครูใหญรูสึกตกใจอยางมาก เขามองขามนักเรียนโรงเรียนของตนที่เกงกาจถึงเพียงนี้ได
อยางไร การระเบิดพลังแบบนี้ไมใชสิ่งที่จะทำไดงายๆ แมแตผูมีพรสวรรคระดับหัว
แถวของโรงเรียนซงเจียนอยางตวนมูหวงฮุนก็ตองพบความยากลำบากในการที่จะทำ
มันออกมา
นักเรียนคนหนึ่งมีรัศมีพลังอันเหลือลนถึงเพียงนี้ไดอยางไร
หวังเจินเองก็รูสึกอัศจรรยใจเปนอยางยิ่ง แตเปนเหตุผลที่แตกตางไปจากครูใหญ
ตอนที่เขาไดรับรายงานของซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวิน เขาก็ไดทำการสืบคนความ
เปนมาของอายฮุยอยางละเอียด ไมมีเรื่องใดเกี่ยวกับเขาที่เจาเมืองไมรู อายฮุยนั้นใช
ชีวิตดวยการทำงานหนักมาตั้งแตเกิด เคยอยูในแดนรางมานานถึงสามป ทำใหเขา
ไดรับการยกเวนและไดรับอนุญาตใหเขามาฝกในสนามเหนี่ยวนำได ระดับพลังพื้นฐาน
ของเขาในตอนนี้คือสองตำหนักและยังเปนศิษยสวนตัวของหวังโสวชวน แมแตเรื่อง
ส ว นแบงกำไรจากการขายลูก ศรขนกระตา ยก็ไมห ลุดรอดไปจากการสืบ ค นของ
หวังเจิน เขาไดทำการสืบคนอยางละเอียดถี่ถวนจนนาเหลือเชื่อ
นั่นทำใหเขารูสึกนับถืออายฮุยอยูลึกๆ อยางไรก็ตามขอเท็จจริงที่วาอายฮุย ไม
เพียงแตรอดชีวิตจากการพบสัตวโลหิตมาถึงสองครั้ง หากแตยังเปนคนที่มีบทบาท
สำคัญที่ชวยใหการหลบหนีสำเร็จไดอีกดวย นอกเหนือไปจากรายงานของซือเสวี่ยมั่น
และซังจื่อจวิน หวังเจินยังไดเห็นรายงานจากอาจารยสวี่และชุยเซียนจื่อ ทั้งสองคนก็
เอยถึงอายฮุยวาเปนหนึ่งในผูที่ตระหนักถึงความผิดปกติไดเปนกลุมแรก
อายฮุยดูราวกับจะมีสัญชาตญาณรับรูเปนพิเศษเกี่ยวกับพิษโลหิต นี่คือหนึ่งใน
สาเหตุหลักที่เขาตองการตามหาอายฮุย
แตขาวสารทั้งหมดที่เขาไดสืบมานั้นก็ยังขาดตกบกพรองในสวนที่วาอายฮุยนั้น
เปนนักกระบี่ที่มีเพลงกระบี่ทรงพลังนาหวาดหวั่น!
นี่เปนพลังของระดับสองตำหนักจริงหรือ คลื่นพลังธาตุที่นากลัวขนาดนี้จะเกิด
จากตำหนักเพียงเเคสองตำหนักไดอยางไร ตามเหตุผลแลวมันควรจะเกิดขึ้นดวยการ
ใชพลังจากเจ็ดตำหนัก! เปนไปไดหรือไมวาเจาหนุมนี่ปดบังพรสวรรคของตัวเองไว
เขาคงไมตกใจขนาดนี้หากมันเปนคลื่นพลังธาตุที่เรียบงาย ในจังหวะที่ปลาย
กระบี่สรางพระจันทรเสี้ยวขึ้นมากลามเนื้อบนใบหนาของเขานั้นสั่นกระตุกอยางไม
อาจควบคุมได เพลงกระบี่ที่นาหวาดหวั่นนี้ทำใหเขาขนลุกเกรียว
กระบี่นั้นดูราวกับจะพุงตรงมายังศีรษะของเขา และการเคลื่อนไหวตอไปของ
กระบี่ก็อาจสามารถแทงทะลุเขามาในรางของเขาได
หวังเจินและครูใหญตางก็มีปฏิกิริยาในทันที
ดาบขึ้นสนิมปรากฏขึ้นในมือของหวังเจินในทันที รัศมีพลังของเขาเปลี่ยนสภาพ
ไปอยางรวดเร็วทำใหเขาดูราวกับเปลี่ยนไปเปนคนละคน แมแตกระทั่งความสูงของ
เขาก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น ทาทางของเขาเปลี่ยนเปนเอาจริงเอาจังและดุรายอยางไม
อาจบรรยายได เขาฟนดาบออกโดยไมเอยคำใดออกมา ประกายดาบดูเรากับน้ำตกที่
ไหลยอนขึ้น
แขนเสื้อกวางของครูใหญกอใหเกิดฟองอากาศจำนวนมากราวกับมีคนเปาฟอง
สบู สะทอนแสงสีพรางพราวภายใตแสงอาทิตยและลอยไปตามสายลมราวกับอยูใน
ภาพฝน
พระจันทรเสี้ยวที่หายไปจากปลายกระบี่ของอายฮุยปรากฏขึ้นเบื้องหนาพวกเขา
ราวกับวามันโผลมาจากอากาศ ปะทะเขากับประกายแสงจากดาบของหวังเจิน
พระจันทรเสี้ยวแตกกระจายเปนเศษเล็กเศษนอยอยางเงียบงัน ประหนึ่งวาเปน
เครื่องลายครามอันเปราะบาง
สีหนาของหวังเจินเปลี่ยนไปเล็กนอย เขายกดาบขึ้นเปนแนวขนานพื้นในทั นที
และผลักฝามือซายออกไป
เปรี้ยง!
เศษซากพระจันทรเสี้ยวไดแปรสภาพเปนประกายกระบี่จำนวนมาก ปกคลุมไป
ทั่วทั้งลานกวาง
โปะ โปะ โปะ!
รังสีกระบี่ปะทะกับฟองอากาศ จนแตกออกราวกับถูกเจาะดวยเข็ม ทวาแขนเสื้อ
ของครูใหญดูราวกับหลุมลึกสุดหยั่งถึง พนฟองอากาศออกมาอยางตอเนื่อง
ฟองอากาศที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ บดบังการมองเห็นของครูใหญ
ประกายกระบี่ซึ่งกอนหนานี้เล็งเปาไปที่หวังเจินในตอนนี้ดูเหมือนชนเขา กั บ
กำแพงที่มองไมเห็นและกอใหเกิดระลอกคลื่นขึ้นมา
มีประกายกระบี่สายหนึ่งพุงตรงไปทางตวนมูหวงฮุน ปลุกใหเขาตื่นขึ้นจากความ
ตื่นตะลึง เขารีบใช [บุบผาเขียวขจี] ออกมาในทันที กิ่งไมงอกออกมาเปนวงรอบกาย
และรังสีกระบี่นั้นก็ปะทะเขากับกิ่งไมจนเกิดการสั่นสะเทือน
ตวนมูหวงฮุนสามารถปองกันรังสีกระบี่เอาไวไดแตไมมีรองรอยความยินดีปรากฏขึ้น
บนใบหนาของเขาแมแตนอย เขาจองเขม็งไปที่ [บุบผาเขียวขจี] ที่หมุนวนอยูรอบกาย
รูเล็กๆ บนใบไมใบหนึ่งสองประกายแสงเจิดจาบาดตา
เปนไปไดอยางไร...
เขาไมอ ยากเชื่อ สายตาตนเอง นั บ ตั ้ งแต ตอนที ่ เขาก า วเข า มาในโรงฝ ก ก็ ถู ก
กระทบกระเทือนครั้งแลวครั้งเลา อายฮุยที่อยูตรงหนาเขาดูราวกับคนแปลกหนา
ตวนมูหวงฮุนพัฒนาขึ้นอยางมากมายจากประสบการณที่เจอในสวนแหงชีวิต
รวมถึงการตอสูอันขมขื่นดานนอกเมืองเปนตัวกระตุนอยางดี เขานับเปนผูมีพรสวรรค
อยูแลว เมื่อตองเผชิญหนากับความตายเขาก็สามารถนำเอาพรสวรรคมาใชประโยชน
ไดอยางเต็มที่และเพิ่มความสามารถของตนอยางรวดเร็ว
เมื่อสามวันกอนเขาสามารถเปดตำหนักที่หาไดสำเร็จ นั่นคือตำหนักปฐพี
มันทำใหเขารูสึกเหมือนกับวาไดเขาสูดินแดนของวิชาที่ยิ่งใหญกวาเดิม ดวยการ
เปดขึ้นของตำหนักใดก็ตามจากสี่ตำหนัก ปฐพี มหาสมุทร ประตู และนภา ความ
แข็งแกรงก็จะเพิ่มขึ้นอยางกาวกระโดด
แมวารากฐานของแตละคนจะแตกตา งกั น แตโดยทั่วไปแลวตำหนักปฐพี นั้น
สามารถเก็บพลังธาตุไดมากกวาตำหนักฝามือถึงหนึ่งเทาครึ่ง นอกจากนั้นการเปด
ตําหนักปฐพีทำใหเขาสามารถใชกระบวนทาของ [บุบผาเขียวขจี] ที่เขาไมอาจใชได
กอนหนานี้
ดังนั้นความแข็งแกรงของเขาจึงเพิ่มขึ้นอยางมากและเขารูสึกยินดีอยางเกินความ
คาดหมาย
แตนั่นเปนเรื่องกอนหนาวันนี้ คลื่นพลังธาตุที่อายฮุยแผออกมาทำใหเขารูสึกเย็น
เยียบไปถึงหัวใจ ตวนมูหวงฮุนรูดีแกใจวาเขาไมอาจสรางความสั่นสะเทือนที่หนาตื่น
ตระหนกถึงเพียงนี้ไดแมจะมีระดับพลังพื้นฐานขั้นหาตำหนักแลวก็ตาม
และกระบวนทากระบี่...
แคกระบวนทาเดียวของอายฮุยก็ทำใหครูใหญและเจาเมืองตกอยูในสถานการณ
แบบนี้แลว เรื่องนี้นั้นเกินกวาความรูที่ตวนมูหวงฮุนมีเกี่ยวกับอายฮุย
ตวนมูหวงฮุนรูความสามารถของเขาอยางชัดแจง แมวาเขาจะมีชื่อเสียงโดงดัง
ขึ้นมาจากการประลองเพียงแคครั้งเดียว แตเขาก็เปลี่ยนเปนเก็บตัวนับจากนั้น
เขารูวาความเจิดจรัสที่เขาไดรับนั้นเปนผลมาจากการที่ทุกคนไมคุนเคยกับเขา
และ [บุบผาเขียวขจี] ที่เขาใช
ในทายที่สุดแลวเขาก็ยังเปนแคนักเรียนปหนึ่ง ที่มีระดับพลังพื้นฐานแคสี่ตำหนัก
เมื่อใดก็ตามที่ผูคนเริ่มคุนเคยกับเขา พวกเขาก็จะสามารถคิดหาวิธีรับมือไดอยาง
แนนอน
ระดับพลังพื้นฐานนั้นเปนจุดออนที่เขาไมอาจหลีกเลี่ยงได แมวาจะมีพรสวรรคก็
ยังจำเปนตองใชเวลาและความอดทน
อยางไรก็ตามอายฮุยดูเหมือนจะกาวขามขอจำกัดพวกนั้นไป
นับจากที่เขาเปดคลังชีวิตจนมาถึงตำหนักที่ฝามือทั้งสองและในตอนนี้… เขาตอง
เปดตำหนักไปไดแลวกี่ตำหนักจึงจะสามารถสรางคลื่นพลังธาตุที่แข็งแกรงขนาดนี้
ออกมาได
แตนั่นยังไมนากลัวเทากับเพลงกระบี่ที่ยิ่งใหญนั่น มันเปนวิชาลับขั้นสูงหรือไม
ไมใชมีคนบอกวาเพลงกระบี่นั้นไดเสื่อมถอยไปแลวหรือ เหตุใดเพลงกระบี่ที ่น าตื่น
ตระหนกถึงเพียงนี้จึงเรียกวาเสื่อมถอย
ความเร็วในการพัฒนาตัวเองอยางมากของเขานั้นมีเหตุผลสนับสนุนมากมาย
หลายประการ เขาเปนผูมีพรสวรรคที่ไดเรียนรูเคล็ดวิชาลับขั้นสูง ครอบครัวของเขา
นั้นร่ำรวยและยังมีการกระตุนจากภายนอก ดังนั้นจึงไมแปลกอะไรที่เขาจะกาวหนาได
อยางรวดเร็ว แตกระนั้นเขาก็ยังไมอาจเทียบกับความกาวหนาของอายฮุยได ไมมี
เหตุผลใหเขามองเห็นไดเลย วิชาที่ฝกไมไดโดดเดนอะไร แลวก็ยังยากจน แถมยังเริ่ม
ฝกตอนอายุมากกวา แลวจะใหเขาเขาใจไดอยางไรวาเหตุใดเจาหมอนี่ถึงไดกาวหนา
ไดรวดเร็วกวาเขา
แมวาฟองอากาศนั้นจะดูไรพลังเพราะมันระเบิดออกทันทีที่ถูกสัมผัส แตมันก็มี
จำนวนมากมายมหาศาลราวกับวาไมมีขีดจำกัด ประกายกระบี่ทั้งหมดถูกฟองอากาศ
รับเอาไวอยางงายดาย นอกจากตวนมูหวงฮุนแลว ทุกคนลวนมีฟองอากาศเหลานี้
ปกปองเอาไว
“เยี่ยมมาก!”
หวังเจินระเบิดหัวเราะออกมาเปนเวลานาน แฝงไวดวยความตองการในการตอสู
ที่เก็บซอนไวมานานถึงสิบป เสนผมและหนวดเคราปลิวไปรอบกายของเขา สายตา
ของเขานั้นเจิดจาเปนประกาย ถือดาบขึ้นสนิมไวอยางมีชีวิตชีวา
“โรงเรียนซงเจียนมีผูมีพรสวรรคซอนตัวอยู! ขาไมอยากเชื่อเลยวาจะมียอดฝมือ
อยูที่นี่! อายฮุย จงแสดงฝมือทั้งหมดของเจาออกมา แลวมาสูกันใหสะใจไปเลย!”
เสียงดังปานฟารองของหวังเจินทำใหทุกคนหูอื้อไป
เขายกดาบขึ้นเดินเขาหาอายฮุย สาวกาวยาวๆ ดูราวจะเหยียบลงไปบนหัวใจของ
ทุกคนที่อยูตรงนี้ แมแตพื้นดินก็ยังสั่นไหว
นัยนตาของตวนมูหวงฮุนหดเล็กลงในขณะที่สีหนาของอาจารยคนอื่นก็เปลี่ยนไป
ไมมีใครคาดคิดวาเจาเมืองที่ไมมีความโดดเดนอะไรผูนี้จะมีความสามารถที่แข็งแกรง
และรุนแรงถึงเพียงนี้
“อายฮุย หรือวาเจาสูญเสียความกลาไปจนสิ้นแลว”
หวังเจินระเบิดหัวเราะออกมาและถีบตัวไปดานหนา
ขณะที่ลอยอยูกลางอากาศความกาวราวของหวังเจินขึ้นถึงจุดสูงสุด เขารูสึกถึง
ความพึงพอใจที่ไมอาจบรรยายได เหมือนไฟถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง
ไมมีใครสามารถรับมือกระบวนทานี้ได!
เอ อายฮุยที่อยูดานลางลมตัวลงและหมดสติไป
โหลวหลานที่อยูดานขางรูสึกผอนคลายเปนอยางยิ่ง เขาไดใชพลังธาตุในแกน
ทรายไปจนเกือบหมด หนังตาของเขารูสึกหนักขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่เขาพึมพำออกมา
เหมือนคนกำลังเพอวา “โหลวหลานเหนื่อยมาก…”
หวังเจินกลับลงสูพื้นดวยสีหนากระดาง
ครูใหญที่เพิ่งจะไลฟองอากาศเสร็จไปก็งงงันไปเชนกัน
อายฮุยหมดสติ เจาอวนหมดสติ โหลวหลานหมดสติ
นี่...
บทที่ 150 คลื่นสีแดงเลือด
“มันนาจะอยูแถวนี้ ทุกคนคนหาใหละเอียด”
เสียงของเฉียวหวาแหบแหง และสภาพเขาก็ยังของเขาก็ดูกระเซอะกระเซิง แตก็
ยังสามารถแสดงใหเห็นถึงความมั่นใจและเปยมไปดวยกำลังใจ ดวงตาของเขายังรักษา
ไวซึ่งความมั่นใจและความหนักแนน ในขณะที่ใบหนากลับแดงผิดปกติ มีเพียงดวงตา
เทานั้นที่แสดงออกถึงความเหนื่อยลา
ทุกคนรูดีวาเฉียวหวารับภาระหนักอึ้งถึงเพียงใด
สถานการณของภัยพิบัติโลหิตนั้นเลวรายลงอยางรวดเร็ว มีการพบเห็นสัตวโลหิต
ในเมืองตางๆ มากมาย ดวยความฉุกเฉินของสถานการณทำใหผูคนที่อยูในสวนลึก
ของสวนแหงชีวิตนั้นรูสึกกดดันเปนอยางยิ่ง แมแตพื้นที่ซึ่งถูกเผาไปเรียบรอยแลวก็ยัง
มีตนกลา สีแ ดงเลือ ดเติบ โตขึ้นมาจากพื ้ น ดิ น ที่ ถ ู ก เผา พื ชโลหิ ตนั ้ น มี พ ลั งชี ว ิ ต ที่
แข็งแกรงและดื้อดานทำใหทุกคนรูสึกหวาดกลัว
พวกสัตวโลหิตก็แข็งแกรงขึ้นทุกวัน เมื่อเจ็ดวันกอนพวกเขาถูกหมาปาโลหิตตัว
หนึ่งลอบโจมตี เสียชีวิตไปสามคนและไดรับบาดเจ็บอีกหกคน นี่เปนครั้งแรกที่พวก
เขาไดรับบาดเจ็บสาหัสและมีการตายเกิดขึ้นนับตั้งแตเขามาในสวนแหงชีวิต
หมาปาโลหิตนั้นเปนอสูรแดงรางที่แข็งแกรงและเจาเลห มันกลายมาเปนฝนราย
ของทุกคนอยางรวดเร็ว นับแตนั้นมาพวกเขาก็จะสะดุงทุกครั้งที่เกิดความผิดปกติแม
เพียงนอยนิด
พวกเขาอยูในความระมัดระวัง ทวามันไมไดชวยใหสถานการณดีขึ้นเลย พวกเขา
ตองเจอกับการโจมตีอยางตอเนื่องจากสัตวโลหิตหลากหลายประเภททำใหเกิดการ
ตายจำนวนมากขึ้น ซึ่งตอกย้ำความเชื ่อของพวกเขาวา ได เดินทางมาในทิ ศทางที่
ถูกตองแลว
เฉียวหวาออกคำสั่งใหพวกเขาเดินลึกเขาไปในสวนแหงชีวิตในขณะที่ขอพรจากสวรรค
ภาระในจิตใจของเฉียวหวาหนักขึ้นแตเขาก็ยังคงใหกำลังใจตัวเองบอกวา นี ่คือ
ทางเลือกที่ดีที่สุดแลว เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาสามารถคนพบตนไมโลหิตตนแรกไดพวก
เขาก็สามารถคนหาทางแกได
พิษโลหิตนั้นไมอาจรับมือไดดวยแนวคิดปกติ ซึ่งพิสูจนใหเห็นชัดเจนจากหญาโลหิตที่
งอกขึ้นมาทามกลางดินที่ถูกเผาไหม มันงอกงามและแผกระจายไปดวยความรวดเร็ว
จนนาตกตะลึง ผานไปแคไมกี่วันเทานั้นหญาโลหิตพวกนี้ก็สูงกวาเขาของพวกเขาแลว
เปลวไฟที่ตั้งใจจะใชปองกันการแพรกระจายของพิษโลหิตกลายเปนชวยใหมัน
แข็งแกรงขึ้นแทน
เฉียวหวาตรวจสอบหญาโลหิตที่งอกขึ้นมาใหมและคนพบวาพิษโลหิตที่อยูขางใน
นั้นแตกตางไปจากพิษโลหิตที่พวกเขาไดมาในชวงแรกของการตรวจสอบ
การเปลี่ยนสภาพเกิดขึ้นครั้งแลวครั้งเลาและพิษโลหิตก็เพิ่มความแข็งแกร งขึ้น
อยางตอเนื่อง ถึงขนาดที่ทำใหเฉียวหวารูสึกหวาดกลัว
เขาไมไดแสดงความกังวลหรือหวาดกลัวออกมาเพราะรูวาขวัญกำลังใจของกองทัพ
กำลังถดถอย ทุกคนรูสึกตึงเครียดเพราะพวกเขายังไมอาจหาตนไมโลหิตที่ซือหนาน
ทิ้งเอาไวได ยิ่งไปกวานั้นการโจมตีของสัตวโลหิตที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให
พวกเขาตองเสียผูคนไปมากมาย ซึ่งเปนเหตุใหความมั่นใจในตัวเฉียวหวาเกิดสั่นคลอน
การสูญเสียความมั่นใจกอใหเกิดความรูสึกไมปลอดภัยและทำใหพวกเขาออนแอ
ลงอยางมาก
ความเด็ดเดี่ยวโดยธรรมชาติของเฉียวหวาก็แสดงตัวออกมา เขาไมมีความรูสึก
ลังเลแมแตนอยและยังคงยึดมั่นในความเชื่อของตน เขาเชื่อวาสมมติฐานของเขานั้น
ถูกตองและไมมีความหวั่นไหวแมแตนอย
ทุกคนกระจายตัวออกไปเพื่อมองหาเปาหมายที่เปนไปได
บันทึกซือหนานนั้นมีอายุหลายสิบป นับจากยุคของเขาก็ไดเกิดการเปลี่ยนแปลง
มากมายในสนามเหนี่ยวนำ แมแตสภาพภูมิประเทศก็เปลี่ยนแปลงไปไมนอย ยิ่งไป
กวานั้นบันทึกเรานี้ถูกจัดสรรโดยลูกศิษยของซือหนานซึ่งมีรายละเอียดมากมายที่ยัง
คลุมเครือไมชัดเจน
หลังจากวิเคราะหบันทึกแลว เฉียวหวาก็ระบุพื้นที่ที่มีความเปนไปไดสองสามแหง
ผูคนสวนใหญนั้นหมดกำลังใจและไมอาจถูกกระตุนดวยคำพูดของเฉียวหวาอีก
ตอไป เพราะการคนหากอนหนานี้ลวนแตไรผล ทุกคนยังคงรักษาความอดทนเอาไวก็
เพราะยังเคารพในตำแหนงที่สูงกวาของเฉียวหวา อยางไรก็ตามความอดทนของพวก
เขานั้นลดลงเรื่อยๆ สมาชิกบางคนเริ่มสงสัยวาบันทึกซือหนานนั้นจริงหรือไม
“พบแลว!”
เสียงอันตื่นเตนดังขึ้นมาอยางฉับพลันและทุกคนก็หยุดการเคลื่อนไหวโดยไมรูตัว
หลังจากเงียบงันไปครูหนึ่งพวกเขาก็ระเบิดเสียงโหรองออกมาอยางยินดี
ทุกคนวิ่งตรงไปยังที่มาของเสียง
เขาของเฉียวหวาออนลง เขาไมสนใจเกี่ยวกับภาพลักษณของตัวเองอีกตอไปและ
ทรุดนั่งลงกับพื้นในทันที เขาดูออนลาเปนอยางมาก ไมเคยคาดคิดวาการเดินทางครั้ง
นี้จะทำใหตองเจอกับอุบัติเหตุจำนวนมากหรือแมแตกระทั่งคาดคิดวาพิษโลหิตจะ
เลวรายลงรวดเร็วถึงเพียงนี้ ภาระบนบาของเขานั้นหนักเกินกวาที่คาดคิดเอาไวมาก
ภัยพิบัติโลหิตเลวรายลงดวยความรวดเร็วที่เหนือกวาความคาดคิดของทุกคน
แมแตเฉียวหวาเองก็ตาม มีขาวลือเกี่ยวกับความไมพอใจของพวกผูอาวุโสที่ถูกเขาชัก
จูงใหเชื่อ
ผูชนะไดทุกสิ่งในขณะที่ผูแพไมไดอะไรเลย
หากเขาสามารถแกปญหาภัยพิบัติโลหิตไดสำเร็จเขาก็จะกลายเปนพระเอกของ
สนามเหนี่ยวนำอยางรวดเร็ว ไมสิ ของทั่วทั้งอูสิงเทียนเลยตางหาก สำหรับเขาแลวมัน
มีความสำคัญมาก ตราบใดที่เขาทำสำเร็จ ความชื่นชมในตัวเขาก็จะเพิ่มสูงขึ ้น เปน
ประวัติการณ
เขาเฝารอโอกาสแบบนี้มาเสมอ ความทะเยอทะยานที่ติดตัวมาแตเกิดของเขาถูก
กระตุนใหตื่นขึ้นมานานแลว
ในที่สุดพวกเขาก็หามันพบ...
ตราบใดก็ตามที่พวกเขาพบตนไมโลหิตนี้ก็เทากับประสบความสำเร็จไปครึ่งทาง
แลว นี่หมายความวาจะมีงานเลี้ยงสำหรับพวกเขาในไมชา
มันจะเปนการเฉลิมฉลองครั้งใหญซึ่งเปนรางวัลที่ดีที่สุดที่เขาจะไดรับ ความกลา
หาญที่เขาทุมเทไปจะนำมาซึ่งรางวัลจำนวนมหาศาล เขาเกือบจะเห็นภาพชื่อของ
ตัวเองอยูในสายธารแหงประวัติศาสตรไดรับการชื่นชมจากผูคนนับลาน
เขาไมรูวาไดพลังมาจากไหน แตเขาก็ยืนขึ้นและเดินตรงไปยังกลุมของผูคน
ฝูงชนแหวกทางออกใหกับเขาราวกับการตั้งแถวตอนรับผูชนะ
เฉียวหวาเดินเชิดหนาไปอยางมั่นคง สายตาที่มองมาทางเขาไมไดมีความสงสัยอีก
ตอไป หากแตเปนความชื่นชมและนับถือ การคนพบตนไมโลหิตเปนหลักฐานยืนยันวา
ทฤษฎีของเฉียวหวานั้นถูกตอง
ทุกคนเชื่อมั่นวาอีกไมนานจะไดเห็นการสิ้นสุดของภัยพิบัติโลหิต พวกเขาสวน
ใหญลวนเต็มไปดวยอารมณความรูสึกลนใจ
เฉียวหวาไมปลอยใหความสำเร็จเขามารบกวนสมาธิ เขาทำใจใหสงบและเดินตรง
ไปที่ตนไมโลหิต หลังจากที่กลับคืนสูความสงบนิ่งอยางที่สุด เขาก็ทำการตรวจสอบ
ตนไมโลหิตอยางละเอียด
หลังจากผานเวลามานานสี่รอยป ตนกลาก็ไดเติบโตเปนไมใหญสูงเสียดฟา
ไมมีหญาแมแตตนเดียวเติบโตในรัศมีหาสิบเมตร ยอดของตนไมนั้นหนาและเปน
สีแดงสดราวกับตนเมเปลในฤดูใบไมรวง เปนภาพที่ชวนใหลืมหายใจ ทวาเฉียวหวา
ไมไดเงยหนาขึ้นหากแตจองมองไปยังรอยสีดำบนลำตน
ลำตนสีแดงขุนปกคลุมไปดวยลวดลายสีดำราวกับสัญลักษณในโบราณกาล ให
ความรูสึกมืดมนและชั่วรายที่บรรยายไมถูก
“อาจารย ลวดลายสีดำนี้คืออะไรกัน” ลูกศิษยของเฉียวหวารวบรวมความกลา
และถามออกมา
“รอยโลหิต” เฉียวหวาไมไดละสายตา เขาไลนิ้วไปตามลวดลายสีดำและกลาวตอวา
“ในชวงยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน มีขอหามเกี่ยวกับการกลั่นโลหิต ในตอนนี้มีคนรู
เรื่องนี้นอยมาก ความรูอันกวางขวางเกี่ยวกับการกลั่นโลหิตของผูอาวุโสซือหนานนั้น
นาทึ่งทีเดียว”
สีหนาของผูคนเปลี่ยนไปเปนชื่นชมในทันที อาจารยเฉียวหวาชางเปนผูแกเรียนจริงๆ
ในสายตาของพวกเขาเคล็ดลับการกลั่นโลหิตนั้นเปนเรื่องลึกลับและไมคุนเคยอยางยิ่ง
ความเขาใจสวนใหญของพวกเขาลวนเกี่ยวของกับสิ่งของที่ใชในการกลั่นโลหิต
สำหรับพวกเขาแลวอาจารยที่ทำการวิจยั ในสิ่งแปลกประหลาดอยางเชนวัตถุกลัน่
โลหิตนั้นมีคาอยางยิ่ง มันเปนสมบัติที่หลงเหลือมาจากยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน แต
ทางเขานั้นถูกปดตายและปกคลุมไปดวยฝุนผงสีเทา มันอาจไมมีคาแมแตนอย หรือไม
ก็อาจจะสามารถเปลี่ยนโลกทั้งใบก็เปนได
ทุกวันนี้ประตูนั้นก็ยังปดแนน ไมมีใครสามารถเปดมันออกมาได
แมวาวัตถุกลั่นโลหิตนั้นไมถูกทำลายไป แตก็ไมมีใครสามารถใชหรือคนพบความ
นามหัศจรรยของพวกมัน ประวัติศาสตรอันยาวนานและประสบการณที่หลงเหลือมา
จากยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนนั้นเปนสิ่งที่เหนือจินตนาการสำหรับผูคนในอูสิงเทียน
ถึงแมวาวัตถุที่ลึกลับและไมเปนที่นิยมอยางการกลั่นโลหิตจะมีใหพบเห็นไดไมยากนัก
ก็ตาม
นอกเหนือจากผาพันแผลโลหิตของอายฮุยซึ่งสรางขึ้นจากวัตถุดิบพิเศษแลว วัตถุ
สวนใหญนั้นลวนเรียกไดวาไรประโยชนและถูกกองทิ้งไวจนฝุนจับหนาเตอะ มีเพียงสิ่ง
ที่พอจะใชประโยชนไดเทานั้นที่ถูกเก็บไว
ทุกคนกลั้นหายใจไมกลาที่จะระบายออกมา
สีหนาของเฉียวหวาบิดเบี้ยวไป ยิ่งเขาเขาใจมากขึ้นเทาไรเขาก็ยิ่งสัมผัสไดถึงการ
สอดประสานกัน พลังและความงดงามในรอยโลหิตบนลำตนของตนไมโลหิตนั้น ทำให
เขารูสึกราวกับวากำลังมองไปยังประวัติศาสตรอันกวางใหญของยุคสมัยแหงการ
บำเพ็ญตน ในมุมอันสงบเสงี่ยมนี้มีเมฆสีแดงเลือดอันนาประทับใจที่ถึงแมวาจะไม
ยิ่งใหญแตก็ยังไมถูกทำลายหรือสูญสลายหายไป
ชางเปนยุคสมัยที่ผูคนถวิลหา!
ความคิดของเฉียวหวาลองลอยไปไกล เขาไมอาจจินตนาการถึงความกวางใหญ
ของยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนได เมื่อคิดวาการกลั่นโลหิตนั้นเปนเพียงสวนยอยที่ยัง
ไมสูญสลายไป แตมันก็ยังสามารถสรางผลกระทบที่นาตื่นตกใจถึงเพียงนี้ได
เขายังคงอยูในสภาพมึนงงตอไปอีกครูหนึ่งกอนจะกลับคืนสูสติ ความแข็งแรง
และความมั่นใจกลับคืนสูรางกายของเขาอีกครั้งหนึ่ง
บางที ก ารกลั ่ น โลหิ ต อาจจะยิ ่ ง ใหญ ม าก อ น แต ใ นตอนนี้ ม ั น ถึ ง เวลาที ่ จ ะ
เปลี่ยนแปลงแลว นี่คือยุคสมัยของพลังธาตุและเปนยุคสมัยของเขา
“ยาหมายเลขเจ็ด!” เขากลาวกับนักเรียนอยางมั่นใจ
ตะกราหวายที่นักเรียนของเขาถือเอาไวก็สั่นไหวโดยฉับพลัน เสนหวายที่ถักทอ
กันเปนตะกรากระจายตัวออกเผยให เห็นสิ่ งที่ เก็บ ไวภายใน ภายในนั้นมีกระถาง
ดอกไมจำนวนหนึ่งหอยลงมาจากเสนหวาย แตละกระถางนั้นมีเลขกำกับเอาไว
เมื่อพบดอกไมหมายเลขเจ็ด เขาก็สงเสนใยพลังธาตุเขาไป
ดอกไมนั้นก็คอยๆ เบงบานอยางชาๆ ภายในมีปลองไมไผที่โปรงใสราวกับแกว
ผลึกซึ่งบรรจุของเหลวสีดำไวขางในปรากฏใหเห็นแกสายตาของทุกคน การปลูกปลอง
ไมไผผลึกแกวนั้นเปนสิ่งที่ยากมากเพราะอัตราการเติบโตที่ชาอยางยิ่งของมัน ดังนั้น
มันจึงมีราคาคอนขางสูงและใชในการเก็บรักษายาที่มีราคาสูงยิ่ง
นักเรียนผูนั้นนำเอาปลองไมไผผลึกแกวออกมาอยางระมัดระวัง ตัวยาที่เปน
ของเหลวสีดำนัน้ ดูเหมือนกับลาวาสีดำ แมวามันจะถูกเก็บไวในปลองไมไผทุกคนก็ยัง
สัมผัสไดถึงคลื่นความรอน
ความมั ่ น ใจของเฉี ย วหวานั ้ น มิ ใ ช ไ ม ม ี ร ากฐานรองรั บ เขาได ท ำการศึ ก ษา
รายละเอีย ดในบันทึก ซือ หนานมาอย า งรอบคอบและได ส ร า งยาน้ ำ หลากหลาย
ประเภทเพื่อใชในกรณีตางๆ
ในตอนนี้สถานการณยังอยูภายใตการควบคุมของเขา และเขาก็เตรียมตัวมาอยางดีพอ
“ทุกคนถอยหางออกไปหาสิบเมตร” เขาออกคำสั่งอยางเครงเครียด
ทุกคนรีบถอยหางออกไปหาสิบเมตรโดยไมคัดคานแตอยางใด พวกเขาเบิกตาก
วางเกรงวาจะพลาดรายละเอียดอันใดไป นี่ตองเปนชวงเวลาที่ไมอาจลืมเลือนไดตลอด
ชั่วชีวิตของพวกเขา
ภัยพิบัติโลหิตที่นากลัวในที่สุดก็จะมาถึงจุดจบ
เฉียวหวาสูดหายใจเขาลึก รูสึกกังวลเล็กนอยอยางนาประหลาด หลังจากคิด
ใครครวญอยางรอบคอบเขาก็มั่นใจวาตัวเองคิดตริตรองในแงมุมตางๆ อยางครบถวน
แลว แววตาของเขาเปลี่ยนเปนมุงมั่นอีกครั้ง
เขาเปดฝาปลองไมไผผลึกแกวออกอยางระมัดระวัง กลิ่นอันไมพึงประสงคพวยพุง
ออกมา เขาเทมันลงไปบนรอยโลหิ ต ที ่ อ ยู  บ นลำต น โดยไม แ สดงสี ห น า ท า ทางที่
เปลี่ยนไปแมแตนอย
หยดสุดทายของยาน้ำสีดำหยดลงจากปลองไมไผผลึกแกวและซึมเขาไปในลำตน
ของตนไม
เฉียวหวาแสดงสีหนาผอนคลาย ตัวยาที่เขาคิดคนขึ้นมานั้นเปนพิษสำหรับพิษ
โลหิ ต อาจนั บ ได ว  า เป น พิ ษ อี ก ชนิ ด หนึ ่ ง ที ่ ส ามารถใช ต  า นพิ ษ โลหิ ต ได มั น จะ
แพรกระจายไปในลักษณะเดียวกันและไมมีทางหนีไมวาสิ่งใดก็ตามที่ไดรับผิดไปแลว
กิ่งกานตางๆ เริ่มแสดงอาการดำคล้ำออกมาใหเห็น เฉียวหวารูสึกตื่นเตนเปน
อยางยิ่ง มันเริ่มขึ้นแลว!
สีดำเริ่มกระจายตัวออกไปและใบไมก็รวงหลนลงมาอยางตอเนื่อง รอบกายของ
พวกเขาเต็มไปดวยใบไมสีแดงเลือดที่รวงหลนและปลิวไปในสายลมราวกับหิมะตก
เฉียวหวาหัวเราะออกมาสุดเสียง
โอ ชางเปนภาพที่งดงามนัก!
ในชั่วพริบตาตนไมเกาแกก็แหงเหี่ยวไมเหลือใบไมสักใบ
เฉียวหวารูสึกยินดีกับตัวเอง ที่ปลายหางตาเขามองเห็นกิ่งกานที่แหงเหี่ยว ลูกตา
ของเขาหดตัวลง สีหนาของเขาคางแข็งในทันที
ตนกลาที่เพิ่งงอกนั้นสองประกายแสงสีแดงเจิดจายิ่งกวาเดิม
ทะ… ทำไม...
เขาจองมองอยางเหมอลอยไปยังกิ่งกานที่เคยแหงโกรนที่ในตอนนี้เต็มไปดวย
ใบไมที่ผลิใหมซึ่งมีสีแดงเลือดและเติบโตขึ้นดวยความเร็วที่นาตื่นตระหนก
ในชั่วพริบตา ยอดไมก็เต็มไปดวยใบไมสีแดงดูราวกับทะเลโลหิตที่ชวนใหหลงใหล
หญาสีแดงเลือดที่อยูหางไปหาสิบเมตรก็เริ่มเติบโตขึ้นอยางรวดเร็วแบบไมมีปมีขลุย
มันดูราวกับอสูรพิสดารที่กำลังอาปากกวางอยางนากลัวทามกลางเสียงตะโกนกรีดรอง
ดวยความตกใจ
คลื่นสีแดงเลือดแผขยายออกไปดวยความเร็วอันนาทึ่ง
บทที่ 151 รางวัล
ผมยาวสีดำขลับสยายไปตามสายลม
สตรีเยาววัยนั่งอยูบนกอนหินเหนือยอดเขาอยางไมยี่หระ นางไมไดใหความสนใจ
หรือกริ่งเกรงที่ตนนั่งอยูบนชะงอนผาสูงชัน กระโปรงยาวสีแดงสดพัดพลิ้วไปตามสาย
ลมดูเรากับดอกกุหลาบที่เบงบาน ทวาก็ยังดูประดุจลูกไฟเจิดจาอีกดวย
บนใบหนารูปไขงามลออคือดวงตาซึ่งปดอยู คางเชิดขึ้นเล็กนอยเพื่อดื่มด่ำกับสาย
ลมที่พัดโชยเขามา เทาเรียวยาวงดงามยื่นออกมาจากใตกระโปรงยาวสีแดงดุจเปลว
เพลิง นางแกวงเทาอยางราเริงอยูกลางอากาศราวกับกำลังบรรเลงเพลงอันไพเราะ
ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปดกวางขึ้นและหันศีรษะไปเล็กนอย
รอยยิ้มอิ่มใจปรากฏขึ้นบนใบหนาและทอดสายตาชวนฝนยาวไกลออกไป
มันเริ่มขึ้นแลว
นางเหยียดแขนที่ขาวดุจหิมะและงดงามราวผลงานศิลปะชั้นเลิศ เสียงพึมพำของ
นางนั้นออยอิ่งทวาเยายวน ราวกับเสียงเพรียกของนางไม
นางบิดขี้เกียจเสร็จแลว ก็รำพึงออกมาแผวเบา “ออกไปหาอาหารหาวันแลว เจาดำ
ยังไมกลับมาอีก”
เปนไปไดหรือไมวาเจาดำเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น นางไมคิดวาจะเปนไปได เจาดำ
สามารถบินไดสูงและรวดเร็วปานสายฟา ตอใหมันพบเจอกับอันตรายก็ยอมหลบหนี
ไดอยางงายดาย
ทวานางก็ยังคงตัดสินใจที่จะลงจากภูเขาและตามหาเจาดำ ไมงายเลยที่นางจะ
เลี้ยงสัตวโลหิตที่มีพรสวรรคแบบเดียวกับเจาดำขึ้นมาอีกสักตัว
นางใชปลายเทาสะกิดเบาๆ บนกอนหิน แลวรอนลงจากหนาผาราวกับวิหคเพลิง
ที่เจิดจา
อายฮุยตื่นขึ้นมาดวยความงุนงง
ประหนึ่งวาเพิ่งฝนราย ถูกทุบตีอยางตอเนื่องราวกับเปนกระสอบทราย
เขาไมไดฝนรายแบบนี้มาพักหนึ่งแลว
ตองขอบคุณสวรรคที่เขาตื่นมาและพบวาตัวเองยังปลอดภัยไรกังวล เขาถอนหายใจ
ออกมาอยางโลงอกและลุกขึ้นนั่งในทันที โหลวหลานกับเจาอวนอยูที่ไหน อายฮุยเดิน
ออกจากหองพลางบิดขี้เกียจ เขาถอยกลับเมื่อเห็นเงาของโหลวหลานอยูในโรงฝก
เอ ทำไมเขาถึงไดปวดหัวเชนนี้ มันตองเปนเพราะวายังไมหายดีแน เขาตองนอน
พักตอ!
“อายฮุย! อายฮุยตื่นแลว!”
อายฮุยหยุดเดิน สีหนาคางแข็งไปเมื่อไดยินเสียงราเริงของโหลวหลาน
“อายฮุย ยังรูสึกไมสบายอยูหรือไม อายฮุยหายจากอาการบาดเจ็บเรียบรอยแลว!
โหลวหลานฉลาดมากใชหรือไม เจาอวนเองก็ลงแรงไปมากเชนกัน เขารายกาจมาก!
ยินดีดวย อายฮุยเปดไดสี่ตำหนักแลว!”
โหลวหลานพูดพลามยาวเหยียดในลมหายใจเดียว
อายฮุยคิดในใจ “โหลวหลานนั้นเกงในทุกเรื่องแตไมรูวิธีอานสีหนาผูคน ขาจะ
หายดีไดอยางไร ขาจะหายดีจากอาการเจ็บปวยมูลคาแปดสิบลานงายๆ ไดอยางไร”
สาวนอยรานบะหมี่ไมไดคิดจะป ดบั งสีหนาลอเลียนของนาง อายฮุยหัวเราะ
ออกมาและกลาววา “ไมพบกันนาน!”
“เจากำลังหวังวาขาจะไมกลับมาอีกใชไหม” สาวนอยรานบะหมี่ถามกลับมาดวย
น้ำเสียงเย็นชา
“จะเปนเชนนั้นไดอยา งไร” อายฮุยหัวเราะออกมาอยางคนที ่ผิ ดจริ งตามข อ
กลาวหา
สาวนอยรานบะหมี่ไมเปดโอกาสใหเขาแกตัวและพูดเขาประเด็น “บอกขามาวา
เจาจะคืนเงินเมื่อไร”
สาวนอยรานบะหมี่นั้นอารมณไมคอยดีนักในวันนี้ หรือวามีใครไปลวงเกินนาง มี
คนกลาลวงเกินผูหญิงที่ปาเถื่อนแบบนี้ดวยหรือ ความกลาของพวกเขาชางนาชื่นชม
เปนอยางยิ่ง!
อายฮุยพึมพำอยูในใจ แตเขายิ้มออกมาและกลาววา “ขาคอนขางขาดแคลนเงิน
สดในตอนนี้…”
สาวนอยรานบะหมี่ยิ้มออกมาไมไมจริงใจและกลาววา “มีตอนไหนบางที่เจาไม
ขาดแคลนเงินสด”
อา ยฮุย รูสึกอารมณเสีย เจา ฆ า ข า ได แต ไม ควรมาเหยีย ดหยามกั น ที ่ พ ู ดเจา
หมายความวาอยางไร….ชางมัน!
“ขาไมมีทางเลือก ขาเปนคนจน แมนาง… คุณหนูเจาชวยลดมาตรฐานลงและ
ขยายเวลาใหขาอีกสักนิดไดหรือไม ใหเวลาขาอีกสักหนอยหรือไมก็ใหขาชดใชใหเจา
บางสวนกอนเปนอยางไร” อายฮุยนึกถึงลูกศรขนกระตายของเขาขึ้นมา เพิ่งขายไป
เปนเงินสามสิบลานไมใชหรือ
สวนแบงของเขานั้นมีไมนอยทีเดียว เขาสามารถใชเงินสวนนั้นใชหนี้บางสวนกอนได
เมื่อคิดถึงขนกระตาย อายฮุยก็เหยียดหลังตรง ตอนนี้เขากลายเปนคนมีเงินแลว!
เงินแคนี้ไมมีคาอะไรหรอก!
หากยังขายไดรวดเร็วเชนนี้ ใชเวลาไมนานเขาคงจะใชหนี้แปดสิบลานหยวนไดหมด
“ถาเจาจะใชคืนก็ตองจายคืนทั้งหมด!” สาวนอยรานบะหมี่ตอบกลับอยางเย็นชา
หลังของอายฮุยออนลงในทันที “ใครทำใหเจาโกรธกัน อยาไดโกรธไป ระบาย
ความโกรธออกมาแลวจะดีขึ้นเอง เจาจะรูสึกดีขึ้นเมื่อเจาไดทุบตีใครสักคน เจาอวน
มานี่สิ มาใหพี่สาวทานนี้ทุบตีเพื่อระบายความโกรธหนอย!”
“ขาจะพอใจมากหากเจาใหขาทุบตีตัวเจาเอง” ดวงตาของสาวนอยเปลี่ยนเปน
เย็นเยียบและน้ำเสียงของนางก็นาหวาดเกรง “บอกขามา หากขากินบะหมี่ของเจาไป
ชามหนึ่งแลวเจาตองชดใชหนี้ใหขาแปดสิบลานหยวน ทำไมขาถึงเปนการคาขาดทุน”
หนังตาของอายฮุยกระตุก เขารูขอบเขตความโกรธของสาวนอยผูนี้ดี กระดูกของ
เขาตองแหลกสลายแนหากปลอยใหนางทุบตีเขา เขาหัวเราะออกมาแหงๆ “เจาอวนมี
เนื้อเยอะกวาและจะใหความรูสึกที่ดีกวา กระดูกของขานั้นแข็งมากอาจทำใหเจาเจ็บ
มือได หรือไมอยางนั้นโหลวหลานก็ใชไดเชนกัน เจาสามารถฟนฟูเรี่ยวแรงโดยใหโหลว
หลานชวยบริการอะไรก็ไดที่เจาตอ งการ! ว า ไปแลวเจา จะเปน การค าขาดทุนได
อยางไร ยิ่งไปกวานั้นเงินแปดสิบลานหยวนไมใชจะหากันไดงายๆ ขาจะคืนเงินใหเจา
แนแตขาตองขอเวลาสักหนอย”
เจา อว นจอ งมองอยา งไมอ ยากเชื ่ อ ไปยั งสี ห น า หวาดกลั ว ของอ า ยฮุ ย นี ่ คื อ
เครื่องจักรสังหารที่โหดรายและไรความรูสึกนามวาอายฮุยที่เขารูจักอยางนั้นหรือ
ทำไมเหตุการณนี้จึงดูคุนตา ความรูสึกเขาใจบางอยางปรากฏขึ้นในใจของเขา มีเพียง
เงินเทานั้นที่ทำใหเกิดเรื่องแบบนี้ได ตอใหเปนอายฮุยก็ไมอาจหลบหนีจากเรื่องนี้ได
เดี๋ยวกอน… เชนนั้นเรื่องที่อายฮุยเปนหนี้แปดสิบลานก็เปนเรื่องจริง
เจาอวนมึนงง งงงันกับความจริงอันโหดราย
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ประตูหนา
อายฮุยหายใจยาวออกมา ไมวาจะเปนใครก็ตามคนผูนี้นับวามาไดถูกเวลาเปน
อยางยิ่ง ชางเปนคนดีอะไรอยางนี้ ผูชวยชีวิต!
“นั่นใคร!” เขาตะโกนออกไปสุดเสียงพรอมกับวิ่งไปเปดประตูอยางกระตือรือรน
สีหนาของเขาเปลี่ยนเปนผิดหวังในทันทีและน้ำเสียงก็เปลี่ยนเปนเย็นชา “เจามา
ทำอะไรที่นี่”
ไอเนรคุณ!
ตวนมูหวงฮุนเองก็อยูในสถานะที่กระอักกระอวน เขาอยากจะตอยหนาของอายฮุยสัก
ทีแตเขาก็ตองขมตัวเองเอาไว หากไมใชเพราะวาเขามีหนาที่อันสำคัญยิ่งเขาคงยอม
ตายดีกวาที่จะตองมาพบกับอายฮุย
“เปนเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนและที่วาการเมือง” ตวนมูหวงฮุนไมแมแตจะพยายาม
ทำน้ำเสียงใหเปนกันเอง
อายฮุยพนลมออกจากจมูกและเปดประตูกวาง
เมื่อเห็นตวนมูหวงฮุน โหลวหลานก็เอยทักทายอยางกระตือรือรน
“นักเรียนปงหวาน”
เมื่อไดยินคำนั้น ตวนมูหวงฮุนก็ตัวสั่นเทา สำหรับเขาแลวคำนั้นเปรียบเสมือนฝนราย
เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นสาวนอยรานบะหมี่ ความเร็วในการเดินของเขา
ก็ยิ่งอืดอาดลง เขาตัวสั่นอยางชวยไมได
คนรักของอายฮุยก็อยูที่นี่ดวย!
เด็กสาวที่มีความแข็งแกรงเหลือประมาณ เด็กสาวที่มีความดุดันราวกับสัตวปาก็
อยูที่นี่ดวย ในตอนนี้เขาเพียงตองการที่จะวิ่งหนี! กอนหนานี้ตอนที่เขาไดประมือกับ
คนรักของอายฮุย เขาไมอาจตอบโตไดเลย เขาถูกนางสะกดขมอยางสมบูรณและตอง
ประสบกับความพายแพอยางเจ็บปวดที่สุดในชีวิต
ในตอนนั้นเองเขาก็รูสึกราวกับวาเดินเขาไปในถ้ำเสือ สายตาของทุกคนดูราวกับ
เสือที่จองมองเหยื่อ
“บอกมาวามีเรื่องอะไร” อายฮุยเพียงแคตองการจะใหคนผูนี้จากไปโดยเร็ว
เมื่อมองไปยังใบหนาที่สมควรจะถูกตบของอายฮุยแลว ความโกรธของตวนมูหวงฮุนก็
พุงขึ้นมา แตเมื่อมองไปทางผูหญิงคนนั้นที่ยืนอยูไมไกลแลวความโกรธนั้นก็หายไป
อยางไรรองรอย
“เนื่องจากเจาทำตัวเปนประโยชนในการกำจัดสัตวโลหิต ทางโรงเรียนและที่วา
การเมืองจึงตองการจะมอบรางวัลใหกับเจา พวกเขาสงขามาถามความเห็นของเจา”
ใบหนาของตวนมูหวงฮุนซื่อตรง เขารูสึกปวดหัวมากที่ไดรับคำสั่งเชนนี้ อันที่จริง
แลวความรูสึกของเขาชางซับซอนเมื่อไดเห็นอายฮุยในวันนี้
เขาไดเห็นกระบวนทากระบี่อันนาประทับใจของอายฮุยดวยตาของตนเอง ครูใหญ
และเจาเมืองลวนชื่นชมเขา แมแตบรรดาครูที่ตามมาดวยก็ลวนรูสึกอัศจรรยใจ
ถึงขนาดมีบางคนคิดวาอายฮุยจะสามารถกลายเปนปรมาจารยนักกระบี่ไดใน
อนาคต
ตวนมูหวงฮุนรูสึกกดดัน กดดันเปนอยางมาก อายฮุยสามารถไลตามเขาดวย
ความเร็วที่เขาไมอาจเขาใจได ความหางชั้นระหวางอายฮุยกับตัวเขานั้นลดลงเรื่อยๆ
เขายังพบอีกวาอายฮุยนั้นมีความสามารถในการปรับตัวเขากับสถานการณอันตรายได
ดีกวา ในยามที่ทุกคนสับสนมีเพียงอายฮุยที่สามารถคิดหาทางออกได
รางวัล!
อายฮุยแจมใสขึ้นในทันที “พวกเขาจะใหรางวัลอะไร”
“นั่นขึ้นอยูกับความตองการของเจา จะเปนวิชาลับหรืออาวุธหรือชุดปองกัน เจา
สามารถใชเวลาคอยๆ คิดไปได” ตวนมูหวงฮุนแอบคิดอยูในใจวาเขาจะใหของที่มี
คุณภาพต่ำสุดกับอายฮุย
“เงิน!” อายฮุยพูดโพลงออกมา “ถาพวกเขาตองการใหรางวัลขา ก็จงมอบเงินแกขา!”
ตวนมูหวงฮุนควบคุมตัวเองไมไดและกลาวเตือนอายฮุย “เจาควรจะเลือกวิชา
หรือไมก็อุปกรณปองกันพิเศษหรือแมแตอาหารพลังธาตุก็ยังดี”
แมวาอายฮุยจะสรางความตึงเครียดใหกับเขาเปนอยางมาก แตเขาก็มีความ
ภาคภูมิใจเกินกวาที่จะยอมใชวิธีต่ำชามาทำใหความกาวหนาของอายฮุยชาลง
ชัยชนะตองไดมาอยางยุติธรรมจึงจะมีศักดิ์ศรี
ขาไมมีทางแพเจา!
ตวนมูหวงฮุนรูสึกโลงใจที่สามารถแกความรูสึกสับสนที่มีไดสำเร็จ เขาหัวเราะ
ออกมาโดยไมตั้งใจ มันดูเหมือนวาเขากำลังถูกสิงกอนหนานี้ เขามีความคิดเชนนั้นไป
ไดอยางไร ถึงแมวาอายฮุยจะกาวหนาอยางรวดเร็ว ตวนมูหวงฮุนก็ยังเหนือกวาอยูดี
เขารูวานี่ตองเปนเพราะกระบวนทากระบี่นั้น การไดเห็นกระบวนทากระบี่นั้นสราง
ความตกใจใหกับเขาอยางที่ไมเคยเปนมากอน ทำใหสภาวะจิตใจของเขานั้นไมมั่นคง
เมื่อเห็นทาทีไมสนใจของอายฮุย เขาจึงกลาวตอไป “ในสถานการณปจจุบันไมวา
จะเปนโรงเรียนหรือที่วาการเมืองก็ไมมีเงินสดมากนักเพราะพวกเขาไดใชเงินไปกับ
การซื้อเสบียงกรังและยุทโธปกรณ เจาควรคิดถึงสิ่งที่ไมอาจหาซื้อไดหรือของที่มีมูลคา
สูงที่เจาเคยอยากไดในอดีต คิดใหรอบคอบ”
อายฮุยชะงักไปเมื่อสัมผัสไดถึงความจริงจังของตวนมูหวงฮุน
“เขาพูดไดถูกตองแลว” สาวนอยรานบะหมี่พูดขึ้นมา
อายฮุยเริ่มระแวดระวังและสงสัย สาวนอยรานบะหมี่นั้นร่ำรวยและนาเชื ่อถือ
นางยอมตองรูจักโลกนี้ดีกวาคนบานนอกอยางเขา เขาตบหนาผากตัวเองอยา งแรง
เขาควรจะไปถามอาจารยและอาจารยหญิงเพื่อฟงความคิดเห็นของพวกทาน
“ขอเวลาขาสักครู” หลังจากกลาวจบเขาก็พุงตัวออกไปจากโรงฝก
เจาอวนกับโหลวหลานกำลังพูดคุยกันอยู จึงเหลือเพียงซือเสวี่ยมั่นกับตวนมูหวงฮุน
เทานั้น ตวนมูหวงฮุนรูสึกกระอักกระอวนอยางยิ่ง
“ขาขอทราบนามของแมนางไดหรือไม”
ตวนมูห วงฮุนตัดสินใจที่จ ะทำลายความเงี ย บอั น น า อึ ดอั ดใจ เขารู  สึ ก สงสั ย
เกี่ยวกับคนรักของอายฮุยเปนอยางมาก ความสามารถของนางนั้นชางลึกล้ำจนไมอาจ
หยั่งถึง แมวาจะมีสาเหตุมากมายที่ทำใหเขาเสียเปรียบในคืนนั้น แตสาเหตุหลักก็คือ
เขาไมมีความมั่นใจที่จะเอาชนะคูตอสู
สำหรับนักเรียนที่สามารถทำใหตวนมูหวงฮุนรูสึกหวาดกลัวได นางตองไมใช
บุคคลที่ไรชื่อเสียงเรียงนามอยางแนนอน
เปนไปไดหรือไมวานางไมใชนักเรียน
เมื่อคิดถึงศิษยพี่หมิงซิ่ว แมหญิงอีกคนในชีวิตของอายฮุย ตวนมูหวงฮุนก็ตัวสั่น
นางก็เปนฝนรายเชนกัน
ทำไมหญิงรอบกายอายฮุยถึงไดนากลัวนัก
ซือเสวี่ยมั่นยังคงไมสนใจตวนมูหวงฮุน ในสายตาของนางตวนมูหวงฮุนเปนเพียง
เด็กนอย นางไมใหจำเปนตองใสใจอะไรเขามากนัก สีหนาของนางนั้นสำรวมในตอนที่
นางยิ้มและตอบกลับมา “ปกติเขาเรียกขาวาการคาขาดทุน”
ตวนมูหวงฮุน “…”
เจาอวนที่อยูไมไกลออกไปก็พูดขึ้นวา “นี่… ดูเหมือนขาเคยไดยินมา!”
“ฮะฮา ขาก็เคยไดยินเชนกัน”
ซือเสวี่ยมั่นหัวเราะออกมาเบาๆ เสียงหัวเราะของนางนั้นชางเย็นเยียบราวกับ
สายน้ำยามหนาว
บทที่ 152 สาวนอยอันตราย
“อาจารยไดยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันกอนและกำลังจะไปหาเจาอยูพอดี อยา
รับสิ่งใดจากโรงเรียนทั้งสิ้นยกเวน [เปยโตว] เจาจำการทดสอบที่เราทำไดหรือไม จาก
ตำหนักทั้งแปด เจามีตำหนักที่แข็งแกรงถึงเจ็ดตำหนัก เจาไมควรละทิ้งพรสวรรคแต
กำเนิดนี้ อาจารยไมคาดคิดเลยวาเจาจะกาวหนาได รวดเร็วถึงเพียงนี้! การที่เจา
ทะลวงไดถึงสี่ตำหนักในเวลาอันสั้นเชนนี้ทำใหพวกเราทั้งหลายรูสึกตกใจอยางยิ่ง จง
จำไว ขอเพียงแค [เปยโตว] เทานั้น! เจาจะไดรูสาเหตุวาทำไมขาถึงบอกใหทำเชนนี้
หลังจากที่เจาไดรับ [เปยโตว] มาแลว”
“อาจารยและอาจารยหญิงไมคุนเคยกับที่วาการเมืองนักจึงไมรูวาพวกเขามีอะไร
แตเพื่อนรวมชั้นของเจาพูดไดถูกตองแลววาการขอเงินเปนรางวัลนั้นเปนการเสีย
โอกาสอยางยิ่ง ศิษยเอย เจาอยาไดตกอยูใตกับดักของเงินตรา เจามิไดมีตุกตาทรายที่
ชำนาญในการปรุงอาหารพลังธาตุหรอกหรือ เจาควรขอวัตถุดิบเพื่อมาทำอาหารพลัง
ธาตุ เจาสามารถทะลวงไดถึงสี่ตำหนักแลวดังนั้นเจาจึงควรเตรียมตัวที่จะทะลวง
ตำหนักที่หาตอไป ตำหนักปฐพี ตำหนักมหาสมุทร ตำหนักประตู และตำหนักนภานั้น
ทะลวงไดยากกวาตำหนักฝามือซาย ตำหนักฝามือขวา ตำหนักขาซายและตำหนักขา
ขวามาก เจาควรจะเตรียมตัวตั้งแตเนิ่นๆ กระบี่นี้นับวาดีทีเดียวดังนั้นเจาจึงไมไดขาด
อาวุธที่ดี ในเรื่องของชุดปองกันนั้นเจามีผาพันแผลโลหิตอยูแลว เมื่อมีมันอยู ไมวา
ดาบหรือกระบี่ก็ยากจะทำรายเจาได ถึงจะดูขี้ริ้วขี้เหรแตผาพันแผลโลหิตก็ไมมีขอเสีย
อื่นใดอีก ออใชแลว ศิษยพี่ของเจาไดเตรียมรองเทาใหเจาคูหนึ่ง รองเทาคูนี้จะทำให
เจาวิ่งไดเร็วขึ้น ศิษยเอย โลกนี้ชางโหดรายนักหากเจาตกอยูในสถานการณอันตราย
จงจำไววาใหวิ่งหนีโดยไมตองลังเล วิ่งใหเร็วที่สุดเทาที่จะทำได อยาไดเปนหวงพวกเรา
จงเปนหวงตัวของเจาเองกอน…”
คำพูดที่ยืดยาวไรสิ้นสุดของอาจารยดังกองอยูในจิตใจของอายฮุย เขารูสึกซาบซึ้ง
และคิดวาตนเองนั้นมีอาจารยที่ดีที่สุด อาจารยหญิงที่ดีที่สุด และยังมีศิษยพี่ท่ดี ีที่สุด
ในโลกอีกดวย
เมื่อเขาเดินออกจากโรงเย็บปก ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอยางยิ่งจนเหมือนกับ
เขากำลังบินอยู
เขาสวมรองเทาสีขาวคูหนึ่ง
มันถูกสรางขึ้นอยางประณีตพิถีพิถันดวยตัวของศิษยพี่หมิงซิ่วเอง เนื่องจาก
ระดับพื้นฐานของอายฮุยนั้นยังต่ำอยูเขาจึงไมอาจใชวัตถุดิบระดับสูงสุดไดแตทักษะ
ของศิษยพี่หมิงซิ่วนั้นชางวิจิตรบรรจง ดวยการทำงานอยางพิถีพิถัน นางก็สามารถ
สรางรองเทาที่ยอดเยี่ยมอยางยิ่งขึ้นมาคูหนึ่งไดจากวัตถุดิบธรรมดาๆ
อายฮุยรูสึกวารางกายของตนนั้นเบาและออนดุจดั่งนกตัวหนึ่ง
รองเทาเมฆาลอยลองที่อายฮุยใสอยูนี้ ตัวรองเทาสวนใหญใชพันเมฆลอยลองจาก
ดินแดนเมฆาหลากสีเปนวัตถุดิบ พันเมฆลอยลองนั้นเปนวัตถุดิบพลังธาตุน้ำที่พบเห็น
ไดทั่วไปและมีการนำไปใชอยางกวางขวาง รองเทาคูนี้นำคุณสมบัติที่ออนและเบาของ
พันเมฆลอยลองมาใชไดอยา งชาญฉลาด ความเร็วและความคลอ งตัวของอา ยฮุ ย
เพิ่มขึ้นอยางมาก
ไมวาจะเปนในการตอสูหรือหลบหนี รองเทานี้ก็จะเปนประโยชนอยางยิ่ง
อายฮุยไมคิดวาการวิ่งหนีนั้นเปนเรื่องเสื่อมเสียแตอยางใด ตราบใดที่สถานการณ
ไมถูกตอง เขาจะวิ่งหนีโดยไมคิดทบทวนแมแ ตน อย ชีวิตนี้เปนของเขาและมั นมี
ความสำคัญยิ่งกวาอะไรทั้งสิ้น
พวกผูอาวุโสนั้นชางเปยมประสบการณอยางแทจริง คำแนะนำของทานอาจารย
นั้นตรงประเด็นเปนอยางมาก ความคิดที่เขามีกอนหนานี้นั้นชางโงงม
ความรูสึกเสียใจเดียวที่เขามีอยูก็คือความหวังที่จะไดเงินมานั้นไมอาจเปนจริงได
เงินหนอเงิน...
อา ยฮุย ถอนหายใจในขณะที่ว ิ ่ งไปอย า งบ า คลั ่ ง รองเท า เมฆาลอยล อ งนี ้ ใ ห
ความรูสึกที่สบายเปนอยางยิ่ง แตเขาก็ยังจำเปนตองปรับตัวและทำความคุนเคย
กอนที่จะสามารถเพิ่มความเร็วและความคลองตัวไดอยางเต็มที่ หลังจากผานชวงเวลา
แหงการปรับตัวแลว เขาก็จะสามารถใชมันไดอยางเต็มที่ในการตอสู
เมื่อเขาเดินผานรานบะหมี่ เขาก็นึกถึงการตอสูอันนาหวาดหวั่นกับคางคาวตัวนั้น
เขานับวาโชคดีมากระหวางการตอสูครั้งนั้น แมแตในตอนนี้เขาก็ยังไมอาจทำความ
เขาใจไดวาเขารับการโจมตีของคางคาวโลหิตเอาไวไดอยางไร
เขาไมคาดคิดวาจะไดรับประโยชนจากการตอสูครั้งนั้น แมวาจะยุงเหยิงอยูบาง
เขาก็สามารถเอาชีวิตรอดและยังกาวหนาขึ้นสูระดับสี่ตำหนักอีกดวย แมแตมวลพลัง
ธาตุในคลังชีวิตของเขาก็หายไปอยางไรรองรอย ทามกลางความสับสนวุนวายเขากลับ
ไดรับรางวัล
แตก็ยังนาเสียดายที่ไมไดรับรางวัลเปนเงินสดโดยตรง!
ในขณะที่อายฮุยกำลังรูสึกเสียดายอยูนั้น เขาก็พลันสังเกตุเห็นสาวนอยคนหนึ่งใน
ชุดกระโปรงสีแดงนั่งยองๆ อยูตรงจุดที่เกิดการตอสูครั้งกอน
กำแพงที่ถลมไปถูกซอมแซมจนดูเหมือนใหมเรียบรอยแลว รอยเลือดบนพื้นก็ถูก
ทำความสะอาดจนไมเหลือรองรอย
สาวนอยนั้นดูเหมือนจะสัมผัสไดถึงสายตาของอายฮุยที่มองมาจึงหันไปไปมองเขา
ตัวออนกระบี่ที่อยูระหวางคิ้วของอายฮุยสั่นสะทาน ทำใหอายฮุยก็รูสึกเสียสมาธิ
ชุดสีแดงของสาวนอยผูนั้นชางรอนแรงและยั่วยวน อายฮุยไมรูจะบรรยายความ
งามของนางออกมาอยา งไรดี นางนั่งอยูกลางถนนและกอ ให เกิ ดบรรยากาศที ่ นา
สงสาร แมกระทั่งเงาที่อยูใตขาของนางก็ดูเหมือนจะมืดมิดและหมนหมองกวาปกติ
แมวาจะอยูภายใตดวงอาทิตยอันอบอุนแตหาไดมีความอบอุนจากรางของนางไม
แมวาเสื้อผาของนางจะสีแดงดุจเปลวเพลิงและยังมีความงามราวกับนางฟา แตมันก็ดู
ราวกับวานางถูกหอหุม ไวดวยหมอกสีดำอันเจือจาง เปนความมืดมิดที่แมแตแสงตะวัน
ก็ไมอาจขับไลออกไปได
อยางไรก็ตามเมื่ออายฮุยมองดูนางใกลๆ ก็ไมพบเห็นอะไรแมแตนอย
สาวนอยผูนั้นหัวเราะออกมาอยางออนหวานราวกับดอกไมที่สองแสงเรืองรองเบง
บานทามกลางความมืดมิด “ขางามหรือไม”
อายฮุยไดสติกลับ คืนมาและมองไปรอบๆ กอนจะชี้ไปที่ตัวเองอยางไมแ น ใจ
“ถามขาหรือ”
“ถูกแลว” หญิงสาวชุดแดงยางเขาหาอายฮุยพรอมกับยิ้มไปดวย
อายฮุยที่คิดเกี่ยวกับเรื่องเงินอยูกอนหนานี้ก็ตอบออกไปตรงๆ วา “มาตรฐาน
ของขานั้นแตกตางจากคนอื่น ใหขาหนึ่งรอยหยวน แลวขาจะบอกวาเจางาม ใหเงินขา
หารอยหยวน เจาก็จะงามมาก หากมอบใหขาหนึ่งพันหยวน ขาก็จะบอกวาเจางดงาม
ราวกับนางฟา!”
หญิงสาวที่เดินมาหยุดอยูหนาอายฮุยหัวเราะออกมาอยางออนหวานในทันที “ดู
เหมือนวาขาจะงดงามราวกับนางฟา”
อายฮุยตาเหลเมื่อกลิ่นหอมหวานถูกพัดพามาตามสายลม ทันใดนั้นเขาก็ควา
บางอยางเอาไวในมือ
อายฮุยตัวตกใจ ไมอาจมองเห็นการเคลื่อนไหวของนางไดอยางชัดเจน
“แมวามันอาจจะเปนเรื่องยาก แตขาหวังวาจะไดพบกับเจาอีกครั้ง ขอใหโชคดี!”
เสียงอันเยายวนของนางลอยมาตามสายลม
เมื่อเขาฟนคืนสติกลับมาก็ไมเหลือรองรอยของสาวนอยผูนั้นอีกแลว เขากมลง
มองและเห็นวาตัวเองกำลังถือเงินมากกวาหนึ่งพันหยวนเอาไวในมือ เขาอดหัวเราะ
ออกมาไมได ทวาสีหนาของเขาเปลี่ยนเปนหมนหมองอยางรวดเร็ว
ในตอนที่สตรีชุดแดงพุงเขามาหาเขา ตัวออนกระบี่ไมอาจตอบสนองไดทันทวงที
ชางเปนผูหญิงที่นากลัว!
อายฮุยใชเวลานานกวาจะสลัดหลุดจากความมึนงงได เขาแคนหัวเราะอยางขม
ขื่น เขาแคเดินไปเรื่อยเปอยตามถนนแลวก็พบกับผูหญิงที่มีความสามารถเกินกวาจะ
หยั่งถึง นี่นับวาเขาโชคดีหรือโชครายกันแน
อายฮุยขบคิดและตัดสินใจวานาจะเปนโชคราย
เมื่อใดก็ตามที่เขาพบเจอผูหญิงที่มีความสามารถเกินกวาจะหยั่งถึง พวกนางลวน
ไมใชคนที่มีจิตเมตตา สาวนอยรานบะหมี่เปนตัวอยางไดอยางดีทีเดียว
นึกถึงสาวนอยรานบะหมี่พลางมองไปที่เงินหนึ่งพันหยวนในมือของเขาที่สตรีชุดแดง
ใหมาแลว อายฮุยก็รูสึกถึงลางรายไมชอบมาพากล
ความมืดมิดและเปลาเปลี่ยวที่ แผออกมาจากสตรีช ุดแดงทำให อ ายฮุยนึกถึง
ชวงเวลาสามปในแดนราง เขารูสึกเขาใจขึ้นมาบางวาเหตุใดเขาจึงรูสึกหวั่นไหวตอการ
ยั่วยวนของนาง มันเปนความสิ้นหวังและหวาดกลัวของผูออนแอและไรความสำคัญใน
ยามที่สิ้นหวัง
เขาสายหนาและเก็บเงินไปโดยหวังวาจะไมไดพบนางอีก
เขากาวขามความสิ้นหวังและกลาวลากับความมืดมิดไปแลว
หนึ่งพันหยวนนี้นับวาเปนโชคหลนทับ!
ในอดีตแทบไมมีคนเขาออกที่วาการเมือง แตทุกวันนี้การเดินทางกลับคั บ คั่ ง
เพราะมีผูคนจำนวนนับไมถวนเดินเขาออก ทำใหเกิดความเบียดเสียดเยียดยัดอยาง
มาก เมื่อหวังเจินเขามาดูแลเมือง ประสบการณอันมากมายของเขาสรางความเชื่อถือ
ใหกับทุกคนไดในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นที่วาการเมืองจึงกลายเปนหัวใจสำคั ญของ
เมืองซงเจียน
หวังเจินที่ใจเย็นเสมอมากลับดูซีดเซียวในตอนนี้ ครูใหญที่อยูขางกายเขาก็หนา
ซีดขาวราวกับกระดาษ มือที่ถือรายงานสั่นเทาอยางไมอาจควบคุมได
“ลมเหลวหรือ ลมเหลวไดอยางไร เฉียวหวาไมไดบอกวาเขาจะกลายเปนยอด
ปรมาจารยธาตุไมแบบไตกังหรอกหรือ”
ครูใหญพึมพำออกมาดวยน้ำเสียงสั่นเทา แววตาของเขาเหมอลอย เต็มไปดวย
ความสิ้นหวัง
ริมฝปากหวังเจินสั่นระรัว เขาอยากจะจิบชาสักหนอยเพื่อทำใหตนเองสงบลง แต
มือของเขานั้นสั่นงันงกจนทำใหน้ำชากระเซ็นไปทั่ว เขาเปนคนที่มีประสบการณใน
สนามรบมากอน เขารูวาความลมเหลวของเฉียวหวาจะนำมาซึ่งภัยพิบัติที่เปนหายนะ
และยังเปนจุดเปลี่ยนที่สำคัญอยางยิ่ง
การแพรระบาดของพิษโลหิตไดกลายเปนภัยพิบัติโลหิต
มันคือตัวอยางชั้นเลิศของคำวาหายนะ!
เนื่องจากความลมเหลวของเฉียวหวา จึงไมมีผูรอดชีวิตแมแตคนเดียวในกลุม
ปฏิบัติการ ภัยพิบัติโลหิตยิ่งเลวรายลง พิษโลหิตชนิดใหมนั้นรุนแรงและเปนอันตราย
ยิ่งกวาเดิม ความเร็วในการแพรกระจายของมันก็นาหวาดกลัวยิ่งขึ้น...
สวนแหงชีวิตซึ่งถูกแผดเผาจนแหงเกรียมไดถูกปกคลุมโดยหญาโลหิตที่เติบโต
ดวยความเร็วนาเหลือเชื่ออีกครั้งหนึ่ง สวนแหงชีวิตกลายเปนทะเลสีแดงดูราวกับ
ทะเลโลหิตกวางไกลไพศาล
ผูใชพลังธาตุที่บินอยูบนฟาสามารถมองเห็นไดอยางชัดเจนวาคลื่นสีแดงเลือด
แพรกระจายอยางรวดเร็วเพียงใด ในตอนนี้มันกลายเปนคลื่นที่บาคลั่งและกวาดไปทั่ว
สนามเหนี่ยวนำดวยความเร็วอันนาตื่นตระหนก
สนามเหนี่ยวนำ ไมสิ ทั่วทั้งอูสิงเทียนกำลังเผชิญหนากับหายนะที่ไมเคยเกิด
ขึ้นมากอน จะมีผูคนมากมายเทาไรที่ถูกคลื่นสีแดงเลือดอันนากลัวนี้กลืนกิน เขาเองก็
ไมรูเชนกัน แตเขารูวาจำนวนนั้นตองสูงอยางมาก บางทีอาจจะมากกวาจำนวนคนที่
เสียชีวิตในแนวรบเสียอีก
สายตาที่เลื่อนลอยของหวังเจินเริ่มกับมาคมชัดอีกครั้งหนึ่ง จิตวิญญาณความ
ทระนงของทหารผานศึกเริ่มเผยออกมา
เขาไมเคยเผชิญหนากับชวงเวลาที่ยากเย็นและสิ้นหวังเชนนี้มากอน แมแตในยาม
ที่เขาสูญเสียขาไปก็ยังไมรูสึกสิ้นหวังถึงเพียงนี้ แตกระนั้นเขาก็รูดีวาเขาจำเปนตองลง
มือทำอะไรบางอยาง มิเชนนั้นก็เทากับนั่งรอความตาย
“คลื่นโลหิตจะมาถึงเมืองซงเจียนเมื่อไร” เขาเอยถามในทันที
ครูใหญตอบกลับมาดวยสีหนาเจ็บปวด “วันมะรืน”
“ดี เขมแข็งไว นี่ไมใชเวลาจะมาสิ้นหวัง” หวังเจินกลาวอยางเครงเครียด เขาไม
อยากจะจินตนาการถึงสภาพเมืองที่ถูกคลื่นโลหิตกวาดผาน เขายืดตัวขึ้นและกลาวตอ
“คลื่นโลหิตจะมาถึงในวันมะรืนนี้ จากรู ปแบบการเปลี ่ยนแปลงของสัตวโลหิตที่
เกิดขึ้นกอนหนานี้ ทำใหรูวาพวกมันยังตองใชเวลาประมาณหาถึงเจ็ดวันในการเปลี่ยน
สภาพอีกรอบหนึ่ง ในกรณีนี้เราจึงมีเวลาเจ็ดถึงเกาวันในการเตรียมตัว
ตอนนี้เบื้องบนคงไดรับขาวแลว พวกเขาจะรีบจัดกำลังเสริมเพื่อใหการชวยเหลือ
อยางเรงดวน จึงคะเนไดวาการชวยเหลือจะมาถึงอยางเร็วที่สุดในเวลาสิบหาวัน”
เมื่อไดยินการวิเคราะหของหวังเจิน ดวงตาของครูใหญก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เขากลาวตอไปวา “นั่นหมายความวาเราแคตองอดทนประมาณหนึ่งสัปดาหแลวเราก็
จะไดรับการชวยเหลือ ยิ่งไปกวานั้นซือเสวี่ยมั่นกับตวนมูหวงฮุนก็อยูในเมืองซงเจียน
ดังนั้นพวกเบื้องบนตองหาวิธีชวยเหลือพวกเราในทันทีอยางแนนอน”
“ถูกตอง!” หวังเจินโบกกำปนไปมาอยางกลาหาญ “เราจำเปนตองทนแคสัปดาห
เดียวเทานั้น มีอาจารยและนักเรียนมากมายอยูที่นี่ และยังมีโรงฝกอีกหลายแหงอยูใน
เมืองรวมทั้งพวกยามที่เฝารักษาความปลอดภัยใหกับโรงฝกตางๆ อีกดวย นี่คือความ
แข็งแกรงที่พวกเรามี แมวาสัตวโลหิตรุนใหมคงจะแข็งแกรงขึ้นแตถึงอยางไรขาก็ยัง
เชื่อวาพวกเราสามารถอดทนไปไดถึงหนึ่งสัปดาห”
ครูใหญถอนหายใจยาวออกมาอยางโลงอก “ใช ใช ใช ยังมีหวัง ยังมีหวังอยู”
ประกายแสงแวววาวกะพริบอยูในดวงตาของหวังเจิน “มีความเปนไปไดวาผูคน
จะไดรับรูขาวความลมเหลวของเฉียวหวา เราตองรีบควบคุมสถานการณในทันที และ
ใชกำลังพลที่มีทั้งหมดใหเปนประโยชน เนื่องจากไมมีใครสามารถหลบหนีไปไดซึ่งอาจ
เปนการดีก็ไดที่พวกเขาจะไดรับรูถึงอันตรายตั้งแตแรก”
ครูใหญก ัดฟนแนนและกลาวว า “ข า จะไปรวบรวมพวกอาจารย มาเพื ่อสอน
กระบวนทาที่สามารถนำไปใชไดจริงและมีความรุนแรงพอ ในเมื่อเราไมมีเวลามาก
นักการเพิ่มความแข็งแกรงขึ้นไมวาจะมากนอยเพียงใดก็นับเปนประโยชน”
หวังเจินรูสึก ประหลาดใจกับ ความกล า ของครู ใหญ การกระทำนี ้ อ าจส งผล
สืบเนื่องไปถึงความรับผิดชอบที่เขามีตอไป สนามเหนี่ยวนำมีความเขมงวดเกี่ยวกับ
การถายทอดกระบวนทาของโรงเรียนตางๆ ดูเหมือนวาครูใหญจะไมสนกฎพวกนั้นอีก
ตอไปแลว
หวังเจินพยักหนา “นี่เพื่อสิ่งที่ดีที่สุด! เราจำเปนตองควบคุมอาหารพลังธาตุ
ทั้งหมด เราตองเตรียมการเพื่อรับมือกับสิ่งที่เลวรายที่สุด”
“ตกลง!” ครูใหญพยักหนารับอยางเขมแข็ง “ขาจะไปรวบรวมพวกนักเรียน”
ในตอนนั้นเองเสียงสัญญาณเตือนโหยหวนก็ดังขึ้น ผูใชพลังธาตุคนหนึ่งวิ่งเขามา
ดวยสีหนาตื่นตระหนก “นายทาน สัตวโลหิตบุก! สัตวโลหิตมากมาย!”
สีหนาของพวกเขาเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน
บทที่ 153 เคล็ดวิชาตนฉบับและขอตกลง
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในขณะที่อายฮุยกำลังเดินทางกลับไปยังโรงฝก กอง
กำลังของผูใชพลังธาตุเกิดปริวิตก ออกตรวจตราตามทองถนนทำใหคนรูสึกวาทุกสิ่ง
ทุกอยางอยูภายใตการควบคุมและควรอยูแตในบานใหมากที่สุดเทาที่ทำได
อายฮุยรูสึกไมดีกับเรื่องนี้ เขาสัมผัสไดวาผูใชพลังธาตุเหลานั้นมีความตึงเครียด
อยางที่เขาไมเคยเห็นมากอน
เขากมศีรษะเดินผานถนนไปอยางเงียบงันเพื่อตรงไปยังโรงฝกศาสตราวุธ
สาวนอยรานบะหมี่และตวนมูหวงฮุนไดจากไปแลวทั้งคู
ใบหนาของเจาอวนเต็มไปดวยความตื่นตระหนกแตเมื่อไดเห็นอายฮุยก็ทำใหเขา
ผอนคลายลง เขาถอนหายใจออกมาอยางโลงอก “เกิดอะไรขึ้นขางนอกนั่น ทำไมถึง
ไดดูโกลาหลนัก” เจาอวนถาม
“ขาก็ไมรูเหมือนกัน” อายฮุยตอบพรอมกับสายหนา “ตองมีเรื่องใหญเกิดขึ้นแนๆ”
“มีอะไรที่โหลวหลานชวยไดหรือไม” โหลวหลานเอียงศีรษะถามแทรกขึ้นมา
อายฮุยหัวเราะออกมาเมื่อเห็นทาทางนารักของโหลวหลานกอนที่จะตอบวา “ยัง
ไมมีอะไรในตอนนี้ แตขามั่นใจวาเราจะตองการความชวยเหลือจากเจาในไมชา”
เจาอวนรูจักมักคุนกับอายฮุยดี เขารูไดวามีบางอยางผิดปกติไดในทันทีที่ เห็นสี
หนาของอายฮุย “สถานการณแยมากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” เจาอวนถาม
“ขายังไมมั่นใจนัก” อายฮุยตอบอยางเรียบเฉย เขารูดีวาเขาไมอาจจะปลีก ตัว
ออกจากเรื่องนี้ไดในคราวนี้
รางวัลที่เขาไดรับนั้นมาพรอมกับความคาดหวังบางอยาง ยิ่งไปกวานั้นอายฮุยรูดี
วา ความแข็งแกรงของเมือ งนี้มีอ ยู  อ ย า งจำกั ด พวกอาจารย อ าจจะทรงพลั ง แต
ประสบการณดานการตอสูของพวกเขานั้นนอยจนนาสังเวช จึงไมอาจนับวาพวกเขา
เหมาะสมจะเปนนักสู
ความกังวลของเขาที่วาพิษโลหิตนั้นจะรายแรงขึ้นกวาเดิมดูทาจะกลายเปนความ
จริงเขาเสียแลว
“ทำไมเจายังยืนอยูที่นี่” อายฮุยถามขึ้นพรอมกับมองไปที่เจาอวน “เจาควรฝกอยูสิ!”
เจาอวนมองออกวาอายฮุยกำลังอารมณไมดี ดังนั้นเจาอวนจึงถอยไปฝกอยาง
เงียบงันอยูที่มุมหนึ่ง
“ไมตองกังวลอายฮุย โหลวหลานจะตองชวยอายฮุยอยางแนนอน!” โหลวหลาน
กลาวอยางราเริง
อายฮุยยิม้ และขอบคุณโหลวหลาน
เมื่อพิจารณาจากการตอบสนองอันเชื่องชาของสนามเหนี่ยวนำแลว ก็ไมมีอะไร
นาแปลกใจที่เหตุการณจะเลวรายลง
หากสถานการณยังคงเลวรายลงอยางตอเนื่องเชนนี้ ก็จะไมมีหนีทีไล หากจะหนีออก
จากเมืองไป จากความแข็งแกรงของพวกเขาในตอนนี้ก็คงเปนไดเพียงอาหารของสัตว
โลหิต ยิ่งไปกวานั้นอาจารยของเขาและคนอื่นๆ ก็ยังอยูที่นี่ จึงเปนไปไมไดที่อายฮุยจะ
นิ่งดูดายใหพวกเขาตกอยูในอันตราย
เขารูสึกเจ็บปวดจากความคิดอันทุกขทรมานนี้
เขายังคงออนแอเกินไป ความคิดที่จะเผชิญหนากับภัยพิบัติจากพิษโลหิตดวย
พลังของตนเองอันต่ำตอยนั้นทำใหเขารูสึกไรคุณคาเปนอยางยิ่ง อายฮุยไมม่นั ใจดวย
ซ้ำวาเขาจะสามารถเปนประโยชนในการชวยปองกันเมืองไดสักเทาไร
ทายที่สุดแลวนักเรียนคนหนึ่งที่เพิ่งจะเปดไดแคสี่ตำหนักจะทำอะไรไดสักเทาไรกัน
ความคิดที่ยากจะทานรับไดนี้ทำใหอายฮุยรูสึกเจ็บปวด เขาเคยเปนอิสระยามที่อยูใน
แดนรางที่ซึ่งเขาสนใจแตการเอาชีวิตตัวเองรอดเทานั้น ในตอนนี้เขาถูกผูกมัดไวดว ย
ชีวิตของผูคนมากมายที่เขาตองการจะปกปอง อาจารย อาจารยหญิง ศิษยพี่หมิงซิ่ว
โหลวหลานและเจาอวน
เขาสูดหายใจลึกเพื่อขับไลความคิดฟุงซานที่ทวมทนอยูในจิตใจและเริ่มการฝกฝน
หลังจากเปดตำหนักที่เทาทั้งสองขางไดเขาก็ยังไมไดทำการวิเคราะหมันอยาง
จริงๆ จังๆ เลย
อายฮุยนั้นจมอยูกับการฝกฝนของตนเองอยางลึกซึ้ง
ทองฟาเริ่มมืดลงเมื่อเวลาผานไปอยางเงียบงัน นักเรียนคนหนึ่งรีบวิ่งเขามาเพื่อ
แจงใหอายฮุยทราบวาเขาตองไปที่โรงเรียนในทันที
อายฮุยไมไดรูสึกลังเลแมแตนอย
เมื่อมาถึงโรงเรียนเขาก็ถูกเรียกตัวไปยังหองทำงานของครูใหญ
ครูใหญดูราวกับแกขึ้นไปอีกสิบป เสนผมบริเวณขมับของเขานั้นกลายเปนสีขาว
เขายิ้มใหอายฮุย “นัก เรียนอายฮุย เจ า ทำใหข ารู สึ กประหลาดใจมาก ข า ขอเขา
ประเด็นเลยวาเหตุใดจึงไดเรียกตัวเจามาในวันนี้ สิ่งแรกที่ขาอยากจะทำใหเสร็จสิ้นก็
คือการมอบรางวัลแกเจา นักเรียนตวนมูคงไดพูดเรื่องนี้กับเจาแลวกอนหนานี้ โปรด
บอกมาไดอยางเต็มที่วาเจาตองการสิ่งใดเปนรางวัล ไมวาจะเปนเคล็ดวิชา อาหารพลัง
ธาตุหรือยุทโธปกรณ แตแนนอนวาตองเปนสิ่งที่โรงเรียนจัดหาใหไดเชนกัน”
อายฮุยตอบกลับไปโดยไมรั้งรอวา “ครูใหญ ขาหวังจะไดเรียนรูเคล็ดวิชา [เปยโตว]”
“[เปยโตว] หรือ” ครูใหญถามดวยความรูสึกประหลาดใจเล็กนอย “นี่ตองเปน
ความคิดของอาจารยเจาอยางแนนอน ดูเหมือนวาเขาจะแนะนำเจาไดดีทีเดียว [เปย
โตว] นั้นเปนเคล็ดวิชาที่ยิ่งใหญที่สุดของโรงเรียนซงเจียน แมจะไมใชวิชาลับ แตก็มี
ความโดดเดนในตัวเอง การเรียนรูวิชานี้นั้นอาจไมมีความหมายอะไรเพราะผูที่ฝก
[เปยโตว] นั้นจำเปนตองมีตำหนักที่แข็งแกรงถึงเจ็ดตำหนัก โอ ขาชางเลอะเลือนนัก
ตาเฒาหวังตองทำการทดสอบรากฐานของเจาแลวกอนที่จะบอกใหเจาเรียกรอ งขอ
[เปยโตว] เขาชอบศึกษาเรื่องแบบนี้อยูแลว”
ครูใหญสายหัวอยางเครงเครียด ดูราวกับวานึกถึงบางสิ่งในอดีตขึ้นมาได
เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือและกดฝามือลงไป ลวดลายที่ซับซอนก็เปลงแสงขึ้นมาบน
ชั้นหนังสือ ทำใหอายฮุยตาพราเลือน ชั่วขณะตอมาก็เกิดจุดแสงที่มีสีแตกตางกันลอย
ลองอยูทั่วชั้นหนังสือโดยแตละลูกนั้นมีขนาดราวกำมือ
ครูใหญควาลูกแสงที่ดูราวกับกลุมหมอกดำมืด กลุมกอนไอน้ำสีดำในมือของเขามี
จุดแสงเล็กๆ ที่สะดุดตาอยางยิ่ง อายฮุยตระหนักไดทันทีวาลูกแสงแตละลูกนั้นบรรจุ
ไวดวยเคล็ดวิชา
เขาจองมองไปยังกลุมหมอกสีดำมืด หรือวานั่นจะเปน [เปยโตว] แลวจะใชของสิ่ง
นี้อยางไร
เนื่องจากไมเคยเห็นของเชนนี้มากอนอายฮุยจึงเต็มไปดวยความสงสัยและความ
คาดหวัง อายฮุยคิดวาตัวเองนั้นเปนเพียงแคเด็กบานนอกที่ไมรูเรื่องรูราวอะไรมากนัก
ครูใหญสังเกตเห็นทาทางกังวลสงสัยของอายฮุยแลวก็หัวเราะออกมา เขายอนคิด
ไปถึงตัวเองสมัยยังเยาว เมื่อครั้งที่เขาไดเห็นอุปกรณถายทอดเคล็ดวิชาเปนครั้งแรก
ความรูสึกคิดถึงที่ถูกกระตุนโดยความทรงจำเหลานี้ดูเหมือนจะชวยทำใหจิตใจของเขา
ปลอดโปรงขึ้นมาเล็กนอย
“วางมือของเจาลงไปบนมัน” ครูใหญบอก
อายฮุยวางมือของเขาลงไปบนกลุมหมอกในมือของครูใหญอยางระมัดระวัง
“โคจรพลังธาตุในรางของเจา” ครูใหญกลาวตอ
อายฮุยโคจรพลังธาตุของเขาอยางระมัดระวัง แสงสวางเจิดจาฉายขึ้นตรงหนา
เขารูสึกเหมือนกับวาถูกดึงเขาไปในอวกาศอันเวิ้งวาง ที่เต็มไปดวยกลุมดาวสองแสง
อยูรอบกายอายฮุย
ทองฟาที่เต็มไปดวยดวงดาวก็เริ่มหมุนวนในทันที
ทองฟาที่เต็มไปดวยดาวหมุนวนจนกลายเปนวงแหวนแหงแสงและดึงอายฮุยเขา
ไปขางใน ไมทราบวาเวลาผานไปนานเทาไร ดวงดาวเจ็ดดวงปรากฏออกมาจากวง
แหวนแหงแสง เรียงกันเปนรูปกระบวย กระบวยนั้นหมุนวนและขยายออกตอหนาตอ
ตาของอายฮุยราวกับวามันกำลังบินเขามาหาเขา
เวลาผานไปครูหนึ่งกอนที่อายฮุยจะตื่นขึ้นจากสภาพเหมอลอยดวยการสะดุง
อยางรุนแรง
“รูสึกเปนอยางไรบาง” ครูใหญถามพลางยิ้มให
อายฮุยตอบไปอยางลังเล “อธิบายไดไมงายนัก มันใหความรูสึกเหมือนกับวาขา
ไดเรียนรูอะไรบางอยาง แตไมอาจพูดไดอยางมั่นใจ ครูใหญ นี่คือ [เปยโตว] อยางนั้น
หรือ”
“ใชอยางแนนอน” ครูใหญตอบและพยักหนาเปนการยืนยัน “นี่ไมใชแค [เปยโตว]
ธรรมดาหากแตเปน [เปยโตว] ตนฉบับ”
“ที่วา ‘ตนฉบับ’ นี้ ทานหมายความวาอยางไร” อายฮุยรูสึกสับสน
ครูใหญอธิบายอยางอดทน “[เปยโตว] ตนฉบับนั้นคือตนกำเนิดดั้งเดิมของเคล็ด
วิชานี้ ตามระเบียบของโรงเรียนแลว เคล็ดวิชาและทักษะตางๆ ที่มอบใหกับนักเรียน
นั้นจะเปนตัวสำเนา รายละเอียดในเคล็ดวิชาตนฉบับนั้นจะมีประสบการณและการ
ตระหนักรูของผูคิดคนวิชาบรรจุอยูดวยทำใหมันมีมูลคาอยางยิ่ง เจาจะไดเรียนรูในไม
ชาวายิ่งมีการทำซ้ำหลายรอบเทาไร ก็ยิ่งมีขอมูลที่สูญหายไปจากตนฉบับมากขึ้น
เทานั้น อุปกรณถายทอดเคล็ดวิชาที่ขายกันอยูในทองตลาดนั้นโดยมากเปนตัวสำเนา
ที่ออนดอยอยางมาก ดังนั้นแลวเจาคิดวาตัวเองมีขอเสนอที่ดีหรือไม”
ครูใหญรูสึกหรรษาที่ไดเห็นใบหนาประหลาดใจของอายฮุย
“แนนอน” อายฮุยตอบกลับไปและพยายามทำสีหนาทาทางใหเปนปกติ เขามอง
ไปยังครูใหญและพูดตอดวยเสียงออย “แตทำไมขาถึงไดรูกังวล ขารูวาไมมีอะไรไดมา
โดยไมมีสิ่งแลกเปลี่ยน…”
“เจาไมแมแตจะอ้ำอึ้งหลังจากเจอกับเรื่องประหลาดใจขนาดนี้ ดวยจิตใจที่มั่นคง
ถึงเพียงนี้นับวาตาเฒาหวังนั้นรับลูกศิษยที่ดีคนหนึ่งจริงๆ” ครูใหญยังคงยิ้มแยมใน
ขณะที่กลาวตอไป “ตอไปนี้ขาจะพูดถึงอีกเรื่อง”
หลังจากที่อายฮุยคิดถึงสถานการณนี้อยางจริงจัง เขาก็ตระหนักไดวาจะตองทำ
อะไรบางอยางที่สมควรเพื่อแลกกับรางวัลนี้ ดวยความสามารถในปจจุบันอายฮุยยอม
มีไม มากพอที่จะแกป ญ หาใหญอ ะไรให กั บ ครู ใหญ ได เขาคงทำได อยา งมากก็แค
ชวยเหลือในเรื่องเล็กๆ นอยๆ
ครูใหญหยุดไปครูหนึ่งกอนที่จะกลาววา “เจาจะตองใหความรวมมือกับซือเสวี่ยมั่น
และคนอื่นๆ นับจากนี้ไป ซือเสวี่ยมั่น ซังจื่อจวิน และเจาจะทำงานรวมกัน ขาเชื่อวา
พวกเจาทั้งสามคนคงคุนเคยกันดีแลว กลุมของพวกเจาทั้งสามคนนั้นจัดวาเปนกลุมที่
มีความแข็งแกรงมากกวากลุมอื่นและจะไดรับมอบหมายใหทำภารกิจมากมาย”
อายฮุยรอสวนตอไปโดยไมพูดอะไรออกมา
“เจามีประสบการณการตอสูมากกวาคนอื่นมากมายนัก ขาไดดูแฟมประวัติของ
เจาแลวและรูวาเจาเคยอยูในแดนรางมานานถึงสามป ไมใชเรื่องงายเลยที่แรงงานจะ
สามารถรอดชีวิตอยูไดในแดนราง ขาสามารถกลาวไดวาเจานั้นมีประสบการณในการ
ตอสูมากที่สุดในโรงเรียนแหงนี้ ซือเสวี่ยมั่นนั้นเปนผูนำของอีกกลุมหนึ่งซึ่งขาไม
อาจจะควบคุมได เจาจะเปนหัวหนาของอีกกลุมซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของนักเรียน
ที่มีความโดดเดนจากการคัดสรรดวยตัวของขาเอง ตวนมูหวงฮุนจะเปนรองหัวหนา
กลุมใหกับเจา ทั้งสองกลุมจะทำงานรวมกันเปนหนึ่งเดียว”
อายฮุยยังคงเงียบตอไป
“สมมุติ… ขาเพียงแตสมมุติวาถาสถานการณตกอยูในภาวะอันตรายอยางยิ่งยวด
ขาหวังวาเจาจะชวยรับประกันความปลอดภัยของซือเสวี่ยมั่นและตวนมูหวงฮุน เจา
เขาใจความหมายของขาหรือไม” ครูใหญกลาวอยางจริงจังและจองมองไปยังอายฮุย
อายฮุยไมไดหลบตาครูใหญและตอบกลับไปอยางเยือกเย็น “ทานตองการจะ
บอกวาสามารถสละคนอื่นไดตราบใดที่ซือเสวี่ยมั่นและตวนมูหวงฮุนสามารถรอดชีวิต
เชนนั้นใชหรือไม”
“ถูกตองแลว” ครูใหญยืนยัน อายฮุยสามารถพูดในสิ่งที่เขาตองการไดอยา ง
ถู ก ต อ ง เผยให เ ห็ น ถึ ง ความสามารถในการทำความเข า ใจเป น อย า งดี “บางที
สถานการณอาจจะไมเลวรายไปจนถึงขั้นนั้น พวกเราจะเปนเมืองแรกที่ไดรับการ
ชวยเหลือจากกำลังเสริมอยางแนนอนดังนั้นกำลังเสริมจะมารวมกับเราในไมชา”
“เปนเพราะสองคนนั้นสินะ” อายฮุยถาม
“ใชแลว” ครูใหญตอบพลางพยักหนา “ชีวิตมักไมยุติธรรมแบบนี้แหละ ชีวิตของ
คนบางคนนั้นมีคามากกวาผูอื่น ถึงแมวาเรื่องเชนนี้ไมควรจะพูดออกมา แตความจริง
อยางไรก็คือความจริง หากมีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองคนแลวกำลังเสริมรูเขา พวกเราทุก
คนในเมืองนี้คงย่ำแยเปนแน
ประสบการณอันมากมายและความเปนผูใหญรวมทั้งเพลงกระบี่ที่โดดเดนนั้นแสดงให
เห็นถึงศักยภาพของเจา แมวามันอาจจะไมจำเปนก็ตาม แตขาก็ยังตองการที่จะวาง
เดิมพันไวกับเจา ไมแนวาเจาอาจจะสรางความประหลาดใจที่นายินดีใหกับขาก็ได”
“ขายอมรับภารกิจนี้”
อายฮุยตอบรับอยางตรงไปตรงมาจนทำใหครูใหญสะดุง มันทำใหคำพูดที่เขา
เตรียมมาอยางดีเพื่อจะใชเกลี้ยกลอมกลับกลายเปนไรคา
ครูใหญรูสึกดีใจที่เขาเลือกใชคนไดถูกตอง
“อยางไรก็ตามขามีเงื่อนไขสองขอ”
ครูใหญตอ งสะดุ งกับ ความกล า ของอ า ยฮุ ย อี ก ครั ้ งหนึ ่ ง ความประหลาดใจ
กลายเปนความชื่นชมเมื่อเขาตอบวา “ลองบอกออกมา หากวาขาสามารถทำได”
“อยางแรก ในฐานะผูนำ ขาตองการที่จะเลือกสมาชิกคนอื่นดวยตัวเอง ทุกคนใน
กลุมของขาจะตองเชื่อฟงคำสั่งอยางไมมีเงื่อนไขแมแตตวนมูหวงฮุน”
“เรื่องนี้ขาเห็นดวย” ครูใหญตอบอยางรวดเร็ว
“เรื่องที่สอง ขาตองการพื้นที่สำหรับผูอพยพกลุมแรกเมื่อกำลังเสริมมาถึง”
ครูใหญตกตะลึง เขาพิจารณาชายหนุมที่ยืนอยูตรงหนาของตนเองอีกครั้ง
นัยนตาสีเขมที่กระจางใสและสงบนิ่งของอายฮุยนั้นดูลึกล้ำราวกับมหาสมุทร
หลังจากลังเลอยูครูหนึ่งครูใหญก็ถามวา “เจาตองการกี่ที่”
“ตัวขา อาจารยของขาหวังโสวชวน หันอวี้ฉินภรรยาของเขา ศิษยพี่หมิ งซิ่ ว
เพื่อนรักของขาเฉียนไต แลวก็ตุกตาทรายของขาโหลวหลาน”
ผูใหญถอนหายใจออกมาอยางโลงอก “เจาไมจำเปนตองกังวลเกี่ยวกับคนทั้งสาม
จากโรงเย็บปกอวี้เพราะพวกเขาอยูในรายชื่ออพยพกลุมแรกอยูแลว ตัวเจาเองก็ไมใช
ปญหาเชนกัน ดังนั้นจึงหมายความวาเจาตองการที่เพิ่มอีกสองที่เทานั้น ตกลงเจาได
ตามที่ขอ”
อายฮุยตอบรับพรอมกับหายใจออกมาอยางโลงอก “ตกลง”
ทั้งสองคนยืนจองตากันและสงยิ้มออกมา
บทที่ 154 รวบรวมสมาชิก
“ครูใหญขาไดยินเสียงสัญญาณเตือนกอนหนานี้ มีอะไรเกิดขึ้นเชนนั้นหรือ” อายฮุย
ถือโอกาสถาม
ครูใหญดูไมสบายใจขึ้นมาในทันที ทวาเขาก็ยังรักษาทาทีเอาไวไดและตอบกลับ
พรอมกับรอยยิ้มเพื่อสรางความมั่นใจ “ไมมีอะไรมากนักหรอก คนเฝาระวังของเราตื่น
ตระหนกจนเกินไป เมื่อเห็นสัตวโลหิตสองสามตัวเขาใกลแนวปองกัน พวกเขาก็เลยสง
สัญญาณเตือน”
ฟงจากน้ำเสียงของครูใหญ อายฮุยสามารถสัมผัสไดวาเขาไมพอใจกับผูใชพ ลัง
ธาตุของเมือง เขารูสึกเสียใจที่ปลอยใหครูฝกจากกลุมผูมีพรสวรรคจากไป เขาคงจะ
ยืนกรานใหหลี่เหวยอยูตอถาเขารูวาภัยพิบัติโลหิตจะแพรกระจายมาถึงเมืองซงเจียน
เมื่อเทียบกับทหารเกาที่เคยประจำการเมื่อสิบปกอน ยอดฝมือจากหนวยทหาร
ราบในปจจุบันยอมพึ่งพาไดมากกวา
อายฮุยรูสึกโลงใจขึ้นมาเล็กนอย
ครูใหญไมไดพ ูดอะไรมากนักนอกเหนื อจากบอกให เขาไปรั บรางวั ลจากที่วา
การเมืองและเลือกทีมใหเร็วที่สุดเทาที่จะทำได กลุมของซือเสวี่ยมั่นจะรวมเขากับกลุม
ของเขาในทันที ครูใหญมีเรื่องราวอีกมากมายใหตองดูแลเขาจึงไมคิดที่จะใชเวลากับ
อายฮุยมากนักเพราะมันเปนแคแผนสำรองเทานั้น หวังเจินตางหากที่เปนความหวัง
อยางแทจริง
ครูใหญไมเคยคิดมากอนวาเขาจะฝากความหวังไวกับนักเรียนมากถึงเพียงนี้ ยิ่ง
ไปกวานั้นนี่เพิ่งเปนครั้งแรกที่เขาไดพบกับอายฮุย
บางทีหลายปหลังจากนี้เขาอาจจะมองยอนกลับมาและจำไดวาตัวเองนั ้ นตื่ น
ตระหนกและสิ้นหวังเพียงไหน เหมือนกับคนที่กำลังจมน้ำพยายามไขวควาสิ่งยึด
เหนี่ยว ถึงกระนั้นเขาก็ไมอาจปฏิเสธไดวาอายฮุยนั้นแตกตางไปจากนักเรียนคนอื่นที่
เขาเคยพบมา
เด็กหนุมผูนี้ไมไดมีความแข็งแกรงที่โดดเดนแตก็มีรัศมีพลังบางอยางแผออกมา
จากตัวเขา ดวงตาของเขานั้นสงบนิ่งราวกับทะเลลึก รูจักยับยั้งชั่งใจและไมกาวราว มี
ความเปนผูใหญและเต็มไปดวยประสบการณซึ่งปกติแลวจะพบไดแตในชายชาตรีท่มี ี
ประสบการณอยางโชกโชนเทานั้น ยากนักที่จะเชื่อมโยงคุณลักษณะเหลานี้เขากับเด็ก
หนุมอายุสิบหกปผูหนึ่ง
ในยามที่จริงจังเขาก็กลายเปนแหลมคมเหมือนดั่งคมมีด
โดยทั่วไปแลวกลาวไดวา เขามีสงาราศีทีเดียว
อายฮุยกลาวอำลาครูใหญและเดินออกจากโรงเรียนซงเจียน
เพื่อปองกันการแพรระบาดของพิษโลหิต ตนไมในสวนของโรงเรียนจึงถูกตัดทิ้ง
ตนไมที่อายุนับรอยปก็ไมละเวนเชนกัน รากไมถูกทำลายจนสิ้นเพื่อความปลอดภัย
ภาพแหงความสุขสนุกสนานใตตนไมใหญเหลานั้นกลายเปนความทรงจำที่หางไกลไป
เสียแลว โรงเรียนที่เคยเต็มไปดวยตนไมเขียวชอุมบัดนี้กลายเปนเตียนโลงราวกับ
สนามรบไรซึ่งวี่แววแหงชีวิต
ใบหนาออนเยาวของพวกนักเรียนแฝงไวดวยสัญญาณของความตื่น ตระหนก
ดวงตาเต็มไปดวยความหวาดกลัวและสับสน ครูหลายคนไดทำการประกาศในขณะที่
บินอยูบนทองฟาเหนือโรงเรียน ใชพลังธาตุเพื่อสงเสียงใหดังไปทั่วทั้งโรงเรียน เปน
การประกาศใหทราบถึงการตัดสินใจของผูบริหารที่จะสอนทักษะบางอยางซึ่งหากเปน
ในอดีตนั้นจะสอนใหกับคนที่มีผลงานเปนพิเศษเทานั้น อาจารยกลุมหนึ่งทำหนาที่
สอนทักษะเหลานี้โดยหวังวามันจะชวยใหนักเรียนสามารถตอสูกับพิษโลหิตได
ดูเหมือนวาสิ่งตางๆ กำลังแยลง
อารมณของอายฮุยนั้นตกต่ำอยางมาก เมืองซงเจียนนั้นเปนสถานที่ซึ่งปลอดภัย
และสงบสุขที่สุดเทาที่เขารูจักมา เปนสถานที่ซึ่งเต็มไปดวยแสงแดด ความฝนและ
ชีวิตชีวา ซึ่งแตกตางอยางสิ้นเชิงกับสิ่งที่เขาไดพบเจอมาในอดีต ที่นี่ไมมีการเขนฆา ไม
มีค่ำคืนอันหนาวเหน็บ และไมจำเปนตองระวังตัวตลอดเวลา เขาจำไดวาเขาเคย
ปรารถนาที่จะอยูในเมืองซงเจียนตลอดไปมากเพียงไร
มันคือโลกที่เขาเฝาฝนถึง
หรือวานี่คือเวลาที่ตองตื่นจากฝน
อายฮุยรูสึกเศราเปนอยางยิ่ง
“ศิษยขา!”
อาจารยหวังหอบหายใจอยางรุนแรงในตอนที่เสียงของเขาดึงอายฮุยออกมาจาก
ภาวะอารมณเศราโศก ความโศกเศราที่เขาประสบอยูเมื่อครูนี้ถูกเก็บงำลึกลงไปอยาง
รวดเร็ว อายฮุยเงยหนาขึ้นและรองออกไปอยางตกใจ “อาจารย!”
“ในที่สุดขาก็หาเจาพบ” หวังโสวชวนกลาวพลางพยายามหายใจใหทัน ตัวเขา
เปย กชุมไปดวยเหงื่อ “ทุก คนลวนเป น ห วงเจ าตอนได ยิ นเสี ยงสัญ ญาณเตือนภัย
สถานการณดูเหมือนจะไมดีนัก ภัยพิบัติโลหิตกลายเปนเชนนี้ไดอยางไร มันเลวรายลง
ถึงเพียงนี้จริงหรือ”
หวังโสวชวนมองไปรอบๆ ในยามที่พูด ดวงตาเต็มไปดวยอารมณความรูสึก เขา
เปนอาจารยในโรงเรียนซงเจียนมาเปนเวลายี่สิบป และมีความรูสึกที่หยั่งรากลึกกับ
โรงเรี ย นแห ง นี ้ ไม ย ากนั ก ที ่จ ะจิ นตนาการได ว า ภาพความแห งแล ง นี ้ท ำให เขา
ทอดอาลัยเพียงไหน
เขาพยายามสะกดความรูสึกเจ็บปวดใจอยางเต็มที่และพูดกับอายฮุย “ตามขาไป
ที่โรงเย็บปก เราจะฝาพายุนี้ไปดวยกันกับอาจารยหญิงของเจา เมื่อมีนางอยูดวยยอม
ไมมีทางเกิดเรื่องรายขึ้นไดอยางแนนอน! แมลงโลหิตพวกนี้สูพื้นรองเทาของนางไมได
ดวยซ้ำ”
หวังโสวชวนกลาวถึงคูชีวิตของเขาอยางสูงสง บรรยายราวกับวานางเปนแมทัพผู
ยิ่งใหญที่สามารถสยบทุกอุปสรรคไดอยางงายดาย
อายฮุยไมไดบอกขอตกลงที่เขาทำกับครูใหญเอาไว เพียงแตสายหนาและตอบ
กลับไปวา “ลูกศิษยของทานตองการชวยเหลือในการตอสู กับภัยพิบัตินี ้เทาที ่ จ ะ
สามารถทำได เมื่อเผชิญหนากับภัยพิบัติเราควรจะรับมืออยางมีสติมิใชหรือ การที่
สามารถหนีออกจากสวนแหงชีวิตมาไดทำใหขามีความเขาใจเกี่ยวกับภัยพิบัติโลหิตนี้
ดีกวาผูคนสวนใหญ ไมตองกังวลทานอาจารย ขาจะรีบกลับไปที่โรงเย็บปกทันทีหาก
สถานการณเกินกวาจะรับมือได”
ความแนวแนในดวงตาของอายฮุยทำใหหวังโสวชวนรูสึกปวดหัวอยางยิ่ง ศิษย
ของเขาผูนี้นั้นมีความยอดเยี่ยมในหลายทางแตก็เปนคนที่ดื้อดึงยิ่งนัก ไมมีใครเปลี่ยน
ความคิดของเขาไดหากเขาไดตัดสินใจไปแลว
ยิ่งไปกวานั้นวิธีคิดของศิษยผูนี้ก็ไมไดผิดแมแตนอย การแสดงความรับผิดชอบ
แทนที่จะหลบหนีในชวงเวลาเชนนี้นั้นนับเปนคุณสมบัติที่มีคาอยางยิ่ง หวังโสวชวน
รูสึกขัดแยงกันในใจ เขาไมตองการใหลูกศิษยของตนเปนคนขี้ขลาด แตก็เปนหวง
ความปลอดภัยของอายฮุยเชนกัน เขาคิดอยูครูหนึ่งกอนที่จะถามขึ้น “เจามีแผนจะทำ
อยางไร”
“ผูบริหารตองการที่จะสรางกลุมนักเรียนหัวกะทิขึ้นมาโดยมีขาเปนผูนำ ตวนมูหวงฮุน
ก็เปนสวนหนึ่งของกลุมนี้ดวย เราจะทำงานรวมกับกลุมของซือเสวี่ยมั่น” อายฮุย
กลาวตอ “ขายังไดเรียนรู [เปยโตว] ตนฉบับ และจำเปนตองทำการศึกษาเคล็ดวิชานี้
เชนกัน”
“ครูใหญมอบ [เปยโตว] ตนฉบับใหกับเจาหรือ” หวังโสวชวนถามอยางไมเชื่อหู
ตัวเอง “เขาบาไปแลวหรือไร”
ตองใชเวลาถึงสิบวินาทีกวาหวังโสวชวนจะกลับคืนสูทาทีปกติได ความไมพอใจ
ของเขานั้นแสดงออกมาอยางเดนชัดดวยรอยยนที่หนาผาก “การกระทำของครูใหญ
แสดงใหเห็นวาเขาไดละทิ้งแผนสำรองจนหมดสิ้น นั่นหมายความวาสถานการณนั้น
เลวรายกวาที่ขาจินตนาการไวเสียอีก เจาตองระมัดระวังตัวไวและรีบหนีมาที่โรงเย็บ
ปกทันทีที่เห็นวี่แวววาจะเกิดปญหา เขาใจไหม ขาตองกลับไปเตรียมการรวมกั บ
อาจารยหญิงของเจา ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นแลว ขาจะไมแปลกใจเลยหากโรงเย็บปกจะถูก
เกณฑแรงงานใหเขารวมตอสูดวยเชนกัน”
อาจารยของเขาจากไปดวยหัวใจที่หนักอึ้ง ถึงกระนั้นการไดยินชื่อตวนมูหวงฮุน
และซื อ เสวี ่ ย มั่ นก็ ช ว ยใจเขาเบาใจลงมาเล็ ก นอ ย เพราะเขารู  ว า ครู ใ หญ นั ้ นให
ความสำคัญกับคนทั้งสองมากเพียงใด
อายฮุยออกไปหาตวนมูหวงฮุนโดยไมชักชาอีกตอไป
ไมมีเวลาใหมาคิดถึงความขัดแยงในอดีต
ตวนมูหวงฮุนยังรูสึกอับอายเล็กนอยเมื่อไดเห็นอายฮุย โดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อเขา
ตองกลายไปเปนรองหัวหนาใหกับอายฮุย หากผูใดพูดอะไรเชนนี้กอนที่จะเกิดภัยพิบตั ิ
เขาตองคิดวาคนผูนั้นเปนบาไปแลวอยางแนนอน ทวาในตอนนี้เขารูดีวาอายฮุยนั้นมี
ความเหมาะสมกับตำแหนงหัวหนากลุมมากกวา อายฮุยมีบทบาทสำคัญอยางยิ่งใน
การหลบหนีจากการเผชิญหนากับสัตวโลหิตทั้งสองครั้งที่ผานมา
ถึงแมวาเขาจะไมพอใจเล็กนอย แตตวนมูหวงฮุนก็ยังพูดอยางสงบนิ่งวา “มอบ
รายชื่อใหกับขาแลวขาจะไปรวบรวมสมาชิกให”
อายฮุยจึงเขาประเด็นในทันที “เจา ขา เจาอวน โหลวหลาน เจียงเหวยและหวัง
เสี่ยวซาน พวกเราจะรวมตัวกันที่โรงฝกศาสตราวุธ”
ตวนมูหวงฮุนขมวดคิ้ว เขาคิดไววาอายฮุยจะเลือกนักเรียนที่มีความสามารถโดด
เดนไมใชเลือกมาปะปนกันเชนนี้
เจียงเหวยนั้นพอจะมีความสามารถอยูบางแตหวังเสี่ยวซานซึ่งเปนผูใชพลังธาตุ
ดินที่สรางเนินดินในสวนแหงชีวิตนั้นคอนขางออนแอ เขาไมเคยเห็นความสามารถใน
การตอสูของเจาอวนมากอนแตก็ไมเห็นวาเขาจะมีความโดดเดนอะไรเชนกัน อยาง
นอ ยโหลวหลานก็เปนตัวเลือกที่ดี ความสามารถในการรักษาของเขานั้ น นับเปน
ประโยชนอยางแนนอน
อายฮุยรูวาตวนมูหวงฮุนคิดอะไรอยูจึงไดกลาวเสริมขึ้นในทันที “เมื่ออยูตอหนา
สัตวโลหิตแลว เจาคิดวาจำนวนตำหนักที่เปดไดนั้นมีความหมายอะไร”
ตวนมูหวงฮุนไมรูจะตอบอยางไร มันยอมไมมีความแตกตางอันใดหากพวกเขา
ตองเผชิญหนากับสัตวโลหิตขนาดใหญ
อา ยฮุย มองไปทางตวนมูห วงฮุ น และกล า วว า “พวกเราจะไม ได รั บ ภารกิจที่
อันตราย พวกผูใชพลังธาตุและอาจารยรวมถึงคนจากโรงฝกตางๆ จะเปนคนรับหนาที่
เหลานั้น หากพูดใหชัดเจนพวกเราเปนแคกำลังเสริมที่รับมือกับสิ่งที่เล็กนอยกวา
อยางเชนแมลงโลหิต ยิ่งไปกวานั้นพวกเราจะทำงานรวมกับกลุมของซือเสวี่ยมั่น พวก
เขาจะเปนคนที่เผชิญหนากับสัตวโลหิตที่แข็งแกรง ดังนั้นความเชื่อใจจึงสำคัญกวา
ความสามารถในการตอสูสำหรับกลุมของเรา”
ตวนมูหวงฮุนรูสึก ไมคอยสบายใจนัก ที่ไดยิ นวาตำแหน งของเขานั ้น ไมค  อ ยมี
ความสำคัญ สำหรับผูมีพรสวรรคแลวการถูกมองขามเชนนี้ถือเปนเรื่องที่ทนรับไดยาก
แมกระนั้นเขาก็รูวาอายฮุยเพียงแคพูดขอเท็จจริงออกมาและสิ่งที่เขาพูดก็สม
เหตุผล
“หากเจายืนกรานเชนนั้นขาก็ไมคัดคาน” ตวนมูหวงฮุนพูดโดยไมแสดงอารมณ
อะไรออกมา “ขาจะทำหนาที่รองหัวหนาตามที่ไดรับมอบหมาย”
เขาตองใชความพยายามอยางมากในการที่จะเอยคำวา “รองหัวหนา”
ตั้งแตเมื่อไรกันที่พี่หวงฮุนตองเปนผูชวยใหคนอื่น
ตั้งแตเมื่อไรกันที่พี่หวงฮุนถูกผูอื่นดูหมิ่น
หลังจากที่ตองประสบกับเหตุการณที่รบกวนจิตใจอยางตอเนื่องมาจนถึงตอนนี้ ตวนมู
หวงฮุนก็รูสึกอึดอัดใจเปนอยางยิ่ง เขาไมอาจหาวิธีที่จะระบายความอัดอั้นตันใจนี้ได
เขาอาจเปนคนที่เปยมไปดวยความทระนงภาคภูมิ แตก็ไมใชคนที่จะอาละวาดไป
ทั่ว สิ่งที่เขาตองกัดฟนทนรับเอาไวนั้นเพียงแคชวยกระตุนใหตวนมูหวงฮุนพัฒนา
ตัวเองขึ้น
“ขาจะตองเหนือกวาเจาใหไดในทุกเรื่อง!” ตวนมูหวงฮุนสาบานกับตนเอง
อายฮุยไมไดรับรูถึงคำสาบานของตวนมูหวงฮุนที่เอยอยูในใจ แตก็ใชวาเขาจะให
ความสำคัญอะไรตอใหรูก็ตาม เขามองตาของตวนมูหวงฮุนและกลาววา “เริ่มไดเลย”
ตวนมูหวงฮุนออกไปหาเจียงเหวยและหวังเสี่ยวซานในขณะที่อายฮุยมุงหนาไปที่
รานของผูจัดการหลี่
อายฮุยตกตะลึงเมื่อไดเห็นผูจัดการหลี่ เขาถามออกไปวา “เกิดอะไรขึ้นกับเจา
ตาเฒาหลี่”
ผมของผูจัดการหลี่เปลี่ยนเปนสีขาวลวนจนหมดหัวราวกับวาเขาแกขึ้นอยางรวดเร็ว
ผูจัดการหลี่หัวเราะอยางขมขื่นและหลีกเลี่ยงคำถาม “ขากำลังจะไปหาเจาอยู
พอดี เราตองสะสางบัญชีเรื่องเงินคาลูกศรขนกระตายกัน ลูกศรขนกระตายขายดีเปน
อยางยิ่ง และขาก็ไมอาจจะทำไดเพียงพอตอความตองการซื้อ นี่คือเงินยี่สิบลาน เก็บ
ไวใหดี หากไมมีอะไรเกิดขึ้นในอีกสิบวันขางหนา เจาก็มารับสวนแบงอีกครั้งหนึ่ง”
อายฮุยเก็บเงิน แตนาแปลกที่เขาไมรูสึกยินดีอะไรเมื่อไดรับมันมา
“ตาเฒาหลี่ ยังมีลูกศรขนกระตายเหลืออยูในรานบางหรือไม ชวยเก็บของชุด
ตอไปสักสวนหนึ่งไวใหขาดวย”
ผูจัดการหลี่ตอบตกลงอยางยินดี “ไมมีปญหา”
อายฮุยถามตอไป “ยังมีโลหนักอยูในรานบางหรือไม”
“โลหนักหรือ” ผูจัดการหลี่ตอบรับดวยการพยักหนา “อาวุธเกือบทั้งหมดถูก
เวนคืนไปโดยที่วาการเมือง ทั้งหมดที่ขามีเหลืออยูในตอนนี้ก็คือพวกยุทโธปกรณหนัก
มือสองที่อยูมาเปนเวลาหลายปแลว ขาไมอาจจะขายมันออกไปไดเพราะมันหนัก
เกินไป ลองเขามาดูสิเจาจะเอาอะไรไปก็ไดตามตองการ มันไมคอยมีคาอะไรอยูแลว”
อายฮุยเดินตามผูจัดการหลี่เขาไปในโกดังเก็บของซึ่งมียุทโธปกรณหนักมือสองขึ้น
สนิมกองอยูมากมาย อายฮุยเลือกโลไมเหล็กที่มีน้ำหนักมากกวาสามรอยหา สิบจิน
เขาปดฝุนและขัดสนิมออก เผยใหเห็นโลที่มีความมั่นคงราวกับกำแพง มันแข็งแกรง
อยางมากนับเปนการคนพบที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
อายฮุยกลาวขอบคุณผูจัดการหลี่กอนจะแบกโลไมเหล็กไวบนหลังและเดินทาง
กลับไปยังโรงฝก
กระบี่ เ พลิ ง สั น หลั ง มั ง กรที ่ เ ขาพกติ ด ตั ว นั ้ น มี น ้ ำ หนั ก สองร อ ยยี ่ ส ิ บ จิ น
นอกเหนือจากนั้นเขายังแบกโลไมเหล็กที่มีน้ำหนักมากกวาซึ่งหนักประมาณหนึ่งสาม
รอยหาสิบจิน ทำใหมีน้ำหนักรวมกวาหารอยเจ็ดสิบจิน การแบกน้ำหนักมากถึงขนาด
นี้ทำใหอายฮุยรูสึกเหนื่อย นึกเห็นภาพวันที่ทำงานเปนแรงงานอยูในแดนรางพรอมกับ
หอบหายใจอยางหนัก
หลังจากใชความพยายามไปมากในที่สุดเขาก็สามารถแบกโลหนักกลับมาถึงโรง
ฝกได เมื่อเขากาวเขาไปก็ไดยินเสียงราเริงของโหลวหลาน “อายฮุยกลับมาแลว!”
กอนที่อายฮุยจะวางโลลง เขาก็ไดยินเสียงเจาอวนตะโกนอยางตื่นเตนวา “เขามา
ดูนี่เร็ว!”
บทที่ 155 ตนขาวสาร
เขามาดูนี่เร็ว
อายฮุยวางโลลงแลวถามวา “เจาฝกเสร็จแลวหรือ”
เจาอวนตอบกลับอยางอืดอาดวา “เคยมีใครฝกเสร็จแลวดวยหรือ มานี่เร็ว มี
ใบไมบ นตนขา วสารสอ งแสงเรือ งรอง มี คนส งข อ ความมา โอ โ ฮ ช า งเป นความ
เจริญกาวหนาอยางแทจริง ขาตื่นเตนมากเลยที่ไดเห็นความเจริญกาวหนาเชนนี้ เจา
ตองเขาใจวานี่เปนครั้งแรกที่เด็กบานนอกอยางขาไดเห็นอะไรเชนนี้”
ตนขาวสารหรือ
อายฮุยนิ่งเงียบไปครูหนึ่ง แลวก็พลันนึกถึงถอยคำไรสาระที่เคยปรากฏบนใบไม
ขึ้นมาได
“ขาไมรูว าใครในหมูพวกเจายังมีชีวิตรอดอยูแตขารูวาไมมีใครสามารถหยุดพวก
มันได พวกมันเตรียมการทุกอยางเสร็จเรียบรอยแลว ทุกอยางจะเปลี่ยนไปภายในหก
สิบวัน ใครจะปกปองอูสิงเทียน”
อายฮุยจดจำขอความนั้นไดชัดเจน เขาพยายามที่จะทำความเขาใจขอความไร
สาระนี้หลายครั้งแตก็ไมสำเร็จ
เขารูสึกวาอีกฝายนั้นผิดปกติและสมควรจะไปหาหมอ คิดวาขอความนั้นเปน
เพียงการกลั่นแกลงและไมไดคิดถึงมันอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้
ทวาหลังจากไดยินเจาอวนพูดถึงตนขาวสารก็ทำใหเขานึกถึงขอความนั้นขึ้นมา
และปรากฏขึ้นอยางเดนชัดในใจของเขาอยูตอนนี้
ทุกอยางจะเปลี่ยนไป...
อายฮุยนึกถึงภัยพิบัติโลหิตขึ้นมาอยางเลี่ยงไมได สามารถกลาวไดวาภัยพิบัตินี้
เพียงพอที่จะกอใหเกิด “การเปลี่ยนแปลงอยางใหญหลวง” ทั้งเมืองซงเจียน และ
สนามเหนี่ยวนำก็ไดเปลี่ยนแปลงไปแลวอยางมากมายไมใชหรือ
เดี๋ยวกอนนะ! ถาหากวาภัยพิบัติโลหิตคือสิ่งที่อีกฝายกลาวถึงละก็...
“ไมมีใครสามารถหยุดพวกมันได” ประโยคนี้เหมือนจะบอกวาภัยพิบัติโลหิตนี้ถูก
สรางขึ้นดวยน้ำมือของคนบางกลุม อายฮุยพนลมออกมาอยางโมโห เขาเองก็เคยคิด
อยูเชนกันวาเรื่องราวอาจเปนเชนนี้
พิษโลหิตนั้นตองการเวลาฟกตัวระยะหนึ่งกอนที่มันจะสามารถเปลี่ยนสภาพได
อยา งสมบูรณ สวนแหงชีว ิต นั ้น เป น ตั ว เลื อ กที ่ ดี อ ย า งไม ต  อ งสงสั ย ไม ม ี ใครจะ
สังเกตเห็นความแตกตางที่เกิดขึ้นในดินแดนที่ถูกลืมและเต็มไปดวยพืชพรรณแปลก
ประหลาดนานับชนิด นอกเหนือจากพวกนักเรียนที่ออกไปทัศนศึกษาแลวก็ไมมีผูใด
อาศัยอยูในสวนแหงชีวิตที่อยูหางไกลออกไป ยิ่งไปกวานั้นยังไมมีอสูรแดนรางที่ทรง
พลังในบริเวณนั้น มีเพียงแคอสูรปาเทานั้น บางทีพิษโลหิตนั้นอาจจะออนแออยางยิ่ง
ในชวงแรก
สวนแหงชีวิตจึงเรียกไดวาเปนสถานอนุบาลชั้นดีสำหรับพิษโลหิต และปลอยใหพิษ
แพรกระจายออกไปอยางตอเนื่องแปรสภาพอสูรปาทั้งหลายใหกลายเปนสัตวโลหิต
กวาจะรูถึงการแพรระบาดของพิษโลหิตก็สายเกินไปเสียแลว ที่เลวรายยิ่งไปกวา
นั้นก็คือสนามเหนี่ยวนำไมมีกองทัพจากสิบสามหนวยประจำอยูในเวลานี้ ทำใหไมอาจ
ที่จะปรับตัวไดเร็วพอในการรับมือการแพรระบาดอยางฉับพลันนี้
เหตุบังเอิญจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ทำใหอายฮุยคิดวาภัยพิบัติโลหิตนี้เปนสิ่งที่
เกิดขึ้นจากการวางแผนมาเปนอยางดี แตเขาก็รีบทิ้งความคิดนั้นไปอยางรวดเร็ ว
เพราะรูสึกวาตัวเองนั้นหวาดระแวงเกินไป ใครจะสรางสิ่งที่นากลัวอยางพิษโลหิต
ขึ้นมากัน พวกเขาจะไดประโยชนอะไรจากมัน อายฮุยไมอาจคิดหาเหตุผลที่ดีไดเลย
แตถาเกิดวาสิ่งที่อีกฝายหนึ่งสื่อถึงคือภัยพิบัติโลหิตเลา
อายฮุยลังเลอยูครูหนึ่ง ขอความประหลาดนั้นวนซ้ำอยูในใจของเขาอยางตอเนื่อง
“ขาไมรูวาใครในหมูพวกเจายังมีชีวิตรอดอยู” แสดงใหเห็นวามีคนอยูกันเปนกลุม
หรือ อาจเปนเพื่อ นๆ ของเขา แตมั น ก็ ดู ไม เป น เช น นั ้ น บางที อ าจเป น กลุ  ม อะไร
บางอยาง “ยังมีชีวิตรอดอยู” แสดงใหเห็นวาคนกลุมนี้หากไมแกมากก็ตองตกอยูใน
สถานการณอันตรายอยางยิ่ง ไมวาจะเปนกรณีใดคนพวกนี้ก็กำลังเผชิญหนากับความ
ตาย
เปนไปไดหรือไมวา “พวกมัน” ในขอความนี้จะหมายถึงผูคนที่อยูเบื้องหลังการ
เกิดภัยพิบัติโลหิต
สิ่งเดียวที่ไมสอดคลอ งก็คือ “หกสิบวัน” ที่กลาวถึงในขอความ อายฮุยออก
เดินทางไปทัศนศึกษาวันถัดจากที่ไดรับขอความและเหตุการณเกี่ยวกับพิษโลหิตก็
เกิดขึ้นไมนานหลังจากนั้น
เพิ่งผานไปเพียงแคสามสิบสองวันนับจากวันที่อายฮุยไดรับขอความประหลาดนั่น
ซึ่งหมายความวาภัยพิบัติโลหิตเริ่มขึ้นหลังจากที่ไดรับขอความแลวยี่สิบแปดวัน
คนสงอาจจะคำนวณเวลาผิดพลาดไป
หรือบางทีเขาอาจจะไมไดพูดถึงภัยพิบัติโลหิต
“ทุ ก อย า งกำลั ง จะเปลี ่ ย นไป” อาจจะหมายถึ ง เหตุ ก ารณ ท ี ่ ส ามารถสร า ง
ผลกระทบครั้งใหญพอที่จะเปลี่ยนแปลงอูสิงเทียนได “ใครจะปกปองอูสิงเทียน” ทำ
ใหคาดเดาไดวาความเปลี่ยนแปลงนี้ไมใชสิ่งที่ดีและนาจะเปนหายนะเสียมากกวา
ประโยคสุด ท า ยนี่ เองที ่ท ำให อ  า ยฮุ ย คิ ดถึ ง ภั ย พิ บ ั ต ิ โ ลหิ ต เขาไม อ าจคิ ดถึ ง
เหตุการณอื่นที่มีความสามารถมากพอจะสรางความเปลี่ยนแปลงอยางใหญหลวง
ใหกับอูสิงเทียนได
แตถาหากมันหมายถึงภัยพิบัติโลหิตจริง ก็ยังมีความขัดแยงเรื่องเวลา
“อายฮุย ทำไมเจาถึงเหมอลอยเชนนั้น” เจาอวนถามดวยความเปนหวงพลางเดิน
เขามาชาๆ “หรือวาไดรับบาดเจ็บที่ศีรษะ หลานหลานไปตรวจอาการของอายฮุยเร็ว”
“ไมมีปญหา!” โหลวหลานตอบดวงตาสองแสงเรืองรอง “สุขภาพของอายฮุยดีเยี่ยม!”
อายฮุยสลัดความคิดฟุงซานทิ้งไป พลางตำหนิตัวเองที่คิดมากไปแถมวิตกกังวล
จนเกินเหตุ
แตเดี๋ยวกอน...
อายฮุยชี้ไปที่โหลวหลานและถามเจาอวนวา “เจาเรียกเขาวาอยางไรนะ”
“หลานหลาน” เจาอวนตอบตามจริง
อายฮุยตัวสั่นขนลุกซู “หลานหลาน? อยามาทำใหขาขนลุกไดหรือไม โหลวหลาน
เปนตุกตาทรายของขา เจาไมควรมาเปลี่ยนชื่อของเขาเลนตามใจ”
เจาอวนถามกลับดวยสีหนาใสซื่อ “แลวถาโหลวโหลวละ”
“แลวทำไมเจาไมชื่อวาไตไตละ” อายฮุยถามกลับไปอยางอดไมได
“โอ เจารูจักชื่อเลนวัยเด็กของขาดวย!” เจาอวนอยูทานออกมาพรอมกับทำตาโต
ดวยความประหลาดใจ “ขาไมเคยบอกใครมากอนเลย!”
อายฮุยไมอยากจะเสียเวลาพูดดวยอีกตอไป เขาชี้ไปที่โลไม เหล็กบนพื้ น “นี่
สำหรับเจา”
เจาอวนมองไปที่โลไมเหล็กบนพื้น มึนงงกับความหนาเทอะทะของมัน “อายฮุย
เจาแนใจนะ ขาควรจะใชสิ่งนี้หรือ อายฮุย ขาจากเจาไปไมกี่เดือนเจาก็ลืมการตอสูอัน
พลิ้วไหวงดงามของขาเสียแลวหรือ”
“พลิ้วไหวงดงาม? ขาวาเจานาจะหมายถึงหดหัวหดหางมากกวา” อายฮุยกลาว
เยยหยันและพูดตอโดยไมเปดโอกาสใหเจาอวนไดโตแยง “ขาตองการใครสักคนทำ
หนาที่ถือโล และขาคิดวาเจาเปนคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำเรื่องนี้ เราไมควรปลอย
ใหกลามเนื้อพวกนั้นสูญเปลา”
เจาอวนตอบอยางหวาดหวั่น “นี่ไขมันทั้งนั้น…”
อายฮุยรีบขัดอยางรวดเร็ว “เจาจะทำหรือเปลา ถาไมทำก็รีบคืนเงินขามา!”
เจาอวนคุกเขาออนวอน “อายฮุยพวกเราเปนเพื่อนกันมาตั้งหลายป…”
“เจาก็ยังตองคืนเงินอยูดี!” อายฮุยพูดอยางเด็ดขาด “ถาเจาคืนเงินไมไดก็ตอง
ทำงานเปนคนถือโลใหขา เจาจะไดกินบะหมี่และเนื้อจนอิ่มหนำ ทั้งยังสามารถเลนกับ
โหลวหลานไดอีกดวย”
โหลวหลานแปลงรางเปนตัวอักษร “มาเลนกัน” ลอยไปรอบๆ
“โหลวหลานเปนเด็กดี” อายฮุยพูดพรอมกับสงรอยยิ้มอบอุนราวฤดูใบไมผลิให
โหลวหลาน แตเปลี่ยนสีหนาเปนเย็นเยือกยิ่งกวาฤดูหนาวทันทีที่หันมามองหนาเจา
อวน “เจาเคยทำเชนนี้มากอน ไดเวลารื้อฟนขึ้นมาอีกครั้งแลว” เขาสั่ง
เจาอวนกมหนาเดินโซเซไปยังโลไมเหล็ก ตีหนาเศราจนเกินเหตุราวกับอยูในงานศพ
อายฮุยไมสนใจทาทีของเขาและออกคำสั่ง “โหลวหลานคอยดูใหแนใจวาเขายก
โลครบสามรอยรอบ หามเขากินมื้อค่ำหากขาดแมเพียงครั้งเดียว”
“เจาคนแซอาย!” เจาอวนกัดฟนตะโกนออกมา เปลี่ยนทาทีจากสิ้นหวังเปนคลั่ง
แคนราวกับหมีตัวหนึ่ง
“ไมมีปญหา! โหลวหลานจะนับไมใหพลาดแมแตครั้งเดียว!” โหลวหลานพูดอยาง
ยินดี เห็นไดชัดวาตื่นเตนที่ไดชวยอายฮุย
โหลวหลานเปลี่ยนรางเปนเลขศูนยสามตัวดวยเสียงดังสนั่นและเริ่มทำการนับ
เมื ่ อ ได เ ห็ นรู ป ลัก ษณใ หม ข องโหลวหลาน สี ห น า ของเจ า อ ว นก็ เ ปลี ่ย นเป น
หวาดกลัว กระซิบดวยน้ำเสียงประจบประแจง “หลานหลาน คิดถึงเรื่องสนุกที่พวก
เราเพิ่งทำรวมกันกอนหนานี้สิ พวกเราเปนมิตรที่ดีตอกันไม ใชหรือ มิตรที่ดียอ ม
ชวยเหลือกัน ชวยนับเพิ่มใหขาหนอยแลวเราจะไดมีเวลาเลนดวยกันมากขึ้น”
ทันใดนั้นเจาอวนก็ไดเห็นตัวเลขทรายเหลานั้นเปลี่ยนไปอยางรวดเร็วทำใหเขายิ้ม
กวางออกมาอยางดี
ปง!
ตัวเลขทั้งหมดเปลี่ยนกลับไปเปนศูนยอีกครั้งหนึ่ง
เจาอวนตกตะลึง
“เพิ่มขึ้นอีกรอยรอบ! รวมเปนทั้งหมดสี่รอยรอบ! ขาดแมแตครั้งเดียวไมตองกินขาว!”
เสียงของอายฮุยดังขึ้นมาจากดานหลัง เจาอวนตัวสั่นเมื่อโหลวหลานเปลี่ยนตัว
เลขเปน “400” ราวกับวาเขากลัวเจาอวนจะเห็นไมชัด โหลวหลานเพิ่มขนาดของ
ตัวเลขและเคลื่อนมาตรงหนาของเขากอนที่ตัวเลขจะกลับไปเปน “000” อีกครั้ง
“พวกเจาอยูขางเดียวกัน… สมรูรวมคิด”
เจาอวนสบถออกมาขณะที่ยกโลขึ้นลง
อายฮุยเหลือบมองไปทางเจาอวนและยิ้มออกมา เขารูดีวาเพื่อนคนนี้ขี้เกียจแค
ไหน เขาไมมีทางยืนหากนั่งไดและก็ไมมีวันยอมนั่งหากนอนได ในชวงเวลาแบบนี้เขา
อาจตายเพราะความขี้เกียจของตัวเอง
ทายที่สุดแลวมนุษยทุกคนยอมตายอยูดี
คงไมมีใครสนใจหากเจาอวนจะตายอยางเงียบๆ อยูที่ไหนสักแหง แตนับเปนโชค
ของเขาที่บังเอิญมาพบกับอายฮุย
อายฮุยมีลางสังหรณวาภัยพิบัติโลหิตเพิ่งจะเริ่มตนขึ้นเทานั้น สัตวโลหิตนอกเมือง
กำลังแข็งแกรงขึ้นในขณะที่สถานการณภายในเมืองซงเจียนกำลังแยลง เมื่อไมมีสิบ
สามหนวยอยูดวย ก็เหลือเพียงแคอาจารย นักเรียนและพวกผูรักษาความปลอดภัย
ของโรงฝกตางๆ เทานั้นที่พอจะพึ่งพาได ซึ่งมันจะเพียงพอที่จะขับไลสัตวรายพวกนั้น
ออกไปไดหรือไมก็ไมรู
อายฮุยไมแนใจนัก แตเขารูวาเมืองซงเจียนไมใชเมืองอันสงบสุขที่เขารูจักอีก
ตอไป แตไดกลายเปนสนามรบไปแลว
ทุกคนตองตอสูกับชะตากรรมของตัวเอง
อายฮุยรูวาเจาอวนนั้นเปนคนขี้ขลาดซึ่งจะหนีในทันทีที่เห็นอันตราย เขาจึงไมได
พูดอะไรมาก หากแตวาพิษโลหิตไดแพรกระจายเขามาในสนามเหนี่ยวนำแลวพวกเขา
จะหนีไปที่ไหนได
ไมมีที่ใหหนีอีกตอไป
อายฮุยมองไปที่ตนขาวสารและเห็นวามีใบไมเรืองแสงอยูใบหนึ่ง เปนใบเดียวกับ
ครั้งกอน
อายฮุยหยิบปากกาจากในหองแลวเดินไปยังตนไมนั้น
เขารูสึกวิตกกังวลผิดปกติ
เขารูสึกวาปริศนาตางๆ จะเผยตัวออกมาตอหนา
“ยังมีชีวิตอยูหรือไม”
อายฮุยอานคำถามซ้ำแลวซ้ำเลา นึกถึงประสบการณชวงสองสามวันที่ผานมาซึ่ง
ใหความรูสึกเหมือนผานมานานชั่วกัปชั่วกัลป วากันตามตรงแลวการตอสูที่สวนแหง
ชีวิตนั้นไมไดมีผลกระทบอะไรกับเขามากนัก เขาไมใชมือใหมในเรื่องนี้ ถึงรากฐานเขา
อาจจะออนแอแตเขามีประสบการณในการตอสูมากมาย
การไดเห็นความเปลี่ยนแปลงอยางใหญหลวงของเมืองซงเจียนตางหากที่ สราง
ผลกระทบกับเขา
ดินแดนในฝนถูกทำลายลง
อายฮุยสัมผัสไดถึงความรีบรอนของผูสงขอความ เขายกปากกาขึ้นและเขียนลงไป
“ขายังมีชีวิตอยู”
เขาจองมองหมึก สีดำซึมหายไปในใบไม ย้ ำ เตื อนตัวเองให อดทนและสงบนิ่ง
เหมือนกับที่เขาเคยเปนในยามที่ลาอสูรแดนรางอยูในแดนราง
หลังจากนั้นไมนาน ใบไมในมือของเขาก็สวางขึ้นอีกครั้ง “ขอบคุณสวรรคที่เจายัง
ไมตาย! บอกขาไดหรือไมวาเจาอยูที่ไหน ณ ตอนนี้ อูสิงเทียนเปนอยางไรบาง”
อายฮุยครุนคิดวาจะตอบกลับไปอยางไรกอนที่จะจรดปากกาลงไปบนใบไม
“ทานหมายถึงภัยพิบัติโลหิตใชหรือไม สถานการณเกินกวาจะควบคุมได ตอนนี้
ไดลามไปในสนามเหนี่ยวนำแลว ทานเปนใครกัน”
ดวยความระมัดระวังเขาไมไดเปดเผยตำแหนงของตนออกไป เขาไมรูวาอีกฝาย
หนึ่งมีเจตนาดีหรือไม เชื่อถือไดหรือไม อีกทั้งหาคำวา “พวกเจา” ที่เคยกลาวถึงใน
ขอความกอนหนานี้หมายถึงกลุมคน พวกเขายอมเปนศัตรูกับกลุมคนที่แพรพิษโลหิต
อายฮุยจำไดวาสาวนอยรานบะหมี่เคยบอกเขาวาตนขาวสารนี้เกาแกมาก
เขามีความรูสึกวาตนขาวสารนี้มีความเปนมาอันซับซอน ผูคนและเหตุการณที่
เกี่ยวของกับมันยอมไมใชคนธรรมดาเชนตัวเขาแน
เขาไมตองการจะเปนสวนหนึ่งของเรื่องเชนนั้น
ทั้งหมดที่เขาตองการก็เพียงแคเอาชีวิตรอด แครอดชีวิตจากภัยพิบัติโลหิตไดก็พอแลว
เขาก็เปนเหมือนกับคนอื่นที่พยายามเอื้อมมือไขวควาดึงตัวเองขึ้น ไมใหจมลงไปในน้ำ
อายฮุยวอกแวกเล็กนอย อีกฝายหนึ่งจะตอบกลับมาวาอยางไร ภัยพิบัติโลหิตนี้
เกิดขึ้นดวยฝมือมนุษยจริงหรือ เพราะอะไรกัน เหตุใดถึงมีคนตองการทำเรื่องเชนนี้
เขารอคำตอบอยางอดทน
ใชเวลานานขึ้นเล็กนอยกวาจะไดรับคำตอบหนนี้
อายฮุยไดสติคืนมาอีกครั้งเมื่อเห็นใบไมในมือเปลงแสงออกมา
โชคชะตากำลังจะเผยออกมาหรือไม
บทที่ 156 ความขัดแยง
“ขาเปนเพียงนักโทษชราคนหนึ่ง อา มันกลับกลายเปนสนามเหนี่ยวนำเสียนี่
แมวาขาจะรูนานแลววา จะเกิดภัยพิบ ัติข ึ้ น แตขาก็ยังคงรู สึกโศกเศรา เมื่อ ได ยิน
คำยืนยันจากเจา ถาเจาติดอยูในภัยพิบัติโลหิตโปรดจำไววาเจาหามสัมผัสถูกโลหิตอัน
ใดทั้งสิ้น เพราะไมเพียงแตบาดแผลเทานั้น แตหากเพียงผิวหนังสัมผัสกับโลหิตแหง
เทพก็ทำใหเจาไดรับพิษแลว”
ดวงตาของอายฮุยรอนรุมราวถูกไฟเผาเมื่อไดเห็นคำวา “โลหิตแหงเทพ” มันชาง
เปนตลกราย พิษโลหิตที่กอใหเกิดหายนะและความตายมากมายนับไมถวน อันที่จริง
แลวเรียกวา “โลหิตแหงเทพ” แลว “เทพ” แบบไหนกันถึงไดโหดรายไดถึงเพียงนี้
“โลหิตแหงเทพหรือ”
“ผลงานขั้นสุดยอดแหงความบาคลั่ง การผสมผสานอยางสมบูรณแบบระหวาง
การกลั่นโลหิตจากยุคโบราณและการใชพลังธาตุไมของอูสิงเทียน โลหิตแหงเทพมี
ประวัติยาวนานกวารอยป และพวกมันก็ไดทำการศึกษาเรื่องนี้มานานกวาหาสิบป
แลว กวาเราจะสังเกตเห็นการกระทำสกปรกของพวกมันก็เพียงแคสามสิบปกอน
เทานั้นซึ่งนั่นนับวาสายเกินไป พวกมันไดมีพลังมากเกินไปแลวและยังเฝามองดูพวก
เรามาอยางยาวนาน พวกเราจึงนับวาลมเหลว”
อายฮุยเกือบจะถามออกไปแลววา “พวกมันเปนใครแลวเจาเปนใคร” แตเขาก็
ยับยั้งความอยากรูอยากเห็นเอาไว เมื่อใดก็ตามที่เขาไดทราบคำตอบของสองคำถามนี้
ก็นับวาเขาเขาไปยุงเกี่ยวกับความขัดแยงของทั้งสองฝายอยางเปนทางการ ซึ่งยอมนำ
ปญหามากมายตามมาดวย
ทุกอยางที่เขาปรารถนาก็มีเพียงการรอดชีวิตและมีชีวิตอยูอยางเรียบงายสงบสุข
เขาไมตองการจะไปของแวะกับความขัดแยงอันใดทั้งสิ้น
ดังนั้นเขาจึงถามวา “ครั้งกอนทานบอกวาทุกอยางจะเปลี่ยนไปในเวลาหกสิบวัน
ทานหมายความวาอยางไร”
“ขารูเพียงแตวาพวกมันมีแผนการใหญแตไมรูรายละเอียด พวกมันไดวางแผนมา
เปนเวลานานแลว และภัยพิบัติโลหิตนี้เปนเพียงแคจุดเริ่มตนเทานั้น”
คำตอบนี้ทำใหอายฮุยไมอยากเขาไปของแวะดวยยิ่งกวาเดิม นี่แสดงใหเห็นอยาง
ชัดเจนวาใครที่เหนือกวาในการตอสูครั้งนี้ ฝายศัตรูนั้นไดทำการทุมเทศึกษามาเปน
เวลานับรอยป จัดเตรียมทุกอยางมาอยางดีและยังลงมืออยางแยบยล ในขณะที่พวก
ของนักโทษชราทำไดเพียงแคสังเกตเห็นความผิดปกติหลังจากผานไปหาสิบปแลว
และถูกโจมตีดวยความประมาทเลินเลอของพวกเขาเอง และจนกระทั่งตอนนี้พวกเขา
ก็ยังรูเกี่ยวกับศัตรูไมมากนัก
ทันใดนั้นเองอายฮุยก็ไดยินเสียงดังมาจากภายนอก
เขารีบเขียนลงไปบนใบไมวา “มีคนกำลังมาที่นี่”
แลวเขาก็จากไปราวกับไมมีอะไรเกิดขึ้น เขาไมรูวาทำไม แตสัญชาตญาณบอกเขา
วาไมควรบอกเรื่องที่ไดรูจากตนขาวสารกับใครทั้งนั้น
ในตอนแรกอายฮุยคิดวาตวนมูหวงฮุนกลับมา แตเขาตองหยุดเทาลงเมื่อเห็น
ใบหนาของผูที่เดินเขามา
หญิงสาวมัดผมหางมาในชุดเกราะสีขาวฟา นางอยูในชุดเกราะเต็มตัวพรอมรบ
ใบหนาที่งดงามแตเย็นเยียบนั้นดึงดูดความสนใจจากทุกผูคน ดวงตาซึ่งเต็มไปดวยแรง
บันดาลใจนั้นกระจางใสราวกับผลึกแกว
แตสิ่งที่ประทับใจอายฮุยที่สุดก็คือทวนในมือของนาง
เขาไมอาจบอกไดวาทวนสีขาวดุจหิมะนี้ทำจากสิ่งใด แตมันถูกหอหุมดวยเมฆสี
ขาวและปลายทวนนั้นก็สองประกายเจิดจาราวกับน้ำในทะเลสาบ
ชุดเกราะสีขาวฟานั้นก็ถูกสรางขึ้นอยางพิถีพิถัน สวนสีฟานั้นดูราวกับผลึกแกวที่
กระจางใสราวกับน้ำทะเล ในขณะที่สวนสีขาวนั้นก็ดูราวกับหิมะหรือกอนเมฆ มันดู
เบาและคลองแคลวไรซึ่งความหนักเทอะทะตางจากชุดเกราะทั่วไป อายฮุยมองครั้ง
เดียวก็บอกไดวามันตองแพงมหาศาลอยางแนนอน
ชวงเอวของนางถูกขับเนนดวยชุดเกราะ และปลายผมหางมานั้นก็หอยยาวลง
มาถึงระดับเอว นางดูกระปรี้กระเปราและคลองแคลว
หือ ผูหญิงคนนี้ดูคุนหนา...
เมื่อ อายฮุย ไดเห็นเกาทัณฑไหมทองที ่ไม อาจเลีย นแบบได เขาก็ ตระหนักได
ในทันทีวาพวกเขาคือคนที่รวมการตอสูกับเขาตอนที่เผชิญหนากับคางคาวโลหิตในคืน
นั้นนั่นเอง หญิงผูนั้นเปลี่ยนไปอยางสิ้นเชิงตามการแตงกายจริงๆ โอะ! เขาพลันนึกขึ้น
ไดวาคนหนึ่งนั้นคือซือเสวี่ยมั่นสวนอีกคนนั้นก็คือซังจื่อจวิน
เดี๋ยว… ซือเสวี่ยมั่นหรือ
นางคือซือเสวี่ยมั่น
อายฮุยอาปากคางเมื่อเขามองไปยังหญิงสาวผูฮึกเหิมตรงหนา ในตอนนั้นเองที่
เขาตระหนักไดวาซือเสวี่ยมั่นที่ครูใหญเอยถึงนั้นก็คือซือเสวี่ยมั่นผูนี้!
อายฮุยไมใชพวกเด็กใหมที่เพิ่งมาถึงสนามเหนี่ยวนำอีกตอไป เขาเคยไดยินชื่อ
ของเทพธิดาคนนี้มากอน
คางคาวโลหิตนั้นนับวาตายอยางคุมคาแลว อายฮุยคิดในใจ เขารูตัวของเขาดีวา
การจะตานการโจมตีของคางคาวโลหิตนั้นเปนเรื่องเกินความสามารถ ดูเหมือนวาเขา
ควรจะขอบคุณสาวนอยผูงดงามนี้ หากไมใชเพราะความสามารถในการตอสูอ ันยอด
เยี่ยมของนางแลวเขาคงไมอาจมีชีวิตรอดมาได
เมื่อซือเสวี่ยมั่นสังเกตเห็นสีหนาตกตะลึงของอายฮุย นางก็ไมแสดงสีหนาอะไร
ออกมาแตในใจนั้นเต็มไปดวยความอิ่มเอมใจ อยางไรก็ตามวินาทีถัดมานางก็จำไดวา
ถูกผูชายคนนี้เรียกวา “การคาขาดทุน” ความอิ่มเอมใจที่มีก็สลายหายไปในทันที
ใบหนาของนางเขมขึ้นและกลาวดวยน้ำเสียงเย็นชาวา “ทุกคนเขามาได”
อายฮุยรูสึกประหลาดพิกลอยูบาง สาวนอยผูนี้ดูเหมือนจะอารมณไมดี
แลวนางก็ถลึงตาเขา
ทำไมกัน เขาจำไมไดวาไปลวงเกินนางตอนไหน
อายฮุยสายหนา เขารูสึกวาชางนาขันนักที่คิดไปวาตนเองนั้นสามารถเขาใจผูหญิง
ได ถึงอยางนั้นก็ไมเปนไรหรอก อยางนอยเขาก็ไมตัวคนเดียว เจาอวนก็ไมมีทางเขาใจ
พวกผูหญิงเหมือนกันอยางแนนอน
เจาอวน...
อายฮุยหันกลับไปในทันที เห็นเจาอวนกำลังพักผอนอยู สีหนาของเขาเครงเครียด
ขึ้นและพูดออกไปวา “โหลวหลานใหเจาอวนฝกเพิ่มอีกรอยรอบ”
หนาของเจาอวนซีดเผือดลงในทันที กลับไปยกโลตออยางเศราสรอย
ซังจื่อจวินเต็มไปดวยความสงสัยในขณะที่มองไปยังคนทั้งสองที่ยืนอยูเบื้องหนา
เสวี่ยมั่นนั้นอารมณดีตลอดทางที่พวกเขาเดินทางมา และอายฮุยก็ดูเหมือนจะเปน
ปกติดีในตอนที่พวกเขามาถึง แลวทำไมทั้งคูถึงไดเปลี่ยนเปนอารมณไมดีขึ้นมาอยาง
ฉับพลันเชนนี้
ในตอนนั้นเองที่คนกลุมหนึ่งเดินเขามาในโรงฝก ภาพนั้นทำใหอายฮุยรูสึกเวียนหัว
พวกเขาอยูในชุดเกราะที่งดงามและสองประกายเจิดจา สองแสงหลากสีที่ชวนให
ตาลาย พวกเขาดูเหมือนหุนแสดงเสื้อที่รานคาใชจัดแสดงสินคาซึ่งสองแสงแวววาว
ตางๆ
มวง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง สม แดง… พวกเขานาจะมีชื่อกลุมวา “กลุม
สายรุง”
พวกเขาตองรวยอยางแนนอน...
อายฮุยตกตะลึง เด็กบานรวย! เขาไมจำเปนตองมองกลับไปก็รูวาเจาอวนนั้น
กำลังตกตะลึงเชนเดียวกันเพราะเจาอวนนั้นเปนเชนนี้เสมอเมื่อใดก็ตามที่ไดเห็นของ
ราคาแพง ดังนั้นเขาจึงตะโกนขึ้นโดยไมหันไปมองทางเจาอวนดวยซ้ำ “หากเจาขี้เกียจ
อีกครั้งขาจะใหฝกเพิ่มอีกรอยรอบ”
เจาอวนตกใจกลัวจนแทบน้ำหนักลด รีบทำการฝกตอในทันที เขารูสึกวาอายฮุย
นั้นนากลัวกวาแตกอนมากนัก
ดวงตาของอายฮุยกระจางชัด สังเกตเห็นแววตาไมเปนมิตรของพวกคุณชายสี
สดใสเหลานั้น
ทุกคนมองอายฮุยตั้งแตหัวจรดเทาอยางมุงรายแตไมพบสิ่งพิเศษอันใด พวกเขา
ไมคอยเต็มใจที่จะตองอยูภายใตการนำของซือเสวี่ยมั่นอยูแลว การจะใหรับคำสั่งจาก
คนที่ไมรูจักเชนนี้ยิ่งรับไมไดไปใหญ
ซือเสวี่ยมั่นนั้นเหนือกวาพวกเขาทั้งในเรื่องของความสามารถในการตอสูและภูมิ
หลังครอบครัว ดังนั้นพวกเขาไดแตยอมฟงนาง
แตอายฮุย...เปนใครมาจากไหน
คุณชายเหลานี้ลวนเปยมไปดวยความหยิ่งทะนงและบางคนถึงขนาดเตรียมตัวที่
จะทุบตีอายฮุยดวยซ้ำ
อายฮุยรูวาพวกนั้นกำลังคิดอะไรอยูในทันทีที่เห็นสีหนาของพวกเขา
แมวาเขาจะไมเขาใจผูหญิงก็ตาม แตเขารูดีวาพวกผูชายคิดอยางไร อายฮุยยิ้ม
เยยอยูในใจ
ถาไมใชเพราะเงื่อนไขในการอพยพ เขาจะไมสนใจคนพวกนี้ดวยซ้ำ
“เจาอวนหยุดฝกสักพักกอนแลวมานี่”
เมื่อไดยินคำพูดของอายฮุย เจาอวนก็วิ่งเขาไปหาอยางมีความสุขในทันทีท้งั ที่ยัง
ถือโลเอาไวในมือ
ซือเสวี่ยมั่นเองก็สังเกตเห็นบรรยากาศไมเปนมิตร ดวงตาของนางกลายเปนเย็นชา ใน
ตอนแรกนางตองการใหอายฮุยมาเขารวมกลุมแตดวยความที่เกรงวาสมาชิกคนอื่นใน
กลุมจะปฏิเสธเขา สุดทายจึงไดตัดสินใจวาจะใหอายฮุยนำอีกกลุมหนึ่งแทน
บิดานางเคยกลาววาหากมีสิ่งใดที่นางไมถนัดก็ควรจะมอบใหเปนหนาที่ของคน
อื่นที่ชำนาญมากกวา โดยเฉพาะอยางยิ่งในสถานการณที่มีความสำคัญ
นางรูถึงความสามารถของอายฮุยดีทีเดียว แมวาเขาจะไมใชนักรบที่ดีที่สุดแตอาจ
เรียกไดวาเขาเปนผูนำที่ดีที่สุด
ซือเสวี่ยมั่นแสดงจุดยืนของนางออกมาอยางชัดเจน “ขาเสนอใหอายฮุยเปนผูนำ
พวกเจาคัดคานหรือไม”
ซังจื่อจวินพูดออกมาโดยไมลังเลวา “ขาเห็นดวย”
“ขาไมเห็นดวย ถาหากเปนเจา เสวี่ยมั่น ขาพอรับได แตทำไมขาตองยอมใหคนที่
ไมรูจักมาเปนผูนำกลุมดวย”
ซือเสวี่ยมั่นไมคาดคิดวา คนแรกที่ปฏิเสธจะเป นเหอชิวหมิ ง ที่นางถือวา เป น
สมาชิกที่มีความสุขุมในกลุม
หลีไหเปนพวกไมชอบทำตามคำสั่งเนื่องจากมีตระกูลหนุนหลัง ตางจากเหอชิวหมิงที่
เปนคนมีความรับ ผิ ดชอบตอ การกระทำเสมอมา การคั ดค า นของเขาทำให น าง
ตระหนักวาขอเสนอของนางนั้นออกจะบุมบามไปหนอย
“ใชแลว จะยอมใหไอสวะเชนนี้มานั่งบนหัวแลวเยี่ยวลงมาใสพวกเราไดอยางไร”
หลีไหพูดออกมาอยางหยาบคายทำใหทุกคนขมวดคิ้ว
“ขาก็ไมเห็นดวยเชนกัน!”
“ขาก็ไมเห็นดวย!”
สมาชิกหกคนจากแปดคนคัดคานขอเสนอนี้
ตวนมูหวงฮุนไมคิดวาจะไดเห็นภาพอันนาขายหนาในตอนที่เขากาวเขามาในโรงฝก
ในขณะเดียวกันเจียงเหวยกับหวังเสี่ยวซานที่ยืนอยูดานขางกลับเต็มไปดวยความโกรธ
“อายฮุย พวกเราก็ทำงานกันเอง ทำไมพวกเราตองไปรวมกลุมกับพวกเขาดวย”
เจียงเหวยมองพอทางชายเหลานั้นอยางไมเปนมิตร
“ใช ทำไมตองรวมกลุมดวย” หวังเสี่ยวซานก็เห็นพองกับเจียงเหวย
ทั้งคูหนีออกมาจากสวนแหงชีวิตพรอมกับอายฮุย ทำใหพวกเขานั้นชื่นชมอายฮุย
จากสวนลึกของหัวใจ ดังนั้นพวกเขาจึงรูสึกโกรธราวกับเลือดในกายเดือดพลานเมื่อได
เห็นคนอื่นไมใหเกียรติอายฮุย
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกปวดหัวขึ้นมา นางไมคาดคิดวาขอเสนอแรกของนางจะถูกปฏิเสธ
อยางรุนแรงจากทั้งสองฝาย
ในโลกนี้มีสิ่งตางๆ มากมายที่หากไมไดประสบพบเจอดวยตัวเองแลว ก็ไมมีทางรู
ไดเลยวาตัวเองนั้นออนตอโลกเพียงใด
“ไมเปนไร” อายฮุยยังดูสงบเยือกเย็น “ขาคิดวาความสามารถของพวกเจานั้น
นับวาดีทีเดียว เชนนั้นพวกเจาหกคนก็รวมเปนกลุมหนึ่ง และปลอยใหสองสาวนี้มา
รวมกลุมกับเราเพราะพวกเรานั้นคอนขางออนแอกวา เปนเชนไร”
เจาอวนที่ยืนอยูขางกายอายฮุยรูสึกเหมือนหัวใจเตนรัวเมื่อไดยินคำพูดนี้ อายฮุย
รายกาจขึ้นเรื่อยๆ เห็นไดชัดวาเขาไมสนใจคุณชายพวกนี้แมแตนอย
เจาอวนคิดถูกแลว อายฮุยยิ่งกวาเต็มใจที่จะทิ้งพวกนี้ไวขางหลัง พวกเขาไมมีสวน
เกี่ยวของอะไรกับเขาทั้งสิ้น
เขาจำไดอยางชัดเจนวาครูใหญขอใหเขาดูแลความปลอดภัยของคนเพียงสองคน
เทานั้น คนหนึ่งคือซือเสวี่ยมั่นสวนอีกคนก็คือตวนมูหวงฮุน
สวนคนอื่นนั้น...
ไมใชภาระของเขา
“ไม!”
ชายหนุมทั้งหกไมเห็นดวยอยางยิ่ง ซือเสวี่ยมั่นชื่อเทพธิดาของพวกเขา ซังจื่อจวินเอง
ก็นับวางดงามอยางยิ่ง ทั้งสองเปนเพียงหญิงสาวคูเดียวในกลุมของพวกเขา แลวจะ
ยอมปลอยพวกนางไปอยางงายดายไดอยางไร คิดวาพวกเขาโงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
แมแตเหอชิวหมิงที่นับวาอารมณเย็นยังรูสึกโกรธขึ้นมาทันทีที่ไดยินขอเสนอนี้
ในตอนนี้อายฮุยรูแลววาครูใหญคิดอะไรอยู มันเปนเรื่องเหลวไหลตอนที่เขาขอให
อายฮุยเปนผูนำคนพวกนี้ พวกเขาหยิ่งทะนงเกินกวาที่จะรับฟงคำสั่งของครูใหญดวย
ซ้ำ แลวจะใหคนพวกนี้มารับฟงคำสั่งของตนไดอยางไร
สิ่งที่ครูใหญตองการก็คือใหเขาคอยเก็บกวาดปญหาที่คนพวกนี้ทิ้งไว และคอย
ปกปองซือเสวี่ยมั่นเมื่อถึงยามคับขัน
เก็บกวาดปญหา...
“เชนนั้นทำไมพวกเจาไมลองเสนอความคิ ดเห็ น ออกมาล ะ เราจะได ทำการ
ปรึกษากันดีๆ”
อายฮุยยิ้มในขณะที่เดินเขาหาพวกนั้น เจาอวนก็เดินตามหลังไปพรอมกับถือโลไว
ในมือ เขาจองมองไปยังชุดเกราะของพวกนั้นอยางชื่นชอบราวกับวาเขาไมอาจจะฝน
ใจตัวเองไมใหไปสัมผัสมันได
ประกายแสงฉายวาบขึ้นในดวงตาของซือเสวี่ยมั่น นางมีลางสังหรณวาบางสิ่ง
กำลังจะเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกันหัวใจของตวนมูหวงฮุนก็เตนระรัว เขามั่นใจเต็มทีวาบางอยาง
กำลังจะเกิดขึ้น
แลวโหลวหลานหายไปไหน
บทที่ 157 ถลมยับ
หลีไหจองมองไปยังใบหนาเปนมิตรของอายฮุยและแสดงอาการดูถูกเหยียดหยาม
ออกมาอยางไมสะทกสะทาน “ฮาฮาฮา! แคหนอนแมลงออนแอตัวหนึ่ง! คนเชนนี้จะ
มาเปนผูนำพวกเราไดอยางไร”
จากนั้นเขาก็เห็นเจาอวนที่จองมองมาทางเขาดวยสายตาที่เปยมไปดวยความชื่น
ชมเขาก็อดไมไดที่จะเยยหยันออกไป “ยาจกอยางเจา! ไมเคยเห็นของเชนนี้มากอนสิ
ทา เขามาสิขาจะใหเจา ไดลองสัมผัสดู ขาพนันไดเลยวา เจา ไม เคยเห็น ชุ ดเกราะ
ระดับสูงเชนนี้มากอนตลอดชั่วชีวิตของเจา ฮาฮาฮา!”
เมื่อไดเห็นวาเจาอวนตาลุกวาว หลีไหก็หัวเราะออกมาอยางหยาบคายยิ่งกวาเดิม
เหอชิวหมิงรูสึกโลงใจขึ้นมาบาง
เขากังวลวา ถา หากอา ยฮุยยืน กรานแข็ งขั น ซื อ เสวี ่ ย มั ่ น จะไม สามารถแกไข
สถานการณนาอายนี้ได หากตองอยูตรงขามเปนปฏิปกษตอกันแลว คงเปนเรื่องยาก
อยางยิ่งที่จะตองตอสูกับซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวิน ยิ่งไปกวานั้นตอใหพวกเขาไม
จำเปนตองลงมือตอสูกัน แตซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินกลับสมัครใจที่จะติดตามเจา
หมอนี่ไปพวกเขาก็ไมอาจทำอะไรได
ในตอนนี้ดูเหมือนสถานการณจะยังไมไปถึงจุดที่เลวรายที่สุด
เหอชิวหมิงเหลือบมองไปทางซือเสวี่ยมั่นซึ่งมีสีหนาที่ไมอาจอานได ดูเหมือนวา
นางจะไมไดยึดติดกับชายผูนี้สักเทาไร ไมเชนนั้นแลวซือเสวี่ยมั่นที่ปกติแลวเปนคน
โมโหงายคงเริ่มการตอสูไปแลว
แตเหตุใดเทพธิดาถึงไดมีสีหนาแปลกประหลาดเชนนี้
อายฮุยพูดอะไรไมออกเมื่อไดเห็นปฏิกิริยาของชายที่อยูเบื้องหนา เขาอยูหางแค
นิดเดียวแตชายคนนี้ก็ยังจองมองไปยังหญิงสาวอยางหลงใหล ผูชายเชนนี้คงตายไป
เปนพันครั้งแลวหากอยูในสนามรบ หากจะใหเก็บกวาดขยะใหคนพวกนี้ละก็ อยามา
ลอเลนเลย….
“เจามีความเห็นวาอยางไร…”
กอนที่จะพูดจบประโยคเหอชิวหมิงก็พลันรูสึกวาสายตาพราเลือน และกอนที่เขา
จะไดมีปฏิกิริยาตอบสนองหนาทองของเขาก็ถูกโจมตีอยางรุนแรง สีหนาของเขาคาง
แข็งไปในทันที
แววตาของเขาจองตรงไปทางอายฮุยราวกับเขาไมอยากจะเชื่อวาตัวเองถูกโจมตี
อายฮุยสัมผัสไดถึงพลังธาตุที่ปนปวนบนเสื้อ ผาไหม เห็นไดชัดวาเสื้อผ า ของ
เหอชิวหมิงนั้นมีพลังปองกันสูงเยี่ยมหรือไมก็มีคุณสมบัติพิเศษบางอยาง
หากอยูในแดนรางเขาคงลงมือสังหารไปแลวโดยไมลังเล
นาเสียดาย...
แมวาอายฮุยจะไมไดใชพลังธาตุแมแตนอยหมัดนี้ก็ทรงพลังอยางยิ่ง รางของ
เหอชิวหมิงโคงงอเปนกุงลวก เขาตองการจะพูดอะไรบางอยางหากแตไมมีเสียงเล็ด
ลอดออกมา
ในขณะเดียวกันเจาอวนที่จองมองชุดเกราะอยางชื่นชมก็พลันเปลี่ยนสีห นา ไป
ในทันที เขาสอดมือเขาไปในรอยตอของชุดเกราะที่หลีไหสวมอยูและยกมันขึ้นจนทำ
ใหหลีไหที่มีรางกายสูงใหญลอยขึ้นจากพื้นดวยมือเดียวราวกับหมียักษที่เกี้ยวกราด
เมื่อรูสึกวาเทาลอยขึ้นจากพื้น หลีไหก็ตกตะลึง เสียงหัวเราะหยาบคายหยุดลง
ในทันที
เจาอวนยกโลดวยมืออีกขางหนึ่งและเคลื่อนมือทั้งสองขางเขาหากันอยางรุนแรง
ทำใหหลีไหกระแทกเขากับโลไมเหล็กที่หนาหนักราวกับกำแพง จนตองสงเสียงรองอูอี้
อยูในลำคอออกมา
ภายใตการจูโจมเพียงครั้งเดียว หลีไหก็กลายเปนออนยวบไรเรี่ยวแรง เจาอวน
โยนเขาทิ้งไปราวกับผาขี้ริ้ว
“หาเรื่องหรืออยางไร!”
“เจาจะทำอะไร”
“บาไปแลวหรือ”
อีกสี่คนที่เหลือรองออกมาอยางตื่นตระหนกแทบจะพรอมกัน
ปญญาออน!
อายฮุยไมคิดที่จะพูดอะไรแมแตคำเดียว คนพวกนี้ดีแตปากแตความจริงแลวเปน
พวกขี้ขลาดตาขาว ชางนาขันนักที่ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาหลังจากถูกโจมตีคือสง
เสียงดาแทนที่จะตอสูกลับ
ในชั่วพริบตา อายฮุยก็เคลื่อนเขาหาอีกคนหนึ่งที่ยืนอยูไมไกลออกไป
การอยูประชิดกับศัตรูโดยไมเตรียมการปองกันแมแตนอยก็ไมตางอะไรกับการฆา
ตัวตาย ยิ่งอยูใกลเทาไรก็ยิ่งมีเวลาใหตอบสนองนอยลงเทานั้น ซึ่งทำใหเปนประโยชน
กับอายฮุยอยางมาก
อายฮุยเคลื่อนตัวเขาใกลชายผูนั้นอยางรวดเร็ว ทำใหเขาสงเสียงรองออกมาและ
กาวถอยหลังไปอยางไมรูตัว ทวาเขาเหมือนกับติดกับดัก สูญเสียการทรงตัวจนเซไป
ดานหลัง เขาพยายามดิ้นรนเพื่อยันกายขึ้นแตวินาทีตอมาเขาก็พบกับเทาของอายฮุย
เหวี่ยงเขามาอยางรุนแรง
ไม!
เขายกแขนขึ้นขวางเปนรูปกากบาทไวตามสัญชาตญาณเพื่อปกปองใบหนาของ
ตน พลังธาตุวิ่งพลานอยูในราง
เทาของอายฮุยกรีดผานอากาศสงเสียงหวีดหวิวนากลัวกอนที่จะกระแทกใสแขน
คูนั้นอยางรุนแรง
เปรี้ยง!
เขาเหมือนกับน้ำเตาที่เพิ่งลอยขึ้นมาสูผิวน้ำแลวก็ถูกถีบใหจมลงไปใตน้ำอีกครั้ง
ในทันที
แขนทั้งสองขางเจ็บปวดอยางมาก แรงปะทะอยางหนักหนวงทำใหหลังของเขา
กระแทกพื้นอยางแรง ความเจ็บปวดแสนสาหัสวิ่งพลานไปทั่วทั้งรางกายในขณะที่
สมองของเขาเริ่มเลอะเลือน
ทรายกลุมหนึ่งเลื่อนผานเทาของเขาไป
ตองยอมรับวามีคนบางคนที่สามารถกลายเปนเพื่อนกันไดอยางรวดเร็ว หลังจาก
นั้นพวกเขาก็จะคอยๆ รูใจกันและทำงานรวมกันไดอยางเขากันไดดี
ยกตัวอยางเชนโหลวหลานที่ไมเคยรูเกี่ยวกับการตอสูมากอน ยังสามารถที่จะ
เลียนแบบการตอสูของอายฮุยไดในเวลาอันสั้น เมื่ออายฮุยเดินเขาหาเด็กหนุมกลุม นี้
โหลวหลานก็ไดแปลงกายเปนทรายกลุมหนึ่ง ซอนตัวอยูราวกับงูซอนอยูในพงหญา
พวกที่เหลืออีกสามคนตองการจะถอยหางจากอายฮุย แตพบวาขอเทาของตัวเอง
นั้นถูกมัดไวดวยทราย
ทรายนั้นไมไดมีพลังมากมายอะไรแตในเวลานี้มันมีบทบาทสำคัญอยางยิ่ง
โลไมเหล็กที่เจาอวนถืออยูนั้นมีความหนาและแข็งแกรงยิ่งกวากำแพง ในพื้นที่คับ
แคบเชนนี้เสียงหวีดหวิวที่เกิดจากโลเคลื่อนตัวผานอากาศนั้นสามารถครอบคลุมชาย
หนุมทั้งสามที่หนาซีดเผือดไปได
พวกเขาใชกระบวนทาปองกันที่ดีที่สุดออกมาตามสัญชาตญาณ
ไมมีการประสานงานอันใดระหวางพวกเขาทั้งสาม ตางคนตางก็พยายามปองกัน
ตัวเองเห็น ไดชัดวาไมมีความเชื่อใจกัน หากมีใครสักคนยอมออกไปปะทะกับเจาอวน
ยอมสามารถที่จะซื้อเวลาใหกับอีกสองคนได
ในตอนที่อายฮุยอยูในหองทำงานของครูใหญ เขาไดพิจารณาวาจะทำอยางไรถึงจะนำ
ทั้งสองกลุมไดอยางดี ทวาในตอนนี้เขาไมตองการที่จะพาคนพวกนี้ไปดวยแมแตนอย
สิ่งเดียวที่อยูในหัวของเขาก็คือกำจัดคนพวกนี้ออกไป
ทามกลางเสียงหวีดหวิวซึ่งเกิดจากโลในมือของเจาอวน อายฮุยงอหลังและพุงตัว
เขาไปหาชายที่ยืนหางออกไปไกลที่สุดราวกับภูตพราย ชายหนุมผูนี้มีลูกไฟสามลูก
หมุนวนรอบกายเพื่อปกปองตนเอง
อายฮุยแทงกระบี่เพลิงสันหลังมังกรเขาไปในชองวางระหวางลูกไฟราวกับงูใน
ความมืด
ในจังหวะที่กระบี่เพลิงสันหลังมังกรกำลังจะกระทบถูกตัวเขา ลูกไฟพวกนั้นก็
พลันระเบิดออกและทุกสิ่งทุกอยางก็ถูกปกคลุมไปดวยแสงเจิดจา
อายฮุยมองไมเห็นสิ่งใดนอกเหนือจากแสงสีขาว ทามกลางเสียงกรีดรองนักเรียนคน
นั้น เขากาวไปขางหนาและฟาดกระบี่เพลิงสันหลังมังกรออกไปอยางรุนแรง อายฮุย
โจมตีราวกับวากระบี่เพลิงสันหลังมังกรนั้นเปนแส
นักเรียนหนุมผูนั้นสงเสียงรองออกมาและลอยไปดานหลัง
แสงเจิดจาที่เกิดขึ้นอยางฉับพลันทำใหทุกคนตาพรามัวไปชั่วขณะหนึ่ง แตกระนั้น
ความแตกตางในความแข็งแกรงของทั้งสองฝายก็ไดกำหนดจุดจบของการตอสูเอาไว
แลว
เจาอวนไมไดลาถอย ในสถานการณเชนนี้พลังของโลนั้นไมไดถูกกระทบกระเทือน
แมแตนอย
เมื่ออายฮุยฟาดกระบี่สันหลังมังกรเขาใสนักเรียนคนนั้น เขาก็ไดยินเสียงกรีดรอง
อยา งชัดเจนในเวลาเดียวกันเสีย งหวี ดหวิว จากโล ไมเหล็ก และเสี ยงกรี ดร องของ
นักเรียนก็เปดเผยตำแหนงที่อยูของพวกเขาออกมา
พวกนั้นอยูขางหลังเขา!
อายฮุยถีบพื้นอยางรุนแรงโดยไมลังเลสงตัวเองลอยไปดานหลังราวกับลูกศรที่ถูก
ยิงออกไป
เมื่อสัมผัสไดวาหลังของเขากระทบเขากับบางอยาง เขาก็ใช [มัจฉาสะบัดกาย]
ออกไปในทันที
พลังอันรุนแรงที่สงออกมาจากหลังของอายฮุยกระแทกเขาสูรางที่อยูดานหลัง
เพลง! ของบางอยางแตกเปนเสี่ยงๆ ราวกับแกว เขาก็สัมผัสไดวาการตอตานที่มี
ไดหายไปแลว เขาจึงไดกระแทกรางเขากับรางของชายหนุม
เปรี้ยง! ชายผูนั้นถูกกระแทกดวยพลังอั นรุนแรง สงเสียงอูอี้ออกมาในลำคอ
เหมือนกับวาเขาถูกสัตวรายพุงเขาชนอยางปาเถื่อนจนตัวของเขากระเด็นลอยออกไป
อายฮุยไมตองตรวจสอบดูก็รูไดวาคูตอสูไดหมดสติไปแลว [มัจฉาสะบัดกาย] สามารถ
สรางรอยบุบที่ชัดเจนไวบนผนังของเจดียเสวียนจิน แมแตตัวของอายฮุยเองก็ไมแนใจ
วาจะสามารถทนรับแรงกระแทกของ [มัจฉาสะบัดกาย] เอาไวโดยที่ไมไดรับบาดเจ็บ
ไดหรือไม
อยางไรเสียตราบใดที่ยังมีโหลวหลานอยูอาการบาดเจ็บอะไรก็สามารถรักษาหาย
ได คงไมมีปญหาอะไรตราบใดที่ไมมีใครเสียชีวิต สวนเรื่องของการลางแคนในอนาคต
นั้น อายฮุยไมแมแตจะเสียเวลาไปคิดถึงมัน
เขาไมรูดวยซ้ำวาจะหนีรอดออกไปจากเมืองซงเจียนไดหรือไม ดังนั้นในตอนนี้เขา
จึงไมตองการที่จะคิดวาจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
ปง! เสียงโลหะปะทะกันดังกึกกองบาดหู
ทันใดนั้นเองอายฮุยก็รูสึกสงสารนักเรียนที่เผชิญหนากับเจาอวนที่กถือโลไม
เหล็กในมือที่หนักกวาสามรอยหาสิบจิน
การเปนหนึ่งในผูรอดชีวิตสองคนจากจำนวนแรงงานทั้งสิ้นสองพันคนที่เขาไปใน
แดนราง เห็นไดชัดวาเจาอวนยอมมีความสามารถเฉพาะตัวอยูบาง
เขานั้นขี้ขลาดและระแวดระวั งเป น อย างยิ่ ง ตราบใดที ่ มีสั ญญาณบ งบอกถึง
อันตรายเขาจะวิ่งหนีไปดวยความเร็วที่เหนือกวาผูใดทั้งสิ้น
จุดเดนอีกอยางหนึ่งของเขาก็คือพลังอันนาเหลือเชื่อ ผูคนอาจจะแขงกับเจาอวน
ในเรื่องอื่นไดแตไมใชความแข็งแรง หากไมใชเพราะความแข็งแรงของเขาแลว เขาจะ
เงินประทังชีวิตอยูไดดวยการชวยเหลือผูอื่นยกของไดอยางไร หรือเขาจะสามารถแบก
อายฮุยที่หมดสติไวบนหลังและวิ่งไปพรอมกับกลุมลาสัตวเปนเวลาหลายวันไดอยางไร
เจาอวนเคยใชโลในยามที่อยูในแดนราง นั่นสรางความประทับใจใหกับอายฮุยยิ่ง
นัก นาเสียดายที่เจาอวนนั้นขี้ขลาด ไมเชนนั้นแลวคงเรียกไดวาเขาเกิดมาเพื่อเปนผู
ถือโลอยางแทจริง แตเขาจะเปนคนขี้ขลาดหรือไมนั้นก็ขึ้นอยูกับวาศัตรูของเขาเปน
ใคร ในยามที่ตองเผชิญหนากับผูใชพลังธาตุหรืออสูรปา เจาอวนยอมเปนคนขี้ขลาด
อยางไมตองสงสัย แตคงเปนไปไมไดที่เขาจะสามารถเอาชีวิตรอดออกมาจากแดนราง
ไดแตกลับไมกลาตอสูกับพวกนักเรียนเหลานี้ มีการตอสูในแดนรางมากมายที่พวกเขา
ไมอาจซอนตัวได
อายฮุยเชื่อมั่นวาเจาอวนนั้นไมมีทางกลัวเด็กหนุมเหลานี้อยางแนนอน พวกนี้ก็
เปนแคเด็กบานรวยที่เฝาแตรังแกคนออนแอกวาและหวาดกลัวคนที่แข็งแกรง
เปนอยางที่เขาคาดไว เจาอวนรูสึกตื่นเตนมากในการตอสู
ปง ปง ปง!
เสียงปะทะดังขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนี้แสงสีขาวไดหายไปแลว สายตาของอายฮุยกลับมาเปนปกติอีกครั้ง เขา
เห็นนักเรียนคนสุดทายโซเซไปมาราวกับคนเมา
“เจาอวนพอไดแลว” เขากลาวออกมาอยางเรียบงาย
ความโหดรายในดวงตาของเจาอวนค อยๆ จางลง เจาอวนที่เคยเกรี้ยวกราด
ประดุจหมียักษลมลงนอนกับพื้นราวกับสุนัขที่ตายแลวตัวหนึ่ง
“เฮอ… เหนื่อยเหลือเกิน แขนขาชาไปหมด อายฮุย ขาไมอาจเคลื่อนไหวได
ในตอนนี้ ขอใหขาพักผอนสักหนอยเถอะ”
แตถึงกระนั้นในตอนนี้เขาก็ไมไดโยนโลในมือทิ้งไป
เมื่อไดเห็นนักเรียนที่มึงงงเดินกะโผลกกะเผลก อายฮุยก็ทำเปนเหมือนไมไดยินสิ่ง
ที่เจาอวนพูด เขาหันไปพูดกับโหลวหลาน “โหลวหลาน เจาอวนยังตองฝกอีกกี่รอบ”
“สามรอยยี่สิบสอง” โหลวหลานตอบกลับมาอยางแมนยำ
อายฮุยกลาว “ดูใหแนใจวาเขาทำจนครบไมอยางนั้นก็ไมตองใหกินขาว”
“ไมมีปญหาอายฮุย!” โหลวหลานตอบกลับมาอยางยินดี
เจาอวนรูสึกโมโหมากจนกระโดดขึ้นจากพื้น “เจาคนแซอาย! ขาเพิ่งชวยเจาตอสู
แลวตอนนี้เจาก็ถีบสงขา! ขาชางผิดหวังเหลือเกิน ทำเชนนี้…”
“พวกเราจะกินขาวกันในอีกหนึ่งชั่วโมง” อายฮุยเปลาเตือนเจาอวน
“เจา!” เจาอวนรูสึกโกรธเหลือหลายจนเมื่อสังเกตเห็นนักเรียนที่ยืนโซเซอยูขา ง
กาย เขาก็พุงตัวเขาไปและตบนักเรียนคนนั้นดวยโลเพื่อระบายความโกรธ จากนั้นก็
กลับไปทำการฝกฝนตอดวยความโมโห
“พยายามเขาเจาอวน!” โหลวหลานตะโกน
ซือเสวี่ยมั่นกับตวนมูหวงฮุนจองมองอยางเหมอลอยไปยังพวกนักเรียนที่นอน
กลาดเกลื่อนอยูบนพื้น
ทุกอยางเงียบสงัดเหลือเพียงเสียงลมที่เกิดจากโลของเจาอวนเทานั้น
บทที่ 158 แนวทางของอายฮุย
ซือเสวี่ยมั่นและคนอื่นๆ ตางตกตะลึง ในขณะที่เจียงเหวยกับหวังเสี่ยวซานนั้น
หนาซีด แมวาพวกเขาจะไมชอบคนพวกนี้เชนกันแตก็ไมเคยคิดที่จะโจมตีพวกเขาแต
อยางใด
ดวยชาติตระกูลที่หนุนหลังพวกเขาอยู ทางที่ดีอยาไดไปมีเรื่องกับพวกเขา
ตวนมูหวงฮุนพอจะรูลักษณะนิสัยของอายฮุยอยูบาง เขารูวาอายฮุยจะไมยอมให
ตัวเองถูกดูหมิ่น แตก็ไมคิดวาจะใชวิธีที่ตรงไปตรงมาขนาดนี้
สิ่งที่นาประหลาดใจยิ่งกวาก็คือนี่เปนการตอสูสองตอหก แตอายฮุยกับเจาอวนก็
สามารถจบมันไดอยางรวดเร็วและหมดจด ถึงแมวามันจะเปนการลอบโจมตีแตทุกคน
ก็ยังรูสึกตกตะลึงอยูดี
ถาเขาเปนคนที่ถูกอายฮุยโจมตีใสในตอนนี้ เขาจะสามารถหลบพนหรือไมก็ไมรู
ยิ่งตวนมูหวงฮุนคิดเรื่องนี้มากเทาไรก็ยิ่งมีความหวาดกลัวและระแวดระวังอายฮุยมาก
ขึ้นเทานั้น เพราะเขารูดีวาตอใหเปนตัวเขาเองก็ยากที่จะรอดชีวิตไปไดเชนกัน
ซังจื่อจวินก็ตกตะลึงเชนเดียวกัน นางมองไปทางซือเสวี่ยมั่นก็นึกถึงฉากที่ นาง
เห็นหลีไหถูกโยนลงจากรถบรรทุก แลวคิดกับตัวเองวาการกระทำของทั้งสองคนนี้ชาง
คลายคลึงกันยิ่งนัก ในตอนนั้นนางคิดวาซือเสวี่ยมั่นนั้นโหดรายมากแลว แตตอนนี้นาง
รูแลววาอายฮุยนั้นโหดรายยิ่งกวา ไม นี่ไมเรียกวาโหดราย มันนาจะเรียกวาปาเถื่อน
มากกวา
ทวาชั่วขณะตอมานางก็รูสึกกังวลขึ้นมา คนกลุมนี้ที่ถูกทำรายและทำใหเสียหนา
ยอมไมปลอยใหเรื่องนี้ผานไปอยางงายดายแนนอน เขาไดคิดถึงผลที่จะตามมาบาง
หรือไม
ซือเสวี่ยมั่นกลาวขึ้นมาในทันที “เจาคิดวาวิธีนี้จะทำใหพวกเขายอมฟงคำสั่งเจา
เชนนั้นหรือ”
อายฮุยนั่งยองๆ อยูบนพื้นมัดชายหนุมที่หมดสติพวกนั้นเอาไวดวยเชือก เขาตอบ
กลับมาโดยไมเงยหนาขึ้นมอง “ฟงคำสั่งขาหรือ ฟงทำไม”
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกประหลาดใจ “แลวเจากำลังทำอะไรอยู”
“ขาแคไมอยากใหคนพวกนี้มาขวางมือขวางเทา” อายฮุยตอบกลับมางายๆ
ไมมีใครเขาใจวาทำไมอายฮุยถึงไดโหดรายเชนนี้ หากเขาเพียงแคตองการไมให
คนพวกนี้มาขัดขวางกลุม
“แลวเจาจะทำอยางไร” ตวนมูหวงฮุนถาม เขารูจักอายฮุยดีกวาคนอื่นเล็กนอย
และเดาวาวิธีของอายฮุยจะแตกตางไปจากสิ่งที่พวกเขาคาดการณเอาไว
“มัดพวกเขาไว” อายฮุยตอบกลับมาอยางงายดายในขณะกำลังมัดเชือก “แลวก็
หาที่ขังพวกเขาเอาไว ขาจะปลอยพวกเขาออกมาหลังจากพวกเราเสร็จภารกิจแลว”
ทุกคนตกตะลึงกับคำตอบนี้
“ระ..เราจำเปนตองทำเชนนั้นเชียวหรือ” หวังเสี่ยวซานตะกุกตะกัก
พวกเขาไมมีความขัดแยงหรือโกรธเคืองกันมากอน จําเปนดวยหรือที่ตองขังพวก
เขาเอาไว วิธีการของอายฮุยออกจะสุดโตงไปหนอย
ซือเสวี่ยมั่นพยายามจะเกลี้ยกลอมเขา “ขาวาเราสามารถพูดคุยกับพวกเขาได ขา
เชื่อวาพวกเขาจะยอมรับเมื่อมองในภาพรวม”
“แลวถาเกิดพวกเขาลอบแทงขางหลังขึ้นมาหรือปฏิเสธที่จะใหความรวมมือแลว
กอใหเกิดการสูญเสียครั้งใหญเลาจะทำอยางไร” อายฮุยกาวตอไปโดยไมหยุดมือ
แมแตนอย
ซังจื่อจวินกลาวดวยเสียงสั่นวา “พวกเขาจะทำแบบนั้นจริงหรือ…”
อายฮุยตอบอยางเยือกเย็นพลางผูกเชือกไปดวย “มีหลายเรื่องที่ไมมีโอกาสครั้งที่
สอง อยาปลอยใหมีภัยอันตรายซอนเรนอยูขางกายเจา ถาหากพวกเขาจะอยูเงียบๆ
จนกวาเราจะพนอันตรายไป จะเปนทางที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝาย”
ทุกคนตัวสั่น อายฮุยไมไดบอกวาจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกนั้นไมยอมอยูนี่เงียบๆ
ตวนมูหวงฮุนเปลี่ยนจากตกตะลึงเปนประทับใจ เขาเริ่มเขาใจขึ้นมาบางแลววา
เหตุใดเขาจึงไดพา ยแพใหแกอายฮุยเสมอมา นั่นเปนเพราะเขาไมโหดเหี้ยมพอ
หากอายฮุยรูในสิ่งที่เขากำลังคิดอยูตองไมเห็นดวยอยางแนนอน
“หากขาเขาใจไมผิด ขามีอำนาจในการควบคุมทุกสิ่งใชหรือไม เชนนั้นแลวคำสั่ง
แรกก็คือมัดพวกเขาแลวเอาไปขังไวในบานไม”
“ถาเกิดโรงเรียนหรือที่วาการเมืองลงโทษพวกเราเรื่องนี้เลา” เจียงเหวยรูสึกเปน
กังวลเชนกัน
“ไม พวกเขายิ่งกวาตองการใหเราทำเชนนี้เสียอีก” น้ำเสียงขออายฮุยเย็นชา “ขาไม
อยากอธิบายอีกตอไปแลว ตอนนี้พวกเจามีทางเลือกสองทาง ทำตามหรือไมก็ปฏิเสธ”
คนแรกที่ตอบขึ้นมาอยางเหนือความคาดหมายก็คือตวนมูหวงฮุน เขาพูดอยางไร
อารมณวา “คนไรประโยชนก็ควรอยูในบานไม”
เขาอยากจะสอนบทเรียนกับ คนพวกนี ้มาตั้ งแตแ รกแลว ในใจของเขาคนที ่ มี
คุณสมบัติพอจะตั้งคำถามกับคำสั่งของอายฮุยนั้นคนแรกก็คือซือเสวี่ยมั่น ถัดมาก็คือ
ตัวเขาเอง คนพวกนี้กลาปฏิเสธอายฮุยไดอยางไรทั้งที่รูอยูวาทั้งตัวเขาและซือเสวี่ยมั่น
ไดตกลงไปแลว
เจียงเหวยกับหวังเสี่ยวซานมองหนากันกอนที่จะรีบลงมือทำตามคำสั่งของอายฮุย
ซังจื่อจวินหัวเราะออกมา “อันที่จริงแลวพวกเราก็ยินดีที่จะทำเชนนี้”
ซือเสวี่ยมั่นพนลมหายใจออกมา นางรูสึกไมสบายใจกับทาทีของอายฮุยแตในเมื่อ
มันเปนขอเสนอของนางเอง… นางก็จำเปนตองยึดตามนั้น
นางเดินไปยังรางที่หมดสติรางหนึ่งและควาเขาขึ้นมา
พอถึงบานไมพวกเขาก็โยนนักเรียนหกคนที่ถูกมัดอยางแนนหนาเขาไปขางใน ถึง
ขนาดกับมัดปากพวกเขาเอาไวปองกันไมใหตะโกนขอความชวยเหลือ
“แลวพวกเขาจะกินอยางไร” ซือเสวี่ยมั่นถาม
อายฮุยตอบอยางไมจริงจังนักวา “พวกเขาจะไดกินหลังจากที่พวกเรากลับมาแลว
ไมตองกังวลไปหรอก การจะอดตายนั้นไมใชเรื่องงายนัก แคทิ้งน้ำไวใหพวกเขาบางก็
พอแลว”
ซังจื่อจวินถามขึ้นมาวา “แลวถาพวกเราไมไดกลับมาละ”
อายฮุยเหลือบมองนางแลวตอบวา “นั่นหมายความวาพวกเราตายแลว”
ความเย็นเยียบวิ่งเขาสูหัวใจของทุกคน พวกเขาจองมองไปยังอายฮุยดวยสายตา
ที่เต็มไปดวยความหวาดกลัว
ในตอนนี้เองที่พวกเขาตระหนักวาอายฮุยนั้นโหดรายและไรหัวใจเพียงไร ทั้งที่อยู
รุนราวคราวเดียวกันแทๆ
ซือเสวี่ยมั่นตกใจอยางมาก รูสึกสงสัยวานางรูจักคนที่อยูตรงหนาจริงหรือไม นี่ใช
คนเดียวกับคนที่จ ายคา บะหมี่ใหนางในรา นบะหมี ่แ ละพยายามเอาอกเอาใจนาง
เนื่องจากหนี้แปดสิบลานหยวนที่เขาติดนางอยูจริงหรือ
เขาเปนคนเชนไรกันแน เขาผานเรื่องราวแบบไหนมา ความสงสัยใครรูเกี่ยวกับ
ตัวตนอีกฝายเพิ่มสูงขึ้นในใจของซือเสวี่ยมั่นอยางมาก
ทุกคนเงียบไปรวมถึงตวนมูหวงฮุน เขายังคงเยอหยิ่งเชนเคยแตในตอนนี้เพิ่ม
ความเครงเครียดขึ้นมาดวย ทุกคนในที่นี้รูสึกเหมือนตัวเองเปนแคลูกแกะในขณะที่
อายฮุยนั้นเปนสัตวรายที่คุนเคยกับการใชชีวิตอันปาเถื่อนในปา
ในตอนนี้พวกเขามั่นใจแลววาอายฮุยไมไดสนใจถึงชื่อเสียงของพวกนักเรียนหรือ
ตระกูลของพวกเขาแมแตนอย
พวกเขาถึงขนาดสงสัยวา หากพวกเขาไมอยูที่นี่ อายฮุยอาจลงมือสังหารคนทั้ง
หกไปแลวอยางเงียบๆ
อายฮุยรับรูไดถึงความกลัวในดวงตาของพวกเขาทวาเขาก็ไมสนใจ
ไมวาพวกเขาจะคิดอะไร หรือเรื่องนี้จะกอให เกิดความหมางเมินกับพวกเขา
หรือไมนั้น เขาไมไดสนใจ หากไมใชเพราะเงื่อนไขการอพยพ เขาก็คงไมตองการที่จะมี
การติดตอสรางสัมพันธอันใดกับคนพวกนี้อยูแลว
เมื่อเดินออกมาจากบานไม เขาก็สังเกตเห็นเจาอวนกำลังฝกอยู
“ขามีบางอยางจะบอกพวกเจาลวงหนา” อายฮุยหยุดคิดอยูครูหนึ่งกอนที่จะ
กลาวตอ “สถานการณอาจจะเลวรายกวาที่เจาคิดไว”
เขาสังเกตเห็นความกังวลระคนสงสัยบนใบหนาของคนเหลานี้และกลาวอยาง
หนัก แนนวา “เลวรา ยยิ่งกวา สิ่ ง ใดที ่ พ วกเจ า จะจิ น ตนาการได พวกเราจะต อ ง
เผชิญหนากับอันตรายมากมายและเลวรายกวาที่เคยประสบมาในสวนแหงชีวิตหรือ
แมแตคางคาวโลหิต ขาหวังวาพวกเราจะสามารถรอดชีวิตไปได”
“จริงหรือ” หวังเสี่ยวซานถามขึ้น เขาเปนคนที่หวาดกลัวที่สุดในที่นี้ ใบหนาขาว
ซีดราวกระดาษ
ในตอนที่อายฮุยกำลังจะพูดขึ้นนั้นเองก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากระยะไกล พื้นดิน
เริ่มสั่นไหว
ใบหนาของตวนมูหวงฮุนขาวซีด “ดังมาจากทางประตูเมือง!”
พวกเขาเห็นผูใชพลังธาตุมากมายบินไปยังประตูเมืองจากทุกทิศทาง แมวาพวก
เขาจะบินอยูสูงขึ้นไป แตอายฮุยและพวกก็ยังมองเห็นความตื่นตระหนกบนใบหนา
ของพวกเขาได
ทุกคนเริ่มรูสึกกังวลเชนกัน
แตอายฮุยยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นไวไดเชนเคย เขาสังเกตเห็นตัวเลขที่เกิด
จากการแปลงรางของโหลวหลานและพบวาเจาอวนนั้นฝกเสร็จแลว เจาอวนตัวเปยก
ชุมไปดวยเหงื่อราวกับเพิ่งจะตกลงไปในบอน้ำ ยืนโอนเอนโดยอาศัยโลไมเหล็กชวย
พยุงตัว เสียงหอบหายใจของเขานั้นดังประหนึ่งเครื่องสูบลม ดวงตาเบิกกวางจองมอง
มาทางอายฮุย
อายฮุยสงยิ้มให
“อายฮุยเจาอวนฝกเสร็จแลว” โหลวหลานกลาวอยางยินดี
อายฮุยพยักหนา “ดีมาก ไดเวลากินขาวแลว”
เมื่อไดยินอายฮุยพูดเชนนั้นความโกรธของเจาอวนก็เปลี่ยนเปนความออนลาและ
หิวโหยขึ้นมาในทันที เขาลมลงนอนกับพื้นแลวตะโกนวา “โอย ขาตองกินเพิ่ม ขา
เหนื่อยแทบตายแลว น้ำ โหลวหลาน ขาตองการน้ำ!”
โหลวหลานนำอาหารแหงที่เขาเตรียมเอาไวออกมา อายฮุยกลาววา “แบงใหทุก
คนกินดวย”
ซือเสวี่ยมั่นถามขึ้นอยางอดไมไดวา “พวกเราไมตองไปชวยหรือ หากประตูเมือง
แตกขึ้นมา ทุกคนลวนตองอยูในอันตราย”
อายฮุยตอบไปเคี้ยวไป “ประตูเมืองนั้นไดรับการปกปองอยางดีที่สุดแลว ถาหาก
ประตูยังจะแตกขึ้นมาอีก พวกเราไปก็ชวยอะไรไมไดหรอก”
ซือเสวี่ยมั่นอยากจะสวนกลับไปแตก็ตระหนักไดวาไมมีอะไรที่นางจะโตแย งได
นางรูวาอายฮุยพูดถูกแลว เจาเมืองไดมอบหมายใหทหารยามและอาจารยไปประจำ
อยูยังจุดตางๆ ที่สำคัญในการปองกันเมือง และประตูเมืองก็จะเปนสวนที่สำคัญที่สุด
เทียบกับคนพวกนั้นแลว พวกเขาทั้งหมดที่นี่ก็เปนแคน้ำหยดเดียวในทะเล
“อันที่จริงแลวทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเราก็คืออยูในโรงฝก” อายฮุยหันไป
มองซือเสวี่ยมั่น เขาสงสัยวาหากเขาลอบโจมตีจะสามารถทำใหพวกเขาสลบไดหรือไม
ครูใหญตองการแคใหซือเสวี่ยมั่นกับตวนมูหวงฮุนมีชีวิตรอดเทานั้น ไมไดบอกวาพวก
เขาตองมีสติอยูหรือไม แตดูเหมือนวาแผนการนี้จะทำไดยากเย็นยิ่งนัก ความสามารถ
ในการตอสูของซือเสวี่ยมั่น ตวนมูหวงฮุนและซังจื่อจวินนั้นจัดวาอยูในระดับสูง หาก
เขาไมสามารถลมทุกคนไดในคราวเดียว เขาจะตองเปนฝายที่ถูกลมอยางแนนอน
“แลวจะใหพวกเราหลบซอนอยูที่นี่อยางคนขี้ขลาด และมองดูพวกเขาตายโดยที่
ไมทำอะไรเชนนั้นหรือ” ซือเสวี่ยมั่นจองมองอายฮุยอยางเย็นชา ราวกับตองการจะ
สังหารอายฮุยดวยสายตา ซึ่งถาหากเปนไปไดอายฮุยคงตายไปเปนพันครั้งแลว
นางเริ่มสงสัยแลววาการมอบอำนาจตัดสินใจใหกับอายฮุยนั้นถูกตองหรือไม เขา
มีความคิดซับซอนเกินไป
คนอื่นยังคงเงียบงันดวยสีหนาหวาดกลัว แตพวกเขาก็ไมเห็นดวยเชนกัน เสียแต
ไมกลาที่จะโตแยงออกไปเพราะกริ่งเกรงทาทีอันแข็งกราวของเขา
พวกเจานั้นชางออนตอโลก แถมยังกระตือรือรนเกินไป อายฮุยคิดอยูในใจ
“เจาพูดถูกแลว” อายฮุยยอมรับความผิดพลาดขึ้นมาอยางผิดความคาดหมาย
“เชนนั้นพวกเราก็ไปที่วาการเมืองกันเพื่อรับยุทโธปกรณ ขาจะไปรับรางวัลของขา
เชนกัน”
เจาอวนยัดอาหารใสปากอยางรวดเร็ว เขาดูเหมือนจะไรซึ่งอารมณใดๆ แตเขาใช
ความคิดอยูในหัวอยางรวดเร็ว เขารูวาตองมีบางอยางที่อายฮุยไมไดพูดออกมา!
เขารูจักอายฮุยเปนอยางดี หากเขายอมรับความผิดพลาดของตัวเองอยางรวดเร็ว
นั่นหมายความวา หากไมใชวาเขารูตัววาทำผิดไปจริงๆ เชนนั้นก็แปลวาเขามีความ
ตองการอยางอื่นอยูในใจ
คนอื่นกินอาหารตอไปอยาเงียบงัน
ซือเสวี่ยมั่นไมคาดคิดวาอายฮุยจะยอมรับความผิดของตนเองรวดเร็วเชนนี้ เพื่อ
ลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นนางจึงกลาวชมออกมา “นี่รสชาติดีใชไดเลย”
“โหลวหลานเปนคนทำ ขากลัววาพวกเราจะไมมีเวลาทำอาหารก็เลยขอใหโหลว
หลานทำอาหารแหงพวกนี้ไวจำนวนมาก นาจะเพียงพอใหพวกเรากินไปไดหลายวัน”
อายฮุยบอก
โหลวหลานที่ย ืนอยูข า งอา ยฮุ ย ยิ ้ มน อ ยยิ ้ มใหญ อ ย า งยิ น ดี ดวงตาที ่ อ ยู  ห ลั ง
หนากากกลายเปนรูปพระจันทรเสี้ยว
ทุก คนรูสึก ประหลาดใจที่ไดรู  ว  า โหลวหลานนั ้ น สามารถทำอาหารได ดู จ าก
ความสามารถในการตอสูที่เขาแสดงออกมา ทุกคนคาดเดาวาโหลวหลานนั้นเป น
ตุกตาทรายที่ใชในการรบ ไมคาดคิดวาจะมีความสามารถในการดูแลบานเชนกัน
แตซือเสวี่ยมั่นสังเกตเห็นสิ่งที่ตางออกไปและหันไปมองอายฮุยอยางชวยไมได
เขาเตรียมเรื่องพวกนี้ไวนานแลวเชนนั้นหรือ
ชางเปนคนที่ลึกลับเสียจริง
ในตอนนั้นเอง อายฮุยทำสัญญาณบอกใหทุกคนเงียบ
บทที่ 159 คลังเก็บของในที่วา การเมือง
คนอื่นที่กำลังนั่งกินอยูนั้นก็ตกตะลึงกับอากัปกิริยาของอายฮุย
เจาอวนเปนคนแรกที่ตอบสนองและควาโลขึ้นมาในทันที ดวยดวงตาที่เบิกกวาง
และปากที่อัดแนนไวดวยอาหารทำใหเขาดูเหมือนกับกบที่ตื่นตัวระวังภัย
ในตอนนั้นเองที่คนอื่นรับรูไดวามีบางสิ่งเกิดขึ้น พวกเขารูจักอายฮุยดีจึงมีความ
มั่นใจตอความสามารถในการตรวจจับสิ่งผิดปกติของเขา
อายฮุยนอนคว่ำลงเอาหูแนบชิดติดพื้น
“พื้นดินกำลังสั่นไหว” อายฮุยพูดดวยทุมต่ำ
การกระทำของเขาทำใหคนอื่นรูสึกเปนกังวล
“รูสาเหตุหรือไม” เจียงเหวยถาม ดูภายนอกแลวเขาเปนคนสูงสงา แขนขาเรียวยาว
มีความสามารถในการตอสูยอดเยี่ยม แตเมื่ออยูทามกลางผูคนกลุมนี้เขากลับไมมี
ความมั่นใจแมแตนอย เปนเหมือนดั่งทหารธรรมดาคนหนึ่ง
“ยากจะบอกได” อายฮุยอธิบาย “อาจเกิดจากการอพยพของฝูงสัตวจำนวนมาก
หรือไมก็มีสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยูใตพื้นดินหางไกลออกไป หือ คิดวานาจะเปนฝูงสัตว
มากกวา บางทีพวกมันอาจกำลังมาโจมตีเมือง”
อายฮุยลุกขึ้นมาดวยความสับสน
คนที่เหลือก็รูสึกโลงใจขึ้นมา พวกเขารับภารกิจมาโดยเชื่อวามันจะไมตางไปจาก
ครั้งกอน แตในชวงหลายวันมานี้พวกเขารูสึกกังวลมากขึ้น และตอนนี้พวกเขายัง
เขาใจสิ่งหนึ่งขึ้นมาในที่สุด นั่นคือระยะการรับรูของอายฮุยนั้นกวางไกลกวาพวกเขา
มาก เพราะไมมีใครแมแตคนเดียวที่สัมผัสไดถึงการสั่นสะเทือน
ตวนมูหวงฮุนนอนลงแนบหูกับพื้นตั้งใจฟงเชนเดียวกับที่อายฮุยทำ แตไมไดยิน
อะไรเลย
เจาอวนพนลมออกมาอยางดูถูกเมื่อเห็นความพยายามของตวนมูหวงฮุน เขากลา
เทียบตัวเองกับอายฮุยไดอยางไร มีแตจะผิดหวังเทานั้นแหละ
“กินเสร็จหรือยัง ถาเสร็จแลวก็ไปที่วาการเมืองกันเถอะ” อายฮุยพูดหลังจากยืน
ขึ้นแลว
พวกเขาไมมีอารมณจะกินตอไปอีกแลว เมื่อไดยินคำพูดของอายฮุย พวกเขาก็ลุก
ขึ้นและเดินตามไป
คนกลุมนี้เปนที่ดึงดูดสายตาของผูคนโดยเฉพาะตวนมูหวงฮุน ซือเสวี่ยมั่นและ
ซังจื่อจวิน ทั้งสามคนสวมชุดเกราะที่งดงามแสดงใหเห็นถึงความร่ำรวยและฐานะทาง
สังคม
ในทันทีที่พวกเขากาวเขาสูถนนก็ตระหนักไดวา เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่พวกเขา
มาถึง ตอนนี้นั้นมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไป
เกือบทุกคนบนถนนมีอาวุธติดตัว ลวนเปนกังวลและกำลังเรงรีบเดินทาง
เมื่อพวกเขามาถึงที่วาการเมืองก็เห็นวามีการปองกันอยางแนนหนา มีการตั้งปอม
สังเกตการณ และผูใชพลังธาตุจำนวนมากบินวนตรวจตราอยูบนอากาศ
โชคยังดีที่มีทหารยามบางคนจดจำซือเสวี่ยมั่นกับตวนมูหวงฮุนได จึงปลอยให
พวกเขาผานไปในทันที เมื่อเห็นทหารยามที่คุนหนา ตวนมูหวงฮุนก็เดินเขาไปหา
พูดคุยอยูประมาณหนึ่งนาทีกอนที่จะเดินกลับมาดวยสีหนาเศราหมอง
“จำนวนของสัตวโลหิตดานนอกเมืองนั้นเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วและมีบางสวนได
โจมตีกำแพงเมืองเมื่อเชานี้ ตอนแรกการโจมตีก็ไมรุนแรงเทาใดนัก แตเมื่อเวลาผาน
ไปความเขมขนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ประตูเมืองถูกโจมตีอยูและมีคนเสียชีวิตไป
แลวสิบสองราย”
คนที่เหลือในกลุมหนาซีดลงเมื่อไดยินคำพูดของตวนมูหวงฮุน นี่เปนการตาย
จำนวนมากที่สุดนับตั้งแตเมืองซงเจียนตัดสินใจที่จะทำการปองกัน
พวกเขาอดหันไปมองทางอายฮุยไมได ตอนที่ไดยินเขาพูดคนอื่นยังรูสึกสงสัยอยู
บาง แตตอนนี้พวกเขามั่นใจแลววาสถานการณนั้นเลวรายกวาที่คาดคิดเอาไวในตอน
แรกจริงๆ
ทันใดนั้นเองก็มีคนตะโกนขึ้นวา “ผูใชพลังธาตุดิน! มีผูใชพลังธาตุดินหรือไม มี
รอยแยกบนกำแพง!”
ผูใชพลังธาตุดินหลายคนตามเขาไปอยางรวดเร็ว
ความวิตกกังวลของพวกเขาหนักขึ้นกวาเดิม พวกเขาเปนเพียงแคนักเรียนที่ไมมี
ประสบการณก ับ เหตุรุนแรงเชนนี ้ มาก อ น ซื อ เสวี ่ ย มั ่ น กั บ ตวนมู  ห วงฮุ น เป นผู  มี
พรสวรรคที่มีชื่อเสียงเปนที่รูจักไปทั่วไมวาจะไปที่ใดก็ตาม แตในตอนนี้กลับรูสึกวา
ตัวเองนั้นต่ำตอยดอยคาไมคูควรแกการพูดถึงแมแตนอย
“เขาไปขางใน” อายฮุยพูดออกมาเพียงเทานี้
เสียงของเขานำทุกคนกลับมาสูความเปนจริงอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนรูสึกหวาดเกรง
อารมณตึงเครียดถึงขีดสุดเวนก็เพียงแตอายฮุยคนเดียวเทานั้นที่ยังดูสงบเยือกเย็น
เหมือนเชนปกติ ทาทางของเขาชวยทำใหคนอื่นผอนคลายความตึงเครียดลงไดบาง
ซังจื่อจวินถามขึ้นอยางอดไมไดวา “เจาไมกลัวหรืออายฮุย”
“ขากลัว” เขาตอบ
คำตอบนี้เหนือความคาดหมายของทุ ก คน พวกเขาคิ ดว าอ ายฮุ ย จะพู ดอะไร
ประมาณวา “ทำไม ไมเห็นมีอะไรนากลัวสักหนอย”
ซังจื่อจวินที่กำลังงงงันถามอีกครั้ง “แตเจาดูเหมือนไมไดหวาดกลัว”
อายฮุยตอบกลับไปโดยไมหันกลับมามอง “เจาก็จะไมตื่นตระหนกมากนักเชนกัน
หากผานการตอสูมามากพอ”
ซือเสวี่ยมั่นเหลือบมองไปทางอายฮุย แสงอาทิตยสาดฉายทอใบหนาที่ดูสงบเงียบ
และเฉยชา ชวนใหนางรูสึกสงบลงไดอยางประหลาด บางทีนี่อาจเปนความแตกตาง
ระหวางผูมีประสบการณกับมือใหม
พวกเขาไมอาจพบเจาเมืองไดเนื่องจากเขากำลังยุงอยางมาก เจาหนาที่จึงไดทำ
การตอนรับพวกเขาแทนและพาไปยังคลังเก็บของ
“วัตถุดิบทั้งหลายในเมืองนี้ถูกรวบรวมมาเพื่อทำการจัดสรรปนสวน ทานเจา
เมืองไดแจงเรื่องสถานะพิเศษของพวกเจาแลว ทุกคนจะไดรับยุทโธปกรณหนึ่งอยาง
และอายฮุยจะไดรับเพิ่มอีกหนึ่งอยางเปนของรางวัล แตดูเหมือนวาจะมีสมาชิกบาง
คนขาดหายไป”
ซือเสวี่ยมั่นและคนอื่นๆ รูสึกอับอายขึ้นมา
ตวนมูหวงฮุนเปนคนที่ตอบออกไปอยางไมแยแสวา “พวกเขาไมอยากเสียเวลามา”
เจาหนาที่ไมไดพูดอะไรอีกแตเก็บความไมพอใจเอาไวขางใน อยางไรก็ตามเขา
เขาใจดีวาเด็กพวกนั้นมาจากตระกูลชั้นสูงซึ่งมีอาวุธยุทโธปกรณอันหรูหราอยุแลว จึง
ไมแปลกอะไรที่พวกเขาจะดูถูกยุทโธปกรณที่มีอยูในเมืองนี้
แตกระนั้นเขาก็แอบจดจำชื่อของพวกที่ไมมาไวในใจ ทางที่ดีพวกเขาอยาไดมา
ออนวอนรองขอสิ่งใดจากเขาอีกในอนาคต
ทุกคนมองไปทางตวนมูหวงฮุนดวยสีหนาแปลกประหลาด แมแตอายฮุยก็รูสึก
ประหลาดใจในครั้งนี้
เจาเลหรายกาจ!
อายฮุยรูสึกสับสน คิดในใจวา ทำไมหมอนั่นถึงมองมาทางขา
ในใจของตวนมูหวงฮุนนั้น เขาพายแพใหกับอายฮุยอยูเสมอเพราะเขาไมโหดพอ
และเขาตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงมัน เขาจะแพใหกับอายฮุยไดอยางไร ตอใหเปนเรื่อง
ของความโหดรายเขาก็จะตองเอาชนะใหได!
เมื่อไดยินวาจะไดรับแจกยุทโธปกรณใหกับทุกคน เจาอวนก็รูสึกตื่นเตนขึ ้นมา
เห็นไดชัดวาการติดตามอายฮุยนั้นมีประโยชนอยางมาก ถึงขนาดทำใหเขาสามารถ
เลือกยุทโธปกรณจากคลังเก็บของในที่วาการเมืองได
เจียงเหวยกับหวังเสี่ยวซานก็รูสึกยินดีเปนอยางยิ่งเชนกัน
เมื่อเทียบกันแลวซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินสงบเงียบกวามาก อันที่จริงแลวพวก
นางก็เห็นดวยกับสิ่งที่ตวนมูหวงฮุนพูดออกไป แตเพื่อปองกันไมใหติดอยูในบัญชีดำ
พวกนางจึงแสรงทำเปนเลือกยุทโธปกรณอยางตั้งใจ
อายฮุยไมไดใหความสนใจกับคนอื่น เขาเพียงพูดกับเจาอวน “เจาเปนพลโล อยา
เลือกสิ่งของที่ไมเกี่ยวของ!”
เขารูจักเจาอวนดีเกินพอ หากไมตักเตือนไวกอนเจาอวนยอมเลือกของที่แพงที่สุด
อยางแนนอน
“พลโล?” เจาหนาที่ที่นำพวกเขามารูสึกอดไมได ที่จะชื่นชมเจาอวนเมื่ อ เห็ น
รูปรางสูงใหญแข็งแรงเหมือนดั่งภูเขา “ชางเปนพลโลที่ยอดเยี่ยม! เรามีชุดเกราะที่
เหมาะสมกับตำแหนงนี้พอดี!”
เจาหนาที่นำชุดเกราะสัมฤทธิ์ชุดหนึ่งออกมา
“ชุดเกราะนี้เรียกวา ขุนผาปราษาณ อันแสดงถึงความมั่นคงดุจหินผา มีน้ำหนักที่
มากถึงสี่รอยสามสิบเจ็ดจิน”
เจียงเหวยกับหวังเสี่ยวซาน หรือแมกระทั่งซือเสวี่ยมั่นกับซังจื่อจวินเองก็ยังรูสึก
ตกตะลึงกับตัวเลขอันนาพรั่นพรึงนั่น
เจาหนาที่รูสึกพอใจที่ไดเห็นสีหนาของพวกเขา การไดยินวาพวกเด็กบานรวย
เหลานั้นดูถูกสิ่งของในคลังเก็บของนี้ทำใหเขารูสึกหงุดหงิด แตตอนนี้เมื่อไดเห็นสีหนา
ประหลาดใจของพวกเขาแลว เจาหนาที่ก็รูสึกผอนคลายขึ้นมาก รูสึกปลอดโปรงยิ่ง
กวาไดกินอาหารพลังธาตุเขาไปเสียอีก เขาเริ่มอธิบายอยางยืดเยื้อไมจบสิ้น
“ถึงแมวามันจะดูธรรมดาและไมไดถูกสรางโดยชางฝมือที่มีชื่อเสียงอะไรนัก แต
มันก็เปนชุดเกราะคุณภาพสูงที่หาไดยากยิ่งชุดหนึ่ง ในตอนที่เจาเมืองไดเห็นมันเปน
ครั้งแรก เขาก็กลาวชื่นชม ถึงขนาดใชดาบทดสอบมันดวยตัวเอง และไดพบวาดาบนั้น
ไมอาจจะทำลายมันได ในตอนนั้นเจาเมืองบอกวามีเพียงคนที่เกิดมาพรอมกับพลังอัน
นาอัศจรรยเทานั้นที่จะสามารถสวมใสชุดนี้ได เจาอยากจะลองดูหรือไม”
นับตั้งแตเริ่มตนเจาอวนก็จองมันไมวางตา
หลังจากใชชีวิตเสี่ยงความตายมา เขายอมรูดีวาการเปนพลโลนั้นหากไดสวมชุด
เกราะหนักแบบนี้ก็จะเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตไดเปนอยางมาก ยิ่งไปกวานั้นเขายัง
รูตัวดีวาไมอาจจะหาเงินมากพอมาซื้อชุดเกราะแบบนี้ไดดวยตัวเองอยางแนนอน
“แนนอนขาตองการชุดนี้” เจาอวนตอบโดยไมลังเล
เขาควาชุดเกราะมาสวมใสอยางเงอะงะโดยไมรองขอความชวยเหลือจากผูอื่นสักคำ
เมื่อเขาใสชุดเกราะสำเร็จในที่สุดทุกคนก็อาปากคางดวยความประหลาดใจ
เขานั้นแข็งแกรงราวกับภูเขาอยูแลวแตเมื่อสวมเกราะขุนผาปราษาณ ทุกคนที่ได
ยลลวนรูสึกถึงแรงกดดันอยางรุนแรง แมแตเงาของเขาก็ดูแข็งแรงขึ้นกวาแตกอน
เจาอวนวิ่งไปรอบหองดวยความตื่นเตน ราวกับวาน้ำหนักสี่รอยสามสิบเจ็ดจินนั้น
ไมมีผลกระทบตอการเคลื่อนไหวของเขาแมแตนอย
แลวเขาก็รองไหเสียงดังออกมาอยางไมมีปมีขลุย น้ำตาไหลลงมาตามใบหนาเปน
สายธาร
นี่เปนครั้งแรกที่เขามีชุดเกราะใหใส
แรงงานในแดนรางไมมีชุดเกราะหรือเครื่องปองกันอะไร ซึ่งเปนสาเหตุหลักที่ทำ
ใหพวกเขาเสียชีวิต ดวยรายไดอันนอยนิดของพวกเขาจึงเปนไปไมไดที่จะหาซื้อชุด
เกราะที่มีราคาแพง ทำใหจำตองเผชิญหนากับคมเขี้ยวและกรงเล็บของอสูรรายโดยไม
มีเครื่องปองกัน
แตตอนนี้เขาสวมชุดเกราะที่แข็งแกรง ความรูสึกปลอดภัยอยางที่ไมเคยสัมผัสมา
กอนทำใหเขารองไหออกมา และเสียงรองไหก็ทำใหทุกคนอึ้งไป
แตอายฮุยเขาใจความรูสึกของเจาอวนดี เขาตบลงไปบนชุดเกราะและกลาววา
“ดูแลชุดเกราะนี้ใหดี อยาไดทำหาย”
“แนนอน” เจาอวนตอบ เขาหยุดรองไหและตอบดวยน้ำเสียงอูอี้วา “ขาไมมีทาง
ทำหาย”
นี่เปนชุดเกราะที่แพงที่สุดเทาที่เขาจะหามาใชได เขาไมมีวันยอมปลอยใหมัน
หายไปไมวาเหตุใดก็ตาม
การถือโลที่มีน้ำหนักสามรอยหาสิบไวในมือหนึ่ง แลวยังตองสวมชุดเกราะหนักถึง
สี่รอยสามสิบเจ็ดจินเอาไวดวยแตเจาอวนก็ยังสามารถเดินไปมาไดอยางเปนปกติ ทำ
ใหคนอื่นแทบจะไมอาจละสายตาไปจากเขาได พวกเขาเคยคิดวาเจาอวนนั้นเปนคนไร
คาแตภาพที่เห็นตรงหนานี้เปลี่ยนความคิดของพวกเขาไปอยางสิ้นเชิง
“ทุกคนเลือกยุทโธปกรณของตัวเองไดแลว” อายฮุยกลาวออกมา
ทุกคนเริ่มมองหาสิ่งที่ตัวเองตองการ
อายฮุยก็เริ่มคิดถึงอาวุธที่เขาจำเปนตองใช อาวุธที่เขาใชอยูในตอนนี้คือกระบี่
เพลิงสันหลังมังกร ซึ่งเขาไมมีความจำเปนตองเปลี่ยนไปอีกระยะหนึ่ง รองเทาเมฆา
ลอยลองก็จัดเปนรองเทาที่ดีที่สุดเทาที่เขาจะมีได นอกจากนี้ผาพันแผลโลหิตก็เปน
เครื่องปองกันอยางดีและไมสรางผลกระทบตอความคลองตัวของเขาอีกดวย
และเมื่อมีเจาอวนคอยเปนพลโล เขาก็ ไม จ ำเป นต องมีอ ุป กรณป อ งกั นอะไร
มากมายจนเกินไปนัก
“มีปกเมฆาอะไรที่ขาพอจะใชไดหรือไม” อายฮุยเอยถาม
เจาหนาที่ประจำคลังเก็บของเขาใจในทันที “เจาหมายถึงยุทโธปกรณที่ชวยให
เจาสามารถบินไดใชไหม ขาคิดวาเจาสามารถใชผาคลุมได”
“ผาคลุม?” ดวงตาของอายฮุยเปนประกาย
เจาหนาที่หาพบชิ้นหนึ่งอยางรวดเร็ว “พวกเราใหความสนใจกับสิ่งที่นักเรียน
ตองการเชนกัน พลังธาตุประจำกายของเจาคือธาตุทองใชไหม นี่คือสิ่งที่เจาสามารถ
สวมได มันเรียกวา วาตะมาศ ซึ่งสามารถชวยใหเจาบินไดโดยการระเบิดลมธาตุทอง
ออกมา”
“เชนนั้นก็เอาอันนี้” อายฮุยกลาวโดยไมลังเล
นอกเหนือจากผาคลุมแลว อายฮุยยังสามารถเลือกไดอีกชิ้นหนึ่ง แตเขาก็ไมรูวา
ตัวเองตองการอะไรเชนกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเดินดูไปรอบๆ คลังเก็บของ
บทที่ 160 กลองกระบี่ธุลีสชี าด
คลังเก็บของในที่วาการเมืองนั้นไมใหญโตอะไรและยุทโธปกรณก็เรียกไดวาขาดแคลน
ซือเสวี่ยมั่นและคนอื่นอาจมองวาเปนกองขยะ แตสำหรับอายฮุยแลวมันคือขุมสมบัติ
เขาเดินผานชั้นวางของและกล องตางๆ ที ่ เก าคร่ำ คร าไปอย างเชื ่อ งช า หยิบ
ยุทโธปกรณที่ฝุนจับขึ้นมาดูใกลๆ อยูบอยครั้ง เขาไมสนใจเรื่องฝุน ในยามที่เขาปลด
ชุดเกราะในแดนราง ชุดเกราะพวกนั้นลวนเปรอะเปอนไปดวยเศษเลือดเศษเนื้อหรือ
แมแตเถากระดูกดวยซ้ำไป
ตวนมูหวงฮุนสำรวจมองอายฮุยอยูอยางลับๆ เมื่อเห็นสิ่งที่อายฮุยทำเขาก็ปลุกขวัญ
ตัวเองใหหยิบอาวุธที่เกาคร่ำคราขึ้นมาและบอกตัวเองวาเขาตองทำไดดีกวาอายฮุย
เขาตองไมแพแกอายฮุยไมวาเรื่องใดก็ตาม!
แตทวาดวยความที่เปนโรคกลัวเชื้อโรคมาตั้งแตเด็ก ตวนมูหวงฮุนจึงรูสึกครั่นเนื้อ
ครั่นตัวขึ้นมา
ดวยยึดติดกับความคิดที่วาเขาตองเอาชนะอายฮุย ตวนมูหวงฮุนจึงตัดสินใจใน
ที่สุด เขาเลือกเมล็ดหญาที่มีชื่อวา “สังขลิก” ถุงหนึ่ง เมล็ดพันธุเหลานี้เมื่อถูกกระตุน
ใหเติบโตขึ้นดวยพลังธาตุก็จะกลายเปนบวงบาศเถาวัลยที่จะพุงเขาไปรัดเปาหมาย
และมัดเอาไวในทันทีที่ไ ดส ัมผัส ชื ่ อ ของมั น ก็ บ  งบอกชั ดเจนอยู  แ ล ว ว า มี ไว เ พื่ อ
พันธนาการเปาหมายเอาไวอยางเหนียวแนนไมใหดิ้นหลุดไปไดโดยงาย
ซือเสวี่ยมั่นเลือกเทียนวารีมาจำนวนหนึ่ง เทียนวารีนั้นเปนยุทโธปกรณที่ใชแลว
หมดไปที่ผูใชพลังธาตุน้ำใชกันโดยทั่วไป เมื่อจุดขึ้นดวยพลังธาตุน้ำ แสงเทียนจะไม
อาจมองเห็นไดดวยตาเปลาแตจะกระจายพลังธาตุเพื่อสรางภาพลวงตาอันแพรวพราว
ขึ้นมา ซังจื่อจวินเลือกลูกศรขึ้นมาแลงหนึ่ง ซึ่งบรรจุลูกศรที่เรียกวาเครื่องสีเครื่องเปา
ซึ่งเปนลูกศรประเภทที่ใชสรางเสียงเพื่อรบกวนจิตใจและกระตุนอารมณตางๆ ที่หาได
ยากชนิดหนึ่ง
หวังเสี่ยวซานเลือกถุงมือคูหนึ่งที่มีชื่อเรียกวาถุงมือโคลน ซึ่งสามารถชวยใหเขา
ควบคุมโคลนและดินไดดีขึ้น อันที่จริงแลวหวังเสี่ยวซานไมคอยมีความมั่นใจนักและไม
เขาใจวาเหตุใดอายฮุยถึงเลือกใหเขาเขารวมกลุมโดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อเขามองเห็น
สมาชิกคนอื่นเปนบุคคลอันสูงสงที่เขาไดแตเงยหนามองในอดีต เขารูจักตัวเองเปน
อยางดีและรูวาความแข็งแกรงอยางเดียวของเขาก็คือการควบคุมดิน ดังนั้นเขาจึง
เลือกยุทโธปกรณชิ้นนี้
เจียงเหวยเลือกธนูใหญที่มีชื่อวาภูผาศิลา
เกาทัณฑไหมทองของซังจื่อจวินนั้นเรียวบางและงดงาม ในขณะที่ธนูภูผาศิลา
ของเจียงเหวยนั้นใหญโตและแข็งแกรง มันเปนธนูหนักประเภทหนึ่งที่มีความยาวพอๆ
กับความสูงของเขา มีเพียงชายรางสูงที่มีแขนยาวเทานั้นจึงจะสามารถใชมันไดอยาง
เต็มประสิทธิภาพ เจียงเหวยรูสึกตื่นเตนยินดีเปนอยางยิ่งเมื่อไดเห็นธนูคันนี้ เขามอง
หาธนูใหญแบบนี้มาตลอดแตไมเคยพบเจอแมแตครั้งเดียว
ทุกคนยกเวนอายฮุยไดเลือกยุทโธปกรณของตนเสร็จแลว
“พวกเจาทุกคนมีรสนิยมไมเลว” เจาหนาที่ซึ่งยืนอยูดานขางกลาวชื่นชมพวกเขา
แมวาเขาจะรูสึกใจหายอยูบางที่ตองมอบของดีๆ ออกไปจำนวนมาก “ของสวนใหญ
มาจากการสะสมสวนตัวของทานเจาเมือง เขาเปนพวกคลั่งไคลในยุทโธปกรณซึ่งเปน
เหตุผลวาทำไมคลังเก็บของถึงไดมีขนาดใหญโตในทุกวันนี้ ทุกสิ่งที่พวกเจาเลือกไปนั้น
ลวนเปนของดีทั้งสิ้น”
อายฮุยรูสึกสะดุดตากับกลองรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มันใหความรูสึกคุนเคยกับเขาราว
กับวาเขาเคยเห็นมันที่ไหนมากอน
กลองนั้นมีฝุนจับหนาเตอะ เมื่อหยิบมันขึ้นมาเปาฝุนออกไป รูปลักษณที่แทจริงของ
กลองจึงปรากฏออกมาใหเห็น มันเปนกลองสีดำสนิทสรางขึ้นจากโลหะสีดำชนิดหนึ่ง
มีกุญแจคลองไวอยูที่มุมหนึ่งซึ่งทำใหมันสามารถหอยแขวนอยูกับเข็มขัดได
กลองนี้สามารถเปดไดอยูดานหนึ่ง แตมันมืดดำจนไมอาจจะมองเห็นไดชัดเจนวา
สิ่งใดอยูขางใน
เจาหนาที่สังเกตเห็นกลองในมือของอายฮุยจึงใหคำแนะนำ “มันเปนกลองกระบี่
ที่ลาสมัยไปแลว มีกระบี่ขนาดเล็กสามเลมอยูภายใน เมื่อเจารายรำกระบี่ พวกมันก็จะ
บินออกมาจากกลองและรวมรำไปดวยกัน มันไมคอยมีประโยชนเทาไรนัก ชางฝมือที่
สรางกลองนี้ขึ้นมามีความหลงใหลนักกระบี่ในยุคโบราณแตเมื่อเขาตระหนักวาตนไม
อาจควบคุมกระบี่พวกนี้ไดจึงทิ้งมันไป ทานเจาเมืองรูสึกวามันนาสนใจดีจึงซื้อมาดวย
ราคาหนึ่งแสนหยวน”
อายฮุยตระหนักไดทันทีวาเหตุใดจึงรูสึกคุนเคยกับมัน กลายเปนวานี่คือกลอง
กระบี่ เขาเคยอานพบในคัมภีรกระบี่ แตนี่เปนครั้งแรกที่เขาพบของจริง
“หนึ่งแสนหยวนหรือ” เจาอวนสายหนาราวกับกลองปองแปง “ของดีไมมีทาง
ราคาถูกเชนนี้แน อายฮุยเจาควรจะเลือกอยางอื่นแทน”
อายฮุยไมสนใจเจาอวนและหันไปถามเจาหนาที่ “ขอขาลองหนอยไดไหม”
เจาหนาที่ไมมีเหตุผลอะไรจะหามเขา จึงกลาวออกไปวา “ระวังหนอยแลวกัน มี
ของอยูเยอะแยะรอบกายเจา”
คนอื่นก็รูสึกสงสัยใครรู รวมถึงตัวเจาหนาที่ประจำคลังเก็บของเองดวย เขาติดตามรับ
ใชเจาเมืองมาหลายปแลว นับตั้งแตซื้อมา กลองกระบี่นี้ก็ถูกทิ้งไวในคลังเก็บของโดย
ไมมีใครมายุงกับมันอีกเลย ตัวเจาเมืองเองก็ลืมไปแลววามีกลองกระบี่นี้อยู
นาเศราที่อายฮุยไมไดอยูดวยตอนที่มีการซื้อขายกลองกระบี่นี้ เขาจึงไมมีโอกาส
ไดเห็นวาชางฝมือใชกระบี่เชนไรหรือรูวิธีวาจะใชมันอยางไร
อายฮุยแขวนกลองกระบี่ไวกับเอวอยางระมัดระวัง ถึงแมวาเขาจะไมเคยเห็น
กลองกระบี่มากอน แตเขาก็รูเรื่องของมันอยูไมนอย
ครั้นแลวเขาก็รวบรวมสมาธิและความมุงมั่นไวกับกระบี่ดวยการขยับขอมือเพียง
เล็กนอยเขาก็ชักกระบี่เพลิงสันหลังมังกรออกมา
เสียงสะทอนทำใหทุกคนที่อยูรอบรูสึกหวาดกลัวขึ้นมา กระบี่นี้หนักมากอยาง
แนนอน
ในตอนนั้นเองลำแสงสีแดงสามสายก็พุงออกมาจากกลอง และบินวนรอบกาย
อายฮุยราวกับปลา
ทุกคนจึงสามารถมองเห็นแสงสีแดงไดอยางชัดเจน มันคือกระบี่ขนาดเล็กสาม
เลมที่บินไปมาดวยความเร็วสูง
กระบี่นี้มีความยาวเพียงหนึ่งฝามือและมีความกวางประมาณนิ้วมือสองนิ้วมือ
เทานั้น มันโปรงใสและถูกสรางขึ้นอยางประณีต
คนอื ่ น ๆ ล ว นอั ศ จรรย ใ จ นี ่ เ ป น ครั ้ ง แรกที ่ พ วกเขาได เ ห็ น อาวุ ธ ที ่ เ บาและ
คลองแคลวถึงเพียงนี้
อายฮุยไมหยุดเพียงเทานี้ เขาขยับขอมืออีกครั้ง เริ่มออกกระบวนทากระบี่ที่รูจัก
เขาไดเรียนรูกระบวนทากระบี่ทั้งหลายมาจากคัมภีรกระบี่ แตกระบวนทาเหลานี้ได
สูญเสียประสิทธิภาพของมันไปนานแลว การที่จะหากระบวนทาในคัมภีรที่สามารถ
ใชไดจริงนั้นก็เหมือนการมองหาของที่ใชไดจากกองขยะขนาดมหึมา
บางกระบวนทาก็ไมครบถวนหรืออาจมีเพียงแคครึ่งเดียวดวยซ้ำ และบางสวนก็
เปนเรื่องเกี่ยวกับการหายใจและเคล็ดลับในการใชพลัง คัมภีรกระบี่ยุคโบราณที่ชำรุด
พวกนี้ไมมีคาอะไรดวยซ้ำ
จึงคาดเดาไดไมยากวาความรูเหลานี้นั้นกระจัดกระจายและไมเปนระบบ
ดังนั้นกระบวนทาของอายฮุยจึงดูกระจัดกระจาย ประดักประเดิด ไมสบายตา
เปนอยางยิ่ง บางครั้งครึ่งแรกก็ดูงดงามสงาผาเผยแตแลวก็พลันเปลี่ยนเปนรุนแรงและ
หยาบคาย การหยุดชะงักและชองวางระหวางกระบวนทานั้นสามารถมองเห็นไดอยาง
ชัดเจน
การหยุดชะงักและความไมตอเนื่องนี้ทำใหผูคนหายใจติดขัดรูสึกแนนหนาอก
พวกเขาไมอยากเชื่อสายตาตัวเองวาเพลงกระบี่ที่นาเกลียดแบบนี้จะถูกใชโดยผูที่
นับวาเปนผูมีพรสวรรคในการใชกระบี่อยางอายฮุย
แตที่นาประหลาดใจกวานั้นก็คือกระบี่สีแดงทั้งสามเลมกลับดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ราวกับฉลามไดกลิ่นเลือดสด พวกมันบินวนรอบกระบี่เพลิงสันหลังมังกรในมื อของ
อายฮุย ลำแสงกระบี่สีแดงที่ถักทอไปมาในอากาศนั้นดูงดงามอยางยิ่ง
รางของอายฮุยดูพราเลือนไปเมื่ออยูทามกลางลำแสงกระบี่สีแดง
ลำแสงกระบี่สีแดงที่มีความบางเบาราวกับเสนผมแวบผานระยะสายตาของตวนมู
หวงฮุนพรอมกับเสียงแผวเบาราวกับใบมีดอันแหลมคมกรีดผานกระดาษบางจากนั้นก็
หายไปในทันที
พวกเขาเขาใจในทันทีวาเหตุใดชางฝมือจึงไมอาจควบคุมได นั่นก็เพราะกระบี่ทั้ง
สามเร็วเกินไป
พวกมันบินไปอยางรวดเร็วจนยากที่จะมองตามดวยตาเปลา
ทั้งซือเสวี่ยมั่นและตวนมูหวงฮุนมองเห็นเพียงลำแสงสีแดงที่บินฉวัดเฉวียนไปมา
อยูตรงหนา กระบี่ห นักสีดำเคลื่อนไหวอย างเชื ่ องชาในขณะที ่ก ระบี ่ จิ๋ วสี แดงสด
เคลื่อนไหวอยางรวดเร็วราวกับแสงฟาแลบและคลองแคลวราวกับลูกปลานอย อาวุธ
ทั้งสองชนิดนั้นแตกตางกันอยางชัดเจนแตผูคนที่มองอยูกลับรูสึกวาพวกมันสอดผสาน
กันอยางลงตัวราวกับวานี่คือสิ่งที่ควรจะเปน
อายฮุยนั้นทวมทนดวยความรูสึกที่แปลกประหลาดอยางหนึ่ง
ตัวออนกระบี่ดูจะตื่นเตนเปนอยางยิ่ง กระบี่จิ๋วทั้งสามเลมดูเหมือนจะเปนของ
เลนใหมของมัน เมื่อภาวะตัวออนกระบี่ของอายฮุยพัฒนาขึ้น เขาก็สามารถสัมผัสได
ถึงสิ่งตางๆ อยางชัดเจนมากกวาที่เคย
อายฮุยเองก็รูสึกตื่นเตน นี่นับเปนประสบการณแปลกใหมสำหรับเขาเชนกัน
กระบี่เพลิงสันหลังมังกรดูจะแรงดึงดูดเปนพิเศษกับพวกกระบี่จิ๋ว นั่นคือเหตุผลที่
มันบินวนรอบอายฮุย
การดึงดูดนี้มีความเปนเอกลักษณ เมื่อกระบี่พวกนี้เขาใกลอายฮุยมากเกินไปแรง
ดึงดูดนี้ก็จะลดลงหรือถึงขนาดเปลี่ยนเปนแรงผลักดันออกไป ถึงอยางไรก็ตามเมื่อมัน
ถูกผลักออกไปไกลพอแลว แรงดึงดูดก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับมีสายใยบางอยาง
ดึงพวกมันเอาไวดวยกัน ทำใหพวกมันไมอาจเขาใกลหรือออกหางจนเกินไป
กระบี่จิ๋วพวกนี้เพียงแคบินอยูรอบกายอายฮุย
เนื่องจากกระบี่พวกนี้บินดวยความเร็วสูง แรงดึงดูดจึงเปลี่ยนแปลงอยางตอเนื่อง
ทำใหเสนทางการบินของกระบี่จิ๋วพวกนี้ไรรูปแบบอยางสิ้นเชิง
ลำแสงสีแดงเจิดจาบินขวักไขวไปมากอใหเกิดภาพอันงดงาม
“ชางงดงามจริงๆ” เจาหนาที่ประจำคลังเก็บของชื่นชมออกมาอยางอดไมได “ไม
แปลกใจเลยวาเหตุใดเจาเมืองถึงไดยอมจายเงินหนึ่งแสนหยวนซื้อมันมา นาสนใจเสีย
จริง”
คนอื่นก็พยักหนาเห็นดวย ทุกคนลวนคิดอยางเดียวกัน
มันนา สนใจก็จ ริงแตก็ไมอาจนั บเปน อาวุธ ได กระบี ่ ท ี ่ ไม อาจควบคุ ม ไดจะมี
ประโยชนอะไรในการตอสู มันอาจจะทำรายเพื่อนรวมกลุมก็เปนได
กระบี่เพลิงสันหลังมังกรวาดผานอากาศเปนรูปครึ่งวงกลมชาๆ ราวกับพูกันที่ชุม
ไปดวยน้ำหมึก
วูบ วูบ วูบ!
ลำแสงสีแดงบินกลับเขาไปในกลองกระบี่ราวกับนกนอยบินกลับรังยามสนธยา
เย็นย่ำ
อายฮุยก็เก็บกระบี่หนักสีดำใสฝกเชนกัน ดวงตาของเขาที่เปลงประกายราวกับ
ดวงดาวก็คอยๆ หมดแสงลงกลายเปนสงบนิ่งเหมือนเชนเคย “ขาจะเอากลองกระบี่
นี้” เขากลาวออกมา
ทุกคนรูสึกประหลาดใจ
เจาอวนกลาวเตือนดวยความกังวล “อายฮุยหนึ่งแสนหยวน มันมีคาแคหนึ่งแสน
หยวนเทานั้น อยาเสียโอกาสเชนนี้ไป”
ซือเสวี่ยมั่นเองก็กลาวขึ้น “กระบี่พวกนี้นาทึ่งและงดงามอยางแทจริงแตก็ไม
นับเปนอาวุธที่ดี มันสามารถทำรายเพื่อนรวมกลุมของเจาไดอยางงายดาย ทำไมถึงไม
เลือกอยางอื่นแทน”
อายฮุยสายหนา “กลองกระบี่นี้เหมาะกับขาที่สุดแลว ไมตองกังวล ขาจะไมใชมัน
จนกวาจะสามารถควบคุมมันไดอยางชำนาญ”
“เจาแนใจนะวาตองการที่จะเลือกกลองกระบี่นี้” เจาหนาที่เองก็คราวเตือนเขา
“เมื่อเจาเดินออกจากคลังเก็บของนี้ไปแลวเจาก็ไมอาจเปลี่ยนใจไดอีกแลว”
“แนนอน ไมเปนไร” อายฮุยกลาวอยางชัดเจน
“ก็ได” เจาหนาที่ดูแลคลังเก็บของเกา “กลองนี้มีชื่อวา กลองกระบี่ธุลีสีชาด”
“ธุลีสีชาด” อายฮุยกลาวย้ำ เขารูสึกวาชื่อนี้มีความหมายอันลึกซึ้งซอนอยูและ
พยักหนา “เปนชื่อที่ดี”
ถึงแมวาพวกเขาจะไมรูวาเหตุใดอายฮุยจึงยืนกรานจะเลือกธุลีสีชาด แตพวกเขาก็
ไมคิดจะคัดคาน ตราบใดที่เขาไมทำอันตรายเพื่อนรวมกลุม
พวกเขาเพิ่งเดินออกจากคลังเก็บของก็ไดยินเสียงระเบิดดังกึกกอง สีหนาของทุก
คนเปลี่ยนไปในทันที
“นั่นประตูเหนือ!” ตวนมูหวงฮุนหนาขาวซีด
ประตูใหญของเมืองซงเจียนนั้นอยูทางทิศใตประตูทางทิศเหนือนั้นมีขนาดเล็ก
กวามาก และเปนอยางที่คาดคิดไว กลุมควันและฝุนผงพวยพุงขึ้นมาจากทางฝงประตู
เหนือ เสียงสัญญาณเตือนภัยดังกองไปทั่วทั้งเมือง ผูใชพลังธาตุทั้งหลายลวนพุงตัวไป
ยังประตูเหนืออยางบาคลั่ง
ประตูใตถูกโจมตีกอนแตความสับสนวุนวายนั้นรุนแรงกวาที่ประตูเหนือในตอนนี้
นี่จึงทำใหทุกคนนึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมา เบี่ยงเบนความสนใจ!
พวกเขามองหนากันไปมาและมองเห็นความสงสัยในดวงตาของอีก ฝาย สัตว
โลหิตฉลาดขนาดนี้เชียวหรือ
ผูใชพลังธาตุบนทองฟาอยูในความโกลาหลเปนอยางยิ่ง
“อุดรูรั่วไว! ผูใชพลังพลังธาตุดิน! เราตองการผูใชพลังธาตุดิน!”
“บัดซบ! สัตวโลหิตวิ่งเขาไปในเมืองแลว!”
“อุดรูรั่วกอน!”

หัวใจของพวกเขาหดลงในทันใด ไมมีใครคาดคิดวาสถานการณจะเลวรายลงดวย
ความเร็วถึงเพียงนี้
“กลับไปยังโรงฝกเร็วเขา!” อายฮุยพูดดวยเสียงเบา เขาเปนคนแรกที่วิ่งไปบน
ถนนและคนอื่นๆ ก็ตามไปอยางรวดเร็ว
บทที่ 161 ผจญอันตราย
ทองถนนเต็มไปดวยความโกลาหล
ผูคนที่ไมมีประสบการณในการสูรบนั้นสามารถจะอยูอยางเปนระเบียบเรียบรอย
ไดในชวงเวลาปกติสุข แตเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นความเปนระเบียบเรียบรอยอันฉาบฉวยนี้
ก็จะพังทลายลงในทันที
ทุกคนรูสึกไมสบายใจในยามที่เดินตามหลังอายฮุยไป
กลับกัน เจาอวนที่กอนหนานี้ดูเหมือนจะเปนคนไรประโยชนกลับถือโลขนาด
ยักษเดินเคียงขางอายฮุยและสำรวจมองไปรอบๆ ดวยสีหนาระแวดระวัง
“ถาเราอยูที่นี่จะไมปลอดภัยกวาหรือ” หวังเสี่ยวซานถามเสียงออย
“ไมมีท ี่ไหนปลอดภัย ทั้งนั้น” อ า ยฮุ ย ตอบกลั บ โดยไม หั น หน าไปมอง ยั งคง
เดินหนาตอไปดวยความเร็วเทาเดิม “ถาคนพวกนี้เปนพวกสิบสามหนวย ขายอมเห็น
ดวยอยางยิ่งที่จะอยูตรงนี้ อยางไรก็ตามพวกเขาไมใช หากสถานการณกลายเปน
เลวรายลง ความประมาทเลินเลอเพียงเล็กนอยจะทำใหพวกเขาลมสลายภายใตแรง
กดดันอันหนักหนวง เจาอยากลองดูหรือไมวาการถูกเบียดและเหยียบย่ำโดยฝูงชนที่
แตกตื่นนั้นใหความรูสึกอยางไร ขาวาเจาไมอยากรูหรอก ยิ่งไปกวานั้นพวกเขามีคน
อยูม าก ซึ่งกลายเปนเปา ขนาดใหญ ท ี ่ จ ะถู ก จ อ งเล น งานจากสั ตว โ ลหิ ต ได อ ย า ง
งายดาย”
“เจามั่นใจถึงเพียงนั้นเลยหรือ” ตวนมูหวงฮุนตาเปนประกาย
ลึกลงไปในใจเขารูถึงความสามารถของอายฮุยอยูแลว แตสิ่งที่อายฮุยเพิ่งพูด
ออกมานั้นออกจะดูถูกพวกทหารยามเหลานี้ไปหนอย
“ขาคิดวามันสมเหตุผล” เจียงเหวยเห็นดวยกับอายฮุย “คุณภาพของทหารยาม
ประจำเมืองก็ต่ำมากอยูแลว จนปานนี้พวกเขาก็ยังไมอาจจับคนโรคจิตเปลือยกายคน
นั้นไดเลย วากันวาพวกเขาถึงขนาดถูกเจาหนุมนั่นเลนงานเสียยับเยิน ทำใหทหารยาม
หลายคนไดรับบาดเจ็บ ขาคิดวาพวกเราพึ่งตัวเองจะดีกวา เอะ อายฮุยทำไมเจาถึงได
ทำหนาแปลกแบบนั้น”
ตาของตวนมูหวงฮุนเริ่มกระตุก เขารูสึกราวกับวาถูกทิ่มแทงเขาที่หัวใจหลายแผล
จนเลือดไหลนองออกมาไมยอมหยุด
ซือเสวี่ยมั่นเองก็คิดยอนไปถึงภาพในคืนนั้น นั่นเปนครั้งแรกที่นางไดเห็นวิถีกระบี่
ของอายฮุย เพลงกระบี่สุดทายที่เขาใชนั้นงดงามหาใดเปรียบ ภาพนั้นสลักอยูในใจ
ของนางอยางลึกซึ้ง
เมื่อนึกถึงขึ้นมานางก็อดชื่นชมไมได
สวนเจาเด็กหนุมโรคจิตเปลือยกายนั้นซือเสวี่ยมั่นไมมีความประทับใจอันใดกับ
เขามากนัก ในทางกลับกันนางกลับยิ่งรูสึกอัศจรรยใจในตัวอายฮุยมากขึ้นเรื่อยๆ
กอนหนานี้ในยามที่นางเห็นอายฮุยใช [มัจฉาสะบัดกาย] ระหวางการตอสูกับ
เหอชิงหมิงและพวก นางก็คิดยอนกลับไปถึงการปดตาตอสูครั้งแรกของนาง นั่นเปน
เพียงครั้งเดียวเทานั้นที่นางใช [มัจฉาสะบัดกาย] ในการตอสูจริงและก็ถูกสยบลงอยาง
งายดาย หลังจากที่ไดเห็น [มัจฉาสะบัดกาย] ของอายฮุย นางก็ตองตกตะลึงอีกครั้ง
หาก [มัจฉาสะบัดกาย] ของนางมีความรุนแรงเชนเดียวกับอายฮุย นางคงไดรับชัย
ชนะในการปดตาตอสูครั้งนั้นไปแลว!
โชคไมดีที่นางยังไมอาจหานักสูลึกลับคนนั้นพบ ซึ่งทำใหนางผิดหวังและหัวเสีย
อยางยิ่ง
“ขาจำไดเพียงวาเจาโรคจิตเปลือยกายนั้นผิวขาวดีทีเดียว…”
ความอับอายเหลือทนถาโถมเขาใสตวนมูหวงฮุน ใบหนาของเขาเดือดดาลไปดวย
ความโกรธแคน ณ จุดนี้เขาหวังเหลือเกินวาจะมีรูใหมุดหัวไปซอนได
“อายฮุยเคยเห็นเจาโรคจิตนั้นมากอนหรือ” เจียงเหวยถามดวยความตื่นเตน
“ใชแลวเหตุการณนั้นเกิดขึ้นในซอยดานนอกโรงฝกพอดี” อายฮุยตอบกลับไป
ในตอนแรกเขาไมอยากพูดเรื่องนี้นักแตเมื่อคิดถึงเงินหนึ่งรอยหาสิบลานหยวนที่ตวนมู
หวงฮุนติดคางเขาอยู เขาก็เปลี่ยนใจ ใสความเสริมไปอีก
“ขาไมเคยเห็นคนโรคจิตหนาดานถึงเพียงนี้มากอนในชีวิต เขาไมใสเสื้อผาแมแต
เพียงชิ้นเดียวบนรางกาย ทุกคนบนถนนลวนตกตะลึงในคืนนั้น ดวงตาไมรูตั้งกี่คู…”
ตวนมูหวงฮุนหนาดำคร่ำเครียด
ซือเสวี่ยมั่นเหลือบมองไปทางอายฮุย เจาหมอนี่กลายเปนคนพูดมากตั้งแตเมื่อไร
สิ่งเดียวที่นางรูสึกประหลาดใจก็คืออายฮุยไมไดพูดถึงเพลงกระบี่ที่นาตื่นตะลึงของเขา
แมแตนอย เขาเพียงแตพูดถึงชายหนุมโรคจิตเปลือยกายผูนั้น
ไมเลว อยางนอยเขาก็ไมใชพวกจองหองขี้อวด
นางเคยพบเห็ นผู มี พ รสวรรค รุ น เยาว มาไม น  อ ย พวกเขาล ว นแตโ อ อ วดถึ ง
ความสามารถอันยอดเยี่ยมและประสบการณอันรุงโรจนใหนางฟง ซึ่งทำใหนางรูสึก
แขยงเปนอยางยิ่ง
นางหันกลับไปก็สังเกตเห็นไดในทันทีวาตวนมูหวงฮุนดูไมสบายอยางยิ่ง นางจึง
ถามออกไปดวยความเปนหวงวา “เปนอะไรไป ไมสบายหรอกหรือ”
ครอบครัวของทั้งคูนั้นคอนขางสนิทสนมกันทำใหพวกเขารูจักกันมาตั้งแตยังเด็ก
ทวาพวกเขาไมนับวาเปนเพื่อนสนิท ซือเสวี่ยมั่นอายุมากกวาตวนมูหวงฮุนและเห็นเขา
เปนเหมือนนองชายมาตลอด
ตวนมูหวงฮุนตัวคางแข็งไปในทันที ผานไปครูหนึ่งเขาก็ฝนยิ้มออกมา “ไมเปนไร
ขาสบายดี พี่เสวี่ยมั่น”
ในตอนนั้นเองที่เสียงกรีดรองดังขึ้นดานหนาของพวกเขา
“นั่นอะไร”
“สวรรค นั่นสัตวโลหิต!”
“ระวัง!”
“วิ่ง!”
มีผูคนจำนวนมากมายอยูในอาการตื่นตระหนกเบื้องหนาพวกเขา ฝูงชนวิ่งเขามา
หากลุมของอายฮุย ราวกับน้ำปาไหลหลาก มีหลายคนที่ลมลงไปบนพื้นและถูกเหยียบ
ย่ำโดยคนที่ตามมาแตก็ไมมีใครหยุดวิ่ง มีคนจำนวนไมนอยที่พยายามหลบหนีทาง
อากาศแตก็ถูกคนอื่นพุงขึ้นชนหลังจากที่บินออกไปไดเพียงเล็กนอย เนื่องจากมีผูคน
พยายามบินขึ้นฟาพรอมกันเปนจำนวนมากทำใหรางของพวกเขาเสียการควบคุมและ
รวงลงสูพื้น
ณ เวลานี้ การลมลงนั้นเปนอันตรายถึงชีวิตเพราะจะถูกฝูงชนเหยียบในทันที
สีหนาของทุกคนเปลี่ยนไปอยางมาก อายฮุยออกคำสั่งโดยไมลังเลวา “ทางนี้!”
เขาเปนคนแรกที่วิ่งไปในซอยที่อยูดานขาง คนอื่นเหมือนกับพึ่งตื่นขึ้นจากฝนและ
รีบตามไปอยางรวดเร็ว
ตูม!
พื้นดินสั่นสะเทือน เสียงกรีดรองร่ำไหดังกองไปทั่ว ฝูงชนวิ่งอยางแตกตื่นดังผาน
ดานหลังของพวกเขาไปราวกับคลื่นยักษอันเกรี้ยวกราด
ทุกคนรวมทั้งซือเสวี่ยมั่นงวิ่งไปตามซอยดวยความเรงรีบ ใบหนาของพวกเขาซีด
ขาวราวกระดาษ หวังเสี่ยวซานนึกถึงคำถามที่เพิ่มถามอายฮุยไปเมื่อครูก็รูสึกหนาวสั่น
ไปถึงไขสันหลัง คนผูหนึ่งนั้นชางไรความหมายเมื่ออยูตอหนาฝูงชนที่บาคลั่ง
ในเวลานี้พวกเขารูสึกราวกับวานี่คือจุดจบของโลก
พวกเขาวิ่งไปตามซอยอยางไมคิดชีวิต ซอยที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวกลายเปนเกราะ
ปองกันอยางดีใหกับพวกเขาทำใหสลัดหลุดจากฝูงชนที่บาคลั่งอยูเบื้องหลังได
พวกเขาหยุดลงหลังจากวิ่งไปหลายกิโลเมตร
เมื่อไดเห็นหนาขาวซีดของทุกคนรวมถึงความหวาดกลัวอยางลึกซึ้งในดวงตาของ
พวกเขา อายฮุยก็ลอบถอนหายใจ เขาเขาใจความรูสึกของพวกเด็กใหมเปนอยา งดี
ภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้จะตามหลอกหลอนพวกเขาในฝนรายไปอีกนานทีเดียว
เจาอวนโยนตังเมเขาปากอยางไมยี่หระทันทีที่มีโอกาส เขานับวาทำตัวไดดีที่สุด
ในสถานการณนี้
ตวนมูหวงฮุน เจียงเหวยและหวังเสี่ยวซานลวนมีใบหนาขาวซีด ทุกคนตางหอบ
หายใจอยางหนักหนวงราวกับปลาขาดน้ำ
ซังจื่อจวินและซือเสวี่ยมั่นไดรับผลกระทบมากที่สุด ดวงตาของซังจื่อจวินแดงขึ้น
เล็กนอยรางกายสั่นเทาอยางไมอาจควบคุมได
ซือเสวี่ยมั่นเองก็ไมไดดูดีนักเชนกัน อายฮุยสังเกตเห็นวามือที่กำทวนเอาไวนั้น
ขาวซีด แตนางก็สามารถสงบสติอารมณลงไดทีละนอย
อันที่จริงแลวพวกเขาก็นับวาทำไดดีกวาที่อายฮุยคาดคิดเอาไว
ตวนมูหวงฮุนกับอีกสองคนนั้นเคยผานการตอสูในสวนแหงชีวิตมาแลวสองครั้ง
ดังนั้นความสามารถในการรับมือสถานการณแบบนี้จึงกาวหนาขึ้นอยางมาก
สวนซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินที่เคยรวมมือกับอายฮุยฆาคางคาวโลหิต ก็ไมไดมี
ปญหามากมายอะไรนักเชนกัน
อายฮุยอดไมไดที่จะรูสึกยินดีกับการตัดสินใจเตะพวกหกคนนั้นออกจากกลุมไป
กอนหนานี้
“ตองรูตำแหนงอยูที่ตอนนี้ของพวกเรา” อายฮุยมองไปรอบๆ แลวก็รูสึกปวดหัว
เขารูสึกไมคุนเคยกับสภาพแวดลอมแถวนี้
เขานับวาหลงทางอยางแทจริง...
อายฮุยอยากจะโยนหญาสักตนเขาปากแตก็ตองอดใจไว เขาไมรูดวยซ้ำวาพิษ
โลหิตนั้นไดแพรเขามาในเมืองหรือยัง
“นี่คือถนนอำพัน” เสียงของตวนมูหวงฮุนดังมา นอกจากหนาที่ขาวซีดแลวเขาดู
เปนปกติทีเดียว
“แนใจนะ” อายฮุยมองเขาดวยความไมแนใจ
“ขาแนใจ” ตวนมูหวงฮุนตอบกลับมา เนื่องจากตองตามหาเจาเพื่อลากตัวกลับ
เขาหองเรียนเจารูหรือไมวาพี่หวงฮุนคนนี้ตองตามหาไปทั่วทั้งเมืองซงเจียน
เอะ หลังจากคิดถึงเรื่องที่ไมนาสบายใจนี้แลว ตวนมูหวงฮุนก็ดูเหมือนวาจะไม
หงุดหงิดอีกตอไป...
“ที่นี่อยูไมไกลจากโรงฝกเทาไหร ตรงไปแลวเลี้ยวซายเดินผานถนนตนสนหลังจาก
ผานไปหาซอยเราก็จะไปถึงถนนเมฆา หลังจากเดินไปอีกสามซอยก็จะถึงโรงฝก”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของตวนมูหวงฮุน
“เจาคุนเคยกับพื้นที่แถวนี้ดีเพียงนี้เชียว” อายฮุยยังคงรูสึกสงสัย
“ขามีความจำเปนเลิศ” ตวนมูหวงฮุนตอบไปอยางเฉยชา
เจาหมอนี่ไมชำนาญเรื่องการแยกทิศทาง! ตวนมูหวงฮุนหัวเราะอยูในใจ ในที่สุด
ขาก็พบจุดออนของเจา อายฮุย!
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของตวนมูหวงฮุนก็เบิกกวางขึ้นเมื่อเห็นปลายกระบี่สีดำ
ขยายตัวขึ้นอยางรวดเร็วเบื้องหนาของเขา
ฆาคน...
สมองเขาคิดไดแคคำนี้กอนที่จะไดยินเสียงปะทะดังขึ้น การปะทะระเบิดเสียงดัง
กองอยูขางหูของเขาทำใหรูสึกสับสนมึนงงขึ้นมา
“ทุกคนระวังตัวไว!” อายฮุยจะโกนเพื่อเตือนทุกคน พลังมหาศาลระเบิดขึ้นจาก
ปลายกระบี่เพลิงสันหลังมังกรไหลยอนกลับไปสูตัวอายฮุย ผลักใหเขากระเด็นไป
ดานหลังหลายกาว
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตสูงครึ่งเมตรลอยขึ้นไปและหยุดอยูบนยอดกำแพงดานขาง
ดวงตาสีแดงเขมจองมองไปทางอายฮุยอยางเย็นเยือก
การลอบโจมตีของมันกลับถูกปองกันไวได
ขาคูหนาที่ดูเหมือนกับเคียวนั้นกรีดผานอากาศกอใหเกิดเสียงที่ทำใหคนตองตัว
สั่นดวยความหวาดกลัว เมื่อมันขยับปกก็กลายเปนลำแสงสีแดงพุงเขาหาทุกคน
ซือ เสวี่ยมั่นกาวเทาออกมาขางหน าในทั น ที และแทงทวนสีข าวหิ มะของนาง
ออกไปปะทะกับลำแสงสีแดงที่บินผานอากาศเขามา!
ประกายแสงจากทวนสีขาวหิมะปะทะกับประกายแสงสีแดงจากเคียวสีแดงคูนั้น
ซือเสวี่ยมั่นเซถลาไปและกอนที่นางจะมีปฏิกิริยาใด ประกายแสงสีแดงชั่วรายจาก
เคียวก็ปรากฏขึ้นตอหนาสายตานางอีกครั้งหนึ่ง
ซือเสวี่ยมั่นหมุนทวนในมือของนางอยางรวดเร็ว ใชดามของมันตอนรับการโจมตี
ที่พุงเขามาจากมุมที่ไมนาจะเปนไปได
ซือเสวี่ยมั่นประเมินความเร็วและพละกำลังของตั๊กแตนตำขาวโลหิตต่ำเกินไป
นางไมอาจควบคุมรางกายไดและถูกผลักปลิวกระเด็นไปดานหลัง
ประกายแสงสีแดงชั่วรายของคมเคียวนั้นปรากฏเบื้องหนานั้นอีกครั้งหนึ่งอยาง
กะทันหัน
หัวใจนางกระตุกวูบ
ในชวงเวลาวิกฤตนี้ กระบี่สีดำก็พุงออกมาจากใตแขนของนางราวกับงูพิษพุงตัว
ออกมาจากใตพงไม
เคลง!
แขนของอายฮุยชาดา นและเกือบจะสูญ เสียการควบคุ มกระบี ่ ไป แตเขาก็ ยั ง
สามารถตานการโจมตีที่พุงเขามาได! เขารีบใชมือซายโอบเอวของซือเสวี่ยมั่นเอาไว
และทั้งคูก็ลอยไปดานหลังเนื่องจากแรงกระแทก
กอนที่เขาจะตกถึงพื้นอายฮุยก็ตะโกนออกไปวา “เจาอวน!”
เจาอวนกับอายฮุยทำงานประสานกันไดเปนอยางดี เจาอวนสงเสียงคำรามราว
กับหมียักษที่เกรี้ยวกราดยกโลเอาไวเบื้องหนาและพุงเขาหาตั๊กแตนตำขาวโลหิตดวย
ความรุนแรง
เคียวของตั๊กแตนตำขาวโลหิตกระหน่ำซัดใสโลหนักราวกับหาฝน
เจาอวนเกร็งแกนของรางกายและตอตานแรงกระแทกอยางตอเนื่องที่เกิดขึ้นบนโล
ในตอนนั้นเองที่คนอื่นไดสติกลับคืนมาและเขารวมการตอสู
[บุบผาเขียวขจี] ของตวนมูหวงฮุนกอใหเกิดเถาวัลยจำนวนมากที่แผพุงออกมา
จากทุกทิศทางและมวนพันรอบกายตั๊กแตนตำขาวโลหิต
เกาทัณฑไหมทองของซังจื่อจวินยิงลูกศรเขาใสตั๊กแตนตำขาวโลหิตอยางตอเนื่อง
และรวดเร็ว
แตทวาการโจมตีทั้งหมดนี้ลวนลมเหลว [บุบผาเขียวขจี] ของตวนมูหวงฮุนไร
ประโยชนโดยสิ้นเชิง ตั๊กแตนตำขาวโลหิตมีความเร็วหลุดสายฟา สามารถบินในระดับ
ความสูงที่ต่ำมากและสรางภาพติดตาจำนวนมากเพื่อทำใหศัตรูสับสน มีหลายครั้งที่
เถาวัลยของตวนมูหวงฮุนพันเขาใสภาพติดตาของตั๊กแตนตำขาวโลหิตแทนที่จะเปน
รางจริงของมัน ลูกศรที่ถูกยิงอยางรวดเร็วของซังจื่อจวินก็ถูกหยุดลงเชนกัน
ลูกศรที่ปกติแลวไมอาจจะหลบเลี่ยงไดกลับถูกทำลายลงดวยการแกวงเคียวของ
มันเพียงครั้งเดียว
ตั๊ก แตนตำขา วนั้นสามารถใช ข าหน า ที ่ เหมื อ นกั บ เคี ย วได อ ย า งชำนาญตาม
ธรรมชาติ ในแดนรางตั๊กแตนตำขาวนั้นเปนที่นาเกรงกลัวอยางมาก ตั๊กแตนตำขาว
โลหิตมีความแข็งแกรงเกินกวาการคาดหมายของทุกคน นับตั้งแตเริ่มตนมันก็เปนฝาย
ไดเปรียบในการตอสูมาตลอด
ธนูหนักของเจียงเหวยและการโจมตีของหวังเสี่ยวซานก็ไรประสิทธิภาพอยาง
สิ้นเชิง พวกเขาไมอาจตามความเร็วของตั๊กแตนตำขาวโลหิตได
เมื่อเห็นวาสถานการณเริ่มอยูเหนือการควบคุม อายฮุยก็เคลื่อนไหวอยางแปลก
ประหลาดกลางอากาศกอนที่จะตกลงสูพื้นดิน แขนที่โอบรางของซือเสวี่ยมั่นเหวี่ยง
ออกไปราวกับแสที่ฟาดออกอยางรุนแรงโยนนางออกไปในอากาศ “โจมตี!”
หลังจากเหวี่ยงซือเสวี่ยมั่นไปในอากาศ อายฮุยก็รวงลงกระแทกกับพื้นดินและสง
เสียงครางออกมา
เมื่อไดยินเสียงครางของอายฮุย ซือเสวี่ยมั่นที่รูสึกอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครูก็พลัน
ไดสติกลับคืนมา จิตสังหารแผพุงออกมาจากดวงตา หลังจากที่นางปรับเปลี่ยนทวงทา
กลางอากาศ พลังธาตุทะลักเขาสูทวนสีขาวหิมะในมือนางอยางรวดเร็ว!
บทที่ 162 การตอสูอันยากลำบาก
ผมดำยาวปลิวไสวในสายลม ดวงตาเย็นเยียบราวกับน้ำคางแข็ง ซือเสวี่ยมั่นในชุด
เกราะสีน้ำเงินลอยไปในอากาศ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตสัมผัสไดวามีอันตรายใกลเขามา หนวดของมันตั้งขึ้น ดึงราง
ทอนบนของมันไปดานหลังและยกขาหนาที่ดูเหมือนเคียวขึ้นมาปองกันไวดานหนา
มันยอขาที่มั่นคงและแข็งแรงเตรียมพรอมที่จะพุงทะยานออกมาไดทุกขณะ
ทวนสีข าวหิมะทะลวงเขาใสส วนศี รษะของตั๊ กแตนตำขาวโลหิ ตด วยเสี ยงดัง
กึกกอง
แสงสีแดงระเบิดออกมาจากดวงตาของตั๊กแตนตำขาวโลหิตในทันที ขาหนาที่ดู
ราวกับเคียวที่เตรียมพรอมรับการโจมตีก็พุงออกมากลายเปนลำแสงสีแดงที่ทำใหทุก
คนเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในหัวใจ
ลำแสงสีแดงกับลำแสงสีขาวพุงตรงเขาหากัน ในขณะที่ทุกคนคิดวามันจะต อง
ปะทะกัน ทวนในมือ ของซือ เสวี่ย มั ่ น พลั น สลายกลายเป น เมฆหมอกสี ข าวอย า ง
ฉับพลัน
ความเปลี่ยนแปลงในการโจมตีของซือเสวี่ยมั่นเกิดขึ้นโดยที่ตั๊กแตนตำขาวโลหิต
ไมทันระวัง
หมอกสีขาวปกคลุมรางของตั๊กแตนตำขาวโลหิตทำใหการโจมตีของมันพลาดเปา
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตสัมผัสไดวามีบางอยางผิดปกติ
มันกางปกออกและเตรียมตัวที่จะหลบหนีออกจากหมอกที่แปลกประหลาดนี้
ทวาในตอนนั้นเองที่ปกเบาบางสีแดงของมันดูราวกับจะถูกปกคลุมไวดวยบางอยางที่
หนาและเหนียวดุจกาว ไมวามันจะพยายามเทาไรก็ไมอาจบินขึ้นไปได
การโจมตีที่เหนือจินตนาการของซือเสวี่ยมั่นลดความเร็วเหมือนดั่งสายฟา ของ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตลงไดอยางมาก เปดโอกาสใหทุกคนทำการโจมตีอีกครั้งหนึ่ง
ลูกศรของซังจื่อจวินถลมใสตั๊กแตนตำขาวโลหิตราวกับกระแสน้ำ ทวามันไมมี
ความหวาดกลัวตอลูกศรที่พุงเขามาแมแตนอยมันกวัดแกวงขาหนาที่เหมือนกับเคียว
นั้นไปขางหนา
ติง ติง ติง!
เสียงที่ดังราวกับเครื่องดนตรีบรรเลงดังขึ้นทามกลางการปะทะถี่ยิบ รางของ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตแข็งคางไป
ลูกศรเครื่องดนตรีที่ซังจื่อจวินแอบซุกซอนไวในกลุมลูกศรที่ยิงออกไปราวหาฝน
นั้นแสดงอำนาจออกมาราวกับมีเวทมนตร
กลามเนื้อของเจียงเหวยตึงแนนเสนเลือดบนแขนปูดโปนออกมา สายธนูของธนูภูผา
ศิลาที่มีความสูงพอๆ กับตัวของเขานั้นถูกดึงไปดานหลังจนทำใหคันธนูโคงลงมาจน
เป น รู ป ราวพระจั น ทร เ ต็ ม ดวง ธนู ภ ู ผ าศิ ล านั้ น ต อ งใช ล ู ก ศรหนั ก ที ่ม ี ค วามเป น
เอกลักษณจึงจะแสดงประสิทธิภาพออกมาไดอยางเต็มที่ ศรหนักเขี้ยวหมาปาที่ใชกับ
ธนูนี้นั้นมีความหนาและแข็ง มีขนาดเล็กกวาแหลนเพียงเล็กนอยเทานั้น
พลังธาตุทั้งหมดที่มีถูกสงเขาไปในลูกศรหนักเขี้ยวหมาปา เขารูจุดออนจุดแข็ง
ของตัวเองดี หากคนอื่นยังโจมตีมันไดอยางยากเย็น ถาเชนนั้นแลวการโจมตีปกติของ
เขายอมไมมีผลอยางแนนอน
เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเทานั้นที่จะทุมเทพลังทั้งหมดโจมตีลงไป
ตูม!
ลำแสงเจิดจาปรากฏขึ้นเบื้องหนาตั๊กแตนตำขาวโลหิตในทันทีพรอมกับเสียง
ระเบิดดังกึกกอง
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตที่ดูเหมือนจะสับสนมึนงงอยูบาง ยังคงแสดงความสามารถใน
การตอสูอันทรงพลังออกมาอยางตอเนื่อง ในชวงเวลาวิกฤตนี้มันยกเคียวขางซาย
ขึ้นมาดานหนา
เคลง!
เสียงที่ฟงดูราวกับเครื่องทุบประตูกระแทกเขากับประตูเมืองที่ทำจากเหล็กทำให
ทุกคนตัวสั่นไปถึงสันหลัง
แรงปะทะอันทรงพลังสงใหตั๊กแตนตำขาวโลหิตลอยไปดานหลัง ขาหลังของมัน
พยายามที่จะยึดเกาะพื้นดินเอาไว กอใหเกิดรอยลึกสองรอยทอดยาวไปตามพื้น มัน
ลอยไปยาวประมาณเจ็ดเมตรกอนที่จะสามารถทรงตัวไดอีกครั้ง
ทุกคนรูสึกปติยินดีเปนอยางยิ่งที่ไดเห็นตั๊กแตนตำขาวโลหิตตกอยูในสภาพนา
สมเพชแบบนี้ เคียวขางซายของมันหักเผยใหเห็นบาดแผลนากลัวที่มีเลือดไหลออกมา
ไมหยุด เกราะสีแดงบนรางของมันเต็มไปดวยรูขนาดเล็กจำนวนนับไมถวน รูพวกนี้
เกิดขึ้นจากเมฆหมอกของซือเสวี่ยมั่น
เมฆหมอกในอากาศเริ่มหดตัวลงอยางรวดเร็ว เปลี่ยนสภาพกลับไปเปนทวนสีขาว
หิมะและลอยกลับเขาสูมือของซือเสวี่ยมั่นดังเดิม
ในตอนนั้นเองที่อายฮุยจึงไดลุกขึ้นมาหลังจากที่ตกกระแทกพื้นอยางแรง
เมื่อไดเห็นบาดแผลของตั๊กแตนตำขาวโลหิต ใบหนาของเขาไมแสดงความยินดี
แมแตนอย เขาทำเพียงแคตะโกนออกไปวา “ระวังตัวดวย!”
ในแดนราง พวกอสูรแดนรางที่ไดรับบาดเจ็บสาหัสจะมีปฏิกิริยาอยูสองแบบ
พวกมันอาจจะหันหลังกลับแลววิ่งหนีไปหรือไมก็จะดุรายยิ่งกวาเดิม ยิ่งอสูรแดนราง
พวกนั้นมีพลังแข็งแกรงเทาไรโอกาสที่มันจะทำแบบที่สองก็มากขึ้นเทานั้น นั่นเปน
เพราะอสูรแดนรางที่แข็งแกรงกวายอมผานการสังหารมามากกวาและดุรายมากขึ้น
พวกมันไมมีทางยอมแพในการตอสูอยางงายดาย ในตอนนี้ตั๊กแตนตำขาวโลหิตไมได
แสดงทาทีวาตองการจะหนีแมแตนอย!
ทันทีที่อายฮุยตะโกนเสร็จ ตั๊กแตนตำขาวโลหิตก็กระพือปกและบินขึ้นไปใน
อากาศอยางชาๆ
สีหนาของอายฮุยเปลี่ยนไปในทันที เขาเพิ่งนึกถึงความแข็งแกรงอีกอยางหนึ่งของ
ตั๊ก แตนตำขา วโลหิตขึ้นมาได นั่นคื อ การบิ น ในระดั บ ความสูงที ่ ต่ ำซึ ่ งเป นที ่ รูจัก
โดยทั่วไปวาการบินเลียบยอดไม การบินเลียบยอดไมเปนการบินดวยความเร็วสูงใน
ขณะที่อยูต่ำกวาระดับยอดไมหรือก็คือระดับความสูงประมาณสิบเมตรนั่นเอง
พวกแมลงมักมีความสามารถในการบินต่ำ ความเร็วในการบินของมันอาจไมมากนัก
แตมีความคลองแคลวอยางยิ่ง ทำใหพวกมันกลายเปน “มือลอบสังหารจากยอดไม”
ในทางกลับกันพวกนกครองพื้นที่ในระดับความสูงที่สูงกวา ยิ่งนกมีความดุราย
มากเทาไรมันก็ยิ่งบินสูงมากขึ้นเทานั้น มีอสูรจำนวนมากที่สามารถบินอยูบนทองฟา
สูงไดนานนับปโดยที่ไมจำเปนตองบินกลับลงมาแมแตครั้งเดียว
ปกเมฆาของพวกผูใชพลังธาตุก็เหมือนกับบรรดานกเหลานั้น พวกมันเหมาะสำหรับ
การบินในระดับความสูงที่สูง การเคลื่อนไหวในปาทึบนั้นไมใชจุดเดนของปกเมฆา...
อา ยฮุย เลือ กผา คลุมวาตะมาศมาใช ก ็ เพราะสาเหตุ น ี ้ ในเมื อ งที ่ เต็ มไปด ว ย
สิ่งกอสรางจึงไมเหมาะสมกับการบินดวยระดับความสูงต่ำ แมวา [กระบี่คางคาววายุ]
ของเขานั้นจะมีผลคลา ยคลึงกันแต เสน ทางการบิน ของ [กระบี ่ค างคาววายุ] นั้ น
สามารถคาดเดาไดงายกวาเนื่องจากมันไมสามารถเคลื่อนไหวไดหลากหลายแบบ
เดียวกับที่ผาคลุมสามารถทำได
ถึงแมวาจะเปนแบบนั้น แตแยนัก เขาเพิ่งจะไดผาคลุมมาและยังไมมีโอกาสได
ทดลองใชมันแมแตครั้งเดียว
กอนที่เขาไดลงมือทำอะไร ตั๊กแตนตำขาวโลหิตที่ลอยตัวอยูก็พุงเขามา
ประกายแสงสีแดงปรากฏขึ้นเบื้องหนาทุกคน ทวาทามกลางความประหลาดใจ
ของพวกเขา ตั๊กแตนตำขาวโลหิตไมไดบินเขาหา หากแตพุงตรงไปยังกำแพงที่อยูไม
ไกลออกไป
อายฮุยรูวาจะเกิดอะไรขึ้นในทันที สีหนาของเขาเปลี่ยนไปอยางรวดเร็วและ
ตะโกนวา “ดานซาย!”
เจาอวนนั้นทำงานประสานกับอายฮุยไดเปนอยางดี เขาพุงตัวไปอยูทางดานซาย
ของอายฮุยโดยไมลังเล รีบยกโลหนักขึ้นมา
เมื่อตั๊กแตนตำขาวโลหิตไปถึงกำแพงมันใชเทาหลังอันทรงพลังถีบเขาใสกำแพง
ตูม! แรงปะทะอันทรงพลังของการถีบสงใหกอนอิฐกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว
ความเร็วของตั๊กแตนตำขาวโลหิตเพิ่มขึ้นอยางมากจนแทบจะไมอาจมองเห็นไดดวย
ตาของมนุษย
ประกายแสงสีแดงอันชั่วรายของเคียวกระแทกใสโลของเจาอวนราวกับดาวตก
ตูม!
เจาอวนที่สวมใสชุดเกราะหนักและยังแบกโลที่หนักเอาไวกระเด็นไปดานหลัง
และกระแทกเขาใสรั้วอยางจัง เขาดูราวกับลูกหนังที่ถูกเตะออกไป
แรงสะทอนที่ตั๊กแตนตำขาวโลหิตไดรับก็รุนแรงเชนเดียวกัน มันลอยไปขางหลัง
ราวกับมียางยืดผูกติดเอาไวกับหลัง รางของมันกระเด็นขึ้นไปในอากาศ เริ่มโซเซไปมา
ราวกับคนเมา
ทุกคนตกใจกับความรุนแรงในการโจมตีนี้ เจาอวนที่สวมชุดเกราะหลักและถือโล
เอาไวนั้นมีน้ำหนักหลายรอยจิน พวกเขาไดเห็นพละกำลังที่สวรรคประทานใหของเจา
อวนมาแลว แตกระนั้นการโจมตีเพียงครั้งเดียวของตั๊กแตนตำขาวโลหิตก็สามารถสง
เจาอวนลอยออกไปได
การโจมตีครั้งเดียวก็มีพลังนาหวาดกลัวถึงเพียงนี้....
แมแตซือเสวี่ยมั่นที่ทรงพลังที่สุดในหมูพวกเขาก็ยังหนาขาวซีดราวกับคนตาย
ความแข็งแกรงของตั๊กแตนตำขาวโลหิตทำใหนางรูสึกกลัวอยางลึกซึ้ง ในตอนนั้น
ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือมองหาอายฮุย
นางไม ร ู  ว า อา ยฮุย กลายเป น คนที่ จ ิ ต ใต ส ำนึก ของนางมองหาเพื ่ อ ขอความ
ชวยเหลือตั้งแตเมื่อไร อาจเปนเพราะทาทีสบายและเยือกเย็น หรือไมก็เพราะความ
มั่นใจที่ไมไหวเอนของเขา
วาแตวา อายฮุยอยูที่ไหนกัน
นัยนตาของนางหดลงอยางรวดเร็ว ไมคาดคิดเลยวาอายฮุยจะไปอยูใตรา งของ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิต!
อายฮุยนั้นมีสมาธิอยางยิ่งในชวงเวลานี้ ตัวออนกระบี่ที่หนาผากของเขาเตน
รุนแรง ราวกับวามันจะกระโดดออกมาไดทุกเมื่อ
ความแข็งแกรงของตั๊กแตนตำขาวโลหิตนั้นแทบจะเทียบเทากับอสูรแดนรางได
เลย หากอายฮุยพบเจอกับสัตวประหลาดที่นากลัวถึงเพียงนี้ในอดีต เขาคงจะหนีไปให
ไกลที่สุดเทาที่จะทำไดในทันที มันชางนาขันนักหากพวกเขาไมกี่คนจะตอสูกับสั ตว
ประหลาดที่มีความแข็งแกรงระดับเดียวกับอสูรแดนราง
แตในตอนนี้ยังมีที่ใดใหพวกเขาวิ่งหนีไปได
ทั่วทั้งเมืองซงเจียนถูกลอมไปดวยสัตวโลหิต แลวพวกเขายังจะวิ่งหนีไปที่ใดได
ทางรอดเดียวของพวกเขาก็คือทุมเทพลังทั้งหมดใหกับการตอสู
เขาเคยเห็นอสูรแดนรางจำนวนนับไมถวนถูกลาและสามารถรอดชีวิตจากการ
ปะทะระยะใกลมาแลว หากแตในสถานการณอันตรายเชนนี้เขาก็ยงั ตัวสั่นดวยความ
กลัว ความรูสึกนี้ปกคลุมไปทั่วทั้งรางของเขา แทรกซึมเขาไปในทุกกลามเนื้อและ
เสนประสาท ทำใหรางกายนั้นสั่นเทาอยางไมอาจควบคุมได
อันที่จริงแลวเขารูตัวดีวาเขาไมใชคนที่ไมแยแสตอความตาย จะวาไปแลวเขา
นับวาขี้ขลาดอยางมากทีเดียวและหวาดกลัวอยางยิ่งตอความตาย แตถึงกระนั้น….
กระนั้นในตอนนี้อายฮุยก็บังคับตัวเองใหสงบสติเอาไว
เขากลายเปนเยือกเย็นและไมปลอยใหมีอารมณอะไรเขามาในจิตใจได
มีเพียงแตความสงบเยือกเย็นเทานั้นที่จะชวยใหเขามองหาทางเอาชีวิตรอดได
เขาตองมีชีวิตอยูตอไป
เขาไรอารมณใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่เขามองเห็นในตอนนี้คือรางที่โซเซไปมาของ
ตั๊ก แตนตำขา วโลหิตที่อยูเหนือศีรษะ เขาเห็ นว าการปะทะเมื ่อ ครู ท ำใหแผลของ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตเปดกวางขึ้นกวาเดิมทำใหเลือดไหลออกมาอยางมาก เขาไดกลิ่น
หอมเฉพาะตัวของพิษโลหิตในอากาศ และยังเห็นดวยวารางกายอันแข็งแกรงของ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตนั้นฟนตัวอยางรวดเร็ว
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกอับอายอยางยิ่ง เขาไปอยูตรงนั้นตั้งแตเมื่อไร
เพื่อนรวมกลุมของนางทุมเทตอสูสุดกำลังแตนางกลับหวาดกลัวจนสูญเสียความ
ตองการที่จะตอสูไปจนหมดสิ้น รางอันยิ่งใหญปรากฏขึ้นในใจ หากบิดาของนางได
เห็นภาพนี้เขาเขาตองผิดหวังในตัวนางอยางมาก...
ความรูสึกอับอายอันทวมทนรวมถึงความรับผิดชอบที่ตองแบกรับแผดเผาอยูใน
ใจนางราวกับเปลวเพลิงอันรอนแรง ความกลัวที่เคยอยูในดวงตาของเด็กสาวหายไป
และแทนที่ดวยความมุงมั่น
รองรอยของหมอกสีขาวเกิดขึ้นดานหลังของนาง พวกมันขยายตัวและลอยไปใน
อากาศ
หมอกที่อยูดานหลังนางปราดเปรียวและงดงาม มันเขยื้อนไหวชาๆ ราวกับพืชที่
พลิ้วลูอยูในสายน้ำ
ดวยการบิดรางครั้งหนึ่งก็ดูราวกับวานางไดสลัดออกจากกุญแจมือที่พันธนาการ
นางเอาไวและหายไปในทันที
ชั่วขณะตอมานางก็ปรากฏขึ้นตรงหนาตั๊กแตนตำขาวโลหิตและแทงทวนเขาไปที่
ดวงตาของมัน ตั๊กแตนตำขาวโลหิตสัมผัสไดถึงอันตรายที่ใกลเขามาและเริ่มสงเสียง
รองฟดฟาด ขาหนาที่เหมือนกับเคียวของมันวัดแกวงไปมาในอากาศเพื่อปองกันการ
โจมตีของซือเสวี่ยมั่น
เด็กสาวในชุดเกราะสีฟาเคลื่อนตัวไปในหมอกดวยสีหนาอันเต็มไปดวยความ
มุงมั่น การโจมตีของนางรวดเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตพยายามอยางยิ่งที่จะปดปองการโจมตี แตก็ยังถูกแทงเขาจน
ได มีรูอาบเลือดเกิดขึ้นบนรางของมันเพิ่มอีกสองรู ทำใหมันบาคลั่งยิ่งกวาเดิม
ทันใดนั้นเองซือเสวี่ยมั่นที่กําลังจะลงสูพื ้นก็สังเกตเห็นแสงสี เขียวบนหัว ของ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิต นางโคจรพลังธาตุในรางโดยไมลังเลและหายตัวไปกอนที่จะ
ปรากฏขึ้นอีกครั้งอยูดานขางของตั๊กแตนตำขาวโลหิต
นางสงพลังธาตุทั้งหมดที่มีเขาไปทวน รางกายเปนหนึ่งเดียวกับทวนแทงออกไป!
การแทงนี้เต็มเปยมไปดวยพลัง ความโหดเหี้ยมฉายขึ้นในดวงตาของตั๊กแตนตำ
ขาวโลหิตโดยไมมีแวววาจะหลบหลีกแมแตนอย มันแทงเคียวออกมา!
ประกายแสงสีแดงของเคียวปะทะเขากับปลายทวนที่ เป ยมไปดวยพลังอย า ง
รุนแรง
ตูม!
ซือเสวี่ยมั่นรวงหลนลงกลางอากาศ ดูราวกับวานางถูกสายฟาฟาดใส
แตฝายตั๊กแตนตำขาวโลหิตก็ไมไดดีกวากันนัก แผลทั้งหลายบนรางของมันฉีกขาดทำ
ใหเลือดพุงกระจายออกมา รางของมันโอนเอนอีกครั้งในขณะที่ศีรษะของมันลูต่ำลง
ในตอนนี้ แสงสีเขียวบนศีรษะของตั๊กแตนตำขาวโลหิตกอใหเกิดลวดลายดอกไมสี
เขียวจำนวนมากพันลอมรอบกายของมันเอาไว
โพละ โพละ โพละ!
เสียงการระเบิดที่ไมดังนักเกิดขึ้นดานในลวดลายเหลานั้นตามมาดวยหวงเถาวัลย
สีดำจำนวนมากที่ระเบิดออกมาจากลวดลายเหลานั้น เมื่อหวงเถาวัลยสัมผัสกับราง
ของตั๊กแตนตำขาวโลหิตมันก็รัดและพันธนาการในทันที
หวงเถาวัลยพวกนี้ไดมัดตามขอตอตางๆ ของตั๊กแตนตำขาวโลหิตอยางเหนียวแนน
ตวนมูหวงฮุนใชเมล็ดสังขลิกหมดทั้งถุงรวมกับ [บุบผาเขียวขจี] ใบหนาของเขา
ขาวซีดและรางก็สายโอนเอนกอนที่จะลมลงกับพื้ น หลังจากใชเมล็ดพันธนาการ
ออกไปจำนวนมากพลังธาตุที่มีอยูในรางกายของเขาก็ถูกใชไปจนหมดสิ้น
ในจังหวะนั้นเองที่อายฮุยลงมือ
กระบี่เพลิงสันหลังมังกรที่หนักอยางยิ่งในมือของเขาดูราวกับไรน้ำหนัก ความ
หวาดหวั่นรวมถึงความตองการที่จะมีชีวิตอยูอยางยิ่งยวดผลักดันใหเขาเขาสูสภาวะที่
มีสมาธิอยางที่สุด พลังธาตุทั้งหมดที่มีอยูในกายของเขาบริสุทธิ์อยางยิ่ง
พวกมันหลากไหลราวกับสายธารกอใหเกิดรูปแบบและทิศทางอยางไมสม่ำเสมอ
เสนเชื่อมพลังธาตุสองสายไหลเขาสูตำหนักที่มือซายและมือขวาของเขา
เสนเชื่อมพลังธาตุเกิดการสั่นไหวเล็กนอย
[พระจันทรเสี้ยว]!
บทที่ 163 กลับสูโรงฝก
ในเวลานี้เสียงของกระบี่นั้นฟงราวกับเสียงสวรรค
กระบี่เพลิงสันหลังมังกรที่สั่นสะเทือนดู ดซั บพลั งธาตุ ในรางของอายฮุยและ
ทะลวงผานบาดแผลของตั๊กแตนตำขาวโลหิตอยางแมนยำ ประกายกระบี่ที่ดูราวกับ
พระจันทรเสี้ยวระเบิดขึ้นจากปลายกระบี่ เพลิงสันหลั งมังกร พระจันทรเสี้ยวอั น
งดงามทำลายอวัยวะภายในของตั๊กแตนตำขาวโลหิตอยางรวดเร็ว
มันคือพระจันทรเสี้ยวแหงความตาย
กลามเนื้อกระดูกเสนเลือดและทุกสิ่งอยางในรางของมันถูกทำลายเปนชิ้นเล็กชิ้นนอย
พระจันทรเสี้ยวทะลวงผานรางของตั๊กแตนตำขาวโลหิตและทะลุออกมาทางศีรษะ
โพละ! พระจันทรเสี้ยวระเบิดศีรษะของตั๊กแตนตำขาวโลหิต
รางตั๊กแตนคางแข็งไปเมื่อสูญสิ้นพลังชีวิตทั้งหมด
กระบวนการทั้งหมดนี้อาจจะดูยาวนานหาก ทวาในความเปนจริงแลวมันเกิดขึ้น
ในเวลาอันสั้น ในที่สุดอายฮุยก็ออกจากสภาวะสมาธิสูงสุด เขารูสึกออนเปลี้ยเพลีย
แรงไปทั้งรางราวกับจมอยูในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
พวกเขาชนะแลว
เขาระเบิดหัวเราะออกมากอนจะทรุดลงกับพื้นอยางหมดแรง
ในตอนนั้นเองที่รางกายของเขาถูกรัดแนนและผาพันแผลสีขาวก็พุงออกมาจาก
เสื้อเขาไปในรางของตั๊กแตนตำขาวโลหิต
เสียงหัวเราะของอายฮุยหยุดลง ผาพันแผลโลหิต!
ราวกับงูพิษสีขาวอันปราดเปรียว ผาพันแผลสีขาวดุจหิมะพันรอบรางของตั๊กแตน
ตำขาวโลหิตที่ถูกบดขยี้แหลกเหลวจนจำแทบไมได ในเวลาชั่วพริบตาผาพันแผลโลหิต
ก็พันรางของตั๊กแตนตำขาวโลหิตราวกับมัมมี่
เหตุการณที่ไมคาดฝนนี้ทำใหทุกคนตกใจ
เจีย งเหวยที่ฟ นคืนพลังมาบางแล วสามารถรั บร า งของอ ายฮุ ย ที ่ กำลั งจะตก
กระแทกพื้นไวได หวังเสี่ยวซานก็ดึงเจาอวนออกจากซากปรักหักพังของกำแพงใน
ขณะที่ซังจื่อจวินดึงตัวซือเสวี่ยมั่นออกจากซากปรักหักพังที่อยูไมไกลออกไป
ตวนมูหวงฮุนใชมือค้ำเขางอตัวหอบหายใจอยางหนัก
อายฮุยมองไปรอบๆ แมวาทุกคนจะอยูในสภาพนาอนาถ เขาก็รูสึกปติยินดีเปน
อยางยิ่งที่พวกเขาสามารถรอดชีวิตมาได
ตุบ ตั๊กแตนตำขาวโลหิตตกลงสูพื้นอยางแรง ผาพันแผลคลายตัวออกจากรางของ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตและกลับมาหาอายฮุย
ผาพันแผลวิ่งเขาไปภายในเสื้อของอายฮุยและพันตัวเองรอบกายเขา ในตอน
นั้นเองที่คลื่นพลังรอนผาวแผเขาสูรา งกายของอายฮุยทำใหเขารูสึกสดชื ่นขึ้ นมา
ในทันที ราวกับวารางกายของเขาไดพลังที่เสียไปกลับคืนมา
เขารูสึกประหลาดใจอยางยิ่ง ไมรูมากอนเลยวาผาพันแผลโลหิตจะสามารถใช
ประโยชนแบบนี้ได!
กอนหนานี้เขาทราบวาผาพันแผลสามารถดูดกลืนเลือดเนื้อได ทวานี่เปนครั้งแรก
ที่เขาไดรับพลังงานอันรอนผาวจากผาพันแผลนี้ เขารูสึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งราวกับวา
ฟนคืนสูสภาพปกติเรียบรอยแลว ในเวลาเดียวกันเขาก็รูวานั่นเปนความเขาใจผิด ไมมี
พลังธาตุหลงเหลืออยูในรางของเขาแมแตนอย โดยปกติแลวเมื่อผูใชพลังธาตุสูญเสีย
พลังธาตุไปจนหมดเขาจะรูสึกออนแออยางยิ่ง
สำหรับนักเรียนอยางตวนมูหวงฮุนที่มีรางกายเปราะบางและมุงเนนการฝกฝนไป
ที่พลังธาตุ ความออนลานั้นจะรุนแรงและเห็นไดชัดเจน สำหรับอายฮุยที่มุงเนนการ
ฝกฝนไปในการหลอหลอมรางกายนั้นมีสภาพดีกวามากแมวาจะรูสึกออนเพลียอยูบาง
ก็ตาม
คลื่นพลังรอนผาวนั้นคืออะไรถาหากมันไมใชพลังธาตุ
อายฮุยยังอยูในสภาพมึนงงขณะดึงตัวออกจากแขนของเจียงเหวย
เจีย งเหวยจองมองไปทางอายฮุ ยดว ยความตกใจ ก อ นหนานี ้อ า ยฮุย ยังหอบ
หายใจอยูเลยแตในตอนนี้กลับดูเหมือนวาแข็งแรงดีและเดินออกจากการพยุงของเขา
ไปราวกับไมมีอะไรเกิดขึ้น
“เราตองออกจากพื้นที่นี้ในทันที”
อายฮุยกวาดตามองไปยังทุกคน ใบหนาของซือเสวี่ยมั่นขาวซีดราวกระดาษพิง
รางของตนไวกับซังจื่อจวิน ทวาดวงตายังคงเปนประกายรอนแรงดั่งเปลวไฟ
จิตกระหายการตอสูของสาวนอยผูนี้พัฒนาขึ้นแลว...
สิ่งที่เรีย กวา “กระหายการตอ สู  ” นั ้ น หมายถึ งสภาวะที ่ คนผู ห นึ ่งเกิ ดความ
ตองการอยากจะตอสูและฆาฟนอยางยิ่ง ในสภาวะนี้คนผูนั้นจะสามารถทำไดเกิน
ขอบเขตความสามารถในการตอสูเดิมที่เคยมี อายฮุยเคยเห็นผูใชพลังธาตุผูชายหลาย
คนที่อยูในสภาวะกระหายการตอสูแตนี่เปนครั้งแรกที่เขาไดเห็นผูหญิงที่ปาเถื่อนและ
โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
ยิ่งคนผูหนึ่งเขาสูภาวะกระหายการตอสูไดงายเทาไรก็จะยิ่งกาวขามขอจำกัดทาง
จิตใจในการตอ สูและลงมือสังหารได ง า ยขึ ้ น เท านั ้ น โดยปกติ แ ล ว คนพวกนี้จะมี
ความสุขที่ไดตอสู นับเปนอุปนิสัยที่นาทึ่งอยางหนึ่ง ผูคนที่มีอุปนิสัยแบบนี้จะเต็มไป
ดวยจิตวิญญาณแหงการตอสูและความมุงมั่น
ภายใตใบหนาที่งดงามและเย็นชานั้นเปยมดวยโลหิตที่เดือดพลานและความ
ตองการตอสู
อายฮุยอดไมไดที่จะเหลือบมองซือเสวี่ยมั่นอีกครั้ง นางนับวาเปนนักเรียนหญิงที่
เยี่ยมที่สุดจริงๆ
นางสามารถใชพลังทั้งหมดในการตอสูกับตั๊กแตนตำขาวโลหิตและยังสามารถเขา
สูสภาวะกระหายการตอสูไดในการตอสูจริงครั้งแรก เขาไมเคยเห็นเด็กสาวที่รายกาจ
เชนนี้มากอน! อันที่จริงแลวซือเสวี่ยมั่นนั้นทรงพลังยิ่งกวาผูใชพลังธาตุสวนใหญใน
กลุมลาสัตวที่เขาเคยเห็นมาเสียอีก
เจาอวนนอนแผอยูบนพื้นพลางสงเสียงครางออกมาราวกับคนใกลตาย ถึงกระนั้น
อายฮุยก็ยังคงไดยินเสียงเคี้ยวตังเมดังออกมาจากปากของเจาอวนจึงรูสึกโลงใจ เจา
หมอนี่ไมเปนไร
ตวนมูหวงฮุนมีสีหนาออนแรงแตเมื่อเห็นอายฮุยมองมา เขาก็เหยียดกายขึ้นและ
พนลมออกมาอยางเย็นชาทำราวกับวาตัวเองนั้นเปนปกติดี
“หัดเล็งเปากอนที่จะโยนเมล็ดสังขลิกออกไป มันนับวาแพงมากทีเดียว” เสียง
ของอายฮุยดังเขามาในหู
ใบหนาของตวนมูหวงฮุนคางแข็งในทันที
หลังจากทิ่มแทงปงหวานดวยคำพูดเสร็จแลว อายฮุยก็หันไปมองซากตั๊กแตนตำ
ขาวโลหิตบนพื้น เลือดเนื้อของตั๊กแตนตำขาวโลหิตทั้งหมดถูกกลืนกินไปจนหมดสิ้น
ทิ้งไวเพียงแตเปลือกอยูบนพื้น
เปลือกสีแดงสดดูราวกับวามันถูกสรางขึ้นจากผลึกแกวสีแดง
อายฮุยเดินเขาไปและหยิบเปลือกของตั๊กแตนตำขาวโลหิตขึ้นมา เมื่อกลามเนื้อ
และเสนเอ็นหายไปแลว มันก็แตกหักไดอยา งงายดาย อายฮุยหักเปลือกพวกนั้ น
ออกเปนชิ้นๆ อยางชำนาญและสงเศษเปลือกพวกนี้ใหกับทุกคนในกลุมคนละชิ้น
เมื่อเห็นสีหนาสับสนของทุกคน อายฮุยจึงอธิบายวา “เปลือกนั้นยังมีรัศมีพ ลัง
ของตั๊กแตนตำขาวโลหิตอยู เมื่อถือมันไปดวยพวกเราก็สามารถจะซอนรัศมีพลังของ
ตัวเองได ทำใหสัตวโลหิตตัวอื่นคิดวาพวกเราเปนพวกเดียวกับมัน”
หากคนอื่นพูดเรื่องเชนนี้ออกมาทุกคนยอมเกิดความกังขา แตนี่คืออายฮุยที่ไดรับ
ความเชื่อมั่นจากพวกเขาไปนานแลว
ทุกคนควาเปลือกของตั๊กแตนตำขาวโลหิตขึ้นมา พวกเขากลับมาถึงโรงฝกได
อยางปลอดภัยโดยมีตวนมูหวงฮุนเปนผูนำทาง
ซอยดานนอกโรงฝกไมมีสัญญาณบงบอกถึงความเสียหาย นั่นหมายความวาสัตว
โลหิตยังไมมาในบริเวณนี้ เมื่อรูเชนนั้นทุกคนก็ถอนหายใจออกมาอยางโลงอก
เมื่อทุกคนเห็นโหลวหลาน ก็ลมลงระเนระนาดดวยความออนลาจากความตึง
เครียดและความกังวล
โหลวหลานรีบทำแผลใหกับทุกคน
อายฮุยเลือกเปลือกตั๊กแตนขึ้นมาสองสามชิ้นและเอาไปวางไวที่ทางเขาและมุม
ตางๆ ของโรงฝก เขาหวังวารัศมีพลังของตั๊กแตนตำขาวโลหิตจะชวยขับไลสัตวโลหิต
ตัวอื่น เขาก็ไมรูเหมือนกันวามันจะใชไดผลหรือไม แตเขาก็ยินดีจะทดลองทุกอยางใน
สถานการณอันสิ้นหวังนี้
เมื่อไดรับการพยาบาลจากโหลวหลาน ซือเสวี่ยมั่นก็ฟนฟูขึ้นมาบาง นางเดินไป
หาอายฮุยและนั่งลงขางเขากอนถามวา “เกิดอะไรขึ้นกับผาพันแผลของเจา”
หลังจากผานการตอสูที่มีชีวิตและความตายเปนเดิมพันรวมกับอายฮุย ซือเสวี่ยมั่นก็มี
ความเปนมิตรขึ้นมาก อายฮุยรูสึกวาวิธีที่ซือเสวี่ยมั่นพูดคุยกับเขาในตอนนี้เหมือนกับ
วาทั้งสองคนนั้นไดรูจักกันมาเปนเวลานานแลว ทวาเขาไมไดมีความรูสึกแบบนั้น
“มันเปนสิ่งประดิษฐกลั่นโลหิตในยุคโบราณที่อาจารยหญิงมอบใหขา ขาก็ไมรู
เหมือนกันวาเกิดอะไรขึ้น” อายฮุยถอดผาพันแผลออกและสงใหนาง “มันเคยเปน
ผาพันแผลโลหิตผืนหนึ่งซึ่งถูกอาจารยหญิงฉีกออกเปนครึ่ง ครั้งหนึ่งขาเคยหยดเลือด
ของตัวเองลงไปและผาพันแผลนี้ก็ดูดซับมันไปในทันที หลังจากที่ดูดซับเลือดของขา
มันก็กลายเปนสีขาวดุจหิมะ เจาชวยดูหนอยไดไหมวามันมีอะไรผิดปกติหรือไม ทำให
ขารูสึกลัวเชนกัน”
ซือเสวี่ยมั่นรับผาพันแผลไปแลวทำการศึกษาอยางละเอียดเปนเวลานาน นางดู
ประหลาดใจและกลาววา “ชางเปนผาพันแผลที่แปลกประหลาด”
นางไดพบเห็นสิ่งประดิษฐตางๆ มากมายมาตั้งแตยังเด็กดังนั้นนางจึงพอรูเรื่อง
ของพวกมันอยูบาง กระนั้นก็ตามนางไมอาจสังเกตเห็นคุณสมบัติเฉพาะตัวอะไรของ
ผาพันแผลนี้ได นอกเหนือจากที่มันถูกฉีกแลวก็ไมมีอะไรพิเศษอีก ถึงแมวานางจะได
เห็นกับตาตัวเองวาผาพันแผลโลหิตนี้กลืนกินเลือดและเนื้อของตั๊กแตนตำขาวโลหิต
ซึ่งทำใหนางรูสึกหวาดกลัวและรีบคืนมันใหกับอายฮุย
“แลวเราจะทำอยางไรตอ” ซือเสวี่ยมั่นถามขณะมองไปที่อายฮุย
หลังจากไดพักผอนและฟนฟูกำลัง คนอื่นๆ ก็ไดพลังธาตุสวนใหญกลับคืนมา เมื่อ
ไดยินคำถามของซือเสวี่ยมั่นทั้งหมดก็ลอมวงเขามา
ความหยิ่งทะนงอะไรที่เคยมีกอนหนาการตอสูในวันนี้ไดเลือนหายไปจนหมดสิ้น
ทุกคนตองทุมเทกำลังจนสุดตัวกวาจะเอาชนะตั๊กแตนตำขาวโลหิตมาไดอยางฉิวเฉียด
ยิ่งไปกวานั้นยังนับวาตองพึ่งดวงเปนอยางมาก หากพวกเขาตองเผชิญหนากับตั๊กแตน
ตำขาวโลหิตอีกครั้งก็ไมมีใครมั่นใจเลยสักคนวาจะสามารถเอาชนะไดอีกหรือไม
พวกเขาอับจนหมดหนทาง รูสึกวาอนาคตนั้นชางมืดมน
มีเพียงอายฮุยและเจาอวนที่ยังคงความเยือกเย็นไวเชนปกติ สำหรับคนที่เดินผาน
ความมืดมิดมาแลวอยางพวกเขาสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ก็เปนแควันที่ทองฟามืดครึ้มวันหนึ่ง
เทานั้น
“ในชวงสองสามวันนี้พวกเราจะพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ซึ่งมีผูคนหนาแนน
ในตอนนี้นับวาเปนชวงเวลาที่มีความโกลาหลสูงสุด เราไมรูวามีสัตวโลหิตจำนวน
เทาไรบุกเขามาภายในเมืองหรือรอยแยกบนกำแพงไดรับการซอมแซมแลวหรือยัง
เรื่องพวกนี้ไมใชสิ่งที่เราจะมาสนใจหรือแกไขได สิ่งเดียวที่พวกเราทำไดในตอนนี้คือ
พัฒนาตัวเองเรียนรูวิธีการตอสูเพื่อใชในการตอสูจริง นี่คือการแขงขันและผูที่ชากวาก็
จะถูกกิน”
น้ำเสียงของอายฮุยนั้นเย็นเยียบจนทำใหทุกคนสั่นสะทานไปถึงสันหลัง
ทุกคนยังคงเงียบงัน รูสึกวายากที่จะรับความจริงอันโหดรายได
“พวกเราสามารถไลสัตวโลหิตออกไปไดหรือไม” ซือเสวี่ยมั่นเงยหนาขึ้นและถาม
“ถาหากวาเจาเปนยอดปรมาจารยก็อาจจะเปนไปได” อายฮุยเหลือบมองนาง
ใบหนาอันงดงามหมดจดนั้นแฝงไวดวยความกังวลและเปนหวง เขากลาวตออยาง
ตรงไปตรงมาวา “เจาไมใชยอดปรมาจารย ขาก็ไมใชยอดปรมาจารย พวกเราทุกคน
เกือบจะถูกตั๊กแตนตำขาวโลหิตตัวเดียวสังหาร อยาไดทำสิ่งใดที่เกินความสามารถ
ของตัวเอง ไมเพียงแตจะทำใหตัวเจาเองตองตายเทานั้น แตเจายังจะลากพวกเราไป
ดวย”
“หากทุกคนรวมมือกันตอสูกับมันละ” เจียงเหวยถามดวยความสงสัย
“บางทีอาจจะไดผล” อายฮุยพยักหนาอยางผิดความคาดหมาย แตน้ำเสียงของ
เขาก็เปลี่ยนไปในทันที “แตใครจะเปนคนทำเชนนั้น ตองมีวีรบุรุษสักคนทำใหมัน
เกิดขึ้น เจา? ขา? เจาเมือง? เชนนั้นก็มาหวังวาเจาเมืองของเราจะเปนวีรบุรุษคนนั้น”
ทุกคนรูสึกสิ้นหวังแตก็เขาใจวาสิ่งที่อายฮุยพูดออกมานั้นถูกตอง ไมมีใครรูสกึ วา
เจาเมืองจะสามารถทำได แมวาหวังเจินจะเปนเจาเมืองนี้มานานสิบป แตพวกเขาก็ไม
เคยเห็นผูชายคนนี้มากอน
ซือเสวี่ยมั่นเงยหนาขึ้นอีกครั้งและในครั้งนี้นางมีสีหนาเครงเครียดจริงจัง “ในเมื่อ
พวกเราไมมีความสามารถมากพอที่จะสนใจคนอื่นได สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเรา
ตองรอดชีวิตใหได”
“เราตองอดทนผานระยะเวลาหนึ่งและรอใหกำลังเสริมจากสิบสามหนวยมาถึง
ขาเชื่อวาพวกเจาทุกคนรูสถานะของสิบสามหนวยดี หากพวกเราตองการจะรอดชีวิต
ก็ตองมีชีวิตอยูใหถึงตอนนั้น จงทำการขบคิดถึงการตอสูในวันนี้”
หลังจากอายฮุยกลาวจบ เขาก็ไมสนใจคนพวกนั้นอีกตอไปและเดินไปยังดานหนึ่ง
เพียงลำพัง
เขามีหลายอยางที่จะตองทำ จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไมมีเวลาจะศึกษา [เปยโตว]
ตนฉบับที่ไดรับมาจากครูใหญเลย
เขายังจำเปนตองทำความคุนเคยกับวาตะมาศและธุลีสีชาด
เมื ่ อ เที ย บกั บ ครั ้ ง ก อ นที ่ อ  า ยฮุ ย ใช [พระจั น ทร เ สี ้ ย ว] ออกมาโดยไม ต ั ้ งใจ
สถานการณในวันนี้ก็ไมตางกันมากนักเพราะมีเรื่องของดวงเขามาเกี่ยวของอยางมาก
ในทายที่สุด ในอีกแงหนึ่งเขารูสึกไดวามีความพัฒนาอยูบางเมื่อเขาทำการศึกษา
เรียนรูในทุกแงมุมของกระบวนทา เขารูสึกวาหากเขาไมมีเวลามากพอที่จะฝกฝนแลว
จะมีเวลาไปนั่งพูดคุยกับทุกคนไดอยางไร
บทที่ 164 การมาถึงของคลื่นยักษโลหิต
แดดยามบายนั้นชางรอนแรง แตกระนั้นมันก็ไมอาจนำความอบอุนมาสูหวังเจิน
และครูใหญที่ลอยตัวอยูสูงขึ้นไปบนทองฟาไดเลยแมแตนอย
รอยแยกที่ประตูเหนือถูกซอมแซมแลว อยางไรก็ตามสัตวโลหิตจำนวนมากไดบุก
เขามาภายในเมืองเรียบรอยแลว เนื่องจากเหตุการณนั้นเกิดขึ้นเร็วเกินไป ประชาชนที่
ตื่นกลัวจำนวนมากมายมหาศาลจึงไดกอใหเกิดอุบัติเหตุเหยียบย่ำกันเองอยางรุนแรง
เปนเหตุใหมีผูเสียชีวิตหลายราย หวังเจินออกคำสั่งใหมีปฏิบัติการกวาดลางสัตวโลหิต
ภายในเมืองในทันที ในตอนแรกปฏิบัติการก็เปนไปอยางราบรื่นจากนั้นพวกเขาก็พบ
เขากับตะขาบโลหิตความยาวกวาสองเมตรซึ่งสังหารผูคนไปราวสามสิบคน
หากหวังเจินและครูใหญไปถึงที่เกิดเหตุไมทันทวงทีผูใชพลังธาตุที่เหลือก็อาจตาย
อยูตรงนั้นแลว
ในตอนนี้ขวัญกำลังใจของผูคนในเมืองซงเจียนนั้นตกต่ำและอยูในภาวะวิตกกังวล
“สิ่งตางๆ ไมเปนไปตามที่คิดไว” น้ำเสียงของครูใหญแฝงไวดวยความไมพอใจ เขา
ฝากความหวังไวกับหวังเจินคอนขางสูง แตวันแรกที่หวังเจินทำหนาที่ดูแลการปองกัน
เมืองก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแลว กอนหนานี้พวกเขาคาดคิดวาระยะกลายสภาพของสัตว
โลหิตจะกินเวลาประมาณหาถึงเจ็ดวัน ทวาความสามารถในการตอสูของตะขาบโลหิต
แสดงใหเห็นเปนอยางอื่น ซึ่งกอใหเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจของครูใหญ
“ครูใหญ นี่คือสนามรบ อุบัติเหตุเกิดขึ้นไดทุกที่ทุกเวลาในสนามรบ” หวังเจิน
กลาวพลางแสยะยิ้ม
“ใช เจาพูดถูก อุบัติเหตุเกิดขึ้นไดในสนามรบ แตเรื่องระยะเวลาสิบหาวัน เรา
ปลอยใหสัตวโลหิตบุกเขามาในเมืองไดตั้งแตวันแรก เจามีอะไรจะพูดเกียวกับเรื่องนี้
หรือไมเลา ทานเจาเมือง” ครูใหญตอบกลับไปอยางกระทบกระเทียบ
“เปนเรื่องธรรมชาติ” หวังเจินพยักหนาอยางใจเย็น “นี่แสดงใหเห็นวาศัตรูนั้น
แข็งแกรงกวาที่เราคาดคิดไวมาก ก็ยังแสดงใหเห็นวาพวกเรานั้นออนแอเกินกวาที่เรา
คิดเอาไวมากเชนกัน ไมมีอะไรที่หนาหวาดกลัวจนเกินไปในเรื่องนี้ การไดรูความ
ผิดพลาดตั้งแตวันแรกนั้นยอมดีกวาไดรับรูเอาในวันสุดทาย อยางนอยเราก็มีเวลา
สำหรับการปรับปรุง แมวาการปรับปรุงนั้นอาจจะไมไดผลก็ตาม”
ครูใหญพูดอะไรไมออก เขารูดีวาสถานการณในปจจุบันนี้ไมอาจจะกลาวโทษ
หวังเจินได ณ เวลานี้เขาหวังวาจะมีวีรบุรุษสักคนมาสรางปาฏิหาริย เห็นไดชัดวาคนผู
นั้นไมใชหวังเจิน เขาคอยๆ ดึงตัวเองออกจากจินตนาการที่ไมอาจเปนจริงและกลับคืน
สูความจริงอันโหดราย
“แลวพวกเราสามารถทำอะไรไดบางในตอนนี้” ครูใหญถามพยายามที่จะควบคุม
น้ำเสียงของตัวเองเอาไว
สีหนาของหวังเจินกลับมาเปนปกติและตอบไปวา “ในตอนนี้เราจำเปนตองกักตัว
ผูที่ไดรับพิษโลหิต เรายังไมอาจรูไดวาพวกเขานั้นสามารถรักษาไดหรือไม หากเรา
ปลอยใหพวกเขารองโหยหวนอยูภายในเมืองก็จะสงผลกระทบตอขวัญกำลังใจของ
ผูคนอยางมหาศาล ตอไปพวกเราจำเปนตองจัดตั้งกลุมนักเรียนขึ้นมาเพื่อทำภารกิจ
กวาดลางสัตวโลหิตภายในเมือง”
“เราจำเปนตองใหพวกเด็กนักเรียนเขามามีสวนรวมรวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ”
ครูใหญถามดวยความตื่นตะลึง
“ใชแลว” หวังเจินตอบอยางจริงจัง “ภัยพิบัติโลหิตนั้นเลวรายกวาที่คาดเอาไว
จำเปนตองใหพวกเขาทำความคุนเคยกับมันใหเร็วที่สุด ขั้นตอไปของภัยพิบัตินี้จะ
เลวรายยิ่งกวาที่เปนอยู”
ครูใหญตัวสั่นดวยความกลัว
“มันมาแลว!” น้ำเสียงของหวังเจินแฝงไวดวยความตื่นกลัวที่ยากจะพบเห็นได
ครูใหญตัวสั่นเทา เงยหนาขึ้นโดยไมรูตัวและไดเห็นสิ่งที่เขาจะไมมีวันลืมไปตราบ
ชั่วชีวิต
เสนขอบฟาสีแดงเลือดเหนือเทือกเขาที่อยูหางไกลดูเขมขึ้นในฉับพลัน จากนั้น
คลื่นโลหิตขนาดยักษก็กลืนกินเทือกเขาราวกับหลุมดำขนาดมหึมา
ภูเขาถูกคลื่นยักษโลหิตกลืนกินไปทีละลูกๆ
ครูใหญสามารถสัมผัสไดถึงคลื่นความเย็นที่แผพุงขึ้นมาตามขาของเขา แมแต
หวังเจินที่เคยเห็นภาพความนาสยดสยองในสนามรบมาแลวนับไมถวนก็ยังหนาขาว
ซีดราวกับคนตายในเวลานี้
ยิ่งไปกวานั้นทั้งคูลอยตัวอยูบนฟาจึงสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไดอยางชัดเจน
ทุกที่ที่คลื่นยักษโลหิตผานไป พืชโลหิตนานาชนิดก็เติบโตขึ้นอยางรวดเร็ว พืช
พรรณเหลานี้เติบโตอยางตอเนื่อง ปาทึบสีเขียวชอุมก็ถูกยอมดวยสีแดงเลือดในชั่ว
พริบตา กอนหินใหญนอยก็ถูกปกคลุมไปดวยตะไครน้ำสีแดงสด ไมมีภูเขาแมแตลูก
เดียวที่จะสามารถตานทานคลื่นยักษโลหิตเอาไวได มันกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
พืชพรรณที่เติบโตอยางรวดเร็วทำใหผืนปากลายเปนหนาทึบยิ่งกวาเดิม จนไม
อาจมองเห็นพื้นดินเมื่อ มองลงมาจากบนท อ งฟ า ได อ ี ก ต อ ไป ทั ้ งหมดที ่ สามารถ
มองเห็นไดมีเพียงแตสีแดงเลือดที่ทอดยาวออกไปราวกับทะเลกวางอันไรขอบเขต
เมื ่ อ เผชิ ญ หน า กั บ พลั ง ที ่ ส ามารถเปลี ่ ย นแปลงโลกได มนุ ษ ยชาติ น ั ้ น ก็ ไ ร
ความหมายอยางสิ้นเชิง
ในชวงเวลานี้ผูใดก็ตามที่ไดเห็นการมาถึ งของคลื่ นยักษโลหิตก็จะมีแต ความ
หวาดกลัวและสิ้นหวังฉายชัดอยูในดวงตา
คลื่นยักษโลหิตที่เคลื่อนไกลออกไป เสียงของพืชพรรณที่เติบโตอยางรวดเร็ว และ
คลื่นโลหิตที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอยางเบื้องหนาอยางฉับพลัน ชางเปนพลังอันบาคลั่งไรที่
สิ้นสุดและนาหวาดกลัวเกินกวาจะเปนฝมือของมนุษยผูใด มีเพียงแตเทพเจาเทานั้นที่
จะมีพลังเชนนี้
ใบหนาของทุกคนขาวซีดรวมทั้งตัวหวังเจินดวย
ทุกสิ่งทุกอยางภายนอกเมืองซงเจียน นั้นเปลี่ยนไปเกินกวาที่จะจดจำได ภูเขา
แมน้ำ เนินดินที่เคยเห็นหายไปอยางสิ้นเชิง ตนไมที่กอนหนานี้สูงประมาณสิบเมตร
บัดนี้ไดเติบ โตสูงกวา หา สิบ เมตรไปแล ว กิ ่ งก า นใบเปลี ่ ย นสภาพไปอย า งสิ ้ นเชิง
กลายเปนพืชพรรณที่ไมเคยพบเห็นมากอน หญาที่เคยสูงเพียงเขาในตอนนี้กลับมี
ความสูงมากกวาหกเมตร ตนหญาทั้งหลายนั้นดูแข็งแรงและชั่วรายขึ้นกวาเดิม หญา
กระบี่นั้นสูงใหญกวายี่สิบเมตร แตความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญที่สุดของมันก็คือความ
กวาง ขอบที่เหมือนฟนเลื่อยของใบหญาแข็งแกรงและแหลมคมขึ้น หากไมไดเห็นการ
เปลี่ยนสภาพของมันกับตาตัวเองคงไมมีทางบอกไดวาเปนหญากระบี่
ทุกสิ่งทุกอยางเปลี่ยนแปลงไปแลว
ทั้งหมดที่สามารถมองเห็นไดก็คือทะเลโลหิต สิ่งเดียวที่แตกตางออกไปในทะเล
โลหิตอันกวางใหญนี้ก็คือเมืองซงเจียน ที่ดูเหมือนกับเกาะนอยอันโดดเดี่ยวในทะเลอัน
กวางใหญ
ทันใดนั้นเองหวังเจินก็ตระหนักไดวามีบางสิ่งผิดไป
“มันเงียบเหลือเกิน” เสียงพึมพำของครูใหญดังกองในหูของหวังเจินราวสายฟาฟาด
เขารูในที่สุดวาอะไรที่ผิดปกติไป
ทะเลโลหิตดานนอกเมืองนั้นเงียบงันราวความตาย ไมมีเสียงแมแตเสียงเดียวให
ไดยิน คลื่นยักษโลหิตไดจากไปแลวทิ้งไวแตทะเลโลหิตอันกวางไกล
ไมมีเสียงรองของแมลง เสียงคำรามของอสูรหรือเสียงนกรอง ไรซึ่งสรรพเสียง
อยางสิ้นเชิง
ความเงียบที่ทำใหขนลุกชัน
สัตวโลหิตหายไปไหน
ความรูสึกไมสบายใจอยางมากครอบคลุมจิตใจของหวังเจิน เขามองไปรอบๆ เพื่อ
มองหารองรอยของสัตวโลหิต แตทวาระยะสายตาของเขาถูกปาที่หนาทึบบดบังเอาไว
จนไมอาจมองเห็นสิ่งใดไดเลย
คลื่นยักษโลหิตนี้คือสิ่งใดกันแน สัตวโลหิตหายไปที่ใด เกิดอะไรขึ้นภายในทะเล
โลหิตนี้
คำถามจำนวนนับไมถวนหมุนวนอยูในใจของหวังเจิน ราวกับมีมือที่มองไมเห็น
ควาคอของเขาเอาไว ความกลัวที่ไมอาจบรรยายไดทำใหเขาหายใจติดขัด
ความเงียบงันดุจความตาย ความเงีย บงั นดุจ ความตายอั นไร ขอบเขต แมแต
แสงอาทิตยยามบายอันรอนแรงก็ไมอาจนำความมีชีวิตชีวามาสูความเงียบงันดุจความ
ตายนี้ เปนเรื่องธรรมดาที่ผูคนจะรูสึกกลัวเมื่อเผชิญหนากับความเงียบงันและทะเล
โลหิตเบื้องหนา
กำแพงเมืองที่แนนหนาไมอาจทำใหพวกเขารูสึกปลอดภัยขึ้นมาไดเลย ในตอนนี้
เมืองซงเจียนเปนเหมือนดั่งเกาะอันเดียวดายทามกลางทะเลโลหิตแหงความตาย
หวังเจินรูสึกหวาดกลัว เขารูดีวานี่คือความสงบเงียบกอนเกิดพายุใหญ ตองมี
บางอยางกำลังบมตัวอยูในปาสีเลือดขางนอกนั่น เขาไมรูวามันคืออะไรแตรูวามันตอง
เปนสิ่งที่นาหวาดกลัวอยางแนนอน
“ผูเฒาอวี๋ พาคนออกไปสำรวจดานนอกเมือง นำบัวสื่อจิตไปดวย” หวังเจินมอง
ไปยังผูใตบังคับบัญชาที่ติดตามเขามานานหลายปและพยายามแข็งใจออกคำสั่ง
สีหนาหวาดกลัวของผูเฒาอวี๋กลับคืนสูความสงบอีกครั้ง “ชวยดูแลลูกชายขาดวย”
“ตกลง” หวังเจินกัดริมฝปาก เขาไมมีความกลาพอที่จะพูดอะไรมากไปกวานั้น
หากมีใครออกจากเมืองไปในเวลานี้ โอกาสที่จะรอดชีวิตกลับมานั้นชางนอยนิด
ไมสิ เรียกไดวาไมมีโอกาสรอดชีวิตเลยจะดีกวา
ผูเฒาอวี๋เลือกผูคนหาคนไปกับเขาโดยไมเสียเวลา ทั้งหมดลวนเปนทหารผานศึก
ที่เคยอยูในแนวรบมากอน พวกเขาลวนมีผมหงอกขาวแตวาใบหนาเหี่ยวยนของเขา
นั้นดูสงบสุข พวกเขาโคงคำนับใหหวังเจินโดยไมมีความลังเล
หวังเจินไดดูแลพวกเขามาเปนเวลาหลายป หากไมใชเพราะเจาเมืองแลวชายชรา
ที่ออนแอเชนพวกเขาคงจะมีชีวิตอันนาสมเพชและยากลำบากมาก
กลุมของรางชราผอมแหงหายเขาไปในทะเลโลหิต
บทที่ 165 เสื้อกั๊กตั๊กแตนตำขาว
วันนี้โรงฝกนับวาสงบสุขมาก
ทุกคนลวนจดจออยูกับการฝกของตนเอง นอกเหนือไปจากเจาอวนที่ตองใหอายฮุย
คอยสั่งแลว คนอื่นตางสามารถทำไดอยางดี ซือเสวี่ยมั่นและตวนมูหวงฮุนสามารถคิด
หาวิธีการฝกแบบพิเศษที่มุงเนนไปในสิ่งที่พวกเขาจำเปนตองพัฒนาอยางเรงดวนซึ่งมี
ประสิทธิภาพดีกวาการฝกฝนแบบธรรมดาทั่วไป
เมื่อไดเห็นเชนนี้ อายฮุยก็ทำไดเพียงแคถอนหายใจ พวกผูมีพรสวรรคนั้นเปน
กลุมของตัวประหลาดอยางแทจริง
แตเขาหารูไมวาในสายตาของคนอื่นแลวเขาเองก็จัดเปนตัวประหลาดเชนกัน
เขามีความแนวแน มุงมั่นและทำทุกสิ่งดวยความมั่นใจอยางเหลือลน ยิ่งไปกวา
นั้นเมื่อใดก็ตามที่เขาเผชิญหนากับสถานการณซึ่งเต็มไปดวยอันตรายเขาก็ยังคงรักษา
ความสงบเยือกเย็นเอาไวได และมีความระมัดระวังในการกระทำอยูเสมอ ทำใหทุก
คนรูสึกวางใจ
ภายในระยะเวลาสั้นๆ เขาก็ไดรับความเชื่อถือและความมั่นใจจากทุกคน
ไมใชวาผูรอดชีวิตจากแดนรางทุกคนจะทำไดเชนนี้ ดูเจาอวนเปนตัวอยางก็ได เขาเอง
ก็เปนผูรอดชีวิตจากแดนรางคนหนึ่งเชนกัน แตกระนั้นเขาก็ยังดูเหมือนคนขี้เกียจคน
หนึ่งเทานั้น
อายฮุยเปนตัวประหลาด แมแตตุกตาทรายของเขาก็เปนตัวประหลาดเชนกัน
พวกเขาลวนแตเปนผูทรงความรูและเคยเห็นตุกตาทรายมามากมาย แตไมเคย
พบเจอตุกตาทรายที่มีความเฉลียวฉลาดเชนนี้มากอน ไมมีสิ่งใดที่โหลวหลานทำไมได
และยังทำใหทุกคนรูสึกวา “โหลวหลานมีความสุขมาก” กับทุกสิ่งที่เขาทำ
ซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินตางก็หลงเสนหของโหลวหลานและรูสึกชื่นชอบเขาอยางยิ่ง
โหลวหลานแปลงรางเปนเลื่อยที่ สรา งขึ้นจากทรายและเริ่ มเลื ่อยเปลือ กของ
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตอยางมีความสุขจนกลายเปนชิ้นขนาดเทาฝามือ
จากนั้นโหลวหลานก็แ ปลงสภาพกายเป น พายุ ท รายขนาดเล็ ก ที ่ ดู ด ชิ ้ น ส ว น
เหลานั้นเขาไป และหลังจากนั้นไมนานพายุทรายก็พนเปลือกของตั๊กแตนตำขาวโลหิต
ที่ถูกขัดจนเปลงประกายแวววับสีแดงออกมาทีละชิ้น
จากนั้นโหลวหลานก็ใชเปลือกที่ถูกขัดเงาเหลานั้นสรางเปนเสื้อกั๊กและมอบมัน
ใหกับอายฮุย ฝายซือเสวี่ยมั่นและซังจื่อจวินนั้นหนาเขียวคล้ำดวยความอิจฉา พวกเขา
ดูราวกับวาตองการที่จะฉกฉวยเสื้อกั๊กนั้นมาจากอายฮุย
อยางไรก็ตามหากพูดตามตรงแลวฝมือการประดิษฐของโหลวหลานนั้นเรียกไดวา
โดดเดนอยา งยิ่ง เปลือ กทุก ชิ้นดูราวกั บทั บทิ มที ่ผ านการเจีย ระไนอย างพิถีพิถัน
แมแตซือเสวี่ยมั่นที่เคยเห็นเครื่องประดับแทบทุกชนิดมาตั้งแตยังเด็กยังตองอุทาน
ออกมาอยางชื่นชม
“ขอบคุณโหลวหลาน!”
อายฮุยรูสึกประหลาดใจอยางมีความสุข สาเหตุที่เขานำเปลือกของตั๊กแตนตำ
ขาวโลหิตกลับมาดวยเพราะเขารูสึกวามันเปนวัตถุดิบที่ดี ไมเพียงแตมีน้ำหนัก เบา
อยางยิ่งเทานั้นแตยังมีความทนทานอีกดวย ซึ่งคุณสมบัตินี้เองที่ทำใหพวกเขาตอง
เผชิญกับความยากลำบากในการตอสูกับตั๊กแตนตำขาวโลหิต อายฮุยที่หมกมุนอยูกับ
การฝกของตัวเองตลอดทั้งวันไมมีเวลาใหเสียไปโดยเปลาประโยชน เขาไมคาดคิดวา
โหลวหลานจะมอบความประหลาดใจเชนนี้มาให
“ไมเปนไรอายฮุย” โหลวหลานตอบกลับมาอยางยินดี
“เปนตุกตาทรายที่นาทึ่งจริงๆ” ซังจื่อจวินอดที่จะอิจฉาไมได โหลวหลานทำให
ความรูเกี่ยวกับตุกตาทรายของนางเปลี่ยนไปอยางสิ้นเชิง นี่เปนครั้งแรกที่นางไดพบ
กับตุกตาทรายที่มีความฉลาดแบบโหลวหลานอยูในโลกนี้
“ฝกใหเร็วขึ้นอีก” แมแตซือเสวี่ยมั่นก็อิจฉาเชนกัน แตก็พยายามสะกดอารมณ
ความรูสึกเอาไว นางตัดสินใจแลววาจะตองหาซื้อตุกตาทรายแบบโหลวหลานสักตัวใน
อนาคต
ทันใดนั้นเองทุกคนก็ไดยินเสียงคลื่นที่สาดซัดเขามาอยางรวดเร็ว ชั่วขณะตอมาดู
เหมือนวาเสียงนั้นจะจากไปแลวดวยความรวดเร็ว ราวกับวาเพิ่งจะมีคลื่นยักษพัดผาน
พวกเขาไปอยางเรงรอน
ทุกคนหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู
“นั่นมันเสียงอะไร” หวังเสี่ยวซานถามดวยเสียงเบา
ไมมีใครตอบคำถามของเขา ทุกคนรูสึกประหลาดใจเนื่องจากไมเคยมีใครไดยิน
เสียงแบบนี้มากอน
“มันดังมาจากนอกเมือง” อายฮุยฟงเสียงนั้นอยางตั้งใจ สีหนาดูคร่ำเครง
“พวกเราออกไปดูดีหรือไม” ซือเสวี่ยมั่นหันไปมองอายฮุยและถาม
อายฮุยคิดอยูครูหนึ่งกอนจะสายหนา “ขาไมคิดเชนนั้น พวกเราควรจะมุงมั่นอยู
กับการเรงฝกฝนตัวเอง ตอใหมีอะไรเกิดขึ้นภายนอก ขาก็ไมเชื่อวานั่นเปนสิ่งที่พวก
เราจะสามารถแกไขได”
ทุกคนก็คิดเชนเดียวกัน การตอสูกับตั๊กแตนตำขาวโลหิตทำใหทุกคนตระหนักได
วาพวกเขานั้นออนแอและเปราะบางเพียงใด
……
หวังเจินรอดวยความกังวล เบื้องหนาของเขามีชามใสน้ำหกใบวางเปนแถวอยูบนโตะ
ภายในแตละชามมีเม็ดบัวสีดำลอยอยู มันคือเม็ดบัวสื่อจิต ชื่อเต็มของมันคือ
“เม็ดบัวหยินหยางสื่อจิต” ซึ่งถูกเพาะพันธุขึ้นมาโดยผูใชพลังธาตุ ไมที ่หลงรั ก ใน
ดอกบัว ในตอนนั้นมีดอกบัวที่มีครึ่งหนึ่งเปนสีขาวและอีกครึ่งหนึ่งเปนสีดำปรากฏขึ้น
ในสระบัวของเขา และมีเม็ดบัวสองเม็ดอยูภายใน เม็ดหนึ่งสีดำอีกเม็ดหนึ่งสีขาว เขา
รูสึกหลงใหลมากและเริ่มเพาะปลูกมันดวยความใสใจอยางยิ่ง
สิบปกอนเมื่อเม็ดบัวหยินหยางสื่อจิตปรากฏขึ้นครั้งแรกมันแทบไมไดรับ ความ
สนใจจากผูคน
จนกระทั่งวันหนึ่งผูใชพลังธาตุไมทำเม็ดบัวเม็ดหนึ่งแตกโดยไมตั้งใจ และคนพบ
คุณสมบัติอันนาอัศจรรยของเม็ดบัวสื่อจิต
หากผูเฒาอวี๋บีบเม็ดบัวสื่อจิตของเขาใหแตก เม็ดบัวสื่อจิตที่ลอยอยูในน้ำก็จะ
แตกในเวลาเดียวกันและฉายภาพที่เกิดขึ้นรอบๆ เม็ดบัวที่ถูกบีบแตก
ภาพนั้นจะมีระยะเวลาประมาณสองนาทีเทานั้น
เม็ดบัวสื่อจิตถูกนำไปใชประโยชนในสนามรบภายในแดนรางอยางรวดเร็ว มัน
แสดงให เ ห็ น ถึ ง ประโยชน ใ ช ส อยที ่ ห ลากหลาย ความสามารถที ่ จ ะถ า ยทอด
ภาพเคลื่อนไหวจากแนวรบนั้นมีคาอยางยิ่งสำหรับผูบัญชาการ
เม็ดบัวสื่อจิตก็มีจุดออนตามธรรมชาติเชนกัน ยกตัวอยางเชน มันไมสามารถใชได
หากระยะหางเกินหนึ่งรอยลี้ และระยะเวลาที่ถายทอดภาพออกมานั้นก็นับวาสั้นมาก
แตมันมีราคาถูกและสามารถเพาะพันธุขึ้นมาไดอยางงายดายทำใหมันถูกนำมาใช
ประโยชนอยางแพรหลาย
ทุกคนอยูในความเงียบ พลังที่สามารถเปลี่ยนโลกไดของคลื่นยักษโลหิตที่ปรากฏ
ใหเห็นตอหนาสรางความหวาดกลัวและสิ้นหวังในใจของทุกคน พวกเขาไมรูวาจะตอสู
กับศัตรูที่ยิ่งใหญและนาหวาดกลัวถึงเพียงนี้ไดอยางไร พวกเขากำลังอับจนหนทาง
ภาพหลังของชายชราหกคนที่เดินหนาเขาหาความตายนั้นยิ่งเพิ่มความโศกเศราและ
สิ้นหวังใหกับสถานการณนี้ขึ้นไปอีก
เวลาที่ผานไปดูเหมือนจะเชื่องชาลงกวาเดิมเพราะความเงียบงันนิ่งสงัด
เวลาผานไปอยางชาๆ แตเม็ดบัวในชามใสน้ำแตละใบก็ยังไมมีวี่แวววาจะเกิดการ
เปลี่ยนแปลง หวังเจินรูสึกหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลาหนึ่งชั่วโมงผานไปในที่สุด
สีหนาของหวังเจินเปลี่ยนไปเปนปกติ เวลาผานไปหนึ่งชั่วโมงแลว เปนไปไดอยาง
ยิ่งวาผูเฒาอวี๋และพวกลวนตายไปหมดแลว เมื่อเขาสามารถกลับคืนสูทาทีปกติได
ความคิดของเขาก็แจมชัดยิ่งขึ้น
“มีความเปนไปไดสองประการ ประการแรกผูเฒาอวี๋และพวกถูกสังหารกอนบีบ
เม็ดบัวสื่อจิต ความเปนไปไดที่สองก็ คือทะเลโลหิ ตนั้น สามารถปดกั้นการสื่ อ สาร
ระหวางเม็ดบัวสื่อจิตทั้งสองเม็ดได” หวังเจินพึมพำกับตัวเอง
สีหนาของครูใหญขาวซีด เขานับเปนผูทรงพลังอยางยิ่งผูหนึ่งหากแตไมเคยอยูใน
สนามรบมากอน
หวังเจินเหลือ บมองดูครูใหญแ ล วหั วเราะออกมาอยางขมขื่ น เพื ่ อ รั กษาฐาน
อำนาจการปกครอง สนามเหนี่ยวนำจึงไมเคยเลือกผูคนจากสิบสามหนวยหรือตระกูล
ที่มีอิทธิพลมาเปนครูใหญ ครูใหญทุกคนลวนมีภูมิหลังปานกลางและไมเคยเขาสูแนว
รบมากอน พวกเขามีความชำนาญในเรื่องการศึกษาเทานั้น และดวยเหลาครูใหญที่
มุงมั่นไปกับการศึกษานี่เอง ทำใหสนามเหนี่ยวนำกลายเปนศูนยกลางของการศึกษาที่
ประกอบไปดวยแนวคิดอันหลากหลาย
อยางไรก็ตามมันก็มีทั้งขอดีและขอเสีย
นับตั้งแตภัยพิบัติเกิดขึ้นในสนามเหนี่ยวนำ คณาจารยและครูใหญผูเปยมไปดวย
ความรูกลับตอบสนองอยางลาชาและเงอะงะ แถมยังตื่นตระหนกอยางยิ่ง
หวังเจินรูสึกผิดที่เขาไมไดใหความใสใจมากพอที่จะฝกทหารขึ้นในชวงระยะเวลา
สิบปที่ผานมา เมื่อเกิดภัยพิบัติโลหิตขึ้นเขาก็พบในทันทีวาเขาไมมีผูชวยที่สามารถ
พึ่งพาไดแมแตคนเดียว ตอนนี้เขาตองชดใชใหกับการเสียเวลาไปอยางเปลาประโยชน
นานถึงสิบป
ไมเพียงแคในสนามเหนี่ยวนำเทานั้น แตทั้งอูสิงเทียนสามารถสัมผัสไดถึงอันตราย
ที่แผขยายมาจากแนวรบในแดนราง ตอนนี้ทุกคนตองชดใชใหกับความปลอยปละ
ละเลยของตน
หากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เปนฝมือมนุษย เชนนั้นแลวผูคิดแผนการก็ไดเลือก
จุดที่ออนแอที่สุดในอูสิงเทียนเปนเปาหมาย… ภัยพิบัติโลหิตนี้นับเปนหายนะอยาง
แทจริง เปนความสูญเสียที่หนักหนาที่สุดตั้งแตมีการกอตั้งอูสิงเทียนขึ้นมา
หลังจากยอยสลายความขมขื่นและสำนึกผิดลงไป ความมุงมั่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหนา
ของหวังเจิน “ขาจำเปนตองสงคนออกไปเพื่อรูใหแนชัดวาเกิดอะไรขึ้นขางนอก”
“เจาจะสงใครออกไป” ครูใหญยังคงสับสน
หวังเจินรีดเคนสมองเพื่อคิดหาผูที่สามารถจะทำภารกิจนี้ได ยิ่งภารกิจมีอันตราย
มากขึ ้ น เท า ไรก็ ย ิ ่ ง จำเป น ต อ งใช ผ ู  ม ี ป ระสบการณ ม ากขึ ้ น เท า นั ้ น พวกที ่ อ  อ น
ประสบการณและมีจิตใจที่ออนแอจะลมกอนที่ภารกิจจะเริ่มขึ้นดวยซ้ำ
เขาตองการที่จะทำดวยตัวเอง หากแตรูดีวาถาเกิดอะไรขึ้นกับตนแลว เมืองซงเจียนก็
จะไมมีใครที่สามารถดูแลสถานการณที่เกิดขึ้นไดและจะลมสลายในทันที
“เราจะทำการเปดรับสมัคร” เขาพูดสิ่งที่คิดออกมาเสียงดัง “จะตองมีคนที่มี
ความสามารถในการลาดตระเวนทำงานอยู  ในโรงฝ ก หรื อ โรงงานในเมื อ งนี ้ อยาง
แนนอน ปญหาก็คือจะจูงใจพวกเขาเหลานั้นอยางไร พวกเขาไมจำเปนที่ตองไปเสี่ยง
ชีวิตเพื่อพวกเรา”
“เจาตองการอะไร” ครูใหญเขาใจไดในทันที
ในตอนนี้ผูคนที่มีความสามารถสูงกวาในเมืองซงเจียนก็คือบรรดาสมาชิกโรงฝก
ตางๆ ทุกคนที่สามารถกลายมาเปนกรรมการหรือผูรักษาความปลอดภัยใหกับโรงฝก
ไดนั้นยอมตองมีความสามารถอยูบาง อีกทั้งพวกเขาสวนใหญก็เคยอยูในกลุมนักลา
สัตวอสูรแดนรางมากอน หลังจากแกตัวลงและตองการใชชีวิตที่มั่นคง พวกเขาจึง
เลือกที่จะมาทำงานอยูในโรงฝก
แตถึงแมวาคนพวกนี้จะเปนทหารผานศึกมากอน แตคงไมมีทางยอมรับภารกิจ
ของหวังเจินอยางงายดาย
หวังเจินถอนหายใจออกมา “พวกเราตองดูแลในสวนที่อยูภายใตการรับผิดชอบ
ของเรา ขาจะจัดเตรียมเงินรวมทั้งยุทโธปกรณและเสบียงที่มีคา เจาก็จัดเตรียมเคล็ด
วิชาลับขั้นสูงหรือใกลเคียง”
“ตกลง!” ครูใหญเห็นดวยในทันที เขาไดมอบ [เปยโตว] ตนฉบับออกไปแลวดังนั้นเขา
ไมสนใจวาจะตองมอบวิชาลับขั้นสูงหรือเคล็ดวิชาอันทรงคุณคาอันใดอีกตอไป
ผูใชพลังธาตุบนทองฟาทำการปาวประกาศรับอาสาสมัครออกไปสำรวจนอกเมือง
ในตอนนั้นเองอายฮุยและพวกจึงเขาใจวาเกิดอะไรขึ้น
“ขาอยากรูเหลือเกินวาสถานการณภายนอกนั้นเปนเชนไร เกิดคลื่นยักษโลหิต
ขึ้นมาโดยฉับพลันไดอยางไร” สีหนาของซังจื่อจวินเต็มไปดวยความกังวล
ไมเพียงแตนางเทานั้น ทุกคนก็ลวนสงสัยอยางยิ่งเชนกัน นับตั้งแตเกิดภัยพิบัติโลหิต
ขึ้นมา สถานการณก็มีแตจะเลวรายลง ทำใหทุกคนรูสึกไมสบายใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เจาอวนสังเกตเห็นแววตาของอายฮุยจึงถามออกมาอยางสงสัย “อายฮุยอยาบอกนะ
วาเจาตองการจะออกไป”
“ใชแลว ครูใหญกับเจาเมืองทุมเต็มที่ในครั้งนี้” ดวงตาของอายฮุยเปนประกาย
คำตอบของอายฮุยทำใหทุกคนตกใจ
“ไม! มันอันตรายเกินไป!” ซือเสวี่ยมั่นแยงขึ้นมาโดยไมคิดทบทวนแมแตนอย
“ใชแลว ขาเห็นดวย อายฮุยเจาไมไดบอกเองหรือวาพวกเราไมมีความสามารถ
มากพอที่จะแกปญหาที่เกิดขึ้นภายนอกนั้น” ซังจื่อจวินก็พยายามเกลี้ยกลอมอายฮุย
เชนกัน
ตวนมูหวงฮุนมีความสับสนใหเห็นบนใบหนาในยามที่เขามองไปทางอายฮุย เขา
ไมรูวาเหตุใดอายฮุยถึงไดตัดสินใจเชนนี้ขึ้น มาอยางกะทันหัน การตัดสินใจอยาง
ผลีผลามเชนนี้ไมใชลักษณะของเขาแมแตนอย
“คราวนี้เจาตองการอะไร” เจาอวนถามออกมาตรงๆ เขาคือคนที่รูจักอายฮุยดีที่สุด
“เนื้อสัตวอสูรแดนราง อาหารพลังธาตุ” อายฮุยตอบออกมาตามตรง
ทุกคนรูสึกขุนเคืองขึ้นมาเมื่อไดยินคำตอบของอายฮุย พวกเขาอาจจะพอเขาใจได
ถารางวัลนั้นเปนวิชาลับขั้นสูง แตอาหารพลังธาตุนี่นะหรือ พวกเขาขาดแคลนอาหาร
พลังธาตุตงั้ แตเมื่อไร อาหารพลังธาตุนับวาเปนสิ่งที่พวกเขาไดเห็นอยูเปนประจำ
“พวกเรามีเวลานอยเกินไป และจำเปนตองเพิ่มความสามารถในการตอสูใหมาก
ที่สุด ทางออกที่ดีที่สุดก็คืออาหารพลังธาตุ โหลวหลานนั้นยอดเยี่ยมมากในการปรุง
อาหารพลังธาตุ ในชวงเวลานี้วัตถุดิบอยางเนื้อสัตวอสูรแดนรางจัดเปนสิ่งที่หายาก มี
คาที่ไมอาจประเมินไดและเหมาะสมอยางยิ่งที่จะนำมาทำอาหารพลังธาตุ” อายฮุย
กลาวตอไป
ซือเสวี่ยมั่นยังคงไมเห็นดวยกับเขา “ขาเห็นดวยกับเจาที่วาเราจำเปนตอ งเพิ่ม
ความสามารถในการต อ สู  ใ ห เ ร็ ว ที ่ ส ุ ด แต น ี ่ ก ็ ย ั ง คงอั น ตรายเกิ น ไป พวกเราไม
จำเปนตองเสี่ยงถึงเพียงนั้น”
“อันที่จริงแลวมันไมมีอันตรายอะไรเลย” อายฮุยอธิบาย
ไมมีใครเชื่อคำพูดของเขา
อายฮุยชี้ไปที่เสื้อกั๊กซึ่งทำมาจากเปลือกของตั๊กแตนตำขาวโลหิตที่อยูบนรางของ
เขาและอธิบายตอไปวา “ขามีสิ่งนี้อยู รัศมีพลังของมันจะชวยปดบังพลังของขา หาก
ขาระมัดระวังก็คงไมมีปญหาอะไร พวกเจาทุกคนก็ไดเห็นผลของมันแลวไมใชหรือ
นับตั้งแตเมื่อวานจนกระทั่งวันนี้ไมมีสัตวโลหิตตัวไหนเขาใกลพวกเราเลย ขารูสึกวา
มันไมมีอันตรายอะไรมากนัก และมันคุมคาที่จะเสี่ยง”
ทุกคนตกตะลึง กลายเปนวาอายฮุยไดคิดถึงความเปนไปไดทุกอยางแลว
“ขาจะไปกับเจาดวย” ซือเสวี่ยมั่นกาวออกมาอยางกลาหาญ
“เจารูวิธีการแทรกซึมอยางนั้นหรือ” อายฮุยถามอยางสงสัย
ซือเสวี่ยมั่นไดแตกลอกตา
“ทุกคนจงรอขากลับมา”
บทที่ 166 เรื่องนากลัวในปาโลหิต
ผูกลาหาญยอมเสนอตัวออกมาถารางวัลตอบแทนดีพอ
เมื่อที่วาการเมืองและโรงเรียนซงเจียนนำเสนอของรางวัลจูงใจออกมาโดยพรอม
เพรียงกัน จำนวนผูใชพลังธาตุที่กาวออกมาเพื่อลงทะเบียนก็เพิ่มขึ้นอยางเห็นไดชัด
หวังเจินถอนหายใจออกมาอยางโลงอก การเปลี ่ ยนแปลงอย างผิ ดปกติ ท ี่ เกิดขึ้น
ภายนอกเมืองนั้นทำใหเขาไมสบายใจอยางมาก
แตกระนั้นเขาก็ยังรูสึกประหลาดใจที่ไดเห็นชื่อของอายฮุย เกิดความหนวงหนักที่
ใจ เขาขมวดคิ้วแนน เจาหนุมนี่ยังเปนแคนักเรียนอยูเลย
ในตอนแรกเขาคิดวาจะยับยั้งการเสนอตัวนี้ แตเมื่อเขานึกถึงคำพูดที่ครูใหญ
ประเมินอายฮุยเอาไววาเขาเปนนักเรียนที่มีความเปนผูใหญที่สุดเทาที่เคยพบเห็นมา
มีเปาหมายที่ชัดเจน ไรความหุนหันพลันแลนที่วัยรุนทั่วไปมี จากนั้นหวังเจินก็คิดถึง
ประสบการณการเปนแรงงานของอายฮุยในแดนราง บางทีเจาหนุมนี่อาจมีความ
พิเศษเฉพาะตัวอะไรบางอยางที่เขายังไมเขาใจ
ไมใชเรื่องนาประหลาดใจอะไรที่แรงงานผูรอดชีวิตจากแดนรางจะมีบางสิ่งที่
เหนือล้ำกวาผูอื่นอยูในตัว
หวังเจินรวบรวมความคิด ในตอนนี้ไมมีสิ่งใดสำคัญไปกวาการรวบรวมขอมูล
ขาวสารเกี่ยวกับปาโลหิต
ครูใหญไดทำการจัดเตรียมอาจารยที่จะนำพวกนักเรียนไปกวาดลางสัตวโ ลหิต
ภายในเมือง ตามแผนการของหวังเจินทั่วทั้งเมืองไดถูกจัดแบงออกเปนสิบสองสวน
ซึ่งแตละสวนจะถูกควบคุมโดยกลุมของอาจารยและนักเรียนหนึ่งหนวย
ไดเกิดการตอสูข ึ้นสองสามครั้งในวันนี้ ทำใหมีการเสียชีวิตจำนวนมาก
ครูใหญไดพูดกับเขาดวยความหวังวาจะมีการเปลี่ยนแผนกอนที่จะถูกปฏิเสธ
กลับ ไปอยา งหนัก แนน หวังเจินมี ความหวั งว า ทุ ก คนจะสามารถปรั บ ตั ว เข า กั บ
สถานการณไดผานการตอสูที่ไมคอยรุนแรงนักเชนนี้ ระหวางกระบวนการยอมตองมี
การเสียชีวิตอยูบางแตก็ไมมีทางเลือกอีกตอไปแลว มีแตตองผานความยากลำบากนี้
ไปไดเทานั้น ทุกคนจึงจะพรอมตอสูในศึก ที่ จะหนัก หนว งยิ ่งขึ้ น อันจะตามมาใน
อนาคต อยางนอยที่สุดเมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเขาก็ไมตัวสั่นงันงกอีกตอไป
อายฮุยไมไดสวมเสื้อกั๊กเปลือกตั๊กแตนตำขาวไวดานนอก เขารูดีวาไมควรเปดเผย
ทรัพยสินมีคาใหคนอื่นเห็น
หลังจากไดรับเม็ดบัวสื่อจิตและถั่วบันทึกภาพ เขาก็เดินออกจากเมืองไปตาม
ลำพัง ผูใชพลังธาตุที่อาสาออกมานั้นมีจำนวนไมนอยเลยทีเดียว บางก็รวมกลุมกัน
สามถึงสี่คน บางก็เลือกที่จะเดินทางตามลำพังเชนเดียวกับอายฮุย
นัยนตาของทุกคนเปนประกายเจิดจาดวยความระแวดระวัง มองแคปราดเดียว
อายฮุยก็บอกไดวาทั้งหมดลวนเปนนักรบที่เปยมไปดวยประสบการณ ดวงตาของเขา
เปนประกายขึ้น นี่เปนครั้งแรกที่เขาไดเห็นผูมีประสบการณจำนวนมากขนาดนี้ภายใน
เมือง ไมวาจะเปนทหารองครักษของที่วาการเมืองหรือบรรดาอาจารยในโรงเรียนซง
เจียนก็ลวนแตเปนพวกไกออนในเรื่องของการตอสูจริงทั้งนั้น
ผูมีประสบการณนั้นชางแตกตางอยางแทจริง!
อายฮุยรูสึกมีความมั่นใจในปฏิบัติการนี้อยางยิ่ง
เมื่อมีผูคนเขารวมมากมายถึงเพียงนี้ การสำรวจยอมไมเปนปญหาในครั้งนี้ นี่
นับเปนผลดีสำหรับทหารยามในเมืองซงเจียน อีกทั้งการมีผูคนจำนวนมากจะสามารถ
เบี่ยงเบนความสนใจของพวกสัตวโลหิตไดอยางแนนอน
หากพูดถึงเรื่องความเขาใจในตัวสัตวโลหิต อายฮุยนับวาเหนือกวาคนสวนใหญ
นับตั้งแตอยูในสวนแหงชีวิตเขาก็ไดทำการสำรวจพวกมันรวมถึงความเปลี่ยนแปลง
ทั้งหลายอยูอยางลับๆ
ยกตัวอยางเชนตั๊กแตนตำขาวโลหิตนี้มีความแข็งแกรงกวาสัตวโลหิตที่พบกอน
หนานี้มากนัก ทั้งยังมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปลักษณอีกดวย สัตวโลหิตแต
กอนนั้นมีรางกายสีแดงเลือด แตเปลือกของตั๊กแตนตำขาวโลหิตนั้นไมไดมีสีแดงเขม
และออกไปทางโปรงแสงดวยซ้ำไป พลังปองกันของมันก็เพิ่มขึ้นอยางมากเชนกัน
ผู  ใ ช พ ลั ง ธาตุ ส ว นใหญ ม องข า มความเปลี ่ ย นแปลงเล็ ก นอ ยนี้ ไ ปแตอ  า ยฮุ ย
สังเกตเห็นและจดจำมันได
สัตวโลหิตนั้นแข็งแกรงยิ่งขึ้นแมกระทั่งในตอนนี้ก็ยังไมมีใครรูถึงกระบวนการ
เบื้องหลังการเปลี่ยนสภาพของพวกมันรวมถึงผลประโยชนที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยน
สภาพอีกดวย
เขาหวังวาจะคนพบรูปแบบของการกลายสภาพที่เกิดขึ้นกับสัตวโลหิตทั้งหลายเหลานี้
เมื่ออายฮุยกาวออกจากประตูเมืองก็มองเห็นปาโลหิตไดในทันที และในตอน
นั้นเองเขาก็สูญเสียขวัญกำลังใจไปในทันที มันเปลี่ยนไปจนจำแทบไมได
กวาดตาสำรวจอยางรวดเร็วก็บอกไดวาปาทึบสีแดงสดนี้ขยายตัวออกไปจนดู
เหมือนจะไรขอบเขต ทองฟาสีครามในอดีตในตอนนี้กลับแปดเปอนดวยชั้นสีแดงหมน
มัวชวนใหขนลุก ตนไมที่สูงใหญและแนนขนัด… ดูราวกับกำแพงสีแดงที่ไมอาจจะ
แทรกผานเขาไปได ปดกั้นความพยายามที่จะลอบมองดูความลับที่ถูกปดซอนเอาไว
ภายในอยางสิ้นเชิง
อายฮุยยืนตะลึงอยูครูหนึ่ง ขนของเขาลุกชัน ความเย็นแผซานไปทั่วกาย เขาไม
อาจจินตนาการถึงพลังที่สามารถสร างความเปลี่ยนแปลงอย างบ าคลั่ งเบื ้องหนา
สายตาของเขาได
ในที่สุดเขาก็เขาใจวาเหตุใดเจาเมืองจึงทุมเทเวลาและทรัพยากรมากมายเพื่อให
ไดมาซึ่งความลับที่อยูภายในปาโลหิต
เมื่อไดเห็นทุกสิ่งเขาก็มีความคิดเชนเดียวกับเจาเมืองไมผิดเพี้ยน ตองมีบางอยาง
ที่นาหวาดหวั่นกำลังบมตัวอยูภายในปาอยางแนนอน
พวกเขาตองหามันใหพบ!
อายฮุยหายใจเขาลึกเพื่อนำความอบอุนเขาสูรางกายอันหนาวเหน็บ ความกลัวใน
ดวงตาของเขาลดลงอยางชาๆ นัยนตากลับคืนสูความสุขุมเยือกเย็นอีกครั้ง
เขากาวไปขางหนาอยางมั่นคงตรงไปสูกำแพงสีแดงเลือดที่สูงเสียดฟา
เขารูจักพื้นที่แถวนี้ดี นั่นคือเสนทางที่เขาใชเดินไปยังเจดียเสวียนจิน หลังจากเดิน
ผานเสนทางนี้มานับครั้งไมถวน เขายอมรูสึกคุนชินกับมันเปนธรรมดา แตกระนั้นภาพ
ที่เห็นเบื้องหนาของเขากลับแปลกตาไปอยางสิ้นเชิง เกิดอะไรขึ้นกับเจดีย ความคิดนี้
แวบขึ้นมาในหัวกอนที่เขาจะบังคับสมาธิของตนใหจดจออยูกับสิ่งที่อยูเบื้องหนา
เขาหยุดอยูที่ชายปา
วัชพืชหนาแนน สูงประมาณสองเมตร กีดขวางเสนทางของเขาเอาไว ใบของมัน
นั้นเหมือนกับกระบี่ ขอบใบสีแดงสดมีความแหลมคมอยางยิ่ง ทำใหอายฮุยหวนนึกไป
ถึงคมเขี้ยวของอสูรแดนราง
อายฮุยไมอาจจดจำไดวามันเปนพืชพรรณชนิดใดมากอน
ผูใชพลังธาตุคนอื่นเขาไปในปาดวยการบิน แตอายฮุยมิไดทำเชนนั้น สัตวโลหิต
นั้นมีสัมผัสที่เฉียบคมตอพลังธาตุ ดังนั้นการบินยอมกระตุนเตือนใหมันรูตำแหนงได
อยางงายดาย แนนอนวาผูใชพลังธาตุผูเชี่ยวชาญทั้งหลายนั้นมีความแข็งแกรงและมี
วิธีของตนที่จะรับมือกับพวกมันจึงไมรูสึกกังวลแตอยางใด ตัวเขามีสถานะอันต่ำตอย
พูดอะไรไปก็ไมมีประโยชน และเขาก็ไมใชคนที่จะไปยุงเกี่ยวกับเรื่องของผูอื่นอยูแลว
เมื่อพบสถานที่ลับตาเขาก็ถอดเสื้อคลุมออกเผยใหเห็นเสื้อกั๊กสีแดงที่ซอนอยู
ภายใน
อายฮุยใชกระบี่เพลิงสันหลังมังกรปดหญาพวกนั้นไปดานขางแหวกทางเดินใหกับ
ตนเองโดยไมลังเล พุมหญานี้มีความหนามากกวาที่เขาคาดคิดเอาไวหลังจากเดินมาก
วาสิบเมตร สิ่งเดียวที่เขามองเห็นก็ยังคงเปนวัชพืช พืชสีแดงสดที่ทนทานนี้ทำใหการ
เดินทางผานพวกเขาเปนเรื่องยากลำบากอยางยิ่ง เขาใชกระบี่ตัดออกเปนพื้นที่เล็กๆ
ใบของมันรวงลงและของเหลวสีแดงสดก็ไหลซึมออกมาพรอมกับกลิ่นหอมที่คุนจมูก
อายฮุยสังเกตเห็นวากลิ่นนี้มีความเขมขนมากยิ่งขึ้น
หลังจากผานไปสองสามนาที ใบสีแดงสดที่ถูกตัดออกมาก็ขุนมัวกลายเปนสีเทา
เพียงแคสัมผัสแผวเบาใบไมนั้นก็แตกสลายกลายเปนเถาธุลี
อายฮุยพยายามอยางมากที่จะปองกันไมใหของเหลวที่ซึมออกมานั้นสัมผัสรางกาย
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงโจวเสี่ยวซีขึ้นมาและรูสึกเศรา เขาอดที่จะถอนหายใจออกมาไมได
ผูใชพลังธาตุที่แข็งแกรง ยอดฝมือจากสิบสามหนวยกลับตองมาตายอยางไรเหตุผล
เมื่อ เดินทางกา วเขา ไปเรื่อ ยๆ วั ชพื ชที ่ ห นาทึ บ ก็ เริ ่ มเบาบางลงเมื ่ อ ผ า นไป
ประมาณหนึ่งรอยเมตร จากสภาพภูมิประเทศที่จำได ทำใหทราบวาเสนทางที่จะเขาสู
ปานั้นอยูตรงหนานี่เอง
อายฮุยบีบมือลงอยางระมัดระวังและทำใหเม็ดบัวสื่อจิตแตกออกเปนชิ้นๆ
ไมมีอะไรเกิดขึ้น
หมอกทึบพาดผานนัยนตาของเขา เม็ดบัวสื่อจิตถูกตัดสัญญาณจริงๆ ดวย นี่เปน
การยืนยันขอสันนิษฐานหนึ่งของที่วาการเมือง โชคยังดีที่ทางที่วาการเมืองไดพิจารณา
ถึงเหตุการณนี้และไดมอบถั่วบันทึกภาพใหพวกเขาติดตัวมาดวย เมื่อเปรียบเทียบกับ
ที่โ รงฝก นำมาใชแ ลว ถั่ว เม็ดนี้คือ คุ ณภาพที ่ ใช ในการทหาร การบั น ทึ ก ภาพไม
จำเปนตองใชฝกถั่วใหวุนวายอีกตอไปและภาพที่บันทึกไดนั้นก็มีความชัดเจนยิ่งกวา
เขาจัดเตรียมถั่วบันทึกภาพกอนที่จะเดินมุงหนาตอไป ทุกอยางยังคงเปนไปอยาง
ราบรื่นจนถึงตอนนี้ แมวาจะไมไดผลลัพธอะไรแตก็ไมมีอุบัติเหตุอันใดเกิดขึ้นเชนกัน
เมื่อวัชพืชโดยรอบเริ่มเบาบางลง ตนไมสูงเสียดฟาก็ปรากฏขึ้นใหตรงหนา
เขายืนตะลึง
ตนไมสูงเสียดฟากวาหาสิบเมตร มีลำตนที่หนาขนาดที่ตองใชคนหลายโอบ ทั้งตน
เปนตะปุมตะป�ผิดรูปรวมถึงเถาวัลยอันคดเคี้ยวที่ดูเหมือนกับพันอยูรอบลำตนแตก็ดู
เหมือนจะฝงตัวลงไปภายในตนเชนกัน ใบที่หนาทึบประหนึ่งวาจะปดบังทองฟาไวจด
มิด รากอากาศที่ทิ้งตัวลงมาเสมือนตนไทรแตปลายของมันปกแนนลงไปในดิน
ทันใดนั้นเสียงกรีดรองอันนาขนพองสยองเกลาก็ดังขึ้นจากดานหนา
อายฮุยตัวสั่น
เขาแหวกรากอากาศพวกนั้นอยางระมัดระวังกอนที่จะพุงตัวออกไปดวยความเร็ว
อยางเต็มกำลัง
รากอากาศจำนวนนับไมถวนที่หอยลงมาจากตนไมมวนรัดตัวเองอยูรอบรางกาย
ของผูใชพลังธาตุผูหนึ่ง ผิวหนังของเขาถูกทิ่มแทงดวยปลายเข็มเล็กละเอียด
ภาพที่ตามมาทำใหสีหนาอายฮุยเปลี่ยนไปโดยพลันและความเย็นเยียบก็ไหลไป
ตามสันหลัง
รากอากาศพวกนั้นกลายเปนโปรงใสและของเหลวสีแดงเลือดที่อยูภ ายในก็ไหลเขาสู
รางของผูใชพลังธาตุอยางตอเนื่อง เสียงกรีดรองของผูใชพลังธาตุผูนั้นพลันก็เงียบลง
ในทันใด สีหนาที่ตื่นตระหนกของเขาก็ผอนคลายลงกลายเปนเฉกเชนคนที่กำลังมึน
เมาแทน รางกายของเขาบวมพองราวกับลูกโปงที่ถูกเปาลมเขาไป ในขณะที่เสนเลือด
ของเขาสามารถมองเห็นไดชัดเจนเนื่องจากผิวหนังไดเปลี่ยนสภาพเปนโปรงใส
ตนไมสูงเสียดฟาสงเสียงดังครืนครั่น
อายฮุยรูสึกวาเลือดในกายเย็นเยียบ เขาสัมผัสไดวาตนไมกำลังสั่นไหว เถาวัลย
รอบลำตนก็เปลี่ยนเปนโปรงใสเชนกัน มีของเหลวสีแดงไหลอยูขางในเหมือนกับเสน
เลือดของมนุษย ปุมปมบนลำตนก็ดูเหมือนมีชีวิตขึ้นมาเชนกัน ดูราวกับใบหนาบิด
เบี้ยวอันนาสยดสยอง
จนกระทั่งถึงตอนนี้ อายฮุยเคยคิดวาเขาไดพบเห็นสิ่งที่เลวรายที่สุดเทาที่จะ
เกิดขึ้นไดในแดนรางมาแลว แตเขารับรูแลววาตัวเองคิดผิดไป ผิดไปอยางเห็นไดชัด
เขาบีบถั่วบันทึกภาพดวยมืออันสั่นเทาซึ่งแสดงใหเห็นถึงความกลัวที่มีออกมา
อยางชัดเจน
เขาหายใจลึกอยางตอเนื่องเพื่อพยายามที่จะควบคุมและสงบจิตใจของตน
ไมจำเปนตองดู ไมเหลือความหวังอะไรอีกตอไปแลวสำหรับผูใชพลังธาตุคนนั้น
และอายฮุยก็สัมผัสไดถึงความเปลี่ยนแปลงอันนาทึ่งที่เกิดขึ้นภายในรางกายของ
ผูใชพลังธาตุดวยประสาทสัมผัสอันแหลมคมของเขา
สัตวปากลายเปนสัตวโลหิตหลังจากไดรับพิษโลหิต แลวมนุษยละ พวกเขาจะ
กลายเปน….
มนุษยโลหิตหรือไม
อายฮุยตัวสั่นเทาอยางชวยไมได
สัตวประหลาดเชนนี้จะยังเรียกวามนุษยไดหรือไม สัตวโลหิตที่เปลี่ยนสภาพโดย
สมบูรณแลวนั้นไมไดสูญเสียสติสัมปชัญญะไป อันที่จริงแลวพวกมันแข็งแกรงขึ้น
วองไวขึ้น แลวมนุษยโลหิตจะเปนอยางไร พวกเขาจะกลายเปนอยางไร
ความกลัวของอายฮุยสูงขึ้นกวาเดิม สัตวโลหิตก็นากลัวมากพอที่จะทำใหพวกเขา
ตองวิ่งหนีแลว
ถาหากมนุษยโลหิต… มีความฉลาดของมนุษยประกอบกับรางกายของสัตวโลหิต...
ทันใดนั้นอายฮุยก็นึกถึงชื่อของพิษโลหิต โลหิตแหงเทพ พวกเขาตองการที่จะ
สรางมนุษยสายพันธุใหมหรอกหรือ
ไม เปนไปไมได!
ไมมีใครสามารถทำได!
รางกายของอายฮุยเปลี่ยนเปนเย็นชาเมื่อดวงตาของเขาฉายแววแข็งกราว เขาถือ
กระบี่ขนาดเล็กเพิ่มขึ้นในอีกมือหนึ่งกอนที่จะพุงตัวออกไปอยางสุดแรง
ปง! สมองของผูใชพลังธาตุระเบิดออก ของเหลวสีแดงพุงกระจายราวน้ำพุ
ไมวาของเหลวนั้นจะตกลงไปบนลำตนหรือใบไมก็ถูกดูดซับเขาไปในทันที และ
แลวรากอากาศที่รัดแนนก็คลายตัว ปลอยใหซากศพที่ซีดเซียวไรชีวิตรวงลงกับพื้น
อายฮุยรูสึกผอนคลายขึ้นเล็กนอย
“บอกขาที เจาสังหารลูกนองของขาไปคนหนึ่ง เจาจะชดใชอยางไร”
เสียงพราเลือนดังกองอยูในหูของเขาอยางไมมีปมีขลุย กลิ่นหอมจางกระทบจมูก
ของอายฮุยในขณะที่ลมหายใจอบอุนสัมผัสกับตนคอของเขา
นัยนตาของอายฮุยหดลง ในขณะที่ขนทั่วรางลุกชัน
บทที่ 167 พบกันอีกครั้ง
ดวยวามีตัวออนกระบี่อยู อายฮุยจึงรับรูสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายไดอยางชัดเจน
ประสาทสั ม ผัส ทั้ ง หกของเขาแหลมคมและดีก ว า ผู ใ ชพ ลั ง ธาตุ ส ว นใหญ เสี ย อี ก
แมกระทั่งคางคาวโลหิตที่บินอยางไรเสียงอยูสูงขึ้นไปบนฟาก็ยังไมอาจรอดพนไปได
แตเสียงที่ดังขึ้นเบื้องหลังเขานั้นเหมือนกับภูตพรายที่ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
เขาไมอาจสัมผัสถึงสิ่งใดไดเลยจนกระทั่งไดยินเสียงนั้น
เขาตกใจ แตดว ยประสบการณ ต อ สู  ในชี ว ิ ตจริ งนั ้ น มอบประโยชน แ ก เขาใน
ชวงเวลาเชนนี้ กอนที่สมองของเขาจะทำการประมวลผลสถานการณ เขาก็ไดกาง
กระบี่เพลิงสันหลังมังกรออกไปดานหลังตามสัญชาตญาณเรียบรอยแลว
แตกลับพบเพียงความวางเปลา กระบี่เพลิงสันหลังมังกรไมกระทบถูกสิ่งใดทั้งสิ้น
“เปนเจานี่เอง พอหนุมหนึ่งพันหยวน” เสียงหวานหยาดเยิ้มของสาวนอยดังขึ้น
ดานหนาของเขา
อายฮุยเงยหนาขึ้น เขาไมรูวาเกิดขึ้นเมื่อไร แตสตรีชุดสีแดงสงยิ้มใหเขาในขณะที่
ยืนอยูบนกิ่งไมที่มัดตัวผูใชพลังธาตุเอาไว นางนั่งลงอยางงายดาย ชุดยาวสีแดงทิ้งตัว
ลงมาดูราวกับน้ำตก
“เจานี่เอง!”
อายฮุยรูสึกตกใจอยางยิ่ง นี่คือสตรีชุดแดงคนเดียวกับที่เขาพบดานหนาราน
บะหมี่
“ไดพบเพื่อนเกาทำใหขารูสึกดียิ่งนัก” นางพิศดูอายฮุยตั้งแตหัวจรดเทาดวย
ความตื่นเตน “คนที่มากอนหนานี้ไมแกก็นาเกลียด เจาดูดีที่สุดเลย เห็นหรือไมวาเจา
ไมไดจายเงินใหขา แตขาก็ยังบอกวาเจานั้นดูดี”
สภาพจิตใจของอายฮุยเต็มไปดวยความตึงเครียด สตรีชุดแดงนั้นมีพลังที่ไมอาจ
หยั่งได อีกทั้งยังดูราว….
สายตาของเขาจับจองไปที่กิ่งไมดานลางของนาง รากไมที่เคยเคลื่อนไหวอยางปา
เถื่อนในตอนนี้กลับสงบนิ่งและเงียบงัน แตเมื่อคิดถึงตอนที่มันดูดกลืนผูใชพลังธาตุจน
แหงเหือดกอนหนานี้ ภาพนั้นยังทำใหเขารูสึกหวาดกลัวอยูเลย
คอของเขาแหงผาก หัวใจเตนรัว แตก็ยังคงบังคับตัวเองใหเยือกเย็นเอาไว “เจา
เปนใคร”
“ขาคือสาวงาม!” สาวนอยตอบออกมาอยางจริงจังกอนกะพริบตา “เจาไมไดพูด
เองหรือวางดงามราวกับนางฟา”
จากนั้นนางก็สายหนาแสรงทำเปนเศรา “ผูชายนั้นชางไรหัวใจ ลืมสิ่งที่พูดออกมา
ทั้งที่ผานไปแคไมกี่วัน หากเจาเชื่อคำพูดชาย ก็คงเหมือนกับเชื่อวาในโลกนี้มีผีอยูจริง
ชางเปนการใชเงินหนึ่งพันหยวนไปโดยเปลาประโยชน!”
เมื่อกลาวจบนางก็ไมอาจที่จะฝนทนกลั้นยิ้มเอาไวได
อายฮุยไมรูสึกผอนคลายเลยแมแตนอย รากไมพวกนั้นยังคงแนนิ่งและผืนปา
โดยรอบก็ยังคงเงียบสงัด แตสาวนอยที่งดงามและยั่วยวนเบื้องหนาสายตาของเขานั้น
ชางทรงพลังอยางไมอาจหยั่งถึง เสียงหัวเราะของนางสดใสราวกับกระดิ่งเงินที่ดัง
สะทอนไปทั่วทั้งผืนปา
“เจาเปนคนแพรพิษโลหิตใชหรือไม” อายฮุยกลืนน้ำลายลงไปแลวพยายามรักษา
ความสงบเยือกเย็นเอาไว
“ขาไมมีความสามารถถึงเพียงนั้น” สาวนอยผูนั้นมองอายฮุยจากหัวจรดเทาอีก
ครั้งหนึ่งกอนจะกลาวตอ “เจาดำตายดวยฝมือเจาใชหรือไม ขาไดกลิ่นของมันบนราง
ของเจากอนหนานี้”
“เจาดำ?” อายฮุยเบิกตากวางไมกลาที่จะผอนคลายแมแตนอย
“เปนทารกสัตวโลหิตที่ขาเลี้ยงไว เปนคางคาวที่ทรงพลังมากทีเดียว” สาวนอย
เต็มไปดวยความสงสัย “ชางประหลาดพิกล เจาไมไดแข็งแกรงถึงเพียงนั้น แลวเจา
สังหารเจาดำไดอยางไร”
อายฮุยรูสึกวาหนังศีรษะชาดาน ในที่สุดเขาก็เขาใจวาเหตุใดถึงไดพบนางที่หนา
รานบะหมี่ นางกำลังตามรอยคางคาวโลหิตอยู!
“ชางมันเถอะ!” สาวนอยเหยียดกายขึ้น “เจาฆาเจาดำ ดังนั้นเจาตองมีพลังมากกวา
ขาชื่นชมแตสิ่งที่มีพลังเทานั้น! นอกจากนี้ยังนาสนใจ งดงามราวกับนางฟา! ขารูสึก
เขินเสียจริง! ไมตองกังวลไป ติดตามขาตอไปในอนาคตสิแลวขาจะใหเจามีชีวิตที่ดี”
นาสนใจ… นี่เปนครั้งแรกที่เขาถูกเรียกวานาสนใจ
อายฮุยไมไดรูสึกยินดีแมแตนอย อันที่จริงแลวเขากำลังพยายามมองหาโอกาสที่
จะหลบหนี แตสถานการณไมเอื้ออำนวย
พลังของนางนั้นไมอาจคาดเดาได เขาไมอาจสัมผัสไดถึงการมีอยูของนางแมวา
นางจะอยูใกลถึงเพียงนี้ เชนเดียวกับตอนที่นางลอยตัวขึ้นไปบนกิ่งไม ยิ่งไปกวานั้น
รากไมและเถาวัลยโดยรอบนั้นไมมีผลกระทบอะไรกับนางแตเปนอันตรายถึงตาย
สำหรับเขา
แลวก็ยังมีวัชพืชที่หนาแนนราวกับกำแพงตามธรรมชาติที่กีดขวางเสนทางของเขา
อยูอีก
ระหวางทางมาที่นี่เขาตองใชความระมัดระวังเพื่อจะหลบเลี่ยงขอบที่แหลมคม
ของใบหญาพรอมทั้งผลักออกไปใหพนทาง เมื่อใดก็ตามที่เขาถูกมันบาดขึ้นมานั่นยอม
หมายถึงจุดสิ้นสุดในชีวิตเขา ในตอนนี้ยังไมมีทางแกพิษโลหิตไดอยางแนนอน
ความหวังที่จะสามารถหลบหนีไปไดนั้นชางนอยนิด
สวนเรื่องเสียใจที่ตัดสินใจเอาชีวิตออกมาเสี่ยงเชนนี้นั้น หากจะคิดถึงมันในตอนนี้
ก็ไมมีความหมายอะไร
สิ่งเดียวที่เขารูสึกขอบคุณก็คือ สาวนอยผู นี ้ไมไดโจมตีเขาในทันที บางทีนาง
อาจจะยังขาดประสบการณอยู บางทีนางอาจจะเจตนาทำเชนนี้ บางทีนี่อาจเปนเพียง
การละเลนอยางหนึ่งของนาง ไมวาจะดวยเหตุผลกลใด การยืดเวลาออกไปนั้นนับเปน
โอกาสที่ดีสำหรับเขาในสถานการณเชนนี้
มีผูใชพลังธาตุที่แข็งแกรงไมนอยออกมาในครั้งนี้ หากบังเอิญพวกเขาผานมาก็จะ
เปนโอกาสใหเขาสามารถหลบหนีได
เอาละ!
ภายในใจของอายฮุยเกิดการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว แตสีหนาของเขานั้นไมได
แสดงออกมาใหเห็นแมแตนอย หลังจากคิดแผนการออกมาอยางรวดเร็วเขาก็กลาว
ออกไปวา “ทำไมพวกเจาตองทำเรื่องพวกนี้”
“ทำไม” สตรีชุดแดงถามกลับอยางใสซื่อ “แลวทำไมพวกเจาตองทำการฝกฝน”
“เพื่อควบคุมชะตาชีวิตของตัวขาเอง” อายฮุยตอบออกไป
“ควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองหรือ” สตรีชุดแดงจองมองอยางเหมอลอยกอนที่จะ
หัวเราะออกมาอยางยินดี “ขาชอบคำพูดนี้! เจาเหมาะสมที่จะเปนลูกนองของขาจริงๆ
ดวย ชางนาสนใจ”
“แลวพวกเจาละ...ทำไม” อายฮุยถามเสียงต่ำ
“มีเพียงเทพเจาเทานั้นที่ควบคุมชะตาชีวิตของตนได” สตรีชุดแดงมองไปทาง
อายฮุยอีกครั้ง ดวงตาเปนประกาย
“สิ่งมีชีวิตธรรมดาจะดิ้นรนใหหลุดพนจากโซตรวนแหงชะตากรรมไปไดอยางไร
แนนอนวาพวกเจาสามารถเลือกโซตรวนที่ดีขึ้นได ยกตัวอยางเชนการมาเปนลูกนอง
ของขา จะรับประกันไดวาอนาคตของเจาจะสดใส ลองคิดดูใหดี ขาชอบเวลาที่ผูคน
ทำตามความตองการของตนเอง!”
“แลวก็ถูกดูดกินจนแหงเหือดแบบเขา” อายฮุยตอบกลับไปอยางเย็นชาพลางชี้
ไปที่ซากศพที่แหงเหี่ยวบนพื้น
“เจาเปนคนสังหารเขา” ใบหนายิ้มแยมของสาวนอยนั้นดูราวกับดอกไม เมื่อเห็น
สีหนาไมเชื่อของอายฮุยนางก็กลาวตอไปอยางไมรีบรอนวา “ถึงแมวาเขาจะติดกับ มัน
ก็นับไดวาเปนโชคดีของเขา อยาไดดูถูกโลหิตเหลานี้ มันประกอบไปดวยแกนแทแหง
จิตวิญญาณของแมลงโลหิตและสัตวโลหิตจำนวนนับไมถวน บางทีมีนับพันนับหมื่นที่
ไหลเขาไปในรางของเขา เจาไมคิดวานั่นนับเปนโชคดีหรอกหรือ ถาเขาสามารถรอด
ชีวิตไปไดความแข็งแกรงของเขาจะเพิ่มขึ้นอยางมากมายมหาศาล รวดเร็วยิ่งกวาการ
ฝกฝนของพวกเจายิ่งนัก เจารูสึกหวั่นไหวหรือยัง เจาตองการที่จะควบคุมชะตากรรม
ของตนเองหรือไม เจาจะทำไดอยางไรหากไมมีพลัง ขาสามารถมอบพลังใหกับเจาได
มากมายเกินกวาที่เจามีอยูในตอนนี้ยิ่งนัก! เปนอยางไรบาง เจารูสึกหวั่นไหวหรือยัง”
ไดยินดังนี้มันเหมือนกับมีคลื่นลมอันปนปวนกระแทกเขากับหนาอกของเขา เขา
ไมอาจที่จะรักษาความสงบเยือกเย็นไดอีกตอไป “พวกเจากลืนกินแมลงโลหิตทั้งหมด
เขาไปทำเหมือนกับวามันเปนอาหารเสริมและใสมันเขาไปในรางของมนุษย…”
“รางของมนุษยหรือ ไม ไม ไม!” สตรีชุดแดงสายหนาอยางรวดเร็วราวกับกลอง
ปองแปง “ไมมีใครสามารถจะทนรับพลังจากแมลงโลหิตจำนวนมากได แมแตเทพเจา
ก็ยังไมอาจทำได เปนมนุษยอยาไดโลภมากเกินไป!”
“บางทีเจาอาจจะมีพรสวรรค!” นางจองมองไปทางอายฮุยอีกครั้งกอนจะกลาว
ตอไปวา “ขาจะใหเจาไดทดลองดูหลังจากนี้ ไมตองกังวล ขาเปนคนใจกวาง หากเจา
ตองการขาจะมอบหมายใหกับเจา”
สาวนอยแสดงสีหนาอันชวนใหหลงไหลออกมาแลวขยิบตาใหกับอายฮุย
ในที่สุดอายฮุยก็เขาใจวาเหตุใดทั้งปาถึงไดเงียบงันและสงบนิ่งราวกับความตาย
เขารับรูไดถึงความหนาวเย็นในรางกาย มือที่มองไมเห็นไดบีบลำคอของเขาเอาไวแนน
สถานการณไดเปดเผยตัวออกมาและไดทำลายความรูทั้งหมดที่เขามีไปจนสิ้น
โพละ!
เสียงเหมือนกับแตงโมแตกดังขึ้นอยางฉับพลันจากในสวนลึกของปา
“อุเหม คนพวกนี้ชางมีแกนแทที่ออนดอย” สาวนอยไมพอใจอยางเห็นไดชัด
“พวกเขาไมอาจทานรับไดแมกระทั่งพลังวิญญาณโลหิตเพียงเล็กนอย ชางไรประโยชน
เทพเจายอมไมตองการขยะเชนนี้ ประโยชนสูงสุดที่ขยะเหลานี้จะมอบใหไดก็คอื การ
กลายไปเปนสารอาหารใหกับผูมีพรสวรรค เฮอ พวกเรามีสารอาหารเพียงพอแลวแต
ยังขาดผูมีพรสวรรค นี่ เจาเปนผูมีพรสวรรคหรือเปลา”
อายฮุยสูดหายใจเขาไป พยายามอยางยิ่งที่จะบังคับไมใหหัวใจเตนรัว
เสียงระเบิดนั้นคงไมไดเกิดจากผูใชพลังธาตุที่ทนรับพลังวิญญาณโลหิตที่ถูกฉีด
เขาไปไมไหวหรอกนะ...
เดี๋ยว!
พลังวิญญาณโลหิต!
อายฮุยสามารถจับปมของเรื่องนี้ไดในที่สุด พลังวิญญาณโลหิต พลังวิญญาณ! ที่
ไดสูญสลายหายไปมานานกวาพันป พลังวิญญาณที่ครั้งหนึ่งเคยรุงโรจนและงดงามจะ
กลับมาอีกครั้ง...
นี่ไมใชเรื่องจริง...
“เมื่อกี้เจาพูดวาพลังวิญญาณหรือ” อายฮุยถามดวยน้ำเสียงแหบแหง สภาพ
จิตใจของเขาในตอนนี้นั้นไรการปองกัน ถึงขนาดลืมเรื่องการหลบหนีไปสิ้น
นั่นเปนเพราะพลังวิญญาณ
เขาทราบดีวาการที่มันปรากฏขึ้นอีกครั้งหมายถึงอะไร
เคล็ดวิชาและกระบวนทากระบี่ทั้งหลายของเขานั้นจะสามารถนำมาใชได คัมภีร
กระบี่จำนวนนับไมถวนที่เขาไดอา นที่เต็มไปดวยคราบสกปรกและถูกมองวาเปนขยะ
จะกลับมามีประโยชนอีกครั้ง ประกายที่ถูกปกคลุมไปดวยฝุนที่ถูกมองวาเปน เพียง
ตำนานและเรื่องเลาจะหวนกลับคืนมาสูแผนดินอีกครั้ง
ผูบำเพ็ญตนที่สาบสูญไปจะกลับมาครองโลกอีกครั้ง ไมวาจะเปนอูสิงเทียนหรือแดน
รางก็ไมมีคาอะไรเมื่ออยูตอหนาพวกเขา ไมมีใครที่จะสามารถหยุดยั้งผูบำเพ็ญตนได
เปนไปไมได...
“ใชแลว” สาวนอยยิ้มออกมา “เจากำลังมองหามันหรือ การบำเพ็ญตนนั้นถูกลืม
เลือนไปนานแลว ดูสิในที่สุดพวกเราก็สามารถรื้อฟนมรดกตกทอดของพวกเราได เปน
อยางไรบาง เจารูสึกมีไฟขึ้นมาบางหรือยัง หรือวารูสึกทนรอไมไหว….”
ทันใดนั้นเองดวยพลังอันแรงกลาอายฮุยก็พุงตัวไปทางเมืองซงเจียนราวกับลูกธนู
ที่ถูกยิงออกไป
“ผูชายมีแตคำพูดหลอกลวง!”
เสียงที่พราเลือนตามหลังอายฮุยมา ลมหายใจของนางสงกลิ่นหอมและติดอยูกับ
รางกายเขา
ประกายแสงเย็นเยียบฉายขึ้นในดวงตาของอายฮุย กระบี่เพลิงสันหลังมังกรถูก
แทงไปขางหลังลอดผานใตแขนซายของเขาไปอยางไรเสียง
แทงพลาดอีกครั้ง!
บัดซบ!
สิ่งตางๆ ดูเหมือนจะไมคอยดีนัก เสียงนั้นดังขึ้นดานหลังคอของเขาอีกครั้งโดยไม
รอใหอายฮุยหันกลับไป
“รูหรือไมวาทำไมขาถึงพูดกับ เจานานนัก การมีขยะจำนวนมากก็นาปวดหัว
เพียงพอแลว ดังนั้นขาจึงไดรอใหตนไมพวกนี้ไดฟนตัวแลวขาจะไดเตรียมอาหารมื้อ
ใหญใหกับเจา ขาไมไดทำดีกับเจาอยางยิ่งหรอกหรือ”
อายฮุยหยุดอยางไมมีปมีขลุย และใชพลังของทั้งสองเทาถีบตัวเองลอยกลับไป
ดานหลังอยางสุดแรง
[มัจฉาสะบัดกาย]!
แตมันก็ไรประโยชนอีกครั้ง หัวใจของอายฮุยตกไปอยูที่ตาตุม
เสียงดังขึ้นจากดานหลังคอของเขาอีกครั้ง สาวนอยนั้นอยูติดกับเขาลมหายใจที่
พนออกมาสัมผัสเขากับใบหูของเขา
“แมวาขาจะชอบที่ผูคนทำตามความปรารถนาของตนเอง แตถาทำไมได ขาก็
พบวาการบังคับใหพวกเขาทำตามนั้นก็มีรสชาติไมเลวเชนกัน พอหนุมหนึ่งพันหยวน
ขาจะทำใหเจารูสึกสบาย”
รางกายของอายฮุยเครงตึงขึ้นมาในทันที ทั่วรางของเขาถูกมัดเอาไวดวยสิ่งที่
คลายกับรากไม พลังอันรุนแรงของพวกมันทำใหเขาไมอาจควบคุมรางกายได ยิ่งถูก
รัดแนนขึ้นเทาไรเขาก็ยิ่งรูสึกวาตัวเองสูญเสียสติสัมปชัญญะไปมากขึ้นเทานั้น
เขากำลังจะตาย
หรืออาจกลายเปนสัตวประหลาด
แขนขาของอายฮุยเย็นเยียบราวน้ำแข็ง
บทที่ 168 การกลั่นโลหิต
สายตาของอายฮุยมองเห็นเพียงแตความมืดมิด ทั่วรางของเขาถูกมัดอยางแนน
หนาจนเขารูสึกวาตัวเองกลายเปนบะจางกอนหนึ่ง แมกระทั่งปากของเขาก็ยังถูกมัด
เอาไว โชคยังดีที่จมูกของเขายังไมถูกปดไวจนหมดมิเชนนั้นเขาคงขาดอากาศตายไป
แลว นั่นคงเปนเรื่องนี่นาอนาถอยางยิ่ง
เขารูสึกเหมือนตัวเองลองลอยขึ้นไปบนฟาและโบยบินอยูทามกลางหมูเมฆ ลอย
ตัวอยางไมมั่นคง บางครั้งก็สูงขึ้นบางครั้งก็ตกลง
นี่คือความรูสึกของการบินเชนนั้นหรือ
อันที่จริงแลวมันไมใชประสบการณอันนารื่นรมยเทาไร
ในตอนแรกความหวาดกลัวและตื่นตระหนกครอบคลุมไปทั้งรางกายและจิ ตใจ
ของเขา แตเมื่อเวลาผานไปเขาก็สามารถดิ้นรนหลุดพนจากความกลัวได เมื่อความ
กลัวลดลงความตื่นตระหนกก็ลดลงเชนกัน ตื่นตระหนกไปก็ไมมีประโยชนอะไรทั้งนั้น
เพราะมันไมชวยใหเถาวัลยที่มัดรางของเขาคลายออกไปแมแตนอย
ระหวางการใชชีวิตในแดนรางนานสามป ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญที่สุ ดของ
อายฮุยก็คือการไดเรียนรูวิธีการตอสูดวยการทุมสุดตัว ไมวาจะประสบกับอันตราย
แบบใดก็ ต าม หากเขาไม อ าจจะเปลี ่ ย นแปลงสถานการณ ไ ด เขาก็ จ ำเป น ต อ ง
เผชิญหนากับปญหาดวยใจที่สงบและมีสติ ทุกวันก็เหมือนกับการเอาชีวิตวางไวบน
โตะพนัน ไมมีใครรูวาจะเกิดอะไรขึ้นในวินาทีตอไป ดังนั้นไมวาจะตองการหรือไม ไม
วาจะสามารถแกไขไดหรือไม… อยางไรก็ตองเผชิญหนากับมันอยูดี
ถาหากวาความไมรูนั้นเปนเรื่องปกติ สิ่งที่สามารถมองเห็นไดนั้นเปนเพียงเงา
สะทอนบนผิวน้ำเทานั้น ในกรณีเชนนี้มีเพียงผูที่ไมหวั่นไหวเทานั้นจึงจะสามารถ
มองเห็นไดอยางชัดเจนขึ้น
เมื่อสงบสติอารมณได สมองของอายฮุยก็ฟนคืนจากสภาพที่หยุดชะงักไปและ
ความคิดของเขาก็เริ่มทำงานอีกครั้งหนึ่ง ทุกประโยคที่เขาไดพูดคุยกับสตรีชุดแดง
ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขาอีกหน เขารับรูไดในทันทีวาสิ่งที่นางพูดนั้นเปนเพียงสวน
เสี้ยวเล็กนอยและไมมีความซื่อสัตยอีกดวย
หากวาสิ่งที่เรียกวาพลังวิญญาณโลหิตเปนพลังวิญญาณจริงๆ แลวละก็ พวกเขา
ไมมีความจำเปนตองใชลูกเลนอะไรเลย การสรางภัยพิบัติโลหิตขึ้นมานั้นเปนสิ่งที่ไมมี
ความจำเปนแมแตนอย
ผูบำเพ็ญตนนั้นมีความไดเปรียบกวาผูใชพลังธาตุมากมายหลายดาน
สตรีชุดแดงและพวกของนางไดสังหารผูคนไปมากมาย มากพอที่จะสรางความตื่นกลัว
ใหกับผูคนอยางเหลือหลาย แตในเวลาเดียวกันก็ยังสรางศัตรูคูแคนจำนวนนับไมถวน
ที่ตองการจะลางแคน การขมขูนั้นเปนอาวุธของผูที่ออนแอ ผูที่แข็งแกรงอยางแทจริง
นั้นไมจำเปนตองพูดอะไรดวยซ้ำ แคบดขยี้คูตอสูทิ้งไปอยางงายดายเทานั้นเปนพอ
ถาคนกลุมนี้มีความแข็งแกรงเหนือกวาผูคนทั่วไปอยางที่พูดแลว พวกเขาก็ไมมี
ความจำเปนที่จะตองสรางเหตุนองเลือดอันรุนแรงยิ่งใหญถึงเพียงนี้
มีความเปนไปไดถึงเกาสวนที่สตรีชุดแดงจะโปปด
สาวสวยนั้นนับเปนพวกชอบโกหกอยางแทจริง อายฮุยสบถอยูในใจ เมื่อไมอาจขัดขืน
ไดเขาก็ตัดสินใจที่จะตั้งชื่อใหกับสตรีชุดแดงเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจออกมา
จะเรียกนางวาอะไรดี อืม หนึ่งพันหยวนเปนอยางไร ตองเปน “หนึ่งพันหยวน”!
อุเหม งดงามแลวมีประโยชนอะไร นางก็มีคาแคหนึ่งพันหยวนเทานั้น!
อายฮุยกนดาวนไปอยูในใจไมยอมหยุด แตสมองของเขานั้นก็ยังใชความคิดอยาง
ตอเนื่องไมหยุดหยอน
ดูเหมือ นวา คลื่นโลหิตนี้จ ะถูก สร า งขึ ้ น โดยหนึ ่ งพั น หยวนและพวกของนาง
เพื่อที่จะสรางทหารที่ทรงพลังกลุมหนึ่งขึ้นมา ในตอนนี้กระบวนการนี้ก็พิสูจนใหเห็น
แลววามีขอบกพรองอยางใหญหลวงเพราะวามันตองการตัวทดลองที่มีคุณสมบัติสูง
อยางยิ่ง
ผูใชพลังธาตุทั้งหมดนี้ลวนลมเหลว
เขาเองก็ไมแนใจเหมือนกันวาตัวเองจะทำสำเร็จหรือไม เอาเถิด เขาคงไมผาน
หรอก เขาไมใชพวกผูมีพรสวรรค
ชางนาเศราอะไรเชนนี้ เขากำลังจะกลายเปนดอกไมไฟที่ระเบิดออกกลายเปน
เศษเนื้อเลอะเลือนและตายโดยที่ไมมีซากศพสมบูรณ ชางนาเกลียด...
แลวถาหากวาเขาสามารถผานกระบวนการไดสำเร็จ เขาก็จะกลายเปนสัตวประหลาด
ชั่วราย จะทนรับการสังหารเจาอวนและพวกไดอยางไร เจาอวนกับปงหวานยังติดหนี้
เขาอยูเลย ชางเปนความเสียหายอยางแทจริง เอะ เดี๋ยวกอน เขาเองก็ยังติดหนี้สาว
นอยรานบะหมี่อยูแปดสิบลานหยวน ชางมันเถอะเปนสัตวประหลาดก็ดูเหมือนจะมี
อนาคต...
ความคิดที่กระจัดกระจายไมเปนระเบียบอัดแนนอยูในหัวของเขา
เมื่อคิดถึงอนาคตของเมืองซงเจียนแลวเขายังมองในแงรายยิ่งกวาเดิม
ถาหากวายายหนึ่งพันหยวนใชวิธีนี้ในการสรางฝูงสัตวโลหิตขึ้นมา ไมจำเปนตอง
ใชสัตวโลหิตจำนวนมากเลย เพียงแคแมลงออนแอสักสิบตัวรวมพลังกันเปนหนึ่งก็
สามารถสรางปญหาใหกับเมืองไดแลว
โอ เขานาจะมาอยูในสวนลึกของปาแลวในตอนนี้
“ขอโทษดวยที่ปลอยใหเจาตองรอ”
เสีย งสุภ าพออ นโยนของสตรีช ุ ดแดงฟ งดู ราวกั บเสี ย งเยาะเย ยน า ขนลุ กของ
เพชฌฆาตในหูของอายฮุย
เขากำลังจะจากโลกนี้ไปโดยไมสามารถสำเร็จเปนผูใชพลังธาตุได!
เขาเยาะเยยความตองการที่จะควบคุมชะตาชีวิตของตนเอง สิ่งที่เรียกวาความฝน
ของเขาในตอนนี้กำลังจะตาย
เอาเถิด คงนับวาบุญโขหากเขาสามารถมีชีวิตตอไปไดอีกสักสองสามป แมลงตัวนอย
อยางเขาไมมีสิทธิ์ที่จะโอดครวญใชหรือไม มันคงเปนเวรกรรม หึ… เขาทำไดเพียงแต
ยอมรับชะตากรรมและยอมแพใหกับชีวิต!
ไดโปรดคลายเถาวัลยที่มัดปากของขา...
เฮ เฮ เฮ ขากำลังจะยอมแพ ยายหนึ่งพันหยวน โอะ ไม นางฟาแสนสวย ขาจะ
ขอยอมแพ...
ผูบัญชาการแสนสวย ขารับใชผูซื่อสัตยของทานอยูนี่….
เฮ เฮ เฮ ….
สตรีชุดแดงยอมไมอาจอานความคิดของเขาได “ขาคิดวาเจานั้นนาสนใจ เจาตอง
แตกตางไปจากพวกขยะเหลานั้นอยางแนนอน ดังนั้นขาจึงไดจัดเตรียมอาหารมื้อใหญ
ใหเจา เจาจะตองมีความสุขอยางยิ่ง เมื่อเจาคุนเคยกับรสชาติของพลังวิญญาณโลหิต
เจาจะรูวาเหตุใดมันถึงนับเปนความโอชะของโลกใบนี้ ทำตัวใหดี มันไมเจ็บหรอก”
นางใชนิ้วอันบอบบางดึงรากไมที่มีขนาดความหนาประมาณนิ้วหัวแมมือมาทาง
อายฮุยและปกมันลงไปบนรูที่มือซายของเขา
รางของอายฮุยสั่นสะทานและความเจ็บปวดอยางรุนแรงก็ทำใหความคิดของเขา
พราเลือนไป
เขาไมมีเวลาใหตอบสนอง ของเหลวสีแดงที่รอนแรงราวกับลาวาไหลเขามาในราง
ของเขาอยางตอเนื่องผานทางรอยแผล เขาตองการที่จะขัดขืนแตไมอาจเคลื่อนไหวได
แมแตนอย เขาตองการตะโกนแตกลับไมมีเสียงเล็ดลอดออกมา
มือสีขาวนุมนิ่มราวกับไมมีกระดูกความือขวาของอายฮุย เมื่อเห็นวามันจับกระบี่
เอาไวแนนนางก็พยายามแกะมันออก แตใครจะไปคาดคิดวาการจับของอายฮุยนั้นจะ
แข็งแกรงอยางยิ่ง นางไมอาจจะดึงกระบี่ออกจากมือของเขาไดไมวาจะพยายาม
อยางไรก็ตาม
“ขาชอบพวกดื้อดึง” สาวนอยหัวเราะออกมาและกลาวตอวา “ยิ่งดื้อดึงเทาไรก็
ยิ่งรูสึกเจ็บ ปวดมากขึ้นเทา นั้น พลั งวิ ญ ญาณโลหิตนั้ น เป นสุ ราชั้ นเลิ ศและความ
เจ็บปวดนั้นก็เปนกับแกลมชั้นเยี่ย ม ยิ่งเจาไดลิ ้มรสมัน เทา ไรก็จะสัมผัสถึ งความ
เจ็บปวดไดมากขึ้นเทานั้น ขารับใชคนแรกของขานั้นชางแตกตางจากคนอื่นอยางยิ่ง
ชางนายินดีจริงๆ”
ปุ รากไมอีกอันทิ่มแทงเขามาที่ดานหลังมือขวาของอายฮุย
สตรีชุดแดงมองดูอายฮุยที่ถูกมัดไวอยางแนนหนาดวยความพอใจอยางยิ่ง รากไม
จำนวนนับไมถวนเลื้อยเขามาหาอายฮุยจากทุกทิศทางราวกับงูที่ถูกลอออกมาดวย
กลิ่นคาวปลา
ตนไมแตละตนที่รายลอมอยูนั้นมีความสูงยิง่ กวาตนอื่นๆ ยิ่งรากมากมายเทาไรก็
มีปุมปมบนลำตนหนาแนนมากขึ้นเทานั้น ปุมปมเหลานี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนรูปรางเปน
ใบหนาของมนุษยและเริ่มสายไปมาดวยสีหนาบิดเบี้ยว
“ขาจะตั้งตารอดูผลของมัน”
รากไมจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ปกเขาไปในรางของอายฮุย ถายเทของเหลวสีแดง
สดเขาสูรางกายของเขาอยางตอเนื่อง รางของอายฮุยบิดไปมาอยางไมอาจควบคุมได
และก็หยุดนิ่งลงในที่สุดดูราวกับซากศพที่ไรสติสัมปชัญญะ
เวลาผานไปอยางเชื่องชา ผานไปหนึ่งชั่วโมงแลวแตอายฮุยก็ไมมีทีทาวาจะบวม
พองขึ้น
ทาทางของสตรีชุดแดงนั้นยิ่งกวาดีใจ นางพึมพำกับตัวเองวา “ขาเลือกคนรับใช
ไมผิดจริงๆ”
นางจองมองดูผลงานศิลปะชั้นยอดของตน
ทันใดนั้นเองก็มีก ารเคลื่อ นไหวเกิ ดขึ ้ น ห า งไกลออกไปและสี ห น า ของนางก็
เปลี่ยนไปกอนที่จะกลับคืนสูใบหนางดงามเยายวนเชนเคยอยางรวดเร็ว นางขมวดคิ้ว
เล็กนอยและเบปากสีแดงดุจกุหลาบ “ชางนารำคาญเสียนี่กระไรที่ตอ งมาพบกั บ
ปญหาในเวลาเชนนี้”
ไมวาอยางไรก็ตามนางยังคงลุกขึ้น เหลือบมองอายฮุยที่ถูกหอหุมและมัดเอาไว
อยางแนนหนาดวยรากไมจำนวนนับไมถวนเปนครั้งสุดทาย
นางเอียงศีรษะคิดอยูครูหนึ่งกอนที่จะหายไปในพริบตา
หลังจากที่บินมากวาสิบเมตรนางก็มาหยุดอยูเบื้องหนาตนไมใหญ ที่เต็มไปดวย
รากไมและมีลูกหวายลูกหนึ่งแขวนอยู
นางแสดงสีหนาเจ็บปวดออกมาแตก็กัดฟนลงมือตัดรากไมที่หอยลูกหวายเอาไว
รากไมที่หนาแนนแตกสลายลงอยางไรเสียงและลูกหวายนั้นก็รวงลงกับพื้น
สาวนอ ยลอยตัวไปและหยุดลงเบื ้อ งหน าลู กหวายนั้ น ก อนแกะมัน ออกอยาง
ระมัดระวัง
สุนัขใหญตัวหนึ่งคลานออกมาจากภายในดวยทาทางมึนงง
สุนัขใหญตัวนี้มีขนาดพอๆ กับมาหนุม ฝาเทาของมันมีสีแดงเลือดและกรงเล็บก็ดู
เหมือนจะถูกยอมดวยสีเดียวกัน สีแดงเลือดแผขยายจากกรงเล็บอยางเลี้ยวลดคด
เคี้ยวกอใหเกิดลวดลายอันสลับซับซอนไปทั่วรางกายสีเขียวเขมของมัน
ดวงตาของสุนัขใหญนั้นดูราวกับทับทิมสีแดงเปลงประกายบริสุทธิ์
มันแยกเขี้ยวออกมาแสดงความไมพอใจที่ถูกรบกวน ทวาเมื่อมันเห็นตนกำเนิด
ของการรบกวนนั้นมันก็หมอบลงกับพื้นอยางเชื่อฟงในทันที
สตรีชุดแดงรูสึกเจ็บปวดใจอยูบาง สุนัขใหญตัวนี้เพิ่งจะทำสำเร็จไปไดเพีย งแค
ครึ่งเดีย ว การไปขัดขวางการกลั่นโลหิ ตของมั น นั ้ น หมายความว าการเพิ ่ ม ความ
แข็งแกรงใหกับมันนั้นจะยากขึ้นในอนาคต
ถึงอยางไรก็ตามนางก็สามารถฟนคืนกลับมาไดอยางรวดเร็ว ไมวาสัตวโลหิตจะมี
พรสวรรคมากเทาไร หรือผานการสกัดกลั่นมามากมายเพียงใด ก็ไมอาจเทียบเทา
มนุษยได มีเรื่องมากมายที่สัตวโลหิตไมอาจทำได
“เจาเขียวมานี่” นางโบกมือและลอยไปทางที่อายฮุยอยู
สุนัขใหญสงเสียงหอนออกมาเบาๆ กอนที่จะตามหลังไปติดๆ
สุนัขใหญที่ผานการกลั่นโลหิตมาไดเพียงครึ่งเดียวในนี ้ดู เหมือ นจะแข็งแกร ง
ทีเดียวทำใหสตรีชุดแดงรูสึกพึงพอใจ รางกายใหญโตมหึมาของมันไมกอใหเกิดเสียง
อันใดในยามที่มันวิ่งดวยความเร็วดุจสายฟา
ในปาโลหิตแหงนี้ พลังของสุนัขใหญตัวนี้ไมใชสิ่งที่ผูใชพลังธาตุทั่วไปจะสามารถ
ตอกรได
“เจาเขียว เฝาเขาเอาไว สังหารทุกคนที่เขาใกล” สตรีชุดแดงออกคำสั่งกับสุนัข
ใหญพลางชี้ไปที่อายฮุยที่ถูกแขวนลอยอยูกลางอากาศ
มันสงเสียงครางหงิงๆ และเลียมือของสาวนอย
“เปนเด็กดีนะเจาเขียว เมื่อขาจัดการปญหากลับมาแลว เจาก็กลับไปทำการกลั่น
โลหิตตอได” สตรีชุดเเดงลูบหัวมันอยางออนโยน
หลังจากพูดเสร็จนางก็ลอยตัวขึ้นและจากไป
ความเร็วของนางนั้นหาใครเปรียบไดยาก จุดสีแดงพราเลือนวิ่งผานทองฟาไปใน
ยามที่นางโบยบิน
สุนัขใหญทิ้งตัวลงนอนอยูใตรางของอายฮุยที่ถูกแขวนเอาไว
อายฮุยรูสึกเหมือนวาตัวเขาตกลงไปในบอลาวา ทั่วทั้งรางกำลังถูกเผาไหม ความ
เจ็บ ปวดแสนสาหัสอาบทวมอยูทั่วร างกาย ความทุ กข ทรมานนั้ นชางรุน แรงและ
ชัดเจนราวกับเขาอยูในนรกที่ไมอาจจะหลบหนีได
ของเหลวสีแดงที่รอนเรากับลาวานั้นมีความหลงใหลในพลังธาตุตามธรรมชาติ
มันไหลจากทุกทิศทางไปรวมตัวกันอยูอยางหนาแนนรอบตำหนักมือและขาที่เพิ่งเปด
ขึ้นไดไมนานรวมถึงคลังชีวิตอีกดวย
พลังธาตุของอายฮุยถูกกลืนกินดวยของเหลวสีแดงอยางชาๆ เมื่อมันซึมเขาไปใน
เนื้อของเขา ทุกหยาดหยดของพลังธาตุกลายเปนเหยื่อใหมัน
มันเปนเหมือนศัตรูคูแคนของพลังธาตุ มีอยูเพื่อทำลายพลังธาตุรวมทั้งหา คลัง
แปดตำหนัก
ตำหนักตามมือและขาของอายฮุยรวมทั้งคลังชีวิตถูกบดขยี้ลงทีละนอย
ตำหนักที่ขาถูกทำลายตามมาดวยตำหนักที่ฝามือ ความเจ็บปวดรวดราวและสิ้น
หวังหอหุมจิตใจของอายฮุย สิ่งที่เขาทุมเท ทั้งเวลาและความพยายามที่ใชไปในการ
เปดคลังชีวิตและตำหนักตางๆ รวมถึงความฝนของเขากำลังถูกของเหลวสีแดงนี้กลืน
กินไปอยางชาๆ ตอหนาตอตา
ชางนาเดือดดาล….
เมื่อคลังชีวิตของเขาจมอยูใตของเหลวสีแดง ความสิ้นหวังอยางไมเคยมีมากอนก็
กลืนกินอายฮุย ในเวลานั้นความเจ็บปวดในหัวใจนั้นหนักยิ่งกวาความเจ็บปวดของ
รางกายเสียอีก
เขาไดตกลงไปในหลุมที่ดำมืดที่สุด ที่ซึ่งไมมีแมแตประกายของแสงอาทิตยหรือ
ความหวังใหไดสัมผัส มีแตเพียงความมืดมิดและหนาวเย็นอันไรขอบเขต
ตองตายลงเชนนี้สินะ เขาพูดกับตัวเอง
บทที่ 169 ลงนรกไป!
สภาพจิตใจของอายฮุยอยูในภาวะระส่ำ ระสายในขณะที ่รา งกายอยูในความ
โกลาหล ไมมีสิ่งใดหลงเหลืออยูในตำหนักมือและขาที่ เขาใช ความพยายามอย า ง
ยากเย็นพัฒนาขึ้นมา ภายในรางกายของเขา ตำหนักที่เหลือซึ่งยังไมถูกเปดออกก็ถูก
ทำลายลงเชน กั นเมื่ อ พิ ษ โลหิต แทรกซึม ลึก เขา ไปภายในกล า มเนื ้อ และกระดู ก
เปลี่ยนแปลงโครงสรางและองคประกอบของมันไปอยางสิ้นเชิง
ทั่วรางของเขาไดรับผลกระทบจากพิษโลหิต ทุกสวนของรางกายไมวาจะภายใน
หรือภายนอกถูกกระตุนดวยพิษโลหิตจนเกิดการเปลี่ยนสภาพอยางใหญหลวง
ทวายังมีสวนหนึ่งที่ยังคงรักษาความสงบเอาไวไดทา มกลางความป นป ว นใน
รางกายของเขา นั่นคือตำหนักนภาที่อยูระหวางคิ้ว
พิษโลหิตมีพลังอันแรงกลาสามารถทำลายคลังชีวิตและตำหนักที่เปดออกตาม
แขนขาไดอยางรวดเร็ว มีเพียงตำหนักนภาของเขาเทานั้นที่ยังคงความแข็งแกรงดั่งหิน
ผา รอยโลหิตสีแดงที่ปรากฏขึ้นบนใบหนาของอายฮุยแพรกระจายเขาไปในดวงตาที่
ปดแนน
พื้นที่ระหวางคิ้วทั้งสองก็ยังคงไมไดรับผลกระทบอะไร
ตำหนักนภายังคงไมอาจแทรกซึมเขาไปไดแมวาพิษโลหิตจะพุงเขามาและหอม
ลอมมันไวอยางสมบูรณ
รอยโลหิตสีแดงเลือดปรากฏขึ้นและหายไปตามสวนตางๆ ของรางกายราวกับมี
แมลงสีแดงจำนวนมากที่บางครั้งก็มารวมตัวกัน บางครั้งก็กระจัดกระจายกันออกไป
สุนัขใหญเงยหนาขึ้นมองมาทางอายฮุยกอนที่จะสงเสียงหอนโหนหวนออกมา
จากนั้นก็นอนกับลงไปบนพื้นอยางเกียจคราน
หางออกไปหลายกิโลเมตรจากจุดที่อายฮุยถูกมัดไว
สตรีชุดแดงมองไปทางผูชายที่อยูในสภาพยับเยินตรงหนาและขมวดคิ้ว “เจาตก
อยูในสภาพเชนนี้ไดอยางไร” นางตวาดอยางฉุนเฉียว
ชายผูนั้นอายุราวสี่สิบปมีสีหนาคับของใจ เขาดูเหมือนกับชาวนาผูซื่อสัตยและติด
ดิน มีผมเผายุงเหยิงและรางกายที่เต็มไปดวยรอยแผลเปน
“ขาเผชิญการตอตานอยางแข็งขืน” ชายผูนั้นหัวเราะอยางขมขื่นหลังจากพูดจบ
“พบคนที่ทรงพลังหรือ” สาวนอยถามขึ้นนัยนตาหดเล็กลง “ยอดปรมาจารย?”
“ถาหากเปนยอดปรมาจารย เจาก็คงไมมีโอกาสไดเห็นขาอยูตรงนี้แลว” ชายผู
นั้นพูดดวยน้ำเสียงเจ็บปวดอยางเห็นไดชัด “ขาแคโชครายไปพบกับยอดฝมือกลุมหนึง่
จากสิบสามหนวยเขาระหวางการกลั่นโลหิตของขา ขาไดสังหารไปสองคนแตมีคน
หนึ่งที่ยากจะรับมือได”
สตรีชุดแดงถอนหายใจออกมาอยางโลงอก “ไมใชยอดปรมาจารยก็ดีไป”
พวกเขาจะอยูในชวงที่เปราะบางที่สุดระหวางการกลั่นโลหิตเพราะระดับความ
แข็งแกรงของพวกเขาจะลดลงอยางมหาศาล หากพบเขากับศัตรูในชวงเวลานั้นยอม
หมายถึงหายนะ
นางถามอยางใจเย็น “เจาจะทำการกลั่นโลหิตตอไปหรือไม”
สีหนาเจ็บปวดเชนเดิมไมเคยจากไปจากใบหนาของชายผูนั้น “ขาไมมีทางเลือก
จริงๆ ขาจำเปนตองใชเวลาและความพยายามมากขึ้นเพราะขานั้นไมไดมีพรสวรรค
เชนพวกเจา”
แมวาทั้งสองจะพูดคุยราวคุนเคยกัน แตพวกเขาก็ยังคงระแวดระวังและรักษา
ระยะหางระหวางกันเอาไว
ทั้งคูมาจากสำนักเดียวกัน แตก็แทบจะไมมีความสัมพันธอันใด พวกเขาเปนทั้ง
เพื่อนรวมกลุมและก็เปนคูแขงไปพรอมกัน สตรีชุดแดงไมคาดคิดวาชายผูนี้จะยึดมั่น
ในการกลั่นโลหิตถึงเพียงนี้
การกลั่นโลหิตนั้นเปนความพยายามที่เต็มไปดวยความเสี่ยง ทุกขั้นตอนตอง
เปนไปอยางระแวดระวังถึงขีดสุด มันใหความรูสึกเหมือนกับการเดินไปบนแผนน้ำแข็ง
ที่เปราะบาง ดวยรางกายเลือดเนื้อของพวกเขา ทำใหมีขีดจำกัดวาจะทนรับการกลั่น
โลหิตไดมากแคไหน โดยเฉพาะอยางยิ่งในกรณีของโลหิตแหงเทพซึ่งมีความแข็งแกรง
หาใดเปรียบได การหลับหูหลับตาทำการกลั่นโลหิตก็มีแตจะทำใหตนเองตองตายตก
ไปเทานั้น
ทามกลางภัยพิบัติโลหิต โลหิตแหงเทพนั้นสามารถหาไดอยางงายดาย พลังของ
มัน นั้นกวา งใหญดั่งมหาสมุทร แทนที ่ จ ะหลั บ หู หลั บ ตาทำการกลั ่ น การควบคุม
ตางหากที่เปนหัวใจสำคัญ
ชายที่อยูตรงหนาของนางนั้นคือ เถียนควน นับตั้งแตพบกันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ นาง
ไมเคยเห็นเขามีสีหนาแบบอื่นมากอน มันเต็มไปดวยความเจ็บปวดเชนเดิมอยูทุกวี่วัน
เขาเปนคนที่มีอายุมากที่สุดและมีพรสวรรคนอยที่สุดในหมูพวกเขา ไมมีใครรูวาเหตุใด
เขาถึงไดรับเลือก ไมมีใครใหความสำคัญกับเขา
ไมมีใครคาดคิดวาเขาจะอยูรอดมาไดนานถึงเพียงนี้ และยังสามารถยืนหยัดอยูได
หลังจากที่หลายคนถูกกำจัดออกไป เถียนควนเปนหนึ่งในหกคนที่สามารถยืนหยัด
ผานการกลั่นโลหิตมาไดหลายรอบ
ณ จุดนี้ ทุกคนก็เรียนรูที่จะหยุดดูถูกเขาแลว อยางนอยทุกคนในจำนวนหกคนก็
นับเปนบุคคลที่นาประทับใจที่กาวขามซากศพจำนวนนับไมถวนมาไดไกลเพียงนี้
สตรีชุดแดงไมคาดคิดวาเถียนควนจะสามารถควบรวมโลหิตแหงเทพในรางกายได
เนื่องจากทั้งหกคนไดมาถึงขีดจำกัดของตนแลว พวกเขาจึงจำเปนตองฝกฝนและ
พยายามเพิ่มขีดจำกัดของตนกอนจะสามารถทำการกลั่นโลหิตในครั้งตอไปได การ
ฝกฝนอยางรุนแรงนั้นมาพรอมกับความเสี่ยงอยางสูง ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำใหคนอื่นๆ
เลือกที่จะใชโลหิตแหงเทพมาสรางลูกนองเปนอันดับแรก
การกระทำของเถียนควนนั้นชางบาคลั่ง!
สตรีชุดแดงคิดวานางตองประเมินเถียนควนใหมอีกครั้งหนึ่ง คนที่จริงจังมาก
จนเกินไปนั้น หากไมตายดวยความจริงจังของตนก็จะมีความสำเร็จที่นาตกตะลึง
“เจา สามารถจับพวกนักเรียนหรือ สั ตวป าได ทุ กเมื่อ ” สตรี ชุ ดแดงกลาวดวย
น้ำเสียงราบเรียบ “บางทีเจาอาจไมจบลงดวยความอางวางอีกครั้ง”
“ชางมันเถอะ” เถียนควนปฏิเสธพรอมกับสายหนา “ขาชินกับการทำงานคนเดียว”
สตรีชุดแดงเลยหนาขึ้นไปบนฟาและกลาววา “หนอนแมลงตัวนอยของเจามาแลว”
ทองฟาเหนือทะเลโลหิตนั้นมีอันตรายเพิ่มขึ้นเล็กนอยเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ
สัตวโลหิตที่บินได เมื่อพวกมันปรากฏตัวมากขึ้น ผูใชพลังธาตุจึงจำเปนจะตองใชความ
ระมัดระวังอยางยิ่งกอนที่จะพุงตัวขึ้นไปบนทองฟาเหนือสนามเหนี่ยวนำ อยางไรก็
ตามในตอนนี้จำนวนของสัตวโลหิตที่บินไดก็ยังนับวาคอนขางนอยและไมกอใหเกิด
แรงกดดันมากนักแกผูใชพลังธาตุที่มีปกเมฆา
ทองฟายังนับวาปลอดภัยกวาในปาเบื้องลางมาก
สตรีชุดแดงจองมองอยางใจเย็นไปยังผูใชพลังธาตุที่ใกลเขามา ยอดฝมือจากสิบ
สามหนวยแคไมกี่คนนั้นไมอาจนับวาเปนอันตรายตอนาง หากเถียนควนไมถูกโจมตี
ระหวางการกลั่นโลหิต เขาก็คงสามารถจัดการกับหนอนแมลงพวกนี้ไดอยางงายดาย
เชนกัน
“เจาติดหนี้ขาครั้งหนึ่ง” สตรีชุดแดงกลาวอยางเรีบนนิ่ง
“แมวาขาจะไมตองการเทาไรนัก แตขาก็ไมคิดวาตนเองมีทางเลือกอื่น” เถียนควน
ตอบ “ทำไมพวกมันไมปลอยใหขาฝกฝนอยางสงบนะ”
“เจาทำไดแคโทษตัวเองเทานั้น” สตรีชุดแดงตอบอยางอยางเยยหยัน “เจาตั้งใจ
จะทำงานคนเดียวตลอดไปจริงๆ หรือ เจามั่นใจหรือวาจะสามารถทำตอไปไดดวยตัว
คนเดียว”
“ขาคุนเคยกับการอยูตัวคนเดียว” เถียนควนตอบดวยน้ำเสียงราบเรียบ “ยิ่งไป
กวานั้นพลังอันยอดเยี่ยมสมควรเก็บไวใหตัวเอง”
“เจาคงไมคิดใชโลหิตแหงเทพมากมายปานนั้นกับตัวเองหรอกนะ”
“ทำงานรวมกับผูอื่นนั้นใชความพยายามมากเกินไป”
“อยาไดทำใหแผนการใหญเกิดปญหา”
“ไมตองกังวล ขาไมคิดที่จะตายอยูแลว”
ทั้งสองคนจบการสนทนาลงอยางชาญฉลาด ไมมีใครตองการจะพูดตอไป สตรีชุดแดง
ไมอาจเขาใจไดวาเถียนควนจะสามารถดูดซับพลังที่แข็งแกรงถึงเพียงนั้นดวยตัวเองได
อยางไร นางเริ่มระแวดระวังเถียนควนมากขึ้นเพราะเขาเปนคนที่ไมไวใจคนอื่น
นางยอมไมมีวันไวใจเขาเชนเดียวกัน
การหลั่งเลือดและทรยศหักหลังคือหัวใจหลักที่ทำใหคนทั้งหกรอดชีวิตมาได
สตรีชุดแดงลมเลิกความพยายามที่จะจูงใจเขา พวกเขาทั้งสองก็ไมไดสนิทสนม
กันตั้งแตแ รกอยูแ ลว นอกจากนี้ก ารที ่ สามารถรอดชี ว ิ ตมาได จ นถึ ง ตอนนี ้ ย  อ ม
หมายความวาทั้งหกคนนั้นไมธรรมดา นางจะคาดหวังใหพวกเขาแตละคนไมมีอุปนิสัย
เฉพาะตัวไดอยางไร
หลี่เหวยพุงตัวมาดวยพลังทั้งหมด เปลวเพลิงแหงความเกลียดชังเผาไหมอยูในดวงตา
เพื่อนรวมกลุมของเขาไดสละชีวิตไปในภารกิจนี้ เหลือเพียงหลี่เหวยคนเดียว
เทานั้นที่รอดชีวิต เขารูสึกโศกเศราอยางไมอาจบรรยายไดลึกลงไปภายในหัวใจ แมวา
จะคุนเคยกับความตายหลังจากใชชีวิตอยูใ นแนวรบมาหลายปแตนี่เปนครั้งแรกที่เขา
ประสบกับการสูญเสียสมาชิกรวมกลุมไปทั้งหมด การเสียสละของพวกเขานั้นไมไดสูญ
เปลาเพราะพวกเขาก็ไดทำรายศัตรูไปอยางหนักหนาเชนกัน
หลี่เหวยปรารถนาความตาย เขาไมกลัวที่จะตองตายตราบใดที่เขาสามารถสังหาร
พวกมันไดหมดสิ้น!
ผิวหนังของเขาสองประกายราวกับโลหะ ทำใหผิวหนังที่เผยออกมานอกเสื้อผา
นั้นดูราวกับวาทำขึ้นจากโลหะ ลวดลายสีขาวสวนหนึ่งที่อยูบนรางกายของเขานั้นแปด
เปอนไปดวยโลหิต เปนรองรอยจากการตอสูวิปโยคที่เขารอดชีวิตมาได
ปก เมฆาสีทองแดงสยายกวา งอย างมั่ น คง แม ว  าป กษากระดูก ทองแดงจะไม
รวดเร็วเทาใดนัก ทวาปกอันสงางามนี้ก็ขับเนนการมีอยูของหลี่เหวยในขณะที่จิต
สังหารอันเขมขนแพรกระจายไปในอากาศโดยรอบ เขาดูเหมือนกับเทพแหงสงคราม
ในยุคบรรพกาลที่ถูกเลาขานกันมาในตำนานโบราณ
“ชางเปนรัศมีพลังที่นาประทับใจ!” ดวงตาของสตรีชุดแดงเปนประกายดวยความ
ตื่นเตน นางอดที่จะเอยชมออกมาไมได “ขาไมคิดเลยวาจะมีผูที่ดูเปนวีรบุรุษเชนนี้อยู
ในหนวยทหารราบ ขาคิดมาตลอดวาพวกเขาก็เป นแคเศษเหล็กหมน มัวกองหนึ่ ง
เทานั้น”
เถียนควนพูดดวยสีหนาอันเจ็บปวดเชนเคย “เจาคิดฟุงซานมาพอแลว รีบลงมือ
สังหารเขา เราไมอาจปลอยใหเขามีชีวิตตอไปไดในเมื่อเขาทำใหขาบาดเจ็บไดเชนนี้”
สตรีชุดแดงรูสึก เสียดายที่ตอ งลงมื อสั งหารเขา แต เถี ย นควนไมเห็น ดวยกับ
ความคิดของนาง ทำใหนางไมมีทางเลือกอื่นอีก มันไมคุมที่จะไปลวงเกินเถียนควน
เพื่อยอดฝมือจากสิบสามหนวยเพียงคนเดียว เนื่องจากทั้งสองมีฐานะเทาเทียมกัน
การสรางหนี้บุญคุณใหกับเขายอมเปนประโยชนอยางยิ่ง
เอาเถิด ในเมื่อเจาเปดโอกาสใหขาไดสรางบุญคุณ ขาก็จะมอบความตายที่ไม
เจ็บปวดใหกับเจา
สตรีชุดแดงพุงตัวออกไปดูราวกับวากลายเปนกลุมควันสีแดงกลุมหนึ่ง ความเร็วที่
นางพุงเขาหาหลี่เหวยนั้นทำใหเปนไปไมไดเลยที่จะระบุตำแหนงของนาง
หลี่เหวยรูสึกประหลาดใจที่พบวาเปาหมายของตนมีพันธมิตร
ดวยเวลาที่กระชั้นชิด เขาจึงตอบสนองดวยการลงมือจูโจมไปในทิศทางที่ฝายตรง
ขามพุงมา ฝามือเปลงประกายแวววาวราวกับโลหะพุงตรงไปเบื้องหนาราวกับรถถังที่
เคลื่อนไป
“ยังไมชำนาญพอ” สตรีชุดแดงหัวเราะคิกคักเมื่อปรากฏตัวอยูดานหลังหลี่เหวย
ฝามืองามและนุมนวลวางลงบนหลังของหลี่เหวยโดยไรเสียง
นัยนตาฃหลี่เหวยขยายตัวออกอยางรวดเร็ว พลังอันรุนแรงปาเถื่อนระเบิดขึ้น
จากดานหลังของเขา
พรวด! เขาพนเลือดออกมาคำใหญ รวงลงจากทองฟาราวกับถูกทุบดวยคอน
ขนาดยักษ หลี่เหวยรวงลงกระแทกพื้นราวกับดาวตก
รอยยิ้มชั่วรายปรากฏขึ้นบนริมฝปากของเถียนควน ทำใหใบหนาของเขาดูชั่วชา
ถึงขีดสุด
เขายืนคางเมื่อเห็นรางของหลี่เหวยปรากฏขึ้นมาจากที่ใดก็ไมรูและขยายใหญขึ้น
ทุกวินาที
ดวงตาที่เต็มไปดวยความเกลียดชังของหลี่เหวยเผาไหมไปดวยความพึงพอใจ เขา
ยิ้มกวางเผยใหเห็นฟนขาวราวหิมะทั้งสองแถวซึ่งมีรอยคราบเลือดเปอนอยู
หลี่เหวยรูดีวาตนอยูในสถานการณอันเลวรายในนาทีที่เขาเหลือบมองไปทางสตรี
ชุดแดง แมวาจะขัดกับความรูที่มี แตเขาก็ไมมีความคิดที่จะหลบหนีแตอยางไร
เขาประสานมือทั้งสองขางเขาดวยกัน ยกขึ้นสูงเหนือหัวราวกับขวานพรอมที่จะ
โจมตี ประกายแสงสีเงินเจิดจาแผออกมาจากมือที่ผสานกันเมื่อพลังธาตุทุกหยาดหยด
ที่มีในรางกายถูกนำมาหลอมรวมไวที่จุดนี้ ประกายแวววาวของโลหะที่เคลือบอยูบน
ผิวหนังก็เปนประกายเจิดจายิ่งกวาเดิมดูราวกับวามันปกคลุมไปดวยของเหลวสีเงิน
“ลงนรกไป!”
ดวยเสียงรองที่เกรี้ยวกราด ความหวาดกลัวของเถียนกวนก็เปลี่ยนเปนความสิ้น
หวัง ใบหนาของสตรีชุดแดงก็ขาวซีดลง
ความสิ้นหวังของเถียนกวนเปลี่ยนเปนความกาวราวในทันที ลวดลายสีแดงเลือด
ปรากฏขึ้นบนหนาผากของเขาราวกับธงชัย
สตรีชุดแดงจองมองไปทางเถียนควนอยางไมอยากเชื่อ
เถียนควนที่ดูเจ็บใจกอนหนาไดเปลี่ยนสภาพเปนอีกคนหนึ่งอยางสิ้นเชิง รัศมีพลัง
ของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปไมเหมือนดังแตกอน หลังที่เคยโคงงอก็เปลี่ยนเปนตั้ งตรง
ผิวหนังเปลงประกายอันอบอุนออกมา เขาไดเปลี่ยนสภาพจากชาวนาไปเปนเจาชายผู
หยิ่งทะนง
ริมฝปากของเขาโคงขึ้นเปนรอยยิ้มชั่วราย
เขาเหยียดแขนออกไปเล็กนอยก็สามารถตานรับคอนสีเงินของเทพแหงสงคราม
เอาไวไดดวยฝามืออยางงดงาม
สีหนาเยยหยันของหลี่เหวยคางแข็งไปดวยความตกใจ
แสงสีเงินบนมือของเขาระเบิดออกปลดปลอยพลังที่รุนแรงราวกับพระอาทิตยนับ
พันดวง
แรงระเบิดสงหลี่เหวยที่หมดสติลอยออกไปราวกับตุกตาผา เขาสูญเสียแขนทั้ง
สองขางไปกับการโจมตีครั้งสุดทายนั้น เลือดไหลออกมาอยางตอเนื่องจากแขนเสื้อที่
ฉีกขาดและกระจัดกระจายไปในอากาศ
“ขาจะฆาเจา!”
เสียงรองอันบาคลั่งของเถียนกวนดังผาอากาศออกมาจากใจกลางความรอนของ
แรงระเบิด
รางหนึ่ง พุงลงมาจากกอนเมฆและควารางของหลี่เหวยเอาไวอยางแมนยำและนา
อัศจรรย กอนจะพุงกลับขึ้นไปเหนือกอนเมฆดวยความเร็วที่คาดไมถึง
สตรีชุดแดงถอยไปตามสัญชาตญาณ แตหยุดลงเมื่ อนึกถึ งสั ญลักษณโลหิ ตที่
ปรากฏขึ้นระหวางคิ้วของเถียนควน
จากนั้นนางก็รูสึกถึงความสับสนที่นาหวาดกลัวขึ ้นมาในทัน ที สีสันทั้งหลาย
หายไปจากใบหนา
ทางนั้น… คือที่ที่นางจากมา!
บทที่ 170 ตัวออนกระบี่กับผาพันแผล
ตัวออนกระบี่เตนอยางตอเนื่องประดุจหัวใจที่ไมมีวันหยุดเตน รอยโลหิตซึ่งเปน
ลวดลายสลับซับซอนเคลื่อนไปทั่วรางของอายฮุยอยางรวดเร็วราวกับฝูงมดพิษ พิษ
โลหิตปริมาณมากกำลังเปลี่ยนสภาพรางกายของอายฮุยจากภายใน กลิ่นหอมหวาน
จางๆ แผออกมาจากรางของเขา
พลังอันฉุนเฉียวและกระหายการฆาฟนถูกสรางขึ้นอยางตอเนื่องภายในรางกายที่
กำลังเปลี่ยนแปลงไปดวยพิษโลหิต
รอยโลหิตจากทั่วทั้งรางกายเริ่มอัดแนน และไหลไปรวมกันที่บริเวณหวางคิ้วของ
เขา มันมีความงดงามสละสลวยมากขึ้นและพรอมที่จะลงมือ มันรายลอมอยูรอบพื้นที่
วางระหวางคิ้วทั้งสองเปนรูปเปลวไฟอันเล็กกระจอยรอย
รอยโลหิตซึมเขาไปในหนาผากทำใหผิวของอายฮุยเกิดชั้นบางๆ สีแดงสดขึ้นมา
กลิ่นหอมหวานก็เขมขนขึ้น
เมื่อถูกรายลอมดวยกลุมโลหิตที่หนาแนน ตัวออนกระบี่ก็เตนชาลง
กระแสพิษโลหิตที่ไหลออกมาจากรากไมอยางตอเนื่องก็เพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทันทีที่รอยโลหิตรอยใหมปรากฏขึ้นบนรางกายของอายฮุย มันก็จะพุงตรงไปยัง
พื้นที่บริเวณหวางคิ้วของเขาอยางรวดเร็ว เหมือนกับมีแมเหล็กทรงพลังตั้งอยูตรงนั้น
คอยดึงดูดเขาไป
ในเวลานั้นผาพันแผลที่แนนิ่งอยูบนแขนของเขาก็เลื้อยอยางเงียบเชียบไปรอบ
กายอายฮุย ราวกับถูกมือที่มองไมเห็ นควบคุ มเอาไว ผาพันแผลโลหิ ตทั้ งสองผื น
เคลื่อนไหวอยางสอดคลองกันโดยผืนหนึ่งเริ่มพันจากสวนหัว ในขณะที่อีกผืนหนึ่งเริ่ม
จากเทา เขาถูกพันอยางหนาแนนชั้นแลวชั้นเลา
และในชวงพริบตาทั่วรางของอายฮุยก็ถูกมัดไวอยางหนาแนนราวกับกอนบะจาง
แตที่นาสนใจก็คือผาพันแผลโลหิตจงใจที่จะละเวนไมพันรากไมพวกนั้น
รอยโลหิตสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนมือของอายฮุย แทรกซึมผานผิวหนังออกมาและ
ปรากฏขึ้นดานนอกของผาพันแผล
รอยโลหิตนั้นเคลื่อนไปตามผาพันแผลไปยังหนาผากของเขาราวกับวามันเปน
สิ่งมีชีวิต
ดูเหมือนวาไมมีสิ่งใดเปลี่ยนไป
รอยโลหิตดูหมนหมองลงเมื่อเคลื่อนผานขอศอกของอายฮุย
เสนใยที่เล็กละเอียดปรากฏขึ้นตามผาพันแผลและดูดซับโลหิตจากรอยโลหิตใน
ยามที่มันเคลื่อนตัวผานไป สีแดงสดของมันก็คอยๆ จืดจางลงจนกลายเปนสีเทา
ตัวออนกระบี่ที่เกือบจะพายแพแกแรงกดดันมหาศาลจากรอยโลหิต ก็กลับมามี
ชีวิตชีวาเมื่อสัมผัสไดวามีโอกาสที่จะเอาชนะได มันหยุดการเคลื่อนไหวทั้งมวลไป
ชั่วขณะหนึ่งในยามที่รอยโลหิตปรากฏขึ้นบนผาพันแผล กอนที่จะเริ่มเตนอีกครั้งหนึ่ง
และเตนเร็วขึ้นยิ่งกวาแตเสียอีก ความรูสึกเย็นเยียบเสียดกระดูกของโลหะแผกระจาย
ไปในอากาศเหนือหวางคิ้วของอายฮุย
ในขณะเดียวกันก็มีพลังดึงดูดเกิดขึ้น
ประกายแสงที่ไรสีสันแยกตัวออกมาจากรอยโลหิตกอนจะเปลี่ยนสภาพกลายเปน
เสนใยแวววาวกลางอากาศและแทรกซึมลงไปในรางของอายฮุย เสียงสะทอนของ
กระบี่ดังขึ้นจากจุดที่มันแทรกตัวเขาไป
รอยโลหิตไดสูญสิ้นประกายรวมทั้งสีสันที่มีทั้งหมด
ในขณะที่เคลื่อนตัวไปตามผาพันแผลโลหิต สีของรอยโลหิตก็หมนมัวลง กวาจะ
มาถึงบริเวณไหลก็ไมหลงเหลือสีแดงสดที่เคยเจิดจาอยูแลว
เศษเสี้ยวสีเทาที่เหลืออยูก็กลายเปนหมอกควันบางเบากระจายหายไปในอากาศ
ไมทิ้งรองรอยอันใดไวบนผาพันแผลแมแตนอย
รางที่ถูกพันเปนมัมมี่ของอายฮุยพนกลุมควันสีเทาออกมาอยางหนาแนน
ควันสีเทานี้มีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรงขัดแยงกับกลิ่นหอมหวานของพิษโลหิตยิ่งนัก
เมื่อมันสัมผัสกับใบไมสีแดงเลือดใบไมนั้นก็เปลี่ยนเปนขี้เถาอยางรวดเร็ว
กลุมควันหนาหนักหอมลอมรางของอายฮุยจนดูเหมือนกับดักแดสีเทาหากมอง
จากระยะไกล
สุนัขใหญตัวนั้นแหงนหนาขึ้นมองดวยความสงสัย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้ นนี้
เกินกวาความเขาใจของมันไปมาก แตมันก็สามารถสัมผัสไดวามีบางอยางที่นากลัวซุม
ซอนอยูในกลุมควันที่ดูเหมือนดักแดสีเทานี้ ความกลัวที่ฝงลึกอยูในสัญชาตญาณลอย
เดนขึ้นมา
มันถอยหลังไปสองสามกาว แลวสำรวจมองบริเวณโดยรอบเพื่อมองหาความ
เปลี่ยนแปลง เมื่อพบวาทุกสิ่งอยางเปนปกติ สุนัขใหญก็ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นอีกครั้ง
อยางเกียจคราน
ผานไปอีกครูหนึ่งอายฮุยก็ฟนคืนสติกลับมาอยางซึมกะทือ
เขาถูกปลุกใหตื่นขึ้นดวยเสียงอันแปลกประหลาด มันใหความรูสึกที่ไมคุนเคยแต
ก็คุนเคยอยางประหลาดเชนกัน เมื่อตั้งใจฟงเขาก็ตระหนักไดในที่สุดวานั่นเปนเสียง
ของกระบี่ที่ถูกชักออกจากฝก เพียงแตเขาไม เคยไดยิน เสียงการชักกระบี่จำนวน
มากมายขนาดนี้มากอน
นี่คือความฝนหรือ
เขามักจะฝนอยูบอยครั้งในสมัยอยูโรงฝกกระบี่ เขามักฝนถึงปราสาทอังสูงใหญ
อลังการ มียอดสูงเทียมเมฆ ฝนถึงนักกระบี่ที่สามารถบินบนทองฟาไดดวยกระบี่ หรือ
เทือกเขาที่ทอดเงาไปบนทองฟาเปนรูปแบบของคายกลกระบี่ รวมทั้งอสูรวิญญาณ
มากมายหลากหลายประเภท...
เขายังมีความฝนเกี่ยวกับคัมภีรกระบี่ลึกลับ กระบี่บินในตำนานแมกระทั่งฝนผูคน
ที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองทั่วทั้งโลกา
ผานไปเนิ่นนานแลวที่เขามีความฝนแปลกประหลาดเชนนี้ จิตใจที่ใสซื่อและใฝรู
ของผูเยาวไดถูกกาลเวลาและความเปนจริงกัดกรอนไปอยางไมอาจหลบเลี่ยงได
สภาพจิตใจของมนุษยนั้นลวนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและไดรับผลกระทบ
อยางมากจากประสบการณที่พบเจอ อายฮุยไมเคยมีวัยเด็กที่เต็มไปดวยจินตนาการ
หากแตใชชีวิตอยูกับความเปนจริงมาโดยตลอด
ปฏิกิริยาเเรกของอายฮุยเมื่อไดยินเสียงที่ดังตอเนื่องนั้นก็คือความคิดวาตนเอง
กำลังฝนไป ถึงอยางไรก็ตามเขาก็ตระหนักไดในที่สุดวาตนเองไมไดฝนไป
ตัวออนกระบี่เตนดวยพลังที่รุนแรงกวาครั้งใดที่เขาเคยประสบพบเจอ มันสงเสียง
รองที่ไมมีสิ้นสุดออกมาและเขาสามารถสัมผัสไดวากลามเนื้อในรางกายตอบสนองกับ
เสียงนั้น
บางทีความมืดมิดเบื้องหนาเขานั้นก็มีบทบาทเชนกัน แตอายฮุยก็สังเกตเห็นวา
เขามีสัมผัสที่เฉียบคมแมนยำกับความรูสึกในรางกาย เขาสามารถสัมผัสไดถึงกระแส
พลังที่ว า ยวนอยูในรา งกายราวกับ ฝู งปลาขนาดใหญ แ ละเส น ใยของพวกมั น ก็ ดู
เหมือนกับจะสั่นพองไปกับตัวออนกระบี่ สั่นไหวเล็กนอยไปในทุกจังหวะการเตน
อายฮุยตกตะลึงไปกับความรูสึกนี้ มันคืออะไร
เขาไมเคยสัมผัสถึงเสนใยพลังเหลานี้มากอน เขาสามารถสัมผัสไดถึงพลังที่มีอยูภายใน
ตัวของพวกมัน แตมันแตกตางไปจากทุกสิ่งที่เขาเคยพบเจอมากอนอยางสิ้นเชิง
แตก็นะ อายฮุยเยาะเยยตัวเอง เขาก็ไมมีประสบการณเกี่ยวกับพลังชนิดอื่นแมแต
อยางเดียว
แตเขาก็มั่นใจวากระแสพลังเหลานี้นั้นแตกตางจากพลังธาตุที่เขาพัฒนาขึ้นอยาง
มากมายมหาศาล หรือวามันจะเปนพลังธาตุรูปแบบใหม
อายฮุยไมแนใจ หากเปนเรื่องเกี่ยวกับพลังธาตุแลว เขาเองก็เพิ่งจะกาวขามเสน
แบงของการเปนเด็กใหมมาไดไมนาน
ยังมีพลังธาตุอีกมากมายหลายแบบที่เขายังไมเคยพบเจอมากอน
ในตอนนี้ไมใชเวลาที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้ แตถึงอยางไรเขาก็จำเปนตองหาทางหนี
ออกไป
ในที่สุดก็เรียกสติกลับคืนมาได อายฮุยพยายามที่จะดิ้นรนเพื่อจะหนีออกไปแตก็
ตระหนักไดในไมชาวาเขาไดสูญเสียความสามารถในการควบคุมรางกายไปแลว เขาไม
อาจเคลื่อนไหวไดแมแตนิดเดียว
อายฮุยยังคงสงบสติเอาไวได อยางนอยเขาก็เคยผานสถานการณที่เลวรายยิ่งกวา
นี้มาแลว
เขากลาวย้ำกับตัวเองเพื่อสรางกำลังใจ มันตองมีทางออกอยางแนนอน
เขาเริ่มตนดว ยการสำรวจรา งกายตั ว เองอย างละเอี ย ดถี ่ ถ  วน แล ว ก็ ย ิ ่ งรู  สึก
ประหลาดใจยิ่งขึ้นเมื่อสำรวจ
ไมนาแปลกประหลาดใจอะไรที่ หา คลั งแปดตำหนัก ในรา งกายของเขานั ้นถู ก
ทำลายลง เขายังคงจดจำไดวาตนเองรับรูวาสิ่งนี้เกิดขึ้นกอนที่จะหมดสติไป
หรือวาเสนใยพลังนี้มาจากพิษโลหิต
ไม พิษโลหิตนั้นมีความรุนแรงและคุกคามอยางมากมายมหาศาล แตเสนใยพลังที่
ไหลเวียนอยูนี้มีความออนโยนกวา แมกระทั่งเมื่อเปรียบเทียบกับพลังธาตุทองที่เขา
พัฒนาขึ้นในรางของตัวเองก็ตาม เสนใยพลังนี้เห็นไดอยางชัดเจนวามีจุดกำเนิดมาจาก
ภายนอกของรางกาย ภายนอก...
ทันใดนั้นเองอายฮุยก็ตระหนักไดวาเขาถูกหอพันไวดวยผาพันแผลโลหิต ชาง
แปลกประหลาด เขาครุนคิดในขณะที่สงกระแสความคิดเขาไปในผาพันแผลโลหิตได
อยางงายดาย
เขารูสึกเหมือนกับตัวเองไดเขาไปอยูในมิติที่แตกตางออกไป เปนมิติที่เต็มไปดวย
กลิ่นของเลือด
ทะเลโลหิตที่เขมขนแผขยายออกไปไกลสุดสายตา คลื่นที่ปนปวนลอยตัวสูงอยูใน
ทะเลอันบาคลั่ง ราวกับวามีสัตวประหลาดกำลังตื่นขึ้นจากสวนลึกของทองทะเลและ
กำลังแลบลิ้นออกมาเพื่อลิ้มรสชาติของอากาศ
บนทองฟารองรอยโลหิตลองลอยไปราวกับสายธารเลือด
ทุกครั้งที่ลิ้นโลหิตนั้นแลบขึ้นไปสัมผัสอากาศ แกนแทที่สองแสงเรืองรองจากรอย
โลหิตนั้นก็ถูกลากลงมาราวกับน้ำตก หัวใจของอายฮุยก็เริ่มสั่นระรัว รูสึกวาจิตใจของ
ตนเองนั้นสั่นไหวไปกับ ภาพสีแ ดงเลื อ ดที ่ แ ปลกประหลาด และจำเป น ต อ งต อ สู
เพื่อที่จะรักษาสติสัมปชัญญะเอาไว
การไดเห็นแกนเเทโลหิตทำใหเขารูสึกอึดอัดอยางมาก เขาไมรูสึกชอบมันแมแตนอย
รอยโลหิตบนอากาศเริ่มสลายหายไป
รูปแบบในอดีตของผาพันแผลโลหิตฉายขึ้นมาในจิตใจของเขา เขารูสึกมั่นใจมาก
ยิ่งขึ้นวาผาพันแผลโลหิตนี้เปนสิ่งประดิษฐจากยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน ชางเปนยุค
สมัยของพลังที่ไมอาจจินตนาการได แมแตเศษผาที่ไรชื่อเสียงเรียงนามก็ยังมีพลัง
ยิ่งใหญปานเทพเจาเชนนี้
การไดเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับรอยโลหิตทำใหอายฮุยเขาใจในที่สุดวา
เสนใยพลังงานเหลานี้มาจากที่ใด
ผาพันแผลโลหิตไดสกัดเอาแกนแทโลหิตออกมาจากพิษโลหิตและปลอยใหตัว
ออนกระบี่ดึงพลังงานที่เหลืออยูของพิษโลหิตไป
พลังวิญญาณโลหิต
เขาตัดสินวาคำพูดนั้นเปนการโกหกตั้งแตแรก คิดวาสิ่งที่เรียกวาพลังวิ ญญาณ
โลหิตนั้นเพียงแคมีชื่อเหมือนกับพลังวิญญาณเทานั้นเอง
แตถาเกิดวาพิษโลหิตนั้นมีพลังวิญญาณโลหิตอยูจริงเลา
ความคิดนี้กระตุนความทรงจำของเขา และคำวา “กลั่นโลหิต” ก็ปรากฏขึ้นจาก
ความทรงจำ
หากพิษโลหิตนั้นเปนพลังวิญญาณโลหิตอยางแทจริง เชนนั้นมันก็ตองมีความ
เกี่ยวของอยางใกลชิดกับการกลั่นโลหิต ผาพันแผลโลหิตสามารถดูดซับแกนแทโลหิต
สี แ ดงสดนั ้ น ได อ ย า งไร เนื ่ อ งจากมั น เป น สิ ่ ง ประดิ ษ ฐ ข องพรรคโลหิ ต มั น จึ ง มี
ความสามารถในการดูดกลืนวัตถุที่มีความเกี่ยวของกับโลหิต
คัมภีรกระบี่หลายเลมไดกลาวถึงการกลั่นโลหิตเชนเดียวกับพรรคโลหิตวา เปน
เรื่องนอกรีตในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนเนื่องจากการกระทำอันชั่วราย พวกเขามัก
ใชอสูรวิญญาณในการฝกฝน หรือในกรณีที่สุดโตงกวานั้นก็ถึงขั้นบูชายัญมนุษย เปน
เวลาหลายปที่พรรคโลหิตถูกมองวาเปนพรรคนอกรีตชั่วรายและไมอาจใหอภัยได
ผาพันแผลโลหิตสามารถกลืนกินสวนประกอบที่เกี่ยวของกับโลหิตภายในพิษ
โลหิต
เมื่อตัดสวนที่เกี่ยวของกับโลหิตออกไปจากพลังวิญญาณโลหิตแลวจะไดอะไร
อายฮุยไดพบกับการเปดเผยครั้งใหญ
พลังวิญญาณ!
คำตอบนี้ทำใหเขาตกตะลึงไปนานหลายนาที ไมมีวันที่เขาจะจินตนาการไดวา
ตนเองจะไดบทสรุปเชนนี้ออกมา แตเขาก็ไมอาจคิดหาคำตอบอื่นไดอีก
พลังวิญญาณ มันเปนพลังวิญญาณจริงๆ! พลังที่กอใหเกิดความรุงโรจนของยุค
สมัยแหงการบำเพ็ญตน พลังที่สมควรจะสูญหายจากโลกนี้ไปแลว
อายฮุยรูสึกเบิกบานใจ
เขาไมอาจที่จะรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไวได ความเกรียงไกรของยุคสมัยแหง
การบำเพ็ญตนนั้นยังฝงแนนอยูในความคิดของทุกผูทุกนาม เมื่อมีพลังวิญญาณเขา
ยอมสามารถใชเคล็ดกระบี่อันลึกลับที่จารึกไวในคัมภีรอันเกาแกได
อายฮุยบังคับใหตนเองสงบลง อยาเพิ่งไปสนใจพลังวิญญาณ ตอนนี้เขายังตกอยู
ในสถานการณที่ย่ำแย
เขาพยายามที่จะใชเคล็ดวิชากระบี่ลึกลับออกมาโดยหวังวามันจะชวยเขาหลบหนี
ออกไปได เสียแตเขาไดรับรูวาตนเองนั้นชางออนตอโลก พลังวิญญาณที่อยูในรางของ
เขามีปฏิกิริยาที่ออนโยน แตกลับพบวาตนไมอาจที่จะโคจรพลังนี้ได ทายที่สุดแลวอาย
ฮุยก็ไมเคยที่จะฝกฝนเสนลมปราณซึ่งจำเปนในการโคจรพลังวิญญาณ ผูบำเพ็ญตนนั้น
มีระบบที่เขมงวดอันประกอบไปดวย พลังวิญญาณ เสนทางการโคจรที่เรียกวา เสน
ลมปราณ ผนึกคาถาและสุดทายคือกระบี่ในการออกกระบวนทา หากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ขาดตกบกพรองก็ไมอาจสำเร็จได
อายฮุยหัวเราะอยางขมขื่นกอนกลับคืนสูทาทีปกติ เขาย้ำเตือนตัวเองอีกครั้งวา
เขาเคยรอดชีวิตจากสถานการณที่เลวรายกวานี้มากอนแลว
อายฮุยที่สงบสติอารมณไดแลวก็ขบคิดถึงวิธีการที่จะนำพลังวิญญาณเหลานี้มาใช
ประโยชน
บทที่ 171 [เปยโตว] กับสถานการณทยี่ ากลำบาก
“พลังวิญญาณ” นี้จะเปนของแทหรือไมนั้นก็ไมอาจทราบได เพราะทายที่สุดแลว
มันก็เปนเพียงการคาดเดาของอายฮุยเทานั้น
ไมวาอยางไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือหาทางใชประโยชนจากมัน
นาเสียดายที่หาคลังแปดตำหนักของเขาถูกทำลายไปแลว
กอนหนาที่จะหมดสติไป อายฮุยตองเผชิญกับความเศราที่ไดเห็นความมานะ
พยายามและความฝนของเขาถูกทำลาย อยางไรก็ตามเมื่อฟนคืนสติขึ้นมาในตอนนี้
ความรูสึกเศราหมองพวกนั้นไดเลือนหายไปหมดแลว เหลือเพียงแคสัญชาตญาณเอา
ตัวรอดที่ยังคงเดนชัดอยู
ไม หาคลังแปดตำหนักของเขายังไมถูกทำลายไปจนหมดสิ้น มันยังมีจุดหนึ่งที่
ยังคงเปนปกติ ตำหนักนภาซึ่งเปนที่อยูของตัวออนกระบี่
เขาควรจะหาทางฟนฟูตำหนักทั้งเจ็ดที่ถูกทำลาย แตนั่นจะเปนไปไดก็ตอเมื่อคลัง
ชีวิตไมถูกทำลายไปแลวเทานั้น เพราะมันคือรากฐานของระบบหาคลังแปดตำหนักอีก
ทั้งยังเปนแหลงในการบมเพาะพลั งธาตุ อี กด วย ตราบใดที ่ รากฐานยั งคงอยู ก็ยัง
สามารถฟนฟูสวนอื่นๆ ได แตในเมื่อคลังชีวิตของเขาถูกทำลายไปแลวก็ไมมีทางที่จะ
ฟนฟูตำหนักทั้งเจ็ดได
เดี๋ยวกอน ตำหนักทั้งเจ็ดเชนนั้นหรือ...
ความคิดหนึ่งกอตัวขึ้นอยางสับสนวุนวายจนเขาไมอาจเขาใจมันได
เจ็ดตำหนัก...เจ็ดตำหนัก...
อายฮุยใชสมองอยางหนักกวาจะรูวาสิ่งที่เขานึกขึ้นไดคืออะไร
วิชา [เปยโตว] ตองใชเจ็ดตำหนักไมใชหรือ
ความคิดที่ผุดขึ้นมาพาเขาไปสูคำตอบ มันตองเปน [เปยโตว] แนๆ เพราะวาเพิ่ง
ไดรับวิชานี้มาไมนานอายฮุยจึงยังไมมีเวลาศึกษามันอยางละเอียด วิชา [เปยโตว] ที่
เขาไดรับ มานั้ นเปนตนฉบับ ที่ถ ูก ทิ ้ งไว โ ดยผู  ท ี ่ บ ัญ ญั ติ มั น ขึ ้ น มา ซึ ่ งบรรจุ ไว ด วย
ประสบการณทั้งหมดของเขา รวมไปถึงขอมูลจำนวนมหาศาลที่เกินกวาความเขาใจ
ของอายฮุย
เขาไมคิดที่จะใชมันรวดเร็วเชนนี้ แรกเริ่มเดิมทีเขาตองการที่จะซึมซับขอมูล
เหลานี้ใหมากขึ้นกอนที่จะลงมือขั้นสุดทาย
ไมมีใครตองการที่จะใชอุปกรณสืบทอดวิชาตนฉบับอยางเรงรีบ เพราะนั่นเปน
การทำใหความรูอันมีคาที่บรรจุอยูขางในสูญสลายไปอยางเปลาประโยชน และยังเปน
อันตรายอยางมากในการทำเชนนั้น
ใครก็ตามที่พอจะมีสามัญสำนึกอยูบางก็คงจะเขาใจไดถึงหลักความคิดที่วากาวไป
ทีละขั้นอยางมั่นคงการพยายามฝนรับความรูอันมหาศาลในขณะที่ยังเปนแคไกออน
นั้นก็ไมตางอะไรกับนักเดินทางที่กำลังจะตายเพราะขาดน้ำพุงตัวเขาไปในคลื่นยักษ
ไมเพียงแตมันจะไมชวยดับกระหายแตจะทำใหเขาตองจมน้ำตายอีกดวย
แตเวลาคือสิ่งฟุมเฟอยที่เขาไมอาจครอบครองใดอีกตอไป เขาอยูบนทางแยก
ระหวางความเปนและความตาย
ไมเหลือเวลาใหลังเล ไมมีอะไรใหพิจารณา
อายฮุยสงจิตเขาไปใน [เปยโตว] โดยไมคิดใครควรญอีกตอไป มันใหความรูสึก
เหมือนพุงผานผิวน้ำ
สิ่งที่ตามมาไมใชสายธารแหงความรู หากแตเปนคลื่นยักษแหงขอมูลระลอกแลว
ระลอกเลา อายฮุยไมอาจรับมือไดทันเวลาและจมอยูในคลื่นนั่น
เขาตกอยูในภาวะเคลิบเคลิ้มอยางรวดเร็ว
กระแสความคิดที่เต็มไปดวยขอโตแยง ความคิดที่ยอนแยงกัน ความรูสึกที่คลาย
คุนเคย คลายไมคุนเคย ทวมทนจิตใจของเขา หลังจากรูสึกเหมือนผานไปนานแสน
นาน สติของเขาก็โผลพนสิ่งที่ราวกับเปนโลกของคนอื่นและลองลอยไปตามกระแสดุจ
ดั่งใบไมที่รวงโรยตกลงสูทองทะเลอันกวางใหญ
ในขณะที่สติสัมปชัญญะของเขาทองไปใน [เปยโตว] กระแสพลังที่ไหลเวียนในตัว
เขาก็พุงพลานขึ้น
กระแสพลังที่กอนหนานี้ไหลอยางสงบพลันพุงพลานขึ้นไมยอมหยุด
ในขณะที่อายฮุยอยูในภาวะเคลิบเคลิ้มตัวออนกระบี่ในตำหนักนภากลับตื่นขึ้น
มันเตนเปนจังหวะชาๆแตแข็งแกรงขึ้น จังหวะของมันเหมือนเสียงกลองที่ดัง
กึกกองอยางมั่นคงทำใหกระแสพลังในกายของเขาสั่นพองไปกับจังหวะนั้น
“พลังวิญญาณ” เริ่มเคลื่อนไหวจากปอด โคจรวงลมปราณไหลเวียนหนึ่งรอบ
กอนที่จะไหบผานแขนของเขาเขาไปในเพลิงสันหลังมังกร และไหลกลับเขาสูรางกาย
หากอายฮุยมีสติ เขาตองตกตะลึงที่ไดพบวา “พลังวิญญาณ” นี้โคจรเปนเสนทาง
เดียวกันกับพลังธาตุ
“พลังวิญญาณ” ที่ไหลกลับเขามามีความแหลมคมแฝงอยู และถูกตัวออนกระบี่
ดูดซับไปทั้งหมด
เมื่อตัวออนกระบี่ขยายขนาดขึ้น จังหวะการเตนที่แหลมคมก็เริ่มเดนชัดยิ่งขึ้น
เมื่อมันมีขนาดเทาถั่วเหลือง ก็หยุดการเติบโตลงแตยังคงดูดซับ “พลังวิญญาณ”
ตอไป บนผิวของเขาปรากฏลวดลายจางๆตรงจุดที่ตัวออนกระบี่ตั้งอยู และเมื่อมันดูด
ซับ “พลังวิญญาณ” มากขึ้น ลวดลายนั้นก็เดนชัดและบริสุทธิ์ขึ้น และกลายเปน
รูปรางของกระบี่ยาวในที่สุด
เมื่อสัญลักษณกระบี่ยาวปรากฏขึ้น ตัวออนกระบี่ก็หยุดการดูดซับ “พลังวิญญาณ”
รัศมีแหลมคมที่หอหุมตัวออนกระบี่กลับออนสภาพลงในขณะที่ตัวออนกระบี่หมุนวน
อยูบริเวณพื้นที่ระหวางคิ้วของอายฮุยจนกระทั่งมันดูเหมือนเมล็ดพืชธรรมดาในที่สุด
“พลังวิญญาณ” ที่ไหลกลับเขามายังคงไหลผานตัวออนกระบี่ แตดูเหมือนวามัน
จะไมสนใจอีกตอไป เมื่อการโคจรพลังดำเนินตอไป “พลังวิญญาณ” ที่ไหลออกมาจาก
ตัวออนกระบี่ก็มีปริมาณเทากับที่ไหลเขาไป
มี “พลังวิญญาณ” เขาสูวงโคจรมากขึ้น ในการโคจรแตละรอบ “พลังวิญญาณ”
จะไหลผานตำหนักนภารวมถึงตัวออนกระบี่
และทุกครั้งที่มันไหลผานตัวออนกระบี่ “พลังวิญญาณ” จะหนาขึ้นและความ
แหลมคมราวมีดโกนก็เพิ่มขึ้น การโคจรพลังก็ชาลงเรื่อยๆ หลังจากโคจรจนนับรอบไม
ถวน “พลังวิญญาณ” ก็เหนียวขนราวหินหนืด “พลังวิญญาณ” ที่ชุมโชกไปดวยเจตน
กระบี่ไหลกลับเขาสูปอดของอายฮุยมันเคลื่อนตัวไปตามผนังดานในของปอด ฉาบตัว
และปกคลุมไปทั่วบริเวณเปนชั้นหนาๆ ของ “พลังวิญญาณ” การไหลเขามาอยาง
ตอเนื่องของ “พลังวิญญาณ” สะสมและเพิ่มความหนาใหกับผนังปอด
ทุกรอบวงโคจร “พลังวิญญาณ” ที่เหนียวขนไหลผานตัวออนกระบี่และสะสม
เจตนกระบี่ที่แข็งแกรงขึ้น “พลังวิญญาณ” ที่เปนชั้นหนานั้นคอยๆ เปลี่ยนสภาพปอด
ของอายฮุย
“พลังวิญญาณ” ดูราวกับมีผลในการฟนฟูเลือดเนื้อตามธรรมชาติ บางสวนของ
มันแทรกซึมเขาไปในผนังปอดของอายฮุยและเริ่มเติบโตดวยพลังแหงชีวิตอันเปยมลน
เมื่อปอดที่ทรุดโทรมของอายฮุยถูกเติมเต็มดวย “พลังวิญญาณ” มันก็เริ่มฟนตัวอยาง
มั่นคง
เจตนกระบี่ที่ฝงอยูใน “พลังวิญญาณ” ก็ถูกดูดซับเขาสูปอดของเขาเชนกัน
หลังจากถูกทำลายปอดของเขานั้นเหมือนกับเครื่องสูบลมที่มีรูพรุน แตตอนนี้มันถูก
ซอมแซมแลว เครื่องสูบลมนี้สามารถกลับมาสูบลมใหอีกครั้ง การหายใจของอายฮุย
ทำใหปอดของเขาขยายและหดตัวเปนจังหวะ เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนตัว ของ
“พลังวิญญาณ” ที่เหนียวขน
ตำหนักที่มือซายของเขาก็ฟนฟูขึ้นดวยความเชื่องชาเชนเดียวกัน หลังจากนั้น
ตำหนักที่มือขวา เทาซาย และเทาขวาก็ฟนฟูกลับสูภาวะปกติเชนกัน นอกจากนี้มัน
ยังดูดซับเจตนกระบี่เขาไปอีกดวย
ไมเหมือนกับตำหนักที่แขนขาทั้งสี่ ตำหนักประตู ปฐพี และมหาสมุทร นั้นไมเคย
ถูกเปดมากอน ถึงอยางนั้น พิษโลหิตก็ไดแพรไปทั่วทั้งรางกายของเขา แทรกซึมเขาไป
ในตำหนักที่ยังไมเปดออกทั้งสามและทำลายมันลงเชนกัน พิษโลหิตนับวาชวยเหลือ
เขาครั้งใหญก็วาได
“พลังวิญญาณ” แทรกซึมเขาไปในตำหนักทั้งสามตามวงโคจร ไหลไปตามสวนที่
เสียหายและหอหุมมันเอาไว
ตำหนักประตู มหาสมุทร และปฐพี เหมือนสระน้ำที่เสียหายถูกซอมแซมโดย
“พลังวิญญาณ” อายฮุยไมอาจนึกฝนไดเลยวาตำหนักทั้งสามของเขาจะถูกเปดออก
ดวยวิธีนี้
นี่คือตัวอยางอันยอดเยี่ยมของการผงาดขึ้นหลังจากลมลง
เมื่อตำหนักทั้งเจ็ดฟนฟูสภาพสมบูรณ รางกายของอายฮุยก็ชักกระตุก
เขาไดลองลอย กระดอนขึ้นลงอยูในทะเลกวางบนโลกของผูอื่นราวกับจอกแหนไรราก
และในฉับพลันทันใด จอกแหนนั้นก็พลันงอกรากออกมาประสบการณและขอมูลที่
คุนเคยก็หาทางเขาพบในที่สุด รางกายที่ดูไมคุนเคยนั้นกลับกลายเปนคุนเคยขึ้นมา
นับแตเปดใชเครื่องถายทอด [เปยโตว] คลื่นขอมูลขนาดมหึมาและประสบการณ
เกาแกไดถาโถมเขาใสจิตใจของเขา ทำใหเขาไรความรูสึกนึกคิด มันชางนาเศราที่เขา
ไมมีเจ็ดตำหนัก เมื่อไมมีมันแลวความรูเหลานี้ก็ไมอาจซึมซับได
มันเหมือนกับการนึกเคล็ดกระบี่ขึ้นมาไดแตกลับไมมีกระบี่อยูในมือ กระแสของ
ความเขาใจและประสบการณในอดีตถูกหยุดลงอยางไรทางออก กลายเปนสิ่งคั่งคาง
ในจิตใจ
จนกระทั่ง “พลังวิญญาณ” ฟนฟูคลังชีวิตและเจ็ดตำหนักขึ้นมาอยางปาฏิหาริย
ทำใหความรูและประสบการณที่เออลนอยูนั้นพบที่พักพิง
หากอายฮุยไดสติคืนมาในตอนนี้ เขาคงประหลาดใจที่ไดเห็นวาตำหนักทั้ งเจ็ด
ของเขากำลังสั่นพองกันอยู
ความรุนแรงในการสั่นเพิ่มขึ้น กระตุนให “พลังวิญญาณ” ในกายเขาเดือดพลาน
ราวน้ำเดือด
อายฮุยฟนคืนสติทา มกลางการสั่ นไหวนี ้ เขาพลันรูสึกราวกับวา เขากำลั งจะ
ระเบิดออก
“พลังวิญญาณ” ในรางของเขานั้นมีมากจนเกินไป เพราะการสั่นพองของตำหนัก
ทั้งเจ็ดทำให “พลังวิญญาณ” พรั่งพรูออกมา
รัศมีนาหวาดหวั่นแผพุงออกมาจากภายในกายของอายฮุย
สุนัขตัวใหญเงยหนาขึ้น ใชขาหนาตะกุยพื้นอยางไมสบายใจ มันจองไปที่มวล
หมอกควันสีเทา และสงเสียงคำรามที่ดุดันออกมา มันสัมผัสไดวามีบางอยางผิดปกติ
รัศมีพลังของอายฮุยคอยๆเพิ่มความแข็งแกรงขึ้น
ราวกับงูที่หวาดผวา ผาพันแผลโลหิตที่พันอยูรอบตัวอายฮุยรีบเลื้อยกลับ คื นสู
ตำแหนงปกติของมันในชั่วพริบตา
รากไมทั้งสามที่แทงเขามาในกายของอายฮุยกลับกลายเปนเถาธุลี เผยใหเห็นอายฮุยที่
ดูดีเหมือนใหมไรรอยขีดขวนใดๆบนรางกาย
[เปยโตว]....
ในที่สุดอายฮุยก็เขาใจถึงสวนที่วาเหตุใด [เปยโตว] จึงตองการเจ็ดตำหนัก ที่
แข็งแกรงกวาเขาจะหลุดพนออกจากความคิดของตัวเองออกมาได มันก็สายเกินไป
เสียแลว และถึงแมวาความรูและประสบการณในอดีตที่ถูกบรรจุไวในเครื่องถายทอด
[เปยโตว] กำลังเสื่อมสลายตามเวลาไปทีละสวน แตมันก็ยังคงทรงพลังอยางมาก
กอนที่เขาจะมีปฏิกิริยาอะไร สัญชาตญาณของเขาก็ไดควบคุมรางกายทุกสวน
ของเขาเอาไว
ตำหนักทั้งเจ็ดสั่นรุนแรงมากขึ้นในขณะที่รัศมีพลังของเขาก็แข็งแกรงขึ้นอยางบาคลั่ง
สุนัขใหญจองมองดวยความหวาดกลัวไปยังมวลหมอกควันสีเทา มันรูสึกกลัวและ
หวั่นเกรงตอรัศมีพลังที่แผพุงออกมาจากกลุมควันนั้น
การแยกเขี้ยวขูของมันกลับกลายเปนเสียงครางดวยความขลาดขาทั้งสี่ขางสั่นเทา
ดวยความหวาดกลัว สิ่งใดก็ตามที่อยูในกลุมควันนั้นเปนสิ่งที่นากลัวอยางมากสำหรับ
สุนัขใหญ แมแตรอยโลหิตบนรางกายของมันก็เริ่มไมเสถียร
ทายที่สุดแลว ความกลัวก็เอาชนะความเชื่อฟงและทำใหมันหลบหนีไปอยาง
รวดเร็ว
ไกลออกไป สตรีในชุดแดงหนาซีดขาวดวยความตกใจ ในทิศทางตรงกันขามแต
ระยะพอๆกัน เมืองซงเจียนก็สั่นไหวเชนกัน
ทานเจาเมืองและครูใหญ พลันพุงขึ้นฟาและในไมนานก็ตามมาดวยเหลาผูใชพลัง
ธาตุในเมืองที่มีปกเมฆา พวกเขาจองมองไปยังสวนลึกของปาโลหิตดวยความตกตะลึง
ซือเสวี่ยมั่น ก็เต็มไปดวยความกลัวเชนกัน
สิ่งมีชีวิตที่นากลัวนั้นเหมือนสัตวรายที่คืบคลานออกมาจากหวงลึกของกาลเวลา
ครอบครองพลังที่ทั้งนาชื่นชมและนาหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน
บรรยากาศที่หนาหนักจนยากจะหายใจถาโถมเขาใสทุกผูคน
ลึกเขาไปในปา กลามเนื้อของอายฮุยสั่นเทาอยางหนักอยูภายในกลุมควันสีเทา
ถูกขังไวกลางอากาศ เขารูสึกราวกับวาตัวเองกำลังจะระเบิดออก
[เปยโตว] นั่นทรงพลังอยางนาหวาดหวั่น แตเปนเพราะ “พลังวิญญาณ” ในกาย
ของเขาที่ทำใหมันนากลัวยิ่งกวาเดิม
ถาหากมันเปนพลังวิญญาณจริงๆ....
อายฮุยฝนลืมตาขึ้น เขาไดมาถึงขีดสุดของเขาแลว ลำแสงเขมขนพุงออกจากดวงตา
หากพลังวิญญาณอยูในกายเขาจริงๆ...มันจะแข็งแกรงกวาพลังธาตุเทาใดกันนะ
บาจริง! ขาไมเคยเรียนเรื่องนี้ในหองเรียน! อาจารยไมเคยสอนเรื่องพวกนี้เลย!
อายฮุยกัดฟน คิดแผนที่จะใชวิธีที่งายที่สุดแตก็โหดเหี้ยมที่สุดในการปลดปลอย
“พลังวิญญาณ” ที่เออลนอยูภายในกาย
อายฮุยปรับเปลี่ยนทารางกลางอากาศ หันหลังใหพื้นดินขณะที่กำกระบี่ไวระดับ
อก ราวกับดาวตกพุงลงจากฟา เขาทิ้งรางลงบนพื้นดวอยางรุนแรง
ดวยทวงทาและความแข็งแกรงของพลังวิญญาณ [มัจฉาสะบัดกาย] จะสำแดง
พลังออกมาไดมากมายเพียงใดกัน
เสียงลมหวีดหวิวอยูในหู
อายฮุยเบิกตากวางเมื่อความคิดหนึ่งแลนเขามาในหัว
เวรเอย เปนเรื่องที่ขาไมเคยเรียนอีกแลว...
จั ง หวะที ่ เ ขารู  ส ึ ก ว า มี บ างอย า งกระทบหลั ง ร า งกายของเขาก็ ง อตั ว ตาม
สัญชาตญาณ “พลังวิญญาณ” ที่เออลนพลันพุงไปรวมกันที่แผนหลังของเขา
กระบวนทาหยาบๆ ที่ฝกมานับครั้งไมถวน
[มัจฉาสะบัดกาย]
แรงระเบิดครั้งมหึมาปะทุออกมา
บทที่ 172 หลังยักษ
อายฮุยระเบิด “พลังวิญญาณ” ที่เออลนในกายเขาใสพื้นดินดวยความเกรี้ยว
กราดที่ทวมทน แลวรางกายของเขาก็รูสึกผอนคลายอีกครั้ง
ตูม! แผนดินสะทานภูเขาสะเทือน
พื้นดินใตรางเขากลายเปนผุยผงในทันใด พื้นดินรอบๆ กระดอนขึ้นบนฟากระจัด
กระจายไปทุกทิศทาง ทุกที่รอบกายเขาลวนอยูในสภาพโกลาหล
ที่รุนแรงกวานั้นก็คือมวลหมองควันสีเทาที่ระเบิดออกโดยไรวี่แววใดๆ
หมอกสีเทากระจายตัวไปทั่วบริเวณราวกับพายุหมุนพรอมสงเสียงหวีดหวิว
กระแสลมอันรุนแรงเปรียบเสมือนเคียวเกี่ยววิญญาณ กวัดแกวงและคราชีวิตจาก
ทุกสรรพสิ่งที่มันผาน
สุนัขใหญวิ่งหนีสุดชีวิต เมฆสีเทาเบื้องหลังไลตามมาดุจคลื่นยักษที่ถลมทุกอยาง
ระหวางทาง
ลูกหวายลูกแลวลูกเลาลอยผานสายตาของสุนัขใหญไป สุนัขใหญมีสติปญ  ญาอยู
บางจึงรูไดวาลูกหวายแตละลูกนั้นบรรจุสัตวโลหิตเชนเดียวกับมันไวภายใน
คราบสีเทากระจายตัวราวกับเชื้อราที่นาเกลียดและอันตรายถึงตายปกคลุมไปทั่ว
ลูกหวาย การหายใจภายในเริ่มออนลงจนถึงจุดที่หายสิ้นไปจนหมด
สัตวโลหิตในลูกหวายตัวหนึ่งดูราวกับจะสัมผัสไดถึงอันตรายและพยายามจะหนี
ออกไป แตเมื่อเมฆสีเทาเคลื่อนผาน รางของมันก็แข็งทื่อและขี้เถาสีเทาก็กระจายไป
ทั่วทั้งกาย เมื่อรองรอยสีแดงสวนสุ ดทายถูกปกคลุม - ตูม! - สัตวโลหิตก็ระเบิ ด
ออกเปนธุลีสีเทากระจายไปในอากาศ
ความกลัวในดวงตาของสุนัขใหญฝงลึกลงไปอยางเห็นไดชัด รอยโลหิตบนรางของ
มันเริ่มปริแตกและแสงเรืองสีแดงปรากฏขึ้นใตฝาเทา ความเร็วในการวิ่งของมันก็
เพิ่มขึ้นอยางเหลือเชื่อ
เหนือศีรษะขึ้นไป เมฆสีเทาหมุนวนกระจายตัวออกไปราวระลอกคลื่นแหงความ
ตายที่ขยายตัวออกไปไมสิ้นสุดในทะเลโลหิต
ไมมีแมแตสวนเดียวของหุบเขาสีแดงที่ไมถูกรุกรานโดยวงกลมแหงความตายอัน
กวางใหญและนากลัวที่ตอนนี้แผขยายจนมีรัศมียาวกวาสิบกิโลเมตรแลว
ที่จุดศูนยกลางของวงกลมสีเทาแหงความตายมีเสาควันสีเทาที่สูงเสียดฟาตั้งอยู
มันเขมหนาและไมมีวี่แวววาจะเสื่อมสลาย ดูราวกับมังกรสีเทาตัวมหึมากำลังแยก
เขี้ยวกางเล็บ
สุนัขใหญสามารถหลบหนีมาจนถึงยอดเขา รางของมันชุมโชกไปดวยเลือด เลือด
สดๆซึมออกมาจากผิวอยางตอเนื่อง ทำใหมันดูราวกับหมาปาโลหิต มันหอบหายใจ
หนักหนวงจองเขม็งไปยังรางที่ไตขึ้นมาจากพื้นดินที่อยูกลางหุบเขาสีเทา
กลัว มีแตความหวาดกลัวในดวงตาคูนั้น
เสาควันที่ดูเหมือนกับมังกรสีเทานั้นพุงตรงขึ้นสูทองฟา กลายเปนฉากหลังใหกับ
เงารางนั้น ในขณะนั้น จากมุมมองของสุนัขใหญ รางนั้นคือยมทูตที่ไตขึ้นมาจากเหว
นรกเขาสูโลกใบนี้
อายฮุยรูสึกงุงงงและออนลา เมื่อเขาลุกขึ้นยืนบนพื้นดิน พื้นดินใตเทาเขาได
กลายเปนฝุนผงที่ละเอียดออนนุมราวกับแปง
เขาสำรวจมองพื้นที่โดยรอบดวยสีหนาวางเปลา
พืชพรรณสีแดงปานโลหิตที่เคยแนนขนัดไดหายไปหมดแลวกลายเปนแดนรางสี
เทาอยูรอบกายของเขา พืชพรรณตางๆกลายสภาพเปนกองฝุนผงสีเทาราวกับมีคนมา
เผามันจนเหลือแตเถา
ตอนนี้เองที่อายฮุยรูตัววาเขายืนอยูในหุบเขา
ทั้งหมดนี่เขาเปนคนกออยางนั้นหรือ
เขาไมอยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หลังจากงุนงงอยูวินาทีหนึ่ง เขาก็กระโดดขึ้น
และวิ่งออกไป
ถาไมหนีจากยายหนึ่งพันหยวนตอนนี้แลวจะหนีเมื่อไรจะรอใหนางกลับมากอน
คอยหนีอยางนั้นหรือ
ความสามารถในการตอสูของหนึ่งพันหยวนนั้นลึกลับและไมอาจคาดเดาได เขา
ไมมีทางที่จะยอมพบหนานางอีกครั้งอยางแนนอน
อายฮุยเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในรางกายของเขา สิ่งที่เห็นไดอยาง
ชัดเจนก็คือความเร็วในการวิ่งของเขาที่เร็วกวาแตกอนมากนัก ทั้งปานั้นเงียบงันทำให
อายฮุยตัวสั่นไปถึงสันหลัง
เขาไมอยากอยูในสถานที่ตองสาปแหงนี้ตอไปแมแตวินาทีเดียว
เมื่อเขาหาทิศทางที่ถูกตองพบแลว เขาก็วิ่งสุดแรงเกิด เขายินดีที่ไมพบกับสัตว
โลหิตระหวางทางที่วิ่งออกจากปา เมื่อคิดถึงเรื่องที่หนึ่งพันหยวนสามารถบังคับใชสัตว
โลหิตได เขาก็ตัวสั่นดวยความกลัวและวิ่งเร็วขึ้น
บนทองฟาเหนือเมืองซงเจียน เจาเมืองกับครูใหญสังเกตดูเสาควันที่อยูหางไกล
ออกไปดวยสีหนาขาวซีดเปนไกตม ไมเพียงแตพวกเขา สีหนาของพวกผูใชพลังธาตุคน
อื่นก็ซีดเผือดไมตางกัน เมืองซงเจียนกำลังอยูในภาวะหนาสิ่วหนาขวาน
การระเบิดที่ผานมาเสียงดังปานฟาฝาที่สะทานแผนดินสะเทือนภูผา ทั่วทั้งเมือง
ซงเจียนลวนไดยิน
“ขาอยากรูวายอดฝมือทานใดเปนคนทำ” ครูใหญกลืนน้ำลายดวยความใจจดใจจอ
และความหวังฉายอยูในดวงตา
หากมียอดฝมือมาจัดการเรื่องนี้ พวกเขาก็ปลอดภัยแลว แมวาจะมียอดฝมือคน
หนึ่งในเมืองซงเจียน นางก็เปนยอดฝมือดานการเย็บปก ไมใชตอสู
เนื่องจากมีรุนเยาวที่มีฐานะอยูในเมืองนี้สองสามคน ก็ไมแปลกอันใดหากจะมี
ยอดฝมือปรากฏตัวขึ้นเพื่อชวยเหลือพวกเขา
หวังเจินดูสงบ แตความกลัวยังปรากฏใหเห็นอยูในดวงตา “หากมียอดฝมือผาน
มายังบริเวณนี้ เขาตองมายังที่นี่อยางแนนอน พวกเราจะไดรูในไมชานี้แน”
เขาไมใชพวกมองโลกในแงดีเหมือนครูใหญ
ในใจของเขายังเต็มไปดวยภาพที่ถูกสงกลับมาจากพวกที่ออกไปสืบขาวในปา
จนถึงตอนนี้มีเพียงสามคนเทานั้นที่กลับมา และมีคนเดียวเทานั้นที่สามารถเอาภาพ
กลับมาได ผูใชพลังธาตุที่รับอาสาออกไปทำภารกิจนี้มีทั้งหมดสี่สิบหกคน
จากสี่สิบหกคน มีเพียงสามคนรอดชีวิต เดี๋ยวกอน สี่คนที่รอดชีวิต
หวังเจินเห็นรางที่ดูคุนตาวิ่งออกมาจากปา ไมนานหวังเจินก็บอกไดวานั่นเปนอายฮุย
หนุมนอยที่มีฝมือกระบี่นาชื่นชม
เขาสังเกตเห็นวาอายฮุยนั้นปกคลุมไปดวยฝุนผงและคราบสกปรกจนดูนาเวทนา
เปนอยางมาก เขาดูเหมือนจะผานความยากลำบากมาไมนอย แตในเมื่อเขายังมีชีวิต
รอดและกลับมาได โชคของเขาก็นับวาดีไมนอยเชนกัน
เมื่ออายฮุยวิ่งออกจากปาและเห็นประตูเมืองซงเจียน เขาก็แทบจะรองไหออกมา
ดวยความยินดี
ทันใดนั้น ผูใชพลังธาตุก็ออกมาจากเมืองเพื่อรับเขา “เจาทำสำเร็จหรือไม ถั่ว
บันทึกภาพอยูไหน”
“ถั่วบันทึกภาพหรือ” อายฮุยหัวเราะอยางขมขื่น “ขาไมไดถายอะไรไวเลย ขามัว
แตยุงอยูกับการหนีเอาชีวิตรอด”
ยายหนึ่งพันหยวนบัดซบ!
หากไมใชเพราะเด็กสาวผูนั้นเขาคงทำภารกิจสำเร็จไปแลว แตทวาเขามัวแตวิ่ง
หนีเอาชีวิตรอดจากหนึ่งพันหยวน แลวเขาจะมีเวลาไปถายภาพไดอยางไร เมื่ออายฮุย
คิดยอนไปถึงเหตุการณในตอนนั้น เขาก็รูวามันไมใชเรื่องงายเลยกวาเขาจะเอาชีวิต
รอดมาได ความเสียดายที่ไมสามารถบันทึกภาพไวไดนั้นไมสำคัญเทาไรนัก
ผูใชพลังธาตุแสดงความผิดหวังออกมาอยางโจงแจง เขาบินไปหาเจาเมืองพรอม
กับสายหนา ขอมูลที่เขาไดจากอายฮุยเกี่ยวกับสถานการณภายในปานั้นไมตางอะไร
จากผูรอดชีวิตคนอื่น
ผูใชพลังธาตุยังคงมอบรางวัลใหกับอายฮุย เจาเมืองไดจายอยางหนักแตไมได
อะไรกลับมา...
รางวัลนั้นเรีย กไดว า ใจกวา งอย า งมาก เมื ่ อ อ า ยฮุ ย ได เห็ น สิ ่ งที ่ ได มา สี ห น า
หมนหมองก็พ ลันเปลี่ยนเปนสดใสในทั น ที รางวั ลนั ้ น มี เกื อ บทุ ก อย างที ่ พ วกเขา
ตองการ
หวังเจินรูจากประสบการณวายิ่งมีคนตายมากเทาไรของรางวัลก็ตองมากขึ้ น
เทานั้น ไมอยางนั้นใครจะอาสาในครั้งตอไป
เมื่อกลับมาถึงโรงฝกอาวุธ อายฮุยก็ไดรับการแสดงความยินดีจากซือเสวี่ยมั่นและ
คนอื่นๆ นับจากวันที่เขาจากไป พวกเขาลวนกระวนกระวายและตื่นกลัว และแมวาจะ
เปนชวงเวลาสั้นๆ พวกเขารูสึกเหมือนมันผานไปนานเปนป
เมื่อเห็นอายฮุยกลับมาอยางปลอดภัย พวกเขาก็สามารถวางความกังวลลงไดใน
ที่สุด ซือเสวี่ยมั่น ตวนมูหวงฮุนและนักเรียนคนอื่นๆ รับรูไดวาอายฮุยนั้นไดกลายเปน
ที่พึงพิงของพวกเขาไปโดยไมรูตัว
เจาอวนที่กำลังฝกหนักอยูดานขางตองการที่จะมาเขารวมกับพวกเขาเชนกัน แต
อายฮุยจองไปที่เขาและตะโกนวา “ฝกตอไป อยาอู”
เจาอวนหนาเจื่อนในทันที
“ขางนอกนั่นเปนอยางไรบาง เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู” ตวนมูหวงฮุนถามขึ้นอยาง
ชวยไมได เขาทั้งกังวลทั้งสงสัย
คำถามของเขาดึงความสนใจของทุกคนในทันที พวกเขาลวนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ขางนอกกำแพงเมือง
ซือเสวี่ยมั่นสังเกตเห็นคราบสกปรกและฝุนผงบนกายของอายฮุยแมวาเขาจะ
ไมไดรับบาดเจ็บ แตนางก็บอกไดวาเขานั้นออนลา นางจึงพูดวา “ไปพักผอนกอน
เถอะ เราคอยคุยกันหลังเจาพักผอนแลว”
ตวนมูหวงฮุนรูสึกอับอายขึ้นมาเล็กนอยและเห็นดวยกับซือเสวี่ยมั่น
อา ยฮุยหมดแรงจริงๆ ทั้งวันมี แตเรื่ องซับ ซอนและประสบการณ เฉียดตายที่
เปลี่ยนแปลงอยางตอเนื่อง ตอนนี้เขาเอาชีวิตรอดจากหายนะมาได ความออนลาก็ถา
โถมเขามาราวกับน้ำปาไหลหลากจนเขาแทบไมอาจลืมตาตอไปไหว
หลังจากกลาวราตรีสวัสดิ์กับทุกคน เขาก็กลับเขาหองและนอนหลับไปในทันที
ทองฟาเหนือหุบเขา
เมื่อสตรีในชุดแดงเรงรุดมาถึงและพบกับภาพหุบเขาสีเทาดานลาง ใบหนาของ
นางก็ขาวซีด นางกัดฟนกำหมัดแนน แตไมรับรูถึงความเจ็บปวดที่เล็บจิกลงไปในเนื้อ
ความทุมเททั้งหมดของนางสูญสลายไปหมดแลว
นอกเหนือจากสุนัขใหญที่นางฝกปลุกขึ้นมา สัตวโลหิตที่โดดเดนทุกตัวที่นางพบ
เจอในบริเวณนี้ลวนอยูในหุบเขาแหงนี้
เพื่อความปลอดภัยและปกปดความลับ นางเลือกหุบเขาแหงนี้เปนที่ดำเนินการ
กลั่นโลหิต นางมีนิสัย ที่เขมงวดซึ่งทำให นางไม อาจยอมรับ สัตว โลหิ ตธรรมดาได
มาตรฐานในการเลือกสัตวโลหิตของนางนั้นสูงมาก กวานางจะหาสัตวโลหิตพวกนี้พบ
ก็ตองใชเวลาและพลังงานไมไมนอย
อยางไรก็ตาม ทุกสิ่งไดสูญสลายไปหมดแลวในตอนนี้
ความโกรธของนางคอยๆ เย็นลงทีละนอย นางรูระดับความสามารถของเจาหมอ
นั่นดี เขาไมมีทางทำเรื่องเชนนี้ไดแน
นางรังเกียจรัศมีพลังที่แผพุงออกมาจากเสาควันสีเทาที่หนาแนนและกวางใหญที่
อยูดานหลัง
มันไมเพียงมาจากเสาควันนั้นแตมาจากทุกที่ในหุบเขาอีกดวย และนางเกลียดมัน
นางลงไปยืนกับพื้นและยอตัวลงเพื่อสำรวจฝุนผงสีเทาใตเทา
มันไมใชขี้เถา นางคิดในใจ
ฝุนผงสีเทานี้มีความคุนเคยอยางประหลาดดวยเหตุใดไมทราบ แตนางเกลียดมัน
เทียบกับความรูสึกคุนเคยที่สัมผัสได ความเกลียดมันมีมากกวา
ผิวดินของทั้งหุบเขาดูเหมือนกับเพิ่งถูกไถไป นางเดินเขาหาเสาควันดวยสีหนา
เครงเครียด นางจำไดอยางชัดเจนวานี่เปนจุดที่นางทำการกลั่นโลหิตกับเจาหมอนั่น
นางหยุดเดินและสังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลกไปใตเทาของนาง นางยอกายลงและ
ควาดินขึ้นมากำมือหนึ่ง สีหนานางเปลี่ยนไป
ไมมีกรวด หิน หรืออะไรที่แข็ง พื้นดินใตเทาของนางนุมลื่นราวกับแปง
ทำใหนึกไปถึงคลื่นพลังที่นากลัวนั้น พลังมหาศาลตองปะทะเขากับผืนดินโดยตรง
นางไมอาจจินตนาการไดวาการโจมตีแบบใดถึงทำใหมันเกิดขึ้นได ชั้นตะกอนของ
หุบเขานี้ไมหนานักลึกลงไปเปนชั้นหินแข็ง
ทันใดนั้น นางก็พลันกวัดแกวงแขนเสื้อยาวสีแดง
วูบ!
พายุขนาดใหญวาดผานหุบเขา กวาดพัดเอาดินและฝุนผงสีเทาขึ้นสูทองฟา
สตรีชุดแดงกวัดแกวงแขนเสื้อตอไปอยางไรอารมณความรูสึก ชั้นแลวชั้นเลา ผิว
ดินหลุดลอยขึ้นไปจากพื้น เผยใหเห็นเปลือกโลก
ลึกลงไปเจ็ดเมตรจากผิวดิน มีหลุมกวางอยูบนชั้นหินแข็ง
และตรงกลางของหลุมสลักไวดวยรอยลึกยาวเกาเมตร
มันเปนรอยประทับของแนวกระดูกสันหลัง และลอยบุมกวางดานขางทั้งซายและ
หวานั้นเปนรอยสลักของกลามเนื้อหลัง มันเห็นไดอยางชัดเจนแมวาจะถูกจาลึกลงบน
แผนหินแกรงลึกลงไปเจ็ดเมตรจากผิวดิน
สตรีในชุดแดงตะลึงงัน นางคิดวากระบวนทาอันรุนแรงนี้เกี่ยวของกับหมัดไมก็เทา
แตมันกลับเปนหลัง...
กระบวนทาใดกันที่เกี่ยวกับหลังและมีพลังขนาดนี้
คำถามมากมายปรากฏขึ้นในหัวของนางกอนที่นางจะตัดลงจนเหลือแคคำถามเดียว
หมอนี่เปนใครกัน
บทที่ 173 ผูที่ถูกเรียกวาปรมาจารย
เมือ งซงเจียนนั้นจมอยูกับความผิ ดหวั ง พวกเขารอมานานแสนนานแตก็มีมี
ปรมาจารยมาสักคน
ครูใหญกมหนา เผยความผิดหวังที่ไมอาจปดบังไวได
หวังเจินเองก็ผิดหวังเชนกัน ทวาสีหนาของเขานั้นสงบอยางมาก เขามองไปที่
ครูใหญและกลาววา “ไปกันเถอะ เราตองศึกษาถั่วบันทึกภาพที่นำกลับมาและดู
สถานการณที่บันทึกไว”
ครูใหญรวบรวมสติและฝนยิ้มออกมา
เพื่อที่จะไดถั่วบันทึกภาพนี้มา พวกเขาไดทนทุกขกับการสูญเสียครั้งใหญ มันมีคา
หาที่เปรียบไมได
ผูที่มีเชื่อเสียงและอำนาจลวนมารวมอยูในการประชุมนี้ หวังเจินรูดีวาหากเขา
ไมไดรับการชวยเหลือจากคนเหลานี้ในการตอสูที่จะมาถึง เมืองซงเจียนคงไมอาจอยู
รอดตอไปได
หองประชุมขนาดใหญอัดแนนไปดวยผูคน แตในตอนนี้มันกลับเงียบงันราวกับไร
สิ่งมีชีวิต
สีหนาของผูที่มารวมประชุมลวนขาวซีด พวกเขามองไปที่ภาพซึ่งฉายอยูอยาง
หวาดกลัว มันเหมือนกับวามีหวงรัดคอของเขาเอาไวทำใหหายใจไดอยางยากเย็น
ตนไมที่นาเกลียดนากลัวและชั่วรายนั่นดูราวกับวามันมาจากโลกอื่น ไม มันตอง
มาจากนรกถึงจะถูก
รากอากาศที่หนาเตอะของตนไมดูราวกับเสนเลือดขนาดยักษ สามารถมองเห็น
เลือดที่ถูกสูบฉีดและไหลเวียนอยูภายในได
คลื่นของเสียงกรีดรองระงมไปทั่วหองประชุม บางคนถึงกับลุกขึ้นยืนดวยความ
กังวลใจ
“ตายสวรรค นั่นมันอะไรกัน”
“ขางในนั้นคือเลือดใชไหม นากลัวเกินไปแลว มันยังนับเปนตนไมอยูหรือ”
แมแตผูใชพลังธาตุไมผูที่เคยเห็นพืชประหลาดมาแลวมากมายก็ยังหนาซีด ดวงตา
ของพวกเขามีแตความหวาดกลัว เหมือนกับพวกเขาสามารถไดกลิ่นคาวของเลือดจาก
การดูภาพนั้น ไมอาจเขาใจไดวาเหตุใดพืชนอกเมืองถึงไดกลายเปนนาเกลียดนากลัว
ถึงเพียงนี้ไปได
เมื่อทุกคนไดเห็นภาพรากอากาศที่หอยอยูหนาแนยกตัวขึ้นราวกับฝูงงูและรัดผูใช
พลังธาตุผูหนึ่งไว ความเย็นเยือกก็ไหลผานกระดูกสันหลังของพวกเขา
เกาอี้ตัวหนึ่งลมคว่ำ คนที่รวงลงกับพื้นตัวสั่นไมยอมหยุดดวยความกลัว
ไมมีใครหัวเราะเยาะคนผูนี้ เพราะทุกคนกำลังจองภาพบนจออยางหวาดกลัวดวย
ดวงตาที่เบิกโพลง ทุกคนเขาใจในที่สุดวาเหตุใดพวกเขาถึงไดสูญเสียอยางมาก
ในตอนแรกผูใชพลังธาตุที่ถูกรากอากาศรัดไวดิ้นรนดวยพลังทั้งหมด ทวาเมื่อ
ของเหลวสีแดงถูกฉีดเขาไปในกายของเขา การดิ้นรนก็ออนลงอยางรวดเร็ว ใบหนา
ของเขาแดงวูบ ขึ้นมา ดวงตาของเขาราวกั บ มึ น งง ดู ราวกั บ ว า เขามี ความสุ ข กั บ
กระบวนการนี้ เขายิ้มออกมาอยางไมคาดคิด เปนรอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขและพึง
พอใจอยางที่สุด
ของเหลวสีแดงไหลผานรากอากาศที่มีอยูอยางหนาแนนไหลเขาไปในตัวของผูใช
พลังธาตุสองแสงเรืองสีแดงออกมา เมื่อแสงเรืองมาถึงใบหนาของเขา รอยยิ้มของเขา
ก็เปลี่ยนเปนชั่วรายอยางแปลกประหลาด
ทุกคนหัวใจหยุดเตน ราวกับวามีมือที่มองไมเห็นมาบีบหัวใจเอาไว
ในหัววางเปลา ขนลุกชูชัน ถึงขนาดลืมที่จะหายใจ
โพละ!
รอยยิ้มอันชั่วรายนั้นพลันระเบิดออกตอหนาของพวกเขาผานจอแสดงภาพ ทุก
คนตกตะลึง เมื่อเรียกสติกลับมาได ก็เห็นเศษซากสมองและเลือดกระจัดกระจายไป
ทั่วบริเวณ
โอก...
เกือบครึ่งหนึ่งของผูเขารวมประชุมเอามือปองปากและอาเจียนออกมาอยางหยุด
ไมอยู กลิ่นอาเจียนอบอวลไปทั่วหองประชุม อยางไรก็ตาม ในเวลานี้ไมมีใครสนใจ
เรื่องแบบนี้อีกตอไป คนที่ไมอาเจียนออกมาจองมองไปที่จอแสดงภาพดวยใบหนาซีด
ขาวราวคนตาย แขนขาสั่นเทาโดยไมรูตัว
ผูคนไมนอยอยากจะหนีออกไปจากหองประชุม แตขาของพวกเขาไมยอมฟงคำสั่ง
หวังเจินมีสีหนาเครงเครียด เขาไมลอเลียนปฏิกิริยาของคนพวกนี้แมแตนอย
เมื่อเขาเห็นสวนนี้ของภาพบันทึกเปนครั้งแรก ปฏิกิริยาของเขาก็ไมไดดีกวาคน
พวกนี้สักเทาไรเขาเคยคิดวาไมมีอะไรทำใหเขาหวาดกลัวไดอีกในเมื่อเขาไดผานการ
ตอสูที่อาบเลือดมานับครั้งไมถวนแลว
เขาไมรูตัวเลยวาตัวเองนั้นคิดผิดและออนตอโลกเพียงใดจนกระทั่งวันนี้
“เปลี่ยนไปใชหองประชุมอื่นแทน” หวังเจิน บอกลูกสมุน
.....
หองประชุมใหญเงียบงันไรเสียงใดๆ
ผูมีชื่อเสียงเหลานี้เปรอะเปอนไปดวยคราบอาเจียน ทุกคนตางถือน้ำรอนไวคนละถวย
เพราะมันชวยทำใหรูสึกดีขึ้นได พวกเขาสิ้นหวังสีหนาซีดเผือด
“จากสิ่งที่เราไดเห็น นี่อาจเปนวิธีที่พวกมันเปลี่ยนสภาพ สังเกตที่รอยปูดบนกิ่ งไม
พวกทานสังเกตหรือไมวามันมีรอยปูดอยูมากมาย เมื่อรากอากาศเคลื่อนไหวรอยปูด
พวกนี้ก็เคลื่อนไหวเชนกัน ผูใชธาตุไมที่ศึกษาปรากฏการณนี้คิดวารอยปูดนี้เกิดขึ้น
เมื่อมันกลืนกินสัตวโลหิตหรือแมลงโลหิตเขาไป หากกลาวอยางเจาะจงก็ไดความวา
แมลงโลหิตที่ตัวเล็กและออนแอจะเปนอาหารเสริมใหกับสัตวโลหิตที่แข็งแกรงกวาใน
การเปลี่ยนสภาพ การคาดเดานี้ไดรับการพิสูจนโดยขอเท็จจริงที่วานักสำรวจของเรา
ไมพบสัตวโลหิตหรือแมลงโลหิตระหวางที่พวกเขาออกไปนอกเมือง”
มีเพียงเสียงของเจาเมืองที่ดังกองไปทั่วหองประชุมที่เงียบงัน
“ตอนนี้ มันเปนไปไดอยางยิ่งวากลุมของสัตวโลหิตหรือแมลงโลหิตที่ทรงพลังยิ่ง
กวาเดิมกำลังถูกสรางขึ้น นั่นหมายความวานับจากนี้เปนตนไป เราจะไดพบกับสัตว
โลหิตที่แข็งแกรงขึ้น สถานการณของเราจะยิ่งทาทายมากขึ้น เวลาที่พวกเราจะถูก
ทดสอบจะมาถึงในไมชา” หวังเจินมองไปรอบๆหองพลางประกาศ
“เราหนีไปไดหรือไม การเดินทางบนบกอาจจะลำบาก แตถาหากเราหนีไปทาง
อากาศเลา” บางคนเอยถามขึ้น
“จะหนีไปที่ไหนกันเลา” หวังเจินถามกลับ “สนามเหนี่ยวนำใหญเพียงใด เรา
สามารถบินหนีออกจากที่นี่ไดจริงๆ หรือ ยิ่งไปกวานั้น เราอาจปะทะเขากับสัตวโลหิต
ที่บินได อยาไดลืมคางคาวโลหิตกอนหนานี้ หากเราเสียกำแพงเมืองไป เจาคิดวาเรา
จะอยูรอดไดนานแคไหน”
คนที่เอยปากถามตะลึงงันไป หลังจากปนปวนอยูครูหนึ่งหองประชุมก็กลับสู
ความเงียบงันอีกครั้ง
การประชุมประสบผลสำเร็จ คำแนะนำของหวังเจินรวบรวมแรงสนับสนุนจากทุก
คนได พวกเขารูแลววากำลังของตัวเองลำพังนั้นไรความหมายในวิกฤตกาลเชนนี้ พวก
เขาจำเปนตองรวมมือและทำงานรวมกัน
เมื่อมองทุกคนเดินออกจากหองไปดวยความสิ้นหวัง ครูใหญอดไมไดที่จะพูดกับ
หวังเจิน “ทำแบบนี้ เจาจะกอใหเกิดความตื่นกลัว”
อันที่จริงแลวครูใหญไมสนับสนุนความคิดที่จะใหคนพวกนี้ดูภาพที่นาหวาดกลัวนี้
เขารูดีวาคนพวกนี้จิตใจออนแอเพียงใด
หวังเจินดูเหมือนจะไมสนใจ “หากพวกเขาตื่นตระหนก ก็ปลอยไป ในตอนนี้ มี
เพียงความตระหนกที่ทำใหพวกเขาละความเห็นแกตัวได ไมอยางนั้นเจาคิดจริงๆหรือ
วาพวกเขาจะทุมเทเขาตอสูกับศัตรู”
ครูใหญรูวาหวังเจินพูดถูก แตเขาก็ยังเปนกังวล “ความตื่นกลัวจะทำใหพวกเขา
แตกสลายไดงายๆ”
หวังเจินหันหนากลับมาอยางรวดเร็วตอบวา “เจารูหรือไมวาอะไรที่ทำใหเจารอด
ชีวิตในสนามรบ ไมตองคิดมากและกาวตอไป พวกที่แตกสลายไดงายนั้นถูกกำหนดมา
ใหตาย ใครจะไปทำอะไรใหพวกเขาได”
ครูใหญเงียบงันไป
ในตอนนี้พวกเขาสังเกตเห็นวามีคนสองคนเดินตรงเขามา คือหันอวี้ฉินกับหมิงซิ่วจาก
โรงเย็บปกอวี้
“สวัสดีตอนบาย ปรมาจารยหัน” หวังเจินกับครูใหญทักขึ้นพรอมกัน
สำหรับคนที่เปนปรมาจารย ผูคนจะเพิ่มตำแหนง “ปรมาจารย” ไวหนาแซเพื่อ
แสดงความเคารพ
ปรมาจารยทุกคน ไมวาจะเปนสาขาวิชาใดลวนมีศักดิ์ฐานะที่สูงสง แมแตครูใหญ
หรือเจาเมืองก็ตองแสดงความเคารพในระดับหนึ่งตอปรมาจารย
ถึงแมวาพวกเขาจะหวังใหหันอวี้ฉินเปนปรมาจารยดานการตอสู ไมใชปรมาจารย
ดานการเย็บปก พวกเขาก็จะไมแสดงทาทีขาดความเคารพตอนางในเวลานี้
ไมวาจะเปนสาขาใดก็ตาม ปรมาจารยนั้นมีความเขาใจในพลังธาตุล้ำลึกยิ่ง แมวา
ความสามารถในการตอสูของหันอวี้ฉินจะไมอาจเทียบกับปรมาจารยดานการตอสู แต
ความสามารถในการตอสูของนางยอมเหนือกวาผูใชพลังธาตุทั่วไป ผูใชพลังธาตุทั่วไป
ยอมไมมีความเขาใจในพลังธาตุดีเทาปรมาจารย
แมแตศิษยของนาง หมิงซิ่วก็มีความสามารถในการตอสูที่นาหวาดหวั่น หมิงซิ่ว
นั้นมาจากตระกูลชั้นสูง ตระกูลของนางมีผูมีพรสวรรคมากมาย และนางก็มีพี่ชายที่
ทรงพลังอยางมาก กอนหนานี้ในเหตุการณของคนบาเปลือยกาย ความสามารถในการ
ตอสูที่หมิงซิ่วแสดงออกมานั้นสรางความหวาดกลัวในใจของทุกผูคน
หันอวี้ฉินและหมิงซิ่วมาในฐานะตัวแทนของโรงเย็บปกอวี้ หวังโสวชวนไมไดมาดวย
หวังเจินชื่นชมพวกนางอยูเงียบๆ ในขณะที่คนหนึ่งชราและคนหนึ่งเยาววัย
สตรีท ั้งสองนางยัง คงสุข ุมและใจเย็ น เมื ่ อ เที ย บกั บ ผู  อ ื ่ น แม ว า พวกเขาจะดู
หวาดกลัวอยูบางก็ตาม
“สวัสดีตอนบายครูใหญ สวัสดีตอนบายเจาเมือง” หันอวี้ฉินทักทายกลับ และ
กลาววา “ขาไมคาดคิดวาสถานการณจะเลวรายลงจนถึงขั้นวิกฤตเชนนี้ เจาเมืองทาน
พูดถูก ทุกคนตองรวมแรงรวมใจกันและทำงานรวมกันหากเราตองการจะมีชีวิตรอด
ผานวิกฤตกาลในครั้งนี้ เจาเมืองโปรดสั่งงานทุกคนในโรงเย็บปกหยกไดอยางเต็มที่
รวมถึงหมิงซิ่วและตัวขาเองดวย หากทานตองการใหพวกเราทำอะไรโปรดบออก
ออกมาอยาไดเกรงใจ”
“เจาเมืองโปรดบอกพวกเราหากมีสิ่งใดที่พวกเราชวยได” หมิงซิ่วเสริม
หวังเจินปติยินดีกับขาวดีและโคงคำนับ “ขอบคุณปรมาจารยหันและแมนางหมิงซิ่ว”
กอนหนานี้เขาไมกลาที่จะรองขอความชวยเหลือจากโรงเย็บปกหยก เขาจะไป
ขอใหปรมาจารยการเย็บปกมาชวยตอสูไดอยางไร มันถือเปนการไมใหเกียรตินาง
และเขาก็ไมกลาที่จะทำเชนนั้น เชนเดียวกับหมิงซิ่ว เขาไมกลาขอรองนางเพราะศักดิ์
ฐานะของนาง ในตอนนี้ ดวยการยินยอมของทั้งคู เขาเหมือนจะมีพันธมิตรที่ทรงพลัง
เพิ่มขึ้นอีกสองคน
“เจาเมืองทานเกรงใจเกินไปแลว ” หันอวี้ฉินกลาวตอ “ขาเปนมือใหมอย า ง
แทจริงในเรื่องการตอสูในสนามรบ แตกระนั้นหากเปนเรื่องปองกันเมือง ขามีความคิด
บางอยาง”
หวั ง เจิ น ประหลาดในกั บ สิ ่ ง ที ่ ไ ด ย ิ น แต เ ขาก็ พ ู ด ออกมาอย า งรวดเร็ ว ว า
“ปรมาจารยหันโปรดบอกออกมา”
หันอวี้ฉินคิดอยูครูหนึ่งกอนจะตอบ “อยางแรกที่ขาคิดถึงคือคายกลเวทที่สามีขา
เคยพูดถึงกอนหนานี้ ศาสตรแหงคายกลเวทนั้นสูญหายไปนานพรอมๆกับการสลายไป
ของยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน และขาก็ไมมีความชำนาญในเรื่องนี้ อยางไรก็ตาม
หลักการที่ใชยังคงเดิม หากยังมีคายกลเวทที่ใชไดในตอนนี้
มันตองเปน [คายกลเชื่อมโยง-แจกจายพลังธาตุ] มันมีความคลายคลึงกับการเย็บปก
อยูบาง สิ่งที่แตกตางก็คือเราตองเปรียบวา ทองฟา แผนดิน ภูเขา และแมน้ำนั้นเปน
‘ผา’ ทองฟา แผนดิน ภูเขาและแมน้ำนั้นอาจจะกวางใหญเกินไป แตหากเราเปรียบ
เมืองเปน ‘ผา’ ขาอาจจะพอทำได”
หวังเจินตะลึงงัน เขาจองมองไปทางหันอวี้ฉินผูสงบเงียบอยางวางเปลา
เปรียบเมืองเปนเหมือน “ผา”...นี่เปนความสามารถอันสูงสงของปรมาจารยดาน
การเย็บปกอยางนั้นหรือ
ในตอนนี้ รางอันบอบบางและสูงวัยของหันอวี้ฉินกลายเปนยิ่งใหญในใจของเขา
“ปรมาจารยหัน โปรดลองดูสักครั้ง!” เขาเคารพนางอยางเต็มใจดวยการโคง
ศีรษะจนต่ำ
ครูใหญเองก็คำนับเชนกัน “ปรมาจารยหัน โปรดลองดูสักครั้ง!”
.....
นอกเมืองซงเจียน
สาวนอยชุดแดงมองไปที่กลุมลูกหวายที่แขวนอยูบนตนไมเบื้องหนา นางพบสัตวโลหิต
พวกนี้จากที่ซึ่งอยูหางไปหนึ่งรอยกิโลเมตร ในเวลานี้นางไมสนใจเรื่องคุณภาพของ
สัตวโลหิตแตเปนปริมาณ
การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณในหุบเขาไดทำลายแผนการของนางจนหมดสิ้น
เมืองซงเจียนไมใชตัวเลือกในใจของนางอีกตอไป
นางไมใชเถียนควน นางไมไดมีเวลามากมายใหเสียเปลา หาไมแลวนางคงไมอาจ
ไลตามคนอื่นทันและถูกทิ้งไวเบื้องหลัง
อยา งไรก็ตาม นางปฏิเสธที่จ ะยอมแพ แ ละจากไปโดยไม ท ำอะไรเลย ดั งนั้ น
กอนที่นางจะจากไป นางจึงไดจัดเตรียมของขวัญชิ้นใหญใหกับเมืองซงเจียน
นางบินขึ้นไปบนฟาและมองไปยังเมืองซงเจียนที่อยูหางออกไป ภาพของเด็กหนุม
ปรากฏขึ้นในใจของนาง กอนที่จะยิ้มออกมาอยางมีเสนห “ขาจะกลับมาหาเจา”
นางหันกลับและหายไปราวกับกลุมควันบางเบาสีแดง
บทที่ 174 เปลวเพลิงยามเหมันต
นับเปนความสุขอยางยิ่งยามมีชวงเวลาแหงความบันเทิงทามกลางอันตราย และ
ชวงเวลาแหงการพักผอนทามกลางความกังวล
อายฮุยเอนกายอยูในบอน้ำรอนใบหนาเปยมไปดวยความสุขและพึงพอใจ คืนนี้ไรเมฆ
หมูดาวพราวแสงจึงปรากฏใหเห็นมากมายเต็มทองฟากวางไกล ชางเปนอากาศดีที่หา
ไดยากยิ่ง อายฮุยแหงนหนามองฟารางกายผอนคลายลอยอยูในน้ำเหมือนกับทอนไม
อายฮุยถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไมรูวาจะมีโอกาสไดเห็นทองฟาที่งดงามแบบ
นี้อีกหรือไมในอนาคต ตอใหมีโอกาสก็ไมแนวาเขาจะมีความปลอดโปรงเหมือนเชนที่
เปนอยูในตอนนี้
หลังจากความสุขที่รอดตายจากหายนะคอยๆสลายหายไป เขาก็รูวาสถานการณ
ของเขาไมไดเปลี่ยนไปมากนัก เมื่อรูมากขึ้นก็ยิ่งทำใหกังวลมากขึ้น
เมื่อเขาไดยินซือเสวี่ยมั่นกับคนอื่นพู ดคุยกันวาเมื่อไรภัยพิบัติโลหิตจะจบลง
รอยยิ้มขมขื่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหนาของเขา
จบ....
หากนี่เปนภัยธรรมชาติ เขาคงไมเสียเวลามากมายมาคร่ำครวญแมวาสถานการณ
จะเลวรายเพียงใดก็ตาม แตภัยพิบัติโลหิตนี้เปนหายนะที่มนุษยสรางขึ้น มันเปนแผน
สมคบคิดที่วางแผนและเตรียมการมายาวนาน คนวางแผนเบื้องหลังไดเตรียมการ
สำหรับสงครามมาอยางพิถีพิถัน
ระหวางสองฝงของสงคราม ฝายหนึ่งเตรียมตัวมาอยางดี อีกฝายหนึ่งไรก าร
เตรียมการใดๆแมแตคนนอกอยางอายฮุยก็บอกไดวาผลของสงครามนี้มันชัดเจนยิ่ง
เขาพลันเปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่น
ภาพการตายของผูใชพลังธาตุที่ระเบิดในปาปรากฏขึ้นในใจของเขา
หากหนึ่งพันหยวนไมเลือกมากและไมฉีดพิษโลหิตเขาไปมากเกินไป พวกเขาจะ
ยังมีชีวิตรอดหรือไม ดวยวิธีนี้นางสามารถสรางกองทัพ...เรียกวาอะไรดี มนุษยโลหิต
หรือมนุษยหิมะ*
ออ ตองเรียกวาผูใชพลังธาตุโลหิต
หากเขาพบกับผูใชพลังธาตุโลหิตกลุมใหญในอนาคต...สิ่งเดียวที่เขาทำไดคือยอมแพ!
มันเปนเรื่องดีที่จะไมไปลวงเกินสาวสวย....
ความคิดของอายฮุยพลันเปลี่ยนเรื่องไปไกล
หนึ่งพันหยวนดูเหมือนจะไมไดขี้โมเกี่ยวกับพลังวิญญาณโลหิต ถึงแมวาเขาจะไม
อาจยืนยันไดวาพลังนั้นเปน “พลังวิญญาณ” หรือไม แตก็รูสึกวาอยางนอยรางกาย
ของเขานั้นเปนปกติดี
[มัจฉาสะบัดกาย] ไดสลาย “พลังวิญญาณ” ในกายเขาไปจนหมดสิ้นกอนหนานี้
เขายังกังวลเรื่องหาคลังแปดตำหนัก ไมสิ เจ็ดตำหนักจะมีปญหา ปอดและเจ็ดตำหนัก
นั้นเสียหายรุนแรงมากจากพิษโลหิต แมวาจะมีบางสวนที่กำลังฟนฟูและเยียวยา แต
ความเสียหายสวนใหญนั้นถูกรักษาโดย “พลังวิญญาณ” ไปแลว
หากจะใหเปรียบ “พลังวิญญาณ” นี้ก็คงเปนเหมือนกับกาววิเศษ ในขณะที่ปอด
และตำหนักทั้งเจ็ดของอายฮุยนั้นเปรียบเหมือนบานที่ชำรุดทรุดโทรม ตอนนี้กาว
วิเศษจำนวนมากถูกใชยึดสวนตางๆ ของบานเขาดวยกัน ดวยการทำเชนนี้ ผนังบานก็
จะกลับคืนสูสถาพเดิม บานที่เคยมีรูรั่วก็ไมรั่วอีกตอไป
ตอนนี้อายฮุยกำลังเปนกังวลอยางมากวากาววิเศษนี้จะอยูไปไดนานเทาไร หรือ
วามันจะวางใจไดหรือไม
ถึงแมไมอาจวางใจได เขาก็ไมสามารถทำอะไรไดในตอนนี้
เขาไดใหโหลวหลานตรวจสอบรางกายของเขาแลว โหลวหลานก็รูสึกวาสิ่งที่เกิด
ขึ้นกับรางกายของเขานั้นเปนปาฏิหาริย และยอมรับวาตัวเองไมอาจรักษาอาการ
บาดเจ็บที่รุนแรงเชนนี้ได และยังมั่นใจวาแมแตปรมาจารยก็ไมอาจรักษาได อยางไรก็
ตามเขายังมองในเงดีกับสภาพของอายฮุย
อันที่จริงแลวมันก็มีไมมากนักที่โหลวหลานจะไมมองโลกในแงดี...
อายฮุยวางความกังวลของเขาลง ถึงแมวาอาจจะมีอันตรายซอนอยูในรางกายแต
อยางนอยเขาก็เปนปกติดีในตอนนี้ ไมเพียงแคนั้น เขายังเปดไดถึงเจ็ดตำหนักแลว
และความสามารถในการตอสูของเขาก็กาวหนาขึ้นอยางกาวกระโดด
เขาไมรูแมกระทั่งวาจะมีชีวิตผานวันพรุงนี้ไปไดหรือไม แลวจะคิดใหไกลไปทำไม
กันเลา
ทันใดนั้น จมูกของอายฮุยก็กระดิกและดวงตาเบิกกวาง เขารวบรวมความคิด
น้ำแกงพลังธาตุของโหลวหลาน!
ความกังวลทั้งหมดของเขาถูกโยนทิ้งไป อายฮุยแทบจะตะเกียกตะกายออกจาก
บอน้ำรอน ใสเสื้อผาและพุงตัวไปยังลานดานหนา เขายังจำไดเมื่อตอนที่เขากลับมาถึง
โรงฝก เขาไดโยนรางวัลของเขาไปใหโหลวหลาน
หวังเจินนั้นชางใจกวางกับของรางวัล เพราะเขาตองการใหมีคนมาสมัครมากขึ้น
ในภารกิจตอไป ดังนั้นของรางวัลของอายฮุยจึงมีของดีอยูมากมาย
เมื่อ อายฮุยสมัครเขารวมภารกิ จ เขาเลื อกส วนประกอบอาหารพลั งธาตุเปน
รางวัล ดังนั้นของรางวัลจึงเปนของเกี่ยวกับอาหารพลังธาตุ สวนประกอบพวกนี้มีคา
มากจนอายฮุยในอดีต ไมกลาที่จะฝนถึงวาจะไดกิน
ยกตัวอยางเชน ไขงูปกเพลิงสองฟองนี้ มีอายุนานสามป นั่นหมายความวามันได
อยูใตลาวาและดูดซับความรอนใตพิภพมาเปนเวลาสามป งูปเพลิงเปนอสูรแดนรางที่
มีพิษและโหดรายอยางมาก สามารถบินไดและมีประสาทสัมผัสที่เฉียบคม ทำใหการ
ขโมยไขของมันมานั้นยากเย็นอยางยิ่ง
ทั้งยังมีขาหลังของจามรีนัยนตาสวรรคหมักสมุนไพรขางหนึ่งจามรีนัยนตาสวรรค
เปนอสูรแดนรางที่มีพลังสูงมาก และขาหลังเปนสวนที่ทรงพลังที่สุดในรางกายของมัน
ซึ่งนับเปนสวนที่มีความสำคัญที่สุดเชนกัน ขาหลังถูกหมักดวยสมุนไพรที่ถูกจัดเตรียม
และผสมอยางพิถีพิถัน เมื่อมันถูกตากแหงจะสามารถเก็บไวไดเปนรอยป เมื่อขาตาก
แหงนี้ผานเวลาไปหลายป การผสมผสานระหวางเนื้อและสมุนไพรก็จะยิ่งมากขึ้นทำ
ใหคุณภาพของเนื้อดีขึ้น
สวนคางคกทองหอมดอกบัวนั้น กอนอื่นตองทำใหคางคงทองสงบดวยวิธีพิเศษ
และใสมันเขาไปขางในดอกบัวที่กำลังบาน ทำใหพลังธาตุที่ปกติแลวรวมตัวอยู ใกล
ดอกบัวจะหอมลอมอยูรอบตัวคางคกทองคางคกทองจะอยูในภาวะคลายกับการจำศีล
พิษของมันจะถูกดูดซับโดยดอกบัวเมื่อเวลาผานไป พลังธาตุน้ำของดอกบัวก็จะซึมเขา
ไปในตัวของคางคกทองเชนกัน มันตองใชเวลานานถึงหกเดือนในการผลิตคางคกทอง
หอมดอกบัว
นอกจากนี้ก็ยังมีสวนประกอบที่มีคามากมายเชนกัน
หากไมสนวามันเปนสวนประกอบประเภทใดแลว ทั้งหมดลวนเปนของที่มีราคา
มหาศาล แมแตซือเสวี่ยมั่นกับตวนมูหวงฮุนยังตะลึงงันกับสวนประกอบพวกนี้
โหลวหลานเปนผูเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ และไดทำการประมาณมูลคาที่เหมาะสม
ของวัตถุดิบเหลานี้ แคราคาของสวนประกอบสามอยางที่กลาวไปก็มีราคาประมาณ
สิบลานหยวนแลว
ความสนใจของทุกคนถูกถึงไปโดยกลิ่นหอมของน้ำแกงพลังธาตุ ทุกคนตางจอง
ไปทางโหลวหลานเมื่อเขานำเอาน้ำแกงหมอใหญออกมา
มันชางยั่วยวนเหลือเกิน!
เพียงแคไดกลิ่นหอมอันเปนเอกลักษณ ทุกคนตางก็รูสึกหิวขึ้นมา
แมแตคนที่หนาบางอยางซือเสวี่ยมั่นกับตวนมูหวงฮุนยังตองพยายามรั้งตัวเองเอาไว
แตใครมองก็เห็นวาพวกเขากลืนน้ำลายไมหยุด คนที่หนาหนากวาอยางเจียงเหวยและ
หวังเสี่ยวซานไดไปยืนรออยูขางหมอเปนที่เรียบรอยแลว เจาอวนยิ่งดูไมไดเขาไปใหญ
เพราะกำลังน้ำลายไหลเยิ้ม
อายฮุยพุงไปราวกับลูกธนู
“ไดกินทุกคน” โหลวหลานพูดพลางหัวเราะ
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกอิจฉาอายฮุยเปนอยางมาก หมอนี่มีตุกตาทรายที่สมบูรณแบบได
อยางไรกัน อาหารที่บานของนางจะเทียบกับน้ำแกงพลังธาตุของโหลวหลานไหว
หรือไม
โครกคราก โครกคราก เสียงทองรองดังออกมาไมหยุด ทำใหนางตองหนาแดง
ดวยความเอียงอาย
เบื้องหนาน้ำแกงพลังธาตุไรเทียมทานของโหลวหลาน ทุกคนดูเชื่อฟงอยางถึง
ที่สุด ทุกคนถือชามเปลาไวในมือและรออยางกระวนกระวายใจใหถึงตาตัวเองที ่จะ
ไดรับน้ำแกง
ไมรูวาโหลวหลานกลายเปนพอครัวตั้งแตเมื่อไรเขาสวมผากันเปอนและหมวกพอครัว
ในขณะที่ถือทัพพีอันใหญ ทำใหเดูมีภูมิฐานเปนอยางมาก
ถวยแรกเปนของอายฮุย เมื่ออายฮุยไดรับสวนแบงน้ำแกง เขาก็ดื่มมันในทั นที
ดวยรอยยิ้มเหมือนคนโงบนใบหนา
เมื่อคนอื่นไดยินเสียงอายฮุยซดน้ำแกง พวกเขาก็กลืนน้ำลายตัวเองอยางเมามัน
พี่ชาย ทานชวยเบาเสียงหนอยไมไดหรือ ทานมีมารยาทในการทานอาหารบา งไหม
ทำไมตักแบงน้ำแกงชาแบบนี้
คนที่ไดรับน้ำแกงแลวก็รีบวิ่งไปอีกดานหนึ่งและเริ่มดื่ม
แมแตซือเสวี่ยมั่น เทพีผูสงางามที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยตระกูลเกาแกที่มีความเขมงวด
ควาน้ำแกงชามใหญมาแลวนั่งลงบนพื้นเหมือนกับพวกบานนอกเพื่อดื่มน้ำแกง นางไม
แมแตจะใชตะเกียบหรือสนใจวาน้ำแกงรอนไปหรือไม นางดื่มน้ำแกงคำโตลงไปคำ
แลวคำเลา ไมสนใจภาพลักษณของนางแมแตนอย
มันอรอยเกินไปแลว!
เจาอวนที่ยืนอยูทายแถว ไดสรางทะเลน้ำลายไวบนพื้นเรียบรอยแลว
“โหลวหลานไดเตรียมของพิเศษใหเจาอวน!”
โหลวหลานนำเอาหมอน้ำแกงสีแดงสดออกมาจากไหนก็ไมท ราบไดและมอบ
ใหกับเจาอวน
เจาอวนตะลึงงัน น้ำแกงตรงหนาของเขาไมมีเนื้อแมแตชิ้นเดียว หรือแมแตกลิ่น
หอม มันไมแมแตจะมีควัน ทวาเมื่อมองดูอีกทีเขาก็สามารถไดกลิ่นหอม โห...เนื้อตุน
....เนื้อถูกตุนมานานจนมันเกือบจะละลาย หากเขาไดกินสักนิด...
เอือก!
เขากลืนน้ำลายและชี้ไปที่หมอขนาดยักษ และกลาวเสียงออยวา “ขาอยากกินนั่น”
“รากฐานรางกายของเจาอวนตางจากคนอื่น เขาไมตองการเพิ่มพลังรางกาย ที่
เขาตองการคือเพิ่มพลังธาตุไฟ นี่เปนน้ำแกงที่ทำขึ้นเปนพิเศษดวยความตั้งใจของ
โหลวหลาน มันมีราคามากกวาหาลานหยวน” โหลวหลานอธิบาย
หาลานหยวน...
“หาลานหยวน?” เจาอวนเบิกตากวางรางกายสั่นเทา
“ใชแลว มันมีไขงูปเพลิงสองใบอยูในนี้” อายฮุยยืนยัน
“กิน! ขาจะกินใหหมดเลย!” เจาอวนตอบโดยไมโตแยงอะไรอีก
น้ำแกงราคาหาลานหยวน เขาตองกินใหหมด
เจาอวนควาหมอขึ้นมาและเริ่มดื่มน้ำแกง น้ำซุบนั้นคลองคอและรสชาติก็ไมแย
เลยสักนิดมารดาทาน น้ำแกงราคาคำละหมื่นหยวน
หมื่นหยวน...หมื่นหยวน...หมื่นหยวน...
เจาอวนวางหมอลงอยางหมดแรง แมแตคนแบบเขาที่สามารถดื่มกินไดมากมาย
ยังรูสึกงุนงงเมื่อดื่มน้ำแกงเขาไปหมอใหญเขาไปรวดเดียว
ตอนนี้เจารูแลวสินะวาขาเกงแคไหน! เจาอวนรูสึกภูมิใจในตัวเอง ปกติแลวโหลวหลาน
จะมองแตอายฮุยดวยความชื่นชมเชนนี้
ฮาฮาฮา เจาไดเห็นในที่สุดวาขามีความสามารถเพียงใด
เจาอวนเรอ สีหนาวางเปลาพลันปรากฏขึ้นบนหนาของเขา
“ยอดไปเลย!” น้ำเสียงของโหลวหลานเต็มไปดวยความประทับใจ “เจาอวน
สามารถดื่มน้ำแกงมังกรทั้งหมอหมดในคราเดียว เจาชางนาอัศจรรยจริงๆโหลวหลาน
คิดวาเจาตองใชเวลาหนึ่งสัปดาหจึงจะดื่มหมด”
ซือเสวี่ยมั่นที่กำลังใครครวญวาจะเลียชามดีหรือไม ตกตะลึงงันเมื่อไดยินคำวา
“น้ำแกงมังกร”
ไมใชแคนาง ตวนมูหวงฮุนกับซังจื่อจวินก็หยุดสิ่งที่กำลังทำและหันมามองเจา
อวนอยางประหลาดใจ
อายฮุยมองปฏิกิริยาของทุกคนและมองที่เจาอวน เจาอวนดูมึนงง อายฮุยถาม
ขึ้นมาอยางชวยไมได “โหลวหลาน น้ำแกงมังกรคืออะไร ชื่อของมันฟงดูยิ่งใหญมาก”
“อา ยฮุย มันเปนน้ำ แกงที่พิเศษมากสำหรั บ ผู ใช ธาตุไฟ ใช ไข งู ป  ก เพลิ งเปน
สวนประกอบหลัก รวมกับพริกเพลิงสวรรคอีกสิบสองชนิด มันเปนอาหารพลั งธาตุ
แบบพิเศษ คนสวนใหญรูสึกวามันเปนยาวิเศษอยางหนึ่ง หากคิดวามันเปนยาวิเศษ
ชื่อของมันควรเปน น้ำมันสิบหยด ซึ่งหมายถึงวาควรดื่ มแคสิบหยดตอ ครั้ ง มันมี
ประโยชนอยางมากตอผูใชพลังธาตุไฟ แตมีคนกลาดื่มมันไมมากนัก นั่นคือเหตุผลที่
ทำไมขาถึงไดบอกวาเจาอวนชางนาอัศจรรยจริงๆ”
เจาอวนรูสึกเหมือนรางกายกำลังโดนตม รางกายของเขากลายเปนสีแดงสดใส
ราวกับพริกขี้หนูสีแดง แมแตผมก็เปลี่ยนเปนสีแดง
“สวนเหตุที่มันถูกเรียกวาน้ำแกงมังกรนั้น เพราะมังกรสามารถพนไฟได น้ำแกง
มังกรก็เชนกัน หากใครดื่มมัน เขาก็จะพนไฟไดอยางงายดาย แนนอนวาโหลวหลาน
ไมคิดวามันเปนชื่อที่ดีเพราะมันมีมังกรมากมายหลายประเภท มังกรพนไฟเปนแคหนึ่ง
ในหลายประเภทนั้น...”
เอิ้กกก...เจาอวนเรออีกครั้ง
ตูม!
เปลวไฟสวางไสวพวยพุงออกจากปากของเจาอวนเปนระยะทางกวาสองเมตร!
ทุกคนลวนตกตะลึง
“ไมตองกังวลอายฮุยน้ำแกงมังกรนั้นปลอดภัย มันจะไมสรางความเสียหายอะไร
ใหกับรางกาย เพื่อทำใหมันดื่มงายขึ้น โหลวหลานไดใชวิธีพิเศษในการตม มันจะไหล
ลื่นเหมือนน้ำเมื่อดื่มเขาไปในครั้งแรก แนนอนวาผลที่เกิดขึ้นตามมาจะชัดเจนยิ่งขึ้น
โหลวหลานนึกถึงน้ำแกงมังกรขึ้นไดหลังจากไดเห็นไขงูปเพลิง โชคยังดีที่พริกเพลิง
สวรรคนั้นหาไดงาย แตนาเศราที่โหลวหลานไมอาจหาพริกที่เผ็ดที่สุดอยาง [แกมแดง]
ได หาไดแคที่เผ็ดเปนอันดับ สาม [ลาวา] และอันดับหก [อิจฉา] และอันดับแปด
[โกรธา] โหลวหลานจดขอมูลเอาไวหมดแลว โหลวหลานจะทำน้ำแกงมังกรที่ดกี วานี้
ใหเจาอวนในอนาคต”
เรอ ตูม!
เรอ ตูม!
ตูม! ตูม! ตูม!...
ความหนาวเย็นของค่ำคืนไดถูกขับไลไป
เจาอวน เจาคือเปลวเพลิงยามเหมันต!

*มนุษโลหิตหรือมนุษยหิมะเปนมุกตลกของชาวจีน คำวาหิมะ (雪เสวี่ย กับ


เลือด (血เซวี่ย หรือโลหิตนั้นออกเสียงคลายกันในภาษาจีน
บทที่ 175 เจ็ดตำหนัก!
เจาอวนเปนเหมือนดั่งประภาคารที่ไมเคยดับแสง เขายังคงพนไฟตอไปเรื่อยๆ
สาดแสงแพรวพราวออกมาจากกายที่สูงเดนทามกลางความมืด
เมื่อแสดงความสงสารกับเจาอวนแลวทุกคนตางก็กลับไปฝกฝนตอ
ซือเสวี่ยมั่นถึงกับตกตะลึงกับพลังธาตุที่พุงพลานอยูในกายของนาง นางมีความ
เขาใจในอาหารพลังธาตุดีกวานักเรียนทั่วไป เพราะนางกินมันเปนประจำ
ไมวาจะเปนไขงูปกเพลิง จามรีนัยนตาสวรรค หรือคางคกทองหอมดอกบัว พวก
มันลวนเปนสวนประกอบที่มาจากอสูรแดนราง อยางไรก็ตามในหมูสวนประกอบจาก
อสูรแดนรางแลวมันจัดเปนสวนประกอบระดับพื้นเทานั้น
ความแตกตางของคุณภาพระหวางสวนประกอบจากอสูรแดนรางนั้นมีผลอยาง
มากตอราคาและประสิทธิภาพของมัน
อูสิงเทียนไดจัดแบงระดับอยางเขมงวด ไมเพียงแตระดับของสวนประกอบอาหาร
ที่มาจากอสูรแดนรางเทานั้น แตเปนทุกวัตถุดิบที่มาจากอสูรแดนรางมีดวยกันทั้งหมด
แปดระดับ ประกอบดวย สวรรค ปฐพี ลึกลับ ทอง จักรวาล นิรันดรกาล ทวมทน
และขาดแคลน
นอกเหนือไปจากความหายากของอสูรแดนรางแลว ขั้นตอนในการจัดเตรียม
สวนผสมก็มีความสำคัญตอการจัดอันดับคุณภาพเชนกัน การเตรียมการที่พิถีพิถัน
ตองใชทักษะสูง และมีความพิเศษเฉพาะจะเพิ่มระดับคุณภาพของสวนประกอบได
อยางมาก
เมืองซงเจียนปนเมืองเล็กๆ ธรรมดาทั่วไปในสนามเหนี่ยวนำ มีเมืองแบบนี้หลาย
พันเมืองในสนามเหนี่ยวนำ เมืองเล็กและโดดเดียวที่ตั้งอยูในบริเวณที่ปลอดภัยที่สุดใน
สวนลึกของสนามเหนี่ยวนำจึงมีความตองการสวนประกอบอาหารระดับสูงนอยมาก
วัตถุดิบจากอสูรแดนรางซึ่งที่วาการเมืองสะสมระดับเปนสวนใหญนั้นอยูในระดับ
ขาดแคลน ดังนั้นจึงเปนเรื่องธรรมดาที่อายฮุยไดรับสวนประกอบอาหารจากอสูรแดน
รางระดับขาดแคลนกลับมา
แตกระนั้นผลประโยชนจากน้ำแกงพลังธาตุ....กลับสูงเยี่ยมอยางนาประหลาดใจ
ซือ เสวี่ย มั่นประหลาดใจอยา งมาก นี ่ พ ิ สู จ น ว  า น้ ำ แกงพลั งธาตุ น ี ้ เก็ บ รั ก ษา
คุณประโยชนของวัตถุดิบไวไดอยางนอยครึ่งหนึ่งทีเดียว ประสิทธิภาพระดับนี้ปกติ
แลวจะไดจากการวัตดุดิบระดับสูงเทานั้น
นางรูดีวาน้ำแกงพลังธาตุที่มีระดับสูงขนาดนี้นั้นหาไดยากยิ่ง
ตอนนี้แทนที่จะอิจฉาอายฮุยที่มีโหลวหลาน นางกลับสงสัยเกี่ยวกับความเปนมา
ของโหลวหลานมากกวา แมแตผูใชพลังธาตุที่มีทักษะในการปรุงน้ำแกงพลังธาตุยัง
ตองพบกับความยากลำบากในการปรุงน้ำแกงพลังธาตุใหมีคุณภาพสูงเพียงนี้ ตองเปน
คนที่มีความสามารถโดดเดนอยางมากจึงจะสามารถทำไดขนาดนี้
ความเปนมาของโหลวหลานตองไมธรรมดาอยางแนนอน
อยางไรก็ตามนางไมคิดจะสืบหาคำตอบเพียงเพื่อใหนางหายสงสัยเทานั้น การ
ถามที่มาของคนอื่นนั้นเปนการกระทำที่หยาบคายอยางมากและเปนสิ่งที่ไมพึงกระทำ
หลังจากไดดื่มน้ำแกงพลังธาตุที่ยอดเยี่ยมเชนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการ
ฝกฝนและดูดซับสารอาหารจากน้ำแกง น้ำแกงคุณภาพสูงแบบนี้เปนประโยชนอยาง
มากตอนักเรียนในขณะที่กำลังฝกฝนอยู
ทุกคนกำลังมุงมั่นอยูกับการฝกฝนยกเวนเจาอวน...ซือเสวี่ยมั่นไดแตมองเขาดวย
ความสงสารอยางชวยไมได อันที่จริงแลวเพื่อนของอายฮุยไมธรรมดาแมแตคนเดียว...
นางมองไปทางอายฮุยอยางไมตั้งใจและก็ตองตะลึงงัน
ชางเปนทวงทาที่แปลกประหลาดอะไรเชนนี้!
อายฮุยไมไดอยูในทาคันศรหรือทานั่งมา เขาถือกระบี่ไวดวยมือขางเดียวขอศอกชี้
ลงปลายกระบี่ชี้ขึ้น ครององศากระบี่เปนเสนตรงชี้ไปที่หวางคิ้ว
ซือเสวี่ยมั่นมีดวงตาที่เฉียบคม นางจึงสังเกตเห็นไดในทันทีวาการเคลื่อนไหวของ
ปลายกระบี่ในมืออายฮุยสอดคลองกับการหายใจของเขาอยางประหลาด
นี่เปนวิชาแบบใดกัน
นางสงสัยอยางมากเพราะไมเคยเห็นทวงทาแบบนี้มากอน นี่เปนการฝกกระบี่
รูปแบบหนึ่งอยางนั้นหรือ
ทันใดนั้นซือเสวี่ยมั่นก็พบวาความรูความเขาใจเกี่ยวกับการฝกกระบี่ของนางนั้น
นอยนิดเพียงใด นางไมควรโทษตัวเองที่ขาดความรูเพราะทายที่สุดแลวการฝกกระบี่ก็
เปนเรื่องลาสมัยและเพลงกระบี่ที่เหลือถายทอดอยูในตอนนี้ก็มีที่โดดเดนไมมากนัก
นางไมคิดจะฝกฝนอีกตอไปเพราะความสงสัยมีมากกวา
ในแงของการเก็บสะสมพลังธาตุ นางกับซังจื่อจวินนับวามีมากที่สุดในกลุมนี้
นอกเหนื อ จากนั้ น พวกเขากำลั ง จะจบการศึ ก ษาในไม ช า นี ้ หลั ก เกณฑ ก ารจบ
การศึกษาของสนามเหนี่ยวนำนั้นเรียบงาย สิ่งที่พวกเขาตองทำใหสำเร็จก็คือการเปด
ตำหนักทั้งแปดใหครบเทานั้นเอง
และนางก็เหลืออีกเพียงกาวเดียวเทานั้น
ในหมูพวกเขา นางและซังจื่อจวินไดรับประโยชนจากน้ำแกงพลังธาตุที่ใชวัตถุดิบ
จากอสูรแดนรางนี้นอยที่สุด
ระหวางการตอสูกับตั๊กแตนตำขาวโลหิตกอนหนานี้ นางรูสึกวาจะทะลวงผานใน
ไมชานี้
เมื่อนางไดเห็นการฝกกระบี่ที่พิเศษเฉพาะและดูทรงพลังของอายฮุย นางก็มี
ความสงสัยใครรูเปนอยางมาก
เมื่อเทียบความสงสัยใครรูที่นางมีตอโหลวหลานแลว ระดับความอยากรูที่นางมี
ตออายฮุยนั้นมากกวาเปนรอยเทา นางเห็นกับตาตัวเองวาอายฮุยรับการโจมตีของ
คางคาวโลหิตอยางไรแลวยังไดเห็นวาคนที่เพิ่งเปดไดแคสี่ตำหนักกลายเปนหัวหนา
กลุมนี้ไดอยางไร
นางจึงตัดสินใจที่จะสังเกตเขาอยางตั้งใจ
อายฮุยไมรูวาซือเสวี่ยมั่นกำลังแอบมองอยู ในตอนนี้เขาทุมเทสมาธิทั้งหมดไปที่
การฝก
สภาพรางกายของเขานั้นไมเรียกวาดีแตก็ไมแยเชนกัน เขาเองก็ไมอาจประเมิน
สภาพรางกายของเขาไดอยางแมนยำนัก
เขาเปดไดเจ็ดตำหนักโดยบังเอิญและนี่เปนการเพิ่มความแข็งแกรงใหกับเขาอยางมาก
อยางไรก็ตามคลังชีวิตและเจ็ดตำหนักที่ถูกซอมแซมโดย “พลังวิญญาณ” นั้นก็ไม
ปลอดภัยนัก แทนที่จะหลอมรวมเขากับปอดและเจ็ดตำหนักของเขา “พลังวิญญาณ”
ที่เหลือกลับถูกขับออกไปดวยการใช [มัจฉาสะบัดกาย] ที่กระแทกใสพื้นดิน
อายฮุยเปนกังวลวา “ตำหนักทั้งเจ็ด” จะใชงานไดหรือไม
ปอดและตำหนักทั้งเจ็ดของเขานั้นถูกซอมแซมดวย “พลังวิญญาณ” ไมใชพลังธาตุ ยัง
ไมรูเลยวามันจะสามารถใชพลังธาตุไดอีกตอไปหรือไม
ไมนานอายฮุยก็รูตัววาเขากังวลไปโดยเปลาประโยชน
พลังธาตุจากน้ำแกงพลังธาตุไหลไปสูแขนขาและกระดูกบำรุงเลือดและกลามเนื้อ
ของเขาไปพรอมกับการหายใจโหลวหลานตองคำนึงถึงอาการบาดเจ็บของเขาตอนที่
ปรุงน้ำแกงอยางแนนอน เพราะอายฮุยรับรูไดวาอาการบาดเจ็บที่หาคลังแปดตำหนัก
ฟนฟูอยางเห็นไดชัด
อา ยฮุย กลับ ประหลาดใจกับ ตั วอ อนกระบี ่ มากกว า คราวนี ้ ตั ว อ อ นกระบี ่ไม
ดูดกลืนพลังธาตุระหวางการโคจร
แปลก! ตัวออนกระบี่เปลี่ยนไปอยางนั้นหรือ
อายฮุยไมอาจคาดเดาไดวาเกิดอะไรขึ้น กอนหนานี้ตัวออนกระบี่ตองฉวยโอกาส
ดูดซับพลังธาตุอยูเสมอ แตตอนนี้มันกลับปลอยใหพลังธาตุไหลผานไป อายฮุยงงงัน
กับเรื่องนี้ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับตัวออนกระบี่อยางนั้นหรือ
ระหวางที่อายฮุยโคจรพลังก็ไมมีเรื่องที่เขากังวลเกิดขึ้น และเมื่อตัวออนกระบี่ไม
พยายามดูดซับพลังธาตุ การโคจรพลังจึงเปนไปอยางราบรื่น ตำหนักตางๆ ถูกเติมเต็ม
เร็วกวาปกติ
ซือเสวี่ยมั่นสังเกตเห็นวาเพลิงสันหลังมังกรเปลงแสงจางๆ ออกมาทำใหมันดูโดด
เดนมากในยามราตรี นางก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
ทันใดนั้นนางก็หันไปมองตวนมูหวงฮุนเพราะนางรูสึกไดถึงบางอยาง
ตำหนักมหาสมุทรของตวนมูหวงฮุนเปลงแสงสีเขียวออกมา
เขาเปนอัจฉริยะที่โดดเดนที่สุดในบรรดารุนเยาวของตระกูลตวนมูอยางแทจริง
นักเรียนปหนึ่งที่สามารถเปดไดหกตำหนัก รวมกับวิชาลับขั้นสูง [บุบผาเขียวขจี]
ของตระกูลตวนมูตวนมูหวงฮุนมีพลังพอที่จะทาทายคนที่อายุมากกวา หากสนาม
เหนี ่ ย วนำยั ง คงระบบจั ด อั น ดั บ เอาไว ใ นปห น า ตวนมู  ห วงฮุ น ต อ งทำให ท ุ ก คน
ประหลาดใจอยางแนนอน
แตเมื่อซือเสวี่ยมั่นพิจารณาวาภัยพิบัติโลหิตนี้จะจบลงเมื่อไรนั้น นางก็หัวเราะ
ใหกับตัวเองอยางขมขื่น
ตวนมูหวงถูกฮุนแผดเผาดวยแรงกระตุน เขาเปนคนที่ทะนงตนและไมอาจยอม
ตกอยูใตเงาของอายฮุยอยางเด็ดขาด ในตอนนี้ระดับความมุงมั่นและความพากเพียร
ของเขานั้นสูงจนไมอาจจินตนาการได ยิ่งไปกวานั้นการตอสูจริงที่ผานมาและการดิ้น
รนเอาชีวิตรอดก็เปนประโยชนตอเขาอยางมาก
พวกที่ถูกเรียกวาผูมีพรสวรรคนั้นเปนพวกประหลาดที่สามารถพัฒนาแบบกาว
กระโดดเมื่อชีวิตพบเจอกับความกดดัน
ซือเสวี่ยมั่นถอนหายใจและเคลื่อนสายตาไป นางไมสนใจตวนมูหวงฮุนแมแตนอย
คนที่นางสนใจคืออายฮุยตางหาก
ในตอนแรกตำหนักที่มือซายติดขึ้น ตอดวยตำหนักที่มือขวา ตามมาดวยตำหนักที่
เทาซายจากนั้นหลังจากผานไปครูหนึ่งก็เทาขวา
เขาเปดไดสี่ตำหนักจริงๆดวย!
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกประหลาดใจ ครั้งแรกที่นางพบกับอายฮุย เขาเพิ่งเปดคลังชีวิตได
เทานั้น ตอนนี้เขาเปดไดสี่ตำหนักแลว
เพิ่งผานไปแคครึ่งปเทานั้น ถึงแมวาเขาจะไมมีพรสวรรคเชนตวนมูหวงฮุนแตค
วามกาวหนาของเขาก็ไมเลวเลย
ทันใดนั้นตำหนักปฐพีของอายฮุยก็เริ่มเปลงแสงออกมา
ซือเสวี่ยมั่นตะลึงงัน นั่นมัน...ตำหนักที่หา!
นางกำลังสับสน การเปดสี่ตำหนักในครึ่งปเรียกไดวารวดเร็ว แตยังไมถือวาเปนผู
มีพรสวรรคทุกคนรูดีวาตำหนักที่แขนขาทั้งสี่นั้นเปดไดงายที่สุด ความยากจะเพิ่มขึ้น
อยางมากเมื่อตองเปดตำหนักปฐพี มหาสมุทร ประตู และนภา
อายฮุยสามารถเปดตำหนักที่หาไดแลวจริงๆ!
หรือวา...เจาหนุมนี่จะเปนผูมีพรสวรรคเทียบไดกับตวนมูหวงฮุนกัน
“โอสวรรค!” ซังจื่อจวินอุทานออกมาดวยความประหลาดใจ สีหนาเต็มไปดวย
ความกังขา
ซือเสวี่ยมั่นเองก็อุทานออกมาอยางประหลาดใจ แตเมื่อมองดูใหดีนางก็แทบจะ
เปนบาขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน ตวนมูหวงฮุนผูที่เพิ่งเปดตำหนักมหาสมุทรไดสำเร็จกำลังรูสึก
ยินดีปรีดา หลังจากเปดตำหนักที่หกได จำนวนกระบวนทาที่เขาสามารถใชไดจาก
[บุบผาเขียวขจี] นั้นเพิ่มขึ้นอยางมาก สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้คืออายฮุย
สาเหตุเดียวที่ความสามารถในการตอสูของเขาดอยกวาอายฮุยก็เพราะความแตกตาง
อยางมากของประสบการณในการตอสูจริง ในเมื่อเขาไมอาจจะชดเชยความออน
ประสบการณในการตอสูได เขาก็ตองเอาชนะอายฮุยในดานอื่นแทน!
ระดับพลังพื้นฐาน!
หลังจากเปดตำหนักที่หก พลังของ [บุบผาเขียวขจี] ก็เพิ่มขึ้นอยางมาก ถึงแมวา
ประสบการณในการตอสูจริงของเขาจะต่ำกวาอายฮุยไปมาก เขาก็สามารถใชระดับ
พลังพื้นฐานที่สูงกวาเพิ่มความสามารถในการตอสูและเอาชนะไอวายรายนั่นได!
หลังจากไดปลดปลอยความกังวลออกไป ความรูสึกปลอดโปรงที่ตามมาก็ทำใหต
วนมูหวงฮุนอยากจะมองฟาและหัวเราะออกมาอยางสุดใจ
ในตอนนั้นเองที่เขาไดยินเสียงอุทานของซังจื่อจวินและลืมตาขึ้นโดยไมตั้งใจ
ทันทีที่เขาเปดตาขึ้น เงารางที่ถือกระบี่ก็ปรากฏอยูตรงหนาเขา หนึ่ง สอง สาม...หก!
ตวนมูหวงฮุนหัวหมุนราวกับมีใครเอาไมหนาสามมาฟาดใส เสียงกรีดรองดังขึ้นใน
จิตที่วางเปลาของเขา เปนไปไมได!
หลังจากงุนงงไปเกือบครึ่งนาที เขาก็เรียกสติกลับคืนมาได สิ่งแรกที่เขามาสู
ความคิดของเขาก็คือเขาตองนับผิดไปแนๆ
เขาตัดสินใจที่จะนับอีกครั้ง หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...หา...หก...
เปนหกจริงๆ ดวย...
ในตอนนั้นเองที่ตำหนักประตูของอายฮุยสองแสงจางๆออกมา
...เจ็ด...เพิ่มมาอีกหนึ่งไดอยางไรกัน ตวนมูหวงฮุนรูสึกราวกับวาตัวเองกำลังจะบา
ในขณะที่ตำหนักประตูของอายฮุยสองแสงวูบวาบ ทั่วทั้งโรงฝกก็เงียบงันไปเหลือ
ไวเพียงแตเสียงเจาอวนพนไฟออกมา
ในตอนนั้นทุกคนตางจองไปที่อายฮุยเปนตาเดียว
พวกเขาจองมองไปยังอายฮุยราวกับมองเห็นผีขึ้นมากระนั้น
ตวนมูหวงฮุนใชนิ้วอันสั่นเทานับอีกครั้งอยางชวยไมได เจ็ดตำหนัก เปดไดเจ็ด
ตำหนักจริงๆ!
เขาจองไปทางอายฮุยอยางวางเปลา
ซังจื่อจวินอาปากคางราวกับนกกระทาที่ตื่นตระหนก เสียกิริยาอาการของสตรีที่
เคยมีไปจนหมดสิ้น
ซือเสวี่ยมั่นก็ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เห็นเชนกัน หวาดหวั่นอยางแทจริง นางนับเปน
ผูมีพรสวรรคมาตั้งแตเด็กและพบเจอกับผูมีพรสวรรคคนอื่นมามากมาย แตกระนั้น
นางก็ยังตื่นตระหนกกับสิ่งที่นางไดเห็นอยูตรงหนาในตอนนี้
นางรูจักกับอายฮุยมานานกวาซังจื่อจวินและรูดีวาอายฮุยเริ่มตนอยางต่ำต อย
เพียงไร
ผลก็คือภาพเบื้องหนาของนางนั้นสรางความประหลาดใจและหวาดกลัวแกนาง
มากกวาผูอื่นๆ
มันไรเหตุผล!
เจ็ดตำหนัก! เขาเปดไดถึงเจ็ดตำหนักไดอยางไร!
สำหรับผูมีสวรรคเชนตวนมูหวงฮุนผูที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยและเปยมความรู
มันก็ไมผิดปกติอันใดหากเขาจะเปดไดหกตำหนักตอนอยูปหนึ่ง อยางไรก็ตาม เด็ก
ยากจนที่ยังไมเคยเรียนรูวิธีฝกฝนมากอนที่จะไดเขาโรงเรียน ผูที่เพิ่งจะเปดคลังชีวิตได
เมื่อครึ่งเดือนกอน มันชางนาอัศจรรยที่เขาสามารถเปดไดถึงเจ็ดตำหนัก...
ใชแลว! นั่นคือตำหนักที่เจ็ด!
ในตอนนี้นางอยากจะควาคออายฮุยและถามเขาวาไปกินยาวิเศษอะไรมา!
ผานไปครูหนึ่งซือเสวี่ยมั่นที่ตื่นกลัวดวยความเหนือเหตุผลของความกาวหนาที่
อายฮุยแสดงใหเห็นก็ตัวสั่นเทา หมอนี่ยังไมหยุด!
นางรูสึกแนนหนาอก
ไม เปนไปไมได ไมมีทางที่เจาบานี่จะไปถึงขั้นแปดตำหนักสมบูรณไดในคราวเดียว!
หากมีใครบอกเรื่องแบบนี้กับนางกอนหนานี้ นางตองรูสึกวามันเปนเรื่องขำขัน
อยางแนนอน แตตอนนี้นางไมกลาหัวเราะแมแตนอย
เจาหนุมนี่เปนตัวประหลาด ตัวประหลาดที่นาหวาดหวั่นและโหดรายยิ่งอยางที่
ไมเคยมีผูใดเคยเห็นมากอน
ทุกคนจองมองไปที่อายฮุย
ไมมีใครสังเกตเห็นวาบนรางที่เปนสีแดงเพลิงของเจาอวนที่กำลังพนไฟอยูนั้นมีจุด
แสงสีแดงรอนคอยๆ สวางขึ้นเรื่อยๆ ราวกับลาวาจากภูเขาไฟ...
บทที่ 176 อันตรายจากเบื้องลาง
ปุ เสียงปริแตกแผวเบาทำลายความเงียบสงบของพงไพร ผืนดินบนพื้นพลิกเปด
ขึ้นมดขนาดเทากำปนสีแดงสดคลานออกมา ตามมาดวยมดโลหิตอีกหนึ่งตัว ผืนดิน
พลิกเปดขึ้นอยางตอเนื่องและฝูงมดโลหิตก็ไตออกมาเปนแถว
ฝูงมดที่สรางรังอยูใตดินไมไดถูกกลืนกินโดยรากอากาศแลวกลายเปนปุมปมหนา
เกลียดบนตนไมระหวางที่เกิดคลื่นยักษโลหิต ในทางกลับกัน พวกมันแข็งแกรงขึ้นจาก
การกัดกินรากตนไมที่อยูใตดิน จากนั้นก็หันมากินกันเอง ทำใหจำนวนที่มีมากมาย
มหาศาลลดลงอยางมาก
มดโลหิตพวกนี้คือผูชนะในสงครามการกลืนกิน ความสามารถในการตอสูของ
พวกมันในตอนนี้เหนือกวาเมื่อกอนมากมายนัก
บางทีแมแตสตรีชุดแดงก็ไมคาดคิดวามดที่ดูธรรมดาสามัญจะเปนกลุมแรกที่
เปลี่ย นสภาพสำเร็จพวกมันไมอยู  ในรายชื่ อ ของสั ตว โลหิตและแมลงโลหิตที ่นาง
จัดเตรียมไวดวยซ้ำ
หนวดที่อยูบนหัวของพวกมันกระดิกขณะพากันสำรวจทั่วทั้งปา ความเร็วในการ
เดินทางของพวกมันนั้นสูงมากและรักษาขบวนไวอยางเปนระเบียบ มดฝูงหนึ่งมีมดอยู
นับรอยตัวดูราวกับพวกมันเปนกองทัพที่เปนระเบียบกองหนึ่ง
มดฝูงแตละฝูงจะทิ้งระยะหางระหวางกัน แทนที่จะรวมเขาดวยกัน ฝูงมดตางเปน
ปฏิปกษและระแวดระวังซึ่งกันและกัน
พวกมันคลานออกจากปาและโครงรางของเมืองซงเจียนก็ปรากฏแกสายตา
รัศมีพลังธาตุที่เขมขนแผออกมาจากเมืองสงคลื่นความปนปวนไปทั่วฝูงมด พวก
มันดูเหมือนกระแสคลื่นที่เคลื่อนตัวเขาหาเมืองซงเจียนในยามราตรี
ในแตละฝูง มดที่เปนหัวหนาจะมีขนาดใหญที่สุด รางของมันก็มีสีแดงเขมขนกวา
ตัวอื่นหนวดแกวงไกวไมยอมหยุด
เมื่อมาเกือบจะถึงเมืองซงเจียน พวกมดพลันหยุดลงและเริ่มขุดดิน พวกมันทำได
อยางงายดายราวกับพื้นดินนั้นออนนุมเหมือนขนมปง
คลื่นสีแดงหายไปในพริบตา
อายฮุยลืมตาขึ้นชาๆ และพบกับสายตาของทุกคนที่อาปากคางมองจองมาดวย
ความประหลาดใจ
โชคยังดี...เขาไมไดเปดตำหนักที่แปด...
ทุกคนถอนหายใจออกมาอยางโลงอกในเวลาเดียวกัน
“มีอะไรติดหนาขาอยางนั้นหรือ” อายฮุยดูงุนงง “ทำไมพวกเจาจองขาแบบนั้น”
ในเวลานี้ ที่เสนขอบฟาก็เริ่มมีแสงสวางออกมาใหเห็น...อรุณรุงกำลังจะมา
ในตอนที่ซือเสวี่ยมั่นกำลังจะถามถึงสถานการณของอายฮุย เสียงสัญญาณเตือนก็
พลันดังเสียดหูขึ้นทั่วทั้งเมือง
ทุกคนตางตกใจ
“มันมาจากประตูตะวันออก!” ตวนมูหวงฮุนตะโกน
กอนที่ทุกคนจะหันไปทางประตูตะวันออก เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นจาก
ประตูตะวันตกเชนกัน ตามมาดวยเสียงสัญญาณเตือนจากประตูเหนือและใต
ทุกคนตองมองหนากันดวยความกลัว พวกเขาสามารถเห็นความหวาดกลัวใน
ดวงตาของอีกฝายได สัญญาณเตือนดังขึ้นจากประตูเมืองทั้งสี่ทิศพรอมกัน หรือวา
เมืองจะถูกลอมดวยตัวสัตวโลหิต
“มด! พวกมันโผลมาจากใตพื้นดิน!”
“มันขุดลอดใตกำแพงเมืองมา!”
“ผูใชพลังธาตุดิน! ผูใชพลังธาตุดินอยูไหน รีบหยุดมันเร็ว! ชั้นเสริมความมั่นคง
ของเมืองกำลังถูกแทะออกไป!”
“บัดซบ! หยุดพวกมันไวไมได! มันเปนมดแบบไหนกันนี่”
รายงานอยางละเอียดจากแนวหนาปรากฏขึ้นบนโตะของหวังเจินเกือบจะในทันที
ผานตนขาวสาร
หนาของหวังเจินซีดขาวราวกระดาษ ไมคิดวาคลื่นลูกแรกของสัตวโลหิตจะมา
จากทางใตดิน พื้นที่ที่มีการปองกันหนาแนนที่สุดของทุกเมืองก็คือพื้นดิน เพื่อปองกัน
สัตวโลหิตบุกโจมตีจากใตดิน แผนเสริมความมั่นคงที่หนาเตอะถูกวางไวใตผืนดินของ
ทุกเมือง
แผนเสริมความมั่นคงของเมืองนั้นสรางขึ้นจากหินที่มีความคงทนแข็งแรงมาก
ชนิดหนึ่ง แผนเสริมความมั่นคงแตละแผนมีความหนาอยางนอยเกาเมตรและถูกวาง
ไวใตเมืองโดยไมเวนแมแตสวนเดียว แผนเสริมความมั่นคงนี้มีลักษณะพิเศษอยางหนึ่ง
หลังจากผานไปสิบปมันจะผสานเขาเปนหนึ่งเดียวกัน
มันเหมือนกับวาทั่วทั้งเมืองตั้งอยูบนแผนหินที่หนาแนนมั่นคง ทางระบายน้ำของ
เมืองถูกสรางอยูดานบนของแผนเสริมความมั่นคงอีกที
มีเมืองไมกี่เมืองเทานั้นที่เคยถูกอสูรแดนรางโจมตีจากทางใตดิน
หวังเจินไมคาดคิดแมแตนอยวาคลื่นลูกแรกจะโจมตีเขามาจากทางใตดิน เขามี
กำลังคนและวัตถุดิบไมมากนัก และไดใชเกือบทั้งหมดไปกับการเสริมความแข็งแกรง
ใหกับกำแพงเมืองและการปองกันการโจมตีทางอากาศ
เขาถูกโจมตีโดยไมทันตั้งตัว
โชคยังดีที่เขาสามารถสงบสติอารมณลงไดอยางรวดเร็ว มีผูใชพลังธาตุดินอยูกับ
เขาไมมากนัก และมีไมกี่คนเทานั้นที่ทรงพลัง ดังนั้นตอใหเขารูวามดโลหิตจะโจมตี
จากใตดิน เขาก็ทำอะไรไมไดมากอยูดี
เชนเดียวกับผูใชพลังธาตุที่พบกับการบุกโจมตีของมดโลหิต ผูใชพลังธาตุดินไดลง
มือในทันทีแตพวกเขาก็ไมอาจหยุดพวกมดโลหิตเอาไวได
“ประกาศใหทั่วทั้งเมืองสังเกตดูพื้นดิน”
หวังเจินสั่งดวยเสียงต่ำ
“ทำแบบนั้นจะทำใหเราเสียการควบคุมสถานการณ!” ครูใหญไดยินวาเกิดอะไร
ขึ้นและรีบรุดมาโดยเร็ว สีหนาซีดเผือด
“สถานการณก็ไมเคยอยูภายใตการควบคุมอยูแลว!” หวังเจินโบกมือ
ครูใหญพูดอะไรไมออก
ผูใชพลังธาตุบินผานทองฟาเหนือเมืองซงเจียนขณะที่ประกาศคำสั่งของหวังเจินซ้ำๆ
“ใตดินอยางนั้นหรือ”
อายฮุยดูเครงเครียดเมื่อผูใชพลังธาตุบินผานศีรษะไป
“ไมไดมีแผนเสริมความมั่นคงของเมืองอยูใตดินหรอกหรือ” เจียงเหวยถามดวยสี
หนากังขา “อยาบอกนะวามดโลหิตสามารถกัดผานแผนเสริมความมั่นคงของเมืองได
พวกมันยังเปนมดอยูหรือเปลา”
ทุกคนสีหนาซีดเผือด
“ทุกคนระวังตัวไว” อายฮุยกลาวเตือน
ในตอนนั้นเสียงกรีดรองอันนาสยดสยองก็ดังมาจากตรอก ทุกคนกระโดดขึ้นยืน
ในฉับพลัน
สีหนาของอายฮุยเปลี่ยนไป เขาสงสัญญาณมือใหซือเสวี่ยมั่นถอย
ในตอนแรกที่ซือเสวี่ยมั่นเห็นสัญญาณมือของอายฮุย นางก็ตะลึงงัน ทวาหลังจาก
นั้นนางก็ลอยตัวขึ้นกลางอากาศและเคลื่อนตัวไปขางหลังชาๆ ในขณะที่ถือทวนสีขาว
ราวหิมะไวในมือ หมอกกลุมหนึ่งกอตัวอยูรอบๆ ทวน
ตวนมูหวงฮุนกางนิ้วออกในขณะที่พลังธาตุในกายของเขาเริ่มการสะสม
ซังจื่อจวินนำเกาทัณฑไหมทองออกมาดูกระวนกระวายอยูบาง
เจียงเหวยก็ไดบรรจุลูกธนูหนักในธนูยักษของเขาเรียบรอยแลว
ในตอนนั้น หวังเสี่ยวซานสามารถสัมผัสไดถึงตัวตนของมดโลหิตเชนกัน เขารูสึก
ยกยองอายฮุย ในฐานะที่เปนผูใชพลังธาตุดิน เขาไมอาจสัมผัสไดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใตดิน
กอนหนานี้ แตอายฮุยกลับสามารถทำได
โหลวหลานเปนผูเดียวที่ไมกังวล เขายืนอยูขางอายฮุยดูทาทางกระตือรือรนอยาก
ตอสู ครั้งลาสุดที่เขาไดสูรวมกับอายฮุยก็คือตอนที่สูกับจูเหยี่ยน นับจากนั้นมาทักษะ
การตอสูของโหลวหลานกาวหนาขึ้นมาก
ปุ! ริ้วสีแดงพุงออกมาจากพื้นดิ นและดิ่งไปทางซือ เสวี่ย มั่ นที่ ลอยตัวอยู ดว ย
ความเร็วสูง
ซือเสวี่ยมั่นที่เตรียมตัวพรอมยังรักษาความเยือกเย็นเอาไวได ทวนสีขาวราวหิมะ
ในมือของนางพลันแทงออก
หมอกที่ปกคลุมอยูรอบทวนถูกขับเคลื่อนดวยพลังที่มองไมเห็น เริ่มหมุนวนรอบ
ตัวทวนดวยความเร็วอันนากลัวดูราวกับพายุหมุน พรอมกับเสียงกรีดรองที่สั่นระรัว
ทวนสีขาวราวหิมะก็ทิ่มแทงใสมดโลหิต
เคลง! เสียงปะทะดังกึกกองจนปวดแกวหูดังขึ้น
แรงที่เกิดขึ้นจากการปะทะสงผานปลายทวนของซือเสวี่ยมั่น สงใหนางลอยลิ่วขึ้น
ไปบนฟาอยางงดงามราวกับมีเชือกเหล็กกลาดึงนางขึ้นจากดานหลัง
เสนสีแดงที่รวดเร็วปานสายฟาพลันหยุดชะงัก มดโลหิตถูกแชแข็งอยูกลางอากาศ
ประกายแหงความยินดีฉายวาบในดวงตาของอายฮุย เขาเกือบจะตะโกน “สวย!”
ออกมาใหกับภาพที่ไดเห็น
กระบวนทานี้ของซือเสวี่ยมั่นนับวางดงามมากจริงๆ การโตกลับของนางหยุดการ
โจมตีของมดโลหิตเอาไวไดและแชแข็งรางของมันเอาไวกลางอากาศในทันที แสดงให
เห็นถึงเคล็ดวิชาทวนที่สูงสงและความสามารถในการควบคุมพลังของนาง
ซือเสวี่ยมั่นมีฝมือสมกับชื่อเสียงจริงๆ
อายฮุยแสดงความชื่นชมอยูในใจ แตกระบี่ในมือของเขาไมรีรอแมแตนอย
เขาไดยินเสียงปริแตก ธนูหนักของเจียงเหวย! ทันใดนั้นอายฮุยก็เกิดความคิด
ขึ้นมา และพลิกเพลิงสันหลังมังกรใชดานขางของมันเปนเชนไมตี
อายฮุยฟาดใสดานขางของมดโลหิตอยางแมนยำ ในขณะเดียวกัน ศรหนักเขี้ยว
หมาปาของเจียงเหวยก็วิ่งผานอากาศและปกใสอีกขางของมดโลหิต
การโจมตีกระแทกเขาใสมดโลหิตจากสองดานในเวลาเดียวกัน หนึ่งจากดานซาย
และอีกหนึ่งจากดานขวา
เคลง!
อายฮุยรูสึกถึงคลื่นพลังที่แข็งแกรงไหลผานกระบี่เขามาสูมือ มือของเขารอนขึ้น
จนแทบไมอาจจับดามกระบี่ไดมั่น เขาไมไดตอตานพลังนั้นและใชมันขับเคลื่อนราง
ของเขาใหลอยขึ้น
การผสานการโจมตีของพวกเขาทั้งสองคนนั้นทรงพลังอยางมาก!
กอนที่มดโลหิตจะทันมีปฏิกิริยา มันก็ถูกแทงดวยศรหนักเขี้ยวหมาปาและระเบิด
ออกเปนเศษเล็กเศษนอย
ทุกคนถอนหายใจออกมาอยางโลงอก การตอสูเปนไปอยางราบลื่นกวาที่พวกเขา
คาดคิดไว มดโลหิตนั้นทรงพลังพอๆ กับตั๊กแตนตำขาวโลหิตที่พวกเขาพบครั ้งกอน
อยางไรก็ตาม ในครั้งนี้ ความแข็งแกรงของทุกคนเพิ่มขึ้นมากและการโจมตีของพวก
เขาก็สอดผสานกันไดดีขึ้น
สีหนาของอายฮุยเปลี่ยนไปอยางรวดเร็ว “ระวัง ยังมีอีก!”
ปุ ปุ ปุ!
เสนแสงสีแดงพุงขึ้นจากดินราวกับศรสีแดง
สีหนาทุกคนเปลี่ยนไปอยางรุนแรง
“โหลวหลานคุมครองเจาอวน!” อายฮุยตะโกนอยางรีบรอน รางกายของเขา
เหยียดยืดออกกลางอากาศ เพลิงสันหลังมังกรในมือเขาพลันกลายเปนเงามืดทิ่มแทง
เขาใสมดโลหิตที่พุงเขามา
มดโลหิตลอยกลับหลังและฟาดใสกำแพงอยางแรง ทิ้งไวเพียงรูขนาดเทากำปน
เพลิงสันหลังมังกรกวัดแกวงอยางงดงามผานอากาศแสดงความแมนยำเฉียบคม
อยางโดดเดน
ขวับ ขวับ ขวับ มีดสั้นในกลองกระบี่ธุลีสีชาดพลันบินออกมาดวยตัวเองและบิน
ไปรอบกายของอายฮุย
มดโลหิตกำลังเขาโจมตีทุกคน
ตวนมูหวงฮุนพลิกฝามือและแสงเรืองสีเขียวระหวางนิ้วของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว
แมวาเขาจะหวาดหวั่น แตก็มีสติมากกวาที่เคยเปนในการตอสูครั้งกอน แสงเรืองสี
เขียวรูปดอกไมเริ่มกอตัวขึ้นและหมุนวนอยูใตเทาของเขา ตามมาดวยเถาวัลยที่พุง
ออกมาจากลวดลายนั้น
ฉึก!
การโจมตีของเขาปกใสมดโลหิตตัวหนึ่งอยางแมนยำ
เสียงกรุบดังมาจากดานหลังของเขา เถาวัลยสีเขียวที่ทิ่มแทงใสมดโลหิตกลับคืนสู
ลวดลายเรืองแสง
ตวนมูหวงฮุนมีความมั่นใจมากขึ้น หลังจากเปดตำหนักที่หก พลังของ [บุบผาเขียวขจี]
ก็เพิ่มขึ้นอยางมากจริงๆ
ตวนมูหวงฮุนที่มีความมั่นใจก็สงบเยือกเย็นมากขึ้น นิ้วมือของเขากางออกดูราว
กับดอกไมเบงบาน ดอกไมสีเขียวลอยอยูรอบรางกายที่ผอมเพรียวของเขาแสดงความ
มั่นใจที่ไมอาจบรรยายไดออกมา เขาดูราวกับตัวละครในภาพวาดอันงดงาม
หมอกลอยขึ้นกลางอากาศ หมุนวนอยูดานหลังของซือเสวี่ยมั่น ทวนในมือของนาง
เปนเหมือนกับพายุหมุน แทงใสรางมดโลหิตฉีกกระชากรางสีแดงของมันออกเปนชิ้นๆ
ในพายุหมุนสีขาวสวางดุจหิมะมีเสียงระเบิดดังกึกกองนับครั้งไมถวน
ตูม!
มดโลหิตระเบิดกลายเปนเมฆหมอกสีเลือด พายุหมุนหายไปในทันใด ไมเหลือ
รองรอยเศษซากของมดโลหิตแมแตนอย
เจียงเหวย ซังจื่อจวิน และหวังเสี่ยวซาน กอคายกลสามเหลี่ยมขึ้น พวกเขารูวา
ทักษะการตอสูของตนนั้นมีจำกัด และไมอาจเทียบกับพวกผูแข็งแกรงทั้งสามได
เกาทัณฑไหมทองของซังจื่อจวินยิงออกดวยความเร็วอันนาอัศจรรย ลูกศรถูก
ปลอยออกมาดวยความเร็วที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะใชวิธีหนึ่งดอกหนึ่งสังหาร นาง
กลับพยายามยิงมดโลหิตดวยลูกศรตอเนื่อง การโจมตีของซือเสวี่ยมั่นกอนหนานี้ได
สรางแรงบันดาลใจนี้ใหกับนาง ถึงแมวานางจะไมมีพลังแข็งแกรงเฉกเชนซือเสวี่ยมั่น
แตนางก็สามารถยิงมดโลหิตอยางตอเนื่องเพื่อชะลอความเร็วของมัน สรางโอกาสใน
การโจมตีใหกับเจียงเหวย
ฉึก!
ทุกครั้งที่มดโลหิตถูกทำใหชาลงศรหนักเขี้ยวหมาปาของเจียงเหวยจะพุงผาน
อากาศเขาโจมตีมัน
ดวยระยะทางที่สั้น พลังของศรหนักเขี้ยวหมาปาของเจียงเหวยจึงรุนแรงอยางยิ่ง
ทุกดอกที่ยิงไปลวนระเบิดมดโลหิตได
หวังเสี่ยวซานถายพลังธาตุดินของเขาเพื่อเพิ่มผิวดินใตพวกเขาทั้งสาม ผานไปครู
หนึ่งเปาธนูหยาบใหญที่สรางจากดินก็ปรากฏใตเทาพวกเขา
สถานการณดำเนินไปอยางสับสนอลมาน
โหลวหลานที่ปกปองเจาอวนอยูนั้นกระตือรือรนที่จะตอ สูมาสักพักหนึ่งแล ว
อยางไรก็ตาม ไมมีมดโลหิตแมแตตัวเดียวโจมตีพวกเขา
เขามองไปรอบๆ ดวยสีหนาวางเปลา
เหตุใดจึงไมมีมดโลหิตมาทางขาเลย
บทที่ 177 [เปยโตว]
เปลวเพลิงที่เจาอวนพนออกมาทำใหเงารางของโหลวหลานดูเดียวดายอยางที่สุด
กระนั้น การตอสูที่เกิดขึ้นภายในโรงฝกก็ดุเดือดอยางมาก
ในตอนเริ่มตน อายฮุยไมกลาที่จะผอนคลาย เขายังไมไดปรับตัวใหเขากับระดับ
พลังเจ็ดตำหนักและไมรูจะใชมันในการตอสูอยางมีประสิทธิภาพไดอยางไร อีกทั้งเขา
ยังรูสึกกลัว เกรงวาหากใชตำหนักทั้งเจ็ดที่ถูกผสานเอาไวดวย “พลังวิญญาณ” มาก
เกินไป มันอาจแตกสลายลงได
โชคยังดีที่สถานการณนั้นรอนแรงมาก ทำใหความกลัวของเขาสลายหายไปใน
อากาศ
มันเปนเรื่องของความเปนความตาย เขาจะมามัวคิดมากไดอยางไรกัน
ไมวาจะเปนเรื่องขนาดหรือความแข็งแกรง มดโลหิตนั้นดอยกวาตั๊กแตนตำขาวโลหิต
ทุกทางแตอยางไรก็ตาม พวกมันมีมากเกินไป แคมองไปรอบๆ ก็เห็นไมต่ำกวารอยตัว
คลานอยูในโรงฝก
พวกมันรวดเร็วมากเร็วยิ่งกวาตั๊กแตนตำขาวโลหิตเสียอีกมันเปนเหมือนลูกศรสีแดง
หากเคลื่อนไหวชาลงแมเพียงนิดเดียวพวกมันจะโจมตี อีกทั้งพวกมันยังประสานงาน
กันไดดีโจมตีเขาใสเหยื่อจากคนละทิศคนละทาง
อายฮุยเงอะงะในตอนแรก แตในไมชา เขาก็พบวิธีที่จะรับมือกับมดโลหิต
มดโลหิตมีความเร็ว เปนเลิศแต มี ข นาดเล็ ก จ อย ความแข็ งแกร งจึ งน อ ยกวา
ตั๊กแตนตำขาวโลหิตมากนัก
กลองกระบี่ธุลีสีชาดสรางความประหลาดใจอันนายินดีครั้งใหญใหกับอายฮุยเขา
ไมอาจควบคุมมีดสั้นธุลีสีชาดไดดีนัก แตดวยความที่มีมดโลหิตมากมายเหลือเกิน เขา
จึงไมจำเปนตองมีความแมนยำมากนัก
แสงสีแดงรอบกายอายฮุยนั้นคมกริบและสรางบาดแผลใหกับมดโลหิตในทันทีที่
สัมผัส
ในทางกลับกัน เพลิงสันหลังมังกรที่หนักอึ้งในมือของอายฮุยนั้นกลับเคลื่อนไหว
เชื่องชา
อายฮุยรูวามันเปนการยากที่จะฆามดโลหิตหากเขาใชกำลังปะทะกำลัง พวกมัน
อึดมาก เมื่อถูกซัดใหหางออกไป ก็จะคืบคลานเขามารวมการโจมตีใหม
สัตวโลหิตนั้นมีรางกายที่แข็งแรง แมวาพวกมันจะเปนมดที่เล็กและออนแอ แต
ทวารับมือไดยาก
อายฮุยทำไดแคเสียใจกับความทรงพลังของพิษโลหิต โดยไมมีขอยกเวน อสูรปา
และแมลงลวนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญเมื่อไดรับพิษ ชัดเจนวาการดำรงอยูของ
พิษโลหิตนั้นเปนการฝนกฎของธรรมชาติ เทพแหงโลหิต...ชางเปนสิ่งที่นาหวาดหวั่น!
ในฐานะที ่ เ ป น ผู  ม ี ป ระสบการณ ใ นการรบ อ า ยฮุ ย รู  ว  า การใช พ ลั ง นั ้ น ไม มี
ประสิทธิภาพเทาที่ควร ดังนั้นเขาตองการกลยุทธใหม พวกมันไดเปรียบเรื่องจำนวน
เขาไม อ าจลดความได เ ปรี ย บของพวกมั น ลงได ห ากเขาไม ห าวิ ธ ี ก ารต อ สู  ท ี ่ มี
ประสิทธิภาพกวานี้ เมื่อเวลาผานไป ความแข็งแกรงของเขาจะลดลง และเขาจะตกลง
สูสถานการณอันเลวราย
เขาสังเกตเห็นวาเจียงเหวยและพวกอยูในสถานการณที่ย่ำแยลงเรื่อยๆ พวกเขา
นั้นออนแอกวาและไมแกรงในการตอสูระยะประชิด
เขาตองชวยเหลือพวกเขาโดยเร็วที่สุด เมื่อไมมีเวลาใหคิด เขาพุงตัวไปทางคนทั้ง
สามและสายเพลิงสันหลังมังกรในมือ
เมื่อเขาเตรียมจะเคลื่อนพลังธาตุภายในกาย ตำหนักทั้งเจ็ดก็สั่นพองกันขึ้นมา
โดยไมท ันตั้งตัว เพลิงสันหลังมั งกรในมื อ ของอ ายฮุย หยุ ดการเคลื่ อนไหวไป
ชั่วขณะ แตดวงตาของเขาเบิกกวางขึ้น
[เปยโตว]...
ความรูสึกคุนเคยอยางไมอาจบรรยายไดเคลื่อนตัวออกมาจากภายในกายของ
อายฮุยการปลอยพลังธาตุออกมาโดยพรอมเพรียงกันจากตำหนักทั้งเจ็ดรวบรวมพลัง
ธาตุที่มีเพียงนอยนิดทั้งเจ็ดเขาเปนหนึ่ง
วิ้ว!
พรอมกับเสียงของไมไผแตกออกและแกวงไกวในอากาศ ไดเกิดแรงดูดขึ้น ณ ใจ
กลางวงกลมที่วาดขึ้นจากการหมุนวนกระบี่ห นักในมือของอายฮุย มดโลหิตที่อ ยู
โดยรอบถูกดูดเขาไปในนั้น
เสมือนหนึ่งกอนหินกลางกระแสน้ำที่ถูกกัดกรอนโดยน้ำที่ไหลผาน รางของมด
โลหิตภายในวงกลมกระบี่ก็คอยๆยอยสลาย
โผละ โผละ โผละ
มดโลหิตคอยๆระเบิดทีละตัวสองตัวอยางตอเนื่อง
ภาพตรงหนาอายฮุยทำใหเขาสะดุงดวยความตกใจและถึงขนาดทำใหเขาตกอยู
ในความงงงันชั่วครูหนึ่ง
วิชา [เปยโตว] ชาง...ทรงพลังถึงเพียงนี้!
นี่เปนครั้งที่สองที่เขาใช [เปยโตว] และเขาก็มีความรูสึกขอบคุณเจาเมืองเปนลนพน
ถึงแมวามันจะเปนการแลกเปลี่ยน แตเคล็ดวิชา [เปยโตว] ตนฉบับที่เจาเมืองมอบให
เขานั้นก็เปนประโยชนอยางมหาศาล กอนหนานี้ในปาโลหิต เขาไดใชมันออกมาโดย
ไมลังเลในยามที่ตกอยูในอันตรายรายแรง
เขาไมอาจจำไดมากนัก แตเขารูอยางชัดแจงเกี่ยวกับขอเท็จจริงที่วา [เปยโตว] ได
ชวยชีวิตเขาไว
ในแงของการศึกษา การที่เขาเปดใช [เปยโตว] ทั้งที่ยังไมพรอมนั้นนับเปนความ
สูญเสียครั้งใหญ แตเขาก็ไมมีความเสียดายแมแตนอย หากไมมี [เปยโตว] และพึงพา
แต [มัจฉาสะบัดกาย] คงไมอาจทำใหเขาขับเคลื่อน “พลังวิญญาณ” จำนวนมาก
เชนนั้น และหากไมปลดปลอยมันออกไป รางของเขาคงระเบิดไปแลว
หลังจากงุนงงอยูครูหนึ่ง อายฮุยก็พลันตื่นเตนขึ้นมา
[เปยโตว] อันที่จริงแลวทรงพลังถึงเพียงนี้!
ถึงแมวาธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาในอูสิงเทียนจะนอยนิดเมื่อเทียบกับจำนวน
ของคัมภีรกระบี่ที่หลงเหลือมาจากยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน แตหลังจากผานการ
พัฒนามานานกวาพันปธรรมเนียมเหลานั้นก็นาประทับใจมากทั้งในแงของปริมาณ
และคุณภาพ ทายที่สุดแลว ในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนนั้น ผูบำเพ็ญตนไมไดมีศัตรู
ชีวิต ในขณะที่อูสิงเทียนไมเคยหยุดสูรบกับแดนราง
สงครามเปนการกระตุนครั้งใหญใหเกิดการพัฒนาความรู
ความรูทุกชนิดไดถูกสงมอบตอไป บางก็เกี่ยวของกับการตอสูและการใชพลังธาตุ
บางก็เกี่ยวกับวิธีการฝกฝนและเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ
[เปยโตว] มุงเนนไปที่การควบคุมพลังธาตุ ไมมีกระบวนทา
ดวยวา [เปยโตว] ถูกยกใหเปนวิชาที่ทรงพลังที่สุด ยอมตองมีคุณสมบัติที่พิเศษ
เฉพาะตัว
กลาวโดยทั่วไปแลว การใชพลังธาตุนั้นยึดหลัก “จากใกลสูไกล” ยกตัวอยางเชน
กระบวนทากระบี่ของอายฮุยจะดึงพลังธาตุจากตำหนักที่ฝามือกอนเพราะมันทำไดเร็ว
ที่สุด หากตำหนักที่ฝามือทั้งสองถูกใชจนหมด พลังธาตุจากตำหนักอื่นๆก็จะไหลไปสู
ฝามืออยางตอเนื่อง
อยางไรก็ตาม [เปยโตว] นั้นตางออกไป มีการใชพลังธาตุที่ไมธรรมดาอยางมาก
ไมวาอายฮุยจะใชมือ เทา หรือวาหัว ไมวากระบวนทานั้นจะตองการพลังธาตุมาก
นอยเพียงใดก็ตาม จะตองเคลื่อนพลังธาตุจากตำหนักทั้งเจ็ดโดยพรอมเพรียงกัน
เจ็ดตำหนักเคลื่อนไหวเปนหนึ่งเดียว ปลดปลอยพลังธาตุเจ็ดสายพรอมกันและ
รวมเขาเปนพลังธาตุหนึ่งเดียวที่เดนล้ำ
โดยพื้นฐานแลว [เปยโตว] นั้นซับซอนมาก แตกระนั้นมันเผาผลาญพลังธาตุ
จำนวนเทาเดิมแตกลับเพิ่มพลังใหกับกระบวนทามากขึ้นมหาศาล หากศัตรูโจมตีดวย
พลังธาตุ [เปยโตว] ก็จะกระจายพลังธาตุไปยังตำหนักทั้งเจ็ด ซึ่งทำใหแตละตำหนัก
แบกรับพลังธาตุที่โจมตีเขามาในปริมาณเทาๆกัน และนั่นชวยลดโอกาสที่จะเกิดการ
บาดเจ็บลงไดมาก
[เปยโตว] เองก็มีขอเสียเชนกัน มันมีขอเรียกรองจากผูที่ใชมันคอนขางมาก
ผูใชตองมีตำหนักทั้งเจ็ดที่แข็งแกรงพอที่จะรองกับการสั่นพอง และมันยังตอง
สามารถปลอยพลังธาตุเจ็ดสายออกมาพรอมๆกันอีกดวย หากความแข็งแกรงของ
ตำหนักทั้งเจ็ดแตกตางกัน พลังธาตุที่ปลอยออกมาก็จะมีความเร็วตางกัน
การมีเจ็ดตำหนักที่แข็งแกรงเทาเทียมกันนั้นเปนเงือนไขที่ยากจะทำได และผูคน
สวนใหญก็ไมอาจทำได นี่คือสาเหตุที่ทำให [เปยโตว] นั้นทรงพลังแตกลับไมเปนที่รูจัก
และเปนเหตุใหหวังโสวชวนตองการใหอายฮุยไดเรียนรูมัน
นอกเหนือไปจากการมีสภาพรางกายที่ยอดเยี่ยมแลว การควบคุมพลังธาตุ ที่
แมนยำก็เปนเงื่อนไขหนึ่ง การผสานรวมพลังธาตุทั้งเจ็ดสายใหเปนหนึ่งนั้นตอทำให
สำเร็จในเวลาอันสั้น ซึ่งยากที่จะทำไดหากไมมีความสามารถที่โดดเดนในการควบคุม
พลังธาตุ
การควบคุมชั้นสูง...
บางอยางแวบเขามาในสมองของอายฮุย- การเย็บปก!
กระบวนการอันซับซอนและพิถีพิถันของการเย็บปกจำเปนตองมีการควบคุมพลัง
ธาตุที่แมนยำเชนเดียวกับ [เปยโตว]
อาจารยไดตั้งเปาที่ [เปยโตว] ไวนานแลว และไดเตรียมอายฮุยใหมีความความพรอม
ตั้งแตเริ่มแรก แตอาจารยไมไดคาดคิดวาเจาเมืองจะมอบวิชาตนฉบับใหแกอายฮุย!
ณ จุดนี้อายฮุยก็สามารถเขาใจในที่สุด ไมแปลกเลยที่เขามีปญหาเพียงเล็กนอยใน
การฝก [เปยโตว] จนชำนาญ ไมวาจะเปนการสั่นพองระหวางตำหนักทั้งเจ็ดหรือการ
รวมพลังธาตุทั้งเจ็ดสายใหเปนหนึ่ง เหลานี้ลวนเปนไปอยางไหลลื่นสำหรับเขา
ขอบที่เกิดจากการบรรจบกันของพลังธาตุนั้นแหลมคมอยางมาก รังสีกระบี่ที่กรีด
ผานมดโลหิต ตัดแบงพวกมันออกเปนสองทอน
เจียงเหวยและพวกกำลังตกอยูในสถานการณลำบาก พวกเขาดูออนระโหยโรยแรง
อายฮุยอยูหางจากเขาไปพอสมควร สูดหายใจเขาลึกและพุงไปขางหนาในขณะที่
ใชมานกระบี่ปองกันตัวเอง มดโลหิตที่ไมกลัวตายพุงเขาหาอายฮุยและกระแทกเขากับ
มานกระบี่ กอนที่จะระเบิดเปนลูกเพลิงเล็กๆ
รางของอายฮุยโคงเอียงเล็กนอย เขาวิ่งราวกับเสือชีตาห และเมื่อเขากาวถึง
จุดหมาย เพลิงสันหลังมังกรก็รวบมานกระบี่ที่เต็มทองฟาแลวแทงออกไป
ชู!
ที่ปลายของเพลิงสันหลังมังกร รังสีสีขาวเกิดขึ้นในฉับพลัน มันขยายตัวไปตามตัว
กระบี่ผานมือของอายฮุย ไปยังขอมือ แขน และทั่วทั้งกายในที่สุด
ทั่วทั้งรางของอายฮุยถูกหอมลอมไปดวยรังสีกระบี่ เขาเหมือนกับคางคาว รอน
กายเปนวงโคงขามทองฟา
[กระบี่คางคาววายุ]!
ขาของมดโลหิตที่กำลังเคลื่อนพลถูกทำลายลงเมื่อสัมผัสกับรังสีกระบี่
ซังจื่อจวินเหนี่ยวยิงเกาทัณฑไหมทองอยางตอเนื่อง และลูกศรก็พุงออกมาราวกับ
พายุ นางมุงมั่นอยางเต็มที่และเต็มเปยมไปดวยความมั่นใจในทักษะการยิงธนูของ
ตัวเอง การฝกฝนและการประเมิน ผลที ่ยากเย็ นทุกชนิ ดไมมี คาอะไรกับนาง นาง
สามารถยิงลูกศรไดเจ็ดดอกตอวินาทีและก็ยิงถูกกลางเปาทุกดอก
ในตอนแรกนางมีความกังวลและพลาดไปบาง แตไมนานนัก นางก็สามารถดึง
ความมั่นคงกลับมาไดและก็ไมเคยพลาดอีกเลย นางทำงานรวมกับเจียงเหวยไดเปน
อยางดี และพวกเขาก็ตอสูไดดี พวกเขารวมมือกันสังหารมดโลหิตไปไดสิบหกตัวแลว
ที่นางไมคาดคิดก็คือ พวกมดโลหิตดูจะไมลดจำนวนลงไปเลย
นอกจากนี้นางเองก็เริ่มออนลา การสิ้นเปลืองพลังงานของเจียงเหวยนั้นยิ่งมาก
เพราะเขาใชธนูหนัก นางไดยินเสียงหายใจที่แรงขึ้นเรื่อยๆของเจียงเหวย
เปาธนูที่หวังเสี่ยวซานสรางขึ้นนั้น มอบความสบายใจในแงของจิตใจมากกวา
เพราะในความเปนจริงแลวมันแทบไมอาจชวยปองกันไดเลย
ในสายตาของนาง สิ่งที่นางเห็นมีเพียงแตเงาสีแดงที่เกิดจากการรวมตัวกันอยาง
หนาแนนอันนาหวาดกลัว
ความรูสึกไรพลังทวมทนขึ้นมาในใจ
“พยายามเขา!”
เสียงตะโกนเหมือนสายฟาฟาดดังสนั่นในหูของนาง นางสั่นเทาเล็กนอยและ
กลับคืนสูสติโดยพลัน นางหันกลับไปเห็นรางที่ปกคลุมไปดวยแสงกระบี่เขามาในระยะ
สายตาและทิ้งเศษซากเงาเอาไวมากมาย
เสียงหวีดแผวเบาฟงดูเหมือนจะมาจากดานลาง รังสีกระบี่สีขาวไดแบงโลกเบื้อง
หนาของนางออกเปนสองสวน ในขณะที่เสนใยสีแดงที่ไขวกันขวักไขวดูราวกับใยแมง
มุมที่เปราะบาง
รัสมีนั้นขยายใหญขึ้นๆ ราวกับพายุกวาดผานโรงฝก มดโลหิตถูกกวาดขึ้นดวยรังสี
กระบี่ของอายฮุยโผละ โผละ โผละ! ราวกับสายฝนสาดกระหน่ำ มดมากมายกระแทก
เขาใสกำแพงจนเหลือที่วางเพียงเล็กนอยเทานั้น
มดโลหิตที่เหลือหวาดกลัวตอการโจมตีของอายฮุยพลัดตกอยูในความเงียบงัน
เสียงกรีดรองอันนาสยดสยองดังขึ้นจากในตรอก มันแผวเบาจนแทบไมไดยิน
เสียงกระดูกแตกและเสียงเคี้ยวดังขึ้นไมหยุด มันชางชัดเจนเสียจนสีหนาของทุกคน
เปลี่ยนไป ชะตากรรมของคนในตรอกนั้นชัดเจนยิ่ง ไมจำเปนตองขบคิด
รางของผูที่อยูในโรงฝกนั้นเย็นเยียบ แตความโกรธเกรี้ยวพลันเขาครอบงำอยาง
รวดเร็ว ความโกรธอันไรขอบเขต แววตารายกาจฉายออกมาจากดวงตาของพวกมด
โลหิตบนพื้น ลุกขึ้นอีกครั้ง!
นี่เปนศึกแหงความตาย การตอสูที่ไมมีทางหนี มันจะจบลงดวยความตายของอีก
ฝายเทานั้น
บทที่ 178 เจาเอาเลย
อายฮุยปองกันคนทั้งสามแลวลาถอยไปอยูขางเจาอวน
เขาสังเกตเห็นวามดโลหิตไมเขาใกลเจาอวน เมื่อเห็นเจาอวนพนไฟออกมาไมหยุด
หยอน อายฮุยก็มีความคิด เปนไปไดไหมวามดโลหิตกลัวไฟ
นั่นเปนสิ่งที่ดี
เจีย งเหวยแทบสิ้นเรี่ย วแรง ธนู ห นั ก ของเขานั ้ น มี พ ลั งอั น รุ น แรงน า ทึ่ งแต ก็
สิ้นเปลืองพลังงานอยางนาทึ่งเชนกัน ซังจื่อจวินยังพอมีแรงอยูบางแตเกาทัณฑไหม
ทองของนางนั้นขาดพลังที่เพียงพอเวนแตวานางจะใชลูกศรที่แข็งแกรงเปนพิเศษ ถึง
อยางนั้นมันก็ยังขาดประสิทธิภาพอยูบางเมื่อตองเผชิญหนากับฝูงมดโลหิตที่ยกโขยง
กันมา
หวังเสี่ยวซานนั่งตัวแข็งที่อยูบนพื้นดิน เขาเปนคนที่ออนแอที่สุดในกลุม
พวกมดโลหิตไมไดโจมตีใสเจียงเหวยกับอีกสองคนจริงๆ ดูเหมือนวาที่สิ่งที ่เขา
คาดเดาจะถูกตอง ไฟของเจาอวนนั้นมีประโยชนในการกันมดโลหิตออกไป และดีที่
เจาอวนพนมันออกมาไดอยางงายดาย
อายฮุยมองไปที่เจาอวนอยางชื่นชมกอนตะโกนออกมา “โหลวหลาน! ตามขามา!”
“มาแลว!”
โหลวหลานตอบกลับเสียงดังอยางกระตือรือรนกลายรางเปนเมฆทรายกอนจะคืน
รางอยูขางกายอายฮุย
ดวงตาของซือเสวี่ยมั่นแดงก่ำผมเผายุงเหยิง เสื้อเกราะสีฟาขาวของนางเปอนไป
ดวยพิษโลหิตและฝุน ผง ทวนในมือนางดูราวกับคลื่นที่เกรี้ยวกราดรุนแรง
ทักษะที่นางฝกฝนคือ [เวทวารี] ซึ่งเปนที่รูจักในดานความหลากหลายในการใชงาน
มันไมใชเคล็ดวิชาทวน
นางมีความชื่นชอบการใชทวนก็เนื่องมาจากบิดานางและไดทำการฝกฝนอยาง
ทุมเทมาตั้งแตยังเยาวทวนที่ดูเหมือนเมฆาไรมลทินนี้เปนของขวัญจากบิดานางเมื่อ
นางอายุไดสิบป เขาสงตรงมายังบานจากแนวรบ
มันมีชื่อวา เมฆายอมสวรรค
ในตอนนั้น บิดานางไดสังหารวาฬเมฆาหลังคอมและเมื่อรางกายของมันเนาเปอย
ไปจนหมด เขาก็ไดเลือกระดูกที่ตรงและงดงามที่สุดเพื่อใชเปนดามทวน
วาฬเมฆาหลังคอมเปนอสูรแดนรางที่ใชชีวิตอยูสูงขึ้นไปในสวนลึกของอุโมงค
สวรรค รางกายที่ใหญมหึมาของมันมีความยาวหลายลี้ขาวดุจหิมะไปทั่วทั้งตัว ดู
ประหนึ่งเกาะสีขาวลองลอยอยูในนภา ผูคนมักเขาใจผิดวามันเปนเมฆที่ลอยอยู
มันมีความสามารถในการบินอั น โดดเด น ค น หาทะเลเมฆอย างไม รู  จั กเหน็ด
เหนื่อยไปชั่วชีวิต พวกมันกินทะเลเมฆเปนอาหารเฉกเชนเดียวกับอสูรแดนรางอื่นๆ ที่
อาศัยอยูบนความสูงระดับนี้
โดยทั่วไปแลว วาฬเมฆาหลังคอมไมเคยออกจากสวนลึกสุดของทองฟาและไม
เคยโจมตีผูใชพลังธาตุกอน นอยครั้งนักที่พวกมันจะอารมณเสียและทำลายทุกอยางที่
ขวางหนา
หากมันเกิดขึ้น หายนะก็จะตามมา
กระดูกของวาฬเมฆาหลังคอมที่กินเมฆเปนอาหารนั้นปลอยหมอกนุมลื่นออกมา
ปลายทวนที่ดูเหมือนแกวผลึกบริสุทธิ์นั้นเปนผลงานชั้นยอดของบิดานางที่ลือลั่น
ไปทั่วทั้งอูสิงเทียน
ใกลกับคายทหารของบิดานางมีทะเลสาบชื่อวาไพลินสีน้ำเงิน ที่นั่นมีทิวทัศน
งดงามเขาชอบไปฝกฝนที่ทะเลสาบนั้น ทุกวันเขาจะนำน้ำจากทะเลสามกลับมาถัง
หนึ่งเทลงในลงในอางน้ำและใชพลังธาตุของเขาควบแนนมันจนถึงขีดสุด
วันตอมาเขาก็ยังคงเทน้ำอีกหนึ่งถังและทำการควบแนนเชนเดิมน้ำใสสีน้ำเงินเขม
จากทะเลสาบก็ยิ่งแข็งมากขึ้นทุกการควบแนน
ผานไปสามปจนไดน้ำกวาพันถัง เขาก็สรางแกวผลึกขนาดยักษที่มีใหญประมาณ
ครึ่งหนึ่งของรางกายมนุษย มันเปนวัสดุชนิดใหมที่เขาสรางขึ้นมาดวยตัวเองทั้งหมด
ดวยความหนักและสีที่เหมือนกับทองฟา เขาจึงตั้งชื่อมันวา เหล็กปลายฟา
การสรางสรรคนี้สรางกระแสลือลั่นไปทั่วผูคนนับไมถวนยินยอมจายเงินกอนโต
เพื่อซื้อเศษเล็กๆ ของมัน แตพวกเขากลับถูกบิดานางปฏิเสธ เนื่องจากผลึกแกวสีฟา
นั้นไมสมบูรณเขาจึงยังคงขัดเกลามันจนกระทั่งเหลือเพียงแคชิ้นเล็กๆ แตเปนชิ้นที่
สมบูรณแลวในสายตาเขา ซึ่งนำมาใชเปนปลายทวนของเมฆายอมสวรรค
ไมวาจะเปนกระดูกวาฬเมฆาหลังคอมหรือผลึกแกวสีฟา
พวกมันลวนเปนของที่มีคุณภาพสูงล้ำ เมื่อเมฆายอมสวรรคถูกสรางขึ้น มันก็
กลายเปนหนึ่งในยอดอาวุธธาตุน้ำของอูสิงเทียน
แมวาจะมีการหลั่งเลือดอยูทุกวัน เมฆายอมสวรรคก็ยังไรมลทิน ไมวาอะไรจะ
เกิดขึ้นมันก็สามารถใหกำลังใจกับซือเสวี่ยมั่นไดเสมอ นางสัมผัสไดถึงความชวยเหลือ
ของบิดาผานทางมัน ในใจของนางเขาเปนเหมือนเทพผูพิทักษที่ปกปกทุกผูคน
นางหวังวาจะไดเปนเชนบิดา ชวยเหลือและปกปกผูคนอยางไมเห็นแกตัว
เสียงโหยหวนที่เริ่มเลือนรางดานนอกถูกทดแทนดวยเสียงขบเคี้ยวของมดโลหิต
คอยยั่วยุนางอยางสุดซึ้ง นางยิ่งกวาโกรธแคน
อันที่จริงนางรูดีวาเหตุใดนางจึงคลั่งแคน
นางเคยภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองและเชื่อมั่นอยางมากวานางจะเปน
เชนบิดาได แตเมื่ออันตรายกล้ำกรายเขามา นางกลับไมอาจปกปองทุกคนไดเฉกเชนที่
บิดาทำ ถึงขั้นที่ตัวนางเอง...กลายเปนภาระใหกับผูอื่น
ณ จุดนี้ สาวนอยผูใชพลังธาตุน้ำดูราวกับลูกไฟที่เดือดดาลไรซึ่งความกลัว
ซือเสวี่ยมั่นที่ทรงพลังขึ้น ทำใหอายฮุยรูสึกกดดันนอยลงในทันที เขามองไปทางความ
บาคลั่งของซือเสวี่ยมั่นอยางชวยไมไดและคิดในใจวา เปนผูหญิงที่ปาเถื่อนอะไรปานนี้
นางราวกับเปนอสูรปาในรางมนุษย!
เมื่อเปรียบกับซือเสวี่ยมั่นแลวตวนมูหวงฮุนนั้นไมโหดรายเทา อันที่จริงเขาดูไม
รอนรนอะไรเลยการกระทำของเขานั้นแตกตางไปจากไมกี่วันกอนอยางสิ้นเชิง แมวา
เขาจะไมมีประสิทธิภาพเทากับอายฮุยแตเขาก็ไมเคยพลาดแมสักครั้ง
[บุบผาเขียวขจี] อันนาทึ่งของเขาทำใหอายฮุยตะลึงงันเล็กนอย
นี่ไมใชครั้งแรกที่อายฮุยไดเห็น [บุบผาเขียวขจี] ของเจาคนเนรคุณ แตในอดีตมัน
ไมตางอะไรกับบุคลิกของไอเนรคุณ ดูนาประทับใจแตอันที่จริงแลวไรคา อยางนอย
สำหรับอายฮุยแลว ทักษะที่ดูเจิดจรัสนั้นออนแอและไมมีความสำคัญสักนิด
แตทวาวันนี้ [บุบผาเขียวขจี] ที่เจาคนเนรคุณแสดงออกมานั้นแตกตางออกไป
บอกไดคำเดียววา เหลี่ยมจัด!
เหลี่ยมจัดจริงแท!
มันปรากฏขึ้นและหายไปในฉับ พลั น เริ ่ มจากการโจมตี ท ี ่ ด านซ ายแต ก ็พลัน
เปลี่ยนไปอยูดานขวาในพริบตา เหลี่ยมจัดจริงๆ!
หมอนี่ผานรูแจงมา!
แมวาเขาจะนิสัยไมดี แตสมองไมเลวเลย
ในไมชาอายฮุยก็ไดรับรูถึงพลังของ [บุบผาเขียวขจี] มันเปลี่ยนแปลงอยางไมอาจ
คาดเดาไดสามารถโจมตีจากทุกทิศทางอีกทั้งยังมีระยะจูโจมที่กวางขวาง
ถาหากวาหมอนี่รูจักที่จะรวมมือ...
ความคิดแวบขึ้นมาในใจของอายฮุย [บุบผาเขียวขจี] ของตวนมูหวงฮุนนั้ นดู
ออนแอ แตวามีเลหกลมาก ลอบเรน และยังมีระยะโจมตีที่กวางไกล มันถูกสรางขึ้นมา
เพื่อทำงานรวมกันเปนกลุม
“เจาเนรคุณ! รวมมือกัน!” อายฮุยตะโกน
เนรคุณ...เจาคนสารเลวนี่! กลาดีอยางไรมาเรียกขาวาเนรคุณตอหนาคนอื่น!
บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ!
ความเกรี้ยวกราดเดือดพลานอยูภายในอก พรั่งพรูขึ้นมาอยางรุนแรง เขากำลังจะ
อาปากกนดาแตสิ่งที่ออกมากลับเปน “จะ...จะใหรวมมืออยางไร”
บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ!
ทำไมขาถึงไดพูดออกไปแบบนั้น ผิวของตวนมูหวงฮุนกลายเปนสีแดงดวยความโกรธ
“ปงหวานดู โหลวหลานรวมมือกัน เราจะทำใหดู แบบนี้”
โหลวหลานกลายสภาพเปนเมฆทรายลอยอยูบนฟาทำหนาที่เปนกับดักฝูงมดโลหิตที่
กระโดดเขาหาอายฮุยถูกโจมตีโดยไมทันตั้งตัวก็รวงลงสูพื้นตรงจุดที่อายฮุยยืนอยู
ฉั่ว! รังสีกระบี่วาดขึ้นจากดานลางผาพวกมันขาดครึ่ง
“แลวก็นี่!”
เขายังพูดไมจบมานทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหนาของฝูงมดที่พุงเขามาบดบังการ
มองเห็นของพวกมันไวแตมานทรายบางๆ เชนนี้จะขวางกั้นพวกมันไวไดอยางไร
ปง พวกมดโลหิตพุงผานมานทรายเขามาอยางรุนแรง
แตสิ่งที่รอรับพวกมันอยูคือรังสีกระบี่
“แลวก็นี่!”
“นี่!”
“นี่!”

ตวนมูหวงฮุนตกตะลึงกับสิ่งที่โหลวหลานแสดงใหดู มีกระบวนทามากมาย แมจะ
ไมมีพลังกลาแกรง แตก็ตานทานมดโลหิตไดอยางมีประสิทธภาพ
อายฮุยนั้นยิ่งทรงพลังกวา หากมีมดลอดผานเขามาไดมันจะถูกจูโจมโดยรังสี
กระบี่ราวกับฉลามไดกลิ่นเลือดหรือเจาหนี้ไดกลิ่นเงิน...
บัดซบ! ทำไมขาตองคิดถึงเจาหนี้ดวย...
ตวนมูหวงฮุนสบถออกมาในใจ แตก็ไมอาจปฏิเสธไดวาการรวมมือระหวางอายฮุยกับ
โหลวหลานนั้นชางสอดผสานกันอยางนาตื่นตะลึง
อายฮุยอยูในสภาพที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพลิงสันหลังมังกรในมือของเขาไมหยุด
แมสักครั้ง มันฟาดฟนออกอยางตอเนื่องครั้งแลวครั้งเลา เสียงสั่นสะเทือนเบาๆ ดังขึ้น
ไมขาดสายตามจำนวนมดโลหิตที่หลุดรอดเขามาถูกฟาดทำลายลงอยางตอเนื่อง
นี่พวกเขา...กำลังเชือดไกกันอยูหรือไง
ในเวลาสั้นๆ ซากศพของมดโลหิตบนพื้นก็เพิ่มขึ้นนับสิบ กระบวนทามากมายของ
โหลวหลานนั้นแปลกประหลาดและไมอาจปองกันได และความสามารถในการตอบโต
ของอายฮุยนั้นก็สูงยิ่ง ไมเคยพลาดเปาแมแตครั้งเดียว
สิ่งที่ตวนมูหวงฮุนสงสัยที่สุดก็คือ ผูใชพลังธาตุที่ทรงพลังเพียงใดกันนะที่สรางตุกตา
ทรายที่ชั่วรายเชนนี้ขึ้นมาได เขาพลาดขาวของพวกผูใชพลังธาตุดินอยางนั้นหรือ
แตเมื่อคิดอีกทีก็ไมมีอะไรนาประหลาดใจนัก มีแตตุกตาทรายที่ชั่วรายแบบนี้
เทานั้นที่จะสมรูรวมคิดกับเจาสารเลวนั่นได คนจำพวกเดียวกันถึงอยูดวยกันได
แลวเขาอุตสาหเคยคิดวาโหลวหลานเปนตุกตาทรายที่นารัก!
ตวนมูหวงฮุนสีหนาเครงขรึม พลางหัวเราะออกมาอยางชั่วราย ขามองทะลุการ
พรางตัวของเจาแลว!
ขาตวนมูหวงฮุนผูซื่อตรงจะไมเกลือกกลั้วกับพวกโสโครกเชนเจา!
“เขาใจหรือยัง รูหรือยังวาตองทำอยางไร มาลองดูสิ” " อายฮุยถามพลางกวัด
แกวงกระบี่
ตวนมูหวงฮุนยืนนิ่งหายใจออกมาอยางดูถูก
“เจายังเรียนรูไมไดอีกหรือ” อายฮุยรูสึกตกใจในความโงเงาของตวนมูหวงฮุนเจา
หมอนี่เปนผูมีพรสวรรคจริงๆ หรือ
แหม แหมเจาคงไมคิดวาการยั่วยุแบบนี้จะไดผลกับขาหรอกนะ ตวนมูหวงฮุน
หัวเราะออกมาอยางกระแทกกระทั้น
“โหลวหลาน ทำอีกรอบหนึ่ง เขาเปนพวกหัวชา” อายฮุยตัดสินใจอยางไม มี
ทางเลือก
เฮย เจาคงไมคิดวาขาจะหลงกลหรอกใชไหม ขามองเจาไดทะลุปรุโปรง
ตวนมูหวงฮุนคิดในใจขณะที่เขายังคงยิ้มกวางตอไป
“ไมมีปญหา ขามาแลว ปงหวาน ตังใจดูนะ เจาจะไมเขาใจในครั้งแรกก็ไมเปนไร
หรอก ขาสามารถทำใหดูไดอีกเรื่อยๆ” โหลวหลานตะโกนใหกำลังใจ
“เราทำได!”
“นี่!”
“นี่!”
……
“เจาเขาใจหรือยัง อยาไดทอแท ขาจะทำใหดูอีกครั้ง...เอะ ไมมีมดโลหิตแลว”
ตวนมูหวงฮุนอดทนตอไปไมไหว เริ่มรูสึกเหมือนเปนบา ตะโกนออกมา “พอแลว!
ขาจัดการเอง!”
แปะ แปะ แปะ
มดโลหิตกระโดดขามกำแพงมาจากตรอกไมขาดสาย เมื่อกินอาหารขางนอกจนหมด
พวกมันก็ถูกดึงดูดเขามาดวยกลิ่นเลือดเขมขนดานในโรงฝก ในพริบตาเดียวรั้วก็
กลายเปนสีแดงสด ในขณะที่สายตาโหดเหี้ยมของฝูงมดโลหิตที่จับกลุมกับแนนทำให
ทุกคนขนลุกชูชัน
อายฮุยตะลึงงันไปครูหนึ่ง แตเมื่อไดสติคืนมา เขาก็ถอยออกมาสองสามกาวอยาง
เงียบงันมาอยูหลังตวนมูหวงฮุนแลวกระซิบแผวเบา “เจาเอาเลย”
“...”
บทที่ 179 ใครกลาหาญผูนั้นชนะ!
ซือเสวี่ยมั่นที่ลอยอยูกลางอากาศระเบิดหัวเราะออกมา นางเห็นสิ่งที่เกิดขึ้ น
ทั้งหมดและไมอาจทนกลั้นไวไดอีกตอไป
ความโกรธ การโทษตัวเองและความรูสึกผิดมลายหายไปในทันที เมื่อเปนอิสระ
จากอารมณเหลานั้น นางก็กลับคืนสูความผอนคลายนางคงแคคิดฟุงเกินไปกอนหนานี้
นางไมควรจะรูตัวอยูแลวหรือวานางไมอาจเปนเชนเดียวกับบิดาได มันเปนแคคำ
ชื่นชมและยกยอที่ไดยินอยูทุกเมื่อเชื่อวันทำใหนางหลงตัวเองและหยิ่งผยอง
ดวงตาของนางสวางแจมใส จิตใจที่เคืองขุนสงบลง
เสนทางที่นางตองการเดินนั้นไรที่สิ้นสุดและปลายทางที่ไมอาจไปถึงไดนั้นก็คือ
อันภาพพราเลือนแตก็เปยมบารมีของบิดานาง เขาเปนดั่งภูเขาใหญที่จองมองมายัง
กาวเดินอันคลอนแคลนของนาง
บิดานางตองฝาฟนผานขวากหนามและอสูรอำมหิตมานับไมถวนกวาจะไปถึงจุด
นั้นได เขาตองขามผานผืนน้ำกวางใหญ เดินฝาพายุเกรี้ยวกราด ทนทานตอธารน้ำแข็ง
หนาวเหน็บ ยิ่งไปกวานั้นเขาฝนทนความโดดเดี่ยวที่เสียดแทงกระดูก แบกรับรอย
แผลลึกที่ปกคลุมไปทั่วกาย และเดินทางอยางโดดเดี่ยวไปถึงจุดสูงสุด
แลวความลำบากของนางมีคาเทียบไดหรือไม
หัวใจนางสงบลง
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มอบอุนนุมนวลของทุกคน นางก็รูสึกขอบคุณและยินดีที่มี
เพื่อนรวมกลุมเชนนี้
เสีย งหัว เราะที่สดใสของซือ เสวี ่ ย มั ่ น ทำลายความเงี ย บงั น ที ่ เกิ ดจากสายตา
เหี้ยมโหดของฝูงมดโลหิตที่ใกลเขามา
ตวนมูหวงฮุนหนาแดงวูบ เขารูสึกอับอายจนแทบจะขุดรูหนีไป ทำไมเขาตองเปน
คนที่รูสึกอายทุกครั้งเมื่ออยูใกลอายฮุย
ทำไม...
กอนที่จะหาคำตอบได มดโลหิตบนกำแพงก็พลันเคลื่อนไหว
ประหนึ่งกองทัพนักธนูระดมยิงลูกศรสีแดงออกมาดุจหาฝนจากระยะไกลสูทุง
กวาง ตวนมูหวงฮุนรูสึกวาทุกอยางดำมืดลงเมื่อรูปรางอันนาเกลียดและชั่วรายของมด
โลหิตขยายใหญขึ้นตอหนาตอตาเขา
“ใหขาชวยเจา!” เสียงอันไพเราะดุจเครื่องดนตรีของซือเสวี่ยมั่นดังขึ้นในหูของ
ตวนมูหวงฮุน และวิญญาณของเขาก็ถูกสั่นคลอนตั้ง แตยังเด็กเขาก็ไดรูถึงความ
แข็งแกรงของพี่สาวเสวี่ยมั่น ดังนั้นทุกครั้งที่เขาไดพบนางเขาจะทำตัวเปดเผยเสมอ
การตอสูกอนหนานี้แสดงใหเห็นเดนชัด ซือเสวี่ยมั่นสูกับฝูงมดโลหิตตามลำพัง และไม
เปนรองแมแตนอย ถึงกระนั้นเขาก็ยังประเมินพลังของซือเสวี่ยมั่นต่ำไป
สิ่งที่ซือเสวี่ยมั่นทำตอไปนั้นทำใหทุกคนตกตะลึง นางไมเพียงแตยืนหยัดไมลา
ถอยเทานั้น แตยังเปนฝายเริ่มเขาโจมตีใสฝูงมดที่กำลังคลานเขามากอนอีกดวย
นางดูราวกับวาฬเมฆาหลังคอมสีขาวราวหิมะที่พุงตัวเขาหาฝูงปลาอยางไมออมแรง
เมฆขาวพวยพุงออกมาจากดามทวนราวกับไมเทาแข็งแกรงกวาดซัดฝูงมดโลหิตที่
เคลื่อนตัวเขามาอยางโหดเหี้ยม กอใหเกิดเสียงแหลมคมดังเสียดหู
ตูม!
เสียงระเบิดนับครั้งไมถวนดังขึ ้นอยา งถี่ยิ บรวมเปน เสียงกึกกองอึกทึก ผูที่ มี
ความสามารถในการฟงต่ำจะไดยินเปนเสียงระเบิดเพียงครั้งเดียว เมื่อหาฝนธนูสีแดง
นับสิบระเบิดออก
ภาพอันนาตื่นเตนตรงหนาทำใหทุกคนตกใจไปตามๆ กันรวมทั้งอายฮุยดวย เขา
อาปากคาง ความไมอยากเชื่อฉายเต็มอยูบนใบหนาของเขาเมื่อไดเห็นรางสีขาวฟา
ครอบงำโรงฝก
แมสาวผูนี้เปนผูใชพลังธาตุน้ำจริงๆ หรือ...
เขาจะไมประหลาดใจเลยหากซือเสวี่ยมั่นเปนผูใชธาตุไฟ หรือผูใชพลังธาตุทอง
พี่หลี่เหวยกับพวกหนวยทหารราบลวนยอดเยี่ยมในการปะทะซึ่งหนา ผูใชพลังธาตุดิน
ที่แกรงกราวนั้นหายากแตก็พอจะมีอยูบาง
นับแตเริ่มแรก ผูใชพลังธาตุดินเปนพวกกลอกกลิ้ง ผูใชพลังธาตุไมกลับเปนพวกที่
นิ่งเงียบเครงขรึม ดูจากการวางตัวของเจาเนรคุณนั่นเปนตัวอยางก็ได
แตผูที่นุมนวลที่สุดเลา ยอมเปนผูใชพลังธาตุน้ำอยางแนแท
สิ่งนี้ถูกกำหนดดวยลักษณะเฉพาะตัวของพลังธาตุน้ำ ซึ่งออนโยนและผันแปรไดงาย
มันสามารถเปลี่ยนไปมาระหวางน้ำและเมฆหมอก ซึ่งเมฆนั้นเปนสสารที่ออนโยนที่สุด
ทวาการโจมตีของซือเสวี่ยมั่นนั้นดูเหิมเกริมและเด็ดขาด อายฮุยยอมรับความพายแพ
อายฮุยเคยไดยินคำกลาวที่วาผูหญิงนั้นสรางขึ้นจากน้ำ ตอนนี้เขารูไดในที่สดุ วา
สิ่งที่เรียกวาน้ำนั้นอันที่จริงแลวเปนเหล็กหลอมตางหาก
หญิงใดที่เขาเคยพบไมเห็นจะออนโยนเลยสักคน
แมสาวแปดสิบลานหยวนนั่นก็โหดรายเชนกันอาจบางทีเทียบเทากับซือเสวี่ยมั่น
สตรีเหล็กผูนี้ หนึ่งพันหยวนดูเหมือนออนแอไปเลย แตทวาอันตรายกวาสองคนนั้น
เสียอีก หลังจากหลบหนีมาไดครั้งกอน เขาก็ไดตัดสินใจแลววาจะรีบหนีเมื่อใดก็ตามที่
พบเห็นหนึ่งพันหยวน ยิ่งไกลยิ่งดี
อายฮุยยังตกใจ ไมจำเปนตองพูดถึงคนอื่น แมแตตวนมูหวงฮุนยังลืม [บุบผาเขียวขจี]
ของตนเองไปชั่วขณะหนึ่ง
ทันใดนั้นอายฮุยก็สังเกตเห็นวารางกายของนางมีบางอยางผิดปกติไป จนตองเบิก
ตากวางขึ้นไปอีก
สตรีเหล็กดูเหมือนจะทำการทะลวงผานได...ไมมีทาง...
ความสนใจของทุกคนก็ถูกดึงดูดดวยพลังธาตุที่เพิ่มขึ้นของซือเสวี่ยมั่น สีหนาของ
พวกเขามีทั้งความยินดีและตกใจผสมปนเป ทุกคนตางเบิกตากวางที่สุดเทาที่จะมาก
ได ราวกับกลัววาจะพลาดรายละเอียดใดไป
ฟู!
เมฆที่บิดเกลียวราวกับพืชน้ำดานหลังซือเสวี่ยมั่นและเมฆที่กระจัดกระจายอยู
โดยรอบ รวมไปถึงเมฆที่แผออกมาจากทวน ไหลเขาไปในกายของนางในฉับพลัน
เหมือนกับวาฬสูดหายใจผานชองอากาศ
การเคลื่อนไหวที่เกินจะบรรยายกอนหนานี้หายไปในทันทีโดยไรรองรอย รางกาย
ของนางลอยนิ่งอยูกลางอากาศไรการเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับหมดสติไป
แววตาแปลกๆ ฉายวาบบนดวงตาของอายฮุย เขามีสัมผัสที่หกที่เฉียบคมและ
สามารถสัม ผัสถึงพลั งธาตุภ ายในร า งกายของสตรี เหล็ ก ผู น ี ้ มั น เคลื ่ อ นไหวด ว ย
ความเร็วอันนาตระหนก
มดโลหิตจากทุกที่พุงไปทางซือเสวี่ยมั่นโดยพรอมเพรียงกัน
สีหนาของอายฮุยเปลี่ยนไป สตรีเหล็กกำลังตกอยูในอันตราย!
“ระวัง!”
กอนที่จะกลาวคำเตือนจบ อายฮุยก็พุงตรงไปยังซือเสวี่ยมั่นราวกับรังสีกระบี่ที่
เย็นเยียบเสียดกระดูก
คนอื่นๆ ก็ฟนคืนสติในทันทีสีหนาของพวกเขาพลันเปลี่ยนไป ตวนมูหวงฮุนลอย
ตัวเขาหาซือเสวี่ยมั่นโดยไมลังเลทุกครั้งที่เขากาวไปขางหนา มวลเมฆสีฟาขาวจะ
รวมตัวกันที่ใตเทาของเขาตรงจุดที่สูงที่สุดของยางกาว เขาเหยียบกอนเมฆและกาว
สูงขึ้นไปราวกับวาเขากำลังไตบันไดเมฆอยู
เกาทัณฑไหมทองของซังจื่อจวินบรรจุธนูขนกระตายที่มีมูลคาสูง
เจียงเหวยที่หมดแรงรวบรวมกำลังทั้งหมดยิงลูกศรออกไป
ปุปุปุ!
จำนวนมดโลหิตที่ถูกฟาดรวงลงกับพื้นเพิ่มขึ้นราวกับหาฝน ดวงตาของพวกมัน
เต็มไปดวยความโลภ พลังธาตุที่กอตัวอยูในรางที่ลอยอยูกลางอากาศนั้นเปรียบอาหาร
จากสวรรค ดึงดูดพวกมันเปนอยางมาก
มดโลหิตพวกนี้ไมคอยฉลาด กอนหนานี้พวกมันยังประสานงานกัน แตตอนนี้พวก
มันไดลืมไปจนหมดสิ้นแลว ที่พวกมันคิดก็คือตองพุงเขาหาซือเสวี่ยมั่น
อายฮุยเปนคนที่เร็วที่สุดและปรากฏขึ้นขางกายซือเสวี่ยมั่นเปนคนแรก ภาพ
ตรงหนาของเขามืดลงเพราะฝูงมดโลหิตอันหนาแนนกระโดดเขามาจากทุกทิศทางซึ่ง
บดบังทัศนวิสัยของเขา เขารูสึกถึงความสิ้นหวังอันหนักหนวงราวกับถูกกดทับดวยเขา
ไทซาน
กอนหนานี้พวกมดโลหิตโจมตีอยา งสอดผสานกัน แตตอนนี้พวกมัน ได ละทิ้ ง
วิธีการนั้นไปจนหมดสิ้น พวกมันพุงตัวเขาใสซือเสวี่ยมั่นและอายฮุยโดยไมยั้งคิดซึ่งทำ
ใหอายฮุยไมอาจมองหาทางออกได
เจาเนรคุณมาชาไปครึ่งกาว...
อายฮุยที่ถูกกดดันใหอยูในภาวะสิ้นหวังกลับรูสึกถึงความสงบ เมื่อเผชิญหนากับ
การโจมตีอันยุงเหยิงการคิดที่จะหลบหนีคือการทำลายโอกาสสุดทายในการรอดชีวิต
เขาไดปรับทวงทาของเขาระหวางที่พุงตัวมาหาซือเสวี่ยมั่น เหมือนกับปลาหมึก
ยักษยึดตัวเองติดกับหลังของสตรีเหล็ก เขากระโดดเขาหานางอยางแรงทำใหพวกเขา
ทั้งคูพุงลงตรงไปสูกำแพงรอบนอกของโรงฝกดวยความเร็วสูง เงาสีแดงหนาแนน
ตามมาติดๆ
จากดานหลัง เสียงแหลมบาดหูดังขึ้นในหูของพวกเขาไมหยุดหยอน
อายฮุยใชแขนขาโอบรัดสตรีเหล็ก เขาเจ็บหนาอกอยางมากเพราะกดแนนอยูกับ
เสื้อเกราะของนาง นาเสียดายที่เขาจำเปนตองใชเทาหลังจากนี้...ในตอนนี้เขาทำได
เพียงใชแขนของเขาโอบรางของนางไวกับอกในขณะที่ขารัดตนขาของนางไว
นี่เปนกระดองเหล็กหรือไร...จำเปนตองแข็งขนาดนี้เลยหรือ
หนาอกของเขาตองไดรับบาดเจ็บแนๆ หากเปนเชนนี้ตอไป...
โชคยังดีที่ไมมีเกราะที่ตนขาของนาง เขาไมรูมากอนเลยวาตนขาของนางจะออน
นุมเพียงนี้ มันใหสัมผัสที่นุมมือ...ไมสิ นุมขาตางหาก...
อายฮุยมองไมเห็นสิ่งใดนอกจากกำแพงที่ใหญขึ้นอยางรวดเร็ว มันไมอบอุนใดๆ
มีแตความหนาวเหน็บ ในจังหวะที่พวกเขากระแทกกำแพง สีแดงเลือดฉายวาบผาน
ดวงตาเย็นเยียบของเขา
ใครกลาหาญผูนั้นชนะ!
ขาที่เคยรัดรอบตนขาของซือ เสวี ่ ยมั่ น ดี ดตั ว ออกอยา งฉั บ พลั น เป ดช อ งวาง
ระหวางขาของเขากับรางกายของนาง เขากระแทกเขาใสกำแพงอยางหนักหนวง
ตูม!
มันเหมือนกับวากำแพงถูกยิงดวยปนใหญ กอนอิฐนับไมถวนแตกออกและลอย
ไปสูตรอก
อายฮุยหยิบยืมพลังนี้เพิ่มความเร็วและลอยตัวไปดานหลัง
เสียงรองตระหนกดังขึ้นจากดานหลัง!
ผูที่ไดเห็นฉากนี้ลวนชื่นชมในปฏิกิริยาอันรวดเร็วของอายฮุยซึ่งชวยชีวิตซือเสวี่ยมั่นไว
พวกเขาคาดวาเขาจะแบกนางไวแลวหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
ไมมีใครคาดคิดวาเขาจะถีบตัวกลับและพุงเขาใสฝูงมดโลหิต นี่ไมใชการพุงเขาหา
ความตายหรือ พวกเขายังไมทันไดเขาใจการกระทำอันบาระห่ำของซือเสวี่ยมั่นกอน
หนานี้แลวตอนนี้อายฮุยที่ปกติเยือกเย็นกลับพลันทำตัวบาบิ่น!
ไมมีใครสามารถสามารถรักษาความเยือกเย็นไดอีกตอไป ซังจื่อจวินยิงธนูขน
กระตายออกอยางไมลังเล กอใหเกิดแสงสีเงินราวสายฝนซึ่งพุงเขาสูกลุมของมดโลหิต
ความไมพอใจปรากฏบนใบหนาของเจียงเหวย เขาใชเรียวแรงเฮือกสุดทายยิงธนูสาม
ดอกสุดทายออกไป ตวนมูหวงฮุนไมมีเวลาจะมากังวลเรื่องของคนอื่น เขากัดฟนแนน
จนแทบแหลกละเอียด ดอกไมสีเขียวขจีจำนวนนับไมถวนพุงออกรอบกายของเขา
ราวกับพายุดอกไมโบยบินเขาใสฝูงมด
เงาสีแดงที่รวมตัวกันหนาแนนครึ่งหนึ่งสลายหายไป
แต..ดวยดวงตาที่เบิกโบนจนแทบระเบิด ทุกคนในที่นี้ลวนเห็นอายฮุยกับซือเสวี่ยมั่น
ถูกกลืนเขาไปในเงาสีแดงสด
ตำหนักทั้งเจ็ดในกายของอายฮุยสะดุงกอนที่จะแผพุงพลังธาตุออกมาและหลอม
รวมพวกมันเขาเปนหนึ่ง เลือดหยดเล็กๆ ปลิวออกจากมุมปากเขาเพิ่งจะฟนตัวจาก
อาการบาดเจ็บครั้งกอนและกำลังจะบาดเจ็บอีกครั้ง
ทำไมขาตองเปนคนที่โชครายตลอดเลย...
เขาไมไดเหนี่ยวรังไวแมแตนอยและถายทอดพลังธาตุทั้งหมดไปสูแผนหลัง
มาเลย!
[มัจฉาสะบัดกาย]!
พายุที่ไรเสียงระเบิดขึ้นภายในอกของอายฮุย แตดวงตาของเขายังคงรักษาสีสวาง
สดใสเอาไวได
ปง!
อายฮุยรูสึกวาตัวเองกระแทกเขากับคลื่นที่โหมกระหน่ำ แรงปะทะอันรุนแรงทำ
ใหเขาเจียนหมดสติไป
ตวนมูหวงฮุนและนักเรียนคนอื่นที่เต็มไปดวยความโศกเศราระคนความขุนเคือง
พลันไดยินเสียงระเบิดดังกึกกอง กอนจะเห็นฝูงมดอันหนาแนนระเบิดออก พวกมัน
พลันปะทุรางปลิวกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
จากนั้นพวกเขาก็ไดเห็นอายฮุยและหลังที่อาบไปดวยเลือด
อายฮุยเสียการควบคุมและกระอักเลือดออกมาคำใหญ ซึ่งบังเอิญพุงเขา ใสคอ
ของซือเสวี่ยมั่น
นาเศราที่คองามระหงขาวผองนั้นแปดเปอนดวยเลือด ดูไมงดงามอีกตอไป...
ประสาทสัมผัสของอายฮุยเลอะเลือนพรามัวไปจนไมอาจสัมผัสไดวาสตรีในออม
แขนของเขานั้นทะยานขึ้นฟาอยางรวดเร็ว
บทที่ 180 ทำไมมันไมใชกลองสมบัติ!
ซือเสวี่ยมั่นคอยๆ ฟนคืนสติ
การทะลวงผานระหวางการตอสูนั้นเกิดขึ้นอยางไมคาดคิดและทำใหนางเกือบจะ
เสียชีวิต ผูใชพลังธาตุทุกคนตางตั้งตารอการทะลวงผาน แตเพราะวาอาจเกิดเรื่องไม
คาดคิดขึ้นไดงายๆ ดังนั้นจึงเปนสิ่งสำคัญที่จะเตรียมตัวลวงหนาเปนอยางดี
นี่จึงเห็นไดชัดวาซือเสวี่ยมั่นนั้นขาดซึ่งประสบการณ มันมีสัญญาณมากมายซึ่งบง
บอกวาการทะลวงผานกำลังจะเกิดขึ้น แตมีเพียงผูใชพลังธาตุที่มีประสบการณเทานั้น
ที่สามารถรับรูถึงสัญญาณเหลานั้นไดและเตรียมความพรอมสำหรับการทะลวงผาน
ซือเสวี่ยมั่นที่คอยฟนตัวสามารถสัมผัสไดถึงสภาวะแปลกประหาดในกายของนาง
ไดกอนที่จะลืมตาขึ้นมาเสียอีก
แขนขาของนางถู ก รั ด ไว อ ย า งแน น หนาจากคนที ่ อ ยู  ด  า นหลั ง นางไม อ าจ
เคลื่อนไหวไดแมแตนอย
นี่มัน...
นางตกอยูในความงุนงงชั่วขณะหนึ่ง ความรูสึกอันคุนเคยนี้กระตุนความทรงจำ
หนึ่งที่นางพยายามอยา งหนัก ที่จ ะลื มมั น ขึ ้ น มา มั น กลั บ มาอี ก ครั ้ งอย า งชั ดเจน
และแจมชัด
ในความมืดทุกรายละเอียดนั้นแจมชัดราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความรูสึก
อับอายขายหนาที่ไมอาจบรรยายไดราวกับกระแสไฟฟาไหลผานไปทั่วรางกาย ทำให
นางสั่นเทาอยางไมอาจควบคุมได
นางคิดวาตนไดลืมเหตุการณนั้นไปแลว แตเมื่อเหตุการณใกลเคียงกันเกิดขึ้น
ความคลายคลึงนี้ก็ครอบงำประสาทสัมผัสทั้งหมดของนางไวอีกครั้ง
เวลาไมไดลดทอนความเจ็บปวดและอับอายลง กลับทำใหความรูสึกนั้นรุนแรงขึ้น
ราวกับน้ำเปลาที่เปลี่ยนเปนสุรารสเขม
เมื่อประสบกับการทะลวงผาน พลังทั้งสามของซือเสวี่ยมั่นก็อยูในจุดที่สูงที ่สุด
การกลับมาของอารมณอันแรงกลาจากสวนลึกของจิตใจไดกระตุนความโกรธเกรี้ยวให
ปะทุขึ้น
แมวายังหลับตาอยูกลางอากาศซือเสวี่ยมั่นกำทวนเอาไวในมือหนึ่ง พลังธาตุทั่ว
กายนางเดือดพลาน ราวกับวานางกำลังสงความฉุนเฉียวทั้งหมดไปยังทวน
ทวนไรปรานี!
เมฆายอมสวรรคสั่นเทาสงเสียงครืดๆ เมฆที่ปนปวนพวยพุงออกมาและลอยอยู
รอบดามทวนราวกับวาฬขาวขนาดยักษเคลื่อนตัวดวยเสียงดังกึกกอง
มดโลหิตที่มาสัมผัสถูกกอนเมฆระเบิดออกในทันทีราวกับมันเปนฟองอากาศอัน
เปราะบาง
ดอกไมโลหิตจำนวนนับไมถวนเบงบานในเวลาเดียวกัน กอนเมฆกลมดูราวกับผา
ขาวที่ทำใหทะเลดอกไมโลหิตดูงดงามออนโยน แตภาพอันงดงามนี้ไมไดดำรงอยูนาน
นัก ดอกไมโลหิตก็ละเหยกลายเปนหมอกโลหิ ตและถูกพัดพาออกไปโดยลมหมุ น
กอนที่จะสลายหายไปอยางไรรองรอย
ตูม ตูม ตูม!
กอนเมฆที่ดูเหมือนวาฬเคลือ่ นตัวไปดวยแรงที่ไมอาจหยุดยังไดและกวาดทำลาย
ทุกสิ่งที่ขวางทางโดยไมยั้งคิดราวกับจะชดเชยการละเลยที่เกิดขึ้นกอนหนานี้
กำแพงที่อายฮุยกระแทกเขาใสแตกสลายกลายเปนผุยผง กอนเมฆอันนากลัวพุง
ผานตรอกและตรงไปยังกำแพงอีกฟากหนึ่ง ทำใหเศษซากแตกหักกระเด็นไปทั่ว
แผนดินสะเทือน ภูเขาสะทาน ทองฟาคำรามกอง ประหนึ่งวามีสัตวประหลาดอยู
หางออกไป
ตวนมูหวงฮุนและคนอื่นๆ ตางตกตะลึงชะงักงันไปกับเหตุการณที่เปลี่ยนแปลงไป
อายฮุยกับซือเสวี่ยมั่นตกอยูในภาวะลอแหลมเมื่อไมนานมานี้แตในชั่วพริบตา มด
โลหิตทุกตัวในโรงฝกกลับถูกทำลายสิ้น
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากตนจนจบทำใหตวนมูหวงฮุนและพวกลืมหายใจ
การโจมตีนี้สิ้นเปลืองพลังธาตุในกายของซือเสวี่ยมั่นไปกวาครึ่ง นางลืมตาขึ้น
ความโกรธเกรี้ยวลดทอนลงไปมาก การไดระบายความโกรธออกไปทำใหนางกลับคืน
สูความสงบ
สิ่งที่กำลังรวงหลนอยูในสายตาของนางย้ำเตือนใหรูวาเรื่องยังไมจบ
มดโลหิตที่เหลือรอดจำนวนนอยนิดกำลังดิ้นรนหลบหนีออกจากโรงฝกที่นากลัวนี้
สัตวโลหิตก็กลัวเปนดวย ซือเสวี่ยมั่นคิดในใจ
เดี๋ยว!
สีหนานางหมองคล้ำลงในทันทีเมื่อรูวาผูชายดานหลังนางยังเกาะนางไวไมยอม
ปลอย แตกลิ่นเลือดบนคอของนางชวยลดความฉุนเฉียวลง
นางไมไดละเลยสิ่งที่เกิดขึ้นจนหมดสิ้น อายฮุยไดชวยชีวิตนางไวอยางฉิว เฉียด
และเขาก็ไดรับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติ
ความโกรธหายไปอยางรวดเร็วและแทนที่ดวยความสำนึกผิดและโทษตัวเอง
อายฮุยไดชวยชีวิตนางไวและสิ่งที่นางทำก็คือกลาวโทษเขา ชางอกตัญูอะไร
เชนนี้ เมื่อสงบสติลงนางก็ตกใจกับสิ่งที่นางไดทำลงไป รางกายของนางทำลงไปตาม
สัญชาตญาณโดยไมไดคิดใหถี่ถวน
ถึงแมวานางจะไมอยากยอมรับมัน แตสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกินพอที่จะพิสูจนไดวาการ
ปดตาสูในครั้งนั้นฝงแนนลงไปในความคิดและจิตใจของนาง
นางผลักทวนกระแทกพื้นเพื่อชวยพยุงตัวและเตรียมนำอายฮุยออกจากหลังของนาง
ทวานางตองประหลาดใจที่รูวานางไมอาจดึงแขนและขาของเขาออกได
อายฮุยไดหมดสติไป แตแขนขาของเขานั้นยังคงกัดแนนอยูรอบกายนางด ว ย
ความแข็งแกรงอยางไมนาเชื่อ ซือเสวี่ยมั่นเคยไดยินเรื่องเลาจากแนวรบมากอน ทหาร
บางคนถูกเกาะติดไวกับศพของศัตรูและไมอาจแกะออกได นางไมเชื่อมากอนแต
ในตอนนี้นางไดประสบพบเจอดวยตัวเองแลว
ชางเปนคนที่ยึดมั่นอะไรเชนนี้...
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกทั้งชื่นชมและรำคาญ
ในสถานการณแบบนี้ นางอาจทำรายรางกายของเขาไดหากนางพยายามดึงเขา
ออก ขอตอตางๆ ของเขาอาจหักไดงายๆ
แตวา...มันดูไมงามเลยในตอนนี้...
เพราะทุกคนมองมาที่นางอยางปากอาตาคาง ทำใหใบหนาของนางเปลี่ยนเปนสี
แดงเขม
“ขา...ขาจะเขาไปสักครู”
ซือเสวี่ยมั่นที่ห นา รอ นผะผาวราวถูก ไฟเผาพุ งตัว เขา ไปในหอ งดานในโรงฝ ก
ในทันทีหลังจากพูดจบราวกับกระตายที่โดนไฟรนกน
ความสงบที่ก ลับ คืนมาอยา งฉั บ พลั น ทำให ท ุ ก คนปลดปล อ ยความตึ งเครี ย ด
ทั้งหมดออกไปไดในที่สุด พวกเขาลวนหมดแรงและเริ่มทิ้งตัวลงนอนกับพื้น มีเพียง
ซังจื่อจวินที่คิดถึงภาพลักษณของสตรีและนั่งลงกับพื้นอยางไมเต็มใจ
“ไมคิดเลยวาพวกเราจะรอดมาได”
หวังเสี่ยวซานกลาวดวยความขวัญออนอยูบางดวยสีหนากึ่งยิ้มกึ่งรองไห
ไมมีใครกลาวอะไรเพราะพวกเขากำลังรื่นรมยอยูกับความสงบสุขอันมีคานี้
ความรุนแรงของการตอสูทำใหทุกคนไมอยากจะไปคิดถึงมันอีก มีหลายครั้งที่
พวกเขาคาดวาจะตองตายแนแลว ไมมีใครมีความสุขหลังผานหายนะมาได เพราะ
พวกเขารูดีวา ภัยพิบัติโลหิตนั้นเพิ่งเริ่มตนขึ้นเทานั้น
เสียงการตอสูอันเขมขนจากที่หางไกลดังมาจนถึงโรงฝก เปลวเพลิงและควันไฟพวยพุง
ทามกลางแสงอาทิตย ถึงแมวามันจะอยูหางไกลออกไป พวกเขาก็ยังมองเห็นได
ทองฟาสวางขึ้นแตแสงที่สาดสองออกมาจากดวงอาทิตยที่ลอยสูงขึ้น ไมไดนำ
ความอบอุนมาใหอีกตอไป แตแผความเย็นและความตายอันนาหวาดหวั่น
วันใหมแหงการเขนฆาเริ่มตนเชนนี้เอง
ซังจื่อ จวินมองไปที่ควันสีดำซึ ่ งลอยขึ้ น จากไกลๆ อย า งเหม อ ลอย มั น ลอยสู
ทองฟาไปกับสายลมดูประหนึ่งแถบผาดำที่ใชในงานศพ
นางพึมพำ “ขาสงสัยเหลือเกินวาจะมีคนตองตายกี่คนในครั้งนี้”
ไมมีใครรูคำตอบ
เจียงเหวยพลันสีหนาเปลี่ยนไปเมื่อคิดไปถึงพวกที่อยูในเพิงไม “แลวพวกที่อยูในเพิง
ไมเปนอยางไรบาง”
ทุกคนมองหนากันอยางหวาดกลัว ความรูสึกเลวรายเออลนขึ้นมาในอก
โหลวหลานเปดประตูเพิงไมออก และพวกเขาก็ไดกลิ่นเลือดพวยพุงออกมา หัวใจ
ของเขาเตนไมเปนจังหวะ
ไมมีอะไรเหลือในเพิงไมยกเวนรอยเลือด เศษเนื้อเล็กนอยและซากกระดูก ทุกคน
คาดเดาไดวาพวกมดโลหิตตองไดกลิ่นมนุษยในนี้และมาจัดงานเลี้ยงกัน
ซังจื่อจวินวิ่งออกไปและใชมือยันกำแพงไวกอนอาเจียนออกมาอยางหนัก
เจียงเหวยและตวนมูหวงฮุนยังรักษาความสงบเอาไวไดแตสีหนาของพวกเขาก็ไม
สูดีนัก พวกเขามองหนากันและเขาใจเจตนาของอีกฝายไมวาอยางไรพวกเขาตองเก็บ
เรื่องนี้เอาไว
ซังจื่อจวินอาเจียนอยูครูหนึ่งกอนหยุดลง แมวาหนาของนางจะขาวซีดเชนแต
กอน แตก็รูสึกดีขึ้นมากแลว “มันก็ดีแลว ความตายจบปญหาทุกอยาง”
ภัยพิบัติโลหิตอันนาหวาดกลัว การตอสูที่เหมือนฝนราย การดิ้นรนระหวางชีวิต
และความตาย ทำใหนักเรียนผูออนแอเติบโตขึ้นอยางรวดเร็ว สภาพจิตใจของเขา
แข็งแกรงขึ้นอยางมาก
มันเปนสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด ไมวาจะมีพื้นเพอยางไร ความปรารถนาที่จะมี
ชีวิตรอดเปนสัญชาตญาณที่เกาแกที่สุด ระหวางภัยพิบัติ ความเห็นอกเห็นใจ ความ
สงสาร ความกลัว การลังเลลวนอาจนำไปสูจุดจบที่นาเศราไดทั้งสิ้น
พวกเขานับวาโชคดีที่สามารถมีชีวิตรอดผานการตอสูหลายครั้งที่ผานมา ทุกคนมี
เวลาที่จะเขาใจและปรับตัว
พวกเขาลวนเปนคนฉลาด ทุกคนลวนรูดีวาโชคของตนมาจากไหน
รอยเลือดบนหลังของอายฮุยทำใหทุกคนตึงเครียดขึ้นมา บาดแผลเล็กนอยก็
สามารถทำใหติดเชื้อพิษโลหิตไดแลว
หากอายฮุยไดรับพิษ...
ทุกคนตัวสั่นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนจองมองไปทางหองที่ซือเสวี่ยมั่นเขาไปกอน
หนานี้เปนตาเดียว
แสงในหองนั้นมืดสลัวและซือเสวี่ยมั่นก็ยังปดประตูไว นางไมมีตัวเลือกเพราะนาง
ตกอยูในสภาวะที่นาเกลียดและไมกลาใหใครเห็น
เพราะนางนั่งอยูบนพื้น อายฮุยจึงดูเหมือนสวมกอดนางไวจากดานหลัง ขาของ
เขายังคงรัดตนขาของนางไว
แมวาเขาจะชวยชีวิตนางไว นางก็ยังอยากจะหักแขนหักขาเขาทิ้งใหหมด
เอาละ นางควรจะยกขาของเขาขึ้นชาๆ และระมัดระวัง เขารัดไวอยางแนนหนา
ดังนั้นนางจึงไมอาจยืนตัวตรงได ทำใหนางไมมีทางเลือกนอกจากนั่งตอไป
ในเมื่อไมอาจทำรายอายฮุยได นางจึงสงพลังธาตุเล็กนอยไปที่นิ้วมือของนางและ
ใชมันกระตุนกลามเนื้อขาที่หดเกร็งของอายฮุย นี่เปนวิธีที่ไมรุนแรงวิธีเดียวที่นางนึก
ออกในตอนนี้
อายฮุยกำลังฝน
ในความฝนนั้น เขากับเจาอวนกำลังกอดทอนซุงเอาไว ดิ้นรนอยูทามกลางพายุ
ใหญในทะเล โหลวหลานอยูตรงกลาง
คลื่นขนาดยักษดูประดุจชะงอนผา ลอยสูงขึ้นจากพื้น พลิกตัวไปขางหนา และ
ถลมลง กลบฝงพวกเขาไวจนมิด
ทุกคนกอดรัดทอนซุงเอาไว เกาะเกี่ยวเพื่อชีวิตโดยไมยอมปลอยมือ
เจาอวนบอกวา อายฮุย ขาทนตอไปไมไหวแลว ขาหมดแรงแลว
เขาตอบกลับไป เจาอวน อดทนไว!
เจาอวนกำลังจะหมดสติและกลาววา อายฮุยดีแลวที่ขาจะตายในมหาสมุทร เมื่อ
เจาเผาเงินกงเตกใหขา ก็แคหาชายหาดสักแหงเทานั้น น้ำทะเลลวนเชื่อมตอถึงกัน
หมด ขาตองไดรับอยางแนนอน
โหลวหลานพลันกลาววา เจาอวน ไมตองหวง ถาเจาตาย ขาจะเผาเงิน พริก แลว
ก็กำหนดการฝกฝนไปใหปละเลม
เจาอวนตอบ ไมเปนไร ขาไมอยากจะตายตอนนี้
เมื่อเขากลาวจบ คลื่นก็ไดกระแทกพวกเขาลงในทะเล เขาหัวเราะจนน้ำตาไหล
ออกมาและผสมรวมไปกับน้ำทะเล
พวกเขาลอยขึ้นสูผิวน้ำ
โหลวหลานกลาววา อายฮุย ขาสามารถเปลี่ยนเปนกลองสมบัติไดและใหทุกคน
อยูขางใน เจาสามารถเกาะมันและวายไปยังฝง ชวยทุกคนเอาไว อายฮุยที่งงงวยรูตัว
วาอยูบนหาดทราย กอดกลองสมบัติเอาไวแนน
เขาไมรูวาทำไมกลองสมบัติถึงถูกหอไวดวยเสื้อเกราะ เสื้อเกราะนี้ดูคุนเคย มัน
ไมใชเกราะของสตรีเหล็กหรอกหรือ เปนไปไดไหมวานางอยูขางในดวย เสื้อเกราะนั้น
ถูก ผูก ไวอ ยา งแนนหนา แตมันก็ไม ใช ป  ญ หาสำหรั บ อ า ยฮุ ย เขาถอดชุ ด เกราะที่
หนาแนนกวานี้มามากมายนับไมถวนแลว
อายฮุยพลันกระตุกขึ้นเล็กนอย ทำใหซือเสวี่ยมั่นที่กำลังควบคุมพลังธาตุอยาง
ระมัดระวังตกใจ แตก็เปลี่ยนเปนความยินดี เขากำลังจะตื่นใชไหม
“เจาตื่นขึ้นเสียที...”
เสียงของนางหยุดลงเมื่อสีหนาและรางกายของนางแข็งทื่อ
ในความฝน อายฮุยถอดชุดเกราะออก มันไมใชกลองสมบัติ มันมีอีกชั้นหนึ่ง เขา
เริ่มกังวลและเรงมือถอดอีกชั้นหนึ่งออก
เอ นี่มันอะไรกัน
ทำไมมันไมใชกลองสมบัติ!
ดวยความฉุนเฉียว อายฮุยยื่นมือออกไปควา...
บทที่ 181 พบเปาหมาย
ทันใดนั้น เสียงกรีดรองดังกองฟาก็ทำใหอายฮุยและทุกคนสีหนาเปลี่ยนไป มันคือ
เสียงของซือเสวี่ยมั่น!
มีสัตวโลหิตอยูในหองหรือ
โดยไมเสียเวลาคิดคนกลุมหนึ่งพุงตัวไปยังหองนั้นดวยความเร็วปานสายฟา
ปง! ประตูถูกกระแทกเปดออก
ตรงกลางหองคือซือเสวี่ยมั่นที่นอนอยูบนพื้นดวยความมึนงง ในขณะที่อายฮุยตั้ง
ทาปองกันตัวอยูตรงมุมหอง เขากวาดมองไปทั่วไมหยุด ดูเหมือนกำลังสับสน
“เกิดอะไรขึ้น” ซังจื่อจวินถามขึ้นอยางรอนรน
คนอื่นก็จองมองไปที่คนทั้งสอง
“ขาไมรู” อายฮุยสายหนา “ขาเพิ่งตื่นขึ้นตอนไดยินสตรีเหล็กกรีดรอง นึกวามี
ศัตรูบุก”
เขาแคฝนไป...
อายฮุยเริ่มมีสติมากขึ้นในตอนนี้ เขาจนจำไดคราวๆ วาเขากำลังเปดกลองสมบัติ
อยูในความฝน เขาไดคลายเกราะดานนอกสุดออกแลว แตถูกปลุกใหตื่นดวยเสียงกรีด
รองของสตรีเหล็ก เขาคิดวามีการโจมตีและจิตใตสำนึกสั่งถอยหางออกมาเตรียมตัว
ปองกัน
คนที่เหลือตางหันไปมองที่ซือเสวี่ยมั่น
“ไมมี...ไมมีอะไร” ซือเสวี่ยมั่นฝนยิ้มออกมาและกลาวออกมาอยางเหมอลอย
“บางที ขาอาจจะคิดมากไปเอง”
ทุกคนถอนหายใจออกมาพรอมกันดวยความโลงอก เมื่อไดยินเชนนั้น อายฮุยก็
ทำเชนเดียวกัน
“อายฮุย แผลที่หลังของเจาเปนอยางไรบาง” เจียงเหวยถามดวยความกังวล
“แผลที่หลังหรือ” อายฮุยยืนขึ้นและยืดเหยียดแขนขาที่เจ็บปวดเสมือนวาไมใช
แขนขาของตัวเอง เขาสายหนากลาววา "ขามีผาพันแผลอยูจึงไมไดรับบาดเจ็บ
เมื่อเขาหันหลังใหก็เห็นวารอยเลือดหายไปจนหมดสิ้น ทุกคนตางตกตะลึง หากไมใช
เพราะรูจำนวนมากบนหลังของเขา พวกเขาคงคิดวารอยเลือดพวกนั้นเปนภาพลวงตา
แตเรื่องวาอายฮุยไมไดรับอันตรายทำใหพวกเขาคลายกังวลไดในที่สุดและรูสึกโลงอก
เปนอยางมาก อายฮุยเปนเสาหลักของพวกเขา หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ไมมีใครรูวา
จะตองทำอะไรหรือตองไปที่ไหน
“อาศัยชวงเวลานี้พักผอนกอนเถอะ” อายฮุยกลับคืนเปนปกติ
คนอื่นๆ ก็พยักหนากอนที่จะกระจายตัวกันออกไป การตอสูที่ผานมาได ผลาญ
พลังธาตุของพวกเขาไปจนหมด หลังจากความตึงเครียดและหวาดกลัวทั้งหมดคลาย
ไป สิ่งที่หลงเหลืออยูก็คือความออนลาอยางที่ไมเคยพบเจอมากอน
อายฮุยก็พรอมที่จะทำสมาธิ เขาตองการจะตรวจสอบอาการบาดเจ็บภายในของ
ตัวเอง
เขาสังเกตเห็นวาซือเสวี่ยมั่นไมไดเคลื่อนไหวเลยแมแตนอยจึงถามออกไปดวย
ความกังวล “เจาเปนอะไรหรือไม”
ณ จุดนี้ ซือเสวี่ยมั่นไดสงบสติลงแลว ไมมีความยินดีหรือความโกรธบนใบหนานาง
“ขาสบายดี”
“ตอนนี้มีเวลาก็พักผอนเสีย สัตวโลหิตอาจปรากฏตัวเมื่อไรก็ได” อายฮุยย้ำเตือน
ซือเสวี่ยมั่นพยักหนาแลวเปลี่ยนเรื่อง “เจาเรียกขาวาสตรีเหล็กหรือกอนหนานี้”
สีหนาเครงขรึมของอายฮุยพลันกลายเปนเงอะงะ แยแลว ขาตายแน ทำไมขาถึง
ไดพลั้งปากออกไป ขาแทบรอไมไหวที่จะวิ่งหนีไปจากผูญิงที่ดุรายนางนี้ แลวทำไมขา
ถึงไดไปลวงเกินนาง นี่ขาขุดหลุมฝงตัวเองอยูหรือเปลา
ทำอยางไรดี....ทำอยางไรดี....
สมองของอายฮุยทำงานอยางหนักแมวาสีหนาของเขาจะไมเปลี่ยนไปก็ตาม ใจ
เย็นและมีสติ เขากลาววา “เจาฟงผิดไป ขาพูดวาสตรีตัวเล็กผูออนหวานตางหาก”
“ออหรือ” ซือเสวี่ยมั่นแสยะยิ้มใหอายฮุย
ปฏิกิริยาของนางทำใหอายฮุยเย็นวาบ แตเขาก็รูวาตองไมยอมรับเทานั้น เขาถาม
ดวยสีหนาที่ไมเปลี่ยนกลับไปวา “มีอะไรอีกไหม”
“เจาคิดวาขาออนหวานหรือ” ซือเสวี่ยมั่นถามพลางแสดงสีหนาแปลกๆ ใหอายฮุย
ตอนนี้เขาขนลุกเกรียวไปทั้งราง หลังจากผานประสบการณเฉียดตายมานับครั้ง
ไมถวน อายฮุยแสดงความมั่นคงทางจิตใจออกมา ในเวลาเชนนี้ตองรักษาทาทีเอาไว
หากเขาไมพยายาม สตรีเหล็กตองแสดงใหเขาเห็นอยางแนนอนวาเหล็กที่แทจริง
แลวเปนเชนไร!
เขาใชความคิดอยางรวดเร็ว วาตามตรง เขาไมคิดวา “สตรีออนหวาน” จะเขา
กับซือเสวี่ยมั่นได แตเขาก็ไดพูดออกไปแลว ดังนั้นเขาก็ตองยืนกรานตอ ไปไม ว า
อยางไร!
อยางไร...
แสงแหงปญญาฉายวาบในความคิดของเขา และเขาก็กลายเปนหนักแนนมั่นคง
ขึ้นมาในทันที กลาวอยางเปนธรรมชาติวา “เจาเปนผูใชพลังธาตุน้ำ จึงทำใหขานึกถึง
เมฆและน้ำพุบนภูเขา และเชนเดียวกับผูคนในดินแดนเกาพูดกัน น้ำพุจากภูเขานั้นมี
รสหวาน”
ใบหนาที่แสยะยิ้มของซือเสวี่ยมั่นพลันแดงขึ้นมา
เห็นเชนนั้น อายฮุยจึงรีบฉวยโอกาสเพื่อจบการสนทนา “เฮอ ทำเปนวาขาไมได
พูดอะไรก็แลวกัน ขาตองไปตรวจสอบสภาพรางกายแลว”
ตองอยูใหหางจากสตรีเหล็ก!
อายฮุยเดินออกไปดวยทาทีปกติ สีหนาเยือกเย็นแมวาเขาอยากจะพุงตัวออกไป
จากหองนี้โดยเร็วที่สุด
เจียงเหวยแจงเขาวาพวกที่อยูในเพิงไมไดกลายเปนเศษกระดูกไปแลว อายฮุย
พยักหนาโดยไมพูดอะไร เขาแทบไมมีเวลามาหวงชีวิตของตัวเอง ไมตองบอกก็รูวาเขา
ไมใสใจเรื่องการตายของคนพวกนั้น หากแมแตเจียงเหวยกับซังจื่อจวินยังรักษาความ
สงบเยือกเย็นเอาไวได ก็ไมจำเปนตองกลาวถึงอายฮุย
นาสงสัยวาจะมีคนตองตายกี่คนในวันนี้
อา ยฮุย นั่งอยูใตตนขาวสาร สู ดหายใจเข าลึ ก เขาเพิ ่ งรู  ตั ววา การพูดแคสอง
ประโยคก็ทำใหเขาตองหลั่งเหงื่อไปทั่วกาย
ทวาอยางนอยเขาก็สามารถหลอกนางได ดีที่มันผานไปแลว ดีที่มันผานไปแลว...
ภายในหองแสงอาทิตยสาดสองผานหนาตางเขามา ฝุนผงลองลอยใหเห็ นใน
ลำแสงนั้น มันเปนความสงบที่ไมอาจบรรยายได
ภายใตแสงที่สาดสอง ดวงตาที่กึ่งปดของซือเสวี่ยมั่นดูราวกับนักลาที่กำลังรอ
เหยื่อ นักลากระซิบดวยเสียงที่เย็นเยียบ “ในที่สุดก็หาเจาพบ”
ความเจ็บปวดที่หนาอกย้ำเตือนนางวาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไมใชภาพลวงตา ไมมี
ใครที่เขามาในหองสังเกตเห็นสายรัดบนเสื้อเกราะนางถูกปลดออก
ประวัติศาสตรชางซ้ำรอยไดอยางไมผิดเพี้ยน
นางเขาใจแลววาทำไมปฏิกิริยาของนางถึงไดรุนแรงนักเมื่ออายฮุยกอดรัดนาง
เอาไว มันไมใชเพราะเหตุการณที่ลืมไมลงนั่น แตเปนเพราะตอใหนางยังไมอาจรูความ
จริงจิตใตสำนึกของนางก็สามารถรับรูไดถึงความคลายคลึงของประสบการณทั้งสอง
มันทำใหนางมั่นใจเต็มเปยมวาอายฮุยแทที่จริงแลวก็คือผูชายในการประลองป ดตา
ตอสู มันเปนเพราะวิธีที่เขาใชในการคลายเสื้อเกราะของนาง...เหมือนกันไมผิดเพี้ยน
การเคลื่อนไหวแบบเดียวกัน และการควาจับที่นารังเกียจนั่น...
หนาของนางกลายเปนสีแดงอีกครั้ง นางกัดฟนกรอด ไมจำเปนตองตรวจสอบ
นางรูวามันจะมีสิบรอยนิ้วมือ!
สิบ...เพิ่มขึ้นมาอีกหาจากครั้งกอน!
เดนนรก! บัดซบ! ความโกรธเกรี้ยวในอกของนางเออลนขึ้น นางไมอาจทนรอที่จะ
สังหารเจาสารเลวนี่ดวยทวนของนาง
ไม มันสบายเกินไปสำหรับเจานั่น!
เพลิงพิโรธเผาไหมอยูในตาของนาง นาอับอายเพียงใดที่นางตองตกอยูในสถานการณ
เลวรายแบบเดียวกันถึงสองครั้งสองครา นางตองการใหอายฮุยชดใชเปนพันเทา!
ใชแลว มันตองเปนเชนนั้น!
ซือเสวี่ยมั่นยิ่งกวามั่นใจ นางใหคำสัตยอยูในใจวาจะไมมีวันลืมเวลานี้
ความเกรี้ยวโกรธในอกของนางบรรเทาลงและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก นาง
ไมไดเสียหายมากนักในครั้งนี้ แตนางพบเปาหมายแลว ตราบใดที่นางมีเปาหมาย
ชัดเจน นางก็มีวิธีมากมายที่จะจัดการกับเขา
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติโลหิต
นางจะปลอยใหอายฮุยตายไดอยางไร อยางนอยที่สุดเขาก็เปนคนชวยชีวิตนาง
แนนอนวาบุญคุณตองทดแทน แตแคนก็ตองชำระ...หึหึ น้ำพุบนเขา ขาจะใหเจารูวา
มันหวานเพียงใด...
จิตใจที่อยากตอสูของซือเสวี่ยมั่นสูงเปนประวัติการณ นางชางตื่นเตนยิ่งนัก
อายฮุยตรวจสอบสถาพอาการบาดเจ็บภายในของตัวเองใตตนขาวสาร สิ่งที่ทำให
เขาโลงอกขึ้นมาบางก็คือ ตำหนักทั้งเจ็ดของเขายังคงสภาพเอาไวได มันเปนสิ่งที่เขา
เปนหวงมากที่สุด ทายที่สุดแลวตำหนักเหลานี้เคยถูกทำลายลงครั้งหนึ่งและฟนฟู
กลับมา เขาไมอาจแนใจไดเลยวาพวกมันจะรับแรงกดดันอันหนักหนาไดหรือไม
ใจขณะที่เขาใช [มัจฉาสะบัดกาย] ในการปองกัน เขาก็ใช [เปยโตว] ไปพรอมกัน
ดวย ดังนั้นผลกระทบจากการโจมตีไดถูกกระจายไปยังตำหนักทั้งเจ็ดอยางเทาเทียม
กัน
มันดูเหมือนวาในตอนนี้ตำหนักทั้งเจ็ดนั้นพึ่งพาไดยิ่งกวาที่เขาคาดเดาไว
มั่นใจวาแลวตนไมไดรับบาดเจ็บก็จองไปยังตนขาวสารอยางเหมอลอยอยูครูหนึ่ง
กอนจะคนหาพูกันและเขียนลงไปบนใบไม
“ตั ้ ง แต เ หตุ ห มาป า โลหิต การเสี ย เลื อ ดเนื้ อ ก็ม ากขึ้ น เรื ่ อ ยๆ ป า นอกเมื อ ง
กลายเปนรังของพวกสัตวโลหิต ปาสามารถกลืนกินสัตวโลหิตที่ออนแอและถายพลัง
ของพวกมันไปสูสัตวโลหิตที่กำหนดไวเพื่อสรางตัวที่แข็งแกรงกวาขึ้นมา นี่คือสิ่งที่
เรียกวาการกลั่นโลหิต ทั่วทั้งเมืองถูกโจมตี เราปะทะกับฝูงมดโลหิตสองฝูง โชคยังดีที่
เรารอดมาได”
อายฮุยไมรูวาทำไม แตเขาตองการจะบอกคนผูนั้นที่เรียกตัวเองวานักโทษ เขา
ตองการจะบอกวาตัวเองเกือบตายและเมืองก็ลุกเปนไฟ เขาไมไดกลัวแตรูสึกเศรา
หมองอยางไมอาจบรรยายได
เขาอยากจะเขียนอะไรบางอยาง บอกเลาอะไรบางอยาง
ไมวาความลับหรือคำแนะนำใดเกี่ยวกับการไมไปยุงเกี่ยวกับโลหิตแหงเทพลวน
ถูกลืมไป บางทีพวกเขาอาจตายในวันนี้ ใครจะมาสนใจกันเลา
เมื่อมองดูสิ่งที่เขียนคอยๆ เลือนหายไป อายฮุยก็จมจอมอยูในความคิด
เขาฟนคืนความมีชีวิตชีวา นี่ตนยังไมตายใชหรือไม
เขาคิดเกี่ยวกับความฝน เขาใหกำลังใจเจาอวนไมใหยอมแพกับชีวิต เอะ เจาอวน
เสียงพนไฟดังเขามา และเขาก็สามารถหาเจาอวนพบอยางงายดาย เจาอวนนั้น
เหมือนเครื่องพนไฟที่ไมรูจักเหน็ดเหนื่อย เขายังคงพนไฟตอไปไมยอมหยุด
ทันใดนั้น อายฮุยก็คิดถึงภาพบางอยางในการตอสูครั้งกอน
เจาอวนนั้นไมไดรับอันตรายแมแตนอย...และเขายังชวยปองกันเจียงเหวย ซังจื่อจวิน
และหวังเสี่ยวซาน...
ดวงตาของเขาเปนประกายวูบ ใชแลว สัตวโลหิตโจมตีใสพวกที่อยูในเพิงไม โจมตี
ทุกคนยกเวนเจาอวน!
เปนไปไดหรือไมวามีบางอยางในตัวเจาอวนที่มันเกลียด
หากพวกเขาสามารถคนพบวาเปนอะไร จะเปนไปไดหรือไมวาเขาจะสามารถ
ยับยั้งมดโลหิตและกันมันใหอยูหางจากผูคนได
อายฮุยตกตะลึง!
สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือไฟ สัตวปาจำนวนไมนอยที่กลัวไฟตามสัญชาตญาณ เปนไป
ไดไหมวามดโลหิตก็เปนเชนเดียวกัน
ไม พวกที่อยูในเพิงไมมีผูใชพลังธาตุไฟอยูดวย แตพวกเขาก็ถูกกินจนเหลือแตเศษ
กระดูก แมแตเสื้อผาที่มีพลังธาตุไฟยังถูกมดโลหิตกินไปจนหมดสิ้น
ถาไมใชไฟแลวเปนอะไร
หรือวาจะเปน...พริก
อายฮุยถามโหลวหลานดวยเสียงอันดัง “โหลวหลาน นอกจากไขงูปกเพลิงกับ
พริกแลว มีอะไรอีกบางในน้ำแกงมังกรของเจาอวน”
“หญากระบี่ดารา ยี่หราสามเหลี่ยม แปงไมนิ่ม” โหลวหลานตอบอยางแมนยำ
พวกมันเปนวัตถุดิบที่เห็นไดทั่วไป อายฮุยรูสึกมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองมาก
ขึ้น เขาถามขึ้นอยางเรงรีบ “เรายังมีพริกเหลืออีกไหม”
“มีเหลืออยูบาง” โหลวหลานมองอายฮุยอยางสงสัย
อายฮุยรูสึกยินดีเปนอยางมากพูดอยางรวดเร็ววา “เอาออกมาใหหมดเลย!”
“ไมมีปญหา อายฮุย”
บทที่ 182 สูญเสียครั้งใหญ
ไมวาพวกเขาจะมองอยางไร สิ่งที่อายฮุยกำลังทำอยูนั้นก็ดูนอกรีตอยางมาก แต
เมื่อเห็นสีหนาจริงจังของเขาแลวก็ทำใหพวกเขายอมรับมันไดโดยไมงอแงมากนัก การ
ตอสูสองสามครั้งที่ผานมาทำใหพวกเขารูดีวาตัวเองลาหลังกวาอายฮุยเพียงใด ดังนั้น
พวกเขาจึงลดความสงสัยในการกระทำของอายฮุยลงไปมาก
โหลวหลานนำเอาพริกที่เหลือทั้งหมดออกมา
พริกเปนวัตถุดิบที่หาไดทั่วไปและเปนที่ชื่นชอบของผูใชพลังธาตุไฟ
ในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน ผูบำเพ็ญตนใชชีวิตอยางเรียบงายและมีความสุข
กับอาหารเลิศรส พวกเขากินขาววิญญาณและดื่มชาวิญญาณ พวกที่ร่ำรวยกวาก็กิน
อาหารวิญญาณที่บมมาเปนเวลานานโดยปกติแลวก็อาจนานนับหมื่นป อาหารพวก
นั้นไมเพียงแคมีพลังสูงทวายังเปนสัญลักษณของอำนาจและความมั่งคั่ง
อูสิงเทียนที่เพิ่งกอตั้งไดไมนานมีประวัติศาสตรแคพันป อาจนอยกวานั้นดวยซ้ำหาก
เริ่มนับจากตอนที่พวกเขาเริ่มไดเปรียบแดนรางเปนครั้งแรก ผูที่อาศัยอยูในอูสิงเทียน
นั้นจะใหความสำคัญกับประโยชนที่ไดจากอาหารที่กินมากกวา ตัวอยางเชน อาหาร
พลังธาตุที่มีสวนสำคัญในการฝกฝนของผูใชพลังธาตุทุกคน พลังที่แฝงอยูคือสิ่งที่ไดรับ
ความสนใจมากที่สุดของอาหารพลังธาตุ
ความนิยมของอาหารพลังธาตุเปนแรงผลักดันใหผูใชพลังธาตุไมมุงมั่นทุมเทกับ
การบมเพาะวัตถุดิบที่ถูกเลือกสรร พริกก็เปนตัวอยางหนึ่งของวัตถุดิบที่ถูกหลอเลี้ยง
ขึ้นมา
พริกนั้นมีพลังธาตุไฟสะสมเอาไวมากมาย แมวาจะไมถือวาทรงพลังมากนัก ทวา
พลังธาตุไฟในพริกนั้นมีความพิเศษเฉพาะตัวซึ่งชวยกระตุนความมีชีวิตชีวาใหกับพลัง
ธาตุในกายของผูใชพลังธาตุไฟ
พลังธาตุไฟนั้นมีชีวิตชีวาที่สุดในหมูพลังธาตุทั้งหา
ความมีชีวิตชีวาเปนสวนที่สำคัญที่สุดของพลังธาตุไฟมากถึงขนาดที่วาเปลวเพลิง
อันสรางขึ้นจากพลังธาตุไฟที่มีชีวิตชีวามากกวาจะเผาไหมไดรอนแรงกวา หากมันเปน
ไฟเย็นอุณหภูมิของมันก็จะต่ำมาก
ผูใชพลังธาตุไมทุมเทกับการเพาะพันธุพริกอยางไมยั้งมือ สรางสายพันธุตางๆ ที่
ยอดเยี่ยมออกมาไดมากมาย
พริกทุกเม็ดจากสายพันธุลาวามีขนาดประมาณนิ้วกอยและโคงงอเล็กนอย เมล็ด
ที่เรียงตัวอยางเปนระเบียบสามารถมองเปนผานเปลือกที่โปรงใสเหมือนแกวผลึกสี
แดง นานๆ ทีก็จะมีเมล็ดใดเมล็ดหนึ่งพนเปลวไฟออกมาทวมโพรงภายในเม็ดพริก
แนนอนวาพริกแบบนี้ไมอาจกินไดตามใจ
แมวาพลังธาตุที่อยูในพริกอาจเปนประโยชนมากมาย แตมันก็ทำใหแสบเคือง
อยางมากและคอนขางทาทายสำหรับผูที่กินมันเขาไป สายพันธุที่ยิ่งโดดเดนก็จะยิ่งมี
พลังและความระคายเคืองของพลังธาตุก็จะยิ่งสูงขึ้น หลังจากเพาะพันธุอยูหลายรอบ
ผูใชพลังธาตุไมก็ไดเพิ่มระดับความเผ็ดขึ้นไปอีกระดับ เปนระดับที่วานี้ก็คือ ความเผ็ด
ไมใชเพียงรสชาติอีกตอไป หากแตเปนประสบการณ
ใครก็ตามที่กลาเผชิญความทาทายนี้จะไดสัมผัสกับประสบการณที่ทั่วทั้งรางถูก
เผาไหม จะรูสึกราวกับวามีไฟพวยพุงออกมาจากทุกรูขุมขน ราวกับพวกเขาตกลงไป
ในหินหนืด หรือคิดวาตัวเองเปนเนื้อบนเตายาง
ความกาวหนานี้ไดยกระดับของพริกจากวัตถุดิบทั่วไปกลายเปนวัตถุดิบพิเศษของ
ผูใชพลังธาตุไฟ มีเพียงผูใชพลังธาตุไฟที่สามารถทนกับพลังธาตุที่รุนแรงนากลัวเชนนี้
ได ทุกวันนี้ก็ยังมีพริกบางสายพันธุที่แมแตผูใชพลังธาตุไฟก็แทบไมอาจฝนกินเขาไปได
ภายใตการทุมเทอยางบาคลั่งของผูใชพลังธาตุไม วัตถุดิบอาหารจำนวนไมนอยที่ได
เปลี่ยนสภาพไปอยางเหลือเชื่อ
การใชพริกในการยับยั้งพวกมดโลหิตนั้นไมใชเรื่องลอเลน
ในแดนราง อายฮุยไดทำและไดเห็นสิ่งที่แปลกประหลาดกวานี้มาแลว ตั้งแตการ
ทาโคลนบนตัวเพื่อกลบกลิ่นไปจนถึงการใชน้ำจากพืชเพื่อขับไลแมลงมีพิษ เขาเคยพบ
เห็นมาหมดแลว แลวจะแปลกอะไรกับแคการใชพริก
โหลวหลานนั่งขางอายฮุยและถามดวยความสงสัย “อายฮุยอยากกินพริกขึ้นมาเหรอ”
“เปลา” อายฮุยตอบโดยไมเงยหนาขึ้น “ขาคิดวาพวกมดโลหิตเกลียดกลิ่นของพริก”
“จริงหรือ” โหลวหลานถามอยางสนใจ
“ขายังไมแนใจ แตไมลองก็ไมรู” อายฮุยตรวจดูพริกแลวก็พบปญหาอยางรวดเร็ว สิ่ง
ที่ดูแตกตางกันตรงหนาเขาลวนเปนพริก มีทั้งสีแดง สีเหลือง สีเขียว หรือแมแตสีดำ
ใหญบาง เล็กบาง บางก็มีรูปทรงแปลกๆ
พวกมดโลหิตเกลียดพริกทุกชนิดหรือวาแคบางชนิดกันแน
ชางมัน ลองดูกอนก็จะรูไดเอง
อายฮุยหยิบพริกขึ้นมาอยางละนิดอยางละหนอยเริ่มบดเปนชนิดๆ แยกกัน กลิ่น
ฉุนลอยอบอวลไปทั่วเมื่อเขาลงมือบดพริกจนกลายเปนผง ผงของพริกบางชนิดจะมี
ประกายไฟเล็กๆ ออกมาเชน พริกลาวา
เขาโรยผงพริกเปนวงรอบโรงฝก เพื่อทดสอบวาชนิดใดที่สามารถขับไลมดโลหิต
ได เขาไดบันทึกตำแหนงของพริกแตละชนิดเอาไว โหลวหลานเองก็ลงไปชั้นใตดินเพื่อ
โปรยผงพริกเชนกัน
มดโลหิตไมใชนักสูที่ทรงพลังดวยตัวของมันเองอยูแลว แตมันทรงพลังเมื่ออยูเปน
กลุมเคลื่อนไหวเปนฝูง และพวกมันก็ชำนาญในการโจมตีจากใตดินอีกดวย
อายฮุยรูสึกหมดแรงหลังจากจัดการเรื่องเกี่ยวกับพริกนี้เสร็จสิ้น
เขาไมไดนั่งลงแตก็เริ่มโคจรพลังธาตุในขณะที่อยูในทาฝกกระบี่ เขายินดีที่มี
โอกาสทำสมาธิไดในที่สุด
เขาไดทำสิ่งที่ทำไดไปหมดแลว สิ่งที่เหลือก็คือตองอดทนรอ
เขารูสึกเจ็บปวดไปทั่วรางเพราะความเหนื่อยลาที่ทวมทนไปทั่ว แตเขาไมอาจ
นอนหลับไดในตอนนี้ เพื่อทำใหตัวเองตื่นตอไป อายฮุยจึงพากเพียรไปกับการเคลื่อน
พลังตามวงโคจรไหลเวียน
ความเจ็บปวดของรา งกาย ความเหนื ่อ ยล า สายลมและเสีย งต อสู จากที ่ไกล
ออกไปคอยๆ เลือนหายไปจากจิตใจของเขาราวกับมีกระแสคลื่นพัดพาออกไป โลก
รอบตัวเขาคอยๆ จางหายไปเมื่อเขามุงสมาธิไปที่การโคจรพลัง สิ่งที่หลงเหลือคือ
ความสงบภายใน การไหลเวียนของพลังธาตุ และการเตนของตัวออนกระบี่
จวนเจาเมือง
หวังเจินมีสีหนาไมสูดีเมื่อไดฟงคำรายงานจากผูใตบังคับบัญชา
“...สถานการณที่ถ นนตะวันตกสายสองได สงบลงแล ว เมื ่ อ ไปถึ งเราพบวามี
ผูเสียชีวิตประมาณสองรอยเจ็ดสิบราย และผูไดรับบาดเจ็บหนึ่งรอยยี่สิบราย จำนวน
ผูสูญหายยังไมอาจทราบได เราไดทำการเคลื่อนยายประชาชนเพื่อที่จะไดทำการ
กำจัดพวกมดโลหิตที่หลงเหลืออยู ในตอนนี้ ถนนตะวันตกสายสองไดถูกกวาดลาง
เรียบรอยแลว แตเนื่องจากแผนหินผนึกไดเกิดการเสียหาย จึงเปนการยากที่เราจะ
ฟนฟูการปองกันการโจมตีจากใตดิน ขาไดออกคำสั่งใหจัดตั้งระบบการเตือนภัยและ
ไดจัดใหมีการกักตัวผูบาดเจ็บเพื่อทำการเฝาระวังแลว”
“สถานการณที่ถนนคลื่นนั้นเขาขั้นวิกฤต เนื่องจากมีมดโลหิตมากกวาหารอยตัว
จากสี่ฝูงเขา โจมตีถ ึงจะมีก ารปอ งกั น แน น หนาแต ท ั ่ ว ทั ้ งถนนถู ก ทำลาย จำนวน
ผูเสียชีวิตจัดเปนหายนะ...เราสามารถชวยไดแคหกสิบสี่คน ยี่สิบสี่คนในนั้นไดรับ
บาดเจ็บและจะมีการสงพวกเขาไปเขตกักกัน พวกเราเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ
และไมอาจปฏิบัติงานไดอีก ตอ ไป ขาขออนุญาตแนะนำวาเราควรจัดตั้ งกลุ  ม ของ
นักเรียนจากโรงเรียนซงเจียนเพื่อทำการชวยเหลือในการเก็บกวาดพื้นที่ เพื่อใหแนใจ
วาไมมีมดโลหิตหลงเหลืออยู”
……
อากาศรอบกายพวกเขาดูราวกับจะแข็งตัวขึ้นเมื่ออารมณกลายเปนบูดบึ้งถึงขี ดสุด
เมื่อไดยินขาวที่หดหูและตัวเลขการตายที่เพิ่มขึ้น ทำใหพวกเขารูสึกชาหนึบจากความ
หวาดกลัว เขาไดเสียพื้นที่ไปเกือบหนึ่งในสามของเมืองซงเจียนในชวงเวลาอันสั้น
หลังจากดับไฟอยูนานเปนวันไปทั่วทั้งเมือง ครูใหญก็เหน็ดเหนื่อยอยางเห็นไดชัด
จากที่เคยใชชีวิตสุขสบายเสมอมา มีครั้งใดกันเลาที่เขาไดป ระสบกับการตอสู  อั น
ดุเดือดเชนนี้ ถึงแมวาเขาจะไมมีทางเลือกก็ตาม
ไมมีที่ใดใหหนี ทุกคนรูดีวาไมมีที่ใดใหหนีไป
การเสียกำลังพลไปกวาครึ่งอันเนื่องมาจากการบาดเจ็บหรือลมตายเปนสิ่งที่ยาก
เกินทนรับ มีเพียงยอดฝมือเทานั้นที่จะสามารถยืนหยัดเผชิญหนากับความทุกขยากใน
สนามรบได
แตคนเหลานี้ไมใชกลายเปนยอมฝมือในชั่วขามคืน พวกเขาถูกขับดันใหตอสูดวย
ความกลัวตายดวยฝมือของสัตวโลหิต ตอสูเปนเพียงหนทางเดียวเทานั้น
ครูใหญคอยๆ เปดปากขึ้น เสียงของเขาแหบแหง “สถานการณในเมืองซงเจียนดี
ขึ้นเล็กนอย พวกอาจารยนั้นเสียชีวิตไปมากกวานักเรียนเสียอีก เราไดเสียนักเรียนไป
กวารอยคนแลว ซึ่งนั่นมากกวาหนึ่งในหาของจำนวนทั้งหมด”
รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหนาของหวังเจิน อาจารยนั้นมีความสำคัญกวานักเรียน
หลายเทา สำหรับเขา พวกนักเรียนนั้นออนแอเกินไปที่จะใชประโยชน โดยเฉพาะ
อยางยิ่งเมื่อเทียบกับอาจารย เขามั่นใจวาพวกอาจารยจะแสดงพลังที่แทจริงออกมา
ไดภายใตการตอสูอีกสองสามครั้ง
“ทำไมถึงไดมากมายขนาดนั้น” เขาถามขึ้นอยางชวยไมได คิดถึงจำนวนอาจารย
ที่เสียชีวิตไปในสัดสวนที่มากกวา
“พวกเขาเปนอาจารย” ครูใหญพนเสียงออกมา “ไมมีใครทนยืนดูพวกนักเรียน
ถูกกัดกินไดหรอก”
ความโกรธฉายวาบในดวงตาของหวั งเจิ น “พวกเขาใจอ อ นเกิ น ไป” เขาพู ด
ออกมาอยางโกรธเกรี้ยว
“พวกเขาเปนอาจารย” ครูใหญตอบกลับดวยสายตาที่เกรี้ยวกราด และกลาวตอ
ดวยเสียงที่ดังขึ้น “ไมใชทหาร”
โรงเรียนซงเจียนไมใชโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอะไรนัก มีอาจารยนอยคนนักที่ยายเขา
หรือออกไปจากโรงเรียน ดังนั้นพวกเขาหลายคนไดทำงานกับครูใหญมาหลายปจนนับ
ไดวาเปนสหายมากกวาแคเพื่อนรวมงาน
จำนวนผูเสียชีวิตที่เขาไดรับรายงานและไดเห็นดวยตาตัวเองในวันนี้นั้นมากกวา
จำนวนงานศพที่เขาเคยไปรวมมาทั้งชีวิตเสียอีก ความเศราในใจเขานั้นทวมทนจนนา
หวาดหวั่น
ตลอดชีวิตการสอนของเขายอมมีจิตสำนึกที่ฝงลึกลงไปถึงกระดูก
เขาเปนคนที่ปรับตัวไดดี เขาคอยดูแลซือเสวี่ยมั่นกับตวนมูหวงฮุนเปนพิเศษ
เนื่องจากพวกเขามีความสำคัญ แตเมื่อเขามองเห็นนักเรียนถูกโจมตีเห็นพวกเขาตัว
สั่นตอหนามดโลหิตและเห็นสีหนาหวาดกลัวของพวกเขา เขาก็ทนไมไดและพุงตัวเขา
ไปปกปอง
พวกเขาก็เปนเพียงแคเด็กนอยกลุมหนึ่งเทานั้น
เขารูดีวาการกระทำแบบนี้ไมมีเหตุผลเอาเสียเลย ที่เขาจะสูญเสียพลังธาตุไปกับ
นักเรียนที่ไมสำคัญ แตวา...
นี่อาจเปนเหตุผลวาทำไมเขาถึงยังเปนเพียงแคครูใหญของโรงเรียนเล็กๆ ครูใหญ
หัวเราะในใจใหกับชะตาตนเอง
หวังเจินยังคงเงียบงันรับรูถึงความผิดพลาดของตน แมวาการกระทำของอาจารย
ออกจะโงเงาและออนตอโลกสำหรับเขา แตเขาก็ตองยอมรับอยางชวยไมไดวาพวก
อาจารยนั้นนาชื่นชมเปนอยางมาก
“ขาขอโทษที่เสียมารยาท พวกนักเรียนควรภูมิใจในตัวอาจารย” หวังเจินกลาว
ขอโทษอยางจริงใจดวยการโคงคำนับ
“ไมเปนไร เจาเองก็ตกอยูภายใตความกดดันอยางหนักเชนกัน” ครูใหญตอบกลับ
อยางเห็นใจ “มีแผนอยางไรตอไป มีขาวอะไรจากปรมาจารยหันหรือไม”
หวังเจินกลับสูทาทีปกติอีกครั้งและกลาววา “แผนที่ของทั่วทั้งเมืองถูกสงไปยัง
โรงเย็บปกแลว ปรมาจารยหันตอบกลับมาวาไดเริ่มศึกษามันแลว”
ครูใหญพยักหนากลาว “ไมมีใครเคยทำเรื่องแบบนี้มากอน ดังนั้นจึงไมมีอะไรให
อางอิง มีเพียงปรมาจารยหันที่กลาและมั่นใจพอที่จะทำเรื่องทาทายเชนนี้”
“นั่นก็คือเหตุผลที่เราไมควรฝากความหวังทั้งหมดไวกับปรมาจารยหัน” หวังเจิน
ตอบกลับ “เราตองยึดพื้นที่คืนจากพวกสัตวโลหิตกอนที่ปรมาจารยหันจะเตรียมการ
เสร็จ ขาเตรียมที่จะเคลื่อนพลทั้งหมดที่มีรวมถึงนักเรียนดวยในการตอสูนี้”
“ทำไม” ครูใหญถามดวยสีหนาขาวซีด “จะมีอีกกี่คนกันที่ตองตาย พวกเขาไม
แข็งแกรงพอ นั่นเหมือนกับเราสงพวกเขาไปตาย!”
หวังเจินมองมาที่ครูใหญอยางสงบเยือกเย็นพลางกลาว “มีเหตุผลสองประการ
ประการแรก พวกเราไมมีกำลังพลมากพอดังนั้นทุกคนตองรวมมือกัน ทุกคนตองสูจน
ตัวตาย ดังนั้นจึงไมมีความแตกตาง ประการที่สอง มดโลหิตบางตัวไดเปลี่ยนสภาพ
เรียบรอยแลว”
“เปลี่ยนสภาพหรือ” สีหนาของครูใหญซีดเผือด
“พลังธาตุของเราดูเหมือนจะเปนตัวเรงให เกิดการเปลี ่ยนสภาพของพวกมั น
จนกระทั่งตอนนี้ เราพบมดโลหิตที่เปลี่ยนสภาพสมบูรณแลวแคตัวเดียว แตเราตอง
เสียสละคนจำนวนมากเพื่อกำจัดมัน เราไดกำจัดมดที่อยูระหวางการเปลี่ยนสภาพอีก
สามตัว ซึ่งกำลังจะเขาสูสภาวะจำศี ล ยั งไม ท ราบแน ว าการเปลี ่ ยนสถาพของมัน
เกี่ยวของอะไรกับการกินมนุษยหรือไม แตเมื่อคำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแลววาไมไดแปลก
แยกออกไป เหตุการณอาจเลวรายลงไปอีกหากเราขืนรอตอไป หากมีมดโลหิตเปลี่ยน
สภาพสำเร็จมากขึ้น สถานการณของพวกเราจะยิ่งเลวรายกวานี้มาก นั่นคือเหตุผลที่
ขาจัดเตรียมที่จะสงทุกคนที่เรามีรวมทั้งนักเรียนไปในการโจมตีเต็มกำลังเพื่อยึดเอา
พื้นที่ที่เสียไปของเราคืน รวมถึงสังหารพวกมดโลหิตบัดซบพวกนั้นทุกตัว!”
หวังเจินดูโหดเหี้ยมถึงขีดสุด
บทที่ 183 การสื่อสาร
ครั้งนี้อายฮุยทำสมาธิอยูนานกวาปกติมาก เมื่อเขาเสร็จสิ้นการทำสมาธิทองฟาก็
เริ่มสลัวแลว รองรอยความออนลาหายไปจากกายเขา เปนสิ่งยืนยันถึงประสิทธิภาพ
ในการทำสมาธิขณะที่ถือกระบี่ การโคจรพลังกอนหนานี้ทำผานปอดของเขาเทานั้น
แตตอนนี้ตัวออนกระบี่ก็มีสวนเสริมการโคจรอีกดวย
พระอาทิตยลับขอบฟา เปนสัญญาณบอกวาไดหมดวันแลว
การสังหารโหดในตอนเชายังคงแจมชัดอยูในจิตใจของทุกคน ความกลัวลอยลอง
อยูในสติสัมปชัญญะของพวกเขาราวกับควันที่ลอยออกจากกองไฟที่กำลังมอด
อยางนอยที่สุด พวกเขาก็สงบลงกวาเมื่อเชามาก
ขาวดีก็คือเจียงเหวยกับหวังเสี่ยวซานก็สามารถทะลวงผานไดเชนกัน
เมื่อเทียบกับระดับพลังพื้นฐานแลว เจียงเหวยนั้นออนดอยกวาซังจื่อจวิน แตใน
เชิงของพลังการตอสูพวกเขามีพอๆ กัน
ซังจื่อจวินไดฝกฝนเรียนรู [วิชาผสานศร] แมวาจะทรงพลังแตก็ใชพลังธาตุจำนวน
มหาศาล และถึงแมวานางเกือบจะสำเร็จในการเปดตำหนักทั้งแปดอยางสมบูรณ แต
นางก็ยังคงเปนเพียงมือสมัครเลนในการใช [วิชาผสานศร] ถึงนางจะมีความสามารถ
ในการผสานลูกศรสามลูก แตนางก็ใชไดเพียงแคสองครั้งเทานั้น
ขอดีของเกาทัณฑไหมทองก็คือความเร็วในการยิงแตนั่นก็ทำใหพลังโจมตีนั้นออนลง
เมื่อเทียบกับลูกศรที่ยิงออกจากธนูภูผาของเจียงเหวยแลว ศรที่ยิงออกจากเกาทัณฑ
ไหมทองของซังจื่อจวินนั้นออนแรงกวา ดวยการเพิ่มขึ้นของระดับพลังพื้นฐาน พวก
เขายอมสามารถใชทักษะพลังธาตุที่หลากหลายขึ้นซึ่งจะชวยลดทอนขอบกพร อ ง
ทักษะเหลานี้จะชวยเสริมพลังใหกับเกาทัณฑไหมทอง ทำใหผูใชสามารถกาวขาม
ขอดอยของพลังที่ออนแอและเพิ่มความไดเปรียบจากความเร็วในการยิงที่เพิ่มขึ้น
แตในตอนนี้ เจียงเหวยนั้นมีประสิทธิภาพมากกวาในตำแหนงของตน
การทะลวงผานสูตำหนักที่หาเปนความกาวหนาครั้งสำคัญ
อายฮุยคาดหวังกับเจียงเหวยไวสูงมาก
เจียงเหวยเปนคนงายๆ ขยันและพึ่งพาได สิ่งที่เขาตองการเพื่อที่จะมั่นใจไดถึง
อนาคตอันสดใสก็คือวิชาที่ทรงพลัง
เมื่อเทียบกับเจียงเหวยแลว หวังเสี่ยวซานไมไดมีความโดดเดนเชนนั้น ดังนั้นการ
เปดตำหนักที่สามของเขานั้นสรางความประหลาดใจใหกับอายฮุย
อายฮุยไมเคยตั้งใจที่จะใหหวั งเสี่ยวชาวมี บทบาทมากนัก ในการตอสูแ ต เป น
แผนการอื่นตางหาก
เขาตองการใหหวังเสี่ยวซานชวยเรื่องการดูแลรักษากำแพง สวนของกำแพงที่ถูก
ทำลายไปตอนเชาไดถูกซอมแซมกลับมาโดยหวังเสี่ยวซานเรียบรอยแลว ยอนไปตอน
ที่อยูในสวนแหงชีวิต อายฮุยสังเกตเห็นวาถึงแมหวังเสี่ยวซานจะออนแอและขี้ขลาด
แตกลับมีความสามารถในการใชโคลนอยางสูง เขาเพิ่งมารูในภายหลังวาหวังเสี่ยวซาน
นั้นมาจากตระกูลชางหินซึ่งนับวาเปนการสืบทอดความรูแขนงหนึ่งเชนกัน
กำแพงที่ถูกสรางขึ้นใหมนั้นตางไปจากเดิมอยางสิ้นเชิง มันอัดแนนไปดวยแนว
หนามหินทั่วทั้งกำแพง ทำใหดูเหมือนกับวามันทำขึ้นมาจากหนาม หวังเสี่ยวซาน
คิดถึงความสามารถในการทำลายลางของสัตวโลหิต และกำแพงที่สรางใหมจึงกวาง
และสูงกวาเมื่อกอน
ซังจื่อจวินกับซือเสวี่ยมั่นรูสึกเศรากับความนาเกลียดของโรงฝกที่ปรับปรุงใหมนี้
ทั่วทั้งสถานที่ถูกแปรสภาพไปตามความคิดสรางสรรอันแหวกแนวของหวังเสี่ยวซาน
โหลวหลานมีความสนใจในตัวของหวังเสี่ยวซาน แมวาคนผูนี้จะไมมีความชำนาญ
ในการควบคุมพลังธาตุดินมากนัก แตเขากลับมีความเชี่ยวชาญในการกอสรางอีกดวย
โครงสรางอันซับซอนของกำแพงดานนอกที่ถูกสรางขึ้นใหมนั้นอาจดูไมนามอง แต
กลับแข็งแกรงกวาเกาพรอมลูกเลนใหมๆ
ปงหวานโจมตีใสกำแพงดวย [บุบผาเขียวขจี] อยางเต็มกำลังแตทำไดแค ทำให
กำแพงหลุดออกมากอนเล็กๆขนาดประมาณครึ่งเมตรเทานั้น
ทุกคนใหความนับถือหวังเสี่ยวซานเพิ่มขึ้นอยางมาก
หากเปนกำแพงรอบนอกอันเดิมคงถูกทำลายไปจนหมดสิ้นดวยการโจมตีนี้
นอกเหนือจากนี้ หวังเสี่ยวซานยังไดสรางหองใตดินที่แข็งแกรงไวตามแนวกำแพง
เพื่อใหซังจื่อจวินกับเจียงเหวยมีการปองกันที่ดีขึ้น
หวังเสี่ยวซานอยูในภาวะที่เป ยมไปดวยพลังและไมสนใจคนรอบขาง เขาได
กลายเปนคนใหมไปแลว
สมาธิเปนพลังที่ลึกลับ มันเพิ่มเสนหใหกับผูที่ขาดเสนหเพิ่มความสงาใหกับผูที่
ออนโยน และทำใหคนที่ธรรมดาสามัญโดดเดนขึ้นทามกลางหมูคน
เจาอวนก็มีสมาธิอยูกับการพนไฟเชนกัน
“เจาอวนจะเปนอะไรหรือเปลาหากเปนแบบนี้ตอไป” อายฮุยถามโหลวหลาน
ดวยความกังวล
แสงสีเหลืองอันคุนเคยฉายขึ้นในดวงตาของโหลวหลานและทำการตรวจรางกาย
ของเจาอวน “ไมตองกังวล อายฮุย เขาจะปลอดภัย สภาพรางกายของเจาอวนนั้นดี
มาก เขาเปดตำหนักที่สามสำเร็จแลว และการพนไฟตอไปจะเพิ่มความมีชีวิตชีวา
ใหกับพลังธาตุไฟในกายของเขาเปนอยางมาก พลังธาตุในกายของเขาเริ่มเสถียรแลว
และการพนไฟคงจะจบลงในเวลาประมาณสามชั่วโมง”
ตำหนักที่สาม...ชางรวดเร็วอะไรเชนนี้!
เจียงเหวยกับหวังเสี่ยวซานก็ทะลวงผานเชนกัน อายฮุยหวนคิดไปถึงวาเขาเปด
ตำหนักดวยความยากลำบากเพียงไร การใชวัตถุดิบมูลคาสิบลานหยวนนับวาคุมคา
เมื่อคำนึงถึงการทะลวงผานที่มันชวยทำใหเกิดขึ้น เห็นไดชัดวาเขาไดรับในสิ่งที่จายไป
ไมตองสงสัยเลยวาทำไมพวกเด็กจากตระกูลที่มีอำนาจถึงไดมีระดับพลังพื้นฐานสูงนัก
อายฮุยรูสึกปวดใจเล็กนอย เดินไปทางที่ตวนมูหวงฮุนยืนอยูแลวถามดวยความ
สงสัย “ทำไมเจา ถึงมีระดับ พลังพื ้ น ฐานต่ ำ แบบนี ้ เจ า ไม สามารถเป ดตำหนักได
มากกวานี้ดวยการกินอาหารพลังธาตุใหมากขึ้นหรือ”
ตวนมูหวงฮุนหันไปมองอายฮุยดวยความดูถูกและเยอะเยยวา “เจาจะไปรูอะไร!
การใชทางลัดจะทำใหพื้นฐานออนดอย ทำใหการไปถึงขั้นสุดยอดปรมาจารยน้นั ยาก
ยิ่งขึ้น”
ซังจื่อจวินอธิบายตอไป “การใชอาหารพลังธาตุเพิ่มระดับพลังพื้นฐานนั้นไม ใช
เรื่องยาก แตมันไมเปนผลดีในระยะยาว เพื่อนนักเรียนตวนมูมีความปรารถนาที่สูงสุด
เอื้อมและดวยความที่เขาเปนผูมีพรสวรรคแตกำเนิด จึงไมมีความจำเปนอันใดตองใช
ทางลัด”
ซังจื่อจวินยังอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเนนย้ำถึงความแตกตางของการใชอาหารพลัง
ธาตุ ผูมีพรสวรรคจากตระกูลที่มีอิทธิพลอยางซือเสวี่ยมั่นหรือตวนมูหวงฮุนปกติแลว
จะกินอาหารพลังธาตุเพื่อชวยบำรุงรางกายมากกวาที่จะใชเพิ่มระดับพลังพื้นฐาน
นอกเหนือจากนี้ วิชาลับขั้นสูงจำนวนมากตองการพื้นฐานที่มั่นคง และการรีบเรง
เพิ่มระดับพลังพื้นฐานไมใชทางเลือกที่ดีที่สุด ยิ่งใชความพยายามในการสะสมพลัง
ธาตุเทาไรก็ยิ่งมีประโยชนมากขึ้นเทานั้น
อายฮุยเขาใจในที่สุด เขาไมคิดจะสนใจถึงขอเสียนี้ เขาไมรูวาเขาจะมีชีวิตรอดไป
ถึงพรุงนี้ไดหรือไม แลวจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นทำไม ผลขางเคียงที่ซอนเร นเป น
ปญหาของอายฮุยในอนาคต สำหรับตอนนี้การเพิ่มระดับพลังพื้นฐานคือทางออกที่ดี
ที่สุดในการเพิ่มโอกาสรอดชีวิต
สุดยอดปรมาจารย นั่นเปนสิ่งที่เขาไมเคยใสใจมากอน
“ออ เจาอยากเปนสุดยอดปรมาจารยสินะ”
อายฮุยถามขณะเดินรอบตวนมูหวงฮุนพลางเดาะลิ้น
ตวนมูหวงฮุนตอบกลับดวยความหยิ่งผยองและน้ำเสียงดูถูก “พวกจอกแหนจะ
มาเขาใจปณิธานของหงสไดอยางไร”
“แลวทำไมเจากินเยอะนักเมื่อคืนนี้” อายฮุยถามอยางทาทายพลางเลิกคิ ้วขึ้น
“เฉไฉ! อยาคิดวาขาไมเห็นเจาเลียชามนะ!”
ตวนมูหวงฮุนตะลึงงัน ใบหนาเปลี่ยนเปนสีแดงอยางรวดเร็วไมเวนแมแตใบหู เขา
รูสึกอับอายจนแทบจะแทรกแผนดินดี
สำหรับเขาแลว การเลียชามมันชาง...
ซือเสวี่ยมั่นที่อยูใกลๆ ก็มีสีหนาอับอายเชนกัน น้ำแกงนั้นอรอยจนนางเองก็
เกือบจะเลียชามเชนกัน
ใบไมบนตนขาวสารสองแสงขึ้น ดึงความสนใจของอายฮุยไปจากแผนที่จะทำใหตวนมู
หวงฮุนเสียหนาตอไป
โชคดีที่เขาไดพักผอนมาอยางดี อายฮุยนั้นเยือกเย็นกวาที่เขาเปนเมื่อเชานี้ เขาไป
ยังตนขาวสารและมองไปยังใบไมที่เรืองแสง
“ขาตองขอโทษดวยที่เพิ่งเห็นขอความของเจาเอาปานนี้ แตขากลับเสียใจยิ่งกวา
ที่ไมรูวาจะชวยเหลือเจาอยางไร การกลั่นโลหิตนั้นจะสรางนักรบที่ทรงพลังขึ้นมา
พวกมันถูกเรียกวาอัครสาวก เทาที่ขารู พวกมันมีทั้งหมดหกคน และโลหิตแหงเทพ
ไหลเวียนอยูในกายของพวกมัน เจาตองระวังใหมากเพื่อพบพวกมันและพยายามหนี
ใหเร็วที่สุดเทาที่ทำได เจาชวยบอกหนอยไดไหมวาการกลั่นโลหิตเปนเชนไร”
อัครสาวกโลหิต...รางสีแดงปรากฏขึ้นในความคิดของอายฮุย
หนึ่งพันหยวน...
อายฮุยหัวเราะอยางขมขื่นในใจ มีพวกมันแคหกคนแตเขาดันพบเขาคนหนึ่ง โชค
ดีอะไรปานนี้
เขาคิดอยูครูหนึ่งกอนเขียนตอบ
“เขาไดพบกับหนึ่งในพวกมัน เปนผูหญิง และเกือบเสียชีวิตดวยมือนาง ตนไม
นอกเมืองนั้นกลายเปนใหญโตอยางมาก มีรากอากาศมากมายหอยลงมาจากตนดูราว
กับเสนเลือด มีของเหลวสีแดงไหลอยูภายใน ขาเคยถูกรากอากาศพวกนี้มัดไวและทิ่ม
เขามาในผิวขา ขารูสึกถึงความแสบรอนไปทั่วรางกายและหมดสติไปในที่สุด ขอบคุณ
สวรรคที่ขายังไมตายแมวาขาจะไมเขาใจวาเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
มีคำตอบกลับมาอยางรวดเร็ว อายฮุยสัมผัสไดถึงความตื่นเตนของชายชรา
“ขาเขาใจแลว! พวกนั้นใชเคล็ดลับสงถายผานรากไม! อภัยใหกับการเสียกิริยา
ของขาดวย แตขาไมเคยไดรับรายงานที่แมนยำเกี่ยวกับพิษโลหิตมากอน เคล็ดลับสง
ถายผานรากไมนั้นใชพืชในการเชื่อมโยงและสงถายสสารระหวางกัน มันเปนเคล็ดวิชา
นอกรีตของพวกผูใชพลังธาตุไม สวนของเหลวในรากไมพวกนั้นขายังไมแนใจนัก”
อายฮุยเสียสามาธิไปครูหนึ่ง นี่เปนครั้งแรกที่เขาไดยินการสรุปความเกี่ยวกับ
โลหิตแหงเทพ ขอมูลเหลานี้อาจชวยเหลือเขาได
เขารีบจดบันทึกขอสังเกตทั้งหมดของเขาเอาไว
“มันมีปุมปมอยูมากมายบนตนไมที่พลันมีชีวิตขึ้นมาเมื่อรากทิ่มแทงเขาไปในกาย
ของผูใชพลังธาตุ ปุมปมพวกนี้บิดไปมาไมหยุดราวกับสีหนาที่บิดเบี้ยว การกลั่นโลหิต
ดูเหมือนจะตองการคุณสมบัติระดับหนึ่งจากเหยื่อ ขาเคยเห็นผูใชพลังธาตุที่ไมอาจทน
รับไดและระเบิดออก”
“ปมตนไมห รือ นั่นอาจเปน วิ ญ ญาณกลื น กิ น วิ ญ ญาณกาฝาก หรื อ ใบหน า
วิญญาณกักขังของวิธีการกลั่นโลหิตในอดีตกาล การกลั่นโลหิตนั้นตองมีรากฐาน
รางกายที่สูง จำนวนของสัตวโลหิตที่อยูรวมกันเปนกลุมอยางเชนมดโลหิตนั้น จะ
คอยๆ ลดลงเมื่อเวลาผานไป สัตวโลหิตที่เจาพบหลังจากนี้จะแข็งแกรงมากขึ้นแต
คราวนี้พวกมันจะมาเดี่ยวๆ ไมเกาะกลุมกัน”
อายฮุยถอนหายใจเมื่ออานขอความที่บอกวากลุมของสัตวโลหิตจะลดลง ทวาการ
ตองเจอกับสัตวโลหิตที่แข็งแกรงขึ้นก็เปนอีกเรื่องที่นาปวดหัว
“มันดูเหมือนวามดโลหิตนั้นกลัวพริก แตเรายังไมไดพิสูจนสมมติฐานนี้ หลังจาก
ดื่มน้ำแกงมังกรเขาไป เพื่อนของเราคนหนึ่งก็พนไฟไมหยุดและพวกมดโลหิตดูเหมือน
จะหลบเลี่ยงที่จะเขาใกลเขา มดโลหิตไมไดกลัวพลังธาตุไฟ ดังนั้นทานคิดอะไรออก
หรือไม” อายฮุยเขียนคำตอบออกไป
“ใชแลว มันชวยใหเกิดความคิดบางอยาง เจาลองผสมพริกกับหินหนามไฟ หรือ
ไฟกาฬ หรือไมก็กำมะถันแดงดูวาพวกมันมีผลกระทบอะไรกับพวกมดโลหิตหรือไม”
ในที่สุดอายฮุยก็ไดรับคำตอบที่เขาตองการจะเห็น เขาตองการจะทำการทดลอง
โดยเร็ว
ทันใดนั้นก็มีความคิดแลนเขามาแลวเขาก็เขียนไปวา “ขาไดยินพวกมันพูดถึงพลัง
วิญญาณโลหิต”
“พลังวิญ ญาณโลหิต จริงหรือ เจ า แน ใจนะเพราะมั น เป น ไปไม ได ! ไม ม ี ใคร
สามารถสรางพลังวิญญาณโลหิตขึ้นมาได แมแตพรรคโลหิตในอดีตยังทำไมได และมัน
ก็ไมเหลือพลังวิญญาณอีกแลวในโลกใบนี้ มันจะเปนไปไดอยางไรกันที่จะเปลี่ยนพลัง
ธาตุใหกลายเปนพลังวิญญาณ ไม เปนไปไดหรือไมวาเพิ่มพลังธาตุเขาไปในเลือดเพื่อ
สรางพลังวิญญาณ มันทำงานอยางไร ขาตองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่มันนาประหลาดใจ
เกินไป!”
อายฮุยสามารถสัมผัสไดถึงความกระวนกระวายและสับสนของนักโทษชรา แต
เขาก็ไมคิดจะลอเลียน ตอนไดยินคำวา “พลังวิญญาณโลหิต” เปนครั้งแรกก็ทำใหเขา
ตกตะลึงเชนกัน
พลังวิญญาณคือกุญแจในการไขสมบัติมากมายจากยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน!
เขาสายหนา รั้งความคิดที่เตลิดเอาไวกอนที่มันจะไปไกลเกินควบคุม เขากำลัง
สนใจในคำแนะนำอื่นของชายชรา
จากการติดตอกับชายชราในครั้งนี้ อายฮุยยืนยันการคาดเดาไดสองอยาง ตอนนี้
เขามั่นใจวาชายชราเปนศัตรูกับพวกโลหิตแหงเทพและกลุมของเขาก็ศึกษาอยาง
ละเอียดเพื่อตอสูกับมัน แมวาพวกชายชราจะไมเขาใจเกี่ยวกับสถานการณของพวก
โลหิตแหงเทพมานัก แตก็พอจะรูเกี่ยวกับพวกคนที่อยูเบื้องหลังอยูบาง
ขณะที่คนอื่นๆ จองมองอยางสงสัย เขาก็ดึงใบไมออกจากตนไมและแขวนมันไว
กับคอของเขา
“โหลวหลาน เราพอจะมี หินหนามไฟ ไฟกาฬแลวก็กำมะถันแดงบางไหม”
บทที่ 184 คำสั่งเคลื่อนพลทั่วทั้งเมือง
ซือเสวี่ยมั่นจองมองไปยังตนขาวสารดวยความประหลาดใจเล็กนอย
นางไมรูวาอายฮุยสื่อสารกับใครแตนั่นไมสำคัญ ที่ทำใหนางตกใจคือตนสื่อสาร
สามารถติดตอกับคนที่อยูนอกเมืองได นี่ไมใชสิ่งที่ตนสื่อสารทั่วไปสามารถทำไดแต
ตองเปนตัวทดลองในยุคเริ่มแรก
การสื่อสารระหวางเมืองซงเจียนกับโลกภายนอกนั้นเกือบจะเปนไปไมได ตน
ขาวสารเพียงตนเดียวที่สามารถทำงานไดอยูที่จวนเจาเมือง นางเคยใชมันติดตอกับ
ตระกูลของนางหลังจากเกิดภัยพิบัติโลหิต
“ขอขาใชตนขาวสารหนอยไดไหม” ซือเสวี่ยมั่นถาม
อายฮุยโบกมือใหโดยไมมองและตอบวา “ตามสบาย”
ซือเสวี่ยมั่นพบวาชางนาขันที่ใบไมจากตนสื่อสารของนางแขวนอยูบนตนไมนี้
อายฮุยคงไมมีทางเดาออกวาซือเสวี่ยมั่นอันที่จริงแลวก็คือ “การคาขาดทุน”
การคาขาดทุน...
สีหนาขบขันของซือเสวี่ยมั่นเปลี่ยนเปนบึ้งตึงเมื่อนางแขวนใบไมใหมตรงจุดที่นาง
เคยใช นางคิดถึงทานปูที่นารัก ซึ่งตองกำลังเปนกังวลจนเจียนรองไหอยูเปนแน
ย้ำเตือนตัวเองวานางนั้นแข็งแกรงขึ้นวาแตกอนแลว แลวเก็บอารมณความรูสึก
เอาไวกอนเขียนขอความบนใบไม
เมื่อนางเขียนเสร็จ ครูใหญก็บินเขามาในตรอก
ครูใหญตกใจกับสภาพที่เปลี่ยนไปอยางสิ้นเชิงรวมถึงซากศพมดโลหิตที่กระจัด
กระจายอยูดวย ยิ่งไปกวานั้นก็คือความกาวหนาของคนในกลุม โดยเฉพาะอยางยิ่ง
อายฮุยเวลาผานไปเพียงไมกี่วันนับจากการพบกันครั้งกอน แตเขากลับเปดไดเจ็ด
ตำหนักแลว!
อายฮุยเปนผูมีพรวสรรคที่เขามองขามไปอยางนั้นหรือ
ครูใหญตกตะลึง ตลอดเวลาของการเปนครูใหญ เขาไมเคยพบเจอตัวประหลาด
เชนนี้มากอน
“ดูเหมือนวาการตอสูเปนไปดวยดี ขากำลังเปนหวงเกี่ยวกับความปลอดภัยของ
พวกเจา หืม แลวคนที่เหลือไปไหน” ครูใหญถามเมื่อเห็นวาจำนวนคนไมครบ เขาจำ
ไดวากลุมของซือเสวี่ยมั่นมีสมาชิกมากกวาแคตัวนางกับซังจื่อจวิน
“มดโลหิต...” ซังจื่อจวินตอบดวยน้ำเสียงเศรา
ดวงตาของซือเสวี่ยมั่นแดงกำในขณะที่ตวนมูหวงฮุนกมหนา
อายฮุยจองมองไปที่พวกเขา คนพวกนี้มีความสามารถในเลนละครตบตาเสียจริง
...แมแตคนโงอยางเจาเนรคุณยังแสดงไดดี!
ไมวาพวกเขาจะไรความสามารถหรือออนแอ การเสแสรงเปนความสามารถโดย
ธรรมชาติของพวกรุนเยาวจากตระกูลที่มีอิทธิพล ในโลกอันโหดรายที่เต็มไปดวยการ
หักหลังของพวกมั่งคั่งและมีอิทธิพล การเสแสรงคือสวนสำคัญของการเอาชีวิตรอด
คนที่อยูจุดสูงสุดของตระกูลนั้นเหนือกวาทุกผูทุกคนรวมถึงทุกกฎเกณฑ สามารถ
ทำอะไรก็ไดตามใจ ทวากอนที่จะไปถึงจุดนั้น พวกรุนเยาวลวนไมอาจรอดพนไปจาก
สิ่งแวดลอมที่รั้งพวกเขาเอาไว
ครูใหญถอนหายใจออกมายาว เมื่อมองไปรอบๆเห็นกองซากของมดโลหิตกระจัด
กระจายไปทั่วบริเวณก็เกินพอที่จะทำใหเขาจินตนาการเห็นภาพการตอสูอันดุเดือด
และยากเย็นแสนเข็ญไดแลว โชคดีเทาไรแลวที่ตวนมูหวงฮุนกับซือเสวี่ยมั่นยังคงอยู
รอดปลอดภัย...ความตายจำนวนมากที่เขาไดพบเจอมาทำใหความรูสึกของเขาชาดาน
หลังจากไดเห็นอาจารยที่ทรงพลังมากมายตองมาตกตายตอหนาตอตา แลวการตาย
ของนักเรียนไมกี่คนจะแปลกอะไร
เขาจะสามารถรอดผานหายนะครั ้งนี้ หรือ ไม ครูใหญเองก็ย ังรู สึกไมมั่ นใจใน
โอกาสของตน
และยังกังขาวาพวกเขาจะมีโอกาสรอดกระทั่งกองหนุนมาถึงหรือไม
แตกระนั้นเขาก็ยังไมลืมหนาที่ของเขาในฐานะครูใหญ ไมวาเขาจะมองโลกในแง
รายเพียงไรแตเขาก็ไมอาจสงผานความรูสึกเชนนั้นไปใหพวกนักเรียนได ครูใหญเริ่ม
ใหกำลังใจและปลอบโยนพวกเขา “พวกเจาจงเงยหนาขึ้น อยาไดปลอยใหความคิด
เตลิดไป ยังมีการรบที่เราตองสูตอไป”
“สถานการณในเมืองเปนอยางไรบาง” ซือเสวี่ยมั่นถือโอกาสถาม
ครูใหญลังเลอยูครูหนึ่งกอนตัดสินใจไมบิดบังความจริง “สถานการณเลวรายมาก
เราสูญเสียพื้นที่ไปเกือบหนึ่งในสาม ที่แยยิ่งกวานั้นคือพวกมดโลหิตเริ่มการกลาย
สภาพแลว”
“กลายสภาพหรือ” อายฮุยกับตวนมูหวงฮุนถามขึ้นพรอมกัน
“ใชแลว เราสงสัยวาพลังธาตุคือสิ่งที่กระตุนใหพวกสัตวโลหิตกลายสภาพ”
อายฮุยตัวสั่นเล็กนอยเมื่อไดยิน เขาเขาใจมากกวาคนอื่นในเรื่องของสัตวโลหิต
ยอนไปในสวนแหงชีวิต เขาก็มีขอสรุปแบบเดียวกันเมื่อสังเกตเห็นความกระหายพลัง
ธาตุของพวกมัน ในอีกแงหนึ่งก็คือ พลังธาตุนั้นดึงดูดพวกสัตวโลหิตเปนอยางมาก
โลหิตแหงเทพ การกลั่นโลหิต การใชพลังธาตุเปนอาหาร ตลอดจนการกลาย
สภาพหลังจากไดกินผูใชพลังธาตุ...
ความเย็นเยือกไหลไปตามสันหลังของเขา พวกโลหิตแหงเทพตองการจะทำลายอู
สิงเทียนเชนนั้นหรือ พวกมันมองเห็นผูใชพลังธาตุคนอื่นเปนแคเหยื่อกระนั้นหรือ
อายฮุยสังเกตเห็นความตะลึงและกังวลบนดวงหนาของพวกเพื่อนๆ แลว เขาก็รู
วาหากบอกทุกอยางที่เขารูเกี่ยวกับภัยพิบัติโลหิตออกไปก็รังแตจะทำใหพวกเขาขยาด
หวาดกลัวลงไปอีก
เขาตัดสินใจที่จะเก็บทุกอยางเอาไวกับตัวเอง
การบอกสิ่งที่เขารูออกไปจะชวยใหพวกเขาหนีพนจากเมืองซงเจียนหรือไม มันจะ
ทำใหพวกเขารอดชีวิตจากอันตรายหรือไม คำตอบคือไมอยูแลว
ในทางกลับกัน เขามีแตจะสรางความปนปวนหากแพรงพรายเรื่องราวเหลานี้
ออกไป ตอใหสามารถรอดชีวิตไปได ปญหาก็จะตามมาอยางไมจบสิ้น ซ้ำอาจตองถูก
คุมกักตัวเพื่อสอบปากคำครั้งแลวครั้ งเลา และพวกที่อยูเบื้องบนอาจไมพอใจกั บ
คำตอบที่ไดรับ แลวอาจใชวิธีที่โหดรายกวาเพื่อทรมานจนกวาพวกเขาจะหมดความ
กังวล
ตอใหเขาสามารถรอดชีวิตผานทุกอยางเหลานั้นไดและกลายเปนวีรบุรุษ พวก
โลหิตแหงเทพยอมตองหาทางแกแคนเขาอยางแนนอน
กลาวตามตรงก็คือ ระหวางโลหิตแหงเทพกับอูสิงเทียน อายฮุยเกรงกลัวฝายแรก
มากกวา แมวาพวกเขาจะดูออนแอและมีจำนวนนอยกวา ทวาการเตรียมตัวของพวก
เขาเหนือกวาอูสิงเทียนหลายเทา ในตอนนี้พวกอูสิงเทียนยังไมอาจรูดวยซ้ำวาเกิด
อะไรขึ้นกับสถานการณนี้
เมื่อ องคก รใตดินที่เตรียมการมาอยา งรอบคอบนานนั บ ร อยป เริ ่ มลงมื อ นั่ น
หมายความวาการเตรียมการของพวกเขาตองเสร็จเรียบรอยแลว
นักโทษชราพูดวาโลหิตแหงเทพมีอัครสาวกหกคน และอายฮุยเชื่อวานี่เปนเรื่อง
จริง แตวาพวกมันจะมีเพียงแคหกคนเทานั้นหรือไม เรื่องนั้นเขายังไมแนใจ
หากถูกหนึ่งพันหยวนจับตัวไดอีกครั้ง เขาคงจะยอมแพ...
และหากเขาไมดีพอที่จะกลายเปนผูใชพลังธาตุโลหิต เขาก็คงตองยอมรับความ
จริง จบชีวิตลงก็ยังดีกวามีชีวิตอันนาอนาถ อายฮุยคิดวาจะหาเวลาพูดกับเจาอวน
เรื่องนี้
อายฮุยยังคงทำหนานิ่งขณะใชความคิด
เขาจะเปดเผยความคิดนี้กับเจาอวนกับโหลวหลานเทานั้น
“เชนนั้นแลว เราตองยึดพื้นที่คืนและกำจัดพวกมันทุกตัวที่กำลังกลายสภาพ”
ซือเสวี่ยมั่นพูดอยางเครงเครียด
ครูใหญลอบยินดีที่เห็นสีหนาเด็ดเดี่ยวของซือเสวี่ยมั่นในยามที่นางพูดออกมา
นางสมกับเปนบุตรีของซือเปยไหจริงๆ
“อันที่จริงเจาเมืองก็คิดเชนนั้น ไมวาจะอยางไรเราก็ตองยึดพื้นที่คืนกอนที่พวก
มดโลหิตจะกลายสภาพสำเร็จ ทุกคนตองมีสวนรวมในปฏิบัติการนี้ รวมถึงนักเรียน
และชาวเมืองขามาที่นี่เพื่อบอกเจาเกี่ยวกับปฏิบัติการนี้ จะมีคนมาแจงใหพวกเจา
ทราบถึงภารกิจในภายหลัง นี่เปนคำสั่งเคลื่อนพลทั่วทั้งเมือง!”
“คะ!” ซือเสวี่ยมั่นตอบรับยืดตัวตรงและทำความเคารพ “พวกเรารับคำสั่ง!”
นางไมใชคนเดียวที่ทำเชนนั้น ตวนมูหวงฮุนซังจื่อจวิน และเจียงเหวยก็ทำความ
เคารบเชนกัน ในอูสิงเทียน ประชาชนทั่วไปมักไมเกี่ยวของกับปฏิบัติการ ดังนั้นคำสั่ง
ใหเคลื่อนพลทั่วทั้งเมืองนั้นบงบอกถึงความอันตายของสถานการณที่กำลังจะเกิดขึ้น
อายฮุยกับหวังเสี่ยวซานไมไดทำทาเคารพ เนื่องจากมาจากแดนเกา พวกเขาไม
คุนเคยกับพิธีรีตองเหลานี้
“ขาจะบอกใหพวกเขาพยายามเต็มที่เพื่อไมใหพวกเจาแบงแยกออกจากกัน”
ครูใหญกลาวเมื่อเขามองไปที่เลือดและศพอีกครั้ง “พวกเจาอยูดวยกันมาระยะหนึ่ง
ยอมตองสรางความสามัคคีขึ้นระดับหนึ่งแลว พวกเราจะสงนักเรียนมาเสริมกำลัง
ใหกับพวกเจา หวังวาพวกเจาจะชวยพวกเขาดวย”
สายตาของครูใหญไปหยุดลงที่อายฮุย รูวาเขาเปนแกนหลักของกลุม
ซือเสวี่ยมั่นพลันถามขึ้น “เมื่อคำสั่งเคลื่อนพลทั่วเมืองประกาศใช และพวกเราอยู
ในภาวะสงคราม พวกเราสามารถปฏิบัติตามกฎอัยการศึกกับนักเรียนที่ไมปฏิบัติตาม
คำสั่งหรือไม”
สมาชิกในตอนนี้ลวนเชื่อมั่นในคำสั่งของอายฮุย แตพวกที่มาใหมนั้นอาจไม นาง
ไมอยากใหเกิดเรื่องแบบนี้อีกหลังจากไดเห็นเพื่อ นรวมกลุมของนางตายและนาง
จำเปนตอ งถามออกมาเพื่อ ความมั ่ น ใจ ในช ว งเวลาที ่ สงบสุ ข การขาดความเปน
อันหนึ่งอันเดียวกันอาจเปนแคเรื่องของความสัมพันธ แตในเวลาแหงสงคราม มันอาจ
นำมาซึ่งความตายของทุกคนได
ทุกคนมองไปยังครูใหญเปนตาเดียว
ครูใหญสะดุง เขาคงไมคิดวามันแปลกหากอายฮุยเปนคนถามขึ้นมา
จากการที่ไดพูดคุยกันแลว ครูใหญพบเวาอายฮุยไมใชพวกที่รับมือไดงายๆ เจา
หนุมนี่ไมยอมรับงายๆหากไมไดตอรอง แตคนถามในตอนนี้กลับเปนซือเสวี่ยมั่น ซึ่ง
หมายความวาอายฮุยไดรับความเชื่อมั่นจากซือเสวี่ยมั่นและคนอื่นๆแลว
เจาหนุมนี่....ไมธรรมดาจริงๆ
ครูใหญไมรูวาอายฮุยทำไดอยางไร แตการประเมินคุณคาของเจาหนุมนี้เพิ่มขึ้นไมนอย
ซือเสวี่ยมั่นกับตวนมูหวงฮุนนั้นไมใชพวกที่มีชื่อเสียงเรื่องเขากับคนงายอยางแนนอน
“แนนอน! พวกหนีทัพตองถูกประหาร ไมมีใครไดรับการยกเวน” ครูใหญตอบ
ทุกคนตึงเครียดขึ้นเมื่อไดยินคำวา “หนีทัพ” กับ “ประหาร” คำพวกนี้สะทอนให
เห็นถึงความรายแรงของสถานการณและเงาดำมืดของการฆาลางที่จะตามมา
“ขาตองการเครื่องมือเพิ่มเติม” อายฮุยเอยแจงทำลายความเงียบ
ครูใหญถอนหายใจ “ขาจะทำเต็มที่เพื่อหาของที่เจาตองการ”
เมื่อคำสั่งเคลื่อนพลทั่วทั้งเมืองประกาศใช
แมแตคนอยางซือเสวี่ยมั่นและตวนมูหวงฮุนยังตองบุกไปขางหนา ใครก็ตามที่ถูกพบ
เห็นวาหลบหนีจะตองถูกลงโทษอยางหนัก อาจจะรวมไปถึงทั้งครอบครัวเลยก็เปนได
ครูใหญยอมไมมีอะไรจะพูดเรื่องนี้ในเมื่ออำนาจในการสั่งการอยูในมือของเจาเมือง
พวกเขาเองก็ไมมีตัวเลือกมากนักเชนกันเมื่อคำนึงถึงสถานการณที่ย่ำแยของพวกเขา
หากซือเสวี่ยมั่นและคนอื่นๆ เสียชีวิตจากการปฏิบัติตามคำสั่งเคลื่อนพลทั่วทั้ง
เมือง ก็ไมมีใครกลาวโทษเมืองหรือโรงเรียนได เพราะมันถือเปนเกียรติ เปนเรื่องดี
สำหรับครูใหญเชนกันเพราะเขาไมจำเปนตองปกปองซือเสวี่ยมั่นและคนอื่นๆอีกตอไป
เมื่อมองไปทางศพของมดโลหิตก็ยิ่งยืนยันความรูสึกนี้
การสงนักเรียนออกไปตอสูก็ไมตางกับการสงพวกเขาไปสูความตายเทาไรนัก
ถึงแมวาพวกเขาจะรูวาความตายใกลเขามา แตพวกเขาก็ไมอาจหนีไดอีกตอไป
จะมีนักเรียนสักกี่คนที่ตองตาย ครูใหญไมกลาคิดเรื่องนี้อีกตอไป
เขาไดเลือกนักเรียนที่มีพรสวรรคและสงพวกเขาใหอายฮุยดูแล เขาไมรูเหมือนกัน
วามันจะเปนอยางไรตอไป แตเขาตองการที่จะเหลือความหวังบางอยางใหกับอนาคต
ของเมืองซงเจียน
อายฮุยเองก็เปนนักเรียนเชนกันและหวังวาเขาจะชวยดูแลพวกเพื่อนๆ
“อาจารยกบั อาจารยหญิงของขาปลอดภัยหรือไม” อายฮุยถาม
“ไมตองกังวล โรงเย็บปกเปนจุดสำคัญของการปองกัน”
คำพูดของครูใหญทำใหอายฮุยคลายความกังวลลงไปไดบาง
ไมนานหลังจากนั้น ครูใหญก็ไดนำนักเรียนมานับรอยคนมาซึ่งทุกคนลวนถูกคัด
สรรมาแลวทั้งสิ้น
อายฮุยจำพวกเขาสวนใหญไดในฐานะผูมีความโดดเดนที่สุดในโรงเรียนซงเจียน
เขาเหลือบมองไปยังครูใหญที่กลับมีความเชื่อมั่นในตัวเขาอยางเกินคาดหมาย
“ขาฝากพวกเขาไวในมือ เจาแลว ” ครูใหญกลาวออกมาดวยความเหนื่ อ ยล า
“สำหรับของที่เจาตองการ เจาตองเดินทางไปรับที่รานเอง พวกเขาตกลงตามที่เจาขอ
แตของก็มีจำกัด”
ไมมีใครคาดคิดไดวาความสำเร็จในอนาคตจะมาจากบรรดาเด็กนอยที่โศกเศรา
และตกใจซึ่งรวมตัวกันอยูที่ลานกวางแหงนี้
บทที่ 185 ฮั่วหยวนหลง
“...ดวงตาเย็นเยียบมองมายังพวกเราเสมือนวาพวกเราเปนแกะเตรียมถูกเชือด
เขานาจะเปนนักเรียนคนหนึ่งของโรงเรียนเรา ขามั่นใจวาชื่อของเขาไมเคยปรากฏขึ้น
ในรายชื่อสองรอยอันดับแรก บางทีเขาอาจมีความสามารถเฉพาะตัว ใครจะรู ไมวา
อยางไร เขาเปนพวกใจหินที่อาจสงเราไปสูความตาย ขาหวังวาคนที่จะเปนผูนำพวก
เราจะเปนคนที่นานับถืออยางซือเสวี่ยมั่น ไมใชพวกไรชื่อเสียงเชนคนผูนี้”
- นำมาจาก 《บันทึกของฮั่วหยวนหลง》
กลุมเด็กนอยออนปวกเปยกที่ยืนอยูตรงหนาอายฮุยทำใหเขานึกถึงตัวเองเมื่อสาม
ปกอนมองดูคนงานใหมมารวมกลุม
เมื่อไมมีรองรอยของพลังธาตุแมแตนอย แรงงานในแดนรางเปนเหมือนตุกตา
กระดาษและถูกใชงานเปนวัตถุทำสงครามเมื่ อเผชิญหน ากับภัยพิบั ติ โลหิ ต พวก
นักเรียนแถวหนาแตขาดประสบการณพวกนี้ก็ไมไดดีไปกวาแรงงานในแดนรางสัก
เทาไร พวกเขาก็คงเปนไดแควัตถุทำสงครามเชนกัน
การเอาชนะดวยปริมาณอยางเดียวนั้นไมใชสิ่งที่เปนไปไดอีกตอไป นี่เปนชวงเวลา
สำหรับยอดฝมือที่จะครองอำนาจ
ยอดปรมาจารยหนึ่งคนอาจจะมีประโยชนกวาทุกคนในในเมืองซงเจียนรวมกันเสียอีก
หากเมืองนี้มียอดปรมาจารย พวกเขาอาจหนีจากสถานการณนี้สำเร็จไปแลวก็ได
แนนาเสียดายที่ไมมียอดปรมาจารยอยูในเมืองซงเจียน
นอกจากการใชประโยชนจากปริมาณแลว เมืองนี้ก็ไมมีวิธีอื่นใหเลือกอีกราวกับวา
พวกมนุษยกำลังเลียนแบบกลยุทธของพวกมดโลหิตในการยกพวกโจมตี เมืองซงเจียน
ในวันนี้มนุษยก็ไมไดดีไปกวากวาสัตวสักเทาไร
กลุมที่เพิ่งถูกจัดขึ้นกลุมละประมาณหนึ่งรอยคนรวมตัวกันบนถนน หัวหนากลุม
ตะโกนสุดเสียงโบกมือไปมาพยายามปลุกขวัญคนในกลุม
อายฮุยมองเห็นความกลัวซอนอยูภายใตสีหนากระตือรือรนของพวกเขา
ความสับสนปนสิ้นหวังเต็มแนนในอากาศในยามที่ความมืดแหงรัตติกาลกลืนกิน
ควันสีดำที่ลอยอยูทั่วทุกที่
ซากปรักหักพังของกำแพงและบานเรือนที่กระจัดกระจายไปทั่วกีดขวางเสนทาง
รอยเลือดแหงกรังมีใหเห็นไดทั่วไป อากาศก็เหม็นตลบไปดวยกลิ่นคาวเลือดและควัน
ไฟ ตะเกียงที่เคยจัดวางอยางเปนระเบียบสองขางทางเสียหายกระจัดกระจาย ทำให
ถนนดูเหมือนหวีที่ซี่ฟนหักหรอมแหรม ตะเกียงที่หลงเหลือก็เปลงแสงออนจางนากลัว
กอใหเกิดเงาไปทั่วทองถนน เมืองซงเจียนเปลี่ยนไปอยางใหญหลวง
เขาไมเคยเห็นอะไรเชนนี้มากอน ไมแมแตในแดนราง
ที่คลังเก็บของอายฮุยตอแถวอยูนานครึ่งชั่วโมงกวาจะไดพบกับเจาหนาที่ผูดูแล
เจาหนาที่จดจำอายฮุยผูที่สรางความประทับใจอยางมากในการพบกันครั้งกอนได
ในทันที
“ของดีแทบจะไมเหลือแลวถึงแมวาเจาจะเลือกของไดสองชิ้นก็ตาม ขาแนะนำให
เจาเรงมือเขา”
เจาหนาที่ชี้ไปยังแถวที่ยาวเหยียด
อายฮุยรูดีวาเขาไมมีเวลาใหเลือกของมากนักจึงพูดออกไปในทันที “ก็ได ขา
ตองการอาวุธสำหรับผูใชพลังธาตุไฟ เชนเหยือกเพลิงก็ได”
“ใหเจาอวนคนนั้นหรือ” เจาหนาที่ถาม ความจำของเขานับวาดีทีเดียวแตที่เขา
จำไดก็เพราะเจาอวนทิ้งความประทับใจใหกับเขาเชนกันตอนที่เจาอวนใสเกราะขุนผา
ปราษาณ
“ใชแลว” อายฮุยตอบพรอมพยักหนา
“ฮา พวกเจาโชคดีนัก” เจาหนาที่หัวเราะ “ไมเหลือเหยือกเพลิงแลว แตพวกเรา
มีหมอเพลิง ไมมีใครเอาไปเพราะมันหนักเกินไป แตขาคิดวามันเหมาะกับเขา”
เจาหนาที่พาอายฮุยไปที่มุมคลังเก็บของและชี้ไปที่ถังใหญที่สูงเกือบเทาตัวเขา
อายฮุยเขาใจในทันทีวาทำไมไมมีใครตองการ มันใหญเกินไป หมอที่ผูใชพลังธาตุไฟใช
นั้น ยิ่งมีขนาดเล็กเทาไรก็ยิ่งแพงขึ้นเทานั้น น้ำเตาเพลิงนั้นเปนหนึ่งในพวกที่ เล็กที่
สุดแตมันก็แพงมากเชนกัน ดังนั้นผูใชพลังธาตุไฟสวนใหญจึงใชเหยือกเพลิง
แตที่ตั้งอยูตรงหนาของอายฮุยเปนหมอขนาดใหญ
“มันใชไดดีหรือเปลา” อายฮุยถามดวยความแคลงใจ
“แนนอน” เจาหนาที่ตอบตามจริง “อาจจะใหญไปหนอยแตก็เปนของดี แตวา
นอกจากน้ำหนักที่มากไปแลวมันก็ไมมีขอเสียอื่นอีก”
อายฮุยเกือบจะกลอกตาใสเจาหนาที่ หนักและใหญก็เปนขอเสียมากเกินพอแลว
เขาคิดภาพเจาอวนสวมเกราะขุนผาปราษาณยกโลหนักและแบกหมอยักษไวบนหลัง
ชุดศึกแบบนี้มันชาง...บรรยายไมถูก!
“มันเปนของดีจริงๆ นะ” เจาหนาที่พูดออกมาอยางไมคอยพอใจเมื่อเห็นสีหนา
คลางแคลงใจของอายฮุย “ผูที่สรางมันขึ้นมาตั้งใจที่จะสรางอาวุธระดับสวรรค แตมัน
กลับลมเหลวไมเปนทา เขาเลยใชแกนของมันมาสรางหมอนี้ หากเจาดูใหดีๆ เจาจะ
เห็นรอยจารึก นี่ไมใชเรื่องที่ขาแตงขึ้นนะ”
เขาชี้ไปที่รอยจารึกเล็กๆ ขางหมอ
หากเปนคนอื่นมาสงสัยเขาแบบนี้เขาคงโยนคนผูนั้นออกไปนานแลว ทวาเขาจำ
อายฮุยไดและเขาใจดีวาพวกเขาสองคนตองมีความสามารถพอตัวจึงสามารถมีชีวิตอยู
มาจนถึงตอนนี้
เมื่อไดยินวานี่เปนสิ่งที่สรางมาจากความลมเหลวในการผลิตอาวุธระดับสวรรค
แลว อายฮุยก็ยอมรับมันในทันที “ขาเอาชิ้นนี้!”
อาวุธระดับสวรรคเปนอาวุธระดับสูงที่สรางขึ้นเพื่อผูใชพลังธาตุ มันถูกตั้งชื่อ
เชนนี้ก็เพื่อสรางความแตกตางกับของวิเศษในอดีตเพราะมันถูกสรางขึ้นในอูสิงเทียน
ทวนของซือเสวี่ยมั่นก็คืออาวุธแบบนั้น
อาวุธระดับสวรรคมีพลังที่ลึกลับและสามารถเสริมพลังในการตอสูใหกับผูใชพลัง
ธาตุไดมหาศาล อยางไรก็ตามการใชอาวุธเชนนี้ก็ตองการพลังของผูใชมากเชนกัน
ปกติแลวตองเปดไดครบทั้งแปดตำหนัก หรืออีกในหนึ่งก็คือตองเปนผูใชพลังธาตุเต็ม
ขั้นถึงจะใชได
ซือเสวี่ยมั่นไมอาจปลดปลอยพลังที่แทจริงของทวนออกมาไดถึงหนึ่งในรอยสวน
ดวยซ้ำ
วัตถุดิบที่ใชในการสรางอาวุธระดับสวรรคนั้นตองมีคุณภาพสูงสุด นั่นคือเหตุผลที่
ทำใหอายฮุยยอมรับหมอใบนี้ในทันทีที่ไดยินวามันสรางมาจากอาวุธระดับสวรรคที่
ลมเหลว
เคล็ดลับที่ซับซอนและวัตถุดิบระดับสูงเปนสิ่งที่จำเปนตองใชในการผลิตอาวุธ
ระดับสวรรค นั่นคือเหตุผลที่ทำใหราคาของมันไมเคยลดต่ำลงอายฮุยเคยพบเจอผูใช
พลังธาตุมามากมายในแดนราง แตเห็นเพียงไมกี่คนเทานั้นที่ถืออาวุธระดับสวรรค
เจาหนาที่ดูแลคลังพอใจกับการตอบรับอันรวดเร็วของอายฮุย “ตองการอะไรอีกบาง”
เขาถาม
“กระสุนใยแมงมุมเหล็ก ลูกศรหนักเขี้ยวหมาปา แลวก็พริก”
“กระสุนใยแมงมุมเหล็ก ? ใหแ ม น างซั งหรื อ นางน า จะสามารถใช มั นได เมื่อ
พิจารณาจากความสามารถในการยิงธนูของนางแลว” เจาหนาที่พยักหนา “นาจะ
เหลืออยูประมาณสองรอยได เจาเอาไปใหหมดเลย ขาเชื่อวาเจาคิดอะไรนอกกรอบ”
กระสุนใยแมงมุมเหล็กมีขนาดประมาณนิ้วหัวแมมือดูไปไมตางอะไรจากกระสุน
เหล็กทั่วไป ตามที่ชื่อของมันบอกกระสุนใยแมงมุมเหล็กอัดแนนไวดวยใยแมงมุมขาง
ใน เมื่อถูกกระตุนดวยพลังธาตุใยแมงมุมภายในกระสุนจะขยายตัวออกเมื่อสัมผัส
เปาหมายและจะรัดเปาหมายเอาไว
เจาหนาที่นับวาเปนผูมีประสบการณอยางแทจริง อายฮุยขอกระสุนใยแมงมุม
เหล็กใหกับซังจื่อจวิน แมวาซังจื่อจวินจะมีทักษะการยิงธนูสูง แตความสามารถในการ
ตอสูของนางกลับออนดอยกวาเขา ดังนั้นอายฮุยจึงคิดจะใชกระสุนนี้เพื่อใชทักษะของ
นางใหเกิดประโยชนสูงสุด แตไมคาดคิดวาคลังเก็บของจะยังมีเก็บไว
การใชกระสุนใยแมงมุมเหล็กนั้นไมแพรหลายนักเพราะใยแมงมุมไมเหนียวแนน
พอ มันคงไมราคาถูกแบบนี้หากมันมีพลังในการกักขังสูงกวานี้
แตอายฮุยไมไดสนใจเรื่องนี้มากนักเพราะเปาหมายของเขาคือการใชมันเพื่อสราง
ความสับสนใหกับศัตรู
“ขาสามารถใหลูกศรหนักเขี้ยวหมาปาเจาไดแคสองแลงเทานั้น” เจาหนาที่กลาว
ตอไปอยางรวดเร็วเมื่อเห็นความตั้งใจที่จะตอรองของอายฮุย “ผูคนมากมายตองการ
ของสิ่งนี้ ขานับวาชวยเหลือพวกเจามากแลวที่ใหถึงสองแลง คนอื่นไดรับแคแลงเดียว
เทานั้น”
“ก็ได ขา เอาเทา ที่ข า เอาได” เมื ่ อ เห็ น แถวยาวหน า ประตู อ า ยฮุ ย ก็ ย อมรับ
คำอธิบาย
“เราไมมีพริกในคลังเก็บของ” เจาหนาที่งุนงงกับคำขอนี้ “เจาจะเอาพริกไปทำ
อะไร ขออะไรแปลกจริง! ขาวาเจาคงสามารถหาซื้อไดตามรานขายเครื่องเทศ เพราะ
คงไมคอยมีใครเก็บ สะสมพริก เอาไวขาขอโทษดวย เจาเมืองนิยมอาหารรสหวาน
มากกวารสเผ็ด”
อายฮุยรูสึกผิดหวังที่ไมสามารถไดพริกมา
เจาหนาที่ไดไปดูแลคนอื่นตอแลว เมื่อรูวาเขาไมไดรับอะไรเพิ่มเติมแลว อายฮุยก็
ลากหมอสุราขนาดยักษออกจากคลังเก็บของไป
พวกที่กำลังตอแถวอยูสงสายตามองดูอายฮุยกันเปนแถว
พวกนักเรียนที่รวมตัวกันอยูในโรงฝกศาสตราวุธเพิ่งจะเสร็จสิ้นการฝกอันทรหด
มารอบหนึ่ง และกำลังมีความสุขกับการพักผอนที่พวกเขาสมควรไดรับ
ซือ เสวี่ย มั่นเปนคนนำการฝก เพราะอ า ยฮุ ย ไม สนใจที ่ จ ะทำหน า ที่ ดู แ ลพวก
นักเรียนเหลานี้
พลังและชื่อเสียงของนางเปนที่รูกันไปทั่วในหมูนักเรียน ทำใหนางไดรับความ
เชื่อมั่นจากพวกเขาอยางรวดเร็ว
นางแอบอานหนังสือของบิดานางมามากมายตั้งแตยังเยาว และนั่นทำใหนางมี
ความรูดานการทหารมากกวาคนอื่น
เมื่ออายฮุยยกพวกเขาใหนางดูแล ซือเสวี่ยมั่นก็รูสึกตื่นเตนขึ้นมา ในที่สุดนางก็ได
ลองใชสิ่งที่นางเรียนรูมาตั้งแตยังเยาวเสียที
สิ่งเดียวที่นางไมพอใจก็คือผูชวยของนาง นางตองการใหตวนมูหวงฮุนเปนผูชว ย
แตอายฮุยกลับมอบหนาที่นี้ใหกับเจียงเหวยแทน
เมื่อลอบมองเจียงเหวยนางก็ตองยอมรับอยางชวยไมไดวาอายฮุยมีความสามารถ
ในการดูคนสูงกวานาง
เจีย งเหวยไมไดดูโดดเดนเชนตวนมู  หวงฮุ นแต เขาสุ ข ุม พึ ่ งพาได อดทนและ
ละเอียดถี่ถวน หากไมมีเจียงเหวยชวยซือเสวี่ยมั่นคงจะทำอะไรเงอะงะออกไปเปนแน
ตวนมูหวงฮุนกำลังจมจอมอยูกับการฝกของตัวเอง
เขาไมเคยตองการจะชวยดูแลพวกนักเรียนฝก เพราะความฝนของเขาคือการได
เปนยอดปรมาจารย
ในอดีต เขาไมคอยแนใจถึงเปาหมายชีวิต แตเมื่อไดประสบกับการตอสูที่ดุเดือด
และเผชิญหนากับความตายทำใหเขากระจางแจง เขาตองการเปนยอดปรมาจารย
ไมใชแคเปนยอดปรมาจารยทั่วไป แตตองเปนยอดปรมาจารยที่แข็งแกรงที่สุดใน
ประวัติศาสตร!
ความหดหูเขาปกคลุมไปทั่วระหวางการพัก ทุกคนกังวลกับอนาคตและหวาดกลัว
การตอสูที่กำลังจะมาถึง
ความหวาดกลัวและสับสนทำใหพวกนักเรียนกระสับกระสาย
“ทำไมพวกเราตองฟงคำสั่งของอายฮุยดวย” ฮั่วหยวนหลงถามดวยเสียงที่ดังพอ
ใหทุกคนไดยิน
เขาจงใจตะเบ็งเสียงเมื่อถูกมองวาเปนหนึ่งในนักเรียนหัวกะทิของโรงเรียน เขาจึง
รูสึกไมพอใจที่ตองฟงคำสั่งของนักเรียนปหนึ่ง ยังพอรับไดหากเปนคนอยางตวนมูหวง
ฮุน แตหัวหนากลับกลายเปนคนที่ไมมีใครรูจักเชนอายฮุย
ฮั่วหยวนหลงแอบตรวจดูอายฮุยกอนหนานี้ขณะที่ครูใหญกำลังพูด เขาไมเห็นวา
อายฮุยจะมีอะไรพิเศษเลย
สิ่งเดียวที่เขาประทับใจในตัวอายฮุยก็คือสายตาที่เย็นชา
แตสายตานี้ก็ทำใหฮั่วหยวนหลงรูสึกรำคาญเชนกัน ฮั่วหยวนหลงไมอาจทนรับได
ที่จะถูกรุนนองจองมองดวยสายตาแบบนั้น
ซือเสวี่ยมั่นขมวดคิ้ว เจียงเหวยลุกขึ้นจากการพักผอน และซังจื่อจวินก็จองมอง
มาเมื่อไดยินเชนนั้น ริมฝปากเผยรอยยิ้มกวางขณะที่นางดีดสายธนูราวกับกำลังเลน
เครื่องดนตรี
บรรยากาศเปลี่ยนเปนเขมขน
นักเรียนบางคนเตือน “หยวนหลง ระวังคำพูดดวย!”
ฮั่วหยวนหลงเอียงคอและพูดเสียงดังกวาเกา “ขาพูดอะไรผิดไปเชนนั้นหรือ”
ตวนมูหวงฮุนไมพอใจที่การฝกของเขาถูกรบกวน
“ขายินดีรับฟงคำสังของแมนางซือเสวี่ยมั่น แตอายฮุยเปนใครถึงมาสั่งพวกเราได” ฮั่ว
หยวนหลงตะโกน
คำพูดนี้สอดคลองกับความคิดของคนอื่น ทำใหเกิดเสียงอื้ออึงไปทั่ว
“ใชแลว มีเพียงแมนางซือกับหวงฮุนที่คูควร!”
“อายฮุยเปนใครมาจากไหนกัน”
……
“พอไดแลว!” ซือเสวี่ยมั่นสั่ง นางเดินไปหาฮั่วหยวนหลงพรอมกับเมฆาย อ ม
สวรรคในมือนางสีหนาเครงขรึม “เจาหมอบลง โบยหาสิบทีสำหรับการกอปญหา!”
ฮั่วหยวนหลงหนาถอดสี เขาไมเขาใจวาทำไมซือเสวี่ยมั่นถึงไดอยูขางอายฮุย
หาสิบที...เขาตัวสั่นและหันไปเรียกตวนมูหวงฮุนใหชวยอยางรวดเร็ว “หวงฮุน
เจาไมคิดจะกลาวอะไรหนอยหรือ”
“คิดสิ” ตวนมูหวงฮุนตอบพรอมกับเดินเขามา
ฮั่วหยวนหลงรูสึกโลงอกเมื่อไดยินตวนมูหวงฮุนกลาวเชนนั้น “ใชแลว! บอกพวก
เขาไปวาเจาคิดเชนไร หวงฮุน ทุกคนรอฟงเจาอยู”
“ก็ไมมีอะไรมาก” ตวนมูหวงฮุนแสยะยิ้ม เผยใหเห็นฟนสีขาวดุจหิมะ “ขาจะเปน
คนโบยหาสิบทีนี้เอง”
บทที่ 186 การผสานรวมกระบี่จุลวงและหมอกดามกระบี่
ในยามที่อายฮุยกลับมาถึง เขาก็พบวาตวนมูหวงฮุนกำลังโบยนักเรียนคนหนึ่งอยู
เอะ นักเรียนคนนี้ดูคุนตาอยูบาง
อายฮุยไมไดใหความสนใจกับคนพวกนี้มากนัก ดังนั้นเขาจึงเหลือบมองแคครั้ง
เดียวกอนที่จะเบนสายตาไป เขาปฏิบัติตอซือเสวี่ยมั่นและพวก ไมเหมือนกับที่ เขา
ปฏิบัติตอพวกนักเรียนที่เพิ่งเขามารวมใหมโดนสิ้นเชิง
เขาเปนคนที่ยึดติดกับความจริง ความจริงที่ไมผิดพลาด
หลังจากทิ้งใหซือเสวี่ยมั่นกับเจียงเหวยเปนคนดูแลนักเรียน เขาก็ไมคิดจะเขาไป
ของเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาแมแตนอย เวลาของเขานั้นมีคาเกินกวาที่จะไปเสียให
คนพวกนั้น เขามอบกระสุนใยแมงมุมเหล็กใหกับซังจื่อจวิน และวางหมอยักษลง
กอนที่จะเริ่มการฝกของตัวเอง
อายฮุยก็เขาสูสมาธิอยางรวดเร็ว
เขาไมคุนเคยกับสภาพรางกายที่เปดเจ็ดตำหนักแลวในตอนนี้ และเขาไมชอบ
ความรูสึกนี้ แมวาพลังธาตุในกายของเขานั้นมีนอยมากในอดีตแตอยางนอยเขาก็
สามารถใชมันไดอยางเต็มที่ แตเมื่อเขามีพลังธาตุมากขึ้นไมนอยในตอนนี้ เขากลับไม
อาจใชมันไดอยางเต็มที่
เขารูสึกวามันเปนการสูญเปลา และการสูญเปลาเปนสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด
ความสนใจของทุก คนมารวมกั น อยู  ท ี ่ ตั ว อ า ยฮุ ย เมื ่ อ เขาก าวเข า มาในโรงฝก
นักเรียนบางคนมองเขาอยางดูถูกในขณะที่บางคนมองอยางคิดวิเคราะหหรือมองดวย
ความสงสัย ตวนมูหวงฮุนไมปรานีแมแตนอยในการลงโทษฮั่วหยวนหลงทำใหหนุม
นอยนาสงสารผูนี้สลบไปกอนที่จะครบหา สิบ ครั้ งเสียอีก เมื่อไดเรียนรูจากความ
ผิดพลาดของฮั่วหยวนหลงแลว นักเรียนคนอื่นๆ ก็เก็บคำรองเรียนเอาไวในใจ
ความแนวแนของซือเสวี่ยมั่นและตวนมูหวงฮุนทำใหทุกคนประหลาดใจ
อายฮุยไมสนใจสิ่งอื่น ตั้งใจทำการฝกที่ดูเหมือนนอกรีตของเขาตอไป จำนวน
สายตาดูถูกและเหยียดหยันเพิ่มขึ้นมากเมื่อเห็นวาเขากำลังฝกเพลงกระบี่
มันคือเพลงกระบี่...
นักเรียนที่สงสัยจำนวนไมนอยที่แสดงความผิดหวังออกมาเมื่อเห็นวาเขาฝกในสิ่ง
ที่ไรอนาคต
อายฮุยไมไดฝกสามกระบวนทาในยาเม็ดกระบี่ที่เขาไดรับมาจากอาจารย แตขัด
เกลากระบวนทาทั้งหลายที่เขาพัฒนาขึ้นมาดวยตัวเอง กระบวนทาทั้งสามในยาเม็ด
กระบี่นั้นตองใชการขับเคลื่อนพลังธาตุที่ซับซอนเปนอยางมาก [พระจันทรเสี้ยว] ที่
เรียบงายที่สุดยังนับวาซับซอนอยางมาก การฝกกระบวนทาทั้งสามก็เหมือนกับการ
พยายามตักน้ำดวยตะกราสานนั่นเอง
ยิ่งไปกวานั้นอายฮุยรูวาในการรับมือกับศัตรูที่โจมตีเปนกลุมแลว การใชกระบวน
ทาธรรมดาอยางตอเนื่องนั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกวากระบวนทาประหาร
ที่ทรงพลัง
พลังธาตุในกายของเขาแข็งแกรงกวาแตกอนมาก กระบวนทาที่กระจัดการจาย
ของเขาก็ไมเหมือนเดิมอีกตอไป
ตัวออนกระบี่เติบโตขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปมาก
ในอดีต ตัวออนกระบี่จะตื่นขึ้นก็เมื่อเขาใชเพลงกระบี่ แตเมื่อมันแข็งแกรงขึ้นตัว
ออนกระบี่กลับดูเหมือนจะเงียบขรึมกวาเดิมเฉกเชนอสูรปาที่กินจนอิ่มและกำลังนอน
หลับอยูในตำหนักนภาของอายฮุย
หากไมใช เพราะสัมผัสที่ห กอั น เฉี ยบคมของอ ายฮุ ย เขาคงคิ ดว า มี บ างอยาง
ผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวออนกระบี่เปนแน
ถึงแมวากระบวนทากระบี่ที่อายฮุยฝกฝนนั้นจะกระจัดกระจายและเกิ ดการ
เปลี่ยนแปลงอยูเสมอหากมองในภาพรวมแตหากพิจารณาในแตละกระบวนทาแลว
พวกมันลวนใชไดดีเพราะเขาไดท ุ มเทเวลาไปมากมายในการปรับ ปรุงและฝกฝน
กระบวนทาเหลานั้น
เขาแทงเพลิงสันหลังมังกรออกไปเปนวงโคงเล็กๆ การเคลื่อนไหวของกระบี่ดู
คลายกับนกทะเลโฉบตัวไปสัมผัสกับผิวน้ำ
เขาประยุกตกระบวนทานี้มาจากกระบวนทาสังสารที่เขาเคยอานจากคัมภีรกระบี่
อายฮุยรูสึกวาสวนนี้ของเพลงกระบี่นั้นมีประโยชนอยางมาก กระบวนทา [กระบี่จุ
ลวง] นี้เปนการแทงกระบี่โดยหมุนวนเปนวงเล็กๆ ที่คูตอสูเห็นเพียงวาเปนกระบี่ที่ทิ่ม
แทงออกมาตรงๆ
ตัวออนกระบี่พลันสะดุงขึ้น
หือ?
อายฮุยชะงัก เขาไมคอยแนใจในสิ่งที่เขาสัมผัสได การเตนของตัวออนกระบี่นั้น
เปนจังหวะในบางครั้งแตก็มีบางที่ผิดจังหวะไปมาก
เขาทดลองใช [กระบี่จุลวง] อีกครั้ง แตตัวออนกระบี่กลับนิ่งเฉยในครั้งนี้
อายฮุยตัดสินใจที่จะไมสนใจตัวออนกระบี่และทำการฝกเพลงกระบี่ที่เขาคิดขึ้น
เองตอไป เพลงกระบี่ที่ใชจนเปนนิสัยทำใหเขาทำความคุนเคยกับพลังธาตุในกายได
มากขึ้น
เพลิงสันหลังมังกรที่หนักอึ้งกลับใหความรูสึกราวไรน้ำหนักในมือเขา ประโยชนอยาง
หนึ่งของพลังธาตุที่เพิ่มขึ้นก็คือการเพิ่มขึ้นของพลังกายที่แข็งแกรงอยูแลวของเขา
อายฮุยจมจอมอยูกับการฝกฝนของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มฝกกระบวนทา
ที่ยากขึ้น เขาขยับดามกระบี่อยางรวดเร็วในขณะที่ปลายกระบี่ยังคงอยูในตำแหนง
เดิม เชนนี้ก็สามารถสรางภาพติดตาของดามกระบี่ถึงหกดามไดสำเร็จ
กระบวนทานี้เรียกวา [หมอกดามกระบี่] เปนหนึ่งในวิธีการฝกของนักกระบี ่ใน
อดีต การสามารถรักษาตำแหนงของปลายกระบี่ใหคงที่ในขณะที่เคลื่อนดามกระบี่ไป
มาอยางรวดเร็วเปนตัว ชี้ว ัดความคลอ งแคลวของขอมือและความสามารถในการ
ควบคุมที่ยอดเยี่ยม นักกระบี่ที่โดดเดนตองสามารถเคลื่อนไหวดามกระบี่ไปไดในทุก
ทิศทางไมจำกัดอยูเพียงการกวาดซายกวาดขวาเทานั้น ดามกระบี่ที่โยกยายไปมา
อยางรวดเร็วดูราวกับหมอกลวงตาซึ่งเปนสาเหตุที่ทำใหกระบวนทานี้ไดรับชื่อเชนนี้
[หมอกดามกระบี่] ถูกใชเปนเครื่องประเมินของพรรคกระบี่มากมายในอดีต
กอนหนานี้ อายฮุยไมสามารถใช [หมอกดามกระบี่] ไดสำเร็จ เขาไมคาดคิดวาจะ
ประสบความสำเร็จเชนนี้ แตเขาก็ยินดีที่สามารถฝกไดสำเร็จ
ตัวออนกระบี่สั่นไหวอีกครั้ง
หืม ความตื่นเตนยินดีของอายฮุยหายไปเมื่อเขาหันความสนใจไปที่ตัวออนกระบี่
การเตนทั้งสองครั้งของมันกระตุนความคิ ดบางอยางของเขาขึ้นมา เขาทดลองใช
[กระบี่จุลวง] อีกครั้งแตตัวออนกระบี่ก็ไมตอบสนอง เขาใช [หมอกดามกระบี่] อีกหน
แตตัวออนกระบี่ก็ยังนิ่งเฉย
ทำไมถึงเปนเชนนี้
อายฮุยยกเพลิงสันหลังมังกรขึ้นและยืนนิ่งดิ่งลึกลงไปในความคิด เขาไมอาจหา
เหตุผลใหกับการกระทำของตัวออนกระบี่ได แตจากประสบการณในอดีตที่ผานมาได
จารึก จังหวะของมันลงในใจเขา ตั ว อ อ นกระบี ่ มี ความอ อ นไหวต อ การกระทำที่
เกี่ยวของกับกระบี่ นับตั้งแตเขาเริ่มจับเพลิงสันหลังมังกรเปนครั้งแรกจนถึงตอนที่เขา
ออกกระบวนทา
ทันใดนั้นเองอายฮุยก็ใช [หมอกดามกระบี่] ออกมาตามสัญชาตญาณ เมื่อดาม
ของเพลิงสันหลังมังกรอยูในจุดที่อายฮุยรูสึกผอนคลายมากที่สุด ปลายกระบี่ก็พุง
ออกไปหมุนวนเปนวงเล็กๆ นี่คือ [กระบี่จุลวง]
แทบจะในเวลาเดียวกัน ตัวออนกระบี่ที่อยูระหวางคิ้วของเขาก็เตนอยางแข็งขัน
เพลิงสันหลังมังกรในมือเขาสวางขึ้นสรางเสนแสงสวางจาไวในอากาศ
ลำแสงกระบี่วาดผานอากาศราวกับดาวตกที่รวงลงมาจากสวรรค พวกนักเรียนที่
แอบดูอายฮุยอยูตางก็ตกตะลึง
นี่มันเพลงกระบี่แบบไหนกัน
แสงจาคางอยูในอากาศอยางชัดเจนไมยอมสลายหายไป มันไมไดทำใหรู สึกนา
หวาดหวั่น ทวาการที่มันไรซึ่งพลังธาตุนั้นนาประหลาดใจทีเดียว
ซือเสวี่ยมั่นเองก็ตรึงใจไปกับลำแสงที่เกิดจากการแทงกระบี่ของอายฮุย นางไม
อาจคิดไดวาอายฮุยสามารถสรางมันขึ้นมาโดยไมใชพลังธาตุไดอยางไร
ไมมีกระบวนทาใดของเขาที่ใชพลังธาตุเลย ดังนั้นมันยอมไมอาจสรางรังสี ใดๆ
ออกมาได นี่เปนขอเท็จจริงที่รูโดยทั่วกัน นักเรียนคนอื่นสงสัยวาอายฮุยแอบใชพลัง
ธาตุเพียงเล็กนอยในกระบวนทา แตซือเสวี่ยมั่นมั่นใจวาไมมีพลังธาตุแมเพียงเล็กนอย
ในกระบวนทากระบี่ของอายฮุย
ตวนมูหวงฮุนจองมองไปทางอายฮุยอยางพิศวงงงงวย
อายฮุยตื่นเตนอยางที่สุด!
เขาไดสรางกระบวนทาขึ้นมาดวยตัวเองและไมใชพลังธาตุแมแตนอยก็สามารถ
สรางลำแสงกระบี่ขึ้นมาได!
เขาไมรูวามันเกิดขึ้นไดอยางไร แตเขามั่นใจอยางมากวาเขาเพิ่งจะใชกระบวนทา
กระบี่ที่ยอดเยี่ยมอยางมากออกไป เขาไมไดหยุดเพื่อชื่นชมนานจนเกินไป แตกลับเริ่ม
ความพยายามที่จะผสาน [หมอกดามกระบี่] กับ [กระบี่จุลวง] เขาดวยกัน ไมไดเกิด
ลำแสงกระบี่ในครานี้ แตเขาไมทอแทถอดใจดวยรับรูวาตนพลาดจังหวะที่ถูกตองจาก
ครั้งกอน
อายฮุยฝกซอมซ้ำแลวซ้ำเลา
เสียงกระบี่กรีดอากาศดังขึ้นไมหยุดหยอน เขาจมอยูกับการฝกซอมของตัว เอง
อยางสมบูรณ
นักเรียนบางคนมองไปยังอายฮุยดวยสายตาที่เปลี่ยนไป สมาธิเปนสิ่งที่ดึงดูดและ
นานับถือ การที่สามารถเขาสูสมาธิและจมอยูกับสิ่งที่ทำไดอยางสมบูรณนั้นเปนสิ่งที่
นานับถือและนาทึ่งมากเมื่อกระทำตอหนาตอตาผูคนที่จองมองมา
เพลิงสันหลังมังกรสีดำสรางเงามืดเมื่อกรีดผานอากาศ คมสีแดงของตัวกระบี่
กับอัญมณีที่ฝงไวทั้งเจ็ดเพิ่มรอยสีแดงเลือดใหกับภาพติดตาของมัน ภาพนี้ทำใหหวน
นึกถึงทองฟายามคำคืนของเมืองซงเจียนที่เต็มไปดวยกลิ่นของเลือดอยางประหลาด
อายฮุยกวัดแกวงกระบี่ออกอยางไมรูจักเหน็ดเหนื่อย
ลำแสงพลันสวางขึ้นกลางอากาศในจุดที่เพลิงสันหลังมังกรเพิ่งวาดผานไป ดูราว
กับดาวตกคลอยผานฟากฟายามราตรี ครั้นแลวพลันหายไปอยางไรรองรอย
สายตาแหงความเสียดายฉายออกมาโดยพรอมเพรียง
ลำแสงอีก เสนปรากฏขึ้นหลังผ า นไปชั ่ ว ขณะหนึ ่ ง ไม ช า ไม น านหลั งจากนั้ น
ทองฟายามราตีก็เต็มไปดวย “ดาวตก” จำนวนมากมาย
ลำแสงกระบี่ที่แผพุงออกไปสูความวางเปลาอยางรวดเร็ว ทิ่มแทงมานราตรีครั้ง
แลวครั้งเลา คนที่อยูรอบขางไดเห็นฝนดาวตกเกิดขึ้นตรงหนา
ลานฝกกลายเปนเงียบงันเมื่อเหลาคนมุงดูตะลึงงันไปกับภาพอันงดงามเบื้องหนา
บางทีพวกเขาอาจชื่นชมกับเสนแสงอันพรางพราวกลางราตรี หรือบางทีการไดเห็น
การเกิดขึ้นของกระบวนทากระบี่ใหมกับตาไดกระตุนบางสิ่งภายในใจพวกเขา
บางทีอาจไมใชทั้งสองอยาง แตเปนเพราะใบหนาที่เต็มไปดวยเหงื่อและรอยยิ้ม
แหงความยินดีที่ตามมาจากเสนแสงแตละเสน
สีหนาที่เต็มไปดวยความสุขอันบริสุทธิ์นั้นสุกสกาวพรางพราวอยูทามกลางสีหนา
หมองเศรา และหวาดหวั่นของบรรดานั กเรี ยน มั น ช า งติ ดตาตรึงใจ และนำมาซึ่ง
ความหวัง
ตวนมูหวงฮุนยังคงจองมองไปทางอายฮุยอยางเหมอลอย จิตใจของเขาคอยๆ
เลื่อนลอยไป
บางอยางถูกกระตุนลึกลงไปในวิญญาณของเขาเมื่อภาพตรงหนาไดแผดเผาเขาสู
ความทรงจำบางอยางบอกเขาวาตนไมอาจจะลืมชวงเวลานี้ไปได เขาไดมองไปยังจิต
วิญญาณที่ไรเทียมทานอันเปนสิ่งที่ทรงพลังมากจนตานทานไดแมแตเวลาที่ดำมืดที่สุด
ตวนมูห วงฮุนไมรูจะหาคำใดมาบรรยายประสบการณน ี ้ เขามองเห็ นรางอัน
คลุมเคลือสูงเดนอยูเหนือสิ่งแวดลอมที่ปลายของถนนยาวไกล ถนนที่ยืดยาวออกไปสู
ขอบฟาดานหลังเงารางของอายฮุย
นั่นคือยอดปรมาจารยอยางนั้นหรือ
ใชอยางแนนอน!
ในความงุนงง ตวนมูหวงฮุนตอบกับตนเองอยางมั่นใจ เปาหมายอันยิ่งใหญไหล
พลานไปตามเสนเลือดทั่วรางกาย สัมผัสกับทุกสวนของรางทำใหเขาตองตัวสั่นเทา
นี่ไมใชเป า หมายของเขาหรอกหรือ สู งเด น เหนื อ สิ ่ งมี ชีวิ ตทั้ งปวง! ก า วขึ้นสู
จุดสูงสุด!
เงารางที่ชักนำความกลัวสรางความเกรงขาม
ในการเปนผูไรเทียมทานนั้นจักตองมีจิตวิญญาณที่ทรหด ขานี่เองจะกลายเปน
ศูนยรวมของพลัง!
ตวนมูหวงฮุนไมเคยรูสึกชัดแจงในความคิดเชนนี้มากอน
ความตายยังคงนาหวาดกลัว ทวามันไมอาจควบคุมจิตใจของเขาไดเชนเดิมอีก
ตอไป เขาไมใชหุนเชิดที่ควบคุมโดยความตายอีกตอไป
ความตึงเครียดทั้งหมดถูกปลดปลอยออกจากรางกายของเขา หวงที่มองไมเห็น
ซึ่งถวงเขาเอาไวหายสลายหายไป พลังชีวิตเฟองฟูในกายของเขาทำใหพลังธาตุในกาย
เกิดการเปลี่ยนสภาพอยางลึกลับ
ตวนมูหวงฮุนยังคงไมเคลื่อนไหวในขณะที่เขาชื่นชมกับความสงบสุขและผอน
คลายในเวลานี้
ซือเสวี่ยมั่นสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอยางของตวนมูหวงฮุน
ตวนมูหวงฮุนที่นางรูจักมาจนถึงตอนนี้คือบุคคลที่ฉลาดล้ำอยางแทจริง แตก็มี
ความระแวดระวังและเงียบขรึมเกินไป เขามีจิตใจที่ออนแอและชักจูงไดงาย เขามี
ความหยิ่งผยองในพรสวรรค แตขาดซึ่งความอหังการ
นางไมอยากจะเชื่อวาเขาจะสามารถทะลวงผานสำเร็จไดเร็วเชนนี้...
อายฮุยสัมผัสไดถึงการเปลี่ยนแปลงอันนาอัศจรรยที่เกิดขึ้นใกลๆ แตเขากำลังยุง
อยูกับความคิดของตัวเอง ทายที่สุดแลว เขาเพิ่งจะสรางกระบวนทาใหมขึ้นมาจาก
การผสานรวม [กระบี่จุลวง] กับ [หมอกดามกระบี่] เขาดวยกัน
หลังจากขุดคุยเศษขยะมานานหลายป ในที่สุดอายฮุยก็พบวิธีที่จะเปลี่ยนขยะให
กลายเปนของวิเศษ!
เขาไดเปดหนาตางที่เผยใหเห็นลานกวางที่เต็มไปดวยกองขยะ อยางไรก็ตามใน
สายตาของเขานั้นเขามองเห็นภูเขาที่สรางขึ้นจากทอง
บทที่ 187 ผูจัดการหลี่กบั ธนูขนกระตาย
อายฮุยตองใชเวลากวาชั่วยามจึงหลุดพนออกจากความเคลิบเคลิ้ม เขานั่งนิ่งอยู
บนพื้นหัวเราะคิกคัก ดูออนโทรมและเหนื่อยลา ทั่วทั้งรางเปยกชุม ใบหนาและหนัง
ศีรษะเต็มไปดวยเหงื่อ ตนแขนของเขาก็ออนลาจนไมอาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได
เวลาหนึ่งชั่วยามสรางผลลัพธออกมาไดสองกระบวนทา ซึ่งลวนเปนกระบวนทาที่
เรียบงาย ไมมีอะไรซับซอน การผสานรวมของ [กระบี่จุลวง] และ [หมอกดามกระบี่]
นั้นเปนการแทงออกไปเปนเสนตรง
แตมันก็ยังสามารถใชในการฟาดฟนไดอีกดวย สิ่งที่ตางออกไปก็คือมุมในการ
โจมตี เขาไดทดลองทุกมุมอยูหลายครั้งจนพบมุมที่ดีที่สุด เขาตั้งชื่อใหกับกระบวนทา
ที่เกิดการการผสานของ [กระบี่จุลวง] และ [หมอกดามกระบี่] วา [แสงหมอก] และ
กระบวนทาฟาดฟนนั้นเขาเรียกมันวา [ฟาดเฉียง]
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับกระบวนทาทั้งสองนั้นสูงมาก กระทั่งที่วาถึงแมไมมี
การเตนของตัวออนกระบี่ อายฮุยก็ยังสามารถสัมผัสไดถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่
ดีขึ้น
แรกเริ่มเดิมทีเพลงกระบี่ก็เปรียบประหนึ่งทารายรำที่ออนชอยงดงามแตก็ทรง
พลัง คัมภีรกระบี่ที่ไรซึ่งพลังวิญญาณก็เหมือนปลาที่ขาดน้ำ ไมวาจะตั้งใจหรือไมก็ตาม
พวกมันกลายเปนไรคา การโยนปลาน้ำเค็มลงในแมน้ำก็จบลงดวยความตายเชนกัน
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดลอมยอมหมายความวาสิ่งตางๆ ตองถูก
นำมาปรับเปลี่ยนใหม
ไมวาเพลงกระบี่ที่อายฮุยใชจะเคยเลอเลิศเพียงใดและไมวาเขาจะอานคัมภีร
กระบี่มามากมาเพีย งไหน มันก็เป น การยากที ่ จ ะเอามาใช ใ นยุ คนี ้ ห ากไม ม ี ก าร
ปรับเปลี่ยน
อายฮุยยังไมรูวาจะทำเชนไร การปรับเปลี่ยนเพียงเล็กนอยก็สามารถเปลี่ยนเพลง
กระบี่ไปไดอยางสิ้นเชิง
บางทีมันอาจมีความสอดคลองบางอยางระหวากระบี่กับพลังธาตุก็ได
ไมรูเหมือนกัน
แตตอนนี้เขารูวาเขาไดคนพบวิธีแกปญหาสิ่งที่เคล็ดกระบี่ขาดไปแลว
ยังมีเพลงกระบี่อีกมากที่รอใหเขาไปสำรวจและปรับเปลี่ยน เขามีเวลาเพียงพอใน
การคนหาและทำความเขาใจ ซึ่งนั่นเปนการเริ่มตนที่ดี กอนหนานี้เขาไดแกป ญหา
เฉพาะหนาและสามารถใช [กระบี่คางคาววายุ] ออกมาได แตครั้งนี้เขากาวหนาขึ้นไป
อีกขึ้น เขาเคยเห็นคัมภีรกระบี่มานับไมถวนและไมรูวาจะฝกมันอยางไร แตกระนั้น
เขาก็รูวาผูบำเพ็ญตนทำอยางไรในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน
[แสงหมอก] และ [ฟาดเฉียง] ทำใหเขาไดรับรูวากระบี่ทุกกระบวนทาจำเปนตอง
เปลี่ยนแปลงเริ่มตนจากการกระบวนทาที่พื้นฐานที่สุดกอนเพื่อปรับตัวใหเขากับยุค
ของพลังธาตุ
นี่เปนรางวัลใหญที่สุดที่ไดรับในค่ำคืนนี้
เขาคงไมอาจคิดเรื่องนี้ขึ้นมาไดหากไมพลันไดรับแรงบันดาลใจ ยังมีเพลงกระบี่
อีกมากที่มีพลังมหาศาลแมวาจะไมตองใชพลังธาตุ
เขาคิดวาจะตองหาชื่อที่ยิ่งใหญใหกับเพลงกระบี่ชุดนี้เมื่อเขาปรับปรุงมันจน
สมบูรณแบบแลว
แตตอนนี้...เขาไมรูสึกวาอยากจะไปยุงเกี่ยวอยางสิ้นเชิง!
เขานอนลงกับพื้น ดวงตาจองมองขึ้นไปบนทองฟาอันมืดมิด
เจาอวนรูสึกเหมือนตัวเองอยูในความฝนมาเนิ่นนาน เขาฝนวาเขาวายวนอยูใน
ทะเลลาวา วายไปวายมาเปนเวลานานเทาไรก็ไมอาจทราบได แตก็ไมอาจหนีพื้นไป
จากทะเลเพลิง
เขาเปดตาขึ้นอยางงงงวยและพบกับโหลวหลานผูที่ทั้งใบหนาถูกปกคลุมอยู  ใต
หนากากขวางหนาเขาอยู
“เจาอวน เจาชางนาอัศจรรย!” โหลวหลานตะโกนดวยความชื่นชม นัยนตาฉาย
แสงเรืองรอง “ผลลัพธนั้นยอดเยี่ยมมาก ยินดีดวยเจาอวน สี่ตำหนัก! ดูเหมือนวา
ประสิทธิภาพของน้ำแกงมังกรนั้นขึ้นอยูกับจำนวนครั้งที่ดื่มเขาไป ใชแลวโหลวหลาน
จะจดบันทึกเอาไว ไมตองกังวลเจาอวน โหลวหลานจะทำการศึกษามากขึ้นและจะตม
น้ำแกงมังกรที่ดีกวาเดิม!”
ความสับสนเห็นไดอยางชัดเจนบนหนาเจาอวน เมื่อไดยินคำวา “น้ำแกงมังกร”
เขาก็ตัวสั่นอยางชวยไมได เขาจำไดในที่สุดวาเขาทำอะไรกอนที่จะหมดสติไป
เมื่อหลุดพนมาได เขาก็มองไปยังโหลวหลานราวกับวากำลังเห็นผี เขาสายหัว
อยางแรงและตอบกลับไปอยางเกรี้ยวกราด “โหลวหลาน ขาจะไมดื่มน้ำแกงนั่นอีก
เด็ดขาด ขายังอยากมีชีวิตอยู”
“ทำไมเลา น้ำแกงมังกรไมมีพิษ แมวามันจะมีประสิทธิภาพลดลงตามเวลา แตก็
ยังมีประโยชนไมนอย สามารถเพิ่มระดับพลังของเจาในระยะเวลาสั้นๆ ได เจาจะเปด
ตำหนักที่หาไดอยางแนนอนหากกินอีกชาม” โหลวหลานพูดดวยความมั่นใจ
อีกชาม...
เมื่อคิดถึงประสบการณอันเลวรายที่ผานมาเขาก็ตัวสั่นเทาอีกครั้ง ขามศพขาไป
กอนเถอะถาจะใหขากินอีกชาม
ในตอนนั้นเองที่ใครบางคนโซเซเขามารางกายปกคลุมไปดวยเลือด เมื่อเห็นวา
เปนใครอายฮุยก็กระโดดขึ้นมา!
“ผูจัดการหลี่!”
รางกายของผูจัดการหลี่ปกคลุมไปดวยเลือดในมือถือถุงใบหนึ่ง เมื่อเห็นอายฮุย
ดวงตาของเขาก็เปนประกาย “นองชาย...”
ครั้นฝนทนมาถึงจุดนี้ เขาก็ใชเรียวแรงไปจนหมดสิ้น ขาของเขาพลันออนลงทำให
เขาลมคว่ำไปดานหนา
อา ยฮุย สาวกาวยาวพุงตัวไปในทั นที คว าตั วผู จ ั ดการหลี ่ เอาไวได เขาเห็ นวา
ผูจัดการหลี่ถูกกัดกินไปเกือบหมด กระดูกถูกเผยออกมาตลอดดานหลังของเขา ทำให
อายฮุยพูดอะไรไมออก
“นี่คือลูกศรขนกระตาย...” ผูจัดการหลี่มองไปที่อายฮุยและยิ้มให ความเศราและ
สำนึกผิดฉายชัดอยูบนใบหนา “ขอโทษดวย ขาไมอาจชำระบัญชีไดอีกตอไป...”
ผูจัดการหลี่เบิกตากวางเมื่อแววตาแหงชีวิตเลือนหายไปและเขาก็หยุดหายใจลง
ในเวลาเดียวกัน
อายฮุยกอดรางเขาไว ยืนนิ่งราวรูปปน
เมื่อฟนคืนจากความงุนงงไปชั่วขณะ ความโศกเศราก็หายไปจากใบหนาเขา เขา
ใชมือหนึ่งควาเอาถุงออกจากมือของผูจัดการหลี่ ขางในมีลูกศรขนกระตายอยูยี่สิบ
ดอก หลังจากวางมันลงกับพื้น อายฮุยก็แบกผูจัดการหลี่ขึ้นบนหลังและหันหลังกลับ
เดินลึกเขาไปในสวน
อายฮุยรูสึกเหมือนกลับไปสูแดนรางอีกครั้งหนึ่ง ที่ซึ่งเขาไดเห็นเพื่อนรวมกลุมลม
ตายลงทีละคนๆ ความรูสึกไรอำนาจและสิ้นหวังหอมลอมเขาเอาไว
เขาเริ่มขุดโดยไมเอยอะไรสักคำ เขาไมเคยชวยเหลือเจาอวนในยามที่เจาอวนขุด
หลุมฝงเพื่อนรวมกลุม
อันที่จริงแลวความสัมพันธระหวางเขากับผูจัดการหลี่ก็ใชวาจะสนิทสนมพวกเขา
เปนเพียงแคหุนสวนทางธุรกิจ เพลิงสันหลังมังกรในมือของเขายกดินกองใหญขึ้นมา
ทุกครั้งที่เหวี่ยงลง
แลวเหตุใดเขาจึงรูสึกเศรา
ไมเห็นมีอะไรใหเศรา ทุกคนก็ลวนตองตายสักวันหนึ่ง และเขาอาจจะเปนคน
ตอไปดวยซ้ำ ใครจะเปนคนขุดหลุมศพใหเขาเมื่อถึงเวลานั้น ชางมันปะไร ไมมีอะไร
สำคัญอีกตอไปหลังจากตายแลว ระหวางถูกฝงหรือถูกกินโดยสัตวโลหิตก็คงไมไดตาง
อะไรกัน
หลังจากฝงศพเสร็จ อายฮุยก็กลับคืนสูสภาพจิตใจปกติ เขาคุนเคยกับการไดเห็น
ผูคนจากโลกนี้ไป
“เจาเปนอะไรไหม” ซือเสวี่ยมั่นเดินเขามาจากดานขางน้ำเสียงเปนหวงอยาง
ชัดเจน
“สบายดี” อายฮุยตอบกลับไปดวยสีหนาปกติ
ซือเสวี่ยมั่นเปลี่ยนเรื่องถามวา “เจาทิ้งพวกนักเรียนไวกับขา ไมเปนการไรความ
รับผิดชอบไปหนอยหรือ”
“แลวทำไมขาตองรับผิดชอบดวย” อายฮุยตอบ
การทำตัวเหมือนอันธพาลของอายฮุยทำใหซือเสวี่ยมั่นฉุนขาด “เชนนั้นเจาก็
แสรงพูดตอหนาครูใหญสินะ”
“ขาแคยอมรับใหพวกเขาติดตามไปดวย” อายฮุยพูดตอไปตามจริง “หากจะให
ขารับผิดชอบพวกเขา ครูใหญตองจายมากกวานี้”
ซือเสวี่ยมั่นไมรูวาจะหัวเราะหรือรองไหดี นางจองเขาไปในตาของอายฮุย ไมอาจ
เขาใจไดวาเจาวายรายตรงหนานางนี้เปนคนเดียวกับที่ไดนำพวกเขาผานการตอสูมา
หรือไม!
วากันตามตรง การกระทำที่โดดเดนของหมอนี่ในชวงสองสามวันที่ผานมาทำลาย
ภาพพจนเดิมที่นางมองเขาไป
เขาจายคาอาหารใหกับเพื่อนนักเรียนหญิงแตก็ยืนกรานจะใหนางคืนเงิน...
เขาติดคางผูอื่นเปนเงินแปดสิบลานหยวนแตกลาเรียกผูอื่นวา การคาขาดทุน...
การคา! ขาด! ทุน!
สามคำนี้ลอยไปมาเบื้องหนาดวงตาของซือเสวี่ยมั่น เสนเลือดบนมือที่จับ เมฆา
ยอมสวรรคปูดโปนขึ้นเมื่อนางอยากจะเพิ่มรูสักสามรูบนรางกายของเขา!
แรงดลใจที่ชั่วราย...นี่คือน้ำหนาที่แทจริงของเจาหมอนี่สินะ
ซือเสวี่ยมั่นสงบจิตใจลงแลวถามวา “อยาบอกนะวาเจาไมมีคำแนะนำอะไรใหคน
พวกนั้น”
“คำแนะนำหรือ ก็พยายามสุดชีวิตเพื่อเอาชีวิตรอดอยางไรเลา” คำพูดที ่ ไม
จำเปนนี้หลังไหลออกมาจากปากของอายฮุยดวยสีหนาจริงจัง
ซือเสวี่ยมั่นไมอยากจะใชเหตุผลกับเขาอีกตอไป นางจึงกลาววา “ใหจื่อจวินไปกับขา”
“ตราบใดที่นางเห็นดวย” อายฮุยตอบอยางเรียบเฉยโยนถุงที่เปอนเลือดไปใหกับ
ซังจื่อจวิน “ใชมันอยางฉลาด!”
ซังจื่อจวินรับเอาไวกอนจะตอบกลับอยางจริงจัง “แนนอน”
อันที่จริงแลว การไดเห็นการตายของผูจัดการหลี่สงผลตอนางอยางมาก
ซือเสวี่ยมั่นเดินไปหาซังจื่อจวินโดยไมมองไปทางอายฮุยอีก บางครั้งนางก็มองเขา
ไมอ อก หลังจากเรียกเขาวาเจาตั วร าย เขากลั บ กลายเปน ใจกว า งมอบลูก ศรขน
กระตายยี่สิบดอกใหซังจื่อจวิน ซือเสวี่ยมั่นเห็นวาซังจื่อจวินซื้อลูกศรขนกระตายมา
อยางไรและมันราคาแพงแคไหน ซังจื่อจวินยังไมกลาใชมันหากไมจำเปนจริงๆ
แลวเขาก็โยนลูกศรถึงยี่สิบดอกใหนางงายๆ เชนนั้น
แตเขากลับไมเลิกทวงเงินหนึ่งรอยหาสิบหวน...เปนคนที่แปลกอะไรเชนนี้
เอาเถิด เรื่องพวกนั้นไมสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือเขาบังอาจเรียกนางวา “การคาขาดทุน”!
ทุกกาวที่นางกาวเดินไปแฝงไวดวยจิตสังหาร
บรรดานักเรียนที่รูสึกประหลาดใจในตัวอายฮุยกอนหนานี้เปลี่ยนเปนตกใจอยาง
มากในตอนนี้ ดวงตาของพวกเขาลวนเบิกกวางจองมองไปที่อายฮุยขุนเคืองกับคำพูด
ไมใยดีของเขาอยางเห็นไดชัด
เมื่อไดรับคำชวนจากซือเสวี่ยมั่น ซังจื่อจวินก็รับคำโดยเร็ว นางเปนผูหญิงที่ฉลาด
และรูจักตัวเองดี ในการที่จะทำตัวใหเปนประโยชนตอกลุมมากที่สุด นางจะตองอยูใน
ตำแหนงผูชวย
“เปนผูหญิงที่นาทึ่งอะไรเชนนี้!” เจาอวนที่สมองปลอดโปรงแลวเดินเขามาหา
อายฮุยและพูดดวยเสียงเบา
อายฮุยมองเจาอวนจากหัวจรดเทาแลวกลาววา “ไมเลว สี่ตำหนัก ขามีของ
บางอยางที่แพงมากจะมอบใหเจา!”
เมื่อไดยินคำวา “แพงมาก” เจาอวนก็ตาลุกวาว “ขารูวาเจาไมมีวันลืมคนของ
เจา! มันคืออะไรหรือ”
อายฮุยชี้ไปที่หมอสูงขนาดครึ่งหนึ่งของคนในสวน “นั่น หมอเพลิงสำหรับผู ใช
พลังธาตุไฟโดยเฉพาะ”
ไดยินคำพูดของอายฮุย สีหนาของเจาอวนก็สวางขึ้น หมอเพลิงเปนหนึ่งในอาวุธ
ที่ผูใชพลังธาตุไฟใชโดยทั่วกันปกติแลวหมอเพลิงจะใสไวดวยลาวาเพลิงธรณี ซึ่งไม
เพียงแตมีประโยชนตอการฝกประจำวันเทานั้น แตยังเปนอาวุธที่ทรงพลังและนากลัว
ในยามตอสูอีกดวย
“หมอเพลิง....มันไมเร็วไปหนอยหรือ” อายฮุยถาม ตาเปนประกายพลางเอามือถู
กันรูสึกกระดากอายเล็กนอย เมื่อเห็นหมอขนาดยักษในสวน หนาของเขาก็แข็งทื่อ
“อายฮุย เจาหมายถึงหมอนี้หรือ”
เจาอวนรูสึกตกใจกับขนาดของหมอ ชุดเกราะขุนผาปราษาณของเขารวมกับโลไม
เหล็กก็นาจะหนักหาหกรอยจินแลว หมอตรงหนาเขาก็นาจะหนักไมตำวาสองรอยจิน
...แลวก็ลาวาอีกสามรอยจิน...
ชั่วขณะหนึ่ง เจาอวนรูสึกวาชีวิตเขาชางนาเศรา
“ไมอยากไดหรือ” อายฮุยมองหนาเจาอวนกอนกลาวตอ “ไมเปนไร หมอเพลิงนี้
เดิมทีตองการสรางขึ้นเปนอาวุธระดับสวรรค แตก็ลมเหลวเพราะมันใหญเกินไป ขาก็
เปนหวงเหมือนกันวามันจะกระทบความเร็วของเจา”
เมื่อไดยินวาวัตถุดิบที่ใชในการสรางเปนสิ่งที่มีคาพอที่จะทำเปนอาวุธระดับสวรรคได
ดวงตาของเขาก็ลุกวาวขึ้น “เขาอยากได! ใครบอกวาขาไมอยากได! มันเหมาะกับขา
มาก! ไมมีใครอีกแลวที่สามารถใชมันได มินาเลาวัตถุดิบที่ใชจึงดูแตกตาง...”
หนาของเจาอวนเกือบจะแบบติดไปกับผนังของหมอเพลิง เขากำลังหลงใหลอยาง
เห็นไดขัด เขายิ่งตื่นเตนมากขึ้นเมื่อมองเห็นจารึกบนหมอ
ผูใชพลังธาตุรอนลงมาจากทองฟา “ใครคืออายฮุย”
“ขาเอง” อายฮุยยืนขึ้น
“จัดกลุมของเจาใหเรียบรอยและเคลื่อนพลไปยังแยกถนนคลื่น เสียงตั ดถนน
ดอกไมสดใสตอนหกนาิกา จะมีการแจงเปาหมายในการโจมตีและขั้นตอนใหทราบที่
นั่น คนที่ไปชาจะตองรับโทษตามกฎอัยการศึก”
ผูใชพลังธาตุออกคำสั่งโดยปราศจากความรูสึก ไมมีความรูสึกใดเห็นแมแตนอย
เมื่อกลาวจบเขาก็หันกลับและจากไปอยางเรงรีบ
บรรยากาศกลายเปนตึงเครียดและรอนระอุขึ้นมาในฉับพลัน
บทที่ 188 โจมตี
ณ แยกถนนคลื่นเสียงตัดถนนดอกไมสดใส
“โหลวหลาน ขาดูเปนอยางไร” เจาอวนถามโหลวหลานในขณะที่ทำทาทำทาง
ตางๆ ใหดู
สวมชุดเกราะหนักขุนผาปราษาณแลวทำใหเขาดูเหมือนปอมปราการเคลื่อ นที่
อยางไรอยางนั้น เขาถือโลไมเหล็กที่ใหญเหมือนประตูไวในมือและแบกหมอเพลิงใบ
ใหญ อันเปนอาวุธที่สะดุดตายิ่งกวาไวดานหลัง และกลายเปนจุดสนใจของทุกผูคน
“ทรงพลังมาก!” โหลวหลานกลาวชมอยางใจดี “เจาอวนมีพรสวรรคดานความ
แข็งแรง โหลวหลานสามารถตมน้ำแกงเตามังกรวิเศษใหได มันจะชวยปลดปลอย
ศักยภาพของเจาออกมาได มีประสิทธิภาพมากทีเดียว”
เมื่อไดยินโหลวหลานพูดถึงน้ำแกง เจาอวนก็ทำหนานาเกลียด เขาสายหนารีบพูด
วา “โหลวหลาน ขาไมหลงกลเจาหรอก!”
พวกเขามาถึงกอนกำหนดครึ่งชั่วโมง
แยกที่กวางขวางเต็มไปดวยกลุมของผูคนที่มารอรับคำสั่ง คนเหลานี้ลวนเขารวม
การโจมตีไปพรอมกับอายฮุยและกลุม
ซือเสวี่ยมั่นกำเมฆายอมสวรรคไวในมือเดินมาขางกายอายฮุยและกลาวดวยเสียง
แผวเบา “สถานการณไมดีนัก ขาถามขาวคราวดูพบวามีความเสียหายมากมายราว
หายนะ หลายกลุมไดถูกสงออกไปแตมีจำนวนนอยนักที่กลับมาอยางปลอดภัย ความ
คืบหนาของพวกเราไมดีเลย ยึดคืนมาไดแคครึ่งถนนเทานั้น”
“นี่มันเปนการเอาชีวิตไปทิ้ง” เจียงเหวยพูดอยางสิ้นหวัง
“พวกเรายังเหลืออะไรอีกนอกจากชีวิต” ตวนมูหวงฮุนตอบกลับ
คำพูดของตวนมูหวงฮุนตอกย้ำเขาไปในจิตใจของทุกคนทำใหทุกคนเงียบงันไป
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นเบื้องหนา
“ชวยขาดวย! ขายังไมอยากตาย! ขายังไมอยากตาย! ชวยดวย...”
“ขาอยากกลับบาน...ขาอยากกลับบาน...ฮือ ฮือ...แมจา...”
……
กลุมโจมตีกอนหนานี้กำลังหลบหนีมาจากถนนคลื่นเสียง เหลือเพียงแคสิบสอง
คน พวกเขาดูงุนงง แววตาเหมอลอยรางกายปกคลุมไปดวยคราบเลือด ที่เลวรายกวา
นั้น คนบาดเจ็บนอนอยูบนเปลหวายถูกลากมาโดยตุกตาทราย พวกเขาบาดเจ็บสาหัส
บางสวนของรางกายขาดหาย เผยใหเห็นเลือดเนื้อจำนวนมาก บางก็ขดคูดวยความ
เจ็บปวด สงเสียงกรีดรองครวญครางนาสยดสยอง บางก็นอนแนนิ่งสีหนาไรชีวิต ราว
กับวารางกายไรวิญญาณ ไมมีแมแตเสียงพึมพำหรือกระซิบใหไดยิน
พวกที่รอเขาตอสูเริ่มกระสับกระสายสีหนาลวนตึงเครียดขึ้น รางกายสั่นเทาอยาง
ไมอยางควบคุมได ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงกระจายตัวไปราวกระแสคลื่น
“พวกเขาเอาชีวิตเรามาทิ้ง! พวกเขาพยายามฆาเรา!”
คนหนึ่งในฝูงชนตะโกนเสียงหลง พุงกายออกจากกลุมและวิ่งหนีไป
เขาวิ่งไปอยางรวดเร็วเกือบจะหายไปที่มุมถนน ลูกศรก็พลันปรากฏขึ้นบนหนาอกของ
เขา เขาดิ้นรนอยูเล็กนอย จองมองไปที่หนาอกอยางเหมอลอย ไมอาจสงเสียงออกมา
ได พลังทั้งหมดหายไปจากในกายของเขาและลมลงนอนไมเคลื่อนไหวอยูบนพื้น
ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่ไดเห็น ถนนกวางใหญอัดเต็มไปดวยความเงียบสงัดราว
ความตาย
“ทหารหนีทัพจะไมไดรับการอภัย!”
เสียงทรงพลังดังขึ้นจากทองฟาและดังกึกกองในใจของทุกคน ณ บริเวณนั้น พวก
เขาตะลึงงัน ความปนปวนทั้งหลายก็สงบลงโดยทันที
“ผู  ใ ดหนี ก  อ นการต อ สู  เ ริ ่ ม ขึ ้ น จะถู ก รายงานตรงไปยั ง เบื ้ อ งบน สิ ท ธิ แ ละ
ผลประโยชนใดๆ ของสมาชิกครอบครัวจะถูกตัดทิ้งทั้งหมด และทั้งตระกูลจะตองถูก
ลงโทษ ขาขอเตือนทุกคนวาอยาเสี่ยงจะดีกวา ผูเสียชีวิตในการตอสูจะไดรับการเชิดชู
เกียรติ สวนพวกที่หนีเอาชีวิตรอดจะตองใชชีวิตอยางอับอายตลอดกาล คิดใหดี!”
ผูใชพลังธาตุสยายปกเมฆาและยืนอยางภาคภูมิ สีหนาไรความรูสึก
อายฮุยมองขึ้นไปและสบตากับคนผูนั้น ไมอาจปดบังความประหลาดใจเอาไวได การ
ยิงเมื่อครูนั้นนาทึ่งมากลูกศรปรากฏบนกายของคนที่หนีไปกอนที่เขาจะไดเห็นมันเสีย
อีก
เขาไมอาจมองเห็นการเคลื่อนตัวของลูกศรนั้นไดเลย!
นั่นหมายถึงเขาไมอาจหลบการโจมตีของลูกศรนั้นได
เขาสั่นเทาอยูภายใน ความพึงพอใจที่ไดจากการสรา งสรร [แสงหมอก] และ
[ฟาดเฉียง] นั้นหายไปอยางไรรองรอย เขาสงสายตาไปยังผูใชพลังธาตุผูนั้นกอนที่จะ
ถอนสายตาจากมา
ตวนมูหวงฮุนก็มองขึ้นไปบนฟาเชนเดียวกับอายฮุยความตะลึงที่เขาไดรับนั้นหนัก
หนายิ่งกวา สายตาของเขานั้นเต็มไปดวยความรอนแรงและกระหายอยางไมอาจ
ปดบังได
“กระบวนทาจาก [เกาทัณฑสวรรค]นาจะเปน [เกาทัณฑสวรรคไรรองรอย]”
ซือเสวี่ยมั่นจองไปทางผูใชพลังธาตุในอากาศ “วิชาธนูที่สืบทอดกันมาในหนวย
ขอบฟา เขาตองทำงานในหนวยขอบฟาอยางแนนอน”
นางรูจักสิบสามหนวยดีกวาผูใดในที่นี้
“อยาไปสนใจเขา” อายฮุยพูดและเสริมวา “เราจะโจมตีจากถนนคลื่นเสียงหรือ
ถนนดอกไมสดใส”
“ถนนคลื่นเสียง” ซือเสวี่ยมั่นตอบอยางรวดเร็ว นางลืมเรื่องหาเรื่องกับอายฮุยไป
นานแลว
นางไมอาจทำเปนไรจิตใจกับเขา มีนักเรียนนับรอยอยูใตการดูแลของนางเปน
ความกดดันอันมหาศาล และยิ่งตึงเครียดยิ่งขึ้นเมื่อเห็นสภาพนาอนาถของนักสูกลุม
กอนหนานี้
ทฤษฏีใดๆ ก็ไมอ าจสรางความรู สึกปลอดภัยได ในตอนนี ้ เมื ่ อ นางเห็นความ
หวาดกลัวอยูในสายตา เพื่อนรวมกลุมก็ยิ่งรูสึกไมสบายใจ นางหวั่นวาพวกเขาจะสติ
แตกไปเสียกอน
สถานการณในตอนนี้ลวนเปนสิ่งที่ถูกเตือนไวในตำรา ผูนำเปนมือใหมและทั้ง
กลุมก็เปนมือใหมที่ขาดทั้งการฝกฝนและขวัญกำลังใจ และยังขาดความเขาใจซึ่งกัน
และกันระหวางผูบังคับบัญชากับทหาร....
ความรูสึกปลอดภัยเดียวนั้นมาจากอายฮุยผูที่ไมแสดงอารมณใดๆ ตลอดเวลาที่
ผานมา นางจึงรีบตอบมาในทันทีเมื่อเห็นวาเขาตองการสนทนาเกี่ยวกับการรบ กอน
หนานี้เขาดูไมใสใจจนนางอยากจะทิ่มเขาแทบตาย
“มีใครคุนเคยกับถนนคลื่นเสียงบางหรือไม” อายฮุยถาม
“ขาจะถามให” เจียงเหวยหันกลับและเดินเขาไปในกลุม ดึงเอาตัวฮั่วหยวนหลงผู
ที่ทนทุกขจากการโดนโบยหาสิบครั้ง “เขาคุนเคยกับพื้นที่นี้ดี”
“บอกสถานการณของถนนคลื่นเสียงมาซิ” อายฮุยถามตรงๆ
“ทำไมขาตองตอบเจาดวย” ฮั่วหยวนหลงคอนตามองอายฮุยดวยรอยยิ้มเย็น
เยียบ ดวงตาเต็มไปดวความโกรธแคน
แยแลว ซือเสวี่ยมั่นคิดในใจ
“เพราะถาเจาไมพูดเจาตาย” อายฮุยมองตรงเขาไปในตาของเขา “ขาไมสนวา
เกิดอะไรขึ้นกอนหนานี้ ถาเจาไมใหความรวมมือ ขาจะใหเจายืนอยูแถวหนาสุด”
“เจาขูขาอยางนั้นหรือ” ฮั่วหยวนหลงเยยหยัน เขาเกือบจะระเบิดความโกรธ
ออกมา
เสียงของฮั่วหยวนหลงดึงความสนใจของทุกคน แมแตกลุมที่อยูดานขางก็มองมา
เปนตาเดียว
“ถูก” อายฮุยไมปฏิเสธแถมตอบรับอยางเยือกเย็น
ความโกรธในใจของฮั่ว หยวนหลงหายไปในพริบตา ราวกั บมี น้ ำเย็น เยียบดุจ
น้ำแข็งถังใหญสาดรดลงมาบนหัว อายฮุยยังคงไรความรูสึกใดและน้ำเสียงก็ยังสงบ
เชนเคย ราวกับวาเขากำลังพูดเรื่องทั่วไปอยู
ฮั่วหยวนหลงพลันรูสึกเหมือนถูกขมขู ความเยือกเย็นที่ไมปกตินี้ทำใหเขากลัว
ไมเสียงดัง ไมโกรธ ไมกัดฟน ไมมีการแสดงออกอันใดที่ไมจำเปน เขารูสึกไดวา
อายฮุยจะทำอยางที่พูดจริงๆ
คำตอบของอายฮุยทำใหฝูงชนเงียบสงัด
“เจา..เจากลาดีอยางไร” ฮั่วหยวนหลงไมรูวาเสียงตัวเองสั่น
“ขาเปนหัวหนากลุม หากเจาไมฟงคำสั่งขา เจาตองรับโทษตามกฎอัยการศึก
เห็นลูกศรกอนหนานี้หรือไม นั่นคือกฎอัยการศึก” อายฮุยตอบอยางมั่นคงและไร
อารมณ
พวกนักเรียนหนาวเยือกไปถึงหัวใจเมื่อพวกเขาเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของอายฮุย
คำพูดของอายฮุยนั้นสุขุม เปดเผย และตรงไปตรงมา ไมมีการใหเหตุผล ไมมีการ
ชักจูงใจ เขาแคพูดขอเท็จจริงออกมา
ขอเท็จจริงที่เย็นเยียบไรความรูสึก
ฮั่วหยวนหลงนั้นหวาดกลัวถึงขีดสุด อันที่จริงแลวเขารูสึกโลงใจที่อายฮุยพูดใน
ที่สุด เขาสาบานกับตัวเองวาเขาจะอยูใหหางจากไอหมอนี่เมื่อภัยพิบัติสิ้นสุดลง
อายฮุยสอบถามเขาอยางละเอียด ถามถึงบานเรือนวามีกี่หอง สวนใหญขนาด
ไหน และอื่นๆ ฮั่วหยวนหลงไมอาจตอบคำถามไดมากมายหลายขอ
ฮั่วหยวนหลงกลับคืนสูกลุมหลังจากตอบคำถามที่ตอบไดไปหมดแลว ไมมีใคร
ลอเลียนเขา พวกเขาลวนเงียบงันไปดวยความกลัวเชนกัน พวกนักเรียนหลบสายตา
อายฮุยอยางชวยไมได ไมกลามองหนาเขาดวยซ้ำ
ไมเหมือนกับที่อายฮุยคิดเอาไว ไมมีผูใชพลังธาตุมาเพื่อบอกรายละเอียดการ
โจมตีใหกับเขา พวกเขาแคบอกใหไปขางหนาใหมากที่สุดเทาที่จะมากได ทำลายมด
โลหิตทุกตัวที่เห็น
คำสั่งที่เรียบงายและหยาบเชนนี้ทำใหซือเสวี่ยมั่นไมพอใจ “บุกเขาไปราวฝูงผึ้งก็
ไมตางอะไรกับเขาไปหาความตาย เหตุใดไมมีแผนที่แนชัด” หลังจากพูดจบนางก็รูสึก
วาการบนไปก็ไมชวยอะไรขึ้นมา ตอใหมีแผนการเพื่อนรวมกลุมของนางก็ไมอาจทำ
ตามแผนไดอยูดี
พูดตามตรง พวกเขาก็เปนแคทหารเดนตาย พวกเดนตายที่มีไวลดทอนกำลังของ
มดโลหิต
ตวนมูหวงฮุนพูดถูก นอกไปจากพวกเดนตาย เมืองซงเจียนก็ไมมีอะไรอีกแลว
ซือเสวี่ยมั่นเชื่อวาดวยฐานะของนางในสายตาของเจาเมือง พวกเขาตองไมมี
วิธีการอื่นอีกแลว
“พวกเจาพรอมไหม! เริ่มโจมตีได!” ผูใชพลังธาตุบนอากาศสั่ง
ทุกกลุมตางก็ลังเลกอนที่จะเคลื่อนตัวสูถนนคลื่นเสียง
“ตรงไปที่ประตูรานที่หันหนาเขาหาถนน” อายฮุยสั่ง
เจ า อ ว นยกโลห นั ก ขึ้ น และเดิน ไปด า นหน า น้ ำ หนั ก โดยรวมของเขานั ้ นน า
ประหลาดใจ แตละกาวของเขานั้นทำใหแผนดินสะทานภูผาสะเทือน แมแตผูใชพลัง
ธาตุบนอากาศยังตะลึง
ไมมีการปลุกขวัญ ไมมีการตะโกน และไมมีอารมณอันดุดันใดๆ ทุกกลุมกาวเดิน
ไปอยางระแวดระวังบนถนนอันกวางใหญ
ผูใชพลังธาตุบนทองฟาไมไดรอนรน แตเมื่อเขาสังเกตเห็นกลุมของอายฮุย เขาก็
รูสึกประหลาดใจอยางชวยไมได
กลุมของอา ยฮุย ไมไดเดินไปตามถนน ทว า ไปปรากฏอยู  รอบรั ้ ว ของร า นค า
ดานขวาของถนนแทน
ผูใชพลังธาตุดูเหมือนจะใหความสนใจ เขาจดจำซือเสวี่ยมั่นและคนอื่นได แมวา
พวกเขาจะมีประสบการณเพียงนอยนิด แตพวกนักเรียนกลับสามารถสรางความ
แข็งแกรงของกลุมเล็กๆ นี้ได ไมเลวเลยทีเดียว
แตเขาก็รูวาพวกนักเรียนนั้นเปนเพียงพวกเดนตาย สวนผูที่ไมใชพวกใชแลวทิ้งก็
คือผูใชพลังธาตุที่ไดรับการคัดสรรมาจากโรงฝกและถูกจัดเปนกลุมยอย พวกเขามี
ความแข็งแกรงพอที่จะทำการใหญได พวกเขาจะลงมือก็ตอเมื่อพวกมดนั้นถูกทำให
หมดแรงแลวเทานั้น
อยางไรก็ตาม กลุมเล็กๆ กลุมนี้นาสนใจไมเบา
ซือเสวี่ยมั่นและพวกที่เหลือไมอาจรูไดวาอายฮุยตองการอะไรที่สั่งแบบนี้ กลุมอื่น
อยูหางจากพวกเขาไปพอสมควรแลว พวกเขามองไปที่อายฮุยและรอคำตอบจากเขา
ดวยความสงสัย
“มีทางที่จะทำลายสิ่งนี้ใหราบลงกับพื้นไดหรือไม” อายฮุยถามหวังเสี่ยวซาน
หวังเสี่ยวชานไมเขาใจวาอายฮุยตองการจะทำอะไร แตไมใชเรื่องยากที่เขาจะทำ
แบบนั้น เขามีความรูเกี่ยวกับโครงสรางอาคารดีทีเดียว รานคานี้ถูกสรางขึ้นอยาง
เรียบงาย และสามารถถลมไดอยางงายดายหากทำลายใหถูกจุด
“ขาจะลองดู”
หวังเสี่ยวซานไมกลากลาวมากความ เขารูสึกเกรงกลัวอายฮุย
บทที่ 189 วิธีของอายฮุย
หวังเสี่ยวซานเคลื่อนไหวอยางรวดเร็ว วางมือทั้งสองลงบนพื้น สงถายพลังธาตุดิน
ไปทั่วทั้งรานคา
ตูม! เสียงระเบิดหลายครั้งดังตอเนื่องกันจากภายในราน และรานที่ครั้งหนึ่งเคย
เปนมั่นคงแข็งแรงก็แตกสลายราวกับทำขึ้นมาจากขนมปงกรอบ
ซือ เสวี่ย มั่นโบกมือ ไลฝุนผงที ่ ลอยขึ ้ น มาจากร า นที ่ ถ ล ม เมื ่ อ สายตากลั บ มา
มองเห็นไดตามปกติก็เห็นรานคากลายเปนซากปรักหักพังไปแลวจริงๆ
“ยอดไปเลย!” เจาอวนอุทานออกมาสายไปหนอย ปากอากวาง “เสียวซาน เจา
ทำไดอยางไร”
หวังเสี่ยวซานตอบอยางตะกุกตุกัก “งายมา สิ่งกอสรางทุกอยางมีจุดสำคัญ...เออ
เจาก็แคตองหามันใหพบแลวระเบิดมันทิ้งในคราวเดียวเพื่อที่จะทำลายมัน...และใช
น้ำหนักของตึกใหเปนประโยชน...”
การอธิบายของหวังเสี่ยวซานนั้นฟงดูไมตอเนื่องกัน แตในตอนนี้ ไมมีใครกลาดูถูก
เขา
การทำลายรานนี้อาจไมใชเรื่องใหญอะไร ทุกคนในที่นี้ตางก็สามารถทำได แตมี
ไมกี่คนเทานั้นที่สามารถทำไดสะอาดหมดจดแบบที่หวังเสี่ยวซานทำ โดยไมมีซากชิ้น
ใหญอยูในเศษซากที่เหลือ สามารถกลาวไดวาอาคารนี้ถูกบดขี้จนละเอียด
สีหนาไมปกติของซือเสวี่ยมั่นฉายวาบขึ้น
นางรูสึกประหลาดใจที่อายฮุยเลือกใหหวังเสี่ยวซานทำหนาที่นี้ วาตามตรงเขามี
ระดับพลังต่ำโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคนอื่นในกลุม แตภาพตรงหนาทำใหนางคิดวา
บางทีอายฮุยอาจจะรูถึงศักยภาพของหวังเสี่ยวซานอยูแลวก็เปนได
นางพบวานี่เปนเรื่องเกินหยั่งถึง
ตัวอายฮุยเองก็ประหลาดในเชนกัน กระบวนทานี้ของหวังเสี่ยวซานนั้นงดงาม
เกินไป หมอนี่ดูทาจะเกงกวาที่คิด!
“ยอดมาก!”
อายฮุยยกนิ้วโปงใหหวังเสี่ยวซาน
คำชมจากอายฮุยทำเอาหวังเสี่ยวซานหนาแดง รูสึกตื่นเตนจนไมรูจะเอามือไปไว
ที่ไหน ตลอดหลายวันที่ผานมาเขารูสึกกดดันอยางหนักในฐานะที่เปนจุดออนของกลุม
เขาหวาดกลัวและไมอาจชวยเหลือไดมากนักในการตอสู และเมื่อถึงคราวตอ งตอสู
ขึ้นมาเขาก็ตัวสั่นเทาอยางไมอาจควบคุมได
เขารูศึกเศรา ไมเขาใจวาทำไมอายฮุยถึงเลือกเขา และเมื่ออันตรายเพิ่มมากขึ้น
เขาก็ยิ่งหวาดกลัว กลัววาจะถูกเพื่อนรวมกลุมทอดทิ้ง ไมมีใครจะสนใจเขาหากเขาไม
อาจพิสูจนคุณคาของตัวเองไดและใหการชวยเหลือกลุมในยามคับขัน
นี่เปนครั้งแรกที่เขาไดรับคำชมจากอายฮุย มันกระตุนเขาอยางมาก ราวกับเพิ่ง
ดื่มสุรารอนแรงเขาไป
ผลงานของหวังเสี่ยวซานดีกวาที่คาดไว และชวยแผนของอายฮุยไดเปนอยางมาก
ทวาเขาสั่งตอไปอยางสุขุม “เจาอวนเดินนำหนา หวังเสี่ยวซานเดินตามไป ทำลายราน
ระหวางที่กาวไปขางหนาชาๆและระวังมดโลหิตดวย”
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกเหมือนตามความคิดไมทันกอนจะถามวา “เราจะทำลายรานไป
ระหวางเดินไปขางหนาอยางนั้นหรือ”
นางรูสึกงงงวยกับยุทธวิธีนอกคอกของอายฮุยไมใชแคนาง คนอื่นๆ ก็งุนงงเชนกัน
“โครงสรางอาคารนั้นซับซอน ทำใหเปนที่ซอนตัวอยางดีของมดโลหิตที่จะทำการ
ลอบโจมตี มันจะเปนจุดออนของเรา” อายฮุยอธิบาย
ซือเสวี่ยมั่นถามออกไปตรงๆ “แลวทำไมเราไมเดินตามกลุมอื่นๆ ไปตามถนน”
อายฮุยมองไปทางซือเสวี่ยมั่นราวกับมองดูคนเขลา “นั่นจะทำใหเราโดนโจมตี
จากทั้งสองดาน”
“มีเหตุผล แต...” ซือ เสวี่ย มั ่ น สั บ สน นางรู  ว  า อ า ยฮุ ย นั ้ น มี เหตุ ผล แต ถ ล ม
บานเรือนไประหวางเคลื่อนพล...วิธีนี้ไมเคยไดยินมากอน! จากตำราพิชัยสงคราม
ทั้งหลายที่นางเคยอาน นางไมเคยเห็นกลศึกที่คลายคลึงกับวิธีนี้มากอน
อายฮุยไมอยากวุนวายกับนาง จึงรีบติดตามหวังเสี่ยวซานไปการทำแบบนี ้ มี
ประโยชนมากมาย ยกตัวอยางเชน อาคารที่ถลมจะเตือนพวกมดโลหิต ทำใหพวกมัน
เปดเผยที่ตั้งออกมา อีกทั้งพื้นที่กวา งขวางจะทำใหพวกมือใหม ใชก ระบวนท า ได
สะดวกกวา แมวาอายฮุยจะยังสงสัยเรื่องนั้นอยูก็ตาม
ที่สำคัญยิ่งกวานั้น ในฐานะเดนตาย พวกเขาไมควรไปคิดเรื่องผลงานแตควรจะ
ปองกันตัวเองในสนามรบมากกวา
ตูม!
อาคารอีกหลังพังทลายลง
ทุกคนรุดหนาไปผานซากปรักหักพัง แตตอนนี้ กลุมอื่นๆไดลวงหนาพวกเขาไป
ไกลแลวจนไมอาจมองเห็นหลังได
แตกระนั้นอายฮุยก็ยังคงมุงหนาตอไดดวยระดับความเร็วที่เขารูสึกสบาย ระหวาง
ที่มุงหนาไป สิ่งที่ทิ้งไวขางหลังก็คือทุงของซากปรักหักพัง
หวังเสี่ยวซานเริ่มชำนาญในการทำงานมากขึ้น ภายในเวลาสิบนาทีเขาไดทำลาย
อาคารไปมากกวาที่บิดาเขาเคยทำมาตลอดชีวิตเสียอีก และการควบคุมพลังธาตุของ
เขาก็แมนยำขึ้นซึ่งนำมาซึ่งผลลัพธที่ดีเยี่ยมกวาเดิม
เมื่อเห็นอาคารถลมลงตรงหนาทำใหหัวใจของเขาตื้นตันไปดวยความรูสึกประสบ
ความสำเร็จ
ฟู ฟู ฟู!
แถวของเงาสีแดงพุงออกจากฝุนผงและตรงเขาหาอายฮุยกับพวก
แถวหนึ่งปะทะเขากับโลหนักในมือเจาอวน เสียงระเบิดดังขึ้นทำใหรางของเจา
อวนโอนเอน ทั้งเขาและหวังเสี่ยวซานตางก็กลัวตาย เจาอวนปองกันตัวเองอยางแนน
หนาโดยมีหวังเสี่ยวซานซอนตัวอยูเบื้องหลัง
“ระวัง!”
ซือเสวี่ยมั่นตะโกนเสียงดังขณะที่สกัดกั้นมดโลหิตสามตัวดวยเมฆายอมสวรรค
พวกนักเรียนสับสนอลมาน เสียสติกรีดรองออกมาอยางไมหยุดหยอนเพราะ
ความกลัว
อายฮุยสายหนาแลวก็เมินเฉยตอความโกลาหลนั้น หากพวกเขาไมอาจหาทาง
กาวผานความยากลำบากนี้ไปได พวกเขาจะพบกับความยากลำบากยิ่งกวานี้ในภาย
หนา
ดวยเพลิงสันหลังมังกรในมือเขาออกกระบวนทา [ฟาดเฉียง] แสงสีจางแผออกมา
จากตัวกระบี่เมื่อมันฟาดเขาใสมดโลหิตอยางแมนยำ เมื่อมองดูใหดีอายฮุยก็มองเห็น
รอยบาดที่ชัดเจนบนตัวของมัน
อายฮุยตื่นตะหนกเล็กนอย กอนหนานี้การจะสรางรอยขีดขวนบนตัวมดโลหิตโดย
ไมใชพลังธาตุนั้นเปนเรื่องยากมาก
ดวยความมั่นใจที่มากขึ้น เขาจึงโจมตีตอเนื่องโดยไมลาถอยและใช [ฟาดเฉียง]
ดวยเพลิงสันหลังมังกรอีกครั้ง
กระบวนทานี้เรียบงายและไมมีระยะโจมตีที่ไกลนัก ทวาอายฮุยกาวเดินอยาง
คลองแคลวเพื่อชดเชยจุดออนนี้
การโจมตีอยางตอเนื่องชะลอความเร็วของมดโลหิตลง แตความมุงรายภายในตัว
ของมันผลักดันใหมันโจมตีใสอายฮุย
ดามกระบี่ในมือของอายฮุยเปลี่ยนสภาพเปนเมฆหมอกและฉายรังสีกระบี่ออกมา
[แสงหมอก]!
รางของมดถูกผาออกเปนสองสวนดวยเพลิงสันหลังมังกรและรวงหลนลงสูพื้นฝุน
หลังจากนั้นอายฮุยก็มองเห็นตวนมูหวงฮุน และดวงตาของเขาก็ฉายความตก
ตะลึงออกมา
[บุบผาเขียวขจี] ของตวนมูหวงฮุนเปลี่ยนสภาพอยางนางุนงงอยูตลอดเวลา แต
อายฮุยรูสึกวามันยังมีความออนโยนอยูบาง ทวาในครั้งนี้ [บุบผาเขียวขจี] ของตวนมู
หวงฮุนยังคงแปรเปลี่ยนเชนเคยแตความออนโยนกลับหายไป กลายเปนความมืดหมน
ที่ยากจะเขาใจ
เมื่อ [บุบผาเขียวขจี] สัมผัสกับมดโลหิต หนามแหลมคมจะงอกออกมาทิ่มแทง
ดวงตา เมื่อมดชะงักงันไป ดอกไมก็เบงบานออกมาจากรางสีแดงของมัน กลายเปนมด
บุบผาเขียวขจีที่งดงาม
อายฮุยสั่นเทิ้มอยูภายใน [บุบผาเขียวขจี] ชางชั่วรายเสียจริง
ตวนมูหวงฮุนแสดง [บุบผาเขียวขจี] ออกมาอยางสบายๆ ราวกับวาไมมีใครอยู
ใกลเคียง เขาสงยิ้มออนจางใหกับอายฮุยโดยไมคิดจะปดบังความคิดอยากตอสูใน
ดวงตา พลังชีวิตของเขานั้นนาตื่นตะลึง ราวกับวาเขากลายเปนคนละคน พลังในกาย
เขาไดเปลี่ยนแปลงไปอยางสิ้นเชิง
“เจาคิดจะคืนเงินขาอยางไร” อายฮุยเลนงานตวนมูหวงฮุนอยางไมทันตั้งตัว
ตวนมูหวงฮุนตัวแข็งทื่อ รอยยิ้มของเขากลายเปนแข็งคาง
“ศีลธรรมเสื่อมถอยลงไปทุกวัน เจาเปนหนี้ผอู ื่นอยูแทๆ แตกลับทำตัวราวกับสูง
สงานานับถือ เจามียางอายบางหรือไม” อายฮุยพึมพำกับตัวเอง ไมไดสังเกตเห็นเสน
เลือดที่ปูดโปนขึ้นบนใบหนาของตวนมูหวงฮุน เขากระทืบเทาและทิ้งไวเพียงเงาราง
อันลึกลับ
เขาลืมไปวาตัวเองก็ติดคางผูอื่นอยูแปดสิบลานหยวน
ชางนาเศราที่เจาหนี้ของเขากำลังยุงอยูในตอนนี้ มดหาตัวพุงเขามาและสามตัว
ถูกซัดกระเด็นไปดวยเมฆายอมสวรรคของซือเสวี่ยมั่น อยางไรก็ตาม นางไมไดรับมือ
พวกมันดวยตัวคนเดียวแตโยนพวกมันใหกลับกลุมแทน
“ตั้งสติไว อยาแตกตื่น!”
“รักษาระยะหางไว!”
“สามัคคี รวมมือกัน!”
……
ซือเสวี่ยมั่น ซังจื่อจวิน และเจียงเหวยตางแยกยายกันไปนำกลุมเพื่อรับมือกับมด
โลหิต พวกเขาไมไดฆามันในทันทีแตปลอยใหพวกนักเรียนเปนคนทำ ซือเสวี่ยมั่น
เขา ใจวาหากพวกเขาไมป ล อยใหพวกนั กเรี ยนเผชิญ หน าและรั บมือกับการโจมตี
โดยเร็วแลวละก็ ความสูญเสียของพวกเขาจะถึงขั้นหายนะ
อายฮุยไดเห็นภาพอันสับสนยุงเหยิงตรงหนาแลวก็ตองสายหัว เขาตัดสินใจที่จะ
ฝกกระบี่อยูดานขางโดยไมเขาไปแทรกแซง
หลังจากสังหารมดโลหิตไปหนึ่งตัว ความตองการตอสูในกายของเขาก็พุงพลาน
แตในเมื่อไมมีที่ใหระบาย เขาจึงเหลือทางเลือกเดียวคือฝกฝน
ตวนมูหวงฮุนก็ไมของแวะกับผูอื่นเชนกัน เขานั่งขัดสมาธิอยูบนพื้น ดวงตาปด
สนิทลวดลายดอกไมเขียวขจีตรงทองนอยของเขาหมุนวนไมหยุดหยอน
“ปงหวานดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปมาก” โหลวหลานวิจารเสียงแผวเบา
“ใช เขาโหดกวาเกา กับตัวเขาเองเชนกัน” เจาอวนเอามือจับคางพลางกลาวตอ
“แตไมวาเขาจะโหดเพียงใดก็ไมมีประโยชนในเมื่อเขาติดหนี้ผูอื่น ดูขาสิ ขาเคยเปน
วีรบุรุษผูที่สามารถฝาฟนเสนทางนรกออกมาจากแดนรางได แตดูสิวาเกิดอะไรขึน้ ใน
ทายที่สุด ความประมาททำใหขากลายเปนลูกหนี้ของอายฮุย และตอนนี้ขาก็เปนได
เพียงเด็กรับใชของเขาในตอนนี้ เงินคือความกลาของวีรบุรุษ”
หวังเสี่ยวซานผูที่เฝาดูฉากอันอลมาน กลาวออกมาอยางชวยไมไดวา “เทพธิดา
ซือเปนคนดีจริงๆ”
ใครที่มีตาก็บอกไดวาซือเสวี่ยมั่นทำอยางนี้ก็เพื่อมอบโอกาสใหพวกนักเรียน
ปรับตัวใหเขากับการตอสู
ความพยายามของนางก็ไมไดสูญเปลาแตอยางไร
เมื่อสภาพอันวุนวายกลับคืนสูความสงบ ฮั่วหยวนหลงและเพื่อนผูมีพรสวรรค
และความแข็งแกรงอันนายกยอง เปนผูมีความโดดเดนกวานักเรียนคนอื่นในโรงเรียน
ซงเจียนนักเรียนอันดับสูงโดยปกติแลวมีโอกาสที่จะแขงขันและเรียนรูจากกันและกัน
ในแตละวัน การตอสูไมไดใชอาวุธจริง แตก็พอจะทำใหพวกเขาไดเรียนรูที่จะพัฒนา
ระดับของตัวเองดวยการเอาชนะอุปสรรคในจิตใจ และแกไขกระบวนทาที่ไมตอเนื่อง
ซือเสวี่ยมั่นถอนหายใจออกมาอยางโลงอก เหงื่อเม็ดเล็กปรากฎอยูบนหนาผาก
ของนาง การนำกลุมของนางเหมือนจะเหนื่อยกวาตอสูดวยตัวเองเสียอีก
แตนางจำเปนตองทำเชนนี้ การตอสูที่ตามมาอาจจะดุเดือดและสาหัสกวานี้ พวก
นักเรียนก็จำเปนที่จะตองผานชวงเวลาแหงการปรับตัวเชนกัน เหมือนกับที่พวกนางได
ผานมาแลว
คนออนแอยอมถูกกำจัดไป นี่เปนความจริงที่ไมอาจเปลี่ยนแปลงได
อายฮุยหยุดและมองไปยังนักเรียนที่หอบหายใจ “เดินหนาตอ”
“ขอพักหนอยไดหรือไม” นักเรียนคนหนึ่งตะโกนออกมา
“ขาไมตองการจะถูกประหารโดยกฎอัยการศึกในขอหาไมยอมเคลื่อนทัพหรอกนะ”
อายฮุยพูดพลางมองขึ้นไปขางบน
ทุกคนมองขึ้นไปและเห็นผูใชพลังธาตุเขาใกลมากจากบนทองฟา พวกเขากลืน
คำพูดลงไปกอนที่มันจะหลุดพนริมฝปากออกมา
ซือเสวี่ยมั่นเดินนำ “ไปกันเถอะ”
นางรูดีวาเบื้องบนยอมออนขอใหกับการใชเวลาในการปรับตัว แตจะไมยอมรับ
การฝนคำสั่งแนนอน หากมีการกระทำใดที่แสดงใหเห็นเชนนั้นยอมทำลายชีวิตของ
พวกเขาลงตรงนั้นได
อายฮุยและกลุมเดินหนาตอไปดวยความเชื่องชาทวามั่นคง
ซือเสวี่ยมั่นสัมผัสไดถึงประโยชนของวิธีการของอายฮุยอยางรวดเร็ว พวกเขา
ไมไดปะทะกับมดฝูงใหญ สวนใหญแลวก็เปนเพราะการกวาดลางของกลุมกอนหนา
พวกมดโลหิตที่เหลืออยูก็มอบโอกาสใหพวกเด็กใหมไดเรียนรู ซึ่งนั่นเปนเรื่องดี คงเปน
เหมือนฝนรายหากพวกเขาโดนมดพวกนี้โจมตีระหวางการถอยทัพ
มดโลหิตปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งจากดานหนา ในคราวนี้ การตอบสนองของพวก
นักเรียนก็ดีขึ้นกวาแตกอนมาก
พวกเขาก็พยายามปรับตัวอยางมาก
ไมมีใครอยากตาย
บทที่ 190 กลุม นักเรียนหมายเลขหนึ่ง
“นับจากวันแรกของการรบ ขาไดประจำอยูที่แยกถนนคลื่นเสียงตัดถนนดอกไม
สดใสเพื่อดูแลการรบ ประสิทธิภาพของพวกนักเรียนนั้นเลวราย พวกเราไดเผชิญกับ
ความเสียหายที่นาหวาดหวั่น แตกระนั้น เราก็สามารถสรางความเสียหายใหกับมด
โลหิตไดบาง ทามกลางความปนปวนอันเนื่องมาจากประสิทธิภาพอันย่ำแยนี้ ไมมี
อะไรที่นาควาดหวังไปกวากลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งซึ่งมีสมาชิกเปนนักเรียนหัวกะทิ
เชน อายฮุย ซือเสวี่ยมั่น ซังจื่อจวิน ตวนมูหวงฮุน และคนอื่นๆ พวกเขาเปนนักเรียนที่
โดดเดนที่สุดในเมืองซงเจียน ไดมีการรายงานวา เจาเมืองและครูใหญไดขัดแย งกัน
เรื่องที่จะใหใชกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่ง ครูใหญไมตองการใหนักเรียนที่ดีที่สุดของ
เขาตองเสียชีวิตในการรบที่ดุเดือดเลือดพลานซึ่งมีอัตราการตายสูง เจาเมืองโตแยงวา
ทุกคนตองใหความรวมมือในการรบและทำอยางเต็มความสามารถ ไมวาจะเปนเรื่อง
เล็กนอยเพียงใดก็ตาม ในที่สุดเจาเมืองก็สามารถชักจูงครูใหญได และโชคยังดีที่กลุม
นักเรียนหมายเลขหนึ่งถูกสงมายังพื้นที่ที่ขาดูแล”
……
“ในที่สุดขาก็ไดพบกับกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งซึ่งเปนที่กลาวขานกันไปทั่วที่วา
การเมือง หัวหนากลุมคืออายฮุย
เขาคือคนที่คนพบการแทรกซึมของคางคาวโลหิตและใหการสนับสนุนซือเสวี่ย
มั่นกับซังจื่อจวิน ในการกำจัดมัน ทำใหไดรับการเชิดชูเกียรติจากที่วาการเมือง นา
ประหลาดที่เขาไมใชคนที่ทำการบังคับบัญชากลุม หนาที่นี้ตกเปนของซือเสวี่ยมั่น
หากขาไมไดเห็นดวยตาของตัวเอง ขาคงไมมีทางเชื่อวา ซือเสวี่ยมั่น ตวนมูหวงฮุน
และคนอื่นเชื่อฟงคำสังเขาโดยสิ้นเชิง ประสิทธิภาพของเขานั้นทำใหขาสนใจ”
……
“ไมเหมือนกับหนวยอื่นๆ ที่เคลื่อนพลไปบนถนน กลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่ง
เคลื่อนพลผานดานตะวันตกของถนนคลื่นเสียง ดานนั้นเต็มไปดวยบานเรือน รานคา
และอาคารตางๆ พวกเขาทำลายอาคารรานรวงราวกับเครื่องทำลายลาง ทลายจน
ราบเปนหนากลอง พวกเขาเคลื่อนพลผานเศษซากปรักหักพัง เดินหนาตอไปดวยการ
กระทำเชนนี้ซ้ำๆ กลาวตามตรง นี่เปนวิธีการเคลื่อนพลที่ไมเปนมืออาชีพและโงเงา
ที่สุดเทาที่ขาเคยพบเห็นมา ทวาเมื่อผานไประยะหนึ่งขาตองยอมรับวามันปราดเปรื่อง
ทีเดียว แมวากลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งจะขาดประสิทธิภาพไปบาง แตพวกเขามีคน
ที่มีความสามารถใหพึ่งพาได ความเปนผูนำของซือเสวี่ยมั่นนั้นนาหวาดหวั่น แตนางก็
กลาหาญเปนอยางมาก นางยังคงมีความรับผิดชอบที่สูงเยี่ยมและรักที่จะชวยเหลือ
เพื่อนรวมกลุม ตลอดเวลานางดูเหมือนจะเปนผูนำมากวาอายฮุย”
……
“กลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งเคลื่อนตัวอยางชาและมั่นคง สมาชิกในกลุมแสดง
ความกาวหนาในการปรับตัวเขากับการตอสู ซือเสวี่ยมั่นปลุกขวัญกำลังใจใหทุกคนได
มาก ปรากฏวาแมนางจะขาดประสบการณและไมเก งในการใช คำพูด ทว าความ
รับผิดชอบอันสูงล้ำของนางไดขับเคลื่อนใหนางชวยเหลือเพื่อนรวมกลุมอยางถึงที่สุด
หากนางสามารถรอดชีวิตไปจากภัยพิบัตินี้ได นางจะตองกลายเปนผูนำที่ยิ่งใหญใน
อนาคตอยางแนนอน ในทางตรงกันขาม อายฮุยนั้นเย็นชาและมองดูโดยไมใหความ
ชวยเหลือเพื่อนรวมกลุม เสมือนวาเขาไมไดมีสวนรวมในการรบเลย ในฐานะของ
หัวหนากลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่ง ขาคงใหเขาศูนยคะแนน แตตองยอมรับวาเพลง
กระบี่ของเขานั้นงดงาม”
……
“มีสองสามกลุมกำลังจวนเจียนพินาศ ประสิทธิภาพของพวกเขาก็นาอนาถ กลุม
นักเรียนหมายเลขหนึ่งยังคงเดินหนาตอไป แตพวกเขาก็เผชิญหนากับปญหาเชนกัน
จำนวนของมดโลหิตเพิ่มขึ้น ขาคาดวาพวกเขาจะตองเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ
เชนเดียวกับกลุมกอนหนานี้ แตขาประเมินอายฮุยต่ำไป เขาเตรียมตัวมาอยางดี”
--- <<การศึกโลหิตแหงเมืองซงเจียน>>
บานถลมลงดวยเสียงดังกึกกอง ฝุนผงปลิวคลุงไปในอากาศ กอนที่ตวนมูหวงฮุน
จะทันไดปดฝุนออกจากรางก็มีเสียงดังบาดหูก็ทิ่มแทงเขามา
อายฮุยตัวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง เขาสัมผัสไดทันทีวามีมดโลหิตอยูในบริเวณนั้น
กวาหาสิบตัว ฝูงใหญที่สุดเทาที่เขาเผชิญหนามาในวันนี้
“โหลวหลาน” อายฮุยตะโกน
“โหลวหลานมาแลว!” โหลวหลานสงเสียงอยางยินดี
ใบไมที่ปดหมอเพลิงขนาดมหึมาบนหลังของเจาอวนถูกเปดไปดานหลังอยาง
รวดเร็วปานสายฟา โหลวหลานเปลี่ยนรางเปนบัวรดน้ำและจุมตัวลงไปในหมอเพลิง
ครึ่งหนึ่ง สวนหัวของฝกบัวยืดขามหัวเจาอวนและชี้ไปดานหนา
ซู!
กระแสหมอกสีแดงที่เกรี้ยวกราดกระจายตัวไปเปนบริเวณกวาง
กลิ่นพริกที่ฉุนกึกตลบอบอวลไปในอากาศ ราดรดใสมดโลหิตที่กระโดดเขามาใน
สวนผสมพริกนี้ อายฮุยเริ่มหงุดหงิด การใชพริกสูกับมดโลหิตเปนการคาดเดาของเขา
ลวนๆ ไมมีขอมูลสนับสนุนใดๆ ทั้งสิ้น
เขาไมมัว มาคิ ดถึ งความลม เหลว กลั บ จ อ งมองไปยั งสิ ่ งที ่ เกิ ดขึ ้ น เบื ้ อ งหน า
กลามเนื้อของเขาหดเกร็ง และเพลิงสันหลังมังกรในมือของเขาก็อยูในตำแหน งที่
เหมาะเจาะที่สุด เขาดูราวกับสัตวรายที่กำลังรอเวลากระโจนเขาใสเหยื่อ
มดโลหิตที่ถูกหอหุมอยูภายในหมอกที่มีสวนประกอบของพริกก็พลันรวงหลน
และกระจายตัวไปอยางวุนวาย เสียงกรีดรองนาหวาดกลัวดังขึ้นและทำใหทุกคนขวัญ
ผวา
ทุกคนยกเวนอายฮุย
สวนผสมพริกในหมอเพลิงของเจาอวนเปนสวนผสมพิเศษของเขากับโหลวหลาน
แสงแหงความโหดรายฉายวาบขึ้นในดวงตาเมื่อเขาพุงตัวไปขางหนา เพลิงสันหลัง
มังกรกอตัวเปนเมฆหมอกกอนที่จะแผพุงรังสีออกไป
[แสงหมอก]!
เพลิงสันหลังมังกรที่ทอแสงแพรวพราวทิ่มแทงเขาใสมดโลหิตอยางแมนยำพรอม
กับเสียงหวืดหวือที่บรรยายไมถูก
ปง!
การโจมตีของอายฮุยเปยมไปดวยพลังทำลายรางอันนาทึ่ง มดโลหิตระเบิดกลาง
อากาศกลายเปนหมอกโลหิต
ดวยการขยับเทาเพียงเล็กนอย อายฮุยก็กระโดดผานอากาศขามผานหมอกโลหิต
ไปเขาใชแรงกระโดดใหเปนประโยชนตวัดกระบี่และใชแรงในการเคลื่อนตัวของเขา
เสริมพลังใหกับกระบวนทา [ฟาดเฉียง]
กระบวนทาของเขาฟาดลงใสลำคอของมดโลหิตตัดหัวมันออกอยางงายดาย
ตอนนี้นี่เองที่ตวนมูหวงฮุนและคนอื่นๆ รูตัววาเกิดอะไรขึ้น
ซือเสวี่ยมั่นและกลุมของนางเริ่มการโจมตีปะทะกับฝูงมดโลหิตที่บาคลั่ง ในตอนนี้
การประสานงานของพวกนักเรียนก็พอไปวัดไปวาได ไมดีเยี่ยมแตก็ดีกวากอนมาก ทั้ง
หนวยถูกแบงออกเปนสามกลุมยอยซึ่งนำโดย ซือเสวี่ยมั่น ซังจื่อจวิน และเจียงเหวย
ตามลำดับ
ทุกคนรับรูไดวานี่คือโอกาสในการโจมตี พวกเขาจึงเรงรุดไปดานหนา มดโลหิตที่
เพิ่งจะหลบหนีออกมาจากหมอกพริกตกอยูในสภาพตื่นตระหนก และในพริบตาก็ถูก
สังหารไปมากกวายี่สิบตัว มดโลหิตที่กระสับกระสายในที่สุดก็ฟนคืนสติ และพุงเขาหา
อายฮุยกับหนวยของเขาเปนระลอก
การตอสูเปลี่ยนเปนสับสนอลมาน
เมื่อเห็นสถานการณอันยุงเหยิง โหลวหลานก็หยุดการเคลื่อนไหว หมอกพริกทำ
รายพวกนักเรียนเชนกัน แมจะไมอันตรายถึงชีวิต แตมันก็รบกวนเขาไประยะหนึ่ง
พวกเขาเกิดปญหาในการรวมมือกัน หากถูกโจมตีดวยสวนประกอบพริกเหมือนกัน
เชนนี้ โหลวหลานเองก็ไมรูวาจะมีนักเรียนกี่คนที่สามารถรอดชีวิตไปได
การตอสูเริ่มจริงจังขึ้น
พวกนักเรียนคนพบอยางรวดเร็ววาการตอสูนี้แตกตางจากกอนหนานี้อยางสิ้นเชิง
สิ่งที่พวกเขามองเห็นมีเพียงภาพติดตาสีแดงของมดโลหิตเทานั้น ซึ่งทำใหพวกเขา
แตกตื่น เสียงกรีดรองดังกึกกองไปทั่ว การประสานงานที่พอยอมรับไดกอนหนานี้พัง
สิ้นไมเปนทาจำนวนการตายเพิ่มสูงขึ้น
นักเรียนบางคนกุมคอของตัวเองเมื่อเขาลมลงบนพื้นดิ้นรนหอบหายใจดวยความ
เจ็บปวด บางก็ดิ้นไปมาบนพื้นดิน รางกายอาบไปดวยเลือดและเสียหายอยางหนัก
ดวงตาของซือเสวี่ยมั่นแดงก่ำ แมมปากแนนและพุงตัวไปทั่ว ทวนของนางราวกับ
เมฆที่เลื่อนลอย ใหการชวยเหลือนักเรียนที่กำลังเสียเปรียบ แตกระนั้นนางก็ไมอาจ
หยุดยั้งจำนวนนักเรียนที่คอยๆ รวงลงไปทีละคนได
สองคนที่พรางพราวที่สุดในการศึกนี้ก็คืออายฮุยกับตวนมูหวงฮุนกระบี่ของอายฮุย
เปลงแสงอยางรวดเร็วดวยความอันตรายเหนือธรรมดา มดโลหิตไมกี่ตัวเทานั้นที่
สามารถรอดชีวิตไปจากกระบี่ของเขาได มีดสั้นธุลีสีชาดบินไปรอบกายเขาสรางเสน
แสงกระบี่มากมายบนอากาศ
ตวนมูหวงฮุนคือผูโดดเดนอีกคนหนึ่งบนสนามรบแหงนี้
[บุบผาเขียวขจี] ของเขาซับซอนและคาดเดายากยิ่งขึ้น ใตเทาของเขาคือลวดลาย
เรืองแสงของเถาวัลย เมฆ และดอกบัวกระจายและเบงบานอยูเหนือมือของเขา เขา
กาวขึ้นไปในอากาศและไตขึ้นไปสูทองฟา ดอกไมสีเขียวหมุนรอบตัวเขาราวกับภาพ
ของภูตพราย
เจาอวนปลีกตัวมายืนอยูดานขาง เขามีความเร็วต่ำ ดังนั้นเมื่อเผชิญหนากับมด
โลหิตที่รวดเร็วและคลองแคลว เขาจึงอยูนิ่งไวกับที่ โลของเขาเปรียบกำแพง เสื้อ
เกราะเปรียบภูเขา หวังเสี่ยวซานยืนอยูขางกายเขา ในขณะที่โหลวหลานกลายรางเปน
พายุทรายที่หมุนรอบตัวทั้งสอง บดขยี้มดโลหิตเปนชิ้นเล็กชิ้นนอย สวนตัวที่หลุดรอด
จากพายุทรายไปไดก็ตองปะทะกับโลหนักของเจาอวน
การศึกเริ่มทวีความเขมขนขึ้น จากสวนกลางของฝุนควันมดโลหิตจะถูกระเบิด
ออกมา
ตวนมูหวงฮุนไดสังหารมดโลหิตไปกวาสิบตัวในคราเดียว แตเนื่องจากพลังธาตุใน
กายเขาเริ่มจะหมดลง ประสิทธิภาพของเขาจึงลดลงทำใหตองลดความเร็วในการ
โจมตี เขาลดลงมาอยูในจุดที่เดนนอยลง
สิบสาม! เขาพึงพอใจกับตัวเองมาก เทียบกับการศึกครั้งกอน ผลงานของเขาใน
วันนี้นับวายอดเยี่ยม หลังจากที่รูเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น เขาก็เอาชนะความกลัวและ
สามารถกาวผานการเปลี่ยนสภาพมาได แมแตรูปแบบของ [บุบผาเขียวขจี] ยังพัฒนา
ไปอยางชัดเจน มันยังคงความซับซอนเอาไวแตตอนนี้มุงเนนไปที่พลังสังหาร ทำใหมัน
โหดเหี้ยมขึ้นมาก
เมื่อมีความกดดันนอยลง เขาก็มองไปทางอายฮุยอยางไมไดตั้งใจ เขาคอนขางพึง
พอใจกับผลงานของตัวเองในวันนี้และมั่นใจวาเขานั้นเสมอกับอายฮุย
เอ! อายฮุยโจมตีเปนรูปแบบที่ชัดเจน มีแคสองกระบวนทา แตทวา...จังหวะการ
โจมตีของเขาดูไมเปลี่ยนไปเลยแมแตนอย...
เปนไปไดอยางไร เขาไมรูจัดเหน็ดเหนื่อยหรือไร เขาไมไดใชพลังธาตุเลยเชนนั้นหรือ
ตวนมูหวงฮุนรูสึกไมอยากเชื่อ
อายฮุยมีสมาธิอยางที่สุด เขาเผชิญกับมดโลหิตสี่ตัวซึ่งไมปลอยใหเขามีเวลามา
วอกแวก ในการศึกที่ตึงเครียดเชนนี้ พึ่งพาเพียง [แสงหมอก] และ [ฟาดเฉียง] เทานี้
คงไมเพียงพอเขาจำเปนตองใชพลังธาตุอยูหลายครั้ง
และในบางสถานการณ เขาก็ตองหลบ ไมอาจใช [แสงหมอก] หรือ [ฟาดเฉียง]
ออกไปได และบางครั้งก็ตองสกัดกั้น
[แสงหมอก] และ [ฟาดเฉียง] ตางก็มีลักษณะเฉพาะของตัวมันเอง [ฟาดเฉียง]
นั้นสามารถออกทาไดอยางรวดเร็ว แตมันก็จำเปนตองใชในองศาที่ถูกตอง และระยะ
การโจมตีก็คอนขางแคบ การเคลื่อนไหวระหวางตอสูอาจชวยลดขอดอยนี้ แตการศึก
ที่เขมขนนั้นลดโอกาสในการทำเชนนั้นลงมาก
ในสวนของ [แสงหมอก] นั้นมีพลังโจมตีที่ สู งมาก แตมันกินเวลานานในออก
กระบวนทา อายฮุยสามารถใชกระบวนทานี้ไดเฉพาะเวลาเหมาะสม โดยปกติแลวจะ
ใชออกไดเพียงครั้งเดียวในการโจมตีหนึ่งครั้ง
เหมือนดังเชน [พระจันทรเสี้ยว] กระบวนทาเหลานี้ใชพลังธาตุจำนวนมาก ทำให
อายฮุยไมอยากใชมันบอยๆ
หากพลังธาตุของเขาหมดลง ความตายเปนทางออกเดียวที่เหลืออยู
สิบหก
อายฮุยไมรูวามีมดโลหิตเหลืออยูกี่ตัว เขาบังคับใหตัวเองมีสมาธิและทุมเทสมาธิ
ไปกับการใช [แสงหมอก] และ [ฟาดเฉียง] ในการโจมตีมดโลหิต
เขารูสึกวาตัวเองเชี่ยวชาญกระบวนทาเหลานี้มากขึ้น แตวาพลังกายและพลังธาตุ
ของเราเริ่มลดนอยถอยลง
ยี่สิบสอง
อายฮุยเริ่มหอบหายใจ เรารูสึกไดวาเพลิงสันหลังมังกรในมือของเขาหนักขึ้น
เรื่อยๆ โชคยังดี มดโลหิตก็เบาบางลงเชนกัน
นักเรียนที่เหลืออยูปรับตัวใหเขากับการตอสูไดหลังจากเผชิญ “การเกิดใหม”
อยางโหดเหี้ยม พวกเขาพัฒนาขึ้นอยางชัดเจน
“กลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่ง พวกเจาถอยทัพไดแลว”
เสียงของผูใชพลังธาตุที่เปนผูดูแลดังมาจากทองฟาดานหลังพวกเขาราวกับเสียง
สวรรค
จิตใจของเขาฟนคืนพลังขึ้นมา อายฮุยกลาวอยางรวดเร็ว
“ขา ซือเสวี่ยมั่น ตวนมูหวงฮุน กับซังจื่อจวิน จะดูแลดานหลัง เจียงเหวย นำทุก
คนออกจากสนามรบและถอยใหเร็วที่สุด โหลวหลาน เตรียมสวนผสมพริกและถอยไป
หนึ่งรอยเมตร คอยใหการสนับสนุนพวกเรา”
“ไมมีปญหาอายฮุย” โหลวหลานนำสวนผสมพริกขึ้นมาและฉีดพนมันไปทั่วพื้น
ระหวางลาถอย พวกนักเรียนที่เหลือออกจากสนามรบไปทีละคน ดานหลังพวกเขาไม
มีอะไรนอกจากซากปรักหักพัง
“มีอีกเรื่องที่พวกเราจำเปนตองทำ” อายฮุยพลันกลาวกับคนที่เหลืออยู
บทที่ 191 ถวยรางวัลสงคราม
อีกเรื่องที่ตองทำหรือ
ทุกคนสับสนในขณะที่รอคำสั่งตอไปของอายฮุย
“เราตองจับเปนมดโลหิต” อายฮุยกลาวอยางรวดเร็วพลางกวัดแกวงเพลิงสัน
หลังมังกรอยางตอเนื่องในขณะที่กาวเขาหามดโลหิต “ฟงคำสั่งจากขา”
ในสนามรบนั้นไมอาจเสียเวลาไปโดยเปลาประโยชน ไมนานนักพวกมดโลหิตที่
เหลือก็บุกเขาใสอายฮุยและพวก
“หนี!”
อายฮุยหันหลังกลับและออกวิ่ง
เมื่อเห็นเชนนั้น ทุกคนก็ทำตามและวิ่งอยางไมลังเล
มดโลหิตไลตามติดพวกเขา พวกมดที่มีสติป ญ ญาอั นต่ำตอยทำทุกอยา งตาม
สัญชาตญาณเทานั้น เมื่อพวกมันเห็นอายฮุยกับพวกวิ่งหนี พวกมันก็วิ่งตามไปดวย
ความเร็วดุจสายฟา
หมอกพวยพุงออกมาจากหลังของซือเสวี่ยมั่นทำใหความเร็วของนางเพิ่มขึ้นอยาง
มาก นางพุงตัวผานอายฮุยทิ้งเขาไวดานหลัง
ซังจื่อจวินดูราวกับนกนอยที่คลองแคลววองไวในยามที่เสื้อผาของนางกระพือไป
ในสายลมเมื่อนางลอยผานกายของอายฮุยไป
“มาเร็ว” นางยิ้มใหอายฮุย
ใตเทา ของตวนมูหวงฮุนมีลวดลายสีเขี ยวเรื องรองหมุน วนอยู  เขาร อ นไปใน
อากาศราวกับกำลังวิ่งอยูบนทองถนน ดูแลวเหมือนวาเขาไมไดรวดเร็วเทาใดในครา
แรก แตทวาเขาก็เคลื่อนผานกายอายฮุยไปในที่สุด เขาสงเสียงเยยหยันโดยไมหันมา
มอง “เหวย...”
อายฮุยอึ้งไป เขากลายเปนคนสุดทาย
ดานหลังของเขามีมดโลหิตที่ตามไลลามาอยางไมลดละ เขาไดยินเสียงขูฟดฟาด
ดังในหูไมหยุดหยอน เขาตัวสั่นดวยความกลัว รีบวิ่งไปขางหนาอยางตะลีตะลาน
ในตอนนี้นี่เองที่เขารูถึงจุดออนของตัว เอง เขาไมเคยเรียนรูเคล็ดวิ ชาในการ
หลบหนี! เขานั้นวองไวในชวงระยะทางสั้นๆ และนั่นทำใหไมมีใครสังเกตเห็นมากกอน
วาความเร็วในการวิ่งของอายฮุยนั้นไมปราดเปรียววองไว
และเมื่อเขาวิ่งไปเปนระยะทางประมาณหนึ่ งรอยเมตร จุดออนของเขาก็เผย
ออกมาใหเห็น
ระดับพลังพื้นฐานของเขานั้นเพิ่มเร็วจนเกินไปทำใหมีขอบกพรองมากมาย เมื่อ
เปรียบกับซือเสวี่ยมั่นและพวกที่กาวหนาขึ้นอยางสมดุลแลว อายฮุยนั้นเห็นไดชัดวา
พัฒนาขึ้นอยางไมสมดุล เขาใชเวลาทั้งหมดไปกับการฝกกระบี่ เขาตองหาเวลาไป
เรียนเคล็ดวิชาสำหรับหลบหนี ตองใหความสำคัญกับทุกสิ่งที่จะชวยใหเขารอดชีวิต
ตอไปได
ไมตองสงสัยเลยวาเขาตองเรียนวิธีใชปกเมฆาในอนาคต...
เจาพวกนี้...มันจะมากไปแลว!
อายฮุยรูสึกวามดโลหิตขางหลังเขาไลตามไกลเขามาเรื่อยๆ จึงไดทุมเทเรี่ยวแรง
ทั้งหมดไปกับการวิ่งใหเร็วที่สุดเทาที่จะเร็วได
ขาขวาของเขาทิ่มลงไปในพื้นดินราวกับสวาน ตูม! พื้นดินใตเทาของเขาพลัน
ระเบิดออกมา ฝุนกระจายเปนวงคลื่นสูงพอจะสัมผัสยอดไมสูงสามเมตรได
อายฮุยใชแรงระเบิดใหเปนประโยชนสงตัว เองพุ งตรงออกไปดวยความเร็ ว ที่
เพิ่มขึ้นอยางมาก
เขาพุงตรงออกไปดวยความเร็วสูง เทาซายของเขาทำตัวเปนสวานอีกครั้งทิ่มเขา
ใสพื้นดินอยางรุนแรง
ตูม! ฝุนกระจายไปทั่ว
อายฮุยดูเหมือนกับสัตวรายตัวใหญ เขาพุงตัวไปขางหนาไมหยุดหยอน และทุก
กาวของเขาก็สรางระเบิดฝุนสูงลิบไวเบื้องหลัง
พวกนักเรียนที่มองดูจากระยะไกลก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น ซือเสวี่ยมั่นรวดเร็ว
ปานสายฟา ในขณะที่ซังจื่อจวินคลองแคลววองไว ตวนมูหวงฮุนโบยบินอยางงดงาม
ไปตามสายลม สวนอายฮุยนั้นไมมีเคล็ดวิชาอะไรเขามาเกี่ยวของกับการวิ่งของเขาเลย
ทาทางอันโออาและรุนแรงในขณะวิ่งนั้นเกิดจากความดื้อรั้นเอาแตใจเทานั้น
ทุกยางกาวของเขาทำใหแผนดินสะทานภูผาสะเทือน
ในชั่วพริบตาเขาก็สามารถวิ่งไดเปนระยะทางหนึ่งรอยเมตร
“โหลวหลาน!” อายฮุยตะโกน
“โหลวหลานมาแลว!” โหลวหลานตอบรับอยางราเริง และยิงสวนประกอบพริก
ในมือออกไป กอใหเกิดหมอกควันสีแดงหนาทึบ
อายฮุยหัวทิ่มลงไปในดินเบื้องหลังโหลวหลานราวกับลูกปนใหญ ตูม! เศษดินถูก
ซัดปลิวขึ้นไปบนทองฟาดวยแรงอันทรงพลัง
อายฮุยอาศัยจังหวะนี้เปลี่ยนทิศทางกอนที่จะตะโกนวา “เตรียมพรอม!”
มดโลหิตที่วิ่งผานมานฝุนและเศษดินถูกราดรดดวยสวนประกอบพริก และความ
ป  น ป ว นก็ เ กิ ด ขึ ้ น อี ก ครั ้ ง ทว า ในครั ้ ง นี ้ พ วกมั น พุ  ง เข า หาอ า ยฮุ ย และพวกตาม
สัญชาตญาณ
อายฮุยพลิกกระบี่และใชดานขางของกระบี่ฟาดใสมดโลหิตที่พุงเขามาตัวหนึ่ง
มันลอยไปหาซือเสวี่ยมั่น
“หยุดมดตัวนั้น!”
ซือเสวี่ยมั่นหมุนเมฆายอมสวรรคในมือของนางเล็กนอย และเมฆหมอกก็หอหุม
มดโลหิตเอาไว ทำใหมันเคลื่อนไหวชาลงราวกับตกลงไปในบอทรายดูด
“ใช [บุบผาเขียวขจี] มัดมันเอาไว!”
“ใชลูกศรหยุดพวกมดโลหิตที่เหลือไมใหเคลื่อนใกลเขามา!”
แมวาตอนนี้ตวนมูหวงฮุนแทบจะไมมีพลังธาตุหลงเหลืออยูแลว แตเขาก็รีดเรน
พลังหยดสุดทายออกมาจนได เถาวัลยสีเขียวพุงออกมาและรัดมดโลหิตที่อยูกลางเมฆ
หมอกเอาไวได
ในขณะเดียวกัน เกาทัณฑไหมทองของซังจื่อจวินก็สงเสนแสงแพรวพราวจำนวน
นับไมถวนออกมาขัดขวางการบุกเขามาของมดโลหิตที่เหลือเอาไว
อายฮุยกระโดดขึ้นไปบนฟา พุงเขาหามดโลหิตที่ถูกหอหุมดวยเมฆหมอกอยู
“ถอนทวนออก!”
เมื่อไดยินคำสั่งของอายฮุยซือเสวี่ยมั่นก็ถอนทวนออกโดยไมลังเล
ทันที่ที่แรงกดดันจากเมฆายอมสวรรคถูกถอนออกไป มดโลหิตก็ตื่นตัวขึ้นมา เถาวัลย
สีเขียวที่เกิดจากพลังธาตุหยดสุดทายของตวนมูหวงฮุนก็คลายตัวออกทีละนิดๆ
ในตอนที่มดโลหิตเกือบจะหลบหนีออกจากเถาวัลยนั้นเอง ผาพันแผลขาวนวลดุจ
หิมะก็พุงลงมาจากทองฟา
ผาพันแผลขาวนวลดุจหิมะพันรอบมดโลหิตอยางรวดเร็วและในชั่วพริบตา มด
โลหิตก็ถูกมัดไวอยาแนนหนา จนเหลือเพียงสวนหัวโผลออกมาใหเห็น สวนรางกาย
นั้นไมอาจขยับไดแมแตนอย มดโลหิตที่ตื่นตระหนกทำไดแตมองไปขางหนาอยาง
เลื่อนลอย แมวาปากของมันจะขยับไปมาแตมันก็ไมอาจกัดแทะสิ่งใดได ทุกขอตอใน
รางกายของมันถูกมัดไวอยางแนนหนายกเวนเพียงแคสวนคอเทานั้น
อายฮุยดูจะพอใจกับการจับมดโลหิตของเขา
อายฮุยควาถวยรางวัลสงครามของเขาเอาไวและตะโกนอยางยินดีวา “หนีเร็ว!”
ซือเสวี่ยมั่นยังคงเปนคนที่เร็วที่สุด ในขณะที่ซังจื่อจวินยังคงงดงามเชนเคย แตต
วนมูหวงฮุนที่ใชพลังธาตุไปจนหมดสิ้นไมอาจบินอยางสงางามเชนเคยอีกตอไป เขาทำ
ไดแควิ่งสุดชีวิตอยูบนพื้นดินในตอนนี้
“ไอวายราย!” ตวนมูหวงฮุนโกรธจนควันออกหู
อายฮุยที่เคลื่อนไหวเหมือนสัตวรายถีบทรายกระเด็นใสใบหนาของตวนมูหวงฮุนตอน
ที่เขาวิ่งผานไป เสียงเยยหยันเย็นเยียบดังแววมา “เหวย...”
หลังจากวิ่งไลตามมาอีกหลายเมตรพวกมดที่เหลือก็หันหลังกลับและลาถอยไป
แมวาพวกมันจะไมคอยฉลาดแตเมื่อเห็นกลุมคนหนาแนนที่หัวถนน พวกมันก็รูตวั วา
คงไมดีแนหากจะไลตามตอไป
กลุมหลายกลุมรวมตัวกันอยูที่หัวถนน เตรียมตัวที่จะเริ่มการโจมตีรอบตอไป
พวกเขาไดเห็นการตอสูของอายฮุยและกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งกับตาตัวเอง
แลวรูสึกถึงความตื่นเตนขึ้นมา เมื่อคนสุดทายของกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งกลับ
มาถึงอยางปลอดภัย พวกเขาก็ระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคนจองมองดูกลุม
นักเรียนหมายเลขหนึ่งดวยความนับถืออยางที่สุด
“ขาเชื่อวาพวกเจาคงเห็นแลววาสัตวโลหิตไมใชผูชนะ ตราบใดที่พวกเรามีความ
กลาและเปนหนึ่งเดียวกัน พวกเราก็สามารถขับไลมันออกจากเมืองซงเจียนได!”
ผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกมาถึงทันเวลาที่จะปลุกขวัญทุกคน
ขวัญกำลังใจของทุกกลุมเพิ่มขึ้นอยางมาก!
แมวาพวกมดโลหิตจะทรงพลังแตพวกนักเรียนก็รูดีวาพวกมันไมใชวาจะทำลาย
ไมได เพียงแควาพวกเขารูสึกกลัวและขาดประสบการณในการตอสูจริงเทานั้น
เมื่อผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกสังเกตเห็นเจาอวนกับหมอเพลิงขนาด
ยักษ เขาก็อดไมไดที่จะมองซ้ำอีกครั้ง รูปลักษณของเจาอวนนั้นมีความเปนเอกลักษณ
อยางมาก
เมื่อเขาใกลหมอเพลิง เขาก็ไดกลิ่นพริกฉุนกึกจึงถามออกมาอยางประหลาดใจ
“พริกหรือ”
“ครับทาน” อายฮุยตอบ
“มดโลหิตกลัว พริก หรือ โอโ ฮแฮะ ข า ไม เคยคิ ดมาก อ นเลย เจ า รู  เรื ่ อ งนี ้ ไ ด
อยางไร” ผูใชพลังธาตุรูสึกประหลาดใจอยางมาก
อายฮุยเลาเรื่องเจาอวนกับน้ำแกงมังกรออกไป เมื่อผูใชพลังธาตุไดยินวาเจาอวน
ดื่มน้ำแกงมังกรทั้งหมอในคราวเดียว เขาก็อดไมไดที่จะมองไปทางเจาอวนราวกับเห็น
ผีก็ไมปาน
การเลาเรื่องของอายฮุยนั้นชัดเจนและรวบรัด สรางความประทับใจใหกับผู  ใช
พลังธาตุ
“ขาจะรายงานเรื่องนี้ตอเจาเมือง หากมันพิสูจนแลววามีประสิทธิภาพ พวกเจา
ทุกคนจะไดรับรางวัลสำหรับการอุทิศตนใหกับเมือง”
อายฮุยแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณครับทาน”
ตวนมูหวงฮุนกับคนอื่นไมเห็นดวยกับทาทีของอายฮุยตอผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่
ดูแลการศึก สำหรับพวกเขาแลว ผูใชพลังธาตุพวกนี้ไมไดมีความสำคัญอะไร แตมัน
ตางไปสำหรับอายฮุย เนื่องจากเขามีพื้นเพมาจากคนงานในแดนรางจึงไมแปลกอะไรที่
เขาจะเอยเรียกผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกวา “ทาน”
ผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกรูสึกชื่นชมกับทาทีของอายฮุย “แลวเรื่องมด
โลหิตที่มีชีวิตนี่เลา เจาตองการที่จะสงมอบใหเบื้องบนหรือไม เจาสามารถเพิ่มมันเขา
ไปในผลงานการอุทิศตนของเจาได”
“เรามีความคิดบางอยางและต องการจะทำการทดลองกับ มดตัว นี ้” อา ยฮุย
อธิบาย
“เชนนั้นก็ได” ผูใชพลังธาตุดูไมประหลาดใจและก็ไมมีทาทีจะยึดมดโลหิตไป เขา
สามารถมองออกวาอายฮุยมีแผนการของตัวเอง และนั่นก็ถือเปนเรื่องดี ยิ่งอายฮุยกับ
พวกมีผลงานมากเทาไรตัวเขาเองก็จะไดรับรางวัลมากขึ้นเทานั้น
“นี่นับเปนชวงเวลาที่พิเศษ และผลงานทั้งหมดของพวกเจาจะถูกนับเปนผลงาน
การอุทิศตนใหกับอูสิงเทียน ในเรื่องการประเมินผลการศึก ขาจะใหคะแนนสูงสุด
เทาที่จะทำได หากพวกเจาสามารถรอดชีวิตจากภัยพิบัตินี้ได มันจะมีสวนชวยอยาง
มากไมวาเจาจะไปสมัครงานใดก็ตาม ขาหวังวาพวกเจาทุกคนจะไมหลงระเริงและ
ทุมเทตอสูตอไป ตอนนี้กลับไปพักผอนไดแลว ขาจะแจงอีกครั้งสำหรับการโจมตีครั้ง
ตอไป”
เมื่อกลาวจบผูใชพลังธาตุดูแลการศึกก็ไมใหความสนใจพวกเขาอีกและหันไปออก
คำสั่งกับกลุมอื่น
“ในครั้งนี้ เปาหมายของพวกเราคือทางตะวันออกของถนนคลื่นเสียง พวกเจา
เห็นการรบของกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งแลว พวกเจาจงทำตามนั้น อยาเดินไป
กลางถนน ตอนนี้เราจะถลมอาคาร!”
“รับทราบ!”
เสียงเปลงออกมาไมพรอมเพรียงกันดังกองไปในอากาศ
“ไปได”
อายฮุยนำหนวยของเขากลับไปที่โรงฝก และพวกที่เหลืออยูก็เดินตามเขาไปทีละคน
หลังจากผานการศึกที่ลางผลาญที่สุดในชีวิตของพวกเขา ทุกคนลวนหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ทั้งกายและใจ
เมื่อกลุมเดินผานไปถึงจุดที่ผูใชพลังธาตุดูแลการศึกไมอาจมองเห็นพวกเขาไดแลว
อายฮุยก็พลันถามขึ้นมา “โหลวหลาน มีรานขายเครื่องเทศแถวนี้หรือไม”
“ไม” โหลวหลานสายหนาแลวถามวา “อายฮุยตองการจะซื้อพริกหรือ”
“ซื้อ? ยังมีรานเปดอยูอีกหรือ ทั่วทั้งเมืองไดรับคำสั่งใหเคลื่อนพลนี่” อายฮุยลด
เสียงลงและพูดวา “พวกเบื้องบนจะยืนยันเรื่องการใชพริกในไมชานี้ เจาคิดวาเรายัง
จะหาพริกไดอีกหรือไม”
“เจาจะบอกวาพวกเราควรสะสมพริกกอนที่เจาเมืองจะมีคำสั่งหรือ” ตวนมูหวงฮุน
เปนคนแรกที่มีปฏิกิริยา
“ใชแลว” อายฮุยมองเขาดวยสายตาที่สื่อวา ‘เจาเนรคุณ เจามันไรยางอายจริงๆ’
กอนที่เขาจะกลาวตอวา “เบื้องบนจะตองเวนคืนพริกทั้งหมดอยางแนนอน เมื่อถึง
ตอนนั้น คงเปนการยากสำหรับพวกเราที่จะทำศึกโดยไมมีพริก”
ทุกคนพยักหนาเห็นดวยเปนเอกฉันท สวนผสมพริกนี้มีสวนชวยอยางมากในการ
ตอสูครั้งนี้ หากไมมีมันพวกเขาอาจบาดเจ็บลมตายมากกวานี้
“มันจะไมเปนไรหรือ” ซือเสวี่ยมั่นลังเล ตั้งแตยังเด็กนางเปนเด็กดีมาตลอด จะ
ใหนางทำเรื่องเจาเลหแบบนี้ไดอยางไร
“ถาอยางนั้นพวกเราก็จะลมตายมากขึ้นในครั้งหนา” อายฮุยตอบกลับหวนๆ
“การตายของคนอื่นไมไดเกี่ยวของอะไรกับเรา เราตองหวงพวกเดียวกันกอนที่จะไป
หวงคนอื่น!”
เมื่อ สมาชิกในกลุมเห็นสีห นาของอา ยฮุย ท า ที ท ี่ เขามีต ออ ายฮุ ยก็เปลี ่ยนไป
ในทันที แมแตพวกตัวปญหาอยางฮั่วหยวนหลงที่ปฏิเสธอายฮุยในฐานะหัวหนากอน
หนานี้ ยังรูสึกวาความเปนปฏิปกษตออายฮุย ลดลงอยางมาก หัวหนาที่เปนห ว ง
สมาชิกกลุมก็คือหัวหนาที่ดี
“ก็ได!” ซือเสวี่ยมั่นกัดฟนตัวสั่นไปจนถึงไขสันหลัง
“อายฮุย โหลวหลานรูตำแหนงของรานคาเครื่อ งเทศบางราน” ดวงตาโหลว
หลานเปลงประกาย “พวกเราไปลองเสี่ยงดวงดูก็ได”
“ทุกคนพยายามเขา ยิ่งเราทำภารกิจเสร็จสิ้นเร็วเทาไร เราก็สามารถพักไดอยาง
สบายใจเร็วขึ้นเทานั้น”
อายฮุยกลาวอยางออนโยน ดูราวกับวาเขาเปนหัวหนากองโจรที่มีประสบการณ
มานานหลายป
บทที่ 192 โสวชวน ทานชวยขาไดหรือไม
ของที่ยึดมาไดนั้นมีมากมาย หมอเพลิงของเจาอวนนั้นอัดเต็มไปดวยพริกนานา
ชนิด อันที่จริงแลวอายฮุยตองบอกใหทุกคนยั้งมือเอาไว
“เมื่อพิสูจนไดแลววาพริกมีผลตอพวกมดโลหิตจริง พวกมันจะกลายเปนของที่มี
คามากที่สุดในยามสงคราม ในเมื่อเราเปนตนคิดในเรื่องนี้ เบื้องบนจะปดตาขางหนึ่ง
หากเราสะสมไวสวนหนึ่ง แตหากวาเราเอาไปมากเกินไปจะกระทบตอสถานการณ
โดยรวม และพวกเขาจะตองหาเรื่องกับเรา”
ไดย ินอยา งนั้นคนอื่นๆ ก็พ ยัก หน า เห็ น ด ว ยและคิ ดว า อ า ยฮุ ย นั ้ น ช า งคิ ดได
รอบคอบนัก
ซือเสวี่ยมั่นนั้นตกตะลึงในประสบการณของอายฮุย เห็นไดชัดวานี่ไมใชครั้งแรกที่
เขาทำเรื่องไมตรงไปตรงมาเชนนี้
ตวนมูหวงฮุนพนลมออกมาอยางดูแคลนในความขลาดของอายฮุย ทำไมที่วา
การเมืองตองมาสรางปญหาเพราะเรื่องพริกจำนวนเล็กนอยดวย
เมื่อพวกเขากลับมาถึงโรงฝกในที่สุดก็เห็นไดชัดวาวิธีการที่พวกเขาใชพริกโรยไป
รอบๆ โรงฝกเพื่อขับไลมดโลหิตนั้นสัมฤทธิ์ผลผล เพราะไมมีรองรอยของมดโลหิตให
เห็นเลยแมแตจุดเดียว และนั่นทำใหพวกเขารูสึกโลงอก
เมื่อพวกเขามาถึงโรงฝก ทุกคนก็ทิ้งตัวลงนอนไปทั่วบริเวณ ความออนลานั้นซึม
ลึกไปถึงกระดูก ทั้งรางกายและจิตใจนั้นยังทวมทนไปดวยการทำลายลางของการศึก
แมวากลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งจะมีผลการศึกที่ดีที่สุดเหนือกวาหนวยอื่นๆ แตพวก
เขาก็ยังพบกับการบาดเจ็บลมตายจำนวนไมนอย เสียเพื่อนรวมกลุมไปทั้งสิ้นสิบหก
คน มีสามคนถูกกักตัวไวเพราะบาดเจ็ บเนื่อ งจากในตอนนี ้ยังไมมีว ิธีรักษาอาการ
บาดเจ็บที่เกี่ยวของกับพิษโลหิต
มันรูสึกเหมือนถูกทรมานเมื่อตองมองดูเพื่อนรวมกลุมถูกมดโลหิตกัดเขาที่คอ
อยางปาเถื่อนกอนที่พวกเขาจะลมลงกับพื้นดวยดวงตาที่เบิกกวาง
พวกนักเรียนทรุดนั่งกับพื้นดวยความหมองเศราอยางที่สุด พวกเขาพยายามอยาง
หนักที่จะรั้งน้ำตาไมใหไหลผานดวงตาที่ไรซึ่งวิญญาณออกมา พวกเขารูสึกราวกับใช
ชีวิตอยูในฝนราย
มีเพียงความคิดเดียวที่โผลเขามาในจิตใจนั่นคือการนอนหลับ พวกเขาหวังวา
หลังจากตื่นขึ้นมาจะไดพบวาเรื่องทั้งหมดเปนเพียงความฝน
แตทวาเมื่อพวกเขาหลับตาลง สิ่งเดียวที่ไดเห็นก็คือเพื่อนรวมกลุมที่ตายจากไป
“ใชเวลาใหเปนประโยชนในการโคจรพลัง หากถึงเวลารบครั้งตอไปแลว ใครก็
ตามที่ยังไมสามารถฟนฟูพลังธาตุของตัวเองไดอยางเต็มที่จะถูกจัดใหยืนแถวหนา”
เสียงเย็นเยียบของอายฮุยเสียดแทงเขาไปในโสตประสาทของทุกคน ไดยินเชนนั้นพวก
เขาก็สั่นเทาไปถึงกระดูดสันหลัง รีบลุกขึ้นนั่งทำตามที่เขาบอกอยางรวดเร็ว หลังจาก
ที่ไดเห็นการกระทำของอายฮุยจนเกิดความเคารพ ก็ไมมีใครกลาขัดคำสั่งเขาอีก
นอกเหนือจากความเคารพยังมีความเกรงขามอีกดวย
ความเร็ว ในการปรับตัวเขากับ การต อสู  และความเยื อกเย็ น ในสถานการณที่
เกี่ยวของกับความเปนตายของอายฮุยนั้น สรางความหวาดกลัวใหกับพวกเด็กนักเรียน
ที่ออนโยนและขาดวุฒิภาวะเหลานี้ พวกเขารูโดยไมตองสงสัยเลยวา หากไมทำตาม
คำสั่ง ตนจะตองถูกสงไปตายอยางที่คนใจหินนี่พูดเอาไวแนๆ
ซือเสวี่ยมั่นที่กำลังครุนคิดวาจะทำอยางไรถึงจะปลุกขวัญทุกคนได แตพลันพบวา
ปญหานั้นถูกแกงายๆ ดวยคำพูดของอายฮุย
นางรำพั น ในใจว า “มั น แก เ ช น นี ้ ก ็ ไ ด ส ิ น ะ! ออกคำสั ่ ง อย า งชั ด เจนและ
ตรงไปตรงมา ทำใหพวกเขายุงเขาไว เมื่อเปนเชนนี้ พวกเขาก็จะไมมีเวลาวางมา
ครุนคิดสิ่งที่ไมควร”
ซือเสวี่ยมั่นเหลือบมองไปทางอายฮุย รูสึกชื่นชมเขาทวาก็รันทดไปพรอมกัน
เทียบกับคนผูนี้แลว นางยังลาหลังกวามากนัก...
นางรูสึกไมพอใจอยางมากกับผลงานของนางในวันนี้ เมื่อใดก็ตามที่นางพบกับ
ปญหา นางจะสับสนและคิดไมออกวาจะทำอยางไร หากไมใชเพราะอายฮุย ยอด
ผูเสียชีวิตคงมากกวานี้อีกมาก อันที่จริงแลวนางคงไมประหลาดใจเลยหากคนทั้งกลุม
จะถูกทำลายลงไป เฉกเชนวาเมื่อใดก็ตามที่นางมองเห็นเจาหมอนี่ นางจะตองรูสึก
หมนหมองอยางไมอาจเลี่ยงได
ทั้งหมดเริ่มจากการปดตาตอสู...ซือเสวี่ยมั่นพลันดูเหมือนไมสบายขึ้นมา
“มัวใจลอยอะไรอยู เร็วเขารีบโคจรพลัง!” เสียงดุวาดังขึ้นมาจากดานบนศีรษะ
ของนาง
“ทราบแลว!” ดวยความตกใจ ซือเสวี่ยมั่นยืนขึ้นทำความเคารพโดยไมรูตัว
เมื่อ ซือ เสวี่ย มั่นหันกลับ ไปและพบว าเจ า ของเสี ย งนั ้ น คื อ อา ยฮุ ย นางก็โมโห
อยากจะทุบเขาจังๆ สักครั้ง
แตนางก็หายใจเขาลึกๆ พยายามสงบจิตใจ ไมมีอะไรใหตองหดหู นางคิดในใจ
“ขาตองแข็งแกรงขึ้นและจะไมยอมแพใหกับไอสารเลวนี่”
ดวยเหตุผลบางประการ นางไมอาจยอมรับการโดนดูถูกโดยอายฮุยได
…..
อายฮุยไมไดนอนพักหรือวาโคจรพลัง เขามีอยางอื่นใหทำอีกมาก
เขาโยนมดโลหิตใหโหลวหลานและกลาววา “โหลวหลาน ลองดูซิวาพริกชนิดใดที่
มีผลตอเจามดนอยนารักตัวนี้มากที่สุด”
“ไดเลยอายฮุย” โหลวหลานความดโลหิตมา ดวงตากะพริบแสงสีเหลืองอราม
เขารูสึกทึ่งกับคำสั่งของอายฮุย จนถึงตอนนี้ เจามดมัมมี่ตัวนี้เปนสัตวโลหิตตัวเดียวที่
ถูกจับได
นี่เปนเพราะโหลวหลานที่ทำใหอายฮุยคิดจะจั บมดโลหิ ตกลับ มาศึกษา ดวย
ความสามารถของอายฮุยใหฆามดโลหิตสักตัวไมใชเรื่องยาก แตถาใหเขาศึกษามันละ
ก็เปนไปไมไดอยางแนนอน
อายฮุยเดินไปที่ตนขาวสาร หยิบใบไมออกมาจากคอของเขาและแขวนมันไวบน
กิ่ง เมื่อใบไมและกิ่งของตนขาวสารเชื่อมกัน เขาก็เขียนลงไปวา “ยืนยันแลววามด
โลหิตไมชอบพริก”
หยุดไปครูหนึ่งกอนเขาจะเพิ่มเติมวา “แมวาจะมีสีแดงเหมือนกันก็ตาม”
พอเขียนประโยคนั้นเสร็จ เขาก็พอใจและผอนคลายมากขึ้น ความสุขนั้นไมไดเกิด
จากสิ่งที่อยูรอบกายหากแตเกิดจากสิ่งที่อยูภายในตางหาก
“เราจับมดโลหิตมาไดตัวหนึ่ง และจะทดสอบดูวาสูตรไหนใชตานมันไดดีที่สุด
ทานมีขอเสนอแนะอะไรหรือไม ทุกคนในเมืองตองมีสวนรวมในการทำศึกกับมดโลหิต
พวกเราเองก็เพิง่ กลับมาจากการทำศึก มีมดโลหิตจำนวนหนึ่งไดผานการแปลงสภาพ
สำเร็จไปแลวหนึ่งรอบปรากฏใหในเมือง แตโชคยังดีที่พวกเราไมไดพบกับพวกมัน
บางคนรูสึกวาสาเหตุหลักของการแปลงสภาพของพวกมดโลหิตก็คือความปรารถนาที่
จะกลืนกินผูใชพลังธาตุ”
เมื่อเขียนขอความเสร็จ เขาก็นั่งลงใตตนขาวสาร ตาทอดมองอยางวางเปลาเลื่อน
ลอย
ผานไปครูหนึ่งใบไมก็สองแสง
“สหายรักของขา ขายินดีเหลือเกินที่เจายังมีชีวิตมดโลหิตขับไลพริก หรือวาพริก
ขับไลมดโลหิตกันแน ขาตองการใหเจาทดสอบเรื่องนี้ ขาสนใจเรื่องเหตุผลของการ
แปลงสภาพของมดโลหิตมากกวา บางทีเจาอาจลองใหมันกินเนื้ออสูรแดนรางดู หาก
มันไมชอบเนื้ออสูรแดนราง บางทีสิ่งที่เจาคิดอาจถูกตอง มดโลหิตหรือสัตวโลหิต
ปรารถนาพลังธาตุที่สรางโดยผูใชพลังธาตุ”
อายฮุยตะโกนออกมาเกือบจะในทันที “โหลวหลาน เอาเนื้ออสูรแดนรางใหมด
โลหิตกินชิ้นหนึ่ง!”
“ไดเลยอายฮุย” โหลวหลานตอบ หลังจากนั้นครูหนึ่ง โหลวหลานก็กลาววา
“อายฮุย ดูเหมือนมันจะไมสนใจเนื้ออสูรแดนรางมากนัก”
อายฮุยคอแหงผากแขนขาสั่นเทา
นี่เปนคำตอบที่เลวรายที่สุดเทาที่จะเปนไปได
หากพลังธาตุของผูใชพลังธาตุคือสาเหตุหลักของการแปลงสภาพของพวกสัตว
โลหิต นั่นยอมหมายความวาเหยื่อของสัตวโลหิตก็คือผูใชพลังธาตุ การกลืนกินผูใช
พลังธาตุลงไปจะทำใหสัตวโลหิตแข็งแกรงขึ้น...หรือพูดอีกอยางหนึ่งก็คือหากสัตว
โลหิตอยากแข็งแกรงขึ้น มันก็ตองกลืนกินผูใชพลังธาตุ ไมอยากจะคิดเลยวาพวกสัตว
โลหิตจะไลลาพวกเขาอยางบาคลั่งถึงเพียงไหน
ดวยจำนวนสัตวโลหิตที่มากมาย จะมีจำนวนเทาไรกันที่สามารถเปลี่ยนสภาพได
สำเร็จ พวกสัตวโลหิตจะแข็งแกรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อูสิงเทียนจะออนแอลงเรื่อยๆ
ตามทฤษฎีนี้เปนไปไดวาจะมีผูใชพลังธาตุเขารวมกับผูใชพลังธาตุโลหิตมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีพวกโลหิตแหงเทพอีกดวย
หรือวาเขาควรจะเขารวมกับพวกผูใชพลังธาตุโลหิตและรับใชพวกโลหิตแหงเทพ
ดี ดูทาจะมีอนาคตกวาพวกอูสิงเทียน! ยิ่งไปกวานั้นดวยความสัมพันธระหวางเขากับ
หนึ่งพันหยวน เขาอาจไดรับตำแหนงใหญโตไมนอย
อายฮุยนั่งเหมอลอยไมพูดอะไรสักคำเดียว
หลังจากผานไปนานเทาใดไมทราบได เขาก็กลับคืนสูสติและสงบลง เขาเขียนลง
ไปในใบไม “ยืนยันแลววามดโลหิตไมสนใจเนื้อของพวกอสูรแดนราง ดูเหมือนวา
อนาคตของอูสิงเทียนจะมืดมน ทานมีคำแนะนำอะไรหรือไม ยกตัวอยางเชน ขาควรตี
สนิทกับพวกโลหิตแหงเทพ หรือมีอะไรที่ทานสามารถแนะนำไดสำหรับการรบครั้ง
ตอไปหรือไม”
ผานไปครูหนึ่งใบไมก็สวางขึ้น
“สหายรักของขาอยาไดมองโลกในแงรายนัก อูสิงเทียนถุกสรา งขึ ้นโดยผ า น
สงครามมากมายไมใชเสนทางที่โรยดวยกลีบกุหลาบ ประวัติศาสตรที่มียังสั้นนัก ยัง
ไมใชเวลาแหงการสิ้นสุดหรอก กลิ่นเลือดและควันไฟไมเคยถูกลืมเลือน จริงอยูที่มัน
อาจฟงดูไรเหตุผล พูดตามตรงก็คือพวกเราไมมีทางเลือก หากเจาพบกับพวกมดที่
เปลี่ยนสภาพไปแลวเจาตองหนี หากหนีไมพนจงสังเกตดูลวดลายโลหิตบนรางกาย
ของมัน จุดออนของมันตองอยูที่จุดนั้น แมวาขาจะไมรูวาเพราะเหตุใดก็ตาม ขอให
โชคดี”
อายฮุยหัวเราะอยางขมขื่นและนำใบไมลงมาแขวนไวที่คอของเขา
ลวดลายโลหิต?
อายฮุยขมวดคิ้ว มันคืออะไรกัน
เขาสายหนาสลัดความคิดดานลบทิ้งไป ปลอยใหเปนไปตามธรรมชาติแลวกัน อีก
ฝายพูดถูก พวกเขาไมมีทางเลือก
เมื่ออายฮุยนึกถึงหนึ่งพันหยวนเขาก็ตัวสั่นดวยความกลัว นางนั้นงดงามมากทวา
จิตนางกลับเปรียบดั่งงูพิษ ถึงหนึ่งพันหยวนจะมาชักชวนใหเขาเปลี่ยนขางอยางไร เขา
ก็ไมมีวันทำ สตรีนางนั้นชั่วรายเกินไป และเมื่อนึกถึงการกลั่นโลหิตอันลึกลับและผูใช
พลังธาตุที่รางระเบิดนั้นแลว เขาก็รูสึกไมชอบใจอยางที่สุด
โลหิตแหงเทพเปนพวกโรคจิต พวกโรคจิตที่นาหวาดผวา
อายฮุยไมกลาที่จะเปลี่ยนขางไปอยูกับพวกโรคจิต
อายฮุยเริ่มการโคจรพลังตามแบบฉบับของตัวเองซึ่งทำใหตัวออนกระบี่ทำงาน
มันเตนอยางชาๆ เปนจังหวะ ทั้งแข็งแกรงและมั่นคง ทุกจังหวะสรางเสียงสะทอนอัน
ดังกองและทรงพลังอยูในสมองของเขา
…..
โรงเย็บปกอวี้
หวังโสวชวนดูซีดเซียว ใบหนาเต็มไปดวยความออนเพลียที่ไมอาจปดบังได เขา
กลาววา “เจานี่ชางเหลวไหลจริงๆ ทำเชนเมืองเปนดั่งผืนผา มีใครเคยทำเชนนั้นบาง
เลา เจาก็แกปูนนี้แลวนะ ทำไมอารมณจึงไมเยือกเย็นลงบางเลย”
นาแปลกที่หันอวี้ฉินไมไดโตเถียงกลับ นางกลับรินน้ำชาใหกับเขาแทนและกลาว
ดวยน้ำเสียงเอียงอายวา “ขอบคุณสำหรับการทำงานอยางเหนื่อยยาก”
การทำเหมือนเมืองเปนดั่งผืนผา แนนอนวาไมเคยมีผูใดทำไดมากอน มันเปน
เพียงแนวความคิดที่ไดรับแรงบันดาลใจมาจากคายกลที่สามีนางเคยพูดถึง
“ก็ไมมีอะไรยากนักหรอก ขาเพียงหวงวาเจาจะทำตัวเองขายหนา หากเจาไมอาจ
ทำตามที่พูดไดคงขายหนานาดู เจาไมโมโหหรือไร ยิ่งไปกวานั้น คายกลมีอะไรพิเศษ
อยางนั้นหรือ พวกมันเปนแคของเกาไรคา” หวังโสวชวนหัวเราะ
เขาไมเขาใจวาทำไมภรรยาเขาถึงไดนำปญหาที่ไมจำเปนมาใหเขา โดยเฉพาะ
อยางยิ่งภารกิจที่อันตราย
“ขารูวาทานเปนหวงขา เปนหวงวาอาจเกิดอะไรขึ้นกับขา แตพวกเราก็แกจวน
จะตายกันอยูแลวนี่นะ ขาแตงงานกับทานตั้งแตขาอายุยี่สิบปและพวกเราก็ไมเคยแยก
จากกันนับแตนั้น พวกเราอยูหางกันมากที่สุดก็แคไมกี่ชวงถนนเทานั้น ขาไมมีนึก
เสียใจอะไรในชีวิตขา ตอใหขาตองตายตอนนี้ ขาก็ตายอยางสงบ” หันอวี้ฉินมองไป
ทางหวังโสวชวนดวยน้ำตาที่คลอเบา “แตหมิงซิ่วกับอายฮุยเลา เปนไปไมไดที่จะให
พวกเขามาตายกับเรา หมิงซิ่วเปนศิษยรักของขา อายฮุยเปนศิษยคนแรกของเจา ขา
ไมหวงวาจะเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นในเมืองหรอก แตขาไมอยากใหอายฮุยกับหมิงซิ่ว
ตองมาตายอยูในเมืองซงเจียน”
หวังโสวชวนตะลึงงัน
“ทั่วทั้งเมืองถูกสั่งใหเคลื่อนพล อายฮุยไดออกไปทำศึกครั้งหนึ่งแลว ผลลัพธก็
ไมไดย่ำแย หมิงซิ่วเองก็ถูกกำหนดใหเขารวมหนวยรบกลุมทายๆ อายฮุยสามารถดูแล
ตัวเองไดในการรบ สถานการณรุนแรงเชนนี้นั้นเหมาะสมกับตัวเขา แตเขาก็ยังเยาว
หากภัยพิบัตินี่ดำเนินตอ ไปเนิ่นนาน เขาก็คงไมอาจทนรับ ไหวเชนกั น และมันยิ่ง
เลวรายกวาสำหรับหมิงซิ่ว โสวชวน ทานชวยขาไดหรือไม”
หวังโสวชวนมองไปยังรอยยนแหงกาลเวลาที่มีอยูเต็มหางตาของนาง เมื่อเขาได
เห็นสายตาอันออนโยนที่มองมา เขาก็รูสึกเหมือนถูกนำกลับไปยังหลายทศวรรษกอน
หญิงสาวมองหนาเขาดวยทาทางแบบเดี ยวกั นและถามเขาด วยน้ ำเสียงแบบ
เดียวกัน
“โสวชวน ทานชวยขาไดหรือไม”
นางเปนเชนนี้เสมอมา หัวรั้นและเอาแตใจ ไมเคยปรึกษาเขากอนเลย
บทที่ 193 รางวัล
มีหกคนไดทะลวงผานระดับพลังพื้นฐาน
ซือเสวี่ยมั่นที่เพิ่งเสร็จสิ้นการโคจรพลังสำรวจพวกนักเรียนที่เหลืออยางใกลชิด
เมื่อไดเห็นวามีหกคนสามารถทะลวงผานสูระดับใหมได นางก็ยินดีอยางมาก สนามรบ
นับเปนหองเรียนที่ดีที่สุด ไมมีอะไรกระตุนศักยภาพของคนไดดีไปกวาแรงกดดันจาก
ความตาย
แตความยินดีอยูไดไมนานนักเพราะนางยังมีเรื่องใหทำอีกมาก
การตอสูอันเงอะงะของนางระหวางการรบทำใหนางขาดความมั่นใจและยอมแพ
ความรูสึกลมเหลวเปนความรูสึกที่นางไมคุนเคย ถึงกระนั้นนางก็ยังไมคิดที่จะถอดใจ
หลังจากสงบสติลงแลวนางก็ทบทวนถึงรายละเอียดในการศึกและทำความเขาใจให
มากขึ้นกับสิ่งที่นางไดเรียนรูมา
มีหลักฐานยืนยันวานางไมใชผูมีพรสวรรคในดานวิชาการตอสู
นางไปพบกับเจียงเหวย ซังจื่อจวิน และนักเรียนบางคนเพื่อสรุปความเสียหายที่
พวกเขาไดรับจากการศึก ในเมื่อนางไมใชวีรสตรีที่สามารถชวยเหลือทุกคนเอาไวได
นางก็ทำไดแคเพียงสนทนาถึงปญหานี้กับคนอื่น การที่นางชวยเหลือทุกคนทำใหทุก
คนชวยเหลือนางเชนกัน
เมื ่ อ ทุ ก คนเห็ น เทพธิ ด าที ่ โ ดดเด น เดิ น มาหาเพื ่ อ สนทนาด ว ย พวกเขาก็
กระตือรือรนอยางผิดปกติ ราวกับวาไดรับสารกระตุนเขาไป
เมื่ออายฮุยโคจรพลังเสร็จสิ้นก็ไดเห็นการพูดคุยจอแจ เขาไดแตแสยะยิ้มอยูในใจ
สตรียิ่งงามเทาไรก็ยิงอันตรายมากเทานั้น สักวันพวกเจาจะเขาใจเรื่องนี้!
เขานั่งลงและเริ่มทบทวนการกระทำที่ถูกและผิดของเขาในการศึก
เขามีกระบวนทานอยเกินไป การมีเพียงแค [ฟาดเฉียง] กับ [แสงหมอก] นั้นไม
เพียงพอและเปนขอจำกัดในการโจมตีของเขาอยางมาก ในเรื่องของเคล็ดวิชาในการ
หลบหนี เขาตองรอใหเขาถึงระดับสมบูรณขั้นตนกอนจึงจะไดรับปกเมฆา ไมวาเขาจะ
วิ่งบนพื้นไดเร็วเทาไร แตก็ยังชากวาคนที่บินอยูในอากาศอยูดี
เมื่ออายฮุยคิดถึงแผนการหลบหนี เขาก็นึกถึง [ผาคลุมวาตะมาศ] และนั่นทำใหเขา
รูสึกเจ็บปวดที่หลัง ตอนที่โรงฝกถูกโจมตีโดยฝูงมดโลหิตเขาไดใช [มัจฉาสะบัดกาย]
โจมตีพวกมดและไดทำลาย [ผาคลุมวาตะมาศ] ไปในตอนนั้น ถึงอยางไรผาคลุมนั้นก็
ไมไดทนทานเทากับผาพันแผลโลหิต
หากไมใชเพราะผาพันแผลโลหิต อายฮุยคงตองรับบาดเจ็บสาหัสไปแลว
ในตอนนั้นเอง อายฮุยสัมผัสไดถึงบางอยางจึงเงยหนาขึ้นอยางไมตั้งใจ ผูใชพลัง
ธาตุจำนวนหนึ่งมาอยูเหนือทองฟาของโรงฝก อายฮุยพบวาบางคนนั้นดูคุนตา หนึ่งใน
นั้นเปนยามของเจาเมือง อีกคนที่อายฮุยคุนเคยก็คือเจาหนาที่ดูแลคลังเก็บของ
เมื่อพวกเขาลงสูพื้น อายฮุยก็ตรงเขาไปทักทายอยางรวดเร็ว นักเรียนคนอื่นๆ ก็
มารวมดวยเชนกัน
ในขณะที่เจาหนาที่ดูแลคลังเก็บของเห็นอายฮุย เขาก็ยิ้มออกมา “ขารูมาตลอด
วากลุมของพวกเจานั้นแตกตางจากพวกที่เหลือ และขาก็คิดถูกจริงๆ”
“ขอบคุณครับทานที่ดูแลพวกเรา” อายฮุยตอบอยางจริงใจ เจาหนาที่ดูแลคลัง
เก็บของดูแลพวกเขาเปนอยางดีมอบของที่ดีให อายฮุยเคยสัมผัสมาแลวทั้งดานที่
อบอุนและเย็นชาของมนุษย เขาไมละเลยอยูแลว ไมวาดวยเหตุผลอะไรก็ตาม คนผูนี้
มีน้ำใจดีกับพวกเขา อายฮุยรูสึกวาตองขอบคุณเจาหนาที่ผูนี้
เจาหนาที่ดูแลคลังเก็บของยินดีเปนอยางยิ่ง รูสึกวาพวกเขามีความสัมพันธที่
ใกลชิดขึ้นกวาแตกอน เขาขยิบตาใหอายฮุยแตไมไดพูดอะไรออกมา
เจาหนาที่ทาทางเขมงวดเริ่มพูดขึ้น “เนื่องจากผลงานอันโดดเดนของกลุมนักเรียน
หมายเลขหนึ่ง เจาเมืองจึงตัดสินใจที่จะมอบจดหมายยกยองและของรางวัลพิเศษ
ใหกับทุกคน นักเรียนทุกคนจะไดรับแตมสวรรคคนละรอยแตม อายฮุย ซือเสวี่ยมั่น
ตวนมูหวงฮุน ซังจื่อจวิน เฉียนไต เจียงเหวย และหวังเสี่ยวซานจะไดรับแตมสวรรค
คนละสองรอยแตม รางวัลนี้ไดถูกสงไปใหกับสภาผูอาวุโสผานทางตนขาวสารและ
ไดรับการอนุมัติแลว”
นอกจากอายฮุยกับเจาอวนแลว ทุกคนลวนยินดีเปนอยางยิ่ง
แตมสวรรคหรือ
ทั้งคูมองหนากันและมองเห็นความไมพอใจในสายตาของอีกฝายได ในชวงเวลา
คับขันเชนนี้ทำไมพวกเขาถึงไดเสียเวลามาใหแตมความดีไรประโยชนนี้เปนรางวัล
ของรางวัลตองเปนสิ่งที่จับตองไดสิ!
“นอกเหนือจากนั้น ทุกคนยังจะไดรับผงฟนฟูคนละสองหอและเกราะซงเจียนอีก
หนึ่งชุด”
อายฮุยรูวาผงฟนฟูนั้นเปนของที่นำไปใชไดจริงมากกวา มันชวยใหผูใชพลังธาตุที่
สูญสิ้นพลังไปหมดแลวฟนฟูพลังธาตุขึ้นมาไดสวนหนึ่งเปนเวลาสั้นๆ อยางไรก็ตามไม
ควรใชบอยเกินไปเพราะมันมีผลขางเคียงตอรางกาย
แลวเกราะซงเจียนหนึ่งชุดนี้คืออะไรกัน
ราวกับวาเจาหนาที่ดูแลคลังเก็บของจะคาดเดาถึงความกังวลของทุกคนเอาไว
แลว เขาจึงเริ่มอธิบาย “เกราะซงเจียนนี้เปนเกราะแบบใหมที่พวกเราไดพัฒนาขึ้น
คุณสมบัติเฉพาะตัวของมันก็คือมันชวยปองกันพิษโลหิตที่อาจบังเอิญกระเด็นมาโดน
เจาและปองกันเจาจากการไดรับพิษ ชุดเกราะนี้ยังผลิตออกมาไดไมมากนัก เจาเมือง
ไดตัดสินใจที่จะมอบชุดเกราะนี้ใหพวกเจา ในตอนนี้พวกเจานับเปนผูทดลองใชชุด
เกราะนี้”
เมื่อพวกเขาไดยินวาชุดเกราะนี้สามารถปกปองพวกเขาจากพิษโลหิตได พวกเขา
ก็ตื่นเตนเปนอยางมาก ในตอนนี้ชุดเกราะพวกนี้เปนสิ่งที่พวกเขาตองการมากที่สุด
อยางไมตองสงสัย
สนามรบนั้นเต็มไปดวยความสับสนวุนวาย ความพลั้งเผลอแมเพียงนอยนิดอาจ
ทำใหพวกเขาไดรับพิษโลหิตได ยิ่งไปกวานั้นพิษโลหิตนั้นกัดกรอนอาวุธและชุดเกราะ
ของพวกเขาเปนอยางมาก พิษโลหิตเปนสิ่งที่พวกเขากลัวมากที่สุดเมื่อตองเผชิญหนา
กับสัตวโลหิต แมวาเกราะซงเจียนจะไมอาจปองกันปญหาเหลานี้ไดทั้งหมด แตมันก็
ชวยเพิ่มความรูสึกปลอดภัยขึ้นมาบาง
เกราะซงเจียนสีเทาเขียวเหมือนเปลือกไมแผกลิ่นตนสนจางๆ ออกมา ชุดเกราะนี้
ไมไดดูงดงาม ใครก็ตามลวนบอกไดวามันถูกสรางขึ้นอยา งเร งรอน ทวา ณ จุดนี้
แมแตตวนมูหวงฮุนที่จูจี้จุกจิกที่สุดก็ยังสวมชุดเกราะนี้บนรางของเขาในทันที
สวนที่ดูแปลกประหลาดที่สุดของชุดเกราะนี้ก็คือหมวก หรือจะพูดใหถูกก็คือเปน
หมวกทรงกรวยที่ทำขึ้นจากเปลือกไม ขอบของหมวกทรงกรวยพ น ควั น บางเบา
ออกมาอยางตอเนื่อง กอใหเกิดมานควันที่ครอบคลุมศีรษะของผูสวมเอาไว
เมื่ออายฮุยสวมหมวกเกราะเขาก็ตองประหลาดใจที่การมองเห็นของเขาไมถูก
รบกวนโดยมานควันแมแตนอย เขายังสามารถมองเห็นไดอยางชัดเจนเฉกเชนปกติ
“มานควันนี้สามารถปองกันการปะทะที่ไมรุนแรงได อยางเชนเลือดที่กระเด็นมา ขอดี
ที่สุดของมันก็คือมันไมบดบังการมองเห็นของพวกเจาแมแตนอย” เจาหนาที่ดูแลคลัง
เก็บของอธิบาย “นอกเหนือไปจากชุดเกราะนี้ เจาเมืองยังบอกใหขาสงมอบวัตถุดิบ
อาหารพลังธาตุจ ำนวนหนึ่งใหกับพวกเจ าทุ กคน ถึ งแม ว าวั ตถุ ดิ บพวกนี้ จะไมใช
วัตถุดิบจากอสูรแดนราง แตก็นับเปนวัตถุดิบที่ดีที่สุดเทาที่เรามีอยูในคลังเก็บของ”
เขาหัวเราะออกมาอยางขมขื่น ในขณะที่คลังเก็บของของเมืองซงเจียนนั้นไมไดมั่ง
คั่งอันใด ในตอนนี้เพียงแคของรางวัลที่มอบใหกับนักเรียนพวกนี้ก็เกือบจะทำใหคลัง
เก็บของวางเปลาแลว ถึงแมวาเจาหนาที่ดูแลคลังเก็บของจะคาดหวังกับอายฮุยและ
พวกไวสูง แตเขาก็ยังประหลาดใจที่เจาเมืองทุมเททรัพยากรใหกับคนหนุมสาวพวกนี้
อยางมาก
“โปรดชวยถายทอดความขอบคุณจากใจของพวกเราไปยังเจาเมืองดวย” ซือเสวี่
ยมั่นกลาวพรอมกับโคงใหเล็กนอยอยางสุภาพ
“นอกจากการขอบคุณดวยวาจา ขาคิดวาเจาเมืองอยากใหพวกเจาทุกคนทำตัว
เปนแบบอยางใหกับคนอื่นๆ แสดงความกลาหาญใหพวกเขาเห็น ปลุกความกลาที่
หายไปจากตัวพวกเขาขึ้นมา” เจาหนาที่ตอบกลับมาอยางแข็งขัน
“พวกเราจะทำเต็มที่” ซือเสวี่ยมั่นตอบอยางจริงจัง
“พวกเราจะทำอยางเต็มที่แนนอน” อายฮุยพยักหนา
สีหนาพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหนาของผูใชพลังธาตุ หนึ่งในพวกเขาเริ่มพูดอีก
ครั้ง “ขอบคุณสำหรับวิธีเคลื่อนพลโดยการทำลายอาคารของพวกเจา รวมไปถึงการ
คนพบผลขางเคียงของพริกที่มีตอมดโลหิต ความกาวหนาในการยึดคืนพื้นที่ของเรา
เพิ่มขึ้นมาก ดวยความเร็วเชนนี้ เราคาดวาจาะสามารถกำจัดมดโลหิตไดหมดภายใน
ชวงพระอาทิตยตกวันพรุงนี้ นี่คือเหตุที่ทำใหเจาเมืองตัดสินใจมอบรางวัลใหกับพวก
เจามากมายเชนนี้”
ขาวดีนี้ทำใหทุกคนสงเสียงดังลั่นออกมาดวยความยินดี เมฆดำที่ปกคลุมจิ ตใจ
ของพวกเขาเลือนหายไปอยางรวดเร็ว ราวกับวาพวกเขาสามารถมองเห็นอรุณรุงแหง
ชัยชนะไดอยางไรอยางนั้น
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหนาของพวกผูใชพลังธาตุเชนกัน “พักผอนใหเต็มที่ พวก
เจาทุกคนตองเขารวมการโจมตีในวันพรุงนี้”
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ พวกผูใชพลังธาตุก็บินขึ้นฟากลับไปยังจวนเจาเมือง
“รางวัลในครั้งนี้ชางมากมายเหลือเกิน” รอยยิ้มปรากฏบนใบหนาของซังจื่อจวิน
“แตมสวรรคสองรอยแตม ขาไมเคยคาดคิดเลยวาจะไดรับแตมสวรรคสองรอยแตมได
ในเวลาสั้นๆ เชนนี้”
“แตมสวรรคคืออะไร” อายฮุยถามขึ้นอยางชวยไมได “ใชแลกเปนเงินไดหรือไม”
คำถามของอายฮุยทำเอาทุกคนกลอกตากันเปนแถว
“โอสวรรค นี่เปนครั้งแรกที่ขาไดยินคนบอกวาจะแลกแตมสวรรคกับเงิน! ถามัน
สามารถซื้อไดดวยเงิน ขาจะซื้อแตมสวรรคจากเจาทั้งหมด ราคาเทาไรวามาเลย” สี
หนาของซังจื่อจวินเต็มไปดวยความกังขา
“ไมรูอีโหนอีเหน!” ตวนมูหวงฮุนแสยะยิ้มพลางสงสายตาดูถูกใหอายฮุย
แมแตซือเสวี่ยมั่นก็ยังแทบทนกับสวนที่วา “เอาไปแลกเงิน” ไมได
อายฮุยไมไดสนใจวาตวนมูหวงฮุนมองเขาอยางไร แตเมื่อเขาเห็นปฏิกิริยาของทุก
คน เขาก็รูไดทันทีวาแตมสวรรคมีคากวาเกินมากมายหลายเทา
มีคามากกวาเงินหลายเทา!
อายฮุยดวงตาเปนประกายและถามวา “วามา บอกเรื่องแตมสวรรคใหฟงหนอย
มันเอาไวทำอะไร แลวขาจะใชมันอยางไร”
ซังจื่อจวินรีบตอบอยางรวดเร็ว “แตมสวรรคนั้นเปนคะแนนความดีระดับสูงสุด
ของอูสิงเทียน ทั่วทั้งอูสิงเทียนรวมไปถึงเมืองเล็กๆ และหมูบานตางก็ปฏิบัติตามระบบ
คะแนนความดี คะแนนความดีนั้นไดมาจากอุทิศตนของเจา จำนวนคะแนนความดีที่
เจามีบงบอกสถานทางสังคมของเจา
ยกตัวอยางเชน เมืองซงเจียนก็มีคะแนนความดีของตัวเอง เรียกวาแตมซงเจียน
ทุงเพลิงก็มีคะแนนความดีของตัวเอง เรียกวาแตมอัคนี แดนเมฆาหลากสีใชแตมวารี
ทะเลทรายเหลืองใชแตมปฐพี ปาหยกใชแตมวนาลี และทะเลหมอกเงินใชแตมตปนีย
และแนนอนวาคะแนนที่มีคามากที่สุดก็คือแตมสวรรค ที่หมายถึงการอุทิศตนใหกับ
ทั่วทั้งอูสิงเทียน”
“ฟงดูเหมือนเนื้อรมควันรสตางๆ แลวขาจะใชมันอยางไร”
“เนื้อรมควัน...ไมวาเจาจะหางานหรือพยายามเลื่อนตำแหนง คะแนนความดีพวก
นี้คือสวนสำคัญ หากไมมีคะแนนความดีเจา ไมอาจไดตำแหน งบางตำแหน งที่ เจ า
ตองการได และประโยชนที่สำคัญที่สุดก็คือใชซื้อทรัพยากร เจาสามารถใชมันซื้อ
สิ่งประดิษฐ วัตถุดิบ หรือเคล็ดวิชา แมแตกระทั่งวิชาลับขั้นสูง”
“สามารถใชซื้อวิชาลับขั้นสูงไดเชนนั้นหรือ” อายฮุยถามดวยความตกใจ
“แนนอน! ตราบใดที่เจามีคะแนนความดีมากพอ เจาสามารถซื้อวิชาลับขั้นสูงได
มากมาย”
“วิชาลับขั้นสูงไมไดถูกปกปองอยางดีโดยตระกูลตางๆ ที่เปนเจาของมันหรอก
หรือ” อายฮุยดูเหมือนจะไมคอยเขาใจ
“นั่นก็จริงอยู แตก็มีบางเวลาที่ตระกูลเหลานั้นตองการรองขอตอสภาผูอาวุโสสำหรับ
สิ่งประดิษฐ ยา หรือของอยางอื่นที่หาไดยากยิ่ง ถาหากพวกเขามีแตมสวรรคมากพอ
พวกเขาก็สามารถซื้อ มันไดโ ดยตรง แตถาพวกเขามีไมพอเลา เจาไมอาจซื้ อ แต ม
สวรรคดวยเงินได สิ่งเดียวที่ทำไดก็คือการแลกเปลี่ยน แตเจาจะใชอะไรแลกมันมา”
“เจาอาจใชสิ่งประดิษฐหรือวิชาลับขั้นสูงแลกแตมสวรรค แลวคอยใชมันซื้อสิ่งที่
เจาตองการ” ซังจื่อจวินอธิบาย
“ยอดมาก นี่เปนธรุกิจทำเงินอยางแนนอน” เจาอวนตะโกนออกมาอยางตื่นเตน
“เราเปนผูกำหนดราคาของทรัพยากร และเราก็คือผูกำหนดแตมสวรรค มันยอม
โอกาสทางธุรกิจมากมายเขามา นี่เปนธุรกิจทำเงินอยางแนนอน!”
อายฮุยกังวลเรื่องอื่นมากกวา “แลวตระกูลพวกนั้นไมกังวลหรือวาวิชาลับขั้นสูง
ของพวกเขาจะรั่วไหลออกไป”
“ปกติแลว มันก็เกิดขึ้นเฉพาะเวลาวิกฤตเทานั้น ที่พวกตระกูลตางๆ จะยอมแลก
วิชาลับขั้นสูงกับแตมสวรรค ไมอยางนั้นแลวพวกเขาจะทำไปทำไม” ซือเสวี่ยมั่นพูด
ทะลุกลางปลอง นางรูเกี่ยวกับตระกูลชั้นสูงพวกนี้ดีกวา
“ยิ่งไปกวานั้น เคล็ดวิชาลับขั้นสูงเปนวิชาชั้นยอดที่สืบทอดกันมา การสืบทอด
วิชาคืออะไร การสืบทอดวิชาก็คือการสงตอวิชาจากรุนสูรุน ทุกตระกูลตางก็ทุมเทใน
การพัฒนาวิชาลับขั้นสูงที่สืบทอดตอกันมา นี่จึงเปนการมั่นใจไดวาคนรุนตอไปจะเดน
ล้ำยิ่งกวาคนรุนกอน หากพวกเขาไมอาจทำไดสำเร็จ พวกเขาก็จะเสื่อมถอยไปตาม
กาลเวลา หากพวกเขาทำสำเร็จ ทำไมตองไปกังวลเรื่องวิชาลับขั้นสูงรั่วไหลออกไป
โดยสวนใหญแลว วิชาลับขั้นสูงที่ถูกนำไปแลกกับแตมสวรรคนั้นเปนฉบับที่ลาหลัง
บางก็เกาแกพอๆ กับการกอตั้งอูสิงเทียนเลยทีเดียว พลังของมันนั้นออนดอยกวาฉบับ
ปจจุบันมาก”
ในตอนนั้นเองที่อายฮุยเริ่มเขาใจวาอะไรเปนอะไร “ขาเขาใจแลว แตถาหากสิ่งที่
เจาพูดเปนจริง แลวทำไมคนถึงยังซื้อวิชาลับขั้นสูงฉบับที่ลาหลังดวยเลา”
“ถึงแมวิชาลับขั้นสูงนั้นจะลาหลัง แตก็ยังเปนวิชาลับขั้นสูงอยูวันยังค่ำ ยิ่งไปกวา
นั้น การบัญญัติวิชาลับขั้นสูงขึ้นมานั้นขึ้นอยูกับสวนสัดปฏิภาณและปรีชาชาญของคน
ผูนั้น” ซือเสวี่ยมั่นตอบอยางเย็นเยียบ “แนนอน หากเจามีพรสวรรคเพียงพอ เจาอาจ
บัญญัติวิชาลับขั้นสูงของเจาขึ้นมาระหวางหลับอยูก็เปนได”
ลอกันเลนใชไหม!
อายฮุยรูตัววาเขามีแตมสวรรคเพียงสองรอยแตม แตก็คิดจะไปซื้อวิชาลับขั้นสูง
เสียแลว แถมยังไปดูถูกวิชาลับขั้นสูงที่ลาหลังอีก เขาเปนตองหัวเราะออกมาอยางชวย
ไมได
บทที่ 194 การลมตายและภัยรายที่ซอนอยู
“มาพูดเรื่องการใชประโยชนจากมันดีกวา พวกเราสามารถซื้ออะไรไดดวยแตม
สวรรคสองรอยแตม”
“มันควรจะมีของมากมายที่เราสามารถซื้อได นี่เปนครั้งแรกที่พวกเราไดรับแตม
สวรรค ทำหนาแบบนั้นหมายความวาอยางไร”
“คิดดูนะ นี่หมายความวาพวกเราตองรอดชีวิตออกไปจากภัยพิบัตินี้ มิเชนนั้นก็
ไมมีประโยชนอะไรจะมาพูดเรื่องพวกนี้ ทำไมเราไมซื้อของแหงกัน”
“นี่แสดงใหเห็นวาเจาเมืองไดมากพอแลว”
...
คำอธิบายเกี่ยวกับเคล็ดวิชาลับขั้นสูงของซือเสวี่ยมั่นปลุกความคิดของอายฮุย
ความโดดเดนของผูมีพรสวรรคนั้นก็เหมือนกับดอกไมที่ผลิบาน ความรูที่สั่งสมมา
หลายชั่วอายุคนถูกดูดซึมอยางเงียบงันดวยรากของดอกไม การกาวล้ำเหนือคนรุน
กอนเปนการแสดงความเคารพตอบรรพบุรุษรูปแบบหนึ่ง แสดงใหเห็นถึงความมั่นใจ
และความกลาหาญของคนรุนใหม
มันนาพอใจที่มีวิชาลับขั้นสูงถูกสงผานและศึกษามาเปนเวลาหลายชั่วคน
อายฮุยรูสึกอิจฉาเมื่อเขาฝกฝนอยางไมรูวาจะไดประโยชนอะไรขึ้นมาหรือไม
แมวาจะไมมีใครมาชี้นำเขาและการกาวตอไปก็ชางอางวาง แตเขาก็ไมมีขอจำกัดใดๆ
และสามารถทำอะไรก็ไดที่เขาตองการ
นี่ตองเปนสิ่งที่นักบุกเบิกรูสึก อางวางและไรอำนาจ ทวาดำรงไวดวยจิตใจที่อาจหาญ
อายฮุยระเบิดหัวเราออกมา ความรูสึกที่วาดภาพตัวเองเปนบุคคลอันยิ่งใหญนั้น
ชางทำใหฮึกเหิม
ซือเสวี่ยมั่นเหลือบมองไปทางเขา ไมรูวาทำไมเขาถึงหัวเราะออกมา ทวาเมื่อนาง
เห็นวาอายฮุยเริ่มฝกกระบี่ นางก็เบนสายตาจากมาและมีสมาธิอยูกับการสนทนากับ
พวกนักเรียนคนอื่น
นางจดสิ่งที่นางไดเรียนรูจากการสนทนาเต็มหนาสมุดบันทึกของนาง บันทึกสวน
ใหญนั้นเชื่อมโยงกับความรูที่นางไดจากการอานตำราพิชัยสงคราม ทุกคนตางกลาว
ชื่นชมนางดวยความรูสึกวานางนั้นเกิดมาเพื่อเปนผูนำ นางรูสึกอับอายอยางมากกับ
คำพูดพวกนั้น การศึกที่ผานมาทำใหนางรูวาการถกเถียงทางทฤษฎีนั้นไรความหมาย
เมื่อการสนทธนาลึกซึ้งขึ้น รูปแบบการฝกฝนที่นาหวาดหวั่นก็ถูกนำขึ้นมา
จะมีการศึกอีกครั้งวันพรุงนี้ ทุกคนเริ่มการฝกซอมโดยไมลังเล
ในใจของพวกนักเรียนแลวนั้น ซือเสวี่ยมั่นกับอายฮุยมีความแตกตางกันอยาง
สิ้นเชิง สำหรับอายฮุยนั้นมีอำนาจที่ทำใหทุกคนหวาดกลัว แตก็มีความมั่นใจในตัวเขา
ไปพรอมกัน สวนซือเสวี่ยมั่นนั้นทุกคนวางใจในตัวนางเหมือนกับสหาย
“เจาอวน ทำไมไมยอมฝก” โหลวหลานตะโกน
เจาอวนที่กำลังนอนกรนอยูที่มุมหนึ่งตื่นขึ้นมาดวยความรูสึกหวาดผวา
“โหลวหลาน ใหเจาอวนวิ่งสองรอยรอบ!”
เสียงเย็นชาของอายฮุยดังผานอากาศมา
“ไมมีปญหา อายฮุย” โหลวหลานตอบกลับอยางราเริง
“โหลวหลาน ทำไมเจาตองทำแบบนี้กับขาดวย” เจาอวนโอดครวญดวยสีหนาบูบี้
“เจาอวน โหลวหลานทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชนของเจาอวนเอง” โหลวหลานตอบ
อยางจริงใจ
ขวับ
โหลวหลานเสกแสที่ทำจากทรายขึ้นมาและเริ่มฟาด “เจาอวน สองรอยรอบ!”
…..
จวนเจาเมือง
“...ในตอนนี้ ผลการศึก เปนไปอยา งดี เยี ่ ยม ความเร็ ว ในการเดิ น ทัพ ของเรา
มากกวาที่พวกเราคาดการไวกอนเริ่มการศึก พรุงนี้มีความเปนไปไดวาพวกเราไม
จำเปนตองใชกลุมยอดฝมือ อยางไรก็ตาม มีการบันทึกวาเราไดพบกับมดโลหิตที่ผาน
การแปลงสภาพโดยสมบูรณแลวสามตัว พวกมันทำใหพวกเราตองบาดเจ็บลมตาย
จำนวนมาก คาดการวาจำนวนของมดโลหิตที่แปลงสภาพเสร็จแลวจะเพิ่มขึ้นในวัน
พรุงนี้ มีการแนะนำใหจัดวางผูใชพลังธาตุชั้นแนวหนาในหลายพื้นที่กอนเริ่มการศึกใน
วันพรุงนี้เพื่อรับมือกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น”
“...จำนวนผูเสียชีวิตทั้งหมดในวันนี้คือหาพันเจ็ดรอยยี่สิบเอ็ดคน จำนวนผูที่
ไดรับบาดเจ็บคือ หนึ่งพันหกรอยหาสิบหาคน พวกเขาถูกกักบริเวณเอาไวแลว อัตรา
การบาดเจ็บลมตายนั้นสูงมาก ความสมารถในการตอสูของนักเรียนและประชาชนที่
รอดชีวิตนั้นสูงขึ้นอยางมาก จำนวนผูที่ถูกกักบริเวณมีสูงถึงสามพันหนึ่งรอยคนแลว
หมอของเรายังไมพบวิธีรักษาพิษโลหิต มีคนจำนวนยี่สิบหกคน...”
น้ำเสียงที่รายงานตัวเลขอันนาหวาดหวั่นนั้นสั่นเทา เพราะตัวเลขทุกตัวมีคา
เทากับชีวิตมนุษย
“ยี่สิบหกคนทำไม” เจาเมืองเงยหนาขึ้นถามเปนครั้งแรกดวยน้ำเสียงดุดัน
“คนพวกนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายไปมา กลามเนื้อของพวกเขาหนาขึ้น
และแข็งขึ้น ขนของพวกเขาดกแนนขึ้น และพละกำลังของเขาก็แข็งแรงอยา งน า
หวาดหวั่น พลังธาตุในการของพวกเขาถูกดูดกลืนโดยพิษโลหิตและไดกลายเปนพลังที่
ไมทราบชนิด พลังไมทราบชนิดนี้คือสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงทางรางกาย
อยางไรก็ตามมันไดมอบพลังที่พิเศษเฉพาะใหกับพวกเขาไปในเวลาเดียวกัน เรามีผูใช
พลังธาตุสองสามคนที่เกือบถูกพวกเขาฆาตาย”
“สภาผูอาวุโสไดทำการศึกษาพลังชนิดนี้แลว มันมีความเชื่อมโยงกับการกลั่น
โลหิตจากยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนแนนอน การสังเวยเลือด โลกใตพิภพ การกลั่น
วิญ ญาณ ศพคืนชีพ ฯลฯ การกลั่น โลหิ ตถู ก มองว า เป น พลั งแห ง ความตาย การ
เปลี่ย นแปลงรางกายของมนุษ ยของพิ ษ โลหิตนั ้ นเรี ย กว า การกลายร างเปนอสูร
ในตอนนี้สภาผูอาวุโสยังไมอาจพบการรักษามัน”
“การกลายรางเปนอสูร...” นี่เปนครั้งแรกที่เจาเมืองแสดงความกลัวออกมาให
เห็นในดวงตา
ครูใหญที่ยืนอยูดานขางสีหนาเต็มไปดวยความหวาดกลัว
ทั้งหองโถงกลายเปนเงียบงันไป
“ในตอนนี้ ปญ หาคือ เราจะทำอยางไรกับ คนทั ้งสามพั นหนึ ่ งร อยคนที่ถูกกัก
บริเวณไว หากวาการกลายรางเปนอสูรไมอาจหยุดยั้งได”
ทุกคนหอบหายใจดวยความหวาดกลัวหัวใจแทบจะหยุดเตน ความเงียบงันราว
ความตายกลืนกินหองโถงไวอีกครั้งหนึ่ง
….
โรงฝกศาสตราวุธ
ในครั้งนี้อายฮุยดวงไมดีนัก หลังจากทำการลองผิดลองถูกมาตลอดคืน กลับไม
อาจพัฒนากระบวนทาใหมขึ้นมาได เหมือนกับเรือประมงที่กลับบานพรอมแหที่วาง
เปลาหลังจากออกไปหาปลามาทั้งคืน
อายฮุยไมไดทอแท นี่เปนเรื่องธรรมดา
เขาเงยหนาขึ้น พระจันทรสองสวางดวงดาวบนดารดาษเต็มฟา ทวาลานโลงกลับ
เต็มไปดวยความเรารอน
เจาอวนใสเกราะเต็มตัวถือโลหนักไวในมือแบกหมอเพลิงใบยักษไวบนหลัง เขาสง
เสียงคำรามดุจหมูปาออกมาเมื่อเขาวิ่งไปขางหนาอยางเต็มกำลัง หากเปนในอดีตอาย
ฮุยตองรูสึกรำคาญที่ไดยิน แต ณ จุดนี้ เสียงคำรามนี้กลับทำใหสดชื่น
อีกดานหนึ่ง ซือเสวี่ยมั่นนำทุกคนทำการทดลองฝกรูปแบบตางๆ เสียงตะโกนอัน
ดุดันของเจียงเหวยและเสียงเยาะเยยเย็นชาของซังจื่อจวินดังขึ้นเปนระยะๆ ใบหนา
อันเยาววัยและออนโยนของพวกนักเรียนเต็มไปดวยความมุงมั่นและหยาดเหงื่อ เพื่อ
การเอาชีวิตรอดแลวจึงไมมีใครบนแตอยางไร
อายฮุยรูสึกซาบซึ้งขึ้นมาดวยเหตุใดไมทราบได
ที่นี่ชางตางจากแดนราง ในแดนรางไมมีใครไดเห็นความตั้งใจและดิ้นรนเพื่อเอา
ชีวิตรอดแบบนี้ สวนใหญแลวเขาจะเห็นความดานชา วางเปลา และความกลัวจาก
ผูคนในแดนราง พวกเขาลวนรอใหความตายมาเยือน
ณ ที่แหงนี้ ไมมีใครยอมแพใหกับความตาย บางทีมันตองใชความแข็งแกรง หรือ
ความมุงมั่นที่จะปกปองเกียรติในการที่จะปฏิเสธชะตากรรมที่เลวราย
ดูเหมือนขาจะซาบซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ดูทาขาจะยังเหนื่อยไมพอ
อายฮุยเริ่มยืดเหยียดแขนขา เมื่อเขาสัมผัสไดวาเขาไดฟนฟูพลังสวนใหญแลว สี
หนาของเขาก็เปลี่ยนเปนจริงจังอีกครั้ง
เขาตองการจะลองใช [เปยโตว] รวมกับกระบวนทา [แสงหมอก] และ [ฟาดเฉียง] ดู
วาผลจะออกมาเปนอยางไร
ตำหนักทั้งเจ็ดสั่นไหวไปพรอมเพรียงทุกจังหวะปลดปลอยเสนใยพลังธาตุออกมา
พรอมกัน เสนใยพลังธาตุทั้งเจ็ดหลอมรวมเปนหนึ่งไหลเขาสูแขนของเขา อยางไรก็
ตามในจังหวะที่มันเกิดขึ้น เขาไดใชกระบวนทา [ฟาดเฉียง] ออกไปแลว
การเคลื่อนพลังธาตุในกายของเขานั้นยังชาเกินไป
อายฮุยหยุดสิ่งที่ทำอยู มันเปนการงายที่จะบงชี้ถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะ
เขาจำไดทุกรายละเอียดเขายังไมชำนาญในการเคลื่อนพลั งธาตุโดยใช [เปยโตว]
เพราะกระบวนทาอื่นของเขานั้นลวนใชการเคลื่อนพลังธาตุแบบงายและตรงไปตรงมา
กระบวนทาเดียวที่มีการใชพลังธาตุอยางซับซอนก็คือ [พระจันทรเสี้ยว]
เมื่อรูวาปญหาคืออะไร อายฮุยก็ทำการเคลื่อนพลังธาตุไปพรอมกับการกวัดแกวง
กระบี่
ลมเหลว ลมเหลว ลมเหลว...
ใบหนาของเขาแนนิ่งไมเปลี่ยนแปลงแมแตนอยดูราวกับรูปนั้นหิน เขาใชกระบวนทา
[ฟาดเฉียง] ออกครั้งแลวครั้งเลาทำตัวราวกับเปนตุกตาทรายที่ไรอารมณความรูสึก
เมื่อใหเห็นฉากตรงหนา บรรดานักเรียนก็มองไปยังโหลวหลานโดยไมตั้งใจอยูเปน
ระยะๆ
“เร็วขึ้นอีกเจาอวน! เร็วเขา!”
“เจาอวน เจาทำได!”
“เจาอวน ขืนยังวิ่งชาเชนนี้ เจาจะไดเจาดื่มน้ำแกงมังกร!”
...
การปลุกขวัญของโหลวหลานนั้นชางสรางสรรคและเดือดพลานอยูเสมอ
ชางเปนคูที่แปลกประหลาดของตุกตาทรายและเจานาย เจานายนั้นทำตัวเหมือน
ตุกตาทรายยิ่งกวาตุกตาทรายของตัวเองเสียอีก ในขณะที่ตุกตาทรายของเขากลับทำ
ตัวเหมือนมนุษยยิ่งกวาเจานาย
เจาอวนยอมเห็นดวยกับความคิดนี้อยางแนนอน หลังจากวิ่งครบสองรอยรอบ
เขาก็ทรุดลงกับพื้น หยาดเหงื่อเริ่มกลายสภาพเปนแองน้ำเล็กๆ ใตรางของเขา เขา
หอบหายใจอยางหนักหนวง ลำคอแหงผากราวจะพนไฟออกมาไดทุกเมื่อ สมองของ
เขาวางเปลาซึ่งเปนสัญญาณบงบอกวารางกายของเขาไดมาถึงขีดจำกัดแลว
โหลวหลานนำน้ำมาถังหนึ่งและหลอดดูดน้ำกำหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
อยางไรที่มา จากนั้นเขาก็จุมปลายขางหนึ่งของหลอดดูดน้ำลงในถังน้ำ และอีกดาน
หนึ่งใสเขาไปในปากของเจาอวน
“เจาอวนเกงมาก! พักผอนกอนโหลวหลานก็ตองเริ่มทำงานแลว”
โหลวหลานไดพบสูตรผสมพริกที่ทำใหมดโลหิตเกลียดมากที่สุดไดแลว สำหรับ
ตุกตาทรายที่มีความรูกวางขวางในดานการทำอาหารและการแพทย ตราบใดที่เขารู
วาจะตองมองหาอะไร เขาก็จะสามารถคนหาสูตรที่เหมาะสมที่สุดออกมาไดอยาง
แมนยำจนนาเหลือเชื่อ
การตอสูจะเริ่มหลังพระอาทิตยขึ้น โหลวหลานตองทำสวนผสมพริกใหมากพอ
เขาตองขยันใหมากเพื่อชวยเหลืออายฮุย!
โหลวหลานยกกำปนนอยๆ ขึ้นมาอยางมุงมั่น
อึก อึก ระดับน้ำในถังลดลงอยางรวดเร็วจนมองเห็นไดชัดเจน
เจาอวนสามารถหายใจไดในที่สุด เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง เกือบจะเริ่มบน
ออกมาแลวแตเมื่อเห็นอายฮุยกวัดแกวงกระบี่ดวยสีหนาตายดานไรอารมณ เขาก็หุบ
ปากลงอยางรวดเร็ว
ไมมีใครเขาใจความเหี้ยมโหดของอายฮุยไดดีไปกวาเจาอวน สวนที่นากลัวที่สดุ
ของอายฮุยก็คือความเหี้ยมโหด แมกระทั่งกับตนเอง เขาก็เหี้ยมโหดทรมานและ
ลงโทษตัวเองซ้ำแลวซ้ำเลา ความเขมขนในการฝกของอายฮุยนั้นเกินจะบรรยาย
คนที่โหดรายแมแตกับตัวเอง จะโหดเหี้ยมกับผูอื่นไดมากถึงเพียงใดกัน
ทางที่ดีอยาไดไปลวงเกินอายฮุย!
นี่คือขอสรุปที่เจาอวนไดมาจากการที่ติดตามอายฮุยมานานหลายป ดังนั้นเจา
อวนทำไดเพียงกัดฟนทนรับการฝกฝนใดก็ตามที่อายฮุยตองการใหเขาทำ นั่นก็เพราะ
รูดีวาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการฝกฝนที่อายฮุยสั่งนั้นดีกวาความเจ็บปวดที่เกิด
จากการทุบตีข องอายฮุยหากเขาไม ย อมฝ ก คนผู  น ี ้ ไม มี ท างเห็ น ใจเจ าอ วนอยาง
แนนอน
ทันใดนั้นจมูกของเขาก็กระดิก
ชางเปนกลิ่นหอมที่ยั่วยวน....กลิ่นนี้ชางคุนเคย แตบอกไมถูกวาเปนกลิ่นอะไร...
เจาอวนกระโดดขึ้นจากพื้นและตามกลิ่นนั้นไป
ปง
เขาตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นในฉับหลัน หลังจากนั้นก็มีเสียงดังปงขึ้นอีก
โหลวหลานทำพิกลอะไรอยู
เขาเต็มไปดวยความสงสัยใครรู เมื่อเดินเขาใกลก็เห็นโหลวหลานกำลังเผาลูก
หวายสีเขียวขนาดเทากำปนอยู
ปง ลูกหวายที่มีหนามแหลมพลันระเบิดออก ตามมาดวยเปลวเพลิงสีแดงสด เมฆ
ฝุนที่สองประกายระยิบระยับสีแดงกระจายตัวออกมา
กลิ่นนี้มาจากแปงที่สองประกายระยิบระยับ
“โหลวหลาน เจากำลังทำอะไรอยู” เจาอวนกลืนน้ำลายอยางชวยไมได
“กลั่นสวนประกอบของผงพริกกับน้ำมันพริกเพลิง” โหลวหลานตอบโดยไมมอง
หนาขึ้น
มือของเขาเคลื่อนไหวไมหยุด เขาเปดลูกหวายมีหนามออก ใสพริกเขาไป ปดไว
และจุดไฟ
ปง! ลูกหวายมีหนามระเบิดออก และเมฆฝุนทอประกายแสงระยิบระยับสีแดงก็
กระจายไปในอากาศพรอมกับเปลวเพลิงสวางจา และรวงลงไปในปลองไมไผสีมวง
“โหลวหลานใสพริกลงในหญากระชับแกนกลวงแลวจุดไฟ พลังธาตุไมจากหญา
กระชับแกนกลวงจะซึมเขาไปในพริก ธาตุไมหนุนสงธาตุไฟ พลังธาตุไฟในพริกจะถูก
กระตุนขึ้น และแรงระเบิดจะทำใหพริกกลายเปนผง จากนั้นเราสามารถเก็บเกี่ยว
น้ำมันพริกไดเล็กนอย เจาอวน ดูไฟสีแดงสดนี่สิ นั่นคือน้ำมันพริกเพลิง ที่โหลวหลาน
จะเก็บเกี่ยวมันดวยปลองไมไผเพลิงสีมวง ปลองไมไผเพลิงสีมวงมีพลังธาตุไฟและพลัง
ธาตุไมอยูตามธรรมชาติ มันไมเพียงแตสามารถบรรจุน้ำมันพริกเพลิงเอาไวได แตยัง
ทำใหเกิดการมึนเมาไดดวย นาเสียดายที่เราไมมีเวลา...”
มืออวนทวมยื่นออกไปอยางเงียบงันราวกับอุงเทาแมว และควาปลองไมไผสีมวง
โหลวหลานตะลึงเมื่อเขาหันกลับมา
เจาอวนดื่มของเหลวภายในปลอ งไม ไผ เมื่อน้ำมันพริก เพลิ งที่ ส งกระกายไฟ
ออกมาหยดสุดทายไหลเขาไปในปากของเขา เขาก็วางปลองไมไผลงอยางไมยินยอม
พรอมใจและกลาวประโยคประจำตัวออกมา
“ขออีกชาม”
บทที่ 195 น้ำแกงเสริมพลังธาตุไฟ
ขออีกชาม
โหลวหลานตกตะลึง เจาอวนก็ตะลึงเชนกัน
เดี๋ยกอน...นี่ขาดื่มอะไรลงไป...น้ำมันพริกเพลิง? น้ำมัน! พริก! เพลิง!
เจาอวนเบิกตากวางในทันใด สีแดงจาไลขึ้นมาตามลำคอของเขาอยางเห็นไดชัด
นิ้วมือของเขางองุมโดยไมตั้งใจ แตก็ควาอะไรไมไดนอกจากอากาศที่วางเปลา ราวกับ
คนที่กำลังจมน้ำ ตะเกียกตะกายเพื่อเอาชีวิตรอด
เขามองไปทางโหลวหลานดวยสีหนาทุกขทรมาน เพราะเขารูสึกเหมือนมีลาวา
ไหลยอนขึ้นมาจากลำคอของเขา ทำใหเขาตองสงเสียงรอ งที่ฟ งไมชัดเจนออกมา
“โหรวหราน...”
“เจาอวน รอเดี๋ยว!” โหลวหลานตะโกนกอนที่จะหันหลังวิ่งไปยังหองของเขา
เจาอวนนั่งอยูตามลำพังบนพื้นทำหนาเหมือนจะรองไห แตไมมีน้ำตาไหลออกมา
จากดวงตาคูนั้น เขาเพิ่งรูวาตัวเองโงเงาเพียงใด ทุกวินาทีที่ผานคือความทรมาน
สำหรับเขา พื้นหินใตกนของเขาแทนที่จะเย็นเยียบเชนปกติกลับกลายเปนรอนผาว
ราวกับปลองภูเขาไฟ รางกายของเขากำลังเผาไหม อันที่จริงแลวเขากำลังรูสึกเหมือน
ตัวเองเปนหมูหัน ทั่วทั้งรางปกคลุมดวยเปลวไฟ
เจาอวนไมเคยคาดคิดเลยวาจะมีวันที่ไดเห็นเปลวเพลิงเผาไหมอยูใตผิวหนังของ
ตัวเอง
แตเขาไดเห็นมันแลวในตอนนี้
เปลวเพลิงไดแทรกซึมออกมาตามรูขุมขนของเขา ดูราวกับมีงูเพลิงสีแดงสดเลื้อย
ไปมาตามผิวหนัง
เจาอวนถอดชุดเกราะออกอยางวองไว เสื้อที่เขาสวมอยูไดลุกไหมเรียบรอยแลว
ของเหลวใสที่แผไอเย็นเยียบชามหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหนาของเขา
ในตอนนี้เจาอวนรูสึกซาบซึ้งในตัวโหลวหลาน โหลวหลานชางเปนตุกตาทรายที่
นารัก เขาชางพึงพาไดในยามคับขัน เจาอวนไมแมแตจะกลาวขอบคุณโหลวหลาน
กอนควาชามมากระดกของเหลวในนั้นลงไป
ความเย็นเยียบไหลซึมไปทั่วรางกาย!
เจาอวนรูสึกไดวาอุณหภูมิที่ผิวหนังของเขาลดลงเกือบจะทันที เขาหรี่ตาลง รูสึก
โลงอกจนอยากจะรองครางออกมา ทวาเขาพลันรูสึกวาสายตาของเขานั้นสวางจากวา
ปกติ เอ อะไรเรืองแสงอยูนั่น
เขาเบิกตากวางใบหนาคางแข็ง
วูบ วูบ วูบ!
งูเพลิงที่เลื้อยอยูบนผิวหนังของเขาพลันกลายเปนเพลิงนรกอันโชติชวง มันแผพุง
ออกจากผิวหนังของเขาราวกับกองไฟในเตาที่ถูกเติมเชื้อไฟ ความรอนอันรุนแรงที่แผ
พุงทำใหเสื้อผาของเขามอดไหมสลายหายไปกับควัน
ความรูสึกเย็นเยียบที่ทำใหผอนคลายหายไปสิ้น เขารูสึกราวกับมีภูเขาไฟที่กำลัง
จะระเบิดอยูภายในกาย
เจาอวนสูดหายใจดวยความหวังเฮือกสุดทาย และถามดวยเสียงอันสั่นเทา
“นั่น...นั่นไมใชน้ำหรอกหรือ”
“เปลา” โหลวหลานสายหนา และตอบดวยน้ำเสียงจริงจัง “นั่นคือน้ำแกงเสริม
ธาตุไฟที่โหลวหลานปรุงขึ้นใหเจาอวนเปนพิเศษ พลังธาตุไฟในน้ำมันพริกเพลิงนั้นสูง
กวาน้ำแกงมังกร ยิ่งไปกวานั้นความสามารถในการแทรกซึมของมันก็สูงกวาน้ำแกง
มังกร มันไมเพียงแคสามารถแทรกซึมผานผิวหนังไดเทานั้น แตยังแทรกซึมเขาไปใน
สวนที่ลึกที่สุดในรางกายไดอีกดวย ดังนั้นน้ำมันพริกเพลิงจึงถูกมองวาเปนตัวเสริม
พลังธาตุไฟชั้นยอดเสมอมา นับเปนของวิเศษของผูใชพลังธาตุไฟ...”
ตูม!
เปลวเพลิงบนรางของเจาอวนทวีความรุนแรงขึ้นอยางมหาศาลและกลายเปน
ลูกไฟขนาดยัก สมองของเขาวางเปลา
“มีคนไมกี่คนเทานั้นที่กลาดื่มน้ำมันพริกเพลิงเขาไปตรงๆ ความเขมขนของพลัง
ธาตุไฟในน้ำมันพริกเพลิงที่ถูกกลั่นออกมานั้นมีมากกวาพริกธรรมดาถึงยี่สิบสองเทา
หลังจากถูกกระตุนดวยหญากระชับจะเพิ่มระดับเปนยี่สิบหาเทา เจาอวน เจาชางกลา
หาญจริงๆ ไมแปลกเลยที่เจาสามารถดื่มน้ำแกงมังกรทั้งหมอไดในคราวเดียว แนนอน
ในเมื่อเจาสามารถดื่มน้ำมันพริกเพลิงได น้ำแกงมังกรก็เปนแคของกินเลนเทานั้น
เพื่อทำใหมั่นใจวาเจาสามารถดูดซับพลังธาตุไฟจากน้ำมันไดอยางมีประสิทธิภาพ
โหลวหลานไดจ ัดเตรีย มน้ำ แกงเสริ มพลั งธาตุ ไฟไว เป น พิ เศษ มั น ถู ก ปรุ งขึ ้ นจาก
สมุนไพรสิบเจ็ดชนิด สวนผสมตองมีสัดสวนถูกตองแมนยำและสมบูรณแบบเทานั้นจึง
จะตมน้ำแกงเสริมพลังธาตุไฟที่ใสและเย็นดุจน้ำแข็งเชนนี้ออกมาไดถึงแมวาระดับของ
น้ำแกงจะถูกจำกัดดวยคุณภาพของวัตถุดิบและมีประสิทธิภาพเพียงแคเจ็ดสิบ สอง
สวนจากรอยสวนเทานั้น....”
ตูม!
บางอยางดูเหมือนจะระเบิดอยูภายในลูกไฟนั้นสงผลใหเปลวไฟเขมขึ้นกวาเดิม
ขนาดของลูกไฟก็ขยายขึ้นเปนสองเทา
ดวงตาของโหลวหลานกะพริบถี่ยิบและกลาวตอ “แกนทรายเริ่มการบันทึก การ
วิจัยน้ำมันพริกเพลิงฉากที่หนึ่ง หนึ่งนาทีสี่สิบหกวินาทีนับจากดื่มน้ำแกงเสริมพลังธาตุ
ไฟเขาไป พลังธาตุไฟจากน้ำมันพริกเพลิงและพลังธาตุไฟในรางกายของเจาอวนได
ผสานรวมกันอยางกลมกลืนสมบูรณแบบ! อุณหภูมิของเปลวไฟเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระดับ
ความบริสุทธิ์ของเปลวไฟก็สูงมาก มีการเผาไหมอยูเปนเวลาสามสิบสี่วินาที พลังธาตุ
ไฟเริ่มเสถียร เสถียร...เสถียร...โอ โหลวหลานเกือบลืมงานที่อายฮุยมอบหมายใหทำ
โหลวหลานตองไปเตรียมสวนผสมพริกตอแลว เจาอวน โชคดีนะ!”
โหลวหลานกลับมาอยางวองไวและเริ่มการเตรียมสวนผสมพริกตอไป น้ำมันพริก
เพลิงที่เขาเพิ่งสกัดไดถูกเจาอวนกินไปแลว นั่นหมายถึงเขาตองเริ่มใหมตั้งแตตน เวลา
มีจำกัดมากเขาตองเรงมือใหไวขึ้นเพื่อไมใหแผนการของอายฮุยลาชา
“เปนกระแสการกระเพื่อมของพลังธาตุไฟที่ทรงพลังยิ่งนัก!”
“โอสวรรค! เกิดอะไรขึ้นในนั้นกัน ทำไมถึงเกิดความผันผวนของพลังธาตุไฟที่นา
หวาดหวั่นถึงเพียงนี้ภายในนั้น”
“ขาเพิ่งเห็นเจาอวนเขาไป”
“เจาอวนเปนธาตุไฟหรือ เขาไมใชพลโลหรอกหรือ พลโลธาตุไฟ?”
“เขาเปนธาตุไฟอยางแนนอน เจาลืมหมอเพลิงของเขาแลวหรือไง”
...
ราวกับวาตวนมูหวงฮุนมองทะลุกำแพงเขาไปได เขาสั่นสะเทือนไปถึงไขสันหลัง
ชางเปนกระแสคลื่นพลังธาตุไฟที่ทรงพลังขนาดที่ไมนาจะแผออกมาจากนักเรียนใน
สนามเหนี่ยวนำได
เจาอวน...
เขาไมเคยมองดูเจาอวนอยางจริงจังมากอน ในความทรงจำของเขา เจาอวนก็
ไมใชอะไรมากไปกวาสัตวตัวอวนน้ำหนักเกินพิกัดที่พนไฟออกมาตลอดคืน ไมมีอะไร
ในตัวเจาอวนที่ทำใหเขาประทับใจอยางลึกซึ้งได
อยางไรก็ตาม การแสดงออกถึงพลังธาตุไฟที่ทรงพลังขนาดนี้ยอมเพียงพอที่จะ
แสดงวาเจาอวนไมใชคนที่จะสามารถดูถูกได
ตวนมูหวงฮุนมองไปทางอายฮุย เพื่อนของไอหมอนี่มีแตพวกไมธรรมดา
แลวอยางไรตวนมูหวงฮุนก็ยังคงดีที่สุด!
ตวนมูหวงฮุนกลั้วหัวเราะสั้นหวนทีหนึ่งดวยสีหนาภาคภูมิใจแลวถอนสายตา
ออกมา เขาไมมีเวลามาสนใจเรื่องเล็กนอยพวกนี้ เขาตองไมเสียสมาธิไปกับเรื ่องไร
สาระ เขาเชื่อมั่นวาตัวเองเปนผูมีพรสวรรคที่จะกลายเปนยอดปรมาจารยในอนาคต
ไมวาผูอื่นจะทำอะไรก็ไมเกี่ยวอะไรกับเขา
มีเพียงคนเดียวเทานั้นที่มีคาพอใหตวนมูหวงฮุนเสียเวลามาสำรวจ
ตวนมูหวงฮุนหันสายตาที่เต็มไปดวยความคิดตอสูแขงขันไปทางอายฮุย ผูกำลัง
ฝกกระบี่อยูกอนที่จะพนลมออกมาอยางเย็นเยียบ
เขาถอนสายตาจากมาและฝก [บุบผาเขียวขจี] ตอไป ดวยถูกมองวาเปนผู  มี
พรสวรรคของตระกูลตวนมู เขาจึงเริ่มฝก [บุบผาเขียวขจี] ดวยอายุที่นอยกวาคนอื่น
มันเหมือนกับวาเขาเกิดมาเพื่อวิชาลับขั้นสูงที่ซับซอนและลึกลับนี้
จากลวดลายเถาวัลยข ั้นตนจนมาถึ งลวดลายดอกบั วและเมฆที ่ พั ฒนาขึ ้นมา
ในตอนนี้ เขานับวากาวหนาอยางรวดเร็วมาก
เวลาผานไปอยางเงียบงัน
…...
เกือ บทั่วทั้งสองขางของถนนถู กถลมราบเปน หน ากลองเหลือ ไวเพี ยงรานคา
ประมาณสิบแหงเทานั้น การตอตานของมดโลหิตนั้นรุนแรงอยางมาก ทุกหนวยที่บุก
เขาไปเหลือเพียงครึ่งเดียวที่รอดชีวิตกลับมาได
ผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกสำรวจดูถนนคลื่นเสียงนั้นดูเหมือนจะเสีย
สมาธิเล็กนอย นี่เปนการศึกที่ดุเดือดเลือดพลานมากที่สุดเทาที่เขาเคยประสบพบเจอ
มาในชีวิต มันเหมือนเขาไดเดินทางผานนรกมาอยางไรอยางนั้น
เขาไมอาจจำไดแนชัดวามีนักเรียนจำนวนเทาใดที่เสียชีวิตไปบนถนนคลื่น เสียง
หากเปนชวงเวลาอื่น อูสิงเทียนยอมไมปลอยใหมีการสงนักเรียนจำนวนมากขนาดนี้ไป
ในสนามรบ
กระนั้นก็ตามไมมีใครสามารถหลบหนีจากภัยพิบัตินี้ได ไมมีใครสามารถชวยพวก
นักเรียนไดนอกจากตัวพวกเขาเอง
สิ่งเดียวที่ทำใหเขามีความหวังและกำลังใจก็คือสถานการณนั้นกำลังดีขึ้น
ไมมีใครมีทาทีปลอยตัวปลอยใจตามยถากรรมอีกตอไป เพราะผูออนแอจะตอง
ลมตายในการศึก เมื่อ เทีย บกับ ความไม เปน ระเบีย บและความออ นแอของพวก
นักเรียนในการศึกที่ผานมา ผลงานของพวกนักเรียนในวันนี้พัฒนาขึ้นมาก
“พวกเจ า ไดย ิ นหรื อ ไม! แต ม สวรรค ห นึ ่ ง ร อ ยแตม ! ทุ ก คนในกลุ ม นั ก เรี ย น
หมายเลขหนึ่งไดรางวัลเปนแตมสวรรคหนึ่งรอยแตม!”
“พวกสมาชิกหลักไดรางวัลเปนแตมสวรรคคนละสองรอยแตม!”
“โอสวรรค! สองรอยแตม!”
“ขาไมรูดวยซ้ำวาขาจะสามารถทำแตมสวรรคไดถึงหนึ่งรอยแตมในชีวิตของขาได
หรือไม”
“เหอะๆ เจาคิดจะเปลี่ยนคำพูดหนอยไหม เจาสามารถทำแตมสวรรคสักแตมได
หรือไมในชีวิตของเจา”
...
ผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกหัวเราะออกมา เขาตองยอมรับวาการกระทำ
ของเจาเมืองนั้นชาญฉลาดเปนอยางมาก ใชกฎอัยการศึกที่เลือดเย็นและเขมงวดกอน
จากนั้นก็ตามมาดวยรางวัลที่มากมาย แมแตผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกยัง
รูสึกอิจฉาแตมสวรรคหนึ่งรอยแตมนั่น
ชางเปนรางวัลที่มากมายมหาศาล
มันชางยากเย็นแสนเข็นในการไดมาซึ่งแตมสวรรค ซึ่งนั่นทำใหมันมีคามหาศาล
หลังจากเกษียณ หวังเจินไมไดกลายมาเปนเจาเมืองเพราะเคยเปนทหารผานศึกที่
มีเสนสาย อันที่จริงแลวเขาสะสมแตมสวรรคไดหารอยแตมทำใหเขามีคุณสมบัติมาก
พอที่จะเปนผูสมัครเปนเจาเมือง ขั้นตอนการเลือกสรรผูที่จะรับตำแหนงสำคัญในอูสิง
เทียนนั้น แตมสวรรคมีสวนสำคัญอยางมาก มีเพียงผูที่มีแตมสวรรคเพียงพอเทานั้นจึง
จะไดรับเลือก
แตมสวรรคหนึ่งรอยแตมนั้นมีคามากพอใหใครบางคนยอมเสี่ยงชีวิต ผูคนสวน
ใหญไมมีโอกาสไดสะสมแตมสวรรคมากมายถึงเพียงนี้ตอใหใชเวลาทั้งชีวิต
ไมเพียงแคพวกนักเรียนที่มีกำลังใจ แมแตพวกผูสูงอายุในเมืองก็ยังถูกจูงใจใน
รางวัลนี้และอาสาเขารวมการศึก
แตมสวรรคนั้นสามารถมอบโอกาสในการรับการรักษาจากหมอเทวดาของอูสิงเทียน
หรือสงลูกหลานเขาเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดซึ่งชวยใหพวกเขามีโอกาสในชีวิตมากขึ้น
พวกเขาไดลืมเลือนความนากลัวของพวกมดโลหิตไปสิ้น
หากมีใครเสียชีวิตในสนามรบ ครอบครัวจะสามารถเรียกรองแตมสวรรคได
“พวกเขามาแลว! พวกเขามาแลว!”
“นั่นกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่ง!”
“ชา งเปนชุดเกราะที่ป ระหลาดอะไรเช นนี ้ ช า งดู อ ั ปลัก ษณ และดูเหมือนกับ
เปลือกไม”
“เจารูหรือไม นั่นคือเกราะซงเจียนที่เพิ่งคิดคนขึ้น เจาไมมีทางไดเกราะนั่นมาตอ
ใหเจาตองการแคไหนก็ตาม! เจาเมืองมอบเกราะพวกนี้ใหพวกเขาเปนกลุมแรก”
“นี่ไมยุติธรรมไปหนอยหรือ”
“เขาดูกันที่ความสามารถ!”
...
เมื่อ อา ยฮุย กับ กลุมของเขาเดิ น มาบนถนนก็ ก ลายเป น จุ ดสนใจของทุ ก ผู คน
ในทันที ตั้งแตเมื่อไรกันที่พวกเขาถูกผูคนมองมาดวยสายตาเชนนี้ พวกเขารูสึกไม
สบายใจ
โชคยังดีที่มานควันจากหมวกเกราะของชุดเกราะซงเจียนปดบังใบหนาของพวก
เขาไว พวกคนที่มุงดูจึงไมอาจมองเห็นใบหนาของพวกเขาได
ผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกรอนลงมาจากฟา
อายฮุยเดินออกมาและคำนับ “กลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งรายงานตัวรับภารกิจ
พวกเราพรอมรับคำสั่งแลว!”
“ยังมีเวลาอีกยี่สิบนาทีกอนที่จะเริ่มการโจมตีระลอกตอไป ตอนนี้ใหพวกเจา
ทั้งหมดพักผอนกอน” ผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกตอบกลับอยางสุภาพ
ดวยมีแตมสวรรคหนึ่งรอยแตมในมือ ไมมีนักเรียนคนไหนอยากตาย หลังจากจบ
การศึกษาจากสนามเหนี่ยวนำ มีโอกาสมากมายรอพวกเขาอยู ไมวาจะเปนงานใดที่
พวกเขาตองการ พวกเขาก็กาวล้ำเหนือกวาคนอื่นในสนามแขงขันไปแลว
“รับทราบ” อายฮุยตอบรับอยางสุภาพ
“เอะ แลวเจายักษที่แบกหมอเพลิงใบใหญไวบนหลังไปไหนเสียเลา” ผูใชพลัง
ธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกถามขึ้นเมื่อไมเห็นเจาอวนอยูในกลุม รูปลักษณของเจาอวน
นั้นแตกตางกวาคนอื่นอยางเห็นไดชัด
“เขาเพิ่งทะลวงผานระดับพลังพื้นฐานและยังไมเสถียรดี ขาจึงไมไดนำเขามาดวย”
อายฮุยอธิบาย
การพนไฟนั้นอาจพิจารณาวาเปนการทะลวงผานได และขอเท็จจริงที่วาเขายัง
พนไฟไมเสร็จก็หมายถึงวาพลังของเขายังไมเสถียร
อายฮุยคิดกับตัวเองวาการที่เจาอวนไมสามารถมาไดนั้นกระทบตอการทำศึกของ
พวกเขาอยางมาก หนาที่ในการปกปองหวังเสี่ยวซานจึงกลายเปนของตวนมูหวงฮุนไป
ตวนมูหวงฮุนไมพอใจกับการตัดสินใจนี้ แตเขาก็ไมอาจทำอะไรไดเมื่ออายฮุยหุบ
ปากเขาลงดวยประโยคที่วา “ใครฆามดโลหิตไดมากกวาในการศึกครั้งกอน”
จำนวนมดโลหิตที่อายฮุยสังหารระหวางการศึ กครั ้งก อนนั ้น มากกวาจำนวน
ที่ตวนมูหวงฮุนสังหารไปมาก ดังนั้นจะใหคนที่มีพลังในการตอสูมากที่สุดไปทำหนาที่
องครักษไดอยางไร
สีหนาของตวนมูหวงฮุนนั้นขุนมัวและรางกายของเขาก็แผจิตสังหารออกมา เขาดู
เหมือนไมอยากใหมีใครเขาใกลเขา หวังเสียวซานที่ยืนอยูดานขางตวนมูหวงฮุนนั้น
หนาซีดเปนไกตม แตก็ไมกลายืนหางจากเขาเชนกัน
ในใดนั้นเอง เสียงกรีดรองโหยหวนก็ดังมาจากถนน
ผูใชพ ลังธาตุที่ทำหนา ที่ดูแ ลการศึ ก หั น หน าไปอย า งรวดเร็ ว สี ห น า ของเขา
เปลี่ยนไปอยางมาก “มดรอยโลหิต!”
เสนแสงสีแดงพุงเขาใสพวกเขาดวยความเร็วดุจสายฟา
บทที่ 196 มดรอยโลหิต
เงารา งสีแดงนั้นรวดเร็วอยางนาเหลือ เชื ่อ แต ป ฏิ กิริยาของอ ายฮุยก็ รวดเร็ว
เชนกัน เขาขยับกายไปดานขางอยางรวดเร็วและฟาดเพลิงสันหลังมังกรออกกอใหเกิด
เสนแสงเรืองในยามที่มันปะทะเขากับภาพเลือนสีแดงนั้น
เคลง!
อายฮุยสะดุงเหมือนถูกสายฟาฟาดใส กระแสพลังแรงรุนแรงไหลมาตามกระบี่
และเขารูสึกเสมือนวากำลังถือเหล็กที่ถูกเผาจนแดงรอนไวในมือ
อายฮุยสงเสียงครางเบาๆ ออกมา และกำดามกระบี่ไวแนนเมื่อรางของเขากระ
เด็ดถอยหลังอยาไมอาจควบคุมได
การฟาดกระบี่ของอายฮุยทำใหเงารางสีแดงนั้นชาลงอยางเห็นไดชัด ทำใหเขา
สามารถมองเห็นมันไดอยางชัดเจนเปนครั้งแรก
มันมีขนาดใหญพอๆ กับสุนัข ซึ่งใหญกวามดโลหิตทั่วไปมาก และกระดองสีแดงก็
ประดับไวดวยลวดลายสีดำที่ดูยุงเหยิงแตก็ลึกลับ
เมื่อเขามองเห็นลายเสนพวกนั้น สิ่งแรกที่อายฮุยรูสึกก็คืออันตราย เขาไมกลา
มองมันนานนัก ไมอยางนั้นคงเสี่ยงที่จะถูกมันดูดเอาความคิดและจิตวิญญาณไป!
ผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกตอบโตดวยเสียงคำรามอยางเกรี้ยวกราด เขา
ฟาดใสมดรอยโลหิตโดยใชสายธนูของเขาแทนดาบ สายธนูสั่นเล็กนอยและกลาย
สภาพเปนใบดาบบางเบาดวยภาพลวงตาอัน แพรวพราว รั ศมี พ ลั งที ่ แหลมคมแผ
ออกมาทั่วบริเวณราวกับวาดาบที่ไรใดเปรียบไดถูกชักออกมา
มีคนดานหลังรับรางของอายฮุยเอาไว คนผูนั้นคือซือเสวี่ยมั่น
“ทันทีที่พวกเขาตกลงสูพื้น อายฮุยก็ตะโกนออกมาอยางรอนรนวา” ทุกคนถอย
ออกมา!"
พวกนักเรียนทั่วไปไมอาจชวยเหลืออะไรไดในการตอสูระดับนี้ ในทางตรงกันขาม
พวกเขาจะถูกมดตัวนี้ใชประโยชนแทน พวกนักเรียนตางหวาดกลัวหนาซีดเผือดไป
แมแ ตอ า ยฮุย ยังถูก ซัดกระเด็นในการโจมตี เพี ย งครั ้ งเดี ย วของมดตั ว นี ้ เจ า สั ตว
ประหลาดนี่นาหวาดหวั่นถึงเพียงไหน
และเมื่อดาบบางเบานั้นกำลังจะฟาดถึง ลวดลายบนตั วของมดก็ สวางขึ ้นใน
ฉับพลัน ตูม! แสงสีแดงเลือดพรางพราวกรีดผานอากาศ
ผูใชพลังธาตุดูแลการศึกตกตะลึงงเมื่อเห็นวาดาบบางเบาของเขาจมลงไปในทะเล
โลหิตที่เหนียวขนดั่งโคลน พลังของมันลดลงอยางมาก
แสงสีแดงเลือดพุงตรงเขาสูคิ้วของเขา ประดุจคลื่นทะเลโลหิตที่เชี่ยวกรากและ
รุนแรงพรอมจะกลืนกินเขาในไมชา
ผูใชพลังธาตุดูแ ลการศึก สีห นา เปลี่ย นไปเล็ก นอย ประสบการณการตอสู  อั น
มากมายไดชวยชีวิตเขาเอาไว เขาคลายมือออกจากคับธนูและตบใสมัน และใชพลัง
นั้นสงตัวเองกระดอนไปดานหลัง
เขารับรูไดอยางไมชอบใจวามดรอยโลหิตนั้นรับมือไดยากยิ่งกวาที่เขาคาดคิด
เอาไวมากนัก เขาจะไมปลอยใหตนเองตกอยูในสถานการณที่เสียเปรียบแบบนั้นอีก
เขาไดประมาทศัตรูเกินไป!
ในตอนนั้นเอง เขาสังเกตเห็นดวงตาคูหนึ่งที่โหดเหี้ยมและชั่วรายจองมองมาที่เขา
ดวยแสงสีแดงเลือด
ฟด!
สีหนาของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเห็นวามดตัวนั้นกลายเปนเงาสีแดงพลาเลือน
ทวนขาวดุจหิมะพุงออกมาอยางเงียบงันจากดานหลังของเขา
เคลง!
เมฆายอมสวรรคแทงเขาใสมดตัวนั้น ซือเสวี่ยมั่นสงเสียงครางเบาๆ แตนางก็
เตรียมตัวมาดีและสลายพลังสวนใหญออกไปดวยการหมุนทวน นางกาวไปขางหนาไม
ยอมลาถอย แทงใสมดรอยโลหิตดวยเพลงทวนที่หมุนเปลี่ยนอยางรวดเร็วปลายทวน
สงเสียงคำรามอันทรงพลังออกมา
หลังจากรับรางของอายฮุยไวแลว นางก็รับรูไดถึงพลังที่แข็งแกรงซึ่งขัดกับรูปราง
ที่เล็กของตัวมด นางตกใจที่เห็นอายฮุยเสียเปรียบในการปะทะดวยพลังซึ่งหนา
มดโลหิตโจมตีกลับ และเงาสะทอนสามเงาพลันปรากฏขึ ้นกลางอากาศ การ
เปลี่ยนแปลงนี้เกิดเร็วเกินวาที่ซือเสวี่ยมั่นจะมีเวลาใหคิด นางใชทวนเมฆายอมสวรรค
แทงเขาใสหนึ่งในเงาสะทอนนั้น
เมื่อสัมผัสไดถึงความวางเปลาที่ปลายทวน ซือเสวี่ยมั่นก็รูวานางโดนหลอกแลว
รางสีแดงที่เปลงประกายสีเลือดก็มาถึงตรงหนาของซือเสวี่ยมั่นดวยความแมนยำ
ราวกับลูกศรพรอมกับปากสีแดงดำที่ดูเหมือนกับกรรไกรเปอนเลือด
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกเหมือนเลือดในกายแข็งตัว นางมั่นใจวาปากที่ดูเหมือนกรรไกร
นั้นสามารถตัดคอเรียวงามของนางไดอยางงายดาย
ในตอนนั้นเอง แสงวาบราวกับดาวตกก็พุงผานลำคอของนางและทิ่มเขาใสปาก
นั้นอยางแมนย่ำ
[แสงหมอก]!
ดวยเสียงดังปานฟาผาที่ฟงเหมือนเสียงการปะทะของดาบและทวน มดรอยโลหิต
สั่นสะทานและกระดอนไปดานหลัง
อายฮุยควาคันธนูยาวออกมาแลวโยนใหกับผูใชพลังธาตุดูแลการศึก
ซือเสวี่ยมั่นกลับลงสูพื้น หัวใจยังเตนระรัวดวยความกลัว นางสัมผัสไดวาชั่วขณะ
นั้นนางใกลกับความตายมากเพียงใด มือที่ถือทวนเอาไวสั่นเทาไมยอมหยุด
“ตื่นจากฝนไดแลว!” เสียงตะโกนของอายฮุยดึงซือเสวี่ยมั่นกลับสูความเปนจริง
ใบหนาของนางเปลี่ยนเปนสีแดง
ทันใดนั้น เสียงดีดสายธนูก็ดังขึ้นจากดานหลังอยางตอเนื่อง
มันมาจากธนูหนักของเจียงเหวยและ [วิชาผสานศร] ของซังจื่อจวิน และที่ทรง
พลังที่สุดดังมาจากธนูยาวของผูใชพลังธาตุดูแลการศึก เขาเกือบตายแลวกอนหนานี้
และนี่คือการลางแคนอยางเกรี้ยวกราดของเขา เขาปลอยสายธนูชากวาสองคนนั้น
เล็กนอย พุงตรงเขาไปหามดที่สูญเสียการควบคุมรางกายตัวนั้น
สายธนูสงเสียงปานอสนีบาตเมื่อพลังธาตุของเขาถายกระแสอันอยางทรงพลัง
และระเบิดออกมา
ทั่วทั้งถนนคลื่นเสียงถูกอาบไวดวยแสงสีเงิน
ในตอนนี้ไรซึ่งเสียงอันใดใหไดยิน ศรขอบฟา ที่แมจะถูกยิงในภายหลังกลับพุงถึง
เปาหมายเปนอันดับแรก
แสงสีแดงเลือดของมดตัวนั้นระเบิดขึ้นอีกครั้ง
ศรขอบฟาสะดุดเล็กนอยแตแสงสีแดงเลือดถูกกรีดออก ไมอาจตานทานความ
แหลมคมของแสงสีเงินเอาไวได ในตอนที่มดตัวนั้นกำลั งจะถูกทิ ่มแทงดวยลู ก ศร
นั่นเอง สิ่งที่นาตื่นตะหนกก็เกิดขึ้น
มดรอยโลหิตหมุนตัวในอากาศพลันปลอยกระแสอากาศสีแดงหลายสายออกมา
จากทองที่ปองของมัน
มันเปลี่ยนทิศทางและหลบพนศรขอบฟาไปไดอยางฉิวเฉียด
กระแสอากาศยังคงพวยพุงออกมาจากรูขุมขนของมัน ทำใหมันสามารถหลบพน
ไดอยางประหลาด ราวกับหุนเชิดถูกกระตุกสาย
ลูกศรของซังจื่อจวินและเจียงเหวยก็พลาดเชนกัน
ทุกคนตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในตอนนี้นี่เองที่ทุกคนสังเกตเห็นรู
ขุมขนบนทองของมดตัวนั้นที่กำลังพนอากาศสีแดงออกมา
ฟู! ฟู! ฟู!
ดวยการพนลมออกมาทำใหมดตัวนั้นก็กลับคืนสูสมดุลและลงสูพื้นอยางมั่นคง
ดวงตาที่ไรอารมณความรูสึกจองมองไปที่รางทั้งหลายเบื้องหนา มันรับรูวาพวก
เขานั้นรับมือไดยากกวาพวกเหยื่อรายอื่นๆ กอนหนานี้
ถนนคลื่นเสียงกลายเปนเงียบเปนเปาสาก
พวกเขายังคงตะลึงงันกับความสามารถในการตอสูของมดรอยโลหิต กระบวนทา
สังหารถูกใชอยางรวดเร็วจนนักเรียนบางคนยังไมอาจเขาใจไดดวยซ้ำวาเกิดอะไรขึ้น
รวดเร็วเกินไป!
มดตัวนั้นมองหนาอายฮุยและคนอื่นๆ กอนจะลาถอยอยางชาๆ
ผูใชพลังธาตุดูแลการศึกยังคงติดอยูกับความตกตะลึง ไมไดออกคำสั่งใหติดตาม
หรือโจมตี เขามั่นใจวาจะเอาชนะไดดวยการโจมตีครั้งสุดทายของเขา แตเจามดนั่น
กลับสามารถหลบหนีไปไดอยางงายดาย ซึ่งเขายังไมอาจที่จะทำใจเชื่อได ทามกลาง
ความรูสึกหวาดกลัวจับใจ เขาไมรูจะทำอยางไรตอไปดี
อายฮุยมองไปที่เจามดตัวนั้นเขม็ง
เมื่อมดรอยโลหิตเริ่มลาถอย ประกายแสดงแปลกๆ ฉายวาบขึ้นบนดวงตาของเขา
ดวยประสบการณในการตอสูกับอสูรและสัตวปาในแดนรางทำใหเขารูรูปแบบของ
พวกมันดี จากการลาถอยของมดตัวนี้ เขาเดาวามันกำลังเหนื่อย
เขามั่นใจในการคาดเดาของตัวเองมากขึ้น เมื่อเขาเห็นวาลวดลายบนกระดองของ
มันนั้นหมนมัวลง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ
“เตรียมพรอม!” อายฮุยพูดอยางสุขุม
ทุกคนตางประหลาดใจและมองมาทางอายฮุยอยางอดไมได อายฮุยกลาวตอโดย
ไมหวั่นไหวกับสายตาพวกนั้น “ขาจะเดินนำไปพรอมกับซือเสวี่ยมั่น ตวนมูหวงฮุน
และโหลวหลาน ตามหลังพวกเราไปสิบกาว ซังจื่อจวินกับเจียงเหวยทิ้งระยะหางจาก
พวกเราหาสิบกาว ซังจื่อจวินเตรียมธนูขนกระตายใหพรอมไว โหลวหลานเตรียม
สวนผสมพริก”
ซือเสวี่ยมั่นมายืนขางกายอายฮุยโดยไมลังเลกอนสบสายตากับเขา
“ที่เราตองทำคือตั้งรับและพัวพันมันเอาไว” อายฮุยกลาวดวยเสียงเบา
“ไมมีปญหา” ซือเสวี่ยมั่นพยักหนา
พวกเขาเคลื่อนตัวเขาหามดรอยโลหิตอยางชาๆ ทวามั่นคง
เจามดนั่นไมคาดคิดวาพวกเขาจะกลาตามมา และกลายเปนเกรี้ยวกราดในทันที
มันกระพือปกที่เปนพังผืดสงเสียงอันหยาบกระดางระคายหูออกมา
อายฮุยหัวเราะ “มันเหนื่อยแลว”
ซือเสวี่ยมั่นไมรูวาอายฮุยรูไดอยางไร แตไมมีความสงสัยใดๆ ในใจของนาง นาง
จับเมฆายอมสวรรคเอาไวแนนกาวยางไปอยางมั่นคง
โหลวหลานกลายรางเปนรถฉีดน้ำที่มีสายยาวชี้ตรงไปยังมดตัวนั้น
การแปลงกายของโหลวหลานทำใหเกิดเสียงอุทานออกมา
การแปลงกายนั้นเปนทักษะที่เปนประโยชนและพบไดทั่วไปของตุกตาทราย แต
โดยปกติแลว มันจะแปลงเปนสิงโต เสือ หรือไมก็กับดักเสียสวนมาก
การไดเห็นโหลวหลานเปลี่ยนรางเปนรถฉีดน้ำนั้น...
ผูใชพลังธาตุดินนิสัยประหลาดคนไหนกันที่สรางเขาขึ้นมา
การเดินอยูขางรถฉีดน้ำทำใหตวนมูหวงฮุนรูสึกลำบากใจเล็กนอย ทำไมอายฮุยถึง
ไดมีตุกตาทรายที่ประหลาดเชนนี้
เขาหรี่ตาลง แมวาเขาจะไมไดรวมในการปะทะกับมดรอยโลหิต แตเขาก็พบวิธีที่
จะรับมือกับมัน ในภายนอกเขาดูเหมือนจะเดินไปอยางสงบและเกียจคราน แตเขา
กลับซอนกิ่งไมเรียวเล็กสีเขียวไวที่นิ้วของเขา หมุนควงอยางคลองแคลวราวกับงูเขียว
ตัวนอย
มดตัวนั้นกระสับกระสายมากขึ้นเมื่อเห็นโหลวหลานกับตวนมูหวงฮุนรวมเขามา
เมื่อเจียงเหวยกับซังจื่อจวินเริ่มตามมาเชนกัน เจามดนั้นก็สงบลงและถอยหนีตอไป
ไดเห็นดังนั้นผูใชพลังธาตุที่ทำหนาที่ดูแลการศึกรูสึกอับอายในตัวเอง แมแต
นักเรียนที่ยังไมจบการศึกษาจากสนามเหนี่ยวนำยังทำไดดีกวาเขา
หลังจากใชชีวิตอยางเกียจครานมาหลายป ความกลาหาญของเขาก็ลดทอนลงไปมาก
เขาหายใจลึก เติมเต็มรางกายดวยพลังธาตุที่กระจายอยูในอากาศ รอบขางธนูใน
มือของเขาพลังสองประกายดวยแสงเรือง แสงสีเงินแวววาวเปลี่ยนธนูธรรมดาให
กลายของวิเศษล้ำคานาประทับใจ
มดรอยโลหิตหยุดการลาถอยของมัน มันสัมผัสไดถึงอันตรายที่กลายเปนเปาของ
คนพวกนี้ และรับรูไดโดยสัญชาตญาณวาหากมันลาถอยตอไปมันอาจเปนอันตรายถึง
ชีวิต
ผมและเคราของผูใชพลังธาตุสั่นไหวเมื่อเขาดึงสายธนูไปดานหลังชาๆ แสงสีเงินคอยๆ
กอตัวขึ้นเปนลูกศรบนสายธนูนั้น และรัศมีพลังอันโออาของเขาก็ยิ่งเดนชัดยิ่งขึ้น
มดรอยโลหิตบนพื้นสัมผัสถึงอันตรายที่มันกำลังเผชิญอยู ลวดลายสีดำของมันสองแสง
อีกครั้งดวยแสงสีแดงที่หอมลอมตัวมันเอาไว ทำใหคนอื่นไมอาจมองเห็นรางกายของ
มันไดอีกตอไป เหลือไวเพียงดวงตาที่ ไรอารมณ ความรู สึก คูหนึ่ งที่ ดู ราวกับว า จะ
สามารถเจาะทะลุเขาไปในความหวาดกลัวและขลาดเขลาที่อยูลึกที่สุดในใจของคนได
แสงสีแดงกัดกรอนพื้นดินดานลางของมด ทำใหทลายกลายเปนหลุมในเวลาไม
นาน มดรอยโลหิตยังคงลอยตัวอยูดานบน
ซือเสวี่ยมั่นมองขึ้นไปอยางชวยไมได แตอายฮุยยังคงไมเคลื่อนไหวและมองตรง
ไปที่มดรอยโลหิต
ปง!
เสียงของการปลอยสายธนูดังมาจากทองฟา
ลูกศรสีเงินพุงตรงลงมาจากฟากฟาทิ้งแสงยาวไดดานหลัง
เกาทัณฑสวรรค -!
ในขณะเดียวกัน อายฮุยก็ตะโกนกอง “โหลวหลาน!”
กอนจะกลาวจบ เขาก็ไดถีบพื้นและพุงตัวไปขางหนาอยางกลาหาญพรอมกับ
กระบี่ในมือ
บทที่ 197 ผลึกโลหิต
แมวาลำแสงนั้นจะเรียวบาง ทวามันกลับมีพลังทำลายลางสูงมาก เมื่อเทียบกับ
แสงนี้แลว แสงสีแดงเลือดรอบกายมดตัวนั้นก็ไมตางอะไรกับกระดาษที่เปราะบางและ
ถูกฉีกออกในทันที ลำแสงนั้นปกเขาที่กลางของมดตัวนั้นและทะลวงออกมาทางหนา
ทองของมัน จากนั้นก็เหลือไวเพียงรูเล็กๆ ลึกลงไปในแผนดิน
เสียงกรีดรองโหยหวนของมดรอยโลหิตดังกองไปในอากาศ แสงสีแดงเลือ ดสั่น
สะทานอยางรุนแรงราวกับผิวน้ำกระเพื่อม และดวงตาเย็นเยียบคูนั้นก็เปลี่ยนเปนสี
แดงสด
เมฆหมอกสีแดงพุงออกมาจากทอพนของโหลวหลาน แมวาหมอกสวนใหญจะ
ละเหยไปเมื่อสัมผัสกับแสงสีแดง แตก็มีจำนวนเล็กนอยที่สามารถเล็ดลอดผานเขาไป
ถึงหลังของมดตัวนั้นได
สวนผสมพริกสูตรใหมไมไดมีกลิ่นฉุนเหมือนเมื่อกอน ทวามีประสิทธิภาพยิ่งกวา
จากการโจมตีนี้ มดตัวนั้นเริ่มกลิ้งตัวไปมาอยางบาคลั่งบนพื้นดิน ซัดเศษหินดิน
ทรายใหกระจายไปทุกทิศทาง ภายใตการอาละวาดของมัน พื้นดินที่แข็งแกรงกลับ
กลายเปนเปราะบาง ดวงตาสีแดงสด เลือดจากแผลที่ทองพุงออกมาแผกลิ่นหอม
หวานของพิษโลหิตคลุงในอากาศ
ในชั่วพริบตา อายฮุยลอยขามฝุนทรายและเศษซากที่ลองลอยอยูกระบี่เพลิงสัน
หลังมังกรในมือสั่นสะเทือนเล็กนอย
สมาธิของเขาอยูในระดับสูงสุด ทุกอยางในสายตาของเขาดูราวกับผานไปอยาง
เชื่องชา เขาสามารถมองเห็นเสนทางของเศษดินที่ลอยผานแกมเขาไปไดอยางชัดเจน
ความโกรธแคนในดวงตาของมดรอยโลหิตไดตายลง ซึ่งบงบอกวาสวนผสมพริก
กำลังเสื่อมประสิทธิภาพ
มีสวนผสมพริกไมเพียงพอและสวนที่ไปถึงตัวมดก็นอยลงไปอีก แตถึงกระนั้นเขา
กลับรูสึกโชคดีที่มันใชการได อยางนอยเจามดรอยโลหิตนี้ก็มีขนาดใหญกวามดโลหิต
ทั่วไปมากนัก
ภาพของโลกรอบตัวเขาสะทอนอยูในดวงตาของอายฮุย เขารูดีวาตนมีโอกาส
เพียงครั้งเดียวเทานั้น
[เปยโตว] ถูกใชออกมาอยางเต็มกำลัง และพลังธาตุในกายของเขาก็ไหลเวียน
ดวยความเร็วที่มากเปนประวัติการณ เสนใยพลังธาตุพลันกอรางขึ้นระหวางตำหนักที่
มือและเทาของเขา
[พระจันทรเสี้ยว]!
อายฮุยใชกระบวนทาสังหารที่ทรงพลังที่สุดของเขาออกมาอยางไมลังเล
รังสีกระบี่ดูราวกับแสงจันทรลอยออกจากเพลิงสันหลังมังกร
ในทันทีที่ก ารโจมตีข องอา ยฮุ ย กระทบร า งของมดตั ว นั ้ น หลั งของทดเกื อ บ
ครึ่งหนึ่งก็ถูกตัดออก
ทวามันยังไมตาย รางอาบเลือดของมันพุงเขาใสอายฮุยอยางเอาเปนเอาตาย มัน
ถูกขับดันใหบาคลั่งดวยความเจ็บปวดที่เสียหลังไปครึ่งหนึ่ง
เมื่อเห็นมดพุงเขาหาเขา อายฮุยก็ใชปลายเทาถีบกายถอยหลังหลบหนีอยาง
รวดเร็ว
อายฮุยนั้นรวดเร็วพอ แตเขาก็ยังไดกลิ่นหอมหวานและดูเหมือนกับวาตัวเอง
กำลังจะถูกกัด
ในตอนนั้นเองที่ กิ่งไมสีเขียวยื่นออกมาจากพื้นดินปรากฏขึ้นตรงหนาของมดตัว
นั้นโดยพลัน
ดวยการพุงตัวอยางบาคลั่งของมันทำใหเจามดตัวนั้นไมไดระวังตัวและเสียสมดุล
แทนที่จะพุงตรงเขาหาอายฮุยมันกลับกลิ้งตัวเขาหาเขาแทน
โอกาสทอง!
ดวงตาของอายฮุยเปนประกาย เจาเนรคุณนี่มีความกาวหนาไมนอย แมวาจะเปน
ลูกเลนเพียงเล็กนอยแตก็พิสูจนความมีประสิทธิภาพดวยจังหวะเวลาที่เหมาะสม เขา
ใชโอกาสนี้หยุดลาถอย แลวฟาดเพลิงสันหลังมังกรในมือเขาใสมดที่กำลังกลิ้งเขามา
ทวนสีขาวดุจหิมะพุงเขาใสมดตัวนั้นดวยรัศมีพลังอันแรงกลา ประหนึ่งวาฬขาว
แหวกฝาผืนเมฆออกมา
ซือเสวี่ยมั่นแทงทวนเมฆายอมสวรรคเขาใสมดตัวนั้นดวยพลังที่นาอัศจรรยกอนที่
อายฮุยจะทันตั้งตัว
ฟุบ!
ทวนแทงเขาใสมดรอยโลหิตอีกครั้ง
ทวาสีหนาของอายฮุยเปลี่ยนไปเมื่อรับรูวาสถานการณไมไดดีอยางที่คิด
มดตัวนั้นเกาะติดบนทวนสีขาวที่เปอนคราบเลือดเอาไวโดยไมสนอาการบาดเจ็บ
ของตัวเอง พุงเขาหาซือเสวี่ยมั่นอยางบาคลั่ง ปากที่เหมือนกรรไกรสงเสียงแหลมคม
กรีดอากาศ ราวกับประกาศวามันพรอมที่จะกัดแขนของซือเสวี่ยมั่น
ดวยความออนประสบการณในการตอสูของซือเสวี่ยมั่น ทำใหนางไมคาดคิดวา
มดที่ไดรับบาดเจ็บเจียนตายเชนนี้จะสามารโจมตีไดอยางเกรี้ยวกราดยิ่งนักหนาของ
นางซีดเผือดไป
ปง!
เมื่อนึกอะไรขึ้นไดอายฮุยก็เปลี่ยนการฟาดเปนการตบ เพลิงสันหลังมังกรถูกใช
เหมือนกับไมตีลงที่ปากของมดตัวนั้นอยางแรง
ประกายไฟกระเด็นไปทุกทิศทาง!
ดวยมืออันสั่นเทา อายฮุยจับดามกระบี่ที่เกือบกระเด็นหลุดมือไวแนนภายใตแรง
สะทอนกลับ เขาสงเสียงครางออกมาในขณะที่ลอยไปดานหลัง เดิมทีเขาตั้งใจที่จะใช
ความไดเปรียบดวยการฟน ไมเคยคิดวามันจะกลายเปนการปะทะกันดวยพลังโดยตรง
เขาสูญเสียการควบคุมรางกายและลอยขึ้นไปในอากาศ
กอนที่เขาจะกระแทกพื้น รถฉีดน้ำก็พุงเขามาหาเขา
“อายฮุย โหลวหลานอยูนี่!” โหลวหลานกลาวอยางยินดี ทันทีที่ไดยิน อายฮุยก็
รูสึกผอนคลายลง
รถฉีดน้ำไดกลายสภาพเปนตาขายทราย รองรับตัวอายฮุยไวไดอยางแมนยำ
ตาขายทรายเปลี่ยนเปนมือและวางอายฮุยลงตรงสวนยอดของรถฉีดน้ำที่กอน
หนานี้เคยเปนจุดที่ตั้งของทอพน
อีกดานหนึ่ง เจามดตัวนั้นก็ถูกอายฮุยตีจนกระเด็นหลุดออกจากเมฆายอมสวรรคไป
ซือเสวี่ยมั่นตะลึงงัน นางจองมองมดรอยโลหิตที่ลอยไกลออกไปเรื่อยๆ ในอากาศ
อยางเหมอลอย
รถฉีดน้ำนำอายฮุยใกลเขามาและหยุดอยูขางซือเสวี่ยมั่นที่กำลังเหมอลอย อายฮุยพูด
วา “อยาเขาใกลสัตวที่กำลังจะตาย นอกเสียจากวาเจาอยากตายพรอมกับมัน”
ในทันทีที่เขาเห็นซือเสวี่ยมั่นแทงทวนออกไปที่มดตัวนั้น เขาก็รูไดวามันไมดีแน
ไมวาจะคนหรือสัตว การโจมตีครั้งสุดทายกอนตายนั้นทรงพลังและเกรี้ยวกราด
ที่สุดเสมอ เพราะมันเปนการผสานรวมของพลังแหงความโกรธและสิ้นหวังเขา ไว
ดวยกัน
จากนั้นเขาก็หันไปทางตวนมูหวงฮุนและพูดเสียงดังวา “เฮ เจาคนเนรคุณ ใช
กระบวนทาไดถูกจังหวะมาก”
หนาของตวนมูหวงฮุนแข็งคาง
คนเนรคุณ...
เขาตองตั้งใจพูดออกมาอยางแนนอน!
ตวนมูหวงฮุนรูสึกไดวาทุกคนจองมองมาทางเขาเปนตาเดียว
บัดซบ! เจาสารเลว!
ความโกรธพุงพลานขึ้นในใจของตวนมูหวงฮุน เสนเลือดปูดโปนปรากฏขึ้นบน
ขมับอยางเห็นไดชัด เขาตองการจะพุงเขาใสและทุบหัวเขาดวยกอนอิฐสักหลายที แต
เมื่อเขานึกไดวาตัวเองติดเงินเจาสารเลวนี้อยู เขาก็ตองกัดฟนกดความเดือดดาลของ
เขาเอาไว
เขาเปนพวกนิยมความสมบูรณแบบ และเขาไมอาจทนรับรอยดางเชนนี้ในชีวิต
ของเขาได เขาไมมีปญหาที่จะเริ่มการตอสูกับคนอื่นโดยไมมีเหตุผล เพราะเขาก็ทำ
มาแลวไมรูกี่ครั้ง แตเขาไมอาจจะทุบตีคนที่เขาติดหนี้อยูได
เขาคิดหาทางออก ในทันทีที่เขาออกไปจากที่นี่ สิ่งแรกที่ตองทำก็คือใชหนี้ใหหมด
และสิ่งที่จะทำในทันทีหลังจากนั้นก็คือตีไอสารเลวนี่ใหตาย
แนนอน! ไมตองสงสัย!
ตวนมูหวงฮุนกำหมัดแนน คิดภาพอายฮุยคุกเขาตรงหนาเขา รองไหและคร่ำ
ครวญอยางเจ็บปวด เขาก็รูสึกสงบขึ้นมาในทันที
ผูใชพลังธาตุดูแลการศึกรอนลงมาจากทองฟา ทันทีที่เหยียบพื้นเขาก็เซเล็กนอย
พลังธาตุธาตุของเขาถูกใชไปจนเกือบหมดจากการใช ศรลำแสง
“เจาไดทำการอุทิศตนอีกครั้งหนึ่งแลว” เขามองไปยังอายฮุยผูที่แสดงความกลา
และการโจมตีไดอยางถูกเวลาในการศึก เปนนักเรียนที่มีผลงานโดดเดนกวาตัวเขาเอง
ที่เปนทหารผานศึก
เมื่อนึกไดวาอายฮุยเคยเปนแรงงานในแดนราง เขาก็ตองถอนหายใจออกมาอยาง
ชวยไมได
เขาเชื่อวาอายฮุยเกิดมาเพื่อตอสู
เวลาแหงปญหาเปนหายนะสำหรับคนสวนใหญ แตสำหรับคนจำนวนนอยแลวมัน
คือเวทีชั้นยอด
พวกเขาเกิดมาเพื่อยุคสมัยนี้
ที่คือความรูสึกที่เขาไดรับจากอายฮุย
“ขอบคุณทาน สำหรับการสนับสนุน” อายฮุยกลาวดวยความเคารพ
ศรแสงมีพลังที่อายฮุยไมเคยเห็ นมากอนในชีวิต หากโจมตีถูกจุดสำคัญ ศัตรู
จะตองตายอยางแนนอน เขาจำไดวานี่เปนวิชาของหนวยขอบฟาตามที่ซือเสวี่ยมั่น
เคยไดบอกกับเขาไว เมื่อรับรูถึงพลังอำนาจของสิบสามหนวยที่เกินความคาดหมาย
เขาก็พลันมีความมั่นใจขึ้นมา หากคนเกษียณอายุจากสิบสามหนวยยังแข็งแกรงเพียง
นี้ พวกหัวกะทิจะมีความสามารถในการตอสูนาอัศจรรยเพียงไหน
สิบสามหนวยที่ทรงพลัง เมื่อตอกรกับโลหิตแหงเทพ จะมีโอกาสที่จะชนะแนนอน
บางทีอนาคตของอูสิงเทียนอาจไมมืดมนเทาที่เขาจินตนาการไว
เขามองเห็นมดรอยโลหิตอยูไกลออกไป มั น ได รั บ บาดเจ็บ สาหั สแตย ังคงดิ้น
พราดๆ อยูบนพื้น ทุกคนรูสึกทึ่งกับพลังชีวิตอันเหลือลนของมัน กลิ่นหอมหวานที่ลอ
ใจอยางมากอบอวลไปในอากาศ แมวาพวกนักเรียนจะรับรูถึงความนากลัวของพิษ
โลหิต แตพวกเขาก็ยังกระตือรือรนเมื่อไดสูดดมกลิ่นหอมนี้
ปศาจมักเดินคูไปกับการยั่วยวนลอใจเสมอ
อายฮุยและเพื่อนรวมกลุมรอที่จะเขาใกลมันในตอนที่พวกเขามั่นใจวามันตายไม
อาจเคลื่อนไหวไดแลว
เลือดของมดตัวนั้นเริ่มจับตัวเปนกอน และกลิ่นหอมในอากาศก็คอยๆ ลดลงเรื่อยๆ
“อา ยฮุย กอ นเลือ ดกลายเปน ของแข็ ง” โหลวหลานกล าว แสงสี เหลื อ งฉาย
ออกมาจากดวงตา
ของแข็ง?
พวกเขาลวนประหลาดใจ อายฮุยหยิบแทงไมเล็กๆ มาจิ้มกอนเลือดดู
แนใจไดเลยวา กอนเลือดไดกลายเปนของแข็งแลวจริงๆ
“มันกำลังตกผลึก” โหลวหลานบอก
“ตกผลึกหรือ คืออะไรกัน” ซังจื่อจวินถาม
“ลักษณะของกอนเลือดไดเปลี่ยนเปนแกวผลึก” โหลวหลานอธิบาย
พวกเขาเห็นกอนเลือดกลายเปนผลึกสีแดงเขมและกลายเปนผลึกใสเฉกเชนอัญมณี
อายฮุยใชแทงไมเคาะดู เกิดเสียงเชนเดียวกับการเคาะแกว
“มันเปนพิษหรือไม” อายฮุยถามโหลวหลาน
“ไม” โหลวหลานสายหนา
ดวงตาของอายฮุยเปนประกาย และมองไปทางศพของมดรอยโลหิตราวกับวามัน
เปนอสูรแดนรางที่ตายแลว สำหรับเขาแลว มันเปนเหมือนภูเขาทอง ชวงเวลาในแดน
รางเขาตองตอสูกับพวกอสูรแดนรางมากมาย ทุกสวนของอสูรแดนรางนั้นมีประโยชน
ไมวาจะเปนขน หนัง เนื้อ กระดูก เอ็น หรือเครื่องใน
กลาวอีกอยางคือ ไมมีสวนใดเลยที่ไมอาจแลกเปนเงินได
แลวศพของสัตวโลหิตจะมีคาเชนเดียวกันหรือไม
ดูจากความใสของกอนเลือดแลว! มันตองแพงแนๆ
“ทาน ขอพวกเรานำศพมดรอยโลหิตกลับไปเพื่อทำการศึกษาเพิ่มเติมไดหรือไม”
อายฮุยถาม
ผูใชพลังธาตุหัวเราะออกมาอยางอดไมได “นั่นคือผลึกโลหิต เราพบสิ่งที่คลายกัน
นี้จากการสังหารมดรอยโลหิต มีแตพวกมดรอยโลหิตเทานั้นที่มีเลือดที่กลายเปนผลึก
พวกมดโลหิตทั่วไปไมมี จวนเจาเมืองไดทำการศึกษามันมาระยะหนึ่งแลว แตไมพบ
ความเกี่ยวของอะไรกับผูใชพลังธาตุอยางพวกเรา กระดองของมดโลหิตนั้นแข็งแตจะ
ออนลงเมื่อมันตายแลว สวนอื่นๆ ก็เชนกันไมวาจะเปนกระดูกหรือกลามเนื้อ พวกมัน
ลวนแตกหักไดงายหลังจากที่มดตายแลว”
“ไดโปรดใหพวกเราทดลองพวกเราสามารถเอามันไปไดหรือไม” อายฮุยยืนกราน
“เจาเอาไปไดหมดเลย” ผูใชพลังธาตุคุมการศึกยิ้มอยางใจกวาง “พวกเราไมรูวา
จะใชมันอยางไรอยูดี ไมตองกังวล เมื่อเลือดของมดรอยโลหิตกลายเปนผลึกแลวก็ไมมี
พิษอีกตอไป บางทีเจาอาจคนพบวิธีใชประโยชนจากมันได”
ทันใดนั้นอายฮุยก็กลาว “ขอบคุณมาก” และรีบเก็บผลึกโลหิตบนพื้น
หลังจากเก็บไดหมดแลว เขาก็สั่งใหกลุมเดินหนาตอไป ในระหวางการรบ ผูใช
พลั ง ธาตุ แ ละอ า ยฮุ ย เป น คนที ่ เ สี ย พลั ง ไปมากที ่ ส ุ ด ในขณะที ่ ค นอื ่ น ยั ง คง
กระปรี้กระเปราดี ผูใชพลังธาตุดูแลการศึกยังรูอีกวาจะมีมดรอยโลหิตเพียงแคตัว
เดียวเทานั้นในพื้นที่
มดรอยโลหิตเปนเหมือนกับราชาของฝูงมด และราชามักอยูลำพัง
ซือเสวี่ยมั่นสั่งใหกลุมเดินหนาทำลายบานเรือนตอไป
สำหรับพวกนักเรียนที่ไดเห็นผลงานของกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งนั้นก็รตู กอก
ตกใจไปตามๆ กัน
บทที่ 198 ธรรมดาและโชติชวง
“เตรียมตัว!” ซือเสวี่ยมั่นสั่ง
พวกเขาไมรูวาทางออกที่พวกเขาคิดกันเมื่อคืนจะไดผลหรือไม แตพวกเขาก็ตอ ง
ลองดู
ซังจื่อจวินดูวิตก เจียงเหวยดูสงบเยือกเย็น แตมือที่กำธนูเอาไวแนนแสดงใหเห็น
ถึงความตึงเครียดในใจเขา
โดยไมคาดคิด พวกเขาไมไดเดินไปขางหนา
นักเรียนที่ใชพลังธาตุไมไดกระจายเมล็ดพันธที่มีสีแตกตางกันไปบนพื้น จากนั้น
เถาวัลยก็งอกขึ้นมาจากพื้นดินและเริ่มเติบโตอยางบาคลั่ง นักเรียนที่ใชพลังธาตุน้ำ
สรางเมฆหมอก ในขณะที่นักเรียนที่ใชพลังธาตุดินสรางบอทรายดูดไวบนชองวาง
ระหวางพื้นที่ ดวยวิธีนี้ทั้งกลุมจึงสามารถเชื่อมตอกันได และตาขายก็ถูกสรางดวย
อุปสรรคมากมาย การกระทำนี้ไมนับวาทรงพลัง แตพวกเขาก็ครอบคลุมพื้นที่ ที ่ทั้ง
กลุมยึดครอง
หลังจากพวกเขาทำเสร็จ เหลือเพียงยี่สิบคนเทานั้นอยูภายใน ในขณะนักเรียนคน
อื่นๆ หันกลับและเดินออกจากพื้นที่กับดัก
ซือเสวี่ยมั่นอยูไมไกลไปจากรานคา นางสงสัญญาณบอกหวังเสี่ยวซานที่ทำลาย
จุดเชื่อมตอทั้งหมดของรานในทันที
รานถลมลงพรอมกับเสียงอันดังกอใหเกิดฝุนปริมาณมากในอากาศ
ชู...ชู...ชู...
เงารางสีแดงนับสิบพุงตัวออกมาจากกลุมควัน พวกมันสังเกตเห็นซือเสวี่ยมั่นกอน
และพุงตรงไปหานาง
ซือเสวี่ยมั่นเตรียมพรอมอยูแลว นางหันหลังกลับและพุงตัวเขาไปในเขตกับดัก
โดยไมลังเล ดานหลังคือฝูงมดที่วิ่งไลลามา
พวกมดโลหิตกำลังสับสนอลหมานเหลือหลาย
เขตกับดักเปนสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับพวกมดที่จะรับมือได สิ่งกีดขวางที่เกิดจาก
พลังธาตุตางๆ ผสานรวมเขาดวยกัน แตละอยางลวนมีความสามารถในการสกัดกั้นที่
แตกตางกัน สำหรับพวกมดโลหิตที่มีความเร็วอันนาตระหนกนั้น พลังเพียงเล็กนอยก็
ทำใหพวกมันพลัดออกจากทางไดแลว
พวกที่เหลืออยูในพื้นที่คือยี่สิบคนที่มีพลังสูงที่สุด พวกเขาไมจำเปนตองสูกับพวก
มดตรงๆ แคทำใหพวกมันอยูในกับดักตอไป
ซังจื่อจวินกับเจียงเหวยนำกลุมนักธนูเกาคน เมื่อกระสุนใยแมงมุมเหล็กของซังจื่อจวิ
นถูกยิงออกไปและจับตัวมดโลหิตได ธนูหนักของเจียงเหวยพรอมกับลูกธนูของอีกเกา
คนก็จะพุงออกไป และมดโลหิตที่อยูตรงกลางใยแมงมุมก็จะถูกยิงพรุนเปนเมน
พวกเขาไมไดโจมตีอยางเรงรีบ ความเร็วในการยิงของซังจื่อจวินทำงานไดอยางมี
ประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่นางเปนคนควบคุมทั้งหมด นางจะยิงศรเครื่องสีเครื่อง
เปาออกไปในยามที่เกิดอันตราย
ศรเครื่องสีเครื่องเปาไมเปนอันตรายแกชีวิต ทวามีประสิทธิภาพในการกอกวน
การโจมตีของศัตรู
ซือเสวี่ยมั่นไดทำการวิเคราะหป ญหาที่ เกิดขึ้น เมื่อวานนี้ รวมกั บคนอื่ นอย า ง
ละเอียดและไดทำการปรึกษาวาจะแกปญหาอยางไรรวมกัน การจัดเตรียมในวันนี้เปน
ผลมาจากการปรึกษาหารือนั้น นางรูดีวานางเปนเพียงมือใหม และมันเปนการดีกวา
หากใหทุกคนรวมกันแสดงความคิดเห็น วิธีนี้พวกเขาจะรูไดอยางชัดเจนวาพวกเขา
ตองทำอะไรบาง
ในตอนแรกพวกเขายังสงวนทาทีเล็กนอยและไมคุนเคยกับคนอื่นนัก แตเมื่อเวลา
ผานไปการประสานงานของพวกเขานั้นก็ดีขึ้นมาก
ยิ่งไปกวานั้น เมื่อพวกเขาไดรบรวมกันในสนามรบเปนครั้งที่สอง พวกเขาก็ได
เอาชนะความกลัวภายในใจแลว และคุนชินกับการตอสูมากยิ่งขึ้น
ประสิทธิภาพและความมั่นใจของพวกนักเรียนเพิ่มขึ้นอยางมาก
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกยินดีจากกนบึ้งของหัวใจ ไมมีอะไรนายินดีไปกวาการไดเห็นการ
แลกเปลี่ยนความคิดที่นางเปนคนริเริ่มดำเนินไปอยางราบรื่น
นางเกือบโดนสังหารกอนหนานี้ แตในตอนนี้นางเต็มไปดวยความสุขกับการตอสู
และกลายเปนบุคคลที่สะดุดตาที่สุด
แมแตความนาเกลียดของเกราะซงเจียนก็ไมอาจปดบังความสงางามและความ
องอาจของนางได ดวยเมฆายอมสวรรคในมือทำใหนางตอสูไดอยางเสรีอยูในสนามรบ
ราวกับวาไมมีขอจำกัดใด สำหรับรายละเอียดของกับดัก นางจดจำไวจนขึ้นใจ มันไม
เปนอุปสรรคขัดขวางนางแมแตนอย
ทุกการโจมตีนั้นทรงพลังและแข็งแกรง อีกทั้งนางยังสามารถควบคุมกำลั งไดดี
กวาเดิม ทำใหนางสามารถรักษาระดับพลังธาตุในกายเอาไวไดเปนอยางดี มดโลหิตที่
ถูกแทงดวยทวนเมฆายอมสวรรคของนางลวนจบลงดวยการระเบิดเปนหมอกโลหิต
ตวนมูหวงฮุนยืนอยูดานนอกพื้นที่กับดักและฝกซอม [บุบผาเขียวขจี] อยางสบายใจ
เขามีความสามารถในการควบคุมเปนเยี่ยม แตจะใหเขาเต็มใจรับบทผูชวยได
อยางไร
เมื่อไรกันที่เจาเห็นพี่ใหญหวงฮุนกลายเปนผูชวยของคนอื่น
นั่นไมชวยเขาลมอายฮุย!
ดวงตาของเขาเย็นชา กิ่งไมบิดเกลียวสีเขียวปรากฏและเลือนหายอยางลี้ลับในพื้นที่
กับดัก การตอสูอยางตอเนื่องสรางผลกระทบขนาดใหญขึ้นกับเขา เมื่อแรกนั้นแมวา
[บุบผาเขียวขจี] จะพรางพราวในสายตาของศัตรู แตมันไมเปนอัตรายถึงตาย ดังนั้น
เขาจึงมุงเนนการฝกไปที่การเพิ่มความรุนแรงถึงชีวิตแตก็ยังรักษาความงดงามเอาไว
ผูมีพรสวรรคที่สมบูรณแบบตองครอบครองวิชาลับขั้นสูงที่สมบูรณแบบ!
อารมณของความโดดเดี่ยวและภาคภูมิ การโจมตีที่งดงามแตถึงตาย การกาวเดิน
อยางมั่นคง และใบหนาที่หลอเหลาอยางไมอาจเทียบไดกอใหเกิดภาพอันนาหลงใหล
นักเรียนสาวหลายคนหลงลืมไปแลววายังอยูในอันตราย พวกนางอดไมไดที่จะจอง
มองไปทางตวนมูหวงฮุนอยางลืมหายใจ
ซือเสวี่ยมั่นที่ไมอาจทำลายได ตวนมูหวงฮุนที่ภาคภูมิและสงางาม ซังจื่อจวินที่ไรกังวล
และเจียงเหวยที่มีระเบียบในการรบ การประสานงานอันสมบูรณแบบของพวกเขาชาง
เปนที่ตรึงตา แมแตผูใชพลังธาตุดูแลการศึกยังตกตะลึงกับพลังการตอสูของเด็กพวกนี้
ในสนามรบ
อายฮุยก็ประหลาดใจในผลงานของพวกเขาเชนกัน
แมวาจะยังมีสวนที่ไมสมบูรณอยูบาง แตก็ดีกวาเมื่อวานมากนัก อยางนอยพวก
เขาก็ใจเย็นเมื่อตองเผชิญหนากับพวกมดโลหิต และเขาบอกไดวากลศึกนี้ไดผานการ
คิดและจัดสรรมาเปนอยางดี
เขาไมรูเลยวาสตรีเหล็กในชุดขาวฟาจะมีพรสวรรคในดานนี้
สำหรับผูหญิงแลว นางชางองอาจจริงๆ ไดเห็นมดโลหิตระเบิดกลายเปนหมอก
โลหิตดังนี้แลว อายฮุยก็รูสึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กนอย หากเขาไมเคยเห็นหนาสตรี
เหล็กมากอน และใหพิจารณาจากการตอสูเพียงอยางเดียวแลวละก็ เขาอาจคิดไปวา
รางในชุดเกราะซงเจียนนั้นเปนสตรีที่มีรางกายกำยำเต็มไปดวยมัดกลาม
ผูหญิงทุกวันนี้ชางทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ “การคาขาดทุน” สามารถลมเขาไดงายๆ
แลวยังมีหนึ่งพันหยวน สวนสตรีเหล็กในชุดขาวฟานี่ก็มีฝมือสูงกวาที่เขาคาดคิ ดไว
เมื่อกอนอายฮุยตองขอใหสตรีเหล็กจายเงินชดเชยใหกับเขาที่ชวยชีวิตนางไวหลาย
ครั้ง นั่นไมใชเรื่องที่จะทำใหเปลาๆ หรอกนะ
นางควรขอบคุณเขาดวยเงิน!
นอกจากนี้เขายังไดยินมาวาตระกูลของนางนั้นร่ำรวย....
ทวาบัดนี้เมื่อเห็นการกระทำอันปาเถื่อนของสตรีเหล็กแลว อายฮุยก็ยอมทิ้งความคิด
นั้นไปอยางชาญฉลาด เห็นไดชัดวาเขาคงรับการโจมตีจากทวนของนางไดยาก
“ดีมากแมนางซือ!”
“ดีมากปงหวาน!”
“ดีมากแมนางซัง!”
“ดีมากเจียงเหวย!”
...
โหลวหลานที่ยืนอยูดานขางอายฮุยไมหยุดประทับใจกับผลงานของพวกเขา อายฮุย
กำลังหงุดหงิดกับความสูญเสีย และตอนนี้ไดยินสิ่งที่โหลวหลานพูด เขาก็ยงิ่ หงุดหงิด
มากขึ้นและหันไปสงสายตาใหกับโหลวหลาน
โหลวหลานหุบ ปากในทันที เขายั ก ไหล แ ละเงี ย บไปพัก หนึ่ ง แล ว ก็ พ ู ดอยาง
ตะกุกตะกักวา “อายฮุยดีกวาทุกคนเลย!”
อายฮุยที่กำลังโกรธอยูในตอนนี้พลันปติยินดีขึ้นมา เขาลูบหัวโหลวหลานและ
กลาวชม “ขาชอบความซื่อสัตยของเจา โหลวหลาน”
เพื่อนรวมกลุมนั้นทำงานประสานกันไดเปนอยางดี และก็สามารถทำลายมด
โลหิตในรานคาไมกี่รานสุดทายหมดลงในไมชา เมื่อมดโลหิตตัวสุดทายถูกฆา ฝูงชน
บนถนนก็ระเบิดเสียงโหรองออกมา
ในหองของหวังโสวชวน
หนังสือทุกประเภทนั้นกระจัดกระจายอยูบนพื้น ผมสีขาวของหวังโสวชวนนั้นยุงเหยิง
ดวงตาแดงก่ำ เขาพึมพำราวกับวากำลังตกอยูในฝนราย “ทำอยางไร ทำอยางไร คาย
กลเวท...คายกลเวท...”
“นี่เปนไปไมได!”
“พลังธาตุไปถึงตรงนั้นไมได...”
“นางไมอาจทำเชนนั้นดวยระดับพลังพื้นฐานในตอนนี้....”
“อา ขาจะทำไดอยางไร”
...
เขาลมลงบนพื้นจองมองเพดานอยางเหมอลอย รูสึกลมเหลวอยางสิ้นเชิง เขาไม
เคยประสมความสำเร็จอันใดในชีวิต และยังไมอาจที่จะชวยใหอวี้ฉินทำความหวัง
สุดทายของนางใหเปนจริงได
เขาจมอยูในความรูสึกออนแอและสิ้นหวังอยางรุนแรง
หลายวันมานี้ เขาแทบไมไดพักผอนและตอนนี้ก็เต็มไปดวยความออนลา
เขาฝนถึงตอนที่เขาพบกับอวี้ฉินครั้งแรก และครั้งแรกที่เขาพูดกับนาง ในความฝน
เขาพูดกับนางเกี่ยวกับสิ่งที่เขาคนพบไมหยุด พวกเขาแตงงานกันและ...
ฉากตางๆ าังโสวชวนงเพดานอยางเหมอลอย เกมดโลมากมายฉายซ้ำอยูในหัว
ของเขา เขาลืมไปแลววาเขาอยูที่ไหน
“โสวชวน ขาตองการใหทานชวย”
เสียงอันกระตือรือรนของอวี้ฉินพลันดังขึ้นในหัว ปลุกเขาใหตื่นจากภวังค เขานั่ง
บนเตียง สายลมพัดเขามาชวนใหหนาว ในตอนนั้นนั่นเองที่เขารูตัววาเขานั่นเปยกชุม
ไปดวยเหงื่อ
เขามองไปในกระจกและตองตะลึงงันกับภาพที่เห็น ผมสีเทาของเขากลายเปน
ขาวจนหมดสิ้น ใบหนาของเขาเ**ยวยนและแดงก่ำอยางสุขภาพย่ำแย
บางทีเขาอาจตายรวมกับอวี้ฉิน
ทันใดนั้น หวังโสวชวนรูสึกโลงอก เขารูในที่สุดวาสิ่งที่เขากลัวที่สุดคืออะไร นอก
ไปจากความตาย สิ่งที่เขากลัวก็คือชีวิตที่ไมมีนาง
เขารูวาเขาเหลือชีวิตอยูอีกไมกี่ป แตก็ไมมีความรูสึกกลัวในใจเขาอีกตอไป
“อวี้ฉิน ขาจะชวยเจา!”
ดวงตาที่ข ุนมัว ของหวังโสว ชวนพลั น กระจ า งขึ ้ น เขาดู เหมื อ นจะกลั บ ไปยั ง
ชวงเวลาแหงความไมเกรงกลัว ความเยาววัยและพลังชีวิตกลับคืนสูรางกายอันแกชรา
ครั้นแลวแรงบันดาลใจก็เริ่มพวยพุงขึ้นมา
เขานั่งที่โตะและเขียนบางอยางดวยความบาคลั่ง ไมนานเขาก็ใชกระดาษหมดไป
หลายแผน บนหนากระดาษเปนการออกแบบอยา งละเอีย ดออนของเขา การเผา
ผลาญพลังชีวิตเปนดั่งหมึกวิเศษที่มอบความรุงโรจนใหกับพูกัน เปนเฉกเชนแสงแรก
แหงดวงอาทิตยที่นำความสวางมาสูความมืดมิด
มันลอยขึ้นสูทองฟาและฉายภาพความทะเยอทะยานในครึ่งแรกของชีวิตเขา รวม
ไปกับความรูที่เขาไดสั่งสมผานวันและคืนแหงการทำงานหนัก ดวยแสงและความรอน
หมึกนั้นจารึกชื่อของเขาไวบนฟากฟาแหงประวัติศาสตร
เขารูสึกประหนึ่งถูกหอหุมไวดวยแสงและเปยมไปดวยพลังงาน
นี่เปนชวงเวลาที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี มันมาในชวงสุดทายของชีวิตพรอมกั บ คำ
ขอรองของคนที่เขารัก
ขี้ขลาดอะไรเชนนี้! เขาไมมีความกลาที่จะอยูคนเดียว เขาเพียงกลาที่จะตาย
พรอมผูหญิงที่เขารัก
เขาไมไดนอน พักผอน หรือรูสึกออนเพลีย กระดาษแผนแลวแผนเลาที่รวมกับ
อุณหภูมิในกายของเขาและลำเลีย งความรั ก และความทะเยอทะยานของเขาไป
กระดาษก็กองสูงขึ้นบนโตะเบื้องหนาของเขา
คืนวันผานไป เขาไมกิน ไมดื่ม หรือพักแมแตวินาทีเดียว
เมื่อเขาเขียนกระดาษแผนสุดทายเสร็จเขาก็ยิ้มออกมา เมื่อเขาจัดเรียงกระดาษ
มัดรวมกันและวางลงในกลองเหล็กอยางระมัดระวัง การเคลื่อนไหวของเขานั้น ชาง
นุมนวล ราวกับกระดาษเหลานี้เปนสิ่งที่มีคาที่สุดในโลก
ใช สำหรับเขาแลวมันมีคาเหนืออื่นใด
เขาปดกลองและดึงเชือกบนโตะ ยามดานนอกไดยินเสียงกระดิ่งก็เขามาอยาง
รวดเร็ว วัตถุดดิบทั้งหมดของหวังโสวชวนอยูในหองหนังสือ เจาเมืองสงคนมาปกปอง
เขาเปนพิเศษและคอยอยูกับเขา
ยามตกตะลึงเมื่อเห็นหวังโสวชวน เขาดูแหงเหี่ยวและผมกลายเปนสีขาวจนหมด
“สงนี่ไปที่โรงเย็บปกอวี้”
เสียงของเขาแหบแหง เขาเหนื่อยเกินไปที่จะพูดออกมาอีกแมแตคำเดียว
ยามทำความเคารพหวังโสวชวนดวยความนับถืออยางสูง
เขารูวากลองนี้สำคัญเพียงใด ดังนั้นเขาจึงกางปกเมฆาออกในทันทีและบินไปยัง
โรงเย็บปกอวี้
หวังโสวชวนมองรางนั้นเคลื่อนหางไกลออกไปเรื่อยๆ บนฟากฟา แสงในดวงตา
ของเขาคอยๆ เลือนหายไป
มือที่เหี่ยวยนของเขาจับกรอบประตูเอาไวแนน ดวงตาสีเทาที่ขุนมัวเต็มไปดวย
ความดื้อรั้น หวังโสวชวนยังคงยืนนิ่งไมลมลง
เขากลาวกับตัวเองพรอมรอยยิ้ม
ไมตองหวง ขาจะรอเจาจนถึงวินาทีสุดทาย...ขาจะปลอยใหเจาอยูตามลำพังได
อยางไร
บทที่ 199 เหยียนไห
เหยียนไหยืนอยูไกลออกไป จองเขม็งไปยังอายฮุยตอนที่เขากำลังเก็บผลึกโลหิตที่
กระจัดกระจายอยูบนพื้น
เมืองซงเจียนไดทำการศึกษาผลึกโลหิตแตไมพบประโยชนอะไร จึงทำใหเหยียนไห
สามารถเก็บผลึกโลหิตจำนวนหนึ่งไดอยางไมตองเปลืองแรง หลังจากใชผลึกโลหิตไปสี่
ชิ้น เขาพบวาพลังวิญญาณโลหิตในกายของเขาเพิ่มขึ้นอยางมาก ในตอนนี้เขารูสึกวา
ตัวเองมีพลังไมจำกัด
หากวาเขาสามารถเก็บผลึกโลหิตไดเพิ่มขึ้นอีกไมกี่ชิ้น เขามั่นใจวาจะสามารถ
ทะลวงผานระดับตอไปได
เขาแตะรอยแผลเปนบนแขนซายอยางไมรูตัว มันเปนแผลเปนยาวที่ยืดจากขอมือ
ไปจนถึงขอศอก ในตอนนั้นแขนซายของเขาเกือบพิการไปแลว แตโชคยังดีที่เคล็ดลับ
ขององคกรสามารถรักษามันไดอยางสมบูรณ
เขาเขารวมกับองคกรมาเปนระยะเวลานานแลวและเคยเขารวมการแขงขัน ชิง
ตำแหนงอัครสาวก โชคไมดีที่เขาถูกคัดออกตั้งแตขั้นแรกๆ แตเพราะการถูกคัดออก
เร็วนี้เองจึงทำใหเขามีชีวิตอยูรอดมาได เขาไดยินมาวาในขั้นหลังๆ ผูเขาแขงขันทุกคน
ถูกอัครสาวกทั้งหกฆาตาย
สิ่งนี้มอบโอกาสใหกับพวกเขาเชนกัน
เขารับภารกิจใหซอนตัวอยูในสนามเหนี่ยวนำ เขาไมเลือกที่จะเขาไปในเมืองใหญ
เพราะเขารูวาเขาไมมีพลังขนาดนั้น ดวยความสามารถอันนอยนิดของเขา เขาคงไม
อาจทำอะไรไดในเมืองพวกนั้น แตในสนามเหนี่ยวนำนี้เขาอาจพอจะทำอะไรได
พลังเหนือธรรมชาติขององคกรนั้นยิ่งกวาที่เขาจินตนาการไว ตัวตนปลอมของเขา
ไดรับการบรรจุเขาสนามเหนี่ยวนำอยางงายดาย ไมเคยมีใครสงสัยในตัวเขาเลย
ผานไปหาปแลว นานจนเขาแทบจะลืมตัวตนที่แทจริงไป จนกระทั่งเกิดการแพร
ระบาดของภัยพิบัติโลหิต
ภัยพิบัติโลหิตเกิดขึ้นที่สนามเหนี่ยวนำอยางคาดไมถึง เขาทั้งระทึกใจและสำราญ
ใจเพราะเขารูวานี่คือโอกาสหนึ่งในลานสำหรับตัวเขาเอง
ชวงเวลาหาปไมไดผานไปอยางงายดาย และเขาก็ใจรอนเกินกวาจะรออยางเดียว
เขาปลอมเปนผูใชพลังธาตุไม เพื่อใหมีโลหิตแหงเทพใชในการฝกฝนประจำวัน เขาจึง
แอบปลูกพืชโลหิตจำนวนหนึ่งไวในหองดานหลัง เนื่องจากเปนผลงานจากการศึกษา
ในขั้นตนขององคกร พืชพวกนั้นจึงผลิตไดแตโลหิตแหงเทพคุณภาพต่ำ
ดังนั้นความคืบหนาในการฝกฝนของเขาจึงเปนไปอยางเชื่องชา
การแพรระบาดของภัยพิบัติโลหิตไดสงเสริมการฝกฝนของเขาเปนอยางมากและ
ตอนนี้เขาก็ตองการผลึกโลหิต หลังจากไดใชผลึกโลหิตไปจำนวนหนึ่ง เขาก็เห็นวา
รอ งรอยโลหิตของเขานั้นรวมตัว กั น เมื ่ อ ใดก็ ตามที ่ ก ารรวมตั ว นี้ สำเร็ จ เขาก็ จะ
กลายเปนสมาชิกอยางเปนทางการขององคกรไมใชพวกนอกคอกอีกตอไป
เขาตองหาทางออก
เขารูจักอายฮุย ในเมืองซงเจียนตอนนี้ มีคนนอยนักที่จะไมรูจักอายฮุย เพราะเจา
เมืองเอาแตโฆษณาถึงความสำเร็จอันรุงโรจนของกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่ง สมาชิก
กลุมทุกคนรวมถึงอายฮุยและซือเสวี ่ยมั่นกลายเปน ที่ รู จักกัน ไปทั่ว แมแตโรงฝ ก
ศาสตราวุธก็ไมใชความลับอีกตอไป
ผู  ค นชื ่ น ชมในรางวั ล มหาศาลที ่ พ วกเขาได ร ั บ เทิ ด ทู น ความสำเร็ จ และ
ความสามารถในการตอสูของพวกเขา
อายฮุยดูเหมือนจะสัมผัสไดถึงการจองมองของเขาไดและหันมาทางเขา เหยียนไหรีบ
กมหนาลง เมื่อเขาเงยหนาขึ้นอายฮุยก็ไดเปลี่ยนความสนใจไปยังสนามรบแลว
เหยียนไหไมมีอารมณจะมาดูการตอสู เขากมหนาและจากไปอยางเงียบเชียบ
เขาเพิ่งไดเห็นทักษะการตอสูอันนาทึ่งของอายฮุย และรูตัววาไมอาจเทียบอายฮุย
ไดอยางแนนอน แตนั่นไมไดหมายความวาเขาจะไมสามารถทำอะไรไดเลย แมวารอย
โลหิตของเขาจะยังไมรวมตัวกันเต็มที่ แตดวยเคล็ดลับที่ไมมีใครเสมอเหมือนของ
องคกร เขาจึงยังมีความสามารถบางอยางอยู
เขาสาวกาวอยางรวดเร็ว อีกไมนานการศึกบนถนนจะจบลง หลังจากนั้นอายฮุย
และพวกจะกลับไปยังโรงฝกศาสตราวุธ หากเขาไมสามารถไปถึงโรงฝกศาสตราวุธได
กอนคนพวกนั้น แผนของเขาก็ไมอาจดำเนินตอไดอีก
เขาเดินผานซากปรักหักพังและถนนที่วางเปลา เมืองในตอนนี้หากไมอยูในการ
ศึกก็กลายเปนเศษซาก เขาแทบไมพบเห็นผูคนบนถนน
ควันไฟลอยขึ้นมาจากซากปรักหักพังทำใหฉากนี้ดูเวิ้งวางไมคุนเคย
เหยียนไหมองไปที่ภาพนั้นเขาอยูในเมืองเล็กๆ แหงนี้มาหาปและไมเคยพบเจออะไร
เชนนี้มากอน และนี่เปนผลพวงที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เขากำลังไขวควา เมื่อคิดเรื่องนี้เขาก็
รูสึกอึดอัดใจขึ้นมา แตความรูสึกพวกนี้นั้นไรความหมาย เขาลืมมันไปอยางรวดเร็ว
ทุกคนตางก็มีชีวิตอยูเพื่อตัวเอง จะมีใครไปสนใจคนอื่นกัน
แววตาของเขาเปลี่ยนเปนกระตือรือรนอยางบาคลั่งอีกครั้ง นี่เปนเพียงความ
เจ็บปวดชั่วคราว!
มีแตความตายเทานั้นที่นำมาซึ่งชีวิตใหมได มีเพียงแตเผาทำลายทุกสิ่งเขาจึงจะ
สามารถทำลายสิ่งเลวรายทั้งปวงบนโลกใบนี้ได และมีเพียงการทำลายอูสิงเทียนที่เนา
เฟะจึงจะสรางอาณาจักรที่แทจริงขึ้นมาได
เขาใชเวลาอยูที่นี่มาหาปและคุนเคยกับเมืองนี้ดี เขาจึงสามารถหาโรงฝกศาสตราวุธ
พบไดอยางไมยากเย็นนัก
ทันทีที่มาถึงเขาก็ตองตะลึงงันกับโรงฝกศาสตราวุธที่เปลี่ยนสภาพไปเปนปอม
ปราการที่มีหนามแหลมเหมือนเมน จากนั้นเขาก็นึกขึ้นมาไดวาในกลุมของอายฮุยมี
นักเรียนที่ใชพลังธาตุดินอยู รูปลักษณใหมนี้คงเปนฝมือของนักเรียนคนนั้น
เขาเงี่ยหูฟงอยูครูหนึ่งและยืนยันวาไมมีใครอยูในโรงฝก รอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏ
ขึ้นบนใบหนา เขาควาเอาเมล็ดพืชที่มีขนาดประมาณถั่วเหลืองออกมาจากกระเปา
เขาปลอมตัวเปนผูใชพลังธาตุไมก็เพราะวานั่นคือสิ่งที่เขาเปนกอนที่จะเขารวมกับ
องคกร แมวาเขาจะไมกาวหนานักในดานการฝกฝนโลหิตชวงหาปที่ผานมา แตเขาก็
ไดคนพบวิธีใชประโยชนบางอยางจากพลังวิญญาณโลหิต
เมล็ดพืชในมือของเขาคือผลงานจากการทำงานหนักของเขา
ผิวสีเขียวของเมล็ดพืชมีเสนบางๆ สีแดงทาบอยู มันคือเมล็ดหญาชนิดหนึ่งที่เขา
ไดดัดแปลงโดยใชพลังวิญญาณโลหิต มันเปนหญาที่เติบโตและแพรพันธไดเร็วมีให
เห็นอยูทั่วไปในทุกที่ที่มีพื้นดิน หญาพันธนี้มีพลังชีวิตแข็งแกรงและสวนรากก็สามารถ
หยั่งลงไปไดแมแตชองวางระหวางอิฐหรือแผนกระเบื้อง
สาเหตุที่เขาเลือกใชหญาก็เพราะมันไมโดดเดน ไมมีใครสังเกตเห็นวามีหญาเพิ่ม
ขึ้นมาในสวนอีกตนหนึ่ง
เขาโยนเมล็ดหญาเขาไปในลานวางของโรงฝก
เจาอวนอยูในความฝนอันยาวนานที่โหลวหลานบอกเขาวาการลงไปแชในธารลาวานัน้
ชวยฝกพลังธาตุไฟของเขาได แลวอายฮุยก็ถีบเขาลงไปในลาวาในทันที
...…
จากนั้นเขาก็แชอยูในลาวาตอไป...
ครั้นแลวเขาตื่นจากฝนและสัมผัสไดคือความแสบรอนไปทั่วรางกาย ราวกับวา
เขาไดแชอยูในลาวามาเปนเวลานาน
เจาอวนหายใจอยางหนักหนวง มองไปรอบๆพบวาเขานั้นอยูในหองของตัวเอง ดี
เสียจริงที่ไมมีธารลาวา!
คิดแลวก็นาเศราที่เขาการฝนรายเชนนี้คงตองเปนเพราะการฝกฝนอันเลือดเย็น
จำนวนมากมายในแตละวันที่เจา โรคจิ ตอ า ยฮุ ย สั ่ ง ให เขาทำซึ ่ งทำให ก ารฝ ก ฝน
กลายเปนฝนรายคอยตามหลอกหลอนเขา
...
เดี๋ยว...ไมสิ...
เจาอวนมองเห็นหญากระชับแกนกลวงบนพื้นและพลันนึกเรื่องที่เขาทำลงไป
ขึ้นมาได หนาของเขาก็ซีดเผือดลงในทันที
เขาดื่มน้ำมันพริกเพลิง!
...ชางนากลัวเขากลาดื่มน้ำมันพริกเพลิงลงไปไดอยางไร
เจาอวนตกใจกับตัวเอง แตนาทีตอมาเขาก็รูสึกภูมิใจขึ้นมา นี่พิสูจนวาเขาเปน
ลูกผูชายอยางแทจริง เขาตัดสินใจแลววาหากในอนาคตเขาจะทาพนันกับอายฮุย เขา
จะไมพนันอะไรทั้งนั้นนอกจากการดื่มน้ำมันพริกเพลิง
อายฮุยตองไมกลาทำอยางแนนอน
เจาอวนรูสึกภูมิใจที่เขาสามารถเอาชนะอายฮุยไดในบางเรื่อง ชีวิตของเขานั้น
อาบไลไปดวยแสงอาทิตย
เมื่อเขานวยนาดออกมาจากหอง ก็ตองประหลาดใจที่ไมเห็นใครอยูในลานกวาง
ทุกคนไปไหนกันหมด สีหนาของเจาอวนเปลี่ยนไป พวกนั้นออกไปสูโดยไมมีเขาอยาง
นั้นหรือ เขาหลับไปนานเทาไร
เขารีบวิ่งไปยังโลหนักของเขาบนชั้นวางอาวุธ เขารูวาหากเกิดอะไรขึ้นกับอายฮุย
เขาตองย่ำแยแน
เขาควาโลหนักดวยมืออันอวบอวนและกำลังจะพุงตัวออกไปตอนที่เขาสัมผัสได
วาโลในมือของเขานั้นดูเหมือนจะเบากวาเมื่อกอน
ในตอนนั้นเอง บางอยางตกลงบนหัวของเขา
อะไรกัน
เจาอวนรูสึกประหลาดและมองไปรอบๆ ไมมีอะไรบนพื้น ถาอยางนั้นมันก็ตองอยู
บนหัวของเขา เขาถอดหมวกเกราะซงเจียนออกและก็ไดเห็นหญาอยูบนนั้น มันเปน
หญาธรรมดาที่เห็นไดทั่วไป
แลวหญามาตกใสหัวของเขาไดอยางไร มันควรเปนอยางอื่นเชนกอนหินไมใชหรือ
ไมใชหญาหยอมหนึ่ง
เจาอวนสับสน ในตอนที่เขากำลังจะดึงมันทิ้งนั่นเอง หญานั้นก็ออกดอก เจาอวน
ตะลึงงัน ชางนาทึ่งอะไรเชนนี้ที่เห็นหญาออกดอกตอหนาตอตาดวยความเร็วอันนา
ประทับใจ
ยิ่งไปกวานั้น ตรงกลางของของดอกไมยังมีลวดลายดวงตา
ดวงตาหรือ
ดวงตาของเจาอวนเปนประกาย บางทีนี่อาจเปนหญากลายพันธุ นี่ฟงดูมีเหตุผล
สำหรับ เขา เจา อว นอยูก ับ อายฮุยในแดนร า งมาหลายป แ ละได เห็ น พื ชพรรณมา
มากมายนับไมถวน แตไมเคยเจอหญาแบบนี้
พืชที่กลายพันธุมักมีมูลคาเสมอ ผูใชพลังธาตุไมชอบสะสมและซื้อพืชกลายพันธุ
ซึ่งอาจทำใหเขาเพาะพันธุสายพันธุใหมขึ้นมาได
เยี่ยม! อะไรก็ตามที่สามารถขายไดราคาลวนดีเยี่ยม!
แลวเจาอวนก็รูสึกอารมณเสีย ในเมื่อพวกเขากำลังอยูทามกลางภัยพิบัติโลหิต ไม
มีอะไรสามารถขายไดราคาดีทั้งนั้น
หืม ทำไมมันตาของมันเคลื่อนไหวได
เจาอวนกับดวงตาของหญาจองกันและทั้งคูตางก็ตกตะลึง
นี่ทำใหเจาอวนรูสึกผวา และเมื่อเขารูวาเกิดอะไรขึ้น เขาก็โยนหมวกเกราะในมือ
ทิ้งและวิ่งออกไปจากโรงฝก
เหยียนไหยืนอยูนอกโรงฝกศาสตราวุธ มั่นใจในตัวเอง ทันทีที่เมล็ดหญาตกลงพื้น
มันจะผลิใบและงอกราก และตามที่คาด มันใชเวลาไมนานกอนที่เขาจะสัมผัสไดวา
เมล็ดนั้นงอกงามขึ้น จากนั้นครูหนึ่งเขาก็สัมผัสไดถึงการสั่นสะเทือน เขารูวาหญานั้น
ไดออกดอกแลว
พลังวิญญาณโลหิตไหลเขาไปในตาขวาของเขา ทำใหสิ่งที่เขาเห็นกลายเปนสีแดง
ผานไปนาทีหนึ่งสีแดงนั้นก็หายไปและเขาพบวาสิ่งที่เขาเห็นเปนภาพที่ตางไป
แตสิ่งที่เขาเห็นนั้นเปนใบหนาอวนใหญของคนผูหนึ่ง คนผูนี้จองมองเขาดวย
ความกระวนกระวาย
เกิดอะไรขึ้น
เหยียนไหหยุดไปครูหนึ่ง เขารับรูไดวามีใครบางคนอยูในโรงฝก! บัดซบ! ในวินาที
นั้นเอง เจาอวนและเขาก็จองตากัน เขามองเห็นไดอยางชัดเจนวาชายคนนี้นั้นเหมือน
แมวที่สัมผัสไดถึงอันตรายขนตั้งชูชันไปทั่วทั้งตัว
ไม!
หนาของเหยียนไหซีดเผือด เขาไมสนใจอะไรอีกตอไปและรีบวิ่งหนีทันที
“หยุดนะ!”
เจาอวนตะโกนไลหลังมา เหยียนไหไมกลาที่จะมองกลับไป เขาวิ่งหนีเร็วขึ้นไปอีก
ดวยชุดเกราะและโลที่หนัก เจาอวนจึงไมอาจเคลื่อนไหวไดเร็วนัก ระยะหาง
ระหวางทั้งคูเริ่มหากไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆ ความโกรธประทุขึ้นในจิตใจ เจาอวนโยน
โลในมือทิ้งและยื่นกำปนไปดานหลังของเขา
ตูม!
ไฟพวยพุงออกจากกำปนของเขา มันรุนแรงเกินกวาที่เขาคาดไว
เขารูสึกเหมือนถูกรถชนกระเด็นไปขางหนา ภายใตแรงมหาศาล ศีรษะและลำคอ
ของเขาหดเขาไปในรางกาย และรางของเขาก็ลอยขึ้นจากพื้นดินพุงตรงไปยังทายถนน
ดวยความเร็วอันนาทึ่ง
หนาเจาอวนซีดเผือด
ไฟและความเร็ว...นั่นคอนขางประหลาด...
เขาไมอาจทำอะไรไดนอกจากมองดูแผนหลังของชายผูนั้นใกลเขามาเรื่อยๆ โดย
ไมมีปฏิกิริยาใด เขาชนเขากับผูชายคนนั้นราวกับรถมาที่บรรทุกมาเต็มพิกัดจนเสีย
การควบคุม
บทที่ 200 ความจริงอันเจ็บปวด
ณ โรงฝกศาสตราวุธ
เจาอวนเลาเรื่องที่เกิดขึ้นใหพวกเขาฟงอยางออกรส
“...ขารูไดในทันทีวามีคนอยูขางนอกนั่น มันตองเปนโจรแน! ขาตะโกนออกมา
เสียงดังและพุงตัวออกไป เจาโจรนั่นกำลังวิ่งหนีไปทางปากซอย ดังนั้นขาจึงไดโยนโล
ทิ้งและวิ่งตามเขาไป เนื่องจากโจรวิ่งเร็วมากและขาไมมีเวลาจะถอดชุดเกราะออก ขา
จึงตัดสินใจใชกระบวนทา [เพลิงพิฆาตทะยาน]ของขาดวยความเร็วที่...เจาก็รู สุดยอด
...แตเจาโจรนั่นก็เจาเลหมาก มันกระดอนออกไปตามแรงปะทะของขาตอนนั้นขา
สะดุดกอนหินลมลงกับพื้นอุเหม! เจาหมอนั่นตองลำบากเชนกัน กระดูกของมันตอง
หักไปบางละ....”
“แปลวาเจาอวนจับเขาไมไดใชหรือไม” โหลวหลานขยิบตา
“จับไดสิ” เจาอวนพูดอยางจริงจังและยักไหล “แลวมันคอยหนีไป”
อายฮุยไมไดฟงคำสนทนาของพวกเขา แตจองไปที่หญาบนหมวก เขามีความรู
เกี่ยวกับพืชพรรณอยูบาง แตไมเคยเห็นหญาลักษณะเชนนี้มากอน เขานำหญาเขามา
ใกลๆ จมูกและไดกลิ่นหอมจางๆ
เขาดูจริงจังขึ้นมา
เมื่อ เขาไดยินเจาอวนพูดถึงโจร สิ ่ งแรกที ่ เขาคิ ดถึ งก็คื อต น ข าวสารอาจเปน
เปาหมาย ความเปนมาของทั้งตนขาวสารและนักโทษชรานั้นเปนเรื่องลึกลับ ในฐานะ
ศัตรูคูอาฆาตของพวก “โลหิตแหงเทพ” พวกเขาตองถูกคนหาอยางแนนอน
บางทีอาจมีสายลับของโลหิตแหงเทพแฝงตัวอยูในเมืองนี้
“มีอะไรผิดปกติหรือ” ซือเสวี่ยมั่นเดินมาขางกายเขา
รอยยิ้มบนใบหนานางแสดงใหเห็นวานางกำลังอารมณดี การตอสูวันนี้เปนไป
อยางราบรื่นเชนที่นางคาดหวังไว ยิ่งไปกวานั้น ไมมีคนไดรับบาดเจ็บลมตาย ซึ่งนั่นทำ
ใหนางยินดีเปนอยางมาก
“ไม” อายฮุยสายหนา “มันมีกลิ่นของพิษโลหิตอยู แตไมแรงนัก”
เขาสงตนหญาไปใหซือเสวี่ยมั่น
การแพรระบาดของพิษโลหิตนั้นยากเกินกวาจะตานทานและสรางมดโลหิตขึ้นมา
จำนวนมาก การกระจายตัวของพิษโลหิตยอมทำใหพืชพรรณใกลเคียงไดรับพิษอยาง
งายดายและรุนแรง เจาเมืองไดสงคนออกไปกำจัดตนพืชที่ติดพิษแลว ซึ่งสงผลใหเกิด
การกำจัดพืชพรรณทั้งหมดทิ้งในที่สุด
ดวยความรวดเร็วในการตอบสนองของเจาเมือง การแพรระบาดของพิษโลหิต
ในตอนนี้นั้นจึงชากวาที่เกิดขึ้นในปามากการแพรขยายอยางเชื่องชานี้ทำใหความ
เสียหายที่เกิดจากภัยพิบัตินี้ลดนอยลงอยางมาก
ซือเสวี่ยมั่นมองดูแลวก็ไมพบอะไรพิเศษเชนกัน
อายฮุยกลัววาหญานี้จะมีพิษโลหิตจึงไดขอใหเจาอวนเผามันทิ้ง
“กาวหนาไมนอย หึ! หกตำหนักแลวหรือ” อายฮุยมองเจาอวนจากหัวจรดเทา
และรูสึกประหลาดใจ
“นั่นเพราะขาเปนผูมีพรสวรรคไง” เจาอวนพยายามแสรงทำเปนสุขุม แตรอยยิ้ม
บนหนาเขาและตัวตาที่หรี่แคบเผยความยินดีที่อยูในใจเขาออกมา
“เยี่ยม!” อายฮุยกลาวชื่นชมและหันไปทางซือเสวี่ยมั่น “ดูเหมือนวาเขาจะยังไม
คุนเคยรับระดับพลังใหม มีความคิดอะไรที่จะชวยเขาไดบางหรือไม”
อายฮุยรูวาซือเสวี่ยมั่นมีประสบการณในเรื่องแบบนี้ นางมีความรูเกี่ยวกับการ
ฝกฝนดีกวาคนอื่นๆ ในที่นี้
“ไมมีใครปรับตัวไดในทันทีหรอก” ซือเสวี่ยมั่นกลาวกอนจะใหคำแนะนำที่มี
เหตุผล “ขาเคยพบเจอเรื่องคลายกันนี้มากอน หลังจากที่ใชเวลากับระดับพลังใหมสัก
พักหนึ่งก็จะปรับตัวไดเองตามธรรมชาติ ในตอนนี้ ขาแนะนำใหเจาอวนทำการฝกฝน
ที่ออกแบบมาพิเศษบางอยาง เชนการเคลือบผิวหนาของโลดวยไฟและรักษาสภาพนัน้
เอาไวใหนานที่สุดเทาที่ทำได อยางนอยก็สักสองนาที”
อายฮุยเชื่อวานั่นเปนความคิดที่ดี เจาอวนมีจุดเดนที่ความแข็งแรง หากโลที่เขา
ใชนั้นติดไฟ มันจะเปนประโยชนอยางมากตอพวกเขา
“โหลวหลาน ดูเจาอวนไว ใหเขาฝก [โลเพลิง] สองรอยรอบ” อายฮุยกลาว
“ไมมีปญหาอายฮุย” โหลวหลานตอบอยางราเริง
เจาอวนใจเตนรัวและกรีดรองออกมา “อายฮุย ทำไมไมฆาขาเสียเลยเลา สอง
รอยรอบ! ขาจะมีพลังธาตุมากมายขนาดนั้นไดอยางไร”
โหลวหลานกลาวอยางยินดี “ขามีความคิดดีๆ! เจาอวนกินพริกเพิ่ม เจามีความไว
และความเขากันไดกับพลังธาตุสูงมาก เจาสามารถฟนฟูพลังธาตุไดดวยการกินพริก นี่
จะชวยพัฒนารางกายของเจาเชนกัน เรามีพริกเพียงพออยูในหองเก็บของ”
เจาอวนมองโหลวหลานราวกับวาเขาอยากจะฆาตุกตาทรายดวยสายตา และ
กลาวดวยน้ำเสียงละหอย “โหลวหลาน! ทำไมเจาตองกลั่นแกลงขาตลอดเลย! น้ำแกง
เสริมพลังธาตุไฟเอย น้ำแกงมังกรเอยแลวยังมีน้ำมันพริกเพลิง...ขา...ขา...”
อายฮุยหยุดเจาอวนจากการคร่ำครวญและกลาวอยางเด็ดขาด “ดี เอาตามนั้น
โหลวหลาน สองรอยรอบ”
“ไมมีปญหาอายฮุย” โหลวหลานรับภารกิจอยางยินดี
อายฮุยเดินไปยังตนขาวสาร ทิ้งเจาอวนที่คร่ำครวญไวเบื้องหลัง และเชื่อมตอ
ใบไมที่หอยคอเขาอยูเขากับตนไม เขาคิดอยูครูหนึ่งและเริ่มเขียนบางอยางลงไป
“ขายินดีเหลือเกินที่สามารถติดตอทานได เราเพิ่งสังหารมดรอยโลหิตวันนี้ รอยโลหิต
ของมดนั้นคลุมเครือเปนอยางมาก สิ่งที่นาสนใจคือเลือดของมันนั้นสามารถกลายเปน
ผลึกแกวได และเราเรียกสิ่งที่คลายอัญมณีนั้นวาผลึกโลหิต ในตอนนี้ขายังไมรูวามันมี
ประโยชนหรือไมอยางไร ขาวรายก็คือ มีบางคนดูเหมือนจะลอบติดตามพวกเราอยู”
เขานั่งอยูใตตนไมขณะรอการตอบกลับ
แสงแหงการทะลวงผานปรากฏขึ้นทามกลางพวกนักเรียนที่กำลังฝกฝนกันอยูครั้งแลว
ครั้งเลา ไมมีอะไรจะฝกผูคนและปลดปลอยศักยภาพออกมาไดดีเทากับการตอสูจริง
อายฮุยที่นั่งอยูใตตนขาวสารไมไดรับความสนใจอันใด เขาทำเชนนี้มาหลายครั้ง
และคนอื่นๆก็ชินกับเรื่องนี้แลว
“ขายินดีที่เจายังมีชีวิตอยูรอยโลหิตนั้นสัมพันธโดยตรงกับความแข็งแกรงของ
สัตวโลหิต ยิ่งรองรอยโลหิตชัดเจนเทาไร มันก็ยิ่งแข็งแกรงเทานั้น สวนเรื่องของผลึก
โลหิตนั้นขาคิดวาขารู สำหรับผูใชพลังธาตุโลหิตแลว ผลึกโลหิตก็เหมือนกับอาหาร
พลังธาตุของเรา หรือศิลาปราณของยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน มันบรรจุพลังวิญญาณ
โลหิตเอาไวอยางหนาแนนซึ่งสามารถเสริมความเร็วในการฝกฝนของผูใชพลังธาตุ
โลหิตได ขาสงสัยวาสาเหตุที่พวกสัตวโลหิตถูกสรางขึ้นมาก็เพื่อผลิตผลึกโลหิต ขาไม
เคยไดทำการทดสอบมากอน ดังนั้นขาจึงไมอาจบอกไดวาผูใชพลังธาตุสามารถใชผลึก
โลหิตหรือไม หากมีใครลอบมองเจาอยูลับๆ เจาคงตองติดตอขาใหนอยลง จงปกปอง
ตัวเอง เปนไปไมไดเลยที่ภัยพิบัติโลหิตจะจบลงในระยะเวลาอันสั้น มีเพียงการมีชวี ิต
รอดตอไปเทานั้น เจาถึงจะมีโอกาสทำอะไรตอไป”
อายฮุยอานอยางละเอียดรอบคอบ จากนั้นเขาก็หยิบใบไมมาคลองคอไวอีกครั้งหนึ่ง
การเคลื่อนไหวของเขานั้นเปนไปอยางสบายและเขาดูจะเยือกเย็นเชนปกติ ทวา
ในใจของเขานั้นกลับปนปวนราวกับทองทะเลยามมีพายุ
การคาดเดาของนักโทษชราทำใหเขาตะลึงงัน แต ในใจเขาบอกวานี ่อาจเปน
วัตถุประสงคจริงๆของพวกโลหิตแหงเทพ
สรางพืชโลหิตขึ้นมาเพื่อใชในการฝกฝนของสัตวโลหิตซึ่งสามารถผลิตผลึกโลหิตได
ดังนั้นไมวาจะเปนพืชโลหิตหรือสัตวโลหิตลวนเปนวัตถุดิบในการสรางผลึกโลหิตทั้งสิ้น
ออ ผูใชพลังธาตุก็มีสวนเกี่ยวของดวย...
มดโลหิตกินผูใชพลังธาตุเพื่อเปลี่ยนสภาพ ซึ่งหลังจากนั้นรอยโลหิตก็จะปรากฎ
ขึ้นและพวกมันจะเติบโตไปเปนมดรอยโลหิตซึ่งสามารถผลิตผลึกโลหิตได
อายฮุยรูสึกหนาวขึ้นมา เขารูสึกวาเขาเพิ่งจะยกผาคลุมของภัยพิบัติและพบเห็น
ความจริงที่นาแตกตื่นที่ซอนไว
พวกเขาตองชางบาคลั่งและเลือดเย็นถึงเพียงใดที่คิดสิ่งที่ชั่วรายและสรางหายนะ
แบบพิษโลหิตนี้ขึ้นมาได
เขานั่งลงบนพื้น ดูเหมอลอย
“เปนอะไรไปหรือ” ซือเสวี่ยมั่นถามอยางเปนหวง
อายฮุยนั่งเหมอลอยใตตนไมมานานกวาสิบนาที ซึ่งทำใหนางเกิดความสนใจ นาง
ไมเคยเห็นอายฮุยมีสีหนาเชนนี้มากอน มันเปนสวนผสมของความกลัว สับสน และไม
สบายใจ
อายฮุยถูกดึงกลับสูความเปนจริง “ไมมีอะไร”
เขาพลันถามกลับไป “เจาไมกลัวหรือ”
“กลัว?” ซือเสวี่ยมั่นหยุดไปครูหนึ่ง “กลัวสิ ขากลัวตั้งแตตอนเริ่มแรก แตตอนนี้
รูสึกดีขึ้นมาก หวาดกลัวไปก็ไรประโยชน มันเปนการตอสูระหวางความเปนและความ
ตายอยูแลว ขาไมจำเปนตองไปคิดใหวุนวาย”
อายฮุยพลันคิดไดและขจัดความกลัวออกไป
ใชแลว มันเปนการตอสูระหวางความเปนกับความตายมาตั้งแตแรกแลว บางที
พวกเขาอาจถูกมองวาเปนวัตถุดิบ แตเพราะเหตุใดเลา พวกศัตรูอาจจะแข็งแกรงและ
บาคลั่ง แตแลวอยางไร
จะยอมแพและมอบตัวหรือ ฝากชีวิตของตัวเองไวในความเมตตาของศัตรูและรอ
ถูกเชือดเชนนั้นหรือ
มันไมตางกันเลย!
อายฮุยตบไหลซือเสวี่ยมั่นอยางลืมตัวและกลาววา “สตรีเหล็กยอมมีใจเหล็ก”
รางของซือเสวี่ยมั่นแข็งคางเมื่ออายฮุยวางมือไวบนบาของนาง แตเมื่อนางไดยิน
คำพูดของเขาสีหนานางก็หมองคล้ำลง
สตรีเหล็ก...
อายฮุยก็นึกไดวาตนเพิ่งเอยอะไรออกไป เขาหัวเราะเหนียมๆ แลววิ่งหนีไปอยาง
รวดเร็วที่สุดเทาที่จะทำได
…..
ณ โรงเย็บปกอวี้
หันอวี้ฉินอานรางแผนการอยางละเอียดรอบคอบ
โรงงานนั้นเงียบสงบอยางยิ่ง เจาเมืองและครูใหญนั่งอยูหนานางไมกลาสงเสียง
แมแตนอย
นางสัมผัสกระดาษนั้นราวกับวามันเปนใบหนาของสามี อักษรทุกตัวบนกระดาษ
คือผลของหยาดเหงื่อและหยดเลือด มันสองสวางเจิดจาในสายตาของนาง
นางคงบาไปแลว
เหตุใดนางถึงสนใจในตัวเขา เหตุใดนางจึงไมอาจละสายตาจากเขาไปได เหตุใด
นางจึงยอมมอบกายใหเขา เหตุใดนางจึงไมเคยนึกเสียใจกับการตัดสินใจแมวาเขาจะ
เปนเพียงคนธรรมดาสามัญมาตลอดชีวิตของเขา
เหตุผลนั้นก็คือตัวอักษรทุกตัวในรางแผนการนี้
นางอานทุกคำอยางละเอียดรอบคอบกอนที่จะสงตอมันไปใหเจาเมือง “จงทำ
ตามที่เขียนไว”
เสียงของนางสงบทวากระจางชัด
“ไมมีปญหา!”
เจา เมือ งหวังเจินและครูใหญ ตอบตกลงในเวลาเดี ย วกั น ปรมาจารย ห ั นคื อ
ความหวังสุดทายของพวกเขาในตอนนี้
หวังเจินกลาวเสริม “โปรดบอกขาหากทานตองการสิ่งใด อยาไดเกรงใจ”
“ขาเกรงวามันจะใชเวลานานในการเตรียมทุกอยางที่จำเปน” หันอวี้ฉินตอบกลับ
อยางนิ่งสงบ “ขาเองก็ตองปลีกตนเพื่อการเตรียมการ โปรดแจงขาเมื่อจุดสำคัญ
ทั้งหมดไดจัดเตรียมเสร็จแลว”
“ได” พวกเขาเดินออกจากหองไปพรอมกัน"
“หมิงซิ่ว ขาจะทำการปลีกตน เจารับหนาที่ดูแลทุกอยางแทนขา” หันอวี้ฉินกลาว
“เจาคะอาจารย” หมิงซิ่วกลาวเสียงออน นางรูสึกไมสบายใจโดยไมทราบสาเหตุ
หวังเจินและครูใหญบินกลับไปที่จวนเจาเมืองดวยความเร็วสูงสุด ไมอาจรอที่จะ
อานรางแผนการ เมื่ออานจบสีหนาของพวกเขาก็กระจางขึ้น
“ชางเปนการออกแบบที่ยอดเยี่ยม! มันยอดเยี่ยมอยางที่สุด! ไมอยากจะเชื่อเลย!
ไมนาเชื่อจริงๆ! โสวชวนเปนผูเปยมดวยพรสวรรคจริงๆ” ครูใหญตื่นเตนจนไมอาจพูด
ออกมาเปนประโยคได แมวาจะมีหลายสวนที่เขาไมอาจเขาใจได แตเขาก็รูวาแผนการ
นี้มีความเปนไปไดที่จะสำเร็จอยางมาก
แมวาหันอวี้ฉินจะเคยรับปากพวกเขากอนหนานี้ แตพวกเขาก็ยังคิดวามันยังไม
นาเชื่อถือนักซึ่งแทบจะมีคาเทียบเทากับไมมีอะไรเลย พวกเขาไมไดตั้งความหวังอะไร
มากนัก
จนกระทั่งพวกเขาไดเห็นรางแผนการจึงไดรูวาแผนการนี้ชางมีความหวัง!
และไมมีสิ่งใดนาตื่นเตนยิ่งไปกวา ความหวังทามกลางความสิ้นหวัง
ครูใหญสงบความตื่นเตนเอาไว เขาจองมองไปยังการออกแบบอันซับซอนบน
กระดาษและรูสึกเปนกังวล “ขาไมแนใจวาเราสามารถสรางของพวกนี้ไดทั้งหมด พวก
มันซับซอนมากเหลือเกิน เรียกพวกชางฝมือมาถามเถอะ”
“เราตองทำใหได!” หวังเจินกลาวอยางเด็ดขาด “เรียกชางฝมือมาทั้งหมด เรามี
เวลาไมมากดังนั้นเราตองทำใหเร็วที่สุดเทาที่จะทำได!”
ทั่วทั้งเมืองซงเจียนถูกเย็บปกอยางแข็งขัน
บทที่ 201 การเปลี่ยนแปลงของเพลิงสันหลังมังกร
“โหลวหลาน พบอะไรบางหรือไม” อายฮุยถามอยางมุงหวัง
สาเหตุ ท ี ่ เ ขายื น กรานจะนำผลึ ก โลหิต กลั บ มาก็เ พราะเขามีโ หลวหลานผู  มี
ความสามารถ บางทีโหลวหลานอาจพบอะไรก็ได
“ขอโทษดวย ไมพบอะไรเลยอายฮุย” โหลวหลานสายหนา “ผลึกลักษณะนี้
แตกตางจากทุกชนิดที่โหลวหลานเคยพบเจอมา มันไดเสียความเปนพิษไปทั้งหมด
และเปลี่ยนเปนพลังที่แปลกประหลาดรูปแบบหนึ่ง บางทีอาจเปนพลังวิญญาณโลหิต
ที่อายฮุยเคยพูดถึง แตแกนทรายโหลวหลานไมมีการบันทึกถึงพลังเชนนั้น อายฮุย
วั ต ถุ ด ิ บ ชนิด ใหมเ ชน นี ้ ต  อ งใช เ วลาและการวิ จ ัย มากมายก อ นที ่เ ราจะเข า ใจถึ ง
ประโยชนใชสอยของมัน”
อายฮุยผิดหวังเล็กนอย แตเมื่อคิดดูแลวก็ไมมีอะไรแปลก คนของเจาเมืองคงพบ
อะไรบางอยางไปแลวหากมันเปนเรื่องงายดาย
“ไมตองเสียใจโหลวหลาน เจาเกงมากแลว ทุกคนลวนนับถือและชื่นชมเจา” อายฮุย
กลาวออกมาอยางจริงใจ
“จริงหรือ” โหลวหลานเบิกตากวาง ไมอยากเชื่อในคำพูดของอายฮุย
“แนนอน!” อายฮุยพลันตะโกนออกมา “ทุกคนบอกขาที โหลวหลานดีหรือไม
ใครชอบโหลวหลานบาง”
“แนนอน เขายอดมาก!”
“โหลวหลานเปนตุกตาทรายที่ดีที่สุด!”
“ขารักเจา โหลวหลาน!”
“โหลวหลาน ขาอยากพาเจากลับบาน!”
โหลวหลานรูสึกตะลึงไปชั่วขณะ กอนที่จะยิ้มกวางออกมา ดวงตาของเขากลายเปน
พระจันทรเสี้ยวสองดวง เขาตอบกลับอยางยินดีวา “โหลวหลานก็รักทุกคนเชนกัน!”
โหลวหลานเปลี่ยนรางเปนวงล อ ทรายอยา งตื่ น เตน “โหลวหลานการแพทย
มาแลว!”
ฟุบ! วงลอทรายกระจายตัวออกไปกลิ้งบนหลังของทุกๆ คน
“ฮาฮาฮา จั๊กจี้!”
“ฮาฮาฮา!”
...
เมื่อเห็นทุกคนมีความสุข ดวงตาเย็นเยียบของอายฮุยก็ออนโยนลงอยางมาก อายฮุย
ไมเคยลืมคำพูดของโหลวหลาน “ใครจะมาจดจำตุกตาทราย”
ผูคนจำนวนมากจะจดจำเจา โหลวหลาน
อายฮุยคิดในใจ
ซือเสวี่ยมั่นสายหนาอยางชวยไมได แผนการฝกฝนที่นางจัดเตรียมไวใหทุกคนถูก
ขัดขวางโดยอายฮุยแตนางก็ไมกลาไปขัดภาพความราเริงเบื้องหนาของนางได
การศึกอันโหดรายในยามค่ำคืน การไดเห็นเพื่อนรวมกลุมตายตกไป สถานการณ
ที่อันตรายถึงชีวิตอยางตอเนื่องเปนเสมือนทองฟาอันเย็นเยียบถูกปกคลุมดวยหมอก
ควันหนาทึบ ไมมีที่ใหหลบหนี ทุกคนตองกัดฟนสูเพื่อเอาชีวิตรอด
กลุมนักเรียนที่กำลังหัวเราะเฮฮาพลันทำใหนึกไดวาพวกเขาก็เปนเพียงแค เด็ก
กลุมหนึ่งเทานั้น
นางหันไปมองทางอายฮุยและไดพบเห็นดวงตาที่เย็นชาและเปลาเปลี่ยวนั้นมี
ความอบอุนขึ้นมา ราวกับทองฟาถูกยอมสีดวยแสงแหงดวงอาทิตย
นางตกใจ นี่เปนครั้งแรกที่นางไดเห็นรัศมีอันอบอุนแผออกมาจากกายของอายฮุย
เมื่อสัมผัสไดวามีคนมอง อายฮุยก็หันไปดูและพบวาเปนสตรี เหล็ก เขาลังเล
เล็กนอยกอนจะพึมพำกับตัวเอง “ขาควรบอกออกไปหรือไม”
“เจาตองการจะบอกอะไร” ซือเสวี่ยมั่นโพลงออกมา เมื่อนางกลาวจบนางก็รสู ึก
อายเล็กนอย
“ถาอยางนั้นขาจะบอกแลวกัน” อายฮุยเดินตรงเขาไปหาซือเสวี่ยมั่นดวยสีหนา
เครงขรึมจริงจังราวกับวาเพิ่งตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต
ซือเสวี่ยมั่นรูสึกกังวลอยางบอกไมถูก นางพยายามอยางมากที่จะรักษาความสงบ
เยือกเย็นเอาไว แตหัวใจนางกลับเตนเร็วขึ้นเรื่อยๆ
อายฮุยเดินเขาใกลซือเสวี่ยมั่นกอนที่จะกลาวเสียงแผวเบา “เออ..เหล็ก...เออ..
เทพธิดา...”
ในพจนานุกรมของซือเสวี่ยมั่น คำวา “เทพธิดา” เปนคำที่ธรรมดาที่สุด ตั้งแตยังเด็ก
นางก็จำไมไดแลววามีคนจำนวนเทาไรที่เรียกนางเชนนี้ แมแตในกลุมภารกิจทุกคนก็
เรียกนางเชนนี้ นางรูวาคำชมนี้มาจากรูปลักษณภายนอกของนางและนางก็ไมได
รังเกียจหรือชื่นชอบมัน
แตตอนนี้เมื่อไดยินอายฮุยเรียกนางวา “เทพธิดา” กลับทำใหหัวใจนางเตนแรง
กวาเดิม ตุบ ตุบ ตุบ เสียงหัวใจเหมือนจะดังกองอยูในอกของนาง
“ขาไดชวยชีวิตเจามาสองสามครั้งแลว” อายฮุยกลาวดวยสีหนาหงิมๆ “ดังคำ
กลาวที่วา ชดใชบุญคุณชีวิตดวยเงินทอง ขาไมไดคิดจะขมขูเจาหรอกนะ แตเราก็ผาน
อันตรายถึงชีวิตดวยกันมา มันคงจะไมสมเหตุผลนักหากขาจะขอมากไป ดังนั้นเจา
เพียง...”
หนาของซือเสวี่ยมั่นเปลี่ยนเปนดำราวกนหมอนางชี้ทวนเมฆายอมสวรรค ไปที่
อายฮุยทาทายอยางเยือกเย็นวา “มาประลองกัน!”
“พูดจากันดีๆ ก็ได!” อายฮุยหัวเราะ “ไมมีธุรกิจก็มีน้ำใจใหกันได ฮาฮาฮา ลืมมัน
ไปเถอะ ไมตองจายก็ได ลืมมันไปเถอะ ฮาฮาฮา...”
สูกับสตรีเหล็ก ขาตองเสียสติไปแลวแนๆ หากยอมทำเรื่องโงแบบนั้น อายฮุยคิดในใจ
ภายใตการจองมองอยางอันโกรธเกรี้ยวของซือเสวี่ยมั่น อายฮุยหลบเขาไปในหอง
ดวยความหดหูใจ
เฮอ ความฝนที่จะทำเงินแหลกสลายไปหมดแลว
หาเงินนี่ไมงายเลย!
อายฮุยเหลือบมองไปที่ผลึกแกวบนโตะ คร่ำครวญใหกับความโหดรายของชีวิต
อยางชวยไมได เขาเก็บผลึกโลหิตมาหวังวาจะใชมันหาเงินได ทวานั่นก็ดูเหมือนจะไร
ซึ่งความหวังเชนกัน
ในขณะที่อายฮุยเลนกับผลึกโลหิตในมือ เขาก็มุงความสนใจไปที่ผลึกนั้นอยางไมรูตัว
ประกายสีแดงสดฉายออกมาจากผลึกโลหิตที่กระจางใสบริสุทธิ์ หากสังเกตใหดี
จะเห็นเสนใยสีแดงเลือดเสนเล็กๆ ผลึกโลหิตนั้นแข็งและมีน้ำหนัก เมื่อเคาะกับโตะจะ
เกิดเสียงคลายเสียงของการใชกอนหินเคาะ
สิ่งที่อายฮุยประหลาดใจมากที่สุดก็คือผลึกโลหิตนั้นไมมีกลิ่น ในขณะที่พิษโลหิต
นั้นมีกลิ่นหอมชัดเจน
โหลวหลานบอกวาผลึกโลหิตไมมีพิษ
มั น ยากที ่ จ ะจิ น ตนาการได ว  า อั ญ มณี ส ี แ ดงนี ้ เ กิ ด มาจากเลื อ ดสดๆ การ
เปลี่ยนแปลงที่ไมอาจจินตนาการไดนี้สรางความหวาดกลัวที่อายฮุยมีตอพวกโลหิต
แหงเทพมากขึ้นไปอีก
พวกโลหิตแหงเทพนั้นเปนนักทำลายลางอยางแทจริง และคำวา “ผูมีพรสวรรค”
ไมเพียงพอที่จะใชเรียกคนที่สรางสิ่งเหลานี้ขึ้นมาได
ไมแปลกเลยที่พวกผูเฒาจะโดนเลนงานหนักแบบนี้
เมื่อนึกถึงคำพูดของชายชราที่วาผลึกโลหิตบรรจุไวดวยพลังวิญญาณโลหิตเขาก็
สะดุงขึ้นมา บางทีเขาอาจลองใชผาพันแผลโลหิต เขาลองใชผลึกโลหิตสัม ผั สกั บ
ผาพันแผลโลหิตแลวก็ตองผิดหวังเมื่อผาพันแผลโลหิตไมมีปฏิกิริยาใด
เปนไปไดหรือไมวามันยังอิ่มอยูจากการกินครั้งกอน
หลังจากการกลั่นโลหิต ผาพันแผลโลหิตดูเหมือนจะหมดความสนใจในพิษโลหิต
ไป อา ยฮุย รูว  า มันตอ งมีก ารเปลี ่ย นแปลงบางอย า งเกิ ดขึ ้ น แต เขาไม รู  ว  า จะใช
ผาพันแผลโลหิตอยางไร มันทำหนาที่เปนเครื่องปองกันใหกับเขาอยูในเวลานี้ เขาใช
คุณสมบัติตามธรรมชาติของมันเพื่อปองกันการบาดเจ็บภายนอก ปกปองเขาจาก
เหตุรายมาแลวหลายครั้ง
พลังวิญญาณโลหิต...พลังวิญญาณหรือ
มีอะไรอีกที่เกี่ยวของกับพลังวิญญาณ ตัวออนกระบี่หรืออายฮุยไมกลาที่จะดูดซับ
ผลึกโลหิตตรงๆ เพราะหากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น แมแตเทวดาก็ชวยเขาไมได
แลวมีอะไรที่เขาทำไดอีกบาง
ดวงตาของอายฮุยทอประกาย เพลิงสันหลังมังกร!
เศษสิ่งประดิษฐเจ็ดชิ้นฝงอยูในเพลิงสันหลังมังกร อะไรคือเศษสิ่งประดิษฐพวก
มันคือเศษซากที่ยังเหลือจากของวิเศษและสิ่งประดิษฐในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน
เศษซากที่ไมถูกกัดกรอนโดยทะเลหมอกเงิน และในเมื่อมันเปนสิ่งประดิษฐหรือของ
วิเศษจากยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนมันตองเกี่ยวของกับพลังวิญญาณ
ทุกคนหากไมเรียกมันวาเศษสิ่งประดิษฐก็เรียกวาขยะจากทะเล ซึ่งบงบอกถึง
มุมมองที่ตางกันสองมุม อายฮุยเลือกที่จะใชคำวา “เศษสิ่งประดิษฐ” เพราะมัน
สามารถที่จะรอดมาจากการกัดกรอนนานนับพันป แมวาจะไมมีประโยชนใชสอยมาก
เทาไรแตก็ไมตองสงสัยเลยวาสิ่งประดิษฐเหลานี้มีคุณภาพสูงล้ำ
อายฮุยยกเพลิงสันหลังมังกรขึ้นมา
ผลึกแกวสีแดงเจ็ดเม็ดเรียงเปนแถวอยูบนตัวกระบี่
ผลึกแกวบนกระบี่และผลึกโลหิ ตลว นมีสี แดง ทวาเฉดสีและความมั นวาวนั้น
แตกตางกัน ผลึกแกวมีรูปทรงที่ชัดเจน ในขณะที่รูปทรงของผลึกโลหิตนั้นไมมีรูปแบบ
ตามขอเท็จจริงที่วาผลึกแกวนั้นไดมาจากทะเลหมอกเงิน ตนกำเนิดยอมไมเปนที่
รูจักและสืบยอนกลับไปไมได แตดูจากความมันวาวแลว มันนาจะมาจากสิ่งประดิษฐ
ชิ้นเดียวกัน
อายฮุยลองวางผลึกโลหิตใกลกับผลึกแกวเม็ดแรกที่อยูใกลกับดามกระบี่
ตื๊ด! ประกายกระแสไฟฟาไหลผานผลึกโลหิต ทำใหปลายนิ้วของอายฮุยชาหนึบ
อยางไรก็ตามอายฮุยไมอาจสนใจกับปลายนิ้วของตัวเองได เขาจองไปที่ตัวกระบี่
ดวยดวงตาที่เบิกกวางกลัววาจะพลาดรายละเอียดบางอยางไป
ผลึกโลหิตสีแดงเริ่มละลายกลายเปนกองเลือดสดกอนที่จะไหลเปนทางยาวตาม
ตัวกระบี่ การเคลื่อนไหวที่เล็กนอยแตชัดเจนทำใหอายฮุยสนใจ
นี่คือพลังวิญญาณเชนนั้นหรือ
ตัวกระบี่ถูกยอมไปดวยของเหลวจากผลึกโลหิต ซึ่งคอยๆ ซึมเขาไปในผลึกแกว
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด!
กระแสไฟฟาลองลอยอยูรอบตัวกระบี่
ผลึกแกวนั้นดูราวกับอสูรปาที่หิวกระหายอยางที่สุด ดูดกลืนของเหลวจากผลึก
โลหิตไมยอมหยุด
เมื่อ สายใยสุดทายของของเหลวสี แดงไหลเขา ไปในผลึ กแก ว กระแสไฟฟาที่
แข็งแกรงขึ้นกวาเกาก็วิ่งไปจากผลึกแกวเม็ดแรกสูเม็ดสุดทายอยางรวดเร็วพรอมกับ
เสียงดัง “ตื๊ด”
เมื่อกระแสไฟฟาสลายหายไป เพลิงสันหลังมังกรก็เงียบงันลงอีกครั้ง
อายฮุยจองมองไปยังเพลิงสันหลังมังกรอยางเหมอลอย รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุม
ปากของเขาขยายออกเรื่อยๆ เขาไมอาจควบคุมตัวเองไดอีกตอไปและแหงนหน า
หัวเราะออกมาอยางสำราญใจ
“ฮาฮาฮา...”
ผานไปครูหนึ่ง อายฮุยก็กลับสูภาวะปกติและเริ่มตรวจสอบกระบี่ในมืออยาง
ละเอียด
ผลึกแกวสีแดงนั้นมีสีออนจางลงเล็กนอย หากไมใชเพราะอายฮุยมีความคุนเคย
กับเพลิงสันหลังมังกรเปนอยางมากแลวละก็ การเปลี่ยนแปลงนี้คงไมอาจสังเกตเห็น
ไดโดยงาย เมื่อมองดูใกลๆ อายฮุยมองเห็นเสนใยของกระแสไฟฟา มันเล็กละเอียด
มาก จะสามารถมองเห็นไดก็ตอเมื่อเขามาดูใกลๆ เทานั้น มันถูกแชแข็งคางอยูภายใน
แกวผลึกแตละเม็ด และสรางเสนตรงเชื่อมระหวางกันขึ้นมา
หลังจากจองมองอยางละเอียดอยูนานอายฮุยจึงสังเกตเห็นวา อันที่จริงแลวเสน
ใยกระแสไฟฟานี้ไหลกลับไปกลับมาระหว างผลึกแกว ทั ้งเจ็ ด เนื ่ อ งจากความเร็ว
กระแสไฟฟานั้นสูงมาก ทำใหดูเหมือนวามันเชื่อมผลึกแกวทั้งหมดเขาไวดวยกัน
อายฮุยอุทานออกมาอยางประหลาดใจ “เปนไปไดอยางไร”
ผลึกแกวทั้งเจ็ดไมไดเชื่อมตอกันจากเม็ดแรกสูเม็ดสุดทาย แตพวกมันมีระยะหาง
ระหวา งกันโดยมีตัวกระบี่ขวางเอาไว ทว า สายใยกระแสไฟฟ าเส น บางๆ นี ้ ก ลั บ
สามารถไหลไปมาไดโดยไมสนระยะหาง
นี่คือสิ่งประดิฐจากยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตนอยางนั้นหรือ
ชางมหัศจรรย! อายฮุยรูสึกหลงใหลขึ้นมาอยางอดใจไมได เมื่อเทียบกับความ
เกรียงไกรของยุคสมัยแหงการบำเพ็ญ อูสิงเทียนในวันนี้นั้นก็ไมตางจากเด็กแรกเกิด
เขากระโดดขึ้น ควาเพลิงสันหลังมังกรเอาไวและกวัดแกวงไปมา
ไมมีการเปลี่ยนแปลง
เขาทดลองออกกระบวนทา [ฟาดเฉียง] และกระบี่ก็ทอประกายควบคูไปกับเสน
ใยกระแสไฟฟาที่สวางวาบขึ้นภายในรังสีกระบี่กอนที่จะหายไป
ใชงานไดจริงๆ ดวย!
อายฮุยนั้นยิ่งกวาดีใจ หากเพลงกระบี่ของเขามีกระแสไฟฟาอยูภายใน มันก็
เหมือนกับเสือติดปก นิ้วมือของเขาชาดานจากสิ่งที่นาตกใจเมื่อครูนี้ แมวาความชา
ดานนี้จะไมรุนแรงนัก แตมันก็มีผล ในการตอสูที่ดุเดือดนั้นความเปลี่ยนแปลงเพียง
เล็กนอยก็สามารถสรางความแตกตางได
ดวยประสบการณการตอสูที่มากมาย อายฮุยก็สามารถคิดวิธีใชกระแสไฟฟาให
เปนประโยชนขึ้นมาไดสองสามอยางแลว นอกจากนี้ จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
อายฮุยเชื่อวาหากใชผลึกโลหิตมากขึ้น กระแสไฟฟาจะยิ่งทรงพลังมากขึ้น
เขาลองใชกระบวนทาอื่น
เขาตองการจะสำรวจวาเพลิงสันหลังมังกรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไมหากเขา
ใชพลังธาตุในกระบวนทา
จะมีอะไรเหมาะไปกวา [พระจันทรเสี้ยว]
เขาถือเพลิงสันหลังมังกรเอาไวและเดินไปที่สวน ที่ทุกคนกำลังฝกซอมกันอยู
อายฮุยพูดดวยเสียงดัง “ขาจะทดสอบกระบวนทา โปรดถอยหางออกไปหนอย”
เจาอวนเคลื่อนไวเปนคนแรกฉวยโอกาสอู เขาหาที่พักหลบอยูมุมขณะที่กอดโล
หนักเอาไว
ทุกคนหยุดฝกซอมและเคลื่อนตัวไปดานขาง
ทุกคนจับตามองไปที่อายฮุยและกระบี่ในมือเขา
บทที่ 202 การสูญเสียของเหยียนไห
เหยี่ยนไหเคลื่อนตัวไปในความมืด ปวดระบมไปครึ่งราง
แรงปะทะที่เกิดจากการพุงชนกอนหนานี้เกือบทำใหรางของเขาขาดออกจากกัน
กระดูกหลายทอนแตกหัก หากไมใชเพราะความสามารถในการฟนฟูที่แข็งแกรงของ
เขาแลว เขาอาจยังตองนอนเปนอัมพาตอยูบนเตียง
พลังวิญญาณโลหิตในกายเขานั้นยังตื้นเขินนักแตความสามารถในการฟนฟูของ
เขาก็เหนือล้ำวาคนทั่วไป เมื่อคิดถึงทักษะลับก็ทำใหหัวใจของเขาเตนรัว ถาหากเขา
สามารถทำการอุทิศตัวไดมากพอ เขาก็จะไดทักษะลับมาครอบครอง
เขาตองไดผลึกโลหิตมา
คืนนี้เปนโอกาสสุดทายของเขา มีภารกิจในวันพรุงนี้และทุกคนในเมืองตองเขา
รวมศึก ตัวเขาเองก็เชนกัน และตัวตนปลอมของเขาก็ยังมีประโยชนอยู
เขาไมไดเขาไปเมื่อมาถึงปากตรอกของโรงฝกศาสตราวุธอุบัติเหตุกอนหนานี้ ทำ
ใหเขารูวา เขาไมอาจทำผิดพลาดไดแ มแตน อย ความแข็งแกร งของกลุ มนัก เรี ย น
หมายเลขหนึ่งนั้นเกินกวาที่เขาจิตนาการไว เขาไมอาจเอาชนะใครก็ตามในกลุมนั้นได
เขาตองการผลึกโลหิต ไมใชการตอสู
มีวิธีไดมาซึ่งผลึกโลหิตอยูมากมาย และการตอสูเปนเพียงวิธีหนึ่งเทานั้น
เขาหยิบธงเล็กๆ ขึ้นมา ผืนธงมันเสียหายอยางมากและคันธงที่ทำจากกระดูกก็
เหลือเพียงครึ่งเดียว บนธงเขียนรูปปศาจสีแดงเอาไว นี่เปนวัตถุที่เขาไดมาอยางไม
ตั้งใจระหวางการฝก ในตอนแรกเขาไมรูวามันคืออะไร แตหลังจากทำการวิจัยและ
ปรึกษากับผูคนมากมายที่มีประสบการณดานนี้ ก็พบวาธงผืนนี้อันที่จริงแลวเปนธง
เรียกวิญญาณ
ในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน ธงเรียกวิญญาณนั้นเปนของวิเศษที่หาไดทั่วไปใน
พรรคโลหิต มันถูกใชในการฝกฝนวิญญาณ ปศาจโลหิต หรืออะไรพวกนั้น
มันสามารถสรางความเชื่อมโยงกับพลังวิญญาณโลหิตในกายของเขาได
เมื่อเวลาผานไป ธงเรียกวิญญาณก็เริ่มทรุดโทรมลง สำหรับเหยียนไหมันยั งคง
เปนของวิเศษที่โดดเดน และเพราะสิ่งนี้ทำใหเขาเรียนรูวาเศษสิ่งประดิษฐจากยุคสมัย
แหงการบำเพ็ญตนนั้นยังมีประโยชนสำหรับเขา หลังจากนั้นเขาก็เที่ยวเสาะหาไปทั่ว
เพื่อเก็บสะสมเศษสิ่งประดิษฐ แตก็ไมสามารถหาสิ่งที่เขาใชได
เขาหยิบมีดเล็กๆ ออกมากรีดที่แขนตัวเองจนเปนแผลนาตกใจ
เลือดสดๆ ไหลลงไปบนธงอยางตอเนื่อง และหายไปในทันทีที่สัมผัสกับผืนธง
ปศาจสีแดงตัวนอยบนธงก็เริ่มดูละเอียดออน งดงามและนาหลงใหลมากขึ้น
เหยียนไหหนาซีดเผือดหลังจากที่เสียเลือดไปอยางตอเนื่อง
ทันใดนั้น หมอกสีแดงเลือดก็ลอยขึ้นมาจากธงเรียกวิญญาณ และปศาจตัวนอยที่
เลือนรางและพรามัวก็สามารถมองเห็นไดที่ใจกลางธง
ความยินดีกระจายไปทั่วใบหนาอันซีดเผือดของเหยียนไห เขานั่งขัดสมาธิอยูบน
พื้นพลางหลับตา
เงารางของปศาจนอยคอยๆ จางลงและเลือนหายไป
นี ่ ค ื อ ไพ เ ด็ ด ของเขาและเป น สิ ่ ง ที ่ เ ขาทุ  ม เทความมั ่ น ใจให ใ นคื น นี ้ ด ว ย
ความสามารถในการเรนกาย ปศาจนอยจึงยิ่งกวาเหมาะสมในการลักขโมยหากเขาฉก
ฉวยผลึกโลหิตออกมาได การเสียเลือดเพียงแคนี้ก็ไมมีความหมายอะไรใหพูดถึง
ภาพที่มองเห็นผานสายตาของปศาจนอยนั้นเปนสีเทา เย็นเยียบ และแนนิ่ง เหยียนไห
นั้นคอนขางคุนเคยกับการบังคับดีเพราะวานี่ไมใชครั้งแรกของเขา
มันพลิกตัวขามกำแพงไป เหยียนไหเห็นผูคนยืนเปนวงกลมลอมอายฮุยเอาไวตรง
กลาง เขามองเห็นไดอยางชัดเจนเพราะมองลงมาจากมุมสูง
เขารูสึกสงสัย เจาพวกนี้กำลังทำอะไรกันอยู
เขากวาดมองไปทั่วทวาไมพบผลึกโลหิต สำหรับปศาจนอยแลว ผลึกโลหิตนั้นเปน
ประโยชนอยางมาก มันจะดูเหมือนกับ คบเพลิงในที ่มืด สามารถพบเห็น ไดอยาง
งายดาย
ทันใดนั้นเอง คลื่นพลังจิตก็แผพุงออกมาจากกายของอายฮุย
แยแลว! นี่ขาถูกพบเขาเชนนั้นหรือ
หัวใจของเหยียนไหเตนรัว แตเขาพยายามรักษาความสงบเยือกเย็นไว มันไมนา
เปนเชนนั้น ปศาจนอยที่ถูกเรียกมาดวยธงไมมีพลังธาตุ แมแตครูใหญของโรงเรียนซง
เจียนก็ไมอาจตรวจพบมันได
เขาคิดวาอายฮุยกำลังจะทดลองกระบวนทาหรืออะไรแบบนั้น
เหยียนไหเริ่มสนใจ อายฮุยไมไดแสดงกระบวนทาอะไรออกมาในวันนี้ นั่นทำให
เขาสงสัยในความสามารถของอายฮุย
อายฮุยตื่นเตนอยางยิ่ง
เขาไมคาดคิดวาผลึกโลหิตจะสามารถกระตุนการทำงานของเศษสิ่งประดิษฐบน
เพลิงสันหลังมังกรได เศษสิ่งประดิษฐนั้นลวนอยูในสภาพหยุดนิ่ง หากผลึกโลหิต
สามารถปลุกของวิเศษบางชิ้นขึ้นมาไดพวกเศษซากที่อยูในทะเลหมอกเงินที่เคยถูก
มองวาเปนขยะนั้นจะกลายเปนของมีคาขึ้นมา ราคาของมันจะพุงขึ้นอยางมหาศาล
นาเศราที่เขาไมมีเงินจะเริ่มธุรกิจ หรือวาเขาจะติดตออาจารยกับอาจารยหญิง
บางทีอาจหาเงินเพิ่มที่โรงเย็บปกได แตแลวเขาก็หัวเราะออกมาอยางไมตั้งใจ เขาอาจ
ไมมีชีวิตรอดผานภัยพิบัตินี้ไปก็ไดแลวทำไมเขาถึงยังคิดเรื่องการหาเงินอีก
เขาควรจะหาทางพัฒนาเพลิงสันหลังมังกรขึ้นไปอีกตางหาก เมื่อมันมีพลังมาก
ขึ้น โอกาสที่เขาจะมีชีวิตรอดก็จะเพิ่มขึ้นเชนกัน นอกจากนี้ก็เห็นไดชัดวาเพลิงสันหลัง
มังกรยังอยูหางไกลจากขีดจำกัดของมัน นั่นหมายถึงเขาตองการผลึกโลหิตเพิ่มขึ้น
ในเมื่อกระบี่มีแนวโนมที่จะพัฒนาไดมากขึ้น
อายฮุยรวบรวมความคิด
เขาเริ่มมีความคุนเคยกับการใช [พระจันทรเสี้ยว] แตการใช [เปยโตว] ไปพรอม
กันดวยนั้นคอนขางทาทาย
ตำหนักทั้งเจ็ดในรางของอายฮุยสั่นพองกันและปลดปลอยเสนใยพลังธาตุออกมา
เจ็ดสาย อายฮุยพรอมในการผสานพวกมันเขาดวยกัน
ในตอนนั้น ตัวออนกระบี่ที่อยูระหวางคิ้วของเขาก็สะดุงขึ้นโดยไมมีสัญญาณเตือนใดๆ
ความรูสึกที่ไมอาจบรรยายไดทวมทนเขามาในกายของอายฮุยเย็นเยียบจาก
ศีรษะจรดปลายเทาเขาสัมผัสไดถึงความเย็นเยียบ ความยินดีและความตื่นหายไปเมื่อ
เขาจมอยูในความรูสึกหนาวเย็นอยางไมคาดคิด
อายฮุยหันหนาเดินไปทางกำแพงรอบนอกราวกับสัมผัสอะไรบางอยางได
ไมมีอะไรใหมองเห็น แตเขากลับ “เห็น” บางสิ่งซึ่งดูเหมือนหมอก
เขาไมรูวามันคืออะไรแตสามารถสัมผัสไดถึงการมีอยูของมัน
พลังธาตุโคจรภายในกายของเขากลายเปนเต็มเปยมและอุดมสมบูรณยิ่งขึ้น กอน
หนานี้อายฮุยจำเปนตองใชความพยายามในการควบคุม ทวาตอนนี้ทุกอยางเปนไป
ตามธรรมชาติและราบรื่น
อายฮุยวาดเสนแสงอันงดงามบนทองฟาดวยเพลิงสันหลังมังกรในมือ ณ ตอนนั้น
ในสายตาของซือเสวี่ยมั่นและคนอื่นๆ เขาราวกับกลายเปนคนอื่นโดยสิ้นเชิง
เขาเพียงแคกวัดแกวงกระบี่ในมือ แตทุกการเคลื่อนไหวนั้นชางสอดผสานและ
งดงามนาชื่นชม นำมาซึ่งความสงบสุข
ดวงตาของซือเสวี่ยมั่นเปนประกายเมื่อนางนึกถึงครั้งแรกที่นางไดเห็นเพลงกระบี่
ของอายฮุย ตอนนั้นเขาก็ไมเลวนัก แตตอนนี้เขากลายเปนสิ่งที่ใหความรูสึกเหมือนกับ
ยอดฝมือมากขึ้น
หลังจากไดเห็นดวยตาตัวเองวาเขาคอยๆ เปลี่ยนไปทีละนิดไดอยางไร นางถึงได
เขาใจจริงๆ วาอายฮุยนั้นนากลัวเพียงไหน
ที่นาตกใจยิ่งกวานั้นก็คือ ทุกครั้งที่ตวนมูหวงฮุนรูสึกพึงพอใจกับความกาวหนา
ของตัวเอง อายฮุยพลันพุงทะยานขึ้นอยางรวดเร็ว เขาเคยคิดวาความเร็วในการ
กาวหนาของเขานั้นรวดเร็วแลว แตอายฮุยนั้นกลับรวดเร็วยิ่งกวา
ไดเห็นความสงางามของอายฮุยดังนี้แลว ตวนมูหวงฮุนตองกำหมัดอยางชวยไมได
เจาเติบโตขึ้นอีกแลว
ยอดเยี่ยมอะไรเชนนี้! นาตื่นเตนอะไรเชนนี้!
มีคูแขงที่แข็งแกรงอยางเจาคือเกียรติอันยิ่งใหญของขา ขาจะไมทำใหเจาตองรอ
นานนัก!
ตวนมูหวงฮุนรูสึกวาเลือดในกายเดือดพลาน ความรูสึกกระหายการตอสูพรั่งพรู
ขึ้นในกายของเขาราวกับเปลวเพลิงรอนแรง ทำใหรางกายของเขาสั่นเทาเล็กนอย
ทันใดนั้น อายฮุยก็แทงออก
เพลิงสันหลังมังกรในมือของอายฮุยกรีดวาดเสนโคงราวกับพระจันทรเสี้ยว
รังสีกระบี่ทอดตัวเปนเสนโคงฉายวาบขามผานทองฟาไปดวยความเร็วที่ไรใด
เปรียบ
เหยียนไหสะดุงอยูขางในเมื่ออายฮุยมองตรงมาที่เขา เขาถูกพบแลว! ไมมีเวลาพอ
ใหคิดวาเพราะเหตุใด เขาหันหลังกลับและหนีไปอยางรวดเร็ว
กอนที่เขาจะไดทำอะไร แสงรังสีแพรวพราวก็ฉายขึ้น ความหวาดกลัวอันแรงกลา
ครอบคลุมตัวเขา ปศาจนอยหันหลังหนีและไมอยูในการควบคุมอีกตอไป เขารูวานั่น
เปนความกลัวตามสัญชาตญาณของปศาจ ราวกับวามีบางอยางภายในแสงรังสีนั้นที่
นากลัวอยางมาก
พระจันทรเสี้ยวพุงเขาหาเขาดวยความเร็วอันเหลือเชื่อ
มันเร็ว ถึงขนาดที่ว า ทุก สิ่งที่เขาเห็ น ก็ คื อ แสงวาบครั ้ งหนึ ่ งก อ นที ่ จ ะรู  สึ ก ว า
บางอยางวิ่งผานกายของเขาไป
พริบตาตอมา ความชาหนึบก็กระจายไปทั่วรางของเขา
เขากมลงมองก็เห็นรูที่หนาอกของเขา รังสีแสงเรืองรองกะพริบอยูรอบๆ ขอบ
ของมันราวกับเพลิงที่เผาไหมอยูบนกระดาษ มันยังคงไหมตอไปไมยอมหยุด
นั่นมัน...สายฟาหรือ
เหยียนไหจองมองไปที่แสงรังสีสีเงินยวงซึ่งขยายตัวแพรกระจายออกไปอยาง
ตอเนื่อง
เขารูแลววาทำไมปศาจนอยถึงไดหวาดกลัวนัก
ในยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน ผี ศพคืนชีพ และอะไรพวกนั้นลวนหวาดกลัวเสียง
ของฟาผาที่สุด ฟารองและฟาผานับเปนพลังที่มีอำนาจมากที่สุดระหวางสวรรคและ
โลก เปนศัตรูตัวฉกาจของวิญญาณชั่วราย
แตทำไมถึงมีสายฟาได
ไมมีสายฟาในอูสิงเทียน ในหมูธาตุ ทอง ไม น้ำ ไฟ และดิน มีเพียงผูใชพลังธาตุ
น้ำที่เกี่ยวของกับสายฟา เมฆและหมอกของพวกเขาสามารถสรางสายฟาขึ้นมาได แต
พลังของฟารอ งฟาผานั้นก็ถ ูกจำกัดดวยเมฆ พลังอันรุนแรงและเกรี้ยวกราดของ
สายฟานั้นไมปรากฎใหเห็นเปนเวลาเนิ่นนานแลว ผูใชพลังธาตุน้ำจำนวนมากพยายาม
สรางสายฟาขึ้นมา แตจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไมมีใครสามารถนำมันมาใชในการตอสูได
สำเร็จแมแตครั้งเดียว
สายฟาในโลกแหงการบำเพ็ญตนนั้นแตกตางไปอยางสิ้นเชิง มันไดรับการขนาน
นามวา “ดาราฟาคำรน” มีดาราฟาคำรนอยูมากมายหลายชนิด การกลั่นโลหิตก็มี
ดาราฟาคำรนเชนกัน อยางเชน เทพสายฟาโลหิตสีชาดและอื่นๆ
แต โ ลกแห ง การบำเพ็ ญ ตนได จ บสิ ้ น ไปนานแล ว ผู  ค นทุ ก วั น นี ้ ไ ม ส ามารถ
จินตนาการไดถึงการมีอยูของดาราฟาคำรนที่เคยมีในอดีตไดดวยซ้ำไป
ไม ไมใชสายฟา แตเปนดาราฟาคำรน
เหยียนไหไมรูวาทำไม แตความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของเขาและไมยอมหายไป
เขาจองเขม็งไปที่เพลิงสันหลังมังกรในมือของอายฮุย เห็นผลึกแกวบนนั้น และ
เขาก็เขาใจในที่สุด เศษสิ่งประดิษฐ!
แตอายฮุยใชมันไดอยางไร คงไมใช...โดยการใชผลึกโลหิตหรอกใชไหม
ความเจ็บปวดที่บีบคั้นหัวใจทำใหเหยียนไหตองถอนตัวออกจากรางของปศาจนอย
เสนใยกระแสไฟฟายังคงกัดกินรางของมันตอไป ปศาจนอยดูราวกับกระดาษแผนหนึ่ง
ที่คอยๆ ถูกกลืนกินโดยเปลวไฟจนไมเหลือสิ่งใดไว
เหยียนไหลืมตาขึ้นพรอมกระอักเลือดออกมาคำใหญ สีหนาของเขาซีดเผือดยิ่ง
กวาเดิม
ธงเรียกวิญญาณตรงหนาเขามอดไหมลงเรื่อยๆ โดยไมมีเปลวไฟ เขาไมอาจดับมัน
ไดทันและธงนั้นก็เหลือเพียงเถา แมแตกระดูกที่เปนคันธงก็ไมเหลือ
เหยียนไหมองไกลออกไปในตรอกดวยความขุนเคืองอยางขมขื่นกอนที่จะหัน
หลังจากไป
เขาสูญเสียไปมากในวันนี้ ของวิเศษเพียงชิ้นเดียวของเขาถูกทำลายและตัวเขาก็
ไดรับบาดเจ็บ เทียบกับบาดแผลที่เขาไดรับในวันนี้ ความเจ็บปวดทางจิตใจนั้นยากยิ่ง
กวาที่จะเยียวยากลับมาได
เขาหายตัวไปในราตรีราวกับหมาปาที่บาดเจ็บ
ในโรงฝกศาสตราวุธ ทุกคนพูดคุยกันเรื่องเพลงกระบี่ที่นาตื่นตาตื่นใจของอายฮุย
กันอยางตื่นเตน
ตัวออนกระบี่ที่อยูระหวางคิ้วของอายฮุยกลับไปนอนหลับอีกครั้ง อายฮุยหลุด
ออกจากความเย็นเยือกนั่น เขาสงสัยในสิ่งที่เขาได “เห็น” กอนหนานี้ ทำไมตัวออน
กระบี่ถึงไดมีปฏิกิริยาถึงเพียงนั้น หรือวามันสัมผัสไดถึงอันตราย
อายฮุยรูสึกไมสบายใจและคิดถึงพวกโลหิตแหงเทพขึ้นมาทันที คิดถึงนักโทษชรา
และเขาก็สงสัย พวกโลหิตแหงเทพพบเขาแลวหรือไม นั่นคงไมดีแน...
บทที่ 203 สัตวโลหิตใหม
“เหยียนไห เจามาสาย” หัวหนากลุมไมพอใจ
“ขาสูกับมดโลหิตเขาและไดรับบาดเจ็บภายใน” เหยียนไหอธิบาย
แมวามดโลหิตสวนใหญในเมืองจะถูกลาลางไปแลว แตก็ยังพบเห็นมดโลหิ ต
จำนวนหนึ่งปรากฏตัวเปนระยะๆ คอยทำรายคนอยางงายดาย
สีหนาของหัวหนากลุมออนลงเมื่อเห็นใบหนาขาวซีดของเหยียนไห “ไมเปนไร
ตราบใดที่เจาไมไดรับบาดเจ็บภายนอก ไมเชนนั้นขาจะตองสงเจาไปยังเขตกักกัน ทุก
คนตองระวังใหมาก ยังมีมดโลหิตหลงเหลืออยูใหเห็นเสมอ ภารกิจของเราในวันนี้ไม
ตึงเครียดมากนัก พวกมดโลหิตถูกกำจัดไปเกือบหมดแลว พวกเราแคตองยืนยาม
บริเวณอุโมงคใตดิน หากพวกเราคนใดถูกลอบโจมตี ใหสงสัญญาณเตือนภัย เขาใจ
หรือไม”
“เขาใจ” เสียงตอบรับนั้นไมพรอมเพรียงกัน ขวัญกำลังใจของทุกคนนั้นต่ำเตี้ย
เรี่ยดิน
หัวหนากลุมไมไดพูดอะไรมาก เขาเองก็ไมไดมีกำลังใจเทาไรเชนกัน ในการศึก
เมื่อวานนี้ คนกวาครึ่งในกลุมของเขาถูกสังหารเหลือเพียงแคหนึ่งในสามเทานั้นที่ยังมี
ชีวิตรอด ถึงแมวาพวกเขาไดรับคนมาเพิ่ม แตก็ยังรูสึกไมปลอดภัยอยูดี
เปนเฉกเชนวาพวกเขากำลังนั่งรอใหความตายเขามา ชางสิ้นหวังเสียนี่กระไร
วันนี้พวกเขายืนยามที่เนินเขาเล็กๆ ทางตะวันตกของเมือง มีอุโมงคหลายสายที่นี่
ซึ่งเกิดจากฝมือของพวกมดโลหิต จวนเจาเมืองไมรูจะทำอยางไรดีกับอุโมงคใตดินพวก
นี้ ตอใหอุดอุโมงคไวก็ยังไรประโยชน ยังมีอะไรอีกที่สามารถใชปองกันพวกมดโลหิตได
ทุกคนไดแตหวังวาพวกมดโลหิตที่เหลือจะไมชอบขุดรู โชคดีอยางเดียวของพวก
เขาก็คือมดโลหิตมีขนาดเล็ก พวกสัตวโลหิตขนาดใหญไมอาจผานอุโมงคที่มีขนาดเทา
กำปนเขามาได ทวาอยางไรก็ตามยังคงมีอันตรายอยูเสมอ พวกแมลงที่มีขนาดไมใหญ
นักก็ยังสามารถใชอุโมงคที่ถูกขุดโดยมดโลหิตพวกนี้ในการเดินทางได
จวนเจาเมืองไดทำการวางกับดักจำนวนมากรอบอุโมงคพวกนี้ ไมมีใครรูวากับดัก
พวกนี้จะชวยปองกันสัตวโลหิตไดหรือไม ดังนั้นบริเวณโดยรอบของอุโมงคเหลานี้จึง
ยังถูกยืนยามโดยมนุษย อยางนอยตอใหพวกเขาไมอาจจะตานทานสัตวโลหิตได พวก
เขาก็ยังสามารถเตือนผูอื่นได
เนินเขาลูกนี้ตั้งขวางทิศทางลม ทุกคนหลบอยูในมุมที่ไมมีลมพัดผาน
“วันนี้เปนวันที่หาแลวใชหรือไม” ใครบางคนพลันถามขึ้นมา “จะมีกำลังเสริมมา
จริงหรือเปลา ตองรออีกสิบวันจริงหรือ”
ทุกคนเงียบงันไป ไมมีใครรูคำตอบนั้น ไมมีใครกลาคิดถึงมัน จวนเจาเมืองบอกวา
กำลังเสริมจะมาถึงหลังจากผานไปสิบหาวัน ผูมีอำนาจของอูสิงเทียน ยอมไมทิ้งพวก
เขาในยามยากลำบาก
เหยียนไหหันไปมองหัวหนากลุม
ทั้งสองเปนเพื่อนบานกันและมีความสัมพันธที่ดี ในตอนที่เขามาถึงเมืองซงเจียน
ครั้งแรก หัวหนากลุมเปนคนปกปองและชี้นำเขา จากผูคนทั้งหมดในเมืองซงจียนมี
เพียงหัวหนากลุมเทานั้นที่เขาตองการใหรอดชีวิต
เหยียนไหนับถือการกระทำของหัวหนากลุมอยางมาก เมื่อเทียบกับการกระทำ
อันขี้ขลาดของเขาแลว เขารูสึกวาหัวหนากลุมดีกวาเขาในทุกแงมุม เขาไมมีพรสวรรค
ดานใดและมีจิตใจที่ออนแอ ไมเชนนั้นแลวเขาจะถูกคัดออกตั้งแตแรกไดอยางไร
เขาเคยคิดมากกวาหนึ่งครั้งวา บางทีเขาอาจชักชวนใหหัวหนากลุมเปลี่ยนมาเปน
ผูใชพลังธาตุโลหิตได
เขาคอนขางลังเล เขาไมมั่นใจวาหัวหนากลุมจะยอมรับขอเสนอหรือไม
เหยียนไหเชื่อวาโลหิตแหงเทพนั้นเปนเสนทางที่ดีที่สุด เมื่อดูจากความสามารถ
ของหัวหนากลุมแลว เขายอมสามารถพิสูจนตัวเองตอองคกรไดอยางรวดเร็ว อยางไร
ก็ตามหัวหนากลุมยังมีครอบครัวใหกลับไปหา ไมเหมือนกับตัวเขา
เหยียนไหเปนสมาชิกโลหิตแหงเทพมาเปนเวลานานแลว เขาทราบเสนแบงเขต
แดนระหวางผูใชพลังธาตุโลหิตกับผูใชพลังธาตุทั่วไปดี และเมื่อเขตแดนนั้นกลายเปน
สิ่งกั้นขวางระหวางคนผูหนึ่งกับครอบครัวแลวละก็ มันนับเปนสิ่งที่เลวรายที่สุดในโลก
ความเจ็บปวดบางอยางนั้นแยยิ่งกวาความตาย
เวนเสียแตวามันจะเปนทางเลือกสุ ดทาย เขาไมมีทางเปลี่ยนหัวหนากลุ  ม ให
กลายเปนผูใชพลังธาตุโลหิต หัวหนากลุมเปนคนที่สัตยซื่อและมีอารมณรุมรอน ซึ่งนั่น
เปนจุดออนของเขาและอาจทำใหเขาเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
เขาไมตองการใหหัวหนากลุมกลาวโทษเขาไมวาดวยเหตุใดก็ตาม
คนตายนั้นหลุดพนจากความเจ็บปวด ในขณะที่คนที่ยังอยูตองแบกรับความทุกขทน
บางครั้งมันก็ยากที่จะบอกวาอยางไหนนั้นดีกวา
“พักผอนใหดีขาจะดูแทนเอง” หัวหนากลุมกลาวกับเหยียนไห
เหยียนไหมองไปทางหัวหนากลุม เขาอาปากจะพูดแตกลับไมมีเสียงออกมา
หัวหนากลุมตบบาและยิ้มใหเขา หลังจากกลาวจบ เขาก็หันหลังเดินไปยังบริเวณ
ปากทางเขาอุโมงคและนั่งลงตรงนั้น
เหยียนไหเผลอหลับไประหวางที่กำลังครุนคิด การตายของปศาจนอยทำใหสภาพ
จิตใจของเขาไดรับความเสียหายอยางใหญหลวง
ทันใดนั้นเขาก็ถูกปลุกขึ้นดวยเสียงสัญญาณเตือนอันเศราโศก เขากระเดงตัวขึ้น
อยางแรง
“ระวัง! มีบางอยางกำลังมา!” หัวหนากลุมยืนขึ้นและตะโกนเตือน
ลำแสงสีแดงพุงออกมาจากใตพื้นดินและทะลวงเขาใสหนาอกของหัวหนากลุม
“ไม ! ” เหยี ย นไห ก รีด ร อ งออกมาสีห น า ของเขาบู ด เบี ้ย ว เขายื น เหม อ ลอย
มองเห็นแสงแหงชีวิตคอยๆ เลือนหายไปจากดวงตาของหัวหนากลุม ดวงตาคูน้นั วาง
เปลาแลวรางนั้นก็รวงลงสูพื้นดวยเสียงอันดัง สงใหฝุนผงปลิวขึ้นสูทองฟา
เสียงกรีดรองอันนาอนาถดังกองไปในอากาศอยางไมรูจักจบสิ้น เหยียนไหไดแต
แสรงทำเปนไมไดยิน ใบหนาหดหูซีดขาวของเขานั้นดูราวกับไดสูญสิ้นวิญญาณไป เขา
จองมองไปยังหัวหนากลุมที่นอนนิ่งไมไหวติงอยูบนพื้น
ลำแสงสีแดงนั้นดูราวกับรังสีกระบี่ที่แปลกประหลาด มันสามารถบิดหมุนไปมา
กลางอากาศไดอยางอิสระ และวองไวปานสายฟา
ในชั่วพริบตาพื้นดินก็เต็มไปดวยซากศพ
ลำแสงสีแดงรวงสูพื้น และชางนาประหลาดใจยิ่งที่มันเปนงูโลหิตขนาดใหญพอๆ
กับทอนแขนตัวหนึ่ง เกล็ดของมันมีสีแดงปกคลุมดวยรอยโลหิตสีดำเดนชัด นัยนตาสี
แดงเลือดไมมีรองรอยของอารมณใดใหเห็นมันจองมองมาที่เหยียนไหซึ่งกำลังยืนตะลึง
ตัวแข็งทื่อ รองรอยแหงความสงสัยสายวาบขึ้นมาในดวงตาของมัน เหยื่อตรงหนานั้นดู
เหมือนจะมีกลิ่นคลายคลึงกับพวกมัน
งูโลหิตจองไปที่เขาอยางสนใจ กอนที่จะลาถอยและหายไปอยางไรรองรอย
เสียงสัญญาณเตือนอันนาหดหูดังขึ้นจากหลายที่ในเวลาเดียวกัน มันกระตุนความ
กังวลของทุกๆ คน พวกเขาเพิ่งจะดิ้นรนผานความกดดันที่ไดรับจากมดโลหิตมา และ
ตอนนี้ก็มีสัตวโลหิตกลุมใหมบุกเขามาอีกแลว
“เราไมมีเวลาใหพักแมแตนอย!” ครูใหญมีสีหนาโกรธเคือง “หาถึงเจ็ดวัน เจา
บอกวามันตองใชเวลาหาถึงเจ็ดวันในการกลายสภาพไมใชหรือ บัดซบ! มดโลหิตโจมตี
เราตั้งแตวันแรก!”
“นั่นแสดงใหเห็นวาเราประเมินพวกมันผิดไป” หวังเจินตอบ “การโจมตีระลอกนี้
อาจเปนระลอกแรกของพวกที่กลายสภาพเรียบรอยแลว”
“โปรดทราบ! สัญญาณเตือนแจงมาจากหกสถานที่กองกำลังปองกัน..ถูกกำจัดจน
หมดสิ้น” ผูใชพลังธาตุเรงเขามากลาวรายงานดวยเสียงอันสั่นเทา
หวังเจินเงียบงันไปครูหนึ่งกอนจะกลาวดวยเสียงเครงเครียดวา “เปนสัตวโลหิต
ประเภทไหนกัน”
“ที่พวกเราไดรับการยืนยันแลวในตอนนี้ มีงูโลหิตหนูโลหิตและผีเสื้อโลหิต” ผูใช
พลังธาตุตอบ
หวังเจินพึมพำกับตัวเอง “การโจมตีครั้งกอนเปนมดโลหิต เปนสัตวคนละชนิดกับ
การโจมตีในครั้งนี้ ดูเหมือนวาทุกครั้งที่มีการกลายสภาพสำเร็จ ความตึงเครียดและ
กดดันของพวกเราจะเพิ่มขึ้น แลวรอยโลหิตละ”
“รอยโลหิตชัดเจนมาก” ดวงตาของผู  ใช พ ลั งธาตุ แ สดงให เห็ น ถึ งความกลั ว
“ชัดเจนยิ่งกวารอยบนตัวมดโลหิตเสียอีก”
“สงกลุมยอดฝมือไปไลลาพวกมัน หวังเจินตัดสินใจอยางเฉียบขาด แมแตใน
สถานการณที่เลวรายลงเชนนี้เขาก็ยังมีความหวังเขากลาวตอไปวา” กลุมของนักเรียน
และประชาชนทั่วไป เราตองการใหไปตั้งจุดเฝาระวังทั่วทุกมุมของเมืองนี้ เราตองการ
รูตำแหนงที่แนชัดของพวกสัตวโลหิตวาอยูตรงไหนบาง"
“ครับ!” ผูใชพลังธาตุตอบอยางรวดเร็ว
กลุมยอดฝมือเปนหัวใจสำคัญของเมืองซงเจียน เปรียบไดกับพวกผูปกปองโรงฝก
เมื ่ อ เที ย บกั บ กลุ  ม ทั ่ ว ไปที ่ เ กิ ด จากการรวมตั ว กั น ของนั ก เรี ย นและประชาชน
ความสามารถของพวกเขาสูงกวามากนัก
ครูใหญหายใจออกมาอยางหนักหนวง เขารูแผนดั้งเดิมของหวังเจิน หวังเจินเคย
คาดการณไววาพวกเขาจะตองใชกลุมยอดฝมือหลังจากผานไปเกาวัน
นี่เกิดขึ้นเร็วกวาที่พวกเขาคาดคิดไวถึงสี่วัน
“แจงกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งใหพวกเขาเตรียมตัวโจมตี” หวังเจินกลาวขึ้น
ในทันที
“ไม!” ครูใหญขัดขึ้น “พวกเขายังเปนแคเด็ก! และอยาไดลืมสถานะของพวกเขา!”
หวังเจินพูดอยางฉุนเฉียว “สถานะ! สถานะอะไรก็ไมสำคัญแลวในตอนนี้! ทุกคน
ตองเขารวมการศึก! พวกเขามีการศึกรออยู! เจามีการศึกรออยู! ขาก็มีการศึกรออยู!
ทุกคนตองตอสูเพื่อตัวเอง!”
นี่เปนครั้งแรกที่ครูใหญไดเห็นหวังเจินโกรธหนักขนาดนี้ แตเขาก็ตอบกลับไป
อยางเยือกเย็น “แลวเจาคิดวาพวกเขามีความสามารถเพียงพอหรือ”
ความเยือกเย็นของครูใหญชวยคลายความโกรธเคืองของหวังเจินลง เขาลดความ
โกรธในน้ำเสียงลงและตอบกลับไป “ไมรูเหมือนกัน แตขารูสึกวาพวกเขามีศักยภาพ
ตลอดเวลาที่ผา นมาขา ไดใหความสนใจกั บ ความก า วหน า ของพวกเขา พวกเขา
พัฒนาขึ้นไดอยางรวดเร็วกวาที่ขาคาดคิดไว และความสามารถในการปรับตัวของพวก
เขาก็ดีกวาที่พวกเราคาดคิดไว พวกเขาเปนกลุมยอยที่มีผลงานดีที่สุด และยังเปนกลุม
ที่มีศักยภาพสูงสุด พวกเขาอาจเปนมือดีที่สุดที่เรามีอยูในตอนนี้!”
ครูใหญตกตะลึง “นี่เจาตองการจะเดิมพันกับพวกเขาเชนนั้นหรือ”
“ใชแ ลว ” หวังเจินตอบกลับ ไปอย า งจริ งจั ง “ข า คิ ดเรื ่ อ งความเป น ไปได ทั้ง
หมดแลว เราไมสามารถจะอยูรอดไปไดถึงสิบหาวัน ขาเพิ่งรูเมื่อวานนี้เองวาเรามีเพียง
สองตัวแปรในการศึกเปนตายครั้งนี้ตัวแปรแรกก็คือปรมาจารยหันกับหวังโสวชวน ขา
ประหลาดใจที่หวังโสวชวนสามารถทำการออกแบบไดสำเร็จ ปญหาในตอนนี้ก็คือ
ปรมาจารยหันจะสามารถทำตามแผนนั้นไดหรือไม และพวกเราจะสามารถยืนหยัด
จนถึงวันที่ปรมาจารยหันปดผนึกเมืองนี้สำเร็จไดหรือไม”
ครูใหญตอบกลับ “อีกตัวแปรหนึ่งก็คือกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งเชนนั้นหรือ”
“ใชแลว! ขาพลันคิดเรื่องนี้ขึ้นมาไดตอนที่ขาเห็นวาพวกเขาสามารถกำจัดมดรอย
โลหิตได กลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งก็เปนตัวแปรหนึ่งเชนกัน ศักยภาพของพวกเขา
นั้นมากกวาที่พวกเราจินตนาการไว และความกาวหนาของพวกเขาก็นาทึ่งอยางยิ่ง
อายฮุยเปดไดเจ็ดตำหนักแลว ระดับพลังของเขากอนหนาการศึกอยูระดับไหน
ซือเสวี่ยมั่นก็เริ่มแสดงใหเห็นถึงความสามารถในการรบของนางซึ่งยอดเยี่ยมที่สุดใน
กลุมพวกเขา ตราบใดที่นางปรับตัวใหเขากับการศึกไดนางจะเปนไพตายของพวกเรา
สวนตวนมูหวงฮุนนั้น เมื่อดูจากผลงานเมื่อเร็วๆ นี้ เขาดูเหมือนกลายเปนคนใหมไป
เลย สวนนักเรียนคนอื่นก็พัฒนาขึ้นอยางรวดเร็วเชนกัน เหตุที่ขามอบทรัพยากร
จำนวนมากใหกับพวกเขา นั่นก็เพราะขาไมอาจรูถึงขีดจำกัดของพวกเขาได พวกเขา
เปนกลุมของผูมีพรสวรรคบางทีอาจสรางปาฏิหาริยขึ้นมาก็ได”
ครูใหญสงบเยือกเย็นอยางที่สุด “บางทีพวกเขาอาจจะตาย พวกเขาจะสามารถ
ปรับตัวใหเขากับการศึกที่รุนแรงไดหรือไม นั่นเปนสิ่งที่พวกเราไมรู”
“แตมันคุมที่จะเสี่ยง” หวังเจินจองมองในดวงตาของอีกฝาย “หากพวกเขาตาย
นั่นก็หมายความวาพวกเขาไมใชตัวแปรของพวกเรา และไมมีพวกเราคนไหนสามารถ
หนีรอดไปได มีเพียงแตผานการศึก ความสำเร็จอันมันคงและความแข็งแกรงที่มากขึ้น
เทานั้น พวกเราจึงจะสามารถเห็นแสงสวางที่ปลายอุโมงคได”
ครูใหญสายหนา “ไมมีใครสามารถพัฒนาไดมากมายถึงเพียงนั้นในเวลาสั้นๆ”
“เจาลืมเรื่องการศึกแหงวันใหมแลวหรืออยางไร” หวังเจินพูดอยางไมแยแส “ดูสิ
มันก็เปนเวลาสิบหาวันเชนกันประวัติศาสตรมักซ้ำรอยเดิมอยางนาประหลาดใจ”
ครูใหญกลาวยังเหมอลอย “นั่นมันก็แคตำนาน...”
“ไมใชตำนาน” หวังเจินสงสายตาใหเขา “เพราะขาเปนหนึ่งในผูโชคดีที่รอดมาได”
ครูใหญตะลึงงัน
ในตอนนั้น ผูใชพ ลังธาตุก ็พุงเข ามาอย า งรี บเร ง “ข า มาเพื ่ อ รายงานว ากลุม
นักเรียนหมายเลขหนึ่งอาจถูกโจมตีโดยสัตวโลหิตและพวกเขาอาจกำลังอยูในการศึก
ที่รุนแรงอยูในตอนนี้!”
สีหนาของพวกเขาเปลี่ยนไปพรอมกัน
“ไมมีกำลังเสริมหรือ” ครูใหญถามอยางสงสัย
“กำลังเสริมกำลังเดินทางไป ที่ตั้งของพวกเขาอยูหางออกไปเมื่อเทียบกั บกลุม
ยอดฝมือ” ผูใชพลังธาตุมองไปยังทั้งคูกอนจะกลาวตอ “ผูใชพลังธาตุที่อยูใกลที่สุดอยู
หางไปอยางนอยหานาที”
หานาที...
สีหนาของครูใหญซีดขาวราวกระดาษ ในการตอสูอันดุเดือด หานาทีนั้นเพียง
พอที่จะจบสิ้นทุกสิ่ง ตอใหพวกเขาบินไปจากจวนเจาเมืองในตอนนี้ ยอมก็ตองใชเวลา
กวาสิบนาทีเพื่อไปถึงที่นั่น
หวังเจินยิ้ม “ฟงนะ เจาไมจำเปนตองตัดสินใจแลวในตอนนี้”
ครูใหญจองไปที่หวังเจินและทยานขึ้นฟาไป เขาไมอาจละทิ้งพวกนักเรียนไปได
รอยยิ้มบนใบหนาหวังเจินหายไป แววตาของเขาเต็มไปดวยความวิตก
บทที่ 204 หนอนโลหิต
อายฮุยและพวกตกอยูในการศึกอันทรหด
เมื่อถึงคราวซวย เรื่องเลวรายก็เกิดขึ้นไมหยุดหยอน หนอนโลหิตโผลออกมาจาก
พื้นดินของลานโลง พื้นดินแกรงแตกออกราวกับมันเปนผิวน้ำ กับดักที่พวกเขาวางไว
กอนหนานี้ลวนไมมีประโยชนและถูกทำลายเปนชิ้นเล็กชิ้นนอย
ในตอนแรกทุกคนคิดวามันเปนงูโลหิตแตเมื่อสังเกตดูดีๆ พวกเขาก็ตองสูดหายใจ
ดวยความหวาดกลัว
หนอนโลหิตนั้นชางนาสยดสยองอยางที่สุด
มันเปนหนอนที่ตัวใหญที่สุดเทาที่พวกเขาเคยเห็นมาในชีวิต ลำตัวของมันนั้นหนา
ใหญพอๆ กับถังน้ำ มีความยาวไมต่ำกวายี่สิบเมตร หนอนโลหิตเพิ่งจะออกจากพื้นดิน
มาหมดทุกสวน และสวนตางๆ ของรางกายมันมีลายเสนบางๆ สีดำสามารถเห็นได
ชัดเจนปรากฏขึ้นในระยะหางที่เทาๆ กัน
รางกายใหญยักษของมันมีพลังอันนาหวาดหวั่น ดวยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ตอ
ใหไมถึงตาย พวกเขาก็ตองบาดเจ็บสาหัสอยางแนนอน
ปญหาใหญที่สุดก็คือความสามารถโดยธรรมชาติของมัน ที่สามารถเคลื่อนไหว
ผานพื้นดินไดอยางคลองแคลววองไว ทำใหสามารถโจมตีไดจากทุกมุม ความสามารถ
ในการควบคุมดินของหวังเสี่ยวชานนั้นไมอาจเทียบไดเลย ตราบใดที่มันอยูในพื้นดิน
มันจะสามารถเคลื่อนไหวไดอยางคลองแคลวโดยไมมีความติดขัดแมแตนอย
เมื่อหนอนโลหิตพุงตัวออกมาจากพื้นดินอยางกะทันหัน ก็มีนักเรียนบางคนหลบ
ไมทันและถูกอัดกระเด็นขึ้นไปบนฟาทำใหไดรับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะ โชคยังดี
ที่พวกเขาเพียงฟกช้ำดำเขียวแตก็ไมไดถูกพิษโลหิต
อายฮุยและคนอื่นที่มีปฏิกิริยาวองไวรีบเขาพัวพันหนอนโลหิตเอาไว
ดวยเกรงวาจะทำใหตนขาวสารเสียหาย อายฮุยจึงลอหนอนโลหิตออกไปที่ตรอก
ในเมื่อบานเรือนแถวนี้ลวนถูกทำลายไปแลว อายฮุยก็ไมจำเปนตองเกรงวาจะสราง
ความเสียหายไปมากกวานี้
บนพื้นผิวของหนอนโลหิต มีแสงสีแดงเลือดเคลือบอยูและใตแสงนั้นเปนเมือกลื่น
แสงเรืองสีแดงเลือดสามารถตานทานการโจมตีไดเกือบทั้งหมด และตอใหมีการโจมตี
ใดที่สามารถผานไปได ชั้นเมือกนั้นก็จะเบี่ยงเบนการโจมตีนั้นออกไปไดอยางลื่นไหล
การโจมตีจากคนทั้งสามในกลุมของอายฮุยไมมีผลอันใด
หนอนโลหิตนี้มีความแข็งแกรงเหนือกวามดโลหิตมาก มันดูเหมือนวาสัตวโลหิต
ไดเพิ่มความแข็งแกรงขึ้นเรื่อยๆ
อายฮุยรูสึกไมสบายใจเมื่อไดเห็นวาการโจมตีของพวกเขานั้นไมอาจทำอันตราย
ใดๆ ใหกับหนอนโลหิตไดเลย รอยโลหิตบน รางกายของมันเห็นไดชัดเจนกวามดโลหิต
และความแข็งแกรงของมันก็นากลัวกวาเชนกัน
หากเขาไมไดเตือนลวงหนาจำนวนของคนตายคงจะมากมายกวานี้...
อายฮุยซือเสวี่ยมั่น และตวนมูหวงฮุนนั้นตอสูกับหนอนโลหิตอยางวุนวาย
เจียงเหวยกับซังจื่อจวินไดแยกพวกนักเรียนและจัดวางตำแหนงของพวกเขาตาม
กลยุทธอยูบนหลังคาบานเรือนที่ถูกทิ้งราง
“เตรียมตัว!” เจียงเหวยกลาวดวยเสียงต่ำ
พวกนักเรียนประจำตำแหนง และเตรียมพรอมที่จะลงมือ
ทันใดนั้น อายฮุยและพวกที่รูการประสานงานเปนอยา งดี ก็กระจายตัวออก
เหมือนฝูงผีเสือโบยบิน
“โจมตี!” เจียงเหวยตะโกน
เสนแสงหลากสีจำนวนมากพุงตรงไปหาหนอนโลหิตประหนึ่งสายฝน กอใหเกิด
ภาพอันนาตื่นตาตื่นใจ
อยางไรก็ตามผลการโจมตีของพวกเขานั้นทำใหทุกคนตกใจ สายฝนของลำแสง
และลูกศรถูกสะทอนออกมาดวยแสงสีเลือด หรือไมก็แฉลบออกบนชั้นเมือกหนอน
โลหิตยังคงไมไดรับอันตรายใดๆ
ซู! สวนผสมพริกถูกราดลงบนตัวของหนอนโลหิต แตก็ละเหยไปในทันทีที่สัมผัส
กับแสงเรืองสีเลือดนั้น
“อายฮุย มันไมกลัวพริก!” โหลวหลานตะโกน
กลิ ่ น ของส ว นผสมพริ ก อบอวลไปในอากาศ แต เ จ า หนอนโลหิ ต ไม ไ ด แ สดง
ปฏิกิริยาอะไรออกมาแมแตนอย
ดูเหมือนขาวรายจะซ้ำเติมเขามาครั้งแลวครั้งเลา
“อายฮุยพลังธาตุของขาไมอาจเจาะลงไปในดิน ได!” หวังเสี่ยวชานรองอย า ง
หวาดกลัว
ในตอนนี้นี่เองที่อายฮุยไดรูว าพื้ น ก็ เปล งแสงสีแ ดงเลื อดออกมา ทำให พ ื้นที่
โดยรอบดูเหมือนกับเปนผิวน้ำสีแดงสด ที่สั่นกระเพื่อมชาๆ ไปพรอมกับหนอนโลหิตที่
อยูใตมัน
พื้นดินสีแดงสดทำใหอายฮุยกระสับกระสายยิ่งกวาเดิม เขานึกยอนไปถึงสวนแหง
ชีวิตและปาโลหิตดานนอกของเมือง
เขาตองหยุดมัน!
อายฮุยมีความแนวแนในความคิดมากขึ้น
หากการโจมตีของเขายังคงไรประโยชนในการทำรายหนอนโลหิต ทุกคนก็จะยิ่ง
ทอแทซึ่งจะสงผลใหการโจมตีครั้งตอไปยิ่งไรประสิทธิภาพกวาเดิม
ตูม!
รางของหนอนโลหิตที่หนาพอๆ กับถังน้ำพลันพุงขึ้นจากพื้นดินดวยเสียงอันดัง
อายฮุยสัมผัสไดลวงหนาถึงทาทีจูโจมของหนอนโลหิต จึงไดเตรียมการรับมือ
เอาไว ดวยกระบวนทา [แสงหมอก] ที่เตรียมไวกอนแลว เขาพุงไปขางหนาอยาง
รุนแรงพรอมกับเพลิงสันหลังมังกรในมือ
ฉึก!
เพลิงสันหลังมังกรกลายสภาพเปนดาวตก พุงทะลวงเขาไปในชั้นแสงสีแดงเลือด
แตในพริบตาตอมา เขาก็สัมผัสไดถึงความรูสึกที่นุมลื่นอยางไมอาจขัดขืนไดผานปลาย
กระบี่และกระบี่เพลิงสันหลังมังกรของอายฮุยก็แฉลบออกอยางไมอาจควบคุมไดบน
ชั้นเมือก มันเหมือนราวกับวาเขาลื่นไปบนพื้นผนังที่อาบทาดวยน้ำมัน
เฉกเชนเดียวกับครั้งกอนๆ ที่การโจมตีของเขาถูกเบี่ยงเบนออกไปดวยชั้นเมือกนี้
จนถึงตอนนี้ยังไมเห็นวาจะมีวิธีใดใชการได
ความเหี้ยมโหดฉายวาบขึ้นในดวงตาของอายฮุย ในจังหวะที่ปลายกระบี่ของเขา
แฉลบออก เพลิงสันหลังมังกรเริ่มสั่นไหวเล็กนอยตำหนักทั้งเจ็ดบนรางกายของเขาสั่น
เนื่องจากการใช [เปยโตว]
เสนใหญพลังธาตุกอตัวขึ้นดวยความเร็วเปนประวัติการณ
แสงแวววาวฉายวาบขึ้นในดวงตาของอายฮุย
[พระจันทรเสี้ยว]!
พระจันทรเสี้ยวสวางเจิดจาตัดผาเขาใสรางกายหนอนโลหิตอยางรวดเร็ว
ฉั่ว!
หมอกโลหิตแผพุงออกมา โชคยังดีที่อายฮุยสวมชุดเกราะซงเจียน ซึ่งปองกันไมให
หมอกโลหิตนั้นสัมผัสถูกรางกายของเขา
อายฮุยลาถอยในทันที
พวกนักเรียนขางหลังเขาโหรองออกมาอยางยินดี นี่เปนครั้งแรกที่หนอนโลหิต
ไดรับบาดเจ็บ และมันมอบความหวังที่จะไดรับชัยชนะใหกับพวกเขา
ทวาภาพที่เกิดตอมาทำใหนักเรียนทุกคนหยุดโหรองโดยฉับพลัน
เมือกของหนอนโลหิตไหลซึมเขาไปในบาดแผลอยางรวดเร็ว ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ
กลามเนื้อที่ถูกฟนฟนฟูขึ้นอยางรวดเร็วจนเห็นไดดวยตาเปลา บาดแผลซึ่งกอนหนานี้
อาบไปดวยเลือดสมานตัวอยางรวดเร็ว
ขวัญกำลังใจที่ดีขึ้นกอนหนานี้ พลันลดลงเหลือศูนยอยางรวดเร็ว
อายฮุยหนาดำคร่ำเครียด กระบวนทาทั้งสองกอนหนานี้ สิ้นเปลืองพลังธาตุใน
รางกายของเขาไปไมนอย แตกลับสรางบาดแผลไดเพียงเล็กนอยใหกับหนอนโลหิต
ซือเสวี่ยมั่นพุงตรงออกมาและพัวพันหนอนโลหิต แตการโจมตีของนางก็ลมเหลว
ในการสรางความเสียหายใดๆ
จุดออน อะไรคือจุดออนของหนอนโลหิต มันตองมีจุดออน!
อายฮุยจองเขม็งไปที่หนอนโลหิตในขณะที่เขาเคนสมองหาคำตอบ สัตวทุกชนิด
ลวนมีจุดออน
อายฮุยนึกถึงคำพูดของชายชรา - รอยโลหิตอาจเปนจุดออนของสัตวโลหิต
รอยโลหิต...
อายฮุยหรี่ตาและสำรวจรอยโลหิตบนรางของหนอนโลหิต
มีแถบสีดำรอบตัวของหนอนโลหิตดูราวกับวงแหวน ความกวางรอยโลหิตแตสะ
เสนหนาประมาณหนึ่งฝามือซึ่งนับวาบางมากเมื่อเทียบกับขนาดรางกายอันใหญโต
ของหนอนโลหิต
เอ? อายฮุยนับอยางละเอียด มันมีรอยโลหิตทั้งหมดเการอย
เกาหรือ
ชางบังเอิญอะไรเชนนี้ อายฮุยคิดในใจดวยความงุนงง เกาเปนตัวเลขที่พิเศษใน
ยุคสมัยแหงการบำเพ็ญตน และเขาไมแนใจวานั้นมีสวนเกี่ยวของกับจำนวนของรอย
โลหิตหรือไม
แสงเรืองสีแดงบนพื้นผิวของพื้นดินนั้นเขมขนขึ้นเรื่อยๆ แตอายฮุยก็สังเกตเห็นวา
แสงสีเลือดบนลางของหนอนโลหิตก็หมนมัวลงกวาแตกอนอยางเห็นไดชัดเปนไปได
ไหมวาความเขมขนของแสงสีแดงบนพื้นเกี่ยวของกับการออนแสงลงของแสงบนราง
หนอนโลหิต
“เจียงเหวย ระเบิดพื้นดินสีแดงนั่นออก” อายฮุยตะโกนสุดเสียง
ลำแสงพุงลงไปทั่วพื้นดินดั่งสายฝน
ตูม! การระเบิดออกของแสงพรางพราวมาพรอมกับเสียงระเบิดดังกึกกอง
กอนดินสีแดงเลือดลอยขึ้นไปในอากาศ เผยใหเห็นหลุมขนาดใหญบนพื้นและราง
ของหนอนโลหิตที่อยูขางใน
หนอนโลหิตเกรี้ยวกราดขึ้นอยางเห็นไดชัด มันบิดรางที่ใหญโตของมันและกวาด
มันไปทั่วบริเวณ
การอาละวาดอันนาหวาดกลัวของมันทำใหทุกคนตองลาถอย
ตูม ตูม ตูม!
บานเรือนรางที่ตั้งอยูบนผิวดินที่เต็มไปดวยเศษซากถูกทำลายลงจนราบ กอนหิน
และกอนอิฐปลิวไปทั่วทุกทีเมื่อเสียงระเบิดดังกองไปในอากาศ พลังทำลายลางของ
หนอนโลหิตชางนาหวาดกลัว
ทุกคนอยูในความสับสน เปนเหตุใหรูปขบวนของกลุมพังลงในทันที
“มีวิธีจัดการกับมันหรือไม” ซือเสวี่ยมั่นปรากฏกายขางอายฮุยและถามดวย
ความกังวล
“ก็พอมีอยูบาง” อายฮุยตอบเสียงเบา “ยั่วยุมันไวใหมันหมดแรง”
ซือเสวี่ยมั่นก็เขาไปพัวพันกับหนอนโลหิตในทันทีโดยไมถามเหตุผล
สมองของอายฮุยทำงานอยางรวดเร็ว เขาพอเขาใจสถานการณคราวๆ เกี่ยวกับ
หนอนโลหิต มันเปนศัตรูที่สรางปญหาอยางมาก ดวยรางกายที่ใหญโตโอฬาร ความ
แข็ ง แกร ง พลั ง ป อ งกั น และความสามารถในการฟ  น ฟู อย า งไรก็ ต าม นี ่ ไ ม ไ ด
หมายความวามันขาดจุดออน ยกตัวอยางเชน พลังทำลายลางของมันมีขีดจำกัด ซึ่ง
เห็นไดจ ากจำนวนการเสียชีว ิตเพียงเล็ก น อยของฝ งอายฮุ ยคนไม มากนัก ที ่ไดรับ
บาดเจ็บสาหัสจากมมัน
การปรับเปลี่ยนสภาพดินตองมีความสำคัญกับมันมากแนนอน ไมเชนนั้นคงไม
กอใหเกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงเชนนี้จากหนอนโลหิต
แสงเรืองสีเลือด เมือก รอยโลหิต
แสงเรือ งรอบกายของหนอนโลหิตออ นแสงลงอยางมากเหลื อเพีย งชั้ นบางๆ
เทานั้น ปญหาสำคัญก็คือชั้นเมือกที่ทั้งลื่นและหนา เปนเกราะที่ทนทาน หากสามารถ
ทำลายผานชั้นเมือกเขาไปได ก็จะสามารถโจมตีใสรอยโลหิตได
มันตองมีวิธี!
อายฮุยใหกำลังใจตัวเอง ในอดีตเมื่อเขาอยูในแดนราง เขาไดพบเห็นกับอสูรแดนรางที่
รายกาจมากมายที่ถูกสังหารดวยน้ำมือของมนุษยโดยการใชกลยุทธที่คิดมาอยางดี
ดวงตาของเขาทอประกายขึ้นอีกครั้ง “มีใครที่พอจะมีความสามารถในการแช
แข็ง หรือไมก็ยาที่ใชแชแข็งบางหรือไม”
เมือกนั้นอาจทนทาน แตมันก็เปนของเหลวอยูดี เมื่อมันสัมผัสกับความเย็นเยือก
ก็จะเกิดการแข็งตัว และเมื่อชั้นเมือกแข็งตัว ความยืดหยุนของมันก็จะลดลงและไม
อาจทนการเคลื่อนไหวที่ทรงพลังของหนอนโลหิตได
“ขามี!” ตวนมูหวงฮุนตอบ
“ไดเลย!” อายฮุยตะโกน “พวกเจาที่เหลือใชการโจมตีระยะไกล!”
ไดยินคำสั่งแลว เจียงเหวยและซังจื่อจวินก็ปลอยหากระสุนออกไปยังหนอนโลหิต
ราวกับวาลูกศรของเขาไมมีราคาคางวดอะไร พวกเขาไมสนใจเกี่ยวกับรูปขบวนอีก
ตอไป แตทุกคนทุมเทสมาธิไปกับการเคลื่อนพลังธาตุของตนอยางสุดกำลัง
ทองฟาเต็มไปดวยสายฝนแหงลำแสง
ณ จุดนี้ไมมีใครรั้งการโจมตีเอาไว
“เจาเนรคุณ เตรียมพรอม!” อายฮุยคำราม
ตวนมูหวงฮุนเจียนสะดุดลมหนาคะมำ เจาสารเลวนี่!
อยางไรก็ตาม เขาไมอาจเสียเวลากับอายฮุยในตอนนี้ได เขาเคลื่อนพลังธาตุใน
กายเผยใหเห็นถึงลวดลายคลายกั บเมฆใต เทาของเขา จากนั้ น เขาก็ ลอยตัวไปใน
อากาศลอยอยูเหนือหนอนโลหิต
ตวนมูหวงฮุนดูนาประทับใจอยางมากเมื่อเขาลอยตัวอยูกลางอากาศโดยมีดอกไม
สีเขียวหมุนอยูใตเทาของเขา ใบหนาอันหลอเหลามองตรงไปยังหนอนโลหิตที่บิดตัวไป
มาอยางโหดเหี้ยม และเสื้อผาของเขาก็สั่นไหวแมวาจะไมมีลมพัดก็ตาม แสงแวววาว
ในดวงตาของเขาสวางขึ้น ราวกับดวงดาวบนทองฟาในยามราตรี
นับจากเริ่มศึกจนถึงบัดนี้ [บุบผาเขียวขจี] ของเขาไมอาจทำอะไรหนอนโลหิตได
เถาวัลยของเขาออนแอเกินไปเมื่อตองเจอเขากับรางกายอันมหึมานั่น
เมื่ออายฮุยถามวาใครมีความสามารถในการแชแข็ง
เขาตอบรับอยางไมลังเล [บุบผาเขียวขจี] มีกระบวนทาแชแข็งอยูดวย มันเรียกวา
[รอยแยกน้ำแข็ง]
เพียงแตมันนาเศราที่เขายังไมเชี่ยวชาญกระบวนทานี้ดี ดวยระดับพลังพื้นฐาน
ของเขาในตอนนี้ มันตองทำใหเขาหมดแรงแนหลังจากออกกระบวนทานี้ไป
แตเขาไมคิดมากในเรื่องนั้นและอาสาทำหนาที่นี้ในทันที
ไมมีเวลามาลังเลใจ
ตวนมูหวงฮุนลอยอยูกลางอากาศ แผรัศมีที่ทรงพลังออกมา พลังธาตุในกายของเขา
ถูกรีดเรนออกมาจนถึงขีดสุด เขายกมือขึ้น นิ้วมือเรียวแผออกราวกับดอกไมที่เบงบาน
พลังธาตุในกายของเขาเคลื่อนไปในเสนทางที่ไมคุนเคย
เขาทุมเทสมาธิมากกวาครั้งใดในชีวติ พลังธาตุที่เคยเคลื่อนไหวอยางราบรื่นกลับรูสึก
อืดอาดที่ผิดปกติ เขาไมสนใจและยังคงเคลื่อนพลังธาตุตอไปอยางมุงมั่นและรีบเรง
ดอกไมสีเขียวลอยออกจากนิ้วมือและหมุนวนไปรอบกายของเขา ดูราวกับใบไมที่
ปลิวพลิ้วไปในสายลม พวกมันเตนรำเคลื่อนไปรวมกันจนกระทั่ งกลายน้ำตกของ
ดอกไมสีเขียวที่หมุนควงอยูรอบกายเขา
ริมฝปากของเขาโคงขึ้นเปนรอยยิ้มอันบาคลั่ง ความโหดเหี้ยมในดวงตาดูราวกับ
เปลวเพลิงรอนแรง
เพียง [รอยแยกน้ำแข็ง] หรือจะมา....
เลือดสีแดงสดกระเซ็นออกมาจากมุมปากองเขา เพิ่มความงดงามใหใบหนาหลอ
เหลาที่ขาวซีด เสื้อผาบนรางของเขาสั่นกระพือเสียงดัง และน้ำตกดอกไมมีเขียวนั้นก็
หมุนวนอยางรวดเร็วไปรอบกาย
....หยุดขา ตวนมูหวงฮุน!
ตวนมูหวงฮุนยิ้มออกมาอยางเงียบงันกลางอากาศ รองรอยของเลือดสามารถเห็น
ไดบนฟนขาวที่เรียงตัวอยางเปนระเบียบ นิ้วมือที่เหมือนกับดอกไมบานพลันแข็งคาง
สงใหน้ำตกดอกไมสีเขียวนั้นไหลบาลงสูหนอนโลหิต
บทที่ 205 [บุบผาเขียวขจี รอยแยกน้ำแข็ง]
“ขาไมคาดคิดเลยวาเจาเมืองจะเปนผูรอดชีวิตจากการศึกแหงวันใหม”
คนที่กลาวคือเถาอีเหวย เพื่อนรักของหวังโสวชวน
เขาเปนอาจารยที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดในเมืองซงเจียน เขาไมเพียงแตใจเย็นใน
ยามตอสู แตยังนำนักเรียนใหสามารถตอสูไดอยางดีจนมีผลการรบนาทึ่ง การตอสู
อยางตอเนื่องลบภาพความเปนผูมีการศึกษาของเขาออกไปทำใหผูเฒาเถาในตอนนี้ดู
เปลี่ยนไปเปนคนละคน แมแตเพื่อนรักของเขาหวังโสวชวนก็ไมสามารถจำเขาไดใน
ตอนแรกที่เห็น
เชนเดียวกัน หากเถาอีเหวยเห็นหวังโสวชวนในตอนนี้ เขาก็ไมอาจจดจำไดในครั้ง
แรกที่เห็นเชนกัน
ภัยพิบัติโลหิตนี้เปนเหมือนเตาหลอมขนาดใหญ และผูที่ถูกโยนเขาไปก็จะออกมา
เปนคนใหมที่ตางจากเดิม
ในอดีตเถาอีเหวยไมไดปฏิบัติตอหวังเจินดวยความเคารพนัก แตในตอนนี้จะ
สามารถสัมผัสไดถึงความนับถือในน้ำเสียงของเขาเมื่อเขาพูดถึงเจาเมือง
ในขณะที่ทั้งสองบินดวยความเร็วสูงสุด พวกเขาก็แลกเปลี่ยนคำพูดกันดวย
“ใช” ครูใหญถอนหายใจดวยความเศรา เขาเคยคิดวาหวังเจินเปนเพียงแคทหาร
ผานศึกทั่วไปที่เกษียณกลับมาจากแนวรบ ไมเคยคิดเลยวาเขาจะมีภูมิหลังที่เลื่องลือ
เขาพลันนึกไดวาเมื่อตอนที่เขาถามหวังเจินเกี่ยวกับการบาดเจ็บที่ขา และเขาได
คำตอบวามันเกิดขึ้นเมื่อสิบปกอน
สิบปกอน ไมมีอะไรที่ระทึกขวัญไปกวาการศึกแหงวันใหมอีกแลว
สิบปกอน เยี่ยไปอีนำทหารยอดฝมือสี่สิบสองนายและกองหนุนอีกแปดสิบนาย
จากหนวยเพลิงน้ำแข็งตอสูกับฝูงอสูรแดนรางจำนวนนับไมถวนและสามารถปกหลัก
อยูที่โกรกธารเพลิงไดนานถึงสิบหาวัน
การศึกเริ่มตนและสิ้นสุดในยามอรุณวันใหม ดังนั้นมันจึงถูกเรียกวา การศึกแหง
วันใหม
ตอนสิ้นศึก เหลือผูรอดชีวิตเพียงหกคนเทานั้น
ซากศพแผขยายไปทั่วโกรกธารเพลิง และแมน้ำก็กลายเปนสีเลือด นับจากการศึก
ครั้งนั้น โกรกธารก็อบอวลไปดวยกลิ่นคาวเลือดและกลายเปนที่รางตลอดกาล
เยี่ยไปอีไดรับเกียรติยศอยางมากจาการศึกครั้งนั้น และทำใหเกิดความกาวหนา
อยางพุงพรวดในหนาที่การงาน เขาไดขึ้นแทนเลอปูอวี่ที่ไมไดรับความนิยมในตำแหนง
จอมพลของหนวยเพลิงน้ำแข็งดวยอายุเพียงแคยี่สิบสองป ทุกคนเรียกเขาวาเพลิง
น้ำแข็งแซเยี่ย
เขาถูกจารึกไวในประวัติศาสตรวาเปนจอมพลแหงสิบสามหนวยที่มีอายุนอยที่สุด
ในประวัติศาสตร
การศึกแหงวันใหมนับเปนการศึกที่โดงดังที่สุดในชวงเวลายี่สิบปที่ผานมา และ
ความลางผลาญที่ไมมีศึกใดเทียบไดในรอบหาสิบป
อูสิงเทียนไดประสบความสำเร็จในการควบคุมพื้นที่เหนือแดนรางมานานแลว
ดังนั้นในชวงสองสามรอยปหลังมานี้ การขยายอาณาเขตจึงเปนเปาหมายหลัก นี่ทำให
การศึกแหงวันใหมเปนที่จดจำ ไมมีสิ่งใดที่บงชี้ถึงการบุกรุกของอสูรแดนรางเลย ซึ่ง
ทำใหพวกเขาตกอยูในสถานการณที่ลอแหลม
เมื่อไดยินวาหวังเจินเปนผูรอดชีวิตจากการศึกแหงวันใหม ความประหลาดใจของ
พวกเขาก็เกินกวาจินตนาการได ไมแปลกเลยที่หวังเจินไมเคยเปดเผยเกี่ยวกับหนวย
ของเขา
“ขาไมคาดคิดเลย ไมคาดคิดเลยจริงๆ” เถาอีเหวยสายหนาอยางไมอยากเชื่อ
“ผูกลาจากการศึกแหงวันใหมมาที่เมืองซงเจียนของพวกเราจริงๆ มันเหมือนกับ
วาเมืองของเราไดรับการอวยพร”
“มันเปนเรื่องดีสำหรับพวกเรา” ครูใหญเคยคิดวาหวังเจินนั้นทำหนาที่ผูนำไดแย
แตเมื่อรูภูมิหลังของเขาแลว ก็รูไดในทันทีวาสถานการณนั้นสาหัสกวาที่เขาคิดเอาไว
แตแรกมาก
เถาอีเหวี่ยตอบกลับไปวา “เขาดูจะมั่นใจในกลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งมาก”
เขาคิดถึงอายฮุยศิษยผูเฒาหวังเขาเปนนักเรียนเพียงคนเดียวในเมืองซงเจียนที่
เขาคุนเคยดวย เขาพลันนึกไปถึงแบบรางของหวังโสวชวนและรูสึกชื่นชมเพื่อนเกาคน
นี้อยางที่สุด ทั้งอาจารยทั้งศิษยลวนนาเกรงขามอยางยิ่ง
“ไมใชวาขาไมมีความมั่นใจในตัวพวกเขา” ครูใหญอธิบาย นึกไปถึงการคัดคาน
ของเขากอนหนานี้ “แตทายที่สุดแลวพวกเขาก็เปนเพียงเด็กนอยใครจะรับผิดชอบ
หากพวกเขาตองประสบอุบัติเหตุ”
“บางทีเขาอาจคิดวากลุมนักเรียนหมายเลขหนึ่งอาจกอใหเกิดเพลิงน้ำแข็งแซเยี่ย
ขึ้นมาอีกคน” เถาอีเหวยกลาวขำๆ
“จะมีเรื่องดีแบบนั้นเกิดขึ้นไดอยางไร” ครูใหญก็หัวเราะไปดวย
เมื่อมีคนกลาวติดตลก คนฟงก็คิดวามันเปนแคเรื่องตลกเชนกัน
มีจอมพลคนไหนของสิบสามหนวยที่ไมใชบุคคลอันเดนล้ำ มันอาจไมถูกตองนักหาก
จะบอกวาพวกเขาเปนคนที่มีพลังสูงที่สุดในอูสิงเทียนสิบสามอันดับแรก แตไมผิดแน
หากจะบอกวาพวกเขาลวนอยูในกลุมของผูใชพลังธาตุที่ทรงพลังสูงที่สุดในอูสิงเทียน
สำหรับคนที่ไดเปนจอมพลของหนวย ทุกคนในโลกตางก็ตองเรียกขานเขาดวยมี
คำวาจอมพลนำหนาแซอยางใหความเคารพ
จอมพลไมเพียงแตเปนผูนำของหนวยที่มีอำนาจบัญชาชีวิตและความตาย แตยัง
เปนสัญลักษณแหงขวัญกำลังใจของคนในหนวย การที่จะเปนจอมพลไดพวกเขาตองมี
ความสามารถอั น สู ง ล้ ำ และยั ง ต อ งม

You might also like