Professional Documents
Culture Documents
A World Worth Protecting 1101-1457
A World Worth Protecting 1101-1457
………………………………..
…………………………………………………………
……………………………………….
[1] สวางไสว
บทที่ 1231 ตนกำเนิดมหาเตาเดียวกัน
ศึกครานี้ใชคำวาปราบเทพจำกัดความก็ไมเกินเลยไป
แมกอนหนานี้หวังเปาเลอจะถูกคิดวามีพลังตอสูระดับจักรวาล แตเปนหลังจากที่
เขาเลื่อนระดับสูจักรพิภพสะกดหลายสำนักใหญรวมทั้งการศิโรราบของปรมาจารย
เตาเการัฐ ทวาเขาในตอนนี้ หากแคคนเดียว ระดับการใหความสำคัญของตระกูล
คงกระพันก็ไมไดสูงขนาดนั้น
แมแตมารเตาแหงสำนักเตาเจ็ดวิญญาณก็เกรงวาจะคิดแบบเดียวกัน ถึงอยางไร
ระดับกึ่งจักรวาลแบบหวังเปาเลอ จะเตาฝงซายก็ดี สำนักเสริมก็ดี หรือในใจกลาง
จักรพิภพเตาไมรูสิ้นลวนแลวแตมีดวยกันทั้งนั้น
อยางเชนคนเตาหยาง ปรมาจารยเยาถง ก็อยูในขั้นนี้ทั้งสิ้น
แมจะเปนชนชั้นสูงเชนเดียวกัน อยูในสภาวะที่ใกลถึงขีดสุดยอด แต…ถึงอยางไร
ก็ยังไมใชระดับจักรวาล การใหความสำคัญตอเขาอยางมากก็เปนเพราะเฝาสังเกต
เตาของเขาที่สมบูรณกวาใครๆ นี่ถึงจะเปนจุดที่พวกเขาใหความสนใจ แตก็เปน
แตการใหความสนใจเทานั้น สิ่งที่ทำใหเขาหวาดผวาอยางแทจริง อันที่จริงแลวคือ
ปรมาจารยแหงไฟกับสาขาของเขา ถึงอยางไรระดับกึ่งจักรวาลคนหนึ่งกับระดับ
กึ่งจักรวาลสองคนก็แนนอนวาตางกันมาก
ดังนั้นในชวงตน หวังเปาเลอไดรับความสนใจจากดานอื่นๆ สวนที่ทำใหเขา
โดดขึ ้ น มาอย า งแท จ ริ ง ก อ ความหวาดกลั ว มากขึ ้ น ให แ ต ต ระกู ล คงกระพั น ก็ คือ
เมล็ดพันธุเตาธาตุไมของเขาฉกชิงขอบเขตอำนาจเตาสวรรคตระกูลคงกระพัน ควบคุม
เตาธาตุไมไวทั้งหมด
เรื่องนี้สั่นคลอนไปทั่วจักรพิภพเตาไมรูสิ้น ถึงอยางไรเรื่องนี้ก็ยังไมเคยมีมากอน
ทำใหชนชั้นสูงทั้งหลายราวกับเห็นเสนทางไปตอจากเรื่องนี้
และดวยเหตุนี้ ในใจของผูคนจำนวนมากสถานะของหวังเปาเลอจึงเหนือกวา
ปรมาจารยแหงไฟไปแลว กลายเปนคนที่นาจับตามองที่สุดในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหง
เตาฝงซาย หากสภาพการณเชนนี้มั่นคงกวานี้สักหนอย ก็จะดูนาเกรงขามมากกวานี้
แนนอน แตหลังจากที่หวังเปาเลอถือสันโดษนานป ไมไดลงมือ ดังนั้นจึงมีการคาดเดา
ตางๆ นาๆ ออกมา
จากการคาดเดาที่มากขึ้นทุกวี่ทุกวัน ก็มีการลองหยั่งเชิงของซวนฮวา
หลังจากที่หวังเปาเลอตระหนักได ก็เลือกที่จะแสดงพลังที่แทจริง สยบอยาง
เด็ดขาดไปเสียเลย
แตไมมีใครคาดถึงวาการหยั่งเชิงครั้งนี้ แมจะทำใหพวกเขาสมปรารถนาเห็น
พลังที่แทจริงของหวังเปาเลอ แต…พลังที่แทจริงที่แสดงออกมานี้กลับนาหวาดกลัว
อยางไมมีที่เปรียบ สั่นสะเทือนไปตามๆ กัน
เหมือนกับการตกปลา ไมมีใครคิดวาสิ่งที่ตกไดกลับเปนฉลามตัวหนึ่ง!
จันทรขางแรมเดิมก็นากลัวอยูแลว เงาจันทรก็ยิ่งเขยาขวัญ และคืนพินาศใน
ตอนสุดทาย…กลับทำลายลางความเขาใจจของทุกคนไปจนสิ้น เตาแสงแหงการ
สังหารอันสุดยอดนั้นกลับสามารถฆาระดับจักรพรรดิสวรรคไดโดยไรความเสียหาย
อยางคาดไมถึง
ตองรูวาระดับกึ่งจักรวาลคนอื่นๆ หากสูไมคิดชีวิตก็มีความสามารถที่จะพินาศ
ไปพร อ มกั บ จั ก รพรรดิ ส วรรค แต ก ็ ต อ งสู อ ย า งไม ค ิ ด ชี ว ิ ต เท า นั ้ น ถึ ง ขนาดมี
ความเปนไปไดสูงวาตนเองจะตาย จักรพรรดิสวรรคสาหัส
แตสิ่งที่หวังเปาเลอแสดงออกมา กลับเปน…ฆาฟนโดยไรบาดเจ็บ!
นี่หมายความวา…ตางกันโดยสิ ้ น เชิ ง ถึ ง ขนาดที ่ ไ ม สามารถมองหวั ง เป าเล อ
เปนระดับกึ่งจักรวาลไดอีก นี่เปนระดับจักรวาลอยางสมบูรณโดยแทจริง ถึงขนาดที่
ดานการตอสูสามารถสะกดชั้นตนได!
ดังนั้น ศึกนี้ ก็คือศึกปราบเทพอยางแทจริง!
หลังศึกนี้ ระดับจักรวาลทั้งหมดในจักรพิภพเตาไมรูสิ้นตางมองหวังเปาเลอเปน
ระดับเดียวกัน ถึงขนาดที่…ความหวาดกลัวในใจยังมากกวาจักรพรรดิสวรรคคนอื่นๆ
อีกดวย
หากเรียงลำดับพลังตอสู พลังที่แทจริงที่หวังเปาเลอแสดงออกมาในครานี้ก็นับวา
ไมมีอะไรใหละอายที่จะลำดับไวในระดับจักรวาลชั้นกลาง และที่จักรพิภพเตาไมรูสิ้น
ผูที่อยูในระดับจักรวาลชั้นกลางตอนนี้ก็มีเพียงสองคนเทานั้น!
จีเจียและมารเตา!
พวกเขาจัดอยูในลำดับที่สอง
คนอื่นๆ เชน กวงหมิง ซวนฮวา สุสานวิญญาณ นักบุญมืดและคนอื่นๆ ก็เปนแค
ชั้นตนเทานั้น จัดอยูในลำดับสาม
สวนชั้นปลายและผูที่สูงขึ้นไปกวานั้น…มีเพียงเวยยางจื่อและเฉินชิงจื่อสองคน
เทานั้นที่แสดงพลังตอสูระดับชั้นปลายออกมา
สวนผูอาวุโสตระกูลเซี่ยไมใชชั้นปลายแตกลับไมแพกัน ดังนั้นเขาจะอยูลำดับที่สอง
แตถูกจัดอยูในขั้นกึ่งลำดับหนึ่ง
หากมองเชนนี้ พลังแทจริงที่หวังเปาเลอแสดงออกมา ก็เหนือกวาชั้นตน เปนผูที่
อยูลำดับที่สองอยางแนนอนแลว
พลังแทจริงเชนนี้ทำใหตระกูลตางๆ ในจักรพิภพเตาไมรูสิ้นเกิดคลื่นลูกยักษขึ้นในใจ
โดยเฉพาะจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย ยิ่งสำนักใหญทั้งหลายที่เคยลวงเกิน
สหพันธรัฐตางก็ใจระส่ำไมเปนสุขตั้งนานแลว
และเมื่อเปรียบกับพวกเขา ในเวลานี้ผูที่ใจเปนสุขที่สุดก็คือ…ซวนฮวา
หลังจากรับการโจมตีเตาธาตุไมจากหวังเปาเลอคราเดียว เขาดูเหมือนปกติดี
แต ใ นใจทั ้ ง ประหลาดใจทั ้ ง ตกใจ ดั ง นั ้ น หลั ง จากที ่ ก ลั บ มาถึ ง ตระกู ล คงกระพั น
เขาจึงเลือกถือสันโดษในทันที ปดกั้นการรับรูของตนเองทั้งหมด
เพราะ…เขาพบวาพลังปราณของตนเองใกลจะควบคุมไมอยูแลว ไมใชเลื่อนขั้น
แตเปน…ไหลออก!!
ราวกั บ หวั ง เป า เล อ ได ก ลายเป น ต น กำเนิ ด น้ ำ วน หลั ง จากที ่ เ ต า ของตนได
กระทบเขากับเขา ก็มีชีวิตชีวาอยางไมเคยเปนมากอน อีกทั้งยังยิ่งควบคุมยากขึ้น
เรื่อยๆ แตพวกนี้ยังไมใชสิ่งที่เขาหวาดกลัวมากที่สุด
สิ่งที่ทำใหเขาหวาดกลัวที่สุดก็คือสัมผัสสวรรคของตัวเองราวกับมีความคิดหนึ่ง
เพิ่มขึ้นมา ความคิดนี้คือจะศิโรราบใหแกหวังเปาเลอ อยากจะใกลชิดเขา และก็
ไมสามารถลบออกไปไดเลย ในใจเปนดั่งเมล็ดพันธุที่งอกเติบโตขึ้นมา
“ไมถูกสิ!”
“ความคิดนี้ไมไดเกิดหลังจากศึกนี้ แตกอนหนานั้นก็มีแลว บางเบามากจนตัวเอง
ก็สัมผัสไมได เมื่อเปนเชนนี้…ที่ขามีความคิดอยากจะไปหยั่งเชิงหวังเปาเลอถึงขนาด
ลงมือไป เปนเพราะ…ความคิดนี้กอกวนทั้งหมด!!” ซวนฮวาหนาซีดเผือด เมื่อฝกมา
จนถึงระดับเขาแลว ตอใหสามารถปดบังไดชั่วครูชั่วยาม แตก็ไมสามารถปดบังไดนาน
ตอนนี้เขาจะไมรูสาเหตุไดอยางไร…
“ตนกำเนิดมหาเตาเดียวกัน!!”
ซวนฮวาสีหนาย่ำแยอยางยิ่ง เตาที่เขาฝกก็คือเตาธาตุไม เดิมคิดวาแมหวังเปาเลอ
จะชิงอำนาจของเตาสวรรคไปได แตพลังปราณของเขาไมใชระดับจักรวาล ไมมีผลตอ
ตัวเอง ถึงขนาดที่ในทางตรงกันขาม หากตนเองสามารถสะกดอีกฝายได ไมแนวา
จะแยงมหาเตามาจากเขาไดดวย
แตเขาไมเคยคิดเลยวาความคิดนี้ของตัวเองจะมีมาตั้งนานแลว ตอนนี้มองดูนาจะ
เปนนาทีที่เตาธาตุไมของอีกฝายกำเนิดขึ้น ตัวเองก็ไดรับผลกระทบแลว และตอนหลัง
ที ่ ป ระมื อ กั น อย า งประชิ ด สั ม ผั ส ถู ก เต า ระดั บ ผลกระทบจึ ง ระเบิ ด ออกมา
อยางกระทันหัน
‘’ขาจะยอมแพไมได! ‘’ซวนฮวาสีหนาบิดเบี้ยว เสนเลือดบนหนาผากปูดโปน
สะกดพลังปราณของตัวเองอยางเต็มที่ สะกดความคิดที่เกิดขึ้น สำหรับเขาแลวก็เปน
ดั่งจิตมาร!
ความจริงแลว ใชจิตมารจำกัดความนับวาเหมาะสมยิ่ง
หลังจากที่ผสานรวมเมล็ดพันธุเตาธาตุไม สำหรับหวังเปาเลอ สรรพสิ่งที่ฝกเตา
ของตน เดิมก็สามารถกลายเปนจิตมารได และการคิดวิเคราะหของซวนฮวาก็ไมผิด
ความคิดของเขานั่นมาจากหวังเปาเลอจริงๆ นาทีที่ผสานรวมเมล็ดพันธุเตาธาตุไม
หวังเปาเลอก็สัมผัสไดถึงซวนฮวาในในกลางจักรพิภพเตาไมรูสิ้นแลว
เพียงแตซวนฮวาเปนระดับจักรวาล ไมใชจะถูกควบคุมไดงายๆ เชนนั้น แตก็เปน
เพราะเขาฝกไดลึกซึ้งเชนกัน เตาลึกล้ำ ดังนั้น…เขาจึงหลบไมพน
และก็ทำใหเกิดเรื่องการมาของเขากับการสัมผัสกับตนจากการเปลี่ยนแปลง
อยางชาๆ ในชวงที่หวังเปาเลอถือสันโดษ เพียงแตหากไมไดรับความรวมมือจาก
เฉินชิงจื่อ หวังเปาเลอก็คงไมไดผลประโยชนมากเชนนี้ การลงมือของเฉินชิงจื่อทำให
พลังอำนาจของเขาพลิกขึ้นสูขีดสูงสุด
กลับมาตอนนี้ วินาทีที่ยางเขาสูจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย หวังเปาเลอ
ก็สัมผัสไดถึงการดิ้นรนของซวนฮวา ปรายตากลับไปมองที่ไกลๆ กอนยิ้มออกมา
และไมสนใจอีก นำลูกแกวที่เหมือนลูกตาในมือกลับไปยังดาวอังคาร
หลังจากที่กลับมายังดาวอังคาร หวังเปาเลอยกมือขวาขึ้นโบก ปรมาจารยเยาถง
ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหนา นัยนตาฉายแววกระวนกระวาย ทาทางเปยมเสนห กมหนา
คุกเขาคำนับที่ดานหนาหวังเปาเลอ จงใจอวดสวนโคงเวาสวนสะโพกออกมา ราวกับ
สำหรับเธอแลว นี่เปนปฏิกิริยาที่มีตอชนชั้นสูงอยางหนึ่งโดยสัญชาตญาณ
“บาวคารวะคุณชาย!”
“เจาไปตระกูลคงกระพัน เรียกหาคำอธิบายแทนขา”
"รับบัญชา! ‘’ปรมาจารยเยาถงตอบรับเสียงเบา ไหวรางเขาสูความวางเปลา
แลวหายไป
บทที่ 1232 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สหพันธรัฐ
หวังเปาเลอตองการคำอธิบายอะไร เยาถงไมรูและก็ไมกลาถาม นางรูแคเพียง
ในใจตนคาดหวั ง ต อ เรื ่ อ งนี ้ อ ยู บ า ง…ถึ ง อย า งไรตนก็ เ ป น กึ ่ ง ระดั บ จั ก รวาล
ไม ใ ช ธ รรมดาๆ หากผู อ าวุ โ สไม ร ู ส ิ ้ น ลงมื อ บางที อ าจทำให ต นหลุ ด พ น สภาวะ
ที่ยากลำบาก กลับไปเปนอิสระดังเดิมได
แตนางก็ไมมั่นใจ เพราะแกนสำคัญของนาง…อยูในกำมือหวังเปาเลอ
ดังนั้นในเวลานี้เยาถงจึงไปพรอมกับความคิดซับซอนตางๆ นาๆ และวินาทีที่
นางหายไป หวังเปาเลอเงยหนามองดวยแววตาเรียบเฉย ดวงตาหรี่ลงนอยๆ
เขาไมไดเจาะจงสิ่งใดเปนคาตอบแทน คิดจะเอาสิ่งบรรจุเตาธาตุไมอันล้ำคาที่ตน
สัมผัสไดมาจากมือของตระกูลคงกระพัน เรื่องนี้ไมใชงายๆ ตองวางแผนอยางรัดกุม
เทานั้น…ดังนั้น หลังจากที่เขาไปใจกลางจักรพิภพเตาไมรูสิ้น สิ่งแรกที่หาเจอก็คือ
ตี้ซาน ในเวลาเดียวกันนี่ก็คือเหตุผลที่ตอนสุดทายเขาไมไลตามไป ปลอยตี้ซานไป
อยางฉลาดหลักแหลม
เตาของตี้ซาน คือภูเขา!
และภูเขากับดิน คลายกับ…หากสาวถึงตนตอก็เปนเตาธาตุดินอยางหนึ่ง
‘’บาดเจ็ บ สาหั ส จนเหลื อ แค ด วงวิ ญ ญาณเทพ หาเปลี ่ ย นเป น ตอนอื ่ น ก็ ยั ง
พอทำเนา ทว า เวลานี ้ ร บรากั บ สำนั ก แห ง ความมื ด เสี ย จั ก รพรรดิ ส วรรค
เปนคาตอบแทน…ตระกูลคงกระพันทนรับไมได เชนนั้น…คิดจะฟนฟูมันกลับมาก็มี
แคเพียง…ผสานรวมสมบัติล้ำคาที่ใกลเคียงกับเตาของมันเทานั้น ‘’แววตาหวังเปาเลอ
เปนประกาย!
เรื ่ อ งนี ้ หากมี ใ ครสามารถมองใจหวั ง เป า เล อ ได อ ย า งทะลุ ป รุ โ ปร ง ก็
คงจะหวาดกลัวสุดขีด หากเขาไดวางแผนจากความคิดในใจของซวนฮวาตั้งแตแรก
จริง เชนนั้นการที่ซวนฮวาบุกเขามา หวังเปาเลอโมโหบุกเขาไปในใจกลางจักรพิภพ
เตาไมรูสิ้น เหตุเพราะซวนฮวาถือสันโดษ ดังนั้นจึงลงมือตอตี้ซานอยางหนัก เผยพลัง
ตอสูที่แทจริงของตนออกมา
เหตุการณตางๆ นี้…สำหรับการเดาใจคน สำหรับการวางแผนการณตางๆ ชาง
นากลัวเกินไปแลว!
หวังเปาเลอยิ้มนอยๆ เลิกหรี่ตา เรื่องนี้จะเปนการวางแผนตั้งแตเนิ่นๆ ของเขา
หรือมาถึงจุดนี้อยางจวนตัว นอกเสียจากตัวเขาเองก็ไมมีใครลวงรู
และความจริง คืออะไรก็ไ มสำคั ญ อี กแล ว สิ ่ ง ที่สำคั ญ ก็ คื อ…จุ ดประสงค ของ
หวังเปาเลอลุลวงไปครึ่งหนึ่งแลว ดังนั้นเขาก็ไมคอยจะใสใจสักเทาไรวาเยาถงจะได
คาตอบแทนอะไรกลับมา
เพราะไม ว า ตระกู ล คงกระพั น จะส ง อะไรมาเปน ค า ตอบแทน เขาก็ จ ะใช มั น
เป น ข อ อ า ง แสดงออกว า ไม พ อใจ จากนั ้ น …ก็ ใ ช ค วามเป น กลางในก อ นหน า
เปลี่ยนเปนหัวรุนแรงสักเล็กนอย
"จากการสูรบของสำนักแหงความมืดกับตระกูลคงกระพันที่ดูเหมือนไมเคยเลิกลา
แตกลับไมเคยล้ำเสนกัน ชางเหมาะสมที่จะใหขาล้ำเสนตระกูลคงกระพันสักนิด
เหลือเกิน…
คิดไดดังนี้ หวังเปาเลอจึงหลับตาเขาฌาณตอ สวนรางของเขากลับอยูที่บนโลก
ลืมตาทั้งสองขาง ลุกเดินไปทางที่อาจารยปรมาจารยแหงไฟอยู
เรื่องราวตอจากนี้ เขาจำเปนตองปรึกษากับอาจารย ในเวลาอันรวดเร็ว หลังจาก
หารือกับอาจารยเรียบรอยแลว สหพันธรัฐก็เปดประชุมพันธมิตร เหลาชนชั้นสูงจาก
อารยธรรมตางๆ ในระบบสุริยะก็ทยอยมารวมตัวกันที่ดาวโลก
เวลาผ า นไปช า ๆ ระหว า งการประชุ ม ของพั น ธมิ ต ร เยาถงกลั บ มาถึ ง แล ว
ตลอดทางในใจนางรูสึกหดหูอยางหาที่เปรียบไมได แตก็ไรหนทาง การเดินทางไป
ตระกูลคงกระพันครั้งนี้ นางไมไดพบกับผูอาวุโสไมรูสิ้นผูนั้น บางทีอาจจะไมอยูจริงๆ
หรือบางที…ก็ไมอยากขัดใจกับหวังเปาเลอไปมากกวานี้เพราะนาง
ดังนั้นทายที่สุด นางจึงไดแตพาความซับซอนกลับมายังระบบสุริยะ ในเวลาเดียวกัน
ยังนำแหลงทรัพยากรจำนวนมากที่ตระกูลคงกระพันมอบใหกลับมาดวย พวกนี้…ก็คือ
คาตอบแทนที่ตระกูลคงกระพันมอบให
ตี ้ ซ านปราชั ย ให ห วั ง เป า เล อ เรื ่ อ งนี ้ ท ำให ห วั ง เป า เล อ มี ค ุ ณ สมบั ต ิ พ อควร
โดยเฉพาะการคงอยูของสำนักแหงความมืด ดังนั้นตระกูลคงกระพันจึงทำไดเพียง
อดกลั้นตอเรื่องนี้ ถึงอยางไรหวังเปาเลอก็มีหลักการอยูระดับนึง
และหลั ก การนี ้ … ส ว นมากแม จ ะไม ค อ ยมี ผ ลต อ ผู ท ี ่ อ อ นแอนั ก แต ส ำหรั บ
ชนชั ้ น สู ง …มั ก จะมีผ ลที ่ ค าดไม ถ ึ ง เสมอ อี ก ทั ้ง บวกกั บ การเชื ้อ เชิญ ของผู อ าวุ โ ส
ตระกูลเซี่ยและการสนับสนุนจากจักรพิภพสำนักเสริมและปรมาจารยเตาเจ็ดสำนัก
ในจักรพิภพเตาไมรูสิ้นนี้ก็ปรากฏแววแตกแยกขึ้นมาลางๆ แลว
ดังนั้นในเวลานี้ หากไมสามารถปราบไดอยางทรงพลังเชนนั้นก็ไดแตกล้ำกลืน
ยืดเวลาออกไป
เห็นไดชัดวา…อยางแรกไมสอดคลองกับความเปนจริง ทั้งตองการพละกำลัง
พอสมควร ทั้งยังตองใชความแข็งแกรงที่มากพอ ตระกูลคงกระพัน…นอกเสียจาก
จะเปนผูอาวุโสออกคำสั่ง ไมเชนนั้นจักรพรรดิสวรรคคนอื่นๆ ก็ไมกลาเสี่ยง
ดังนั้นจึงมีเหตุการณเชนนี้ออกมา
เมื่อความคิดเหลานี้ผุดขึ้นมาในหัว วันที่เจ็ดที่เยาถงเดินทางกลับ ภายใตการ
แนะนำของปรมาจารยแหงไฟ การประชุมกลุมพันธมิตรระบบสุริยะก็ไดมติที่ตรงกัน
สำหรับเรื่องนี้
ระบบสุริยะ…พนจากจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย ยิ่งพนจากนามพันธมิตร
ตระกูลคงกระพัน เพิ่มคำวาดินแดนศั กดิ ์ สิ ท ธิ ์ เข าไป เป น กลางจากในจั กรพิภพ
เตาไมรูสิ้นตลอดไป
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แหงสหพันธรัฐ!
และประกาศตอทั่วทั้งจักรวาล ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เปดตอนรับทุกอารยธรรม
ทุกตระกูลทุกสำนักใหเขารวม
เมื ่ อ มติ น ี ้ อ อกมา ก็ เ กิ ด การเคลื ่ อ นไหวในจั ก รพิ ภ พเต า ไม ร ู ส ิ ้ น ทั น ที ทำให
สำนั ก ตระกู ล จำนวนมากใจสั ่ น สะท า นไปตามๆ กั น เริ ่ ม แรกก็ ร ู ส ึ ก เหลื อ เชื่ อ
เพราะหลายปมานี้ เรื่องการแยกตัวเห็นไดนอยมากเหลือเกิน
แตลองคิดดูดีๆ …ก็เหมือนวาสหพันธรัฐในตอนนี้ก็มีคุณสมบัติเชนนี้อยูจริงๆ
ในสภาพแวดลอมปจจุบันนี้ สหพันธรัฐมีหวังเปาเลอที่ติดอันดับแถวหนาสุดยอด
ชนชั้นสูงในจักรพิภพเตา ทั้งยังมีระดับจักรวาลอยางปรมาจารยแหงไฟกับเยาถง
อีกทั้งยังมีสมบัติล้ำคาอยางแผนเลื่อนโลกา
พลั ง อำนาจเช น นี ้ แยกตั ว จากวั ง วนของตระกู ล คงกระพั น ก็ เ หมื อ นอยู ใ น
ความคาดหมาย!
เพี ย งแต แ ม เ รื ่ อ งนี ้ จ ะก อ เกิ ด ความสั ่ น สะเทื อ น และก็ ม ี ต ระกู ล สำนั ก เล็ ก ๆ
จำนวนไม น อ ยมาแอบหารื อ กั บ สหพั น ธรั ฐ เพื ่ อ จะเข า ร ว ม แต ส ุ ด ท า ยตระกู ล
สำนักสวนมากในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายก็ยังคงเฝาสังเกตดวยความลังเล
เห็นไดชัดวาอิทธิพลอำนาจอันเนิ่นนานของตระกูลคงกระพันทำใหสำนักตระกูล
เหลานี้ไมกลาตัดสินใจงายๆ หากตระกูลคงกระพันโกรธเพราะเรื่องนี้จนเกิดศึกลาง
ตระกูลขึ้นมา พวกเขารับไมไหว
ในเวลาเดียวกัน สำนักใหญจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายอยางเตาเการัฐ
ก็ลังเลตอเรื่องนี้เชนกัน แตในเวลาสั้นๆ ปรมาจารยเตาเการัฐรูสึกราวกับควาโอกาสได
ก อ นจะถ า ยทอดคำสั ่ ง ออกไปในทั น ที ประณามการกระทำของสหพั น ธรั ฐ นี้
อยางรุนแรง
สำนักใหญอื่นๆ ก็ทยอยกันขานรับ ในเวลาเดียวกันใจกลางจักรพิภพเตาไมรูสิ้น
ไมไดแสดงความเห็นใดๆ ตอเรื่องนี้ แต…จักรพรรดิสวรรคกวงหมิงเปนผูนำตระกูล
คงกระพันมาดวยตัวเอง ที่นอกสนามรบที่เปดศึกกับสำนักแหงความมืด เลือกผูฝกของ
ตระกูลจำนวนหนึ่งปกหลักอยูที่ในเขตแดนจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย
ในเวลาเดียวกันก็มีแรงบีบคั้นดวงจิตเทพที่เรียกไดวานากลัวอาจหาญดวงหนึ่ง
แผกระจายออกมาจากตระกูลคงกระพัน กวาดไปทั่วจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหง เต า
ฝงซาย ทำใหขณะที่สรรพสิ่งสั่นคลอน สุดทายดวงจิตเทพนี้ก็รอนลงที่นอกระบบสุริยะ
กอนแผแรงกดดันไปทางระบบสุริยะในทันที
สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งระบบสุริยะราวกับจะถลม ธรรมกายของหวังเปาเลอ
เงยหนาลืมตามองไปทางทองฟาที่ดวงจิตเทพแผออกมา ขณะที่ดูเลือนราง ราวกับวา
เขาเห็นปลายทางของทองฟานั่น ในเมืองหลวงของตระกูลคงกระพัน มีดวงจิตเทพ
ดวงหนึ่งกำลังมองมาที่ตนดวยความเยียบเย็น
“ผูอาวุโสไมรูสิ้น” หวังเปาเลอหรี่ตาลงพลางเอยเสียงเบา
“หวั ง เป า เล อ อย า ให ม ากไป เจ า คิ ด จริ ง ๆ หรื อ ว า ข า จะไม ม ี ป ญ ญาแบ ง ใจ
มาทำลายเจ า ได ?!” เสี ย งแค น เย็ น ชาที ่ แ ฝงความน า เกรงขามลอยออกมาจาก
ดวงจิตเทพกอนสลายหายไป
แมตระกูลคงกระพันจะไมแ สดงท าที ออกมา แต ไ ม ว าจะเปน การตั ้งมั่ นของ
จักรพรรดิสวรรคกวงหมิง หรือดวงจิตเทพของผูอาวุโสไมรูสิ้น
ตางก็ทำใหตระกูลอารยะธรรมที่ในใจลึกๆ กำลังโลดแลนขึ้นมาเหลานั้นไมกลา
ติดตอกับสหพันธรัฐตอไปตามๆ กัน
และสหพันธรัฐในเวลานี้ ราวกับกำลังรับบทแสดงอยูคนเดียว แตอันที่จริง…
สิ่งเหลานี้ลวนอยูในความคาดหมายของหวังเปาเลอทั้งสิ้น
“คำเตือนนี้…ดูทาจะยังไมล้ำเสนสินะ” หวังเปาเลอหรี่ตา นัยนตาฉายแววลึกล้ำ
บทที่ 1233 บุกเตาเการัฐ
“จักรพรรดิสวรรคกวงหมิงตั้งกองทัพอยูที่เขตแดน…”
“เตาเการัฐประณามสหพันธรัฐอยางเปดเผย!”
“สี่สำนักใหญตางลิงโลดไปตามๆ กัน เดินหนาถอยหลังไปพรอมๆ กับเตาเการัฐ…”
“ดวงจิตเทพผูอาวุโสไมรูสิ้นมาตักเตือนขา…” หวังเปาเลอผุดยิ้ม เพียงแตรอยยิ้มนี้
ชางเย็นเยียบ เขามองออกวาสหพันธรัฐยืนเดี่ยวเรื่องนี้ยังหางจากขีดจำกัดของ
ตระกูลคงกระพันอยูบาง ไมเชนนั้น ก็คงไมมีเหตุการณที่ดูอันตราย มุงดวยเจตนาราย
เชนนี้ แตเปนการมาปราบตนของตระกูลคงกระพันอยางสุดชีวิตแทน แตหากคิดเชนนี้
เปนกลางชั่วนิรันดรประโยคนี้จากมติประชุมสหพันธรัฐ เห็นไดชัดวามีผลอยูบาง
“ในเมื่อเปนเชนนี้…งั้นก็ยุตออีกหนอยก็แลวกัน ในเมื่อเฉินชิงจื่อชวยขาแลว
ดวยคุณธรรม…ขาก็ตองชวยเขาเสียหนอย” หวังเปาเลอนิ่งงัน สัมผัสถึงเมล็ดพันธุเตา
ธาตุไมของตนเอง
เมล็ดพันธุนี้ไดฝงลงในดวงวิญญาณเทพของรางตนเรียบรอยแลว หากอยากให
สำเร็จถึงระดับที่ตองการ สิ่งที่ตองการ…ไมใชการฝกอีกตอไป แตเปนการสัมผัสรับรู
รวมทั้งผสานรวมกับพลังเตาธาตุไมอื่นๆ
“ยังมีอีกวิธี ก็คือผสานรวมเมล็ดพันธุเตาทั้งหาธาตุ หากธาตุทั้งหาสมบูร ณ
เกิดการหมุนเวียนขึ้นเมื่อใด…เตาแหงธาตุทั้งหาก็จะกลายเปนดั่งกาลักน้ำ หากเปน
เชนนี้ จะสำนักเสริมหรือใจกลางจั กรพิ ภ พเต าไมรู สิ ้ น เต าแห ง ธาตุ ท ั ้ ง ห าในนั้น
ยอมกลายเปนตนกำเนิดของขาทั้งสิ้น!”
“ตอจากนั้น เตาธาตุดินยังตองพักไวกอน เตาอื่นๆ ก็ยังอีกไกล มีเพียง…สมบัติล้ำคา
บรรจุเตาธาตุน้ำเทานั้นแลว” หวังเปาเลอนัยตาวาววับมองไปทางเตาเการัฐ
ดวยพลังปราณและการสัมผัสรูตนไมใบหญาของเขาในตอนนี้ เขารูสึกไดอยาง
ชัดเจนวาในเตาเการัฐมีสิ่งที่สามารถบรรจุเตาธาตุน้ำอยู สวนเปนอะไรนั้นเขาไมรู
แตความรูสึกไมผิดแน
“เตาเการัฐ!” หวัง เปาเลอเงียบงัน ไปหลายอึ ดใจ นั ย น ตาฉายแววเด็ดเดี่ยว
ในเวลานี ้ ห ลายสำนั ก อย า งเต า เก า รั ฐ ออกมาประณามกั น อย า งแข็ ง ขั น
จักรพรรดิสวรรคกวงหมิงปกหลักมั่นอยูดานนอก ผูอาวุโสไมรูสิ้นก็เพิ่งสะเทือนสยบ
หากตนจะหยุดเพียงเทานี้ก็พูดไมไดวาออนแอ
ดังนั้น หากจะโตกลับ หากจะลองหยั่งเชิงขีดจำกัดตอ ก็ตองตีเหล็กตอนรอนๆ
แสดงทาที…เปนผูที่ไมสามารถหยามเหยียดกันไดงายๆ ออกไป มีเพียงทางเดียว…
ถึงจะสยบลงได และก็สามารถชวยเหลือเฉินชิงจื่อไปพรอมๆ กันไดดวย บรรเทา
แรงกดดันของเขา อีกทั้ง…ยังทำใหทางดานตี้ซานไดสมบัติสวรรคเตาธาตุดินมาฟนฟู
พลังปราณของเขาไดอยางราบรื่นขึ้นดวย
“ข า นั บ ว า เป น แผนโจ ง แจ ง ไม ใ ช แ ผนลั บ ๆ ต อ ให ผ ู อ าวุ โ สไม ร ู ส ิ ้ น มองออก
นอกเสียจากไมทำ ไมอยางนั้น…สุดทายก็ยังตองจัดการแบบนี้อยูดี!” คิดไดดังนี้
ก็ไ ม ลัง เลอี ก ต อไป ไมไ ดขยับร างแท ของตน แต ธรรมกายที ่ อ ยู น อกระบบสุ ร ิ ย ะ
หยัดกายขึ้นในทันที กอนกาวเขาไปทางความวางเปลา
เทาย่ำลง ทองฟาสนั่นครืน ระเบิ ดระลอกคลื ่น ไปทั ่วสารทิ ศ ธรรมกายของ
หวังเปาเลอปรากฏเปนขนาดมนุษยปกติ หายไปจากตำแหนงเดิม กอนปรากฏขึ้น
อีกครั้งที่…นอกดาราจักรของเตาเการัฐในฉับพลัน
จักรวาลโคจร สัมผัสสวรรคของสรรพสิ่งลวนถูกกระตุน เหลาชนชั้นสูงในระดับ
เดียวกันยิ่งมีสัมผัสเชื่อมกัน โดยเฉพาะยิ่งหวังเปาเลอที่ทรงพลังอยางมากในตอนนี้
ทุกอากัปกิริยาของเขาลวนไมสามารถปกป ดได พริบตาที่หายไปและปรากฏขึ้ น
หลายคนก็สัมผัสไดในทันที
โดยเฉพาะผูอาวุโสเตาเการัฐพลันลืมตาขึ้นจากสถานที่ถือสันโดษอยูในทันที
นัยนตาฉายแววอาฆาต เมื่อมือขวาขยับยก อภิมหาวงแหวนปราณของเตาเการัฐ
ก็เริ่มขยับที่นอกประตูใหญในทันที
จากสายตาของหวั ง เป า เล อ เมื ่ อ วงแหวนปราณของเต า เก า รั ฐ เริ ่ ม เคลื ่ อ น
ดาราจักรเบื้องหนาพลันเปลี่ยนแปลงจนกลายเปนน้ำวนขนาดยักษขึ้น และภายในนั้น
ก็มีโซเกาเสนที่เปลงแสงสีทองบาดตาราวกับมังกรที่ขยับไปมา ดานบนเต็มไปดวย
ภาษาโบราณและแฝงกลิ่นสังหารอยางรุนแรงอยูภายใน
และในเวลาเดียวกันนี้ ตระกูลตางๆ ศิษยทุกคนทั่วทั้งในดาราจักรเตาเการัฐ
ล ว นนั ่ ง ขั ด สมาธิ ล ง มอบพลั ง ปราณของตนประสานเข า ในวงแหวนปราณ
เหลาชนชั้นสูงของเตาเการัฐอีกสวนก็ทยอยกันบินออกไปราวกับดวงดารา ระเบิดแรง
บีบคั้นของตนใหถึงขีดสูงสุดอยางตั้งใจ
ดานหลังพวกเขา ผูอาวุโสเตาเการัฐที่ถือสันโดษมานานป เมื่อในเวลานี้เริ่มเคลื่อน
วงแหวนปราณ ก็ออกจากสถานที่ถือสันโดษ ชุดคลุมยาวสีขาวตลอดราง เสนผม
ขาวโพลนแลดูไมธรรมดา นัยนตาราวกับมีประกายไฟ แผระลอกคลื่นออกมาจากราง
ตลอดเวลาดุจระลอกน้ำกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
และบนหวางคิ้วเขาก็มีตราผนึกหยดน้ำหนึ่งหยด!!
ไมเพียงเทานี้ แทบจะเปนเวลาเดียวกับที่ประตูใหญเตาเการัฐเปดออก ในดาราจักร
เต า เก า รั ฐ พลั น ปรากฏแสงขนาดใหญ ย ากจะเปรี ย บสี ่ บ านประตู ในนาที นี้
พลันเปดออกทั้งหมด มีกองทัพผูฝกตนที่มาจากจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย
และอีกสี่สำนักใหญพลันกาวออกมา มีจักรพิภพสำนักตางๆ รวมทั้งผูอาวุโสอีกทั้ง
ยังพกของล้ำคาออกมาดวย
นาที น ี ้ ห า สำนั ก ใหญ ร ว มมื อ กั น ทำให พ ลั ง ของวงแหวนปราณยิ ่ ง แข็ ง แกร ง
หลังจากโซเกาเสนปรากฏ ก็ยังมีมนุษยขนาดยักษ ขวานรบ กระถางสำริดสามขา
ขนาดยักษและสะเก็ดดาว
แตเพียงเทานี้ เห็นไดชัดวายั ง ไม ใ ช การเตรี ย มพร อมทั ้ ง หมดของเต าเก า รั ฐ
ที่ตอนแรกผูอาวุโสเตาเการัฐกลาออกมาประณามสหพันธรัฐ ยอมตองมีที่พึ่ง สวนที่พึ่ง
ของเขา…ไมจำเปนตองเดา ขอเพียงเปนผูที่คิดวิเคราะหไดก็ยอมรู
ก็คือ…จักรพรรดิสวรรคกวงหมิงที่ปกหลักอยูดานนอก
ดังนั้นก็แทบจะเปนเวลาเดียวกับที่หวังเปาเลอมาถึงเตาเการัฐ จักรพรรดิสวรรค
กวงหมิงที่อยูที่เขตแดนนัยนตาฉายแววเด็ดเดี่ยว นำกองทัพตระกูลไมรูสิ้นมุงเขาไปใน
จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายทันที
นาทีนี้ สายตาของผูเยี่ยมยุทธทุกคูลวนมองมาเปนจุดเดียวกัน มารเตาแหงเตา
เจ็ดวิญญาณลุกยืนโดยพลัน นัยนตาวูบไหวราวกับกำลังชั่งน้ำหนัก ผูอาวุโสแหงสำนัก
ดาราจันทรเปดตาขึ้นชาๆ แววตาเครงขรึมวาบผาน
ผูอาวุโสตระกูลเซี่ยเงียบงัน ทวามือขวากลับผนึกมุทราขึ้นอยางรวดเร็ว ไรกระแสเวท
ใดเคลื ่ อ นไหว แต ห ากมี ค นตระกู ล เซี ่ ย ผู ใ ดที ่ ท ี ่ ค ุ น เคยกั บ เขาเห็ น เข า ล ว นต อ ง
สั่นสะทานขึ้นในใจ เพราะผูอาวุโสตระกูลเซี ่ยมีน ิสั ยอยางหนึ่ง ทุกครั้งที่เขาจะ
ตัดสินกระทำเรื่องใหญโตลวนเปนเชนตอนนี้
และยิ ่ ง เร็ ว เท า ไรก็ย ิ ่ง หมายความว า การตัด สิ น ใจนี ้ ย ิ ่ง สำคัญ มากขึ ้น เท านั้ น
เวลานี้…มือขวาเขาที่กำลังผนึกมุทราไดพราเลือนไปแลว…
ยังมีจีเจียในตระกูลคงกระพันรวมทั้งซวนฮวาที่ถือสันโดษ คนหนาเครงเครียด
คนหลังดวงตาทั้งสองขางแดงก่ำ มองไปทางสนามรบอยูในตราผนึก
และยังมีผูเยี่ยมยุทธของสำนักแหงความมืดที่ตางกำลังเฝามอง
พูดไดวา…ศึกครั้งนี้ของสำนักแหงความมืดกับตระกูลคงกระพันราวกับไมใช
ทวงทำนองหลักของยุคนี้อีกตอไปแลว เปนหวังเปาเลอถึงจะถูก!
เขาถื อ สั น โดษไม อ อกมาก็ ช า งเถอะ ตอนนี ้ ท ั น ที ท ี ่ อ อกมาก็ ก ระทำการใหญ
ติ ด ต อ กั น ครั ้ ง แล ว ครั ้ ง เล า อี ก ทั ้ ง เบื ้ อ งหลั ง ของทุ ก ๆ เรื ่ อ งยั ง ราวกั บ มี เ บื ้ อ งลึ ก
แตรูปแบบเชนนี้ก็ทำใหผูคนหวาดกลัวขึ้นอยางอดไมได และในขณะที่สายตาทุกคูของ
เหลาชนชั้นสูงมองมา ยามจักรพรรดิสวรรคกวงหมิงมาถึง อากาศเบื้องหน าเขา
พลันบิดมวน เงารางเยาถงกาวออกมาขวางอยูหนาจักรพรรดิสวรรคกวงหมิง
ในใจนางเวลานี้สับสนอยางที่สุด สีหนาย่ำแย แตก็ไมสามารถไมมาได ในหัวก็ผุด
ภาพที่หวังเปาเลอสั่งนางกอนหนานั้น
“ขัดขวางกวงหมิง!”
“คุณชาย ขา…ขาทำไมได นอกเสียจากทานจะคืนแกนสำคัญใหขา ขาถึงจะสูกับ
จักรพรรดิสวรรคได”
“ไมจำเปน ขัดขวางแคยี่สิบลมหายใจก็พอ”
“ยี ่ ส ิ บ ลมหายใจ” เยาถงกั ด ฟ น พริ บ ตาที ่ เ ห็ น กวงหมิ ง พลั ง ปราณปะทุ ขึ้ น
ทำใหกาลเวลารอบๆ บิดมวนกลายเปนผนึก
ในขณะเดียวกัน ผูอาวุโสเตาเการัฐเพงมองไปทางหวังเปาเลอที่นอกดาราจักร
พลางเอยเสียงต่ำ
“หวังเปาเลอ เจามาดวยเหตุใด? หากเหยียบเขามาในสำนักนี้ เจาและขา…
ไมตายไมเลิกรา!”
หวังเปาเลอที่ยืนอยูนอกดาราจักรเตาเการัฐนัยนตาระยับ ยกเทาขึ้นกาวไปทาง
วงแหวนปราณย่ำลงไปทันที!
เสียงเขาสะทอนไปทั่วทุกสารทิศ
“วันนี้หวังเปาเลอมาที่นี่ ทำลายเตาเการัฐ และนำของชิ้นหนึ่งไป!”
บทที่ 1234 น้ำกำเนิดไม
ไมรูวาตั้งแตเมื่อไร หวังเปาเลอรูสึกไดวาตัวเองเปลี่ยนไปแลว เปลี่ยนเปนสุขุมลุมลึก
นิ่งมากกวาเดิม บางที…อาจเปนตั้งแตที่เขาตระหนักรูเตาเปนอิสระเปนตัวของตัวเอง
หรือบางทีเปนนาทีที่เขายางเขาสูจักรพิภพ แมสิ่งผูกมัดจะไมอยู แตเขาก็มองเห็น
ความหวัง
หรือบางทีเปนเขาที่ฝกมาจนถึงตอนนี้และแจมแจงความหมายของคำวาไมสับสน
ไดอยางลึกซึ้งแลว
การเปลี่ยนแปลงเชนนี้ หวังเปาเลอก็ไมรูวาดีหรือไมดี แตดีที่เขารูตัว…สวนคน
ที่ตนรัก ที่ตนใสใจ เขาไมเคยเปลี่ยน
แตในทางตรงกันขาม…สำหรับคนหรือเรื่องที่ไมเกี่ยวของเขาก็ยิ่งเย็นชาตอบ
ความรูสึกที่แตกตางกันคนละขั้วเชนนี้ทำใหหลายครั้งในสายตาคนนอกหวังเปาเลอ
ชางดูเย็นชาอยางที่สุด ดั่งเชนตอนนี้…ก็เปนเชนนั้น เมื่อหวังเปาเลอยกเทาไปทาง
วงแหวนปราณเตาเการัฐ วินาทีที่เทาย่ำลง วงแหวนปราณเตาเการัฐสั่นครืนดังสนั่น
ไปทั่ว โซเกาเสนในนั้นรวมทั้ง สะเก็ดดาว กระถางสำริดสามขาขนาดใหญ ขวานรบ
และมนุษยยักษ เงาที่ปรากฏขึ้นของมหาเตาทั้งหานี้สะทอนกอง
กระทั่งสะเทือนไปทั่วทั้งดาราจักรเตาเการัฐ ทำใหผูฝกตนและดวงดาราทั้งหมด
ในนั้นสั่นไหวอยางรุนแรง ผูฝกตนของหาสำนักจำนวนมากกระอักเลือด เหตุเพราะ
จุดยืนของแตละคนตางกันตางฉายแววอาฆาตแคนขึ้นในนัยนตา
สำหรับสายตาเชนนี้ หวังเปาเลอสัมผัสได แตเขาไดแตเงียบงัน การลงมือของ
ทั้งหาสำนักตอนที่เขาเลื่อนขั้น รวมทั้งทาทางยามที่ตระกูลคงกระพันหนุนหลังใน
ตอนหลังก็ไดตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขาเอาไวเรียบรอยแลว
ทวาทายที่สุดหวังเปาเลอก็ยังเปนคนที่มีหลักการและขอบเขต ดังนั้นเวลานี้
ขณะที่สาวเทากาวที่สองออกไปก็ไมไดแผพลังออกไปสั่นคลอนรากฐานของผูฝกตน
ทั้งหาสำนัก และไดประสานพลังทั้งหมดรวมไวที่เตาของหาสำนักในวงแหวนปราณ
เพียงพริบตา ทั่วทั้งทองฟาคำรามลั่น สะเก็ดดาวพังทลาย กระถางสำริดสามขา
แตกละเอียด ขวานรบกับมนุษยยักษก็ยืนหยัดไดอีกไมนานกอนระเบิดออก สิ่งสุดทาย
ที่ทลายลงก็คือโซเกาเสนของเตาเการัฐ
เมื่อเงามหาเตาทั้งหาสำนักพังทลายลง ภายใตพลังคลุมคลั่งนี้วงแหวนปราณ
ก็ปรากฎลางแตกราว รอยแตกขนาดใหญท างหนึ่ง แมตัวมันจะไมยินยอม แต ก็
ไมสามารถรักษารอยแตกแยกนี้ได เผยขึ้นที่เบื้องหนาหหวังเปาเลอ ทำใหเขามองผาน
รอยแตกเขาไปเห็นผูฝกตนของทั้งหาสำนักจำนวนมหาศาลอยูดานใน
ตอนนี้ เวลาเพิ่งผานไปสามลมหายใจ!
หวังเปาเลอสีหนาเรียบเฉยกาวที่สามตอไป เงารางกาวผานรอยแตก ปรากฏตัว
ขึ้นอีกครั้ง…ที่ในดาราจักรเตาเการัฐ และวินาทีที่เขากาวเขามา วงแหวนปราณ
ดานหลังเขา มหาเตาหาสำนักที่พังทลายอยูในคราแรก ดวยแรงฟนฟูอยางสุดพลังของ
แตละสำนักก็คอยๆ เกาะรวมกันใหมและผสานเขาดวยกันกลายเปนฝามือมหาเตา
ขางนั้นที่เคยปรากฏขึ้นที่นอกระบบสุริยะในตอนนั้น
ฝามือนี้มีพลังมหาศาลเต็มไปดวยพลังอันนาสะพรึง เวลานี้เคลื่อนออกมาจาก
วงแหวนปราณควาหมับไปทางหวังเปาเลอ ในขณะเดียวกัน เสียงคำรามหลายเสียง
สะทอนกองไปทั่วฟา ผูฝกตนจักรพิภพของหาสำนั กมากกว ายี่ สิ บคนปรากฏขึ้ น
รอบกายหวังเปาเลอ แตละคนตางระเบิดพลังปราณออกมาทั้งหมด เผยเคล็ดวิชาลับ
อันแข็งแกรงตีโอบไปทางหวังเปาเลอ
หากมองไกลๆ ฉากนี้ชางอกสั่นขวัญแขวน เหลาชนชั้นสูงจักรพิภพมากกวายี่สิบคน
รวมทั้งฝามือมหาเตา ราวกับกลายเปนวงแหวนประหารโอบลอมหวังเปาเลอไวภายใน
หากเพี ย งเท า นี ้ … บางที อ าจรั บ มื อ กึ ่ ง จั ก รวาลได แต ไ ม ม ี ท างสามารถจั ด การกั บ
ระดับจักรพรรดิสวรรคที่แทจริงได แตเห็นไดชัดวา…ฉากสังหารไมไดงายดายเชนนั้น
พริบตาตอมา ดานหลังเหลาชนชั้นสูงจักรพิภพกวายี่สิบคนนี้ไดปรากฏผูเฒาขึ้น
หาคน แตละคนลวนแฝงไวดวยกลิ่นอายของกาลเวลา และก็เปนผูอาวุโสของทั้ง
สี่สำนัก แมพวกเขาจะไมใชระดับกึ่งจักรวาล แตในจักรพิภพก็เปนผูแข็งกลานาสะพรึง
เชนกัน อีกทั้งแตละคนยังนำของดีของแตละสำนักออกมา กลายเปนแรงสังหารที่
นาหวาดกลัวอยางยิ่ง
สวนผูอาวุโสคนที่หาก็คือหุนเชิดผีดิบที่เตาเการัฐหลอมออกมา ที่มาลึกลับ
แตพลังตอสูที่ระเบิดออกมาก็นาสะพรึงเชนกัน ทั้งหาคนรวมมือกันกลายเปนแรง
บีบคั้นระลอกสอง ทำใหหวังเปาเลอที่ถูกลอมอยูดานในราวกับ…ถูกจี้ยากจะหนี
แตตอใหเปนเชนนี้ เตาเการัฐก็ยังไมรามือ เห็นไดชัดวาเตรียมพรอมมาอยางดี
ในพริบตา ผูฝกตนทั้งหาสำนักจำนวนมหาศาลนั ่งขั ดสมาธิลงพลางสงเสี ยงท อ ง
บทสวดประหลาดออกมา
บทสวดนี้แฝงดวยความหลุดพน ดูคลายเปนบทวัฏสงสาร แตความจริง…กลับเปน
บทสวดใหคนตายอยางหนึ่ง เปนวิชาลับของเตาเการัฐ สามารถเปนพลังเปลวธูป
ขุมหนึ่งไดเพื่อเจตนาฆาคน
หลักการของมันก็คือรวบรวมเจตนาสั ง หารของทุ กคนเปลี ่ ย นเป น ความเชื่ อ
และใชมันฆาสยบทุกสิ่ง เวลานี้เมื่อบทสวดจากผูฝกตนทั้งหาสำนักลอยลอง ไอหมอก
สีเทาหลายสายจากทั้งสี่ทิศมารวมกัน ทำใหจุดที่หวังเปาเลอถูกโอบลอมเกิดเปนน้ำวน
ขนาดยักษจากไอหมอกจำนวนมหาศาลนี้
เสียงดังสนั่นไมหยุดหยอน ขณะที่สะทอนไปทั่วฟา ในประตูบรรพชนเตาเการัฐ
ผู อ าวุ โ สเต า เก า รัฐ ที่ ห ว า งคิ ้ ว มี ผ นึ ก หยดน้ ำ จั บ จ อ งศึ ก นี้ ไ ด ก า วออกจากสถานที่
ถือสันโดษ เวลานี้หรี่ตาลง มือขวาพลันเคลื่อนสูง เพียงพริบตาก็มีสายน้ำจำนวนมาก
ออกมาจากอากาศ กอนกลายเปนหอกน้ำแข็งเลมหนึ่งตรงเบื้องหนาเขาในทันที
หอกนี้เปนสีฟาทั้งเลม แวววาวโปรงใส ประกอบขึ้นจากน้ำแข็งเตา แฝงไวดวย
พลังมหาเตาของผูอาวุโสเตาเการัฐรวมทั้งผูฝกตน แมจะยังไมขวางออกไป แตจาก
กระแสคลื่นและกลิ่นอายของมันก็นาสะพรึง หากเปนเยาถงอยูที่นี่นอกจะเสียจาก
จะทุมสุดตัว ไมเชนนั้นก็เกรงวาจะตานทานไมไหวเชนกัน
ถึงอยางไร…ผูอาวุโสเตาเการัฐที่ในประตูใหญเตาเการัฐ เขาก็เปนระดับจักรวาล!
ซึ่งในเวลานี้ทำเพียงผสานรวมหอกน้ำแข็งตั้งทาเตรียมพรอม ยังไมลงมือในทันที
แตยิ่งเปนแบบนี้แรงกดดันก็ยิ่งมาก ราวกับมีผนึกพลังปราณ หากถูกเขาควาโอกาสได
ก็จะตองสะเทือนเลื่อนลั่นอยางแนนอน!
ถึงตอนนี้ เวลาไดผานไปแลวสิบลมหายใจ เมื่อเห็นการสังหารกำลังจะระเบิดออก
ทวาในเวลานั้นเอง…หวังเปาเลอที่ถูกลอมไวหลายชั้น นัยนตาวาววับ พลังเมล็ดพันธุ
เตาธาตุไมในรางพลันระเบิดออก พริบตา…ผูฝกตนทั้งหาสำนักจำนวนมหาศาลใน
สนามรบนี้ จำนวนไมต่ำกวาเจ็ดสวนรางกายลวนสั่นเทิ้มอยางรุนแรง
ในรางของพวกเขา จะมากจะนอยอยางไรก็ตองมีพลังเตาธาตุไม และทึ่ไดรับ
ผลกระทบมากที่สุดก็มีประมาณสองสวน ในดวงตาของผูฝกตนเหลานี้ไรการขัดขืน
ใดๆ เพียงพริบตาก็ขบถขึ้น ถึงขนาดมีผูฝกตนจักรพิภพสี่คนและผูอาวุโสจากหาสำนัก
หนึ่งคน
การขบถของพวกเขา ช า งเหนื อ ความคาดหมายจนพวกเขาก็ ร ู ส ึก เหลื อ เชื่ อ
แตวินาทีนี้ราวกับไมสามารถควบคุมความคิดและรางกายได เพียงพริบตาเสียงดัง
สนั่นกองไปทั่วทุกสารทิศ และนาทีนี้ทั่วทั้งทองฟาก็เกิดความมืดมิดขึ้นในการรับรู
“คืนพินาศ!” "ผูอาวุโสเตาเการัฐรูเคล็ดวิชาลับนี้ของหวังเปาเลออยูแลว ในเวลานี้
ไรความลังเล ขวางหอกน้ำแข็งในมือออกไปอยางสุดแรง ฉับพลันเสียงแหวกทองฟา
ดังลั่นเปนทาง หอกน้ำแข็งนี้ไดกลายเปนสายสีฟายาวเสนหนึ่ง แผกลิ่นอายมหาเตา
และกระแสระดับจักรวาล ราวกับสามารถทะลุผานทุกสิ่งอยาง พุงไปหาหวังเปาเลอ
เพียงพริบตา ขณะที่ทองฟากลายเปนสีดำ ขณะที่หอกน้ำแข็งไมผานเข ามา
ดานใน อาทิตยแรกเปลงกระจายออกมาจากตัวหวังเปาเลอกลายเปนแสงจำนวน
นับไมถวนระเบิดกระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศในทันทีดุจทะเลแสงที่ทะยานซัด
ฝามือยักษที่เกิดจากมหาเตาหาสำนักไมสามารถยืนหยัดตอไดในทะเลแสงนี้
ก อ นแยกออกจากกั น ใหม ในเวลานี ้ ไ ด พ ั ง ทลายลงอี ก ครั ้ ง เหล า ชนชั ้ น สู ง ระดั บ
จั ก รพิ ภ พยี ่ ส ิ บ กว า คนนั ้ น ก็ ม ี ค นขบถ ภายใต ค วามวุ น วายนี ้ ต า งกระอั ก เลื อ ดไป
ตามๆ กัน ถึงขั้นที่มีหกคนถูกทะเลแสงกลืนหายไป
และผูอาวุโสหาสำนักผูนั้นก็เปนเชนเดียวกัน หนึ่งขบถ หนึ่งมอดมวย สามคนที่
เหลือตางกระอักเลือด ถอยหลังอยางบาคลั่ง สวนผูฝกตนหาสำนักที่สวดทองทั้งหมด
ก็เปนเชนเดียวกัน ภายใตทะเลแสงนี้ราวกับวันสิ้นโลกกำลังมาเยือนก็มิปาน
มีเพียงหอกน้ำแข็งที่กลายเปนทางสีฟาเสนนั้น ในเวลานี้เคลื่อนไหวในความ
มืดมิดกอนระเบิดไอสังหารรุนแรง ปรากฏขึ้นที่…หนาหวังเปาเลอ
นี่…ที่จริงแลวก็คือโอกาศที่ผูอาวุโสเตาเการัฐกำลังรออยู การเตรียมการทั้งหมด
กอนหนา การลงมือทั้งหมด ก็เพื่อเปนการหักลางเคล็ดวิชาลับของหวังเปาเลอทั้งสิ้น
เพื่อสรางจังหวะใหการลงมือของตน
“น้ำกำเนิดไม น้ำเปนมารดาของไม หวังเปาเลอ แมเจาจะมีเตาธาตุไม แตตัวผูเฒา
เช น ข า อยากจะเห็ น นั ก ว า เจ า จะใช อ ะไรสยบข า ชิ ง ของไป!” ผู อ าวุ โ สเต า เก า รั ฐ
หัวเราะลั่น นัยนตาฉายรังสีฆาฟนอยางรุนแรง เขาอยากฆาหวังเปาเลอไมใชแค
วันสองวันแลว
ความจริงแลว เขาสามารถรับรูได หากตนฆาหวังเปาเลอจริงๆ และกลืนเตาของเขา
เชนนั้นตนก็จะสามารถกลายเปนระดับจักรวาลอยางแทจริงไดอยางแนนอน ไมวา
จะเปนทั้งในสำนักหรือนอกสำนัก!
และระดับจักรวาลเชนนี้ยังไมธรรมดาอีกดวย!
บทที่ 1235 ขอบคุณมาก
เมื่อเสียงหัวเราะของปรมาจารยเกาเตาดังขึ้นพรอมการระเบิดของหอกน้ำแข็ง
เตาธาตุน้ำที่สั่งสมอยูก็แผออกมาจากรางของเขา มหาเตาที่เขาฝกฝนคือน้ำแข็ง
มีตนกำเนิดเดียวกับน้ำ ดังนั้นเมื่อเกิดการระเบิดของกระแสเตาชนิดนี้ขึ้น ผูฝกตนที่
ไดรับผลกระทบจากหวังเปาเลอเหลานั้นก็ตัวสั่นเทาราวกับเตาธาตุไมภายในราง
ถูกกอกวน
โดยเฉพาะหอกน้ำแข็งสีน้ำเงินนั่น มันขามผานความมืดมิดมาพรอมปลายดาบ
อัน ไรท ี่สิ้นสุดและกระแสเตาธาตุน ้ ำ แม ว าตอนนี้ ด านหลั งของหวังเป าเลอจะมี
ภาพมายาของดวงอาทิตยแรกอยู แตก็เหมือนจะขัดขวางเขาไดไมมากนัก เพราะวา…
ชั ่ ว พริ บ ตานี ้ เ อง บรรดาผู ฝ ก ตนทั ้ ง หมดของห า สำนั ก ทั ้ ง พวกจั ก รพิ ภ พก็ ด ี ห รื อ
พวกปรมาจารยที่เหลืออยูสองสามคนนั้นก็ชาง หรือเงาแหงมหาเตาของหาสำนัก
ที่พังทลายแลวก็ตาม ตอนนี้ทั้งหมดกลับมารวมตัวกันอีกครั้งคลายไมเสียดายอะไร
ทั้งสิ้น
อีกทั้งยังเกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนใหพลังทั้งหมดของหาสำนักกลายเปน
พันธนาการกดดันสยบมายังอวกาศที ่หวัง เป าเลออยู สยบไวทั้งสี่ ทิ ศรอบตั ว เขา
สยบรางกายของเขา สยบวิญญาณเทพของเขา
ทำใหในชั่วขณะนี้เอง รางวิญญาณของหวังเปาเลอราวกับถูกแชแข็ง แตเมื่อ
หอกน้ำแข็งสีน้ำเงินนั่นพุงทะยานเขามาหาหวางคิ้ว สีหนาของหวังเปาเลอก็ยัง
เปนปกติ เขามองไปยังหยดน้ำที่หวางคิ้วของปรมาจารยเกาเตาแลวยิ้มขึ้นมา
“ความจริงแลวเมื่อกี้ขาหลอกเจา”
“ขาแซหวังมาที่นี่ก็เพียงเพราะอยากจะดูวาของที่ขาตองการคืออะไร”
หวังเปาเลอเอยพรอมรอยยิ้ม พริบตาที่หอกน้ำแข็งสีน้ำเงินพุงมาถึง รอบตัว
ของเขาก็กลายเปนผืนน้ำ รางกายหายไปในชั่วพริบตา กลายเปนหยดน้ำหนึ่งหยด
รวงลงไปในผืนน้ำแลวกระเพื่อมเปนระลอกคลื่นหลายชั้น
วิชาเงาจันทรถูกใชออกมาทันที!
หอกยาวสีน้ำเงินสงเสียงหวีดแหลมเขามา ผนึกรอบกายทั้งหมดไรประโยชน
ในพริบตา มีเพียงการไหลกลับของเวลาเทานั้น และในพริบตานี้เอง…ระลอกคลื่น
แตละชั้นก็แผกระจาย
“ตราบใดที ่ ข า มองเห็ น แล ว มั น ก็ เ ป น ของข า ” ท า มกลางความเลื อ นราง
ในกาลเวลา คลายกับมีเสียงอันเรียบเรื่อยของหวังเปาเลอดังขึ้นมา เขากำลังหลอก
ปรมาจารยเกาเตาแหงเตาเการัฐอยูจริงๆ
เขายอมรูดีถึงความเชื่อมโยงระหวางเตาธาตุน้ำและเตาธาตุไม และเขาใจดีวา
ที่นี่จะตองมีการซุมโจมตีมากมาย แลวเขาจะสะเพราไดอยางไร ดังนั้นสิ่งที่พูดมา
เมื่อครูนี้เพียงแคตองการทำใหปรมาจารยเกาเตาจดจอกับความเปนตายของตัวเอง
เทานั้น แตความจริงแลว…การที่หวังเปาเลอมาที่นี่ เกาเตาจะลมสลายหรือไมไมสำคัญ
สำคัญคือการไดของมา
และการจะไดของมานั้น แคอ าศั ย สั มผัสสวรรคมัน ยัง ไม พอ เขาจำเป นต อง
มองเห็นวัตถุที่สามารถบรรจุเตาธาตุน้ำดวยตาตัวเองแลวจดจำกลิ่นอายของมันดวย
จากนั้น…เขาก็จะใชวิชาบุปผากระจกไปนำมันมาจากกาลเวลาที่ยอนผานหลายป
การตอสูของผูเยี่ยมยุทธนั้นแตกตางกับการฆาฟนของผูฝกตน…ดูจากมุมมองของ
ระดับขั้น แมวาปรมาจารยของเตาเการัฐจะเปนระดับจักรวาล แตในดานจิตสัมผัส
เขายังคงเปนจักรพิภพ เรื่องวิชาการตอสูก็ยังไมถึงระดับเตา
สวนหวังเปาเลอนั้นแตกตางกัน ระดับขั้นและจิตสัมผัสของเขากาวกระโดดไป
ตั้งนานแลว ความแตกตางระหวางเขากับปรมาจารยเตาเการัฐผูนี้ ความจริงแลว
ก็คือ…แตกตางที่ความเขาใจในเตาและความรูเรื่องตนกำเนิดวิชาเตาของทั้งจักรวาล
ความแตกตางระหวางความรูเชนนี้ มักจะสามารถตัดสินทุกอยางในการตอสูของ
ผูเยี่ยมยุทธได
อย า งเช น ในตอนนี ้ ก ็ เ ช น กั น …น้ ำ เสริ ม ไม อ ะไร ไม ข ม ดิ น อะไร ห า ธาตุ
สงเสริมตอตานเติมเต็มซึ่งกันและกันอะไรพวกนี้ลวนไมสำคัญ ระดับการตอสูแตกตาง
กัน ความรูแตกตางกัน ปรมาจารยแหงเตาเการัฐยังหยุดอยูที่ระดับกายภาพ แต
หวังเปาลอ…อยูในระดับขั้นที่หนึ่งไปแลว
สถานที่ก็คือเตาฝงซาย
ดาราจักรก็คือเตาเการัฐ
สนามรบ…ก็คือนอกประตูภูเขาของเตาเการัฐ
แตหวงเวลาในบัดนี้กลับไมเหมือนเดิมแลว คลายจะมีแมน้ำกาลเวลาที่มองไมเห็น
สายหนึ่งไหลหลั่ง สวนหวังเปาเลอก็ไหลยอนไปทางที่แมน้ำไหลลงมาทีละกาวๆ
หนึ่งกาวเหยียบลงไปก็คือหนึ่งรอยป ระหวางการเดินทางนี้ เงารางของเขา
ไมไดขยับไหวเลย สิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวมีเพียงการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลารอบตัว
เทานั้น เปนเชนนี้ หนึ่งกาวตอหนึ่งกาว จากรอยปก็เปลี่ยนเปนหมื่นป
จนกระทั่งหวังเปาเลอจำไมไดแลววาตัวเองเดินมากี่กาวและใชวิชาเงาจันทร
ออกไปกี่ครั้งในที่สุด…ณ หวงเวลาจุดจุดหนึ่ง เขาก็สัมผัสไดถึงกลิ่นอายอันคุนเคย
กลิ่นอายนี้เบาบางอยางยิ่ง กลาวไดวาหากหวังเปาเลอไมเคยเห็นรอยประทับ
ที่หวางคิ้วของปรมาจารยเกาเตาด วยตาตั วเองและเกิ ดความเข าใจล้ ำลึ กยิ ่ ง ขึ้ น
แลวละก็ แคอาศัยสัมผัสเชื่อมตอกอนหนานี้อยางเดียวคงไมอาจสัมผัส การปรากฏ
ของสิ่งนี้ในหวงกาลเวลาไดอยางแมนยำแน
“มันคือที่นี่” ขณะที่หวังเปาเลอเอยเสียงเบา ฝเทาของเขาก็หยุดลง ยามที่
ก ม หน า มองลงไปนั ้ น ภายในห ว งกาลเวลา เขาก็ ม องเห็ น ว า นอกประตู ภ ู เ ขาใน
ดาราจักรเตาเการัฐกอนหนานี้ไมรูตั้งกี่ปมีผูฝกตนคนเจ็ดแปดคนกำลังกลับมาจาก
โลกภายนอก
ขางหลังของพวกเขามีกอนน้ำแข็งขนาดยักษกอนหนึ่ง กอนน้ำแข็งนี้ดูลึกลับมาก
ไมอาจนำมาใสเขาไปในกระเปาคลังเก็บได ทำไดเพียงถูกพวกเขาใชวิชาเวทแปลงเปน
โซตรวนพันมัดแลวลากมันกลับมา
สีของกอนน้ำแข็งนั้นเปนสีฟาออน ใสกระจาง ขางในนั้น…ผนึกคนเอาไวหนึ่งคน
นั่นคือบุรุษหนึ่งคน สวมชุดเกราะทั้งราง ไมมีกลิ่นอายแหงชีวิตใดๆ เขาตายไปแลว
สถานะของเขาไมมีใครรู ประวัติความเปนมาของเขาก็ยอมยากจะเสาะหา แตไมวา
อยางไรก็สามารถมองออกไดวาคนผูนี้ไมธรรมดา
แมวาสายตาของหวังเปาเลอจะมองไปทางนั้น แตสิ่งที่เขามองดูกลับไมใชศพ
ชายวัยกลางคนคนนั้น แตเปนกอนน้ำแข็งที่ผนึกเขาเอาไว
“ก็คือของสิ่งนี้…” หวังเปาเลอเอยเสียงแผวเบา ยกมือขวาขึ้นชอนลงไปในแมน้ำ
แหงกาลเวลา ทันใดนั้นแมน้ำก็ไหลกลิ้ง ภาพดานในบิดเบี้ยวราวกับมีมือยักษขางหนึ่ง
ปรากฏขึ้นในหวงกาลเวลา มันควาจับกอนน้ำแข็งเอาไว กอนน้ำแข็งสลายไปโดยที่
ผูฝกตนรอบขางไมมีปฏิกิริยาใดๆ
หวั ง เป า เล อ ไม ต อ งการศพด า นในนั ้ น เมื ่ อ มื อ ขวาของเขายกขึ ้ น มาจากใน
แมน้ำแหงกาลเวลาโดยที่ในมือมีกอนน้ำแข็งยักษปรากฏขึ้น มันกำลังหลอมละลาย
อยางรวดเร็ว หลอมละลายไดรวดเร็วอยางยิ่ง เพียงไมกี่อึดใจสิ่งที่ปรากฏอยูในมือของ
หวังเปาเลอก็เหลือเพียงน้ำแข็งสีฟาขนาดเทาเล็บมือราวกับหยดน้ำเทานั้น
หวังเปาเลอหยิบน้ำแข็งกอนนี้แลวกมหนาจองมอง ผานไปพักหนึ่งก็คลายกับ
มีความคิดบางอยาง
“เหมือนน้ำตาหยดหนึ่ง”
หวังเปาเลอพึมพำ หยิบหยดน้ำตาขึ้นมาแลวกาวเดินออกจากแมน้ำแหงกาลเวลา
กาลเวลารอบกายไหลเคลื่อนในทันที จากนั้น…เมื่อเขาเดินออกมาโดยสมบูรณแลวก็
เกิดเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงคำรามดังกอง เสียงกรีดรองก็ ยิ ่งใกลเข ามา
ตรงหนา!
นั่นคือ…เสียงการมาถึงของหอกยาวสีน้ำเงิน!
ขณะนี้เอง กาลเวลาก็กลับเปนปจจุบัน ผนึกของผูฝกตนหาสำนักรอบขางยัง
คงอยู เมื่อเห็นหอกยาวสีน้ำเงินเขามาใกล ผูที่หนาเปลี่ยนสีไปกลับไมใชหวังเปาเลอ
แตเปนปรมาจารยเกาเตาภายในประตูภูเขาของเตาเการัฐ
“เจา…เจาทำอะไร!!” สีหนาของปรมาจารยเตาเการัฐเปลี่ยนไปยกใหญ รางกาย
สั่นสะเทือนแลวกระอักเลือดออกมา ยกมือขวาขึ้นแตะที่หวางคิ้วของตนอยางรวดเร็ว
รอบประทั บ หยดน้ ำ ที ่ เ ดิ ม อยู ต รงหว า งคิ ้ ว ของเขา…ตอนนี ้ ก ็ ย ั ง อยู แต ก ลั บ
หมนแสงลงไปมาก และในมือของหวังเปาเลอก็มีกลิ่นอายแบบเดียวกันแผกระจาย
ออกมา การมาถึงของหอกยาวสีน้ำเงินเรงระดับความเขมขนของกลิ่นอายนี้ พริบตา
ที่เขามาใกล หอกยาวสีน้ำเงินดามนี้ก็…แทงลงไปยังมือขวาของหวังเปาเลอโดยตรง
พริบตานั้นเอง…มันก็ผสานเขาไปในน้ำแข็งสีฟาที่อยูกลางฝามือของเขา
ทำให ก อ นน้ ำ แข็ ง สี ฟ า ที ่ เ หมื อ นหยดน้ ำ ตาก อ นนี ้ ม ี ป ระกายแสงพร า งพราว
สองขึ้นมาในตอนนี้เอง
กลับกัน รอยประทับหยดน้ำที่หวางคิ้วของปรมาจารยเตาเการัฐตอนนี้หมนแสง
ลงเรื ่ อ ยๆ สี ห น า ของเขาซี ด ขาว ยามที ่ ม องไปยั ง หวั ง เป า เล อ ก็ ค ล า ยมองเห็ น ผี
ความผันผวนของพลังฝกตนบนรางกายก็ควบคุมไมไดแลว เมื่อเขาเซถอยหลังโดย
ไมรูตัว หวังเปาเลอที่ถือกอนน้ำแข็งสีฟาอยูก็กาวเดินไปขางหนา
พริบตาตอมา เงารางของเขาก็หลุดพนจากผนึก เมื่อปรากฏตัวขึ้น…เขาก็ถลันมา
อยูในประตูภูเขาของเตาเการัฐแลวปรากฏตัวตอหนาปรมาจารยเตาเการัฐที่ถอยรนไป
“หวังเปาเลอ เจา…” สีหนาของปรมาจารยเตาเการัฐซีดเซียว ในใจปนปวน
จนถึงขีดสุด กำลังจะเอยปาก แตพริบตาตอมา…เขาก็มองเห็นมือซายที่หวังเปาเลอ
ยกขึ้นมากดลงที่หวางคิ้วของเขาโดยที่ไมอาจตอตาน ถึงขั้นไมอาจหลบหลีกไดเลย
ขณะที่เกิดเสียงกองกังวานดังอยูในหัว เขาก็ไดยินประโยคสุดทาย เปนเสียงของ
หวังเปาเลอ
“ขอบคุณมาก”
บทที่ 1236 ทำไดไมเลว
หลังจากเฉินชิงจื่อกลายรางเปนเตาสวรรคสำนักแหงความมืดที่จุติมายังจักรพิภพ
เตาไมรูสิ้นแลว เมื่อเปนตายก็ไมมีโอกาสไดกลับมามีชีวิตใหมอีกครั้งแลว เรื่องนี้ไมวา
จะเปนตระกูลไมรูสิ้นหรือวาสำนักพันธมิตรอื่นๆ ลวนเปนเชนนี้ทุกประการ
เปนเพราะกฎการฟนคืนชีพถูกควบคุมไว นี่ก็คือตนเหตุของการกอสงคราม
ระหวางสำนักแหงความมืดกับตระกูลไมรูสิ้นครั้งนี้นั่นเอง ไมอยางนั้นละก็…ศึกครั้งนี้
ก็ไมจำเปนตองเกิดขึ้นดวยซ้ำ ดังนั้นในเรื่องนี้ เฉินชิงจื่อผูเปนเตาสวรรคสำนักแหง
ความมืดจึงมีกฎการควบคุมอยูในมือมากมาย อำนาจมากกวาครึ่งลวนใชไปกับสวนนี้
แมวาอำนาจของเตาสวรรคตระกูลไมรูสิ้นจะมีมากเชนกัน แตก็ยังขาดในดานนี้ไป
เล็กนอย
ดังนั้นทุกคนที่เสียชีวิตในชวงหลายปมานี้จึงตกตายกันจริงๆ ใชคำวาวิญญาณ
ร า งกายล ว นหายไปหมดมาบรรยายก็ ไ ม เ กิ น จริ ง เลย…ตั ว อย า งเช น ปรมาจารย
เตาเการัฐในตอนนี้ พริบตาที่มือซายของหวังเปาเลอสัมผัสกับหวางคิ้วของเขา เขาก็…
วิญญาณรางกายสลายหายไป รางวิญญาณถูกทำลายสิ้น!
ความจริงแลวหากเปลี่ยนเปนการตอสูธรรมดาทั่วไป ภายใตการรวมมือของ
หาสำนักใหญและการกดดันของกฎน้ำเสริมไมเชนนี้ ตอใหหวังเปาเลอจะใชคืนพินาศ
ออกมาก็ยากจะสังหารปรมาจารยเตาเการัฐที่รวบรวมพวกเขาเขามาในสำนักตน
และใชพลังตอสูระดับจักรวาลออกมาใหสิ้นซากไดอยางสะอาดหมดจดแบบนี้แน
ศึกครั้งนี้นับวาหวังเปาเลอมีเลหเหลี่ยม เขาใชคืนพินาศจัดการเคล็ดวิชาลับ
ของแตละสำนักเสียกอน จากนั้น ก็ ดึ ง แก น เต าของปรมาจารย เก าเต า หรื อ ก็ คือ
หยดน้ำตาเม็ดนั้นออกมาจากแมน้ำแหงกาลเวลา
แมวาสิ่งที่เขาหยิบออกมานั้น โดยพื้นฐานแลวจะเปนภาพฉายมายา แต…ระหวาง
มายากับความเปนจริงมักจะแตกตางที่ความแข็งแกรงออนแอเทานั้น ในแงหนึ่ง
สามารถเปรียบเทียบโดยใชความลวงและความจริงได เมื่อความลวงแข็งแกรงยิ่งกวา
จนทุกคนเชื่อวาเปนจริงแลว เชนนั้นมันก็คือความจริง
กลับกัน…ความเปนจริงก็สามารถกลายเปนความลวงไดดวย
มายากับความจริงก็เชนเดียวกัน เมื่อจิตมายาแข็งแกรงยิ่งกวาความจริง แลว…
ใครคือตัวจริงและใครคือมายากันแน
คำถามนี้ไมอาจตอบไดงายๆ แตหวังเปาเลอใชวิชาเตาของตนพิสูจนขอนี้แลว
น้ำตามายาของเขาทำใหตัวของเกาเตาออนแอ เมื่อจัดการปรมาจารยเตาเการัฐ
ลวงหนาไดแลว ก็เปนผลใหในทายที่สุด ภายใตการไดเปรียบเสียเปรียบนี้ เกาเตารัฐ
ก็ไมใชระดับจักรวาลอีกตอไป เปนเพียงกึ่งจักรวาลเทานั้น
และกึ่งจักรวาล…สำหรับหวังเปาเลอแลว ฆาได…ไมยาก!
ทามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นในชั่วขณะนี้เอง รางของปรมาจารยเตาเการัฐ
ก็สั่นระริก เขาฝนลืมตาจนถึงวินาทีสุดทาย เมื่อมองไปที่หวังเปาเลอ เขาก็ไมมี
ลมหายใจเกื้อหนุนใหเอยพูดแลว เมื่อภาพตรงหนาเลือนราง จิต ปราณ วิญญาณของ
รางกายเขาก็สลายหายไปทันที
ทามกลางการสูญสลายนี้ มองเห็นความแกชราของรางกายเขาไดดวยตาเปลา
คลายกับ ว า กาลเวลาหลายหมื่ น ป ไ หลผ า นตั วเขาไปในเวลาเพี ย งหนึ ่ ง ลมหายใจ
กายเนื้อของเขากลายเปนโคลนทันที จากนั้นกลายเปนเถาถานลอยลองแลวหายไป
จากประตูภูเขาของเตาเการัฐ
ตอนนี้เอง สนามรบรอบดานก็ เงี ย บงั น ในชั ่ วพริ บ ตา ผู ฝ กตนของเต าเก า รั ฐ
แตละคนตัวสั่นเทา มองภาพตรงหนาอยางตะลึงงัน ดวงตาเผยความไมอยากเชื่อ
ไมรูวาใครเปนคนแรกที่เอยขึ้นมา เสียงรองไหดังแผไปทั่วทั้งสี่ทิศ
“ทานปรมาจารย!”
“ทานปรมาจารย!!”
ขณะที่เสียงรองไหสะทอนไปทั่ว ผูฝกตนของเตาเการัฐแตละคนก็พากันคุกเขา
คำนับไปยังจุดที่ปรมาจารยเกาเตาสูญสลาย สีหนาเจ็บปวดถึงขีดสุด ความจริงแลว
ทั่วทั้งเตาเการัฐนั้นมีทานปรมาจารยเกาเตาเปนผูบุกเบิก ทำใหเตาเการัฐเดินจาก
สำนักเล็กๆ มาจนถึงทุกวันนี้
กลาวไดวาเขาใสใจศิษยทุกคนที่นี่ ถึงแมสำหรับโลกภายนอกแลวเขาจะเปน
โจรเฒาเหี้ยมโหดแกมโกงและถูกคนนับไมถวนเกลียดชัง แตสำหรับคนของเตาเการัฐ
เขาคือจิตวิญญาณเทพที่คุมครองทุกสิ่งทุกอยาง
ตอนนี้ วิญญาณเทพแตกดับ
ตอนนี้ การคุมครองหายไป
ตอนนี้ ความเชื่อพังทลาย
สิ่งที่ตามมาก็คือความสับสนไรที่สิ้นสุดและความหวาดกลัวตออนาคต ทำให
ศิษยเตาเการัฐทั้งหมดรูสึกขมปราในใจ
ทามกลางเสียงรองไหที่ดังกังวานไปทั่วทุกแหง สีหนาของหวังเปาเลอเปนปกติย่ิง
ไรซึ่งการเคลื่อนไหว และไมมีความเมตตา เพราะเขารูวาถาหากผูที่ตายในศึ กนี้
เปนเขาละก็ ปรมาจารยเกาเตาและสำนักเตาเการัฐก็คงไมเห็นอกเห็นใจตัวเขาแน
“นี่ก็คือโลกแหงการฝกตน!” หวังเปาเลอกวาดตามองไปยังสี่สำนักใหญที่เหลือ
เมื่อสายตาของเขากวาดมองไป ผูฝกตนของสี่สำนักใหญก็ลวนกมหนาไมกลาสบตา
กับเขา แมจะแตปรมาจารยของทั้งสี่สำนักก็ตาม ลวนแตพากันหวาดกลัวอยูในใจ
รางกายสั่นเทาอยางควบคุมไมอยู
“จะยอมจำนนหรือไม” หวังเปาเลอเอยเสียงราบเรียบขณะที่พวกเขาตัวสั่นเทา
“พวกขา…ยอมจำนน!” เมื่อเสียงของเขาดังสะทอนไป ปรมาจารยจากสี่สำนัก
ก็ ด ู จ ะโล ง อก แต ล ะคนก ม หั ว คำนั บ ทั น ที แม แ ต ศ ิ ษ ย ข องแต ล ะสำนั ก ที ่ ต ิ ด ตาม
พวกเขามาดวยก็คุกเขาคำนับทั้งหมด เปนการคารวะใหแกหวังเปาเลอ
ขณะที ่ ผ ู ฝ ก ตนของสี ่ ส ำนั ก ใหญก ม คารวะ หวั ง เป า เล อ ก็ เ งยหน า ขึ ้ น มองไป
ยังอวกาศ สายตาของเขาสองทะลุผานความวางเปลา มองไปเห็น…นอกดาราจักร
เต า เก า รั ฐ ในตอนนี ้ ม ี เ งาร า งแผ แ สงแรงกล า ร า งหนึ ่ ง ส ง เสี ย งกรี ด ร อ งเข า มาหา
แตกลับหยุดชะงักกะทันหันเมื่อปรมาจารยเตาเการัฐสิ้นชีพ
นั่นก็คือ…จักรพรรดิสวรรคกวงหมิง!
สีหนาของเขาย่ำแยถึงขีดสุด เขาจองเขม็งมายังดาราจักรตรงหนา มองสบตากับ
หวั ง เป า เล อ ภายในดาราจั ก รโดยมี อ วกาศขวางกั ้ น แล ว เอ ย คำรามเสี ย งต่ ำ ด ว ย
ความโกรธเกรี้ยว
“หวังเปาเลอ!!” เขามาชาไป ทางดานเยาถงทุมกำลังทุกอยางทำตามคำขอของ
หวังเปาเลอ รั้งตัวจักรพรรดิสวรรคกวงหมิงไวไมใชเวลาแคยี่สิบอึดใจ และยื้อเวลา
ใหกับหวังเปาเลอจนเพียงพอ
“ขาใหเวลาเจาสามอึดใจ ถายังไมหนี…ขาจะฟนเจา!” หวังเปาเลอเอยเสียงเรียบ
“หนึ่ง!”
“เจา!!” ประกายแสงทั่วรางของจักรพรรดิสวรรคกวงหมิงสองสวาง พลานุภาพ
ระเบิ ด ออกมาในทั น ที ในดวงตาฉายให เ ห็ น ความดิ ้ น รน แต ส ว นลึ ก แฝงไว ซึ่ ง
ความหวาดกลัว ขณะที่กำลังจะเอยพูด ทางหวังเปาเลอก็ตะโกนนับครั้งที่สองแลว
“สอง!”
เมื ่ อ ตะโกนออกมา ความเยื อ กเย็ น ในแววตาของเขาก็ ท ำให จ ิ ต ใจของ
จักรพรรดิสวรรคกวงหมิงสั่นไหว เขาสัมผัสไดถึงจิตสังหาร และเขาใจดีวาหวังเปาเลอ
ตรงหนามีพลังที่สามารถสังหารตัวเขาได และยิ่งเปนพวกฆาไดโดยไมลังเลอีกดวย
ดังนั้นตอนนี้แมในใจจะไมยินยอม แตรางกายก็ถอยหลังในพริบตา เวลาเพียง
ชั่วอึดใจก็ออกจากจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายไปแลว
“ส ง สาวใช ข องข า กลั บ มาด ว ย” ความเร็ ว ของจั ก รพรรดิ ส วรรค ก วงหมิ ง
แทบจะระเบิดออกมา ขณะที่ทะยานลาถอยมานั้น เสียงของหวังเปาเลอก็ดังขึ้น
จักรพรรดิสวรรคกวงหมิงไมลังเลแมแตนิด เขาโบกแขนเสื้อ พริบตาเดียวเยาถงที่กำลัง
จะตายก็ถูกโยนออกมาจากแขนเสื้อ
แต ใ นพริ บ ตาที ่ เ ยาถงถู ก โยนออกมา เห็ น ชั ด ๆ ว า เยาถงอ อ นแออย า งยิ่ ง
แตในแววตากลับมีความอาฆาตแคนแรงกลา ราวกับจะกระตุนพลังภายในรางขึ้นมา
อีกครั้ง นางตัวสั่นไหวแลวกลายเปนปากขนาดใหญทันที มันกัดลงไปที่แขนขวา
ของจักรพรรดิสวรรคกวงหมิงในพริบตา!
เสียงแกรกดังขึ้น!
มันรวดเร็วมาก อีกทั้งจักรพรรดิสวรรคกวงหมิงยังอยูภายใตการกดดันของ
หวังเปาเลออีก พลังจิตทั้งหมดลวนกำลังใชเพื่อปองกันหวังเปาเลออยู ไมไดสนใจ
เยาถงที่ถูกเขาทำรายตนนี้เลย บวกกับที่เยาถงก็มีพลังตอสูระดับจักรวาลอยู ดังนั้น
ภายใตเหตุผลแตละอยางนี้ ทั้งรางของจักรพรรดิสวรรคกวงหมิงจึงสั่นสะทาน สงเสียง
รองอูอี้ออกมาจากปาก ใบหนาซีดขาวในพริบตา มือขวาของเขาหายไปกวาครึ่งฝามือ!
“เจา!!” สายตาของกวงหมิงเผยความบาคลั่งออกมา ตะโกนลั่นเสียงดัง เจ็บปวด
จนจิตสัมผัสของเขาสั่นสะเทือน
“ขาทำไม เจากลาฆาขาตอหนานายทานหรือ!” เยาถงก็เปนคนเถื่อนเชนกัน
ตอนนี้นางกลับไมลาถอย แตยืนอยูตรงนั้น กลืนกินครึ่งฝามือลงไป ทำใหรางกายตน
ฟนฟูอยางรวดเร็วจนสงเสียงแหลมคมออกมา
จักรพรรดิสวรรค กวงหมิง โมโหจนถึ ง ขี ด สุ ดแล ว แต เขาทำได เพี ย งอดทนไว
รางกายถอยกลับในพริบตา เพราะเงารางของหวังเปาเลอปรากฏขึ้นอยางเลือนราง
ระหวางเยาถงกับเขาแลว ทั้งยังอาปากกำลังจะตะโกนเลขสามออกมาอีก ดังนั้น
จั ก รพรรดิ ส วรรค ก วงหมิ ง จึ ง คำรามหนึ ่ ง เสี ย ง อดทนมั น ทุ ก อย า ง ก อ นหั น กาย
พุงทะยานจากไปอยางบาคลั่ง
มองตามเงารางที่จากไปของกวงหมิงแลว สายตาของหวังเปาเลอก็ส องวาบ
สุดทายก็ยังละทิ้งความคิดที่จะลงมือลงไป สวนเยาถงดานหลังของเขาในตอนนี้
ในแววตาเผยประกายแสงแปลกประหลาด นางก็ ม องไปยั ง กวงหมิ ง ที ่ เ ผ น แน บ
เหมือนหมาไรเจาของเชนกัน
นางไมเคยเห็นจักรพรรดิสวรรคเผนหนีเชนนี้มากอน นางก็คิดไมถึงดวยวาจะมี
วันหนึ่งที่ตนกลืนฝามือของจักรพรรดิสวรรคแลวอีกฝายจะทำไดเพียงคำรามเสียงต่ำ
แตกลับไมกลาโตกลับ
และทั้งหมดนี้ นางเขาใจดีวาไมใชเพราะตน แตเปนเพราะ…รางที่อยูตรงหนา!
ดังนั้นแวววตาของนางจึงเผยความคลั่งไคลออกมาทีละนอย ความคลั่งไคลนี้
มาจากหัวใจ มาจากวิญญาณเทพ ทำใหภายในใจของเยาถงเกิดความรูสึกแบบที่
ไมเคยมีมากอน นางคุกเขาคารวะตามความรูสึกนี้ทันที
“บาวคารวะคุณชาย!”
“ทำไดไมเลว” หวังเปาเลอถอยสายตาที่มองดูเงารางจักรพรรดิสวรรคกวงหมิง
จนจากไปไกลกลั บ มา กวาดมองเยาถงไปคราหนึ่ ง แววตาเผยความชื ่ น ชม และ
ความชื่นชมในแววตาของเขานั้น สำหรับเยาถงแลว มันทำใหตัวของนางมีความรูสึก
เจิ ด จรั ส บางอย า งที ่ ไ ม เ คยมี ม าก อ นทั น ที ยามที ่ ค ุ ก เข า คารวะ…ก น ก็ ก ระดกสู ง
ยิ่งขึ้นดวย
บทที่ 1237 เมล็ดเตาธาตุน้ำ
หากการตอสูระหวางหวังเปาเลอกับจักรพรรดิสวรรคตี้ซานเปนศึกสูเทพเจา
เชนนั้นศึกที่เขามาสังหารปรมาจารยเตาเการัฐไดทั้งๆ ที่หาสำนักใหญรวมมือกันและ
ทำใหหาสำนักยอมจำนน ก็เปนศึกสูจักรพรรดิ!!
จักรพรรดิแหงเตาฝงซาย!
ขณะนี้ ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายอันกวางใหญ จึงไมมีเสียง
คัดคอนหวังเปาเลออีกตอไป
ขณะนี้ ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายอันกวางใหญ หมื่นตระกูล
สำนักอีกนับไปถวน และอารยธรรมทั้งหลาย ลวนแลวแตถือเอาหวังเปาเลอเปน…
จักรพรรดิ!
สี่สำนักใหญเปนผูตอบรับกลุมแรกและเริ่มเดินทางมาสักการะ จากนั้นก็เปน
เตาเการัฐ…หลังจากปรมาจารยเฒาแตกดับไปแลว ถาหากพวกเขาคิดจะมีชีวิตอยู
ตอไป เชนนั้นก็จะตองกมหนาต่ำ และเตาเการัฐ…ก็ไมมีสิทธิ์จะเงยหนาขึ้นดวย ดังนั้น
หลังจากหวัง เปาเลอจากไปแลว บุคคลระดับสูงที่ เหลื ออยูใ นเต าเก ารั ฐก็ มี ท า ที
เหมือนกันอยางรวดเร็ว พวกเขากมหัวลงไปทาง…ระบบสุริยะ สหพันธรัฐ หวังเปาเลอ!
ขณะเดียวกันเตาเการัฐก็เปนพวกแรกในหาสำนัก…ที่เสนอตัวจะผสานดาราจักร
ของตนเขาไปในระบบสุริยะกอน แมวาจะเปนเรื่องที่ตองดำเนินการอยูแลว แตก็
มองออกไดวาผูมีอำนาจของเตาเการัฐมีทัศนคติเที่ยงตรงอยางยิ่งจริงๆ
เมื่อสี่สำนักเห็นเชนนี้ก็พากันรองขอสิ่งนี้ออกมาเชนกัน…
ระบบสุริยะในปจจุบันไมใชสิ ่ ง ที ่ สำนั กหรื อตระกู ลใดจะสามารถเขาร ว มได
และก็เปนเชนนั้นจริงๆ…เมื่อไดรับคำขอในเรื่องเหลานี้ หวังเปาเลอไมไดใหความสนใจ
เขามอบใหผูนำสหพันธรัฐอูเมิ่งหลิงเปนคนจัดการ
สวนทางอูเมิ่งหลิงนั้น แมวาพลังฝกตนของเขาจะไมเพียงพอ แตทักษะของเขา
สูงอยางยิ่ง ทำใหผูมาเยือนจากหาสำนักไมไดรับประโยชนเพิ่มเติมแมแตนอยเมื่ออยู
ตอหนาเขา แตเขาก็เปนที่ยอมรับทางจิตใจดวย ถึงขั้นมีผูฝกตนหญิงสองสามคนที่อยู
ระดับจักรพิภพมีความสุขอยางมากตอนที่คบหาพูดคุยกับอูเมิ่งหลิง
เมื ่ อ เป น เช น นี ้ การพั ฒ นาของทั ้ ง สหพั น ธรั ฐ ของระบบสุ ร ิ ย ะจึ ง ดำเนิ น ไป
อยางราบรื่นอยางยิ่ง สวนทางอูเมิ่งหลิงก็มองหวังเปาเลอเปนลูกเขยบานตนตั้งนาน
แลว ดังนั้นทั้งหมดนี้จึงพิจารณาถึงความตองการของหวังเปาเลอเปนอันดับแรก
เมื่อหวังเปาเลอกลับมาและศึกษาหยดน้ำตาหยดนั้น เขาก็เสนอวาอยากจะให
โรงหลอของสำนักและตระกูลทั้งหลายหลอของอยางที่เขาตองการใหสำเร็จ อูเมิ่งหลิง
ก็จัดการเรื่องนี้ใหทันที ทั้งเขายังมีฐานะเปนองคประกอบแรกในการประเมินเพื่อ
เขารวมสหพันธรัฐดวย
และหวังเปาเลอก็ไมกังวลวาจะมีคนมองเห็นถึงเบาะแสผานโรงหลอพวกนั้นดวย
เพราะแก น ของมั น อยู ท ี ่ เ ขา สิ ่ ง ที ่ ส ำนั ก และตระกู ล ทั ้ ง หมดต อ งทำมี เ พี ย งให
ความชวยเหลือเทานั้น แมวาพวกเขาจะตอลมหายใจใหกันและกัน แตสุดทายก็ไมมี
ทางฟนตัวกลับมาได
ดังนั้นในไมชา นักหลอมอาวุธเวททั้งหมดภายในตระกูลและสำนักทั่วทั้งจักรพิภพ
ศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายก็เริ่มยุงงวน ตราอักขระกึ่งสำเร็จรูปจำนวนมากจึงถูกสงไปอยู
ตรงหนาหวังเปาเลอในดาวอังคาร
ขณะเดียวกัน…จากความรุงโรจนของระบบสุริยะภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตา
ฝงซายนั้น สำนักเสริมก็ดี จักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นก็ชาง ลวนไมไดเหยียบยางเขามา
ในเตาฝงซายแมแตนิด ถึงขั้นที่แมแตคำสั่งสงคราม…ก็ไมไดสงตอมาดวย
สิ่งนี้ทำใหสถานะของหวังเปาเลอในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายมั่นคง
ยิ ่ ง กว า เดิ ม ทั ้ ง ยั ง ทำให ผ ู ค นรู ส ึ ก หวาดกลั ว รุ น แรงยิ ่ ง ขึ ้ น ดั ง นั ้ น …ระบบสุ ร ิ ย ะ
จึงเปลี่ยนแปลงไปอยางคึกคักเหลือแสน มีสำนักและตระกูลของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์
แหงเตาฝงซายจำนวนมากเดินทางมาคารวะแทบจะทุกวัน
สวนเครือขายความสัมพันธของหวั งเป าเลอก็ย ากจะปกป ดเป นความลับได
จึงถูกสำนักเหลานี้รูเขา ดังนั้นสำนักวิชาเตาศักดิ์สิทธิ์จึงกลายเปนดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ในหมูดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พรอมกันนั้นนครศักดิ์สิทธิ์ก็เชนเดียวกัน
และยังมีเจาเยี่ยเหมิงกับโจวเสี่ยวหยาที่ยิ่งทำใหสำนักตระกูลเหลานี้บาคลั่ง
ตางพากันไปเยี่ยมเยียนและสงของขวัญใหญ ไมรองขออยางอื่น เพียงใหรูสึกคุนตา
สำหรั บ เรื ่ อ งพวกนี ้ เจ า เยี ่ ย เหมิ ง รู ส ึ ก เบื ่ อ หน า ยเล็ ก น อ ย จึ ง กั ก ตนเสี ย เลย
แตทางดานโจวเสี่ยวหยากลับแสดงความสามารถที่แตกอนไมเคยมีออกมา ดานการ
จัดการเรื่องเหลานี้นางกลับมีระเบียบดียิ่ง มีของขวัญมอบกลับใหแกผูมาเยือน ทำให
แมวาผูมาเยือนจะไมไดพบนาง แตก็จากไปอยางซาบซึ้งใจอยางยิ่ง
เปนเชนนี้ ขณะที่สหพันธรั ฐหมุ น เวี ย นเปลี ่ ย นผั น ด วยความช ว ยเหลื อ ของ
อารยธรรมดวงเนตรสววรค แ ละอารยธรรมครามทองคำ และเมื ่ อ คำรอ งขอของ
อารยธรรมหลายต อ หลายแห ง ได ร ั บ การอนุ ม ั ต ิ ระบบสุ ร ิ ย ะจึ ง ถู ก เรี ย กว า
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไมจำเปนตองใหใครอื่นมาใหการยอมรับแลว
ถ า หากที ่ น ี ่ ไ ม ใ ช ด ิ น แดนศั ก ดิ ์ ส ิ ท ธิ ์ เช น นั ้ น ในเต า ฝ ง ซ า ยตอนนี ้ ก ็ ไ ม มี
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แลว
สวนทางหวังเปาเลอก็นับวาเขาสูชวงกักตนอีกครั้ง เมื่อศึกษาหยดน้ำหยดนั้น
อยางตอเนื่อง หวังเปาเลอก็ยิ่งแนใจวา…นี่คือหยดน้ำตาหนึ่งหยด!
เพราะทุ ก ครั ้ ง ที ่ เ ขาใส ส ั ม ผั ส สวรรค เ ข า ไปก็ จ ะสั ม ผั ส ได ถ ึ ง ความรู ส ึ ก พิ เ ศษ
บางอยาง คลายเศราโศกคลายดีใจ แตทายที่สุดก็เหมือนความวางเปลา ไมดีใจ
ไมเศราโศก ราบเรียบเงียบสงบยิ่ง
“นี ่ เ ป น หยดน้ ำ ตาที ่ ไ หลมาจาก…สิ ่ ง มี ช ี ว ิ ต สู ง สุ ด แบบไหนกั น ” แววตาของ
หวังเปาเลอเผยประกายแสงแปลกประหลาด เขาสัมผัสไดวาภายในหยดน้ำตาหยดนี้
แฝงไวซึ่งพลังชีวิตอันเขมขน ยิ่งมีความหมกมุนยึดติด ราวกับ…เปนน้ำตาแหงความรัก
ตามการวิเคราะหของเขา น้ำตาที ่ เหมื อนกั บ สารัตถะเช นนี้ น าจะไมไ ดมีแค
หยดเดียว แตยากจะมีเกินกวาสามหยด และในทุกหยดก็ตองแฝงไวซึ่งกระแสเตา
ไรที่สิ้นสุด
“เปนของจากโลกภายนอกอีกหรือ…” หวังเปาเลอกมหนามองดูน้ำตาที่กลางฝามือ
ขณะที่ครุนคิดอยูนั้น จูๆ สีหนาของเขาก็ขยับไหว เขารูสึกวาบนตัวเขามีของบางอยาง
ที่เหมือนกัน ตอนนี้ก็คลายจะแผคลื่นความผันผวนออกมา
หลั ง จากตรวจสอบตามคลื ่ นผั น ผวนนั ้น สายตาของหวั ง เป า เลอ ก็ เ ผยความ
สับสนงงงวย เขาหยิบตนเหตุของคลื่นผันผวนนั้นออกมา มันคือขวดเล็กๆ ใบหนึ่ง…
ขวดปรารถนา!
ขณะนี้ขวดปรารถนาสั่นสะเทือนดวยตัวมันเอง แตกลับไมมีความรอนไหลออกมา
เหมือนอธิษฐานขอพร ความรูสึกที่มอบใหหวังเปาเลอราวกับวา…เรื่องราวที่แฝงอยู
ในขวดเล็กใบนี้คลายจะมีเหตุตนผลกรรมกับหยดน้ำตาหยดนี้
ขณะที่หวังเปาเลอหรี่ตาลง เขาก็คลายจะไดยินเสียงแผวเบาดังออกมาจาก
ขวดใบเล็กไดรางๆ
“ที่แท น้ำตาหยดที่สามก็อยูที่นี่…”
หวังเปาเลอหรี่ตาลงแลวลุกขึ้นมาทันที เขาคำนับไปใหกับขวดปรารถนา
“คารวะผูอาวุโส”
เขาจำเสียงนี้ได ที่กนแมน้ำแหงความมืด เขาติดหนี้บุุคณ…อีกฝาย
“ใชน้ำตานี้ใหเปนประโยชน…นับว าเจ าไดตอบแทนบุญคุ ณแลว” เนิ่นนาน
เสียงภายในขวดปรารถนาก็ดังออกมาอยางแผวเบาแลวคอยๆ สลายหายไป
สีหนาของหวังเปาเลอเครงขรึม เขากอบหมัดคำนับอีกครั้ง
จากนั้นก็เก็บขวดปรารถนาขึ้นมาแลวมองไปยังน้ำตากลางฝามือของเขาอีกครั้ง
ประกายแปลกประหลาดในแววตาของเขาเขมขนยิ่งขึ้น แมจะไมรูที่มาของของสิ่งนี้
แตเขาก็เขาใจแลววา น้ำตาหยดนี้…ไมธรรมดา
“ยั ง มี ห ุ น ศพนั ่ น …” ดวงตาของหวั ง เป า เล อ ฉายแววครุ น คิ ด หุ น ศพตนนั้ น
เคยปรากฏขึ้นบนสนามรบที่เตาเการัฐ ไมมีจุดไหนนาสงสัย ดังนั้นความนาจะเปน
นอยสุดคือตัวของมันมีความแปลกประหลาด ความนาจะเปนมากสุดคือตอนที่อีกฝาย
มีชีวิตอยูก็ไดรับน้ำตาหยดนี้มาแลวผสานเขาไปในตัว เพื่อพยายามดูดซับพลังชีวิต
ใหตนฟนคืนชีพขึ้นมา
แตทายที่สุดแลว…ภายใตเหตุผลมากมาย เขาก็ยังลมเหลว
สวนที่วารายละเอียดเปนอยางไรนั้นหวังเปาเลอไมรู และมันไมใชจุดสำคัญที่เขา
ต อ งให ค วามสนใจในตอนนี ้ ด ว ย ดั ง นั ้ น ไม น านเขาก็ ถ อนความคิ ด กลั บ มาแล ว
ผนึกมุทรา ตราประทับกึ่งสำเร็จรูปที่นักหลอมอาวุธเวทจากสำนักตระกูลในจักรพิภพ
ศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายหลอมขึ้นก็ถูกเขานำออกมา จากนั้นจึงเริ่มการหลอมกลั่น
ธาตุน้ำ!
การหลอมกลั่นครั้งนี้ยากลำบากมาก ดังนั้นตราประทับจึงตองมีจึงมีจำนวนมาก
จนนาตกใจ แตทุกครั้งที่ลมเหลวก็จะสรางความเสียหายบางอยางใหกับหยดน้ำตา
ถึงแมของสิ่งนี้จะไมธรรมดา แตถึงอยางไร…มันก็ยังไมดีเทารางจริงของเขา
และหลังจากลมเหลวไปสามครั้ง หวังเปาเลอก็หยิบขวดปรารถนาออกมาแลววาง
ไวขางๆ จากนั้นจึงอธิษฐานมันตรงๆ เสียเลย
“ขาขออธิษฐาน แมวาการหลอมกลั่นของสิ่งนี้จะลมเหลวก็จะไมทำใหของสิ่งนี้
เสียหาย!”
เขาไมไดอธิษฐานใหทำสำเร็จตรงๆ เพราะความเปนไปไดของเรื่องนี้มีไมมาก
อีกทั้งยังมีทัศนคติไมมั่นใจอยูสักหนอย ดังนั้นเขาจึงไมอยากลอง และเนื่องจากเขา
รูวาการอธิษฐานไมใหของสิ่งนี้เสียหายจะตองสำเร็จอยางแนนอน และนั่นคือทัศนคติ
ของเขาเชนกัน
ความจริ ง ปรากฏเป น เช น นี ้ จ ริ ง ๆ หลั ง จากหวั ง เป า เล อ อธิ ษ ฐานแล ว
ขวดปรารถนาก็เงียบลงครูหนึ่งแลวแผไอรอนออกมา มันแพรกระจายไปรอบตัว
หยดน้ำตา เมื่อเห็นเชนนี้ หวังเปาเลอก็กระแอมไอหนึ่งที รูวานี่นับวาเปนกลอุบาย
อยางหนึ่ง ดังนั้นจึงลุกขึ้นคำนับแลวหลอมตอ
ก็เปนเชนนี้ เมื่อเวลาผันผานไป ภายใตความชวยเหลือของผูฝกตนนับไมถวน
ทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายและทามกลางตราประทับจำนวนมหาศาลที่
ถู ก ส ง มาให ไ ม ห ยุ ด นี ้ หวั ง เป า เล อ ล ม เหลวไปหลายสิ บ ครั ้ ง ในที ่ ส ุ ด หลั ง ผ า นมา
สามเดือน…เขาก็ทำใหตราประทับนับพันนับหมื่นหลอมเขาไปในหยดน้ำตาได ทำให
หยดน้ำตานี้มีประกายแสงสวางไสวในพริบตา แลวกลายเปน…เมล็ดที่บรรจุเตาธาตุน้ำ
เอาไว!
ทันใดนั้น ทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายก็สงเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น
ขอเพียงเปนเตาที่เกี่ยวของกับน้ำลวนแตสั่นสะเทือนทั้งหมด เตาสวรรคไมรู สิ้น
ก็ยิ่งรองคร่ำครวญออกมาอยางชัดเจน อำนาจของน้ำในรางมันถูกชิงไป…โดยภายใน
จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย!
บทที่ 1238 เจาแหงเตาฝงซาย
เตาฝงซายสั่นสะเทือนกึกกอง!
พลังอำนาจของเตาสวรรคไมรูสิ้นไดสูญเสียกฎธาตุน้ำและกฎธาตุไมไปจาก
จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายโดยสิ้นเชิง แมดูคลายจะขาดไปเพียงสองเตา
แตความจริงแลวน้ำเสริมไม เตาสองชนิดนี้สงเสริมกันและกันในแงหนึ่ง ทั้งยังสามารถ
ทำใหเตาธาตุไมบรรลุถึงขีดสุดแบบที่ใชคำวา ‘ไรที่สิ้นสุด’ มาบรรยายก็ไมเกินจริง
จุดนี้เอง เมื่อหวังเปาเลอควบรวมเมล็ดแหงเตาธาตุน้ำสำเร็จ ประสาทสัมผัสของ
เขาก็แรงกลาอยางยิ่ง เขาสัมผัสไดชัดเจนวาในทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย
นี้ ขอแคเปนผูที่มีธาตุไมแฝงอยูในวิถีฝกตน ไมวาจะฝกฝนมานานเทาใดก็ลวนแต
อยูภายใตการควบคุมของเขาโดยสมบูรณ แคเพียงหนึ่งความคิดก็สามารถสังหาร
ทุกชีวิตจนสิ้นไดโดยใชธาตุไมพวกนี้เปนรากฐานแลว
ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสไดอยางแรงกลาวาสถานที่ที่เขาอยูนั้นมีพลังไมแข็งแกรง
อยางยิ่งจนสามารถสยบนับพันหมื่นวิชาเวทไดเลย
แตเตาธาตุน้ำก็แข็งแกรงเชนเดียวกัน เพียงแคขาดการหนุนนำเทานั้น ดังนั้น
นอกจากจะเปนพลังเทพที่คลายคลึงกันแตออนกวาเล็กนอยแลว สวนใหญตัวของมัน
ก็จะทำหนาที่เหมือนเปนแหลงกำเนิดที่ทำใหพลังไมแข็งแกรงยิ่งขึ้น
หวังเปาเลอเขาใจแลว ทันทีที่ตนควบรวมเมล็ดแหงเตาธาตุทอง แลวทองก็จะ
เสริมน้ำ ทีนี้ก็จะทำใหเตาธาตุน้ำบรรลุถึงระดับไรที่สิ้นสุดเหมือนกับเตาธาตุไมได
ขณะเดียวกัน นอกจากหาธาตุจะกดขมกันและกันแลว มันยัง สงเสริมกันและกัน
อีกดวย เมื่อเปนเชนนี้ ขณะที่เตาธาตุน้ำรุงโรจน ก็จะทำใหเตาธาตุไมกวางใหญไพศาล
ยิ่งขึ้นแลวขยายตัวเพิ่มระดับขึ้นอีกครั้ง
ดวยหลักการแบบเดียวกันนี้ ถาหากวาตนควบรวมเมล็ดแหงเตาธาตุไฟขึ้นมา
เชนนั้น…ไมเสริมไฟ เมื่อเตาธาตุไฟกอตัวขึ้น พลังอันนาเกรงขามก็จะเพิ่มขึ้นจนถึง
ระดับที่นาตกตะลึงโดยตรงทีเดียว
“เตาแปดปรมัตถ…มินาถึงตองใชธาตุทั้งหามาเปนพื้นฐาน หาธาตุนี้ไมใชแค
รากฐานเท า นั ้ น ยิ ่ ง กว า นั ้ น คื อ ตั ว มั น ยั ง ส ง เสริ ม และกดข ม กั น และกั น พอเป น
วงจรเชนนี้ตอไป วันหนึ่งเมื่อขาทำใหธาตุทั้งหาครบสมบูรณไดละก็…” แววตาของ
หวั ง เป า เล อ เผยประกายแสงประหลาด ตั ว เขาเองก็ ไ ม อ าจคาดการณ อ ะไรได
เมื่อธาตุทั้งหาครบสมบูรณ เขาก็จะแข็งแกรงยิ่งกวานี้!
และนี่…ก็เปนเพียงรากฐานของเตาแปดปรมัตถเทานั้น เตาทั้งสามที่เหลือตอจากนี้
หรือพูดใหถูกก็คือ เตาอยางสุดทายจึงจะเปนการพัฒนาแบบกาวกระโดดที่แทจริง
เมื่อเขาสะสมเตาแปดปรมัตถจนครบทั้งหมดแลว
“เชนนั้นตอจากนี้…ก็คือการยกระดับครั้งแรกกอนการกาวกระโดดอยางแทจริง!”
หวังเปาเลอหรี่ตาลง ยกมือขวาขึ้น ขณะเดียวกันที่ดานนอกระบบสุริยะ รางธรรมกาย
ขนาดมหึ ม าที ่ น ั ่ ง ขั ด สมาธิ อ ยู ก ลางอวกาศก็ ล ื ม ตาขึ ้ น มาทั น ที แ ล ว ยกมื อ ขวาขึ้ น
กอนกดลงเบาๆ ไปทางระบบสุริยะ
ขณะที่กดลงไป ทันใดนั้นระบบสุริยะก็สงเสียงสั่นสะเทือนขึ้นมา คลื่นผันผวน
ปรากฏขึ้นมามากมาย จากนั้น…แผนผนึกโลกาขนาดมโหฬารไรใดเปรียบที่ปกคลุม
ทั่วทั้งระบบสุริยะก็ปรากฏใหเห็นเดนชัด จะเห็นไดวาที่มุมหนึ่งซึ่งเคยขาดหายไปของ
แผนผนึกโลกา มีเงารางของจื่อเยวนั่งขัดสมาธิอยูตรงนั้น และจื่อเยวก็คลายจะรูสึกตัว
หลังจากเงยหนาจองมองมา นางก็คุกเขาคารวะ
“เปดแผนผนึกโลกา หมื่นโลกผสานรวม!” หวังเปาเลอเอยเสียงเรียบ เสียงของเขา
ดังสะทอนอยูในระบบสุริยะ สะทอนอยูในอวกาศ ทำใหอารยธรรมทั้งหลายที่มา
ยื่นขอเสนอผสานรวมเขากับระบบสุริยะในตอนนี้ตื่นตัวขึ้นมาทันที
ผูนำของสหพันธรัฐอูเมิ่งหลิงและบุคคลระดับสูงของกลุมพันธมิตรก็เชนเดียวกัน
พวกเขาดำเนินการสงคำสั่งผสานรวมไปใหกับอารยธรรมตางๆ ที่รออยูนานแลวทันที
ดังนั้นในชั่วพริบตา ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายก็มีอารยธรรมนอยใหญ
จำนวนเกินกวาแปดพันแหงจากตางที่ลวนสองแสงแรงกลาออกมา ในอารยธรรม
เหลานี้ มีหาอารยธรรมที่มีประกายแสงสวางไสวที่สุด
นั่นก็คืออดีตหาสำนักใหญซึ่งรวมไปถึงเตาเการัฐ!
แผนผนึกโลกาของระบบสุริยะคลายคลึงกับระบบพิกัด พริบตาที่ถูกหวังเปาเลอ
เป ด ออกมาก็ ไ ด ช ั ก นำอารยธรรมน อ ยใหญท ั ้ ง แปดพั น แห ง จากต า งพื ้น ที ่เ คลื ่ อ น
เขามายังระบบสุริยะ
ผูที่มาคนแรกก็คือ…เตาเการัฐ สำนักนี้ไมมีความลังเลใดๆ เปนพวกแรกที่เลือก
เชนนี้ พวกเขาผสานรวมเขาไปในระบบสุริยะโดยสมบูรณ จากนั้นก็เปนสี่สำนัก ตอมา
คืออารยธรรมนอยใหญแปดพันแหงที่ตามกันมาติดๆ
ระบบสุ ร ิ ย ะจึง คลา ยกั บ วัง น้ ำ วนขนาดมหึม าที ่ด ึ ง ดูด ทุ ก สิ ่ ง ทุก อยา งแล ว นำ
อารยธรรมแปดพันกวาแหงเขามาเก็บเอาไวขางในทั้งหมด ทำใหตัวของมันแผขยาย
อยางตอเนื่อง ขอบเขตขยายกวางใหญอยางบาคลั่งไปทั้งสี่ทิศ
ถาหากเปลี่ยนเปนอารยธรรมอื่น ตอนนี้คงประคองตอไปไมไหวและจะตอง
พั ง ทลายแน แต จ ุ ด ที ่ น า ประหลาดของแผ น ผนึ ก โลกาก็ แ สดงออกมาชั ด เจน
อยางสมบูรณในตอนนี้เอง มันผนึกแกนของระบบสุริยะไว ทำใหแมวาจะแผขยาย
อยางตอเนื่องอยางไร ระบบสุริยะก็ยังคงเสถียรมั่นคงเชนเดิม!
ขณะเดียวกัน…เมื่อหาสำนักใหญและอารยธรรมแปดพันกวาแหงผสานเขามา
ขนาดของระบบสุริยะก็กาวกระโดดขึ้นในเชิงคุณภาพ สรรพชีวิตทั้งหมดภายใน
กลุมพันธมิตรลวนเลื่อนขั้นระดับชีวิตอยางใหญหลวงในชั่วขณะนี้เอง
ไมตองพูดถึงคนอื่น ที่หวังเปาเลอไดรับประโยชนมากที่สุด เพียงแตพลังฝกตน
ของเขาล้ำลึกเกินไป รากฐานหนาแนนเกินไป ดังนั้นแมวาจะดูดซับพลังที่เกิดจาก
การผสานหมื่นโลกเขาไปมากกวาครึ่ง แตการขยับเขยื้อนของพลังฝกตนก็ยังเชื่องชา
เชนเดิม
แต…แมวาจะเชื่องชาอยางไรก็ยังเลื่อนระดับไปอยางมั่นคง มันคอยๆ บรรลุถึง
ขั้นสุดยอดของจักรพิภพชั้นตน แลวไปถึงจักรพิภพชั้นตนขั้นมหาวัฏจักรอยางชาๆ
จนกระทั่งทามกลางสายตาจากสำนักเสริมและตระกูลไมรูสิ้นรวมไปถึงสำนักแหง
ความมื ด ที ่ จ ดจ อ งมา และหลั ง จากอารยธรรมแปดพั น กว า แห ง ผสานเข า มา
โดยสมบูรณ ไปจนถึงชั่วขณะนี้ที่ระบบสุริยะมีขนาดเทียบเทากับหนึ่งในรอยของ
จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายในพริบตา…
ตอนนั้นเอง รางกายของหวังเปาเลอสงเสียงสะเทือนกึกกองดังไปทั่วจักรพิภพ
ศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย ขณะที่เกิดเสียงดังสนั่นนี้ ธรรมกายของเขาก็แผประกายแสง
พรางพราวออกมาแลวขยายตัวอยางรวดเร็ว เมื่อขยายจนถึงขีดสุดแลว ประกายแสง
ภายในรางของเขาก็ไหลวน อานุภาพสะเทือนฟา สวนรางจริงของเขาก็เชนเดียวกัน
จักรวาลภายในรางคลายถูกผาฟาแยกดินจนขยายใหญอยางไรที่สิ้นสุด
สุ ด ท า ย…ชั ่ ว ขณะที ่ ด วงตาของร า งจริ ง หรุ บ เป ด ผมของเขาก็ ง อกยาวอย า ง
ไมมีขีดจำกัดจนแผสยายไปทั่วทั้งดาวอังคาร แผสยายไปถึงครึ่งหนึ่งของระบบสุริยะ
ผมของเขาพลิ ้ ว ไสวอยู ใ นอวกาศ ในที ่ ส ุ ด พลั ง ฝ ก ตนของเขา…ก็ ท ะลวงจาก
จักรพิภพชั้นตน กาวเขาสู…
จักรพิภพชั้นกลาง!
พริบตาที่เลื่อนระดับจนถึงจักรพิภพชั้นกลาง อานุภาพบนรางของหวังเปาเลอ
ก็ปกคลุมทั่วทั้งระบบสุริยะที่กวางใหญไพศาลไมรูกี่เทาในปจจุบันทันที ประกายแสง
เจิดจาเสียดตา พราวพรางถึงขีดสุด
ทำใหปรมาจารยแหงสำนักเตาเจ็ดวิญญาณกมหนาลง ทำใหจักรพรรดิสวรรค
สองสามคนของตระกูลไมรูสิ้นหายใจถี่รัว ทำใหปรมาจารยผูกอตั้งตระกูลไมรูสิ้นผูนั้น
ขมวดคิ้วมุน!
“ชั ้ น กลางขั้ น ที ่ ส าม…ดู จ ากพลานุ ภ าพของเขาแล ว ชี ว ิ ต นี ้ ค งจะต อ ง…
มุงสูสวรรค!” ในระบบสุริยะ อูนอยก็ตัวสั่นเทาเชนกัน สีหนาเผยความเคารพบูชา
โดยไมรูตัว เขากมหนาพึมพำ
ขณะที่ระบบสุริยะขยายตัวจนนาตะลึงและทุกคนถูกอานุภาพของหวังเปาเลอ
สั่นสะเทือนอยูนั้น ความคิดของหวังเปาเลอก็พลุงพลาน เขารูสึกถึงความแข็งแกรง
ของตนเอง รูสึกถึงความคิดที่เคลื่อนไหว และสามารถชักนำพลังอันนาสะพรึงของ
พายุจักรวาลได แตไมนานเขาก็นิ่งสงบลงเพราะนึกถึงเสนทางของเตาแปดปรมัตถ
ตอจากนี้ขึ้นมา
เพราะว า หลั ง จากคิ ด อย า งรอบคอบแล ว ก็ ย ั ง คิ ด ว า …หลั ง จากเต า ห า ธาตุ
เต็มสมบูรณแลว บางทีตนอาจจะเปนเจาแหงเตาธาตุไมก็ได
เพราะวา…เตาธาตุไมของเขา มันแตกตางไปโดยสิ้นเชิง!
“สุดทายจะเปนเชนที่ขาคาดเดาหรือไม เชื่อวาอีกไมนาน…ก็จะมีคำตอบแลว”
หวั ง เป า เล อ หรี ่ ต า ส ว นลึ ก ในแววตามีแ สงสวา งสดใสปรากฏขึ ้ น ประกายแสงนี้
แผขยายในพริบตาจนปกคลุมทั่วทั้งนัยนตาของเขาแลวไปกระตุนเมล็ดธาตุไมและ
เมล็ดธาตุน้ำภายในรางของหวังเปาเลอ
พริ บ ตาเดี ย ว ผู ฝ ก ตน จิ ต วิ ญ ญาณ ต น ไม ใ บหญ า และแม น ้ ำ ลำธารจำนวน
นับไมถวนทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายก็สงเสียงกองสะเทือนกึกกองขึ้นมา
ทั้งหมด ตอนนี้ทามกลางดวงดาวนับไมถวนมีแมน้ำลำธารมากมายไหลบากระหน่ำ
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่พึ่งพาน้ำเพื่ออยูรอดก็สั่นสะทานดวยเชนกัน
ตนไมใบหญาสั่นไหว น้ำทะเลรองคำราม ผูฝกตนแทบจะทั้งหมดไมวาจะมีพลัง
ฝกตนระดับไหนลวนคุกเขาคำนับไปทางระบบสุริยะตามสัญชาตญาณในชั่วพริบตา
แววตาลวนเผยความเคารพและความคลั่งไคลออกมา
ที่นั่น…คือสถานที่แสวงบุญของพวกเขา
ที่นั่น…มีสุดยอดของชีวิตของพวกเขาอยู
ที่นั่น…ยิ่งมีตนกำเนิดแหงเตาของพวกเขา
ขณะนี้ทุกชีวิตคุกเขาคารวะ
ขณะนี้นภาสวรรคกมศีรษะ
ขณะนี้อวกาศเกิดระลอกคลื่นไรที่สิ้นสุด
สำนักเสริมกำลังเฝาดูอ ยู ตระกู ลไมรู สิ ้น กำลังเฝาดู อยู สำนั กแห งความมืด
กำลังเฝาดูอยู ชั่วขณะนี้…ทั่วทั้งจักรพิภพเตาไมรูสิ้นลวนกำลังเฝาดู!
เฝาดูการผุดขึ้นของจักรพรรดิสวรรคแหงเตาฝงซาย เฝาดูความนาตกตะลึง
ของเตาธาตุน้ำและธาตุไม ยิ่งเฝามองดู…ฉากที่กำลังจะเกิดขึ้นและไมเคยถูกเปดเผย
ออกมาตั้งแตอดีต…การถือกำเนิดของเจาแหงเตาฝงซาย!
“จากนี้ไ ป…จักรพิภพศักดิ์สิทธิ ์แ ห งเต าฝ งซ ายมี ขาแซ หวัง เป นผู ปกครอง!”
ทามกลางสายตาของสรรพชีวิ ต หวั ง เป าเล อ ที ่ อ ยู บ นดาวอั ง คารก็ ค อยๆ พู ดขึ้ น
ประโยคนี ้ ถ ู ก เผยแพร ผ า นวิ ถ ี เ ต า ดั ง ก อ งกั ง วานอยู ใ นใจของสรรพชี ว ิ ต ใน
จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย กองกังวานอยูระหวางตนไมใบหญาและแมน้ำทะเล
กองกังวานไปทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์
“เจาแหงเตา!”
“เจาแหงเตา!!”
“เจาแหงเตา!!!” ไมรูวาเสียงรองเรียกเสียงแรกนั้นดังมาจากทางไหน จากนั้น
เสียงรองเรียกก็คอยๆ ดังกระจายออกไป จากดวงดาราทุกดวง จากอารยธรรมทุกแหง
จากผู ฝ ก ตนทุ ก คน จากต น ไม ใ บหญ า ทุ ก ต น จากภายในท อ งทะเลและสายน้ ำ
ไรที่สิ้นสุด แพรกระจายไปทั่วทุกทิศ!
ตอนนี้เอง หวังเปาเลอก็กลายเปน…เจาแหงเตาฝงซายผูเหมาะควรแลว!
บทที่ 1239 กุมอำนาจ
“ตอไป…ขาจะเปนผูกุมอำนาจ” ความในใจของหวังเปาเลอ คนนอกไมอาจลวงรู
เมื่อมาถึงระดับการฝกปรือเชนนี้ ตอใหเปนปรมาจารยตระกูลไมรูสิ้นหรืออดีตศิษยพี่
ของตนอยางเฉินชิงจื่อก็ไมมีทางมองเห็นทะลุปรุโปรง และยากจะประมาณการ
ผูเยี่ยมยุทธในระดับนี้ทุกคนลวนบรรลุถึงระดับที่ควบคุมโชคชะตาตนเองไดแลว
คนอื่นทำไดเพียงคาดเดาวิเคราะหกันเองจากรองรอยเทานั้น ไมอาจอาศัยวิชาเวท
พลังเทพเพื่อมาลวงรูความจริงได
จุดนี้ก็คือความแตกตางระหวางผูเยี่ยมยุทธกับผูฝกตน
ดังนั้นแลว ชั่วขณะที่หวังเปาเลอเอยประโยคนี้ออกไปและเสียงของเขาดังสะทอน
อยูในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายนั้น สรรพชีวิตของเตาฝงซายก็ลวนมีจิต
แหงการตอสูพุงสูงเทียมฟา ราวกับวาจะติดตามหวังเปาเลอไปทำสงครามคุมอำนาจ
ดวยกันจริงๆ อยางไรอยางนั้น
ส ว นภายในจั ก รพิ ภ พสำนั ก เสริ ม แววตาของปรมาจารย แ ห ง สำนั ก เต า
เจ็ดวิญญาณสวางวาบในทันใด และยิ่งฉายแววคาดหวังออกมาดวย!
สำหรับเขาแลว หวังเปาเลอไมใชศัตรู ขณะเดียวกันก็ยังมีความสัมพันธกับ
ศิษยลำดับที่สิบเจ็ดของสำนักตนอีกฝายอยู เรื่องที่เดิมทีเคยทำใหเขารูสึกโมโหและ
อับอาย ไดเปลี่ยนไปกลายเปนทำใหเขารูสึกชื่นชมถึงขั้นประทับใจดวยซ้ำศิษยลำดับ
สิ บ เจ็ ด ของสำนั ก ตนเป น ลู ก ชายของหวั ง เป า เล อ แม ว า จะเป น ลู ก บุ ญ ธรรม
แตความสัมพันธเชนนี้…เห็นไดชัดวาไดเปรียบยิ่งกวาสำนักอื่นมากนัก
ดังนั้นเขาคิดวาตนกับหวังเปาเลอจึงนับวาเปนพันธมิตรไปโดยปริยาย เพราะวา…
พวกเขามีเปาหมายเดียวกัน ลวนทำเพื่อใหหลุดพนจากตระกูลไมรูสิ้น ปรมาจารยแหง
สำนักเตาเจ็ดวิญญาณอยากจะหลุดพนจากการควบคุมของตระกูลไมรูสิ้นตั้งนานแลว
เพียงแตกอนหนานี้เขาหัวเดียวกระเทียมลีบ ไมอาจทำได
ตอใหเขาอยูระดับจักรวาลและถือไดวาเปนจอมพลัง แตจักรพรรดิสวรรคของ
ตระกูลไมรูสิ้นนั้นมีมากเกินไป ยิ่งกวานั้นยังมีปรมาจารยผูกอตั้งที่ล้ำลึกจนคาดเดา
ไมถูก ดังนั้นเขาจึงทำไดเพียงอดกลั้นมาหลายป แตในฐานะที่เปนระดับจักรวาล
จะยินยอมใหผูอื่นไดอยางไร
การปรากฏตัวของสำนักแหงความมืดทำใหเขามองเห็นความหวัง และการจุติ
ของหวังเปาเลอก็ยิ่งทำใหเขาคิดวาความหวังนี้ยิ่งใหญจนไมมีที่สิ้นสุดไปแลว ดังนั้น
เขาจึงหวังวาจะไดเห็นหวังเปาเลอบุกเขาไปในตระกูลไมรูสิ้น แลวบุกเบิกนานน้ำ
สีครามเพื่อตัวเขาและตัวเอง!
สวนตัวเขานั้นก็จะไมทำแคเฝาดู เขาไดเตรียมตัวพรอมลงมือตลอดเวลาอยูแลว
รอแค…โอกาสที่จะมาถึงเทานั้น
ขณะนี้เอง ยังมีอีกหนึ่งคนก็ทอดมองมาเชนกัน คนผูนี้คือปรมาจารยแหงสำนัก
ดาราจันทร เขานั่งขัดสมาธิอยูหนาน้ำตกและใหความสนใจกับเรื่องทั้งหมดดวย
แววตาของเขาไรความรูสึก แตถาหากมองอยางละเอียดๆ ก็จะเห็นวาสวนลึกใน
แววตาของเขา…มีความคาดหวังแบบเดียวกัน!
พร อ มกั น นั ้ น เสี ย งของหวั ง เป า เล อ ก็ ด ั ง มาถึ ง ภายในตระกู ล ไม ร ู สิ้ น
ทำใหจักรพรรดิสวรรคสองสามคนนั้นของตระกูลไมรูสิ้นหนาเปลี่ยนสี โดยเฉพาะ
จักรพรรดิสวรรคกวงหมิง จิตใจของเขาผันผวนอยางมาก ตอนนี้ฝามือที่ฟนกลับมา
เหมือนเดิมมีอาการปวดแปลบแผขึ้นมา ในใจมีคลื่นลูกยักษซัดโหม ทำใหเขารอง
เสียงเบาออกมา
“ไมดีแลว ทางเสวียนหัว…” แทบจะในชั่วขณะที่เขาเอยขึ้นมา จักรพรรดิสวรรค
จีเจียก็กาวออกไปแลวหายตัวไปจากจุดเดิม กอนจะปรากฏตัวขึ้นที่…สถานที่กักตัว
ของจักรพรรดิสวรรคเสวียนหัว
ขณะที่เขาปรากฏตัวนั้น ก็เปนเวลาเดียวกับที่เสวียนหัวรองคำรามบาคลั่งออกมา
การก อ ตั ว ของเมล็ ด เต า ธาตุ น ้ ำ ของหวั ง เป า เล อ และการระเบิ ด ของพลั ง ธาตุ ไ ม
ทำใหจิตใจของเสวียนหัวเกือบจะสูญเสียเกราะปองกันไป จากนั้นพลังฝกตนของ
หวังเปาเลอก็ทะลวงขึ้นมา คลายกับมีการโจมตีไรรูปกระแทกเขามาทำใหเสวียนหัว
ที่เดิมทีก็ยากจะตอตานได ทรุดทลายโดยพลัน
ขณะที่เสวียนหัวเปนบาผมเผายุงเหยิงอยูที่นี่ คนทั้งคนก็ผุดลุกขึ้นยืนราวกับ
อยากจะพุ ง ออกจากสถานที ่ ก ั ก ตน พุ ง ออกจากตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น แล ว เดิ น ทาง…
ไปสักการะบูชาที่จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย!
แต ก ลั บ ถู ก จั ก รพรรดิ ส วรรค จ ี เ จี ย ที ่ เ พิ ่ ง มาถึ ง ขั ด ขวางไว แ ล ว สยบตั ว เขาลง
ด ว ยพลั ง ทั ้ ง หมด ถึ ง อย า งไรเขาก็ เ ป น ร า งแยกของปรมาจารย ต ระกู ล ไม ร ู สิ้ น
พลังฝกปรือสูงสงล้ำลึกยิ่งกวาเสวียนหัว ขณะนี้พอเขาใชพลังทั้งหมดออกมา ในที่สุด
ก็ทำใหจิตใจเสวียนหัวฟนคืนเปนปกติได แตอิทธิพลที่หวังเปาเลอมีตอเสวียนหัว
จะธรรมดางายดายขนาดนั้นไดอยางไร
ขณะที ่ เ ขาเดี ๋ ย วผุ ด เดี ๋ ย วล ม อยู น ั ้ น แม ว า สติ ป ญ ญาบางส ว นของเสวี ย นหั ว
จะฟนกลับมาแลว แตเห็นไดชัดวาไมมั่นคงเลย โชคดีที่จักรพรรดิสวรรคกวงหมิง
ก็ปรากฏตัวตอจากนั้นแลวชวยจีเจียสยบไวดวยกัน ถึงไดทำใหเสวียนหัวตัวสั่นเทา
พรอมกับใบหนาซีดขาว นับวาฝนกดการคงอยูของจิตมารในรางของเขาไวได
แตในตอนนี้เอง…สีหนาของจีเจียกลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ตี้ซาน…” ขณะที่เสียงเขาดังออกมา ดวงตาของจักรพรรดิสวรรคกวงหมิงก็
หดเกร็ง อยางรุนแรง เขาหันหนาทอดมองไปไกลๆ ทั น ที ประกายแสงในดวงตา
ของเขาคลายมองทะลุสายธารดวงดาวไปยังดาราจักรดานหลังตระกูลไมรูสิ้นในตอนนี้
ทามกลางทะเลดวงดาวผืนนี้เอง ตี้ซานกำลังนั่งทำสมาธิ ตัวเขาหายดีไปมากกวาครึ่ง
อยางเห็นไดชัด
กายเนื้อดั้งเดิมของตี้ซานถูกหวังเปาเลอสังหารไปแลว ดวงวิญญาณเทพของเขา
ก็ไดรับบาดเจ็บ แตตอนนี้เห็นไดชัดวาไดรับการรักษาอยางทรงพลังแลว ไมใชแค
กายเนื้อที่ถูกปนขึ้นใหมอีกครั้งเทานั้น คลื่นผันผวนของพลังฝกตนก็ถึงขั้นแข็งแกรง
ยิ่งกวาเมื่อกอนเล็กหนอยดวย
จินตนาการไดเลยวาทันทีที่พลังฝกปรือของเขาฟนคืนกลับมาทั้งหมด เกรงวาพลัง
ตอสูก็จะกาวกระโดดขึ้นสูระดับสูงยิ่งกวาระดับเดิมดวย
แตในตอนนี้เอง…ขณะที่จักรพรรดิสวรรคกวงหมิงและจักรพรรดิสวรรคจีเจีย
มองไปยั ง ตี ้ ซ าน ทางหวั ง เป า เล อ ที ่ อ ยู ใ นดาวอั ง คารของระบบสุ ร ิ ย ะภายใน
จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย แววตาจากรางจริงของเขาสองประกายจางๆ
กอนกาวออกมาฉับพลัน กาวหนึ่งเขาไปยังอวกาศ
เมื่อเทาของเขาแตะลงมา รางกายเขาก็พราเลือน เมื่อเงารางของเขาชัดเจน
ขึ้นอีกครั้ง เขาก็ออกมาจากดาวอังคาร ออกมาจากระบบสุริยะ ออกมาจากจักรพิภพ
ศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย แลวปรากฏตัวที่…จักรพิภพใจกลางไมรูสิ้น ปรากฏที่…
ดานหลังของตระกูลไมรูสิ้น ทามกลางทะเลดวงดาวที่ตี้ซานนั่งสมาธิอยู!
ที่นี่คือบริเวณดานหลังตระกูลไมรูสิ้นแลว ปกติหมื่นสำนักหมื่นและตระกูลไมกลา
กาวเขามางายๆ แตวันนี้…หวังเปาเลอเพียงกาวหนึ่งกาวก็ขามผานความเวิ้งวาง
จนมาถึงที่นี่แลว
และการปรากฏตัวของเขาก็ทำใหจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นเกิดคลื่นผันผวนรุนแรง
ทันที นั่นคือการปะทะชนของมหาเตากับมหาเตา เปนอิทธิพลจากเตาธาตุไมและ
ธาตุน้ำของหวังเปาเลอที่มีตอจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้น
เพียงชั่วพริบตา ผูฝกตนตระกูลไมรู สิ้นจำนวนนับไมถวนก็พากัน ตัว สั ่ นเทา
คลายกับวาตอนนี้เอง พลังธาตุไมและน้ำภายในรางของพวกเขาลวนถูกชักนำ โชคดีที่
พลังแหงเตาสวรรคตระกูลไมรูสิ้นมาถึง จึงพอจะกำจัดมันไปได
แตสุดทายแลว กระบวนการที่ยังเกิดขึ้นตออีกไมกี่อึดใจ…ทำใหตระกูลไมรูสิ้น
ไดรับผลกระทบ แมแตวงแหวนปราณระดับสุดยอดที่เกิดจากเสนเลือดของสำนัก
ก็ยังไดรับผลกระทบเชนกัน สวนทางหวังเปาเลอก็สามารถปรากฏตัวขึ้นที่นี่ไดอยาง
ราบรื่นไรใดเปรียบ
ไมแปลกเลยที่ตี้ซานจะเปนจักรพรรดิสวรรค เขารูสึกตัวทันที พริบตาที่เงยหนา
มองหวังเปาเลอ สีหนาของเขาก็เปลี่ยนไปยกใหญ การเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกัน
ก็เกิดขึ้นกับกวงหมิงและจีเจียดวย แตตอนนี้คนทั้งสองไมอาจจากไปได เพราะทาง
เสวียนหัวนี้ จิตมารที่เดิมถูกบังคับสยบเอาไวกลับคลายถูกเสริมแรงขึ้นมาในตอนนี้
และคลายกับถูกเพรียกหา มันระเบิดออกมาทันใด ทำใหคนทั้งสองจำตองใชกำลัง
ทั้งหมดสยบเอาไวจึงจำสำเร็จ ทำใหไปชวยเหลือไมไดในระยะหนึ่ง
“หวังเปาเลอ!” ในแววตาของตี้ซานเผยความบาคลั่งออกมา เขาผุดลุกทันที
อุปนิสัยของเขามุทะลุ ตอนนี้เมื่อรับรูถึงอันตราย เขาก็ไมไดถอยหนี แตกระโจน
พุงออกจากทะเลดวงดาว คนทั้งคนกลายเปนยอดเขาไรที่สิ้นสุดพุงตรงไปสยบยัง
หวังเปาเลอ
“ตี้ซ าน ขาชื่นชมเจามาก” หวั ง เป าเล อกล าวราบเรี ย บ แม เขาจะสั มผั สกับ
จักรพรรดิสวรรคของตระกูลไมรูสิ้นมาหลายครั้ง แตตี้ซานผูนี้มีบุคลิกเปนของตัวเอง
จริงๆ ความเยอหยิ่งและยึดมั่นแบบนั้นชางเขากับการถูกเรียกวาเปนผูเยี่ยมยุทธ
เสียจริง
ดังนั้น สำหรับจอมพลังเชนนี้ หวังเปาเลอจึงเลือกใชวิชาเตาธาตุไมอันไรที่สิ้นสุด
ภายใต ก ฎไม เ สริ ม น้ ำ ในป จ จุ บ ั น นี ้ อ อกมา ถึ ง แม จ ะด อ ยกว า คื น พิ น าศ แต ก ็ น า
ตกตะลึง ยิ่ง เขาโบกมือ ทั่วทั้ง อวกาศส ง เสี ย งดั ง สนั ่ น เส น สายธาตุ ไ ม ห ลายเส น
ปรากฏขึ ้ น มาจากความว า งเปล า แล ว รวมตั ว รอบกายของหวั ง เป า เล อ โดยตรง
กอตัวเปนฝามือไมขนาดยักษขางหนึ่ง แลวตบลงไปที่ภูเขาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อน
เขามาหาโดยตรง
ในเวลาเดียวกัน หวังเปาเลอก็สังเกตเห็นคลื่นผันผวนของเตาสวรรคสำนักแหง
ความมืดปรากฏขึ้นมาในตระกูลไมรูสิ้นอยางแมนยำ และมีเสียงคำรามต่ำดังมาจาก
ที่ไกลๆ
“เฉินชิงจื่อ เจาวางแผนจะทำศึกตัดสินกับขาในวันนี้จริงๆ หรือ”
หวังเปาเลอเงียบงัน ไมไดพูดอะไร เพียงแตแววตาลึกล้ำอยูสักหนอย เขาลงมือ
รุน แรงยิ่ง กวาเดิม พลัง ฝกตนระดั บจั กรพิ ภ พชั ้ น กลางภายในร างระเบิ ดออกมา
โดยสมบูรณ เตาธาตุน้ำกลายเปนพลังตนกำเนิดของเตาธาตุไม มันโคจรจนถึงขีดสูงสุด
ภายใตหาธาตุสงเสริมกันนี้ ทำใหเตาธาตุไมเปนเหมือนกับดวงดาวดวงเดียวในอวกาศ
ที่สองสวางเจิดจรัส
พริบตาเดียวฝามือจากเตาธาตุไมก็ปะทะเขากับภูเขาลูกมหึมาที่เกิดจากตี้ซาน
อวกาศสะเทือนเลื่อนลั่น จุดที่ทั้งสองฝ ายปะทะกัน เกิ ดคลื ่น ผั น ผวนราวกั บ
ผลักภูเขาพลิกทะเลหลายชั้นพวยพุงขึ้นมาในทันที มันแผขยายเสียงดังลั่นไปทั่วทุกทิศ
ทุกที่ที่มันเคลื่อนผาน ภายในตระกูลไมรูสิ้นก็จะสั่นสะเทือน ถึงขั้นที่อวกาศก็ยัง
พังทลายลงมาและแตกสลายเปนเสี่ยงๆ
และสิ่งที่แตกสลายกอนใครก็คือ…ภูเขามหึมาที่เกิดจากตี้ซาน!
รอยราวหลายเสนแพรกระจายไปทั่วภูเขายักษลูกนี้โดยตรง มันแผขยายใน
ชั่วพริบตา และในอึดใจตอมา ภูเขากวางใหญไพศาลนาตะลึงคลายจะสยบสรรพชีวิต
หมื่นเตาไวไดลูกนี้ก็พังทลาย แตกสลายเปนเสี่ยงๆ
เงาโลหิตสายหนึ่งถูกพลังมหาศาลโจมตีเขาจากขางภายในภูเขาที่แตกละเอียดนี้
ขณะที ่ ถ อยร น ไป เลื อ ดก็ พ ุ ง ออกมาไม ห ยุ ด ร า งกายคล า ยจะพั ง ทลายเป น
ชิ้นเล็กชิ้นนอย ตอนนี้ยังฝนประคองไวไดอยู และเงาเลือดนั่นก็คือ…ผูที่มีแววตา
ไมยินยอมและขมขื่นยิ่งกวาอยางตี้ซาน!
บทที่ 1240 ฟนตัว
ไม ย ิ น ยอมก็ เ พราะความเย อ หยิ ่ ง ของเขาไม ย อมให เ ขาพ า ยแพ และยิ ่ ง เป น
เพราะวาในสายตาของเขานั้น หวังเปาเลอเปนแคชนรุนหลังคนหนึ่งเทานั้น ถึงขั้น
มีพลังฝกปรือแคระดับจักรพิภพ
แมวาเขาจะรูความลับ มากมายของโลกแห ง ศิ ลานี ้ และมองออกว าเต า ของ
หวังเปาเลอแตกตางไป แตสุดทายแลวก็ยังไมอาจยอมรับบทสรุปที่ตนพายแพให
อีกฝายติดตอกันถึงสองครั้งได โดยเฉพาะตอนนี้ กายเนื้อของเขาไดทานปรมาจารย
มอบของล้ำคามาสรางใหใหม ทำใหเตาของเขาสมบูรณแบบยิ่งขึ้น พลังฝกปรือก็สูงขึ้น
กวาเมื่อกอนนัก ถึงขั้นที่วาเปนเพราะการผสานรวมของสมบัติชิ้นนั้นจึงคลายได
เปดประตูบานใหญใหแกเขา ทำใหเขาราวกับมองเห็นเสนทางแหงอนาคต และกำลัง
จะคนพบทิศทางการทะลวงระดับของตนไดรางๆ แลว
แตวันนี้…ทุกอยางกลายเปนเถาถานก็เพราะหวังเปาเลอตรงหนา เขาเติบโตอยาง
รวดเร็วจนไมนาเชื่อ ศึกกอนหนานี้เขายังสามารถตอสูกับหวังเปาเลอไดอยูเลย ทวา
วันนี้…ทุกสิ่งทุกอยางลวนเปนแคพลังเทพหนึ่งสายเทานั้น!
ฝามือที่เกิดจากเตาธาตุไมนั้นแฝงไวซึ่งพลังอันไรขอบเขต ดวยความไรขอบเขต
ไมมีที่สิ้นสุดนี้เอง แมวาเตาภูผาของตนจะตอตานไวไดในชั่วขณะหนึ่ง แตสุดทาย
มันก็ไมไดไรที่สิ้นสุด จึงไมอาจดำเนินตอไปไดนาน
ดังนั้น ขณะที่เขารูสึกไมยินยอม กนบึ้งจิตใจก็มีความขมขื่นล้ำลึกแพรกระจาย
“นี่ไมใชชะตากรรมของขา!” ตี้ซานกรีดรองเจ็บปวด ขณะนี้ในดวงตาของเขา
กลับไมมีความบาคลั่งเชนเมื่อครูอีกแลว มันแผความหมนหมองออกมา เขายืนอยู
ในอวกาศ ราวกับลืมตอตานไปแลว
เพราะเขาเขาใจแลววาระหวางตนกับหวังเปาเลอนั้น แตกตางกัน…มากเกินไป
แตความรูสึกหดหูนี้เกิดขึ้นในหัวของเขาเพียงไมกี่อึดใจเทานั้น จากนั้นก็ถูก
เขาขับไลไปทันที เพราะเขามองเห็นวาภายในรางกายที่ใกลจะแตกสลายเปนเสี่ยงๆ
ของตนมีดวงแสงสีดินเหลืองกำลังเปลงประกายออกมาอยางตอเนื่อง มันลอยอยู
กลางอวกาศรอบกาย ราวกับแสงดาวที่แตกตางออกไป แตก็เจิดจรัส
ราวกับชีวิตของเขา!
แมจะไมสมบูรณแบบ แตก็สวางสดใส
ในเมื่อเปนเชนนี้…แลวเหตุใดตองเสียดายชีวิต!
ความมืดหมนในแววตาของตี้ซานหายไป เขาเงยหนาหัวเราะลั่น รางกายลุกไหม
ในทันที เขาประคองตัวเองพุงไปยังหวังเปาเลออีกครั้ง ราวกับมอดที่วิ่งเขาสูเปลวไฟ!
หวังเปาเลอยืนอยูที่เดิม จองมองการมาถึงของตี้ซาน เขามองเห็นความมืดหมน
กอนหนานี้ของอีกฝาย และมองเปนประกายแสงที่พวยพุงขึ้นอีกครั้งดวย ยิ่งสัมผัส
ไดวา…ตอนนี้บนรางของตี้ซานมีเจตนารองขอความตายปรากฏออกมาดวย
ในชั่วขณะนี้เอง ที่ความวางเปลาอันไกลโพนก็มีเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังออกมา
อยางฉับพลัน
“หวังเปาเลอ เจากลาสังหารจักรพรรดิสวรรคของขา ผูเฒาคนนี้ก็จะบดขยี้
สหพันธรัฐของเจาแน!”
แตในขณะที่คำพูดของเขาดังออกมา คลื่นผันผวนของเตาแหงความมืดก็แรงกลา
ขึ้นทันที ราวกับวาในความวางเปลาที่มองไมเห็นนั้น ตอนนี้เฉินชิงจื่อกำลังลงมือแลว
แมวาจะไมมีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังออกมา แตเสียงของปรมาจารยไมรูสิ้นก็ยัง
ทะลวงผานความวางเปลาและดังสะทอนไปทั่วทั้งแปดทิศ
“เฉินชิงจื่อ ถาตี้ซานดับสิ้น ศึกระหวางเจากับขาก็จะปะทุขึ้นมาเต็มกำลัง!”
“ไมมีปญหา!” ผูที่ตอบกลับปรมาจารยไมรูสิ้นก็คือเสียงราบเรียบของเฉินชิงจื่อ
จากนั้นในความวางเปลาก็เกิดคลื่นผันผวนไรที่สิ้นสุดแพรกระจายไปทั่วทุกดาน
ทำใหตระกูลไมรูสิ้นสั่นสะเทือนกันทั้งสำนัก
หวังเปาเลอกลับเงียบงัน มองดูตี้ซานที่ตอนนี้พุงทะยานมาหาตนราวกับดาวตก
เขายกเทาขึ้นแลวกาวไปหาตี้ซาน ตรงผานอวกาศทันทีดวยความเร็วอันนาเหลือเชื่อ
แล ว ปรากฏอยู ต รงหน า ตี ้ ซ านตรงๆ เขาไม ร อให ต ี ้ ซ านได ร ะเบิ ด ตั ว เองออกมา
มือขวาของเขายกขึ้นแลวชี้ไปที่ดานหนาของตี้ซานทันที
“จันทรแรม!”
ไมใชเงาจันทร แตเปนจันทรแรม
ไมไดกาวเขาไปในแมน้ำแหงกาลเวลา แตทำใหตี้ซานที่อยูตรงหนาวกกลับไป
เมื่อหลายสิบอึดใจกอนหนานี้!
ดวยการสนับสนุนจากเตาธาตุน้ำตนกำเนิด เวทจันทรแรมที่ใชออกมาทามกลาง
การระเบิดของเตาธาตุน้ำก็ขยับไหวในพริบตาทันที กระแสเตากาลเวลาแผกระจายไป
ทุกทิศทาง รางกายของตี้ซานถอยรนอยางไมอาจควบคุมได ทั้งหมดลวนไหลวก
กลับไป!
มีเพียงรางกายของหวังเปาเลอเทานั้นที่ไมไดยอนกลับ แตกาวเดินมาหนึ่งกาว
แลวปรากฏตัวขึ้นตรงหนาตี้ซานที่กลับไปยังหลายสิบอึดใจกอนหนานี้ที่เพิ่งจะไดรับ
บาดเจ็บและไมไดมีทาทีเหมือนตัวมอด จากนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้น เมื่อทิ้งมือลงมา
อีกครั้ง มันก็แทงเขาไปในทรวงอกของตี้ซานโดยตรง ขอมือจมลงไปแลวควาจับ
อยางรุนแรง
ดวยการควาจับนี้ ทำใหดวงแสงสีดินเหลืองเหลานั้นที่แผออกมาจากในรางของ
ตี้ซานกระพริบวูบขึ้น พริบตาตอมามือขวาของหวังเปาเลอที่คลายจะแทงเขาไปในอก
ของตี ้ ซ านก็ ก ลายเป น หลุ ม ดำ นำพาดวงแสงที ่ แ ผ อ อกมาด า นนอกเหล า นั ้ น ไป
ทั้งหมดแลวถูกดูดซับเขามาทันที
สิ่งที่ถูกดูดไปดวยยังมีตนกำเนิดของดวงแสงสีดินเหลืองในรางของตี้ซานเชนกัน…
ทั้งหมดนี้พูดแลวยาว แตความจริงลวนเกิดขึ้นในชั่วอึดใจ พริบตาตอมามือขวาของ
หวังเปาเลอก็ถอนกลับมาจากทรวงอกของตี้ซานทันใด
ขณะที่เขาถอนมือขวากลับมานั้น รางกายของตี้ซานก็คลายกับลูกบอลลมรั่ว
มันแหงเหี่ยวในพริบตาแลวกลายเปนเถาถานทันที มีแควิญญาณเทพเทานั้นที่ยังอยู
ที่เดิม มันมองหวังเปาเลอและมือขวาของเขาดวยทาทางซับซอนอยางยิ่ง!
บนมือขวาของหวังเปาเลอ ตอนนี้มีของสิ่งหนึ่งเพิ่มขึ้นมา!
นั่นก็คือกอนโคลนสีเหลืองขนาดเทาฝามือหนึ่งกอน!
บนกอนโคลนนี้มีคลื่นความผันผวนมหาศาลแผออกมา ความรูสึกที่มอบใหคือ
เมื่อมองไปที่มันก็คลายมองเห็นโลก มองเห็นฟาดิน มองเห็นทั่วทั้งอวกาศ!
และยิ่งกวานั้นยังมีกลิ่นอายที่มีที่มาแบบเดียวกันกับจักรวาลผืนนี้ดวย มันอยูบน
ก อ นโคลนและแผ ก ระจายออกมาอย า งปกป ด ไม มิ ด ทำให แ ม ว า หวั ง เป า เล อ จะ
เตรียมใจไวกอนแลวก็ยังตื่นตระหนก ดวงตาหดเกร็ง
ที่มาของสิ่งสิ่งนี้ พริบตาที่เขาสัมผัสมันก็รับรูไดแลว แต…ที่มาของมันอยูเหนือ
ความคาดหมายของเขานัก ครั้งนี้เขาบอกวาจะกุมอำนาจก็ทำจริงๆ แตมันไมใช
จุดสำคัญ เปนเพียงขออางเทานั้น
เปาหมายที่แทจริงของเขาก็คือทำเพื่อของสิ่งนี้
นี่คือการแผนการยึดอำนาจ ตั้งแตครั้งแรกที่ทำรายตี้ซานก็ไดสรางสถานการณนี้
เอาไวแลว ตี้ซานเปนจักรพรรดิสวรรค อุปนิสัยและตนทุนลวนอยูระดับสูง ดังนั้น
หลังจากกายเนื้อของเขาถูกทำลายสิ้น ปรมาจารยไมรูสิ้นจะตองหาวิธีมาฟนฟูเขาแน
และเตาธาตุภูผากับเตาธาตุดินก็มีแหลงที่มาเดียวกัน ดังนั้นมีความเปนไปไดสูงที่
จะตองใชสมบัติล้ำคาธาตุดินเชนที่หวังเปาเลอสัมผัสไดทามกลางความมืดมิด
จุดนี้หวังเปาเลอเดาไดถูกตอง ดังนั้นเขาจึงใชพลังกดดันจากการทะลวงระดับฝกตน
ของเขาพุงมายังที่แหงนี้ทันที แตเขาไมคิดวาสมบัติล้ำคาเตาธาตุดินนี้กลับไมธรรมดา
ยิ่งกวาจินตนาการของเขาเสียอีก
สิ่งของที่สามารถกองกังวานไปทั่วทั้งจักรวาลและสามารถทำใหคนรูสึกเหมือน
จองมองดูฟาดินและโลกหลาได ของแบบนี้มีแค…แผนศิลาเทานั้น!
แผนศิลาที่ผนึกจักรวาลผืนนี้ไว!!
วัสดุของของสิ่งนี้ก็คือแผนศิลา พูดใหถูกก็คือของชิ้นนี้…เปนสวนหนึ่งของแผนศิลา!
หวังเปาเลอไมรูวาตระกูลไมรูสิ้นไดของสิ่งนี้มาไดอยางไร แตตอนนี้จิตใจของเขา
เกิดคลื่นผันผวนถาโถมแลว เขาจับกอนโคลนในมือแนน เมื่อเงยหนาขึ้น เขาก็มองดู
ตี้ซานที่มีสีหนาทาทางซับซอน
“ทำไมไมฆาขา!”
หวังเปาเลอไมพูดจา แตหันหนากลับไปยังความวางเปลา ไมวาจะเปนเพราะ
ชื่นชมในตัวตี้ซานอยูนิดหนอยหรือเปนเพราะเฉินชิงจื่อก็ตาม สุดทายแลวเขาก็ยัง
เลือกที่จะไวชีวิตตี้ซาน
“เฉิ น ชิ ง จื ่ อ แท จ ริ ง แล ว …เจ า คิ ด อะไรกั น แน ” หวั ง เป า เล อ พึ ม พำในใจแล ว
ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็คอยๆ เอยขึ้นวา
“ผูอาวุโสไมรูสิ้น ขาแซหวังมาที่นี่ไมใชเพื่อวางอำนาจ แตมาเพราะวาเมื่อครั้งนั้น
ตระกู ล ไม ร ู ส ิ้ น ของเจา รุก รานสหพั น ธรัฐ ของข า โดยไรเ หตุผ ล และคำอธิ บ ายว า
ขวางไมใหขารวมเตาฝงซายเปนหนึ่งเดียว”
“วันนี้ ขาแซหวังก็จะเก็บคำอธิบายนี้ไป ถาหากผูอาวุโสขุนเคืองก็สามารถมาหา
ข า ที ่ เ ต า ฝ ง ซ า ยได เต า ฝ ง ซ า ยของข า …มุ ม มองความเป น กลางในป จ จุ บ ั น ยั ง คง
เหมือนเดิม” พูดจบ หวังเปาเลอก็กอบหมัดคำนับแลวเดินไปยังอวกาศ เมื่อเขาจากไป
กลิ่นอายเตาแหงความมืดก็สลายหายไปชาๆ จนกระทั่งเงารางของหวังเปาเลอหายไป
จากตระกูลไมรูสิ้นแลว ในอวกาศของตระกูลไมรูสิ้น สีหนาของเวยยางจื่อดูไมได
เขาปรากฏตัวขึ้นมา
“เฉินชิงจื่อ…หวังเปาเลอ…” จิตสังหารวูบวาบอยูในแววตาของเขา แตสุดทาย
ก็ฝนกดลงไป
“ยังไมถึงเวลา…แตใกลแลว ใกลจะถึงแลว!” ผานไปครูหนึ่ง เวยยางจื่อก็หลับตาลง
สะบัดแขนเสื้อหอบใหญนำดวงวิญญาณเทพมืดหมนของตี้ซานกลับมา จากนั้นเงาราง
ก็เลือนหายไป
ภายในจักรพิภพสำนักเสริม ปรมาจารยแหงสำนักเตาเจ็ดวิญญาณถอนหายใจ
เขาเตรียมพรอมจะลงมือแลว ผลสุดทายกลับไมไดตอสู สวนหวังเปาเลอในตอนนี้
ก็ เ ตรี ย มพร อ มแล ว กระทั ่ ง เขาก า วเข า มาในจั ก รพิ ภ พศัก ดิ ์ ส ิ ท ธิ ์แ หง เต า ฝ ง ซ าย
เขาก็หยุดฝเทาลง หันหนาไปมองยังจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้น
“เวยยางจื่อ…เจารออะไรหรือ” หวังเปาเลอหรี่ตาลง เงียบงันอยูนานแลวมองไป
อีกดานหนึ่ง ที่นั่น…คือทางเขาไปยังสำนักแหงความมืดของอวกาศผืนนี้
“เฉินชิงจื่อ…ชีวิตนี้ของขาจะยังมีโอกาสเรียกเจาวา…ศิษยพี่…อยูหรือไม” กนบึ้ง
จิตใจของหวังเปาเลอซับซอนนัก เพราะอาจารย เขาจึงแตกหักกับเฉินชิงจื่อ
แต ห ลั ง จากการช ว ยเหลื อ หลายครั ้ ง ของเฉิ น ชิ ง จื ่ อ หวั ง เป า เล อ ก็ ไ ม ใ ช ค น
ไรความรูสึก ในใจของเขาจะไมเกิดคลื่นถาโถมขึ้นมาไดอยางไร
จนกระทั่งผานไปพักหนึ่ง หวังเปาเลอก็ถอนหายใจแลวเดินไปยังระบบสุริยะ
ณ จุดที่สายตาของเขาจองมองไปกอนหนานี้ ที่ทางเขาสำนักแหงความมืด ตอนนี้
เงารางของเฉินชิงจื่อเดินออกมาจากความวางเปลาคลายมีคลายไมมี ทั่วรางสวมชุดดำ
มือหนึ่งถือกระบี่ไม มือหนึ่งถือสุรา
เขายืนอยูตรงนั้น จองมาที่นี่…มาที่เตาฝงซายเชนกัน
จากนั้นบนใบหนาเย็นชาของเขาก็คอยๆ เผยรอยยิ้มอบอุนออกมา
“โตแลว ปกปองตัวเองได ขาก็วางใจไดจริงๆ แลว ตอไป…ก็ถึงตาขาแลว!”
เฉินชิงจื่อเอยพึมพำ มองไปยังตระกูลไมรูสิ้น รอยยิ้มเลือนหายไป ความเย็นชาพวยพุง
เทียมฟา!
บทที่ 1241 เตรียมการ
เปาหมายของเฉินชิงจื่อคืออะไรและเขาคิดอยางไร เรื่องนี้…หวังเปาเลอคาดเดา
ไดแคสวนหนึ่งเทานั้น ความคิดที่ล้ำลึกยิ่งกวานี้หวังเปาเลอไมอาจวิเคราะห ไ ด
แตเขาเขาใจบางอยางไดรางๆ วาเฉินชิงจื่อ…คลายพยายามทำอะไรบางอยาง หรือไม
ก็พิสูจนอะไรบางอยาง
เมื ่ อ ความคิ ด เหล า นี ้ ผ ุ ด ขึ ้ น มาในหั ว ของเขา หวั ง เป า เล อ ก็ ถ อนหายใจเบาๆ
แลวกาวเขาสูระบบสุริยะซึ่งแผขยายใหญโตจนเกือบจะไรที่สิ้นสุดหลังจากผสานรวม
แปดพันกวาอารยธรรมเขาดวยกันแลว
ระบบสุริยะในปจจุบันมีขอบเขตกวางใหญมาก จำนวนของดารานิรันดรก็มี
เกือบหมื่นดวง แตอยางไรก็ตาม ดารานิรันดรเหลานี้ลวนแนบมากับอารยธรรมใน
ดานหนึ่ง แมแตดารานิรันดรของหาสำนักใหญก็เหมือนกัน ดาวหลักจึงมีเพียง…
ดวงอาทิตยของสหพันธรัฐเทานั้น!
เมื ่ อ เที ย บดวงอาทิ ต ย ข องสหพั น ธรั ฐ กั บ ในอดี ต แล ว มั น เปลี ่ ย นแปลง
เชิ ง ด า นคุ ณ ภาพเช น กั น ขนาดของมั น ใหญ โ ตมโหฬารไร ใ ดเปรี ย บ เที ย บได กั บ
ดาราจั ก รแห ง หนึ ่ ง และแสงสว า งของมั น ก็ ย ิ ่ ง ส อ งสว า งไปไกล ขณะเดี ย วกั น
เปลวเพลิงในนั้นก็แทบจะเปนสีดำและแผอานุภาพนาสระพรึงนาหวาดกลัวออกมา
อานุภาพกดดันเชนนี้ตอใหเปนผูฝกตนระดับดารานิรันดรก็ไมอาจเขาใกลได
พอมองจากไกลๆ ก็จะรูสึกใจสั่นไหว ผูที่มีระดับต่ำกวาดารานิรันดรก็เชนเดียวกัน
มีเพียงอยูระดับจักรพิภพเทานั้นถึงพอจะเขามาคำนับดวงอาทิตยใกลๆ ได
ในทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย มีอยูสามคนเทานั้นที่มีสิทธิ์กาวเขามา
ในดวงอาทิตยของสหพันธรัฐไดโดยการอาศัยพลังฝกตนของตัวเอง
หนึ่งคือปรมาจารยแหงไฟ หนึ่งคือเยาถง พวกเขาทั้งสองคนถือวาอยูในระดับ
กึ่งจักรวาล เมื่อโคจรพลังเต็มที่ ก็สามารถรั้งอยูบนดวงอาทิตยไดในชวงสั้นๆ
สวนผูที่สามารถอาศัยและฝกบำเพ็ญอยูที่นี่ไดเปนเวลานาน มีเพียงแคหวังเปาเลอ
ดังนั้นสถานที่กักตนของเขาจึงยายจากดาวอังคารไปยังภายในดวงอาทิตยของ
สหพันธรัฐ ทำใหดวงอาทิตยของสหพันธรัฐ….รูจักโดยทั่วกันวาเปน….วังเตาของ
จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย
วังของเจาแหงเตา!
ยิ่งกวานั้น เนื่องจากการที่หวังเปาเลอไปวางอำนาจขางนอกหลังทะลวงระดับฝกตน
ทำลายกายเนื้อของตี้ซาน แลวกลับมาจากตระกูลไมรูสิ้นไดอยางปลอดภัย อีกทั้ง
ตระกูลไมรูสิ้นก็ไมไดมีคำกลาวใดๆ ตามมา จึงยิ่งทำใหชื่อเสียงบารมีของหวังเปาเลอ
ในจักรพิภพศักดิสิทธิ์แหงเตาฝงซายเพิ่มขึ้นจากเดิมที่สูงมากอยูแลว จนเปนเฉกเชน
จิตแหงเทพเจา
ตระกูลทั้งหลายในจักรพิภพศักดิ์สิทธแหงเตาฝงซายก็ยิ่งรูสึกตะลึง ในภายภาคหนา
ผู ท ี ่ ม าขอผสานรวมด ว ยก็ จ ะยิ ่ ง มากขึ ้ น เรื ่ อ ยๆ ขณะเดี ย วกั น เนื ่ อ งด ว ยสถานะ
เจาแหงเตาในปจจุบันของหวังเปาเลอ เมื่อเตาฝงซายรวมเปนหนึ่ง เตาฝงซายก็จะทำ
ตามเจตจำนงของเขา กระทำตนเปนกลาง ไมสงผูฝกตนคนใดไปยังสนามรบของ
ตระกูลไมรูสิ้นอีก
ในเรื่องนี้ ตระกูลไมรูสิ้นก็ไมมีการโตตอบตามมา เลือกที่จะเงียบ
เวลาจึงเคลื่อนผานไปอยางเชื่องชาเชนนี้ การตอสูของสำนักแหงความมืดกับ
ตระกูลไมร ูสิ้นยัง คงดำเนิน ตอไป แต ก็ เป น อย างที ่ เ คย ล วนรั กษาขอบเขตไว ใ น
ระดับหนึ่ง ถึงขั้นที่เมื่อสังเกตดูการรบอยางละเอียดแลวก็จะพบวาการตอสูของทั้งสอง
ฝายกลับมีการยั้งกำลังมากขึ้นจากเดิมที่อยูในสถานการณยั้งกำลังอยูแลว
ราวกับ…กำลังเตรียมการ!
ไมใชแคหวังเปาเลอ ที่สัง เกตเห็น จุ ดนี้ ปรมาจารยแหง สำนั กเจ็ ดวิ ญ ญาณที่
จักรพิภพสำนักเสริมและผูฝกตนสวนหนึ่งก็มองเห็นเคาลางนี้เชนกัน โดยเฉพาะ
เมื่อเวลาผานไป การตอสูระหวางสำนักแหงความมืดและตระกูลไมรูสิ้นกลับเกิดขึ้น
นอยลงเรื่อยๆ ราวกับวา…เปนความสงบกอนลมพายุ
ความสงบของสงครามกลับทำใหความตึงเครียดและความประหมากระจายอยูใน
จิตใจของคนความรูสึกไวทุกคน
“จะเริ่มสงครามกันจริงๆ แลวหรือ” หวังเปาเลอที่นั่งอยูในดวงอาทิตยของ
สหพันธรัฐลืมตาขึ้นจากสมาธิ เมื่อจองมองไปยังตระกูลไมรูสิ้น รอบกายของเขา
ก็มีอักขระโบราณนับไมถวนปรากฏขึ้น
อักขระโบราณเหลานี้แฝงไวซึ่งพลังเตาธาตุดินเขมขน ลอมรอบอยูบนศีรษะของ
หวังเปาเลอ และสิ่งที่ถูกอักขระโบราณพันลอมอยูก็คือกอนโคลนกอนนั้นที่เขาไดมา
จากรางของตี้ซาน…สามารถรองรับธาตุดินได!
หลังจากกลับมาจากการตอสูกอนหนานี้ กอนหวังเปาเลอจะกักตน เขาก็ออก
คำสั่งเตาใหรวบรวมนักหลอมอาวุธเวทจากทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายมา
สรางอักขระกึ่งสำเร็จรูปจำนวนมหาศาลใหแกเขา
จนถึงตอนนี้ เขาลมเหลวไปเลวหลายตอหลายครั้ง เสียอักขระโบราณไปมาก
เสียจนนาตกใจ ถาหากหวังเปาเลอไมใชเจาแหงเตาฝงซายละก็ เขาคงไมอาจรวบรวม
ทรัพยากรของทั่วทั้งเตาฝงซายได และความลมเหลวหลายครั้งพวกนี้ก็จะทำใหเขา
ดำเนินการตอไปไดยากมากๆ ถึงอยางไรความสูญเสียจากความลมเหลวในทุกๆ ครั้ง
ก็มีจำนวนมหาศาล แตสำหรับหวังเปาเลอซึ่งในปจจุบันที่เปนเจาแหงเตาฝงซาย
แลวนั้น ความเสียหายเหลานั้นไมนับเปนอะไร ยังไมไดแตะถึงขีดจำกัดของเขา
สิ่งเดียวที่ทำใหเขารอนใจมีเพียงกอนโคลนกอนนั้นแสดงอาการไมเสถียรออกมา
หลังจากลมเหลวไปครั้งแลวครั้งเลา
“ถาเปนเชนนี้ตอไป เมื่อเกิดการลมเหลวอีกหลายรอยครั้ง ความไมเสถียรของ
สมบัติชิ้นนี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น…” หวังเปาเลอลังเลอยูในใจเล็กนอย แมเขาจะเชื่อวา
หากของสิ่ง นี้เปนสวนหนึ่งของแผ น ศิ ลาจริ งๆ เช น นั ้ น …ว ากั น ตามหลั กการแลว
ระดับความทนทานของมันนาจะไมถูกสั่นคลอนไดดวยความลมเหลวจากการหลอมสิ
แตถาเขาวิเคราะหพลาด ของสิ่งนี้ไมใชสวนหนึ่งของแผนศิลาและลม เหลว
อีกหลายรอยครั้ง ทันทีที่มันไมมั่นคงมากยิ่งขึ้น คุณภาพของมันก็จะเสียหาย อีกทั้ง
ถาหากเสียหายถึงระดับหนึ่งแลว คิดวาคงไมอาจนำมาเปนสิ่งบรรจุเตาไดอีก
“เตาแปดปรมัตถฝกฝนยากมากจริงๆ ทั้งยังกินพลังมากเกินไป” หวังเปาเลอ
สูดลมหายใจเขาลึก แมวาวันนี้เขาจะถือวาร่ำรวยอุดมสมบูรณแลว แตก็ยังรูสึก
เจ็บเขาเนื้ออยูบาง
ทวาก็ท ำอะไรไมไ ด เมล็ดของเต าธาตุ ดิน นี ้ จะต องหลอมรวมใหสำเร็จใหได
และเมื ่ อ ทำสำเร็ จ แล ว …แม ว า จะไม ท ำให เ กิ ด วงจรส ง เสริ ม กดข ม กั น และกั น กั บ
เตาธาตุน้ำและเตาธาตุไม แตก็ทำใหพลังตอสูของหวังเปาเลอยกระดับไดอีกหนอย
โดยเฉพาะความหนาหนักของเตาธาตุดิน มันจะทำใหเกราะปองกันที่ตัวของ
หวังเปาเลอบรรลุถึงระดับอันนาตกตะลึง อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของมันก็สามารถ
ทำใหเกิดเตาภูเขาและหินจำนวนมาก อานุภาพก็จะยิ่งแข็งแกรง
ถึงอยางไร ตามปกติแลวธาตุไมและน้ำจะมีพลังชีวิตและนุมนวลกวา แมวา
จะมีเตาน้ำแข็งแฝงอยูดวยก็ตาม แตวากันตามตรงแลว การใชเตาธาตุดินเลื่อนระดับ
พลังตอสูก็ยังยอดเยี่ยมอยางที่สุดอยูดี
ในการวิ เ คราะห ด ว ยตั ว เองของหวั ง เป า เล อ ในตอนนี ้ ไม ต อ งพู ด ถึ ง
จักรพรรดิสวรรคตระกูลไมรูสิ้นและตี้ซานแลว เสวียนหัวก็ถูกตนปลูกฝงจิตมาร
และถือวาเปนกึ่งคนเสียสติ สวนจักรพรรดิสวรรคกวงหมิง…ดวยพลังตอสูในปจจุบัน
ของหวังเปาเลอ การทำลายคนผูนี้ไมใชเรื่องยาก
มีเพียงจีเจียเทานั้นที่หวังเปาเลอไมเคยตอ สู ดวย แตกอนหนานี้ ตอนอยู ใ น
ตระกูลไมรูสิ้นเขาก็เคยใชสัมผัสสวรรครับรูวาถึงอยางไรอีกฝายก็เปนรางแยกของ
บรรพบุรุษแหงไมรูสิ้น พลังตอสูนาตื่นตะลึง แมเขาจะสามารถสูไดหนึ่งครั้ง แตก็
ไมมีความมั่นใจวาจะชนะ เปนไปไดมากกวาอาจจะสูสี
“หลังจากฝกเตาธาตุดินสำเร็จแลว จีเจีย…ก็จะไมใชคูตอสูของขาอีกตอไป!”
หวังเปาเลอหรี่ตา ในใจจัดลำดับจอมพลังทั้งหมดภายในจักรพิภพเตาไมรูสิ้นทันที
“ผูที่แข็งแกรงที่สุดก็คือปรมาจารยผูกอตั้งไมรูสิ้นกับเฉินชิงจื่อ นาจะอยูระดับ
จักรวาลชั้นมหาวัฏจักร ตอมาก็คื อปรมาจารย ตระกู ลเซี ่ ย จากนั ้ น คื อจี เจี ยและ
ปรมาจารยสำนักเจ็ดวิญ ญาณ พวกเขาอยู เกื อ บๆ ระดั บจั กรวาลชั ้ น กลางสู ง สุ ด
ยังไมถึงขั้นมหาวัฏจักร สวนขา…ก็นับวาอยูในระดับนี้เชนกัน สวนพวกกวงหมิง
เสวียนหัวเปนแคชั้นตนเทานั้น”
หวังเปาเลอครุนคิด ในใจมีความรอนรนปรากฏขึ้นมา เพราะเขาสัมผัสไดรางๆ
ถึ ง กลิ ่ น อายของเต า ธาตุ ม ื ด ภายในจั ก รวาลแห ง นี ้ ท ี ่ เ ข ม ข น มากขึ ้ น เรื ่ อ ยๆ และ
ความเขมขนเชนนี้…ก็หมายถึงการเตรียมการของสำนักแหงความมืดเสร็จสิ้นแลว
เรื่องนี้ตระกูลไมรูสิ้นไมอาจไมเตรียมตัวได คิดไปคิดมาก็คงกำลังเตรียมการอยู
เชนกัน จากการพัฒนาเชนนี้…เกรงวาอีกไมนาน ศึกใหญที่แทจริงของสำนักแหง
ความมื ด และตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น ก็ ค งจะปะทุ ข ึ ้ น มาโดยสมบู ร ณ และการปะทุ เ ช น นี้
นอกจากจะเปนศึกชี้ตายของผูฝกตนทั้งสองฝายและการกลืนกินกฎวิถีของเตาสวรรค
แล ว ในระดั บ ที ่ ส ู ง ยิ ่ ง กว า นั ้ น มั น ยั ง เป น ศึ ก ตั ด สิ น ของเฉิ น ชิ ง จื ่ อ กั บ ปรมาจารย
ผูกอตั้งไมรูสิ้นดวย
หวังเปาเลอในตอนนี้ยังไมมีสิทธิ์กาวเขาสูศึกตัดสินครั้งนี้ไดอยางแทจริง แตแมวา
เขากับเฉินชิงจื่อจะแตกแยก แตในสวนลึกของจิตใจแลว เขายังอยากเขารวมอยู
ถึงอยางไร…ถาหากเฉินชิงจื่อพายแพ สุดทายหวังเปาเลอก็ไมอาจใจทำใจ…เบิกตามอง
อีกฝายแตกดับและสลายกลายเปนเถาถานได
เพียงแตการกอตัวของเมล็ดพันธุเตาธาตุดินนั้นยากลำบากมากเกินไป เตาธาตุไม
กอนหนานี้ก็เปน เพราะร างจริง ของหวั ง เป าเล อ เป น หมุ ดไม จึ ง สำเร็ จ ได ไ ม ย าก
เต า ธาตุ น ้ ำ ก็ ม ี ข วดปรารถนาอวยพรให จึ ง สำเร็ จ ได เ ช น กั น แต เ ต า ธาตุ ด ิ น นี้
โดยพื้นฐานแลวลวนตองอาศัยพลังทั้งหมดของตัวหวังเปาเลอมาลองดูครั้งแลวครั้งเลา
ถึงขั้นที่ตัวเขาเองก็ยังไมรูวาที่แทแลวตองทำถึงกี่ครั้งจึงจะสำเร็จ
“ไมอาจรอคอยเชนนี้ตอไปไดแลว…กอนที่จะเกิดศึกตัดสินของเฉินชิงจื่อกับ
ปรมาจารยผูกอตั้งไมรูสิ้น ขาจะตองทำอะไรสักอยาง” ขณะที่จดจองดูเมล็ดธาตุดิน
หวังเปาเลอก็หรี่ตาลง ดวงตาฉายประกายแสงเฉียบคมขึ้นแลวเอยพึมพำ
ผานไปสักพัก หวังเปาเลอก็ผนึกมุทรากะทันหัน แลวชี้ไปยังตระกูลไมรูสิ้น
ดวยมืออันสั่นเทา
“เสวียนหัว!”
บทที่ 1242 เสวียนหัวผูนาเศรา
เสวียนหัวรูสึกวาตนชางนาสังเวชอยางยิ่ง
ตั้งแตครั้งกอนที่ไดรับคำสั่งใหเดินทางไประบบสุริยะ ณ เตาฝงซายเพื่อทดสอบ
ดูพลังที่แทจริงของหวังเปาเลอ เขาก็รูสึกวาตัวเองไดพบกับภัยพิบัติถึงตายของ
ชีวิตนี้แลว
ภัยอันตรายนี้ยิ่งใหญมากจนทำใหจิตใจของเขาพังทลาย
เมื่อไดรับอิทธิพลจากเตาธาตุไมของหวังเปาเลอ ภายในรางกายของเขาก็เกิด
จิตมารขึ้น ถาหากมารนี้เปนสายนอกรีตก็ดี มันยังพอมีวิธีแกไข แตจิตมารนี้ดันไมใช
สายนอกรีต มันมีอิทธิพลตอจิตใจและสติปญญาของเขาไมหยุดยั้ง ทำใหเขาเริ่มจะ
เกิดความคิดเคารพบูชาหวังเปาเลอขึ้นมา
ความคิดนี้แรงกลามากขึ้นเรื่อยๆ แมแตตัวของเสวียนหัวเองก็สังเกตเห็น เพียงแค
ดำเนินอยูนานกวาหนึ่งกานธูป แตตนก็ไมอาจใชพลังทั้งหมดสยบเอาไวได จากนั้น…
ตนในอีกหนึ่งกานธูปตอมาก็อาจจะไมใชตัวเขาในตอนนี้อีกแลว
รางกายไมเปลี่ยนแปลง ดวงวิญญาณเทพไมเปลี่ยนแปลง แตความรูสึกนึกคิด
ทั้งหมดพลิกผันไปโดยสิ้นเชิง เขาใกลจะพุงออกจากตระกูลไมรูสิ้นโดยไมสนอะไร
เพื่อไปหาหวังเปาเลอและคุกเขาคำนับอยูตรงหนาอีกฝายไดเลยดวยซ้ำ
แค ต อ งการเพีย งหนึ ่ ง ประโยคของอี ก ฝ า ย ต อ ให เ ขาใหต นไปตาย ตนก็ ไ ม มี
ความลั ง เลสั ก นิ ด และจะดำเนิ น การทั น ที … เพราะว า การมี อ ยู ข องอี ก ฝ า ยก็ คื อ
ตนกำเนิดเตาของตน เงารางของอีกฝายก็คือทั้งหมดในชีวิตนี้ของตน
เขาไมอยากใหเปนเชนนี้ ดังนั้นจึงทำไดเพียงกักตน ไมไดตอตานมันทุกเวลา
แตการกอกำเนิดของเตาธาตุน้ำและการทะลวงพลังฝกปรือของหวังเปาเลอก็ทำให
จิตใจของเขาแทบจะสูญสลาย แมวาจะถูกจีเจียและกวงหมิงสยบเอาไวพรอมกัน
ทำใหเขาพอจะโลงอกไปได แตความโศกเศราในใจของเขามาจนถึงขีดสุดแลว
เพราะเขาตระหนักไดวาตัวเขานั้น…คงไมอาจเปลี่ยนแปลงสภาพการณเชนนี้
ไดแลว เวนเสียแต…หวังเปาเลอจะตกตาย ไมอยางนั้นการแตกสลายทางจิตใจเขา
ก็เปนเรื่องของเวลาแลว
แตเขาก็ฆาตัวตายไมได ดังนั้นจึงทำไดเพียงวางความคาดหวังไวที่ทานปรมาจารย
แตดวยความแปลกประหลาดของจิตมารเตาธาตุไมนั้น ภายในชวงสั้นๆ นี้แมแต
ทานปรมาจารยผูกอตั้งไมรูสิ้นก็ยากจะกำจัดมันได และหากคิดจะกำจัดมันโดยเร็ว
ก็มีแตตองจายคาตอบแทน
แลวศัตรูตัวใหญอยางสำนักแหงความมืดก็ดันอยูขางๆ ตระกูลไมรูสิ้นจึงตอง
ตื่นตัวระมัดระวัง ทานปรมาจารยผู กอ ตั ้งจึ งไมสะดวกจะฝนแกปญหาให เขาใน
ชวงเวลาเชนนี้ ดังนั้นจึงเกิดสถานการณอันนาสังเวชไรใดเปรียบของเขาแบบตอนนี้ขึ้น
“หวังเปาเลอ!!” ในหองลับ ยากนักที่เสวียนหัวจะสยบคลื่นผันผวนในใจของตน
ลงไปได เขาหอบหายใจหนักหนวง ตอนนี้เสื้อผาและผมเผายุงเหยิงยิ่ง คนทั้งคน
หมดสภาพอยางที่สุด อีกทั้งเขายังรูดวยวาตนมีเวลาพักหายใจหายคอแคชั่วครึ่ง
กานธูปเทานั้น จากนั้นก็ตองมาตอตานอีกครั้ง
และในชั่วครึ่ง กา นธูปนี้ สำหรั บเขาแล ว มั น เปรี ย บเสมื อ นรุ ง อรุ ณแห ง ชี วิ ต
และเปนแรงผลักดันที่ประคับประคองจิตใจของเขา ทุกครั้งที่ถึงชวงเวลานี้ เขาก็จะ
สาปสงหวังเปาเลออยางบาคลั่งเพื่อระบายความเคียดแคนชิงชังถึงที่สุดในใจของเขา
ออกมา
“หวังเปาเลอ ขาจะตองฆาเจา ไมใชแคฆาเทานั้น ขายังจะทำลายญาติมิตร
ทั ้ ง หมดของเจ า ด ว ย ทำลายวงศ ต ระกู ล ของเจ า ทำลายอารยธรรมของเจ า
ทำลายรองรอยการมีอยูทั้งหมดของเจา!!” ตอนนี้เสวียนหัวกำลังตะโกนคำรามเสียงดัง
อยางที่เคย แตคราวนี้…มีบางอยางแตกตางออกไป
ภายในดวงอาทิตยของสหพันธรัฐ ขณะที่หวังเปาเลอผนึกมุทราชี้ขึ้นหนึ่งนิ้ว
เสวียนหัวทางดานนี้ยังไมทันสาปสงเสร็จสิ้น สีหนาของเขาก็เปลี่ยนไปกะทันหัน
จิตมารในใจพลันระเบิดออกมาในชั่วขณะนี้เอง
“ยังไมถึงเวลานี่!!” เสวียนหัวตกตะลึงทันที เขารีบสยบเอาไว แตรางกายของเขา
ออนลา ยังไมไดพักหายใจหายคอเพื่อฟนฟูจิตใจ ทำใหการสยบในครั้งนี้ก็ยากลำบาก
ขึ้นมาทันที สิ่งที่เขารูสึกหวาดกลัวยิ่งกวาเดิมก็คือการระเบิดของจิตมารในครั้งนี้
แตกตางจากครั้งกอนๆ
การปะทุของจิตมารในครั้งกอนๆ คลายเกิดขึ้นมาเฉยๆ เหมือนกับสัญชาตญาณ
โดยที่ไมมีดวงจิตเขาไปควบคุม แตครั้งนี้…มันทำใหเสวียนหัวรูสึกราวกับวาภายในนั้น
มีดวงจิตบางอยางแฝงเรนเอาไวและกำลังเปนผูควบคุมจิตมารใหกระจายกลิ้งเกลือก
อยูในรางของเขา
ความเปลี่ยนแปลงเชนนี้ทำใหจิตมารรุนแรงขึ้นทันที แทบจะในชั่วพริบตาก็ทำให
เสนเลือดดำทั่วรางของเสวียนหัวปูดนูนพรอมรองคำรามออกมา ที่นาประหลาด
ยิ่งกวาคือขณะที่เขารองคำรามนั้น ในดวงตาของเขากลับมีความศรัทธาแรงกลา
คอยๆ ปรากฏขึ้นมา ราวกับใจของเขาเริ่มไดรับผลกระทบแลว
“ช ว ยด ว ย!” ร า งกายของเสวี ย นหั ว สั ่ น เทา พยายามฝ น ร อ งเรี ย กออกไป
ขณะเดียวกันนั้น จีเจียและกวงหมิงที่อยูภายในตระกูลไมรูสิ้นก็รูสึกผิดปกติ พวกเขา
มาปรากฏตัวอยูในหองลับสำหรับกักตนของเสวียนหัวทันที หลังจากเห็นสภาพของ
เสวียนหัวแลว สีหนาของพวกเขาสองคนก็เครงเครียด รีบไปลงมือชวยสยบเอาไวทันที
เมื่อมีแรงภายนอกมาชวยเหลือ อีกทั้งจีเจียที่เปนรางแยกของปรมาจารยผูกอตั้ง
ไมรูสิ้นก็มีดวงจิตของตนมานานแลว แมมีสารัตถะเหมือนกับทานผูกอตั้งไมรูสิ้น
ในแงหนึ่ง แตก็ไมอาจมองวาเปนรางแยกบริสุทธิ์ได เพราะตัวเขามีปญญาวิญญาณ
ของตน เดิมก็แข็งแกรงมาก ดังนั้นในไมชาการระเบิดจิตมารของเสวียนหัวจึงคอยๆ
สงบลง
แตเมื่อรางกายของเสวียนหัวเริ่มผอนคลายจากการสั่นเทารุนแรงและสีหนา
ของเขาก็ไมดุรายอีกแลว ตอนนั้นเองดวงตาของเขาก็กลิ้งกลอก ปราณมืดสายหนึ่ง
ปะทุออกมาจากภายในรางของเขาแลวรวมตัวอยูกลางหนาผากโดยตรง มันควบแนน
อยูตรงนั้น พริบตาเดียวก็กลายเปนใบหนาเล็กจอย
ใบหนานี้…กลับเปนของหวังเปาเลอ
“ใครขัดขวางการกลับมาของผูศรัทธาขาแซหวัง!!” เมื่อใบหนานั้นกอตัวขึ้นมา
เสี ย งของหวั ง เป า เล อ ก็ ด ั ง ก อ งกั ง วานพร อ มอานุ ภ าพกดดั น สี ห น า ของ
จักรพรรดิสวรรคกวงหมิงเปลี่ยนไป เขาถอยหลังทันที สวนทางจีเจียก็ขมวดคิ้วมุนแลว
แคนเสียงเย็นออกมา
“เจาแหงเตาฝงซาย เรื่องของตี้ซาน ตระกูลไมรูสิ้นของขายังไมไดไปถามหา
คำอธิบายจากเจาเลยนะ ตอนนี้…เจาอยาไดทำเกินไปนัก!”
“จักรพรรดิสวรรคจีเจียหรือ ที่แทก็เปนเจาที่ขัดขวางที่กลับมาของผูศรัทธาในขา”
ใบหนาที่หวางคิ้วของเสวียนหัวมีประกายแสงวาบผานดวงตา เขามองสบตากับจีเจีย
พลังกดดันของจีเจียแผซานออกมาแลวคอยๆ พูดขึ้น
“เสวียนหัวคือจักรพรรดิสวรรคของตระกูลไมรูสิ้น ไมใชผูศรัทธาของเจา!”
ใบหนาที่หวางคิ้วของเสวียนหัวเงียบงันไปไมกี่อึดใจ จูๆ ก็ยิ้ม อีกหนึ่งประโยคที่
ดังขึ้นดวยวิธีการอันนาตกใจ
“เจา…” นี่คือคำแรกของประโยคนี้ ไมใชแคดังออกมาจากปากของใบหนาที่อยู
ตรงหวางคิ้วของเสวียนหัวเทานั้น แตยังดังมาจากทางจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตา
ฝงซาย ในอวกาศอันไกลโพนอีกดวย
ผูที่เอยออกมาก็คือรางธรรมกายอันใหญมหึมาของหวังเปาเลอ…ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู
นอกระบบสุริยะภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายนั่นเอง
“บอกวา…” นี่คือคำที่สอง ขณะที่มันดังขึ้นนั้น เสียงที่อยูกลางอวกาศก็ราวกับ
เขามาใกลมากขึ้น นั่นคือรางธรรมกายของหวังเปาเลอ หลังจากยืนขึ้นแลวกาวไป
ขางหนา เขาก็ตรงมาอยูที่ชายขอบของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายทันที
“ไมใช…” เสียงสะทอนกองของคำที่สามนี้ เมื่อฟงดูจากทิศทางแลว มันไมได
ดังมาจากเตาฝงซายอีกตอไป แตดังมาจากภายในจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นนี่เอง
ทำใหกวงหมิงหนาเปลี่ยนสียกใหญ สวนจีเจียก็มีจิตสังหารวาบผานดวงตา
“ก็ไมใชหรือ” สี่คำสุดทายคลายกับอัสนีสวรรค มันผาลงมาภายในตระกูลไมรูสิ้น
โดยตรงแลวสะเทือนกองไปทั่วทั้งแปดทิศ ทำใหภายในตระกูลไมรูสิ้นโกลาหลขึ้นทันที
และตอนนี้เอง รางของจีเจียก็เลือนราง หายวั บไปในพริ บตา เมื ่ อปรากฏตั ว ขึ้ น
เขาก็ อ ยู ก ลางอวกาศของตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น มองเห็ น ร า งธรรมกายมโหฬารของ
หวังเปาเลอยางกาวเขามาจากที่ไกลๆ
“หวังเปาเลอ!!”
“ที่นี่คือตระกูลไมรูสิ้น เจาบุกเขามาตั้งหลายครั้งแลว นี่คือความเป นกลาง
ที่เจาบอกหรือ!” จีเจียโพลงออกมาดวยความโกรธ แมวาเขาจะเปนรางแยกของ
ปรมาจารยผูกอตั้งไมรูสิ้น แตตัวเขาก็มีดวงจิตเปนของตัวเอง ตอนนี้เมื่อความโกรธ
ลุกโชน จิตสังหารก็ปะทุออกมาโดยสมบูรณ
เปนเพราะในชวงครึ่งปสั้นๆ นี้หวังเปาเลอบุกเขามาซ้ำแลวซ้ำเลา ทำใหจิตสังหาร
ของตระกูลไมรูสิ้นพวยพุงขึ้นทันใด
“ขามาที่นี่ก็เพื่อมารับผูศรัทธาของขากลับไป” ธรรมกายของหวังเปาเลอเดินเขามา
เสียงดังกองราวกับอัสนีสวรรค ดังสนั่นไปทั้งแปดทิศ
“สวนความเปนกลางที่ขาบอกนั้น ถาหากวันนี้ตระกูลไมรูสิ้นของเจาขัดขวาง
ผูศรัทของขาละก็ เชนนั้น…ไมเปนกลางแลว ขากอสงครามกับตระกูลไมรูสิ้นของเจา
แลวอยางไร!”
เมื่อไดยินคำพูดของหวังเปาเลอ สีหนาของจีเจียก็ดูไมได ความจริงแลวตัวเขา
ไมคอยเขาใจความคิดของรางเดิมนัก ไมรูวาทำไมรางเดิมตองชะลอสถานการณศึก
จนทำใหหวังเปาเลอเติบโตขึ้นมา แลวยิ่งปลอยใหยั่วยุอยูหลายครั้ง ทำใหตระกูล
ไมรูสิ้นตองเอาหนาไปกวาดพื้น ยิ่งกวานั้นในวันนี้เขายังมาประกาศสงครามอี ก
ถึงอยางไรการบอกวาจะเปนกลางกอนหนานี้ก็เปนเรื่องที่ใครๆ ก็รูทั้งนั้นว ามัน
เปนไปไมได
ทั้งหมดนี้ สำหรับตระกูลไมรูสิ้นแลวสำคัญอยางยิ่ง แตดัน…ทางรางเดิมกลับ
เหมื อ นว า ไม ส นใจสถานการณ ข องตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น เลย และไม ส นใจว า หลั ง จาก
ตระกูลไมรูสิ้นตองอับอายขายหนาจะพาใหเกิดปฏิกิริยาลูกโซตามมาเปนชุดแลวทำให
มีคนเลียนแบบมากมาย
“รางเดิมชางโงเงา!” จิตสังหารในดวงตาของจีเจียรุนแรงขึ้น รางกายสั่นสะทาน
แลวพุงออกมากะทันหัน ทะยานไปยังหวังเปาเลอ
“หวังเปาเลอ ในเมื่อเจามาหาที่ตาย เชนนั้นวันนี้ขาจะทำใหเจาสมหวัง!”
ขณะเดียวกัน ภายในตระกูลไมรูสิ้นแหงนี้ บนดวงดาวที่อยูหางออกไปเล็กนอย
ผูกอตั้งไมรูสิ้นที่นั่งขัดสมาธิอยูกลางดวงดาวก็คอยๆ ลืมตาเหี่ยวยนของเขาขึ้น
มองไปยังจุดที่หวังเปาเลอกับรางแยกของตนอยูอยางสงบนิ่ง แตกลับทำเพียงแค
กวาดมอง ไมใหใหความสนใจแมแตนอย ราวกับวาในโลกของเขานี้
หวังเปาเลอก็ดี รางแยกของตนก็ดี ลวนแตไมสำคัญทั้งนั้น สายตาของเขาจอง
มองไปยังสถานที่อันไกลโพนยิ่งกวา…
“ละครของขานาจะแสดงไปไดพอสมควรแลว ขาสรางโอกาสใหเจามากมาย
ขนาดนี้ เฉินชิงจื่อเอย…เจายังเตรียมตัวไมพรอมหรือ เหตุใดถึงยังไมลงมือเลา”
“ขา…รอไมไหวแลว”
บทที่ 1243 ฤทธิ์เดช
ปรมาจารยผูกอตั้งตระกูลไมรูสิ้นกำลังสรางสถานการณ
สรางสถานการณอันสะเทือนฟา สรางสถานการณแหงมหาเตา!
ดังนั้นเขาจึงยอมทนตอพฤติกรรมหลายตอหลายครั้งของหวังเปาเลอ ไมสนใจ
เรื่องหนาตาและความออนแอของตระกูลไมรูสิ้น เพราะวา…ไมวาจะเปนอยางแรก
หรืออยางหลังก็ลวนไมสำคัญตอเขา
ไมสำคัญเลยสักนิด!
หวังเปาเลอตัวเล็กๆ แมเตาที่เขาฝกฝนจะไมธรรมดา แมดูจากรองรอยแลวจะ
เห็นไดชัดวามีเตาจากภายนอกเข ามาแทรกแซง อีกทั้งตัวตนของเขาก็ยังมี จ ุ ด ที่
นาสงสัย แตเรื่องพวกนี้ไมนับเปนอะไร ในสายตาของเขา แมวาเตาของหวังเปาเลอ
จะนาตะลึง แตกลับขาดฤทธิ์เดช ราวกับถูกแชแข็ง ดังนั้นขอเพียงแผนการของตน
สำเร็จผล ทุกสิ่งทุกอยางก็ไมสำคัญแลว
ตระกูลไมรูสิ้น…ก็ยิ่งไมนับวาเปนอะไร ที่นี่ยิ่งไมใชจักรวาลไมรูสิ้นที่แทจริงดวย
ในแงหนึ่งนั้น…คุณคาเดียวของตระกูลไมรูสิ้น ณ ที่แหงนี่ก็คือทำใหเตาของตัวเขา
สมบูรณเทานั้น
แตตอนนี้เขาไมตองการมันแลว ความกังวลและความหวงใยตอตระกูลนี้ถูกตัว
เขาตัดทิ้งไปนานแลว จากนั้นนำความคิดทั้งหมดมารวมกันเปนรางแยกรางหนึ่ง
สวนรางแยกนั้นจะมีหรือไมมีก็ได แมวาจะเปนตัวเขา แตก็ไมใชตัวเขา
“สำหรับขาแลว สิ่งที่สำคัญที่สุด…ก็คือการจากไป เฉินชิงจื่อเอย ขารอใหเจา
ลงมื อ ไม ไ หวแล ว ” ปรมาจารย ผ ู ก อ ตั ้ ง ตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น หรื อ อี ก ชื ่ อ …เว ย ยางจื่ อ
นั่งขัดสมาธิอยูตรงนั้น ดวงตาของเขาหรี่ลงแลวเผยประกายแสงแรงกลาออกมา
เขารอคอยเรื่องนี้มาเนิ่นนานเหลือเกิน แผนการนี้ก็สรางขึ้นมาเนิ่นนานแลวเชนกัน
“จักรพรรดิแหงความมืดรุนแรกเปนตัวไรประโยชน ขาใหโอกาสเขา เขาก็ยังทำ
ลมเหลว แตเฉินชิงจื่อ เจา…คือความหวังของขา ขามีลางสังหรณวาเจา…จะตองทำ
สำเร็ จ ” มุ ม ปากของเว ย ยางจื ่ อ เผยรอยยิ ้ ม ออกมาแล ว ค อ ยๆ ป ด ลงตาอี ก ครั้ ง
เขาสัมผัสไดวา ใกลแลว ใกลแลว…
ใกลจะถึงเวลาที่เฉินชิงจื่อลงมือไมนานแลว
ขณะเดียวกันในตอนนี้ ภายในตระกูลไมรูสิ้น ขณะที่ธรรมกายของหวังเปาเลอ
กาวยางเขามา พลังฝกปรือของจีเจียก็ปะทุขึ้น อานุภาพกดดันแรงกลา เงารางราวกับ
สายรุงยาวพุงทะยานไปหาหวังเปาเลอ
ความเร็วสูงมาก หลังจากเขามาใกลในชั่วอึดใจ พลังมหาศาลก็ระเบิดออกมาจาก
รางของจีเจียแลวกลายเปนประกายกระบี่เกาเตาปรากฏขึ้นนอกรางกายของเขา
โดยตรง ทุ ก ประกายล ว นสะเทื อ นฟ า สะเทื อ นดิ น และแฝงไว ซ ึ ่ ง อานุ ภ าพไร ใ ด
เที ย มเที ย บได ก ั บ การโจมตี เ ต็ ม กำลั ง ของจั ก รพรรดิ ส วรรค ธ รรมดา ตอนนี้
มันพุงทะยานอยางฉับพลันมายังธรรมกายของหวังเปาเลอ
“เตาธาตุทองหรือ” หวังเปาเลอหรี่ตาลง นี่เปนครั้งแรกที่เขาไดประมือของ
จักรพรรดิสวรรคจีเจีย กอนหนานี้เขาไมรูวาเตาของอีกฝายคืออะไร ทำไดเพียงรับรูวา
อีกฝายแข็งแกรงมาก พอจะสูสีกับตัวเขาในปจจุบันได
“นาจะไมใช!” ธรรมกายของหวังเปาเลอเปลงประกายแสงเจิดจรัส มือขวา
กำเปนหมัดแลวชกออกไปตรงๆ พลังธาตุไมแผซาน ทำใหเกิดพลังชีวิตไรที่สิ้นสุด
ไปทั่วอวกาศทั้งสี่ทิศแลวกลายเปนตนไมใบหญาจำนวนนับไมถวนพัวพันเขาดวยกัน
เกิดเปนตาขายยักษ พุงไปหาเกากระบี่
เพี ย งพริ บ ตาทั ้ ง สองฝ า ยก็ เ ข า ปะทะ ท า มกลางเสี ย งดั ง สนั ่ น สะเทื อ นฟ า
ตาข า ยยั ก ษ จ ากพื ช พรรณก็ พ ั ง ทลาย เก า กระบี ่ ห มน แสง แต ค วามเร็ ว ยัง คงเดิ ม
เห็นอยูวาเคลื่อนเขามาใกล แตพริบตาตอมา คุณสมบัติไรที่สิ้นสุดของพลังธาตุไม
ก็ปรากฏขึ้นอยางสมบูรณในชั่วขณะนี้เอง พลังไมที่แผขยายออกมาเหลานั้นรวมตัวกัน
อีกครั้ง แลวกลายเปนฝามือพืชขนาดมหึมาหนึ่งขางเขาปะทะกับเกากระบี่อีกครั้ง
เสียงดังสนั่นระเบิดขึ้นซ้ำสอง ฝามือพังทลาย แตเกากระบี่ก็ไมอาจทนรับได
เชนกัน มันระเบิดออกมาทันที แตชั่วพริบตาที่มันระเบิดออกมานั้น…ก็มีควันเกาสาย
ลอยออกมาจากเกากระบี่ที่แตกเปนเสี่ยงๆ ดวย มันบิดเบี้ยวราวกับงู แตกลับพุง
ตรงมาหาหวังเปาเลออยางรวดเร็วกะทันหัน!
“เตาธาตุมืด!”
ไอควัน ไอหมอก ไปจนถึงกลิ่นอายทั้งหมด ลวนเรียกไดวาเปนเตาธาตุมืด!
ดวงตาของหวังเปาเลอหดเกร็งรุนแรง รางของธรรมกายลาถอยทันทีโดยไมลังเล
มื อ ซ า ยกระแทกไปข า งหน า อย า งแรง ทั น ใดนั ้ น มหาสมุ ท รผื น ใหญ ก ็ ก อ ตั ว ขึ้ น
ตรงหนาเขา มันพัดมวนคลื่นมหึมาเทียมฟากดดันไปทางควันเกาสายที่เขามาหา
โดยตรง
ทามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นนั้น พริบตาที่ไอควันสัมผัสกับน้ำทะเลมันก็
จางหายไปทันที แตความจริงมันไมไดหายไป ทวากลายเปนอนุภาคเล็กๆ จำนวน
นับไมถวนแทรกซึมเขาไปในน้ำทะเลอยางคาดไมถึง แลวขามผานชองวางที่มองไมเห็น
ด ว ยตาเปล า เข า มา ความแปลกประหลาดนี ้ ท ำให ด วงตาของหวั ง เป า เล อ ทอ
ประกายแสง เขายกมือขวาขึ้นชี้ฉับพลันโดยไมลังเลสักนิด
“น้ำแข็ง!”
ราวกับลมหนาวพัดโชย ความเย็ น เยื อกระเบิ ดขึ ้ น ในชั ่ วอึ ดใจ ในชั ่ วพริ บตา
คลื่นพิโรธก็กลายเปนสลักน้ำแข็งโดยตรง คลายกับสามารถปดผนึกทุกสิ่งทุกอยางได
ซึ่งรวมไปถึงอนุภาคของเตาธาตุมือที่พยายามผานเขามาภายในสลักน้ำแข็งนี้ดวย
แตเห็นไดชัดวา…ผนึกน้ำแข็งเชนนี้ก็ยังทำไดไมถึงจุดสูงสุด ในสัมผัสสวรรคของเขา
อนุ ภ าคเต า ธาตุ ม ื ด เหล า นั ้ น ราวกั บ ยั ง สามารถเคลื ่ อ นผ า นไปได เพี ย งแต ไ ด รั บ
ผลกระทบทำให เ ชื ่ อ งช า ไปนิ ด หน อ ยเท า นั ้ น แต น ั ่ น ก็ เ พี ย งพอแล ว ดวงตาของ
หวังเปาเลอทอประกายพราวพราง ขณะที่โบกมือ ดวงดาวแตละดวงดานหลังของเขา
ก็ เ ปลี ่ ย นแปลงทั น ที พริ บ ตาก็ ม ี ด วงดาราจำนวนนั บ ไม ถ ว นปรากฏขึ ้ น ด า นหลั ง
ของเขาแลว
ในหมูดวงดาวเหลานี้ ดวงที่อยูใจกลางที่สุดก็คือดาวเคราะหเตาของเขา ตอนนี้
ประกายแสงของดาวเคราะหเตาปะทุออกมากะทันหัน ในนั้นยังมีกฎเกณฑพิเศษ
สายหนึ่งแฝงอยูและถูกหวังเปาเลอนำมาใช!
เตาแหงการลอกเลียน!
หลังจากฝกวิชามาจนถึงระดับอยางหวังเปาเลอ เขาก็ไดศึกษาถึงเต าพิ เ ศษ
ที่แฝงอยูในดาวเคราะหเตามานานแลว ถึงขั้นที่ สวนลึกภายในใจของเขายังคิดวา
เตานี้…มีประโยชนอยางยิ่ง
โดยเฉพาะหลังจากเขากลายเปนเจาแหงเตาแลว เมื่อกระแสเตาแผออกมาและ
สัมผัสไปถึงสรรพชีวิตได เตาแหงการลอกเลียนนี้จึงมีจิตแหงเตานับไมถวนสลักอยู
ภายใน เพียงแตเมื่อเทียบกับธาตุไมและน้ำภายในรางของเขาแลว เตาแหงการ
ลอกเลียนนี้ก็มีอานุภาพออนแอเกินไป และเมื่อใชวิชานี้ออกมาก็แสดงไดทีละครั้ง
เทานั้น
แมจะดูเหมือนเปนซี่โครงไก แตในกนบึ้งจิตใจของหวังเปาเลอคิดวาถาหากใชเตา
ชนิดนี้ดีๆ แลวละก็มันจะมีประโยชนสะเทือนฟาสะเทือนดินอยางยิ่ง
ตัวอยางเชนในตอนนี้ กฎเกณฑที่เขาใชออกมาตอนนี้ไมไดลอกเลียนเตาธาตุมืด
ของจีเจีย แตเปน…แสดงกฎแหงเตาอยางหนึ่งที่เขาลอกเลียนมาไวตั้งนานแลว!
นั่นก็คือ…ธาตุทองแหงเบญจธาตุ!!
หวังเปาเลอไมไดไปหาสมบัติชั้นเลิศที่สามารถบรรจุเตาธาตุทองมา และไมได
กอเมล็ดธาตุทองดวย แตเขาไดลอกเลียนเตามาหลายอยาง และเตาธาตุทองก็ยอม
อยูในนั้น แมวาชองวางระหวางระดับจะใหญอยางยิ่ง อีกทั้งอานุภาพมันก็ไมอาจ
นำมาเทียบได ในระดับหนึ่งถือไดวาเปนการยืมพลังมาใช แต…ตอนนี้เอง มันกลับ
สำคัญอยางยิ่ง
เพราะวาทองหนุนน้ำ น้ำหนุนไม และน้ำคือตนกำเนิดของไม เมื่อมีกฎเกณฑของ
ทองเขามาก็ยิ่งเพิ่มพลังแหงตนกำเนิดอยางไรรูป และเมื่อมีการสงเสริมแบบไรรูป
เช น นี ้ ข ึ ้ น มา ก็ ส ามารถทำให เ ต า ธาตุ ไ ม ท ี ่ แ ข็ ง แกร ง ที ่ ส ุ ด ของหวั ง เป า เล อ ยิ ่ ง …
ยิ่งแข็งแกรงกวาเดิม!
เมื่อเตาธาตุไมแข็งแกรงมากขึ้น ก็จะควบแนนกลายเปน…เตาอีกชนิดหนึ่ง!
ดั ง นั ้ น ในพริ บ ตาต อ มา หลั ง จากวิ ช าลอกเลี ย นแสดงกฎเกณฑ ข องธาตุ ท อง
ออกมาแลว เตาธาตุน้ำในรางของหวังเปาเลอก็ระเบิดขึ้นกะทันหันและสงผลตอ
เตาธาตุไมของเขา ทำใหรอบกายของเขามีพืชพรรณจำนวนนับไมถวนปรากฏทันใด
พืชพรรณเหลานี้ปกคลุมไปครึ่งอวกาศของตระกูลไมรูสิ้นโดยตรง และยิ่งสงผล
ต อ ต น ไม ใ บหญ า ทั ้ ง หมดบนดวงดาวทุ ก ดวงภายในตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น ด ว ย และใน
ชั่วพริบตานี้เอง ทามกลางเสียงคำรามต่ำของหวังเปาเลอ เมื่อสายควันเกาสายของ
จี เ จี ย พุ ง ผ า นทะเลน้ ำ แข็ ง ไปสั ง หารหวั ง เป า เล อ โดยฉั น พลั น นั ้ น เอง…พื ช พรรณ
บนดวงดาวภายในตระกูลไมรูสิ้นก็สั่นไหวขึ้นมา ตนไมใบหญาทั้งหมดในอวกาศก็
สั่นสะทานเชนเดียวกัน
ขณะที่พวกมันสั่นไหว…ลมก็พัดขึ้น!!
ลมที่เดิมทีไมควรจะปรากฏขึ้นในอวกาศแหงนี้กลับปรากฏขึ้นเพราะอิทธิพลของ
วิชาเตาชนิดนี้!
นี่ก็คือ…เตาธาตุลม!
วิ ช าลอกเลี ย นก็ ส ามารถสร า งเต า ธาตุ ล มขึ ้ น มาได แต อ านุ ภ าพอ อ นเกิ น ไป
สวนเตาธาตุลมในตอนนี้แตกตางกัน มันเกิดมาจากพลังธาตุไมที่กอตัวเปนลมพายุ
มหึมาพัดโหมทั่วอวกาศในชั่วพริบตา มันปะทุขึ้นตรงหนาหวังเปาเลอทันที แลวปะทะ
เขากับสายควันเกาสายโดยตรง
เสี ย งสะเทื อ นลั ่ น ดั ง แผ ไ ปทั่ ว ทั ้ ง แปดทิ ศ สายควั น อั น ตรธาน เต า ธาตุ ล ม
สลายหายไป สีหนาของจีเจียขาวซีด รางกายเซถอยกะทันหัน แววตาของเขาเผย
ใหเห็นความไมอยากเชื่อ เดิมทีเขาคิดวาหวังเปาเลอจะใชวิชากาลเวลาออกมา หรือไม
ก็ใชเตาแสงสวางอันนาสะพรึงที่ใชสยบตี้ซานเมื่อคราวนั้น ซึ่งเขาก็มีวิธีการตอบโต
อยูในใจแลว
แตเขาคิดไมถึงวาการลงมือของหวังเปาเลอจะแตกตางจากที่เขาคาดไว
เตา…กลับสามารถนำมาใชเชนนี้ไดดวย สิ่งนี้ทำใหเขาตื่นตะลึงยกใหญและจิตใจ
สั่นสะทาน ถึงขั้นที่แมแตเวยยางจื่อที่นั่งสมาธิหลับตาอยูบนดวงดาวหางไกล ตอนนี้
ก็ยังลืมตาโพลงขึ้นมา เผยใหเห็นความตกใจในดวงตา
เพราะวา…การปรากฏตัวของเตาลอกเลียนทำใหเตาของหวังเปาเลอไมไดถูก
แชแข็งตายตัวอีกตอไป มีทักษะเพียงไมกี่อยาง แตกลับใชน้ำและไมเปนรากฐาน
แสดงฤทธิ์เดชที่ไมอาจจินตนาการออกมาได!
บทที่ 1244 สงครามเริ่มโดยสมบูรณ
ภาพนี้ทำใหเวยยางจื่อเกิดอาการใจสั่นไหวขึ้นเปนครั้งแรก เพื่อทำใหแผนการ
สำเร็จ ตนจึงปลอยใหหวังเปาเลอเติบโตขึ้นมา นี่เขา…ทำพลาดไปหรือไม
“ไมเปนไร…สุดทายก็เปนแคตัวเสริมเทานั้น” แตไมนาน เวยยางจื่อก็สายหนา
ไมไปสนใจอีก เขากักตนตอ รอคอยใหฉากสุดทายในแผนการของเขาเปดการแสดง
ขณะเดียวกันนั้น บนสนามรบของตระกูลไมรูสิ้น จีเจียถอยรน สีหนาของเขา
ย่ ำ แย อ ย า งยิ ่ ง เขาจ อ งหวั ง เป า เล อ เขม็ ง ในใจมี ค วามคิ ด มากมายปรากฏขึ ้ น มา
ยกมือขวาขึ้นผนึกมุทราอยางรวดเร็ว ราวกับกำลังจะใชวิชาเทพของเขาออกมา
แตหวังเปาเลอเร็วกวา แทบจะในชั่วขณะที่จักรพรรดิสวรรคจีเจียจะใชพลังเทพ
ออกมาใหม หวังเปาเลอก็กาวเขามาตรงๆ แลวเขาตอสูกับจีเจียอีกครั้ง
เสียงดังสนั่นกึกกอง เงารางของทั้งสองคนพัวพันกันอยูกลางอวกาศ เจามาขาไป
ภายในชวงสั้นๆ ก็เกิดการพุง ปะทะกั น หลายพั น ครั ้ งแล ว ทุ กที ่ ท ี ่ เคลื ่ อนผ านไป
รอยแยกกลางอวกาศก็จะแผขยาย หลายบริเวณถลมทลายทันที
ระดับความรุนแรงชางนาตะลึงยิ่งนัก อีกทั้งหลังๆ มาความเร็วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จนถึงขนาดหากผูที่มองดูอยูมีขั้นฝกตนไมถึงระดับหนึ่ง ก็จะเห็นวิธีตอสูไดไมชัดเจน
ทำไดเพียงมองดูอวกาศแตกกระจายราวกับวันสิ้นโลกมาถึง
ขนาดที่ขณะตอสูกันอยูก็ยังมีเตาแหงกาลเวลาปรากฏขึ้นมา ทั้งสองคนกาว
เข า ไปในกาลเวลาพร อ มกั น แล ว ต อ สู ก ั น ในอดี ต เรื ่ อ งนี ้ ส ง ผลต อ ตระกู ล ไม ร ู สิ้น
อย า งใหญ ห ลวง ตี ้ ซ านผู โ ชคดี ท ี ่ พ ลั ง ฝ ก ปรื อ ฟ น คื น มาส ว นหนึ ่ ง และกวงหมิ ง ที่
ปรากฏตัวขึ้นตองทุมพลังเขาสยบเต็มที่ ถึงจะแกไขผลกระทบที่ตามมาจากการตอสู
ของคนทั้งสองได
“เหตุใดเขาแข็งแกรงขึ้นขนาดนี้!!” กวงหมิงจิตใจสั่นสะทาน มองไปที่อวกาศ
แววตาเผยความตื ่ น ตะลึ ง ออกมา ตี ้ ซ านที ่ อ ยู ข า งๆ ก็ เ งี ย บงั น ไม พ ู ด จา เขามี
ประสาทสัมผันที่รุนแรงยิ่งกวา เพียงแตในชวงครึ่งปนี้คลายกับวาพลังตอสู ของ
หวังเปาเลอจะดุดันยิ่งกวาเมื่อกอนนัก
จนกระทั่งชั่วหนึ่งกานธูปตอมา กลางอวกาศ เงารางของหวังเปาเลอและจีเจีย
ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้…ทั้งสองลวนบาดเจ็บเหมือนกัน แววตาของหวังเปาเลอ
ฉายความเหี้ยมโหด แสงสวางบนรางกายสองวูบวาบชั่วพริบตา วิชาคืนพินาศ…ปะทุ
ออกมาบนรางของเขาทันที
พริบตาเดียวอวกาศก็กลายเปนสีดำสนิท แมแตทางฝงจีเจียก็คลายจะหลอมรวม
ไปกับความมืดดวย เมื่อประกายแสงบนรางของหวังเปาเลอแรงกลามากขึ้นเรื่อยๆ
แลวกอตัวเปนอาทิตยแรก ทันทีที่เขากระโจนรางขึ้นมา แสงสวางก็สาดสองไปทั่ว
ทุกทิศพรอมลานุภาพราวกับฉีกกระชากกำจัดความมืดมิด
ทันทีที่ใชวิชานี้ออกมา อวกาศก็สั่นสะเทือน จีเจียก็หนาเปลี่ยนสี แตแววตา
กลับมีความเหี้ยมโหดสองวาบ เมื่อโบกมือก็มีกระจกหนึ่งบานปรากฏขึ้นในมือแลว
กระจกบานนี้เรียบงายเกาแก เผยกลิ่นอายแหงกาลเวลาไรที่สิ้นสุด พริบตาที่
หยิบออกมา มันก็ขยายใหญขึ้นตรงหนาจีเจียแลวบังรางกายของเขาไวขางหลังทันที
ขณะเดียวกัน ผิวกระจกก็มีประกายแสงสองวาบ ทำใหแสงอาทิตยแรกที่หวังเปาเลอ
สรางขึ้นสะทอนลงมาบนผิวกระจก
เห็นไดชัดวากระจกใบนี้มีประวั ติ ศาสตร มากมาย อี กทั ้ ง ผิ วกระจกก็ ย ั ง เป น
สมบัติชั้นเลิศ ไมอยางนั้นคงไมอาจทำใหคืนพินาศสะทอนลงมาไดแน แมวา…ขณะที่
เกิ ด การสะท อ นแสงลงมานี ้ จ ะทำให ก ระจกสั ่ น สะท า นและผิ ว กระจกมี ร อยร า ว
แตสุดทาย…ก็ยังสะทอนแสงเขามาขางในแลวระเบิดขึ้นทันใด!
ขณะที่เกิดการระเบิด กลางอวกาศก็มีดวงอาทิตยแรกปรากฏขึ้นมาสองดวง
คลายกับดวงอาทิตยทั้งสองกำลังแขง กันสองสวาง ทำใหความมืดมิดทั้งหมดใน
อวกาศแหงนี้ถูกกำจัดสิ้นสมบูรณในชั่วพริบตา จากนั้น…แสงสวางของอาทิตยแรก
ทั้งสองดวงนี้ก็เริ่มกลืนกินกันเอง!
วิ ธี ก ารต อ ต า นเช น นี ้ หวั ง เป า เล อ เพิ ่ ง เคยเจอครั ้ง แรก สี ห น า จึ ง ย่ ำ แย ทั นที
โดยเฉพาะเมื่อเขาคนพบวาอาทิตยแรกที่สะทอนออกมาจากผิวกระจกมีอานุภาพ
เหมือนกับดวงที่ตัวเขาใชออกมา ถึงขั้นที่วาเขายังเห็นตัวเองอีกคนยืนอยูในนั้นดวยซ้ำ
และสิ่งที่ทำใหเขาตกตะลึงยิ่งกวาก็คือ ตอนนี้ความรูสึกวาถูกแสงสวางทำราย
ไมไดมาจากตัวเขาเทานั้น แตยังมาจาก…ผิวกระจก หรือก็หมายความวา สิ่งที่สะทอน
มาจากผิวกระจกนี้ไมใชแคอาทิตยแรก แตยังมีอาการบาดเจ็บดวย!
อาการบาดเจ็บที่เขาสรางใหกับผิวกระจกก็ถูกสะทอนกลับมายังรางของเขาดวย
และอาการบาดเจ็บที่กระจกสรางใหเขาก็เชนเดียวกัน มันจึงเกิดเปนวงจรแบบหนึ่ง
หวังเปาเลอตองขมวดคิ้ว หลังจากพบวาอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เขาก็มองเห็นรอยราวบนกระจกฟนกลับสูสภาพเดิม ดังนั้นเขาจึงโบกมือขวาขึ้น
สลายวิชาคืนพินาศทิ้งทันใด
“กระจกใบนี้แปลกประหลาด แตไมใชวาคืนพินาศทำลายไมได ทวาเปนเพราะ
พลังฝกตนของขาไมอาจเกื้อหนุน ไมอยางนั้นหากดันไปใหสุดละก็ จะตองทำให
กระจกใบนี้พังไปกอนไดแน!”
แทบจะพรอมกันกับที่หวังเปาเลอถอนคืนพินาศกลับ จีเจียก็ถอนกระจกใบนี้
กลับอยางรวดเร็วเชนกัน สีหนาเขาซีดขาวเหมือนกัน เห็นไดชัดวาสำหรับเขาแลว
การหนุนนำกระจกบานนี้ใชพลังมหาศาลมาก ตอนนี้เขาจึงจองมองไปยังหวังเปาเลอ
ดวยความซับซอน เขารูวาหากคิดจะสังหารอีกฝาย โดยพื้นฐานแลวเปนไปไมไดเลย
จุดนี้เอง หวังเปาเลอก็สัมผัสไดเชนกัน ความแข็งแกรงของจีเจียผูนี้เหนือกวา
ที่เขาคาดเดาไวอยูสักหนอย วิถีเตาของคนผูนี้ราวกับมีอยูไมนอยเลย ทั้งยังไมวา
จะเปนเตาธาตุทองหรือเตาธาตุมืดกอนหนานี้ก็ไมใชธรรมดา โดยเฉพาะอยางหลังนั้น
ชางแปลกประหลาดยิ่งกวา
แตเมื่อเทียบกันแลว จุดแปลกประหลาดของกระจกบานนั้นตางหากถึงจะเปน
สวนสำคัญ
“ของสิ่งนี้…คือสมบัติอะไรกัน ไมรูวาจะนำมาเปนของบรรจุเตาใหขาไดหรือไม!”
หวังเปาเลอหรี่ตาลงแลวฝงความคิดนี้เอาไวในใจ เขามองไปรอบกาย การมาครั้งนี้
ของเขา ถาหากทำเพียงเทานั้นก็เหมือนจะชวยเหลือเฉินชิงจื่อไดไมมาก ดังนั้น
ในแววตาของเขาจึงมีประกายแสงจางๆ สองวาบ ตอนนี้รางเดิมภายในสหพันธรัฐของ
ระบบสุริยะกลางจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายก็ลืมตาขึ้นแลวแผกระแสเตา
ออกมาปกคลุมทั้งจักรพิภพเตาฝงซาย
“ตระกูลไมรูสิ้นขวางการกลับมาของผูศรัทธาเตาฝงซายของขา สำนักทุกแหง
ในเตาฝงซาย…ทำศึกกับตระกูลไมรูสิ้น!”
ทันทีที่คำสั่งนี้แพรออกไป ทั่วทั้งเตาฝงซายก็เคลื่อนไหวทันที หากเปลี่ยนเปน
กอนหนานี้ แมเตาเการัฐผูเปนสำนักอันดับหนึ่งแหงเตาฝงซายจะแพรคำสั่งนี้ออกมา
ก็จะมีการตอตานและความลาชาเกิดขึ้น แตดวยสถานะและอานุภาพของหวังเปาเลอ
ในปจจุบัน ทันทีที่คำสั่งนี้เกิดขึ้น ทุกสำนักในสหพันธรัฐของระบบสุริยะก็เคลื่อนไหว
เปนพวกแรก
สวนสำนักอื่นๆ ก็ไมมีความลังเลใดๆ เชนกัน พวกจอมพลังพากันออกเดินทาง
จนเกิดเปนกองทัพใหญ พุงเขามาใกลกับจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นอยางรวดเร็ว
สวนพวกที่อยูระดับจักรวาลก็ไดแผกระแสเตาออกมาในขอบเขตอันกวางใหญไพศาล
การเปลี ่ ย นแปลงครั ้ ง ใหญ ข องอวกาศเช น นี ้ แม ว า จะมี จ ั ก รพิ ภ พขวางกั ้ น อยู
แตก็สามารถรับรูถึงพลังปราณได ดังนั้นแทบจะทันทีที่คำสั่งของหวังเปาเลอดังออกมา
และจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายเคลื่อนไหวออกศึก จีเจียจึงสังเกตเห็นในทันที
เขายังไมทันไดตอบสนองก็มีพลังปราณแปรปรวนระเบิดขึ้นมากะทันหันภายใน
จักรพิภพใจกลางไมรูสิ้น
และจุดที่มันระเบิดออกมาก็คือแมน้ำแหงความมืด!
ขณะที่แมน้ำแหงความมืดไหลซัด ระดับจักรวาลทั้งสามคนของสำนักแหงความมืด
ก็ พ ุ ง ทะยานออกมาพร อ มกั น ยิ ่ ง กว า นั ้ น ยั ง มี ผ ู ฝ ก ตนของสำนั ก แห ง ความมื ด
จำนวนมากและวิ ญ ญาณในแม น ้ ำ แห ง ความมื ด ก็ พ ากั น พุ ง ออกมาเช น เดี ย วกั น
จำนวนคนที่ลงมือในครั้งนี้มีมากจนกลายเปน…การทุมกำลังสุดแรง!
สีหนาของจีเจียอึมครึม เอยขึ้นกะทันหันวา
“ขอบคุณสหายเตา ไดโปรดลงมือเถิด!”
“สหายเตาจีเจีย ตัวขากับปรมาจารยผูกอตั้งของเจามีสัญญากัน หากยังไมถึง
เวลาลงมือ นอกเหนือจากนั้น…ศึกครั้งนี้ขาแซเซี่ยก็ไมตองการเขารวม” ผูที่ตอบกลับ
เขากลับเปนเสียงนิ่งสงบที่ดังมาจากอวกาศ
“เจา!!” จีเจียหนาเปลี่ยนสี กำลังจะเอยปากแตพริบตาตอมา…ภาพที่ทำใหจิตใจ
ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญก็เกิดขึ้นแลว!
จั ก รพิ ภ พสำนั ก เสริ ม ภายในสำนั ก เต า เจ็ ด วิ ญ ญาณ ตอนนี ้ ป รมาจารย
เจ็ดวิญญาณผุดลุกขึ้นมา แววตาสองประกายแรงกลา เวลาที่เขารอคอยยังไมมาถึง
แตเขาไมอยากรออีกแลว เขากลับมองออกวาไมวาจะเปนหวังเปาเลอหรือวา
สำนักแหงความมืด ก็เหมือนกับวาตอนนี้พวกเขากำลังเตรียมความพรอมสำหรับ
การลงมือของเฉินชิงจื่ออยู
“ในเมื่อเปนเชนนี้…ก็ลงมือเถอะ หากรอตอไปขาจะหงุดหงิดแลว!” ปรมาจารย
เจ็ดวิญญาณรองคำรามขึ้นฟา รางกายกระโจนสูอวกาศโดยตรง ลำตัวขยายใหญ
ในชั่วพริบตาคลายกับยักษ แลวกาวไปยังตระกูลไมรูสิ้น
ยิ่งกวานั้นเขายังก็เผยแพรคำสั่ง ประกาศไปทั่วทั้งสำนักเตาเจ็ดวิญญาณ
“ศิษยทุกคนของสำนักเตาเจ็ดวิญญาณ เดินทาง…ไปตระกูลไมรูสิ้น! พวกเรา…
กลับขางแลว!!”
ทันใดนั้นสำนักเตาเจ็ดวิญญาณก็เคลื่อนไหว ผูฝกตนจำนวนมากพุงออกไป
แววตาของแตละคนฉายแววกระหายอยากตอสูพวยพุงเทียมฟา ตามอยูดานหลัง
ปรมาจารยสำนักเตาเจ็ดวิญญาณ แลวเดินทางไปยังจักรพิภพในกลางไมรูสิ้น
ผูท ี่พุง ทะยานมาพรอมกันยัง มี สำนั กตระกู ลอื ่ น ๆ ของจั กรพิ ภ พสำนั กเสริ ม
จำนวนไมนอยอีกดวย ในพริบตา กลุมผูฝกตนก็โผบิน!
รางกายของกวงหมิงสั่นสะทาน สีหนาของตี้ซานหมนหมอง ดวงตาของจีเจีย
หดเกร็ ง ทั ่ ว ทั ้ ง ตระกู ล ไม ร ู ส ิ้ น ผู ฝ ก ตนทั ้ ง ตระกู ล ล ว นตกตะลึ ง ชั ่ ว ขณะนี ้เอง…
เตาฝงซายยกทัพ สำนักเสริมกลับขาง สำนักแหงความมืดออกรบ!
สงครามจึงปะทุขึ้นโดยสมบูรณ!
บทที่ 1245 มาถึง
ชั่วขณะนี้เอง เตาฝงซายเดินทัพ สำนักเสริมเคลื่อนไหว สำนักแหงความมืดกำลัง
จะมาถึง
สำหรั บ ตระกู ล ไมร ู ส ิ ้ นแลว นี ่ ค ื อ หายนะอย า งหนึ ่ง ที ่ ไ มเ คยมีม าก อ น แม ว า
ตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น จะมี ภ ู ม ิ ห ลั ง ที ่ ล ้ ำ ลึ ก และยั ง เป น ระดั บ เจ า ผู ป กครองอย า งไร
แตเมื่อเผชิญหนากับการโจมตีจากสามฝายก็ไมมีทางปลอดภัยไรความเสียหายแน
โดยเฉพาะ…จนถึ ง ตอนนี ้ ป รมาจารย ผ ู ก อ ตั ้ง ตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น ยัง ไม ป รากฏตั ว
ออกมาเลย เมื่อเปนเชนนี้ ระดับจักรพรรดิสวรรคของตระกูลไมรูสิ้นจึงฝายเสียเปรียบ
อยางแนนอน ถึงอยางไรเสวียนหัวก็ไมอาจออกรบได ตี้ซานก็ยังออนแออยางยิ่ง
มีเพียงกวงหมิงและจีเจีย…แตคูตอสูของพวกเขาไมใชแคผูเยี่ยมยุทธอยางหวังเปาเลอ
เทานั้น แตยังมีปรมาจารยสำนักเตาเจ็ดวิญญาณและระดับจักรวาลสามคนจาก
สำนักแหงความมืดดวย
สองตอหา จะชนะไดอยางไร!
ยิ ่ ง ไม ต อ งพู ด ถึ ง การต อ สู ข องระดั บ จั ก รพิ ภ พเลย ตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น ก็ เ ป น ฝ า ย
เสียเปรียบเชนเดียวกัน ทั้งหมดนี้ทำใหสีหนาของจีเจียเปลี่ยนแปลงขั้นรุนแรงในทันที
เขารูสึกตอตระกูลไมรูสิ้นอยางล้ำลึกไมเหมือนกับเวยยางจื่อ และตอนนี้ในแววตา
ของเขาก็มีรอยเลือดแผกระจายอยู
“ร า งเดิ ม !!” ในช ว งวิ ก ฤตนี ้ เ อง จี เ จี ย พลั น เงยหน า ร อ งคำรามไปยั ง อวกาศ
แตกลับไมมีเสียงตอบกลับใดๆ ทำใหจีเจียหัวเราะ ดวงตาเผยความบาคลั่ง ทั้งราง
เกิดเสียงปงปงแลวกลายเปนหมอกควันกลุมหนึ่งทันที กอนพุงเขาไปหาหวังเปาเลอ
ยิ่งกวานั้นกวงหมิงกับตี้ซานทั้งสองคน ตอนนี้ลวนรูดีวาตระกูลไมรูสิ้นตกอยู
ในวิกฤตความเปนความตาย ตางก็พุงออกไปเชนกัน
“จัดการหวังเปาเลอกอน!” ตอนนี้ทั้งสามมีความคิดแบบเดียวกัน ถึงอยางไร
การมาถึงของสำนักเสริมและสำนักแหงความมืดก็จำเปนตองใชเวลาอีกพักหนึ่ง
ทั้งยังไมใชระดับจักรวาลทุกคน มีแตระดับเชนหวังเปาเลอเทานั้นที่ใชประโยชน
จากเตา ธาตุน ้ ำและไม ไมสนใจเกราะป องกั น วงแหวนปราณของตระกู ลไม ร ู สิ้ น
และมีความสามารถที่จะพุงผานเขามาไดในทันที
ดังนั้น สิ่งที่อยูตรงหนาของพวกเขาทั้งสามคนจึงมีแคทางเดียวคือจัดการหวังเปาเลอ!
และเมื่อสยบหรือทำใหหวังเปาเลอบาดเจ็บหนักกอนที่สำนักแหงความมืดและ
สำนักเสริมผูแข็งแกรงจะมาถึงไดแลวละก็ เชนนั้นวิกฤตของตระกูลไมรูสิ้นในวันนี้
ก็ใชวาจะจัดการไมได
ถึงอยางไร…แมวาทานปรมาจารยผูกอตั้งจะไมไดมา แตความนาเกรงขามของ
ตระกูลก็ยังอยู
หลังจากความคิดทั้งหมดนี้ปรากฏขึ้นในหัวของพวกจีเจียทั้งสามคน พลังฝกปรือ
ของพวกเขาทั้งสามก็ระเบิดออกมาโดยสมบูรณแลวกลายเปนสายรุงยาวสามสาย
พุงทะยานไปหาหวังเปาเลอ สวนหวังเปาเลอในตอนนี้ก็ยอมวิเคราะหทุกอยางได
ขณะที่เขาหรี่ตาลง รางกายก็กาวถอย ไมตอสูซึ่งหนากับจักรพรรดิสวรรคสามคน
เพราะมันไมจำเปน!
สิ่งที่เขาตองทำคือถวงเวลา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเด็ดขาด ขณะที่หวังเปาเลอ
ถอยไป วิชาเงาจันทรก็ถูกใชออกมาทั น ที เขาถอยหลั ง ก าวตอ ก าว ระลอกคลื่ น
ปรากฏขึ้นเมื่อเทาเหยียบลงไปจนกระเพื่อมเปนกระแสเตาแหงกาลเวลา แลวกาว
เขาสูแมน้ำแหงกาลเวลาโดยตรง
สวนจีเจียและกวงหมิงรวมถึงตี้ซานก็ตามไปอยางรวดเร็ว พลังฝกปรือแผกระจาย
แลวกาวเขาไปไลลาอยางรวดเร็วในแมน้ำแหงกาลเวลาเชนเดียวกัน
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ทันใดนั้นอวกาศของตระกูลไมรูสิ้นก็ระเบิดกระจาย
ไปทั่วทุกทิศ พรอมกันนั้นเงารางของหวังเปาเลอและพวกจีเจียก็หายไปจากสายตา
ของทุกคนที่จองมองอยู แตทั้งตระกูลไมรูสิ้นกลับมีคลื่นผันผวนไรรูปแผกระจาย
ออกมาเปนบางคราว เสียงดังสนั่นทั่วทุกทิศอยางตอเนื่อง แมกระทั่งการยุบสลายใน
แตละพื้นที่ก็เกิดขึ้นในอวกาศเชนกัน
ภาพแหงวันสิ้นโลกเชนนี้ทำใหคนตระกูลไมรูสิ้นมากมายตัวสั่นสะทาน ใจกลิ้ง
พลิ ก ตลบอย า งดุ เ ดื อ ด อี ก ไม น านฉากแบบหิ ม ะหนาเติ ม ซ้ ำ น้ ำ ค า งแข็ ง ก็ เ กิ ด ขึ้ น
ดานนอกตระกูลไมรูสิ้น ตอนนี้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมาแลว
นั่นเปนเพราะมีคนกำลังโจมตีระลอกใหญอยูดานนอก!
ผูที่โจมตีมีทั้งหมดสี่คนลวนมาจากทิศทางตางกัน นั่นก็คือปรมาจารยสำนักเตา
เจ็ดวิญ ญาณและระดับจักรวาลทั้ งสามคนจากสำนั กแห งความมื ด พวกเขาสี ่ คน
เดินทางมาเร็วยิ่งนัก แตวงแหวนปราณก็ยากจะทำลายไดในเวลาอันสั้น ตอนนี้กำลัง
พากันทุมเต็มกำลังทำลาย ทำใหวงแหวนเกราะปองกันรอบดานของตระกูลไมรูสิ้น
บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
มันบิดเบี้ยวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเวลาก็ ผ านไปแล วหนึ ่ ง ก านธูป ทั น ใดนั้ น
กลางอวกาศภายในวงแหวนปราณของตระกูลไมรูสิ้นก็มีวังน้ำวนแหงหนึ่งปรากฏขึ้น
จากไหนไมรู ดวงวิญญาณเทพของตี้ซานพุงออกมาจากในนั้นทันที วิญญาณเทพ
ของเขาหมนแสง ถึงขั้นเสียหายไปอยางมาก นาเวทนาและสะบักสะบอมอยางยิ่ง
และยิ่งตอนที่พุงออกมานั้น แขนขวาของวิญญาณเทพของเขาก็ระเบิดออกทันที
และในชั่วขณะที่เขาบินออกมา วังน้ำวนที่เขาออกมาก็พังทลายทันใด เงารางของ
หวังเปาเลอพุงมาจากในนั้น ดูแลวก็สะบักสะบอมเล็กนอยเชนกัน และที่ดานหลัง
ของเขา จี เ จี ย ผู ม ี ไ อสั ง หารพวยพุ ง ก็ เ ดิ น ตามมาทั น ที แม ว า ตั ว เขาจะบาดเจ็ บ
แตกลับยังไลตามอยางบาคลั่ง
สวนดานหลังของเขาก็ยังมีกวงหมิงที่บินออกมาจากวังน้ำวน เพียงแตชั่วขณะที่
เขาบินออกมา เขาก็กระอักเลือด กายเนื้อเกือบจะพังทลาย เห็นไดชัดวาภายใน
แมน้ำแหงกาลเวลานั้น พวกเขาสามคนไดรวมมือกันตอสูกับหวังเปาเลอ เขากับตี้ซาน
ลวนบาดเจ็บสาหัส แตเมื่อเปดโอกาสใหจีเจียลงมือ สุดทายก็ทำใหหวังเปาเล อ
บาดเจ็บได
“หวังเปาเลอ!” จิตสังหารในดวงตาของจีเจียปะทุออกมา ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
หวังเปาเลอหรี่ตา พลังตอสูของเขาและจีเจียพอๆ กัน ถาหากสองคนสูกันตัวตอตัว
ก็ดีไป แตนี่มีกวงหมิงและตี้ซานเพิ่มขึ้น สมดุลยอมเอนเอียง
แต…หากถวงเวลาตอไปเขาก็ยังมีความมั่นใจอยู ตอนนี้ขณะที่ถอยรนอยูนั้น
มือขวาของหวังเปาเลอก็ยกขึ้นกะทันหันแลวโบกไปยังดานหนา ปากก็ตะโกนออกมา
“เตาธาตุน้ำ!”
ในชั่วอึดใจ ผูคนทั่วทั้งตระกูลไมรูสิ้นที่ฝกฝนเพียงเตาธาตุน้ำก็ตัวสั่นเทากันหมด
ราวกับวาจิตแหงเตาถูกความวางเปลาดึงออกไปบรรจบที่ตนกำเนิด
ตนกำเนิดก็ยอมเปนหวังเปาเลอ ในพริบตาอาการบาดเจ็บของเขาก็ฟนกลับมา
มากกวาครึ่ง เขากำหมัดโจมตีไปยังจีเจียที่ไลตามมา หลังจากอีกฝายตานเอาไวได
หวังเปาเลอก็เอยขึ้นอีกครั้ง
“เตาธาตุไม!”
ภาพแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้พลังธาตุไมมารวมกัน อวกาศคลายจะ
กลายเปนแผนดินใหญที่มีตนไมใบหญานับไมถวนเติบโตขึ้นมา ทำใหอาการบาดเจ็บ
ของหวังเปาเลอฟนขึ้นไมนอย เงารางสั่นไหว แลวหนีไปอีกครั้ง
และตอนนี้วงแหวนเกราะกำบั ง ของตระกู ลไม รู สิ ้ น รอบๆ ก็ บิ ดเบี ้ ย วรุ น แรง
ถึงขั้นที่มีจุดจุดหนึ่งออนยวบอยางยิ่ง ตรงนั้น…ก็คือจุดที่ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ
และจักรพรรดิสวรรคสามคนของสำนักแหงความมืดเลือกที่จะรวมมือกันโจมตี
“รางเดิม!!” เมื่อเห็นเชนนี้ จีเจียก็รอนใจถึงขีดสุด เขาอดตะโกนรองเรียกอีกครั้งไมได
และในครั้งนี้ บนดวงดาราที่หางไกล เวยยางจื่อที่นั่งทำสมาธิอยูตรงนั้นในที่สุดก็
ลืมตาแลว
เขาจองมองทุกอยางบนสนามรบ มองเห็นพวกปรมาจารยสำนักเตาเจ็ดวิญญาณ
กำลังโจมตี และยิ่งมองเห็นหวังเปาเลอที่ถวงเวลาไมหยุด เขากระจางดียิ่งวาขอแคตน
ลงมือในตอนนี้โดยมีเปาหมายอยูที่หวังเปาเลอ บางทีอาจตองใชเวลาในการสังหารเขา
นิดหนอย แตการทำใหเขาบาดเจ็บสาหัสก็ยังทำไดงายๆ
แตถาหากทำเชนนี้ เกรงวาเฉินชิงจื่อก็คงจะเปดเผยตัวออกมาตอสูกับตนทันที
แมวาเขาจะรอคอยศึกครั้งนี้อยางยิ ่ง แต…สิ่งที่เขาตองการคือให เฉินชิ ง จื่ อ
เลือกลงมือในสถานการณที่ตัวเขามั่นใจเต็มรอย ไมใชการโจมตีกลับเพราะถูกบังคับ
แบบนี้
สองอยางนี้…มีความหมายแตกตางกันโดยสิ้นเชิง
“เพื่อ ทำใหเฉินชิงจื่อ มั่นใจยิ่งกว านี ้ เพื ่ อ ให การแสดงละครฉากนี ้ดี ยิ ่งขึ้น…
ตระกูลไมรูสิ้นในที่แหงนี้ ไมตองมีก็ชางปะไร” แววตาของเวยยางจื่อเย็นเยียบ
ไมมีความรูสึกแมแตนอย เขาหลับตาลงอีกครั้ง
และการที่เขาหลับตาลงเลือกไมตอบกลับก็ทำใหจีเจียสิ้นหวังทันที รางของเขา
สองแสงเจิดจรัสพรอมรอยยิ้มโศก แสงสวางนี้แรงกลามากขึ้นเรื่อยๆ แตรางกายของ
เขากลับแหงเหี่ยวอยางรวดเร็วแบบที่ตาเปลาก็ยังมองเห็น
ราวกับกำลังจะใชพลังเทพบางอยางที่กินพลังเกินควรอยางยิ่งออกมา ใชความออนแอ
ของพลังชีวิตแลกมาซึ่งวิชาเวทอันทรงพลัง ความรูสึกถึงวิกฤตปรากฏขึ้นในใจของ
หวังเปาเลอ ดังนั้นเขาจึงไมลังเล กาวเขาไปในแมน้ำแหงการเวลาอีกครั้ง
และพริบตาที่เขากาวเขาไปนั้น จีเจียก็ยกมือขวาขึ้น มือขวาทั้งมือของเขาระเบิด
ตรงๆ เลือดเนื้อกระจัดกระจายแลวรวมตัวกันกลายเปนงาวยาวที่เกิดจากเลือดเนื้อ
ดามหนึ่ง มันพุงทะยานไปยัง…หวังเปาเลอ!
มันรวดเร็วมากจนทำลายกาลเวลาแลวกระแทกเขาไปในแมน้ำ ภายใตเสียงดัง
อึกทึกสะเทือนไปทั้งอวกาศนี้ แมน้ำกาลเวลาทอนนั้นก็พังทลายทันที เงารางของ
หวังเปาเลอก็ลาถอยออกมาจากในนั้นแลวกระอักเลือดออกมา
แววตาของจีเจียมีจิตสังหารระเบิดออก เขาก็กำลังจะไลตามมาทามกลางเสียง
สะเทือนดังสนั่น
วิกฤตอยูตรงหนา แตตอนนี้…เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นที่รุนแรงยิ่งกวาก็ดังมาจากที่
ไกลๆ ณ วงแหวนเกราะป อ งกั น ของตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น …ณ จุ ด ที ่ อ อ นยวบซึ่ ง
พวกปรมาจารยสำนักเตาเจ็ดวิญญาณทั้งสี่คนรวมกันโจมตีพังลงมาแลว
บทที่ 1246 เสวียนหัวกลับมา
ชิ้นสวนภาพมายาโปรงใสจำนวนนับไมถวนกระจัดกระจายจากจุดออนยวบไปยัง
อวกาศสวนในของตระกูลไมรูสิ้น ขณะที่มันแตกกระจาย ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ
ก็ เ ป น คนแรกที ่ พ ุ ง เข า มาแล ว ก า วเข า สู อ วกาศส ว นในของตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น ทั น ที
เพิ่งจะเขามาไดเขาก็เงยหนาหัวเราะลั่นแลว
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณมีรูปรางสูงใหญแข็งแรง แมวาผมจะเปนสีขาวทั้งหัว
แตพลานุภาพกลับยังคงทรงพลัง โดยเฉพาะเลื อดลมที ่ไ หวเวีย นไปทั่ วรางก็ชาง
กวางใหญไพศาลราวกับทองฟา เห็นไดชัดวาเตาของเขาจะตองเกี่ยวพันกับกายเนื้อ
แนนอน ใหความรูสึกวาไมเหมือนผูฝกตน แตเหมือนกับอสูรรายในรางมนุษย
“สหายเต าหวัง ผูเฒามาแลว !” ท ามกลางเสี ย งหั วเราะ ปรมาจารย เต าเจ็ ด
วิญ ญาณก็กาวใหญตรงไปหาจีเจีย ขณะที ่ ย างก าว เขาก็ ย กมื อขวาขึ ้ น คว า จั บ ที่
ความวางเปลา ทันใดนั้นอวกาศหนาฝามือของเขาก็บิดเบี้ยว กระบองฟนหมาปา
ขนาดมหึมาดามหนึ่งคลายจะทะลวงผานอวกาศเขามาหาแลวถูกเขาควาเอาไวในมือ
จากนั้นก็ทุบไปทางจีเจียตรงๆ
“จีเจีย กินกระบองขาไปซะ!”
ทามกลางเสียงหัวเราะดังสนั่นของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ อานุภาพนั้น
ชางนาตะลึงยิ่ง หวังเปาเลอที่มองดูอยูก็เผยประกายแปลกประหลาดขึ้นในดวงตา
เขามองเตาของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณผูนี้ออก มันนาจะเปน…เตาพละกำลัง!
ดังนั้นเขาจึงยืมกำลังเรงใหตนถอยอยางรวดเร็ว สวนทางจีเจีย ตอนนี้สีหนา
ดูไมดีเลย เหมือนรูสึกวาในคำพูดของอีกฝายแฝงไวซึ่งการดูหมิ่น
โดยเฉพาะกระบองฟนหมาปาที่มีหนามแหลมผุดขึ้นมานับไมถวน ดูแลวอำมหิต
เป น ที ่ ส ุ ด ถึ ง ขั ้ น ยั ง มี ก ลิ ่ น คาวเลื อ ดเผยออกมา ยิ ่ ง กว า นั ้ น ยั ง มี ว ิ ญ ญาณคนตาย
นับไมถวนพันลอมอยูในนั้นแลวคำรามไรเสียง ถึงขนาดที่ตอนที่มันฟนทุบลงมา
อวกาศก็ยังฉีกขาดไดงายๆ บนนั้นยังแฝงไวซึ่งกระแสเตาอันนาตื่นตะลึงอีกดวย
ในชั่วพริบตา เมื่อปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณเดินทางมาถึง ไมวาจีเจียจะยินยอม
หรือไมก็จำตองลงมือเต็มกำลังแลวปะทะเขากับเขา ขณะเดียวกันนั้น ระดับจักรวาล
ทั ้ ง สามคนของสำนั ก แห ง ความมื ด ก็ ก า วเข า มายั ง ส ว นในของตระกู ล ไม ร ู สิ้ น
อยางรวดเร็ว เมื่อทั้งสามคนเขามา กลิ่นอายของเตาธาตุมืดก็พวยพุงบาคลั่ง และ
กำลังจะพุงเขาไปหาจีเจีย
แตในตอนนี้เอง เสียงคำรามแหลมสูงก็ดังมาจากความวางเปลา เตาสวรรค
ตระกูลไมรูสิ้น…กำลังจะมา
ดวงเกราะดำมหึมาตัวนั้นเพิ่งจะปรากฏตัวก็พุงเขาหาสำนักแหงความมืดทั้ง
สามคนแลว ทั้งยังมีจักรพรรดิสวรรคกวงหมิงกัดฟนโจมตีดวย ชั่วขณะนั้นจึงเกิดเสียง
ดังสนั่นลั่นฟา สวนการตอสูของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณและจีเจียก็ปะทุจนดุเดือด
ถึงขีดสุดภายในเวลาอันสั้นแลว
แมวาจีเจียจะไดรับบาดเจ็บจากการตอสูกับหวังเปาเลอ ทั้งยังเสียพลังไปไมนอย
แตกอนหนานี้เขาไดใชเคล็ดวิชาลับออกมา ตอนนี้ประกายแสงทั่วรางจึงสองสวาง
แมวามือขางหนึ่งจะกลายเปนงาวลดการเสียพลัง แตรางสามหัวของตระกูลไมรูสิ้น
ที่เขาใชบนรางกายของตัวเองก็ทำใหเขาเสียพลังมากยิ่งกวาเดิม
ขณะนี้ เขาเขาโจมตีปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณโดยไมสนวาตองแลกดวยอะไรแลว
การตอสูทั้งสนามรบเดือดพลาน ทั้งยังเกิดขึ้นที่จักรพิภพใจกลางตระกูลไมรูสิ้น
แลวแผขยายออกมา ทำใหดวงดาวของตระกูลไมรูสิ้นไดรับผลกระทบอยางหนัก
สวนหวังเปาเลอ ตอนนี้เขาตัวสั่นไหว เมื่อจัดระเบียบตัวเองเล็กนอยแลวเขาก็
หรี่ตา หลังจากใครครวญอยูไมกี่อึดใจก็พุงออกไป ไมไดพุงเขาสูสนามรบ แตกาวหนึ่ง
กาวเขาสูดาวเอกของตระกูลไมรูสิ้น
อวกาศที่ตระกูลไมรูสิ้นตั้งอยูนั้นมีดวงดาวอยูนับไมถวน ดาวเอกก็มีไมนอย
เชนกัน แตทิศทางของหวังเปาเลอกลับแมนยำ เขายึดตามทิศทางที่จิตใจนำพาไป
เขาไปใกลดาวเอกดวงนั้นอยางรวดเร็ว
ที่นี่…ก็คือสถานที่กักตนของเสวียนหัว
ในเมื่อไดฉีกหนาไปแลว หวังเปาเลอยอมไมปลอยเสวียนหัวไป แมวาจะออนแอ
ไปหนอยในสายตาของหวังเปาเลอ แตถึงอยางไรพลังตอสูของจักรพรรดิสวรรคระดับ
จักรวาลผูนี้ก็ยังมีประโยชนอยางยิ่ง
ดังนั้นตอนนี้หวังเปาเลอจึงเรงความเร็วขึ้น เมื่อเกิดเสียงดังสนั่น เขาก็กาวเขาไป
ในดาวเอกที่เสวียนหัวอยูทันที สำหรับเกราะปองกันของที่นี่และผูฝกตนของตระกูล
ไมรูสิ้น อยางหลังไมมีทางขัดขวางหวังเปาเลอไดเลย สวนอยางแรก เพียงทำให
หวังเปาเลอเสียเวลาไปสิบกวาอึดใจเทานั้นเขาก็เดินผานไปตรงๆ ไดแลว จากนั้น
จึงกาวไปยังยอดเขาแหงหนึ่งบนดวงดาว
เมื่อเสียงฝเทาดังขึ้น ภูเขาลูกนี้ก็สะเทือนเลื่อนลั่น บริเวณที่ฝาเทาของเขาเหยียบ
ลงพังทลาย ภูเขาทั้งลูกกลายเปนเถาถานทันที ยิ่งกวานั้นยังมีระลอกคลื่นแผกระจาย
ออกมา ทำใหแผนดินรอบขางสั่นสะเทือนแลวถลมลงมาทุกชั้น หวังเปาเลอที่ตอนนี้
นับวายืนอยูกลางอากาศเอนหนามองไปยังทิศทางหนึ่ง
“เสวียนหัว ยังไมมาพบขาอีกหรือ”
แทบจะพรอมกับที่หวังเปาเลอมายืนบนดาวดวงนี้ เสวียนหัวภายในสถานที่กักตน
ซึ ่ ง นั ่ ง ขั ด สมาธิ อ ยู ใ นวงแหวนปราณ ด า นนอกร า งกายมี ม า นแสงปกคลุ ม และ
กำลังตอตานจิตมารก็ตัวสั่นสะทานรุนแรง
วงแหวนปราณเปดออกทั้งหมดแลว สวนมานแสงก็มีผลลัพธอัศจรรยที่สามารถ
ขวางกั้นดวงจิตเทพได นี่คือการเตรียมพรอมใหของจีเจียและกวงหมิงกอนจะจากไป
ทำใหเสวียนหัวพอจะกดตัวเองใหอยูที่นี่ได แตในชั่วพริบตานี้เอง จิตมารในรางของ
เขากลับปะทุอยางรุนแรงขึ้นมากะทันหัน
เมื่อมันปะทุขึ้น เสนเลือดดำทั่วรางของเสวียนหัวก็พองนูน แสดงใหเห็นถึง
ความดิ้นรนอยางเจ็บปวด ยิ่งกวานั้นยังมีปราณมืดมหาศาลไหลออกมาจากทวาร
ทั้งเจ็ดแลวลอมรอบรางกายเขา
“ขา…ไม…” เสวียนหัวกัดฟน พูดก็พูดไมออก เหงื่อเปยกชุมไปทั้งตัว เขายังคง
ตอตาน แสงของวงแหวนปราณใตรางสองสวางแรงกลา มานแสงก็เชนเดียวกั น
แตทุกอยางนั้น…เปลี่ยนไปทันทีหลังจากหวังเปาเลอเอยออกมา
การโจมตีอยางบาคลั่งระเบิดขึ้นภายในรางของเสวียนหัวตรงๆ หมอกมืดทะลวง
ออกจากทวารทั้งเจ็ดของเขา แลวรวมตัวกันเปนเงารางรางหนึ่งอยูตรงหนาเขา
เงารางนี้ไมใชหวังเปาเลอ แตเปน…รูปลักษณของเสวียนหัว ทวากลับมีกลิ่นอาย
ของหวังเปาเลอแผออกมา พูดใหถูกก็คือ เงาดำนี้…คือจิตมารของเสวียนหัว
ตอนนี้จิตมารดวงนี้กำลังหัวเราะ เงยหนาหัวเราะ
หลังจากหัวเราะเสร็จ มันก็กลายเปนหมอกดำแลวทะลวงเขาไปในทวารทั้งเจ็ด
ของเสวียนหัวอีกครั้งทันที แมวาเสวียนหัวจะขัดขวางมันเต็มกำลังแตก็ไมชวยอะไร
พริบตาตอมา รางกายของเขาก็สั่นสะทาน แลวนิ่งสงบทันใด ศีรษะของเขาก็กมลง
ไมขยับไหว
หลังผานไปประมาณสิบกวาอึดใจ เสวียนหัวก็คอยๆ เงยหนาขึ้น แววตากลับมา
กระจ า งชั ด เขายกมื อ ขึ ้ น โบก ฉั บ พลั น ม า นแสงนอกร า งกายก็ พ ั ง ลงมาทั น ใด
วงแหวนปราณรอบๆ ยิ่ง แตกเปนเสี ่ย งๆ ในชั ่ วพริบตา เสวี ย นหัวตบเสื ้อ ผาแลว
ลุกขึ้นยืน คลายหลุดพนจากพันธนาการ
“หากรูแตแรกวาจะเปนเชนนี้ ไยกอนหนานี้ขาตองดิ้นรนหนักหนาดวย ที่แท…
การหลอมรวมกับมหาเตาก็ทำใหจิต ปราณ วิญญาณสดชื่นเชนนี้นี่เอง” เสวียนหัว
ยิ ้ ม อย า งพึ ง พอใจ ร า งกายเคลื ่ อ นไปข า งหน า กำลั ง จะออกจากสถานที ่ ก ั ก ตน
แตพริบตาตอมาก็มีโซมายาหลายเสนปรากฏขึ้นจากสี่ทิศทางแลวพันรอบตัวเขาทันที
คลายขวางไมใหเขาจากไป
สีหนาของเสวียนหัวอึมครึม แผพลังฝกตนออกมาทันใด คลื่นผันผวนของระดับ
จักรวาลแพรกระจายไปทั่วทุกทิศทันที ทำใหโซรอบๆ พังลงหลังจากฝนรั้นอยูไมกี่
อึดใจ และสิ่งที่พังทลายไปดวยยังมีหองลับที่เขาอยู มันทรุดตัวลงในชั่วพริบตาแลว
เกิดเปนซากปรักหักพังทันที เผยใหเห็นทองฟาเหนือศีรษะของเขา
เขาเงยหนามองฟา เสวียนหัวสูดลมหายใจลึก รางกายพุงขึ้นฟาแลวตรงไปยังจุด
ที่หวังเปาเลออยูทันใด เขายกขากาว เงารางหายวับในชั่วพริบตา เมื่อปรากฏตัวขึ้น…
เขาก็อยูหางจากหวังเปาเลอรอยจั้งแลว
เขาไมไดเขาใกลทันที หลังจากปรากฏตัวขึ้นตรงนี้ สีหนาของเสวียนก็เครงขรึม
ยิ่งขึ้น ทั้งยังจัดเสื้อผาใหเรียบรอย จากนั้นจึงเดินไปหาหวังเปาเลอทีละกาว จนกระทั่ง
อยูตรงหนาหวังเปาเลอหาจั้ง เขาก็หยุดฝเทาแลวคุกเขาคารวะหวังเปาเลอ
“เสวียนหัว คารวะเจาแหงเตา!”
หวังเปาเลอจองมองเสวียนหัว ใบหนาเผยรอยยิ้มบางๆ แลวเอยขึ้นชาๆ
“ศึกในอวกาศนั่น เจายินดีเขารวมหรือไม”
เสวียนหัวครุนคิดแลวเอยเสียงราบเรียบ
“แมวาจะเปนสหายเตากันมาหลายป แต…วิถีแตกตางกัน ยากจะเลี่ยงการตอสู”
“ดี!” หวังเปาเลอหัวเราะฮาๆ รางกายสั่นไหวแลวบินไปยังอวกาศ เสวียนหัว
ตามอยูดานหลังเขา ทั้งสองกลายเปนสายรุงยาวสองสายกาวเขาสูอวกาศในทันที
จนมาอยูบนสนามรบ
และการปรากฏตัวของเสวียนก็ทำใหสายตาของทุกคนที่กำลังตอสูกันอยูหดเกร็ง
โดยเฉพาะกวงหมิงและจีเจีย รวมถึงตี้ซาน พวกเขามีสีหนาย่ำแยเสียยิ่งกวา
บทที่ 1247 เวยยางจื่อมาถึง
เปนเพราะการมาถึง ของเสวี ยนหั วจึ ง ทำให ส ถานการณ ท ี ่เ ดิม สมดุ ลอยู แ ล ว
โนมเอียงมากยิ่งขึ้น
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณคนเดียวก็ทำใหจีเจียที่แผดเผาตัวเองไปรับมือไดยาก
มากอยูแลว ตอนนี้จึงมีสภาพยับเยินอยางยิ่ง รางสามหัวหกแขนก็เสียหายไปกวาครึ่ง
ส ว นตี ้ ซ านและกวงหมิ ง ก็ ย ิ ่ ง มี ส ภาพเช น นี ้ ตี ้ ซ านก็ ย ั ง บาดเจ็ บ จนถึ ง ที ่ สุ ด
วิญ ญาณเทพหมองหมนอยางยิ่ง ไม มี พลั งตอสู อี กแล ว ทางฝ ง กวงหมิงก็เชนกัน
เขาเผชิญหนากับการโจมตีจากระดับจักรวาลสามคนของสำนักแหงความมืด เขาที่เดิม
บาดเจ็บอยูแลวกายเนื้อไมไดพังทลายรุนแรงอะไร ดวงวิญญาณเทพก็ไมตางจากของ
ตี้ซานสักเทาไหร
ดังนั้น…เมื่อหวังเปาเลอกลับมาอีกครั้งและเงารางของเสวียนหัวก็มาถึง มันจึงทำให
จิตใจของพวกเขาสามคนสั่นสะทานรุนแรง โดยเฉพาะอยางยิ่ง…พริบตาที่เสวียนหัว
มาถึงเขาก็โจมตีทันที เปาหมายยอมไมใชกวงหมิงและตี้ซานที่เจ็บหนัก แตเปน…
จีเจีย!
ในชั่วพริบตา จีเจียที่ถอยรนไมหยุดขณะที่ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณโจมตีใส
และไดอาศัยการเสียพลังมาฝนประคับประคองตัวอยูนั้น ก็ตกอยูในสถานการณ
อันตรายยิ่งยวดทันที เสวียนหัวใชพลังเตาธาตุไมไมยั้งมือเลยสักนิด วิถีเตาพลังเทพ
ปกคลุมไปทุกดาน
และยังมีระดับจักรวาลทั้งสามคนของสำนักแหงความมืด ตอนนี้ลวนไมสนใจ
กวงหมิงกับตี้ซานแลว พวกเขาพุงเขามาหาจีเจียจากทั้งสามทิศ ทำใหดวงตาของจีเจีย
ฉายแววสิ้นหวังออกมา เพราะวา…หวังเปาเลอไมไ ด ลงมือ แตเขายืนอยูตรงนั้ น
แผอานุภาพคุกคามออกมา ทำใหจีเจียที่เดิมก็ไมอาจประคองตัวเองตอไปไดไมมี
โอกาสแมแตจะหลบหนี
“รางเดิม!!” ในชวงวิกฤต จีเจียก็หัวเราะอยางนาเวทนา เขาคำรามเศราโศกขึ้นฟา
ไมเขาใจเลยวามีอะไรที่สำคัญ ไปกว า ความเป น ความตายของตระกู ลไม ร ู สิ ้ น อี ก
เขากระจางแจงดีกวาวันนี้…ถาหากรางเดิมไมออกมา เชนนั้นเวลาตายของเขาก็คือ…
เวลาที่ตระกูลไมรูสิ้นจะหายไปจากจักรวาลแหงนี้แลว
ถึ ง อย า งไร…ตอนนี ้ก องทั พ ใหญท ี ่ม าจากสำนั ก เสริม เต า ฝ ง ซ า ย และสำนั ก
แหงความมืดก็กำลังเขามาใกลแลว แมวาตองใชเวลาอีกพักหนึ่งจึงจะมาถึงก็ตาม
แตจินตนาการไดเลยวาอีกเวลาไมนานหรอก และทันทีที่มาถึง รองรอยทุกอยาง
ของตระกูลไมรูสิ้นก็คงถูกลบเลือนไปหมดแลว
เมื่อเห็นอยางนี้ หวังเปาเลอจึงมีสมาธิจดจอเต็มที่ พลังฝกปรือแผปกคลุมทั่วทุกทิศ
หากบอกวาปรมาจารยตระกูลไมรูสิ้นจะตองปรากฏตัวละก็ เชนนั้นก็มีโอกาสมากที่สุด
ที่จะปรากฏตัวในชวงเวลาตอจากนี้
แทบจะทันทีที่ความคิดนี้ของหวั ง เป า เล อ ผุ ดขึ ้ น มา จี เจี ย ก็ ย ิ ่ ง กรี ดร อ งสลด
คนทั้งคนพนเลือดออกมา ตอนนี้รางสามหัวหกแขนดั้งเดิมเหลืออยูเพียงหนึ่งหัว
หนึ่งแขน อีกสองหัวหาแขนที่เหลือถูกทำลายไปนานแลว พลังฝกตนของเขาก็ไมอาจ
ยับยั้งการรวงระดับเชนนี้ได เขาไมใชระดับจักรวาลชั้นกลางอีกตอไป แตตกลงมาอยู
ในระดับชั้นตน
เมื่อเปนเชนนี้ก็ยิ่งยืนหยัดตอไปไดยาก เพียงไมกี่อึดใจ กายเนื้อของจีเจียก็สงเสียง
กึกกองนาตะลึง มันแตกเปนเสี่ยงๆ ดวงวิญญาณเทพคลายจะหลบหนีไดยากเย็น
เหลือเกิน และกำลังจะถูกปรมาจารยเตาเกาวิญญาณที่ยิ้มเยาะอยูจับไวไดแลว
แตในตอนนี้เอง เสียงถอนหายใจเบาๆ แฝงความจนใจก็ดังกองมาจากอวกาศ
อันวางเปลา
เมื่อเสียงถอนหายใจนี้ดังออกมา ทั่วทั้งอวกาศก็บิดเบี้ยวแลวปรากฏมือยักษ
มโหฬารข า งหนึ ่ ง ขึ ้ น มื อ ยั ก ษ ข า งนั ้ น กึ ่ ง โปร ง ใส มั น ปรากฏขึ ้ น รอบตั ว ของ
พวกปรมาจารยเตาเกาวิญญาณแลวบีบแรงๆ โดยตรง
สีหนาของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณเปลี ่ยนไป พลังฝกปรือระเบิดออกมา
โดยสมบู ร ณ แสดงให เ ห็ น ถึ ง พลั ง ต อ สู ท ี ่ ท รงพลั ง ยิ ่ ง กว า ก อ นหน า นี ้ ถ ึ ง สามส ว น
เห็นไดชัดวา…การตอ สูกับจีเจียก อนหน านี ้ ตั้งแตตนจนจบเขาได กั กพลังเอาไว
เพื ่ อ ป อ งกั น สถานการณ ท ี ่ อ าจเกิ ด ขึ ้ น ส ว นระดั บ จั ก รวาลทั ้ ง สามคนของสำนั ก
แหงความมืดก็เชนกัน แตละคนลวนแสดงพลังตอสูที่เหนือยิ่งกวากอนหนานี้ออกมา
ในชั่วขณะนี้เอง แลวถอยรนในชั่วอึดใจ
ดังนั้น ทามกลางเสียงดังสนั่นสะเทือนฟาสะเทือนดินนี้ เมื่อทุกคนลาถอยออกไป
มือยักษที่ปรากฏขึ้นมาจากอากาศก็กวาดมวนจีเจียกลับ ผูที่ถูกนำไปดวยกันก็ยังมี
กวงหมิงและตี้ซาน และหลังจากมือยักษพาทั้งสามคนไปแลว ในที่สุดเงารางชราของ
เวยยางจื่อก็ปรากฏตัวขึ้นในความวางเปลา เขาเดินออกมาจากภาพมายาสูความเปน
จริงทีละกาวๆ
จนกระทั่ง ยืนอยูหางจากพวกปรมาจารย เต าเจ็ ดวิ ญ ญาณร อ ยจั ้ ง จึ ง หยุ ด ลง
สีหนาดูไมได แววตามีความจนปญญา แตกลับปกปดจิตสังหารที่พวยพุงไมอยู
“พวกเจาจะรังแกกันเกินไปแลว!”
“ปรมาจารยผูกอตั้งไมรูสิ้น!” ดวงตาของหวังเปาเลอหดเกร็ง รางกายสั่นไหวแลว
มาปรากฏตัวอยูขางกายปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ ดานหลังของพวกเขาสองคนคือ
เสวียนหัวและระดับจักรวาลทั้งสามคนของสำนักแหงความมืด ตอนนี้พวกเขาหกคน
ลวนมีสีหนาเครงขรึม จองเขม็งไปยังเวยยางจื่อที่ปรากฏตัวหางไปรอยจั้ง
ปรมาจารย ผ ู ก อ ตั ้ ง ตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น ผู น ี ้ น า เกรงขามไม ธ รรมดา เขายื น อยู
กลางอวกาศ ผมสีขาวปลิวไสว เห็นอยูชัดๆ วาทั่วรางของเขาไมมีคลื่นผันผวนใดๆ
แผออกมา แตกลับทำใหพวกหวังเปาเลอหกคนคลายเผชิญหนากับอานุภาพกดดัน
ล้ำลึกราวหุบเหว
เมื่อเปนเชนนี้ การมีอยูของเขาจึงเหมือนกับหลุมดำที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอยาง
ทุกคนที่เขาใกลลวนถูกเขาดูดพลังชีวิตไปจนถึงจิตปราณวิญญาณทั้งหมดโดยไมรูตัว
“นี่คือการกดขมของมหาเตา! ในวิถีของขาผูเฒา ขาไมรูเลย ไมเคยเห็นเขาใชมัน
มากอน!” สีหนาของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณอึมครึม เขาเอยบอกหวังเปาเลอทันที
หวังเปาเลอพยักหนาเบาๆ เขาก็รับรูถึงจุดนี้เชนกัน กลาวใหถูกก็คือ นี่เปน
ครั้งแรกที่เขาไดเผชิญหนากับปรมาจารยผูกอตั้งตระกูลไมรูสิ้นดวยตัวเอง ตอนนั้น
อีกฝายเพียงใชดวงจิตเทพแทรกเขามาในวิญญาณเทพแลวเอยคำเตือน ตอนนี้สิ
คือการเผชิญหนาอยางแทจริง
อานุภาพที่มาจากบนรางของอีกฝายทำใหเมล็ดธาตุไมและเมล็ดธาตุน้ำในรางของเขา
สั่นสะเทือนขึ้นมา เพียงแตเมื่อเทียบกับอยางหลังแลว อยางแรกคลายจะแสดงพลัง
ตอตานอีกฝาย
“มหาเตาของปรมาจารยผูกอตั้งตระกูลไมรูสิ้น…สามารถสยบเมล็ดของเตาธาตุน้ำ
ของข า ได แต ก ลั บ ไม อ าจกดข ม เมล็ ด ธาตุ ไ ม ไ ด ” หวั ง เปา เล อ หรี ่ต าลง สั ง เกตดู
ปรมาจารยผูกอตั้งตระกูลไมรูสิ้นตรงหนา ในใจก็วิเคราะหคาดเดา พยายามหา
เบาะแสของกระแสเตาที่อีกฝายฝกฝนทั้งหมดออกมา
และเมื่อคนทั้งหกจดจองไปที่ปรมาจารยผูกอตั้งตระกูลไมรูสิ้นนั้น สายตาของคนหลัง
ก็หวาดมองมาที่พวกเขาทั้งหกเชนกัน มองผานรางของคนจากสำนักแหงความมืดทั้ง
สามคนไปโดยไมไดหยุด มีเพียงตอนที่มองปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณและหวังเปาเลอ
เทานั้นที่จะหยุดลง ในบรรดาทั้งสอง…เขาหยุดอยูที่หวังเปาเลอนานที่สุด
“เตาธาตุไม เตาธาตุน้ำ…กลับไมอาจปกปดรอยประทับสำนักแหงความมืดบนราง
ของเจ า ได หวั ง เป า เล อ …ข า ควรเรี ย กเจ า ว า เจ า แห ง เต า ฝ ง ซ า ยหรื อ ว า บุ ต รของ
สำนักแหงความมืดกันละ” ปรมาจารยผูกอตั้งตระกูลไมรูสิ้นถอนหายใจแผวเบา
แลวเอยพูดชาๆ
“แตกตางกันหรือ เมื่อเทียบกันแลว พวกขาสงสัยยิ่งกวาอีกวาเตาของผูอาวุโส
เวยยางจื่อคืออะไร” หวังเปาเลอตอบอยางใจเย็น สีหนาเปนปกติ อันที่จริงไมใช
แคเขาที่เปนเชนนี้ ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณกับสำนักแหงความมืดทั้งสามคน
ที่อยูขางๆ ก็เชนเดียวกัน เห็นไดชัดวาสถานะของหวังเปาเลอไมใชความลับอะไร
ตั้งนานแลว
“เตาของขานะหรือ…” เวยยางจื่อเงยหนา สายตาล้ำลึกแลวทอดมองไปไกลๆ
จากนั้นก็ยิ้มบางๆ
“พวกเจา สามารถสัมผัสไดดวยตัวเอง” ขณะที่เอย เวยยางจื่อก็ยกมือขวาขึ้น
คลายตามแตใจ แลวคอยๆ กดไปทางพวกหวังเปาเลอทั้งหกคน
แตเมื่อกดลงมาครั้งนี้ อวกาศก็สั่นสะทาน เสียงสั่นสะเทือนดังติดตอกันเปนชุดๆ
ทันใดนั้นก็มันระเบิดขึ้นจากความวางเปลา ในการระเบิดนี้เอง อวกาศผืนนี้ก็คลายจะ
ทับซอนกัน ราวกับวามีความวางเปลาอีกหนึ่งชั้นรวงลงมากะทันหัน แลวสยบไว
ทุกสารทิศ สยบสรรพชีวิตไว ทั้งไมใชความวางเปลาเพียงชั้นเดียว แตในชั่วพริบตา
ความวางเปลาชั้นแลวชั้นเลาก็รวงตกลงมาตามๆ กัน ชั่วอึดใจก็มีเกินกวาสามสิบชั้น
แลว คลายกับวา…มีอวกาศสามสิบแหงที่เหมือนกับจักรวาลผืนนี้ตกลงมาอยางไรรูป
ขณะที่ทับซอนกับที่แหงนี้ ก็ยิ่งกลายเปนพลังบดขยี้ที่ไมอาจพรรณนา ราวกับสามารถ
บดขยี้ทุกสิ่งทุกอยางใหกลายเปนเถาถานไดทันที
พวกแรกที่ไดรับผลกระทบก็คือ ระดับจักรวาลทั้งสามคนจากสำนักแหงความมืด
สามคนนี้ตัวสั่นสะทานรุนแรงในพริบตา
นั ก บุ ญ มื ด กระอั ก เลื อ ดออกมา เทพอั ฐ ิ ก ็ ม ี เ สี ย งแกร ก กรั ่ ก ดั ง มาจากลำตั ว
คนสุดทายนั้น กายเนื้อก็ยิ่งพังทลายระเบิดกระจายออกมาตรงๆ แมวาจะรวมกลับ
มาใหมไดอยางรวดเร็ว แตเห็นไดชัดวามีสีหนาหวาดกลัวและออนแอลงมาก
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณก็หนาเปลี่ยนสี ระเบิดพลังฝกตนออกมาตอตานเต็มที่
หวังเปาเลอก็สัมผัสถึงพลังที่ราวกับไรที่สิ้นสุดนี้เชนกัน มันตกมาอยูบนกายเนื้อและ
วิญญาณเทพของเขาตรงๆ แลวพันรัดทุกอยาง เมล็ดเตาธาตุน้ำในรางก็ยิ่งสะเทือน
เลื่อนลั่น ทำใหความยืดหยุนทนทานของเมล็ดเตาธาตุไมระเบิดพุงเทียมฟาตอนนี้
เพื่อมาประคับประคองตัวมันเอง
“เตาแหงความวางเปลา!” ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณกัดฟนเอย
บทที่ 1248 สูเวยยาง
ความแข็งแกรงของปรมาจารยผูกอตั้งตระกูลไมรูสิ้นแสดงออกมาใหเห็นโดย
สมบูรณในชั่วขณะนี้เอง เตาแหงความวางเปลาก็เหมือนกับกาลเวลา ลวนเปนมหาเตา
สู ง สุ ด ภายในจั ก รวาลแห ง นี ้ ท ั ้ ง นั ้ น ไม ใ ช ส ิ ่ ง ที ่ ค นธรรมดาจะหยั ่ ง รู ไ ด ถึ ง ขนาด
คนไรโอกาสวาสนาใหญก็ทำไมไดแมแตจะสัมผัสถึง
โดยเฉพาะเวยยางจื่อ เห็นได ชัดวาเขามีสีหนาเปนปกติ คลายกับวา สำหรับ
เขาแล ว การแสดงมหาเต า ความว า งเปล า นี ้ ช า งเป น เรื ่ อ งง า ยดายเหมื อ นกั บ
สัญชาตญาณ สามารถใชออกมาสยบกดดันไดตามตองการ
ขณะเดียวกันพลังฝกปรือระดับจักรวาลชั้นมหาวัฏจักรที่ผสานเขาไปดวย ก็ทำให
พวกหวังเปาเลอทั้งหกที่แมวาจะไมธรรมดาสามัญยังเกิดอาการคลายจิตใจถลมลงมา
เพราะพลังกดดันสายนี้ของเวยยางจื่ออยูดี
หวั ง เป า เล อ ยั ง ดี พลั ง ธาตุ ไ ม ภ ายในร า งแผ ก ระจายออกมาอย า งไม จ บสิ้ น
ชวยเขาหักลางพลังกดดันที่มาจากภายนอก ถึงยากจะทนรับ แตก็มีพลังใหตานทาน
ยังมีปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณที่เปนเชนเดียวกัน แมวาตอนนี้สีหนาของเขาจะ
ซีดขาว ตัวสั่นเทา แตแววตากลับมีจิตวิญญาณการตอสูลุกโชน กระบองยักษในมือ
ก็ยิ่งสงเสียงดังอื้ออึง คลายเผยความไมยินยอมในใจของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ
ออกมา
เพียงแต…ระดับจักรวาลทั้งสามคนของสำนักแหงความมืดกลับนาเวทนาอยางยิ่ง
เมื ่ อ อยู ภ ายใต แ รงกดดั น นี ้ เป น เพราะพวกเขาทั ้ ง สามคน…ความจริ ง แล ว
ลวนมีขอบกพรองถึงชีวิตอยู กลาวใหถูกคือ พวกเขาไมใชคนมีชีวิต แตถูกแมน้ำแหง
ความมืดชุบชีวิตมาอีกครั้ง และได รั บการเสริ มพลั ง จากเจตจำนงเต าสวรรค แ ห ง
ความมืดอยางเฉินชิงจื่อ จากนั้นจึงกลับมาสูโลก
จึงหลีกเลี่ยงไมไดที่…สารัตถะจะไมเพียงพอ ปกติเมื่อตอสูกับระดับเดียวกันยังดีอยู
แตตอนนี้ตองเผชิญหนากับเวยยางจื่อผูทรงพลังจนนาตะลึง ทั้งยังถูกมหาเตาวางเปลา
กดดัน จึงทำใหขอบกพรองของพวกเขาสามคนขยายใหญขึ้นอยางไมมีสิ้นสุด
โดยเฉพาะสุ ส านวิ ญ ญาณ แม ว า ร า งกายของเขาจะแข็ ง แกร ง กว า เทพอั ฐิ
อยูเล็กนอย แตเนื่องจากตนไมสุสานวิญญาณที่เปนรางจริงของเขาแหงเหี่ยวไปแลว
แมจะถูกชุบชีวิตก็ไมอาจเปลี่ยนแปลงได ดังนั้นเมื่อกายเนื้อพังทลายไปครั้งแรกแลว
แมวาจะกอตัวขึ้นใหมในทันที แตสารัตถะนั้นบาดเจ็บสาหัสอยางเห็นไดชัด
เมื่อเห็นเชนนี้ หลัง จากถูกเว ย ยางจื ่ อพาไป จากที ่ ไ กลๆ จี เจี ย และกวงหมิง
ก็มีกำลังใจมากขึ้น สวนตี้ซานมีแววตาซับซอน เก็บซอนความเหนื่อยลาเอาไวใน
สวนลึก หลังจากประสบกับเรื่องเหลานี้แลว สำหรับเขา สงครามแบบนี้นาเบื่อหนาย
เหลือเกิน แตกลับไมมีวิธีจะเปลี่ยนแปลง เขาจึงเงียบงัน
ทั้งหมดนี้กลาวแลวยาวยืด แตความจริงก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อเวยยางจื่อ
ลงมื อ พวกหวั ง เป า เล อ ต า งก็ ไ ด ร ั บ บาดเจ็ บ รอบข า งส ง เสี ย งอึ ก ทึ ก กึ ก ก อ ง
ความวางเปลาที่ซอนทับและกอตัวเปนพลังบีบคั้นคลายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในชวงวิกฤต
ผมของหวังเปาเลอปลิวไสว ตาแดงก่ำ รองคำรามเสียงต่ำออกมา
“ทุกทาน ตองรวมพลังกันจึงจะทำได!”
“รวมพลัง!” ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณกัดฟน ยามที่เอยออกมา เขาก็พยายาม
ยกมือขวาขึ้น กระบองยักษในมือมีแสงจาบาดตาสองสวาง สวนพวกนักบุญมืดทั้งสาม
คนนั้นก็ทำเชนเดียวกัน มองจากไกลๆ ทั้งหกคนคลายกับแสงของหิ่งหอยบินอยูหนา
เวยยางจื่อที่เปรียบเสมือนพระจันทร คลายจะสูแสงกัน และคนแรกที่ระเบิดแสง
ออกมาก็คือหวังเปาเลอ
ชั่วขณะนี้เอง พลังธาตุไมภายในรางของหวังเปาเลอพลันสั่นสะเทือนแลวแผขยาย
ไปทั่วรางแลวแผออกไปขางนอกทันที ทำใหพืชพรรณนับไมถวนปรากฏขึ้นมารอบๆ
ในชั่วอึดใจ ดอกไมเบงบานตลอดทาง เปนสีเขียวขจีหนึ่งผืน ทั้งยังไมไดผุดขึ้นใน
ความวางเปลาชั้นนี้เทานั้น แตยังแพรกระจายไปยังความวางเปลาหลายสิบชั้นที่
ซอนทับกันเหลานี้อยางรวดเร็ว
ทำใหภายในความวางเปลาทุกชั้นลวนมีตนไมใบหญางอกขึ้นมาอยางนาตะลึง
จนมันสั่นไหวเล็กนอย สวนเตาธาตุน้ำก็ระเบิดออกมาอยางไรขีดจำกัดในชั่วขณะนี้เอง
ขณะที่สรางพลังอันไรที่สิ้นสุดออกมา มือขวาของหวังเปาเลอก็ยกขึ้นทันใดแลวโบกซัด
ไปขางหนา
“คืนพินาศ!”
วิชาคืนพินาศถูกใชออกมาดวยมือของหวังเปาเลอในตอนนี้เอง เมื่อเขาโบกมือ
ความวางเปลาทั้งหมดไปจนถึงความวางเปลาทั่วทุกสารทิศก็กลายเปนสีดำสนิท
ในทันที
“คืนพินาศหรือ” ในความมืดมิดนี้เอง เสียงของเวยยางจื่อดังกอง ในน้ำเสียงแฝง
ไวซึ่งความสนอกสนใจ เห็นไดชัดวาเขาใหความสนใจกับวิชาคืนพินาศเชนนี้ของ
หวังเปาเลอมานานแลว
และชั ่ ว ขณะที ่ เ ขาเอ ย พู ด ออกมา ความมื ด สนิ ท รอบตั ว กลั บ สั ่ น สะท า น
อยางรุนแรง ตาเปลามองไมเห็น แตสัมผัสสวรรคกลับรับรูได ราวกับชั่วขณะนี้เอง
ความมืดมิดผืนนี้ไดกลายเปนผามานที่มีพลังยิ่งใหญอยูดานหลัง กำลังจะฉีกทึ้ง
ในชั่วอึดใจ พลังฉีกกระชากนี้ก็ระเบิดออกมาอยางที่ไมเคยมีมากอน ทามกลาง
เสียงอึกทึกกึกกอง ความมืดมิดรอบดานจากคืนพินาศกลับมีเสียงครืนครางดังออกมา
ทันที รอยแยกขนาดมหึมาปรากฏขึ้นอยูในความมืดมิดผืนนี้จริงๆ แลว
ราวกับมานถูกฉีกออกจนเผยใหเห็น…รางของเวยยางจื่อที่อยูหลังมาน!
“แคนี้เองหรือ” เวยยางจื่อคลายผิดหวังนิดหนอย แตพริบตาตอมา ดวงตาของเขา
ก็หดเกร็งเล็กนอย
เพราะวา…พริบตาที่เขาฉีกกระชากความมืดมิด อาทิตยแรกจากคืนพินาศของ
หวังเปาเลอก็โผลขึ้นมากะทันหัน ยิ่งเปนเพราะกอนหนานี้ตอนที่เอามาใชกับจีเจีย
ก็ถูกอีกฝายใชกระจกโบราณมาสกัดไว ดังนั้นครั้งนี้หลังจากหวังเปาเลอใชคืนพินาศ
ออกมา ดาวเคราะหเตาภายในรางก็สะเทือนดังกึกกอง เตาลอกเลียนระเบิดออก
พรอมระเบิดกฎเตาที่ลอกเลียนมาไวในรางของตนนานในชั่วขณะนี้เอง
กฎวิชานั้นก็คือเตาแหงแสง
เตาชนิดนี้ถูกหวังเปาเลอหลอมรวมเขามาในคืนพินาศและหลอมรวมเข ามา
ในอาทิตยแรกของคืนพินาศ ทำใหพลังของอาทิตยแรกระเบิดขึ้นอีกครั้ง แสงสวาง
ราวกับทองทะเล มันสาดสองไปทางเวยยางจื่อในทันใด
ยังไมจบ ทามกลางทะเลแหงแสงผืนนี้ ระดับจักรวาลทั้งสามคนของสำนักแหง
ความมืดก็ระเบิดพลังออกมาเต็มที่ แมวากอนหนานี้รางกายของพวกเราจะถูกกดดัน
แตเมื่ออยูภายใตวิชาคืนพินาศของหวังเปาเลอก็คลายลงแลว บวกกับการทุมกำลัง
ทั้งหมดของแตละคนอีก ดังนั้นตอนนี้จึงหลุดพนออกมาได
ในหมูพวกเขา สุสานวิญญาณกลายเปนรางจริงทันที กอตัวเปนตนไมสุสานวิญญาณ
ที่ใหญยักษไรใดเปรียบตนหนึ่ง ถึงขั้นที่มองเห็นไดวาบนนั้นมีศพจำนวนไมนอย
แขวนเอาไว ขณะที่มันสั่นไหว อักขระโบราณทั้งหมดก็ลอยออกมา ศพทั้งหมดก็ลืมตา
โพลงเชนกัน มันพัวพันรอบตนไมสุสานวิญญาณพรอมเสียงรองคำราม เกิดเปน
ลมพายุพุงสูความมืดมิดที่ถูกฉีกขาดจนเผยเงารางของเวยยางจื่อทันที
เทพอัฐิก็เชนกัน เขาเปลี่ยนเปนรางจริง กอตัวเปนมีดกระดูกขนาดมหึมาดามหนึ่ง
พรอมอานุภาพนาตะลึง ปราณพิฆาตแผกระจายอยางบาคลั่ง แลวฟนไปยังเวยยางจื่อ
สวนนักบุญมืด ตอนนี้สองมือเขาทำมุทรา ปราณมวงทั่วรางแผกระจาย สุดทาย
ร า งกายเขาก็ ห ลอมละลายกลายเป น ไอหมอกทั ้ ง หมด เมื ่ อ ไอหมอกลอยอวล
มันก็กลายเปนผมยาวสีมวงพวงหนึ่งพุงไปหาเวยยางจื่อ
และยังมีปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณที่ตอนนี้ดวงตาโกรธเกรี้ยว รองคำรามแลว
กระโจนขึ้นไป กระบองในมือขยายใหญไรที่สิ้นสุดราวกับแฝงไวซึ่งพลังสะเทือนฟา
สะเทือนดิน ขณะที่ดานหลังของเขา ตอนนี้มีรอยประทับเตาสามสิบอันปรากฏขึ้น
กะทันหัน ทุกรอยประทับลวนมีเงารางเตาอยางละรางหนึ่งราง!
สุดทายพวกมัน ก็ เข ามาซอ นทั บกั บร างจริ ง และเงาซ อนทั บเหล านั ้ น ล ว นมี
ลั ก ษณะเหมื อ นกับ ตัว เขาทุ ก ประการ พลั ง ฝ ก ตนที่ ต ่ ำ ที ่ส ุ ด ก็ค ื อ ระดับ จั กรพิ ภพ
ชั้นมหาวัฏจักร ถึงขั้นที่ในนั้นยังมีเจ็ดตนที่เปนระดับจักรวาลทั้งหมด!
แมจะเปนเพียงชั้นตน แตเมื่อปรากฏตัวออกมาตอนนี้ก็ยังสั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศ
วิถีเตาของเตาเจ็ดวิญญาณใหความสนใจเรื่องการกลับชาติมาเกิด เปนการ
กลับมาสูโลกแลวบำเพ็ญใหม จุดนี้ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณก็ไมใชขอยกเว น
เพียงแตเขามาเกิดสามสิบกวาครั้งแลว และทุกครั้งก็ถือไดวายืนอยูในตำแหนงสูง
อยางยิ่ง มีอยูเจ็ดครั้งที่กาวสูระดับระดับจักรวาล เมื่อสะสมไปเรื่อยๆ จึงมีระดับสูงสุด
อยางระดับจักรวาลชั้นกลางในชาตินี้ได
เมื ่ อ ตอนนี ้ ร ะเบิ ด ออกมาจนถึ ง ที ่ ส ุ ด จึ ง ทำให พ ลั ง ต อ สู ข องเขาเพิ ่ ม พู น ขึ้ น
อยางมากมายโดยตรง ขณะนี้เอง เขาก็เขามาใกลเวยยางจื่อดวยพลานุภาพกวาดลาง
ทุกสิ่งทุกอยาง
พรอมกันนั้นเอง อาทิตยแรกคืนพินาศของหวังเปาเลอก็เปลงแสงสวางไรที่สิ้นสุด
ราวกั บ กำลั ง จะผุ ด ขึ ้ น มาจากความมื ด มิ ด แล ว ขั บ ไล ค วามดำมื ด ทั ้ ง หมดออกไป
แสงสวางราวกับกระบี่ ฟาดฟนไปทั่วทุกทิศ
กลาวไดวาชั่วขณะนี้ ทุกคนลวนแสดงเคล็ดวิชาลับที่ทรงพลังที่สุดของตนออกมา
เสียงดังสนั่นสะเทือนเลื่อนลั่นทันที ความวางเปลาหลายชั้นที่กดดันอยูบนรางของ
ทุกคนก็เริ่มจะพังทลาย ราวกับทนรับเจตจำนงเตาของพวกเขาทั้งหกคนไมได
ขณะที ่ เ กิ ด เสี ย งดั ง ก อ ง เมื ่ อ ความว า งเปล า แต ล ะชั ้ น แตกสลาย สี ห น า ของ
เว ย ยางจื ่ อ ก็ เ คร ง เครี ย ดขึ ้ น มาในชั ่ ว ขณะนี ้ เ อง เห็ น ได ช ั ด ว า การเผชิ ญ หน า กั บ
การรวมมือของคนทั้งหกนั้น ตอใหเปนเขาก็จำเปนตองรับมืออยางจริงจัง
“พวกเจ า มี ค ุ ณ สมบั ต ิ ไ ด เ ห็ น เต า อย า งที ่ ส องของข า ” เว ย ยางจื ่ อ เอ ย ช า ๆ
ยกมือขวาขึ้นแลวกดลงไปดานหนากะทันหัน
“พลัง!”
ทันทีที่เอยออกมา มือขวาของเขาก็ขยายใหญพรอมเสียงดังสนั่นในพริบตา
คลายกับวาสามารถปกคลุมความวางเปลาของอวกาศไดอยางไรอยางนั้น ราวกับ
ฝามือแหงวิญญาณเทพเจาตกลงมาฉับพลัน
บทที่ 1249 มาถึง
ฝามือยักษทรงพลัง!
พลังยิ่งใหญสายหนึ่งระเบิดอยางมหาศาลขึ้นมาในฝามือขางนี้ เตาที่แฝงอยูบนนั้น
ก็รุนแรงยิ่งนัก นั่นก็คือเตาพลัง เนนที่จุดสูงสุดของพลัง คลายกับสามารถทำลาย
ทุกสิ่งกำจัดทุกอยางได
ดาบกระดูกที่แปลงมาจากเทพอัฐิเขาไปใกลเปนอันดับแรก แตแทบจะทันทีท่ี
เข า ใกล แ ละฟ น ทะลวงไปยั ง ฝ า มื อ นี ้ ด ว ยเสี ย งดั ง สนั ่ น ดาบกระดู ก เล ม นี้
กลับสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นมาตัวเอง รอยร าวสายแล วสายเล าปรากฏขึ ้ น บนนั้ น
อยางคาดไมถึง
สวนตอนนี้ตนไมสุสานวิญญาณก็มาถึงทันที อักขระโบราณและซากศพที่แปลงมา
หรื อ แม แ ต ร า งจริ ง ของต นไมส ุ ส านวิ ญ ญาณก็ ก อ ตั วเป น ลมพายุ ก ระแทกเข ากั บ
ฝามือขางนั้นโดยตรง
เสียงดังกึกกองเทียมฟา อักขระโบราณจำนวนนับไมถวนพังทลายทันที ซากศพ
ก็ ส ง เสี ย งกรี ด ร อ งระทมออกมา เถ า และควั น กระจั ด กระจาย ถึ ง ขนาดที ่ แ ม แ ต
รางจริงของตนไมสุสานวิญญาณก็คลายจะแตกเปนเสี่ยงๆ
เห็นไดชัดวา แคเพียงเทพอัฐิกับสุสานวิญญาณเดิมก็ไมมีทางสั่นคลอนมือยักษ
ของเวยยางจื่อไดเลยสักนิด แตในศึกครั้งนี้ ผูที่ใชเคล็ดวิชาลับออกมาไมไดมีแค
พวกเขาสองคน ในชั่วอึดใจ ผมยาวสีมวงที่แปลงมาจากนักบุญมืดก็เขามาใกลพรอม
เสียงหวีดหวิว มันไมไดโจมตีตรงๆ แตเขาไปพันรัดในชั่วพริบตา อีกทั้งเลือกพัน
เพียงนิ้วเดียวเทานั้น มันพันรัดเปนวงกลมจำนวนนับไมถวนอยางฉับพลัน ยิ่งกวานั้น
ยังมีการกัดกรอนรุนแรง ทำใหนิ้วมือที่ถูกมันพันเอาไวเกิดรอยดางดำขึ้นมาทันที
สวนฝามือของเวยยางจื่อขางนี้ ในที่สุดตอนนี้เอง อานุภาพนาตะลึงของมันก็
หยุดนิ่งเล็กนอยกลางอวกาศและชาลงเพราะการรวมมือกันโดยไมเสียดายอะไรทั้งสิ้น
ของระดับจักรวาลทั้งสามคนจากสำนักแหงความมืด
ขณะที่มันเชื่องชาและเสียงอึ กทึ กดั ง สะทอนก องไม ห ยุ ด กระบองยั กษ ของ
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ หรือแมแตรอยประทับเตาสามสิบกวาตนดานหลังของเขา
ก็มาถึงแลว ขณะที่เกิดเสียงกัมปนาทดังสะเทือนฟา กระบองยักษดามนั้นก็สัมผัสกับ
ฝามือโดยตรง จุดที่มันทุบลงไปก็คือนิ้วที่ผมยาวของนักบุญมืดพันรัดเอาไว
รอยประทับเตากวาสามสิบตนดานหลังกลายเปนเงารางสามสิบรางที่ระเบิดพลัง
ฝกปรือออกมาทั้งหมดพรอมๆ กัน แตละรางพุงเขามาโจมตี ชั่วขณะนี้เอง จะสามารถ
มองเห็นถึงความแข็งแกรงของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณได เขาอาศัยกำลังของคน
คนเดียวตานกับฝามือของเวยยางจื่อที่ยื่นขยายออกมาใหอยูที่เดิมตรงๆ
แมวารางกายของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณจะสั่นระริก เสนเลือดดำที่หนาผาก
ปูดโปน พลังฝกตนทั้งหมดพลุงพลานออกมา แมแตกายเนื้อก็สงเสียงแกรกกรั่ก
อยางทนรับไมไหว แต…ฝามือของเวยยางจื่อกลับไมอาจดันเขามาไดอีกแมแตนอย
ตอนนี้นิ้วชี้บนนั้นสั่นเทารุนแรง จุดที่ถูกผมสีมวงพันรัดเอาไวถูกกัดกรอนอยางชัดเจน
และยังมีรอยประทับจากอดีตชาติของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ ทำใหนิ้วมือนิ้วนี้
บิดเบี้ยว ราวกับจะหักโคน
และการตอตานครั้งนี้ก็ยังไมจบสิ้น อึดใจตอมา…เงารางของเสวียนหัวที่ตลอดมา
ไม ร ู ส ึ ก ถึ ง การมี อ ยู ก ็ เ ปลี ่ ย นแปลงไปทั น ใด ขณะที ่ ล งมื อ พร อ มเสี ย งคำรามต่ ำ
เขาก็กลายเปนดอกบัวสีดำดอกหนึ่ง
เมื่อดอกบัวแหงเหี่ยว ในชั่วพริบตามันกลับกลายเปนพิษ จากนั้นก็พุงทะยานไป
ยังนิ้วมือที่บิดเบี้ยวนิ้วนั้นของเวยยางจื่อ มันอาบยอมทั้งนิ้วในชั่วอึดใจ ทำใหการ
กัดกรอนของนิ้วมือรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทั ้ ง หมดนี ้ ล ว นเกิ ด ขึ ้ น ในชั ่ วพริบ ตา แทบจะขณะเดี ย วกั บ ที ่ เ สวี ย นหั ว ลงมื อ
หวังเปาเลอก็คำรามเสียงต่ำออกมา แสงที่เกิดจากเตาลอกเลียนของเขาผสานเขากับ
อาทิตยแรกคืนพินาศ ตอนนี้อาทิตยแรกผุดขึ้นจนถึงที่สุด ประกายแสงนับไมถวน
ระเบิดออกมาจากขางในแลวเกิดเปนทะเลแสงอันนาสะพรึงพุงไปทำลายความมืดมิด
และฝามือของเวยยางจื่อ
ทะเลแสงผืนนี้เจิดจาบาดตายิ่งกวาที่เคย
มองจากที่ไกลๆ ทะเลแสงคลายจะกวาดมวนแหลงกำเนิดแสงมาทั้งหมด ราวกับ
สามารถชำระทุกอยางและลบเลือนทุกสิ่ง พลานุภาพสะเทือนฟาดังสนั่นออกมา
ปะทะเขากับฝามือพลังของเวยยางจื่อโดยตรง
ตอนนี้เองเสียงดังสนั่นก็สะเทือนแผไปทั่วทั้งอวกาศของตระกูลไมรูสิ้น ดวงดารา
จำนวนนับไมถวนสั่นสะเทือนขึ้นมา ทำใหสิ่งมีชีวิ ตมากมายหูอ ื้อ แมแตอ วกาศ
ก็ยังถลมลงมาในบริเวณกวางเชนกัน สำหรับทั่วทั้งจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นแลว
มันคลายกับวาวันสิ้นโลกกำลังมาถึง
และในบริเวณที่ทั้งสองฝายตอสูกันอยูก็เปนเชนเดียวกัน ฝามือของเวยยางจื่อ
สั่นสะเทือนทันใด ทั้งฝามือคลายจะถูกชำระลางในชั่วพริบตา มันคอยๆ โปรงใส
แตตอนนี้เอง เวยยางจื่อพลันรองฮึเย็นชาดังออกมา ฝามือของเขาก็บีบรัดในชั่วอึดใจ!
การบีบลงมาครั้งนี้ทำใหอวกาศสั่นสะเทือน เสียงหวีดแหลมดังกอง การพังทลาย
ที่ไมเคยมีมากอนแผกระจายออกมาจากจุดที่ทั้งสองฝายตอสูกันทันที หวังเปาเลอ
กระอักเลือด ตัวสั่นรุนแรง รูสึกเพียงแคมีพลังยิ่งใหญกวาดเขามาจากขางหนาราวกับ
ผลักภูเขาพลิกทะเล กอนพุงเขามาภายในรางของตนตรงๆ แลวกวาดผานไปทั่วราง
คอยๆ ทำลายพลังชีวิต รางกายของเขาก็พลันเซถอยอยางไมอาจควบคุมเพราะพลัง
อันยิ่งใหญสายนี้ เขาพนเลือดออกมาสามคำติดตอกัน โชคดีที่แมวาเมล็ดเตาธาตุน้ำ
ภายในรางจะถูกสยบ แตพลังธาตุไมยังคงมีมหาศาลอยางเดิม และในชวงวิกฤต
วิชาลอกเลียนของเขาก็เปลี่ยนไปเปนเตาธาตุทอง
ดวยกฎทองเสริมน้ำที่พยายามเติมเต็มธาตุน้ำที่แหงผากไป จึงทำใหการหลั่งไหล
ของมันมีพลังและหลั่งเขาสูเตาธาตุไม ทำใหพลังชีวิตถูกฟนคืนมาสมบูรณ ขณะที่
พลังยิ่งใหญสายนั้นบุกเขาทำลาย มันก็ซอมแซมตัวเองใหมตอเนื่อง จึงทำใหพลัง
นาสะพรึงที่แพรเขามาในรางถูกกำจัดไปทีละชั้นๆ
สวนปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณนาหดหูยิ่งกวา รางกายกระเด็นไปเหมือนกับ
วาวสายขาด กระอักเลือดออกมามากถึงเจ็ดแปดคำติดตอกัน กระบองยักษในมือ
แตกกระจายแล ว กลายเป น เถ า ถ า นแล ว แต ใ นฐานะที ่ เ ป น ปรมาจารย ข อง
เตาเจ็ดวิญญาณและฝกบำเพ็ญมาไมรูตั้งกี่ป กลับชาติมาเกิดเปนผูเยี่ยมยุทธตั้ง
หลายสิบครั้ง เขาจึงยังมีจุดที่นาอัศจรรยของตัวเองอยู
ตอนนี ้ แ ม ว า อาการบาดเจ็ บ จะสาหั ส แม ว า พลั ง ยิ ่ ง ใหญ ภ ายในร า งสายนั้ น
จะทำลายพลังชีวิตทั้งหมด แตชั่วขณะนี้ แววตาของเขากลับดุดัน ยกมือขวาขึ้นและ
ใชนิ้วมือแตะที่หวางคิ้วของตน วาดลงมาอยางรวดเร็ว ทันใดนั้นรางกายของเขา
ก็ผาแยกเปนสองสวน
แตภายในรางกายที่กำลังฉีกแยกนี้กลับมีตัวเขาอีกคนกระโจนออกมา ราวกับ
ถอดเสื้อผาออกอยางไรอยางนั้น อีกทั้งเห็นไดชัดวารางกายออนวัยกวาสักหนอย
แตอานุภาพยังคงเดิม แมจะยังมีอาการบาดเจ็บอยู แตกลับไมสาหัส
วิธีการเชนนี้ แมวาจะแตกตางกับการฟนฟูพลังธาตุไมของหวังเปาเลอ แตผลลัพธ
ก็เหมือนกัน อาการบาดเจ็บของพวกเขาสองคนลวนอยูในขอบเขตที่สามารถรับได
ทั้งยังสูตอไดอีก
เพี ย งแต … ระดั บ จั ก รวาลสามคนจากสำนั ก แห ง ความมื ด เห็ น ได ช ั ด ว า ไม มี
วิ ช าเช น นี ้ อ ยู ดาบกระดู ก ที ่ แ ปลงมาจากเทพอั ฐ ิ แ ตกสลายโดยสมบู ร ณ แม ว า
สารัตถะของเขาจะรวมตัวกันใหมแลวเกิดเปนเงารางขึ้น แตก็ดำรงอยูเพียงไมกี่อึดใจ
ก็สายหนาเบาๆ มองไปยังอวกาศอยางซับซอนแลวหลับตาลง รางกายแตกกระจาย
อีกครั้งแลวสลายหายไปในอวกาศ
ระดับจักรวาล สิ้นชีพ!
ผูที่สิ้นชีพเชนเดียวกันก็ยังมีสุสานวิญญาณ อักขระโบราณทั้งหมดของเขาสลายสิ้น
ซากศพทั้งหมดลวนกลายเปนเถาถาน ตอนนี้ตนไมสุสานวิญญาณรางจริงของตัวเขา
ก็ ม ี ร อยแตกนั บ ไม ถ ว น ยากจะประคองตั ว ต อ ได ถึ ง ขนาดที่ แ ม แ ต ร า งกายก็ ยั ง
ไมอาจรวมขึ้นใหม มีเพียงเสียงถอนหายใจอันขมขื่นดังออกมาแลวแตกสลายจนสิ้น
มีเพียงนักบุญมืดเทานั้น แมวาผมสีมวงที่แปลงมาจากเขาตอนนี้จะขาดไปกวาครึ่ง
แตก็ยังมวนกระเด็นออกมา สุดทายรวมตัวกันเปนเงารางของเขา แววตาซับซอน
เชนกัน เงียบงันไมพูดจา
สวนโชคของเสวียนหัวดียิ่งกวา เขาถูกหวังเปาเลอกวาดมวนออกมาในชวงวิกฤต
ตอนนี้เมื่อหวังเปาเลอโบกมือก็ถูกปลอยตัวแลว แมวาจะบาดเจ็บสาหัส แตก็ไมมี
อันตรายถึงชีวิต เพียงแตแววตาที่มองไปยังเวยยางจื่อเผยใหเห็นความหวาดกลัว
ไรที่สิ้นสุด
แข็งแกรงเกินไปแลว!
สูกับพวกเขาหกคนดวยกำลังของคนคนเดียว กลับใชเพียงแคฝามือเดียวก็สังหาร
สองคนและทำใหเจ็บหนักทุกคนไดแลว เพียงแต…สำหรับเวยยางจื่อแลว ก็ไมใช
ไมมีคาตอบแทน
ฝามือที่เ กิ ดจากเต าพลัง ของเขาตอนนี ้ ห ายไปแล ว แขนเสื ้ อมื อ ขวาของเขา
กลายเปนเศษซากกระจัดกระจาย และยังมีนิ้วชี้มือขวาของเขา…ตอนนี้ขาดหาย
ไปแลว!
แมวาจะไมมีเลือดไหลออกมา แตจุดที่มันหักไปก็มองเห็นไดชัดเจน ทั้งยังคลาย
จะไมอาจงอกขึ้นใหมได ทำใหเวยยางจื่อขมวดคิ้วมุน กมหนามองดู เมื่อเงยหนาขึ้น
ดวงตาก็ ม ี ป ระกายล้ ำ ลึ ก เผยออกมา จ อ งมองไปยั ง หวั ง เป า เล อ และปรมาจารย
เตาเจ็ดวิญญาณรวมถึงนักบุญมืด
“หาธาตุฟนคืนอีกครั้ง ปอกเปลือกเมล็ดเตา พิษแหงความมืดมิด…”
“นาเสียดาย ถาหากพวกเจาแข็ งแกร งกวานี้ อี กหนอย บางที สิ ่ งที่ ข าเสียไป
อาจไมใ ชแคนิ้วมือหนึ่ง นิ้วก็ไ ด” เว ย ยางจื ่ อเอ ย ช าๆ ดวงตาเผยความเย็ นเยื อ ก
ยกเทาขึ้น กำลังจะกาวออกไป แตในพริบตาตอมา…เขาก็ถอนเทากลับแลวพลัน
เงยหนาขึ้นมองไปยังอวกาศ
“ในที่สุด…เจาก็มาแลว!”
กลางอวกาศ แมน้ำแหงความมืดไหลบาแลวพลุงพลานจากที่ไกลๆ เงารางหนึ่ง
รางสถิตอยูเหนือคลื่นน้ำ ผมยาวทั้งศีรษะ ชุดดำทั้งราง หนึ่งน้ำเตาสุรา หนึ่งกระบี่ไม
นั่นก็คือ…เฉินชิงจื่อ!
บทที่ 1250 ศึกของเฉินชิง
แมน้ำแหงความมืดไหลบาราวกับแยกอวกาศออกเปนสองสวน ดานหลังแมน้ำ
แหงความมืด กลิ่นอายแหงความตายกลิ้งตลบเทียมฟา คลายจะมองเห็นเงารางของ
วิญญาณคนตายนับไมถวนกำลังเกลือกกลิ้งอยูในนั้นไดรางๆ
ดานหนาแมน้ำแหงความมืด อวกาศไมรูสิ้นเปลงแสงเจิดจรัสราวกับมีพลังชีวิต
มหาศาลกำลังระเบิดออกมาตานกับความตาย
เมื่อมองไป ดานหนึ่งคือไมรูสิ้น ดานหนึ่งคือมิติแหงความมืด!
ยิ่งกวานั้นและดานหลังของเฉินชิงจื่อก็มีกลิ่นอายแหงความตายแพรกระจาย
ออกมา ปลาสีดำมหึมาตัวหนึ่งโผลออกมาจากในนั้น แววตาเฉียบคม มันลอยมาอยูบน
เฉินชิงจื่อแลวมองลงไปยังไมรูสิ้น
ขณะเดียวกัน ภายในอวกาศของไมรูสิ้น ที่ขางกายของเวยยางจื่อ ดวงเกราะทอง
ขนาดมหึมาหาใดเปรียบตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นพรอมเสียงรองคำราม มันมองไปยัง
ปลาสีดำตัวนั้นความไมเปนมิตรเต็มเปยม คลายกับวาทั้งสองเปนศัตรูโดยธรรมชาติ
ไมอาจอยูรวมกันได!
“เวยยางจื่อ”
“เฉินชิงจื่อ”
สายตาของทั้งสองฝายบรรจบกันอยางคุนเคย และการจองตากันก็ราวกับแฝงไว
ซึ่งพลังมหาศาล ทำใหอวกาศสั่นสะเทือนแลวเกิดรอยแยกขนาดใหญรอยแลวรอยเลา
เหมือนกับถูกฉีกขาด
หวังเปาเลอและปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณรวมถึงนักบุญมืดทั้งสามคนถอยหลัง
ทันทีโดยไมลังเลแมแตนิด เมื่อออกมาหางแลว พวกเขาก็กระจางแจงดีวาการตอสู
ตอไปนี้ไมใชของพวกเขาอีกตอไป แตเปนของ…เฉินชิงจื่อ
สีหนาของหวังเปาเลอซับซอนเล็กนอย เขาลอบถอนหายใจออกมา ความจริงแลว
ครั้งนี้เขาจะไมลงมือก็ได แตสุดทายเขาก็ยังมาเขารวม เพราะเขาคิดจะสรางโอกาส
ลงมือใหกับเฉินชิงจื่อ
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังเตรียมพรอมรบอยูนั้น วาตามหลักการแลว ฝายหลุดพลัง
ออกมากอนยอมเปนผูเสี ยเปรี ยบ โดยเฉพาะถ าหากตั วเขาบาดเจ็ บด วยยิ ่ ง แล ว
จะทำใหก็ยิ่งเสียเปรียบหนักเขาไปใหญ
และทางฝงเวยยางจื่อก็เปนผูที่จบการเตรียมพรอมรบกอนเพราะการโจมตีของ
หวังเปาเลอและปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณรวมไปถึงคนจากสำนักแหงความมื ด
สองสามคนนั ้ น แม ว า อาการบาดเจ็บ จะไม ห นัก หนา แต น ิ ้ ว มื อ ที ่ห ั ก ไปก็ ไ ม อ าจ
ยอนกลับมาเขา
ตัดนิ้วขาดหนึ่งนิ้ว!
นี่คือขีดสุดที่พวกหวังเปาเลอสามารถทำไดในตอนนี้ แมจะเปนเชนนี้ แตก็ได
ทดสองพลังตอสูของเวยยางจื่อในทางออมดวย กลาวตามตรง มันสามารถทำให
ทางเฉินชิงจื่อมีแผนการอยูในใจได
“สิ่งที่ขาทำไดมีเพียงเรื่องพวกนี้แลว” หวังเปาเลอถอยไปเรื่อยๆ อยางเงียบงัน
และตอนที่พวกเขาสองสามคนถอยหลังมานั้น เสียงของเวยยางจื่อก็คอยๆ ดังกอง
พรอมความโชกโชนผันผวน
“เฉินชิงจื่อ ขาผูสูงสงรอเขามานานแลว” เวยยางจื่อไมสนใจการหนีไปของพวก
หวั ง เป า เล อ ทั ้ ง สามคน ตอนนี ้ ใ นสายตาของเขามี เ พี ย งเฉิ น ชิ ง จื ่ อ ส ว นคนอื ่ น ๆ
ลวนไมอาจเขามาอยูในสายตาของเขาได
มีเพียงเฉินชิงจื่อหลังสืบทอดตำแหนงจักรพรรดิแหงความมืดเทานั้นถึงจะเปน
คนที่เขาสนใจและรอคอยมากที่สุด
แววตาของเฉิ น ชิ ง นิ ่ ง สงบ จดจ อ งไปยั ง เว ย ยางจื ่ อ ตรงหน า เขารู ว า การที่
หวังเปาเลอเปนผูยั่วยุเวยยางจื่อครั้งนี้ก็เพื่อสรางโอกาสใหกับตัวเขา เพื่อทำลาย
การสั่งสมกำลังของเวยยางจื่อ
อันที่จริง เรื่องนี้เปนประโยชนจริงๆ แมวาเขาจะมองออกไปรางๆ วาเวยยางจื่อ
มีจุดประสงคบางอยาง แตก็ยังสามารถทำใหเวยยางจื่อออนแอลงไปไดในระดับหนึ่ง
ทำใหตัวเขามองเห็นขีดจำกัดของอีกฝายได
สวนจุดประสงคของเขา เฉินชิงจื่อก็เดาออกไดเกินครึ่ง อีกฝายคาดหวังการตอสู
กับตน ถึงขั้นที่ใชคำวา ‘รีบรอน’ มาบรรยายถึงระดับความคาดหวังไดเลย
“ยืมมือของขาเพื่อจะไปจากโลกแหงศิลาหรือ…” แววตาของเฉินชิงเผยประกาย
คมกริบ
แมวาจะเดาได แตเขาก็ยังเลือกที่จะสูรบ ถึงขนาดที่วาถาหากพวกหวังเปาเลอ
ไมไดมาวัดขีดจำกัดของอีกฝายใหแกเขา สุดทายเขาก็ยังจะสู เพราะเตรียมการมา
จนถึงที่สุดแลว ตอไปถาหากยังไมสูและตัวเขาเองคิดไมตก เชนนั้น…ศึกกับเวยยางจื่อ
ก็จะกลายเปนจิตยึดมั่นของตัวเขาเชนกัน
“นี่ คือวิถีของขา!” เฉินชิงจื่อพึมพำในใจ พริบตาตอมาแววตาของเขาก็ระเบิด
ประกายแสงแรงกลา ตอนนี้เองจิตแหงการตอสูก็ยิ่งปะทุขึ้นมาในใจของเขากะทันหัน
รางสั่นไหว คนทั้งคนกลายเปนสายฟาสีดำสายหนึ่งฉีกกระชากอวกาศ แลวพุงทะยาน
ไปยัง…เวยยางจื่อ
เวยยางจื่อหัวเราะลั่นขึ้นฟา แววตาฉายแววตื ่น เตน ออกมา ขณะที ่ ก าวเทา
รางกายก็พุงออกมาเชนกัน ทุกกาวที่เหยียบลงก็เกิดเสียงดังสนั่นมาจากทั้งสี่ทิศ
เตาแหงความวางเปลาเขามาละชั้นๆ
เมื่อแตละชั้นรวงลงมาก็ทำใหอวกาศราวกับถูกแชแข็ง ชั่วพริบตาก็มีความวางเปลา
หลายสิบแหงซอนทับกันอยูในที่แหงนี้แลวขวางกั้นอยูตรงหนาเฉินชิงจื่อ แตกลับไมมี
ผลใดๆ ตอเวยยางจื่อแมแตนิด กลับทำใหความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น ขณะที่ผนึกมุทรา
ก็มีเสียงกึกกองดังออกมา ความวางเปลาซอนทับกันเกินกวาหลายรอยชั้นไปแลว
ขณะที่ทั้งสองเขามาใกลกัน ปลาดำจากสำนักแหงความมืดและดวงเกราะทอง
ของตระกูลไมรูสิ้นก็สงเสียงกรีดรองแหลมแลวพุงออกมาเชนกัน พวกมันไมไดสูกัน
ในระยะประชิ ด แต แ ผ ก ฎเกณฑ แ ละวิ ช าเวทของตั ว เองออกมา ทำให อ วกาศ
สั่นสะเทือน มหาเตากูรอง กฎเกณฑและวิชาเวทที่แตกตางกันปะทะเขาดวยกัน
อย า งไร ร ู ป คลื ่ น ความผั น ผวนโหมซั ด กระจายไปทั ่ ว ทุ ก ทิ ศ แผ ข ยายไปทั ่ ว ทั้ ง
จักรพิภพเตาไมรูสิ้น
ไมวาจะเปนเตาฝงซายหรือสำนักเสริม ชั่วขณะนี้ลวนแตสั่นสะทานกันทั้งนั้น
ดวงตาของหวังเปาเลอก็หดเกร็ง เขาและปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณรวมถึง
นักบุญมืดพากันถอยหลังอีกครั้งแลวจองมองศึกครั้งนี้
เสียงอึกทึกกึกกองดังสะทอนไปทั่วฟา แมวาความเร็วของเฉินชิงจื่อที่กลายเปน
สายฟาดำจะนาตะลึง แตหวังเปาเลอก็ยังพอมองเห็นเงารางของเขาได ชุดดำพลิ้วไสว
ผมดำแผสยาย กระบี่ไมในมือขวาที่ยกขึ้นมาฟนทะลวงไปขางหนาในชั่วพริบตา
เสียงหวีดหวิดกึกกองดังตลอดทาง ความวางเปลาทับซอนหลายชั้นที่เดิมที
มองไมเห็นและกอนหนานี้สามารถขัดขวางพวกหวังเปาเลอไวได แตตอนนี้กลับขวาง
เฉินชิงจื่อไมไดเลย
ตอนนี้เมื่อกระบี่ไมเขาไปปะทะ มันก็แตกราวแลวถลมทลายมาตรงๆ ไมวาจะเปน
สิบกวาชั้น หรือวาหลายสิบชั้น หรือนับรอยชั้นก็ลวนไมแตกตาง มันแตกสลายทั้งหมด
พรอมเสียงหวีดหวิวของกระบี่ไม!
ทามกลางเสียงดังสนั่น เฉินชิงจื่อในรางสายฟาดำไดทำลายการทับซอนของ
ความวางเปลาทั้งหมดจนสิ้นซากในทันที แลวมาปรากฏตัวอยูตรงหนาเวยยางจื่อ
กอนฟนกระบี่ลงไป!
เวยยางจื่อเงยหนาหัวเราะ จิตวิญญาณการตอสูในแววตาแรงกลาไรใดเปรียบ
“เฉินชิงจื่อ หวังวาเจาจะไม…ทำใหขาผิดหวัง!” ขณะที่เอย เวยยางจื่อก็ยกมือขวาขึ้น
เตาพลังปะทุออกมาทันใดแลวกดหนึ่งฝามือลงไปที่กระบี่ไมทันที
ฝามือของเขาขยายใหญอยางไรที่สิ้นสุดในชั่วพริบตา กลายเปนฝามือแหงพลัง
แบบกอนหนานี้ราวกับสามารถปกคลุมทั่วทั้งอวกาศได จากนั้นก็ปะทะเขากับกระบี่ไม
ของเฉินชิงจื่อ
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว คมดาบของกระบี่ไมสะเทือนฟาสะเทือนดิน แมวาฝามือ
พลังจะมีอานุภาพเทียมฟา แตในชั่วขณะที่ปะทะกันนั้น มันก็พลันสั่นสะเทือน แมวา
จะกำหมัดลงกะทันหันเพื่อมาหอหุมกระบี่ไมของเฉินชิงจื่อไวภายในก็ตาม แตใน
ชั่วขณะที่กำหมัด กระบี่ไมก็แทงทะลุทุกสิ่งทุกอยางออกมาตรงๆ จากภายในฝามือนี้
พรอมกับแสงเจิดจา
เลือดสาดกระเซ็น ฝามือแตกสลาย เงารางของเฉินชิงจื่อสงบนิ่ง หลังจากเขา
ปรากฏตัวขึ้นพรอมกระบี่ไม ชั่วพริบตาก็มาถึงตรงหนาเวยยางจื่อแลว เขายกมือขวา
ที่จับกระบี่ไมขึ้นมาแลวฟนตรงไปยังลำคอของเวยยางจื่อทันที
รวดเร็วยิ่งนัก!
การตัดตอนนั้นเฉียบคมอยางยิ่ง ราวกับไมมีทางถูกขัดขวางไดเลย สวนเวยยางจื่อ
ในตอนนี้ก็ดูจะหลบไดยาก ขณะที่จิตใจของพวกหวังเปาเลอสั่นสะเทือน พวกเขาก็
มองเห็นเงารางถือกระบี่ไมของเฉินชิงจื่อทะลวงผานขางกายเวยยางจื่อไปตรงๆ!
จนกระทั่งดานหลังของเวยยางจื่อมีแสงเจิดจานับรอยสาย สายฟาดำสลายหายไป
จนเผยใหเห็นรางของเฉินชิงจื่อ สีหนาของเขาเปนปกติ แตแววตาก็ไมนิ่งสงบอีกตอไป
ทวาเผยใหเห็นความเครียดขึง มองไปยังเวยยางจื่อที่ยืนอยูที่เดิมและเสียแขนไป
หนึ่งขาง
เมื่อครูในชวงหัวเลี้ยวหัวตอหลังจากนั้น กระบี่เลมนั้นถูกพลังแปลกประหลาดที่
แผออกมาจากภายในรางของเวยยางจื่อบังคับเปลี่ยนทิศทาง ดังนั้นสิ่งที่เขาเสียไป
จึงไมใชหัว แตเปนแขน
มือขวาของเวยยางจื่อขาดออกจากรางกาย ถึงขั้นที่หลังจากขาดออกมาแลว
แขนที่ขาดไปก็คลายจะแบกรับพลังทำลายลางจากภายในไมได จึงเริ่มแตกสลาย แต…
เวยยางจื่อที่ยืนอยูตรงนั้น ตัวของเขากลับมีแขนขางใหมงอกออกมาเสียได
“สมกับที่ขาผูเฒารอมาหลายปเพื่อรอการตอสูครั้งนี้ เฉินชิงจื่อ…เจาไมทำใหขา
ผิดหวัง!” มุมปากของเวยยางจื่อเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้น
เรื ่ อ ยๆ ในที ่ ส ุ ด มั นก็ ส ะทอ นก อ งอยู ใ นอวกาศ ทำให ค วามว า งเปล า สั่ น สะเทื อ น
จนแตกราวติดๆ กัน
แมแตนักบุญมืด เปนเพราะวาบาดเจ็บ ตอนนี้ทามกลางเสียงหัวเราะนี้ รางกาย
ของเขากลับทนรับไมไหว เกือบจะสยบอาการบาดเจ็บไวไมไดอยูแลว ปรมาจารย
เตาเจ็ดวิญญาณและหวังเปาเลอก็มีสีหนาอึมครึมในพริบตา
บทที่ 1251 กระบี่ไม
เฉินชิงจื่อแข็งแกรงมาก เขาสามารถทำลายเตาแหงความวางเปลาและฝามือ
แหงพลังไดในหนึ่งดาบ แมวาอยางหลังจะขาดนิ้วมือไปหนึ่งนิ้วและไมสมบูรณก็ตาม
แตเขาก็สามารถใชกระบี่ไมหนึ่งดามทำลายทั้งมือไดในชั่วพริบตา ทั้งยังฟนแขนขวา
ของเวยยางจื่อไปดวย เรื่องนี้อธิบายถึงความนาสะพรึงของเฉินชิงไดเลย
แต…ทางดานเวยยางจื่อคลายจะนาสะพรึงยิ่งกวา แมวารางเดิมของเวยยางจื่อ
จะมีสามหัวหกแขน แต…พอแขนขาดไปขางหนึ่ง ไมวาจะเปนตระกูลไมรูสิ้นคนใด
ก็ยอมมีอานุภาพออนแอลง แตตอนนี้พลานุภาพของเวยยางจื่อกลับไมใชแคไมออนแอ
กลับกัน ขณะที่เสียงหัวเราะดังออกมา เขาก็ยิ่งแข็งแกรง
“เจาไมเหมือนกับตระกูลไมรูสิ้นคนอื่น” ดวงตาของเฉินชิงฉายแววดุราย จดจองไปที่
เวยยางจื่อแลวเอยขึ้นชาๆ
“ยอมไมเหมือน เดิมตระกูลไมรูสิ้นก็ไมมีรางเดิมอยูแลว สิ่งที่เรียกวาสามหัวหกแขน
นั้น…เปนเพียงชีพจรวิชาเทพเทานั ้น และชี พจรวิ ชาเทพนี ้ … ก็ ไม ได น ำมาแทนที่
โชคชะตา แตนำมา…ผนึกพลัง!”
“เฉินชิงจื่อ ใหขาผูเฒาไดเห็นขีดจำกัดของเจาหนอยเถอะ ดูวาเจาสามารถทำให
ชายชราผู น ี ้ ป ลดผนึ ก ทั ้ ง หมดแล ว แสดงพลั ง ต อ สู ท ี ่ แ ท จ ริ ง ออกมาได ห รื อ ไม ! ”
ความคาดหวั ง ในแววตาของเว ย ยางจื ่ อ เข ม ข น ยิ ่ ง ขึ ้ น ประกายแสงในดวงตา
เปลงออกมาพรอมเสียงหัวเราะลั่น ชั่วขณะนี้ ทั่วรางของเขามีแสงเจิดจาสาดสอง
ออกมาโดยมีศีรษะเปนแหลงกำเนิดในทันที
แสงนี้คลายกับอาทิตยแรก แตกลับแรงกลาเสียยิ่งกวา ราวกับวารางกายของเขา
กลายเปนแหลงกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียวของทั้งจักรวาล เมื่อมันแผกระจายออกมา
ก็ทำใหรูสึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ยากจะพรรณา
นี่คือ…เตาแสงแสวาง!
“เวยยางจื่อผูนี้มีกี่เตากันแน” หวังเปาเลอหรี่ตาลง สีหนาของปรมาจารยเตา
เจ็ดวิญญาณขางๆ ก็เครงเครียดยิ่งกวาเดิม เมื่อพวกเขามองไป เวยยางจื่อก็กางแขน
ออก ทันใดนั้นแสงสวางบนรางของเขาก็กลายเปนทองทะเลและระเบิดสาดซัดไป
ทั่วทุกทิศ
“ตองขอบคุณศิษยนองเล็กของเจา คืนพินาศของเขามอบแรงบันดาลใจใหขา
ที่แทเตาแหงแสงก็ใชเชนนี้ไดดวย!” ทามกลางเสียงหัวเราะของเวยยางจื่อ ทะเลแสง
ที่แผซานอยูบนรางของเขาก็พุงไปจัดการกับเฉินชิงจื่อดวยอานุภาพสะเทือนฟา
สะเทือนดินตรงๆ
ในดวงตาของเฉินชิงจื่อมีประกายเย็นชาวาบผาน เขาไมไดหลบ แตคลายมือขวา
ออกแลวถือโอกาสผนึกมุทรา ชี้ไปที่กระบี่ไมที่ถูกเขาคลายออกจนมันพุงออกไป
ดวยตัวเอง
“รางที่สอง!” เพียงแคคำสามคำ แตพริบตาที่มันดังออกมาจากปากของเฉินชิงจื่อ
กระบี่ไมที่พุงออกไปดวยตัวเองก็โปรงใสในชั่วพริบตาราวกับไมมีอยูจริง!
เมื่อแสงทั้งหมดสัมผัสเขากับกระบี่ไมโปรงใส มันก็ทะลวงผานไปตรงๆ ไมกอเกิด
เปนอุปสรรคขวางกั้นกันและกันแมสักนิด เพราะความโปรงใสเดิมทีก็บรรจุทุกสิ่ง
ทุกอยางเอาไวอยูแลว
ในชั ่ ว อึ ด ใจ กระบี ่ ไ ม โ ปร ง ใสก็ ท ะลวงผ า นทะเลแห ง แสง พุ ง ทะยานไปยั ง
เวยยางจื่อ สวนเตาแหงแสงสวางของเวยยางจื่อก็สงเสียงหวีดหวิวเขามาใกลกับ
เฉินชิงจื่อเพื่อบดขยี้เขาใหสิ้น
ฉากนี้รวดเร็วหาใดเปรียบ แมแตหวังเปาเลอหรือปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ
ก็ทำไดเพียงฝนพยายามมองเห็นใหชัดเจนเทานั้น ชั่วพริบตา เสียงดังกองกังวาน
เทียมฟาก็สะทอ นกองไปทุกสารทิศ อวกาศในบริเวณที ่ทั ้งสองฝ ายสั มผัสกั นถู ก
ทำลายสิ้นโดยสมบูรณและเกิดเปนหลุมดำ
แตหลุมดำที่สามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอยางแหงนี้ ในชั่วขณะนั้นกลับคลาย
สูญเสียพลังของตัวเอง ยากจะทำอะไรเฉินชิงจื่อกับเวยยางจื่อแมเพียงนิด
แต ท ะเลแสงนั ้ น ไม ธ รรมดาเลยจริ ง ๆ ตอนนี ้ ห ลั ง จากมั น แพร ก ระจายไปหา
เฉินชิงจื่อแลวก็ทำใหรางกายของเฉินชิงจื่อตองถอยรนออกไป รางกายคลายจะถูก
แทรกซึมอยางรวดเร็ว มองจากตาเปลาเห็นไดวากำลังจะถูกแสงสวางครอบคลุมไป
จนหมด โชคดีที่ในชั่วอึดใจก็มีปราณมืดที่มาพรอมความตายอันเขมขนแผซานออกมา
จากภายในรางของเฉินชิงจื่อ มันตอตานกับทะเลแสง ทามกลางการสยบและขับไล
ระหวางกันนี้เอง รางของเฉินชิงจื่อก็หยุดลงทันใด ไมใชแคไมถอยหลังตอ แตถึงขั้น
พุงออกมาอยางฉับพลัน
เขาพุงไปยังทะเลแสงตรงๆ และปลอยใหทะเลแสงแพรกระจายเขาไปในราง
โดยอาศั ย กลิ ่ น อายความตายมาต า นไว ความเร็ ว เขาสู ง มาก ถึ ง ขนาดเกิ น กว า
ความเร็วของกระบี่ไมเสียอีก พริบตาก็ไลตามมาทันแลวควาจับกระบี่ไมที่เขามาใกล
เวยยางจื่อได จากนั้นก็เคลื่อนมันไปที่ศีรษะของเวยยางจื่อดวยความเร็วที่รวดเร็วและ
นาสะพรึงยิ่งกวาเมื่อกอน!
ภาพนี้เกิดขึ้นอยางไมทันตั้งตัว คิดไมถึงวาเฉินชิงจื่อที่อยูใตทะเลแสงและคลาย
ไม อ าจประคองตั ว เองต อ ไปได จ ะพลิ ก สถานการณ ไ ด ใ นชั ่ ว อึ ด ใจ ถึ ง ขั ้ น ที่
ระเบิดความเร็วเกินจินตนาการออกมา แมแตทางดานเวยยางจื่อก็ยังใจแกวง
“เขาซอนพลังไว!!” ความคิดนี้เพิ่งจะลอยขึ้นมา รางของเฉินชิงจื่อที่ถือกระบี่ไม
ก็เขามาใกล เขาฟนไปยังศีรษะของเวยยางจื่อตรงๆ โดยไมลังเลสักนิด กระบี่ไม
ของเขายังคงโปรงใสเชนเคย ถึงขนาดที่ในชั่วขณะนี้เอง บนกระบี่ของเขายังระเบิด
พลานุภาพเหนือล้ำยิ่งกวาแตกอนออกมาอีกดวย
เห็นไดชัดวาการเปลี่ยนเปนโปรงใสเมื่อกี้ ไมใชรางที่สองที่ทำใหไมสมบูรณแบบทันที
เฉินชิงซอนพลังเอาไวจริงๆ ดวย และกระบี่ไมดามนี้…ภายใตการควบคุมของเขา
ก็เปนเชนเดียวกัน
ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอยางระเบิดออกมา อวกาศสองสวาง แสงกระบี่ลนหลาม เงาราง
ของเฉินชิงจื่อวาบผานขางกายเวยยางจื่อไป เลือดพุงออกมาจากคอของเวยยางจื่อ
หัวของเขากระเด็นขึ้นสูง
ยังไมจบ หลังจากวาบผานตัวเวยยางจื่อไป แมวาเฉินชิงจะไมไดหัน กายมา
แต ม ื อ ถื อ กระบี ่ ไ ม ฟ น ลงไปหนึ ่ ง พั น กระบี ่ อ ยู ข า งหลั ง ทุ ก กระบี ่ ท ี ่ ฟ น ลงไป
มีพลังสะเทือนฟาระเบิดออกมา ทั้งหมดพุงไปโจมตีรางขาดหัวของเวยยางจื่อ
แตหนึ่งพันกระบี่นี้กลับไมไดแสดงพลังที่สมควรมีออกมา เพราะวา…ความวางเปลา
หลายชั้นกำลัง พุงเขามาถึง ในชั่วอึ ดใจ สิ ่ ง ที ่ สร างความว างเปล าเหล านี้ ขึ ้นก็คือ
มื อ ซ า ยของเว ย ยางจื่ อ ในชั ่ ว พริ บ ตา มื อ ซ า ยของเขาก็ ค ล า ยเป น แหล ง กำเนิ ด
ความวางเปลา ชั่วขณะเดียวความว างเปล านั บร อยชั ้ น ก็ ซ อนทั บกั น จนเกิ ดเปน
แนวขวางกั้น
แมจะเปนเชนนี้ แตเฉินชิงจื่อก็ไดเตรียมทาไมตายนี้มานานแลว ไมใชจะสามารถ
ทำลายกันไดงายๆ ความวางเปลานับรอยทับซอนกันของเวยยางจื่อจึงพังทลาย
โดยพลัน สิ่งที่ถูกทำลายไปดวยก็ยังมีมือซายของเขา
เขาใชสิ่งนี้เปนเครื่องแลกเปลี่ยน สุดทายก็สามารถทำลายทาไมตายของเฉินชิงจื่อได
ขณะเดียวกัน ลำตัวของเวยยางจื ่ อ ก็ ถ อยหลั ง กะทั น หั น ตอนนี ้ บนลำคอที ่ ไ ร หั ว
มีปราณมืดแผออกมาแลวกอตัวเปนหัวที่สอง ขณะเดียวกันมือซายที่เสียไปของเขา
ก็งอกออกมาใหมอีกครั้ง
อีกทั้ง ในชั่วขณะที่แขนซายข างใหม น ี ้ ปรากฏขึ ้ น มากลั บมี สายฟ าพั ว พั น อยู
พลานุภาพแข็งแกรงยิ่งกวาเดิม แต…ทั้งหมดนี้เมื่อเทียบกับหัวที่สองที่งอกออกมาแลว
เห็นไดชัดวาไมใชสวนสำคัญเลย
พริ บ ตาที ่ ห ั ว ที ่ ส องของเขาปรากฏขึ ้ น ความว า งเปล า ก็ ส ะเทื อ นเลื ่ อ นลั่ น
อวกาศสั่นไหว ความชั่วรายดำมืดไรใดเทียมปะทุออกมาในพริบตา คลายกับไอมาร
เหมือนกับเตามาร แตกตางโดยสิ้นเชิงกับแสงสวางกอนหนานี้ และถึงขนาดทรงพลัง
ยิ่งกวาดวย
แมแตกลิ่นอายของเวยยางจื่อก็เปลี่ยนไปทันทีพรอมกับการปรากฏขึ้นของหัวที่สอง
ผมของเขาปลิวไสว ทาทางองอาจ ทั่วรางแผความชั่วรายไรที่สิ้นสุด เขายืนอยูตรงนั้น
ปราณมืดแผออกมานอกรางราวกับสามารถกัดกรอนจิตใจทั้งหมดได
“นาสนใจ!” เขาสั่นศีรษะ มุมปากของเวยยางจื่อเผยรอยยิ้มเหี้ยมออกมา เขามอง
ไปยังเฉินชิงจื่อที่มีสีหนาอึมครึมเล็กนอย และเฉินชิงจื่อก็มองเห็นเตาของเวยยางจื่อ
แลว
อันที่จริง ชั่วขณะนี้หวังเปาเลอกับปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณก็มองเห็นความจริง
แลวเชนกัน
เว ย ยางจื ่ อ มี ส ามหั ว หกแขน ทุ ก หั ว แฝงไว ซ ึ ่ ง มหาเต า หนึ ่ ง สาย ทุ ก แขน
ก็เชนเดียวกัน อยางเชนหัวที่ถูกตัดไปนั้นแฝงไวซึ่งเตาแหงแสงสวาง และหัวที่สองนี้
ก็เห็นไดชัดวาเบนไปทางสายมาร เปนเตาประเภทความมืด
ส ว นแขนของเขา สองข า งที ่ ถ ู ก เฉิ น ชิ ง จื ่ อ ตั ด ทิ ้ ง ไปนั ้ น ข า งหนึ ่ ง แฝงไว ซึ่ ง
เตาพละกำลัง อีกขางก็เปนเตาแหงความวางเปลา สวนแขนขางใหมที่งอกออกมานี้
เมื ่ อ เห็ น ว า มี ส ายฟ า พั ว พั น อยู ก ็ ร ู เ ลยว า มั น คื อ เต า อั ส นี นี ่ ย ั ง เป น แค ค รั ้ ง ที ่ ส อง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทุกครั้งที่เวยยางจื่อเสียหัวหรือแขนไป พลังฝกปรือของเขาก็คลาย
ถูกปลดผนึกจริงๆ มันแข็งแกรงทรงพลังยิ่งกวาเดิม หากเปนเชนนี้ตอไปความยากที่จะ
เอาชนะก็จะเพิ่มขึ้นอยางไมมีที่สิ้นสุด
หวังเปาเลอตัวสั่นเทาอยูเงียบๆ เขาเดินออกมาทันที ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ
ก็กัดฟนพุงออกมาเชนกัน เดิมทีพวกเขาไมคิดเขารวมรบ แตเมื่อดูจากตอนนี้แลว
แมวาพลังชวยเหลือจะไมมากนัก แตก็ไมอาจทนดูตอไปได
“ดู เ ฉยๆ ก็ พ อ!” แต ข ณะที ่ ท ั ้ ง สองคนพุ ง ออกมา เฉิ น ชิ ง จื ่ อ ก็ เ อ ย ขึ ้ น ทั น ใด
แววตาของเขามีความเย็นชาสองวาบ เขาจดจองไปยังเวยยางจื่อ ยกมือขวาขึ้นโบก
แลวเอยออกมา
“รางที่สาม!”
บทที่ 1252 ฆาทั้งชีวิต
การฝกบำเพ็ญทั้งหมดในชีวิตของเฉินชิงจื่อ กอนที่จะผสานเขากับเตาธาตุมืด
เขามีอยูเพียงเตาเดียว!
และเตาชนิดนี้ไมใชเตาธาตุมืด
ความจริงแลวหลังจากทรยศสำนักแหงความมืด เขาก็ละทิ้งเตาธาตุมืดของตนไป
จากนั้นผานมาหลายปก็ไมไดฝกใหม ดังนั้นตั้งแตตนจนจบ เตาของเขา…ตั้งแตอดีต
จนถึงปจจุบัน จึงมีเพียง…เตากระบี่!
ทุกสิ่งทุกอยางลวนอยูบนกระบี่ไมในมือเขาเลมนี้ หนึ่งชีวิตแสวงหากระบี่นี้
หนึ่งชาติเดินเพียงหนึ่งเตา
ดังนั้นแมวาตอมาเขาจะผสานรวมกับเตาธาตุมืด แตสวนใหญแลวเพียงแคเปน
การหยิบยืมพลังเทานั้น เตากระบี่สิถึงจะเปนทุกอยางของเขา และกระบี่ไมที่อยูคู
กับเขามาเนิ่นนานเลมนี้ วัสดุของที่ใชก็ธรรมดาสามัญอยางยิ่ง
กลาวใหถูก มันคือแผนไมแผนหนึ่ง เปนแผนปายแผนหนึ่ง
ภรรยาผูถึงแกกรรมของเขาที่ทั้งชีวิตนี้เขาเคยเห็นเพียงวิญญาณ และเคยวาดภาพ
ใบหนายามอยูในโลกหลังความตายของนาง นี่ก็คือแผนปายของนาง ไมวาการที่
วิ ญ ญาณดวงนี ้ เ กิ ด ขึ ้ น มาจะเป น อุ บ ายก็ ด ี ห รื อ ความบั ง เอิ ญ ก็ ช า ง สิ ่ ง เหล า นี้
ลวนไมสำคัญ สุดทาย…หลังจากไปเกิดใหมในอนาคต วิญญาณของภรรยาเขาก็จะ
สิ้นวาระไป สลายหายราวกับเถาถาน
ที ่ เ ขาทรยศสำนั ก แห ง ความมื ด แม ว า จะไม ใ ช เ หตุ ผ ลนี ้ ท ั ้ ง หมด แต ส ุ ด ท า ย
ดวงวิญญาณนี้ก็ถือวาเปนตนเหตุชักพา และฝงลึกอยูในใจของเขา หลายปมานี้
ลวนไมเคยสูญสลาย
ดังนั้น หลังจากเขาทรยศสำนักแหงความมืดแลวไปยังตระกูลไมรูสิ้น ยืนอยูหนา
แผนปายตอนที่ดวงวิญญาณดวงนี้ยังอยู เขาเงียบงันอยูนาน กอนนำแผนปายนี้จากไป
หลังจากนั้น ขางกายเขาก็มีกระบี่ไมเลมหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
กระบี่นี้ติดตามเขามาจนถึงทุกวันนี้ แตในสายตาของเขาแลว เขาก็แยกไมถูก
เหมือนกันวาเตาของตนคืออะไร บางทีอาจจะเปนเปนเตากระบี่อยางหนึ่งจริงๆ ก็ได
เพราะเขาสัมผัสไดวาบนกระบี่ไมเลมนี้มีระดับขั้นอยูสามขั้น
ขั้นแรกก็คือรางกระบี่ไม สามารถรบไดหลายหมื่นพันครั้ง อยูยงคงกระพัน
ขั้นที่สองก็คือกลายเปนวิญญาณ ระเบิดอานุภาพออกมาหลายชั้น ไมสนใจเตาทุกใดๆ
ฟาดฟนสังหารทั้งหมด
สวนขั้นที่สามหรือก็คือรางที่สาม มันเคยปรากฏขึ้นในใจของเฉินชิงจื่อเทานั้น
ไมเคยแสดงใหโลกเห็น
เขาเรียกรางที่สามนี้วา…ความทรงจำ
แม จ ะชื ่ อ ว า ความทรงจำ แต ก ลั บ ไม เ กี ่ ย วอะไรกั บ กาลเวลาเลย ถึ ง ขนาดนี้
ไมมีความสัมพันธใดๆ กับมันเลยแมแตนิด เพราะวารางที่สามนี้…แมจะยังไมเคย
แสดงออกมา แตทุกครั้งที่ปรากฏขึ้นมาในใจเขาก็จะทำใหจิตสังหารของเขาพวยพุง
จนถึงระดับที่ยากจะพรรณนา
ดังนั้น นาจะเปนเตาสังหาร
เฉินชิงจื่อพึมพำ จองมองไปยังกระบี่ไมตรงหนา มองดูกระบี่เลมนี้สั่นระริก
ในชั่วขณะหนึ่ง บนนั้นมีเปลือกไมปรากฏขึ้นทีละชั้นๆ จนกระทั่งถึงชั้นสุดทายก็ทำให
อวกาศสั่นสะเทือน ทำใหสีหนาทาทางของเวยยางจื่อเปลี่ยนไปเพราะจิตสังหารนี้
และทันใดนั้นกระบี่ก็ระเบิดพลังมหาศาลออกมา
จิตสังหารนี้สามารถสั่นคลอนไดทั้งแปดทิศ
จิตสังหารนี้สามารถสั่นสะเทือนดวงดาว
จิตสังหารนี้สามารถทำใหจักรวาลพรามัว!
“ความทรงจำในชีวิตนี้ของขา…ลวนเปนการเขนฆา” เฉินชิงพึมพำเสียงเบา
ไมไดมองไปยังเวยยางจื่อแตจดจองที่กระบี่ไม เขายกมือขึ้นจับกระบี่อยางนุมนวล
แลวกาวหนึ่งกาวไปขางหนากอนเหวี่ยงกระบี่ตามใจชอบ เกิดเปนประกายกระบี่
หนึ่งสายที่ทำใหอวกาศคลายจะมืดมิดในชั่วพริบตาและมีเพียงประกายแสงของ
กระบี่เลมนี้เทานั้นที่สองสวาง
มันพุงไปหาเวยยางจื่อที่หนาเปลี่ยนสีและตกใจจนพูดไมออกฉับพลัน
“นี่มัน…เตาอะไรกัน เตากระบี่หรือ ไมใช! เตาสังหารหรือ ก็ไมใช!” จิตใจของ
เวยยางจื่อสะเทือนกึกกอง นี่เปนครั้งแรกที่ในใจของเขารูสึกถึงวิกฤตแบบที่ไมเคยมี
มากอนหลังจากตอสูกับเฉินชิงจื่อมาจนถึงตอนนี้
แมวาหัวที่สองของเขาจะมีปราณมารมหาศาล แมวาพลังฝกตนและพลังรบ
ของเขาจะทรงพลังยิ่งกวาแตกอนอยางยิ่ง ทวาชั่วพริบตานี้เอง เขากลับถอยหลัง
เปนครั้งแรก
“กอนจะกราบเขาสำนักแหงความมืด บิดามารดาขาตายในสงคราม ขากราบเขา
สำนักแลวร่ำเรียนกระบวนวิชาสังหารคน…” เขาไมสนใจการถอยหลังหลบเลี่ยงของ
เวยยางจื่อ เฉินชิงจื่อยังคงเอยพึมพำ สุมเสียงแผวเบา คลายจะกองกังวานไปกับ
มหาเตาและดังสะทอนไปทั่วทั้งแปดทิศ แมแตปลาสีดำเตาสวรรคสำนักแหงความมืด
และดวงเกราะทองเตาสวรรคไมรูสิ้นก็ยังตัวสั่นระริก สีหนาฉาวแววเกรงกลัว
อันตรายไรที่มาทำใหภายในใจของพวกมันสั่นเทา
“หลังจากร่ำเรียนเสร็จแลว ขาก็ฆา!”
“ฆาไปหนึ่งคาย ฆาไปหนึ่งกองทัพ ฆาไปหนึ่งประเทศ เพื่อเซนศพบิดามารดาขา”
เห็นอยูวาเสียงของเฉินชิงจื่อแผวเบาและเนิบนาบ แตคำพูดที่เอยออกมาทุกคำราวกับ
กอตัวเปนพลังกดดันมหาศาลทำใหเตาสวรรคตองถอยหลบ ทำใหเวยยางจื่อตอง
หลบหลี ก ไปเรื ่ อ ย แต ส ุ ด ท า ยยั ง ไมท ั น ที ่เ ขาจะหลบได อ ย า งสมบูร ณ คำพู ด ของ
เฉินชิงจื่อก็ดังขึ้นแลวกาวออกมาเปนกาวที่สาม ปราณกระบี่หนึ่งสายพุงมาถึงตัวเขา
ตรงๆ
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ภายในวิกฤตถึงชีวิตอันแรงกลา เวยยางจื่อยกมือขวาขึ้น
แขนของเขาแผกระจายเมฆหมอกแปรผันออกมาในชั่วพริบตา แตยังไมทันที่เตา
ซึ ่ ง แฝงอยู ใ นแขนของเขาจะถู ก ใช อ อกมาโดยสมบู ร ณ ปราณกระบี ่ ก ็ ม าถึ ง แล ว
มันวาบผานไปโดยพลัน แขนขวาของเวยยางจื่อก็พังทลายทันที
ความเจ็บปวดรุนแรงทำใหสีหนาของเวยยางจื่อพลันเปลี่ยนไปรวดเร็ว แมวา
มือขางใหมจะงอกออกมาพรอมกับลมพายุพัดกระจาย แตอันตรายถึงชีวิตแบบนั้น
ก็ยังทำใหเวยยางจื่อถอยหลังอีกครั้ง
“หลังจากนั้น ขาก็ไดพบกับอาจารยผูมีพระคุณ ไดรับการชี้แนะจากอาจารย
วางดาบไมฆาคน กราบเขาสูสำนักแหงความมืด…”
“ในสำนักแหงความมืด ขาสง วิ ญ ญาณคนตายข ามฟาก ดู แล วดี ง ามบริสุทธิ์
เดินทางเพื่อการกลับชาติมาเกิดของเตาสวรรค แตความจริงแลว…นี่ยังคงเปนการฆา
เพียงแตครั้งนี้ สิ่งที่ฆาคือวิญญาณ!” เฉินชิงจื่อแยมยิ้ม เพียงแตรอยยิ้มนี้ไมมีคลื่น
ผันผวนของความรูสึกใดๆ เลยสักนิด กระบี่ไมในมือกวาดผานไปพรอมคำพูดของเขา
จิตสังหารทำใหอวกาศเย็นยะเยือก เวยยางจื่อกรีดรองออกมา แขนพายุที่เพิ่งจะ
งอกออกมาของเขาพังทลายอีกครั้ง!
“นี่มันเตาอะไรกันแน!!” เวยยางจื่อหนังศีรษะชา เขามองออกวาสภาวะของ
เฉิ น ชิ ง จื ่ อ ในตอนนี ้ แ ปลกประหลาดอย า งยิ ่ ง ดู เ หมื อ นอยู ต รงนี ้ แต ค วามจริ ง
ก็ ค ล า ยไมไ ด อ ยู และพลั ง เทพที่ ต นใชอ อกมากลั บไมอ าจสง ผลใดๆ ได เ ลย ทว า
แตละกระบี่ของอีกฝายลวนแตนำพาวิกฤตยากจะอธิบายมาใหกับเขา
“ขาเหนื่อยลาแลว การหายไปของภรรยาในชีวิตหลังความตายทำใหขาอยากจะ
ทำลายชีวิต ดัง นั้นขาจึง ทรยศสำนั กแห ง ความมื ด และในศึ กครั ้ ง นั ้ น ข าก็ ย ั ง ฆ า
ฆาเพื่อนรวมสำนักในวันเกากอนที่สำนักแหงความมืด ฆาผูฝกตนตระกูลไมรูสิ้น
ที่บุกรุกเขามา…”
“เดิมทีคิดวาเมื่อศึกนี้จบลง ขาจะไมฆาอีกแลว ไมคิดเลยวา…ในจักรวาลของ
ตระกูลไมรูสิ้น ขากลับเกิดการหวนนึกถึง หวนนึกถึงสำนักแหงความมืด หวนนึกถึง
ศิษยนองเล็ก หวนนึกถึงอาจารย…”
“ความทรงจำก็ เ หมื อ นยาพิ ษ เหมื อ นแมลงพิ ษ กลื น กิ น ทุ ก อย า งของข า
วิธีกำจัด…มีเพียงฆา!” สีหนาของเฉินชิงจื่อนิ่งสงบ แตคำพูดที่เอยออกมากลับทำให
คนที่ไดยินตกตะลึงอยูในใจ ปราณกระบี่มากมายยิ่งระเบิดออกมาอยางไรที่สิ้นสุด
ในช ว งวิ ก ฤตนี ้ เ อง สองมื อ ของเวย ยางจื ่ อ ผนึ ก มุ ท รา ตอนนี ้ ส องมื อ ของเขา
ก็คือสองแขนสุดทายจากหกแขน หนึ่งแขนคือสายฟา อีกหนึ่งแขนนั้น หลังจาก
งอกออกมาก็คลายเปนหลุมดำ แฝงไวซึ่งเตาแหงการกลืนกิน
ขณะนี้เมื่อทำมุทรา สายฟาก็ระเบิดออกมา การกลืนกินสะเทือนสวรรค ยิ่งมี
เงามารที่เกิดจากปราณมาร จึงเหมือนกับเทพมารมาเยือนและปรากฏกายอยูดานหลัง
ตัวเขา คลายกับสยบทุกสิ่งทุกอยางเอาไว
เสียงอึกทึกกึกกอง เมื่อปราณกระบี่มาถึง เงามารสั่นสะเทือน ปราณกระบี่ทุกสาย
ฉีกกระชากมันไปไมนอย สวนตัวของเวยยางจื่อก็ถอยรนไมหยุดยั้ง ดวงตามีความ
บาคลั่งปรากฏอยู
“ขาฆาหมื่นตระกูล ขาฆาไมรูสิ้น ขาฆาแมทัพสวรรค ขาฆาจักรพรรดิสวรรค!”
“ขาเปนรอยป ฆาเปนพันป ฆาเปนหลายหมื่นป!”
“แต เ หตุ ใ ด ภายในใจของข า ยั ง ถู ก พิ ษ รุ ก ราน เหตุ ใ ด ข า ถึ ง ยั ง หวนนึ ก ถึ ง …
เพื่อเตาสวรรคสำนักแหงความมืดแลว ขาฆาหมื่นวิญญาณ เพื่อบรรลุถึงจุดสูงสุด
ขาฆาอาจารย ตอนนี้… ขาก็ฆามาจนถึ งโลกคนเปน ฆ าสิ ่ ง กี ดขวางทั้ งหมด ฆ า…
มหาเทพไมรูสิ้น!” เฉินชิงพลันเงยหนาขึ้น ชั่วพริบตานี้เองกระบี่ไมในมือก็มีจิตสังหาร
พุงถึงระดับสะเทือนฟาไมอาจบรรยายได ถึงขั้นมีรอยราวหลายเสนปรากฏอยูบนนั้น
ราวกับตัวมันยากจะทนรับไหว เมื่อเฉินชิงจื่อเงยหนาขึ้นแกวงดาบ กระบี่นี้ก็พุงออกไป
ทันใด
ปราณกระบี่รุนแรงไมรูจบยิ่งกวากอนหนานี้ฟนลงมาในชั่วอึดใจแลวตกลงบน
เงามารของเว ย ยางจื ่ อ ทั น ที เงามารสิ ้ น สลายในพริ บ ตาแล ว แตกเป น เสี ่ ย งๆ
ปราณกระบี่สองวาบ เคลื่อนผานลำคอของเวยยางจื่อ
ในชั่วพริบตา…หัวเตามารของเวยยางจื่อก็ถูกทำลาย!
แขนซายสายฟาถูกทำลาย!
แขนขวากลืนกินถูกทำลาย!
ตัวของเขา…พังทลาย!
“ขาคือเฉินชิงจื่อ เตาของขาคืออะไร เจารูหรือไม” อวกาศเงียบสนิท มีเพียง
เฉินชิงจื่อที่กมหนาลงเอยพึมพำเสียงเบา
กระบี่ไมในมือของเขาแตกสลายทีละนิดๆ แลวกระจัดกระจายอยูขางตัวเขา
มองจากไกลๆ ดูคลายกับดอกบัว
บทที่ 1253 จักรพรรดิ
อวกาศเงียบสนิท มีเพียงเสียงของเฉินชิงจื่อดังกองไปทั้งแปดทิศ สะทอนอยูนาน
ไมจางหาย
“ขาคือเฉินชิงจื่อ เตาของขาคืออะไร เจารูหรือไม”
ทามกลางเสียงสะทอนกองนี้ กระบี่ไมแตกสลายแลวกลายเปนดอกบัวไมคอยๆ
กระจัดกระจาย แตกสลายออกจากกัน ไมกอรางขึ้นอีก สวนเฉินชิงจื่อตอนนี้เงียบงัน
มองดูเศษซากของกระบี่ไมที่สลายหายไป ไมรูวาคิดอะไรอยู
บางทีอาจกำลังหวนนึกถึงเรื่องเกา
“นี่…นี่…” ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณสีหนาซีดขาว ในใจมีคลื่นยักษสะเทือนฟา
ซัดโหม รางกายถอยหลังโดยไมรูตัว ราวกับแมวาตรงนี้จะอยูหางจากเฉินชิงจื่อ
มากแลว แตเขาก็ยังรูสึกไมปลอดภัย จึงถอยหลังมาตามสัญชาตญาณ
เปนเพราะพลังตอสูที่เฉินชิงจื่อแสดงออกมาเมื่อครูนี้มันเกินกวาที่เขาจินตนาการนัก
ไปถึงระดับที่ไมคาดคิด โดยเฉพาะ…เขาดูไมออกเลยวาสิ่งที่อีกฝายแสดงออกมานั้น
เปนเตาอะไร!
ดูคลายกับเตากระบี่ แตก็ไมเหมือน ดูคลายเตาสังหาร แตจิตใตสำนักบอกเขาวา
นั่นก็ไมใชเตาสังหาร!
เป น เพราะความไม ร ู เ ช น นี ้ จึ ง ทำให จ ิ ต ใจของปรมาจารย เ ต า เจ็ ด วิ ญ ญาณ
สั่นสะทานรุนแรงเหลือล้ำ
ทางฝงนักบุญมืดก็เชนกัน แมวาเฉินชิงจื่อจะเปนตัวแทนของเตาธาตุมืด ทั้งตัวเขา
ก็ยังเปนเตาสวรรคของสำนักแหงความมืด แตนักบุญมืดก็ยังตัวสั่นระริก ราวกับตอนนี้
เขาไมใชผูเยี่ยมยุทธระดับจักรวาล แตเปนเชนมนุษยปุถุชน
“นากลัวเกินไปแลว!!” ขณะที่นักบุญมืดเอยพึมพำอยูตรงนี้ หวังเปาเลอก็เงียบงัน
ความซับซอนในแววตาเขมขนยิ่งขึ้น คนอื่นดูไมออก แตเขาที่อยูตรงนี้ยังสามารถ
มองออกไดสวนหนึ่ง
“ไมใชเตากระบี่ ไมใชเตาสังหาร แตเปนความทรงจำ…หวนนึกถึงเรื่องอดีต
จนเกิดเปน…เตาอันสับสน”
“ดังนั้นสุดทายเขาจึงถามวาเตาของเขาคืออะไร…” หวังเปาเลอถอนหายใจแผว
นี่เปนครั้งแรกที่เขาไดรูวา ชีวิตอันสมบูรณแบบของเฉินชิงจื่อ ตอนนี้เมื่อดูแลว…บางที
อาจไมมีความสุขอยูเลยก็ได
อวกาศเงียบสงบ มีเพียงเฉินชิงจื่อยืนอยูตรงนั้น จนกระทั่งผานไปเนิ่นนาน
เขาก็เงยหนาขึ้น แววตาฉายแววสับสน ทอดมองไปยังที่ไกลๆ จากนั้นก็มองไปยัง
จุดที่รางกายของเวยยางจื่อแตกสลาย
“ออกมาเถอะ ขารูวาเจายังมีชีวิตอยู”
แทบจะทันทีที่เฉินชิงจื่อเอยออกมา บริ เวณที ่ ร างของเว ยยางจื่ อแตกสลาย
ก็พลันบิดเบี้ยว เงามายานับไมถวนปรากฏออกมาจากความวางเปลาแลวรวมตัวกัน
อย า งรวดเร็ ว ความน า เกรงขามไร ใ ดเปรี ย บและจิ ต แห ง จั ก รพรรดิ ส ะเทื อ นฟ า
สะเทือนดินระเบิดออกมาทันใด
ท า มกลางการระเบิ ด นี ้ เงามายาเหล า นี ้ ก ็ ร วมตั ว กั น อย า งรวดเร็ ว จากนั้ น
จะมองเห็นดวยตาเปลาวาเงารางของเวยยางจื่อกำลังกอตัวขึ้นมา เพียงแตเงาราง
ที่กอตัวขึ้นมาครั้งนี้แตกตางจากเดิมโดยสิ้นเชิง!
อาภรณยาวสีเหลืองทั่วราง ศี รษะสวมมงกุ ฏ จั กรพรรดิ ท าทางน าเกรงขาม
ไรโทสะ พลานุภาพของจักรพรรดิบนรางของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แมวาเขาจะไมได
เคลื่อนไหวและไมไดเอยอะไร แตเขายืนอยูตรงนั้น จุดที่เขายืนก็คืออาณาเขตของเขา
ราวกับเมื่อสายตาของเขามองมา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดลวนตองคุกเขาคำนับตอหนาเขา
นี่ก็คือหัวสุดทายของเวยยางจื่อ!
แมวาหัวแหงแสงสวางและความมืดของเขาจะพังทลายไปแลว แมวาแขนทั้งหก
ของเขาก็ถูกทำลายดวย แตเขายังมีหัวสุดทายอยู และเตาที่แฝงอยูในหัวนี้
ก็คือเตาแหงจักรพรรดิ!
เตาชนิดนี้เปนที่ที่สารัตถะของเขาสถิตอยู ซึ่งมีที่มาจาก…มหาเทพ!
นักบุญมืดเปนคนแรกที่ทนรับไมไหว ในหัวของเขาเกิดเสียงอึกทึกกึกกองทันที
แลวเสียความรูสึกนึกคิดไป ตัวของเขาคุกเขาลงโดยไมรูตัว เพียงแตชั่วขณะที่กำลัง
คุกเขานั้น ลำตัวของเขาก็กลายเปนเถาถานแหลกสลาย
รางกายของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณสั่นไหวรุนแรง หวังเปาเลอก็เชนกัน
เขาสัมผัสไดถึงอานุภาพมหาศาลที่แผออกมาจากรางของเวยยางจื่อแลวตกลงมาที่ตน
คลายกับมีเสียงเสียงหนึ่งรองเสียงต่ำอยางเผด็จการดังขึ้นในใจของเขา
“คุกเขา!”
“คุกเขา!!”
“คุกเขา!!!”
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณรองคำราม ดวงตาแดงก่ำ คลายคิดจะต านทาน
อานุภาพกดดันและดวงจิตนี้ใหได แตสองขาของเขากลับคอยๆ งอลงอยางคุมไมอยู
จนเสนเลือดดำทั่วรางของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณนูนขึ้น ไมอาจขัดขวางได
แตเขาก็เปนคนเหี้ยม เมื่อเห็นวาต านไม อยู เขาก็ ระเบิ ดพลั ง ภายในร างออกมา
พรอมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
พริ บ ตาต อ มา สองขาของเขาก็ เ กิ ด เสี ย งดั ง ก อ งแล ว ระเบิ ด แตกสลายทั น ที
เลือดและเนื้อกระจัดกระจาย ในที่สุดเขาที่เสียขาทั้งสองขางก็เงยหนาขึ้น ตอตาน
การบดขยี้สังหารจากดวงจิตของเวยยางจื่อไปได
สวนหวังเปาเลอ ตอนนี้เสนเลือดดำที่หนาผากก็เตนตุบเชนกัน ดวงตาแดงก่ำ
ดวยสีเลือด แตรางกายกลับยังอยูทาเดิม ไมไดบิดงอแมเพียงนิด เพราะดานหลัง
ของเขามีกระดานไมดำแผนหนึ่งปรากฏขึ้น!
ความเยอหยิ่งของเขาไมใชสิ่งที่เวยยางจื่อจะทำใหจำนนได!
รางเดิมของเขาก็ยิ่งไมใชสิ่งที่เวยยางจื่อจะเหยียบย่ำได!
ดวงจิตของเขา ชีวิตนี้ไมคุกเขาใหฟาดิน มีเพียงพอแม มีเพียงอาจารย!
ภาพนี้ดึงดูดสายตาของเวยยางจื่อในทันที และเปนครั้งแรกที่มองไปยังหวังเปาเลอ
ตั ้ ง แต ส ู ก ั บ เฉิ น ชิ ง จื ่ อ มาจนถึ ง บั ด นี ้ แต เ พี ย งแค ก วาดมองเท า นั ้ น เพราะตอนนี้
สายตาของเฉินชิงจื่อกำลังจดจองมาแลวเอยชาๆ
“เจาเปนรางแยกของมหาเทพจริงๆ!”
“เฉินชิงจื่อ สิ่งที่เจาใชออกมากอนหนานี้คือเตาอะไร!” เวยยางจื่อเงียบไปครูหนึ่ง
ฉับพลันก็เอยขึ้น
“นั่นไมใชเตา” เฉินชิงจื่อสายหนาเบาๆ ไมไดพูดตอ แตหยิบน้ำเตาที่แขวนไว
ที่เอวขึ้นมาแลวดื่มเขาปากไปอึกใหญ จากนั้นจึงเอยเสียงเบา
“เวยยางจื่อ มีเพื่อนเกาคนหนึ่งของเจาอยากจะมาเยี่ยมเยียนเจาหนอย”
“หืม” เวยยางจื่อหรี่ตาลง กำลังจะเอยพูด แตพริบตาตอมาสายตาของเขา
ก็หดเกร็งทันที เห็นเพียงแคเฉินชิงจื่อโบกมือ จากนั้นแมน้ำแหงความมืดดานหลัง
ของเขาก็ไหลบากระทันหันแลวมาบรรจบที่ตัวเขาทันใด ขณะที่มันไหลมาบรรจบ
ดานหลังของเขาก็กอเกิดเปนวังน้ำวนมหึมา
ภายในวังน้ำวนนี้มีเสียงดังอึกทึกดังออกมา และยิ่งมีเสียงกรีดรองคำรามมากมาย
แผกระจายไปทั้งแปดทิศ ทำใหผูที่ไดยินตางรูสึกปนปวนในใจ
“เวยยางจื่อ!”
“เจาออกไปไมได!”
“สำนักแหงความมืดของขามีภารกิจที่หามไมใหสิ่งมีชีวิตใดออกไปจากโลกแหงศิลา!”
“ขาผูเปนจักรพรรดิแมจะสวรรคตแลว แตการสืบทอดหนาที่ของขายังคงอยู
ทุกชาติทุกภพ เจาไมอาจจากไปได!”
ทามกลางเสียงคำรามนี้ เงารางมหึมาก็คอยๆ ผุดขึ้นมาจากภายในวังน้ำวน
ที่รวมขึ้นมาจากแมน้ำแหง ความมื ดด านหลั ง เฉิ น ชิ ง จื ่ อ เมื ่ อเงาร างนี ้ ปรากฏขึ้ น
อานุภาพจักรพรรดิแบบเดียวกันก็ปะทุอยางมหาศาลออกมาจากภายในนั้น
ทามกลางการระเบิดปะทุครั้งนี้ ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณก็ตกตะลึงจนพูดไมออก
“จักรพรรดิแหงความมืดหรือ!”
หวังเปาเลอก็ใจสั่นสะเทือนเชนกัน ตอนนี้เปลวไฟสีดำภายในรางพลุงพลาน
เหลือแสน มันปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เมื่อมองไปยังวังน้ำวนแมน้ำแหงความมืด
เขาก็มองเห็นเงารางที่โผลออกมาทันที คนผูนั้นสวมอาภรณจักรพรรดิสีมวงทั้งราง
และสวมมงกุฎจักรพรรดิ แมวาใบหนาจะขาวซีด ไอความตายทั่วทั้งกายแพรกระจาย
แตอานุภาพกดดันและดวงจิตกลับแรงกลาไรใดเทียม
เงารางนี้ หวังเปาเลอเคยเห็นแลว!
นั่นก็คือ…ศพของจักรพรรดิแหงความมืดซึ่งตอนนั้นอยูในโลงศพ ณ ดินแดนหลุมศพ
ที ่ ส ว นลึ ก ของแม น ้ ำ แห ง ความมื ด และถู ก เฉิ น ชิ ง จื ่ อ นำออกไป…เพี ย งแต ต อนนี้
ศพนี้กลับคลายมีชีวิต!
แมวาชีวิตแบบนี้จะไมใชพลังชีวิต แตเปนไอความตาย แตสำหรับสำนักแหงความมืด
แลว เทานี้ก็เพียงพอ!
“จักรพรรดิแหงความมืด!” เวยยางจื่อหรี่ตาลงแลวเอยชาๆ
บทที่ 1254 คำนับสามครั้งของจักรพรรดิแหงความมืด
หวังเปาเลออยูหางออกไป หลังจากมองดูภาพนี้ ดวงตาก็หดเกร็ง เมื่อพินิจดูอยาง
ละเอียดแลวเขาก็มั่นใจเต็มรอยวาเงารางที่เดินออกมาจากแมน้ำแหงความมืดก็คือ
ศพจักรพรรดิแหงความมืดที่ตนเห็นในโลงศพวันนั้น
เห็นไดชัดวาทางเฉินชิงจื่ออาจจะใช สมบั ติ ชั ้น สูงอะไรบางอยางหรือไม ก็ ใ ช
วิชายอนสวรรคสักอยางออกมา ถึงไดทำใหเขากลับมาเหมือนกับฟนคืนชีพ โดยเฉพาะ
อานุภาพกดดันที่แผออกมาจากรางของอีกฝายในตอนนี้ก็ไมไดดอยไปกวาเวยยางจื่อ
เลย ทั้งหมดนี้ทำใหหวังเปาเลอเดาไดวานี่คงจะเปนเคล็ดวิชาลับของเฉินชิงจื่อ
แทบจะทั น ที ท ี ่ ส ายตาของหวั ง เป า เล อ ทอดมองไป จั ก รพรรดิ แ ห ง ความมื ด
ผูเดินออกมาจากแมน้ำแหงความมืดก็จองมองอยางเย็นชาไปยังเวยยางจื่อดวย
ทาทางจริงจัง ไมพูดอะไรก็กอบหมัดคำนับอยางล้ำลึกไปยังเวยยางจื่อตรงๆ!
นี่ดูคลายกับเปนการคำนับธรรมดาๆ แตกลับทำใหสีหนาของเวยยางจื่อเปลี่ยนไป
อยางรุนแรง รางของเขาถอยรนเร็วรี่ หวังเปาเลอก็มองเห็นเคาเงื่อนแลวเชนกัน
เพราะถึงอยางไรสถานะของจักรพรรดิแหงความมืดก็คือจักรพรรดิ การคำนับของเขา
จะตองมีจุดแปลกประหลาดอยูแนๆ
ความจริงเปนเชนนั้นจริงๆ แทบจะทันทีที่จักรพรรดิแหงความมืดคำนับไปทาง
เว ย ยางจื ่ อ แม น ้ ำ แห ง ความมื ด ก็ ส ะเทื อ นสนั ่ น แม น ้ ำ ในนั ้ น ไหลกลิ้ ง หนั ก หน ว ง
ชั่วขณะนี้เอง ปราณมืดก็กวาดไปทั้งแปดทิศอยางบาคลั่ง ในชั่วพริบตา อวกาศของ
ทั่วทั้งจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นกลับถูกปราณมืดที่ราวกับผลักภูเขาพลิกทะเลพวกนี้
ปกคลุมไวจนสิ้น
เมื่อเกิดการปกคลุมหอหุม กลิ่นอายของจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นก็ผันผวนขึ้นมา
ราวกับกลายเปนมิติแหงความมืดอยางไรอยางนั้น
พลังชีวิตและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดพากันตัวสั่นสะทานในระดับตางๆ กันขึ้นมาตอนนี้เอง
ผูที่ออนแอก็หมดสติไปทันที ตอใหเปนผูแข็งแกรงก็ยังมีคลื่นมโหฬารซัดโหมอยูในใจ
แมจะเปนปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณก็ไมอาจหลีกเลี่ยงได ตอนนี้สีหนาของเขา
ขาวซีด ตอตานไวเต็มกำลัง มีเพียงหวังเปาเลอเทานั้น เพลิงดำภายในรางลุกโชน
แบบที ่ ไ ม เ คยเกิ ด ขึ้ น มาก อ นในชั ่ ว พริ บ ตา ทำให เ มื ่ อ อวกาศแห ง นี ้ ก ลายเป น มิ ติ
แหงความมืด เขาจึงไมเพียงไมไดรับผลกระทบ กลับยังอิสระเบาสบายยิ่งกวาเดิม
ขณะเดียวกัน เมื่อเห็นวาปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณคลายจะทนไมไหว หวังเปาเลอก็
พลันโบกมือ เพลิงดำแผออกมาครอบคลุมปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณเอาไว แบงไป
ใหเขาเปนสวนใหญ จึงทำใหสีหนาของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณฟนกลับมาบาง
เมื ่ อ มองไปยั ง หวั ง เป า เล อ ก็ ฉ ายแววซาบซึ ้ ง ออกมา จากนั ้ น ยามมองไปรอบตั ว
เขาก็รูสึกใจสั่นรุนแรง
“จักรพรรดิแหงความมืด…” ทาทางของปรมาจารยเจ็ดวิญญาณนั้นซับซอน
เพราะเขามองออกวาการคำนับครั้งนี้ของจักรพรรดิแหงความมืดไดทำใหอวกาศ
กลายเปนมิติแ หง ความมื ด และการระเบิ ดของปราณมื ด โดยรวมแล วส ว นใหญ
ไปกระจุกอยูที่เวยยางจื่อ เพียงสงผลตอสรรพชีวิตแคสองสวนเทานั้น แตตอให
เปนเชนนี้ ตนก็แทบจะทนรับไมไหว เห็นไดวาชองวางนั้นยิ่งใหญมากนัก
ขณะเดียวกัน เมื่อจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นกลายเปนมิติแหงความมืด พริบตา
ที่จักรพรรดิแหงความมืดเงยหนาขึ้นจากการคำนับ ทั่วทั้งมิติมืดก็มีเสียงกองกัมปนาท
ดั ง ขึ ้ น มา คล า ยกั บ การบี บ อั ด ปราณมื ด แปดส ว นรอบๆ รวมตั ว แล ว กดดั น ไปที่
เวยยางจื่ออยางพรอมเพรียง
พลังสยบกดดันนี้สะเทือนฟาสะเทือนดิน คลายกับหยิบทั้งมิติมืดขึ้นมาแลว
ทุบลงไปอยางไรอยางนั้น ความรุนแรงเชนนี้ตอใหเปนระดับจักรวาลก็ยากจะทน
รับไหว รางกายของเวยยางจื่อ สั่น สะเทือน อาภรณเหลืองทั่วร างขยับโดยไร ลม
ชั่วพริบตานี้ ในดวงตาของเขาก็ระเบิดประกายเจิดจรัสออกมา
“ไมไดพบกับคำนับสามครั้งของจักรพรรดิแหงความมืดนานแลว!”
“แตปนั้นขาผูเฒาสามารถสังหารเจาได วันนี้ก็ทำไดเชนกัน!” ขณะที่เวยยางจื่อ
เอ ย พู ด พลั ง ในร า งก็ ป ะทุ อ อกมาทั น ใด ชั ่ ว ขณะนี ้ อ านุ ภ าพแห ง จั ก รพรรดิ ก ็ ยิ่ ง
พวยพุงมหาศาล จากนั้นเทาก็กาวไปขางหนาหนึ่งกาว
“สายตามองทางใด สรรพสิ่งลวนกลายเปนภาพจักรพรรดิ!”
แทบจะในพริบตาที่เทาของเขาเหยียบลงมา รูปภาพมายาอันงดงามหลากสีสัน
ภาพหนึ่งก็ปรากฎขึ้นใตเทาของเขา ภาพนี้ขยายใหญอยางไรที่สิ้นสุดในชั่วพริบตา
กวาดไปยังอวกาศทันที แผขยายอยางบาคลั่งไปทั้งสี่ทิศ แลวปกคลุมอวกาศตระกูล
ไมรูสิ้นแหงนี้โดยตรง แผขยายไปทั่วทั้งจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้น
อานุภาพแหงจักรพรรดิไรใดเทียมแผกระจายออกมาจากบนภาพผืนนั้นพรอมกับ
อานุภาพนาเกรงขามสุดสะพรึง ถาหากกมหนามองลงมาจากที่สูงก็จะเห็นไดชัดเจนวา
ภายในภาพผืนนี้คลายจะวาดสายน้ำภูเขาและพื้นภูมิเอาไว
นั่นก็คือ…ภาพแผนที่อาณาจักร!
ชั่วขณะนี้เอง ภาพจักรพรรดิและปราณมืดก็ปะทะเขาดวยกันทันที
พริบตาตอมา เมื่อเวยยางจื่อยกสองมือขึ้น ทันใดนั้นภาพจักรพรรดิผืนนี้ก็ทะยาน
ขึ้นมาจากใตฝาเทาของเขา พุงขึ้นตานทานอานุภาพกดดันจากปราณมืด เมื่อพุงลง
ก็ยิ่งไปสยบกดดันมิติมืด
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังกองขึ้นมาทันที ทำใหอวกาศบิดเบี้ยว แปดทิศโกลาหล
ทั่วทั้งจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นลวนมีคลื่นผันผวนสะเทือนฟาโหมขึ้นมา การตอสูเชนนี้
ไมอาจใชวิชาเวทพลังเทพมาอธิบายไดแลว โดยพื้นฐานแลวมันคือการตอสูของ
กลิ่นอายพลัง เปนการปะทะกันของจักรพรรดิและความตาย
ในการตอสูนี้ หวังเปาเลอก็ลาถอยไปทันทีเชนกัน ถาหากมีแคปราณมืดก็ชางเถอะ
แตในนั้นยัง ผสานจิตแหง จักรพรรดิ ของเวย ยางจื่ อด วย คลื ่ น ผัน ผวนที ่ถู กชักนำ
ขึ้นมานั้น แมแตตัวเขาก็ยังรูสึกวาวิญญาณเทพสั่นสะทานรุนแรง
มีเพียงเฉินชิงจื่อเทานั้นที่ยังยืนอยูกลางอวกาศ เขากมหนาลงแลวจองมอง
ทุ ก สิ ่ ง ทุ ก อย า ง แต ถ า หากมองดู ด ี ๆ แล ว คล า ยกั บ ว า ชั ่ ว ขณะนี ้ เ ฉิ น ชิ ง จื ่ อ กำลั ง
เหมอลอยอยู ราวกับจมอยูในความคิดบางอยาง
ดูเหมือนวาสองฝายที่ตอสูกันจะเปลี่ยนไปแลว ไมใชศึกของเขากับเวยยางจื่ออีก
แตเปนการตอสูของจักรพรรดิแหงความมืดกับไมรูสิ้น
พริบตาตอมา ทั่วทั้งอวกาศลวนสั่นสะเทือน การสยบกดดันของมิติมืดที่เกิดจาก
การคำนั บ ครั ้ ง แรกของจั ก รพรรดิ แ ห ง ความมื ด ก็ ถ ู ก ภาพจั ก รพรรดิ ท ำลายได
จักรพรรดิแหงความมืดมีสีหนาสงบนิ่ง กอนคำนับอีกครั้งใหกับเวยยางจื่อ!
คำนับครั้งที่สองของจักรพรรดิแหงความมืด!
หลั ง จากคำนั บ ลงไปแล ว ทั น ใดนั ้ น ภายในมิ ต ิ ม ื ด แห ง นี ้ ก ็ พ ลั น มี แ สงริ บ หรี่
หลายดวงปรากฏขึ ้ น คล า ยกั บ ดวงดาว ดวงแสงมี จ ำนวนนั บ ไม ถ ว น ถึ ง ขั ้ น ที่
บนภาพจักรพรรดิก็ยังมีดวงแสงจำนวนไมชัดเจนปรากฎขึ้นมาเชนกัน
แสงริบหรี่แพรกระจายราวกับเพลิงดำและยิ่งเหมือนกับตะเกียงมืด ยิ่งกวานั้น
ดวงแสงเหล า นี ้ ก ็ ย ั ง ระเบิ ด ออกมาตามๆ กั น ในชั ่ ว พริ บ ตา แล ว ผลิ บ านออกมา
กลายเปน…ดอกไม!
ดอกไมเหลานี้มีสีดำและแผกลิ่นอายแหงความตายเขมขนยิ่งกวาเดิม กลีบดอกไม
คล า ยกั บ ใบหน า ผี ขณะที ่ ม ั น แพร ก ระจายไปทั ่ ว ทั ้ ง จั ก รวาล ก็ ม ี เ สี ย งหั ว เราะ
แปลกประหลาดที่แยกชายหญิงแกชราไมออกดังกองไปทั่วทั้งแปดทิศ
“บุปผาดำ!” หวังเปาเลอดวงตาหดเกร็ง ดอกไมเชนนี้เขาไมเคยเห็นมากอน
แตในตำราของสำนักแหงความมืดในนิมิตมืดนั้น เขาเคยเห็นคำอธิบายของมัน
ในคำอธิ บ ายนั ้ น เขารู ว า มิ ต ิ แ ห ง ความมื ด มี ด อกไม ช นิ ด หนึ ่ ง มี ข า วลื อ ว า
ดอกไมชนิดนี้แปลงมาจากดวงวิญญาณเทพของจักรพรรดิแหงความมืดองคแรก
ของสำนักแหงความมืด เบงบานหนึ่งหมื่นปและเหี่ยวเฉาหนึ่งหมื่นป และทุกครั้ง
ในชั ่ ว อึ ด ใจระหว า งที ่ ม ั น เบ ง บานและเหี ่ ย วเฉา มั น ก็ จ ะปล อ ยพลั ง สะเทื อ น
วิญญาณเทพออกมา
เพียงแตอานุภาพกดดันเชนนี้ไมไดนาตะลึงอยางในขาวลือ พูดไดเพียงพอใชได
เทานั้น
แต…แมวาอานุภาพกดดันของดอกไมหนึ่งดอกจะไมมากนัก ทวาเมื่อมองออกไป
บุปผาดำในที่แหงนี้เกรงวาจะมีจำนวนเปนลานลานดอก อีกทั้งราวกับมีกาลเวลา
ไหลผ า นพวกมั น ไปอย า งรวดเร็ ว พริ บ ตาเดี ย วเบ ง บาน และอี ก พริ บ ตาเดี ย ว…
ก็เหี่ยวเฉา!
เมื่อมันเหี่ยวเฉา พลัง นาสะพรึ ง ยากจะพรรณนาก็ พลั น ระเบิ ดพวยพุ ง ไปยั ง
ภาพจักรพรรดิ ทำใหภาพจักรพรรดิผืนนั้นสั่นสะเทือนอยูชั่วขณะแลวเกิดรอยราว
ขึ้นทันที จากนั้นทามกลางเสียงดังกัมปนาท มันก็แตกกระจาย พังทลายเปนเสี่ยงๆ
ขณะที่มันพังทลายนั้น พลังที่สยบมิติมืดก็สลายไปเชนกัน ทำใหทั่วทั้งมิติมืด
แข็งแกรงขึ้นอีกครั้ง ปราณมืดปรากฏขึ้นจากทั่วทุกทิศ บุปผาดำผุดขึ้นมากมาย
ยิ่งกวาเดิมแลวเหี่ยวเฉาลงอยางตอเนื่อง มันเกิดขึ้นซ้ำแลวซ้ำอีก กอเกิดเปนพลัง
นาสะพรึงไรใดเปรียบสะเทือนเลื่อนลั่นไปทางเวยยางจื่อ
สีหนาของเวยยางจื่อไมนามอง รางกายถอยหลังอีกครั้ง มือขวายกขึ้นโบกไป
ขางหนาโดยพลัน ทันใดนั้นอาภรณเหลืองและมงกุฏจั กรพรรดิบนรางของเขาก็
สองประกายแสงเจิดจาเสียดตา
ทำใหจิตจักรพรรดิบนรางของเขากวางใหญไพศาลอีกครั้ง ขณะที่มันปะทะกับ
พลังกดดันที่แผมาจากทั่วทุกทิศนั้น ดวงตาของเขาก็เปลงประกายเจิดจา ทาทาง
นาเกรงขาม ปากเอยเสียงดังยิ่งกวาอัสนี
“บัญชาจักรพรรดิ!”
“โลกานี้ไรความมืด!”
“กษัตริยตรัสคำไหนคำนั้น!”
เมื่อคำพูดของเวยยางจื่อดังออกมา เจตจำนงเตาภายในรางของเขาก็แผกระจาย
ความนาเกรงขามแสนสะพรึง เจตจำนงจักรพรรดิมหาศาลราวกับพลิกยอนวิถีเตา
เปลี ่ ย นแปลงกฎเกณฑ ส ง ผลต อ ทุ ก สิ ่ ง ทุ ก อย า งในอวกาศ และเขี ย นโครงสร า ง
ของอวกาศใหมจากรากฐาน ทำใหในชั่วพริบตา อวกาศผืนนี้ก็บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
บุปผาดำทั้งหมดในนั้นราวกับถูกลบเลือน ลวนแตสลายหายไปจนสิ้น!
ไมเพียงแคนั้น ยังมีปราณมืดทั้งหมดภายในอวกาศดวย ถึงขนาดที่เพลิงดำภายใน
ร า งของหวั ง เป า เล อ ก็ ไ ด ร ั บ ผลกระทบด ว ยเช น กั น ชั ่ ว พริ บ ตา…มั น ก็ ห ายวั บ ไป
หายไปแบบที่มองเห็นไดดวยตาเปลา!
สวนจักรพรรดิแหงความมืดก็เชนเดียวกัน รางกายลมหายใจของเขาออนแอ
อยางรุนแรงทันที ถึงขั้นที่บางสวนกลับเริ่มกลายเปนเถาถานไปแลว ภาพนี้ทำให
จิตใจของหวังเปาเลอพลิกตลบ แตพริบตาตอมา จักรพรรดิแหงความมืดก็ถอนหายใจ
แผวเบา แลวคำนับอีกครั้งไปยังเวยยางจื่อ!
นี่ก็คือ การคำนับครั้งที่สาม!
บทที่ 1255 การตัดสินใจของเฉินชิงจื่อ
ทันทีที่คำนับลงไป รางของเวยยางจื่อก็สั่นสะเทือนรุนแรง แลวพนเลือดคำใหญ
ออกมาทันที
ภาพนี้ หวังเปาเลอดูไมคอยเขาใจอยูสักหนอย แตกลับไมไดสงผลตอการรับรูของเขา
หลังจากจักรพรรดิแหงความมืดคำนับครั้งที่สาม ก็คลายจะมีพลังที่อยูเหนือการรับรู
ของเขาส ง ผลต อ ทุ ก สิ ่ ง ทุ ก อย า งโดยรอบ และก็ เ พราะพลั ง สายนี ้ เ องที ่ ท ำให
เวยยางจื่อบาดเจ็บสาหัสในพริบตา
และเมื่อเวยยางจื่อบาดเจ็บสาหัส การสลายของปราณมืดในอวกาศผืนนี้จึงลาชา
ขณะเดียวกัน แหลงที่มาของปราณมืดที่รุนแรงยิ่งกวาก็ระเบิดออกมา และแหลงที่มา
นี้…ไมไดอยูรอบๆ แตอยูที่…ภายในรางของเวยยางจื่อ!
“คำนับครั้งที่สามของจักรพรรดิแหงความมืดชางดีนัก!” สีหนาของเวยยางจื่อ
ไมนามอง รางกายถอยหลังเร็วรี่ แตกลับกระอักเลือดออกมาไมหยุดอยางไมอาจ
ควบคุม ยิ่ง กวานั้นคือไมอาจสะกดกลั ้ น ปราณมื ดมหาศาลที ่ พวยพุ ง ออกมาจาก
ภายในรางของเขาตอนนี้ไดดวย
ถาหากกลาววาคำนับครั้งแรกคือเปลี่ยนโลกใหกลายเปนความมืด คำนับครั้งที่สอง
บุปผาดำเบงบาน เชนนั้นคำนับครั้งที่สาม…ก็คือพลิกผันเปนตาย ปลูกฝงแหลงกำเนิด
ความมืด บังคับใหรางที่ถูกปลูกฝงเปลี่ยนเปนรางแหงความมืด
ตอนนั้นจักรพรรดิแหงความมืดก็เคยใชวิชานี้ เพียงขาดไปนิดเดียวก็จะสำเร็จแลว
แตสุดทายก็ยังพายแพ มาวันนี้เขาใชออกมาอีกครั้ง ทำใหปราณมืดภายในรางของ
เวยยางจื่อพลิกตลบรุนแรง ถึง ขั้นที ่เห็ นได ดวยตาเปลาวารางกายของเขากำลัง
แหงเหี่ยวอยางรวดเร็ว
ความตายกำลังอยูบนรางของเขา ครอบงำพลังชีวิตของเขา ราวกับการกลายเปน
ความมืดนี้ไมอาจยอนกลับได
แคใชการคำนับครั้งที่สามออกมาก็เห็นไดชัดวาตองจายคาตอบแทนสูงมาก
เพราะเดิมทีรางกายของจักรพรรดิแหงความมืดเปนเถาเพียงสวนเดียว แตตอนนี้
รางกายสวนใหญของเขากลับกลายเปนเถาอยางชาๆ แลวกระจายออกไปขางนอก
แมวาพอมองจากไกลๆ ยังพอจะเห็นเปนรูปรางอยู แตก็จินตนาการไดเลยวา
คงอยูไดอีกไมนาน ทวาในดวงตาของเขากลับไมมีคลื่นความรูสึกผันผวนเลยสักนิด
เพียงจองมองไปยังเวยยางจื่อราวกับจะหยิบยืมโอกาสการฟนคืนชีพครั้งนี้มาลาก
เวยยางจื่อใหลงหลุมไปพรอมกับตนใหได และสำหรับเขา มันก็เพียงพอแลว
“จักรพรรดิแหงความมืด ถาหากเจายังสามารถใชไดแคของพวกนี้ละก็ เชนนั้น…
เจ า ก็ ย ั ง ไม ใ ช ค ู ต อ สู ข องข า อยู ด ี ” เว ย ยางจื ่ อ สั ม ผั ส ได ถ ึ ง ความเดื อ ดพล า น
ของแหลงกำเนิดความมืดภายในรางของเขา สัมผัสไดถึงพลังชีวิตกำลังถูกสับเปลี่ยน
เปนปราณมืดที่มีอยูกวาครึ่ง ในรางของเขาอย างรวดเร็ ว ขณะที ่ เขาเอ ย พู ดช าๆ
อาภรณเหลืองบนรางของเขาก็ขาดกระจายทันที
เมื่อมันกลายเปนเศษซากกระจายไปทั่ว มงกุฏจักรพรรดิบนศีรษะเขาก็พังทลาย
ไปเอง ไมมีมงกุฏจักรพรรดิและอาภรณเหลืองแลว ชั่วขณะนี้ จิตจักรพรรดิของ
เวยยางจื่อที่ทั้งรางสวมเพียงชุดขาวกลับไมเพียงไมลดลงเทานั้น แตไมรูวาเพราะ
เหตุใดถึงไดเขมขนยิ่งกวาเดิมขึ้นมาได
“ข า คื อ จั ก รพรรดิ เป น นิ ร ั น ดร ไ ม แ หลกสลาย!” ชั ่ ว พริ บ ตาที ่ ค ำพู ด สงบนิ่ ง
ดังออกมาจากปากเขา เตาสวรรคแหงตระกูลไมรูสิ้น ดวงเกราะทองที่กำลังตอสูอยูกับ
ปลาดำก็กรีดรองคำรามเสียงแหลมไปทั่วอวกาศ ชั่วอึดใจรางกายของมันก็กลายเปน
ลำแสงนับไมถวน กลายเปนทะเลแสง สงเสียงรองหวีดหวิวพุงไปยังเวยยางจื่อ
ภายในทะเลแสงแห ง นั ้ น มี ล ำแสงมากมายนั บ ไม ถ ว น และลำแสงทุ ก สาย…
ลวนเปนวิชาเตา!
มันคือกฎพลังและกฎเกณฑทั้งหมดที่อยูภายในจักรพิภพเตาไมรูสิ้น ตอนนี้
ตางพากันผสานเขาไปในรางของเวยยางจื่อ ทำใหจิตจักรพรรดิบนรางของเวยยางจื่อ
ปะทุออกมาจนถึงขีดสุดในชั่วพริบตา
จักรพรรดิ ควรเปนผูเฝามองฟาดิน!
จักรพรรดิ ควรปกครองสายธารดวงดาว!
จักรพรรดิ ควรสยบสรรพสิ่ง!
ไมวาจะเปนเตา หรือวิชา หรือวากฎ ทุกอยางลวนสมควรจะอยูภายใตสายตาของเขา
ตอนนี้มันเขามารวมกันคลายกับความสมบูรณแบบ ทำใหบนรางของเวยยางจื่อ
มีประกายแสงเจิดจาแรงกลาสาดสองออกมาเชนเดียวกัน
นี่ไมใชเตาแหงแสง แตเปนหมื่นเตารวมกาย หมื่นเตารวมจิต พลานุภาพและ
พลังของเขาก็พลันระเบิดออกมาในชั่วขณะนี้เอง ปราณมืดภายในรางถูกสยบลงไป
โดยพลัน สวนแหลงกำเนิดความมืดที่ถูกการคำนับครั้งที่สามปลูกฝงลงไปก็ราวกับ
เหี่ยวเฉา มันกระจัดกระจายอยางรวดเร็วแลวถูกชะลางจนสะอาดถึงที่สุด
แตในชั่วขณะนี้เอง จักรพรรดิแหงความมืดที่รางกายเกินครึ่งกลายเปนเถาถาน
ถึงขั้นที่ไมอาจคงรูปลักษณใหสมบูรณได เขากลับหันหนาไปมองเฉินชิงจื่อที่กมหนา
อยู อ ย า งล้ ำ ลึ ก จากนั ้ น ราวกั บ สู ด ลมหายใจเข า ลึ ก แววตาเผยความเด็ ด เดี ่ ย ว
แลวคำนับลงไปหาเวยยางจื่อ!
นี่ก็คือ…การคำนับครั้งที่สี่!
ไมเคยมีมากอน ปนั้นก็ไมไดใชออกมา…การคำนับครั้งที่สี่!
การคำนับครั้งนี้เพียงเกิดขึ้นไดแคครึ่งเดียวเทานั้น รางกายของจักรพรรดิแหง
ความมืดก็เกิดเสียงดังสนั่น คลายกับการพลังทลายจากขางใน เขากลายเปนเถาถาน
อยางรวดเร็ว ทำใหรางของเขาสลายจนสมบูรณ แตตอใหเปนเชนนี้…เถาถานที่มอง
รูปรางไมออกกลับคลายจะกมคำนับครั้งที่สี่…ไดสำเร็จ!
ทั้งยังมีเสียงของความโชกโชนผันผวนดังออกมาจากความวางเปลาแลวสะทอน
กองอยูในอวกาศรางๆ
“ผนึกจักรพรรดิ!”
การผนึกนี้ไมไดมีเจตนายึดบัลลังก แตเปนผนึกของตราผนึก!
พริบตาที่เอยออกมา รางกายของเวยยางจื่อสั่นสะทาน เมื่อเขาพลันเงยหนาขึ้น
กองขี้เถาที่รวมกันเปนมัดยาวก็ปรากฏขึ้นจากความวางเปลาอยูขางตัวเขา แลวเขามา
พันรัดเวยยางจื่อทันใดโดยอาศัยดวงจิตที่ไมมีทางขวางไดเปนพื้นฐาน
ไมวาเวยยางจื่อจะลาถอยเชนไร หมื่นเตาหมื่นวิชาภายในรางจะระเบิดออกมา
อยางไร ก็ไมอาจขัดขวางมัดยาวสายนี้ไดเลยสักนิด ในชั่วอึดใจ เขาก็ถูกมัดยาวที่เกิด
มาจากเถาถานนี้พันมัดรางกายไวทันทีแลวกลายเปนอักขระโบราณขนาดมหึมา
อั ก ขระโบราณนี ้ ใครก็ ต ามที่ ม องเห็ น สมองก็ จ ะมี ต ั วอัก ษรหนึ ่ง ลอยขึ ้ นมา
พรอมกับเสียงสะเทือนลั่นในวิญญาณเทพ
ผนึก!
“น า ขั น !” สี ห น า ของเว ย ยางจื ่ อ ไม น า มอง ประกายแสงในดวงตาส อ งวาบ
กำลังจะใชวิชาจักรพรรดิของตนออกมา แตขณะนั้นเอง แมน้ำแหงความมืดก็ปรากฏ
ขึ้นในอวกาศคลายถูกชักพา มันซั ดกระหน่ ำราวกั บผลั กภู เขาพลิ กทะเล ขณะที่
เวยยางจื่อหนาเปลี่ยนสีรุนแรง พวกมันก็บรรจบกันอยูขางตัวเขาทันทีแลวไหลเขาไป
ในอักขระโบราณที่เปนตัวแทนผนึกแหงนั้น!
จึงทำใหอักขระโบราณสวางไสว ระเบิดประกายแสงนาสะพรึงออกมาทันใด
คลายกับมีชีวิตขึ้นมาอยางไรอยางนั้น!
หลังจากผนึกที่ใชการสิ้นชีพของจักรพรรดิแหงความมืดเปนเครื่องแลกเปลี่ยนนี้
หลอมรวมเข า ไปในแม น ้ ำ แห ง ความมื ด แล ว ความยิ ่ ง ใหญ ข องอานุ ภ าพกดดั น
ที่เกิดขึ้นมาก็เหนือยิ่งกวาจินตนาการ และทำใหความรูสึกของเวยยางจื่อเปลี่ยนแปลง
อยางรุนแรงเปนครั้งแรกในแบบที่ไมเคยเกิดขึ้นมากอน
สิ่งที่ทำใหสีหนาของเขาเปลี่ยนไปไมใชแคผนึกกับแมน้ำแหงความมืดเทานั้น
แตยังมี…เฉินชิงจื่อที่เอาแตกมหนายืนอยูกลางอวกาศ และชั่วขณะนี้กำลังเงยหนา
ขึ้นชาๆ พรอมยกมือขึ้นมา
ในมือของเขาไมมีกระบี่ไม แตในสายตาของเวยยางจื่อราวกับมองเห็น…เงากระบี่ไม
ควบแนนขึ้นออกมาจากภายในรางกายของเฉินชิงจื่อ
“มันจบแลว” เฉินชิงจื่อพึมพำ มือขวาที่ยกขึ้นมาปลอยลงไปตามใจ และพริบตา
ที่มันตกลงไป เวยยางจื่อก็คำรามเสียงต่ำ ดิ้นรนสุดพลัง สวนลึกในดวงตายิ่งเผยให
เห็นความไมเชื่อและไมยินยอมออกมา
แตกลับไรประโยชน ตอจากนั้น…ปราณกระบี่สะเทือนฟาราวกับจะฉีกกระชาก
อวกาศใหไ ด มันฟาดฟนจักรพิภพแล วเคลื ่อนเข ามา ก อนวาบผ านหว างคิ้วของ
เวยยางจื่อในพริบตา
รางกายของเวยยางจื่อสั่นสะทาย ที่หวางคิ้วมีรอยแยกหนึ่งเสน เขานิ่งงันไป
คอยๆ เงยหนาขึ้น มองไปยังเฉินชิงอยางล้ำลึก ทันใดนั้นมุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมา
รอยยิ้มนี้หายไป…ในพริบตา
เพราะชั่วขณะนี้รางกายของเขา…ระเบิดออกมาตรงๆ แลวกลายเปนเถาถาน
กระจัดกระจายไปทั้ง แปดทิศ และเมื ่ อมั น สลายไป เส น สายที ่ เกิ ดจากกฎเกณฑ
พลังเตาทั้งหลายก็หลุดออกมาจากจุดที่รางกายของเขาพังทลาย จากนั้นเมื่อเกิด
เสียงรองคำรามของปลาดำจากสำนักแหงความมืดกลางอวกาศ เสนสายเหล า นี้
ก็พุงทะยานไปหาปลาดำ
เวยยางจื่อตาย เตาสวรรคไมรูสิ้นแตกสลาย อวกาศในตอนนี้มีเพียงเตาสวรรค
สำนักแหงความมืดเทานั้น ดังนั้นในตอนนี้ กฎเกณฑพลังไรเจาของเหลานี้จึงรวมเขา
ดวยกัน กำลังจะเขาไปใกลปลาดำและกำลังจะถูกดูดซับไปแลว
“รอเดี๋ยว!” เมื่อหวังเปาเลอเห็นภาพนี้ ในใจก็สั่นสะทาน เขามองเห็นรอยยิ้ม
กอนตายของเวยยางจื่อ ความจริงตอใหไมมีรอยยิ้มนี้ ที่สวนลึกภายในใจของเขาก็ยัง
มีขอสงสัยอยางหนึ่งผุดขึ้นมาอยูดี
นั่นก็คือ…ตั้งแตตนจนจบ เวยยางจื่อคลายจะตายไปงายเกินไปแลว!!
ดูเหมือนจะยากลำบาก แตความจริงแลว…ราวกับอีกฝายใหความรวมมือดวย
ตอนนี้เมื่อเห็นเสนสายของกฎเกณฑพลังวิชาเหลานั้นแลว ความรูสึกแบบนี้ในใจ
ของเขาก็ยิ่งแรงกลามากขึ้น
“ไมเปนไร ขาเดาแผนการของเขาได นี่คืออุบายของเขา และเปน…เรื่องที่ขารอคอย
มานานแลว ขาอยากจะรูวา เตาของขา…ที่แทมันคืออะไรกันแน เปาเลอ ดูแลตัวเอง
ดีๆ ดวย” เฉินชิงจื่อเอยเสียงเบา จองมองหวังเปาเลอคราหนึ่ง รอยยิ้มออนโยน
ยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นปลาดำเต าสวรรคสำนักแหงความมืดก็ อาปากกวาง
กลืนเขาไปพรอมเสียงคำรามลั่น…
เสนสายของกฎเกณฑกฎพลังทั้งหมดเขาไปในปากของมันทันที!
บทที่ 1256 การกลับมาของความมืด
ณ เวลานี้ เวยยางจื่อสิ้นชีพ!
ณ เวลานี้ เตาสวรรคตระกูลไมรูสิ้นลมสลาย!
ณ เวลานี้ ตระกูลไมรูสิ้นทั้งหมดในจักรวาลแหงนี้พากันตัวสั่นสะทานทันที
ราวกับมีกลิ่นอายของอะไรบางอยางที่มองไมเห็นหายไปจากรางของพวกเขา
เวยยางจื่อคือบรรพบุรุษของทั้งตระกูลไมรูสิ้น ถึงขั้นที่กลาวไดวาเพราะมีเขา
จึงมีตระกูลไมรูสิ้น!
และเตาสวรรคไมรูสิ้น เขาก็เปนคนสรางขึ้นมาเชนกัน มันเปนทั้งเครื่องมือ
และอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในแงหนึ่ง ดังนั้นการตายของเขาจึงทำใหจิตใจของทุกชีวิตใน
ตระกูลไมรูสิ้นปนปวนรุนแรง และการลมสลายของเตาสวรรคก็ยิ่งทำลายโชคชะตา
ที่ประทับอยูบนตัวของคนในตระกูลไมรูสิ้นทั้งหมดไปดวย
ทำใหตระกูลไมรูสิ้นรวงตกลงมาจากสวรรค กลายเปนธรรมดาสามัญ!
ทั้งยังมีจีเจีย ในชั่วอึดใจที่เวยยางจื่อสิ้นชีพ รางวิญญาณของเขาที่เหลืออยูเพียง
วิญญาณเทพก็สั่นสะทานเชนกัน เขาอาปากอยากพูดอะไรบางอยาง แตไมทันแลว
ดวงวิญญาณเทพของเขากลายเปนเถาถานแลวสลายหายไปในจักรวาลทันที
ตระกูลไมรูสิ้นไมกลับเปนเชนแตกอนอีกตอไป!
ยิ่งกวานั้นในชั่วขณะนี้เอง เมื่อเสนสายของกฎเกณฑกฎพลังนับไมถวนที่เกิดจาก
การลมสลายของเตาสวรรคไมรูสิ้นถูกกลืนเขาปาก ผมของเฉินชิงจื่อก็แผสยายใน
ชั่วพริบตา พลานุภาพนาสะพรึงสายหนึ่งระเบิดยิ่งใหญอยูบนรางของเขา ยิ่งกวานั้น
ยังมีอานุภาพกดดันที่นากลัวยิ่งกวาเวยยางจื่อเมื่อกี้นี้เสียอีก และมันหลั่งไหลมายัง
จักรวาลแหงนี้ในชั่วพริบตา
อานุภาพกดดันของเขาคลายจะกลายเปนระลอกคลื่นไรรูปเคลื่อนผานไปทั้งแปดทิศ
ปกคลุมอดีตจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นแหงนี้ ปกคลุมเตาฝงซาย ปกคลุมสำนักเสริม
ปกคลุมตระกูลและสำนักทั้งหมด ปกคลุมดวงดาวและความวางเปลาทุกชนิด ปกคลุม
ทั่วทั้ง…โลกแหงศิลา!
ภายในโลกแหงศิลาเหมือนกับยอนไปในสมัยที่ถูกสำนักแหงความมืดปกครองในปน้ัน
กฎเกณฑกฎพลังทั้งหมดเริ่มตนใชศาสตร มื ดเปน ที ่เคารพและให ศาสตรม ืดเปน
เจาปกครองนับตั้งแตชั่วขณะนี้!
แมวาการฝกตนของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะเปลี่ยนแปลงไมมาก แตโดยพื้นฐานแลว…
ในสภาพแวดลอมเชนนี้ลวนแตตองมีการปรับเปลี่ยน ถาหากวาไมเปลี่ยนแปลง
รากฐานของวิถีเตาในรางของตนก็จะสั่นคลอน
กลิ่นอายแหงความตายแพรกระจายอยูในโลกแหงศิลาในชั่วอึดใจ อำนาจแหง
การกลับมาเกิดใหมเริ่มกลับคืนสูสำนักแหงความมืดตั้งแตชั่วขณะนี้เอง ราวกับ
ตอจากนี้ไป เรื่องของการสงขามอวกาศและปลดปลอยวิญญาณคนตายจะปรากฏขึ้น
ในโลกแหงศิลาอีกครั้ง
แมวาปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณจะตัวสั่นสะทาน แตในฐานะที่เปนฝายชวยรบ
เขาจึงไดรับการพรแหงโชคชะตาจากสำนักแหงความมืดเปนพิเศษอยางเห็นไดชัด
สองขาที่เดิมขาดหายไปงอกขึ้นใหมทันทีทามกลางปราณมืดที่ไหลหลั่งเขามาใน
ชั่วพริบตา ถึงขั้นที่พลังฝกตนของเขาก็พลันปะทุขึ้นมาทันใด มันกลับกระโจนขึ้นจาก
ระดับจักรวาลชั้นกลางสูงสุดเขาสูระดับจักรวาลชั้นปลาย!
ระดับขั้นเทากันกับปรมาจารยตระกูลเซี่ย!
ทั้งยังมีเสวียนหัว แมวาจะมาจากตระกูลไมรูสิ้น แตตอนนี้ก็ไดรับการตอบแทน
จากปราณมืดเชนกัน ขณะเดียวกั บที ่ อาการบาดเจ็ บหายเป น ปลิ ดทิ ้ ง ในพริ บตา
พลังฝกตนของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นดวย
มีเพียงตี้ซานและกวงหมิงสองคนเทานั้น เดิมทีลมหายใจก็เบาบางอยูแลว ตอนนี้
ยิ่งออนแอเขาไปใหญ ไมมีพลังดิ้นรนตอสูใดๆ ได และถูกบีบใหเปลี่ยนแปลงไปจาก
การระเบิดของปราณมืดนี้ดวย
แต ก ารเลื ่ อ นระดั บ ทั ้ ง หมดนั ้ น นอกจากเฉิ น ชิ ง จื ่ อ แล ว หวั ง เป า เล อ คื อ
ผูที่ไ ดประโยชนมากที่สุด แทบจะในชั ่ วพริ บตาที ่ ท ั ่ วทั ้ ง โลกแห ง ศิ ลามี ปราณมื ด
แผกระจาย กฎเกณฑกฎพลังทั้งหมดที่ฝกฝนอยูในรางของหวังเปาเลอและที่เกี่ยวของ
กับเตาสวรรคไมรูสิ้นก็พังทลายทันที ยิ่งกวานั้นในขณะเดียวกัน เมื่อเฉินชิงจื่อโบกมือ
กฎเกณฑของเตาธาตุไมและธาตุน้ำ รวมถึงเตาธาตุทอง ไฟ และดินทั้งสามเตาก็ถูก
ดึงออกมาจากเสนสายของกฎพลังที่เกิดขึ้นจากการลมสลายของเตาสวรรคไมรูสิ้น
ทันที กอนถูกสงไปใหแกหวังเปาเลอ
กฎพลังหาธาตุคือพลังอำนาจของเตาสวรรค ตอนนี้เมื่อมันหลอมรวมเขามา
เตาธาตุไมและธาตุน้ำของหวังเปาเลอก็พลันระเบิดออกมาในแบบที่ไมเคยมีมากอน
สิ่งที่เขาครอบครองอยูกอนหนานี้มีแคอำนาจไมและน้ำในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหง
เตาฝงซาย แตตอนนี้กลายเปนอำนาจตอทั่วทั้งโลกแหงศิลา ดังนั้นพลังที่พุงทะยาน
ขึ้นมาจึงนาตกตะลึงเปนธรรมดา
สวนสามเตาที่เหลือนั้น แมวาหวังเปาเลอจะไมไดกอเมล็ดพันธุ แตอำนาจมาถึงแลว
สำหรับเขามันก็เทากับการไดรับพลังอำนาจกอน สวนคุณสมบัติยอมเสริมไดงายดาย
ยิ่งกวาเดิม
กลาวไดวา ตอจากนี้ในกระบวนการกอเมล็ดเตาของเตาทั้งสาม เขาจะราบรื่น
ยิ่งกวากอนหนานี้มากยิ่งนัก ราวกับกาวเขาสูรถศึกที่นำไปสูดินแดนอันไรที่สิ้นสุด
สวนตั๋วรถ…คอยเสริมเขามาทีหลังก็ได
การระเบิดที่ทุกสิ่งทุกอยางนี้นำมาทำใหพลังฝกตนของหวังเปาเลอพุงทะยาน
ทั น ที เขาก า วสู ร ะดั บ ระดั บ จั ก รพิ ภ พชั ้ น กลางสู ง สุ ด เพลิ ง ดำบนตั ว ของเขา
ก็แผกระจายออกมาในชั่วพริบตา กลายเปนเปลวเพลิงสะเทือนฟา แผกระจายไป
ทั่วทั้งแปดทิศ แมแตปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณที่อยูขางกายก็ยังมีทาทางเปลี่ยนไป
แม ว า ตอนนี ้ เ ขาจะเป น ระดั บ จั ก รวาลชั ้ น ปลาย แต เ มื ่ อ เผชิ ญ หน า กั บ เพลิ ง ดำนี้
หัวใจเขาก็เตนตุบแลวหลบเลี่ยงอยางรวดเร็ว
ราวกับวาเปลวเพลิงนี้คือวิชาชั้นสูงไรใดเทียมภายในโลกแหงศิลาในปจจุบัน
แตเมื่อเทียบกับพวกเขาแลว เฉินชิงจื่อคือคนที่พลังฝกตนพุงทะยานจนถึงขีดสุด
อยางแทจริง เขากลืนกินเตาสวรรคตระกูลไมรูสิ้น กลืนกินกฎเกณฑกฎพลังทั้งหมด
นอกจากหาธาตุลงไป ทำใหในชั่วพริบตา เตาสวรรคสำนักแหงความมืดก็บรรลุถึง
สุดยอด
แมจะไมมีหาธาตุ แตก็ยังเปนสุดยอด!
และความสุดยอดนี้ก็ครอบคลุมทั่วทั้งโลกแหงศิลาและผสานรวมกับเตาสวรรค
หรือควรกลาววากลิ่นอายที่แผออกมาจากภายในตัวเฉินชิงจื่อที่เปนเตาสวรรคได
ระเบิดดังกึกกองราวกับผลักภูเขาพลิกทะเล
พลั ง ฝ ก ตนของเขาเดิ ม ที ก ็ บ รรลุ ถ ึ ง ระดั บ ที ่ น า ตะลึ ง อยู แ ล ว ตอนนี ้ เ มื ่ อ เกิ ด
การระเบิดขึ้น แคเพียงกลิ่นอายก็ทำใหอวกาศสั่นคลอน พลังฝกตนของเขาเคลื่อนจาก
ระดับจักรวาลชั้นมหาวัฏจักรในชั่วอึดใจ ราวกับจะทะลวงขึ้นไป!
เสียงกองกัมปนาทดังสะเทือนฟาเหมือนกับหัวใจเตนดังออกมาจากภายในราง
ของเฉินชิงจื่อ มันสะทอนกองอยูในจิตใจของสรรพชีวิต ทำใหสิ่งมีชีวิตทั้ง หมด
ใจสั่นสะทานขึ้นมาในชั่วขณะนี้
ราวกับมีพลังบางอยางที่เหนือยิ่งกวาโลกแหงศิลากำเนิดออกมาจากเฉินชิงจื่อ
ณ เวลานี้!
แตเห็นไดชัดวาการทะลวงเชนนี้ไมงายเลย หลังจากเสียงดังสนั่นราวกับใจเตน
สะทอนกองแลว แมวากลิ่นอายของเฉินชิงจื่อจะผันผวนพลิกผันรุนแรงจนทำให
โลกแหงศิลาสั่นสะทาน แตกลับไมพุงทะยานในระดับใหญนัก
ดวงตาของเฉิน ชิง จื ่อ มี ประกายจางๆ ส องวาบ เขาสั มผั ส ได ว า ถึ ง แม ค วาม
พยายามกอนหนานี้จะลมเหลว แตนั่นก็เปนเพราะยังสะสมพลังทะลวงฝาโซตรวน
ไมเพียงพอ ตราบใดที่ตนดูดซับเตาสวรรคไมรูสิ้นที่กลืนกินมาจนสมบูรณแลว เชนนั้น
การทะลวงโซตรวนนี้ก็ไมใชเรื่องยากอะไร
“หลังจากระดับจักรวาล…คืออะไร” เฉินชิงจื่อพึมพำ เขาไมไดลองดูอี กครั้ง
ในทันที แตหันหนาไปมองหวังเปาเลอ
หวังเปาเลอก็ถูกเสียงกึกกองราวกับหัวใจเตนนั่นสั่นสะเทือนดวยเชนกัน ตอนนี้
กำลังจองสบตากับเฉินชิงจื่อ
ทามกลางความเงียบงัน หวังเปาเลอกมหนาคำนับใหกับเฉินชิงจื่อ เขาไมไดเอยอะไร
เฉินชิงจื่อก็ไมพูดอะไรเหมือนกัน เพียงแตประกายแสงในสวนลึกของดวงตามีความ
ออนโยนผุดขึ้นมาพรอมกับเสียงถอนหายใจแผวเบาในกนบึ้งจิตใจดวย
“ศิษยนองเล็ก…ชีวิตนี้ของศิษยพี่ใชเขนฆาสังหาร ทำเรื่องราวที่ไมรูถูกผิดลงไป
มากมาย”
“ใชชีวิตอยูทามกลางการเขนฆาและความเสียใจ ขาเหนื่อยลายิ่งนัก…”
“เข า รู เ ป า หมายของเว ย ยางจื ่ อ ไม ม ี อ ะไรมากไปกว า การยื ม ร า งของข า
จะครอบครองก็ได หรือบรรลุตามแผนการบางอยางก็ดี เรื่องเหลานี้ไมเปนปญหา
หรอก…”
“เพราะวาขาก็คิดจะยืมเปาหมายของเขาเพื่อดูวาเตาของขาคืออะไร…”
“ขณะเดียวกัน…ข าก็ต องทำภารกิ จ ของสำนั กแห ง ความมื ด ด วย คำพู ดของ
อาจารยกอนวาระสุดทายนั้น ขายังไมลืม”
“ขาก็รูตัวตนและที่มาของเจาเชนกัน ในเมื่อลิขิตวาเจาจะตองจากไปแลว…
เชนนั้นศิษยพี่ก็จะใชวิธีการของตัวเองไปผนึกพลังทั้งหมดที่ขัดขวางไมใหเจาจากไป
มันไมไรคาหรอกนะ…ความสัมพันธศิษยพี่ศิษยนองของเจากับขานะ”
“ขาไมรูหรอกวาขาจะทำไดหรือไม แตตอใหสุดทายขาจะลมเหลว แตคิดดูแลว…
ขาไดมอบโอกาสไปจากที่นี่ในอนาคตใหแกเจาดวย”
“เจาไปยั่วยุตระกูลไมรูสิ้นก็เพื่อทำใหขาเห็นพลังตอสูของเวยยางจื่อชัดๆ เชนนั้น
ขา…ก็จะทำใหเจาไดเห็น…วานอกโลกแหงศิลามีอันตรายและอุปสรรคอะไรอยู”
“บางที…นี่อาจเปนการจากลาตลอดกาล” เฉินชิงกมหนาพึมพำ คำพูดเหลานี้
เขาไมไดเอยกลาว เพียงดังกองอยูในใจเทานั้น เขามองดูหวังเปาเลอโคง คำนั บ
มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มออกมา
รอยยิ้มนี้มาพรอมกับความไมเสียใจและความแนวแน เขาหันหนาจองมองไปยัง
สวนลึกของอวกาศ จากนั้นเขาก็หลับตาลง นั่งขัดสมาธิอยูกลางอวกาศ เขาไปยอย
เตาสวรรคไมรูสิ้นที่กลืนกินเขาไปในรางอยางเต็มกำลัง
“เมื่อยอยสลายจนสมบูรณ นั่นก็คือวันที่ขา…เฉินชิงจื่อ จะทะลวงโลกาแสวงหาเตา!”
บทที่ 1257 กาวสูสวรรค
หวังเปาเลอเงียบงัน สายตาของเฉินชิงจื่อนั้น เขามองเห็นอยูในดวงตา ความคิด
มากมายปรากฏขึ้นในใจของเขา สุดทายก็กลายเปนเสียงถอนหายใจแผวเบา แมวา
จะไมไดยึดติดเรื่องการตายของอาจารยอีก แตคำวาศิษยพี่นั้น เขากลับทำอยางไร
ก็พูดไมออก
สุดทาย เขาจึงทำไดเพียงกอบหมัดโคงคำนับต่ำใหกับเฉินชิงจื่ออีกครั้ง
จากนั้นหวังเปาเลอก็หันกายไปยังอวกาศ ไปยังเตาฝงซาย
เขารู ด ี ว า วั น ที ่ ศ ิ ษ ย พ ี ่ ท ะลวงระดั บ ก็ ค ื อ เวลาแสวงหาเต า และการแสวงหา
ภายในโลกแหงศิลานี้ กลาวจนถึงที่สุดแลว…ก็คือการเดินออกจากโลกแหงศิลาไปยัง
จักรวาลภายนอก มองดูอวกาศที่แตกตางจากที่แหงนี้
ดวยการฝกตนในปจจุบันของเขายังทำถึงจุดนีไ้ มได อีกทั้ง…เตาของเขาก็แตกตาง
กับของเฉินชิงจื่อ
หาธาตุยังไมสมบูรณแบบ ขณะเดียวกันการเลือกของเฉินชิงจื่อก็เต็มไปดวยความไมรู
บางทีอาจจะสำเร็จเขาจริงๆ และทำลายอุปสรรคขวางกั้นได แสวงหาเตาสำเร็จผล
แตก็มีความเปนไปไดที่…จะเกิดเรื่องไมคาดฝน
สวนสุดทายจะเปนอยางไรนั้น หวังเปาเลอไมกังวลใจไมได แตเขาเขาใจดีวา
กังวลไปก็ไมมีประโยชน นี่คือจิตยึดมั่นของเฉินชิงจื่อ และเปนทางเลือกที่เขาแสวงหา
มาตลอด
“ขอให…ปลอดภัย” หวังเปาเลอพึมพำ กาวหนึ่งกาวก็หายไป
หลั ง จากหวั ง เป า เล อ ไปแล ว ปรมาจารย เ ต า เจ็ ด วิ ญ ญาณก็ โ ค ง คำนั บ ให กั บ
เฉินชิงจื่อแลวหันกายจากไป ตอนนี้อดีตจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นแหงนี้จึงเหลือเพียง
เงารางของเฉินชิงจื่อนั่งขัดสมาธิอยูในความวางเปลา แมน้ำแหงความมืดรอบตัวเขา
แปรผันเขามาพัวพัน กอนคอยๆ หอหุมตัวเขาเอาไวขางใน
เวลาเคลื่อนผานไปอยางชาๆ พริบตาก็ผานไปยี่สิบแปดปแลว
ยี่สิบแปดปไมมากไปสำหรับโลกแหงศิลา แตเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญยิ่ง!
หลังจากตระกูลไมรูสิ้นรวงลงจากสวรรคและไมไดมีอิทธิพลเชนสมัยกอนอีก
โดยเฉพาะสำนักตระกูลหรือพวกอารยธรรมที่ เคยถูกพวกเขาล างสมองเมื่อ ก อ น
ตอนนี้แตกหักแลว สุดทายตระกูลไมรูสิ้นก็จำตองละทิ้งทุกอยาง พาทุกคนไปอยู
รวมตัวบนดาวบรรพบุรุษของพวกเขา จึงพอจะมีพื้นที่ใหอาศัยอยูได
และนี่…ก็คือการออกหนาครั้งสุดทายของปรมาจารยตระกูลเซี่ย ถึงไดปกปอง
ตระกูลนี้เอาไวได
นอกจากนั้น ปรมาจารยตระกูลเซี่ยมีฐานะเปนผูเยี่ยมยุทธสูงสุด แตกลับยัง
ไมเคยลงมือเลยสักครั้ง ไมวาจะเปนศึกในปนั้น หรือในชวงยี่สิบแปดปมานี้ก็ตาม
เขาคลายจะอยูเงียบๆ และถอมตัวต่ำไปพรอมกัน ตระกูลเซี่ยก็ไมไดขยายอาณาเขต
เพราะการลมสลายของตระกูลไมรูสิ้นดวย
ตรงกันขาม กลับทำตัวหดเล็กลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เปนเพราะวาเขาไมได
ลงมือในปนั้น ดังนั้นไมวาจะเปนหวังเปาเลอหรือวาปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ หรือ
สำนักแหงความมืดที่รุงโรจนดุจดวงอาทิตยบนทองฟาในโลกแหงศิลาปจจุบันนี้ก็ตาม
พวกเขาลวนไมเคยทำใหลำบากใจเลย
สวนสำนักแหงความมืด ในชวงยี่สิบแปดปมานี้ก็ไดกลายเปนสำนักใหญอันดับหนึ่ง
ของโลกแหงศิลาไปแลว อิทธิพลของพวกเขาแผคลุมไปทั่วทุกสารทิศ ไมดอยไปกวา
ตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น ก อ นหน า นี ้ มั ก จะได เ ห็ น ศิ ษ ย ข องสำนั ก แห ง ความมื ด สวมชุ ด ดำ
มือถือตะเกียง และนั่งอยูบนเรือพาวิญญาณคนตายขามฟากในทุกๆ พื้นที่ได
การกลับชาติมาเกิดเปดออกแลว วิชาของสำนักแหงความมืดทุกอยางก็หมุนเวียน
ปรากฏอยู ใ นสำนั ก แห ง ความมื ด เชน กั น ราวกั บ ทั ่ ว ทั ้ ง โลกแห ง ศิล าล ว นสงบสุ ข
ขึ้นมาแลว
กลับไปยังหวังเปาเลอที่จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย เขาไมไดกักตนบอยๆ แลว
เนื่องจากตนไดรับพลังอำนาจมา ดังนั้นความเร็วในการกอรูปของเมล็ดเตาธาตุดินของ
เขาจึงมีไมนอยเลย แตก็แคเร็วขึ้นอีกหนอยเทานั้น ไมอาจสำเร็จไดในชั่วขามคืน
แตการไดรับพลังอำนาจก็ทำใหแมวาหวังเปาเลอจะกอเมล็ดเตาลมเหลว ก็ไมสงผล
ตอคุณภาพวัตถุบรรจุเตาอีกตอไป เปนเชนนี้ก็เพียงพอแลว อีกทั้งหวังเปาเลอยังสัมผัส
ไดวาการกอตัวของเมล็ดธาตุดินใกลจะมาถึงแลว
และในชวงยี่สิบแปดปมานี้ สหพันธรัฐมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก แมวาเวลายี่สิบแปดป
จะสั้นเมื่อนับตามทั้งจักรวาล แตก็ยังทำใหตำแหนงเจาผูปกครองเตาฝงซายของ
สหพันธรัฐฝงลึกเขาไปในใจของทุกคนแลว
ฐานะเจาแหงเตาของหวังเปาเลอก็เชนกัน สำหรับสำนักเสริมก็ดวย สำนักเตา
เจ็ดวิญญาณเปนเจาผูปกครองในแงหนึ่งอยูแลว ยิ่งกวานั้นปรมาจารยของพวกเขา
ก็รวมจักรพิภพสำนักเสริมเปนหนึ่งเดียว ถูกเรียกวาเจาแหงเตาสำนักเสริม
มีเพียง…สำนักดาราจันทรที่อยูหางออกไปเทานั้น เปนสวนที่ลึกลับที่สุดภายใน
จักรพิภพสำนักเสริม แมแตสำนักเตาเจ็ดวิญญาณก็ยังยินยอมในเรื่องนี้ เพียงแต
ถึงอยางไรคนที่มีคุณสมบัติรูจักสำนักดาราจันทรก็มีนอยมาก คนสวนใหญจะรูจักแต
เจ็ดวิญญาณ ไมรูจักดาราจันทร
สวนหวังเปาเลอ เขาก็ลืมคำเชิญของปรมาจารยดาราจันทรเมื่อครั้งนั้นไปแลว
หกสิบแปดปของปนั้น ยังหางจากปจจุบัน…อีกสามสิบเอ็ดป
เวลาเคลื่อนเขามาใกลอยางรวดเร็ว
ขณะเดียวกันในชวงยี่สิบปมานี้ หวังเปาเลอก็ไปมาหลายที่ กลาวไดวาไมวา
จะเปนเตาฝงซายหรือสำนักเสริม อวกาศมากมายลวนเคยมีเงารางของเขาเดินผาน
เขากำลังตามหาสมบัติชั้นเลิศที่สามารถบรรจุธาตุทองและไฟได
แต น า เสี ย ดาย สมบั ต ิ ช ั ้ น เลิ ศ สองชนิ ด นี้ เ ขาไม เ คยหาพบสั ก ที ส ว นอดี ต
จักรพิภพใจกลางไมรูสิ้นนั้น ในชวงยี่สิบแปดปมานี้ หวังเปาเลอก็ไปมาสามครั้ง
ครั้งแรก เขายืนอยูขางแมน้ำแหงความมืด ทอดมองไปยังสวนลึกของแมน้ำแหง
ความมืด ในความเลือนราง เขาสามารถมองเห็นเงารางรางนั้นจมลึกอยูในกนแมน้ำได
ครั้งที่สอง เขาจองมองอยูนาน สุดทายก็คำนับแลวจากไป
และครั้งที่สาม ตอนที่เขาจากไป เขาไมอาจสังเกตเห็นเลยวาดวงตาที่ปดอยูของ
เงารางในกนแมน้ำจะคอยๆ เปดออกแลวจองมองเขาจากไกลๆ
จนกระทั่งผานไปอีกหนึ่งป เมื่อปที่ยี่สิบเกามาถึง ปรมาจารยแหงไฟก็กักตน
พยายามทะลวงระดับอีกครั้งเพื่อกาวเขาสูระดับจักรวาล
หลังจากใชเวลาอยูกับครอบครัวมายี่สิบเกาป หวังเปาเลอก็กักตนใหมอีกครั้ง
เพื่อตระหนักรูถึงเมล็ดเตาธาตุดิน เขาสัมผัสไดวาการกอตัวของเมล็ดธาตุดินอยู
ไมไกลแลว
เวลาเคลื่อนผานอีกรอบ ครั้งนี้สั้นยิ่งกวา มันผานไปอีกหนึ่งป
สามสิบปหลังจากสงครามใหญครั้งนั้น วันนี้…จูๆ หวังเปาเลอที่กักตนอยูก็ลืมตาโพลง
เขาไม ไ ด ม องไปยั ง อั ก ขระโบราณมากมายที ่ แ พร ก ระจายอยู ต รงหน า ซึ ่ ง ก อ
เมล็ดเตาธาตุดินไดเกินครึ่งแลว แตพลันเงยหนาขึ้น มองไปยังอวกาศ มองไปยัง
อดีตจักรพิภพใจกลางไมรูสิ้น มองไปยังแมน้ำแหงความมืดตรงนั้น มองไปยัง…เงาราง
ภายในแมน้ำแหงความมืด
แทบจะพรอมกันกับที่หวังเปาเลอจองมองไป ชั่วขณะนี้เอง ปรมาจารยเตา
เจ็ดวิญญาณ ปรมาจารยตระกูลเซี่ย และปรมาจารยของสำนักดาราจันทรก็ลวนจอง
มองไปยังแมน้ำแหงความมืด
แมน้ำแหงความมืดในตอนนี้ไหลบา เสียงสะเทือนกึกกองดังกังวานไปทั่วแปดทิศ
กลิ่นอายมหาศาลกำลังกอตัวขึ้นมาจากภายในนั้น กลิ่นอายนี้เพียงพอทำใหทั่วทั้งโลก
แหงศิลาสั่นสะเทือน ทำใหสรรพชีวิตสิ้นสติได
แตไมชา กลิ่นอายนี้ก็หายวับไปทันตา แมน้ำแหงความมืดก็ไมไหลเกลือกลิ้ง
อีกตอไป มันสงบลง แตกลับมีเงารางรางหนึ่งเดินออกมาจากแมน้ำแหงความมืดชาๆ
จนกระทั่งยืนอยูบนแมน้ำแหงความมืด
เสื้อคลุมดำทั้งตัว ผมยาวทั้งศีรษะ กระบี่ไมหนึ่งดาม น้ำเตาหนึ่งขวด เงาราง
อันคุนเคยนี้ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกหวังเปาเลอ พวกเขาแตละคนลวนตกตะลึง
พวกเขามองไมทะลุ
ถากลาววาหากเฉินชิงจื่อคนกอนยืนอยูตรงนั้น แมวาจะทรงพลังไรใดเทียม
แตก็ยังมองเห็นคลื่นผันผวนของพลังฝกตนไดรางๆ ละก็ เชนนั้นเฉินชิงจื่อในตอนนี้
ก็คลายเปนเชนปุถุชนอยางแทจริง บนรางของเขาไมมีคลื่นผันผวนเลยแมแตนิด
สีหนาอารมณก็ไมไดเย็นชาเหมือนเมื่อกอน ออนโยนลงมาก
แตกลับกัน เงารางที่ดูธรรมดาสามัญนี้กลับทำใหทุกคนที่มองมาสะทานในใจ
เพราะมองปราดแรกดูธ รรมดาสามั ญ แต ม องปราดที่ ส องกลั บ คล า ยจะมองเห็ น
วิญญาณเทพ
ความลึกลับที่ไมอาจพรรณนา ความทรงอานุภาพไมอาจคาดเดา เปนระดับที่ยาก
จะมองใหทะลุปรุโปรง!
“กาวสูสวรรคหรือ” ขางกายของหวังเปาเลอ เงารางของแมนางนอยกอตัวขึ้น
แลวมองภาพนี้อยางไมอยากเชื่อพรอมเอยพึมพำ
“ก็เหมือนจะไมใช…”
เมื ่ อ ได ย ิ น เสี ย งพึ ม พำของแม น างน อ ย หวั ง เป า เล อ ก็ ไ ม ไ ด ส นใจอะไรมาก
เพราะทุกอยางนี้ไมสำคัญ เลย สิ่ง สำคั ญ คื อ ในชั ่วพริ บตานี ้ ในใจของเขามี ความ
เจ็บปวดผุดขึ้นมา
เพราะเขารูวา หลังจากเฉินชิงจื่อทะลวงระดับแลว จะตองไปแสวงหาเตา
แตสุดทายแลวจะเปนการแสวงหาเตาหรือวาพลีชีพ ทุกอยางลวนเปนปริศนา
ดั ง นั ้ น หลั ง จากเงี ย บงั น ไป ร า งของหวั ง เป า เล อ ก็ ห ายวั บ ไปจากเต า ฝ ง ซ า ย
เมื่อปรากฏตัวขึ้น…เขาก็มาอยูริม แม น ้ำแหง ความมื ด ห างจากเฉิ น ชิ งจื ่อ รอยจั้ง
มองไปที่เฉินชิงจื่ออยางซับซอนแลวเอยเสียงเบา
“ตองไปจริงๆ หรือ”
เฉินชิงจื่อหันหนามอง มองไปยังหวังเปาเลออยางอบอุนแลวแยมยิ้ม
“ศิษยนองเล็ก ศิษยพี่…ไปกอนเจาหนึ่งกาว ไปดูปลายสุดของโลกใบนี้ จะเพื่อเจาก็ดี
เพื่อตัวเองก็ดี ทายที่สุดตองมีชีวิตอยูอยางไมเสียใจ!”
“ขาไมเชื่อในโชคชะตา”
“แตถาขาลมเหลว ก็ไมจำเปนตองโศกเศราเพราะขา”
“เพราะวา…”
“นี่คือเสนทางของขา!”
บทที่ 1258 ศิษยพี่
มองดูเฉินชิงจื่อ หวังเปาเลอก็เงียบงัน
ทุกคนลวนมีเสนทางของตัวเอง คนอื่นที่ไรอำนาจไมมีสิทธิ์ไปหยุดยั้ง ไมวาจะเปน
การแสวงหาเตาหรือวาพลีชีพ สำหรับผูฝกตนโดยเฉพาะผูฝกตนที่บรรลุถึงระดับเชน
พวกเขาแลว นี่…ก็คือการแสวงหาและเปาหมายของชีวิต
สุ ด ท า ยแล ว ล ว นต อ งเดิ น ก า วนี้ เ พื ่ อ ไปดู จ ั ก รวาลของโลกภายนอก ไปดู โ ลก
ที่แทจริง ไปสัมผัสวาสิ่งที่ตนฝกฝนมาหลายปขนาดนี้แทจริงมันคืออะไร ไปรับรูวา…
สิ่งที่ตนเสาะหานั้นคือเสนทางใด!
ดังนั้น ในใจของหวังเปาเลอจึงมีความซับซอน แตสุดทายคำพูดนับพันนับหมื่น
ภายในใจก็กลายเปนเสียงถอนหายใจแผวเบา
“ศิ ษ ย น อ งเล็ ก เรี ย กข า ว า ศิ ษ ย พ ี ่ อ ี ก ครั ้ ง ได ห รื อ ไม ” เมื ่ อ มองเห็ น ถึ ง
ความแปรปรวนในกนบึ้งจิตใจของหวังเปาเลอ เฉินชิงจื่อก็ยิ้มออนจาง อบอุนเปน
อยางยิ่ง เขารูวาการเดินออกมาครั้งนี้ของตนนั้นนั้นหาไดรูถึง ผลลัพธไม บางที
อาจจะ…ตัวตายเตาสลาย ก็ยังไมรูแน
ดัง นั้นเขาจึง ไมหวาดกลัวอะไรและไม เสีย ใจด วย มี เพี ย ง…เสี ย ดายเล็ กนอย
เพราะเหมือนกับวาไมไดยินคำเรียกขานที่ทำใหตนรูสึกอบอุนและใหความรูสึกคลาย
กับวาการมีอยูของเขามีความหมายมานานแลว
ตั้งแตชั่วขณะที่อาจารยสิ้นชีพ มิตรภาพระหวางเพื่อนรวมสำนักของพวกเขา
ก็ถูกตัดขาด
และประโยคนี้เขาก็ไมเคยพูดมากอน มีเพียงแคตอนนี้เทานั้นที่เขาอยากไดยิน
คำวาศิษยพี่สองคำนี้อีกครั้งมากๆ กอนจะจากไป
หวังเปาเลออาปาก แตคำสองคำนี้กลับคลายติดอยูในลำคอ สุดทายเขาก็เลือกที่
จะเงียบ แตกลับยกมือขวาขึ้นและตบเขาที่หวางคิ้วของตนอยางแรง
เมื ่ อ ตบลงไป ร า งกายของเขาก็ ส ั ่ น สะท า น ปราณมื ด รอบกายผั น ผวน
อวกาศคลายจะสั่นไหว กลิ่นอายบนรางของหวังเปาเลอพลันระเบิดออกมาขณะที่
ตัวสั่นสะทาน
ดวยการระเบิดนี้ ทำใหดานหลังของเขามีเงารางของอดีตชาติปรากฏขึ้นทันที
เปนเผาเทพอัคคีอันสะเทือนฟาสะเทือนดินผูนั้นกอน จากนั้นกลิ่นอายของผีดิบ
ก็ พ ุ ง เที ย มฟ า ก อ นเป น ดาบเวทย เป น ความแค น จนกระทั ่ ง เมื ่ อ เงาร า งของ
กวางขาวนอยปรากฏขึ้น เงารางจากอดีตชาติเหลานี้ก็ยืนอยูเบื้องหลังของหวังเปาเลอ
ยืนอยูระหวางฟาดิน อานุภาพทรงพลังนาตะลึงเรื่อยๆ
ทุกๆ รางคลายจะแฝงไวซึ่งพลานุภาพไรที่สิ้นสุด
ทุกๆ รางคลายจะฉีกประชากทองนภาอันวางเปลา สยบทุกสารทิศ
เมื ่ อ พลั ง ฝ ก ปรื อ ของหวั ง เป า เล อ เพิ ่ ม ขึ้ น และห า ธาตุ ข องเข า ล้ ำ ลึ ก มากขึ้ น
รางอดีตชาติของเขาก็กาวกระโดดไปดวยเชนกัน ตอนนี้ขณะที่ฟาดินสั่นสะเทือนและ
เกิดการระเบิดเขยาอวกาศ หวังเปาเลอก็ยกมือขึ้นแลวประสานสิบนิ้วไวตรงหนาชาๆ
การเคลื่อนไหวเชื่องชาราวกับเรื่องที่เขากำลังจะทำนั้นยากเย็นตอเขาอยางยิ่ง
แตสองมือกลับมั่นคงเหลือเกิน มือทั้งสองคอยๆ เขามาใกลกัน รางอดีตชาติดานหลัง
ของเขาก็ซอนทับเขาดวยกันชาๆ
จนกระทั ่ ง มื อ ของหวั ง เป า เล อ สั ม ผั ส เข า ด ว ยกั น โดยสมบู ร ณ ใ นชั ่ ว พริ บ ตา
เงาอดีตชาติดานหลังของเขาก็ผสานรวมกันจนหมด ทามกลางความโกลาหลวุนวาย
พวกมันพัฒนากลายเปน…กระดานไมดำ!
มันแตกตางจากกระดานไมดำที่เคยปรากฏขึ้นกอนหนานี้ รางเดิมที่เคยถูกหวังเปาเลอ
แสดงออกมาหลายครั้งลวนเปนเงามายา มีเพียงครั้งนี้เทานั้น…ที่ไมใชภาพมายา!
แตเปนของจริง!
เพียงแตเห็นไดชัดวาตอใหพลังฝกปรือในปจจุบันของหวังเปาเลอจะไมสามัญ
แตเขาก็ยังไมอาจทำใหรางเดิมกระดานไมดำปรากฏออกมาอยางชัดเจนสมบูรณแบบ
ได ดังนั้นกระดานไมดำที่ปรากฏขึ้นนี้จึงมีบริเวณหนึ่งสวนเปนของจริง และอีก
เกาสวนยังคงเปนภาพมายา
เมื ่ อ กระดานไม ด ำปรากฏขึ ้ น แม จ ะเป น ของจริ ง แค เ พี ย งส ว นเดี ย ว แต ใ น
ชั่วพริบตามันก็ระเบิดกลิ่นอายสะเทือนฟาออกมา แผขยายเปนบริเวณกวาง ทำให
ทั่วทั้งโลกแหงศิลาสั่นสะเทือน ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณของจักรพิภพสำนักเสริม
ก็ใจแกวงไกว สีหนาเครงเครียด
และยังมีปรมาจารยสำนักดาราจันทรที่นั่งสมาธิอยูบนหนาผาหนาน้ำตกในเขต
ตองหามของสำนักดาราจันทรมาเนิ่นนานหลายปแลว ตอนนี้เขาก็ลืมตาขึ้น มองไปยัง
อวกาศ
“เวลา ใกลมาถึงแลว…” ขณะที่ปรมาจารยสำนักดาราจันทรเอยพึมพำเสียงเบา
กลิ ่ น อายเบื้ อ งหลั ง ของหวั ง เป าเล อ ก็ย ิ่ ง แผ ไ พศาล คล า ยกั บ ว า ตั วเขากลายเป น
แหลงกำเนิดที่ทำใหโลกแหงศิลาสั่นสะเทือนตอไป กนบึ้งจิตใจของสรรพชีวิตก็มี
ความเคารพบูชาไรที่มาผุดขึ้น
เฉินชิงจื่อเปนคนแรกที่ไดรับผล เขาที่ทรงพลังเชนนี้กลับตองถอยหลังไปสองสามกาว
แววตาฉายประกายเจิ ด จ า ขณะที ่ จ อ งมองไปยั ง หวั ง เป า เล อ เขาก็ ม องไปที่
กระดานไมดำเชนกัน
เขารูที่มาของศิษยนองเล็กของตน แตตอใหเปนเชนนี้ ตอนนี้เขาเมื่อเขาไดเห็น
กับตาตัวเอง ในใจก็ยังมีความผันผวนรุนแรงสาดซัด เขาเดาไดรางๆ วาหวังเปาเลอ
คิดจะทำอะไร สีหนาจึงพลันซับซอน
“ศิษยนองเล็ก เจา…”
เพียงแตเขายังไมทันไดเอยใหจบ สองมือที่ประสานเขาดวยกันของหวังเปาเลอ
ก็คลายออก เขาพลันยกมือขวาขึ้นไปยังของจริงหนึ่งสวนบนกระดานไมดำที่กอตัว
อยูเบื้องหลัง แลวกดลงไป ไมไดเอยคำพูดใด เพียงแตเสนเลือดดำปนหนาผากปูดโปน
ขึ้นมา แลวฉีกหักมันอยางแรง!
เสียงดังกึกกอง กระดานไมดำบริเวณหนึ่งสวนหักออกมาทันทีดวยความยินยอม
ของหวังเปาเลอเอง ถูกเขาบังคับหักเปนเศษไมขนาดเทานิ้วมือ!
หากดูรวมๆ แลว มันเปนเพียงแคหนึ่งในรอยของกระดานไมดำ แตเพราะวา
ตำแหนงสถานะของมันสูงอยางยิ่ง ดังนั้นแมจะเปนเศษไม แตก็เปนสมบัติชั้นเลิศ
สะเทือนฟาเชนกัน และแรงภายนอกก็ ไ ม อาจทำลายกระดานไม ดำนี ้ ไ ด มี เ พี ย ง
ตั ว มั น เองเท า นั ้ น …ถึ ง จะทำลายตั ว มั น ได และผลกระทบที ่ เ กิ ด จากการหั ก ย อ ม
ไมนอยเลย ดังนั้นในพริบตาตอมา กลิ่นอายบนรางของหวังเปาเลอก็ผันผวนรุนแรง
สีหนาขาวซีด
แตผลกระทบเชนนี้ไมไดคงอยูนาน ไมมีพลังแหงการกำเนิดใหม ดังนั้นหลังจาก
ใหเวลาพักหนึ่งหรือมอบโอกาสวาสนาใหหวังเปาเลอ มันก็ยังมีโอกาสจะฟนตัวได
ขณะนี้เขาควาจับเศษไมชิ้นนี้ไว หวังเปาเลอไมลังเล เมื่อเงยหนามองเฉินชิงจื่อ
เขาก็โยนออกไปทันใด ทำใหเศษไมชิ้นนี้พุงไปหาเฉินชิงจื่อตรงๆ
นี ่ เ ป น สิ ่ ง เดี ย วที ่ ห วั ง เป า เล อ สามารถทำได เขาไม อ าจเบิ ก ตามองเฉิ น ชิ ง จื่ อ
ทะลวงไปเชนนี้ได เขาสัมผัสไดถึงอันตรายดังนั้นเมื่อมาถึงจุดนี้ ดังนั้นเขาจึงมอบ
รางเดิมไมดำชิ้นหนึ่งออกไป
ประโยชนใหญที่สุดของของสิ่งนี้ก็คือการสยบโชคชะตา และการสยบเชนนี้…
ถาหากใชกับตัวเองละก็ จะทำใหดวงวิญญาณเทพคลายถูกสยบเอาไว แตความจริง
แลวกลับถูกปกปองตางหาก
เมื่อเปนเชนนี้…ตอใหสุดทายแลวจะลมเหลว แตก็อาจจะ…ดำรงอยูไดเพราะ
จุดจุดนี้ ทำใหถึงแมวาดวงวิญญาณเทพจะแตกสลาย แตวิญญาณแทยังอยู มีโอกาส
ไดกลับชาติมาเกิด
เฉินชิงจื่อโบกมือ ไมไดเขาไปรับ แตหมุนเศษไมชิ้นนี้กลับไปตรงหนาหวังเปาเลอ
“ศิษยนองเล็ก ขาไมตองการของสิ่งนี้!”
“ไมไดใหทาน แตใหทานยืม จำไวละ…ตองเอามาคืนขา” หวังเปาเลอก็โบกมือ
เชนกัน เศษไมบินไปหาเฉินชิงจื่ออีกครั้ง
เฉินชิงจื่อเงียบงัน ผานพักครูหนึ่งก็ถอนหายใจแผวเบา หยิบเศษไมชิ้นนี้มาไว
ในมือ กำเอาไวแนน เขาเงยหนามองหวังเปาเลออยางล้ำลึกปราดหนึ่ง จูๆ ก็เอยขึ้น
“ศิษยนองเล็ก หลังขาจากไป ถาหากมีวันหนึ่งที่อวกาศกลายเปนสีเลือด…”
“นั่นหมายความวา ขาลมเหลวแลว”
“อวกาศสีเลือดเกิดมาจากเตาโลหิตของขา ภายในนั้นก็จะมีดวงจิตเทพของขาอยู
เจาสัมผัสถึงมันได ในดวงจิตเทพนั้น…มีคำพูดที่ขาอยากเอยตอเจา”
“ศิษยนองเล็ก ลากอน”
“ศิษยนองเล็ก โลกแหงศิลามีเกิดก็ตองมีดับ เหมือนหยินและหยาง หมื่นชีวิต
ในโลกลวนเปนเชนนี้ มีแสงสวาง ก็มีความมืด…เจารูหรือไมวาทำไมอาจารยถึงรับ
แคเจากับขาเปนศิษย…”
“มีบางเรื่อง ถาหากขาทำสำเร็จแลว เจาก็ไมจำเปนตองแบกรับหรือรับรู ถาหาก
ขาลมเหลว…เปนเพราะศิษยพี่ไรความสามารถ เจาก็ตอง…เดินไปดวยตัวเองแลว”
“ศิษยนองเล็ก…ลากอน” เฉินชิงจื่อมองหวังเปาเลอที่กมหนาอยูอยางลึกซึ้ง
คราหนึ่งราวกับรออะไรบางอยาง แตรออยูหลายอึดใจ เขาก็ไมรอ สุดทายเขาก็
หั น กายพร อ มแววตาหมองหมน เดิ น ไปยั ง ความว า งเปล า หนึ ่ ง ก า วต อ หนึ ่ ง ก าว
แผนหลังอางวาง กำลังจะหายไปอยูรอมรอ
“ศิษยพี่!”
“รอดชีวิตกลับมา!” หวังเปาเลอเงยหนาฉับพลัน ใชพลังที่ยิ่งใหญที่สุดในชีวิต
รองตะโกนเสียงดังออกไป
เฉินชิงตัวสั่นไหว ในที่สุดเขาก็รอไดยินคำเรียกนี้แลว ขณะนี้เขาไมไดหันกลับไป
แตกลับมีเสียงหัวเราะดังสะทอนกอง ในเสียงหัวเราะมีความไมเสียใจ มีความแนวแน
มีความอิ่มเอม!
กาวหนึ่งกาว ก็เขาไปสูความวางเปลา!
บทที่ 1259 นอกประตู
ความวางเปลาคืออะไร
คนมากมายลวนรับรู แตผูที่มองเห็นและสัมผัสไดอยางแทจริงนั้นกลับมีไมมาก
ความวางเปลาไมใชไมมีอะไร แตก็ไมใชความพราเลือน ยิ่งไมใชภาพมายา
ความวางเปลาคือชั้นลางสุดของอวกาศ ในแงหนึ่งกลาวไดวาเปนชั้นกำแพงกั้น
เพียงแตกำแพงกั้นนี้ใหญยิ่งนัก ถึงขนาดที่หลังจากกาวเขาไปแลวลวนมองไมเห็นสิ่งใด
แตมองไมเห็นไมไดหมายความวาไมมี
สิ่งที่อยูที่นี่คือความทรงจำของสรรพสิ่ง สามารถเปรียบเทียบไดกับมหาสมุทร
ที ่ ร วบรวมสติ ส ั ม ปชั ญ ญะ ที ่ แ ห ง นี ้ … ในทางหลั ก การแล ว สามารถมองเห็ น ชี วิ ต
ของวิ ญ ญาณที ่ เ คยมี อ ยู ท ุ ก ตนได เพี ย งแต จ ำกั ด ให แ ค ค นตาย ส ว นคนเป น นั้ น
ยามอยูที่นี่จะมองไมเห็น เวนแตตัวเองมองตัวเองเทานั้น
แตก็เปนเพียงแคหลักการ เพราะความทรงจำในที่แหงนี้มีมากมายเหลือเกิน
แทบจะไมมีสิ่งมีชีวิตใดสามารถทนรับการหลอมรวมของความทรงจำกันกวางใหญ
ไพศาลนี้ได ดังนั้นยอมผลักไสมันไปตามสัญชาตญาณเปนธรรมดา เพราะอยางนั้น…
จึงมองเห็นและรับรูวาภายในความวางเปลาไมมีอะไร
นี่คือการปองกันตัวเองตามสัญชาตญาณ
แตเฉินชิงจื่อนั้นแตกตาง เขาไมรูวาพลังฝกปรือของตนเองตอนนี้อยูระดับไหน
กันแน แตเขารูวา…ในความวางเปลาแหงนี้ ถาหากตนตองการ ก็สามารถมองดู
ความทรงจำของสรรพสิ่งได
เหลานี้ลวนไมสำคัญ เพราะเขาไมอยากจะสิ้นเปลืองความคิดจิตใจ ไมอยาก
จะไปดูชีวิตของคนอื่น โดยเฉพาะอยางยิ่ง…ที่นี่ไมมีรองรอยของเวยยางจื่อ
และเรื่องนี้…ไดพิสูจนการคาดเดาของเขาแลว
เวยยางจื่อ ความจริงนั้น…ยังไมตาย
นี่ก็ไมใชเรื่องสำคัญอีกเชนกัน เพราะเฉินชิงจื่อรับรูแผนการของเวยยางจื่อแลว
นี่คืออุบาย ถึงแมเขาจะรู แตก็ยังจะเดินไป
หากไมเดินแลวอยูในโลกแหงศิลาก็ใชวาจะทำไมได แตพฤติกรรมหลบเลี่ยงเชนนี้
นอกจากไมชวยอะไรในอนาคต ก็ยังทำใหตนสูญเสียจิตใจแสวงหาเตาดวย
สุดทายแลว…ที่ควรมาก็ตองมา ที่ควรเกิดก็ตองเกิด
“ศิษยนองเล็ก…เจาเปนแสงสวาง ขาเปนความมืด ถาหากขาสำเร็จ ความลับ
เกี่ยวกับความอมตะก็จะคงอยูชั่วนิรันดร เหตุตนผลกรรมทั้งหมด ขาจะแบกรับไว
คนเดียว ถาหากขาลมเหลวและสิ้นชีพ…” เฉินชิงพึมพำ สายหนาเบาๆ
“ก็ จ ะทำให เ จ า สมบู ร ณ ด ว ย!” แววตาของเฉิ น ชิ ง จื ่ อ แน ว แน เผยให เ ห็ น
ความคาดหวังในอนาคต เงารางอยูในความวางเปลา กาวตอกาว คอยๆ เดินไปไกล
เหยียบผานความทรงจำอยูในชั้นลางของอวกาศแหงนี้
นี่คือหนทางการแสวงหาเตา
และเปนกระบวนการแสวงหาจิตใจเชนกัน
เมื่อกาวลงกาวแรก ความวางเปลาก็เกิดระลอกคลื่นกระเพื่อม ในระลอกคลื่นนี้
เฉินชิงจื่อมองเห็นภาพภาพหนึ่ง
ในภาพนั้น เปนหมูบานของปุถุชนที่อยูทามกลางกองไฟลุกโชน ในนั้นมีเด็กผูชาย
วัยเจ็ดแปดขวบอยูคนหนึ่ง สวมเสื้อผาขาดๆ รางกายผอมโซยิ่งนัก เขานั่งยองๆ
อยูหนาเปลวเพลิง สงเสียงรองไหนาอนาถใจออกมา
เสียงรองไหมาพรอมกับความหมดหนทางและความสับสน ยิ่งกวานั้นยังระเบิด
ความเกลียดชังที่ถึงแมเพิ่งแตกหนอแตกลับเติบโตอยางรวดเร็ว
จากที่ไกลๆ จะมองเห็นกองทหารมนุษยกลุมหนึ่งมาพรอมกับความโหดเหี้ยม
กำลังหายเขาไปจากปลายภูเขา กองทหารกองนี้อันธพาลอยางยิ่ง มองเห็นรูปสลัก
ของงูดำตัวหนึ่งบนเสาธงเอียงๆ ไดรางๆ
ภาพหายไป เฉินชิงจื่อหลับตาลง เดินกาวที่สอง กาวที่สาม…ภาพปรากฏขึ้น
ใตฝาเทาของเขาภาพแลวภาพเลา
ภาพที ่ ส องคื อ เมื อ งหลวงของปุ ถ ุ ช น ภายในพระราชวั ง มี ซ ากศพเกลื ่ อ นพื้ น
ทหารทั้งหมดที่เหลืออยูลอมรอบรางของชายหนุมคนหนึ่ง เพียงแต…เห็นอยูชัดๆ วา
คนที่ถูกลอมนั้นเปนคนหนุม แตผูที่ตัวสั่นกลับเปนทหารรอบๆ
เมื่อชายหนุมกาวทีละกาว ทุกคนลวนถอยหลัง จนกระทั่งถอยจนถอยไมไดแลว
ที ่ ด า นหน า ของชายหนุ ม เขาก็ ม องเห็ น ตำหนั ก ใหญ ข องพระราชวั ง มองเห็ น
ชายวัยกลางคนนั่งหนาเขียวอยูบนบัลลังก
ดานหลังของชายผูนี้มีรูปสลักประจำอาณาจักร นั่นก็คืองูดำตัวหนึ่ง
พริบตาตอมา รูปสลักก็พังทลาย ทหารลมตาย ราชาสิ้นพระชนม!
ภาพที่สามคือสำนักอันกวางใหญแหงหนึ่ง ชายชราสวมชุดคลุมสีมวงคนหนึ่ง
กมหนามองชายหนุมที่คุกเขาคำนับอยูตรงหนาแลวเอยขึ้นชาๆ
“เจามีนามวาอะไร”
“เฉินชิง”
“ตอไป เจาชื่อวาเฉินชิงจื่อ สวนขา…ก็คืออาจารยของเจา” ชายชราเอยอยางสงบนิ่ง
เสียงนั้นดังเขาสูหูของชายหนุม ทำใหชายหนุมเงยหนาขึ้น มองไปยังชายชราตรงหนา
และมองเห็ น ด า นหน า ของสำนั ก แห ง นี ้ ท ี ่ อ ยู ห ลั ง ชายชรา มี ห ิ น ก อ นใหญ ต ั ้ ง อยู
เขียนตัวอักษรมหึมาสีดำเอาไววา
สำนักแหงความมืด
“อาจารย…” เฉินชิงจื่อกาวลงไปกาวที่สาม ลืมตาขึ้น กมหนามองภาพใตฝาเทา
ของเขา ผานไปพักหนึ่ง เขาก็กาวเดินเปนกาวที่สี่ กาวที่หา กาวที่หก
ในระหวางทั้งสามกาวนี้ เขามองเห็นตนกำลังดูแลดวงวิญญาณคนตายในอวกาศ
ภายในสำนักแหงความมืด มองเห็นวาศิษยนองหนึ่งที่จูๆ ก็ถูกอาจารยพากลับสำนัก
ในวันหนึ่ง
บนรางของศิษยนองเล็ก เขาในตอนนั้นสัมผัสไดถึงความผันผวนพิเศษมากๆ
บางอยาง ความผันผวนนี้…ตนคุนเคยดีเหลือเกิน ราวกับวา…ไดเห็นตัวเองอีกคน
“เขาคือแสงสวาง ขาคือความมื ด…อาจารย ภารกิ จ ของสำนั กแห ง ความมืด
คือหยุดไมใหผูเปนอมตะออกไป แตทานกลับ…เปลี่ยนเปนขวางไมใหสิ่งมีชีวิตใดๆ
ออกไป”
“การขยายขอบเขตเชนนี้ความจริงแลวเปนการคุมครองแบบหนึ่ง และก็เปน…
ความรูเห็นเปนใจอยางหนึ่ง”
“รูเห็นเปนใจใหขา…และรูเห็นเปนใจใหศิษยนองเล็ก…”
“เพราะวา…เขาสืบทอดอมตะ สวนขา…ก็สืบทอดความอมตะเชนกัน การสืบทอด
ความอมตะเดิมทีก็ไมใชสถานะหนึ่งอยูแลว!”
“ทานกับขาเหมือนกัน ลวนเบื่อหนายภารกิจนี้…ดังนั้นในการสำเร็จสมบูรณ
สุดทายของทาน ความจริง แลว…เป น ความรู สึ กนึ กคิ ด สองอย างของตั วท า นเอง
พวกมันทำลายกันและกัน ศิษยนองเล็กไมรู ขาก็ไมอยากใหเขาแบกรับมากเกินไป…”
เฉินชิงพึมพำ กมหนาลง เดินตอไป
ทีละกาวๆ จนกระทั่งเขารูสึกไดรางๆ ทามกลางวิญญาณคนตายนับไม ถ ว น
จากนั้นก็จองมองไปยังดวงวิญญาณดวงหนึ่ง มองเห็นประกายแสงในดวงตาของ
เงารางของตนเองที่ทั้งมือเต็มไปดวยการสังหารในชั่วขณะที่สำนักแหงความมืด
ลมสลาย
แปลกตายิ่งนัก แตก็คุนเคยมากเชนกัน
ยังมีภาพอีกมากมาย สังหารจักรพรรดิสวรรค สังหารไมรูสิ้น สังหารหมื่นตระกูล
ทุกสิ่งทุกอยาง ทั้งชีวิตของเขาปรากฏขึ้นใตฝาเทาขณะที่เฉินชิงกาวเดินไป จนกระทั่ง
ภาพสุดทายที่ปรากฏขึ้นกลับเปนภาพเฉินชิงเงยหนารองตะโกนเสียงดังออกมา…
“ศิษยพี่ รอดชีวิตกลับมา”
“ขารับปาก” เฉินชิงจื่อพึมพำเสียงเบา เขาเดินมาจนถึงปลายสุดของความวางเปลา
กาวออกมากาวสุดทาย เมื่อกาวลงไป ทั่วทั้งความวางเปลาก็สั่นไหว อานุภาพกดดัน
ไมอาจบรรยายไดตกลงมากะทันหันแลวกลายเปนฝามือมหึมาขางหนึ่ง ตกลงมา
ขวางกั้นอยูขางหนาเฉินชิงจื่อ
ฝามือนี้มาจากดวงจิตของทั่วทั้งโลกแหงศิลา สิ่งนี้…แปลงมาจากมือของหลัวเทียน!
ยิ่งกวานั้นยังมีคลื่นปราณมืดผันผวนเขมขนสายหนึ่งแผออกมาจากในฝามือขางนี้ดวย
“ขาคือเตาสวรรคของสำนักแหงความมืด จักรพรรดิแหงความมืดคนปจจุบัน
ภายในโลกแหงศิลา ภารกิจคือเจตจำนงที่สูงสุด!” เมื่อเผชิญหนากับฝามือขางนี้
เฉิ น ชิ ง ก็ พ ลั น เอ ย ปากบอก เมื ่ อ เอ ย คำพู ด ออกมา ปราณมื ด บนร า งของเขา
ก็ระเบิดทันใด ปลาดำที่หวางคิ้วสวางสดใส จองมองไปยังฝามือ
กลิ่นอายของทั้งสองฝายมาจากแหลงเดียวกันอยางเลือนราง ผานไปครูหนึ่ง
ในที่สุดฝามือนั้นก็คอยๆ สลายหายไป และเมื่อมันสลายไปแลว ประตูหินเกาแก
บานหนึ่งก็ปรากฏอยูตรงหนาเฉินชิงจื่อ
เขายืนอยูหนาประตู เฉินชิงจื่อเงียบงันอยูเนิ่นนาน สุดทายก็สะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้น
ประตู ห ิ น บานนี ้ ก ็ ค อ ยๆ เป ด ออกไปข า งนอกกะทั น หั น เมื ่ อ มั น เป ด ออกมา
เฉินชิงจื่อก็มองเห็นดานนอกประตูหิน มันกลับมีความวางเปลาอีกผืนหนึ่ง
จุดที่ไรขอบเขตไรที่สิ้นสุดและไกลออกไป มีรอยราวขนาดใหญเส นหนึ ่ ง อยู
รอยราวนี้…ราวกับมีคนอยูขางนอกและพยายามกระแทกออก
“โลกแหง ศิลาแบง ออกเปน สามระดั บชั ้ น ชั ้ น แรก…คื อโลกใจกลางและเป น
จักรวาล ชั้นที่สอง…ก็คือกำแพงดานในของแผนศิลา และเปนความวางเปลาดานหลัง
ประตูเตาบานนี้เชนกัน สวนที่ที่ขาอยูก็คือจุดที่อยูระหวางใจกลางและกำแพงดานใน
สวนชั้นที่สาม…”
“รอยแยกนั้นคือกำแพงดานนอก และเปนชั้นที่สามดวย!”
เฉินชิงจื่อหรี่ตาลง ยืนอยูภายในประตู พริบตาที่กวาดมองไปดานนอก ทันใดนั้น…
ก็มีเงาโลหิตมหึมารางหนึ่งวาบผานนอกประตู ยิ่งกวานั้นภายในชั่วพริบตา เงาโลหิต
มากมายยิ่งกวานั้นก็วาบผานไปอยางรวดเร็ว เมื่อมองดีๆ เงาโลหิตเหลานั้นคลายกับ
หนวดเคราบนรางกายของสิ่งมีชีวิต
เพียงแตเปนเพราะสิ่งมีชีวิตนี้ตัวใหญยิ่ง ดังนั้นเพียงแคหนวดเคราก็มีขนาดมหึมา
นาตะลึงแลว!
ขณะเดียวใน เมื่อเงาโลหิตเหลานั้นวาบผาน ก็ยังมีเสียงรองคำรามแหลมสูง
ดังออกมาดวย
เสียงนี้เพียงพอจะทะลุทะลวงดวงวิญญาณเทพแลวฉีกกระชากทุกสิ่งทุกอยาง
สั่นคลอนสรรพสิ่งทั้งหมด ถึงขั้นที่เมื่อระดับจักรวาลไดยินแลว ก็คงจะเลือดเนื้อ
แตกสลาย วิญญาณเทพพังทลายทันทีเปนแน!
“ผูที่เวยยางจื่อรอคอยก็คือเจาหรือ…”
“เปนทาน…ที่พยายามครอบงำศิษยนองเล็กของขาอยางนั้นหรือ”
“มหาเทพผูแทจริง!”
บทที่ 1260 มหาเทพ
คำเรียกขานมหาเทพนี้ ทั้งชีวิตของเฉินชิงจื่อเขาใจผานสองวิถีอันแตกตางกัน
วิถีหนึ่งมาจากบัญชาของสำนักแหงความมืด คำบัญชาดังกลาวมีขอมูลจำนวนมาก
หนึ่งในนั้นมีคำเรียกขาน “มหาเทพ” คำนี้อยูดวย โดยเฉพาะหลังจากหลอมรวม
เตาสวรรคแลว เฉินชิงจื่อก็เขาใจไดมากขึ้น
มหาเทพที่วานี้ คือผูปกครองที่แทจริงของอาณาจักร
เขาไดยินวาดวงจิตเทพนี้แบง ออกเป น หนึ ่ ง แสนส ว น แตกกระจายไปทั ่ ว ทั้ ง
แสนจักรวาล จากนั้นกลายเปนจักรพิภพเตานับแสน ในทุกเขตจักรพิภพเตานั้น
อาณาจักรไมรูสิ้นไดกอกำเนิดขึ้นจากดวงจิตเทพที่ลองลอยพวกนี้
สวนรางกอนในโลกแหงศิลาเหลานั้น…ก็คืออาณาจักรไมรูสิ้นที่มีอยูมาไมนาน
เทาไหร พูดไดอีกอยางวาอาณาจักรนี้เพิ่งถือกอกำเนิดขึ้นเทานั้น อีกทั้งมีเพียง
จักรพิภพไมรูสิ้นตรงนี้ ความบังเอิญทางโชคชะตากลับทำใหมันมีการเปลี่ยนแปลง
และถูกรบกวนมากเกินไป
ในคราแรก การตอสูระหวางเซียนหลัวและกู สุดทายแลวกูหลบเรนจนมาถึงที่นี่
ทำใหสถานที่นี้กลายเปนเหมือนที่ซอนตัวของเขา แตหลังจากนั้นเขายังคงถูกหลัว
ตามสังหาร จึงใชแขนแปรสภาพเปนผนึกกอรางตั้งสำนักแหงความมืด เพื่อสืบทอด
บัญชาที่ตนเองมอบหมายเอาไว
หยุดยั้งไมใหเซียนจากไป ตองถูกผนึกอยูที่นี่ไปทุกชาติทุกภพ
หากวาหลัวมิไดรวงหลน บางทีการเปลี่ยนผันของศิลาก็คงเปนเชนนี้ตลอดไป
แตเมื่อหลัวแตกดับ ทำใหบัญชาทั้งหลายกลายเปนไมไรราก เมื่อใชพลังมาจนบัดนี้
ก็นับวารวงโรยแลว สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแหงศิลานั้นไดเปลี่ยนผันเปน…
การถือกำเนิดใหมของตระกูลไมรูสิ้นอีกทั้งบุตรไมรูสิ้นก็ไดเกิดขึ้นมาจากการ
ฟนคืนความทรงจำบางสวน ในนี้นั้นยังมี…ผูสืบทอดบัญชาของสำนักแหงความมืด
ผูที่เกิดความเปลี่ยนแปลงและสั่นคลอนในจิตแหงเตาของตน
ดังนั้นแลว อาจารยของเฉินชิงจื่อและหวังเปาเลอ จึงเกิดความขัดแยงในกนบึ้งหัวใจ
เพราะหากวาไมมีเฉินชิงจื่อ หรือวาตัวหวังเปาเลอไมตื่นรูขึ้นมา หรือวาตื่นรู
แตถูกแยงชิงไป เชนนั้นชะตาของโลกแหงศิลานี้ ก็คงจะเหมือนกับจั กรพิภพเต า
นั บ แสนอื ่ น ๆ ก็ ค ื อ สุ ด ท า ยแล ว คื อ ตระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น เป น ผู ถ ื อ ครองความรุ ง โรจน
ส ว นบุ ต รไม ร ู ส ิ ้ น ในแดนเต า นั บ แสนล ว นรู แ จ ง เสมื อ นหนึ ่ ง ได น ิ พ พานก็ ไ ม ป าน
เสมื อ นกลื น กิ น ก็ ไ ม ป าน พวกเขากลื น กิ น ทั ้ ง จั ก รพิ ภ เต า จากนั ้ น กลายเป น
ผลแหงเตาหนึ่งที่แหวกทำลายสภาวะวางเปลา จากนั้นยอนคืนสูตัวมหาเทพ
เห็นไดชัดวา…อาณาจักรไมรูสิ้นแหงนี้เกิดปญหา
นี่คือขอมูลที่เฉินชิงจื่อทราบจากเตาสวรรคแหงความมืด และสำหรับเขาแลว
วิธีการที่ทำใหลวงรูไดอีกอยางหนึ่งนั้น กลับเปน…การสืบทอดจากตัวเซียนเอง
การสืบทอดแหงเซียน ไมไดมีแคสวนหนึ่งกลับมีสองสวน
หลังจากที่กูหนีเขาโลกแหงศิลาแลว ทราบดีวาหลัวยอมหาตัวเองพบเปนแน
ดังนั้นแลวในตอนที่เขาสูตระกูลไมรูสิ้นในยามนั้น เขาตัดกระแสจิตเทพของตนเอง
จากนั้นตนเองจึงกำหนดการสืบทอดแหงเซียน แบงเปนหนึ่งสวาง หนึ่งมืด
ที่วาสวางนั้นก็คือตนเอง กลายเปนปณิธานอันแข็งกลา
ที่มืดนั้นคือตนหนีเขาวัฏสังสาร จากนั้นใชความรูหนึ่งกลายเปนกระแสเซียน
เลือนหายไรลักษณ
หลายขวบปใหหลัง…การสืบทอดแหงเซียนอยางลับๆ นี้ถูกเฉินชิงจื่อลวงรูเขา
ดังนั้นแลวในเวลาเพียงสั้นๆ เขาจึงแกแคนทำลายอาณาจักรอสรพิษดำ จนกระทั่ง
เขาตาหมิงคุนจื่อ ทามกลางความซับซอนแหงจิตเตานี้ หมิงคุนจื่อรับตัวเขาเปนศิษย
และความทรงจำแหงการสืบทอดเซียนลับๆ นี้ เฉินชิงจื่อก็ไดลวงรูเขาทามกลาง
ความทรงจำหลายทบ ระหวางที่เขาระลึกแคน และทามกลางจิตสังหารอันมึนงง
ภายหลังจากที่สำนักแหงความมืดสิ้นสลายแลว
ในยามนั้น เขาถึงเพิ่งรูวาตนเองเปนใคร
ในยามนั้น เขาก็ไดทราบที่มาของโลกแหงศิลา
และเป น ในยามนั ้ น เอง ที ่ เ ขาได ก ระจ า งว า …สิ ่ ง ที ่ อ าจารย ต อ งการผนึ ก
ไมใชตนเองแตกลับเปน…มหาเทพ
เพราะการตื่นรูซึ่งการสืบทอดแหงเซียนของเขาในที่นี้ แฝงไปดวยความทรงจำ
ในความทรงจำนั้น…หลัวและกู เคยไปยังจักรวาลหนึ่ง จักรวาลนั้นเคยมีน ามว า
มิติแหงเตาตนกำเนิด
มิติแหงเตาตนกำเนิดดังกลาวใหญโตไรขอบเขต ในนั้นตั้งแตโบราณจวบจนบัดนี้
มีผูเยี่ยมยุทธถือกำเนิดทั้งสิ้นหนึ่งรอยแปดทาน ทุกทานลวนชื่อเสียงสะทานฟา
แตละคนกอกำเนิดพิภพของตนเอง และในบรรดาหนึ่งรอยแปดคนนี้ มีผูสูงศักดิ์
รายหนึ่ง…กวาดลางมิติตนกำเนิด สยบทั้งพิภพเตา และถูกขนานนามวา…มหาเทพ!
มหาเทพไร พ า ย ข า งกายมั ก จะพานกแก ว ไปด ว ยตั ว หนึ ่ ง ในยามนั ้ น ได ร วม
การปกครองในมิติเตาตนกำเนิด หลั ง จากนั ้ น ภายใต เจตนารมณ แ ห ง มหาเทพ…
ไดเปลี่ยนมิติเตาตนกำเนิดใหมีชื่อใหมเปน…จักรพิภพเตาไมรูสิ้น!
หลัวและกู ในยามนี้เนื่องจากโลกาตนกำเนิดของตนเองมาถึงขีดจำกัด ลวนคอยๆ
ทยอยกันเสาะหาสถานที่แตก็ถูกสยบเอาไวในที่นี้ หลังจากนั้นหลายป มหาเทพ
วางแผนฝกตนขั้นสุดทาย แตเนื่องจากเคราะหรายเจอพลังสะทอนกลับ ตะปูไมสีดำ
ชิ้นหนึ่งรวงจากนภาเขาเจาะทะลุกลางหวางคิ้ว ทำใหพลังฝกตนของมหาเทพนั้น
ยุ ง เหยิ ง บ า คลั ่ ง และในยามนี ้ เ อง มิ ต ิ เ ต า ต น กำเนิ ด ที ่ ถ ู ก ปกครองมานานนั บ
กาลปาวสาน จึงผอนคลายลง
หลัวและกู เหตุเพราะเตาที่ถือครองนั้นมิใชอยูในมิติเตาตนดำเนิด ดังนั้นในยามที่
การปกครองหละหลวม จึงสำแดงพลังฝกปรือทั้งหมดเพื่อหลบหนีออกจากที่ นั้น
แตหลังจากหนีไปแลว บางทีผลการกลืนกินสะทอนกลับของมหาเทพนั้นกอเกิด
การเปลี่ยนแปลง หรือเหตุเพราะความบังเอิญทางโชคชะตา พวกเขาทั้งสองคนไดรับ
การสืบทอดแหงเซียน ดังนั้นแลวจึงไดมีการตอสูที่สะเทือนฟาสะเทือนดินนั้น!
หลังจากนั้น กูถูกผนึก และไดรับสืบทอดการสืบทอดแหงเซียนสวนใหญ แมวาจะ
ไมสมบูรณ แตก็มากกวาพลังฝกตนของหลัว สวนที่วาเขาไปที่ใดนั้น เฉินชิงจื่อไมทราบ
บางทีอาจจะไปเกิดใหมในมิติเตาตนกำเนิด หรือบางทีอาจจะกำลังตอสูบาคลั่ง
กับมหาเทพ เฉิงชิงจื่อไมทราบเชนกัน
แตจากการสืบทอดแหงเซียนนี้ เขาทราบวา…หลัวที่หลอมรวมกับการสืบทอด
แหงเซียน จะตองหลอมสกัดสมบัติสูงสงที่เรียกวาโลหิตจักรวาลออกมาได สมบัติสูงสง
นี้…คือสิ่งจำเปนสำหรับอีกระดับชั้นหนึ่ง
ของสิ่งนี้…หากวาผูอยูระดับเดียวกันไดไป จะกลายเปนยาศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษา
อาการบาดเจ็บ
“มหาเทพ…” เฉินชิงจื่อมองไปนอกประตูศิลา เห็นเงารางโลหิตลอยผานไป
ดวงตาของเขาทอประกายคมปลาบสามารถคาดเดาถึงตัวตนของอีกฝายไดทันที
สำหรับเขาแลวเรื่องนี้ไมยาก ไมวาจะเปนเรื่องที่ไดรับสืบทอดมาหรือจากปราณ
บนรางอีกฝายในยามนี้ ไดอธิบายทุกอยางชัดแลว
และเกือบจะในพริบตาที่เฉินชิงจื่อเอยปาก เงารางโลหิตดานนอกก็เพิ่มความไวขึ้น ใน
พริ บ ตาถั ด มา ลู ก ตาขนาดมหึ ม าข า งหนึ ่ ง ปรากฏอยู น อกประตู แ ทบจะในทั น ที
มันยึดครองพื้นที่ประตูศิลาเกือบทั้งหมด จากนั้นจองเฉินชิงจื่อในประตูศิลา
ดวงตานี้เปนสีดำปนเหลือง แสดงอารมณเย็นชาและไรความรูสึก อีกทั้งลูกตาดำ
ยังมีขนาดใหญมาก มองจากประตูเพียงโผลมาเพียงสวนหนึ่งเทานั้น แตหากยามนี้
มีคนอยูนอกประตูแลวมองมายังความวางเปลานี้ จะมองเห็นตะขาบตัวขนาดมโหฬาร
จนนาตื่นตะลึง ลำตัวสีโลหิตของมันมองไมเห็นวายาวเทาไหรกันแนกำลังมวนขดไปมา
อยูในความวางเปลานี้อยางไรชองวาง
รางสีโลหิต ทำใหรูสึกเหมือนจะแผขยายไปทั่วความวางเปลาได ปราณที่มัน
แผออกมานั้นกระจายไปทั่วทั้งแปดทิศ ในยามนี้ศรีษะของตัวตะขาบโลหิตกำลัง
ประจันหนากับประตูศิลา
“เจากลาออกมาไหม?” กระแสจิตครองฟาครองพิภพกระจายไปทั่วทิศ และเขาสู
ดวงวิญญาณเทพของเฉินชิงจื่อ
“หากรางตนของเจามา ขาอาจจะลังเลอยูบาง แตเจาในยามนี้…เปนเพียงแค
กระแสจิตหนึ่งเทานั้น…ในเมื่อเปนเชนนี้…ทำไมขาจะกลัวเลา” เฉินชิงจื่อคอยๆ
เอยปาก
นอกประตูศิลา ตะขาบสีโลหิตมองเฉินชิงจื่อ ครึ่งครูใหญถึงคอยหัวเราะออกมา
“ในเมื ่ อ รู จ ั ก ร า งต นของขา ผู ส ู ง ศั ก ดิ์ แต ย ั ง เลื อ กที ่จ ะมา หรื อ ว า เมล็ ดพั นธ
ที่ขาหวานไวตรงนั้น ไมอาจจะหลอมผลแหงเตาที่นี่ออกมาได…”
“ตองพูดสักหนอย หลัวนั้นคือผูฝกตนที่แข็งแกรงที่สุดที่ขาผูสูงศักดิ์เคยพบ…
เขาที ่ ไ ด ร ั บ สื บ ทอดพลั ง เซี ย นส ว นใหญ แม จ ะพ า ยแพ ใ ห แ ก ข า และถู ก ข า ชิ ง
โลหิตจักรวาลไป แตวา…เขาก็ยังหนีรอดไดทั้งที่บาดเจ็บสาหัส นาเสียดาย สุดทาย
เขาก็รวงหลนอยูดี”
“ในเมื่อเปนเชนนี้ เขาก็ยังทิ้งปญหาที่ทำใหขาผูสูงศักดิ์รังเกียจอยูดี อยางเชนเจา
คนที่อยูขางนอกแตเขามาไมไดคนนั้น อยางเชนหลายคนที่จับจองที่นี่จากสถานที่
หางไกลนั่น หรืออยางเชนในที่นี้…หลังขามาแลวถึงคอยทราบ ที่แทเปนสิ่งที่สรางมา
จากมื อ ขวาของมั น นี ่ ข จั ด ความสงสั ย ของข า เพราะเหตุ ใ ด…กระแสจิ ต นั บแสน
ที่ขาปลอยออกไปนั้น ถึงสงคืนผลแหงเตามาแคเกาหมื่นเกาพันเการอยเกาสิบเกาผล
สถานที่เดียวนี้…ที่ไมไดกลับมา”
“โลกทั ้ ง เก า แสนเก า พั น เก า ร อ ยเก า สิ บ เก า ได ก ลายเป น ผลแห ง เต า ทิ ้ ง สิ้ น
สวนแกนรากเดิมภายในนั้นถูกทำลายทิ ้ง โลกอันเปน เอกเช นนี ้…ถึง กั บทำให ข า
ผูสูงศักดิ์ตองสงกระแสจิตหนึ่งมาสำรวจกอนลวงหนาเปนการเฉพาะ”
“ไม น า เชื ่ อ ว า จะได พ บผู ฝ ก ตนเช น เจ า ผู ส ื บ ทอดบั ญ ชาแห ง หลั ว สื บ ทอด
พลังเซียนสวนนั้น หากเจาเติบโตตอไป จะไมกลายเปนหลัวอีกคนเหรอ?”
“ผูสูงศักดิ์ทราบอยูแลววาหลัวแมรวงหลน แตตนกำเนิดดาวเคราะหนั้นพิเศษ
ทำใหมีหลัวคนใหมกำเนิดขึ้น ในยามนี้เขาเองก็จับจองที่นี่อยู เชนนั้นหากพวกเจา
ทั้งสองพบหนา…จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ” ตะขาบพูดเขาพูดเขาก็พลันเผยรอยยิ้มกวาง
บทที่ 1261 สิบสามป
เมื่อไดยินเสียงหัวเราะจากตัวตะขาบ สีหนาของเฉินชิงจื่อยังคงเรียบนิ่งขณะที่
เดินมาขางประตู อาศัยพลังฝกปรือในยามนี้ของเขาสามารถรูไดวาดานนอกรอยแยก
แหงความวางเปลา มีเรือพายอยูลำหนึ่ง และมีเงารางสูงศักดิ์นั่งขัดสมาธิอยูบนนั้น
เงารางนี้ดุจทะเล แผขยายไพศาลไรขอบเขต เสียดายแตวาทวงทานี้แข็งแกรง
เกินไปจนเปนเหตุที่ไมอาจเขาใกล และครั้นลวงล้ำเขาไปในรอยแยกทั้งราง เกรงวา
ทั้งโลกศิลานี้ จะพลันแตกเปนสี่หาสวน แหลกสลายไปในพริบตา
แลวยังมีสายตานับไมถวนจากสถานที่หางไกลในหมูดารานั้นยังคงจองมาอยู
สำหรับสายตาพวกนี ้น ั้ น เฉินชิง จื ่ อไม เห็ น ความสำคั ญ ในบรรดานั ้ น สายหนึ ่ ง …
ยังแฝงดวยความรูสึกสับสน สงผลใหเกิดระลอกคลื่นภายในกายของเฉินชิงจื่อดวย
เขาเขาใจดี เกรงวา…นี่ก็คือหลัวตนใหม..ซึ่งตะขาบอันกอเกิดจากกระแสจิตมหาเทพ
ไดเอยเอาไว
แตนี่ก็ยังไมสำคัญ
กระแสจิตมหาเทพนั้นเห็นไดชัดวารออยูตรงนี้มานานเกินไปแลว ดังนั้นจึงพูดจา
ตั้งมากมายที่นี่ หรือสำหรับกระแสจิตของมหาเทพแลวเรื่องราวพวกนี้ไมไดเปน
ความลับอะไร ทวาไมวาอยางไรก็ตม นับไดวาไดแกปญหาขอมูลสำคัญที่ขาดไป
สำหรับการสืบทอดของเฉินชิงจื่อพอดี
แผนของบุตรไมรูสิ้น กอนหนานี้เขาเดาไดแลว ในยามนี้เมื่อมองไป ก็ไมได
แตกตางจากที่ตนคิดมากนัก ทั้งหมดเปนพวกมันจงใจแพเพื่อใหตนเองหลอมรวม
หลังจากนั้นก็จะใชพลังของตนเองในโลกนี้ออกจากโลกแหงศิลา และนำดวงจิตเทพ
รางตนที่อยูเบื้องหนาตนตรงนี้เขามาเชนกัน
“แตวานี่…ก็ถือวาเปนแผนของขา เจาและขาลวนใชประโยชนไปมา แตขา…
กลับยืมพลังของเจาจนไดสมความปรารถนาสุดทายแลว” ในใจเฉินชิงจื่อพึมพำ
ดวงตาฉายประกายหมนทึมคราหนึ่งกอนจะขยับรางแลวกาวเทา…ออกจากประตูศิลา!
ในพริบตาที่กาวเทาออกไปนั้น ประตูศิลาก็ปดลงอีกครั้ง!
สวนความวางเปลานอกประตูนั้น ในยามนี้มีเสียงดังสะทานฟาดุดันกังวานขึ้น
มหาศึกที่ยิ่งใหญระดับภพ ไดเปดฉากขึ้นอยางยิ่งใหญทามกลางสายตาจำนวนมากที่
จับจอง!
การศึกครั้งนี้ คนในโลกแหงศิลาไมมีใครไดเห็น มีเพียง…เจาของดวงตาที่จับจอง
จำนวนมากจากนอกภพเทานั้น ถึงจะไดทราบรายละเอียดของการตอสูนี้
แมวาจะมองไมเห็น แตหวังเปาเลอก็พอสัมผัสได จริงๆ แลวไมไดมีเพียงแคเขา
เทานั้น พูดไดวาทุกสรรพชีวิตในโลกแหงศิลาลวนแตสัมผัสได เพราะวา…ในโลก
แหงศิลา ไมวาจะเปนในศูนยกลางหรือสำนักเตาฝายซาย สำนักเสริม ในหมูทองดารา
ในยามนี้ลวนแตเกิดกระแสกระเพื่อมรุนแรง
กระแสคลื ่ น นี ้ ส ะท อ นกลั บ ไปมา กลายเป น ลำแสง สำแสงหลากสี เ หล า นั้ น
กระแทกชนกันในอวกาศ แตกลับไม ก อให เกิ ดเสี ย งใดๆ เว น เสี ย แต จ ะยกระดั บ
เปนผูฝกตนจักรพิภพเสียกอน ไมเชนนั้น เหลาผูฝกตนระดับต่ำกวาจักรพิภพก็ไมกลา
เหยียบยางเขาอวกาศ เพราะครั้นเมื่อเขาไป ทามกลางแสงที่แผขยายไปทั่วนี้ ก็จะตาย
หรือแตกดับไดในพริบตา
มีเพียงผูฝกตนจักรพิภพที่พอจะฝนขามผานหมูดาราไดในระยะสั้นๆ มีเพียงใน
ระดับจักรวาลที่พอจะบรรเทากระแสคลื่นนี้บาง แตก็ไมอาจจะขามผานไดในพริบตา
เหมือนแตกอนแลว
ทั ้ ง โลกแห ง ศิ ล า เหมื อ นตกอยู ใ นสภาวะถู ก ผนึ ก ระดั บ หนึ ่ ง เมื ่ อ เที ย บกั บ
ความงงงวยของผู ฝ ก ตนระดั บ ล า งและทั ่ ว ไปนั ้ น มี เ พี ย งผู ฝ ก ตนซึ ่ ง มี ร ะดั บ สู ง
ประมาณหนึ่งถึงไดเขาใจสาเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้
“ศิษยพี่…” หวังเปาเลอที่นั่งขัดสมาธิอยูบนดาวอังคารแหงนหนาขึ้นมองทองฟา
มองไปยังคลื่นแสงจำนวนนับไมถวนนั้น สุดทายแลวจึงถอนหายใจเบาๆ กอนจะ
หลับตา เริ่มตนหลอมรวมเมล็ดพันธแหงเตาปฐพีตอไป
เวลาก็คอยๆ ไหลผานไปเชนนี้
เวลาสิบปก็ผานไปอยางรวดเร็ว กำหนดเวลานัดของหวังเปาเลอและผูอาวุโส
สำนักดาราจันทร บัดนี้เหลือเพียงเกาปเทานั้น
แสงแห ง มวลดารายั ง คงส ง ระลอกคลื ่ น ออกมาเหมื อ นเก า แถมยั ง รุ น แรงขึ้ น
นี ่ ส ร า งแรงกดดั น ชนิ ด ที ่ เ หล า ผู ฝ ก ตนระดั บ จั ก รพิ ภ พเองก็ ไ ม อ าจข า มผ า น
ดาวเคราะหได ความรูสึกที่เหมือนฟาดินจะทะลาย เริ่มปรากฏออกมาเปนครั้งแรก
พาใหในใจของทุกคนนั้นรูสึกหมนเศรา
ในเวลาเดียวกันกฎและเกณฑแหงเตาสวรรคสำนักแหงความมืดก็เริ่มออนพลังลง
ทั้งหมดนี้ทำใหหวังเปาเลอไมสบายใจอยางมาก แตวาก็ไมไดมีอาการนี้เนิ่นนานนัก
ความรูสึกกดดันทั้งหลายเริ่มหายไป สวนพลังเตาสวรรคคอยฟนคืนดังเดิม
สวนลำแสงที่เหลืออยูเพียงสิ่งเดียวนั้นกลับเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ราวกับวาทองฟา
กลายเปนทะเลลำแสง ลำแสงเหลานั้นยังคงผลัดกันพุงชนกลืนกิน ทำลายลางทุกสิ่ง
และในเวลานี้เอง ผูที่สามารถเดินไปมาในอวกาศได ในทั้งโลกแหงศิลานี้ มีเพียง
ระดับจักรวาลเทานั้น สวนที่ผูพลังเตรียมจะกาวเขาสูระดับจักรวาลนั้น ก็ยังพอจะฝน
เดินทางเปนระยะสั้นๆ ฝาอวกาศได
ความกังวลใจของหวังเปาเลอไมไดลดลงแมวาความรูสึกหดหูจะหายไปหรือ
กฎและเกณฑทั้งหลายจะฟนคืน กลับกันมันรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นหลังผานไปอีกสามป
เมื่อเมล็ดพันธแหงเตาดินนี้เริ่มเปนรูปเปนราง แมวารางตนของเขายังรักษาสภาพ
หลอมรวมเอาไว แตรางเสมือนนั้นกลับไปจากระบบสุริยะแลวมุงไปยังดาวชะตา
กอนออกเดินทาง หวังเปาเลอก็หยิบเอา…กระบี่สำริดโบราณไปดวย!
หลั ง มาถึ ง ดาวชะตาแล ว หวั ง เป า เล อ ก็ ม ายั ง บริ เ วณที ่ ป ระมุ ข กฎสวรรค
เคยนั่งขัดสมาธิอยู ในที่นี้เขาก็ไดพบกับวานรเฒาอีกครั้ง
“เจามาแลว” วานรเฒานั่งอยูหนาสมุดชะตา เขาลืมตาขึ้นเอยเสียงแหบพรา
“ผูอาวุโส ขาคิดจะยืมหนังสือนี้สักครั้ง” หวังเปาเลอกำหมัดคำนับ
วานรเฒานิ่งเงียบ นานครึ่งครูเขาจึงโบกมือ จากนั้นสมุดแหงชะตาดานหลัง
ของตนก็ลอยขึ้นมาหาหวังเปาเลอ หลังจากหวังเปาเลอใชสองมือประคองรับแลว
เขาก็โคงคำนับอีกครั้งหันกายจากไป
เมื ่ อ เดิ น ทางออกจากเขตพิ ภ พเต า ศั ก ดิ ์ ส ิ ท ธิ ์ ฝ า ยซ า ย เข า สู ส ำนั ก เสริ ม
พริบตานั้นเอง เขาก็สัมผัสไดถึงสายตาที่พุงมาจากดินแดนไมรูจัก มาจากใจกลาง
จักรพิภพสำนักเสริม เขาทราบดีวา ที่นั่นคือสำนักดาราจันทร เวลาตามที่สัญญา
ยังมีอีกหกป การไปเยี่ยมเยียนกอนนั้นไรความหมาย แตวาหวังเปาเลอยังคงตรงมา
ที่นี่ เขากำหมัดคำนับใหจากระยะไกล
“ผูอาวุโสดาราจันทร หวังโหมวอยากขอยืมสมบัติล้ำคาของสำนักทานหนึ่งครา!”
หลังกระแสจิตสงออกไปไมนาน ลำแสงพิสุทธิ์ลอยออกมาจากสำนักดาราจันทร
มุงมายังหวังเปาเลอ สุดทายเมื่ออยูเบื้องหนาของเขาก็กลายเปนมวนกระดาษหนึ่ง
เขาไมไดเปดมันออก เหตุเพราะปราณที่มวนกระดาษนี้แผออกมาอยูในระดับที่
สั่นคลอนเขาได ดังนั้นแลวหวังเปาเลอจึงหยิบมวนกระดาษขึ้นมาคำนับหันกายจากไป
หลังจากนั้นก็ไปยังสำนักเตาเจ็ดวิญญาณ เพื่อพบกับผูอาวุโสเจ็ดวิญญาณ
หลายวันใหหลังที่หวังเปาเลอจากมานั้น ดานขางเขามีกระบองเขี้ยวหมาปา
ขนาดยักษเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอัน สิ่งนี้คือ…อาวุธสงครามประจำกายของผูอาวุโสสำนักเตา
เจ็ดวิญญาณ พละกำลังองอาจครั่นคราม โดยเฉพาะหลังจากที่ผูอาวุโสสำนักเตา
เจ็ดวิญญาณไดทำการหลอมยกระดับมัน ขึ้ นใหม ตอนนี้ระดับพลังของมันถึ ง ขั้ น
นาสะทานยำเกรง
หลังจากไดสมบัติล้ำคาพวกนี้แลว หวังเปาเลอก็ไปจากจักรพิภพเตาสำนักเสริม
ในครานี้ มันกลับไปอีกใจกลางจักรพิภพไมรูสิ้นอีกครั้ง ไปยัง…สถานที่ที่ไมเคยไป
มากอน ตระกูลเซี่ย
เกือบจะในเวลากับที่เขามายังดาวตนกำเนิดตระกูลเซี่ย ในหมูดารานอกดาว
ตนกำเนิดนั้น ตนตระกูลเซี่ยผูสวมชุดสีเขียวกำลังรออยูตรงนั้น ดานขางของเขายัง
ตามติดดวย…เซี่ยไหหยาง
ดวยการสนับสนุนของตนตระกูลเซี่ย เซี่ยไหหยางสามารถเขาสูดาวเคราะหได
อีกทั้งหลังจากเห็นหวังเปาเลอ นัยนตาเขาเผยประกายตาซาบซึ้ง แตใตกนบึ้งหัวใจนั้น
ถอนหายใจ เขามองหวังเปาเลอพลางประสานหมัดคำนับต่ำคราหนึ่ง
หวังเปาเลอเองก็เชนกัน หลังตอบแทนมารยาทแลวเขาก็หันกลับไปมองผูอาวุโสเซี่ย
อายุนั้นไมตรงกับที่เขาคิดเอาไว ตนตระกูลเซี่ยรายนี้ดูเผินๆ ไปแลวอายุประมาณ
กลางคน หลังจากประสานสายตากับหวังเปาเลอแลว ตนตระกูลเซี่ยพลันเอยปาก
เสียงทุมต่ำ
“ขารูถึงเหตุที่สหายเตามาแลว” เมื่อกลาวเขาก็โบกมือ จากนั้นธูปซึ่งแผดเผาไป
แลวกวาครึ่งดอกสีทองก็ปรากฎตัวขึ้นขางกายเขา พุงไปหาหวังเปาเลอ
ธูปดอกนี้แผกลิ่นอายคุกคาม เหนือล้ำยิ่งกวากระบองเขี้ยวหมาปา แมไมถึงขึ้น
สมุดชะตา แตก็ไมตางกันมากนอย
หวังเปาเลอรับมาดวยอาการสำรวม เขาประสานมือคำนับตนตระกูลอีกครั้ง
หลัง จากสบสายตาเซี่ยไหห ยางและตน ตระกูลเซี ่ย แล ว เขาก็ ห ั น กายยิ่ งเดินก็ยิ่ง
จากไปไกล
เมื่อเงารางของเขาหายไปจนสิ้น เซี่ยไหหยางถอนหายใจ
“ความทรงจำเมื่อปนั้น ราวกับเปนคนละชาติภพ…ผูอาวุโส การที่หวังเปาเลอมา
ยืมสมบัติประจำตระกูลเรา นี่เพื่อใชประโยชนอันใดกัน?”
“เขาตองการไปยังจักรวาลอันวางเปลา ไปดูสักคราหนึ่ง” ตนตระกูลเซี่ยจองมอง
ทองฟา ครึ่งครูใหหลังจึงคอยเอยปาก
บทที่ 1262 มาถึงอีกครั้ง
สิ ่ ง ที ่ ผ ู อ าวุ โ สเซี ่ ย กล า วนั ้ น ถู ก ต อ ง จริ ง ๆ แล ว ไม เ พี ย งแค เ ขา ไม ว า จะเป น
ประมุขกฎสวรรค หรือวาผูอาวุโสสำนักเต าเจ็ ดวิ ญญาณ หรื อว าต นตระกูลของ
สำนักดาราจันทรทานนั้น ลวนเดาเหตุสัมพันธออกตั้งแตที่หวังเปาเลอมาแลว
หากจะกลาววาในบรรดาผูเยี่ยมยุทธทั้งหมดในโลกแหงศิลาทุกทานกังวลเรื่อง
ผลการศึกละก็ หวังเปาเลอยอมเปนผูที่กังวลมากที่สุด
สรรพชีวิตสามารถรอคอยผลการตอสูนี้ได ผูเยี่ยมยุทธแตละทานสามารถเฝารอ
อยางเงียบๆ ได แตหลายขวบปที่หวังเปาเลอเฝารอนั้น ความกังวลในใจของเขา
ยิ่งมาก็ยิ่งทวี เขามิอาจรอไดอีก
เขาอยากใชความสามารถทั้งหมดที่ตนมี ทดลองดูอีกครั้ง ไปดูความคืบหนาของ
สงครามในครั้งนี้ดวยตาตัวเอง
แตหวังเปาเลอเขาใจดี อาศัยพลังฝกปรือของตนในยามนี้ ตอใหอยูในระดับสูงสุด
ของจักรพิภพขั้นกลางแลว หรือความสามารถในการตอสูเทียบเทาระดับจักรวาล
ขั้นกลางชั้นสูงสุดก็ตาม หรือตอใหแข็งแกรงกวานี้สักนิด ทวาเมื่อเทียบกับเฉินชิงจื่อ
แลวยังคงมีระยะหางคอนขางมาก
เฉินชิงจื่อที่หลอมรวมเตาสวรรคแลว ไดเขาไปอยูในระดับที่สะเทือนฟาสะเทือนดิน
ดังนั้นแลว…เมื่อทราบถึงพลังของตัวเองดีแลว หวังเปาเลอจึงไปหาทุกคนเพื่อขอยืม
สมบัติล้ำคาของพวกเขา
กระบี่สำริดโบราณ ประกายคมกริบบุกสังหาร สามารถตัดผานความวางเปลาได!
กระบองเจ็ดวิญญาณ พลังทำลายสะทานดารา บดขยี้สิ่งกีดขวางเปนผุยผง!
สมุ ด แห ง ชะตา แฝงด ว ยวิ ช าแห ง เวลา ควบคุ ม ความทรงจำจั ก รวาล
สยบทุกกระแสจิต!
ภาพวาดดาราจันทร เรนลับเปนที่ยิ่ง หวังเปาเลอไมไดเปดออกดู แตอาศัยจาก
สัมผัสนั้น เขารูสึกไดวามวนภาพวาดนี้ผนึกกลิ่นปราณสะทานฟา ในเวลาที่สำคัญ
สามารถผนึกไดทุกสิ่ง!
ธูปตระกูลเซี่ย แฝงไปดวยโชคแหงความรุงโรจน ก็เหมือนกับการผงาดขึ้นของ
ตระกู ล เซี ่ ย ก็ เ หมื อ นกั บ ที ่ ใ นยามนี ้ ตระกู ล เซี ่ ย ยั ง คงไร ค วามเสี ย หายดุ จ เก า
กระแสแหงโชคแผซานทั่วอาณาเขต สิ่งนี้มีความสำคัญอยางมาก!
เมื่อมีสมบัติทั้งหาที่เปรียบเสมือนสมบัติล้ำคาที่สุดในโลกศิลาปจจุบันนี้แลว
หวังเปาเลอคอยมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นแลวโดยที่ไมลังเลสักนิด เขาก็พุงตัว
ไปยังสุดเขตของจักรวาลดวยเสียงอันดัง
แตแมจะอยากไปยังตรงสุดเขตของจักรวาลก็ตาม เขาก็ไมอาจกระทำไดโดยอาศัย
มิติชั้นนี้ ก็เหมือนคราแรกที่ตามหาจื่อเยว สถานที่ที่ไป จริงๆ แลวไมวาจะระดับชั้นใด
ก็ลวนแตเปนสุดเขตแลว
แตวาสถานที่นั้น…เห็นไดชัดวาไมใชที่ที่หวังเปาเลอมุงจะไปในครานี้ ที่ที่เขาคิด
จะไปไมใชสุดเขตจักรวาลตามความหมายปรกติ แตคือสถานที่วางเปลาซึ่งถูกทำลาย
ไปแลว
เมื่อพกพาความคิดนี้ หวังเปาเลอก็ทวีความเร็วขึ้น แมวาสำหรับลำแสงที่สาดสอง
ไปทั่วจักรวาล คลื่นทะเลลำแสงเหลานี้จะกระทบสรรพสิ่งทั้งหมด ทำใหเหลาสิ่งที่มี
วิญญาณทั้งหลายไมอาจเดินทางขามอวกาศได แตสำหรับหวังเปาเลอแลว แมจะมี
อุปสรรคเชนกัน แตหลังจากเคลื่อนกระแสปราณแลว ความเร็วของเขาก็ระเบิดออก
อยางนาอัศจรรย ในชั่วแลนลมหายใจนั้นเขาก็มาถึงสุดเขตแดนเกา หลังจากขามผาน
ตรงนั้นไปแลวก็คือเขตดวงดาราแตกสลาย เผยใหเห็นความวางเปลาดานหลัง
และโดยไมมีความลังเลแมเล็กนอย ในพริบตานั้นหวังเปาเลอกระโจนเข าสู
ความวางเปลา เพียงแตวาเขาสัมผัสไดเลาๆ วา ความวางเปลาในที่นี้ คลายมิได
มีอยูจริง เพราะบรรดาผูที่เขามาอยูในเขตวางเปลาและทำไดถึงขนาดนี้ สิ่งที่จำกัด
พวกเขานั้นมิไดมีมากนัก
จริงๆ แลวหากผูฝกตนระดับจักรวาลผูใดลงมือ ก็สามารถฉีกมวลดาราออกแลว
เขาสูความวางเปลาที่ใดก็ได ในสวนของผูฝกตนระดับจักรพิภพ ลวนทำไดเชนกัน
ในเมื่อเปนเชนนี้ แสดงใหเห็นวาความวางเปลาใตจักรวาลนี้ มิใชเขตสิ้นสุด
“ความวางเปลาใตอวกาศ นาจะมีหลายชั้น…” หวังเปาเลอหรี่คา ความทรงจำ
ยามที่เขามองเฉินชิงจื่อจากไปเมื่อหลายปกอนหนาหวนระลึกขึ้นมา ในยามนั้นวิธีการ
ที ่ เ ฉิ น ชิ ง จื ่ อ ใช แม ว า เขาจะมองไม เ ข า ใจทั ้ ง หมดแต เ ขาก็ ส ามารถมองออกถึ ง
เสนสายปลายเหตุได นาจะเปนการใชพลังชีวิตของตนบวกกับพลังของเตาสวรรค
หลอมรวมกับพลังบัญชาที่ไดรับสืบทอดเฉพาะตน จากนั้นกาวเขาสูมิติบุกเขาซากแหง
ความวางเปลาแทจริงไป
หวังเปาเลอทำไมไดถึงขนาดนั้น ดังนั้นสิ่งที่เขาทำไดจึงมีเพียงแคยืมพลังหมาน
ในยามนี ้ เ ขาเคลื ่ อ นกระแสจิ ต ในพริ บ ตานั ้ น กระบี ่ ส ำริ ด โบราณพลั น ปรากฏอยู
เบื้องหนาเขา ประกายอันคมปลาบของมันพลันปะทุขึ้นมา แลวฟาดไปยังเบื้องหนา
รุนแรง
การฟนลงครั้งนี้ ความวางเปลาสั่นหมุน รอยแยกขนาดใหญที่เหมือนฟนผา
ผิวทะเลไดบังเกิดขึ้นเบื้องหนาหวังเปาเลอ เขาขยับกายแลวพุงเขาไป ยิ่งมาก็ย่ิง
เพิ่มความเร็ว ไมรูวาพุงผานมาแลวกี่ชั้น เพียงแตวาเมื่อหันมองไปรอบกายแลว
ก็ยังคงเปนความวางเปลา
“ยังไมพอ…” ในใจหวังเปาเลอพึมพำ เขาโบกกระบองเขี้ยวหมาปาของสำนักเตา
เจ็ ด วิ ญ ญาณ ในพริ บ ตาก็ ห ลอมรวมก อ เกิ ด เป น เสี ย งอสู ร คำรามขนาดยั ก ษ
ในชั่วพริบตากระบองนี้สาดแสงโชติชวง พุงไปยังความวางเปลาสยบทุกสิ่ง
การใชพลังสยบนี้ทำใหความวางเปลาสงสัญญาณเหมือนจะพังทลาย เมื่อรวม
เข า กั บ กระบี ่ ส ำริ ด โบราณ ในชั ่ ว กระพริ บ ตาก็ ก ระจายไปทั ่ ว เขตว า งเปล า นี้
หวังเปาเลอยิ่งทวีความเร็ว รีบเรงไปตลอดทาง ในความวางเปลาที่เหมือนหมอก
อันไรทิศนี้ ไมรูวาเขาวิ่งผานมานานกี่ชั้นหลังจากนั้น หวังเปาเลอถึงคอยหยิบเอา
ธูปแหงโชคของตนตระกูลเซี่ยออกมา
ธูปนี้ยังคงติดไฟ ทำใหเกิดกระแสพลังแหงโชคที่มองไมเห็น ไหลเขามารวมตัวกัน
จนกอเกิดกายภาพ ทันใดนั้นมันก็กลายเปนหอกยาวสีมวงเลมหนึ่งแลวพุงทะยาน
แหวกความวางเปลาไป
ในชั่วกระพริบตา สัญญาณการพังภินทของความวางเปลาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากสามสมบัติล้ำคาผลัดกันออกมาเชนนี้ หวังเปาเลอเองก็พยายามพุงไปขางหนา
ไมหยุด เวลาก็คอยๆ ไหลผานไปเชนนี้
ชั่วพริบตา…ก็ผานไปอีกสองป!
สำหรับเฉินชิงจื่อ ใชเพียงกาวเดียวก็สามารถเขาสูทะเลรวมกระแสจิตของเหลา
สรรพชีวิตได แตสำหรับหวังเปาเลอแลว เขาทำไมได ดังนั้นเขาจึงทำไดแคอาศัย
มหาสมบัติทั้งสามชิ้น และในวันหนึ่งเมื่อเวลาผานไปกวาสองป หลังจากเสียงอันดัง
ครั่นครามสะทานแปดทิศ ในความวางเปลาที่ไมรูหนาสักเทาใดนี้ ในที่สุดหวังเปาเลอ
ก็ฝาออกมาได!
ในพริ บ ตาถั ด มา หวั ง เป า เล อ ก็ เ หยี ย บย า งไปยั ง …เขตสุ ด แดนของจั ก รวาล
ซึ่งเปนเขตความวางเปลาที่แทจริงในโลกแหงศิลา
เมื่อมองออกไป รอบดานลวนไมมีอะไรเลย มีเพียงความมืดมิด แตหวังเปาเลอ
ราวกับสามารถสัมผัสถึงความทรงจำของสรรพสัตวได
กระทั่งเขาไมจำเปนตองเหลือบมองดวยซ้ำ แทบจะในชั่วพริบตาที่หวังเปาเลอ
กาวเขาสูที่นี่ ราวกับวาความทรงจำและขอมูลมากมายไรที่สิ้นนั้น ตางพากันหลั่งไหล
เขามาจากรอบดานทวมฟามิดดิน ราวกั บจะพลิ กภู เขาคว่ำทะเล ราวกั บการมา
ของหวังเปาเลอกอใหเกิดวังวนหนึ่ง ไมวาเขาจะสมัครใจหรือไม เหลาความทรงจำ
ไมรูสิ้นที่เบียดแนนสถานที่นี้ก็จะพยายามดึงดันไหลเขามาหาเขา
และในพริบตาที่ถูกความทรงจำพุงชนนั้น แมวาพลังฝกปรือของหวังเปาเลอ
ไม ธ รรมดา แต ก ็ ย ั ง ได เ หมื อ นถู ก โจมตี อ ย า งรุ น แรงยิ ่ ง กระทั ่ ง ว า เกื อ บจะทำให
ดวงวิญญาณเทพของตัวเขาเองนั้นแหลกสลาย
พูดไดวาไมเพียงแคหวังเปาเลอที่เปนเชนนี้ หากเปลี่ยนเปนตัวคนอื่นๆ นั้น
ก็เปนเชนเดียวกัน ทั้งโลกศิลานี้…มีเพียงเฉินชิงจื่อ เนื่องจากเพราะเขาสูอีกระดับชั้น
ไปแลวถึงไดอยูที่นี่ไดอยางไรอุปสรรค
โดยเฉพาะ…นี่คือสิ่งที่หลัวทิ้งเอาไว เปนสถานที่ผนึกเตาสุดทาย!
ทวาหวังเปาเลอเองก็เตรียมตัวมาอยางเต็มที่ เกือบจะในพริบตาที่ความทรงจำนั้น
หลั่งไหลเขามา เขาก็เริ่มผนึกกระแสจิตเทพของตนเอง อีกทั้งยังหยิบสมุดแหงชะตา
ออกมา!
สิ่งแรกไมคอยมีประโยชนนัก แตวาสิ่งหลังนั้น…ดูจะมีผลอันนาอัศจรรยที่นี่
เกือบจะในพริบตาที่มันโผลออกมานั้น ก็ทำหนาที่ดูดกลืนความทรงจำสรรพสัตว
ในความวางเปลานี้แทนหวังเปาเลอ
สมุดแหงชะตา เดิมก็มีเพื่อบันทึกทุกสิ่ง ดังนั้นแลวในยามนี้ตอใหรับหนาที่ดูดซับ
แทนทั้งหมดแมตัวเลมจะสั่นสะทานไมหยุด ทวามันยังคงสองแสงสวางไสวเหมือน
ปรกติทุกประการ
หวังเปาเลอหรี่ตาลง เขาถือสมุดแหงชะตาเดินไปดานหนาอยางชาๆ เพราะการ
มีอยูของสมุดแหงชะตา ดังนั้นจึงไมปรากฏภาพใดๆ ขึ้นใตเทาของเขา แตหลังจาก
เดิ น ไปได เ ก า ก า วนั ้ น …เขาก็ ม องเห็ น …ในความว า งเปล า ด า นหน า พลั น ปรากฎ
บานประตูหินที่ลักษณโบราณคร่ำครึขนาดยักษบานหนึ่ง!
ประตูหินบานนี้ปดอยู ไมมีที่ผลักเปด ดังนั้นแลวจึงมองไมเห็นวาดานหลังของ
ประตูหินนี้มีสิ่งใด แตในพริบตาที่ มองเห็ นประตูห ิน นี้ ในสมองของหวั งเป าเลอ
พลันปรากฏแรงสั่นสะเทือนรุนแรง ในพริบตานั้นราวกับจะกระจาง เขาพลันเขาใจ
ทันทีวา…
“ดานหลังประตูหิน คงจะเปนสถานที่ที่ศิษยพี่ตอสูอยู!”
“สวนคูตอสูของศิษยพี่…” ในระหวางที่สมองของหวังเปาเลิกพลิกคนอยูนั้น
พลันสมองของเขาคิดไปถึงภาพการปรากฎตัวของตะขาบตัวหนึ่งโอบลอมบนแผนศิลา
ซึ่งเขาไดพบเมื่อครั้นเดินออกจากโลกแหงศิลานี้บนดาวชะตา!!
ทามกลางความเงียบ ดวงตาหวังเปาเลอทอประกาย กำลังคิดจะกาวออกไป
แตในยามนี้…กระแสจิตเทพขนาดไพศาล พลันพัดบาเขามายังเบื้องหนาราวพายุคลั่ง
พลังรุนแรงพัดเขามา
“หยุด!”
หลังจากกระแสจิตนี้สะทอนไปมา ฝามือขนาดยักษอยางไรที่สิ้น ราวกับว า
จะครอบคลุมไปทั่วทั้งผืนความวางเปลาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหนาหวังเปาเลอ นั่นคือ…
มือของหลัว
บทที่ 1263 ลืมตา
“หามทุกคนผูคนออกไป หรือนี่จะหมายความวา หามใหทุกผูคนบุกเขามา?”
มองดูฝามือขนาดยักษเสียดฟาเบื้องหนาตนแลว ราวกับมีกระแสพลังขนาดพลิกภูเขา
ทะลายผืนฟาไหลบาเขามา ในเวลาเดียวกัน หวังเปาเลอทางนี้เองนั้นก็ถอยเทาไมหยุด
ในสมองเขาคิดเร็วรี่
มือขางนี้ หากใชเพียงตาเนื้อ มองดู เขาก็ สั มผั สได ถึ ง พลั ง ปราณสะท า นภพ
อั น โบราณ พลั ง ปราณนี ้ แ ข็ ง แกร ง ยิ ่ง ยามที ่ ห วั ง เป า เล อ มองดู แ ล วยั ง เหนื อ กว า
เฉินชิงจื่อเสียอีก
เพียงแตวา…ฝามือนี้ดูคลายเปนจอกแหนไรราก ภายใตพลังปราณอันแข็งแกรง
สะทานใจคน กลับซอนลักษณะการรวงโรยไมอยู
“เพราะหลัวรวงหลนงั้นเหรอ…” หวังเปาเลอคลายจะคิดได หากคิดจะทำลาย
มือขางนี้ทิ้ง อาจจะเสียเวลาและตองใชวิธีอยูบาง กลับมิใชเปนไปไมไดเสียทีเดียว
เพียงแตวา…ความเปนไปไดที่มากกวาคือยังไมทันที่ฝามือขางนี้จะสลายไป
ตนเองคงจะสิ้ นอายุ ขั ยไปเสีย กอน อี กทั ้ ง ในระหว างเวลาการต อ สู น ี ้ ห ากตนเอง
ไมระมัดระวัง เกรงวาดวงวิญญาณเทพของตนนี้จะถูกทำลายจนสิ้นเชนกัน อีกทั้ง
การสิ้นเปลืองพลังเชนนี้ดูไปแลวไมคุมอยางมาก โดยเฉพาะขนาดของฝามือนี้ใหญยิ่ง
คงมีเอาไวเพื่อใชกันมิใหศัตรูภายนอกบุกเขามา ดังนั้นหวังเปาเลอที่ยืนอยูที่เกา
จึงนิ่งเงียบ
วิธีที่ดีที่สุด คือใชวิธีการใดสักอยางเพื่อใหฝามือนี้ยอมรับ แลวยอมใหตนเอง
ฝาออกไป
“วิธีการที่ศิษยพี่ใช คงจะเปน การหลอมเต าสวรรค แ ห ง สำนั กแห ง ความมื ด
เพื ่ อ ให ไ ด ร ั บ การสื บ ทอดบั ญ ชา วิ ธ ี ก ารนี ้ ฝ า มื อ นี ้ เ องคงยอมรั บ ปล อ ยผ า นได ”
ดวงตาหวังเปาเลอทอประกาย เขาเดาออกถึงวิธีการของเฉินชิงจื่อได ในใจกำลัง
พิจารณาวาจะใชวิธีการคลายคลึงกันฝาออกไป
ครึ่งครูใหหลัง หวังเปาเลอพลันกมหัวลงจากนั้นมองสมุดแหงชะตาเบื้องหนาตน
สำหรับสมุดแหงชะตาและความเปนมาของวานรเฒา เสือนอยและจื่อเยวนั้น
หวังเปาเลอในปจจุบันเขาใจดี พูดใหชัดๆ เดิมที่แลวพวกเขาไมไดเปนของสถานที่นี้
เดิ ม ที ใ นโลกแห ง ศิ ล า ไม ไ ด ม ี เ งาร า งและชะตาของพวกเขา แต ท ั ้ ง หมดนี้
เปนเพราะบิดาของพี่สาวตัวนอย เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งหลังทำใหแผนศิลานี้เกิดรอยแตก
ท า นผู ส ู ง ศั ก ดิ ์ ร ายนั ้ น แม ว า ตนเองจะแข็ ง แกร ง เป น อย า งมาก แต ต ั ว ศิ ล า
ยากจะตานรับไหว ดังนั้นแลวจึงไมอาจเขามาไดเอง หรือตอใหบุกเขามาจนทำใหศิลา
ตองพังทลายเกรงวาตัวเขาเองยังไมสนใจดวยซ้ำ แต…การฟนคืนชีพใหหวังอีอีนั้น
ก็จะลมเหลว และนี่คือสิ่งที่ผูสูงศักดิ์ทานนั้นรับไมได
ดังนั้น…เมื่อเขาควบคุมพลังจนเขามาที่นี่ไดกาวแรก ก็เพื่อใชวิถีเตาแหงเดือนป
สงตัวหวังอีอีเขามา อีกทั้งภายใตเตาแหงเดือนปและผลกระทบจากเวทกาลเวลา
เปลี่ยนแปลงดวงชะตาของโลกแหงศิลานี้ในทุกระดับ…เรียกไดวาสงมอบสิทธิในการ
ฉีกทำลายการบมเพาะของจักรวาลนี้สวนหนึ่ง ใหแกหวังอีอี
นี ่ ท ำให ภ ายหลั ง จากหวั ง อี อ ี ถ ู ก ส ง ตั ว มาผนึ ก อยู ใ นโลกแห ง ศิ ล าไม น านนั ก
เหลามวลดาราภายในเปลี่ยนผัน ตระกูลไมรูสิ้นในยามแรกจึงพินาศไปอยางเงียบๆ
สรรพชีวิตนั้นภายใตจุดเชื่อมตอแหงธารเวลาคอยๆ หลั่งไหลกันเขามาอยูในโลก
แหงศิลา อีกทั้งหลังไดรับตัวตนในโลกแหงศิลาแลว แตละคนจึงคอยสั่งสมจนได
วิถีแหง การบมเพาะ ดัง นั้นจึง ไดมี ภ าพวาด จึ ง ได มี ห มึ กหยดแรกของสรรพชี วิ ต
ในคราเริ่มตน และไดมีโลกใบแรกของทุกคน
อีกทั้ง…วานรเฒา เจาเสือนอย จิ้งจอกนอยและกวางขาวนอยทั้งหลาย…
ดังนั้นแลวในทุกระดับ พี่สาวตัวนอยหวังอีอีระหวางที่เตรียมตัวละทิ้งเงื่อนไข
และสัญญาในสถานที่นี้ สุดทายแลวหลังจากนางกลับชาติมาเกิดหลายตอหลายครั้ง…
ก็ยังคงมีสิทธิในการบมเพาะโลกแหงศิลานี้อยู
ไมวาสิทธินี้ในยามนี้จะหายไปแลว แตหากสืบสาวราวเรื่องไป แคตำแหนงของ
พี่สาวตัวนอยนี้ก็นับวาเพียงพอแลว
ความคิดไหลลื่น เมื่อตรึกตรองกระจางแลว หวังเปาเลอกมหนาลง ในสมองพลัน
สงเสียงเรียกเบาๆ
ครึ่งครูใหหลัง มีเสียงถอนหายใจดังออกมา พี่สาวตัวนอยที่สวมชุดกระโปรงยาว
สีขาว พลันปรากฏตัวอยูดานขางหวังเปาเลอในยามนี้ นางมองดูฝามือขนาดยักษ
ไรขีดจำกัดอันนาครั่นครามซึ่งแผไพศาลครอบทองฟา แลวก็มองหวังเปาเลอ กอนจะ
เงียบไปหลายอึดใจคอยเอยปากเสียงเบา
“เจาแนใจแลวเหรอ?”
“ขาแนใจ รบกวนพี่สาวตัวนอยดวย” หวังเปาเลอสีหนาเครงขรึม เขาประสานหมัด
กอนจะโคงคำนับลงต่ำ
“แตวา ประตูบานนี้ อยางมากขาก็…ทำไดแคเปดรอยแยกเทานั้น อีกทั้งเวลา
ยังสั้นนัก…” พี่สาวตัวนอยเอยเสียงเบา
หวังเปาเลอไมเอยคำใด ยังคงกมคำนับไมหยัดกาย
ครึ ่ ง ครู ใ ห ห ลั ง พี ่ ส าวตั ว น อ ยถอนหายใจอี ก ครั ้ ง ดวงตาปรากฏแววเวทนา
นางไมไดเอยโนมนาวตอ แตกลับแหงนหนามองฝามือขนาดไพศาลเบื้องหนาตนเอง
ในเวลาเดียวกันก็สะบัดแขนเสื้อ สมุดแหงชะตาลอยเขามาอยูเบื้องหนาของนาง
ในยามนี้ ตัวสมุดแหงชะตานั่นสั่นสะทานรุนแรง เผยใหเห็นคลื่นอารมณตื่นเตน
สวนพี่สาวตัวนอยยกมือขึ้นแลวคอยๆ ลูบมันแผวเบา
“ไมเจอกันนาน”
สมุดแหงชะตาสงเสียงรองดัง แสงอรามในยามนั้นพลันระเบิดออกมา พลันมีพูกัน
ดามหนึ่ง ปรากฏตัวออกจากภายในสมุดแหงชะตานี้ลอยเขาสูมือของพี่สาวตัวนอย
พู ก ั น ด า มนี ้ เป น พู ก อ นที ่ ถ ู ก บ ม เพาะมาก อ น ประมุ ข กฎสวรรค ใ ช ม ั น ไม ไ ด
ทั้งโลกแหงศิลานี้ มีเพียงพี่สาวตัวนอยเพียงคนเดียวซึ่งเรียกพูกันดามนี้ออกมาได
เหตุ เ พราะนอกจากมั น จะแฝงถึ ง พลั ง จำกั ด แห ง การบ ม เพาะแล ว ยั ง แฝงด ว ย
ตราประทับของบิดา
“ในจักรวาลโลกแหงศิลา ขาไมมีความสามารถชวยเจาไดมาก แตวาเรื่องเล็กนอย
ตรงนี้ขาสามารถทำได ในเมื่อเจาขอรอง…ขาชวยเจาก็พอแลว” พี่สาวตัวนอยเอย
สีหนาเผยแววตาจริงจัง นางคอยๆ ยกมือขางที่ถือพูกันนั้นชี้มายังหวังเปาเลอแลว
ตวัดเบาๆ คราหนึ่ง
การตวัดนี้ ในพริบตานั้นพลังปราณบนรางหวังเปาเลอพลันเผยระลอกอันดุดัน
ออกมา ในพริบตานั้นระลอกคลื่นนี้ก็พลันหมุนเปลี่ยนรวดเร็ว ทั้งหมดภายในเวลา
ไมถึงชั่วพริบตาดี รางของหวังเปาเลอนั้นก็พลันปรากฏซึ่ง…ปราณของเตาสวรรค
สำนั ก แห ง ความมื ด กระทั ่ ง ว า กระแสพลั ง แห ง ชี ว ิ ต ของเขาเปลี ่ ย น มองไปแล ว
ที่แทเหมือนกับเฉินชิงจื่อ ทุกประการ!
แฝงไปด ว ยบั ญ ชาแห ง สำนั ก แห ง ความมื ด พร อ มพรั ่ ง หลอมรวมเต า สวรรค
แลวยังมีหนาที่ที่ไดรับสืบทอด
จัดการเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จ สีหนาของพี่สาวตัวนอยซีดขาวไมนอย แตผลลัพธ
กลับนาตกใจอยางมาก ในระหวางที่หวังเปาเลอในใจแอบตื่นตะลึงนั้น ฝามืออัน
ยั ก ษ ใ หญ เ บื ้ อ งหน า ของตนเห็ น ได ช ั ด ว า ภายใต ก ารสั ่ น สะท า นนี ้ ราวกั บ ลั ง เล
แตในหลายเจ็ดแปดอึดใจใหหลัง มันก็คอยๆ จางหายไปจากเบื้องหนาหวังเปาเลอ
และหวังอีอี เผยใหประตูศิลาเกาแกโบราณผืนนั้น…ที่อยูดานหลัง!
“ขอบคุณนะ” หวังเปาเลอมองดูพี่สาวตัวนอยที่สีหนาซีดขาว ในใจของเขา
รูสึกผิดเปนอยางมาก เอยปากเสียงเบา
“อีกสักครูคอยขอบคุณเถอะ” พี่สาวตัวนอยยิ้มแยม นางมองดูประตูศิลาเชนกัน
สี ห น า ค อ ยๆ เปลี่ ย นเป น จริ ง จั ง ขึ ้ น เรื ่ อ ยๆ ยกมื อ ที ่ ถ ื อ พู ก ั น ขึ ้ น ช า ๆ ในครานี้
รางของนางเริ่มสั่นสะทาน เห็นไดชัดวากำลังจะลงมือตวัดซึ่งกินแรงคราหนึ่ง
การตวัดคราหนึ่ง ประตูศิลาพลันสงเสียงรองรุนแรงออกมา พูกันในมือของพี่สาว
ตัวนอยนี้ ถึงกับแหลกสลายอยางรับไมอยู มันกลายเปนลำแสงอีกครั้งยอนกลับเขาสู
สมุดแหงชะตา
สมุดเลมนี้ เริ่มมีแสงหมนทึมอย างรวดเร็ ว สวนพี่สาวตัวนอ ยตรงนั ้ นยามนี้
รางสั่นเอน สีหนายิ่งซีดขาวกวาเกา ถูกหวังเปาเลอประคองเอาไว แตวาพี่สาวตัวนอย
รีบเอยปากทันที
“มีเวลาแคชั่วอึดใจเดียว!” ในเวลาที่นางเอยออกมานั้น แผนศิลาที่สั่นสะทานเสียงดัง
ก็คอยๆ เผยใหเห็นถึงรอยแยกนั้น รอยแยกนี้จะคงอยูเพียงแคชั่วลมหายใจเดียว
แลวปดลงอีกครั้ง!
หนึ่ง ลมหายใจแมจะสั้ น แตก็ เพี ย งพอที ่ กระแสจิ ต ของหวั ง เป า เล อ จะเข า สู
รอยแยกแลว เขามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก เขามองเห็นวาในความวางเปลา
ไมรูสิ้นดานนอกนั้น ตะขาบตัวยักษเงารางสะทานใจคนสีโลหิตกำลังรัดพันเฉินชิงจื่อ
คลายกับจะดูดกลืน!!
สวนเฉินชิงจื่อสีหนาซีดขาว ราวกับวาสิ้นสติไปแลว!
แต…ในพริบตาที่หวังเปาเลอสงกระแสจิตออกไปนั้น ตะขาบตัวนั้นเหมือนถูก
ชักนำมันพลันหันศรีษะมามองทันที ทำใหพลังที่สะกดเฉินชิงจื่อเอาไวนี้ผอนคลายลง
และเปลือกตาของเฉินชิงจื่อในยามนี้สั่นสะทานรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ในชั่วแลนลมหายใจนี้ก็เพียงพอที่หวังเปาเลอจะโยนของออกไป
ชิ ้ น หนึ ่ ง และในตอนที ่ ก ระแสจิ ต เทพนี ้ แ ผ ข ยายออกไปก็ ไ ด ก ลายเป น พลั ง เทพ
กระแสหนึ่งกอนจะถูกตัดขาด!
ของชิ้นนี้…ก็คือมวนภาพดาราจันทรที่ตนตระกูลดาราจันทรมอบให สวนวิชาเทพ
ที่วากลับเปน…คืนพินาศ!
ผลลัพธเปนเชนไร ทั้งหมดไมมีทางทราบ เพราะรอยแยกของแผนศิลานี้ในยามนี้
พลันปดลงอีกครั้ง แตในพริบตาที่ปดลงนั้น..หวังเปาเลอพลันสัมผัสไดเลาๆ ไมรูวา
สังหรณพลาดไปหรือไม ราวกับมองเห็นวาเฉินชิงจื่อที่ถูกตัวตะขาบรัดพันดูดกลืน
อยูนั้น แผนตาสั่นสะทานเล็กๆ แลวพลันเบิกตาขึ้น!
ในเวลาเดี ย วกั น ยั ง มี เ งาร า งหนึ ่ ง บนนาวาอั น โดดเดี ่ ย วซึ ่ ง นั ่ ง ขั ด สมาธิ อ ยู
นอกโลกแหงศิลา ในพริบตานี้พลันลืมตาขึ้น
“อีอี…”
บทที่ 1264 รางไรวิญญาณ
ผลลัพธเปนอยางไร หวังเปาเลอมองไมเห็นแลว
รอยแยกของประตูศิลา ในยามนี้นับวาปดลงสมบูรณ สวนเสียงที่เหมือนไดยิน
พลาดไปนั้นกลับสะทอนอยูในขางหูหวังเปาเลอ อีกทั้งยังมีขุมมหาพลังจากดานนอก
พัดเขามาราวพายุคลั่งหลังเสียงนี้ พัดผานทั้งแปดทิศ ตกกระแทกสูประตูศิลา
ตูม!
ประตูศิลาถูกโจมตีทำใหตัวประตูสั่นสะทานอยูครูหนึ่ง และทำใหความวางเปลา
ภายในศิลานี้เกิดความไมคงที่ ราวกับถูกคลื่นคลั่งพัดโหม สิ่งไมมีลักษณกลับเปนมี
อี ก ทั ้ ง ยั ง ปรากฏรอยแยกจำนวนหลายเส น ทำให ร ู ส ึ ก ว า สถานที ่ น ี ้ ค ล า ยเกิ ด
ความโกลาหล อาศัยพลังฝกปรือของหวังเปาเลอในยามนี้คงยืนหยัดอยูไดไมนาน
ทำไดเพียงถอยหนีรวดเร็วออกมาใหหาง
การถอยหนีนี้ ยากจะประคองตอไปได เพราเหตุที่ความโกลาหลในสถานที่นี้
ตั้งแตแรกจนจบดำเนินไปนั้น ระดับความลำบากของมันเมื่อเทียบไปแลวยิ่งมาก็ยิ่ง
ทวีหนักขึ้นกวาเกามากเขามากเขา
นี่บีบใหหวังเปาเลอตองถอยหนีอยางเสียไมได หนีไปจากความวางเปลานี้ หนีไป
จากเขตสิ ้ น สุ ด นี ้ หนี ไ ปจากจั ก รพิภ พตรงนี ้ กลั บ เข า สู ใ จกลางของโลกแห ง ศิ ลา
นั่นก็คือ…ในจักรพิภพเตา
ยามที่เงารางของเขากลับเขาปรากฏอีกครั้งใจกลางจักรพิภพไมรูสิ้น ทั้งจักรพิภพเตา
นั้นสั่นคลอนทันที ราวกับวามีกระแสพลั ง ที ่ พั น รั ดร างของเขาจากโลกภายนอก
ระเบิดออก ณ ที่นี้
ราวกับวากระแสปราณนี้ไมมีเจตนาราย และเปนเพียงแคกระแสหนึ่งเทานั้น
แมจะกอเกิดคลื่นลมทั้งจักรพิภพเตา แตก็คงอยูไดไมนานนักกลับมาเปนปรกติอีกครั้ง
แตตอใหเปนเชนนี้ ก็ยังทำใหสภาวะจิตของสรรพชีวิตในจักรพิภพเตาไมรูสิ้น
สั่นสะทาน ผูอาวุโสสำนักเตาเจ็ดวิญญาณและบรรดาระดับจักวาลอยางผูอาวุโส
ตระกูลเซี่ย ยิ่งสัมผัสไดชัดเจนตางพากันเบิกตาโพลง สายตานั้นปรากฎความรูสึก
สงสัยตื่นตะลึงยังยากจะกลบ
“เมื่อครู…” หวังเปาเลอซึ่งยืนอยูกลางหมูดาราพลันหันศรีษะ มองไปยังทิศ
หางไกลนั้น ในใจของเขายังคงพะวงอยูตรงบริเวณความวางเปลาดานหนาประตูศิลา
สิ่งที่คิดอยูในสมองนั้นคือภาพที่ศิษยพี่เฉินชิงจื่อถูกตะขาบสีเลือดตัวยักษพันรัดอยู
ในเวลาเดียวกันก็คลายจะไดยินอะไรผิดไป
“เป น พ อ ของข า ” ในสมองของเขา มี น ้ ำ เสี ย งเศร า ศร อ ยของพี ่ ส าวตั ว น อ ย
ลอยออกมา ในน้ำเสียงนั้นแฝงไปดวยความคะนึงหา
หวัง เปาเลอเงียบงั น ดวงตาของเขาค อยๆ ทอประกายวาบ แต แล วในเวลา
อันรวดเร็วก็หมนทึมอีกครั้ง เขารูดีวาบิดาของพี่สาวตัวนอยนั้นรออยูนอกโลกแหงศิลา
แต ก ็ เ ข า ใจดี ว า อี ก ฝ า ยเข า มาไม ไ ด เพราะว า เมื ่ อ บุ ก เข า มา โลกแห ง ศิ ล านี ้ ก ็ จ ะ
แตกสลาย นี่กระทบตอกระบวนการฟนคืนชีพของพี่สาวตัวนอย
ดังนั้นแลวความเปนไปไดมากกวาก็คืออีกฝายจะไมบุกเขามา เมื่อเปนเชนนี้
ตอใหเขาไปรบกวนการศึกระหวางตะขาบสีเลือดและศิษยพี่เฉินชิงจื่อ เกรงวาก็คง
มีขีดจำกัดอยูดี
ชั ่ ง น้ ำ หนั ก ส ว นได ส ว นเสี ย แล ว หวั ง เป า เล อ ก็ ท อดถอนใจเบาๆ คราหนึ่ ง
เขาทำสุดกำลังแลว เขาในยามนี้อยูอยูตรงใจกลางนั้นเนิ่นนาน ถึงคอยหันกายเขาสู
หมูดาว มุงหนากลับจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์เตาฝายซาย
สิ่งที่ควรมอง ไดเห็นแลว
สิ่งที่ควรทำ ไดทำแลว
ในใจของหวังเปาเลอแมวายังมีความเสียใจ แตอยางมากสุดก็คือจิตใจยึดมั่น
ขุมหนึ่งเทานั้น
“ตอนนี้ขายังออนแอเกินไป!” ในใจหวังเปาเลอพึมพำ กาวหนึ่งเหยียบยางก็มาถึง
ยังภายในดาวอาคารของระบบสุริยะ มาถึงยังที่รางตนเขาอยู หวนรางแยกยอนคืน
รางตนพลันเบิกตาทั้งคูขั้นทันที หลังจากนิ่งคิดอยูครูหนึ่ง เขายกมือทั้งสองขึ้น จากนั้น
คอยๆ ดำเนินการหลอมเมล็ดพันธแหงเตาปฐพีเบื้องหนาของตนตอ
เวลาก็คอยๆ ไหลผานไปชาๆ โลกแหงศิลานั้นคอยๆ ฟนคืนสูความสงบอีกครั้ง
แมวาพายุคลั่งในอวกาศและแสงสีงดงามเหลานั้นยังคงอยู ระดับจักรวาลลงมานั้น
นับไดวาถูกตัดโอกาสในการขามอวกาศ แตก็เปนเพราะเหตุนี้เอง กลับกลายเปนวา
ในโลกแหงศิลานี้ความสงบสุขมั่นคงกลับบังเกิดขึ้น
สำหรับหวังเปาเลอ เมื่อทำสิ่งที่ตนเองทำไดทั้งหมดแลว ในระหวางที่หลอมสราง
เมล็ ด พั น ธ เ ต า ปฐพี ใจของเขาก็ ไ ม ป รากฏความคิ ด วุ น วายและโดยช า ๆ ก็ ท ำให
เมล็ดพันธแหงเตาปฐพีนี้สำเร็จไปแลวถึงเกาสวนโดยประมาณ
และเวลาก็ผานไปอีกสามป เมล็ดพันธเตาปฐพีของหวังเปาเลอก็มาถึงระดับขั้นที่
เกาสิบแปดสวน ในวันนั้น รางกายของเขาพลันสะทาน
นี่มิใชเพราะเมล็ดพันธของเตาปฐพีสำเร็จ แตภายในใจของเขา การสั่นสะทานนี้
ทำใหหัวใจของเขาเตนระรัวขึ้นมาอยางรุนแรงฉับพลัน ราวกับวามีมือไรรูปสองขาง
ทะลุผานรางกายของเขา จากนั้นก็จับดวงวิญญาณของเขาเอาไว ทำใหรางหวังเปาเลอ
พลันเหน็บหนาวในเวลาเดียวกันเขาแหงนหนาขึ้น
และในเวลาเดียวกัน ความรูสึกหัวใจเตนระส่ำนี้ก็พลันแผซานไปทั่วทั้งสภาวะจิต
ของหวังเปาเลอ ราวกับมีกระแสจิตเทพขุมหนึ่ง มาจากเขตสิ้นสุดแหงความวางเปลา
อันไมรูวาไกลเทาไหรพุงผานหมูมวลดารา
พุงเขามายังจักรพิภพเตาศักดิ์สิทธิ์ฝายซาย พุงเขามาบนดาวอังคารของระบบสุริยะ
แลวพุงเขาสูใจกลาง…ดวงจิตเทพของหวังเปาเลอ
“เปาเลอ ขาแพแลว…”
ครั้นเมื่อกระแสจิตนี้เริ่มตน ก็คือคำพูดนี้ สวนเนื้อหาของคำพูดนี้นั้นทำใหในใจ
ของหวังเปาเลอพลันบังเกิดพายุคลั่งชนิดที่ไมเคยปรากฏมากอน ความใหญของพายุนี้
เหมือนจะกวาดทิ้งทั้งสวรรคและปฐพีเกาชั้นฟาไมปาน มันระเบิดขึ้นอยางบาคลั่งในใจ
ของหวังเปาเลอ รุนแรงจนถึงขีดสุดและในเวลาเดียวกันก็สงผลกระทบใหจิตวิญญาณ
ของหวังเปาเลอรูสึกเจ็บปวดขึ้นมาอยางควบคุมไมได
ความเจ็บปวดนี้ครอบงำไปทั้งระบบสุริยะ ครอบคลุมทั้งจักรพิภพเตาศักดิ์สิทธิ
ฝายซาย ปกคลุมไปไกลกวานั้น รวมถึงสรรพชีวิตในสถานที่แหงนี้ ในพริบตานั้น
ถูกความรูสึกนี้ระบาดเขา กอเกิดความรูสึกเจ็บปวด
รางของหวังเปาเลอสั่นสะทาน เขาแหงนหนามองทองฟา และมองเห็นสีสัน
อั น ตระการตาบนท อ งฟ า ในหลายสิ บ ป ม านี ้ ค อ ยๆ หายไป ความองอาจในนั้ น
คอยๆ หายไป พลังที่หามมิใหสรรพชีวิตขามเขตดารานั้นในยามนี้ก็เริ่มพังทลายลง
กลับมีแสงสีแดงชาด ราวกับพุงเขามาจากเขตสิ้นสุดของจักรวาลปรากฏขึ้น
ในชั่วเวลากระพริบตานั้นราวกับพายุรายก็ไมปาน ราวกับคลื่นโทสะ พลังอันพลิก
ภูเขาถลมทะเลนั้นทำการกวาดลางทั้งโลกแหงศิลา ราวกับวามีใครใชผืนผาขาวบาง
สีแดงผืนหนึ่งปกคลุมทั้งมิติจักรวาลนี้ โดยไมยกออก ทำใหทั้งจักรวาลของโลกแหง
ศิลานี้…ในยามนี้ ถูกปนเปอนจนกลายเปนสีแดง
จักรวาลสีแดงดุจดั่งโลหิต เปนตัวแทนความตายของศิษยพี่ ทำใหสรรพชีวิตใน
โลกแหงศิลาในยามนี้สัมผัสไดอยางรุนแรง ไมเพียงแคความเจ็บปวดของหวังเปาเลอที่
แผ ข ยายไปทั ่ ว ผู อ าวุ โ สสำนั ก เจ็ ด วิ ญ ญาณ ผู อ าวุ โ สตระกู ล เซี ่ ย ผู อ าวุ โ สสำนั ก
ดาราจันทรและระดับจักรวาลของสำนักแหงความมืดลวนแตเงียบงัน
แมพวกเขาไมไดรับกระแสจิตของเฉินชิงจื่อ แตมองดูไปในยามนี้ ทำใหพวกเขา
ลวนกระจางถึงสาเหตุแลว
ทองฟาสีแดงฉาน แถมดวยเจตนารายไมรูสิ้นหมุนควางบิดมิติ คอยๆ หลอมรวม
ลักษณกลายเปนตะขาบขนาดยักษ มั น โห คำรามพลางพุ งเข ามาหาจั กรวาลโลก
แหงศิลา เจตนาชั่วรายนี้ทำใหเหลาสรรพชีวิตหลังจากนิ่งเงียบและเจ็บปวดแลว
ภายในใจบังเกิดความตื่นตะลึงขลาดกลัว
หวาดกลัวจักรวาลสีโลหิตนี้
“เปลี่ยนฟาแลว…” ในสำนักจันทรดารา เขตตองหามในภูเขาดานหลัง เบื้องหนา
น้ำตกนั้น ผูอาวุโสดาราจันทรพลันลืมตาแลวเอยเสียงเบา
บนดาวชะตา ประมุขกฎสวรรคกมหนาถอนหายใจยาวคราหนึ่ง
ตนตระกูลเซี่ยนิ่งเงียบ หลังจากนั้นพลันออกคำสั่งในวินาทีถัดมา ตระกูลเซี่ย
ปดตระกูล คนในตระกูลหามออกขางนอก
สำหรับหวังเปาเลอ ในยามนี้ความเจ็บปวดภายในใจสาหัสเปนที่สุด เขามอง
ทองฟาสีโลหิตสั่นสะทาน จากนั้นยกมือขวาขึ้นราวกับจะควาจับอะไรบางอยาง
แตกลับไมอาจหามกระแสจิตของศิษยพี่ใหญได มันคอยๆ จางหายไปจากสมอง
ของเขา
ในกระแสจิ ต นั ้ น ไม ไ ด ม ี เ พี ย งแค ป ระโยคนั ้ น ประโยคเดี ย ว นี ่ เ ห็ น ได ช ั ด ว า
กอนที่ศิษยพี่จะสิ้นชีพ เขาไดใชพลังปราณสุดทายสงคำสั่งเสีย กระแสจิตนี้ เขาบอก
หวังเปาเลอถึงทุกสิ่ง รวมถึงเรื่องแสงสวางและความมืด
ในเวลาเดียวกันเขาก็บอกตำแหนงหนึ่งใหแกหวังเปาเลอ ที่นั่น…คือมรดกที่เขา
เตรียมการไวลวงหนาเพื่อมอบแกหวังเปาเลอ
เห็นไดชัดวา เขาไมอยากใหหวังเปาเลอตองมาแบกรับ ดังนั้นจึงไมไดแจงแก
อีกฝายลวงหนากลับมุงไปแกไขดวยตนเอง ทวายามนี้…เขาทำไมสำเร็จ
หวังเปาเลออารมณหดหู เขายกมือขวาขึ้นกอนจะปลอยลงอยางไมรูเนื้อรูตัว
ไมไดทันสังเกตุเลยวามือขวาของเขายามนี้กำหมัดแนนสั่นสะทาน มันบีบเขาแนน
และไมไดสังเกตุเลยวาเงารางของพี่สาวตัวนอยกำลังออกมาจากนั้นก็อยูขางเขา
อยางเบาๆ นางฟงคำพูดที่เอยออกจากปากหวังเปาเลอ น้ำเสียงนั้นเจือความแหบพรา
กระดาง แถมยังแฝงไปดวยอารมณปวดราวอันอธิบายไมได
“ศิษยพี่…”
และเกื อ บจะในทั น ที ก ั บ ที ่ ห วั ง เป า เล อ เอ ย ด ว ยน้ ำ เสี ย งรวดร า วสุ ด แสนนั้ น
ตรงจุดสิ้นสุดของโลกแหงศิลา ประตูแหงศิลาคอยๆ เปดออกชาๆ จากขางนอก
ทันใดนั้นเงารางสองเงาก็เดินเขามา
เงารางดานหนา เปนผูเยาวซึ่งสวมชุดยาวสีแดงรายหนึ่ง ผูเยาวนี้หนาตางดงามสงา
แตก็แฝงไปดวยความชั่วรายถึงที่สุด ราวกับวาสีสันบนรางนั้นคือตนตอแหงแสงสีชาด
ที่ปนเปอนไปทั่วทั้งโลกแหงศิลา ในยามนี้มุมปากเขายกยิ้มเบา ชะเงอไปมองเงาราง
ดานหลังแลวเอยออกมาคำหนึ่ง
“มีคนเรียกเจาอยู”
เมื่อมองตามสายตาของผูเยาวไปนั้น จะสามารถมองเห็น…เงารางที่ติดตามรางนี้อยู
ที่แทกลับเปน…เฉินชิงจื่อ!
เพียงแตวา เปนเพียงรางไรวิญญาณ!
บทที่ 1265 กาวเขาไป
เสื้อผายังเหมือนเดิม หุนยังเทาเดิม ไมวารูปลักษณหรือทุกอยางดูเหมือนจะ
ไมตางกัน ความแตกตางเพียงอยางเดียว…คือการแสดงออกและสายตา
รางนี้…สีหนาไรอารมณ ดวงตาไรแววราวกับเปนเพียงซากศพ
หากมีผูเยี่ยมยุทธอยูที่นี่ ดวยดวงจิตเทพของเขาคงมองเห็น…วาบนรางของเฉินชิง
มีตะขาบยักษพันรัดอยู และขณะที่พันรัด รางครึ่งหนึ่งของมันก็ผสานเขากับเฉินชิง
เหมื อ นตอนที ่ ห วั ง เป า เล อ อยู ท ี ่ ด าวชะตาและเห็ น ภาพอนาคตในสมุ ด แห ง
โชคชะตา…แตตอนนี้ภาพอนาคตเปลี่ยนไป คนที่ถูกชวงชิงไป…ไมใชเขาอีกตอไป
แตเปนเฉินชิง
ราวกับ…หายนะของเขาถูกเฉินชิงใชรางของตนรับแทนใหแลว
“มีคนกำลังเรียกเจาอยูนะ เจาจะไมตอบสักหนอยหรือ” เด็กหนุมชุดแดงหนา
เฉินชิงพูดยิ้มๆ สายตาเต็มไปดวยความชั่วรายเหมือนกำลังคุยกับเฉินชิง แตก็เหมือน
กำลังคุยกับตัวเอง
“ขาลืมไป เจาไมใชตัวเจาแลวนี่นา” เด็กหนุมยิ้ม แตหากสังเกตใหดีก็จะเห็นวา
ลึกๆ ของรอยยิ้มนั้นมีแววยั่วยุอยูเล็กนอย หลังจากกาวเขาประตูศิลา เขาก็หันหนาไป
มองยังนอกประตูศิลา สายตาเขาราวกับสามารถมองทะลุความวางเปลาดานนอก
ประตูศิลาได เขามองรอยราวขนาดมหึมารวมถึงรางที่กำลั่งนั่งมองเขาอยางเย็นชา
อยูบนเรือเดียวดาย
หลัง จากสบตากั บร างนั้ น เด็กหนุ มก็ ห รี ่ ต าลง ก อนจะโบกมื อยั ก ษ หนึ ่ ง ครั้ ง
ประตูศิลาคอยๆ ปดลง แยกความวางเปลาดานนอกออกไปและตัดขาดสายตาของ
พวกเขาทั้งสอง ยามที่หันกลับมาก็เห็นฝามือยักษที่เกิดขึ้นระหวางความวางเปลา
ซัดสาดตรงหนาพวกเขาทั้งสอง
“หยุด!”
“ฝามือหลัวหามไมใหขาผานไปหรือ” เด็กหนุมมองฝามือนั่นแลวอุทานออกมา
กอนที่รางจะกลายเปนสีเลือดตรงเขาหอหุมฝามือยักษนั้นไว
ทวาในวินาทีตอมาหลังเกิดเสียงดังสนั่น ฝามือยักษยังอยู แตหมอกเลือดจาก
เด็กหนุมกลับแตกกระเจิงไปรวมตัวกันที่ประตูศิลาอีกครั้งแลวแปลงกลับเปนราง
เด็กหนุมชุดแดงอีกครั้ง
ครั้งนี้ถึงแมเขาจะยังมีรอยยิ้ม ทวามันกลับเย็นยะเยือก ดวงตาเผยแสงสีแดง
เขากมหนามองหนาอกตน ตรงนั้น…มีบาดแผลขนาดใหญ แมมันจะกลับมาผสานกัน
อยางรวดเร็ว แตเห็นไดชัดวาสงผลกระทบกับเขาไมนอย
“เฉินชิงเอยเฉินชิง ใชชีวิตเจาสังเวยเพื่อแลกกับการโจมตีนี้ยอมสรางปญหาใหขา
ไมนอย… แตถึงกระนั้นก็ไมสามารถหยุดขาไดหรอก” เด็กหนุมพึมพำ ดวงตาสีแดง
พลั น เปล ง ประกาย ก อ นที ่ จ ะกลายร า งเป น หมอกเลื อ ดอี ก ครั ้ ง เพี ย งแต ค รั ้ ง นี้
มีหมอกเลือดสามสวนพุงเขาใสเฉินชิง หลังจากมันทะลวงเขาไปในดวงตาเฉินชิงแลว
อีกเจ็ดสวนที่เหลือก็กลายรางเปนตะขาบสีเลือดยักษพุงเขาไปพันรัดฝามือหลัว
“หลัวดับสิ้นไปแลว มือที่ไรรากจะหยุดขาไวไดนานแคไหนกัน!” หลังจากพูดจบ
ขณะที่ตะขาบสีเลือดพันรัดฝามือหลัวอยูนั้น เฉินชิงที่ถูกหมอกเลือดทะลวงเขาไปใน
ดวงตาก็ร าวกับถูกจุดเชื้อเพลิง แสงสี แดงจางๆ แผ ออกมา จากนั ้ น เขาก็ เดิ นไป
ขางหนาโดยไมพูดอะไร สวนฝามือหลัวก็ไมสนใจเฉินชิงทำใหเขาคอยๆ เดินไกล
ออกไปในความวางเปลาไดอยางราบรื่น
สงครามที่นี่ยัง คงดำเนิน ตอไป ภารกิ จ ของฝ ามื อหลั วไม ใ ช แ ค ป องกั น ไม ใ ห
สิ่งมีชีวิตในโลกศิลาออกไป แตยังตองปองกันไมใหใครเขามาดวย
ในตอนที่การตอสูยังดำเนินตอไปนั้นเอง เฉินชิงผูซึ่งสูญเสียจิตวิญญาณและ
ถูกเด็กหนุมชุดแดงควบคุมก็เดินออกไปในความวางเปลาทีละกาว จนถึง…ใจกลาง
โลกศิลาและเปนในจักรพิภพเตา
แทบจะในพริ บ ตาที ่ เ ขาเหยี ย บเข า ไป สี แ ดงเลื อ ดของจั ก รวาลในโลกศิ ล า
ก็ระเบิดกลายเปนกระแสน้ำวนขนาดมหึมาราวกับพายุปกคลุมไปทั่วทั้งโลกศิลา
ทามกลางเสียงคำรามอยางตอเนื่อง รางของเฉินชิงปรากฏขึ้นที่ใจกลางกระแสน้ำวน
ชุดคลุมยาวของเขาเปลี่ยนเปนสีแดงฉานไปแลว
สีหนาทาทางไรอารมณนั่นก็เปลี่ยนไป เริ่มมีความวองไว เพียงแต…สิ่งที่เรียกวา
ความวองไวนั้นกลับเต็มไปดวยความชั่วราย โดยเฉพาะดวงตาของเขาที่ตอนนี้ไมใชแค
สีแดงจางๆ อีกตอไป แตเปนสีแดงฉานเลยทีเดียว
“ในที่สุดก็เขามา” เฉินชิงที่ถูกชวงชิงรางไประบายยิ้มจางๆ กอนจะเงยหนามอง
จักรวาล จักรวาลในสายตาเขาตอนนี้มีดวงตาสี่ตาลอยอยู
“สองขั้นสุดทายของกาวที่สามยังมีอีกอยางที่นาสนใจ สวนขั้นสุดทาย…” เฉินชิง
ที่ถูกชวงชิงรางไปหรี่ตามองไปยังระบบสุริยะและบนดาวอังคาร กอนจะสบตากับ
หวังเปาเลอที่แววตาเศราโศก ตัวสั่นเทิ้มในทันที
“เจานี่เอง” เฉินชิงที่ถูกชวงชิงรางยิ้ม
“เปาเลอ ขาคือศิษยพี่ของเจา จะไมมาหาขาหนอยหรือ”
เสียงเขาดังกองไปทั้งจักรวาลและดังเขาไปในสัมผัสสวรรคของหวังเป าเล อ
บนดาวอังคาร หวังเปาเลอนิ่งเงียบ ผานไปครูหนึ่งก็หลับตาลง ปดบังความโศกเศรา
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็จองมองเมล็ดพันธุแหงเตาปฐพีตรงหนาและใชกำลังทั้งหมด
เพื่อหลอมมัน
“ไมเปนไร เด็กนอย เดี๋ยวขาจะไปหาเจาเอง” เฉินชิงที่ถูกชวงชิงรางยิ้มแลว
ถอนสายตากลับไปกมมองรางกายตนราวกับพอใจมาก เขาหันกลับไปมองเขาไปใน
สวนลึกของกระแสน้ำวน ตรงนั้น…รางตนแบบของเขากำลังตอสูกับฝามือหลัวซึ่งเห็น
ไดชัดวาการตอสูครั้งนี้ไมสามารถจบไดในระยะเวลาสั้นๆ
แตไมเปนไร แมรางกายนี้จะยังมีปญหาบางอยางทำใหเขาไมสามารถชวงชิงราง
มาไดทั้งหมด และผสานดวงจิตเทพเขาไปไดบางสวนเทานั้น แตเขาก็รูสึกวาเพียงพอที่
เขาจะทำทุกอยางในโลกศิลาไดแลว
“เชนนั้นตอจากนี้…ก็หลอมทุกชีวิตในโลกนี้กลั่นวิญญาณโลหิตมาเสริ มพลัง
ดวงจิตเทพของขา รักษาอาการบาดเจ็บกอนหนานี้…”
“แลวก็ไปหาเจาหนูนั่น อีกครึ่งของเซียนรวมทั้ง…คนที่ผสานวิญญาณตะปูไมสีดำ
ตัวสุดทาย ทำลายทิ้งใหหมด!” เด็กหนุมชุดแดงที่ชวงชิงรางเฉินชิงไปแยมยิ้ม ขณะพูด
กับตัวเองก็ยกมือขวาขึ้นมา ทันใดนั้นสีแดงเลือดรอบตัวเขาก็มารวมตัวกันบนมือของ
เขาเกิดเปนกอนเลือดขนาดเทากำปน
เขาถือกอนเลือดเดินไปในจักรวาลแลวเหวี่ยงมือขวาไปทางดาราจักรอันไกลโพน
ทันใดนั้นกอนเลือดก็พุงตรงไปยังดาราจักรนั้น และไมกี่อึดใจดาราจักรนั้นก็เกิด
เสียงคำรามดังสนั่น แสงเลือดในนั้นพลันแผซานไปพรอมกับความทุกขทรมานของ
สิ่งมีชีวิตนับไมถวน อารยธรรมนั้นแตกสลายเปนชิ้นๆ ในเวลาเพียงสิบกวาอึดใจ
ทั้งดวงดาวในนั้นและสิ่งมีชีวิต ทุกสรรพสิ่งพังทลายลงในวินาทีนี้
หากมีใครกาวเขาไปในดาราจักรนั้นก็จะมองเห็นดวงดาวกำลังหลอมละลาย
สิ ่ ง มี ช ี ว ิ ต ทั ้ ง หลายกำลั ง เหี ่ ย วเฉา และเกิ ด เป น รอยเลื อ ดมหาศาลในที ่ สุ ด
เมื่อลอยออกมาจากดาราจักรที่แตกสลายนั้นก็มารวมตัวเปนกอนเลือดอยูขางกาย
เด็กหนุมชุดแดงอีกครั้ง หลังจากดูดกลืนอารยธรรมแลวกอนเลือดนั้นก็สีเขมขึ้นอยาง
เห็นไดชัด
“ไมเลวนี่” เด็กหนุมชุดแดงยิ้มแลวกาวตอไป
เปนเชนนี้ตอไปจนเวลาผานไป 10 วัน
ใน 10 วันนี้เด็กหนุมชุดแดงทองไปในจักรวาลอยางไมเรงรีบ แตทุกอารยธรรมที่
เขาผ า นไปไม ว า จะเล็ ก หรื อ ใหญ ล ว นพั ง พิ น าศไปพร อ มกั บ การย า ฃก า วของเขา
ทุกสรรพสิ่งขางในลวนกลายเปนรอยเลือดและทำใหกอนเลือดนั้นสีเขมขึ้น
พื้นที่ที่เขาอยูนั้นคือพื้นที่ตอนกลางของไมรสู ิ้นในอดีต ดังนั้นในไมชา…เขาก็อาศัย
สัมผัสเชื่อมตอมาถึงตระกูลไมรูสิ้นที่กกลังย่ำแยลงเรื่อยๆ
เขาไมไดหยุดเพราะเห็นวาเปนตระกูลเดียวกัน ตรงกันขามเด็กหนุมชุดแดงที่
กำลั ง ตื ่ น เต น พลั น หยุ ด อยู ท ี ่ ต ระกู ล ไม ร ู ส ิ ้ น นานกว า ปกติ แ ละหลอมทุ ก อย า ง
อยางละเอียดยิ่งขึ้น
จนกระทั่งเขาจากไป ในโลกศิลาก็ไมมีตระกูลไมรูสิ้นอีกตอไป การปรากฏตัวของ
เขารวมทั้งการกระทำของเขาไดสั่นสะเทือนไปทั้งโลกศิลาแหงนี้
แต…ไมวาปรมาจารยตระกูลเซี่ยหรือปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณหรือปรมาจารย
สำนักดาราจันทรรวมทั้งหวังเปาเลอกลับยังนิ่งเงียบ
ทวาในความนิ่งเงียบนั้นราวกับมีพายุกำลังกอตัว!
บทที่ 1266 ฟนชะตา
นิ่งเงียบเพราะความกะทันหันและความสับสนกับทุกสิ่ง
เพื่อเตรียมพรอมสำหรับการสำแดงพลังที่ยิ่งใหญยิ่งขึ้นในการตอสูที่ไมอาจเลี่ยง
ไมวาจะปรมาจารยตระกูลเซี่ยหรือคนของสำนักแหงความมืดหรือปรมาจารยเตา
เจ็ดวิญญาณรวมถึงหวังเปาเลอลวนชัดเจนแลววาวินาทีนี้…บุคคลที่ขวงชิงรางเฉินชิงที่
ปรากฏตัวอยูในโลกศิลาผูนี้คือศัตรูที่ใหญที่สุด!
หากไมสามารถสยบเขาได…บางทีจุดจบของโลกศิลาคงจะตองมาถึงอยางไมอาจ
เลี่ยงไดเปนแน
ไมมีใครอยากตายและนอยคนนักที่จะทนดูตระกูลของตนพังพินาศอยูเฉยๆ ได
ดังนั้น…ศึกครั้งนี้ตองสู ไมวาจะตองแลกกับอะไร
และในที่สุด…อีกสามวันถัดมา ขณะที่เด็กหนุมชุดแดงที่ชวงชิงรางเฉินชิงไป
ทองไปในจักรวาล การเตรียมการของปรมาจารยตระกูลเซี่ยก็เสร็จสิ้นเปนคนแรก
เขาจำต อ งทำให ส ำเร็ จ เพราะทิ ศ ที ่ เ ด็ ก หนุ ม ชุ ด แดงกำลั ง มุ ง หน า ไป…คื อ ที่
ที่ตระกูลเซี่ยตั้งอยู ดังนั้นในชั่วพริบตารางของปรมาจารยตระกูลเซี่ยก็หายวับไป
พรอมเสียงถอนหายใจดังกังวาน และมาปรากฏตัว…ตรงหนาเด็กหนุมชุดแดง
จั ก รวาลผั น ผวนจนเกิ ด ความบิ ด เบี ้ย ว เด็ ก หนุ ม ชุ ด แดงหยุ ด ฝ เท า พร อ มกั บ
การปรากฏตัวของปรมาตระกูลเซี่ย ใบหนาเผยรอยยิ้มแปลกๆ และมองปรมาจารย
ตระกูลเซี่ย
“ฝกเตาชะตา? นาสนใจนี่”
ปรมาจารยตระกูลเซี่ยเงียบ นัยนตาเปยแสงแรงกลาในฉับพลัน ไมมีปฏิกิริยา
ทางวาจาแตอยางใด สองมือพลันโบกสะบัด ทันใดนั้นหมอกแหงชะตาสีมวงก็ระเบิด
ออกมาจากร า งของเขา จากนั ้ น ก็ ห ดตั ว มารวมกั น ที ่ ด วงตาทั้ ง สองข า งและมอง
เด็กหนุมชุดแดง
ปรมาจารยตระกูลเซี่ยจองมองพรอมกับตัวสั่นเทิ้ม สิ่งที่เขาฝกคือเตาชะตาจริงๆ
และดวยพลังทั้งหมด เขาจึงเห็นชะตาบนรางเด็กหนุมชุดแดง ชะตานั้นเปนสีแดงฉาน
ซึ่งเปนตัวแทนของหายนะ ขณะเดียวกันก็ยังไรขอบเขต ตะขาบสีเลือดที่กอตัวขึ้นนั้น
ราวกับจะดูดกลืนทั้งจักรวาล
เหมือนกับวาเขาเพียงคนเดียวก็เหนือกวาทั้งจักรพิภพเตาแลว
สิ่งที่เรียกวาชะตานั้นเปนมายายากจะเอย แตโดยรวมแลวชะตากับโชคนั้ น
คลายกัน ผูมีชะตามั่งคั่งทำสิ่งใดก็ราบรื่น ขณะที่ผูอาภัพชะตาสะดุดตัวเองลมตลอด
เสนทาง บางครั้งยังถูกสิ่งของที่ตกลงมาจากฟาฟาดตาย หรือขั้นสุดจริงๆ แคหายใจ
ก็ยังสำลักตายได
สิ่งที่ปรมาจารยตระกูลเซี่ยฝกฝนคือเตาชะตา นั่นก็คือเหตุผลที่ตระกูลเซี่ยอยูรอด
มาจนถึงทุกวันนี้ไดนั่นเอง และเปนจุดสำคัญที่เขาเลือกชวยตระกูลไมรูสิ้นในตอนนั้น
ตระกูลไมรูสิ้นในตอนนั้นมีชะตาเหนือกวาสำนักแหงความมืดอยางเห็นไดชัด
ขณะเดียวกันที่เขาไมไดชวยเวยยางจื่อในครั้งนี้ก็เพราะเหตุผลเดียวกัน เขาเห็น
ความอาภัพชะตาของตระกูลไมรูสิ้นจึงไมอยากเขาไปขัดชะตา มันไมสอดคลองกับ
เตาของเขา
แตตอนนี้ตอใหไมสอดคลองกับเตาของตน มองแวบเดียวก็สัมผัสสวรรคปนปวน
จนแทบบา แตปรมาจารยตระกูลเซี่ยก็ยังคงยกสองมือขึ้นรวมชะตาสีมวงของตนให
กลายเปนดาบยาวแลวฟนลงบนหัวเด็กหนุมชุดแดง!
“ฟน!”
ฟนชะตา!
ดูเหมือนฟนอากาศ แตจริงๆ แลว…สิ่งที่ฟนคือชะตาของคูตอสู
เด็ ก หนุ ม ชุ ด แดงไม ไ ด ข ั ด ขื น เขายื น มองปรมาจารย ต ระกู ล เซี ่ ย อยู ต รงนั้ น
พลางหัวเราะ ปลอยใหคูตอสูฟนชะตาของตน ทวาในวินาทีตอมา…รางกายเขาไมเกิด
การเปลี่ยนแปลงใดๆ ชะตาก็เชนกัน แตทางดานปรมาจารยตระกูลเซี่ยนั้น ในพริบตา
ที่ดาบยาวนั่นฟนลงมาก็ราวกับฟนถูกสิ่งที่ไมอาจทำลายไดจนตัวมันแตกละเอียด
เปนชิ้นเล็กชิ้นนอย
ส ว นปรมาจารย ต ระกู ล เซี ่ ย ก็ เ จอกั บ แรงสะท อ นกลั บ จนกระอั ก เลื อ ด
ปราณในตำนานออนแอลงอยางเห็นไดชัด
“หากเจาเปนขั้นที่สี่ การฟนนี้ก็คงตัดชะตาขาไดจริงๆ แตพลังขั้นที่สามกระจอกๆ
อยางนี้ยังกลาสูกับขาอีกหรือ” เด็กหนุมชุดแดงเหยียดยิ้มดูถูกและกาวไปขางหนา
ยกมือขวาขึ้น กอนที่หมอกเลือดจะกลายรางเปนตะขาบสีเลือดตรงหนาเขาและกำลัง
จะกลืนกินปรมาจารยตระกูลเซี่ย
ทวาในตอนนั้นเองปรมาจารยตระกูลเซี่ยที่ดูออนแอกลับมีแสงเย็นยะเยือกวาบ
ผานดวงตา กอนจะหยิบธูปกานหนึ่งออกมาปกในจักรวาลเบื้องหนา จากนั้นสองมือ
ทำผนึกมุทราอยางรวดเร็ว ดวงตากลายเปนสีมวงโดยพลัน สงเสียงคำรามต่ำ
“ชวงชิงชะตา!”
ในทันทีที่เอยขึ้น เศษดาบจากชะตาสีมวงที่ถูกเด็กหนุมชุดแดงพังไปก็เปลงแสง
ระยิบระยับพรางพรายในชั่วพริบตา และหยุ ดกระจัดกระจายก อนจะกลายเปน
แมลงปกแข็งสีมวงราวกับวามันสามารถกลืนกินทุกสิ่งได มันสงเสียงกรีดรองกอนจะ
เปลี่ยนทิศพุงไปยังเด็กหนุมชุดแดงอยางบาคลั่ง
มันเร็วมากจนเขาใกลเด็กหนุมชุดแดงไดในชั่วพริบตาและดูดกลืนชะตาของเด็กหนุม
ยามที่ดูดกลืน ธูปตรงหนาปรมาจารยตระกูลเซี่ยก็กำลังเผาไหมอยางรวดเร็ว
“หืม?” เด็กหนุมชุดแดงหยุดชะงัก กอนจะขมวดคิ้วเล็กนอยและกำลังจะโบกมือ
ทวาในวินาทีตอมามือขวาที่ยกขึ้นก็ตกลงขางตัว
เมื่อมันตกลงก็มีรางหนึ่งปรากฏตัวขึ้น พลังฝกตนระดับจักรวาลระเบิดขึ้น นั่นก็
คือเสวียนหัว เห็นไดชัดวาเขาแอบซอนตัวมาถึงที่นี่และตั้งใจลอบโจมตีในชวงเวลา
วิกฤติ หลังจากถูกเจอตัวเขาก็ทำไดเพียงขัดขวางดวยกำลังทั้งหมด
รางของเสวียนหัวระเบิดออกพรอมเสียงดังสนั่น แตเขาก็เปนคนโหดเหี้ยม แมตัว
จะระเบิดก็ยังสำแดงพลังเทพกลายรางเปนหมอกดำแลวกอตัวเปนปากขนาดใหญ
กลืนกินมือขวาของเด็กหนุมชุดแดง
ในตอนที่กำลังกลืนกินนั้นเอง อีกดานของเด็กหนุมชุดแดง จักรวาลถูกฉีกกอนที่
กระบองยักษอันหนึ่งจะโผลออกมาตอหนาเด็กหนุม
ดานหลัง กระบอง ปรมาจารย เต าเจ็ ดวิ ญ ญาณเดิ น ออกมาอย างโกรธเกรี ้ ย ว
มือขวาชกกระบองนั่นทำใหอานุภาพของมันแข็งแกรงยิ่งขึ้น
ทั้งสองลงมือพรอมกันจนทำใหชะตาของเด็กหนุมชุดแดงถูกแมลงปกแข็งสีมวง
ดูดกลืนไดไวขึ้น ธูปตรงหนาปรมาจารยตระกูลเซี่ยก็เผาไหมจนเกือบสุดปลาย
แตรางกายของเด็กหนุมชุดแดงก็แข็งแกรงจนนาเหลือเชื่อ แมกระบองจะมี
อานุภาพเทียมฟา แตเมื่อมันเขาไปใกลก็ถูกมือซายของเด็กหนุมควาไวไดกอน
“แคนี้?” เด็กหนุมชุดแดงผูชวงชิงรางเฉินชิงไปแคนหัวเราะเย็นชา กอนจะบีบมือขวา
อยางแรง ปากที่เกิดจากเศษชิ้นสวนรางกายเสวียนหัวพังทลายลงอีกครั้ง ดวงวิญญาณ
เทพแผซานและกำลังจะหนี ทวากลับถูกเด็กหนุมชุดแดงอาปากดูดกลืนมันเขาไป
ยามที่เคี้ยวก็ไดยินเสียงกรีดรองโหยหวนของเสวียนหัว
สวนมือซายก็บีบเขาหากัน กระบองของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณถูกเขาบีบ
จนระเบิดกระจายเปนชิ้นๆ แสงสีแดงวาววับอยูในดวงตากอนจะทะลวงหวางคิ้ว
ของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณในทันที
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณตัวสั่นเปนเจาเขา นัยนตาเผยแววดิ้นรน เด็กหนุมชุดแดง
วาบรางมาปรากฏตรงหนาปรมาจารยตระกูลเซี่ย ดวงตาฉายแสงแปลกๆ กอนจะมี
แสงสีแดงปรากฏขึ้นอีกครั้งและยิงทะลวงหวางคิ้วปรมาจารยตระกูลเซี่ยเขาไปเพื่อทำ
การชวงชิงราง
ทวาในพริบตาที่แสงสีแดงทะลวงเขาไป ดวงตาปรมาจารยตระกูลเซี่ยก็เผยแวว
ดุรายและคำรามเสียงต่ำ
“เผา!”
เมื่อเขาพูดออกมา ธูปตรงหนาก็เผาไหมเร็วขึ้นในฉับพลัน จนกระทั่งไหมหมดกาน
แมลงปกแข็งสีมวงที่แทรกซึมอยูในชะตาของเด็กหนุมชุดแดงก็สงเสียงกรีดรองบาดหู
และเผาไหมไปพรอมๆ กัน ในพริบตาก็แทรกซึมไปทั่วทั้งชะตาของเด็กหนุมทำให
ชะตาถูกเผาไหมไปดวย
นั่นทำใหเด็กหนุมชุดแดงขมวดคิ้ วมุ นและกำลัง โจมตี ทวาในวินาที ต อ มา…
กระบี ่ ส ำริ ด โบราณก็ แ หวกออกมาจากความว า งเปล า กระบี ่ เ ล ม นี ้ แ หลมคม
ขณะเดียวกันตัวมันก็ยังบรรจุกฎเตาธาตุทองบางสวน พลังไมและพลังน้ำพลันระเบิด
ออกมาพรอมกัน
ธาตุทองกอกำเนิดน้ำทำใหเต าธาตุน ้ ำพวยพุ ง น้ำกอกำเนิดไม ทำใหพ ลั ง ไม
ทรงอานุ ภ าพ และจากนั ้ น เมล็ ด พั น ธุ เ ต า ธาตุ ไ ฟยั ง ถู ก ดาวเคราะห เ ต า แปลง
จึงเกิดเปน…ไมกอกำเนิดไฟ!
การกอกำเนิดแตละขั้นยิ่งทำใหพลังธาตุไฟนาสะพรึงกลัว พรอมกับที่กระบี่สำริด
โบราณฟน…ชะตาของเด็กหนุมชุดแดง!
และกระบี่สำริดโบราณที่ผาความวางเปลาออกมาก็คือ…รางธรรมกายของหวังเปาเลอ!
ทุกสิ่งที่ทั้งสี่คนรวมกันทำก็เพื่อการโจมตีนี้!
ขางในมีเปลวไฟแหงการเผาไหมชะตา ขางนอกมีไฟจากธาตุทั้งสี่เกิดเปน…
พลังการฟนอันนาทึ่งของชะตา!
บทที่ 1267 ยอดคน
อันที่จริงเด็กหนุมชุดแดงผูชวงชิ งร างเฉิน ชิ งไปมี ระดับการฝกตนเหนื อกวา
พวกหวังเปาเลอทุกคน อีกทั้งยังเหนือกวาเวยยางจื่อคนกอนมาก
ถึงอยางไร…รางกายของอีกฝายก็มาจากเฉินชิง ระดับการฝกตนขั้นสูงสุดของ
เฉินชิงก็ใกลจะถึงขั้นที่สี่แลว ตอนนี้ยังมีดวงวิญญาณเทพบางสวนของมหาเทพอีก
โดยรวมแลวแมจะยังไมถึงขั้นที่สี่อยางแทจริง แตก็เกือบจะถึงขีดสุดแลว
ดังนั้น…การตอสูกับศัตรูเชนนี้ หวังเปาเลอรูดี ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณกับ
ปรมาจารยตระกูลเซี่ยเองก็ชัดแจงวาพวกเขาไมมีทางเอาชนะได
บางทีหากใหเวลาพวกเขาอีกสักหนอยก็คงมีโอกาสอยูบาง แตก็เชนเดิม…หากรอ
ตอไปก็กลัววาอีกไมนานอีกฝายจะกลืนกินอารยธรรมทั้งหมดของจักรพิภพเตาไป
และพวกเขาก็คงไมแคลวโดนกวาดลาง
ดังนั้นศึกครั้งนี้…จึงตองสู
แตจะสูอยางไร สูแบบไหน ก็เปนเรื่องสำคัญที่ตองคำนวณและควบคุมใหได
ดังนั้นจึงมีแผนการตอสู…ศึกแหงชะตาของปรมาจารยตระกูลเซี่ย!
ชะตาเปนเรื่องลวงตาไมชัดเจน แตก็เพราะลวงตาของมันจึงเปนเรื่องลึกลับ
และเพราะความไมชัดเจนจึงไมคอยไดรับการปกปอง
และเมื่อชะตาเด็กหนุมชุดแดงถูกฟน แมจะไมไดทำรายที่รางกายเขา แตอีกฝาย
ก็อยูในโลกศิลาอยางไรรูปราง ในระดับหนึ่งมันก็เทากับกาวเดียวก็เดินลำบาก
ถึงอยางไร…ตอใหเปนผูแข็งแกรงไรเทียมทาน หากรางกายไมมีชะตา ทุกเรื่อง
ก็จะไมราบรื่น รางกายก็จะเสียหายอยางไมมีที่สิ้นสุด แตกับศัตรูทุกอยางจะราบรื่น
อยางที่สุด
อีกประเด็นหนึ่งคือทันทีที่ชะตาเด็กหนุมชุดแดงถูกฟน กฎและขอบังคับใน
โลกศิลาจะยิ่งตอตานรางของเขาอยางไมมีที่สิ้นสุด
เหตุผลที่กอนหนานี้เขาไมถูกตอตานก็เพราะอาศัยรางกายของเฉินชิงซอนตัวอยู
ขางใน แตหากชะตาสลายไปก็เปนไปไดสูงวาเกราะปองกันของอีกฝายจะไรผล
ทั้งหมดคือจึงเกิดการโจมตีสี่คนติดครั้งนี้ขึ้น!
ขณะนี้ตอใหเด็กหนุมชุดแดงจะมีระดับการฝกตนที่นา ทึ่ง แตเขาก็ประมาทเกินไป
เมื่อกระบี่สำริดโบราณของหวังเปาเลอตกลงมา ไฟแหงชะตาของเด็กหนุมชุดแดงก็
ลุกโชนขึ้นในพริบตา มันเผาไหมมากขึ้น ล้ำลึกขึ้นและรุนแรงขึ้น
เพียงลมหายใจสั้นๆ ชะตาเขาก็ถูกเผาไปหนึ่งสวนแลวทำใหการตอตานจาก
กฎและขอบังคับของโลกศิลาเริ่มปรากฏขึ้น
แต ร ะดั บ การฝ ก ตนของเขาก็ แ ข็ ง แกร ง เกิ น ไป ขณะนี ้ ด วงตาเขาเป น สี แ ดง
แมชะตาจะถูกเผาไหมและเสียหายหนั ก แต เขาก็ ย ั ง มั ่ น ใจ มื อขวายกขึ ้ น มาโดย
ไมสนใจปรมาจารยตระกูลเซี่ยที่กำลังถูกตนชวงชิงรางและควาไปทางหวังเปาเลอ
“ขาไมไปหาเจา เจากลับมาถึงที่ดวยตัวเอง เชนนั้นก็ดี!” ขณะที่พูดมือขวาของ
เด็กหนุมก็เต็มไปดวยแสงสีเลือดและกำลังจะยิงใสตรงหนาหวังเปาเลอ
ดวงตาหวั ง เป า เล อ ดู ซ ั บ ซ อ น คนตรงหน า เขาเคยรู จ ั ก สนิ ท สนมเป น อย า งดี
แตตอนนี้…คนใชแตวิญญาณไมใช
“ศิษยพี่…” พึมพำในใจ หวังเปาเลอขมกลั้นความสับสนไวในใจและกำลังจะโจมตี
ทว า ในตอนนั ้ น เอง…จู ๆ สี ห น า เด็ ก หนุ ม ชุ ด แดงก็ เ ปลี่ ย นไป บนหน า อกเขา
มีชองวางขนาดใหญปรากฏขึ้นอยางไมคาดคิด ชองวางนี้ดูเหมือนอยูบนกายเนื้อ
แตความจริงมันอยูในดวงวิญญาณเทพ
เวลาเดียวกันกับที่ชองวางนี้ปรากฏขึ้น ก็ดูเหมือนจะเกิดการดิ้นรนปะทุขึ้นในราง
ของเฉินชิงทำใหเด็กหนุมชุดแดงที่ชวงชิงรางมาสั่นไปทั้งตัว
“เฉินชิง นี่เจายังอยูรึ เปนไปไมได!”
เมื ่ อ เห็ น เช น นี ้ ห วั ง เป า เล อ เองก็ ใ จสั ่ น อย า งรุ น แรง ดวงตาเผยความตกใจ
ขณะเดียวกันกับที่ดวงจิตเทพแผออกมาจากรางเฉินชิงที่ถูกชวงชิงไป
“ขาดับสิ้นแลว ไมจำเปนตองยั้งมือ นี่คือเคล็ดวิชาสุดทายที่ขาทิ้งไวในราง ขาเฉินชิง…
ตอใหตายไปก็ไมมีทางถูกผูใดชวงชิงรางได!”
“ดังนั้นกอนที่ขาจะออกสู ขาก็ไดทิ้งตราประทับไวในรางกายแลว หากขาพายแพ…
อี ก ฝ า ยไม ช ว งชิ ง ร า งข า ไปก็ ไ ม เ ป น ไร แต ท ั น ที ท ี ่ ช ิ ง ไป…ก็ จ ะไม ม ี ว ั น หวนคื น !”
ดวงจิตเทพของเฉินชิงที่ถูกทิ้งไวกอนที่เขาจะจากไปกำลังดังสะทอนอยูในตอนนี้
รางกายของเขาก็ปรากฏรอยมากมาย รอยพวกนี้ลวนเปนสีเทาแผกระจายความ
เนาเปอย ขณะเดียวกันก็ทำใหรางกายของเขาคอยๆ สลายไปอยางไมอาจยอนกลับได
ขณะที ่ ม ั น สลายไป เด็ ก หนุ ม ชุ ด แดงก็ เ ผยความตกใจออกมาเป น ครั ้ ง แรก
เขาคิดจะดิ้นรน แตรางกายเฉินชิงในตอนนี้ก็เหมือนกับกุญแจมือที่พันธนาการเขาไว
ราวกับกรงขัง เขาจึงไมสามารถหลบหนีไปได ทำไดเพียงสลายไปพรอมกับรางกายนี้
เมื่อเห็นเชนนี้ดวงตาหวังเปาเลอก็เต็มไปดวยความโศกเศรา แตก็ยังกัดฟน
ทะยานตัวขึ้นไป กอนจะยกมือขวาพรอมความบาคลั่งในดวงตา กระบี่สำริดโบราณ
พลันระเบิดพลังของมันในวินาทีนั้นเอง ระดับการฝกตนของเขาก็ปลดปลอยออกมา
ทั้งหมด แมเมล็ดพันธุเตาธาตุดินจะยังไมเสร็จสมบูรณ แตมันไมจำเปนอีกตอไปแลว
กฎของกระบี่สำริดโบราณบรรจบกับธาตุทั้งสี่กอตัวเปนกระบี่ตกใสเด็กหนุมชุดแดง
“เฉินชิง!!!” เสียงคำรามอยางอาฆาตแคนดังออกมาจากปากเด็กหนุมชุดแดง
เขาไมสามารถเคลื่อนไหวรางกายได ขณะที่ดวงวิญญาณเทพกำลังดิ้นรนจนภายนอก
กลายเปนตะขาบสีเลือด แตไ มสามั น จะดิ ้ น รนอย างไร ครึ ่ ง หนึ ่ ง ของร างกายมัน
ก็ไมอาจออกมาจากรางกายที่กำลังเนาเปอยของเฉินชิงได
จนมองเห็ น โซ ท ี ่ พ ั น ธนาการตั ว มั น ไว วิ น าที ต อ มา…กระบี ่ ส ำริ ด โบราณของ
หวังเปาเลอก็ฟนฉับ
ทามกลางเสียงคำราม เด็กหนุมชุดแดงที่ชวงชิงรางเฉินชิงไปก็พังทลาย กายเนื้อ
ฉีกเปนชิ้นๆ ดวงวิญญาณเทพฉีกเปนชิ้นๆ กายเนื้อทุกชิ้นลวนโอบลอมดวยเศษ
ดวงวิญญาณเทพทำใหไมสามารถหลบหนีได ทำไดเพียงเนาเปอยไปพรอมกับเศษ
กายเนื้ออยางรวดเร็วและกลายเปนเถาธุลีในที่สุด
ขณะที ่ ร า งของเขาค อ ยๆ สลายไป หว า งคิ ้ ว ปรมาจารย เ ต า เจ็ ด วิ ญ ญาณกั บ
ปรมาจารยตระกูลเซี่ยตางเปนสีแดงและมีแสงสีแดงสองดวงพุงออกมา ไปบรรจบกัน
บนจักรวาลและกอตัวเปนรางของเด็กหนุมชุดแดง
เพียงแตรางนี้เลือนรางนัก อีกทั้งในทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นมา พลังตอตานจากกฎ
และขอบังคับของโลกศิลาก็ถาโถมเขาใสทำใหรางนั้นยิ่งเลือนราง เขากำลังจะสลายไป
อยางสมบูรณ แตดวงตากลับฉายแววดุรายและสงางามเพงมองพวกหวังเปาเลอและ
ปรมาจารยตระกูลเซี่ย
เขายอมรับวาครั้งนี้ตนประมาทเกินไป เขาไมคิดวาเตาชะตาของปรมาจารย
ตระกูลเซี่ยจะสูงถึงเกือบถึงขั้นที่สี่เชนนี้
และไมคาดคิดวาธูปที่อีกฝายหยิบออกมาจะสรางเปลวไฟแหงชะตาเมื่อไหมหมดกาน
และยังมีการขัดขวางของปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณกับการโจมตีของหวังเปาเลอ
ในตอนสุดทายอีก!
โดยเฉพาะอยางหลัง พลังโจมตีนั่นทำใหเขาตกใจ ทำใหชะตาของเขาเผาไหม
อยางรวดเร็ว แตสิ่งเหลานี้ยังไมใชสิ่งสำคัญที่สุด เพราะตอใหเปนเชนนี้ เขาก็ยังมั่นใจ
วาจะพลิกสถานการณได
แตเขาคิดไมถึงวาเฉินชิงที่ถูกเขาชวงชิงรางมาจะ…ทิ้งการตลบหลังที่เขาตรวจ
ไมพบไวในรางกาย!
หากคิดจะทำใหเขาตรวจไมพบ รองรอยการตลบหลังนี้ก็จำเปนตองลึกซึ้งมาก
คิดถึง ตรงนี้เด็กหนุมชุดแดงก็สีหน ามื ดมนลง ใจที ่ เคยดู ถู กเหยี ย ดหยามหมดไป
แทนที่ดวยความเครงขรึม
“ครั้งนี้เปนขาที่ประมาทเอง แต…อีกไมนาน ขาจะกลับมา ถึงเวลานั้น…ขาจะไม
ประมาทศัตรู และจะทำใหเต็มที่!”
คำพูดนั้นดังกองพรอมกับรางของเด็กหนุมที่เลือนรางมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง
หายไปในจักรวาล
เมื ่ อ ร า งของเขาหายไปจนหมด ปรมาจารย ต ระกู ล เซี ่ ย และปรมาจารย เ ต า
เจ็ดวิญญาณจึงโลงใจไดอยางแทจริง ยามที่ทั้งสองผินหนามองหวังเปาเลอก็เห็นวา
หวังเปาเลอสีหนาซับซอนและยังโศกเศราจึงเงียบไป
“เฉินชิง ยอดคน” ผานไปครูหนึ่งปรมาจารยตระกูลเซี่ยก็เอยขึ้นเบาๆ
อันที่จริงหลังจากเฉินชิงพายแพ ในใจพวกเขาก็เกิดความคับของใจไมมากก็นอย
เพราะถึงอยางไรการพายแพของเฉินชิงก็ทำใหเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นกอนกำหนด
ทวาเคล็ดวิชาสุดทายของเฉินชิงกลับทำใหพวกเขาพูดไมออก
“ศิษยพี่ขาเปนยอดคนอยูแลว!” หวังเปาเลอหลับตาขมกลั้นความโศกเศราไวขางใน
กอนจะลืมตาจากนั้นไมนานและเอยเสียงลุมลึก
บทที่ 1268 สุดกำลัง
อยูอยางยอดคน ตายอยางวีรบุรุษ!
นี่ก็คือเฉินชิง
ขณะนี้ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณมองจุดที่รางเฉินชิงสลายไปอยางเงียบงัน
กอนจะโคงคำนับ ปรมาจารยตระกูลเซี่ยที่อยูขางๆ ก็มีสีหนาซับซอนและกมหัว
โคงคำนับอยางสุดซึ้ง
ยังมีเสวียนหัวที่อยูในระบบสุริยะ เขาสงรางธรรมกายมารวมตอสู รางตนแบบอยู
บนดาวอังคาร แมการพังทลายของรางธรรมกายจะทำใหเขาบาดเจ็บไมนอย แตก็ยัง
ไมถึงชีวิต ดังนั้นตอนนี้เขาจึงกมหัวคำนับมาทางสนามรบดวยใบหนาขาวซีด
คำนับ ยอดคน
คำนับ วีรบุรุษ
คำนับ เฉินชิง!
อันที่จริงในการตอสูครั้งนี้ หากไมมีเคล็ดวิชาสุดทายของเฉินชิง ตอใหพวก
หวังเปาเลอตอสูไดก็ตองบาดเจ็บหนักเปนแน ยิ่งกวานั้นยังทำใหศัตรูที่ไมมีทาง
เอาชนะไดออนแอลงจนสามารถสูได
แตตอนนี้เปนเพราะเคล็ดวิชาของเฉินชิง ดวงจิตของมหาเทพจึงพังทลายทำให
วิกฤติครั้งนี้ไดรับการแกไข แมทั้งหวังเปาเลอ ปรมาจารยตระกูลเซี่ยและปรมาจารย
เตาเจ็ดวิญญาณตางก็สัมผัสไดวาความจริงแลวมหาเทพที่แทจริงยังอยู และจากนี้
จะตองมีการตอสูที่ดุเดือดยิ่งกวา แตถึงอยางไร…พวกเขาก็ยังมีเวลาเตรียมการ
แม ก ารเตรี ย มการในระยะเวลาสั ้ น ๆ นี ้ อ าจจะไม ไ ด เ ปลี ่ ย นผลลั พ ธ ส ุ ด ท า ย
แต…บางทีการเตรียมการนี้อาจสงผลตออนาคตก็ได
ดังนั้นไมวาอยางไร เวลาที่เฉินชิงมอบใหนี้ก็มีคายิ่งสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะ…
การทำลายดวงจิตเทพบางสวนของมหาเทพยิ่งทำใหพลังตอสูของอีกฝายออนแอลง
ซึ่งนั่นเปนโอกาสของพวกหวังเปาเลอแลว
“ขาตองการเวลา!” จูๆ หวังเปาเลอก็เอยขึ้น
“วิธีที่ขาฝกตนเรียกวาเตาแปดปรมัตถ หาปรมัตถแรกคือเคล็ดวิชาหาธาตุ ตอนนี้
เตาธาตุน้ำและเตาธาตุไมสมบูรณแบบ เตาธาตุดินก็ใกลจะสมบูรณแบบแลว ยังเหลือ
เตาธาตุทองและเตาธาตุไฟ…”
“เมื่อทั้งหาธาตุสมบูรณแบบ พลังตอสูจะพุงสูจุดสูงสุด เกือบจะเทากับกอนที่
ศิษยพี่ขาจะจากไป…”
“แตไมรูวาจะมีเวลาเพียงพอหรือไม” หวังเปาเลอมองปรมาจารยตระกูลเซี่ยและ
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ
“ขามีวิถีเตาชะตารวมสมาชิกทุกคนในตระกูลเซี่ย อานุภาพนั้นเหนือกวาตัวขา
หลายเทานัก แต…ตองใชเวลาสามปจึงจะสำเร็จ อีกทั้งทันทีที่ใชมัน ขาก็จะตาย
ตระกูลเซี่ยก็จะดับสิ้น” ปรมาจารยตระกูลเซี่ยเอยขึ้นชาๆ หลังจากเงียบไป
“ขาเตาเจ็ดวิญ ญาณเกง เรื่องวิ ถี แห ง อดี ตชาติ รวมพลั ง ทั ้ ง หมดของสำนั กก็
สามารถระเบิดพลังตอสูไดเจ็ดเทาในพริบตา แตจะดำรงอยูไดในเวลาเจ็ดกานธูป
เทานั้น หลังจากนั้นวิญญาณของขาก็จะกระจายไป” ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ
ถอนหายใจเบาๆ แลวพูดเสียงแหบแหงมองไปยังหวังเปาเลอเชนเดียวกับปรมาจารย
ตระกูลเซี่ย
พวกเขาทั้งสองเขาใจดีวาการตอสูในอนาคต ตนไมอาจกลายเปนผูที่มีอำนาจ
ตัดสินทุกอยางได ตอนนี้บางทีความหวังเพียงหนึ่งเดียวคงอยูที่หวังเปาเลอแลว
แตราคาที่พวกเขาตองจายนั้นสูงเกินไป แมจะเขาใจดีวาหากไมทำเชนนี้ โลกศิลา
ก็ตองพังพินาศ ทุกสำนักทุกตระกูลลวนตองถูกทำลาย หากลองสูกันสักตั้งก็อาจพอมี
หวังบาง แตเรื่องของพวกเขาในตอนนี้ก็ ยังตองรอคำตอบจากหวังเป าเลออย าง
เลี่ยงไมได
“ข า ไม ไ ด ม ั ่ น ใจเต็ ม ร อ ย แต จ ะทำใหด ี ท ี ่ ส ุ ด …” หวั ง เป า เล อ หลั บ ตาครู ห นึ่ ง
กอนจะลืมตาแลวเอยออกมา ปรมาจารยตระกูลเซี่ยและปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ
มองหนากันและไมพูดอะไร
แตในตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งลอยมาจากที่ไกลๆ
“ยังมีขาอีกคนนะ!”
“ขามีวิชาหนึ่งเรียกวาคำสาปวิญญาณเพลิง สั่งสมมานานนับหมื่นป หากระเบิดมัน ไม
วาอีกฝายจะระดับการฝกตนใดลวนไดรับอิทธิพลจากมัน!” เสียงนั้นดังมาพรอมกับ
รางมายารางหนึ่งปรากฏตัวขึ้น นั่นก็คือ…ปรมาจารยแหงไฟ!
รางตนแบบของเขาไมไดมา นี่เปนเพียงรางแยกของเขาเทานั้น แตดวงตากลับ
ฉายแววมุงมั่นแนวแน การมาของเขาทำใหปรมาจารยตระกูลเซี่ยและปรมาจารยเตา
เจ็ดวิญญาณเผยแสงแปลกๆ ในดวงตา
เพราะถึงแมปรมาจารยแหงไฟจะไมใชระดับจักรวาล แต…วิถีคำสาปของเขานั้น
นาทึ่งมาก และที่สำคัญคือ…ตัวตนของเขา!
เขาคืออาจารยของหวังเปาเลอ ในเมื่อเขาเลือกที่จะตอสูแลกชีวิตเพื่อใหเวลาแก
หวังเปาเลอ เชนนั้นการโจมตีของหวังเปาเลอในครั้งนี้ยิ่งเต็มไปดวยอารมณ เชนนี้แลว
ทางหนีก็จะยิ่งแคบลง
นี่คือสิ่งที่ปรมาจารยตระกูลเซี่ยและปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณกังวล พวกเขา
กังวลวาหลังจากที่ตนตายไปแลว หวังเปาเลอจะไมทุมสุดกำลัง แตจะใชวิธีอื่นขัดขวาง
พวกเขาแลวหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
ดังนั้นเมื่อเห็นปรมาจารยแหงไฟปรากฏตัว ในใจพวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจ
บางอยาง และคนที่มาไมไดมีแคพวกเขา แทบจะในทันทีที่ปรมาจารยตระกูลเซี่ย
และปรมาจารย เ ต า เจ็ ด วิ ญ ญาณตั ด สิ น ใจก็ ม ี เ สี ย งถอนหายใจดั ง สะท อ นมาจาก
ความวางเปลา
“เตาสวรรคสำนักแหงความมืดพินาศ เตาสวรรคไมรูสิ้นดับสูญ แตขา…สามารถ
แทนที ่ เ ต า สวรรค ส ยบบุ ค คลภายนอกได ใ นระยะสั ้ น ๆ แลกกั บ การเผาตั ว เอง
ถึงตอนนั้น…ขาจะโจมตีใหสุดฝมือ”
ในความวางเปลามีแสงเล็กๆ ปรากฏขึ้น กอนจะรวมตัวกันกลายเปนหนังสือเลมหนึ่ง
ตอหนาทุกคน บนหนังสือมีชายชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู นั่นก็คือ…ผูศักดิ์สิทธิ์
บนสวรรค
ภัยรายนี้เปนหายนะของทั้งโลกศิลา ถึงตอนนี้ไมวาจะตระกูลอะไร อารยธรรมไหน
สำนักใดลวนไมมีความหมายแลว
“ในเมื่อเปนเชนนี้ก็ลองกันสักตั้งแลวกัน หากสำเร็จ…ก็หวังวาสหายเตาจะไมลืม
ชดใชดวยการใหสำนักของเราอยูตอไป!”
“ปกปองสายเลือดของขา สายเลือดคนสุดทาย”
หลังจากปรมาจารยตระกูลเซี่ยและปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณเอยชาๆ ก็คำนับ
ให ห วั ง เป า เล อ แล ว หั น หลั ง เดิ น จากไปเพื ่ อ เริ ่ ม เตรี ย มการในส ว นของพวกเขา
ผู ศ ั ก ดิ ์ ส ิ ท ธิ ์ บ นสวรรค ม องหวั ง เป า เล อ อย า งลึ ก ซึ ้ ง สายตานั ้ น ดู เ หมื อ นจะมอง
หวังเปาเลอ แตก็ดูเหมือนจะมองขางกายเขามากกวา มองหวังอีอีที่คนนอกไมสามารถ
มองเห็นได
หลังจากคำนับใหรางนั้นก็หายวับไป
ในจักรวาลตอนนี้เหลือเพียงหวังเปาเลอกับปรมาจารยแหงไฟ
“อาจารย ทาน…”
“ไมตองพูดหรอก วิถีคำสาปของขายังตองรอจนกวาโลกศิลาจะแตกสลายถึงใชได
หรือไง คนอื่นแลกได ขาก็ทำเพื่อศิษยของขาไดเชนกัน!” ปรมาจารยแหงไฟโบกมือ
อยางอิสระ
“เปาเลอ สูใหถึงที่สุดนะ!”
“สูใหถึงที่สุด…” หวังเปาเลอพึมพำ จากนั้นไมนานดวงตาก็เผยแสงคมกริบ
พรอมคำนับปรมาจารยแหงไฟ ทั้งสองกาวเดินไปยังระบบสุริยะพรอมกันและรางของ
ทั้ ง คู ก ็ ค อ ยๆ หายไป บนดาวอั ง คารในระยบสุ ร ิ ย ะ ร า งต น แบบของหวั ง เป า เล อ
ลืมตาขึ้น
ดวงตายังหลงเหลือความดุรายของรางธรรมกายและดูซับซอน
ไมรูวาตนกาวจากศิษยคนหนึ่งของสำนักวิชาเตาศักดิ์สิทธิ์มาถึงจุดนี้ตั้งแตเมื่อไร
เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทุกอยางราวกับภาพฝน มีทั้งจริงและไมจริง
“อาจารยไปแลว ศิษยพี่ดับสูญ สำนักแหงความมืดพังทลาย ตระกูลไมรูสิ้น
ของที่นี่ก็แตกสลาย…ตอไปอาจารยเพลิงกัลปก็ตองแลกตัวเองกับคำสาป คนอื่นก็ยอม
แลกโดยไมลังเล…”
“ทุกอยางก็เพื่อสูกับมหาเทพ…”
“มหาเทพ…” หวังเปาเลอตาลุกวาวอยางอาฆาตแคน เมล็ดพันธุเตาธาตุดิน
ตรงหนาก็บรรจบสายใยสุดทายทามกลางความผันผวนของอารมณเขานั่นเอง
วินาทีตอมาเมล็ดพันธุที่แผพลังแหงกฎและขอบังคับเตาธาตุดินก็ปรากฏขึ้น
ตรงหนาเขา พรอมแรงสั่นสะเทือนไปทั้งระบบสุริยะและเตาฝงซาย
เตาสวรรคไมอยู ตอนนี้จึงไมเกี่ยวกับการชวงชิงอำนาจ แตเปน…หวังเปาเลอ
ไดรับอำนาจใหม ในชั่วขณะหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่ฝกฝนเตาธาตุดินทั้งหมดในจักรพิภพ
ศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายตางตัวสั่นเทิ้ม จิตใจแหงเตาสั่นคลอนและกมหัวเพื่อบูชาไปยัง
ทิศทางที่หวังเปาเลออยูอยางควบคุมไมได
พื้นดินสั่นสะเทือน ทามกลางหมูดาวที่สองแสงระยิบระยับ พลังปราณที่เหนือกวา
ครั้งกอนระเบิดแผกระจายออกมาจากดาวอังคารราวกับสามารถสยบทั่วทั้งเตาฝงซาย
สำแดงความยิ่งใหญของมัน!
“มหาเทพ หากการตอสูครั้งนี้…ขาสังหารดวงจิตเทพของเจาได ขั้นตอไปขาก็จะ
ไปสังหารรางตนแบบของเจาในโลกไมรูสิ้นที่แทจริง!”
“ขาแซหวังทำเรื่องใดยอมตัดตนไมเวนราก นี่คือ…คำปฏิญาณของขา!”
ขณะที่หวังเปาเลอกำลังพึมพำ ทันใดนั้นเสียงฟาผาราวกับจะระเบิดจักรวาลก็ดัง
สนั่นไปเกือบทั้งจักรพิภพ เสียงฟาผานี้ราวกับเปนสักขีพยานและดังไปถึงจุดสิ้นสุด
ความวางเปลา ดังไปถึงในสัมผัสสวรรคเด็กหนุมชุดแดงที่ตอสูกับฝามือหลัว
“หวังเปาเลอ!”
บทที่ 1269 ปรมาจารยดาราจันทร
ในฐานะดวงจิตเทพที่มหาเทพสงมายังที่แหงนี้พรอมภารกิจสำคัญ ดวงจิตเทพนี้
จึงแข็งแกรงยิ่งนัก ถึงระดับขั้นที่สี่เลยทีเดียว
โดยพื้นฐานแลวพลังตอสูและระดับการฝกตนที่ดวงจิตเทพสำแดงออกมาได
ทั ่ ว ทั ้ ง จั ก รวาลก็ แ ทบจะไม ม ี ค ู ต อ สู ม ากนั ก แล ว แค ม าตรวจสอบโลกสุ ด ท า ยที่
กระจัดกระจายอยูขางนอกและทำภารกิจใหสำเร็จก็มากเกินพอแลว
เด็กหนุมชุดแดงเองก็คิดเชนนั้น
หากทำไปตามลำดับทีละขั้น เขาก็ใกลจะไดทะลวงประตูศิลาในอนาคตอันใกล
ใชพลังอันเฟองฟูเขามาสยบฝามือ หลัว เขาไปยังใจกลางโลกศิ ลาและกวาดล าง
วิญญาณสุดทายของตะปูไมสีดำ
แตทุกอยางกลับพลิกผัน เฉินชิงโผลออกมาและตอสูกับเขา แมสุดทายตนจะชนะ
และยังชวงชิงรางเฉินชิงมาได แตรางของเขากลับบาดเจ็บสาหัสที่ยังไมหายดีมาจนถึง
วันนี้จากการสังเวยชีวิตของอีกฝาย
อาการบาดเจ็บสงผลกระทบกับดวงจิตเทพของเขาทำใหพลังตอสูและระดับลดลง
จนไมสามารถรักษาสถานะของขั้นที่สี่ไดตลอดเวลา แตก็เพราะชวงชิงกายเนื้อของ
เฉินชิงมา แมจะสูญเสียไปไมนอยแตก็ไดประโยชนมากมายเชนกัน
อยางแรกประตูศิลาไมจำเปนตองใหเขาโจมตีหลายครั้งก็เขามาไดแลว จากนั้น
กายเนื้อของเฉินชิงซึ่งฝามือหลัวเพิกเฉยทำใหหนีออกไปได นั่นทำใหเขาทำภารกิจ
สำเร็จไดอยางรวดเร็วและสำเร็จกอนเวลาที่ตั้งไวดวย
แตเขาไมคาดคิดวา…เขาจะตรวจไมพบเคล็ดวิชาที่เฉินชิงทิ้งไวในรางกายซึ่งนั่น
ไดกลายมาเปนกับดัก
และกับดักนี้ยังทำลายดวงจิตเทพของเขาไปไดถึงสามสวน!
กอปรกับอาการบาดเจ็บของรางกายเรียกไดวาบอบช้ำรุนแรงทำใหระดับของเขา
ในตอนนี้ตกลงมาจากขั้นที่สี่แลว เปนเพียงจุดสูงสุดของขั้นที่สามเทานั้น
โชคดีที่ฝามือหลัวในตอนนี้ไรราก ในสภาวะที่ออนลาลงเรื่อยๆ และเหลือพลัง
อีกไมมาก แมระดับการฝกตนของเขาจะตกลง แตก็ไมสามารถขัดขวางไดนานเกินไป
แตเขาก็จำตองเครงเครียดเพราะในโลกศิลาตอนนี้ ฝายหนึ่งมีการเตรียมการมา
อีกฝายหนึ่งคือหวังเปาเลอ นั่นทำใหควมมั่นใจเต็มรอยของเขาลดเหลือเพียงบางสวน
เทานั้น
“เฉินชิง!!” เด็กหนุมชุดแดงกัดฟน นัยนตาเผยแววโกรธเกรี้ยวอยางถึงที่ สุด
การปรากฏตัวของอีกฝายทำใหทุกอยาง…ผิดแผนไปหมด
ทำใหสิ่งที่เปนไปไมได…เปนไปได!
“ตองจัดการใหเร็วที่สุด จะใหพวกนั้นมีเวลามากไปกวานี้ไมได!” เด็กหนุมชุดแดง
ตัดสินใจบางอยาง ตะขาบสีเลือดที่เขายิ่งดุรายขึ้นเรื่อยๆ การตอสูกับฝามือหลัว
ยิ่งรุนแรงขึ้นทำใหความวางเปลาสั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศไมหยุด และยังสง
ผลกระทบต อ จั ก รพิ ภ พเต า ใจกลางโลกศิ ล าด ว ย มั น ทำให ก ฎและข อ บั ง คั บ ใน
จักรพิภพเตาเกิดความปนปวน
ภายในดาวอังคารหวังเปาเลอถอนสายตาจากการเพงมองไปยังจักรวาลและ
ขมกลั้นจิตสังหารในดวงตา สีหนาเขาดูสงบนิ่ง เมล็ดพันธุเตาธาตุดินที่เปลงแสงสอง
ประกายอยูตรงหนาผสานเขากับรางของเขา
พลังแหงเตาธาตุดินแผซานไปทั่วทั้งรางหวังเปาเลอ แมเตาธาตุดินกับเตาธาตุไม
และเตาธาตุน้ำของหวังเปาเลอจะไมมีความสัมพันธกัน
แตดาวเคราะหเตาของหวังเปาเลอสามารถสรางหมื่นวิถีได เมื่อหมุนเวียนเพียง
เล็กนอยจนเกิดเปนเตาธาตุไฟแลว ทันใดนั้นพลังปราณในรางกายเขาก็ปะทุขึ้น
น้ำกอกำเนิดไม ไมกอกำเนิดไฟ ไฟกอกำเนิดดิน!
สามจริงหนึ่งมายา นี่คือสี่ธาตุสี่เตา!
“เตาแปดปรมัตถสำเร็จไปสาม…” หวังเปาเลอหรี่ตา เขายังขาดเตาธาตุทองกับ
เตาธาตุไฟ และเขาก็คิดไวเรียบรอยแลว
เต า ธาตุ ท องนั ้ น ต อ งได พ บกั บ สิ ่ ง ที ่ น ำพาไปสู เ ต า ที ่ เ หมาะสม หวั ง เป า เล อ
จะเลือกกระบี่สำริดโบราณ แตเมื่อเทียบกับสิ่งที่นำพาไปสูเตาทั้งสามของตนแลว
แมกระบี่สำริดโบราณจะมีคาที่สุดในจักรวาล แตก็ยังไมพอ
สวนเตาธาตุไ ฟนั้น เปลวไฟสี ดำคื อทางหนึ ่ ง เปลวไฟแห ง คำสาปที ่ อ าจารย
เพลิงกัลปเคยสอนก็คืออีกทางหนึ่ง แตไมวาอยางไรก็ยังนำพาไปสูเตาไดไมสมบูรณ
หากมีเวลามากพอ บางทีหวังเปาเลออาจจะเลือกทางอื่น แตสถานการณตอนนี้
มีเวลานอยนัก ดังนั้นหวังเปาเลอจึงเตรียมใจไวแลว เขาจะใชกระบี่สำริดโบราณ
หรือไมก็เปลวไฟแหงคำสาปเพื่อรวมธาตุทั้งหา
“แตกอนจะทำ ขายังจำเปนตองไป…สำนักดาราจันทรกอน!” ดวงตาหวังเปาเลอ
เผยแสงล้ำลึก
“ปรมาจารยขอเชิญ เจาในวัน ที ่ สิ บเก าเดื อนเจ็ ดในอี กหกสิ บแปดป ข างหนา
บนหนาผาของสำนักดาราจันทร เจอกัน!” คำพูดของหลี่หวานเออรในตอนนั้นผุดขึ้น
ในหัวหวังเปาเลอ
ตอนนี้เหลืออีกเจ็ดวันก็จะถึงเวลาที่ตกลงกันไว
เมื ่ อ หวนนึ ก ถึ ง ความทรงจำเมื ่ อ 68 ป ก อ น หวั ง เป า เล อ ก็ ถ อนหายใจ
การเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญเกินไป ตัวเขาในตอนนั้นแมจะพลังตอสูแข็งแกรงแลว แตก็ยัง
ไมใชระดับสูงสุด
ตอนนั้น…อาจารยยังอยู ศิษยพี่ก็ยังอยู
ตอนนั้น…เขาไมรูวาทำไมอีกฝายถึงนัดใหไปที่นั่นและทำไมเวลาที่นัดกันไว
ถึงชางละเอียดและแปลกประหลาดนัก
ตอนนั้น…เขาไมรูตัวตนของอีกฝายและยิ่งไมรูวาอีก 68 ปตอมา โลกศิลาจะเกิด
อะไรขึ้นบาง
แตตอนนี้…พลังตอสูของเขามาถึงจุดสูงสุดของโลกศิลาแลว แตอาจารยไมอยูแลว
ศิษยพี่ก็ดวย
และเขาก็รูแลววาเหตุไดเวลานัดหมายของอีกฝายถึงไดเจาะจงเชนนี้ ดูทา…
ปรมาจารยดาราจันทรผูนี้คงจะมีพลังเทพอันนาอัศจรรยถึงมองเห็นอนาคตได
อีกทั้งในใจเขายังพอจะคาดเดาตัวตนของอีกฝายไดเกือบทั้งหมดแลว
หวังเปาเลอถอนหายใจเบาๆ ทามกลางความเงียบงัน กอนจะปดตาลง ปลอยให
เวลาเจ็ดวันผานไปดวยการทำสมาธิ จนกระทั่งวันที่เจ็ดมาถึง รางธรรมกายที่อยู
นอกระบบสุริยะก็ผุดลุกขึ้น กาวเพียงกาวเดียวก็มาถึงจักรพิภพสำนักเสริม
เมื่อเขามาในสำนักเสริม หวังเปาเลอก็กาวเดินอีกหนึ่งกาว คราวนี้…เขามาปรากฏ
ตั ว อยู ใ นพื ้ น ที ่ ท ี ่ ม องไม เ หมื อ นกั น ด ว ยตาเปล า แม แ ต ด วงจิ ต เทพของผู ฝ ก ตน
ระดับจักรวาลก็ยังตรวจไมพบ เขามองดูจักรวาลอันวางเปลาตรงหนาและเห็นราง
คุนตาสองรางที่ดูเหมือนจะยืนอยูตรงนั้นนานแลวและกำลังโคงคำนับใหเขา
“ศิษยสำนักดาราจันทร หลี่หวานเออร ทำความเคารพเจาแหงเตา ศิษยมา
ตอนรับเจาแหงเตาเขาสูสำนักดาราจันทรตามคำสั่งของปรมาจารยขอรับ”
“ศิษยสำนักดาราจันทร จั่วอี้ฟาน ทำความเคารพ…เจาแหงเตา”
“อี้ฟาน…” หวังเปาเลอกวาดตามองทั้งสองคนแลวหยุดอยูที่จั่วอี้ฟาน ใบหนา
คอยๆ เผยรอยยิ้มที่ไมไดเห็นมานานขึ้น
ความทรงจำในอดีตคอยๆ ผุดขึ้นมา จากนั้นไมนานหวังเปาเลอก็เดินเขาไป
กอดจั่วอี้ฟาน จั่วอี้ฟานเองก็สวมกอดหวังเปาเลอแรงๆ ดวยความตื่นเตน
สองพี่นองไดกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากหางหายกันไปนาน
หลี่หวานเออรยืนยิ้มอยูดานขาง ไมไดเขาไปรบกวน จนกระทั่งเห็นทั้งสองรำลึก
ความหลังกันแลวจึงเอยขึ้นเบาๆ
“เปาเลอ ปรมาจารยรอเจาอยู”
หวังเปาเลอหันไปมองหลี่หวานเออรดวยแววตาซับซอน กอนจะเขาไปกอดเขา
อีกคน เมื่อคลายออมกอดอารมณของเขาจึงกลับมาเปนปกติ และเดินตามจั่วอี้ฟาน
กับหลี่หวานเออรไปยังจักรวาลอันวางเปลาตรงหนา เมื่อเหยียบกาวแรก จักรวาล
ก็เปลี่ยนไป ดวงดาวสีฟาขนาดมหาปรากฏแกสายตาหวังเปาเลอ
อันที่จริงหากเขาไมอยากไปตามทาง เพียงแคโบกมือก็สามารถยกทุกสิ่งที่ปกคลุม
สถานที ่ แ ห ง นี ้ อ อกไปได แ ล ว แต เ ขาไม ไ ด ท ำเช น นั ้ น ในฐานะแขกผู ม าเยื อ น
เขากาวตามหลี่หวายเออรกับจวอี้ฟานเปนกาวที่สองก็มาปรากฏตัวอยูกลางทองฟา
ภายในดวงดาวสีฟา
พื ้ น ดิ น เขี ย วขจี มองเห็ น ภู เ ขา แม น ้ ำ ทะเลอั น กว า งใหญ ต ลอดจนอาคาร
สิ่งปลูกสรางตางๆ
“ยินดีตอนรับสูสำนักดาราจันทร” หลี่หวานเออรเอยเสียงเบา
หวังเปาเลอพยักหนาเล็กนอยกอนจะกวาดตามองรอบๆ และไปหยุดอยูบนยอดเขา
ที่ตรงนั้น เขามองเห็นรางหนึ่งกำลังนั่งหันหลังใหเขา
จุดที่รางนั้นนั่งอยูเปนหนาผา มีน้ำตกไหลอยูดานหนา เสียงน้ำไหลซูราวกับ
มีกระแสเตาแผซานไปทั่วบริเวณ หวังเปาเลอกาวเปนครั้งที่สามก็มาปรากฏตัว…
ขางกายคนคนนั้น
“เจามาแลว” แผนหลังนี้เผยใหเห็นความแปรผันของชีวิต แตน้ำเสียงกลับดัง
กังวานเหมือนกับจะผาเมฆหมอกเปนชิ้นๆ ขณะที่เอยออกมา เขาก็คอยๆ หันหนามา
สิ่งที่ปรากฏแกสายตาหวังเปาเลอคือใบหนาแกชราที่ไมคุนเคย
“ขาแซสวี่ นามลี่กั๋ว…ผูปกปองเตาใหนายนอยตระกูลเรา”
……
บทที่ 1270 ความจริง
“เจาคือเสือนอย?” หวังเปาเลอเอยชาๆ แลวจองมองชายชราตรงหนา
“ทั้งใชและไมใช” ปรมาจารยสำนักดาราจันทรเอยตอบเสียงแหบแหง
“ขาอยูกับนายทานมาหลายป เคยเปนปศาจ เคยเปนวิญญาณดาบ ผานยุคสมัย
มานับไมถวน ขามผานมาทั้งทางชางเผือก และยินยอมดับสูญไปในทายที่สุดรวมตัว
เปนดวงจิตเทพอมตะแลวเขามายังโลกนี้พรอมกับนายนอยเพื่อปกปองเขา”
“พู ดถึง เรื่องนี้ เมื่อหลายปกอนบนดวงดาวที ่เจ าอยู ข าเคยพบเจ าครั้งหนึ่ง
หุนตัวหนึ่งของเจาผานการดลบันดาลทำใหมันแปลกไป ดูทาหลายปมานี้มันนาจะเคย
ชวยเจาไดในระดับหนึ่ง”
“หลายปกอน?” หวังเปาเลอพึมพำในลำคอ จากนั้นไมนานก็ยกมือขวาขึ้นโบก
ทันใดนั้นหุนเชิดตัวหนึ่งก็ลอยออกมาจากกระเปาคลังเก็บ หุนเชิดตัวนี้…หวังเปาเลอ
ไมไดใชมันมาหลายปแลว มันคือหุนเชิดตัวแรกที่เขาทำขึ้น หลังจากนั้นรางกายของ
มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
“เปนหุนตัวนี้” ปรมาจารยดาราจันทรยิ้มเล็กนอย
เขามองหุ น เชิ ด แล ว หั น ไปมองปรมาจารย ด าราจั น ทร สี ห น า หวั ง เป า เล อ
แปลกประหลาดอย า งห า มไม ไ ด เ พราะเขานึ ก ขึ ้ น ได ว า หุ น เชิ ด ตั ว นี ้ … ราวกั บ ใน
ความแปลกประหลาดของมันมีความชั่วรายบางอยางที่อธิบายไมได ที่ผานมาคูตอสู
ที่เขาไปของเกี่ยวกับมันลวนนาสังเวชยิ่งนัก ความชั่วรายนั้นแมจะไมสอดคลองกับ
ภาพลักษณตรงหนา แตภาพปรมาจารยดาราจันทรที่ยังสงางามราวกับเปนอมตะ
ก็ดูไมเขากันเชนกัน
หวังเปาเลอกาวถอยหลังอยางไมทราบสาเหตุ เมื่อจองมองสายตาของปรมาจารย
ดาราจันทรก็ยิ่งเครงขรึมมากขึ้นไปอีก
“สหายเตาไมจำเปนตองกลัว กอนที่ขาจะดับสูญก็มีพลังพอจะตอสูกับเจาได
ตอนนี้ดวงจิตเทพไดกลับมาเกิดใหม แมจะเปนขั้นที่สามแลวก็ยังไมถือวาเปนคูตอสู
ของเจาไดหรอก” ปรมาจารยดาราจันทรเอยเสียงเบาและโบกมือ เบาะสานจากใบกก
สองเบาะก็ปรากฏขึ้นและวางลงที่เทาหวังเปาเลอ
“เชิญนั่ง”
หวังหวังเปามองเบาะสานอยางระแวง หลังจากใชดวงจิตเทพตรวจสอบจนแนใจ
แลวจึงนั่งลง ในหัวคิดไปตางๆ นานาถึงเหตุผลในการนัดหมายครั้งนี้
ขอตกลงเมื่อ 68 ปกอนคือการมาพบกันที่หนาผาในวันนี้ ตอนที่มาถึงหวังเปาเลอ
คิดวาตนคาดเดาตัวตนของอีกฝายไดแลว แตตอนนี้เขารูแลววาการคาดเดาของเขา
มีทั้งถูกและผิด
เขาเดาวาปรมาจารยของสำนักดาราจันทรคงจะเปนเสือนอยในตอนนั้น
แตเขาคิดไมถึงสานอกจากเสือนอยแลวยังมีอี กตัวตนหนึ่งซอนอยู ดังนั้น…
ขอตกลง 68 ปนี้แทนที่จะพูดวานัดหมายกับเขา เรียกวาเปนการเชิญหวังอีอีมาพบ…
เพราะ…นายทานคือใคร หวังเปาเลอพอจะเดาไดวาตองเปนพอของหวังอีอีแน
สวนที่เรียกวานายนอยรวมถึงหวังอีอีที่โผลออกมาจากหนากากในอกหวังเปาเลอใน
ขณะนี้ก็ยิ่งทำใหหวังเปาเลอเขาใจวาขอสันนิษฐานของเขาถูกตอง
“ทานลุงสวี่…” หวังอีอีพูดเสียงเบาพลางโคงคำนับปรมาจารยสำนักดาราจันทร
ตรงหนา
ปรมาจารยส ำนั ก ดาราจั นทรเ ผยรอยยิ ้ ม เล็ กๆ และจ อ งมองหวั ง อี อ ี อ ยู น าน
รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งออนโยน กอนจะเอยเบาๆ
“อีอี ถึงเวลาแลว”
หวังอีอีอาปากเหมือนอยากพูดอะไรบางอยาง แตสุดทายก็เงียบไป
เมื่อเห็นเชนนี้จิตใจหวังเปาเลอก็เริ่มปน ปวน ขณะเดียวกันปรมาจารยดาราจันทร
ก็ละสายตาจากหวังอีอีมายังหวังเปาเลอ กอนจะผุดลุกขึ้นโคงคำนับใหหวังเปาเลอ
“ขอบคุณสหายเตาที่ปกปองนายนอยของเรา”
“ไมจำเปนตองขอบคุณ” หวังเปาเลอตอบเสียงแผว สายตาที่มองหวังอีอีออนโยนมาก
อาจกลาวไดวา…อีกฝายคือเพื่อนที่ติดตามเขามาทั้งชีวิตอยางแทจริง
ตั้งแตแรกพบจนถึงตอนนี้
“ผูอาวุโสนัดใหมาพบกันในวันนี้ ไมทราบวามีเรื่องใด” หวังเปาเลอสูดหายใจเขาลึกๆ
แลวถามดวยน้ำเสียงจริงจัง เขาอยากรูจริงๆ วาการนัดหมาย 68 ปนี้จะมีอะไรซอนอยู
กันแน
สีหนาปรมาจารยดาราจันทรเรียบนิ่งและยังคงกำมือโคงคำนับเชนเดิม
“ขาแซสวี่นัดสหายเตาใหมาพบในครั้งนี้มีดวยกันสามเรื่อง”
“หนึ่ง เพื่อตอนรับการกลับมาของนายนอยของเรา ทำใหดวงวิญญาณเทพของ
นายน อ ยสมบู ร ณ แ ละฟ น คื น ชี พ …เตรี ย มการสำหรั บ การฟ น คื น ชี พ ขั ้ น สุ ด ท าย”
ปรมาจารยด าราจัน ทรพ ูด พลางโบกมือ ขวา ทั น ใดนั ้น ความว า งเปล า ก็บ ิ ด เบี ้ ย ว
กอนที่เศษชิ้นสวนของแสงจะปรากฏขึ ้ น ส องสว างไปทั ่ วทุกสารทิ ศ ท องฟาเอง
ก็สองสวางจนทำใหที่แหงนี้กลายเปนทะเลแสง
และที่มาของทะเลแสงนี้ก็คือเศษชิ้นสวนเหลานั้น ชิ้นสวนเหลานั้นมารวมตัวอยู
ตรงกลางระหวางปรมาจารยดาราจันทรกับหวังเปาเลออยางรวดเร็ว และกอตัวเปน…
หนากาก!
เมื่อเห็นหนากากปรากฏขึ้น หวังเปาเลอก็หายใจถี่ขึ้นเล็กนอยแลวหยิบหนากาก
ออกมาจากอกของตน มันสองแสงสวางจาแทบจะในทันทีที่หยิบออกมา ขณะที่
แสงพรางพรายถึงขีดสุด หนากากที่ไมสมบูรณทั้งสองก็ราวกับถูกดึงดูดเขาหากันชาๆ
ดวยแรงที่มองไมเห็น จนกระทั่งผสานเปนหนึ่งเดียว…
หนากากสมบูรณ!!
ไมมีรอยแตกหักใดอีก อีกทั้งยังมีพลังปราณอันนาทึ่งแผซานออกมาจากมัน
พลังปราณนี้มาพรอมกับความศักดิ์สิทธิ์ราวกับไมอาจลวงเกินได สามารถสยบได
ทั่วทุกสารทิศทำใหจักรวาลที่สำนักดาราจันทรตั้งอยูเกิดแรงสั่นสะเทือน จนกระทั่ง
สั่นสะเทือนไปทั้งจักรพิภพสำนักเสริม
“หนากากนี้คือสิ่งที่นายทานทำขึ้นเองกับมือ ตอนแรกที่ทำมันขึ้นมาก็ดูเหมือนจะ
สมบูรณดี ความจริงแลวมันมีรอยแตกราวอยูตั้งแตแรก เปนเศษชิ้นสวนเล็กๆ ทั้งหมด
17 ชิ้น แตละชิ้นลวนบรรจุเศษวิญญาณของนายนอยไวทำใหเศษวิญญาณของเขา
มีชีวิตตอไปไดอยูขางใน และทันทีที่…หนากากนี้สมบูรณอยางแทจริง ไมมีรอยราว
ใดอีก เศษวิญญาณทั้งหมดของนายนอยก็จะผสานกันและ…ฟนคืนชีพ!”
“แตการจะทำใหมันสมบูรณนั้นตองใชเคล็ดวิชาเฉพาะซึ่งจำเปนตองใชตัวยาหลัก
นั่นก็คือ…กระดูกเซียน!”
“มีเพียงเซียนที่สมบูรณเทานั้นที่สามารถสรางกระดูกเซียนในรางกายได”
“ดังนั้นเรื่องที่สองที่ขานัดสหายเตามาก็คือหวังวาสหายเตา…จะไดรับวิชาสืบทอด
แหงเซียนทั้งหมดและกลายเปนเซียนที่แทจริงโดยเร็วที่สุด”
“กอนหนานี้นายนอยติดตามอยูขางกายขา ใชดวงจิตเทพของขารักษาความ
สมบูรณของหนากากเพื่อรอคอยความสำเร็จของเจา”
หวังเปาเลอฟงถึงตรงนี้ก็ดูปกติดี แตลึกลงไปในดวงตาของเขากลับมีแสงแหง
ความซับซอน เขาไมใชคนโง ตรงกันขาม…คนที่ผานเรื่องราวมามากมายอยางเขาได
ฝกฝนจิตใจจนเฉียบคมและสามารถตรวจจับบางอยางที่ซอนอยูในคำพูดนั้นได
เขาไมรูวาอีกฝายซอนอะไรไวและไมอยากเคนถามดวย เวลานี้เปลือกตาของเคา
ตกลงเล็กนอยเพื่อปกปดความซับซอนในดวงตาไวซึ่งการกระทำเหลานี้แมปรมาจารย
ดาราจันทรจะเปนคนที่มีจิตใจเฉียบคมเหมือนกันก็ยังไมสังเกตุเห็นแมแตนอยและ
ยังคงพูดตอไป
“สวนเรื่องที่สามคือรางวัล…” ปรมาจารยดาราจันทรพูดถึงตรงนี้ หวังอีอีที่อยู
ดานขางก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“ทานลุงสวี่ อยาโกหกเขา”
ปรมาจารยดาราจันทรชะงักกอนจะมองหวังอีอี
“ขาไมอยากโกหกเขา ทานลุงสวี่…บอกความจริงเขาเถอะ” หวังอีอีเอยเสียงแผวเบา
หากฟงดีๆ จะไดยินวาเสียงของนางสั่นไหว เมื่อพูดเชนนี้ออกไปแลวนางก็ดูเหมือนจะ
ไมกลามองหวังเปาเลอ นางกมหนาเดินมาหยุดระหวางปรมาจารยดาราจันทรกับ
หวังเปาเลออยางเงียบๆ กอนที่หนากากที่ลอยอยูจะเขาไปใกลแลวนางก็ผสานราง
เขาไป
แผนหลังของนางดูขี้ขลาด โดดเดี่ยว และอยากหนีไปอยูลึกๆ เมื่อผสานเขาไป
แลวก็หายไปชาๆ…
ราวกับวานางไมอยากเผชิญกับเรื่องตอจากนี้
หวังเปาเลอเงยหนาขึ้น เปลือกตาที่ตกลงคอยๆ เบิกขึ้นอีกครั้ง เขามองหนากาก
แลวถอนหายใจเบาๆ
“แคกระดูกเซียนอยางเดียวยังไมสามารถผสานรอยราวหนากากไดใชหรือไม”
ไมมีเสียงใดในหนากาก ตอนนี้ปรมาจารยดาราจันทรก็เงียบไปเชนกัน เขามอง
หนากากแลวมองหวังเปาเลอ ริ้วรอยบนใบหนาชัดเจนมากขึ้นอยางเห็นไดชัด
“ตองใชชะตากรรมของเจาดวย” ปรมาจารยดาราจันทรเอยเสียงทุมลึกหลังจาก
เงียบไปไมนาน
บทที่ 1271 อดีตสุดขั้ว อนาคตสุดขั้ว ไรพันธนาการสุดขั้ว
หลั ง จากปรมาจารย ด าราจั น ทร พ ู ด ประโยคนั ้ น ออกไป หวั ง เป า เล อ ก็ เ งี ย บ
หนากากที่ลอยอยูกลางอากาศสั่นไหวเล็กนอย ขางในหนากาก สถานที่ซึ่งหวังเปาเลอ
มองไมเห็น แมนางนอยกำลังนั่งกอดเขาอยูที่มุมหนึ่ง ใบหนากมต่ำจนมองไมเห็น
อารมณของนาง แตเห็นไดวานางกำลังตัวสั่น
“ชะตากรรมหรือ…” หวังเปาเลอพึมพำ ไมวาจะเปนภารกิจในฐานะบุตรแหง
ความมืดหรือในการตอสูครั้งกอน เขาก็ ไ ด รู จั กชะตาของปรมาจารย ตระกูลเซี่ย
ทำใหคำวา ‘ชะตากรรม’ ไมใชคำแปลกใหมอะไร
สิ่งที่เรียกวาชะตากรรมคืออดีตของคนคนหนึ่งและคืออนาคตของคนคนหนึ่ง
หากเปรียบชีวิตคนเราเปนเสนตรง เสนตรงนี้…ก็คือชะตากรรม
ตอนที่เขาเปนบุตรแหงความมืด หวังเปาเลอเคยไดกำหนดชะตากรรมใหคนอื่น
เขาจึงรูดีวา…คนที่สูญเสียชะตากรรมไปก็เทากับหัวและหางของเสนตรงนี้ก็หายไป
เหลือเพียงจุดเดียว
สวนหัวที่หายไปคืออดีต
สวนหางที่หายไปคือ อนาคต
เขายิ่งเขาใจดีวา…หากคิดจะเอาชะตากรรมในอดีตของคนคนหนึ่งก็ตองตามติด
อยูขางกายคนคนนั้นตลอดเวลาและเปนประจักษพยานแกทุกอยางในอดีตของเขา
“เปนแบบนี้นี่เอง” หวังเปาเลอเอยเสียงเบา หวนนึกถึงอดีตชาติมากมายของตน
นึกถึงทุกชีวิตในโลกนี้ จูๆ เขาก็ยิ้มแลวมองปรมาจารยดาราจันทร
“ยังมีอีกไหม”
ปรมาจารยดาราจันทรเงียบไปชั่วครูกอนจะสายหนาและพูดเสียงต่ำ
“มีแคนี้ ดูทาเจาจะไดมันมาจากนายทานแลว แตขารับปากกับเจาไดอยางหนึ่ง…”
“สามารถสูกับมหาเทพไดไหม” หวังเปาเลอมองปรมาจารยดาราจันทรอยางสงบนิ่ง
“ดวงจิตเทพของขาไดหวนกลับมาปกปองนายนอยจึงไมมีกำลังจะโจมตี…”
ปรมาจารยดาราจันทรถอนหายใจเบาๆ สีหนาก็ขอลุแกโทษเชนกัน
“ชางเถอะ สมบัติพิเศษของเตาธาตุไฟหรือเตาธาตุทอง เจามีไหม” หวังเปาเลอ
ไมสนใจและเอยถามเบาๆ
“มีอยูอยางหนึ่ง…” หลังจากตอบไปแบบนั้นก็ทำทาราวกับกำลังคนหา จากนั้น
ไมนานก็ยกมือขึ้นควาความวางเปลา ทันใดนั้นก็มีแทงเงินปรากฏขึ้นในมือเขา
แทงเงินนี้ขนาดเล็กมากและมีเพียงสองสามอันเทานั้นซึ่งก็ดูไมไดมีอะไรพิเศษ
และดู ธ รรมดามาก แต ห ากใช ด วงจิ ต เทพตรวจสอบก็ จ ะสั ม ผั ส ได ว า ข า งในนั้ น
มีพลังปราณอันเขมขนผันผวนอยู
“สิ่งนี้คือสมบัติที่ขาแอบแลกเปลี่ยนกับครอบครัวตระกูลโจวในตอนนั้น ใหเจา
แลวกัน” ปรมาจารยดาราจันทรแอบถอนใจ เขารูดีวาหวังเปาเลอที่รูความจริงแลว
ยอมจิตใจไมสงบ แตนายนอยก็ยืนกรานจะไมปดบังเขา
นั่นยิ่งทำใหเขาขอโทษจากกนบึ้งหัวใจ
เขาโบกมือกอนที่แทงเงินเหลานั้นจะลอยไปหาหวังเปาเลอ หลังจากหวังเปาเลอ
ความันไวแลวก็เก็บลงกระเปาคลังเก็บโดยไมตรวจสอบ กอนจะผุดลุกขึ้นจากเบาะ
สานแลวโคงคำนับใหปรมาจารยดาราจันทร
“ขอบคุณผูอาวุโสที่ดลบันดาลหุนเชิดในตอนนั้น และขอบคุณผูอาวุโสที่ดูแล
หลี่หวานเออรกับจั่วอี้ฟาน”
พูดจบหวังเปาเลอก็โคงคำนับใหอีกครั้ง เมื่อเขาลุกขึ้นก็หันไปมองหนากากที่
ลอยอยูในอากาศดวยแววตาล้ำลึก กอนจะหันหลังเดินจากไป
ขารูแลววาเหตุใดเจาถึงมาปรากฏตัวในอดีตชาติของขา
ขารูแลววาเหตุใดในโลกพวกนั้นถึงมีเงาของเจาอยูเสมอ
ขารูแลววาสิ่งที่เรียกวาโชคชะตา แทจริงคือเสนทางที่กำหนดไวแลว
ข า รู แ ล ว ว า ทั ้ ง หมดนี ้ ค ื อ แนวหน า ของเส น ทางแห ง ชะตากรรม และวั น นี้
ชะตากรรมในอดีตของขาเปนของเจาแลว
แตขาไมโกรธ ไมโทษ ไมหมางเมิน
ขอบคุณที่ชวยพยุงขาขึ้นมาจากการลมตอนที่ขาเปนกวางขาว
ขอบคุณที่คอยปลอบโยนขาตอนที่ขาเปนผูฝกตนอาฆาต
ขอบคุณที่ใหเลือดขาตอนที่ขาเปนดาบปศาจ
ขอบคุณที่จองมองขาหลังจากขากลายเปนผีดิบ
ขอบคุณสำหรับออมกอดตอนที่อาจารยขาดับสูญ
ขอบคุณ ขอบคุณที่อยูเคียงขางขาทุกครั้งในทุกๆ โลก
ชะตากรรมในอดีตเจาเอามันไปแลว ชัตากรรมในอนาคตขาก็ใหเจาได แมตอจากนี้
ขาจะไมมีอดีตและไมมีอนาคต
แต…แบบนี้ก็ดี
รอยยิ้มผุดกวางขึ้นในทุกยางกาวของหวังเปาเลอ จนกระทั่งเดินไปได 10 กาว
ความคิดในหัวก็กระจางชัด ระหวางที่กระแสเตาไหลเวียนไปทั่วทั้งราง พลังปราณ
อันนาอัศจรรยก็ระเบิดอยูบนรางของเขา
“อดีตคือเตา ดั่งความตาย!”
หวังเปาเลอพึมพำยิ้มๆ การระเบิดพลังปราณทำใหจักรวาลเหนือศีรษะเขาเกิด
ความปนปวนอยางนาตกใจจนเกิดเปนแมน้ำสายยาวออกมาอยางไมคาดคิด
แม น ้ ำ สายนี ้ ไ หลเชี ่ ย วกรากอย า งไร ข อบเขตราวกั บ สามารถครอบคลุ ม ได
ทั้งจักรวาล สวนปลายเชื่อมกับหวังเปาเลอ สวนที่มาของมัน…ไมไดอยูในโลกศิลา
แต…ทะลวงมาจากขางนอกโลกศิลา
ขางในแมน้ำสายนี้มีกฎซึ่งเกี่ยวของกับเวลา แตตางกันที่สิ่งที่อยูในนั้นมีเพียงอดีต
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับหวังเปาเลอ!
นี่เปนกฎใหม ไมใชเวลา ไมใชความตาย แตเปนเตาที่เกิดจากการหลอมรวมกัน
ซึ่งเปนของเขาแตเพียงผูเดียว!
เตานี้บรรจุอดีตของหวังเปาเลอ ในอนาคตหากมีผูฝกตนบังเอิญไดรับรูเตานี้
การพั ฒ นาระดั บ การฝ ก ฝนจะขึ ้ น อยู ก ั บ ว า จะเดิ น ไปบนเส น ทางแห ง อดี ต ของ
หวังเปาเลอนี้ไปไดไกลแคไหน
เพราะ…กฎนี้ เตานี้ถูกสรางขึ้นจากอดีตของหวังเปาเลอ
แทบจะในพริบตาที่มันปรากฏขึ้นที่ขางหนาผาดานหลังเขา ปรมาจารยดาราจันทรที่มี
สีหนาซับซอนก็เงยหนาขึ้น แววตาตื่นตกใจ
“กฎใหมถือกำเนิด? เตาแจงเห็นความจริง?!”
ไมใชแคเขาที่ตื่นตกใจ เด็กหนุมชุดแดงที่กำลังตอสูกับฝามือหลัวอยูตรงปลายสุด
ของความวางเปลาก็ยังมีสีหนาตื่นตระหนกแลวเงยหนามองทันที เห็นแมน้ำอัน
กวางใหญแผขยายมาจากดานนอกความวางเปลา พาดผานความวางเปลาไหลไปยัง
จักรวาลที่อยูใจกลางโลกศิลา
“นี่มัน…” เด็กหนุมชุดแดงแทบคลั่ง ที่ดานนอกโลกศิลา รางที่นั่งขัดสมาธิอยูบน
เรือเดียวดายก็คอยๆ เงยหนาขึ้นมาสีหนาไรอารมณตลอดมาก็เริ่มขยับ
แตทุกอยางยังไมจบสิ้น วินาทีตอมาเมื่อหวังเปาเลอกาวไปขางหนาอีกครั้งและ
พึมพำขึ้นมาอีกครั้ง แมน้ำแหงกฎอีกสายหนึ่งก็คำรามออกมา
“อนาคตคือเตา ดั่งความเปน!”
แมน้ำมายาที่ปรากฏขึ้นใหมนี้ก็เกี่ยวของกับเวลาเชนกันและมีบางอยางแตกตาง
ออกไปเช น กั น คลื ่ น ภายในไร ท ี ่ ส ิ ้ น สุ ด และเป น ตั ว แทนของอนาคต คาดเดา
การเปลี่ยนแปลงไมได ขณะเดียวกั นที่ มาของมั นนั ้น มาจากร างของหวั งเป าเลอ
ไมมีใครรูวาจุดสิ้นสุดอยูที่ใด
และเปนเตาที่เปนของเขาเพียงคนเดียวเชนกัน อนาคตของเขา!
ขณะนี ้ แ ม น ้ ำ มายาสองสายต า งคำรามสะท า นฟา สายหนึ ่ ง มาจากด า นนอก
ทะลวงเขาสูโลกศิลา มันไรที่มา มีเพียงจุดสิ้นสุดที่เชื่อมโยงกับหวังเปาเลอ สวนอีก
สายหนึ่งมีจุดสิ้นสุดที่ทะลวงออกไปดานนอกโลกศิลา ไมมีใครมองเห็นวาจุดสิ้นสุด
อยูที่ใด มีเพียงจุดเริ่มตนที่ผสานอยูบนรางหวังเปาเลอ
หากมองจากระยะไกลแมน้ำสองสายที่ทอดยาวไปทั่วทั้งโลกศิลานี้ก็ดูเหมือนเปน
สายเดียวกัน สิ่งที่เชื่อมโยงพวกมัน…คือหวังเปาเลอ
"ตอนที่ขารูแจงถึงเตาแหงความมืดก็ไดละทิ้งโครงรางของชะตากรรมไปหลังจาก
ทุกชีวิตกลับมาเกิดใหม ปลอยใหทุกคนควบคุมชะตากรรมของตัวเองและไลตาม
วิธีแหงอิสรภาพของตน
วันนี้…ก็เปนไปตามวิถีของขาเชนกัน
จงเปนคนที่ไรพันธนาการ ไมมีอดีต ไมมีอนาคต และมีชีวิตอยูในปจจุบันเทานั้น"
หวังเปาเลอยิ้มอยางเปนอิสระ กอนจะโบกมือ แมน้ำมายาสายที่สามก็ไหลมาทันใด
แมน้ำสายนี้มีเขาเปนจุดเริ่มตนและมีเขาเปนจุดสิ้นสุด นั่นคืออิสระ นั่นคือ…
“ไรพันธนาการ!!!” ปรมาจารยดาราจันทรพึมพำ
“ไรพันธนาการ!!” เด็กหนุมชุดแดงสีหนาบิดเบี้ยว
“ไรพันธนาการ!” รางบนเรือเดียวดายดานนอกโลกศิลาเอยเสียงแผวเบา
“ไรพันธนาการ…” แมนางนอยที่กำลังกอดเขากมหนาอยูในหนากากเงยหนาขึ้น
และยิ้มออกมา
“เตาแจง เตาฝามือ เตาสองขั้นก็ไรพันธนาการ!” หวังเปาเลอสะบัดแขนเสื้อ
กอนจะกาวไปในจักรวาล ระดับการฝกตนพลันระเบิด…เตาแจง!
บทที่ 1272 เซียนไรพันธนาการ
เตาแจงเห็นความจริงเรียกวาไรพันธนาการได!
ก็เหมือนกับอิสระคือรางกาย เสรีคือวิญญาณ รางกายและวิญญาณเปนอิสรเสรี
ก็คือไรพันธนาการ!
สวนเซียน…ก็ไรพันธนาการเชนกัน!
สำหรั บ หวั ง เป า เล อ อดี ต ไม อ าจเปลี ่ ย นแปลงได อนาคตไม อ าจคาดเดาได
ในเมื่อเปนเชนนี้…ก็อยากังวลอะไรกับมันเลย!
เป น เพราะจิ ต ใจปล อ ยวางได จ ึ ง ทำให เ ขารู แ จ ง ยิ ่ ง ขึ ้ น แปลงอดี ต เป น กฎ
แปลงอนาคตเปนขอบังคับ ทำใหมันดำรงอยูระหวางสวรรคและโลกเปนรากฐานแหง
เตาของตนและเปนชะตากรรมที่จำเปนสำหรับการฟนคืนชีพของหวังอีอี
ชะตากรรมนั้นขามอบใหเจาได
ดวยความเต็มใจ!
ขาขอเพียงนับจากนี้ไป คนที่จะเดินขามผานจักรวาลคนนั้นไมตองการอดีต
ไมแสวงหาอนาคต อยูกับปจจุบันในสายตาเจากับขาและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเทานั้น
ความคิดของหวังเปาเลอแจมชัดขึ ้นเรื่อ ยๆ เสนผมยาวพริ้ วไหว กระแสเต า
ไหลเวี ย นไปทั ่ ว ร า งกาย ก อ นจะแผ ข ยายไปทั ่ ว ทุ ก สารทิ ศ ขณะเดี ย วกั น ระดั บ
การฝกตนของเขาก็กาวกระโดดอยางรวดเร็วเนื่องจากการรูแจงดังกลาว จากระดับ
จักรพิภพชั้นกลางทะลวงไปสูระดับจักรพิภพชั้นปลายและยังกาวตอไป
สำหรับผูเยี่ยมยุทธที่ฝกตนมาจนถึงระดับเขานั้นการทะลวงระดับการฝกตนไมใช
การสะสมพลังของตนอีกตอไป แตเปนการเขาใจโลก เขาใจจักรวาล เขาใจกฎเกณฑ
และเขาใจตัวเอง
การบรรลุธรรมแหงเตา ทันทีที่ทำไดก็จะไดรับเตา!
และหวังเปาเลอในตอนนี้ก็กำลัง…ไดรับเตา!
อดีตที่หายไป อนาคตที่ถูกละทิ้งกลายเปนเตาของเขา และสองสวางแกจิตใจเขา
ทำใหเขามองเห็นเสนทางของตนและเสริมสรางจิตใจใหเขมแข็ง
ขณะกาวไปขางหนา กระแสเตาบนรางของเขาก็ยิ่งเขมขนขึ้นเรื่อยๆ สัญญาณ
ของการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพก็เริ่มปรากฏใหเห็นราวกับจะกาวจากกระแสเตาเปน
พลังปราณที่พิเศษยิ่งขึ้น
ปรมาจารยดาราจันทรที่ไดเห็นการเปลี่ยนแปลงของหวังเปาเลอกับตากำลัง
ตื่นตะลึงถึงขีดสุด เขาไมเคยเห็นเซียนมากอน แตในชีวิตนี้ก็เคยสัมผัสไดถึงสองครั้ง
ครั้งแรก…จากนายทานของเขาหรือพอของหวังอีอีนั่นเอง นั่นคือครึ่งเทพครึ่งเซียน
บนรางของเขามีกระแสประเภทเดียวกันนี้ครึ่งหนึ่ง
อีกครั้งหนึ่ง…เปนอีกคนหนึ่งที่เดินบนเสนทางแหงเซียนอยางชัดเจน แตกลับ
กาวเขาสูเสนทางของปศาจ
“นี่…คือเซียนหรือ!” ปรมาจารยดาราจันทรพึมพำ
“นี่คือเซียนไหมนะหรือ” คนที่ตอบเขาคือหวังเปาเลอที่กำลังกาวไปขางหนา
เสนผมปลิวไสวและกระแสเตาทั่วทั้งรางกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่ตอบ เทาที่กำลังยกขึ้นก็หยุดชะงั กลง เขายืนหลังหลังใหปรมาจารย
ดาราจันทรอยูตรงนั้น
“ไมคือรากฐานเตา”
“น้ำคือแหลงกำเนิดเตา”
“ทองคือปดทางหนีเตา”
“ดินคือสยบเตา”
“ไฟคือ…ทำลายลางเตา”
“หาธาตุเปนรากฐาน รูแจงอดีตและอนาคต กลายเปนเตาใหม…”
“และทั้งหมดนี้…เพียงเพื่อ…ปลดพันธนาการ!” หวังเปาเลอยิ้มนอยๆ ขณะที่พูด
กอนจะกาวเพียงกาวเดียว รางของเขาก็กาวเขาสูจักรวาล กระแสเตาพลันเสร็จสิ้น
การเปลี่ยนแปลงในวินาทีนั้นและกลายเปน…กระแสเซียน!
และในขณะที่กระแสเซียนนี้แผขยายออกไป ดานหลังหวังเปาเลอก็ปรากฏ…ไมสีดำ!
พลังปราณของไมสีดำคอยๆ เขมขนขึ้นราวกับผสานเขากับกระแสเซียนและ
คอยๆ เปนหนึ่งเดียวกัน
และทันทีที่กระแสนี้แผออกมา จักรวาลก็ไรสี โลกศิลาพลันสั่นสะเทือน ทุกชีวิต
ตางสมองวางเปลาไปในฉับพลัน เด็กหนุมชุดแดงที่ตอสูกับฝามือหลัวก็ตัวสั่นเทิ้ม
เปนครั้งแรก ความตื่นตระหนกอันหาไดยากยิ่งปรากฏตัวในดวงตาของเขา
ไมใชแตกระแสเซียนที่ทำใหเขาตื่นตกใจ แตเบื้องหลังกระแสเซียนนี้เก็บซอน…
พลังปราณอีกสายหนึ่งที่กำลังพุงพรวดราวกับถูกปลุกใหตื่นขึ้นมา
พลังปราณนั้น…มาจากไมสีดำ!
ขณะเดียวกันที่ดานนอกโลกศิลา รางที่อยูบนเรือเดียวดายนั้นก็กำลังเพงมองมา
เชนกัน และในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหนาของเขา ดวงตาเผยความคาดหวัง
กอนจะเอยออกมาเบาๆ
“ใกลแลว…ใกลจะถึงเวลาแลว”
ทามกลางความสั่นสะเทือนไปทุกชีวิต ในจักรวาลนอกสำนักดาราจันทร เสนผม
หวังเปาเลอกระจัดกระจาย กระแสเซียนไหลเวียนไปทั่วทั้งราง กอนที่รางของเขา
จะพราเบลอ ทุกที่ที่เขากาวผานก็เหมือนกับจักรวาลไรความเสถียร รอยแตกราว
ปรากฏขึ้นใตฝาเทาเขาราวกับโลกนี้ไมสามารถทนตอการดำรงอยูของเขาไดอีกตอไป
และกำลังสั่นไหวอยางหนัก
คนสุดทายที่ไปถึงระดับนี้ไดคือเฉินชิง
“ไมตองกลัว” หวังเปาเลอยิ้มนอยๆ แลวเอยเบาๆ คำปลอบโยนนี้ไมใชเพื่อ
สิ่งมีชีวิตใด แตเพื่อ…โลกศิลา
“ขาไมท ำรายเจา” น้ำเสียงของหวัง เป าเลออบอุ น และหลั ง จากพู ดออกไป
รอยแตกราวใตเทาของเขาก็คอยๆ หายเปนปกติ แรงสั่นสะเทือนจากทั้งโลกศิลา
ก็บรรเทาลงไมนอย แตสิ่งที่ตามมาคือรังสีแหงความไมยินยอม
ความไมยินยอมจากจักรวาลราวกับลวงรูไดสาเวลาที่หวังเปาเลอจะอยูที่นี่…กำลัง
จะหมดลงแลว
“ขาจะควบคุมพลังปราณของตัวเองไมใหไปถึงระดับที่เจารับไมได”
“จากนั้นก็รอขาจนกวาขาจะผสานเตาธาตุทอง หลอมละลายเตาธาตุไฟ…ขาจะพาเจา
ไปดวยกัน” เสียงอันนุมนวลของหวังเปาเลอทำใหแรงสั่นสะเทือนของจักรวาลคอยๆ
หายไป ความรูสึกสนิทสนมแผเขามาจากทั่วทุกสารทิศ โอบลอมรอบตัวหวังเปาเลอ
จนกลายเปนชะตาและหอหุมตัวเขาไว
นี่คือชะตาของทั้งโลกศิลา ขณะที่กำลังแทรกซึมอยูนั้น หวังเปาเลอก็เงยหนาขึ้น
ดวงตาของเขาราวกับมองทะลุทุกสิ่งอยาง และเมื่อเขาเห็นเด็กหนุมชุดแดงที่กำลัง
พันรัดฝามือหลัวอยูที่ปลายสุดความวางเปลาก็สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
“อยารีบรอน” ขมกลั้นความเย็นยะเยือกในดวงตาไดแลวสีหนาหวังเปาเลอ
ก็กลับมาเปนปกติ แมเขาในตอนนี้จะมีความมั่นใจในระดับหนึ่งวาสามารถสังหาร
เด็กหนุมชุดแดงได แตหวังเปาเลอไมอยากทำเชนนั้น เขาอยากมั่นใจเต็มรอยวา
ไมมีทางพลาดกอน
เพราะเตาของเขานั้นดูเหมือนจะสมบูรณ แตก็สมบูรณแคโครงสรางเท านั้น
ขางในยังมีจุดสำคัญอีกหลายจุดที่ยังไมสมบูรณ
เตาธาตุทองคืออยางที่หนึ่ง เตาธาตุไฟคืออยางที่สอง และยังมี…เตาเซียนอีก
สวนหนึ่งดวย
เตาของเซียนตามที่หวังเปาเลอเขาใจคือความหมายของมัน กระแสเซียนที่อยู
นอกรางกายในตอนนี้ก็คือการสำแดงตัวหลังจากความหมายผสานเขากับเตา แตใน
แงหนึ่ง มันยังไมถือวาสมบูรณอยางแทจริง
“หากขาเดาไมผิด สิ่งที่ศิษยพี่ทิ้งไวใหขา…นาจะเปนเตาอีกสวนหนึ่งของเซียน
และเปน…ทางสืบทอดไฟ”
“นั่นคงจะเปน…เซียนแหงไฟ”
“ไฟนี้สามารถหลอมธาตุทั้งหาใหเปนสิ่งถายทอดวิถีเตาของขาได” หวังเปาเลอ
หลั บ ตาลงและเป ด มั น ในวิ น าที ต อ มาพร อ มกั บ โบกมื อ ทั น ใดนั ้ น แท ง เงิ น ที่
ปรมาจารยดาราจันทรมอบใหก็ปรากฏอยูในฝามือ
เมื่อใชร ะดับการฝกตนในปจจุ บั น ของหวั ง เป าเล อ มองดู แท ง เงิ น ธรรมดานี้
รวบรวมพลังปราณไวอยางนาอัศจรรย เหตุและผลของพลังปราณนี้มีที่มาเดียวกันกับ
ขวดปรารถนาของเขา
“เหตุและผลจากคนคนเดียวหรือ” หวังเปาเลอพึมพำ กระแสเซียนไหลเวียน
ทันใดนั้นอักขระโบราณนับไมถวนก็พุงออกมาจากฝามือแผกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
แทรกซึมไปทุกอณูของจักรวาลในสายตาเขา
อักขระโบราณเหลานี้คือสิ่งจำเปนสำหรับการหลอมเมล็ดพันธุเตา หลังจาก
แผ อ อกไป หวั ง เป า เล อ ก็ ท ุ บ กำป น ขวาลงพื ้ น อย า งแรงจนกลายเป น หลั ม ดำ
ในพริ บ ตาเดี ย วอั ก ขระโบราณที ่ ก ระจั ด กระจายไปทั ่ ว ก็ แ ผดเสี ย งคำรามราวกั บ
สายฟาฟาด พลิกตลบราวกับทะเล
ในชั่วพริบตาก็มารวมตัวกันในกำปนหวังเปาเลอและหลอมรวมเขากับ…แทงเงิน
สองสามแทงนั้น หลังจากเขาไปทีละตัวก็ทำใหมันเปลี่ยนสภาวะไปอยางรวดเร็ว
อีกทั้ง ยัง มีชะตารอบๆ ตัวเพิ่มเขามารวมกั บระดั บ การฝ กตนในป จ จุ บั น ของเขา
เมล็ดพันธุเตาธาตุทอง…จึงใชเวลาไมนานเลย ทั้งหมดกินเวลาเพียงครึ่งกานธูปเทานั้น
และเมื่อหวังเปาเลอคลายกำปนอีกครั้ง เมล็ดพันธุเตาธาตุทองก็ปรากฏ!
การปรากฏตัวของมันทำใหโลกศิลาสั่นสะเทือนอีกครั้ง ขณะนี้ดวงดาวทุกดวง
อารยธรรมทั้งหมด สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ทุกสิ่งที่เกี่ยวของกับกฎธาตุทอง แรธาตุก็ดี
เทพวัตถุก็ชาง ลวนสั่นสะทาน!
เพราะ…ธาตุทองแหงธาตุทั้งหามีแหลงกำเนิดแลวนับจากนี้!
สวนระดับการฝกตนของหวังเปาเลอก็ปะทุขึ้นมาในวินาทีนี้ดวย และกำลังจะ
ทะลวงขีดจำกัดปจจุบัน แตในพริบตาที่โลกศิลาไมสามารถทนรับได การปะทุนี้ก็ถูก
หวังเปาเลอสยบกลับเขารางกายไป ไมมีชองโหวแมแตนอย ขณะเดียวกันเขาก็เลือกที่
จะหลับตาลง
ไมอาจลืมตาได เพราะทันทีที่ลืมตาขึ้น…
จักรวาลจะแหลกสลาย ฟาดินจะถลมทลาย โลกศิลา…จะรับไมไหว!
“ตอไป ไปที่ดินแดนที่ศิษยพี่ยกให” หวังเปาเลอที่กำลังหลับตาสามารถมองเห็น
ทุกสรรพสิ่งไดโดยไมตองใชดวงตา ขณะที่พึมพำก็กาวไปขางหนา กอนที่รางจะ
หายลับไป
บทที่ 1273 อักขระเซียน
มีบางคนที่ลืมตาขึ้น แตในสายตาเขากลับเต็มไปดวยอุปสรรคและหมอกหนาทึบ
มากเกินไปจนมองเห็นไมชัดและไมรูวาประกายไฟแหงชีวิตอยูที่ใดหรืออาจเปนเพราะ
ตัวพวกเขาเองหรืออาจเปนเพราะสภาพแวดลอมและพันธนาการอันยุงเหยิง
คนพวกนี้อยูในโลกเปนสวนใหญ ไมอาจบอกไดวาพวกเขาไมมีความสุข แตก็ไมได
มีอิสระ บางทีพวกเขาอาจไมรู หรือบางทีอาจจะรู ชีวิตคือการฝกฝนที่ใชเวลาเปน
ปราณวิญญาณ แตพวกเขายังตองตระหนักรู ตรัสรูและรูแจงอยางตอเนื่อง
แตก็มีบางคนเชนกันที่กาวเดินไปในชีวิตนี้และคอยๆ ไปถึงอีกระดับ พวกเขาตาง
หลับตาลง แตโลกทั้งใบกลับชัดเจนยิ่งขึ้นในการรับรูของพวกเขาและยิ่งสัมผัสได
อยางแมนยำ เห็นชัด เห็นทะลุปรุโปรง งดงามยิ่งขึ้น มีสีสันมากขึ้นและเต็มไปดวย
ประกายไฟแหงชีวิต
คนประเภทนี้ก็มีไมนอยเชนกัน
สวนหวังเปาเลอเคยเปนคนประเภทแรก แตตอนนี้เปนประเภทหลัง และยัง
กาวเดินไปถึงจุดสูงสุดของเสนทางประเภทหลังดวย ไมใชแคการตรัสรูอยางยิ่งใหญ
แตยังรวมถึงจิตใจรูแจงเห็นจริง
ความทรงจำตลอดชีวิตที่ผานมาผุ ดขึ ้นในหั ว เงารางแตละคนแวบเข า มาใน
ความคิดหวังเปาเลอหลับตาขณะเดินไปในจักรวาลและเอยเบาๆ
“ชีวิตคือการฝกตน…ฝกใจ ฝกนิสัย ฝกตัวเอง”
ขณะพึมพำหวังเปาเลอก็หัวเราะออกมา รอยยิ้มของเขาไรเดียงสา ตรงไปตรงมา
และสงบสุข และหลัง จากทั้ง สามอย างผสานเข า ด ว ยกั น เส น ผมที ่ ปลิ วไสวขณะ
กาวเดิน…ก็พริ้วไหวอยูบนราง
คอยๆ เดินไปยังสถานที่ที่ศิษยพี่มอบใหทีละกาวๆ
ดวงตาของเขาปดสนิทตั้งแตตนจนถึงตอนนี้ ไมจำเปนตองลืมตาและไมอาจลืมตาได
เขาไมรูวาระดับการฝกตนของตนในตอนนี้คือระดับใด บางทีอาจเปนระดับ
จักรพิภพชั้นมหาวัฏจักร หรืออาจจะมากกวานั้นอีกหนอยเปนระดับที่เรียกวาจักรวาล
หรือบางที…อาจเปนอีกระดับที่ไมมีใครรูจัก
ระดับนั้นนอกจากเขาแลว ในโลกศิลานี้คงมีเพียงศิษยพี่ที่ไปถึง
แมจะไมเขาใจระดับการฝกตนของตนมากนัก แตมีเรื่องหนึ่งที่หวังเปาเลอรูดีมาก
เขารูวาทันทีที่ตนลืมตาขึ้น ระดับการฝกตนที่เขาขมกลั้นอยูจะตองระเบิดออกมา
และจุดสูงสุดของการระเบิดเชนนี้ไมใชสิ่งที่โลกศิลาจะทนรับได
“รออี ก หน อ ย” หวั ง เป า เล อ ดู เ หมื อ นจะพู ด กั บ ตั ว เอง แต ก ็ ด ู เ หมื อ นพู ด กั บ
ความวางเปลา เหยียบเทาลงกาวเดิน วินาทีตอมารางของเขาก็ราวกับถูกลบหายไป
จากจักรวาล
เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็มาอยูที่จุดสิ้นสุดของจักรพิภพสำนักเสริมแลว
ตรงนั ้ น คื อ จั ก รวาลอั น ไกลโพ น ที ่ ซ ึ ่ ง มี ด วงดาวเพี ย งไม ก ี ่ ด วง มี เ พี ย งสะเก็ ต ดาว
นับไมถวนที่ลอยเควงราวกับสายน้ำ ดวยแรงดึงดูดหรือแรงโนมถวงใดๆ ก็ตามทำให
มันไมกระจัดกระจายและแยกจากกัน แตกอตัวเปนวงแหวนศิลาขนาดมหึมาที่ไมอาจ
แยกหัวทายได
หากมองจากมุมสูงจะเห็นไดลางๆ วาสะเก็ดดาวที่อยูตรงนี้มีตนกำเนิดเดียวกัน
กลาวคือ…พวกมันเปนหนึ่งเดียวกัน
ราวกับวาหลายปกอนที่นี่มีดวงดาวขนาดใหญหรือสะเก็ดดาวมหาศาล แตกลับ
พังทลายลงอยางไมทราบสาเหตุจึงไดมีสภาพอยางที่เห็นตรงหนา
หากเปลี ่ ย นเป น คนอื ่ น หลั ง จากมาที ่ น ี ่ แ ล ว แผ ด วงจิ ต เทพออกไปถึ ง ขี ด สุ ดก็
ไมอาจตรวจพบสิ่งผิดปกติใด แมแตระดับจักรวาลก็เชนกัน
ราวกับที่แหงนี้ธรรมดามาก กระทั่งหลายปมานี้มีผูฝกตนเคยเขามาในวงแหวน
สะเก็ดดาว แตทายที่สุดก็ไมพบสิ่งใดและยิ่งทำใหที่นี่คอยๆ ไมมีความลึกลับอะไร
ทวา…ในการรับรูของหวังเปาเลอขณะนี้ ทุกอยางในที่แหงนี้แตกตางออกไป
แมจะยัง คงเปนวงแหวนสะเก็ ดดาวและไม มี สิ ่ ง มี ค าอะไรซ อนอยู ทั้ ง นอกและใน
วงแหวน แต…ที่นี่กลับมีกระแสเซียนบางเบาจนแทบจะตรวจไมพบ!!
กระแสเซียนนี้บางเบาเกินไป บางเบาจนถึงขั้นที่วาระดับจักรวาลก็ยังสัมผัสไมได
แมแตนอย บางเบาจนถึงขั้นที่สวตอใหเปนเวยยางจื่อคนกอนก็ยังไมรู แมกระทั่ง
หวังเปาเลอกอนหนาที่จะรูแจง ตอใหมีวิชาสืบทอดเซียนก็ยังไมไดอะไรเหมื อน
คนอื่นๆ
มีเพียงตอนนี้ที่ไดรูแจงแลวและกระแสเตาแปลงเปนกระแสเซียนแลว ดวยการ
อาศัยสัมผัสเชื่อมตอจากตนกำเนิดเดียวกัน หวังเปาเลอจึงสัมผัสไดถึงความแตกตาง
ของที่นี่
“ศิษยพี่ชาง…เปนอัจฉริยะจริงๆ” หลังจากสัมผัสไดไมนาน หวังเปาเลอก็เอย
เสียงเบา
แท จ ริ ง แล ว ที ่ น ี ่ ไ ม ไ ด ม ี อ ะไรสำคั ญ ซ อ นอยู เพราะไม ม ี ค วามจำเป น แล ว
เพราะวงแหวนสะเก็ดดาวตรงหนาเปนสิ่งที่มีคาที่สุดแลว
เพราะ…หลายปกอนสิ่งที่อยูที่นี่ไมใชดวงดาวหรือสะเก็ดดาวยักษ แตเปน…
อักขระโบราณ!
อักขระโบราณนี้แตกเปนชิ้นเล็กชิ้นนอยแลวกอตัวเปนกลุมสะเก็ดดาว สะเก็ดดาว
ทุกดวงในที่แหงนี้ลวนเปนสวนหนึ่งของอักขระโบราณนั่น อีกทั้งเมื่อมันเคลื่อนที่ไป
รอบๆ ตำแหนงของสะเก็ดดาวก็เบี่ยงเบนไปนานแลวเหมือนกับรูปภาพที่แตกกระจาย
เปนชิ้นเล็กชิ้นนอยและถูกจัดวางไวตรงหนามั่วๆ เหมือนกับตัวตอ
หากมีคนประกอบมันกลับเปนเหมือนเดิมไดอักขระโบราณก็จะปรากฏขึ้นในโลก
อีกครั้ง แต…ในสถานการณที่ไมรูวาอักขระโบราณเดิมเปนแบบไหนการประกอบมัน…
จึงแทบจะเปนไปไมไดเลย
สวนกระแสเซียนที่บางเบาจนแทบจะตรวจไมพบนั้นหากถูกคนพบก็จะตามหา
รูปแบบอักขระโบราณเดิมไดจากในการรับรู…ขอจำกัดเชนนี้ยังทำใหคนที่สามารถรับ
วิชาสืบทอดของเฉินชิงไดจึงมีเพียง…เซียนที่มีตนกำเนิดเดียวกันเทานั้น!
หลังจากรับรูทุกอยางแลว หวังเปาเลอก็เงียบไปครูหนึ่ง กอนจะยกมือขวาขึ้นชาๆ
โบกไปยังวงแหวนสะเก็ดดาวตรงหนาเบาๆ ทันใดนั้นกระแสเซียนบางเบาที่แทรกซึม
อยูในที่แหงนี้ก็มารวมตัวกันในทันทีและผสานเขากับมือขวาของหวังเปาเลอ หลังจาก
ถูกเขารวบรวมมาจนหมดแลว ในหัวเขาก็คอยๆ มีอักขระโบราณตัวหนึ่งปรากฏขึ้น
ทันทีที่อักขระโบราณนั้นผุดขึ้นในหัว จักรวาลโดยรอบก็เริ่มปนปวน มีเปลวไฟ
ที่มองไมเห็นซึ่งกลายเปนคลื่นความรอนออกมาจากทั่วทุกสารทิศทำใหจักรพิภพผืนนี้
บิดเบี้ยวและมืดสลัว
ความรูสึกกดดันก็แผขยายออกไปอยางหนาแนน
ผานไปสักพักมือขวาที่หวังเปาเลอยกขึ้นก็กระแทกกำปนชี้ไปทางวงแหวนสะเก็ดดาว
ตรงหนา ทันใดนั้นวงแหวนสะเก็ดดาวก็สั่นสะเทือนและกระจัดกระจายแยกออก
จากกัน
และในพริบตาที่มันแยกออกจากกันนั่นเอง ดวงจิตเทพหวังเปาเลอก็แผขยาย
ออกไปครอบคลุมสะเก็ดดาวทุกดวง จากนั้นก็ควบคุมตามรูปรางอักขระโบราณที่
ปรากฏขึ้นในหัว เริ่ม…กูคืน!
เสี ย งคำรามและเสี ย งหวี ด หวิ ว ดั ง ไปทั ่ ว ทั ้ ง จั ก รพิ ภ พสำนั ก เสริ ม พร อ มกั บ
การเคลื ่ อ นที ่ ส ะเก็ ด ดาวนั บ ไม ถ ว นและอั ก ขระโบราณนั ้ น ค อ ยๆ ฟ น คื น กลั บ มา
ความปนปวนก็ยิ่งขยายออกไปทำใหสิ่งมีชีวิตในจักรพิภพสำนักเสริมตางใจสั่นสะทาน
รุนแรงในพริบตาเดียว
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณเองก็หนาเปลี่ยนสี สัมผัสสวรรคกอคลื่นลูกใหญ
ระดับการฝกตนระดับจักรวาลเองก็ยังใจสั่นระริกอยางรุนแรง
ไมใชแคเขาคนเดียว ปรมาจารยสำนักดาราจันทรก็เชนกัน ตอใหเขาจะเคยมี
ระดับการฝกตนดีเลิศ แตตอนนี้จิตใจก็ยังสั่นเทิ้ม
ไม ว า จะสั ่ น ระริ ก หรื อ สั ่ น เทิ ้ ม ก็ ล ว นไม ไ ด เ กิ ด จากความเกลี ย ดชั ง แต เ ป น
สัญชาตญาณเหมือนกับตัวเองกลายเปนคนธรรมดากำลังเผชิญหนากับเทพเจาที่ถูก
ปลุกใหตื่น!
เทพเจาที่ไมอาจจองมองไดโดยตรง!
เทพเจาที่ไมอาจลวงเกินได!
เทพเจาที่ไมอาจขัดขวางได!
บทที่ 1274 รากฐานเตาหาธาตุ
เมื่อมองไปรอบๆ จักรวาลอันไกลโพนของจักรพิภพสำนักเสริมแหงนี้ที่เหมือนกับ
กลุมสะเก็ดดาวนับไมถวนที่ดำรงอยูมาแตโบราณ บัดนี้กำลังเรียงตัวอยางรวดเร็ว
ทามกลางเสียงดังกึกกอง
เที ย บกั บ พวกมั น แล ว ร า งของหวั ง เป า เล อ ที ่ ล อยอยู ต รงหน า ดู เ ล็ ก น อ ยจน
ไม ค วรค า ให เ อ ย ถึ ง แต ห ากหลั บ ตาแล ว สั ม ผั ส กั บ รั ศ มี ข องร า งหวั ง เป า เล อ นั้ น
เปล ง ประกายเหนื อ สิ ่ ง อื ่ น ใดราวกั บ เป น เจ า แห ง ทุ ก สรรพสิ ่ ง กำลั ง โบกมื อ และ
กลุมสะเก็ดดาวก็เรียงเปนแถวดวยตัวเอง
ความผันผวนแผขยายไปทั่วทั้งจักรพิภพสำนักเสริมสงผลใหทุกขีวิตใจสั่นสะทาน
ผู ฝ ก ตนจำนวนมากต า งใจสั ่ น ไหว ขณะเดี ย วกั น กลุ ม สะเก็ ด ดาวนี ้ … ก็ ค อ ยๆ
เชื่อมตอกันเปนอักขระโบราณ!
อักขระโบราณนี้เหมือนกับลูกไฟ ไมวาจะมองดวยตาเปลาหรือใชประสาทสัมผัส
ล ว นเป น ดั ่ง เปลวไฟราวกับ สามารถเผาทำลายได ท ุก สรรพสิ ่ง ครอบทั ้ ง จั ก รวาล
และพลังปราณของมันก็นาอัศจรรยราวกับเขยาจักรวาลได
ขนาดของมันก็นาอัศจรรย เผยใหเห็นความเกาแกและความผันผวนไมมีที่สิ้นสุด
เพราะมันปรากฏตัวทามกลางจักรวาล ความวางเปลาโดยรอบก็ราวกับมีกลิ่นอายของ
กาลเวลาซึ่งทำใหหวังเปาเลอที่ยืนอยูตรงหนามันรูสึกราวกับอยูในแมน้ำสายยาวแหง
กาลเวลา
“นี่คือ…อักขระโบราณที่ศิษยพี่ทิ้งไวใหขา” แมจะไมไดลืมตา แตหวังเปาเลอ
ก็ไดรับญาณทั้งหมดที่เขาตองการที่ จากบนอักขระโบราณตรงหนาอยางชัดเจน
จากนั้นไมนานเขาก็พึมพำเสียงเบา
อักขระตรงหนากับที่ปรากฏอยูในหัวเขาเหมือนกันทุกประการ!
อีกทั้งในทันทีที่มันกอตัวขึ้น ไมใชแคจักรพิภพสำนักเสริมเทานั้นที่ตื่นตะลึง
จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายรวมถึงจักรพิภพใจกลางก็เชนกัน ทั่วทั้งโลกศิลา
ตางกำลังรองคำราม ทั้งสิ่งมีชีวิตและไมมีชีวิตตางก็กำลังตัวสั่นเทา
เพราะนี่คือพลังเหนือโลกศิลา!
เพราะพลังนี้เกาแกถึงขีดสุด ไมใชของยุคปจจุบัน!
เพราะนี่คือ…เซียนที่หลัวและกูแยงชิงกันในตอนนั้น!
วิชาสืบทอดแหงเซียน!
สาเหตุ ท ี ่ เ ป น รู ป ลู ก ไฟก็ เ พราะวิ ช าสื บ ทอดนี ้ … เป น ตั ว แทนแห ง เปลวไฟ
เปลวไฟแหงเซียน!
บนอักขระนี้ หวังเปาเลอสัมผัสไดถึงพลังปราณแหงเซียนอันเขมขนซึ่งทำใหเขา
รูสึกคุนเคยมากราวกับเห็นเงารางของศิษยพี่อยูในนั้น แตสุดทายก็ถอนหายใจเบาๆ
“ไฟนี้…คือเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟของขา!” เมื่อสัมผัสอักขระอันใหญโตตรงหนา
แลวหวังเปาเลอก็เอยออกมาเบาๆ กอนจะกวักมือเบาๆ ไปทางอักขระที่ประกอบขึ้น
จากสะเก็ดดาวนับไมถวนที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลกศิลา
ทันใดนั้นอักขระสะเก็ดดาวอันตระการตาก็สั่นสะเทือนและกอตัวเปนสะเก็ดดาว
ของตัวมันเอง รอยราวพลันปรากฏขึ้นทันทีและมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากแทรกซึมไปทั่ว
ทั้งอักขระแลวก็เกิดเสียงคำรามดังสนั่นแลวกลุมสะเก็ดดาวก็พังทลายลง
ในพริ บ ตาที ่ ม ั น พั ง ทลายลงด า ยสี ท องก็ พ ุ ง ออกมาจากข า งในสะเก็ ด ดาวที่
แตกกระจาย และพุง ตรงมาทางหวั ง เป า เล อ ทั ้ ง หมดนี ้ ด ู เ หมื อนยาวนาน แต ใ น
ความเป น จริ ง มั น เกิ ด ขึ ้ น เร็ ว ราวกั บ แสงฟ า แลบ วิ น าที ต อ มา…เมื ่ อ ด า ยสี ท อง
มาบรรจบกัน อักขระสีทองขนาดเทาฝามือก็ลอยอยูบนฝามือหวังเปาเลอ
สีทองสองประกายอักขระดั่งไฟ
โลกศิ ล าสั ่ น สะเทื อ นรุ น แรงยิ ่ ง ขึ ้ น ไฟอั ก ขระสี ท องกำลั ง แกว ง ไปมาราวกั บ
ปรารถนาจะผสานเขากับหวังเปาเลอ ขณะเดียวกันกระแสเซียนบนรางหวังเปาเลอ
ก็แผขยายออกมาเองราวกับมันเปนหนึ่งเดียวกับอักขระนี้อยูแลว ขณะนี้พวกมัน
ตางกระตือรือรนที่จะหลอมรวมเปนหนึ่งเดียว
เมื่อสัมผัสไดถึงเปลวไฟสีทองในมือ หวังเปาเลอก็เงียบไปครูหนึ่ง มือขวากำ
เขาหากันเล็กนอยจนกระทั่งอักขระไฟเซียนนั่นอยูในมืออยางสมบูรณ
ทั น ที ท ี ่ ส ั ม ผั ส กั บ มั น อั ก ขระไฟเซี ย นนั ่ น ก็ ผ สานเข า ไปในฝ า มื อ หวั ง เป า เล อ
และแผซานไปในรางกายเขา ในตอนนั้นเองในหัวหวังเปาเลอก็ปรากฏภาพสี่ดาน
ภาพแรกคือแสงสวางจา กำลัง พุ ง ไปข างหน าในจั ก รวาลอั น มื ด มิ ด ด านหลั ง
แสงสวางจานั้น มียักษตัวหนึ่งที่ดูเหมือนสามารถแยกฟาเปดแผนดินไดกำลังไลตามไป
ดวยสีหนาไรอารมณ
ในไมชาดานหนาแสงสวางนั้นก็ปรากฏสนามรบขึ้นซึ่งแสงสวางนั้นก็ไมลังเล
แมแตนอย มันเรงความเร็วพุงเขาไปในสนามรบทันที และในพริบตาที่เขาไปใน
สนามรบแสงสวางนั่นก็แยกเปนสองสวน!
สวนหนึ่งสองประกายดั่งเดิม อีกสวนหนึ่งมืดมิดยากจะหาพบ แยกออกจากกัน
เปนสองทาง
ภาพแรกหายไปและในไมชาภาพที่สองก็ปรากฏขึ้น
ในภาพนั้นลำแสงที่มืดมิดจนแทบมองไมเห็นนั้นเงียบสงัดอยูในจักรวาลอันกวางใหญ
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเริ่มมีสิ่งมีชีวิตปรากฏขึ้นในโลกศิลา แสงนั้นก็หลอมรวมเขากับ
สิ่งมีชีวิตหนึ่งราวกับกลับชาติมาเกิดและเติบโตเปนผูใหญ
ตั้งแตนั้นมาลำแสงนั้นก็ไดเกิดใหมครั้งแลวครั้งเลา มีทั้งคน พืช วิญญาณ…
จนกระทั่งผานไปนานเพียงใดก็สุดรู ตอนจบของภาพที่สองนี้คือทารกคนหนึ่งที่เกิด
ในหมูบานธรรมดา
ชื่อของทารกคือเฉินชิง
ดูถึงตรงนี้จิตใจหวังเปาเลอพลันซับซอนและถอนหายใจเบาๆ กอนจะมองดู
ภาพที่สามที่ผุดขึ้นในหัวตอไป ในภาพนั้น…คือสำนักแหงความมืดในอดีต เขาเห็น
ศิษยพี่เฉินชิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู วันหนึ่งจูๆ แสงในดวงตาก็ไมเหมือนเดิม แสงนั้น…
มืดมิดจนแทบมองไมเห็นเหมือนกับแสงที่แยกออกมาจากลำแสงสวางจานั่น
และภาพสุดทายคือหลังจากผานไปเนิ่นนาน เฉินชิงกำลังยืนอยูดานหลังจุดที่
หวังเปาเลอยืนอยูในตอนนี้และกำลังจองมองกลุมสะเก็ดดาวที่แตกกระจาย
ภาพทั้งสี่สิ้นสุดลงแคนี้
แมภาพเหลานี้จะไมมีเสียง แตหวังเปาเลอก็เขาใจทุกอยาง แสงสวางกับยักษใน
ภาพแรกก็คือกูกับหลัว
กูเขามาในจักรพิภพเตาไมรูสิ้น หลัวจึงปดผนึกที่นี่ แตเขาไมไดสังเกตเห็นวา
หลังจากกูเขามาแลวก็แยกออกเปนสองสวน สวนหนึ่งสวาง สวนหนึ่งมืดมิด
วิ ช าสื บ ทอดของแสงสว า งกลายเป น นั ก เล า เรื ่ อ งและได พ บกั บ ชะตากรรม
ของหวังเปาเลอ สุดทายก็ถูกเขาเก็บเกี่ยวไป
สวนวิชาสืบทอดของความมืดมิดนั้นเวียนวายตายเกิดอยูหลายครั้ง สุดทาย
เมื่อไดมาอยูกับเฉินชิงก็ไดปลุกความทรงจำขึ้น…บางทีนี่อาจเปนสาเหตุที่เฉินชิง
กบฏตอสำนักแหงความมืดในตอนนั้น ภารกิจของสำนักแหงความมืดคือปองกันไมให
เซียนจากไป แตเมื่อถึงยุคของอาจารยก็ถูกอาจารยเปลี่ยนใหกลายเปนปองกันทุกคน
และที่สำคัญคือ…ไปตกอยูกับตระกูลไมรูสิ้นซึ่งก็ไมรูวาเปนความบังเอิญหรือตั้งใจ
“อาจารยรับศิษยสองคน ลวนเปนผูสืบทอดเซียน…” หวังเปาเลอเอยเบาๆ
เขาเขาใจอะไรขึ้นมากแลว เกรงวา…อาจารยคงจะเปนคนที่รูมากที่สุดและบางที
อาจารยก็อาจตองการทำลายภารกิจของสำนักแหงความมืด
“ดังนั้นสุดทายอาจารยถึงชวยเติมเต็มศิษยพี่และสุดทายศิษยพี่ถึงเลือกที่จะ
จากไป ยินยอมทำใหขาสมบูรณแบบ…”
หวังเปาเลอถอนหายใจ เขาใจทุกอยางแลว แมจะมีรายละเอียดอีกมากที่เขา
ยังไมรู แตนั่นก็ไมสำคัญแลว สิ่งสำคัญคือ…เขาเองก็เลือกที่จะจากไปเชนกัน
เพื่อโลกศิลา เพื่ออาจารย เพื่อศิษยพี่ เพื่อแมนางนอย เพื่อทุกคนและเพื่อตัวเอง…
“สงครามครั้งนี้ ใกลแลวสินะ” เจตนาอันแรงกลาปะทุขึ้นบนรางหวังเปาเลอที่
กำลังหลับตา เขายกมือขวาขึ้นมา ไฟอักขระเซียนที่เขาจับไวในมือเปลงแสงเล็ดลอด
ออกมาจากนิ้วมือแผขยายไปทั่วทุกสารทิศ
เมล็ดพันธุไฟหาธาตุเริ่มกอตัว!
ทันทีที่มันกอตัว พลังของหวังเปาเลอก็ปะทุขึ้นฟา เพราะวา…เตาหาธาตุของ
เตาแปดปรมัตถนั้นมีเมล็ดพันธุเตาเหนือกวาผูบุกเบิกกฎเตานี้มากเกินไป!
เตาธาตุทองของเขาเปนสิ่งเดียวที่นอกจักรพิภพสูงสุดขาดแคลน ไดรับศรัทธา
สูงสุดและอยูยงคงกระพัน!
เตาธาตุน้ำของเขาคือน้ำตาหยดหนึ่งซึ่งบรรจุอารมณและความเพียรพยายาม
ไหลผานคืนวันนับแตอดีต ตนกำเนิดลึกลับหายาก!
เตาธาตุดินของเขาแปลงมาจากมุมหนึ่งของโลกศิลา ในระดับหนึ่ง…หากจะพูดวา
มันเปนสวนหนึ่งของหลัวก็เหมาะสมแลว!
เตาธาตุไฟของเขากำลังกอตัวอยูในขณะนี้ นั่นคือวิชาสืบทอดไฟแหงเซียนจึงยอม
เขยาขวัญไปทั้งแผนดิน!
เตาธาตุไมของเขายิ่งไมตองพูดถึง เรียกไดวาเปนเตาแรกและเปนเตาของชีวิตเขา
หวังเปาเลอสันนิษฐานไวแลววาบางที…รางตนแบบของเขา…เปนตนกำเนิดไมแหง
ธาตุทั้งหา…นอกจักรวาลอันกวางใหญไรที่สิ้นสุดจริงๆ
เปนรากฐานเตาที่ไมเคยมีมากอน!
บทที่ 1275 สงครามจุติ
หากจะใชคำวาสุดยอดรากฐานแหงเตาก็ไมเกินจริง!
ขณะนี ้ ส ุ ด ยอดรากฐานแห ง เต า นี ้ ข าดเพี ย งตั ว เชื ่ อ มสุ ด ท า ยเท า นั ้ น ทั น ที ที่
ไฟแหงเซียนรวมตัวกลายเปนเมล็ดพันธุเตาก็แสดงถึงความสมบูรณของธาตุทั้งหา
แสดงถึงรากฐานแหงเตาแปดปรมัตถของหวังเปาเลอเสร็จสมบูรณแลว!
จักรวาลรองคำรามสั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศ เสนผมของหวังเปาเลอขยับ
ไหวเองโดยไรลม รวมถึงชุดที่เขาใสอยูดวยแมดวงตาที่ปดอยูจะไมไดลืมขึ้น แตบนราง
ของเขากลับเปลงแสงสวางยิ่งกวาดวงตา
มือขวาที่ยกขึ้นคลายฝามือออก เปลวไฟสีทองพลันลุกโชนขึ้นบนฝามือ แตหาก
สังเกตดีๆ จะเห็นวาสิ่งที่เรียกวาเปลวไฟนี้ความจริงแลวเกิดจากการรวมตัวของ
อักขระสีทองนับไมถวน อักขระเหลานั้นกำลังซอนทับและหลอมเข าดวยกั น กั น
อย า งต อ เนื ่ อ งจนสามารถจิ น ตนาการได ว า เมื ่ อ อั ก ขระในมื อ เขาหลอมรวมเป น
หนึ่งเดียวกันจนหมด มันก็จะกลายเปน…เมล็ดพันธุเตา!
กระบวนการเปลี ่ ย นหนึ ่ ง เป น หมื ่ น และเปลี ่ ย นหมื ่ น กลั บ มาเป น หนึ ่ ง นี ้ คื อ
การกอกำเนิดเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟ!
หากเที ย บกระบวนการสำคั ญ นี ้ ก ั บ สิ บ ระดั บ กระบวนการตอนนี ้ ไ ด ม าถึ ง
ระดับสามแลว และแผขยายไประดับสี่อยางรวดเร็ว อีกทั้งในกระบวนการนี้ยังทำให
พลังปราณบนรางหวังเปาเลอเพิ่มขึ้นอยางตอเนื่อง
ระดับการฝกตนของเขาผันผวนขึ้นเรื่อยๆ ดวงวิญญาณเทพก็ยิ่งรายกาจขึ้น
กระแสเซียนบนรางก็เขมขึ้นถึงขีดสุดเชนกัน ทุกอยางเกี่ยวกับเขากำลังปะทุขึ้น
ในเวลานี้
แข็งแกรงขึ้นเรื่อยๆ!
ความวางเปลาก็มาถึงขีดกำจัดราวกับไมอาจทนไดอีกตอไป แมหวังเปาเลอ
จะหลับตาอยูและขมกลั้นการทะลวงขั้นของระดับการฝกตน แตจักรวาลโดยรอบ
ก็ยังคงปรากฏรอยราวมากขึ้นเรื่อยๆ
รอยร า วแผ ข ยายไปครึ ่ ง จั ก รพิ ภ พสำนั ก เสริ ม ทำให ป รมาจารย ด าราจั น ทร
หนาเปลี่ยนสี ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณก็ตื่นตระหนก
“โลกกำลังจะทนไมไหวแลว!!”
เมื่อเห็นรอยราวมากขึ้นเรื่อยๆ ในชวงเวลาวิกฤตินี้ หวังเปาเลอก็ยกมื อ กด
หวางคิ้วตัวเอง
“ผนึก!”
ฉั บ พลั น หู ส องข า งของเขาก็ ถ ู ก ป ด ผนึ ก เอง รู ท วารทั ้ ง เจ็ ด คื อ จุ ด รั บ รู ข อง
ดวงวิญญาณเทพกับโลกภายนอก ในเมื่อปดสองตาแลวยังไมอาจขมกลั้นไดก็ปด
อีกสองหู!
เมื่อหูถูกปดผนึก พลัง ปราณก็ ถู กระงั บลงในทัน ที ไมใ ห มัน แผ ขยายออกไป
มากเกินไป รางกายของเขาสงเสียงคำราม กอนที่รอยราวทั่วจักรวาลจะคอยๆ หายไป
สวนกระบวนการหลอมเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟเซียนนั้นก็ไดทำใหเกิดมวลคลื่น
ลูกใหญไปทั่วทั้งจักรพิภพสำนักเสริม
ดวงดาวทุกดวงตางกำลังสั่นสะเทือนและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดตางจิตใจสั่นสะทาน
จะความวางเปลาก็ดี เศษฝุนผงก็ชาง ในวินาทีนี้ลวนราวกับไดรับอิทธิพลรุนแรง
และขอบเขตของอิทธิพลนี้ยังทะลุจักรพิภพสำนักเสริมไปยังจักรพิภพใจกลาง
ปรมาจารยตระกูลเซี่ยที่กำลังถือสันโดษรวบรวมวงแหวนชะตาอยูในจักรพิภพใจกลาง
สังเกตเห็นในทันที เขาหับขวับมองไปทางจักรพิภพสำนักเสริม ดวงตาไหวคลอน
เขาสั ม ผั ส ได ถ ึ ง ความผั น ผวนไปทั ่ วทั ้ง จั ก รวาลได อ ย า งชั ด เจน ความรุ น แรงของ
ความผันผวนนี้ทำใหเตาชะตาของเขาสั่นคลอนไมนอย
“เปนหวังเปาเลอ!” ปรมาจารยตระกูลเซี่ยสูดหายใจเขาลึกๆ แมความสั่นไหว
ในดวงตาจะคอยๆ หายไป แตความเครงขรึมก็คอยๆ ปรากฏแทนที่ แตสุดท าย
ก็กลายเปนถอนหายใจเบาๆ
ระดับของหวังเปาเลอในตอนนี้คือสิ่งที่เขาใฝฝนมาตลอดแมยามหลับ แตเขาก็
รูดีวาเตาของตนหยุดกาวหนาไปแลว ตอนนี้ทำไดแคถอนหายใจเล็กนอยและจิตใจเขา
ก็โลงขึ้น เพราะเขาไมจำเปนตองใชชีวิตของตนหลอมวงแหวนชะตาอีกแลว หายนะ
ที ่ โ ลกศิ ล ากำลั ง จะต อ งเผชิ ญ มี ค นที ่ เ หมาะสมกว า ปรากฏตั ว แล ว หากอี ก ฝ า ย
ยังไมสามารถหยุดยั้งหายนะได ตอใหเขาสละชีวิตตนไปก็เปลาประโยชน
และขนาดตัวเขายังไดรับอิทธิพลขนาดนี้ ยิ่งไมตองพูดถึงผูฝกตนคนอื่นๆ ใน
จักรพิภพใจกลางที่ตางกำลังสัมผัสไดถึงความปนปวนของรางกายตนอยูในขณะนี้
นั่นคือความผันผวนจากเพลิงชีวี ไฟแบงออกเปนจริงและปลอม และเพลิงชีวีนั้น
นั บ เป น ส ว นหนึ ่ ง ของไฟ อั น ที ่ จ ริ ง ในระหว า งธาตุ ท ั ้ ง ห า ดู เ หมื อ นจะแยกจากกั น
แตหลังจากถึงจุดสูงสุดแลวก็ยากที่จะแยกธาตุใดเปนธาตุใด และมีจุดเชื่อมโยงกัน
ในทายที่สุด
มหาเตาเปนเชนนี้ วิถีการฝกตนก็เปนเชนนี้
เวลานี้ทามกลางเสียงรองคำรามจากจักรพิภพใจกลาง และการหลอมเมล็ดพันธุ
เต า ธาตุ ไ ฟของหวั ง เป า เล อ ยั ง มี อ ี ก คนที ่ ส ั ม ผั ส ได ถ ึ ง ความผั น ผวนนี ้ นั ่ น คื อ
รางแยกมหาเทพที่กำลังตอสูกับฝามือหลัวอยูในความวางเปลา
เด็ ก หนุ ม ชุ ด แดงที ่ เ ป น ร า งแยกนั ้ น กำลั ง ต อ กรกั บ ฝ า มื อ หลั ว ในฉั บ พลั น
ก็สังเกตเห็นพลังปราณที่มาจากโลกศิลาก็อดหนาเปลี่ยนสีไปอีกครั้งอยางหามไมได
กอนหนานี้ยามที่เขาสัมผัสไดถึงกระแสเซียนของหวังเปาเลอก็ตกตะลึงมากแลว
ตอนนี้ยังสัมผัสไดถึงความผันผวนจากไฟนั่น โดยเฉพาะพลังปราณที่บรรจุอยูขางในไฟ
จนเขารูสึกกลัวนั่นทำใหสีหนาเด็กหนุมชุดแดงเปลี่ยนไปอยางสิ้นเชิง
“เปนเชนนี้ตอไปการจะสยบที่นี่และหวนคืนกลับมาคงไมอาจทำไดเปนแน…
จะเสียเวลาไปมากกวานี้ไมไดแลว!” เด็กหนุมชุดแดงสีหนาบิดเบี้ยว ความกังวล
ที่หาไดยากยิ่งผุดขึ้นในใจ แววตายิ่งทวีความดุดัน รางกายสงเสียงดังออกมาครั้งหนึ่ง
กอนจะกลายรางเปนหมอกเลือดเขมขนเขาหอหุมฝามือหลัวไวดวยทาทางบาคลั่ง
เวลาผ า นไปพลั ง ปราณของหวั ง เป า เล อ ยั ง คงแทรกซึ ม และแผ ข ยายไป
อยางตอเนื่อง ทุกสรรพสิ่งยิ่งสั่นสะทานมากขึ้น การหลอมเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟ
สำเร็จไปสี่สวน หาสวนและหกสวน!
การหลอมเมล็ดพันธุ ก าวหนาไปพร อมกั บระดั บการฝ ก ตนของเขาที ่ ก ็ ก ำลั ง
กาวหนาไมหยุดและมาถึงจุดสูงสุดที่โลกศิลาจะรับไดอีกครั้ง รอยราวปรากฏขึ้น
อีกครั้ง และคราวนี้ไมไดปรากฏแครอบตัวหวังเปาเลอเทานั้น แตแทรกซึมพลังปราณ
ของมันครอบคลุมจักรพิภพสำนักเสริมและจักรพิภพใจกลาง
นั่นทำใหผูฝกตนในจักรพิภพสำนักเสริมและจักรพิภพใจกลางที่กำลังสั่นสะทาน
กลายเปนอกสั่นขวัญแขวน เมื่อเงยหนามองทองฟา ความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ
และความรูสึกถึงวันโลกาวินาศผุดขึ้นในใจพวกเขาในทันที
“จักรวาล…จักรวาลจะแตกสลายแลว!”
“นี่มันอะไรกันแน ทองฟาแตกราวไปหมด!!”
ทามกลางความโกลาหลของทุกขีวิต หวังเปาเลอในจักรพิภพสำนักเสริมก็ยกมือ
ขึ้นอีกครั้ง
“ผนึก!”
คราวนี้เขาปดผนึกจมูกตัวเอง!
รูทวารทั้งเจ็ดถูกปดผนึกไปแลวหก วิธีนี้ทำใหรอยราวไมขยายเพิ่มในทายที่สุด
แตพลังปราณในรางกายเขายังคงปะทุและนาสะพรึงกลัวขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งหมดนี้เปนเพราะรากฐานแหงเตาของเขาแข็งแกรงเกินไปถึงขั้นผิดปกติแลว!
พลังปราณของเขาไดแทรกซึมไปทั่วทั้งจักรพิภพใจกลางแลวและเริ่มแผขยาย
ไปยังจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย การหลอมเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟก็สำเร็จไป
เจ็ดสวนแลว!
จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซายเปนสถานที่ที่รากฐานของหวังเปาเลอตั้งอยู
สถานที ่ แ ห ง นี ้ ถ ู ก ครอบครองโดยระบบสุ ร ิ ย ะมานานแล ว ดั ง นั ้ น ในพริ บ ตาที่
พลังปราณไฟเซียนของหวังเปาเลอมาถึง เหลาผูฝกตนในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตา
ฝ ง ซ า ยทุ ก คนจึ ง ไม ไ ด เ คราะห ร า ยมากนั ก แต ก ลั บ นั ่ ง ขั ด สมาธิ ล งและสั ม ผั ส ถึ ง
ความผันผวนของรางกายตนอยางสุดกำลัง ขณะเดียวกันดวงตาของพวกเขาก็ฉายแวว
กระตือรือรน
ในเวลาเดียวกันเด็กหนุมชุดแดงที่ตอสูกับฝามือหลัวอยูนั้นก็บาคลั่งถึงขีดสุด
ไมรูวาเขาใชเคล็ดวิชาใด แตมันสงผลตอรางกายของเขาอยางเห็นไดชัด อานุภาพ
จึงยิ่งนาอัศจรรย รางกายสงเสียงคำรามและกอตัวเปนตราประทับสีเลือดซึ่งทำให
ฝามือหลัวสั่นสะทานจนเผยชองโหวในพริบตา
เด็กหนุมชุดแดงอาศัยชองโหวนั้นแปลงเปนแสงเลือดเขมขนแลวพุงจากความวางเปลา
ไปยังแกนกลางของโลกศิลาทันที
“หวั ง เป า เล อ ภารกิ จ ของข า คื อ กวาดล า งเจ า ไม ว า อย า งไร ต อ ให ส ู ญ เสี ย
อั ก ขระเชื ่ อ มต อ ระหว า งตั ว ข า กั บ ร า งต น แบบเพื ่ อ ปราบฝ า มื อ หลั ว ข า ก็ ไ ม อ าจ
ปลอยใหเจาอยูตอไปได!” ใบหนาเด็กหนุมชุดแดงกลายเปนแสงสีเลือด ดวงตา
ดูบาคลั่งและแฝงจิตสังหารถึงขีดสุด กอนจะพุงตรงไปยังจักรวาลโลกศิลา!
ตอนนั้นเองภายในโลกศิลาในจักรพิภพสำนักเสริม หวังเปาเลอคอยๆ เงยหนาขึ้น
สองหู สองตาและจมูกถูกเขาปดผนึกดวยตัวเอง แตก็ไมสงผลตอการรับรูของเขา
เขาสัมผัสไดวาไฟเซียนของตนหลอมสำเร็จไปแปดสวนแลว
และสั ม ผั ส ได ว า ในความว า งเปล า มี พ ลั ง ปราณเลื อ ดสายหนึ ่ ง กำลั ง เข า มา
ใกลโลกศิลาอยางรวดเร็ว!
บทที่ 1276 หาธาตุสำเร็จ
“จะมาแล ว หรื อ ” "หวั ง เป า เล อ ที ่ ป ด ผนึ ก ดวงตา หู แ ละจมู ก กำลั ง เงยหน า
ประสาทสัมผัสของเขาครอบคลุมไปทั้งโลกศิลาและเขาสัมผัสไดถึงพลังปราณเลือดที่ดู
เหมือนจะกำลังทะลุจักรวาลมาดวยความเร็วอันนาอัศจรรย ในการรับรู พลังปราณนี้
กอตัวเปนตะขาบขนาดมหึมา ความโหดรายและความบาคลั่งที่ไมอาจบรรยายไดเผย
ออกมาตลอดทางที่ขามผานความวางเปลา ราวกับจะฉีกทุกสิ่งที่ขวางหนา
คนที ่ ส ั ง เกตเห็ น ความผิ ด ปกติ น ี ้ เ หมื อ นกั น คื อ ปรมาจารย ต ระกู ล เซี่ ย
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณรวมถึงปรมาจารยสำนักดาราจันทร
เมื่อทั้งสามสัมผัสไดถึงพลังปราณเลือดก็สีหนาเครงขรึมขึ้นทันใด รางแตละคน
กะพริบและหายไปจากสถานที่ถือสันโดษทันที
ตอนนี้เมล็ดพันธุเตาธาตุไฟของหวังเปาเลอเพิ่งหลอมไปไดแปดสวน อีกสองสวน
ที่เหลือยังตองใชเวลาอีกสักพักถึงจะเสร็จสิ้น อีกทั้งเขายังสัมผัสไดถึงวาแมรูทวาร
ทั้งเจ็ดของตนจะเหลืออีกหนึ่งรูที่ยังไมไดปดผนึก แตก็ใกลถึงขีดจำกัดแลว ตอให
ปดผนึกทั้งหมดก็ยังไมอาจสกัดการปะทุและการกาวหนาของระดับการฝกตนได
ขีดจำกัดที่โลกศิลาจะรับไดก็จะถูกทำลายเชนกัน
แตสีหนาหวังเปาเลอยังไมเปลี่ยนมากนัก กอนที่เขาจะหลอมเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟ
เขาไดเตรียมการไวบางแลว ตอนนี้เขายังไมทำอะไรเพื่อหยุดการกาวหนาของระดับ
การฝกตน แตหลอมเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟตอไปและระดับการฝกตนก็ยังปะทุไมหยุด
ในไมชาพลังปราณของเขาก็ครอบคลุมไปทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แหงเตาฝงซาย
และการคลอบคลุมไปถึงเตาฝงซายไดยอมหมายถึงทั้งโลกศิลาตกอยูในอาณาเขต
พลังปราณของเขาแลว
สำนักเสริม เตาฝงซาย จักรพิภพใจกลางลวนถูกพลังปราณของหวังเปาเลอแทรกซึม
ทุกชีวิตและผูฝกตนที่ฝกตนตามวิถีกฎแหงไฟตางรองคำรามอยูในใจ นั่นก็เพราะ
เตาแหงวิถีการฝกตนของพวกเขามีตนกำเนิดแลว
ตนกำเนิดนี้กลายเปนที่สุดแหงเตาของพวกเขา
จักรวาลแผดเสียงคำราม โลกศิลาสั่นสะเทือน ในที่สุดเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟ
ตรงหนาหวังเปาเลอสำเร็จไปเกาสวน เหลืออีกแคสวนเดียวเทานั้น…
ระดับการฝกตนของเขาก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง รอยราวปรากฏขึ้นเปนวงกวาง คราวนี้
มันแตกราวไปทั่วทั้งโลกศิลาจนทุกชีวิตแหงนหนามอง
ความรูสึกถึงวันโลกาวินาศผุดขึ้นในจักรวาล เมื่อเห็นวาโลกศิลากำลังจะรับไมไหว
หวังเปาเลอก็ยกมือขวาแตะหวางคิ้ว
ทันทีที่แตะลงไป รางของเขาก็สั่นเทิ้ม และเกิดเงาซอนทับบนรางกายเขาทันที
ขณะที่ตัวสั่นเทิ้มนั้นเอง เงารางมายาที่ซอนทับอยูนั้นก็ผุดลุกขึ้นและเดินไปรอบๆ
มีทั้งหมด 10 ราง ลวนเปนรางแยกของหวังเปาเลอทั้งสิ้น
กระบวนทาสารัตถะ!
กระบวนทานี้สืบทอดมาจากเฉินชิง หลังจากหวังเปาเลอชำนาญแลวมันก็ชวยเขา
ไดมากทีเดียว อยางในชวงเวลาสำคัญเชนนี้มันก็ไดสำแดงอานุภาพสูงสุดแลว
แบงระดับการฝกตน!
วินาทีตอมาเมื่อรางสารัตถะเดินออกมา ในรางตนแบบจึงไมอาจขมกลั้นระดับ
การฝกตนไดอีกตอไป มันไหลเวียนและผสานเขาไปในรางแยกทั้งสิบ ทำใหรางแยก
ทั้งสิบระเบิดระดับการฝกตนขึ้นในพริบตา ในเวลาเพียงไมกี่อึดใจก็สูงถึงระดับที่นาทึ่ง
เมื่อเทียบกับตอนที่หวังเปาเลอยังไมมีเซียนไรพันธนาการ
รางแยกทั้งสิบก็เชนกัน
หากมีใครเห็นภาพนี้คงจะตกตะลึงสุดขีด รางแยกทั้งสิบในตอนนี้มีพลังตอสูที่
ทรงพลังมาก ถึงอยางไรกอนที่หวังเปาเลอจะรูแจงเซียนไรพันธนาการ รางของเขา
ก็ถึงจุดสูงสุดดานพลังตอสูของโลกศิลาอยูกอนแลว
รางแยกทั้งสิบตางเปนเชนนั้น แตพวกเขาก็เกิดจากระดับการฝกตนสวนหนึ่งของ
หวังเปาเลอเทานั้น ซึ่งหากคำนวณดูแลว พลังการตอสูที่แทจริงของหวังเปาเลอ
ในตอนนี้ไดไปถึงจุดที่นาสะพรึงกลัวแลว
ขณะเดียวกันระดับการฝกตนของรางตนแบบหวังเปาเลอถูกแบงแยกออกไปและ
ปดผนึกรูทวารทั้งหก ความผันผวนภายในรางกายที่ทำใหโลกศิลาไมอาจรับไดก็
ออนลงในที่สุด รอยราวเริ่มประสานตัว
โลกศิลาก็เหมือนบอลลูนลูกหนึ่ง สิ่งที่จะทำใหมันระเบิดไมไดมีแตอากาศขางใน
ยังมีวัตถุดวย อยางเชนพอของหวังอีอีหรือหวังเปาเลอ พวกเขาก็เหมือนกับดาบยาว
อันแหลมคมที่ซึ่งความยาวของมันเกินขอบเขตของบอลลูนไป ดังนั้นทันทีที่มันปรากฏ
ขึ้นก็จะทะลวงและพังทลายทุกอยาง
แตหากดาบยาวเลมนี้แบงแยกเปนหลายเลม ความยาวของมันก็ยอมลดลง ดังนั้น
แมจำนวนจะเพิ่มมากขึ้น แตโลกศิลาก็ยังพอรับได
เพียงแตการรับนี้ก็มีขีดจำกัด อีกทั้งผูฝกตนจากขางนอกกับผูฝกตนทองถิ่น
ก็แตกตางกัน ดังนั้นพอของหวังอีอีจึงไมอาจเขามาได เพราะระดับความแข็งแกรงของ
เขานั้นไมเหมือนกับระดับของสิ่งมีชีวิตอีกตอไปแลว รางแยกเพียงรางเดียวก็ไมใชส่ิงที่
โลกศิลาจะรับได
ขณะที่กระบวนทาสารัตถะของหวังเปาเลอกำลังทำงานอยูนั้น รางแยกจาก
ดวงจิ ต เทพของมหาเทพก็ ท ะลวงผ า นกำแพงกั ้ น ระหว า งจั ก รวาลโลกศิ ล าและ
ความวางเปลาเขามาในโลกศิลาพรอมกับเสียงคำรามดังกองไปทั่ว
และในพริบตาที่เขากาวเขามานั้นเอง จักรวาลพลันบิดเบี้ยว ปรมาจารยเตา
เจ็ดวิญญาณเปนคนแรกที่กาวออกมาดวยสีหนาเครงขรึม และยกมือขวาขึ้นทันที
โดยไมลังเล ทันใดนั้นก็มีกระบองยักษปรากฏขึ้นพุงตรงไปยังเด็กหนุมชุดแดง
กระบองยั ก ษ น ี ้ ต า งจากแต ก อ น มั น ถู ก ล อ มรอบด ว ยดวงดาวที ่ ห ดเล็ ก ลง
จำนวนมากทำใหอานุภาพของมันพุงถึงขีดสุด เมื่อมันปรากฏตัวขึ้น จักรวาลพลัน
สั่นสะเทือนอยางรุนแรง
ในเวลาเดียวกันรางของปรมาจารยตระกูลเซี่ยก็กาวออกมาดวยสายตาแนวแน
สองมือทำผนึกมุทรา เคล็ดวิชาแหงชะตาพลันไหลเวียนในรางกายและมีกำยาน
ปรากฏขึ้นตรงหนาและติดไฟทันที กอตัวเปนเสนยาสูบจำนวนมากพุงตรงไปยัง
เด็กหนุมชุดแดง
เสนยาสูบเหลานี้บรรจุชะตาอนันต ฟนได สยบได ผนึกได!
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเชื่องชา แตในความเปนจริงเร็วดั่งสายฟาแลบ เพียงพริบตาเดียว
พวกเขาทั้งสองก็คำรามขึ้นพรอมกัน
“ไสหัวไป!” เด็กหนุมชุดแดงกำลังหัวเสียอยางหนักและวิตกกังวลมาก หลังจาก
เขามายังโลกศิลาแลวความรูสึกของเขาก็ยิ่งทวีความชัดเจนขึ้น ความผันผวนจากจุดที่
หวังเปาเลออยูนั้นเหมือนกับเปลวไฟลูกใหญในคืนมืดมิด สะทานฟาสะเทือนดิน
และนาสยดสยอง ขณะเดียวกันก็ทำใหเขารูสึกถึงอันตรายแบบที่ไมเคยเปนมากอน
อันตรายครั้งนี้ยิ่งใหญกวาตอนที่เฉินชิงนำมาใหเขาเสียอีก
ดังนั้นเขาจึงโบกมือเพื่อสำแดงเคล็ดวิชาลับโดยไมลังเล รางกายแปลงเปนพายุ
สีเลือดกวาดลางไปทั่วทุกสารทิศ กระบองยักษพังทลาย เสนยาสูบชะตาถูกตัดขาด
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณกับปรมาจารยตระกูลเซี่ยตางกระอักเลือดสดออกจากปาก
และไมสามารถหยุดเด็กหนุมชุดแดงไดอีกตอไป
แตก็ไมใชวาไมไดผลอะไรเลย ฉับพลันที่พวกเขาทั้งสองลมกลิ้ง แสงดาบพลัน
สวางวาบบนจักรวาล สองสวางพรางพรายราวกั บ จะทำให ท ั้ งจั กรวาลสว างไสว
มันปรากฏขึ้นตรงหนาเด็กหนุมชุดแดง
ดาบนั้นกวาดไปหนึ่งครั้งทำใหรางเด็กหนุมชุดแดงที่กำลังพุงไปขางหนาตองถอย
รนไปกะทันหัน แตก็ไมอาจหลบพนจึงถูกแสงดาบนั้นฟนลงบนรางกายจนรางกาย
แยกเปนสองสวน แตในไมชามันก็กลั บมารวมตั วกัน ยิ ่ ง ทำให สีห น าปรมาจารย
สำนักดาราจันทรที่มาพรอมกับแสงดาบนั้นเครงขรึมมากขึ้น
“ดาบนี่…คุนๆ นะ…” เด็กหนุมชุดแดงที่รางกลับมาเปนเชนเดิมแหงนหนามอง
ปรมาจารยสำนักดาราจันทรอยางบาคลั่ง
“แตยังไมพอหรอก!” ระหวางที่พูด รางของเด็กหนุมชุดแดงก็แยกออกจากกันเอง
ฉับพลันเงารางตะขาบสีเลือดก็ปรากฏกายขึ้นพรอมแผดเสียงกรีดรองสะทอนไปใน
จิตใจทุกคน มันพุงเขาใสทั้งสามคนทันที
จักรวาลพลันปนปวน หวังเปาเลอกำลังหลอมเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟซึ่งกำลังจะ
สำเร็จจากเกาสวนเปนสิบสวน ทำใหหลังจากสำนักเสริม เตาฝงซายและจักรพิภพ
ใจกลางถูกหอหุมแลวก็เกิดรอยราวแผขยายไปทั่วทุกซอกทุกมุมอยางรวดเร็ว
ระดับการฝกตนของเขากาวหนาอยางนาทึ่ง พลังปราณของเขากวางขวางและ
สงางาม!
สวนรางแยกนั้นก็ถูกเขาแยกออกมาอีกสิบรางลอมรอบรางของเขาไวราวกับ
กลุมดาวลอมรอบดวงจันทร!
เมล็ดพันธุเตาธาตุไฟก็เรงความเร็วในการหลอมขึ้นในทันที เกาจุดหนึ่ง เกาจุดสาม
เกาจุดหา…
จนกระทั่งเกาจุดเกา…
บทที่ 1277 อาวุธ
โลกศิ ล ากำลั ง เดื อ ดพล า น จั ก รวาลกำลั ง ร อ งคำรามมาจากทุ ก สารทิ ศ
การเปลี่ยนแปลงอยางรุนแรงเชนนี้ ดานหนึ่งมาจากสงครามที่รางแยกมหาเทพ
อยูในขณะนี้ อีกดานหนึ่งเปนเพราะการหลอมเมล็ดพันธุเตาของหวังเปาเลอ
อย า งหลั ง นั ้ น ส ง ผลกระทบใหญ ก ว า มาก ถึ ง ขนาดทำให ร า งแยกมหาเทพ
หวาดกลัวจนเนื้อเตน รูสึกไดถึงเคาลางหายนะจนเด็กหนุมชุดแดงยิ่งบาคลั่งเขาไปอีก
เขาพยายามสลัดพวกปรมาจารยตระกูลเซี่ยเพื่อจะขัดขวางหวังเปาเลอ
เพียงแต…หากมีแคปรมาจารยตระกูลเซี่ยกับปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณสองคน
เขาคงสยบไดอยางงายดาย แต…มีปรมาจารยสำนักดาราจันทรเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ดาบสะท า นฟ า ของอี ก ฝ า ยทำให ฝ า ยเด็ ก หนุ ม ชุ ด แดงหวาดกลั ว อยู ใ นใจ
แมอานุภาพของดาบจะไมไดถึงขนาดทำลายลางเขาได แตทั้งสามคนตางจับมือกัน
ขัดขวางเขาทุกวิถีทาง และทายที่สุดก็ดึงรางเขาไวที่เดิม ไมอาจหนีไปไหนได
นั่นยิ่งทำใหเขาวิตกจริตขึ้นเรื่อยๆ และควบคุมความบาคลั่งไวไมได ขณะกรีดรอง
คำรามก็แปลงกายเปนตะขาบสีเลือดดูชั่วรายจนจักรวาลของโลกศิลากลายเป น
สีแดงฉาน
การตอสูดำเนินตอไป สวนอีกดานหนึ่งหวังเปาเลอที่กำลังหลอมเมล็ดพันธุ
เตาธาตุไฟอยูในจักรพิภพสำนักเสริมก็ไดมาถึงชวงเวลาสำคัญของชีวิตแลว
หากเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟเซียนเสร็จสมบูรณ มันจะไมใชแคเปนตัวแทนของ
กฎแหงไฟและเปนตนกำเนิดเทานั้น แตยังหมายถึง…ธาตุทั้งหาของเขาสมบูรณแลว
และการระเบิดหลังจากมันสมบูรณแลวนั้นยอมรุนแรงกวาแตกอนมาก
แมในดานระดับก็ไมเหมือนกัน
และเพราะเหตุ น ี ้ เ อง ความเร็ ว ในการหลอมขั ้ น สุ ด ท า ยจึ ง ยากจะสำเร็ จ ใน
ชั่วพริบตา และในขณะนี้ก็มีสายตามากมายกำลังจองมองมายังโลกศิลา
หนึ่งในนั้นมาจากในสำนักดาราจันทร นั่นก็คือแมนางนอยหวังอีอี ในใจนาง
ทั้งสับสนและรูสึกผิด สายตาที่จองมองไปยังจุดที่หวังเปาเลออยูนั้นแนวแนเด็ดเดี่ยว
เมื่อกมหนาลงในมือนางก็ปรากฏบางอยางที่คลายกับแผนหยกมายา แผนหยกนี้
บิดเบี้ยวราวกับอยูในหวงกาลเวลา
“เตี่ย…ขาเสียใจ หากสุดทายแลวเขา…ทานจะลงมือไหม”
ขณะที่แมนางนอยพึมพำเสียงเบาอยูนั้น ดานนอกโลกศิลา ในจักรวาลอันกวางใหญ
ไรของเขต รางที่นั่งอยูบนเรือเดียวดายกำลังเงยหนาขึ้น ดวงตามีความสับสนเชนกัน
แตสุดทายก็ถอนหายใจเบาๆ
“นี่คือทางเลือกของเจาหรือ”
“เตี่ย นี่คือทางเลือกของขา”
“…” รางนี้ไมไดเอยอะไร แตกลับหลับตาลง
ในเวลาเดียวกันภายในจักรวาลอันกวางใหญ ทุกสายตาตางมองมาที่จุดนี้ราวกับ
สิ่งที่กำลังจะเกิดที่นี่สำคัญมากสำหรับพวกเขา
“อาวุธ…กำลังจะเปนรูปเปนรางแลว” ไมรูวาใครกำลังพึมพำจนสะทอนอยูในหัว
เจาของสายตาทุกผูคน บางคนเงียบ บางคนถอนหายใจ สวนรางบนเรือเดียวดายนั้น
ลืมตาขึ้นและแคนเสียงเย็นชา
“สหายเตาหวัง แมขาแทบจะไมมีสวนเกี่ยวของกับการบรรลุเตาของเจา แต…
นี่เพื่อพวกเราทุกคน เหตุใดถึงตองปฏิเสธดวย” เสียงแกชราดังขึ้นอีกครั้ง
“ไปซะ!” คนที่ตอบเขาคือรางที่นั่งอยูบนเรือเดียวดาย สายตาเฉียบคมพรอมกับ
คำพูดสองคำนั้นทำใหเกิดเสียงดังสะทอนกลับมาจากจักรวาลอันไกลโพนทันทีราวกับ
พื้นที่ตรงนั้นพังทลายลงและเสียงแกชรานั่นก็หายไป
รางบนเรือเดียวดายเงยหนา ไมสนใจจักรวาลที่พังทลายไปเมื่อครูแตอยางใด
แตกลับจองมองศิลาขนาดมหึมาที่แตกราวตรงหนา จากนั้นไมนานก็เอยเสียงเบา
“แซหวังเปนหนี้เจา เพราะฉะนั้นทุกคนที่พยายามจะใชชะตากรรมของเจ า
ขาจะชวยกำจัดมันเอง”
ในพริบตาที่รางนั้นเอยออกมา เด็กหนุมชุดแดงในโลกศิลาก็ระเบิดเคล็ดวิชาลับ
แปลงกายเปนทะเลเลือดกวลาดลางไปทุกทิศทุกทาง
ปรมาจารยตระกูลเซี่ยกระอักเลือ ด กายเนื้อไมอ าจทนรั บการพัง ทลายนี้ ไ ด
ปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณก็เชนกัน โชคดีที่ปรมาจารยสำนักดาราจันทรสกัดไว
ทำให พ วกเขาสองคนไม ไ ด ว ิ ญ ญาณแตกสลาย ส ว นเด็ ก หนุ ม ชุ ด แดงก็ ไ ม ม ี เ วลา
มาสั ง หาร เขาที ่ ก ำลั ง วิ ต กจริ ต และร อ นใจสุ ด ๆ แปลงกายเป น ทะเลเลื อ ดและ
กวาดไปยัง…จักรพิภพสำนักเสริมที่หวังเปาเลออยู
มันเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็ขามผานจักรพิภพใจกลางไปแลว สีแดงเลือดปกคลุม
ไปทั่วทั้งจักรวาล ทุกชีวิตตางสัมผัสไดถึงพลังปราณเลือดอันเขมขนที่มาจากระหวาง
ฟาดินไดอยางชัดเจน
ผืนดินกำลังแตกระแหง ทุกชีวิตกำลังเหี่ยวเฉา ทุกสิ่งในโลกศิลาราวกับถูกยอมสี
แมแตศิลาขนาดมหึมาที่ลอยอยูในจั กรวาลยั ง กลายเป น สี แ ดงฉานอย างรวดเร็ ว
จนมองเห็นไดดวยตาเปลา
เหมือนกับกอนอิฐที่ถูกเผาจนเปนสีแดงที่พรอมจะระเบิดไดทุกเมื่อ มันปรากฏ
รอยราวขึ้นทีละรอยและกระจายไปอยางรวดเร็ว ภาพนี้ทำใหทุกสายตาที่จองมอง
มายังที่แหงนี้ยิ่งใจจดใจจอ รางที่นั่งอยูบนเรือเดียวดายยกมือขวาขึ้นมา
ในพริบตาที่ความสนใจจากโลกภายนอกเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ทะเลเลือดจาก
รางแยกมหาเทพที่เต็มไปดวยความบาคลั่งสยบทุกสิ่งยิ่งระเบิดจิตสังหารออกมา
มากขึ้น ทามกลางกลิ่นอายความรวงโรยของทุกสิ่ง เขาไดขามผานจักรพิภพใจกลาง
มาถึงในจักรพิภพสำนักเสริมแลว ในวินาทีตอมา…เขาก็ปรากฏตัว…ในจักรวาลที่
หวังเปาเลอกำลังนั่งขัดสมาธิหลอมเมล็ดพันธุเตาธาตุไฟ!
“ตาย!” เสียงคำรามที่ไมเหมือนเสียงมนุษยแผซานไปถึงจิตใจทุกคน ทะเลเลือด
พลันกอตัวเปนฝามือยักษขนาดเทาจักรวาล
ทุกชีวิตในจักรพิภพสำนักเสริมตางเห็นภาพนี้กันอยางชัดเจน พวกเขาแหงนหนา
ขึ้นก็มองเห็นทองฟาที่ถูกยอมเปนสีเลือดไดกลายเปนสวนหนึ่งของฝามือยักษไปแลว
อาการสั่นเทามาจากจิตวิญญาณและความหวาดกลัวจากสัญชาตญาณทำใหไมมีใคร
กลาพูดอะไร ทำไดแคตัวสั่นเทิ้ม!
ตอนนี้ฝามือยักษกำลังกวาดไปทางหวังเปาเลอที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยูตรงนั้น
อยางรวดเร็ว จนลอมรอบรางหวังเปาเลอราวกับจะทำใหเขาและจักรวาลที่เขาอยู
รวมถึงสวนเล็กๆ ของจักรพิภพสำนักเสริมแหงนี้มอดไหมเปนจุณอยูในฝามือ
ทวาในพริบตาที่ฝามือนี้จะจับเขาและแผดเสียงดุรายของรางแยกมหาเทพออกมา
นั้นเอง…หวังเปาเลอก็เงยหนาขึ้นดวยสีหนาสงบนิ่งแลวเอยเบาๆ
“ไฟ”
เมล็ดพันธุเตาธาตุไฟเซียนตรงหนาเขา…เสร็จสมบูรณแลว!
วินาทีที่มันเสร็จสมบูรณก็เปลงแสงเจิดจากอตัวเปนประกายเพลิงขนาดมหึมา
ส ง อิ ท ธิ พ ลไปทั ่ ว ทั ้ ง โลกศิ ล า ทำให ท ั ้ ง ไฟจริ ง และไฟมายาทั ้ ง หมดในโลกศิ ล า
สั่นไหวราวกับกำลังเคารพบูชา มันโผลขึ้นมาทางทิศตะวันตก ขนาด…ใหญไมแพ
ฝามือยักษนั่น
“ดิ น ” ยั ง ไม จ บแค น ั ้ น หวั ง เป า เล อ เอ ย ออกมาเป น คำที ่ ส อง ฉั บ พลั น ศิ ล า
ขนาดมหึมาที่ดูลวงตา แตก็ดูมีอยูจริงก็วางอยูทางทิศเหนือของเขา
ทันทีท ี่ศิลานี ้ออกมา พื้นดินทั ่ วทั ้ ง โลกศิ ล าพลั น สั ่ น สะเทื อน วั ตถุ และผู ค น
ที่เกี่ยวของกับดินตางโหรองเคารพบูชาอีกครั้ง แมแตดวงดาวยังเปลี่ยนวิถีการโคจร
และเริ่มขยับราวกับวา…โลกศิลากำลังจะมีชีวิต!
“ทอง” คำที ่ ส ามดั ง ก อ ง ทหารหลายพั น ล า นนายและกฎที ่ เ กี ่ ย วข อ งต า ง
สั่นสะทานและแผดเสียงกรีดรอง เสียงของพวกเขาแฝงการเจาะทะลวงที่อธิบายไมได
เหมือนกับ…เสียงรองอันบาคลั่งของโลกศิลา!
ทางทิศใตก็มีแทงเงินปรากฏขึ้น!
แมแทงเงินนี้จะเล็ก แตบนนั้นมีรางหนึ่งที่มองเห็นหนาไมชัดปรากฏขึ้น รางนั้น…
สวมชุ ด คลุ ม เต า บนแขนเสื ้ อ มี ร ู ป หม อ หลอมโอสถ การปรากฏตั ว ของเขาทำให
พลังปราณทองพุงทะยานขึ้น
บทที่ 1278 กาวสูสวรรค?
ตอนนี้กฎไฟ ดิน ทองปะทุขึ้นติดๆ กันสรางแรงกดดันมหาศาลราวกับสามารถ
สยบไดทั้งจักรวาล เปนผลใหฝามือยักษสีเลือดสั่นอยางรุนแรงเมื่อมันเขาใกล
มองจากที่ไกลๆ ฝามือยักษนี ้ย ิ่งใหญร าวกับจะครอบครองทั้ง จั กรวาล ทว า
เมื่อจะจับหวังเปาเลอความเร็วก็ลดลง จนกระทั่งวินาทีที่เตาธาตุทองปรากฏขึ้น
ฝามือยักษนี้ก็เหมือนกับถูกยึดไวกับที่ ไมสามารถเคลื่อนไหวตอได
เหมือนกับมีสิ่งกีดขวางที่มองไมเห็นขัดขวางระหวางฝามือยักษกับหวังเปาเลออยู
ราวกับความวางเปลาแข็งตัว ทำใหฝามือยักษอยูในภาวะกลืนไมเขาคายไมออก
ภาพนี้ทำใหเด็กหนุมชุดแดงหน าเปลี ่ยนสีแ ละยังทำให ปรมาจารยทั้ ง สามที่
ไลตามมาจากจักรพิภพใจกลางดวงตาหดแคบ พวกเขาไมไดเขาไปใกลมากเกินไป
ทำแคมองดูอยูหางๆ แตถึงกระนั้นจิตใจก็ยังสั่นสะทานอยางรุนแรง
อาการสั่นสะทานไมไดมาจากฝามือยักษสีเลือดที่ดูเหมือนจะทุบทำลายทุกอยางได
แตมาจากพลังปราณที่แผซานออกมาจากรางหวังเปาเลอ
พลังปราณนี้ทำใหทั้งโลกศิลาสงเสียงคำรามราวกับไมอาจทนรับไหว สวนหวังเปาเลอ
มีสีหนาสงบนิ่ง ไมมีอารมณใดๆ แมแตนอย พวกเขาเฝารอวันนี้มาเนิ่นนานเกินไปแลว
ขณะนี้ทิศตะวันตกคืออักขระไฟเซียน ทิศเหนือคือศิลา ทิศใตคือรางมายาบน
แทงเงิน ซึ่งทำใหจักรวาลสั่นสะเทือนรุนแรง
ทวาทุกอยางยังไมสิ้นสุดแคนั้น วินาทีตอมาหวังเปาเลอที่กำลังหลับตาก็เอย
ออกมาเบาๆ เปนคำที่สี่ และเปน…เตาที่สี่!
“น้ำ!”
ทันทีที่เอยขึ้น ทางทิศตะวันออกของหวังเปาเลอพลันปรากฏหยดน้ำตาหยดหนึ่ง
ซึ่งมีขนาดเล็ก ทวาในพริบตาที่มันปรากฏขึ้ น กลั บทำให ทั ่วทั ้งจั กรวาลเป ย กชื้ น
นอกจากนี้ยังมีอารมณโศกเศราที่ยากจะอธิบายครอบคลุมไปทั้งโลกศิลา
กระทบตออารมณของทุกชีวิต ปนปวนผู ที ่ฝ กตนตามวิ ถี กฎแหงน้ำทั ้ ง หมด
และยังทำใหแมน้ำและทะเลทั้งหมด รวมถึงทุกสิ่งที่เกี่ยวกับน้ำกูรองไปตามๆ กัน
สุดทายพลังแหงเตาธาตุน้ำจากจักรวาลมารวมตัวกันเปน…ใบหนาขนาดมหึมา
ใบหนานี้พราเลือน มองไมชัดวาเปนชายหรือหญิง เห็นเพียงแคเสนใยน้ำนับไมถวน
กอตัวเปนเสนผมยาวกลายเปนทางชางเผือก ขณะเดียวกันหยดน้ำตานั้นก็สวางวาบ
อยูที่หางตาของใบหนานั้น
ในเวลาเดียวกันการปรากฏตัวของเตาธาตุน้ำก็เขยาขวัญฝามือยักษนั่นทำให
ฝามือยักษที่ดูเหมือนถูกขัดขวางอยูนั้นเริ่มพังทลายและเริ่มทนรับตอไมไหว เด็กหนุม
ชุดแดงดานในหนาเปลี่ยนสีไปอยางสิ้นเชิง ทวาดวงตาที่บาคลั่งกลับยิ่งแยลงไปอีก
เมื่อเห็นเคล็ดวิชาลับของตนไมสามารถทำอะไรคูตอสูได เขาก็สงเสียงกรีดรองแหลม
บาดหู ทันใดนั้นฝามือยักษนั้นก็ดิ้นไปมา
ทันใดนั้นเขาก็แปลงเปนตะขาบสีเลือดอีกครั้งและพุงเขาหาหวังเปาเลออีกครั้ง
ครั้งนี้พลังปราณบนรางเขาก็ยิ่งนาพิศวงราวกับมาพรอมพลังปราณเหนือระดับที่
สามารถทะลวงผานความวางเปลาได หากมองจากที่ไกลๆ ตะขาบสีเลือดตัวนี้…
ก็เหมือนกับกระบี่คมที่ใชตัวตะขาบเปนตัวกระบี่!
กระบี่ตัวนี้หวีดเสียงแหลมบาดหูและสงเสียงหึ่งๆ มันฟนคืนสภาพจากที่กำลังจะ
พังทลาย และเมื่อมันพุงเขามาก็พุงหัวตานสิ่งกีดขวางไปหาหวังเปาเลอ
หวังเปาเลอหลับตาลงและคอยๆ เงยหนาขึ้น ไมจำเปนตองมองประสาทสัมผัส
ของเขาก็รับรูทุกสิ่งรอบตัวได ในพริบตาที่กระบี่ตะขาบเขามาใกล เขาก็เอยคำที่หา
ออกมา
“ไม!”
เตาธาตุไมเปนเตาสารัตถะของหวังเปาเลอและเปนเตารากฐานของตัวเขา อีกทั้ง
ยังเปนรางกายของเขาดวย ทันทีที่เอยออกมา ทั้งสี่ทิศก็ถูกยึดครองโดยมีเขาเปน
จุดศูนยกลาง จากนั้นไมสีดำขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้น
การปรากฏตัวของมันทำใหฟาดินเปลี่ยนสี จักรวาลพลิกกลับ แรงระเบิดที่อธิบาย
ไมไดพลันปะทุขึ้นจากพื้นดิน และขณะที่ระเบิดอยูนั้นเอง ไมสีดำก็เปนจากมายา
เปนของจริง รูปรางของมันเหมือนกับไมกระดานสีดำและเหมือนตะปูไมสีดำดวย
บนตัวไมแผกลิ่นอายเกาแกโบราณ
ความรูสึกเกาแกหมุนเวียนผลัดเปลี่ ยนกาลเวลานั ้นเหนือ กว าอี กสี่ธ าตุ ม าก
เหลือเกิน ราวกับวาเมื่อเทียบกับอีกสี่ธาตุแลว ไมสีดำนี้…ถึงจะเรียกวาเปนนิรันดร
อยางแทจริง!
เสียงคำรามดังไปทั่วจักรวาล และในตอนนั้นเอง เด็กหนุมชุดแดงกรีดรอง กอนที่
กระบี่ยาวจากตัวตะขาบจะแผแสงเลือดเจิดจาราวกับจะแขงกับหวังเปาเลอ แทงทะลุ
ทุกสิ่งมาปรากฏตัวตรงหนาเขาและแทงเขาไปอยางแรง!
ในเวลาเดียวกันเสียงคำรามที่ดังไปทั่วจักรวาลและเสียงหัวใจเตนระรัวของ
ทุกชีวิตก็ผสานเปนหนึ่งเดียวกัน เมื่อเตาหาธาตุปรากฏออกมาหมดแลว ระดับการ
ฝกตนของหวังเปาเลอ…ก็ระเบิดทะลักครั้งใหญในวินาทีนั้นเอง
ระดั บ การฝ ก ตนของเขาเหมื อ นกั บ ว า มาถึ ง ขี ด จำกั ด ในพริ บ ตาที ่ เ สี ย งแตก
ละเอียดดังกองอยูในหู กระแสเตาของหวังเปาเลอก็ไดครอบคลุมทุกตารางนิ้วของ
โลกศิลาไวหมดแลว
หาธาตุ…เสร็จสมบูรณ!
รากฐานของเตาแปดปรมัตถเสร็จสมบูรณแลว!
ระดับการฝกตนเทาไร หวังเปาเลอไมไดสนใจแลว คนที่ไมมีอนาคต ไมมีอดีต
มีเพียงปจจุบันอยางเขานั้นมีเรื่องที่สนใจไมมากแลว มือขวายกขึ้นแลวหนีบสองนิ้ว
เล็กนอย กระบี่ยาวสีเลือดที่พุงเขามาก็ถูกหนีบไวระหวางนิ้ว
กระบี่นั้นสั่นเล็กนอย ทันใดนั้นก็เกิดเสียงปริแตกดังกองสะเทือนฟา กระบี่สีเลือด
เกิ ด รอยร า วจากจุ ด ที ่ ห วั ง เป า เล อ หนี บ ไว แ ละกระจายออกไปอย า งรวดเร็ ว
พริบตาเดียวก็แตกราวไปทั่วทั้งเลม กระบี่เลมนี้…พลันระเบิดเปนชิ้นเล็กชิ้นนอย
กระบี่ยาวกลายรางเปนชิ้นสวนตะขาบและชิ้นสวนตะขาบเหลานี้ก็พังทลาย
กลายเปนหมอกสีเลือดพลิกตลบและสุดทายก็รวมตัวกันเปนรางเด็กหนุมชุดแดง
อยูไกลๆ
ทันทีที่ปรากฏกาย เขาก็กระอักเลือดกอนใหญออกจากปาก ใบหนาขาวซีด
ขณะเดียวกันความไมอยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหนาอยางควบคุมไมได แตก็ถูก
แทนที่ดวยความบาคลั่งในวินาทีตอมา
“กาวสูสวรรคงั้นหรือ?!”
“ในโลกนี ้ ไ ม ม ี ผ ู ใ ดที ่ ก า วสู ส วรรค ไ ด เศษวิ ญ ญาณไม ส ี ด ำอย า งไรก็ เ ป น แค
เศษวิญญาณ แมตอนนี้เจาจะถูกปลุกใหตื่น แต…เจาเกี่ยวโยงกับโลกนี้ล้ำลึกเกินไป
หากทำลายโลกนี้ เจาก็จะไรรากไรตนกำเนิด เกิดเองดับสูญเอง!” ขณะที่พูด เด็กหนุม
ชุดแดงก็ยกสองมือขึ้นสะบัดอยางแรง ทั น ใดนั ้ น ข างหลั ง เขาก็ เกิ ดกระแสน้ ำวน
กระแสน้ำวนนี้เปนสีเลือด ขางในดูเหมือนมีดวงตาคูหนึ่งซอนอยู
สัมผัสไดถึงความเย็นชาและความสงางามในดวงตาที่เปดอยูคูนั้นราวกับวา
เจาของดวงตาคูนี้เห็นทุกสิ่งไรคา
ราวกับมาจากที่ไกลแสนไกล ราวกับเปนนิรันดร สงผลใหทุกชีวิตในโลกศิลา
สมองวางเปลาราวกับสูญเสียพลังชีวิตของตนไปแลว
ซึ่งยิ่งทำใหโลกศิลาที่กำลังสั่นสะเทือนยิ่งทวีรอยแตกราวไปอยางรวดเร็ว ราวกับ
เปลือกไขที่กำลังจะแตก…จุดจบกำลังจะมาถึง!
ทั้งหมดนี้เกิดจากสายตาในกระแสน้ำวนนั้นทั้งสิ้น
“มหาเทพ…” หวังเปาเลอพึมพำเบาๆ กอนจะลุกขึ้นชาๆ รอบกายรายลอมไป
ดวยไฟ น้ำ ดิน ทอง ทามกลางเตาธาตุดินของตัวเขาเอง เขากาวไปขางหนาและสะบัด
มือขวาอยางแรง
ทันใดนั้น…จักรวาลก็บิดเบี้ยว สิ่งรอบตัวแปรเปลี่ยน ดวงดาวหายไป จักรวาลหายไป
จุดที่พวกเขายืนอยู…กลายเปนความวางเปลา!
ที่แหงนี้ไมใชแกนโลกศิลา แตเปนชั้นที่สองของโลกศิลา
“จะมีประโยชนอะไร ที่นี่พัง ทลาย โลกศิ ลาก็ พั ง ทลาย เศษวิ ญ ญาณไม สี ดำ
ขาจะคอยดูวาเจาจะทำอยางไร!” เด็กหนุมชุ ดแดงหัวเราะอย างบาคลั ่ง ดวงตา
ในกระแสน้ำวนดานหลังเขาเหมือนจะเบิกตากวางขึ้น
แต ใ นตอนนั ้ น เอง…หวั ง เป า เล อ เงยหน า ขึ ้ น เต า แห ง ธาตุ ท ั ้ ง ห า รอบตั ว
พลันหมุนเวียน ทำใหตัวเขาพราเลือน และเอยเสียงล้ำลึกดังกองไปทุกหนทุกแหง
“หาธาตุ จุติ!”
บทที่ 1279 สงครามกลับชาติมาเกิด
โลกศิลาไมสามารถทนรับการระเบิดเต็มกำลังของหวังเปาเลอได ยิ่งไมตองพูดถึง
การตอสูระหวางเขากับมหาเทพเลย แมหวังเปาเลอจะไมรูวารางแยกมหาเทพเขามา
ในโลกศิลาไดโดยไมทำใหเกิดการลมสลายไดอยางไร แตคิดดูแลวนาจะเกิดจากวิธีลับ
ที่พิเศษมากชนิดหนึ่ง
ขณะเดียวกันก็ตองเกี่ยวของกับ…จักรพิภพไมรูสิ้นในตอนนั้น
ถึงอยางไรหากมองยอนกลับไปที่ ต น กำเนิ ด จั กรพิ ภ พเต าไม รู สิ ้ น ที ่ ต อ สู กับ
จักรพิภพเตาไพศาลในตอนนั้น ตัวมัน…ก็เปนหนึ่งในดวงจิตนับแสนของมหาเทพ
แปลงมา
ดังนั้นตอใหตอนนั้นกูจะหนีเขาไปในสนามรบ หลังก็ใชมือขวาปดผนึกที่แหงนี้ให
กลายเปนศิลา แตเมื่อสืบสาวเรื่องราวถึงแกนแทแลว โดยพื้นฐานแลวที่แหงนี้ยังคง
เปนหนึ่งในดวงจิตดั้งเดิมของมหาเทพอยูดี
บางทีนี่อาจเปนเหตุผลหลักวาทำไมรางแยกของมหาเทพถึงอยูที่นี่และไมทำให
โลกนี้ลมสลาย
อยางไรก็ตามไมวาควาาจริงจะเปนเชนไรก็ไมสำคัญสำหรับหวังเปาเลอแลว
การตอสูระหวางเขากับรางแยกมหาเทพในครั้งนี้ ไมวาจะดวยเหตุผลใดลวนไมอาจ
ทำไดในโลกจริง
หวังเปาเลอปลอยใหโลกศิลาลมสลายไมได ดังนั้นการตอสูครั้งนี้…จึงเปนเพียง
การตอสูระหวางกระแสเตา ดวงจิตเทพและจิตวิญญาณ แตถึงแมการตอสูครั้งนี้จะดู
เหมือนเปนภาพลวงตา แตเมื่อวิเคราะหถึงแกนแทแลวก็รวมอยูในการกลับชาติมา
เกิดใหมไดดวย
การบุกเบิกโลกใหมในหวงมายานั้ น การกลั บชาติ มาเกิ ดในโลกนี ้น ั ้น ใช การ
เผชิญหนาระหวางการเกิดใหมเปนปจจัยหลักที่กำหนดทุกสิ่ง นี่…ก็คือพลังพิเศษที่
หวังเปาเลอไดรับหลังจากธาตุทั้งหาเสร็จสมบูรณ
คนที่ทำเชนนี้ไดมีแตผูเยี่ยมยุทธเทานั้น อยางหลัวและกูในตอนนั้นก็ตอสูในการ
เกิดใหม และสุดทายกูก็เปนใายพายแพจึงทำไดเพียงหลบหนีไป
ขณะนี้ก็เชนกัน ขณะที่หวังเปาเลอสะบัดมือ เตาแหงธาตุทั้งหาทอง ไม น้ำ ไฟ ดิน
ของเขาก็ปะทุขึ้นกอตัวเปนกระแสน้ำวนขนาดมหึมาปกคลุมไปทั้งความวางเปลา
กระแสน้ำวนนี้ดูเหมือนจะสามารถกลืนกินไดทุกสิ่งอยาง ทำใหทั้งเขาและรางแยก
มหาเทพ…จมดิ่งลงไปในพริบตา
แมรางแยกมหาเทพที่แปลงกายเปนเด็กหนุมชุดแดงจะไมอยากตอสูในการเกิดใหม
เพราะสำหรั บเขาแคท ำลายโลกศิ ลาด วยการเสีย สละตนเองก็ท ำให ห วัง เป า เล อ
กลายเปนพลังที่ไรรากไดแลวและยอมไรกำลัง ไมอาจสงผลตอการรักษาและการปลุก
มหาเทพไดอีกตอไป
แต…เขาก็พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแลว ขณะเดียวกันรางของเขาก็ไมใชจุดสูงสุด
ทั้งหมดนี้ทำใหเขาไมสามารถยืนหยัดตัวเองและดวงจิตตอหนาการเกิดใหมของธาตุ
ทั้งหาของหวังเปาเลอได จึงจำตองถูกดึงเขาสูการเกิดใหม
และหากจะหาตอตอของทุกสิ่งก็จะพบวา…มันเกี่ยวของกับที่ศิษยพี่เฉินชิงของ
หวังเปาเลอออกไปลวงหนาในตอนนั้น
อาจกลาวไดวาหากเฉินชิงไมออกไปลวงหนาและใชการตายของตัวเองสรางความ
เสียหายใหเด็กหนุมชุดแดง สถานการณตอนนี้จะเปนอยางไรก็ยากจะคาดเดา บางที
อาจไมมีอะไรเปลี่ยนไปเลย หรือบางที…นี่คือฟางเสนสำคัญที่ทำใหเกิดความไมสมดุล
ความจริงจะเปนเชนไรตอนนี้ก็ไมมีใครมีพลังพอจะคิดคำนวณได ตอนนี้ทุกชีวิต
ในโลกศิลาลวนสัมผัสสวรรคคำราม พวกของปรมาจารยตระกูลเซี่ยก็เชนกัน ราวกับ
ถูกพรากวิญญาณไปแลว
แม ส ายตาที ่ ม าจากมหาเทพตั ว จริ ง จะถู ก ดึ ง เข า ไปในกระแสน้ ำ วนแล ว
แตชวงเวลาสั่นๆ ที่มันดำรงอยูก็ยังคงทำใหทั้งโลกศิลาราวกับหยุดหมุน
ไมวากฎหรือขอบังคับใดก็ราวกับถูกแชแข็งไปแลว
มีเพียงปรมาจารยสำนักดาราจันทรและแมนางนอยที่เปนคนนอกเทานั้นที่ยัง
สามารถรักษาจิตใจใหเปนปกติได และกำลังสนใจการตอสูที่เกิดขึ้นในความวางเปลา
แมจะมองไมเห็นสนามรบ เห็นเพียงกระแสน้ำวนในความวางเปลากำลังหมุนวน
สายฟาแลบกะพริบวาบเรื่อยๆ บางก็เปนสีเลือด บางก็พลังปราณของธาตุทั้งหาปะทุ
แตจากการเปลี่ยนแปลงเหลานี้ พวกเขาก็พอจะสันนิษฐานไดวาฝายใดกำลังไดเปรียบ
ตอนนี้สีเลือดถูกกดขมไวอยางเห็นไดชัด พลังปราณของธาตุทั้งหาในกระแสน้ำวน
แผ ข ยาย เงาของธาตุ ท ั ้ ง ห า ราวกั บ จะสยบทุ ก สิ ่ ง เข า ปกคลุ ม เหนื อ กระแสน้ ำ วน
โดยเฉพาะ…เมล็ดพันธุเตาธาตุน้ำ น้ำตาหยดนั้นใสดุจคริสตัล สองแสงเจิดจรัสเหนือ
อีกสี่ธาตุ
ใบหนาเลือนรางของหญิงสาวปรากฏอยูในกระแสน้ำวน
ที่เปนเชนนี้ก็เพราะ…เตาเกิดใหมของธาตุทั้งหานั้นแทจริงแลวเปนภาพมายา
ของโลกทั้งหาซึ่งแตละโลกประกอบขึ้นจากแตละเตา
ดูลวงตาแตก็ดูไมลวงตา
ในเวลานี้เตาแรกที่สำแดงฤทธิ์คือการเกิดใหมของเตาธาตุน้ำ
โลกในการเกิดใหมประกอบดวยน้ำทะเลทั้งหมด ทะเลนี้กวางใหญ ไมมีจุดเริ่มตน
ไมมีจุดสิ้นสุด คลื่นในทะเลพลิกมวนราวกับจะพุงสูทองฟา จากที่ไกลๆ จะเห็นวา
ในทะเลมีรูปปนขนาดใหญยืนอยู
รูปปนนั้นเปนรูปมนุษยดูยิ่งใหญมาก สองเทากำลังเหยียบกนทะเล รางกาย
ครึ่งหนึ่งอยูเหนือน้ำทะเลราวกับกำลังค้ำฟา สองแขนกำลังจับตะขาบยักษที่กำลัง
ดีดดิ้นไมหยุด
ใบหนาของรูปปนนั้นเหมือนกับหวังเปาเลอไมมีผิด เขากำลังหลับตา แตความสงางาม
นั้นกลับยิ่งใหญกวาความเปนจริงมาก ตอนนี้ฟาแลบแปลบปลาบ ทะเลโหมกระหน่ำ
ตะขาบที่ถูกรูปปนหวังเปาเลอจับไวสงเสียงกรีดรองบาดหู
ขณะแผดเสียงรอง มันก็ระเบิดพลังรุนแรงออกมา เทาหยุบหยับบนรางของมัน
เปนเหมือนมีดคมพันรัดรอบแขนของรูปปนจนเกิดรอยขีดขวนสีขาว สงเสียงเฉียบคม
แกรกกรากดังไมหยุด
แตรูปปนนั้นกลับไมแยแสวารอยสีขาวบนแขนตนจะปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ และ
ไม ว นใจว า รอยสี ข าวเหล า นี ้ ก ำลั ง จะทำให ร า งแตกสลาย รู ป ป น นั ้ น ยั ง คงสี ห น า
ไรอารมณ สองมือที่จับตะขาบไวออกแรงฉีกมันมากขึ้นราวกับจะทำใหรางของตะขาบ
ตัวนี้กระจุยกระจาย!
“หวังเปาเลอ!!” ความเจ็บปวดเจียนตายยิ่งทำใหตะขาบตัวนี้ทวีความบาคลั่ง
มันยิ่งดิ้นรนมากขึ้น หมูมวลหมอกสีเลือดผุดพรายไปทั่วบริเวณทำใหสีของน้ำทะเล
เริ่มเปลี่ยนไป แมแตตัวรูปปนเองก็เริ่มผุพัง
แตสุดทาย…ตะขาบสีเลือดก็ยังดอยกวา ขณะที่พลังเทพของมันเปลี่ยนทะเลให
กลายเปนทะเลเลือดและกัดเซาะรูปปนไปเกือบเกาสวนนั้นเอง สองมือของรูปปน
ก็ฉีกดึงจนเกินกวาขีดจำกัดที่ตะขาบจะรับได รางของตะขาบพลันฉีกเปนสองทอน
พรอมเสียงดังสนั่น
เสียงกรีดรองดังกึกกอง ตะขาบที่ถูกฉีกออกเปนสองทอนก็ไดสำแดงความพิเศษ
ของมันออกมาในชวงเวลาแหงความเปนความตายนี้เอง อาศัยชวงเวลาที่รูปปนผุพัง
และพริบตาที่สองมือของรูปปนแยกออกจากกัน รางกายสองทอนของมันก็พังทลาย
ลงดวยตัวเองและกลายเปนเศษชิ้นสวนนับลานกระจายไปรอบๆ บางก็จมลงใตทะเล
บางก็หนีเขาไปในความวางเปลา
และขณะกระจายตัวออกไปมันก็แบงตัวอีกครั้งและกระจายตอไป เปนแบบนี้ซ้ำๆ
…ภายในเวลาสั้นๆ ก็มีจำนวนมหาศาลเกินจะนับไดกระจายไปทั่วทั้งโลกการกลับมา
เกิดของเตาธาตุน้ำ
ส ว นรู ป ป น นั ้ น ขณะที ่ ต ะขาบสลายตั ว ก็ ด ู เ หมื อ นจะสู ญ เสี ย พลั ง ชี ว ิ ต ไป ค อ ยๆ
ขยับไมได และคอยๆ นั่งลง ตั้งแตสวนเอวขึ้นไปเริ่มจมลงสูทะเลราวกับกำลังจะจมน้ำ
จนกระทั่งสวนหัวจมลงสูทะเล ดวงตาที่ปดอยูตลอดเวลาก็…ลืมขึ้นทันใด!
ชั่วอึดใจนั้น ฟาดินพลัน เปลี่ยนสี!
วินาทีนั้น ลมพายุโหมกระหน่ำ!
พริบตานั้น จักรวาลรองคำราม!
วินาทีนั้น จักรวาลตื่นตะลึง!
ทุกสิ่งทุกอยางเกิดขึ้นเพราะ…ดวงตาคูนั้นลืมขึ้น และเสียงจากปากของรูปปนที่
ดังกองไปทั่วทั้งโลกแหงเตาธาตุน้ำ
“เจา หนีไมพนหรอก”
บทที่ 1280 เตาธาตุไฟสยบ
โลกที่เกิดจากธาตุน้ำมีอาณาเขตกวางใหญไรขีดจำกัด ในทางทฤษฎีมันไมมี
ขอบเขตเนื่องจากทุกสิ่งที่นี่ลวนเปนการกลับมาเกิดมายา
สิ่งที่อยูในนี้มีเพียงสิ่งที่เกิดจากกฎแหงน้ำ เชน ทะเล ธารน้ำแข็ง ฝนที่ตกลงมา
เปนตน แต…ทั้งหมดนี้ก็เปลี่ยนไปเพราะการพังทลายของตะขาบสีเลือด
รางที่พังทลายของเด็กหนุมชุดแดงแตกกระจายหลายชิ้นจนไมอาจคำนวณไดใน
ระยะเวลาสั้นๆ และทุกชิ้นสวนที่แตกออกมาก็ไดแทรกซึมไปทั่วทั้งโลกแหงเตาธาตุน้ำ
แลว
แทบจะในทันทีที่พวกมันปรากฏตัวขึ้นก็กลายเปนสิ่งมีชีวิตที่บางเหมือนกัน
บ า งแตกต า งกั น ดั ง นั ้ น …จึ ง เหมื อ นกั บ ว า สิ ่ ง มี ช ี ว ิ ต ได ถ ื อ กำเนิ ด ขึ ้ น แล ว ภายใน
ระยะเวลาสั้นๆ นี้เอง ในโลกแหงเตาธาตุน้ำจึงปรากฏชีวิตขึ้น
ในทะเลมีปลาและกุง มีสัตวย ั กษ มี สิ ่ ง ของลอยอยู มี สาหร ายและทุ กอย าง
สวนบนทองฟาก็ปรากฏนกทุกชนิด พื้นดินเกิดเปนธารน้ำแข็งและเริ่มปรากฏสัตว
ตางๆ จนกระทั่ง…ปรากฏมนุษย
ยิ่งไมตองพูดถึงพืชพันธุตางๆ สีสันของโลกูเปลี่ยนไปเพราะพวกมันปรากฏตัวขึ้น
ยิ่งกวานั้นในการเปลี่ยนแปลงนี้ ทุกชีวิตที่ปรากฏขึ้นในโลกแหงเตาธาตุน้ำนี้ตางมี
เจตจำนงเหมือนกัน
นั่นก็คือ…ทำลายที่นี้ หลบหนีออกจากที่นี่ ฉีกทึ้งทุกสิ่ง ทำใหการเกิดใหมของ
เตาธาตุน้ำพังทลาย เพื่อพลิกสถานการณ และการเปลี่ยนแปลงทุกอยางในโลก
เตาธาตุน้ำก็เสร็จสิ้นในเวลาเพียงแคประโยคเดียว
ประโยคนั้นคือหาคำที่ดังออกมาจากรูปปนที่จมลงสูทะเล
“เจา หนีไมพนหรอก”
หลังจากเอยประโยคนี้ออกไปก็ดูเหมือนภายในโลกแหงเตาธาตุน้ำจะมีเสียง
สะทอนกลับมา เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ และซอนทับกันมากขึ้น เรื่อยๆ ราวกับว า
สิ่งมีชีวิตตางกำลังเอยประโยคนี้ออกมาเชนกัน…
บางทีอาจตองลบคำวาราวกับวาออกไป เพราะ…ในพริบตาที่หาคำนี้ดังออกมา
ในโลกแหงเตาธาตุน้ำที่เต็มไปดวยสิ่งมีชีวิตนี้ จูๆ…ก็มีสิ่งมีชีวิตปรากฏตัวเพิ่มขึ้น
มีปลากุง มีสัตวยักษ มีสิ่งของลอย มีนก สัตว กระทั่งมนุษยเหมือนกัน
มีพืชพันธุ กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่ไมอาจมองเห็นไดดวยตาเปล าก็ กระจายตั ว ไป
ทุกพื้นที่ และทุกชีวิตที่แปลงกายมาจากเด็กหนุมชุดแดงก็…เริ่มตอสู!
ขณะนี้หากยืนดูจากมุมสูงไมวาจะพลังมากหรือพลังนอยก็จะเห็นวากำลังเกิด
สงครามที่สงผลกระทบมหาศาลไปทั่วทั้งโลกแหงเตาธาตุน้ำ
เหตุที่เรียกวาสงครามก็เพราะทุกชีวิต ทุกการดำรงอยูตางกำลังฟาดฟนกันอยู
ในตอนนี้!
จะเห็น…ในทะเล ปลากำลังกินกุง กุงกำลังกลืนสิ่งลอยน้ำ
จะเห็น…ปลาใหญกำลังกินปลาเล็ก สัตวยักษกำลังกินปลาใหญ
จะเห็น…สาหรายกำลังพันรัดฉีกกินกันและกัน
จะเห็น…นกทุกตัวบนทองฟากำลังตอสูกันเอง
จะเห็น…ทวีปบนธารน้ำแข็ง สัตวตางๆ กำลังกรีดรอง พืชพันธุพันรัด สิ่งมีชีวิต
กำลังแผดเสียงคำราม
การเขนฆานับไมถวน การกลืนกินนับไมถวนพบเห็นไดในทุกๆ พื้นที่ แมแต
สิ่งมีชีวิตที่ขนาดเล็กจนมองไมเห็นดวยตาเปลาก็กำลังตอสูกัน
เมื่อครูสัตวปาที่เพิ่งฉีกทึ้งสัตวเล็กก็ถูกสัตวรายกัดเขาที่คอ วินาทีตอมาก็มี
ยักษแหงพงไพรตบฝามือลงมาบดขยี้สัตวรายตัวนั้น ยังไมสิ้นสุดแคนั้น อึดใจตอมา…
กลุมลมสีดำก็พัดมาแทรกซึมเจายักษ จะเห็นไดวามีแมลงเล็กๆ นับไมถวนอยูใน
กลุมลมสีดำนั้น ทั้งกัดทั้งฉีก และเมื่อกลุมลมสีดำนั้นพัดผานไป เจายักษก็ไมเหลือ
แมแตกระดูก
และกลุมลมสีดำนั้นก็ไมไดพัดไปไหนไกลก็ถูกฝนที่ตกลงมาทำลายทิ้ง
ฝนนั้นยังคงอยูไดไมนาน หลังจากตกลงมาก็ถูกสิ่งมีชีวิตที่เผาผลาญทะเลเพลิง
ดวยเปลวเพลิงที่เกินกำลังของมันระเหยไปทั้งหมด…
ซ้ำแลวซ้ำเลา ไรจุดเริ่มตน ไรจุดสิ้นสุด สิ่งมีชีวิตในโลกแหงเตาธาตุน้ำก็ลดลง
อยางรวดเร็ว
และเมื่อจบการตอสูแตละครั้งจะมีประโยคหนึ่งที่สะทอนออกมา
“เจา หนีไมพนหรอก”
ไมรูวาประโยคนี้ดังขึ้นกี่ครั้งแลวในชวงระยะเวลาสั้นๆ นี้ จนกระทั่งมารวมตัวกัน
ในที่สุดราวกับกลายเปนเสียงของเตาสวรรค สะทอนไปมาอยูในโลกนี้อยางเปน
นิรันดร
“เจา หนีไมพนหรอก”
ราวกับเปนคำสาปทุกชีวิตและทุกวัตถุที่แปลงมาจากตะขาบสีเลือดลดลงอยาง
รวดเร็ว แมสิ่งมีชีวิตที่แปลงมาจากหวังเปาเลอจะลดลงไปดวย แตเมื่อเทียบกันแลว
ก็ยังไดเปรียบกวามาก
ในเวลาเดี ย วกั น ทะเลของโลกแห ง เต า ธาตุ น ้ ำ ที ่ ถ ู ก ย อ มเป น สี เ ลื อ ดก็ ค อ ยๆ
ฟนกลับมา รูปปนที่จมลงสูทะเลก็คอยๆ โผลขึ้นมาทามกลางคลื่นโหมกระหน่ำอีกครั้ง
เมื่อสวนที่โผลขึ้นมานั้นใกลจะถึงตำแหนงตาของรูปปนแลว อีกทั้งเสียงเอย
ประโยคนั้นก็ดังกังวานราวกับฟาแลบ ในพริบตาที่ทั้งโลกกำลังปะทุไมหนุดนั้น…
เสียงกรีดรองสะเทือนฟาดินก็ดังมาจากปากของทุกสรรพสิ่งที่แปลงมาจากตะขาบ
สีเลือดที่เหลืออยู
ในเวลาเดียวกันทุกสรรพสิ่งที่แปลงจากตะขาบสีเลือดก็เหมือนกับสัมผัสไดถึง
อันตรายจึงระเบิดตัวกลายเปนเสนยาสูบสีแดงขนาดตางกันไปและพุงจากทุกสารทิศ
ไปรวมตัวกันบนทองฟา ฉับพลันนั้นก็กอตัวเปนรางตะขาบอีกครั้ง ตะขาบตัว นี้
กรีดรองสะบัดรางกายแลวเชื่อมสวนหัวกับหางเขาดวยกัน
เมื่อมันกลายเปนวงกลม ภายในวงกลมก็ปรากฏกระแสน้ำวนขึ้น…ดวงตาจาก
รางจริงของมหาเทพก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
สายตาของเขาเต็มไปดวยอำนาจบารมีเหลือลน ในพริบตาที่เขามองมายังโลก
ทั้งโลกก็สั่นสะเทือนราวกับกำลังจะทนรับไมไหว สิ่งมีชีวิตที่แปลงมาจากหวังเปาเลอ
ตางพังทลายกลายเปนเสนดายนับไมถวนและผสานเขาไปในรูปปนกลางทะเลใน
ชั่วพริบตา ทำใหรูปปนนั้นยิ่งลอยสูงขึ้น สวนหัวโปลพนน้ำ ดวงตาที่กำลังเบิกกวาง
กวาดมองไปยังสายตาของมหาเทพ สายตาที่มองไมเห็นสัมผัสกันทันใด
การปะทะสายตากันกอใหเกิดพลังมหาศาลแผขยายไปรอบบริเวณ ทุกที่ที่มัน
ผานไปลวนทำลายทองฟา ทำลายธารน้ำแข็ง ทำลายทองทะเล จนโลกแหงเตาธาตุน้ำ
แตกกระจายราวกับฟองอากาศ
ตะขาบสีเลือดกะพริบรางกลายเปนแสงเลือดและกำลังจะพุงออกไป สวนรูปปน
หวังเปาเลอก็เต็มไปดวยรอยราว เห็นไดชัดวาสายตาของมหาเทพมีอิทธิพลตอเขามาก
เพียงใด
แตในตอนที่ตะขาบสีเลือดกำลังจะหนีออกจากตรงนี้นั้นเอง หวังเปาเลอก็เอย
เสียงทุมต่ำ
“ไฟ…แหงธาตุทั้งหา!”
ทันทีที่เอยขึ้น โลกแหงเตาธาตุน้ำที่แตกกระจายดั่งฟองอากาศก็พลิกกลับทันที
และกลายเป น ไฟที ่ ด ู เ ป น นิ ร ั น ดร อี ก ทั ้ ง ท า มกลางไฟนี ้ ย ั ง แผ ป ณิ ธ านแห ง เซี ย น
สะทานฟาสะเทือนดินออกมาดวย
ปณิธานนี้เคลื่อนไหวรวดเร็ว ดวยความไรพันธนาการหอหุมตะขาบสีเลือดที่กำลัง
จะหนีอีกครั้ง และโลก…ก็เปลี่ยนไปในพริบตา ทะเลกลายเปนทะเลเพลิง ธารน้ำแข็ง
กลายเปนภูเขาไฟ ทองฟากลายเปนสีเปลวไฟกดทับสวนหัวของตะขาบสีเลือดไว
และสกัดทางหนีของตะขาบสีเลือด!
หากมองจากที่ไกลๆ ทองฟาที่กำลังรวงหลนราวกับพยายามจะบดขยี้ทุกสิ่ง
หากสังเกตอยางละเอียดถี่ถวนจะเห็นวาทองฟาผืนนี้…ก็คืออักขระยักษตัวหนึ่ง
และบนอักขระนี้ก็มีใบหนาของหวังเปาเลอปรากฏอยู
“เจา หนีไมพนหรอก”
บทที่ 1281 ดินแหงธาตุทั้งหา
ทองฟาคำราม!
ทองฟาที่กลายเปนอักขระกำลังสงเสียงคำราม อักขระนั้นเหมือนจะบดขยี้ทุกสิ่ง
ทุกที่มี่มันผานไปจะทำใหทองฟารวงหลน ความวางเปลาพังทลายและสงเสียงปริแตก
เห็นไดดวยตาเปลาวาโลกทั้งใบดูเหมือนจะหดเล็กลงจนจินตนาการไดวาหาก
อักขระบนทองฟายังคงตกลงมาอยางตอเนื่องและฟาดินสัมผัสกันเมื่อไหรก็จะบดขยี้
ทุกสิ่งขางในจนหมดสิ้น และรวมถึง…ตะขาบสีเลือดดวย
ภาพนี้เผยความครอบงำไมรูจบราวกับไมวาเจตจำนงใดก็ไมอาจขวางกั้น ไมอาจ
หลบเลี่ยง ไมอาจตอกร!
โลกแหงเตาธาตุไฟก็เปนเชนนี้แล
อักขระทองฟาลดต่ำลง ทะเลเพลิงลุกโชน โลกทั้งใบดูเหมือนแทรกซึมไปดวย
ปณิธานแหงไฟ แตในความรอนอันแผดเผานี้ก็มีกระแสเซียนอยูดวย
ทะเลเพลิงบาคลั่ง กระแสเซียนไรพันธนาการสุขสงบ
พลังปราณที่ดูเหมือนจะขัดแยงกันอยางสิ้นเชิงทั้งสองนี้ปะปนกันอยูตลอดเวลา
ทำใหโลกแหงเตาธาตุไฟเกิดความบิดเบี้ยว และการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้กอเกิดเปน
พลังสยบสองเทาสำหรับตะขาบสีเลือด
สวนหนึ่งมาจากการสยบทองฟา อีกสวนหนึ่งมาจากการขัดแยงกันของทะเลเพลิง
และกระแสเซียน
อยางแรกมีผลกับกายเนื้อ อยางหลังมีผลกับจิตวิญญาณ
อีกทั้งยังตางจากโลกแหงเตาธาตุน้ำ ที่นี่แมตะขาบสีเลือดจะแปลงเปนทุกสรรพสิ่ง
ก็ไมสามารถอยูรอดในโลกที่เต็มไปดวยความขัดแยงและบิดเบี้ยวได
“บัดซบ บัดซบ บัดซบเอย!!” ในชวงเวลาวิกฤตินี้ตะขาบสีเลือดแผดเสียงกรีดรอง
รางกายกะพริบวาบแปลงจากตะขาบเปนยักษทันที ยักษตัวนี้มีสีแดงทั้งตัว สีหนา
บิดเบี้ยว มันยกสองมือขึ้นพรอมเสียงคำรามกระแทกอักขระทองฟาที่กำลังตกลงมา
อยางแรง สองเทาก็เหยียบลงไปในทะเลเพลิงราวกับยืนอยูตรงจุดต่ำสุดของโลกใบนี้
เมื่อมันลงมาทะเลเพลิงก็สงเสียงคำราม แผนดินสั่นสะเทือน ทองฟาที่กำลังตกลงมาก็
หยุดชะงัก
อยางไรก็ตามรางของยักษสีเลือดตนนี้ก็สงเสียงคำรามออกมาเชนกันราวกับ
ค้ำยันการบดขยี้ของทองฟาไว มันเปนเรื่องยากมากสำหรับเขา แตสุดทายเขาก็
ยันทองฟาไวได เลือดพุงพลานอยูในรางกาย เรี่ยวแรงดูเหมือนจะยิ่งมากขึ้นดวย
เจตนาจะสะทอนแรงบดขยี้จากทองฟากลับไป
ขณะที่ทองฟาคำรามอักขระก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ใบหนาของหวังเปาเลอบนนั้นก็ยิ่ง
ชัดเจนขึ้น หลังจากมองยักษตนนี้อยางเย็นชาแลวก็เอยเสียงเบา
“จมูก เปด!”
ทันทีที่เอยขึ้น ใบหนาหวังเปาเลอบนอักขระก็ขยับจมูกเล็กนอยและสูดหายใจเขา
แรงๆ ทันใดนั้นฟาดินพลันสั่นสะเทือน ลมแรงพลันปรากฏขึ้นกวาดไปทั่วทุกสารทิศ
เพียงอึดใจเดียวก็กลายเปนพายุ เมื่อลมพัดแรงและไฟโหมกระหน่ำ ทะเลเพลิงก็มาถึง
จุดสูงสุด มันลอยขึ้นจากพื้นดินและปกคลุมโลกทั้งใบอยางสมบูรณ
ขณะเดียวกันผนึกก็คลายออก พลังแหงอักขระบนทองฟาพลันปะทุขึ้น มันสองแสง
เจิดจาและพลังจมดิ่งก็เพิ่มขึ้น
แมยักษสีเลือดจะกรีดรองและตอตานดวยกำลังทั้งหมด แตก็ไมอาจยืนหยัดไดนาน
หลัง จากผานไปไมกี่อึดใจทองฟ าที ่ ร องคำรามก็ ก ดลงมาจนร างของยั ก ษ ไ ม อ าจ
ตานทานพลังอันนาสะพรึงกลัวนี้ไดและคอยๆ กมตัวลง
ทะเลเพลิงรอบๆ ก็โหมกระหน่ำมากขึ้น คลื่นความรอนแผขยายเขมขนขึ้นไปอีก
ราวกับจะเปลี่ยนที่นี่เปนหมอลอมโอสถและหลอมละลายทุกสิ่ง
กระทั่งเสียงปริแตกดังขึ้นเรื่อยๆ รางของยักษตนนี้ก็เกิดรอยราวมากขึ้นเรื่อยๆ
และกระจายไปทั ่ ว ทั ้ ง ตั ว ในที ่ ส ุ ด สุ ด ท า ยท า มกลางเสี ย งกรี ด ร อ งร า งของเขาก็
แตกกระจายเปนชิ้นเล็กชิ้นนอย
และเมื่อมันแตกกระจายเปนชิ้นเล็กชิ้นนอยอักขระทองฟาก็ตกลงมือดวยพลัง
อันนาทึ่ง บดขยี้ความวางเปลา บดขยี้ทุกสรรพสิ่งและสัมผัสกับทะเลเพลิงบนพื้นดิน
ในที่สุด
แตทุกอยางยังไมสิ้นสุดแคนั้น
ในพริบตาที่ฟาดินบรรจบกัน จูๆ ก็มีกอนนูนโปงพองขึ้นระหวางฟาดิน มองจะ
ระยะไกลฟาดินดูเหมือนแปงสองแผนที่ถึงแมจะผสานเขาดวยกัน แตขางในกลับมี
ถุงขนาดใหญที่ไมอาจบดขยี้หนือหลอมละลายได และที่นาตกใจคือมันกำลังขยาย
ใหญขึ้นเรื่อยๆ!
หากมองทะลุฟาดินเขาไปก็จะเห็นวาสวนที่นูนขึ้นมานั้นก็คือกระแสน้ำวนสีเลือด
และภายในกระแสน้ำวนนั่นก็คือเคล็ดวิชาลับที่เด็กหนุมชุดแดงใชมาหลายครั้งแลว
ดวงตามหาเทพ
เพียงแตเมื่อเทียบกับสองครั้งกอน ดวงตาในกระแสน้ำวนครั้งนี้ดูเลือนรางลง
อยางเห็นไดชัด แตถึงจะเลือนราง พลังอันนาสะพรึงกลัวของมันก็ยังคงทำใหโลกแหง
เตาธาตุไฟทนรับไมไหวอยางรวดเร็ว สงผลใหทองฟาและพื้นดินเกิดรอยราวราวกับ
ปกคลุมตอไปไมไหวแลว
“แครางแยกรางเดียว แตสายตาจากจักรวาลอันไกลโพน…มีพลังเชนนี้เลยหรือ”
ในตอนนี้ฟาดินกำลังจะพังทลายนั้นเอง เสียงหวังเปาเลอก็ดังกองพรอมถอนหายใจ
เบาๆ รางมายาของเขาปรากฏขึ้นในความวางเปลา และกมหนาลงมองสวนนูนพองใน
ฟาดินที่ผสานตัวกันที่ขยายใหญขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังจะแตกออก
แทบจะในเวลาเดียวกับที่หวังเปาเลอเอยขึ้น ฟาดินของโลกแหงเตาธาตุ ไ ฟ
ก็พ ัง ทลายจากสวนนูนพองนั่นแตกออกกลายเป นเศษชิ ้น เล็ กชิ ้น น อยนั บไมถวน
กระแสน้ำวนสีเลือดปรากฏกาย มันขยายตัวอีกครั้งดวยความเร็วที่นาตกใจเหมือนกับ
จะปกคลุมหวังเปาเลอ
รัศมีสีเลือดเจิดจาแผขยายไปในความวางเปลาจนสะทอนไปถึงจักรวาลโลกศิลา
สงผลใหทุกสรรพสิ่งตื่นตะลึง
พวกปรมาจารยสำนักดาราจันทรที่กำลังติดตามการตอสูครั้งนี้ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้น
เล็กนอย แมแตสายตาจากนอกโลกศิลาก็ยังเพงสมาธิขึ้นไมนอย
อันที่จริงกระแสน้ำวนสีเลือดนี้ขยายตัวเร็วเกินไป เมื่อเทียบกับมันแลว หวังเปาเลอที่
อยูขางๆ ดูเปนเพียงเศษธุลี แตในตอนที่ทุกสายตากำลังจับจองมาทางนี้มากขึ้นนั้นเอง
หวังเปาเลอก็สายหนา สายตาที่สงบนิ่งแตเดิมก็ฉายแววโหดเหี้ยมฉับพลัน
“เชนนั้นแลวสายตาจากรางจริงมหาเทพจะอยูไดนานแคไหนกันนะ” พูดจบ
หวังเปาเลอก็ยกมือขวาขึ้นควาไปทางกระแสน้ำวนสีเลือดที่ยังคงปะทุไมหยุด!
“ดิน…แหงธาตุทั้งหา!”
เมื่อหวังเปาเลอเอยขึ้นและมือขวาควาไป ทันใดนั้นเศษชิ้นสวนฟาดินจากโลก
แหงเตาธาตุไฟก็พลิกมวนกลับราวกับเวลาไหลยอนกลับ มันแตกออกมาอยางไร
ก็กลับไปรวมตัวกันใหมอยางนั้น
เพียงแตครั้งนี้มันไมไดกลับไปรวมตัวเปนหาดินของโลกแหงเตาธาตุไฟ แต…
มันกลับไปปะติดปะตอกันพรอมเสียงหวีดหวิวราวกับจะกอตัวเปนศิลาที่ห อ หุ ม
กระแสน้ำวนนี้ไว!
แมกระแสน้ำวนจะขยายตัวเร็วมาก แตศิลาที่ถูกประกอบเขาดวยกันเร็วกวา!
มองจากที่ไกลๆ เศษชิ้นสวนเหลานี้ก็ดูเหมือนสิ่งกอสรางที่กำลังปะติดปะตอกัน
อยางรวดเร็ว…จากหนึ่งสวนเปนสามสวน เปนหาสวน เจ็ดสวน เกาสวน…
และ…สิบสวน!
ทันใดนั้นกระแสน้ำวนก็หายไป ศิลากอนยักษเขามาแทนที่ในความวางเปลา!
โลกแหงเตาธาตุดินกอตัว!
“สยบอีกครั้ง!” ดานนอกโลกแหงเตาธาตุดิน หูที่ปดผนึกของหวังเปาเลอก็เปดออก
รางกายกลายเปนรุงทอดยาวเขาไปในศิลายักษ
บทที่ 1282 หรือเปนหายนะ
ภายในโลกแหงเตาธาตุดินมีลมพายุโหมกระหน่ำ เสียงกรีดรองดังไมหยุด
ที่นี่ไมมีฟาดิน มีเพียงทรายสีเหลืองกวางไกลสุดลูกหูลูกตา และกระแสน้ำวนจาก
เด็กหนุมชุดแดงก็กำลังบาคลั่งถึงขีดสุด มันปลอยสายฟาสีเลือดฟาดไปทั่วบริเวณ
ขณะเดียวกันก็หมุนเร็วราวกับอยากจะทะลวงทรายสีเหลือง ทำใหโลกแตกสลาย
หากมองจากที่ไกลๆ กระแสน้ำวนสีเลือดนี้ก็ดูเหมือนแหลงมลพิษขนาดมหึมา
ที่พยายามจะสรางมลพิษใหกับทุกสิ่ง ขณะเดียวกันความวางเปลาโดยรอบก็กำลัง
บิดเบี้ยวเปนแนวกวาง
มวลคลื่นอันนาสะพรึงกลัวแผซานออกมาจากกระแสน้ำวน พลังของคลื่นนั้น
สามารถทำลายลางระดับจักรวาลทุกคนในโลกศิลาได อยางเชนพวกของปรมาจารย
ตระกูลเซี่ยนั่นเอง หากพวกเขาอยูที่นี่ ยังไมตองเขาใกลมันหรอก แคเพียงเหลือบตา
มองก็จะเกิดการบาคลั่ง สติสัมปชัญญะพังทลาย
พวกเขาไมอาจมองมันตรงๆ ได ขณะนี้ในกระแสน้ำวนมีสายตาของมหาเทพอยู…
มันจึงนับเปนเทพเจา
แตถึงกระนั้นก็ยังยากที่เด็กหนุมชุดแดงจะหลบหนีไปได กรวดทรายรอบๆ พัดปกคลุม
อยางบาคลั่ง สงผลใหเสียงกรีดรองของเด็กหนุมในกระแสน้ำวนยิ่งทวีความวิตกจริต
มากขึ้น
ที่เปนเชนนั้นก็เพราะวาภายในโลกแหงเตาธาตุดินแหงนี้ยังมีเทพเจาอีกคนหนึ่ง
นั่นก็คือหวังเปาเลอ!
ภายในโลกแหงเตาธาตุดินมีกรวดทรายมากมายนับไมถวนและทุกเม็ด…ลวนมี
เจตจำนงของหวังเปาเลออยูขางใน ใบหนาหวังเปาเลอที่ปรากฏบนเม็ดทรายกำลัง
กวาดมองไปทั่วราวกับจะกวาดลางทุกสิ่งและฝงกลบกระแสน้ำวน
เสียงคำรามดังกึกกอง การตอกรระหวางทรายสีเหลืองกับกระแสน้ำวนทำให
ทั้งโลกสั่นสะเทือน
บนทองฟามีทรายสวนหนึ่งมารวมตัวกันกลายเปนรางหนึ่ง นั่นก็คือหวังเปาเลอ
เขาจองมองกระแสน้ำวนดานลางดวยสายตาล้ำลึก
หวังเปาเลอรูดีวาหากไมมีสายตาของมหาเทพ ดวยพลังตอสูในปจจุบันของเขา
แลวก็สามารถสยบรางแยกเด็กหนุมชุดแดงของเขาไดไมยาก ถึงอยางไรเด็กหนุม
ชุดแดงนี่ก็ไมใชระดับสุดยอดแลว ทั้งออนแอลงหลังจากเจอกับศิษยพี่เฉินชิง และยัง
บาดเจ็บที่ไมอาจรักษาไดในระยะเวลาสั้นๆ นี้อีกดวย
ดังนั้นทั้งสยบและสังหาร ลวนทำไดทั้งสิ้น
แตการปรากฏตัวของสายตาคูนั้น แมแตหวังเปาเลอก็ยังสะพรึงกลัว อันที่จริง
หากเขาประมาทไปเพียงนิดเดียว โลกศิลาก็คงลมสลาย ตอใหเขาสามารถสังหาร
เด็กหนุมชุดแดงไดในที่สุด แตจุดจบเชนนี้ก็ไมใชสิ่งที่หวังเปาเลอตองการ
เขาสูญเสียอดีตกับอนาคตไปแลว หวังเปาเลอไมตองการสูญเสียโลกศิลาแหงนี้ไปอีก
นอกจากนี้…หวังเปาเลอที่มาถึงระดับในปจจุบันนั้นสัมผัสไดถึงความสัมพันธ
ระหวางตนกับโลกศิลาแลว ความสัมพันธเชนนี้เกี่ยวโยงผูดมัดอยางลึกซึ้งนับตั้งแตที่
รางตนแบบของเขาเริ่มถูกจักรพิภพเตาไมรูสิ้นเพรียกหาในจักรพิภพเตาไมรู สิ้น
ที่แทจริง ในการตอสูระหวางจักรพิภพเตาไมรูสิ้นกับจักรพิภพเตาไพศาลแลว
นี่คือเคล็ดวิชาของมหาเทพ และเปนวิธีรักษาตัวเขาดวย
ดั ง นั ้ น หากโลกศิ ล าล ม สลาย ตั ว หวั ง เป า เล อ เองก็ จ ะได ร ั บ ผลกระทบอย า ง
ใหญหลวงไปดวย
ในทำนองเดียวกันยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่โลกศิลาไมสามารถลมสลายได นั่นก็คือ…
โลกศิลาเปนเสนดายเพียงเสนเดียวที่เชื่อมโยงกับมหาเทพ!
หลายปกอนยุคสมัยอันเนิ่นนาน บาดแผลของมหาเทพและตะปูไมสีดำที่ปรากฏ
บนหวางคิ้วของเขาทำใหเขาแทบพินาศ แตเขาก็ยังคิดหาวิธีรอดไดทางหนึ่ง นั่นก็คือ
แยกเปนแสนดวงจิตเทพ สรางเมล็ดพันธุและกระจายมันไปในจักรวาลอันกวางใหญ
หนึ่งแสนดวงจิตนี้กอกำเนิดเปนหนึ่งแสนโลกหรือก็คือหนึ่งแสนจักรพิภพเตาไมรูสิ้น
หลังจากแตละโลกกำเนิดขึ้นก็ทำพิธีอัญเชิญไมสีดำ นำตะปูไมสีดำที่ตรึงไวกลาง
หวางคิ้วมหาเทพแบงเปนหนึ่งแสนสวนผูกติดกับจักรพิภพเตาไมรูสิ้นทั้งหนึ่งแสนโลก
จุดประสงคก็เพื่อทำลายพลังสะกดที่มาจากไมสีดำ
และวิธีเอาตัวรอดนี้ก็ประสบความสำเร็จ นอกจากโลกศิลาแลว จักรพิภพเตาไมรูสิ้น
อีก 99,999 จักรพิภพลวนถือกำเนิดตระกูลไมรูสิ้น มีเวยยางจื่อ กลืนกินโลกทั้งใบ
ไดสำเร็จ รวมถึง…พลังของไมสีดำหนึ่งในแสนนั้นดวย
หลังจากนั้นเวยยางจื่อเหลานี้ก็นำโลกที่พวกเขาอยูรวมเขาดวยกันกลับมาเปน
จักรพิภพไมรูสิ้นที่แทจริงและกลับมาเปนรางมหาเทพ เขาสูกระบวนการตอบแทน
และทำใหอาการบาดเจ็บของมหาเทพฟนฟูขึ้น ขณะเดียวกันตะปูไมสีดำบนหวางคิ้ว
ของเขาก็จะออนกำลังลง
อย า งไรก็ ต ามแม จ ั ก รพิ ภ พเต า ไม ร ู ส ิ ้ น 99,999 จั ก รพิ ภ พจะกลั บ มารวมกั น
ไดสำเร็จ แตตราบใดที่มีเพียงจักรพิภพเดียวที่ไมสำเร็จ ตะปูไมสีดำบนหวางคิ้วของ
มหาเทพก็ไมสามารถจัดการไดอยูดี
หากฝนบังคับทำลายตะปูไมสีดำบนหวางคิ้ว แมผลกระทบจะไมถึงตาย แตมันจะ
ทำใหเขาไมมีโอกาสทะลวงขั้นที่สูงกวานี้ไดอีก และอยางหลัง…ก็คือสาเหตุที่ทำใหเขา
ถูกตะปูไมสีดำตรึงไวนั่นเอง
ดังนั้นในแงหนึ่งก็สามารถมองตะปูไมสีดำเปนหายนะอยางหนึ่งที่หากจะขึ้นไปถึง
ระดับสูงอยางแทจริง…มันก็เปนหายนะที่ไมอาจหลีกเลี่ยงได!
หายนะไมสีดำ!
หากมหาเทพเอาชนะหายนะไดสำเร็จ เขาก็จะทะลวงขั้นได
แตนาเสียดาย การปรากฏตัวของโลกศิลาทำใหโอกาสเอาชนะหายนะครั้งนี้ลดลง
ประการแรกเพราะกูและหลัวทำใหที่แหงนี้เกิดตัวแปร ประการที่สองเพราะ
พอของหวังอีอีทำใหตัวแปรนี้ยิ่งขยายเปนวงกวาง แนนอนวายังมีแรงผลักดันจากใคร
บางคนที่ไมทราบจุดประสงคอยูดวย ดังนั้นสุดทายแลว…วิวัฒนาการของโลกศิลาจึง
คอยๆ ตางไปจากชะตากรรมที่ดวงจิตมหาเทพมอบให
และนี่จึงไดนำไปสูการเติบโตของหวังเปาเลอ รวมถึงกำเนิดจิตใตสำนึกของเขา
ดังนั้นหลังจากมหาเทพทราบเรื่องนี้จึงไดแยกรางออก และนั่นก็คือการมาถึงของ
เด็ ก หนุ ม ชุ ด แดง สำหรั บ เขานั ้ น ต อ งแก ไ ขให ท ุ ก อย า งกลั บ สู ว ิ ถ ี เ ดิ ม หรื อ ไม ก็ …
ตองทำลายโลกศิลาทิ้งไปเพื่อทำใหการเชื่อมโยงเหตุตนผลกรรมระหวางที่แหงนี้กับ
มหาเทพตัดขาดจากกันอยางสิ้นเชิง
แมวาการตัดขาดอยางหลังจะทำใหมหาเทพพายแพในการเอาชนะหายนะครั้งนี้
แตหากไมตัด โลกศิลา…จะกลายเปนจุดออนรายแรงของมหาเทพที่รางกายเกี่ยวโยง
กับมัน
ดังนั้นการปรากฏตัวของหวังเปาเลอไดทำใหทันทีที่ฝายเด็กหนุมชุดแดงพายแพ
ไมวาจะทำอยางไรลวนตองพบกับความสูญเสียครั้งใหญ
หวังเปาเลอเหมือนกับ…อาวุธ เปนอาวุธที่ทำใหมหาเทพไมสามารถเติมเต็ม
ไดสมบูรณ อีกทั้งยังเกิดจุดออน
เรื่องเหตุตนผลกรรมพวกนี้ แมหวังเปาเลอจะไมเขาใจอยางถองแท แตก็เดาได
เกินครึ่ง สำหรับเขาไมวาจะเปนเชนไร โลกศิลาก็จะลมสลายไมได
ฉะนั้นสิ่งที่ห วัง เปาเลอจำเปน ตองทำก็ คื อทำให สายตาจากมหาเทพอ อ นลง
ดวยการเกิดใหมของธาตุทั้งหา ทำใหสายตานั้นคอยๆ ออนแอลงจนไมสงผลใดๆ
ตอโลกศิลาอีก ซึ่งนั่นก็คือ…ตอนที่เด็กหนุมชุดถูกสยบและสังหารสิ้นนั่นเอง
ฝายเด็กหนุมชุดแดงนั้นเขายอมเขาใจทุกอยางชัดเจนกวา ดังนั้นในโลกแหงเตา
ธาตุน้ำจึงคิดจะหลบหนีไป ในโลกแหงเตาธาตุไฟจึงยิ่งพยายามออกไปไมวาจะดวย
วิธีใดก็ตาม
นี่เปนทางรอดเดียวที่เขามี
จะถูกหวังเปาเลอสยบ หรือ…จะพุงออกไปจากการเกิดใหมของเตาทั้งหาธาตุและ
ทำลายโลกศิลาเพื่อหยุดการสูญเสียของตน แมรางตนแบบจะเอาชนะหายนะไมได
แตก็จะไมมีจุดออนอีกตอไป!
ความเสี ย ใจที ่ ย ิ ่ ง ใหญ ท ี ่ ส ุ ด ของเขาคื อ ก อ นหน า นี ้ ไ ม ไ ด ท ำลายโลกศิ ล า
อยางเด็ดขาด ถึงอยางไร…นี่ก็เปนความหวังที่รางของเขาจะทะลวงขั้นได หากไมใช
ทางเลือกสุดทาย เขาก็ไมอยากทำ
และความคิดนี้ก็ไดนำพาเรื่องราวตางๆ มาสูที่ที่เปนอยูในตอนนี้
ขณะที่จองมองอยู หวังเปาเลอก็หรี่ตาลงแลวจูๆ ก็ยกมือขึ้น ทันใดนั้นทั้งโลก
แหงเตาธาตุดินก็รองคำราม เม็ดทรายนับไมถวนรวมตัวกันตรงหนาเขาอยางรวดเร็ว
และกอตัวเปนฝามือยักษที่ดูเหมือนจะปกคลุมไดทั้งทองฟา กดลงไปยังกระแสน้ำวน
สีเลือดดานลาง!
บทที่ 1283 เหตุตนผลกรรมยอนกลับ
โลกแหงเตาธาตุดินยังไมเพียงพอที่จะสยบเด็กหนุมชุดแดงได หวังเปาเลอรูเรื่องนี้ดี
แตเปาหมายของเขาก็ไมไดคิดจะจัดการทุกอยางใหจบในโลกแหงเตาธาตุดินอยูแลว
สิ่งที่เขาจะทำคือลดทอนพลังสายตาจากมหาเทพเรื่อยๆ และเมื่อสายตามหาเทพ
ออนแอลงอยางไรที่สิ้นสุดนั่นก็คือเวลาแหงการสังหารเด็กหนุมชุดแดง
“การตอสูครั้งนี้ ขาเอาชนะได” ขณะพึมพำ เม็ดทรายที่มารวมตัวกันก็กอตัวเปน
ฝามือยักษอันนาสะพรึงกลัวก็ตกลงบนกระแสน้ำวนสีเลือดพรอมเสียงคำรามลั่น
กระแสน้ำวนสีเลือดนั่นพลันหดตัวลงทันทีราวกับถูกฝามือยักษเตาธาตุดินของ
หวังเปาเลอบดขยี้ แตเห็นไดชัดวาเด็กหนุมชุดแดงไมยินยอม เสียงกรีดรองดังออกมา
จากนั้นกระแสน้ำวนสีเลือดก็ระเบิดออก สายตาจากมหาเทพขางในก็ยิ่งแข็งแกรง
อยางสุดจะพรรณนา มันจับจองมาที่หวังเปาเลอ
เพียงเหลือบตามองก็ฟาดินสั่นสะเทือน ฝามือยักษก็แตกกระจายเปนชิ้นเล็กชิ้นนอย
ทันที อีกทั้งเม็ดทรายทุกเม็ดก็ยังดูราวกับทนรับสายตานั่นไมไหวและแตกเปนเสี่ยงๆ
กลายเปนเถาธุลี
จนกระทั่งฝามือเตาธาตุดินราวกับถูกลบทิ้งไป จากนั้นสายตาจากมหาเทพก็ตกลง
บนรางของหวังเปาเลอในที่สุด
หวังเปาเลอตัวสั่น ตรงหนาพลันปรากฏภาพวาดที่ไมเหมือนกันขึ้นมาสองภาพ
ภาพหนึ่งคือรางขนาดมหึมารางหนึ ่ง กำลังนั ่ง ขั ดสมาธิอยูใ นที่ มื ดมิด รางนั ้ นแผ
ความกดดันอันนาสะพรึงกลัวไปทั่ว บัดนี้รางนั้นกำลังเงยหนา ดวงตาที่ดูเหมือน
บรรจุจักรวาลไดมองมาที่เขาอยางเย็นชา
ดวงตาเย็นชา รางกายดั่งเทพเจา!
สวนอีกภาพหนึ่งคือภาพเด็กหนุมชุดแดงที่ผมกระเซิง ทาทางชั่วชา ดวงตาบาคลั่ง
ในกระแสน้ำวน สองคน สองภาพปรากฏอยูในดวงตาซายและขวาของหวังเปาเลอ
กอนจะซอนทับกันเปนภาพเดียวในวินาทีตอมา
ในพริบตาที่มันรวมกันเปนหนึ่งเดียว รางกายหวังเปาเลอก็รองคำราม กอนที่พลัง
โจมตีที่อธิบายไมไดจะจูโจมจิตใจ ดวงวิญญาณเทพและจิตใตสำนึกก็ราวกับใกลจะ
พังทลาย ในเวลาเดียวกันโลกแหงเตาธาตุดินที่มีรากฐานมาจากเขาก็เริ่มพังทลายลง
ไปดวย
เมื่อเห็นโลกกำลังจะแตกสลาย ดวงตาในกระแสน้ำวนสีเลือดคูนั้นก็ฉายแววชั่วราย
ขึ้นมาฉับพลัน เด็กหนุมชุดแดงที่อยูขางในทำใหกระแสน้ำวนยิ่งใหญขึ้นเรื่อยๆ ราวกับ
จะฉีกโลกใบนี้ออกจากกัน
ในตอนนั้นเองจูๆ หวังเปาเลอที่ยกมือซายขึ้นแลวเอยเสียงต่ำ
“กระบวนทาสารัตถะ!”
ทันทีที่เอยขึ้นความวางเปลารอบตัวหวังเปาเลอก็บิดเบี้ยวทันที รางที่เหมือนเขา
ทุกประการจำนวนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น นี่ก็คือรางแยกที่เกิดจากการขมกลั้นระดับ
การฝกตนกอนหนานี้นั่นเอง
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น ทุกรางก็ระเบิดแสงเจิดจาราวกับดวงอาทิตย กอนจะพุงตรง
ไปยังกระแสน้ำวนสีเลือดที่ขยายตัวไมหยุดดานลาง
เสียงคำรามพลันดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเผชิญหนากับการโจมตีจากรางแยกหวังเปาเลอ
เด็กหนุมชุดแดงในกระแสน้ำวนก็หนาเปลี่ยนสี อันที่จริงสงครามระหวางเขากับ
หวังเปาเลอในตอนนี้ไดครอบงำจิตใจไปหมดแลว อีกทั้งเคล็ดวิชาลับที่เขาใชยังเพิ่ม
พลังดวงตาเขาไปใหล้ำลึกยิ่งขึ้นโดยไมสนวาตองแลกกับสิ่งใด เดิมทีเขาตั้งใจจะฮึดสู
อยางเด็ดเดี่ยวพลิกแพเปนชนะจึงไมสามารถแยกพลังจิตออกมาไดเลย
เพราะฉะนั้นการโจมตีจากรางแยกเหลานี้ยอมสงผลกระทบและความผันผวนแกเขา
หากมีเพียงแคนี้ก็ไมเทาไหร เขายังสามารถจัดการไดอยู เขาจะเล็งเปาไปที่
หวังเปาเลอเหมือนเดิมเพื่อทำใหดวงวิญญาณเทพของหวังเปาเลอแตกสลาย
ทวา…หวังเปาเลอที่ปลอยรางแยกออกมามากมายนั้น ในพริบตาที่รางแยก
ปรากฏตัว ระดับการฝกตนของเขาก็พุงทะยานขึ้นอีก ถึงอยางไร…รางแยกพวกนั้น
ก็เปนสิ่งที่เขาผนึกไวดวยตัวเอง ตอนนี้เมื่อเปดผนึกออกจนหมดจึงไดระเบิดแสงเจิดจา
เหนือทุกสรรพสิ่งราวกับกลายเปนแหลงกำเนิดแสงแหงแรกของโลกใบนี้ก็ไมปาน
การระเบิดพลังแหงแหลงกำเนิ ดแสงนี้ สง ผลให ฝ ายเด็ กหนุ มชุ ดแดงที่ ไ ด รั บ
ผลกระทบจากร า งแยกไปแล ว ไม ส ามารถคงสภาพดวงตาไว ไ ด อ ย า งก อ นหน า นี้
จึงออนแอลงในพริบตา
และความออนแอในพริบตาเดียวนี้ก็ทำใหทุกอยางตรงหนาหวังเปาเลอกลับมา
ชัดเจนดังเดิม แมความหวาดกลัวจะยังคงหลงเหลืออยู แตจิตสังหารในดวงตาก็รุนแรง
ไมแพกัน เขาสะบัดมือขวาขึ้นกะทันหัน
“ทอง…แหงธาตุทั้งหา!”
ทันทีที่เอยขึ้น ทุกอยางรอบตัวก็ไมไดเปลี่ยนไปแตอยางใด ยังคงเปนโลกแหงเตา
ธาตุดินที่กำลังพังทลายอยางตอเนื่อง ภาพนี้ทำใหเด็กหนุมชุดแดงในกระแสน้ำวน
สีเลือดเผยแสงเจิดจาในดวงตา กอนจะยิ่งระเบิดพลังรุนแรงขึ้นอีก
“หวังเปาเลอ ดูทาธาตุทองของเจาจะสูขาไมไดนะ!” เสียงเด็กหนุมชุดแดงดังลอยมา
กระแสน้ำวนสีเลือดก็สงเสียงคำราม กอนที่รางแยกหวังเปาเลอจะกระเด็นออกไป
ทั้งหมด มันขยายตัวตอไป ขณะเดียวกันสายตาจากรางตนแบบมหาเทพก็แผแรง
กดดันอันนาสะพรึงกลัวออกมาอีกครั้ง
สงผลใหโลกแหงเตาธาตุดินยิ่งพังทลายอยางรุนแรงราวกับพรอมจะแตกสลายได
ทุกเมื่อ
“นั่นเปนเพราะเจาไมเขาใจ…วาธาตุทองของขาคืออะไร” หวังเปาเลอยังมีสีหนา
สงบนิ่งเมื่อตองเผชิญหนากับการลมสลายของโลกแหงเตาธาตุดินและคำพูดของ
เด็กหนุมชุดแดง กอนจะวางมือขวาลง
นั่นเปนการกระทำที่เรียบงาย ดูไมมีอะไร ทวาในพริบตาที่หวังเปาเลอวางมือลง
ไปนั้นเอง…
เด็กหนุมชุดแดงในกระแสน้ำวนสีเลือดหนาเปลี่ยนสีกะทันหัน
“นี่มัน…”
ไมรอใหเขาเอยจนจบก็เกิดแสงสีเงินออกมาจากความวางเปลารอบกระแสน้ำวน
สีเลือดทันใด มันรวมตัวกันอยางบาคลั่งตรงกระแสน้ำวน แสงเหลานี้มากมายเหลือ
คณานับ หากมองดวยตาเปลาจะดูหนาแนนไรที่สิ้นสุด ดูเหมือนมันจะถักทอและ
กอตัวเปนกระบี่ยาวสีเงินสองทอนที่ปลายกระแสน้ำวนสีเลือดทั้งสองขาง
พูดใหชัดเจนคือสวนหนึ่งคือปลายกระบี่ สวนหนึ่งคือดามกระบี่ สวนตรงกลาง…
ก็คือตัวกระแสน้ำวน จะเห็นไดวาจุดเชื่อมตอระหวางกระแสน้ำวน ปลายกระบี่
และดามกระบี่เกิดรอยราว
รอยราวนั้นขยายใหญขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเสนสีเงินจำนวนมากหลั่งไหลมารวมตัวกัน
ที่ตรงนี้และกอตัวขึ้นเปน…ตัวกระบี่!
ชวงเวลาที่ตัวกระบี่กำลังกอตัว กระแสน้ำวนสีเลือดก็สงเสียงคำรามราวกับ
ถูกตัดขาด…เปนสองสวน!
ยังไมจบแคนั้น ขณะที่มันถูกตัดเปนสองสวน กระบี่สีเงินที่กอตัวเสร็จสมบูรณก็
ยกขึ้นลอยไปยังหวังเปาเลอ มันเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตรงหนาหวังเปาเลอและ
หวังเปาเลอก็ความันไว มันก็กลายเปนขนาดปกติ
มือที่ถือกระบี่ก็ยกขึ้น จากนั้นกระบี่ก็กลายเปนเสนสีเงินแผกระจายไปทั่ว…
นั่นเปนภาพที่หากมีใครพบเห็นจะตองตกตะลึงจนตาคาง
เพราะ…ทั้งหมดนี้ดูเหมือนไมสมเหตุสมผล แต…หากมองยอนกลับไปที่ภาพนี้…
ก็จะพบวาทุกอยางสมเหตุสมผลยิ่ง!
ยกมือขึ้น กระบี่รวมตัว ตัดเปนสองสวน กระบี่กระจาย
โลกแหงเตาธาตุทองนั้นไมเหมือนคนอื่น
“นี่ก็คือโลกแหงเตาธาตุทองของขา หรือเรียกวา…เหตุตนผลกรรม” หวังเปาเลอ
กมหนามองกระแสน้ำวนสีเลือดที่แยกเปนสองสวนดวยสายตาลึกลับ
บทที่ 1284 คำเดียวกำหนดเตา
ขณะเดียวกันกับที่หวังเปาเลอเอยขึ้น เสียงคำรามก็ดังออกมาจากในกระแสน้ำวน
สีเลือดที่ถูกตัดออกจากกัน สายฟาสีเลือดกะพริบวาบอยูระหวางกระแสน้ำวนทั้ง
สองสวนอยางตอเนื่อง
เสียงกรีดรองยิ่งพุงทะยานขึ้นฟา หากสังเกตดีๆ จะเห็นวาดวงตามหาเทพใน
กระแสน้ ำวนสีเลือดก็ถูกฟนขาดออกจากกั น ด วยเช น กั น นอกจากนี ้ ใ บหน าของ
เด็กหนุมชุดแดงก็ถูกฟนขาดจากกลางหวางคิ้ว
ขณะนี้สายฟาเพิ่มจำนวนขึ้น กระแสน้ำวนก็ดูเหมือนจะใชพลังทั้งหมดเพื่อ
รวมเขาดวยกันอีกครั้ง
หวังเปาเลอที่กำลังจองมองทุกอยางเงยหนาขึ้นอยางไมสนใจอะไรราวกับมองไป
ไกลแสนไกล สายตาเขา…เหมือนกับไมไดมองโลกใบนี้ แตเปนนอกโลกศิลา
แตทุกการกระทำนั้นก็หายวับไปในฉับพลันจนยากจะสังเกตเห็น วินาทีตอมา
เขาก็ ก ม มองกระแสน้ ำ วนสี เ ลื อ ดต อ นั ย น ต าปรากฏความเย็ น ชาอย า งชั ด เจน
เขาบอกตั ว เองในใจว า การกลั บ มาเกิ ด ของธาตุ ท ั ้ ง ห า ดำเนิ น มาถึ ง ธาตุ ท ี ่ ส ี ่ แ ล ว
เหลือเพียงธาตุไมเทานั้นที่ยังไมไดสำแดงออกมา และเตาธาตุไม…ก็เปนเตาสารัตถะ
เปนเตารากฐานของเขา ขณะเดียวกันก็เปนเตาที่แข็งแกรงที่สุด
ดังนั้นเขาตองสรางโอกาสที่จะระเบิดเตาธาตุไมของตนออกมาไดอยางสมบูรณ
และตอนนี ้ … ดวงตามหาเทพที ่ ถ ู ก สี ่ ธ าตุ ก อ นหน า ตั ด กำลั ง ลงอย า งต อ เนื ่ อ งได
ไรแรงกดดันอันนาสะพรึงกลัวไปหมดแลว และตอนนี้…ก็เปนเวลาที่เขาจะใชเตา
ธาตุไมแลว
วินาทีตอมาเมื่อกระแสน้ำวนสีเลือดพยายามจะกลับมารวมตัวกันนั้นเอง หวังเปาเลอก็
ยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นทั้งโลกก็รองคำราม ดานหลังเขาพลันปรากฏไมขนาดใหญ
ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
และนี้ก็คือไมแหงชีวิตของหวังเปาเลอ ตะปูไมสีดำ!
ไมนี้สีดำสนิทแผพลังปราณเกาแกโบราณ อีกทั้งยังมีความรูสึกถึงวันคืนอันไรที่
สิ้นสุดแผออกมาจากบนไมสีดำ สงอิทธิพลตอความวางเปลาไปยังจักรวาล สงผลให
โลกทั้งใบราวกับยอนไปในสมัยโบราณ
อีกทั้งสายฟาสีดำก็ไดปรากฏขึ้นพรอมไมสีดำแผไปทั่วทุกสารทิศและยิ่งปรากฏ
มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด…ก็แทรกซึมและแทนที่จักรวาล
จักรวาลกลายเปนทะเลสายฟา!
หากมองขึ้นไปจะพบวาสายฟาสีดำนั้นบาคลั่งถึงขีดสุด และไมสีดำที่ลอมรอบดวย
สายฟาก็กำลังแผแรงกดดันอันนาสะพรึงกลัวออกมาเหมือนกับ…พลังแรกแหงจักรวาล
สามารถใหกำเนิดทุกสิ่งและทำลายทุกสิ่งได
หวังเปาเลอตรงหนาไมสีดำเมื่อเทียบกับไมสีดำทั้งแผนและสายฟาเหล านั้น
ตัวเขาเปนดั่งเศษธุลีไรชีวิต ในความรูสึกของคนนอกราวกับวาทุกสวนของเขา ทั้งหมด
ของเขาตางผนึกรวมเขากับไมสีดำไปแลว
ไมสีดำคือเขา เขาคือไมสีดำ
รัศมีดั่ง รุง สะเทือนฟ า ดัง ไปยัง ความว างเปล าของโลกศิ ลา ส ง ผลให ท ุ ก ชี วิ ต
ในจักรพิภพทยอยตื่นจากการถูกสายตามหาเทพตรึงจิตวิญญาณ ทั้งหมดตางเกิด
คลื่นลูกใหญขึ้นในสัมผัสสวรรคราวกับไดเห็นเทพเจา
ไมวาระดับการฝกตนใด ไมวาสิ่งมีชีวิตใดลวนตัวสั่นสะทาน
พลังปราณนี้ไดแผขยายออกมาจากโลกศิลาเชนกัน สงผลใหสายตาจากนอกโลกศิลา
ที่กำลังใหความสนใจทางนี้ยิ่งทวีความสนใจยิ่งขึ้น
ในตอนนั้นเอง…หวังเปาเลอตรงหนาไม สี ดำเงีย บไปครู หนึ่ง จากนั้นมือ ขวา
ที่ยกขึ้นก็คอยๆ วางลง
ตูม!
ทันทีที่วางมือลง ความวางเปลาพลันเกิดเสียงคำราม โลกศิลาสั่นสะเทือนอยาง
รุนแรง ไมสีดำดานหลังเขาเคลื่อนสายฟาซึ่งมีมันเปนศูนยกลางลงไปยังกระแสน้ำวน
สีเลือดดานลางชาๆ!
เมื่อมองใกลๆ นี่คือไมสีดำขนาดมหึมากำลังจุติ แตหากมองจากที่ไกลๆ …ไมสีดำนี้
ก็คือตะปูหนึ่งตัวกำลังเขาไปใกลกระแสน้ำวน เขาไปใกลเด็กหนุมชุดแดงที่อยูขางใน
ดวยสายฟาที่มาพรอมรัศมีที่ไมอาจหยุดยั้ง ไมอาจหลบหนี
กระแสน้ำวนสีเลือดที่กำลังกลับมารวมตัวกันก็ดูเหมือนไมอาจทนรับแรงกดดัน
อันนาสะพรึงกลัวนี้ไดจึงสั่นสะเทือนอยางรุนแรงและหยุดรวมตัวกันทันที แมแต
กระแสน้ำวนที่ถูกตัดแบงเปนสองสวนก็ยังเกิดรอยราว
เด็กหนุมชุดแดงที่ถูกฟนที่หวางคิ้วกำลังตื่น ตระหนกสุ ดขี ด เขาสัมผัสได ถึง
อันตรายอยางรุนแรง สัมผัสไดถึงความตายที่อยูใกลแคเอื้อม
ราวกับสวมเสื้อผาบางๆ แตอยูในปาอันหนาวเหน็บ รูสึกหนาวสั่นจากภายใน
สูภายนอก ขณะเดียวกันความทรงจำจากรางตนแบบก็ถูกปลุกใหตื่นขึ้น
ภาพตะปูไมสีดำสะกดรางตนแบบในตอนนั้นผุดขึ้นในใจเด็กหนุมชุดแดง
“เจ า ไม ม ี ท างสะกดข า ได เ ป น ครั ้ ง ที ่ ส องหรอก!” เด็ ก หนุ ม ชุ ด แดงกรี ด ร อ ง
อยางโกรธจัด เขารูวาตนผสานกระแสน้ำวนไมทันแลวจึงสะบัดมือทั้งสองขางแรงๆ
ทันใดนั้นกระแสน้ำวนสีเลือดที่ถูกตัดเปนสองสวนก็กลายรางเปนกระแสน้ำวนสีเลือด
สองวง
ตั ว เขาเองก็ แ บ ง เป น สองส ว นและกลายร า งเป น ตั ว เองสองร า งเช น กั น
กระแสน้ำวนทั้งสองเริ่มหมุนพรอมกัน ขางในปรากฏดวงตามหาเทพวงละหนึ่งขาง
การปรากฏตัวของดวงตาทั้งสองภายใตการอุทิศตนของเด็กหนุมชุดแดง และ
เคาโครงใบหนาเลือนรางทำใหหากมองจากที่ไกลๆ สิ่งที่ปรากฏอยูดานลางตะปูไม
สีดำคือใบหนาขนาดมหึมา!
ใบหนานั้นเหมือนกับเวยยางจื่อ เหมือนกับเด็กหนุมชุดแดง นั่นคือ…ใบหนา
ที่แทจริงของมหาเทพ!
แมสวนอื่นๆ บนใบหนาจะเลือนราง แตดวงตาคูนั้นกลับมีพลัง เมื่อเสียงกรีดรอง
ของเด็กหนุมชุดแดงดังกองไปทั่ว ใบหนามหาเทพก็ราวกับอาปากสงเสียงกรีดรองขึ้น
ไปยังตะปูไมสีดำดานบนไปดวย
เสียงกรีดรองจนทองฟาแตกกระจาย ระเบิดกำลังทั้งหมดราวกับเดิมพันดวยชีวิต
ไดกอตัวเปนพลังโจมตีจนตะปูไมสีดำสั่นสะเทือนเล็กนอย แตพลังไมไดหยุดชะงัก
แตอยางใด เมื่อมันอยูเหนือหวางคิ้วของใบหนายักษนั้นขึ้นไป 10 จั้งจึงคอยๆ หยุดลง
เพราะถูกสกัดกั้นจากพลังที่ใบหนามหาเทพระเบิดออกมา
“สะกด!” แทบจะในพริบตาที่ตะปูไมสีดำถูกสกัด หวังเปาเลอก็เปดรูทวารทั้งเจ็ด
รางสารัตถะทั้งหมดรอบตัวเขาตางรวบรวมพลังตะโกนเสียงดัง
ทั น ที ท ี ่ เ อ ย ขึ ้ น ฟ า ดิ น พลั น ร อ งคำราม จั ก รวาลแหลกสลาย ตะปู ไ ม ส ี ด ำ
พลันทะลวงผานปราการของใบหนามหาเทพ ทวาในตอนนั้นเองใบหนามหาเทพก็
พรามัวและกลายรางเปนเด็กหนุมชุดแดง โดยไรความบาคลั่งอยางกอนหนานี้ มีแต
ความสงบนิ่ง เขาเอยวา
“ขามหาเทพ ที่สุดแหงจักรวาล จุดเริ่มตนกฎ ผูฆายอมฆาตัวตาย!”
ประโยคสุดทายรวม 18 คำ ทุกคำที่เอยออกมา ใบหนามหาเทพจะหรี่แสงลงทีละนิด
หลังจากเอยจบดวงตาของใบหนามหาเทพก็เหมือนกับสละพลังทั้งหมดและจางสนิท
อยางไรก็ตาม แมดวงตาจะหรี่แสงลง แตทั้ง 18 คำที่เอยออกไปนั้นกลับมีพลังที่
อธิบายไมถูก โลกศิลาสงเสียงกึกกอง จักรวาลอันกวางใหญดานนอกสั่นไหว ในจำนวน
กฎนับอนันตดูเหมือนจะมีกฎอีกขอหนึ่งปรากฏขึ้น กฎนั้นก็คือประโยคนี้นั่นเอง
มั น หลอมรวมเข า กั บ วิ ถ ี เ ต า นั บ หมื ่ น ที ่ ส ง ผลต อ โลกศิ ล า ทำให ภ ายในโลกศิ ล า
เกิดกฎเตาขอนี้ขึ้นไปดวย
ซึ่งนี่มันมากกวาคำพูดเกิดเปนกฎแลว นี่มัน…คำเดียวกำหนดเตา!
บทที่ 1285 ขอบเขตความรู
ความแตกตางที่เปนพื้นฐานที่สุดระหวางออกกฎตามคำพูดกับคำพูดกำหนดเตา
ก็ ค ื อ กฎเวทที ่ ค นแรกรวบรวมมาทั ้ ง หมด คล า ยกั บ ว า ไม ม ี ส ิ ่ ง ใดที ่ ไ ม อ าจทำได
แตบนความเปนจริงลวนเปนกฎที่มีมาบนโลกแตเดิมที
และคนหลัง ก็สรางเรื่องขึ้นมาตั้งแตตนจนจบ เพื่อที่เขารวมใหได และ…เมื่อได
เขารวม ก็จะคงอยูตลอดไป
ทั้งสองฝายเปนเชนผูสืบทอดและผูกอตั้ง ดูคลายกัน เพียงแตเปนคุณสมบัติที่
แตกตาง
เวลานี้คำกำหนดเตาที่ชายหนุมสีโลหิตใชออกมา มีพลังจนนาตระหนก สงผล
กระทบตอโลกแหงศิลายิ่งนัก ทำใหโลกแหงศิลาสั่นไหวอยางรุนแรง เรื่องที่กุขึ้นนั้น
เปนกฎที่เกิดจากความวางเปลา จากภายนอกสูภายใน มาบรรจบภายในโลกแหงการ
เวียนวายของเตาธาตุไมของหวังเปาเลอ
ภายในโลกแหงการเวียนวายของเตาธาตุไม เวลานี้เสียงคำรามกองกัมปนาท
ตะปูไมดำที่อยูเหนือใบหนามหาเทพที่จำแลงมาจากชายหนุมสีโลหิตไปสิบจั้ง เวลานี้
ก็สั่นอยางรุนแรงเชนกัน ราวกับจะรับไวไมไหว ตรงขอบของมันเริ่มเกิดรอยแตก
คล า ยกั บ ถู ก ทำลาย จนแตกเป น เสี ่ ย งๆ กระจายออกไปรอบด า นแล ว ก็ ส ลายไป
เพียงไมกี่อึดใจก็ถูกทำลายไปกวาเจ็ดแปดสวน
ทำใหความวางเปลารอบดานมันกลายเปนความขมุกขมัว ดวยเพราะถูกฉาบไป
ดวยการทะลายของไมขนาดใหญ
โดยเฉพาะเปนไมมหึมานี้ เวลานี้เมื่อมองไปแลว ยากเกินกวาที่จะเรียกมันวาเปน
ไมมหึมาเหมือนเป นทอ นไมม ากกว า กระทั ่ ง มองจากไกลๆ ก็ มิ ใ ช ตะปู อี ก ต อ ไป
เหมือนเปนไมฝอยเสียมากกวา
และยังคงแหลกสลายไปอยางตอเนื่อง
ดูเหมือนในเวลาไมนาน ไมดำนี้ถูกพังทะลายจนเปนเถาธุลี
เหตุการณจากภายนอก ไมวาจะเปนผูใดมองไป ตางก็มองออกวาหวังเปาเลออยู
ทามกลางวิกฤตและความออนแออยางรุนแรง กระทั่งชีวิตก็อยูบนเสนดาย
อยางไรก็ตาม ไมดำเปนรางของเขา เมื่อไมดำถูกทำลายอยูตรงนี้ เชนนั้นรางของ
หวังเปาเลอเอง ก็ยากนักที่จะดำเนินตอไปได
โดยเฉพาะการพลิกกลับทั้งหมดนี้เร็วเกินไป ในโลกหาธาตุสี่เตากอนหนานั้น
หวัง เปาเลออยูเหนือการครอบครองอย างชั ดเจน แต เวลานี ้ … ภายในเต าธาตุไม
สารัตถะของเขา นึกไมถึงวาจะถูกลมลางลงอยางสมบูรณ
เห็นไดชัดวา ทั้งหมดนี้ไมสมเหตุสมผล และเรื่องเกิดอยางผิดปกติ ตองเปนเพราะ
ปศาจ
อันที่จริงก็เปนเชนนั้น ทันใดนั้น ชายหนุมสีโลหิตที่จำแลงมาจากใบหนาของ
มหาเทพ ก็กลาวออกมา
“หวังเปาเลอ ทายที่สุดเจา…ก็เปนเพียงซากวิญญาณ ครานี้…เจาไมอาจชนะได
เจารูหรือไม ที่จริงขารอคอยมาตลอด รอการเวียนวายเตาธาตุไมของเจา”
“นี่ก็คือเหตุผลที่ขาไมไดใชคำกำหนดพลังเทพนี้ออกมา ในสี่เตาของเจากอนหนานั้น”
“ขาดูเจาสำแดงการเวียนวาย ดูเจาโดดเดน ดูเจา…พังพินาศ หวังเปาเลอ ขา…
ชนะแลว!” ชายหนุมสีโลหิตที่กลายจากใบหนามหาเทพ เวลานี้ออนแอยิ่ง แตกลับ
ไมปรากฏความบาคลั่งบนใบหนาเลยแมแตนอย มีแตเพียงความสงบนิ่ง
ดูเหมือนความบาคลั่งที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดเปนเรื่องเท็จ ตั้งแตตนจนจบ ตั้งแตเขา
สังเกตวาระดับฝกตนของหวังเปาเลอเพิ่มขึ้น และตั้งแตเริ่มเขาสูโลกแหงศิลา สิ่งที่ทำ
หรือสิ่งที่เปนทั้งหมด ภายใตความบาคลั่งนั้น ลวนเปนเชนที่ผานมา ความเงียบสงบที่
ไมเคยเปลี่ยนแปลง
รอคอยเตาธาตุไมและเทพจุติของหวังเปาเลออยางสงบ
สำแดงพลังที่แข็งแกรงที่สุดของตนเองออกมาในเตาธาตุไมนี้อยางสงบ หมัดเดียว
กำหนดแพชนะ
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในโลกเต าธาตุไ ม รวมทั้งเวลานี้ คำพูดที ่ร าบเรี ย บชอง
ชายหนุมสีโลหิต ทำใหเกิดการสั่นสะเทือนอยางรุนแรงขึ้นนอกโลก
เวลานี้ ทองฟาจักรวาลใหญที่นอกโลกแหงศิลา สายตาแตละคูจองมาจากทองฟา
พกพาความผันผวนแหงอารมณ ดวยพลังกดดันของผุที่มองมา ทองฟารอบด าน
โลกแหงศิลาดูเหมือนจะรับไวไมไหว และเริ่มบิดเบี้ยว
และความบิดเบี้ยวนี้ยิ่ง รุนแรงขึ ้ น และแผ ขยายไปถึ ง ศิ ลา ทำให ดู เหมื อ นมี
สัญญาณวาศิลาจะพังไดทุกเมื่อ ยิ่งภายใตการบรรจบกันของสายตาเหลานั้น แลวยัง
ถูกสียงชราของบิดาหวังอีอีที่คำรามเย็นยะเยือกทะลายทองฟากอนหนานั้น เวลานี้
แฝงไปดวยความมืดมนและแผออกไปรอบดาน
“ขยะ!”
น้ำเสียงนี้พกความเย็นชา ยังมีความเคืองแคน กระทั่งแฝงไปดวยความเกียจชัง
เวลาเดียวกับคำพูดนี้สงออกมา ภายนอกโลกแหงศิลานี้ เงาสายหนึ่งมาพรอมกับ
เสียงสะทอนกองรวมกันออกมา นั่นคือชายชราผูหนึ่ง รางสวมชุดคลุมยาวสีมวง
รางกายมีสภาพกึ่งลวงตา คลายกับสามารถหลอมรวมกับทองฟา แตก็ยังถูกทองฟา
สะทอนสงจางๆ
ในขณะนี้เขาสามารถเห็นไดถึงความมืดมนที่แสดงออกมาบนใบหนาที่ไมชัดเจนนัก
และยิ่งหลังจากคำกลาว ชายชรานี้ก็หันหนามองไปทางบิดาหวังอีอี ที่นั่งอยูบนเรือ
เดียวดาย
“สหายเตาหวังเรื่องไดมาถึงตรงนี้แลว พวกเราก็ไดใหโอกาสแกเขาแลว หรือเจา
ยังตองการรั้งขาไวรอใหแผนการลมเหลวหรือ”
บนเรือเดียวดาย บิดาของหวังอีอีเงยหนาขึ้น ดวงตาเย็นชา ไรอารมณแอบแฝง
ราวกั บ จิ ต ใจเงี ย บสงบ ในขณะนี ้ แม ว า หวั ง เป า เล อ จะเสี ย เปรี ย บ และสามารถ
พลาดพลั้งไดทุกเมื่อ แตก็ยังคงไมเปลี่ยนแปลงเลยแมแตนอย
เขาไมไดกลาวสิ่งใด เพราะ…เวลานี้มีเสียงที่หนาวเหน็บ เต็มไปดวยความมุงมั่นใน
การสั ง หาร ในขณะนี ้ … ได ค อ ยๆ แพร ก ระจายออกมาจากภายในโลกแห ง ศิ ล า
อยางฉับพลัน
“เจาบอกสิ ผูใดเปนขยะ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกไป บิดาของหวังอีอีมิไดมีสีหนาไมคาดฝนใดๆ หันหนาไปมอง
กระทั่งชายชราผูนั้นถึงกับผงะไป รีบมองไปทางโลกแหงศิลา วินาทีตอมานัยนตาเขา
ก็พลันหรี่ลง
เห็นเพียง…เหนือศิลาขนาดมหึมาที่ลอยอยูบนทองฟา วินาทีนี้…พลันก็ปรากฎ
ใบหนาหนึ่งออกมา ใบหนานี้…ก็คือหวังเปาเลอ
แตทามกลางการรับรูของชายชรา แยกแยะไดชัดเจนวาขณะนี้หวังเปาเลออยูใน
การเวียนวายของเตาธาตุไมของโลกแหงศิลา ในการคำนวณของมหาเทพ เผชิญหนา
กับวิกฤตที่จะถูกกวาดลาง แตใบหนามหึมาที่อยูตรงหนานี้ ทำใหเขารูสึกวาแข็งแกรง
กวาเงารางในการเวียนวายเตาธาตุไม กระทั่ง…มีคุณสมบัติในการกระตุนตนเอง
อีกดวย
“เจา…” สีหนาชายชราเปลี่ยนไป
“ที่ตอสูอยูภายในการเวียนวายเตาธาตุไม เปนเพียงรางอวตารของเขา” ภายใน
เรือเดียวดาย บิดาของหวังอีอีกลาวอยางแผวเบา
“เจาเขาใจวา เขาตอสูกับมหาเทพอยางเต็มกำลัง แตอันที่จริง…”
“อาวุธนักรบในสายตาของเจา คือสหายนอยในสายตาของขา เห็นไดชัดวาไดมี
การคาดการณไวแลว ดังนั้นเขากำลังตกปลา โดยใชรางอวตารมหาเทพเปนเหยื่อลอ…
ปลาตัวใหญที่พยายามสงผลตอเสรีภาพของเขา”
“สหายเตาจิว ขอบเขตความรูของเจายังไมเพียงพอ”
ขณะที่บิดาหวังอีอีกลาวออกมา สีหนาชายชรายิ่งไมนาดู สายตายังคงยังมีความ
ยากที่จะเชื่อ มองไปบนศิลาที่เวลานี้มีใบหนาหวังเปาเลอลอยอยู
“ขาไมเชื่อ มหาเทพแมจะถูกคุกคาม ถึงตอนนี้ก็ยังคงหลับไหล แตสัญชาตญาณ
ของเขาดวงจิตเทพที่จำแลง ก็ไมใชสิ่งที่คนสามัญจะสามารถตอตานได แมวาจะเปน
นักรบแหลงไม หากเปนเพียงซากวิญญาณ ก็ตองใชพลังทั้งหมดจึงจะได”
“ดังนั้น เจาไมอาจมีพลังหลงเหลือมาจำแลงอยูขางนอก ขณะที่กำลังคุกคาม
ดวงจิตมหาเทพอยู เจา…”
“เจ า หมายถึ ง เขาหรื อ ” ใบหน า หวั ง เป า เล อ บนศิ ล า ไม ร อให ช ายชรากล า ว
เอยขัดจังหวะชายชราออกมาเบาๆ ราวกับกำลังสะบัดมือ ครูตอมา ภายในโลก
แหงศิลา การเวียนวายเตาธาตุไมก็ราวกับลูกปดลูกหนึ่ง และภายนอกลูกปดนี้คือ
ความวางเปลาไรที่สิ้นสุด เวลานี้ความวางเปล าก็มวนหมุน โดยตรง ทั น ใดนั้น…
ความวางเปลาทั้งหมดก็เคลื่อนไหวขึ้นมา ครอบคลุมไปทางโลกเวียนวายของเตา
ธาตุไม
เหตุการณนี้ตกอยูในสายตาของชายชรา ทำใหจิตใจของเขาคำรามกอง เพราะยืนอยูที่
มุมมองของเขามองไปที่โลกแหงศิลาที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเวลานี้…ความวางเปลาที่
มวนหมุนอยูนั้น ก็คือฝามือขนาดมหึมาขางหนึ่ง
การครอบคลุมที่วา ในความเปนจริงก็คือฝามือมหึมานี้ กำเดียว…ก็สามารถหอบ
ทั้งโลกเวียนวายเตาธาตุไมไวในฝามือแลว
เวลาเดียวกับที่ไมอาจทนการตอสูไดอีกตอไป ฝามือมหึมานี้ แผออกไปนอกโลก
แหงศิลา และปรากฎอยู…ตอหนาชายชรา!
มองไปไกลๆ กำปนที่ยื่นออกมาบนศิลา กวางใหญจนนาตระหนก ความผันผวน
กระจายออกจากมันเผยความหมายแหงบุพกาลที่ไมสิ้นสุด ราวกับมาจากบรรพกาล
อันไกลโพน ยิ่งมีพลังชีวิตที่หนาแนนกำลังระเบิดอยูภายใน
“หัตถแหงหลัวหรือ เจา…เจาหลอหลอมโลกแหงศิลาแลวรึ!” สีหนาชายขรา
เปลี่ยนไปอยางสิ้นเชิง อุทานอยางไมรูตัว
บทที่ 1286 อยามากวนใจขา
ความเปนมาของโลกแหงศิลา เต็มไปดวยความลึกลับสำหรับผูที่ไมรู แตสำหรับ
หวังเปาเลอรวมทั้งเหลาเทพเคารพสูงสุดภายนอกศิลาเหลานี้ มิใชสิ่งลึกลับแตอยางไร
ที่นี่ เดิมทีก็คือหัตถขวาของหลัวจำแลง
เดิ ม ที ม ี เ สถี ย รภาพมาก แต ด ว ยความเสื ่ อ มของหลั ว ทำให ก ารผนึ ก กดนี้
ไมไดดำเนินตอไปจนถึงรากฐาน เชนไมที่ไรรากและคอยๆ เหี่ยวเฉา จึงทำใหหัตถขวา
แหงหลัวก็ยิ่งออนแรงลง สูญเสียพลังที่มันพึงมีไป
นี่ก็คือเหตุใด ทั้งๆ ที่หลัวสามารถตอสูกับมหาเทพได แตหัตถซายของเขากลับ
สามารถเพียงฝนตอตานรางอวตารมหาเทพ กระทั่งสุดทายยังถูกหลบหลีกไปได
ในทายที่สุด หัตถหลัวก็ไมมีพลังชีวิตแลว
แต ต อนนี ้ … ในสายตาของชายชรา หั ต ถ ย ั ก ษ ม หึ ม าที ่ ย ื ่ น ออกมาจากศิ ล านี้
แตกตางยิ่งกับที่เขาเคยมองจากไกลๆ ไมเหี่ยวแหงมืดมนอีกตอไป แต…เต็มไปดวย
พลังชีวิต
พลังชีวิตนี้เห็นชัดวายอมเปนไปไมไดที่จะมาจากหลัวที่เสื่อมถอย แตมาจาก…
หวังเปาเลอ
และนี่ก็เปนสาเหตุที่ชายชราเสียงแหบแหง เพราะสามารถทำไดถึงจุดนี้ มีเพียง
หลอหลอมโลกแหงศิลาเทานั้น จึงจะสำเร็จได มีเพียงนำโลกแหงศิลาหลอมเปน
สวนหนึ่งของตน จึงจะรวมเขาสูรางได และตอพลังชีวิตใหมัน
เรื่องนี้ ทำใหชายขราเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ ความหวาดกลัวของเขายอม
มิใชระดับฝกตนของหวังเปาเลอ อันที่จริงดูไปแลวขั้นที่สี่ยังไมเพียงพอที่จะทำใหตน
สั่นคลอนได
สิ่งที่ทำใหเขาหวาดกลัว คือสถานะของหวังเปาเลอรวมทั้งการตกปลาที่อีกฝาย
แสดงออกมากอนหนานั้น
“ทัณฑแหงธาตุไม…” ชายชราหรี่ตา แลวพึมพำอยูในใจ
ที่มาของไมดำ เขายอมรูดี นี่คือเตาธาตุไมสารัตถะจำแลงเปนหนึ่งในหาธาตุ
สารัตถะที่เปนตนกำเนิดภายในจักรวาลอันยิ่งใหญไรที่สิ้นสุดนี้ มันคือสุดยอดของ
ธาตุไม แหลงกำเนิดของกฎเตาธาตุไมการฝกตนของสรรพสัตว และเปนการแสดงถึง
หายนะในเวลาเดียวกัน
ดวยเพราะหาธาตุสารัตถะแตดั้งเดิมนี้ ตนเองก็ไมไดมีความรู หรืออาจกลาวไดวา
แทบจะไมอาจเกิดความรูอยางแทจริง
ดังนั้น พวกมันจะไมสงผลตอผูฝกตนในการฝกเตาของเขา ไดแตเพียงขับดันไป
ตามสัญชาตญาณ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่พยายามปลอมแปลงตรรกะที่กนบึ้งของจักรวาล
หายนะแหงการจุติดับสูญ
เพียงแตตั้งแตอดีตจวบจนปจจุบัน มีเพียงผูเดียวเทานั้นที่ถูกหายนะแหงการ
จุติดับสูญ นั่นก็คือมหาเทพ
และหากมหาเทพเอาชนะหายนะไดสำเร็จ สรรพสัตวภายในจักรวาลกวางใหญ
กระทั่งเทพเคารพสูงสุดเหลานั้น ก็ตองศิโรราบ นี่คือสิ่งที่เขาไมยินยอม และก็เปน
สาเหตุที่เขาโนมนาวผูอื่น ทำใหผูอื่นยินยอมรวมมือกับเขา
ในทางกลับกัน เมื่อมหาเทพพายแพ หมื่นวิถีที่ถูกเขากักไวจะคืนกลับ และ
ลมเหลวตามไปดวย แตผูที่ถึงขั้นเทพเคารพสูงสุด ตางก็สามารถมีโอกาสตระหนักรู
ถึงเวลานั้น…บางทีอาจมีมหาเทพองคใหม ที่จะถือกำเนิดในหมูพวกเขา
ดังนั้นจึงมีแผนนักรบธาตุไมที่ใช ภายใตการนำของเขา และโลกแหงศิลาที่ผนึก
หัตถหลัว ความพิเศษของมันในตอนแรก จึงเปนธรรมดาที่จะเลือกแผนการนี้มา
ดำเนินการที่นี่
ตามแผนการแตเดิมที หวังเปาเลอจะฉีกกระชากอาวุธของมหาเทพ หากเขา
ทำสำเร็จ มหาเทพพายแพในการกาวผานหายนะ และลมเหลวดวยตนเอง
หากหวังเปาเลอพายแพ ก็สามารถทำใหมหาเทพเกิดการเสียเปรียบปางตาย
ไมอาจไปถึงขั้นวัฎจักร และมีความเปนไปไดที่จะลมเหลว
ในเวลาเดียวกัน เพราะความพิเศษของแหลงแหงธาตุไม แทบจะไมอาจเกิด
ความรูอยางแทจริง ดังนั้นแผนการนี้ จึงเพิ่มชั้นปราการปองกันที่ไรการควบคุม และ
แมเขาจะเห็นเสนทางการเติบโตของหวังเปาเลอดวยตาตนเอง ก็ไมมีสาเหตุใหไปใสใจ
เกินไป
สำหรับเขาแลว นั่นเปนเพียงอาวุธอยางหนึ่ง แมจะมีความรุ แตความรูนี้…สุดทาย
การเติบโตมีจำกัด ไมมีสิ่งใดตองกังวล เพราะในทางทฤษฏี อีกฝาย…ไมใชของจริง
ดวยสาเหตุบางอยาง เขา…แมจะยืนอยูตอหนาตนเอง ก็ไมอาจเห็นตนได
เหมือนเปนสองมิติ
แตทั้งหมดนี้ ดวยบุตรสาวของเทพเคารพสูงสุดผูหนึ่ง ปรากฎการเบี่ยงเบน
หากเปนเทพเคารพสูง สุดทานอื่นก็ ชางเถอะ แต กลั บเป น เทพเคารพสู งสุ ด ผูนี้…
พลังและสถานะ เหนือกวาปกติ เทพเคารพสูงสุดทานอื่นที่ถูกตนโนมนาว ยอมจำนน
ตอพฤติกรรมของเทพเคารพสูงสุดผูนี้
นี่คือความเบี่ยงเบนแรก และตอนนี้…ก็ปรากฎความเบี่ยงเบนที่สอง
การเติบโตของนักรบธาตุไมนี้ เกินกวาแผนที่วางไว ที่ใชรางอวตารมหาเทพเปน
เหยื่อลอ เพื่อหมายจะตกปลา และยิ่งกวานั้น..ยังเห็นตนแลว
นี ่ ท ำให เ กิ ด ระลอกคลื ่ น พลิ ก ฟ า ลู ก ใหญ ภ ายในใจของเขา ทำให เ ขารู เ ข า
แผนการ…ไรการควบคุมแลว
นักรบธาตุไมไรการควบคุมแลว
"นี่เปนไปไมได…เซียน เปนเซียน! ชายชราหายใจถี่รัว พลันก็เหมือนจะนึกสิ่งใด
ขึ้นมาได มองไปยังใบหนาของหวังเปาเลอเหนือศิลานั้นอีกครั้ง สายตาของเขาก็เผย
ความสับสน
เขาเข า ใจแล ว สาเหตุ ข องการไร ค วบคุ ม บางที … อาจเป น ภายในจั ก รวาล
กวางใหญนี้ แตไหนแตไรมาก็มีการสืบทอดแหงเซียนดำรงอยู
หากกลาววาแผนการที่เขาใช เปนกรอบที่แนนอนแทบจะไมอาจถูกทำลายได
เชนนั้นเซียน…เพราะการลองลอยของเขา จึงอิสระไรการควบคุม
สองคนขัดแยงกัน และฝายหลังเห็นไดชัดวา…แข็งแกรงกวา
“เซียนของจักรวาลอันกวางใหญนี้…ที่แทคือสิ่งใด” ชายชรานิ่งเงียบ บิดาหวังอีอี
ยังคงเงียบสงบ หวังเปาเลอเองก็นิ่งงันเชนกัน
หัตถแหงหลัวที่ยื่นออกมาจากโลกแหงศิลา ในสายตาของชายชราดูกวางใหญ
ไรขอบเขต พลังชีวิตหนาแนน แตในสายตาของหวังเปาเลอกลับไมเปนเชนนั้น
สิ่งที่หัตถแหงหลัวแผออกมา ไมใชพลังชีวิต แตเปน…ปราณแหงความมืด
ปราณแหงความมืด…ที่หนาแนนจนถึงขีดสุด
เพราะ นี่คือปราณแหงความมืดที่กลายมา เพราะ…สิ่งที่หวังเปาเลอตระหนัก มิใช
เพียงธาตุทั้งหา
สามเตาหลังของแปดเตาปรมัตถ เขาไดตระหนักกอนหนาธาตุทั้งหาขั้นสูงสุด
หลังจากธาตุทั้งหา ก็เปนหยินหยาง หลังจากหยินหยางแลว คือลองลอย
หยินสูงสุด หยางสูงสุด และลองลอยสูงสุด!
เพียงแตยังขาดหยางสูงสุด และหวังเปาเลอก็ยากที่จะไดรับ ดังนั้นลองลอยนี้
จึงยังไมถึงขั้นสูงสุด แตหยินสูงสุด..เขาไดครอบครองแลว นั่นคือเตาแหงการดับสูญ
ของสำนักแหงความมืดที่กลายมาจากการหลอมรวม
ดังนั้นจึงปรากฎการเปลี่ยนแปลงที่ทำใหชายชราและชายหนุมสีโลหิตตางไมอาจ
คาดเดาได การฝกตนของหวังเปาเลอไมใชหาเตา แตเปนหกเตาครึ่ง
ครึ่งเตาที่เกินออกมาคือลองลอย
หกเตาครึ่งนี้ ทำใหรางอวตารของเขาแข็งแกรงที่สุด จึงสามารถตอสูกับชายหนุม
สี โ ลหิ ต ได ในเวลาเดี ย วกั น ก็ เ ป น เพราะครึ ่ ง เต า ล อ งลอยนั ้ น ทำให ห วั ง เป า เล อ
เกิดคำถามตอการดำรงอยูของตนเอง
เขาตองการรู ที่แทแลวมีคนมากมายเทาใดที่ติดตามการตอสูนี้
ที่แทมีคนมากมายเทาใด พยายามมีอิทธิพลตอตนเอง
เขาอยากจะรู เนื้อแทไมดำของตนเอง ที่แทแลวมาจากทางใด
และสิ่งที่ผูอื่นกลาว เขาก็ไมเชื่อ ดังนั้นเขาตองการตกปลา
ดวยการใชรางอวตารของมหาเทพเปนเหยื่อ ไปดูวา มีผูใดมา
เขาตองการดู เชนเดียวกับปนั้นในสมุดแหงโชคชะตาของประมุขกฎสวรรค
ในขีดจำกัดเขาก็ดิ้นรนไปดูโลกภายนอกเชนกัน ในเวลานี้เขาก็เปนเชนนี้ เขาตองการ
เห็นผลลัพธ
ดังนั้น หวังเปาเลอไดซอนรางตนแบบเอาไว หลอมรวมโลกแหงศิลา…อยางเงียบๆ
เพราะเขารู ไมวาตนเองจะเห็นสิ่งใด โลกแหงศิลา ก็เปนรากเหงาของตน ดังนั้น
เขาตองการนำโลกแหงศิลามาไวในกำมือกอน
เวลานี้ เขาเห็นแลว
หลังจากความเงียบงัน หวังเปาเลอพลันก็ยิ้มออกมา ในแววตาที่สับสนของชายชรา
เขายกหัตถแหงหลัวที่กำการเวียนวายเตาธาตุไมขึ้น บีบเบาๆ
เสียงแควกดังขึ้นอยางชัดเจน แตเหมือนจะสามารถสั่นคลอนจิตวิญญาณ ราวกับ
จะส ง ออกมาจากเบื ้ อ งลึ ก ของจั ก รวาล และยั ง เหมื อ นจะก อ งกั ง วานจากที ่ น ี ่ ถึ ง
สวนนอกสุดของจักรวาล ทำใหจิตใจของชายชราสั่นไหว ยังทำใหสายตาทั้งหมดที่
จดจองติดตามที่นี่ บรรจบกันจากทุกทิศทุกทางของความวางเปลา
เวียนวายดับสูญ!
“เจาตองการใหเขาตาย ขาไดทำสำเร็จแลว”
“เชนนั้นจากวินาทีนี้เปนตนไป…”
อยาไดมากวนใจขา"
เสี ย งของหวั ง เป า เล อ ต่ ำ ลึ ก ขณะที ่ ถ า ยทอดสู จ ั ก รวาล ใบหน า เหนื อ ศิ ล า
ได เ ลื อ นหายไปพร อ มกั บ หั ต ถ แ ห ง หลั ว เสี ย งก อ งกั ง วานในขณะนี ้ ว ิ ธ ี ก ารปะทุ
ที่สั่นสะเทือนความวางเปลา และในระหวางที่ความผันผวนกระจายออกไปรอบๆ
อยางบาคลั่ง ศิลา…ก็ถูกแทนที่ดวยไมยักษสีดำจำแลง
ไมยักษ ตั้งตระหงานอยูในทองฟา
บทที่ 1287 โลกของเขา
ทองฟาเงียบสงัด
บิดาของหวังอีอีบนเรือเดียวดายไมไดกลาวสิ่งใด ชายชราที่อยูหางไกลก็เปน
เช น นั ้ น เพี ย งแต ใ นเวลานี ้ ส ี ห น า เปลี ่ ย นไปหลายครั ้ ง แต ส ุ ด ท า ยก็ ย ั ง เกิ ด
ความหวาดกลัว มองไปที่ไมยักษที่ตั้งตระหงานอยูในทองฟาอยางลึกซึ้ง และยังมองไป
ที่รางที่อยูบนเรือเดียวดาย แลวเลือกที่จะจากไป
แมเขาจากไป แตกลับมีผูใหมมาถึง
เงารางเลือนรางสายหนึ่ง ราวกับจะสามารถกวาดไปบนทองฟา การบรรจบจาก
ทั่วสารทิศอยางไรสุมไรเสียง ตรงไปที่ขางรางของบิดาหวังอีอีบนเรือเดียวดาย กอเปน
โครงราง นั่นคือบุรุษผูหนึ่ง
ใบหนาเห็นไดไมชัดเจนนัก เห็นแตเพียงผมยาวปลิวไสว ราวกับเสนผมแตละเสน
ดุจธารดารา นอกจากนี้แลว กลับมีเพียงเสื้อผาของรางนี้ที่โบกสะบัด และที่มุมหนึ่ง
ปรากฎตราหมอหลอมโอสถ
“แปดเตาปรมัตถหรือ” รางนี้มองไมดำที่ทองฟา เอยเสียงเบา ราวกับจะกลาวกับ
ตนเอง และก็เหมือนกำลังไตถาม
“แปดเต า ปรมั ต ถ ” สี ห น า บิ ด าหวั ง อี อ ี บ นเรื อ เดี ย วดายเป น ปกติ ตอบกลั บ
อยางราบเรียบ
“ขาเคยไดยินแตธาตุทั้งหาเปนหาปรมัตถแรก จากนั้นสองปรมัตถก็ ตามมา
ตามลำดับ สุดทายตอนนี้…สหายนอยนี้ไดยกระดับดูเหมือนจะตระหนักรูถึงขั้นสุดยอด
แลว ปรมัตถที่หกนี้…เจาสามารถเขาใจทะลุปรุโปรงแลวหรือ” เงารางนิ่งไปสักพัก
คอยๆ เอยปาก
“เตาธาตุทองมีกรรมแหงทาน ใยตองถามขา” บิดาของหวังอีอีบนเรือเดียวดาย
สีหนาไมเปลี่ยนแปลง กลาวเบาๆ
“แมจะเปนเชนนี้ แตแปดเตาปรมัตถขาไมคอยคุนเคยกับปรมัตถที่หกของเขา
แตหลัวแหงการลมเหลว เปนเตาธาตุมืดดับสูญเปนที่สั่งสมหยินหรือ” รางนั้นเงียบไป
เปนครู แลวมองไปทางบิดาหวังอีอี
“ไมเพียงเทานั้น” คราวนี้บิดาหวังอีอีเงียบไปนานมาก จึงไดตอบกลับดวยเสียงต่ำลึก
“เขายังนำอดีต หลอมรวมเขาภายในตัว ทำใหปรมัตถที่หกนี้ ถึงจะเปนหยินแหง
ความมืดขั้นสูงสุด ก็เปนขั้นสูงสุดในอดีต”
“เมื่อเปนเชนนี้…ปรมัตถที่เจ็ดของเขา ก็แคคิดก็รูไดวาตองเปนหยางศักดิ์สิทธิ์ปรมัตถ
และก็เปนขั้นสูงสุดในอนาคต..ดูเหมือนทั้งสองปรมัตถ แตที่จริงคือสี่ปรมัตถ มินา
มินาเลา…” รางที่มุมเสื้อมีตราหมอหลอมโอสถ ถอนหายใจเบาๆ ไมไดกลาวให
มากความ หันรางคอยๆ กาวไปทางความวางเปลา เมื่อลดฝเทาลงก็กระจายตัวอีกครั้ง
และหายไปในทองฟา
เพียงแต ขณะที่รางเขากำลังจะสลายไปหมดสิ้น เสียงของเขายังคงสงออกจาก
ภายในความวางเปลา และเขาหูบิดาของหวังอีอีบนเรือเดียวดาย
“ศิษยพี่หวัง แปดเตาปรมัตถเปนสิ่งที่บรรพชนเซียนสรางขึ้น เซียนอาวุโสผูนี้
จะมีที่มาเดียวกับเซียนของสหายนอยเปาเลอหรือไม”
ดูเหมือนไตถาม แตคำพูดสงมาหลังจากจากไปแลว เห็นชัดวา…ไมอยากได
คำตอบ หรืออาจกลาววา ไมตองการคำตอบ
บิดาของหวังอีอีบนเรือเดียวดาย คอยๆ เงยหนา ไมไดกลาวสิ่งใด แตดวงตากลับลึกล้ำ
กระทั่งหลังจากนั้นอีกนาน เขาจึงไดมองไปยังไมดำที่ทองฟาใหมอีกครั้ง สายตาล้ำลึก
จางหายไป และถูกแทนที่ดวยความอบอุน
เขาสามารถนิมิตไดถึงบุตรสาวของตน แลวจึง…จากไป
ขณะที่รอคอยอยูที่นี่ ภายในไมดำที่เคยอยุในโลกแหงศิลา หวังเปาเลอเดินไป
บนทองฟา มองดูจักรวาลที่เคยเขาใจวาไรขอบเขต มองจักรวาลผืนนี้ที่เคยเขาใจวา
ดวงดารานับไมถวนรวมทั้งชะตาชีวิตที่ไมอาจคำนวณ หวังเปาเลอถอนหายใจบางเบา
“ขาไมมีอดีต และไมมีอนาคต” หวังเปาเลอพึมพำเสียงเบา อดีตและอนาคตของเขา
กลายเปนโชคชะตา มอบใหแกแมนางนอย แตในเวลาเดียวกัน นี่ก็กลายเปนเตา
ของเขา
และเต า ต อ งแบกรั บ ไว เช น ดี ย วกั บ เต า แห ง ธาตุ ท ั ้ ง ห า ต อ งการสิ ่ ง ที ่ แ บกรั บ
อดีตและอนาคตก็ตองการเชนเดียวกัน
ดังนั้น เขาจึงนำเตาแหงหยินดำมืดดับสูญ กลายเปนการแบกรับอดีตของตน
เตานี้กวางใหญไพศาล และในระดับหนึ่ง…ความมัวเมาในการดับสูญที่มาจากหลัว
ผูฝกตนที่เขยาฟาผูนี้
“ขาก็ตองการบางสิ่งเพื่อแบกรับเตา สิ่งนี้…ขาไดคาดเดาไวแลว” หวังเปาเลอ
กลาวกับตัวเองเบาๆ กมมองไปทางทองฟา สายตาเปลี่ยนเปนออนโยน
“ดังนั้น ตอนนี้สิ่งเดียวที่ขามี ก็คือปจจุบัน…รวมทั้ง โลกของขา” ขณะที่กลาว
หวังเปาเลอไดเดินมาถึงในโลกแหงศิลาที่เคยอยูภายในไมดำ ดินแดนที่ลึกลับที่สุด
ที่นี่…มีดวงดาราดวงหนึ่ง เรียกวาดาวชะตา
ที่นี่…มีดวงจิตดวงหนึ่งไดถูกสรางขึ้น เรียกวาประมุขกฎสวรรค
ประมุขกฎสวรรค มีสมุดเลมหนึ่ง
เรียกวา…สมุดแหงโชคชะตา
แต ล ะก า วที ่ ห วั ง เป า เล อ เดิ น สู ด าวชะตา คราวนั ้ น ที ่ เ ดิ น สู ย อดเขา ที ่ น ั ่ น …
ประมุขแหงสวรรคนั่งขัดสมาธิ ดวงตาลืมขึ้น มุมปากปรากฎรอยยิ้ม จองไปที่ราง
หวังเปาเลอที่คอยๆ ใกลเขามา
“นับตั้งแตเกิดสติขึ้น ก็มีเสียงบอกขา วา…วันหนึ่ง ขาจะไดเห็นดวงจิตเทพจุติ
อยางแทจริง เสียงนั้นบอกขา เมื่อขาไดเห็นดวงจิตเทพ ขาจะหลุดพน”
“ขารอคอยมาตลอด” ประมุขกฎสวรรค ก ล า วเสี ย งเบา จากนั ้ น ก็ ล ุ กขึ ้ น ยื น
โคงคำนับ…ไปทางหวังเปาเลอ
ในการคำนับนี้ รางของเขาเลือนราง ทั่วทั้งดาวชะตาลวนเลือนราง ดวงดารา
คอยๆ จางหาย กลายเปนสมุดขนาดมหึมาที่ลอยอยูในทองฟา!
และประมุขกฎสวรรคก็เลือนหาย กลายเปนวานรเฒา คำนับไปทางหวังเปาเลอ
แลวสลายไปอีกครั้ง ราวกับจากไปจากที่แหงนี้
และในเวลาเดี ย วกั น สมุ ด แห ง โชคชะตาสั ่ น ไหว ค อ ยๆ ลอยมาอยู ต รงหน า
หวังเปาเลอ ราวกับจะรอใหเขาหยิบไป
หวังเปาเลอยืนอยูหนาสมุดแหงโชคชะตาไมไดรีบหยิบไป หันไปมองทองฟา
แลวเอยเบาๆ
“พวกเจา ยินยอมใหขาพิทักษจากนี้ไปหรือไม”
เสียงนี้บางเบาแทๆ แตเมื่อสงออกไป กลับดังกองไปทั่วทั้งโลกของไมดำในทันที
ดังกองในดวงดาราแตละดวงในโลกนี้ และในจิตสำนึกของแตละชีวิต
ทำใหขณะนี้ ทุกสิ่งในโลกทั้งหมดสัมผัสได กลายเปนเสียงกองกังวานอยูภายในใจ
สะเทื อ นจิ ต วิ ญ ญาณ และยิ ่ ง ไปกว า นั ้ น ภายในจิต ใจก็ป รากฎ…ชีว ิ ต ทั้ ง หมดของ
หวังเปาเลอ
พวกเขาเห็นถึงความสุขของหวังเปาเลอ เห็นถึงการเติบโต เห็นถึงความทุกขโศก
เห็นถึงความบาคลั่ง และยังเห็นถึงความมุงมั่นของเขาที่จะพิทักษโลกนี้
นี่คือสิ่งที่เขามี สามารถเปนความงดงามของเขาเอง
หลังจากนั้นอีกนาน เสียงตอบรับของสรรพสัตวก็สงออกมา จากภายในโลกแหงศิลา
“ยินยอม!”
“ยินยอม!”
“ยินยอม!”
ขณะนี้ ตนไมใบหญาก็ดี ผูฝกตนก็ชาง ไมวาจะเปนคนสามัญ อสูรราย จนถึงเขา
ลำธาร กระทั่งดวงดารา สรรพสัตวลวนกำลังตอบรับ จิตสำนึกสายแลวสายเลาสงมา
ไมขาด บรรจบกันอยางตอเนื่อง ทำใหสมุดแหงโชคชะตาที่อยูกับหวังเปาเลอ คอยๆ
สองประกายระยิบระยับออกมา
ทามกลางการตอบรับนับไมถวนในความสวางไสวนี้ หวังเปาเลอไดยินเสียงจาก
คนสนิทและสหายของระบบสุร ิยะ เขาไดยินถึงความตื่นเตน ของอาจารย ไดยิน
ความตื่นเตนของสหายเกา
ภายในนั้นมีเจาเยี่ยเหมิง มีจั่วอี้ฟาน มีหลินเทียนหาว มีตูหมิน…
ไมเพียงแตระบบสุริยะ ไมวาจะเปนเตาฝายซายหรือสำนักเสริม หรือวาเขตแดน
ศูนยกลาง ลวนเปนเชนนี้ มีผูที่เขาคุนเคย และก็มีผูที่เดิมทีเปนปฎิปกษกับเขา
แตเวลานี้ ทั้งหมด…กำลังตอบรับ
กระทั่งสุดทาย ปรมาจารยตระกูลเซี่ยะและปรมาจารยเตาเจ็ดวิญญาณ หลังจาก
ถอนหายใจในความเงียบ ก็ออกปากตอบรับ
และโลกแหงศิลาก็ปะทุแสงทอประกาย หลังจากคำกลาวของพวกเขา กระทั่ง
สุดทาย…ภายในดินแดนแหงการลมสลาย ก็ตอบรับออกมาเชนเดียวกัน ทั้งโลก
แหงศิลา เสียงทั้งหมดหลอมรวมไวดวยกัน กลายเปนเสียงแหงความยิ่งใหญไพศาล
นั่นคือเสียงแหงสรรพสัตว และก็เปน…เสียงแหงโลกจิตวิญญาณของโลกแหงศิลา
“ยินยอม!”
ทันทีที่เสียงนี้ปรากฎขึ้น โลกแหงศิลาก็สลายไปแลว ทั้งหมดที่มี ตางกลายเปน
แสงสายแลวสายเลา มาจากทั่วสารทิศ บรรจุบนสมุดแหงโชคชะตานี้ ในหนาสมุด
ภายใน กลายเปน…อักษร
สมุดยอมกอจากอักษร
สมุดเลมนี้ก็คือโลกนี้
และสายตาของหวังเปาเลอในขณะนี้ก็ปรากฎแสงแหงความพากเพียร คอยๆ
ยื่นมือขวาของตนออกไปทางสมุดแหงโชคชะตา
ไวบนฝามือ
ทันใดนั้น สมุดแหงโชคชะตากลายเปนกระแสแสง ตรงมาที่ฝามือของหวังเปาเลอ
เล็กลงเรื่อยๆ กระทั่งสุดทายเมื่อตกลงบนฝามือของเขา แทนที่ลายมือของหวังเปาเลอ
และหลอมรวมกับมันอยางสมบูรณ
เวลาตอมา ฝามือขวาของหวังเปาเลอกำลงอยางระวัง
ราวกับกำอัญมณีล้ำคา
เขาแหงนหนาขึ้น สิ่งที่เขาเห็น ไมมีทองฟา ยิ่งไมมีดวงจิตเทพ
มีความวางเปลาไรที่สิ้นสุด คลายกับหลุมดำที่ไมมีแรงสูบ และในความวางเปลา
ผืนนี้ นอกจากเขา…ยัง มีเงารางหลายสายที ่ อยู ไ กลๆ ที ่ อยู ต่ ำกว าระดั บของเขา
กำลังมองเขาอยางเงียบๆ
เงาร า งหลายสายนั ้ น ที ่ น ำโดยแม น างน อ ย ข า งร า งของนางมี ป รมาจารย
สำนักดาราจันทร ยังมี…วานรเฒาตัวหนึ่งและจิ้งจอกตัวหนึ่ง
หวังเปาเลอกมศีรษะเปนเวลานาน ไมไดไปมองรางของแมนางนอย แตมองไป
ทางฝามือของตนเอง ในฝามือขนาดสามนิ้วนั้น บรรจุดวย…
โลกของเขา
บทที่ 1288 ไมเคืองแคนไมเสียใจ
กำปนสามฉื่อไรเทพเจา
ฝามือสามนิ้วคือโลกมนุษย
หวังเปาเลอเงยหนาขึ้น แลวกมหนาจองมองโลกบนฝามือ สายตาของเขาตกไปที่
แตละมุมของลายมือ แตละรางวิญญาณ
ทั่วทั้งโลกแหงศิลา ลวนอยูในสายตาของเขา เขาเห็นแตละรางที่คุนเคย มีญาติ
ของเขา ทานอาจารยของเขา คนรักของเขา สหายของเขา และยังมีผูที่เคยเปน
ปฎิปกษตอเขา
หวังเปาเลอเห็นอดีตของพวกเขา และก็เห็น…ภายโลกแหงศิลานี้ อนาคตที่มี
ขีดจำกัด แตสืบสาวเรื่องราวไปแลว ทั้งหมดของทั้งหมดนั้น เวลานี้ลวนเปนอักษร
บนสมุด
อักษรที่แทจริง
บางที ไมเพียงแตสมุดแหงโชคชะตาเลมนี้ นอกจากสมุดเลมนี้แลว อาจจะยังมี
หนาสมุดเลมหนึ่งที่กวางใหญกวา
นี ่ ไ ม ส ำคั ญ สิ ่ ง สำคั ญ ก็ ค ื อ …อารมณ ค วามรู ส ึ ก ที ่ แ ฝงอยู ข า งใน เต็ ม ไปด ว ย
ความทรงจำของชีวิตเขา
ความทรงจำเหลานี้ ราวกับเปนภาพอยูในจิตใจของเขา แวบผานไปภาพแลวภาพเลา
ตั้งแตถือกำเนิด ตั้งแตเวลานี้ อารมณทั้งหมด การตอสูทั้งหมด ความสับสนทั้งหมด
ความทรงจำทั้งหมด และฉากสุดทาย อยูบนเรือบิน ในหองเสบียงของหองโดยสารบน
เรือบิน รางเจาอวนนอยถือนองไก กัดกินอยางสบายอารมณ
ปนั้น การลดความอวน เปนสิ่งที่เขารองขอมาตลอดชีวิต
ปนั้น การเปนผูนำของสหพันธรัฐคือความใฝฝนมาทั้งชีวิตของเขา
ปนั้น อัตชีวประวัติเจาพนักงานระดับสูงเลมหนึ่ง เปนเกณฑชีวิตที่เขาหมายมาด
เวลาผานไปไมนาน เขาก็ไมตองการลดความอวนแลว
เวลาผานไปไมนาน เขาก็ไรความใฝฝน
เวลาฝานไปไมนาน อัตชีวประวัติเจาพนักงานระดับสูงเลมนั้น ปกคลุมไปดวยฝุน
อยูในกระเปาคลังเก็บ
“เวลาผ า นไปไม น าน ข า …ก็ ไ ม เ ป น ข า อี ก ต อ ไปหรื อ ” หวั ง เป า เล อ พึ ม พำ
ถอนหายใจเบาๆ ยกมือขวาขึ้นและสะบัดเบาๆ ตรงหนา
สะบัดนี้ สะบัดภาพในใจออกไป
สะบัดนี้ ทำความทรงจำที่ผานไปใหเลือนราง
สะบัดนี้ จะฝงทุกอยางที่เคยเปน
และในทำนองเดียวกัน สะบัดนี้ ก็ไดขจัดหมอกที่อยูตรงหนา ในความวางเปลา
ที่ถูกทำลาย ราวกับจะฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง
สะบัดนี้ ภายใตความหวังใหม หงสที่ถูกฝงทามกลางเปลวเพลิง ก็เคยอยูในวัยเยาว
ดวยนิพพานที่อยูภายใน ตองเปนหงสอมตะ
ขายินยอมใหปกลุกไหม เพราะตราบใดที่มุงมั่น ขายังคงสามารถโบยบินอยูบน
ทองฟาสีคราม
ขาหมายมาดจะลอยลอง!
หวังเปาเลอเงยหนาขึ้นอีกครั้ง ภายใตการโบกสะบัด ความวางเปลารอบดาน
ไดสลายไป
สิ่งที่ปรากฎอยูในสายตาหวังเปาเลอ คือสิ่งที่เขาโหยหากอนหนานั้น…จักรวาล
อันยิ่งใหญ
จักรวาลที่แทจริง!
สามารถทำใหเขาคืนชีวิตจากนิพพาน และแสวงหาจักรวาลจากปณิธานที่สูงขึ้น
ทองฟาอันล้ำลึก แสงดาวระยิบระยับ กฎเกณฑและกฎเวทนับไมถวนเต็มไปทั่ว
ทุกซอกทุกมุมของจักรวาลนี้ กฎของที ่ น ี ่ เขมงวดกว า แตกต างจากโลกแห ง ศิลา
กฎของที่นี่เหนือกวา และเตาของที่นี่…สมบูรณแบบกวา
หวั ง เป า เล อ สู ด หายใจเข า ลึ ก กล า วให ช ั ด ก็ ค ื อ สิ ่ ง ที ่ เ ขาสู ด ไม ใ ช ล มหายใจ
แตเปน…รองรอยแหงเตาที่มาจากจักรวาลอันยิ่ง ใหญ นี ้ รองรอยที่กลายมาจาก
กฎเกณฑและกฎเวทเหลานี้ เขาสูปากของเขาไปตามลมหายใจ ผสานเขาไปภายใน
รางของเขา ดูเหมือนเตาภายในรางของเขากำลังตอบรับ
ชั่วอึดใจ เตาแหงธาตุทั้งหาบนราง ยิ่งสองประกายขึ้นมา ราวกับจะเพิ่มความ
สมบูรณแบบอยางตอเนื่อง คอยๆ กอตัวเปนกระแสวนขนาดมหึมาอยูรอบตัวเขา
กระแสวนคอยๆ หมุนและขยายวงขึ้นเรื่อยๆ หวังเปาเลอที่อยูภายใน หลังจากที่
จิตใจแนวแนแลว จึงเริ่มเผชิญกับทั้งหมดนี้
เวลานี ้ ม องจากไกลๆ คล า ยจะกลายเป น ผื น ทะเลวิ ญ ญาณ และท า มกลาง
ทะเลวิญญาณ…หวังอีอียืนจองมองหวังเปาเลออยูตรงนั้นอยางเงียบๆ ขางๆ นาง
ปรมาจารยสำนักดาราจันทรรวมทั้งวานรเฒา ยังมีจิ้งจอก ตางก็กำลังจองมอง
เพียงแตวาความยำเกรงในสายตาของจิ้งจอกจะล้ำลึกกวาผูอื่น
ไมมีผูใดกลาว จิ้งจอกไมกลา วานรเฒาหลับตา ในดวงตาปรมาจารยสำนักดาราจันทร
มีความสับสน สวนแมนางนอยหวังอีอี เวลานี้เหมือนจะอึกอัก ดวยเพราะนี่เปน
ครั้งแรกที่นางและหวังเปาเลอพบกันหลังจากแยกจาก
แตสุดทาย นางก็ไมรูวาควรกลาวสิ่งใด จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ
ทามกลางความเงียบงันนี้ กระแสวนทะเลวิญญาณเงียบสงบ มีเพียงรางบนเรือ
เดียวดายที่นอกทะเลวิญญาณ เวลานี้นัยนตาเผยความกังวล แมเขาจะเปนเทพเคารพ
สู ง สุ ด แม ร ะดั บ ฝ ก ตนของเขาจะเป น สุ ด ยอดในหมู เ ทพเคารพสู ง สุ ด แม ค วาม
เย็นยะเยือกของเขาจะสามารถผนึกทองฟา แตสุดทายเขา…ก็คือบิดาผูหนึ่ง
บิดาที่รอคอยติดตามมานานนับปเพื่อชวยบุตรสาวของตน และเวลานี้…ทุกสิ่งทุกอยาง
กำลังถูกเปดเผย ดังนั้นแมจะเปนเขา ก็เปนเชนคนธรรมดาผูหนึ่ง จิตใจยอมกังวล
กับผลไดผลเสีย
เพราะเขารูวา เวลาสำคัญไดมาถึงแลว
เพี ย งแค เ วลาอัน ยาวนาน เขาก็ ร อจนผ า นพ น มาแล ว แม เ ห็ น ได ช ัด ว า กำลั ง
จะสิ้นสุด แตทุกการไหลเวียนของแตละลมหายใจ ชางยาวนานสำหรับเขา
เวลาผานไปเชนนี้ หลังจากผานไปครึ่งกานธูป ในทะเลวิญญาณที่ไหลวนไมหยุด
แตกลับเงียบสงบ หวังเปาเลอที่ยืนอยูจุดศูนยกลาง แหงนหนาขึ้นอยางแนวแน
เวลานี้ลมหายใจบนรางเขาไมสม่ำเสมอ มิใชเปนการสอดประสานของการเปดโปง
และซอนเรน แตเปน…เหมือนเมฆที่สามารถลองไปตามลมอยางไรคำพูด ผูจองมองมา
จากหัวใจ
เต า แห ง ธาตุ ทั ้ง ห า ภายในรา งเขา ขณะที ่ ผ สานรวมกับ ร อ งรอยแห ง เต า ของ
จักรวาลอันยิ่งใหญ ไดเกิดการเปลี่ยนแปลงอยางมหัศจรรย เหมือนกำลังแปรรูป
เต า ของโลกแห ง ศิ ล าเป น สิ ่ ง ไม ส มบู ร ณ แ บบ แม ห วั ง เป า เล อ จะเป น หนึ่ ง
ในผูสมบูรณที่สุด และจิตสำนึกในอดีตชาติ ไดแผไปถึงภายในจักรวาลอันยิ่งใหญ
ที่เคยติดตอกับโลกภายนอก แตทายที่สุด…เมื่อเทียบกับเตาที่แทจริงของจักรวาล
อันยิ่งใหญ เขายังคงมีขอบกพรอง
แตเวลานี้ ขอบกพรองนี้กำลังไดรับการชดเชยสวนที่ขาดหาย กำลังเติมเต็มอยาง
รวดเร็ว เขาไมจำเปนตองควบคุมการฝกตนอีกตอไป เวลานี้ระดับการฝกตนที่ปะทุขนึ้
อยางรวดเร็วภายในรางกายที่กวางใหญไพศาล
เพียงแตการปะทุนี้ ไมอยูในขั้นสุดยอด แตเปนขั้นพื้นฐาน
หาธาตุพื้นฐานยิ่งหนักแนน
และพื ้ น ฐานที ่ ห นั ก แน น หาใดเที ย บชนิ ด นี ้ ได น ำพาให เ ต า สู ง สุ ด ในอดี ต
แผกระจายไปเทียมฟา เชนเดียวกับเตาสูงสุดในอนาคตก็เปนเชนนี้
หยินสูงสุด หยางสูงสุด ก็เปนเชนเดียวกัน
และเมื่อดูโดยรวม จะเรียกวาหกเตาครึ่ง แตที่จริงเปนแปดเตาครึ่ง
สิ่งที่สำคัญกวาก็คือ เวลานี้การลองลอยของหวังเปาเลอ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
เรียกวาลองลอย ความเปนจริง…ก็เปนสัมผัสเซียนของเขา
เนื่องจากพื้นฐานขยายออกไปเรื่อยๆ ยอมเหนือกวาในอดีตหลังจากการปะทุ
เวลานี้ขณะที่สัมผัสเซียนแผขยายอยางตอเนื่อง ผมของหวังเปาเลอก็ขยับเองโดยไรลม
เสื้อคลุมยาวสีขาวก็ยิ่งปลิวไสว บุคคลิกของเขาก็คอยๆ ใหความรุสึกแปลกแยกจาก
ผูชมรอบขาง
ดูเหมือนมิใชมนุษย
“มิใชมนุษยอยางแนนอน” หวังเปาเลอพึมพำ เงยหนาขึ้น
หลังจากจากกันไปนาน เปนครั้งแรกที่เขามองไปทางแมนางนอย มองไปทางสตรี
ในอดีตชาติที่ติดตามเขา
จากนั้นดวยทาทางที่อึกอักรวมทั้งสายตาที่เต็มไปดวยความสับสนของหวังอีอี
หวังเปาเลอยิ้มแลว
ฟนที่ขาว ผมที่ยาว เสื้อขาวบนราง รอยยิ้มที่ราวกับแสงตะวัน อบอุนยิ่งนัก
“ขามาชวยเจา”
เมื่อกลาวออกไป มือขวาของหวังเปาเลอยกขึ้น คอยๆ สงออกไป
การสงครั้งนี้ ที่สงคืออดีตของเขา
การสงครั้งนี้ ที่สงคืออนาคตของเขา
การสงครั้งนี้ ที่สงคือชะตากรรม…ของเขา
นี่คือขอตกลงกับทานพอหวัง แตเขายินยอมพรอมใจ
ไมเคืองแคน
ไมเสียใจ
บทที่ 1289 ขอบคุณยิ่ง
บาดแผลของหวังอีอี ที่แทคือสิ่งใด มาจากที่ใด และเหตุใดความแข็งแกรงดังเชน
ทานพอหวังที่เปนเทพเคารพสูงสุด ก็ไมอาจชวยรักษาได มีเพียงเซียนเทานั้นจึงจะ
ชวยได
เรื่องนี้แมหวังเปาเลอจะไมเขาใจ แตก็พอคาดเดาได
“บางที อาจเกี่ยวของกับหลัว” หวังเปาเลอพึมพำอยูในใจ เรื่องนี้ไมมีคำตอบ
นอกจากทานพอหวังจะบอกใหรู
แตหวังเปาเลอไมเชื่อ…การปรากฎตัวของตนเองภายในโลกแหงศิลา ชางเปน
ความบังเอิญ
เพราะ…หากไมมีการมาของหวังอีอี และการปรากฎตัวของบิดาของนาง เชนนั้น
ถึงแมโลกแหงศิลาจะเปนมือขวาหลัวจำแลง ทายที่สุดตนเองก็ยากที่จะไดชัยจากการ
ตอสูก ับดวงจิตเทพของมหาเทพ
มีความเปนไปไดสูงที่เขาจะเปนเชนเดียวกับศิษยพี่เฉินชิงจื่อ
ในเวลาเดียวกัน ถึงแมวาเรื่องจะมีความนาจะเปนเพียงเล็กนอย ที่ตนเองจะ
เอาชนะดวงจิตมหาเทพได และไมอาจจะทองเที่ยวตอไปไดอีก และยากที่จะหนีจาก
การเปนเสนทางสูอาวุธนักรบ
กลาวไดว า การเปลี่ยแปลงมากมายของที ่ น ี ่ นอกจากหั ต ถ ห ลั วจำแลงนอก
ปายศิลาแลว สิ่งสำคํญที่สุด…ก็คือการมาของพอลูกหวังอีอี ดังนั้น หากกลาววา
นี่ไมเกี่ยวของกับหลัว หวังเปาเลอก็คงไมเชื่อ
โดยเฉพาะเขารูอยูแลววา หลังจากที่หลัวตอสูกับกู เคยโจมตีกลับจักรพิภพเตาไมรูสิ้น
ตอสูกับมหาเทพแตลมเหลว เชนนั้น…เปนไปไดไหมวา กอนที่จะตอสูกับมหาเทพ
หลัวไดรวบรวมเซียนแลวกวาครึ่ง และตนเองก็ไดมาถึงขั้นสุดยอด และไดทิ้งคำ
ชี้แนะไว
คำชี้แนะนี้ ก็คือสาเหตุของการบาดเจ็บของหวังอีอี และก็เปนเพราะคำชี้แนะนี้
ทำใหหลังจากที่เขาเองลมเหลวมาหลายป ยังคงสามารถทำใหทานพอหวัง มาเสาะหา
ความเปนอมตะที่นี่
ดังนั้นสำหรับมหาเทพ ก็ฝงแผนสังหารไปหลังจากนั้นหลายป
ความจริงเปนเชนนี้หรือไม หวังเปาเลอไมรู และเขาก็ไมตองการจะรู ดวยนี่ไมสำคัญ
เพราะไมวาอยางไร การชวยรักษาหวังอีอีเปนการเลือกที่ไมเคืองแคนไมเสียใจ
ของเขา เวลานี้ขณะที่สะบัดมือ ร างของเขาก็ สั ่น เทา ปรากฏการพร าเลื อนและ
ทับซอน และในไมชาก็มีเงารางหนึ่งเดินออกมาจากรางของเขา
รางนี้คือหวังเปาเลอ แตดูเหมือนจะหนุมกวา และหากมองใหถี่ถวน ราวกับจะ
สามารถมองเห็นกระบวนการเติบโตทั้งหมด เห็นทารก เด็กนอย และชายหนุมจากใน
รางนี้
และยังหมายถึงทุกสิ่งในอดีตชาติ
ดูเหมือนนับจากจุดนี้เปนตนไป ทุกสิ่งในกาลขางหนา ตางก็รวมกันอยูในรางนี้
ที่สุดก็ทำใหความพราเลือน ที่รางนี้เปลี่ยน คลายกลุมแสงสีดำ
หันหนาไปมองรางที่เปนตัวแทนอดีตของตนเอง หวังเปาเลอจองมองอยูนาน
สุดทายก็หัวเราะ ขณะที่ยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นกระบี่ยาวลวงตาเลมหนึ่งก็ปรากฎอยู
เหนือศีรษะเขา
กระบี่นี้ ก็คือกระบี่สำริดโบราณที่แทงทะลุตะวัน แตเห็นไดชัดวาดวยโลกแหงศิลา
หลอมรวมเขากับฝามือของหวังเปาเลอ กระบี่เลมนี้…ก็ไมเหมือนเดิมแลว
“ตัดเถอะ” หวังเปาเลอกลาวเสียงเบา ทันทีที่กลาวออกไป กระบี่สำริดโบราณนี้
พลันก็ฟนออกไป
ดูเหมือนฟนไปบนความวางเปลา แตที่ฟน…คือหวังเปาเลอและกรรมทั้งหมดใน
อดีตของเขา
ราวมีฟารองคำราม คลายกับสายฟาฟาด ทองฟารอบดานสั่นไหวอยางรุนแรง
ในขณะที่กระแสวนกระเพื่อม รางของหวังเปาเลอสั่นเบาๆ เมื่อดูไป รางในอดีต
ของเขาไมมีสวนเชื่อมตอกับเขาอยางสิ้นเชิงแลว
ขณะที่สะบัดมือ รางในอดีตกลายเปนแสงสีดำสายหนึ่ง ตรงไปที่…หวังอีอีที่กำลัง
กัดริมฝปากลางอยู
หวังอีอีตองการหลบซอน แตนางทำไมได
เพราะในเวลานี้ดูเหมือนนางยังคงอยู แตที่จริงแลว …นางอยูภายในลูกปดเม็ดหนึ่ง
รางลวงตาของหวังอีอีที่ปรากฎอยูดานนอกหายไปพรอมกับการมาถึงของแสงดำ
ตัวแทนรางในอดีตของหวังเปาเลอ ลูกปดปรากฎออกมา และแสงดำนี้หลอมรวมเขา
ภายในลูกปดทันที
วินาทีตอมาลูกปดก็แตกออก
รางที่ประกอบไปดวยเลือดเนื้อ เวลานี้ไดกอขึ้นอยางชาๆ ภายใตการหลอเลี้ยง
จากแสงสีดำที่กลายมาจากรางในอดีตของหวังเปาเลอ ในที่สุดรางจริงของแมนางนอย
ก็ถูกหลอหลอมออกมา ปรากฎอยูตอหนาหวังเปาเลอในขณะนี้
สมบูรณแบบ ไรที่ติ
แตมันเหมือนภาพวาดที่ไรซึ่งชีวิต
หวังเปาเลอสูดหายใจเขาลึก วินาทีตอมา รางกายของงเขาก็พราเลือนปรากฏ
เงาทับซอนขึ้นอีกครั้ง ในไมชาก็มีเงารางที่สองเดินออกมา
เงารางนี้พอปรากฎ แสงสีขาวก็สวางไสวไรสิ้นสุด นั่นคืออนาคต
ภาพลวงตานับไมถวนในนั้นแวบผาน มีสุขใจ โศกเศรา ตั้งตระหงานเหนือทองฟา
และลมหายใจที่ฝงอยูในนพภูมิ ภาพนับไมถวนนี้ สองประกายอยางตอเนื่อง ทำให
รางนี้ยิ่งสวางไสว รุงโรจนเรืองรอง
เขามองไปที่รางแหงอนาคตของตน เห็นไดชัดวาชวงเวลาในการจองมองครั้งนี้
ขาดอดีตมากเกินไป ดูเหมือนหวังเปาเลอไมสนใจตออนาคต
ราวกับเมื่อเทียบกันแลว เขาดูจะหวงอดีตที่ผานไปของตนมากกวา ดังนั้นพลัน
ละสายตา ยกมือขวาขึ้นสะบัดลงไปอีกครั้ง
เสียงคำรามดังขึ้นอีก กระบี่ยาวฟนลง อนาคต…ขาดสะบั้น
รางกายของหวังเปาเลอสั่นขึ้นอีกครั้ง สีหนาคอยๆ ซีดขาวไปบาง แมจะฟนคืน
อยางรวดเร็ว แตดูไปแลว รางของเขาราวกับจะผอมบางลงมาก
ขณะที่เงยหนาขึ้น เขาเห็นรางแหงอนาคตของตนกลายเปนแสงขาว พุงตรงไปที่
รางแทของแมนางนอย คลุมไปทั่งรางนาง และหลอมรวมสูรางกายอยางชาๆ ทำให
รางกายหวังอีอีคอยๆ ปรากฎพลังชีวิต
หวังเปาเลอยิ้มแลว จองมองไปที่หวังอีอีอยางลึกซึ้ง ในสายตาของเขา ภายในราง
ของหวังอีอีในเวลานี้ แมอดีตและอนาคตของตนสอดประสาน แตกลับไมไดหลอมรวม
ดวยกัน
มีสติวูบหนึ่งมาจากรางแทของหวังอีอี ราวกับกำลังตอตานอยางสุดกำลัง และขับไล…
“หัวใจนี้ก็พอเพียง” หวัง เปาเล อยิ ้ มอย างเป น สุ ข มื อทั ้ ง สานประกบกั น อยู
ขางหนาอยางชาๆ กลาวเสียงเบา
“ชะตากรรม…”
ชั่วอึดใจ ขณะที่เขากลาวออกมา และขณะที่สองมือประกบกัน อดีตและอนาคต
ของเขาภายในรางหวังอีอี ก็ปะทุขึ้น และหลอมรวมเขาดวยกันในทันที
แสงสองสาย สายหนึ่งสีดำ และสายหนึ่งสีขาว เวลานี้หลังจากที่ประสานเขา
ดวยกัน กลับกลายเปนไมใชสีเทา
แตเปนสีสันตระการตา งดงามสดใส
ดวยเหตุนี้จึงเปนชะตากรรม
ชะตากรรม ที่ไมอาจเปลี่ยนแปลง
ชะตากรรม ที่ไมเหมือนเชนเคย
ในขณะที่ทั้งสองสีหลอมรวมเขาดวยกัน เติมเต็มเขาไปในความหลงใหลของ
หวังเปาเลอ ทำใหเขารักษาพลังชีวิตที่สมบูรณ และแฝงดวยสัมผัสอมตะ
“ใหเจา” หวังเปาเลอเอยเสียงเบา รํศมีหลากสีที่ปะทุออกมาจากภายในรางหวังอีอี
คลุมรางของนางไวขางใน ความผันผวนของวิญญาณก็กระจายออกมาในขณะนี้
ปรมาจารยสำนักดาราจันทรที่อีกดานหนึ่ง สับสนวุนวายอยูในใจ แตความตื่นเตน
ก็คงอยูเชนกัน สัมผัสไดถึงความผันผวนของพลังวิญญาณของประมุขนอยในขณะนี้
เขาเขาใจ ประมุขนอย…กำลังจะตื่นขึ้น
วานรเฒาและจิ้งจอกนอย เวลานี้ตางก็เงียบงัน เพียงแตวานรเฒาขณะอยูใน
ความเงี ย บงั น ยั ง มองไปทางหวั ง เป า เล อ ด ว ยความสะท อ นใจ ขณะที ่ ค นหลั ง …
กลับตกตะลึง
เพียงแต…เมื่อผานไปหลายอึดใจ ความผันผวนของพลังวิญญาณบนรางหวังอีอี
ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น แตกลับไมตื่นขึ้น กระทั่งมีสัญญาณหยุดชะงัก เหตุการณนี้ ทำให
ปรมาจารยสำนักดาราจันทรรอนรนอยูบาง
“ยังไมยอมฟนหรือ…” หวังเปาเลอยถอนใจเบาๆ สายตาออนโยนลงเงยหนาขึ้น
มองความวางเปลาทางดานหลังของหวังอีอี ที่นั่น…เวลานี้มีเรือเดียวดายลำหนึ่ง กำลัง
คอยๆ เขามา
รางที่ยืนอยูบนเรือ ก็คอยๆ ปรากฎออกมา
“ท า นประมุ ข !” ทั น ที ท ี ่ ป ระมาจารย ส ำนั ก ดาราจั น ทร เ ห็ น ร า งนี ้ พลั น ก็ รี บ
กมศีรษะลงคำนับ
วานรเฒาและจิ้งจอกนอย ตางก็กมศีรษะ
รางนี้ยกขากาวออกจากเรือเดียวดาย และพยักหนาไปทางปรมาจารยดาราจันทร
รวมทั้งวานรเฒาจิ้งจอกนอยกอน จากนั้นก็ยืนอยูขางรางหวังอีอี ยกมือขวาขึ้นแตะไป
ที่หวางคิ้วของหวังอีอี
“อีอี ยังไมฟนหรือ”
รางของอีอีพลันสั่นไหว ขนตากระพริบเบาๆ น้ำตาไหล อีกนานจึงลืมตาขึ้นอยางชาๆ
สิ่งแรกที่เห็น ไมใชบิดาของตน แตเปนรางในชุดขาว…ที่อยูหางไกล
ทานพอหวังไมไดสนใจ ลูบศีรษะบุตรสาวอยางปลอบประโลม เมื่อหันรางไปทาง
หวังเปาเลอ ทาทางเครงขรึม ประสานหมัด…คำนับไปทางหวังเปาเลอ
“ขอบคุณสหายเตา!”
“ทานอาวุโสเกรงใจไปแลว ผูนอยขอตัวกอน” หวังเปาเลอกมศีรษะ กลาวเสียงเบา
หันรางเดินไปทางทองฟาอยางโดดเดี่ยว
ไมมีอดีต ไมมีอนาคต เดิมทีเขายังมีศิษยพี่ แตศิษยพี่สิ้นแลว เวลานี้ดูเหมือนเขา
ไมเหลือสิ่งใดอีกนอกจากโลกในฝามือ
หวังอีอีมองไปที่ดานหลังของหวังเปาเลอ รางของนางสั่นสะทาน กำลังจะเอยปาก
บิดาของนางที่อยูขางๆ ก็กลาวออกมาเบาๆ
“เปาเลอ วิญญาณของเฉินชิงจื่อศิษยพี่เจา ไดถูกขาชวยไวกอนที่จะแตกสลาย
ตอนนี้การฟูมฟกในเสร็จสิ้นแลว เจาตองการจะวาดวิญญาณหวลกลับชาติดวยตนเอง
หรือไม”
หวังเปาเลอที่เดินไปไกล รางกายพลันสะดุง หันรางมาทันที มองไปทางบิดาหวังอีอี
ในขณะที่รางกายสั่นเทา โคงคำนับไปทางอีกฝาย
“ขอบคุณ ทานผูอาวุโส!”
บทที่ 1290 สนทนามรรคาเตา
อักษรทั้งสี่นี้แฝงไปดวยเสียงสะทานแลวยังอารมณที่ไมอาจพรรณนาออกมา
เปนคำพูด นอกจากนี้ยังมีความรูสึกขอบคุณอันไรขีดจำกัดของหวังเปาเลอ ด วย
ในชีวิตของหวังเปาเลอ ผูที่สรางอิท ธิพ ลใหแ ก เขาได นั้ นมี จำนวนไม นอ ย แต ว า
ในบรรดาคนผูนี้ ผูที่มีอิทธิพลตอเขามากที่สุด…ในนั้นยอมรวมศิษยพี่อยูดวยแน
ตั้งแตที่ไดเริ่มพบกัน ประสบการณที่ไดรับระหวางนั้น และความขัดแยงพรอมทั้ง
คลี ่ ค ลายในช ว งเวลาท า ยๆ ทุ ก สิ ่ ง ทุ ก อย า งล ว นพั ฒ นาความรั ก สมานระหว า ง
ศิ ษ ย พ ี ่ ศ ิ ษ ย น อ งของทั ้ ง สอง ฝ ง แน น ท า มกลางกาลเวลาเหล า นี ้ กระจายอยู ทั่ ว
ในความทรงจำ
พวกเขา แม เ ป น ศิ ษ ย พ ี ่ ศ ิ ษ ย น อ ง แต ก ็ เ ป น สหายเต า สหายร ว มมรรคาเต า
ดังนั้นแลว หลังจากไดยินคำพูดของทานพอหวัง นี่จึงทำใหหวังเปาเลอสั่นสะทาน
อยางหนัก เจตนาดังเดิมที่จางหายหวนกลับคืนดั่งพายุคลั่ง ทำใหเขาผูที่สูญเสีย
ทั้งอดีตและอนาคตจนกลายเปนคนเงียบงันไปเชนนี้
พลันบังเกิดคลื่นซัดโหมขึ้นใหมภายในใจ ราวกับผืนน้ำทะเลสาบ ปรากฏระลอกคลื่น
ราวกับภูเขาที่น้ำแข็งกลบฝง เริ่มหลอมละลาย ระลอกคลื่นและการหลอมละลายนี้
หลั ง จากที ่ ท า นพ อ หวั ง รั บ การคารวะจากหวั ง เป า เล อ แล ว ก็ โ บกมื อ คราหนึ่ ง
พลันปรากฏลูกปดมุกซึ่งมีรางวิญญาณบรรจุอยูลอยเขามาหาหวังเปาเลอ
สุ ด ท า ยแล ว มั น ก็ ห ยุ ด อยู เ บื ้ อ งหน า เขาในลั ก ษณะเกื อ บจะแนบเนื้ อ
ดวยระยะหางอันใกล เมื่อหวังเปาเลอเพงมองมัน ในพริบตานั้นราวกับวาตัวเขาได
ขามผานกาลเวลา
นี่คือลูกปดมุกที่แผแสงประกายรุงเจ็ดสี ในนั้นราวกับมีเสนสายควันเจ็ดสี
กำลังพันรัดกัน แมวาสีสันจะมากมาย แตก็ไมอาจปดบังไดวาทามกลางกลุมควัน
เหลานี้ มีวิญญาณของเฉินชิงจื่อที่นั่งขัดสมาธิอยู
เขาหลับตาอยูในนั้น ทาทางคลายกับกำลังหลับลึก หมอกควันเจ็ดสีลอยอยู
รอบรางวิญญาณ ราวกับวาพวกมันคือสารบำรุงสำหรับเพาะเลี้ยงวิญญาณนี้ และ
ทุกครั้งที่วนผานรางวิญญาณไป ก็จะสงผลใหรางวิญญาณนี้มองเห็นดวยตาชัดมากขึ้น
อีกสวน
ลูกปดมุกเชนนี้ หวังเปาเลอเคยเห็นมาแลว กอนหนานี้รางวิญญาณของหวังอีอี
ก็อยูในลูกปดมุกประเภทนี้เชนกัน เพียงแคคิดก็ทราบไดแลววาของสิ่งนี้ล้ำคาเพียงใด
และมีเพียงสมบัติล้ำคาสูงสุดเชนนี้จึงจะมีพลังเอาชนะชะตาฟาได สามารถรวบรวม
วิญญาณแตกซานเอาไวขางใน อีกทั้งเพาะเลี้ยงจนเริ่มมีกระแสวิญญาณกอกำเนิด
และในเสนสายหมอกควันทั้งเจ็ดสีนี้เอง
อาศัยพลังฝกปรือของหวังเปาเลอยามนี้ เขาก็สามารถมองออกไดวา ทุกเสนสายนั้น
แฝงไปดวยกฎและเกณฑ ทุกเสน…แฝงไปดวยชีพจรอันไรขีดจำกัด กลาวใหกระจาง
ก็คือ…เตาเจ็ดสาย
พลั ง ฝ ก ปรื อ เฉพาะทางของเต า เจ็ด อั ต ลั ก ษณน ำมาชว ยฟ น ฟูว ิ ญ ญาณของ
เฉินชิงจื่อ นี่คือเตาที่ดูดกลืนมาจากจักรวาล การลงทุนครั้งนี้ นาแตกตื่นสะทานฟา
เห็นน้ำหนักความสำคัญไดชัดเจน
หลังจากเพงมองเนิ่นนาน หวังเปาเลอก็ยื่นมือออกมาประคองลูกปดมุกของ
เฉินชิงจื่อเอาไว เขาคอยๆ กำมันเขาสูฝามือเบาๆ ผสานเขากับโลกของตน ในยาม
ที่แหงนหนา หวังเปาเลอมองทานพอหวังอีกครั้ง จากนั้นประสานมือพลางโคงตัว
ลงต่ำเพื่อคำนับหนึ่งครา
“โลกแห ง ศิ ล ายั ง ไม ส มบู ร ณ หากอยากให ม ั น สมบู ร ณ ต อ งใช ก าลเวลา
อันยาวนานเพื่อชำระลาง เหตุนี้…วิญญาณของศิษยพี่เจา หากกำเนิดใหมในโลก
แหงศิลาคงจะมีอนาคตจำกัด ทวาเขา…เมื่อถือครองพลังเตาหลากชนิด อนาคตคง
ไมพบขีดจำกัดใดๆ อีก” บิดาของหวังอีอีมองหวังเปาเลอกอนจะเอยปากชาๆ
“เขาจำเป น ต อ งอยู ใ นโลกที ่ ส มบู ร ณ ก ว า นี ้ และกฎแห ง เต า สมบู ร ณ ก ว า นี้
อยางเชน…บานเกิดของขา” กลาวถึงจุดนี้ ทานพอหวังตางเรียกเรือลำนั้นออกมา
อีกดานวานรเฒาและจิ้งจอกนอย แลวยังมีปรมาจารยดาราจันทร ทุกคนตางรีบ
ติดตามไป
มีเพียงหวังอีอีเทานั้นที่ยืนมองหวังเปาเลออยูที่เดิม ทาทางคลายกับกำลังคิดวา
จะเอยสิ่งใดออกมา “อีอี” ไมทันรอใหนางเอยคำ เสียงของบิดาก็ลอยเขามาเสียแลว
หวัง อีอีจมอยูในภวัง ค จากนั้นนางจึ ง ก มหน าแล ว เดิ น ไปยั ง นาวาลำนั ้ น กระทั่ ง
หลังกาวเทาขึ้นสูเรือแลว นางจึงรวบรวมความกลาพันมองไปทางหวังเปาเลอทันที
“เจาอวน สุดทายแลวเจาจะมาหรือไมมา!” คำเรียกขานนี้ ทำใหหวังเปาเลอ
ลนลานอยูบาง เขาไมไดยินแมนางนอยเรียกตนเชนนี้มานานแลว หลังจากเงียบไป
หลายอึดใจ หวังเปาเลอก็เผยยิ้ม “บนเรือที่นั่งพอหรือไม?”
แมจะกลาวเชนนี้แตเทาก็กาวไปกอนแลว เขามุงไปทางเรือแลวกระโจนขึ้นไป
จักรวาลแหวกออกราวระลอกคลื่นเปดทาง นาวาเดียวดายลำนี้คอยๆ ขยับมุงหนา
เคลื่อนไปยังนานฟาอันหางไกล แมมองไปแลวเหมือนจะชา แตเมื่อเคลื่อนไปขางหนา
ทิวทัศนร อบดา นพลั น บิ ด เบี้ ยว ภาพมายาแต ละฉากทอแสงเรื องรอง ในบรรดา
ภาพเหลานี้ สามารถมองเห็นดาวเคราะหแตละดวง ระบบดาวแตละแหง รวมถึง
จักรวาลแตละแหง
“นี่คือมหาจักรวาลเชนนั้นหรือ…” หวังเปาเลอนั่งอยูบนเรือลำนั้น หันหนา
มองออกไปดานนอกเรือ ในดวงตาทอประกายแปลกประหลาด เขาเขาใจดี เรือลำนี้
ไมไดชาเลยแมเพียงนิด เพราะวาความเร็วของมันอยูในระดับที่ยากจะจินตนาการออก
เร็วหรือชายากจะแยกแยะได แนนอนวามาตรที่ใชวัดไดนั้น ยอมไมใชตัวเขาเอง
หากแตเปน…ใชวัตถุที่เห็น
ราวกับวาทานพอหวังที่ยืนอยูตรงหัวเรือสัมผัสไดถึงความคิดของหวังเปาเลอ
เขาเอยปากโดยไมหันมามอง “เจารูแจงไดเพียงแคสวนเดียว เจาลองสัมผัสดูอีก
สักหนอย ที่เคลื่อนไหวนั้น…ที่แทคือสิ่งใด”
หวังอีอีกะพริบตา นางพยายามสะกดความสับสนในหัวใจ ดวงตาเผยประกาย
ครุนคิด นางกวาดตามองจักรวาลนอกลำเรือ สวนหวังเปาเลอเองก็ผงะไป เขาเริ่มจาก
มองไปดานนอกกอน แตวาสุดทายก็เบนสายตากลับแลวมองเรือที่ตนเองโดยสารอยูน้ี
จากนั้นดวงตาก็คอยๆ เผยแววตกตะตึง เขาพบวา เรือลำที่ตนอยู ตั้งแตเริ่มตน ไมได
ขยับแมแตนิดเดียว “ที่เคลื่อนไหวอยู…ไมใชลำเรือ แตเปน…จักรวาลผืนนี้!!”
ระหวางพึมพำ หวังเปาเลอก็แหงนหนาขึ้น มองไปยังเงาหลังของบิดาหวังอีอี
ในใจนั้นพลันบังเกิดแรงสั่นสะทานรุนแรง เขาไมอาจจินตนาการไดเลยวา สุดทายแลว
ตองถือครองระดับพลังมากขนาดไหน ถึงสามารถ…ทำใหจักรวาลพลิกหมุนเบื้องหนา
ตนเอง จากนั้นทำใหความเร็วของตนอยูในระดับสูงสุดจนยากจะพรรณนาออกมาได
“ความเร็วของผูฝกตนก็มีพลังจำกัด ดังนั้นหลายครั้ง ในยามที่เจาสัมผัสรูไดวา
ความเปนจริงสามารถกระโจนออกมาได เมื่อมองปญหาจากอีกมุมหนึ่ง เจาจะพบวา…
การฝ ก ตน ที ่ แ ท แ ล ว ง า ยดายนั ก ” เสี ย งของท า นพ อ หวั ง ดั ง เข า สู ห ู ข องหวั ง อี อี
และหวังเปาเลอ
รายแรกนั้นดวงตามึนงง แสดงใหเห็นวาไมคอยเขาใจเทาไร แตรายหลังนั้น…
ดวงตาพลั น ทอแสงรุ น แรงเจิ ด จ า ราวกั บ ว า ประตู บ านใหญ ไ ด เ ป ด ออกในสมอง
ของเขาแลว หลังจากการไขเปดนี้ ภายในใจของหวังเปาเลอพลันกระเพื่อมรุนแรง
พลังแหงเตาหาวิถีที่อยูบนรางของเขาสองแสงเรืองรอง เตาแหงอดีตและอนาคต
แมจะกลายเปนหลุมวางเปลาไปแลว แตในยามนี้มันก็ไดกลายเปนแสงสีขาวดำ
ครอบคลุมไปทั่ว หาวิถี ไมสำคัญ อดีตและอนาคต ไมสำคัญ หยินมืดมิดและหยาง
อันศักดิ์สิทธิ์ ไมสำคัญ ทุกอยางนี้คือความคิดคับแคบ การฝกตนที่แทจริงแลวนั่นคือ…
“หมื่นสรรพสิ่งทั้งหลายนี้ ทุกสิ่งมีไวใหแกขา!” หวังเปาเลอพลันแหงนหนา
แลวเอยปากเสียงเบา
“กลายเปนตนกำเนิด คือรากฐานของการเหยียบขึ้นสวรรค หากสัมผัสไดถึง
จุดที่เจาพูดมานี้ และสามารถกระทำไดถึงขั้นนี้ เจาก็จะมาถึงขั้นที่หาของการฝกตน”
ทานพอหวังหันหนาจากนั้นก็มองหวังอีอีที่ยังคงมึนงงอยู ถอนหายใจออกมา
ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นจึงมองหวังเปาเลอดวยแววตาเผยประกายชื่นชม
“แลวขั้นที่หกเลา?” หวังเปาเลอถามขึ้นทันที
“ขั้นที่หก?” ทานพอหวังแววตาล้ำลึก เขามองไปยังความวางเปลาอันหางไกลนั้น
“ผูเยี่ยมยุทธที่อยูถึงขั้นที่หาทั้งหลายนั้น ถือครองขั้นที่หกอันแตกตางกันไป บางทาน
ก็สรางจักรวาลขึ้นใหม จากนั้นก็เริ่มตนกาวเดินที่หกเจ็ดแปดจากมุมมองนั้นของตน
ฉูดฉาดเกินความจำเปน ขาไมชอบ”
“มีบางที่กลายเปนโลกไปเสียเอง จากนั้นใชพลังพิทักษเปนหัวใจเตา ดังนั้น
ทุกคนจึงอยูมีเพียงเขาที่หายไป แตตราบใดที่เรื่องราวของเขายังคงอยู เขาก็จะคงอยู
ตลอดไป มีชีวิตอยูในอดีต พลังฝกปรือไรขีดจำกัด”
“มีบางที่ถือเอาสิ้นสลายเปนแหลงพลัง หากสรรพสิ่งคงอยูนิรันดร เตาของเขา
ก็จะไมสมบูรณ แตยิ่งไมสมบูรณมากเทาไร เขาก็ตองกลับชาติมาเกิดใหมครั้งแลว
ครั้งเลาเพื่อแสวงหาจุดบกพรองนั้น สวนตนเองแนนอนวายอมเดินไปไดไกลขึ้น”
“แลวยังมีบางคน ใชเหตุผลตนกรรมเขาสูวิถีเทพ นี่ตรงขามกับอดีต เขาอยูในอนาคต
ไมมีเริ่มตนไมมีสิ้นสุด”
“เชนนั้นมหาเทพเลา?” หวังเปาเลอครุนคิด จากนั้นจึงเอยถาม
“มหาเทพ?” ทานพอหวังยิ้ม “หากวาพวกเรานำจักรวาลอันมากมายเหลานี้
หลอมรวมเปนมหาจักรวาลอันใหญโตไรขีดจำกัดของมัน และเปรียบมันเปนโตะ
ตัวหนึ่ง มีบางคนที่ศึกษาวาจะสรางโตะนี้ไดอยางไร มีบางคนครอบครองอดีตของ
โตะตัวนี้ แลวยังมีบางคนคิดทำลายโตะตัวนี้ แลวก็มีบางคนที่ควบคุมความเปนไปของ
โตะตัวนี้”
“เชนนั้นมหาเทพ เขายอมคิดอยากกลายเปนโตะตัวนี้ ทำใหผูที่เดิมคิดศึกษา
ไมอาจศึกษาได ผูคิดทำลายไมอาจกระทำได ผูที่คิดจะควบคุมอดีตและอนาคต
ก็ไรหนทางจะควบคุม ในเวลาเดียวกัน…เขายังคิดจะกลืนเหลาคนพวกนี้ใหกลายเปน
สวนหนึ่งของตนเอง”
หวั ง เป า เล อ ดวงตาหดลี บ หลั ง จากนิ ่ ง เงี ย บไปครู ห นึ ่ ง เขาก็ ถ ามขึ ้ น มา
อยางอดไมได “เชนนั้นผูอาวุโส…ทานเลา?”
บทที่ 1291 ผูฝกเซียน
“ขาหรือ?” บิดาของหวังอีอีหัวเราะยิ้มๆ
“เจาลองเดาสิ”
สีหนาของหวังเปาเลอแปลกประหลาด เขาไมคิดวาทานพอหวังซึ่งกอนหนานี้
ใหความรูสึกเขมงวดมาโดยตลอดจะมีดานแบบนี้ดวย ดังนั้นหวังเปาเลอจึงลังเล
เล็กนอย กอนจะเอยปากเสียงเบาดวยทาทีไมแนใจ
“ทานจะคว่ำโตะ?”
เมื่อไดยินคำพูดของหวังเปาเลอ หวังอีอีก็ชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่ง ในสวนของ
ผูเปนบิดานั้นกลับยิ้มกวางมากขึ้น การฟนคืนชีพของบุตรสาวราวกับทำใหนิสัยของ
เขามีชีวิตชีวาขึ้นมาจากแตกอนพอควร ในระหวางที่แยมยิ้ม ทานพอก็หมุนตัวไมสนใจ
ผูเยาวทั้งสองอีก แตมีคำพูดหนึ่งลอยเขาสูหูของหวังเปาเลอและหวังอีอี
“หากเจ า ไร ห นทางทำให อ ี อ ี ฟ น คื น ชี พ ล ะ ก็ หากการคว่ ำ โต ะ สามารถทำได
เชนเดียวกัน เชนนั้น…เจาโตะนี้ หวังโหมวยอมตองคว่ำ หากใครกลาขวาง ขาจะ
สังหารมันเสีย ไมวาเปนใคร!”
แมมหาเทพจะอยูจุดสูงสุด หากเขากลาขวางขา หวังโหมวแมไมเคยประมือกับมากอน
แต…ใครจะรูวาขาสังหารไมได?"
“เตาของขา…มีเพียงอารมณเทานั้น”
หวังเปาเลอเงียบสนิท เขามองเงารางเบื้องหนาอยางลึกซึ้งครั้งหนึ่ง คำตอบของ
อีกฝายทำใหเขาจมอยูในภวังค ในยามนี้กนบึ้งหัวใจนั้นพลันบังเกิดระลอกคลื่น
เขากำลังคิด…หากเปนตนเอง จะทำเชนไร
“สังหารทุกผูที่ขัดขวางความสุขของขา” หวังเปาเลอพึมพำในใจ ดวงตาพลันมี
ประกายแสงทอวาบ ทางเลื อ กของเขาไม ว า จะเป น ในแง ใ ดล ว นคล า ยกั บ ของ
ทานพอหวัง เขาไมไดสนความมีอยูของโตะ อีกทั้งยังไมสนตนตอที่มา
สิ่งที่เขาสนใจ คือความเปนอิสรเสรี ไมถูกผูกมัดบังคับ
เห็นไดชัดวา วิธีการคงอยูของมหาเทพในตอนนี้ ไดกลายเปนอุปสรรคขวาง
เสนทางมรรคาของเขา ระหวางเขาและมหาเทพ ไมวาอยางไรก็ตาม สุดทายยอมอยู
คนละฝายกันแลว
แมหวังเปาเลอเลือกยอมแพ แตหากมหาเทพตื่นขึ้นมาเมื่อใด ก็มีความจำเปนตอง
สยบเขา เพราะรางของหวังเปาเลอตอนนี้…ไดกลายเปนตนตอขัดขวางมรรคาของ
อีกฝายแลว
ในพริบตาที่มหาเทพปรารถนาจะเปนมหาจักรวาลนั้น แกนกำเนิดของไมไดตอกตรึง
ลงหวางคิ้ว และกลายเปนผนึกไมกระดานสีดำนั่นเอง ระหวางพวกเขาทั้งสองคน
พลันปรากฏเหตุผลตนกรรมแลว
ทามกลางกาลเวลานับไมถวนที่ไหลผาน ไมไดชะลางเหตุผลตนกรรมนี้จนสิ้น
กลั บ กั น …นานวั น เข า มั น ก็ ย ิ ่ ง เข ม ข น เพราะว า …แม เ วลาจะผ า นไปก็ จ ริ ง แต
ความขัดแยงระหวางพวกเขานั้น กลับดำเนินตอเนื่องตลอดเวลา
ไม ว า จะการเป น ปรป ก ษ ก ั บ ตั ว มหาเทพเอง หรื อ กระแสความคิ ด นั บ แสนที่
กลายเปนโลกา ก็เปนเชนเดียวกัน
“ไมสังหารมหาเทพ ก็ไมอาจเสพสุขได” หวังเปาเลอหรี่ตา จากนั้นเขาก็เก็บงำ
ประกายตาคมปลาบนี้ไว สุดทายแลวจึงคอยหลับตาลงทั้งหมด
หวังอีอีที่อยูอีกดานหนึ่ง กลับฟงไมเขาใจคำพูดของทานพอหวังและหวังเปาเลอ
นางกำลังรูสึกวาคำพูดของคนทั้งสอง สำหรับนางแลวคลายจะเขาใจไดแตเมื่อเอามา
ผสมรวมกัน ไดกลายเปนเรื่องลึกซึ้งเรนลับ ทำใหนางในยามนี้ ฟงแลวสมองเกิด
ความมึนงงนัก
นี่ไมใชครั้งแรกที่หวังอีอีรูสึกเชนนี้ แทจริงแลวในความทรงจำของนาง ระหวางที่
ติดตามบิดาของตนเอง มีหลายครั้งที่เกิดสถานการณนี้ขึ้น เพียงแตวาตลอดเวลา
ที่ผานมา ขางกายนางนั้นไมไดมีคนอื่นๆ ดังนั้นแลวนางจึงไมมีตัวเปรียบเทียบ นี่ทำให
นางไมไดรูสึกอะไรมากมายนัก กระทั่งยังคิดวาสิ่งที่บิดามารดาพูดนั้นเรนลับยากเขาใจ
หากเปลี่ยนเปนผูอื่นก็คงจะฟงไมเขาใจเหมือนกัน
แตในยามนี้…เริ่มไมเหมือนกันแลว
นี่ทำใหตัวนางผูหยิ่งทะนง รับไมไดอยูบาง หลังสังเกตวาหวังเปาเลอหลับตาจึง
แสรงทำเปนวาเขาใจขึ้นมาบาง เลือกหลับตาลงเชนกัน
เพียงแตวา การที่หวังเปาเลอเงียบลงครั้งนี้ก็เพื่อยอยเตาที่แฝงอยูในคำพูดของ
ทานพอหวัง อีกทั้งเพื่อยืนยันเสนทางของตนเอง สวนการหลับตานี้ของหวังอีอี…
ตัวนางเองไมรูดวยซ้ำวาคิดอะไร
ทั้งหมดนี้ ลวนตกอยูภายใตการรับรูของทานพอหวัง เขาถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง
สีหนาเผยใหเห็นความเหนื่อยหนายแตก็รักถนอมไปในตัว
ก็เปนเชนนี้ หลังจากที่รอบดานของนาวาปรากฏภาพมายาพราเลือนจำนวน
นับไมถวน การเคลื่อนตัวของจักรวาลนี้ก็ไดอยูในระดับที่ยากจะจับสังเกตไดอีก
ไม ร ู ว า ผ า นไปนานเท า ไร ราวกั บ เป น เพี ย งชั ่ ว ลมหายใจเดี ย ว และก็ ร าวกั บ
ศตวรรษหนึ่ง
ในมหาจักรวาลนี้ หลังจากขามผานจักรวาลผืนนอยจำนวนมากแลว ในที่สุด…
จักรวาลนี้ก็หยุดเคลื่อนไหว มันคอยๆ ชาลงจนกระทั่งความเร็วกลับเขาสูปกติ ขางหู
ของหวังเปาเลอก็มีเสียงของทานพอหวังดังขึ้นมา
“มาถึงแลว”
ยามที่ไดยินเสียงนี้ หวังเปาเลอพลันเบิกตา เขามองไปยังทองฟา แตตอใหเปน
พลั ง ฝ ก ตนและสมาธิ ข องเขาในยามนี ้ ก ็ ย ั ง ต อ งสั ่ น สะท า นเพราะภาพที ่ ม องเห็ น
เบื้องหนา ดวงตาทั้งสองของเขายามนี้พลันเบิกกวางขึ้น
ที่อยูใจกลางหมูดวงดารา ไมแนวาจะเปนดาวพระเคราะหทั้งหมด
ภาพที่สะทอนออกมาจากในแววตา สามารถมองเห็นไดชัดเจน…เพราะที่อยู
เบื้องหนาหวังเปาเลอในตอนนี้ มันคือมหาทวีปอันใหญยักษจนยากจะบรรยาย
มหาทวีปนี้ใหญเหลือเกิน ราวกับหากเทียบกับโลกแหงศิลาไปแลว โลกแหงศิลา
คงมีขนาดเพียงหนึ่งในหมื่นของมันเทานั้น อีกทั้งมันยังไมหยุดนิ่งๆ แตกลับเคลื่อนไหว
ด ว ยความเร็ ว สู ง ตำแหน ง ตรงรอยต อ ของมั น นั ้ น ก อ เกิ ด ความพร า เลื อ นราวกั บ
ภาพมายา
ไมเพียงแคนี้ ดวงดาวนอยใหญที่รายลอมอยูนั้นก็มีจำนวนมหาศาล ราวกับวา
มหาแผนดินนี้คือใจกลางและพวกมันก็โคจรตอเนื่องกัน เห็นชัดวาทามกลางวันเวลาที่
เคลื่อนผานระหวางที่มหาทวีปเคลื่อนตัว ก็ไดดึงดูดดาวบริวารพวกนี้ไว
ในเวลาเดียวกัน ยังมีชีพจรขนาดมโหฬารยากจะพรรณนา ผืนดินนี้แผไพศาล
ออกมาไมหยุด ราวกับภูเขาไฟยามราตรีกาลอันมืดมิด โชนแสงสีแดงจาทามกลาง
ทองฟาราตรี ทำใหจักรวาลนี้งดงาม
เพียงแคกวาดตามองก็สัมผัสไดถึงพลังแหงชีวิตขั้นสูงสุดโจมตีเขามา อีกทั้ง
ขาวสารที่มันพัดเขามานี้ยังทำใหสมองของหวังเปาเลอเกิดเสียงอึกทึกทันที
หากเปนเพียงเชนนี้ก็แลวไป แตสิ่งที่ทำใหหวังเปาเลอตกใจนั้น ก็คือมหาแผนทวีป
อันยิ่งใหญสะทานภพ มันยังมีดาวเคราะหพิเศษระดับสูงเกาดวงลอยอยูดวย ราวกับ
เป น ดวงอาทิ ต ย ท ี ่ ข า มไปอี ก ระดั บ แล ว พวกมั น ควบคุ ม เหล า ดวงดาวไว
และครอบครองมหาทวีป
ทุกดวงดารานั้นพาใหหวังเปาเลอรูสึกวาพลังไมไดแตกตางจากตนมากนอย ถึงกับวา
มีสองดวงในนั้นทำใหเขาสัมผัสถึงอันตราย
อี ก ทั ้ ง ใจกลางของอาทิ ต ย เ ก า ดวงนี ้ ยั ง มี ร ู ป สลั ก ศั ก ดิ ์ ส ิ ท ธิ ์ ข นาดมโหฬาร
ตั้งตระหงานอยู ความสูงของมันนาครั่นคราม รูปสลักนี้เห็นไดชัดวามันคือ…ทานพอ
หวังที่อยูเบื้องหนา!
เรื่องราวพวกนี้ทำใหในใจของหวังเปาเลอกอเกิดความสะพรึง และที่ทำใหเขา
ตะลึง หนักยิ่ง กวาก็คือ…เบื้องหนารู ปสลั กยั กษ ใ หญ …ยั งมี สะพานขนาดยั กษอยู
11 แหง!
พวกมันทอดยาวไปสูความวางเปลา เชื่อมตอระหวางมิติแหงความจริง เมื่อมองจาก
ระยะหางเขาไป จะเห็นคลายขั้นบันได แตละขั้นที่เหยียบยางนั้นยิ่งใหญสะทานภพ
และสะพานทั้ง 11 แหงนี้ก็เผยกลิ่นอายโบราณตระการตา ราวกับวามันตั้งอยู
คูฟาดิน ตั้งอยูรวมกับจักรวาล และไหลผานมาพรอมกระแสเวลา อีกทั้งยังไมมีวี่แวว
ความผุกรอน ประกายแสงดาวนั้นกระจายทั่ว แตกลับไรรอยดางพรอยแมเพียงนิด
พวกมัน มีนามหนึ่งที่กองสะทอนไปทั่วมหาจักรวาล
พวกมัน มีชื่อเรียกขานทามกลางสรรพชีวิตในจักรวาลนี้
“นี่ คือสะพานสูสวรรค”
“กอนหนานี้พวกมันพังทลายไปแลว แตหลังจากนั้นขาหวังโหมวเปนผูบูรณะ
สรางมันขึ้นมาใหม 11 แหงจากเดิม 9 แหง ในบรรดานี้เกาเสนคือเสนทางสูสวรรค”
“หลังจากนั้นแตละเสนทางที่เพิ่มขึ้นมา ก็คือเพิ่มอีกหนึ่งกาวของการฝกตน!”
เสียงของทานพอหวังแฝงไปดวยกฎกระจายไปทั่วทั้งแปดทิศ ทำใหสะพานทั้ง 11 สาย
ยามนี้แผประกายแสงเรืองรองรุงโรจน ราวกับกำลังตอนรับการกลับมาของเขา
แตในยามที่สะพานสูสวรรคพวกนี้สองแสงนั่นเอง สภาวะจิตของหวังเปาเลอ
ก็รองคำราม กอนที่หวังอีอีซึ่งอยูอีกดานหนึ่งจะเอยปากเสียงเบา
“เจาอวน…ยินดีตอนรับสู…บานเกิดของขา ดินแดนแหงเซียน”
บทที่ 1292 สองป
ดวงดาราแปลกหน า ท อ งนภาไม ค ุ น เคย มหาทวี ป แปลกใหม โลกแปลกตา
บนทองฟา แสงอาทิตยทั้งเกาสายสาดสองหมื่นจั้ง
แตมหาทวีปนี้กลับไมไดรอนระอุเพราะดวงอาทิตยทั้งเกาเลย หนึ่งปมีสี่ฤดู
แบงแยกชัดเจนในที่แหงนี้ เพราะวา ดินแดนเซียนนั้น ยิ่งใหญโดยแทจริง ดูเหมือนวา
ตอใหมีพระอาทิตยเกาดวงฉายแสงเจิดจาก็ไมอาจสงผลอะไรตอมันไดแมแตนอย
ราวกับวาเมื่อเทียบกับดวงอาทิตยเหลานั้นแลว ตัวมันตางหาก…ที่มีการคงอยูเปน
นิรันดร
สวนอาทิตยก็มีหนาที่โคจรลอมรอบมันเทานั้น ในจุดนี้ กลับตาลปตรจากสิ่งที่
หวังเปาเลอไดรูในโลกแหงศิลาทั้งสิ้น และดวยความรวดเร็ว เขาก็ไดเขาใจ ภายใน
ดินแดนเซียนอันกวางใหญไพศาล แบงออกไดเปน 72 เขต ในอาณาเขตทุกแหงนั้น
มี 8,000 แดนดิ น ทุ ก อาณาแดนมี แ บ ง ใหญ เ ล็ ก ใหญ เ ล็ ก ที ่ ใ หญ น ั ้ น ใหญ ย ิ ่ ง กว า
โลกแหงศิลา ดังนั้นการเปรียบเทียบวา “ไพศาล” ราว “จักรวาล” ใชสองคำนี้มา
อธิบาย เกรงวาจะไมเหมาะสมนัก
ในเวลาเดียวกัน ทุกดินแดนก็มีเมืองใหญนับรอยหัวเมืองตั้งอยู เมืองใหญเชนนี้
ลักษณะคลายกับอสูรยักษที่กำลังจำศีล รูปลักษณของพวกมันแตละตัวแตกตาง
ราวกับมีชีวิตจริงๆ ราวกับดำรงอยูจริง เพียงแตกำลังนิทรา หากอสูรเหลานี้ตื่นขึ้น
ยอมนาสะพรึงสะทานฟาดิน ตำนานกลาวขานวา อสูรยักษทุกตัวเหลานี้ แทจริงแลว
มีชีวิต แตถูกผูเยี่ยมยุทธแหงดินแดนเซียนดึงเอาพลังชีวิตไป จากนั้นจึงผนึกพวกมัน
เอาไวใหกลายเปนเมือง
ทว า ดิ น แดนที ่ ย ิ ่ ง ใหญ ส ะท า นใจคนนี ้ ในนั ้ น กลั บ มี จ ิ ต วิ ญ ญาณแห ง ชี ว ิ ต อยู
แมมีจำนวนไมมากนัก แตก็เปนจำนวนที่ยากเกินกวาจะใชตัวเลขทางดาราศาสตร
ไปคิดคำนวณได ดวยเหตุอันไพศาลนานัปการ ผนวกเขากับพลังวิญญาณหนาหนัก
ทำใหการฝกตนในที่นี้เปนเรื่องสามัญ
สวนเหลาผูเยี่ยมยุทธ…จากจำนวนที่นับไดในตอนนี้ ก็นับวาถือกำเนิดมาไมนอย
อีกทั้ง หลัง จากกาลเวลาผานพนและประวั ติ ศาสตร ไ ด เข าที ่ เข าทาง จำนวนของ
ผูเยี่ยมยุทธยอมมากขึ้นเปนธรรมดา และสิ่งที่เปนตัวแทนไดเหมาะสมที่สุด…ก็คือ
ดวงอาทิตยทั้งเกาบนฟากฟา
“เทพผูยิ่งใหญทั้งเกา…” หวังเปาเลอพึมพำสะทอนออกมาในแดนดินที่ 8,000
ของเขตแดนแรก บนยอดเขาเดียวดายนอกเมือง เวลานี้ผานไปแลวสองปนับตั้งแต
ที่เขามาถึงดินแดนแหงเซียน
สองปกอนหนา เขาติดตามสองพอลูกมาถึงมหาทวีปแลว จากนั้นก็ถูกเชิญไปยัง
บานของหวังอีอี ดูผิวเผินแลวเหมือนบานธรรมดาแหงหนึ่ง แตบนยอดเขากลับมี
ถ้ำหนึ่งอยูดวย ในถ้ำแหงนี้ ในนั้นมีโลกใบหนึ่ง และนั่นคือบานของหวังอีอี
ในที่นั้น หวังเปาเลอไดพบกับมารดาของหวังอีอี สตรีผูอบอุนออนโยน นัยนตา
ของนางราวกับสามารถเอยคำพูดได นางปฏิ บั ติ ต อเขาด วยความอบอุ น ดวงตา
ทอประกายความเมตตา นัยนตานี้เมื่อทอดมองเขาและหวังอีอี ยิ่งเจือความออนโยน
ในที่แหงนั้น หวังเปาเลอไดรับรูวาหวังอีอีมีพี่ชายคนหนึ่ง จากบานไปหลายป
ออกไปหาประสบการณขางนอกและยังไมกลับมา ทั้งหมดนี้ทำใหหวังเปาเลอคิดถึง
บิดามารดาและคิดถึงนองสาวตนเอง ที่ยังดีนั้นคือ พวกเขาทั้งหมดยังอยู แมวาจะอยู
ในมิติที่อยูกลางฝามือหนึ่ง แตก็นับวาปลอดภัยดี
หลังจากที่พำนักอยูบานตระกูลหวังมาไดระยะหนึ่งแลว หวังเปาเลอก็ปฏิเสธ
เรื่องที่ทานแมหวังจัดแจงอยางมีมารยาท เขาออกเดินทางคนเดียว เพื่อตองการ
แสวงหาสถานที่ที่ศิษยพี่จะกลับชาติมาเกิด
ในเวลาเดียวกัน เขาอยากไปดู อยากจะเดินไปในโลกอันไมคุนเคยนี้ เขาจำได
ตลอดวา กอนออกเดินทาง ทานพอหวังไดเอยกับเขาประโยคหนึ่ง
“เจาในตอนนี้ แมวามีคุณสมบัติจะกาวสูสวรรค อีกทั้งยังมีพลังตอสูที่สามารถ
ทะยานสูสวรรคได แต…จิตเตาของเจาและหวงการยึดติด ยังไมสมบูรณเพียงพอ
ในตอนที่เจาเตรียมทุกอยางเสร็จแลว สามารถมาพบขาได ขาจะเบิกทางสูสวรรค
ใหแกเจา”
หวังเปาเลอคอมตัวลงต่ำ เขาบอกลาภูเขา บอกลาถ้ำแหงนี้และคนตระกูลหวัง
เขาออกเดินทางในโลกแหง นี้ ทวา…ดิ น แดนเซี ย นกว างใหญ เกิ น ไป ต อให อ าศั ย
พลังฝกปรือของหวังเปาเลอ ก็ยากที่จะสำรวจพื้นที่ทั้งหมดไดในเวลาสองป
ดังนั้นหลังจากที่เดินชมทัศนียภาพโดยคราวๆ ของมหาทวีปแลว กอนเวลา
จะครบสิบเดือน หวังเปาเลอก็เลือกสถานที่นี้ใหเปนเปนสถานที่ที่ศิษยพี่กลับชาติ
มาเกิด
สถานที่นี้ เขานำวิญญาณของศิษยพี่ออกมา แลววาดเคาหนาเปนรูปลักษณของ
ชาติ ท ี ่ แ ล ว อาศั ย วิ ช าเต า ของตนเป ด วั ฏ สงสาร ส ง อี ก ฝ า ยเข า ไปข า งใน ให ถื อ
กำเนิดใหมในเมืองใตภูเขาขางลาง เพราะความมึนงงในครรภนั้น ตองรอจนกวา
พลังฝกปรือของศิษยพี่จะถึงระดับหนึ่งกอนเขาจึงจะไดความทรงจำของชาติกอน
กลับมา
แตหวังเปาเลอไมไ ดร ีบ ทุกวันเขานั่งอยู บนยอดภู เขาแหง นี้ ความคิดคำนึ ง
ลองลอย สภาวะจิตจับจองแตในเมือง ในตระกูลคหบดีที่ไมนับวาร่ำรวยมากมาย
ตระกูลหนึ่ง หลังสัมผัสไดวาศิษยพี่ใหญจุติในรางมารดาแลว ลมปราณจึงคอยๆ
นิ่งสงบ นี่ราวกับเปนความเคยชินของหวังเปาเลอและกลายเปนสิ่งที่เขายึดมั่น
ในเวลาเดียวกัน เขาก็สัมผัสไดถึงพลังเตาซึ่งอยูในทุกแหงหนของดินแดนเซียน
ในสายตาของเขา ดินแดนเซียนยิ่งใหญไรที่สิ้นสุด มีวังวนนาสะพรึงอยูหลายสิบแหง
ในบรรดานั้นที่แข็งแกรงที่สุดมีเกาแหง ทั้งหมดนี้เกาะเกี่ยวกับดวงอาทิตยบนทองฟา
ทั้งเกา ในดวงอาทิตยทั้งเกานี้ทุกดวงลวนมีพลังที่จะกาวขึ้นสูสวรรค
โดยเฉพาะสองดวงในบรรดานั้น หวังเปาเลอสัมผัสไดชัดเจนวามีเจตนาอันตราย
ในสวนของวังวนอื่นๆ แบงตัวกระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ พลังฝกปรือไมนับวาอยูขั้นสี่
แตก็ลวนอยูสูงสุดของขั้นสาม อยูในจุดที่เตรียมจะยางขึ้นขั้นสี่แลว แตก็มีขอยกเวน
มีวังวนที่แข็งแกรงที่สุดที่ไมไดแขวนตัวอยูบนฟา
แตในสายตาของหวังเปาเลอ วังวนที่อยูในทิศเหนือของมหาทวีปนี้ มีขุมพลังที่
ไมดอยไปกวาพลังของดวงอาทิตยที่แข็งแกรงที่สุดในนภา คนผูนี้…เห็นชัดวาอยูขั้นสี่
“สิบทานงั้นหรือ” หวังเปาเลอแหงนหนา มองดูดวงอาทิตยทั้งเกา คนเหลานี้
เห็นไดชัดวาเปนผูเยี่ยมยุทธของดินแดนเซียน รอบกายของพวกเขาทุกคนแฝงไปดวย
รองรอยแหงเตาอันสะทานสะเทือนใจ ภายหลังจากรูแจง ภายหลังจากสูดลมหายใจ
ก็ดึงเอาพลังเตาภายในจักรวาลเขามาหาตน ดวยเหตุนี้จึงกอเกิดวังวนขึ้น
ทวาในยามนี้หวังเปาเลอทราบตั้งแตแรกแลววา ระดับจักรพิภพในโลกแหงศิลานั้น
แทจริงแลวหากเทียบกับภายในดินแดนเซียนแลว เปนเพียงขั้นสามเทานั้น และ
ขั้นสามเชนนี้ ในดินแดนเซียน…มีจำนวนไมนอยเลย
เขาเพงมองกอนที่เหมือนพระอาทิตยทั้งเกาบนทองฟาและวังวนที่ปรากฏอยู
หวังเปาเลอเขาใจกระจาง เหลาผูเยี่ยมยุทธเหลานี้ก็เล็งเห็นตัวเองกลายเปนวังวนหนึ่ง
เชนกัน! เพราะวาพลังฝกปรือของเขา ไมวาจะพูดจากความเขาใจใด ก็กลายเปน
ระดับขั้นที่สี่แลว กระทั่งในบรรดาขั้นที่สี่ดวยกัน ระยะหางระหวางชั้นก็มีแตกตาง
แคระดับหนึ่ง แตที่เปนเอกลักษณและหาไดยากคือผูที่ไดแรงหนุนจากจักรวาล
เต า เช น นี ้ เมื ่ อ เดิ น ไปจนสุ ด ทางก็ ก ลายเปน ตน กำเนิด พลัง และเป น ขั ้นที ่ สี่
และการสนับสนุนทั้งหมดนี้ แทจริงแลวเปนการขยายกำลัง สามารถทำใหผูฝกตน
ต่ำกวาขั้นหกในมหาทวีปแหงนี้ได และมีพลังฝกตอสูแข็งแกรงมากขึ้น
หากคิ ด อยากทำให ไ ด จ ุ ด นี ้ แท จ ริ ง แล ว มี ห นทางหลายวิ ธ ี การเหยี ย บขึ้ น
สะพานสูสวรรคก็นับเปนหนทางหนึ่ง
ดังนั้นแลว หวังเปาเลอเขาใจอยางยิ่ง หากตนเองเหยียบเขาสูสะพานสูสวรรค
เชนนั้นพลังฝกตนของเขาก็จะยิ่งทะยานสูง อีกทั้งพลังการตอสูจะเพิ่มระดับขึ้น
อีกมาก
แตเขากลับเขาใจดีวา ทานพอหวังกลาวไดถูกตองแลว จิตเตาความยึดมั่น
ของตนยังไมหายไป เขาตองการอยูเปนเพื่อนศิษยพี่ เดินบนเสนทางของมนุษยสัก
ชวงระยะหนึ่ง
อยากจะอยูเคียงขางบิดามารดาในโลกกลางฝามือนั้น ไปเที่ยวเทียนหลุนเลอ
อีกสักครั้ง แลวยังมีเจาเยี่ยเหมิง โจวเสี่ยวหยาและหลี่หวานเออร… ยังมี…แมนางนอย
เรื่องราวเหลานี้คือสิ่งที่เขายังไมอาจตัดขาดได ดินแดนเซียนมอบความรูสึกสงบนิ่ง
ใหแกเขา ทำใหมีโอกาสที่จะตัดขาดจาก
อีกทั้งผูคนในที่นี้ ไมไดมีความคิดเปนอื่นใด ดานหนึ่งเนื่องจากเขาเปนแขก
อีกดานหนึ่งคือทานพอหวังเปนผูพามา กอปรกับเหตุที่วาเขาคือผูมีพระคุณชวยชีวิต
หวังอีอีแลว ทำใหตั้งแตเริ่มจนจบ เจตจำนงของดินแดนเซียนรวมไปถึงความแข็งแกรง
จำนวนมากลวนเต็มไปดวยไมตรีตอเขา
ในเวลาเดียวกัน ระหวางเวลาสองปมานี้ นอกจากหวังอีอีที่ออกมาขางนอก
บอยๆ ผูเยี่ยมยุทธในดินแดนเหลานี้ รวมถึงพระอาทิตยที่อยูกลางทองนภา ก็มีจำนวน
ไมนอยเลยที่อาศัยวิธีการตางๆ นานา มาปรากฏกายอยูเบื้องหนาเขา และจะมาก
จะนอยแตละคนก็เก็บซอนประกายตาประหลาดใจและความคิดที่จะตองการประเมิน
อยางล้ำลึก
ราวกับวา…กำลังดูลูกเขยที่มาเยี่ยมบาน โดยเฉพาะในบรรดานี้มีอยูคนหนึ่ง
ทามกลางลมฝน ก็มาอยูหลายครั้ง… อยางเชนในชวงเวลานี้…ทองฟาที่สดใสแตเดิม
ก็มีฝนโปรยลงมา น้ำเสียงเปยมความหาวหาญ เจือมากับเสียงหัวเราะทามกลาง
เม็ดฝนที่รวงหลนจากที่ไกลๆ
“เตาสวรรคของดินแดนเซียนขี้โมโห ไมใชเพราะปนั้นขาตะคอกเจาไปหนอยหรือไง
หลายปมานี้ ทุกครั้งที่ขาโผลออกมาเจาจะตองตอนรับดวยสายฝน?” ………
บทที่ 1293 ชำระลาง
น้ำเสียงนี้องอาจหาใดเปรียบ อีกทั้งยังแฝงไปดวยความโอหัง ราวกับเมื่อเอย
คำพูดออกมาจะสามารถทำใหฟาดินสะเทือนได
ในยามนี้เสียงดังกอง ทามกลางเม็ดฝนที่หลั่งริน ในขอบฟาหางไกลนั้นปรากฏ
เงารางหนึ่งเดินเขามา เงารางนี้สูงใหญอยางมาก สวมชุมคลุมกษัตริยสีมวง แมศีรษะ
จะไมไดประดับกวานแลวปลอยเสนผมใหพัดปลิวสยาย แตกลับใหความรูสึกเยอหยิ่ง
อีกทั้งรางของเขานั้นแมหนาตาจะดูหยาบกระดางทวาดวงตานั้นดุจดารา ทำให
ผูพบเห็นจิตใจเคลิบเคลิ้มหลงลืมทุกสิ่ง ทำไดเพียงจองมองดวงตาอันงดงามกระจาง
คูนั้นของเขา
ยามนี้เมื่อเขาเดินมา ดานบนศีรษะเห็นชัดวามีสายฝน แตไมมีแมแตหยดเดียว
ที่ตกกระทบรางของเขา ราวกับวาในสถานที่ทั้งหมดนี้ แมกระทั่งหยาดน้ำที่หลั่งริน
ลงมาก็ไมอาจแปดเปอนเขาไดสักนิด
ตรงจุดนี้ หวังเปาเลอทำไมได แตแรกก็เปนไปไมไดอยูแลว เพราะจากระดับ
พลังของหวังเปาเลอในปจจุบัน อยาวาแตหยาดฝนเลย ตอใหเปนกระแสพลังเทพ
คุกคาม ก็ไมมีทางที่จะทำใหเขาอยูในระดับที่ไมอาจยับยั้งไดเลยสักนิด
กระทั่งหากเปลี่ยนเปนผูฝกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นสักคน ก็สามารถหลบฝนใน
โลกุตระได แตวา…ชายที่ปรากฏตัวทามกลางสายฝนนี้ ไมวาจะเปนการโคจรพลัง
ของเขา การตัดขาดจากโลกภายนอก หยาดฝนเหลานี้ก็ยังคงมอบความชุมชื้นไร
สุมเสียงดุจเกา ราวกับถูกแบงกั้นโดยสมบูรณ บางทีนี่อาจไมเกี่ยวของกับพลังการตอสู
แตเปนเหตุเพราะระดับพลังฝกตนแตกตางเปนสำคัญ
ยามนี้เห็นไดวา ชายรางใหญผูมาเยือนหลายตอหลายครั้งในระหวางสองปนี้
พลังฝกตนของเขาตองอยูระดับสี่เปนแน!
ในเวลาเดียวกัน ฝนนี่ก็ไมปกติเลยจริงๆ หากมองมายังยอดเขาที่หวังเปาเลอ
อยูจากระยะไกล จะสามารถมองเห็ น ได ชั ดเจนว ามี เพี ย งอาณาบริ เวณรอบด า น
หลายรอยจั้งเทานั้นที่มีฝน
แตในสวนบริเวณนอกรอยจั้งไปนั้น ไมมีฝนสักครึ่งหยด อีกอยาง…หวังเปาเลอ
ที่อยูทามกลางสายฝน ตอนนี้เสื้อผาหนาผมลวนเปยกปอน ไมอาจใชวัตถุใดๆ กันได
ทั้งหมดลวนเปลาประโยชน
แตในครั้งแรกที่อีกฝายมาเยือนเมื่อปที่แลว หลังจากไดอาบฝน หวังเปาเลอ
ก็ ค ล า ยเข า ใจบางอย า ง ตอนนี ้ เ ขาแหงนหน า มองชายร า งสู ง ใหญ ท ี ่ เ ดิ น เข า มา
แลวลุกขึ้นพรอมคอมกาย “นอมพบผูอาวุโสซือถู”
ระหว า งที ่ ก ล า ว หยาดฝนก็ ห ลั ่ ง ริ น ออกจากเส น ผมของเขา ไหลผ า นแก ม
จนกระทั่งรวมกันอยูตรงตำแหนงคาง กลายเปนหยดน้ำฝน รวงกระทบดินเปนสาย
มีบางสวนที่ไหลไปเปยกปกเสื้อ
“ฮาๆ เจาอวนนอย พวกเราพบกันอีกแลว”
ในตอนที่หวังเปาเลอกลาวออกไป ชายสูงใหญที่เดินเขามาก็หัวเราะเสียงดัง
เขาเดินมาขางหนาพรอมกอดหวังเปาเลอเอาไว
“นี่ก็เพิ่งเดือนเดียวเทานั้น…” หวังเปาเลอเอยปากยิ้มๆ ชายสูงใหญเบื้องหนาตน
หลังจากคลายออมกอดอันสนิทสนมนี้ เขาก็เช็ดหยาดฝนบนหนากอนจะสะบัดมือ
“หนึ่งเดือนก็นานนัก มาๆๆ เจาอวนนอย ครั้งที่แลวขาจงใจยอมใหเจา มาครั้งนี้
ขาจะสูกับเจาอยางเอาจริงแลว” ชายรางสูงใหญเอย
เขานั่งอยูขางหนาหวังเปาเลอพลางโบกมือ จากนั้นกระดานหมากก็ปรากฏ
เม็ ด หมากเม็ ด หนึ ่ ง ถู ก เขาหยิ บ ออกมา ราวกั บ กลั ว ว า จะถู ก แย ง ชิ ง เป ด กระดาน
หมากตัวนั้นรีบวางลงทันที
หวังเปาเลออมยิ้ม ผูอาวุโสซือถูเบื้องหนาเขานี้ กลาวใหกระจาง เขาไดพบเจอ
ทั้งสิ้นเจ็ดครั้งแลวในเวลาสองป ในครั้งแรกที่มานั้น อีกฝายสนทนากับเขาอยูนาน
ราวกับมาดูวาตนเองเปนเชนไร
หลังจากนั้นกอนจากไปยังถามเขาเหมือนไมไดใสใจอีกประโยคหนึ่งวาเลนหมาก
เปนหรือไม หวังเปาเลอนั้นเลนไมเปน กฎของหมากในโลกแหงศิลาและที่แหงนี้
แตกตางกัน แตก็สอบถามดวยความสงสัย จากนั้นผลลัพธก็… ในตอนที่ทั้งสองพบกัน
ครั้งแรก ฝายหนึ่งตื่นเตนระริกระรี้ อีกฝายพยายามร่ำเรียน แตเขา…สุดทายกลับเปน
ผูชนะ นี่ทำใหซือถูอดรนทนไมไดอยูบาง ดังนั้นจึงมีครั้งที่สอง ครั้งที่สามและสี่
ตามมา…
ทุกครั้ง หวังเปาเลอชนะ ตัวเขาเองรูสึกเหนือความคาดหมายไปบาง บางที
อาจเพราะตนเองไมเคยพบพรสวรรคทางดานนี้มากอน หรือไมก็อาจจะเปนเพราะ
ฝมือของผูอาวุโสซือถูทานนี้ ในดานหมากนั้นออนดอยเกินไป… ก็เปนเชนนี้
ยามนี้เขาปรากฏตัวมาเจ็ดครั้งแลว หวังเปาเลอไมไดสนใจน้ำฝนที่ไหลอาบแกม
เขาหยิ บ เม็ ด หมากขึ ้ น วางลงบนกระดาน หลั ง จากนั ้ น จึ ง รอด ว ยความเคารพ
ผูอาวุโสซือถูเบื้องหนาเขา เปนคนที่ลงหมากไดเชื่องชามาก ผลก็คือ ทุกครั้งก็เปน
เชนเดียวกัน
หนึ่งกานธูปใหหลัง ซือถูถึงคอยลงหมาก หวังเปาเลอเองไมไดมีทาทีเหนื่อยหนาย
แมแตนอย เขาหยิบหมากวางลงไปอีกครั้ง จากนั้นก็รอคอย ทุกอยางเปนเชนนี้
เวลาล ว งผ า นไปสามวั น แลว … มองเห็ น หมากวางอยู ก ว า ครึ ่ง ของกระดาน ซื อ ถู
ทางดานนั้นก็นั่งคิดเนิ่นนาน
หวังเปาเลอใชมือปาดน้ำฝนออกจากศีรษะ หลังจากลองกวาดตาดูรอบหนึ่ง
ก็เอยปากเสียงเบา “ผูอาวุโส ดูทาทานจะพลาดไปทาหนึ่งอีกแลว”
ซือถูจองมองกระดานแลวก็เงียบไปครูหนึ่ง เขาลังเลไมรูวาควรจะลงเชนใด สีหนา
ทาทางคอยๆ เผยความเสียใจออกมาทีละนอย แลวแหงนหนามองทองฟา
“ตกพอหรือยังนะ? ไสหัวไป” หลังจากกลาวจบ ฟาดินก็กองคำราม บนทองนภา
เมฆพัดมวนเปนชั้น ทำใหหวัง เปาเล อรู สึ กได ว าในพริ บตานั ้ น ท องฟ าคล ายกั บ
แสดงอารมณเบิกบานอยู ราวกับวาไดกลั่นแกลงจนพอใจแลว ไมนานชั้นเมฆก็หายไป
และฝนจึงหยุดลง เห็นสายฝนหยุดลงในที่สุด
พลังภายในของหวังเปาเลอก็พลันเปลี่ยน ชายเสื้อและเสนผมในพริ บตานั้น
ไม อ ั บ ชื ้ น อี ก ท า มกลางความสดชื ่ น นี ้ เขาลุ ก ขึ ้ น มองชายร า งสู ง ใหญ เ บื ้ อ งหน า
กอนจะโคงคำนับลงคราหนึ่ง “ขอบคุณผูอาวุโสที่ตามใจขา”
ชายรางสูงใหญหอปาก กอนจะโบกมือแลวเก็บกระดานหมากกลับ “รอบนี้
สถานการณไมดี รอจนขาไปนอนสักรอบ ตื่นแลวมาสูกับเจา” กลาวจบ ชายราง
สูงใหญนี้ก็บิดขี้เกียจแลวลุกขึ้นทำทาจะจากไป
“บุญคุณของผูอาวุโส ผูเยาวซาบซึ้งยิ่งนัก” หวังเปาเลอถอนหายใจยาวเหยียด
กอนจะคำนับอีกครั้ง
“บุญคุณ?” ชายรางสูงชะงัก
“ผูอาวุโสอยาไดปดบังอีกเลย ตั้งแตครั้งที่สองที่ทานมา ผูเยาวก็ทราบแลว”
นัยนตาหวังเปาเลอใสกระจาง เอยปากเสียงเบา
“เจารูสิ่งใดงั้นหรือ?” ชายรางสูงเอยถามดวยความฉงน
“เจ็ดครั้งที่ผูอาวุโสมา เจ็ดครั้งที่ฝนตก ฝนนี้ไมปกติ ฝนชวยสลายจิตอาฆาตของ
คนหนึ่งได อีกทั้งยังสลายเหตุผลตนกรรมตนเองได สามารถหลอเลี้ยงจิตวิญญาณ
ตนเองได สามารถทำใหสภาวะจิตของผูเยาวสงบนิ่งมากขึ้น”
“หากจนบัดนี้ ผูเยาวยัง มิรูความ ว านี ่ คื อ โอกาสบ มเพาะที ่ ผู อาวุ โ สมอบให
เพื่อชวยผูเยาวตัดอาวรณที่มีตอจิตเตาและความยึดติดนี้ เชนนั้นผูเยาวก็ไมมีคาควรให
เลนหมากกับทานแลว”
“แทจริงแลว อานุภาพของฝนนี้สะทานใจผูคนนัก ผูเยาวในยามนี้สภาวะกลับ
อยู ใ นความสงบสุ ข ในส ว นการรู แ จ ง แห ง เต า นั ้ น ลึ ก ซึ ้ ง กว า สองป ก อ นหน า มาก
ในตอนนี้จะตัดอาวรณแหงจิตเตาเชนไร เริ่มคิดไดบางแลว”
หวังเปาเลอเอยดวยความจริงใจ กอนจะคำนับอีกครั้ง
ไดยินคำพูดนี้ของหวังเปาเลอ ชายรางสูงใหญก็มีทาทางเหลอหลาเล็กนอย
กอนจะกะพริบตาแลวไอคอกแคกครั้งหนึ่ง “มิผิด! ก็เปนเชนนี้!”
“ไอหยา เจาเด็กนี้ใชได ขาซอนเสียแนบเนียนปานนี้ เจาเขาใจจิตใจงดงามและ
ความเหนื่อยยากของขาไดเร็วขนาดนี้เชียว”
ชายรางสูงใหญระหวางที่ไอกลบเกลื่อนนั้น ในใจพลันเกิดความรูสึกประหลาด
ขึ้นมา ทวาสีหนาก็ยังไมแสดงออก จึงไดแตแสรงหัวเราะฮาๆ ที่แทเรื่องก็เปนเชนนี้
แสดงทาทางวาตนมีอะไรแอบซอนลึกซึ้งอยู
“ขอบคุณผูอาวุโสมากขอรับ ผูเยาวรูแจงไดเชนนี้ เปนเพราะตอนที่อีอีอยูที่
บานเกิดของผูเยาว นางก็แอบใชวิธีการเชนนี้ชวยผูเยาวอยูหลายครั้ง” หวังเปาเลอ
เอยอยางซาบซึ้ง
ชายรางสูงใหญในครั้งนี้ไมอาจปดบังความแปลกใจไดอีก อารมณนี้ปรากฏขึ้น
และโดยไมรูตัวเขาก็แหงนหนามองไปยังถ้ำที่พำนักของบานตระกูลหวัง หลังจาก
พึมพำดวยคำพูดที่มีเพียงแคเขาที่ไดยิน ก็กระแอมไอออกมาหนึ่งครั้ง ราวกับตองการ
จะเอยบางอยาง
แต แ ล ว ตอนนั ้ น เอง…เสี ย งร อ งไห แ ผ ว เบาของทารกก็ ล อยมาจากในเมื อ ง
อันหางไกล เสียงนี้ไมนับวามีคาอันใดในเมืองอันกวางขวางนี้ อีกทั้งตัวเมืองก็ มี
ขนาดใหญมากยอมไมมีใครสนใจและยากจะแยกแยะได
หากแตหวังเปาเลอกลับเพงความสนใจทั้งหมดไปยังบานหลังหนึ่ง ในตอนที่
ไดยินเสียง หวังเปาเลอรางกายพลันสั่นสะทาน เขาหันขวับกลับไปมอง
ในพริบตานั้น ทารกคนหนึ่งไดถือกำเนิดขึ้นในบานหลังนี้ “ศิษยพี่…” หวังเปาเลอ
ทอดมอง ครูหนึ่งก็เผยรอยยิ้มเบิกบานออกมา
บทที่ 1294 นักพรตเตา
เวลาผันผาน พริบตาเดียวหาปก็ผานไป
ในเขตแดนหนึ ่ ง ของดิ น แดนเซี ย น ณ เมื อ งแห ง หนึ ่ ง เมื อ งนี ้ เ มื ่ อ มองห า งๆ
จะคลับคลายกับรางของหอยทากยักษตัวหนึ่ง กระแสพลังเซียนแผออกมาจากที่นั่น
ชาๆ บนเปลือกของหอยทากตัวนี้ก็คืออาณาบริเวณของเมืองทั้งหมด
ราวกั บ ว า บนร า งของมั น มี ก ระแสเหนี ่ ย วนำ ทำให เ ปลื อ กนั ้ น ตั ้ ง ตระหง า น
แตสำหรับมนุษยที่อาศัยอยูบนตัวมันนี้ ทุกสิ่งเปนปกติ ทองฟาก็คือทองฟา ไมมีอะไร
แตกตาง
ภายในเมืองขนาดมโหฬารนี้เอง มีอารามเตาเพิ่มขึ้นมาหนึ่งหลัง ลักษณะนั้น
ไมไดดึงดูดความสนใจของผูคนมากนัก ขนาดของมันเล็กมาก แตสำหรับหลายคน
อารามเตากลับมีความสำคัญอยางยิ่ง
ในดินแดนเซียนนี้ คนจำนวนมากจะพาเด็กนอยที่อายุเหมาะสมเขาสูอารามเตา
เพื่อเบิกเนตรเขาสูวิถีฝกตน สำหรับดินแดนเซียนแลว วิธีฝกตนนั้นเปนเรื่องปกติ
ก็เหมือนกับสถานศึกษาในโลกแหงศิลา เด็กนอยในโลกใบนี้เมื่ออายุไดประมาณหนึ่ง
ก็จะตองเขาไปเบิกเนตรในอารามเตา
การมี อ ยู ข องอารามเต า นั ้ น เพื ่ อ คั ด สรรผู ม ี ค ุ ณ สมบั ต ิ ด ี จากนั ้ น ก็ ส ง ไปยั ง
สำนักศึกษาที่ สูง ขึ้นอีกระดับ คอยๆ ส ง ไปตามลำดั บขั ้ น สุ ดท ายแล วก็ เพื ่ อ การ
เจริญเติบโตของดินแดนเซียน เพื่อสั่งสมบารมีใหแกตนเอง
ในระหวางกระบวนการนี้ มีเรื่องราวบันดาลใจมากมายเกิดขึ้นเผยแพรไปทั่วทั้ง
ดินแดนเซียนแหงนี้ ทำใหในทุกๆ ป เด็กที่อายุไดประมาณหนึ่งจากทุกสารทิศในเมือง
จะแสวงหาอารามเตาเฉกเชนที่นี่เพื่อไปเบิกเนตร กลาวไดวา การมีอยูของอารามเตา
แทจริงแลวคือสถานที่ที่เหลาผูฝกตนจากโลกมนุษยจำนวนมากไดสัมผัสกับวิถีเตาเปน
ที่แรก
อารามเตาสวนมากในดินแดนเซียนลวนสรางจากสำนักใหญทั้งสิ้น อีกทั้งวิชา
ก็ เ ป น ระเบี ย บแบบแผน ดั ง นั ้ น แล ว อย า ว า แต บ ิ ด ามารดาที ่ ม ี ท ั ้ ง พละกำลั ง และ
ทรัพยากรเลย ตอใหเปนตัวผูฝกตนดวยกัน สวนมากก็เลือกที่จะสงบุตรหลานของตน
เขาสูอารามเตา
ทวา ระหวางอารามเตาดวยกันเองนั้น ยอมมีทั้งดีและชั่ว ทั้งหมดดูไดวาหลอเลี้ยง
เมล็ดพันธเชนไรออกมาไดมาก ใชวิธีนั้นตัดสิน ดังนั้นแลวยิ่งอารามเตาไหนที่มีชื่อเสียง
ในดานดีและโดงดัง ตระกูลที่สงลูกหลานมาก็ยอมมากขึ้นเทานั้น
ในเมืองที่มีลักษณะคลายหอยทากแหงนี้ อารามเตาปรากฏขึ้นนับแตหาปกอน
แมวาจะไมไดวิเศษมากนัก แตสามปกอนหนานี้ กลุมเด็กที่ทางอารามเตาอบรม
ออกไปกลุมแรก ถึงกับมีสิบกวาคนที่ถูกสำนักระดับหนึ่งรับตัวเอาไว ดังนั้นแลว
ชื่อเสียงของอารามเตาแหงนี้จึงคอยแพรกระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ
ในทุกเขตแดนของดินแดนเซียนนั้นมีสำนักเตามากมายเหลือคณานับ อีกทั้ง
ในหนึ่งเขตแดนแปดพันหัวเมือง จำนวนคนก็ยังมากลน ดังนั้นหากถูกสำนักเตาที่มีชื่อ
ระดับหนึ่งรับตัวไว เห็นไดชัดวานั่นดีเพียงใด อีกอยางจำนวนเด็กที่สำนักเตาชั้น
แนวหนาเปดรับในแตละปก็นอยมาก เงื่อนไขเขมงวดอยางยิ่ง ดังนั้นแลว การถูก
รับตัวในครั้งเดียวถึงสิบกวาคนก็เปนที่ประจักษแลววาสามารถดึงดูดความสนใจคน
ไดมากมาย
แม เ ด็ ก ที ่ เ หลื อ จะไม ไ ด ถ ู ก สำนั ก ชั ้ น หนึ ่ ง รั บ ตั ว ไป แต ก ็ ถ ู ก คั ด สรรเข า สำนั ก
สามลำดับแรกเชนกัน คลายกับวาสำนักนี้เขามาตัดสวนแบงทั้งหมดแลวรับเขาไป
อยางไรอยางนั้น
เรื่องครั้งนี้จึงสรางความฮือฮาทั ่วเมืองในทั นที เพราะนี่คือการรับเข าเรี ย น
ในระดับสิบเมือง หากเปลี่ยนเปนอารามเตาอื่นเกรงวายากจะทำถึงจุดนี้ได
กระทั่ง ยังมีเสียงร่ำลือวา เหลาเมล็ดพันธุที่ผานการอบรมจากอารามเตาแหงนี้
ลวนเปนคนที่บรรดาสำนักชั้นนำวางแผนจะรับเอาไวทั้งหมด แตกลับถูกสำนักอื่น
คัดคานรุนแรง อิจฉาตาริษยา ดังนั้นแลวจึงไดแตยอมตัดใจรับแคสวนหนึ่ง
เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ก็ทำใหชื่อเสียงของอารามเตายิ่งแพรสะพัด ในบรรดาเด็กนอย
เมื่อสามปกอนนั้น ถึงกับมีคนผูหนึ่งซึ่งเปนผูสืบทอดของนักพรตเตาในอารามแหงนั้น
ถูกรับตัวไปโดยสำนักสูงสุด ยอดสำนักสวรรคเรนลับอยางเหนือความคาดหมาย
เรื่องนี้กลายเปนที่เลาลือไปทั่ว และทำใหในใจผูคนสั่นสะทาน
ดังนั้น ระยะสองปใหหลัง การรับเด็กเขามาของอารามเตาจึงมีตระกูลจำนวนมาก
ที่เขามายื้อแยง ดวยเพราะกลัววาบุตรหลานของตนจะเสียโอกาสนี้ ในเวลาเดียวกัน
ผูฝกตนจำนวนมากก็เริ่มเสาะหาประวัติของอารามเตาแหงนี้ แตยิ่งสืบคนก็ยิ่งสงสัย
สิ ่ ง ที ่ แ ตกต า งจากอารามอื ่ น ที ่ ม ี น ั ก พรตเต า สามถึ ง ห า คนหรื อ มากกว า นั ้ น ก็ คื อ
ในอารามเตาแหงนี้…มีนักพรตเตาเพียงคนเดียว
กลาวใหชัดเจนก็คือ ในอาราม ทั้งในและนอกมีอาจารยเพียงคนเดียว คนผูนี้
เปนที่เรียกขานกันวานักพรตเตาหวัง ในสวนชื่อจริงวาอยางไรนั้นไมมีผูใดทราบ
ประวัติความเปนมาลึกลับ พลัง ฝ กปรื อเร น ลั บ ราวกั บว าทุ กอย างเป น ความลั บ
ไปเสียหมด ไมวาผูที่ใครรูจะเสาะหาสักเทาไร แตกลับไมพบขอมูลของนักพรตเตาหวัง
ผูนี้เลยแมเพียงนิด
ราวกับวา…ผูที่ลวงรูทั้งหมด เกรงที่จะกลาวถึงและเอยปาก และตอใหเอยขึ้นมา
บางในบางครั้ง ครั้ง ผูที่ไ ดยินก็เลื อ กที ่ จ ะหุบปากอยู ดี ในไม ช า เรื ่ องนี ้ จึ งทำให
อารามเตาแหงนี้เรนลับยิ่งกวาเกา
เปนที่แนนอนวานักพรตเตาที่อาศัยอยูในอารามเรนลับแหงนี้ ยอมเปน…หวังเปาเลอ
หาปกอนหนา ในตอนที่พบวาศิษยพี่ไดกลับชาติมาเกิดใหมนั้น หวังเปาเลอก็จาก
ยอดเขาเดียวดายมายังเมืองใหญ เลือกสถานที่ที่ไมหางจากบานของศิษยพี่มากนัก
ซื้อจวนหลังหนึ่งเอาไว และจากนั้นก็สรางขึ้นเปนอารามเตา
เขารูความหมายของอารามเตาที่มีตอดินแดนเซียนแหงนี้ดี ความคิดแรกเริ่มนั้น
ก็คือเฝาคอยจนศิษยพี่ใหญเติบใหญในระดับหนึ่ง จากนั้นก็จะรับเขามาเบิกเนตรให
ดวยตนเองแลวถายทอดวิชาของสำนักแหงความมืดให
ในสวนการรับเด็กคนอื่นๆ ก็เปนแคการกระทำตามอำเภอใจเทานั้น และในสวน
ของการแกงแยงกลุมเด็กๆ เมื่อสามปกอนของสำนักใหญชั้นนำทั้งหลาย ขาวลือ
ภายนับไมถวนเหลานั้น ตามที่หวังเปาเลอเขาใจแทจริงแลว เปนเพราะบรรดาผูอาวุโส
ของสำนักใหญทราบถึงการมีตัวตนอยูของเขา ดังนั้น…จึงคิดผูกสัมพันธดวยวิธีนี้
นี่รวมถึงยอดสำนึกที่สูงสงที่สุดในเขตที่หนึ่ง ผูกอตั้งของสำนักนี้มีพลังอยูระดับสี่แลว
และเปนหนึ่งในอาทิตยกลางนภาทั้งเกาบนฟากฟา
เมื่อคิดเชนนี้ก็เปนเรื่องธรรมดา แมเรื่องราวนี้จะทำลายความสงบของเขา
บางสวน แตหวังเปาเลอก็ไมไดสนใจมากนัก ในเมื่อมาถึงดินแดนแหงนี้แลว เขายอม
ไมปฏิเสธที่จะเหลือเหตุผลตนกรรมอยูที่นี่ไวบาง ก็เหมือนในตอนนี้ ภายในอารามเตา
ที่มิไดใหญโต หลังจากสงเด็กๆ ที่มาเบิกเนตรที่นี่ไปหมดแลว
หวังเปาเลอที่อยูในชุดนักพรตก็แหงนหนาขึ้นดวยจิตใจอันสงบ เขามองไปยัง
ปาตนอูถงที่อยูนอกประตูใหญของอารามเตา กิ่งไมประดับไปดวยใบไม สีเขียวกึ่งแดง
เหลานั้น รวงหลนเมื่อถู ก สายลมพั ด ลงมาส วนหนึ ่ ง ราวกั บถู กอารามเต า แห ง นี้
นอมนำ มีจำนวนไมนอยที่ลอยเขามาขางใน พัดมวนอยูบนพื้น คลายไมยินยอม
จะจากไป พวกมันหมุนอยูรอบกายหวังเปาเลอ เขาไมไดหันไปมองใบไมเหลานั้น
นัยนตาของหวังเปาเลอไมขยับเขยื้อน
ในพริบตานั้นเขาก็มองเห็นบานหลังหนึ่งที่อยูไกลออกไป ลมหนาวพัดโชย สิ่งที่
หอบมาไมไดมีเพียงแคบรรยากาศของฤดูใบไมรวง แตยังมีเสียงเด็กเล็กเลนหัวเราะ
สนุกสนานในบานหลังนั้นดวย เมื่อไดยินเสียงนี้ สีหนาของหวังเปาเลอพลันฉายแวว
ออนโยน
เขาหยิบไมกวาดขึ้นกวาดใบไมที่ลอยเขาอารามเตา คอยๆ กวาดไปตามมุมของ
อาราม หลังจากเสียงกวาดซาๆ ขามผานพื้นผิวไปไมหยุดนั่นเอง ทั้งโลกก็คลายจะ
สงบนิ่งขึ้นทันที
กระแสเตาขุมหนึ่ง อยูบนรางของหวังเปาเลอ บางปรากฏบางซอนเรน นั่นคือ
ความนิ่งเงียบและสงบสุข วันเวลาเชนนี้คอยๆ ผานไปในทุกวัน ฤดูใบไมรวงคอยๆ
ผันผาน จนกระทั่งยามเย็นวันหนึ่งที่หิมะแรกโปรยปราย หวังเปาเลอที่กวาดหิมะ
อยูในจวน ในใจก็เกิดระลอกคลื่นหนึ่งเขามา
เขาแหงนหน า หน า ประตู ใ หญ ข องอารามเต า บั ด นี ้ ม ี เ สี ย งเคาะประตู ดั ง
ลอดออกมา
ดานนอกอาราม ชายหญิงวัยกลางคนคูหนึ่ง ในมือถือของขวัญเบิกเนตรกำลัง
จูงมือเด็กชายอายุประมาณหาขวบที่ยืนตื่นเตนอยูตรงนั้น
“นักพรตหวัง ผูเยาวเฉินอวิ๋นลั่ว นี่คือบุตรนอยของขาเฉินชิง อยากจะกราบ
เขาอารามเตาของทาน ไดรับการเบิกเนตรจากทานนักพรต ยังคงขอใหนักพรตชวยให
สมปรารถนาดวย”
หลังจากประตูใหญของอารามเตาเปดออก ยามที่เงารางของหวังเปาเลอปรากฏ
สู ส ายตาของคนในครอบครั ว ทั ้ ง สาม ชายหนุ ม ผู น ั ้ น ก็ ด ึ ง แขนภรรยาด า นข า ง
ใหคอมคำนับลงต่ำแกหวังเปาเลอครั้งหนึ่ง
มีเพียงเด็กชายคนนั้น ที่เบิกตากลมโตขึ้นมามองหวังเปาเลออยางใครรู ราวกับ
จะเอยอะไรบางอยาง แตถูกบิดาดานขางถลึงตา กอนจะดึงใหโคงคำนับลงเชนกัน
หวังเปาเลอเบนกาย หลบการคำนับของเด็กชายครั้งนี้ เขาจองดวงตาของเด็กชาย
ผูนั้น สีหนาเผยรอยยิ้มออนโยน
แลวเอยขึ้นมาเสียงเบา มันเปนคำพูดที่เด็กชายไดยินเพียงคนเดียว “ขายินดี
อยางยิ่ง ที่จะชวยเบิกเนตรในชาตินี้ใหแกทาน”
บทที่ 1295 ในชาตินี้
หวังเปาเลอพึมพำเสียงเบา เสียงนี้ของเขา สองสามีภรรยาเฉินอวิ๋นลั่วไมอาจ
ไดยิน ผูที่ไดยินมีเพียงเด็กนอยที่มองหวังเปาเลออยางใครรู เขาไดยิน แตแมวา
จะฟงไมเขาใจ ทวาไมรูเพราะเหตุใด สวนลึกในใจของเขา พริบตานั้นพลันปรากฏ
ความรูสึกหนึ่งวา แมคนผูนี้จะแปลกหนา แตก็มีกระแสความอบอุนอันคุนเคยอยูดวย
กระแสความอบอุนนี้รอนลวกอยางยิ่ง มันอาบทวมหัวใจของเขา ทั้งภายในราง
จิตวิญญาณ พริบตานั้นขวบปที่ขามผานของหวงเวลาฟาดินนี้ ในสถานที่ที่หิมะแรก
โปรยปรายก็เปลี่ยนเปนอบอุนขึ้นโดยพลัน ราวกับวา นักพรตเตาเบื้องหนา ทำใหเขา
รูสึกอบอุน ปลอดภัย ราวกับวา เงารางเบื้องหนานี้ ทำใหเขาคิดถึงอยางมาก และ
อยากจะอยูเคียงขางอีกฝาย
ทามกลางความอบอุนนี้ สองสามีภรรยาเฉินอวิ๋นลั่วสัมผัสไดถึงความเมตตาและ
ยอมรับของหวังเปาเลอ คลายกับพวกเขาถูกอิทธิพลของความอบอุนโดยรอบนั้น
เชนกัน ในใจทวมทมดวยความยินดี พวกเขาคอมตัวใหหวังเปาเลออยางซาบซึ้ง
กอนจะพาเด็กนอยจากไป
กอนหนาจากไปนั้น เด็กนอยที่ถูกบิดาจูงมือไวก็หันหนากลับมามองถึงสามครั้ง
สุดทายแลว ในตอนที่หันกลับมา เขาก็ทนไมไหวอีก มองเงารางภายในอารามเตานั้น
แลวเอยปากเสียงดัง “นักพรตเตา พวกเรา…เคยพบกันหรือไม?”
เสียงที่จูๆ ก็เอยขึ้นมานี้ทำเอาสองสามีภรรยาเฉินอวิ๋นลั่วตระหนกอยางยิ่ง
แตสายตาคาดโทษของบิดาและสายตาตื่นลนลานของมารดานั้นกลับไมไดทำให
เด็กนอยหันหลัง
เขายั ง คงมองอารามเต า อยู ร าวกั บ รอคำตอบ “เคยพบ…” หวั ง เป า เล อ ยิ้ ม
แลวพยักหนาให
ทวาในใจนั้นพึมพำเสียงเบา “ในชาติที่แลวของทาน”
“เยี่ยมเลย” เด็กนอยดวงตาทอประกาย แตดวยความที่เปนเด็กจึงกลับเปนปกติ
อยางรวดเร็ว ทามกลางสายตาลุแกโทษของบิดามารดาและรอยยิ้มอันอบอุนของ
หวังเปาเลอ สมาชิกในบานทั้งสามคนก็ออกเดินไปไกลแลว และโดยไมรูเนื้อรูตัว
เสียงอบรมบุตรชายของเฉินอวิ๋นลั่วก็ดังลอยมากับสายลม
มองจากไกลๆ ทองฟาเปนสีเทา เกล็ดหิมะโปรยปรายกระจายไปทั่วเมือง ราวกับ
กำลังสวมชุดยาวสีขาวพิสุทธิ์ใหแกเมืองแหงนี้ นอกจากความงดงามแลว ดานนอก
อารามเตา สมาชิกในบานเฉินอวิ๋นลั่วทั้งสาม เงารางของพวกเขาคอยๆ พราเลือน
ทามกลางลมหิมะ
ภายในอารามเตา หวังเปาเลอยืนอยูขางประตู ในมือยังคงถือไมกวาด เขาแหงนหนา
เพงมอง รอยยิ้มบนหนายิ่งกวางขึ้น กระทั่งเกล็ดหิมะนั้นปดบังภาพเบื้องหนาไปจนสิ้น
รางกายและวิญญาณของเขาก็ราวกับไดเติมเต็มเพิ่มขึ้นทามกลางหิมะนี้
ครั้งนี้หิมะตกเปนเวลาหนึ่งเดือน สำหรับโลกของคนธรรมดา หิมะที่ตกตอเนื่อง
หนึ่งเดือนอาจกอใหเกิดโศกนาฏกรรม แตสำหรับดินแดนแหงเซียนนั้น นี่กลับเปน
เรื่องธรรมดา
แมหิมะจะตกเชนเดิม แตก็ไมอาจตานทานการเบิกเนตรของเด็กนอยได ทุกวัน
ในยามเชา เด็กนอยทั้งหลายในอารามจะรีบมาตามกำหนดเวลา เพื่อมาฟงเทศนา
จากนักพรตเตาในอารามแหงนี้ เฉินชิงก็เปนหนึ่งในนั้น
เขาชอบบรรดาสหายขางกาย ชอบเออรยาที่อยูโตะขางๆ แลวก็ยิ่งชอบนักพรตเตา
ที่อบอุนออนโยนทานนี้ การสอนของหวังเปาเลอ ไมไดแตกตางจากอารามเตาอื่นๆ
มาก ลวนอธิบายเรื่องการตื่นรูของการฝกตน
หลักเตานี้ ยากจะใชคำพูดที่เด็กฟงแลวเขาใจมาอธิบาย แตบนรางของเขากลับ
แผกระแสเตาออกมาบางเปนบางครั้ง ภายใตอิทธิพลของกระแสเตา แมวาเด็กๆ
จะไมไดเขาใจทั้งหมด แตก็มีความเขาใจแบบคราวๆ อยูบาง
มันจะตกผลึกอยูในความทรงจำสวนลึกของพวกเขา และในอนาคตภายหลัง
พวกเขาเติบใหญ หลังจากที่พวกเขาฝกตนแลว กระแสเตาและการรูแจงที่เกิดขึ้นใน
ยามเบิกเนตรก็จะกลายเปนเหมือนตะเกียงสองทางใหการฝกตน และตะเกียงนำแสง
ที่วา บัดนี้ไดสองสวางโชติชวงเปนพิเศษในใจของเฉินชิงแลว
เขาประหลาดใจวาสหายตัวนอยคนอื่นๆ เหตุใดจึงฟงไมคอยเขาใจนัก เพราะวา
คำพูดของนักพรตเตาผูออนโยนสำหรับเขาแลว ทุกประโยคนั้นคลายวาตนจะเขาใจ
ไดทั้งหมด ก็เปนเชนนี้ วันเวลาคอยๆ ผันผาน ในขั้นตอนการเบิกเนตร
หนึ่งปก็ผานไป เฉินชิงหกขวบแลว เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นๆ ตั้งแตปแรก
เป น ต น มา ระหว า งที ่ เ ฉิ น ชิ ง กำลั ง เรี ย นรู น ั ้ น มั ก จะถามคำถามของตนเอง และ
ทุกคำถามนั้น นักพรตผูออนโยนก็จะชวยตอบใหแกเขา อีกทั้งแววตายังฉายประกาย
ชื่นชม นี่ทำใหเฉินชิงยิ่งเฝาคอยเสนทางแหงการฝกตนอยางมาก
ในเวลาเดียวกันระหวางที่เรียนรูกระแสเตา สิ่งที่เขาไดรับนั้นก็มีมากขึ้นทุกขณะ
พรอมกันนั้น…ในฐานะที่เปนสหายรวมเรียนของเขา เด็กคนอื่นๆ ในกลุมก็ลวนไดรับ
ประโยชนเชนเดียวกัน
“ทานนักพรต ทำไมบนโลกเราจึงมีปราณวิญญาณดวยเลา?”
“เพราะวาตนไม สรรพสัตว เจาและขา ทุกหมื่นสรรพสิ่งในฟาดินแหง นี ้ มี
วิญญาณ ดังนั้นในจักรวาล…ก็มีวิญญาณเชนเดียวกัน และวิญญาณนี้ก็คือปราณ
ของมัน”
“ทานนักพรต เตาคือสิ่งใด?”
“เตานั้นไมสำคัญ ก็เหมือนกับยามที่เจากลับบานอยางไรเลาเฉินชิง เดินกลับได
ดวยเสนทางมากมาย ทุกๆ เสนทางนั้นลวนแตกตาง ดังนั้น” เตา “หรือ” เสนทาง
“ก็ยอมแตกตาง กลับบานคือสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้นแลวในสวนของ” เตา
“…ตามความเขาใจของขา หลังจากที่เจามีทิศทางแลว ดังนั้นเจาจึงไดเลือก
เสนทางที่จะเดิน”
“ทานนักพรต หากวาทิศทางที่ขาเลือก ไมมีเสนทางเลา?”
“เชนนั้นก็เบิกทางใหแกตนเอง หาทางกลับบาน”
หวั ง เป า เล อ มองเฉิ น ชิ ง อย า งล้ ำ ลึ ก คราหนึ ่ ง ตอบเสี ย งเบา เฉิ น ชิ ง คล า ยมี
ความคิดบางอยาง สวนคำถามของเขานั้นยังมีอยูมากมาย
หลังจากนั้นเวลาก็ไดผานเลยไป เปนอีกปที่ผานพน เฉินชิงที่อายุครบเจ็ดปแลว
ในใจนั้นเมื่อขอสงสัยทั้งหมดของเขาไดรับการอธิบาย
ในวันเกิดอายุครบเจ็ดปของเขานี้ ก็ไดรูแจงทางวิญญาณ การเบิกเนตรในวัยเด็ก
เปาหมายสุดทายคือการทะลวงทางวิญญาณ ก็เหมือนกับการควาจับพลังปราณ
สายหนึ่งของจักรวาล ทำใหมันกลายเปนสวนหนึ่งของรางกาย
กลาวโดยทั่วไปนั้น เด็กจำนวนมากก็จะฝาทะลวงทางวิญญาณนี้ในชวงระหวาง
อายุหกถึงเจ็ดปในอารามเตานั่นเอง ระหวางนี้ ชาเร็วไมอาจบงบอกถึงคุณสมบัติ
การทะลวงวิญญาณของเฉินชิงนี้มีบางสวนที่แตกตางอยูบาง ในระหวางการ
เบิกเนตรสองป หวังเปาเลอเหลือทิ้งพลังเตาสำนักแหงความมืดไวในใจของเขาแลว
ภายหลังจะเลือกหรือไมนั้น ยอมตองดูทางเลือกของตัวเฉินชิงเอง
และในวันเดียวกันนั้น หวังเปาเลอก็มอบของขวัญวันเกิดใหเฉินชิงชิ้นหนึ่ง
นั่นคือ…ลูกปดรางมายาของพระอาทิตยทั้งเกาดวง อีกทั้งตราประทับมายาชิ้นหนึ่ง
ตราประทับนี้รูปรางคลายพระจันทร พวกมันลอยไปอยูขางกายเฉินชิง
ในวันนี้…เปนชวงฤดูหนาว เหมือนกับตอนที่เขามาในยามนั้น นี่เปนหิมะแรก
ทามกลางพายุฝน
เฉินชิงจองมองตราประทับพระจันทรและอาทิตยเกาดวงที่อยูรายลอม ดวงตา
เผยประกายความหลงใหล เขามองหวังเปาเลอ
“เลือกมาชิ้นหนึ่ง ใหกลายเปนมรรคาเตาแรกเริ่มของเจาในชาตินี้” เฉินชิง
เงียบไปชั่วครู เขามองไปรอบดาน กอนจะมองหวังเปาเลอแลวถามอยางลังเล
“ขาติดตามทานไดหรือไมขอรับ?” หวังเปาเลอยิ้ม เขาลูบหัวของเฉินชิงกอนจะ
เอยปากเสียงเบา “แตอีกไมนานขาตองไปทำเรื่องเรื่องหนึ่ง ดังนั้นเจาเลือกกอนแลว
รอขากลับมา”
เฉินชิงพยักหนา จากนั้นกวาดตามองดวงอาทิตยทั้งเกาที่รายลอมและตรา
ประทับจันทรนั้น โบกมือครั้งหนึ่งก็ควาตราประทับจันทรเขามา
“งั้นขาเลือกอันนี้”
หลังจากที่เขาเลือกแลว เสียงหัวเราะดังก็ลอดขามฟากฟา เงารางของซือถู
พลันปรากฏอยูกลางฟาเดินเขามาทีละกาว
สวนเมฆหมอกดานหลังนั้นมองไปรางๆ จะเห็นเงารางไพศาลเกาเงา ตางทอดถอนใจ
พยั ก หน า มาทางหวั ง เป า เล อ หลั ง จากนั ้ น หวั ง เป า เล อ จึ ง ยกยิ ้ ม ทั ก ทายกลั บ
กอนพวกเขาจะคอยๆ จากไป มีเพียงซือถูที่กาวเขามากาวใหญ หยุดอยูขางกาย
หวังเปาเลอและเฉินชิง หัวเราะฮาๆ
“เปาเลอ สายตาของเฉินชิง นั ้ น เหนื อ กว าเจ ามากที เ ดี ย ว ข าไม ไ ด ร ั บ ศิ ษ ย
มาหลายปมากแลว ในปนั้นฝนรับมาครึ่งหนึ่ง สอนสั่งไปๆ มาๆ ก็ไดผูสูงศักดิ์มา
หนึ่งราย” ซือถูยิ้มกวาง
หวังเปาเลอเองก็หัวเราะ หลังจากนั้นสีหนาก็เปลี่ยนเปนจริงจัง เขาคอมกายลง
คำนับซือถูต่ำหนึ่งครา “ลำบากผูอาวุโสแลว”
“มีขาอยู ทุกอยางจงวางใจ เฉินชิง พวกเราไปกันเถอะ”
กลาวจบ ซือถูก็โบกมือ พัดมวนเฉินชิงขึ้นสูฟากฟา
“ทานนักพรต…” บนทองฟา มีเสียงตัดไมขาดของเฉินชิงดังลอยมา ในสายตา
ของเขาอารามเตาแปรเปลี่ยนเปนเล็กจอย
สวนเมืองเองก็เล็กเชนกัน มีเพียงเงารางของนักพรตเตาที่ยังโบกมืออยูนั้น
กลับยังคงเดิม “เจาหนูอยาอาลัยอาวรณไป ศิษยนองของเจามีเรื่องตองไปจัดการ
เกรงวาไมนานก็กลับมาแลว” ซือถูเอยยิ้มๆ
“ศิษยนองของขา?” เฉินชิงผงะ
“ใชแลว ขาไมกลาเปนอาจารยคนแรกของเจาหรอก ขอเปนแคครึ่งหนึ่งพอแลว
เพราะวาเจาคือศิษยที่หวังเปาเลอรับไวแทนอาจารย ขายินยอมใหเจาเปนศิษยพี่
ดังนั้นแลวเจาตัวนอย เจาก็พยายามฝกตนเขาเลา”
“หา…” ดวงตาเฉินชิงเผยประกายมึนงง คิดอยากจะพูดอีกครั้ง ดวงตาของเขา
จองมองไปยังตัวเมืองที่อยูหางออกไปเรื่อยๆ จนไมมองไมเห็นมันอีก
ในอารามเตานั้น ลมพายุยังคงเดิม หวังเปาเลอยืนอยูตรงนั้น มองเห็นเงาราง
ที่คอยๆ หางออกไปของศิษยพี่ ทองฟามีเกล็ดหิมะรวงโปรยปราย ราวกับตกกระทบ
หัวใจของเขา กลายเปนระลอกคลื่นแผซานออกทั่วจิตวิญญาณ เนิ่นนาน เนิ่นนาน
รอยยิ้มของหวังเปาเลอก็ยิ่งความอบอุน
เขาหั น กายแลว เดิน จากไปยัง ที ่ห า งไกล ที ล ะก า ว ที ล ะก า ว… ในชาติ ก อ น
ทานยืนอยูเบื้องหนาขา บังลมบังฝนใหแกขาในชวงเริ่มตนฝกตน ทำใหลมหนาวเหน็บ
นั้นไมอาจกระทบกายขา ทำใหลมฝนนั้นสาดไมถึงวิญญาณของขา ไมวาชีวิตของขา
จะดำเนินไปเชนไร เงารางของทานก็ยังคงคอยแอบดูแลจากเบื้องบน ในชวงเวลา
อันตรายก็ยื่นมือเขาชวย เบิกเสนทางอันวางเปลาใหแกขาไดเดินโดยราบรื่นและสุขใจ
เพราะวา ขาคือศิษยนองของทาน เพราะวา ทานคือศิษยพี่ของขา
เงารางอันสูงใหญของทาน ในสายตาของขาเหมือนไมใหญตนหนึ่ง ในหลายเวลา
ทานคลายกับไมไดเปนศิษยพี่แตกลับเปนอาจารยเสียมากกวา แตก็เหมือนจะเปน
พี่ชายแทๆ ของขาดวย
ขาไมอาจลืมครั้งที่ทานปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกได รางสวมชุดคราม สุราหนึ่งไห
กระบี่ไ มเลม หนึ่ง เสนผมโบกไสว ราวกั บ กระบี ่ ราวกั บเทพเซี ย น ไมแปดเปอน
ไมสามัญ ขาไมอาจลืม เงารางที่จากไปของทาน เสื้อครามนั้นกลายเปนสีดำ ไหสุรา
กลายเปนสุราขุน กระบี่ไมกลับรอยตำหนิ ทุกสิ่งทุกอยางลวนปรากฏ รอยปริแตก
ขามองทานสลายไปทามกลางความวางเปลา ขาทราบ การที่ทานไปแสวงหา
เตาของตนนั้น นี่ก็เปนเพราะ…เพื่อศิษยนองผูไมไดความนี้
เพื่อไปตรวจสอบเสนทางที่แตกสลาย ในยามนี้ เมื่อมองทาน ในสมองของขา
ความทรงจำปรากฏความทรงจำของชาตินั้นโดยไมรูเนื้อรูตัว มีทานคอยรักหวงใยขา
มีทานคอยปกปองขา มีทานคอยเมตตาขา และมีทาน ขาถึงมีรอยยิ้ม ไมวาจะเปน
เฉินชิง(陈青) หรือเฉินชิง (尘青) “ในชาตินี้ ขาจะคอยปกปองทานทุกดาน”
“ในชาตินี้ ขาจะพาทานเขาสูเตา” “ในชาตินี้ ขายังคงเปนศิษยนองของท าน”
…………………………………..
บทที่ 1296 ยอนรอยคะนึง
เดินอยูทามกลางฟาดิน ฤดูกาลทั้งสี่ ขามผานชีวิตมนุษย หวังเปาเลอเดินไปเชนนี้
ไปขางหนาทีละกาวๆ ยิ่งเดินหัวใจของเขาก็ยิ่งสงบ ยิ่งเดิน จิตวิญญาณของเขาก็ยิ่งสุข
สงบพบความสันติมากขึ้น และยิ่งเดิน สายตาของเขาก็ยิ่งล้ำลึก
เวลาคอยๆ ไหลผาน พายุหิมะเปลี่ยนเปนลมฝน แสงจันทรเขาแทนที่พระอาทิตย
ทิวากลายเปนราตรี วนเวียนเชนนี้ร่ำไป หวังเปาเลอไมรูวาตนเองขามผานกี่เขตแดน
เดินไปในแดนดินมากเทาไร พบพานภูเขาและทะเลกี่ที่ตอกี่ที่แลว
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็มองเห็นสะพานแหงหนึ่ง สะพานนี้ ปรากฏอยูเบื้องหนาเขา
สูงสงราวสวรรค ยิ่งใหญสะทานจิตใจ ไพศาลเหลือพรรณนา รูปสลักโบราณ อักขระที่
ไมเคยพบ กอนศิลาเขียวดำรวมไปถึงอสูรที่อยูรายลอมนั้นทำใหสะพานแหงนี้ ราวกับ
ถูกเสกสรรขึ้นมาโดยจักรวาลเอง
แม ไ ม อ าจเรี ย กได ว า งดงาม แต ใ นความหยาบกระด า งของมั น แฝงไปด ว ย
ความนาเกรงขามมากมาย! กลิ่นปราณพุงเขามาทำใหหวังเปาเลอที่ยืนอยูตรงหนา
สะพานดังกลาวหัวใจสั่นสะทาน ในเวลาเดียวกันก็มีเจตจำนงอันเกาแกราวกับสายลม
ที่พัดโบกขามกาลเวลาโบราณนับหมื่นปกอนหนา ดังกองไปรอบกายหวังเปาเลอ
ราวกับจะพาเขาทองฝนกลับสูบรรพกาล ไปยังตนกำเนิดอันปาเถื่อนรกราง
ทามกลางเสียงหวีดหวิวของสายลม ราวกับสัมผัสไดถึงเสียงเพลงขลุยอันอางวาง
ดังสะทอนไปทั่ว และทามกลางเสียงร่ำไหซึ่งสะทอนกองนี้ ในสายตาของหวังเปาเลอ
ก็มองเห็นเงารางคอยๆ ปรากฏขึ้นบนสะพาน เงารางเหลานี้สวนมากเปนผูฝกตน
แตละคนลวนแฝงดวยกระแสพลังฝกตนในระดับที่สั่นสะเทือนฟาดินได
พวกเขา…ปรากฏกายอยูบนสะพาน ในชวงวันเวลาอันแตกตาง กาลเวลาอันผิดแผก
ตางเดินอยูบนสะพานนี้ไปเรื่อยๆ
“นี ่ ก ็ ค ื อ …” ชั ่ ว อึ ด ใจให ห ลั ง หลั ง จากที ่ เ งาร า งบนสะพานเหล า นั ้ น ค อ ยๆ
พราเลือนจางหาย ในตอนที่สะพานนี้ปรากฏขึ้นในสายตาของหวังเปาเลออีกครั้ง
เขาก็เอยปากพึมพำเสียงเบา “สะพานสูสวรรค ” ผูที่เอยคำพู ดนี ้ย อมมิ ใ ช
หวั ง เป า เล อ แต เ ป น ท า นพ อ หวั ง …ผู ท ี ่ ไ ม ร ู ม าปรากฏตั ว อยู ข า งกายหวั ง เป า เล อ
ตั้งแตเมื่อใด
ทานพอหวังสวมเสื้อชุดขาวพิสุทธิ์ เสนผมขาวโพลน ดวงตาสงบนิ่ง เขาแหงนหนามอง
สะพานสูสวรรคนี้เชนเดียวกัน
หลังจากนั้นก็มองหวังเปาเลอที่ยามนี้ประสานมือคารวะมาทางเขา “เปาเลอ
เจามาครั้งนี้ เตรียมตัวมาแลวหรือ?”
หวังเปาเลอครุนคิด กอนจะสายหนาเอยปากเสียงเบา “ยังคงขอใหผูอาวุโส
ใหเวลาขาอีกสั กหนอย จิตเตาแห ง ความยึ ด ติ ดของข า บั ดนี ้ ย ั ง ขาดอี กเล็ ก น อ ย
จึงจะสมบูรณ”
“ไมมีปญหา ขาจะรอเจาอยูที่นี่” ทานพอหวังมองหวังเปาเลอครั้งหนึ่งกอนจะ
พยักหนา แลวนั่งขัดสมาธิหลับตาอยูบนสะพานแหงนั้น
หวังเปาเลอคอมกายลงอีกรอบ เขานั่งขัดสมาธิอยูเบื้องหนาสะพานนั้นเชนกัน
จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมองไปยังฝามือของตน มองไปยังโลกมนุษยขางในแลวคอยๆ
หลับตา
วิญญาณกลับสูตนทาง ในฐานะที่เปนศิษยนอง บุญคุณที่ศิษยพี่เมตตาตอง
ตอบแทน นี่คือเจตนาของหวังเปาเลอและเปนเหตุผลของเขา เชนเดียวกัน ในฐานะ
มนุษย ความกตัญูนั้นสำคัญอยางยิ่ง
ดังนั้น…เบื้องหนาสะพานสูสวรรคนี้ หวังเปาเลอทิ้งรางเนื้อไว ณ ที่นี่
สวนวิญญาณของเขากลับเขาสูโลกแหงฝามือ หวนสูโลกแหงศิลา แลวเขาไปยัง
ระบบสุริยะ กลับไปยัง…โลก บิดามารดาของเขา บัดนี้แกชรา
แม ว า เคราะห ภ ั ย ในโลกแห ง ศิ ล าไม ไ ด ก ระทบมายั ง ระบบสุ ร ิ ย ะมากนั ก
แตกาลเวลาที่เคลื่อนคลายก็ยังทำใหเสนผมสีดำของบิดามารดาหายไป อีกทั้งทิ้ง
รอยตีนกาไวใหพวกทาน การกลับมาของหวังเปาเลอทำใหบิดามารดาทั้งสองยินดี
อยางยิ่ง ในสวนของนองสาวหวังเปาเลอนั้นแตงงานไปนานแลว ใชชีวิตธรรมดาสามัญ
แมการมีอยูของหวังเปาเลอจะทำใหชีวิตของพวกเขาไมเหมือนคนทั่วไป แตโดย
สรุปแลว ก็มีความสุขดี มองเห็นบิดามารดามีความสุข แลวยังมองเห็นนองสาวสุขใจ
หวังเปาเลอเองก็เบิกบาน
เวลาคอยๆ ผานไปชาๆ ภายในโลกแหงศิลา บนโลกมนุษย การกลับมาของ
หวังเปาเลอครั้งนี้ราวกับเขากลายเปนคนธรรมดาทั่วไป เขาเคียงขางบิดามารดา
เพื่อเดินทางในชวงเวลาสุดทายของชีวิตมนุษยในชาตินี้
แตละวันพนผาน เสนผมสีขาวของบิดามารดาเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งสุดทาย…
พวกเขาจับมือของหวังเปาเลอ ภายใตการทอดถอนใจของบิดา คำกำชับของมารดา
คำปลอบประโลมเสียงเบาของหวังเปาเลอ
สองผูชราก็คอยๆ หลับตาลงอยางเนิบชา หวังเปาเลอมีหนทางฝนชะตาฟา
แนนอน เขามีกระทั่งวิธีที่จะใหบิดามารนั้นมีชีวิตอันเปนนิรันดรอยูในโลกแหงศิลา
แตคำเสนอแนะนี้กลับถูกทั้งสองปฏิเสธ เขาสัมผัสไดถึงความยินยอมของผูชราทั้งสอง
พวกเขา…เพียงแคอยากใชชีวิตธรรมดาที่เหลืออยางสงบ หลังจากนั้นเกิดใหม
และเริ่มตนชีวิตใหมอีกครั้ง ชีวิตของทุกคน ยอมตองมีสิทธิตัดสินใจเรื่องของตนเอง
ตอใหเปนบุตรของคนผูนั้น ก็ไมสมควรนำความปรารถนาของตนไปบังคับ หากเปน
เชนนี้…ก็ไมนับวากตัญูแลว ความปรารถนาเดียวของมารดา
ก็คือหลังจากเกิดใหมนั้น ยังคงไดเกิดเปนคนรักของบิดาหวังเปาเลออีกครั้ง
ได ม ี ค วามรั ก ในชี ว ิ ต อั น แตกต า งกั น ไป แต ล ะชาติ ภ พล ว นอยู เ คี ย งคู ก ั น สำหรั บ
ความปรารถนานี้ บิดาของหวังเปาเลอคลายตองการจะคัดคานในชวงเวลาสุดทาย
ของชีวิต แตกลับถูกภรรยาถลึงตามอง ดังนั้นเขาจึงหลับตาลงอยางวางาย
นี่มิใชความตาย แตเปนการเดินทางรอบใหม ดังนั้นแลวไมอาจเจ็บปวดใจ
ทำไดเพียงแคอวยพรเทานั้น แตหวังเปาเลอก็ยังอดไมได น้ำตาปรากฏขึ้นในดวงตา
ของเขา แตสีหนานั้นกลับยิ้มละมัย
เขาวาดหนาศพดวงวิญญาณของบิดามารดาตน กอนจะกำหนดดวงชะตาแลว
ส ง กลั บ เข า วั ฏ สงสาร ก็ เ หมื อ นกั บ ตอนที ่ ส ง ศิ ษ ย พ ี ่ รอจนกระทั ่ ง ชาติ ถ ั ด มาของ
บิดามารดาไดถือกำเนิดขึ้นแลว มองดูพวกเขา รอยยิ้มของหวังเปาเลอก็ยิ่งออนโยน
แลวยังมีนองสาว หวังเปาเลอจัดการบางสิ่งที่เหลือเอาไวใหนาง จะตัดสินใจเชนไรตอง
แลวแตนองสาวของเขาแลว
เมื่อทำสิ่งเหลานี้เสร็จ ในใจของหวังเปาเลอก็ยิ่งสงบ หลังจากนั้นเขาก็ไปเดินอยู
ในนครศักดิ์สิทธิ์ ทองฟากระหน่ำเม็ดฝน ในชวงเวลาที่เดินผานนี้บนถนนผูคนบางตา
ทองฟายามนี้มองไป ดูขมุกขมัว
ทามกลางสายฝนและความมืดทึมนี้เอง หวังเปาเลอเดินไปทีละกาวๆ จนกระทั่ง
กำลังจะกาวขามถนน เขาหยุดกาวเดินแลวหันกลับไป มองดานหลังตนเอง ตรงหัว
มุมถนนดานหลังของตน เงารางงดงามรางหนึ่งยืนอยูในมือของนางถือรมกันฝนสีแดง
กะโปรงยาวสีขาว จับจองมายังตน
เมื่อดวงตาประสานไดประมาณสามอึดใจ หวังเปาเลอจึงคอยยกยิ้มไปทาง
เงารางนั้น เขาประสานมือกอนจะโคงตัวลงต่ำครั้งหนึ่ง เงารางนั้นจมอยูในความเงียบ
นางเก็บรม เผยใหเห็นใบหนางดงามของหลี่หวานเออร นางยอมใหสายฝนซัดสาด
บนตัว กอนจะกมตัวลงคำนับคืนใหแกหวังเปาเลอ โดยมีถนนนี้กั้นขวาง
หลั ง จากคำนั บ แล ว ทั ้ ง สองคนหั น กาย เดิ น จากั น ออกไปไกล หวั ง เป า เล อ
เดินออกจากนครศักดิ์สิทธิ์ เดินไปยังสำนักเตานครศักดิ์สิทธิ์ ในหุบผาดานหลั ง
ของสำนั ก เต า มี เ ส น ทางเดิ น ป า สายเล็ ก สองข า งทางล ว นเต็ ม ไปด ว ยดอกท อ
บานสะพรั่ง งดงามตระการตา ฝนในที่นี้ราวกับจะหยุดลง คลายไมกลารบกวน มีเพียง
เสียงลมพัดหวิวโบกมาเรื่อยๆ ทำใหเหลาดอกไมนั้นรวงหลนโบยบิน แลวลอมรอบอยู
ทั่วบริเวณของเงารางงดงาม ราวกับวากำลังแขงขันประชันกลิ่นหอม ไมยินยอม
จากไป
“ตองไปแลวหรือ?” โจวเสี่ยวหยาถามเสียงเบา
“ใชแลว” หวังเปาเลอเอยตอบ
“คงตองพูดวาแลวเจอกันสินะ” โจวเสี่ยวหยาเงียบลง ไมนานก็เอยปากเสียงดัง
แลวเจอกัน ยังมีโอกาสไดเจอกัน
“แลวเจอกันนะ” หวังเปาเลอยิ้ม กอนจะพยักหนาหนักแนน
ชวงเวลาที่ดอกทอเริงระบำนี้เขาหันกายจากไปโดยไมไดคารวะ จากไปจาก
สำนักเตาศักดิ์สิทธิ์ บอกลาปรมาจารยแหงไฟผูเปนอาจารยและผูสนิทชิดเชื้อคนอื่น
สุ ด ท า ยแล ว เขาก็ ม าถึ ง ภูเ ขาลูก หนึ ่ง ภู เ ขานี ้ ง ดงาม ตั ้ ง อยู ใ นที่ ส ู ง สุ ดและ
มีหิมะปกคลุม ทองฟายังคงมีหิมะโปรยปราย พรางพราวระยิบระยับ ใหความรูสึก
ศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งเทพ บนยอดเขานั้นมีกระทอมไมแหงหนึ่ง ยามที่หิมะตกมองไปแลว
ราวกับบานไมหลังนี้สวมชุดเจาสาวอันบริสุทธิ์ขาวสะอาด ในกระทอมที่ขาวสะอาด
ดุจชุดเจาสาวนี้ สตรีนางหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู สีหนามุงมั่น ราวกับวาการฝกตนนั้น
คือวิถีที่นางพึงกระทำไปชั่วชีวิต
นางก็คือเจาเยี่ยเหมิง ในตอนที่หวังเปาเลอมาถึงนั้น เจาเยี่ยเหมิงก็เบิกตาทันที
สีหนางดงามเปนเอกลักษณของนางเผยรอยยิ้มสดใสราวดอกไม เอยปากเสียงเบา
“เปาเลอ สิ่งใดคือคูเตาบำเพ็ญ?”
“หนทางฝกตนนั้นโดดเดี่ยว ตองการมือประคองไประหวางทาง สหายเตาที่เดิน
ไปจนสุดทางดวยกัน เปนทั้งเพื่อน อาจารย และคูรัก ใหความสนิท อาวรณและ
คะนึงหา” หวังเปาเลออมยิ้มตอบ
“ประเสริฐ” เจาเยี่ยเหมิงแยมยิ้ม รอยยิ้มของนางงดงามสงา สายตาสงบสุข
“ประเสริฐ” หวังเปาเลอเองก็ยิ้มเชนกัน
เขานั่งอยูขางกายเจาเยี่ยเหมิงกอนจะปดตาลง ในยามที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
เขาก็ ไ ม อ ยู บ นโลกนี ้ แ ล ว วิ ญ ญาณกลั บ คื น สู ด ิ น แดนเซี ย น มองดู ท า นพ อ หวั ง
ที่นั่งขัดสมาธิอยูบนสะพาน
นัยนตาของหวังเปาเลอใสกระจาง เขาเอยปากเสียงเบา
“ผูอาวุโสรอนานแลว ผูเยาว…เตรียมตัวพรอมแลว”
บทที่ 1297 บรรลุเตา
ทานพอหวังนั่งขัดสมาธิอยูบนสะพานสูสวรรคคอยๆ ลืมตาทั้งสองขึ้น แลวมอง
หวังเปาเลออยางสงบจากนั้นจึงพยักหนา
เขาที่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยูนั้นพลันยกมือขวาขึ้นมาชี้ไปยังสะพานสวรรคดานหลัง
กอนจะโบกมือสงๆ ครั้งหนึ่ง ภายใตการโบกมือครั้งนี้ ฟาดินเปลี่ยนผัน ลมเมฆ
พัดหมุน เกิดเสียงดังกองกังวานไปทั่วแปดทิศ
ในเวลาเดียวกัน สะพานสวรรคเสนแรกนี้ก็พลันมีแสงสองจานับหมื่นจั้ง ศิลาแผนหนึ่ง
ปรากฏขึ้นขางสะพานจากความวางเปลาควบรวมจนกอเกิดขึ้นมา พลังปราณโบราณ
เขมขนแผกระจายไปทั่ว ความรูสึกของกาลเวลาไหลผานเริ่มแผขยายไดชัดเจน
กวาเกา สะทอนทั่วทั้งแปดทิศ
ภายในบริเวณโดยรอบพลันปรากฏวังวนขึ้น วังวนนี้ยิ่งใหญนัก มโหฬารเกิน
พรรณนา แลวยังครอบคลุมทั้งทองฟา แตหากมองไปแลว…ก็จะพบวาดินแดนเซียน
แหงนี้ไมพบความเปลี่ยนแปลงแมแตนอย ราวกับทุกอยาง เปนแคความเขาใจผิด
อยางไรอยางนั้น
ในวั ง วนที ่ ย ากจะมี ค นพบเห็ น ยามนี ้ ก ระแสบางอย า งกำลั ง เคลื ่ อ นไหว
ดานหวังเปาเลอที่อยูกลางวังวนนั้น สภาวะจิตของเขาถูกเหนี่ยวนำ แตเขาก็สงบลง
อยางรวดเร็วกอนจะมองไปยังสะพานเบื้องหนา ศิลาที่ควบรวมคอยๆ ปรากฏรอย
อักษรขึ้นชาๆ มันเปนอักขระที่เขาไมรูจัก หวังเปาเลอไมเคยพบเห็นมากอนแนนอน
ทวาในยามที่เขาทอดมองนั่นเอง อักขระนั้นก็ปรากฏในสมองของเขา ราวกับวา
เขาเขาใจมันไดทันที
“สะพานสูสวรรค ความวางเปลาทำลายมรรคา วิญญาณไมดับสิ้น สรรพชีวิตเคารพ”
คำทั้งสิบสองคำนี้ ทุกคำลวนเผยใหเห็นพลังอันสูงสงซึ่งสามารถสั่นสะทาน
จิตวิญญาณของหวังเปาเลอ เขารูสึกวาลมที่อยูรอบดานคลายจะขยายตัวแรงขึ้น
วังวนหมุนวนเร็วยิ่งกวาเกา เวลาและกลิ่นอายเกาแกนี้ก็สัมผัสไดรุนแรงมากขึ้น
ในเวลาเดียวกันกับที่สภาวะจิตของเขาถูกวลีทั้งสิบสองคำนี้ดึงดูด เสียงดังสะทานภพ
ก็ เ กิ ด ขึ ้ น อี ก ครั ้ ง ทั น ใดนั ้ น อี ก ด า นหนึ ่ ง ของแผ น ศิ ล า ก็ ป รากฏแผ น ศิ ล าที ่ ส อง
ควบรวมกัน ขนาดของมันไมไดแตกตางจากศิลาแผนแรกมากนัก แตใหความรูสึก
คุกคามหนักกวา
เมื่อปรากฏแลว ก็ราวกับวาดินแดนเซียนแหงนี้จะสั่นคลอนไปดวย บนนั้น
มีสิบสองคำปรากฏอีกครั้ง “เจตจำนงสูงศักดิ์ สั่นสะทานวัฏสงสาร จิตวิญญาณ
จักรวาล เสียงเรียกของหมื่นมรรคา!”
เมื่อมองเห็นคำทั้งสิบสองบนศิลาแผนที่สองแลว ในใจของหวังเปาเลอคลายถูก
พายุซัดโหม ในชวงจังหวะนั้นราวกับเขามองเห็นภาพวาด ในภาพวาดนั้นมีเงาราง
ที่เขาคุนเคยอยู ชวงเวลากอนหนานี้หลายตอหลายครั้ง เงารางนี้ชูมือขึ้นเบื้องหนา
สะพาน แล ว รวมพลั ง อั น เร น ลั บ จากทั ้ ง จั ก รวาลกอปรเป น แผ น ศิ ล า จากนั ้ น จึ ง
ตวัดพูกัน เขียนคำทั้งสิบสองนี้ลงไป เมื่อทุกคำปรากฏขึ้นก็มากพอจะทำใหฟาดิน
สั่นสะเทือน
กระทั่งหลังจากคำทั้งสิบสองเรียบเรียงเสร็จแลว ทองนภาก็พลันปรากฏลำแสง
เจิดจา ราวกับจักรวาลนั้นกอเกิดคลื่นใหญนาตื่นตะลึง อีกทั้งผูที่เขียนคำทั้งสิบสอง
ก็หันหนามาในตอนนี้เอง พริบตานั้นหวังเปาเลอจึงไดเห็น คนผูนี้ก็คือ…ทานพอหวัง!
ฉากเบื้องหนาในพริบตาก็หายไป หวังเปาเลอหายใจกระชั้น เขาเหลือบไปมอง
ทางทานพอหวังที่นั่งขัดสมาธิอยูอีกดานหนึ่ง มองดวงตาอันแสนสงบของอีกฝาย
ในสมองพลันปรากฏภาพความทรงจำหลายปกอน ในตอนที่เขาเพิ่งมาถึงดินแดน
เซียนแหงนี้
บนทองนภาที่เขามองสะพานทั้งสิบเอ็ดสาย อีกฝายไดเอยคำพูดอยางสงบไววา
“สะพานนี้ เคยพังมาแลวในกาลกอน หลังจากนั้นเปนหวังโหมวที่บูรณะมัน
ขึ้นใหม จากเดิมเกาสายเปลี่ยนเปนสิบเอ็ดสาย ในบรรดาเกาสายนั้นก็คือเสนทางสู
สวรรค”
เวลาผ า นไปเนิ ่ น นาน หวั ง เป า เล อ จึ ง ถอนสายตาแล ว มองไปยั ง สะพานอี ก
ครั้งหนึ่ง ดวงตานั้นทอแสงแรงกลา เขาไมไดเอยคำใด แตกลับขยับกายแลวพุงตัว
เขาไปหาสะพานสูสวรรคแหงแรกทันที ความเร็วนั้นชานัก แตกาวเพียงหกเกาก็มาถึง
หนาสะพานแลว เมื่อเหยียบยางที่เจ็ดเขาไป ขาขวาของหวังเปาเลอก็กาวเขาสู
สะพานแรก
ในพริบตาที่กาวเขาสูสะพาน ระลอกคลื่นในตาของหวังเปาเลอพลันหยุดชะงัก
เขาสัมผัสไดอยางชัดเจนวา ตอนนี้รางกายและจิตวิญญาณของตนราวกับยกระดับขึ้น
ราวกับมีพลังกฎของฟาดินขนานใหญ กระแสแหงหมื่นเตา หลอมรวมมาจากทุกทิศ
มาจากทั้งจักรวาลและตกลงบนสะพานแหงนี้กอนจะกระจายตัวออกไป มันพุงตัว
มายังรางของเขาอยางบาคลั่ง
หวั ง เป า เล อ ไม เ คยสั ม ผั ส ถึ ง ความรู ส ึ ก เช น นี ้ ม าก อ น อี ก ทั ้ ง กระแสเต า อั น
เต็ ม เป ย มนี ้ เ มื ่ อ หลอมรวมกั บ พลั ง กฎ ก็ ท ำให จ ิ ต วิ ญ ญาณของหวั ง เป า เล อ พลั น
ระเบิดขึ้นมา มันสะเทือนฟาดิน ภายใตการระเบิดรุนแรง
ความเขาใจของเขาที่มีตอกฎทั้งหลายพลันกระจางชัดมากขึ้นดวยความเร็วที่
ยากจะเชื่อได มันพุงทะยานขึ้น ธาตุทั้งหาในกายของเขาบริบูรณกวาเดิม พลังปราณ
ภายใตการปะทะหลอมรวมของกระแสเตาจำนวนนับไมถวนก็หลอมรวมกับธาตุทั้งหา
ภายใต พ ายุ อ ั น บ า คลั ่ ง นี ้ เ อง และยั ง มี ค วามรู ส ึ ก อบอุ น ก อ ร า งขึ ้ น เรื ่ อ ยๆ
มันกระจายไปทั่วทั้งราง กอเกิดกระแสอบอุนของดวงตะวันสาดปกคลุมรางกายที่
เหน็บหนาวโดยไมรูตัว
คลายกับวาในชวงเวลากอนหนานี้ แมดูไปแลวเขาจะสมบูรณแบบ ทวาแทจริงแลว
ไมวาจะเปนทางดานรางกายหรือจิตวิญญาณยอมมีจุดบกพรองอยูบาง เหมือนขาด
ชิ้นสวนบางอยาง แตในยามนี้ ชิ้นสวนพวกนั้นไดเติมเต็มสมบูรณแลว
ทั้งหมดนี้ ทำใหรางของหวังเปาเล อซึ่ งเหยี ยบย างขึ ้น สะพานสู สวรรค เ ป น
ครั้งแรก ทำไดเพียงยืนนิ่งไมขยับเขยื้อน หลับตาทั้งสองขางหยุดยืนอยูตรงหัวสะพาน
ระหวางขั้นตอนนี้ กินเวลาทั้งสิ้นประมาณหนึ่งกานธูป
จากนั้นหวังเปาเลอจึงคอยๆ สัมผัสไดถึงกระแสแหงเตาและพลังของกฎที่ไหล
อยูในรางกายของเขาอยางเนิบชา ตอนที่เขาลืมตานั้น ดวงตาราวกับมีเงารางของ
ทองฟาแฝงอยู พลังปราณบนรางยกระดับขึ้นแลว ทวีความแข็งแกรงเพิ่มมากขึ้น
เมื่อสัมผัสได หวังเปาเลอก็เห็นระยะหางนั้นเ ขาเพิ่งจะกาวขึ้นสะพานมาเพียงแค
หนึ่งกาว
นี่ทำใหหวังเปาเลอรูสึกวา ทั้งบนและลางสะพานนั้น ตนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ตอนอยู ล า งสะพาน เขาแม แ ข็ ง แกร ง แตก ็ ม ี ข ี ด จำกั ด หากแต เ มื ่ อ อยู บ นสะพาน
เขารูแจงกฎทุกสิ่ง หลอมรวมกระแสเตานับไมถวน ไรขีดจำกัด ดังนั้น…จึงแข็งแกรง
มากขึ้น!
นี่ทำใหในตอนที่หวังเปาเลอกมหัวลงไปมองสะพานสูสวรรคใตฝาเทาของตนเอง
สายตาของเขาจึงเจือประกายประหลาด
“นี่นะหรือ…สะพานสูสวรรค?” หวังเปาเลอพึมพำเบาๆ
ดวงตานั ้นคมปลาบ เขากาวเท า ต อไปมุ ง เข าสู สะพานสู สวรรค แหง แรกนี้
ทีละกาว ทุกครั้งที่กาวเดิน เขาก็สัมผัสไดลึกซึ้งกวาเกา การรูแจงของเขาทะยานขึ้น
รางกายของเขาเองผอนคลายลง และที่สำคัญที่สุดก็คือจิตวิญญาณของเขาเองก็คลาย
จะปลอดโปรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกยางกาว
เมื่อเปนเชนนี้ เขาที่เดินอยูบนสะพานก็ยิ่งกาวเดินเร็วขึ้น ลมปราณทวีความ
นาตื่นตระหนกในทุกการเหยียบยาง กระทั่งสุดทาย ตอนที่ยืนอยูตรงสุดปลายของ
สะพานแหงแรก ลมปราณบนรางของหวังเปาเลอก็ยิ่งใหญไพศาล สะทอนไปทั่ว
แปดทิศอยางรุนแรง ทำใหวังวนรอบดานตอนนี้หมุนควางกวาเกาดวยความรุนแรง
ถึงขีดสุด
เพราะนี่คือการสนองคุณที่มาจากสะพานแหงแรก ทามกลางแรงหนุนของ
กฎฟ า ดิ น ที ่ เ ปลี ่ ย นแปลง และกระแสเต า จำนวนนั บ ไม ถ ว นนั ้ น มั น สลั ก ลงใน
จิตวิญญาณของหวังเปาเลอโดยไมอาจดับสูญในทันที และที่สำคัญกวานั้นก็คือ ตอนนี้
รางของหวังเปาเลอไดห ลอมรวมเปน เนื้อ เดี ยว ราวกับนี่คือ ความสมบูร ณ นี่คือ
สะพานสูสวรรคเสนทางแรก!
ประโยชนของมันคือใหผูฝกตนไดลองสัมผัสพลังแหงกฎทั้งหมดภายในจักรวาล
กระแสเต า ทั ้ ง หมดนั ้ น แม เ หมื อ นจะเข า ใจเพี ย งคร า วๆ แต ก ็ เ พี ย งพอแล ว ที ่ จ ะ
เบิกเจตนาแหงเตาของผูฝกตน เปลี่ยนขีดจำกัดเปนไรขีดจำกัด
สำหรับหวังเปาเลอแลว สะพานเสนแรก แลวยังมีการสนองคุณอีก นี่นับวา
เปนการ…บำรุงเตา!
หวังเปาเลอที่มาจากโลกแหงศิลา ในโลกที่กฎและเตาไมสมบูรณแหงนั้น แมวา
เขาจะฝกมาไดจนถึงขีดสุดของคำวาสมบูรณ และยังไดรับการเสริมแตงหลังมายัง
มหาจักรวาล แตเขามีชีวิตมาจากโลกแห งศิ ลา ดั ง นั ้ น แล วหากกล าวกั น โดยตรง
เขาก็ยังคงมีจุดบกพรองอยูเล็กนอย และยากที่จะซอมแซมมันในเวลาสั้นๆ
แตในยามนี้ หลังจากที่เขาเดินมาจนถึงสุดทางของสะพานแหงแรก รางของเขา
ยังมีรางเตา จิตวิญญาณของเขาก็ไดกลายเปนวิญญาณเตา ทุกสิ่งนั้น สมบูรณแลว!
หวังเปาเลอรางกายสั่นสะทาน เขายืนอยูตรงปลายสะพานพลางแหงนหนามอง
ไปยังเสนทางหางไกล
หวังเปาเลอสามารถมองเห็นมันได สะพานที่สองเบื้องหนา แลวยังมีสะพาน
ที ่ ส ามและถั ด ไปจากนั ้ น เป น สะพานยั ก ษ ท ี ่ ม ี ข นาดใหญ ร าวกั บ สายรุ ง หลั ง สู ด
ลมหายใจเข า ลึ ก หวั ง เป า เล อ จึ ง ขยั บ กาย เดิ น ลงจากสะพานที ่ ห นึ ่ ง จากนั้ น
กระโจนเหาะไป
บทที่ 1298 ไมอาจเอยคำ
มองจากระยะไกล ไมวาจะเปนสะพานแหงที่สองหรือวาสะพานแหงที่สามหรือสี่
ดานหลัง และสะพานที่สิบเอ็ดซึ่งอยูหางออกไปอีกนั้น บนนั้นลวนมีเงารางมายา
จำนวนหนึ่ง
ทวา ยิ่งออกเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเงารางพวกนี้นอยลง ในบรรดานั้นบนสะพานแหง
ที่เกายังมีเงารางสิบสาย แตเมื่อมาถึงสะพานแหงที่สิบ กลับมีเพียงสองเทานั้น และใน
สะพานสุดทาย…กลับมีเพียงเงารางเดียว!
เงารางเหลานี้สภาพเลือนรางนัก ยิ่งเดินไปดานหลังมากเทาไรก็ยิ่งพบวามอง
ไมชัดเจนขึ้นเทานั้น หลังเพงมองเงารางเหลานี้ หวังเปาเลอก็เขาใจ คนพวกนี้…บางที
อาจเปนเหลาคนที่เคยขามผานสะพานนี้มากอน จึงเหลือเงารางของแตละคนทิ้งไว
“หลังผานไปแลว สะพานนี้…บางทีอาจเหลือเงารางของขา” หวังเปาเลอพึมพำ
เงารางกลายเปนเสนรุงสียาว ควบตะบึงไปเบื้องหนา ระหวางสะพานสูสวรรค
เสนที่หนึ่งละสองนั้น ดูแลวไมไดตั้งอยูหางกันมาก ทวาความเปนจริงนั้น ระยะหาง
ระหวางทั้งสองกลับไพศาลนัก อีกทั้งระยะหางนี้ยังแฝงไปดวยพลังของเตาแหงมิติ
ดังนั้นตอใหเปนพลังฝกปรือระดับหวังเปาเลอก็ยังคงตองบินไปอีกหลายวันถึงจะมายัง
สะพานแหงที่สองได
หลังจากเขาใกลแลว หวังเปาเลอก็เห็นสะพานแหงที่สองชัดเจนเบื้องหนาตน
เมื่อเทียบกับแหงแรกไปแลว สะพานแหงที่สองใหญกวามาก ทั้งยังมีระดับสูงมากกวา
หลายเทา ในเวลาเดียวกันก็ดูกวางใหญกวา
หวังเปาเลอที่ยืนอยูหนาสะพานนั้นเทียบกับขนาดของสะพานแหงนี้ ตัวเขา
ชางเล็กจอยไมอาจเทียบได แตการที่เขายืนอยูตรงนี้ก็สัมผัสไดวาพลังปราณที่แผซาน
ออกมาจากรางกลับเหนือล้ำกวาสะพานที่สองมากทีเดียว
เพราะวา…ตัวเขาไมเหมือนกับผูฝกตนคนอื่นๆ ที่มายังสะพานแหงที่สอง เมื่อผูอื่น
มาที่นี่ ตัวของผูนั้นยังไมไดขามสูสวรรค จึงตองอาศัยพลังของสะพานชวยใหบรรลุ
ขั้นสุดทาย
แตหวังเปาเลอนั้นแตกตาง พลังการตอสูของเขา แทจริงแลวถือวาไดขามผาน
ระดับสวรรคแลว หากแตสิ่งที่เขาตองการคือแรงหนุนจากสะพานแหงนี้ เพื่อให
พลังการตอสูของตนแข็งแกรงขึ้น ดังนั้นแลว เงารางของหวังเปาเลอที่อยูเบื้องหนา
สะพานแหงที่สองจึงยิ่งใหญสะเทือนฟาดิน และโดยไมรูตัว
พลังปราณบนรางของเขาที่สำเร็จการขามผานสะพานแรกมาได ก็ทำใหสะพาน
ที่สองบังเกิดเสียงกองดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“ที่แทก็ไมสามัญ” ทานพอหวังที่นั่งขัดสมาธิอยูหนาสะพานแหงแรกแหงนหนา
มองหวังเปาเลอ ดวงตาฉายแววชื่นชม
สวนดานขางนั้นมีเงารางเพิ่มมาอีกหนึ่งคือ หวังอีอี
นางกำลังจองมองหวังเปาเลอที่อยูเบื้องหนาสะพานแหงที่สองหางออกไปไกล
นัยนตาฉายประกายความเปนหวง กอนจะหันหนามามองบิดาของตน
“ทานพอ…สะพานแหงที่สองนี้…”
“สะพานแหงที่สอง สำหรับเขาแลวไมเกิดอุปสรรคสิ่งใด ขาตองการใหโอกาสเขา
บมเพาะ ยังไมถึงเวลา”
หวั ง โหม ว ถอนหายใจก อ นจะอธิ บ าย ระหว า งที ่ ส องพ อ ลู ก กำลั ง พู ด คุ ย กั น
อยูนั้นเอง
หวั ง เป า เล อ ที ่ ย ื น อยู เ บื ้ อ งหน า สะพานแห ง ที ่ ส องก็ ย กเท า ขึ ้ น เดิ น ไปบนนั้ น
อยางรุนแรง ในพริบตาที่ฝาเทารุดเหยียบลงไป รางกายของเขาก็เกิดเสียงดังสนั่น
ราวกับถูกขุมพลังอันไรลักษณโจมตีเขามา
มันกวาดไปทั่วรางของเขาราวกับจะตองการตรวจสอบวาเขามีคุณสมบัติที่จะ
ขึ้นสะพานหรือไม แลวยังมีกระแสจิตเทพระเบิดออกจากสะพานแหงที่สองนี้ครอบงำ
ทั้งสภาวะจิตของหวังเปาเลอ ราวกับจะตรวจสอบวา เตา พลังจิต รางกายนี้สมบูรณ
หรือไม
หวั ง เป า เล อ ขมวดคิ ้ ว เล็ ก น อ ย เขาไม ช อบการถู ก ตรวจสอบทั ้ ง ในและนอก
อย า งละเอี ย ดเช น นี ้ แต เ มื ่ อ คิ ด ว า ตนนั ้ น เป น แขกของดิ น แดนแห ง เซี ย น และ
สะพานแหงนี้ก็ไมใชสะพานธรรมดา แตเปนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนเซียน ดังนั้น
ตอ ใหไ มชอบใจสักเทาไร แตหวังเป าเล อก็ ต องพยายามสะกดอารมณ ปล อ ยให
สะพานนี้ตรวจสอบตอไป
ทวา…หลังจากสะพานตรวจสอบเสร็จสิ้น ดวยความรวดเร็วก็มีขุมพลังตอตาน
ระเบิดออกมาจากสะพานแหงที่สองทันที นี่ทำใหหวังเปาเลอรูสึกวา แมรางกาย
สภาวะจิต และเตาของตนจะสมบูรณ หากแต…เพราะไมใชผูฝกตนของดินแดนเซียน
ดังนั้นจึงไมมีคุณสมบัติจะขึ้นสูสวรรค อีกทั้งกระแสพลังขับไลนี้ ก็ระเบิดออกมาเปน
พลังนาหวาดผวาจากสะพานแหงที่สองพุงเขามาที่ขาขวาของหวังเปาเลอที่กำลัง
เหยียบยางบนสะพาน ราวกับตองการยกขาของเขาขึ้น
“เอ?” หวังเปาเลอคิ้วกระตุก ขาขวาของเขาคลายเปนหินไปแลว มันเหยียบอยู
บนนั้นไมอาจขยับเขยื้อนได เห็นดั ง นี ้ เขาจึงหัน หน าไปมองสองพอลูกที่ อยูหนา
สะพานแหงแรก
“ผูอาวุโส สะพานนี้…” หวังเปาเลอเอยไมทันจบ
“หากมีอุปสรรค ตองทำเชนไร?”
คำตอบที ่ ม อบให ห วั ง เป า เล อ ก็ ค ื อ ดวงตาล้ ำ ลึ ก ของหวั ง โหม ว และน้ ำ เสี ย ง
ราบเรียบ “สังหาร!”
หวังเปาเลอที่ขาเพียงขางเดียวคางอยูบนสะพานนั้น ดวงตาทอประกายวาบ
“หากไมยินยอม จะทำเชนไร?” หวังโหมวถามซ้ำ
“สยบมัน!” หวังเปาเลอเอยคำนี้ออกมาโดยไมลังเล
ในเวลาเดียวกันขณะที่เอยปาก แววตาของเขาก็ยิ่งลุกโชน
“ผูอาวุโส ผูเยาวเขาใจแลว ทวา…กอนหนานี้ผูเยาวยังเอยไมทันจบ สิ่งที่ตองการ
พูดก็คือ หากวาผูเยาวไมทันระวังทำลายสะพานแหงนี้พัง…ขอผูอาวุโสอยาไดโกรธ”
หวังโหมวมื่อไดยินประโยคนี้กลับยิ้มกวาง น้ำเสียงอารมณดีกระจายไปแปดทิศ
สีหนาของเขาเปนสุข ราวกับวาในหลายขวบปมานี้ไมไดหัวเราะเชนนี้นานแลว
“หากวาเจาทำได ไมมีปญหา!”
อี ก ด า นหวั ง อี อ ี ท ี ่ ไ ด ย ิ น ประโยคนี ้ เ ช น กั น ราวกั บ นางระลึ ก ถึ ง ความทรงจำ
บางอยางได ดวงตาพลันเบิกกวาง รีบควาจับแขนเสื้อของบิดาเอาไว คิดอยากกลาว
อะไรสักอยางแตดูเหมือนวาทานพอของตนจะไมสนใจ หลังจากนางลังเลอยูครูหนึ่งจึง
ไมไดเอยสิ่งใดออกมา
และเพราะคำวา “ไมมีปญหา” นี้ลอยออกมานั่นเอง พริบตานั้นลมปราณของ
หวังเปาเลอก็ระเบิดออก เขาหันกายกลับ ไมสนใจกระแสขับไลของสะพานแหงที่สอง
ไมวามันจะตอตานแคไ หน เทาขวาของเขาในเมื ่ อ เหยี ย บขึ ้ น ไปแล วจึ ง ขยั บ กาย
กระโจนเขาสูสะพานเต็มตัว
เมื่อเหยียบเขาไป ทั้งสะพานก็สั่นสะทาน ตอบโตรุนแรงกวาเกา ราวคลื่นทะเล
ซัดโหม แตกลับไมอาจทำอะไรหวั ง เป า เล อ ได ส ั ก นิ ด ยิ ่ ง แรงสยบรุ น แรงขึ ้ น ก็ ยิ่ ง
สะทานสะเทือนขวัญ
ทวาเขาก็ยังเดินไปเรื่อยๆ ออกเดินไปทีละกาวยังสะพานแหงที่สองราวกับเดิน
ชมนกชมไม หลังจากทุกยางกาวนั้น สะพานแหงที่สองก็สั่นสะทานรุนแรงขึ้นราวกับ
ยางกาวของหวังเปาเลอคือแรงกดดันที่มาสูมัน
ตอนนั้นเองก็มีรอยแตกราวสายหนึ่ง ปรากฏขึ้นใตฝาเทาหวังเปาเลอ!
ในเวลาเดียวกัน กระแสขับไลจากสะพานแหงนี้พลันระเบิดออกมาราวกับเปน
ขุมพลังกดทับขนาดยักษขุมหนึ่ง ทำใหทั้งราง จิตใจ และเตาของหวังเปาเลอที่สมบูรณ
มาตั้งแตสะพานแหงแรกนั้นราวกับถูกหลอมลาง ลมปราณของเขา ยามที่ออกเดิน
ก็ยิ่งไพศาลมากขึ้น ขยายออก รุนแรงมากขึ้น! และสุดทาย ทามกลางเสียงครืนโครม
ของฟาดิน ทั้งดินแดนเซียนก็เกิดเสียงดังลั่น
หากคนปกติขามสะพาน จะตองสูงศักดิ์ แตหากคนไมธรรมดาขามนั้น จะตอง
เอาชนะ! หากเจาไมยอมรับขา เชนนั้นขาจะสยบเจา! หากเจาขัดขวางขา เชนนั้น
ขาจะสังหารเจา!
สิ่งใดที่เรียกวาความสำราญ มิใชการหลีกเรน มิใชการฝากฝง มีเพียงพลังเทานั้น
จึงจะสามารถมีชีวิตอยางสุขสำราญไดแทจริง! นี่สิคือความสำราญ และนี่สิคือเซียน!
ทามกลางเสียงดังสนั่น พริบตานั้นเงารางของหวังเปาเลอก็ขยายใหญ มันปรากฏ
อยู บ นท อ งฟ า ของดิ น แดนเซี ย นแห ง นี ้ เหล า สรรพชี ว ิ ต สามารถเห็ น ร า งของเขา
และสะพานใตรางได ในพริบตานี้ สะพานแหงที่สองราวกับตองการ…ขัดขวาง!
แมจ ะไมยินยอมแต ก็ไ มอ าจอดทนได เพราะพลั ง ปราณของหวั ง เป าเล อ นั้ น
สะทานสะเทือนนัก แตเจาสะพานแหงที่สองนี้กลับยังคงระเบิดพลังขับไลออกมา
ในพริบตาดินแดนเซียนก็ปรากฏขึ้นในดวงจิตเทพของหวังเปาเลอ นี่คือพลังสงเสริม
ทั้งหมดซึ่งสะพานแหงที่สองมี มันชวยเพิ่มเสริมดวงจิตเทพ หรือจะกลาวใหกระจาง
ชัดกวานั้นคือชวยเพิ่มพูนปณิธาน กระแสจิตครอบคลุมไดมหาศาลเทาไร ขอมูลที่ได
รับมาก็ยิ่งมากเทานั้น อีกทั้งยังตองการปณิธานอันหาวหาญเขมแข็งจึงจะมีจิตเทพ
อันสงบนิ่งได
ในยามนี้ดวงจิตเทพของหวังเปาเลอ รูปลักษณของดินแดนเซียนนั้นแปรเปลี่ยน
ภายใน 72 อาณาเขต ไดกลายเปนยักษเกราะทองทั้งสิ้น 72 ราง
ทุกรางลวนมองไปยังทองฟาดวยสีหนาเขมงวด ภายในกายของยักษทั้ง 72 นี้ก็มี
จักรวาล 8,000 เคลื่อนไหวหมุนเวียนอยูดานใน และภายในเขตของแตละจักรวาล
ก็ยังมีอสูรดุดันตางลักษณจำนวน 108 ตัวอยูดวย ในยามนี้พวกมันโหคำรามมายัง
หวังเปาเลอ หรือจะกลาวใหชัดเจนคือ เสียงโหคำรามนี้เปนเสียงรองขอใหชวย! คลาย
วาพวกมันสามารถสัมผัสไดถึงกระแสจิตเทพของหวังเปาเลอ จึงวิงวอนใหหวังเปาเลอ
ปลดปลอยพวกมันใหเปนอิสระ!
ในตอนนี้เอง ทุกเมืองในดินแดนเซียนก็สั่นสะทานรุนแรง ทำใหเหลาผูฝกตน
จำนวนมากจากทุกแหง หนทะยานออกมา ยามที ่ พวกเขามองมาทางเงาร างของ
หวังเปาเลอ ผืนดินก็ยิ่งสั่นสะทานรุนแรงกวาเกา เงารางของอสูรยักษแตละราง
พลันปรากฏลัก ษณม ายาออกมาจากแต ละเมื อง ล วนกู คำรามโหยหวนขอความ
ชวยเหลือพรอมกันไปยังฟากฟา
ฉากนี้ สำหรับผูฝกตนในดินแดนเซียนแลว ไมไดแปลกประหลาดนัก ในเวลา
อันรวดเร็วก็มีผูฝกตนกรีดรองลืมตัว
“มีคน…มีคนกำลังขึ้นสูสวรรค!”
“คนผูนี้ ไดเห็นการขามผานสวรรคแลวครั้งหนึ่ง!”
“ใครกัน ทำไมถึงรูสึกแปลกหนาเชนนี้”
สำหรับผูฝกตนในดินแดนเซียน ฉากนี้แมวาจะหากไดยาก แตก็เกิดขึ้นนับไมถวน
แลวแลวในจำนวนขวบปที่ผานมา ทวาระยะหางแตละครั้งนั้นเนิ่นนานไปหนอย
ดังนั้นหลายคนจึงยังไมทันไดมีปฏิกิริยาขึ้นมาในครั้งแรก
และในเวลาอันรวดเร็ว เสียงกรีดรองตกใจก็ดังขึ้นอยางตอเนื่อง มันสะทอน
ออกมาจากแตละแหงในดินแดนเซียน หวังเปาเลอไมไดสนใจความวุนวายพวกนั้น
ยามนี้เขาสัมผัสไดวาดวงจิตเทพของตนกำลังขยาย สามารถสัมผัสไดถึงปณิธานที่
แนวแนกวาเกา
ฝาเทาของเขากาวเดินเร็วยิ่งขึ้น ลมปราณก็แสดงพลังจนถึงขั้นสูงสุด แววตา
ทอประกายคมปลาบสะเทือนฟาดิน จิตใจเบิกบานอยางมาก และในขณะที่เขากำลัง
จะกูรองนั่นเอง พริบตาถัดมา… หลังจากที่เทาเหยียบยาง ทามกลางเสียงอื้ออึง
ซึ่งสะทอนไปทั่วดินแดนนั้น สะพาน ก็พังทลาย
สรรพชี ว ิ ต ทั ้ ง หลายในดิ น แดนเซี ย น พริ บ ตานั ้ น …เงี ย บสนิ ท ทุ ก สายตาที่
แหงนมองทองนภาพลันเบิกกวาง ทาทางเหมอลอย กระทั่งเหลาอสูรที่รองขอใหชวย
ในทีแรกก็พลันเงียบเสียง สีหนาฉายแววหวาดผวา ตางพากันหดศีรษะราวกับไมกลา
สงเสียงรองอีก
หวังเปาเลอสายหนา เขาหันไปมองหวังโหมวที่อยูหนาสะพานแหงแรกอยาง
รูสึกผิด สีหนากระอักกระอวน
“ผูอาวุโส…” “เจาทำพังเขาแลวจริงๆ”
หวัง โหมวเงียบไปครูหนึ่ง กอนจะถอนหายใจ ส วนหวั ง อี อี ท ี ่ อยู ข างๆ ได แ ต
กะพริบตาปริบๆ นางไอแคกๆ ออกมา แลวไมกลาวสิ่งใดเลย
บทที่ 1299 ถามใจ?
“นี่มัน…ผูอาวุโส ขามิไดตั้งใจ…” หวังเปาเลอรูสึกผิด คิดดูแลวอาจเปนเพราะ
เมื่อครูตนเองอารมณเบิกบานไปหนอย ดังนั้นจึงกาวเทาเร็วเกินไปจนทำใหสะพานพัง
ในเวลาเดี ย วกั น ใจก็ ห ดหู เขาไม ท ั น คาดคิ ด เลยจริ ง ๆ ว า สะพานแห ง ที ่ ส อง
จะไมแข็งแกรงขนาดนี้ แทจริงแลวมิใชสะพานแหงที่สองไมแข็งแกรง หากสืบสาว
ราวเรื่องแลว เหตุก็เพราะพลังตอสูของหวังเปาเลอยามนี้เกินกวาระดับสี่ทั่วไปตั้งนาน
แลวตางหาก
ดังนั้น…การขับไลของสะพานแหงที่สองยอมทำใหรางกายและดวงจิตเทพของเขา
ถูกกำราบ และกอเกิดกระแสตอตาน ราวกับวาสะพานนั้นตองทำศึกกับหวังเปาเลอ
รอบหนึ่ง บัดนี้…มันจึงพังทลาย
“เจาเดินตอไปเถอะ!” หวังโหมวถอนหายใจ
เขาโบกมือ พริบตานั้นสะพานแหงที่สองซึ่งพังทลายเปนชิ้นเล็กชิ้นนอยเมื่อครู
ก็ ร าวกั บ ย อ นเวลา พวกมั น พั ด ม ว นมาจากสี ่ ท ิ ศ แปดด า นด ว ยความเร็ ว จากนั้ น
จึงประสานกันแลวยอนคืนกลับเปนเชนเดิมในพริบตา!
เมื่อมองจากที่ไกลๆ สะพานแหงที่สองบนทองฟานี้ก็ยังดูยิ่งใหญนาเกรงขาม
เหมื อ นเก า กระทั ่ ง ไม ว า จะมองด ว ยตาเปล า เช น ไร ก็ เ หมื อ นกั บ ก อ นหน า ที ่ ยั ง
ไมพังทลายทุกประการ ไมไดมีความแตกตาง
ทวาหากมองและสัมผัสอยางละเอียด ละก็ ยังคงจับสังเกตไดอยูวาสะพาน
ที ่ ส องซึ ่ ง ผ า นการฟ น คื น มานี ้ พลั ง ปราณของมั น อ อ นด อ ยลงอยู บ า ง ท า มกลาง
การสัมผัสของหวังเปาเลอ สะพานแหงที่สองซึ่งถูกบูรณะซ้ำอีกครั้งก็ลดแรงตานทาน
ตอตัวเขาไปไมนอยเมื่อเทียบกับกอนหนา ราวกับมันยินยอมแลวอยางไรอยางนั้น
ยอมลดพลังของตนลงและยอมใหหวังเปาเลอยืนอยูบนตัวมัน
อีกทั้งหวังเปาเลอในรอบนี้ก็ยังออนโยนลงไมนอย เขาคอยๆ ยกขาขึ้นจากนั้น
ก็กาวเดินอยางระมัดระวังไปยังสุดปลายของสะพานแหงที่สอง สายตาระวังไมให
สะพานตองพังลงอีกครัง้
หวัง เปาเลอลอบถอนหายใจ เขามองไปยั ง สะพานแห ง ที ่ ส ามห างซึ ่ ง อยู ไ กล
และใหญยิ่งกวา คิดจะกาวจากไปจากสะพานแหงที่สอง
แตในตอนนั้นเอง… รางกายของหวังเปาเลอพลันชะงักรุนแรง มีกระแสความคิดหนึ่ง
ภายใตสวนลึกในใจของเขางอกเงยขึ้นมาอยางรวดเร็ว มันขยายใหญขึ้นดวยความเร็ว
อันนาตื่นตะลึง
ความคิดนี้ มาจากสิ่งที่เขามองเห็น สะพานสูสวรรคอันหางไกลที่ใหญสะทานใจ
คนนั ้ น ทุ ก สะพาน ไม ว า จะเป น สะพานที ่ ส ามหรื อ สี ่ แปดหรื อ เก า กระทั่ ง
สะพานสุดทาย ราบกับวาสะพานเหลานี้พริบตานั้นพลันเปลี่ยนรูปลักษณ หางไกล
ออกไปมากกว า เก า ทำให ห วั ง เป า เล อ ต อ งเพ ง มองมั น และตั ว เขานั ้ น ตอนนี้
ก็แปรเปลี่ยนเปนเล็กจอยอยางมาก เมื่อเปรียบเทียบระยะหางระหวางสะพานแลว
ราวกับมันถูกขยายจนถึงขีดสุด ราวกับวาสะพานเหลานี้ ไดกลายเปนยอดเขาที่ไมอาจ
ปายปน
สวนระยะหางระหวางตัวเขาและสะพานก็ไกลแสนไกล จนความคิดที่อยากจะ
ลมเลิกกอตัวขึ้นในใจทันที เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นก็เหมือนถูกเล็งขยายกลายเปน
แรงขับดันอันรุนแรงแผซานไปทั้งกาย คลายกับตนนั้นไมอยากจะทำสิ่งใดอีกแลว
ในโลก คลายแสวงหาขออางใหตัวเองมากมายโดยไมรูตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นกับหวังเปาเลอในยามนี้ก็เปนเชนนั้น มีเสียงจำนวนนับไมถวน
พลันระเบิดขึ้นในสมองของเขา เสียงเหลานี้บอกกับเขาวา อยาเดินตอไปอีกเลย
ใหเขาไปจากที่นี่ ใหเขาละทิ้งการขามสะพานสูสวรรคเอาไว ณ ที่แหงนี้
ในตอนนี้ หวังเปาเลอยืนอยูตรงปลายสุดของสะพานแหงที่สอง เห็นไดชัดวา
แคกาวออกไปก็จะขามผานแลว แตเขากลับยืนอยูตรงนั้น ไมขยับเขยื้อนราวกับถูก
ขุมพลังไรรูปชั้นหนึ่งขวางกั้น บดบังเสนทางเบื้องหนาทำใหเขายากจะกาวเดินได
ใตสะพานแหงที่หนึ่ง หวังโหมวกำลังเพงมอง สวนหวังอีอีในยามนี้สีหนาเปน
กังวล กระทั่งเหลาเงารางจำนวนนับไมถวนในดินแดนเซียนก็มองเห็นฉากนี้เชนกัน ฃ
“ถามใจ…” หวังโหมวเอยปาก
เขาเขาใจกระจาง ไมวาจะมองในแงใด นี่สิถึงจะเปนการทดสอบจากสะพาน
สูสวรรค และนี่คือสิ่งแรกที่เขาเตือนใหหวังเปาเลอเติมจิตเตาของตนใหสมบูรณใน
ครั้งแรก เพราะเขาทราบดีวา หากขามดานนี้ไมได เชนนั้น…ตอใหพลังฝกปรือจะสูง
เพี ย งใด พลั ง ต อ สู จ ะเข ม แข็ ง แค ไ หนก็ ไ ม อ าจข า มผ า นสะพาน เวลาไหลผ า นไป
อยางเชื่องชา
เนิ่นนานใหหลัง หวังเปาเลอที่ยืนอยูตรงสุดสะพานที่สองก็คอยๆ แหงนหนาขึ้น
มองไปยังสะพานที่สามจนกระทั่งถึงสะพานสุดทายที่อยูหางออกไปไกล จากนั้นก็
กมหนามองเทาของตน แลวยกยิ้ม
“ในใจมี ค วามสำราญ แล ว ต อ งถามมากมายไปทำไมเล า ?” กล า วแล ว ก็
ยกเทาขวาขึ้น ออกเดินจากสะพานแหงที่สอง ขามผานมัน มุงหนาตอไปยังสะพาน
แห ง ที ่ ส าม ที ล ะก า ว ที ล ะก า ว เมื ่ อ ก า วแรกเริ ่ ม ต น รอบด า นของเขาก็ ก อ เกิ ด
ระลอกคลื่น กาวที่สองเริ่มตน ระลอกคลื่นนี้ก็ราวกับรอยวงน้ำ
มันขยายตอไปจนกระทั่งกาวที่สามที่สี่ จากนั้นสะพานแหงที่สามอันหางไกล
ก็พราเลือน ราวกับวาโลกที่เขาอยู ในพริบตาก็กลายเปนโลกมายา
แตฝเทาของหวังเปาเลอกลับไมชะงัก เขาเพียงแคปดตาลง จากนั้นจึงกาวเดิน
กาวที่หา กาวที่หก กาวที่เจ็ด… รอบดานพลันเลือนราง กระทั่งเมื่อกาวที่แปดแลว
ทุกสิ่งก็หายไปกลายเปนความวางเปลาไรที่สิ้นสุด กระทั่งไมมีแมแตเสียง ราวกับ
ทุกสิ่ง หยุดนิ่ง หวัง เปาเลอกาวเดิ น ก าวที ่ เก าท ามกลางความเงี ย บสงั ด เมื ่ อ เท า
เหยียบยางลงไปพริบตาแรก ก็ราวกับเขาไดขามเสนกั้นบางอยาง เดินผานธารเวลา
ระยะหนึ่ง จากโลกหนึ่งเดินเขาสูอีกโลกหนึ่ง โลกที่หยุดนิ่งพลันเคลื่อนไหว
พริ บ ตานั ้ น เสี ย งจำนวนมหาศาลก็ ถ าโถมเข า มาจากทั ้ ง สี ่ ท ิ ศ หวั ง เป า เล อ
หยุดฝเทา เขาไดยินเสียงอึกทึก ไดยินเสียงหวีดหวิว ไดยินเสียงของเม็ดฝน ไดยินเสียง
วุนวายรอบดาน แลวยังเสียงจำนวนนับไมถวนที่แยงชิงกันก็ปรากฏขึ้น
ในสมองของหวังเปาเลอพลันปรากฏฉากมากมาย นอกจากเสียงเหลานี้แลว
ยังมีลำแสงขนาดยักษรวมตัวกันอยูบริเวณเปลือกตาของเขา มันขยายแสงมากขึ้น
เรื่อยๆ ทำใหบริเวณนอกเปลือกตาปรากฏภาพลำแสงที่ดึงดูดสายตาภาพหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน กลิ่นหอมเปนระลอกๆ ก็ลอยเขาสูจมูกของเขา เขาสัมผัสไดถึง
ความคุนเคยและในเวลาเดียวกันก็ไดกลิ่นหอมของน้ำเย็นหลอวิญญาณ ทั้งหมดนี้
เปนสิ่งที่หวังเปาเลอคุนชินอยางมาก จนกระทั่งหลงเหลือความทรงจำ ตอใหเขาไมได
ลืมตาแตเขาก็สัมผัสได
นี่ก็คือ…ความทรงจำของตัวเขาเอง
เปนภาพที่อยูบนเรือบินซึ่งมุงหนาไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ เชนเดียวกัน หวังเปาเลอ
ในยามนี้ เขาใจเหตุผลตนสายของสะพานแหงที่สามแลว สะพานแหงที่สามทดสอบ
จิตเตาของเขา
ทางทฤษฎีนั้นก็คือนำความทรงจำของตัวเขาออกมาสรางเปนจิตมาร หากวา
จิตเตาเขมแข็ง เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ตอใหมีภาพฉากปรากฏขึ้นมาในสมอง ตนก็จะ
ไมสะทกสะทานเหมือนเกา ยอมสามารถเดินบนสะพานแหงที่สามได
ทวาเมื่อลืมตา หรือจิตใจนั้นเกิดระลอกคลื่น ก็หมายความวาโอกาสที่จะไดเดิน
บนสะพานแหงที่สามนี้ ลดนอยลงไปดวย
“นี่มันปไหนแลว เรื่องจิตมารพรรคนี้ ตกยุคแลวนา…” หวังเปาเลอเห็นภาพ
ความอบอุนพวกนี้แลวก็ถอนหายใจกอนจะพึมพำ
“อี ก อย า ง การทดสอบเช น นี ้ สำหรั บ ผู ฝ ก ตนที ่ ย ั ง ไม เ ข า ระดั บ สี ่ อ าจจะมี
ประโยชน แตกับขา…ไรประโยชน”
หวังเปาเลอผิดหวังเล็กนอย เขาสายหนากำลังจะละทิ้งความสนใจทุกอยางแลว
เดินตอไป แตในยามที่เขากาวเทานั้นเอง สวนลึกในใจก็เกิดความคิดหนึ่ง
“ในเมื่อสะพานนี้สามารถทำใหความทรงจำกลับมาได หากวาใชกับสมุดชะตา
แลวก็เรื่องเทพทั้งหลายที่ขาไดประสบมาเมื่อปนั้น เชนนั้น…จะสามารถยืมใชได
หรือไมนะ?” คิดถึงตรงนี้ หวังเปาเลอก็ใจเตน
หลังจากที่คิดอยูครูหนึ่ง ภายใตสายตาของทานพอหวังและหวังอีอี อีกทั้ง
สรรพชีวิตบนดินแดนเซียนซึ่งกำลังมึนงงนั้นเอง
หวังเปาเลอก็…ถอยหลังจากมา เขาถอยเกาฝเทาในครั้งเดียว หลังจากนั้น…
ก็เดินไปขางหนาอีกเกาครั้ง ราวกับวายังไมพอใจ หวังเปาเลอทำซ้ำอีกรอบ เขาเดิน
กลับไปกลับมาเชนนี้
ภาพที่สัมผัสไดเปลี่ยนแปลงไปตลอด กลายเปนภาพในชาติกอนๆ โลกแหงศิลา
ปรากฏขึ้นมาอยางตอเนื่อง
เขายังสามารถมองเห็นไดวาในกาลเวลาอันหางไกลกอนหนานี้ การตอสูระหวาง
หลั ว และกู มองเห็ น ฉากที ่ ไ ม ก ระดานสี ด ำร ว งหล น กระทั่ ง เขายั ง มองเห็ น
ฉากในจักรวาลตนกำเนิดที่แทจริง ยามไมกระดานรวงหลนและปกลงไปในฉากนั้น
แตหวังเปาเลอยังไมพอใจ เขาตองการดูใหมากกวานี้ ตองการมองความทรงจำ
ที่ลึกไกลกวานั้นของตนเอง!
จนกระทั ่ ง สี ห น า ของหวั ง อี อ ี แ ปลกประหลาด ส ว นหวั ง โหม ว เบื ่ อ หน า ย
เหลาผูเฝาชมที่อยูบนดินแดนเซียนนั้นลวนแตเหมอลอย
ตอนนั้นเองหวังเปาเลอก็ชะงัก มุมปากยามนี้เผยใหเห็นรอยยิ้ม “สำเร็จแลว” ฃ
ระหวางที่กลาวนั้น เขาพลันลืมตาขึ้นมา มองภาพเบื้องหนาของตน นั่นมิใช
ภาพเรือบินของสำนักเตาศักดิ์สิทธิ์อีกแลว แตกลับเปน…จักรวาลอันไพศาล! อีกทั้งที่นี่
ก็ไมเหมือนกับใจกลางของจักรวาล ราวกับวาเปนสุดเขตของจักรวาลเสียมากกวา
เพราะวา…ไกลออกไปนั้นมีหลุมขนาดยักษอยูแหงหนึ่ง!
หากนำจักรวาลนี้มาเปรียบเทียบกับลูกบอลแลว ดินแดนเซียนรวมถึงทองฟา
ที่อยูของมหาเทพและเหลาดารานั บไม ถ วนก็ คื อภายในลู กบอลลู กหนึ ่ ง เช นนั้ น
ตำแหนงที่หลุมดำตั้งอยูนี้ ยอมตองเปน…นอกจักรวาล!
บทที่ 1300 ที่มา
“ที่นี่…” มองทุกอยางรอบดานแลว หวังเปาเลอก็หรี่ตาทันที
เขาในตอนนี้ระดับการฝกตนไมธรรมดา อีกทั้งสิ่งที่ปรากฏตรงหนาก็เปนฝาย
ดึ ง ดู ด มาเอง เพราะฉะนั ้ น สติ ป ญ ญาจึ ง แจ ม ชั ด ขณะเดี ย วกั น เขาก็ ร ู ด ี ว า
ทุกอยางในตอนนี้เกิดขึ้นเนิ่นนานแลว มันฝงอยูในสวนลึกของความทรงจำ
หรื อ กล า วให ถ ู ก คื อ ฝ ง อยู ใ น…ความทรงจำของร า งต น แบบ ถึ ง อย า งไรหาก
เทียบกับตะปูไ มสีดำบนรางตนแบบของเขาแล ว ความทรงจำก็ เหมือนสายน้ำที่
ทอดยาว และเขา ณ ที่แหงนี้ก็เปนเพียงการตื่นขึ้นที่ปลายของแมน้ำ
ดังนั้นความทรงจำในจิตใตสำนึกนี้จึงเปนเพียงหยดเดียวในมหาสมุทรเมื่อเทียบ
กับรางตนแบบ แตเมื่อระดับการฝ กตนเพิ ่ มขึ ้ น เขาก็ มี คุ ณสมบั ติ ใ นการติ ดตาม
ความทรงจำในโบราณกาลของตนแลว
โดยเฉพาะเมื่อมีพลังแหงการเหยียบสะพานสูสวรรค ทุกอยางจึงกลายเปนเรื่องงาย
สวนสิ่งที่ปรากฏตรงหนาหวังเปาเลอก็คือความทรงจำโบราณกาลที่ใกลจะถึง
จุดสิ้นสุด เพราะหวังเปาเลอสัมผัสไดวาการยอนอดีตของสะพานสูสวรรค…มีจุดสูงสุด
อยูตรงนี้
ไมสามารถยอนกลับไปไดไกลกวานี้อีกแลว
ขณะเดียวกันหวังเปาเลอที่เดินออกมาจากโลกแหงศิลาและกาวสูสะพานสูสวรรค
ความเขาใจและรูแจงในชวงไมกี่ปที่ผานมาบนดินแดนเซียน ทำใหมีความคิดที่แมนยำ
เกี่ยวกับจักรวาลทั้งหมดมากยิ่งกวาเดิม
จักรวาลผืนนี้อาจเคยมีชื่อ ทวาตอนนี้ไดถูกหลงลืมไปแลวจึงเรียกกันงายๆ วา
มหาจักรวาล
มหาจักรวาลนี้ดูกวางใหญไรจุดสิ้นสุด ดินแดนเซียนเปนเพียงสวนเล็กๆ ของมัน
เทานั้น รวมถึงมิติเตาตนกำเนิดที่เปนที่อยูอาศัยของมหาเทพดวย
ขณะเดียวกันยังมีบานเกิดของเซียนและกู จักรพิภพของผูเยี่ยมยุทธอีกมาก
ที่ดูเหมือนจะเปนจักรวาลที่สมบูรณ แตในความเปนจริงลวนอยูในมหาจักรวาลผืนนี้
ทั้งสิ้น
และมหาจักรวาลผืนนี้ก็ไมไดไรจุดสิ้นสุดจริงๆ ตอนพำนักอยูที่บานของหวังอีอี
หวังเปาเลอเคยถามหวังโหมวและไดเรียนรูจากความเกาแกของดินแดนเซียนและ
การรูแจงของตนวามหาจักรวาลผืนนี้มีขอบเขต
และนอกมหาจักรวาลก็ยังมีมหาจักรวาลอื่นอยูดวย
“จักรวาลที่พวกเราอยูเปรียบเสมือนใบไมที่ลอยอยูในทะเลสาบ นอกจากใบไม…
และนอกจากทะเลสาบอันกวางใหญแลว ยังมี…ใบไมอีกมากมาย และที่ขอบใบไม
แตละใบลวนมีแนวกั้นที่แทบจะไมอาจทำลายได”
นี่คือสิ่งที่ทานพอหวังบอกกับหวังเปาเลอในบานของเขา
ไมไดมีบทสนทนาตอกันมากนัก แตหวังเปาเลอก็มีความรูสึกวาทานพอหวัง…
คงจะเคยออกจากใบไมนี้ ทองไปในทะเลสาบและทองไปในใบไมใบอื่นมาแลว
“แนวกั้นหรือ…” หวังเปาเลอครุนคิดพลางเงยหนามองชองโหวยักษบนจักรวาลที่
อยูไกลออกไป เห็นไดชัดวาตรงนั้น…คือแนวกั้นขอบเขตของมหาจักรวาล
อีกทั้งชองโหวนั้นยังดูเหมือนถูกพลังบางอยางระเบิดออก จะระเบิดจากขางใน
หรือขางนอกก็ไมอาจทราบได
“เชนนั้นทำไมความทรงจำเกาแกจากรางตนแบบที่ขาสืบยอนมาถึงเปนภาพนี้…”
หวังเปาเลอหรี่ตา
“หรือวาชองโหวยักษนี่เกี่ยวของกับรางตนแบบของขา หรือวารางตนแบบของขา
เปนคนทำ เชนนั้น…รางตนแบบของขาทำลายแนวกั้นจากขางในมหาจักรวาลออกไป
หรือ…ทำลายจากขางนอกเขามากันละ”
หวังเปาเลอคิดถึงตรงนี้ก็ไมอาจสงบจิตใจไดอีก ขณะที่มวลคลื่นปนปวนจิตใจ
เขาก็กะพริบรางวาบมาถึงชองโหวยักษนั่นทันที
ดวงจิ ต เทพแผ ข ยายออกไปนอกช อ งโหว ย ั ก ษ ทว า ในพริ บ ตาต อ มากระแส
ความรูสึกอันตรายที่อธิบายไมไดสายหนึ่งพลันปะทุขึ้น สงผลใหหวังเปาเลอถอยกลับ
สีหนาประหลาดใจยากจะกลาว
เขามีความรูสึกราวกับวาขางนอกชองโหวมีอันตรายใหญหลวง แตจะจากไปเชนนี้
หวังเปาเลอก็ไมคอยจะเต็มใจนัก ดังนั้นหลังจากไตรตรองดูแลว สายตาของเขาก็เผย
ความมุงมั่น มือขวาพลันยกขึ้นโบกสะบัดไปขางหนา
“จันทรขางแรม!”
ดวยระดับการฝกตนของหวังเปาเลอในปจจุบัน อานุภาพการใชจันทรขางแรม
จึงแข็งแกรงขึ้นกวาในตอนนั้นมาก เสียงคำรามดังสนั่นพรอมกับแมน้ำแหงกาลเวลา
สายยาวทอดปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ ภาพตางๆ ผุดขึ้นอยูในแมน้ำสายนั้น แตละภาพ
ลวนเปนพื้นที่แหงนี้
แมหวังเปาเลอจะอาศัยพลังของสะพานสูสวรรคเพื่อยอนรอยความทรงจำโบราณกาล
ที่รางตนแบบยากจะสัมผัสได แตพลังของสะพานสูสวรรคเองก็มาถึงจุดสิ้นสุด ดังนั้น
ในทางทฤษฎีจึงไมสามารถใหพลังยอนรอยแกหวังเปาเลอไดอีก ทวารางกายของ
หวังเปาเลอเองก็ไมธรรมดา เมื่อแสดงวิชาจันทรขางแรมออกมา กาลเวลาของพื้นที่นี้
จึงหมุนยอนกลับอีกครั้ง
แมการยอนเวลาเชนนี้จะเทียบกับพลังของสะพานสูสวรรคไมได แตก็เหมือนกับ
เสนทางรอยจั้งที่เดินมาแลว 99 จั้ง แมอีกหนึ่งจั้งสุดทายจะไมไดยาว แตกลับเปน
จุดสำคัญอยางยิ่ง
ดังนั้นเมื่อพลังแหงจันทรขางแรมแสดงจนถึงขีดสุด แมแตรางของหวังเปาเลอที่อยู
ณ ที่แหงนี้ก็ยังเริ่มลวงตา และในตอนที่ดูเหมือนวาจะทนไมไหวอีก ไมรูวากาลเวลาใน
แมน้ำแหงกาลเวลาที่กอตัวจากเคล็ดวิชาจันทรขางแรมผานไปนานเพียงใด ในภาพ
ที่เหมือนกันทุกประการนับไมถวนนั้นจูๆ …ก็มีรูปหนึ่งที่ไมเหมือนกับรูปอื่นปรากฏขึ้น
ในภาพนั้น พื้นที่แหงนี้ไมมีชองโหวยักษ!
ร า งของหวั ง เป า เล อ ในตอนนี ้ เ ลื อ นรางไปแล ว กว า ครึ ่ ง แต เ มื ่ อ เห็ น ภาพนี้
จิตวิญญาณพลันกระตุกและหยุดลงทันที พริบตาตอมาโลกตรงหนาของเขาก็ถูก
ภาพนั้นเขามาแทนที่
ในภาพนี้จุดที่เคยมีชองโหวดูปกติดีทุกอยาง แตพริบตาตอมา…ตรงนั้นก็ปรากฏ
ระลอกคลื่น ปรากฏรอยแยก กอนจะมีแสงสีแดงสองผานออกมาจากรอยแยกนั้น
ยังไมทันที่หวังเปาเลอจะมองใหชัดเจนก็เกิดเสียงราวกับจะแยกฟาดินออกจากกัน
ดังออกมาจากรอยแยก
ทันใดนั้นพื้นที่ที่เต็มไปดวยรอยแยกก็พังทลายลงและกลายเปนชองโหวยักษ
ทามกลางเศษชิ้นเล็กชิ้นนอยนับไมถวน หวังเปาเลอมองเห็นไมสีแดงขนาดมหึมาจาก
ขางในรอยแยกพุงออกมา
ไมยักษนี้ใหญเกินไป รัศมีสีแดงที่เปลงออกมาจากมันสะทอนไปทั่วจักรวาล
ราวกับโลหิต…
พริบตาตอมาไมยักษก็พุงเขามาในมหาจักรวาลไถลไปสูความวางเปลาอันไกลโพน
พรอมกับเสียงคำรามที่รุนแรงขึ้น การบุกรุกเขามาสงผลใหเตาหมื่นวิถีในมหาจักรวาล
รองคำรามทันที ราวกับมันตองการจะรวมตัวกลายเปนหนึ่งในเตาหมื่นวิถีพวกนั้น
อีกทั้งเมื่ออยูไกลออกไป รัศมีสีแดงของไมยักษก็หายไปอยางรวดเร็ว มันโปรงแสงราว
กับจะหายไปกับจักรวาล
“มาจากนอกมหาจักรวาลหรือ!” หวังเปาเลอใจสั่นไหวอยางรุนแรง ดวงตา
พลันเบิกกวางเผยความประหลาดใจจนถึงกับตกใจดวยซ้ำ ดวยระดับการฝกตนและ
ความเยือกเย็นของเขาในปจจุบันนับเปนเรื่องยากที่จะแสดงอารมณเชนนี้ออกมา
แตความจริงคือ…เมื่อไมยักษเขาสูมหาจักรวาลอยางสมบูรณอีกทั้งยังลอยออกไป
ไกลโพน เขาจึงเห็นรูปรางหนาตามันชัดๆ พรอมกับรัศมีที่คอยๆ โปรงแสง นั่นทำให
หวังเปาเลอตื่นตกใจและถึงกับตัวสั่นเมื่อเห็น…
ในไมยักษนั่นดูเหมือนวาจะ…มีศพอยูรางหนึ่ง!
ศพนั้นกำลังสลายตัวอยางรวดเร็วราวกับวา เมื่อไมยักษหลอมรวมเขากับเตา
หลอมรวมเขากับจักรวาล ศพนั้นก็จะหลอมรวมเขากับไมยักษนั่นดวย
ไมสีดำ…ที่ซึ่งไมใชไมกระดาน และไมใชตะปู แตเปน…
โลงศพ!
โลงศพที่มีศพนอนอยูในนั้น!
โลงศพที่มีศพลึกลับจากนอกมหาจักรวาล!
จิตใจหวังเปาเลอสั่นไหว ภาพตรงหนาหายไปในพริบตา เมื่อทุกอยางกลับมา
เปนปกติ รางของเขาก็มายืนอยูบนสะพานที่สามแลว และไมใชหัวสะพาน แตเปน
ปลายสะพาน ทวา อารมณของเขากลับเปลี่ยนไปมาไมหยุด ลมหายใจถี่กระชั้น
“ขา…คือจิตใตสำนึกของไมสีดำที่ตื่นขึ้น หรือศพนั่น…มาเกิดใหมกันแน?”
บทที่ 1301 ดวงอาทิตยดวงที่สิบเอ็ด
ภาพที่ไดเห็นจากการอาศัยพลังแหงสะพานสูสวรรคกับพลังวิชาจันทรขางแรม
ของหวังเปาเลอคือ คลื่นพายุโหมกระหน่ำซึง่ ทำใหใจยากจะสงบ
เพราะกอนหนานี้จิตใตสำนึกและการสรุปของเขา รางตนแบบนั้นเปนเพียง
ไมสีดำขนาดมหึมา เปนสารัตถะแหงไมของมหาจักรวาลผืนนี้ ตอมาถูกใชเปนอาวุธ
แปลงเปนตะปูไมสีดำจุติขึ้นในมิติเตาตนกำเนิดและตอกลงบนหวางคิ้วมหาเทพ
ในกระบวนการนี้ เขายังไมมีจิตใตสำนึก หรือจะกลาวใหถูกคือจิตใตสำนึกที่เปน
ของหวังเปาเลอยังไมถือกำเนิด จนกระทั่งการตอตานของมหาเทพดวยการแปลงเปน
หนึ่งแสนดวงจิตเทพ ตะปูไมสีดำก็เชนกัน นี่เปนเหมือนกับการเปดโอกาสทำให
ตะปูไมสีดำในหนึ่งแสนโลกเกิดจิตใตสำนึกนับแสนขึ้น
หวังเปาเลอก็เปนเพียงหนึ่งในนั้น อีกอยางดูแลวในตอนนี้ก็เปนเพียงเขาคนเดียวดวย
ดั ง นั ้ น เขาจึ ง มี ค ุ ณ สมบั ต ิ ท ี ่ จ ะก า วมาถึ ง ระดั บ นี ้ มี ค ุ ณ สมบั ต ิ … ที ่ จ ะตามหา
ตนกำเนิดที่แทจริง ทวาหวังเปาเลอก็ไมคาดคิดเลยสักนิดวา ตอนนี้ทุกอยางที่ตนเคย
คิดจะเกิดจุดเปลี่ยนครั้งใหญและความเปนไปไดอันไรขอบเขต
“หาก…ขายังคงเปนจิตใตสำนึกของไมสีดำที่ตื่นขึ้น เชนนั้นศพในโลงนั่นเปนใครละ”
“หาก…ขาไมใชไมสีดำที่ตื่นขึ้น แตเปนศพนั่นกลับมาเกิดใหม แลว…ขาเปนใคร
กันแน”
หวังเปาเลอนิ่งเงียบ สิ่งที่เขาเขาใจมาจนถึงทุกวันนี้แทบจะเกิดความสับสนนอยมาก
แตตอนนี้ดวงตาของเขากลับวางเปลา หวังเปาเลอยืนเงยหนามองจักรวาลอยูที่ปลาย
สะพานที่สาม สิ่งที่เขากำลังมองไมใชสะพานสูสวรรคอื่น ไมใชหวงแหงกาลเวลา
แตกำลังมองโลงศพสีดำที่คอยๆ หายไปในภาพความทรงจำของเขา
ตอนนี้เขายังรูสึกถึงมันไดอยางชัดเจน ทามกลางการสืบยอนความทรงจำเมื่อครู
ตอนที่เห็นโลงศพนั่น มันก็ไกลออกไปเรื่อยๆ และโปรงแสงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งตอนที่
มันคอยๆ หลอมรวมเขากับความวางเปลา ศพที่หลอมรวมอยูขางในอยางรวดเร็วนั่น
ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
ความชัดเจนนี้เพิ่มความสับสนใหแกหวังเปาเลอ
เพราะการเพงมองก็คือหนึ่งในประสาทสัมผัสสำหรับเซียนผูเยี่ยมยุทธเชนกัน
มันสามารถดำรงอยูไดจริง ราวกับการเพงมองนี้คือเสนเชื่อมโยงระหวางเขากับศพนั่น
และในพริบตาที่มันเชื่อมโยงกันและกัน ความรูสึกคุนเคยซึ่งไมอาจอธิ บ าย
ก็สงผานมาจากโลงศพ เมื่อยอนกลับไปที่ตนทาง หวังเปาเลอจึงพบวา…ความคุนเคยนี้
ไมไดมาจากโลงศพเพียงอยางเดียวเทานั้น แตมาจาก…ศพที่กำลังหลอมรวมอยูขางใน
นั้นดวย
เหมือนกับไดเห็นตัวเองอีกคน
ลักษณะของศพนั้นดูยากมาก มองออกแควาเปนเพศชาย ในเวลาเดียวกันสายตา
ที่เชื่อมโยงกันก็ไดสงผานความเสียใจและความทุกขทรมานอยางลึกซึ้งจากศพนั่นมา
หลอมรวมอยูในใจเขาดวย
หากเปรียบหัวใจของคนเปนดั่งทะเลสาบ ความเสียใจและความทุกขทรมานใน
ขณะนี ้ ก ็ ค ื อ หยดหมึ ก ที ่ ต กลงสู ท ะเลสาบจนเกิ ด ระลอกคลื ่ น ขณะเดี ย วกั น
หมึกหยดนั้นก็ดูเหมือนจะสงผลตอทั้งหัวใจของหวังเปาเลอ
เขาจ อ งมองจนกระทั ่ ง โลงศพไม ส ี ด ำหลอมรวมเข า กั บ จั ก รวาลจนหมดสิ้ น
เมื่อศพที่อยูขางในหลอมละลาย โลงศพก็ดูเหมือนจะถูกผนึกปดตายและกลายเปน
ไมสีดำในที่สุด…
และไมสีดำนี้ก็คลายจะกอเกิดความสัมพันธอันใกลชิดกับจักรวาลผืนนี้ และ
กลายเปนตนกำเนิดมหาเตา
ความทรงจำดำเนิ น มาถึ ง ตรงนี ้ ก ็ เ ลื อ นหายไป หวั ง เป า เล อ ยื น เงี ย บอยู บ น
ปลายสะพานที่สาม
หวังโหมวเองก็นิ่งเงียบ แตสายตาล้ำลึกกลับมีแสงแปลกประหลาด สวนหวังอีอี
ที่อยูขางๆ กำลังมองหวังเปาเลอบนสะพานที่สามดวยความสับสน กอนจะมองไปทาง
บิดาของตนแลวเอยถามเสียงต่ำ
“ทานพอ หวังเปาเลอเขา…เปนอะไรหรือ”
“เขา… ก็ทำใหขาประหลาดใจมากเชนกัน” หวังโหมวเอยเสียงเบา
“ประหลาดใจมาก?” หวังอีอีตกตะลึง นางรูจักบิดาของตนดี รูฐานะของบิดาใน
มหาจั ก รวาลแห ง นี ้ และยิ ่ ง เข า ใจวิ ธ ี ก ารพู ด ของบิ ด า จึ ง ตกใจมากที ่ บ ิ ด าพู ด ว า
ประหลาดใจ อีกทั้งยังมีคำวามากเสริมเขาไปดวย
“เขาทำใหขานึกถึงคนคนหนึ่ง” หวังโหมวไมไดเอยตอ เพราะหวังเปาเลอที่ยืนอยู
บนปลายสะพานที่สามในตอนนี้ไดคลายความสับสนในดวงตาแลว และกำลังกาวเดิน
จากสะพานที่สามไปยังสะพานที่สี่ที่หางออกไปทีละกาว
ยิ่งกาวเดินระยะทางจากสะพานที่สี่ก็ใกลเขามาเรื่อยๆ ฝเทาของหวังเปาเลอ
มั่นคงมากขึ้น ความสับสนในดวงตาก็ยิ่งลดนอยลง
“ขาจะเปนจิตใตสำนึกไมสีดำก็ดี…”
“เปนศพเกิดใหมก็ชาง…”
“เรื่องพวกนี้ไมสำคัญ!”
“อดีตและอนาคตถูกขามอบใหอีอีไปหมดแลว เชนนั้นขาเปนใคร มาจากไหนแลว
อยางไรกันเลา”
“ขาคือหวังเปาเลอ”
“เตาของขาคือไรพันธนาการ!”
“เชนนั้น…จะวาวุนไปไย!” ขณะที่หวังเปาเลอพึมพำอยูในใจก็กาวไปขางหนาและ
เมื่อเสียงคำรามดังกึกกอง เขาก็มายืนอยูที่หัวสะพานที่สี่แลว
นัยนตาของเขากลับมากระจางชัดอยางสมบูรณ ราวกับมีกระแสเทพอันมั่นคง
ลุกโชน คลายเปลวไฟอยูขางในรูมานตา
“สำรวจจิตใตสำนึกสินะ เจาสะพานสู สวรรค ตัวดี!” หวังเปาเลอยืน อยู ตรง
หัวสะพานที่สี่และสูดหายใจเขาลึกๆ จิตใจไรซึ่งกิเลสตัณหา ฝเทาไรความลังเลราวกับ
สัมผัสสวรรคของตนถูกชำระลาง เมื่อจิตใจของตนมั่นคงก็กาวขึ้นไปบนสะพานที่สี่
ตอนนี้รางของเขาสูงใหญไรขอบเขต ฝเทายางกาวอยางมั่นคง พลังปราณบนราง
พลันระเบิดขึ้นอี กครั้ง ในสายตาของทุ กชี วิ ตในดิ น แดนเซี ย น สะพานเป นเพี ย ง
กระดาษ ภาพที่ดึงดูดความสนใจไดมากที่สุดพลันปรากฏขึ้น
ขณะกาวไปขางหนา พลังปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งและกลายเปนที่นาตกใจ
มากขึ้นเรื่อยๆ สงผลใหเสียงคำรามของดินแดนเซียนรุนแรงขึ้นกวาเกา จนกระทั่ง
หวังเปาเลอเดินมาถึงปลายสะพานที่สี่ ความผันผวนในรางกายของเขาก็ทำใหจักรวาล
บิดเบี้ยวและพราเลือนไปทุกทิศทาง ทั้งยังมีรัศมีสวางจาถึงขีดสุดปะทุออกมาจากราง
ของเขา
ราวกับวากำลังจะมีดวงอาทิตยอีกดวงหนึ่งถือกำเนิดขึ้นในดินแดนเซียน!
ในเวลาเดียวกันดวงอาทิตยทั้งสิบของดินแดนเซียนพลันมืดดับไปเสียแปดดวง
คลายไมอาจ…เทียบรัศมีได!
ทั้งหมดนี้ทำใหผูฝกตนของดินแดนเซียนจำนวนมากพูดไมออก รางของหวังเปาเลอ
กาวขามสะพานที่สี่ไปแลว และเพียงกาวเดียวเขาก็กาวขามระยะทางอันไรที่สิ้นสุดไป
ถึงสะพานที่หา
รางของเขาเปลงรัศมีมากขึ้นขณะเดินไปยังปลายสะพานที่หาทีละกาว
เมื่อเขาใกลจะถึงปลายสะพานที่หา รัศมีบนรางหวังเปาเลอก็ยิ่งพรางพราย
ดวงอาทิตยดวงที่สิบเอ็ดไดถือกำเนิดขึ้นในดินแดนแหงเซียนอยางชัดเจนแลวขณะนี้
กระทั่งหวังเปาเลอไปถึงปลายสะพานที่หา ดินแดนเซียนก็สั่นสะเทือนอยางรุนแรง
ทันที
อสูรรายนับไมถวนพลันรองคำราม ผูฝกตนนับไมถวนกูรองอยูในใจ ดวงอาทิตย
ดวงที่สิบเอ็ดกำลังสองแสงระยิบระยับสะเทือนแผนดิน!
“เด็กคนนี้ไมธรรมดา!” ดวงตาหวังโหมวเปลงพลังและกระซิบแผวเบา ความชื่นชม
ในตัวหวังเปาเลอมาถึงขีดสุด
“การสำรวจจิตใตสำนึกผานไปแลว ตอจากนี้…ก็คือ พิสูจนเตา!”
บทที่ 1302 พิสูจนเตา
นับแตสะพานสูสวรรคถือกำเนิดขึ้นความลึกลับและความยิ่งใหญของมันล้ำลึก
ถึง ขีดสุด ในมหาจักรวาลผืนนี้ สิ่ง ที ่ สามารถพิ สู จ น ร ะดั บ การก าวสู สวรรค ไ ด นั้ น
มีเพียงหยิบมือ และสะพานสูสวรรคที่มีฐานะอยูในหนึ่งนั้นจึงยอมนาอัศจรรย
ขณะเดียวกันสะพานสูสวรรคนี้ยังมีจุดที่พิเศษอยางยิ่ง มันไมเพียงสามารถพิสูจน
การฝกตนระดับการกาวสูสวรรคได แตยังเปนเหมือนเครื่องขยายเสียง ทำใหวิถีเตา
ของผูฝกตนที ่กาวขามสะพานและเต าหมื่ น วิถี ก อ ตั วเป น ปราณกั ง วาน ส ง ผลให
ผูเยี่ยมยุทธที่กาวขามสะพานนี้มีพลังตอสูเพิ่มขึ้นมหาศาล
ตามหลักการแมจะไมใชวาไมมีใครรู แตตอใหเขาใจก็ยากที่จะลอกเลียนแบบได
อยูดี ผูที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพียงหนึ่งเดียวมีเพียงบิดาของหวังอีอี
เพราะสะพานที่ครั้งหนึ่งเคยพังทลายถูกเขาสรางขึ้นใหมดวยตัวเอง อีกทั้งยังสราง
เพิ่มขึ้นอีกสองสะพานบนฐานรากเดิมดวย
การทำสิ่งแรกไดนั้นก็ไมธรรมดาแลว การทำอยางหลังจึงนับวานาอัศจรรยยิ่งกวา
ดัง นั้นในมหาจักรวาลผืนนี้ ความเข าใจในสะพานสู สวรรคของหวั งโหมวจึง
ไมมีใครเทียบได
เขารูดีวาการขามสะพานแหงแรกคือทำใหผูฝกตนรูแจงเตาทั้งหมดในจักรวาล
เหมือนเปนการเปดทาง ทำใหตัวผูฝกตนยิ่งสมบูรณขึ้น สะพานนี้ ใครก็ตามที่มีระดับ
การฝ ก ตนในระดั บ หนึ ่ ง ก็ ม ี ค ุ ณ สมบั ต ิ ท ี ่ จ ะเหยี ย บมั น ได แต ต ั ้ ง แต ส ะพานที ่ ส อง
เปนตนไปนั้นจะแตกตาง เฉพาะผูที่มีสายเลือดดินแดนเซียนเทานั้นจึงจะมีคุณสมบัติ
กาวตอได ดังนั้นจุดสำคัญของสะพานแหงที่สองก็คือการทดสอบ หรือจะเรียกวา
ธรณีประตูก็พอจะคลายคลึงกัน
ดังนั้นกอนหนานี้หวังเปาเลอจึงถูกตอตานอยางรุนแรง หากเปลี่ยนเปนคนอื่นที่
ไม ใ ช ค นของดิ น แดนเซี ย นจะต อ งถู ก สกั ด อยู ต รงนี ้ เ ป น แน แต ห วั ง เป า เล อ เอง
ก็ไมธรรมดาเชนกัน
ดังนั้นภายใตเจตจำนงและฝเทาของเขา แมสะพานที่สองจะพังทลายก็ยังไม
สามารถหยุดยั้งได จนตองยอมรับในคุณสมบัติของเขาในท ายที่ สุดและเป ดทาง
กาวสูสวรรคอยางแทจริงใหหวังเปาเลอ
นี่จึงเกิดการ ‘สำรวจจิตใตสำนึก’ เปนครั้งแรกของสะพานสูสวรรค
เมื่อหัวใจเตาสมบูรณจึงจะสามารถเดินลงจากสะพานที่สองและเดินขึ้นสะพาน
ที่สามได และมีเพียงผูที่หัวใจเตามั่นคงเทานั้นจึงจะเดินขามสะพานที่สามไปยัง
สะพานที่สี่ได
นอกจากนี้ยังจำเปนตองใหหัวใจเตาอยูบนพื้นฐานของความสมบูรณและมั่นคงจึง
จะสามารถกาวลงจากสะพานที่สี่และไปยังสะพานที่หาไดเชนกัน
ทั้งหมดนี้หวังเปาเลอทำไดแลว ระดับการฝกตนของเขาหลังจากกาวขามสะพาน
มาอยางตอเนื่องก็ปะทุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พลังการตอสูก็เชนกัน พลังปราณบนราง
ยิ่งทะยานขึ้นฟา จนเรียกไดวาหากเทียบระหวางเขาในขณะนี้กับเขาตอนกอนหนา
จะกาวขามสะพาน มันอาจไมตางกันมาก แตตอนนี้แมจะยังไมถึงขนาดบดขยี้ได ทวา
ก็สามารถสยบได
เพราะกอนจะขามสะพานมีเพียงพลังของคนคนเดียว ทวาตอนนี้สามารถยืมพลัง
จากเต า หมื ่ น วิ ถ ี ใ นจั ก รวาลและปราณกั ง วานจากมหาจั ก รวาลมาใช ไ ด แม ว า …
การยืมพลังเชนนี้จะยากลำบากอยูบาง แต…นี่ก็ไมใชเคล็ดวิชาทั่วไปของขั้นที่สี่แลว
นี่คือขั้นที่หา!
ตอใหเปนตนกำเนิดแหงเตาแลวอยางไร พลังเตาหมื่นวิถีที่ยืมมาจากมหาจักรวาล
ก็ยอมสยบไดทั้งสิ้น
แตนี่ก็ไมใชสิ่งที่ทุกคนที่อยูบนสะพานที่หาจะทำได โดยปกติแลวการเหยียบ
สะพานที่หาก็แคทำใหเกิดดวงอาทิตยขึ้นบนดินแดนเซียนเทานั้น อิงจากชื่อของ
ดินแดนเซียนแลวก็เปนเพียงมหาจักรพรรดิสวรรค
ไมใชขั้นที่สี่ แตเปนระดับใกลเคียง
แตเนื่องจากรากฐานรางกายหวังเปาเลอแข็งแกรงเกินไป สะพานที่หาของเขาจึง
แตกตางจากผูอ่ืน ไมเพียงแตปรากฏดวงอาทิตยดวงที่สิบเอ็ดขึ้นในดินแดนเซียน
เทานั้น ทวารัศมีรางกายของเขายังนาทึ่งจนคาดไมถึงดวย
นี่ก็คือเหตุผลที่หวังโหมวเอยคำพูดไมธรรมดานั่นออกมา
เพราะผูที่สรางสะพานสูสวรรคขึ้นใหมเองกับมืออยางเขารูดีวา จะความสมบูรณ
ของรางกายในสะพานแรกก็ดี การรับรองคุณสมบัติในสะพานที่สองก็ดี หรือจะ
การสำรวจจิตใตสำนึกในสะพานที่สามถึงหา ทั้งหมดนี้…ในความเปนจริงเปนเพียงการ
ยกระดับรายละเอียดขางในของผูฝกตนเทานั้น
ยิ่งรายละเอียดลึกซึ้งก็ยิ่งยกระดับไดมาก!
บทบาทของการขยายจริงๆ ไดเริ่มขึ้นนับจากนี้ และการยกระดับรายละเอียด
ทั้งหมด การขยายทั้งหมด ทายที่สุดแลวก็มีไวสำหรับ…การระเบิดของสะพาน!
หาสะพานแรกลวนเปนการสั่งสมพลัง!
หกสะพานหลังถึงจะเปนการกาวสูสวรรค!
ยิ่งสั่งสมพลังไดลึกซึ้งเทาไร การกาวสูสวรรคก็จะยิ่งแข็งแกรงเทานั้น!
“อยางแรกสำรวจจิตใตสำนึก อยางหลังพิสูจนเตา หวังเปาเลอ ขอขาดูหนอยสิ
เจ า …จะไปได ส ั ก กี ่ ส ะพาน!” หวั ง โหม ว มองหวั ง เป า เล อ บนปลายสะพานที ่ ห า
ดวยสายตาเฝารอ
การพิสูจนเตา เริ่มได!
หวังเปาเลอเงยหนากาวออกไปขางหนาหนึ่งกาว ตอนนั้นเองสะพานที่หาพลัน
เกิดเสียงรองคำรามทันที หวังเปาเลอซึ่งอยูระหวางสะพานที่หาและหกยิ่งเปลงรัศมี
มากขึ้น ผูที่มาถึงจุดนี้ไดอยางเขายอมรูวิธีที่จะไปตอ
“ทอง!” หวังเปาเลอดวงตาวาววับพรอมเอยเสียงต่ำ
พริบตาที่เสียงเขาดังขึ้น บนรางก็ระเบิดกฎแหงทองอันนาสะพรึงกลัวออกมา
กฎนี ้ ไ ม ไ ด ไ ร ร ู ป ร า งอี ก ต อ ไป แต ม ั น กลายเป น ด า ยสีท องนั บ ไม ถ ว นพั น ไปรอบๆ
หากมองจากที่ไกลๆ ดายพวกนี้กำลังถักทอเปนโครงสรางวัตถุหนึ่ง
ซึ่งนั่นก็คือแทงเงิน
เห็นไดชัดเจนวาเปนสีเงินแตกลับเปลงแสงสีทอง ความขัดแยงอันนาประหลาดนี้
ทำใหผูพบเห็นตางดวงตาพรามัว อีกทั้งยามนี้กฎแหงทองนับไมถวนจากมหาจักรวาล
ที่กำลังสั่นสะเทือนก็กองกังวานราวกับไดรับพร ทำใหกฎแหงทองบนรางหวังเปาเลอ
ทวีความยิ่งใหญยิ่งขึ้น
และทามกลางความยิ่งใหญนี้เอง หวังเปาเลอก็กาวไปอีกกาว เหยียบยางลงบน
ความวางเปลาและไปปรากฏตัวขึ้นที่กลางสะพานที่หก!
มาถึงตรงนี้พลังปราณของเขาก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง อานุภาพแหงกฎทองก็ดูเหมือนจะ
ยกระดับขึ้นจนเห็นไดวา…แทงเงินนั่นกำลังหลอมละลาย ทุกอยางเกิดขึ้นในชั่วอึดใจ
พริบตาตอมาแทงเงินก็หลอมรวมเปนหนึ่งเดียวกับหวังเปาเลอไปแลว!
ฟ า ดิ น ร อ งคำราม จั ก รวาลป น ป ว น กระแสน้ ำ วนขนาดมหึ ม าปรากฏขึ้ น
นอกดินแดนแหงเซียน สงผลใหเหลาผูเยี่ยมยุทธในมหาจักรวาลรับรูถึงมันไดจาก
ระยะไกล และทยอยแผดวงจิตเทพมาราวกับกำลังรับชมเตา
ขณะที่ดึงดูดความสนใจจากสายตาและดวงจิตเทพมานับไมถวน หวังเปาเลอที่ยืน
อยูกลางสะพานที่หกกลับขมวดคิ้วเล็กนอย เขากมมองสองเทาของตนและพบวา
มันไมสามารถยกขึ้นมาได
“เตาธาตุทอง เพราะขาไมใชตนกำเนิดที่แทจริง ดังนั้น…เจาไมมีทางชวยพาขา
ขามสะพานนี้ไปไดเลยหรือ…”
“ไมมีปญหา” ดวงตาหวังเปาเลอสวางวาบ มือขวาสะบัดลงไปหนึ่งครั้ง ทันใดนั้น
หมอกน้ำก็แผขยายไปทั่วทุกสารทิศ แผขยายเต็มทองฟา ปกคลุมดินแดนเซียน อ
หากมองจากระยะไกลมันเปนรูปทรงหยดน้ำ หรือกลาวใหถูกมันก็คือน้ำตาหยดหนึ่ง
เมื่อหมอกน้ำกระจายตัวออก กฎแหงน้ำก็จุติขึ้นและเสริมพลังทันที มันหลอมละลาย
รูปแบบดั้งเดิมของตน แลวหลอมรวมเขากับรางหวังเปาเลอเชนเดียวกับกฎแหงทอง
จากนั้นฝาเทาของเขาก็ยกขึ้นและกาวไป
รางของเขา…ขามสะพานที่หกมายืนอยูระหวางสะพานที่หกและเจ็ดในทันที!
“ตอไปคือเตาธาตุดิน!”
บทที่ 1303 ยกระดับ
เตาธาตุทองและน้ำขามผานสะพานที่หก
ไมใชวาเตาไมแข็งแกรง แตเปนเพราะการรูแจงของหวังเปาเลอยังไมถึงระดับ
ตนกำเนิด แทจริงแลว…เตาแหงธาตุทั้งหานั้นโดยพื้นฐานไมสามารถฝกฝนจนถึงระดับ
ตนกำเนิดได เพราะนั่นไมสอดคลองกับกฎของมหาจักรวาล
ธาตุทั้งหาคือเตาสำคัญของตรรกะพื้นฐานของมหาจักรวาล ไมใชสิ่งที่ผูฝกตน
จะควบคุมได อยางมากที่สุด…ก็ถึงระดับที่หวังเปาเลอกำลังทำในตอนนี้ ดูเหมือน
จะกลายเปนตนกำเนิด แตความจริงแลวเปนเพียงหนึ่งในนั้น ไมใชหนึ่งเดียว
ความตางของทั้งสองอยางนี้ก็คือตนกำเนิดปลอมกับตนกำเนิดที่แทจริง
เรื่องพวกนี้หวังเปาเลอที่เดินขามสะพานมาถึงตรงนี้รูดี เขาจึงไมไดแปลกใจ
ขณะนี้แมจะยืนอยูระหวางสะพานที่หกและเจ็ด แตเขาก็ยังสะบัดมือขวาลง ทันใดนั้น
เตาธาตุดินก็จุติขึ้น
รอบตั ว พลั น มี ศ ิ ล าขนาดมหึ ม าควบแน น จากสภาวะลวงตาแปรเปลี ่ ย นเป น
ของแข็งอยางรวดเร็ว กฎแหงเตาธาตุดินแผขยายออกไปทั่วทุกสารทิศกูกองไปทั้ง
จักรวาล
ในไม ช า ศิ ล านี ้ ก ็ ห ลอมละลายเข า กั บ หวั ง เป า เล อ เหมื อ นกั บ ทองและน้ ำ
ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะกลายเปนเสนดายนับไมถวนกระจายไปทั่วจักรวาลราวกับ
เชื่อมโยงกับสารัตถะแหงดินในมหาจักรวาล
เปรียบเหมือนดานหนึ่งเปนทะเลสาบ ดานหนึ่งเปนมหาสมุทร ทั้งขนาดและความลึก
ตางกัน เมื่อเกิดชองทางระหวางกัน น้ำในมหาสมุทรก็พุงไปที่ทะเลสาบอยางรวดเร็ว
ในที่สุดไมเพียงแตทะเลสาบจะใหญขึ้น แตหลังจากใหญขึ้ นแลว…มั นก็รวมเป น
หนึ่งเดียวกันไมแยกจากกันอีก
นี่ก็คือการพิสูจนเตา
เตาธาตุทองเปนเชนนี้ เตาธาตุน้ำเปนเชนนี้และเตาธาตุดินในตอนนี้ก็เปนเชนกัน!
ดังนั้นในกระบวนการนี้เตาธาตุดินของหวังเปาเลอจึงยิ่งเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็ว
ดูดซับและเติบโต ในที่สุดฝเทาของเขาก็ไมหยุดนิ่งอีกตอไปราวกับมีพลังใหมและ
กาวไปขางหนาทีละกาว
สิบจั้ง รอยจั้ง พันจั้ง…
กฎเต า ธาตุ ด ิ น ของมหาจั ก รวาลพรั ่ ง พรู ค อยสนั บ สนุ น และผสานเข า ไป
อยางตอเนื่อง สงผลใหรางของหวังเปาเลอขยายใหญขึ้น หนาขึ้นและนากลัวขึ้น!
ดั ง นั ้ น ขณะก า วไปข า งหน า พลั ง ปราณบนร า งของเขาจึ ง ปะทุ ข ึ ้ น ไม ห ยุ ด
ดวงอาทิตยดวงที่สิบเอ็ดที่ปรากฏขึ้นในดินแดนเซียนก็ยิ่งเปลงแสงเจิดจา จนกระทั่ง
หวังเปาเลอกาวไปถึงสะพานที่เจ็ด และกาวขึ้นไป พริบตานั้นดวงอาทิตยดวงที่สิบเอ็ด
ก็สองสวางถึงขีดสุด
ทุกคนที่กำลังมองหวังเปาเลออยูพลันรองคำรามอยูในใจ
“สะพานที่เจ็ด!”
“เขา…ไปถึงสะพานที่เจ็ดแลว!”
ทามกลางความตกตะลึงของทุกชีวิต หวังเปาเลอที่กำลังเดินบนสะพานที่เจ็ด
ดวงตาเจิดจา เขาสัมผัสไดว าเตาธาตุ ท อง เต าธาตุ น ้ ำและเต าธาตุ ดิ น ของตนได
หลอมละลายเขากับรางกายอยางสมบูรณพรอมกับการพิสูจนเตาของสะพานสูสวรรค
นี่คือการหลอมรวมและเปนการเปลี่ยนแปลงอยางหนึ่งดวย
จากเตาแหงธาตุทั้งหาของโลกศิลาแปรสภาพเปน…ธาตุทั้งหาของมหาจักรวาล!
มันทำใหเขาสังเกตเห็นไดอยางชัดเจนวาเตาทั้งสามของตนไมไดแยกจากกันอีก
และเตาแหงธาตุทั้งหาในรางก็หลอมรวมเขาไปในธาตุทั้งหาของมหาจักรวาลแลว
กลายเปนหนึ่งในตนกำเนิดของมัน
แมจะเปนเพียงหนึ่งในนั้น แตก็นับวาเปนขีดสูงสุดที่ผูฝกตนจะบรรลุไดแลว
ระดั บ การการฝ ก ตนของเขาไม เ หมื อ นเมื ่ อ ก อ น พลั ง ต อ สู ข องเขาก็ ต า งออกไป
เพราะเขาในตอนนี้ไมใชแคแสดงเตาธาตุทอง เตาธาตุน้ำ เตาธาตุดินไดดวยพลัง
ของตนเพียงอยางเดียวเทานั้น ยังมี…พลังแหงสามธาตุของมหาจักรวาลดวย
ทั้งหมดอยูภายใตการควบคุมของเขา!
“เจาสะพานสูสวรรคตัวดี!” แสงในดวงตาหวังเปาเลอเจิดจารุนแรงขึ้น ไมมีผูใด
ไมชอบความรูสึกที่รางกายแข็ง แกร ง หวั ง เป าเล อก็ เช น กั น เขาอยากแข็ ง แกร ง
เพราะแบบนั้นเขาจึงจะไรพันธนาการ
ดังนั้นหลังจากไปถึงกลางสะพานที่เจ็ดแลว หวังเปาเลอก็สะบัดมือขวาลงทันที
เมื่อตระหนักไดวาพลังที่เหลืออยูไมเพียงพอ
“เตาธาตุไฟ!”
ทันทีที่เอยขึ้น ไฟลุกโชนพลันระเบิดขึ้นรอบตัวเขา เปลวเพลิงนี้ยิ่งใหญไรที่สิ้นสุด
แตสิ่งที่แผออกมาไมใชความรอน กลับเปน…กระแสเซียนและวิชาสืบทอด
เพราะนี่คือเพลิงเซียน และเปนไฟแหงคบเพลิง!
แมมันจะเปนเพียงหนึ่งในเตาธาตุไฟ แตก็เปนไฟเหมือนกัน หลังจากปรากฏตัวขึ้น
มันก็กระตุนปราณกังวานของไฟแหงธาตุทั้งหาในมหาจักรวาลทันที พวกมันเชื่อมโยง
กันในพริบตาและภาพของสามธาตุกอนหนานี้ก็ปรากฏขึ้น
มองจากที่ไกลๆ ทะเลเพลิงแทรกซึมไปทั้งสะพาน รวมถึงจักรวาลที่อยูไกลออกไปดวย
แต…แมทะเลเพลิงจะสวางโชติชวงก็ยังไมอาจซอนรางหวังเปาเลอได ราวกับทะเล
เพลิง นี้เป นเพี ยงการจั ดฉาก ทำให ร างของหวัง เป า เล อ ยิ ่ ง น าเกรงขาม และเมื่ อ
ทะเลเพลิงกับรางของเขาหลอมรวมเขาดวยกันแลว เทาของเขาก็ยกขึ้นยางกาวไปยัง
ปลายสะพานอีกครั้ง
ความเร็วไมมาก แตฝเทากลับมั่นคงอยางยิ่ง เชนเดียวกับการปะทุของระดับ
การฝกตน ทามกลางสายตานับไมถวน เขาก็มาถึง…ปลายสะพานที่เจ็ดในเวลาไมนาน
หางจากทางลงเพียงหนึ่งกาว!
สะพานสู ส วรรค ม ี จ ุ ด พิ เ ศษอย า งหนึ ่ ง นั ่ น ก็ ค ื อ ไม ว า สะพานใด ในด า น
ความแข็งแกรงการกาวขามกับการเดินผานนั้นแตกตางกันอยางสิ้นเชิง ดังนั้นสายตา
ที่มองหวังเปาเลอจึงยิ่งเครงขรึมขึ้นทันที
แตความเครงขรึมเหลานี้…ไรความหมาย
เพราะ…หวังเปาเลอที่เดินมาถึงปลายสะพานที่เจ็ดไมไดรั้งรอแมแตนอย เขากาว
ตรงไป…ดวยทาทีสบายๆ เดินผานสะพานที่เจ็ดไปยังความวางเปลาระหวางสะพานที่
เจ็ดและแปด
เสียงเซ็งแซพลันโพลงออกมาดวยความตกใจไปทั่วทั้งดินแดนเซียนทันที
“ไปสะพานที่แปดแลว!”
“เขา…เขาจะไปไดกี่สะพานกันนะ”
หวังโหมวที่จองมองรางหวังเปาเลอยิ่งมีสายตาคาดหวังยิ่งกวาเดิม ขณะเดียวกัน
มหาจักรพรรดิสวรรคทั้งหมดบนดินแดนเซียนตางก็เกิดการคาดเดาทำนองเดียวกัน
แมแตตัวหวังเปาเลอเองก็เชนกัน ขณะนี้เขายืนอยูในความวางเปลาระหวาง
สะพานที่เจ็ดและแปด เงยหนามองสะพานที่แปดที่อยูไกลๆ แลวพึมพำเบาๆ
“หากธาตุทอง ธาตุไฟ ธาตุน้ำ ธาตุดิน สนับสนุนขาใหผานมาไดสองสะพาน …
เตาธาตุไมของขาจะพาขาไปไดไกลแคไหนกันละ”
“เตาธาตุไม!” พริบตาตอมาหวังเปาเลอก็ยกสองมือขึ้นพรอมเอยเสียงต่ำ
ตอนนั้นเองที่เขาเอยขึ้น สะพานทั้งเจ็ดดานหลังก็พลันสั่นสะเทือนรุนแรงอยางที่
ไมเคยเปนมากอน ราวกับสะพานสูสวรรคทั้งเจ็ดกอนหนานี้ไมอาจทนรับได
แม แ ต ส ะพานที ่ แ ปดก็ ย ั ง สั ่ น สะเทื อ น มี เ พี ย งสะพานที ่ เ ก า ที ่ ไ ม ไ ด เ กิ ด การ
เปลี่ยนแปลงมากนัก
หากแตดินแดนเซียนใตรางหวังเปาเลอเวลานี้กลับสงเสียงรองคำรามรุนแรง
เสียงอสูรรายนับไมถวนชะงักกึกทันที เพราะขณะนี้…ทองฟาพลันบิดเบี้ยว
เพราะขณะนี้จักรวาลเกิดระลอกคลื่น
เพราะขณะนี้พื้นที่เกือบทั้งหมดของมหาจักรวาลกำลังสั่นไหว!
ดวงจิตเทพของผูเยี่ยมยุทธทั้งหลายตางตื่นตกใจและรีบเพงมองมาจากทุกสารทิศ
ของมหาจั ก รวาล และเมื ่ อ ดวงจิ ต เทพของพวกเขามาถึ ง พวกเขาก็ ไ ด เ ห็ น ว า …
ท า มกลางจั ก รวาลนอกดิ น แดนเซี ย นในตอนนี ้ … มี ไ ม ข นาดมหึ ม า…ไม ต า งจาก
ดินแดนเซียนปรากฏขึ้น!
เสนดายนับไมถวนถักทอขึ้นเปนตาขายยักษที่ปกคลุมไปทั่วทั้งมหาจักรวาล
ทำใหไมนี้กลายเปนสวนหนึ่งของมันอยางไมอาจแยกออก และเสนดายทุกเสนบน
ตาขายก็คือ…กฎ!
มองดูไมนี้อีกครั้ง สีของมันดำสนิทเหมือนกับโลงศพ!
แรงกดดันที่อธิบายไมไดแผซ าน อี กทั ้ ง ยั งมี ความเศร าโศกและทุ กข ทรมาน
แทรกซึมไปในจักรวาลพรอมกับที่ไมปรากฏขึ้นดวย
“สารัตถะเพียงหนึ่งเดียวแหงไมในจักรวาลผืนนี้!” บิดาของหวังอีอีเงยหนา
พรอมเอยเสียงเบา
บทที่ 1304 สะพานที่เกา
ตอนนี้เมื่อมองไปรอบๆ จักรวาลนอกดิ น แดนเซี ย นแล ว มั น ถู กปกคลุ ม ด ว ย
ตาขายยักษใหญไรที่สิ้นสุด ตาขายยักษนี้ใหญโตมากจนดูเหมือนจะครอบคลุมไดทั้ง
มหาจักรวาล มันปรากฏขึ้นในทุกภูมิภาคในมหาจักรวาล
ตาขายยักษนี้ก็คือกฎ
เสนดายแตละเสนมีทั้งหนาและบาง แตทุกเสนลวนเปนกฎ
และในดินแดนเซียน ไมสีดำกลางตาขายก็ยิ่งชัดเจน แมแตลายไมก็ยังมองเห็นได
ดวยตาเปลา โดยเฉพาะแรงกดดันที่แผออกมาจากไมสีดำนั้นไดสงผลใหคนที่สัมผัสถึง
มันตางรองคำรามอยูในใจ
แมแตดายกฎบนตาขายรอบๆ ไมสีดำก็ยังเทียบไมได ทำใหไมสีดำเขยาขวัญไป
ทุกสารทิศ
และตอนนี้ไมสีดำก็กำลังจมลงชาๆ ทามกลางเสียงคำรามดุรายราวกับกำลังจะ
แตะตองดินแดนเซียน
ทุกคนที่ไดเห็นภาพนี้ยอมตื่นตกใจ รางกายสั่นเทิ้มรุนแรง ผูเยี่ยมยุทธซึ่งเปน
ตัวแทนของดวงอาทิตยที่กำลังลอยอยูบนทองฟาในดินแดนเซียนตอนนี้ก็เชนกัน
ในความรูสึกของพวกเขา ไมสี ดำที ่ปรากฏรอบดิ นแดนเซีย นนั้ นสมจริงมาก
พลังแหงการจุติของมันก็ยิ่งสมจริง กระทั่งรูสึกวาหากไมสีดำนี้จมลงมา ดินแดนเซียน
คงจะมืดมิดในชั่วพริบตา
“นี่…นี่มัน…”
“ตองหยุดไมนั่น!”
เสียงอุทานดังมาจากดินแดนเซียนอยางตอเนื่อง แมแตซือถูที่เคยเลนหมากรุกกับ
หวังเปาเลอก็ยังปรากฏตัวขางหวังโหมวบิดาของหวังอีอีดวยทาทางเครงขรึมยิ่ง
ในเวลาเดียวกันภายในดวงอาทิตยสิบเอ็ดดวงนั้น ดวงอาทิตยสองดวงที่สวาง
พรางพรายกวาของหวังเปาเลอก็ออกมาจากถ้ำที่พักและจองมองมาทางทองฟาอยาง
เครงขรึม ปลอยพลังกดทับรุนแรง
ในการรับรูของพวกเขา ไมนี้แฝงภัยคุกคามรุนแรง หลังจากจมลงมาจะตองสราง
ผลกระทบใหดินแดนเซียนเปนแน และทั้งดินแดนเซียนในตอนนี้มีเพียงสองคนที่
จิตใจแจมกระจาง สีหนาปกติ หนึ่งในนั้นคือบิดดาของหวังอีอี
เขาจองมองไมสีดำนอกทองฟาอยางสงบ หลังจากพึมพำประโยคแรกแลวก็เอย
ประโยคที่สองออกมา
“แตนาเสียดาย…ที่ไมสมบูรณ”
“ไมสมบูรณ?” ซือถูที่ยืนถัดจากบิดาของหวังอีอีชะงักไปครูหนึ่ง หากใชพลัง
ฝกปรือของเขาในตอนนี้มองไป ไมสีดำที่ปรากฏอยูตอนนี้เปนของจริง ขณะเดียวกัน
ก็ดูเปนหนึ่งเดียวกันและไมมีวี่แววของความไมสมบูรณเลย
“ใช นี่เปนเพียงการฉายภาพมายาที่ดูเหมือนจริงเทานั้น” บิดาของหวังอีอีกลาว
ตอบเสียงเบา
“ฉายภาพ…” ซือถูยิ่งใจสั่นสะทานมากขึ้น และในขณะเดียวกันหวังเปาเลอที่ยืน
อยูระหวางสะพานที่เจ็ดและแปดก็ถอนหายใจเบาๆ
ไมสีดำนี้เกิดจากสารัตถะแหงไมของเขา ดังนั้นเขาจึงสัมผัสไดอยางชัดเจนวา
ไมสีดำที่ปรากฏอยูนอกดินแดนเซียนในขณะนี้ไมไดมีอยูจริง
ดังนั้นใจเขาจึงเขาใจกระจาง สีหนาเรียบเฉย
แตเพราะความเชื่อมโยงกับไมสีดำอยางไมอาจแยกออกจากกันไดจึงสัมผัสได
อยางชัดเจน หากแตบิดาของหวังอีอีนั้นตางจากเขาอยางเห็นไดชัด จากจุดนี้ยังทำให
เห็นถึงความนากลัวของเขาดวย
“หากนี ่ เ ป น เพี ย งภาพฉาย เช น นั ้ น ไม ข องจริ ง …อยู ไ หน” ซื อ ถู ท ี ่ ย ื น อยู ล า ง
สะพานที่หนึ่งเอยขึ้น จากนั้นก็ครุนคิด กอนจะหันขวับไปทางทองฟา สายตาราวกับ
มองทะลุจักรวาลไปยังที่ที่หนึ่ง
“ตรงนั้นไง” ทานพอหวังเอยเสียงเบา พรอมกับหวังเปาเลอที่ยืนอยูระหวาง
สะพานที่เจ็ดและแปดก็หันมองไปยังจุดหนึ่งในมหาจักรวาลโดยอาศัยสัมผัสเชื่อมตอ
ภายในใจ
และแทบจะในทันทีที่เขาหันไปมอง…
จุ ด หนึ ่ ง ในจั ก รวาลที ่ ส ายตาเขาทอดมองก็ ร าวกั บ มี ห มอกสี แ ดงกว า งใหญ
ไรขอบเขต หมอกนั้นยังคงมวนตัวราวกับวามันไมไดหยุดมาเปนเวลานานแลว
และขางในหมอกนั้นปรากฏเงาราง 108 ราง แตละรางลวนยิ่งใหญสะทานจิตใจ
ภายในรางแตละรางลวนมีจักรวาลที่ตางกัน
รางทั้ง 108 รางนี้ยืนลอมกันและกันราวกับจัดเรียงเปนรูปแบบ หากมองจาก
มุมสูงจะเห็นไดอยางชัดเจนวารูปแบบนี้…เปนรูปมนุษย
และใจกลางรางมนุษยก็คือตำแหนงของจุดตันเถียน ที่ตรงนั้น…เปนแกนของ
หมอกสีแดง สายตาและดวงจิตเทพไมอาจมองทะลุไดราวกับไมอาจแยกออกจาก
ทุกสิ่ง
และในพื้นที่อันเปนเอกเทศแหงนี้กลับมี…รางที่ 109 อยูอยางนาประหลาด!
คนผูนี้นั่งทำสมาธิ รูปรางหนาตาไมชัด ทั่วทั้งรางปกคลุมไปดวยหมอกแดง
มีเพียงบริเวณหนาผากที่เห็นไดชัดเจนกวาสวนอื่น จะเห็นไดวาตรงนั้น…มีตะปูไมสีดำ
ตอกอยูตรงกลาง!
พลังที่แผออกมาจากตะปูไมสีดำนี้ทำใหบริเวณรอบๆ บิดเบี้ยวจนหมอกสีแดง
ไมอาจแทรกซึมเขาไปตรงนั้นได ทำไดเพียงสัมผัสอยูภายนอก แตหมอกสีแดงก็ดูจะ
ไมยินยอมใหเปนเชนนั้น มันมวนตลบและพยายามครอบคลุม
บางที… อาจเปนเพราะหมอกพลุ ง พล านตรงใจกลางจึ ง ส ง ผลให ห มอกสี แ ดง
พลิกตลบไมหยุดมานานหลายป
“สถานที่ที่รางตนแบบอยูอยางแทจริง!” หวังเปาเลอดวงตาหดแคบ หลังจาก
เงียบไปครูหนึ่งและเงยหนาขึ้น ดวงตาเผยแววมุงมั่น กอนจะยกเทากาวลงไปขางหนา
หนึ่งกาว
ยามที่เทายกขึ้น ภาพฉายไมสีดำกลางจักรวาลนอกทองฟาก็ลดระดับลงรวดเร็ว
จนนาตกใจ ขณะที่ผูคนในดินแดนเซียนตื่นตกใจอยูนั้น พริบตาที่เทาของหวังเปาเลอ
วางลง ไมสีดำก็รวงลงมาอยางสมบูรณ มันรวงกระทบดินแดนเซียน กระทบสะพาน
สูสวรรคและกระทบศีรษะหวังเปาเลอ!
แผนดินไมไดสะเทือน ทองฟาไมไดถลมอยางที่ทุกคนจินตนาการไว ทามกลาง
ความตื่นตกใจของทุกชีวิต ไมสีดำสัมผัสกับหวังเปาเลอและ…หลอมรวมเขาไปในราง
ของเขาอยางเงียบเชียบ!
เห็นไดชัดวารางของหวังเปาเลอเปนดั่งเศษธุลีเมื่อเทียบกับไมสีดำ เห็นไดชัดวา
ไมสีดำยิ่งใหญกวาดินแดนเซียน ทวาในตอนนี้ราวกับประสาทสัมผัสและดวงตาไดรับ
ผลกระทบ ไมสดี ำขนาดมหึมาหลอมรวมเขาไปในรางหวังเปาเลอชั่วพริบตา
อึดใจตอมาเทาของหวังเปาเลอก็วางลงอยางสมบูรณแลว
ยางกาวนี้กาวขามความวางเปลาระหวางสะพานที่เจ็ดและแปด กาวขามหัว
สะพานที่แปด กาวขามปลายสะพานที่แปด และกาวขามความวางเปลาระหวาง
สะพานที่แปดและเกา…ขามพน…ทุกสะพาน
และมาอยูบนสะพานที่เกา!!
หากแตไมใชที่หัวสะพาน กลับเปน…ปลายสะพาน!!
เมื่อรางของหวังเปาเลอปรากฏขึ้นตรงปลายสะพานที่เกา ทั้งโลกพลันตกตะลึง
กอนที่ความโกลาหลมากมายจะทะยานสูง
“สะ…สะพานที่เกา!!”
“กาวเดียว…ขามพนทุกสะพาน!”
“ไมใชขามพนทุกสะพาน แตจากสะพานที่เจ็ดถึงสะพานที่เกาตางหาก!!”
ทามกลางความโกลาหล หวังเปาเลอบนปลายสะพานกลับมีความเศราโศกผุดขึ้น
ในใจ เขารูดีวาเปนเพราะการปรากฏตัวของไมสีดำเปนเพียงภาพฉาย ไมใชของจริง
จึงไมอาจทำใหเขาไปถึงสุดสะพานที่สิบเอ็ดไดในพริบตาเดียวและหยุดลงอยูตรงนี้
ขณะนี้แมเขาจะยืนอยูบนปลายสะพานที่เกาแลว แตหวังเปาเลอก็สัมผัสไดวา
เสนทางขางหนายังมีอุปสรรคใหญหลวง สงผลใหเทาของเขา…ยากที่จะยกขึ้นไปตอ
“ทานพอ เขา…จะหยุดแลวหรือ” หวังอีอีที่ยืนอยูขางสะพานแหงแรกเอยเสียงเบา
“ของขวัญของขายังไมทันไดมอบให ยอมไมมีทางหยุด” ผูเปนบิดาสีหนาสงบนิ่ง
ตั้งแตแรกจนถึงตอนนี้
บทที่ 1305 ของกำนัล
สะพานที่เกานั้นทั้งศักดิ์สิทธิ์และเต็มไปดวยความนาเกรงขามสำหรับทุกชีวิตบน
ดินแดนเซียน เพราะนับแตโบราณมาคนที่ไปถึงจุดนี้ไดมีเพียงสี่คนเทานั้น!
สี่คนนี้หนึ่งคือเจาแหงดินแดนเซียน สวนอีกสามคนที่เหลือคือมหาจักรพรรดิสวรรค
ทั้งสามที่แข็งแกรงที่สุด
ทวา ตอนนี้มีเพิ่มมาอีกคนแลว!
ในเวลาเดียวกันดวงอาทิตยดวงที่สิบเอ็ดบนดินแดนเซียนก็เปลงแสงเจิดจาอีกครั้ง
แสงสวางวาบราวกับจะปกคลุมโลกทั้งใบดวยแสงของมัน
ในแสงรัศมีหมื่นจั้งนี้ หวังเปาเลอที่ยืนอยูตรงปลายสะพานที่เกาก็ดวงตาเปลง
ประกายไมแพกัน เขาสัมผัสไดถึงพลังตอตานที่อยูขางหนา สัมผัสไดวารางกายราวกับ
ถูกแชแข็งจนไมอาจกาวเทาตอไปได
ราวกับ…เสนทางสูสวรรคของเขาไดสิ้นสุดลงตรงนี้
“จะหยุดตรงนี้ไมได!” หวังเปาเลอเคนเสียงต่ำ กอนจะคอยๆ เงยหนาขึ้น ตอนนี้
แสงในตาเขาเปลี่ยนไปทันที ประกายระยิบระยับในรูมานตาราวกับหมึกหยดลง
กลางน้ำ กอระลอกคลื่นไปทั่วทุกสารทิศ
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็กลายเปนสีดำ ไอมรณะสายหนึ่งแผออกมาจากรางกาย
ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันไอปราณประหลาดนี้ก็ทำใหหวังเปาเลอที่ยืนอยู
ตรงนั้นดูไมเหมือนคนที่ยังมีชีวิต แตเหมือนกับศพ!
ไอมรณะพลิกตลบอีกครั้ง หมอกสีดำแผออกมาจากรูขุมขนบนรางหวังเปาเลอ
มันแผขยายแทรกซึมไปรอบๆ อยางรวดเร็ว มาพรอมความเนาเปอยและความตาย
นี่คือ…เตาแหงหยินมืดของหวังเปาเลอ!
ขณะนี้ทุกสายตาที่กำลังมองหวังเปาเลอลวนรูสึกถึงระลอกคลื่นตางระดับกันไป
เพราะขณะที่หมอกสีดำแทรกซึมไปทั่ว มันก็ไดมารวมตัวกันเปนรูปปนขนาดมหึมา
กลางทองฟาเหนือสะพานที่เกา!
รูปปนนี้…เหมือนหวังเปาเลอทุกประการ เพียงแตสวมชุดคลุมสีดำทั่วทั้งราง
สีหนาเย็นชาราวกับไมมีอารมณใดอยูภายใน มือขางหนึ่งถือหนังสือคลายขางใน
หนังสือนั้นกำหนดความตายได มองจากที่ไกลๆ เต็มไปดวยความคลุมเครือ
“รางเตาแหงความตาย!”
“ตามตำนานกลาววาหลังจากเตาแหงความตายกลายเปนหนึ่งในตนกำเนิดก็ได
กลายรางเปน…เจาแหงความมืด!”
“นี่…หรือวานี่คือรางของเจาแหงความมืด”
พริบตาที่ผูฝกตนดินแดนเซียนจิตใจสั่นไหวอยางรุนแรงนั้นเอง…รูปปนที่กอตัว
จากหมอกสีดำก็กาว…ไปขางหนา!
ยางกาวนี้สะเทือนฟาดินอยางยิ่ง สงผลใหจักรวาลรองคำราม มหาจักรวาล
ผันผวนรุนแรง
ยางกาวนี้สั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศ สงผลใหเจาของสายตาทุกคูใจสะทานวาบ
ยางกาวนี้เหมือนกับการกาวจากสามัญไปยังเทพเซียน นั่นคือ…มหาวัฏจักรของ
ขั้นที่สี่ นั่นคือ…สัญญาณของการกาวสูขั้นที่หา!
ขณะนี้เสียงคำรามดังกองไปทั่วทองนภา ทองฟาพลันซีดจาง เมฆหมอกพลิก
มวนกลับ ตามมาดวยเสียงแกรกที่ไมอาจปกปดไดดังมาจากทองฟาคลายมีสิ่งกีดขวาง
บางอยางถูกทำลาย รางของรูปปนนั้นกาวขามจากปลายสะพานที่เกาไปปรากฏตัวที่
ความวางเปลาระหวางสะพานที่เกาและสิบ
พริบตาที่มันเหยียบลงมา รางนั้นก็ดูเหมือนจะหมดพลังจนไมสามารถยืนหยัด
ตอไปไดอีก แลวกลับกลายเปนหมอกสีดำอีกครั้งราวกับถูกลมพัดปลิว เผยใหเห็น…
รางของหวังเปาเลอขางในรูปปนยักษ!
“มหาวัฏจักรของขั้นที่สี่หรือ” หวังเปาเลอยืนอยูระหวางสะพานที่เกาและสิบ
ดวยสีหนาสงบ หลังจากรูสึกถึงสภาพของตนในยามนี้ เขาก็มีความรูสึกที่แนชั ด
บางอยาง เขาในตอนนี้ใชเพียงนิ้วเดียวก็กำจัดตัวเขาในอดีตไดแลว
ทั้งสองมีชองวางตางกันมากเกินไป
ตัวเขาในอดีต แมจะเปนเตาแปดปรมัตถ แตก็เปนแคขั้นที่สี่ มีเตาธาตุไมเพียง
อยางเดียวและเปนสารัตถะของรางตนแบบจึงเปนสารัตถะตามธรรมชาติ แตเตา
ธาตุอื่นๆ ที่ดูเหมือนจะเปนตนกำเนิด แทจริงแลวไมใช เปนเพียงพลังของรางกาย
เทานั้น
แตตัวเขาในตอนนี้ ทุกๆ การเคลื่อนไหว ทอง ดิน น้ำ ไฟลวนเปนตนกำเนิด
แมจะเปนเพียงหนึ่งในตนกำเนิดของธาตุทั้งหา แตก็มีธาตุอื่นที่แบงปนกับตน ทวา…
นี่ก็เปนจุดสูงสุดของธาตุทั้งหาที่ผูฝกตนสามารถบรรลุไดแลว
ในสภาวะปกติไมมีผูใดสามารถแยกธาตุทั้งหาออกมาใชเดี่ยวๆ ได
แตเตาธาตุไมของหวังเปาเลอทำได!
กอปรกับเตาแหงหยินมืดของเขาเชื่อมโยงกับเตาแหงความตายของมหาจักรวาล
และกลายรางเปนเจาแหง ความมื ด ดังนั้นเขาในตอนนี ้แมจะยังอยู ขั ้น ที่ สี่ แต…
กลับสามารถสยบขั้นที่สี่ดวยกันไดแทบทั้งหมด!
คนอื่นนั้นสวนใหญลวนเปนตนกำเนิดเตาเพียงเตาธาตุเดียว แตหวังเปาเลอเปน
ตนกำเนิดเตาหาธาตุ อีกทั้งยังเปนตนกำเนิดที่แทจริงของเตาธาตุไม เชนนี้แลวหาก
ขั้นที่สี่มาอยูตรงหนาเขาก็มีเพียงการถูกสยบเปนผลลัพธสุดทายเทานั้น
อาจกลาวไดวาหวังเปาเลอในขณะนี้คือขั้นที่สี่ที่แข็งแกรงที่สุด ไมใชแคหนึ่งในนั้น
แต…นี่ยังไมใชจุดสิ้นสุดของหวังเปาเลอ เขาที่ยืนอยูระหวางสะพานที่เกาและสิบ
เวลานี้ไดเงยหนามองสะพานที่สิบ ดวยระดับในปจจุบันของเขาจะสามารถมองเห็นวา
บนสะพานที่สิบมีเงารางอยูสามราง
ทั้งสามรางนี้ลวนไมใชคนแปลกหนาสำหรับหวังเปาเลอ สองทานที่ยืนอยูบนหัว
สะพานที่สิบก็คือมหาจักรพรรดิสวรรคทั้งสองของดินแดนเซียน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำให
หวังเปาเลอเกิดความรูสึกอันตรายมาแลว
สวนคนที่ยืนอยูกลางสะพานที่สิบก็คือ…ซือถูที่เคยเลนหมากรุกกับเขา
สวนที่ปลายสะพานนั้นไมมีใคร และบนสะพานที่สิบเอ็ดซึ่งเปนสะพานสุดทาย
ก็ไมมีใครเชนกัน
ซึ่งนั่นมีสองความหมาย อาจเพราะไมมีใครเคยไปถึง หรืออาจเพราะ…ไปถึง
อยางสมบูรณแลวจึงไมทิ้งเงารางไว
แตไมวาอยางไรสิ่งที่สายตาหวังเปาเลอเห็นอยูตอนนี้ก็คือ จากกลางสะพานที่สิบ
ไปไมมีใครเลย
“ขา จะเดินบนสะพานที่สิบไดไหมนะ” หวังเปาเลอหรี่ตา เขารูดีวาสะพานที่เกา
เปนตัวแทนของขั้นที่สี่ สะพานที่สิบเปนตัวแทนของ…พลังฝกปรือขั้นที่หา!
ขอเพียงกาวขึ้นไปไดก็แสดงวาตนนับเปนขั้นที่หาแลว หากเดินไปถึงตรงกลาง
ก็แสดงวาขั้นที่หาฝกปรือไปครึ่งหนึ่งแลว และหากเดินไปถึงปลายสะพานไดก็แสดงวา
ระดับขั้นที่หานี้สมบูรณแลว
แตหวังเปาเลอไมมั่นใจ เตาของเขา…ถูกใชไปหมดแลว
แมจะยังเหลือเตาหยางศักดิ์สิทธิ์ แตกลับไมมีอะไรมารองรับเตา ไรพันธนาการเชนกัน
“นาเสียดาย…” หวังเปาเลอถอนใจเบาๆ แตแลวในตอนนั้นเอง
บิดาของหวังอีอีที่กำลังนั่งทำสมาธิอยูขางสะพานแหงแรกก็เอยขึ้น
“เปาเลอ เดินตอไป!”
ไดยินเชนนี้ แววตาหวังเปาเลอพลันวูบไหว ครุนคิดอยูครูหนึ่ง รางของเขาก็
ก า วไปข า งหน า ระหว า งนั ้ น พลั ง ปราณบนร า งก็ เ ปลี่ ย นไปทั น ที หยิ น มื ด สลาย
ความมีชีวิตชีวาอันเขมขนสายหนึ่งพลันปะทุออกจากราง
นี่คือ…เตาตรงขามของเตาแหงหยินมืด…เตาแหงหยางศักดิ์สิทธิ์!
เตานี้เปนเตาที่เขมงวดและศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ทันทีที่ใชมันความสูงสงจึงพุงทะยาน
แสงสวางของมันสยบทุกแสงในใตหลา ความมีชีวิตชีวาสยบทุกความตาย!
แตนาเสียดาย…ที่มันเปนเพียงมายา ไมมีรางจริง เหมือนกับแหนไรรากลอยบนผิวน้ำ
ดูเหมือนจะแข็งแกรงแตความจริงแลวเปนเพียงภายนอกเทานั้น!
เพราะในเต า แปดปรมั ต ถ ข องหวั ง เป า เล อ นอกจากไร พ ั น ธนาการแล ว
เตาหยางศักดิ์สิทธิ์ก็ไมมีสิ่งรองรับเตา ตอนที่เขาอยูในโลกแหงศิลา หวังเปาเลอตามหา
มันไมเจอจึงทำใหเตานี้ไมอาจสมบูรณได
ทวา ตอนนี้…ในพริบตาที่เตาหยางศักดิ์สิทธิ์ของหวังเปาเลอแผออกมา บิดาของ
หวังอีอีที่อยูลางสะพานแหงแรกก็คอยๆ ยกมือขวาขึ้น กอนที่หินรูปรางประหลาดจะ
ปรากฏอยูในมือของเขา
หินกอนนี้มีขนาดเทากำปน มันแผพลังอันสูงสงออกมา เห็นไดชัดวาไมใหญ
แตใ หความรู สึ กไร ที ่ สิ้ น สุ ด หากพิน ิจ ใหละเอี ย ดจะเห็ น ว ามั น มีร อยจำนวนมาก
และวัสดุของมัน…ดูเหมือนจะเปนอยางเดียวกันกับสะพานสูสวรรค!!
“นี่คือหินสะพานที่เหลืออยูตอนที่ขาแซหวังสรางสะพานที่สิบเอ็ด มอบใหเจา…
เปนสิ่งรองรับเตา!” ขณะที่กลาวหวังโหมวก็สะบัดมือ หินสะพานกอนนั้นพลันระเบิด
แสงแรงกลาและพุงไปยังหวังเปาเลอ!
พุงเขาใกลและหลอมรวมในพริบตา!
หวังเปาเลอตัวสั่นอยางรุนแรง เตาหยางศักดิ์สิทธิ์พลันระเบิด!
บทที่ 1306 ทิศทาง
เตาแหงหยินมืดเรียกไดวาเปนหยินสูงสุด เปนของเตาแหงความตายในโลก และ
ผูที่ควบคุมมันทามกลางภัยพิบัตินับไมถวนจะมีฉายาหนึ่งและเปนเพียงฉายาเดียว
นั่นก็คือ…เจาแหงความมืด
กำหนดความตาย กำหนดการเกิดใหม ตัดเหตุดับเตา
เชนเดียวกับมหาเตาแหงธาตุทั้งหา เตาแหงความตายนี้ไมสามารถมีตนกำเนิด
เพี ย งแหล ง เดี ย วได ต อ ให ผ ู เ ยี ่ ย มยุ ท ธ ฝ ก ตนถึ ง ระดั บ สู ง สุ ด ก็ ย ั ง กลายเป น เพี ย ง
หนึ่งในตนกำเนิดเทานั้น
อยางหวังเปาเลอในตอนนี้ เตาแหงหยินมืดของเขาก็เปนเชนนั้น อาศัยพลังเสริม
และกำลังขยายของสะพานสูสวรรคเชื่อมโยงกับเตาแหงความตายของมหาจักรวาล
ดั่งผิวน้ำตางระดับที่มาเชื่อมกันจนเกิดความสมดุล ดวยเหตุนี้หยินมืดของหวังเปาเลอ
จึงกลายเปนหนึ่งในตนกำเนิด
ตอนนี้…เตาแหงหยางศักดิ์สิทธิ์ก็เชนกัน
เดิมทีเพราะเตานี้ไมมีสิ่งรองรับ ทุกอยางจึงเปนเพียงมายา มีเพียงรัศมีเปลง
ประกาย แตไรสสาร ทวา…เมื่อทานพอหวังมอบหินกอนนั้นให ทุกอยาง…ก็เปลี่ยนไป
หิ น ก อ นนี ้ ม ี ค วามพิ เ ศษในตั ว มั น เอง มั น คื อ ส ว นหนึ ่ ง ของสะพานที ่ ส ิ บ เอ็ ด
และสามารถใชสรางสะพานสูสวรรคได จึงไมจำเปนตองกลาวถึงความนากลัวและ
ความลึกลับของมัน
ถึงอยางไร…สะพานที่สิบเอ็ดนั้น หากผานไปไดก็จะเปนการยืนยันถึงขั้นที่หกของ
พลังฝกปรือ ระดับเชนนี้ทั่วทั้งมหาจักรวาลหาไดยากอยางยิ่ง และทุกคนในนั้นลวนมี
คุณสมบัติ…ในการชิงตำแหนงเจาแหงมหาจักรวาล
ดังนั้นหินสะพานที่มาจากการสรางสะพานที่สิบเอ็ดนี้จึงมีมูลคาสูงยากตอการ
จินตนาการ ขณะเดียวกันดวยความพิเศษของมันจึงเหมาะแกการเปนสิ่งรองรั บ
เตาของหวังเปาเลออยางยิ่ง
“นำสมบัติของขั้นที่หกมาเปนตัวรองรับเตาขั้นที่หา…” ซือถูขางกายหวังโหมว
ดวงตาลึกล้ำ กอนจะเอยขึ้นเบาๆ
“เยี่ยมไปเลย! เจาไมเสียดายมันจริงๆ…มีสิ่งนี้อยู ขั้นที่หาของเขาก็จะมั่นคง
มิเชนนั้นขั้นที่หาของเด็กคนนี้คงไมอาจขามไปได” ซือถูอุทาน เขาเขาใจทุกอยางจึงยิ่ง
มีอารมณรวมกับการไดเห็นดาวมฤตยูลุกโชนกับตาตัวเองครั้งนี้วาเปนการใจกวาง
เพียงใด
ของกำนัลนั้นไมใชหินสะพาน แตเปน…พลังฝกปรือหนึ่งขั้น!
นี่คือโอกาสที่ผูคนนับไมถวนใฝฝน!
“ขาติดหนี้เขาครั้งหนึ่ง ดังนั้นนี่คือสิ่งที่เขาสมควรไดรับ อีกอยาง…” บิดาของหวังอีอี
มองไปยังหวังเปาเลอที่อยูระหวางสะพานที่เกาและสิบ
“เดิมทีเขาก็อยูระหวางขั้นที่สี่กับหาอยูแลว แมกอนหนานี้กฎเตาโลกแหงศิลา
ของเขาจะไมสมบูรณ ทำใหพลังตอสูไมอาจไปถึงระดับที่ควรจะเปนได แต…ระดับ
ของเขาถึงแลว ในเมื่อเปนเชนนี้เหตุใดขาจะตองตระหนี่ดวยละ” หวังโหมวตอบอยาง
สงบนิ่ง
ซือถูพยักหนาอยางครุนคิด แทจริงแลวตอนที่เขาเจอหวังเปาเลอเปนครั้งแรก
ก็ตระหนักถึงสภาวะของหวังเปาเลอแลว พูดงายๆ คือหวังเปาเลอในตอนนั้นอยู
ตรงกลางระหวางขั้นที่สี่กับหา แตเพราะกฎเตาไมสมบูรณจึงไมอาจใชพลังตอสูได
ตามควร และสะพานสูสวรรค…ความจริงแลวก็คือการเติมเต็มใหเขาไดรับพลังตอสู
ขั้นที่สี่อยางแทจริง
อีกอยางกับหินสะพานในตอนนี้…ซือถูสามารถจินตนาการไดวาอีกไมนานใน
มหาจักรวาลผืนนี้จะมีผูเยี่ยมยุทธขั้นที่หาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน!
“ขั้นที่หา…ทุกสรรพสิ่งลวนมีมาใหขาไดใชสอย” ขณะที่ซือถูบนพึมพำ หวังเปาเลอ
ที่อยูระหวางสะพานที่เกาและสิบไดหลอมรวมเขากับหินสะพาน แสงบนรางของเขา
เจิดจายิ่งกวาเดิม
ขณะที่รัศมีแผขยาย พลังชีวิตอันยิ่งใหญที่อธิบายไมไดดูเหมือนจะแผซานไปเกือบ
ทั้งมหาจักรวาลจนเกิดเสียงคำรามดังมาจากทุกทิศทาง มันมารวมตัวกันรอบตัวเขา
พลังหยางศักดิ์สิทธิ์พลันปะทุขึ้น
ทองนภาเหนือรางหวังเปาเลอพลันปรากฏ…สะพานมายา!
สะพานนั ้ น ดูไ ม ต า งจากสะพานสู ส วรรค แ มแ ตน อ ย มั น ลอยอยู ต รงนั ้ น ด ว ย
รัศมีทวมทน สงผลใหทุกชีวิตบนดินแดนเซียนจิตใจปนปวนขึ้นมาในพริบตา
หวัง เปาเลอก็เงยหนามองเชนกัน สั มผั สถึ งความสมบู รณของเต าแห งหยาง
ศักดิ์สิทธิ์พลางจองมองสะพานมายาที่เขาทำขึ้น นี่…ไมใชสะพานสูสวรรค
แมจะดูเหมือนกันทุกประการ แตบทบาทของมันไมใชเพื่อเสริมพลังสะพานสูสวรรค
กลาวใหชัดเจนคือสะพานนี้…ใชรองรับเตาและเปนทางเชื่อม
รองรับเตาแหงหยางศักดิ์สิทธิ์ของเขา ปลายดานหนึ่งเชื่อมกับเตานี้ สวนปลาย
อีกดาน…เชื่อมกับเตาแหงชีวิตในมหาจักรวาล
เชนเดียวกับเตาแหงความตาย เตาแหงชีวิตก็ไมอาจถูกควบคุมอยูในมือคน
คนเดียวได แตอาศัยหินสะพานรองรับ ในพริบตาที่เชื่อมตอกัน เตาแหงหยางศักดิ์สิทธิ์
ของหวังเปาเลอก็กลายเปนหนึ่งในตนกำเนิดไดสำเร็จ
ดวยความสมบูรณของเตา ความรูสึกทรงพลังอยางที่ไมเคยเปนมากอนผุดขึ้นใน
ใจหวัง เปาเลอราวกับทุ กสิ่ง ในสายตาเขาล ว นเปลี ่ ย นไป ไม ใ ช ของจริ ง ขนาดนั้ น
แตมีความลวงเชนภาพมายาอยูดวย
“จุดสิ้นสุดของเตา ทุกสิ่งวางเปลาหรือ” ขณะพึมพำ หวังเปาเลอก็ยกเทากาวไป
ยังสะพานที่สิบ ทันทีที่วางเทาลง เงาสะพานเหนือศีรษะก็คอยๆ ลดระดับลงมา
ทางเขา หลังจากเงาสะพานนี้กับรางกายของเขาหลอมรวมเขาดวยกันอยางสมบูรณ
พลังปราณบนรางหวังเปาเลอก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
ธาตุทั้งหารายลอม อยูดวยกันไมวาเปนหรือตาย!
หลังจากเทาของเขาวางลง หวังเปาเลอ…ก็กาวขามระหวางสะพานที่เกาและสิบ
มาปรากฏตัวที่หัวสะพานที่สิบ!
ยังไมหยุดแคนั้น เมื่อยางกาวอีกครั้ง รางของเขาก็ขามไปครึ่งสะพานมาปรากฏ
ตัวอยูกลางสะพานที่สิบและดูเหมือนจะกาวตอไดอีก หากแตวากาวนี้…กลั บทำ
อยางไรก็ไมสามารถยกเทาขึ้นได
“ถึงขีดจำกัดแลว…” หวังเปาเลอพึมพำ กอนที่ฟาดินจะสงเสียงคำราม ทองฟา
พลันเกิดระลอกคลื่น มหาจักรวาลดูเหมือนกำลังสั่นไหว ทุกชีวิตในขณะนี้ตางตอง
กมหนาลง ทั่วทั้งมหาจักรวาลในตอนนี้ผูที่สามารถเงยหนามองเขาไดมีเพียงคนที่อยู
ระดับเดียวกันและเหนือกวาเทานั้น ผูอื่น…ไมมีสิทธิ์
“ขาในตอนนี้ยังไมอาจขามสะพานที่สิบเอ็ดได” หวังเปาเลอเงียบเสียง เขาสัมผัส
ไดถึง สภาวะของตนในตอนนี ้ว า ต างจากก อ นหน ามาก ก อนจะข ามสะพานที ่ สิ บ
เตาที่เขาควบคุมไดคือธาตุทั้งหา ความตายและชีวิต
แตตอนนี้…ทุกสรรพสิ่ง ทุกเตาในจักรวาลลวนเอามาใชไดทั้งหมด!
แมจะเอามาใชไดไมสมบูรณ แต…ผูเยี่ยมยุทธขั้นที่สี่ทุกคนที่อยูตรงหนาเขา
ลวนถูกสยบไดเพียงปลายนิ้วสัมผัส นี่คือการสยบซึ่งปราบทั้งระดับและเตา
ขณะสัมผัสตัวตน หวังเปาเลอก็สังเกตเห็นดวงจิตเทพในมหาจักรวาลที่มารวมตัว
กันที่นี่ไดอยางชัดเจนเปนครั้งแรก เขาจึงเงยหนามองจักรวาลของมหาจักรวาล
เขา…เห็นวาในที่ไกลออกไปมีดินแดนหนึ่งอยู มันดูคลายกับดินแดนเซียน บนนั้น
ดูเหมือนจะมีรางหนึ่งกำลังพยักหนานอยๆ ให
รางนั้นแผเคราะหกรรมที่ไมอาจพรรณนาไดออกมา แตไมใชเคราะหกรรมของเขา ดู
เหมือนวาการดำรงอยูของอีกฝายเปนสวนหนึ่งของเตาแหงโชคชะตาของมหาจักรวาล
นอกจากนี้ในอีกทางหนึ่ง หวังเปาเลอก็มองเห็นกระดาษแผนหนึ่งที่ซึ่งบนนั้น
มีเหตุผลตนกรรมอันเขมขนอยู เด็กหนุมสวมชุดคลุมผาไหมกำลังนั่งขัดสมาธิอมยิ้ม
ใหเขาอยูบนนั้น
หวังเปาเลอเขาใจกระจางในทันทีวามันเกี่ยวของกับสิ่งรองรับเตาธาตุทองของตน
ขณะเดียวกันเขาก็ยังเห็นอีกรางหนึ่ง คนผูนี้นัยนตาซับซอน คลายจะถอนใจ
คลายจะอุทาน และกำลังมองมาทางเขาเชนกัน
รางเหลานี้มีไมเยอะนัก มีเพียงแปดรางเทานั้น
และหลังจากทอดมองไปทีละคนแลว สุดทายสายตาหวังเปาเลอก็หยุดอยู ที่
ใจกลางมหาจักรวาล ที่ตรงนั้น…หมอกสีแดงเขมขนขจรขจายปกคลุมทุกสิ่ง ปดกั้น
เหตุผลตนกรรม แตกลับไมอาจปกปดความคุนเคยและสัมผัสเชื่อมตอที่แผออกมา
จากในนั้นได
“รางตนแบบของขา…อยูตรงนั้น”
“จักรพิภพเตาไพศาล…ของมหาเทพ หรือเรียกวามิติเตาตนกำเนิด” หวังเปาเลอ
เพงมอง ที่ตรงนั้น…คือที่ที่เขากำลังจะไปตอจากนี้
จากความคุนเคยและสัมผัสเชื่อมตอ เขามีความรูสึกวาหากตนกาวอีกเพียง
กาวเดียวก็จะสามารถเขาไปในจักรวาลที่ถูกหมอกสีแดงปกคลุมอยูไดแลว
บทที่ 1307 คอยๆ
จักรวาลผืนนั้นแยกตัวเปนเอกเทศจากทุกสิ่ง เนิ่นนานมาแลว…ไมมีผูใดสามารถ
เขาไปไดราวกับมันเปนสถานที่ตองหามของมหาจักรวาล
แตในตอนนี้หวังเปาเลอกลับสัมผัสไดอยางชัดเจนวาตรงนั้น…มีความรูสึกคุนเคย
อยูสองอยาง ขณะนิ่งเงียบ เขาหลับตาลง กอนที่ลางสังหรณอันแรงกลาจะผุดขึ้นในใจ
ราวกั บ ขอเพี ย งเขาก า วไปทางนั ้ น เพี ย งก า วเดี ย ว ทั ้ ง กายและจิ ต วิ ญ ญาณก็ จ ะ
หลอมรวมเขาไปในนั้น
การหลอมรวมเช น นี ้ ค ื อ การผสานอย า งสมบู ร ณ ค ล า ยว า หากเดิ น ไปเช น นี้
เขาจะกลายเปน…สวนหนึ่งของจักรวาลผืนนั้น
เหตุที่เปนเชนนี้ก็เพราะความรูสึกคุนเคยทั้งสองเหมือนกับพิกัดที่แมนยำที่สุดใน
มหาจักรวาล หนึ่งมาจาก…รางตนแบบของเขา อีกหนึ่งมาจาก…โลกแหงศิลาที่ถูกเขา
ผสานเขากับตัวเอง
โลกแหงศิลาเดิมถูกเรียกวา…จักรพิภพเตาไมรูสิ้น
มันคือหนึ่งในแสนดวงจิตเทพของมหาเทพที่แปลงมา ดังนั้นจะโลกแหงศิลาก็ดี
หรือรางแยกมหาเทพในนั้น แทจริงแลวลวนเปนสวนหนึ่งของมหาเทพทั้งสิ้น
ตามแผนเดิมของมหาเทพ ดวงจิตเทพมหาเทพที่ถือกำเนิดขึ้นภายในจักรพิภพ
เตาไมรูสิ้นที่แปลงมาจะผสานเขากับจักรพิภพเตาไมรูสิ้นและกลายเปนสิ่งดำรงอยูที่
เปนปริศนา กอนจะกลับไปยังมิติเตาตนกำเนิดและหลอมรวมเขากับรางตนแบบของ
มหาเทพอยางแทจริง
นี่คือกุญแจสำคัญในการฟนตัวของมหาเทพ
ทวาหวังเปาเลอกลายเปนเหตุบังเอิญ กระนั้น…ไมวาอยางไรระหวางเขากับ
มหาเทพก็ยังมีความเชื่อมโยงกันอยางใกลชิด การเชื่อมโยงนี้…ทำใหยากที่จะระบุ
ตัวตนที่แทจริงของหวังเปาเลอได
เขาไม ใ ช แ ค ด วงจิ ต เทพหนึ ่ ง ของไม ส ี ด ำ แต ย ั ง …เป น ส ว นหนึ ่ ง ของมหาเทพ
อยางแทจริงดวย
ผานไปนานหวังเปาเลอที่ยืนอยูบนสะพานที่สิบก็ลืมตาขึ้น เขาลมเลิกความคิด
ที่จะกาวตอ เพราะหากเขาไปเชนนี้มันจะเปดเผยเกินไป เกรงวาทันทีที่เขาไป…
ตนอาจไปกระตุนความสนใจตามสัญชาตญาณของมหาเทพเขา
เหมือนกับแสงไฟที่จูๆ ก็ปรากฏขึ้นในคืนอันมืดมิด มันสะดุดตาเกินไป
ความเดนชัดเชนนี้ไมดีตอหวังเปาเลอ กลับกันมันจะยิ่งทำใหเกิดสถานการณ
เลวร า ยขึ ้ น ด ว ย…แม ม หาเทพจะหลั บ ใหล แต ถ ึ ง อย า งไรสั ญ ชาตญาณก็ ย ั ง อยู
หวังเปาเลอไมแนใจวาหลังจากตนเขาไปอยางอวดเบงเชนนี้จะเปนการกระตุนกลไก
บางอย า งทำให ส ั ญ ชาตญาณของเขาออกมากำจั ด ความโกลาหล กลื น กิ น แล ว
หลอมรวมเขากับรางของตนหรือไม
ดังนั้น…วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือเขาไปในมิติเตาตนกำเนิดอยางลับๆ
คิดถึงตรงนี้หวังเปาเลอก็กมหนาลง รางที่ยืนอยูบนสะพานที่สิบพลันพราเลือน
ในฉับพลัน แตขณะที่พราเลือนนั่นเอง รางของเขาก็คอยๆ มาปรากฏตัวตรงหนา
ทานพอหวัง หวังอีอีและซือถูขางลางสะพานที่หนึ่ง
พราเลือนและปรากฏกายเกิดขึ้นพรอมกันเหมือนกับมือสองขาง ขางหนึ่งถือ
ยางลบ ขางหนึ่งถือพูกัน แลวลงมืออยางพรอมเพรียง
ภาพนี ้ ด ู ไ ม น า ประหลาดใจขนาดนั ้ น แต ค วามจริ ง แล ว เมื ่ อ มองไปทั ่ ว ทั้ ง
มหาจักรวาล นอยคนนักที่จะทำได สิ่งนี้เกี่ยวของกับการประยุกตใชเตาหลายแบบ
ทั้งความวางเปลา เวลา ชีวิตและความตาย รวมถึงการสำแดงเตาทั้งหกประเภท
และแตละประเภทลวนตองมีพลังแหงตนกำเนิด
การใชทุกเตาอาจเปนเรื่องที่ดูเหมือนงายและสามารถทำไดสำเร็จ ทวามีเพียง…
ผูเยี่ยมยุทธที่มีพลังขั้นที่หาเทานั้นที่จะทำไดสบายๆ
ขั้นที่สี่ควบคุมตนกำเนิดเตาหนึ่งเตา
ขั้นที่หาทุกสรรพสิ่งในจักรวาลสามารถเรียกใช
เชนนี้เมื่อรางของหวังเปาเลอหายไปจากสะพานที่สิบอยางสมบูรณ รางของเขา
ลางสะพานที่หนึ่งก็ปรากฏตัว เขาหายใจเขาลึกๆ ในพริบตาที่ปรากฏกายก็หันไป
โคงคำนับใหทานพอหวังทันที
“ขอบคุณผูอาวุโส!”
หวังอีอีดวงตาวูบไหวและตองการจะเอยบางอยาง แตเห็นบิดาตนและทานลุง
ที่อยูขางๆ จึงไมไดกลาวอะไร ดานซือถูก็กำลังกวาดตามองหวังเปาเลอเหมือนจะยิ้ม
แตก็ไมยิ้ม กอนจะหันไปมองหวังอีอี แลวกระแอมหนึ่งทีและไมเอยอะไรเชนกัน
ฝายทานพอหวังก็ยังสีหนาสงบเหมือนอยางเคย สายตาจับจองทั่วรางหวังเปาเลอ
ราวกับจะมองใหทะลุทั้งนอกและใน
หวังเปาเลอตกใจ แตไมนานก็สงบลงและไมพยายามหลบเลี่ยงสายตาอีกฝาย
ไมนานทานพอหวังก็พยักหนานอยๆ กอนจะเอยเบาๆ
“จะไปเมื่อใด”
คำถามนี้กะทันหันมากแตหวังเปาเลอก็เขาใจไดวาเขากำลังถามตัวเองวาจะไป
มิติเตาตนกำเนิดเมื่อไร
เขาครุนคิดอยูครูหนึ่งแลวตอบดวยน้ำเสียงแผวเบา
“วางแผนวาจะไปในเร็ววันนี้”
“ไปอยางไร” ทานพอหวังเอยถามอีกครั้ง
“ขางกายผูเยาวมีสหายอยูคนหนึ่ง ดูแลวตอนนี้คงจะเปนขั้นที่หาสงออกมาจาก
ในมิติเตาตนกำเนิด ดังนั้นบนรางของเขาจะตองมีรองรอยการกลับไป ผูเยาวนาจะ
ตามรองรอยนี้ไปได” หวังเปาเลอเอยชาๆ โดยไมปดบัง
“วิธีนี้ไมปลอดภัย” ทานพอหวังสายหนา หลังจากไตรตรองแลว เขาก็สะบัดมือขวา
ทั น ใดนั ้ น แผ น หยกสี ฟ า ก็ ห ลุ ด ออกมาจากความว า งเปล า เขาชี ้ ใ ห ม ั น ตรงไปที่
หวังเปาเลอ
หวังเปาเลอควาไว กอนจะมองผูอาวุโส
“วิธีนี้ใชความฝนเขาสูเตา ผูฝกตนสามารถทำใหความฝนของตนเปนจริงได
ในระดับหนึ่ง เหมาะแกการเดินทางไปในที่ลับตาและเหมาะกับการซอนตัว”
“คนผูนั้นในมิติเตาตนกำเนิดคือผูที่แข็งแกรงที่สุดซึ่งถือกำเนิดขึ้นในยุคแรกของ
มหาจักรวาล เมื่อเทียบกับเขาแลว พวกเรา…ลวนแตเปนผูที่มาทีหลัง”
“พวกขาบรรลุเตาครั้งแรก เขากำลังหลับใหลและตอนนี้เขาก็ยังหลับใหลอยู
ขาไมเคยไปในที่ที่เขาอยูเลย”
“และระหว า งเจ า กั บ เขาก็ ม ี เ หตุ ผ ลต น กรรม เหตุ ผ ลนี ้ แ ละต น กรรมนี้
ไมมีประโยชนที่คนอื่นจะเขาไปยุงเกี่ยว เพราะนี่คือเรื่องของเจา คือเตาของเจา
เจาตองแกไขมันดวยตัวเอง”
“ถาสำเร็จ เจาจะไรพันธนาการนับแตนี้ไป” ทานพอหวังกลาวจบก็ลุกขึ้นหมุนตัว
เดินจากไป ซือถูหันไปยิ้มใหหวังเปาเลอและกำลังจะเอยบางอยางบาง แตเสียงของ
หวังโหมวก็เอยมาจากที่ไกลๆ
“ซือถู เหลาอุนแลว หากกลับไปชาจะเสียรสชาติ”
ซือถูไดยินก็หัวเราะดังลั่น กอนจะเดินนำหนาหวังโหมวออกไป
ดานลางสะพานแหงแรกในตอนนี้เหลือเพียงหวังเปาเลอกับ…หวังอีอี
“เปาเลอ…” หวังอีอีเอยเสียงเบา
“แมนางนอย เดินเปนเพื่อนขาสักหนอย ดีไหม” หวังเปาเลอสงยิ้มใหหวังอีอี
นางจองมองหวังเปาเลอ กอนจะคอยๆ เผยรอยยิ้มแลวพยักหนา
“เจาจะไปไหน”
“ขาอยากไปหา…ศิษยพี่สักหนอย”
“ขาจะไปกับเจา”
เวลานี้พระอาทิตยกำลังตกดิน เมื่อสะพานสูสวรรคกลับมาสงบดังเดิม ทุกชีวิตบน
ดินแดนเซียนก็คอยๆ ละสายตาไป แมจิตใจจะยังคงปนปวนอยางรุนแรง แตพวกเขา
ก็รูวาการกาวสูสวรรคไดสิ้นสุดลงแลว
และขางลางสะพานแหงแรกที่พวกเขามองไมเห็นนั้น เวลานี้รางของหวังเปาเลอ
และหวั ง อี อ ี ค อ ยๆ เดิ น ไกลออกไปท า มกลางแสงตะวั น ที ่ ห ลงเหลื อ อยู ค ล า ยกั บ
ภาพวาดอันงดงาม
แสงระเรื่อสีทองทำให ภ าพวาดนี ้ อบอุ น อย างยิ ่ ง ณ เวลานี ้ สะพานสู ส วรรค
อันเกาแกก็ดูเหมือนไดกลายเปนสวนหนึ่งของฉากหลัง
แมทั้งสองจะไมไดอยูใกลกันมากเกินไปเหมือนกับมิตรภาพแทจริง หากแตเมื่อ
เดินไกลออกไป เงาในแสงสายัณหก็ยืดยาวออก ราวกับกำลัง…เชื่อมเขาดวยกัน
ไกลออกไปชาๆ
บทที่ 1308 เตาแหงความฝน
ดิ น แดนเซี ย นมี 17 ภู ม ิ ภ าค ในเขตที ่ 39 มี อ าณาจั ก รทั ่ ว ไปอยู น ั บ ร อ ยแห ง
เรียกไดวาทุกเมืองในเขตนี้ก็คืออาณาจักร
มีอาณาจักรยอมมีกษัตริย และเมื่อมีกษัตริย…ก็ยอมมีองคชาย
เพียงแตเมื่อเทียบกับอาณาจักรอื่นแลว เมืองที่ 43 ของเขตที่ 39 ซึ่งเรียกขานกันวา
อาณาจักรจาวนั้น กลับตางไปจากอาณาจักรอื่น เพราะที่นี่…มีองคชายเพียงผูเดียว
ไมวาเวลาจะผานไปกี่ป ไมวากษัตริยจะสับเปลี่ยนกันเชนไร แตองคชายไมเคย
เปลี่ยน ไมวากษัตริยองคไหนขึ้นครองราชยก็ลวนรักษาประเพณีนี้ไว และยังให
ความเคารพเกรงใจองคชายผูนี้มาก
แมจะถูกอาณาจักรอื่นรุกรานและสายเลือดของราชวงศถูกแทนที่ แตตราบใดที่
ไมเปลี่ยนชื่ออาณาจักรดวยตนเองและยังเลือกที่จะใชชื่ออาณาจักรจาว ทุกอยางก็จะ
เปนเชนเดิม
ดังนั้นในเมืองที่ 43 นี้จึงมีคำกลาวมาแตโบราณ
สงบตานอำนาจราชวงศ ไมยั่วยุจวนซือถู
จวนของหวั ง โหม ว นี ้ ก ็ ค ื อ ที ่ พ ำนั ก ของซื อ ถู แม จ ะไม ไ ด ม ี พ ื ้ น ที ่ ก ว า งขวาง
เทาพระราชวัง แตก็ไมไดตางกันมากนัก เสาแกะสลักและอิฐกอดวยหยกข างใน
เต็มไปดวยความหรูหรา ทหารยามมากมาย สาวใชนับไมถวน
โดยเฉพาะนางบำเรอรองเลน เต น รำ องค ชายฝานกั ๋ วผู น ี ้ ชมชอบการเต น รำ
จึง มีนางบำเรอมากยิ่งกวาทหารเวรยามและสาวใช ทำให จ วนหวัง แหง นี ้มองไป
ทางไหนก็เจอแตหญิงงามรายลอม เสพสมโลกีย
แมตอนนี้เจาของจวนจะไมอยู หากแต ท ั ้ ง จวนก็ ย ั ง เต็ มไปด วยเสี ย งหั ว เราะ
รองเลนเตนรำกันสนุกสนาน และเปาหมายของการรองรำทำเพลงของพวกนางก็คือ
เด็กหนุมที่นั่งอยูในหองโถง
หองโถงนี้กวางขวางดั่งพระราชวัง ประดับดวยเสามังกรขดกายขนาดใหญ 99 ตน
แตละตนลวนเปนสีทอง มังกรที่แกะสลักอยูบนนั้นราวกับมีชีวิต และหากเขาไปใกล
แลวก็จะไดยินเสียงมังกรครวญครางดังลอยมาดวย
สวนพื้นนั้นลวนเปนอิฐหินทำจากหยกเซียนชั้นยอดปูทอดยาว สงผลใหหองโถงนี้
เต็มไปดวยปราณเซียน ยิ่งไมตองกลาวถึงแหลงกำเนิดแสงในปากมังกรทั้ง 99 ตน
เลย…
แหลงกำเนิดแสงเหลานั้นลวนเปนไขมุกล้ำคาแฝงดวยพลังปราณอันนาอัศจรรย
จนสามารถจิ น ตนาการได ว า หากไข ม ุ ก เม็ ด ใดเม็ ด หนึ ่ ง อยู ข า งนอกคงจะกระตุ น
ความบาคลั่งของผูฝกตนไดมากมาย
แตในที่แหงนี้มันเปนเพียงแหลงกำเนิดแสงเทานั้น
ทั้งหองโถงนี้กวางใหญและหรูหรา ขณะเดียวกันเด็กหนุมที่นั่งอยูตำแหนงสูงสุด
กลับดูเหนื่อยหนาย
เด็กหนุมผูนี้สวมชุดจีน นั่งขมวดคิ้วทำสมาธิอยูบนที่นั่งซึ่งประดับประดาดวย
อัญมณีหรู ดานลางมีองครักษยืนอยูสองฝง แตละคนมีสีหนาแนวแน พลังฝกปรือ
ไมธรรมดา แววตาเยือกเย็น ดุดันและเด็ดขาด แตหากพินิจใหถี่ถวนแลวจะเห็นไดวา
พวกเขากำลังดูแลเด็กหนุมคนนั้นอยู
ราวกับวาขอเพียงเด็กหนุมเอยคำเดียว พวกเขาก็สามารถชักดาบสังหารทั้งหองโถงได
พื้นที่หองโถงระหวางองครักษสองฝงในตอนนี้เต็มไปดวยนางบำเรอหลายรอยคน
กำลัง รองรำทำเพลง และนักดนตรี ห ลายร อยคนกำลั ง ดี ดฉิ น เป น ทำนองไพเราะ
ทั้งหมดนี้มีเพียงคำวาฟุมเฟอยที่สามารถใชอธิบายสถานที่แหงนี้ได
แตไมวาการละเลนจะตื่นตาเพียงใด เด็กหนุมก็ยังคงขมวดคิ้ว เห็นเชนนี้องครักษ
ที่ยืนอยูดานหนาสุดจึงหันไปมองนางบำเรอเหลานั้นแลวเอยเบาๆ
“เปลี่ยน!”
ทั น ที ท ี ่ เ อ ย ออกมา เหล า นางบำเรอก็ ท ยอยถอยออกไป จากนั ้ น …สตรี ง าม
ดั่งนางฟานางสวรรคอีกกลุมหนึ่งก็เขามาจากนอกประตูและเริ่มรายรำ
เห็นเชนนั้นเด็กหนุมก็ถอนหายใจยาวเหยียด เขาก็คือเฉินชิงนั่นเอง
หลังจากมาที่นี่พรอมกับซือถู ซือถูก็ไดถายทอดพลังเทพอยางหนึ่งใหเขา พลังเทพนี้
ไมมีชื่อเรียก แตจากที่ซือถูบอกกลาว เขาตองผานการทดสอบทางโลกทั้งหมดกอน
ถึงจะสามารถฝกฝนใหบรรลุทางธรรมได
ดังนั้นตั้งแตวันที่สองที่เขามา การทดสอบก็เริ่มขึ้น
สุราที่หายากที่สุดในโลก อาหารชั้นยอดที่สุดในโลก หญิงงามมากมายนับไมถวน
ความมั่งคั่งที่ไมมีวันหมด รวมทั้งอำนาจชี้เปนชี้ตายไดภายในคำเดียว
ทุกสิ่งที่ทุกผูคนใฝฝนถึงวางอยูตรงหนาเขา รอใหเขาฝกฝน…
ทวา ตอนนี้ขณะที่เขาฝกฝนดวยความเบื่อหนายอยูในหองโถงนั้น กลับไมมีใคร
สังเกตเห็นรางสองราง ของหญิงชายคูหนึ่งซึ่ง ไมรูวาพวกเขาปรากฏตัวขึ้นเมื่อใด
ทั้งสองก็คือหวังเปาเลอและหวังอีอี
สีหนาของทั้งคูเผยความประหลาดใจที่แตกตางกัน
“เปาเลอ การฝกฝนของศิษยพี่เจา…พิเศษดีนะ”
“…” หวั ง เป า เล อ ไม ร ู จ ะกล า วคำใด หลั ง จากครุ น คิ ด อยู ค รู ห นึ ่ ง ก็ เ อ ย
อยางยากลำบาก
“ผูอาวุโสซือถูทำเชนนี้คงมีจุดประสงค บางทีนี่อาจเปนการทดสอบหัวใจเตา
กระมัง”
“เจาดูอิจฉานะ” หวังอีอีเอยเรื่อยเปอย
“ไมมีอะไรจีรัง ทุกสิ่งลวนประดิษฐขึ้น” หวังเปาเลอยิ้มอยางไมแยแส สายตา
ออนโยนมองผานนางบำเรอเหลานั้นไปยังเด็กหนุมที่นั่งอยูไกลๆ
จากนั้นไมนานเขาก็ถอนสายตากลับแลวสูดหายใจเขาลึก กอนจะหมุนตัวออกเดิน
“ไปกันเถอะ”
“ไมไปพบหนอยหรือ” หวังอีอีที่เดินตามอยูดานหลังเอยถาม
“ยอมมีวันนั้น” หวังเปาเลอยิ้มกอนจะเดินออกจากหองโถง หวังอีอีก็ยิ้ม ออกมา
แลวหันกลับไปมองเด็กหนุมบนที่ประทับ กอนจะหมุนตัวจากที่นี่ไปพรอมหวังเปาเลอ
ในพริบตาที่รางของพวกเขาเดินออกจากหองโถงไปแลว เด็กหนุมเฉินชิงก็เงยหนา
มองไปทางปากประตูหองโถงอันวางเปลา เห็นไดชัดวาไมมีอะไรอยูตรงนั้น แตไมรูวา
ทำไมเขาถึงมีความรูสึกบางอยางคลายกับวาคนสำคัญของเขากำลังจากไป
หวังเปาเลอไปแลว ไปพรอมกับหวังอีอี พวกเขาไปยังภูเขาทางตะวันออกสุดของ
ดินแดนเซียน มองดูพระอาทิตยขึ้นจากตรงนั้น ไปยังทะเลทางตะวันตกสุด มองดู
พระอาทิตยตกจากตรงนั้น
ไปยั ง ป า ทึ บ ทางเหนื อ สุ ด เด็ ด เถาวั ล ย ท ี ่ เ รี ย กว า กระชากวิ ญ ญาณจากที ่ นั่ น
และไปยังที่ราบทางใตสุด โรยเมล็ดพันธุดอกไมที่เรียกวาโอบความฝน
สุดทายพวกเขาก็ ก ลับไปจุด เริ ่ ม ต น ซึ ่ ง ก็ คื อ ล างสะพานสู สวรรค สะพานแรก
ที่ตรงนั้นหวังเปาเลอนำเถาวัลยกระชากวิญญาณถักทอเปนมงกุฎดอกไม แลววางลง
บนศีรษะหวังอีอี
“ดูแลตัวเองดีๆ เพราะอดีตและอนาคตของขาอยูกับเจา”
หวังอีอีนิ่งเงียบ นางจองมองหวังเปาเลอเนิ่นนาน กอนจะพยักหนา หวังเปาเลอ
โบกมือ นางจึงหันหลังเดินจากไป แตเดินไปไดสิบกวากาวนางก็หันกลับไปมองอีกครั้ง
และเห็นแผนหลังของหวังเปาเลอที่กำลังนั่งทำสมาธิ
เดินไปไดหลายสิบกาวก็หันกลับไปมองอีกเชนเดิม
จนกระทั่งรอยกาว พันกาว หมื่นกาว…นางหันกลับไปมองอยูหลายครั้งหลายครา
จนรางนั้นเลือนราง หวังอีอีจึงถอนหายใจเบาๆ กอนจะสัมผัสมงกุฎดอกไมบนศีรษะ
แลวเดินจากไป
ดานลางสะพานแหงแรกในตอนนี้ มีเพียงหวังเป าเลอ นั่ง ขั ดสมาธิอยู ตรงนั้ น
เพียงคนเดียว ในมือเขาถือแผนหยกที่บันทึกเคล็ดวิชาพลังเทพหนึ่งเอาไว
เคล็ดวิชานั้นเรียกวาเตาแหงฝน
สำหรับผูฝกตนขั้นที่สาม เตาแหงฝนนั้นลึกลับและเขาใจยากอยางยิ่ง สำหรับ
ขั้นที่สี่ก็งายขึ้นบางเล็กนอย สำหรับขั้นที่หาที่ฝกฝนจนถึงระดับที่สามารถใชหมื่นเคล็ด
ไดแลวนั้น การฝกฝนเตาแหงฝนนี้จึงใชเวลาเพียงชั่วพริบตา
ชั่วอึดใจนั้นหวังเปาเลอก็เขาใจกระจางแลว รางของเขาคอยๆ เลือนรางจน
กลายเปนภาพมายาราวกับกำลังหลับใหลและอยูในหวงฝน
โลกแหงความฝนคือจักรวาลผืนหนึ่ง ในจักรวาลนั้นมีหมอกสีแดง ในหมอกนั้น
มีจักรวาลยอย 108 แหง และหนึ่งในนั้น…ก็คือที่ที่ความฝนของเขาเริ่มตนขึ้น
บทที่ 1309 เมืองในฝน
สำหรับอารยธรรมทั้งหลายในจักรพิภพนับไมถวนของมหาจักรวาล สถานที่
ที่หวังเปาเลอมาเยือนคือสถานที่ที่ในชีวิตนี้พวกเขาไมอาจเขาถึงได
กลาวไดวาสิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดในมหาจักรวาลนี้ไมมีทางรูไดเลยวา ในจักรวาล
ที่พวกเขาอาศัยอยูนั้นมีพื้นที่ตองหามอยางมิติเตาตนกำเนิดนี้อยูดวย
เพราะมันเกาแกมากเกินไป กาลเวลาที่แฝงอยูในนั้นสามารถสืบยอนไปไดถึง
จุดเริ่มตนของมหาจักรวาล ดวยเหตุนี้มันจึงลึกลับและคาดเดาไมได
มีอารยธรรมเพียงไมกี่แหงที่เกาแกพอๆ กับประวัติศาสตรของมหาจักรวาลที่
สามารถบันทึกเรื่องนี้ไวเปนจุดเล็กๆ ในตำราหายาก
หากมีความสามารถในการจัดระเบียบบันทึกของอารยธรรมโบราณเหลานี้เขา
ดวยกัน ก็จะเจอรองรอยของเจาแหงมิติเตาตนกำเนิดจากบันทึกเหลานั้น
สิ่งมีชีวิตแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในยุคเริ่มจักรวาล
จั ก รวาลอั น อิ ส ระพร า งพราวดวงดารา มหาเทพถื อ กำเนิ ด ขึ ้ น หลั ง จากนั้ น
คอยๆ กดขี่ขมเหงสิ่งมีชีวิตแตละราย
แข็งแกรง ไรพาย
ครอบงำ บาคลั่ง
มิ ต ิ เ ต า ต น กำเนิ ด ที ่ เ ขาอยู น ั ้ น เปรี ย บเสมื อ นคุ ก ผู ท รงพลั ง ที ่ ถ ู ก เขาข ม เหง
ลวนไมอาจจากไปไดตลอดกาล ทำไดเพียงเชื่อฟงคำสั่งถักทอจักรวาลของตนอยูในนั้น
จนกลายเปนจักรวาลยอย 108 แหง
และจั ก รวาลทั ้ ง 108 แห ง นี ้ ก็ ถ ู ก ถั ก ทอเข า ด ว ยกั น กลายเป น ส ว นหนึ ่ ง ของ
เจาแหงมิติเตาตนกำเนิดผูนั้น
ไมมีใครรูวาเหตุใดเจาแหงมิติเตาตนกำเนิดผูนี้ถึงตองสยบผูทรงพลังทั้ง 108 คน
ที่ถือกำเนิดขึ้นหลังจากการกำเนิดของเขาไวในจักรวาลของเขาเอง
แมจะมีการคาดเดา แตสวนใหญตางคิดวานี่อาจเกี่ยวของกับเคล็ดวิชา
แตความจริงคืออะไร นอยคนนักจะรู
ทั้งหมดนี้คือคำอธิบายเกี่ยวกับมหาเทพและมิติเตาตนกำเนิดของเขาในบันทึก
ของอารยธรรมตางๆ
บันทึกเหลานี้ลวนจบลงเหมือนกัน นั่นคือ…มหาเทพผูนี้เปนบาและตองการหลอม
รวมกฎหลักของมหาจักรวาล ดวยเหตุนี้จึงเกิดหายนะไมหาธาตุ
จนถึงตอนนี้ขาวลือเกี่ยวกับเขาคอยๆ หายไปกับกาลเวลา มิติเตาตนกำเนิด
ก็คอยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของทุกชีวิต
หลังจากนั้นผูที่เกงพอจะรับรูถึงสถานที่และประวัติศาสตรนี้จึงมีเพียงผูที่ฝกฝน
จนถึงขั้นที่หาเทานั้น
และมีเพียงพวกเขาที่สามารถรับรูถึงการมีอยูของมิติเตาตนกำเนิดตรงใจกลาง
มหาจักรวาล
เพราะที่นั่น…ไมมีกฎ ไมมีขอบังคับ ไมมีรองรอยเตาราวกับวางเปลาโดยสิ้นเชิง
ในทำนองเดียวกันแมพวกเขาจะทราบถึงสถานที่แหงนี้แลวและยังพบรองรอย
จากเบาะแสเหลานั้น ทวา…นับแตโบราณมาไมเคยมีใครรอดชีวิตออกมาได
ไมมีเลย
หมอกสีแดงแยกตัวเปนเอกเทศจากทุกสิ่ง ทุกคนที่เหยียบเขาไปลวนหายสาบสูญ
ผูที่มีความสามารถพอจะเหยียบเขาไปและออกมาไดอยางแทจริงมีเพียงหยิบมือ
และสำหรั บ พวกเขา มิ ต ิ เ ต า ต น กำเนิ ด เป น อาณาเขตของผู ท รงพลั ง เก า แก ผ ู นั้ น
ไมมีเหตุผลที่จำเปนตองเขาไป อีกอยางพวกเขาเองก็ไมตองการใหเกิดการตอ สู
ที่ไมจำเปนขึ้น ดังนั้นจึงไมมีใครยางกรายเขาไปโดยงาย
เพราะหากเกิดการตอสู…มหาจักรวาลจะลมสลาย
ทวา วันนี้หวังเปาเลอกลับใชเคล็ดวิชาเตาแหงฝนจากดินแดนเซียนไปจุติที่…
มิติเตาตนกำเนิดอันลึกลับและเกาแก
เพราะการเขามาดวยเตาแหงฝนนั้นตางจากการเขามาจริงๆ มันอยูระหวาง
ภาพลวงตาและความเปนจริง ดังนั้นเมื่อแสดงวิชาเตาแหงฝนออกมา จิตใตสำนึก
ของหวังเปาเลอก็ทะลุผานจักรวาลลอยเขาไปในมิติเตาตนกำเนิดที่ปกคลุมไปดวย
ไอหมอกแดง ตอนนั้นเองโลกที่เขาเห็นก็เริ่มแปลกตาไปจากเดิม
ไมใชรางผูเยี่ยมยุทธ 108 คนที่ถักทอกันเปนจักรวาลอยางตอนที่มองมาจาก
สะพานสูสวรรค แตเปนแผนที่ดวงดาวที่กอตัวจากดวงดาวนับไมถวน
ดวงดาวอันไรจุดสิ้นสุดสะทอนเขามาในการรับรูของหวังเปาเลอเหมือนกับ
การมองทองฟาตอนกลางคืนบนโลกมนุษย ทวา…ดวงดาวเกือบทุกดวงในที่แหงนี้
ลวนมืดสลัวราวกับสามารถดับสูญไดทุกเมื่อ มีเพียงไมกี่ดวงเทานั้นที่ดูเหมือนยัง
สามารถสองแสงเลือนรางไดตอไป และหากสังเกตดีๆ ก็จะพบวามีเพียงหาดวงเทานั้น
ที่ความสวางยังคงปกติ
สิ่งนี้ทำใหหวังเปาเลอลังเลเล็กนอยและใชเวลาจดจอกับมันอยูเนิ่นนาน ผูที่ฝก
เตาแหงฝนมาแลวอยางเขาเขาใจพื้นฐานดวงดาวเหลานี้ดี
“ใชเตาแหงฝนเขามาในที่แหงนี้ ตอนนี้ขาจึงไมใชรางจริง เปนเพียงจิตใตสำนึก
เทานั้น ขาสัมผัสโลกภายนอกไมได ไมไดยิน มองไมเห็น…แลวสิ่งที่เรียกวาดวงดาว
พวกนี้ก็ไมใชดวงดาวที่แทจริงดวย พวกมัน…คือความฝน”
“ดวงดาวทุ ก ดวงคื อ มิ ต ิ ม ายาของสิ ่ ง มี ช ี ว ิ ต ยิ ่ ง แสงสว า งมากก็ ย อ มแสดงว า
มิติมายายิ่งมั่นคงมาก”
“หากจะเขาไปในมิติเตาตนกำเนิ ดอย างแท จริง ขาจำเปนตองผสานเข า กั บ
ความฝนเสียกอน ตามหาเจาของความฝนในความฝนนี้ สืบหาเปาหมายแลวปลุกเขา
ใหตื่น…ทันทีที่เขาตื่นขึ้นมาและมิติมายาแตกสลาย ชวงเวลานั้นที่ภาพลวงตาและ
ความเปนจริงมาบรรจบกัน ขาก็จะ…จุติขึ้นที่นี่อยางสมบูรณ”
ขณะครุน คิดหวัง เปาเลอก็หยั ่ ง รู แ สงดาวนั บไม ถ วนพวกนั ้ น เขาเพิ กเฉยต อ
ดวงดาวที่มืดสลัวเปนอันดับแรก ในความฝนเชนนี้มันเสี่ยงที่จะพังทลายไดทุกขณะ
เปนไปไดดวยซ้ำวาทันทีที่เขาเขาไป มิติมายาก็จะแบกรับไมไหว ซึ่งหากเรื่องนี้
เกิดขึ้นจริง หวังเปาเลอก็จะตามหาเจาของความฝนไมทันและไมสามารถสืบหา
เปาหมายไดอยางแมนยำ
ดังนั้นการพังทลายดังกลาวจึงไมมีประโยชน อีกทั้งทันทีที่ลมเหลวจิตใตสำนึก
ของเขาก็จะหายไปดวย
ดวงดาวหาดวงที่เสถียรที่สุดจึงเปนเปาหมายแรกของหวังเปาเลอ ทวาในตอนที่
การหยั ่ ง รู ข องเขาแผ ก ระจายออกไปและกำลั ง จะเลื อ กผสานเข า ไปนั ่ น เอง จู ๆ
หวังเปาเลอก็ใจกระตุกวูบ การหยั่งรูสืบหาเปาหมายไวที่ดาวดวงหนึ่งที่ถึงแมจะไมได
มืดสนิทแตก็เหมือนจะอยูไดอีกไมนาน
แสงของดาวดวงนั้นใหความรูสึกคุนเคยกับหวังเปาเลอ
“พลังปราณของอูนอย?”
ในพริบตาที่การหยั่งรูของหวังเปาเลอกวาดไปยังแสงของดาวดวงนี้ เขาก็สัมผัสได
ถึงพลังปราณของอูนอยซึ่งแสดงใหเห็นวาเจาของความฝนนี้เกี่ยวของกับอูน อย
หรือกลาวใหถูกคือในความฝนของคนคนนี้มีอูนอยอยูดวย
หวังเปาเลอครุนคิด จากนั้นเขาก็ละทิ้งดวงดาวทั้งหาที่ดูเหมือนจะเสถียรที่สุด
พุงเปาหมายไปยังแสงดาวที่มีพลังปราณของอูนอยในทันที ตอนนั้นเอง…ก็ผสาน
เขาไป
ไมรูวาผานไปนานเพียงใด ราวกับเพียงชั่วอึดใจ แตก็ราวกับทั้งชีวิต
ประสาทสัมผัสที่หายไปคอยๆ กลับมา หวังเปาเลอสัมผัสไดถึงลมเย็นพัดผาน
ผิวหนัง
ประสาทการรับกลิ่นก็กลับมา เขาไดกลิ่นหอมสดชื่นของดินหลังฝนตก ตามมา
ดวยประสาทการไดยิน เสียงฝเทา เสียงเม็ดฝนและเสียงจอแจดังมาจากสถานที่ใกลๆ
และไกล
สุดทายหวังเปาเลอก็ลืมตาขึ้น
เขาเห็นพระอาทิตยบนทองฟากำลังถูกกอนเมฆบดบัง เห็นสายฝนตกจากทองฟา
ลงไปในแอ ง น้ ำ เล็ ก ๆ มากมายบนพื ้ น ดิ น จนเกิ ด ระลอกคลื ่ น นั บ ไม ถ วน เขาเห็ น
คนจำนวนมากถือรมเดินผานไปผานมาอยูตรงหนา
โลกตรงหนาคอยๆ ชัดเจนขึ้น และในที่สุด…เมืองขนาดใหญก็สะทอนอยูใน
ดวงตาหวังเปาเลอ เมืองนี้มีประชากรมากมาย แมฝนจะตกแตก็ยังคึกคักและมี
ชีวิตชีวามาก
ตอนนี้หวังเปาเลอยืนอยูบนถนนสายหนึ่งในเมือง มือถือรมกระดาษน้ำมันคันหนึ่ง
ผานไปครูใหญเขาก็สูดหายใจเขาลึก กอนจะเหยียดมือซายออกจากรม สัมผัสกับ
ความเย็นจากเม็ดฝนที่ตกกระทบผิวหนัง แลวเงยหนาขึ้น จากที่ไกลๆ หวังเปาเลอก็ได
เห็นพระราชวังแหงหนึ่ง บนนั้น…มีรูปสลักขนาดมหึมาตั้งอยู
รูปสลักนั้นคือนกแกวที่เหมือนจริงราวกับมีชีวิต
“อาณาจักรพิภพทมิฬ” หวังเปาเลอพึมพำเสียงเบา
บทที่ 1310 ฝนของใคร?
ชื ่ อ อาณาจั ก รพิ ภ พทมิ ฬ นี ้ หลั ง จากที ่ ห วั ง เป า เล อ เคยได ย ิ น จากอู น อ ยเมื่ อ
หลายป ก อ นก็ ค น หาอยู น าน กล า วให ถ ู ก คื อ ในโลกแห ง ศิ ล าก็ เ คยมี อ าณาจั ก ร
พิภพทมิฬมากอน ทวาอาณาจักรพิภพทมิฬนั้นไมใชอาณาจักรพิภพทมิฬเดียวกัน
จนกระทั่งวันนี้ ออมวนรอบใหญ กลับไดมาในอาณาจักรพิภพทมิฬที่แทจริง
ดวยวิธีเชนนี้
มองรูปสลักของพระราชวังที่ไกลออกไป มองผูคนบนทองถนนที่เดินขวักไขว
แมจะอยูท ามกลางสายฝน ในใจหวัง เป าเล อก็ สั ่ นไหว เขาเห็ น ในฝู งชนมีเงาราง
โดดเดี่ยว มีชายหญิงอิงแอบใตรมคันเดียวกัน มีผูรีบรอนเดินทาง และก็มีผูที่เดิน
ทอดนองอยางยินดีปรีดา
เขาเห็นพอคาที่กำลังกางเต็นทคาขาย เห็นนักรองหญิงที่ใชพัดบังใบหนาครึ่งลาง
มองผูคนที่เดินอยูนอกหนาตาง เห็นแมที่ดึงหูเด็กดื้อในสวนที่ไกลออกไป และที่
ไกลออกไปกวานั้นก็มีองครักษกลุมหนึ่งเดินผานไป
ยังมีขี้เมาที่นอนในตรอก แมจะถูกความเย็นของน้ำฝนปลุกตื่นแตก็ไมลุกขึ้น
ทำเพียงบนงึมงำกอนพลิกตัวนอนตอ ยังมีโจรลักเล็กขโมยนอยทามกลางฝูงชน และ
ที่ไกลกวานั้นยังมีพอคามั่งคั่งที่เดินออกมาจากจุดที่นักรองหญิงอยูดวยใบหนาแดงก่ำ
สิ่งเหลานี้สะทอนสูนัยนตาหวังเปาเลอ เขาหลับตาลง
เสียงเซ็งแซคอยๆ คืบคลานไปในสัมผัสสวรรคของเขา มีทั้งเสียงย่ำเดิน เสียงฝน
ตกกระทบพื้น เสียงเรียกลูกคาของพอ ค า และเสียงหัวเราะเฮฮาของเด็กน อ ยที่
เลนสนุกทามกลางสายฝน
รูปแบบชีวิตผูคนราวกับภาพวาด ปรากฏขึ้นมุมหนึ่งในใจของหวังเปาเลอเวลานี้
เสียงตางๆ นานา ที่ไดยินสอดประสานเปนโลกใบนี้ ขณะที่สะทอนสูสัมผัสสวรรค
ของหวังเปาเลอ เขาที่ถือรมกระดาษน้ำมันลืมตามองเด็กนอยที่มัดผมจุกตรงหนา
ในใจก็รูสึกทอดถอนยิ่งนัก
เด็กคนนี้กำลังไลตามเพื่อน วิ่งผานหนาหวังเปาเลอไป แมจะเปยกฝนจนตัวชุมแต
ก็ยังคงสนุกสนาน แมจะหกลมเปรอะน้ำฝนบนพื้นก็ยังคงลุกขึ้นวิ่งตอไปอยางราเริง
เพียงแตหลังจากวิ่งไปอีกหลายกาว คลายกับวารูไดถึงหวังเปาเลอ บางทีอาจรูสึกวา
ในโลกที่ไมหยุดนิ่งนี้ ราวกับปรากฏผูที่หยุดนิ่งจึงรูสึกประหลาดกอนหันกลับไป
มองเขาคราหนึ่ง
เด็กนอยนัยนตากระจางใส สีหนาอยากรูอยากเห็น เมื่อประสานสายตาเขากับ
หวังเปาเลอก็แลบลิ้นใสเขากอนวิ่งไปไกล
มองเงาหลังเด็กนอยที่ลับตาไปตรงมุมถนนแลว หวังเปาเลอก็ยกยิ้ม ทุกๆ สิ่งใน
ที่แหงนี้เกิดอยูในมิติมายาของใครผูหนึ่งในมิติแหงเตาตนกำเนิด ความฝนนี้ชาง
เหมือนจริง แมโลกในหวงมิ ติ ฝ นนี ้ จ ะมี เพี ย งคู เมื อง แต ใ นคู เมื องนี ้ ไ ม ว าจะเป น
อิฐกำแพงหรือผูคนทั้งหลายลวนสมจริงอยางมาก
“มีเพียงตั้งมั่นอยางลึกล้ำถึงจะสรางมิติฝนที่สมจริงเชนนี้ได” หวังเปาเลอพึมพำ
แหงนมองไปทางพระราชวัง ผูที่สามารถถักทอมิติมายาเชนนี้ออกมาได นอกจาก
ความตั้งมั่นแลวยังตองมีพลังอันนาสะพรึงอีกดวย
มีเพียงเชนนี้ถึงจะสามารถสรางมิติมายาที่มีคูเมืองพระราชวังสมจริง ถึงขั้นที่
ทำใหคนยากที่จะแยกแยะและลุมหลงไดงายๆ
ทำไดถึงขั้นนี้ที่อาณาจักรพิภพทมิฬนาจะมีไมมาก หวังเปาเลอใชดวงจิตเทพ
กวาดดู มีแคเพียงในพระราชวังเทานั้นที่มีรองรอยพลังงานขุมหนึ่งกำลังหลับใหลอยู
รองรอยพลังงานขุมนี้แข็งกลานัก แมจะเปนระดับปราณของหวังเปาเลอตอนนี้
ก็ยังรูสึกวาแกรงกลายิ่งกวาสถานะของเขา…เดาไดงายมาก คนผูนั้นก็คือบิดาของ
อูนอย จักรพรรดิเสวียนเฉิน!
“นี ่ ค ื อ มิ ต ิ ฝ น ของจั ก รพรรดิ เ สวี ย นเฉิ น ?” หวั ง เป า เล อ ไม ค อ ยมั ่ น ใจเท า ไร
จากความเข า ใจของเขา จั ก รพรรดิ เ สวี ย นเฉิ น สามารถถั ก ทอมิ ต ิ ฝ น คู เ มื อ ง
ที่มีพระราชวัง สรรพสิ่งที่ราวกับของจริงเชนนี้ไดแนนอน ทวานี่ยังไมใชจุดสูงสุด
จากการสัมผัสรูที่หวังเปาเลอมีจากกาวที่หา หากจักรพรรดิเสวียนเฉินตองการละก็
เขาทำไดถึงถักทออวกาศผืนหนึ่งออกมาไดเลย
ดังนั้นขณะที่พึมพำ หวังเปาเลอที่ถือรมกระดาษน้ำมันในมือจึงกาวไปขางหนา
ยางกาวนั้นไมไดรีบรอน เดินอยูในสายฝน เดินไปทางพระราชวัง ระหวางทางเขา
ปรากฏอยูในสายตาของฝูงชนจำนวนมาก ทวาเพียงพริบตาก็ไมมีใครจดจำเขาไดเลย
สักนิด
ราวกับมิติมายานี้ทุกอยางลวนมีตรรกะที่กำหนดไว การมาของหวังเปาเลอไมมาก
พอที่จะกอกวนมันได เขาจะอยูหรือไมอยูมิติมายาก็ยังคงเคลื่อนตอไป
ดำเนินไปเชนนี้ ทามกลางสายฝน หวังเปาเลอเดินไปเรื่อยๆ จนผานมุมถนน
ผานถนนใหญ และสุดทายก็ปรากฏอยูที่หนาพระราชวัง เขายืนแหงนหนามองรูปสลัก
นกแกวขนาดใหญที่ดานบน
ขณะที่ดูเลื อนรางก็ร ู สึ กเหมื อ นคิ ดไปเอง ราวกั บตอนนี ้ น กแก ว ตั วนี้ ก ็ ก ำลั ง
กมมองมายังตนเชนกัน
จองมองเปนเวลานาน หวังเปาเลอราวกับจมอยูในความคิด กอนถอนสายตากลับ
ยกเทาขึ้น เมื่อย่ำลงอีกครั้ง รางของเขาก็หายวับไปจากนอกพระราชวัง แลวปรากฏ
ขึ้นอีกครั้งที่ตำหนักแหงหนึ่งในพระราชวัง
ที่นี่คลายกับเปนหองหนังสือของจักรพรรดิเสวียนเฉิน วางเต็มไปดวยมวนหนังสือ
ไมไผ ที่ดานหลังโตะยาวขนาดใหญหรูหราโออา หวังเปาเลอเห็นจักรพรรดิเสวียนเฉิน
นั่งอยูตรงนั้นราวกับภูเขายักษลูกหนึ่ง
รูปรางสูงใหญ ทาทางนาเกรงขาม สวมชุดสีน้ำเงินเรียบงาย เวลานี้กำลังนั่ง
กมหนาอานหนังสือมวนไมไผในมืออยูตรงนั้น ทาทางดูสงบ ทวาในรางของเขาราวกับ
มีพายุที่สามารถทำลายลางทุกสรรพสิ่ง แมเพียงสายตาที่ทอดมองก็สามารถสราง
ความเสียหายเหมือนกับตนไดมองเห็นสิ่งที่ไมควรเห็น
เหมือนกับเตาของรางนี้นากลัวเกินไป มีกฎเกณฑอันนาสะพรึง ราวกับวังวน
ขนาดใหญที่สามารถดูดกลืนทุกสิ่ง
แมหวัง เปาเลอจะเปนวัง วนเช น กัน แต เมื ่ อเที ย บกั บเขาแล ว นั ่ น ก็ ย ั ง ไมพอ
ทำไดเพียงปกปองไมใหตนไดรับผลกระทบ
ในเวลานี้ ทั่วทั้งตำหนัก นอกจากจักรพรรดิเสวียนเฉินและหวังเปาเลอแลวก็
ไรเงารางผูใดอีก เงียบสงัดมาก
หวังเปาเลอนิ่งเงียบ เขามองจักรพรรดิเสวียนเฉิน สัมผัสถึงแรงบีบคั้นอันเปยมลน
ที่แผมาจากเขา ขณะที่เฝาสังเกตอยางเงียบเชียบ จักรพรรดิเสวียนเฉินที่นั่งอยูตรงนั้น
ก็เอยขึ้นทันที
“เจาไมควรมา”
เมื่อคำพูดลอยออกมา เสียงฟาผาสะทอนกองทองฟาดานนอก สายฟาฟาดลง
หลายสาย ทำใหเกิดแสงวาบขึ้นในเมฆดำที่บดบังอาทิตยยามอัศดง
หวังเปาเลอหรี่ตายังคงนิ่งเงียบเชนเดิม เขาเพียงหันหนามองดานนอกตำหนัก
ในเวลานี้ตรงนั้นมีผูเยาวคนหนึ่งสวมชุดคลุมยาว เทาขางหนึ่งกาวเขามาในตำหนัก
แลวแตกลับลังเล เอยเสียงเบาอยางระมัดระวัง
“ทานพอ ขา…”
ชายหนุมผูนี้ก็คืออูนอยในความทรงจำของหวังเปาเลอ กลิ่นอายบนรางของเขา
แตกตางจากสรรพสิ่งในคูเมืองแหงนี้อยูบาง ดูวองไวปราดเปรียวกวามาก
“ออกไป” อูนอยยังไมทันกลาวจบก็ถูกจักรพรรดิเสวียนเฉินที่นั่งอยูตรงนั้นเอยขัด
เสียงเย็นชาลอยมาขณะยังคงกมหนา
“ทานพอ ขา…ขาอยากออกไป ขาไมอยากอยูที่นี่ ขา…”
“ไปซะ!” จั ก รพรรดิ เ สวี ย นเฉิ น เสี ย งดั ง ขึ ้ น ท อ งฟ า ด า นนอกก็ ย ิ ่ ง กระหน่ ำ
โครมครามจนอูนอยตกใจหนาซีด หดเทาที่กาวเขาไปในตำหนักกลับมาทันที ขณะที่
ไดแตรับคำ สีหนาแดงก่ำก็คลายกับเก็บกลั้นความนอยใจและความโมโห ปรายตามอง
หวังเปาเลอครั้งหนึ่งกอนหมุนตัวจากไป
หวังเปาเลอขมวดคิ้วเล็กนอย มองเงาหลังอูนอย เขารูสึกวาอีกฝายดูแปลกไปจาก
สิ่งที่อยูในมิติฝนนี้
“สหายเตามาที่นี่ ไมวาเจาจะมาดวยเหตุใด ที่นี่ก็ไมตอนรับ เจาจะไปหรือไม?”
พริบตาที่หวังเปาเลอหันมองเงาหลังอูนอย ดานหลังของเขาก็มีเสียงเย็นยะเยือกที่แฝง
ไอสังหารลอยมา
จักรพรรดิเสวียนเฉินที่นั่งกมหนาอยูตรงนั้นตลอดเวลา ตอนนี้คอยๆ เงยหนาขึ้น
นัยนตาคลายกับมีสายฟา มองหวังเปาเลออยางเยียบเย็น
หวังเปาเลอหันกลับไปมองจักรพรรดิเสวียนเฉิน คิ้วขมวดมุนอีกครั้ง เดิมเขาคิด
วานี่คือมิติฝนของจักรพรรดิเสวียนเฉิน และสิ่งที่เห็นก็สอดคลองกับการคาดเดาของ
ตนอยูทีเดียว แตอูนอยเมื่อครู…ดันวองไวปราดเปรียวกวาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
“นี ่ เ ป น มิ ต ิ ฝ น ของใครกั น แน ?” หลั ง จากพึ ม พำครู ห นึ ่ ง ก็ ป ระสานมื อ คำนั บ
จักรพรรดิเสวียนเฉิน
“รบกวนแลว” กลาวจบก็หันกายจากไป
สายตาจักรพรรดิเสวียนเฉินทอดมองที่หวังเปาเลอตลอดเวลา จนกระทั่งเงาราง
ของเขาหายลับไปแลวถึง ถอนสายตากลับมาแลวกมหน าลงอีกครั้ง อานหนัง สื อ
มวนไมไผในมือนิ่งๆ ไมขยับเขยื้อน
และในเวลานี้ ดานนอกพระราชวัง ในตรอกที่นอยคนจะสนใจเสนนั้น ขี้เมา
วัยกลางคนผูถูกสายฝนกระทบจนตื่นกอนพลิกกายนอนตอก็บนงึมงำออกมา
“ทำไมฝนตกอีกแลวเลา ชางรบกวนฝนหวานของขาเสียจริง…”
บทที่ 1311 เจาเปนทั้งรางวัลและดานเคราะห
แมกลุมเมฆดำบนทองฟายังคงหนาแนน แตสายฝนกลับไมไดยิ่งตกยิ่งแรง ยังคง
รักษาระดับเปาะแปะปรอยๆ อยูตลอด ราวกับบนชั้นเมฆนั้นมีเซียนผูหนึ่งที่กำลังบิด
อยางชาๆ ไมออกแรงสักเทาไร
ดังนั้น เมื่อมองจากไกลๆ แมฉากฝนจะกลายเปนมานมุก แตก็มีความสวยงามตาง
ออกไป ทำใหทั่วทั้งคูเมืองตกอยูทามกลางความขมุกขมัวดั่งภาพลวงตาที่ปรากฏ
กลางน้ำราวกับเปนของจริง
ฟ า ค อ ยๆ มื ด ลง บางที อ าจเป น เพราะอาทิ ต ย ย ามอั ศ ดงถู ก กลุ ม เมฆบดบั ง
แสงจึงลอดออกมาจากกลุมชั้นเมฆไมมากนัก ทำใหยามตะวันรอนนี้มีเพียงสวนที่
ถูกแสงสองถึงเปนปกติ สวนที่อื่นๆ ราวกับถูกความมืดคืบคลานเขามาอยางรวดเร็ว
เสียงเซ็งแซของผูคนบนทองถนนยังคงเดิม พอคาและเด็กนอยก็ยังเปนเหมือน
ตอนที่หวังเปาเลอลืมตามอง ดูไมแตกตางสักเทาไรนัก และชายขี้เมาในตรอกนั้นที่
พลิกตัวนอนกรนก็กำลังฝนหวาน
“นาสนใจ” ในพระราชวัง หวังเปาเลอกาวเดินไปอยางไมเรงรอน สีหนาเปนปกติ
มีเพียงนัยนตาที่ฉายแววครุนคิดวาบผาน
“มิติฝนนี้ราวกับแฝงความนัยลึกซึ้ง” หวังเปาเลอพลันชะงักเทา หันหนามอง
ตำหนักที่จักรพรรดิเสวียนเฉินอยู ดวยพลังปราณของเขาในตอนนี้ยอมมองออกวา
จักรพรรดิเสวียนเฉินนั้นผิดปกติ
ดูคลายไมคอยปราดเปรียวเทาไรนัก ราวกับมีแมแบบกำหนด ถูกวางพฤติกรรม
และคำพูดคำจาไวกอนแลว เปนเหมือนกับสรรพสิ่งนอกพระราชวังแหงนี้ ที่เห็นแค
ปราดเดี ย วก็ ส มจริ ง ราวกั บ มี ช ี ว ิ ต ทว า เมื ่ อ พิ น ิ จ ให ล ะเอี ย ดก็ เ ป น เหมื อ นกั บ
จักรพรรดิเสวียนเฉินทั้งสิ้น
“มีเพียงอูนอย…” ขณะที่หวังเปาเลอพึมพำแลวเดินไปขางหนากาวหนึ่ง พริบตา
ตอมาเงารางของเขาก็หายไปทันที กอนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ตำหนักขางแหงหนึ่ง
เห็นอูนอยที่กลับมาอยางรอนรนดวยความนอยใจและปนปง
แทบจะเปนเวลาเดียวกับที่หวังเปาเลอเห็นอูนอย อูนอยเองก็เห็นหวังเปาเลอ
เทาหยุดชะงักกอนเอยออกมา
“เจาไมควรมา”
เมื่อคำพูดนี้ลอยมา ความปราดเปรียวบนรางของเขาราวกับวิ่งหนีไป แลวหายลับ
อยางไรรองรอย ทั้งรางกลายเปนเหมือนจักรพรรดิเสวียนเฉิน อารมณความรูสึก
นัยนตาก็หายไปกลายเปนราบเรียบ
หวังเปาเลอหรี่ตาลงทันที เลิกสนใจอูนอยกอนไหวรางครั้งหนึ่งพรอมตะปบลงบน
กระหมอมของอูนอย เขารูสึกไดวาเมื่อครูนี้ ความคลองแคลวปราดเปรียวบนรางเขา
ราวกับไดกลายเปนจิตสำนึกสายหนึ่งที่กำลังจะลอยจากไปดวยความเร็วรี่
แตจิตสำนึกที่ปราดเปรียวสายนี้ซับซอนมาก เมื่อหวังเปาเลอควาได จิตสำนึกนี้
ก็ดูเหมือนถูกจับไว ทวาพริบตาตอมากลับหายไปอยางไรรองรอย ทำใหหวังเปาเลอ
เลิกคิ้ว
“เปนสีสันหนึ่งเดียวในภาพขาวดำงั้นหรือ?”
“จิตสำนึกนี้อยูในรางใคร ผูนั้นก็จะปราดเปรียวคลองแคลวราวกับมนุษยจริง
สวนเจาของมิติฝนก็คือเจาของของจิตสำนึกสายนี้”
หวังเปาเลอพลันเขาใจกระจาง ถือโอกาสเดินไปทางทองฟา เพียงไมกี่กาวก็ออก
จากพระราชวังกอนปรากฏขึ้นอีกครั้งที่กลางทองนภาของคูเมืองแหงนี้ เขากมหนา
มองไปทางคูเมือง คนหารองรอยของของจิตสำนึกปราดเปรียวสายนั้น
หวังเปาเลอหาตำแหนงของมันพบแทบจะในพริบตา ประกายวาววับพาดผาน
นัยนตา จับจองอยูที่รางชายขี้เมาซึ่งกำลังนอนกรนหลับลึกอยูในตรอกแหงหนึ่ง
ทวาพริบตาที่หวังเปาเลอกำลังจะเขาไป ตอนนั้นเองสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในคูเมือง
แหงนี้ ไมวากำลังทำอะไรอยูลวนเงยหนาขึ้นทั้งหมด ทั้งคนเดินถนน พอคา เด็กเล็ก
นักรอง เวลานี้ตางเงยหนามองมายังหวังเปาเลอที่อยูบนฟา
“เจาไมควรมา”
“เจาไมควรมา”
“เจาไมควรมา”
คำพูดแบบเดียวกันลอยออกมาจากทุกคนที่เงยหนามองหวังเปาเลอในคูเมืองแหงนี้
เมื่อประสานเขาดวยกันก็เปนดั่งการคำรามของคูเมืองราวกับระเบิดกองฟา ราวกับ
พายุโหมซัดสาด สะเทือนเลื่อนลั่นฟาดิน
กลายเปนอุปสรรคแข็งแกรงขุมหนึ่งที่ราวกับจะขัดขวางดวงจิตเทพของหวังเปาเลอ
และในเวลาเดียวกันก็มีแรงขับไลอันนาสะพรึงขุมหนึ่งระเบิดสนั่นขึ้น แรงขับไลนี้
มาจากสิ่งมีชีวิตแหงนี้ ราวกับดวยการประสานรวมกันของดวงจิต พวกเขาไดเขาใช
แทนเตาสวรรค ใชแทนกฎเกณฑ
ดั ง นั ้ น การไม ต อ นรั บ ของพวกเขาได ส ง ผลให โ ลกผื น นี ้ ก ลายเป น แรงขั บ ไล
หวังเปาเลอแทน
หวังเปาเลอมุนคิ้ว มือขวายกขึ้นชาๆ ขณะที่กำลังจะสะกด ตอนนั้นเองเสียงไอ
คอกแคกก็ลอยออกมาจากชายขี้เมาในตรอกแหงนั้น
จากนั้น โลกใบนี้ก็กลับมาเปนดังเดิมทันที ราวกับทุกคนลืมการโหรองกอนหนา
ทยอยกันกลับคืนเปนปกติ ขณะเดียวกัน เปลือกตาปรือปรอยของชายขี้เมาก็ลืมขึ้น
ชาๆ และพริบตาที่ดวงตาทั้งสองขางเปดขึ้น…
สายฝนที่ตกลงในคูเมืองแหงนี้พลันหยุดลง แมกระทั่งสิ่งมีชีวิตก็เปนเชนเดียวกัน
เพิ่งจะฟนคืนกลับมา คนเดินถนนที่กำลังรีบเรงไมขยับเขยื้อน พอคาที่หยิบของให
ลูกคาก็คางเติ่งในทาหยิบของ เด็กนอยที่เริงราก็หยุดอยูในทาวิ่งเชนเดียวกัน
แววตาลึกล้ำพาดผานนัยนตาหวังเปาเลอ เขาสาวเทาลงมาจากทองฟาไปยัง
ตรอกเสนนั้น ยืนอยูหนาชายขี้เมาที่ในเวลานี้ลุกขึ้นจากทาเอนนอนอยูในทานั่งพิง
กำแพง
ผมเผาของเขากระเซอะกระเซิง ดวงตาขมุกขมัว รางกายเต็มไปดวยกลิ่นสุรา
แตก็ยังพอมองออกไดอยางเลือนรางวาเหมือนกับจักรพรรดิเสวียนเฉินไมผิดเพี้ยน
เมื่อเห็นเชนนี้ ดวงตาหวังเปาเลอก็กระจางใส ในใจไดคำตอบแลว คนตรงหนาถึง
จะเปนจักรพรรดิเสวียนเฉินตัวจริง นี่คือมิติฝนของเขา สวนคนที่อยูในพระราชวังผูนั้น
ก็เปนแคตัวเองในความฝนของคนผูนี้เทานั้น ลวนเปนมายา
ชายขี้เมาในเวลานี้ศีรษะเอียงพิงกำแพงพลางหยิบกาสุราขางกายขึ้นมา เมื่อดื่มน้ำเมา
ที่เหลือไมมากไปอึกหนึ่งก็พนลมหายใจผสมกลิ่นสุราออกมายาวๆ กอนมองไปยัง
หวังเปาเลอ
“เจาวางมากจนมารบกวนฝนหวานผูอื่น หากไมใชเพราะบนตัวเจามีกลิ่นอาย
ไมไดเรื่องของลูกขา ขาคงไลเจาออกไปแตแรกแลว”
“ผูอาวุโส ขออภัยที่รบกวน” หวังเปาเลอประสานมือคารวะเอยอยางราบเรียบ
“เขามิติฝนมาที่นี่ ตามหาเจาของความฝน เจาจะยืมใชมิติฝนเขาไปในมิติแหงเตา
ตนกำเนิด?” ชายขี้เมาเขยากาสุราในมือไปมากอนโยนไปขางๆ
“ผูอาวุโสโปรดชวยเหลือดวย” หวังเปาเลอไมแปลกใจที่คนตรงหนารูสิ่งเหลานี้
สำหรับชนชั้นสูงอยางจักรพรรดิเสวียนเฉิน เรื่องราวตางๆ เพียงปราดเดียวก็มองทะลุ
ปรุโปรง
“ฟาใกลมืดแลว” ชายขี้เมาเอยตอบทันที คำพูดนี้ดูไมเกี่ยวของกับบทสนทนา
กอนหนา กอนปดตาลง
“หืม?” หวังเปาเลอหรี่ตา ขณะที่กำลังจะเอยปาก ทวาพริบตาถัดมาสีหนาก็ตอง
เปลี่ยนไป ดวงจิตเทพกวาดไปทั่วเมือง เวลานี้เมฆดำบนฟาไดบดบังแสงอาทิ ตย
สุดทายจนมิด พื้นดินมืดสลัว ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตที่เดิมถูกหยุดคางไว ตอนนี้
ก็ฟนคืนกลับมาทั้งหมดแลว
แต… สีหนาทาทางของพวกเขากลั บแตกต างไปจากตอนกลางวั น โดยสิ ้ น เชิ ง
อิงแอบอยูดวยกัน คูรักที่อยูใตรมกระดาษน้ำมันคันเดียวกันระหวางเดินไปเบื้องหนา
พลันทะเลาะกันขึ้นมา สีหนาทั้งคูดูนาเกลียดพนคำวาราย
เด็กนอยที่กำลังเลนซุกซน เพียงพริบตาก็ดูดุรายตบตีกัน
อีกทั้งพอคาที่กำลังคาขายอยูก็ควักมีดออกมาจากอกอยางกะทันหัน กระโจนไปทาง
ลูกคาแทงออกไปอยางโหดเหี้ยม
แมแตนักรองที่เดิมกำลังรองรำทำเพลงก็เชนกัน ราวกับกลายเปนปศาจราย
ทุกๆ คนทั่วทั้งคูเมืองลวนเปนเชนนี้ คูเมืองตอนกลางวันสามัคคีสงบสุข ยามค่ำคืนราว
กับเปนเมืองปศาจ
เสียงคำราม เสียงกรีดรอง เสียงกนดา เสียงบาคลั่งลวนระเบิดออกมาในเวลานี้
กลางวันดั่งมิตรภาพ
กลางคืนชั่วรายอยางยิ่ง
เหตุการณฉากนี้ทำใหเกิดคลื่นลูกยักษขึ้นในใจของหวังเปาเลอ เขาไมเขาใจ
ตองเปนสภาพจิตใจแบบไหนกันถึงจะสามารถทำใหเกิดภาพดีและรายกลับไปกลับมา
เชนนี้ใหเกิดขึ้นในความฝนได
“ในฝนนี้ แตละคนลวนมีดานดีและดานราย” ชายขี้เมาหลับตาลงทาทางคลาย
ละเมอพูด ไมรูวาคลำหยิบกาสุราอีกกาหนึ่งมาจากตรงไหนขางกาย
“เจาอยากใชขาเปนทางผานไปจากที่นี่ เขาสูมิติแหงเตาตนกำเนิด เชนนั้น
เจาตองตอบคำถามขาขอหนึ่งกอน เจาวา…”
“ขาดีหรือชั่ว?”
“หากเดาถูก ขาจะยอมฟนตื่นใหเจ าเข าไปในมิ ติแหงเตาตน กำเนิด หากเดาผิ ด
หวังวาเจาจะจากไป เจา…ไมควรมา”
หวั ง เป า เล อ มองไปยั ง ชายขี ้ เ มา เงี ย บงั น ครู ใ หญ ก อ นเงยหน า มองไปทาง
พระราชวัง
“มองวาดีก็ดี มองวาชั่วก็ชั่ว อยูกับความคิดของทาน”
เมื่อคำพูดนี้ลอยออกมา ทวงทาที่กำลังจะยกกาสุราของชายขี้เมาพลันชะงัก
นิ่งงันไปทั้งราง ครูตอมาดวงตาที่ปดอยูคอยๆ เปดออก เสนเลือดแผกระจายแฝงดวย
ความซับซอนยากจะเอื้อนเอย กอนมองไปยังหวังเปาเลออีกครั้ง
“เปนเจาจริง สินะ…” ชายขี้เมางึ มงำพลางยิ ้ มเฝ อ น มื อขวายกโบกเต็ ม แรง
เพียงพริบตาโลกที่คูเมืองอยูพลันพรามัวทันที ราวกับฟองอากาศที่แตกละเอียด
เริ่มจากขอบทั้งสองกอนคอยๆ จางหายไป
หวั ง เป า เล อ ขมวดคิ ้ ว คำพู ด เมื ่ อ ครู ข องจั ก รพรรดิ เ สวี ย นเฉิ น ทำให เ ขารู สึ ก
ประหลาดชอบกล
“ผูอาวุโสหมายความเชนไร?”
ชายขี้เมาไมตอบ แตกลับหัวเราะรา หัวเราะไปหัวเราะมา โลกใบนี้ก็ยิ่งพรามัว
กระทั่งตรอกที่พวกเขาอยูก็เริ่มจะเลือนหายไป
มีเพียงเสียงหัวเราะที่ซับซอนและฝดเฝอนของเขาที่สะทอนกองอยู
“เดิมเฝาตะเกียงน้ำมันเดินทางธรรม กลับติดอยูในโลกวุนวายดวยสุรา สามชาติ
มีโชคไดพบเจา เจาเปนทั้งรางวัลและดานเคราะห…”
“ผูอาวุโส?” สัมผัสสวรรคของหวังเปาเลอสั่นสะทาน ถอยคำนี้ทำใหความรูสึก
ประหลาดในใจทวีความรุนแรงขึ้น
“ขาถามเจาอีกสักขอ” ทั้ง คูเมื องนี ้ แม แ ต ตรอกเส น นี ้ เวลานี ้ ล วนจางหาย
รางของชายขี้เมาก็เชนเดียวกัน แตขณะที่เขากำลังจะจางสลายไปจนสิ้น ชายขี้เมา
ก็มองหวังเปาเลอพรอมเอยขึ้นวา
“เจาละ? ดี ชั่ว หรือ…ขึ้นอยูกับความคิดเหมือนกัน?”
บทที่ 1312 วานอนสอนงาย
เมื่อไดยินคำถามของชายขี้เมา หวังเปาเลอนัยนตาลึกล้ำไมไดตอบกลับ เขามอง
ชายขี้เมาและโลกที่กำลังจางหายไปตรงหนาดวยแววตาราบเรียบ จนกระทั่งผานไป
หลายอึดใจ ทั่วทั้งคูเมืองก็ร าวกับฟองอากาศที่แ ตกละเอีย ด สลายลงกลายเป น
ความวางเปลา
และขณะเดียวกับที่มันแตกสลาย พริบตาที่มิติมายากับความเปนจริงตัดสลับ
วิ ช าเต า แห ง ฝ น ของหวั ง เป า เล อ ก็ เ ริ ่ ม เคลื ่ อ นตั ว ขึ ้ น อย า งเป น ไปตามธรรมชาติ
ควาโอกาสตัดสลับสายนั้นพรอมปดตาลง
ในขณะเดียวกัน รางหลักของหวังเปาเลอที่นั่งขัดสมาธิอยูที่ใตสะพานดินแดนเซียนใน
เวลานี้ รางกายคอยๆ เลือนราง คลายกับการคงอยูของเขาเปนดั่งภาพวาดที่ตอนนี้
กำลังถูกคนลบไปทีละนิด
เมื่อถูกลบจนเลือนหายไปหมด ในมิติแหงเตาตนกำเนิด หวังเปาเลอที่อยูที่นี่
คอยๆ เปดตาขึ้นชาๆ รางกายเขาเริ่มมีเลือดมีเนื้อขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพริบตา
ที่ดวงตาทั้งสองของเขากะพริบเปดและปดอยางเต็มที่…
เขาไมไดอยูในมิติฝนแลว
สิ่งที่เห็นตรงหนา…กลายเปนโลกแปลกตาทันที!
ท อ งฟ า ที ่ น ี ่ ร าวกั บ เปลวเพลิ ง แดงก่ ำ ไร ใ ดเปรี ย บ คล า ยกั บ ชโลมด ว ยเลื อ ด
ใหความรูสึกชั่วรายยากจะบรรยายแกผูคน
สวนพื้นดินเต็มไปดวยความแหงแลง ไมมีแมแตตนหญาและแทบจะไรรองรอย
ของสิ่งมีชีวิต ถึงขนาดที่วาแมแตซากปรักพังก็ไมมีเขาสูสายตาเลยสักนิด
ราวกับที่นี่เปนเขตหวงหามของสิ่งมีชีวิต
เปลาเปลี่ยว แหงขอด คลายเปนทวงทำนองหลักของที่แหงนี้ กระทั่งสายลม
ที ่ โ ชยมาก็ ใ ห ค วามรู ส ึ ก หยาบกร า นแก ผ ู ค นยามกระทบกาย ทำให ห วั ง เป า เล อ
รูสึกคลายกับกำลังถูกพัดสลาย
“ลมที ่ น ี ่ … แฝงด ว ยกฎพิ เ ศษบางอย า ง คล า ยกำลั ง ดู ด พลั ง ชี ว ิ ต ของข า ”
หวังเปาเลอสัมผัสอยูเงียบๆ ครูหนึ่ง มองไปรอบๆ อีกครั้งกอนปลอยดวงจิตเทพ
ออกไปอยางรวดเร็ว แผปกคลุมไปทั่วบริเวณ
เขาอยากจะดู ว า ที ่ น ี ่ เ ป น เขตแดนแบบใดกั น แน แต ช ั ด เจนว า ในจั ก รวาลนี้
มีแรงยับยั้งอยู แมแตพลังปราณของหวังเปาเลอก็ปลอยออกมาไดเพียงบางสวน
เทานั้น
แมจะเปนเพียงบางสวน แตก็กวางพอแลว ขนาดพอๆ กับโลกแหงศิลา
และในเขตจิตของเขา พื้นดินยังคงเหมือนเดิมไมเปลี่ยนแปลง ตั้งแตตนจนจบ
ไมมีสิ่งมีชีวิตปรากฏขึ้นมาเลยแมแตนอย
หวังเปาเลอหรี่ตา ไหวรางระเบิดพลังบินไปที่หางไกลดวยความรวดเร็ว เมื่อบินไปได
สองชั่วยามคิ้วก็คอยๆ ขมวดมุน
เพราะดวยความเขาใจกอนมาของเขา ในมิติแหงเตาตนกำเนิดมีจักรวาลที่เกิด
จากผูเยี่ยมยุทธ 108 ทานอยู ตามหลักการแลว เวลานี้ตนควรจะอยูที่ใดสักแหงใน
จักรวาลนี้ แตการบินดวยความเร็วสองชั่วยาม แมดวงจิตเทพจะถูกยับยั้งจากที่แหงนี้
อยูบาง ทวาก็เพียงพอแลวที่จะบิยวนจักรวาลได ยิ่งไมตองเอยถึงพื้นดินผืนเดียว
แหงนี้เลย
ทวาจวบจนถึงตอนนี้ สิ่งที่รับรูก็คือ ที่แหงนี้ไมเปลี่ยนแปลงไปเลยแมแตนอย
และก็ไมถึงสุดเขตพื้นดิน สิ่งมีชีวิตที่นี่ยังคงไรรอยรอยใดๆ
“ไมคอยถูก ที่นี่ไมควรไรสิ่งมีชีวิต…ไมเชนนั้นที่ขาเห็นในเตาแหงฝนทั้งหมด
กอนหนานั้น ดวงแสงมากมายมหาศาลนั่นจะเปนใคร?”
หวังเปาเลอยืนอยูใตทองฟาสีแดงก่ำ กมหนามองพื้นดิน ผานไปอึดใจก็แหงนหนา
มองฟา ในเมื่อผืนดินแหงนี้ราวกับไมมีจุดสิ้นสุด เชนนั้นเขาจะลองไปดูทองฟาแทน
คิดไดดังนี้ หวังเปาเลอก็ลอยขึ้นสูงทันที มุงไปยังทองฟาที่แดงก่ำดวยความ
รวดเร็ว ทวาทองฟาผืนนี้ก็ชางประหลาดอยางยิ่ง คลายกับไมมีจุดสิ้นสุดเชนกัน
ไมวาหวังเปาเลอจะไปตออยางไร แมจะเขาไปในทองฟาจนลึก รอบดานเต็มไปดวย
แสงสีแดง แตก็ไมสามารถทะลุออกไปไดอยูดี
ราวกับโลกใบที่เขาอยูนี้เหมือนไมมีขีดจำกัด ทุกๆ ที่ลวนเปนที่ที่ยากจะกาว
ออกไป
ถึงขนาดในตอนทาย เหตุเพราะแสงสีแดงเขมขนเกินไปจนเกิดการเปลี่ยนแปลงนอยๆ
กลายเปนหมอกสีแดง แตเขาก็ยังคงติดอยูขางในหาทางออกไมเจอ
นี่ทำใหหวังเปาเลอคิ้วขมวดมุนยิ่งขึ้น นัยนตามีประกายเยียบเย็นพาดผาน
หยุดนิ่งครูหนึ่ง มือขวายกสูง เตาแปดปกมัตถในรางปะทุ ขณะที่พลังแหงธาตุทั้งหา
ไหลเคลื่อน ขณะที่เขากำลังจะระเบิดโลกใบนี้อยางไมออนขอ
ตอนนั ้ น เอง สี ห น า หวั ง เป า เล อ ก็ เ คร ง ขรึ ม ภายในเขตดวงจิ ต เทพของเขา
เกิดระลอกคลื่น หากเปรียบดวงจิตเทพเปนดั่งผืนน้ำ เชนนั้นระลอกคลื่นตอนนี้
ก็เหมือนกับมีกอนหินตกลงไป เกิดระลอกคลื่นเล็กๆ ขึ้นมา
แทบจะเปนเวลาเดียวกับที่รูสึกถึงระลอกคลื่นนี้ ดวงจิตเทพของหวังเปาเลอ
ก็เล็งเปาหมายไวอยางรวดเร็ว รับรูไดอยางชัดเจนวาในหมอกแดงแหงนั้น ตอนนี้
มีเงารางหนึ่งอยูกอนพุงเขาไปหาอยางเร็วรี่
เงารางนี้ประหลาดอยางยิ่ง ทั้งๆ ที่เมื่อเปรียบกับความเร็วของหวังเปาเลอแลว
ตางกันอยางเห็นไดชัด แตพลังปราณของหวังเปาเลอในเวลานี้ กลับมองเห็นเขา
ไมชัดเจน
รู ส ึ ก เพี ย งรางๆ ในตอนที ่ ส ั ม ผั ส ได ราวกั บ ความรู ส ึ ก ของอี ก ฝ า ยแฝงด ว ย
ความยินดี ถึงขนาดในความรูสึกของตนยังไดรับผลกระทบ เกิดความสุขลอยขึ้นมา
อีกทั้งขางหลังของเงารางนี้ ก็ปรากฏอีกสองเงารางที่เลือนรางเหมือนกันกำลัง
ไลกวดดวยความรวดเร็ว เงารางสองร างนี ้ ย ั ง พิ สดารกว าความรู สึ กยิ น ดี ร า งนั้ น
เพราะหากพูดใหถูก พวกเขา…ไมใชเงารางของมนุษยที่สมบูรณเสียแลว
ในความรูสึกของหวังเปาเลอ ผูที่ไลตามทั้งสองคนนี้รางกายคลายกับอยูระหวาง
จับตองไดและจับตองไมได ขณะที่จับตองไดก็พอแยกแยะเปนรางคน แตยามที่จับ
ตองไมไดกลับหายไปอยางไรรองรอย ทิ้งไวเพียงทำนองเสียงที่หวังเปาเลอไมเคยไดยิน
มากอนสองเสียง หนึ่งเร็ว หนึ่งชา ผานไปในสัมผัสสวรรคของเขา
หวังเปาเลอหรี่ตา เมื่อสังเกตอยูครูหนึ่งก็รูสึกไดวาเงารางทั้งสามที่กำลังรุกไลใน
เวลานี้กำลังจะออกจากเขตดวงจิตเทพของตน ดังนั้นนัยนตาจึงทอประกายวาบ
กาวออกไปกาวหนึ่งและหายไปทันที
และปรากฏขึ้นอีกครั้งที่ตรงกลางของเงาร างทั้ง สาม การปรากฏตัวของเขา
กะทันหันเกินไป ทำใหผูที่ถูกไลกวดตกตะลึง สวนผูที่ไลตามทั้งสองก็ไมตางกัน
เมื่อถึงตรงนี้ ไมรูเพราะเหตุใด ดวยดวงตา หวังเปาเลอก็เห็นพวกเขาไดอยาง
ชัดเจนแลว ผู ที่ถูกไลฆาเปนเด็กหนุ ม สี ห น าขาวซี ด ดู ธรรมดา แต ไ ม รู ว าทำไม
เมื่อเห็นเขา ความรูสึกยินดีปรีดาในใจหวังเปาเลอก็เพิ่มขึ้นอยางชัดเจน
สวนผูที่รุกไลทั้งสอง ดูแลวเปนวัยกลางคน สีหนาเยียบเย็น ใหความรูสึกโอหัง
และถือดีบางอยาง
ทั ้ ง สองคนดู เ หมื อ นจะเหี ้ ย มกว า หน อ ย ทั ้ ง ๆ ที ่ ห วั ง เป า เล อ ก็ ป รากฏตั ว ขึ้ น
อย า งกะทั น หั น แต เ มื ่ อ ผงะไป ความเร็ ว กลั บ ไม ต กลงแม แ ต น อ ย และพุ ง ไปยั ง
หวังเปาเลอทันที ขณะที่พุงทะยานนั้น เงารางทั้งสองก็เลือนรางกอนจางหายไป
มีเพียงทำนองสองเสียงที่พุงมาทางหวังเปาเลอดวยความเร็วดังชัดใกลเขามามากขึ้น
“พวกเขาเปนพลังเทพแบบไหน?” หวังเปาเลอประหลาดใจ หันไปมองเด็กหนุมที่
ถูกไลฆาพรอมเอยถาม
เมื่อถามจบ ดวยเสียงที่ดังเขามาในหูของหวังเปาเลอ รางกายของเขากลับเกิด
อาการถูกควบคุม ถึงขั้นมีพลังประหลาดขุมหนึ่งผุดขึ้นในรางของเขาอยางปาเถื่อน
ราวกับจะระเบิดฝงเขา
หวังเปาเลอทึ่งเปนอยางมาก สำหรับทำนองเสียงทั้งสองแลวก็เหมือนกับพลัง
ของสัตวราย เหมือนกับเห็นไสเดือน เขาสัมผัสมันอยางถี่ถวนครูหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ผูที่ถูกไลนั้น ชัดเจนวาไมรูวาหวังเปาเลอเปนใคร นัยนตาจึงเปน
ประกาย ยิ้มเยาะในใจ
“เจอผูร่ำรองแหงเมืองปรารถนาเสียง กลับใหทวงทำนองรายไปตามอำเภอใจ
คนผูนี้นาจะเปนคนโบราณที่เพิ่งจะฟนตื่น ชางโงเขลาเสียจริง มีที่ไหนที่เจอหนาก็ถาม
แบบนี้ มีแตคนโงถึงจะบอกตามจริง” เด็กหนุมแคนเสียง แววตาเหมือนมองคนตาย
คลายกับรูไดวาพริบตาตอมา ผูที่มาอยางประหลาดนี้จะตองตกตายอยางแนนอน
กอนหันหนาเพิ่มความเร็วหนีไป
และในขณะที่เขาไหวราง พริบตาที่เหาะไปไม ถึง สิ บจั ้ง ทำนองเสียงทั ้ ง สอง
ดานหลัง…ก็หยุดลง
หลั ง จากตะลึ ง งั น เด็ ก หนุ ม หั น กลั บ ไปตามสั ญ ชาตญาณ พริ บ ตาที ่ เ ห็ น ฉาก
เหตุการณดานหลังอยางชัดเจน ดวงตาพลันเบิกกวางราวกับเห็นผี
“เจาเจาเจา…”
เวลานี้ หวังเปาเลอที่เขาเห็นกำลังยืนอยูตรงนั้น ในงามนิ้วของมือขางหนึ่งกำลัง
จับโนตดนตรีทั้งสอง สังเกตดวยความสนใจ ดีดดึงเลนไมหยุด
สวนโนตดนตรีทั้งสอง ตอนนี้มันสั่นไหวอยางรุนแรงราวกับหวาดกลัวสุดขีด
สงเสียงโอดครวญขณะดิ้นรนทำใหทวงทำนองเปลี่ยนไป
เมื่อครู เสียงดนตรีทั้งสองไดพุงชนพลังที่ยิ่งใหญของเขาอยางดุดันป าเถื่อน
จากนั้น…พวกมันก็เริ่มสั่นไหวอยากจะถอยกลับ แตเห็นไดชัดวาไมทันแลว
“พวกเขาเปนพลังเทพแบบไหน?” เมื่อเห็นเด็กหนุมที่โดนไลฆาหยุดลง หวังเปาเลอก็
เงยหนาถามดวยความจริงจังอีกครั้งทามกลางเสียงโหยหวนดิ้นรนของตัวโนตทั้งสอง
เด็กหนุมสูดลมหายใจลึก หลังจากสับสนลังเลอยูครูหนึ่งก็เอยตอบอยางเชื่อฟง
“ผู อ าวุ โ ส พวกเขาเป น ผู ฝ ก ตนของเมื อ งปรารถนาเสี ย ง ฝ ก เคล็ ด วิ ช าเสี ย ง
เสียงที่ไดยินทั้งหมดเปนสภาพพลังเคล็ดวิชาของพวกเขาทั้งนั้น ผูที่ฝกจนถึงระดับหนึ่ง
สามารถกลายรางเปนเสียงสัมผัสได เปนอมตะ ไมตายไมดับ”
เด็กหนุมตอบอยางละเอียด
บทที่ 1313 วิญญาณจักรพรรดิ
“เมืองปรารถนาเสียง?” หวังเปาเลอครุนคิด ในโลกมิติแหงเตาตนกำเนิ ดนี้
จากความเข า ใจที ่ ผ า นมาของเขา คล า ยจะต า งกั น อยู บ า ง โดยเฉพาะรู ป แบบ
การฝกเสียงเพลง แมกอนหนานั้นหวังเปาเลอจะเคยเห็นจากผูฝกตนแตละคนใน
โลกแหงศิลา หากแตชัดเจนวาจากเนื้อแทและคุณประโยชนนั้นแตกตางจากผูฝกตนนี้
โดยสิ้นเชิง
“เมื่อฝกจนถึงระดับหนึ่ง จะสามารถเปลี่ยนตัวเองใหกลายเปนบทเพลงเลื่อนลอย
ทอนหนึ่งไดงั้นหรือ” การฝกที่แปลกใหมเชนนี้ ทำใหหวังเปาเลอรูสึกสนใจกฎเกณฑ
ของมัน สวนเรื่องเปนอมตะนิรันดร ไมตายไมดับ เขาไมเชื่อ
ทวาในใจเขาเวลานี้ บางทีอาจเปนเพราะการตอบอยางละเอียดของอีกฝาย
หรือจะดวยสาเหตุอื่น จึง เกิดความรู สึ กดี ต อเด็ กหนุ มตรงหน า ถึ ง ขนาดรู สึ กได
อยางชัดเจนวาความยินดีปรีดาในใจตนดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอยูบาง
ทำใหเขารูสึกประหลาดใจ ดวงตาคอยๆ หรี่ลง จับดึงตัวโนตสองตัวที่ระหวางนิ้ว
ทำใหเกิดเสียงจากความเศราโศกดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากใชพลังขุมนี้ตีแตกความยินดี
ปรีดาในใจ หวังเปาเลอก็เอยถามวา
“แลวเจาละ?”
เด็กหนุมชะงักครูหนึ่ง แตดวยนิสัยดีงามที่มี ทำใหเขาลืมเรื่องที่ตนวิจารณ
คนโงเขลากอนหนาไปอยางงายดาย และโดยรวดเร็วก็คลอยตามแตโดยดี
“ขาเปนผูฝกหนึ่งในสาขาของสวนมงคล ฝกเตาฝายสุข แคขยับมือขยับเทา
ก็สามารถปลอยความเบิกบานใจออกมากระจายใหแกทุกคนได จากเนื้อหาของ
คัมภีรแหงความสุข เมื่อฝกจนถึงขั้นสุดยอดไดอยางเจาแหงความสุข ก็จะทำให
สิ่งมีชีวิตบนโลกทั้งหมดมีความสุขอยางบาคลั่ง”
“เตาฝายสุข?” หวังเปาเลอกำลังจะซักถามตอ ทวาตอนนั้นเอง หมอกสีแดง
บริเวณรอบๆ พลันบิดมวน เกิดเสียงฟารองติดตอกันดังมาจากที่ไกลๆ
และไมเพียงเทานี้ ขณะที่เสียงฟารองลอยแววมา เมื่อหมอกสีแดงที่บิดมวน
ปรากฏตาขายขนาดใหญสีทองหนึ่งอันขึ้นรางๆ คลายกับกอตัวขึ้นจากทุกสารทิศ
กำลังพุงเขามาทางนี้ดวยความรวดเร็ว
ภาพฉากนี้ทำใหนัยนตาหวังเปาเลอวาววับ พลางถามเด็กหนุม
“นี่คืออะไรอีก?”
เด็กหนุมก็ตะลึงไปเชนกัน สีหนางงงวย
“หรือวาเปนชนชั้นสูงของเมืองปรารถนาเสียงตามมาอี กหรือ? เปนไปไม ไ ด
ไมเคยไดยินมากอนวาในเมืองปรารถนาเสียงมีผูฝกเสียงฟารอง…”
“ตอใหมีจริงๆ ก็ไมถึงขั้นที่ตองไลตามขามาถึงนี่”
“ที่นี่อยูในความวางเปลาใตผืนดินแลว นอกจากคนโบราณที่ยังไมฟนตื่นเหลานั้น
ก็ไ ม ม ีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีก หรือวามีคนโบราณฟ นตื ่น อี กแลว?” เด็ กหนุ มแปลกใจ
ที่เอยมาไมใชแกลงหลอก แตเขาไมเขาใจจริงๆ
เพราะจากความเขาใจของเขา เรื่องคนโบราณฟนตื่นมีไมบอยนัก ตอนนี้เห็นได
คนหนึ่งก็นับวาเห็นไดนอยมากแลว หากยังบังเอิญเจอคนที่สองก็ยิ่งนอยเสียยิ่ง
กวานอย
ดวยประสบการณและสายตาของหวังเปาเลอก็มองออกวาเด็กหนุมคนนี้งงงันจริงๆ
เขาหรี่ตาลง หลังจากเก็บโนตดนตรีที่จับเปนมาทั้งสองตัวแลวก็ควาเด็กหนุมกอน
ไหวราง ถอยหลังไปเตรียมออกจากอาณาเขตนี้
เพราะลางสังหรณของเขา ในเวลานี้เสียงฟารองที่แววมาแตไกลดวยความเร็ว
ใหความรูสึกอันตราย และพลังที่สามารถทำใหเขาเกิดความรูสึกอันตรายเชนนี้ได
ตองไมธรรมดาแนนอน
แตวา…พริบตาที่หวังเปาเลอถอยหลัง ไมรูเพราะเหตุใด คลายการกระทำของเขา
ถูกเสียงฟารองที่ใกลเขามารูเขาแล ว เสี ย งฟ าร องพลั น กระหน่ำคลั ่ ง ในตอนนั้น
ความเร็วปะทุสูงขึ้น และพริบตาตอมา ทามกลางไอหมอกที่กระจายออก หอกยาว
สี ด ำเล ม หนึ ่ ง วนล อ มสายฟ า สี ม ว งก อ นแหวกไอหมอกด า นหน า และพุ ง เข า หา
หวังเปาเลอทันที
หอกเลมนี้ราวกับผากระบอกไผ เร็วจนเกิดภาพติดตา เกิดแรงกดดันเทียมฟา
แฝงไวดวยพลังทำลายลาง พริบตาที่ปรากฏก็เกิดเสียงสนั่นไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะ
พลังทำลายลางที่แผกระจายออกมานั้นเทียบไดกับพลังสุดยอดขั้นสี่เลยทีเดียว
มันพุงไปทางเบื้องหนาของหวังเปาเลอในอึดใจตอมา จนเหมือนจะทะลุออกไป
แต ช ั ด เจนว า เพี ย งเท า นี ้ ย ั ง ไม พ อที ่ จ ะให ห วั ง เป า เล อ กลั ว ได แทบจะเป น
พริบตาเดียวกับที่หอกยาวเลมนี้เขามาใกล เตาแปดปรมัตถของหวังเปาเลอก็ปะทุขึ้น
มือซายชูไปขางหนาควาหอกยาวที่พลังรุนแรงไวทันที!
ไมวาหอกยาวเลมนี้จะดุดันปาเถื่อนอยางไร ไมวาจะดิ้นรนกระเสือกกระสน
อยางไร มือซายของหวังเปาเลอก็เปนดั่งคีมเหล็กคีบมันไว จากนั้นเหวี่ยงอยางรุนแรง
ทำใหหอกยาวเลมนี้เบนทิศกลับไปทางทิศที่มา โจมตีกลับไปในเสนทางนั้น อีกทั้ง
ยังเร็วกวาเดิม รุนแรงกวาเดิม!
ทามกลางเสียงแหลมยาวที่ดังขึ้น ขณะที่หอกยาวนี้พุงไปยังทิศทางเดิมแลว
ในไอหมอกก็ถูกทะลวง
ไมกี่อึดใจ เมื่อเสียงดังสนั่นลอยดังออกมา เงารางที่สวมชุดคลุมยาวกับหนากาก
สีขาวก็ปรากฏ ตอนที่เขาปรากฏกาย ภายในไอหมอกบริเวณรอบดานก็ผุดตาขาย
สีทองขนาดใหญขึ้น ตอนนี้มันก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้นจนครบถวนแลว
หวังเปาเลอหรี่ตามองฉากนี้ ขณะเดียวกันเด็กหนุมที่ถูกเขาจับอยูในมือขวา
เวลานี้ดวงตาเบิกกวางคลายกับนึกอะไรบางอยางออก สีหนาเปลี่ยนจากสับสนเปน
หวาดกลัว และเปนความหวาดผวาอยางรวดเร็วกอนรองเสียงหลงออกมา
“วิญญาณจักรพรรดิ!”
“สวรรค นี่…นี่คือวิญญาณจักรพรรดิ!”
“วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร?” หวังเปาเลอเอยถามทันที
“วิญญาณจักรพรรดิคือสาวกของเตาสวรรคในตำนาน ไมตายไมดับ และก็จะ
ไมปรากฏตัวที่บนโลก แบบนี้ไมถูกสิ ทำไมแมกระทั่งวิญญาณจักรพรรดิก็ปรากฏตัว
ออกมาแลว เลากันวาภารกิจของเขามีเพียงขอเดียว นั่นก็คือฆาลางเตาที่มาจาก
ภายนอก…” เอยถึงตรงนี้ เด็กหนุมก็เงียบเสียง หันมองหวังเปาเลออยางโงงม นัยนตา
ฉายแววสั่นไหวรุนแรง
“เจา…เจาไมใชคนโบราณ? เจาคือ…ผูที่มาจากภายนอก?”
“ฆาลางผูที่มาจากภายนอก ไมตายไมดับ?” หวังเปาเลอครุนคิด มองผูฝกตน
ที ่ ส วมหน า กากและชุ ด คลุ ม สี ข าวตรงหน า ในเวลานี ้ เ หยี ย บสายฟ า มาอย า ง
สะเทือนเลื่อนลั่น ตัวเขาไมหลบหลีก
เพราะพริบตาตอมา ที่ดานขางภายในไอหมอก หลังจากเสียงหวีดแหลมลอยมา
อยางฉับพลัน หอกยาวที่ถูกหวังเปาเลอโยนออกไปเลมนั้นก็ทะลวงหมอกสีแดงและ
ทะลุออกไปทันที ทั้งยังเร็วกวากอนหนาอีกมาก พริบตาที่ปรากฏก็เขาใกลเงาราง
สีขาวที่เดินมาทางหวังเปาเลอ
เงารางสีขาวผูนี้รูสึกไดทันที พลันไหวรางคิดจะหลบ ทวากลับสายไปเสียแลว
เพียงพริบตา เมื่อเสียงดังสนั่นสะทอนกอง หอกยาวเลมนั้นก็ทะลุทรวงอกเขาและ
ระเบิดรางเขาออกเปนจุณทันที
ชายหนุมตะลึงงันไปอีกครั้ง
ทวา ทาทางหวังเปาเลอกลับไมผอนคลายลงแมแตนอย คิ้วขมวดมุนยิ่งกวาเกา
เพราะแควิญญาณจักรพรรดิขั้นสี่เพียงผูเดียวยังไมพอที่จะทำใหเขาเกิดความรูสึก
อันตรายขึ้นมาอยางตอนกอนหนาได โดยเฉพาะหลังจากที่เวลานี้วิญญาณจักรพรรดิ
ไดตายลง ความรูสึกอันตรายของเขาไมเพียงไมลดลง แตกลับยังรูสึกหนักอึ้งขึ้นอีก
อึดใจตอมา หวังเปาเลอมองไปทางจุดที่วิญญาณจักรพรรดิแตกสลายลงทันที
มานตาของเขาพลันหดแคบ เพราะตรงนั้นวิญญาณจักรพรรดิที่แตกสลายไมเพียง
ไมดับสลายอยางแทจริง มันกลับ…เกิดรวมรางขึ้นใหมจากเลือดเนื้อที่แตกกระจาย
ออกไปในฉับพลัน
วิญญาณจักรพรรดิสองคน!
สองคนเหมือนกันไมมีผิดเพี้ยน เปนวิญญาณจักรพรรดิระดับสุดยอดขั้นที่สี่!
บทที่ 1314 ภายใตหนากาก
“แยกราง?” ดวงตาหวังเปาเลอคอยๆ หรี่แคบลง แตไมนานก็คิดไดวานี่ไมใช
การแยกราง เพราะหากเปนการแยกร างจริ ง เช น นั ้ นวิญญาณจั กรพรรดิสองคน
ที่ปรากฏตัวออกมา ในรองรอยพลังงานไมควรเปนสุดยอดขั้นที่สี่เหมือนกับกอนหนา
คอนขางเหมือน…เสียงเพรียกมากกวา
หากตายไปหนึ่งก็จะเพรียกหาออกมาสอง ลองคิดดูหากสองคนนี้ตายลงก็เปนไป
ไดสูงวาอาจจะออกมาเปนสี่ วนซ้ำไปมาเชนนี้จนถึงขั้นที่เรียกวาเปนอมตะไมดับ
“แตก็แตกตางจากสุดยอดขั้นที่สี่แบบปกติอยูบาง” หวังเปาเลอมองวิญญาณ
จักรพรรดิที่ผสานรวมออกมาสองคนนั้นอยางครุนคิดระหวางที่เด็กหนุมเตาฝายสุข
ขางกายกำลังตัวสั่นกระวนกระวาย
ไมวาจะเปนที่ดินแดนแหง เซี ยนหรื อเที ยบกั บตั วเอง หวั ง เป าเล อไมไ ด รู สึก
แปลกใหม ก ั บ ขั ้ น ที ่ ส ี ่ ดั ง นั ้ น เขาจึ ง สั ง เกตได อ ย า งรวดเร็ ว ว า วิ ญ ญาณจั ก รพรรดิ
ตรงหนานี้มีจุดบกพรอง
พวกเขาดู เ หมื อ นขั ้ น ที ่ ส ี ่ ทว า แท จ ริ ง แล ว ก็ เ หมื อ นคั ด ลอกวางออกมา
ขาดจิตวิญญาณ เปนเหมือนหุนเชิดที่สรางขึ้นมาเสียมากกวา และขั้นที่สี่แบบนี้
ถึงแมจะมีพลังแตก็หางชั้นกันไมนอยเลยทีเดียว
ไมตองกลาวถึงหวังเปาเลอ ตอใหดินแดนแหงเซียนขั้นที่สี่มาสักคนหนึ่งก็สามารถ
ขยี้วิญญาณจักรพรรดิไปไดหนึ่งคนแลว
“ยิ ่ ง ไปกว า นั ้ น …เสี ย งเพรี ย กเช น นี ้ ไม ม ี ท างที ่ จ ะไม ม ี จ ุ ด สิ ้ น สุ ด ” แม ใ นใจ
จะคาดการณไวแลว แตในโลกมิติแหงเตาตนกำเนิดที่แปลกประหลาดแบบนี้ กอนที่
จะไดขอมูลที่ครบถวนของที่นี่ หวังเปาเลอไมคิดจะเผยฐานะของตัวเองใหมากไป
เขารูดีวาตนใชเตาแหงฝนเขามาในจักรวาลแหงนี้ ในบางมุมก็คือการลักลอบเขามา
จุดประสงคที่ทำแบบนี้ก็เพื่อไมใหมหาเทพรูตัว จากนั้นก็ลุลวงแผนการที่จะตัด
เหตุตนผลกรรมของตน
และการวิเคราะหของหวังเปาเลอ มหาเทพในตอนนี้เปนไปไดสูงวาอยูในชวงหลับลึก
ดังนั้นความนาจะเปนที่เขาจะทำสำเร็จก็นับวาสูงมากทีเดียว
เดิมทีแผนการนี้ก็คือกอนที่มหาเทพจะรูตัว เดินไปขางหนาเขา ผสานเขาไปใน
ตะปูไมดำและโจมจีเขาใหถึงแกชีวิต
ดูเหมือนงายดาย แตเมื่อจะทำจริงแลวก็ตองปรับเปลี่ยนไปตามโอกาส
แตวาไปวามา สุดทายแลวความจำเปนที่จะปกปดก็ยังตองทำตอไป และการลอง
หยั่งเชิงก็ยังคงตองมี ดังนั้นเมื่อความคิดเหลานี้ลอยเขามาในหัว พริบตาที่วิญญาณ
จักรพรรดิทั้งสองเงยหนาและพุงมาทางหวังเปาเลอดวยความรวดเร็ว หวังเปาเลอ
ก็ถอยหลังอยางฉับพลัน
ดวยความรวดเร็วและหลบหลีกออกจากอณาเขตนี้ไปกอน จึงชนเขากับตาขาย
สีทองที่ปรากฏขึ้นในหมอกสีโลหิตดานหลังเขา
ตอนนั้นเองที่ชนเขากับตาขายทอง หวังเปาเลอก็เดินพลังเต็มที่ แตกลับไมปลอย
ออกมาทั้งหมด และเก็บกลับมาทันทีที่เมื่อโดนตาขายทองดานหลัง
จากการสัมผัสในชั่วอึดใจนี้ หวังเปาเลอก็หยั่งเชิงขีดทนรับของตาขายทองนี้ได
ทันที เขามั่นใจ เมื่อรวบรวมพลังของตนเปนจุดเดียว ดวยเตาแปดปรมัตถก็สามารถ
ทำลายมันไดฉับพลันแลวหนีออกไป
เมื่อหยั่งเชิงจุดนี้ไดแลว หวังเปาเลอก็หรี่ตาแคบลง แตกลับไมรีบรอน นัยนตา
ฉายแววเย็นเยียบวาบผาน กอนพุงเขาหาวิญญาณจักรพรรดิทั้งสองคนที่ไลตามมา
“เจา เจา เจา…เจาจะพุงไปเองทำไมเลา ทำไมไมหนีละ” เด็กหนุมที่ถูกหวังเปาเลอจับ
ไวอยูในมือขวารองโหยหวนออกมา
ดวยความรูความเขาใจของเขา วิญญาณจักรพรรดิก็เหมือนกับวิญญาณเทพ
ที่ไมสามารถตอกรและไมอาจสบประมาทได เปนตัวแทนของเตาสวรรคแหงโลกทั้งใบ
แตคนบาที่จับตนมาทั้งเปนกลับลงมือแลวยังเลือกจะลงมืออีกรอบ
ทำใหขณะที่เขารองโหยหวน ความหวาดกลัวก็แผซานไปทั่วสัมผัสสวรรค
บางที เ ป น เพราะรู ส ึ ก ว า เสี ย งโหยหวนของเขาไม น า ฟ ง ขณะที ่ ห วั ง เป า เล อ
พุงออกไปก็เก็บวิชาพลังเทพของเด็กหนุมผูนี้ลงในกระบอกแขนเสื้อ ความเร็วไมตก
พริบตาก็ปะทะเขากับวิญญาณจักรพรรดิทั้งสอง
ท า มกลางเสี ย งดั ง สนั ่ น กฎเต า ธาตุ น ้ ำ ใกล บ ั ง เกิ ด ขึ ้ น ปกคลุ ม ไปทั ่ ว สารทิ ศ
วิญญาณจักรพรรดิทั้งสองคนรางพลันแข็งคางคลายกับวิถีเตาและโลหิตในรางกาย
กำลังไหลยอนกลับ รางพลันหยุดชะงัก
ตอนนี้ก็คือคนตาย
หวังเปาเลอสาวเทาเขามาใกล นิ้วชี้ขวากลายเปนเงา แตะลงหวางคิ้วบนหนากาก
ของวิญญาณจักรพรรดิทั้งสอง เสียงดังสนั่น หนากากรวมทั้งกะโหลกของพวกเขา
พังทลายลงไปพรอมๆ กัน
หวังเปาเลอขมวดคิ้ว เดิมทีเขาคิดจะทำลายแคหนากากกอน ดูวาอีกฝายหนาตา
อยางไร แตหนากากนี้ราวกับวาผลึกติดอยูกบั ใบหนาของพวกเขา ไมสามารถแยกจาก
กันได
“ไมดูก็ได” หวังเปาเลอแคนเสียงเย็น ขณะที่โบกมือ พลังกดตานปะทุขี้นอีกครั้ง
ทั่วบริเวณ กอนบดรางวิญญาณจักรพรรดิทั้งสองจนแหลกละเอียด
พริบตาตอมา เลือดเนื้อที่ถูกหวังเปาเลอบดละเอียดเหลานั้นก็รวมตัวเขากันใหม
กอนปรากฏออกมาเปนวิญญาณจักรพรรดิสี่คน ยังคงใสหนากากเชนเดิม เงียบกริบ
ไมพูดจาเชนเดิม แววตาวางเปลา พุงมายังหวังเปาเลอ
ในเวลาอันสั้น จากสี่เปนแปด แปดเปนสิบหก จากนั้นสามสิบสอง…
หวังเปาเลอยังคงสูตอ ลงมือลื่นไหลเปนธรรมชาติ สังหารอยางตอเนื่อง ทวา
หัวคิ้วเขายิ่งขมวดแนนขึ้นเรื่อยๆ จวบจนในตอนที่วิญญาณจักรพรรดิปรากฏขึ้นจนถึง
หกสิบสี่คน…ลมหายใจหวังเปาเลอก็เริ่มถี่กระชั้นขึ้นบางแลว
แมวิญญาณจักรพรรดิเหลานี้จะหางชั้นกับขั้นที่สี่แทจริงอยูมาก ไรจิตวิญญาณ
เปนดั่งเทพวัตถุ แตขอดีเรื่องจำนวน สำหรับภายนอกโลกถือวานากลัวเทีย มฟ า
เลยทีเดียว
พอที่จะทำลายลางกลุมอำนาจใหญทั้งหลายไดเลย
ถึงขนาดสามารถกลาวไดวา มองไปทั่วทั้งจักรวาลผืนใหญแหงนี้ รวมทั้งทุกเขต
แดนดินแดนแหงเซียน เกรงวาจำนวนขั้นที่สี่แทจริงก็คงไมถึงหลายสิบ
ดังนั้นถึงแมพลังของหวังเปาเลอจะถึงขั้นที่หา แตตอนนี้ความรูสึกอันตรายก็ยังคง
เพิ่มขึ้นอยู โดยเฉพาะ…วิญญาณจักรพรรดิเหลานี้ดูเหมือนจะไมมีทางสังหารไดหมด
และสิ ่ ง ที ่ ท ำให ห วั ง เป า เล อ รู ส ึ ก อั น ตรายยิ ่ ง กว า นั ้ น ก็ ค ื อ ตอนที ่ จ ำนวน
วิญญาณจักรพรรดิออกมาถึงหกสิบสี่ตัว เขารูสึกไดรางๆ วามีรองรอยพลังงานขุมหนึ่ง
ที่คลายมีคลายไมมีอยูในสถานที่อันหางไกลที่ไมรูจัก เหมือนคนที่กำลังนอนหลับลึก
เปลือกตาขยับนอยๆ คลายใกลจะตื่น
และความรูสึกที่รองรอยพลังงานนี้ใหแกเขาก็คือ…มหาเทพที่เขากำลังตามหา!
“ทำตอไมไดอีกแลว!”
เมื่อลองทดสอบระดับการแบงตัวของวิญญาณจักรพรรดิแลว เกรงวาหนึ่งรอยกวาตัวก็
คงไมใชปญหา และในเวลาเดียวกันก็ไดหยั่งเชิงออกมาแลววาการแบงตัวที่มากเกิน
ของวิญญาณจักรพรรดิสามารถเปนตัวกระตุนในการปลุกมหาเทพใหตื่นขึ้นได ดังนั้น
หวังเปาเลอจึงเลือกที่จะถอยทันที
รางกายสงเสียงดังโครมทีหนึ่ง ชนเขากับตาขายสีทองขนาดใหญ ทำใหตาขาย
ขนาดใหญนี้พังทลายในพริบตา ขณะเดียวกัน วิญญาณจักรพรรดินับสิบก็ไลตามมา
ผูที่อยูหนาสุด พริบตาที่ตาขายใหญพังทลายลงก็มาถึงเบื้องหนาหวังเปาเลอและกำลัง
จะลงมือ
หวั ง เป า เล อ นั ย น ต าวาววั บ มื อ ขวาพลั น ยกสู ง ตอนนี ้ เ องปลายนิ ้ ว ของเขา
กลับปรากฏแสงสีขาวสวางดุจกระดาษสะทอนแสง กอนแตะลงบนหวางคิ้วของ
วิญญาณจักรพรรดิที่เขามา
เปนกฎแหงกระดาษ
นี่ก็คือสิ่งที่หวังเปาเลอคิดได วิธีที่จะสามารถถอดหนากากวิญญาณจักรพรรดิ
ออกมาไดก็คือทำใหหนากากกลายเปนกระดาษ!
เมื่อปลายนิ้วแตะลง กฎแหงกระดาษพลันปรากฏ พริบตาวิญญาณจักรพรรดิ
ที ่ ไ ล ต ามมาผู น ั ้ น หน า กากบนหน า ก็ บ างลงและกลายเป น กระดาษในทั น ที
กอนปลิวรวงลงมาจากใบหนาคลายกับไมสามารถติดอยูได พรอมปรากฏใบหนา…
ที่เมื่อหวังเปาเลอเห็นเขาก็เกิดสายฟานับแสนฟาดใสลงบนหัว
ใบหนานั้น…แมจะไรความรูสึก แมจะเฉยชา แมจะซีดขาวผิดปกติ แตเมื่อเทียบ
กับใบหนาหวังเปาเลอแลว…
มันเหมือนกันอยางกับแกะ!!
บทที่ 1315 โลกสามระดับชั้น
ในหัวของหวังเปาเลอเกิดเสียงดังสนั่น ทั่วทั้งจิตใจเกิดคลื่นยักษเทียมฟาซัดโหม
เดิมทีจากระดับการฝกตนและประสบการณของเขา เขาไมมีทางที่จะถูกสั่นคลอน
ไดงายดายขนาดนี้
แต…ภาพตรงหนานั้นเหนือความคาดหมายของเขาอยางสมบูรณ ทำใหตอนนี้
ในใจของหวังเปาเลอเกิดความสับสนดานการรับรูขึ้น
คาดไมถึงวารูปลักษณของวิญญาณจักรพรรดิจะเหมือนตัวเขาไมมีผิด
คำตอบของความหมายนี้ทำใหแคคิดนิดเดียวหวังเปาเลอก็ตองหายใจหอบถี่แลว
และเวลาก็มีไมพอใหเขาไดคิดอะไรมากมาย ตอนนี้เมื่อมองลึกลงไปที่ใบหนาของ
วิญญาณจักรพรรดิซึ่งโผลออกมาหลังหนากากที่กลายเปนกระดาษแลวหลุดออก
หวังเปาเลอก็ถอยหลังไปกระแทกเขากับตาขายยักษสีทองที่ดานหลัง
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟาสะเทือนดิน ตาขายยักษสีทองถูกหวังเปาเลอกระแทกจน
เกิดชองวาง รางของเขาราวกับสายฟาฟาด ถอยหลังเพียงชั่วพริบตาก็ทะลวงตาขาย
ออกไปได
เขารวดเร็วอยางยิ่ง ระเบิดความเร็ วจนถึง ขี ดสุดทัน ที พริ บตาก็ หายไปจาก
หมอกแดงของโลกภายนอก เมื่อบินออกไป หวังเปาเลอก็เก็บพลังฝกตนและซอน
กลิ่นอายลมหายใจทั้งหมด ถึงขนาดที่วิญญาณจักรพรรดิเหลานั้นที่ไลตามเขามาจาก
ภายในตาขายก็ยังสูญเสียรองรอยของหวังเปาเลอไปหลังจากไลตามอยูระยะหนึ่ง
ราวกับจับตำแหนงเขาตอไมไดอีก หลังจากคนหาอยูพักหนึ่งก็เริ่มสงบลงแลว
พากันหลอมรวมเขาไปในหมอกแดงจนหายลับไป
สวนทางดานหวังเปาเลอ หลังจากเก็บงำกลิ่นอายแลว เขาก็เรงความเร็วขึ้นจาก
ในหมอกแดงราวกับมีจุดหมายที่แนนอน แตความจริงตอนนี้ทั้งหัวของเขามีแตใบหนา
ของวิญญาณจักรพรรดิผุดขึ้นมา ไมสามารถลบออกไปไดแมแตนิด
“นี่มันผิดปกติอยางยิ่ง!”
“อยางแรก…จากการคาดการณกอนหนานี้ของขา วิญญาณจักรพรรดิเปนขั้นสี่
ที่ไมสมบูรณ หรือกลาวใหถูกก็คือ วิญญาณจักรพรรดิควรจะเปนการดำรงอยูประเภท
หุนเชิดอะไรทำนองนั้น และจุดกำเนิดของมัน…ก็คือตัวของมหาเทพ”
“เช น นั ้ น ก็ ส ามารถอนุ ม านได ว า วิ ญ ญาณจั ก รพรรดิ น า จะเป น ส ว นหนึ ่ ง ของ
มหาเทพ”
“นี่อธิบายไดถึงเหตุผลที่ตรงนี้มีขั้นสี่ปรากฏตัวขึ้นมากมาย ถึงอยางไรระดับแบบ
มหาเทพก็สามารถแบงแยกดวงจิตเทพแสนดวงออกมาเปนจักรพิภพกวางใหญไพศาล
แสนแหงได เชนนั้น…การมีหุนเชิดมากมายขนาดนี้ปรากฏตัวขึ้นก็ไมใชเรื่องเหนือ
ความคาดหมาย”
“สวนเรื่องที่ทำไมถึงไดเหมือนตัวขาไมมีผิดนั้น…มีความเปนไปไดสองอยาง”
หวังเปาเลอหรี่ตาลง ประกายเฉียบคมแฝงอยูในแววตา
“ความเปนไปไดอยางแรกคือเพื่อที่จะตอตานการปลนชิงธาตุไมมาจากหาธาตุ
มหาเทพจึงกระจายไปอยูในจักรพิภพกวางใหญแสนแหงยกเวนโลกแหงศิลาที่ขาอยู
และจักรพิภพทั้ง 99,999 แหง ที่เหลื อก็ กลายเป นผลแหง เต าจากความสำเร็จใน
ขั้นสุดทายของเขา”
“ผลแห ง เต า แต ล ะผลล ว นกลายเป น วิ ญ ญาณจั ก รพรรดิ ใ นที ่ แ ห ง นี ้ สาเหตุ
ที่หนาตาเหมือนกับขาก็เพราะวา…ถาไมใชความบังเอิญละก็ ขาก็นาจะเปนสวนหนึ่ง
ของพวกเขาดวยเชนกัน พวกเขาลวนเปนขา ขาก็เปนพวกเขา…”
หวังเปาเลอเงียบงัน การอนุมานเชนนี้เขาคิดวาสมเหตุสมผลมาก แตก็ไมรูทำไม
ในหัวจึงปรากฏความเปนไปไดอยางที่สองขึ้นมาอยางอดไมได
“รางเดิมของมหาเทพหนาตาเปนอยางไร…จะเหมือนกับขาหรือไม…” สำหรับ
ความเปนไปไดขอนี้ หวังเปาเลอไมอยากและไมกลาที่จะคิด ดังนั้นหลังจากเงียบงัน
ไปนาน เขาก็สูดลมหายใจลึก
“ความเปนไปไดอยางที่สองนี้เปนแคความคิดเรื่อยเปอยของขาเทานั้น นาจะ
ไมใชเรื่องจริง…จะตองไมใชเรื่องจริง!” หวังเปาเลอหลับตาลง ไมนานก็ลืมตาแลว
กลบฝงความคิดทั้งหมดไวที่กนบึ้งจิตใจ เขาโบกมือขวาขึ้น แลวปลอยเด็กหนุมจาก
เตาสายสุขที่ถูกตนเก็บไวในแขนเสื้อออกมา
ทันทีที่เด็กหนุมถูกปลอย เขาก็มีอาการงุนงงสับสนเปนอยางแรก จากนั้นก็นึกได
ถึงภาพกอนหนานี้ จึงมองซายมองขวาและหนาเปลี่ยนสีทันที หลังพบวารอบตัวไมมี
วิญญาณจักรพรรดิแลว เขาก็ชะงักนิ่ง ในใจโลงอก แตตอจากนั้นเปลี่ยนเปนความ
ตกตะลึงเมื่อพบวาหวังเปาเลอไมบาดเจ็บเลยสักนิดเดียว
“ผูอาวุโส…”
“พูดมา คนโบราณที่เจาพูดกอนหนานี้คืออะไร แลวยังมี ทำอยางไรถึงจะเขาไป
ในโลกที่เจาอยูได!” หวังเปาเลอมองเด็กหนุม น้ำเสียงสงบนิ่ง เอยชาๆ
คำพูดเรียบนิ่งของหวังเปาเลอสรางแรงกดดันใหญหลวงใหกับเด็กหนุมผูนี้มาก
ตอนนี้เขาเขาใจอยางถองแทแลววาคนที่อยูตรงหนาไมใชคนโบราณที่ตื่นขึ้น แตเปน
คนที่มาจากโลกภายนอก ทั้งยังทรงพลังในระดับที่นากลัวอีกตางหาก
เกรงวาแคเพียงสายตาก็พอจะฆาตนไดแลว
สำหรับตัวตนเชนนี้ เด็กหนุม ไม กล าป ดบั ง แม แต น ิ ด และไม กล ามี ความคิ ด
วอกแวกใดๆ ดวย เขาเพียงพยายามทำตัวเชื่อฟงใหไดมากที่สุด แลวบอกเรื่องที่ตัวเอง
รูทั้งหมดออกไป
เด็ ก หนุ ม ไม ร ู จ ั ก มิ ต ิ แ ห ง เต า ต น กำเนิ ด และไม ร ู จ ั ก โลกที ่ ต นอยู มองจาก
โลกภายนอก จักรวาลมีอยู 108 แหง แตในความรูของเขา ที่นี่มีอยูเพียงแผนดินเดียว
แผนดินนี้ไรขอบเขตไรที่สิ้นสุด วากันวามีเพียงแคไมกี่คนเทานั้นที่สามารถเดินไป
จนถึงสุดขอบโลก
แตโลกที่มีคนเพียงไมกี่คนเดินไปจนถึงสุดขอบแหงนี้กลับไมไดมีแคชั้นเดียว
ในความรูของเด็กหนุมตั้งแตเล็กจนโต โลกแบงเปนสามชั้น
ชั้นที่หนึ่งเรียกวาโลกนิทรา
ชั้นที่สองเรียกวาโลกโลกา
ชั้นที่สามเรียกวาโลกสุสาน
สถานที่ที่เขาอาศัยนั้นอยูในชั้นที่สอง สวนชั้นที่หนึ่ง สำหรับเขาแลวมันคือตำนาน
เปนที่ที่ไมเคยไป ทั้งยังบอกกันวาเปนโลกที่วิญญาณจักรพรรดิอาศัยอยู
สวนบริเวณที่อยู ณ ตอนนี้ ตามคำพูดของเด็กหนุม มันคือสวนระหวางชั้นที่สอง
และชั ้ น ที ่ ส าม หากลงไปอี ก ก็ เ ป น โลกสุ ส านแล ว และพวกคนโบราณก็ ม าจาก
โลกสุสานนี้
ส ว นเรื ่ อ งเล า เกี ่ ย วกั บ โลกสุ ส านนั ้ น มี ม ากมาย หนึ ่ ง เรื ่ อ งที ่ แ พร ห ลายอย า ง
กวางขวางที่สุดก็คือ ฟาดินในอดีตนั้นแตกตางจากที่เห็นในปจจุบัน ที่นั่นมีหมื่นเตา
คอยโตแยงกัน ผูแข็งแกรงมากมายราวกับเมฆา
แตกลับเกิดภัยพิบัติปริศนาครั้งหนึ่ง ทุกอยางในอดีตจึงถูกกลบฝง ดังนั้นจึงเกิด
เปนโลกสุสานขึ้นมา ในนั้นไมไดฝงไวเพียงแคอารยธรรมเทานั้น แตยังฝงผูฝกตน
ในคราวนั้นเอาไวดวย
แมวาผูฝกตนสวนใหญลวนกลายเปนเถากระดูกไปแลว แตสุดทายก็ยังมีบางสวน
ที่อยูในสภาวะนิทรา พวกเขาจะตื่นขึ้นมาทีละคนๆ จากนั้นก็ออกจากโลกสุสาน
แลวตระเวนมาถึงโลกโลกาชั้นที่สอง
คนเหลานี้ลวนถูกเรียกวาคนโบราณ และพวกเขาแตละคนลวนแข็งแกรงอยางยิ่ง
“ดังนั้น คนโบราณเหลานี้จึงกลายเปนกลุมอิทธิพลหลักฝายที่สามในโลกโลกา
ชั้นที่สอง พวกเราเรียกกลุมอิทธิพลของพวกเขาวา…เมืองโบราณ”
“สวนอิทธิพลหลักอีกสองฝายนั้นแบงเปนเจ็ดแกนหลักที่เกิดจากเจ็ดอารมณ
อั น ได แ ก สุ ข โกรธ กั ง วล รั ก ใคร เศร า โศก หวาดกลั ว สะเทื อ นใจ และ
หกเมืองปรารถนาซึ่งฝกตนจากปรารถนาทั้งหกอันไดแก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
และอารมณ”
“ผูอาวุโส ขานั้นเปนผูฝกตนจากเตาแหงสุขในเจ็ดอารมณขอรับ”
“สวนผูร ่ำรองกอ นหน านี้น ั้ น พวกเขาเป น ผู ฝ ก ตนของเมื องปรารถนาเสี ย ง
หนึ่งในหกปรารถนาขอรับ!”
“เปนเพราะเจาแหงเตาสายสุขของขาถูกเจาแหงปรารถนาเสียงสยบไว ดังนั้นเตา
สายสุขของขาจึงเสื่อมถอย แตละสำนักสาขาทำไดเพียงซอนตัวแลวพยายามอยูรอด”
“สวนที่วาจะออกไปจากที่นี่เพื่อเขาสูโลกชั้นที่สองไดอยางไรนั้น สำหรับพวกขา
แลวงายดายอย างยิ่ง เพียงแคตอ งชั กนำกฎเกณฑ พ ลั ง เต า จากนั ้ น ก็ จ ะถู ก พลั ง
ชักนำเขาไปเองขอรับ” เด็กหนุมพูดถึงตรงนี้ก็แอบชำเลืองมองหวังเปาเลออึกๆ อักๆ
หวังเปาเลอทาทางครุนคิด กอนหนานี้เขาลองมาหลายวิธีแลว แตก็ไมอาจออกไป
จากพื้นที่ไอหมอกผืนนี้ไดเลย ตอนนี้ดูแลวนาจะเปนเพราะกฎเกณฑพลังแตกตางกัน
จึงไมอาจถูกชักนำเขาไปได
ขณะที่หวังเปาเลอครุนคิดอยูตรงนี้ ทางฝงเด็กหนุมก็คลายชั่งใจ เขากัดฟนรุนแรง
แลวโพลงขึ้นวา
“ผูอาวุโสจะเขาไปในโลกโลกาชั้นที่สอง ก็จำเปนตองฝกฝนกฎเกณฑใหตรง
ตามที่กำหนด ผูนอยยินดีแบงเตาสายสุขของตัวขามาเปนเมล็ดพันธุเพื่อมอบให
ผูอาวุโสฝกตนตระหนักรูขอรับ”
บทที่ 1316 ปติยินดี
เขาสามารถพูดประโยคนี้ออกมาได เห็นไดชัดเลยวาเด็กหนุมคนนี้ยังนับวา
เฉลียวฉลาด เขารูดียิ่งวาความคิดระแวดระวังไปทุกเรื่องนั้นไมมีประโยชนกับจอมพลัง
ที่สามารถจับกุมผูร่ำรองสองคนไดสบายๆ และหนีมาไดอยางปลอดภัยหลังจากชักนำ
วิญญาณจักรพรรดิมา
โดยคราวๆ แลวในสายตาของอีกฝ าย ความเปนความตายของตนขึ้ นอยู กับ
หนึ่งความคิด สามารถเปลี่ยนไดทุกเมื่อแคเพราะเรื่องเล็กๆ บางอยาง เขาจะเปน
หรือตายเดิมทีก็ไมอาจคาดเดาไดเลย
แต ต อนนี ้ เห็ น ได ช ั ด ว า อี ก ฝ า ยวางแผนจะเข า ไปในโลกาชั ้ น ที ่ ส อง ดั ง นั้ น
เมื่อเห็นวาไมมีวิธีเขาไป การกลืนกิน หรือการหลอมรวม หรือการยึดตนเอาไวก็นา
จะเปนตัวเลือกแรกของอีกฝาย
หากเปลี ่ ย นเขาไปอยู ใ นตำแหน ง ของอี ก ฝ า ย เขาก็ จ ะทำเช น นี ้ เ หมื อ นกั น
และความตางระหวางทั้งคูก็ทำใหเขาไมมีปญญาจะตอกรดวยอยูแลว ถึงขั้นที่หาก
กลาวเกินจริงอีกสักหนอย แคความสามารถจะระเบิดตัวเองตอหนาอีกฝายก็เกรงวา
จะไมมีดวยซ้ำ
ดัง นั้น แทนที่จะรอใหอีกฝายเปน คนตัดสิ น ใจ ไม สู ตนเอ ย ปากเสนอวิ ธี การ
แกปญหาอยางอื่นใหเขาแทนกอนดีกวา
ในเมื่อตัดสินใจจะทำตัวเชื่อฟงนาเอ็นดูแลว เชนนั้นก็จงเชื่อฟงนาเอ็นดูใหถึงที่สุด
ขณะเดียวกันเขาก็เชื่อวา ดวยความแข็งแกรงของอีกฝาย การจะสังหารตน
หรือไมไมใชเรื่องสำคัญ สำหรับผูแข็งแกรงเชนนี้ การแกปญหาตางหากถึงจะเปน
จุดสำคัญ
สวนกระบวนการ…ไมใชเรื่องสำคัญเทาไร
หวังเปาเลอคลายยิ้มคลายไมยิ้ม เขาเหลือบมองเด็กหนุมปราดหนึ่ง สำหรับ
ความคิดจิตใจของคนผูนี้ จากประสบการณของเขา แคมองปราดเดียวก็มองออกได
ทะลุปรุโปรง แววตาจึงฉายแววชื่นชมออกมา ไมไดพูดตอบทันที แตยกมือขวาขึ้น
แลววาดไปยังไปยังอากาศชาๆ
เมื่อลดมือลงไป ขณะที่เด็กหนุมจากเตาแหงสุขตกตะลึงอยูนั้น ฉับพลันบนราง
ของหวังเปาเลอก็มีคลื่นผันผวนปรากฏขึ้น หลังจากเด็กหนุมสัมผัสถึงคลื่นผันผวนนี้
ความวิตกในใจของเขาในตอนแรกก็หายไปในชั่วพริบตา และมีความปติยินดีกำเนิด
ขึ้นมา สิ่งนี้ทำใหเขาเบิกตากวางทันที
ยั ง ไม ทั นที ่เ ขาจะได เ อ ย ปาก หวั ง เป า เลอ ก็อ าศั ย เต า ลอกเลี ย นแบบของตน
นำเตาสายสุขเขามา กอนกาวหนึ่งกาวไปยังความวางเปลา ตองการใชพลังงานสายนี้
เพื่อกาวเขาไปในโลกาชั้นที่สอง
แต ช ั ่ ว ขณะที ่ ห วั ง เป า เล อ ก า วลงไปนั ้ น เงาร า งของเขาก็ พ ร า เลื อ นราวกั บ
จะผสานรวมเขาไปในพริบตา สีหนาของหวังเปาเลอขยับไหว เทาที่กำลังจะกาวลงไป
หยุดนิ่งอยูตรงนั้น ครูหนึ่งจึงคอยๆ ถอนมันกลับมา
จากนั้น ทามกลางความเงียบงัน เขาเงยหนาทอดมองไปยังอวกาศอันหางไกล
สายตาฉายแววครุนคิด
ชั่วพริบตาเมื่อครูนี้ แมวาเขาจะเลียนแบบเตาสายสุขไดสำเร็จและหลอมรวมเขาไป
ในรางแลว แตเมื่อกาวเทา เขากลับสัมผัสไดถึงสิ่งกีดขวาง ทำใหรับรูไดชัดเจน
อยางยิ่งวา ขอเพียงตนกาวออกไปหนึ่งกาว ก็จะเขาสูภายในสิ่งกีดขวางและเขาสู
โลกชั้นที่สองตามที่เด็กหนุมพูดทันที
สิ่ง กีดขวางนั้นคลายจะเปนประตู ใ หญ ของโลกชั้ นที ่สอง และกุ ญ แจสำหรับ
ประตูใหญนี้ก็มีอยูสิบสามชิ้น แบงเปนเจ็ดอารมณหกปรารถนาทั้งสิบสามกฎเกณฑ
สวนวิธีการที่คนโบราณเขามาในโลกชั ้ น ที ่ สองนั ้ น หวั ง เป าเล อก็ คาดเดาได
สวนหนึ่งเชนกัน
ดังนั้น เขาจึงใชเตาลอกเลียน แมวาจะไดรับกุญแจมาสำเร็จ แตที่แหงนี้คือ
มิติแหงเตาตนกำเนิด สิ่งที่เขาลอกเลียนมา สุดทายก็ไมไดสมบูรณแบบอยางที่สุด
ดังนั้นชั่วพริบตาที่กำลังจะกาวเทาลงไป ความระแวดระวังในใจของหวังเปาเลอ
ก็ตื่นตัวขึ้น เขามีลางสังหรณวาขอเพียงตนกาวเทาลงไป พลังผันผวนที่ดึงดูดมาได
คงจะนาตะลึงยิ่งกวาการปรากฏตัวของวิญญาณจักรพรรดิเสียอีก
“ถึงขนาดเปนไปไดวาจะมีวิญญาณจักรพรรดิหลายรอยหลายพันตนปรากฏ
ขึ้นมาพรอมกันดวยซ้ำ” หวังเปาเลอขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาวิเคราะหคาดเดาถึงสาเหตุที่
วิญญาณจักรพรรดิปรากฏตัวขึ้นไดแลว
นั่นก็เพราะ…เตาจากโลกภายนอก
ภายในมิติเตาตนกำเนิดแหงนี้ กฎเกณฑที่สามารถใชไดนาจะมีอยูเพียงสิบสี่ชนิด
สิบสามชนิดแรกคือ เจ็ ดอารมณ หกปรารถนา ส วนชนิ ดสุ ด ท ายเห็ น ได ชั ดว า เป น
วิถีฝกตนของคนโบราณในที่แหงนี้นั่นเอง แมวาหวังเปาเลอจะยังไมกระจางชัดนักวา
รายละเอียดของมันคืออะไร แตเขาก็เดาไดคราวๆ แลววานาจะเปนเตาสารัตถะที่
เกี่ยวของกับสายเลือด
การถือกำเนิดขึ้นที่นี่ ไมวาจะเปนยุคสมัยไหนลวนมีสายเลือดอยูในรางกาย และ
สายเลือดนี้สามารถทำใหพวกเขาไมถูกจำกัดหลังจากฟนขึ้นมา
นอกเหนื อ จากกฎเกณฑ ส ิ บ สี ่ ช นิ ด นี ้ ทั น ที ท ี ่ ม ี ก ฎเกณฑ อ ย า งอื ่ น ปรากฏขึ้ น
ภายในมิติแหงเตาตนกำเนิด ก็จะถูกตัดสินใหเปนผูที่มาจากภายนอก และชักนำ
วิญญาณจักรพรรดิมา
วิญญาณจักรพรรดิ เปนทั้งวิญญาณเทพ และเปนทั้งผูคุมครอง
และตามการคาดเดาของหวังเปาเลอ จำนวนวิญญาณจักรพรรดินั้นนาจะขาดแค
ตนเดียวก็จะครบหนึ่งแสนตน
ดั ง นั ้ น ว า กั น ตามหลั ก การแล ว ถ า หากมี ผ ู แ ข็ ง แกร ง ที ่ ส ามารถเพิ ก เฉยต อ
วิญญาณจักรพรรดิขั้นที่สี่ชั้นยอดจำนวนหนึ่งแสนตนเดินทางมายังที่แหงนี้ เชนนั้น
คนผูนี้ก็สามารถเดินเขาไปอยูตอหนามหาเทพที่กำลังหลับใหลไดในทันที
เพียงแตผูแข็งแกรงเชนนี้ หวังเปาเลอไมรูวาบิดาของหวังอีอีจะทำไดหรือไม
แตจากพลังฝกตนในปจจุบันของตัวเขาแลว หวังเปาเลอไมอาจทำไดเลย
ดังนั้นหลังจากครุนคิดอยูพักหนึ่ง หวังเปาเลอก็มองไปยังเด็กหนุมจากเตาแหงสุข
ผูนั้นแลวพยักหนา
เด็กหนุมขมกลั้นความตกตะลึงภายในใจจากการที่เตาแหงสุขพุงขึ้นมาบนรางของ
อีกฝายกอนหนานี้เอาไว หลังจากสูดหายใจลึก เขาก็รีบแยกกฎวิชาแหงสุขภายในราง
ออกมาหนึ่งสายโดยไมเสียดายอะไรทั้งสิ้น แลวรวมกันเปนเมล็ดพันธุสีแดงเมล็ดหนึ่ง
ลอยออกมาจากหนาอก
เมื ่ อ เมล็ ด พั น ธุ น ี ้ ล อยออกมา ก็ เ ห็ น ได ช ั ด ว า ร า งกายของเขาอ อ นแอลง
แตการเคลื่อนไหวทั้งหมดไมไดลังเลแมแตนอย ถึงขั้นที่หลังจากสงเมล็ดเตาสายสุข
มาอยูตรงหนาหวังเปาเลอจนสมบูรณแลว เขายังตัดการเชื่อมตอกับเมล็ดพันธุนี้
อยางเด็ดขาดอีกดวย
หวังเปาเลอยกมือขึ้น จับเมล็ดเตาสายสุขตรงหนาเอาไวดวยสองนิ้ว ดวงตาฉาย
ประกายแปลกประหลาด มานตาแผขยายอยางรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ทำใหเมล็ด
สายสุขตรงหนาขยายขึ้น แลวแผขยายอีกครั้ง ขยายใหญอีกครั้ง
หลังจากทำแบบเดิมซ้ำๆ อยูหลายรอบ ในที่สุดเขาก็มองเห็นวาแกนกลางภายใน
เมล็ดเตาสุขที่รวมตัวขึ้นจากกฎเกณฑเตาสายสุขเมล็ดนี้กลับมี…อักขระโบราณพิเศษ
อยางหนึ่ง
อักขระนี้ดูเหมือนกับใบหนายิ้ม
เมื่อเขาผสานจิตลงไป ก็คลายไดยินเสียงหัวเราะมากมายดังออกมา สัมผัสไดถึง
ความปติยินดีของฟาดินและสรรพชีวิต ความรูสึกรุนแรงเชนนี้ทำใหหวังเปาเลอตกอยู
ในภวังค จนกระทั่งผานไปพักหนึ่ง เมื่อเมล็ดเตาสายสุขที่ปลายนิ้วมือของเขาหายไป
เพราะถูกหลอมเขาไปในรางเรียบรอย หวังเปาเลอก็สูดลมหายใจลึก
เขาหลับตานิ่งคิดไปครูหนึ่ง จากนั้นจึงลืมตาขึ้นมาทามกลางความประหมาวิตก
ของเด็กหนุมผูนั้น ความปติยินดีที่สมจริงยิ่งกวากอนหนานี้แพรกระจายอยูบนรางของ
เขาอยางเลือนลาง เหมือนกับวาพอเห็นเขาแลวก็ยิ้มมีความสุขอยูในใจอยางอดไมได
ถึงขั้นทำใหเด็กหนุมออนแอผูนั้นมีปฏิกิริยารุนแรงยิ่งกวาเดิม คนทั้งคนยืนอยู
ตรงนั้นราวกับโงงม พลางหัวเราะไรเสียงออกมาคลายหยุดตัวเองไมอยู ทั้งรางของเขา
ก็ยังผอนคลายลงมาก พลังฝกตนนิ่งสงบ ไมมีการตื่นตัวแมแตนอย
เมื่อเห็นเชนนี้ หวังเปาเลอก็ตกใจเชนกัน
“วิถีสุขในเจ็ดอารมณชางดีนัก ดูเหมือนจะออนโยน แตความจริงทรงพลังมาก
หากฝกเตานี้จนถึงจุดสูงสุด ก็จะทำใหสรรพชีวิตคลั่งไคลเพราะมันได ผานไปที่ใด
ทุกชีวิตลวนสิ้นสติกันทั้งหมด”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังเปาเลอก็ควาเด็กหนุมที่ยิ้มโงงมและสูญสิ้นความรูสึกนึกคิด
จนหมดสติไปทามกลางความปติยินดี จากนั้นก็กาวเขาไปยังหมอกแดงตรงหนา ครั้งนี้
เขาไมรูสึกถึงความอันตรายเชนนั้นอีกตอไป หลังจากกาวลงไปอยางราบรื่นแลว
เขาและเด็กหนุมที่ถูกเขาความาดวยก็หายตัวเขาไปในหมอกแดงพรอมกันทันที
ข า มผ า นสิ ่ ง กี ด ขวาง เมื ่ อ ปรากฏตั ว ขึ ้ น …ภาพของฟ า ดิ น แห ง ใหม ร าวกั บ
ผืนภาพวาดก็ปรากฏขึ้นตรงหนาหวังเปาเลอ!
บทที่ 1317 เขาสูโลก
ทองนภาสีฟา แผนดินใหญสีดำ
บนภูเขาอุดมไปดวยสีเขียวขจี ลมพัดออนโชย พาใหตนไมใบหญ าพลิ ้ ว ไหว
พรอมกับทำใหอาภรณของเงารางที่นั่งอยูบนยอดเขาและกำลังทอดมองไปที่ไกลๆ
ปลิวไสว พัดผมยาวสยาย ทำใหเกิดความรูสึกลองลอยสงางามแบบหนึ่งขึ้นมา
ใตภูเขาคือหุบเขาแหงหนึ่ง มองเห็นบานซึ่งสรางจากไมจำนวนหนึ่งและผูคน
ที่อยูอาศัย เหมือนกับหมูบาน
ขนาดของหมู บ า นแห ง นี ้ ไ ม ใ หญ น ั ก บ า นเรื อ นมี อ ยู เ พี ย งไม ก ี ่ ส ิ บ หลั ง
จำนวนประชากรที ่ อ าศั ย อยู ก ็ ไ ม ถ ึ ง หนึ ่ ง ร อ ยคน ดู แ ล ว สงบสุ ข อย า งยิ ่ ง ราวกั บ
ทั้งหมูบานลวนเต็มเปยมไปดวยความชื่นมื่น
เมื่อมองลงมาจากยอดเขาก็จะมองเห็นเด็กนอยสามถึงหาคนกำลังวิ่งไปมาอยูใน
หมูบานอยางเริงรา บางครั้งก็เงยหนาขึ้นแลวแอบลอบมองไปยังยอดเขา
“เตาแหงสุข ดีงามยิ่งนัก” บนยอดเขา เงารางที่นั่งอยูตรงนั้นถอนสายตาที่มองไป
ยังที่ไกลๆ กลับมา ขณะมองดูหมูบานเชิงเขาและเอยพึมพำนั้น ก็สัมผัสไดวาที่เชิงเขา
มีคนกำลังกาวเขามาชาๆ
ไมนาน ดานหลังของเขาก็มีเสียงแสดงความเคารพดังขึ้น
“ผูอาวุโส เหลาเด็กๆ ที่เชิงเขาไดเก็บดอกไมภูเขามาใหทาน พวกเขาอยากจะมา
มอบใหทานดวยมือตัวเอง แตไมกลาขอรับ” ผูที่เอยขึ้นก็คือเด็กหนุมสายเตาแหงสุข
ผูนั้นที่ถูกหวังเปาเลอจับตัวมานั่นเอง
ตอนนี้สีหนาทาทางของเขาเปยมความเคารพ ในมือถือดอกไมสดกำหนึ่ง
เงารางบนยอดเขาหันหนากลับมายิ้มบางเบา หลังจากฝกฝนเตาแหงสุข รอยยิ้ม
บนใบหนาของเขาก็เพิ่มขึ้นมากตามไปดวย ความปติยินดีทั่วรางของเขาแพรกระจาย
มากขึ้น ตอใหเปนเด็กหนุมที่พบเจอมาหลายครั้งก็ยังสิ้นสติจนตองยิ้มออกมาอยาง
อดไมได
“ขอบคุณพวกเขาแทนขาดวย” เงารางบนยอดเขาโบกมือ ดอกไมก็เคลื่อนเขา
มาแลวถูกเขาวางเอาไวขางเทา เขาควบคุมกฎแหงสุขภายในรางไว จึงพอทำให
เด็กหนุมผูนั้นมีสติขึ้นมาไดแลวรีบคำนับ จากนั้นก็ลงเขาไป
เมื่อเดินลงจากเขาแลว เขาก็อดหันไปมองเงารางบนภูเขาอีกหลายรอบไมได
โดยเฉพาะเมื่อมองไปยัง ภาพที่ใ บหญ าเขี ยวขจีรอบตัวอี กฝ ายพลิ้ วไหวอั ตโนมั ติ
ทามกลางสายลม ภายในใจเขาก็เต็มไปดวยความทอดถอนใจ ไมรูเลยวาอีกฝาย
เปนคนมีความสามารถสูงอยูแลวหรือวาเหมาะสมจะฝกฝนเตาสายสุขเปนพิเศษกันแน
สรุปคือ เขาฝกฝนวิชาเตาสายสุขมาไดไมกี่เดือน กลับฝกฝนจนความปติสุขพุงระดับ
ที่สามารถแทรกซึมไปยังสรรพชีวิตไดแลว
แมวาระดับนี้จะไมใชระดับที่สูงที่สุด แตทั่วทั้งสำนักนี้ ก็มีเพียงผูอาวุโสชั้นสูง
เทานั้นถึงจะทำได
และเงารางบนยอดเขาผูนั้นก็คือ หวังเปาเลอนั่นเอง
เขามายังโลกาชั้นที่สองของมิติเตาตนกำเนิดไดหลายเดือนแลว
ในช ว งไม ก ี ่ เ ดื อ นที ่ผ า นมา เขาเก็ บ งำกลิ ่ น อายทั ้ ง หมด ไม ไ ด ใ ช พ ลั ง กฎจาก
โลกภายนอกเลยสักนิด จมจอมอยูทามกลางการตระหนักรูเตาสายสุขและไดรับ
ประโยชนมามากมาย
ขณะเดียวกัน ในชวงไมกี่เดือนนี้เอง ในที่สุดเขาก็รับรูและเขาใจในโลกใบนี้ได
คอนขางรอบดานแลว
โลกใบนี้ มีอยูเพียงสิบสี่กฎเกณฑจริงๆ ซึ่งก็คือเจ็ดอารมณหกปรารถนาและ
วิชาโบราณแบบดั้งเดิม และมีเพียงกฎเกณฑทั้งสิบสี่อยางนี้เทานั้นถึงจะถูกอนุญาตให
ใชออกมาในที่แหงนี้
นอกเหนื อ จากนี ้ หากใช เ ต า ของกฎเกณฑ อ ย า งอื ่ น ก็ จ ะดึ ง ดู ด ให
วิญญาณจักรพรรดิปรากฏตัวออกมาไลฆาอยางแนนอน และเมื่อเกิดเรื่องประเภทนี้
มากขึ้น หวังเปาเลอก็เดาไดวาจะตองเกิดเหตุการณที่รายแรงยิ่งกวานี้แน
ถึงขั้นมีความเปนไปไดวาจะทำใหมหาเทพตื่นจากการหลับใหล
ดังนั้น หากไมมีเหตุสุดวิสัย หวังเปาเลอก็ไมอาจใชวิชาจากโลกภายนอกได นี่ก็
เปนสาเหตุที่เขามายังที่แหงนี้ไดหลายเดือนและรั้งอยูที่นี่มาโดยตลอด และเตาสายสุข
ก็จะกลายเปนวิชาที่เขานำมาใชแทน
กฎเกณฑทั้งสิบสี่ชนิดของโลกใบนี้ก็ไมไดผุดขึ้นมาจากอากาศ มันไมตางจาก
คำแนะนำกอนหนานี้ของเด็กหนุมสักเทาไร โลกใบนี้มีขุมอำนาจสามฝาย แบงเปน
เจ็ดอารมณและหกปรารถนา และยังมีเมืองโบราณอีก
แตก็ยังมีบางเรื่องที่หวังเปาเลอเพิ่งเขาใจหลังจากมาถึงที่แหงนี้ นั่นก็คือ…
ความขัดแยงของเจ็ดอารมณและหกปรารถนา
กลาวใหถูกคือ โลกใบนี้เคยมีเจ็ดอารมณเปนผูครอง จากนั้นหกปรารถนาก็เกิด
ตามมา หลังจากเจ็ดอารมณพายแพครั้งใหญก็ถู กตัดสินให เปน กบฏ จากนั้นถู ก
หกปรารถนาไล ล า ตอนนี ้ เ วลาผ า นไปเนิ ่ น นานหลายป สายเลื อ ดทั ้ ง เจ็ ด ของ
เจ็ดอารมณก็เสื่อมสลายกันจนถึงที่สุดแลว
ตัวอยางเชนเจาแหงสุขของเตาสายสุข เขาถูกเจาปรารถนาของเมืองปรารถนา
เสียงจัดการผนึกเอาไว สวนเจ็ดอารมณที่เหลือ สวนใหญกระจัดกระจายกันอยูใน
โลกแหงนี้ แตละแหงพากันเก็บซอนตัวเอง
สวนหกปรารถนาก็พัฒนาขึ้นอยางตอเนื่อง และแข็งแกรงมากขึ้นจนกลายเปน
เจาที่ทรงพลังที่สุดในโลกใบนี้ แตนาแปลกที่เมืองซึ่งเกิดขึ้นจากหกปรารถนากลับไมใช
หกเมือง แตเปนหาเมือง
เจาปรารถนาก็เชนกัน มีเพียงหาคน
เมืองปรารถนาอารมณที่เปนหนึ่งในนั้นไมมีอยูแลว กลาวอีกนัยหนึ่งคือไมมีอยูใน
โลกแลว ยิ่งกวานั้นยังมีขาวลือวา ในหมูหกปรารถนา เจาปรารถนาอารมณก็ยัง
ไมมาถึง
เรื่องภายในโดยละเอียดนั้น หวังเปาเลอยังไมรู สิ่งที่เขารูทั้งหมดเปนเพียง
เรื่องที่คนสวนใหญบนโลกใบนี้รูเทานั้น ขณะเดียวกันหวังเปาเลอก็คาดเดาเกี่ยวกับ
การฝกตนของเจาแหงหกปรารถนาไดบาง
แตละคนนาจะมีพลังเกือบถึงขั้นหาทั้งสิ้น ถึงขั้นที่ไมแนวาอาจแข็งแกรงกวา
เพราะวา…นอกจากสถานะเจาปรารถนาของพวกเขาแลว ยังมีสถานะอีกหนึ่งอยาง
ดวย
นั่นก็คือ…ศิษยแหงจักรพรรดิ
เรื่องเหลานี้มีบางอยางบันทึกไวในตำรา บางอยางหวังเปาเลอก็ไดยินมาจากปาก
ของผูอาวุโสชั้นสูงในหมูบานตอนที่มาถึงเมื่อไมกี่เดือนกอนแลวลงเขาไปคารวะ
โลกใบนี้มีวิญญาณเทพเจาหนึ่งองคมาตั้งแตสมัยโบราณ
นามของวิญญาณเทพเจาองคนี้มีอยูนามเดียว
จักรพรรดิ!
วิญญาณจักรพรรดิคือองครักษผูคุมครองเทพองคนี้ และเจาแหงหกปรารถนา
ก็คือ ศิษยของเทพองคนี้
แตวาวิญญาณเทพหลับใหลมาโดยตลอด บางครั้งบางคราวจึงจะตื่นขึ้นมา ดังนั้น
มนุษยโลกจึงไมอาจสัมผัสได แตสถานที่ที่วิญญาณเทพองคนี้หลับใหลนั้นมีผูพิทักษ
อยูคนหนึ่ง ผูพิทักษคนนี้อยูเหนือกวาศิษยแหงจักรพรรดิ ยามที่วิญญาณเทพหลับใหล
เขาก็ควบคุมโลกทั้งใบไว
พลังฝกตนของเขา…ไมอาจคาดคะเน ตามที่ผูอาวุโสชั้นสูงในหมูบานทานนั้น
บอกมา เมื่อนานมาแลว เจาแหงเจ็ดอารมณ เคยรวมมือกัน ตอ สู กั บผูพิทักษ ผู นี้
แตกลับพายแพ ถูกผูพิทักษผูนี้ทำใหบาดเจ็บสาหัส
จึงไดสรางโอกาสใหหกปรารถนารุงเรืองขึ้น
ทุกอยางนี้ทำใหหวังเปาเลอยิ่งไมอาจกระทำบุมบามได เขาเดาไดวาวิญญาณเทพ
ที่วานี้ก็คือมหาเทพ สวนผูพิทักษ…เขาก็ไมรูวาเปนรางแยกของมหาเทพหรือไม
แตเมื่อคาดเดาจากพลังแลว คลายจะไมใช เห็นไดชัดวาผูพิทักษคนนี้แข็งแกรงกวา
ถึงขั้นเปนรองแคมหาเทพก็ใชวาจะเปนไปไมได
ดั ง นั ้ น เขายั ง ต อ งตรวจสอบอี ก ที คิ ด จะหลอมรวมเข า กั บ โลกใบนี ้ ใ ห ไ ด
อยางสมบูรณ มีเพียงทำเชนนี้เทานั ้น จึง จะมีโ อกาสไปอยู ตรงหน ามหาเทพแลว
ผสานเขาไปในหมุดไมดำเพื่อแกไขเหตุตนผลกรรมกับเขา
“บางทีหากมองจากโลกภายนอก จักรวาลทั้ง 108 แหงของมิติเตาตนกำเนิดแหงนี้
อาจไมมีอยูจริง แตความจริงที่นี่ไดหลอมรวมเปนหนึ่งโดยสมบูรณไปแลว”
ขณะที่ครุนคิดอยูนั้น หวังเปาเลอก็หลับตาลง ตระหนักรูถึงกฎเกณฑแหงเตา
สายสุขตอไป
ขณะเดียวกันนั ้น ในระดับชั้น ที ่ สู ง ยิ ่ ง กว าโลกใบนี ้ โลกชั ้ น ที ่ ห นึ ่ ง ในตำนาน
‘โลกนิทรา’ ที่แหงนี้ไมมีกลางวัน แผนดินใหญเต็มไปดวยซากปรักหักพังและซากศพ
ราวกับวาความตายและความแหงแลงคือทวงทำนองหลักของสถานที่แหงนี้
ท า มกลางกองซากปรั ก หั ก พั ง ผื น นี้ ม ี ร ู ป สลั ก ตั ้ ง ตรงอยู ท ี ่ น ั ่ น รู ป สลั ก นี ้ คื อ
นกแกวขนาดยักษตัวหนึ่ง
บนหัวนกแกวมีคนชุดคลุมดำนั่งขัดสมาธิอยู ชุดคลุมยาวของเขาตัวใหญมาก
ไมเพียงครอบคลุมสวนหัวของคนผูนี้เทานั้น แตยังแผกระจายลงมาคลุมรูปสลักไปเสีย
ครึ่งตัว
ราวกับวาวันเวลาในที่นี้ไรที่สิ้นสุด และชั่วขณะนี้เอง คนชุดคลุมดำก็ คอยๆ
เงยหนาขึ้น ความดำมืดที่ถูกชุดคลุมดำปกคลุมอยูนั้นพลันมีแววตาปรากฏขึ้นมา
มันจองมองไปยังแผนดินใหญ ราวกับกำลังเสาะหา
ผานไปพักหนึ่ง ดวงตาที่เปดขึ้นและคลายคนหาไมสำเร็จผลก็ปดตาลงอยางชาๆ
อีกครั้ง
บทที่ 1318 หญิงชุดเขียว
ขณะเดียวกัน หวังเปาเลอที่นั่งสมาธิอยูบนยอดเขาในโลกาชั้นที่สองก็คลาย
สัมผัสถึง เขาเงยหนามองฟา หรี่ตาลง
เมื่อครูนี้เขาคลายรูสึกเหมือนถูกดวงจิตเทพกวาดผานไปลางๆ แตดวงจิตเทพ
ดวงนี้ขาดจิตวิญญาณ ลักษณะเหมือนเครื่องจักรอยางยิ่ง ราวกับแคมุงตรวจหา
กฎเกณฑจากโลกภายนอกเทานั้น
สวนทางดานหวังเปาเลอ ตอนนี้ทั่วกายไมวานอกในลวนเต็มไปดวยกฎเกณฑแหง
เตาสุข เวลาไมกี่เดือนทำใหกฎเกณฑจากโลกภายนอกในตัวของเขาถูกเก็บซอนเอาไว
โดยสมบูรณนานแลว
จุดนี้สัมพันธกับการฝกตนขั้นหาของเขาอยางยิ่ง เพราะเขามีหมื่นเตาเพียบพรอม
ดังนั้นเมื่อควบคุมไดอยางรอบคอบ เขาจึงทำไดถึงขั้นสูงสุด เก็บซอนเอาไวอยาง
สมบูรณแบบ
ถาหากเปนขั้นที่สี่ เนื่องจากมีแหลงกำเนิดแคเตาเดียว พัวพันล้ำลึกเกินไป
จึงไมอาจเก็บซอนไวไดโดยสมบูรณเหมือนอยางหวังเปาเลอ
“ภายในมิ ต ิ เ ต า ต น กำเนิ ด แห ง นี ้ เบื ้ อ งหลั ง ล้ ำ ลึ ก อย า งยิ ่ ง …” หวั ง เป า เล อ
ถอนสายตาที่มองไปยังทองนภากลับมา หลับตาลง นั่งสมาธิตอ ทำใหเมล็ดเตาแหงสุข
ภายในรางแผกิ่งกานสาขานับไมถวนออกมาและเติบโตอยางตอเนื่องอยูในตัว
วันเวลาเคลื่อนผานไปอยางชาๆ เชนนี้ ไมนานก็ผานไปสามเดือนแลว ตอนนี้
กฎเกณฑเตาสุขของหวังเปาเลอบรรลุถึงระดับที่สมบูรณแบบมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน
ก็สัมผัสไดถึงความดีงามของชาวบานในหมูบานเชิงเขาเชนกัน ราวกับผูที่ฝกฝน
เตาแหงสุขสวนใหญจะเปนคนจิตใจดี ซึ่งสิ่งนี้เกี่ยวของกับสารัตถะของกฎเกณฑ
ชนิดนี้ดวย
ความดีงามเชนนี้ หวังเปาเลอก็ยอมรับเชนกัน
แต…เห็นไดชัดวาแบบของความดีงามนั้นไมใชสิ่งหลักในมิติเตาตนกำเนิดแหงนี้เลย
ก็เหมือนกับคบเพลิงที่จุดขึ้นในยามค่ำคืนมืดมิด หากขมความมืดไวไมได ผลสุดทาย
ก็มีแตตองถูกมองเปนตัวประหลาด และดับลงในความมืดอยูดี
หมูบานสาขาของสายเลือดแหงเตาสุขก็เชนเดียวกัน ในยามค่ำคืนหลังผานไป
ไมกี่วัน หวังเปาเลอที่นั่งสมาธิอยูบนยอดเขาพลันลืมตาโพลง จองมองไปยังเทือกเขา
หางไกล
ดูแลวที่แหงนั้นมีความมืดปกคลุมไวทั้งผืน ราวกับไมมีสิ่งผิดปกติ ไดแตอาศัย
แสงจันทรออนจางมองดูเงาดำที่เกิดจากตนไมใบหญา ทวา…มันเงียบงันเกินไป
บางทีอาจเปนเพราะความเงียบนี้จึงทำใหหูของหวังเปาเลอคลายไดยินเสียงรอง
ละครแปลกพิกลดังขึ้นไดลางๆ
“ความตายไมมาเยือน…”
“เงาแผนหลังมักอยูเสมอ…”
นั่นเปนเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง เต็มไปดวยความคับแคนใจและความพิศวง
ยิ่งกวานั้นคือมีความอัดอั้นตันใจ เหมือนเก็บซอนความไมยินยอมอันแรงกลาและ
เสียงคำรามรองเอาไว แตกลับไมอาจปลดปลอยออกมาได
เมื่อดังเขาสูหูของหวังเปาเลอ เขาก็สั่นไปทั้งกาย ราวกับเวลานี้หัวใจถูกฝามือ
ที่มองไมเห็นกุมเอาไวและกำลังบีบชาๆ คลายจะบดขยี้ใหแหลกและฉีกทึ้งเสนเลือด
ที่เชื่อมตอกับมันออก กอนจะกระชากออกมาจากในรางทั้งยังเปนๆ
ยิ่งกวานั้นในชั่วพริบตานี้เอง ที่เทือกเขามืดมิดไกลๆ ตรงหนาของหวังเปาเลอ
คาดไมถึงวาตอนนี้มันจะกลายเปนกึ่งโปรงใสขึ้นมา แสงจันทรที่เดิมออนจางก็คลาย
สองทะลุผานความกึ่งโปรงใสนี้ไปได ทำใหโลกใบนี้เหมือนจะแจมชัดกวาแตกอนมาก
เมื่ออาศัยจากความแจมชัดนี้ก็จะมองเห็นวา…มีหญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาว
สีเขียวผมดำคลุมบา กำลังกมหนาเดินจากกลางเทือกเขา รูปรางของนางสูงใหญมาก
คาดไมถึงวาจะสูงเทาๆ กับภูเขา ทั้งยังมองเห็นหยดเลือดไหลลงมาจากใบหนาที่ถูก
ผมดำปกคลุมของนางชาๆ
รอบตัวของนางก็ยิ่งมีเงารางเลือนลางหลายรางลอยอยู เงารางเหลานี้บางครั้งก็
จะกลายเปนทวงทำนองเพลง บางครั้งก็กลับมาเปนมนุษย พวกมันคอยๆ เดินเขา
มายังหมูบานเชิงเขาที่หวังเปาเลออยูพรอมกับหญิงสาวผูนี้
เสียงเพลงยิ่งชัดเจนมากขึ้น
“ทำลายความคะนึงหา จนสลายกลายเปนฝุนผง…”
“ใครหนอรอผูใดกลับมา…”
ไมวาเดินผานไปที่ใด ภูเขากึ่งโปรงใสรอบๆ ก็จะถูกหยดเลือดอาบยอมเปนสีแดง
พืชพรรณทุกอยางเหี่ยวเฉา ความอาฆาตแคนในน้ำเสียงแรงกลามากยิ่งขึ้น ในตอนนี้
ความคิดเศราโศกที่อัดอั้นอยูคลายจะมาถึงจุดสูงสุด และใกลจะระเบิดออกมาแลว
จิตใจของหวังเปาเลอกูรองขึ้นอีกครั้ง กฎเตาแหงสุขภายในรางแพรกระจายใน
พริบตา เขาหรี่ตาลง จองมองไปยังสตรีชุดเขียวที่เดินมาจากที่ไกลๆ จากความเขาใจ
เกี่ยวกับโลกใบนี้ เขาไมจำเปนตองเดาก็รูที่มาของอีกฝายแลว
นั ่ น ก็ ค ื อ ผู ฝ ก ตนของเมื อ งปรารถนาเสี ย ง แต เ ห็ น ได ช ั ด ว า ครั ้ ง นี ้ ไ ม ไ ด อ ยู
ระดับเดียวกับสิ่งที่เขาเจอในหมอกแดงเลยสักนิด อยางหลังเปนแคทวงทำนองเพลง
หนึ่งทอนเล็กๆ เทานั้น ไมใชบทเพลงสมบูรณ
แตสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไมใชแคบทเพลงที่สมบูรณยิ่งกวา แตยังมีเนื้อเพลงปรากฏ
มาดวย
ถึงขั้นสงผลกระทบตอจิตใจของเขาได เห็นไดชัดวาสถานะของหญิงชุดเขียวผูนี้
จะตองเปนผูเยี่ยมยุทธภายในเมืองปรารถนาเสียงอยางแนนอน
“มาหาขาหรือ หรือวามาทำลายสาขาเตาสายสุขที่เชิงเขากันละ” ดวงตาของ
หวังเปาเลอสองประกายเยือกเย็น ภายในหุบเขาดานลางภูเขาที่เขาอยู ผูฝกตนของ
สายเลือดเตาแหงสุขก็ตื่นขึ้นมาแลวเชนกัน เสียงแหงความปติมากมายพรอมกับ
ความยินดีปรีดาพลันลนทะลักไปทั่วทั้งสี่ทิศทันที ราวกับดวงไฟที่ถูกขมเอาไวใน
ความมืด แตกลับไมยอมดับแสง และฝนยืนหยัดตอไป
ยิ่งกวานั้น เมื่อความปติยินดีนี้แผกระจายกลายเปนวิชาเคลื่อนยายชนิดหนึ่งและ
กำลังจะถูกใชออกมาตอจากนั้น จะเห็นมานแสงนุมนวลหนึ่งชั้นผุดขึ้นมาจากเสนขอบ
ของหุบเขา ราวกับกลายเปนมานกำบัง
ในฐานะที่เปนสาขาสายตรงของสายเลื อดแห ง สุ ข แม ว าป จ จุ บั น จะอ อ นแอ
แตเปนเพราะถูกไลฆามาหลายป ก็ยอมมีวิธีปองกันตัวเองอยูบาง และการเคลื่อนยาย
ผานพลังความสุขก็คือหนึ่งในนั้น
เมื่อมานแสงเชื่อมเขาดวยกันจนเกิดเปนมานกำบังโดยสมบูรณแลว ก็เปนเวลาที่
การเคลื่อนยายจะเริ่มตนขึ้น
แตเห็นไดชัดวาผูร่ำรองจากเมืองปรารถนาเสียงที่มาในครั้งนี้แข็งแกรงเกินไป
เสียงเพลงแฝงความพิศวงและความอาฆาตแคน มันสงผลกระทบตอจิตใจของผูคน
ทั้งหมดในหมูบานโดยตรง ทำใหหัวใจของผูฝกตนสายเลือดสาขาเตาแหงสุขคลายถูก
จับเอาไว ขณะที่พวกเขาสีหนาซีดขาว พลังชีวิตก็ไหลหายไปอยางรวดเร็วราวกับจะ
แหงเหี่ยว
สิ ่ ง นี ้ ท ำให ว ิ ช าเต า ของพวกเขาถู ก โจมตี แ ละได ร ั บ ผลกระทบ การเป ด ใช
วิชาเคลื่อนยายก็ไมอาจทำใหสำเร็จไดในชั่วอึดใจ ยิ่งกวานั้นยังมีความบิดเบี้ยวใน
ความผันผวนของเสียงเพลง ทำใหมานแสงที่ผุดขึ้นมาเหลานั้นสอแววพังทลาย
หวั ง เป า เล อ ถอนหายใจแผ ว เขาอาศั ย อยู ท ี ่ น ี ่ ม าครึ ่ ง ป ทั ้ ง เขาก็ ย ั ง ยอมรั บ
หมูบานแหงนี้แลวดวย และตอนนี้ไมวาอีกฝายจะมาหาตนหรือมีเปาหมายเดิมเปน
หมูบานแหงนี้ก็ตาม เขาก็ไมมีเหตุผลจะยืนนิ่งดูดายอยูขางๆ
ดั ง นั ้ น ในชั ่ ว พริ บ ตาที ่ ม า นแสงเคลื ่ อ นย า ยของหมู บ า นเกิ ด ความบิ ด เบี ้ ย ว
หวังเปาเลอก็มองไปยังหญิงสาวชุดเขียวที่เดินมาจากที่หางไกลชาๆ ใบหนาเผยรอยยิ้ม
แทบจะในชั ่ ว ขณะที ่ ร อยยิ ้ ม ของเขาปรากฏขึ ้ น นั ้ น กฎเกณฑ แ ห ง สุ ข ก็ พ ลั น
ระเบิดออกมาจากรางของเขา กอนกอตัวเปนคลื่นอารมณผันผวนไรรูป แผกระจายไป
รอบตัวฉับพลัน
ไมวาผานไปที่ใด ตนไมใบหญาที่เหี่ยวเฉาเหลานั้นก็คลายจะมีพลังชีวิตขึ้นมาใหม
เทือกเขาที่ถูกเลือดอาบยอมก็เหมือนถูกชะลางใหกลายเปนสีเดิม ถึงขั้นที่แมแตฟาดิน
กึ่งโปรงใสแหงนี้ก็ถูกบังคับใหกลับมาเปนเหมือนเดิมในชั่วขณะนั้นเชนกัน
สวนหญิงชุดเขียวที่เดินมาจากไกลๆ ผูนั้นก็ชะงักฝเทา ผูฝกตนร่ำรองที่ลอยอยู
รอบตัวนางเจ็ดแปดคนแยมยิ้มออกมาอยางควบคุมไมไดทันที บทเพลงของพวกเขา
ถูกขัดจังหวะ พริบตาที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนราง…วิญญาณก็ถูกทำลาย
เพราะอาศัยโอกาสชั่วพริบตานี้ มานแสงของหมูบานเชิงเขาก็เชื่อมตอกันจนเสร็จ
สมบูรณ วงแหวนปราณเคลื่อนยายทำงานออกมาทันใด และขณะที่ผูฝกตนสาขา
เตาแหงสุขในหมูบานเคลื่อนยายหนีไปนั้น หญิงชุดเขียวที่ชะงักฝเทาผูนั้นก็คอยๆ
เงยหนาขึ้น
ภายใตแสงจันทร มองเห็นใบหนาของหญิงผูนั้นผานชองวางระหวางกลุมผมสีดำ
ใบหนานั้น…มีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด ยิ่งกวานั้นที่ลำคอก็ยังมีรอยช้ำสีดำลึก
หนึ่งรอย
ดวงตาของนางลึกและพรามัว ราวกับวาในแววตามีเงารางของหญิงสาวผูหนึ่งอยู
อยางเลือนราง ราวกับมีนักรองละครกำลังรายรำและรองเพลงอัดอั้นคับแคนใจยิ่ง
กวาเดิมออกมา
“ฝนยามค่ำหวาดโคมสารทสองแสง…”
“สองเวทีวางเปลาจนสวางไสว…”
“ที่ควรมา ลวนไมมา…”
“ที่ควรอยู ลวนไมอยู…”
บทที่ 1319 เมล็ดพันธุเตา
เสียงนี้เคียดแคนไรใดเทียบทียม แสดงถึงความเกลียดชังยากจะบรรยาย
ความเกลียดชังเชนนี้แมวาจะเปนเพียงความรูสึกที่เผยออกมาผานบทเพลง
แตก็คลายสงผลตอความเปนจริง ทำใหทั้งแปดทิศในขณะนี้เต็มไปดวยความรูสึก
อั ด อั ้ น ตั น ใจแรงกล า ราวกั บ อากาศเหนี ย วหนื ด ขึ ้ น มาเสี ย อย า งนั ้ น ทำให ผ ู ค น
รูสึกหายใจลำบาก ถึงขั้นที่มีภาพนากลัวที่สุดเทาที่เคยเห็นมาในชีวิตภาพแลวภาพเลา
ปรากฏขึ้นมาในหัวอยางหยุดไมอยู
แมแตเทือกเขาโดยรอบ ก็เปลี ่ ย นเป น กึ ่ งโปร งใสอีกครั้ ง ถึ ง ขนาดเกิดความ
บิดเบี้ยวขึ้นมา เหมือนกับพื้นที่สวนนี้ถูกปรับเปลี่ยน คลายกอเกิดเปนรูปทรงเวที
การแสดงอยางเลือนราง
และตัวเอกของเวทีละครแหงนี้ก็คือหญิงชุดเขียวที่กำลังเดินชาๆ ทวารทั้งเจ็ด
มีเลือดไหล แววตามาพรอมกับความเคียดแคน และมีน้ำเสียงเปยมความเกลียดชั
งผูนั้น สวนผูฝกตนของเมืองปรารถนาเสียงคนอื่นๆ ขางกายนาง ตอนนี้ลวนเผยสีหนา
เครงขรึมออกมาจากเงารางที่เขามาเปลี่ยนในชั่วพริบตาเชนกัน พวกมันพยายาม
ทุมเต็มกำลังแผกระจายเสียงดนตรีออกมาเพื่อทำใหมีฤทธิ์อาบยอมมากกวาเดิม
ขณะเดียวกันนั้น วงแหวนปราณเคลื่อนยายของหมูบานเชิงเขาสาขาเตาสุขที่
กำลังจะเคลื่อนยายจากไปก็ไดรับผลกระทบไปดวย เห็นอยูชัดๆ วาเงารางของผูฝกตน
ที่อยูในนั้นพราเลือน แตเสียงเพลงกลับเหมือนกลายเปนมือที่มองไมเห็น ยื่นไปควา
พวกเขาไว ราวกับจะฉุดลากใหกลับมาจากการเคลื่อนยาย ถึงขั้นมองเห็นไดวามี
ผู ฝ ก ตนสายเลื อ ดเต า สุ ข จำนวนไม น อ ย เงาร า งค อ ยๆ แจ ม ชั ด ขึ ้ น มาจาก
ความพราเลือน ราวกับอีกไมนานก็จะถูกเคลื่อนยายยอนกลับมาจริงๆ
พรอมกันนั้น ในเวทีละครที่แปลงมาจากทุกอยางรอบตัวทั้งแปดทิศแหงนี้ ตอนนี้
พืชพรรณทุกชนิดลวนเหี่ยวเฉาในพริบตา ความตายปกคลุมไปทั่ว
เหมือนกับวานี่คือเวทีละครที่ไมควรมีอยูในโลกคนเปน บทละครที่เลนอยูนั้น
ก็ไมควรจะใหคนเปนไดยินไดเห็นเชนกัน
ภาพนี้ทำใหหวังเปาเลอหรี่ตาลง ในแววตามีประกายแสงสองวาบ แตใบหนา
กลับแยมยิ้ม
รอยยิ ้ ม นี ้ เ ป ย มด ว ยแสงอาทิ ต ย แฝงไว ซ ึ ่ ง พลั ง ชี ว ิ ต ต อ สรรพสิ ่ ง ยิ ่ ง กว า นั้ น
ยังมีความมองโลกในแงดีตอชีวิตมนุษยดวย มันกอเกิดเปนพลังแพรเชื้ออยางหนึ่ง
ที่สงผลตอทั้งรอบดานเชนเดียวกัน ทำใหพืชพรรณบนภูเขาที่เขาฟนกลับมาจาก
สภาพเหี่ยวเฉากอนหนานี้ในชั่วอึดใจ แลวแผขยายไปดานนนอก ปะทะกับเวทีละคร
ที่หญิงผูนั้นสรางขึ้น
ความปติ สรางรอยยิ้ม สงมาจากใจ แพรกระจายไปทั้งแปดทิศ
นี่คือกฎเกณฑของเตาสายสุข ความยินดี ปติ ไรหวงไรกังวล ทั้งเรียบงายและ
ไมไรเดียงสา
ความเรียบงายเชนนี้เปนเพราะมีอยูในทุกคน ความไมไรเดียงสาเชนนี้เปนเพราะ
ถึงทุกคนจะมีอยู แตก็มักจะหายไปตามกาลเวลา เมื่อมีประสบการณมากขึ้น ความสุข
ก็เหมือนจะลดลงไปชาๆ เชนกัน
เมื่อเทียบกันแลว มักจะเปนวัยเด็กที่รอยยิ้มจริงใจมากที่สุด และสอดคลองกับ
สารัตถะแหงเตาสายสุขมากที่สุด แตหวังเปาเลอในตอนนี้ คนทั้งคนดูแลวคลายกับ
เด็กที่กำลังฟงละครอยู รอยยิ้มจริงใจอยางยิ่ง ความสุขไมมีการปกปดไวแมแตนอย
เมื่อเปนเชนนี้ หญิงชุดเขียวที่เดินเขามาผูนั้นก็ชะงักฝเทาลงโดยไมรูตัว สุดทาย
นางยืนอยูหางจากหวังเปาเลอไปหลายรอยจั้ง เงารางที่สูงพอๆ กับภูเขาคลายไมอาจ
กาวไปขางหนาตอไดอีกแลว สีหนาใตผมดำบิดเบี้ยว ราวกับกำลังดิ้นรน
สวนผูฝกตนเมืองปรารถนาเสียงคนอื่นๆ ขางกายนางนั้น ขณะนี้แมวาจะพยายาม
ถายทอดบทเพลงเต็มกำลัง ทวาภายใตความปติและรอยยิ้มของหวังเปาเลอ แตละคน
ก็ไมอาจหลีกเลี่ยงหรือหยุดยั้งไมใหถูกแพรเชื้อสุขได เงารางคอยๆ เปลี่ยนกลับจาก
สภาวะทำนองเพลงแลวแยมยิ้มออกมา ยิ้มไปยิ้มมา รางกายของแตละคนก็สูญเสีย
แรงกำลัง กอนรวงหลนลงมาจากกลางอากาศ
หลังหลนลงมาที่พื้นก็ไมขยับเขยื้อนอีก มีเพียงใบหนาที่ยังประดับรอยยิ้มและ
ความพึงพอใจไวเทานั้น
เมื่อเห็นภาพนี้ หวังเปาเลอก็ครุนคิด
มองไปยังที่ไกลๆ ภาพที่ปรากฏอยูระหวางฟาดินในตอนนี้แปลกประหลาดอยางยิ่ง
เวทีละครมายาที่กอเกิดจากเทือกเขาและปาไมราวกับถูกตัดเปนสองสวน รางของ
หญิงชุดเขียวและหวังเปาเลอยืนอยูที่ใจกลางของทั้งสองสวนนี้พอดี
การเผชิญหนาของพวกเขาทำใหทั้งสี่ทิศบิดเบี้ยวตลอดเวลา แตเห็นไดชัดวาถึงแม
เสียงเพลงของหญิงชุดเขียวผูนั้นจะแปลกพิสดาร แตเมื่อเทียบเรื่องระดับขั้นกับ
หวังเปาเลอแลว นางยังหางชั้นอยูมาก
ถาไมใชเพราะหวังเปาเลอไมอยากใชวิชาจากโลกภายนอกออกมาละก็ หรือพูด
ใหถูกคือ ไมไดใชพลังของตัวเองเลยสักนิด แคอาศัยความสุขที่ตระหนักรูมาไดในชวง
หลายปนี้เทานั้น ไมอยางนั้นการสังหารหญิงชุดเขียวผูนี้ก็เปนเรื่องงายดายยิ่ง
ดังนั้นจึงเห็นผลลัพธไดชัดเจน เปนเพราะตอนนี้ผูฝกตนเมืองปรารถนาเสียง
รอบตัวหญิงชุดเขียวผูนี้ตกตายดวยรอยยิ้มไปตามๆ กัน หมูบานดานหลังหวังเปาเลอ
จึงเริ่มโคจรวิชาเคลื่อนยายอีกครั้ง เงารางที่กอนหนานี้ไดรับผลกระทบก็เริ่มกลับมา
พราเลือนใหมแลว
เมื่อเห็นวาการเคลื่อนยายใกลจะเสร็จสิ้น หญิงชุดเขียวที่ถูกวิชาเตาสายสุขของ
หวังเปาเลอหยุดไวก็พลันถอนหายใจแผวเบา และเมื่อเสียงถอนหายใจดังขึ้น ไมใชแค
เนื้อเพลงเทานั้น แตบทเพลงก็ยังระเบิดออกมาในชั่วอึดใจนี้เชนกัน
ความอัดอั้นที่มีอยูกอนหนานี้และความอาฆาตแคนทั้งหมดราวกับพุงขึ้นมา
ฉับพลันทามกลางเสียงถอนหายใจแผวเบาและเสียงเพลงที่เพิ่มระดับขึ้นมาทันที
ราวกับวาสวนหนึ่งของทอนสำคัญในบทเพลงปะทุออกมาในชั่วพริบตา
“ที่ควรมา ลวนไมมา…”
“ที่ควรอยู ลวนไมอยู…”
“ที่ควรรัก ลวนไมรัก…”
ชั่วขณะหนึ่ง ความอาฆาตแคนที่ระเบิดออกมานี้ก็ทำใหเวทีละครที่เกิดขึ้นจาก
เทือกเขารอบๆ เปลี่ยนจากภาพมายาเปนของจริง เหมือนกับมีเวทีละครมาตั้งไวจริงๆ
รางลวงตาหลายรางผุดขึ้นมารอบตัวหญิงชุดเขียว ขณะที่พวกมันเริ่มรายรำ ฝเทาของ
หญิงชุดเขียวก็กาวมาหาหวังเปาเลออีกครั้ง
ความพิศวงพุงถึงจุดสูงสุด นาสะพรึงเขยาขวัญ
ผานไปที่ใด ทองฟาลวนสิ้นสีสัน ฟาดินเหี่ยวเฉา
ไดยินที่ใด จิตใจกลิ้งเกลือก ชีวิตสูญหาย
หวังเปาเลอนั่งขัดสมาธิอยูบนยอดเขา ความสุขรอบตัวเขาเบาบางลงไปมาก
แมวารอยยิ้มบนใบหนาจะไมเปลี่ยนแปลง แตการถอนหายใจก็ยังอยูในใจเขาเนิ่นนาน
ไมสลายหายไป สุดทายภาพชุดแตงงานก็ผุดขึ้นในหัวของเขา
“ดนตรีมีจิตใจ…ชื่อของบทเพลงนี้อาจจะเปนชุดแตงงาน” หวังเปาเลอสายหนา
แล ว ลุ ก ขึ ้ น ยื น เขาไม ค ิ ด จะอยู ท ี ่ น ี ่ ต อ การเคลื ่ อ นย า ยที ่ ด า นหลั ง ตอนนี ้ ส ำเร็ จ
ไปมากกวาครึ่งและบรรลุถึงสภาวะที่ไมอาจยอนกลับไดแลว
และเขาก็ตองยอมรับวาในสถานการณที่ไมอาจใชพลังของตัวเองเชนนี้ แคอาศัย
วิชาแหงสุขที่ตนตระหนักรูในชวงไมกี่เดือน เขาก็ยากจะจัดการหญิงชุดเขียวที่เปยมไป
ดวยความอาฆาตคนนี้ได
ความแค น และความเกลี ย ดชั ง ของอี ก ฝ า ยหลอมรวมเข า ไปในบทเพลง
โดยสมบูรณแลว ทำใหบทเพลงนี้พิสดารจนถึงขีดสุด การที่สามารถทำไดถึงขั้นนี้
ทั ้ ง ยั ง เกิ ด เป น บทเพลงที ่ ส มบู ร ณ แ บบ คิ ด ไปคิ ด มา…สถานะของหญิ ง ผู น ี ้ ใ น
เมืองปรารถนาเสียงก็คงเปนรองแคเจาปรารถนาแหงเสียงผูนั้นแน
ผูฝกตนแบบนี้ เวลานี้หวังเปาเลอไมอยากของเกี่ยวมากนัก ดังนั้นหลังจากลุกขึ้น
มาแลว เขาก็ไมไดมองไปยังหญิงชุดเขียวที่เดินมาหาคนนั้นอีก ตัวเขากาวสูทองฟา
หางไกล กำลังจะจากไป
แตในชั่วขณะที่กำลังจะจากไปนั้นเอง ความเคียดแคนในแววตาของหญิงชุดเขียว
ก็รุนแรงขึ้นอีกครั้ง ชั่วอึดใจเสียงเพลงก็เปลี่ยนไปอีกรอบ มันไมไดเปนทำนองขึ้นๆ
ลงๆ อีกตอไป แตกลายเปนทวงทำนองโสตแหงเตา
ราวกับเสียงคำรามและเสียงกรีดรองกลายมาเปนบทเพลงนี้ ชางแหลมคมนัก!
เวทีละครก็ยังทนรับไมไหว เมื่อเสียงอันแหลมคมนี้ระเบิดออกมา มันก็พังทลาย
ในพริบตา เงารางที่รายรำรอบๆ ทั้งหมดแตกกระจายในชั่วอึดใจ แมแตผูฝกตน
เมื อ งปรารถนาเสี ย งเหล า นั ้ น ที ่ เ หลื อ อยู ข า งกายหญิ ง ชุ ด เขี ย วก็ ย ั ง ทนรั บ ไม ไ หว
พากันกรีดรองครวญคราง กอนที่รางกายจะแตกสลายเปนเสี่ยงๆ ทันที
ทุกสิ่งทุกอยางนี้ราวกับกลายเปนของบำรุงใหหญิงชุดเขียว ทำใหเสียงแหลมคมที่
นางรองออกมาตอนนี้ราวกับทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางบางอยาง ทำใหฟาดินสิ้นสีสันและ
หมนแสงไปในชั่วขณะนี้เอง
เปนครั้งแรกที่สีหนาของหวังเปาเลอผูเตรียมจะเดินไปไกลเปลี่ยนไป ฝเทาหยุดลง
และหันหนามา ดวงตาฉายแววแปลกประหลาด
“นี่คือ…กลิ่นอายของเมล็ดพันธุเตาอยางนั้นหรือ”
บทที่ 1320 ปลุกผูพิทักษ
เมล็ดพันธุเตาไมใชของแปลกหนาสำหรับหวังเปาเลอ
ตอนที่เขาอยูที่โลกแหงศิลาคราวนั้น ในกระบวนการฝกฝนเตาแปดปรมัตถ
เขาตองเสาะหาสิ่ง ของหลายอยางที ่ สามารถบรรจุ เมล็ ดเต าได กล าวให ถู กก็ คื อ
สมบั ต ิ ช ั ้ น เลิ ศ ที ่ ม ี ก ฎเกณฑ ต า งกั น พวกนี ้ น ั บ ว า เป น แค ข องกึ ่ ง สำเร็ จ รู ป เท า นั้ น
จำเปนตองมีวิชาเตาของเขารวมบรรจุลงไปดวย จึงจะถูกเรียกวาเปนเมล็ดพันธุเตาได
แต ต อนนี ้ เสี ย งอั น แหลมคมของหญิ ง ชุ ด เขี ย วกลั บ คาดไม ถ ึ ง ว า จะทำให
หวังเปาเลอรูสึกเชนนี้ ถึงขั้นกลาวไดวา เสียงในตอนนี้ไมใชเมล็ดพันธุเตากึ่งสำเร็จรูป
อีกแลว แตเปนเมล็ดพันธุเตาที่แทจริง
“ผูหญิงคนนี้เปนวัตถุดิบที่เหมาะจะบรรจุเตาปรารถนาเสียงที่สุด เมื่อกฎแหง
ปรารถนาเสี ย งที ่ น างมี อ ยู ผ สานรวมกั บ ตั ว นางโดยสมบู ร ณ แ ล ว ก็ จ ะทำให น าง
กลายเปนเมล็ดพันธุเตา!”
“นี่ไมนาจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ วิธีการเชนนี้…นาจะถูกคนเพาะปลูกเอาไว!”
ดวงตาของหวังเปาเลอฉายประกายแปลกประหลาด ดวยพลังฝกตนและความรู
ของเขา มองปราดเดียวก็เห็นถึงขอบกพรองแลว ทุกสิ่งทุกอยางของหญิงชุดเขียวผูนี้
จะตองถูกคนสรางไว หรือกลาวใหถูกคือ นาง…เปนแคเตาหลอม
เตาหลอมไวเพาะเลี้ยงเมล็ดพันธุเตา
และผูฝกตนที่มีความสามารถจะทำใหนางกลายเปนเตาหลอมนั้น เห็นไดชัดวา
ก็เปนผูฝกตนในสายปรารถนาเสียงเชน กั น เจาปรารถนาเสี ยงผู นั ้น ยอ มมี ค วาม
เปนไปไดมากที่สุด
แนนอนวาผูฝกตนปรารถนาเสียงคนอื่นก็เปนไปได แตไมวาอยางไร อีกฝาย
จะตองเปนคนระดับยอดในเมืองปรารถนาเสียงแนนอน
“นาสนใจนี่”
หวังเปาเลอหรี่ตา ในใจเปลี่ยนความคิดอยางรวดเร็ว การใชคำวาสมบัติชั้นเลิศ
มาบรรยายเมล็ดเตาก็ไมใชเรื่องเกินจริง ถึงขั้นที่วาในแงหนึ่งนั้น หากมีคนไดมันไป
แลวหลอมรวมเขาสูราง ก็สามารถบรรลุถึงระดับอันนาเหลือเชื่อดานการตระหนักรู
กฎเกณฑปรารถนาเสียงไดเลย
สวนหวังเปาเลอนั้น หากเขาไดมันมาแลวใหเวลาพักหนึ่ง เขาถึงขั้นสามารถ
สั่นคลอนตำแหนงของเจาแหงปรารถนาเสียงผูนั้นแลวกลายเปนแหลงกำเนิดของ
กฎเกณฑปรารถนาเสียงเองไดเลย
เมล็ดพันธุเตาก็เหมือนกับกุญแจดอกหนึ่ง
กุญแจสูแหลงกำเนิด
“แตก็ยังมีความเสี่ยง…” สายตาของหวังเปาเลอฉายแววลังเล ถาเขาลงมือโจมตี
อาศัยแคกฎเกณฑเตาสุขที่ตระหนักรูไดไมกี่เดือน ไมมีทางจัดการกับหญิงชุดเขียวผูนี้
แลวหลอมเมล็ดพันธุเตาไดแน
เขาจำเปนตองใชพลังของตัวเองจึงจะทำเรื่องนี้ได แตถาเปนอยางนั้น เขาก็ตอง
เผชิญหนากับความเสี่ยงสองอยาง
ความเสี่ยงแรกนั้นมาจากคนของเมืองปรารถนาเสียงที่ทำใหหญิงชุดเขียวคนนี้
กลายเปนเตาหลอมและปลูกฝงเมล็ดพันธุเตาไว แมหวังเปาเลอจะไมรูวาเขาเปนใคร
แตก็มีขอบเขตแคบมาก เพราะตองเปนผูฝกตนระดับสูงแนนอน
เมื่อตนเก็บผลของอีกฝายไป เหตุตนผลกรรมกับศัตรูอันตรายถึงตายก็จะเกิดขึ้นทันที
อีกฝายจะตองโมโหและทำทุกอยางเพื่อตามหาตัวเขาแน
ความเสี่ยงเชนนี้ แมวาจะยุงยาก แตหวังเปาเลอกลับไมไดสนใจนัก สิ่งที่ทำใหเขา
ลังเลจริงๆ คือความเสี่ยงอยางที่สอง ซึ่งมาจาก…สัมผัสรับรูของวิญญาณจักรพรรดิ
และสัญญาณการตื่นขึ้นของมหาเทพ
แตเมล็ดพันธุเตาปรากฏอยูตรงหนา ทั้งเปนไปไดมากวาจะเปนเสนทางเตาสายที่
สองในการผสานรวมกับโลกใบนี้ของตน ดังนั้นหลังจากครุนคิดดูแลว สายตาของเขา
ก็ฉายแววตัดสินใจออกมาอยางรวดเร็ว
ทั้งหมดนี้ดูคลายจะยาวนาน แตความจริงลวนเปนความคิดจิตใจของหวังเปาเลอ
ทั้งนั้น ทั้งกระบวนการเกิดขึ้นแคไมกี่อึดใจ หลังจากตัดสินใจได เมื่อเสียงแหลมคม
ดังกองอยูรอบตัวเขา แววตาของเขาก็สองวาบ มองไปยังหญิงชุดเขียว
ยิ่งกวานั้นยังมีเตาแปดปรมัตถพลันเคลื่อนโคจรอยูภายในรางของเขา ทำให
ตอนนี้เสียงแหลมคมที่ดังมาจากหญิงสาวใบหนาบิดเบี้ยวในสายตาของเขากลายเปน
ทวงทำนองแบบรูปธรรม
ทวงทำนองนี้ทั้งมีรูปรางคลายอักขระ และเหมือนกับแผนหลังของหญิงสาว
เพียงปราดมองก็ทำใหจิตใจของผูคนจมดิ่งอยูในนั้น ไมอาจหลุดพน ตอนนี้กำลัง
สงเสียงหวีดหวิวพุงมาหาเขาพรอมกับอานุภาพทำลายลางทุกสิ่ง อาบยอมทุกทิศทาง
เมื ่ อ เข า มาใกล ใ นชั ่ ว พริ บ ตา ท ว งทำนองนี ้ ก ็ ค ล า ยจะแทรกซึ ม เข า ไปในตั ว
หวังเปาเลอ มันทะยานมายังหวางคิ้วของเขา ถึงขั้นที่เมื่อทวงทำนองนี้เขามาใกล
ในสายตาของหวั ง เป า เล อ ก็ ค ล า ยเห็ น มั น แผ เ ส น สายจำนวนนั บ ไม ถ ว นออกมา
กำลังจะเจาะเขาไปในรางของหวังเปาเลอแลว
และเสียงที่มันแผออกมาจนดังเขาสูจิตใจของหวังเปาเลอก็ไมไดมีแค ความ
เคียดแคนหรือความทรมานจากความเกลียดชังเทานั้น แตยังแฝงไวซึ่งความดีงาม
เสียงหัวเราะ เสียงรองไห และเสียงของสัตวราย
ยังมีเสียงของสิ่งแปลกปลอมไรสัญญาณชีวิตอีกดวย เสียงนี้คลายรวบรวมเสียง
ของทุกสิ่งทุกอยางในฟาดินมาผสานไวดวยกัน ราวกับเสียงแหงธรรมชาติ แตก็นา
พิศวง มันทะยานเขามาใกลหวังเปาเลอ
หากเปนคนอื่น ตอนนี้คงจะสูญเสียตัวตนแลวสิ้นสติอยูในกฎเกณฑของปรารถนา
เสี ย งแบบนี ้ ไ ปแล ว แต พ ลั ง ฝ ก ตนของหวั ง เป า เล อ กำหนดไว แ ล ว ว า เป น เพี ย ง
เมล็ดพันธุเตา มันจึงไมอาจสั่นคลอนวิญญาณเทพของเขาได
ดังนั้น ในชั่วพริบตาที่ทวงทำนองใกลถึงหวางคิ้วนั่นเอง มือขวาของหวังเปาเลอ
ก็พลันยกขึ้นแลวระเบิดกฎเกณฑแหงเตาธาตุดินออกมาฉับพลัน ดวยพลังแฝงรวม
และผสานของธาตุดิน เพียงหนึ่งฝามือก็จับทวงทำนองนั้นอยูมือไดแลว
ตอนนี้หากมีคนนอกอยูที่นี่ ก็จะเห็นหวังเปาเลอยกมือขึ้นควาอากาศ แตพริบตา
ตอมา ทวงทำนองที่คนนอกไมอาจสัมผัสรูไดกลับมาปรากฏอยูระหวางนิ้วมือของ
หวังเปาเลอพรอมกับดิ้นรนบิดเบี้ยวอยู
มันอยากจะหลบหนี แตสองนิ้วของหวังเปาเลอกลับแข็งแรงอยางนาอัศจรรย
การโคจรวิชาแหงเตาดินก็ยิ่งผนึกมันไวแนนหนากวาเดิม
ขณะเดียวกัน หญิงชุดเขียวที่รองเสียงหวีดแหลมก็พลันหยุดชะงัก ตอนนี้เอง
รางกายก็คลายถูกลมพัดผานแลวสลายหายไปตรงๆ
เมื่อนางสลายหายไป เทือกเขารอบดานก็กลับเปนปกติในชั่วพริบตา หวังเปาเลอ
เก็บทวงทำนองนี้ไวอยางไมลังเลแมแตนิด แลวสลายพลังแหงเตาดินของตนทันที
กอนจะสงพลังแหงเตาสายสุขใหแพรกระจายไปทั่วราง
แตก็ยัง…สายไป
ชั่วอึดใจที่เขาใชพลังของตนออกมา ดวงจิตเทพมากมายก็พุงจากจุดที่เหนือกวา
เกาสวรรคแลวตรึงเขาไว พริบตาตอมา ขณะที่พลังสุขของหวังเปาเลอแผกระจาย
รอบกายเขากลับมีเงารางของวิญญาณจักรพรรดิหลายรางปรากฏขึ้นแลว
ขณะนี้ทองฟาคำรามลั่น คลื่นผันผวนเทียมฟาแผทั่วทุกทิศ ยิ่งกวานั้นยังมีสายฟา
สีดำเหมือนฟาพิโรธฟาดมายังโลก
“เร็วขนาดนี้เลยหรือ!” สีหนาของหวังเปาเลอนิ่งขรึม รูวาการตอกรกับวิญญาณ
จักรพรรดิเหลานี้ไมมีประโยชน รางกายจึงถอยหลังรวดเร็วโดยไมลังเล แลวพุงออกมา
ทันที สวนวิญญาณจักรพรรดิเหลานั้นที่ดานหลัง ตอนนี้ตางพากันเงยหนาขึ้น สองตา
ดานหลังหนากากสีขาวเย็นชา กลายเปนสายรุงยาวหลายสายพุงตามหลังเขาไป
ไลโจมตีอยางฉับพลันโดยไมสนวาจะทำใหโลกตกตะลึงอยางไร
เมื ่ อ ผ า นไปที ่ ใ ด อากาศก็ จ ะส ง เสี ย งครื น ครางออกมาแล ว เกิ ด รอยแยกขึ้ น
ก อ นจะพั ง ทลายท า มกลางเสี ย งสะเทื อ นลั ่ น ของแผ น ดิ น ทำให ส ั ต ว ป า มากมาย
นับไมถวนตัวสั่นเทาดวยความหวาดกลัว ถึงขั้นที่ดึงดูดสัมผัสรับรูของผูแข็งแกรง
ทั้งหมดในโลกใบนี้ไดแลวดวย
แตนี่ก็ยังไมใชสิ่งที่อันตรายที่สุด
สิ่งที่ทำใหหวังเปาเลอรูสึกหนังศีรษะชาขึ้นมาในชั่วพริบตาก็คือสายตาที่ราวกับ
ทะลวงทองฟา และมองมาจากโลกอีกใบนั่นตางหาก
เจาของสายตานี้ก็คือชายชุดคลุมดำที่นั่งขัดสมาธิอยูที่โลกชั้นแรกบนหัวของ
รูปสลักนกแกวผูนั้น ตอนนี้เขาที่นั่งสมาธิอยูตรงนี้พลันลืมตาขึ้น เผยใหเห็นนัยนตา
สีโลหิต
แตหากมองดูดีๆ แลวจะเห็นวาถึงแมนัยนตาคูนี้จะเปนสีแดงชาด ทั้งยังแฝง
ความบัาคลั่งเอาไว แตกลับคลายจะไรแวว เหมือนกับทาทางของพวกไมตายซาก
อยางยิ่ง แตตอนนี้กลิ่นอายนาสะพรึงบนตัวเขากลับระเบิดออกมาฉับพลัน
ครั้นระเบิดออกมาแลว ทั่วทั้งโลกชั้นที่หนึ่งก็เกิดลมพายุโหมกระหน่ำ เมื่อลมพายุนี้
มาบรรจบกับ กลับกอเกิดเปนมือยักษที่เกิดขึ้นจากลมพายุ มันยื่นไปยังโลกชั้นที่สอง
ดานลางดวยอานุภาพสะเทือนฟาสะเทือนดิน เขยาขวัญสรรพชีวิต!
บทที่ 1321 หลอมเตา
ในโลกาชั้นที่สอง ขณะที่หวังเปาเลอควบทะยานอยูกลางอากาศ ตอนนี้เอง
เขาก็เงยหนาขึ้นมองไปบนฟา ความรูสึกใจเตนรัวแรงแผซานไปทั้งกาย
ตอใหทองฟาในตอนนี้ดูคลายไมมีอะไรเปลี่ยนแปลง แมจะมีคลื่นผันผวนและ
เกิดรอยแยก แตก็เปนเพราะอานุภาพกดดันของวิญญาณจักรพรรดิเหลานั้นที่ตาม
ไลลาอยูดานหลังของเขา
แตความรูสึกใจเตนรุนแรงมันแรงกลาเกินไป ทำใหหวังเปาเลอตองหรี่ตาลง
พลังฝกตนโคจรเคลื่อนไปที่สองตา ชั่วขณะนั้นทองฟาที่เขาจองมองก็ไมเหมือนเดิม
เล็กนอย
บนฟาราวกับมีลมพายุตกลงมาจากฟากฟา เมื่อพินิจอยางละเอียดแลว ดวงตา
ของหวังเปาเลอก็หดเกร็งขั้นรุนแรง เขารับรูไดวาลมพายุที่พุงมาหานี้ คาดไมถึงวา
จะมีรูปรางเปนมือยักษ
อีกทั้งอานุภาพกดดันที่แผออกมาจากมัน แมแตตัวเขาก็ยังรูสึกหวาดกลัวผิดปกติ
“นี่ไมใชพลังของขั้นที่หา!” ชั่วพริบตา สมองของหวังเปาเลอก็นึกถึงเรื่องเลา
เกี่ยวกับโลกใบนี้ที่ตนไดยินมาจากผูอาวุโสชั้นสูงของสาขาเตาสายสุขขึ้นมา
ในเรื่องเลานั้น ผูที่อยูเหนือยิ่งกวาศิษยแหงเทพเจายังมีผูพิทักษคนนั้นอยู
ผูพิทักษคนนี้คอยคุมครองจิตเทพเจาที่หลับใหล…
“กลิ่นอายนี้ทำใหขารูสึกกลัว แลวยังรูสึกคุนเคยอยูบาง แตมันไมเหมือนกับ
ความรูสึกแบบที่มหาเทพมอบใหขา ดังนั้นจึงเปนไดแค…ผูพิทักษคนนั้น!”
“ผูพิทักษที่มีพลังฝกตนขั้นหก…” หวังเปาเลอถอนหายใจอยูในใจ แตกลั บ
ไมเสียใจตอการตัดสินใจกอนหนานี้ จากการคาดเดาของเขา การไดเมล็ดพันธุเตานั้น
มาจะทำใหตัวเขาผสานรวมกับโลกใบนี้ไดดียิ่งขึ้น และตองมีสวนชวยมากมายแน
ทว า ตอนนี ้ เ ขาไม มี เ วลาคิ ด อะไรมากแล ว ร า งพลั น พร า เลื อ นในชั่ วพริ บตา
แมน้ำแหงกาลเวลาปรากฏขึ้นตรงหนาของเขาทันที หวังเปาเลอกาวเขาไปในนั้นตรงๆ
โดยไมลังเลแมแตนิด
ทันทีที่ใชกฎเกณฑจากโลกภายนอกขึ้นในที่แหงนี้จะทำใหเกิดการปราบปราม
แตตอนนี้เขาถูกไลฆาอยูแลว ดังนั้นสำหรับหวังเปาเลอ มันจึงไมไดตางกันสักเทาไร
ทันใดนั้น เมื่อกาวเขาไปในแมน้ำแหงกาลเวลา ตัวเขาก็หายวับไปในพริบตา
ชั่วขณะตอมา ในหวงเวลาที่ตางกัน เงารางของหวังเปาเลอก็เคลื่อนไหววูบวาบไป
ขางหนาอยางตอเนื่องอยูในโลกใบที่สองแหงนี้
พลังฝกตนของวิญญาณจักรพรรดิพวกนั้นแตกตางจากเขา มันเอาชนะไดแค
ดานจำนวนอยางเดียว ดังนั้นเมื่อหวังเปาเลอไมเขาไปตอสูหรือเขนฆาทำลายพวกมัน
แต ห ลบหนี ด ว ยความเร็ ว เต็ ม กำลั ง ข อ บกพร อ งของวิ ญ ญาณจั ก รพรรดิ ก ็ ย อ ม
ถูกเปดเผยออกมาเปนธรรมดา
พวกเขาตามลาหวังเปาเลอไมได
เมื่อเปนเชนนี้ หลังจากเคลื่อนไหววูบวาบอยูในแมน้ำแหงกาลเวลาไปสิบกวา
อึดใจ หวังเปาเลอก็สลัดวิญญาณจักรพรรดิเหลานั้นหลุดไดอยางสมบูรณ
แต…มือยักษที่มาจากโลกชั้นที่หนึ่งซึ่งเกิดจากลมพายุของชายชุดคลุมดำผูนั้น
กลับไมสนใจกาลเวลา ไมวาหวังเปาเลอจะเดินทางอยูในแมน้ำแหงกาลเวลาสายนี้
อยางไรก็ตาม มันก็ยังคงอยูเสมอ
ยังอยูในกาลเวลาทุกหวงขณะ ยังคงสถิตอยูเนืองๆ
ถึงขั้นที่หลัง จากหวัง เปาเลอเคลื ่อนไหววูบวาบอยูในแม น้ ำแหง กาลเวลาไป
หลายสิบหวงขณะแลว สีหนาของเขาก็พลันอึมครึม เงยหนามองทองฟา มองเห็น
มือยักษที่เกิดจากลมพายุนั่นกอตัวเปนรูปรางสมบูรณแลวพุงมาจะควาตัวเขา
“แมจะเปนขั้นที่หก แตคิดวาอาศัยหนึ่งฝามือก็จะสยบขาไดอยางนั้นหรือ” เดิมที
หวั ง เป า เล อ ไม อ ยากเผชิ ญ หน า กั บ มั น เพราะจะเป น การเป ด เผยกฎเกณฑ ข อง
โลกภายนอกมากเกินไป ทำใหเขารูสึกไมสบายใจโดยสัญชาตญาณ
แตตอนนี้ ฝามือขางนี้ติดหนึบเหมือนไขในกระดูก เอาแตไลตามไมลดละ หลบหนี
ตอไปก็ไรประโยชน คิดจะซอนตัวอีกครั้งก็ตองทำลายมือยักษขางนี้ใหพังทลายไป
เสียกอน ทำเชนนี้จึงจะมีสิทธิไปหลบซอนตัวขณะเกิดชองวางตอนที่อีกฝายกำลังใช
พลังเทพออกมาอีกรอบ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาของหวังเปาเลอก็ฉายแววตัดสินใจได เขาไมหนีอีกตอไป
แตแววตาระเบิดจิตวิญญาณแหงการตอสูออกมาอยางฉับพลัน ตอนที่มือยักษขางนั้น
มาถึง วิชาแปดปรมัตถภายในรางก็ถูกใชออกมาเต็มกำลัง เมื่อยกมือขึ้น เงามายาของ
แทงเงิน เงาแหงหยดน้ำตา อักขระเพลิงเซียน และกายาแผนศิลาก็ปรากฏขึ้นมาทันที
รางทุกรางลวนสะเทือนฟาสะเทือนดินทั้งสิ้น แตหวังเปาเลอไมไดใชสารัตถะแหงไม
ออกมา ในมิติเตาตนกำเนิดนี้มีขอจำกัดตอพลังธาตุไมอยู แตแมหาธาตุจะขาดไปหนึ่ง
ทวาเมื่อหยินหยางแหงความเปนความตายของหวังเปาเลอถูกใชออกมา พรอมกับ
การระเบิดของพลังแหงความมืดมรณา และทันทีที่เงามายาอันทรงอานุภาพคลาย
เหยี ย บย า งสะพานสวรรค แ ต แ ท จ ริ ง มิ ไ ด เ หยี ย บย า งสะพานสวรรค ป รากฏขึ้ น
พลังที่รวมอยูบนรางของหวังเปาเลอก็บรรลุถึงระดับที่นาตะลึงแลว
ยิ่งกวานั้น พลังที่มีสิ่งเหลานี้เปนพื้นฐานและชักนำหมื่นเตาแหงจักรวาลออกมานี้
ก็กอเกิดเปนตาขายแหงกฎเกณฑของตนเองมารวมกัน กลายเปนเงารางมหึมาสูงใหญ
เทาแผนฟาทันที
เงารางนี้ก็คือ รางเตาของหวังเปาเลอนั่นเอง
ขณะที่ฝามือนั้นเขามาจับ รางเตาที่เกิดจากหมื่นเตาของหวังเปาเลอก็ชกหมัด
ไปยังมือยักษที่พุงมาหาทันที!
หมัดนี้ตอยไปพรอมพลังตอสูของขั้นหาในตัวเขา ทำใหแมน้ำแหงกาลเวลา
เกิดการยอนกลับจนพังทลาย หลังจากเขาปะทะกับฝามือลมพายุนั่นแลว แมน้ำ
แหงกาลเวลาก็รับไมไหว ระเบิดออกมาทันใด
สิ่งที่ระเบิดไปดวยยังมีฝามือลมพายุนั่น กับรางเตาของหวังเปาเลอ
ทั้งสามอยางระเบิดออกมาพรอมกันทันที
ขณะที่เสียงดังสนั่น รางเตาของหวังเปาเลอก็พังทลาย ฝามือลมพายุแตกสลาย
และแมน้ำแหงกาลเวลากลายเปนเศษซากนับไมถวนกระจัดกระจายไปทั่ว ที่โลก
ชั้นที่หนึ่ง แววตาของชายชุดคลุมดำที่นั่งขัดสมาธิอยูบนรูปสลักนกแกวก็สองประกาย
สีแดงวาบขึ้นมาโดยพลัน ตัวเขาผุดลุกขึ้นมาจากทานั่งทันที กอนเอนไปขางหนา
มองลงไปยังดานลาง
แทบจะพรอมกันกับที่เขาเอนกาย ในแมน้ำแหงกาลเวลาที่สลายเปนเศษนับไมถวน
หนึ่งในนั้นมีเงารางของหวังเปาเลอวาบผานแลวหลุดออกจากแมน้ำแหงกาลเวลาไป
เมื่อปรากฏอีกครั้งก็กลับมาอยูในปจจุบัน ณ สถานที่อีกแหงในโลกชั้นที่สอง
ที่นี่หางไกลจากเทือกเขากอนหนานี้มากนัก
หลังจากปรากฏตัว สีหนาของหวังเปาเลอก็ซีดขาว แตแววตากลับนิ่งสงบอยางยิ่ง
เขาโคจรกฎเกณฑแหงสุขภายในรางจนถึงขีดสุดอยางรวดเร็ว มันเติมเต็มทุกสวน
ทุกมุมทั่วรางกาย ปกปดกฎเกณฑจากโลกภายนอกของเขาเอาไว
แตแมจะเปนเชนนี้ ความรูสึกอันตรายที่มาจากทองฟาก็ยังคงคางคาไมจางหาย
ดังนั้นเขาจึงไมลังเล นำเมล็ดเตาแหงกฎเกณฑปรารถนาเสียงออกมาทันที จากนั้น
กดมันไวที่หวางคิ้ว ผสานเขาไปในรางกาย
เมื่อผสานมันลงไป ภายในรางของเขาก็คลายมีอสนีสวรรคระเบิดขึ้นจนเกิดเสียง
สะเทือนลั่น แตสีหนาทาทางของหวังเปาเลอก็ยังไมเปลี่ยนแปลง ผานไปพักหนึ่ง
เขาก็มุดลงสูสวนลึกของผืนดินใตฝาเทาตรงๆ
ในสวนลึกของผืนดิน ทามกลางดินโคลน หวังเปาเลอราวกับถูกฝง เขานั่งขัดสมาธิ
ไม ข ยั บ เขยื ้ อ น กลิ ่ น อายภายในร า งถู ก เก็ บ จนหมด ไม เ ผยออกไปแม เ พี ย งนิ ด
พรอมกันนั้น กฎเกณฑสองชนิดอยางสุขและเสียงภายในรางก็เหมือนน้ำไฟไมเขากัน
เริ่มตอตานกันและกันแลว
และการตอตานของพวกมันก็ยังปกคลุมรองรอยของกฎเกณฑจากโลกภายนอก
ภายในร า งของหวั ง เป า เล อ ไว อ ย า งสมบู ร ณ ทำให ร อ งรอยของเขาถู ก ลบทิ ้ ง ไป
อยางแยบยล
หากยั ง ถู ก ฝ า มื อ ลมพายุ น ั ่ น ตรึ ง เป า หมายอยู ต ลอดล ะ ก็ ต อ ให ห วั ง เป า เล อ
บรรลุมาถึงขั้นนี้ ก็ยากจะตัดรองรอยพวกนั้นใหหมดได แตเมื่อฝามือพังทลาย ก็ทำให
สภาพถูกตรึงเปาหมายของเขาเกิดจุดตัดขาด
นี่ก็คือโอกาสที่หวังเปาเลอสรางขึ้นมาใหตัวเอง
และขณะที่กฎเกณฑสองชนิดอยางสุขและเสียงภายในรางของเขาตอตานกันและกัน
อยูนั้น บนทองฟาของโลกชั้นที่สองก็มีใบหนาขนาดยักษคอยๆ โผลออกมา
ใบหนานี้เต็มไปดวยความนาเกรงขาม แววตาสีแดงชาด ขณะที่ดวงตาฉายแวว
เย็นชาไรความรูสึกก็แฝงไวซึ่งลมพายุเชนกัน เห็นชัดวามันขัดแยงกันอยางยิ่ง แตเมื่อ
อยูบนหนาของเขากลับไมมีความไมเขากันแมแตนอย
เมื่อมันปรากฏขึ้นมา ผูแข็งแกรงทั่วทั้งโลกาชั้นที่สองตางก็ใจสั่นสะทานกันทั้งสิ้น
พวกเขาเงยหน า ขึ ้ น จากที ่ ต า งๆ มองไปยั ง ใบหน า บนฟ า ด ว ยความเคารพบู ช า
กอนกมหนาลงต่ำ
หวังเปาเลอที่อยูในสถานะซอนตัวไมอาจมองไปที่ใบหนานั้นได สำหรับเหลา
จอมพลังแลว เมื่อไดเห็นก็จะเกิดเปนเหตุตนผลกรรม ดังนั้นเขาจึงไมรูวาอีกฝาย
หนาตาเปนอยางไร
แตในกนบึ้งจิตใจของเขามีคำตอบอยูบางแลว
“เตาแหงฝนของขาที่เขาไป…ก็คือฝนของเขาอยางนั้นหรือ ผูพิทักษจิตแหงเทพเจา…
จักรพรรดิเสวียนเฉิน”
บนทองฟา ใบหนาที่ปรากฏขึ้นมาก็คือ…จักรพรรดิเสวียนเฉิน
บทที่ 1322 รางแยกอิสระ
เหมื อ นกั บ จั ก รพรรดิ ใ นพระราชวั ง ในเต า แห ง ฝ น ของหวั ง เป า เล อ ตอนนี้
เสวียนเฉินที่โผลใบหนาไรอารมณขึ้นมาบนฟาสีหนาเครงขรึม มีเพียงดวงตาเทานั้นที่
แตกต า งไป สิ ่ ง ที ่ เ ปล ง ออกมาไม ใ ช ค วามน า เกรงขาม แต เ ป น ลมพายุ ท ี ่ แ ฝงอยู
ใตประกายแสงสีแดงก่ำ
ราวกับเบื่อหนายโลกและสะกดกลั้นความบาคลั่งเอาไว แตเห็นอยูชัดๆ วาทั้งที่
ควรจะมีอารมณความรูสึกมาก แตกลับกลายเปนความเย็นชาแบบที่ไมอาจปกปด
บางทีอาจเปนเพราะความไมเขากันนี้จึงทำใหผูแข็งแกรงทั้งหมดในโลกาชั้นที่สอง
พากันเงยหนาขึ้น พรอมจิตใจที่สั่นสะทาน
แม ว า ผู แ ข็ ง แกร ง ในโลกาชั ้ น ที ่ ส องแห ง นี ้ จ ะมี ม ากมาย เจ็ ด อารมณ ก ็ ดี
หกปรารถนาก็ ช า ง และยั ง มี เ มื อ งโบราณลึ ก ลั บ แห ง นั ้ น อี ก แต ต อ งพู ด เลยว า …
ทั้ง หมดนี้ เมื่ออยูตอหนาจักรพรรดิ เสวี ย นเฉิ น ผู มี พลั ง ฝ กตนอยู ใ นขั ้ น ที ่ ห กเปน
อยางต่ำนั้น พวกเขาลวนสามารถถูกบดขยี้ได
เพราะวาเขาอยูเหนือกวาศิษยแหงเทพเจา เปนผูพิทักษจิตแหงเทพเจา และในแงหนึ่ง
เขาก็เปนตัวแทนของกฎเกณฑขอสุดทายของโลกใบนี้
ตอนนี้ใบหนานี้มองลงมายังสรรพชีวิตบนผืนพิภพจากบนฟา ราวกับกำลังเสาะหา
จนกระทั่งเวลาผานไปครึ่งกานธูป ก็เห็นไดชัดวาใบหนานี้ไดคลาดกับรองรอยของ
หวังเปาเลอไปแลว มันจึงคอยๆ เลือนหายไป
ในโลกชั้นที่หนึ่ง ชายชุดคลุมดำผูยืนอยูบนรูปสลักนกแกวนั่งลงอีกครั้ง กมหนา
แลวหลับตา
เมื่อใบหนานั้นหายไป วิญญาณจักรพรรดิที่หวังเปาเลอดึงดูดมาพวกนั้นก็พากัน
สลายตัวเชนกัน โลกทั้งใบคอยๆ ฟนกลับมาเปนเหมือนเดิม เมื่อแสงอาทิตยแรกของ
วันตอมาสาดสองไปทั่วโลกา ทุกอยางก็กลับเปนปกติอยางสมบูรณ
โลกยังคงหมุนไป สรรพชีวิตยังคงฝกบำเพ็ญ แตบรรยากาศแปลกประหลาดกลับ
เริ่มแพรกระจายอยูในโลกาชั้นที่สอง เปนเพราะเรื่องเมื่อคืนนี้ แมวาคนนอกจะไมรู
รายละเอียด แตอาศัยการคาดเดาก็ยังเดาออกไดประมาณหนึ่ง
ผูที่สามารถดึงดูดวิญญาณจักรพรรดิและทำใหผูพิทักษปรากฏตัวไดนั้น มีเพียง…
คนที่มาจากภายนอก
แมวาเรื่องนี้จะพบไดยากในโลกชั้นที่สอง แตก็ใชวาจะไมเคยมีมากอน ดังนั้น
ผู ฝ ก ตนประจำถิ ่ น จำนวนมากขึ ้ น จึ ง เริ ่ ม แลกเปลี ่ ย นการคาดเดา ขณะเดี ย วกั น
ยามรุงอรุณภายในเมืองปรารถนาเสียงก็มีเสียงฉินดังแววมาจากที่ใดสักแหง
เสียงดีดฉินนี้มาพรอมกับความโกรธเกรี้ยว ยิ่งกวานั้นคือไมยินยอม หลังจากมัน
ดังขึ้นมาก็แผคลุมไปทั่วทั้งเมือง ทำใหทองฟาเหนือเมืองปรารถนาเสียงมีเมฆครึ้ม
ปกคลุมในพริบตา กอนที่ฝนหาใหญจะตกลงมา
ไมนานมีก็มีคำสั่งถูกถายทอดออกมา ผูฝกตนเมืองปรารถนาเสียงจำนวนมากจะ
ไดรับเงินรางวัลนำจับที่เรียกไดวาสูงมากทีละคน
และเปาหมายของรางวัลนำจับนี้ก็คือตามหาชิงหลิง!
ชิงหลิงก็คือหญิงชุดเขียวที่ถูกหวังเปาเลอสังหารและไดเมล็ดเตามาคนนั้นเอง
เมื่อเกิดเรื่องสั่นสะเทือนขึ้นในเมืองปรารถนาเสียงและมีผูร่ำรองจากปรารถนา
เสียงจำนวนมากออกมา โลกาชั้นที่สองซึ่งเดิมอยูในความสมดุลก็เริ่มสอแววเสียสมดุล
ขึ้นมาชาๆ
ขณะที่ฝนหาใหญของโลกภายนอกกำลังจะบังเกิด ณ พื้นที่เปลาเปลี่ยวหางไกล
แหงหนึ่งในโลกชั้นที่สอง ที่แหงนี้ไมใชเทือกเขา แตเปนทะเลทรายไรขอบเขตแหงหนึ่ง
ทวามันแตกตางจากทรายเหลืองดั้งเดิม เพราะทะเลทรายที่นี่เปนสีมวง
กรวดทรายสีมวงกอเกิดเปนมหาสมุทรทรายสีมวงผืนหนึ่ง ทำใหที่นี่ทั้งดูแหงแลง
ขณะเดียวกันก็มีความอัศจรรยนาพิศวงอยูบาง
เพราะทุกคนที่เขาใกลหรือเดินเขามาที่นี่ ลวนตองไดกลิ่นคาวเลือด และรั้งอยูที่นี่
ไมอาจกลับไปได
ที่แหงนี้ ในโลกชั้นที่สองเรียกวา จื่อหมัว
ตามตำนานเล า ว า เมื ่ อ หลายป ก อ น มี จ อมพลั ง ผู ห นึ ่ ง ถู ก ฆ า ตายในที ่ แ ห ง นี้
เลือดของนางชุมโชกไปทั่วทั้งทะเลทราย ทำใหทะเลทรายแหงนี้กลายเปนสีมวง
ขณะเดี ย วกั น เนื ่ อ งจากที ่ แ ห ง นี ้ ม ี ก ารยั บ ยั ้ ง อั น แรงกล า อยู จึ ง ส ง ผลกระทบต อ
พลั ง ฝ ก ตนของผู ฝ ก ตนที ่ ก า วเข า มาที ่ น ี ่ นอกจากนี ้ ใ นความเปล า เปลี ่ ย วก็ ย ั ง มี
ความแหงแลง และมีจอมพลังมาตรวจสอบดูเพื่อใหแนใจวาที่นี่ไมมีโอกาสวาสนาใดๆ
ดวยเชนกัน
ดังนั้น พื้นที่แหงนี้จึงยากจะมีเงาคนปรากฏ
แตในสวนลึกใตผืนดินของทะเลทรายสีมวงแหงนี้ หวังเปาเลอกลับนั่งสมาธิอยูที่นี่
ไมขยับเขยื้อน ทั้งจิตและกายลวนจมอยูกับการผสานระหวางกฎเกณฑเตาแหงสุข
และปรารถนาเสียงภายในราง
การผสมผสานเช น นี ้ ตามหลั ก การแล ว สามารถเร ง ให เ ร็ ว ขึ ้ น ได แต ก ารเร ง
ความเร็วจะทำใหเกิดขอผิดพลาดบางอยางตอการปกปดกฎเกณฑในตัวหวังเปาเลอ
ดังนั้นหวังเปาเลอจึงไมรีบรอน แตปลอยใหกฎเกณฑทั้งสองอยางตอตานกันอยาง
คอยเปนคอยไปภายในราง
เขารูดีอยางยิ่งวา ครั้งแรกที่ใชพลังจากโลกภายนอก เขาดึงดูดแควิญญาณจักรพรรดิ
เทานั้น แตตอนใชครั้งที่สองกลับทำใหผูพิทักษผูนั้นปรากฏตัวได เมื่ออนุมานไดเชนนี้
เขาก็เชื่อวาหากตนใชกฎเกณฑของโลกภายนอกออกมาเปนครั้งที่สาม หรือกลิ่นอาย
ของเขาถูกตรึงเปาหมายไวไดอีกครั้ง เชนนั้นเขาก็ไมมีทางถอยแลว
แตพลังฝกตนของเขาตอนนี้ยังไมพอจะไปตอกรกับผูพิทักษคนนั้น และเปาหมาย
ที่เขามายังมิติเตาตนกำเนิดแหงนี้ก็ไมใชการกวาดลางครั้งใหญในทันที
“จำเปนตองแกปญหาสองอยาง…”
“หนึ่งคือตองหาวิธีไปอยูหนามหาเทพใหได”
“สวนอยางที่สองคือผูพิทักษคนนั้น…” หวังเปาเลอที่นั่งสมาธิอยูใตพื้นดินคอยๆ
ลืมตาขึ้น มันสองประกายวาบอยูใตพื้นดินอันมืดมิด
“จักรพรรดิเสวียนเฉิน…ฝนของเขา การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดทายและคำถาม…”
หวังเปาเลอเงียบงัน เขานึกถึงคำพูดเรื่องความดีความชั่ว รูสึกแปลกๆ กับคำถามใน
คราวนั้นของอีกฝาย ตอนนี้เมื่อลองไตรตรองดูแลว ความรูสึกแปลกประหลาดก็ยิ่ง
แรงกลามากขึ้น จนเกิดความรูสึกรุนแรงอยางเลือนราง
ความดีและความชั่วเชนนี้ดูแลวคลายจะเปนคำถามเรียบงาย แตแฝงความหมาย
ลึกซึ้งอยางยิ่ง
ทามกลางความเงียบงัน หวังเปาเลอกมหนามองดูรางกายของตน สัมผัสไดถึงการ
ตอตานระหวางกฎเกณฑสองชนิดในรางกาย ครุนคิดอยูพักหนึ่ง เขาก็มีตัวเลือก
ในใจแลว
ในเมื่อไมอาจเผยรางจริงไดงายๆ เชนนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คืออยูที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงการ
คนหาของอีกฝาย จากนั้นวิธีที่มีประสิ ท ธิ ภาพมากที่ สุดในตอนนี ้ก็ คือ กลายเปน
รางแยกออกไปขางนอก
แตรางแยกธรรมดานั้นมีเหตุตนผลกรรมอยูกับรางจริง ทันทีที่ถูกพบเห็น รางจริง
ก็ยังคงถูกตรึงตำแหนงอยูดี ดังนั้นรางแยกนี้จะตองไมมีเหตุตนผลกรรมเกี่ยวพันกับ
รางจริง
ในแงหนึ่งนั้น…มันจึงเทากับการสรางรางแยกอิสระออกมา
และอิสระก็มักจะเสี่ยงตอการกบฏ แตความเสี่ยงเชนนี้ สำหรับหวังเปาเลอที่อยู
ขั้นหาแลว ใชจะแกไขไมได
ดังนั้นหลังจากครุนคิดเรียบรอย หวังเปาเลอก็หลับตาลง พริบตาตอมา รางกาย
ของเขาก็เกิดเงาซอนทับขึ้น จากนั้นรางแยกรางหนึ่งก็คอยๆ รวมตัวขึ้น หายวับไปจาก
ใตพื้นดินในพริบตา
ไมนานนัก ที่ชายขอบทะเลทรายสีมวงแหงนี้ก็มีเงารางรางหนึ่งเดินออกมา
รางนี้ดูผอมบางอยางยิ่ง มองไมเห็นถึงความคลายคลึงกับหวังเปาเลอแมแตนอย
ไมวาจะเปนหนาตาหรือกลิ่นอาย พลังฝกตนก็คลายอยูระดับวิญญาณจุติเทานั้น
แตแววตากลับแฝงความเยียบเย็นเอาไว หากมองดีๆ แลวจะเห็นวาในความเยียบเย็น
นี้มีไ อสัง หารและความโหดเหี้ยมอยู คล ายกั บว าภายในร างของเขาได ผนึ ก พลั ง
ทำลายลางโลกเอาไว
นี่ก็คือ รางแยกพิเศษที่หวังเปาเลอสรางขึ้น
ร า งแยกนี้ ค ื อ สภาพที ่ ห วั ง เป า เล อ อ า งอิ ง มาจากวิ ญ ญาณจั ก รพรรดิ จนแล ว
กอเกิดขึ้นเปน…รางแยกอิสระไรคลื่นอารมณผันผวนจนเกินไป
ในแงหนึ่ง ตัวเขากับวิญญาณจักรพรรดิคลายคลึงกันมาก แตสวนที่แตกตางกัน
ก็คือ…ไมรูวาใครมีอำนาจการควบคุมวิญญาณจักรพรรดิ เพราะมหาเทพยังหลับใหล
อยู แตวิญญาณเตาของหวังเปาเลอนี้ อำนาจการควบคุมอยูที่ตัวเขาเอง
“เชนนั้นตั้งแตนี้เปนตนไป ขา ก็คือหวังเปาเลอคนใหม” ขณะนี้ รางแยกที่เดิน
ออกจากทะเลทรายสีมวงหันไปปราดมองทะเลทรายแวบหนึ่ง กอนหัวเราะเสียงเย็น
ออกมาหนึ่งคราแลวกาวเดินไปยังที่หางไกล
บทที่ 1323 ผูกมิตร
“หวั ง เป า เล อ คนใหม ห รื อ ” ที ่ ส ว นลึ ก ใต พ ื ้ น ดิ น ของจื ่ อ หมั ว หวั ง เป า เล อ
ผูนั่งขัดสมาธิอยูตรงนั้นหัวเราะออกมา ไมไดไปสนใจ
รางแยกเปนอิสระอยางแทจริง ไมมีเหตุตนผลกรรมใดๆ กับอดีตของหวังเปาเลอ
เลยแมแตนอย แตถาบอกวามีอยูจริง ก็คงเปนเพราะกฎเกณฑแหงสุขและกฎเกณฑ
ปรารถนาเสียงที่แพรกระจายอยูในรางของหวังเปาเลอตอนนี้ ที่อาจจะยังมีอยูในตัว
รางแยกไมมากก็นอย
แตเรื่องนี้ไมเปนปญหา เดิมทีกฎของเตาทั้งสองชนิดนี้ก็เปนสิ่งที่มีอยูในโลก
ชั้นที่สองแหงนี้อยูแลว ไมนับวาเปนเหตุตนผลกรรมของตัวเขา
มีเพียงความสัมพันธแคอยางเดียวจริงๆ ซึ่งก็คือ…ตั้งใจจะกำจัดเหตุตนผลกรรม
กับมหาเทพเหมือนกัน
แคเรื่องนี้ก็เพียงพอแลว
“บางทีการใชทาทีที่เยือกเย็นขึ้นและเด็ดเดี่ยวขึ้นก็อาจจะคลี่คลายสถานการณ
ไดดีขึ้นก็ได” หวังเปาเลอจองมองรางแยกที่เดินไปไกลแลว จากนั้นจึงหลับตาลงชาๆ
สำหรั บ เขาแล ว สำเร็ จ คื อ ดี ท ี ่ ส ุ ด ถ า ร า งแยกล ม เหลวก็ ไ ม เ ป น ไร คิ ด ว า ตอนนั้ น
ตนคงจัดการภัยแฝงเรื่องกฎเกณฑของโลกภายนอกในตัวเขาไดเรียบรอยแลว
เมื ่ อ ถึ ง ตอนที ่ เ ขาผสานกฎเกณฑ แ ห ง สุ ข และกฎเกณฑ ป รารถนาเสี ย งได
อยางสมบูรณ เขาก็สามารถเดินออกไปไดอีกครั้งโดยไมตองกังวลวาจะถูกตรึงตำแหนง
หรือถูกตามหาตัวเลย
เปนเชนนี้ หลังจากรางจริงของหวังเปาเลอหลับตาลง ทั้งรางก็จมลงไป สวนรางแยก
ของเขาตอนนี้อยูนอกทะเลทราย เดินทางไปไกลอยูบนผืนโลก
เขาไมมีความคิดจะทำตัวไมเปนจุดสนใจแบบหวังเปาเลอรางจริง ตอนนี้รางแยก
ไมมีความผันผวนทางอารมณแมแตนอย เขาแผพลังฝกตนระดับวิญญาณจุติออกมา
ทั่วราง พรอมเรงความเร็วพุงฉิวไปขางหนา
ไรจุดหมายปลายทาง
รางแยกของหวังเปาเลอก็ไมรูวาตนตองไปที่ใด โลกใบนี้กวางใหญ และตัวเขาก็ยัง
ไมคุนเคยกับที่นี่อ ยางยิ่ง ดังนั้นตามความคิ ดของเขาแลว ตอนนี้ตนจำเป นต อ ง
สอบถามผูฝกตนประจำถิ่นสักคน
เวลาเคลื่อนผาน ขณะที่หวังเปาเลอเรงเดินทางรวดเร็วไปพรอมกับความคิดเชนนี้
ไมนานก็ผานมาแลวสี่วัน
ในชวงสี่วันนี้ ไมวาเขาผานไปที่ใดก็ไมเห็นแมแตเงาผูฝกตนสักคนเดียว ผืนดิน
คอยๆ เปลี่ยนจากสีมวงเขม จนกระทั่งเขาวันที่หา สีของพื้นดินก็เริ่มเปนสีเหลืองออน
มีตนไมใบหญามากขึ้น
หวังเปาเลอที่กำลังเรงเดินทางกวาดมองผืนแผนดิน ขณะที่กำลังจะเดินทางตอ
ไมชาสีหนาของเขาก็เปลี่ยนไป เขาหันไปมองดานขวา ที่ปาในบริเวณหางไกลตรงนั้น
คลายจะมีรองรอยผันผวนของกฎเกณฑอยู
หลังจากปราดมอง หวังเปาเลอก็หันหนาเปลี่ยนทิศทาง พุงตรงไปยังพื้นที่แหงนั้น
แตเมื่อเขามาใกลปาผืนนี้ กลับมีเสียงทะลวงอากาศดังขึ้นมาในพริบตา
หวังเปาเลอไมขยับขา รางกายสวนบนเอนหลบไปดานหลัง หางตามองเห็นเงาดำ
ถลั น บิ น ผ า นหน า ตนไปตรงๆ บนยอดของต น ไม ย ั ก ษ ต น หนึ ่ ง ที ่ ไ กลๆ มี ร า งของ
คนผูหนึ่งปรากฏขึ้น
เขาคือชายชรารางกายผอมแหงราวกับลิงคนหนึ่ง สวมเสื้อผาสีดำ พลังฝกตนอยู
ระดับวิญญาณจุติชั้นกลาง ตอนนี้กำลังนั่งยองๆ อยูบนยอดไม ดวงตาสาดประกาย
สีมรกต หลังจากจองหวังเปาเลอเขม็ง เขาก็เอยเสียงแหบแหงวา
“ผูมาเปนใคร!”
“ผูฝกตนจากเมืองโบราณ” หวังเปาเลอเอยอยางสงบนิ่ง ไมไดบอกชื่อแซของตน
ออกไป ประกายแสงในดวงตารวมตัวกันแลวจองมองชายชรา
“เมื อ งโบราณหรื อ ที ่ น ี ่ ไ ม ต อ นรั บ เจ า ออกไปเดี ๋ ย วนี ้ ” ชายชราหรี ่ ต าลง
เลียริมฝปาก เสียงแหลมคมเล็กนอย
หวังเปาเลอกวาดมองอยางเย็นชาปราดหนึ่ง กอนมองไปยังปาผืนนั้นที่อีกฝาย
ขวางไมใหตนเขาไป เขาสัมผัสไดลางๆ วาในปายังมีสายตาอีกสามคูกำลังจองมาที่
ตนเอง ทั้งยังแฝงเจตนารายเอาไว และจมูกของเขาก็ไดกลิ่นหอมแปลกประหลาด
เชนกัน
กลิ่นหอมนี้ไมรูวาปรุงมาจากเนื้อสัตวอะไร แมจะจางมาก แตทันทีที่จมูกของ
หวังเปาเลอไดกลิ่น รางกายของเขาก็รูสึกอยากกินขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ คลายกับวา
ตัวเขากำลังหิวกระหาย
คิ ด ไปคิ ด มาคนพวกนี ้ น า จะกำลั ง ปกป อ งของแปลกประหลาดนั ่ น อยู ท ี ่ นี่
หากเปลี่ ยนเปน ร างจริง ของเขา บางที อาจจะรู สึ ก สนใจอยู บ าง แต ห วั ง เป า เล อ
ในขณะนี้ไมสนใจ
“ขอแผนที่ของแถวนี้ใหขา แลวขาจะไป” หวังเปาเลอถอนสายตากลับแลวเอย
บอกตรงๆ
ชายชราชุ ด ดำขมวดคิ ้ ว มุ น คำพู ด ของอี ก ฝ า ยทำให เ ขารู ส ึ ก ตะลึ ง เล็ ก น อ ย
แตสวนใหญเปนความแปลกใจ ดังนั้นหลังจากประเมินหวังเปาเลออยูสองสามที
เขาก็สะบัดมือขวา โยนแผนหยกไปให หลังจากหวังเปาเลอความาไดก็ใชดวงจิตเทพ
กวาดมอง กอนหันกายจากไป
แตในชั่วขณะที่หวังเปาเลอเดินหางจากที่นี่ไปไมกี่สิบจั้ง ภายในปาไมแหงนั้น
พลันมีเสียงทุมต่ำดังขึ้น
“สหายเตาจากเมืองโบราณ ไดพบถือวามีวาสนา อยากจะเขามาเสวยสุขดวยกัน
สักหนอยหรือไม”
แทบจะทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ชายชราชุดดำผูนั้นก็หรี่ตาและหายตัววาบคลายทำไป
เพราะเสียงนี้ จากนั้นจึงกลายเปนเงาติดตาที่รวดเร็วจนนาตะลึง แลวมาปรากฏตัวอยู
หนาหวังเปาเลอ ขวางทางเขาเอาไวทันที
“หมายความวาอยางไร?” หวังเปาเลอหยุดชะงักฝเทา ใบหนาไรอารมณ เอยขึ้น
อยางนิ่งสงบ
“ไมไดหมายความวาอะไร แคอยากจะผูกมิตรเทานั้น” ผูที่ตอบหวังเปาเลอไมใช
ชายชราชุดดำตรงหนา แตเปนชายที่อยูตรงกลางในหมูผูฝกตนสามคนที่บินออกมา
จากในปาขณะนี้
ผูฝกตนสามคนนี้คลายอยูในวัยกลางคน สองคนในนั้นมีพลังฝกตนระดับวิญญาณจุติ
ชั้นตน มีเพียงคนที่พูดอยูเทานั้น เมื่อพลังฝกตนของเขาผันผวนก็เปดเผยกลิ่นอายของ
ระดับวิญญาณจุติชั้นปลายออกมา
ตอนนี้เมื่อเขามองหวังเปาเลอ สายตาก็สองประกายความโลภ ถึงขั้นเลียริมฝปาก
ดวยซ้ำ เจตนารายเต็มไปหมด
“ออ” สีหนาของหวังเปาเลอไมไดเปลี่ยนไปแมแตนอย ขณะที่เขาพยักหนา
รางกายของเขาก็ระเบิดพลังทันที มันเหนือกวากอนหนานี้ยิ่งนัก แทบจะในชั่วพริบตา
ขณะที ่ ท ั ้ ง สี ่ ค นยั ง ไม ท ั น ได ม ี ป ฏิ ก ิ ร ิ ย าอะไร เขาก็ ม าอยู ข า งกายชายชราชุ ด ดำ
กอนยกมือขวาจับคอของชายชราเอาไวแลวกระชากอยางแรง ขณะเดียวกันก็ยกเขา
ซายเตะไปที่เปาของชายชราหนักๆ
เสี ย งแควกดั ง ขึ ้ น เมื ่ อ ชายชรากรี ด ร อ งลั ่ น เลื อ ดเนื ้ อ ทั ่ ว ร า งของเขาตั ้ ง แต
บนลงลางก็พราเลือน แมแตขั้นวิญญาณจุติก็ถูกทำลายทันที เหลือเพียงหัวที่ถูก
หวังเปาเลอถืออยูในมือเทานั้น เมื่อเขาหันไปมองผูฝกตนทั้งสามที่หนาเปลี่ยนสี
ยกใหญ ก็โยนมันไปให
“จะผูกมิตร ก็ตองมีมารยาทยามพบปะ ขาแซหวังรีบรอนเดินทางจึงไมทันได
เตรียมตัว เชนนั้นก็ใชหัวนี้เปนของขวัญแลวกัน”
ในบรรดาผูฝก ตนขั ้นวิญ ญาณจุ ติ สามคนนั ้ น นอกจากวิ ญ ญาณจุ ติ ชั ้ น ปลาย
ที่พูดจากอนหนานี้แลว สองคนที่เหลือก็พากันถอยหลังหลายกาวตามสัญชาตญาณ
สายตาที่มองหวังเปามีความหวาดกลัวแรงกลา
สามารถสังหารวิญญาณจุติคนหนึ่งไดในชั่วอึดใจ ในความคิดของพวกเขา นี่เปน
ศัตรูแกรงที่ไมอาจลวงเกินไดเลย
แมแตผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายในตำนานผูนั้นก็สะอึกอยูในใจ หลังจาก
สู ด หายใจลึ ก แล ว ทำให ร อยยิ ้ ม ของตนดู เ ป น คนดี ข ึ ้ น มาหน อ ย เขาก็ โ ค ง คำนั บ
พลางกลาววา
“สหายเตาเกรงใจแลว ขาชอบมารยาทเชนนี้มาก ในปาเตรียมหุงหมอเนื้อสัตว
เอาไว แลวยังมีเหลาชั้นดีอีก เชิญ!”
หวังเปาเลอไมขยับเขยื้อน ปราดมองผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายคลายยิ้ม
คลายไมยิ้ม แลวเอยราบเรียบ
“ผูกมิตรจำเปนตองมีมารยาทการพบปะ ของขวัญขาละ” กลาวจบหวังเปาเลอ
ก็ปรายตามองลำคอของผูฝกตนที่ถอยรนไปพวกนั้น
เมื่อเห็นสายตาของหวังเปาเลอ ทั้งสองคนก็หนาเปลี่ยนสี รางกายถอยหลัง
อีกครั้ง โคจรพลังฝกตนเต็มที่
ผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายผูนั้นก็หนาเปลี่ยนสีเชนกัน หลังจากเห็น
ผูฝกตนทั้งสองคนถอยรน ความคิดที่อยูในใจก็เปลี่ยนไปอยางรวดเร็ว เขาคิดวา
หากเปนตัวเองคงไมอาจสังหารอยางคลองแคลวฉับพลันเชนนี้ไดขณะที่มีระดับ
วิญญาณจุติชั้นกลางเพงสมาธิจดจออยูแน ดังนั้นในเมื่อคนที่อยูตรงหนาสามารถทำได
เขาก็รูแลววาตนไมใชคูตอสู
ทั้งตัวเขายังเปนฝายยั่วยุกอน ดังนั้นหากไมจัดการใหดี วันนี้จะตองเกิดวิกฤต
ถึงชีวิตแน เขาหรี่ตาลง สะบัดมือขวา ปายคำสั่งแผนหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
“ป า ยเข า เมื อ งปรารถนารส ในนั ้ น ยั ง มี จ ำนวนเข า เมื อ งอยู ส องครั ้ ง ให เ ป น
ของขวัญ ดีหรือไม”
บทที่ 1324 เมืองปรารถนารส
หวั ง เปา เล อ เหลือ บมองป า ยคำสั่ ง ไม ไ ด ถ ามอะไรมาก เขายกมื อ จั บ อากาศ
ทันใดนั้นปายคำสั่งก็พุงมาหา พอจับไวไดหวังเปาเลอก็เก็บมัน จากนั้นจึงมองไปที่
ขางในปาที่ซึ่งสงกลิ่นหอมแปลกประหลาดออกมา
เมื่อผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายผูนั้นเห็นหวังเปาเลอเก็บปายคำสั่งไปแลว
ในใจก็โลงอกเล็กนอย แตความระแวดระวังยังคงอยู เขาเอยอยางเกรงอกเกรงใจ
“สหายเตา เชิญ”
กลาวพลาง ตัวเขาก็เอียงไปดานขาง ไมกลาเดินนำหนาและหันหลังใหหวังเปาเลอ
แตรอใหเขาเดินไปดวยพรอมกัน ตอนนี้ผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นตนสองคนที่อยู
อีกสองดานก็พากันแผพลังมากขึ้น ไมไดแสดงเจตนาโจมตี แตปองกันเปนหลัก
หวังเปาเลอไมสนใจการกระทำของคนทั้งสาม ตอนนี้เขาเดินเขาไปในปาเพียง
ชั่วแวบเดียว ผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายที่อยูขางๆ ก็กาวไปพรอมกัน แทบจะ
ในชั่วพริบตา ทั้งคูก็เขามาอยูในปาและมองเห็นที่มาของกลิ่นหอมประหลาดแลว
มันคือหมอใหญสูงราวหนึ่งคนกวาๆ ทั้งใบเปนสีเขียว ดานบนสลักสัญลักษณและ
อักขระเอาไว ทั้งยังแผกลิ่นอายเกาแกออกมาพรอมกัน อักขระเหลานั้นคลายแฝง
ความล้ำลึก ซึ่งเขากันกับสัญลักษณดานบน ทำใหหมอนี้สงเสียงคำรามต่ำออกมา
ราวกับมีสิ่งมีชีวิตที่ครอบครองพลังยิ่งใหญกำลังกระแทกโจมตีจากขางในหมอใบนี้
ไมหยุดในชั่วขณะนี้ มันพยายามพังหมอใบนี้ออกมา แตกลับยากจะฝาออกมาได
ทำไดเพียงถูกหมอใหญหลอมละลายอยางตอเนื่อง จนสงกลิ่นหอมฟุงชวนทองไส
ปนปวนออกมา
ขณะเดียวกัน รอบดานยังมีรองรอยของการตอสูอยางเห็นไดชัด และยังมองเห็น
ศพหลายศพอยูไกลๆ ดวย
ภาพนี้ทำใหหวังเปาเลอเลิกคิ้ว ขณะกาวเดินเขาก็แผดวงจิตเทพมากวาดมองขาง
ในหมอใหญใบทันที เห็นชัดเจนวาขางในหมอใบนี้มีเสนสีทองหนึ่งเสนที่มีลักษณะ
เหมือนกับหนวดเคราหรือเสนผมของสิ่งมีชีวิตกำลังถูกตมอยูในหมอ
บางทีน้ำที่นำมาตมเดิมอาจจะใสไรสี แตตอนนี้มองดวยตาเปลาก็เห็นชัดวา
สีของมันเปลี่ยนไปอยางชาๆ จนกลายเปนสีทองออน กลิ่นหอมก็เขมขนมากขึ้นเรื่อยๆ
เชนกัน
“นี่คือ…” หวังเปาเลอหรี่ตาลง อาศัยความรูกวางขวางของรางจริง แตกลับ
ไมรูอยูดีวานี่คือสิ่งมีชีวิตใด แตเขาสัมผัสไดวาหากกินเจาสิ่งนี้เขาไป มันจะบำรุง
กายเนื้อและมอบประโยชนที่นับวาไมเลวให
สำหรับเขา มันมีประโยชนแบบธรรมดา แตสำหรับผูฝกตนระดับวิญญาณจุติแลว
มันไมตางอะไรจากสมบัติล้ำคา
ขณะที่หวังเปาเลอกำลังประเมินหมอใหญใบนี้อยู ผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายก็
สังเกตดูหวังเปาเลอเชนกัน เมื่อเห็นวาสีหนาของหวังเปาเลอยังเหมือนเดิมราวกับ
ไมมีความคิดโลภเพราะหนวดอัศจรรยเสนนี้แลว จิตใจของเขาก็นับวาสงบลงเล็กนอย
ถึงกับลอบถอนหายใจออกมา นึกเสียดายวากอนหนานี้เห็นอยูชัดๆ วาอีกฝายกำลัง
จะจากไป แลวเหตุใดตนถึงตองคิดหยุดเขาไวดวย
ผลสุดทายดันไปหยุดเทพสังหารตนหนึ่งเสียได
ตอนนี้เขาตั้ง สติ โบกมือใหแสงสี ฟ าบิ น ออกมาจากกระเป าคลัง เก็บ ของตน
กอนกลายเปนหุนเชิดลักษณะเหมือนเด็กคนหนึ่ง เขาถือชามทองแดง เดินไปตักของ
จากดานหนาหมอใบนั้นมาบางสวน จากนั้นจึงสงไปตรงหนาหวังเปาเลอ
“สหายเตา ของสิ่งนี้มีผลบำรุงดีนัก เชิญ”
ใบหน า ของหวั ง เป า เล อ ไร อ ารมณ เขารั บ มาแล ว ก็ ด ื ่ ม มั น เข า ปากทั น ที
จากคุณสมบัติของรางจริง ไมวาคำสาปก็ดี ยาพิษก็ชาง ลวนแตไมมีผลกับตัวเขา
มานานแลว
แมวาเขาจะเปนแครางแยกก็ยังเปนเชนนี้เหมือนกัน
เมื่อซุปรอนอุนๆ ตกถึงทอง มันก็กลายเปนกระแสอบอุนแผซานไปทั่วกาย ดวงตา
ของหวังเปาเลอสวางขึ้นมาอยางอดไมได แมวาประสิทธิภาพของซุปถวยนี้แทบจะไมมี
ผลอะไรตอเขามากมาย แตรสชาติของมันกลับอรอยล้ำเลิศอยางที่ไมเคยไดลิ้มลอง
มากอน
“ขออีกชาม” หลังจากดื่มจนหมดแลว หวังเปาเลอก็เลียริมฝปากแลวเอยบอก
ตอนนี้ผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายผูนั้นพลันรูสึกเจ็บปวดเล็กนอย แตยังให
หุ น เชิ ด เต า ไปตั ก มาเพิ ่ ม อี ก หนึ ่ ง ชาม จากนั ้ น เขาก็ ท ำแบบเดี ย วกั น มานั ่ ง ข า ง
หวังเปาเลอแลวลิ้มรสมัน
สวนผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นตนสองคนก็ทำไดเพียงยืนกลืนน้ำลายอยูตรงนั้น
เปนเชนนี้ หวังเปาเลอและผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายก็ดื่มกันอยาง
ขาชามเจาชาม ดื่มไปพลาง หวังเปาเลอก็คลายเอยถามไปเรื่อย เนื่องจากกอนหนานี้
เขาบอกวาตนเปนผูฝกตนจากเมืองโบราณ ดังนั้นผูฝกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลาย
จึงไมไดคิดมากกับคำถามของหวังเปาเลอ ถึงอยางไรทั้งหมดนั่นก็เปนแคเรื่องความรู
เบื้องตน ไมจำเปนตองปดบังเพื่อทำใหความขัดแยงรุนแรงขึ้น
ดั ง นั ้ น หลั ง ผ า นไปหนึ ่ ง ชั ่ ว ยาม เมื ่ อ หนวดทองในหม อ ใบนั ้ น หลอมละลาย
จนสมบูรณ ซุปเนื้อกลายเปนสีทอง ทั้งยังถูกพวกเขาทั้งสองดื่มลงไปเกือบแปดสวน
หวังเปาเลอก็ไดรับสิ่งที่เขาตองการเชนกัน
ตัวอยางเชนเขารูแลววาหนวดสีทองนี้มีชื่อวาหนวดอัศจรรย ของสิ่งนี้คืออะไรกันแน
ผูฝกตนคนนั้นก็ไมรูแนชัด รูแตวาสิ่งมีชีวิตเชนนี้เปนวัตถุดิบที่มีเฉพาะในเมือง
ปรารถนารส ทุกๆ ปจะมีการจำกัดการซื้อขาย และตองทำภารกิจที่เมืองปรารถนารส
ออกประกาศใหสำเร็จเสียกอนจึงจะมีสิทธิซื้อได
หนวดที่พวกเขามีอยูตรงนี้ไมไดซื้อ แตปลนชิงมา ดังนั้นจึงเก็บของสิ่งนี้ยาก
เลยแกไขดวยการนำไปทำอาหาร พวกเขาไมมีเวลาเหลือมากนัก ทำไดเพียงหุงตม
อยูที่เดิมหลังฆาชิงสมบัติมาเทานั้น
ตอนนั้นเองจึงมีกลิ่นหอมประหลาดโชยออกมา ทำใหชายชราชุดดำที่ตายดวยมือ
ของหวังเปาเลอผูนั้นไปคอยขวางไวขางนอก
ขณะเดียวกัน สำหรับเรื่องปายคำสั่งเขาเมืองของเมืองปรารถนารส หวังเปาเลอ
ก็ ไ ด ร ั บ คำตอบที ่ ต นต อ งการเช น กั น ห า งจากที ่ น ี ่ ร าวๆ หลายแสนลี ้ ก ็ จ ะเป น
เมืองปรารถนารสซึ่งเปนหนึ่งในเจ็ดเมืองที่ใหญที่สุดในโลกแลว
แมวาเมืองนี้จะไมไดปดประตูตลอดป แตก็มีเงื่อนไขเขมงวดสำหรับคนเดิน
ทางเขาออกซึ่งจะตองมีปายคำสั่งพิเศษ จึงจะเขาและออกจากเมืองได อีกทั้งภายใน
ปายคำสั่งทุกปายลวนมีจำกัดจำนวนครั้งและเวลาที่พักอยูในเมือง หากเวลาพัก
หมดแลวและยังไมจากไป ก็จะถูกเมืองปรารถนารสลงโทษ
อีกทั้งหลังจากจำนวนครั้งถูกใชไปหมดแลว ก็ตองทำภารกิจเพื่อเติมจำนวนครั้ง
ของปายคำสั่ง ไมอยางนั้นก็ไมมีสิทธิเขาเมืองอีกตอไป
“เมืองปรารถนารสคือสวรรคของพวกผูฝกตนอยางขา” ผูฝกตนระดับวิญญาณจุติ
ชั้นปลายที่นั่งอยูตรงขามกับหวังเปาเลอทอดถอนใจออกมา
“ที่นั่น ขอเพียงเจาจายคาตอบแทน ก็จะไดอาหารรสเลิศที่ไมอาจจินตนาการ
และอาหารรสเลิศทุกชนิดก็ลวนทำใหการฝกตนของเจาเพิ่มพูนขึ้นไดดวย”
“โดยเฉพาะเทศกาลสวาปามในวันแรกของทุกเดือน ทั่วทั้งเมืองจะกูกองรองยินดี
แคไดกลิ่นหอมก็บำรุงวิญญาณเทพไดแลว พอนับวันดูก็คือวันนี้เอง นาเสียดายที่ขา
ยังมีธุระอื่น ไปไมทันแลว…”
เมื่อไดยินคำพู ด ของผู ฝ กตนที ่ อยู ตรงหน าและสั ม ผั สได ถึ ง ความรู ส ึ ก ชื ่ น ชม
ตอเมืองปรารถนารสของอีกฝาย หวังเปาเลอก็รูสึกสนใจขึ้นมา เห็นวาดื่มซุปไปได
พอสมควรแลว เขาก็ลุกขึ้นยืน กอนเอยลาทามกลางสายตาลอบแปลกใจของผูฝกตน
ผูนั้น
กระทั่งหวังเปาเลอเดินไปไกลแลว ระดับวิญญาณจุติชั้นปลายผูนี้ก็โลงอกไดอยาง
แทจริง สหายอีกสองคนที่ไมกลาเขามาใกลก็รีบพุงเขามาตักซุปกินทันที ขณะที่รูสึก
หดหูก็มีความยินดีอยูดวยเชนกัน อยางนอยที่สุดก็ยังเหลือ…
พวกเขากินจนหมดดวยความเร็วขั้นสุด จากนั้นทั้งสามก็รีบเก็บหมอใหญแลว
จากไปอยางรอนรน
ดานหวังเปาเลอในตอนนี้กำลังเดินทางอยูบนฟา พุงตรงไปยังเมืองปรารถนารส
ตามทิศทางที่ไดรับมา หากเปลี่ยนเปนผูฝกตนคนอื่น แมวาระยะทางหลายแสนลี้
จะไม ถ ื อ ว า ไกลเท า ไร แต ก ็ ต อ งใช เ วลาสั ก หน อ ย อี ก ทั ้ ง ที ่ น ี ่ ย ั ง มี ข อ จำกั ด และ
การขวางกั้นวิชาเคลื่อนยายดวย
แตสำหรับหวังเปาเลอแลว เรื่องเหลานี้ไมใชปญหา และเปนเชนนี้เอง หลังผานไป
หนึ่งชั่วยาม ดานหนาหวังเปาเลอที่กำลังทองทะยานอยูบนฟา บนพื้นที่ระหวางฟาดิน
ไกลๆ นั่น เขาก็มองเห็น…เมืองใหญมหึมาชวนใหใจสั่นสะทาน!
ทั่วทั้ง เมืองเหมือนกับหมอใบใหญย ั กษ ด านนั ้ น มี เสี ย งอึกทึ กจอแจปะทุขึ้น
อยูไกลๆ ก็ยังไดยิน และสิ่งที่เห็นไดชัดเจนที่สุดก็คือควันสีเขียวเปนหยอมๆ ที่กำลัง
ลอยขึ้นฟามาจากภายในเมืองแหงนี้ แลวกอตัวเปนเมฆครึ้มกอนใหญอยูบนทองฟา
สายฟามากมายแลบผานกอนเมฆ เสียงฟารองดังลั่น
แตกลับสะกดกลั้นเสียงกูรองภายในเมืองไมไดเลย ราวกับวาตอนนี้…ภายในเมือง
แหงนี้กำลังจัดงานฉลองยิ่งใหญขึ้น
และจะมองเห็นไดวาที่นอกเมืองมีผู ฝ กตนจำนวนมากกำลัง ตอ เปนแถวยาว
เขาเมืองกันอยางตอเนื่อง
“เมืองปรารถนารส” หวังเปาเลอหรี่ตา พุงไปฉับพลัน
บทที่ 1325 เทศกาลสวาปาม
หลังจากมองดูทั้งหมดนี้แลว หวังเปาเลอก็หรี่ตาลง รางกายหายวาบ ชั่วพริบตา
ก็ปรากฏตัวอยูกลางกลุมผูคนพรอมเดินตามฝูงชนเขาประตูเมือง
เมื่อเขามาใกล กลิ่นหอมอวลชวนน้ำลายสอที่ลอยมาจากในเมืองก็ทำใหผูฝกตน
สวนใหญที่ตอแถวเขาเมืองอยูหายใจถี่รัวเล็กนอย
แม จ ะส ง ผลต อ หวั ง เป า เล อ น อ ยมาก แต ค วามผั น ผวนที ่ เ กี ่ ย วข อ งกั บ
ความปรารถนาเชนนี้ก็ยังชวนใหนึกถึงความทรงจำเรื่องการกินของรางจริงในวัยเด็ก
ขึ้นมา
มันทำใหหวังเปาเลออดลูบคลำกระเปาคลังเก็บไมได นาเสียดายที่ผานมาหลายปแลว
ดานในจึงไมมีน้ำเย็นหลอวิญญาณ
“จู ๆ ก็ ค ิ ด ถึ ง ขึ ้ น มา…” ขณะที ่ ห วั ง เป า เล อ ถอนหายใจ เขาก็ เ งยหน า มอง
ประตูเมืองที่อยูไกลๆ แมที่นี่จะมีทหารรักษาการณอยู แตก็ไมไดสนใจคนเขาเมือง
พวกนี้ ทวากลับมีมานแสงบังอยูที่ประตูเมือง
เห็นไดชัดวามันคือเทพวัตถุอยางหนึ่ง ผูที่กาวผานมานแสงเขาเมืองทุกคนลวน
ไดรับการระบุปายคำสั่งและจำนวนครั้งการใชงานโดยอัตโนมัติ ผูที่มีคุณสมบัติ
ตรงตามเงื่อนไขยอมผานไปไดโดยไมถูกขัดขวาง แตบางครั้งก็จะมีคนที่พยายาม
จับปลาในน้ำขุนอยูเชนกัน
คนเหลานี้ลวนถูกขวางเอาไวขางนอกโดยไมมีขอยกเวน ถายังวอแวอยูอีกละก็
ทหารรักษาการณเหลานั้นก็จะลงมือโยนคนพวกนี้ออกไปไกลๆ
สิ่งที่ทำใหหวังเปาเลอสนใจไมใชคนที่ถูกโยนออกไปเหลานั้น แตเปนมานแสง
เทพวัตถุนั่นตางหาก และถึงแมทหารรักษาการณเหลานี้จะสวมชุดแบบมาตรฐาน
แตดูจากเกราะอันหรูหราและใบหนาทาทางดูมีสงาราศีแลว ก็คลายกับไดกินของ
บำรุงชั้นยอดที่ยังไมยอยสลายเขาไป สีหนาของแตละคนเต็มเปยมดวยความเยอหยิ่ง
ยามกวาดตามองคนเขาเมือง สวนใหญก็จะมีประกายเหยียดหยามเล็กนอย
จากความเข า ใจในธรรมชาติ ม นุ ษ ย ข องหวั ง เป า เล อ แล ว สิ ่ ง ที ่ ท ำให
ทหารรักษาการณมีพฤติกรรมเชนนี้ สวนใหญเปนเพราะพวกเขารูสึกเปนเจาของและ
ภาคภูมิใจตอเมืองแหงนี้ ถึงไดประพฤติตนเชนนี้ออกมา
ยิ่งทำใหหวังเปาเลอรูสึกสนใจตอเมืองปรารถนารสมากขึ้นไปอีก
ไมนานนัก หลังจากกลุมคนเขาเมืองที่หวังเปาเลออยูเดินผานมานแสงเขาไป
ทีละคนๆ จนมาถึงคราวของหวังเปาเลอ เขาก็กาวเขาไปใกลกับมานแสงโดยไมลังเล
แมแตนอย และในชั่วขณะที่กาวเขาไป เขาก็สัมผัสไดวาปายสิทธิเขาเมืองที่ตนไดมา
กะพริบวูบ จากนั้นในหัวก็มีดวงจิตเทพดวงหนึ่งดังขึ้น
“เจ็ดวัน หนึ่งครั้ง”
ดวงจิ ต เทพนี ้ เ ย็ น ชาเหมื อ นเครื ่ อ งจั ก ร ไม ม ี ค วามผั น ผวนทางอารมณ ใ ดๆ
เห็นไดชัดวามันมาจากเทพวัตถุของประตูเมือง สิ่งที่บอกมาก็กระชับเรียบงายอยางยิ่ง
ทำใหหวังเปาเลอรูวาตนสามารถรั้งอยูในเมืองนี้ไดเจ็ดวัน ขณะเดียวกันก็เหลือสิทธิ
เขาเมืองอีกแคครั้งเดียว
“นาสนใจนี่” เขาพึมพำอยูในใจ หวังเปาเลอเดินออกจากมานแสง กาวเขาไปในเมือง
แทบจะทันทีที่เขาเขาสูเมืองนี้ กลิ่นหอมฟุงตลบก็พุงเขามาหา ขณะเดียวกันยังมี
เสียงกูรองราวกับอีกเดี๋ยวก็จะดังกึกกองไปทั่วทั้งหูของหวังเปาเลอแลว
เขามองเห็นวาที่ถนนสายหลักขางหนาในเมืองอันกวางใหญแหงนี้ ตอนนี้กำลัง
มีผูคนสวมชุดสีสันสดใส ทาทางตลกขบขันจำนวนมากโหรองพลางกาวไปขางหนา
คนสวมชุดสีสันสดใสเหลานี้พิเศษอยางยิ่ง ตัวของพวกเขาโปงพอง โดยเฉพาะ
คนที่อยูดานหนาสุด ไมไดตางจากสมัยนั้นที่หวังเปาเลออวนที่สุดเลยสักนิด คนทั้งคน
ดูแลวคลายกับภูเขาเนื้อลูกหนึ่ง
ภูเขาเนื้อคนนี้ไมไดเดินดวยตัวเอง แตถูกผูฝกตนสวมชุดสดใสหลายสิบคนแบกอยู
ส ว นด า นหน า อาคารมากมายบนสองข า งทางตอนนี ้ ล ว นมี ผ ู ค นนั บ ไม ถ ว น
เบียดเสียดกัน มองดูภูเขาเนื้อและขบวนแหพรอมสงเสียงโหรองกันทั้งคณะ
ขณะที่ฝูงชนจากสองขางทางกูรองอยูนั้น บางคราวกลุมคนสวมชุดสีสันสดใสใน
ขบวนแหบนถนนหลักก็โยนอาหารปรุงสุกตางๆ ออกมา เนื้อเอย ผลไมเอย ผักเอย
และยังมีของกินไดจำพวกโอสถบำรุงอีกดวย กอนจะถูกกลุมคนที่อยูสองขางทาง
พากันแยงชิงแลวกินเขาไป
ดูคลายจะสนุกสนาน แตภาพนี้กลับมีความประหลาดแฝงอยู
เพราะว า …นอกจากกลุ ม ขบวนแห ท ี่ ส วมชุ ด สี ส ั น สดใสแล ว แทบทุ ก คนจาก
สองขางทางตางก็…ผอมโซมีแตกระดูก ใบหนาเหลืองซูบ ในดวงตามีเสนเลือด ยิ่งตอน
กินอาหารก็เผยความตะกละตะกลามออกมา
ถึงขั้นที่หวังเปาเลอยังเห็นวามีหลายคนฆากันเองเพียงเพื่อเนื้อชิ้นหนึ่ง และคนที่
ตกตายเพราะฝูงชนรอบขางแนนขนัดเกินไปเหลานั้นก็ไมอาจลมลงไดเลย แตถูกอัด
เอาไวตรงนั้น ดูแลวยิ่งแปลกพิลึกไปใหญ
ราวกับ…ทุกคนลวนเปนบาไปหมด
ยิ่งกวานั้นที่ดานหลังของกลุมขบวนแหชุดสีสันสดใสยังมีคนผอมแหงติดกระดูก
จำนวนมากกวาเดินตามคณะมา ตลอดทางตางโหรอง ตลอดทางตางยื้อแยงอาหาร
และเมื่อคณะขบวนแหไปไกลแลว
คนที่อยูสองขางทางก็พุงเขาไปอยูในฝูงชนที่อยูขางหลังอยางรวดเร็ว แลวตาม
ขบวนแหไป ราวกับงูยักษที่ตัวยาวขึ้นไมหยุดและกำลังทะลักไปขางหนา
หวังเปาเลอหรี่ตาลง ในสภาพแวดลอมเชนนี้ การมีอยูของเขาแทบจะไมมีใครให
ความสนใจดวยซ้ำ ดังนั้นแมเขาจะเขาไปในฝูงชนแลวเดินตามกลุมคนไปดวย ก็ไมมี
ผูฝกตนคนไหนใสใจ
เปนเชนนี้ ขณะที่สังเกตการณและกาวไปขางหนาพรอมกัน เวลาก็เคลื่อนผานไปชาๆ
สองชั่วยามตอมา ขณะที่ขบวนแหเคลื่อนตัว ฝูงชนที่ตามอยูขางหลังก็เพิ่มมากขึ้น
เรื่อยๆ จนแนนขนัด คงจะมีมากถึงหลายลานเลยทีเดียว แมแตหวังเปาเลอที่อยูใน
สภาพแวดลอมเชนนี้ยังรูสึกเวียนหัวเพราะเสียงกูกองอื้ออึงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
ขนาดเขายังเปนเชนนี้ แลวนับประสาอะไรกับคนอื่น เมื่อเทียบกับหวังเปาเลอที่
สามารถสะกดกลั้นเอาไวไดแลว คนที่ทำไมไดยอมมีอยูมากมาย อีกทั้งเมื่อไมอาจ
ตานทานก็เหมือนกับติดเชื้อ จะเสียสติอยูในอาการวิงเวียน พฤติกรรมก็จะยิ่งคลอยไป
กับคนหมูมากเปนธรรมดา
สวนอาหารที่ถูกโยนมาใหนั้น หวังเปาเลอไมเคลื่อนไหว สัญชาตญาณบอกเขาวา
อาหารเหลานี้มีปญหา และก็เปนเชนนี้ เมื่อผานมาสองชั่วยาม จูๆ ขบวนแหขางหนาก็
หยุดลง เสียงโหรองหายวับอยางรวดเร็ว แลวกลายเปนความเงียบงัน
หวังเปาเลอแผดวงจิตเทพออกมา เขามองเห็นทันทีวาตอนนี้จุดที่อยูขางหนา
ขบวนแหคือแทนบูชาขนาดใหญ ทั่วทุกทิศรอบแทนบูชาลวนมีกลุมขบวนแหอออยู
ตลอด ผูนำตางเปนคนที่เหมือนกับภูเขาเนื้อ และดานหลังก็มีคนผอมแหงจำนวนมาก
ตามอยูเหมือนกัน
ราวกับ…คนทั้งเมืองรวมถึงคนนอกลวนมารวมตัวกันที่นี่
และบนแทนบูชานั้น เดิมทีมันวางเปลา แตตอนนี้ขณะที่ประกายแสงกะพริบวาบ
เงารางมหึมาก็ปรากฏตัวขึ้น
คนผูนี้สูงถึงพันจั้งและสั่นสะเทือนจิตใจของผูคนไปพรอมกัน เปนเพราะรูปราง
จึงทำใหความรูสึกกดดันจากตัวเขานาตะลึงยิ่งกวาเดิม
ถาหากเทียบกับคนธรรมดาแลว หากการที่คนอวนแปดคนที่ถูกผูคนแบกไวจาก
แปดทิศทางรอบแทนบูชาถูกเรียกว าภู เขาเนื ้ อ เช น นั ้ น ตอนนี ้ พอนำมาเที ย บกับ
ยักษใหญสูงพันจั้ง พวกเขาก็เหมือนกับเด็กทารกอยางไรอยางนั้น
ในแงหนึ่ง ยักษใหญสูงพันจั้งผูนี้ไมอาจนับวาเปนมนุษยแลว แตเปนเนื้อชิ้นหนึ่ง
ที่ใหญยิ่งกวาทุกสิ่งทุกอยางทุกกระเบียดนิ้ว!
คลื่นผันผวนของพลัง ฝกตนที ่เที ยบไดกั บขั ้น หาสู ง สุดแผ ออกมาจากตั วของ
กอนเนื้อชิ้นนี้ ชางสะเทือนฟาสะเทือนดิน กดดันทุกผูคนยิ่งนัก
“คารวะเจาปรารถนา!” เมื่อเสียงรองคำรามของเจาอวนทั้งแปดจากแปดทิศรอบ
แทนบูชาดังขึ้น ทุกคนที่อยูรอบๆ ก็เปนบาขึ้นมา แววตาคลั่งไคล พากันตะโกนรอง
เสียงดังลั่น
ขณะที่ทุกคนตะโกนรองอยูนั้น กอนเนื้อบนแทนบูชาก็คอยๆ ยกมือขวาอัน
นาสะพรึง ขึ้นมาแลวกดลงไป ทัน ใดนั ้ น รอบข างก็ เงี ย บงั น อี กครั ้ ง ขณะเดี ย วกั น
เสนสีทองนับไมถวนก็กอตัวเปนกลุมกอน แลวปรากฏขึ้นกลางอากาศอยางไรสุมเสียง
มันคือหนวดทองที่หวังเปาเลอเคยกินไปไมรูตั้งกี่ครั้งนั่นเอง ตอนนี้กำลังกอตัว
เปนกลุมกอนใหญยักษ หนวดทั้งหมดในนั้นลวนดิ้นไปมา ดูแลวนาสะพรึงอยางยิ่ง
บทที่ 1326 โชคดีวันเปดราน
ชั่วขณะที่หนวดสีทองพวกนี้ปรากฏขึ้นมา หวังเปาเลอก็ไดยินเสียงกลืนน้ำลาย
ดังมาจากกลุมคนนับลานรอบๆ ทันที ยิ่งกวานั้นยังสัมผัสไดถึงความหิวกระหาย
เขมขนแพรกระจายอยางบาคลั่งอยูในเมือง
ราวกับวาทุกคนลวนถูกกลุมหนวดสีทองนั่นดึงดูดกันหมด
เมื่อความหิวกระหายของฝูงชนเขมขนขึ้นเรื่อยๆ ใบหนาที่แทบถูกฝงไวกวาครึ่ง
ของกอนเนื้อบนแทนบูชาก็คลายแยมยิ้ม มันคอยๆ อาปาก กอนสูดหายใจเขาไป
เมื่อเขาหายใจ ทันใดนั้นความกระหายอยากรอบดานก็พุงทะลักไปทางเขาแลว
ถูกดูดเขาไปในปาก ภาพนี้คนอื่นมองไมเห็นและสัมผัสไมได เพราะความกระหาย
อยากนั้นไรรูป
แตสำหรับหวังเปาเลอแลว ดวยระดับชั้นของรางจริง จึงตัดสินไดเลยวาแมตอนนี้
จะเปนรางแยกก็ยังสัมผัสถึงได ทำใหเขามองเห็นภาพนี้ชัดเจน ดวงตาจึงหรี่ลงอยาง
อดไมไหว
“ใชเทศกาลแบบนี้มาดูดซับความกระหายอยากเพื่อฝกตน…” ขณะที่หวังเปาเลอ
ครุนคิดอยูนั้น เมื่อกอนเนื้อมหึมาผูนั้นดูดซับความกระหายอยากไปมากกวาครึ่งแลว
เขาก็หยุดดูดกินคลายพึงพอใจอยางยิ่ง กอนจะเริ่มดูดซับจากพวกภูเขาเนื้อทั้งแปดคน
นอกแทนบูชา
ตอจากนั้นก็สูบจากกลุมคนชุดสีสันสดใสที่อยูดานหลังภูเขาเนื้อ หลังดูดซับเขาไป
รอบแลวรอบเลา ก็เห็นไดชัดวาความกระหายอยากที่อยูรอบดานนอยลงไปมาก
แตในไมชา ความกระหายอยากก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ราวกับวาในที่แหงนี้ ความปรารถนา
แทบจะไรที่สิ้นสุด
ขอเพียงผูคนรอบดานมีความปรารถนา มันก็จะเกิดขึ้นมาอยางแนนอน แตเมื่อ
ความปรารถนารอบที่สองผุดขึ้น ฝูงชนรอบๆ ก็รูสึกออนลา และในความออนลานี้…
หลักๆ แลวมาจากวิญญาณและรางกายของพวกเขาเอง
หากพินิจอยางถี่ถวนแลวจะเห็นวา รางกายของคนสวนใหญในฝูงชนหลายลาน
คนนอกแทนบูชาผายผอมลงหลังความปรารถนารอบสองปรากฏขึ้น สติจิตใจอยูใน
สภาพตื่นเตนคลั่งไคล ไมมีสติรับรูถึงความออนลาของตนเลย
“นี่มันเมืองกินคน!” แววตาของหวังเปาเลอมีประกายแสงวาบผาน ขณะเดียวกัน
เมื ่ อ ดู ด ซั บ ผู ฝ ก ตนในกลุ ม คนสวมชุ ด สี ส ั น สดใสอย า งต อ เนื ่ อ งจนเรี ย บร อ ยแล ว
กอนเนื้อบนแทนบูชาก็สะบัดมือ ทันใดนั้นกลุมหนวดสีทองพลันระเบิดกลายเปน
เสนหนวดจำนวนนับไมถวน แผกระจายไปทั้งแปดทิศราวกับจะหลบหนี
“ประชาชนของขา ไปสนุกกับอาหารของพวกเจาสิ”
น้ำเสียงเคลิบเคลิ้มดังออกมาจากกอนเนื้อและสงผลไปทั่วทั้งเมือง ทำใหแทบจะ
ทุกคนที่อยูรอบๆ ลวนบาคลั่งกันอยางสมบูรณแลวรองคำรามออกมา
“สวาปาม!”
“สวาปาม!!”
“สวาปาม!!!”
ขณะที่สงเสียงคำรามรอง คนหลายลานที่บาคลั่งแลว ก็พลันกระจายตัวไปยื้อแยง
เสนหนวดเหลานั้นกันสุดชีวิต ทำใหตั้งแตใจกลางเมืองไปจนถึงทั้งแปดทิศเริ่มเกิด
ความโกลาหลแผไปทั่วเมือง
หวังเปาเลอมองกอนเนื้อบนแทนบูชาที่ตอนนี้รางกายเริ่มเลือนรางแลวหายตัวไป
ดวยแววตาล้ำลึก รวมถึงพวกผูฝกตนชุดหลากสีและภูเขาเนื้อทั้งแปดคนที่คอยๆ
เคลื่อนตัวไปไกลพรอมกับฝูงชนดวย
“แมเมืองแหงนี้จะวิกลจริต แตกลับเหมาะแกการซอนตัวอยางยิ่ง” ทามกลางฝูงชน
หวังเปาเลอครุนคิดอยูในใจ ตอนนี้สิ่งที่เขาตองทำก็คือผสานเขากับโลกแหงนี้
และกฎเกณฑที่ปรากฏขึ้นกลางความอลหมานของเมืองปรารถนารสก็ทำให
หวังเปาเลอมีความคิดที่จะซอนตัว ถึงอยางไรเมืองอื่นๆ ก็อยูหางจากที่นี่ไกลเกินไป
และจะเหมาะสมหรือไมก็ยังไมแนนอนนัก
ในเมื่อเปนเชนนี้ การเลือกเมืองปรารถนารสเปนที่ปกหลักจึงเปนความคิดที่
สะดวกที่สุดในตอนนี้ของหวังเปาเลอ
“คิดจะซอนตัวอยูที่นี่ อันดับแรกตองจัดการปญหาเรื่องระยะเวลาอาศัยอยู
เสียกอน” กอนหนานี้ตอนที่หวังเปาเลอติดตามฝูงชนเขามา เขาก็สังเกตเห็นว า
ในเมืองมีรานรวงจำนวนมาก แมสวนใหญจะเปนประเภทรานอาหาร แตก็คลายจะมี
ที่อยูอาศัยดวยเชนกัน
ดังนั้นสิ่งที่แขวนอยูตรงหนาของเขาก็คือ ขอเพียงมีเงินตราของที่นี่มากพอ และ
ทำภารกิจเพื่อเพิ่มเวลาอยูที่นี่ใหเสร็จสิ้นเปนบางครั้ง ทั้งหมดนี้ก็แกปญหาไดแลว
สำหรับเงินตราของที่นี่ แมศิลาวิญญาณจะใชได แตเห็นไดชัดวาหนวดสีทองที่
ลอยลองอยูเต็มฟาในตอนนี้มีคามากยิ่งกวา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังเปาเลอก็วาบกายมาปรากฏอยูท ี่มุมถนนไกลๆ ขณะที่
ยกมื อ ขวาขึ ้ น หนวดสี ท องหนึ ่ ง เส น ก็ ถ ู ก เขาคว า มาไว ใ นมื อ ทั น ที เมื ่ อ เก็ บ เข า
กระเปาคลังเก็บแลว หวังเปาเลอก็เดินหนาตอ
สำหรับคนเหลานี้แลว หนวดทองจับไดยากมาก ทวาหวังเปาเลอกลับไดมา
อยางงายดาย ดังนั้นในไมชา เขาก็จับมาไดมากกวารอยเสนแลว
ระหวางนี้ เขามองเห็นความบาคลั่งของผูคนในเมืองดวยเชนกัน
บอยครั้งก็เกิดเรื่องถึงชีวิตอยูเนืองๆ เพียงเพราะเสนหนวดสีทองเสนเดียว ถึงขั้น
ที่เขายังเห็นคนผอมโซเจ็ดแปดคนฆากันตาแดงก่ำแลวตกตายไปดวยกัน
เรื่องผูแข็งแกรงกินผูออนแอก็ยิ่งเปนกฎของที่นี่ไปแลว กลิ่นคาวเลือดคอยๆ
แพรกระจายอยูในเมืองแหงนี้ ยิ่งกวานั้นยังไปกระตุนผูคน ทำใหเสนหนวดที่ยัง
ลอยอยูเปอนเลือดจนเปนสีแดงไปเสียสวนใหญ
หวังเปาเลอไมคอยชอบเสนหนวดแบบนี้นัก จึงไมอยากไปจับมัน แตแมเขาจะไม
อยากทำ ก็ยังมีหนวดสีโลหิตหนึ่งเสนบินมาหาหวังเปาเลอที่กำลังเดินอยูบนถนนเอง
จากนั้นผูฝกตนตาแดงผอมโซหลายสิบคนก็ตามกันมา ไอสังหารของแตละคน
พวยพุง ไลโจมตีมายังหวังเปาเลอ
ถึงขั้นที่ในหมูคนเหลานี้ยังมีผูฝกตนระดับวิญญาณจุติอยูสามคนกำลังมาถึงแลวดวย
ดวงตาของหวังเปาเลอฉายประกายเยือกเย็น กำลังจะโจมตี แตสีหนาพลันขยับไหว
จูๆ เสนหนวดสีเลือดที่บินมาหาเขาเสนนั้นก็ถูกมือซีดขาวขางหนึ่งซึ่งยื่นออกมาจาก
รอยแยกประตูของรานคาขางๆ ควาเอาไปกอน
เมื่อเสนหนวดสีเลือดถูกควาไป รอยแยกประตูก็เปดออกชาๆ เผยใหเห็นเงาราง
ของเจาอวนนอยคนหนึ่งขางใน เขายื่นหัวออกมากินเสนหนวดสีเลือดนั่นเขาปาก
กลืนลงไปจนหมด พลางประเมินกลุมคนขางนอกไปดวย
“ทุกทานมาเขาพักหรือวามากินอาหารหรือ” ขณะที่มองประเมินอยูนั้น เจาอวนนอย
ก็กลืนเสนหนวดสีเลือดลงไปในปาก กอนเอยถามพรอมรอยยิ้ม
ตอนนี้ผูที่ไลตามหนวดสีเลือดเหลานั้นพากันหยุดฝเทาทีละคน มองเจาอวนนอย
อยางหวาดกลัว แลวกาวถอยหลังทามกลางความเงียบงัน ไมนานก็จากไป
“ลูกคาผูนี้ ทานละ จะเขาพักหรือกินอาหาร” เขาไมสนใจคนที่ถอยไปเหลานั้น
เจาอวนนอยยิ้มตาหยีมาใหหวังเปาเลอ แววตามีแสงวาววับที่ซุกซอนไวอยางล้ำลึก
วาบผานไป
หวัง เปาเลอกวาดมองเขาแลว หั น กายกำลั ง จะเดิ น จากไป แต ชั ่ วขณะต อ มา
เงารางของเจาอวนนอยก็วาบมาปรากฏตัวอยูตรงหนาหวังเปาเลอ เขายังคงเอยดวย
รอยยิ้มหยี
“ทานลูกคา มาถึงประตูแลวเหตุใดไมเขาไปลองหนอยละ บนถนนเสนนี้นะ
รสชาติที่รานขาอรอยที่สุดแลว”
ขณะที่เอย ประตูรานก็เปดกวางมากยิ่งขึ้น ภายในนั้นไมมีตะเกียง มืดสนิท
มีเสียงหอบหายใจที่กลั้นเอาไว ราวกับโลกภายในประตูกลายเปน ปากใหญ ค อย
กลืนกินผูคน รอใหอาหารมาสงถึงที่
“ตองเขาไปหรือ” หวังเปาเลอเอียงคอถาม
เจาอวนนอยพยักหนายิ้มตาปด ความวาววับในแววตาปดไมมิดแลว ขณะเดียวกัน
เมื่อฝูงชนรอบขางทั้งหมดที่เดินผานมาเห็นภาพนี้เขาก็รีบหลบเลี่ยงไปไกลเชนกัน
“ถาขาไมไปละ” หวังเปาเลอเอยถามอยางสงสัย
“เชนนั้นพวกเราก็จะไมมีความสุขนะสิ” เจาอวนนอยเอยพรอมรอยยิ้ม
“ก็ได” หวังเปาเลอพยักหนา ในเมื่ออีกฝายเชื้อเชิญเขาอยางจริงจังเชนนี้ เขาคิดวา
หากตนปฏิเสธก็ออกจะไรเหตุผลไปสักหนอย ดังนั้นจึงหันกายเดินไปยังประตูใหญ
“พนักงานทั้งหลาย เปดราน” เจาอวนนอยยิ้มกวางยิ่งขึ้น เขาตะโกนเสียงดัง
เขาไปในประตู จากนั้นเดินตามหวังเปาเลอไปที่ประตูใหญดวยกัน
ในฝูงชนหางไกลมีผูมาจากภายนอกแบบเดียวกับหวังเปาเลออยู หลังจากเห็น
ภาพนี้ สีหนาก็ซับซอนขึ้นมา พวกเขารูดีวาในวันเทศกาลสวาปาม จุดที่อันตรายที่สุด
ของเมืองแหงนี้ไมไดมาจากเจาแหงปรารถนากับกลุมขบวนแห ยิ่งไมใชการแยงชิง
ระหวางกันและกันดวย แตมาจาก…รานคาทุกรานในเมืองแหงนี้
ในยามปกติ ผูคนที่เดินเขาไปในรานพวกนี้คือลูกคา
แตในวันเทศกาลสวาปาม ผูที่เดินเขาไป…ก็คือวัตถุดิบอาหาร
แตไมมีใครสังเกตเห็นเลยวา ตอนนี้ใบหนาของหวังเปาเลอที่เดินหันหลังให
พวกเขาเข าไปยัง ประตู ใหญ ก ลั บมี ท าทางคล ายยิ ้ มคล า ยไม ย ิ ้ ม ประกายสี เ ลื อ ด
ในแววตากำลังกระโดดโลดเตน…
สวนเจาอวนนอยที่เชิญเขามาอยางจริงใจผูนั้นยอมไมรูเชนกันวาผูที่เขาเชิญให
เขาไป…เปนการมีอยูแบบไหน
“เปดรานแลว” หวังเปาเลอแยมยิ้ม กาวเขาไปในประตูรานบานใหญมืดสนิท
บทที่ 1327 ขาดเจาของหรือเปลา
เดินตามเงารางของหวังเปาเลอเขาไปในประตูใหญของรานคา หลังจากถูกกลืน
โดยปากที่ดูอึมครึมนี้แลว ตรงหนาของเขาก็มืดลงเล็กนอย กอนเดินเขาไปในราน
คลายเดินทะลุผานสิ่งกีดขวาง
รานคาแหงนี้ไมใหญนัก มีโตะอาหารตั้งอยูเจ็ดแปดตัว เนื่องจากเปนวันเทศกาล
จึงไมมีลูกคาอยู สิ่งที่สะทอนเขาสูสายตาของหวังเปาเลอมีเพียงพนักงาน ผูจัดการราน
กับพอครัวเทานั้น
ผูจัดการรานเปนสตรี รางกายไมไดผอมโซ แตมีสวนเวาสวนโคง แตงตัวคอนขาง
ยั่วยวน เสื้อผาเปดเผยมาก ทั่วรางแผเสนหยั่วเยาของหญิงสาวโตเต็มวัยออกมา
ตอนนี้นางนั่งอยูบนโตะตัวหนึ่ง ขาขางหนึ่งเหยียบลงบนเกาอี้ขางๆ แววตา
มีประกายสีแดง เลียริมฝปาก เมื่อมองเห็นหวังเปาเลอเดินเขามา นางก็หัวเราะตื่นเตน
ออกมาโดยไมรูตัว
“โอ คิดไมถึงวาในเทศกาลสวาปามจะมีลูกคานอยตัวหอมขนาดนี้มาหา”
ขางกายผูจัดการรานสาวมีคนแคระผูหนึ่ง หนาตาของคนแคระผูนี้อัปลักษณพิลึก
แมวาตัวเขาจะไมไดกลมกลิ้งเหมือนเจาอวนนอยนอกประตู แตรูปลักษณภายนอก
นาเกลียดนากลัวและเจตนารายที่แผออกมาก็เพียงพอจะทำใหคนสวนใหญมองเห็น
เขาครั้งแรกก็รูสึกตกใจไดแลว
และยังมีชายฉกรรจรางทวมมือถือมีดทำครัวเปอนเลือดยืนอยูไมไกล ดวงตาของ
ชายผูนี้เล็กมาก ถึงขั้นที่หากไมมองใหดีๆ ก็แทบจะมองไมเห็นดวงตาของเขาเลย
มีเพียงเสียงหายใจหนักหนวงดังออกมาจากปากของเขาเทานั้น คลายใกลจะ
ขมกลั้นตัวเองไมไดแลว ยามมองมาที่หวังเปาเลอ ลำคอของเขาก็เคลื่อนไหวบีบรัด
อยางเห็นไดชัด
หวังเปาเลอมองผูฝกตนเมืองปรารถนารสแปลกประหลาดทั้งสามคนตรงหนา
ในใจสงบนิ่ง ใบหนาเผยรอยยิ้มราบเรียบออกมาแลวเอยเสียงเบา
“วันนี้รานปดหรือ ทำไมไมมีลูกคาคนอื่นเลยละ และขายังอยากถามอีกสักขอ
ที่นี่พวกเจาขาดเจาของหรือเปลา”
“เจาของหรือ” ผูจัดการรานหญิงหัวเราะลั่น
“ลูกคานอยชางนาสนใจจริงๆ วันนี้เปนวันซื้อ ยอมไมเปดรานใหคนนอก แตกลิ่นหอม
บนตัวเจาที่พวยพุงมาเชนนี้ชางเปนวัตถุดิบชั้นดีเชียวละ ยกเวนใหเจาสักครั้งแลวกัน”
ผูจัดการรานพูดพลางเตะคนแคระขางๆ ไปทีหนึ่ง
“นิ่งทำอะไรอยู ยังไมเอาวัตถุดิบไปเก็บไวในหองเก็บของอีก จำไววาหามทำ
เสียหาย ใหราคาเต็มครบสมบูรณไวจะดีกวา”
คนแคระผูนั้นแสยะยิ้ม ประกายชั่วรายในแววตาพลันปะทุขึ้นมา คนทั้งคน
กลายเปนเงาวาบทะยานไปหาหวังเปาเลอ พรอมกันนั้น ชายฉกรรจก็รองคำรามลั่น
แลวกาวเทากาวใหญพุงมาหาหวังเปาเลอ
ขณะเดียวกัน หลังจากหวังเปาเลอกาวเขามาในราน ความโลภในดวงตาของ
เจาอวนนอยที่อยูดานนอกก็ไมอาจปกปดไดอีกตอไป เขาเลียริมฝปาก มองกลุมคนที่
จองมารอบๆ หัวเราะแสยะไปทีหนึ่ง กอนกาวไปยังประตูใหญ หนึ่งกาวเขาราน
จากนั้นประตูรานก็ปดลงชาๆ
ฝูงชนรอบดานพากันกมหนาลง รีบเรงเดินหนีไปไกล
แตในชั่วหาถึงหกอึดใจที่เจาอวนนอยกาวเขาไปในประตู ฝูงชนยังไมทันไดเดินหนี
ไปถึงไหน จูๆ ประตูรานที่ปดลงก็มีเสียงดังปงปงออกมา คลายมีคนกำลังตอสูกันอยู
ในนั้นและพยายามเปดประตูหนี
ฝูงชนรอบๆ ที่ยังไปไหนไดไมไกลไดยินเสียงแลวก็หันกลับมามอง คนเขาเมือง
จากภายนอกเผยความหวาดกลัวออกมาในแววตา พวกเขาจินตนาการไดเลยวาตอนนี้
ภายในราน เจาหนุมที่เพิ่งเดินเขาไปผูนั้นคงกำลังเจอกับการปฏิบัติอยางย่ำแย
ไรใดเทียมแน
แมวาตอนนี้จะตอสูเพื่อพังประตูออกมา แตเห็นไดชัดวาเปนไปไมได ตอให
พังประตูไดจริงๆ ก็ถูกลากกลับไปใหม
เรื่องเปนเชนที่พวกเขาคาดเอาไวจริงๆ ชั่วขณะตอมา แมประตูใหญสงเสียงดังลั่น
จนรอยแยกถูกฝนเปดออก พรอมมีรางรางหนึ่งดิ้นรนคลานออกมาจากขางใน
แต…หลังจากมองเห็นคนที่คลานออกมาชัดๆ ฝูงชนรอบๆ ที่ยังไมไปไหนและ
มองดูอยูก็ลวนเบิกตาโพลง สีหนาไมอยากเชื่อและตกตะลึงปรากฏขึ้นมาอยางไมอาจ
ควบคุมได
การคาดเดาของพวกเขาทั้งถูก และก็ผิดเชนกัน สวนที่ถูกคือตอใหพังประตู
ออกมาก็จะถูกดึงกลับไปจริงๆ สวนเรื่องที่ผิด…อยูที่คน
ตอนนี้ผูที่ดิ้นรนคลานออกมาขางนอกจากในรอยแยกของประตูไมใชชายหนุม
ผูนั้นที่พวกเขาเห็นกอนหนานี้ แตเปน…เจาอวนนอยที่เมื่อครูยังยิ้มเยาะนั่นเอง
ขณะนี้ใบหนาของเจาอวนนอยเต็มไปดวยเลือด ความกระหยิ่มใจหายไปนานแลว
รอยยิ้มเยาะก็ลบไปอยางสมบูรณ สิ่งที่ปรากฏอยูบนใบหนาของเขาคือความหวาดกลัว
อย า งที ่ ไ ม เ คยมี ม าก อ น ความหวาดกลั ว นี ้ ค ล า ยจะเหนื อ กว า ความปรารถนา
มันแจมชัดอยูบนหนาของเจาอวนนอยเปนพิเศษ
ราวกับวาโลกหลังประตูบานนั้นมีความนาสะพรึงกลัวอยู ทำใหทั้งหัวของเขา
ตอนนี้มีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือการพยายามคลานออกมาใหเร็วที่ สุ ดเท า ที่
จะทำได พุงออกมาเต็มกำลัง
แต… พริบตาที่เจาอวนนอยคลานออกมาจากรอยแยกประตู ใ หญ ไ ด ครึ ่ ง ร า ง
มื อ ขาวสะอาดข า งหนึ ่ ง ก็ ย ื ่ น ออกมาจากข า งในแล ว คว า ผมของเจ า อ ว นน อ ยไว
กอนดึงกลับเขาไปในประตูใหญชาๆ
“ชวยดวย ชวยขาดวย!!” เจาอวนนอยกรีดรองอนาถ ความกลัวในแววตาระเบิด
จนถึงที่สุด สองมือพยายามจับพื้น คิดจะหยุดรางกายเพื่อตานกับมือที่ควาผมของตน
ขางนั้นใหได
แตความตางระหวางสองฝายมีมากเกินไป ขณะที่เกิดเสียงสวบสาบ พื้นก็ถูก
สองมื อ ของเจ า อ ว นน อ ยจิ ก จนเกิ ด รอยลึ ก แต ร า งกายของเขายั ง ถู ก มื อ ข า งนั้ น
ลากกลับไปอยางแรง
เสียงดังปง ประตูปดลง ในนั้นไมมีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีก
ภาพนี้ทำใหฝูงชนรอบๆ หนังศีรษะชาหนึบ รูสึกแคความนาสะพรึงขางในรานคานั้น
เหนือกวาที่จินตนาการ แตละคนรีบเรงความเร็วเดินจากไปทันที ไมชาบริเวณโดยรอบ
ก็วางเปลา
และตอนนี้เอง เมื่อฝูงชนจากไปอยางรีบเรงพรอมกับที่คนบาคลั่งทั่วทั้งเมือง
ตามหนวดสีทองจนใกลจะจบสิ้นแลว ภายในรานคาที่ไมมีใครใหความสนใจแหงนี้
หวังเปาเลอกำลังนั่งอยูบนเกาอี้ ตรงหนามีโจกหนึ่งชาม เขาหยิบชอนมาตักกินชาๆ
ด า นหน า ของเขาคื อ คนแคระที ่ ก อ นหน า นี ้ ม ี ท า ที ช ั ่ ว ร า ย ทว า ตอนนี ้ ต าหายไป
ข า งหนึ ่ ง แขนขาดไปครึ ่ ง ท อ น ขาหั ก สองข า ง ร า งกายสั ่ น ระริ ก กำลั ง กระโดด
โลดเตนอยู ทาทางกระโดดโลดเตนชางเหมือนกับตัวตลกในคณะละครสัตว ขณะที่
กระโดดอยู เลือดก็สาดกระเซ็นไมหยุด เนื่องจากขาหักทั้งสองขาง ดังนั้นทุกครั้ง
ที ่ ก ระโดดก็ ท ำให เ ขาเจ็ บ ปวดจนถึ ง ขี ด สุ ด หากมี ค นอื ่ น อยู ท ี ่ น ี ่ แ ล ว เห็ น ภาพนี้
จะตองตะลึงลานเปนแน
สวนชายฉกรรจผูนั้นก็นั่งนิ่งอยูตรงนั้น เนื้อไขมันทั่วรางสั่นเทิ้ม สองมือตบเขาที่
ลำคอของตนไมหยุด สงเสียงรองเหมือนตีกลองออกมา คลายเปนดนตรีประกอบ
แตบนคอของเขามีรอยแผลขนาดใหญหนึ่งรอย ทุกครั้งที่ตบลงไปลวนทำให
บาดแผลฉีกขาดมากขึ้น ทำใหขณะที่สีหนาของชายฉกรรจขาวซีด พลังชีวิตของเขา
ก็ไหลหายไปอยางรวดเร็วดวย
และยัง มีผูจัดการรานหญิงผูน ั้ น ความเย ายวนคึ กคั กไม มี อยู บนตั วของนาง
แมแตนิดอีกตอไป ตอนนี้นางนั่งนิ่งอยูบนพื้น ดานหนาคือเจาอวนนอยที่ใบหนา
เต็มไปดวยเลือด ทั้งสองตัวสั่นเทิ้ม กำลังตบบองหูของอีกฝายเต็มแรง
เจาหนึ่งที ขาหนึ่งที เสียงตบเพี๊ยะๆ ดังอยูในรานคา คลายสอดประสานไปกับ
เสียงตีกลองของชายฉกรรจผูนั้น
เพราะวาตองใชกำลัง ดังนั้นตอนนี้หนาทั้งคูจึงไมเหลือเคาเดิมเสียสวนใหญ
แมแตลำคอก็ยังหัก นาอนาถถึงที่สุด
แตพวกเขาทั้งสี่กลับไมกลาดิ้นรนแมแตนอย บางคราวยามมองไปที่หวังเปาเลอ
ผูกินโจกอยางนิ่ง สงบ สีหนาก็มีความหวาดกลั วอย างที ่ ไ ม เคยมี มาก อน ราวกั บ
กำลังมองดูภูตผีปศาจ
ผานไปพักหนึ่ง หวังเปาเลอก็วางช อนลง พึง พอใจกับรสชาติ ของโจ กชามนี้
อยางยิ่ง จากนั้นจึงเอยเสียงเรียบ
“ขาอยากถามหนอย ตอนนี้รานแหงนี้ยังขาดเจาของอยูหรือไม”
ทั้งสี่คนพยักหนาหัวแทบหลุด
บทที่ 1328 เมืองเหมือนสำนัก
เมื่อเห็นทุกคนในรานยินดีตอนรับตนขนาดนี้ หวังเปาเลอก็เผยรอยยิ้มออกมา
กอนกวาดมองไปรอบดาน มองดูรานคานี้แลวเขาก็รูสึกทอดถอนใจขึ้นมา
ตนนับวามีกิจการเปนของตัวเองในเมืองแหงนี้แลว
“แลวก็ วัตถุดิบที่พวกเจาพูดถึงเมื่อครูนี้คืออะไร” หวังเปาเลอเช็ดมุมปาก
กวาดมองคนทั้งสี่
ทั้งสี่ไมกลาปดบังแมแตนอย ไมชาก็ตอบคำถามหวังเปาเลอทีละขอ
ที่บอกวาวัตถุดิบอาหารนั้น ความจริงแลวไมไดกินคนจริงๆ เรื่องเชนนี้แมจะอยูใน
เมื่องปรารถนารสก็ยังพบเห็นไดนอยมาก สาเหตุที่เมื่อครูพวกนี้เห็นหวังเปาเลอแลว
เกิดความโลภก็เพราะไดกลิ่นอายของเตาสุข
รางแยกรางนี้ของหวัง เปาเลอนั ้ น เนื ่ อ งจากแบ ง ออกมาจากร างจริ ง ดั ง นั้ น
ยอมปนเปอนกลิ่นอายของกฎเกณฑแหงสุขอยูบางเปนธรรมดา และกลิ่นอายนี้
สำหรับผูฝกตนเมืองปรารถนารสแลว มันเหมือนกับอาหารโอชะชั้นเลิศ แคไดกลิ่น
ก็เพิ่มความอยากอาหารขึ้นมาก
ดังนั้นพวกเขาจึงเกิดความโลภ หลังจับตัวหวังเป าเลอ ก็ เตรีย มจะใชว ิ ธ ี ก าร
หลอมกลั่นดึงเอากลิ่นอายแหงสุขภายในรางของเขาออกมาสนองความกระหายอยาก
ของตน
ขณะเดียวกันหากนำไปขาย ราคาก็จะสูงลิ่วอยางยิ่ง ความจริงแลวไมใ ชแ ค
กลิ่นอายแหงสุขเทานั้นที่เปนเชนนี้ แตเจ็ดอารมณก็เชนกันลวนเปนอยางนี้ทั้งสิ้น
สำหรับผูฝกตนเมืองปรารถนารสแลว เตาแตละอยางลวนเปนรสชาติโอชะชั้นยอด
แตเห็นไดชัดวาถึงอยางไรสี่คนในรานคาแหงนี้ก็คิดไมถึงวาวัตถุดิบที่พวกเขาเห็น
วาไมเลวอยางยิ่งผูนี้ จะเปลี่ยนตัวตนเปนเหมือนภูตผีปศาจ จัดการพวกเขาไดใน
พริบตา
โดยเฉพาะ…จากการอธิบายของพวกเขาตอนนี้ ก็สังเกตเห็นไดทันทีวาชายหนุม
ที่นั่งอยูตรงนั้นซึ่งเปรียบเหมือนฝนรายกลับฉายความเสียดายออกมา
สิ่งนี้ทำใหทั้งสี่ใจสั่นสะทานยิ่งกวาเดิม
เมื่อสังเกตเห็นทาทางของคนทั้งสี่ หวังเปาเลอก็สายหนา
“ที่แทก็เปนแบบนี้ ไมเหมือนกับที่ขาคิดเอาไวเลย นาเสียดายอยูสักหนอย…”
ขณะที่หวังเปาเลอกลาว สายตาก็กวาดมองบนรางคนทั้งสี่ สุดทายก็จดจองอยูที่
เจาอวนนอยที่แมใบหนาจะบวมเปง เลือดเนื้อปะปนจนพราเลือน แตเห็นไดชัดวา
มีรางกายขาวๆ นุมๆ
เมื่อสายตาคูนี้กวาดมองมา ทันใดนั้นมันก็ทำใหสีหนาของทั้งสี่คนซีดขาวเขาไปใหญ
ในใจสั่นสะทาน อดคาดเดาไมไดวาอีกฝาย…เสียดายที่ตรงไหน
“เสียดายที่วัตถุดิบอาหารไมใชเนื้อคน…”
“ตองเปนเชนนี้แน”
“นี่มันคนบาชัดๆ!”
โดยเฉพาะเจาอวนนอยที่ถูกหวังเปาเลอจองมองเปนคนสุดทาย ตอนนี้ใกลจะรอง
คร่ำครวญออกมาอยูรอมรอ ความหวาดกลัวในดวงตาราวกับจะทำใหเขาตกใจตาย
ไดเลย
ขณะที่ทั้งสี่ตัวสั่นเทิ้มพลางมองหนากันและกัน ตอนนี้เอง ระหวางพวกเขาก็ไมมี
ความต า งเรื ่ อ งฐานะอะไรทั ้ ง สิ ้ น อี ก พนั ก งานก็ ด ี พ อ ครั ว หลั ง ร า นก็ ด ี แม แ ต
ผูจัดการราน ตอนนี้ลวนเปนนักโทษต่ำตอยเหมือนกัน สีหนาทาทางหวาดกลัวไมอาจ
ปกปด
ขณะนี ้ ท อ งฟ า ภายนอกเริ ่ ม มื ด ลงแล ว จุ ด สิ ้ น สุ ด ของเทศกาลใกล จ ะมาถึ ง
เสียงอึกทึกคึกครื้นที่มีอยูเดิมก็เริ่มเงียบสงบลงชาๆ รานคามากมายเริ่มแขวนโคม
แม จ ะยั ง ไม เ ป ด ทำการ แต เ มื ่ อ มองไป แสงโคมในเมื อ งค อ ยๆ กลายเป น
ประกายดวงดาว มากขึ้นเรื่อยๆ
แตการมาถึงและความเงียบสงบของยามค่ำคืนกลับยิ่งทำใหบรรยากาศภายใน
ร า นกดดั น ขึ ้ น มา บางที อ าจเป น เพราะตกใจกั บ สายตาและความเสี ย ดายของ
หวัง เปาเล อ จึง ทำใหผูฝ ก ตนทั้ง สี ่ ซ ึ ่ ง รวมถึ ง ผู จ ั ด การร า นรู ส ึ กหวาดผวามากขึ้ น
ยามตอบคำถามตอๆ มาของหวังเปาเลอก็ยังมีความหวั่นวิตกรุนแรง พูดจาอึกอัก
พรอมทั้งไมกลาปดบังแมแตนิด
นี่ทำใหหวังเปาเลอรูจักเมืองปรารถนารสแหงนี้รอบดานมากขึ้น ถึงอยางไร
ความรูเกี่ยวกับเมืองปรารถนารสของคนทั้งสี่ก็ถูกรวมเขาดวยกัน แมหวังเปาเลอ
จะไมคุนเคยกับเมืองปรารถนารส แตหลังจากรูเรื่องทั้งหมดแลว เขาก็เขาใจมันขึ้น
ไมนอยเลย
ตัวอยางเชน ผูฝกตนในเมืองที่มีสิทธิอาศัยอยูระยะยาวทั้งหมดอาจมาจากหลายๆ
เมืองดวยซ้ำ แมแตเมืองโบราณก็มีคนไดรับสิทธิอาศัยอยูในเมืองปรารถนารสเชนกัน
และการไดรับสิทธิเชนนี้ก็ยากลำบากไมนอย จำเปนตองแลกมาดวยการอุทิศ
ระดับหนึ่งถึงจะได
แตขอแคไดมาแลวก็จะไดรับประโยชนไมนอยเลยทีเดียว เพราะตราบใดที่อาศัย
อยูในเมือง พลังฝกตนจะเพิ่มพูนขึ้นชาๆ และถากินของในเมืองปรารถนารสละก็
ประโยชนที่ชวยเสริมดานการฝกตนก็จะมีมหาศาล
ขณะเดียวกัน หากเปดรานคาของตนในเมื องแห งนี้ สั ญ ญาร านเดิ มที ก็เปน
คำแนะนำ และคำแนะนำนี ้ ก ็ ส ามารถทำให ผ ู ฝ ก ตนตระหนั ก รู … กฎเกณฑ ข อง
เมืองปรารถนารสได
กฎเกณฑ เ ช น นี ้ ต า งหากจึ ง จะเป น รากฐานของเมื อ งปรารถนารส และ
เปนสัญลักษณเมืองปรารถนารสสายตรง
สวนจะตระหนักรูไดอยางไรก็ตองมีอาหารเลิศรสตางๆ อยูในมือกอน ยิ่งอาหาร
ของร า นอร อ ยเท า ไร ชื ่ อ เสี ย งและคนที ่ ก ระหายอยากเข า มากิ น ก็ ย ิ ่ ง มาก
เจาของรานคากับพนักงานทั้งหมดก็จะไดประโยชนจากเรื่องนี้มหาศาล
“คนนอกมาอยูในเมืองปรารถนารสก็เพื่ออาหารโอชะตางๆ ที่จะทำใหการฝกตน
เพิ่มระดับขึ้น แตสำหรับผูฝกตนของกฎเกณฑปรารถนารสแลวนั้น สิ่งที่ตองการคือ
ดูดซับความคิดกระหายอยากของผูคน” ผูจัดการรานหญิงเอยเสียงสั่น
หวังเปาเลอไดยินเรื่องเหลานี้แลวก็ครุนคิด กอนถามคำถามอื่นๆ อีกนิดหนอย
ตัวอยางเชนเรื่องระดับชั้นและโครงสรางของผูฝกตนในเมืองปรารถนารสแหงนี้
กลาวโดยสรุปแลว เมืองปรารถนารสสามารถมองเปนสำนักใหญขนาดมหึมาแหงหนึ่ง
ไดเลย และภายในสำนักนี้ก็มีศิษยนับไมถวน แตสวนมากลวนเปนศิษยนอก มีเพียง
ผูที่มีรานรวงของตัวเองเทานั้นถึงจะเปนศิษยสายใน
ศิษยในเชนนี้ ในเมืองปรารถนารสเรียกวาผูอิ่มทอง
และศิษยนอกที่อยูต่ำกวาผูอิ่มทองก็แบงออกเปนสองประเภท ประเภทแรก
เรียกวาผีหิวโหย ประเภทที่สองเรียกวาผูยากจน
อยางแรกนั้นมีจำนวนมากที่สุด พวกคนบาคลั่งผอมโซหนังหุมกระดูกที่หวังเปาเลอ
เห็นอยูขางนอกกอนหนานี้สวนใหญเปนผีหิวโหย และคนที่ดีกวาพวกเขาขึ้นมา
เล็กนอยก็คืออยางหลัง
แต ก ็ ม ี ข อ จำกั ด เช น กั น ดั ง นั ้ น เมื ่ อ มองโดยรวมแล ว ในแง ห นึ ่ ง นั ้ น ผู ฝ ก ตน
สองประเภทที ่ อ ยู ใ นเมื อ งปรารถนารสก็ ค ื อ แหล ง ฝ ก บำเพ็ ญ ของผู ฝ ก กฎเกณฑ
ปรารถนารสนั่นเอง
ก็ เ หมื อ นกั บ ระดั บ ชั ้ น ของการโกงกิ น เหนื อ กว า ระดั บ ผู อ ิ ่ ม ท อ งยั ง มี อี ก
หนึ่งระดับชั้นอยู ถูกเรียกวาผูมีกิน
คนประเภทนี้ พ วกเขามั ก จะมี ความคิ ด เปน ของตั วเองในเรื ่อ งกฎเกณฑ แ ห ง
ปรารถนารส ทั้งยังกาวล้ำหางไประยะหนึ่ง รานอาหารไมอาจตอบสนองการฝก
บำเพ็ญของพวกเขาไดแลว ดังนั้นสวนใหญจึงเลือกเลี้ยงดูคนรับใชที่สามารถใหความ
กระหายอยากในปริมาณมากๆ กัน
อยางเชนผูคนในกลุมขบวนแหเหลานั้น ซึ่งก็คือคนประเภทผูมีกินนั่นเอง
ถัดจากผูมีกิน ยังมีอีกหนึ่งระดับชั้น พวกนี้นับวาอยูระดับสูงของเมืองปรารถนารส
พวกเขาถูกเรียกวาสาวกเนื้อ ผูที่สามารถฝกฝนกฎเกณฑปรารถนารสจนบรรลุถึง
ระดับนี้ไดนับวามีไมมาก
ทั้งเมืองปรารถนารสก็มีแคไมกี่สิบคนเทานั้น เนื่องจากวิธีการฝกตนแบบพิเศษ
จึงทำใหผูฝกตนประเภทนี้มักจะกักตนเปนสวนใหญ นอยนักที่จะออกมาขางนอก
จึงพบไดไมบอย
ตรงกันขาม ผูฝกตนระดับสูงที่พบเห็นไดงายกวาก็คือ…เจาแหงสวาปามผูเปนรอง
เพียงเจาปรารถนาเทานั้น
กอนหนานี้ตอนที่หวังเปาเลออยูในขบวนแห ภูเขาเนื้อแปดคนที่ถูกแบกที่เขาเห็น
ก็คือเจาสวาปามของเมืองปรารถนารสนั่นเอง แตละคนลวนมีพลังตอสูนาสะพรึงของ
ขั้นที่สี่อยู
และผูอยูจุดสูงสุดของเมืองปรารถนารสก็มีเพียงผูเดียว ซึ่งก็คือ…ผูกอตั้งเมืองนี้
ครอบครองแหลงกำเนิดกฎเกณฑแหงปรารถนารส ผูปรากฏตัวอยูบนแทนบูชารูปราง
เหมือนกอนเนื้อผูนั้น…เจาแหงปรารถนา
“ดูจากโครงสรางแลว ความจริงเมืองปรารถนารสแหงนี้ก็คือสำนักแหงหนึ่ง
แตไมมีกฎสำนักมากมายก็เทานั้น” เมื่อฟงถึงตรงนี้แลว หวังเปาเลอก็หรี่ตา
บทที่ 1329 ผูเหมาะสม
เมืองปรารถนารสที่เหมือนกับสำนักแหงหนึ่งเชนนี้ ทั้งยังไมมีกฎสำนักเปนกรอบ
เป น เกณฑ อ ะไร ช า งเป น สถานที ่ ท ี ่ เ หมาะจะให ต นซ อ นตั ว อย า งยิ ่ ง นอกจากนี้
หวังเปาเลอยังมองออกวา เมืองปรารถนารสคลายไมมีใครถูกมองวาเปนศัตรูเลย
ตามหลักการแลวทุกคนจากขางนอกสามารถเขามาในเมืองไดหลังจากไดรับสิทธิ
จึงทำใหคนดีเลวปะปน
สิ่งที่พวกเขาตองการคือความเปดกวางและตองการใหคนมากมายหลั่งไหล
เขาสูที่นี่ สวนอาหารเลิศรสก็เปนเพียงวิธีการและรูปแบบการฝกตนอยางหนึ่ง ยิ่งมีคน
มากมายอุทิศความกระหายอยากใหพวกมัน ก็จะยิ่งทำใหผูฝกกฎเกณฑปรารถนารส
ภายในเมืองไดประโยชนมากมาย
บางทีอาจเปนเพราะเงื่อนไขเหลานี้จึงทำใหภายในเมืองปรารถนารสดูคลายจะ
สับสนวุนวาย แตที่จริงกลับมีรูปแบบของกฎบางอยาง
ที่นี่ชีวิตคนไมมีความหมายอะไรนัก
สิ่งที่มีความหมายอยางแทจริงคือตองสามารถปกปองตนเองได
“นาสนใจ” เมื่อคิดเรื่องทั้งหมดนี้แ ลว ใบหนาของหวังเป าเลอ ก็ย ิ้มออกมา
เขาพบวาตนคอนขางจะชอบเมืองปรารถนารสแหงนี้ ที่สำคัญที่สุดคือ ที่นี่เขามีกิจการ
อยูหนึ่งแหง
“แลวคำแนะนำของรานแหงนี้อยูไหน” หวังเปาเลอหรี่ตา มองไปยังผูจัดการรานหญิง
ที่ตอนแรกยังงดงามเปยมเสนห แตตอนนี้กลับจำเคาลางเดิมไมได
ผูจัดการรานหญิงจะกลาปฏิเสธไดอยางไร เมื่อไดยินแลวก็รีบตบอกของตนทันที
ตอนนั้นเองแสงสีแดงก็เปลงออกมาจากภายในราง แลวลอยมารวมตัวกันอยูตรงหนา
นางชาๆ จนเกิดเปนปายคำสั่งเลือนรางปายหนึ่ง
บนป า ยคำสั ่ ง แผ น นี ้ ม ี อ ั ก ขระโบราณจำนวนมากสอดประสานกั น อยู
ทำให ช ั ่ ว พริ บ ตาที ่ ผ ู ค นปราดมองไปก็ ค ล า ยจะมองเห็ น อาหารโอชะของโลก
จนความอยากอาหารพุงขึ้นมาอยางควบคุมไมได
แมแตเจาอวนนอยกับคนแคระและพอครัวผูนั้น ตอนนี้ลวนแลวแตมีสภาพ
นาเวทนาอยางยิ่ง แตหลังจากเห็นปายคำสั่งนี้แลว ลมหายใจก็หอบถี่ขึ้นมาราวกับ
ควบคุมเอาไวสุดกำลัง
แตเห็นไดชัดวาการควบคุมเชนนี้ไมอาจทำไดนานนัก หากแสดงปายคำสั่งออกมา
นานๆ เกรงวาทั้งสามคนคงอดไมไดที่จะพุงไปแยงชิงโดยไมสนอะไรทั้งสิ้นแน
เขากวาดมองสีหนาของทุกคน หวังเปาเลอครุนคิด ยกมือขวาขึ้นควา ทันใดนั้น
ปายคำสั่งเลือนรางก็พุงมาหาหวังเปาเลอ เมื่อถูกเขาจับเอาไวในมือแลว สายตาของ
ทุกคนในที่นี้ก็ถูกดึงดูดใหมองไปโดยสัญชาตญาณ
หวังเปาเลอถือปายคำสั่งไวพลางสัมผัสตระหนักรูครูหนึ่ง นัยนตามีประกายแสง
วาบผาน คำแนะนำนี้… ในความคิ ดของเขา ความจริ ง มั น ก็ คื อเมล็ ดพั น ธุ เต าที ่ มี
ขนาดเล็กและเปราะบางอยางยิ่งเทานั้น
และเมื่อเทียบกับเมล็ดพันธุเตาของจริง ของสิ่งนี้นับวาเปนแคกิ่งยอยที่เล็กจอย
อยางยิ่ง ไมเหมือนแมแตหนึ่งในหมื่นสวน ใชคำวา ‘เสนเตา’ มาบรรยาย บางที
อาจเหมาะยิ่งกวา
แตแมจะเปนเชนนี้ มันก็ยังทำใหผูคนสามารถเชื่อมตอกับกฎเกณฑแหงปรารถนารส
หลังจากตระหนักรูได แตเรื่องการตระหนักรูการฝกตนนั้น ถาหากเปรียบเทีย บ
กฎเกณฑปรารถนารสเปนแมน้ำสายหนึ่ง เชนนั้นตอนนี้เสนเตาเสนนี้ก็เหมือนกับ
ตนกลาเล็กๆ ที่มีรากเชื่อมตอกับแมน้ำสายนี้นั่นเอง
แตเนื่องจากตนกลาออนแอและมีขอจำกัด ดังนั้นระดับการดูดซับจึงไมสูง
สวนผูจัดการรานหญิง ในเวลานี้ น ั้ น เปน เพราะสงคำแนะนำออกไป ตัว นาง
จึงออนแอลงไมนอย แตหวังเปาเลอสัมผัสไดชัดเจนวา ถึงแมภายในรางของอีกฝาย
จะไม ม ี ค ำแนะนำอยู แ ล ว ทว า บางที อ าจเป น เพราะเคยตระหนั ก รู อ ยู ห ลายป
ตัวของนางจึงยังสามารถตระหนักรูกฎเกณฑแหงปรารถนารสไดอยู
แคความเร็วและประสิทธิภาพลดลงไปมาก
“ดูทาการฝกตนของโลกใบนี้จะใชเมล็ดพันธุเตาเปนพื้นฐาน รูปแบบการตระหนักรู
กฎเกณฑก็เชนเดียวกัน” หวัง เปาเล อนึ กถึ ง กฎเกณฑ แห ง สุ ขและกฎเกณฑ แ หง
ปรารถนาเสียง ซึ่งลวนเปนเชนเดียวกับกฎเกณฑแหงปรารถนารสตรงหนา
หลังจากเงียบงันไปพักหนึ่ง หวังเปาเลอก็โบกมือขวาทันที ทันใดนั้นปายคำสั่ง
ของกฎเกณฑแหงปรารถนารสที่อยูกลางฝามือก็แทรกซึมเขาไปในฝามือของเขา
เหมือนกับละลาย หลังจากเคลื่อนตัวอยูในราง มันก็กลายเปนวังน้ำวนขนาดเทา
เล็บมืออยูที่บริเวณตันเถียน
เมื่อวังน้ำวนปรากฏ ความรูสึกหิวโหยขั้นรุนแรงก็เกิดขึ้นในรางของหวังเปาเลอ
ราวกั บ ตอนนี ้ แ ม จ ะมี อ าหารเลิ ศ รสมากมายเหมื อ นภู เ ขาทะเลกองไว ต รงหน า
เขาก็สามารถกลืนลงไปไดหมด
และถาไมมีอาหารมาจัดการกับความหิวโหยนี้ ความหิวก็จะถูกกักไวขางในแลว
ดูดซับพลังชีวิตของผูฝกตนไปเอง
ความรูสึกนี้ยากจะขมกลั้นอยางยิ่ง เพียงพอจะทำใหคนธรรมดาเปนบาไดเลย
แตสำหรับหวังเปาเลอแลว มันยังอยูในขอบเขตที่ทนรับไหว ดังนั้นหลังจากลูบทอง
ของตน เขาก็สยบความรูสึกนี้ไวได จากนั้นก็เงยหนาขึ้น ปราดมองไปยังผูจัดการหญิง
คลายยิ้มคลายไมยิ้ม
พอเขาปราดมองมา ผูจัดการหญิงก็ตัวสั่นรุนแรงยิ่งกวาเดิม แววตาเผยความ
ไม อ ยากเชื ่ อ นางรี บ คำนั บ ลงอย า งรวดเร็ ว โขกศี ร ษะไม ห ยุ ด พู ด อะไรไม อ อก
เพราะหวาดกลัวและประหมาเกินไป
สาเหตุที่เปนเชนนี้ก็เพราะกอนหนานี้ ตอนสงคำแนะนำออกไป ในใจนางก็เกิด
ความเพอฝนอยางหนึ่ง นางจงใจไมพูดถึงผลขางเคียงหลังจากหลอมรวมคำแนะนำ
เดิมทีคิดวาสามารถอาศัยเรื่องนี้มาพลิกสถานการณได
ถึงอยางไรก็เปนเพราะคนอื่นไมเคยหลอมรวมกับคำแนะนำมากอน ดังนั้นจึงไมรูวา
ทันทีที่ผสานเขาไปแลวจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ในเมืองปรารถนารสเดิมก็เปนความลับ
ในระดับหนึ่งอยูแลว
ปนั้นตอนที่นางผสานรวมเขาไป แมจะถูกเตือน แตก็เปนเพราะไมไดเตรียมตัวอยาง
เหมาะสม จึงเกือบถูกคำแนะนำสะทอนกลับใสทั้งตัวแลว ดังนั้นนางจึงเขาใจวา
ต อ ให ค นตรงหน า จะแข็ ง แกร ง ปานใดก็ ย ากจะปลอดภั ย ไร เ รื ่ อ งราว ทั น ที ท ี ่ เ ขา
ถูกสะทอนกลับ ก็จะเปนโอกาสดีที่สุดที่นางจะพลิกกระดานตอบโต
แตอยางไรนางก็คิดไมถึงวาการสะทอนกลับที่นางคิดวานากลัวอยางยิ่ง เมื่ออยูบนตัว
ของอีกฝาย มันกลับไมปรากฏใหเห็นแมแตนอย สิ่งนี้ทำใหความหวังเสนสุดทายในใจ
ของนางพังทลาย ขณะนี้หลังจากถูกหวังเปาเลอกวาดมองมา ความอยากอยูรอดจึง
รุนแรงถึงขีดสุด
“ทำความสะอาดที่นี่ใหเรียบรอย พรุงนี้เปดทำการตามปกติ”
หวังเปาเลอถอนสายตากลับไป เมื่อลุกขึ้นโบกมือ พันธนาการสี่สายก็แผออก
มาแลวบินเข าไปในร างของคนทั้ง สี ่ ติ ดตรึ ง ดวงวิ ญ ญาณเทพของพวกเขาเอาไว
โดยสมบูรณ จากนั้นเขาจึงบิดตัวอยางเกียจครานแลวเดินขึ้นไปชั้นสอง
ชั้นที่หนึ่งของรานคาคือรานอาหาร ชั้นที่สองจึงจะเปนที่พัก ตอนนี้เขาเดินขึ้น
บันไดและผลักประตูหองพักหลักออกแลว แตจูๆ หวังเปาเลอก็เอยขึ้นวา
“ขาชอบฟงดนตรี คืนนี้ใหเจารองเพลงถึงเชา” กลาวจบหวังเปาเลอก็ผลักประตู
เดินเขาไป
จนกระทั่งเงารางของเขาหายลับไปแลว คนทั้งสี่ที่ชั้นลางก็ตัวสั่นเทา มองหนา
กั น และกั น ล ว นแต ม องเห็ น ความจนใจของแต ล ะคนได จากนั ้ น คนแคระผู นั้ น
ก็กระโดดโหยงขึ้นมาไปอยูตรงหนาเจาอวนนอยทันที กอนตบหนาเขาไปฉาดหนึ่ง
ตบจนรางของเจาอวนนอยกระเด็นไปกระแทกกับผนังตรงๆ ยังไมจบ พอครัว
ชายฉกรรจ ก ็ ท ำเช น เดี ย วกั น เขาเดิ น เข า ไปเตะอย า งแรง เตะจนเจ า อ ว นน อ ย
กระอักเลือดออกมาแลวลมลงไปอีกดาน
“เจาตาบอดหรือไง กลับพาดาวมรณะเชนนี้เขารานได!”
สภาพของเจาอวนนอยอนาถอยางยิ่ง รูสึกเสียใจเชนกัน แตกลับไมอาจคัดคานได
ถึงอยางไร…ก็เปนเขาเองจริงๆ ที่บังคับใหหวังเปาเลอเขามาในราน
“พอครัวพูดไดไมผิด ตาของเจามืดบอดแลวจริงๆ” ขณะที่เจาอวนนอยพยายาม
คลานขึ้นมา เสียงแผวเบาก็ดังมาจากตรงหนาของเขา เจาอวนนอยหนาเปลี่ยนสี
หลบหลี ก ไม ท ั น การ ผู จ ั ด การร า นหญิ ง ปรากฏตั ว อยู ต รงหน า เขา นางยกนิ ้ ว มื อ
ของมือขวาขึ้นแทงลงไปที่ตาขวาของเจาอวนนอยแลวควักออกมาเต็มแรง
เจาอวนนอยกำลังจะกรีดรอง คนแคระผูนั้นก็มาอยูขางหลังแลวอุดปากเอาไว
แนน ทำใหเจาอวนนอยไมอาจสงเสียงรองออกมาได ทำไดเพียงตัวสั่นเทิ้มรุนแรง
ปลอยใหผูจัดการรานหญิงควักลูกตาของเขาออกมา แลวปอนใหคนแคระที่อยูขาง
ตัวเขา
“ลากออกไปซะ สั่งสอนใหดี” จากนั้น ทามกลางความโหดเหี้ยมของคนแคระ
และพอครัว ผูจัดการรานหญิงก็เอยเสียงเบาแลวไมดูตอ แตนั่งอยูขางๆ ถอนหายใจ
ออกมา กอนเริ่มรองเพลง
เสี ย งเพลงแสนคั บ แค น ใจพร อ มกั บ ความอั บ จนป ญ ญาและเสี ย งที ่ ส ั ่ น ระรั ว
ก็สะทอนกองอยูในรานเนิ่นนาน
ในหองพัก สีหนาของหวังเปาเลอเยือกเย็น ไมยินดียินราย นั่งทำสมาธิอยู
ในโลกวิปริตที่เต็มไปดวยความปรารถนา สิ่งที่จำเปนคือเจาตองโหดเหี้ยมยิ่งกวาผูอื่น
บทที่ 1330 น้ำเปนสุข
เสียงเพลงดังอยูทั้งคืน
เชาวันรุงขึ้น เมื่อประตูใหญของรานเปดออกและแสงแดดสองเขามา พื้นรานคา
ก็สะอาดสะอานไรไรฝุน โตะเกาอี้ก็เชนกัน ไมมีรองรอยเสียหายแมแตนิด
มีเพียงพนักงานดูแลลูกคาสองคน คนหนึ่งสีหนาซีดขาวเดินกะโผลกกะเผลก
แตในปากเคี้ยวอะไรบางอยางอยูตลอด เคี้ยวไมหยุด ไมกลืนลงไปสักที สวนอีกคน
จากอวนก็ผอมลง ทั้งยังตาบอดหนึ่งขาง สีหนาย่ำแยอยางยิ่ง
สวนพอครัวนั้น เนื่องจากไมไดเผยตัวออกมาจึงมองไมเห็น แตก็ไดกลิ่นคาวเลือด
จางๆ มาจากครัวดานหลังอยางเลือนราง และยังมีเสียงคลายสับเนื้อดังฉับๆ
นอกจากนั้น ผูจัดการรานหญิงผูงามล้ำเปยมเสนหก็ยังมีสีหนาหอเหี่ยว เสียงแหบแหง
เล็กนอย รอยยิ้มก็ดูฝนใจอยางยิ่ง สิ่งเหลานี้ทำใหลูกคาประจำของรานที่มาเยือนใน
วันธรรมดาประหลาดใจมาก
แต พ วกเขาก็ ไ ม ไ ด ค ิ ด อะไรนั ก มี ค นเข า มาอยู เ นื อ งๆ กิ น อาหารตามปกติ
ขณะพูดคุยกัน แลวจากไปทีละคน จนกระทั่งยามเที่ยงตรง ลูกคาในรานก็คอยๆ
เพิ่มมากขึ้น แมจะไมเต็มราน แตก็มีอยูเจ็ดแปดสวน
ในจำนวนนั้นมีทั้งชาวเมืองปรารถนารสและมีคนจากภายนอก ดูทาทางปกติมาก
เหมือนกับวาหากไมใชวันเทศกาล ความโกลาหลวุนวายของเมืองปรารถนารสก็จะถูก
เก็บซอนเอาไว ไมปรากฏออกมางายๆ
สวนความผิดปกติของพนักงานและผูจัดการในรานก็ไมมีใครสนใจ กระทั่ง…
เมื ่ อ มี ค นจากภายนอกสองสามคนซึ ่ ง ไม ใ ช ช าวเมื อ งเมื อ งนี ้ ก า วเข า มาในร า น
อยางระมัดระวัง สายตาของพวกเขากวาดมองรอบๆ เปนพักๆ จดจองพิจารณาอยูที่
คนแคระกับเจาอวนนอยอยูบอยๆ
หากเปนในยามปกติ คนแคระกับเจาอวนนอยคงไมยอมแลว แตวันนี้พวกเขา
คลายจะเปลี่ยนนิสัย ปลอยใหตนถูกประเมิน พลางยกอาหารไปใหดวยทาทีเศราซึม
กอนจะจากไปเงียบๆ
ภาพนี ้ ท ำให ค นนอกไม ก ี ่ ค นนั ้ น พากั น ตกใจ เมื ่ อ วานพวกเขาเห็ น กั บ ตาว า
หวังเปาเลอถูกบีบบังคับใหเขาราน ที่มาวันนี้ก็เพราะความแปลกประหลาดของ
เมื่อวาน ทำใหเกิดความสงสัยใครรู จึงมาดูสถานการณสักหนอย
ถึงอยางไรหลังจากเทศกาลผานไป ความอันตรายจากรานคาของเมืองปรารถนารส
ก็ลดลงไปมาก
ตอนนี้เมื่อเห็นทั้งหมดนี้แลว คลื่นยักษในใจคนนอกสองสามคนนี้ก็โหมซัด รับรูไดวา
ชายหนุมที่เขามาในรานเมื่อวานผูนั้นไมใชคนธรรมดา แตดูแลวแมวาพนักงานในราน
กับผูจัดการรานจะบาดเจ็บ ทวากลับยังมีชีวิตอยู ดังนั้นในใจของคนสองสามคนนี้
จึงเริ่มคาดเดาวา สุดทายชายหนุมผูนั้นจะน้ำนอยแพไฟและกลายเปนวัตถุดิบอาหาร
ไปแลวหรือไม?
แตขณะที่คนนอกเหลานี้กำลังครุนคิดอยูในใจ ประตูหองพักที่ชั้นสองก็เปดออก
หวังเปาเลอคอยๆ กาวมายืนอยูบนระเบียงแลวกมหนามองลงไปขางลาง
การปรากฏตัวของเขาดึงดูดความสนใจของลูกคาชั้นลางไดทันที ตางก็พากัน
เงยหนาขึ้นไปมอง คนนอกสองสามคนนั้นก็เชนกัน หลังจากเห็นหวังเปาเลอแลว
พวกเขาก็รีบเก็บสายตากลับไปอยางวองไว
ขณะเดียวกันนั้น คนแคระตัวสั่นสะทานอยางเห็นไดชัด เขาสงอาหารอยาง
ขยั น ขั น แข็ ง มากกว า เดิ ม ส ว นเจ า อ ว นน อ ยก็ ก ระตื อ รื อ ร น สุ ด ใจ เช็ ด โต ะ ที ่ เ ดิ ม
สะอาดเอี่ยมอองทั้งไมมีคนใชเต็มกำลัง และยังมีผูจัดการรานผูนั้นก็คลายคึกคักขึ้น
กมหนาทำบัญชีเร็วรี่ ทาทางจริงจังเหนือใคร
แมแตเสียงฉึบฉับที่ครัวดานหลัง ตอนนี้ก็ยังดังชัดเจนยิ่งกวาเดิม…
หวั ง เป า เล อ ทอดมองทั ้ ง หมดนี ้ แ ล ว สู ด หายใจลึ ก สั ม ผั ส ได ถ ึ ง กลิ ่ น อาย
ความกระหายอยากจางๆ มันแพรกระจายไปทั่วรานแลวลอยเขามาหาเขา หลังถูกเขา
สูบเขาปากแลวก็ผสานเขากับวังน้ำวนที่ตันเถียน
ความพึงพอใจแรงกลาทำใหจิตใจของหวังเปาเลอกระปรี้กระเปราขึ้นมาไมนอย
เขาเริ่มรูสึกสนใจการฝกกฎเกณฑปรารถนารสยิ่งกวาเดิม
การฝกตนเชนนี้ มันแปลกพิสดาร แตขณะเดียวกันเขาก็ชอบมาก
ทวานาเสียดายที่กลิ่นอายความกระหายอยากของที่นี่ไมเขมขน แคหวังเปาเลอ
สูบเขาไปไมกี่คำก็สูบจนกลิ่นอายเหลานี้หมดสิ้นแลว สิ่งนี้ทำใหหวังเปาเลอรูสึก
เสียดายอยูในใจ เมื่อคิดถึงวันเทศกาลเมื่อวาน คนทั้งเมืองตางมารวมตัวกันที่แทนบูชา
กลิ่นอายแหงความกระหายอยากเขมขนเสียจนไมอาจจินตนาการไดเลย
“กฎเกณฑปรารถนารสเชนนี้ หากฝกฝนไดจนถึงขีดสุด หมื่นชีวิตทุกสรรพสิ่งก็จะ
ถูกควบคุม…เพราะความปรารถนาเชนนี้ เดิมก็เปนสวนหนึ่งในชีวิตอยูแลว”
“เจ็ดอารมณหกปรารถนาเดิมก็ลวนเปนเชนนี้…” หวังเปาเลอสัมผัสรสชาติ
วั ง น้ ำ วนแห ง ความปรารถนาภายในร า ง จากนั ้ น ก็ ห ั น กายเดิ น กลั บ เข า ห อ งพั ก
ขณะครุนคิด
การจากไปของเขาทำใหคนแคระและเจาอวนนอยในราน รวมไปถึงผูจัดการหญิง
ลอบโลง อก เชนนี้เอง เวลาก็เคลื่ อนผ านไปช าๆ ไม น านก็ มาถึ ง ยามเย็ น เวลานี้
หวังเปาเลอปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง หลังดูดซับกลิ่นอายแลวก็กลับหองพักอีกรอบ
จนกระทั่งยามค่ำ หลังจากปดรานแลว ค่ำคืนไรสุมเสียง พรอมกับความประหมาวิตก
ของพวกพนักงาน
เวลาผานไปแตละวัน ในไมชา หวังเปาเลอก็เปนเจาของรานมาแลวแปดวัน
ในแปดวั น นี ้ ทุ ก ครั ้ ง ที ่ เ ขาโผล ห น า ออกมาล ว นเป น การดู ด ซั บ กลิ ่ น อายแห ง
ปรารถนารส ชวงเวลาอื่นลวนไมหือไมอือ ทำใหพวกคนแคระเริ่มจะผอนคลายขึ้นบาง
แตในคืนวันที่เกาที่พวกเขาคิดวาจะเงียบงันไรเรื่องราวเหมือนเดิม หลังปดราน
เงารางของหวังเปาเลอก็ปรากฏขึ้นที่ชั้นหนึ่ง เมื่อเขานั่งลงบนเกาอี้ คนแคระและ
เจาอวนนอย รวมถึง ผูจัดการรานกั บพ อครั วที ่ อยู ชั ้ น หนึ ่ ง ก็ รู สึ กประหม า ขึ ้ น มา
โดยสัญชาตญาณ
“ขาไมพอใจมาก” หวังเปาเลอนั่งอยูบนเกาอี้และเอยเสียงราบเรียบ
“กิจการของรานนี้แยเกินไป”
เมื่อหวังเปาเลอเอยออกมา คนแคระก็หยุดเคี้ยว เจาอวนนอยกมหนา พอครัว
หันไปมองผูจัดการรานหญิง สวนใบหนาผูจัดการรานหญิงก็เผยทาทางไมไดรับ
ความเปนธรรม นางกมหนาตอบคำ
“นายทาน สถานการณชวงสองสามวันมานี้นับวาดีแลว…”
เขาไมไ ดสนใจคำพูด ของผูจ ั ดการร า นหญิ ง หวั ง เป าเล อยกมื อ ขึ ้ น หยิ บกระเป า
คลังเก็บออกมาโยนไวบนโตะ
“พรุงนี้ใหเปดขายของสิ่งนี้” กลาวจบ หวังเปาเลอก็ลุกขึ้นเดินกลับหองพัก
หลังจากเขาเดินไปแลว พวกคนแคระก็มองหนากันแลวเขาไปใกลโตะทันที
กอนจะหยิบกระเปาคลังเก็บขึ้นมาดวยความสงสัย พอเปดออกก็เห็นทันทีวาขางใน
มีขวดขนาดเล็กอยูหลายรอยขวด
ในขวดทุกใบลวนมีน้ำอยูครึ่งขวด
“นี่คือ…” พอครัวสงสัย ยกขึ้นเปดออก หลังดมอยูครูหนึ่งก็ดื่มเขาไปหนึ่งอึก
จากนั้นดวงตาพลันเบิกโพลง ชั่วพริบตาใบหนาอัปลักษณก็แยมยิ้มออกมาโดยไมรูตัว
แววตาเต็มไปดวยความเคลิบเคลิ้ม
เมื่อคนแคระและเจาอวนนอยเห็นภาพนี้เขาก็รีบหยิบสองขวดขึ้นดื่มโดยเร็ว
ไมนานรางกายก็สั่นสะทาน เผยทาทางแบบเดียวกันออกมา จนทำใหดวงตาของ
ผูจัดการรานหญิงเปลงประกาย นางหยิบขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง พริบตาตอมาก็หายใจ
หอบถี่ทันที
“หวานอมเปรี้ยว มีฟองอากาศเล็กนอย ที่สำคัญที่สุดคือในนั้นมีกลิ่นอายแหงสุข!”
นี่ก็คือ…น้ำเย็นหลอวิญญาณ!
ที่มือของหวังเปาเลอในหองพักก็มีอยูหนึ่งขวดเชนกัน หลังดื่มลงไปหนึ่งอึก
แววตาของเขาก็มีประกายแปลกประหลาดวาบผาน เดิมทีเขาคิดจะทำตัวคอมต่ำ อ
เก็ บ งำอยู ใ นเมื อ งปรารถนาเสี ย งสั ก หน อ ย แต เ มื ่ อ เข า ใจเรื ่ อ งกฎเกณฑ แ ห ง
ปรารถนารสแลว หวังเปาเลอก็คิดวาการทำตัวคอมต่ำนั้นแกไขปญหาไมได
หากสามารถปกหลักอยูในเมืองปรารถนารสและไดกฎเกณฑแหงปราถรถนารส
มามากกวานี้ มันจะมีประโยชนตอตัวเขามากยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงผสานกลิ่นอายแหง
กฎเกณฑสุขในรางเขาไปในน้ำเย็นหลอวิญญาณ จนเกิดเปนเครื่องดื่มชนิดนี้
การใชเจ็ดอารมณเปนวัตถุดิบไมใชเรื่องหายากในเมืองปรารถนารส แตนอกจาก
รานคาชั้นยอดสามถึงหาแหงที่สามารถจัดหาสวนผสมที่เปนหนึ่งในเจ็ดอารมณได
ทั้งปแลว บางครั้งสวนใหญรานคาอื่นจะจัดหามาไดเพียงเล็กนอยเทานั้น
ถึงอยางไร สายเลือดของเจ็ดอารมณสวนใหญลวนซอนตัว หาเจอยากอยางยิ่ง
และเนื่องจากกฎเกณฑแหงสุขถูกผูร่ำรองแหงปรารถนาเสียงเพงเล็ง หลายปมานี้
จึงถูกทำลายไปอยางตอเนื่อง เหลือเพียงพวกไมสมบูรณ
ซึ่งแทบจะถูกทำลายจนสิ้นอยูแลว ดังนั้นจึงยิ่งมีนอยเขาไปใหญ ตอใหบางครั้ง
ถูกจับมาได แตก็ไมเหมือนกับหวังเปาเลอที่อาศัยการตระหนักรูของตนก็สามารถ
สรางเตาออกมาไดอยางไรที่สิ้นสุด
ดังนั้น แทบจะเดาไดเลยวาเมื่อเปดขายน้ำเย็นหลอวิญญาณ รานคาแหงนี้จะตอง
คอยๆ มีชื่อเสียงขึ้นแนนอน
สิ่งนี้ทำใหดวงตาของพวกผูจัดการรานหญิงกับคนแคระสวางไสวในทันที
บทที่ 1331 เปนที่นิยม
เพียงแตเรื่องที่หวัง เปาเลอ สามารถจั ดหาน้ ำเย็ นหลอวิญญาณไดไ มจ ำกั ดนี้
พวกผูจัดการรานยังไมรู ดังนั้นแมวาดวงตาจะสวางไสว แตสิ่งที่พวกเขามองเห็น
มากกวานั้นคือความดังระเบิดในชั่วพริบตา
แทจริงแลวพวกเขาก็ไมเคยคิดดวยซ้ำวาจะใชวัตถุดิบประเภทเจ็ดอารมณไดใน
ระยะยาว ถึงอยางไรเรื่องแบบนี้ในเมืองปรารถนารสก็มีเพียงรานอาหารยอดนิยม
ชั้นเลิศแคสามสี่รานเทานั้นจึงจะทำได
และรานอาหารแบบนี้ เบื้องหลังมักจะมีเจาแหงสวาปามอยูหนึ่งคน
ถึงขั้นที่กลาวไดวามีเพียงเจาแหงสวาปามเทานั้นจึงจะมีสิทธิครอบครองราน
ในเมืองแหงนี้ที่ใชเจ็ดอารมณเปนวัตถุดิบระยะยาวโดยไมถูกผูอื่นสอดแนมแยงชิงไป
ดังนั้น พวกผูจัดการรานและคนแคระในตอนนี้จึงไมไดรับรูเลยวาน้ำเย็นหลอ
วิญญาณที่อยูตรงหนาพวกเขาจะทำใหเกิดลมพายุแบบไหนกับรานคาแหงนี้ไดบาง
แตเรื่องเหลานี้ลวนอยูในการพิจารณาของหวังเปาเลอแลว
นี่เปนการตัดสินใจหลังจากเขาชั่งน้ำหนักอยูถึงเจ็ดแปดวัน บางครั้งการซอนตัว
ก็ไ ม จ ำเปนตองทำตัวคอมต่ำ เสมอ บางที การทำให ตนมี ค ามากขึ ้ น ก็ อ าจจะเป น
การซอนตัวที่ดีขึ้นก็ได ดังนั้นการเสนอขายน้ำเย็นหลอวิญญาณจึงเปนเพียงจุดแรกเริ่ม
ในแผนการของหวังเปาเลอ
ไมนานก็ผานไปหนึ่งคืน เมื่อเปดรานใหมในเชาวันตอมา ลูกคาเกาที่มักจะมา
ประจำทุกคนตางแปลกใจอยางมากเมื่อพบวาพนักงานและผูจั ดการร านได ขจั ด
ความเสื่อมโทรมของเมื่อหลายวันกอนไปแลว แตละคนเปลี่ยนเปนกระฉับกระเฉง
ขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหนาไมเคยหายไปเลย
ขณะเดียวกัน นอกจากอาหารยามปกติแลว คนแคระและเจาอวนนอยผูนั้นยัง
แนะนำเครื่องดื่มที่ชื่อวาน้ำเย็นหลอวิญญาณใหกับลูกคาอยางตอเนื่อง เนื่องจาก
ราคาไมแพงมาก ดังนั้นจึงมีผูฝกตนสวนหนึ่งลิ้มชิมดู
แตหลัง จากดื่มไปคำแรก ผูฝ กตนที ่ ลองซื ้ อ ดู เหล านั ้ น ก็ ตั วสั ่ น ระริ กกั น หมด
อยางไมมียกเวน ดวงตาเบิกกวาง ยากจะปกปดความเคลิบเคลิ้มในแววตา ใบหนา
ก็ยิ่งมีรอยยิ้มประดับอยูไมมากก็นอย
ทันใดนั้น ภาพนี้ก็ทำใหคนที่ไมไดลองพากันแปลกใจ บางคนไปซื้อมาหนึ่งขวด
ดวยความสงสัย และพริบตาตอมาก็มีทาทางเหมือนกัน
ผานไปพักหนึ่งถึงมีคนถอนหายใจยาวเหยียด
“กฎเกณฑแหงเจ็ดอารมณ!”
“นี่คือ…กลิ่นอายแหงสุขหรือ”
“คาดไม ถ ึ ง ว า จะมี เ ครื ่ อ งดื ่ ม ของกลิ ่ น อายแห ง สุ ข อยู ของสิ ่ ง นี ้ … ส ง ผล
อยางนาตะลึงตอการฝกตนของพวกเรา”
หวังเปาเลอสังเกตไดนานแลววาเจ็ดอารมณและหกปรารถนาของโลกใบนี้ตอตาน
กันและกัน และสวนมากการตอตานเชนนี้จะปรากฏอยูในรูปแบบของการกลืนกิน
และผสานรวม ฝายตรงขามลวนกลายเป น ของบำรุ ง ชิ้ น ใหญเพื ่ อเพิ ่มพลั งให ตน
แข็งแกรงขึ้นไดทั้งนั้น
นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่เจ็ดอารมณตองหลบซอนตัวอยูในโลกใบนี้และเกือบจะ
สูญสิ้นเผาพันธุ
ดวยเหตุนี้ หลังจากไดลิ้มรสความอัศจรรยของน้ำเย็นหลอวิญญาณแลว ยอดขาย
ก็ยอมเพิ่มขึ้นตาม แตเมื่อคืนหลังจากไดน้ำเย็นหลอวิญญาณมา พวกผูจัดการราน
ก็ปรึกษากันแลววาจะจำกัดปริมาณขาย
ดานหนึ่งคือพวกเขาไมรูวาน้ำชนิดนี้ผลิตไดไมจำกัด อีกดานคือเปาหมายทุกอยาง
ที ่ ใ ช ส ว นผสมนี ้ ก ็ เ พื่ อ ดึ ง ดู ด กลิ ่ น อายแห ง ความกระหายอยากให ม ากขึ ้ น ดั ง นั้ น
การจำกัดปริมาณการขายจึงไมใชสิ่งที่รานของพวกเขาริเริ่มทำ ที่รานอื่นๆ ก็เกิดขึ้น
บางเปนบางครั้ง
ดังนั้น ผูฝกตนที่คิดจะซื้อขวดที่สองหลังจากซื้อไปแลวหนึ่งขวดจึงถูกบอกกลาว
เรื่องนี้อยางรวดเร็ว แมจะรูสึกเสียดายและเกิดความปรารถนา แตพวกเขาก็เขาใจดีวา
เรื่องนี้มีแตตองรอ
เปนเชนนี้ เมื่อยามเที่ยงและยามเย็นมาถึง จากการนำน้ำเย็นหลอวิญญาณ
มาขายก็นับวาทำใหเกิดการเคลื่อนไหวในสวนเล็กๆ ของเมืองปรารถนารสแหงนี้แลว
แตเนื่องจากมีปริมาณนอยเกินไป บวกกับรานไมไดเปนที่รูจัก ดังนั้นขอบเขตที่เกิด
การเคลื่อนไหวจึงเล็กมาก ทั้งไมไดดึงดูดความสนใจของรานอื่นๆ รอบดานดวย
แต…เรื่องใดก็ตามที่มีจุดระเบิดและยิ่งสั่งสมอยางเพียงพอแลว ก็ลวนสามารถ
แผคลื่นผันผวนนาตะลึงไดทั้งนั้น น้ำเย็นหลอวิญญาณก็เชนกัน พอผานไปสิบวัน
ขณะที่รานคาจำกัดปริมาณไวที่หนึ่งรอยขวดตอวัน เรื่องนี้ก็คอยๆ แพรกระจายไป
ผูคนที่เคยลิ้มลองทั้งหมดยิ่งรูสึกกระหายมากขึ้น ดังนั้นในไมชา…นอกรานคาแหงนี้
ก็เริ่มมีคนมาตั้งแถวในยามค่ำคืนแลว
การตอแถวเชนนี้ ในแงหนึ่งมันคือการประชาสัมพันธที่ดีที่สุด ทำใหผูคนที่
เดินผานไปทั้งหมดลวนรูสึกแปลกใจสงสัย โดยเฉพาะเมื่อผานไปอีกเจ็ดแปดวัน
กลุมคนที่มาตอแถวนอกรานยามเย็นมีจำนวนมากถึงหลายรอยคนแลว ในที่สุดเรื่องนี้
ก็ทำใหเกิดความปนปวนที่รุนแรงยิ่งกวาเดิมขึ้นมาในระดับหนึ่ง
รานรวงรอบๆ เริ่มเคลื่อนไหวแลวพากันมาตรวจสอบ เปนเพราะผูคนตอแถว
มากมายขนาดนี้ ความกระหายและกลิ่ นอายแหงปรารถนารสของพวกเขาจึ ง ยิ่ ง
เขมขนขึ้นเรื่อยๆ ทำใหคนอื่นๆ ไมอาจไมสนใจ
เชนเดียวกัน การที่คนมาตอแถวก็ทำใหหวังเปาเลอผูเปนเจาของรานดูดซับกลิ่นอาย
แหงปรารถนารสไดอยางราบรื่นยิ่งขึ้น กฎเกณฑแหงปรารถนารสภายในรางเพิ่มพูน
อยางรวดเร็ว
แมแตผูจัดการรานกับพวกคนแคระก็ยังไดประโชนมากมาย แมจะเสียรานคาไป
แตตอนนี้สารอาหารของการฝกตนที่พวกเขาดูดซับทุกวันๆ กลับมีมากกวาตอน
ยังมีรานแบบเมื่อกอนเสียอีก
ใชความรุนแรงสามารถทำใหรางกายยอมจำนน แตผลประโยชนกลับทำใหจิตใจ
ของผูคนจำนนอยางสมบูรณ อยางพวกผูจัดการรานก็เชนกัน พวกเขาไมเคียดแคน
หวังเปาเลออีกแลว ถึงขั้นที่ถาหากหวังเปาเลอเสนอตัวจะจากไป พวกเขาก็จะยัง
ไมเห็นดวยดวยซ้ำ
ผลประโยชนที่เพิ่มขึ้นมาทำใหพวกเขาทุมเทแรงใจปกปองยิ่งกวาตัวหวังเปาเลอ
เองเสียอีก
ในไม ช า กิ จ การของร า นรอบๆ ก็ ต กต่ ำ เพราะเรื ่ อ งนี ้ แต พ วกเขาไม ค ิ ด ว า
น้ำเย็นหลอวิญญาณจะมีอยูไดนาน อีกทั้งเรื่องเชนนี้รานรวงไมนอยลวนเคยทำ
มาทั้งนั้น มากสุดหนึ่งเดือนก็จะหายไปแลว
ดัง นั้น พวกเขาจึง เลือกจะสังเกตดู ความนิย มของร านค าขางๆ จนกระทั่ง…
ความรอนแรงของน้ำเย็นหลอวิญญาณยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก กินเวลานานกวาหนึ่งเดือน
ไปแลว จำนวนคนที่มาตอแถวก็ยิ่งพุงไปถึงหนึ่งพันคน เรื่องนี้จึงนับวาโดงดังอยูใน
เมืองปรารถนารสเปนวงกวาง
ในที ่ ส ุ ด ร า นค า อื ่ น โดยรอบ ก็ น ั ่ ง ไม ต ิ ด ผู ท ี ่ เ ข า มาหาเรื ่ อ งพวกแรกสุ ด ก็ คื อ
รานที่อยูใกลกับพวกเขาที่สุดนั่นเอง พนักงานกับผูจัดการรานนั้นเฝาดูคนที่ตอแถว
อยูขางนอก จนถึงยามค่ำก็พังประตูบุกรุกเขาไป
เมื่อประตูรานปดลง ขางในก็ไรเสียง คนที่เฝาดูอยูดานนอกก็ลวนสังเกตดูอยู
บอยๆ แตจนกระทั่งยามเชา ดานในก็ไมมีความเคลื่อนไหวแมแตนิดเดียว
กระทั่งถึงเวลาเปดทำการ เจาอวนนอยที่ตาบอดไปขางหนึ่งก็เดินออกมาอยาง
เยอหยิ่ง หลังจากเปดประตูรานและเปดกิจการตามปกติ ผูฝกตนที่ตอแถวอยูดานนอก
ถึงหายใจเขาลึกเมื่อพบวาพนักงานในรานมีเพิ่มขึ้นมา
ไมกี่คนที่เพิ่มเขามาก็คือผูฝกตนจากรานขางๆ ที่บุกเขาไปเมื่อคืน พวกเขา
แตละคนลวนทอแท แววตามีความหวาดกลัวขณะยังออนแรง
พร อ มกั น นั ้ น …ขนาดของร า นก็ ใ หญ ข ึ ้ น ด ว ย ไม ร ู ว า เชื ่ อ มกั บ ร า นข า งๆ
จนกลายเปนรานเดียวกันตั้งแตเมื่อไร
เรื ่ อ งนี ้ ท ำให ล ู ก ค า ที ่ ต อ แถวอยู เ หล า นั ้ น รู ส ึ ก ตกใจไปตามๆ กั น ยิ ่ ง กว า นั้ น
พวกผูฝกตนจากรานอื่นๆ ที่มาเฝาดูอยูที่นี่ก็สูดหายใจลึก ทันใดนั้นก็ไมกลากระทำ
การบุมบามอีกแลว
เปนเชนนี้ เวลาผานไปอีกหนึ่งเดือน น้ำเย็นหลอวิญญาณเหมือนกับฝนตกชุมฉ่ำ
อยูในเมืองปรารถนารส ในใจของผูฝกตนเกือบครึ่ง มันกลายเปนขาวลือที่ดังระเบิด
ที่สุดในเขตตะวันออกของเมืองปรารถนารส
ตอนนี้เอง ในเขตตะวันออก ณ รานอาหารขนาดใหญแหงหนึ่งก็กำลังจับตามองที่
แหงนี้ดวยสายตาละโมบ
“ไปสงขาว บอกใหมอบสูตรกับวัตถุดิบจากกฎเกณฑแหงสุขมาซะ ไมอยางนั้น…
จะไมไดเห็นทองฟาของวันพรุง นี้” คำพูดราบเรี ยบดังออกมาจากในร านอาหาร
ขนาดใหญแหงนี้
บทที่ 1332 รางแหงปรารถนา
ยามค่ำวันนั้น ในรานของหวังเปาเลอบรรยากาศเครงเครียด
ผูจัดการรานหญิงเจาเสนหกับพวกคนแคระจดจองไปยังเกล็ดหนึ่งชิ้นที่วางอยู
บนโตะ ดวงตาฉายแววหวั่นวิตกขึ้นมา ตรงขามพวกเขามีคนอยูสี่คน
ในหมูคนสี่คนนี้มีสองคนรูปรางกำยำเปนพิเศษ และยังมีเด็กหนุมแตงตัวแบบ
พนักงานกับชายชราหนึ่งคน ตอนนี้พวกเขาลวนมีสีหนาขมขื่น พลางเหลือบมองไปที่
ชั้นสองเปนบางคราว
คนเหล า นี ้ ก ็ ค ื อ คนที ่ เ ดิ ม มาจากร า นข า งๆ เป น เพราะพั ง ร า นเข า มาในวั น นี้
จนถูกหวังเปาเลอเจรจาอยางเปนมิตรไปรอบหนึ่ง สุดทายก็ตัดสินใจเขารวมกับ
ครอบครัวนี้อยางซาบซึ้งใจ และมอบรานของตนใหดวยความเต็มใจ เพื่อใหกิจการ
น้ำเย็นหลอวิญญาณแพรหลาย พวกเขาจึงทุมเทแรงใจของตนออกมา
แตตอนนี้สายตาของพวกเขากลับหวั่นวิตก เห็นไดชัดวาเกล็ดบนโตะชิ้นนั้ น
มีความหมายแตกตางกันมากสำหรับพวกเขา
“ถูกเกล็ดโลหิตเพงเล็งแลว…”
“เกล็ดโลหิตอยูเหนือผูอิ่มทองอยางพวกเรา เขาเปนถึงผูมีกิน เหตุใดจะตอง
จดจองรานเล็กๆ ของพวกเราดวย”
“ลำพังเกล็ดโลหิตก็ทำใหคนหนังศีรษะชาไดแลว ยิ่งไมตองพูดถึงวาเบื้องหลังของ
เขายังมีสาวกเนื้ออยูคนหนึ่งดวย!”
ทุกคนปรึกษากันเสียงเบา สายตาที่มองไปยังชั้นสองก็บอยขึ้น จนกระทั่งผานไป
พักหนึ่ง ขณะที่พวกเขาวิตกกังวลอยูตรงนี้มากขึ้น เรื่อยๆ ประตูหองพักชั้นสอง
ก็เปดออก หวังเปาเลอเดินออกมาจากขางใน
ชั่วพริบตาที่มองเห็นรางของหวังเปาเลอ ทุกคนที่อยูชั้นลางก็กมหนาลงพรอมกัน
และโคงคำนับใหกับหวังเปาเลอ
“คารวะนายทาน”
หวังเปาเลอใบหนาปราศจากอารมณ กาวลงจากบันไดทีละขั้นๆ กลิ่นอายบนราง
แผออกมาเดี๋ยวจริงเดี๋ยวเลือนราง ทำใหคนทั้งแปดใจสั่นสะทาน ไมกลาเงยหนาขึ้น
มองเห็นเพียงเทาของหวังเปาเลอเทานั้น เมื่อเขาเดินลงมาจากบันได ก็มาปรากฏตัว
อยูดานหนาของพวกเขาแลว
สาเหตุที่เปนเชนนี้ก็เพราะเกรงกลัวสวนหนึ่ง และยังมีอีกสวนมาจากอานุภาพ
กดดันบนตัวของหวังเปาเลอซึ่งรุนแรงเกินไป ทำใหตอนนี้แมอยูใกลก็ยังรูสึกหายใจ
ลำบาก พลังฝกตนในรางคลายถูกสยบเอาไว
ทั้งหมดนี้คอยๆ เพิ่มขึ้นมาหลังจากหวังเปาเลอดูดซับคำแนะนำของรานแหงที่สอง
ควบคูไปกับการขายน้ำเย็นหลอวิญญาณ รวมถึงคนที่อยากมาซื้อขางนอกก็มีเพิ่มขึ้น
เรื่อยๆ
เขาเดินมาอยูตรงหนาทุกคน หวังเปาเลอไมเอยอะไร ทำเพียงหยิบเกล็ดบนโตะ
ชิ้นนั้นขึ้นมาแลวเดินไปที่ประตูราน กระทั่งตอนที่ผลักประตูออก เขาถึงเอยพูดเสียง
ราบเรียบออกมาหนึ่งประโยค
“พวกเขา…จะไมไดเห็นทองฟาวันพรุงนี้” กลาวจบ หวังเปาเลอก็กาวเทาออก
จากราน จนเขาจากไปแลว ทุกคนในรานถึงไดกลาเงยหนาขึ้น ทั่วกายเปยกโชกดวย
เหงื่อเย็น แตละคนมองหนากัน ลวนแตมองเห็นความเกรงกลัวในแววตาของอีกฝาย
“นายทานเขา…ตอนนี้ระดับฝกตนเขาคืออะไร เขามีที่มาอยางไรกันแน”
“นากลัวเหลือเกิน เวลาแคไมกี่เดือน แตเหตุใดตอนที่ขาพบหนานายทานถึงได
รูสึกเหมือนเจอกับเจาสวาปามละ”
“ทุกคน ที่มาของเจานายไมใชสิ่งที่พวกเราจะรูได แตครั้งนี้ บางทีอาจจะเปน
โอกาสดีท ี่พวกเราจะไดรุง โรจนในเมื องปรารถนารสก็ ไ ด น ะ! หากเจ านายกำจั ด
เกล็ดโลหิตไดแลว พวกเราจะตองไดเขาตาเจาสวาปามแน…” ผูจัดการรานหญิง
เลียริมฝปาก แววตาฉายประกายประหลาด นางในตอนนี้ยอมจำนนอยางสมบูรณแลว
คนอื ่ น เมื ่ อ ได ย ิ น คำพู ด ของนางก็ เ งี ย บเสี ย งลง แววตาค อ ยๆ เผยประกาย
ทะเยอทะยานออกมาตามๆ กัน
ไมมีใครพูดตอ ในรานเงียบสงัด ทุกคนลวนรอคอยผลลัพธ
เรื่องทุกอยางในราน หวังเปาเลอไมสนใจ ตอนนี้เขาเดินอยูบนถนนของเมือง
ปรารถนารส ท อ งฟ า มื ด มิ ด ภายในอาคารรอบๆ มี เ สี ย งกลื น กิ น ดั ง ออกมาเป น
บางคราว แตยามที่หวังเปาเลอเดินผาน เสียงเหลานี้ก็จะหยุดลงกะทันหัน คลายกับ
ติดอยูที่คอ ไมกลาสงเสียงออกไปแมแตนอย
บางครั้งบางคราวก็มีสายตาหลายสายเปดขึ้นมาในความมืด หลังกวาดมองมาที่
หวังเปาเลอ สายตาเหลานั้นก็คลายออกทันที แลวรีบถอนสายตากลับมากอนถอยหาง
อยางรวดเร็ว คลายกลัววาถาหนีชาจะถูกกลืนลงไป
ทั ้ ง หมดนี ้ เ ป น เพราะบนร า งของหวั ง เป า เล อ แผ ก ลิ ่ น อายน า สะพรึ ง ออกมา
เหมือนกับวังน้ำวน มันดึงดูดความกระหายอยากที่ลอยอยางอิสระทั้งแปดทิศมาหา
การผสานรวมกับรานที่สองทำใหเมล็ดพันธุปรารถนารสในตัวของหวังเปาเลอ
กลายเปนวังน้ำวนกวางใหญไพศาลมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันการดูดซับกลิ่นอาย
แหงปรารถนารสในชวงหลายเดือนมานี้ก็ทำใหวังน้ำวนแหงนี้ขยายใหญ พรอมกับให
กำเนิดผลึกแกวสีดำกอนหนึ่ง
ของสิ่งนี้กำเนิดมาจากกฎเกณฑจริงๆ ชั่วขณะที่มันกอตัวขึ้นก็ทำใหกฎเกณฑของ
โลกภายนอกทั้ง หมดในตัวของหวั ง เป าเล อกลายเป น พลั ง ที ่ แ ข็ ง แกร งที ่ สุ ดที ่ เขา
สามารถใชออกมาไดในขณะนี้
“ขาเรียกสภาวะในตอนนี้วา รางแหงปรารถนา” หวังเปาเลอพึมพำเสียงเบา
ไมยินดียินราย เขาเดินชาๆ ถาหากตอนนี้มองลงมาจากฟาสูงก็จะเห็นอยางชัดเจนวา
รางกายของหวังเปาเลอหายไป แลวแทนที่ดวยวังน้ำวนสีดำสนิทขนาดมหึมา
ราวกับรางแหงปรารถนาเติบโตขึ้นอยางไมหยุดยั้ง ทำใหชาวเมืองทุกคนรอบดาน
ก ม หน า ตั ว สั ่ น เทากั น หมด จนเกิ ด เป น ความเงี ย บสงั ด ราวกั บ เผชิ ญ หน า กั บ
วิญญาณเทพเจา นอมสงใหเขาเดินจากไปไกล
เป น เช น นี ้ หวั ง เป า เล อ ยิ ่ ง เดิ น ยิ ่ ง ไกล กลิ ่ น อายบนร า งก็ ย ิ ่ ง แรงกล า มากขึ้ น
วังน้ำวนสีดำที่ปรากฏขึ้นมาก็ยังใหญโตมหาศาลเขาไปใหญ สวนเปาหมายของเขา
ตลอดมาลวนไมเคยเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ…รานอาหารระดับสี่ที่เปลงประกายวาววับ
หรูหราอลังการอยางยิ่งซึ่งตั้งอยู ณ ปลายสุดของถนนสายนี้
ขณะเดียวกัน ชั้นสามของรานอาหารระดับสี่แหงนี้ ผูฝกตนวัยกลางคนที่นั่งสมาธิ
อยูตรงนั้นลืมตาโพลง ผูฝกตนผูนี้มีผมสีเลือด ทั่วรางเต็มไปดวยเกล็ด คนทั้งคนดูแลว
เหมือนกับอสูรราย แตนัยนตากลับเปลงประกาย ตอนนี้กำลังจองมองไปนอกหนาตาง
ด ว ยระดั บ ฝ ก ตนของเขาแล ว ตอนนี ้ แ ค ม องปราดเดี ย วก็ เ ห็ น วั ง น้ ำ วนสี ด ำ
นาสะพรึงกลุมนั้นคอยๆ เขามาใกล วังน้ำวนแหงนี้ทำใหสีหนาของเขาเปลี่ยนแปลง
กะทันหัน ดวงตาหดเกร็งทันที ลมหายใจถี่รัวเล็กนอย กำลังจะผุดลุกขึ้น แตพริบตา
ตอมา จูๆ ภายในวังน้ำวนสีดำที่เขามองเห็นก็…มีดวงตาคูหนึ่งปรากฏขึ้น
นัยนตาคูนั้นไมมีอารมณแมแตนอย คลายกับหวงนรก มันจองมองเขามาแตไกล
และการจองมองนี้ก็มอบเสียงกูรองขึ้นในหัวและทำใหโลกของผูฝกตนคนนี้พรามัว
คนทั้งคนราวกับเสียสติ ตกอยูในสภาวะสับสน
จนเขาไมทันสังเกตเห็นเลยวาวังน้ำวนกลุมนั้นที่เขาเห็น เดิมทียังอยูหางไกล
แตในชั่วอึดใจก็คลายหายวาบมาปรากฏอยูดานนอกประตูรานอาหารแหงนี้แลว
เมื ่ อ มั น เข า มาใกล ร า นอาหารเปล ง ประกายวาววั บ หรู ห ราอลั ง การแห ง นี้
พลันถูกปราณมืดที่แผออกมาจากวังน้ำวนสีดำปกคลุม ยิ่งกวานั้นขณะที่มันเขา
ปกคลุม เสียงประตูรานอาหารก็ดังสนั ่นแล วแตกกระจายเปนเสี่ยงๆ จนกระทั่ง
พังทลายและปลิวออกไป
เงารางที่กอตัวจากทะเลแหงความมืดอยางสมบูรณแบบคลายกับฝนรายจาก
ขุมนรกกำลังยกขากาวเขาไปในราน เมื่อเทาเหยียบลงไป ปราณมืดที่พันอยูบน
เทาขางนี้ก็สลายหายไปกับพื้นอยางรวดเร็ว ผานไปที่ใด ทุกสิ่งลวนแตแหงเหี่ยว
ขณะเดียวกันปราณมืดเหลานี้ก็คลายกับผีปศาจ มันกลายเปนเกลียว พริบตาก็พันรัด
รางของพนักงานหลายสิบคนที่กำลังหนาเปลี่ยนสีรุนแรงในชั้นที่หนึ่งของรานอาหาร
ทันที
จากนั้นมันก็ยกพวกเขาขึ้นสูง ไมวาจะดิ้นรนหรือรองขอความชวยเหลืออยางไร
ก็ไมมีประโยชน ขณะที่เงารางจากทะเลแหงความมืดเดินมา ยามที่พวกเขากำลัง
กรีดรองนาเวทนาจนเสียงดังออกไปนอกราน พวกเขาก็ถูกแผดเผาในแบบที่มองเห็น
ไดดวยตาเปลา จนกระทั่งกลายเปนเถาถาน…
คลายกับวาความปรารถนาในรางกายติดไฟ!
มี เ พี ย งเสี ย งน า สั ง เวชดั ง แผ อ อกไปนอกร า นเท า นั ้ น เนิ ่ น นานก็ ย ั ง ไม ห ยุ ด
สั่นสะเทือน ชาวเมืองที่ตัวสั่นเทาอยู รอบๆ ทุ กคน ทำให พวกเขาพากั น ก ม หนา
ทำความเคารพ
บทที่ 1333 ปกหลัก
“ขาชอบที่นี่” เสียงหัวเราะทุมต่ำของหวังเปาเลอดังออกมาจากทะเลแหงความมืด
ตอนนี้เมื่อเขากาวเขาไปเต็มตัวแลว ดานนอกประตูที่พังทลาย ปราณมืดพวยพุง
เขามาอยางดุเดือด อาบยอมทุกตารางนิ้วของรานอาหารชั้นหนึ่ง ขณะที่มันกำลัง
ทำใหทุกสิ่งทุกอยางผุพัง เปลวไฟสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมาและเริ่มแผดเผา
ขณะที่เกิดการเผาไหมขึ้น หวังเปาเลอก็เดินไปยังบันได ขึ้นไปทีละขั้นๆ ทุกขั้นที่
เหยียบลงไป บันไดตรงนั้นก็จะกลายเปนเถาถานแตกสลาย แตรานอาหารรานนี้กลับ
ยังคงอยู ไมมีรองรอยพังทลายแมแตนอย
เชนนี้เอง หวังเปาเลอเดินไปถึงชั้นสอง ชั้นสองของรานแหงนี้มีหองแยกสวนตัว
อยูหลายหอง ตอนนี้ในชั่วพริบตาที่เขากาวลงไป ประตูหองแยกทั้งหมดพลันเปดออก
ผูฝกตนหลายคนตาแดงก่ำ พุงออกมาจากขางใน ทะยานไปหาหวังเปาเลอ
แตยังไมทันไดเขาใกล ในทะเลแหงความมืดบนตัวของหวังเปาเลอก็พลุงพลาน
ดีดดิ้นไปมา กอนจะมีเงาหมอกหลายสายคลายกับผีรายพุงออกมา แตละตัวบินวอน
อยางดุดัน กอนจะถลันไปหาพวกผูฝกตน ผานไปที่ใด เสียงรองนาเวทนาก็ดังกอง
ขึ้นมาอีกครั้ง ครั้นถูกสัมผัสเขา รางกายของผูฝกตนเหลานั้นก็เหี่ยวแหงไปตามๆ กัน
จนกระทั่งสลายหายไป
เหลือเพียงเงาวิญญาณหลายสิบรางเทานั้น ตอนนี้พวกมันกรีดรองไรเสียงออกมา
พรอมแผกลิ่นอายแหงปรารถนาอันเขมขน เดินตระเวนอยูที่ชั้นสอง สุดทายก็กลับมา
อยูตรงหนาหวังเปาเลอ แลวคืบคลานมาหาทีละตนๆ
“กฎเกณฑ แ ห ง ความกระหายอยาก หลั ง จากตระหนั ก รู ถ ึ ง ระดั บ หนึ ่ ง แล ว
ก็ ส ามารถสร า งฝ น ร า ยของตั ว เองออกมาได ฝ น ร า ยแห ง ความปรารถนาเหล า นี้
ไมวาจะโยนตัวไหนเขาไปในโลกใบเล็ก ก็ลวนทำใหโลกแหงนั้นกลายเปนทะเลทุกข”
หวังเปาเลอสายหนา โบกมือขึ้น ชั้นที่สองก็ผุพังทั้งหมด เทาของเขาเดินไปยัง
ชั้นที่สาม ในชั้นที่สามมีอยูแคสามหอง
และเมื่อฝนรายแหงความปรารถนาเหลานี้พวยพุงเขาไป หองทั้งสามก็กลายเปน
เถาถานและเผยใหเห็น…เงารางของผูฝกตนสามคนที่นั่งสมาธิอยูในนั้น
สองคนเปนชายชรา หนึ่งคนมีเกล็ดโลหิตลักษณะเหมือนอสูรราย
ตอนนี้รางกายของชายชราทั้งสองสั่นกระตุกราวกับอยากจะลืมตาแตไมอาจทำได
ทำไดเพียงปลอยใหฝนรายแหงความปรารถนาเขามาใกล อย างตะกละตะกลาม
สอดแทรกเขาไปอยางดุเดือดผานรูขุมขนและทวารทั้งเจ็ดของพวกเขา
สวนเกล็ดโลหิตนั้น หลังจากหวังเปาเลอกาวขึ้นมายังชั้นที่สาม อักขระบนเกล็ด
ที่หวางคิ้วก็เปลงประกายราวกับกำลังตอตาน จึงพอจะฝนลืมตาขึ้นมาได ทำใหเห็น
นัยนตาที่เต็มไปดวยสีเลือดกำลังมองมายังหวังเปาเลออยางตื่นตระหนก
“นี่ของเจาหรือ” หวังเปาเลอเอยเสียงราบเรียบ เขาสะบัดมือ เกล็ดโลหิตที่นำมา
จากบนโตะในรานก็ลอยไปอยูตรงหนาเกล็ดโลหิต
เกล็ดโลหิตตัวสั่นเทิ้ม ลูกตาของเขาคลายดิ้นรนเพื่อมองขึ้นไปดานบน แตใน
ขณะที่เขาพยายามมองขึ้นไปนั้น เสียงถอนหายใจก็คอยๆ ดังออกมาจากชั้นที่สี่ของ
รานอาหารแหงนี้
“สหายเตา เจาทำเกินไปหนอยแลว หากจากไปตอนนี้ ขาผูเฒาจะทำเปนวา
เรื่องทุกอยางไมเคยเกิดขึ้น”
ขณะที่เอย เพดานกั้นระหวางชั้นสามและชั้นสี่ของรานอาหารก็พราเลือนใน
ชั่วพริบตา ดานบนของหวังเปาเลอเผยใหเห็น…รางที่อยูบนชั้นสี่
เงารางนี้คลายคลึงกับเขา ดำมืดไรใดเทียบเทียม เหมือนกับวังน้ำวนกลุมหนึ่ง
ทำไดเพียงมองเห็นรางๆ ในนั้นมีคนนั่งสมาธิอยูกลางไอหมอกกลิ้งเกลือก ตอนนี้เอง
ก็มีดวงตาคูหนึ่งซึ่งมองตรงมายังหวังเปาเลอ
ขณะเดี ย วกั น ภายในวั ง น้ ำ วนของร า งร า งนี ้ ฝ น ร า ยแห ง ความปรารถนา
แบบเดียวกันหลายสิบตนก็แผขยายออกมาทีละตัวๆ มันรองคำรามไปทางหวังเปาเลอ
ทำใหฝนรายแหงปรารถนารอบตัวหวังเปาเลอเงยหนาขึ้น จิตสังหารของแตละตน
ระเบิดออกมาคลายเจอกับศัตรูตัวฉกาจ
สีหนาของหวังเปาเลอเปนปกติ ไมไดกลาวอะไร แตตอนนี้เมื่อเกล็ดโลหิตมองเห็น
เงารางบนชั้นสี่ปรากฏตัวขึ้นมาแลวก็โลงอกอยางเห็นไดชัด แตเกล็ดที่ลอยอยูตรงหนา
เกล็ดโลหิตพลันระเบิดออก กอนกลายเปนหนามแหลมคมทะลวงไปยังหวางคิ้วของ
เกล็ดโลหิตในพริบตา แลวไประเบิดในรางของเขาตอ ทำใหเกล็ดโลหิตไมมีเวลาแมแต
จะกรีดรอง รางวิญญาณของเขาแตกสลายทันที
ภาพนี้เห็นไดชัดวาทำใหเงารางบนชั้นสี่โกรธเกรี้ยวขึ้นมา
“รนหาที่ตาย!” เมื่อเสียงอื้ออึงเหมือนสายฟาดังขึ้น เงารางบนชั้นสี่ก็คลายลุกขึ้น
จากทานั่งขัดสมาธิ ทันใดนั้นวังน้ำวนที่เขาอยูก็ขยายใหญอยางฉับพลัน มันกลายเปน
ยักษตัวสูงถึงยี่สิบกวาจั้งสะเทือนฟาดินทันที
ทั่ว