You are on page 1of 288

บทที่ 21 เขาคือประธานกรรมการ

เย่เฉินหยัดตัวขึ้นอย่างเนิบนาบท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของทุกคน
สายตาทุกคู่ท่อี ยู่ในห้องจัดเลีย้ งล้วนจับจ้องอยู่ที่เขา
“เย่เฉิน แกทำอะไรน่ะ! นั่งลงเดี๋ยวนี!้ ” หม่าหลันตกใจจนต้องรีบเอ่ย
เตือนสติ เขาก็ไม่รู้จักดูสถานที่เลย! ผูอ้ าวุโสตั้งมากมายที่อยู่ในงาน
ยังไม่มีใครกล้าลุกขึ้น ลูกเขยไร้ค่าอย่างเย่เฉินจะมาไม้ไหนกัน!
ส่วนหวังเหวินข่ายและหวังเหวินเฟยก็สบสายตากันพลางคิดในใจว่า
เขาคงไม่ใช่ประธานกรรมการของตี้เหากรุ๊ปจริงๆใช่ไหม?
ทว่าชั่วอึดใจทั้งสองต่างก็ส่ายหน้าเป็นไปไม่ได้ หากเขาคือประธาน
กรรมการของตีเ้ หาจริง ทำไมถึงถูกหม่าหลันด่าจนเสียหมาแบบนั้น
ล่ะ?“สวะอย่างแกจะทำอะไร! ยังไม่รีบนั่งลงอีก!” เซียวไห่หลงที่ยืน
อยู่บนเวทีตะโกนขึน้ มาด้วยสีหน้ามืดครึม้ เย่เฉินปรายตามองอย่าง
เย็นชาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ข้างหวังตงเสวี่ยนโดยไม่
สนใจสายตาตกตะลึงของทุกคน ก่อนจะกระซิบเสียงเบาสองสาม
ประโยคหวังตงเสวี่ยนตั้งใจฟังพลางพยักหน้าเบาๆ
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรู้สกึ เหมือนหัวใจถูกบีบรัดอย่างฉับพลัน
หวังตงเสวี่ยน! รองประธานกรรมการของตีเ้ หากรุ๊ป สาวสวยผูโ้ ด่ง
ดังของเมืองจินหลิง! ลูกเขยสวะอย่างเย่เฉินไปรู้จักกับเธอได้
อย่างไร? อีกทัง้ ทั้งสองคนยังดูมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
หลังจากพูดจบ เย่เฉินก็ไม่สนใจสายตาของทุกคน ทว่าเดินตามเซียว
ชูหรันออกจากห้องจัดเลีย้ งไปส่วนหวังตงเสวี่ยนกลับลุกขึ้นยืนแล้ว
เดินขึน้ ไปบนเวทีรับไมโครโฟนมา ก่อนจะเอ่ยปากท่ามกลางสายตา
มึนงงของทุกคน “สวัสดีค่ะ ดิฉันคือหวังตงเสวี่ยน ก่อนหน้านีค้ ุณเย่
เฉินเจอกับท่านประธานของเรา ท่านประธานจึงฝากเขามาบอกดิฉัน
ประโยคหนึ่ง”
เมื่อทุกคนได้ยินว่าเย่เฉินไม่ใช่ประธานกรรมการของตี้เหากรุ๊ปก็โล่
งอกไปเปราะหนึ่งหวังเหวินข่ายโล่งอก ก่อนจะเอ่ยดูแคลนเสียงเบา
“แค่บังเอิญเจอเค้าครัง้ เดียวก็ไปประจบผู้ช่วยเค้าแล้ว ขยะจริงๆ”
หวังเหวินเฟยยักไหล่สองสามทีพลางเอ่ยแกมหัวเราะ “คนชั้นต่ำก็
แบบนี้แหละ”
ขณะนั้นเอง หวังตงเสวี่ยนที่อยู่บนเวทีก็กวาดสายตามองไปยังนาย
หญิงใหญ่เซียวแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “ท่าน
ประธานให้ดฉิ ันมาแจ้งทุกคนว่า……”
“ตั้งแต่ตอนนีเ้ ป็นต้นไป ตีเ้ หากรุ๊ปจะยุติสัญญากับตระกูลเซียว
สัญญาที่ลงนามไปแล้วนั้นถือเป็นโมฆะ!”
“ห๊ะ!”
ฉับพลันกลุ่มคนก็ฮือฮา ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่าหวังตงเสวี่ยนจะพูด
แบบนี้ออกมา การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึน้ อย่างฉับพลันนี้ทำให้ทุกคน
ตกตะลึงจนอ้าปากหวอ นายหญิงใหญ่เซียวหน้าซีดอย่างฉับพลัน
ก่อนจะเอ่ยถามอย่างร้อนรน “รองประธานหวัง เป็นเพราะอะไรกัน?
ทางตระกูลเซียวของเราทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ?”
วันนี้เธอเชิญบุคคลมีหน้ามีตาของเมืองจินหลิงมาก็เพราะหวังว่าจะ
ใช้โอกาสนีใ้ นการสร้างชื่อเสียงในเมืองจินหลิง หากชวดสัญญา
ท่ามกลางสายตาของทุกคนแบบนี้ เกรงว่าตระกูลเซียวคงถูกทุกคน
เหยียบอยู่ใต้เท้า หวังตงเสวี่ยนเอ่ย “เดิมทีโครงการนี้เกิดจากการที่
ท่านประธานของเรายอมรับในตัวคุณเซียวชูหรันถึงได้ร่วมมือกับ
พวกคุณ ทว่าพวกคุณกลับเอาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ว่ารับผิดชอบ
โครงการนีโ้ ดยพลการ ขอโทษค่ะ พวกเราไม่ยอมรับ!”
เอ่ยจบ หวังตงเสวี่ยนก็วางไมโครโฟนลงแล้วเดินจากไปโดยไม่หัน
กลับมามองนายหญิงใหญ่เซียวหน้าซีดเผือด ฉับพลันก็ทรุดตัวลงกับ
พื้นบนเวที
เธอไม่เคยคิดเลยว่าเพราะความฉลาดชั่ววูบของตนเองจะทำให้
พลาดโอกาสที่สำคัญแบบนี้!
หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตงั้ แต่แรก ให้ตายเธอก็ไม่มีทางยอมให้เซียวไห่
หลงรับตำแหน่งผูอ้ ำนวยการแทนเซียวชูหรันแน่นอน
ตอนนี้เซียวไห่หลงก็มึนงงไม่แพ้กัน เกิดอะไรขึน้ ? เหมือนว่าหวังตง
เสวี่ยนจะไม่ชอบเธอ แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยมีเรือ่ งกับอีกฝ่ายนี่!
เซียวไห่หลงจึงอดที่จะเอ่ยถามนายหญิงใหญ่เซียวไม่ได้ “คุณย่า
ตำแหน่งของผู้อำนวยการประกาศไปแล้ว คุณย่าคงจะไม่เปลี่ยนใจใช่
ไหม?”
นายหญิงใหญ่เซียวขืนตัวยืนขึน้ ยกมือขึ้นมาตบหน้าเขาทีหนึ่ง ก่อน
จะด่าอย่างโมโห “เลว ตอนนีแ้ กยังมีแก่ใจมาสนใจตำแหน่ง
ผูอ้ ำนวยการนี่อีกหรือ! ยังไม่รีบไปขอร้องชูหรันอีก!”
หลังจากที่เย่เฉินตามออกมาก็พบว่าความจริงแล้วเซียวชูหรันไม่ได้
ไปไหนไกล แต่กลับไปนั่งร้องไห้อยู่ในมุมอับข้างโรงแรมนี่เอง
เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะถอดเสื้อสูทไปคลุมตัวเซียวชูหรันพลางเอ่ย
“ที่รัก อย่าเสียใจไปเลย ตำแหน่งผู้อำนวยการของตระกูลเซียวไม่ได้
มีค่าอะไรเสียหน่อย ไม่ได้ตำแหน่งก็ไม่เป็นไร……”
“คุณไม่เข้าใจ หากฉันได้เป็นผู้อำนวยการ พ่อแม่ของฉันก็จะอยู่ใน
ตระกูลเซียวได้อย่างสบายใจขึน้ คุณย่ากลับคำแบบนี้ได้ยังไง……”
เซียวชูหรันเอ่ยเสียงสะอึกสะอื้น
เย่เฉินเอ่ยปลอบใจต่อ “ไม่แน่อีกเดี๋ยวพวกเขาอาจจะมาขอร้องให้
คุณไปรับตำแหน่งผูอ้ ำนวยการก็ได้ คุณร้องไห้แบบนีเ้ ดีย๋ วขึน้ เวที
แล้วไม่สวยนะ……”
เซียวชูหรันเยเสียงอู้อี้ “จะเป็นไปได้ยังไง คุณย่าประกาศไปแล้วคงไม่
มีโอกาสแล้วล่ะ คุณเข้าไปก่อนเถอะ ฉันก็อยู่คนเดียวสักพัก……”
ขณะนั้นเองนายหญิงใหญ่เซียวและเซียวไห่หลงก็วิ่งออกมาจากห้อง
จัดเลีย้ ง นายหญิงใหญ่อายุมากแล้วจึงหายใจไม่ค่อยทันนัก
ด้านหลังของเธอมีคนจำนวนหนึ่งตามออกมาดูเรื่องสนุกด้วย
เมื่อเซียวไห่หลงเดินออกมาก็เห็นเย่เฉินและเซียวชูหรัน
เขารีบวิ่งมาหาก่อนจะก้มหน้ามองเซียวชูหรันที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วย
น้ำตาพลางเอ่ย “ชูหรัน รีบตามรองประธานหวังไปเร็วเข้า ขอให้เธอ
อย่ายุติสัญญาของเรา!”
เซียวชูหรันทำหน้างง “ยุติสัญญาอย่างนั้นหรือ? ทำไมล่ะ?”
เซียวไห่หลงเอ่ยอย่างมีน้ำโห “เธอยังมีหน้ามาทำตัวใสซื่อต่อหน้าฉัน
อีก เป็นเธอใช่ไหมที่บงการให้รองประธานหวังทำให้ฉันต้องขายหน้า
หากเธอแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”
เพียะ!
นายหญิงใหญ่เซียวตบหน้าเซียวไห่หลงด้วยความโมโหอีกครั้ง ก่อน
เอ่ยปากด่า “ไอ้สารเลว แกพูดแบบนี้กับน้องสาวแกได้ยังไง!
หล่อนต่างหากที่เป็นผูอ้ ำนวยการของบริษัทเซียวซื่อ!”
เซียวไห่หลงร้อนรน “คุณย่า……ไหนบอกว่าให้ผมรับตำแหน่ง
ผูอ้ ำนวยการไม่ใช่หรือ?”
นายหญิงใหญ่เซียวเอ่ยอย่างมีน้ำโห “หากไม่ใช่เพราะแกวางยาฉัน
ฉันจะเปลี่ยนใจกะทันหันได้ยังไง ถ้าแกยังตอแยไม่หยุดก็ออกจาก
ตระกูลเซียวไปซะ!”
โดนนายหญิงใหญ่ตบหน้าไปสองครั้ง เซียวไห่หลงโมโหจนถึงขีดสุด
ทว่าก็ไม่กล้ามีปากมีเสียงทำได้เพียงอดทนอดกลั้นไว้เท่านั้น
ตอนนี้นายหญิงใหย่เซียวกลับหันไปเอ่ยกับเซียวชูหรัน “ชูหรัน ย่า
ขอร้องล่ะ ตอนนีแ้ กคือผูอ้ ำนวยการของบริษัทเซียวซื่อ รีบตามไป
อธิบายกับรองประธานหวังเถอะ ตระกูลเซียวของเราแย่แล้ว!”
ชูหรันหันไปมองเย่เฉินด้วยความมึนงงและสงสัย
เย่เฉินยักไหล่พลางเอ่ย “ผมบอกแล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะต้องมาขอร้อง
ให้คุณกลับไปเป็นผูอ้ ำนวยการ คุณก็ไม่เชื่อผม เห็นไหม ร้องไห้จน
หน้าเลอะไปหมดแล้ว……”
เซียวชูหรันหน้าแดงอย่างเขินอาย เช็ดน้ำตาก่อนเอ่ย “อย่างนัน้ ฉันจะ
ลองติดต่อทางตี้เหาดู”
เอ่ยจบก็ต่อสายหาหวังตงเสวี่ยนทันที ตอนนีส้ ายตาขงทุกคนล้วนจับ
จ้องอยู่ที่เธอ ผ่านไปสักพักอีกฝ่ายก็รับสาย เซียวชูหรันจึงเอ่ยปาก
ขึน้ “สวัสดีค่ะรองประธานหวัง คุณย่าให้ฉันมาอธิบายกับคุณค่ะ ฉัน
จะยังคงดำรงตำแหน่งผูอ้ ำนวยการของตระกูลเซียวเพื่อรับผิดชอบ
ความร่วมมือกับทางตี้เหา คุณให้โอกาสเราอีกสักครัง้ ได้ไหมคะ……”
หวังตงเสวี่ยนหัวเราะเล็กน้อยพลางเอ่ย “หากคุณเป็นผู้อำนวยการ
อีกทัง้ ยังเป็นผูร้ ับผิดชอบโครงการอยู่ก็ไม่มีปญ
ั หาค่ะ สัญญายัง
ดำเนินต่อไปได้ แต่หากเป็นคนอื่นล่ะก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก……”
“ขอบคุณมากนะคะรองประธานหวัง……”
เซียวชูหรันยังคงคลางแคลงใจกับเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบราวกับว่าตี้
เหากรุ๊ปมาเพื่อช่วยเธอโดยเฉพาะอย่างนั้นแหละ นี่มันผิดปกติเกินไป
หวังตงเสวี่ยนเอ่ยแกมหัวเราะ “นี่เป็นคำสั่งของท่านประธาน หากมี
โอกาสท่านประธานจะอธิบายให้คุณทราบด้วยตัวเอง……”
เซียวชูหรันคลางแคลงใจมากกว่าเดิม ประธานกรรมการของอีกฝ่าย
เป็นใครกันแน่ เธอไม่เคยเจอเขาเลยด้วยซ้ำ ทำไมอีกฝ่ายถึง
ช่วยเหลือเธอกัน?
“เอ่อ อย่างนั้นเชิญคุณกลับไปที่หอ้ งจัดเลีย้ งอีกครั้งได้ไหมคะ?”
เซียวชูหรันเอ่ยถามอย่างประหม่า อีกฝ่ายจากไปพร้อมกับความ
โกรธ เห็นได้ชัดว่าตระกูลเซียวทำให้อกี ฝ่ายโกรธ ตอนนี้กลับเชิญอีก
ฝ่ายกลับมาอีกครั้งจึงดูเป็นฝืนใจอีกฝ่ายชอบกล ทว่าเธอคิดไม่ถึง
เลยว่าทางหวังตงเสวี่ยนจะตอบรับอย่างรวดเร็ว ชั่วอึดใจ ทุกคนก็
เห็นรถของหวังตงเสวี่ยนย้อนกลับมายังประตูโรงแรมอีกครั้ง
ฉับพลันสายตาของทุกคนที่จับจ้องเซียวชูหรันอยู่เต็มไปด้วยความ
เคารพและเกรงกลัวในเวลาเดียวกัน
บทที่ 22 แม่ยายถูกหลอก
ทุกคนจึงกลับเข้าไปในห้องจัดเลีย้ งอีกครั้ง ก่อนที่นายหญิงใหญ่เซียว
จะจูงมือเซียวชูหรันขึน้ ไปบนเวที ดูท่าทางสนิทสนม ก่อนเอ่ยขึน้
“เรื่องเมื่อสักครู่ต้องขออภัยจริงๆ เป็นความผิดของคนแก่อย่างดิฉัน
เอง ความจริงแล้วครัง้ นี้ตอ้ งกความคิดความชอบให้กับชูหรัน เธอ
ต่างหากที่เป็นทายาทของตระกูลเซียว ความร่วมมือระหว่างตระกูล
เซียวและตีเ้ หาในครั้งนี้ชูหรันเองก็ทุ่มเทไปมาก”
หวังตงเสวี่ยนที่อยู่ดา้ นข้างเธอ มองค้อนเธอแวบหนึ่งก่อนจะโบกมือ
ให้เธอหยุดพูด ก่อนเป็นฝ่ายเอ่ยต่อ “ดิฉันขอแก้ไขนิดนึงนะคะ ความ
ร่วมมือในครั้งนีค้ ุณเซียวชูหรันไม่ใช่แค่ทุ่มเทมากค่ะ แต่ทั้งหมดนี้
ล้วนเกิดจากความสามารถของเธอคนเดียว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ
คนอื่นเลยแม้แต่น้อย”
ประโยคข้างต้นเอ่ยอย่างไร้ความเกรงใจ ว่าทุกคนล้วนชินชาไปแล้ว
เพราะจากตำแหน่งของตี้เหา ถึงแม้หวังตงเสวี่ยนจะตบหน้านาย
หญิงเซียวสักทีสองที หล่อนก็คงไม่กล้าว่าอะไร
นายหญิงใหญ่เซียวรีบพยักหน้ารัวๆ “รองประธานหวังพูดถูกค่ะ
ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากฝีมือของชูหรัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชูหรันคือ
ผูอ้ ำนวยการของตระกูลเซียวของเรา! และเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ
ความร่วมมือระหว่างตระกูลเซียวและตี้เหากรุ๊ปทัง้ หมด!”
ได้ยินดังนั้นหวังตงเสวี่ยนจึงเผยรอยยิม้ ออกมา ก่อนจะยืนมือไปจับ
กับเซียวชูหรัน “หวังว่าความร่วมมือของเราจะราบรื่นนะคะ”
จนถึงตอนนี้เซียวชูหรันก็ยังมีความมึนนงงอยู่จึงได้แต่พยักหน้ารับ
ฉับพลันก็มีเสียงปรบมือดังกึกก้องจากด้านล่างเวที สายตาของทุก
คนที่จับจ้องมายังเซียวชูหรันล้วนเต็มไปด้วยความยินดี
ผูห้ ญิงคนนี้ไปได้เส้นสายมาจากไหนกัน! เหตุใดตี้เหากรุ๊ปถึงให้
ความสำคัญกับเธอขนาดนี้!
เซียวชูหรันเองก็ยังคงมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงหันหน้าไปมองเย่
เฉิน เหตุการณ์ในตอนนี้ตรงกับที่เย่เฉินบอกเมื่อสักครู่ทุกอย่าง นาย
หญิงใหญ่เซียวคืนตำแหน่งผูอ้ ำนวยการให้กับเธอดังเดิม
กระทั่งงานเลีย้ งจบหลังจนกลับมาถึงบ้านแล้วเซียวชูหรันก็ยังตกอยู่
ในความงงงวยอยู่ ย้อนนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเย่เฉิน เธอก็อดที่
จะสงสัยไม่ได้ หลายวันมานี้เย่เฉินดูแปลกไปจากปกติ
เหมือนว่าบนตัวเขามีหลายอย่างมากที่เธอไม่เข้าใจ ราวกับมีหมอก
หนาปกคลุมอยู่เป็นชั้นๆ
คืนนีช้ ื่อเสียงของเซียวชูหรันโด่งดังไปทั่วเมืองจินหลิง!
ใครๆก็รู้ว่าจตระกูลเซียวมีทายาทที่โดดเด่นคนหนึ่ง ถึงกับสามารถ
ทำให้ตี้เหากรุ๊ปยื่นมือเข้ามาช่วยได้!
เห็นทีว่าการมีอยู่ของเธอจะทำให้ตระกูลเซียวเจริญก้าวหน้าใน
เร็ววัน เช้าวันต่อมา เซียวชูหรันตื่นแต่เช้าและรีบไปบริษัทอย่างสดชื่น
วันนี้เป็นวันแรกในการดำรงตำแหน่งผูอ้ ำนวยการของเธอ เธอหวังว่า
ตัวเองจะทำเรื่องนีไ้ ด้อย่างเต็มที่สุดความสามารถและผลลัพธ์
ออกมาดี ด้านเย่เฉิน หลังจากตื่นนอนก็เริ่มทำงานบ้านดังเช่นทุกวัน
หลังจากเย่เฉินทำงานบ้านเสร็จและเตรียมตัวจะไปตลอดเพื่อซื้อ
วัตถุดบิ มาทำอาหารเที่ยง ฉับพลันก็มีสายจากหม่าหลันแม่ยายของ
เขาโทรเข้ามา เมื่อรับสายแล้วก็มีเสียงรีบร้อนถึงขีดสุดของแม่ยายดัง
ขึน้ มา “เย่เฉิน แกต้องรีบมาที่ถนนผิงอันภายในสิบนาที ไม่อย่างนั้น
ล่ะก็กลับมาบ้านฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
พูดจบก็ตัดสายทิง้ ทันที เย่เฉินมึนงงไปหมด แม่ยายหายไปไหนไม่รู้
แต่เช้า ตอนนีก้ ลับโทรมาอย่างรีบเร่งราวกับว่ามีเรื่องด่วนเกิดขึ้น
ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะไม่ชอบใจในตัวแม่ยายคนนี้ ทว่าเขาก็ไม่กล้าชักช้า
รีบเก็บของแล้วเรียกแท็กซี่ตรงไปยังถนนผิงอันทันที
เมื่อลงจากรถเขาก็พบกับคุณลุงคุณป้ากลุ่มใหญ่กำลังล้อมอยู่หน้า
ประตูของบริษัทประกันภัยอย่างชุลมุน ส่วนแม่ยายของตนเองนั้นอยู่
หน้าสุดของกลุ่ม ในมือถือป้ายแผ่นหนึ่งพลางตะโกนออกมาด้วย
ความโมโห “หัวซินบริษัทขยะ หลอกลวง พวกเราจะเรียกร้องสิทธิ์
ของเรา คืนเงินเรามา!”
เย่เฉินจึงรีบเดินเข้ามาก่อนเอ่ยถาม “คุณแม่เรียกผมมามีเรื่องอะไร
หรือครับ?”
ขณะที่กำลังพูดก็มีเสียงตะโกนเรียกร้องดังขึน้ อีกครั้ง คุณลุงคุณป้า
ทั้งหลายต่างก็ตะโกนอย่างสุดเสียงทำเอาแก้วหูสั่นสะเทือนกันเลย
ทีเดียว หม่าหลันลากตัวเย่เฉินมาอยู่แทนที่ตัวเองจากนั้นก็เอ่ยย้ำ
“มานี่ มาตะโกนคำขวัญนี้แทนฉันหน่อย ฉันตะโกนมาตั้งแต่เช้าจน
เจ็บคอไปหมดแล้ว”
เย่เฉินยังไม่เข้าใจทว่าทำได้เพียงตะโกนเรียกร้องตามคุณลุงคุณป้า
ทั้งหลาย ขณะที่ตะโกนก็สอบถามที่มาที่ไปจากคุณลุงข้างๆเป็นระยะ
ถึงได้รวู้ ่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เดิมที่บจก.ประกันภัยหัวซินแห่ง
นี้จำหน่ายพวกประกันที่ให้ผลตอบแทนสูง กลุ่มคุณลงคุณป้าพวกนี้
จึงถูกผลตอบแทนสูงนีด้ งึ ดูด ทุกคนในที่นีล้ ว้ นซื้อประกันภายใต้นาม
ของบริษัทนี้ไปมากมายและกลายเป็นลูกค้าของพวกเขา ว่ากันตาม
ตรงคือตอนนี้ถงึ ช่วงจ่ายเงินปันผลแล้ว ใครจะไปคิดว่าพอคุณลุงคุณ
ป้ากลุ่มนีม้ ารับเงิน ถึงเพิ่งพบว่าประตูของบริษัทนีป้ ิดสนิท เหลือ
เพียงพนักงานไม่กี่คนที่อยู่หน้าประตูคอยหาข้ออ้างโง่ๆมารับมือกับ
ทุกคน คุณลุงคุณป้ากลุ่มนีถ้ ึงรูต้ ัวว่าตัวเองถูกหลอกเข้าแล้ว
มิน่าล่ะแม่ยายของเขาถึงรีบร้อนเรียกเขามาหา ให้เขามาเรียกร้อง
สิทธิ์กับเธอ คิดมาถึงตรงนี้เย่เฉินก็ปวดหัว จึงอดที่จะเอ่ยถามแม่
ยายตนเองไม่ได้ “คุณแม่ซื้อประกันไปเท่าไหร่ครับ?”
หม่าหลันเอ่ยอย่างร้อนใจ “พวกมันบอกว่าซื้อประกันเพื่อรับเงินปัน
ผลจะได้กำไรก้อนโต ฉันหน้ามืดไปหน่อยเลยเอาเงินเก็บทั้งหมดมา
ซื้อประกันของพวกมัน……”
เย่เฉินเอ่ยอย่างตกตะลึง “ว่าไงนะครับ? เอาเงินทั้งหมดมาซื้อประกัน
หมดแล้ว?”
หม่าหลันได้ยินดังนั้นก็มีน้ำโหทันทีจงึ ด่ากลับ “แกมีปากคนเดียวใช่
ไหม? พูดดังขนาดนีค้ ิดว่าฉันยังอับอายไม่พอใช่ไหม?!”
เธอพูดไปตำหนิเย่เฉินไปพลาง “ถ้าแกมีอนาคตกว่านี้ฉันจะต้องมา
ซื้อประกันของพวกมันหรือไง? ไม่คาดหวังเงินประกันมาเลี้ยงตอน
แก่เฒ่า จะให้ฉันคาดหวังคนไร้ค่าอย่างแกรึไง?”
ไอ้คนนี้ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูครอบครัวตัวเองก็แล้วไป ตอนนี้ยังมีหน้า
มาซ้ำเติมอีก?!
เธอจึงเอ่ยกับเย่เฉินอีก “ฉันจะบอกให้นะ ช่วยฉันตะโกนอยู่ตรงนี้
ต่อไป ห้ามหยุด!”
เย่เฉินไร้ทางเลือกถึงได้แต่พยักหน้ารับ “ครับคุณแม่”
ขณะนั้นเองก็มคี ุณป้าหลายคนเดินเข้ามาพลางมองสำรวจเย่เฉิน
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนเอ่ยกับหม่าหลัน “พี่หลัน คนนี้คือลูกเขยพี่ใช่
ไหม?”
ขณะที่พูดก็กวาดสายตามองการแต่งตัวของเย่เฉิน ก่อนจะเอ่ยเยาะ
เย้ย “ทำไมดูจนแบบนี้ สู้ลูกเขยของฉันก็ไม่ได้”
“ใช่ เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูเกรดต่ำ! ยังสูค้ นแก่แบบฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
คนนั้นพูดทีคนนีพ้ ูดที ล้วนเป็นคำพูดเยาะเย้ยระคายหูทงั้ นั้น
เย่เฉินกลับไม่ใส่ใจสักนิด ล้วนเป็นคนแก่ท่ลี งโลงไปครึ่งตัวแล้ว
ตอนนี้ยังสูญเสียเงินเก็บทั้งชีวติ ตัวเขาไม่จำเป็นต้องถือสาพวกเธอ
ตอนนี้ใจหม่าหลันก็ร้อนเป็นไฟ ยิ่งมองเย่เฉินยิง่ ขัดตาจึงหลุดปากพูด
“พวกเธอคอยดูนะ เดีย๋ วฉันจะให้ลูกสาวฉันหย่ากับมัน! จะได้หา
ลูกเขยที่รวยกว่านี”้
เย่เฉินแค่นยิ้มในใจ ลูกเขยรวยอย่างนั้นหรือ? เอาลูกเศรษฐีทั้งเมือง
จินหลิงมารวมกันยังเทียบกับเขาไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
ตอนนี้หม่าหลันร้อนอกร้อนใจ ลูกเขยไร้ค่าอย่างเย่เฉิน อย่างมากสุด
ก็ช่วยเธอตะโกนได้นิดๆหน่อยๆเท่านั้นแหละ เรื่องที่ตนอยากได้เงิน
คืน ยังไงก็ต้องให้คนที่มีความสามารถจริงๆมาช่วยแก้ปัญหา
น่าเสียดายที่จางเหวินเห้าคนที่ตามจีบลูกสาวเธอบ้านล้มละลายไป
แล้ว ไม่อย่างนั้นยังเรียกเขามาช่วยได้!
ใช่แล้ว!
ฉับพลันหม่าหลันก็นึกขึ้นได้ หวังเหวินข่ายพี่ชายของหวังเหวินเฟยที่
ได้ทำความรู้จักเมื่อวานในงานเลีย้ งของตระกูล เห็นท่าทีท่อี ีกฝ่ายใส่
ใจลูกสาวตัวเอง คาดว่าอีกฝ่ายคงคิดอะไรกับลูกสาวของตนแน่
ถึงแม้ตระกูลหวังจะสู้ตระกูลจางไม่ได้ ทว่าอย่างน้อยก็ถือเป็น
ตระกูลใหญ่ หากเรียกเขามาคงมีวธิ ีแก้ปัญหาได้ พอดีกับที่
หวังเหวินข่าย ให้นามบัตรเธอไว้ เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหา
หวังเหวินข่ายทันที
บทที่ 23 สร้างความประทับใจ
ชั่วอึดใจอีกฝ่ายก็รับสาย
หม่าหลันเอ่ยปากทันที “ฮัลโหล เหวินข่ายใช่ไหม? ใช่ น้าคือแม่ของ
เซียวชูหรัน……”
หลังจากหวังเหวินข่ายเจอเซียวชูหรันในงานเลีย้ ง ฉับพลันก็ตกตะลึง
ในความงามของเธอและยากจะลืมเลือน เขากำลังเสียดายที่ไม่มี
โอกาสได้ใกล้ชิดเซียวชูหรัน บังเอิญมากที่แม่ของเซียวชูหรันโทรมา
หาตนก่อน เขาคาดเดาว่าหม่าหลันคงเจอปัญหาอะไรสักอย่าง
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปล่อยโอกาสสร้างความประทับครั้งนีไ้ ป
ดังนั้นเขาจึงรีบเอ่ยถามอย่างมีมารยาท “น้าหม่ามีเรื่องเดือดร้อน
อะไรหรือเปล่าครับ?”
“เอ่อ น้ามีเรื่องให้เราช่วยหน่อย”
หม่าหลันรีบเอ่ยปาก “เหวินข่าย น้าและเพื่อนๆอีกหลายคนได้ซื้อ
ประกันกับบริษัทประกันภัยที่ชื่อว่าหัวซิน เงินเก็บทั้งหมดก็เอาไปซื้อ
หมดแล้ว แต่ตอนนี้บริษัทนี้ไม่ให้ถอนคืน เราช่วยน้าหาวิธีเอาเงินคืน
มาได้ไหม?”
หวังเหวินข่ายฟังจบก็ดีใจมาก คิดว่าได้โอกาสแสดงความสามารถ
แล้ว จึงตอบกลับด้วยความมั่นอกมั่นใจ “คุณน้าวางใจได้ ผมจะไป
หาคุณน้าตอนนี้เลย ผมจะช่วยคุณน้าจัดการเรื่องนีใ้ ห้ได้!”
ฉับพลันหม่าหลันก็ตื้นตันใจรีบเอ่ย “ขอบคุณเรามากนะ!”
หลังจากวางสาย สายตาของเธอก็หันไปมองเย่เฉินพลางเอ่ยอย่างมี
น้ำโห “คนบางคนไม่มีปัญญาทำอะไรเลย คาดหวังก็ไม่ได้ นอกจาก
ช่วยตะโกนสองสามประโยคแล้ว ยังมีประโยชน์อะไรอีก?”
เย่เฉินฟังจบก็แค่นยิ้มในใจ แม่ยายคนนีด้ ูคนที่เงินแถมยังตาถั่วอีก
เรียกหวังเหวินข่ายมาช่วยเนี่ยนะ?
บริษัทนีฉ้ ้อโกงเงินอย่างน้อยหลายสิบล้านหรืออาจจะมากกว่านั้น
กล้าฉ้อโกงเงินจำนวนมหาศาลขนาดนีต้ ้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง
แน่นอน หรืออาจจะเป็นไปได้มากว่าจะมีผู้มีอทิ ธิพลใต้ดินคอยหนุน
หลัง หวังเหวินข่ายจะทำให้พวกต้มตุ๋นนีค้ ายเงินออกมายังไง?
อำนาจของตระกูลหวังถืออยู่ในระดับธรรมดา หลังจากถูกตี้เหากรุ๊ป
ยุติสัญญา อำนาจก็ลดลงมากกว่าเดิม จากอำนาจของตระกูลหวัง
หากจะเข้ามายุ่งการฉ้อโกงเงินมูลค่ามหาศาลขนาดนี้ ไม่มีทาง
เป็นไปได้
ความจริงแล้วเรื่องเล็กๆแบบนี้ ตนแค่ต่อสายถึงเฉินจื๋อข่ายแห่งแช
งกรีลาก็สามารถจัดการได้ในทันที ยังไงเขาก็เป็นถึงตัวแทนของ
ตระกูลเย่ในเมืองจินหลิง ผูป้ ระกอบการใดๆในเมืองจินหลิงหรือผูม้ ี
อำนาจทั้งขาวและดำต้องไว้หน้าเขา ทว่าแม่ยายคนนี้ของตนนัน้ ช่าง
น่ารังเกียจ ไหนๆหล่อนก็เชื่อใจหวางเหวินข่าย เช่นนั้นก็ให้หวางเหวิน
ข่ายจัดการไปแล้วกัน!มีคนเห็นหม่าหลันโทรศัพท์จึงรีบยิ้มหน้าบาน
กันทันที ก่อนจะเข้ามาล้อมถามเธอว่าหาผูม้ ีอิทธิพลมาช่วยได้แล้วใช่
ไหม หม่าหลันตอบคนที่เข้ามาล้อมเธออย่างได้ใจ “ทุกคนวางใจได้
ฉันเชิญคุณชายหวังมาช่วยแล้ว เค้ามีความสามารถอยู่แล้ว คาดว่า
เราคงจะได้เงินคืนมาอย่างง่ายดาย!”
มีคนตกตะลึง “คุณชายหวังอย่างนั้นหรือ? พี่หลันสุดยอดมากที่หาผู้
มีอำนาจขนาดนี้มาได้!”
“ใช่ เส้นสายของคุณชายหวังคนนี้คงไม่ธรรมดา แก้ปัญหาเรื่องนี้แค่
คำพูดไม่กี่ประโยคคงจัดการได้?”
“พี่หลัน ไหนๆก็รู้จักชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ ทำไมไม่ให้ลูก
สาวแต่งงานกับเขาล่ะ? ทำไมต้องให้แต่งกับผูช้ ายไร้ค่าแบบนี!้ ”
หม่าหลันปรายตามองเย่เฉินอย่างดูถูกพลางเอ่ยเสียงเย็น “คนไร้ค่า
แบบนี้ สักวันจะถูกไล่ออกจากตระกูลเซียวของเรา!”
เย่เฉินไม่พูดไม่จา เขาจะรอหวังเหวินข่ายมา ดูซวิ ่าอีกฝ่ายจะจัดการ
ยังไง ไม่นานรถพอร์ชสีดำคันหนึ่งก็หยุดลงตรงหน้าของทุกคน
ชายหนุ่มสวมชุดสูทท่าทางสง่างามคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ
หวังเหวินข่ายมาแล้ว ลุงป้าที่อยู่รอบ้านล้วนอุทานออกมา “ไอ้หยา
นี่สถิ ึงเรียกว่าชายหนุ่มรูปงาม! ลูกเขยดีๆแบบนี้ไม่รู้ว่าจะตกไปเป็น
ของลูกสาวบ้านไหน!”
“ใช่น่ะสิ! หากลูกสาวของฉันได้แต่งกับเขา ฉันคงนอนตายตาหลับ
แล้วล่ะ!”
“ถุย หยุดฝันได้แล้ว! ถึงแกจะตายแล้ว เขาก็ไม่เห็นลูกสาวแกอยู่ใน
สายตาหรอก!”
เมื่อหม่าหลันเห็นหวังเหวินข่ายก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที ก่อนเอ่ยอย่าง
สนิทสนม “ไอ้หยาเหวินข่าย มาสักที น้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว!”
คนที่มาคือหวางเวินข่ายเอง หวางเหวินข่ายเอ่ยปนหัวเราะ “ขอโทษ
ที่ให้รอครับคุณน้า!”
หม่าหลันรีบร้อนเอ่ย “ไอ้หยาเหวินข่าย เราจะเกรงใจกันเกินไปแล้ว
น้าก็รอไม่ถึงสิบนาที เรามาเร็วจริงๆ!”
หวังเหวินข่ายตอบกลับ “ได้ยินว่าคุณน้ามีเรื่องเดือดร้อน ผมก็รีบขับ
รถมาเลย ฝ่าไฟแดงไปตัง้ หลายครั้ง”
หม่าหลันมีสีหน้าได้ใจ แต่ปากกลับเอ่ยอย่างเป็นห่วง “ฝ่าไฟแดง
แบบนี้คงมีปัญหาน่าดูใช่ไหม?”
“ไม่หรอกครับ” หวังเหวินข่ายตอบเสียงเรียบ “ตำรวจจราจรมีแต่คน
คุ้นเคยกันทั้งนัน้ โทรสายเดียวก็จัดการได้หมดแล้ว”
หวังเหวินข่ายเอ่ยถาม “มาพูดเรื่องคุณน้าดีกว่า! คุณน้าถูกหลอกไป
เท่าไหร่ครับ?”
หม่าหลันถอนหายใจ “เห้อ ทั้งหมดล้านกว่า บอกว่าเงินปันผลเดือน
นี้จะได้สองหมื่น สุดท้ายแม้แต่เงินต้นก็เอากลับมาไม่ได้”
หวังเหวินข่ายพยักหน้ารับพลางเอ่ยอย่างมั่นใจ “คุณน้าวางใจได้
เรื่องนี้เดียวผมจัดการเอง มีผมออกหน้าเองจะต้องช่วยคุณน้าเอา
เงินคืนมาได้แน่นอน”
เอ่ยจบ เขาก็เหลือบมาเห็นเย่เฉินที่ยืนอยู่หลังหม่าหลัน ฉับพลันสี
หน้าเปลี่ยนทันที คิดไม่ถึงเลยว่าสวะไร้ค่าที่เกะกะสายตาอย่างเย่เฉิน
ก็อยู่ด้วย
ตั้งแต่เจอเซียวชูหรัน หวังเหวินข่ายก็มีความคิดอยากได้มา
ครอบครอง เมื่อได้ฟังจากน้องชายว่าเซียวชูหรันอาจจะยังโสดอยู่
ความคิดอยากได้มาครอบครองก็มากกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อเห็นสามีไร้
ค่าของเซียวชูหรัน แน่นอนว่าเขามองอย่างเหยียดหยาม
เขาจึงตั้งใจเอ่ยแกมหัวเราะ “ไอ้หยา คุณเย่ก็อยู่หรือนี่ หรือว่าคุณมี
วิธีช่วยคุณน้าเอาเงินคืนมา? คุณจะลองดูก่อนไหม? จะได้ไม่หาว่า
ผมแย่งความดีความชอบ”
หม่าหลันรีบเอ่ยขึน้ ทันที “ให้มันลองอะไรล่ะ มันช่วยอะไรได้? มีแค่
ปากที่พอจะช่วยตะโกนหน่อยแค่นั้นแหละ! เหวินข่ายเราไม่ต้องไปยุ่ง
กับมันหรอก”
หวังเหวินข่ายพยักหน้ารับพลางเอ่ยเหน็บแนม “ไหนๆคุณเย่ก็ไม่มี
ความสามารถ อย่างนั้นผมจะลองดู!”
เย่เฉินยิม้ บางๆพลางตอบกลับ “สูๆ้ นะคุณชายหวัง”
หวังเหวินข่ายได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเสียงดัง ขณะนี้ลุงป้าทัง้ หลายที่อยู่
ข้างหม่าหลันก็ลอ้ มเข้ามาแล้วเอ่ยประจบประแจง “หม่าหลัน ไหนๆ
เราก็เป็นเพื่อนกัน เธอบอกพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนี้ให้ช่วยพวกเราด้วย
นะ! เงินที่พวกเราถูกโกงไปล้วนมาจากหยาดเหงื่อทั้งนั้น!”
หม่าหลันเชิดหน้าเอ่ย “ไอ้หยา เรื่องนีฉ้ ันตัดสินใจเองไม่ได้หรอก นี่
เป็นเพราะเหวินข่ายเห็นแก่หน้าฉัน ไม่รู้จักพวกเธอเสียหน่อย”
คนอื่นจึงหันไปขอร้องหวังเหวินข่ายแทน “คุณชายหวัง ช่วยพวกเรา
ด้วยเถิด คิดเสียว่าทำบุญ!”
หวังเหวินไม่สนใจคนอื่น ทว่าเมื่อเห็นว่าหม่าหลันอยากได้หน้าจึงเอ่ย
ปนหัวเราะ “ไหนๆทุกคนก็เป็นเพื่อนของคุณน้าหม่า อย่างนั้นผมจะ
ช่วยทุกคนเอง”
ในขณะที่ทุกคนกำลังดีใจ หวังเหวินข่ายก็เอ่ยขึ้น “เพียงแต่ว่าผมเห็น
แก่คุณน้าหม่าถึงช่วยพวกคุณ ดังนั้นผมจะช่วยพวกคุณเอาเงิน
กลับมาแต่ว่าพวกคุณต้องให้ค่าตอบแทนแก่คุณน้าหม่าสิบ
เปอร์เซ็นต์ หากหวังเหวินข่ายสามารถเอาเงินคืนกลับมาได้จริง
เช่นนั้นตนก็ได้ตั้งหลายล้านน่ะสิ?
บทที่ 24 คนไม่กลัวตาย
ขณะที่หม่าหลันกำลังดีใจอยู่นั้น หวังเหวินข่ายก็เอ่ยขึน้ เสียงดัง “คุณ
น้าคุณอาทั้งหลายอย่างเพิ่งใจร้อน ผมจะเข้าไปพูดคุยกับพวกเขา
ตอนนี้เลย ทุกคนอยู่รอฟังข่าวดีท่นี ี่ก็แล้วกัน”
หม่าหลันคิดว่าตอนนีต้ ัวเองมีหวังเหวินข่ายหนุนหลังอยู่ ไม่มีใครกล้า
หาเรื่องเธอแน่ เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “เหวินข่าย น้าไปด้วย!”
ด้านเย่เฉินจึงรีบเอ่ยกับหม่าหลัน “คุณแม่ อย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
หากหวังเหวินข่ายจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ คุณแม่จะเดือดร้อนนะครับ!”
“ถุย!” หม่าหลันเอ่ยอย่างมีน้ำโห “สวะอย่างแกยังกล้าข้องใจกับ
ความสามารถของเหวินข่ายหรือไง?”
คุณลุงคุณป้าคนอื่นล้วนคาดหวังว่าหวังเหวินข่ายจะช่วยพวกเขาเอา
เงินกลับคืนมาได้ ตอนนี้เย่เฉินกลับเห็นค้าน แน่นอนสร้างความไม่
พอใจให้กับหลายๆคน เมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิจากคนจำนวน
มาก เย่เฉินกลับเอ่ยเสียงเรียบ “คุณแม่รออยู่ตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องเข้าไป
ยุ่งจะดีที่สุด”
คำเตือนของเย่เฉินไม่เข้าหูหม่าหลันเลยสักนิด เธอจึงด่าทันที “หุบ
ปากเน่าๆของแกซะ! แกมีสิทธ์ที่จะพูดหรือไง?!”
ใบหน้าของหวังเหวินขายจึงเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสพลางเอ่ยเย้ย
หยัน “ความสามารถไม่เท่าไหร่ แต่ความขีอ้ ิจฉานี่ไม่เบาเลยนะ คุณ
คิดว่าผมเหมือนคุณหรือไง เป็นแค่สวะที่ได้แต่แหกปากเรียกร้อง
ปาวๆ?”
เย่เฉินเห็นว่าแม่ยายของตนไม่ฟงั คำเตือนจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
“เอาเถอะ อย่างนั้นผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณชายหวังก็แล้วกัน”
สำหรับแม่ยายอย่างหม่าหลันนั้น เย่เฉินไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก เธอ
เห็นแก่เงินเกินไปทว่ามักจะถูกเปลือกนอกบดบังสายตาเสมอ พูด
ง่ายๆก็คือเป็นผูห้ ญิงที่มุมมองความคิดคับแคบ เรื่องในวันนีด้ ูผิวเผิน
อาจเป็นเพียงคดีฉ้อโกงธรรมดา ทว่าหากมองลึกลงไปอีกอีกนิดก็จะ
รู้ว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลัง แม่ยายดูไม่ออกแล้วยังจะเอาตัวเข้าไป
เสี่ยงอีก เขาเองก็จนปัญญาแล้วปล่อยให้เธอได้รับบทเรียนไปก็แล้ว
กัน หม่าหลันจะรู้ได้ยังไงว่าเย่เฉินเตือนด้วยความหวังดี เธอหันไป
ถลึงตาใส่เขาแล้วรีบเอ่ยแก้ตัวกับหวังเหวินข่าย “เหวินข่าย เรื่องที่ไอ้
สวะคนนีพ้ ูด เราอย่าไปใส่ใจเลย น้าเชื่อใจเราแน่นอน……”
หวังเหวินข่ายยกยิ้มอย่างลำพองใจ “ไม่เป็นไรครับคุณน้า ผมไม่ถือ
สาคนขีข้ ลาดหรอกครับ”
พูดจบ เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้นทันที “คุณน้า เราไปกันเถอะ
ครับ!”
“ไป!”
หวังเหวินข่ายพาหม่าหลันเดินฝ่ากลุ่มคนจนไปหยุดอยู่หน้าประตูของ
บริษัทประกันภัยหัวซิน เมื่อทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูก็เอ่ยกับ
พนักงานที่เฝ้าประตูอยู่ทันที “ไปบอกหัวหน้าของพวกคุณให้รีบคืน
เงินลุงป้าน้าอาพวกนีโ้ ดยเร็ว ไม่อย่างนั้นผมจะให้ทนายและ
หน่วยงานความปลอดภัยเข้ามาจัดการ ถึงตอนนั้นทัง้ คุณและ
หัวหน้าของพวกคุณก็จะถูกจับทัง้ หมด!”
หม่าหลันที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เอ่ยเสริม “สุนัขอย่างพวกแกได้ยินไหม?
ตอนนี้พวกเรามีคนคอยหนุนหลังแล้ว! ถ้าบริษัทหลอกลวงของพวก
แกยังไม่รีบคืนเงินล่ะก็ ระวังคุณชายหวังจะส่งพวกแกเข้าคุก
ทั้งหมด!”
หัวหน้าพนักงานวัยหนุ่มคนนั้นเริ่มประหม่าจึงรีบเอ่ยขึ้น “ขอโทษ
ด้วยครับ ผมเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัย เรื่องธุรกิจไม่ได้
เป็นความรับผิดชอบของผม!”
หวังเหวินข่ายเอ่ยเสียงเย็น “อย่างนั้นก็โทรหาเจ้านายของพวกคุณ
บอกเขาว่าผมคือหวังเหวินข่ายจากตระกูลหวังแห่งเมืองจินหลิง!
บอกให้เขารีบมาจัดการด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นล่ะก็เตรียมรับผลที่จะ
ตามมาได้เลย!”
ระหว่างที่พูดสีหน้าของหวังเหวินข่ายก็เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
ถึงแม้ว่าตระกูลหวังของเขาจะไม่ใช่ตระกูลระดับต้นๆของเมืองจินห
ลิง ทว่าก็ยังถือว่าอยู่ในระดับกลาง แค่เจ้าของบริษัทต้มตุ๋นคนหนึ่ง
เมื่อได้ยินชื่อของเขาแล้วจะไม่ไว้หน้าเขาเชียวหรือ?
พนักงานไม่รู้จักเขาทว่าก็ยังเกิดความกลัว จึงรีบต่อสายหาเจ้านาย
ของตนทันที ทว่าในขณะเดียวกัน ภายในห้องของประธานกรรมการ
บริษัทประกันภัยหัวซิน คนเป็นประธานอย่างโจวหัวซินกำลัง
ปรนนิบัติชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าคนหนึ่งอย่างนอบน้อม
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบบัตรเครดิตใบหนึ่ง
ออกมาจากลิ้นชักแล้วยื่นไปด้านหน้าอย่างนอบน้อม “ท่านห้า ใน
บัตรนี้มีเงินอยู่สามสิบล้าน รหัสบัตรคือวันเกิดของท่าน นี่คือเงินปัน
ผลของท่านในครั้งนี้ เชิญตรวจสอบครับ”
ชายวัยกลางคนสวมชุดรูปแบบสมัยราชวงศ์ถัง หน้าตาค่อนข้าง
อำมหิต ทว่าแววตาดูดุร้าย ท่าทางดูโหดเหีย้ ม
หากมีคนอยู่ในนี้ ต้องรู้แน่นอนว่าชายวัยกลางคนคนนีเ้ ป็นใคร
เขาคือท่านหงห้า!
ทั้งเมืองจินหลิงนีใ้ ครๆก็รู้ว่าท่านหงห้าคือเจ้าถิ่น ไม่มีใครกล้ามีเรื่อง
ด้วย!
ท่านหงห้าเห็นท่าทีโจวหัวซินก็เอ่ยชมพร้อมรอยยิ้ม “เสี่ยวโจว คิดว่า
ถึงว่านายจะรู้ความขนาดนี้ ไม่เลว ไม่เลว!”
โจวหัวซินรีบเอ่ย “ท่านห้า แล้วคนที่มาโวยวายอยู่ดา้ นล่างจะทำ
ยังไงดีครับ?”
ท่านหงห้าเอ่ยเสียงเรียบ “ก็แค่คนแก่กลุ่มหนึ่ง ไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวถ้า
พวกมันยังไม่รบี ไสหัวไปดีๆ ฉันจะให้พวกลูกน้องมาจัดการพวกมัน
เอง!” ฉับพลันโจวหัวซินก็โล่งอกพลางรีบเอ่ย “ขอบคุณครับท่าน
ห้า!” ท่านหงห้าหัวเราะ “อีกหน่อยธุรกิจแบบนีท้ ำไปเลยไม่ต้อง
กังวล ขอแค่หาเงินได้ก็พอ หากมีปัญหาอะไรฉันจัดการเอง”
โจวหัวซินตีใจเนื้อเต้น ก่อนเอ่ยอย่างถ่อมตัว “ขอบพระคุณท่านห้า!
ท่านห้าพูดแบบนี้แล้ว ผมจะพยายามต่อไปเพือ่ เงินของเรา!”
โจวหัวซินยังไม่มีอิทธิพลในเมืองจินหลิงมากนัก ทว่าคนนี้มีขอ้ ดี
อย่างหนึ่งก็คือสมองดี คิดหาวิธีชั่วๆได้เก่ง
เขาทำบริษัทนีม้ าหลอกเอาเงิน รู้ว่าไม่สามารถควบคุมเมืองจินหลิงที่
ใหญ่ขนาดนีไ้ ด้จึงไปขอความช่วยเหลือจากท่านห้า แล้วเอาเงิน
สกปรกที่ได้ส่วนหนึ่งประเคนให้กับท่านห้า เพื่อให้ท่านห้าคอย
คุ้มครอง ท่านหงห้าเป็นผูม้ ีอิทธิพลในเมืองจินหลิง แน่นอนว่า
สามารถคุ้มครองเขาให้ปลอดภัยได้ และก็เพราะมีท่านหงห้าคอย
หนุนหลัง เขาถึงไม่มีอะไรต้องกังวล ธุรกิจฉ้อโกงก็เจริญเติบโตมาก
ขึน้ ขณะที่โจวหัวซินกำลังดีใจที่ได้รับการหนุนหลังจากท่านห้า
ลูกน้องเขาก็โทรมา เพิ่งรับสายก็เอ่ยปากทันที “นายครับ เกิดเรื่อง
แล้ว! มีคนบอกว่าชื่อหวางเหวินข่ายจากตระกูลหวังมาบอกให้พวก
เรารีบคืนเงินครับ ไม่อย่างนั้นมันจะจับนายเข้าคุก!”
“ให้ตายเถอะ เกิดเรื่องหรือนี่?”
โจวหัวซินขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะรีบบอกท่านหงห้า “ท่านห้า ด้านล่างมี
คนหนึ่งบอกว่ามาจากตระกูลหวังของเมืองจินหลิง กำลังพาคนแก่
พวกนั้นมาสร้างความวุ่นวาย! มันบอกว่ามันมีอำนาจในเมืองจินหลิง
ให้พวกเรารีบคืนเงินที่โกงมา ไม่อย่างนั้นจะส่งเราเข้าคุก……”
โจวหัวซินตั้งใจใส่สีตีไข่เพื่อยั่วให้ท่านหงห้าโมโห
ขณะที่เอ่ยก็หันไปขอความช่วยเหลือ “ท่านห้า ตระกูลหวังพอมี
อิทธิพลในเมืองจินหลิงอยู่บ้าง หากพวกมันไม่ปล่อยผมจริงๆ ผมคง
สูพ้ วกมันไม่ได้ ท่านห้าต้องช่วยผมนะครับ!”
“ตระกูลหวังแห่งเมืองจินหลิงอย่างนั้นหรือ?”
ท่านหงห้าสบถเสียงเย็นยะเยือก “หึ ตระกูลหวังก็แค่ตระกูลเล็กๆ
ไม่ได้อยู่ในสายตาฉันเลยสักนิด! คนเป็นผูน้ ำตระกูลเจอฉันยังต้องทำ
ความเคารพด้วยซ้ำ! ตอนนี้ลูกหลานมันกลับกล้ามามีเรื่องกับฉัน
อย่างนั้นหรือ สงสัยไม่อยากมีชวี ติ อยู่ต่อแล้ว!”
พูดจบท่านหงห้าก็เก็บบัตรเครดิตที่โจวหัวซินประเคนให้ลงใน
กระเป๋า จากนัน้ ก็เอ่ยขึ้น “ไป ฉันจะไปดูสักหน่อยว่าใครกันที่มันไม่
กลัวตาย ถึงอยากให้ฉันหงห้าคนนีค้ ายเงินทีก่ ินเข้าไป!”
บทที่ 25 รนหาที่ตาย
ตอนนี้หวังเหวินข่ายยืนเชิดหน้าอยู่หน้าประตูบริษัทหัวซิน
เขารู้ว่าวันนี้คือโอกาสที่ดีในการแสดงความสามารถต่อหน้าแม่ของ
เซียวชูหรัน เขาจะต้องทำให้ดที ี่สุด ขอเพียงเอาแม่ของเธอให้อยู่หมัด
จะยังต้องกังวลว่าเอาเธอไม่อยูห่ มัดหรือไง?
ถึงตอนนั้นตัวเขาก็จะได้เซียวชูหรันสาวสวยผู้เป็นที่เลื่องลือของเมือง
จินหลิงมาครอบครอง แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!
ดังนั้นเขาจึงเอ่ยเสียงดัง “ลุงป้าน้าอาทุกคนวางใจได้ อีกเดีย๋ ว
เจ้าของบริษัทนีก้ ็จะเอาเงินมาคืนให้กับทุกคนแล้ว!”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนัน้ ก็ปรบมือโห่ร้องกันอย่างชอบอกชอบใจ
มีเพียงเย่เฉินคนเดียวที่มองหน้าหวังเหวินข่ายอย่างเย็นชา ไอ้คนนี้
มั่นอกมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว เดีย๋ วจะตายยังไม่รู้เลย
ขณะที่หวังเหวินข่ายกำลังเชิดหน้ารับการเยินยอจากทุกคน ประตู
ของบริษัทประกันภัยหัวซินก็ถูกเปิดออกจากด้านใน
จากนั้นผูเ้ ป็นเจ้านายอย่างโจวหัวซินก็เดินออกมาพร้อมกับชายวัย
กลางคนสวมชุดรูปแบบสมัยราชวงศ์ถัง
ถึงแม้ว่าชายวัยกลางคนผูน้ ั้นจะอายุค่อนข้างมากแล้วทว่ายังดูน่า
เกรงกลัวอยู่ ซึ่งคนผูน้ ั้นก็คือท่านหงห้านั่นเอง!
ด้านหลังของท่านหงหายังมีลูกน้องรูปร่างบึกบึนอีกหลายคนเดิน
ตามมา คนเหล่านี้ล้วนเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของเขา แต่ละคนนั้น
ฝีมือไม่ธรรมดาเลย ตำแหน่งของท่านหงห้าในเมืองจินหลิงนั้นสูง
มาก ดังนั้นถึงแม้คนจำนวนมากจะได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อนทว่า
ไม่มีโอกาสได้เจอตัวจริงรวมถึงหวังเหวินข่ายเองด้วย จึงไม่มีใครรูว้ ่า
เขาคือใคร ทุกคนรู้จักเพียงแค่โจวหัวซินเจ้าของบริษัทประกันภัยหัว
ซินเท่านั้น ฉับพลันบรรยากาศท่ามกลางกลุ่มคนจึงปะทุข้ึนอีกครัง้ !
“โอ้ว เหวินข่าเรียกประธานจงมาได้จริงๆด้วย! เขาช่างสุดยอด
จริงๆ!”
“ใช่ ครั้งนีต้ ้องยกความดีความชอบให้พ่หี ลัน พวกเรามีความหวังที่
จะได้เงินคืนแล้ว!”
“พี่หลัน ผูช้ ายที่ดีขนาดนี้ เป็นตัวเลือกลูกเขยที่ดีแน่นอน!”
เมื่อหม่าหลันได้รับการเยินยอจากเพื่อนพ้องก็เกิดความรู้สึกสบายใจ
อย่างบอกไม่ถูก
วันนี้หวังเหวินข่ายช่วยเชิดหน้าชูตาให้กับเธอต่อหน้าเพื่อนพ้องได้
มากจริงๆ คิดมาถึงตรงนี้เธอก็ยิ้มหน้าบานพลางหันไปมองหน้าหวัง
เหวินข่ายด้วยสายตาพึงพอใจ ตอนนี้หวังเหวินข่ายเดินออกไป
ด้านหน้าอย่างได้ใจราวกับตัวเองสูงส่งนักหนา เขาไม่รู้จักโจวหัวซิน
และไม่ได้รู้จักท่านหงห้าทว่าดูเหมือนว่าหัวซินจะให้ความเคารพท่าน
หงห้าเป็นอย่างมาก เขาจึงคิดว่าท่านหงห้าคือเจ้านาย
ดังนั้นเขาจึงหันไปเอ่ยกับท่านหงห้าอย่างถือดี “คุณคือเจ้านายของ
บริษัทประกันภัยหัวซินใช่ไหม?”
ท่านหงห้าเหมือนจะยิม้ แต่ไม่ยมิ้ “ผมไม่ใช่เจ้านาย ผมแค่มาทำงาน
ให้เจ้านาย แต่คุณมีอะไรก็คุยกับผมได้”
หวังเหวินข่ายได้ยินดังนั้นก็หัวเราะพลางเอ่ยดูถูก “ก็แค่สุนัขรับใช้
สินะ อย่างคุณไม่มีสทิ ธิ์มาคุยกับผม รีบไสหัวไปแล้วเรียกเจ้านาย
ของคุณมา!”
เย่เฉินส่ายหน้าพลางมองหวังเหวินข่ายอย่างสมเพช ชายคนทีส่ วมชุด
รูปแบบสมัยราชวงศ์ถังคนตรงหน้านี้ท่าทางดูน่าเกรงกลัว แถมยังมี
ลูกน้องเดินตามอีก แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนที่ควรจะมีเรื่องด้วย
สุดท้ายหวังเหวินข่ายกลับทำตัวกร่างใส่อีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่ากำลัง
รนหาที่ตาย
หม่าหลันที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เอ่ยเสริม “เหวินข่าย ไม่ต้องเสียเวลากับ
สุนัขรับใช้แบบนี้หรอก คนข้างๆนั่นต่างหากคือเจ้านายของบริษัท
ประกันภัยหัวซิน!”
โจวหัวซินได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงจนอ้าปากหวอ!
หวัเหวินข่ายและหญิงแก่คนนี้ช่างใจกล้าเสียจริง!
ถึงขนาดกล้าด่าว่าท่านหงห้าคือสุนัขรับใช้แถมยังไล่ไปไกลๆ สองคน
นี้คงสะกดคำว่าตายไม่เป็น!
ทั้งเมืองจินหลิงนี้ มีใครใจกล้าบ้าบิ่นขนาดที่กล้าด่าทอท่านหงห้า
หรือ?!
ถึงจะมีก็ถูกท่านหงห้าจับโยนลงน้ำให้ปลากินไปแล้ว!
เสีย้ ววินาทีที่หวังเหวินข่ายพูดจบ ลูกน้องรูปร่างบึกบึนคนหนึ่งที่ยืน
อยู่หลังท่านหงห้าก็เดินขึ้นมาด้านหน้า จากนั้นก็กระชากผมหวังเห
วินข่ายมาตบซ้ายขวาจนหน้าหัน!
“ฟัค! แม้แต่ท่านหงห้าแกยังกล้าด่า แกไม่อยากมีชวี ติ อยู่ต่อแล้วใช่
ไหม!”
เอ่ยจบก็กระชากหม่าหลันเข้ามาแล้วตบหน้าไปฉาดใหญ่ พลางเอ่ย
“อีแก่นี่ กล้าด่าท่านหงห้า เชื่อไหมว่าฉันฉีกปากแกได้!” เปรี้ยง!
ได้ยินดังนั้นหวังเหวินข่ายและหม่าหลันรู้สกึ ราวกับโดนฟ้าผ่า!
ว่าไงนะ?
ชายสวมชุดราชวงศ์ถังตรงหน้านี้คือท่านหงห้าผูม้ ีชื่อเสียงเลื่องลือ
อย่างนั้นหรือ?!
ทว่าเมื่อสักครู่ตัวเองกลับด่าทออีกฝ่ายอย่างไม่กลัวตาย……
คิดมาถึงตรงนี้ ฉับพลันทั้งสองคนก็หน้าซีดเผือด เหงื่อซึมทั่วร่างกาย
ตกใจจนวิญญาณแทบจะออกจากร่าง
หวังเหวินข่ายมีปฏิกิรยิ าตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาคุกเข่าลง
ตรงหน้าของท่านหงห้าจนเกิดเสียงดังตุบ ก่อนจะก้มหัวคารวะพลาง
ร้องไห้ขอร้องไปด้วย “ท่านห้า ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ! ผมตาถั่ว
เองที่ไม่รู้จักท่าน แถมยังปากเสียด่าท่านอีก! เรื่องที่คนแก่พวกนีม้ าท
วงเงิน ไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิด ผมขอร้อง ไว้ชีวติ ผมด้วย!
เอ่ยจบเขาก็คุกเข่าพลางตบหน้าตัวเอง ทั้งยังก้มหัวคารวะและร้องไห้
ไม่หยุด เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าคนที่คอยหนุนหลังให้เจ้านายของบริษัท
ต้มตุ๋นนี่คือท่านหงห้าผูม้ ีกิตติศัพท์เป็นที่เลื่องลือ!
คนที่มีอำนาจใหญ่โตแบบนีอ้ ย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ตระกูลของเขาก็
ไม่กล้ามีเรื่องด้วย!
ตอนนี้เขาเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปจนอยากตาย!
เขาแค่อยากอาศัยโอกาสนีใ้ นการสร้างความประทับใจกับมารดา
ของเซียวชูหรัน เพื่อที่ตนจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเซียวชูหรัน
คิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่รอให้ตนยังได้สมหวัง กลับต้องมามีเรื่องกับท่าน
หงห้าเสียก่อน!
หากบิดาของเขาทราบเรื่องนีจ้ ะไม่ตีเขาตายหรือ?
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้คุณลุงคุณป้าที่อยู่รอบด้านตกตะลึงกัน
ถ้วนหน้า พวกเขายังคาดหวังว่าหวังเหวินข่ายจะช่วยตนเอาเงิน
กลับคืนมา ทว่าใครจะไปคิดว่าเขากลับคุกเข่าก้มหัวคารวะเพื่อขอ
โทษชายสวมชุดราชวงศ์ถังคนตรงหน้า……
ไหนจะหม่าหลันอีกคน เมื่อสักครู่ยังเชิดหน้าลำพองใจ สุดท้ายพอ
โดนตบไปสองสามทีก็ตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชอย่างสุนัข
ท่านหงห้าส่งเสียงหึในลำคอก่อนจะหันไปบอกคนข้างกาย “ไหนๆไอ้
คนนี้ก็ปากเสียขนาดนี้ พวกแกผลัดกันตบปากสั่งสอนมันสักหนึ่ง
หมื่นที ตบครบหนึ่งหมื่นทีเมื่อไหร่ค่อยหยุด”
หวังเหวินข่ายตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ตบหนึ่งหมื่นทีเขา
จะไม่ตายก่อนหรือ?
ขณะนั้นเองลูกน้องของท่านหงห้าก็ชี้ไปทางหม่าหลันที่โดนตบจนผม
กระเซิงก่อนเอ่ย “ท่านห้า แล้วอีแก่นี่จะเอายังไงครับ?”
ท่านหงห้าปรายตามองหม่าหลันอย่างรังเกียจก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“ตบปากหมื่นทีเหมือนกัน!”
หม่าหลันตกใจจนทรุดตัวลงคุกเข่า ร่างทั้งร่างสั่นอย่างรุนแรง เธอ
ตกใจแทบจะตายอยู่แล้ว ดันมามีเรื่องกับท่านหงห้าแบบนี้ ตนจะยัง
มีชีวติ รอดอยู่ไหม?
ขณะนั้นเองลูกน้องหลายคนก็ก้าวเข้ามา มีคนหนึ่งจับตัวหวังเหวิน
ข่าย มีคนหนึ่งจับตัวหม่าหลันและเตรียมตัวที่จะตบปากสั่งสอนทั้ง
สองคน เย่เฉินที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนมองภาพนีด้ ว้ ยสายตาเย็นชา
เมื่อเห็นว่าแม่ยายถูกตบเดิมทีเขาไม่อยากเข้าไปยุ่ง แม่ยายของตน
นิสัยแย่ขนาดนีโ้ ดนสั่งสอนสักหน่อยก็สมควรแล้ว
ทว่าหากปล่อยให้ลูกน้องของท่านหงห้าตบเธอหมื่นที ไม่ตายก็คง
พิการ เช่นนั้นเขาจะบอกกับคนเป็นภรรยาว่ายังไง?
หากเธอมีอันตรายถึงชีวติ ภรรยาของเขาต้องเจ็บปวดมากแน่นอน!
เขาจึงคิดว่าไม่ยุ่งไม่ได้แล้ว
ขณะที่ชายบึกบึนคนหนึ่งกำลังยกมือขึ้นเตรียมตบลงบนหน้าของ
หม่าหลัน เย่เฉินก็รีบเดินออกไปด้านหน้า ก่อนจะจับข้อมือของชาย
คนนั้นไว้!
บทที่ 26 คุณชายเย่
ตอนนี้หม่าหลันตกใจจนกรีดร้อง หลับตาปีเ๋ ตรียมที่จะโดนตบ
ฉับพลันก็พบว่าฝ่ามือใหญ่นั้นไม่ได้ฟาดลงมา เธอจึงลืมตาดู ก่อนจะ
ตกตะลึง!
ลูกเขยไร่ค่าของเธออย่างเย่เฉินกลับเข้ามาบังฝ่ามือของอีกฝ่าย
ให้กับเธอ!
นี่มัน…..
ตอนนี้สมองของเธอขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออก ทำไมคนไร้ค่าอย่าง
เย่เฉินถึงใจกล้าขนาดนี้?
ท่านหงห้าคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าออกหน้าแทนหญิงแก่คนนี้จงึ เอ่ย
ถามเสียงเย็นยะเยือก “แกเป็นใคร? แกอยากตายอีกคนหรือไง?”
เย่เฉินยิม้ บางๆพลางเอ่ย “ท่านหงห้าใช่ไหม? เห็นแก่หน้าผมหน่อย
สุนัขตัวที่อยู่ข้างๆคุณจัดการได้เต็มที่ แต่แม่ยายผมไม่ได้!”
ท่านหงห้าเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ามืดครึม้ “อีแก่นี่เป็นแม่ยายของแกหรือ?
แล้วแกเป็นใคร ทำไมฉันต้องเห็นแก่หน้าแกด้วย?”
ขณะที่เอ่ยประโยคนี้ไฟโทสะของท่านหงห้าก็ลุกโชน
ในเมืองจินหลิงนี้มีคนมากมายที่เคารพยำเกรงเขา วันนีก้ ลับมีคน
แล้วคนเล่าที่ไม่ให้ความเคารพเขา คนแรกคือหวังเหวินข่ายที่
โหวกเหวกโวยวายต่อหน้าเขา แล้วยังมีหญิงแก่น่ารังเกียจอีกคนที่ส่ง
เสียงน่ารำคาญอยู่ข้างๆ ตอนนีย้ ังมีชายหนุ่มอีกคนที่มาออกคำสั่ง
กับเขา คิดว่าท่านหงห้าอย่างเขาเป็นหมาแมวที่จะทำยังไงด้วยก็ได้
หรือ? คิดมาถึงตรงนี้เขาก็บันดาลโทสะหันไปตะคอกใส่คนข้างกาย
ทันที “จัดการไอ้คนที่มันไม่กลัวตายคนนี้ซะ!”
เย่เฉินได้ยนิ ดังนั้นก็ยิ้มบางๆพลางเอ่ย “อย่าเพิ่งใจร้อนไป ผมขอ
โทรศัพท์สักครู่ ให้คนในสายคุยกับคุณก็แล้วกัน”
เอ่ยจบเขาก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วต่อสายหาเฉินจื๋อข่ายผู้ดูแลแชงกรี
ลา เมื่อโทรติดอีกฝ่ายก็เอ่ยขึน้ อย่างเคารพ “คุณชาย มีเรื่องอะไรให้
ผมรับใช้หรือครับ?”
เย่เฉืนจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ “เมืองจินหลิงมีคนที่ชื่อท่านหงห้าอยู่
นายรู้จักไหม?”
เฉินจื๋อข่ายรีบตอบกลับทันที “ท่านหงห้าที่คุณชายพูดถึงผมรู้จักครับ
ผูค้ นต่างบอกว่าเขาคือเจ้าถิ่นของเมืองจินหลิง ความจริงแล้วก็แค่
นักเลงหัวไม้คนหนึ่ง!”
ขณะที่เล่าเฉินจือข่ายก็เอ่ยเสริม “ไอ้นี่มันรู้ว่าผมเป็นคนของตระกูล
เย่ คิดหาทางประจบประแจงผม โดยขอร้องให้ผมไปทานข้าวด้วย
หลายครั้งแล้ว แต่ผมไม่ได้สนใจ มีอะไรหรือครับ? คุณชายรู้จักมัน
หรือ?”
เย่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ “อืม ตอนนี้เขาอยากจะฆ่าฉัน”
เฉินจื๋อข่ายที่อยูอ่ ีกฟากของสายก็โกรธทันที “ให้ตายเถอะ ไอ้นักเลง
หงห้าคนนี้มันไม่อยากมีชวี ติ อยู่ต่อแล้วใช่ไหม? ถึงกล้าหาเรื่อง
คุณชาย? ตอนนี้คุณชายอยู่ที่ไหนครับ? ผมจะรีบพาคนไปจัดการไอ้
นักเลงที่ชื่อหงห้าคนนี้!”
เย่เฉินตอบกลับ “ฉันจะเอาโทรศัพท์ให้เขา นายพูดกับเขาหน่อย”
เอ่ยจบเขาก็ยื่นมือถือให้ท่านหงห้า “คุณรับโทรศัพท์หน่อย”
สีหน้าท่านหงห้าเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ
เกิดอะไรขึน้ ? ไอ้คนนี้ก็ไม่เหมือนคนที่แกล้งเล่นละครตบตา
หรือว่ามันมีเบือ้ งลึกเบื้องหลังที่ใหญ่โตจริงๆ?
แต่ก็ดูไม่เหมือนนี่ แต่งตัวก็ธรรมดา ทั้งเนื้อทั้งตัวรวมกันน่าจะไม่ถึง
ห้าร้อยด้วยซ้ำ แม้แต่มือถือก็เป็นรุ่นที่ราคาไม่กี่รอ้ ย มันจะใหญ่โตมา
จากไหนกัน? หรือมีคนคอยหนุนหลัง?
ในใจนั้นเหยียดหยามทว่าท่านหงห้าก็รับมือถือมาก่อนเอ่ยถามลอง
ใจ “ฮัลโหล ฉันคือท่านหงห้า แกเป็นใคร? จะช่วยหนุนหลังให้ไอ้เด็ก
คนนี้หรือ?”
เฉินจื๋อข่ายที่อยูใ่ นสายจึงด่าไม่ยั้ง “หงห้า! แกอยากตายใช่ไหม? ถึง
กล้าหาเรื่องคุณชายของฉัน? แกเชื่อไหมว่าฉันสามารถฆ่าล้าง
ตระกูลแกทั้งยี่สบิ ห้าคนได้ภายในคืนนี้เลย!”
ท่านหงห้าจำเสียงนี้ได้ นี่คือเฉินจื๋อข่ายคนที่ตนหาวิธปี ระจบประแจง
อยู่ไม่ใช่หรือ?
อีกฝ่ายบอกว่าตนหาเรื่องคุณชายของเขา?
หรือว่าคือไอ้เด็กที่อยู่ตรงหน้าคนนี้?
อีกอย่างแค่เอ่ยปากอีกฝ่ายก็บอกว่าคนทั้งตระกูลยี่สบิ ห้าคนของตน
หรืออีกฝ่ายสืบข้อมูลของตนมาอย่างละเอียดแล้วหรือ?
อีกฝ่ายคือผู้แทนของตระกูลเย่ในเมืองจินหลิงเชียวนะ! อำนาจของ
ตระกูลเย่นั้นไม่ธรรมดา หากจะฆ่าเขาก็ทำได้ง่ายๆไม่ต่างจากฆ่ามด
ตัวหนึ่ง!
ได้ยินดังนั้นเขาก็ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
จึงเอ่ยปากขอร้อง “ผูจ้ ัดการทั่งไปเฉิน อย่าโมโหไปเลย ผมแค่เข้าใจ
อะไรผิดนิดหน่อย ผมกับคุณชาย……”
“แกหุบปาก!” เฉินจื๋อข่ายด่าทอ “ตัวตนของคุณชายเก็บเป็น
ความลับสุดยอด หากแกหลุดปากพูดออกไปล่ะก็ ระวังฉันจะฆ่าล้าง
ตระกูลแก!”
ท่านหงห้ากลัวจนตัวสั่น สั่นหนักกว่าคนที่เป็นโรคพาร์กินสันเสียอีก
รีบร้อนเอ่ยปาก “ผูจ้ ัดการทั่งไปเฉินผมสมควรตาย! ผมจะจัดการ
เรื่องนี้เป็นอย่างดี……”
แค่ผู้จัดการทั่งไปเฉินคนเดียวก็เพียงพอให้เขาคุกเข่าด้วยความกลัว
ได้แล้ว ส่วนตระกูลเย่แห่งเย่นจิงที่อยู่เหนือผู้จัดการทั่งไปเฉินนั้นคือ
ตระกูลตนไม่กล้าแตะต้องยิ่งกว่า ทั้งชีวติ นี้คงได้แต่แหงนมองอยู่
อย่างนี้……ทว่าตอนนีต้ นกลับหาเรื่องคุณชายของตระกูลเย่อย่างไม่
กลัวตาย?!
คิดมาถึงตรงนี้สายตาของท่านหงห้าก็จับจ้องอยู่ที่เย่เฉิน เขาทรุดตัว
คุกเข่าลงตรงหน้าของเย่เฉินโดยจิตใต้สำนึก ก่อนจะเอ่ยด้วยความ
กลัวถึงขีดสุด “ขอโทษครับคุณเย่ ผมไม่รู้ว่าเธอคือแม่ยายของคุณ
ผมโง่เอง ผมขอโทษ! ยกโทษให้ผมด้วยเถิด!”
เอ่ยจบเขาก็แข้งขาอ่อนคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเย่เฉิน
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกตะลึงจนอ้าปากหวอ นี่ท่านหงห้า
คุกเข่าให้กับคนไร้ค่าอย่างเย่เฉินหรือนี่???
แม้แต่คุณชายหวังยังเป็นได้แค่สุนัขตัวหนึ่งในสายตาของท่านหงห้า
ทว่าชายหนุ่มคนนี้กลับทำให้ท่านหงห้าคุกเข่าได้ เขาใหญ่โตมาจากที่
ไหน?! ลูกน้องของท่านหงห้าก็ตกใจกันถ้วนหน้า!
ท่านหงห้าคือเจ้าถิ่นของเมืองจินหลิงเชียวนะ! ชายหนุ่มแบบไหนกัน
ที่ทำให้เขาคุกเข่าได้?! เย่เฉินเองก็ไม่ได้ต้องการเอาชีวิตของท่านหง
ห้า เพราะยังไงคนที่ตบแม่ยายของเขาคือลูกน้องของอีกฝ่าย
ไม่ใช่ตัวหงห้าเอง อีกทัง้ พูดตามความรู้สกึ จริงๆ เย่เฉินรู้สึกสะใจที่
เห็นแม่ยายถูกตบ!
ดังนั้นเขาจึเอ่ยกับท่านหงห้า “ครั้งนีผ้ มจะให้อภัยคุณ แต่เงินของแม่
ยายผมที่คุณโกงไป คุณต้องเอามาคืนทั้งเงินต้นและดอกเบีย้ !”
ท่านหงห้าโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก คิดไม่ถึงเลยว่า
คุณชายเย่จะให้อภัยตนเอง คนที่รอดพ้นจากความตายอย่างเขาจึง
รีบก้มหัวคารวะพลางเอ่ย “ท่านวางใจได้ ผมจะไปจัดการให้ทันที!”
เอ่ยจบเขาก็รีบหยัดตัวข้นก่อนจะหันไปตะคอกใส่โจวหัวซิน “ยังไม่
รีบไปจัดการอีก! ถ้ายังชักช้าฉันจะตัดขาแก!”
ด้านหม่าหลันนั้นอึ้งไปแล้ว คนนี้ใช่ลูกเขยไร้ค่าคนนั้นของตนอยู่หรือ
เปล่า? ทำไมแม้แต่ท่านหงห้าผู้มีชื่อเสียงเป็นทีเ่ ลื่องลือยังต้องก้มหัว
คารวะให้?
ฉับพลันหม่าหลันก็รู้สึกว่าในสายตาของตนนัน้ ภาพลักษณ์ของเย่เฉิน
ดูสูงสง่าขึ้นมาถนัดตา ส่วนคนที่โดนตบไปหลายทีอย่างหวังเหวินข่าย
ก็อึ้งไม่แพ้กัน เย่เฉินคนนี้คือคนที่มีชื่อเสียงว่าไร้ค่าไม่ใช่หรือ? ทำไม
แม้แต่ท่านหงห้ายังกลัวมัน?
ขณะนั้นเองโจวหัวซินก็ถือกระเป๋าหนังสีดำใบหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสี
หน้าซีดเผือด เมื่อมาถึงหน้าหม่าหลันก็เอ่ยด้วยความกลัว “คุณน้า นี่
คือเงินต้นหนึ่งล้านสามแสนของท่าน แล้วก็ยังมีเงินปันผลที่สัญญาไว้
อีกสองแสน รวมทั้งสิน้ หนึ่งล้านห้าแสน นี่คือเงินจำนวนสองล้าน ที่
เหลืออีกห้าแสนถือว่าเป็นการไถ่โทษ เชิญรับไปด้วยครับ……”
หม่าหลันชะงักไปแล้ว!
ลูกเขยขีข้ ลาดของตนกลายเป็นคนที่เก่งกาจแบบนีต้ ั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เงินต้นได้คืนแล้ว เงินปันผลจำนวนสองแสนที่สัญญาไว้ก็ได้คืนแล้ว
อีกฝ่ายยังให้เพิ่มอีกห้าแสน?
บทที่ 27 เลิกฝันได้แล้ว
เงินจำนวนหนึ่งล้านสามแสนกลายเป็นสองล้านในชั่วพริบตาทำให้
หม่าหลันดีใจจนเนื้อเต้น เธอไม่อยากจะเชื่อเลย
เธอจึงเอ่ยถามโจวหัวซินอย่างตกตะลึง “เงินสองล้านนีใ้ ห้ฉันจริงๆ
หรือ?”
โจวหัวซินรีบพยักหน้าตอบทันที “ใช่ครับ เป็นของท่าน!”
“ไอ้หยา อย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลย!” หม่าหลันดีใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าหม่าหลันได้เงินสองล้าน! ซึ่งได้เยอะกว่าเงินต้นถึงเจ็ด
แสน! คนที่มาเรียกร้องด้วยกันก็ดีใจจนเนื้อเต้น เพราะพวกเขาคิดว่า
หากหม่าหลันได้คืน เช่นนั้นพวกเขาก็คงได้เงินคืนทั้งเงินต้นและ
ดอกเบีย้ แหละ?
ดังนั้นจึงมีคนเป็นตัวแทนเอ่ยถามขึน้ มา “ผูจ้ ัดการโจว แล้วเงินของ
พวกเราล่ะ?”
ผูจ้ ัดการโจวจึงรีบหันไปหาท่านหงห้า ถึงแม้ท่านหงห้าจะไม่อยาก
คายเงินที่ตัวเองกินเข้าไปแล้ว ทว่าครั้งนี้ดันไปยั่วโมโหคุณชายเย่เข้า
ดีไม่ดีอาจจะเอาชีวติ ไม่รอด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจเงินแล้ว “คืน!
คืนให้หมด! เห็นแก่หน้าคุณชายเย่ คืนทั้งเงินต้นและดอกเบีย้ ให้กับ
ทุกคน!”
ฉับพลันทุกคนก็โห่รอ้ งอย่างดีใจ ขณะนั้นเองจู่ๆเย่เฉินก็เอ่ยขึน้ “ท่าน
หงห้า คนพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผมสักหน่อย คุณบอกว่าเห็นแก่
หน้าผมหมายความว่ายังไง? ทำบุญแบบมัดมือชกหรือ?”
ท่านหงห้าสะดุ้ง ก่อนรีบเอ่ยตอบ “คุณเย่หมายความว่ายังไงครับ?
กระผมโง่ ฟังไม่เข้าใจ……”
เย่เฉินเอ่ย “เงินของคนพวกนี้ไม่เกี่ยวกับผม คุณอยากคืนก็คืน ไม่
อยากคืนก็ไม่ตอ้ งคืน แต่หากคุณกล้าบอกว่าคืนเงินเพราะเห็นแก่
หน้าผม เช่นนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน!”
เมื่อสักครู่คนพวกนี้เยาะเย้ยตนไปกับหม่าหลัน ตอนนี้ทำไมตนต้อง
ช่วยเอาเงินคืนให้พวกเขาด้วย?
กลับกันตนไม่เพียงแต่ไม่ช่วยพวกเขาเอาเงินคืนมาเท่านัน้ แถมยัง
เตือนท่านหงห้าให้รตู้ ัวว่าหากคืนเงินให้พวกเขาจะต้องมีเรื่องกับตน!
ท่านหงห้าก็เข้าใจได้ในทันทีจึงรีบเอ่ย “คุณเย่วางใจได้ ผมเข้าใจ
แล้ว!”
เอ่ยจบอีกฝ่ายก็หันไปบอกโจวหัวซิน “คืนเงินให้กับแม่ยายของคุณเย่
คนเดียว คนอื่นไม่ต้องคืน!”
“ห๊ะ?!” เหล่าชายหญิงชราที่เมื่อสักครู่ยังดีใจจนเนื้อเต้น ตอนนี้ชะงัก
ค้างไปหมดแล้ว บางคนถึงขัน้ ร้องไห้ครวญครางเสียงดัง
และยังมีคนอ้อนวอนขอความเมตตาจากเย่เฉิน ทว่าเย่เฉินก็ทำ
เหมือนไม่ได้ยิน พวกคนแก่ที่ทำตัวไม่น่าเคารพ เมื่อสักครู่ดูถูกเขาไว้
ว่ายังไงบ้าง?
ตอนนี้พอเห็นว่าเขาจัดการท่านหงห้าได้ก็มาขอให้เขาช่วยอย่างนั้น
หรือ?
ช่างหัวพวกเขาเถอะ!
เมื่อท่านหงห้าเห็นว่าเหล่าคนชราพวกนี้โวยวายเสียงดังจึงตะคอก
ออกมา “หุบปากเดีย๋ วนี้! ใครกล้าพูดมากจนทำให้คุณเย่ต้องรำคาญ
อีก ฉันจะฆ่ามัน!”
เหล่าชายหญิงชราพวกนีจ้ ึงไม่กล้าส่งเสียงอีก……
ท่านหงห้าหันไปมองหวังเหวินข่ายที่ชะงักไปก่อนเอ่ย “คุณเย่
คุณชายหวังคนนี้เป็นเพือ่ นคุณหรือ?”
เย่เฉินปรายตามองหวังเหวินข่ายแวบหนึ่ง หวังเหวินข่ายจึงรีบเอ่ย
ขอร้อง “เย่เฉิน เย่เฉิน ช่วยฉันด้วยเย่เฉิน! บอกท่านหงห้าไปเร็วว่า
เราเป็นเพื่อนกัน! ฉันขอร้อง!”
เย่เฉินส่งเสียงหึ ก่อนหันไปบอกท่านหงห้า “ผมไม่รู้จักคนๆนี้ คุณรีบ
ทำตามคำพูดของคุณเถอะ ตบจนพอใจแล้วค่อยปล่อยเขาไป”
ท่านหงห้าเข้าใจได้ในทันทีจึงหันไปสั่งการลูกน้อง “ตบต่อไป ไอ้สุนัข
หน้าตัวเมียนี้ แค่เห็นหน้ามันฉันก็หงุดหงิดแล้ว!”
หวังเหวินข่ายเอ่ยขอร้องด้วยความกลัวถึงขีดสุด “เย่เฉิน! ฉันตาถั่ว
เอง! ช่วยฉันด้วย ฉันขอร้องล่ะ……”
เย่เฉินมองหน้าเขาพลางเอ่ยเสียงเย็น “ผมไม่ได้เป็นญาติฝั่งไหนกับ
คุณ ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับคุณ แต่คุณกลับพูดจาเสียดสีผมครั้ง
แล้วครั้งเล่า ตอนนี้คุณมาขอให้ผมช่วยงั้นหรือ? ตื่นเถอะ เลิกฝันได้
แล้ว!”
บพลันหวังเหวินข่ายก็ร้องไห้ครวญคราง “เย่เฉิน ฉันสำนึกผิดแล้ว
ฉันขอร้องช่วยฉันด้วย……”
ท่านหงห้าเป็นว่าเย่เฉินไม่ได้สนใจคำร้องขอจึงรีบหันไปสั่งลูกน้อง
ทันที “ทำไมพวกแกยังไม่ลงมืออีก? อยากตายหรือไง?”
ลูกน้องสะดุ้ง รีบร้อนไปกระชากคอกระชากผมของหวังเหวินข่ายมา
ตบฉาดใหญ่ ชั่วพริบตาหวังเหวินข่ายก็อยู่ในสภาพเลือดกลบปาก
ฟันหลุดร่วงไปหลายซี่ ทว่าก็ยังไม่หยุดตบและการตบทุกครั้งก็ตบ
อย่างเต็มแรง!
ท่านหงห้าจึงหันไปถามเย่เฉินพร้อมรอยยิม้ “คุณเย่ ไม่ทราบว่า
จัดการแบบนีค้ ุณพอใจไหมครับ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “อืม แบบนี้แหละ ฉันต้องไปแล้ว”
ท่านหงห้าจึงรีบยื่นนามบัตรตัวเองให้เย่เฉินด้วยความนอบน้อม
“คุณเย่ นี่คือช่องทางการติดต่อของผม ในอนาคตมีเรื่องอะไรก็
เรียกใช้ได้เลยครับ ผมจะพร้อมรับใช้ตลอดเวลา”
เย่เฉินรับคำเสียงหนึ่งก่อนจะยัดนามบัตรเข้าไปในกระเป๋าเสือ้
จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับหม่าหลันผูเ้ ป็นแม่ยายของตน “คุณแม่ เรา
กลับกันเถอะครับ!”
ถึงแม้หม่าหลันจะโดนตบไปหลายที ทว่าสุดท้ายก็ได้เงินเพิ่มมาเจ็ด
แสน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงดีใจจนหุบยิ้มไม่อยู่และมองเย่เฉินด้วยความ
ภาคภูมิใจพลางรู้สึกว่าลูกเขยคนนี้ของเธอเป็นหน้าตาเป็นตาของเธอ
จริงๆ!
เย่เฉินหิว้ กระเป๋าเงินและเตรียมจะพาหม่าหลันกลับ เหล่าชายหญิง
ชราพวกนั้นกลับเข้ามาปิดล้อมเย่เฉินไว้ ก่อนเอ่ยอย่างพินอบพิเทา
“ไอ้หยา เย่เฉิน เมื่อกี้น้าดูผิดไป คิดไม่ถึงเลยว่าเราจะเก่งกาจขนาดนี้
เป็นชายหนุ่มทีส่ มบูรณ์แบบจริงๆ!”
“ใช่ เย่เฉินหน้าตาก็ดี แค่ดูก็รู้แล้วว่าโดดเด่น ลูกเขยบ้านฉันเทียบไม่
ติดเลยล่ะ”
“เย่เฉินช่วยพูดกับผูจ้ ัดการโจวให้คืนเงินให้พวกเราด้วยได้ไหม นั่น
เป็นเงินจากหยาดเหงื่อของพวกเราทั้งนัน้ !”
เย่เฉินขมวดคิว้ มุ่นพลางเอ่ยเสียงเย็น “ทำไมผมต้องช่วยพวกคุณ
ด้วย? พวกคุณแต่ละคนสายตาเฉียบคมกันนักไม่ใช่หรือ? หากเอา
เงินคืนมาไม่ได้ก็ไปเรียกลูกเขยพวกคุณมาช่วย!”
เอ่ยจบก็เดินจากไปทันที ทุกคนได้ยนิ ดังนั้นก็รู้สกึ เสียใจอย่างสุดซึ้ง
ต้องโทษตัวเองทั้งนั้น อยู่ดีไม่ว่าดีไปพูดจาพล่อยๆใส่เย่เฉินทำไม
ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ……โอกาสที่จะได้เงินคืนก็สูญสิน้ แล้ว……
คิดมาถึงตรงนี้ก็มีคนที่โมโหจนตบหน้าตัวเองต่อหน้าทุกคน บางคน
ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเหม่อลอย ร้องไห้ครวญคราง นี่คือเงิน
สำหรับซื้อโลงศพของตนเอง! ไม่มีก็จบสิ้นทุกอย่างแล้ว!
ทว่าพวกเขาก็ไม่มีวธิ ีแล้ว จะโทษคงต้องโทษที่ตัวเองปากเสีย โทษที่
ตัวเองไม่มีลูกเขยที่ดอี ย่างเย่เฉิน ระหว่างทางกลับบ้าน หม่าหลันเอ่ย
ถามเย่เฉินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เย่เฉิน แกไปรูจ้ ักกับท่านหงห้านั่นได้
ยังไง? ทำไมเขาถึงเกรงใจแกขนาดนี้?”
เย่เฉินตอบกลับพลางหัวเราะ “ผมจะไปรู้จักคนแบบเขาได้ยังไง ผมก็
แค่โทรหาเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนคนนั้นสามารถทำให้หัวซินคืนเงินได้”
หม่าหลันได้ยนดังนั้น ฉับพลันก็รู้สึกผิดหวัง เดิมทีคดิ ว่าเย่เฉินมี
ความสามารถที่เธอไม่รู้เสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการไปขอให้คนอื่น
ช่วยอยู่ดี ดังนั้นความยินดีเมื่อสักครู่จงึ ถูกแผดเผาไปไม่น้อย
ทว่าโชคดีที่ได้เงินคืนมาแล้ว แถมยังกำไรอีกตัง้ เจ็ดแสน ซึ่งเรื่องนีท้ ำ
ให้เธอมองเย่เฉินในมุมที่ดขี นึ้ เธอเอ่ยกับเย่เฉิน “เย่เฉิน เรื่องวันนี้
ต้องช่วยแม่เก็บเป็นความลับด้วยนะ ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด ถึงแม้
แม่จะแก่แล้วแต่ก็ยังต้องรักษาหน้าตาไว้ใช่ไหมล่ะ?”
เย่เฉินยิม้ อย่างระอา ทำได้เพียงตอบตกลงเท่านั้น “ทราบแล้วครับ
คุณแม่”
บทที่ 28 จัดงานเลี้ยง
หลังจากจัดการปัญหาของแม่ยายเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่ยายก็หอบ
เงินสดไปฝากที่ธนาคารอย่างมีความสุข ด้านเย่เฉินนั้นตรงกลับบ้าน
เลย เมื่อถึงบ้านก็พบว่ารองเท้าของคนเป็นภรรยาอย่างเซียวชูหรัน
วางอยู่หน้าประตูแล้ว เขาจึงรู้ว่าเธอกลับมาแล้วจึงเดินตรงเข้าไปที่
ห้องนอน เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนก็เห็นว่าเซียวชูหรันวาง
สายโทรศัพท์พอดี สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความดีใจและตื้นตัน
เขาจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ที่รัก เมื่อกี้คุยกับใครหรือ?”
เซียวชูหรันตอบกลับด้วยความตื้นเต้น “ต่งรั่งหลินเพื่อนรักของฉัน
เอง! คุณจำเธอได้ไหม?”
“จำได้สิ” เย่เฉินพยักหน้าพลางเอ่ย “เมื่อก่อนก็เรียนมหวิทยาลัยใน
จินหลิง ค่อนข้างสนิทกับคุณด้วย เหมือนว่าเธอจะเป็นลูกสาวของ
ตระกูลใหญ่ในเย่นจิงด้วยใช่ไหม?”
“ใช่” เซียวชูหรันเอ่ย “ตระกูลของรั่งหลินค่อนข้างมีอิทธิพลในเย่นจิง
เลยล่ะ”
เย่เฉินเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “มีอะไร? เธอจะมาหาคุณที่เมืองจินห
ลิงหรือ?”
เซียวชูหรันเอ่ย “ไม่ใช่แค่มาหาฉันค่ะ เธอจะย้ายมาทำงานทีน่ ี่แล้ว!”
เย่เฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เธอเป็นถึงลูกสาวของตระกูลใหญ่
ในเย่นจิง กิจการของตระกูลตั้งใหญ่โตทำไมไม่ดูแล มาทำงานที่เมือง
จินหลิงทำไมกัน?”
เซียวชูหรันเอ่ย “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอบอกแค่ว่าจะมาทำงานที่ตี้
เหากรุ๊ป ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเธอถึงต้องถ่อมาทำงานไกลถึงตีเ้ หา ฉัน
ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เย่เฉินพยักหน้ารับทว่าแอบคิดในใจ: ถึงแม้ตระกูลต่งจะสู้ตระกูลเย่
ไม่ได้ ทว่าก็ถือว่ามีอิทธิพลในเย่นจิงพอสมควร ต่งรั่งหลินไม่มีความ
จำเป็นต้องละทิง้ กิจการของที่บ้านแล้วมาทำงานที่ตี้เหากรุ๊ปของตน
หรือการที่ผหู้ ญิงคนนีม้ าตี้เหากรุ๊ปเพราะมีจุดประสงค์อย่างอื่นกัน
แน่?
เย่เฉินคลางแคลงใจทว่ายังไม่อาจหาข้อสรุปได้ในตอนนี้
เห็นทีว่าต้องรอต่งรั่งหลินเข้ามาทำงานที่ตเี้ หากรุ๊ปก่อน แล้วค่อยให้
หวังตงเสวี่ยนไปสืบทีหลัง ขณะนั้นเองเหมือนว่าเซียวชูหรันจะนึก
อะไรขึ้นได้ เธอตบหน้าผากตัวเองพลางเอ่ย “ใช่แล้วเย่เฉิน พรุ่งนี้ฉัน
มีนัดประชุมกับคนของทางตี้เหากรุ๊ป คงปลีกตัวไม่ได้ คุณช่วยไป
รับรั่งหลินที่สนามบินแทนฉันแล้วพาเธอไปทานข้าวหน่อย”
เย่เฉินตอบรับ “อย่างนั้นพรุ่งนีผ้ มจะเตรียมการไว้ก่อน”
เซียวชูหรันเอ่ยขึ้นอีก “อ้อใช่แล้ว คุณเลือกร้านที่ดีหน่อยนะ ไม่ต้อง
ห่วงเรื่องเงิน ใช้บัตรของฉันได้เลย”
เอ่ยพลางยื่นกระเป๋าเงินให้เขา เย่เฉินรีบเอ่ย “ไม่ต้อง ผมมีคนรู้จัก
เปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งถือว่าไม่เลวเลยล่ะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
เอ่ยจบเย่เฉินก็หยิบมือถือขึน้ มาเพื่อที่จะส่งข้อความหาเฉินจื๋อข่าย
แห่งแชงกรีลาเพื่อให้อีกฝ่ายจัดการเรื่องโต๊ะอาหารให้
ทว่าเขาคิดๆดูแล้ว แชงกรีลาจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์ภรรยา เรื่อง
ต้อนรับต่งรั่งหลินเปลี่ยนเป็นที่อื่นจะดีกว่า เขาจึงเลือกที่จะส่ง
ข้อความหาท่านหงห้าคนนั้น
“ผมจะจัดงานเลีย้ งต้อนรับเพือ่ น คุณช่วยเตรียมโรงแรมระดับไฮ
คลาสให้หน่อยแต่ไม่เอาโรงแรมแชงกรีลานะ”
ชั่วอึดใจท่านหงห้าก็ส่งข้อความตอบกลับมา “คุณเย่วางใจได้
กระผมมีภัตตาคารแห่งหนึ่งชื่อเทียนเซียงฝู่ เป็นภัตตาคารที่มี
ชื่อเสียงพอๆกับภัตตาคารระดับสูงของเมืองจินหลิงและแชงกรีลา
เลย พรุ่งนีผ้ มจะจัดห้องอาหารระดับไดมอนด์ที่ดีท่สี ุดไว้ต้อนรับท่าน
เลย”
เย่เฉินตอบกลับแค่คำเดียว “อืม”
วันต่อมา เซียวชูหรันอยู่ที่ตี้เหากรุ๊ปทัง้ วันเพื่อจัดการเรื่องสัญญา
ความร่วมมือ เย่เฉินได้ต่อสายหาหวังตงเสวี่ยนรองประธานของตี้
เหากรุ๊ปเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่ต่งรั่งหลินจะเข้ามาทำงาน
หวังตงเสวี่ยนตกตะลึงมากที่เย่เฉินรู้เรื่องนี้ เธอจึงบอกว่าตำแหน่ง
ที่ต่งรั่งหลินเข้ามาสมัครคือผู้อำนวยการฝ่ายธุรการซึ่งเป็นตำแหน่ง
ระดับกลาง ทางบริษัทเห็นว่าประวัติของเธอไม่เลวเลยจึงรับเธอเข้า
มา อีกทัง้ ยังกำหนดแล้วว่าจะเข้ามาทำงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เย่
เฉินจึงย้ำเตือนเธอว่าหลังจากที่ต่งรั่งหลินเข้ามาทำงานแล้ว ให้
สังเกตดูผู้หญิงคนนี้หน่อย หากมีการเคลื่อนไหวใดๆให้รายงานเขา
ทันที เมื่อสั่งงานหวังตงเสวี่ยนเรียบร้อย ตอนบ่ายเย่เฉินก็โบกรถไป
ยังสนามบิน เพื่อไปรับต่งรั่งหลินเพื่อนรักของเซียวชูหรัน
โดยสารรถแท็กซี่มาถึงสนามบิน ขณะที่เย่เฉินกำลังจะไปโถง
ผูโ้ ดยสารขาเข้าก็มีรถเมอร์ซเิ ดสเบนซ์จีคลาสคันหนึ่งเหยียบเบรก
กะทันหัน จอดอยู่ด้านหน้าของเขา ฉับพลันเซียวไห่หลงลูกพี่ลูกน้อง
ของเซียวชูหรันก็โผล่หัวออกมาจากรถและขมวดคิ้วมองเย่เฉินด้วย
ความแปลกใจ “เย่เฉิน แกมาที่นี่ได้ไง?”
“ฉันมารับเพื่อนของเซียวชูหรัน แล้วพวกนายมาทำอะไรกัน?”
เย่เฉินขมวดคิว้ มุ่น เขาพบว่าในรถคันนี้ล้วนมีแต่คนกันเองทั้งนั้น
นอกจากเซียวไห่หลงก็มีหวังเหวินเฟยและเซียวเวยเวย เซียวไห่หลง
เอ่ยอย่างดูถูก “แกหมายถึงคุณต่งใช่ไหม? คุณต่งมีพวกเราคอยดูแล
แล้ว ไม่ต้องถึงมือแกหรอก ไสหัวไปเถอะ!”
เย่เฉินส่งเสียงหึในลำคอพลางเอ่ย “อยากไสหัวไปนายก็ไปคนเดียว
เถอะ”
เอ่ยจบเย่เฉินก็ไม่ได้สนใจพวกเขาอีก เดินมุ่งเข้าไปยังโถงผู้โดยสาร
ขาเข้าทันที เซียวไห่หลงกำลังจะเอ่ยปากด่าด้วยความโมโห ทว่า
เซียวเวยเวยที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยเตือน “พี่ คุณต่งใกล้จะถึงแล้ว คุณ
ย่าเตือนพี่แล้วว่าต้องสร้างความประทับใจที่ดใี ห้กับคุณต่ง! หากได้
เธอมาเป็นพี่สะใภ้ตำแหน่งของพี่ในตระกูลก็จะไม่มีใครมาเทียบได้
อย่าเพิ่งใส่ใจไอ้สวะคนนีเ้ ลย”
เซียวไห่หลงจึงได้สติ เกือบลืมจุดประสงค์ที่มาในวันนีแ้ ล้ว ความจริง
แล้วเรื่องที่มาต้อนรับต่งรั่งหลินนั้นคือจุดประสงค์รอง สร้างความ
ประทับใจและคว้าเธอให้มาอยู่ในกำมือต่างหากคือจุดประสงค์หลัก
อำนาจของตระกูลต่งในเย่นจิงนั้นไม่ธรรมดา หากได้คบหาดับเธอ
ตำแหน่งและฐานะของเขาก็จะสูงขึน้ ตระกูลเซียวก็จะได้อาณิสงค์ไป
ด้วย ดังนั้นเขาจึงอดกลัน้ ความไม่พอใจที่มีต่อเย่เฉินไว้ คนทั้งรถรีบ
ลงจากรถแล้วรีบมุ่งเข้าไปยังโถงผูโ้ ดยสารขาเข้า ขณะนั้นเอง
ท่ามกลางคนมากมายก็มีหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสวยงามโดดเด่น
เธอมีผมยาวสีน้ำตาลแดง สวมชุดเดรสสีขาวรูปร่างสมบูรณ์แบบ
ถึงแม้ว่าเธอจะสวมแว่นกันแดด ทว่าผิวขาวราวกับกระเบื้อง ริม
ฝีปากสีเชอร์รี่และความสวยทั้งหมดของเธอไม่อาจถูกบดบัง
เมื่อมองอย่างละเอียดความสวยนั้นไม่แพ้เซียวชูหรันเลย เรียกได้ว่า
ทั้งสองคนนั้นสวยคนละแบบ ฉับพลันสายตาของคนที่มารับ
ผูโ้ ดยสารล้วนจับจ้องอยู่ที่เธอคนเดียว ด้านเซียวไห่หลงนัน้ อึ้งไปแล้ว
แม้แต่คนที่ตามมาดูเรื่องสนุกอย่างหวังเหวินเฟยก็ตกตะลึงจนอดที่
จะเอ่ยปากขึ้นไม่ได้ “สมกับที่เป็นลูกสาวตระกูลดังแห่งเย่นจิง ออร่า
ช่างโดดเด่นเสียจริง” ขณะนั้นเองต่งรั่งหลินก็เห็นทุกคนจึงรีบเดินฝ่า
ฝูงชนเข้ามาพลางโบกมือให้กับพวกเขา “ไห่หลง เวยเวย เย่เฉิน ไม่
เจอกันนานเลยนะ!”
เซียวไห่หลงรีบแย่งพูด “ไม่เจอกันนานนะรั่งหลิน คุณสวยกว่าเดิม
แล้ว”
เย่เฉินยิม้ พลางทักทายกลับ “ไม่เจอกันนานเลย”
เซียวไห่หลงจึงรีบเอ่ย “รั่งหลิน พอรู้ว่าคุณจะมาผมก็ตั้งใจจอง
ห้องอาหารของโรงแรมที่ดที ี่สุดในเมืองจินหลิงไว้ต้อนรับคุณเลยนะ
เรารีบไปกันเถอะ” ต่งรั่งหลินเหลือบมองเย่เฉินแวบหนึ่ง ก่อนจะหัน
ไปเอ่ยขอโทษเซียวไห่หลง “ไห่หลง ขอโทษด้วยนะ ฉันนัดกับชูหรัน
และเย่เฉินไว้ก่อนแล้ว เอาไว้เราค่อยนัดกันใหม่โอกาสหน้านะ ยังไง
ฉันก็ยังอยู่ที่เมืองจินหลิงอีกนาน ยังมีโอกาสอีกเยอะ”
เซียวไห่หลงได้ยินดังนั้นไฟโทสะก็ลุกโชน วันสำคัญขนาดนี้ ไอ้คนชั้น
ต่ำอย่างเย่เฉินยังมาสร้างความวุ่นวายให้กับตน ช่างน่ารังเกียจที่สุด
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจเอ่ย “รั่งหลิน ผมจองเทียนเซียงฝู่ภัตตาคารที่มี
ชื่อเสียงที่สุดของเมืองจินหลิงไว้ต้อนรับคุณโดยเฉพาะเลยนะ อีกทัง้
ยังเป็นห้องอาหารระดับโกลด์ท่ีมีราคาต่ำสุดอยู่ที่สามแสน!”
ขณะที่เอ่ยก็หันไปเหน็บแนมเย่เฉินอย่างดูถูก “ไม่รู้ว่าคนที่เป็น
น้องเขยของผมจองห้องอาหารที่ไหนไว้? หากเป็นร้านระดับต่ำก็ถือ
เป็นการไม่ให้เกียรติคุณน่ะสิ!”
บทที่ 29 ถ่อมตัวหน่อยจะดีกว่า
เมื่อได้ยินว่าเซียวไห่หลงก็จองที่เทียนเซียงฝู่ไว้เหมือนกัน เย่เฉินก็ตก
ตะลึงเล็กน้อย ช่างบังเอิญเสียจริง หงห้าบอกว่าเทียนเซียงฝู่เป็นของ
เขาไม่ใช่หรือ?
และเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจัดงานเลี้ยงที่เทียนเซียงฝู่ให้เขาเหมือนกัน
นี?่ ขณะนั้นเองหวังเหวินเฟยที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยอย่างตะลึง “ไห่หลง นี่
นายจองห้องระดับโกลด์ของเทียนเซียงฝู่ไว้อย่างนั้นหรือ? นี่ไม่ใช่
ห้องที่คนธรรมดาจะจองได้นี่นา!”
เซียวไห่หลงเอ่ยอย่างลำพองใจ “พูดกันตามความจริงนอกจากห้อง
ระดับไดมอนด์ของเทียนเซียงฝู่ท่ฉี ันจองไม่ได้แล้ว อย่างอื่นไม่ใช่เรื่อง
ยากอะไร”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ทว่าเป็นเพียงการโอ้อวดของเซียวไห่หลงเท่านั้น
ความจริงแล้วกว่าจะจองห้องระดับโกลด์นี้ได้ นายหญิงใหญ่เซียว
ถึงกับออกหน้าเองและจ่ายไปไม่น้อย ไหว้วานตั้งหลายคนกว่าจะ
จองได้สำเร็จ ต่งรั่งหลินอยู่ที่เย่นจิงก็ได้ยินชื่อเสียงของเทียนเซียงฝู่
มาบ้างจึงรีบเอ่ย “เพื่อนกันทั้งนั้นไม่เห็นต้องฟุม่ เฟือยแบบนีเ้ ลย”
เซียวไห่หลงเอ่ยประจบประแจง “คุณเป็นแขกจะเป็นเหมือนเพื่อน
ทั่วไปได้ยังไง”
เอ่ยจบก็หันไปถามเย่เฉิน “น้องเขย ไม่ทราบว่าแกจ้องร้านไหนไว้?”
เย่เฉินตอบเสียงเรียบ “บังเอิญเสียจริง ฉันก็จองที่เทียนเซียงฝู่ไว้
เหมือนกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เซียวไห่หลงหัวเราะเยาะเสียงดัง “เย่เฉิน แกพูดโกหกไม่
กลัวปวดเอวหรือไง สารรูปอย่างแกแม้แต่หอ้ งระดับบรอนซ์ที่ต่ำ
ที่สุดยังจองไม่ได้เลย ยังกล้ามาคุยโวอีก”
เย่เฉินทำเพียงยิม้ บางๆพลางเอ่ย “ฉันคุยโวหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไร
นาย? ฉันไม่ได้เชิญนายไปกินข้าวด้วยเสียหน่อย นายจะยุ่งวุ่นวาย
ทำไม?”
เซียวไห่หลงโต้ตอบเสียงเย็น “ชิ ฉันว่าสารรูปอย่างแก แม้แต่ประตู
ของเทียนเซียงฝู่ยังเข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
ต่งรั่งหลินที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นว่าเย่เฉินโดนดูถูกก็ทนดูไม่ได้
เธอรู้ว่าเย่เฉินเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ไม่มีเงินไม่มีตำแหน่งใน
ตระกูลเซียว จะบอกว่าจองห้องที่โรงแรมระดับไฮคลาสก็ดูไม่น่าเชื่อ
สักเท่าไหร่ คาดว่าเย่เฉินคงพูดเพราะกลัวเสียหน้ามากกว่า
เธอไม่อยากให้เย่เฉินตกที่นั่งลำบากจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากแก้
สถานการณ์ “ไอ้หยา เรื่องนี้ไม่ต้องเถียงกันหรอก ไหนๆทุกคนก็จอง
ที่เดียวกันไว้ อย่างนั้นก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละ”
เซียวไห่หลงเอ่ยเหน็บแนมเย่เฉิน “ครับ เห็นแก่คุณรั่งหลิน วันนีฉ้ ัน
จะให้แกกินข้าวฟรีมื้อนึง แกจะได้เปิดหูเปิดตาดูว่าโรงแรมชั้นสูงเป็น
ยังไง!” เย่เฉินส่งเสียงหึในลำคอโดยไม่ได้สนใจเขาอีก
ท่านหงห้าเจอเขายังต้องคุกเข่า โรงแรมที่อีกฝ่ายเปิดจะมีค่าอะไรใน
สายตาเขา?
น่าเสียดายที่คนชั้นต่ำอย่างเซียวไห่หลงไม่เห็นความจริง!
เทียนเซียงฝู่เป็นโรงแรมสไตล์จีนโบราณ การตกแต่งและรูปแบบล้วน
มีกลิ่นอายความคลาสสิกดัง้ เดิม ดูหรูหราเป็นอย่างมาก แม้แต่ประตู
ทางเข้ายังทำมาจากไม้ชิงชันเกรดดี เมื่อเห็นการตกแต่งของเทียน
เซียงฝู๋เย่เฉินก็อดที่จะตะลึงไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าภัตตาคารของท่าน
หงห้าจะทำได้ไม่เลวเลย อนาคตหากมีโอกาสคงต้องพาภรรยามา
บ้างแล้ว ต่งรั่งหลินสำรวจไปรอบๆพลางอุทานขึน้ มา “ฉันได้ยนิ
ชื่อเสียงอันเลื่องลือของเทียนเซียงฟู่ตั้งแต่อยู่ท่เี ย่นจิง ได้มาเห็นกับ
ตาแล้วเป็นอย่างที่เลื่องลือจริงๆ”
เซียวไห่หลงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม “รั่งหลินมาทั้งที แน่นอนว่าต้องหา
ภัตตาคารที่ดที ี่สุดมาต้อนรับสิครับ”
เอ่ยจบก็ปรายตามองเย่เฉินอีกครั้งพลางเอ่ยเย้ยหยัน “ไม่เหมือนคน
บางคน หากไม่ใช่เพราะบารมีของคุณคาดว่าชีวติ นี้คงไม่มีโอกาส
ได้มาเหยียบภัตตาคารชั้นสูงแบบนี้หรอก”
ขณะนั้นเองเซียวเวยเวยจึงแสร้งถาม “เย่เฉิน แกจองห้องที่เทียน
เซียงฝู่ไว้ไม่ใช่หรือไง? ห้องไหนล่ะ? พาพวกเราไปดูสิ?”
เย่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ “ห้องไหนฉันก็จำไม่ค่อยได้ ฉันแค่ส่งข้อความ
ไปบอกเจ้าของร้านให้ช่วยจัดเตรียมไว้ให้ เดี๋ยวฉันขอดูบันทึก
ข้อความก่อน”
เซียวไห่หลงเอ่ยเยาะเย้ย “แกรู้หรือว่าใครคือเจ้าของที่นี่? ถึงได้เอ่ย
ปากปาวๆอยู่ตรงนี้ เจ้าของที่นี่คือท่านหงห้าผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เรื่อง
แบบนี้ก็กล้าเอามาพูดเล่นระวังท่านหงห้ามาได้ยินเข้าแล้วสั่งฆ่าแก
ล่ะ ” เย่เฉินจึงเปิดดูข้อความที่ท่านหงห้าส่งมาให้ตนเมื่อคืนนี้ ก่อน
เอ่ยเสียงเรียบ “เขาบอกว่าจัดห้องระดับไดมอนด์ไว้ให้ฉัน”
เซียวไห่หลงได้ยินคำพูดของเย่เฉินก็หัวเราะเยาะทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า……
ห้องระดับไดมอนด์หรือ? เย่เฉินนายไม่กลัวฉันหัวเราะตายหรือ แกรู้
ไหมว่าห้องระดับไดมอนด์คนระดับไหนถึงเข้าไปได้? ทั้งเมืองจินหลิง
นี้คนที่มีสิทธิ์เข้าห้องระดับไดมอนด์มีไม่เกินสิบคน! แล้วแกเป็นใคร
กัน!”
ต่งรั่งหลินไม่พูดไม่จาทว่าแอบคิดอยู่ในใจ เย่เฉินคนนีห้ ่วงหน้าตา
ตัวเองเกินไปแล้ว จากฐานะอย่างเขาจะจองห้องระดับไดมอนด์ได้
อย่างไร ก่อนหน้าคิดว่าคนๆนี้ไม่มีเงินไม่มีอำนาจแถมยังขี้ขลาด ทว่า
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนที่เห็นความสำคัญแค่เปลือกนอกแบบนี้
ช่างน่าผิดหวังเสียจริง!
เย่เฉินยิม้ โดยไม่พูดอะไร เห็นทีว่ากลุ่มคนที่เอ่ยเยาะเย้ยตนนัน้ ล้วน
เป็นคนปัญญาอ่อนแถมยังดูถูกคนอื่นไปเสียหมด ทว่าตนก็ขี้เกียจจะ
ไปถือสาพวกเขา หวังเหวินเฟยก็เอ่ยเหน็บแนม “เย่เฉิน แม้แต่พ่อฉัน
ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปทานข้าวในห้องระดับไดมอนด์เลย แกยังกล้าคุยโว
อีกหรือ!”
เซียวเวยเวยที่อยู่ข้างๆเอ่ยเสริม “พี่เฟย คนแบบนีอ้ ย่าว่าแต่เข้าไปกิน
ข้าวในห้องระดับไดมอนด์เลย แม้แต่อาหารที่เหลือจากห้องระดับได
มอนด์ยังไม่มีสิทธิ์ได้กนิ ด้วยซ้ำ!”
เย่เฉินมองหน้าหวังเหวินเฟยพลางยกยิม้ เย็นเยือก
ไอ้โง่ เมื่อวานท่านห้าเพื่อจัดการพี่ชายนายไป ตอนนี้นายยังกล้ามา
กินข้าวร้านเข้าอีกหรือ?
เย่เฉินจึงแสร้งถาม “เหวินเฟย ได้ข่าวว่าเมื่อวานพี่ชายนายมีเรื่องนิด
หน่อยหรือ?”
หวังเหวินเฟยขมวดคิว้ มุ่น “แกรู้ได้ยังไง?”
เอ่ยจบหวังเหวินเฟยก็เอ่ยขึน้ อีก “เมื่อวานพี่ชายฉันโดนลอบทำร้าย
ตอนนี้ยังไม่ได้สติ พวกเรากำลังตรวจสอบอยู่ว่าใครเป็นคนทำร้าย
เขา ถ้ารู้ว่าเป็นใครฉันจะถลกหนังมัน! นายรู้เบาะแสไหม?”
เย่เฉินส่ายหน้าแสร้งทำเป็นโง่ “ฉันไม่รู้ แค่ได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับเขา
ส่วนรายละเอียดเป็นยังไงฉันไม่รู้”
“ฮึ!” หวังเหวินเฟยเอ่ยดูถูก “สวะอย่างแกไม่ต้องมาพูดเรื่องตระกูล
หวังของฉันลับหลัง หากมีครั้งหน้าอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
เย่เฉินยกยิม้ และไม่ได้สนใจเขาอีก ช่างโง่สมกับเป็นคนตระกูล
เดียวกัน!
ไม่รู้วาพี่ชายตัวเองถูกท่านหงห้าจัดการจนสลบไม่ได้สติหรือนี่? ช่าง
น่าขำสิ้นดี ขณะนั้นเองก็มีชายสวมชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา เย่เฉิน
รู้สึกว่าคุ้นหน้าถึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคือหนึ่งในบอดีก้ าร์ดของ
ท่านหงห้า ชายคนนั้นเมื่อเห็นเย่เฉินก็จำได้ทันที สีหน้าแสดงถึงการ
เคารพและเอาใจใส่จนแทบจะโค้งคำนับเขา เย่เฉินจึงรีบส่ายหน้าให้
เขาทันที ชายชุดดำจึงชะงักไป ในใจก็คิดว่าคุณเย่คงไม่ชอบอะไรที่โอ
เวอร์เกินไปจึงเอ่ยขึ้น “เชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านตามผมมา
ห้องอาหารถูกจัดเตรียมไว้แล้ว”
เซียวไห่หลงได้ยินดังนั้นก็อึง้ การบริการของห้องระดับโกลด์ท่ีเทียน
เซียงฝู่ดขี นาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กนั ตนยังไม่ได้บอกชื่อด้วยซ้ำก็มีคน
ต้อนรับด้วยตัวเองเลย ช่างเป็นหน้าเป็นตาเสียจริง!
หวังเหวินเฟยที่อยู่ด้านข้างอุทานออกมา “ไห่หลง เส้นสายของนาย
ใหญ่ใช่ย่อยเลยนะ เหมือนว่าเขาคือคนข้างกายของท่านหงห้า เห็นที
ว่าท่านหงห้าคงให้ความสำคัญกับนายมาก หรือว่านายรู้จักท่านหง
ห้า? ไม่เคยได้ยินนายเอ่ยถึงเลย นายช่างถ่อมตัวจริงๆ”
เซียวไห่หลงยกยิ้มพลางเอ่ยอย่างลำพองใจ “เรื่องแบบนีไ้ ม่
จำเป็นต้องเอามาอวดกันเสียหน่อย ถ่อมตัวหน่อยจะดีกว่า! ฮ่าฮ่าฮ่า
ฮ่า!”
บทที่ 30 มานี่
ต่งรั่งหลินตกตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเซียวไห่หลงจะมีเส้น
สายในเมืองจินหลิงจริงๆ เมื่อเทียบกัยเย่เฉินแล้วถือว่าแกร่งกว่ามาก
เห็นทีว่าหากสนิทกับเขาสักหน่อย การจัดการธุระต่างๆของตนใน
เมืองจินหลิงคงง่ายขึ้นไม่น้อย ชายชุดดำคนนั้นพาทุกคนเดินมาหยุด
อยู่หน้าห้องระดับไดมอนด์อย่างนอบน้อม จากนั้นเขาก็หยิบบิล
ขึน้ มายื่นให้กับเย่เฉินพลางเอ่ยเสียงเบา “รบกวนเซ็นชือ่ ด้วยครับ”
ห้องระดับไดมอนด์นี้ถูกเตรียมไว้ให้กับเย่เฉินโดยเฉพาะ เขาจึงต้อง
เซ็นชื่อยืนยัน เย่เฉินเผยยิ้มพลางหยิบกระดาษกับปากกามา ขณะที่
กำลังจะเซ็นชื่อตัวเองลงไป ฉับพลันเสียงของเซียวไห่หลงก็ดังขึน้
“ให้ตายเถอะ วางปากกาลงเดี๋ยวนี้!”
เซียวไห่หลงเดินหน้ามืดครึ้มเข้ามา ก่อนจะแย่งกระดาษและปากกา
ไปจากมือเย่เฉินแล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไปแทน อีกทั้งยังหันไปตะคอก
ใส่เย่เฉิน “หน้าไม่อาย ใครเป็นคนจองห้องแกไม่รู้หรือ? แกมีสิทธิ์
อะไรมาเซ็นชื่อ!”
ชายชุดดำเห็นดังนั้นก็อึ้งไป ก่อนจะหันไปมองเย่เฉินและส่งสายตาตั้ง
คำถามว่าต้องการให้ผมลงมือสั่งสอนไอ้สารเลวคนนีใ้ ห้ไหม
เย่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่เป็นไร เขาอยากเซ็นก็ให้เขาเซ็น”
เย่เฉินไม่อยากให้มันเป็นเรื่องวุน่ วายต่อหน้าต่งรั่งหลิน เพราะยังไง
อีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนรักของภรรยาตน ไม่นานทุกคนในห้องก็นั่งลง
เซียวไห่หลงจัดให้ต่งรั่งหลินนั่งหัวโต๊ะ ส่วนเย่เฉินนั่งอยู่ตรงมุมคน
เดียว มีเพียงต่งรั่งหลินที่หันไปคุยกับเขาเป็นระยะ
ชั่วอึดใจอาหารชั้นเลิศและสุราชั้นเยี่ยมก็ถูกยกเข้ามาเสิร์ฟโดยบริกร
อาหารทั้งหมดล้วนทำมาจากวัตถุดบิ อย่างดี เป่าฮื้อเกรดพรีเมี่ยม
และกุง้ มังกรออสเตรเลียห้ากิโลกรัมยังเป็นเพียงแค่อาหารจานรอง
เท่านั้น แม้แต่สุรายังเป็นสุราที่หมักนานกว่าร้อยปี แค่ขวดสองร้อย
ห้าสิบมิลลิลิตรสามารถขายได้ถงึ แสนกว่า คนที่เห็นโลกกว้างมามาก
พอสมควรอย่างต่งรั่งหลินยังตะลึงกับความหรูหราของอาหารมื้อนี้
หวังเหวินเฟยเอ่ยถามอย่างตกใจ “ไห่หลง ราคามาตรฐานของมื้อนี้
อยู่ที่เท่าไหร่?”
เซียวไห่หลงเอ่ยอย่างได้ใจ “อาหารมื้อนี้ของฉันมาตรฐานอยู่ท่สี าม
แสน” หวังเหวินเฟยอุทานอย่างตกตะลึง “นี่ไม่ใช่มาตรฐานราคา
สามแสนนี่ แค่สุราขวดนี้ก็ไม่ต่ำกว่าสามแสนแล้ว”
เซียวไห่หลงแอบตกใจ ฉับพลันก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ และย้อน
นึกถึงท่าทีท่ชี ายชุดดำมีต่อเขา หรือว่าท่านหงห้ามีสิทธิพิเศษอะไร
ให้กับตน ทว่าตนไม่รู้จักเขาเสียหน่อย!
ต่งรั่งหลินดวงตาเป็นประกายพลางหันไปมองเซียวไห่ไลง “ขอบคุณ
มากนะไห่หลง!”
เซียวไห่หลงได้ยินดังนั้นก็ยิม้ หน้าบาน “ไม่หรอก นี่เป็นสิ่งที่ผม
สมควรทำอยู่แล้ว”
ขณะที่เอ่ยเซียวไห่หลงก็หันไปถามเย่เฉิน “เย่เฉิน ชีวิตนีแ้ กคงไม่เคย
กินอาหารดีๆแบบนี้ใช่ไหม?” เย่เฉินแค่นยิม้ “นายเอาความมัน่ ใจมา
จากไหนกัน?”
เซียวไห่หลงเอ่ยดูถูก “กินของฉันแล้ว ปากพล่อยๆนั่นก็ยังแข็ง
เหมือนเดิม! หากก่อนหน้านี้แกเคยได้กนิ อาหารหรูหราขนาดนี้มา
ก่อน ฉันยอมเด็ดหัวตัวเองมาให้นายเตะแทนลูกบอลเลย!”
เย่เฉินยิม้ บางๆ ชีวิตในวัยเด็กของเขาหรูหราอย่างที่คนธรรมดาทั่วไป
คิดไม่ถึงเลยล่ะ สำหรับตระกูลเย่แล้วอาหารอย่างในมื้อนีเ้ ป็นเพียง
อาหารของคนรับใช้เท่านั้นแหละ
เซียวเวยเวยเห็นว่าเย่เฉินไม่ยอมก้มหัวจึงเอ่ยอย่างมีน้ำโห “เย่เฉิน
สวะอย่างแกพูดจากับพี่ชายฉันยังไง? เชื่อไหมว่าฉันเฉดหัวแกออกไป
ตอนนี้เลย! อุตส่าห์ให้กินข้าวฟรียังไม่สำนึกอีก! ไอ้คนชั้นต่ำ!”
และในขณะนั้นเอง!
ประตูใหญ่ของห้องอาหารก็ถูกถีบออก ตามมาด้วยเสียงอัน
โหดเหีย้ ม “พวกแกเสนอหน้ามาจากไหนกัน ใครอนุญาตให้พวกแก
เข้ามาในห้องนี!้ ”
สิ้นเสียงก็มีชายคนหนึ่งสวมชุดสูทยี่หอ้ อาร์มานี่ สวมสร้อยทองเส้น
ใหญ่ บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นรูปตะขาบพาดตั้งแต่หางตาจนถึงคาง
เดินเข้ามา ชายคนนี้มือข้างหนึง่ ถือบิล อีกข้างถือท่อนไม้ สีหน้า
โหดเหีย้ มดุดันเป็นอย่างมาก!
ตามมาติดๆด้วยชายร่างบึกบึนสักลายสิบกว่าคนเดินเรียงแถวเข้า
มาแล้วล้อมทุกคนเอาไว้ ทุกคนล้วนชะงักและเกิดความตื่นกลัวเป็น
อย่างมาก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
คนที่เป็นหัวหน้าชื่อพี่เปียว เป็นคนสนิทของท่านหงห้าตั้งแต่เริ่มสร้าง
เนื้อสร้างตัวด้วยกัน ถือว่าเป็นอีกคนที่มีชื่อเสียงในเมืองจินหลิง
ครั้งนีท้ ่านหงห้ากำชับเขาว่าผู้มีเกียรติสูงสุดอย่างคุณเย่จะใช้หอ้ ง
ระดับไดมอนด์ของเทียนเซียงฝู่ ให้เขาจัดการให้ดี แต่คิดไม่ถึงว่า
ขณะที่กำลังตรวจสอบการใช้งานของห้องอาหารกลับพบว่าห้อง
ระดับไดมอนด์ถูกเซ็นชื่อเข้าใช้โดยไอ้คนเหลือขอที่ชื่อว่าเซียวไห่หลง
เขาทั้งโมโหทั้งกลัว โมโหที่คนที่สมควรตายอย่างเซียวไห่หลงมาใช้
ห้องที่เขาเตรียมไว้ให้แขกผูท้ รงเกียรติ กลัวที่ห้องอาหารระดับได
มอนด์มีเพียงแค่หอ้ งเดียว หากแขกตัวจริงมาแล้วจะทำอย่างไร?
ขณะนั้นเองเซียวไห่หลงก็หยัดตัวขึ้นพลางเอ่ย “พวกแกทำอะไร?
ห้องนี้ฉันจองแล้ว พวกแกบุกเข้ามาสร้างความวุ่นวายได้ยังไง?”
พี่เปียวชี้หน้าเซียวไห่หลงพลางเอ่ยถาม “แกคือเซียวไห่หลงสินะ?”
เซียวไห่หลงพยักหน้าเอ่ยอย่างถือดี “ฉันเอง!”
พี่เปียวเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “ลากมันมาให้ฉัน!”
ชายรูปร่างบึกบึนสองคนได้ยนิ ดังนั้นก็ห้วิ ปีกเซียวไห่หลงแล้วลากเข้า
มา
“พวกแกจะทำอะไร? ปล่อยฉัน!”
“พูดมาก!”
ชายบึกบึนคนหนึ่งจึงเตะบริเวณเข่าของเขา เซียวไห่หลงจึงคุกเข่าลง
ตรงหน้าของพี่เปียวด้วยความเจ็บปวด สายตาเย็นยะเยือกของพี่
เปียวมองสำรวจเซียวไห่หลงหลายครั้ง สายตานั้นแหลมคมราวกับ
มีดทำให้คนถูกมองหนาวได้ พรึ่บ!
บิลที่เซ็นแล้วถูกโยนใส่หัวของเซียวไห่หลง พี่เปียวด่าอย่างไม่ไว้หน้า
“ใครให้สทิ ธิ์แกมาใช้ห้องนี้?”
เซียวไห่หลงทำเป็นใจดีสู้เสือ “เข้าใจผิดแล้ว ห้องระดับโกลด์นี้ฉัน
จองล่วงหน้าแล้ว เงินมัดจำสามแสนก็จ่ายไปแล้ว!”
หวังเหวินเฟยพูดแทรกขึน้ มา “พวกแกทำอะไรน่ะ? ห้องนี้ไห่หลงจอง
แล้ว พวกแกยังมีกฎมีระเบียบอยู่ไหม?”
พี่เปียวถ่มน้ำลายครั้งหนึ่ง ก่อนจะตบหน้าเซียวไห่หลงพลางเอ่ย
“ห้องระดับโกลด์หรือ? นี่มันห้องระดับไดมอนด์ที่เตรียมไว้สำหรับ
แขกผู้ทรงเกียรติ! ขยะอย่างแกมีสิทธิ์ใช้หรือ?!”
พอประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมาทุกคนในห้องนีก้ ็ชะงักไป ห้องระดับ
ไดมอนด์อย่างนั้นหรือ?
มิน่าล่ะห้องนีถ้ ึงได้ดูหรูหราขนาดนี้ อาหารและสุราล้วนเป็นของชั้น
เลิศ ที่แท้มันไม่ใช่ห้องระดับโกลด์นี่เอง!
หวังเหวินเฟยเหงื่อซึมทันที ห้องระดับไดมอนด์ท่ที รงเกียรติขนาดนี้
ฐานะอย่างตนไม่มีสิทธิ์เหยียบเข้าไปอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้
ใช้เลย เซียวเวยเวยรีบเอ่ยขึ้น “พี่รู้จักท่านหงห้าไม่ใช่หรือ รีบอธิบาย
ให้พวกเขาฟังเร็ว”
เซียวไห่หลงคร่ำครวญไม่หยุด ก่อนเอ่ยอย่างรีบร้อน “หุบปาก พูด
เพ้อเจ้ออะไร ฐานะอย่างฉันจะไปรู้จักท่านหงห้าได้ยังไง”
เซียวเวยเวยเอ่ยขึน้ “แต่เมื่อกีพ้ ี่บอกว่า……”
ปฏิกิรยิ าของทั้งสองพี่น้องตกอยู่ในสายตาของต่งรั่งหลิน จะยังไม่รู้
ได้ยังไงว่าคำพูดเมื่อสักครู่ของเซียวไห่หลงคือการคุยโว
จึงเกิดความรู้สึกผิดหวังพอสมควร พี่เปียวแสยะยิม้ เย็น
“นี่แกกล้าอ้างชื่อท่านหงห้าหรือ แกไม่อยากมีชีวติ อยู่แล้วใช่ไหม!”
พี่เปียวเอ่ยพลางหยัดตัวขึ้นยืน ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง
“จับมือของไอ้นี่ไว้! ฉันจะสั่งสอนมันสักหน่อย”
เซียวไห่หลงจึงถูกจับไว้แน่นจนขยับตัวไม่ได้
ชั่ววินาทีต่อมา!
ท่อนไม้ท่พี ี่เปียวถืออยู่ก็ฟาดลงมาอย่างไม่ลังเล!
“อ๊าก……มือฉัน มือฉันใช้การไม่ได้แล้ว!”
เซียวไห่หลงร้องอย่างบ้าคลั่ง เหงื่อเย็นๆซึมทั่วร่างกาย และมีกลิ่น
เหม็นๆลอยออกมาจากเป้ากางเกง ก่อนจะหมดสติไปอย่างน่าอับ
อาย เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ หวังเหวินเฟยและเซียวเวยเวยก็หน้า
ซีดเผือดด้วยความกลัว เซียวไห่หลงที่เมื่อสักครู่ยังมีสติอยู่ ฉับพลัน
ก็ถูกตีจนสลบ ใครจะไม่กลัวบ้าง?
ต่งรั่งหลินก็ตกใจจนแทบหายใจไม่ออก สั่นไปทัง้ ตัวและไปหลบอยู่
หลังเย่เฉินพลางเอ่ยด้วยความกลัว “จะทำยังไงดี? พวกเขาจะไม่ฆ่า
คนใช่ไหม?”
เย่เฉินตบไหล่ต่งรั่งหลินเบาๆพลางเอ่ยปลอบใจ “ไม่ต้องกลัว มีผม
อยู่ตรงนี้ ไม่มีใครกล้าทำอะไรคุณหรอก”
ต่งรั่งหลินมองหน้าเย่เฉินอย่างตื้นตันใจ ถึงแม้จะรู้ว่าเย่เฉินจะไม่
สามารถจัดการปัญหาแบบนี้ได้ ทว่าประโยคที่ว่ายังมีเขาอยู่นนั้ ทำใจ
เธอสบายใจขึน้ พอสมควร ด้านนี้พี่เปียวใช้เท้าถีบเซียวไห่หลงที่สลบ
เหมือดไปแล้วสองสามทีพลางด่าออกมา “ขีข้ ลาดจริงๆ!”
แล้วพี่เปียวก็หันหน้าไปมองทางหวังเหวินเฟย
“แล้วก็แกอีกคน เมื่อกี้แกว่าฉันไร้กฎระเบียบใช่ไหม? มา มานี่!”
บทที่ 31 ใครกล้าแตะต้องเธอ
หวังเหวินเฟยหวาดกลัวจนเครื่องในจะแตก พูดเสียงสั่นว่า “พี่เปียว
ผมเป็นคนตระกูลหวัง...”
“ตระกูลหวังงั้นเหรอ” พี่เปียวหัวเราะชั่วร้าย “ตระกูลหวังสำคัญ
ตรงไหน!”
พี่เปียวถ่มน้ำลายอย่างดูถูก เท้าเหยียบหวังเหวินเฟยกับพื้นดิน แล้ว
ส่งเสียงเย็นชาว่า “เมื่อวานท่านห้าเพิ่งสั่งสอนคนโง่ตระกูลหวัง ให้
คนตบเขาหมื่นครั้ง มึงแม่งยังกล้าบอกกูว่าเป็นตระกูลหวังอีกเหรอ”
“ฮะ?” หวังเหวินเฟยกลัวจนเซ่อ
เขาคิดว่าพี่ชายถูกอันธพาลปล้น แต่คิดไม่ถึงว่าเป็นท่านหงห้าที่ทำ
ร้าย ตอนที่เขากำลังหวาดกลัวมาก พี่เปียวก็ยกไม้ขนึ้ แล้วฟาดลงไป
ที่หัวของเขา!
เสียงดังผัวะ!
หวังเหวินเฟยรู้สกึ เพียงโลกหมุน ในหัววิ้งไปหมด ปากและจมูกมี
เลือดออก สติพร่ามัวฉับพลัน เซียวเวยเวยกรีดร้องด้วยความ
หวาดกลัวขึน้ มาทันที!
หวังเหวินเฟยเป็นคู่หมั้นของเธอ เป็นโอกาสเดียวที่จะได้แต่งงานเข้า
ตระกูลหวัง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึน้ ชีวติ ของเธอก็จบแน่
“รถพยาบาล เรียกรถพยาบาลที!”
เซียวเวยเวยร้องตะโกนอย่างลนลาน เอาโทรศัพท์ออกมาตัวสั่น แต่
กลับกลัวมากจนกดไม่ได้ ทำได้แค่ส่งเสียงกรี๊ดลั่น
พี่เปียวขมวดคิว้ ด่าออกมาว่า “นี่ ร้องโวยวายอะไรนักหนา เอานัง
สารเลวนี่ไปกระตุกปากเน่า ให้เธอมีปากมากกว่านี้”
“ครับ พี่เปียว!”
พวกลูกน้องได้ยินก็พากันยิ้มโหดเหีย้ ม ที่พวกเขาชอบมากที่สุดก็คือ
การทำลายดอกไม้งาม โดยเฉพาะเซียวเวยเวยที่เป็นดอกไม้โหดร้าย
ป่าเถื่อน เซียวเวยเวยตกใจทันที ต้องการอย่างบ้าคลั่งที่จะถอยหนี
แต่ดา้ นหลังเป็นกำแพง ไม่มีท่ใี ห้หนีอกี แล้ว “มานี่ นังสารเลว!”
ชายร่างสูงใหญ่ตาเดียวจับผมของเซียวเวยเวยอย่างดุดัน แล้วดึง
กระชากอย่างแรง จากนั้นชายร่างสูงใหญ่ตาเดียวก็จับหน้าของเซียว
เวยเวยให้หันมาหา และสะบัดแขนกระชากดึงอย่างแรง
ลูกน้องพวกนีเ้ ป็นคนโหดเหีย้ มที่ร่วมต่อสู้กับพี่เปียวมาหลายปี
แค่สองสามกระบวนท่า หน้าของเซียวเวยเวยก็บวมเป่งเหมือนหมู
เลือดผสมน้ำลายไหลออกมา ผูห้ ญิงที่ถูกตีแบบนี้ แม้ว่าจะได้รับการ
รักษาตามเวลาแต่ก็จะทิง้ รอยที่ลบไม่ออกบนใบหน้า แทบจะเท่ากับ
เสียโฉม!
ต่งรั่งหลินที่อยู่ข้างๆ เห็นพี่เปียวโหดเหี้ยมมาก ก็ตัวสั่นอย่าง
หวาดกลัวอีกครั้ง ไปหลบข้างหลังเย่เฉิน ทัง้ สองคนแทบจะตัวแนบ
สนิทกัน ตอนนี้พ่เี ปียวเห็นเย่เฉินกับต่งรั่งหลินอยู่ตรงมุม จึงสั่งเสียง
เย็นว่า “ยังมีมันทัง้ คู่ ตีมันให้ตาย! กล้าที่จะยึดห้องวีไอพีเพชรที่กู
เตรียมไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติ มึงมันสมควรตายชดเชย!”
ลูกน้องที่ไม่เคยมีความเมตตา ยื่นมือออกไปคว้าต่งรั่งหลิน
“ฉันจะดูซิว่าใครกล้าแตะต้องเธอ!”
สายตาเย่เฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชามาก เขาเตะชายแข็งแรงจนล้มลงกับ
พื้น เมื่อพี่เปียวเห็นแบบนี้ก็พลันสีหน้าไม่พอใจหนัก ตะโกนออกมา
ว่า “มึงเป็นใคร”
เย่เฉินเอ่ยบางเบา “ฉันเป็นคนที่นายล่วงเกินไม่ได้!”
“ไอ้หนู แกมันรนหาที่ตาย!”
เย่เฉินส่ายหน้าไปมา ต่อสายโทรไปหาท่านหงห้า
“หงห้า ตอนนีฉ้ ันอยู่หอ้ งวีไอพีเพชร ไสหัวลงมาพบฉันเดีย๋ วนี้!”
เมื่อพูดจบ เย่เฉินก็วางสายโทรศัพท์ไป ต่งรั่งหลินสีหน้าซีดเผือด
เมื่อครู่เซียวไห่หลงโอ้อวดใหญ่โตว่ารู้จักท่านหงห้า ปรากฏว่าจุดจบ
ช่างน่าสังเวช แล้วเย่เฉินที่กล้าเผชิญหน้ากับพี่เปียว พูดคำไม่สุภาพ
แบบนี้ออกไป บางทีชวี ติ อาจจะหาไม่ อีกด้านเซียวเวยเวยถูกฉุด
กระชากลากถูไม่เป็นชิ้นดี ได้ยินคำพูดของเย่เฉิน สายตาก็ยิ่งเต็มไป
ด้วยความหวาดกลัว หลานชายคนนีย้ ังจะแสร้งทำ พยายามจะฆ่า
ทุกคนใช่ไหม พี่เปียวยิม้ เยาะพูดจาหยาบคาย “กล้าดียังไงมาดูหมิ่น
ท่านห้า กูว่ามึงเหนื่อยกับการมีชีวติ แล้วสินะ”
เมื่อสิน้ เสียง พี่เปียวก็โบกมือให้ลูกน้อง และพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า
“ฆ่ามัน!”
ทันใดนั้น เสียงเกรีย้ วกราดของท่านหงห้าก็ดังมาจากข้างนอกห้องวี
ไอพี “แม่ง เปียวจื่อมึงอยากตายใช่ไหม แม้แต่คุณท่านเย่ยังกล้ากำ
แหง เชื่อไหมว่ากูจะสับมึงให้เป็นอาหารสุนัข”
พี่เปียวตัวสั่นไปหมด ราวกับโดนฟ้าผ่า!
หงห้ามาแล้ว!
นายท่านเย่งั้นเหรอ ใครคือนายท่านเย่
วินาทีถัดมา ท่านหงห้าก็เดินตะลีตะลานเข้ามา ตรงไปกระทืบพี่เปียว
ที่อยู่บนพื้น “มึงมันสุนัขตาบอด แม้แต่คุณท่านเย่ก็จำไม่ได้ กูจะฆ่า
มึง!” ท่านหงห้าด่าไปก็กระทืบพี่เปียวไปอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อครู่พเี่ ปียวยังยโสโอหัง ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาตกน้ำ
ต่งรั่งหลินมองอึ้งๆ อย่างโง่เขลา นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
พวกลูกน้องก็หวาดกลัวมาก ชายหนุ่มอายุน้อยคนนีค้ ือนายท่านเย่
จริงเหรอ ไม่อยากเชื่อว่าเมื่อครู่ต้องการล่วงเกินเขา นี่มันรนหาที่
ตายชัดๆ แล้วท่านหงห้าก็ด่าคนอื่นๆ “ยังมีพวกมึงไอ้ฝูงขยะ ยังจะบื้
ออยู่ทำไม มาคุกเข่าขอโทษนายท่านเย่เดีย๋ วนี้!”
“นายท่านเย่ เป็นผมที่มีตาแต่ไร้แวว เกือบจะล่วงเกินท่าน ได้โปรดไว้
ไอ้ชาติหมาอย่างพวกเราด้วย”
ลูกน้องคุกเข่าโดยพร้อมเพรียง คุกเข่าคำนับหัวโขกพื้นขอขมาอย่าง
บ้าคลั่ง พี่เปียวก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน ตบหน้า
ตัวเองไปด้วยขอความเมตตาไปด้วย “ขอโทษนายท่านเย่ ได้โปรด
ท่านอย่าถือสาผูน้ ้อย ไว้ชวี ติ ผมสักครั้งเถอะครับ!”
ท่านหงห้าเองก็ตบหน้าตัวเองและพูดด้วยสีหน้าตึงเครียดว่า “นาย
ท่านเย่ ทั้งหมดเป็นเพราะผมบกพร่องต่อหน้าที่ ให้ลูกน้องไปล่วงเกิน
ท่านและคนสนิทของท่าน”
เย่เฉินเหลือบมองไปที่ต่งรั่งหลิน และพูดน้ำเสียงบางเบาว่า “ฉันแค่
เชิญเพื่อนสนิทของภรรยามาทานอาหาร”
เมื่อพูดจบก็มองไปทางคนอื่นๆ และเอ่ยเสียงเย็นว่า “พวกเขาไม่ใช่
คนสนิทของฉัน”
ต่งรั่งหลินตกใจมาก!
ที่แท้เย่เฉินก็ไม่ได้โอ้อวดเลย เขาจองห้องวีไปพีท่เี ทียนเซียงฝู่ไว้จริงๆ
แถมยังเป็นห้องเพชรห้องที่ดที ี่สุดด้วย ที่สำคัญกว่านั้น ห้องเพชรนี้
ท่านหงห้าเก็บห้องนี้ไว้ให้เขาด้วยตัวเอง เมื่อคิดว่าตนยังดูถูกเย่เฉิน
ต่งรั่งหลินก็หน้าแดงฉับพลัน อย่าให้พูดเลยว่าอับอายแค่ไหน
เวลานี้เซียวไห่หลงได้ยินคำพูดของหลายๆ คน ก็หวาดกลัวจนตัวสั่น
นี่มันเรื่องอะไรกัน ไอ้สวะเย่เฉินนี่ เป็นเพื่อนของท่านห้างั้นเหรอ
เซียวเวยเวยก็โง่ไปแล้ว เย่เฉินรู้จักท่านห้าจริงๆ ด้วย!
ประเด็นคือ ขนาดท่านห้ายังเกรงใจเขา!
มองดูหวังเหวินเฟยคู่หมั้นของตัวเอง ตอนนี้มนึ เบลอเลือดคั่งเต็มหัว
ไปหมดแล้ว!
ตอนนี้ท่านหงห้าเช็ดเหงื่อเย็นบนใบหน้าไปปากก็รับประกันไปว่า
“นายท่านเย่วางใจ เรื่องแบบนีจ้ ะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก ต่อจากนีท้ ่าน
สามารถมาที่เทียนเซียงฝู่ได้ตามต้องการ รับประทานอาหารในห้องวี
ไอพีเพชรได้ตามต้องการ ถ้าพวกลูกน้องผมมีคนจำท่านไม่ได้อีก ผม
จะควักลูกตามัน!”
เย่เฉินส่งเสียงอืม หันหน้าไปหาต่งรั่งหลินและบอกว่า “รั่งหลิน
อาหารก็ทานแล้ว ที่นี่มันวุ่นวาย เราไปกันดีกว่า”
ต่งรั่งหลินถูกเย่เฉินปลุกเรียกสติ จิตใต้สำนึกของเขาได้ถามออกไป
“แล้วคนอื่นล่ะ”
มองดูเซียวไห่หลง หวังเหวินเฟยและเซียวเวยเวยที่ท่าทางน่าอนาถ
ใจเธอก็ค่อนข้างกังวล เย่เฉินเอ่ยบางเบาว่า “ให้หงห้าจัดการ”
ท่านหงห้าพูดขึ้นทันที “นายท่านเย่วางใจ ผมจะจัดรถพยาบาลส่งไป
รักษาที่โรงพยาบาลครับ”
“อืม” เย่เฉินพยักหน้าและพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันสองคนไป
ก่อน”
ต่งรั่งหลินค่อนข้างงุนงงสับสน เดินโง่ๆ เบลอๆ ตามเย่เฉินออกจาก
เทียนเซียงฝู่ ออกจากเทียนเซียงฝู่มาเป็นเวลานานแล้วแต่ใจต่งรั่ง
หลินก็ไม่สามารถสงบลงได้ มองเย่เฉินที่ท่าทางเหมือนไม่มีอะไร
เกิดขึ้น เธอรู้สกึ เหมือนมีหมอกที่ลกึ ลับซับซ้อนปกคลุม
“เย่เฉิน เรื่องของวันนี้...”
ต่งรั่งหลินยังพูดไม่จบ เย่เฉินก็ขัดจังหวะเธอด้วยการพูดน้ำเสียงบาง
เบาว่า “รั่งหลิน เรื่องของวันนีต้ อ้ งขอให้คุณเก็บเป็นความลับ ถ้าให้
ซูหรันรู้ว่าผมรู้จักท่านหงห้ากับพวกใต้ดิน ท่านหงห้าก็ให้คนไป
จัดการรถพยาบาล พาเหล่าคนไปโรงพยาบาล ใบหน้าข้างหนึ่งของ
เซียวเวยเวยถูกตบจนขากรรไกรบิดผิดรูป เท่ากับเสียโฉมแล้ว และ
มือข้างหนึ่งของเซียวไห่หลงถูกหัก อย่างน้อยต้องใช้เวลานาน
มากกว่าจะฟื้นตัว ส่วนหวังเหวินเฟย สมองได้รับการ
กระทบกระเทือนอย่างแรง แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือให้พ้นขีด
อันตราย แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น มันเพียงพอให้เขาต้องทน
ทุกข์ทรมานไปตลอดชีวติ !
บทที่ 32 สวนดอกไม้กลางอากาศถูกจองแล้ว
กำหนดเวลาเข้ารับตำแหน่งของต่งรั่งหลินที่ตเี้ หากรุ๊ปกับหวังตง
เสวี่ยนคือพรุ่งนี้ ออกจากเทียนเซียงฝู่ เย่เฉินไปส่งเธอที่โรงแรมที่พัก
จากนั้นก็บอกลาและจากไป ด้านหนึ่งต่งรั่งหลินก็ยังคงตกใจกับสิ่งที่
เกิดขึ้นในช่วงเย็น อีกด้านก็คิดถึงการพัฒนาอนาคตของตัวเอง
ครั้งนีม้ าเมืองจินหลิง ภายนอกเธอมาปฏิบัติหน้าที่ท่ตี ี้เหากรุ๊ป แต่ใน
ความเป็นจริงแล้วยังแบกภาระครอบครัวด้วยเช่นกัน พ่อบอกตนว่า
มีข่าวลับสุดยอดของตระกูลเย่ตระกูลชั้นนำในเย่นจิน ที่ตามหานาย
น้อยที่หายตัวไปหลายปีพบแล้ว และยังซื้อตี้เหากรุ๊ปเพื่อให้นายน้อย
ฝึกฝน กล่าวอีกนัยหนึ่ง นายน้อยของตระกูลเย่คนนี้อยู่ในจินหลิง
และเขาเป็นประธานของตี้เหากรุ๊ป ถึงแม้ตระกูลต่งจะเป็นตระกูล
ชั้นสูงในเย่นจิน ทว่าเย่นจินนั้นมังกรซ่อนเสือหมอบ พวกเขาสามารถ
ขึน้ ได้ถงึ ระดับที่สองเท่านั้น เทียบกับตระกูลเย่แล้ว ห่างชั้นหนึ่งแสน
แปดพันหลี่ ดังนั้น ตระกูลต่งหวังว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จาก
ตัวตนของนายน้อยตระกูลเย่ทยี่ ังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ หา
โอกาสตีสนิทกับเขา ถ้าสามารถคบกับเขาได้ และนำไปสู่การ
แต่งงานระหว่างสองตระกูลได้ก็ยิ่งดี
ถึงต่งรั่งหลินจะต่อต้านเรื่องแบบนีเ้ ล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงความ
รับผิดชอบในการฟื้นฟูตระกูลที่อยู่บนบ่า ดังนั้นจึงไม่กล้าละเลย
เธอข้ามน้ำข้ามทะเลพันหลี่มาถึงเมืองจินหลิง เตรียมเข้าทำงานในตี้
เหากรุ๊ป ก็เพื่อหาโอกาสเข้าหาประธานผู้ลึกลับของตี้เหากรุ๊ป แล้ว
คิดหาวิธีดึงดูดความสนใจของเขา ต่งรั่งหลินอยู่เย่นจิน ก็เป็นหนึ่งใน
สาวงามแถวหน้าของแวดวงสังคมชั้นสูง เธอเชือ่ ในความงาม ความรู้
ความสามารถ และร่างกายอันบริสุทธิ์ของตัวเอง น่าจะดึงดูดความ
สนใจของคุณชายเย่ได้ ถ้าสามารถแต่งงานกับเขาได้จริง เช่นนั้น
ตระกูลต่งจะได้รับการฟื้นฟูอย่างแน่นอน จนทำให้เป็นตระกูลอันดับ
หนึ่งในเย่นจิน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็เต็มไปด้วยความคาดหวังกับการเข้ารับ
ตำแหน่งในวันพรุ่งนี้ ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยช่วงเวลาแห่งการ
ตั้งหน้าตั้งตารอคอยคุณชายเย่ผลู้ กึ ลับ เธออดคิดไม่ได้ว่า คุณชายเย่
คนนั้นอายุเท่าไรกันแน่ หน้าตาเป็นยังไง จะสง่างามหรือไม่ สูงหล่อ
หรือเปล่า เธออดไม่ได้ที่จะเอาโทรศัพท์มือถือออกมา และเริ่มเปิด
แอปวิดโี อ คลิกคลิปวิดโี อที่มีการคลิกหลายสิบล้านครั้งในรายการ
โปรด
คลิปวิดโี อนี้ เป็นส่วนที่เย่เฉินใช้เงินสดตบหน้าชุ่ยเก๋อซวน
ผูอ้ ำนวยการฝ่ายขาย เธอวิเคราะห์คลิปวิดโี อนี้มานานแล้ว รูว้ ่าคลิป
วิดโี อนี้เกิดขึน้ ที่เมืองจินหลิง มันเป็นข่าวที่บังเอิญออกมาช่วงที่พบ
คุณชายตระกูลเย่พอดี ดังนั้น เธอจึงสันนิษฐานว่ามหาเศรษฐีระดับ
เทพที่อยู่ในคลิปวิดโี อนี้ น่าจะเป็นคุณชายตระกูลเย่ และเป็น
ประธานของตี้เหากรุ๊ป เธอจับจ้องด้านหลังมหาเศรษฐีระดับเทพ
อย่างถี่ถว้ น ดูอย่างเอาจริงเอาจังและกลั่นกรอง จากคลิปวิดีโอที่
พร่ามัวนี้ อาจเห็นได้ว่ามหาเศรษฐีระดับเทพที่ปรากฏชื่อบน
อินเตอร์เน็ต บางทีอาจจะอายุประมาณยี่สบิ ต้นๆ สูงผอม แต่เห็น
ใบหน้าไม่ชัด อย่างไรก็ตาม รูปร่างของเขาดูดมี าก ไม่แย่ไปกว่าโอป
ป้าขายาวในเกาหลี มีรูปร่างแบบนี้ เชื่อว่าหน้าตาก็คงจะไม่ได้แย่
แน่นอน!
แต่แล้วจู่ๆ ใจของต่งรั่งหลินก็รู้สกึ แปลกๆ คนคนนี้ ทำไมถึงให้
ความรู้สกึ ว่ามีจุดที่คล้ายเย่เฉิน แต่เมื่อคิดดูให้ละเอียด ก็รู้สึกว่ามัน
เป็นไปไม่ได้เกินไป เย่เฉินเป็นลูกเขยในบ้านตระกูลเซียว ตระกูลเซียว
มีศักยภาพอะไร เทียบไม่ติดแม้แต่เส้นขนตระกูลเย่ ถ้าเย่เฉินเป็น
คุณชายตระกูลเย่จริง แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่จะอาศัยอยู่ในคอกสัตว์
อย่างบ้านตระกูลเซียวได้ยังไงกัน
ดูเหมือนตนจะคิดมากเกินไปแน่นอน!
วันต่อมา ต่งรั่งหลินมาถึงตีเ้ หากรุ๊ปแต่เช้าตรู่
รองประธานหวังตงเสวี่ยนเป็นคนจัดการให้เธอเข้ารับตำแหน่งด้วย
ตัวเอง หวังตงเสวี่ยนพาเธอไปที่แผนกบริหารสำนักงาน แนะนำ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำงานให้กับเธอ จากนั้นก็พูดว่า “รั่ง
หลิน ต่อจากนี้ถา้ มีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ถามฉันโดยตรงได้เลยนะคะ
หรือมาหาฉันที่ห้องทำงานก็ได้”
ต่งรั่งหลินพยักหน้าขอบคุณ ก่อนจะเริ่มหยั่งเชิงถามว่า “รอง
ประธานหวังคะ ไม่ทราบว่าฉันจะได้มีโอกาสพบท่านประธานหรือไม่
เพราะยังไงต่อจากนี้ก็ต้องรับผิดชอบงานบริหาร ถ้าไม่รู้จักท่าน
ประธาน เกรงว่าจะเผลอไปเมินใส่เขาเข้า”
หวังตงเสวี่ยนตื่นตัวขึน้ มาทันที เย่เฉินบอกกับตนเมื่อวาน ว่าต้องจับ
ตาดูต่งรั่งหลินคนนี้ไว้ให้ดี และทันทีที่ต่งรั่งหลินมาถึงก็สอบถาม
ประธาน ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย ไม่รู้ว่าสาวน้อยแสน
สวยคนนีท้ ี่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงตีเ้ หากรุ๊ปนั่นมีความตั้งใจอะไรกัน
แน่ เธอพูดกับต่งรั่งหลินว่า “ประธานเราไม่ค่อยเข้าบริษัท แต่ถ้าเขา
มา ฉันจะบอกเขาให้ ถ้าเขาอยากพบคุณ ฉันจะแจ้งให้คุณทราบ”
ใจต่งรั่งหลินค่อนข้างผิดหวัง แต่ยังคงยิ้มพลางพยักหน้าและบอกว่า
“ขอบคุณค่ะรองประธานหวัง!”
หวังตงเสวี่ยนกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง แล้วนำเรื่องนีร้ ายงาน
ต่อเย่เฉิน เมื่อเย่เฉินได้ยินว่าต่งรั่งหลินเพิ่งมารายงานตัวที่บริษัทก็
อยากพบตนทันที ในใจก็เกิดการแจ้งเตือนความระแวดระวังยิ่งขึน้
ผูห้ ญิงคนนี้มาเพื่อตนอย่างที่คดิ เธอมีจุดประสงค์อะไรกัน
ต้องการใกล้ชิดตน เพราะอยากทำร้ายตน หรือว่าอยากยั่วยวนตน
กันแน่ ไม่ว่าเธอจะตั้งใจทำอะไร ทุกอย่างเย่เฉินล้วนรู้สกึ ค่อนข้าง
ขยะแขยง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะมีฏิสัมพันธ์กับต่งรั่งหลินให้น้อย
ที่สุด ไม่สามารถให้เธอรู้ตัวตนของตนได้ ในช่วงค่ำที่ต่งรั่งหลินเข้ารับ
ตำแหน่ง เซียวซูหรันภรรยาของเย่เฉินได้ทำการจองที่นั่งชั้นพิเศษใน
โรงแรมระดับไฮเอนด์ เพื่อเตรียมไว้สำหรับการเชิญเธอมาเลีย้ ง
อาหาร เย่เฉินในฐานะสามีของเซียวซูหรัน โดยธรรมชาติแล้วก็ต้อง
ไปด้วย นี่ทำให้เย่เฉินเซ็งนิดหน่อย เมื่อครู่เพิ่งเตรียมจะรักษา
ระยะห่างกับต่งรั่งหลิน ตกค่ำต้องมาทานอาหารกับเธออีกแล้ว
แต่ถึงจะเซ็งแล้วเซ็งอีก เขาก็ยังต้องเตรียมตัวตามเซียวซูหรันไป
ห้องอาหาร แต่เมื่อถึงห้องอาหาร เย่เฉินเพิ่งพบว่า ที่แท้ที่เซียวซูหรัน
จอง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสวนดอกไม้กลางอากาศของโรงแรมแชงกรี
ลา! ห้องจัดเลี้ยงส่วนใหญ่ของสวนดอกไม้กลางอากาศมักใช้เพื่อ
ต้อนรับแขกระดับไฮเอนด์ ดังนั้นจึงไม่ให้บริการในลักษณะเหมาใดๆ
แต่เย่เฉินได้เหมาจองห้องที่น่ไี ว้ในวันครบรอบวันแต่งงาน สำหรับแช
งกรีลาแล้วมันเป็นประวัติการณ์อย่างไม่เคยมีมาก่อน วันนี้ห่างจาก
วันครบรอบแต่งงานเพียงสามวัน ที่ประตูโรงแรมแชงกรีลามีปา้ ยแจ้ง
กำหนดการขนาดใหญ่ว่า “อีกสามวันจะมีแขกผู้มีเกียรติจองเหมาที่
สวนดอกไม้กลางอากาศแขกทุกท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ จึงขอ
อภัยมา ณ ที่น!ี้ ” ทุกคนที่เห็นป้ายนีล้ ว้ นตกใจกันมาก!
มีคนเหมาสวนดอกไม้กลางอากาศในแชงกรีลาไว้เหรอ
ทั้งที่ไม่เคยให้บริการเหมาจองมาก่อนเลย!
ว่ากันว่า ลูกๆ ของผูน้ ำชั้นนำหลายคนในเมืองที่คิดอยากจัดงาน
แต่งงานที่นี่ ล้วนถูกปฏิเสธโดยไม่มีข้อยกเว้น ใครกันที่มีหน้ามีตา
พอจะควบคุมแชงกรีลา เหมาทั้งสวนดอกไม้กลางอากาศทั้งหมดได้
เซียวซูหรันเองก็เห็นการนำเสนอที่น่าทึ่งนี้ จึงพูดด้วยความ
ประหลาดใจว่า “พระเจ้า สวนดอกไม้กลางอากาศถูกคนเหมาเหรอ
นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิม้ “มีอะไรแปลกเหรอ ก็เป็นห้องจัดเลีย้ ง หรือว่า
จะไม่ให้คนเหมาจอง”
“คุณไม่เข้าใจหรอก” เซียวซูหรันพูดอย่างจริงจัง “ที่แชงกรีลานี่น่ะ
ไม่ใช่ธุรกิจท้องถิ่นของเรา เป็นในเครือโรงแรมอันดับต้นๆ ของโลก
สวนดอกไม้กลางอากาศของพวกเขาเป็นหนึ่งในลักษณะเฉพาะตัว มี
ไว้สำหรับแขกระดับไฮเอนด์เท่านั้น ถ้าเปิดจองเหมา วันนี้คนใหญ่คน
โตก็มาจอง พรุง่ นี้คนใหญ่คนโตก็มาจอง แขกระดับไฮเอนด์คนอื่นๆ
ก็จะไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เปิดจองเหมา
ให้ใช้เป็นการส่วนตัวเลย”
พูดอย่างนั้นแล้วเซียวซูหรันก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจ “ไม่รู้ว่าคนคนนี้มี
แบล็คอะไร ถึงสามารถเหมาที่นี่ได้ ช่างน่าทึ่งจริงๆ!”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิม้ “บางทีอาจจะเป็นคนที่รกั ภรรยา อยากจัดงาน
แต่งงานให้ภรรยาก็ได้!”
เซียวซูหรันพูดอย่างประหลาดใจว่า “จัดงานแต่งงานให้ภรรยาที่น่ี
เหรอ งั้นเขาคงจะรักภรรยาของตัวเองมากเลยนะ ภรรยาของเขาก็
จะมีความสุขมากๆ เหมือนกัน!”
บทที่ 33 พบปะกัน
ได้ยินภรรยาพูดอย่างนั้น เย่เฉินก็มีความสุขมาก ดูเหมือนว่าที่ตน
เลือกที่นี่ในวันครบรอบแต่งงาน จะสามารถทำให้ภรรยาพอใจ
แน่นอน!
ทั้งคู่มาถึงสวนดอกไม้กลางอากาศ นั่งตรงตำแหน่งที่จองไว้ ในไม่
ช้าต่งรั่งหลินก็มาถึง
“ซูหรัน!”
“รั่งหลิน!”
สองสาวเพื่อนสนิทกอดกัน มีความสุขจนเกินบรรยาย
หลังจากนั้นทัง้ สองคนก็จับมือพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมาครู่
หนึ่งก่อนจะค่อยๆ เงียบลง ต่งรั่งหลินพูดว่า “ซูหรัน เธอสิน้ เปลือง
เกินไปแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเลือกมาทานอาหารที่สวนดอกไม้
กลางอากาศ!”
เซียวซูหรันยิ้มพลางพูดว่า “เธอมาทั้งที! ฉันก็ต้องขูดเลือดบ้างสิ!”
ต่งรั่งหลินหัวเราะฮิฮิ “สมควรแล้วที่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน!”
เซียวซูหรันบอกว่า “บอกตามตรงนะ ฉันไม่มคี ุณสมบัติพอจะสั่ง
อาหารที่นี่ทานหรอก ฉันขอให้รองประธานหวังตงเสวี่ยนของตี้เหา
กรุ๊ปช่วยจองให้น่ะ นี่เป็นการใช้บัตรสมาชิกของเธอ!”
ต่งรั่งหลินถอนหายใจ “สวนกลางฟ้าแห่งนีด้ ูเหมือนว่าจะมี
ข้อกำหนดสูงเป็นพิเศษเลย น่าจะต้องเป็นสมาชิกระดับเพชรใช่ไหม”
“อืม” ต่งรั่งหลินพยักหน้าและบอกว่า “บอกตามตรงเลยนะว่านี่เป็น
ครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่!” ต่งรั่งหลินยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณเธอมาก
จริงๆ รั่งหลินคนดีของฉัน!”
เมื่อพูดจบเธอก็พูดอีกว่า “จริงสิ เมื่อครู่ตอนทีฉ่ ันมาที่นี่ เห็นป้าย
ประกาศข้างนอกบอกว่าสวนดอกไม้กลางอากาศถูกเหมาจอง
หลังจากนีอ้ ีกสามวันเหรอ”
“ใช่” เซียวซูหรันบอกว่า “แปลกดีนะ แต่ไหนแต่ไรมาสวนดอกไม้
กลางอากาศไม่เคยรับจองเหมามาก่อนเลย ครั้งนีไ้ ม่รู้เหมือนกันว่า
ทำไม”ต่งรั่งหลินพยักหน้าและพูดตามตรง “เมื่อไม่นานมานี้ ในติ๊
กต็อกมีมหาเศรษฐีระดับเทพของเมืองจินหลินคนหนึ่ง ซื้อสร้อยคอ
แค่หนึ่งเส้นแต่นำรถโรลส์รอยซ์หลายสิบคันมา พร้อมด้วยชายชุดดำ
นับสิบ และเงินสดมากกว่าสิบล้าน คลิปวิดีโอนั้นพวกคุณดูหรือยัง”
เย่เฉินพยักหน้า ส่วนเซียวซูหรันพูดว่า “ฉันดูแล้ว เอิกเกริกใหญ่โต
มากเลย”
ต่งรั่งหลินพูดว่า “ทุกคนต่างสงสัยคาดเดากันว่าเป็นใครกันแน่”
เซียวซูหรันพูดว่า “เดาว่าอะไรบ้าง...”
ต่งรั่งหลินยิ้มและพูดว่า “ซุบซิบ! ทุกคนต่างอยากรู้ว่าคนที่มีอำนาจ
ขนาดนั้นเป็นใคร มีบางคนบอกว่าน่าจะเป็นประธานคนใหม่ของตี้
เหากรุ๊ป!”
เย่เฉินที่อยู่ข้างๆ มีสหี น้าตกใจขึน้ มาฉับพลัน
แต่แล้วในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ
ต่งรั่งหลินพูดต่อว่า “วันนีส้ วนดอกไม้กลางอากาศของแชงกรีล่าก็
ถูกคนเหมา ฉันรู้สกึ ว่าที่เหมาสวนดอกไม้กลางอากาศกับคนที่อยู่ใน
คลิปวิดโี อ น่าจะเป็นคนคนเดียวกัน”
เซียวซูหรันถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้
เธอยังขีน้ ินทาเหมือนเดิมเลยนะ!”
ต่งรั่งหลินยิ้มและพูดว่า “การนินทาเป็นแรงผลักดันให้ผู้หญิงมีชีวติ
รอด!”
พูดอย่างนั้นแล้วต่งรั่งหลินก็พูดอีกว่า “อีกสามวันหลังจากนี้ฉันจะมา
ดูท่นี ี่ว่าใครกันมีหน้ามีตาใหญ่โตขนาดนี้ สามารถเหมาสวนดอกไม้
กลางอากาศได้!”
เย่เฉินที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดนี้ ก็หัวโตมหึมาขึ้นมาทันที
เขาแค่อยากเซอร์ไพรส์ภรรยา อยากจัดงานแต่งงานให้เธอทดแทน
ตอนนั้นที่ไม่ได้จัด แต่เขาไม่ได้อยากให้มีคนสังเกตเห็นในคราวเดียว
ทว่าดูเหมือนเขาจะประเมินอิทธิพลของสวนดอกไม้กลางอากาศาต่ำ
ไป คาดว่าตอนนี้ในเมืองจินหลิงมีคนจำนวนมากที่คดิ แบบ
เดียวกับต่งรั่งหลิน ทุกคนล้วนอยากมาดูว่าคนที่เหมาสวนดอกไม้
กลางอากาศเป็นใคร เรื่องพวกนี้มันค่อนข้างยากจะจัดการ
ตนต้องไปกำชับเฉินจื๋อข่ายไว้ล่วงหน้า และเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อน
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของตนได้
ตอนที่ทานอาหาร ต่งรั่งหลินพูดกับทั้งคู่ว่า “มาเมืองจินหลินครั้งนี้
ฉันมีนัดกับเพื่อนร่วมคลาสเก่าพวกเรา มีงานเลีย้ งรุ่น พวกคุณสอง
คนว่ายังไง” เย่เฉินพูดขึน้ ทันที “พวกคุณไปงานเลี้ยงรุ่นกันเลย ผม
คงไม่เข้าร่วมด้วย”
“ทำไมล่ะ” ต่งรั่งหลินพูด “ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่เพื่อนร่วมคลาส
มหาวิทยาลัยทั้งสี่ปี แต่ดรี ้ายก็มีความผูกพันเป็นเพื่อนร่วมคลาสหนึ่ง
ปีนะ!” เมื่อตอนแรกเย่เฉินถูกคุณท่านใหญ่ตระกูลเซียวอุปการะ
นายท่านใหญ่เซียวนั้นเพื่อที่จะให้เขารู้จักกับเซียวซูหรันก่อนล่วงหน้า
สักหน่อย จึงส่งเขาไปที่มหาวิทยาลัยจินหลิง เป็นเพื่อนร่วมเรียนปี
สุดท้ายกับเซียวซูหรัน หลังจากจบการศึกษาสี่ปี ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน
ทันที แต่เย่เฉินเป็นเพื่อนกับเหล่าเพื่อนร่วมคลาสเพียงปีเดียว และ
คนส่วนใหญ่ดูถูกตนตลอด ทุกคนไม่ได้มีมิตรภาพที่ดีนัก ดังนั้นเมือ่
ได้ยินเรื่องงานเลีย้ งรุ่น เขาจึงไม่สนใจเลยสักนิด เซียวซูหรันเองก็ไม่
อยากไปงานเลี้ยงรุ่น จึงพูดว่า “ฉันกับเย่เฉินจะไม่ไป หลังจากจบ
การศึกษาฉันไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนร่วมคลาสส่วนใหญ่เลย”
ต่งรั่งหลินรีบพูด “สาเหตุที่จัดงานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้ เหตุผลหลักเพราะ
หวังเต้าคุนเพื่อนร่วมคลาสคนนั้นเปิดร้านอาหาร จะเปิดในวันพรุ่งนี้
เขาพาทุกคนไปฉลองที่รา้ นอาหารของเขา และร่วมทานอาหาร
ด้วยกัน” เมื่อพูดอย่างนั้นแล้วต่งรั่งหลินก็พูดอีกว่า “เธอว่าการที่เขา
เริ่มต้นธุรกิจแล้วไม่ไปจะไม่เหมาะเหรอ”
เพิ่งพูดจบ โทรศัพท์มือถือของทั้งสามคนก็ดังขึน้ เป็นข้อความวีแชท
จากนั้นไม่นานตัวอักษรในวีแชทมากมายก็ผุดขึ้นมา
ทุกคนหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นดู ที่แท้เป็นหวังเต้าคุนดึงกลุ่ม
เพื่อนร่วมคลาส ในไม่ช้ากลุ่มก็มีจำนวนมากกว่าสามสิบคน
หวังเต้าคุนพูดในกลุ่มว่า “เพื่อนร่วมคลาสเก่าทุกคน ร้านอาหาร
ขนาดเล็กที่ฉันลงทุน จะเปิดอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้เที่ยง
ร้านอาหารอยู่ในเมืองจินหลิง ขอเชิญเพื่อนร่วมคลาสจินหลิงให้
เกียรติมาร่วมงาน ให้ทุกคนถือซะว่ามางานเลีย้ งรุ่นกัน!”
“พอดีเลย ต่งรั่งหลินหนึ่งในสองของดอกไม้ทองในชั้นเรียนเราก็มา
ทำงานในเมืองจินหลิง และถึงเวลาเธอก็จะมางานเลี้ยงรุ่นด้วย ว่า
กันว่าตอนนี้รั่งหลินยังโสด เป็นคนโสดในกลุ่มที่พวกเราสามารถคว้า
ได้ต้องรีบลงมือแล้ว!” หลังจากนั้นฝูงชนก็ตอบรับกันเกรียวกราว
“ว้าว! ยินดีๆ!”“พระเจ้า รั่งหลินมาเมืองจินหลิงเหรอ ทำไมไม่ได้ยิน
เรื่องนี้เลย ถึงเวลาต้องไปแน่นอน!”
“แล้วดอกไม้ทองของเราอีกคนเซียวซูหรันล่ะ เธอจะมาไหม”
“ฉันได้ยนิ มาว่าซูหรันกับนักศึกษาที่ย้ายมากลางคันเย่เฉินอยูด่ ว้ ยกัน
แล้วใช่ไหม ได้ยินว่าเย่เฉินแต่งเข้าบ้านตระกูลเซียวด้วย”
“ฉันก็ได้ยินเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ เพราะตั้งแต่จบการศึกษา
ก็ไม่ได้เห็นพวกเขาทั้งสองเลย...”
“ได้ยินว่าภาพการเป็นสามีภรรยาของพวกเขาทั้งคู่มันแค่เพียงในนาม
ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ” เซียวซูหรันเห็นเนื้อหาเหล่านีจ้ ึงพูดกับเย่เฉินว่า
“คุณอย่าเอามาใส่ใจนะ” เย่เฉินยิ้มบาง “ไม่เป็นไร สิ่งที่พวกเขาพูดก็
เป็นเรื่องจริง ผมชินตั้งนานแล้วล่ะ”
ต่งรั่งหลินรีบพูดไปในกลุ่มว่า “พวกเธออย่านินทาคนอื่น! ตอนนี้ฉัน
กำลังทานอาหารอยู่กับทั้งคู่ พวกเขารักกันมาก!”
“พระเจ้า นี่รั่งหลินเหรอ!”
สุนัขสอพลอกลุ่มใหญ่รีบกรูกันเข้ามา ตอนนีม้ คี นในกลุ่ม@เย่เฉิน
นั่นคือผูต้ ั้งกลุ่มหวังเต้าคุน “เย่เฉิน ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในคลาสเรียน
ของเราค่อนข้างสัน้ แต่ตอนที่เราพี่น้องอยู่ในสถานศึกษามี ความ
สัมพันธ์อันดีต่อกัน พรุ่งนีค้ ุณกับภรรยาของคุณต้องมางานนะ!”
เย่เฉินมีความรูส้ กึ ที่ดีต่อหวังเต้าคุน คนคนนีเ้ ป็นคนดีจริง เจอใครก็
ใจดีต่อทุกคน และไม่เคยเยาะเย้ยถากถางคนอื่น เป็นหนึ่งในเพื่อน
ร่วมคลาสไม่กี่คนที่มีความสัมพันธ์ที่ดี
เห็นเขาพูดอย่างนั้น เย่เฉินจึงตอบกลับไปทันที “ได้ พรุ่งนี้จะไป
ร่วมงานแน่นอน” หวังเต้าคุนรีบบอกทันที “งั้นก็เยี่ยมมากเลย!
พรุ่งนี้เรามาพบปะกัน!”
บทที่ 34 เสแสร้งใส่ผมเหรอ
เห็นเรื่องที่เย่เฉินตอบตกลงเพือ่ นร่วมคลาส เซียวซูหรันจึงเตือนเย่
เฉินว่า “หวังเต้าคุนเขาเปิดร้านอาหาร เราต้องเตรียมของขวัญ ไม่
สามารถไปมือเปล่าได้”
เย่เฉินพยักหน้าและพูดว่า “พรุ่งนี้เช้าผมจะไปซื้อของขวัญให้เขา”
“โอเค” เซียวซูหรันบอกว่า “พรุ่งนี้เช้าฉันต้องไปตี้เหากรุ๊ปพอดี”
ต่งรั่งหลินถามด้วยความประหลาดใจ “พรุ่งนี้เช้าเธอจะมาตีเ้ หาเหรอ
งั้นถ้าเธอเสร็จงานแล้วมาหาฉันนะ พอดีเลยตอนเที่ยงฉันจะติดรถ
เธอไปร้านอาหารของหวังเต้าคุนด้วยกัน”
เซียวซูหรันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นความปรารถนานี้ของเธอก็คำนวณ
ผิดเพี้ยนแล้วล่ะ! ฉันไม่มีรถ ปกติจะนั่งแท็กซี่หรือรถประจำทาง บาง
ครั้งเย่เฉินก็ขี่จกั รยานไฟฟ้ามารับฉัน”
“ฮะ?” ต่งรั่งหลินอ้าปากลั่นว่า “เธอเป็นผู้อำนวยการแล้ว ยังไม่ซื้อ
รถอีกเหรอ!”
เซียวซูหรันบอกว่า “ฉันไม่ได้ทำงานมานาน จึงไม่ได้ทำเงินเลย ปกติ
ฉันกับเย่เฉินใช้เงินด้วยกัน และต้องจ่ายค่าครองชีพให้แม่ฉันด้วย
เดือนหนึ่งเหลือเงินไม่กี่พันหยวน จะพอซื้อรถที่ไหน”
เมื่อพูดอย่างนัน้ แล้วเซียวซูหรันก็พูดว่า “บอกตามตรงนะ ฉันรูส้ กึ ว่า
รถเมล์ก็สะดวกดี ถ้าสภาพอากาศดี นั่งรถจักรยานไฟฟ้าของเย่เฉิน
ก็ไม่เลว”
ต่งรั่งหลินพูดอย่างจริงจัง “เธอนี่ บางครั้งก็ต้องใส่ใจกับการสร้าง
ภาพโอ้อวดบ้างนะ ตอนนี้เธอเป็นผูอ้ ำนวยการของบริษัทเซียวซื่อ
แถมยังเป็นพันธมิตรในการร่วมมือกับตี้เหา ถ้าแม้แต่รถสักคันก็ไม่มี
จะถูกคนซุบซิบนินทาเอาได้”
เย่เฉินก็รู้สกึ ว่าต่งรั่งหลินพูดถูก ภรรยาเป็นคนที่ประหยัดเกินไปมา
ตลอด และเงินที่หาได้ส่วนใหญ่ก็ส่งไปให้แม่สามี ดังนั้นตลอดมาจึง
บกพร่องกับตัวเธอเอง แม่สามีเป็นแค่ปี่เซียะที่เอาแต่กินแต่ไม่ยอม
ทำอะไรเลยตัวหนึ่ง ตัวเองเก็บเงินได้มากกว่าหนึ่งล้านแล้วเอาเงินไป
ลงทุนทางการเงินที่ไม่น่าเชือ่ ถือ ไม่ต้องพูดถึงการเอาเงินสองสาม
แสนออกมาซื้อรถให้ลูกสาวขับเลย คิดมาถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกว่าตน
ต้องซื้อรถให้ภรรยาสักคัน ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อไปเธอก็จะออกไป
ทำงานได้สะดวกขึน้ เมื่อไปคุยธุรกิจกับคนอื่นก็มีหน้ามีตา
ตัดสินใจแล้ว เขาตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปดูท่รี ้าน 4S
เมื่อทานเสร็จแล้ว หลังจากที่คู่สามีภรรยาบอกลาต่งรั่งหลิน ก็ขนึ้ รถ
แท็กซี่กลับบ้านด้วยกัน
ในวิทยุบนรถแท็กซี่ ทั้งหมดล้วนกำลังวิพากษ์วจิ ารณ์ถึงเรื่องที่สวน
ดอกไม้กลางอากาศในแชงกรีลาถูกจองเหมา พิธีกรทุกคนล้วน
ประหลาดใจ แชงกรีลาไม่เคยเป็นแบบนีม้ าก่อน เป็นครั้งแรกที่สวน
กลางฟ้าถูกยกเว้นให้เหมาไป เขาเองก็แปลกใจเหมือนกัน ว่าใครกัน
ที่มีหน้ามีตาที่ใหญ่โตเช่นนี้ คนขับรถแท็กซี่ก็พูดตามว่า “ผมว่านะ
คนนั้นที่เหมาสวนดอกไม้กลางอากาศต้องเป็นมหาเศรษฐีระดับเทพ
ที่อยู่ในคลิปวิดโี อในติ๊กต็อกแน่ๆ!”
เย่เฉินไม่ได้โต้ตอบอะไร แต่ในใจก็อดไม่ได้ท่ีจะค่อนข้างประหลาดใจ
เช่นกัน! ดูเหมือนว่าข่าวที่สวนดอกไม้กลางอากาศชั้นบนสุดของ
โรงแรมแชงกรีลาถูกคนเหมาไป หลังจากที่มันแพร่ออกมา ก็
ก่อให้เกิดการสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทัง้ เมืองจินหลิงจริงๆ ด้วย!
คืนนี้ เรื่องราวนี้ยังคงหมักหมมอยู่ทั่วเมืองจินหลิงต่อไป ในไม่ช้าคลื่น
ลมพายุฝนก็กระหน่ำ ไม่มีใครที่ไม่รู้!
อย่างที่ทุกคนรู้ โรงแรมแชงกรีลาเปิดใช้นโยบายให้บริการสมาชิก
เฉพาะสมาชิกอาวุโสเท่านั้นที่มีโอกาสได้ใช้สวนดอกไม้กลางอากาศ!
สำหรับการเหมาจองนี้ ไม่จำเป็นต้องคิดเลย สมาชิกระดับเพชรก็ไม่
มีคุณสมบัติ!
เพราะฉะนัน้ ใครกันแน่ที่เหมาสวนดอกไม้กลางอากาศ ฉับพลันก็
กลายเป็นเรื่องใหญ่ท่ที ุกคนอยากรู้อยากเห็น!
มีคนลือว่าคนที่เหมาสวนดอกไม้กลางอากาศ ก็คือมหาเศรษฐีระดับ
เทพในติ๊กต็อกที่โด่งดังไปทั่วประเทศ มีคนบอกด้วยว่าคนที่เหมาสวน
ดอกไม้กลางอากาศคือมหาเศรษฐีจากต่างประเทศ ยังมีคนบอกอีก
ว่าคนที่จองสวนดอกไม้กลางอากาศ เป็นผูช้ ายที่มีตัวตนลึกลับ
สาเหตุที่เขาจองที่นี่ คือต้องการจัดงานแต่งงานที่ย่งิ ใหญ่และโรแมน
ติก...แน่นอนว่าเป็นข่าวลือที่สามที่ง่ายต่อการให้คนเชื่อถือ!
ชั่ววินาทีเดียว ในสังคมก็เกิดคลื่นขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง
หลังจากที่ผหู้ ญิงนับไม่ถ้วนได้ยนิ เช่นนี้ ก็เกิดความอิจฉาริษยาอย่าง
มาก ทุกคนพากันเดาว่าผู้หญิงที่ได้รับความสุขมากขนาดนั้นคือใคร
กัน ถึงสามารถทำให้คนจ่ายหลักล้านในคืนเดียวเพื่อเหมาทั้งสวน
ดอกไม้กลางอากาศในการแสดงความรักต่อเธอ!
คนจำนวนไม่นอ้ ยต่างตั้งหน้าตั้งตารอให้วันนั้นมาถึง แล้วจะมาที่น่ี
เพื่อสืบว่าเป็นใครกันแน่!
เย่เฉินนัน้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตนของตัวเอง จึงสั่งเฉินจื๋อ
ข่ายโดยเฉพาะว่าให้ปรับปรุงสวนดอกไม้กลางอากาศทั้งหมดเป็น
พิเศษ ขณะเดียวกัน ในใจเขาก็เฝ้าคอยให้วันครบรอบแต่งงานมาถึง!
เขาต้องการให้วันครบรอบแต่งงาน เป็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่สำหรับ
เซียวซูหรัน!
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เฉินออกไปแต่เช้าตรู่ เดินทางไปยังร้าน4S
เขามีบัตรธนาคารหนึ่งหมื่นล้านในมือ จนตอนนีก้ ็ยังไม่เคยใช้เลย
ครั้งนีเ้ ขาเตรียมจะซื้อรถลีมูซีนที่จะให้เซียวซูหรันได้เชิดหน้าชูตา
ตัวเขาคิดว่าจะก้าวเข้าไปถึงการซื้อรถโรลส์รอยซ์ให้เธอ
แต่เมื่อคิดดูแล้วก็เกรงว่ารถที่ราคาแพงขนาดนั้นจะอธิบายต่อเธอได้
ยาก อีกอย่างนิสัยของเซียวซูหรันก็ไม่ชอบการเป็นคนโดดเด่น ต่อให้
มีรถราคาแพงเช่นนั้น กลัวว่าจะไม่อยากขับออกไป
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจซื้อรถเชิงพาณิชย์ราคาครึ่งล้านให้กับภรรยา มี
หน้ามีตาและไม่โอ้อวดมากเกินไป และมันยังใช้งานได้จริง หากมี
รอยขีดข่วนหรือการชนก็จะไม่ทำให้หนักใจมากนัก
คิดได้ถึงตรงนี้ เขาจึงจะซื้อ AudiA6 ให้กับภรรยา ตอนนี้นักธุรกิจ
ล้วนขับA6 เป็นรถที่มีหน้ามีตาพอสมควร อีกทั้งA6เป็นรถเชิง
พาณิชย์ขนาดใหญ่ เหมาะมากที่ภรรยาจะขับมัน
มาถึงร้านAudi4S นำลาน้อยไฟฟ้าของตัวเองจอดไว้ท่หี น้าประตู
แล้วเขาก็ก้าวเข้าไป
เมื่อพนักงานแนะนำสินค้าข้างในสองสามคนเห็นแขกมา มีสองคน
เข้ามาต้อนรับทันที ผูห้ ญิงข้างหลังรีบพูดว่า “พระเจ้า คนนั้นมาด้วย
รถขับเคลื่อนไฟฟ้า บางทีอาจจะมาตากแอร์หรือใช้ WiFiฟรี อย่าไป
สนใจเขา”
เมื่อได้ยินว่ามาด้วยรถขับเคลื่อนไฟฟ้า คนอื่นๆ ก็หมดความ
กระตือรือร้นไปฉับพลัน ช่วงนี้อากาศร้อน มักจะมีพวกยาจกวิ่งเข้า
มาที่น่แี ต่เช้าตรูเ่ พื่อตากแอร์ บางครั้งยังไร้ยางอายพอจะเข้าไปนั่งใน
รถจัดแสดง เข้าไปนั่งแล้วก็ไม่ลง สุดท้ายทำได้แค่ส่งรปภ.ไปเร่ง
เท่านั้น ทำแบบนี้เหล่าฝ่ายขายล้วนเบื่อหน่าย เย่เฉินที่ข่รี ถไฟฟ้า
แต่งตัวซอมซ่อ เมื่ออยู่ที่นี่ท่จี ริงไม่มีความโดดเด่นเลยสักนิด มันดูไม่
เหมือนคนที่สามารถซื้อออดี้ได้ ไม่มีใครสนใจตน เย่เฉินก็ไม่สนใจ
เขาเดินตรงไปยังพื้นที่จัดแสดงรถยนต์A6 พบว่าราคาของรถรุ่นนีม้ ี
ตั้งแต่สามแสนถึงมากกว่าหกแสน รุ่นที่มากกว่าหกแสนเป็นรุ่นตัวท็
อปของA6 เป็นรุ่นฉบับผูบ้ ริหาร พูดกันตามจริงแล้ว รถนี่ดูไม่เลว
เลย! ราคาหกแสนมันก็ไม่ได้แพงมาก เซียวซูหรันน่าจะยอมรับได้
จากนั้นเขาก็เริม่ ทักทาย “A6ตัวท็อปมีคันใหม่ไหม ผมอยากรับรถไป
ตอนนี้” พนักงานแนะนำสินค้าล้วนมองเขาแบบคนโง่ หนึ่งในนั้นพูด
อย่างดูถูกว่า “คุณเห็นราคาไหม เลขศูนย์มันน้อยเหรอ”
เย่เฉินขมวดคิว้ มองเขา “หกแสนหนึ่งหมื่นแปดพันหยวน ผมเห็น
แล้ว” คนนั้นยิ้มเยาะและพูดว่า “เห็นแล้วคุณยังโหวกเหวกอีกเหรอ
คุณจ่ายได้เหรอ เดีย๋ วบิลออกมาให้คุณรูดบัตร คนดูอยู่เยอะขนาดนี้
แล้วคุณเอาออกมาไม่ได้ มันจะอายคนนะ!”
เย่เฉินเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา “คุณป่วยใช่ไหม ออกมาแต่เช้าเลย
ไม่ได้กนิ ยาเหรอ ต้องการให้ผมโทร120เรียกรถพยาบาลมารับคุณ
ไปไหม” คนนั้นส่งสียงเยาะ “ชิ อย่ามายุ่งกับผม นี่ยังจะมาเสแสร้งใส่
ผมอีกเหรอ”
บทที่ 35 เล่นหมูหลอกกินเสือ
เย่เฉินยิม้ แทนที่จะโกรธและถามเขาว่า “ถ้าคุณขายรถคันนี้ คุณจะ
ได้รับค่าคอมมิชชั่นเท่าไร”
อีกฝ่ายบอกอย่างดูถูก “ผมจะได้ถงึ หนึ่งหมื่นหยวน!”
เย่เฉินพยักหน้า “ดีจัง คุณอดเงินหนึ่งหมื่นหยวนแล้ว”
พูดจบ เย่เฉินก็หันตัวออกจากประตูไป บังเอิญพบผู้จัดการร้านเดิน
เข้ามาพอดี บนป้ายชื่อตรงหน้าอกของอีกฝ่ายเขียนตัวอักษรไว้ว่า
ผูจ้ ัดการฝ่ายขาย หวังไห่ปอ จากนั้นเย่เฉินจึงถามเขาว่า “คุณเป็น
ผูร้ ับผิดชอบที่นี่เหรอ”
“ใช่ครับ” หวังไห่ปอพยักหน้า “คุณมีอะไรให้รับใช้ครับ”
เย่เฉินชี้ไปที่พนักงานขายเมือ่ ครู่และบอกกับเขาว่า “คุณไล่พนักงาน
ขายคนนั้นออกไปดีกว่า เขาอยู่ที่น่ี มีแต่จะถ่วงความเจริญธุรกิจร้าน
4Sของพวกคุณ”
คนนั้นได้ยินก็รีบวิ่งเข้ามาพูดว่า “ผู้จัดการหวังอย่าไปฟังเขาพูดไร้
สาระ คนนี้มันป่วย ไอ้ยาจกนั่นมันมาตากแอร์มาแอบใช้เน็ต!”
เย่เฉินพูดพลางยิ้มว่า “ผมจนหรือเปล่า พวกคุณรอดูเดีย๋ วก็รู้”
เมื่อพูดจบก็ออกประตูไปทันที ตรงไปยังโชว์รูมBMW ที่อยู่ติดกัน
ทันทีท่ไี ปถึงร้านBMW เย่เฉินเห็นBMW760 ที่หรูหราที่สุดคันหนึ่ง นี่
คือBMW series7 ตัวท็อป เป็นรุ่นที่แพงที่สุดของBMW ยังไม่มีใครมี
สักคัน BMW760 เป็นเครื่องยนต์ 12 สูบ เครื่องแรงทรงพลังมาก
และภายในก็หรูหรามีระดับ เขาเองก็โกรธนิดหน่อยเหมือนกัน พวก
โง่ออดีด้ ูถกู ตนงั้นเหรอ ดี งัน้ ผมจะซื้อBMWตัวท็อปให้พวกคุณดู
อย่างไรพ่อก็มีเงินอยู่แล้ว!
จากนั้นเขาก็ตรงไปเรียกพนักงานขายของBMW และถามว่า
“760ตัวนี้ สามารถรับรถไปได้เลยไหมครับ”
อีกฝ่ายที่เป็นหญิงสาวตกตะลึง “คุณพี่คะ รถคันนี้เพิ่งมาถึงทีโ่ ชว์รูม
วันนี้เองค่ะ คุณแน่ใจเหรอคะว่าต้องการซื้อ”
“ครับ” เย่เฉินพยักหน้า “ผมแน่ใจ พาผมไปรูดบัตรเถอะ!”
“คะ? คันนี้ราคาสองล้านหกนะคะ!” อีกฝ่ายตกอยู่ในความงุนงง
ขายรถมาก็นานแล้ว ยังไม่เคยเห็นลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาก็ไม่พูดพร่ำทำ
เพลงแล้วตรงไปรูดบัตรเลย คุณพี่ชายใหญ่คนนีค้ งจะมาเล่นกับตน
แน่เลยใช่ไหม เย่เฉินพูดยิ้มๆ ว่า “ผมรู้ครับ ผมเห็นราคาแล้ว คุณแค่
บอกมาว่าจะขายหรือไม่ขาย!”
“ขายค่ะขาย ขายแน่นอนค่ะ...” สาวน้อยพูดอย่างมีความสุข “งั้น
เชิญทางนีค้ ่ะท่าน!”
จากนั้นเย่เฉินก็ถูกอีกฝ่ายนำไปทันที รูดบัตร จ่ายเงิน รับรถ ครบจบ
กระบวนความในครั้งเดียว เมื่อ BMW760 ราคากว่าสองล้านหก
ออกมา ทุกคนในร้านออดีก้ ็มองอย่างโง่เขลา เย่เฉินขับ BMW760
ตรงไปที่ประตูร้านออดี้ จากนั้นก็เปิดท้ายรถ เอารถขับเคลื่อนไฟฟ้า
ของตัวเองใส่เข้าไป เช่นนั้นถึงได้ขับรถออกไปอย่างใหญ่โตโอ้อวด
พนักงานแนะนำสินค้าที่ดูถูกเย่เฉินตกตะลึงอ้าปากค้าง ผู้จัดการหวัง
ที่อยู่ขา้ งๆ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ส่งไปฝ่ายบุคคล คุณถูกไล่ออก!”
“ผูจ้ ัดการ...”
“ไสหัวไป!”
พนักงานร้าน Audi คนอื่นๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน พระเจ้า ใครก็คิดไม่ถึง
ว่าคนขี่รถขับเคลื่อนไฟฟ้าคนนัน้ จะบ้าบิ่นหยิ่งผยองขนาดนั้น รถ
ราคากว่าสองล้านหก ไม่อยากเชื่อว่าบอกว่าจะซื้อก็ซื้อเลย!
พนักงานแนะนำการขายที่ดูถูกเย่เฉินคนนัน้ ยิง่ แสนจะเสียใจภายหลัง
ตนไม่ใช่แค่พลาดลูกค้ารายใหญ่ พลาดค่าคอมมิชชั่นหลายหมื่น
แถมยังตกงานอีกต่างหาก ถ้ารู้ก่อนว่าเป็นจะแบบนี้ ให้ฆ่าตนให้ตาย
ก็จะไม่ตาสุนัขมองคนอื่นต่ำ... อีกด้าน เมื่อเย่เฉินขับ BMW760
ออกมา ถึงเพิ่งรู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองหุนหันพลันแล่นไปหน่อย
ไม่ใช่ว่าเขาหนักใจเรื่องเงิน สาเหตุหลักคือรถแพงเกินไปแบบนี้แล้ว
ตนจะอธิบายกับเซียวซูหรันอย่างไร สองล้านหก ไม่มีทางจะตกลง
มาจากท้องฟ้าได้หรอกใช่ไหม คิดไปคิดมา แล้วทันใดนั้นในใจเขาก็
ผุดความคิดที่ยอดเยี่ยม หลังจากนั้น เขาก็ขับรถไปที่ร้านซ่อมรถริม
ถนน ใช้ยี่สิบหยวน ให้เถ้าแก่เปลี่ยนโลโก้ BMW760 เป็น
BMW520 BMW series5 มีลักษณะคล้ายกันมากกับ series7
ความแตกต่างหลักอยู่ภายใน series5 แรงขับเคลื่อนทั่วไป ระบบ
การคอนโทรลทั่วไป ค่าเฉลี่ยในทุกด้านอยู่ในระดับปกติทั่วไป
760 เป็นรุ่นที่ดีท่สี ุดใน series7 แรงขับเคลื่อนทรงพลัง ระบบการ
คอนโทรลมั่นคงแข็งแกร่ง ค่าเฉลี่ยในทุกด้านอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง
ทรงพลัง เย่เฉินขับรถ 760 ด้วยโลโก้ 520 ในใจก็คิดว่า เซียวซูห
รันไม่รู้เรื่องรถมากนัก รถนี่ก็ไม่ได้มีงานวิจัย บอกเธอว่ามันคือ
BMW520 เธอก็น่าจะจำมันไม่ได้ เถ้าแก่ร้านซ่อมรถเดาะลิ้น ในใจก็
คิดว่าผูช้ ายคนนี้ดูค่อนข้างซื่อสัตย์ ไม่คิดว่าหัวใจและดวงตาจะลึก
เช่นนี้ จงใจเปลี่ยนรุ่นท็อป 760 เป็น 520 คิดจะเล่นหมูหลอกกิน
เสือแน่ๆ!
หลังจากซื้อรถเสร็จ เย่เฉินนึกถึงที่ว่าร้านอาหารของหวังเต้าคุนจะ
เปิดให้บริการในตอนเที่ยงวันนี้ ตนต้องเตรียมของขวัญชิน้ หนึ่ง
เมื่อคิดได้ว่าหวังเต้าคุนเป็นเพียงคนเดียวในมหาวิทยาลัยที่เป็นเพื่อน
ร่วมคลาสที่ดตี ่อตน เขาจึงขับรถตรงไปที่ร้านขายงานศิลปะและ
วรรณกรรมขนาดใหญ่ จ่ายไปสองแสนหยวน ซื้อภาพวาดของหวง
เสิน้ จิตรกรแห่งราชวงศ์ชิงในยุคต้นๆ
หวงเสิน้ ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นคนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่รู้จัก
ภาพวาดของเขา เหตุผลที่ซื้อภาพวาดโบราณนี้ ในแง่หนึ่งคิดว่าควร
ให้ของขวัญที่มีคุณค่ามากกับหวังเต้าคุณ แต่ในทางกลับกันอีกด้าน
เขาก็ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าภาพวาดนั้นมีมูลค่าเท่าใด
เขาคิดว่าถ้าคนอื่นถาม ตนก็จะบอกส่งๆ ว่ามันไม่กี่พันหยวนหลอก
ล่อให้มันผ่านๆ ไป หลังจากซื้อภาพวาดเสร็จก็ใกล้เที่ยงแล้ว เย่เฉิน
โทรออกหาภรรยาเซียวซูหรัน บอกเธอว่าตนจะไปรับเธอที่ตเี้ หากรุ๊ป
รวมทั้งต่งรั่งหลินด้วยเมื่อพบหน้า เซียวซูหรันก็เพิ่งพบว่าเย่เฉินขับ
BMW series5 มาอย่างเหนือความคาดหมาย!
เธอจ้องเย่เฉินอย่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ถามอย่างประหลาดใจว่า
“รถคันนี้มาจากไหนคะ”
เย่เฉินพูดยิ้มๆ ว่า “ผมซื้อให้คุณครับ!”
“คุณซื้อเหรอคะ” เซียวซูหรันยิ่งแปลกใจ “คุณเอาเงินมาจากไหน
คะ” “เป็นเงินส่วนตัวน่ะ” เย่เฉินบอก “คุณดูสิ ผมแต่งงานเข้าบ้าน
ตระกูลเซียวมาตั้งนาน และเมือ่ แต่งงานผมก็ไม่ได้ใช้จ่ายสักหยวน
หลายปีนีก้ ินในบ้านตระกูลเซียว อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลเซียว ใช้ของ
ในบ้านตระกูลเซียว จะเก็บเงินส่วนตัวได้แปลกตรงไหน”
เซียวซูหรันพูดว่า “แต่คุณเอาเงินเก็บไปใช้จ่ายส่วนตัวก็พอแล้วค่ะ
ทำไมต้องซื้อรถราคาแพงอย่างนีค้ ะ นี่มันสี่แสนไม่ใช่เหรอ”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิม้ “คุณเป็นภรรยาของผมนะครับ เงินส่วนตัว
ของผมถ้าไม่ให้คุณใช้จะให้ใครใช้ หรือว่าจะให้เอาไปให้ภรรยาน้อย
ใช้เหรอ อีกอย่างตอนนีค้ ุณเป็นผู้อำนวยการแล้ว ถ้าไม่มีรถที่ดีๆ พอ
ถูไถสักคัน ทุกคนจะหัวเราะเยาะคุณนะครับ”
ขณะนี้ต่งรั่งหลินก็เริ่มพูดว่า “ซูหรัน เธอน่ะต้องการรถสำหรับธุรกิจ
จริงๆ นะ รถคันนีเ้ หมาะกับเธอดี จิตใจเย่เฉินมีแต่เธอ เธอควรจะมี
ความสุขนะ!”
เซียวซูหรันพยักหน้า พูดด้วยความซาบซึ้งใจอย่างมากว่า “เย่เฉิน
ขอบคุณคุณมากนะคะ!”
เย่เฉินจับมือเธอแผ่วเบา ยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมยังต้องเกรงใจสามี
มากขนาดนี้ครับ”
เมื่อพูดจบเขาก็เรียกทั้งสองคน “เราตรงไปที่รา้ นอาหารของหวังเต้า
คุนกันเถอะครับ!”
เซียวซูหรันรีบถามว่า “คุณซื้อของขวัญให้เขาแล้วเหรอคะ”
“ซื้อแล้วครับ” เย่เฉินพูด “ผมซื้อภาพวาดให้เขา”
“ภาพวาดเหรอคะ” ผมเห็นว่าเป็นภาพวาดต้นทับทิม เป็นสัญลักษณ์
แห่งความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยบุตรความมั่งคั่งและความสุข มัน
ค่อนข้างดีก็เลยซื้อน่ะ”
เซียวซูหรันเอ่ยถาม “ซื้อมาเท่าไรเหรอคะ”
“ไม่กี่พันหยวนครับ”
เซียวซูหรันพยักหน้า พูดพลางยิม้ ว่า “งั้นคุณอาจถูกคนหลอกแล้ว
ล่ะค่ะ ไม่กี่พันหยวนซื้อภาพวาดโปราณไม่ได้หรอกนะคะ”
เย่เฉินพูดยิ้มๆ ว่า “มันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือความมีน้ำใจ
ของขวัญด้อยราคาแต่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ”
เซียซูหรันพยักหน้าอย่างเห็นด้วยมากๆ และพูดว่า “คุณพูดถูก สิ่ง
สำคัญคือมิตรภาพ ตอนนีพ้ วกเราไปกันเลยเถอะค่ะ!”
บทที่ 36 แข่งขันกันงั้นเหรอ
ร้านอาหารที่เปิดใหม่ของหวังเต้าคุนอยู่ในเขตพัฒนาเมืองจินหลิง
เขตพัฒนาอยู่ห่างไกลจากเขตเมือง และมีประชากรเบาบาง เย่เฉิน
สงสัยเล็กน้อยว่าทำไมหวังเต้าคุนเลือกที่จะเปิดร้านอาหารที่นี่
แต่ได้ยินเซียวซูหรันบอกว่า ช่วงนี้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่หลาย
แห่งมาจัดตั้งฐานการผลิตในเขตพัฒนา รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่
อย่างเช่น Foxconn ก็ลว้ นเข้าร่วมด้วย ในไม่ช้าก็จะมีชวี ติ ชีวาขึน้
ดังนั้นตอนนีห้ วังเต้าคุนจึงมาเปิดร้านอาหารที่นี่ จริงๆ แล้วก็ฉลาด
อยู่มากเหมือนกัน ร้านอาหารของหวังเต้าคุน ตั้งอยู่บนถนนสายใหม่
ที่กว้างขวาง ดูเหมือนว่ามันจะไม่เล็ก มีสองชั้นบนล่าง
ร้านอาหารมีชื่อว่าเอวีย้ ไหลเรสเตอรอง ดูเหมือนจะมีแนวคิดทาง
ศิลปะอยู่หลายส่วน เมื่อเย่เฉินขับรถไปถึงหน้าประตูร้านอาหาร ตรง
ประตูมีรถจอดอยู่แล้ว มีสองสามคนกำลังสูบบุหรี่ยืนคุยกันหน้ารถ
BMW สีทอง คนเหล่านี้เย่เฉินรู้จัก ทุกคนเป็นอดีตเพื่อนร่วมคลาสใน
มหาวิทยาลัย แต่คนเหล่านี้ไม่ได้มีมิตรภาพอะไรกับตน
คนที่เป็นผูน้ ำนั้นเย่เฉินจำได้ ชื่อหวังเถิงเฟย ตอนนั้นเป็นคนรวยรุ่น
สองในคลาสที่มีชื่อเสียง คิดอยากจะแอ้มเซียวซูหรันตลอดมา
เพียงแต่เซียวซูหรันก็ไม่ได้สนใจเขาเลย ขณะนี้หวังเถิงเฟยกำลังยืน
พิงรถ BMW สีทอง รับคำเยินยอจากเพื่อนร่วมคลาส เพื่อนร่วม
คลาสชายหลายคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ BMW คันใหม่ของเขา
โห่รอ้ งชื่นชมว่า “พี่เฟยคุณนี่เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวติ
จริงๆ เพิ่งเรียนจบมาไม่เท่าไรก็ขับรถ BMW แล้ว! ดูเหมือนว่าจะเป็น
BMW540 ใช่ไหม เป็นตัวท็อป series5 ใช่หรือเปล่า”
หวังเถิงเฟยหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดว่า “พระเจ้า 540 มันแค่ไม่เกินเจ็ด
แปดแสน ไม่สำคัญหรอก”
“เฮ่ย! 540เหรอ นี่คือรถนำเข้าที่แพงที่สุดใน series5 เลยนะ!”
“นี่ ฉันคิดอยากซื้อ BMW series1 คันละสองแสนยังเงินไม่พอเลย
เทียบกับพี่เฟยแล้วมันห่างชั้นจริงๆ!”
“พี่เฟย รถคันนีก้ ำลังต้องแรงมากเลยใช่ไหม”
หวังเถิงเฟยยิ้มกริ่ม “ก็ดีๆ แรงกำลังขับเคลื่อนค่อนข้างแข็งแกร่ง
โดยทั่วไปบนท้องถนนก็ไม่พบใครที่จะเป็นคู่ต่อสู้ได้”
“มันเยี่ยมกว่าใครจริงๆ นั่นแหละ! ฉันหวังว่าจะมีรถ BMW สักคันก็
พอแล้ว วันๆ แฟนฉันเอาแต่ฉนั บ่นว่าฉันไม่มปี ัญญาซื้อรถ เบื่อจะ
ตายไม่รู้จะเบื่อยังไงแล้ว!”
ณ ตอนนี้ มีคนตาแหลม เห็น BMW อีกคันมา จึงพูดด้วยความ
ประหลาดใจ “พระเจ้า BMW คันนี้เป็นเพื่อนร่วมคลาสของเราด้วย
เหรอ”
“เฮ้ยนั่น นั่นไอ้ยาจกเย่เฉินไม่ใช่เหรอ”
“คนที่นั่งข้างคนขับเหมือนจะเป็นเซียวซูหรันนะ! แม่ง ผู้ชายที่เกาะ
ผูห้ ญิงกินก็ขับ BMW ด้วยไม่น่าเชื่อเลย ต้องสัมผัสแสงแรกของเซียว
ซูหรันไปแล้วแน่ๆ!”
หวังเถิงเฟยเห็นเย่เฉินอยู่ในรถ ก็พูดด้วยสีหน้าค่อนข้างไม่พอใจว่า
“ที่แท้ก็ไอ้ขยะนั่น! แม่ง เขาช่างโชคดีจังนะ!”
เวลานี้มีคนถามว่า “นี่ เขาขับ BMW series อะไรน่ะ”
พอดีกับที่ตอนนีเ้ ย่เฉินขับรถเข้ามาใกล้ จากนั้นก็เข้าไปจอดในช่อง
จอดรถ หวังเถิงเฟยเหลือบมอง 520 ที่ป้ายท้ายแล้วก็หัวเราะอย่าง
ดูถูกทันที “เหอะ 520 เหรอ เป็น series5 รุ่นขอทานที่ต่ำที่สุด มีแค่
ไอ้ยาจกที่ทำตัวหน้าใหญ่เท่านั้นแหละถึงจะขับรุ่นนี้!”
คนข้างๆ พยักหน้าทันทีและพูดว่า “พี่เฟย นายเป็น series5 ตัวท็อป
เขาเป็น series5 ตัวต่ำสุด แย่กว่านายตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ”
หวังเถิงเฟยส่งเสียงขึน้ จมูกเยาะเย้ย “ฉันสามารถซื้อได้ทั้งสองคัน!”
“ยังเป็นพี่เฟยทีเ่ จ๋งสุด!”
ตอนนี้เย่เฉินจอดรถสนิทดีแล้ว เซียวซูหรันกับต่งรั่งหลินลงไปก่อน
สายตาหลายคนมองตรงไปทันที และพากันกรูไปทักทาย จิตใจก็
สั่นคลอนไม่มั่นคง แม่ง เพราะอะไรตอนเรียนมหาวิทยาลัยตนไล่จีบ
เซียวซูหรันอย่างหนัก แต่เธอไม่สนใจตนเลย ตอนนี้เธอแต่งเขยเข้า
บ้าน เป็นขยะที่เกาะผู้หญิงกิน! สวรรค์ช่างตาบอดจริงๆ! คิดถึงตรง
นี้ เขาก็หัวเราะเยาะและพูดว่า “โอ้เย่เฉิน นายแต่งเข้าบ้านเซียวซูห
รัน ดูจะท่าทางโอเคดีนะ ได้ขับ BMW ด้วย! ทางบ้านซูหรันซือ้ ให้
เหรอ นายเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนรุ่นเราในการใช้ทางลัดนะ!”
เมื่อเซียวซูหรันได้ยินคำนี้ก็แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ต่งรั่งหลินที่อยู่
ข้างๆ พูดขึ้นทันที “หวังเถิงเฟย นายเข้าใจผิดแล้ว รถคันนี้ทางบ้าน
ซูหรันไม่ได้ซื้อให้ เย่เฉินเขาซื้อเอง!”
“โอ้!” หวังเถิงเฟยเบะปาก “ร้ายกาจ เริ่มขับด้วย BMW series5 ซะ
ด้วย!” เมื่อพูดจบ เขาก็จงใจยั่วเย่เฉินว่า “ฉันว่านะเย่เฉิน ในเขต
พัฒนานี่ไม่มีรถ ถนนทางเข้ากว้างและตรง หรือว่าเราทั้งคู่ขับรถแข่ง
กันเป็นไง”
เย่เฉินขมวดคิว้ มองหวังเถิงเฟยด้วยใจที่ค่อนข้างหงุดหงิด
ทำไมต้องมาหาเรื่องฉัน ฉันกับนายก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรต่อกันนะ
อีกอย่าง รถของฉันก็เร็วกว่าใครอยู่แล้วไหม ของฉันเป็น BMW760
นะ รถ BMW ที่แพงที่สุดและเร็วที่สุด นายแข่งกับฉัน มันก็เหมือนว่า
ฉันรังแกเด็กน่ะสิ หวังเถิงเฟยคิดว่าเขากลัว จึงเยาะเย้ยทันที “พระ
เจ้า ฉันว่านะเย่เฉิน ทำไมนายยังเหมือนตอนที่อยู่หาวิทยาลัย แข่งกัน
กลัวอะไร นายจะสละน้ำมันสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ ฉันเติมน้ำมันให้
นายสักถังก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ”
ต่งรั่งหลินคัดค้านอย่างค่อนข้างไม่พอใจ “นี่ หวังเถิงเฟย นาย
หมายความว่ายังไง รถของนายคือ BMW540 เย่เฉินเขาเป็น 520
แรงขับเคลื่อนต่างกันหลายระดับ วิ่งเร็วกว่าใคร นายคิดว่ามัน
ยุติธรรมเหรอ”
หวังเถิงเฟยยักไหล่และพูดว่า “รถยนต์ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเป็นหลัก!
รถดีไม่จําเป็นต้องวิ่งเร็ว ขึ้นอยู่กับทักษะและความกล้า ไม่รู้ว่าเย่เฉิน
มีความกล้าพอจะแข่งกับฉันหรือเปล่า ถ้าท้าแล้วกลัวก็ช่างเถอะ
ยังไงตลอดมาเย่เฉินก็ไม่ใช่คนกล้าสู้หน้าใครอยู่แล้วทุกคนก็รู้”
หลายคนที่อยู่ข้างๆ ก็คล้อยตามทันที “จริง กลัวก็บอกตรงๆ ไม่ต้อง
อาย” เย่เฉินไม่โกรธแต่ยิ้มแทนและบอกว่า “หวังเถิงเฟย จะแข่งก็
แข่งได้ แต่เราไม่สามารถแข่งกันปากเปล่าไหม ทันใดนั้นได้ยินเขาพูด
เรื่องการเดิมพันขึน้ มาเอง ตัดสินใจทันทีว่าเขากำลังจะตาย จึงอ้า
ปากพูดว่า “เอาแบบนีส้ ิ ถ้าใครแพ้ ต้องคุกเข่ายอมรับความพ่ายแพ้
นายคิดว่าไง”
เย่เฉินส่ายหน้า “ทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าเล่นเป็นเด็กเลย”
ขณะนี้ หวังเต้าคุนในชุดสูทออกมาพร้อมกับชุดประทัดแผ่นใหญ่ เห็น
เย่เฉินมาแล้วก็ก้าวเข้ามาพูดคุยอย่างตื่นเต้นทันที “พระเจ้าเย่เฉิน
นายมาแล้ว!”
เย่เฉินพยักหน้ายิ้มให้เขาและพูดว่า “ขอแสดงความยินดีด้วยที่นาย
เปิดร้านใหม่นะเต้าคุน”
หวังเต้าคุนพูดด้วยรอยยิม้ “ขอบคุณเพื่อน!”
เวลานี้หวังเถิงเฟยน้ำเสียงเย็นชา “เย่เฉิน นายไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง
พูดมา นายคิดจะเดิมพันอะไร”
หวังเถิงเฟยถามอย่างแปลกใจ “มันยังไงกัน พวกนายทำอะไร”
เย่เฉินยิม้ เล็กน้อย มองประทัดในอ้อมแขนของเขาและถามเขาว่า
“เต้าคุน ประทัดนี่มีกี่นัดเหรอ”“สามหมื่นนัด!” หวังเต้าคุนยิม้ และ
พูดว่า “ประทัดนี่ไม่ถูก พื้นเป็นสีแดง ใครแพ้ เอาประทัดชุดนี้ใส่ในรถ
ตัวเองแล้วจุดระเบิดมัน นายคิดว่าไง”
บทที่ 37 แพ้ไม่เป็นงั้นเหรอ
เมื่อหวังเถิงเฟยได้ยินคำพวกนี้ หัวใจก็กลัน้ ความตื่นเต้นไม่ไหว
รถของตนเป็น540 รถของเย่เฉินเป็น520 ต่อให้เขาจะล้าแทบตาย
เขาก็ไม่มีทางชนะได้ ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะกล้าเดิมพันกับตนใหญ่
ขนาดนี้!
จุดประทัดสามหมื่นนัดในรถ รถคนนั้นก็ไม่มีดี การตกแต่งภายใน
พื้นฐาน ที่นั่ง ระบบคอนโทรลทุกอย่างจะถูกระเบิดเป็นจุล
ในเมื่อเย่เฉินรนหาที่ตายเอง เช่นนั้นมันเป็นโอกาสดีที่ตนจะได้ทำให้
เขาอับอายเองฟรีๆ!
จากนั้นหวังเถิงเฟยก็พยักหน้าโดยแทบจะไม่ลังเล แล้วตะโกนว่า
“ทุกคนเป็นพยาน! ฉันกับเย่เฉินจะแข่งขันกันว่ารถของใครเร็วกว่า!
ถ้าใครแพ้จะต้องใส่ประทัดชุดนี้ในรถและจุดมัน!”
เมื่อพูดจบก็พูดอีกว่า “ถ้าใครกลับใจและเล่นสกปรก ตายเรียบทัง้
ครอบครัว!”
ผูช้ ายหลายคนที่อยู่ขา้ งๆ เริ่มเล่นด้วยทันที เพื่อนร่วมคลาสที่อยู่ชั้น
บนได้ยินเรื่องนีก้ ็พากันออกมากันหมด ผู้คนยี่สบิ ถึงสามสิบคนมา
รวมตัวกันที่ประตูเพื่อรอชมเรือ่ งสนุก
ทุกคนต่างคิดว่าเย่เฉินเป็นคนโง่ 520ยังกล้าท้า540งั้นเหรอ ถนน
สายตรง รถของใครขับได้เร็ว มันไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ทัง้ หมด
ขึน้ อยู่กับประสิทธิภาพของรถ รถ520หนึ่งคัน ต่อให้จะเป็นชูมัค
เกอร์ เป็นไปไม่ได้ที่จะแรงกว่า540 ดูเหมือนว่า รถ BMW520 ใหม่
เอี่ยมของเย่เฉิน กำลังจะกลายเป็นเศษซากโละทิง้ ในไม่ช้า!
เซียวซูหรันก็พยายามโน้มน้าวเย่เฉินว่า “เย่เฉิน คุณอย่าให้เขายั่วได้
เขาตั้งใจ อย่าไปแข่งกับเขา”
เย่เฉินยิม้ เล็กน้อย “ภรรยาวางใจ สามีของคุณจะไม่มีวันแพ้”
หวังเถิงเฟยหัวเราะฮ่าฮ่าดังลั่น “พระเจ้า เย่เฉิน ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น
ความกล้าหาญของนายฉันชื่นชมมาก! ฮ่าๆๆ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เรา
หยุดพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้ว ขับตรงไปแข่งกันเลย!”
“ได้” เย่เฉินพยักหน้าและถามเขาว่า “นายบอกสิว่าจะแข่งยังไง”
หวังเถิงเฟยชีไ้ ปตรงสี่แยกที่ปลายถนนและพูดว่า “เราเริ่มพร้อมกัน
ดูว่าใครไปถึงแยกนั้นก่อนแล้วเลี้ยวกลับ ไปกลับหนึ่งรอบ ใคร
กลับมาก่อนคนนั้นชนะ นายว่ายังไง”
เย่เฉินพูดยิ้มๆ ว่า “ไม่มีปัญหา!”
“ได้!” หวังเถิงเฟยพูดอย่างตื่นเต้น “ทุกคนเป็นพยาน เราจะเริ่มการ
แข่งขันทันที!”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็มุดเข้าไปในรถ 540 ของตัวเอง แล้วขับรถไป
ตามถนน เย่เฉินเพิกเฉยต่อการรัง้ ของเซียวซูหรัน ขับรถไปจอดข้าง
หวังเถิงเฟย ส่วนหัวของรถทัง้ สองคันอยู่ในแนวเดียวกัน
ตอนนี้ นักเรียนชายที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านคนหนึ่งหัวเราะและพูดว่า
“ฉันจะนับถอยหลังให้พวกนายเอง!”
“ดี!” หวังเถิงเฟยยิ้มและพูดว่า “พร้อมแล้วก็เริ่มเลย!”
เย่เฉินพยักหน้า แล้วเปิดโหมดสปอร์ตของ BMW760
BMW760 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 6.6 ลิตรและ 585 แรงม้า
ส่วน BMW540 คันข้างๆ ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรและ 340 แรงม้า
การปล่อยแรงดันเครื่องยนต์มขี นาดเล็กว่า 760 สองเท่า พลังงาน
ต่ำกว่า 245 แรงม้า พูดได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!
ทว่าหวังเถิงเฟยไหนเลยจะรู้ว่ารถ 520 คันนี้ของเย่เฉินแท้จริงแล้ว
เป็นตัวท็อปของ 760 เขายังคงคิดว่าตัวเองมีชัยชนะอยู่ในมือไปแล้ว
เพื่อนร่วมคลาสที่รับผิดชอบการนับถอยหลังตะโกนอย่างตื่นเต้น
“เตรียม! 3 2 1!”
เสียงเพื่อลดลง หวังเถิงเฟยก็เหยียบคันเร่งลงไปด้านล่างทันที!
เขารู้ว่าเย่เฉินแพ้แน่นอน แต่เขาอยากให้เย่เฉินแพ้อย่างย่อยยับที่สุด!
ดังนั้นตนต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!
แต่ที่เขาไม่ได้คาดคิดคือ ที่ดา้ นข้างขวามือของตน เงาดำพุ่งออกไป
อย่างรวดเร็ว ฉับพลันก็ทงิ้ ตนไว้ขา้ งหลังไกลลิบไม่เห็นฝุ่น!
เป็น BMW520 ของเย่เฉิน!
หวังเถิงเฟยแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง!
แม่งเอ๊ย!
เป็นไปได้ยังไง!
มันเป็นไปไม่ได้!
BMW520 ของเขาแค่ 184 แรงม้า ส่วนรถของตนมี 340 แรงม้า
สูงกว่าเขาเกือบสองเท่า! ทำไมเขาถึงเหนือกว่าตัวเองได้ง่ายขนาด
นี้!? พวกเพื่อนร่วมคลาสที่มุงดูสนุกสนานก็โง่เขลาไปเช่นกัน
ใครก็คาดไม่ถึง ทุกคนล้วนคิดว่าเย่เฉินต้องแพ้แน่ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะ
เหมือนลูกศรที่พุ่งออกจากสาย พุ่งแซงหน้าหวังเถิงเฟยไปฉับพลัน
และทันใดนัน้ ก็ทงิ้ เขาไว้ขา้ งหลังในเสีย้ ววินาที!
หวังเถิงเฟยยังวิ่งไม่ถึงครึ่งทาง ทุกคนก็เห็นเย่เฉินกลับรถที่ปลาย
ถนนแล้ว!
ตอนที่หวังเถิงเฟยเพิ่งจะกลับรถ เย่เฉินก็ได้ขับรถกลับไปที่จุดเริ่มต้น
แล้ว! เย่เฉินชนะ!
และชนะด้วยความได้เปรียบอย่างย่อยยับ!
หวังเถิงเฟยเพิ่งหันหัวกลับมา เห็นเย่เฉินถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ทั้งตัวก็
แทบทรุด!
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!
แม่งนี่มันเรือ่ งอะไรกัน!
เมื่อไรกันที่ BMW520 สามารถเหนือกว่า BMW540 เป็นสองเท่า
ไม่จริง! ไอ้ห่านี่ต้องปรับแต่งรถของเขาใหม่แน่ๆ!
แม่งเอ๊ย! มันเอารถดัดแปลงมาเป็นกับดักงัน้ เหรอ สมควรตาย!
เขากัดฟันขับรถกลับไปหาฝูงชน เย่เฉินปรบมือรับชัยชนะกับ
เซียวซูหรันแล้ว เพื่อนร่วมคลาสรอบๆ ล้วนตกตะลึงโง่เขลาไป จนถึง
ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ ว่าทำไม 520 ของเย่เฉินถึงเร็วขนาด
นี้ หวังเถิงเฟยหยุดรถ เขาออกจากรถมาอย่างโกรธจัดพร้อมกับ
คำรามว่า “แม่ง เย่เฉิน! นายขับรถดัดแปลงมาเป็นกับดักใช่ไหม เกม
นี้ไม่นับ พลังของรถดัดแปลงนั่นดีกว่าของฉันมาก จะมาแข่งได้ยังไง”
เย่เฉินยิม้ อย่างเย็นชา “นี่ หวังเถิงเฟย เมือ่ ครู่ตัวนายเองบอกว่าแรง
ขับเคลื่อนไม่สำคัญ ฝีมือและความกล้าหาญสำคัญกว่า ตอนนี้นาย
แพ้แล้วจะบิดพลิ้วเหรอ”
“ฉันเปล่า!”
สีหน้าของหวังเถิงเฟยมีร่องรอยตื่นตระหนก โต้แย้งข้างๆ คูๆ ว่า
“นายขุดหลุมดักกับดักฉัน ฉันไม่ได้บดิ พลิ้ว!”
ต่งรั่งหลินพูดอย่างดูถูกว่า “หวังเถิงเฟย นายเป็นคนพูดไม่เป็นคำพูด
น่าขยะแขยงจริงๆ! อย่าลืมที่เมื่อครู่นายให้คำสาบานที่ร้ายแรงเอาไว้
ว่าใครไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ต้องตายเรียบทั้งครอบครัว!”
“นั่นสิ!” แต่เดิมมีเพื่อนร่วมคลาสหลายคนรอดูเรื่องตลกของเย่เฉิน
ตอนนี้ก็เริม่ รู้สกึ ไม่พอใจหวังเถิงเฟย เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้แพ้ไม่เป็น
จริงๆ คนตัวใหญ่ บางสิ่งเลือกหยิบยกขึน้ มาเองแล้วก็ไม่กล้าจ่ายเอง
จากนั้นก็มีคนเอ่ยปากว่า “หวังเถิงเฟย นายนีม่ ันน่าเบือ่ ทุกคนได้
เห็นเป็นพยาน ตัวเองต้องการแข่งกับเย่เฉินเอง ยังบอกว่าแรง
ขับเคลื่อนไม่สำคัญ ถ้าแพ้แล้วบิดพลิ้วต้องตายเรียบทัง้ ครอบครัว
ตอนนี้ตัวเองมาบิดพลิ้วเอง เห็นได้ชัดว่านายอยากจะตายเรียบทัง้
ครอบครัวมากกว่าที่จะรักษาสัญญาการเดิมพันใช่ไหม”
“ใช่!” มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึน้ “หวังเถิงเฟย ทุกคนเคยคิดว่านายเป็น
ลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น แต่คิดไม่ถึง ไม่น่าเชื่อว่านายจะเป็นคน
ถ่อยที่กลับผิดเป็นถูกแบบนี!้ ”
ยังมีคนบอกด้วยว่า “ฉันนับว่าดูออกว่าหวังเถิงเฟยเป็นคนยังไง เขา
เป็นสุนัขสองมาตรฐาน ถ้าเย่เฉินเป็นฝ่ายแพ้ ก็เริ่มบิดพลิว้ ขี้โกงท่า
เดียว เป็นขยะจริงๆ!”
หวังเถิงเฟยหน้าเขียวทีสลับหน้าขาวที พูดจากใจ รถคันนีเ้ ขาเพิ่งซื้อ
มาไม่ถึงเดือน รวมๆ แล้วใช้เงินไปมากกว่าเจ็ดแสนหยวน
ถ้าโยนชุดประทัดสามหมื่นนัดเข้าไปจุดจริง รถคันนี้ต้องยับเยินแน่!
นี่คือรถคันโปรดของตน ปกติแล้วแม้แต่รอยขีดข่วนเล็กน้อยก็ไม่มี
ฝุ่นผงก็ไม่อนุญาตให้ปรากฏ แล้วจะยอมโยนประทัดเข้าไปจุดได้
อย่างไร แต่เพื่อนร่วมคลาสจำนวนมากมองตนอยู่ เห็นได้ชัดว่า
ตอนนี้ตนสูญเสียความนิยมไปแล้ว ถ้าตนยังบิดพลิว้ ต่อไป ต่อจากนี้
พวกเพื่อนร่วมคลาสจะไม่โอเคกับตนอีกแน่
ถึงขัน้ ยังจะบอกว่าตนแพ้แล้วขี้โกงบิดพลิ้ว ยอมจะแบกรับคำแช่ง
ที่ว่าตายเรียบทัง้ ครอบครัวและไม่รักษาสัญญาการเดิมพัน
คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจเขาก็สั่นไหว ถ้าไม่จุดประทัด ตนต้องชื่อเสียงพัง
พินาศ! เวลานี้ จู่ๆ เย่เฉินก็เอ่ยปากพูดขึน้ ว่า “หวังเถิงเฟย ทุกคน
ล้วนเป็นเพื่อนร่วมคลาส ล้อเล่นกันไม่ต้องจริงจัง รถของนาย
ค่อนข้างแพง ถ้าไม่เต็มใจจะจุด ก็ไม่ต้องจุด”
หวังเถิงเฟยถอนหายใจโล่งอกทันที แต่เพื่อนร่วมคลาสรอบๆ ต่าง
ทยอยกันวิพากษ์วิจารณ์ทันที “พระเจ้า! เย่เฉินช่างใจกว้างจริงๆ ดู
หวังเถิงเฟยสิ ด่าออกมาอย่างโกรธจัดว่า “ใครแม่งบอกว่าฉันแพ้ไม่
เป็น เอาประทัดมาให้ฉัน ในเมื่อกูกล้าเดิมพัน แน่นอนว่าก็ต้องแพ้
เป็น!”มุมปากเย่เฉินยกยิม้ กับร่องรอยแสดงออกว่าแผนสำเร็จ..
บทที่ 38 มันจบแล้ว
หวังเถิงเฟยในเวลานี้เสียสติสัมปชัญญะไปหมดแล้ว เขาไม่อยากอยู่
ต่อหน้าเพื่อนร่วมคลาสแล้วถูกไอ้ขยะเย่เฉินนั่นบดขยี้ จากนั้นเขาก็
มุ่งมั่น เอาชุดประทัดจากมือของหวังเต้าคุน แล้วโยนมันเข้าไปในรถ
ของตัวเอง หลังจากนั้น เขาหยิบไฟแช็กขึน้ มา จับฟิวส์ของประทัด
แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “พวกนายดูฉันให้ดี! ฉันไม่ใช่คนที่แพ้ไม่เป็น!
ไม่ต้องขอความเห็นใจจากเย่เฉิน!”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็จุดไฟทันที!
ประทัดระเบิดในฉับพลัน ระเบิดกระจุยกระจายในรถ!
ตอนแรกยังสามารถเห็นแสงไฟในรถ แต่ในไม่ช้า ในรถก็เต็มไปด้วย
ควันสีขาว เสียงประทัดระเบิดดังต่อเนื่อง ทำให้ในหัวใจของหวัง
เถิงเฟยกระอักเลือด แต่ทำให้นักเรียนที่มุงดูสนุกสนานตื่นเต้นกัน
มาก นักเรียนหลายคนเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่ออัดคลิปวิดีโอไว้
อยู่นานแล้ว เตรียมรอจะโพสต์ทุกขั้นตอนลงติ๊กต็อกในไม่ช้า เพื่อให้
ชาวเน็ตได้เห็นการแสดงที่หาดูได้ยากนี้ ประทัดสามหมื่นนัดยังคง
ระเบิดอยู่อย่างต่อเนื่อง ระเบิดเบาะที่นั่ง BMW540 อย่างรวดเร็ว ที่
นั่งภายในเต็มไปด้วยฟองน้ำจำนวนมาก ทุกอย่างล้วนเป็นวัตถุไวไฟ
ด้วยการเผาไหม้ของประทัดดินปืน เปลวไฟก็สว่างวาบขึ้นทันที
ทุกคนไม่คาดคิดว่าประทัดจะทำให้รถติดไฟได้ และควันสีขาว
คละคลุ้งเต็มไปหมด ไม่มีว่แี ววว่าจะเกิดไฟไหม้เลย แต่ว่าจนเมื่อ
ประทัดเกือบจะระเบิด เมื่อควันเริ่มกระจาย เปลวไฟภายในก็ปะทุ
ขึน้ มาอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นรถทั้งคันก็จมในทะเลเพลิง!
เพื่อนร่วมคลาสในเหตุการณ์ต่างส่งเสียงร้องตกใจ หวังเถิงเฟยโพล่ง
ออกมาด้วยความหวาดกลัว “แม่งเอ๊ยดับไฟสิ ดับไฟเร็ว!”
เขาคิดว่าอย่างมากประทัดก็ระเบิดแค่เบาะที่นั่ง ภายในถูกระเบิด ตน
เสียค่าใช้จ่ายไม่กี่หมื่นมันก็ไม่มาก ถึงขั้นหลายแสนเอาไปฟื้นฟูรถก็
สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แต่ไม่คิดเลยสักนิดว่าประทัดจะทำ
ให้ไฟไหม้รถ! เขาตะโกนให้ดับไฟ แต่ไม่มีใครมีวิธชี ่วยเขาดับไฟในรถ
ได้ เขารีบโทรหา 119 เอง จากนั้นก็มองรถคันโปรดไฟลุกโชนโหม
กระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ อย่างสิ้นหวัง จนในที่สุดก็จมลงไปในทะเลเพลิง
เมื่อรถดับเพลิงมาถึง BMW540 ก็ไหม้จนเหลือแต่โครงแล้ว
จากโครง ถึงขั้นมองไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันเคยเป็น BMW
หวังเถิงเฟยล้มลงกับพื้น มอง BMW ที่รักของเขากลายเป็นขีเ้ ถ้าด้วย
ความสิน้ หวัง หัวใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหลือคณานับ
ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ ให้ตายยังไงก็จะไม่เริม่ ไปท้าทายเย่เฉินและ
ขอแข่งกับเขา มันไม่เพียงแต่จะเสียหน้า แต่ยังเสียรถด้วย...
บนใบหน้าหวังเต้าคุนไม่มีการแสดงออก แต่ในใจรู้สึกขำมาก ยก
นิ้วโป้งให้เย่เฉินเงียบๆ จากนั้นเขาก็พูดกับหวังเถิงเฟยว่า “เถิงเฟย
คุณก็อย่าเศร้าไปเลย ใกล้ถงึ เวลาแล้ว ทำไมเราไม่ไปทานอาหารกัน
ก่อนล่ะ” ตอนแรกหวังเถิงเฟยคิดหาเหตุผลที่จะจากไป แต่ลองคิดดู
ดีๆ แบบนีม้ ันง่ายเกินไปสำหรับไอ้สารเลวเย่เฉิน!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพราะเย่เฉินรถของตนถึงได้เป็นขยะ ดังนั้นสนาม
นี้ ตนต้องเอาคืนถึงจะพอ!
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน และแสร้งพูดอย่างใจเย็นว่า “ฉันมีอะไรที่ต้อง
เศร้า ยินดีเล่นพนันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ่เท่านั้น”
เพื่อนร่วมคลาสหลายคนก็ทยอยเข้ามาคล้อยตาม “พี่เฟยรวยขนาด
นี้ BMW จะสำคัญอะไรล่ะใช่ไหม”
“ใช่ อย่างที่พ่เี ฟยพูดมา มันก็แค่รถขนส่งทั่วไป”
ทุกคนรู้ว่าหวังเถิงเฟยต้องการหน้า จากนั้นจึงไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้
อีก ตามหวังเต้าคุนไปเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีเปิด
ที่รา้ น ในห้องโถงมีโต๊ะหลายตัวตั้งไว้ บนเวทีเล็กๆ ข้างหน้า ยังมีแบน
เนอร์แขวนปาร์ตี้ฉลองการเลี้ยงรุ่นเพื่อนร่วมคลาส และแบนเนอร์
ฉลองการเปิดร้านอาหารด้วย บรรดาเพื่อนร่วมคลาสมากมายทยอย
กันให้ของขวัญ เย่เฉินหยิบภาพวาดโบราณที่เขาซื้อมาด้วย แล้วเดิน
ไปตรงหน้าหวังเต้าคุนและพูดว่า “ยินดีดว้ ยนะเต้าคุง นี่คือของขวัญ
เล็กๆ น้อยๆ จากเราทั้งคู่”
เซียวซูหรันก็ยมิ้ และพูดว่า “หวังเต้าคุน ยินดีด้วยนะ ขอให้คุณเงิน
ทองไหลมาเทมา”
“ขอบคุณครับขอบคุณมาก” หวังเต้าคุนรีบเอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็
โน้มตัวเข้าไปข้างหูเย่เฉิน และพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน “ฉันเห็นนาย
กับดาวห้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทแนบแน่นกันมาก ไม่เหมือน
อย่างที่คนภายนอกพูดกัน เมือ่ ไรจะมีลูกล่ะ”
เซียวซูหรันได้ยินที่ทั้งสองคนกระซิบกัน จึงหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้
เย่เฉินจึงพูดด้วยรอยยิม้ ว่า “นายหยุดนินทาได้แล้ว มีเมื่อไรฉันจะ
บอกนาย นายไม่ให้เงินไม่ได้นะ!”
“ได้เลยๆ” ดอกไม้ดอกหนึ่งที่แต่งหน้าเข้มจัด หญิงสาวหน้าตา
ธรรมดามาข้างๆ หวังเต้าคุน เปิดปากถามว่า “เต้าคุน สองคนนีใ้ คร
เหรอ”
“คนนี้คือเพื่อนซีม้ หาวิทยาลัยของผม เพื่อนสนิท เย่เฉิน! คนนี้เป็น
ดาวประจำมหาวิทยาลัยเราเซียวซูหรัน ตอนนี้เป็นภรรยาเย่เฉิน”
หลังจากหวังเต้าคุนแนะนำทั้งสองคนจบ มีการแนะนำผู้หญิงข้าง
กายด้วยว่า “คนนี้คือคู่หมั้นของฉัน หลิวลี่ล่”ี
“ฮะ? เขาก็คือคนที่เกาะผูห้ ญิงกิน...”
หลิวลี่ลี่โพล่งออกมา แต่ในไม่ช้าก็ได้สติว่าพูดไม่ดีไป จึงรีบเปลี่ยน
คำพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันได้ยินหวังเต้าคุนพูดถึงพวกคุณ ทั้งสองคน
ทั้งสวยทั้งหล่อเลยค่ะ!”
เย่เฉินแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ส่งภาพวาดโบราณให้หลิวลี่ล่แี ละพูดว่า
“นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากเรา”
หลิวลี่ลี่พูดด้วยรอยยิม้ “โอ้ มาก็พอแล้ว ยังต้องให้ของขวัญอะไรล่ะ
คะ” พูดแบบนั้นแต่กลับรีบยึดของขวัญไป
เย่เฉินพูดว่า “พวกคุณสองคนกำลังยุ่ง พวกเราไปหาที่นั่งก่อน”
“ได้” หวังเต้าคุนพูดขอโทษ “ขอโทษด้วยนะเย่เฉิน มีเพื่อนร่วมคลาส
มากมายที่ต้องทักทาย” ฝ่ายเย่เฉินกับเซียวซูหรันเพิ่งเดินไป หลิวลี่ก็
รีบเปิดของขวัญของเย่เฉินทันที เมื่อพบว่าเป็นม้วนภาพวาดก็ขมวด
คิว้ และพูดว่า “ที่เพื่อนร่วมคลาสของคุณให้มาคืออะไร”
หวังเต้าคุนพูดว่า “มองไม่ออกเหรอ ก็ภาพวาดไง!”
“ชิ” หลิวลี่ล่เี บะปากอย่างดูถูก คลี่เปิดแล้วเหลือบตามองดูและพูด
ว่า “ของเส็งเคร็ง ทัง้ เก่าทั้งเน่า ฉันเดาว่ามันมีมูลค่าแค่หนึ่งถึงสอง
ร้อยหยวน” หวังเต้าคุนพูดอย่างจริงจัง “คุณจะสนใจอะไรกับจำนวน
เงิน เพื่อนร่วมคลาสให้มา สิ่งของเบาแต่หนักน้ำใจ”
หลิวลี่ลี่พูดว่า “ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันขอบอกคุณนะ ต่อไปเพื่อน
ร่วมคลาสแบบนี้สุงสิงให้น้อยลง ทัง้ สองคนให้ขยะแบบนี้ ยังไม่พอ
จ่ายค่าอาหารที่พวกเขากินเลย!”
หวังเต้าคุนสีหน้าไม่พอใจ “หลิวลี่ลี่ คุณเป็นคนหัวสูงเลือกปฏิบัติ
ขนาดนี้เลยเหรอ”
แล้วหลิวลี่ล่กี ็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “หวังเต้าคุน คุณพูดอะไร ฉันเป็น
คนหัวสูงเลือกปฏิบัตงิ ั้นเหรอ ถ้าฉันหัวสูงเลือกปฏิบัติจริง ยังจะหา
คนยากจนอย่างคุณเหรอ คุณอย่าลืมนะ เงินส่วนใหญ่ในร้านอาหาร
นี้เป็นพ่อฉันลงทุน”
หวังเต้าคุนมีท่าทางค่อนข้างกระอักกระอ่วน แต่ฉับพลันก็ไร้คำพูดไร้
คำตอบ
ตอนนี้ หวังเถิงเฟยเดินไปหาทัง้ สองคน เขาฟื้นตัวจากเรื่องรถไหม้
เมื่อครู่นมี้ ากแล้ว เริ่มแสดงท่าทางกร่างขึ้นมาอีกแล้ว
มาถึงหน้าทั้งสองคน เขายื่นส่งซองแดงหนาเตอะให้ตรงๆ และพูด
เสียงบางเบาว่า จึงให้แค่ซองแดงซองใหญ่ง่ายๆ แก่นาย”
หลิวลี่ลี่ขอบคุณพร้อมกับรับมันไปด้วย มือบีบดูก็รวู้ ่าอย่างน้อยต้อง
เป็นหมื่นหรือน้อยกว่าไม่เท่าไร จึงรีบพูดสอพลอทันที “พระเจ้า
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
หวังเถิงเฟยโบกมือและถามเธอว่า “ผมเห็นเมื่อครู่เย่เฉินก็มาให้
ของขวัญแล้วเหรอ เขาให้อะไรครับ”
หลิวลี่ลี่ย้มิ เยาะและพูดว่า “ภาพวาดค่ะ ไม่รู้ว่ามันมาจากตลาดมือ
สองไหม เดาว่าก็แค่หนึ่งหรือสองร้อยหยวนล่ะมั้ง!”
หวังเถิงเฟยยิ้มอย่างเย็นชา “สุดท้ายยาจกก็คือยาจก!”
บทที่ 39 สร้างภาพเก่ง
เย่เฉินกับเซียวซูหรันและต่งรั่งหลินนั่งอยู่ด้วยกัน หวังเถิงเฟยตามมา
นั่งข้างๆ ต่งรั่งหลิน ทันทีท่นี ั่งลง เขาก็ถามต่งรั่งหลินด้วยรอยยิม้ ว่า
“รั่งหลิน ผมได้ยินว่าครั้งนี้คุณมาที่เมืองจินหลิง มาทำงานที่ตเี้ หา
กรุ๊ปเหรอ”
ต่งรั่งหลินพยักหน้า “ฉันเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง”
หวังเถิงเฟยพูดด้วยรอยยิม้ ว่า “บังเอิญจัง พ่อผมก็อยู่ในตี้เหากรุ๊ป
เป็นรองผู้จัดการทั่วไปของแผนกหนึ่ง ถึงเวลาแล้วผมจะให้เขาดูแล
คุณให้มาก”
ทันทีท่พี ูดออกมา หลายคนที่โต๊ะก็โห่ร้องอย่างตกใจ “พี่เฟย พ่อของ
นายเป็นรองผูจ้ ดั การทั่วไปของตี้เหากรุ๊ปเหรอ” “ใช่” หวังเถิงเฟย
พยักหน้าและพูดว่า “เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว”
มีคนรีบชื่นชมว่า “เงินเดือนรองผู้จัดการทั่วไปหลายล้านหยวนต่อปี
ใช่หรือเปล่า ยอดเยี่ยมมาก! ไม่สงสัยเลยว่าทำไมครอบครัวนายมี
เงินมาก!”
หวังเถิงเฟยพูดด้วยรอยยิม้ ว่า “หลายล้านเป็นแค่ค่าจ้างเท่านั้น
ตำแหน่งของพ่อฉันมีอำนาจมาก และยังมีรายได้อื่นๆ เข้ามาด้วย
ตอนนี้ต้ีเหากรุป๊ กำลังทำโปรเจกต์โรงแรม หลังจากโครงการนั้นเสร็จ
สิ้น พ่อของฉันสามารถสร้างรายได้อย่างน้อยสิบหรือยี่สิบล้าน”
เพื่อนร่วมคลายที่นั่งตรงข้ามเขารีบสอบถาม “พี่เฟย ฉันก็อยากเข้าตี้
เหากรุ๊ป ส่งประวัติส่วนตัวไปหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อเลย
นายสามารถพูดกับคุณลุงได้ไหม ดูว่าสามารถแนะนำฉันให้หน่อยได้
หรือไม่” หวังเถิงเฟยพยักหน้าและพูดอย่างสดชื่นว่า “ได้ เดี๋ยว
กลับไปจะส่งประวัติของนายไปที่วแี ชทให้ แล้วจะพิมพ์ทักเขาไป”
เย่เฉินขมวดคิว้ อย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าปรากฏว่าพ่อของหวัง
เถิงเฟยเป็นผูบ้ ริหารระดับสูงของตี้เหากรุ๊ป
นี่มีจุดที่น่าสนใจ เช่นนั้นตนจะส่งข้อความให้หวังตงเสวี่ยน ให้เธอ
ปลดพ่อของหวังเถิงเฟยออก
ดังนั้นเขาจงใจถามว่า “หวังเถิงเฟย ในเมื่อพ่อของนายอยู่ตเี้ หากรุ๊ปก็
แสดงว่ามีความสามารถมาก แล้วทำไมนายไม่เข้าไปที่นั่นล่ะ”
หวังเถิงเฟยยิ้มเยาะอย่างดูถูก “นายจะรู้อะไร ฉันเข้าตี้เหากรุป๊ มันไม่
มีความหมาย ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไม่สามารถปกปิดได้ การ
เข้าไปมีแต่จะถูกจับตามองตลอดเวลา”
เมื่อพูดอย่างนัน้ แล้วหวังเถิงเฟยก็พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “ดังนั้นฉัน
จึงไม่พิจารณาตี้เหากรุ๊ปเลย ตอนนีฉ้ ันมีบริษทั วัสดุก่อสร้าง เมื่อถึง
เวลานั้นฉันจะร่วมมือกับตี้เหากรุ๊ปผ่านพ่อของฉัน จะได้รับรายการ
จัดหาวัสดุก่อสร้างของตีเ้ หากรุ๊ป”
“โอ้โห!” มีคนอุทาน “งั้นนายจะไม่ทำเงินได้กอ้ นใหญ่เลยเหรอ”
หวังเถิงเฟยส่งเสียงเยาะ “ก็คงงั้น จากนี้อีกหนึ่งปี น่าจะได้เป็น
พันล้าน” พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็จงใจถามเย่เฉินว่า “เย่เฉิน ตอนนี้
นายทำงานอะไร ไม่ใช่ว่าหลังจากแต่งเข้าบ้าน ก็เพียงแค่ซักผ้า
ทำอาหารหรอกนะ”
คนในโต๊ะล้วนระเบิดเสียงหัวเราะ เย่เฉินเอ่ยบางเบา “ทุกวัน
นอกจากซักผ้าทำอาหารแล้ว ยังต้องรับส่งภรรยาทำงาน นวดหลัง
ให้ภรรยา ชีวิตมีความสุขไม่มีที่สนิ้ สุด”
หวังเถิงเฟยปอดจะระเบิด ไอ้เลวนี่ ไม่อยากเชื่อว่าจะทำหน้าทำตา
ท่าทางเป็นธรรมชาติ ช่างหน้าหนาจริงๆ!
เขาระงับความโกรธและพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคีย้ วฟันว่า “เย่เฉิน คิดไม่
ถึงว่านายเกาะผู้หญิงกินแล้วยังกินอย่างสบายใจมีความสุขอีกนะ!”
“แล้วมันไม่ควรเป็นอย่างนั้นเหรอ” เย่เฉินพูดอย่างไร้ยางอาย “ฉัน
ไม่ได้ขโมยไม่ได้ปล้นใคร เกาะผู้หญิงกินด้วยความสามารถ ทำไมจะ
สบายใจมีความสุขไม่ได้”
เพื่อนร่วมคลาสโดยรอบมองอย่างโง่เขลา พวกเขาเคยเจอคนไร้
ยางอาย แต่ไม่เคยเจอคนไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน! แต่ประเด็นคือ
ในจิตใจทุกคนก็ยังอิจฉามาก!
เพราะถึงอย่างไรเซียวซูหรันก็สวยมากจริงๆ สามารถเกาะผู้หญิงกิน
ที่เป็นถึงระดับเทพธิดา เป็นสิ่งที่คนจำนวนมากใฝ่ฝัน!
อิจฉาริษยาเกลียดชัง!
หากมีโอกาสรับใช้ใกล้ชดิ สาวงามอย่างเซียวซูหรัน เป็นลูกเขยที่แต่ง
เข้าแล้วสำคัญอะไร เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าก็เป็นคนที่ประสบ
ความสำเร็จในชีวิต!
หวังเถิงเฟยแทบกระอักตาย ในเวลานี้ จู่ๆ ภรรยาของหวังเต้าคุนก็
ก้าวขึ้นเวที หลังจากเธอขอบคุณทุกคนด้วยรอยยิม้ บนใบหน้าแล้วก็
พูดว่า “ขอบคุณค่ะสำหรับของขวัญมากมายที่มอบให้เราวันนี้ ทำให้
ฉันกับเต้าคุนประทับใจมาก เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อทุก
คน เราตัดสินใจที่จะประกาศรายละเอียดของของขวัญที่นี่สักหน่อย
เพื่อขอบคุณทุกคนอีกครั้ง”
ในเมื่อวันนีเ้ ป็นวันเปิดงาน โดยธรรมชาติแล้วการนำเสนอของขวัญ
เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เดิมทีหวังเต้าคุนไม่อยากทำแบบนี้ แต่ในความ
เป็นจริงเขาพูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้หลิวลี่ลี่ทำเรื่องหยาบ
คายตามอำเภอใจ แต่เพื่อนร่วมคลาสหลายคนกลับไม่แปลกใจ
เพราะทุกคนมีจิตใจที่ชอบเปรียบเทียบโอ้อวด ลำดับต่อไปใครให้
อะไรทุกคนล้วนจะได้เห็น สามารถตัดสินได้ว่าเพื่อนร่วมคลาสเก่ามี
สถานะทางสังคมอย่างไรหลังจากจบไป จากนั้นหลิวลี่ลี่ก็เริ่ม
เรียกชื่อ
“ขอบคุณเพื่อนร่วมคลาสจางเจี๊ยสำหรับซองแดงพันหยวน!”
“ขอบคุณเพื่อนร่วมคลาสหวังเป้ยสำหรับทองแท่งหนึ่งคู่!”
“ขอบคุณเพื่อนร่วมคลาสสวีโอโอสำหรับปี่เซียะหยกหนึ่งตัว!”
“ขอบคุณเพื่อนร่วมคลาสหวังเถิงเฟยสำหรับซองแดงหนึ่งหมื่น
หยวน!”
ของขวัญสองสามชิน้ แรก ไม่ว่าจะเป็นซองแดงหรือของขวัญ ส่วน
ใหญ่มีมูลค่าประมาณหนึ่งพันหยวน ทันใดนั้นก็มาถึงหวังเถิงเฟย
ทันทีท่ใี ห้ซองแดงหนึ่งหมื่นหยวน เพื่อนร่วมคลาสทุกคนก็ตกใจกัน
ฉับพลัน
แค่ฉลองการเปิดเท่านั้น ก็ให้ซองแดงหนึ่งหมื่นหยวน ช่างโอ้อวดเล่น
ใหญ่เหลือเกิน!
หลายคนมองหวังเถิงเฟยอย่างตกใจ ยกย่องความใจกว้างของเขา
อย่างมาก หวังเถิงเฟยก็หน้าตาภูมิอกภูมิใจ ดูเหมือนว่า ตนจะได้
ชนะในหมู่เพื่อนร่วมคลาสอย่างง่ายดาย ขณะนี้หลิวลี่ล่พี ูดอีกว่า
“ขอบคุณเย่เฉิน และคู่สมรสเซียวซูหรันสำหรับภาพวาดเก่า!”
ทันทีท่พี ูดออกมา ทุกคนก็ต่างพากันหัวเราะเยาะ
ภาพวาดงัน้ เหรอ มีค่าแค่หนึ่งร้อยหยวนหรือไม่
ทั้งสองคนขี้เหนียวเกินไปหรือเปล่า หวังเต้าคุนเปิดร้านอาหาร จัด
งานเลี้ยงหรูหรา ค่ากินต่อหัวก็หลายร้อนหยวนแล้ว พวกคุณทั้งสอง
มาสวาปามอาหารฟรี แต่ให้แค่ภาพเก่าเนีย่ นะ ไม่กลัวจะถูกคน
หัวเราะเยาะหรืออย่างไร หวังเถิงเฟยหัวเราะเย็นชาและเยาะเย้ยว่า
“เย่เฉิน นายสามารถซื้อ BMW520 ได้ แถมยังสามารถใช้จ่ายไปกับ
การปรับแต่งได้ ทำไมเพื่อนร่วมคลาสเก่าเปิดร้านอาหาร แต่นายให้
แค่ของโกโรโกโสไร้สาระแบบนี”้
เย่เฉินยิม้ บางและพูดว่า “นายไม่รู้ที่มาของมัน แล้วทำไมถึงบอกก่อน
ว่ามันเป็นของโกโรโกโส”
หวังเถิงเฟยหัวเราะเยาะและพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไร
แค่อยากซื้อของเก่าปลอมๆ โทรมๆ เพื่อแสร้งทำว่าเป็นของดี จึงทำ
ให้คนยากจะรู้ว่ามูลค่าเท่าไรกันแน่!”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็ยกตนข่มท่านอีกว่า “นายพูดความจริงมา นาย
ซื้อภาพวาดเก่านั่นมาเท่าไร ร้อยหรือว่าแปดสิบ”
เย่เฉินยิม้ เล็กน้อย “ภาพวาดนั่นมีมูลค่าสูงกว่าสิ่งที่ทุกคนให้ในวันนี้”
“ฮ่าๆๆๆ!” หวังเถิงเฟยนำการหัวเราะลั่นก่อนใคร “นายนี่มันขี้โม้โดย
ไม่คิดเลยนะ! ฉันให้ซองแดงหนึ่งหมื่น แถมที่นี่ยังมีเพื่อนร่วมคลาส
อีกกว่ายี่สิบคน แต่ละคนเป็นพันหรือมากกว่าสองหมื่น ความหมาย
ในคำพูดนาย หรือจะบอกว่าภาพวาดนั่นของนายมีมูลค่ามากกว่า
สามหมื่นงั้นเหรอ”
เย่เฉินยิม้ “ที่นายพูดมามันยังน้อยไป”
“ก๊ากฮ่าๆ!”
สิ่งนี้ทำให้เพื่อนร่วมคลาสทุกคนหัวเราะลั่น ทุกคนรู้สกึ ว่าเย่เฉินคนนี้
ช่างสร้างภาพเก่งจริงๆ!
ให้ของอะไร นายถึงกล้าพูดไร้สาระขนาดนีอ้ อกมาได้ ภาพวาดเก่า
มูลค่าหลายหมื่นงั้นเหรอ นายแม่งกำลังหลอกใคร
เวลานี้หลิวลี่ล่บี นเวทียิ่งดูถูกในใจมากขึน้ สอบถามอย่างอยากรู้
อยากเห็นว่า “เพื่อนร่วมคลาสเย่เฉิน ไม่ทราบว่าภาพวาดโบราณที่
คุณให้เป็นของใคร มีมูลค่าถึงหลายหมื่นเลยเหรอ”
เย่เฉินเอ่ยบางเบา “จิตรกรราชวงศ์ชิงคนหนึ่ง ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมาก
นัก” หลิวลี่ลี่หัวเราะฮ่าฮ่า “โอ้บังเอิญจัง พ่อของฉันเป็นผูป้ ระเมินค่า
โบราณวัตถุ เขาชื่อว่าหลิวเยว่เซิน ผูเ้ ชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุหลิว
เยว่เซินน่ะเหรอ ฉันจำคนคนนัน้ ได้ เคยขึน้ CCTVด้วย เขาเป็นพ่อของ
คุณเหรอ”หลิวลี่ลี่พูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ผดิ ค่ะ เป็นพ่อของฉัน ตอนนี้เขา
อยู่ชั้นบน หรือฉันจะเชิญให้เขาลงมาชื่นชมภาพวาดโบราณที่เพื่อน
ร่วมคลาสเย่เฉินมอบให้เอาไหม”
หวังเถิงเฟยลุกขึ้นยืนและพูดเสียงดังลั่นว่า “งั้นคุณหลิวลี่ลี่ก็ให้คุณ
ลุงลงมาเลย ช่วยให้พวกเราได้ชื่นชมซาบซึ้งในศิลปะ ถ้ามูลค่า
ภาพวาดของเย่เฉินเกินกว่าของขวัญทัง้ หมดที่มีในวันนี้ ผมหวังเถิง
เฟยจะกินโต๊ะนีท้ ันที!”
บทที่ 40 ถูกตบหน้าอีกครั้ง
เมื่อได้ยินว่าพ่อของหลิวลี่ลี่เป็นผูเ้ ชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุ เพื่อน
ร่วมคลาสทุกคนในเหตุการณ์ก็ส่งสายตาเหยียดหยามและเห็นใจต่อ
เย่เฉิน พวกเขารูส้ กึ ว่าเย่เฉินช่างโชคร้ายจริงๆ อยากสร้างภาพ
ปรากฏว่าต้องพบกับผู้เชี่ยวชาญระดับบุคคลสำคัญ นี่ไม่ใช่ว่าตัวเอง
ตบหน้าตัวเองหรอกหรือ ถ้าอีกเดี๋ยวพ่อของหลิวลี่ลี่หลิวเยว่เซินลง
มา เขาไม่ใช่ว่าอายเสียยิ่งกว่าอายหรอกหรือ เซียวซูหรันเองก็อาย
เล็กน้อย กระซิบกับเย่เฉินว่า “เย่เฉิน เพื่อนร่วมคลาสหลายคนดูอยู่
นะ คุณอย่าปากแข็งเลย ไม่อย่างนั้นจะน่าอายมากเลยนะ!”
ก่อนที่จะมา เย่เฉินได้บอกเรื่องเกี่ยวกับที่ซื้อภาพวาดแล้ว แต่เขา
บอกว่ามันราคาไม่เท่าไร ตอนนีม้ าบอกว่ามูลค่าหลายหมื่น เซียวซูห
รันก็ค่อนข้างไม่มั่นใจขึน้ มาฉับพลัน รู้สึกว่าเย่เฉินอาจจะโกหกเพื่อ
เอาหน้า ทว่าเย่เฉินไม่สนใจสักนิด เริ่มพูดว่า “ในเมื่อพวกนายไม่เชื่อ
งั้นก็ให้ผเู้ ชี่ยวชาญมาระบุให้แน่ชัดไปเลย”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็พูดอีกว่า “จริงสิ ทุกคนอย่าลืมล่ะ เพื่อนร่วม
คลาสหวังเถิงเฟยให้ตายก็ไม่สำนึกผิด ยังจะสาบานอีก ครัง้ นี้ตอ้ งกิน
โต๊ะ”
หวังเถิงเฟยคิดถึงเรื่องที่รถถูกเผาเมื่อครู่ จึงด่าอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยว
ฟันว่า “เย่เฉิน นายแม่งอวดดีให้มันน้อยๆ หน่อย! เรื่องแข่งรถเมื่อครู่
เป็นฉันที่ถูกนายครอบงำ! ฉันเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้! ครัง้ นี้กูก็
ยินดียอมรับความพ่ายแพ้เหมือนเดิม ถ้าภาพวาดที่นายให้มีมูลค่า
นับหมื่นจริง กูก็จะยอมกินโต๊ะ! แต่ถ้ามันไร้ราคา นายจะกินไหมล่ะ”
เย่เฉินพยักหน้าและพูดว่า “ได้ ถ้ามันไร้ราคา ฉันกินก็ได้”
ภาพวาดนั้นถึงแม้ไม่ใช่ภาพวาดที่มีชื่อเสียงอะไร แต่ที่จริงแล้วเป็น
ผลงานของหวงเสิน้ จิตรกรแห่งราชวงศ์ชิง และร้านขายของเก่าแห่ง
นั้นเป็นเครือข่ายระดับประเทศ มีการรับประกันของแท้ ไม่ใช่ของแท้
ชดใช้สิบเท่า เพราะฉะนั้นภาพวาดนีจ้ ึงไม่สามารถเป็นของปลอมได้
เซียวซูหรันอยากห้ามเย่เฉิน แต่ไม่มีปฏิกิรยิ าตอบสนองเลย และเย่
เฉินก็ตกลงไปแล้ว จึงหมดหนทาง ดังนั้นจึงแอบถอนหายใจคนเดียว
ต่งรั่งหลินก็ค่อนข้างประหลาดใจ ทำไมเย่เฉินถึงได้มั่นใจนัก
ที่จริงแล้วเมื่อดูให้ดๆี คนคนนีย้ ังคงลึกลับ วันนั้นที่เทียนเซียงฝู่ ท่าน
หงห้าผูโ้ ด่งดังก้มหัวให้เขาอย่างคาดไม่ถึง มันเพราะอะไรกันแน่ เธอ
ยังไม่เข้าใจมาโดยตลอด แต่ในใจเธอก็มั่นใจ ว่าตัวตนเย่เฉินต้องมี
ความลับบางอย่างแน่!
หวังเถิงเฟยรู้สึกว่าในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะดึงเมืองกลับคืนมา
โพล่งออกมาทันที “ดี ทุกคนเป็นพยาน เราให้หลิวลี่ล่เี ชิญพ่อของ
เธอลงมาสักครั้ง ช่วยเราประเมินให้แน่ชัด!”
หลิวลี่ลี่ต่อสายโทรออกโดยตรงต่อหน้าทุกคน พูดว่า “คุณพ่อคะ
คุณลงมาที่นี่ครู่หนึ่งค่ะ เพื่อนร่วมคลาสของเต้าคุนให้ภาพวาดมา
ภาพหนึ่ง อยากรบกวนให้คุณมาตรวจสอบหน่อยค่ะ”
หนึ่งนาทีต่อมา ชายชราคนหนึ่งก็เดินช้าๆ ลงมาจากบันไดชั้นสอง
บุคคลนี้คือผู้เชี่ยวชาญการประเมินโบราณวัตถุหลิวเยว่เซิน
วันนี้เป็นวันเปิดร้านอาหารของลูกสาวกับลูกเขยในอนาคตของหลิว
เยว่เซิน เขาจึงเชิญเพื่อนเก่ามาด้วย อยู่ด้วยกันในห้องส่วนตัวชั้นบน
ได้ยินว่ามีภาพวาดโบราณที่ต้องประเมิน ทันทีท่นี ิสัยมืออาชีพเกิดขึ้น
จึงรีบลงมาดู หลิวเยว่เซินก้าวเดินขึ้นเวที หลิวลี่ลี่รบี ยื่นของขวัญที่
เป็นภาพวาดให้เขา แล้วพูดว่า “คุณพ่อคะ คุณพ่อรีบประเมินภาพนี่
หน่อยค่ะ มีคนบอกว่ามันมีมูลค่าหลายหมื่น!”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็มองไปยังเย่เฉินด้วยสีหน้าดูถูก
ยาจกที่เกาะผู้หญิงกิน ให้ภาพวาดโบราณหลายหมื่นหยวน ใครจะ
เชื่อ
ไม่ต้องเดาก็รู้ ภาพวาดต้องเป็นของปลอมแน่นอน!
คนอื่นๆ ก็คิดเหมือนกับเธอ ไม่มีใครเชื่อว่าเย่เฉินจะสามารถให้
ภาพวาดหลายหมื่นได้ หลิวเยว่เซินรับกล่องของขวัญไป ท่ามกลาง
สายตาของสาธารณชน ดึงเอาม้วนออกมาแล้วเปิดมันอย่าง
ระมัดระวัง ภาพวาดโบราณเป็นสีเหลืองบางส่วน มันดูต่ำต้อยด้อย
ค่ามาก เพื่อนร่วมคลาสหลายคนที่ชอบตัดสินจากรูปลักษณ์
ภายนอกพูดว่า “โอ้พระเจ้า ดูแล้วไม่เหมือนของดีอะไรเลย!”
“นั่นสิ ฉันดูแล้วราคาแค่ห้าสิบหยวนเท่านั้นแหละ”
“เดาว่ามันยังไม่คุ้มค่ากับกล่องนั่นเลยว่าไหม กล่องนั่นน่าจะราคา
เจ็ดสิบแปดสิบ!”
หลิวเยว่เซินพิจารณาภาพวาดอย่างละเอียดครู่หนึ่ง หลังจากดูไม่กี่
นาที ถึงได้ยมิ้ และถามว่า “ภาพวาดนีเ้ พื่อนร่วมคลาสของเต้าคุนให้
มาเหรอ” “ใช่ค่ะ” หลิวลี่ลี่พูดว่า “และยังเป็นเพื่อนสนิทตอน
มหาวิทยาลัยด้วยค่ะ!”
เมื่อพูดคำนี้ ที่หลิวลี่ล่คี ิดอยู่ในใจก็คือ เย่เฉินเป็นเพื่อนสนิทกับหวัง
เต้าคุน แต่ให้ขยะมูลค่าไม่ถึงร้อยหยวน จะให้คุณพ่อของฉันเปิดเผย
คุณต่อหน้าสาธารณชนเดี๋ยวนีเ้ ลย!
แต่ทว่า ใครก็ไม่คาดคิด หลิวเยว่เซินกลับถอนหายใจและพูดว่า “ดู
เหมือนเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ เลยนะ ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่ดีมาก ใคร
จะยินดีมอบของล้ำค่าเช่นนี้”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนีก้ ็ต่างตกตะลึงพรึงเพริด!
นี่มันสถานการณ์อะไร ของล้ำค่าเหรอ ขยะนี่เป็นของล้ำค่ามากเลย
เหรอ หวังเถิงเฟยคิดในใจว่า ของล้ำค่าแม่มึงสิ! มึงไปถนนโบราณ
เพื่อซือ้ ดอกไม้ปลอม ฉี่ใส่แล้วทำให้มันเก่าจนดูว่าเป็นภาพเหมือน
จริงยิ่งขึ้น!
ขณะนี้หลิวเยว่เซินพูดอย่างจริงจัง “นี่คือผลงานที่แท้จริงของหวง
เสิน้ จิตรกรในราชวงศ์ชิง ถึงแม้หวงเสิน้ ไม่ถือว่าเป็นจิตรกรที่มี
ชื่อเสียงมากนัก แต่ก็เป็นหนึ่งในจิตรกรที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง เป็น
หนึ่งในแปดประหลาดของหยางโจว!”
พูดอย่างนั้นแล้วหวังเยว่เซินก็พูดอีกว่า “ภาพวาดนีฉ้ ันสันนิษฐานว่า
ราคาซื้อขายในตลาดอยู่ที่ประมาณมากกว่าสองแสนหยวน”
“มากกว่าสองแสน!” หลิวลี่ลี่โง่เขลาไปเลย เธอคิดว่าของสิ่งนี้ไม่คมุ้
ร้อยหยวนด้วยซ้ำ ใครจะไปคิดว่ามันจะมีมูลค่ามากกว่าสองแสน!
หวังเต้าคุนก็ตกตะลึงไปเช่นกัน โพล่งออกมาว่า “พระเจ้า! เย่เฉิน
นายให้ของล้ำค่าขนาดนีก้ ับฉันได้ยังไง! มันแพงเกินไป...”
เย่เฉินพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เต้าคุน มันเป็นแค่เรื่องของจิตใจ ไม่ต้อง
สนใจเรื่องราคาให้มากนักหรอก”
หวังเต้าคุนสะเทือนใจมาก คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเพื่อนสนิทใน
มหาวิทยาลัยจะจริงใจมากขนาดนี้อย่างไม่น่าเชื่อ!
หวังเถิงเฟยหน้าตาอึ้งตกตะลึง นี่มันสถานการณ์อะไร ขยะนี่มมี ูลค่า
มากกว่าสองแสนงั้นเหรอ มันมีมูลค่ามากกว่าสองแสน ไอ้ห่าแม่ง นี่
มันบ้าอะไรวะเนี่ย เพื่อนร่วมคลาสทุกคนก็ตกใจ คราวนี้ ใครก็ไม่
กล้าดูถูกเย่เฉินอีกแล้ว! เพราะสุดท้ายแล้วเขาเป็นคนที่มอบภาพวาด
โบราณมูลค่ามากกว่าสองแสนให้เป็นของขวัญโดยไม่คิดมาก!
ในใจทุกคนอิจฉาหวังเต้าคุนจนเกือบตาย!
สุดยอดจริงๆ! ได้ของขวัญราคาแพงเช่นนีใ้ นงานเปิด ลงทุนน้อยแต่
ได้กำไรมาก!
ตอนนี้หลิวลี่ลี่ตกใจมาก เปลี่ยนมุมมองต่อเย่เฉินใหม่ทันที
พ่อของตนอยู่ระดับไหน ใจเธอรู้ดีท่สี ุด ในเมื่อพ่อตนบอกว่าภาพวาด
มีมูลค่ามากกว่าสองแสน เช่นนั้นมันก็มูลค่าตามนั้นแน่นอน!
โอ้สวรรค์! เพื่อนร่วมคลาสของหวังเต้าคุนมอบของขวัญที่ราคาแพง
เช่นนี้ ความโอ้อวดนีไ้ ม่ใช่ว่าใหญ่มากหรอกหรือ!
คิดถึงตรงนี้ เธอก็มองเย่เฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแสงดาวเปล่ง
ประกาย เซียวซูหรันถามด้วยความไม่เข้าใจ “เย่เฉิน ภาพวาดนี้คุณ
จ่ายไปเท่าไรกันแน่”
เย่เฉินยิม้ เล็กน้อยแล้วกระซิบว่า “ที่จริงแล้วไม่ได้จ่ายไปมากนัก
สาเหตุหลักคือภาพวาดนั่นเป็นคนรู้จักขายให้ผม เขาก็เลยลดให้
ดังนั้นจึงคิดราคาถูกให้ผม”
เซียวซูหรันอดจะพูดไม่ได้ว่า “ภาพมากกว่าสองแสน ขายให้คุณไม่กี่
พันหยวน ยังมีคนดีแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ”
เย่เฉินพูดบางเบาว่า “ที่จริงมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ให้ความสำคัญ
กับเรื่องเงินขนาดนั้น ผมก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ไม่อย่างนั้นผมจะ
มอบภาพวาดนีใ้ ห้เต้าคุนเหรอ”
เซียวซูหรันพยักหน้าเบาๆ ที่เย่เฉินพูดนั้นไม่ผิด ถ้าเงินสำคัญมาก ก็
จะไม่มีใครให้ของแพงเช่นนี้ ดูเหมือนว่า ถึงแม้ว่าสามีของตนจะไม่ได้
โดดเด่น แต่จิตวิญญาณนั้นสูงส่ง!
ขณะนี้เย่เฉินลุกขึน้ ยืน มองหวังเต้าคนที่กำลังหน้าตาตืน่ ตระหนก
ลุกลี้ลุกลน จึงถามยิ้มๆ ว่า “เพื่อนร่วมคลาสหวังเถิงเฟย โต๊ะนี่นาย
จะกินยังไง จะเอาปากกัดกินโดยตรง หรือจะให้เอามีดมาสับเป็นชิน้ ๆ
ให้นายกินทีละชิน้ ดี”
บทที่ 41 ไว้หน้ากันนิดนึงไม่ได้เหรอ
หวังเถิงเฟยคิดอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ!
แม่ง!
บ้าอะไร!
วันนี้ออกจากบ้านไม่ดูวันเหรอ ทำไมถึงได้โดนไอ้บา้ เย่เฉินเอาแต่เล่น
งานซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ได้?
อยากจะฆ่าตัวเองให้ตายที่คิดไม่ถึงว่า ภาพนีจ้ ะมีราคาจริงๆ แถมยัง
สูงถึง2หมื่นกว่าหยวนเลย!
แต่ว่า ตัวเองนั้นได้พูดออกไปอย่างมั่นใจแล้ว แล้วตอนนี้จะทำไงดี?
หรือว่าต้องกินโต๊ะจริงๆ เหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอกนะ!
รถถูกไปเผาไปแล้วก็ได้แต่ปล่อยให้ไหม้ไป แต่ก็ยังซื้อคันใหม่ได้ แต่
ว่าโต๊ะนีส้ ิ จะกินได้ยังไง?
มันกินไม่ลงจริงๆ หรือถึงเวลาต้องจบเกมแล้ว
ตอนนี้คนอื่นก็พากันหัวเราะเยาะเขา : “โธ่ หวังเถิงเฟย นายเองนะที่
บอกจะกินโต๊ะ ตอนนี้คงไม่คิดจะเสียใจหรอกใช่มั้ย?”
“ใช่ ทุกคนรอดูการแสดงของนายอยู่นะ!”
ไม่รู้ว่าใครตบโต๊ะ : “หวังเถิงเฟย เริ่มการแสดงของนายได้แล้ว!”
สีหน้าของหวังเถิงเฟยเริ่มไม่ดแี ล้ว พลางหลุดพูดออกมา : “เพื่อนๆ
ทุกคน ตอนนี้พวกนายไม่เห็นต้องตอกย้ำกันขนาดนี้?”
“ตอกย้ำเหรอ” เย่เฉินหัวเราะพลางพูดขึ้น : “เรื่องนี้แกเป็นคนหา
เรื่องขึน้ มาเอง ทุกคนก็แค่อยากจะสนองตามความต้องการของแก
ทำไมถึงกลายเป็นการตอกย้ำได้ล่ะ?”
หวังเถิงเฟยรู้แล้วว่าวันนี้เขาไม่มีทางรอดไปได้ จึงทำได้แค่สงบสติ
อารมณ์ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสำนึก : “เมื่อกี้ฉันวู่วามไป
หน่อย ไม่ได้คดิ ให้รอบคอบ ฉันขอโทษนะเย่เฉิน และก็ขอโทษทุกคน
ด้วย หวังว่าทุกคนจะยอมยกโทษให้”
พอเห็นว่าเขาดูอ่อนข้อลง ทุกคนต่างพากันตะลึงงัน นี่มันใช่หวังเถิง
เฟยเหรอ? เขารูจ้ ักกลัวเป็นตอนไหน? แต่ว่าเขาเองก็ไม่มีทางเลือก
อื่นแล้ว แล้วจะทำไงได้?
ถ้าหากไม่ยอม ก็ต้องได้กินโต๊ะแล้ว และยังเป็นของที่เขาไม่มที างจะ
กินอยู่แล้ว ดังนั้น ทางเดียวที่ทำได้คือการยอมเท่านั้น พอยอมแล้ว
ถึงจะสามารถข้ามผ่านสถานการณ์นี้ไปได้
และก็เป็นอย่างที่คดิ พอเขายอมอ่อนลง ก็มีนักเรียนพูดขึน้ : “โธ่
หวังเถิงเฟยยอมรับผิดนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกอย่างทุกคนก็คงไม่
บีบบังคับให้เขากินโต๊ะจริงๆ หรอกนะ ฉันว่าปล่อยไปเถอะ!”
“จริงด้วย ปล่อยไปเถอะ! การกินโต๊ะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ทุกคน
ยังไม่ได้กินข้าวกันเลย พวกเรามากินข้าวกันเถอะ!”
เย่เฉินเองก็รู้ดี ว่าเขาไม่มีทางกินหรอก แต่ว่าตอนนีเ้ ขาก็ยอมสำนึก
แล้ว มันก็บรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้วด้วย ให้เขาได้โดนซะบ้าง
ชอบทำคนอื่นต้องโดนเอาคืนบ้าง แต่ว่าเขาโดนแค่เท่านี้เอง โดนเอา
คืนแค่นี้มันยังไม่สาสม ตอนนีย้ ังเป็นแค่การเริ่มต้น ต่อไปยังมีเรื่องที่
หนักกว่านีร้ ออยู่ ดังนั้นเขาเลยพูดขึ้น : “ในเมื่อหวังเถิงเฟยยอม
สำนึกแล้ว งั้นเรื่องกินโต๊ะก็ถือว่าแล้วๆ ไป วันนี้ถือเป็นวันมงคลของ
การเปิดร้านอาหารของเต้าคุน งั้นก็อย่าทำให้ทุกคนต้องเสีย
บรรยากาศจะดีกว่า!”
หวังเถิงเฟยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ในใจนั้นแทบอยากจะฆ่าเย่
เฉินให้ได้ซะตอนนี้ เพื่อระบายความแค้นที่มีในใจ
เย่เฉินเองก็ไม่ได้คดิ จะปล่อยเขาไป เขาส่งข้อความไปหาหวังตง
เสวี่ยน : “ในบริษัทมีรองประธานคนไหนแซ่หวังมีลูกชายชื่อหวังเถิง
เฟย ค้นหาให้หน่อย”
ไม่นานหวังตงเสวี่ยนก็ตอบกลับทันที : “มีรองผูป้ ระธานคนหนึ่งชื่อ
หวังตงไห่ มีลูกชายชื่อ หวังเถิงเฟย มีอะไรหรือเปล่าประธานต่ง มี
อะไรจะมอบหมายเหรอ?”
เย่เฉินตอบกลับ“ไล่เขาออกซะ ให้เขาออกจากงานตอนนี้”“ได้!”
ตอนนี้หวังเถิงเฟยยังไม่รู้ว่าพ่อตัวเองนั้นจะถูกไล่ออกจากตีเ้ หากรุ๊ป
และกำลังทำสัญญาเลิกจ้างอยู่ ในที่สุดสภาวะอึดอัดของเขาก็ผ่านไป
เขาจึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมา แต่ภายในใจเขากลับครุ่นคิด ว่าเขา
ต้องหาโอกาสเอาคืนเย่เฉินให้สาสม!
และที่สำคัญก็คือ เขาต้องหาวิธีกหู้ น้าเขาจากนักเรียนคนอื่น ไม่
อย่างงั้นเรื่องที่เขาโดนเย่เฉินเล่นงานถึงสองครั้ง หลังจากนี้จะสูห้ น้า
นักเรียนคนอืน่ ๆ ยังไง?
ตอนที่เขาไม่รู้วา่ จะหาวิธีอะไรมากู้หน้าตัวเองนั้น หน้าประตู
ร้านอาหารก็มีเสียงเอะอะโวยวายขึ้น ทุกคนต่างพากันหันไปมอง
และก็เห็นพวกนักเลงหัวไม้พรวดเข้ามา แต่ละคนต่างมีรอยสัก แถม
ในมือยังถือกระบองที่ทำจากเหล็กพวกนั้นมาด้วย แค่เห็นก็รู้แล้วว่า
ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งด้วย
พอเห็นนักเลงพวกนั้นบุกเข้ามา แล้วเขาก็กวาดสายตามองไปรอบ
ห้องอาหาร หลังจากนั้นเขาก็ชไี้ ปที่หวังเต้าคุน พลางหัวเราะออกมา
: “เจ้านาย การเปิดร้านเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่กลับไม่บอกเราสักคำ
หรือว่ามองไม่เห็นความเป็นพี่น้องอย่างเราเลยเหรอ?”
สีหน้าของหลิวลี่ล่ซี ีดขาวขึน้ มาทันที พลันฉีกยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น :
“พวกนาย……พวกนายต้องการอะไร?”ตอบกลับมาทัน
ก่อนที่จะเปิดร้านนั้น หลิวลี่ล่ไี ด้ยินมาว่าที่น่มี ีนกั เลงที่คอยเก็บค่า
ดูแล ดังนั้นเจ้าของร้านคนก่อนก็ถูกแต่พวกนี้มารังควาน จนเขาต้อง
เซ้งร้านนีท้ ันที แต่หลิวลี่ลี่กลับรู้สึกว่า มันดูสงบดี คนพวกนั้นจะกล้า
มาหาเรื่องกันกลางวันแสกๆ แบบนี้เหรอ? ดังนั้นหล่อนจึงเซ้งที่นี่ต่อ
แล้วก็เลยเตรียมการเปิดร้าน แต่คิดไม่ถึงว่า พอเปิดร้านปุ๊ป นักเลง
พวกนี้ก็เข้ามาทันที!
ชายหน้าบากหัวเราะพลันพูดขึน้ : “ถ้าต้องการทำธุรกิจที่น่ี แน่นอน
ว่าต้องบอกกล่าวพี่เปียวของพวกเรา พวกเราเองก็ไม่ได้อยากได้
อะไรมาก ขอแค่ส่วนแบ่งสัก20% ก็พอ และหลังจากนีพ้ วกเราจะ
เป็นคนคุ้มครองที่น่เี อง”
พอพูดแบบนั้น ชายหน้าบากก็ทำน้ำเสียงเยือกเย็นลง : “แต่ถ้าหาก
พวกแกไม่ยอม ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ และวันนี้พวกแกต้องปิด
ร้านซะ!”
พอได้ยินข้อต่อรองแบบนี้ หวังเต้าคุนกับหลิวลี่ลี่ต่างพากันหน้าถอด
สีทันที อ้าปากมาก็บอกอยากได้ส่วนแบ่งถึง 20%!
นี่มันปล้นกันชัดๆ!
“ฉันให้เวลาพวกแกตัดสินใจหนึ่งนาที”
ทันใดนั้นหวังเถิงเฟยก็รู้สึกว่า โอกาสของเขามาถึงแล้ว!
ดังนั้นเขาจึงออกมา พลันพูดขึ้น: “พวกแกรวมหัวกับใครห้ะ?”
ชายหน้าบากหัวเราะแล้วถามขึ้น : “แกเป็นใคร ฉันเข้าไปยุ่งกับเรื่อง
ของแกเหรอห้ะ?”
หวังเถิงเฟยสบถแล้วพูดขึ้น : “จะบอกให้นะ พ่อฉันเป็นคน
ประชาสัมพันธ์ของเครือจินหลิง! ฉันจะโทรไปถามพวกเขาให้เขต
บุกเบิก!” ชายหน้าบากหันไปมองเย่เฉินเลิกลั่ก แล้วถามขึน้ : “แก
รู้จักพวกเขาเหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” หวังเถิงเฟยพูดเสียงแข็ง : “ถ้าไม่อยากตายก็ให้
รีบไสหัวไป!”
ชายหน้าบากขมวดคิ้ว : “ได้ ถ้าหากแกหาคนที่แกพูดมาเจอละก็
ร้านนี้ฉันจะไม่มาเหยียบอีก แต่ถ้าแกหาไม่เจอละก็ งัน้ ก็อย่าโทษว่า
ข้าไม่เกรงใจ!”
หลิวลี่ลี่พูดขึน้ ด้วยน้ำเสียงกังวล : “พี่เฟย พี่ช่วยฉันติดต่อพวกเขา
หน่อยนะ ขอร้องล่ะ!”
หวังเถิงเฟยหัวเราะออกมาเบาๆ : “วางใจได้ พี่จะโทรหาพวกเขา
ตอนนี้!”
ตี็เหากรุ๊ปก็มีเป้าหมายในการขยายพื้นที่ และยังเป็นหน้าที่ของพ่อ
หวังเถิงเฟยด้วย ดังนั้นหัวหน้าที่ขยายพื้นที่ก็รู้จักกับพ่อของเขาไม่
น้อยเลย แล้วเขาเองก็พอจะรู้จกั อยู่บ้าง
เขาหยิบโทรศัพท์ขนึ้ มาโทรทันที พลางจงใจทำเสียงสูง : พลางพูดขึน้
“เถิงเฟย เกิดเรือ่ งอะไรขึน้ เหรอ?”
หวังเถิงเฟยพูดขึ้น : “ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่เปิดร้าน แล้วมาเจอกับ
พวกนักเลงรีดไถเงิน ดังนั้นจึงอยากถามหัวหน้าหลี่ว่าได้ดูแลเรื่อง
นี้มั้ย?”
ทางนั้นทำเสียงเสียใจ พลางพูดขึน้ ด้วยความละอายใจ : “ขอโทษ
ด้วยนะเถิงเฟย เรื่องที่คุณบอกเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องของผม ตอนนี้ผม
ประชุมอยู่ งั้นขอวางสายก่อน”
เขาไม่รอให้เถิงเฟยได้พูดอะไร พลันตัดสายทันที
หวังเถิงเฟยทำหน้างงทันที มันเกิดอะไรขึน้ ? ก่อนหน้านี้หัวหน้าหลี
ไม่ใช่ว่าคอยคลุกคลีกับพ่อ แล้วยังอยากให้พ่อไปร่วมลงทุนด้วยไม่ใช่
เหรอ? ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย?
หวังเถิงเฟยจะรู้ได้ยังไง ว่าข่าวของพ่อเขานั้นทีถ่ ูกกำจัดออกจากตี้
เหากรุ๊ป ได้แพร่งพรายในกลุ่มของผู้นำจินหลิงแล้ว!
บทที่ 42 คุณชายเย่ ผมผิดไปแล้ว
หวังเถิงเฟยไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไร ดังนั้นจึงรูส้ ึกร้อนรุ่มภายในใจ
ตอนนี้นักเรียนหลายคนต่างก็จับจ้องเขา เขาทำได้แค่กัดฟันกรอด
แล้วติดต่อหาคนอื่น เขาโทรไปหาคนที่รับผิดชอบสำนักสันติบาล
ระดับเขตอีกครั้ง คนนี้ก็รจู้ ักกับพ่อของเขาอยู่ไม่น้อย
พอโทรติด หวังเถิงเหยก็พูดขึน้ ทันที : “ผูอ้ ำนวยการเฉิน นี่ผมเอง
หวังเถิงเฟย ผมเจอปัญหาที่เขตบุกเบิกเกี่ยวกับ……”
หวังเถิงเฟยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง อีกฝั่งนั้นพูดขึน้ อย่างประหม่า
: “เถิงเฟย พวกนั้นเป็นคนของเปียวจื่อ เขาเป็นคนของท่านหงห้า
ทางที่ดีอย่าไม่ยุ่งกับเรื่องนี้เลยนะ”
หวังเถิงเฟยถามขึน้ : “คุณจะไม่ช่วยเลยเหรอ?”
อีกฝั่งเลยตอบว่า“ตำแหน่งของท่านหงห้านั้น คุณเองก็น่าจะรู้จกั ดี
นะ” หวังเถิงเฟยเองก็รู้สกึ หวั่นเล็กน้อย พลางพูดขึน้ : “แล้วคุณ
สามารถช่วยพูดเพื่อรักษาหน้ากับเขาบ้างได้หรือเปล่า?”
อีกฝั่งยิ้มแห้งพลางพูดขึ้น : “อันนี้ผมช่วยไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะ”
หวังเถิงเฟยพูดขึน้ อย่างฉุนเฉียว : “ผูอ้ ำนวยการเฉิน ผมจำได้ว่าคุณ
อยากให้กลุ่มบริษัทบริจาครถตำรวจให้คุณไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคุณ
ไม่อยากได้แล้ว?”
อีกฝั่งตอบกลับมาทันที อย่างไม่เกรงใจ : “หวังเถิงเฟย พ่อของคุณ
ถูกไล่ออกแล้ว คุณไม่รู้เหรอ?”
“ไล่ออก!? เรื่องเกิดขึ้นตอนไหน?”
“ครึ่งชั่วโมงก่อน!”
และเขาก็พูดขึน้ อีก : “คุณคิดให้ดกี ่อนค่อยพูดจะดีกว่านะ”
พูดจบ เขาก็ตัดสายทันที!
ชายหน้าบากหันไปมองเขาที่ดูท่าทางอึ้งๆ พลางหัวเราะเยาะ :
“ทำไม? หาไม่ได้เหรอ?”
หวังเถิงเหยกำลังจะพูดขึ้น โดยที่ไม่คิดว่าชายหน้าบากจะตบเข้าที่
ใบหน้าตัวเอง จนเขาถึงกับเซล้มทับโต๊ะเก้าอี้ล้มเป็นหน้ากอง!
ทุกอย่างพังลงทลาย!
สีหน้าทุกคนต่างขาวซีด แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางเขาไว้
“แกกล้าตบฉันเหรอ?”
หวังเถิงเฟยจับหน้าตัวเอง ใบหน้าที่ขาวใสของเขาแสดงความโมโห
ขึน้ มาอย่างชัดเจน “ฉันตบแกแล้วมันทำไม?”
ชายหน้าบากหัวเราะออกมาอย่างสะใจ แล้วก็ถีบเข้าที่ท้องของหวัง
เถิงเฟย จนเขาล้มไปกองที่พื้น พลันขึน้ ไปคร่อมแล้วทุบตีอย่างหนัก!
หวังรนหาที่เฟยถูกตีจนร้องอวดครวญ แต่ว่าในเวลาอย่างนี้นนั้ ไม่มี
ใครที่จะช่วยเขาได้เลย ผ่านไปไม่นาน เขาถูกตีเหมือนหมูเหมือนหมา
มีเลือดอาบเต็มใบหน้า ดูแล้วน่าหวาดกลัวอย่างมาก
เขาถูกตีจนหัวหด ทัง้ ร้องไห้ทั้งร้องขอชีวติ : “พี่ พี่ ผมผิดไปแล้ว!
อย่าตีผมเลยนะ!”
“ผิดไปแล้วงัน้ เหรอ?” ชายหน้าบากสบถแล้วพูดขึ้น : “ผิดแล้วก็พอ
เหรอ? อย่ามาเสแสร้งกับฉัน ฉันไม่ตีแกให้ตาย ต่อไปจะมีหน้าอยู่ได้
ยังไง?” พูดเสร็จ เขาก็หันไปพูดกับคนอื่น : “แม่ง ตีมันให้ตาย!”
คนทั้งกลุ่มต่างรุมเข้าไป แล้วก็รุมเตะหวังเถิงเฟยทันที!
บางคนก็ใช้กระบอกเหล็กฟาดลงไปที่ตัวเขา ตอนนีส้ ถานการณ์นั้นดู
น่าอนาถมาก พอเห็นว่าหวังเถิงเฟยถูกตีปางตายแล้ว ชายหน้าบาก
ก็เดินมาด้านหน้าของหวังเต้าคุน แล้วพูดเสียงข่มขู่ “เพื่อนของแก
โดนไป ตอนแรกมีแค่สองขา แต่ตอนนี้กลายเป็นสี่ขาแล้ว! ถ้าหากแก
ไม่รับปากละก็ แกก็จะเป็นแบบนั้น!”
หวังเต้าคุนกระวนกระวายใจทันที แต่ว่า พอพูดว่าอยากได้ส่วนแบ่ง
หนึ่งในสี่ของตัวเอง นั่นก็เท่ากับว่าตัวเองต้องทำงานให้เขาอย่างนั้น
ไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นเขาจึงพูดขึน้ ด้วยความกล้า : “ถ้าจะให้ฉันเป็น
แบบนัน้ งั้นแกไม่สู้ฆ่าฉันเถอะ!”
ชายหน้าบากขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นเสียงยากเย็น : “ได้! งัน้ ฉันจะ
สงเคราะห์ให้!”
พูดจบ เขาก็ดึงมีดปลายแหลมออกมาจากกระเป๋า
ทุกคนต่างตกใจจนนิ่งไป นักเรียนหญิงต่างพากันกรีดร้องขึน้
เย่เฉินเห็นว่าปลายมีดกำลังจะฟันลงที่มือของหวังเต้าคุน เขาจึงพูด
ขึน้ ทันที : “ทิง้ มีดนั่นซะ!”
ชายหน้าบากหันมาอย่างฉุนเฉียว พลางสบถด้วยคำด่า : “ใครยัง
อยากจะรนหาที่ตายอีก?”
พอหันไปเห็นเย่เฉิน สายตาของเขาก็ดูเหมือนกำลังครุ่นคิด หลังจาก
นั้นก็กลายเป็นหวาดกลัว มีเสียงของตกลงที่พื้น แล้วเขาก็พลัน
คุกเข่าลง!
และตอนทุกคนยังไม่ทันได้สตินั้น “ขอโทษด้วยครับคุณชายเย่! ผมมี
ตาแต่ไม่มีแวว ไม่เห็นว่าคุณอยู่ที่นี่!”
เย่เฉินชะงักไปนิดหน่อย พลางหันไปมองชายหน้าบาก : “แกรู้จักฉัน
เหรอ?” ชายหน้าบากพยักหน้าอย่างเร็วและพูดขึ้น : “คุณชายเย่ ผม
เป็นลูกน้องของพี่เปียว เคยเห็นคุณที่เทียนเซียงฝู่……”
เย่เฉินเข้าใจทุกอย่างทันที ที่แท้ก็เป็นแบบนีน้ ี่เอง วันนั้นคนที่มาหา
เรื่องหวังเหวินเฟยกับเซียวไห่หลงก็คือลูกน้องของท่านหงห้า
ที่ชื่อเปียวจื่อและคนนี้ก็เป็นลูกน้องของเปียวจื่อ มิน่าล่ะ พอมองเห็น
เขาแล้วถึงกับหวาดกลัวเลยทันที ขนาดหงห้ามองเห็นเขายังเข่าอ่อน
เลย ประสาอะไรกับลูกน้องของหงห้า……
เพื่อนในห้องต่างพากันอึง้ ทึ่งไปหมด! หลิวลี่ลี่เองก็นิ่งเหมือนตัวเอง
อยู่ในฝัน ทุกคนต่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมกลุ่มนักเลงป่าเถื่อนแบบนี้ ที่
ขนาดหวังเถิงเฟยยังถูกตี จะมาคุกเข่าให้กับคนอย่างเย่เฉิน! แถมยัง
มีท่าทีว่าหวาดกลัวเขามากด้วย?
เซียวชูหรันเองก็มองอย่างงงๆ พลางถามขึน้ : “นี่มันเรื่องอะไร? นาย
รู้จักเขาเหรอ?”
เย่เฉินกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดว่าเขาไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งนี้ จึงรีบ
พูดขึ้น: “ฉันไม่รู้จักพวกมัน!”
ชายหน้าบากเห็นเช่นนั้น จึงรีบพูดขึ้น : “ไม่รู้จักไม่รู้จัก! ฉันไม่รู้จัก
คุณชายเย่ คุณชายเย่ก็ไม่รู้จักฉันด้วย ฉันแค่ได้ยินชื่อเสียงของ
คุณชายเย่เท่านัน้ และก็เคารพ……”
การยกยอคนแบบนี้มันช่าง……
เคารพเย่เฉินเหรอ?
ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น เหมือนกับว่าเป็นภาพ
จินตนาการ!
ชายหน้าบากรีบหันไปพูดกับหวังเต้าคุนทันที : “คุณเป็นเพื่อนของ
คุณชายเย่ งั้นหลังจากนี้ที่นี่ผมจะเป็นคนดูแล แต่ไม่เก็บค่าดูแลจาก
พวกคุณ! ถ้ามีเรื่องอะไร ผมจะช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับคุณ
เอง!” พอเขาพูดออกมาแบบนั้น ทุกคนต่างพากันอึ้ง!
หลิวลี่ลี่เองก็ตะลึงจนแทบจะร้องไห้ ฟ้าดินนี่ก็ช่างเปลี่ยนไปจนน่า
ตกใจมาก! เป็นเพราะบารมีของเย่เฉิน เธอถึงไม่ต้องเสียส่วนแบ่ง
40% ให้เขา และที่สำคัญ ชายคนนีเ้ พื่อไม่ให้บาดหมางกับเย่เฉิน ยัง
ยินยอมมาคุม้ กันร้านให้โดยไม่คิดเงินอีก!
และครัง้ นี้เธอก็สบายใจในการทำธุรกิจแล้ว!
เย่เฉินช่างเป็นผู้มีพระคุณจริงๆ หวังเต้าคุนรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก
พลางพูดขึ้น : “เย่เฉิน เรื่องนี้ตอ้ งขอบใจนายมากๆ เลยนะ”
เย่เฉินยิม้ ๆ : “ยังจะมาขอบใจทำไมกัน นายก็เกรงใจเกินไปแล้ว”
ชายหน้าบากหันไปเห็นหวังเถิงเฟยที่ถูกตีปางตาย ก็พลันพูดขึ้นอย่าง
หวาดกลัว : “ขอโทษด้วยครับคุณชายเย่ ผมจัดการเพื่อนคุณ……”
เย่เฉินพูดขึน้ เสียงธรรมดา : “ไม่เป็นไร เขาไม่ใช่เพื่อนฉัน แค่คนรู้จัก
เท่านั้น แล้วก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรมากด้วย”
พูดเสร็จ แล้วเขาก็พูดต่อ : “พวกนายพาเขาไปส่งโรงพยาบาลเถอะ
เดีย๋ วจะมีปัญหาในการเปิดร้าน”
ชายหน้าบากพยักหน้ารับ : “งั้นพวกเราจะพาเขาไปส่งโรงพยาบาล
ตอนนี้! จากที่ดูถูกเขาก็กลายเป็นตะลึง จากตะลึงก็กลายเป็นเคารพ
ไม่มีใครรูว้ ่า ทำไมเขาถึงมีอำนาจมากขนาดนี้ คนที่เกาะเมียอย่างเขา
ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!
ในงานเลีย้ ง ทุกคนต่างเข้ามาพูดคุยกับเย่เฉิน และหนึ่งในนั้นก็
รวมถึงหลิวลี่ล่ี คนที่ดูถูกเขาคนแรกๆ เลย ตอนนี้หลิวลี่ลี่ได้ให้ความ
เคารพกับเย่เฉินมากขึน้ พลางขอบคุณอย่าง แล้วยังเสนอการกินฟรี
ตลอดในร้านให้เขาอีก แต่เขากลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้ สิ่งที่เขาทำลงไป
ในวันนี้นั้น ได้ทำให้มีสสี ันขึน้ มาอย่างลึกลับ!
ทุกคนต่างอยากรู้ ว่าคนที่เกาะเมียอย่างเขานัน้ มีฐานะอะไรกันแน่?
บทที่ 43 คนที่มานั้นไม่ได้มาดี
เซียวชูหรันก็รู้สกึ สงสัยกับเรื่องที่เกิดขึน้ วันนี้เหมือนกัน
อันแรกคือBMW520 ของเย่เฉิน ทำไมถึงแรงกว่าBMW540ของ
หวังเถิงเฟยถึงเท่าหนึ่ง?
และก็รูปเก่าๆ ของเย่เฉินที่มีมลู ค่าหลายแสนหยวน!
แล้วยังเรื่องที่ทำไมเขาถึงรู้จักกับคนพวกนี้อกี แถมคนพวกนี้ยังต้อง
เกรงใจเขามากด้วย ขณะกำลังกลับนัน้ เย่เฉินก็ได้อธิบายกับเธอ
อธิบายกับเธอ เขาบอกเซียวชูหรันว่า BMW520 คันนี้ ร้าน 4Sได้
ดัดแปลงระบบติดตัง้ ของรถ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเครื่องยนต์มัน
แรง ดังนั้นจึงได้ดัดแปลงนิดหน่อย เซียวชูหรันเองก็ไม่ได้มีความรู้
เรื่องรถ พูดอะไรนิดหน่อยเธอก็เชื่อแล้ว รวมถึงรูปเก่าใบนั้น เขาก็ได้
อธิบายก่อนหน้านีแ้ ล้ว เพราะคนอื่นแสดงมิตรภาพ ก็เลยขายให้เขา
ในราคาต่ำ และตัวเองก็เพราะมิตรภาพระหว่างเพื่อน ก็เลยส่งต่อ
ให้กับหวังเต้าคุน แต่ว่า เรื่องชายหน้าบากนั้นค่อนข้างพูดยากหน่อย
เพราะแค่คำแรกเขาก็เรียกว่าคุณชายเย่แล้ว แถมยังเรียกแบบ
เกรงใจ เย่เฉินจึงยากที่จะอธิบายเรื่องนี้
สุดท้ายเขาจึงพูดแค่ว่า พี่ชายหน้าบากคนนี้ เป็นญาติของเพื่อน
ตัวเอง เคยเจอกันตอนไปงานเลีย้ งของเพื่อน พี่เขาเองก็เห็นว่าตัวเอง
เป็นเพื่อนของญาติ ก็เลยรู้สึกเกรงใจ เซียวชูหรันรู้สึกไม่ชอบมาพา
กล แต่พอเห็นเขาพูดออกมาอย่างมั่นใจ ถึงจะไปถามย้ำๆ ก็ไม่มี
ประโยชน์ ดังนัน้ เธอเลยไม่ถามให้มากความ ต่งรั่งหลินที่เอาแต่สืบ
เรื่องของเย่เฉินมาตลอด ก็ยิ่งรูส้ กึ ว่าเขานั้นไม่ธรรมดา ดังนั้น
หลังจากนีต้ ้องระวังเขาไว้ให้มาก และคอยจับตาดูว่าเขามีความลับ
อะไรซ่อนอยู่!
และตามที่ดูแล้วหวังเถิงเฟยนั้นน่าสงสารมาก ตอนที่ส่งถึง
โรงพยาบาลนั้นเขาก็หมดสติไปแล้ว พ่อของเขาก็ถูกให้ออกจาก
บริษัท แถมยังถูกตรวจสอบเรื่องการหาผลประโยชน์ส่วนตนอีก และ
ก็ถูกทางบริษัทฟ้องไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็ถูกตำรวจมา
ควบคุมตัวทันที พูดได้ว่า ตอนนีต้ ระกูลของหวังเถิงเหยได้ถูกกำจัด
ไปหมดแล้ว แต่ว่า ครอบครัวหวังเถิงเฟยในจินหลิงไม่ได้มีชื่อเสียง
อะไรมาก ทุกคนเลยไม่ได้ให้ความสนใจกับความเป็นตายของเขา
เท่าไหร่ และคนที่ทุกคนต่างพากันจับจ้อง ก็คือคนที่ร่ำรวยและดู
ลึกลับในติ๊กต็อก แถมยังเป็นคนลึกลับที่จองสวนดอกไม้กลาง
อากาศของโรงแรม ป๋ายจินฮ่านกงอีก
ทุกคนต่างอยากจะรู้ ว่าแท้ที่จริงแล้วเขาคือใคร? และพวกเขานั้นจะ
เป็นคนเดียวกันหรือไม่!
ไม่นาน ก็มาถึงว่าครบรอบวันแต่งงาน เพราะว่าเขาเคยพูดกับเซียว
ชูหรันก่อนหน้านี้ ว่าจะเซอร์ไพรส์เธอ ดังนั้น ตอนที่เย่เฉินจะออก
จากบ้าน ก็ได้บังคับให้เธอเปลี่ยนใส่ชุดราตรีสีขาวที่ดูคลาสสิคและ
เลอค่า เซียวชูหรันรำคาญที่จะพูด พลางเบะปากแล้วพูดขึ้น : “แค่
ออกไปกินข้าวเอง ทำไมต้องให้ฉันแต่งอลังการขนาดนั้นด้วย ถึงวันนี้
จะเป็นวันครบรอบแต่งงานก็เถอะ แต่ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นะ”
เย่เฉินยิม้ อ่อน แล้วพูดขึ้น : “วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานปีที่3 ของ
เรานะ มันก็ตอ้ งจัดให้ดหี น่อย สถานที่กนิ ข้าวผมก็จองไว้เรียบร้อย
แล้ว งานคืนนี้ผมรับประกันว่าคุณต้องพอใจมาก”
ช่วงนีเ้ ขากุมความลับได้ดมี าก โดยที่เธอไม่สงสัยอะไรเลยสักนิด
เซียวชูหรันยิ้มอ่อนๆ และรู้สกึ ซาบซึ้งอย่างมาก
วันครบรอบแต่งงานสองปีก่อน ทั้งสองคนก็แค่อยู่ในบ้านเฉยๆ ไม่ได้
มีอะไรมากมาย ตอนนั้นเย่เฉินจนมาก แต่ก็ยังมีของขวัญเล็กๆ มาให้
เธอได้ยิ้ม เพื่อเอาใจเธอ แต่ว่า แต่ว่าปีน้นี ั้นต่างกันมาก เพราะมันดู
เป็นความลับที่มิดชิด และทำให้เธอนั้นคาดเดาไม่ออกว่าเขาเตรียม
อะไรไว้ให้
ผ่านไปสักพัก ทั้งสองคนเปลี่ยนชุดเสร็จ แล้วก็ออกมาเรียกรถแท็กซี่
สองคัน พลันตรงไปที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงทันที
เย่เรนหาที่เดินลงมา พร้อมกับหันไปมองเซียวชูหรันที่ยืนอยู่ข้างๆ
ด้วยสายตาที่ดูอ่อนโยน พลันพูดขึน้ : “ชูหรัน คืนนี้พวกเรามาฉลอง
ครบรอบแต่งงานกันที่นี่เป็นไง คุณคิดว่ายังไง?”
สายตาเซียวชูหรันเปลี่ยนไปทันที คืนนี้เย่เฉินจองที่นี่ไว้งนั้ เหรอ?
เธอจึงถามขึ้น : “คุณไม่ได้โกหกฉันใช่มั้ย?”
เย่เฉินหัวเราะพลางพูดขึ้น : “ไม่ได้โกหกอยู่แล้ว!”
พูดไปพลาง เย่เฉินก็อธิบายไปพลาง : “วันก่อน แต่งงานมาแล้วสาม
ปี เย่เฉินไม่เคยโกหกเธอเลยสักครั้ง และยิ่งเป็นวันสำคัญแบบนีอ้ ีก
จากนั้นเธอเลยพูดขึ้น : “ไม่ต้อง ฉันเชื่อคุณ”
พูดไปพลาง เธอก็ถามขึน้ อีกรอบ : “คุณคงไม่ได้จองตรงสวนดอกไม้
กลางอากาศหรอกนะ? วันนี้ไม่ใช่ว่าเขาเหมาตรงนั้นเหรอ?”
เย่เฉินรีบตอบทันที : “ผมจองตรงข้างๆ สวนดอกไม้กลางอากาศ
และเป็นที่ท่สี ามารถมองเห็นสวนดอกไม้กลางอากาศพอดี แล้วใคร
กันแน่ที่เป็นคนเหมาตรงนั้น คุณรู้มั้ย?”
เซียวชูหรันหัวเราะแล้วพูดขึ้น : “ฉันไม่ใช่คนที่ชอบซุบซิบเรื่องคนอื่น
เหมือนคุณ!” หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปในโรงแรม
และตอนที่กำลังจะขึ้นไปข้างบน ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงร้องทักของ
ผูห้ ญิงดังขึ้น : “เฮ้ย ดาวโรงเรียนเซียวชูหรัน ทำไมเธอถึงมาอยู่
ที่น่?ี !”เซียวชูหรันเงยหน้าขึน้ ก็พลันมองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้า
มาหาผูช้ ายนั้นสวมชุดสูทราคาแพง มองแค่แวบเดียวก็พอดูออกว่า
เป็นลูกชายตระกูลเศรษฐี ส่วนผูห้ ญิงนั้นดูเป็นคนมีชื่อเสียง แต่งตัวดู
ดี เพียงแต่ดูท่าทางหยิ่งยโส และยิ่งแต่วตัวก็ย่ิงดูราศีจับ และหุ่นดี
มาก ผูห้ ญิงคนนี้เซียวชูหรันรู้จักเป็นอย่างดี เป็นเพื่อนรูมเมทตัวเอง
สมัยมหาวิทยาลัย ชื่อจ้าวลี่ฉิง แต่ถึงแม้ว่าหล่อนจะเป็นเพื่อนรูมเมท
ของเซียวชูหรัน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ใช่เพื่อนห้องเดียวกัน
และแม้ว่าจะพักด้วยกัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกลับไม่สนิท
กันมาก นี่เป็นเพราะว่าหล่อนเป็นคนถือตน แถมยังขีอ้ ิจฉาริษยา
และหล่อนก็เอาแต่คิดว่าเซียวชูหรันนั้นไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดาว
โรงเรียนเลย และคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นควรจะเป็นตัวเอง
มากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ความ
สง่าหรือคุณสมบัติต่างๆ หล่อนก็สเู้ ซียวชูหรันไม่ได้เลย
แต่ว่าผูห้ ญิงคนนีม้ ีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือยั่วยวนผูช้ าย ตามที่เห็น
จากก่อนหน้านีท้ ี่หล่อนได้ยั่วยวนคนรวยๆ ไปแล้วไม่น้อย และกุญแจ
ที่ไขตลอดสี่ปนี ั้นล้วนแต่เป็นผู้ชายให้ เซียวชูหรันขมวดคิว้ แน่น พอรอ
ให้พวกเขาเดินมาถึง เธอจึงทำหน้าธรรมดา และพยายามพูดเสียง
สุภาพ : “ลี่ฉงิ ไม่เจอกันนานเลยนะ ฉันมากินข้าวกับสามี พวกเธอ
ล่ะ?” จ้าวลี่ฉิงตะลึงแล้วพูดขึ้น : “เฮ้ย งั้นก็บังเอิญมาก ฉันกับสามีก็
มากินข้าวกับสามีเหมือนกัน!”
พูดจบ หล่อนก็ทำเป็นถามขึน้ มาเหมือนสงสัย : “เออใช่ เธอจอง
ตรงไหนไว้เหรอ ห้องธรรมดา ห้องชั้นดีหรือห้องพรีเมี่ยม”
เซียวชูหรันหันไปหาเย่เฉิน แล้วก็พูดขึน้ พลันเอามือปิดปากแล้ว
หัวเราะ : “โอ้ คนนีค้ งเป็นเย่เฉินสามีของเธอเหรอ? ตอนสมัยมอ
ปลาย เขาเป็นถึงไอ้แมงดา!” คำพูดนั้นมีความในแฝงอยู่ แถมยัง
เหมือนเหน็บแนมด้วย เซียวชูหรันรู้สึกอายมาก พอจ้าวลี่ฉิงได้สติ ก็
รีบพูดออกมาด้วยความเกรงใจทันที : “โอ้ ขอโทษทีนะ ฉันพูดตรงไป
หน่อย ชูหรันอย่าถือสาเลยนะ” เย่เฉินขมวดคิว้ ทันที จ้าวลี่ฉงิ คนนี้
เหมือนจะมาแบบไม่ด!ี
บทที่ 44 เปิดโปงเธอให้หมดเปลือก
จ้าวลี่ฉงิ ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของเซียวชูหรัน พลางลากชายข้างๆ
ตัวเองเข้ามา เพื่อทักทาย : “เดี๋ยวแนะนำให้เธอรู้จัก นี่คือเจิง้ เหา
สามีฉันเอง!”
หล่อนพูดพลางชมเขา : “เขาน่ะ เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจินหลิง
เจิ้ง และยังเป็นคนสืบทอดของตระกูลเจิ้งอีก!”
เซียวชูหรันพยักหน้ารับอยากให้เกียรติ แต่เย่เฉินกลับมีท่าทางนิ่งๆ
เขาพาภรรยามาฉลองครบรอบแต่งงาน แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมาเจอ
กับคนที่น่ารังเกียจแบบนี้!
จ้าวลี่ฉงิ จึงพูดด้วยความอวดดี : “เออใช่ สามีของฉันเป็นแขกวีไอพี
ของที่น่ี มีอำนาจเยอะมาก ฉันเดาว่าเย่เฉินอย่างมากก็คงจองได้แค่
ห้องธรรมดาหรือเปล่า? ไม่สู้รอสักหน่อยเดีย๋ วฉันช่วยพวกเธอจอง
ห้องพรีเมี่ยมให้ ดีมั้ย?”
เซียวชูหรันที่กำลังนิ่งเงียบอยู่นั้น แต่เย่เฉินกลับหัวเราะออกมา แล้ว
พูดขึ้น : “ห้องที่ผมจองไว้ก็ดีอยู่ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก”ถ้าหากว่า
หล่อนรู้ว่าที่ท่เี ขาจองนั้นคือชั้นสูงสุดของตึกที่เป็นสวนดอกไม้กลาง
อากาศ เพื่อประดับตกแต่งเหมือนกับงานแต่ง แต่ของหล่อนนั้นเป็น
แค่บัตรพิเศษของที่นี่ มันมีอะไรน่าอวดนัก?
ยิ่งไปกว่านั้น โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงนั้นเป็นบ้านของเขาเอง ถ้าเขายัง
พาภรรยาไปที่หอ้ งของลูกค้าวีไอพี นั่นก็ไม่ใช่ว่าเป็นการลดชนชั้น
หรอกหรือ? และในตอนนี้จา้ วลี่ฉิงจึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ : “ชูหรัน
เธอดูสามีเธอสิ ไม่สนใจความหวังดีของคนอื่นที่มีต่อตัวเองเลย ปกติ
เธอสอนเขายังไงกัน?”
พูดไปพลาง หล่อนก็หันไปจับมือเจิง้ เหา พลางซบลงที่ไหล่ของเขา
พร้อมหัวเราะแล้วพูดขึ้น : “เย่เฉินดูไม่เหมาะที่จะมาโผล่ในที่แห่งนี้
ต่อจากนี้ก็ให้เขามาฝึกเรื่องมารยาทของตระกูลชั้นสูงกับสามีฉันก็ได้
นะ ยังไงสามีฉันก็จบมาจากประเทศอังกฤษ”
เจิ้งเหาหันไปมองเหยียดเย่เฉินทีหนึ่ง พลางหัวเราะแล้วพูดขึ้น : “ที่
รัก คุณอย่าหางานที่ผมไม่สามารถทำให้สำเร็จแบบนี้สิ คุณชายเย่ดู
เป็นคนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองแบบนี้ คิดจะสอนมารยาทของชน
ชั้นสูงให้ เกรงว่าคงยากหน่อยนะ”
จ้าวลี่ฉงิ พยักหน้ารับ พลันถอนหายใจ แล้วหันไปพูดกับเซียวชูหรัน :
“ถ้าให้ฉันแนะนำละก็ เธอรีบหย่าซะเถอะ อยูก่ ับผูช้ ายที่ไม่มีเงิน
อย่างเย่เฉินทั้งชีวิตแบบนี้ มันเป็นการทำร้ายตัวเองนะ!”
จ้าวรนหาที่ฉงิ พูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อมใดๆ เลย แทบจะไม่สนใจ
ความรู้สกึ ของเซียวชูหรันสักนิด เซียวชูหรันอดทนจนอดต่อไปไม่ไหว
จึงพูดขึ้นเสียงแข็ง : “จ้าวลี่ฉิง เธอหมายความว่ายังไง? สามีของฉัน
ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาพินิจพิเคราะห์หรอกนะ”
จ้าวลี่ฉงิ เอามือปิดปากพลางหัวเราะ แล้วพูดขึ้น : “ตอนนี้ข้นึ มหาลัย
ฉันก็ไม่ชอบเธอ ถ้าตอนนั้นครอบครัวเธอไม่ยัดเงิน เธอจะเป็นดาว
มหาลัยได้ยังไง? พอตอนนีต้ ัวเองแต่งงานไม่ดเี ท่าไหร่ กลับไม่ยอมให้
ฉันพูดบ้างเหรอ?”
เย่เฉินได้ยนิ คำนั้น ก็รสู้ กึ ไม่พอใจอย่างมาก จ้าวลี่ฉิงคนนี้ ตอนมหา
ลัยก็เป็นคนไม่เอาไหน ยังมีหน้าทำเป็นตัวเองดีหนักหนา ตอนนั้น
ล่อลวงผูช้ ายรวยๆ ไปเท่าไหร่ละ พอตอนนี้โชคดีได้แต่งเข้าตระกูล
เศรษฐี ก็คดิ ว่าตัวเองเป็นเศรษฐีนีไปแล้วเหรอ?
แล้วยังกล้ามาหัวเราะเยาะภรรยาเขาอีก? ช่างรนหาที่ตาย!
พอคิดได้แบบนี้ ไฟความแค้นก็ลุกขึ้นภายในใจของเขาทันที
ดังนั้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา พลันทักไปหาเฉินจื๋อข่ายผูจ้ ัดการ
เก่าของป๋ายจินฮ่านกง
“ฉันต้องการข้อมูลของจ้าวลี่ฉงิ ลูกสะใภ้ตระกูลจินหลิงเจิ้ง ภายใน
สามนาที!”
จ้าวลี่ฉงิ เห็นเย่เฉินไม่พูดอะไรแล้วเอาแต่มองโทรศัพท์ หล่อนจึง
หัวเราะแล้วพูดขึ้น : “เธอดูสามีเธอสิ ขนาดฉันพูดว่าเธอแบบนี้ เขา
กลับไม่กล้าแม้แต่จะออกรับให้เธอ น่าตลกจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
และในขณะนั้นเอง เย่เฉินก็ได้รับข้อความตอบกลับจากเฉินจื๋อข่าย
ทันที : “คุณชาย ผมได้ส่งข้อมูลของจ้าวลี่ฉิงให้แล้ว”
เย่เฉินอ่านข้อมูลยาวเหยียดนั่น แล้วหันไปมองจ้าวลี่ฉิง รวมถึงเจิ้ง
เหา พลางหัวเราะออกมา : “ฉันมีขอ้ มูลที่น่าสนใจบางอย่าง พวก
คุณอยากฟังมั้ย?”
จ้าวลี่ฉงิ ขมวดคิ้วแล้วพูดขึน้ : “ข้อมูลอะไร?”
เย่เฉินพูดขึน้ เสียงดัง : “จ้าวลี่ฉิง อายุ 26 ปี จบจากมหาลัยจินหลิง”
“ตอนปีหนึ่ง ตามที่ตรวจสอบจากการบันทึกการเปิดห้องร้อยกว่า
ครั้ง และคนที่พาเข้าห้องนั้นเป็นชายไม่ซ้ำหน้าถึงแปดคน ชื่อหลี่หู่
หม่าเฟย และก็ตู้เสี่ยวผิง”
จ้าวลี่ฉงิ อึง้ ไปทันที สีหน้าถอดสีพลันพูดปัดขึ้น : “แกพูดบ้าอะไร!
แกใส่รา้ ยฉัน!”
เจิ้งเหาที่อยู่ขา้ งๆ สุดยอดจริงๆ แถมเธอยังเคยเข้าห้องกับผูช้ าย
พร้อมกันสองคนอีกหลายครั้ง สองคนนั้นชื่อต่งปิงกับต่งเจี๊ย และดู
เหมือนพวกเขาสองคนจะเป็นพี่น้องกันด้วย พวกคุณทำพร้อมกัน3
คนเลยเหรอ?” จ้าวลี่ฉงิ พูดเสียงหวั่นๆ : “แกพูดมั่วซั่ว! ไม่เป็นความ
จริง!”
เย่เฉินยังพูดต่อ : “ยังมีอกี ตอนเธออยู่ปีสอง รองผู้จัดการบริษัทเซิ่ง
หัวยังเลี้ยงเธอเดือนละสามหมื่นหยวน ทั้งหมดเป็นเวลาสามปี และ
ในระหว่างนั้นเธอก็ทำแท้งมาทั้งหมดสี่ครั้ง ทุกครั้งก็ไปเอาออกที่
โรงพยาบาลสตรีและเด็กจินหลิง และในครั้งสุดท้ายที่เธอไปทำ
แพทย์ก็ได้บอกว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้แล้ว”
พูดไปพลาง เขาก็หันไปถามเจิง้ เหาด้วยความอยากรู้ : “คุณชายเจิ้ง
ถ้าผมเดาไม่ผิดละก็ ตอนนี้พวกคุณก็ยังไม่มีลูกด้วยกันใช่มั้ย?”
สีหน้าของเจิ้งเหาดูไม่ดขี นึ้ มาทันที พลางหันไปจ้องหน้าจ้าวลี่ฉิง แล้ว
ถามหล่อน : “นี่มันเรื่องบ้าอะไร?!”
จ้าวลี่ฉงิ เหงื่อออกเต็มหน้า พลันพูดขึน้ เสียงหวั่นๆ : “อาเหาอย่าไป
ฟังคำพูดมั่วๆ ของเขา ครั้งแรกของฉันก็คือคุณนะ! คุณเองก็รู้ด!ี ”
เย่เฉินหัวเราะ : “อย่าพึ่งรีบร้อนไป ยังมีอกี !”
จ้าวลี่ฉงิ กระวนกระวายดึงแขนของเจิ้งเกาทันที เพื่อดึงเขาออกจาก
ตรงนั้น แล้วพูดขึน้ : “ไม่ต้องพูดแล้ว! ที่รักพวกเราไปกันเถอะ! เดี๋ยว
ไปกินข้าวไม่ทันทีนะ!”
เจิ้งเหาขมวดคิ้วแน่น แล้วไม่ยอมขยับเลยสักนิด พลันหันไปถามเย่
เฉิน : “ยังมีอะไรอีก?”
เย่เฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้น : “คุณฟังให้ดีละ หลังจากที่จา้ วลี่ฉิงจบนั้น
เธอก็ไปทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาล แล้วหลังจากนั้นหนึ่งเดือน ก็เข้า
ไปทำงานที่บริษัทของตระกูลเจิง้ แล้วก็เข้าไปทำเป็นตีสนิทเกี่ยวกับ
เรื่องรถเบนท์ลยี ์ของตระกูลเจิ้ง เพื่อให้ได้รู้จักกับเยิ้มเหาคุณชาย
ตระกูลเจิ้ง”
เย่เฉินพูดพลางหันไปมองหน้าเจิง้ เหา : “ที่ข้าเล่ามาไม่ผิดใช่มั้ย?”
เจิ้งเหาอึง้ ไปทันที เรื่องพวกนี้เขารู้ดี ว่าเป็นเรื่องจริง และนั่นก็
หมายถึง เรื่องก่อนหน้านี้ท่เี ขาพูดก็ต้องเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย?
จ้าวลี่ฉงิ ตอนนี้มีสีหน้าขาวซีด แล้วก็สั่นเทาไปทั้งตัว
หล่อนหันไปขอร้องเย่เฉิน : “เย่เฉิน ฉันขอร้องล่ะ ฉันขอร้องนะ!”
เย่เฉินหัวเราะขึน้ : “ตอนนีร้ ู้จักร้องขอแล้วเหรอ? โทษทีนะ
“หลังจากที่รู้จักเจิง้ เหาได้ครึ่งเดือน เธอก็ใช้โอกาสที่ออกไปทำงาน
นอกสถานที่ที่เมืองไห่ แล้วไปจัดการทำเรื่องศัลยกรรมรีแพร์ตัวเอง
พอหลังจากกลับมา ก็กลายเป็นแฟนของเจิง้ เหาอย่างเป็นทางการ
แล้วจากนั้นครึ่งปีก็แต่งงานกัน”
ตอนนี้จา้ วลี่ฉิงถึงกันเข่าทรุดลงไปที่พื้น หล่อนไม่รู้ว่าเย่เฉินไปหาค้น
ประวัติตัวเองมาได้ยังไง และนี่ก็เหมือนเป็นการเปิดโปงหล่อนจน
หมดเปลือกต่อหน้าสามีของตัวเอง!
เจิ้งเหาเองก็โกรธมากจนควันออกหู พลันหันไปมองหน้าจ้าวลี่ฉิงอ
ย่างเอาเรื่อง : “ดังนัน้ คืนนั้นเธอก็โกหกฉันสินะว่าเป็นครั้งแรก แต่ที่
จริงคือเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยหนึ่งพันหรือหนึ่งหมื่นของเธอแล้ว ใช่มั้ย?”
จ้าวลี่ฉงิ รีบพูดขึน้ ทันที : “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ อาเหาคุณเป็นคนแรกของ
ฉันจริงๆ”เย่เฉินหัวเราะ : “อย่าพึ่งรีบร้อน ฉันสามารถหาบันทึกการ
ไปทำศัลยกรรมของเธอได้นะ พอถึงตอนนั้นคุณก็ไปตรวจสอบที่
โรงพยาบาลได้”
เจิ้งเหาจับคอเสื้อเธอขึน้ แล้วก็บีบที่หน้าของหล่อนอย่างแรง : “ยัง
ไม่ยอมพูดความจริงอีก? ยังไม่ยอมรับอีก รอให้ฉันไปตวรจสอบให้
แน่ชัดก่อน ฉันจะจัดการถอนรากถอนโคนเธอ ต้องพากันออกไป
จากบ้านฉัน น้องชายเธอก็ไม่ต้องมาทำงานทีบ่ ริษัทของตระกูลเจิ้ง
แล้ว! ฉันจะไล่ครอบครัวเธอออกไปอยู่ข้างถนนเลย!”
จ้าวลี่ฉงิ ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจอย่างมาก พลันคุกเข่าข้อร้อง
: “ที่รัก คุณอย่าโกรธเลยนะ ฉันผิดไปแล้ว นั่นเป็นเรื่องในอดีตของ
ฉัน ตอนนั้นฉันยังเด็กเลยทำผิดพลาดไป ต่อไปนี้ฉันจะทำตัวใหม่ อยู่
กับคุณแค่คนเดียวตลอดไป!”
และในขณะนั้นเย่เฉินก็พูดเสริมขึน้ : “อย่าไปเชื่อคำพูดหล่อน
หลังจากที่เธอแต่งงานกับคุณแล้ว เธอก็ยังกลับไปชายคนที่เลีย้ งเธอ
เพื่อล่ำลากัน แถมเขายังถ่ายวิดโี อเก็บไว้ด้วย ถ้าคุณอยากดู ผม
สามารถเอามาให้คุณดูได้นะ”
บทที่ 45 ผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด
อนนีส้ หี น้าจองเจิ่งเหานั้นไม่พอใจอย่างมาก ในตอนนี้ เขารู้สกึ
เหมือนว่า ข้างบนหัวเขานั้นมีหญ้าครอบอยู่ มันเป็นความรูส้ กึ หนึ่งที่
ยากที่จะอธิบาย!
และในตอนที่เขาอดไม่ไหวนั้น เขาเหมือนเป็นบ้า บีบปากของหล่อน
อยู่หลายครั้ง พร้อมทั้งต่อว่า : “เธอมันเน่าเฟะ ที่แท้ก็โกหกฉันมา
ตลอด! แถมยังสวมเขาให้ฉันอีก วันนี้ฉันจะเอาแกให้ตาย! ฉันจะฆ่า
เธอให้ตาย!”
จ้าวลี่ฉงิ ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ผมเผ้ายุ่งเหยิง พร้อมทั้ง
ร้องไห้ฟูมฟาย เจิ้งเหาทั้งตีทั้งด่า : “หย่ากันเลย! แกออกไปแต่ตัว!
ไม่งั้นฉันจะสั่งคนไปจัดการพ่อแม่และน้องชายแกให้ตายตามกันไป
จนหมด!” จ้าวลี่ฉิงชีวติ เละเทะ!
หล่อนวางแผนเยอะมาก กว่าจะแต่งเข้าไปในตระกูลเจิง้ เดิมทีคิดว่า
จะได้เป็นเศรษฐินีตลอดชีวติ นี้แล้ว แต่ว่าวันนี้ความฝันทุกอย่างกลับ
พังทลายลง! ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเพราะเย่เฉิน!
หล่อนแค้นเย่เฉินมาก แต่ว่า ตอนนี้เย่เฉินกลับหัวเราะออกมาอย่าง
พอใจ แล้วหันไปคุยกับเซียวชูหรัน : “ที่รัก ปล่อยให้พวกเขาจัดการ
กันเอง เราไปกันเถอะ”
พูดจบ เขาก็จับมือเซียวชูหรัน แล้วตรงไปที่ลิฟต์ทันที เซียวชูหรัน
กะพริบตา และก็รู้สกึ แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึน้ เย่เฉินไปรู้จัก
ประวัติไม่ดีของจ้าวลี่ฉงิ ได้ยังไง?
พอนึกได้แบบนี้ เธอจึงหันไปจ้องเขา แล้วถามขึน้ อย่างไม่อยากจะ
เชื่อ : “เรื่องพวกนั้นคุณสั่งให้คนค้นหาเหรอ?”
“จะเป็นไปได้ยังไง ผมจะไปอดทนรอนานขนาดนั้นได้ยัง?” เย่เฉินพูด
พลางหัวเราะ : “มีนักเรียนคนหนึ่งที่จา้ วลี่ฉิงไปหักอกมา เขาเอาแต่
ขุดประวัติของเธอมาตลอด ไม่คิดว่าตอนนี้จะเอามาใช้ประโยชน์ได้”
เขาพูดพลาง พาเซียวชูหรันเข้าไปในลิฟต์ พอเข้ามาแล้ว เขาก็กดไป
ที่ชดั้ สุดท้าย เซียวชูหรันรีบถามขึน้ ทันที : “เย่เฉิน คุณกดผิดหรือ
เปล่า? ชั้นสุดท้ายไม่ใช่สวนดอกไม้กลางอากาศเหรอ?”
เย่เฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้น : “ที่รัก ที่ท่เี ราจะไป ก็คือสวนดอกไม้กลาง
อากาศ!”พอได้ยินแบบนั้น เซียวชูหรันเหมือนโดนสายฟ้าฟาดจนตัว
แข็งทื่อ!สวนดอกไม้กลางอากาศ? เป็นไปได้ยังไง?
ทั้งจินหลิงต่างก็รู้ดี ว่าคืนนีม้ ีคนจองสวนดอกไม้กลางอากาศแล้วนิ?
แม้ว่าเย่เฉินจะเป็นคนที่มีอิทธิพลอยู่มาก แต่ก็ไม่น่าจะสามารถถึงกับ
จองที่นี่ได้ เพื่อจัดงานฉลองวันครบรอบแต่งงานกับเธอที่นี่!
แต่หลังจากนั้น ความบ้าบิ่นของเธอก็ทำให้เธอผุดคำถามขึ้นมา :
หรือว่าเย่เฉินก็คนชายลึกลับคนที่จองสวนดอกไม้กลางอากาศงั้น
เหรอ?!แม้ว่า เรื่องนีแ้ ทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ นอกจาก
เหตุผลนี้ ยังจะมีอย่างอื่นได้เหรอ?
พอคิดได้แบบนี้ เซียวชูหรันก็ไม่รีรอถามขึ้นทันที : “เย่เฉิน หรือว่า
คุณคือคนที่จองสวนดอกไม้กลางอากาศ งั้นเหรอ?”
เย่เฉินหัวเราะ แล้วพูดขึ้น : “ใช่ วันนี้ผมต้องการจะเซอร์ไพรส์คุณ!
ฉันต้องการจะชดเชยให้เธอโดยที่ใครก็ไม่สามารถทำแบบนี้ได้!”
“ห้ะ?”เซียวชูหรันรู้สึกเหมือนทุกอย่างหยุดลง!
ถ้าหากว่านี่เป็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้เธอจริงๆ
งั้นก็แสดงว่า วันนี้เธอเป็นผูห้ ญิงที่มีความสุขที่สุดในจินหลิงเลยนะ?
พอนึกได้แบบนี้ เซียวชูหรันก็รู้สกึ ตื่นเต้นจนหายใจแทบไม่ออก
เหมือนกับว่าจะเสียสติไปแบบนั้นและในตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดทุก
อย่างนั้น ลิฟต์ก็ได้ข้นึ มาถึงชั้นสูงสุดของโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
มีพนักงานคนหนึ่งยืนโค้งคำนับอยู่หน้าประตู พร้อมพูดพลางยิม้ ๆ :
“คุณเซียว ดิฉันเป็นตัวแทนของโรงแรมป๋ายจินอ่านกง ขอให้คุณกับ
คุณชายเย่มีความสุขมากๆ ในวันครบรอบแต่งงาน”
เย่เฉินเบี่ยงมือ แล้วพูดขึ้น : “พวกเธอออกไปกันก่อน!”
ทันใดนั้น พนักงานทุกคนก็ออกไปจากตรงนั้นทัง้ หมด
และขณะนีท้ ั้งสวนดอกไม้กลางอากาศ ก็เหลือเพียงเซียวชูหรันกับเย่
เฉินเพียงสองคนแล้ว ตอนนี้เหมือนกับว่าเธอกำลังฝันไป
ตอนนี้ ภาพตรงหน้าเธอนั้นเป็นห้องขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
และสวยมาก เพดานนั้นเป็นตกแต่งไปด้วยคริสทัลที่ทอแสง
ระยิบระยับ จนทำให้ทั้งสวนดอกไม้กลางอากาศดูงดงามอย่างมาก
พร้อมกับเสียงบรรเลงเพลงของขิมที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น และซึมเข้าไป
ในหัวใจของเธอ จนทำให้เธอรับรู้ถงึ ความตื่นเต้นและเร้าใจ
พร้อมกับประดับด้วยดอกไม้สดที่นำเข้าจากต่างประเทศ ส่งกลิ่น
หอมอบอวลไปทั่ว และเป็นกลิ่นที่ได้กลิ่นแล้วสบายไม่แรงมาก
เพียงแต่ทำให้จิตใจของเราค่อยๆ คล้อยตาม อย่างอธิบายไม่ถูกว่า
เป็นแบบไหน แต่รับรู้ถงึ ความเงียบสงบ และสบายใจมาก
ในตอนนี้ เสียงขิมกำลังขับกล่อมให้ทุกอย่างค่อยๆ เปลี่ยน เพลงที่
เล่นก็เป็นเพลงคลาสสิก แล้วก็พลันเป็นเพลงที่ใช้เปิดในพิธีแต่งงาน
ดังขึ้นแทน เป็นเพลงที่ไพเราะ และฟังสบายมาก
และในตอนที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับการชมบรรยากาศอยู่นนั้ เย่
เฉินก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดสูท แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับดอกไม้
ทุกก้าวเดินของเขานั้น คริสทัลที่อยู่บนเพดานก็สั่นไปตามแรงเดิน
และทอแสงออกมาระยิบระยับเป็นรูปหัวใจสีแดง ราวกับว่ารูปหัวใจ
พวกนี้ เต้นไปพร้อมกับบทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ และยิ่งเป็นการทำ
ให้รู้สึกว่าใจเต้นแรงมากขึ้น และในเวลานี้ ข้างนอกสวนดอกไม้กลาง
อากาศ มีคนจำนวนไม่น้อยที่มองผ่านกระจกเข้ามาเห็น ทุกอย่างที่
เกิดขึ้นภายในนี้ และที่น่าเสียดายอย่างเดียวคือ กระจกพวกนี้นนั้ ถูก
ทำขึน้ แบบเบลอๆ ทุกคนเลยเห็นแค่ว่าเป็นชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังให้
ดอกไม้กัน ซึ่งดูน่าอิจฉาอย่างมาก และบนเพดานนั้นก็มีหัวใจ
ออกมาไม่หยุด ทุกคนที่ผ่านมาเห็นต่างก็พูดขึ้น : “นี่มันโรแมนติ
กมากเลย! ทั้งชีวติ นี้ของฉันคงไม่มีวันได้เจออะไรแบบนี้แล้ว……”
“ถ้าให้เป็นผู้หญิงคนนั้น ให้ฉันตายตอนนี้ก็ยอม!”
“โอ้โห! ผูช้ ายคนนั้นคงเป็นเศรษฐีลึกลับที่อยู่ในติ๊กต็อกแน่นอนเลย!”
“เสียดายที่ไม่เห็นหน้า! โธ่! ทรมานกันชัดๆ!”
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสวนดอกไม้กลางอากาศนั้น ทุกคนต่างมองเห็น
อย่างชัดเจน จนไม่อาจจะละสายตาออกไปจากตรงนั้นได้
ใครที่หันมาเห็นภาพนี้ ต่างพากันอิจฉาอย่างมาก และสายตาที่จับ
จ้องของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความสุข แล้วก็เอาแต่จ้องมองสิ่งที่
เกิดขึ้นภายในสวนดอกไม้กลางอากาศ ผูห้ ญิงหลายคนรู้สกึ ซึ้งจน
น้ำตาไหล แล้วก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้ แทบอยากจะเข้าไปเป็นผูห้ ญิง
คนนั้นซะตอนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นหน้าของคนสองคนนั้น.
แต่พวกเขาสามารถรับรู้ถึงความสุขของเธอได้อย่างชัดเจน
เย่เฉินเดินเข้ามาด้านห้าเธอ แล้วบี้ไปที่ภาพวิวกลางคืนของโรงแรม
พลันพูดขึน้ อย่างสุขใจ : “ชูหรัน ฉันรักเธอ! ตอนนั้นฉันไม่สามารถ
จัดงานแต่งให้เธอได้ หวังว่าครั้งนีจ้ ะเป็นงานแต่งของเราสองคนที่
เธอจะชอบนะ!” พอเธอได้สติ ก็ปิดปากตัวเอง แล้วน้ำตาก็ไหล
ออกมาอย่างมีความสุข น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มออกมาไม่หยุด
พอได้ยินแบบนั้น ในใจเธอก็เบ่งบานออกมา พร้อมเดินเข้าไปหาเขา
“ฉันชอบ! ชอบมากเลย! ขอบคุณนะเย่เฉิน! ขอบคุณมาก!”
พูดแค่นี้ เธอก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก ในขณะนี้ เธอรู้สึกว่าความคับ
แค้นใจตลอดสามปีที่ผ่านมานัน้ มันคุ้มแล้ว!ไม่ว่าเย่เฉินจะจัดงานนี้
ขึน้ มาได้ยังไง แต่อย่างน้อยตอนนี้ เธอรู้สึกมีความสุขมาก และในค่ำ
คืนนีเ้ ธอก็เป็นผูห้ ญิงที่มีความสุขที่สุดในจินหลิงแล้ว!
บทที่ 46 ดังทั่วทั้งเมือง
ภาพมัวในกระจกนั้น คนในจินหลิงต่างก็เห็นกันหมด มองเห็นพิธี
แต่งงานที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมาก ในขณะที่ทุกคนต่างพากันอิจฉา
นั้น ทุกคนต่างก็พากันเดาไปต่างๆ นาๆ ว่าชายหญิงที่อยู่ในนั้น เป็น
ใครกันแน่?
และทัง้ สองคนก็ดูลึกลับมาก งานแต่งของพวกเขานั้น มีแค่พวกเขา
สองคน เพื่อนสักคนก็ไม่มี แถมพยานรักของพวกเขาเองก็ไม่มเี ลย!
บนเวทีคริสทัลนั้น เย่เฉินได้จับมือของเซียวชูหรัน และพลางหยิบเอา
สร้อยหยกที่เตรียมไว้ออกมา “ชูหรัน นี่คือของขวัญวันครบรอบ
แต่งงานของเรา หวังว่าเธอจะชอบนะ!”
เซียวชูหรันหันไปมองสร้อยมรกตที่ทอแสงระยิบระยับ พลันพูดขึ้น
อย่างอึง้ : “เอ่อ……นี่คงไม่ใช่สร้อยของร้านซุ่ยเก๋อซวนหรอกนะ? เย่
เฉิน คุณไปเอามาจากไหน?”
ในขณะที่เธอพูดออกมา ในใจเธอก็รู้สกึ ตกใจอย่างมาก หรือว่า
หรือว่าเย่เฉินจะเป็นเศรษฐีลกึ ลับคนนั้นจริงๆ?
ไม่อย่างงั้นสร้อยมรกตเส้นนี้จะตกมาอยู่ในมือเขาได้ยังไง?
แต่ว่า……
มันดูเป็นไปได้ยาก!
เย่เฉินเป็นใครนัน้ เธอเองก็รู้ดีแก่ใจ เขาจะกลายเป็นเศรษฐีรวยล้น
ฟ้าไปได้ยังไง?
ดูจากเขาแล้ว ยังห่างไกลจากคำนั้นอยู่มาก!
ตอนนี้เขาพอจะดูออกว่าเธอดูสงสัย แต่ในใจก็อยากจะบอกออกไป
อยากจะบอกว่าตัวเองเป็นใคร อยากจะให้เธอได้รู้ว่าเขาเป็น
ลูกหลานของเย่เย่นจิง เป็นคนที่ตอ้ งสืบทอดตระกูลเย่คนต่อไป
แต่ว่า หลังจากนั้น เขาก็พลันนึกถึงเรื่องที่สำคัญมากขึน้ ได้
ว่าตอนนี้ตระกูลเย่อยู่ในสถานการณ์แบบไหน เขาเองนั้นรู้ด!ี
ในความทรงจำของเขานั้น ตอนที่เขายังเด็กก็เจอแต่ลุงกับน้า หรือ
พูดได้ว่า ในตระกูลเย่รุ่นนั้น ไม่ได้มีแค่พ่อคนเดียว ในเมื่อไม่ได้มีแค่
พ่อเขาคนเดียว อย่างนั้นก็หมายความว่าเหล่าลุงกับน้าก็ต้องมี
ลูกหลานอยู่อีก และต้องมีใครสักคนที่เล็งเขาไว้ ถ้าหากว่าตอนนีเ้ ขา
ก็ยังไม่แน่ใจ และยังไม่สามารถจะปกป้องเธอจากอันตรายพวกนีไ้ ด้
การบอกสถานะตัวเองออกไปนั้น เกรงว่าจะเป็นการทำให้เซียวชูหรัน
ต้องตกอยู่ในชะตากรรมที่เลวร้าย!
การแก่งแย่งชิ่งมรดกภายในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เขาไม่
ยอมที่จะให้คนรักของเขาต้องมาตกอยู่ในอันตรายเพราะตัวเขาเอง
พอคิดได้แบบนั้น เขาก็ทำเป็นพูดขึ้นเพื่อกลบเกลื่อน : “สร้อยเส้นนี้
ถึงจะเหมือนกับสร้อยของร้านชุ่ยเก๋อซวน แต่ว่าเส้นนี้ผมสั่งให้คนทำ
ขึน้ มาโดยเฉพาะ ถึงจะบอกว่าคุณภาพนั้นใช้ได้ แต่ก็ยังห่างกับของ
ร้านชุ่ยเก๋อซวนอยู่มาก และทัง้ หมดก็ใช้ไปหลายหมื่นหยวนอยู่
เหมือนกัน”
พูดไปพลางหันไปถามเซียวชูหรัน: “ชูหรัน เธอคงไม่รังเกียจใช่มั้ย?”
เซียวชูหรันถอนหายใจอย่างโล่งอก!
ถ้าแบบนี้ก็น่าเชือ่ ขึน้ มาหน่อย!
ดังนั้นเธอจึงหัวเราะแล้วพูดขึ้น : “คนโง่ ฉันจะไปรังเกียจทำไมล่ะ!
คุณทำเพื่อฉันตัง้ เยอะ จนฉันไม่รจู้ ะขอบคุณยังไงแล้ว!”
เย่เฉินรีบเอาสร้อยในมือใส่ให้เธอทันที แล้วเขาก็หันไปจ้องเธออย่าง
จริงใจ พลางพูดขึ้น : “ชูหรัน ตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาสามปี ผม
ทำให้คุณต้องลำบากมามาก แต่ต่อจากนี้ ผมขอรับประกันว่า จะไม่
มีใครมาทำอะไรคุณได้อีก!”
เซียวชูหรันพยักหน้าลงอย่างซึ้งใจ ในตอนนี้ เธอรู้แล้วว่า สามีของ
เธอคนนี้นั้น จะเชิดหน้าขึน้ มาได้แล้ว!
หลังจากพิธแี ต่งงานเสร็จสิ้น เย่เฉินก็พาเธอออกมาจากที่นั่นอย่าง
เงียบๆ ทุกคนที่อยู่ดา้ นนอกต่างรู้สึกไม่พอใจ ทำไมพวกเขาถึงออกไป
เร็วขนาดนี?้
พวกเขาออกมาทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉาตาร้อน แล้วก็จากไปงั้นเหรอ?
ในขณะนั้น คนทั้งเมืองต่างพากันต่อว่าพิธฉี ลองงานแต่งครั้งนี้
เพราะว่า ไม่มีใครรู้เลยว่า ชายหญิงคู่นนี้ ั้นตกลงเป็นใครกันแน่?
เย่เฉินขับรถบีเอ็ม760ที่เอาไปดัดแปลงเป็นรุ่น 520 แล้วพาเซียว
ชูหรันกลับมาบ้าน ระหว่างทาง เธอก็ยังนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้มี
ความสุขเมื่อครู่ไม่ยอมหยุด เธออดไม่ได้จงึ ถามขึน้ : “คุณทำยังไงถึง
จองที่นั่นได้? ได้ยินว่าที่นั่นไม่เคยมีใครสามารถจองได้มาก่อนเลย?”
เย่เฉินยิม้ พลันพูดขึน้ : “ที่จริงแล้ว คนที่ดูแลสูงสุดของป๋ายจินฮ่า
นกง เป็นเพื่อนสนิทผมที่อยู่ในบ้านกำพร้ามาด้วยกัน พวกเราต่าง
ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน มีอะไรก็แบ่งกันกิน ดังนั้นผมเลยไป
ขอร้องเขาให้ช่วย และเขาเองก็เป็นคนมีน้ำใจมาก”
เซียวชูหรันพยักหน้า : “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ทำไมไม่เคยได้ยิน
คุณพูดถึงเลยล่ะ?”
เย่เฉินพูดต่อ : “ในบ้านกำพร้าผมมีเพื่อนเยอะมาก พูดสามวันสาม
คืนก็ไม่หมดหรอก และผมก็นึกว่าคุณจะไม่ชอบฟังอะไรแบบนี้ ก็เลย
ไม่ได้เล่าให้ฟัง”
เซียวชูหรันพูดขึน้ ด้วยท่าทางจริงจัง : “คุณเป็นสามีฉัน สำหรับ
เรื่องราวที่ผ่านมาของคุณ ฉันก็ต้องอยากรู้อยู่แล้ว และก็อยากรู้มาก
เลย”เย่เฉินหัวเราะออกมาทันที : “งัน้ จากนี้ผมจะเล่าให้ฟังละกันนะ”
“โอเค!” พอกลับมาถึง เย่เฉินก็ขับรถไปจอดใต้ตึก
พอดับรถ เขาก็ลงมาจากรถพร้อมกับเซียวชูหรัน และก็บังเอิญเจอ
กับพ่อแม่ของเธอเดินกลับมาพอดี แม่ยายเห็นพวกเขาสองคน ก็
ตะลึงแล้วพูดขึ้น : “อาหรัน รถคันนี้เอามาจากไหน?”
พอพ่อตาเห็นรถคันนี้ตาก็ลุกวาวทันที!
“ว้าว! บีเอ็ม! อาหรันลูกซื้อรถใหม่เหรอ? แพงมากด้วย!”
เซียวชูหรันรีบตอบทันที : “คุณพ่อ คุณแม่ รถคันนี้ไม่ใช่ของหนู เป็น
ของเย่เฉินต่างหาก”
“เย่เฉิน?” พ่อตาขมวดคิ้วแน่น : “เย่เฉิน ไปเอาเงินไหนมาซือ้ รถคัน
นี?้ หรือว่าใช้เงินของอาหรันเหรอ?”
แม่ยายก็ลากพ่อตาเดินวนรอบรถครั้งหนึ่ง แล้วพูดขึ้น : “ชิ! กินอยู่
กับเราทุกวัน แถมอาศัยอยู่กับเราอีก มีเงินเอาไปซื้อรถแต่ไม่รู้จัก
ตอบแทนพวกเรา ช่างไม่รู้สำนึกจริงๆ ”
เซียวชูหรันรีบพูดขึ้นทันที : “แม่ ท่านอย่าต่อว่าเย่เฉินแบบนี้……”
แล้วเสียงของพ่อก็ดังขึน้ : “ชิ แถมยังซื้อบีเอ็มรุ่น 520อีก คนอย่าง
แกมันคู่ควรกับรถดีๆ แบบนีเ้ หรอ? ซื้อบีเอ็มระบบ3 ยังไม่คู่ควรกับ
มันเลย?”
แม่ยายก็พูดขึน้ : “ฉันจะบอกแกให้นะ ตอนนีพ้ อแกยังไม่มีรถใช้สัก
คันเลย! ตอนนีก้ ็ค่อนชีวิตแล้ว “เอาแบบนี้มั้ย คันนีก้ ็ให้พ่อแกเถอะ
ถือซะว่าเป็นการตอบแทนคุณพ่อแกนะ!”
เซียวชูหรันหันไปมองเย่เฉิน แล้วถามดู : “เย่เฉิน คุณคิดว่ายังไง?”
เย่เฉินก็พลันคิด ได้อ่ะมันได้ แต่ว่าคันนี้ไม่ใช่รุ่น 520 นะ แต่เป็นรุ่น
760 เลย!
พอครุ่นคิดสักพัก พ่อตาคนนี้ ช่างเป็นคนที่เชื่อฟังภรรยาจริงๆ และ
เขาเองก็ไม่ใช่คนที่คุณนายเซียวชอบอีกด้วย ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว
รุ่น 760 นี่มันดูเปล่าประโยชน์มาก……
พอคิดได้แบบนั้น เขาก็รีบพูดขึน้ มาทันที : “คุณพ่อ บีเอ็ม520 คันนี้
มันแค่ระบบ5 คนอื่นจะหัวเราะเยาะเอาได้นะ”
แม่ยายขมวดคิ้วขึน้ ทันที : “ทำไม? แกไม่อยากให้งนั้ เหรอ?”
เย่เฉินรีบส่ายมือพลางพูดขึ้น: “ไม่ใช่ไม่ใช่ จะไม่อยากให้ได้ยังไง ผม
แค่คดิ ว่า ไม่อยากให้คุณพ่อขับรุ่นเก่าแบบนี้ เอาแบบนี้ดีมั้ย คันนี้ไม่
ต้องเอาหรอกนะ ผมจะซื้อคันใหม่ รุ่น 530 ให้ รุ่น 530 ดีกว่า
520 เยอะเลย พ่อขับออกไปจะได้ไม่ต้องอายใครนะ!”
แม่ยายยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก : “แกยังมีเงินซื้ออีกคัน รุ่น 530 เลย
เหรอ?” เย่เฉินพูดต่อ : “คันนี้ผมใช้เงินไปแค่หน่อยเดียว ยังมีเงิน
เหลืออยู่ คุณแม่วางใจได้ พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อคันใหม่มาให้!”
บทที่ 47 ซื้อรถบีเอ็มอีกคัน
พ่อตากับแม่ยายได้ยินว่าพรุ่งนีเ้ ขาจะไปซื้อคันใหม่ที่ดีกว่านีม้ าให้ ทัง้
สองคนต่างก็ยมิ้ จนหน้าบาน แต่ทั้งสองคนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองนั้นคิดผิด
แล้ว ที่ไม่ได้บเี อ็มคันนีท้ ี่เป็นรุ่นท็อปเลย เซียวชูหรันกังวลเล็กน้อย
พอกลับเข้าห้อง แล้วอาบน้ำเสร็จ เธอก็ถามขึน้ เบาๆ : “คุณยังมีเงิน
ซื้อรถอีกเหรอ? ฉันพอจะมีเงินอยู่ ไม่งั้นพรุ่งนี้เอาเงินฉันไปซื้อรถ
เถอะ!” เย่เฉินรีบส่ายมือไม่เอาทันที : “ไม่ต้องหรอก ผมยังพอมีอยู่
ซื้อได้”
เธอจึงพูดขึ้นอย่างละอายใจ : “ขอโทษแทนพ่อแม่ฉันจริงๆ นะ คิดไม่
ถึงว่าพ่อกับแม่จะเป็นแบบนี…้ …”
เย่เฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้น : “คุณพูดอะไรแบบนี้ พ่อแม่คุณก็เหมือน
พ่อแม่ผม พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน การตอบแทนคุณพ่อแม่
เป็นสิ่งที่ควรทำ”
พูดไป เขาก็ถ่างขาออกไปบนที่นอน พลันหัวเราะ : “คุณวางใจได้
เช้าพรุ่งนี้ผมจะไปซื้อคันใหม่มาให้นะ!”
เซียวชูหรันรู้สกึ ซาบซึ้งแล้วพูดขึ้น : “เย่เฉิน ขอบคุณมากนะ!”
เย่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง : “ยังจะมาเกรงใจทำไมกันอีกละที่
รัก!”เซียวชูหรันหน้าแดงด้วยถามเขิน พลางถามขึน้ : “คุณนอน
ข้างล่าง กลางคืนจะหนาวมั้ย?”
เย่เฉินตอบทันที: “ไม่หรอก ไม่รู้สึกหนาวเลย คุณวางใจได้ หลับ
สบายเลยล่ะ!”
ทันใดนั้นเธอจึงพูดขึน้ อย่างประชด : “ไม่หนาวก็นอนไปเลย! คนโง่!”
หาโอกาสยากมากที่เธอจะอยากให้เขาขึ้นมานอนด้วย แต่แล้วตาบ้า
นี่กลับไม่ยอมขึ้นมา……
และในตอนนี้เย่เฉินถึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า เหมือนตัวเองพลาดอะไร
บางอย่างไป……
ดังนั้นเขาจังรีบพูดขึ้น : “เฮ้ย ที่รัก นอนพื้นมันเย็นมากเลย เย็นจน
ผมจามไปหลายทีแล้ว!”เซียวชูหรันตอบกลับด้วยเสียวไม่ประสบ
อารมณ์ : “หนาวก็ห่มผ้าห่มอีกสิ!” “โธ่……”
เย่เฉินเริ่มงงทันที ผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ยังไม่ลม้ เลิกความตั้งใจ แล้ว
พูดขึ้นอีกครัง้ : “ที่รัก เหมือนอุณหภูมิมันลดลงอีกแล้ว ผมหนาว
มากเลย!”
เซียวชูหรันก็ยังไม่สนใจเขา แล้วก็ถบี ผ้าห่มลงไปให้เขาทันที แล้วพูด
ขึน้ เสียงประชด : “ตอนกลางคืนของหน้าร้อนแบบนี้มันจะหนาวอะไร
ขนาดนั้น? ถ้ายังหนาวอยู่ ฉันจะไปเอาเสื้อขนมาให้ใส่!”
และเขาก็รู้สกึ หมดหวังทันที ดูเหมือนว่าวันนี้เธอไม่มีทางยอมให้เขา
ขึน้ ไปนอนบนเตียงแล้วล่ะ!
เช้าวันต่อมา เซียวชูหรันเตรียมตัวไปทำงานตั้งแต่เช้า
เย่เฉินตื่นมาเตรียมอาหารเช้าให้เธอ แล้วก็เอากุญแจรถให้เธอ :
“วันนีข้ ับรถไปทำงานนะ”
เซียวชูหรันถามขึ้นมาทันที : “คุณซื้อมา แต่ฉนั เอาไปขับ มันดูไม่
ดีมั้ง?”เย่เฉินพูดขึน้ : “มันจะมีอะไรไม่ดี? คุณเป็นภรรยาของผม
และรถคันนี้ผมก็ซื้อให้คุณ ไม่ใช่ซื้อให้ตัวเองซะหน่อย”
เซียวชูหรันพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้น : “ของคุณนะ!”
พูดจบ เธอก็รับกุญแจมาจากเขาพ่อตายืนอยูข่ ้างๆ ก็อิจฉาอย่างมาก
จึงพูดขึ้น : “เย่เฉิน เรื่องที่แกบอกว่าจะซื้อคันใหม่ให้ ไม่ได้ลืม
ใช่มั้ย?”“ไม่ลืมไม่ลืม!” เย่เฉินรีบพูดทันที : “ผมจะออกไปซื้อตอนนี้
คุณพ่อรอขับอยู่ที่บา้ นได้เลย”
พ่อตายิ้มหน้าบานเลย พร้อมกับพูดขึน้ : “งัน้ ฉันก็คงต้องรอดูแล้ว
ล่ะ! บีเอ็ม รุ่น 530 แกพูดออกมาเองนะ อย่าซื้อผิดล่ะ!”
เย่เฉินยิม้ พร้อมกับพยักหน้า : “คุณพ่อวางใจได้ บีเอ็ม 530 คุณ
พ่อจะได้วันนี้แหละ!”
พูดจบ เขาก็ตามเธอลงไปข้างล่าง เพื่อไปเอากุญแจรถมอเตอร์ไฟฟ้า
ที่อยู่ในรถบีเอ็มของเขาออกมา เซียวชูหรันขับบีเอ็ม 760 ออกไป
ทำงาน พอตอนใกล้ถงึ นั้น ก็ขับผ่านร้านออดี้พอดี
พอพนักงานในร้านเห็นเขา ก็มคี นหนึ่งพูดขึน้ : “โห นั่นมันคุณชายที่
ซื้อบีเอ็ม 760 ไปนี่นา เขาขับมอเตอร์ไซค์มาอีกแล้ว!”
“โอ้โห วันนี้ถา้ ต้องคุกเข่า ฉันก็จะยื้อเขาไว้ เพื่อจะขายรถออดี้รุ่นท็
อป A8!”
“พูดได้ด!ี ”
และขณะนั้น พนักงานร้านออดี้ก็พากันวิ่งออกมาล้อมเขาเอาไว้
“คุณชาย! มาดูรถออดี้รุ่นท็อปร้านพวกเราเถอะ!”
“คุณชาย! รถออดี้ A8 เครื่องยนต์แรงมากนะ ให้เครื่อง W12 แรง
กว่า V12ของบีเอ็ม 760 อีก!”
เย่เฉินจึงถามขึ้นอย่างสงสัย : “มันแรงกว่าจริงเหรอ?”
“จริงสิ!” พนักงานร้านออดีค้ นหนึ่งรีบตอบทันที พลางพูดแนะนำ :
“คุณพี่ ผมจะแนะนำให้ เครื่องW12 ของเราสามารถเปิดปิดซ้ายขวา
ได้ 12 ถัง ปิดครึ่งหนึ่งก็คือ 6 ถัง แบบนี้ย่งิ ประหยัดน้ำมัน!”
เย่เฉินถามขึน้ อีก : “คุณจะบ้าเหรอ? เพื่อให้มันประหยัดน้ำมัน ผม
ถึงซื้อ 12 ถัง แล้วจะปิดมาที่ 6 ถังทำไม? อย่างงั้นไม่สู้ซื้อตัวที่ 6
ถัง ไม่ดีกว่าเหรอ?”
“เอ่อ……เอ่อ……อันนี…้ …”
พนักงานพึ่งจะรูต้ ัวว่าตัวเองพูดผิด จึงเริ่มหน้าแดง
เย่เฉินหันไปหัวเราะพวกเขา พร้อมพูดขึ้นเสียงแข็ง : “ผมรู้แผนการ
พวกคุณ เมื่อวานซื้อบีเอ็ม 760 ไป พวกคุณเลยเจ็บใจ วันนีไ้ ม่ว่า
ยังไงก็ต้องรั้งผมให้ได้ อย่างงั้นใช่มั้ย?”
ทุกคนต่างพยักหน้า เย่เฉินสบถแล้วพูดออกมา : “จะบอกให้นะ! มัน
สายไปแล้ว! เมื่อวานพวกคุณไม่สนใจผมสักนิด วันนี้ผมจะทำให้พวก
คุณรู้ว่าใครสูงกว่ากัน!”
พูดจบ เย่เฉินก็บบี แตร
“ปี๊ด ปี๊ด…”
“ถอยไปถอยไป! พี่จะไปซื้อรถบีเอ็ม!”
พนักงานร้านรถบีเอ็มก็ว่งิ กรู่กันออกมา พลันพูดใส่ : “พนักงานร้าน
ออดีพ้ วกแกทำอะไร? คิดจะแย่งลูกค้าเราเหรอ! ไม่เคยเห็นลูกค้าที่
ไม่สนใจพวกแกเหรอ? ถ้ายังจะล้อมลูกค้าเราอีก ฉันจะลงข่าวพวก
แกเอาให้ดังไปเลย!”
สีหน้าพนักงานแต่ละคนเริ่มถอดสี และทำได้แค่ถอยออกไป
ผูจ้ ัดการร้านขายรถบีเอ็มออกมาต้อนรับเย่เฉินด้วยตัวเอง พลางก้ม
ลงทักทายอย่างนอบน้อม : “คุณชายเย่ วันนี้จะมาซื้อรถอีกคัน
เหรอ?”
เย่เฉินพยักหน้า พลางพูดขึ้น : วันนี้ฉันต้องการจะเอา!”
“มีมีมี!”
ผูจ้ ัดการดีใจจนเนื้อเต้น
เมื่อวานเขาพึ่งขายรุ่น 760 ไป วันนีไ้ ด้ขาย รุ่น 530 ไปอีก เย่เฉิน
ช่างเป็นลูกค้ารายใหญ่เลยจริงๆ!
ดังนั้นเขาจึงรีบตอบทันที : “คุณชายเชิญตามผมมา ผมจะพาไปดู
รถ”เย่เฉินตอบรับ แล้วก็เดินตามเขาไปที่ห้องจัดแสดงรถ
ภายในนั้นก็มีรนุ่ นี้พอดี เย่เฉินเข้าไปนั่งดูก็รู้สึกดี และก็พบว่ารถรุ่นนี้
แม้ว่าดูแล้วจะคล้ายกับระบบ7 แต่ว่าด้านในยังต่างกันอยู่บ้าง แต่
สำหรับพ่อตาที่ฟังแต่ภรรยาแล้วก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว
ดังนั้นเขาเลยเตรียมจะรูดบัตร และในตอนนั้นเอง อยู่ดๆี เขาก็ได้ยิน
เสียงใครคนหนึ่งที่คนุ้ หูมาก กำลังพูดอยู่ : “โถ่ ที่รัก ฉันชอบบีเอ็ม
X6 มากเลย! คุณซื้อให้ฉันได้มั้ย?”
เย่เฉินที่นั่งอยู่ในรถหันขวับไปดูทันที ไปที่ ตอนนี้เดินควงมากับชาย
หนุ่มอีกคนหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความอบอุ่น
เย่เฉินขมวดคิว้ ทันที และครุ่นคิด หล่อนเรียกชายคนนั้นว่า ที่รัก หรือ
ว่าหล่อนสวมเขาให้หวังเต้าคุนงั้นเหรอ?
แล้วในใจของเขาก็เดือดขึ้นมาทันที เพราะสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือ
ผูห้ ญิงที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีแบบนี้ และเห็นความรู้สกึ คนอื่นเป็นของ
เล่น แถม หวังเต้าคุนก็หมกตัวทำงาน แต่หล่อนกลับสวมเขาให้
ผูห้ ญิงแบบนีน้ ี่มันจิตใจสกปรกมาก!
และในขณะนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงผูช้ ายคนนั้นถามขึ้น : “ถ้าผมซื้อ
รถให้คุณตอนนี้ แล้วคุณจะอธิบายกับหวังเต้าคุนยังไง?”
“หวังเต้าคุนเหรอ?” หล่อนทำสีหน้าเบื่อหน่ายแล้วพูดขึ้น : “อย่าพูด
ถึงคนโง่ๆ แบบนั้นเลย เขาเป็นคนไร้ค่ามาก อยากได้อะไรก็ไม่ได้เลย
ถ้าไม่เห็นแกความซื่อสัตย์และคอยดูแลเอาใจใส่ละก็ ฉันไม่มีวันอยู่
กับเขาหรอก!”
บทที่ 48 หญิงร้ายชายเลว
ชายคนนั้นหัวเราะคิกคัก พลางบีบหน้าของหล่อน แล้วพูดขึ้น :
“ตอนนีเ้ ธอเป็นผู้หญิงของฉันแล้ว ยังจะกลับไปอยู่กับเขาอีกเหรอ?
ผูห้ ญิงที่เป็นของจ้าวตงแล้ว จะไม่ยอมให้ผชู้ ายคนไหนได้ไปครอง
อีก!”
หลิวลี่ลี่รบี ตอบทันที : “พี่ตงวางใจได้ ตั้งแต่ตอนนี้ ฉันจะไม่ให้เขาได้
แตะต้องตัวอีกเลย ฉันรังเกียจ! ร่างกายของฉันจะเป็นของพี่ตงคน
เดียวตลอดไป และก็จะเอาไว้เพื่อรับใช้พี่ตงคนเดียวด้วย!”
หล่อนพูดพลางอธิบาย : “ที่จริงแล้วฉันคิดไว้ว่าพอหลังจากที่เปิด
ร้านแล้วจะบอกเลิกเขา แต่ไม่คิดว่าตาบ้านั่นจะไปรู้จักกับเพือ่ นที่ดู
จะมีอทิ ธิพลมาก ที่ช่วยจัดการกับพวกนักเลงที่มารังควานได้ ฉันก็
เลยรอให้ทุกอย่างเข้าที่ก่อน แล้วค่อยเลิกกับเขา แบบถีบหัวส่งออก
ไปจากร้านเลย”
จ้าวตงหัวเราะชอบใจ แล้วพูดขึ้น : “ก็แค่นักเลง มันจะเก่งแค่ไหน
กัน? ถ้าเธอบอกพี่ก่อนหน้านี้ แค่พ่โี ทรไปครั้งเดียวก็สามารถให้ลูกพี่
มันมาคุกเข่าขอโทษได้แล้ว”
หลิวลี่ลี่หัวเราะอย่างพอใจ : “โห พี่ตงสุดยอดที่สุด! ตอนนั้น
สถานการณ์ค่อนข้างบีบบังคับ ฉันเองก็นึกไม่ถงึ ว่าโทรหาพี่ และ
ตอนนั้นกลหวังเต้าคุนเองก็อยู่ ฉันเลยกลัวว่าพี่จะไม่ชอบใจ!”
จ้าวตงบีบที่เอวหล่อนทีหนึ่ง พลางหัวเราะแล้วพูดขึ้น : “เธอนี่รู้ใจ
ที่สุด!”
หลิวลี่ลี่เกาะที่แขนเขาแล้วอ้อน : “พี่ตง ตกลงว่าพี่จะยอมซื้อรถให้
ฉันมั้ยอ่า!”
จ้าวตงหัวเราะ : “เอาแบบนี้ รอสักหน่อย ให้กลับไปที่บ้านพี่ก่อน
แล้วให้พี่ได้ล้มิ ลองเธอสักครั้ง หลังจากนั้นเธอก็ไปเลิกกับไอ้หนุ่มนั่น
แล้วพรุ่งนี้พ่จี ะมาซื้อรถให้เธอ!”
หลิวลี่ลี่ถามขึน้ ด้วยความดีใจ : “พี่ตง พี่พูดจริงๆ ใช่มั้ย? พรุ่งนี้จะ
ซื้อบีเอ็ม X6ให้ฉันจริงๆ นะเหรอ?”
“ฉันเคยหลอกเธอตอนไหน?” จ้าวตงหัวเราะออกมา : “แต่ว่า เธอ
ต้องปรนนิบัติพใี่ ห้ดนี ะถึงจะได้!”
หลิวลี่ลี่กะพริบตาปริบๆ แล้วพูดขึน้ : “พี่ตงวางใจได้ รอให้ถึงบ้านพี่
ก่อน ฉันจะดูแลพี่อย่างดีเลย!”
ทั้งสองคนคุยกันเสร็จ ก็เดินออกไปจากร้านทันที
เย่เฉินรู้สกึ เกลียดหญิงร้ายชายเลวสองคนนี้มาก พลันหยิบโทรศัพท์
ออกมา แล้วโทรไปหาหวังเต้าคุน
พอหวังเต้าคุนรับสาย เขาก็พูดขึน้ ทันที : “เย่เฉิน มีอะไรเหรอ? ทำไม
ถึงโทรมาหาฉันได้?”
เย่เฉินพูดเสียงธรรมดา : “โทรมาถามไถ่แกเฉยๆ ตอนนีย้ ุ่งอะไร
เหรอ?”
หวังเต้าคุนตอบ : “ฉันช่วยงานในครัวอยู่ ตอนนีก้ ็ใกล้เที่ยงแล้ว อีก
หน่อยลูกค้าก็จะเข้าแล้ว ฉันก็เลยเข้ามาช่วยน่ะ”
เย่เฉินถามขึน้ : “แกอยู่ในร้านยุ่งทั้งวันเลยเหรอ?”
หวังเต้าคุนพูดขึ้น : “ใช่แล้ว ร้านพึ่งเปิด งานเลยเยอะ อีกอย่าง เงิน
ทำร้านครึ่งหนึ่งเป็นของพ่อลี่ลี่ ถ้าฉันไม่ขยัน จะโดนดูถูกเอาได้”
เย่เฉินถามขึน้ อีกครั้ง : “แกออกไปเท่าไหร่?”
“ฉันออกไปหนึ่งแสนหยวน มันเป็นเงินทั้งหมดที่ฉันหาได้ตอนเรียน
มหาลัย”
เย่เฉินถามขึน้ อีกครั้ง : “เจ้าของร้านเป็นชื่อใคร?”
หวังเต้าคุนตอบ : “ก็ฉันสิ!”
เย่เฉินถามขึน้ อีกครั้ง : “ตอนจดบันทึกเปิดร้านเป็นชื่อแกเหรอ?”
หวังเต้าคุนพูดขึ้น : “ไม่ใช่ เป็นชื่อของคุณพ่อลี่ล่ี ฉันยังไม่แต่งงานกับ
ลี่ล่ี ในเมื่อเขาออกเงินช่วย จะเขียนเป็นชื่อฉันคงไม่ดมี ั้ง”
พูดจบ หวังเต้าคุนก็ถามขึน้ : “แต่ว่าพ่อลี่ล่บี อกว่า รอให้พวกเรา
แต่งงานกันก่อน ก็จะเปลี่ยนชื่อร้านนั้นให้เป็นของฉัน”
พอเย่เฉินได้ยินแบบนัน้ ก็ส่ายหัวทันที ช่างโง่จริงๆ ถูกคนหลอกใช้ยัง
ไม่รู้ตัวอีก!
หลิวลี่ลี่เห็นเขาเป็นวัวเป็นควาย บอกให้เขาเปิดร้านทำธุรกิจ แล้ว
ตัวเองก็ออกไปลัล้ ลากับชายคนอื่น แล้วก็ไปอยู่กับผูช้ ายรวยๆ แถม
ยังวางแผนจะถีบหัวส่งเขาอีก
และตอนนีร้ ้านอาหารนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นของเขาเลย ถ้าหากว่า
หลิวลี่ลี่ทำแบบนั้นจริง เขาก็คงเหลือแต่ตัว!
พอถึงตอนนี้ ก็เท่ากับว่าทำไปแบบไม่มีประโยชน์ และเงินอีกแสน
หยวนที่เขาออกไปก็อาจจะเสียเปล่าด้วย!
พอครุ่นคิดดูแล้ว เขาก็ยิ่งรูส้ กึ เกลียดหล่อนมากขึน้ ไปอีก เลยถาม
หวังเต้าคุนไปตรงๆ : “ลี่ล่ตี อนนี้ไปไหนล่ะ?”
หวังเต้าคุนหัวเราะแล้วพูดขึ้น : “ลี่ลี่เหรอ ออกไปทำผม มีอะไร
เหรอ?”
เย่เฉินหัวเราะ : “ทำผม? เธอบอกเหรอ?”
“ใช่!”
“เธอบอกแบบนั้นแกก็เชื่อเหรอ?”
หวังเต้าคุนเริ่มรูส้ กึ ไม่ดีแล้วถามขึ้น : ไม่ต้องอ้อมค้อม”
เย่เฉินตอบรับ แล้วเล่าให้เขาฟัง : “งั้นฉันจะพูดล่ะนะ ฉันเห็นหลิวลี่ล่ี
ที่รา้ นรถบีเอ็ม 4S เธอมากับผู้ชายที่ชื่อจ้าวตง พร้อมกับโอบกันไป
มา แถมยังเรียกจ้าวตงว่าที่รักด้วย แกน่าจะโดนเธอสวมเขาแล้วล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้!” หวังเต้าคุนพูดออกมาทันที : “ลี่ลี่ไม่ใช่คนแบบนั้น!
แกอาจจะจำคนผิดหรือเปล่า?”
เย่เฉินพูดเสียงจริงจัง : “ฉันจำคนไม่ผดิ เป็นลี่ล่”ี
“ฉันไม่เชื่อ!” หวังเต้าคุนยืนยันเสียงแข็ง : “เย่เฉิน ถึงพวกเราจะสนิท
กัน แต่แกก็ไม่ควรเห็นแก่ความสนิทกันของเรา แล้วพูดให้ภรรยาฉัน
แบบนี้นะ!”
เย่เฉินหัวเราะออกมา พลันพูดขึ้น : “หวังเต้าคุน แกตื่นได้แล้ว!
ภรรยาแกไปอยู่กับชายอื่นแล้ว แถมไอ้คนนั้นยังตอบตกลงว่าจะซื้อ
รถให้เธอด้วย ตอนนี้ลี่ลี่ก็กลับไปกับเขาแล้วด้วย แล้วก็เตรียมจะไป
บอกเลิกแกตอนเย็น! เห็นแกที่เราเป็นเพื่อนกัน ฉันเลยมาบอกให้แก
ทำใจ!”
เขาไม่รอให้หวังเต้าคุนตอบ พลันพูดต่อ : “ทางที่ดีฉันว่าแกเอา
ภาพวาดใบนัน้ ย้ายออกมาก่อน เก็บภาพนั้นไว้ แกถึงจะสามารถยืน
หยัดกลับมาได้อีก แต่ถ้าหากว่าแกไม่เชื่อ ฉันเองก็จนปัญญา”
หวังเต้าคุนก็พูดเสียงหวั่นๆ : “เย่เฉิน! แกหยุดพูดจาบ้าบอได้แล้ว! ลี่
ลี่เป็นว่าที่ภรรยาของฉัน ฉันรู้เกี่ยวกับเธอดี เธอไม่มีทางหักหลังฉัน
หรอก! ถ้าแกยังใส่รา้ ยเธออีก พวกเราก็จบกันเพียงเท่านี!้ ”
เย่เฉินขมวดคิว้ แน่น พร้อมกับพูดขึน้ : “ได้ สำหรับความเป็นเพื่อน
ของเรา สิ่งที่ฉันควรเตือนฉันก็เตือนแล้ว ถ้าหากว่าแกไม่เชื่อ ฉันเอง
ก็หมดปัญญา ขอให้แกโชคดี!”
พูดจบ เย่เฉินก็ตัดสายทันที
ช่างเป็นคนที่บา้ และโง่ให้กับความรักจริงๆ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ก็คง
อัดวิดโี อไว้ให้เขาดูแล้ว!
ในตอนนี้ ผู้จัดการกำลังเคาะกระจก ถามเขาอยู่ : “คุณชาย บีเอ็ม
530 ใช้ได้มั้ย?”
เย่เฉินพยักหน้า : “ดีมากเลย “คุณรอสักครู่ ผมจะให้พนักงานขับมา
ให้เดีย๋ วนี้เลย”
ไม่นาน บีเอ็มสีดำ รุ่น 530 ก็ขับมาจอด เย่เฉินรูดบัตรจ่ายอย่าง
รวดเร็ว หลังจากนั้นก็พับเก็บรถมอเตอร์ไซไฟฟ้าเข้าไว้ในที่เก็บ
ด้านหลัง พลันขับรถออกไปจากร้านทันที
ระหว่างทางขับกลับ พ่อตากับแม่ยายก็โทรมาถามว่ากลับมาหรือยัง
ตอนที่เขากลับมาถึงใต้ตึกก็พบว่า พวกเขาสองคนได้มารออยู่แล้ว
พอเห็นเย่เฉินกลับมาพร้อมกับรถบีเอ็ม 530 ทั้งสองคนต่างก็ยิ้มจน
หน้าบาน
พ่อตาเดินอ้อมรถอยู่หลายครั้ง พร้อมกับพูดขึ้น : “รถเยี่ยมจริงๆ!
เยี่ยมมาก! คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉันจะมีวาสนาได้ขับบีเอ็ม!”
เย่เฉินหัวเราะ พลางพูดขึ้น : “คุณพ่อต่อไปไม่แน่ว่าอาจจะได้ขับรถ
โรลรอยซ์ก็ได้นะ”
พ่อตาหัวเราะชอบใจ : “งัน้ ก็ต้องดูความสามารถของพวกแกแล้ว
แหละ!”
แม่ยายที่อยู่ข้างๆ ก็ดใี จไปด้วย แล้วก็เปลี่ยนความคิดสำหรับเย่เฉิน
ไปบ้าง
พ่อตาขึน้ ไปขับรถดูรอบหนึ่ง พอกลับมาจึงพูดขึน้ นิ่มมาก เพียงแค่
ตัวรถยาวไปหน่อย ควบคุมยาก เย่เฉิน ตอนบ่ายแกไปเป็นคนขับรถ
ให้พ่อ พาพ่อออกไปทำธุระหน่อยนะ พอดีฉันนัดเพื่อนออกไปดูของ”
เย่เฉินพยักหน้ารับ : “ได้ครับ คุณพ่อ”
แม่ยายเองก็พูดขึน้ ด้วยความดีใจ : “กลับมาก็มาขับรถให้แม่หน่อย
นะ พาแม่ออกไปดื่มชาตอนบ่ายกับเพื่อนหน่อย ให้พวกเขาได้เห็น ว่า
ตอนที่ฉันออกจากบ้านก็มีคนมารับมาส่ง!”
“ได้ครับ คุณแม่!”
บทที่ 49 จัดการฝังพ่อตา
หลังจากกินข้าวตอนเที่ยง เซียวฉางควนก็ไปเปลี่ยนชุดเรียบร้อย
พร้อมทั้งพูดเร่งเย่เฉิน : “เย่เฉิน รีบเตรียมตัว แล้วขับรถใหม่พาพ่อ
ไปที่ถนนโบราณหน่อย มีรา้ นแจกันเปิดใหม่เป็นยุคสมัยถาง พ่อ
อยากไปดูสักหน่อย”
เย่เฉินอดไม่ได้จงึ พูดขึ้น : “คุณพ่อ ตอนนี้ท่านกลับมาเล่นของ
โบราณอีกแล้วเหรอ? ครอบครัวเราก็ไม่ได้มีเงินเยอะ พอจะซือ้ ของ
เก่า มันจะฟุ่มเฟือยไปหรือเปล่า?”
เซียวฉางควน ไม่ได้หาเงินเก่งอะไร แต่ใฝ่ฝันอยากมีเงินมาก ไม่มี
อะไรก็ชอบไปซื้อของที่ ถนนโบราณ แล้วก็ชอบฝันลมๆ แล้งๆ แต่ว่า
ช่วงไม่กี่ปที ี่ผ่านมา ก็จะถูกคนอื่นเล่นหนักมาก ก่อนหน้านี้ถงึ ได้หยุด
เล่น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ยอมหยุด แต่กลับยิ่งเป็นหนัก
กว่าเดิม เซียวฉางควน เห็นว่าเย่เฉินกล้าพูดขนาดนี้ เขาจึงพูดขึ้น
เสียงแข็ง : “แกอย่าพูดมาก รีบไปส่งฉันเดี๋ยวนี”้
เย่เฉินหมดความอดทน แต่ก็ไม่สามารถขัดได้ จึงทำได้แค่ขับรถไปส่ง
เขาที่ ถนนโบราณ จินหลิงเป็นเมืองเก่าแก่ อยู่ขา้ งนอกถนนโบราณ
และพอมีชื่อเสียงในประเทศอยู่บ้าง เป็นแหล่งรวมของเก่าแกของแต่
ละพื้นที่ รวมถึงพวกลูกค้าที่ชอบซื้อของพวกนี้
นักท่องเที่ยวในพื้นที่เองก็พอมีบ้าง ใช้เงินก้อนใหญ่ทำให้ถนนโบราณ
ฟื้นฟูขึ้นมา และก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกที่หนึ่งเลย
พอมาถึงถนนโบราณ เซียวฉางควน ก็เดินเข้าไปในร้านอย่างคุน้ ชิน
แล้วหันไปบอกพนักงานต้อนรับว่ามีนัด เขาก็พลันพาเดินเข้าไปใน
ห้องรับแขกเพื่อดูสนิ ค้าทันที เย่เฉินที่กำลังจะเดินตามเข้าไป เซียว
ฉางควน พลันหันมาบอกว่า : “แกไม่ต้องตามเข้าไป เข้าไปแกก็ดูไม่
เป็น รอด้านนอกห้องนี่แหละ!”
เย่เฉินพยักหน้ารับ : “เข้าใจแล้ว!”
เซียวฉางควน กุมมือตัวเอง แล้วตามพนักงานเข้าไปด้านใน
ห้องรับแขก เย่เฉินก็นั่งรออยู่ข้างนอก ผ่านไปสิบกว่านาที เย่เฉินก็
พลันได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้องรับแขก “เพล้ง”
หลังจากนั้น เย่เฉินก็เห็น เซียวฉางควน ออกมา ด้วยสีหน้าไม่สดู้ ี
แล้วเอาแต่พูดว่า : “ตายแน่ ตายแน่! แบบนีต้ ายแน่ๆ!”
เย่เฉินจึงรีบเดินเข้าไปหา แล้วหันไปมองด้านหลังของเขา ก็เห็นเพียง
เศษที่แตกออกเป็นสองส่วน และที่พื้นยังมีเศษเล็กตกอยู่ไม่น้อย
ดูจากเศษพวกนีแ้ ล้ว ก็พอจะดูออกว่า ถูกทำให้แตก และน่าจะเป็น
ขวดพอร์ชเลนอวี้หูของสมัยถาง
สมัยก่อนตอนทีเ่ ขาเป็นเด็ก อยู่ท่ตี ระกูลเย่ เขาก็เคยเห็นผ่านตามา
หลายครั้ง มองแวบเดียวก็รู้ ขวดนี้เป็นของโบราณ มีขายในตลาด
ราคาราวๆ สองสามแสนหยวน ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก
ดูแล้ว พ่อตาก็คงซวยแล้ว แขกภายในห้อง มีคนหนึ่งเป็นวัยกลางคน
มีส่หี น้าไม่ค่อยดี พลางพูดขึน้ : “คุณท่านเซียว ขวดใบนี้ของพวกเรา
ต้องใช้เงินห้าแสนกว่าหยวนซื้อมาเลยนะ ตอนนีท้ ่านทำมันแตกแล้ว
ต้องชดใช้ค่าเสียหายมา!”
คนๆ นี่ คือ โจวเหลียงเวิ่น ผูจ้ ัดการร้านจี๋ชิ่งถัง
เซียวฉางควน มาลากเย่เฉิน แล้วพยายามพูดเสียงกลบเกลื่อน :
“คนนี้เป็นลูกเขยที่น่ารักของฉัน แกรู้ว่าเขามีเงินมากมายแค่ไหนมั้ย?
อย่าว่าแต่หา้ แสนหยวนเลย ขนาดห้าล้านหยวนเขายังจ่ายได้เลย!
เรื่องชดใช้ค่าเสียหายให้พวกแกคุยกันเอาเอง! ฉันมีธุระ ต้องขอตัว
ก่อน!”พูดเสร็จ เขาก็ผลักเย่เฉินเข้าไปทันที แต่ตัวเองกลับหนีเอาตัว
รอดเย่เฉินทำหน้างง พ่อตาคนนีก้ ็หน้าไม่อายจริงๆ นี่เป็นการบอก
ชัดเจนเลยว่าเป็นการลากเขามาซวยด้วย!
โจวเหลียงเวิ่นหันมามองเย่เฉิน พร้อมกับพูดเสียงแข็ง : “คุณชาย
ท่านนี้ ทัง้ หมด ห้าแสนสามหมื่นหยวน คุณต้องการรูดบัตรหรือ
โอน?”
เย่เฉินเอามือประสานกัน : “ผมไม่มีเงิน”
ไม่ใช่ว่าเขาจ่ายไม่ได้ เพียงแค่อยากให้พ่อตาได้รับบทเรียนบ้าง ต่อไป
จะได้ไม่ต้องบอกตัวเองพามาทีน่ ี่บ่อยๆ “ไม่มีเงินเหรอ?” โจวเหลียง
เวิ่นกัดฟันพูด : “พังของในร้านของฉันแล้ว แต่ฉันก็ไม่มีเงินจริงๆ อีก
อย่าง ขวดนี้ฉันก็ไม่ได้เป็นคนทำแตก ทำไมฉันต้องเป็นคนชดใช้
ด้วย?”โจวเหลียงเวิ่นโมโหอย่างมาก แล้วพูดขึ้น : “แล้วเขาไม่ใช่
พ่อตาแกเหรอ?”
เย่เฉินพยักหน้า : “คุณพูดเองนิ ว่าเป็นพ่อตาผม ไม่ใช่ผม ใครทำ
แตกก็ให้คนนั้นรับผิดชอบสิ นี่เป็นการใส่ร้ายแล้วโยนความผิดนะ คน
อื่นไม่ผิดนะ คุณไม่เคยได้ยินเหรอ?”
โจวเหลียงเวิ่นโมโหหนักมาก แต่พอฟังเขาพูดแล้วก็มีเหตุผล
ถ้าหากว่าเขาไม่ส่งเรื่องให้เขามาจ่ายค่าชดใช้ละก็ ถ้าคนอื่นรู้เข้า
ร้านเขาต้องโดนถล่มแน่ๆดังนั้นเขาเลยรีบหันไปซุบซิบคนที่อยู่ข้างๆ :
“พวกแกอ่ะ รีบไปจับตาแก่นั่นมาให้ฉันเดีย๋ วนี้!”
เย่เฉินมองพวกเขาที่รีบวิ่งออกไป ก็ขำอยู่คนเดียว
ที่จริงเขาสามารถจะใช้บัตรจ่ายให้ได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นต่อไป มันก็
ไม่ใช่ยิ่งทำให้พ่อตาผู้ตะกละคนนี้ได้ใจแล้วเอาเปรียบเขาแบบนีต้ ่อไป
เหรอ?ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ให้เขาได้ลมิ้ รสความทรมานก่อน
ไม่อย่างนั้น ต่อไปถ้าเจอเรื่องราวแบบนีอ้ ีก เขายังจะกล้าเอาเปรียบ
ตัวเองอีกคนของร้านจีช๋ ิ่งถังออกไป เพื่อไปจับตัวพ่อตาของเขา เย่
เฉินที่ไม่มีอะไรทำ จึงหันไปมองเศษขวดที่แตกออกเป็นสองส่วนที่พื้น
ขวดใบนี้สูงประมาณครึ่งเมตร ตอนนี้แตกออกเป็นสองส่วน รวมถึง
เศษเล็กอีกกอง มองดูแล้วน่าเสียดายมาก แต่ว่า อยู่ดีๆ เขากลับ
สังเกตเห็น ครึ่งล่างที่แต่นั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
เขารีบยื่นมือออกไปหยิบมาทันที แถมยังเป็นกล่องไม้เล็ก!
ไม่นึกว่า ขวดใบนีจ้ ะมีของลึกลับซ่อนอยู่!
ลักษณะของขวดใบนีป้ ากขวดแคบ แต่ก้นขวดกว้าง และกล่องไม้นี้
เห็นได้ชัดว่าใหญ่กว่าปากขวดถึงสองสามเท่า ดูแล้ว นี่คงไม่ใช่พึ่งเอา
ใส่หรอก แต่น่าจะใส่ตอนที่ทำขวดนี้ขนึ้ มา แล้วถึงได้ยัดกล่องนี้เข้า
ไป!พอคิดได้ กล่องไม้ใบนีก้ ็น่าจะเป็นของที่ยังเหลือมาจากยุคสมัย
ถางเหมือนกัน!
เขาหยิบกล่องขึ้นมา แล้วดูอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ออกแรงนิด
หน่อย ก็มีเสียงเปิดดังขึน้ ทีหนึ่ง แล้วมันก็เปิดออก และพอเปิดออก
ได้แล้ว ก็พลันได้กลิ่นหอมอ่อนฟุ้งกระจายออกมา เย่เฉินดมดู รู้สึก
หอมสบายมากพอมองดูให้ชัดๆ ด้านในนั้นมีหนังสือเล็กๆ เก่าๆ เล่ม
ไม่ใหญ่ถึงฝ่ามือซ่อนอยู่ด้านใน!เขาหยิบหนังสือเล่มเล็กๆ ขึน้ มา และ
เห็นข้างบนเขียนว่า ตำราเก้าเสวียนเทียน เป็นตัวอักษรจีนโบราณสี่
ตัว“ชื่อฟังดูน่าสนใจมาก ไม่รู้ว่าใช้จดบันทึกอะไร” เย่เฉินเปิดหน้า
หนังสือแล้วอ่านดูทันทีบทแรก คือ การแพทย์ ด้านในบันทึกวิธีรักษา
อยู่หลายวิธี รวมถึงขัน้ ตอนการรักษา เย่เฉินยิม้ มุมปากทันที เขาเอง
ก็เคยอยู่ในวงการการแพทย์มาบ้าง และก็พอจะรู้การรักษาเบือ้ งต้น
แต่ส่งิ ที่หนังสือเล่มนีบ้ ันทึกไว้นั้น กลับดูละเอียดและดีกว่าการแพทย์
สมัยนี้มากพวกการรักษาฝังเข็ม ที่ยิ่งดูน่าสนใจ แถมในหน้าสุดท้าย
นั้น เย่เฉินเห็นวิธีการทำยา และประโยชน์ของมัน บอกได้เลยว่ามัน
เป็นอะไรที่ไม่มแี ล้วในสมัยนี้ เขารู้สึกสนใจมาก พลางนั่งลงไปที่พื้น
แล้วก็อ่านไปเรื่อยๆ คิดไม่ถึงว่า ในตำราเล่มนีจ้ ะยังมีส่งิ ที่ในโลกนี้ไม่
มี แถมยังเป็นของล้ำค่า และเป็นสิ่งอัศจรรย์มาก นอกจากนัน้ ยังมีสิ่ง
ประหลาดอีกมากมายเลย เย่เฉินอ่านนานมาก ซึมซับได้เรื่อยๆ
เก็บได้แล้ว! นี่เป็นสุดยอดของล้ำค่า!
บทที่ 50 เย่เฉินลงมือ
ภายใต้ความยินดีเย่เฉินได้นำตำราเก้าเสวียนเทียนยัดเข้าในอกทันที
ผลที่ได้คือหนังสือเล่มนีก้ ลายเป็นฝุ่นผงหายไปในทันใด ทว่าทุก
ตัวอักษรในหนังสือกลับสลักอยู่ในหัวของเย่เฉินอย่างชัดเจน
ในเวลานี้พ่อตาที่หนีไปได้ถูกชายร่างใหญ่หลายคนคุมตัวกลับมาด้วย
ความป่าเถื่อน เห็นใบหน้าทัง้ สองด้านของเขาที่ทั้งแดงทัง้ บวมคงเป็น
เพราะโดนเล่นงานตอนโดนจับได้!
เย่เฉินมองท่าทางสะบักสะบอมของเขาแล้วอยากหัวเราะในใจ
ตาแก่คนนีก้ ่อเรื่องแล้วยังอยากโยนปัญหามาให้ตน มีเรื่องแบบนีไ้ ด้
ซะที่ไหน! ให้เขาโดนสั่งสอนสักหน่อยถือว่าเป็นการลงโทษเขาเช่นกัน
พ่อตาเซียวฉางควนในเวลานี้มีสภาพสะบักสะบอม เมื่อกีเ้ ขา
พยายามหนีสุดชีวติ เหนื่อยจนเหลือจะทน แต่เขาเองก็ไม่มีกญ ุ แจรถ
อายุเยอะแล้ว รูปร่างก็อ้วนจะวิ่งก็ว่งิ ไม่ไว ใช่คู่ต่อสูข้ องวัยรุ่นพวกนีท้ ี่
ไหนกัน ดังนั้นไม่นานนักเขาก็โดนจับมัดกลับมา ยังโดนตบไปอีก
หลายที น่าสมเพชจริงๆคนพวกนั้นจับเซียวฉางควนกลับมา ผู้
จัดการโจวเหลียงเวิ่นกัดฟันพูด "ตาแก่ ทำแจกันของพวกเราแตก
แล้วจะหนีงนั้ เหรอ? คุณไม่สืบเบื้องหลังจี๋ช่งิ ถังของพวกเราดูหน่อย
ล่ะ! "พ่อตาพูดอย่างหวาดกลัว "ผมไม่ได้ตั้งใจนะ เป็นเพราะแจกัน
มันลื่นเกิน......" โจวเหลียงเวิ่นพูดเสียงเย็น "ไม่ต้องพูดมาก! ผมให้
เวลาคุณช่วงบ่ายไปหาเงินมา หากไม่มีเงินชดใช้ ผมจะแจ้งตำรวจว่า
คุณตั้งใจทำลายทรัพย์สนิ ผู้อื่น มูลค่าคดีห้าล้านกว่าพอที่จะให้คุณ
ติดคุกอีกนาน! "เซียวฉางควนตกใจจนสั่นไปทัง้ ร่าง มองเย่เฉินราว
กับมองเห็นเส้นฟางช่วยชีวติ "เย่เฉิน ลูกเขยคนดีของฉัน! แกจะไม่ยื่น
มือเข้าช่วยไม่ได้นะ! " เย่เฉินพูดอย่างจนปัญญา "พ่อครับ ผมเองก็
ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นนะ! "
เซียวฉางควนพูดออกมาอย่างรีบร้อน "งั้นแกไปติดคุกแทนฉันสิ!
ตระกูลเซียวของฉันเลี้ยงดูแกมาตั้งนานถึงเวลาที่แกต้องรู้จักทดแทน
บุญคุณแล้ว! "
ในใจเย่เฉินคิด คุณยังมีหน้ามาพูดคำพูดพวกนี้อีกเหรอ?
กำลังจะปฏิเสธ ชายวัยกลางคนคนนั้นก็ชิงพูดตัดหน้าก่อน "คนก่อ
หนีก้ ็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ จี๋ชิ่งถังของพวกเราทำธุรกิจโดยเน้นหนัก
ความน่าเชื่อถือ เป็นคุณที่ทำแจกันแตกก็ต้องเป็นคุณที่ชดใช้! "
พูดแล้วเขาก็พูดกับเย่เฉินต่อ "คุณไปได้แล้ว แต่ว่าทางที่ดีช่วยเขาหา
เงินให้ครบ ไม่อย่างงั้นพ้นบ่ายวันนีไ้ ปฉันจะส่งเขาให้ตำรวจ"
เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ เซียวฉางควนตระหนกสุดขีด พูดทั้งน้ำตา
"ลูกเขยคนดีแกไปไม่ได้นะ! แกไปแล้วฉันจะทำยังไง! "
เย่เฉินเห็นเขาตระหนกจนเป็นแบบนั้นก็อดตลกไม่ได้แต่แน่นอน ว่า
บนใบหน้านั้นไม่อาจยิ้มออกมาได้ เขากำลังคิดจะใช้ขอ้ อ้างไปหาเงิน
เพื่อออกไป ให้พ่อตาลำบากอยู่ที่นี่สักหน่อย แต่ว่าในหัวเขาพลันคิด
ได้ เมื่อกี้ในตำราเก้าเสวียนเทียนมีวิธเี ก่าแก่ท่ใี ช้ซ่อมเครื่องลาย
คราม เขาจึงเกิดความคิดขึน้ แล้วพูด "ผูจ้ ัดการโจว ถ้าหากผมซ่อม
ขวดใบนั้นได้ คุณจะปล่อยพ่อตาผมไปได้ใช่ไหม? "
โจวเหลียงเวิ่นหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูด "คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ยัง
บอกจะซ่อมวัตถุโบราณ บอกคุณตามจริงผมได้ส่งรูปให้ผู้เชี่ยวชาญ
การประเมินวัตถุโบราณจินหลิงดูแล้ว ฝั่งนั้นบอกว่าแตกแบบนีน้ ั้นไม่
สามารถซ่อมได้อีก"
เย่เฉินส่ายหน้าพูด "แจกันของคุณใบนีย้ ังไงก็แตกไปแล้ว ปล่อยไว้ก็
ไร้ประโยชน์ ผมลองดูก็ไม่เสียหายอะไร......"
โจวเหลียงเวิ่นหัวเราะเยาะออกมาแล้วพูด "ได้สิ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่ง
น้ำตาสินะ? เอาเลย ผมจะคอยดูว่าคุณมีฝีมืออะไร! "
เย่เฉินพูด "เตรียมกระดาษเซวียนจื่อให้ผมหนึ่งแผ่น พู่กันหนึ่งด้าม ไข่
ไก่หา้ ฟอง เอาไข่ไก่ดบิ นะ" โจวเหลียงเวิ่นที่รอดูว่าเย่เวิ่นจะทำเรื่อง
โง่ๆ ยังไงก็ไม่ลังเล ไม่นานก็หาไข่ไก่ดบิ มาให้เย่เฉินได้ตะกร้าหนึ่ง
ทว่าเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดเยาะ "ใช้ไข่ไก่ซ่อมโบราณวัตถุ ผมยังไม่
เคยได้ยนิ วิธแี บบนีม้ าก่อน ผมขอเตือนคุณอย่าทำอะไรตุกติก ไม่คุณ
เอาเงินมาชดใช้ ไม่ก็พวกเราฟ้องศาลพ่อตาของคุณ ห้าล้านพอที่
พ่อตาของคุณจะติดคุกไปทั้งชีวิต"
เย่เฉินพยักหน้าพูด "ถ้าผมซ่อมได้ล่ะ? "
โจวเหลียงเวิ่นพูดเสียงเย็น "ถ้าผ่านการประเมินจากผูเ้ ชี่ยวชาญว่า
ซ่อมได้เรียบร้อยจริงๆ แล้วกอบกู้ความเสียหายส่วนใหญ่เอาไว้ได้
ถ้างั้นพวกคุณก็ไปได้! "
"ดี! " เย่เฉินพยักหน้า "พูดคำไหนคำนั้น! "
พูดจบเขาก็ไม่พูดมากอีก โครงกระดาษค่อยๆ ถูกเศษวัตถุโบราณ
แปะกันเต็ม......
ทุกคนสงบปากสงบคำเกรงว่าจะรบกวนขั้นตอนการซ่อมแซมของ
เขา ไม่นานก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รอจนเมื่อเย่เฉินลุกขึน้ มาอีกครั้ง สิ่งที่
ปรากฏตรงหน้าทุกคนคือขวดพอร์ชเลนอวีห้ ูราชวงศ์ถังที่ราวกับ
ของใหม่ เขาพูดยิม้ ๆ กับโจวเหลียงเวิ่น "คุณลองดูได้ ยังมีตำหนิ
ตรงไหนอีก"
โจวเหลียงเวิ่นหยิบแจกันขึน้ มา พินิจดูอยู่หลายรอบถึงได้พูดออกมา
อย่างเยาะหยัน "คุณล้อผมเล่นเหรอ? ใช้ไข่เหลวมาทาติดรอบหนึ่งก็
ถือว่าซ่อมแล้ว? ผมตีขาคุณให้หักแล้วใช้ไข่ขาวทาติดให้คุณ
เหมือนกันได้ไหม? "
"อย่าแตะต้องแจกันใบนั้น! "
ขณะนี้เองพลันมีเสียงใสร้อนรนดังขึน้ มาจากทางหน้าประตู
จากนั้นสาวงามที่ใส่ชุดสูทกึ่งทางการสีขาวก้าวเดินเข้ามา
ใบหน้าของหล่อนสวยใส เรือนร่างสูงสมบูรณ์แบบ ส่วนสูงเกือบ
170ซม. แผ่กลิ่นอายสูงส่ง ดวงตาที่สวยงามคู่นั้นมองเข้ามาในห้อง
นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหยิ่งแสนเยือกเย็น ราวกับเป็นราชินีน้ำแข็ง
โจวเหลียงเวิ่นสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่เห็นผู้หญิงคนนี้ กุลีกุจอก้มหัวพูด
อย่างนอบน้อม "คุณหนูใหญ่มาได้ยังไงกันครับ? "
ผูม้ าคือผู้ครอบครองตัวจริงของจีช๋ ิ่งถัง คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซ่ง
ตระกูลแนวหน้าเมืองจินหลิง ซ่งหวั่นถิง ซ่งหวั่นถิงแค่นเสียง พูดด้วย
สีหน้าโมโห "ฉันกลัวว่าหากฉันไม่มานายคงทำร้านเจ๊งพอดี! นี่เกิด
อะไรขึ้น? "โจวเหลียงเวิ่นยิม้ เหยเก รีบพูดตอบ "ตอนดูแจกันมีแขก
คนหนึ่งพลัง้ มือทำแจกันแตก ลูกเขยของเขาใช้ไข่ขาวซ่อมแซม ผม
กำลังบอกว่าซ่อมแบบนี้มันไร้คุณค่า จะเจรจากับพวกเขาเรื่องชดใช้
ครับ"ซ่งหวั่นถิงขยับเข้ามาด้านข้างแจกัน พินิจอยู่ชั่วครู่สหี น้าพลัน
เปลี่ยน! จากนั้นหล่อนหันกลับมาตำหนิโจวเหลียงเวิ่นด้วยความ
โกรธ "รีบวางลง! ใครให้นายจับซี้ซั้วโดยไม่รู้เรื่องกัน! "
โจวเหลียงเวิ่นพลันงงงัน "คุณหนูใหญ่หมายความว่า? "
ซ่งหวั่นถิงพูดอย่างโมโห "นี่คือโบราณวัตถุที่เพิ่งซ่อมเสร็จ นอกจาก
ผูเ้ ชี่ยวชาญในการซ่อมแล้ว คนอื่นยังไม่สามารถใช้มือแตะได้ กฎแค่
นี้นายก็ไม่รเู้ หรอ? "
โจวเหลียงเวิ่นพูดด้วยความลังเลเล็กน้อย "นี่......ใช้ไข่ขาวทาติดหนึ่ง
รอบไม่นับว่าเป็นการซ่อมมั้ง? "
ดวงตาสวยงามของซ่งหวั่นถิงส่อความโมโห พูดตำหนิ "เจ้าโง่นี่
แจกันใบนี้หลังจากซ่อมแซมมูลค่าเพิ่มขึน้ อย่างน้อยเท่าตัว แต่เพราะ
นายใช้มือสัมผัสค่าเสียหายเริ่มต้นสองล้าน! นายไปเก็บของซะ
พรุ่งนี้ไม่ต้องมาอีก! "
ก่อนหน้านี้หล่อนอยู่ที่งานประมูลที่เมืองก่าง เคยเห็นจานลายคราม
ในยุคสมัยเดียวกับขวดพอร์ชเลนอวี้หู ประวัติของจานลายครามใบ
นั้นน่าสนใจมาก มันคือเครื่องลายครามในสมัยราชวงศ์ถัง ถูกคนทำ
แตกในสมัยราชวงศ์ซ่ง จากนั้นช่างผู้ชำนาญในสมัยราชวงศ์ซ่งได้ใช้
วิธีการเดียวกันในการซ่อมแซม และเพราะฝีมือการซ่อมแบบนีห้ า
ยากเป็นอย่างมาก หายสาบสูญไปจากประวัติศาสตร์ ดังนัน้ ราคาซื้อ
ขายสุดท้ายของจานลายครามใบนั้นคือสิบสามล้าน เกินจากมูลค่า
โดยแท้ของจานลายครามไปมาก ตอนนี้ขวดพอร์ชเลนอวี้หูใบนี้ถูกเย่
เฉินใช้วิธที ี่หายสาบสูญในการซ่อมแซม "ท่านอาจารย์ที่ซ่อมแจกัน
ใบนี่ล่ะ? รีบพาฉันไปเข้าพบหน่อย"
บทที่ 51 กล้าดียังไง
โจวเหลียงเวิ่นตกใจจนหน้าถอดสีไม่เคยคิดเลยว่าไข่ไก่ที่อยู่ในขวดจะ
กลายเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งขึ้นดังนั้นเขาจึงรีบเอื้อมมือไปหาเย่เฉิน
“คุณหนูใหญ่ เป็นคุณชายท่านนีท้ ี่ซอ้ มมัน...”
ซ่งหวั่นถิงมองประเมินไปที่เย่เฉิน ในใจก็แอบสงสัยว่า เขายังเด็ก
เกินไปจริง ๆ ที่จะสามารถซ่อมวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมที่สูญ
หายไปประเภทนีไ้ ด้ ซ่งหวั่นถิงยิ้มเล็กน้อยพร้อมถามอย่างสุภาพ
“ฉันซ่งหวั่นถิงจากตะกูลซ่ง คุณชื่ออะไร ขอถามได้ไหมว่าคุณเรียน
มาจากอาจารย์ท่านไหน?”
เซียวฉางควนที่ยืนตกใจสุดขีดอยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินชื่อของซ่งหวั่นถิง
ตกใจจนถึงกับพูดอะไรไม่ออก!
ตระกูลซ่งเชียวนะ!
ตระกูลซ่งเป็นตระกูลอันดับต้น ๆ ในจินหลิง! แม้ว่าอำนาจจะเทียบ
ไม่ได้กับตระกูลระดับสูงอย่างตระกูลเย่นจิง แต่ในจินหลิงนั้นไม่มีใคร
สามารถเทียบได้เลย!
ไม่คาดคิดมาก่อนว่า ตัวเองจะได้พบกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลซ่ง
ที่น่!ี
ทางด้านเย่เฉินก็ไม่ได้รสู้ กึ ถึงตัวตนของซ่งหวั่นถิง แม้ว่าตระกูลซ่งจะ
มีอำนาจมาก แต่ก็ยังเป็นตระกูลที่มีทรัพย์สินหลายแสนล้านเมื่อ
เทียบกับตระกูลที่มีทรัพย์สินหลายล้านล้านอย่างตระกูลเย่ นั่นคือ
ความแตกต่างที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันไมล์ ด้วยเหตุผลนั้นเขาจึงพูด
ด้วยเสียงแผ่วเบาออกไป "ผมชื่อเย่เฉิน แต่ผมไม่ได้มีอาจารย์หรอก
นะ”เย่เฉินรีบพูดต่อ “พ่อตาของผมทำขวดพอร์ซเลนอวีห้ ูของพวก
คุณแตก ผมซ่อมมันสักหน่อยแล้ว เชิญพวกคุณประเมินค่าเสียหาย
ที่พวกเราจำเป็นต้องชดเชยด้วยครับ”
ซ่งหวั่นถิงส่ายหัวและยิม้ “หลังจากที่คุณซ่อมมันขวดนี้ก็มีมูลค่าเกิน
กว่าเดิมมาก หากจะนำเหตุและผลมาพูด ควรจะเป็นจี๋ช่งิ ถังของเรา
ที่เป็นหนีค้ ุณ”
เย่เฉินยิม้ น้อย ๆ “คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก เพราะฝ่ายนีไ้ ด้
จัดการหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมและพ่อตาก็ตอ้ งกลับแล้ว
เหมือนกัน”
ซ่งหวั่นถิงตาโตหันมาเล็กน้อย พร้อมกับยิม้ และพูดว่า “คุณชาย ไม่
ทราบว่าคุณชื่ออะไร คุณสามารถฝากข้อมูลติดต่อไว้เพื่อติดต่อใน
อนาคตได้หรือไม่?”
พูดแล้วซ่งหวั่นถิงก็หยิบนามบัตรของตนเองออกมายื่นให้และพูดว่า
“คุณชาย นี่คือนามบัตรของฉัน โปรดรับไว้ด้วยค่ะ”
เย่เฉินพยักหน้ายอมรับนามบัตรและพูดเบา ๆ “ผมชื่อเย่เฉิน แต่ผม
ไม่มีนามบัตรครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ซ่งหวั่นถิงพูด “ไม่ทราบว่าคุณเย่จะสะดวกไหมที่จะให้
เบอร์โทรศัพท์กับฉัน”
เย่เฉินรู้สกึ ว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะทำการรู้จักผูค้ นมากขึน้
และซ่งหวั่นถิงคนนี้ก็ดูสุภาพและถ่อมตัวมาก ไม่เหมือนคนทีห่ ยิ่ง
ผยองและมีอำนาจเหนือกว่า มองดูแล้วเจริญหูเจริญตามาก
เขาจึงแลกเบอร์โทรกับซ่งหวั่นถิง ซ่งหวั่นถิงยังพูดอีกว่า “คุณชายเย่
ต้องการให้ฉันจัดรถไปส่งคุณทั้งสองคนไหมคะ”
เย่เฉินโบกมือและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมนำรถมา”
ซ่งหวั่นถิงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปส่งคุณทั้งสอง
ท่านเถอะค่ะ!”
หลังจากนั้นซ่งหวั่นถิงก็ส่งทั้งสองคนขึ้นรถ BMW 530 มองดูเย่เฉิน
ขับรถออกไปและเดินช้า ๆ กลับไปที่จีช๋ ิ่งถัง
เย่เฉินขับรถกลับมาและพ่อตาอดไม่ได้ท่จี ะถามเขาว่า “เย่เฉินนายไป
เรียนการซ่อมของโบราณมาจากใคร?”
เย่เฉินไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าตอนที่เขาทำขวดแตก เขาไป
เจอตำราเก้าเสวียนเทียนที่อยู่ด้านในขวดที่เขาทำแตก หนังสือเล่มนี้
มีมนต์ขลังมาก ด้านในตำรามีเนื้อหามากมายที่เขาต้องทำความ
เข้าใจอย่างช้า ๆ และด้วยเหตุนีเ้ ขาถึงไม่สามารถบอกใครได้
เขาจึงพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เมื่อก่อนผมเรียนจากลุงที่ทำความ
สะอาดในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะครับ”
พ่อตาพยักหน้าและถอนหายใจ “โชคดีจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉัน
กลัวว่าฉันจะต้องติดคุกซะแล้ว...”
พ่อตาก็รีบพูดต่อว่า “จริงด้วย! นายห้ามบอกเรื่องนี้กับแม่ของนาย
และซูหรันรู้นะ เข้าใจใช่ไหม?"
เย่เฉินพยักหน้า “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
พ่อตาถอนหายใจด้วยความโล่งอกลูบใบหน้าของตัวเองและพูดอย่าง
รำคาญ “ถ้าฉันรู้ว่านายมีฝมี ือมาตั้งแต่แรก ฉันจะวิ่งให้เหนื่อยทำไม
กัน ซ้ำยังถูกตบอีก แม่งเอ้ย ซวยจริงๆ !”
หลังจากพูดจบเขาก็ถามเย่เฉิน อยู่”
พ่อตาฮัมเพลงและพูดว่า “ถ้าตอนกลับถึงบ้านแม่นายถาม นายก็
บอกไปว่าฉันบังเอิญชนเสาไฟฟ้า"
เมื่อกลับถึงบ้าน เย่เฉินยุ่งอยู่กับการไปตลาดเพื่อซื้อของมา
ทำอาหาร เขาโทรหาเซียวชูหรันภรรยาของเขาว่าเธออยากจะกิน
อะไร เธอตอบกลับมาว่าในช่วงตอนเย็นต้องไปตรวจสอบแผนการ
ก่อสร้างกับคุณหวังตงเสวี่ยน คุณหวังตงเสวี่ยนได้เตรียมอาหารค่ำ
ไว้ที่ต้ีเหากรุ๊ปแล้ว หวังตงเสวี่ยนได้ส่งข้อความหาเขาแล้วว่า “ทั้ง
นายน้อยและนายหญิงจะเริ่มทำการก่อสร้างขึน้ ที่นี่ ดังนั้นหลังจากนี้
มันอาจจะยุ่งหน่อย ได้โปรดอย่าถือสาเลยนะ”
เย่เฉินไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีเหตุผล เมื่อรู้ว่าเรื่องธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ
เขาจึงตอบว่า “ด้านอาหารของบริษัท ควรมีการต้อนรับอย่างดี อย่า
ปล่อยให้เธอต้องทานข้าวกล่องล่ะ”
หวังตงเสวี่ยนตอบกลับทันทีว่า “คุณวางใจได้เลย ผมวางแผนไว้แล้ว
ว่าจะให้รา้ นอาหารชั้นนำทำอาหารเย็นที่ดที ี่สุดเพื่อเลีย้ งนายหญิง”
“อืม ทำดีมาก”
ถึงแม้ว่าภรรยาไม่กลับมาทานข้าว เย่เฉินก็ไม่ได้พิถพี ิถันอะไรมากนัก
เลือกซื้อวัตถุดบิ ง่าย ๆ กลับไปให้พ่อตากับแม่ยายได้ทำอาหารทาน
เองที่บ้าน หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามีและภรรยาก็พา
กันออกไปเต้นรำที่ลานกลางเมือง เย่เฉินกลับมาที่บ้านของตัวเองใน
หัวยังคิดถึงเนื้อหาที่ลึกลับและซับซ้อนของตำราเก้าเสวียนเทียน
ในจังหวะนั้นเองเขาก็ได้รับโทรศัพท์อย่างกะทันหันจากหวังเต้าคุน
เย่เฉินไม่อยากจะรับโทรศัพท์ของเขาเลย เจ้าเด็กคนนี้ จริง ๆ แล้ว
เหมือนมีอะไรดลใจ เขาจึงเตือนหวังเต้าคุนด้วยความหวังดี แต่ใน
ที่สุดเขาก็ขัดแย้งในตัวเอง ทำให้บางคนอึดอัดไปด้วย
แต่เมื่อคิดคิดดูแล้วหวังเต้าคุนก็น่าสงสารมากเหมือนกัน ดังนัน้ เย่
เฉินจึงยอมรับโทรศัพท์และถามเขา “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์หวังเต้าคุนร้องไห้แล้วพูดด้วยเสียง
คลุมเครือ “เย่เฉิน เพื่อนรัก ฉันขอโทษ ฉันได้ทำผิดต่อนายแล้ว!”
เย่เฉินได้ยนิ เขาร้องไห้อย่างหนักรู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อยและถามเขาว่า
“นายรู้ความจริงแล้วเหรอ?”
หวังเต้าคุนร้องไห้และพูดว่า “หลังจากที่นายคุยกับฉันเสร็จ ฉันก็ยิ่ง
คิดถึงเรื่องนีม้ ากขึ้นฉันก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้น และ
จากตำแหน่งที่อยู่ของ iPhone ของเธอ ฉันพบบ้านพักตากอากาศ
หลังหนึ่งในเขตนอกเมือง แต่ฉนั ก็เคาะที่ประตูและเข้าไปจับชายชู้ ฉัน
เลยถูกชายคนนั้น คนขับรถและแม่บ้านของเธอทุบตีและจากนั้นก็ถูก
120 ลากไปโรงพยาบาล... "
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หวังเต้าคุนก็ทรุดตัวลงและร้องไห้ “เย่เฉิน เป็น
เพื่อนคนนีเ้ องทีต่ าบอดและตำหนิคุณ นายต้องไม่โกรธฉันนะ นาย
คือเพื่อนที่ดีเพียงคนเดียวของฉัน ถ้าหากนายโกรธฉันล่ะก็ ที่จินหลิง
ฉันก็ไม่มีอะไรเหลือเลยจริง ๆ ... ”
เย่เฉินถอนหายใจและกล่าวว่า “ขาของฉันถูกเขาใช้ไม้เบสบอลตีจน
หัก หมอบอกว่าฉันไม่สามารถลุกจากเตียงได้ในช่วงนี้ ภาพวาดที่คุณ
ให้ฉัน ฉันเอามันไปด้วยตอนออกไปจับชายชู้ คุณช่วยเอาภาพนั้นไป
จำนองที่โรงรับจำนำได้ไหม เงินทั้งหมดของฉันหมดไปกับร้านอาหาร
แล้ว ตอนนีฉ้ ันหมดตัวและไม่มีเงินสำหรับการรักษาแล้ว... "
เมื่อได้ยินเช่นนีเ้ ย่เฉินก็ถามทันที “คนที่ทำร้ายนายไม่จ่ายค่า
รักษาพยาบาลเหรอ?”
“ไม่จ่าย..."“นายโทรแจ้งตำรวจหรือยัง?”“โทรแจ้งไปก็ไม่มีประโยชน์
ตำรวจบอกว่าฉันบุกเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตและพวกเขาก็
ทุบตีฉันเพื่อเป็นการป้องกันก็ถูกต้องแล้ว... "
“กล้าดียังไง!” เย่เฉินลุกเป็นไฟและพูดว่า “นายรอฉัน เดีย๋ วฉันไป
จัดการเดีย๋ วนี้!”
บทที่ 52 แกตายอย่างน่าอนาถแน่
โรงพยาบาลชุมชนหวังเต้าคุนนอนอยู่บนเตียงในแผนกฉุกเฉิน
เขาได้รับบาดเจ็บทุกที่ ขาขวาของเขาถูกเข้าเฝือกไว้ด้วย ดูน่าสงสาร
มาก เย่เฉินอดไม่ได้ท่จี ะเห็นใจ เป็นผู้ชายแท้ แต่ให้ผู้หญิงสวมเขา
สุดท้ายไม่ใช่แค่หัวใจของเขาที่แตกสลาย แต่ร่างกายของเขาก็ถูกทุบ
ตีเช่นนีเ้ มื่อหวังเต้าคุนเห็นเขาเข้ามา น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาที่
บวมเปล่งดั่งไข่ของเขา
“เย่เฉิน...” หวังเต้าคุนอดไม่ได้ท่จี ะร้องไห้ทันทีที่เขาเปิดปาก
เย่เฉินเดินไปด้านหน้าและพูดเบา ๆ “พอแล้ว แค่ผู้หญิงเลวคนหนึ่ง
มันไม่คุ้มกับความเศร้าของนายหรอก”
หวังเต้าคุนร้องไห้และพูดว่า “ฉันเทียวไล้เทียวขื่อเธอมาสามปี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านเพื่อเธอแล้ว ฉันยอมที่จะละทิ้งศักดิ์ศรี ฉัน
กลายเป็นหมาขีป้ ระจบโดยสมบูรณ์ เดิมทีคิดว่าในที่สุดฉันก็มีทุก
อย่าง แต่ฉันก็ไม่ได้คาดว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่เหลืออะไร ... "
หวังเต้าคุนร้องไห้จนแทบหายใจไม่ออกและพูดว่า “ยัยบ้านั่นไม่
เพียงแต่อยากเลิกกับฉัน แต่ยังอยากให้ฉันออกจากบ้านด้วย! เงิน
ส่วนใหญ่ที่ฉันหามาได้ในช่วงไม่กี่ปีท่ผี ่านมาถูกเธอผลาญไป เงินมัด
จำหนึ่งแสนก็ลงทุนในโรงแรม แต่เธอไม่อยากจ่ายคืนให้ฉันด้วยซ้ำ
ฉันตาบอดขนาดกับหลงรักผูห้ ญิงจิตใจอำมหิตแบบนีไ้ ด้ยังไง”
เย่เฉินเกลี้ยกล่อมเขา “เต้าคุณ ผูช้ ายสามารถล้มลงได้ เขาก็
สามารถลุกขึ้นได้อีกครั้ง! แล้วภาพวาดที่ฉันให้คุณล่ะ ภาพวาดนั้น
ขายได้อย่างน้อย 200,000 หยวน เพียงพอที่จะให้คุณเริ่มต้นธุรกิจ
ขนาดเล็กได้”
หวังเต้าคุนพยักหน้าและพูดว่า “ภาพวาดอยู่ในอ้อมแขนของฉัน ยัง
โชคดีที่นายเตือนฉันว่าให้ฉันเอาภาพวาดไป ไม่อย่างนั้นเธอก็ต้อง
เอาภาพนัน้ ไปด้วยแน่ๆ!"
เย่เฉินกล่าวว่า “ภาพวาดยังอยู่ก็ดีแล้ว นายนอนลงและสงบสติ
อารมณ์ซะ ฉันจะไปซื้อผลไม้ให้นาย และจ่ายค่ารักษาใน
โรงพยาบาลให้”
หวังเต้าคุนน้ำตาไหล “เย่เฉินเพื่อนรัก ขอบคุณมาก ๆ ...ไม่ต้อง
กังวลฉันจะคืนเงินให้นายในอนาคตนีแ้ น่ ๆ !”
เย่เฉินกล่าวเบา ๆ “โอเค เราต่างเป็นเพื่อนกันอย่าพูดอะไรมากเลย”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็ออกจากห้องพักไป
เมื่อครู่รีบไปเลยไม่ได้สนใจเรื่องของเยี่ยม เมื่อเห็นหวังเต้าคุนน่า
สงสาร เย่เฉินก็ทนไม่ได้เขาจึงไปซื้อผลไม้มาไว้ให้และรูดบัตรของเขา
เพื่อจ่ายค่ารักษาล่วงหน้าหนึ่งแสนหยวนเมื่อกลับไปที่หอ้ งพัก เย่เฉิน
ก็เห็นว่าประตูของห้องเปิดอยู่เมื่อเขาเดินไปด้านหน้า ก็เจอกับหลิวลี่
ลี่ยืนอยู่หน้าเตียงของหวังเต้าคุนโดยมีจ้าวตงที่หลิวลี่ล่โี อบเอวอยู่
เมื่อเห็นทัง้ สองคนเข้ามาหวังเต้าคุนก็ถามเสียงดัง “พวกเธอมาทำ
อะไรที่นี่? มาหัวเราะเยาะฉันรึไง?”
หลิวลี่ลี่ย้มิ เย้ยหยัน “ใครเขาอยากเห็นหน้าโง่ๆอย่างคุณกัน!"
หลังจากพูดจบก็ไม่ลืมที่จะถ่มน้ำลายลงบนพื้นแล้วพูดว่า “ฉันมาที่น่ี
เพื่อมาเอาภาพวาดจากคุณ! คุณซ่อนมันไว้ที่ไหน?”
หวังเต้าคุนพูดอย่างโกรธ “ หลิวลี่ล่ี ภาพวาดนั้นเพื่อนรักฉันให้ฉันมา
เธอจะเอามันไปได้ยังไง”
“ให้คุณ?” หลิวลี่ล่ตี ะคอกอย่างเย็นชา “แม่งฉิบแกช่วยกระจ่าง
หน่อย ทำไมเย่เฉินถึงให้ภาพวาดนั้น? ก็เพราะว่าเป็นของขวัญเปิด
ร้านอาหารไง! และก็ร้านอาหารนั่นเป็นของใคร? ก็เป็นของพ่อฉัน
ยังไงล่ะ!”
หวังเต้าคุนไม่เคยคิดเลยว่าหลิวลี่ลี่จะไร้ยางอายขนาดนี้ และน้ำเสียง
โกรธของเขาก็สั่นสะท้าน “หลิวลี่ล่อี ย่าให้มันมากเกินไป! ร้านอาหาร
ของบ้านคุณ แต่ยังมีเงิน 100,000 หยวนที่ฉันลงทุนไป และคุณก็
ต้องคืน 100,000 หยวนนั้นให้ฉันด้วย ส่วนภาพวาดนั้นเพื่อนที่แสน
ดีของฉันมอบมันให้ฉันได้ยนิ ไหม? เขาให้ฉัน!”
หลิวลี่ลี่พูดอย่างดูถูก "อย่าพูดเรื่องไร้สาระกับฉัน ร้านอาหารไม่มี
ส่วนแบ่งของคุณด้วย ฉันจะไม่ให้เงินคุณสักแดงเดียว ภาพวาดนั่น
เป็นของร้านอาหาร ถ้าคุณไม่เอามันมาให้ฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ
เดีย๋ วนี้ ว่าคุณขโมยภาพวาดนั้นจากร้านอาหารของฉัน! "
จ้าวตงที่อยู่ดา้ นข้างยังหัวเราะเยาะ “ไอ้หนุ่ม ถ้าคุณไม่ส่งภาพวาด
นั่นให้ฉัน ฉันก็แค่โทรไปที่สถานีตำรวจ คุณก็จะถูกจับทันที! ค่าคดี
สองแสน มันก็เพียงพอให้คุณติดคุกเป็นเวลาสิบปี!”
น้ำตาของหวังเต้าคุนยังคงหลั่งไหล ถามหลิวลี่ลี่ทงั้ น้ำตา “ในช่วง
หลายปีท่ีผ่านมาฉันทำทั้งหมดก็เพื่อคุณและมอบทุกอย่างที่สามารถ
ให้คุณได้แม้ว่าคุณจะไม่เห็นคุณค่า แต่คุณจำเป็นต้องทำกันขนาดนี้
เลยเหรอ?”
หลิวลี่ลี่พูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “เห็นคุณค่า? คุณคิดว่าคุณ
เป็นใครกัน? ฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะ ฉันไม่เคยชอบคุณเลย คุณไม่
คู่ควรกับฉัน! มีเพียงพี่ตงคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรให้ฉันชอบ!"
จ้าวตงยิ้มอยู่ข้าง ๆ เธอและพูดว่า “ฉันลืมบอกคุณไปว่าลี่ล่กี ับฉันอยู่
บนเตียงด้วยกัน คุณไม่รู้เหรอกว่าลี่ล่คี รวญครางดังแค่ไหน เพดาน
บ้านของฉันแทบจะถล่มด้วยซ้ำเพราะเสียงครางของเธอ!"
หลิวลี่ลี่พูดอย่างเขิน ๆ “แหมพี่ตงล่ะก็ ทำไมพูดถึงเรื่องนี้ละคะ คน
เขาก็เขินเป็นนะคะ ... "
“อายเหรอ?” จ้าวตงหัวเราะและพูดว่า “ทำไมเราไม่ปิดประตูและ
แสดงให้เจ้าขยะนี่ได้เห็นไปเลยล่ะ ให้มันเห็นไปเลยถ้าเธอทำยังไงให้
ฉันบ้าง?”
“ว้าย ไม่เอานะ มันน่าอายเกินไปนะ!”
หวังเต้าคุนทนต่อไปไม่ไหวอีกต่อไปเขาหยิบหมอนขึ้นมาแล้วปา
ออกไปพร้อมก่นด่าว่า “หญิงโฉดชายชั่ว ไสหัวออกไปซะ!”
จ้าวตงคว้าหมอนไว้และพูดอย่างเย็นชา “ฉันขอเตือนแกไว้ ถ้าแกยัง
ไม่ส่งภาพวาดคืนมา ฉันจะหักขาอีกข้างของแกและจับแกเข้าคุก!"
หลังจากฟังเรื่องนี้ขา้ งนอกเย่เฉินก็เดินเข้าไปในห้องพักและตะโกน
อย่างโกรธเกรีย้ ว “ถ้ากล้าแตะต้องเพื่อนฉันล่ะก็ แกตายแน่!"
จ้าวตงหันกลับมามองที่เย่เฉินและถามว่า “คุณเป็นใคร?”
หลิวลี่ลี่ตอบกลับ “คนนี้คือเย่เฉิน คนที่ส่งภาพวาดมา”
จ้าวตงหัวเราะเสียงดัง “โอ้ ฉันก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้ขยะแมงดาเกาะ
ผูห้ ญิงกิน! ในจินหลิงไม่มีใครรู้จักมันสักคน! ไม่เป็นที่สนใจสักนิด!”
ตอนที่จา้ วตงพูดก็มองไปที่เย่เฉินอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฉันจะให้
เวลาแกสามวินาทีในการออกไป ฉันจะทำเหมือนแกไม่เคยมาที่น่มี า
ก่อน และไม่เอาเรื่องแก!”
เย่เฉินพูดอย่างเหยียดหยาม “ปล่อยฉันออกไปเหรอ แกเป็นใคร?”
จ้าวตงกัดฟันและพูดว่า “เด็กน้อย แกแกล้งทำเป็นกล้าต่อหน้าฉัน
จ้าวตงคนนี้งนั้ เหรอ?”
เย่เฉินพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่สนหรอกว่าแกจะเป็นใคร วันนี้แกทำให้
ฉันไม่สบายใจมาก ฉันจะให้โอกาสแก คุกเข่ากับพื้นและก้มหัวให้
เพื่อนของฉันสามครั้ง และให้เพื่อนของฉันหักขาข้างหนึ่งของแกซะ
มิฉะนั้นแกไม่ตายดีแน่!”
ได้ยินอย่างนั้นจ้าวตงก็ดูเหมือนจะหัวเราะ จากนั้นการแสดงออก
ของเขาก็ค่อย ๆ แข็งขึน้ และเขาพูดอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่ม แกกำลัง
พูดถึงเรื่องอะไร ให้ฉันจ้าวตงคุกเข่าเนี่ยนะ? นี่แกเบื่อกับการมีชีวติ
อยู่งั้นเหรอ?”
หลิวลี่ลี่ที่ยืนอยู่ดา้ นข้างอดไม่ได้ท่จี ะเยาะเย้ย “เย่เฉิน แกเป็นไอ้โง่มา
จากไหนกัน? มาล้อเล่นกับพี่ตง แกกลัวว่าจะมีอายุยืนยาวงั้นเหรอ?”
เย่เฉินพูดอย่างเย็นชา “ยัยกะหรี่อย่ามาพูดกับฉัน ปากของแก ฉันยัง
คิดว่ามันน่าสะอิดสะเอียน!”
“แก...” ให้คนมาฆ่ามันเลยค่ะ! ฉันจะฉีกปากเน่า ๆ ของมัน!"
จ้าวตงกัดฟันและพูดว่า “แกไม่รู้อะไรซะแล้ว! ฉันจะโทรเรียกคนมา
ฆ่าแก แกรอไว้ได้เลย!"
เย่เฉินได้ยนิ ก็หัวเราะทันที “ดี ถ้าแกไม่ฆ่าฉันล่ะก็ แกและหญิง
แพศยานี่ต้องตายอย่างอนาถแน่!"
บทที่ 53 คุกเข่าลง ร้องขอชีวิตสุนัขของแกซะ
จ้าวตงโทรศัพท์ทันทีและพูดเสียงดัง “พี่เจ็ดตอนนีฉ้ ันอยู่ที่
โรงพยาบาลชุมชน พี่พาคนมาสักสามสี่คนมาที่น่หี น่อย ฉันอยากฆ่า
เด็กเปรตคนหนึ่ง!”
เย่เฉินไม่ได้โทรศัพท์ แต่ส่งข้อความถึงหงห้าโดยตรง “มาที่
โรงพยาบาลชุมชนที มีคนต้องการฆ่าฉัน”
ท่านหงห้ารีบโทรกลับมาทันทีและโพล่งถามออกมา “คุณเย่ หมาตัว
ไหนกันมันไม่แหกตาดูรึไง?”
เย่เฉินพูดเบา ๆ “หยุดพูดไร้สาระ รีบมา"
ท่านหงห้าพูดทันที “คุณเย่วางใจเถอะ ฉันจะรีบไป!”
จ้าวตงเห็นเย่เฉินโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ก็ยิ้มเยาะออกมา “เป็น
อะไรไป แกก็โทรเรียกคนมาด้วยงั้นเหรอ?”
เย่เฉินยิม้ เย็นและพูดว่า “บอกแล้วไง ว่าจะทำให้พวกแกตายอย่างน่า
อนาถน่ะ!”
จ้าวตงเหมือนได้ยินเรื่องตลกก็หัวเราะเยาะ “แกเป็นบ้าหรือเปล่า ใน
จินหลิงคนที่จะสามารถทำให้ฉันตายอย่างอนาถได้ แม่มันยังไม่ได้
คลอดออกมาเลย!”
หวังเต้าคุนพยายามที่จะลุกขึ้นนั่งบนเตียงในโรงพยาบาลและพูด
อย่างใจจดใจจ่อ “เย่เฉิน นายรีบไปเร็ว อย่าไปมีเรื่องกับผูช้ ายคนนี้
เลย นายไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้เย่เฉินเดินไปหาเขาแล้วดันเขา
กลับไปนอนบนเตียงและพูดเบา ๆ ว่า “นอนลงเถอะ”
หวังเต้าคุนกล่าวอย่างร้อนรน “นายไม่รู้ท่มี าของจ้าวตงคนนีด้ ี
ตระกูลของเขามีอำนาจมากในจินหลิง...”
เย่เฉินปอกส้มแล้วยัดเข้าปากพลางพูดว่า “คนที่ฉันไม่สามารถยุ่งได้
เขายังไม่เกิด!”
หลิวลี่ลี่หัวเราะและพูดว่า “แม่เจ้า คุณนี่โม้ได้จริงๆ นั่นแหละ คุณรู้
ไหมว่าพี่จ้าวตงที่บ้านเขาทำงานอะไร”
เย่เฉินตอบกลับว่า “ฉันไม่รู้เหรอกว่าครอบครัวของเขาทำอะไร ฉันรู้
แค่วา่ เขาจะต้องเป็นคนพิการไปตลอดชีวติ !”
พูดจบเขาก็พูดอีกว่า “อ้ออีกอย่าง เธอเองก็ดว้ ย!”
ใบหน้าของหลิวลี่ล่กี ็ขรึมลงทันที “ดี ในเมื่อแกรนหาที่ตาย งั้นแกก็
รอความตายเสียเถอะ!”
เย่เฉินถามหวังเต้าคุนในตอนนัน้ “เรื่องที่คุณถูกทำร้าย คุณหลิวเย่ว
เซินพ่อของหลิวลี่ลี่รู้เรื่องหรือยัง?”
“รู้แล้ว”
หวังเต้าคุนพูดว่า “ฉันโทรหาเขาแล้ว”
เย่เฉินพยักหน้าและถามต่อ “เขาพูดว่าอะไรบ้าง?”
หวังเต้าคุนดูโกรธกรุ่นและพูดว่า “เขาบอกว่าเป็นเรื่องของคนหนุ่ม
สาว เขาไม่สามารถยุ่งได้ ความหมายของเขาก็คือไม่ต้องการให้ฉัน
ไปพบกับเขา!”
เย่เฉินถามอีกว่า “แล้วเรื่องที่คุณลงทุนไป 100,000 หยวน ที่
ร้านอาหาร คุณได้ขอเขาไหม?”
“ขอแล้ว!” หวังเต้าคุนแสดงออกถึงความรำคาญมากขึน้ และกัดฟัน
พูด “ตาแก่นั่นบอกว่าเงิน 100,000 หยวน ของฉันไม่ได้ใช้ลงทุนใน
ร้านอาหาร แต่เป็นการได้รับเกียรติให้เป็นลูกเขยในอนาคต เขายัง
บอกอีกว่าฉันไม่มีคุณสมบัติท่จี ะกลับไป และจะไม่คืนเงินให้ฉัน!”
“กล้าดียังไง!” เย่เฉินตะคอกเสียงเย็น “ไม่แปลกใจเลยที่มีลูกสาว
ต่ำๆเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นคนบัดซบนี่เอง!”
“เย่เฉินนายกำลังพูดเรื่องอะไร?” หลิวลี่ลี่โกรธขึน้ มาทันทีและโพล่ง
ออกมาว่า “กล้าด่าพ่อฉัน ฉันคิดว่าคงไม่อยากมีชีวติ อยู่แล้วสินะ?”
พอพูดจบเธอก็เขย่าแขนของจ้าวตงอย่างเร่งเร้าพลางฟ้องว่า “พี่ตง
เขากล้าด่าพ่อฉัน พี่ต้องตีเขานะ!”
จ้าวตงเป็นเพียงเพลย์บอย ส่วนสูงก็ไม่ถือว่าสูงมาก และรูปร่างของ
เขาอยู่ในเกณฑ์ธรรมดา เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเย่เฉินเขาตัวเตีย้ ลง
ครึ่งหนึ่งรูปร่างของเย่เฉินนั้นดีมาก หากเขาสู้กับเย่เฉินมันเป็นไป
ไม่ได้เลยที่เขาจะชนะเย่เฉิน ยิ่งไปกว่านั้นเย่เฉินเรียนมวยหวิงชุนจาก
พ่อของเขาอีกด้วย เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก หลังจากที่พ่อและแม่
ของเขาจากไป เขาก็ไม่เคยล้มเลิกในการฝึกฝนที่สถานเลี้ยงเด็ก
กำพร้า อาจจะเป็นเพราะเทคนิคการชกมวยที่เย่เฉินเรียนรู้มาตั้งแต่
เด็ก เขาเลยไม่ถูกรังแกในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดังนั้นหากเขาจะเอา
เรื่องจริง ๆ นับประสาอะไรกับจ้าวตง ต่อให้เป็นจ้าวตงสักห้าคน แต่
ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฉินหรอกในใจของจ้าวตงรู้ดีว่าถ้าเขาสูต้ อนนี้
เขาจะทำอะไรไม่ได้และอาจเป็นเขาที่ถูกทำร้ายแทน ดังนั้นเขาจึงจับ
มือของหลิวลี่ลี่และเอ่ยปลอบโยน “ที่รัก ไม่ต้องกังวล พี่เจ็ดกำลังพา
คนมาที่น่!ี เมื่อพี่เจ็ดมาถึง เราค่อยเอาชีวิตเขา!”
เย่เฉินส่งข้อความถึงผู้จัดการเฉินจื๋อข่ายของโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
มีอำนาจประมาณนั้น เขามาหาเรื่องกับท่านเหรอครับ?”
“อือ” เย่เฉินตอบกลับด้วยข้อความ “ฉันเรียกหงห้าให้มาที่น่แี ล้ว อีก
อย่างนายช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
เฉินจื๋อข่ายรีบพูด “นายน้อยบอกมาได้เลยครับ!”
เย่เฉินบอกว่า “ฉันอยากให้คุณพาพ่อของจ้าวตงมาที่โรงพยาบาล
ชุมชน แล้วก็เพื่อนเก่าในจินหลิงที่มีส่วนร่วมในการประเมินวัตถุ
โบราณ ชื่อคุณหลิวเยว่เซิน ให้พาพวกเขามาหาฉันด้วย”
เฉินจื๋อข่ายพูดต่อทันที “ได้ครับนายน้อย ผมจะพาพวกเขาไปพบ
ท่านด้วยตนเองเลยครับ!”
เย่เฉินพูด “นายไม่จำเป็นต้องออกหน้าเอง แค่ส่งคนไปทำแทน ฉันไม่
ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเรารู้จักกัน”
“ได้ครับนายน้อย! ถ้าอย่างนั้นให้ผมนำคนไปสั่งสอนไอ้เดนสองคน
นั่นดีไหมครับ”
เย่เฉินพูด “จับมันไว้ก่อน แล้วมัดตัวเอาตัวพวกมันมา”
“ได้ครับนายน้อย! ทุกอย่างขึ้นอยู่นายน้อยครับ เดีย๋ วผมจะสั่งการ
ไป!”
เย่เฉินมองไปที่จ้าวตงและหลิวลี่ล่แี ละพูดอย่างเย็นชา “พูดกันว่าเป็น
ความผิดของพ่อที่ไม่สั่งสอนลูกชาย ฉันจะให้พ่อของพวกแกมาหาฉัน
ในภายหลัง และพูดคุยเกี่ยวกับวิธีท่พี วกเขาต้องสั่งสอนพวกแกทัง้
สองคนด้วยตนเอง!”
จ้าวตงพูดด้วยใบหน้าดำทะมึนว่า “ไอ้เด็กเปรต ฉันแนะนำให้นะว่า
ถ้าแกยังไม่หยุด ไม่อย่างนั้นเมื่อคนของฉันมาถึง แกอาจจะต้องตาย
จริง ๆ !”
เย่เฉินตะคอกกลับเสียงดัง “รีบเรียกคนของแกให้รีบมา ฉันรอแทบ
ไม่ไหวแล้ว”
จ้าวตงกำลังจะอ้าปากด่าเย่เฉิน ขณะนั้นประตูของห้องพักถูกเปิด
ออก โดยชายที่หน้าเหมือนโจรก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับคนอีกเจ็ดถึงแปด
คนอย่างก้าวร้าว เมื่อจ้าวตงเห็นพวกเขา เขาก็ชไี้ ปที่เย่เฉินทันทีและ
พูดว่า “พี่เจ็ด เป็นไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ ช่วยฉันฆ่ามันด้วย!”
พี่เจ็ดขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “เป็นแกที่มายุ่งกับน้องชายของ
ฉัน?”
เย่เฉินยิม้ เบา ๆ พลางพยักหน้าตอบกลับว่า “ทำไมงั้นเหรอ? แก
อยากออกตัวแทนเขาเหรอ?”
พี่เจ็ดมองเขาอย่างสงสัย เจ้าเด็กนี่ไม่คุ้นหน้า ไม่เคยเจอเขามาก่อน
และไม่รู้รายละเอียดความเป็นมา แต่ทำไมเขาถึงไม่กลัวตัวเองเลย
เขาจึงถามกลับอย่างไม่แน่ใจว่า “เจ้าหนุ่ม แกไปอยู่ไหนมา”
เย่เฉินกล่าวว่า “ฉันก็อยู่บ้านน่ะสิ”
จ้าวตงรีบกล่าวเสริม “พี่เจ็ดเจ้าเด็กนี่เป็นเขยแต่งเข้า มันเป็นไอ้
แมงดา”
หลังพูดจบเขาก็กระซิบข้างหูอกี ครั้ง “เจ้าเด็กนี่ มันไม่มีคนคอย
สนับสนุน พี่ฆ่ามันตายได้โดยไม่ต้องกังวล ฉันจะรับหน้าไว้เองถ้ามี
อะไรเกิดขึน้ ”
“แมงดา?” พี่เจ็ดยิ้มและพูดว่า “ได้ ฉันจะหยุดเสียงนกเสียงกาของ
มันเอง ดูซิว่ามันยังจะมีหน้าไปเกาะผู้หญิงกินอีกไหม!”
ไม่รอให้เย่เฉินได้พูดโต้ตอบ เขาก็กวักมือเรียกคนที่อยู่ข้างหลังเขา
เข้ามาทันที “เวรเอ๊ย ฆ่ามันซะ!”
จ้าวตงมองไปที่เย่เฉินและหัวเราะเยาะ “ไอ้แซ่เย่ แกมีคำสั่งเสีย
ไหม?” เย่เฉินไม่สนใจเขา ตามองไปที่พ่เี จ็ดและพูดเบา ๆ “เมื่อกี้แก
พูดว่าไงนะ พูดอีกทีซิ ฉันสัญญาเลยว่าแกรอดไม่พ้นคืนนีแ้ น่!”
ขณะนั้นเองก็มเี สียงตะโกนดังมาจากนอกประตู “น้องเจ็ดคุณเย่บอก
ให้แกคุกเข่าลงไง ไอ้นี่แกหูหนวกรึไง?”
สีหน้าของพี่เจ็ดก็ตะลึงงัน ทำไมท่านหงห้ามาอยู่ที่นี่ล่ะ!
บทที่ 54 ทำลายมันซะ
สิ้นเสียง ท่านหงห้าก็เข้ามาพร้อมกับเปียวจื่อและอีกหลายสิบคนก็
กรูกันเข้ามา ทันทีท่เี ข้ามา เขาก็สั่งเปียวจื่อทันที “ล็อกประตู และไม่
ต้องให้ใครเข้ามา!”
เปียวจื่อรีบพยักหน้ารับคำสั่งทันที “รับทราบท่านหงห้า!”
พี่เจ็ดมองไปที่ท่านหงห้าอย่างตกตะลึง สมองของเขาเหมือนถูก
ไฟฟ้าช็อตอย่างสมบูรณ์ ท่านหงห้า ราชาของเมืองจินหลิง
พี่เจ็ดเป็นเพียงหนึ่งในคนที่มอี ิทธิพลในเขตท้องถิ่น แต่ท่านหงห้าเป็น
ราชาของเขตทัง้ หมด!
ทุกคนบนท้องถนนต้องมาทำความเคารพท่านหงห้าถึงในเมืองหลัก!
เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าเขาที่มาช่วยจ้าวตงจัดการกับเรื่องเล็กน้อยนี่
ไปกระตุกหนวดเสืออย่างท่านหงห้าได้!
จ้าวตงไม่รู้จักท่านหงห้า เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของพี่เจ็ดเขาก็
ขมวดคิ้วและถามว่า “พี่เจ็ดเกิดอะไรขึ้น? ตาแก่นี่เป็นใคร”
ทันทีท่คี ำพูดเหล่านีอ้ อกมาพี่เจ็ดก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ
เขาจับผมของจ้าวตงและต่อยไปที่หน้าจ้าวตงอย่างรุนแรง ต่อยจมูก
ของจ้าวตงและมองดูเลือดที่ไหลออกจากรูจมูกทั้งสองข้างของเขา พี่
เจ็ดกัดฟันและสาปแช่ง “ไอ้จ้าว ถ้าแกอยากตายอย่าลากฉันมาตาย
ด้วย! นี่คือท่านหงห้า!”
“อะไรนะ?!” จ้าวตงตกใจในทันใด!
ท่านหงห้า?!ราชาของเมืองจินหลิง!? ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่น่ี
ท่านหงห้าในตอนนีเ้ ดินไปด้วยใบหน้าที่มืดมนและเตะเข้าที่เป้า
กางเกงของพี่เจ็ด ลูกเตะนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส เขา
คุกเข่าลงบนพื้นทันทีด้วยใบหน้าไร้สีเลือด ท่านหงห้าจ้องมองเขา
และพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่นายท่านเย่ยังกล้ายุ่ง แกไม่อยากมีชวี ติ
ต่อไปแล้วใช่ไหม?”
พูดจบท่านหงห้าก็หันไปพูดกับเย่เฉินทันทีและพูดอย่างละอายใจ
“นายท่านเย่ ผมมาช้าไป ได้โปรดลงโทษผมด้วยครับ”
ท่าทีที่เคารพของท่านหงห้าที่มีต่อเย่เฉินทำให้ทุกคนในที่เกิดเหตุ
ตกใจ จ้าวตงตระหนักถึงว่าเขาไปยุ่งกับคนที่หาเรื่องด้วยไม่ได้ เขาก็
ตัวสั่นด้วยความตกใจ เย่เฉินพยักหน้าให้หงห้า ชี้ไปที่พ่เี จ็ดและถาม
ว่า “คุณรูจ้ ักไอ้หมอนี่ดว้ ยเหรอ?”หงห้า “รูจ้ ักครับ เขาเป็นหนึ่งใน
ลูกน้องของผม แต่ไม่ได้เจตนาที่จะยั่วโมโหนายท่านเย่ หากนายท่าน
ต้องการจะทำอะไร ได้โปรดพูดมาคำเดียว หงห้าจะทำทันที!”
เย่เฉินพยักหน้าและพูด “มันเป็นคนหยิ่งผยองเกินไป มันเข้ามาใน
ห้องเพื่อที่จะฆ่าฉัน คนอย่างมันจะอยู่ในสังคมนีก้ ็คงจะเป็นอันตราย
ทำลายมันซะ ปล่อยให้ชวี ติ ของมันหลังจากนีอ้ ยู่ไม่ได้โดยไม่นั่ง
รถเข็นไปตลอดชีวิต” พี่เจ็ดรู้สึกกลัวขึ้นมาทันใด ลำพังตัวมันเองแค่
อาศัยเรื่องต่อยตีเพื่อเลีย้ งตัวเอง ถ้ามันกลายเป็นคนพิการที่ไม่
สามารถทำอะไรได้โดยไม่มีรถเข็นจริง ๆ ชีวิตมันหลังจากนี้จะยุ่ง
เหยิงแค่ไหน? มันจะไม่ซวยไปตลอดชีวิตเลยรึไง!
เขาคุกเข่าลงบนพื้น เดินเข่าไปต่อหน้าเย่เฉินแล้วร้องไห้พลางพูดว่า
“นายท่านเย่ เป็นผมที่มันเป็นกบในกะลา ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ได้โปรด
ยกโทษให้ผมด้วย หลังจากนีผ้ มจะไม่ทำให้นายท่านขุ่นเคืองอีก!”
เย่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันให้โอกาสแกแล้วไง แต่แกไม่รับเอง”
พี่เจ็ดนึกถึงสิ่งที่เย่เฉินพูดกับเขาในเมื่อครู่ คุกเข่าลงและร้องขอชีวติ
เหมือนหมาตัวหนึ่ง เขาในตอนนั้นยังคงคิดว่าเย่เฉินกำลังรนหาที่ตาย
แต่ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าไม่ใช่เขา แต่ที่กำลังรนหาที่ตายมันคือ
ตัวเขาเอง! ด้วยความตื่นตระหนก เขาโขกหัวลงกับพื้นร้องไห้ทันที
พลางพูดว่า “นายท่านโปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง และไว้ชีวิตหมาตัวนี้
ด้วย!”
เย่เฉินไม่สนใจเขาอีก แต่เขามองไปที่หงห้าและถามว่า “ยังไม่ลงมือ
อีก มัวรออะไรอยู่?”
หน้าของหงห้าแข็งทื่อและรีบพูดทันที “มานี่! หักขามันเป็นชิ้น ๆ ”
ทันใดนั้นลูกน้องอีกหลายคนก็รีบวิ่งเข้ามาและกดพี่เจ็ดลงกับราบกับ
พื้นแผ่เป็นรูปอ้าแขนขา ขณะนั้นเองเปียวจื่อก็ดึงแท่งเหล็กออกมา
และก้าวไปข้างหน้า พี่เจ็ดยังร้องขอความเมตตา แต่เปียวจื่อยกท่อน
เหล็กขึ้นเหนือหัวของเขาและฟาดมันลง พัวะ!
กระดูกหัวเข่าขวาของพี่เจ็ดถูกทุบละเอียด อาการบาดเจ็บที่ถูกทุบ
จนกระดูกแตกละเอียดแบบนี้ ไม่สามารถรักษาได้ในชีวติ นี้!
พี่เจ็ดโอดครวญด้วยความเจ็บปวด แต่เย่เฉินก็พูดในตอนนัน้ “ยังไม่
พอ หักขามันแค่ขา้ งเดียว มันยังสามารถใช้ไม้คำ้ ยันได้ ฉันต้องการ
ให้มันนั่งรถเข็นไปตลอดชีวติ !”
เปียวจื่อพยักหน้าทันทียกท่อนเหล็กขึน้ และฟาดมันอีกครัง้ ที่หัวเข่า
ซ้ายของพี่เจ็ด พี่เจ็ดกลิ้งไปทั่วพื้นด้วยความเจ็บปวดและร่างกาย
ของเขาก็ช็อก หงห้าพูดกับเปียวจื่อ “เอาอะไรอุดปากมัน เพื่อไม่ให้
เสียงมันรบกวนคุณเย่!” “ครับ ท่านหงห้า”
หลังจากนั้นทันทีเปียวจื่อยัดผ้าก๊อซสองสามชิน้ เข้าไปในปากของพี่
เจ็ดและโยนเขาลงบนพื้น มันก็นอนขดตัวเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว
จ้าวตงหน้าซีดด้วยความตกใจและในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเขาโกรธ
ตัวเองมากแค่ไหนในตอนนี้!
ก่อนที่เย่เฉินจะทำอะไรไปมากกว่านี้ เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นและก้มหัว
ลง “เย่เฉิน นายท่านเย่ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรหยาบคายกับนาย
ท่าน โปรดนายท่านเมตตา!”
หลิวลี่ลี่ก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นจ้าวตงคุกเข่าลงและขอความเมตตา
เธอก็ลงไปคุกเข่าและก้มหัวขอโทษ เย่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา “หญิง
โฉดชายชั่ว แกคิดว่าถ้าแกขอความเมตตาจากฉัน ฉันจะปล่อยพวก
แกไปจริง ๆ หรือ? ช่างโง่และไร้เดียงสาจริง ๆ !”
ทั้งสองคนตัวสั่นไม่หยุด ในเวลานีม้ ีคนสองสามคนในชุดดำเดินเข้า
มาพร้อมกับคนวัยกลางคนและผูส้ ูงอายุสองคนที่ถูกมัด
คนวัยกลางคนและผู้สูงอายุสองคนถูกทุบตีฟกช้ำสภาพปางตาย
พวกเขาโยนคนวัยกลางคนทั้งสองนีล้ งกับพื้นแล้วโค้งคำนับให้เย่เฉิน
“คุณเย่ คนที่คุณต้องการอยู่ที่นี่แล้วครับ!”
จ้าวตงและหลิวลี่ล่มี องไปที่พวกเขาและเกือบจะช็อก!
คนวัยกลางคนและผู้สูงอายุสองคนนอนอยู่บนพื้นคือพ่อของจ้าวตง
จ้าวไห่เหิงและหลิวเยว่เซินพ่อของหลิวลี่ลี่ เย่เฉินบอกให้คนเทน้ำเย็น
ลงบนใบหน้าของจ้าวไห่เหิงและหลิวเยว่เซิน ทำให้สองคนนั้นตื่น
จากนั้นจึงถามหลิวเยว่เซิน “ไอ้แซ่หลิว ลูกสาวของแกเป็นหญิง
แพศยาและเธอเพิ่งทรยศสามีด้วยการมีชู้ แกรูเ้ รื่องนี้ไหม?”
หลิวเยว่เซินตกใจกลัว เขาถูกทำร้ายก่อนที่เขาจะมา เมื่อรู้ว่าครั้งนี้
ลูกสาวของเขาเป็นคนหาเรื่องขึน้ มา แต่เขาก็ยังคงส่ายหัวเพื่อ
ปกป้องตัวเอง “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้เรื่อง...”
เย่เฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่รู้เรื่องใช่ไหม? ไม่รู้เรื่องก็เป็น
เพราะว่าแกเป็นพ่อที่ประมาทเลินเล่อเอง! เปียวจื่อหักขาซ้ายมัน!
เหมือนกับไอ้เลวตัวเมื่อกี้น!ี้ ”
“ครับ!” เปียวจื่อพูดกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ทันที “กดมันไว้!”
หลิวเยว่เซินตะโกนด้วยความตกใจ “ไม่! ช่วยด้วย!”
หลิวลี่ลี่ก็ตะโกนด้วยความตกใจ “พ่อ!”
เปียวจื่อไม่ลังเลเมื่อลูกน้องของเขากดขาของหลิวเยว่เซินเขาก็หวด
ท่อนเหล็กลงทันทีและทุบลงไป “อ้าก...”
หลิวเยว่เซินรู้สกึ เจ็บปวดจนอยากตาย หัวเข่าของเขาแตกเป็นเสี่ยง
ๆ และเขากลัวว่ามันจะไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ในชีวติ นี้
ในขณะนั้นเย่เฉินก็ถามอีกครั้ง “ฉันจะถามแกอีกครั้ง ลูกสาวของแก
ทำตัวร่านมีชู้ทรยศต่อสามีของเธออย่างลับ ๆ แกรู้เรื่องนี้หรือไม่?”
หลิวเยว่เซินร้องไห้และพูดว่า “ฉันรู้ ฉันรู้ แกรู้ว่าลูกสาวของแกทำ
ผิด แต่ไม่สนใจและสั่งสอน นั่นไม่ใช่เพราะพ่ออย่างแกทำไม่ถูกต้อง
อย่างจงใจและตามใจ!”
พูดจบเขาก็ตะโกนใส่เปียวจื่อด้วยความโกรธ “เปียวจื่อ หักขาอีกข้าง
ของมัน!”
บทที่ 55 ชดใช้ด้วยความเจ็บปวด
หลิวเยว่เซินไม่คาดคิดว่าถึงเขาจะยอมรับผิดเย่เฉินก็ยังไม่คิดที่จะ
ปล่อยเขาไป!
เขาทำให้คนทั้งหมดกลัว ไม่นานก็หมดสติไปแต่ท่อนเหล็กของเปียว
จื่อก็ทำให้เขาตื่นขึ้นด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในชั่วพริบตา
“อ้าก!!!”
หลิวเยว่เซินอยูม่ าเกือบทั้งชีวติ เขาต้องมาเจอกับเรื่องแบบนีต้ ั้งแต่
เมื่อไหร่?
เขาน้ำตาไหลตลอด ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง “นายท่านเย่ ฉันรู้ว่าฉันผิด
แล้วจริง ๆ และฉันจะลงโทษเจ้าเด็กนี่ที่มันไม่ซื่อสัตย์คนนี้อย่าง
เคร่งครัด และฉันจะไม่ปล่อยให้เธอทำเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้อกี ”
เย่เฉินกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม “แกหลีกเลี่ยงที่จะรับผิดชอบ!”
กล่าวเพียงคำเดียวหลิวเยว่เซินก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที!
เย่เฉินถามอย่างจริงจัง “ไอ้คนแซ่หลิว ฉันขอถามแก เพื่อนของฉัน
ลงทุนไป 100,000 หยวนในร้านอาหารของแก ทำไมแกถึงไม่คืน
เงินเขา ทำไมแกถึงบอกว่าเพื่อนของฉันต้องให้เกียรติแก?”
หน้าของหลิวเยว่เซินซีดและรีบพูดว่า “ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง! ฉันโลภ
และไร้ยางอาย ฉันรู้แล้วว่าฉันผิดจริง ๆ !"
หลังจากพูดจบเขามองไปที่หวังเต้าคุนที่กำลังโกรธอยู่บนเตียงและ
โพล่งออกมาและวิงวอน “เต้าคุน ฉันเองที่เสียสติไป ไม่ต้องกังวลนะ
ฉันจะจ่ายเงินคืนให้ 100,000 หยวนพร้อมดอกเบีย้ แต่ได้โปรด
ช่วยฉันพูดกับนายท่านเย่ คนแก่อย่างฉันทนไม่ไหวจริง ๆ . "
เย่เฉินมองไปที่หวังเต้าคุนและถามว่า “นายจะรับคำขอของมัน
ไหม?”หวังเต้าคุนส่ายหัวอย่างแน่วแน่และโพล่งออกมา “ไม่! ฉันไม่
รับคำขอร้องจากใครทั้งนั้น!”
“ดี!” เย่เฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่!”
หลังจากพูดจบเขาก็หันหน้ามาและพูดกับหลิวเยว่เซินที่เต็มไปด้วย
ความสิน้ หวัง “แกไม่เพียงแต่ไม่รู้วิธี แต่ยังไม่มีทางสอนลูกชายของ
แกได้ แกยังพยายามยักยอกเงินออมของเพื่อนฉันไปทัง้ หมดในช่วง
สองสามปีที่ผ่านมา แกกับโจรมันต่างกันตรงไหน?”
หลิวเยว่เซินตัวสั่นด้วยความตกใจร้องไห้และคร่ำครวญ “นายท่านเย่
ผมมันโง่เอง ผมมันไม่ใช่คน ผมสมควรตาย คุณยกโทษให้ผมแล้ว
คุณยกโทษให้ผมแล้วใช่ไหม ผมขอร้องคุณล่ะ หลังจากนี้ผมจะเป็น
วัวและม้าให้คุณ จากนีไ้ ปฉันจะเรียกคุณว่านายท่าน นายท่านเย่ ได้
โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”
เย่เฉินยิม้ หยัน “ยกโทษให้แก ดูไปดูมาแม้ว่าแกจะน่าเกลียด แต่แกก็
ยังโลกสวย!”
เมื่อพูดอย่างนัน้ เขาก็หันไปพูดกับเปียวจื่อ “ทำลายมือขวาของมัน
ซะ! ฉันคิดว่าเขาจะไม่กล้าที่จะฉกฉวยสิ่งของของคนอื่นในอนาคต
อีก!”หลิวเยว่เซินร้องไห้ดว้ ยความสิน้ หวัง “ไม่นะ นายท่านเย่ ไม่...”
เปียวจื่อทุบอย่างแรง...
“อ้าก มือฉัน... มือฉัน...”
เย่เฉินพูดกับเปียวจื่อว่า “ปิดปากมัน แล้วลากมันไป!”
“ครับ!”
เปียวจื่อปิดปากเขาทันทีและโยนเขาไปรวมกับพี่เจ็ด
หลิวลี่ลี่กลัวมากจนเธอจะเป็นบ้าจ้าวตงก็เหมือนกัน
จ้าวไห่เหิงพ่อของจ้าวตงก็เหมือนกัน!
เขามองไปที่จา้ วตง ตบหน้าด้วยความโกรธและสาปแช่ง “ไอ้เดน
มนุษย์! ใครให้แกไปสร้างความวุ่นวายอยู่ข้างนอก! แกจะฆ่าฉันหรือ
ยังไง!”
เย่เฉินมองไปที่จ้าวไห่เหิงด้วยรอยยิม้ และถามว่า “เป็นยังไงล่ะ ลูก
ชายของแกไปอยู่กับเมียเพื่อนฉันทัง้ ที่เขายังไม่ทันได้แต่งงานกัน
ทรยศเพื่อนของฉัน แกนี่มันเป็นพ่อประสาอะไร?”
จ้าวไห่เหิงกลัวมากจนร้องไห้ออกมาเขาไม่รู้วา่ ควรจะตอบยังไง
เพราะบทเรียนของหลิวเยว่เซิเมื่อสักครู่ก็มีอยู่ให้เห็น
ถ้าเขาบอกว่าเขารู้ ขาขวาของเขาก็จะถูกหัก
ถ้าเขาบอกว่าไม่รู้ขาซ้ายก็จะถูกหัก...
เมื่อเห็นว่าเขาไม่กล้าตอบเย่เฉินจึงพูดกับเปียวจื่อ “ไอ้แก่น่ดี ูจะ
ฉลาดมาก ฉันคิดว่ามันหลบเลี่ยงการลงโทษได้โดยไม่ต้องปริปาก
เปียวจื่อ หักขาของมันทั้งสองข้าง!"
“ครับ นายท่านเย่”
เย่เฉินมองไปที่จ้าวไห่เหิงที่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนและพูดอย่างเย็นชา
“ถ้าจะโทษก็โทษที่ลูกชายของแกที่ทำร้ายแกเอง!”
หลังจากนั้นก็มีเสียงคร่ำครวญอย่างสิ้นหวังดังขึ้นสองครัง้ ขาทั้งสอง
ข้างของจ้าวไห่เหิงก็ถูกทุบอย่างสมบูรณ์!
เมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองถูกทุบจนพิการ จ้าวตงรู้สึกก็ไม่สามารถ
ควบคุมร่างกายช่วงล่างได้ชั่วขณะ จากนั้นของเหลวที่มีกลิ่นเหม็นสี
เหลืองก็ไหลออกมาจากเป้ากางเกงของเขาฉี่ราดแล้ว!
เย่เฉินยิม้ อย่างเย็นชา “เอาล่ะ ๆ ดูเหมือนว่าแกจะไม่สามารถ
ควบคุมมันได้ วันนี้ก็พอแค่นี้ ทัง้ หมดก็เกิดจากการที่แกไม่สามารถ
ควบคุมมันได้ ฉันไม่คิดว่าแกจะได้เก็บมันไว้ใช้อีกต่อไป”
พูดจบก็สั่งเปียวจื่อ “อย่าให้เขาได้เป็นผู้ชายอีกต่อไป!”
ท่าทางของเปียวจื่อฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยผูช้ ายเหมือนกัน ก็
อดไม่ได้ที่จะกระชับเป้ากางเกงเมื่อได้ยินคำสั่งนี้
ท่านหงห้าพูดเสียงต่ำทันที “นายกำลังทำอะไรอยู่? ยังไม่รีบทำตาม
คำสั่งของคุณเย่อีก!”เปียวจื่อได้สติทันทีและพูดกับคนรอบข้าง
“แยกขาของมันออกจากกัน!”จ้าวตงหมดหวังและร้องเสียงดัง “นาย
ท่านเย่ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย คุณจะหักมือหักเท้าของผมก็ไม่
เป็นไร แต่อย่าทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่ใช่ผชู้ ายเลยนะ!”
เย่เฉินยิม้ “แกคิดว่านี่การหักมือหักเท้าและตัดไอ้นั่นทิง้ เป็นทางเลือก
ที่แกสามารถเลือกได้งนั้ เหรอ? ผิดแล้วล่ะ มันเป็นสองทางที่ต้อง
เลือก แกไม่สามารถหลีกหนีได้เช่นกัน!”
หลังจากนั้นเปียวจื่อก็ยกเท้าขึ้นและกระทืบลงทันที...
จ้าวตงกลายเป็นขันทีโดยสมบูรณ์!
อย่างไรก็ตามนีม่ ันยังไม่จบ!
ตามคำสั่งของเย่เฉิน เปียวจื่อยังต้องหักมือและเท้าของเขาด้วย!
จ้าวตงผูห้ ยิ่งผยองที่เป็นชู้กับคนอื่นและแม้กระทั่งเอาชนะคนอื่น ๆ
ในโรงพยาบาลได้กลายเป็นขยะโดยสิน้ เชิงในความรู้สกึ สองฝ่าย แต่
ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจเขาและทุกสิ่งที่เขาทำในวันนี้ลว้ นก่อให้เกิด
ความเสียหายต่อตนเอง!
ตอนนี้มเี พียงหลิวลี่ลี่เท่านั้นที่ยังคงไม่เป็นอะไรในเวลานี้หลิวลี่ล่ี
กำลังจะเป็นบ้า เธอคุกเข่าและคลานไปที่เตียงจับมือของหวังเต้าคุน
แล้วร้องไห้และพูดว่า “สามี สามีฉันขอโทษ ฉันไม่ควรทรยศคุณ
ความจริงแล้วฉันรักคุณจริง ๆ แต่ฉันถูกไอ้คนแซ่จ้าวทำร้าย ครั้ง
หนึ่งเขาถ่ายภาพหลุดของฉัน ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากให้ตัวเองอยู่
ภายใต้เงื้อมมือของเขา!”
จ้าวตงโกรธจัดแล้วด่าเธอว่า “หลิวลี่ลี่น่แี กกล้าใส่ร้ายฉันเหรอ! ก็
เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นเพราะว่าครัง้ นั้นที่แกกับพ่อของแกไปที่บ้านฉันที่
เป็นโรงรับจำนำ แกเห็นว่าครอบครัวของฉันมีเงินแล้วก็เริ่มที่จะขอ
เงินฉัน เริ่มที่จะนอนกับฉัน! ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะอยู่ร่วมกับคนอย่าง
แกไม่ได้!”ขณะที่เขาพูดเขาก็ร้องไห้และพูดกับเย่เฉิน “นายท่านเย่
คุณอย่าเชื่อหญิงแพศยานี่นะ ผมมีประวัติแชทของเธอที่เริ่มเพิม่ ผม
ลงใน WeChat เพื่อสารภาพว่าเธอตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกเห็น และ
เธอก็เริ่มที่จะส่งข้อความถึงผมหลายข้อความภาพถ่ายโป๊เปลือยและ
ข้อความยั่วยวนผม! รูปภาพเหล่านีอ้ ยู่ในอัลบั้มรูปของผม คุณ
สามารถหยิบโทรศัพท์ของผมออกมาดูได้เลย!”
จู่ ๆ หลังจากเห็นมันแล้วไม่ใช่หรือไง?”
จ้าวตงกัดฟันและพูดว่า “แกมันหญิงแพศยาเป็นนางงูพิษ! โชคดีจริง
ๆ ที่ฉันไม่ได้เชื่อแก และบันทึกภาพพวกนั้นไว้ ไม่งั้นฉันก็จะถูกแก
ฆ่า!”หลิวลี่ลี่รบี พูดกับหวังเต้าคุน “สามี ฉันเพียงแค่สับสนอยู่พัก
หนึ่ง! เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราที่มีมาหลายปี โปรดยกโทษให้ฉัน
ด้วย!”เย่เฉินถามหวังเต้าคุน “นายคิดอย่างไร?”
หวังเต้าคุนเหลือบตามองหลิวลี่ล่ี ยื่นมือออกไปเพื่อผลักเธอออกไป
และพูดว่า “ฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้”
หลิวลี่ลี่ก็ทรุดตัวลงและร้องไห้ เย่เฉินกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น หักขา
ของเธอทั้งสองข้าง แล้วทำให้เธอเสียโฉม เพื่อที่เธอจะไม่สามารถไป
หาผูช้ ายได้อีกสักพัก!”
เย่เฉินไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจหลิวลี่ล่ี ผูห้ ญิงที่มีจิตใจโหดเหี้ยม
แม้แต่น้อย!
เปียวจื่อหักขาและทำลายใบหน้าของหลิวลี่ลี่ทันที ตามคำสั่งแม้แต่
ผมของเธอก็ถูกตัดด้วยกรรไกรทางการแพทย์!
จนถึงตอนนี้ทั้งห้าคนได้ชดใช้ด้วยความเจ็บปวด!
บทที่ 56 นัดเจอซ่งหวั่นถิง
เย่เฉินให้คนไปลากตัวห้าคนนั้นมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วันนี้ กูจะ
ไว้ชีวติ พวกมึงทั้งห้าคน แต่ถ้ามีใครกล้าเอาเรื่องที่เกิดขึน้ วันนี้ไปพูด
ละก็ กูจะฆ่าพวกมึงทัง้ ครอบครัว เข้าใจรึยัง?”
ทั้งห้าคนรีบพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ ในเวลาแบบนี้ยังมีชีวิตรอด
ได้อยู่ นับว่าเป็นโชคดีมากแล้ว จะกล้าขัดคำสั่งของคุณเย่เฉินได้
อย่างไร!
เย่เฉินเห็นทัง้ ห้าคนโดนตัวเองสั่งสอนจนอยู่หมัด เย่เฉินพยักหน้า
อย่างภูมิใจ ก็หันไปพูดกับหลิวเย่วเซินพ่อของหลิวลี่ล่ี “คุณเอา
เปรียบลูกน้องของผม งัน้ ก็ต้องชดใช้ พรุ่งนี้เอาร้านอาหารของคุณ
ยกให้ลูกน้องของผม แล้วคุณกับลูกสาวของคุณก็ไสหัวออกจากร้าน
ไป เข้าใจมั้ย?”
หลิวเย่วเซินพยักหน้า “เข้าใจแล้ว พรุ่งนีผ้ มจะรีบไสหัวไป”
เย่เฉินยังหันไปพูดกับจ้าวไห่เหิงพ่อของจ้าวตง “ลูกชายของคุณสวม
เขาให้ลูกน้องของผม ยังทำร้ายร่างกายลูกน้องของผมอีก พรุ่งนี้คุณ
ต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ลูกน้องของผม 2,000,000 หยวน น้อยกว่า
นี้ก็ไม่ได้ เข้าใจรึยัง! ”
จ้าวไห่เหิงรีบพูดขึ้นมา “คุณชายเย่ พรุ่งนีผ้ มจะโอนเงินให้ลูกน้อง
ของคุณ!”
เย่เฉินพอใจ หันไปพูดกับลูกน้องของท่านหงห้า “โอเคละ พวกแก
ลากตัวพวกขยะพวกนี้ออกไป!”
คนกลุ่มหนึ่งรีบนำตัวทัง้ ห้าคนออกไปรอคนพวกเขาถูกนำตัวออกไป
เย่เฉินจึงหันมาพูดกับอาเปียว “อาเปียว ครั้งนี้นายทำดีมาก”
อาเปียวมีสหี น้าที่ดใี จ รีบตอบ “คุณชายเย่ นี่คอื สิ่งที่ผมควรทำอยู่
แล้ว”เย่เฉินตอบกลับเรียบ ๆ “พรุ่งนี้ฉันจะให้คนโอนเงิน
2,000,000 หยวน เข้าบัญชีของนาย คิดซะว่าฉันให้นายเป็นรางวัล
ละกัน”อาเปียวดีใจมาก รีบคำนับ “ขอบคุณครับคุณชายเย่ !”
ถึงแม้ตอนอยู่กันท่านหงห้าเขาจะได้มาไม่น้อย แต่ท่านหงห้าไม่ได้ใจ
กว้างอะไรมากมาย ที่จะให้ 2,000,000 หยวนในคราวเดียว
เย่เฉินส่งข้อความให้เฉินจื๋อข่าย ให้เขาช่วยโอนเงินให้อาเปียว ถึงแม้
ในบัตรของเขาจะมีเงินเยอะ แต่ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะโอน
หนึ่งนาทีต่อมา เงินก็โอนเข้ามาในบัญชีของอาเปียว อาเปียวตื่นเต้น
รีบโน้มตัวคำนับเย่เฉิน
เย่เฉินยังหันไปพูดกันท่านหงห้า “หงห้า นายคงไม่ได้เห็นค่าเงินสอง
ล้านหยวนนี่หรอก”
หงห้ารีบตอบ “คุณชายเย่ สามารถแบ่งเบาช่วยงานท่านได้ ถือเป็น
เกียรติของกระผมอย่างมาก”
เย่เฉินตอบ “ฉันจะจำมิตรภาพครั้งนี้ไว้ วันข้างหน้าฉันจะให้โอกาส
เติบโตยิ่งใหญ่แก่นายแน่นอน”
หงห้าได้ยินประโยคดังนั้น รีบคุกเข่าลงบนพื้น ก้มหัวคำนับหงเย่
สำหรับหงห้าแล้ว สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เงิน แต่เป็นการไต่ขนึ้ ไปอีก
ระดับแต่ว่า สำหรับคนอย่างเขาแล้ว การจะไต่ขนึ้ ไปช่างยากเย็นแสน
เข็ญเฉินจื๋อข่ายคือคนที่เขาต้องการจะเข้าหา แต่เฉินจื๋อข่ายก็ดถู ูก
เขามาตลอด เพราะชาติกำเนิดของเขาต่ำต้อยสกปรก
ตอนนี้ แค่คำพูดของเฉินเย่ประโยคเดียว อาจทำให้เฉินจื๋อข่ายช่วย
เขาได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ในอนาคตเขาก็จะสามารถไต่ระดับขึน้ ไปได้แล้ว
หลังจากให้รางวัลลูกน้องเสร็จแล้ว เฉินเย่หันกลับมา แล้วพูดกับหวัง
เต้าคุน “เรื่องวันนี้ นายพอใจไหม!”
หวังเต้าคุนรู้สึกตกใจอย่างมากเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เฉินถึงมีฝมี ือ
ขนาดนี้
แม้แต่คนของจินหลิงก็ยังต้องก้มหัวให้เขาเขาเหม่อไปพักใหญ่ ก่อน
จะดึงสติกลับมาได้ แล้วรีบตอบ “พอใจ! พอใจ!”
เย่เฉินพูดขึน้ “แค้นฉันชำระให้นายแล้ว ร้านอาหาร ฉันก็เอากลับมา
ให้นายได้แล้ว ค่าเสียหาย ฉันก็ให้นายแล้วสองล้านหยวน ต่อไป
นายต้องพึ่งตัวเองแล้ว”
หวังเต้าคุนรีบพูดขึน้ “เย่เฉิน ต่อไปฉันยอมทำเพื่อนายได้ทุกอย่าง
เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ! ไม่ว่านายจะให้ฉันไปทำอะไร ฉันจะ
ไม่อิดออดสักคำ”
เย่เฉินพยักหน้า พูดขึ้น “นายพักผ่อนรักษาตัวเองก่อน หายแล้วก็
ตั้งใจดูแลกิจการร้านอาหาร ถ้ามีอะไรต้องการให้นายทำ ถึงเวลานั้น
ฉันค่อยบอกนาย”
หวังเต้าคุนรีบพูดตอบ “ฉันจะรอคำสั่งจากนาย”
เย่เฉินพูดต่อ เรือ่ งวันนี้ ห้ามเอาไปพูดกับใครทั้งนัน้ ฉันไม่ต้องการให้
คนอื่นรู้ว่าฉันเป็นใคร เข้าใจมั้ย?”
หวังเต้าคุนรีบพยักหน้า “เข้าใจ นายไม่ต้องเป็นห่วง ต่อให้ผมตายผม
ก็จะไม่พูดออกไป”
เย่เฉินตอบรับ “ฉันจะจัดคนสองคนมาช่วยดูแลนาย นายรักษา
ตัวเองให้ดี ฉันไปละ”
ที่บ้าน เย่เฉินไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนีใ้ ห้กับเซียวชูหรันภรรยาของ
เขาฟังเขาไม่อยากให้ภรรยาของเขารับรู้เรื่องราวมากเกินไป เพราะ
สำหรับเธอแล้ว ยิ่งรูน้ ้อยเท่าไหร่ก็จะยิ่งปลอดภัยต่อตัวเธอเองมาก
เท่านั้นวันที่ 2 ขณะที่เขาซื้อของอยู่ ทันได้นั้นก็ได้รับสายหนึ่งที่โทร
เข้ามา เมื่อหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าคือซ่งหวั่นถิงทายาทแห่งตระกูล
ซ่งเป็นคนที่โทรเข้ามาในใจของเย่เฉินรู้สกึ สงสัย ซ่งหวั่นถิงติดต่อเขา
มาด้วยเรื่องอะไรกัน?
เมื่อกดรับสาย เสียงของซ่งหวั่นถิงก็พูดขึน้ “คุณชายเย่ ต้องขอโทษ
ด้วยจริง ๆ ที่โทรมารบกวน หวังว่าคุณจะให้อภัย”
เย่เฉินนึกขึน้ ได้และตอบกลับ “ขวดพอร์ซเลนอวีห้ ูท่ผี มทำการ
ซ่อมแซมให้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ซ่งหวั่นถิงรับตอบกลับ “เรื่องนั้นไม่ใช่ค่ะ ที่โทรมาหาคุณชายเย่วันนี้
เพราะมีเรื่องอื่นค่ะ”
เย่เฉินมีเสียงอือในลำคอ แล้วพูดขึ้น “ว่ามา”
ซ่งหวั่นถิงตอบ “คืออย่างนี้ค่ะ ไม่นานมานี้ฉันถูกใจของชิ้นหนึ่งแต่ไม่
สามารถเอามาได้ คุณชายเย่คร่ำหวอดอยู่ในวงการของเก่าของ
โบราณ ไม่ทราบว่าพอจะรบกวนคุณชายเย่ให้ช่วยดูให้หน่อยได้
หรือไม่ คุณชายพอจะสนใจหรือไม่?”
ที่จริงแล้วเย่เฉินไม่ได้รสู้ กึ ชื่นชมของเก่าของโบราณขนาดนั้น แต่
ตอนนี้เขายังขาดของสำคัญอย่างเรกิอยู่ และถามต่อไปว่า “คุณ
สามารถบอกผมได้ไหม ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร?”
ซ่งหวั่นถิงตอบ “เป็นหยกโบราณชิ้นหนึ่ง คนขายบอกว่า เมื่อนำมา
ประดับแล้วจะมีสรรพคุณช่วยสงบจิตใจ เรียกโชคดีขจัดโชคร้ายได้”
สมองของเย่เฉินก็นึกขึน้ ได้ ในตำราเก้าเสวียนเทียนที่เขาบังเอิญ
ได้มา เหมือนจะบันทึกเกี่ยวกับของศักดิ์สิทธิ์ไว้
ของศักดิ์สิทธิ์ท่ีรวบรวมเรกิไว้ มักส่งผลดีต่อมนุษย์ เขาอยากรู้จริง ๆ
ว่า ในโลกนีจ้ ะสามารถหาของศักดิ์สิทธิ์แบบนั้นได้จริงหรือไม่ จึง
ตอบคำรับปาก “ได้ ผมจะพาคุณไป”
ซ่งหวั่นถิงตอบ “ขอบคุณท่านมากคุณชายเย่ งัน้ พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าฉัน
จะไปรับคุณ”“ได้”
หลังจากวางโทรศัพท์แล้ว เย่เฉินก็ครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง
พวกคนรวยที่นับถือของที่สามารถบังคับลมฝน ทำให้จิตใจสงบ ซ่ง
หวั่นถิงขับรถออกไปและพูดขึ้น “คุณชายเย่ วันนี้เราไปซื้อหยก
โบราณชิ้นนั้น ยังมีคนมาประมูลอีกหลาย บรรยากาศน่าจะตื่นเต้น
น่าดู”เย่เฉินพยักหน้า และพูดขึน้ มาเรียบ ๆ “คนจะน้อยจะเยอะก็ไม่
เป็นไร อยู่ที่ว่าเป็นของอย่างไร หากเป็นของดี คนเยอะก็ไม่กลัว ผม
เชื่อในความสามารถของคุณซ่ง ถ้าหากอยากได้ของสิ่งนั้นมาครอง
คนอื่นก็ไม่อาจขัดขวางคุณได้”
ซ่งหวั่นถิงยิ้มขึ้นมาอ่อน ๆ “คุณชายเย่ก็ชมกันเกินไป ว่ากันว่าเหนือ
ฟ้ายังมีฟ้า คนในเมืองจินหลิงที่เก่งกว่าฉันไม่รู้ว่ามีอีกเยอะเท่าไหร่”
เย่เฉินแกล้งทำเป็นถาม “เป็นไปได้หรือ? ตระกูลซ่งไม่ใช่ตระกูลที่
ใหญ่ท่สี ุดในจินหลิงหรือ?”
ซ่งหวั่นถิงหัวเราะและพูดขึ้น ยกตัวอย่างผูบ้ ริหารคนใหม่ของตี้เหา
กรุ๊ป แค่ต้ีเหากรุ๊ปก็นำตระกูลซ่งของเราทั้งตระกูลไปไกลแล้ว
ความสามารถของคนคนนีส้ ถิ ึงจะเรียกว่าเก่งแบบหาตัวจับยาก”
พูดไปซ่งหวั่นถิงก็ถอนหายใจไป “จริงแล้วฉันอยากจะรู้จักคนคนนั้น
จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาลึกลับเกินไป ไม่สามารถหาช่องทางได้
เลย”
บทที่ 57 หยกเซว่ซือ
สิ่งที่ซ่งหวั่นถิงพูดออกมาล้วนพูดออกมาจากใจจริงเธอคิดจริง ๆ ว่า
ผูบ้ ริหารคนใหม่ของตี้เหากรุ๊ปเป็นคนที่ยากแท้หยั่งถึงจะซื้อบริษัท
มูลค่าหลายแสนล้านก็ซื้อได้สบาย ๆ ทัง้ ยังไม่เคยแสดงตัว นี่ยังมอง
ออกว่า ธุรกิจของเขาไม่ใช่ตี้เหากรุ๊ปธรรมดา ๆ แน่ เทียบกันแล้ว
ตระกูลซ่งก็ดอ้ ยกว่าจริง ๆ แต่ว่า เธอไม่รู้ว่า ผู้บริหารคนที่เธอ
ต้องการจะสร้างพันธมิตรด้วย ตอนนี้นั่งอยู่ใกล้เธอบนรถของเธอ
เย่เฉินถ่อมตัวมาก พูดเสริมออกไปอีกสองประโยค แต่ก็ไม่แสดงให้
เห็นอะไรที่จะเป็นการเปิดเผยตัวตนของเขาซ่งหวั่นถิงขับรถทั้งเร็วทัง้
นิ่มไม่นาน ก็ขับรถมาถึงลานของเจียงเปียน ลานแห่งนีส้ วยงาม ข้าง
นอกดูธรรมดา แต่ดา้ นในล้วนแล้วเป็นบรรยากาศของเจียงหนาน
ทั้งนัน้ สะพานเล็ก ๆ มีน้ำไหล สวนสวยหรู ตึกรามสวยงามที่เรียงต่อ
กัน หลังจอดรถ มีคนมาต้อนรับทัง้ สองคนเข้าไปด้านใน
เดินผ่านสวนเข้าไปในห้องโถง ห้องโถงที่ตกแต่งสไตล์จนี มีโต๊ะไม้สี
แดงตัง้ อยู่ ข้างโต๊ะมีเก้าอีป้ ระมุขอยู่มากมาย เมื่อเห็นทัง้ สองคนเดิน
เข้ามา ชายที่มผี มขาวลุกขึน้ ยืน และเข้ามาทักทายซ่งหวั่นถิง
“คุณหนู คุณมาแล้ว”
สีหน้าของซ่งหวั่นถิงเลิ่กลั่ก พยักหน้าและพูด “ท่านฉี ท่านมาได้
อย่างไร”
ชายชรายิม้ อ่อน ๆ และพูด “คุณท่านได้ข่าวว่าคุณหนูจะมา จึงให้
กระผมมาดูแล”
ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า และหันไปแนะนำให้แก่เย่เฉิน “ท่านฉีคือคน
ตรวจสอบสมบัติของตระกูลซ่ง เป็นคนที่ท่บี ้านส่งมา อาจเพราะกลัว
ว่าจะเกิดความผิดพลาด”
เย่เฉินพยักหน้า ตัวเองอายุยังน้อย ตระกูลซ่งไม่ไว้ใจเขาก็เป็นเรื่องที่
เข้าใจได้ ท่านฉีจ้องมอง สีหน้าไม่พอใจ และพูดขึ้น “ท่านผู้นคี้ ือผู้
ตรวจสอบที่คุณหนูเชิญมา? ยังดูหนุ่ม เคยเรียนเกี่ยวกับการ
ตรวจสอบสมบัติมาหรือ?”
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างงเขามีสีหน้าถอดสี รีบหัวเราะออกมา
และพูด “เอาคนแก่แบบนีม้ าออกหน้าออกตา ตระกูลซ่งไม่มีคนแล้ว
หรือ? ผมให้ยืมคนของผมเอาไหม? 5555+”
ซ่งหวั่นชิงมีสีหน้าที่เย็นชาและพูดขึ้น “หลี่ไท่หลาย ที่นี่คือจินหลิง
ไม่ใช่เมืองไห่ของคุณ อย่าเสนอหน้าพูดมาก”
หลี่ไท่หลายยักไหล่ พูดขึน้ แบบไม่รู้สกึ อะไร “คุณหนูแห่งตระกูลซ่ง
อารมณ์ร้ายเหมือนกันนะ”
“พอได้แล้ว........” คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกลมฝั่งตรงข้าม ขมวดคิ้วแล้วพูด
ขึน้ “ทุกคนมาเพื่อประมูล ไม่ได้มาทะเลาะกัน ใจเย็น ๆ ”
“ยังมีคนหนุ่มผู้นี้ มานั่งด้วยกันเถอะ”
ซ่งหวั่นถิงหึขึ้นมา ถึงจะค่อย ๆ นั่งลง เย่เฉินก็นั่งลงด้วย หลังจากนั้น
ซ่งหวั่นถิงก็ได้ยินคนพูดขึ้นข้าง ๆ หูเธอ “คนที่ชื่อหลี่ไท่หลาย เป็นคน
รวยอันดับหนึ่งของเมืองไห่ ที่นั่งข้างเขาชื่อว่ากัวหมิง เป็นซินแสที่เก่ง
มาก คนที่พูดขึ้นเมื่อกี้ชื่อฉินกาง หัวหน้าตระกูลฉินของจินหลิง ช่วงนี้
ตระกูลของพวกเขา........”
เย่เฉินเพิ่งจะสังเกตเห็น นั่งหลับตาอยู่ตลอด แม้ตอนที่เย่เฉินและ
หวั่นถิงเข้ามา เธอก็ยังไม่ลืมตาขึ้น พูดถึงตรงนี้ ซ่งหวั่นถิงยังปิดปาก
ไม่พูดอะไร แม้เย่เฉินจะรู้สกึ ประหลาดใจ แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป
เมื่อรอให้ทุกคนนั่งกันจนครบแล้ว ชายอ้วนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของ
โต๊ะก็ยมิ้ และพูดขึ้น “ในเมื่อทะเลาะกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว งั้นรีบมาดู
สินค้าในวันนีก้ ันเถอะ ทุกท่านคือลูกค้ารายใหญ่ ของราคาไม่กี่สิบ
ล้านนี้ ไม่จำเป็นต้องลังเลหรือใช้เวลานาน”
ฉินกางพูดขึน้ “ขอแค่ของชิน้ นั้นมีสรรพคุณอย่างที่บอกไว้ ว่า
สามารถเรียกลมเรียกฝน สงบจิตใจ ไม่กี่สิบล้านเป็นเรื่องเล็กน้อย
มาก”คนอ้วนดูไปครู่หนึ่ง ก็วางกล่องไม้นั้นลงบนโต๊ะ
ในกล่องเป็นหยกแดงที่เต็มไปด้วยออร่าสีเลือด แลดูเก่า หยิบขึ้นมา
ทุกคนในนั้นก็รู้สึกว่าอากาศอุ่นขึน้ ฉินกางและพวก อยู่ ๆ ดวงตาก็
ลุกวาวขึน้ ซ่งหวั่นถิงหันไปถามท่านฉี “ท่านฉี เป็นหยกเซว่ซือใน
สมัยราชวงศ์ถัง ทัง้ ยังดูแล้วรูเ้ ลยว่าผ่านการเก็บรักษาอย่างดีมาเป็น
เวลานาน”
ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า และหันมาถามเย่เฉิน “คุณชายเย่คิดว่า
อย่างไร?”เย่เฉินเม้มปากและพูดขึ้น “ของปลอม......”
ท่านฉีส่งเสียงหึขึน้ มาอย่างเย็นชา และพูดขึน้ “อายุยังน้อยอยู่ ไปเอา
ความกล้ามาจากที่ไหน กล้าโกหกต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้”
คนชราที่ชื่อหงหมิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หลี่ไท่หลาย ลืมตาขึน้ มองดูไปที่
หยกชิน้ นั้น ถามขึน้ “ฉันขอจับได้ไหม?”
เจ้าอ้วนยิ้มอย่างเยือกเย็นและพูดขึ้น “ท่านกัว ท่านกำลังล้อเล่นอยู่
เหรอ? หยกเขาห้ามจับท่านไม่รู้หรือ?หยกเซว่ซือชิน้ นีเ้ ป็นหยกของ
ราชวงศ์โจว ถ้าทำตกขึ้นมาจะเอาผิดที่ใครได้?”
กัวหมิงเบิกตากว้างครู่หนึ่งและพูดขึ้น “ข้าหยาบคายไปหน่อย....”
พูดเสร็จ เขาก็เดินไปใกล้กับหยกโบราณชิน้ นัน้ มองดูอย่างละเอียด
หลังจากนั้นก็หลับตา เป็นเวลาครู่หนึ่ง หยักหน้าและพูดขึน้ “หยกนี้
เป็นของราชวงศ์โจวใช่หรือไม่ ข้าก็ไม่อาจบอกได้ แต่ดูจากฮวงจุ้ย
แล้ว ที่บอกว่าสามารถสงบจิตใจได้ น่าจะจริง”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนในงานก็รู้สกึ ตื่นเต้นขึน้ มา
สำหรับพวกเขาแล้ว หยกชิ้นนี้มที ี่มาที่ไปอย่างไร ไม่ได้มีความหมาย
อะไร ที่สำคัญกว่าคือหยกชิ้นนีม้ ีคุณสมบัติอะไร ท่านฉียิ้มอ่อนและ
พูดขึ้น “ท่านกัวเป็นคนที่ตาถึง ไม่เหมือนพวกที่ไม่มีความสามารถ
แต่ทำเป็นเหมือนตัวเองรู้ด”ี
เมื่อซ่งหวั่นถิงได้ยินประโยคนั้น ในใจรู้สกึ ผิดหวังกับเย่เฉิน
ดูแล้วเขาน่าจะยังอายุน้อยเกินไป หรืออาจจะมีฝีมือในการซ่อมแซม
แต่ไม่มีฝีมือในการตรวจสอบวัตถุโบราณ เมือ่ เทียบกับคนเหล่านี้
แล้ว ยังห่างไกลกันลิบลับ เมื่อเย่เฉินเห็นเช่นนั้น ก็ทำได้แค่ส่ายหัว
เบา ๆ ในเมื่อคนพวกนี้เต็มใจทีจ่ ะตกหลุมพราง งั้นเขาก็ไม่
จำเป็นต้องเข้าไปขวาง
เมื่อเจ้าอ้วนเห็นว่าทุกคนให้การยืนยันแล้ว จึงปิดฝากล่องลง พูด
อย่างร่าเริง “ในเมื่อตรวจสอบของกันเรียบร้อยแล้ว ทุกท่านน่าจะ
เริ่มการประมูลกันได้แล้ว”
พูดยังไม่ทันจบ ฉินกางพูดขึ้นเป็นคนแรก “ผมให้ร้อยล้าน......”
“ร้อยสามสิบล้าน” “คุณนายซ่งละ?”
ท่านฉีเห็นว่าซ่งหวั่นถิงมีท่าทางลังเล จึงเข้าไปกระซิบข้างหูเธอ
“คุณหนู ของชิ้นนี้ตอ้ งเป็นสมบัติท่ดี มี ากแน่ ราคาน่าจะอยู่ที่
ประมาณสามร้อยล้าน ถ้าหากเอามาได้ที่สองร้อยล้าน งั้นก็ถือว่าได้
กำไรโดยไม่ขาดทุนแน่นอน”
ซ่งหวั่นถิงรู้สึกหวั่นไหว หันไปมองเย่เฉินครู่หนึ่ง ก็เห็นว่าเขานิ่งไม่
แสดงความรู้สึกใด ๆ แต่ว่าในใจของเธอก็ยังรู้สกึ ลังเล
ท่านฉีมองเย่เฉินอย่างเย็นชา รูว้ ่าซ่งหวั่นถิงต้องลังเลเพราะเย่เฉิน
ถึงไม่ยอมประมูล จึงพูดขึน้ “เมื่อครู่ คุณชายเย่บอกว่าของชิ้นนีเ้ ป็น
ของปลอม ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่า คุณชายเย่ดูจากตรงไหนหรือ ช่วย
บอกเคล็ดลับให้ฟังได้หรือไม่ !”
ถ้าหากเย่เฉินตอบมั่วละก็ ซ่งหวั่นถิงก็จะได้รู้ว่าสิ่งที่เย่เฉินพูดไม่เป็น
ความจริง ถึงตอนนั้นเธอถึงจะไว้ใจและยอมประมูลคนอื่น
“เขาก็แค่เด็กจะไปรู้อะไร อย่าขึน้ ไปให้ขายหน้าเลย.......”
“ใช่ เขามีสทิ ธิ์อะไรจะมาพูดที่น”ี่
“พวกคุณไม่อยากซื้อก็ช่างเถอะ อย่าทำให้คนอื่นต้องเสียเวลา”
ฟังคำพูดของผู้คน เย่เฉินรู้สึกน่าสนใจ หันไปจ้องท่านฉี ถามขึ้นนิ่ง ๆ
“ท่านแน่ใจหรือที่จะให้ผมพูด?”
บทที่ 58 ดีนะที่มีนาย
“แน่นอน นายแค่รับผิดชอบพูด”
ท่าฉียมิ้ เยือกเย็น และพูดขึ้น “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน พวกหลอกลวง
อย่างพวกนาย ปกติหลอกคนกันยังไง”
เย่เฉินยักไหล่ แล้วพูด “ตอนแรกผมก็ไม่อยากเปิดโปงการหลอกลวง
ของพวกคุณ แต่พวกคุณขอมา ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร”
“หลอกลวง นายจะบอกว่า พวกเราตาไม่ถึงงัน้ หรือ?”
กัวหมิงที่ปกตินิ่งเฉยไม่ไหวติง อยู่ ๆ ก็หัวเราะและพูดขึ้น
เย่เฉินมองไปครู่หนึ่ง ยิม้ อย่างเยือกเย็นและพูดขึ้น “ในที่นี่คุณนั่น
แหละที่โง่ที่สุด......”
“แก อยากตายหรือ!” กัวหมิงโกรธอย่างมาก
เย่เฉินไม่สนใจ เขาพูดต่อ “หยกยังไงก็คือหยก ยังถือว่าพวก
หลอกลวงอย่างพวกคุณยังมีจิตสำนึก”
เขาพูดต่อ “แต่หยกชิน้ นี้ไม่ใช่หยกเซว่ซือในสมัยราชวงศ์โจว และยัง
ไม่ได้รับการดูแลอย่างดี ก็แค่หยกเหลืองชั้นดีชิน้ หนึ่งเท่านั้น พืน้ ผิว
ไม่เลว และยังมีราคา แต่ราคาตลาดแพงสุดก็แค่ห้าแสน”
“ถุย นายมองไม่เห็นสีแดงของหยกชิน้ นี้หรือ?” ท่านฉีพูดและด่าขึ้น
เย่เฉินพูดต่อ “สีแดง ก็เป็นเพราะการกัดเซาะของแร่แมงกานีสที่มี
สาร subanganate คุณคงไม่คิดว่ามันชุ่มไปด้วยเลือดของชนชั้นสูง
หรอกใช่ไหม?”
“แล้วความรู้สึกว่าอุ่น ๆ ที่พวกเรารู้สกึ ได้ละ?” ฉินกางขมวดคิ้วและ
รีบถามขึน้ เย่เฉินส่ายหัวและพูด “สิ่งนีย้ ิ่งใช้เทคนิคน้อยกว่าอีก เกิด
จากหญ้าของแอฟริกา นำรากของมันมาบดและละลายน้ำ นำหยก
ชิน้ นี้ลงไปแช่เป็นเวลาประมาณครึ่งปี สุดท้ายก็ได้ผลลัพธ์นี้ออกมา
ที่จริงแล้วไม่ใช่ความรู้สึกอุ่นหรอก แต่เป็นอาการประสาทหลอนชนิด
หนึ่งเท่านั้นเอง........อยากแก้ไขไม่อยากเลย นำไฟมาเผาหยกชิน้ นี้ก็
ได้แล้ว”“นี่แก! กล้าพูดเพ้อเจ้อได้ยังไง!” เจ้าอ้วนพูด และยืนขึน้ ตบ
โต๊ะหลี่ไท่หลายหน้าดำคร่ำเครียด มองไปที่เจ้าอ้วน แล้วพูด “เอา
หยกออกมาเผาดูไหมล่ะ?”
เจ้าอ้วนเหงื่อไหลไปท่วมตัว พูดขึ้น “เผาอะไรกัน แกตั้งใจหลอกคน
ชัด ๆ พวกท่านอย่าไปฟังมันพูดไร้สาระ”
ฉินกางใช้นิ้วเคาะโต๊ะ พูดขึ้น “ถ้าผ่านไฟ แล้วคุณสมบัติยัง
เหมือนเดิม ฉันจะซื้อทันที แต่ถ้าหากไม่เหลือคุณสมบัติ นายรู้นะว่า
จะเกิดอะไรขึ้น......พวกเราตระกูลฉินถึงช่วงนี้จะมีเรื่องเกิดขึน้ แต่ใช่
ว่าจะยอมให้คนอื่นมากดหัวได้ง่าย ๆ !”
ซ่งหวั่นถิงพยักหน้าและพูด “ถ้าหากสิ่งที่คุณชายเย่พูดไม่เป็นความ
จริง เอาไปผ่านไฟก็ไม่เป็นอะไร หยกเผาไปก็ไม่เกิดความเสียหาย
แต่ถ้าหากสิ่งที่คุณชายเย่พูดถูกละก็ นายต้องรับผิดชอบเรื่องใน
วันนี้”เจ้าอ้วนนิง่ ไปและเหงื่อไหลจนท่วมทั้งสามตระกูลนี้ เขาไม่
สามารถจะทำผิดต่อตระกูลใดตระกูลหนึ่งได้เลยงานในวันนี้ เป็น
เพราะท่านฉีต้องการหลอกเงินจากซ่งหวั่นถิง หลังจากนั้นค่อยแบ่ง
ส่วนแบ่งกันคิดไม่ถึงว่าจะมีคนชื่อเย่เฉินเข้ามาขัดขวาง อีกทั้งยัง
เปิดเผยแผนการทั้งหมดอีกจริง ๆ แล้วก่อนหน้านีเ้ ย่เฉินไม่ได้มี
ความรู้เกี่ยวกับหยกแต่เป็นเพราะตำราเก้าเสวียนเทียนจิง ทำให้เขา
พอมองออกว่าหยกชิ้นนีม้ ีปัญหาและก็ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่เห็นหยก
ชิน้ นี้ คำตอบพวกนั้นก็แล่นเข้ามาในหัวของเขาแต่ดูแล้ว การ
ตรวจสอบหยกน่าจะเป็นเทคนิคส่วนหนึ่งที่อยู่ในตำราเก้าเสวียน
เทียนจิง เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนไม่ยอมพูด เย่เฉินก็ย้ิมอย่างเยือกเย็นและ
พูดขึ้น “ทำไม?กลัวแล้ว?ไม่กล้ารับคำท้าแล้ว?”
เจ้าอ้วนหน้าซีด แต่ก็ไม่ยอมเปิดปากพูดออกมาว่าจะยอมนำหยกไป
เผาไฟหรือไม่ ตอนนี้เย่เฉินพูดออกมาอย่างเกรีย้ วกราด "เจ้าอ้วน แก
คิดว่าถ้าแกไม่พูดออกมาแล้วแกจะรอดเหรอ แกต้องรู้ว่านี่คือจินห
ลิง! คนพวกนั้นที่ถูกพวกแกหลอกมา ใครบ้างที่ไม่ได้มาจากตระกูล
ร่ำรวยหรือมีอำนาจ แค่ช้ีนวิ้ หมายหัวก็ทำให้แกเป็นผีไม่มีสุสานอยู่ที่
จินหลิงนี่ได้แล้ว ฉันแนะนำนะ ให้แกรีบบอกความจริงมาซะดีกว่า ไม่
งั้นก็คงไม่มีใครที่จะช่วยแกได้! "
ซ่งหวั่นถิงรูด้ ีว่าเย่เฉินกำลังใช้หลักจิตวิทยาในการให้กลัว เธอก็รีบ
ผสมโรงเขาทันที โดยพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียดว่า "ตระกูลซ่งของ
เราในจินหลิงถือได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่หากมีใครกล้าดีที่จะมาหลอก
เราก็คงต้องให้บทเรียนที่ฝังลึกกับมันเสียที ถ้าพวกเรายอมใจอ่อน
เขาคงต้องได้กลายเป็นศพในจินหลิงแน่!
ดังนั้นเขาตื่นตระหนกและรีบตะโกนใส่ท่านฉีอย่างสิน้ หวังว่า "ท่านฉี
ช่วยผมด้วย! นี่ไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว!"
สีหน้าของท่านฉีเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พร้อมคำรามอย่างโมโห
"แก... แกกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แกโกหกตระกูลซ่งของเรา แล้วแก
ยังจะมาป้ายความผิดให้ฉันอีก ฉันจะฆ่าแก!"
หลังจากนั้นท่านฉีก็หยิบกริชออกมาจากกระเป๋าของเขา แสงสะท้อน
วาบในดวงตาและพุ่งเข้าไปที่ชายอ้วนในทันที ชายอ้วนตาเหลือกและ
ตะโกนสาปแช่ง "แม่มึงเถอะ มึงนี่เปลี่ยนหน้าเร็วซะจริง มึงบอกกูเอง
การตรวจสอบวัตถุโบราณตระกูลซ่งต้องอาศัยมึง ตราบใดที่มึงพูด
ว่าได้ สิ่งนี้จะขายได้แน่นอน มึงทำร้ายกู!”
ซ่งหวั่นถิงมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดกับเย่เฉิน
"คุณชายเย่เจอเรื่องน่าหัวเราะเข้าเเล้ว ดีที่วันนี้คุณอยู่ที่นี่ ตอนนี้เรา
ออกจากที่น่กี ่อนเถอะ คนพวกนี้ ครอบครัวของเราจะส่งคนมา
จัดการ"เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า "เอาล่ะ งั้นกลับกัน
เถอะ"หลังจากนั้นทัง้ สองก็ลุกขึ้นเตรียมออกไปเมื่อเห็นว่าซ่งหวั่นถิง
กำลังจะจากไป ท่านฉีก็ตกใจ เขาไม่สนใจที่จะฆ่าชายอ้วนปิดปาก
เขาคุกเข่าลงบนพื้นและพูดว่า "คุณหนู ไว้ชีวิตฉันเถอะ เห็นแก่
ผลงานที่ฉันทำเพื่อตระกูลซ่งมาตลอด แค่ยกโทษให้ฉัน แค่ครั้งนี้
เท่านั้น... "ซ่งหวั่นถิงไม่พูดอะไร หลี่ไท่หลายก็ยืนขึ้นและยิ้มเย็น "ลุงนี่
มันรนหาที่ตายจริง ๆ กล้าที่จะหลอกฉัน หลอกเจ้านายของแก
หลอกทีเดียวตั้งสองสามพันล้าน แกคิดว่าตระกูลซ่งจะปล่อยแกไว้
เหรอ? "ท่านฉีหน้าซีดและทรุดลงนั่งบนพื้น
"และถึงตระกูลซ่งจะปล่อยแก แต่ฉันหลี่ไท่หลายจะไม่ปล่อยแกอย่าง
แน่นอน!" หลี่หลายกล่าว ท่านฉีรอ้ งไห้ฟูมฟายและทรุดตัวลง
อย่างสมบูรณ์ เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งหวั่นถิงก็ได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยแล้ว
พูดกับเย่เฉิน "ฉันขอโทษคุณชายเย่ ตระกูลซ่งไว้ใจคนผิด ทำให้คุณ
เห็นเรื่องตลกเข้าแล้ว"
เย่เฉินพูดอย่างใจเย็นว่า "พวกคนทรยศมันมีอยู่ทุกที่ คุณหนูซ่งไม่
จำเป็นต้องพูดแบบนัน้ หรอก"
ในเวลานี้หลี่ไท่หลายจากเมืองไห่พากัวหมิงและ ฉินกั่งจากตระกูล
จินหลิงฉินออกมาทีละคนเมื่อหลี่ไท่หลายเห็นเย้เฉิน ก็รีบรุดไปกุม
มือเย่เฉินพร้อมกล่าวว่า "อาจารย์เย่วันนี้เจ้าต้องขอบคุณคุณมาก
ไม่เช่นนั้นตระกูลหลี่บางคนคงจะถูกเจ้าสุนัขตัวนั้นหลอก!"
กัวหมิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็พูดด้วยความอับอาย "ปรมาจารย์เย่เป็น
วีรบุรุษจริง ๆ เมื่อครู่คนแก่ ๆ "คุณชายเย่ขอบคุณคุณจริง ๆ ในวันนี้
ไม่เช่นนั้นพวกเราทัง้ สามตระกูลคงแย่งประมูลของปลอมกันอย่าง
เอาเป็นเอาตาย ไม่ใช่แค่การสูญเสีย แต่ถ้าเรือ่ งหลุดออกไปคงจะมี
คนหัวเราะจนฟันร่วง! "เย่เฉินยิม้ เล็กน้อยและพูดอย่างแผ่วเบา "ทุก
ท่านไม่ต้องเกรงใจ เดิมทีผมได้รับเชิญจากคุณหนูซ่งให้มาที่น่เี พื่อ
ตรวจสอบความถูกต้องของสิ่งต่าง ๆ ดังนั้นนี่จึงเป็นหน้าที่ของผม
เองด้วย"หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเย่เฉินก็เข้าไปในรถพร้อมกับซ่ง
หวั่นถิงในขณะนี้มีแต่ความเงียบในลานด้านหลังเขา
แต่เย่เฉินสามารถเห็นได้ว่าทันทีที่ทุกคนก้าวเท้าออกไปจากสถานที่
ก็มีคนชุดดำสองสามคนเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าท่านฉีและชายอ้วนจะรอดยากแล้วคราวนี!้
บทที่ 59 ทางเดินที่ต่ำตม
ภายในรถ สีหน้าของซ่งหวั่นถิงถูกแสดงออกมาอย่างเยือกเย็น
เอาจริง ๆ การมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในตระกูลนัน้ มันทำให้เธอหัวเสีย
เป็นอย่างมาก ที่น่าโมโหไปยิ่งกว่านั้นคือตาลุงฉีผนู้ ั้นกล้าที่จะวางกับ
ดักต่อหน้าทุกคน เรื่องวันนี้ถา้ สมมติว่าถูกหลอกเงินแล้วตาลุงฉีหนี
ไปได้ รู้ถงึ ไหนอายถึงนั่น ขายหน้าไปทัง้ ตระกูลซ่ง!
ยังดีที่ตอนนั้นเย่เฉินอยู่ ถึงกู้สถานการณ์ได้ทัน ยับยั้งความเสียหาย
ของหล่อนและวงศ์ตระกูลไว้ได้ ว่าแล้วหล่อนก็หยิบบัตรธนาคาร
ออกมาจากกล่องใส่ถุงมือในรถ ส่งให้เย่เฉิน “คุณชายเย่ ในบัตรนี้มี
เงินอยู่ลา้ นหยวนรหัสคือแปดหกตัว เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อยของฉัน ได้
โปรดรับไว้ด้วย”
ระหว่างที่พูดนั้นก็ได้แต่แอบถอนหายใจ เย่เฉินผู้น้ีนั้นไม่ว่ายังไงก็ดู
เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกเข้าไปอยู่ตระกูล
เล็ก ๆ ถ้าออกมาเป็นผู้ตรวจสอบวัตถุโบราณเอง ทำไม่กี่ปกี ็คงมี
ลูกค้าไม่น้อย เย่เฉินมองบัตรในมือหล่อนอย่างชั่งใจเล็กน้อย
เงินล้านหยวนไม่ใช่เงินน้อย แต่ก็เป็นเพียงแค่เศษเงินสำหรับตระกูล
ซ่ง
จริง ๆ แล้วเย่เฉินก็ไม่ได้ไยดีกับเงินแค่นั้น ไม่ว่ายังไงเขาก็มีเงินใน
บัตรนับหมื่นล้าน ประสาอะไรกับเงินแค่นั้น รับมาแล้วจะมี
ความหมายอะไรล่ะ? แต่ลองมาคิด ๆ ดู ฐานะคนอย่างเขาก็ไม่ใช่
เศรษฐีจากตระกูลสูงส่ง เป็นเพียงแค่เขยแต่งเข้าบ้านตระกูลเซียว
เท่านั้นแค่เขยแต่งเข้าบ้านเมีย ถ้าเห็นเงินห้าล้านแล้วไม่สนใจก็คงทำ
ให้ซ่งหวั่นถิงแคลงใจไม่น้อย คิดพลางยื่นมือออกไปรับบัตรพร้อมพูด
“งัน้ ก็ขอบคุณแล้วกันคุณหนูซ่ง”
“ไม่ต้องเกรงใจคุณชายเย่” พูดพลางระบายยิม้ อ่อน
เมื่อพูดจบแล้วซ่งหวั่นถิงก็ถามขึ้นมาว่า “คุณชายเย่จะไปไหนต่อ”
”ส่งผมที่ตลาดแล้วกัน ผมต้องซื้อผักไปทำกับข้าวที่บ้าน”เย่เฉินยิม้
รับ ซ่งหวั่นถิงมองและทนไม่ไหวจนต้องพูดว่า "ฉันได้ยินเรื่อง
เกี่ยวกับคุณชายเย่มาบ้าง พูดตามตรงเลยว่าคุณมีความสามารถ
ขนาดนี้ มันไม่จำเป็นเลยที่ต้องให้ฐานลูกเขยแต่งเข้ามาฉุดรั้งคุณไว้
เอาแบบนี้ดีไหม มาเป็นหัวหน้าผูต้ รวจสอบอัญมณีที่จ๋ซี ิ่งถังของฉัน
ฉันจะให้เงินเดือนขั้นต่ำสุดปีละล้านหยวนคุณว่ายังไง?”
เย่เฉินโบกมือพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม "ผมเป็นคนฟันไม่ค่อยดี กินแต่
ข้าวนิ่ม ๆ (เป็นแมงดา)ซะจนชินแล้ว"
ซ่งหวั่นถิงชะงักเล็กน้อยจากนัน้ ก็ถอนหายใจออกมา
ดูเหมือนว่าข่าวลือในตลาดจะเป็นจริง เย่เฉินคนนี้เป็นแค่ผชู้ ายที่
เกาะผู้หญิงกินไปวัน ๆเมื่อก่อนก็คิดว่าเขาเป็นเพียงแค่คนคนไร้
ประโยชน์ที่จำใจต้องเกาะผู้หญิงกินเพราะไม่มีทางเลือก ก็ยังพอ
เข้าใจได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แบบนั้น เขาไม่ใช่คนไร้
ประโยชน์ แต่เขาเลือกที่จะทำตัวตกต่ำเป็นคนไร้ประโยชน์เอง
สิ่งนี้เองที่ทำให้หล่อนรับไม่ได้ ทัศนคติที่มีต่อเย่เฉินก็เริ่มเปลี่ยนไป
เช่นกัน เย่เฉินรูว้ ่าหล่อนจะดูถูกเหยียดหยามเขา แต่นี่คงจะดีที่สุด
สำหรับเขา ให้ทุกคนเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับตัวเขา เพื่อให้เขาได้อยู่
อย่างสงบสุขให้ถึงที่สุด เมื่อถึงตลาดเย่เฉินก็ลงจากรถและกล่าวคำ
อำลากับซ่งหวั่นถิง จากนั้นก็ซือ้ กับข้าวกลับบ้าน ทันทีท่เี ดินเข้าใน
บ้านมาเย่เฉินก็ได้ยินชายชราหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมตะโกน
"ฮ่าฮ่าฮ่า มา ๆ ๆ มาดูสมบัติล้ำค่าที่ฉันได้มา!"
เซียวชูหรันที่เพิ่งเลิกงานและกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนโซฟานั้นอด
ไม่ได้ท่จี ะลุกขึน้ มาแล้วพูดกับเซียวฉางควนที่กำลังหัวเราะว่า "พ่อ
อีกนิดพ่อจะทำให้ฉันตกใจตายแล้วนะ"
"มาดูนี่สิเร็ว" เซียวฉางควนไม่ได้ยี่หระกับท่าทางของเซียวชูหรัน
แม้แต่น้อย เขาหยิบถ้วยศิลาดลขนาดเท่าฝ่ามือไว้ด้วยท่าทางเปี่ยม
สุข "นี่คือถ้วยลายครามไก่ฟ้าทีฉ่ ันได้มาจากตลาดของเก่า ได้ยินว่า
ถูกขุดมาจากโลงของจักรพรรดิเฉียนตี้ มันมีมูลค่ามากกว่าห้าแสน
หยวนแน่ะ! "
"มากกว่าห้าแสนเหรอ" เซียวชูหรันลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมาว่า
"พ่อเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน"
เย่เฉินหน่ายใจขั้นสุด เมื่อเช้าเพิ่งจะทำขวดพอร์ซแลนอวีห้ ูแตก ถูก
ฉวยโอกาสเสียแรงที่ลงไป ชายแก่คนนี้ยังจะไปตลาดโบราณมาอีก
หรือ? นี่มันช่างเป็นแผลที่หายสนิทจนลืมเจ็บแล้วจริง ๆ
เซียวฉางควนหัวเราะและพูดอย่างมีเลศนัย "ฉันหมายถึงถ้วยใบนีม้ ี
มูลค่ากว่าสองล้าน แต่ทายสิฉันซื้อมาเท่าไหร่"
เซียวชูหรันลังเลและพูดอย่างไม่แน่ใจว่า "สามแสนหยวน?"
"ไม่ใช่ ทายอีกครั้ง!" เซียวฉางควนโบกมือ
"สองแสนหยวน?"
"ไม่ถูก!"
เย่เฉินที่อยู่ข้าง ๆ เหลือบมองไปที่ถ้วยศิลาดล แวบเดียวที่เห็นรู้ทันที
ว่ามันเป็นของปลอม โดยคิดว่าเจ้าของสิ่งนีข้ ายได้ถงึ ร้อยหยวนก็
นับว่าไม่แย่แล้ว
ในตอนนี้เซียวฉางควนเลิกอุบแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ฮ่าฮ่าฮ่าฉันซื้อมัน
มาสามร้อยหยวน!
เซียวฉางควนหัวเราะเสียงดังอย่างไม่สามารถระงับความสุขของ
ตัวเองได้ ดวงตาของเซียวชูหรันเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและ
ไม่อยากจะเชื่อ “ ไม่จริงมั้ง ถ้วยนี้จะราคาแค่สามร้อยหยวนเท่านั้น
หรือ?” เมื่อหม่าหลานผู้เป็นแม่ได้ยินเหตุการณ์ เธอก็เดินออกมา
จากห้องครัวด้วยความดีใจ“ ถ้วยนี้มีค่าขนาดนี้ มันจะไม่ใช่ของ
ปลอมหรือ?”
เซียวฉางควนตบหน้าอกอย่างภาคภูมิ “ ไม่ต้องห่วงคนขายไม่รู้เรื่อง
ราคาตลาด ฉันให้คนไปตรวจสอบมาแล้วว่าเป็นของจริง!”
“ จริงเหรอ?” หม่าหลานหยิบถ้วยขึน้ มาอย่างระมัดระวัง หมุนมอง
ซ้ายขวาแล้วยิม้ กว้างเย่เฉินยืนอยู่ขา้ ง ๆ ก็ทำได้แต่เพียงยิม้ ร่วมวงไป
ด้วย แต่สหี น้าของเขาสงบนิ่งเขาเห็นแล้วว่าถ้วยทั้งสองนี้เป็นของ
ปลอม แต่เมื่อเห็นชายชราจะมีความสุขขนาดนั้นเขาก็ไม่ขอทำลาย
มันดีกว่าเซียวฉางควนตื่นเต้นมาก เขาดูเหมือนแมวที่ได้ชีวิตใหม่ เขา
พูดด้วยความดีใจ "ถ้วยนีย้ ังไม่ครบชุด เจ้าของร้านบอกว่าเขาเอา
ส่วนที่เหลือมาให้ดูอีกครั้งในวันพรุ่งนี้! พรุ่งนีฉ้ ันจะไปดูอกี ครั้งแล้ว
เก็บมันมาให้ครบ ราคามันคงทวีขนึ้ อีกหลายเท่า! ถ้าโชคดีก็คงคืน
หนีห้ กล้านนั้นได้! "
เย่เฉินขมวดคิว้ และหยุดเขาทันที "พ่ออย่าโลภมากในการเล่นเก่า แค่
สองถ้วยนี้ก็พอแล้ว แล้วก็... "
เซียวฉางควนจ้องเขาตาขวางและต่อว่า "แล้วก็ ๆ แล้วก็อะไรอีก เด็ก
อย่างแกกล้าจะมาสอนฉันแล้วเหรอ"
"ไม่ใช่แบบนั้นพ่อ พ่อชอบก็ด"ี เย่เฉินรีบพูด เมื่อพูดจบเขาก็ไม่อยาก
ที่จะยุ่งวุ่นวายกับเรื่องนีอ้ ีก ถึงชายแก่จะถูกหลอก แต่นั่นก็ไม่
เกี่ยวกับเงินเขา เซียวชูหรันก็ช่วยพูดอีกว่า "พ่อจะซื้อทำไมเยอะแยะ
ไอ้สองถ้วยนี้ซื้อมากินก็ไม่ได้ ดื่มก็ไม่ได้ ราคาก็ต่างกันขนาดนี้ของ
จริงหรือปลอมก็ต้องรอตรวจสอบ "
เธอไม่เชื่อเรื่องโชคหล่นจากฟ้า ถ้าคนสามารถซื้อ ของห้าแสนหยวน
ในราคาสามร้อยหยวนได้ ทุกคนก็คงจะรวยกันหมดแล้ว
เซียวฉางควนที่กำลังดีใจสติหลุดเหมือนถูกสาดน้ำเย็นใส่หน้า จึงพูด
อย่างดูแคลนว่า "พวกแกไม่เข้าใจ นี่เป็นของโบราณและฉันต้องใช้
สายตาเฉียบคมคู่นี้เพื่อเลือกหยิบมันมา!"
ในขณะที่พูดเขาก็มองถ้วยศิลาดลด้วยความชื่นชมและพูดกับเซียว
ชูหรันอีกว่า "แกไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้ วันนีย้ ังมีอีกหลายคนที่ต้องการ
แย่งซื้อถ้วยนีไ้ ปจากฉัน เซียวชูหรันจึงดึงเย่เฉินออกไปอย่างเงียบ ๆ
"ฉันคิดว่านี่มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด เหมือนโดนหลอก พรุ่งนีพ้ ่อ
จะต้องไปที่นั่นแน่ ๆ คุณจะต้องไปกับเขา เพื่อไม่ให้เขาโดนต้ม"
บทที่ 60 เที่ยวตลาดของโบราณ
วันรุ่งขึน้ เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เย่เฉินถูกชายชราดึงไปขับรถไปที่
ตลาดของโบราณตั้งแต่เช้าตรู่ ชายชรารู้สกึ สดชื่น เมื่อเขาลงจากรถ
ก็โบกมือเรียกเย่เฉิน "ไป ฉันจะแสดงให้แกเห็นว่าอะไรคือมือทองใน
การเลือกของ"
หลังจากพูดก็ก้าวเท้ายาว ๆ เข้าตลาดไปเย่เฉินต้องจำใจเดินตาม
ประกบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสำรวจไปรอบ ๆ ขณะที่เขาเดิน
ในวันหยุดสุดสัปดาห์มีผู้คนจำนวนมากบนตลาดของโบราณมากกว่า
ปกติร้านขายหยกโบราณทั้งสองฝั่งเปิดกันอย่างหนาแน่นและพ่อค้า
แม่ค้าที่ออกมาตั้งแผงขายของก็หนาแน่นเช่นกัน ถนนทั้งสายก็ถูกปิด
กั้นแน่นขนัดไปด้วยผู้คนนอกจากนี้ยังมีพ่อค้าจำนวนมากที่กางแผง
ขายของเก่าและหยกต่าง ๆ บนพื้นถนน เพื่อต้อนลูกค้าในจุดนั้น ๆ
เย่เฉินเหลือบมองไปทั่ว ๆ ก็ยังแทบจะไม่เห็นของแท้ใด ๆ ทั้งหมดก็
แค่การหลอกขายของปลอมให้คนธรรมดาและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นักท่องเที่ยวไม่น้อยที่ถูกหลอกให้ซื้อของปลอม โดยที่คดิ ว่าพวกเขา
กำลังได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากที่นี่ "ที่น่!ี "
เซียวฉางควนหยุดยืนอยู่หน้าแผงขายของเก่าเรียบ ๆ สีหน้าของเขา
ไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นได้มิดนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก ๆ ยืน
เลือกของอยู่ข้างแผงขายของเก่า ด้วยความกลัวของดีจะหลุดมือ
เซียวฉางควนก็รีบวิ่งเข้าไปแทรกในกลุ่มคนเย่เฉินกวาดสายตามอง
ไปที่แผงขายของ ก็แค่แผงขายของเล็ก ๆ ที่ปูเสื่อน้ำมันลงบนพื้นและ
วางของเก่าที่เปื้อนโคลนเช่น เครื่องลายครามรูปม้า เหรียญทองแดง
ห้าจักรพรรดิ ถ้วยทองแดง กำไลหยกโลหิต ภาพวาดอักษรโบราณ
ต่าง ๆ ...สินค้าโบราณมากมายตรงหน้า แต่เย่เฉินมองผ่าน ๆ แป๊ป
เดียวก็รวู้ ่าเป็นของปลอมเจ้าของแผงเป็นชายรูปร่างผอมผิวคล้ำเขา
สวมผ้าเนื้อหยาบสีน้ำเงิน ผมมันเยิ้มและกระเซิง ดูเป็นคนซื่อ ๆ ทื่อ
ๆ ดูไม่ฉลาดมากนัก"ดูนี่สิ!" เซียวฉางควนเรียกเย่เฉินอย่างตืน่ เต้น
พลางชี้ไปที่ขวดห้าสีใบหนึ่ง ที่ท้องขนาดใหญ่ปากแคบ พร้อมพูดด้วย
เสียงกระซิบ "นี่คือขวดไวน์ที่เป็นคู่กันกับถ้วยสองใบนั้น ฉันจะซื้อมัน
กลับไป และทีนี้จะได้ราคาเป็นสองเท่า! "เย่เฉินเหลือบมองขวดไวน์ที่
ถือไว้ในมือและเงยหน้าขึน้ ถามเจ้าของร้าน "ราคาเท่าไหร่?"
เจ้าของร้านมองกลับและพูดอย่างมึน ๆ "พ่อของฉันบอกว่าอย่าง
น้อยสองหมื่นหยวน ถ้าต่ำกว่านี้จะไม่ขาย"
เมื่อเซียวฉางควนได้ยินเช่นนี้เขาก็เกือบจะหัวเราะออกมาและพูดกับ
เย่เฉินอย่างรวดเร็วว่า "เจ้าของร้านนี้ไม่รู้จักสินค้าพวกเรารีบซื้อ
ดีกว่า เพื่อที่จะไม่ให้คนอื่นมาแย่ง"
พอพูดเสร็จก็รีบค้นกระเป๋าที่เอวในตอนนี้เย่เฉินรีบจับมือห้ามเขา
อย่างรวดเร็วและพูดยิม้ ๆ "พ่อเจ้าสิ่งนี้ไม่มีคา่ ถึงสองหมื่นหยวนอย่า
ซื้อเลย""อะไรนะ" เซียวฉางควนผงะ "แล้ว... แกคิดว่านี่มันราคา
เท่าไหร่?"เย่เฉินชูมือขึ้นมาห้านิว้ ต่อหน้าเจ้าของร้านแล้วโบกไปมา "นี่
คือจำนวน"“ ห้าพันเหรอ” เจ้าของร้านจ้องมองพร้อมถามกลับ
เย่เฉินส่ายหัว "เปล่ามันห้าสิบหยวน"
เจ้าของร้านจ้องมองไปที่เย่เฉินเป็นเวลาหลายวินาทีราวกับมองไปที่
มนุษย์ต่างดาวและทันใดนั้นก็ตะโกนว่า "คุณรู้จักของโบราณดีแค่
ไหน นี่เป็นของเก่าที่ปู่ของฉันทิ้งไว้ให้ เป็นสมบัติลำ้ ค่า พวกคนเมือง
อย่างคุณใจดำเกินไปแล้ว"
เซียวฉางควนก็กังวลใจและรีบดึงมือเย่เฉิน "อย่าพูดพล่อย ๆ น่า
เดีย๋ วจะทำเสียงานหมด"
เย่เฉินยิม้ หยิบขวดขึ้นมาแล้วพลิกกลับเขี่ยโคลนที่ติดก้นขวดด้วยมือ
ของเขา ชีไ้ ปตรงกลางร่องแล้วพูดว่า "พ่อดูสิว่านี่คืออะไร"
รอยกรีดมีขนาดเล็กมากหากไม่ใช่เพราะเย่เฉินชี้ให้เห็น คนทั่วไปคง
จะไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็ก ๆ อยู่ในช่อง
"ผลิตในประเทศจีน" เซียวฉางควนตกตะลึงอ้าปากค้าง มึนไปพัก
ใหญ่ เมื่อเรียกสติคืนมาได้ก็โวยวายใส่เจ้าร้านด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เปี่ยมไปด้วยความโมโห "แก แกมันขีโ้ กง!"
เย่เฉินหยิบขวดไวน์โบกไปมาต่อหน้าให้เจ้าของร้านที่ทำหน้าซื่อและ
กล่าวว่า "ผู้ผลิตยังไม่กล้าปลอมแปลงโบราณวัตถุอย่างโจ่งแจ้ง ถึง
ได้เขียนข้อความนีม้ าเป็นสัญลักษณ์ คุณฉลาดไม่น้อยทีเดียวนี่ ที่รู้ว่า
จะปิดมันได้ดว้ ยการป้ายโคลน เอาสัน้ ๆ สามสิบหยวนขายไหม”
"นี่มัน…"เจ้าของร้านตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นสีหน้าซื่อ ๆ ที่ถูก
แสดงก็หายไป เขาก็ตบหน้าผากตัวเองพร้อมยิม้ เยาะ
“ นายท่านทั้งสอง วันนีฉ้ ันจะรีบออกมาข้างนอก ฉันเลยหยิบขวด
ผิด” "หยิบผิด?" เย่เฉินยิ้ม หยิบขวดยานัตถุ์ที่เต็มไปด้วยโคลนขึน้ มา
และใช้มือปาดโคลนที่ปากขวดออก ส่องไปที่ดวงอาทิตย์และกล่าว
ด้วยความจริงจัง “ถ้าไม่ผดิ ละก็ สิ่งนี้น่าถูกสร้างขึ้นที่เมืองซูโจว “
ในขวดยานัตถุ์มีอักขระโปร่งใสขนาดเล็กเป็นแถว
"ผลิตโดย Suzhou Crafts Factory"
“ ฉันอ่านหนางสือไม่ออก ใครจะไปรู้ว่ามีอะไรเขียนไว้บา้ ง” เจ้าของ
ร้านเห็นท่าไม่ดี ก็ไม่สนใจจะขายของอีกต่อไปและในขณะที่ยิ้มเยาะ
เขาก็ห่อผ้าเก็บของ ม้วนเสื่อน้ำมันเตรียมจะหนีไป
ครั้งนีเ้ ซียวฉางควนได้สติคืนมาอย่างสมบูรณ์และเขาโมโหมากที่เป็น
เหมือนลิงที่ถูกหลอกเขาคว้าคอเจ้าของร้านและตะโกนด้วยความ
โกรธ "ไอ้คนลวงโลก เอาเงินฉันคืนมา"
"เงินอะไร ฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อน" เจ้าของร้านพยายามดิน้ รน จน
ของในเสื่อน้ำมันที่เขาถืออยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญทองแดงปลอม
และม้าหยกปลอมก็ต่างหล่นลงมาม้าหยกที่ตกลงบนพื้นโดยไม่
แตกหักดูเหมือนว่าจะถูกทำจากพลาสติกแข็ง
“ ถ้าแกไม่คืนเงิน ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!” เซียวฉางควนตะโกนจน
ปอดแทบจะระเบิดด้วยความโกรธ ระหว่างพวกเขาดึงยื้อกันอยู่นั้น จู่
ๆ มีส่งิ หนึ่งตกลงมาจากแขนของเจ้าของร้าน วินาทีที่สิ่งนีต้ กลงมา
เย่เฉินก็ขมวดคิว้ ทันทีและจ้องไปยังเจ้าสิ่งนัน้ ที่นิ่งอยู่บนพื้น
สิ่งนี้คือก้อนกรวดสีขาวขนาดเท่ากำปั้น ลักษณะเหมือนกับก้อน
กรวดบนแม่น้ำหรือชายหาด สีเทา ๆ เรียบ ๆ ทั่วไป
แต่ความแตกต่างอย่างหนึ่งคือมีคำสองสามคำที่สลักไว้บนก้อนหินนี้
คือ ปลอดภัยและร่ำรวย!
แบบอักษรที่สลักมีลักษณะหยาบ มองแวบแรกก็รู้ว่าถูกแกะสลัก
ด้วยมือหินสลักชนิดนีม้ ีอยู่ทั่วไปและมันก็ไม่ได้มีราคาเลย จึงไม่น่า
แปลกใจที่เจ้าของร้านไม่ได้นำมันออกมาวางในตอนแรก
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเย่เฉินก้าวไปหยิบหินก้อนนั้นขึ้นมา เลือดทั่ว
ร่างกายของเขาก็เดือดพล่านตอนนี้เขารู้สึกถึงลมหายใจที่แตกต่าง
จากของเก่าชิ้นนี้!ซึ่งในความเป็นจริง มันเป็นเหมือนพลังงาน
สนามแม่เหล็กชนิดหนึ่ง ซึ่งสร้างแรงดึงดูดอย่างมากให้กับเขา
เย่เฉินรู้ดวี ่า นี่ควรเป็นเรกิที่ถูกบันทึกไว้ใน "ตำราเก้าเสวียนเทียน"!
เรกิเป็นพลังงานลึกลับที่สูญหายไปเป็นเวลานานมันไม่เพียงสามารถ
เปลี่ยนสมรรถภาพทางกายของบุคคลได้อย่างสมบูรณ์ แต่ยัง
สามารถส่งผลมหัศจรรย์ต่อคนทั่วไปได้อกี ด้วย เย่เฉินดีใจมากชั่ง
น้ำหนักก้อนกรวดในมืออย่างใจเย็นและถามว่า "นี่ของคุณหรือเปล่า"
เจ้าของร้านตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว "ใช่"
“ หินก้อนนีข้ ายยังไง?”
เซียวชางควนแปลกใจและถามว่า "ทำไมถึงจะซื้อไอ้หนิ แตก ๆ นี่! แก
ไม่รู้เหรอว่า ไอ้นี่มันขายของปลอมทั้งหมด!"
"มันเป็นแค่เศษหิน ไม่เป็นไรซื้อมาสักก้อนแล้วเอาไปไล่โชคร้าย " เย่
เฉินพูดด้วยรอยยิม้ เจ้าของร้านถือโอกาสผละออกจากมือของเซียว
ฉางควนและเย้ยหยันเย่เฉิน "เจ้าต้องการซื้อจริง ๆ หรือ?"
เย่เฉินพยักหน้า "ซื้อจริง ๆ !"
ทันใดนั้นเจ้านายก็ดูมีพลังและพูดจาอย่างฉะฉานขึน้ มา "พี่ชายคุณ
เป็นคนมีสายตาแหลมคมมากจริง ๆ อย่ามองว่ามันเป็นแค่ก้อน
กรวดธรรมดา ที่มาของมันธรรมดาสักนิด มันถูกวางไว้ในห้อง
หนังสือของจักรพรรดิเฉียนตี้ บนตราประทับกระดาษ ... "
เย่เฉินไม่มีเวลาฟังคำพูดไร้สาระของเจ้าของร้าน จึงขัดขึน้ มาอย่างไม่
สบอารมณ์ "ไม่ต้องมาพูดเรื่องไร้สาระกับฉัน เข้าประเด็นเลยดีกว่า!"
เจ้าของร้านหัวเราะร่าและพูดว่า "เนื่องจากคุณเป็นผูเ้ ชี่ยวชาญอยู่
แล้ว สองหมื่นหยวน" เย่เฉินมองอย่าเหยียดหยาม "แกคิดจะค้ากำไร
มากเกินไปแล้ว "พี่ชายคุณเป็นคนที่รจู้ ักสินค้าดีจริง ๆ สามร้อยก็
สามร้อย" เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและกำหินไว้ในมือของเขา
เซียวฉางควนงงงวยเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องซื้อหินแตก ๆ นี่
ขณะที่เขากำลังจะถามคำถามเมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นข้าง ๆ เขา
"ก้อนหินก้อนนีด้ ไี ม่น้อย ฉันต้องการมัน!"

You might also like