Professional Documents
Culture Documents
ปีนั้นงานของคุณยายยุ่งเป็นพิเศษ เธอจึงต้องอยู่บ้านตระกูลเฮ่อเป็น
เวลาค่อนข้างนาน คุณป้าเฮ่อจึงตรียมห้องนอนให้เธอเป็นพิเศษ ตอนที่เธอ
ทําการบ้านแล้วนอนฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะมีผ้าห่มอยู่บน
ตัว หรือไม่ก็มีของว่างมากมายวางอยู่บนหนังสือ
เธอพูดเรื่องพวกนี้กับเฮ่อหยูกวงเท่านั้น คิดตามหลักเหตุผลแล้วเธอคิด
ว่าต้องเป็นเฮ่อหยูกวงแน่ที่แอบซื้อมาให้เธอ
เฮ่อหยูกวงกลัวว่าหลังจากนี้เธอยังจะถูกรังแกอีก จึงพูดกําชับกับเฮ่อจี้
เฉินเป็นพิเศษ ว่าให้ดูแลเธอให้มากๆ ตอนอยู่ที่โรงเรียน
แม้ว่ายายจะเตือนเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่าให้อยู่ห่างจากเฮ่อจี้เฉิน แต่
หลังจากตอนนั้น เธอก็ยอมรับเฮ่อจี้เฉินเป็นเพื่อน เพราะเขาเป็นน้องชาย
ของเฮ่อหยูกวง และเป็นเพราะหลังจากที่เขาได้ยินคําพูดของเฮ่อหยูกวง
ตอนอยู่โรงเรียนเขาจึงดูแลเธอดีมากเป็นพิเศษ
ความขัดแย้งเพียงครั้งเดียวของพวกเขา เกิดขึ้นเพราะเชียนเกอ
เชียนเกอชอบเขา เธอจึงช่วยเชียนเกอนัดเฮ่อจี้เฉินให้มาพบกันที่สวน
หลังโรงเรียน อาจเพราะเขาไม่ชอบเชียนเกอ และเพราะเรื่องนั้น ทําให้เขา
เมินเธอ ไม่ยอมสนใจเธออยู่หลายวัน
ความในใจของเธอที่มีต่อเฮ่อหยูกวง แอบซ่อนอยู่ภายในจิตใจลึกๆ มา
โดยตลอด เธอไม่เคยคิดเรื่องที่จะสารภาพรักมาก่อน
.....
เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เธอลืมไม่ลงไปตลอดชีวิต คืนนั้นเธอยืนอยู่ต่อหน้า
“เฮ่อหยูกวง” ทันทีที่เธอสารภาพรักโลกของเธอก็พังทลายลง
เธอคิดยังไงก็คงคิดไม่ถึงว่าคนที่เธอรวบรวมความกล้าเพื่อมาสารภาพ
รักด้วย กลับกลายเป็นเฮ่อจี้เฉิน
สิ่งที่ทําให้เธอคิดไม่ถึงและไม่กล้าคิดยิ่งกว่านั่นก็คือ คืนนั้นคนที่เธอมี
ความสัมพันธ์ด้วย จะเป็นเฮ่อจี้เฉิน
เธอส่งข้อความไปหาเฮ่อหยูกวงชัดๆ ทําไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
หลังจากนั้น เธอจึงพลิกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู จึงพบว่า ข้อความนั้นที่เธอ
บอกให้เฮ่อหยูกวงมารับเธอพิมพ์ไว้แล้ว แต่เธอกลับบันทึกมันเอาไว้ในกล่อง
ข้อความร่าง ไม่ได้ส่งออกไป...
ที่แท้ ทุกสิ่งทุกออย่างเป็นเธอที่เข้าใจผิดไปเอง
เธอนอนกับเพื่อนคนสําคัญที่สุดของเธอ และคนที่เธอชอบเป็นพี่ของ
เพื่อนคนสําคัญที่สุดของเธอ
โลกของเธอพลันเปลี่ยนเป็นสับสนวุ่นวาย เธอไม่รู้ว่าตนเองจะ
เผชิญหน้ากับเฮ่อหยูกวงได้อย่างไร แล้วก็ไม่คิดจะติดต่อกับเฮ่อจี้เฉินอีก เธอ
ที่ไม่รู้จะทํายังไง หนทางเดียวที่สามารถทําได้คือ หนีไปให้ไกล หนีไปจาก
เมืองซู หนีไปจากเฮ่อ หยูกวาง หนีไปจากเฮ่อจี้เฉิน หนีไปจากฝันเลวร้าย
เหลวไหลนี่!
สติของจี้อี้ถูกดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอมองไปที่หน้าจอ
โทรศัพท์มือถือใหม่อีกครั้ง
คิดว่าเฮ่อหยูกวงคงรอคําตอบของเธอไม่ไหว จึงส่งข้อความมาหาเธออีก
ว่า "หมานหม่าน ฉันคือเฮ่อหยูกวง เธอยังจําฉันได้ไหม?"
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อสี่ปีก่อน ตอนที่เพิ่งเกิดเรื่องเหลวไหลนั่นกับเธอ
และเฮ่อจี้เฉิน จี้อี้คิดว่าตนเองต้องไม่อยากเผชิญหน้ากับเฮ่อหยูกวงอย่าง
แน่นอน ยังดีที่ตอนนี้ความรู้สึกในช่วงเยาว์วัยเหล่านั้น ถูกกาลเวลาทําให้จืด
จางลงไปจนเธอแทบหาร่องรอยไม่เจอเสียแล้ว พอมีข่าวของเฮ่อหยูกวง
เธอก็มีแต่ความรู้สึกตื่นเต้นของคนที่ไม่ได้พบเพื่อนสนิทมานานเท่านั้น
……
วันที่สองตอนเที่ยงจี้อี้ก็ได้รับข้อความบอกเวลาและสถานที่ที่นัดพบกัน
จากเฮ่อหยูกวง :”คืนนี้ตอนหนึ่งทุ่ม ร้านกาแฟชั้นสองที่โรงแรมซื่อจี้ (สี่ฤดู)
”
ตอนที่ 103 / ตอนที่ 104 เลือกแต่งงานกับฉันเถอะ
คืนนั้น เมื่อจี้อี้เหยียบเข้ามาในโรงแรมซื่อจี้ บริกรก็พาเธอ ขึ้นไปชั้นสอง
หลังจากรอให้บริกรเดินจากไปแล้ว จี้อี้จึงถามเฮ่อหยูกวงราวกับเพื่อน
เก่าที่ไม่ได้พบกันมานานว่า “พี่หยูกวง พี่เป็นยังไงบ้าง?”
"ฉันก็ไม่เลว" จี้อี้ตอบพร้อมกับฉีกยิ้ม
"เฮ่อหยูกวง" ยิ้มน้อยๆ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วแตะอีกครั้ง " ได้
ยินจี้เฉินบอก หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็กลับไปที่มหาวิทยาลัย
ภาพยนตร์ B ใช่ไหม?"
เป็นบริษัทจัดหาคู่โทรมา หลังจากการเดทกับผู้ชายคนเมื่อวานล่มไป
พวกเขาจึงช่วยเธอติดต่อกับคนใหม่อีกครั้ง แล้วถามเธอว่าสุดสัปดาห์นี้เธอ
มีเวลาว่างมาพบหรือไม่
จี้อี้คิดมาตลอดว่าร่างกายของเฮ่อหยูกวงอ่อนแอ จึงถามอีกครั้งว่า
"แล้วร่างกายล่ะ? แข็งแรงแล้วเหรอคะ?"
"เฮ่อหยูกวง" พยักหน้า ไม่พิมพ์ตัวอักษร ผ่านไปสักพัก เขาเหมือนกับ
คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงแตะบนโทรศัพท์ "เสี่ยวอี้ เธอกําลังดูตัวเหรอ?"
จี้อี้ไม่อยากจะอดีตน่าอายเหล่านั้นมาพูดให้เฮ่อหยูกวงฟัง จึงตอบแบบ
รวมๆ ว่า "เจอเรื่องยุ่งยากนิดหน่อยน่ะ เลยต้องแต่งงานถึงจะแก้ไขเรื่อง
ยุ่งยากนั้นได้”
.....
……
คืนนั้นจี้อี้นอนไม่หลับ เธอนอนพลิกตัวกลับไปกลับมาอยู่บนเตียงตลอด
ทั้งคืน แล้วในที่สุดจี้อี้ก็ตอบตกลงรับข้อเสนอของเฮ่อหยูกวง
จี้อี้ส่งข้อความตอบตกลงที่จะแต่งงานกับเฮ่อหยูกวงพียงไม่นาน เฮ่อห
ยูกวงก็มาหาเธอ
……
จี้อี้มองอยู่สักพัก แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความไปหาเฮ่อห
ยูกวง " พี่หยูกวง ฉันได้รับพัสดุแล้วนะคะ"
หากคุณลุงเฮ่อและคุณป้าเฮ่อรู้ว่าเธอและเฮ่อหยูกวงแต่งงานกันแล้ว คิด
ว่าพวกท่านคงจะติดต่อพ่อแม่ของเธอทันที ตอนนี้พวกท่านไม่อยู่ใน
ประเทศ เฮ่อหยูกวงบอกว่ารอให้พวกท่านกลับมาแล้วค่อยแจ้งพวกท่าน
อีกที แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ไม่ต้องกลับไปอธิบายให้พ่อแม่ฟัง ไม่
แน่ว่ารอจนคุณป้าเฮ่อและคุณลุงเฮ่อกลับประเทศมาข้อตกลงแต่งงานของ
เธอและเฮ่อหยูกวงคงจบลงแล้ว
"ฉันรู้แล้ว พี่หยูกวง"
ในโทรศัพท์มือถือของเฮ่อหยูกวง หลังจากที่เฮ่อจี้เฉินเห็นข้อความที่จี้อี้
ตอบกลับมานี้ ก็ไม่ตอบเธอกลับไปอีก และทอดสายตามองไปบนโต๊ะ
หนังสือ
ด้านบนมีหนังสือสมรสกางเปิดอยู่
รูปถ่ายบนหนังสือสมรสหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่ชื่อด้านล่างกลับ
ไม่เหมือนกัน
ในที่สุดเขาก็ได้แต่งงานกับเด็กสาวที่เขารักอย่างหมดหัวใจ โดยใช้ชื่อ
ของชายหนุ่มที่เธอชอบ
แต่ชื่อของเขาและเธอ ก็ยังถูกผูกพันกันไว้ภายใต้การคุ้มครองของ
กฎหมายอยู่ดี
คืนนั้นเมื่อได้รับหนังสือสมรส จี้อี้ก็ติดต่อไปหาผู้ช่วยของผู้กํากับเหลียง
สวีอี้
จี้อี้ไม่ปิดบังสวีอี้และยอมรับอย่างเปิดเผย สวีอี้กลับตกใจเสียด้วยซ้ํา
หลังจากนั้นจี้อี้จึงบอกว่าทีแรกนั้นตนเองไม่ได้ทําแท้งแต่เป็นเพราะท้องนอก
มดลูกและยังบอกข่าวที่ตนเองแต่งงานแล้วกับสวีอี้ เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ตนเอง
พูดเป็นความจริง จึงส่งภาพแต่งงานให้สวีอี้หนึ่งใบ
การออดิชั่นของจี้อี้ในวันนั้นสมบูรณ์แบบมาก ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว
เรื่องที่เชียนเกอพูดว่าเธอเคยทําแท้ง จึงไม่สามารถก่อภัยคุกคามให้กับเธอได้
อีกต่อไป เป็นเหมือนที่จี้อี้บอกเชียนเกอที่สตูดิโอทุกอย่าง เมื่อสวีอี้วาง
โทรศัพท์จากเธอไม่นาน ก็โทรมาหาเธออีก แล้วบอกเธอว่า เขานําเรื่องนี้ไป
บอกผู้กํากับเหลียงแล้ว และผู้กํากับเหลียงก็บบอกว่า บทของ "เสี่ยวจิ่ว" ผู้
กํากับเหลียงจองตัวเธอให้รับบทบาทนี้!
ไม่ต้องพูดถึงเธอและเฮ่อหยูกวงที่เคยใช้เวลาวัยเยาว์ร่วมกัน ถึงอย่างไร
ก็ห่างกันมาถึงสี่ปี ความสัมพันธ์จึงแปรเปลี่ยนเป็นความห่างเหินเล็กน้อย
แม้ตอนนี้พวกเขาจะเป็นสามีภรรยาในนามกันแล้วก็ตาม ทว่าตามปกติแล้ว
ก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย ได้เจอกันเพียงครั้งเดียวตอนหลังแต่งงาน คือ
หลังจากที่พวกเขาจดทะเบียนกันได้หนึ่งเดือน เฮ่อหยูกวงมาที่ปักกิ่ง เอากุณ
แจห้องมาให้เธอ แล้วบอกเธอว่านั่นเป็นกุญแจห้องที่ปักกิ่งที่เตรียมไว้ให้
พวกเขาสองคน
.....
บทของ “เสี่ยวจิ่ว” เป็นบทที่เล่นในร่มทั้งหมด ดังนั้นวันที่ถ่ายทําจี้อี้ก็
แค่ต้องรีบมาให้ถึงบริเวณฉากจําลองหนังเรื่อง “หวางเฉิง” ตรงเขตชาน
เมืองให้ทันตอนเก้าโมงก็ได้แล้ว
จี้อี้กลัวว่าจะสาย จึงตั้งใจตั้งปลุกนาฬิกาตั้งแต่ตอนตีห้า
หลังจากเกิดเรื่องทะเลาะกันที่รีสอร์ทหลินหย่าก็ไม่พูดกับจี้อี้อีก จี้อี้เองก็
ขี้เกียจที่จะพูดกับเธอให้มากความ ดังนั้นเธอเพียงแค่มองหลินหย่า แล้วก็
ปิดตาลงอีกครั้ง
บรรยากาศภายในหอพัก เพราะการกลับมาของหลินหย่าความอึดอัดจึง
เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ในฐานะที่ปั้วเฮ่อเป็นหัวหน้าหอพักเพื่อทําให้
บรรยากาศคลี่คลายลง จี้อี้จึงได้ยินเธอพูดเสียงเบากับหลินหย่าว่า
"เสี่ยวหย่า เธอกลับมาแล้วเหรอ?"
"อืม"
"เธอเตรียมมาอยู่ยาวที่หอพักเหรอ?"
" .."
……
……
ฤดูหนาวของเมืองปักกิ่ง ตอนตีห้าเวลาเช้าตรู่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท ใน
เขตของมหาวิทยาลัยแทบจะไม่มีคน เพื่อที่จะไปให้ทัน จี้อี้จึงเดินออกไปทาง
ลัดของมหาวิทยาลัย
ข้างหน้าตึกเก่าของมหาวิทยาลัยที่ถูกทิ้งร้างมีชายหนุ่มสองคนกําลังยืน
สูบบุหรี่อยู่ ตอนที่จี้อี้เดินเข้าไปใกล้ พวกเขามักจะมองมาที่ร่างของเธออยู่
บ่อยครั้ง
สัญชาตญาณสั่งให้จี้อี้ดิ้นรนและส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ทว่ายัง
ไม่ทันได้ส่งเสียง ผู้ชายอีกคนก็เอามือมาปิดปากของเธอ และชายคนแรกที่
จับข้อมือของเธอก็ใช้กําลังบังคับลากเธอเข้าไปข้างในตึกเรียนร้าง
บานประตูที่ห่างออกไป จี้อี้ได้ยินเสียงของพวกเขากําลังล็อคประตูจาก
ข้างนอก หลังจากนั้นเสียงฝีเท้าของคนทั้งสองก็ค่อยๆ หายไป
ทั่วทั้งตึกเรียนที่เก่าและทรุดโทรม ชั่วขณะนั้นเหลือเธอเพียงคนเดียว
เงียบวังเวงจนน่ากลัว
จี้อี้ที่ถูกเทปกาวปิดปาก ทําได้เพียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างอ่อนแรง เธอ
ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ทําอย่างไรก็ไม่สามารถดิ้นหลุดจากเชือกหยาบที่
พันธนาการตัวเธอได้เลย
ผ่านบานกระจก จี้อี้มองเห็นสีของท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างที่ค่อยๆ
สว่างขึ้นมาช้าๆ เธอรู้ว่าเวลากําลังค่อยๆ ผ่านไป หากก่อนเก้าโมง เธอไม่
สามารถไปถึงกองถ่ายได้ตรงเวลา บท “เสี่ยวจิ่ว”ของเธอกลัวว่าอาจจะ
รักษาเอาไว้ไม่ได้อีกครั้ง
ตอนที่ 107 / ตอนที่ 108 เลือกแต่งงานกับฉันเถอะ
รักษาบทของ “เสี่ยวจิ่ว” ไว้ไม่ได้อีกครั้ง..เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้น
ความคิดของเธอก็ชะงักงัน
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายสองคนนั้นกําลังรอเธออยู่ ทางออกของประตูโรงเรียน
มีตั้งหลายทาง แต่พวกเขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเธอจะต้องเดินผ่านตึกเรียน
ร้างนี้แน่ๆ?
แน่นอนว่าต้องมีคนมาแอบบอกข่าวกับพวกเขาก่อนล่วงหน้า และคนที่
แอบบอกพวกเขาต้องเป็นคนที่เข้าใจเธอมากที่สุด
ไม่อาจไม่ยอมรับจริงๆ ว่าแผนนี้ของพวกเธอช่างโหดเ**้ยมและแยบยล
จริงๆ เมื่อลงมือ ก็ไม่คิดจะให้โอกาสเธอหนีไปได้!
ริมฝีปากของจี้อี้เม้นแน่นอย่างเงียบๆ
ในเมื่อขอความช่วยเหลือไม่ได้ ดังนั้นก็คงได้แต่พึ่งตัวเองแล้ว!
……
ตอนสามทุ่มครึ่งก่อนจี้อี้จะไปที่กองถ่าย เขาก็ได้รับข้อความที่ถังฮว่าฮ
ว่าส่งมาให้อย่างตรงเวลา
.....
ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ "หวางเฉิง" ไปถ่ายทํานอกสถานที่ตลอด ใน
ฐานะที่เฮ่อจี้เฉินเป็นรองผู้กํากับ เขาจึงต้องอยู่ในกองถ่ายตลอดเวลา
นอกจากหนึ่งเดือนก่อน ที่เขาใช้ตัวตนของพี่ชายเฮ่อหยูกวงมาที่ปักกิ่งเพื่อ
เอากุญแจห้องที่เขาเตรียมไว้สําหรับการแต่งงานปลอมๆ ของพวกเขามาให้
จี้อี้ แล้วเขาก็ไม่ได้เจอเธออีก ดังนั้นเช้าของวันถัดไป ไม่ทันจะหกโมง เฮ่อจี้
เฉินก็ตื่นแล้ว
ตอนแรกรอเวลาจนถึงหกโมงเช้า เฮ่อจี้เฉินไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีตรงไหน
ที่ผิดปกติ แต่เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป กระทั่งหกโมงห้าสิบนาที เมื่อเฮ่อจี้เฉิน
เห็นจี้อี้ยังไม่มาสักที ตัวเขาก็เริ่มกระสับกระส่าย
รอไปได้ครึ่งนาที เฮ่อจี้เฉินมองถังฮว่าฮว่าที่ยังไม่ตอบข้อความกลับมา
จึงโทรหาเธอโดยตรง
"ไปตอนกี่โมง?" เฮ่อจี้เฉินขมวดคิ้วแน่น
ถังฮว่าฮว่าเป็นคนพูดมาก เพื่อจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเฮ่อจี้เฉิน
เพิ่ม ดังนั้นจึงพูดสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมด " ใช่ เมื่อวานอยู่ๆ หลินหย่าก็กลับมา
อยู่ที่หอ เธอบอกปั้วเฮ่อว่าตอนเช้าอาจารย์มีธุระเรียกพบเธอ เธอกลัวว่าเธอ
จะตื่นไม่ไหว เลยกลับมาอยู่หอ แต่พูดแล้วก็แปลก เสี่ยวอี้ต้องไปกองถ่าย
เธอเลยต้องออกตั้งแต่ตีห้า แต่ตอนตีห้ากว่าๆ อยู่ๆ หลินหย่าก็ออกไป
เหมือนกัน..."
คนสองคนเดินตามกันออกมาจากหอ...ในใจของเฮ่อจี้เฉินกระตุกวูบ เขา
ไม่รอให้ถังฮว่าฮว่าพูดจบ ก็วางโทรศัพท์ แล้วรีบเดินไปที่ลาดจอดรถอย่าง
รวดเร็ว
อยู่ๆ หลินหย่าก็กลับมาที่หอ วันนี้จี้อี้ก็มาไม่ถึงกองถ่าย มันจะต้องมี
เรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน...ขณะที่คิด จังหวะการก้าวเท้าของเฮ่อจี้
เฉินก็เปลี่ยนเป็นวิ่ง
ตอนนี้จี้อี้มาไม่ถึงกองถ่าย เรื่องนี้หนีไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับหลินหย่าแน่!
หลินหย่าไม่รู้ล่วงหน้าว่าจี้อี้นั่งรถแท็กซี่คันไหน ดังนั้นเปอร์เซ็นต์ความ
เป็นไปได้ที่คนขับรถรถแท็กซี่จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก็กลายเป็นศูนย์
ในเมื่อบนถนนไม่น่าจะเกิดเรื่องขึ้นได้ งั้นก็เหลือความเป็นไปได้เพียง
อย่างเดียว ก็คืออาจเป็นไปได้มากว่าจี้อี้จะยังไม่ออกมาจากประตู
มหาวิทยาลัย!
ไม่รู้ว่านอนหลับไปนานแค่ไหน โทรศัพท์มือถือของหลินหย่ามีสายโทร
เข้า เสียงเรียกเข้าดังจนเธอตื่นขึ้นมาจากความฝัน
เธอกวาดตามาชื่อที่ปรากฏอยู่บนโทรศัพท์อย่างสะลึมสะลือ หลังจาก
เห็นชื่อที่หน้าจอโทรศัพท์ก็ตาสว่างขึ้นมาทันที
"หืม?"
.....
หลินหย่าตกใจจนปลายนิ้วกระตุก เงยหน้ามองไปที่ประตูอย่างไม่สบ
อารมณ์ ขณะที่เธอคิดจะจะตะโกนด่าออกไปว่า "เป็นบ้ารึไง" กลับเห็นเฮ่อจี้
เฉินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาในห้อง คําพูดที่จะเอ่ยหยุดลงฉับพลัน เธอจ้อง
มองเฮ่อจี้เฉินที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาถึงสองเดือนเต็ม
หลินหย่าตนใจจนส่งเสียงกรีดร้องออกมา เธอยังไม่ทันรู้ว่านี่มันเรื่อง
อะไรกันก็ถูกเฮ่อจี้เฉินเหวี่ยงอย่างแรงจนหลังกระแทกเข้ากับบันไดที่ใช้ปืน
ขึ้นเตียง
"...กรี้ดด.." เสียงของหลินหย่าพลันเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง
ร่างของเธอสองในสามถูกเฮ่อจี้เฉินผลักออกไปข้างนอกหน้าต่าง มือ
ของเธอสั่นระริก พยายามที่จะคว้าจับสิ่งของ เพื่อทําให้ตนเองรู้สึก
ปลอดภัย เธอตกใจจนน้ําตาไหลทะลักออกมา
เฮ่อจี้เฉินเหมือนมองไม่เห็น คําพูดของเขายังคงเย็นชาและแข็งกระด้าง
"ฉันจะพูดอีกครั้ง ที่ฉันอยากจะได้ยินคือเธออยู่ที่ไหน? เธอแค่ให้คําตอบที่
ฉันต้องการก็พอแล้ว ถ้าขืนเธอยังกล้าพูดเรื่องไร้สาระออกมาอีกแม้แต่คํา
เดียวละก็..."
เฮ่อจี้เฉินไม่พูดอีก แต่ผลักหลินหย่าออกไปนอกหน้าต่างอีก หลินหย่า
ตกใจจนพูดออกมาทั้งน้ําตาว่า " ฉันบอกแล้ว ฉันบอก.. เธอ เธอ เธอ..อยู่ที่
ตึกเรียนร้าง..."
ตอนที่ 111 / ตอนที่ 112 ไม่คู่ควรให้ฉันทําแบบนี้
หลินหย่ายังพูดไม่ทันจบ เฮ่อจี้เฉินที่รู้ว่าจี้อี้อยู่ที่ไหน ก็ลากหลินหย่า
กลับเข้ามา สะบัดเธอทิ้งไว้ข้างๆ ไม่ทิ้งคําพูดอะไรไว้ แล้วก้าวเท้ายาวๆ พุ่ง
ออกไปนอกหอพักอย่างรวดเร็ว
ทุกคนจ่างก็กําลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกิดขึ้น
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ?"
"ทําไมหลินหย่าถึงต้องทํากับจี้อี้แบบนี้ล่ะ ? พวกเราอยู่ในหอเดียวกัน
แท้ๆ ไม่มากไปเหรอที่ทําแบบนี้ ?"
“……”
คําพูดเหล่านั้น ยิ่งมายิ่งดังมากขึ้น ปลุกหลินหย่าที่ถูกเฮ่อจี้เฉินทําให้
ตกใจจนเหมือนกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่างให้ได้สติกลับคืนมา เธอพิงตู้
ที่อยู่ตรงระเบียง สูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง แล้วจึงฝืนยืดตัวตรง
หลังจากนั้นเดินขาสั่นๆ ไปที่หน้าประตู ปิดประตูลง ตัดขาดเสียง
วิพากษ์วิจารณ์ตรงทางเดินที่ดังมาอย่างไม่ขาดสาย -
ความสิ้นหวังราวกับคลื่นที่ถาโถม ทําให้เธอจมดิ่งลงไป
หรือว่าครั้งนี้ เธอต้องแพ้ให้กับเชียนเกอจริงๆ?
นี่เป็นโอกาสที่เธอได้มาอย่างยากลําบาก หากว่าพลาดโอกาสครั้งนี้ไปล่ะ
ก็ เธอก็คงจะเหมือนกับก่อนหน้านื้ที่เพิ่งฟื้นใช่หรือเปล่า ต้องรอคอยนาน
แสนนาน จึงจะมีโอกาสใหม่อีกครั้ง..ยิ่งกว่านั้นบางที เธออาจจะไม่มีโอกาส
อีกแล้ว
.....
จี้อี้ตกใจจนหัวใจเต้นถี่รัว เธอหันหน้ากลับไปมองประตูหลังตาม
สัญชาตญาณ
จี้อี้ที่มองไปที่ประตูพอดี เธอเห็นกับตาตัวเองว่าวินาทีต่อมาประตูก็ล้ม
ลงไปกับพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่น
หลังจากนั้น จี้อี้มองเห็นเพียงรองเท้าหนังสีดําข้างหนึ่ง เหยียบขึ้นไปบน
บานประตูที่ปริแตก
ด้วยความคุ้นชินที่ทํามาหลายปี ทําให้วินาทีต่อมาสายตาของเธอก็มอง
ลงไปที่ข้อมือของชายหนุ่ม ตอนเห็นเชือกสีแดงที่ผูกอยู่ที่ข้อมือของเขา
ปลายนิ้วของเธอก็กระตุกเล็กน้อย ความรู้สึกอึดอัดไร้อิสระ พลันเกาะกุมตัว
เธอ
ท่าทางแบบนี้ของเขา ทําให้เธอและเขาใกล้กันมากเป็นพิเศษ
จี้อี้มองลําคอขาวของเฮ่อจี้เฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นเม็ดเหงื่อไหลเข้าไปใน
เสื้อเชิ้ตของเขา
ภายในห้องเงียบมาก ทั้งสองคนต่างก็ไม่พูดอะไร
เฮ่อจี้เฉินปลดเชือกที่พันธนาการเท้าของจี้อี้ออก เขาเอื้อมมือดึงเทปกาว
ที่ปิดปากของจี้อี้ออกก่อน แล้วหลังจากนั้นจึงแก้เชือกที่อยู่บนข้อมือของเธอ
ปลายนิ้วของเขายังไม่ทันแตะไปที่ข้อมือของเธอ สายตาก็เห็นเชือกที่ถูก
ย้อมไปด้วยสีแดงเข้าเสียก่อน เขาจึงค่อยพบว่าผิวเนื้อบริเวณข้อมือที่มี
เชือกมัดอยู่นั้น ถลอกปอกเปิกจนดูไม่ได้ และมีเลือดไหลออกมาจากปาก
แผลไม่หยุด
ที่เขามาอยู่ข้างๆ เธอ และให้เธออยู่ในที่ๆ ที่เขาสามารถมองเห็นได้ ก็
เพื่อที่จะได้ปกป้อง…คุ้มครองเธอ แต่สุดท้ายเขาก็ยังทําให้เธอได้รับบาดเจ็บ
..
สีหน้าของเขายังคงดูเย็นชาเช่นเดิม แต่แรงที่นิ้วมือกลับแผ่วเบาและ
อ่อนโยนมาก
เมื่อโยนเชือกทิ้งไป สิ่งที่เฮ่อจี้เฉินทําเป็นอย่างแรกคือจับข้อมือของจี้อี้
ขึ้นมาตรวจดูบาดแผลที่ข้อมือเธอ
เฮ่อจี้เฉินรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาของเธอ ฝ่ามือที่เขาใช้กุมมือเธอแข็งเกร็ง
เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือออก แล้วก้มหน้าดูที่ข้อมือของเธอ
เดิมทีผิวของเธอบอบบางอยู่แล้ว เมื่อเสียดสีกับเชือกเป็นเวลานาน
ขนาดนั้น จึงบวมขึ้นจนน่าตกใจ
เฮ่อจี้เฉินขมวดคิ้ว จิตใต้สํานึกสั่งให้เขาฉีกเสื้อของตนเองออกเพื่อมา
พันรอบข้อมือให้เธอก่อน ทว่าเขายังไม่ทันได้ขยับ ก็รู้สึกถึงมือของหญิงสาว
ที่กําลังออกแรงบิดข้อมือเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา เขาจึงเงยหน้า
ขึ้นมองเธอ
ขณะที่เธอพูดก็ออกแรง บิดมือออกมาจากอุ้งมือที่เขากอบกุมอยู่
เฮ่อจี้เฉินหลุบตาลง มองฝ่ามือที่ว่างเปล่าของตนเอง แล้วจึงมองไปที่มือ
ของจี้อี้
แม้ว่าจี้อี้จะบิดมือออกมาจากฝ่ามือของเฮ่อจี้เฉินแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกได้
ถึงความร้อนจากฝ่ามือของเขาที่หลงเหลืออยู่บนมือของเธอ นั่นทําให้เธอ
รู้สึกไม่คุ้นเคยเลย เธอออกแรงจิกไปบนเนื้อของตัวเอง จนกระทั่งความ
เจ็บปวดที่แผ่ช่านสามารถกลบสัมผัสที่เขาทิ้งไว้ได้แล้ว จึงค่อยหยุด
ลําคอของเฮ่อจี้เฉินเหมือนกับมีอะไรมาจุกอยู่ หัวใจปรากฏความ
โศกเศร้าและหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
.....
คิดได้อย่างนี้ จี้อี้จึงพูดเสริมอีกว่า "..ฉันขอบคุณมากจริงๆ ที่คุณช่วย
ฉันในครั้งนี้ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ว่างๆ ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวคุณเพื่อแสดง
ความขอบคุณ เพื่อนนักเรียนเฮ่อ..."
หลังจากที่พูดออกไป จี้อี้จึงสังเกตว่าตนเองเหมือนจะพูดอะไรผิดไป
"แล้วปัญหาที่ว่า บังเอิญมีเธอมาเกี่ยวด้วยก็เท่านั้นแหละ!"
“เพราะงั้นเธอไม่ต้องมาคิดเข้าข้างตัวเองนะว่าฉันตั้งใจมาช่วยเธอ! เธอ
มันไม่คู่ควรให้ฉันทําแบบนี้ให้หรอก!" เฮ่อจี้เฉินพูดถึงตอนสุดท้าย น้ําเสียงที่
พูดแฝงความโกรธและสูงขึ้นไม่น้อย ทําให้รู้สึกกดดันมากขึ้นไปอีก
ตอนที่เธอก้มลงหยิบกระเป๋า เผลอไปโดนบาดแผลที่ข้อมือเข้า
เขามองเห็นเธอขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างด้วยความ
เจ็บปวด เขาเม้มริมฝีปาก ยังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็วิ่งหนีจากไปเสียแล้ว
ห้องเรียนที่เก่าและสกปรก เหลือเฮ่อจี้เฉินเพียงคนเดียว
เขายังคงนั่งคุกเข่าท่าเดิมตรงหน้าเก้าอี้ที่เธอเพิ่งจะถูกมัด นิ่งงันไม่
เคลื่อนไหวราวกับภาพวาด
ยิ่งเขารักเธอมากแค่ไหน คืนนั้นเธอก็ทําให้เขาต้องย่ําแย่และอับอายมาก
ขึ้นเท่านั้น ความอึดอัดใจและความอับอายเหล่านั้น เขายิ่งไม่ยอมจะให้เธอ
ได้รับรู้มัน ดังนั้นเขาจึงมักจะใช้วิธีปากไม่ตรงกับใจพูดทําร้ายเธอสารพัด
นั่นก็เพื่อปิดบังความจริงที่อยู่ส่วนที่ลึกที่สุดภายในใจ
เขารู้ดีว่าที่เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้ก็เพราะศักดิ์ศรีและการไม่ยอมรับความ
จริงของเขา
เพราะเธอ เขาจึงต้องขัดแย้งและสับสนแบบนี้อยู่เสมอ
คนปลายสายรับโทรศัพท์เร็วมาก เขาเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจเล็กน้อย
แล้วจึงเข้าประเด็นว่า " เมื่อกี้ผมมีธุระกับนักแสดงที่วันนี้จะมาแสดงเป็น
เสี่ยวจิ่วนิดหน่อย เธอเลยอาจจะไปที่ถ่ายทําช้าสักหน่อย..."
.....
จี้อี้ที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว จึงจัดการแผลบนข้อมืออย่างง่ายๆ
เธอกลัวว่าตอนที่ถ่ายทํา ผ้าพันแผลจะโผล่ออกมา จึงไหว้วานให้สไตลิส
ใส่กําไลหยกที่สามารถบดบังผ้าพันแผลที่ข้อมือของตนเองได้มิดพอดีให้
ห้องที่เดิมทีเงียบสนิท พลันเปลี่ยนเป็นเสียงดังอึกทึก
ตําแหน่งที่จี้อี้นั่งนั้นอยู่บริเวณมุมหนึ่งของห้อง จึงไม่มีคนเข้ามารบกวน
เธอ แม้เธอจะไม่ได้ลืมตาอยู่ แต่ก็ไม่ได้หลับ
คนที่นั่งอยู่ด้านหลังของจี้อี้เป็นเด็กสาววัยรุ่นสองคนที่สวมชุดนางกํานัล
กําลังกระซิบกระซาบกันอยู่
เพราะไม่ห่างกันมาก ถึงแม้ว่าพวกเธอจะพยายามพูดด้วยเสียงที่เบา
มากๆ แต่จี้อี้ยังได้ยินอย่างชัดเจน
"เธอได้ข่าวไหม? ว่าที่วันนี้ถ่ายทําตอนบ่าย เหตุผลที่เลื่อน เป็นเพราะ
ผู้ช่วยผู้กํากับ"
เธอคิดมาตลอด ว่าคนที่สามารถถ่ายหนังที่มีอารมณ์ลึกล้ําแฝงอยู่ใน
เนื้อหาอย่าง "เซี่ยโฮ่ว" ได้จะต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมามากมาย
แน่นอน หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่มีอายุ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนอายุ
น้อยที่มีพรสวรรค์แบบนี้....
ขณะที่จี้อี้กําลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นประตูห้องพักก็มีเสียง
ของทีมงานดังขึ้นมา "ทุกคนเตรียมตัว จะเริ่มถ่ายแล้ว!"
ร่างสูงที่ยืนเด่นตระหง่าน เข้ามาในสายตาของเธอโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
หลายคนเข้ามาทักทาย ชายหนุ่มเดินไปที่ด้านหน้าของจอภาพที่
เดียวกับผู้กํากับอย่างรวดเร็วและไร้ความรู้สึก
เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเขา!
จี้อี้เหมือนคนโง่ เธอจ้องมองไปที่เฮ่อจี้เฉินอยู่นาน
ทุกคนล้วนเตรียมตัวกันเสร็จสรรพ มีจี้อี้เท่านั้นที่ยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว
.....
อาจเป็นเพราะเฮ่อจี้เฉินอยู่ด้วย เมื่อเริ่มถ่ายทําจี้อี้จึงแสดงด้วยท่าทาง
ไม่เป็นธรรมชาติ ลืมบทพูดจนผู้กํากับสั่งคัท
แม้ว่าเธอและเฮ่อจี้เฉินจะอยู่กองถ่ายเดียวกัน ทว่าคนทั้งสองกลับไม่ได้
พูดคุยกันเลย นอกจากตอนที่เธอถ่ายทํา และมีเขามองอยู่ที่หน้าจอแล้ว
เวลาอื่น เธอแทบจะไม่ได้พบกับเขาเลย
วันนี้เป็นวันถ่ายทําวันสุดท้าย เป็นฉากที่เสี่ยวจิ่วฆ่าตัวตายเพราะความ
รักและความแค้นท่ามกลางสายฝน
"ฉันรู้สึกว่า เสี่ยวจิ่วยังสามารถแสดงออกถึงความตึงเครียดได้มากกว่านี้
นะ จะให้ถ่ายครั้งที่สามไหม? " ผู้กํากับเหลียงใช้น้ําเสียงปรึกษาถามความ
คิดเห็นเฮ่อจี้เฉินที่นั่งอยู่ข้างๆ
เฮ่อจี้เฉินแสร้งทําเป็นว่าไม่สังเกตเห็นอะไร แล้วพูดด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่ง
ต่อไปว่า " ผมดูแล้ว การแสดงเมื่อกี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ใช้แอฟเฟกต์เสริม
นิดหน่อยก็โอเคแล้ว พอแล้ว"
ผู้กํากับเหลียงได้ยินเฮ่อจี้เฉินพูดแบบนี้ ก็ไม่ได้ดึงดันในความคิดของ
ตนเองต่อ หยิบโทรโข่งบนโต๊ะ แล้วตะโกนว่า "ผ่าน"
หลังจากที่ฉากนี้จบลง การถ่ายทําของวันนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว
จี้อี้ที่ไม่มีบทแล้วก็ไม่ได้รั้งอยู่กองถ่ายนานไปกว่านี้ เมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสร็จ ก็เรียกรถทันที
เฮ่อจี้เฉินที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ ขับตามรถแท็กซี่ที่อยู่ข้างหน้าอย่างกระชั้น
ชิด พอขับไปสักระยะหนึ่ง สายตาก็มองลงไปที่ยาที่ซื้อมาเมื่อวานและโยนไว้
ที่ที่นั่งข้างคนขับ เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วหักพวงมาลัย จอดรถที่ข้าง
ถนน
เขาจ้องรถแท็กซี่ที่ค่อยๆ ขับไกลออกไปตาไม่กะพริบ รอจนในที่สุดรถ
หายไปจากสายตาของเขา เขาจึงเปิดช่องเก็บของในรถ แล้วหยิบ
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างในออกมา หลังจากนั้นแตะหน้าจอเปิดสักพัก แล้ว
พิมพ์ข้อความส่งออกไป
ตอนที่ 119 / ตอนที่ 120 ไม่คู่ควรให้ฉันทําแบบนี้
รถแท็กซี่ที่จี้อี้โดยสาร ขับออกไปจากสตูดิโอที่ถ่ายทําเรื่อง "หวางเฉิง"
ไม่ไกลมาก โทรศัพท์มือถือในมือของเธอ ก็มีข้อความเข้ามา
เป็นเฮ่อหยูกวงที่ส่งข้อความมา
จี้อี้รู้จักบ้านในข้อความของเฮ่อหยูกวง มันหมายถึงกุญแจอพาร์ทเม้นท์
ที่เขาเอามาให้เธอเมื่อเดือนก่อน
……
เฮ่อจี้เฉินที่ถือโทรศัพท์กําลังมองต้นไม้ที่เ**่ยวเฉาด้านนอกหน้าต่างอยู่
หันหน้ามาตามเสียงแล้วมองปที่หน้าจอโทรศัพท์
" ได้ค่ะ พี่หยูกวง" เขาที่กวาดตามองคําห้าคํานี้ ไม่ปลดล็อคหน้าจอ แต่
เอาโทรศัพท์มือถือใส่กลับเข้าไปในช่องเก็บของของรถตามเดิม
ครั้งที่สองคือเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เขาในวันนั้นไปถ่ายทําภาพยนตร์กับ
กองถ่ายเรื่อง “หวางเฉิง” ที่ยุนนาน เขารู้จากข้อความที่ถังฮว่าฮว่าส่งมาให้
ทุกวัน ว่าเพราะสภาพอากาศแปรปรวน เมื่อหลายวันก่อนเธอไปตากลมเย็น
มา จึงทําให้เป็นไข้เล็กน้อย
ความจริงที่แตกต่างกันนั้น ทําให้เขาเสียใจมาก
หากว่าการที่คนสองคนมาพบกัน เป็นการลิขิตให้คนหนึ่งต้องไม่มี
ความสุข เขาก็ยอมที่จะเป็นคนคนนั้น
จี้อี้กลับมาถึงมหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B ตอนหนึ่งทุ่มครึ่ง
.....
ตอนที่เธออึดอัดทรมานจนใกล้จะร้องไห้ออกมานั้น เธอรู้สึกเหมือนว่า มี
มือแตะอยู่บนหน้าผากของเธอ หลังจากนั้น เธอก็ตกอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น
และหลังจากนั้นอีก เธอก็ตกลงบนเตียงนอนที่อ่อนนุ่ม
มีคนมาอยู่ข้างๆ เธอเหรอ?
เมื่อเธอได้ดื่มน้ํา จึงรู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย
เธอรู้สึกว่าคนๆ นั้นประคองเธอนอนลงไปบนเตียงแล้วห่มผ้าห่มให้เป็น
อย่างดี
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเก็บของอย่างรีบๆ เสียงฝีเท้าที่เดินจากไป
และเสียงของประตูที่เปิดและปิดลง
พอขาดคุณหมอที่เป็นคนพูดอยู่คนเดียวมาตลอดไป ภายในห้องพลัน
เงียบลงมาก
มือของคนที่ป้อนน้ําเธอ ยังคงลูบเส้นผมของเธออย่างอ่อนโยน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา หรือเป็นเพราะฝ่ามือที่คอยดูแลเธอคู่นั้น ขับ
ไล่ความทรมานจากอาการป่วยของเธอให้สลายไป สมองของจี้อี้ในที่สุดก็ไม่
คิดเรื่อยเปื่อยต่อ และจมเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
……
เมื่อคืนวานเฮ่อหยูกวงนัดให้เธอมาที่บ้าน แต่เธอไม่รอให้เขากลับมา ก็
หลับไปเสียแล้ว หลังจากนั้นเธอเหมือนเป็นไข้ และรู้สึกอย่างเลือนรางว่ามี
คนๆ หนึ่งมาดูแลเธออยู่ตลอดเวลา...ทันใดนั้น จี้อี้ก็กลอกตา มองไปรอบๆ
ที่แท้เรื่องเมื่อคืนทั้งหมด ไม่ใช่เธอคิดไปเองจริงๆ
จี้อี้คิดพร้อมกับลงจากเตียง แล้วเดินออกไปจากห้องนอน
ภาพในห้องรับแขกว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่
เฮ่อหยูกวงไม่อยู่บ้านเหรอ?
เธอยังคิดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงเครื่องดูดควันในห้องครัวที่อยู่ไม่ไกลลอย
มา
เธอกวาดตามองข้อมือของชายหนุ่มเป็นสิ่งแรกตามสัญชาตญาณ เมื่อ
เห็นด้านบนเกลี้ยงเกลาไม่มีอะไรเลย จึงเอ่ยปากเรียก " พี่หยูกวง"
เครื่องดูดควันเสียงค่อนข้างดัง ชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้คาดว่าน่าจะ
ไม่ได้ยิน ยังคงสนใจงานของตัวเองต่อไป
พี่หยูกวงเรียนทําอาหารเมื่อไหร่กัน ?
สมัยเด็ก ทุกวันเขาและเธอแทบจะเจอหน้ากันทุกวัน ตอนนั้นเพราะ
ร่างกายของเขาไม่แข็งแรง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทําอาหารเลย แม้แต่ห้องครัว
แต่ไหนแต่ไรคนของตระกูลเฮ่อจึงไม่เคยยอมให้เขาเข้าไป...
.....
ตอนที่เฮ่อจี้เฉินที่อยู่ภายในห้องครัวหันไปหยิบช้อน ก็มองเห็นจี้อี้ที่ยืน
อยู่ที่ประตูทางเข้า
เพราะเฮ่อหยูกวงพูดไม่ได้ ดังนั้นสมัยวัยรุ่นตอนที่ทั้งสองทานอาหาร
ด้วยกัน จี้อี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้เธอก็ยังคงทําตามความเคยชิน
เดิมๆ นั้น
บนโต๊ะอาหารเงียบสงัดเป็นพิเศษ นอกจากบางครั้งที่มีเสียงของตะเกียบ
และถ้วยแล้ว ก็แทบจะไม่มีเสียงอื่นอีก
เฮ่อจี้เฉินยื่นจอโทรศัพท์มือถือไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจี้อี้สักพัก แล้วจึง
ดึงกลับมา หลังจากลบข้อความที่เพิ่งพิมพ์แล้วจึงพิมพ์ใหม่อีกครั้งว่า " เธอ
ไปพักผ่อนก่อน แล้วสักพักค่อยกินยา"
……
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาพลบค่ําแล้ว
จี้อี้เดินออกมาจากห้องนอน เธอไม่เห็นเฮ่อหยูกวง แต่กลับเห็นแม่บ้านที่
เขาหามา
คาดว่าแม่บ้านคงจะเดาออกว่าเธอกําลังหาอะไร จึงไม่รอให้เธอพูด ก็
พูดออกมาว่า " คุณหนู คุณชายไม่อยู่บ้านหรอกค่ะ ตอนบ่ายเขาก็ออกไป
แล้ว ก่อนเขาออกไป เขาพิมพ์บอกกับฉันว่า เขามีธุระนิดหน่อย ต้องออกไป
แล้ว ตอนมื้อค่ําจะไม่กินข้าวที่บ้าน แต่ให้คุณรอเขากลับมา"
……
สายตาของจี้อี้มองไปที่ถาดในมือของแม่บ้าน แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า
หลังจากที่ตนเองตื่นขึ้นมา เธอยังไม่ได้พูดขอบคุณเฮ่อหยูกวงเลย จึงพูดอีก
ครั้งว่า " ให้ฉันยกไปเอง"
แม่บ้านรีบยกถาดให้จี้อี้อย่างรวดเร็ว
จี้อี้รอให้แม่บ้านเดินเข้าไปในครัว แล้วจึงหันหลังเดินไปที่ห้องหนังสือ
จี้อี้คิดว่าเขากําลังตั้งอกตั้งใจจัดการกับงานอะไรที่สําคัญอยู่ จึงไม่ส่ง
เสียงรบกวนอีก แล้วเดินเข้าไปเสียงเบา ตอนที่เธอวางชาร้อนลง หางตา
เหลือบไปเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ของ "เฮ่อหยูกวง" โดยไม่ได้ตั้งใจ
ตอนที่ 123 / ตอนที่ 124 ปิดบังคนทั้งโลกว่ารักเธอ
เขากําลังดูวิดีโออยู่ ดูจากความละเอียดของภาพและสี ก็สามารถดูออก
ว่าวิดีโอถ่ายทํามาหลายปีแล้ว
จี้อี้หัวใจเต้นถี่รัวอย่างฉับพลัน
"ดีขึ้นมากแล้ว"
เฮ่อจี้เฉินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วไม่พิมพ์ข้อความอีก
จี้อี้อยู่ตรงหน้าโต๊ะทํางาน ยืนสักพักหนึ่ง แล้วจึงพูดเข้าเรื่องว่า "พี่ห
ยูกวง เมื่อวานขอบคุณนะคะ"
เฮ่อจี้เฉินรู้ว่าที่จี้อี้หมายถึงคือหลังจากที่ตนมาถึงบ้านเมื่อคืน เห็นเธอไข้
สูงไม่ได้สติ จึงคอยดูแลเธอตลอดทั้งคืน...อ้อ ไม่ใช่สิ ที่เธอรับรู้เป็นเฮ่อหยูกว
งต่างหากที่ดูแลเธอ..เฮ่อจี้เฉินหลุบตาลง บดบังความโศกเศร้าที่วาบผ่านใน
ดวงตา วินาทีต่อมา เขาก็เรียนรู้ที่จะยิ้มน้อยๆ ให้เหมือนเฮ่อหยูกวงที่เพิ่งดู
ในวิดีโอ ค่อยๆ ฉีกยิ้มบางๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ส่ายหน้า
เพื่อบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ
.....
แต่ที่เขากําลังดูวิดีโอพวกนั้นเมื่อครู่ กลับดูเพื่อจะทํายังไงให้เลียนแบบ
เฮ่อหยูกวงได้อย่างแนบเนียนไร้ที่ติ
ตอนที่จี้อี้เดินออกมาจากห้องหนังสือ แม่บ้านทํางานของเธอเสร็จและ
กลับไปแล้ว
ภายในห้องรับแขกเหลือเพียงจี้อี้เพียงคนเดียว หลังกินยาและดูโทรทัศน์
สักพัก เธอรู้สึกเบื่อเลยเดินกลับไปที่ห้องนอน แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่
ชาร์จแบตอยู่ที่ตู้ข้างหัวเตียงมา แวบแรกที่จี้อี้เห็นก็คือข้อความที่ถังฮว่าฮว่า
ส่งเข้ามาในกลุ่ม wechat " อ๊ายๆๆ พวกเธอรู้ไหม? นิยายเรื่องโปรดของ
ฉัน "ซานเชียนฉือ" ของเฉิงเว่ยหว่าน ในที่สุดก็เอามาทําเป็นละครแล้วนะ
!พวกเธอรู้ไหมว่าหนังสือเล่มนี้ดังมากขนาดไหน?เป็นผลงานที่ทําให้
เฉิงเว่ยหว่านโด่งดัง เป็นผลงานคลาสสิกเลยนา ขายดีเป็นสิบปี ตอนนี้ยัง
พิมพ์จําหน่ายออกมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นตํานานไปเลยล่ะ ”
เฮ่อจี้เฉินที่กําลังมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของจี้อี้อยู่นั้น หลังจากได้ยิน
คําพูดของเธอ จึงถอนสายตากลับมาอย่างเงียบๆ แล้วแตะลงบน
โทรศัพท์มือถือ ยื่นส่งให้จี้อี้ " ฉันเอายามาเปลี่ยนให้เธอ"
พูดจบ เฮ่อจี้เฉินก็ชี้ไปที่ข้อมือของจี้อี้
หลังจากใส่ยาลงบนปากแผลและพันแผลใหม่อีกครั้งแล้ว จี้อี้จึงพูดว่า
"ขอบคุณค่ะ"
เมื่อได้ยินคําตอบของเธอ เฮ่อจี้เฉินพิมพ์ลงไปบนโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
" เธอสนใจ "ซานเชียนฉือ" เหรอ?"
เฮ่อจี้เฉินดึงโทรศัพท์มือถือกลับมา ปลายนิ้วแตะลงไปบนหน้าจอ กด
เล็กน้อย แต่แล้วก็หยุด
หากเธอรู้ว่าละครเรื่องนี้เป็นละครที่บริษัทของเขาเป็นคนถ่าย และผู้
กํากับก็คือเขา กลัวแต่ว่าบางทีเธออาจจะทิ้งละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ก็
เป็นได้
เฮ่อจี้เฉินครุ่นคิดสักพัก แล้วจึงลบตัวอักษรทุกตัวที่เพิ่งพิมพ์ และ
เปลี่ยนเป็น " แบบนี้เองเหรอ"
จี้อี้ไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องที่เฮ่อหยูกวงถาม คิดว่าเขาคงถามไปอย่างนั้น
แหละ เมื่อเห็นเขาพิมพ์ตอบมาแบบนี้จึงยกริมฝีปาก ยิ้มกลับไปให้เขา
อาการไข้ของจี้อี้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งวันที่สามก็หายสนิท
วันอาทิตย์วันนั้น จี้อี้ซึ่งไม่ค่อยมีเวลาออกไปซื้อของเป็นเพื่อนแม่สัก
เท่าไหร่ นึกอยากจะไปขึ้นมา จึงออกไปข้างนอกกับแม่ ตอนบ่ายสาม ตอนที่
เธอกับแม่นั่งอยู่ในร้านกาแฟ กําลังดื่มชายามบ่ายอยู่นั้น ก็มีเบอร์ของคน
แปลกหน้าโทรเข้ามา
ช่วงนี้จี้อี้ได้รับโทรศัพท์ก่อกวนมากมาย เธอจึงไม่รีบรับ
โทรศัพท์ หลังจากคนครีมเทียมในแก้วกาแฟให้แม่แล้ว จึงสไลด์หน้าจอ
โทรศัพท์อย่างช้าๆ " ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ฉันจี้อี้ ต้องการพูดสายกับใครค่ะ ?"
.....
เสียงในโทรศัพท์เงียบไปสักพัก ก็มีเสียงของผู้หญิงที่ฟังดูสุภาพและ
เรียบนิ่งดังออกมา เสียงที่ดังลอดผ่านโทรศัพท์มือถือ ทําให้จี้อี้รู้สึกได้ถึง
ความมีมารยาทของอีกฝ่าย “สวัสดีค่ะ คุณจี้อี้ ฉันเฉิงเว่ยหว่านค่ะ"
คาดว่าเฉิงเว่ยหว่านคงจะรอคําตอบของเธอนานมากแล้ว จึงถามมาอีก
ครั้งว่า " คุณจี้อี้ คุณยังอยู่ไหมคะ?"
แล้วถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง บทนางรองนั้นอาจเป็นไปได้มากว่า
จะเป็นเธอ!
แม้ว่าจะไม่ใช่นางเอก แต่สําหรับคนที่ไม่ได้รับความนิยมและชื่อเสียง
เงียบหายไปนานถึงสามปีอย่างเธอ ถือว่าเป็นเรื่องน่าดีใจที่สุดแล้ว!
โทรศัพท์จากเฉิงเว่ยหว่านนั้นสร้างความประหลาดใจให้แก่จี้อี้มาก
ความรู้สึกนั้นอยู่ตลอดเวลาทั้งตอนที่กลับบ้าน ทานอาหารค่ําเสร็จ อาบน้ํา
เสร็จ และล้มตัวลงนอนบนเตียง
เพื่อนของเฉิงเว่ยหว่านที่แนะนําเธอ เพื่อนคนนั้นคือ...
ตอนที่ 127 / ตอนที่ 128 ปกปิดคนทั้งโลกว่ารักเธอ
แต่เพียงแค่ครู่เดียว ในสมองของจี้อี้ก็ปรากฏคําว่า “เฮ่อหยูกวง” สาม
คํานี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
บนโลกนี้ นอกจากเมื่อสองวันก่อนตอนที่เธอและพี่หยูกวงอยู่ด้วยกัน
แล้วพี่หยูกวงถามเธอว่าเธอสนใจเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ใช่รึเปล่า
นอกจากนั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีบุคคลที่สามรู้อีก
ดังนั้นต้องเป็นพี่หยูกวงแน่ เป็นพี่หยูกวงที่ช่วยเหลือเธอ….
ตอนที่บุหรี่มอดไหม้ไปครึ่งนึง เฮ่อจี้เฉินเอาก้นบุหรี่ดับไฟตรงที่เขี่ยบุหรี่
เขายืดตัวตรงใหม่อีกครั้ง และเริ่มพิมพ์แสดงความเห็นสําหรับการแก้บท
ละครเรื่อง “ซานเชียนฉือ” ในคอมพิวเตอร์ต้วยตนเองอีกครั้ง
ตอนที่เพิ่งเขียนความคิดเห็นได้สองบรรทัด โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บน
โต็ะ ก็ส่งเสียง "ติงตง" ดังขึ้นมา
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นของตนเองขึ้นมา กดปุ่มเปิดหน้าจอ
กลับพบว่าว่างเปล่า ไม่มีข้อความใดๆ ส่งเข้ามา เขาขมวดคิ้ว นั่งเงียบอยู่
สักพัก แล้วเหมือนกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงวางโทรศัพท์มือถือลง แล้ว
เปลี่ยนเป็นหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องที่อยู่วางข้างแก้วกาแฟขึ้นมาแทน
มือหนึ่งของเขาเคาะแผงคีย์บอร์ค ส่วนอีกมือก็ปลดล็อคหน้าจอมือถือ
เขามองมุมขวาของคอมพิวเตอร์ที่บอกเวลา ว่าใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว
ดึกขนาดนี้ เธอไม่เพียงไม่หลับไม่นอน แต่ยังส่งข้อความมาหาเฮ่อห
ยูกวงอีก..
ลําคอของเฮ่อจี้เฉินเหมือนกับมีอะไรเข้าไปจุกอยู่ รสชาติขมฝาดเข้มข้น
เขาลังเลอยู่สักพัก แล้วจึงเลื่อนปลายนิ้วจากหน้าคอมพิวเตอร์มาที่หน้าจอ
โทรศัพท์มือถือ แล้วพิมพ์อักษร ส่งไป " ยังไม่หลับ หมานหม่าน มีอะไร
เหรอ?"
.....
"ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรหรอก"
จี้อี้กดส่งข้อความเป็นครั้งที่สอง
ไม่รู้เพราะว่าดึกมากเกินไป เฮ่อหยูกวงจึงหลับไปแล้วหรือว่าเขามีธุระที่
ยุ่งมากจนผละออกมาไม่ได้ จี้อี้รอนานมาก นานจนเธอคิดว่าเฮ่อหยูกวงคง
จะไม่ตอบข้อความของเธอแล้ว ทว่าทันใดนั้นหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอ
ปรากฏแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเฮ่อหยูกวงที่ส่งข้อความมา เป็นคําง่ายๆ
เพียงคําเดียวคือ " อืม"
จริงอย่างที่คิดเป็นพี่หยูกวงจริงๆ ด้วย..
ก็เหมือนกับตอนที่เป็นวัยรุ่น ที่เธอหลุดปากพูดไปเรื่อยเปื่อยว่าบทเรียน
สมัยมัธยมปลายยากมาก หนังสือบทเรียนของเธอก็จะเต็มไปด้วยการเน้น
ข้อความสําคัญมากมาย เธอพูดขึ้นมาว่าอยากกินเค้ก วันต่อมาบนโต็ะของ
เธอก็มีเค้กที่เธออยากกินปรากฏขึ้นมา….
ความอบอุ่นที่อธิบายออกมาไม่ได้นั้น ไหลจากก้นบึ้งหัวใจของจี้อี้แผ่
ขยายไปทั่วทั้งร่าง
ปลายนิ้วมือของเธอ อดไม่ได้ที่กําฟูกเตียงจนแน่น
ในความมืดที่เงียบสงัด เธอรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ที่ค่อยๆ
รัวเร็วอย่างชัดเจน
เฮ่อจี้เฉินจ้องบทสนทนาบนหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน ยิ่งมองหัวใจก็ยิ่ง
อึดอัด เขาเอื้อมมือออกไปแตะบุหรี่ตามสัญชาตญาณ
ปลายนิ้วคลําเข้าไปในซองบุหรี่อยู่นาน จนกระทั่งหางตาของเขาเหลือบ
ไปเห็นที่เขี่ยบุหรี่ที่เต็มไปด้วยก้นบุหรี่จํานวนมาก เขาจึงค่อยนึกขึ้นได้ว่า
ตอนที่เขาได้รับข้อความประโยคนั้นที่จี้อี้ส่งมาหาเฮ่อหยูกวงว่า " คนที่ช่วย
ฉันคือพี่ใช่ไหม?" ขณะที่เขาครุ่นคิดว่าจะตอบเธอกลับไปว่ายังไง ก็หยิบบุหรี่
ในห่อขึ้นมาสูบจนหมดซะแล้ว
ตอนที่ 129 / ตอนที่ 130 ปกปิดคนทั้งโลกว่ารักเธอ
ไม่มีใครรู้ ว่าเขาอยากบอกเธอมากขนาดไหน ว่าคนที่ช่วยเธอไม่ใช่เฮ่อห
ยูกวง แต่เป็นเฮ่อจี้เฉิน
และชายหนุ่มคนนั้นที่ชื่อว่าเฮ่อจี้เฉิน ไม่ได้ช่วยเธอเพียงเรื่องนี้แค่เรื่อง
เดียว ยังมีบทเสี่ยวจิ่วของเธอที่เขาเป็นคนตัดสินใจว่าจะให้เธอแสดงนั่นอีก
จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมสองปีนี้ เขาถึงไม่เริ่มถ่ายเรื่องซานเชียนฉือสักที ก็
เพียงเพื่อรอคนๆ นึง คนที่เขาไม่รู้ว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่เท่านั้น
ผู้หญิงที่เขารัก ควรจะเป็นหญิงสาวที่ส่องสว่างเจิดจรัสไปทั่วทั้งโลก
จี้อี้ เธอรู้ไหม?
บนโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ มีคนๆ หนึ่งที่ปิดบังทั้งโลกว่าเขารักเธอ
เรื่องราวคืบหน้าไปมากกว่าที่จี้อี้คิด
เธอพลิกตารางเรียนขึ้นมาดูสักพัก ก็พบว่าสัปดาห์นี้ไม่มีคาบเรียนอะไร
ที่สําคัญ จึงไม่ไปมหาวิทยาลัยเ แล้วอยู่บ้านอ่านซานเชียนฉืออย่างตั้งอก
ตั้งใจ อ่านแล้วอ่านอีก จนในที่สุดก็เข้าถึงตัวนางรองนี้ได้อย่างลึกซึ้ง
หลังจากนั้นสามวัน
การทดสอบหน้ากล้องของจี้อี้ประสบความสําเร็จมากๆ เธอออกจากที่
ทดสอบหน้ากล้องไม่ถึงสองชั่วโมง ก็ได้รับโทรศัพท์โดยตรงจากผู้กํากับเรื่อง
" ซานเชียนฉือ"
"ได้อยู่แล้วค่ะ" จี้อี้ตอบอย่างสุภาพ
จี้อี้หวังว่าจะได้เซ็นต์สัญญาร่วมงานกันให้เร็วที่สุดมากกว่าผู้กํากับเสีย
อีก เธอรีบตอบรับทันทีโดยที่ไม่ลังเลใดๆ
เพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนในกองถ่าย หกโมงครึ่งจี้อี้ก็มาถึง
โรงแรมปักกิ่งแล้ว
ผู้รับผิดชอบการจัดการงานเลี้ยงในครั้งนี้ ได้สั่งอาหารไว้ก่อนล่วงหน้า
พอถึงทุ่มนึง บริกรจึงเริ่มยกอาหารและเหล้าเบียร์เข้ามา
ไม่ใช่ศัตรูบนหนทางคับแคบสิ ?แต่ต้องเรียกว่าได้เจอกันเพราะโลก
กลมต่างหาก!
การเคลื่อนไหวของเธอชะงักงัน ดวงตากรากฏประกายตกใจอย่าง
ชัดเจน แต่ก็สงบนิ่งอย่างรวดเร็ว เธอเอียงศีรษะ มองจี้อี้เหมือนกับได้พบกับ
เพื่อนเก่าทั่วไป แล้วพูดทักทายสนิทสนมด้วยน้ําเสียงแปลกใจว่า " เสี่ยวอี้ ?"
*ศัตรูบนหนทางคับแคบ เป็นสํานวนจีน หมายถึง คนที่เป็นศัตรู
คู่อาฆาตก็พบกันบ่อยเหลือเกิน ไม่มีทางจะหลบเลี่ยงไปได้
ตอนที่ 131 / ตอนที่ 132 การใส่ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่ง
คนที่มีปฏิกิริยาต่อคําพูดของเชียนเกอเป็นคนแรกไม่ใช่จี้อี้ แต่เป็นผู้
กํากับที่มองจี้อี้อย่างแปลกใจ เขามองกลับไปที่เชียนเกออีกครั้ง แล้วพูดว่า "
พวกคุณรู้จักกันเหรอ?"
พวกเธอเคยเจอกันสองหนก่อนหน้านี้แล้วแท้ๆ และทุกครั้งก็เป็นการ
ปะทะคารมกันทั้งนั้น...จี้อี้มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเชียนเกอ
ในใจก็รู้สึกสะอิดสะเอียน เชียนเกอแสดงบทบาทเป็นพี่น้องที่แสนดีต่อหน้า
ทุกคน เธอจะไม่เล่นไปด้วยก็ไม่ได้ ดังนั้นเสี้ยววินาทีที่เชียนเกอพูดจบ
ใบหน้าจี้อี้ก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นปกติไร้พิรุธให้จับผิดได้ "ไม่ได้เจอ
กันตั้งนาน ฉันสบายดี แล้วเธอล่ะ?"
แม้ท่าทางของเชียนเกอจะดูนอบน้อมอ่อนโยน แต่จี้อี้กลับรู้สึกได้อย่าง
ชัดเจนว่ามีมีดจํานวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงมาที่ตน เธอยกริมฝีปากขึ้นแล้ว เอา
อย่างเชียนเกอโกหกโดยตาไม่กะพริบว่า “ฉันก็มีความสุขมาก ตอนแรกฉัน
ยังกลัวเลยว่าจะแสดงได้ไม่ดี แต่ตอนนี้พอมาเจอเธอ จิตใจของฉันก็สงบลง
ทันทีเลย"
เมื่อเชียนเกอได้ยินจี้อี้พูดอย่างนี้ ก็ฉีกยิ้มออกมาราวกับได้เจอกับเรื่อง
น่ายินดีอย่างไรอย่างนั้น แต่แค่ครู่เดียว เธอก็เปลี่ยนเรื่อง แล้วหันไปคุยกับ
ผู้ผลิตแทน
เหลือตําแหน่งที่นั่งที่ว่างเพียงหนึ่งที่ อาหารเริ่มนํามาเสิร์ฟได้ประมาณ
ครึ่งชั่วโมง แต่เจ้าของที่ก็ยังไม่มา
กลับกันเชียนเกอที่ดูคุ้นเคยและมีประสบการณ์ เธอออกไปรับโทรศัพท์
ระหว่างงานเลี้ยง และหลังจากที่กลับมา ก็ยื่นหน้าไปที่ข้างหูของประธาน
หลินที่เป็นผู้ถือหุ้น ไม่รู้ว่ากําลังกระซิบอะไรกัน หลังจากนั้นก็ยกแก้วเหล้า
ขึ้น พูดขอโทษคนในห้องที่ต้องขอตัวออกไปก่อน
เมื่อเชียนเกอออกมาจากห้อง ทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามก็แปรเปลี่ยนเป็น
เย็นชา เท้าที่สวมส้นสูง เดินอย่างสง่างามเข้าไปในลิฟต์ ลงไปที่ลานจอดรถ
เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ เธอมองลานจอดรถที่ไม่มีคนเลยสักคนเดียว
แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอย่างรอไม่ไหว
เชียนเกอที่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร ร่างทั้งร่างราวกับถูกจี้จุดจน
แข็งค้างอยู่ที่เดิม ถึงอยากจะขยับแต่ก็ขยับไม่ได้
เชียนเกอเป็นดั่งว่าวที่สายป่านขาด เธอไม่ได้เตรียมตัวป้องกันจึงทําให้
ร่างของเธอกระแทกเข้ากับรถ เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นเสียดแทงหู
ไม่รู้ว่าชายหนุ่มมางานประชุมอะไร เสื้อผ้าของเขาจึงเป็นทางการมาก
แม้ว่าจะเป็นรูปแบบเรียบง่ายของเสื้อเชิ้ตสีขาว และชุดสูทสีดํา แต่กลับทํา
ให้เขาดูสูงส่งสง่างาม เพียงแต่สีหน้าของเขาดําคล้ํา ริมฝีปากบางที่เม้มตรง
ทําให้รู้ว่าในใจของเขากําลังเดือดดาลมากแค่ไหน
ดวงตาที่เขาใช้มองเชียนเกอตั้งแต่หัวจรดเท้าคู่นั้น ราวกับว่ามีเปลวฟ
เต้นระริกอยู่ในนั้น
อารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาตอนนั้น เทียบกันแล้วยังทําให้รู้สึก
หวาดกลัว หวาดผวา และน่าตกใจกว่าตอนนี้มากนัก
หรือว่าเมื่อสามปีก่อนที่เขาโมโหเธอครั้งนั้นแล้วปลดปล่อยด้านมืดของ
ตนออกมา แม้เขาจะไม่ได้พูดคําพูดอะไรที่ไม่น่าฟัง แต่เชียนเกอรู้สึกว่าแผ่น
หลังของตนเอง ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ตอนที่เชียนเกอกลัวจนขาเริ่มสั่น ใบหน้าของเฮ่อจี้เฉินจ้องใบหน้าของ
เธอโดยไม่วางตา คาดว่าเขาคงจะโกรธมาก แต่กลับส่งเสียงหัวเราะเสียดสี
ออกมา "เหอะ" " เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่ฉันได้เจอกับผู้หญิงหน้าด้านแบบ
เธอ! ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นได้ตาไม่กะพริบ!”
ตอนที่ 133 / ตอนที่ 134 การใส่ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่ง
" แต่ พูดก็พูด ฉันก็สงสารเธอจริงๆ นะ.." การดูถูกและความเย้ยหยัน
ยิ่งปรากฏชัดเจนมากขึ้นบนใบหน้าของเฮ่อจี้เฉิน แม้กระทั่งสายตาที่มอง
เชียนเกอ ล้วนมีความเหยียดหยามลอดออกมาด้วย "..ไม่ว่าจะเป็นเธอที่ไม่มี
อะไรเลยเมื่อสี่ปีก่อน หรือว่าเธอที่มีชื่อเสียงในสี่ปีให้หลัง ทว่าลึกๆ แล้ว เธอ
เองก็รู้ว่า ตัวเองไม่มีทางเทียบจี้อี้ได้!"
"เพราะว่าจี้อี้แข็งแกร่งกว่าเธอ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอใช้ลูกไม้พวกนั้น
แค่จะเอ่ยถึงเธอยังขี้เกียจจะพูดถึงเลย!"
"และที่เธอคิดวิธีการร้อยแปดสารพัดเพื่อทําร้ายจี้อี้ ใส่ร้ายจี้อี้ให้ดูเหมือ
ว่าเธอเก่งกว่า เหนือกว่า แต่ความจริงแล้ว เธอลืมไปแล้วเหรอว่า การใส่
ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่งเหมือนกัน!”
เชียนเกอที่ถูกเฮ่อจี้เฉินพูดแบบนั้นใส่มีสีหน้าแดงก่ํา ทว่าเฮ่อจี้เฉินคล้าย
กับว่าไม่ยอมเลิกรา สายตาที่เขามองเธอ เยือกเย็นราวกับน้ําแข็งในฤดู
หนาว คําที่เอ่ยออกมา ยังคงรุนแรงและไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด " ยังมี
อีก เมื่อกี้เธอพูดว่าจี้อี้เป็นคนที่กล้าทําทุกอย่าง กล้าที่จะเล่นด้วย ฟังดูแล้ว
เหมือนจะเข้าใจเป็นอย่างดีเลยนี่ คิดว่าร่างกายเธอก็คงผ่านศึกมาเยอะ มี
ประสบการณ์มาโชกโชนสิท่า!”
ความหมายของคําพูดนี้ ทําไมเชียนเกอจะไม่เข้าใจ?
เฮ่อจี้เฉินกําลังเสียดสีเธอ ว่าที่เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้ เพราะเธอเคยทํามา
ก่อน!
ใบหน้าของเชียนเกอขาวซีด ริมฝีปากของเธอขยับโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตอบรับความชอบของเด็กสาวที่มาชื่นชอบเขา
เหล่านั้น แต่เขาก็ยังเคารพในความชอบของพวกเธอ
ยกเว้นเชียนเกอเพียงคนเดียว
เมื่อเชียนเกอได้ยินประโยคท้ายสุด ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
.....
เชียนเกอคิดจนถึงตรงนี้ก็กะพริบตามองเฮ่อจี้เฉินที่อยู่ตรงหน้าด้วย
สายตาเหลือเชื่อ
ปฏิกิริยาของเธอ ทําให้เฮ่อจี้เฉินรู้ว่าเธอเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
เชียนเกอมองเงาหลังของเฮ่อจี้เฉิน ฝ่ามือของเธอกําแน่นอย่างอดไม่ได้
เขาพูดไม่ผิด จี้อี้เกิดมาก็โชคดีกว่าเธอเพราะมีเขา ดังนั้นเขาจึงไม่
ต้องการให้จี้อี้เป็นเหมือนกับเธอที่เพื่อจะทําให้การอยู่ในวงการนี้อย่าง
ราบรื่นและโดดเด่น ทุกวันจึงต้องคบค้าสมาคมกับคนที่มีชื่อเสียง ทําอะไรจึง
จะราบรื่นไร้อุปสรรค
เมื่อต้องเผชิญกับถ้อยคําของเชียนเกอเฮ่อจี้เฉินกลับไม่ได้มีท่าทีอะไร
ทว่าเมื่อได้ยินคําพูดสุดท้ายของเธอ ปลายนิ้วของเขาที่กําลังจะกดลิฟต์ปิด
พลันชะงักลง หลังจากนั้นก็ก้าวขายาวๆ พุ่งตรงกลับไปตรงหน้าเชียนเก
ออีกครั้ง
เขาไม่พูดอะไรเลยสักอย่าง เอื้อมไปแย่งกุญแจรถออกมาจากมือของ
เชียนเกอ แล้วกดปุ่มปลดล็อกรถ เห็นรถที่มีแสงสว่างวาบขึ้นมาอยู่ไม่
ไกล วินาทีต่อมาเขาก็ลากแขนของเชียนเกอ ลากไปตรงหน้ารถอย่าง
รวดเร็ว เปิดประตูรถ แล้วยัดเธอเข้าข้างใน
งั้นก็ดี วันนี้เขาจะใช้วิธีของเธอเอาคืนกลับไปให้สาสม!
"เพื่อที่จะให้ฉันดูน่าสังเวชมากยิ่งขึ้น งั้นฉันก็ขอเอาคืนหนี้ที่เธอติดค้างจี้
อี้เมื่อวันก่อนก็แล้วกัน!"
เมื่อขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่มีการจัดงานเลี้ยงในคืนนี้ เฮ่อจี้เฉินไม่รีบเข้า
ไปในห้อง แต่เอาโทรศัพท์มือถือและกุญแจรถทิ้งไว้ให้กับผู้จัดการโรงแรม
ก่อน แล้วกําชับเขาว่าอีกสี่ชั่วโมงให้หลัง ให้ลงไปที่ลานจอดรถเพื่อปลดล็
อกรถ แล้วจึงก้าวเท้าอย่างไม่รีบร้อนเดินเข้าประตูห้องจัดเลี้ยงไป
เมื่อทักทายกับคนรอบห้องเสร็จแล้ว เฮ่อจี้เฉินจึงเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงไป
คนในห้อง ต่างก็หาหัวข้อมาคุยกับเขาไม่หยุด
แต่ไหนแต่ไรเฮ่อจี้เฉินไม่ชอบตกอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายแบบนี้ แต่
หลายครั้งจะไม่ตอบก็ไม่ได้ ดังนั้นการตอบคําถามคนอื่นของเขา ถ้าไม่ใช่การ
พยักหน้าน้อยๆ ก็จะใช้คําพูดที่สั้นและกะทัดรัดที่สุดตอบกลับไปตาม
มารยาท
เทียบกับความกระตือรือร้นของคนข้างๆ ท่าทางของเขาดูห่างเหิน
เล็กน้อย แต่ยังดี ที่บรรยากาศภายในห้องครึกครื้นพอสมควร จึงไม่ทําให้
เงียบและอึดอัดจนเกินไป
เฮ่อจี้เฉินแค่ฟัง แต่ไม่ตอบ
เฮ่อจี้เฉินขมวดคิ้ว พูดตัดบทลู่หนานที่เอาแต่พร่ําพูดว่าตัวเขานั้นอ่าน
“ซานเชียนฉือ”มาแล้วหลายครั้ง ขึ้นมาว่า "ทําไมยังไม่เห็นนางเอกกับ
นางรองเลยล่ะ?"
พูดจบ สายตาของลู่หนานก็หยุดอยู่ที่เก้าอี้ว่างอีกที่ซึ่งอยู่ข้างเฮ่อจี้
เฉิน แล้วพูดด้วยน้ําเสียงประหลาดใจเล็กน้อยว่า " เอ๊ะ ? ประธานหลินก็ยัง
ไม่กลับมานี่นา?"
ทันใดนั้นภายในสมองของเฮ่อจี้เฉินก็ปรากฏคําพูดเหล่านั้นที่เพิ่งฟังมา
จากเชียนเกอที่ลานจอดรถขึ้นมา ปลายนิ้วที่กําลังคีบบุหรี่ของเขา สั่นขึ้นมา
ลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้นในหัวใจ
.....
การมาเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ การดื่มเหล้าคือสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ แม้ว่า
ตอนที่จี้อี้ชนแก้วกับทุกคน เธอแค่จิบพอเป็นพิธีเท่านั้น แต่คนในห้องมีอยู่
สิบกว่าคน จึงทําให้ต้องดื่มไปไม่น้อย ดังนั้นหลังจากที่เชียนเกอออกไปสัก
พัก จี้อี้ก็ไปเข้าห้องน้ํา
จี้อี้หันหน้า เห็นชายวัยกลางคนเดินออกมาจากห้องน้ําชาย
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่พวกที่เพียงแค่ผ่านตาครั้งเดียวก็จําได้ไม่ลืม แต่เธอ
กลับรู้จักเขา เขาเป็นหนึ่งในนักลงทุนคนสําคัญของละครเรื่อง "ซานเชีย
นฉือ"ที่มาร่วมงานในคืนนี้ด้วย ชื่อเต็มของเขาเธอจําไม่ได้ แต่เธอรู้แซ่ของ
เขา จี้อี้จึงยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากพูดอย่างสุภาพว่า "ประธานหลิน"
หลินเจิ้งอี้ไม่พูด เขาฉีกยิ้มแล้วเดินมาข้างจี้อี้ที่ยืนอยู่หน้าอ่านล้างหน้า
จี้อี้โยนกระดาษที่เช็ดมือทิ้งลงไปในถังขยะ ตอนที่เธอเตรียมตัวบอกลา
กับหลินเจิ้งอี้ หลินเจิ้งอี้ที่ล้างมือเสร็จ เอื้อมมือไปหยิบกระดาษ เช็ดมือไป
ด้วยแล้วหันหน้ามาหาจี้อี้ แล้วพูดขึ้นมาเหมือนกับว่าเพิ่งนึกอะไรออก " ถ้า
ไม่เจอเธอ ฉันก็คงเกือบลืมไปแล้ว พอเจอเธอ เลยนึกขึ้นได้ ตอนนี้เธอมีเวลา
ไหม? ฉันอยากคุยกับเธอส่วนตัวเกี่ยวกับละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ"
จี้อี้เก็บคําพูดที่จะกล่าวลากลับมา พยักหน้า ยิ้มบางๆ แล้วตอบว่า "ได้
ค่ะ"
ตอนที่เดินผ่านหน้าบริกร หลินเจิ้งอี้ที่พูดอย่างน้ําไหลไฟดับก็หยุดพูด
แล้วเรียกบริกรพร้อมกับพูดว่า " ยังมีห้องไหม?"
บริกรเก็บวิทยุเรียบร้อย ก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยแล้วผายมือไปยังห้องที่อยู่
ด้านหน้า " คุณหลิน เชิญห้องนี้ครับ"
หลินเจิ้งอี้จองห้องใหม่อีกครั้ง เหมือนกับห้องที่จัดงานเลี้ยงคืนนี้ทุก
อย่าง
หลินเจิ้งอี้ไม่ให้บริกรช่วยเขารินเหล้า ดังนั้นจึงบอกให้บริกรอกไป
ทีแรกจี้อี้ไม่รู้สึกจริงๆ ว่าบรรยากาศภายในห้องมีตรงไหนผิดแปลกไป
ทว่าเมื่อเห็นขวดเหล้า "Royal Salute" น้อยลงเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าหลินเจิ้ง
อี้ที่ตอนแรกรักษาระยาห่างกับเธออยู่ตลอด เริ่มมองมาที่ร่างของเธอโดยไม่
ตั้งใจบ่อยครั้ง กระทั่งตอนที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มกับเธอ หัวข้อสทนาก็
เปลี่ยนเป็น" เสี่ยวอี้ ฉันเห็นประวัติของเธอ บอกว่าตอนนี้เธอกําลังเรียนอยู่
มหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B ใช่ไหม?"
เดิมจี้อี้อยากจะหลบ แต่ปฏิกิริยาตอบโต้ของหลินเจิ้งอี้เร็วกว่าเธอมาก
มือของเขาเอื้อมไปโอบที่ไหล่ของเธออย่างรวดเร็ว ตอนที่เขายื่นหน้ามาที่
ข้างหูเธอ กลิ่นฉุนของเหล้าลอยฟุ้งมาอย่างรุนแรง " ฉันยังได้ยินมาว่า
มหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B มีเด็กผู้หญิงหลายคนขายตัว ใช่ไหม?"
จี้อี้พูด พร้อมกับลุกขึ้นยืน
นัยน์ตาของจี้อี้อีกปรากฏความรังเกียจ เธอออกแรงกระชากมือของหลิน
เจิ้งอี้ ไม่พูดมากความ แล้วก้าวเท้าเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าหลินเจิ้งอี้จะอยู่ในช่วงวัยกลางคนและอ้วนท้วม แต่ปฏิกิริยา
โต้ตอบกลับว่องไว จี้อี้เดินไปไม่ถึงสองก้าว เขาก็จับแขนของจี้อี้อย่าง
รวดเร็วอีกครั้ง แล้วใช้แรงมหาศาลลากเธอกลับไปที่โซฟา
.....
จี้อี้เริ่มดิ้นรน ทั้งตีทั้งเตะเขาพัลวัน
เธอไม่ทันเห็นว่าเงาร่างนั้นลงมือยังไง หลินเจิ้งอี้ที่กดทับอยู่บนร่างของ
เธอก็หงายหลังลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
ตอนที่ 139 / ตอนที่ 140 การใส่ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่ง
เมื่อร่างของหลินเจิ้งอี้ล้มลงไปกับพื้น เกิดเสียง “ตึง” ดังขึ้นมา จี้อี้เด้ง
ตัวลุกขึ้นนั่งตามสัญชาตญาณ เธอมองหลินเจิ้งที่ล้มลงไปบนพื้นก่อน แล้ว
จึงมองผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่ข้างโซฟา
เฮ่อจี้เฉินเหรอ.. เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
จี้อี้เพิ่งจะแปลกใจ ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวของชายหนุ่มดู
ผิดปกติ
เธอจึงค่อยรู้สึกตัวว่าชายหนุ่มกําลังจ้องเธอตาไม่กะพริบ แววตาของเขา
น่ากลัวมาก เหมือนกับว่ามีเปลวไฟกําลังจะประทุออกมา
จี้อี้ตกใจจนสั่นไปทั้งร่าง แล้วจึงหลับตาลงตามสัญชาตญาณ หลังจาก
นั้นเธอก็ได้ยินเสียงกึกก้องดังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นโต๊ะกาแฟที่อยู่ตรงหน้าของ
เธอลอยออกไป
สิ่งที่ตามมาคือ จี้อี้ได้ยินเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มเดินไกลออกไป
เขาจะไปแล้วเหรอ?
แค่มองอย่างเดียว จี้อี้ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่บาดลึกเข้าไปใน
กระดูก
เลือดสีแดงสด ไหลลงมาจากหัวของหลินเจิ้งอี้
ตอนนี้หลินเจิ้งอี้รู้แล้วว่าใครลงมือกับตนเอง เขาครวญครางออกมา
แล้วก็พูดขึ้นมาว่า " ประธานเฮ่อ เพื่อผู้หญิงคนนี้ ต้องทําถึงขนาดนี้เลย
เหรอ? คุณรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นผู้ร่วมทุนกับบริษัท YC ของคุณนะ! เรื่อง "ซาน
เชียนฉือ" ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนกํากับการแสดง แต่ฉันเป็นผู้ร่วมทุนที่ใหญ่
ที่สุด ถ้าฉันต้องการจะถอนทุน สําหรับคุณแล้วไม่..."
หลินเจิ้งอี้ยังพูดประโยคหลังไม่ทันจบ เฮ่อจี้เฉินก็คว้าคอเสื้อของเขา
ลากเขาขึ้นมาจากพื้น แล้วยกเท้าขึ้นถีบเขาลอยออกไปโดยไม่เมตตาสักนิด
จี้อี้ที่เห็นภาพการซ้อมคนของเฮ่อจี้เฉินทําให้อึ้งงันไป แต่หลังจากที่ได้
ยินเรื่องที่หลินเจิ้งอี้พูด เธอก็สับสนอย่างถึงที่สุด
เธอหดเท้าก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของเฮ่อ
จี้เฉินพูดอย่างเด็ดเดี่ยว เขากดเสียงต่ําพร้อมกับพูดเสียงเย็นว่า "ขอโทษ
เดี๋ยวนี้!"
.....
หลินเจิ้งอี้เจ็บปวดจนส่งเสียงร้องครางออกมา ฟันของเขากระทบกัน
ผ่านไปสักพัก แล้วจึงฝืนพูดออกมา แต่กลับพูดต่อจากประโยคเมื่อครู่ "...ก็
จะไม่เป็นผลดีกับตัวแกเอง.."
ขณะที่พูด เฮ่อจี้เฉินก็ก้มตัวดึงคอเสื้อด้านหลังของหลินเจิ้งอี้
เขายังไม่ทันได้ลงมือ หลินเจิ้งอี้ที่เพิ่งถูกกระทําจนรู้สึกมึนหัวตาลาย ก็
ร้องห่มร้องไห้พร้อมกับพูดว่า " ฉันพูด ฉันพูดแล้ว ขอโทษ ขอโทษ ขอ
โทษ!"
เขาไม่ได้มองไปที่หลินเจิ้งอี้ที่นอนคว่ําร้องครวญครางอยู่บนพื้นอีก
สายตาของเขามองตรงไปที่ใบหน้าของจี้อี้
ความอํามหิตบนร่างของเขายังไม่จางหายไป นัยน์ตาดําเข้มมีความดุดัน
พวยพุ่งออกมา
ก่อนที่เขาจะมาถึง หลินเจิ้งอี้ก็ลงมือไปแล้วงั้นเหรอ?
เขากํามือทั้งสอง พยายามควบคุมอารมณ์รุนแรงที่ปะทุออกมาจากอก
ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงค่อยยกมือขึ้น แล้วถอดเสื้อสูทบนร่างขึ้นคลุมร่างของ
หญิงสาว ปิดบังหัวไหล่อันเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกกระชากจนขาดของ
เธอ
ตอนที่ 141 / ตอนที่ 142 เรื่องเกี่ยวกับเขาที่เธอไม่รู้
การกระทําของเฮ่อจี้เฉิน ทําให้จี้อี้ตกตะลึง เธอก้มลงมองชุดสูทที่คลุม
ร่างเธออยู่โดยไม่รู้ตัว ตอนที่เธอมองปลายนิ้วของเฮ่อจี้เฉินกําลังกลัดกระดุม
ให้เธอ ริมฝีปากของเธอเม้มเล็กน้อย ร่างกายเปลี่ยนเป็นขดเกร็งเล็กน้อย
จี้อี้รีบถอนสายตาที่แอบมองเฮ่อจี้เฉินอยู่กลับมาอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องนอกจากหลินเจิ้งอี้ที่เจ็บปวดจนส่งเสียงร้องคร่ําครวญแล้ว
ก็ไม่มีเสียงอื่นอีก เงียบจนชวนให้ใจว้าวุ่น
ขณะที่จี้อี้กําลังลังเลว่าตนเองควรขอบคุณเขาแล้วเดินออกไปดีหรือไม่
เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เฮ่อจี้เฉินที่มีสีหน้าขึงขังและเงียบมาตลอด อยู่ๆ ก็
พูดออกมาว่า “ไปเถอะ”
พูดจบ เฮ่อจี้เฉินก็หันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องนําหน้าไปก่อนอย่าง
รวดเร็ว
เดินไปได้สองก้าว เขาเหมือนกับรู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังยังไม่ขยับตัว
จึงหันหน้ากลับไปมอง เมื่อเธอรู้สึกถึงสายตาของเขา จึงลุกขึ้นมาจาก
โซฟา เดินผ่านร่างหลินเจิ้งอี้ แล้วรีบก้าวไปหาเฮ่อจี้เฉินอย่างรวดเร็ว
เฮ่อจี้เฉินรอจนเธอเข้ามาใกล้เล็กน้อย แล้วจึงก้าวเท้าไปข้างหน้าใหม่
อีกครั้ง
คนสองคนหนึ่งเดินนําอีกหนึ่งเดินตาม รักษาระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกล ไป
ที่หน้าลิฟต์
ประตูลิฟต์เปิดออก เฮ่อจี้เฉินไม่สนใจจี้อี้เดินนําเข้าไปก่อน
เดิมทีจี้อี้คิดว่าเมื่อเขาพาเธอออกมาจากห้องที่หลินเจิ้งอี้อยู่แล้ว ก็จะไม่
สนใจเธออีก คิดไม่ถึงว่าเฮ่อจี้เฉินจะกดเปิดประตูลิฟต์ค้างไว้แล้วมองจี้อี้ที่
ยืนเหม่อลอยอยู่หน้าประตูลิฟต์
จี้อี้สัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ก็เข้าใจความหมาย เธอเห็นเขาไม่พูด
เธอก็เลยไม่พูด ทําเพียงแค่รีบก้าวเท้าเดินเข้าไปในลิฟต์เท่านั้น
พูดจบ เขาก็กวาดตามองเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของเธอ
ท่าทางของเขาสื่อถึงอะไรจี้อี้เข้าใจดี
ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาและเธอพบกันอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่
ปฏิเสธข้อเสนอของเขา?
ปลายนิ้วของเฮ่อจี้เฉินสั่นไหว เขาไม่เอ่ยปาก แล้วก้าวเท้าเดินออกมา
จากลิฟต์
.....
เฮ่อจี้เฉินก้าวเท้ากว้าง ไม่นานก็ทิ้งช่วงห่างจากจี้อี้
รถเคลื่อนไปตามถนนยามค่ําคืนของเมืองปักกิ่ง หลังจากที่ขับออกมา
ไกลแล้ว จี้อี้จึงตระหนักขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เสื้อผ้าของตนเองหลุดลุ่ย คงไม่
เหมาะถ้าจะต้องกลับไปที่หอพักของมหาวิทยาลัย แล้วก็ไม่เหมาะที่จะกลับ
บ้าน แต่กุญแจห้องชุดที่เฮ่อหยูกวงเตรียมให้เธอก็ลืมเอาไว้ที่บ้าน ไม่ได้เอา
มาเสียด้วย
จี้อี้มองออกไปนอกหน้าต่างรถ มองแสงไฟข้างนอกหน้าต่างที่เคลื่อนไป
ไม่ขาดสาย เธอเงียบสักพัก แล้วหันหน้าไปมองเฮ่อจี้เฉินที่จ้องถนนข้างหน้า
อย่างตั้งใจ " คุณไปส่งฉันที่หน้าโรงแรมซื่อจี้นะ"
เฮ่อจี้เฉินพูดถูก ความจริงแล้วแม้ตอนนี้เธอจะไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือน
เมื่อก่อนแล้ว แต่สภาพของเสื้อที่หลุดลุ่ยเมื่อปรากฏตัวต่อหน้าธารกํานัล ก็
สามารถดึงดูดผู้คนได้ แม้แต่คนที่ไม่รู้จักก็ต้องถ่ายรูป เมื่อถึงเวลานั้นคงเกิด
ปัญหาเข้าจริงๆ
ขณะที่ความคิดของจี้อี้กําลังตีกันอย่างยุ่งเหยิงว่าตนเองควรทําอย่างไรดี
เฮ่อจี้เฉินก็เหมือนกับคิดวิธีแก้ไขอะไรดีๆออก จึงพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า " ไป
บ้านฉัน"
จี้อี้ประหลาดใจ
แสงไฟสีแดงข้างหน้าเปลี่ยนเป็นแสงไฟสีเขียว เฮ่อจี้เฉินเหยียบคันเร่ง
รถค่อยๆ เพิ่มระดับความเร็ว ตอนที่รถขับมาทางสี่แยกอย่างรวดเร็ว เฮ่อจี้
เฉินจึงพูดเสริมขึ้นมาอีกครั้งว่า " ฉันมีธุระอย่างอื่นที่ต้องทํา อีกสักพักก็คง
จะกลับไปที่มหาวิทยาลัย ที่บ้านไม่มีคนหรอก"
เฮ่อจี้เฉินไม่พูดอีก
จี้อี้มองออกว่าเฮ่อจี้เฉินไม่มีท่าทางว่าจะลงมาจากรถ เธอรับกระดาษที่
เฮ่อจี้เฉินยื่นส่งมาให้ แล้วกล่าวเสียงเบาว่า "รบกวนคุณแล้ว"
เฮ่อจี้เฉินเงียบอีกครั้ง
"งั้นฉันลงไปก่อนนะ" จี้อี้พูด
ครั้งนี้เฮ่อจี้เฉินตอบด้วยการพยักหน้าเบาๆ
จี้อี้เคยมาที่บ้านของเฮ่อจี้เฉินสองครั้ง ทว่าแต่ไหนแต่ไรเธอกลับไม่เคย
สํารวจคอนโดของเขาอย่างละเอียด
ตอนนี้ในคอนโดมีเธอเพียงแค่คนเดียว หลังจากเข้ามาแล้วเปลี่ยน
รองเท้าแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้อง แล้วมองสํารวจไปรอบๆ
การตกแต่งภายในให้บรรยากาศหรูหรา ชวนให้รู้สึกว่าเขาช่างดูสูงส่ง
ในชุมชนเงียบสงบมาก นอกจากด้านหน้าชุมชนที่จะมียามรักษากาณ์ถือ
ไฟฉายเดินผ่านไปแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นเดินผ่านมาอีก
เฮ่อจี้เฉินก็ไม่รู้ว่าตนเองยืนอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว พอเขารู้สึกถึง
ความร้อนที่ลวกนิ้วตน เขาจึงก้มหน้า มองบุหรี่ที่ไหม้ไปจนหมดมวนอย่าง
เงียบๆ
แสงไฟที่ยังสว่างไสวอยู่เมื่อครู่ ไม่รู้ว่าดับลงตอนไหน
เธอคงหลับไปแล้ว
เฮ่อจี้เฉินไม่รีบไป แต่จุดบุหรี่อีกครั้ง
ขณะที่บุหรี่เผาไหม้ไปกว่าครึ่ง เขาจึงละสายตากลับมาจากหน้าต่าง
ห้องนอนที่เธอนอนอยู่
ไม่มีเขาอยู่ เธอคงจะนอนหลับสนิท
หางตาของเฮ่อจี้เฉินเหมือนมีความเจ็บปวดที่คล้ายมีคล้ายไม่มีแล้วก็
จางหายไปอย่างรวดเร็ว เขากะพริบตาเล็กน้อย แล้วดับบุหรี่ที่อยู่ที่ปลายนิ้ว
ทิ้งบุหรี่ลงไปในถังขยะ พร้อมกับก้าวขา เดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือ อยากจะโทรหาเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ตนเองซื้อ
เสื้อผ้าอยู่บ่อยๆ แล้วให้เธอเอาเสื้อผ้ามาส่งให้ ทว่าเธอก็เหลือบไปเห็น
เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมที่พับเป็นระเบียบอยู่บนตู้ตรงหัวเตียงเสียก่อน
หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาและสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จี้อี้ก็เดินออกมา
จากประตู แล้วตรงลงไปชั้นล่าง
ตอนที่ใกล้เข้ามาถึงห้องรับแขก จี้อี้ได้ยินเสียงแว่วมาจากตรงระเบียง
เธอคิดว่าเป็นป้าจาง จึงเดินไปทางด้านนั้น คิดอยากจะพูดทักทายเธอ ผล
คือเดินไปไม่ถึงสองก้าว ก็ได้ยินเสียงของเฮ่อจี้เฉินดังมาจากตรงระเบียง
.....
ที่แท้เฮ่อจี้เฉินก็อยู่บ้าน...ฝีเท้าของจี้อี้หยุดโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มที่อยู่บนระเบียง ไม่สังเกตเห็นว่าเธอเดินเข้ามาใกล้ เขาเงียบ
ไปสักพัก แล้วพูดอีกครั้งว่า " คุณไม่ต้องมาพูดโน้มน้าวผมให้เสียเวลา ผม
ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของผมแน่นอน"
เฮ่อจี้เฉินหยิบบุหรี่ออกมาจากปาก คาดว่าคนในโทรศัพท์ยังคงพูดโน้ม
น้าวเขา เขาค่อยๆ ขมวดคิ้ว แล้วพูดออกมาอย่างไร้ความอดทนว่า "
พอแล้ว พวกคุณอยากคิดอะไรก็คิดไป ปัญหานี้ผมเป็นคนก่อ ผมจะหาทาง
แก้ไขเอง! ถึงแม้ว่าจะไม่มีทางที่จะฟื้นตัวได้อีกต่อไป นั่นมันก็เป็นเรื่องของ
ผม พวกคุณจะมาวุ่นวายอะไรนักหนา?"
ความคิดภายในหัวสมองของจี้อี้เพิ่งจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา คนที่
ยืนอยู่ตรงระเบียง ก็ค่อยๆ ก้มตัวลง ท่าทางสง่าผ่าเผยของเฮ่อจี้เฉินที่ดับ
บุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่ หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเธอเข้า เขาที่กําลังเตรียม
จะพูดออกไป พลันชะงักอย่างรวดเร็ว เขายังก้มตัวอยู่เดิม จ้องเธอสักพัก
ดับบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่ แล้วยืดตัวตรง และเอ่ยปากพูด แต่เขาไม่ได้พูดกับเธอ
แล้วก็ไม่ใช่กับคนที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ "ป้าจาง!"
หลังจากรอจนประตูห้องหนังสือชั้นสองปิดลง ป้าจางจึงฉีกยิ้มหวาน
แล้วพูดว่า "คุณหนู คุณหิวไหม? ฉันจะพาคุณไปทานอะไรเสียหน่อย”
ไม่ว่าเธอและเฮ่อจี้เฉินจะเคยเป็นยังไงกันมาก่อน แต่เมื่อคืนเขาช่วยเธอ
เอาไว้ เพื่อรักษามารยาท เธอควรรอหลังจากที่เขาเสร็จธุระ บอกลาเขาก่อน
แล้วค่อยไป..จี้อี้คิด แล้วยิ้มให้ป้าจางเล็กน้อย เธอส่งเสียง “อืม”พร้อมกับ
พูดว่า “คงต้องรบกวนป้าแล้ว”
เมื่อเข้ามาในห้องอาหาร ป้าจางเลื่อนเก้าอี้ในห้องอาหารให้จี้อี้ก่อน
หลังจากรอให้เธอนั่งลง ก็ไปที่ห้องครัว แล้วยกอาหารเช้ามากมายออกมา
เมื่อเทียบกับการที่เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เฮ่อจี้เฉินพาเข้าบ้าน สิ่งที่จี้อี้
ให้ความสนใจกลับเป็นประโยคก่อนหน้านี้ เธอจึงถามกับป้าจางอย่างสงสัย
ว่า " สามปี? ห้องนี้ของเฮ่อจี้เฉิน ซื้อมาสามปีแล้วเหรอคะ?"
“ไม่ใช่ว่าฉันเข้าใจในความหมายที่คุณเฮ่อพูดอะไรหรอกนะ แต่ฉันมอง
ออก วันนั้นเขาอารมณ์ดีมาก และน่าแปลกมาก เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉัน
เห็นเขาอารมณ์ดีที่สุดตั้งแต่รู้จักมา ประมาณเมื่อครึ่งปีก่อน วันนั้นฉันยัง
แอบเห็นเขายิ้มด้วย"
.....
อาจเป็นเพราะเพศหญิงเป็นเพศที่ละเอียดอ่อน ในคําพูดที่ยาวเหยียด
ขนาดนั้นของป้าจาง จี้อี้กลับให้ความสนใจกับประโยคนี้มากๆ "...ผมมาที่
เมืองของคุณ มาอยู่ที่นี่ แบบนี้จะถือว่าเป็นการได้มาพบกันใหม่อีกครั้งรึ
เปล่า?”
คําพูดของป้าจางนั้นรายละเอียดน้อยมาก แม้ว่าจี้อี้จะเข้าใจทั้งหมด แต่
กลับไม่แน่ใจในคําพูดนั้นของเฮ่อจี้เฉิน ว่าเป็นการตอบป้าจางใช่ไหม ดังนั้น
เธอจึงไม่คิดลึกไปกว่านี้ แต่คําพูดนั้นกลับยังวนเวียนอยู่ที่ริมฝีปากเธออยู่
หลายครั้ง เธอยิ้มให้ป้าจาง เพื่อบ่งบอกว่าเธอกําลังฟังหล่อนพูดอยู่
จี้อี้กินปาท๋องโก๋ไปสองชิ้นแล้วหยิบกระดาษมาเช็ดมือ หลังจากนั้นก็ใช้
ช้อนตักข้าวต้ม แล้วส่งเข้าปาก
เธอกินไปได้เพียงหนึ่งคํา ก็ชะงักไป
ทําไมรสชาติของข้าวต้มถึงได้รู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้นะ? เหมือนกับว่าเธอ
เคยกินมาก่อน..
สติของจี้อี้กลับมา เธอหันหน้าไปมองเฮ่อจี้เฉินที่ก้าวเข้ามาใน
ห้องอาหาร
เขาคงจะเสร็จธุระได้สักพักแล้ว เขาอาบน้ํา แต่ไม่ได้เป่าผม เส้นผมจึง
ยังชื้นอยู่เล็กน้อย จากชุดสูทรองเท้าหนังเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านใส่สบาย ทํา
ให้เขาดูเด็กลงและสง่างามมากกว่าเดิม
เขาไม่ได้ตอบป้าจาง เลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามจี้อี้ด้วยมือเดียวพร้อมกับ
นั่งลง
ป้าจางอยู่กับเขามานานแล้ว จึงเข้าใจว่าการกระทําของเขาหมายถึง
อะไร เธอเดินไปที่หน้าโต๊ะอาหารทันที แล้วนําข้าวต้มเข้ามาให้เฮ่อจี้เฉิน
เพราะเฮ่อจี้เฉินมาแล้ว ป้าจางจึงไม่อยากพูดจ้อแบบนั้นอีก
จี้อี้เห็นฮ่อจี้เฉินไม่พูด เธอก็เลยไม่พูด
ภายในห้องอาหารตกในอยู่ในความเงียบ มีบางครั้งเท่านั้นที่จะมีเสียง
เบาๆ ของตะเกียบกระทบเข้ากับถ้วย
แม้ว่าเฮ่อจี้เฉินจะมาช้ากว่าจี้อี้ที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ แต่กลับเป็นเขาที่ทาน
อาหารเสร็จก่อนจี้อี้
เมื่อจี้อี้เห็นเขาวางตะเกียบลง เธอจึงรีบตักข้าวต้มคําสุดท้ายเข้าปาก
แล้วหยุดกิน
จี้อี้นั่งตัวตรง เธอเงยหน้าขึ้นแล้วชําเลืองมองป้าจางที่ส่งผ้าขนหนูเปียก
ฆ่าเชื้อมาให้ เฮ่อจี้เฉินกําลังเช็ดมุมปากและมืออย่างไม่รีบร้อน เธอกลืน
น้ําลายเข้าไปหนึ่งครั้ง แล้วจึงพูดด้วยน้ําเสียงแผ่วเบาว่า “ ขอบคุณเมื่อ
วานที่ช่วย แล้วก็ขอบคุณที่ให้ฉันค้างที่ห้องนี้หนึ่งคืน รวมถึงอาหารเช้ามื้อนี้
ด้วย”
เมื่อเฮ่อจี้เฉินได้ยินคําพูดจากปากจี้อี้ เขาทําเพียงพยักหน้าให้เธอ
เล็กน้อย เพื่อบ่งบอกว่าเขารับคําขอบคุณของเธอ แล้วจึงเช็ดมือต่อไปอย่าง
ไม่รีบเร่ง
ไม่รู้เป็นภาพลวงตาของจี้อี้หรือไม่ เธอถึงได้รู้สึกว่าอุณหภูมิภายในห้อง
ลดลงอย่างชัดเจน
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย แล้วกวาดตามองที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ
หลังจากนั้นเขาก็ทําสัญญาณมือให้จี้อี้คอยก่อน แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือ กด
รับพร้อมกับเดินออกไปจากห้องอาหาร
เขายังคงรับโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงของห้องรับแขก เสียงของเขาเบามาก
จี้อี้ที่อยู่ในห้องรับแขกแค่ได้ยินเสียงของเขา ทว่ากลับฟังเนื้อหาที่เขาพูดได้
ไม่ชัดเจน
เขารับโทรศัพท์ได้ไม่กี่วินาที เสียงของเขาที่แว่วมาจากตรงระเบียงอยู่ๆ
ก็ดังขึ้น น้ําเสียงแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงและดุดัน " เขาฝันไปรึไง! จะให้เธอ
ไปขอโทษถึงบ้าน? ฝันไปเหอะ! คุณบอกให้เขาไปตายซะ!"
ป้าจางที่เก็บโต๊ะอาหารอยู่สะดุ้งตกใจ เมื่อได้ยินเสียงคํารามที่ดังขึ้นมา
อย่างฉับพลันของเฮ่อจี้เฉิน ตะเกียบที่ถืออยู่ก็ร่วงลงบนโต๊ะ จนเกิดเป็นเสียง
ดังอึกทึก
เป็นเพราะเพิ่งผ่านการโมโหมา สีหน้าของเฮ่อจี้เฉินที่ปรากฏอยู่หน้าโต๊ะ
อาหาร จึงดูย่ําแย่เป็นพิเศษ แต่น้ําเสียงที่พูดกับจี้อี้ กลับยังคงดูอบอุ่น
เช่นเดิม " เมื่อกี้ เธออยากจะพูดว่าอะไรนะ?"
เธอ..ที่เธอถามประโยคนี้ จะถือว่าเป็นห่วงได้ไหมนะ?
แม้ว่าเขาจะช่วยเธอ แต่ในใจของเขาเธอคงไม่ได้มีความสําคัญถึงขนาด
นั้น
ป้าจางเข้าใจสิ่งที่ปรากฏในแววตาของเขา จึงรีบวางสิ่งที่ทําอยู่ในมือ
แล้วไปส่งจี้อี้ที่ประตู -
.....
เวลาเหมือนกับสายน้ําไหล พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ตอนกลางคืนเพราะจี้อี้อดหลับอดนอนดูละคร วันอาทิตย์เธอจึงนอนตื่น
สายเป็นพิเศษ ตอนที่เธอเพิ่งจะลุกขึ้นนั่ง ถังฮว่าฮว่าที่กําลังนั่งเคาะ
แป้นพิมพ์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็หันหน้ามา แล้วพูดหน้าตาตื่นว่า " เสี่ยวอี้
เธอยังจําช่วงก่อนหน้านี้ที่นิยายเรื่อง "ซานเชียนฉือ" จะเอามาทําเป็นหนัง
ได้ไหม? ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยยกขึ้นมาพูดขึ้นกับเธอ นิยายของเฉิงเว่ยหว่าน
..."
จี้อี้ที่เพิ่งตื่น สติยังตื่นไม่เต็มที่ เธออึ้งงันอยู่สักพัก แล้วจึงพยักหน้าให้
ถังฮว่าฮว่า ตอบว่า " จําได้สิ"
ถังฮว่าฮว่าเลื่อนเมาส์ ดูหน้าเว็บไซด์ไปมาแล้วก็บรรยายสถานการณ์ที่
ปรากฏบนเว็บไซด์ให้จี้อี้ฟังไปด้วย “ วันนี้ตอนตีสี่ บน weibo มีข่าวนี้ว่อน
เต็มไปหมด ตอนนี้เลยก่อให้เกิดความวุ่นวายกันไปหมด ทุกคนต่างก็คาดเดา
ว่าทําไมอยู่ๆ บริษัทถึงได้หยุดการถ่ายทําแบบนี้ มีคนที่รู้ข้อเท็จจริงบอกว่า
เหมือนเป็นเพราะว่านักลงทุนกับผู้กํากับมีความเห็นที่แตกต่างกัน..."
คนที่ถอนเงินทุน เป็นหลินเจิ้งอี้ใช่ไหม?
เมื่อสติของจี้อี้กลับมา หน้าจอโทรศัพท์มือถือปรากฏแสงสว่างอีกครั้ง
เฉิงเว่ยหว่านส่งของความมาอีกครั้ง " เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นเพราะหลินเจิ้งอี้ ?"
แม้ว่าจี้อี้จะเป็นคนเริ่มถามเฉิงเว่ยหว่าน แต่เธอก็ไม่ได้รู้จักเฉิงเว่ยหว่าน
ดีนัก กลัวว่าเมื่อพูดมากแล้ว ข่าวจะแพร่ลงอินเตอร์เน็ด แล้วก็จะเกิดเรื่อง
ยุ่งยากตามมา ดังนั้นจี้อี้จึงครุ่นคิดสักพัก แล้วตอบกลับไปว่า " บน
อินเตอร์เน็ตบอกฉันแบบนี้ ฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละค่ะ"
ตอนที่ 149 / ตอนที่ 150 เรื่องเกี่ยวกับเขาที่เธอไม่รู้
" อ้อ" เฉิงเว่ยหว่านตอบ
วันหยุดสุดสัปดาห์ ภายในโรงอาหารจึงมีคนไม่มาก
เธอกินไปไม่ถึงสองคํา ทันใดนั้นคนที่เดินผ่านร่างของเธอก็หยุดฝีเท้า
แล้วเรียกชื่อของเธอ "จี้อี้?"
เมื่อจี้อี้ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นเห็นเป็นผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามห้องที่หอพัก จึงฉีก
ยิ้ม พร้อมกับทักกลับไปว่า " กินเสร็จแล้วเหรอ?"
จี้อี้ส่ายหัวให้เธออย่างรวดเร็ว
“ หลินหย่าไม่ยอมพูด เฮ่อจี้เฉินก็เลยเหวี่ยงเธอไปที่ข้างหน้าหน้าต่าง
ผลักร่างของเธอออกไปนอกหน้าต่างกว่าครึ่งตัว ” หญิงสาวคิดว่าจี้อี้กําลัง
ตั้งใจฟังสิ่งที่ตนเองพูด หญิงสาวจึงพูดไปด้วย แล้ววิ่งไปข้างหน้าหน้าต่าง
ของโรงอาหาร แสดงฉากตอนนั้นให้จี้อี้ดู “หลังจากนั้นเขาก็พูดกับหลินหย่า
ว่า ถ้าเธอยังกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกแม้แต่คําเดียว..ประโยคหลังยังพูดไม่ทัน
จบ หลินหย่าก็บอกเขาว่าเธออยู่ไหน.."
.....
ปลายนิ้วที่กําตะเกียบของจี้อี้พลันสั่น เธอใจลอยเล็กน้อย
หญิงสาวเอาศีรษะพิงลงบนไหล่ของจี้อี้ พูดว่าเฮ่อจี้เฉินหล่อมากแค่ไหน
ในวันนั้นด้วยความอิจฉาเต็มที่ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองเสียเวลาตรงนี้นาน
เกินไปแล้ว หลังจากนั้นเธอจึงบอกลาจี้อี้ หยิบจานข้าวพร้อมกับเดินจากไป
รอกระทั่งเธอกินข้าวเสร็จ คนทั้งสองก็เดินออกไปจากโรงอาหารด้วยกัน
จากนั้นจี้อี้ก็พูดขึ้นมาว่า " ฮว่าฮว่า ฉันมีธุระนิดหน่อย เธอจะกลับไปก่อน
เลยก็ได้นะ"
หลังจากที่จี้อี้มองตามหลังของถังฮว่าฮว่าที่เดินไปไกลแล้ว เธอก็รีบเดิน
ไปที่สนามของมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว เธอนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดเล็กที่ไม่มี
คน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ตอนที่เตรียมจะเปิด weibo ขึ้นมา เพื่อ
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ของละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ" อยู่นั้น
อยู่ๆ ก็มีสายโทรศัพท์เข้ามา เป็นหลี่ต๋าที่ไม่ได้ติดต่อเธอมาสักพักแล้วนั่นเอง
เธอไม่พูด
ที่แท๎ เรื่องนั้นมันเลวร๎ายกวําที่เธอจินตนาการเอาไว๎...ความคิดในสมอง
ของจี้อี้ลอยไปไกลแสนไกล
หลี่ต๐าที่พูดอยูํคนเดียวมาตั้งนาน ก็ตระหนักได๎วําจี้อี้ที่อยูํปลายสาย
ไมํได๎พูดมาสักพักแล๎ว เขาคิดวําสายตัดไป จึงมองที่หน๎าจอโทรศัพท๑กํอน ถึง
ได๎พบวําโทรศัพท๑ยังตํอสายอยูํ จึงพูด " ฮัลโหล" " เสี่ยวอี้ เธอยังฟังอยูํ
ไหม?"
เธอไมํเคยรู๎เบื้องหลังของเขา วําที่แท๎เขาต๎องรับแรงกดดันมากขนาดนี้
และที่มาของแรงกดดันเหลํานั้น กลับเป็นเพราะเธอ
หากวําตอนแรกเธอไมํเกิดเรื่องแบบนั้นกับหลินเจิ้งอี้ หลินเจิ้งอี้ก็คงไมํ
ถอนเงินทุน แล๎วเฮํอจี้เฉินก็จะไมํเป็นเหมือนกับตอนนี้
นอกจากนี้ ที่เขาต๎องตกอยูํในสภาะวะกลืนไมํเข๎าคายไมํออก
ในตอนนี้ ก็เป็นเพราะเธอ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จี้อี้จึงกดเปิดเบอร๑ที่บันทึกเอาไว๎ แล๎วค๎นหาเบอร๑
โทรศัพท๑ของเฮํอจี้เฉิน แล๎วตํอสายออกไป
.....
เป็นคนที่จี้อี้ไมํต๎องการเจอที่สุด เชียนเกอ
ทําไมเชียนเกอมาอยูํที่นี่? ฝีเท๎าของจี้อี้หยุดอยํางรวดเร็ว วินาทีตํอมา
เธอถึงได๎เข๎าใจ
คําตอบที่เธอได๎รับคือความเงียบ
เฮํอจี้เฉินคงเรํงฝีเท๎า จี้อี้ได๎ยินเสียงรองเท๎าส๎นสูงของเชียนเกอเปลี่ยน
เป็นเรํงรีบ ราวกับวํากําลังวิ่ง
เชียนเกอทําเหมือนกับวําไมํได๎ยินคําพูดของเฮํอจี้เฉิน เธอเพิ่มแรงที่จับ
บนแขนเสื้อของเขา " เฮํอจี้เฉิน หลินเจิ้งอี้ไมํใชํคนโงํ บทละครแบบ "ซาน
เชียนฉือ” นั้นหาได๎ยาก เขาเป็นนักธุรกิจ ถ๎าหากลงทุนแล๎วต๎องได๎รับ
ผลตอบแทนมหาศาล จริงๆ แล๎วเขาไมํอยากถอนทุนหรอก เขาก็แคํเพิ่งจะ
เสียหน๎าเลยอยากให๎จี้อี้ไปขอโทษเขาด๎วยตนเองที่บ๎าน ! เขาก็แคํอยากจะ
หาทางลงให๎ตัวเองก็แคํนั้น แตํเป็นนายเองที่ไมํยอมถอย เขาถึงได๎ถอน
เงินทุนไปจริงๆ เลยทําให๎เป็นเรื่องแบบนี้ไงลํะ.."
หลินเจิ้งอี้บอกให๎เธอไปขอโทษเขาที่บ๎านเหรอ? ทําไมเธอถึงไมํรู๎เรื่องนี้?
ความสงสัยในหัวสมองของจี้อี้ยังไมํจางลง เชียนเกอที่อยูํไมํไกลก็พูด
ขึ้นมาอีกครั้งวํา " คณะกรรมการกําหนดเส๎นตายให๎กับนาย ถ๎าภายในสาม
วันนี้ยังไมํมีเงินทุนโอนเข๎ามา ไมํต๎องพูดถึงวํา "ซานเชียนฉือ" จะไมํได๎ถําย
เลย แม๎แตํบริษัท YC ของนายก็จะไมํเหลือ เฮํอจี้เฉิน ที่ฉันมาวันนี้ ฉันไมํ
อยากมาทะเลาะกับนาย ฉันอยากชํวยนายจริงๆ เพียงแคํนายตอบตกลงกับ
ฉัน วําจี้อี้จะไมํได๎แสดงบทนางรองของเรื่อง " ซานเชียนฉือ" ฉันก็จะชํวย
เกลี้ยกลํอมให๎หลินเจิ้งอี้ให๎ลงเงินทุนใหมํอีกครั้ง แล๎วบางทีครั้งนี้ก็อาจจะ
มากกวํากํอนหน๎านี้ยี่สิบเปอร๑เซ็นต๑ด๎วย!"
ตอนที่ 153 / ตอนที่ 154 คุณคูํควรที่จะมาเสนอเงื่อนไขกับผมเหรอ
จากที่จี้อี้มองคนทั้งสอง จนถึงตอนนี้เฮํอจี้เฉินพูดเพียงประโยคเดียว
เทํานั้น เมื่อได๎ยินถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มเยาะ แล๎วพูดวํา " เธอคูํควรที่
จะมาเสนอเงื่อนไขกับฉันเหรอ?"
ใบหน๎าของเชียนเกอตกตะลึงเมื่อเฮํอจี้เฉินตอบโต๎ สีหน๎าของเธออดกลั้น
เอาไว๎ไมํอยูํอยํางเห็นได๎ชัด ผํานไปสักพัก เธอจึงพูด น้ําเสียงไมํมีความมั่นใจ
เหมือนเมื่อกี้นี้ " ฉันไมํได๎เสนอเงื่อนไขกับคุณ ฉันอยากชํวยคุณจากใจจริง
เทํานั้น.."
จี้อี้ได๎ยินถึงตรงนี้ ก็ได๎เข๎าใจอยํางถํองแท๎
จี้อี้ขมวดคิ้ว พร๎อมกับหลุบตาลงต่ํา
นอกจากนั้นแล๎ว จี้อี้คิดเหตุผลที่สองมาอธิบายทุกอยํางนี้ไมํได๎จริงๆ
เชียนเกอคิดไมํถึงวําสิ่งตนเองทํา เฮํอจี้เฉินจะมองออกอยํางทะลุปรุ
โปรํง สีหน๎าปรากฏรํองรอยความอึดอัดอยูํหลายสํวน เธอสูดลมหายใจเข๎า
ลึก แล๎วจึงพูดวํา " เฮํอจี้เฉิน ฉันจะไปรํวมมือกับหลินเจิ้งอี้เพื่อทําให๎นาย
ลําบากได๎ยังไง นายเองก็รู๎นี่ วําฉันจริงใจกับนาย ตั้งแตํเด็กฉันช.."
จี้อี้ไมํต๎องเปลืองแรงคิด เธอก็รู๎วําประโยคตํอไปที่เชียนเกอจะพูดจะต๎อง
เป็นคําวํา " ชอบนาย" แนํนอน
เพียงแตํวําคําพูดของเชียนเกอยังไมํทันจบ เฮํอจี้เฉินก็ไมํคิดอยากจะฟัง
อีก ทันใดนั้นเขาก็สะบัดมือที่จับแขนเสื้อของเขาออก แล๎วก๎าวเท๎ายาวๆ
เดินเฉียดรํางของเธอไป
ผํานไปสักพัก จี้อี้เห็นคนที่เป็นผู๎จัดการของเชียนเกอรีบเดินเข๎ามา
ผู๎จัดการประคองเชียนเกอ แล๎วเดินกระโผลกกระเผลกออกไป
เฮํอจี้เฉินไมํอยูํบ๎าน เธอก็ไมํจําเป็นต๎องขึ้นไปบนตึกอีก
จากบทสนทนาของเชียนเกอและเขา เธอถึงได๎รู๎วําเขากําลังเผชิญหน๎า
กับความกดดันมากมายขนาดไหน
สามวัน ภายในสามวัน ถ๎าแก๎ปัญหาทั้งหมดไมํได๎ ทุกอยํางที่เฮํอจี้เฉิน
พยายามตํอสู๎และสร๎างมาหลายปีจะต๎องสูญสลายหายไปอยํางแนํนอน!
.....
จี้อี้ไมํรู๎วําคําพูดกํอนหน๎านี้ที่คุยโทรศัพท๑กับหลี่ต๐ามาดังก๎องอยูํในหูได๎
อยํางไร คําพูดของเขาทุกคําที่บอกกับเธอ " ไมํมีทาง มันยากมาก
เลยนะกวําฉันจะรอมาจนถึงวันนี้ ได๎เข๎าใกล๎เธอมากขนาดนั้น ฉันจะไมํยอม
แพ๎อยํางนี้หรอก!"
แม๎วําเฮํอจี้เฉินจะทําเพราะเห็นแกํหน๎าของพี่หยูกวง ถึงได๎ปกป้องเธอ
ขนาดนี้ แตํเธอกลับไมํคิดวํา เบื้องหลังของทุกสิ่งที่ตนเองได๎รับ เขาจะต๎อง
จํายคําเสียหายหนักหนาขนาดนั้น!
ในเมื่อเรื่องนี้เธอเป็นคนกํอ เธอก็จะจบเรื่องนี้ด๎วยตัวเอง!
จี้อี้ยืนคิดเงียบๆ อยูํที่เดิมสักพัก แล๎วจึงมองลงไปที่นาฬิกาบนข๎อมือที่
ตนเองสวมใสํ
จี้อี้เพิ่มหลินเจิ้งอี้เป็นเพื่อนโดยทันทีโดยไมํลังเล
ภายในรถตู๎ที่อยูํบริเวณถนนฝั่งตรงข๎าม
ทั้งที่เธอมาหาเฮํอจี้เฉิน แตํทําไมเธอถึงต๎องไปร๎านเครื่องใช๎ไฟฟ้าแล๎ว
ซื้อเครื่องอัดเสียงมาด๎วย?
เธอถือโทรศัพท๑มือถือแล๎วยืนอยูํที่ข๎างถนนนานขนาดนั้น ถึงคํอยจากไป
แล๎วเธอจะเอาเครื่องอัดเสียงไปไหน?
คนขับรถไมํรอเชียนเกอตอบ ก็พูดขึ้นอีกครั้งวํา "คุณเชียนครับ?"
จี้อี้เพิ่งไปถึงทางเข๎าของเยวํหยวน ก็ถูกคนขวางเอาไว๎
เดินตรงไปตามทางเดินที่ทําด๎วยไม๎แดง คนที่อยูํทางด๎านซ๎ายและขวา
โค๎งตัวให๎ แล๎วชายหนุํมก็หยุดเดิน ผลักประตูทรงโบราญ แล๎วสํงสัญญาณ
มือ " เชิญ" ให๎แกํจี้อี้
จี้อี้และชายหนุํมเดินตามกันเข๎าไปในห๎อง
หลินเจิ้งอี้คงจะฟังงิ้วจนรู๎สึกเคลิบเคลิ้ม จึงโยกศีรษะไปตามทํานอง
เพลง คําพูดของชายหนุํมจบไปแล๎วสักพัก จึงหันศีรษะกลับมา เขาเหลือบ
ตามองจี้อี้กํอน หลังจากนั้นจึงเอียงศีรษะ แล๎วขยับปากตอบกลับชายหนุํม
.....
จี้อี้อยูํหํางจากหลินเจิ้งอี้ได๎ราวครึ่งเมตร หลินเจิ้งอี้เหมือนสังเกตเห็นเธอ
เดินเข๎ามาใกล๎ จึงเงยหน๎าขึ้นมอง
ผู๎คนภายในห๎องล๎วนมองไปที่การแสดงบนเวที จี้อี้กลัววําเมื่อตนเองจะ
เผลอพูดรบกวนความสุขของทุกคน เธอจ๎องมองตําแหนํงที่นั่งข๎างหลินเจิ้ง
อี้ ในที่สุดเธอก็ยังก๎าวเท๎าไป แล๎วนั่งลง
งิ้วบนเวที กําลังร๎องถึงทํอนที่ไพเราะมากที่สุดพอดี
การมาปรากฏตัวอยํางกะทันหันของจี้อี้ ไมํได๎รบกวนความสุขของหลิน
เจิ้งอี้แตํอยํางใด กระทั่งถึงตอนที่เพลิดเพลินที่สุด จี้อี้ยังได๎ยินเขาร๎องออกมา
ตามเนื้อเพลงด๎วย
จี้อี้กลับไมํดูการแสดง เธอเพียงแตํนั่งเงียบอยูํบนเก๎าอี้และรออยํางสุขุม
เยือกเย็น
ผํานไปราวครึ่งชั่วโมง ในที่สุดการแสดงบนเวทีก็จบลง
คาดวําหลินเจิ้งอี้คงเคยพาเด็กสาวมาเข๎ารํวมงานเลี้ยงในลักษณะนี้เป็น
จํานวนมาก หลังจากที่เขาแนะนําเสร็จ ใบหน๎าของคนหลายคนปรากฏสี
หน๎าคลุมเครืออยํางชัดเจน
จี้อี้รู๎วําพวกเขาเข๎าใจผิด คิดวําเธอเป็นผู๎หญิงที่หลินเจิ้งอี้พามา
ภายในใจลึกๆ ของเธอปรากฏความไมํพอใจ แล๎วคิดวําตนเองยังต๎อง
ตํอรองกับหลินเจิ้งอี้ ตอนนี้ไมํควรจะมีเรื่อง เธอจึงแสร๎งทําเป็นไมํรู๎ไมํเห็น
แล๎วทําหน๎าไมํใสํใจและใจเย็นตํอไป
บริกรเริ่มนําอาหารและเหล๎าทยอยเข๎ามา
ครั้งนี้หลินเจิ้งอี้กลับไมํพูดตัดบทคําพูดของเธอ หลังจากรอจนกระทั่ง
เธอพูดจบ เขานําแก๎วเหล๎าสํงไปให๎ทุกคนที่อยูํข๎างหน๎าแล๎วก็พูดไปด๎วย
ทวําคําพูดที่ตอบกลับมา กลับไมํเกี่ยวข๎องใดๆ กับคําที่เธอเพิ่งพูดไปเลยสัก
นิด " เสี่ยวอี้ คนเหลํานี้เป็นผู๎รับผิดชอบคนสําคัญ ของหนังเรื่อง "เฉินถู"ํ ที่
ฉันพึ่งลงทุนเร็วๆ นี้ คนนี้คือคนสร๎างหนัง นี่คือผู๎กํากับ คนนี้คือ.."
จี้อี้จะไมํรู๎ได๎ยังไง วําที่หลินเจิ้งอี้ทําเหมือนเธอเป็นผู๎หญิงที่เขาพามาดื่ม
เหล๎าด๎วยทุกวันนั้นก็เพื่อจะกลั่นแกล๎งเธอ
เธอสลบไสลไมํได๎สติถึงสามปี จึงรู๎จักกับคนที่มีอิทธิพลไมํมาก
ที่เธอยอมมาหาหลินเจิ้งอี้ เพราะในมือของเธอมีเครื่องอัดเสียงบท
สนทนาของหลินเจิ้งอี้ที่พูดกับเธอในคืนนั้น ถึงแม๎วําการกระทําลับหลังของ
หลินเจิ้งอี้จะเลวร๎ายแคํไหน แตํเขาก็ยังต๎องใสํใจกับภาพลักษณ๑ของตัวเอง
ตํอคนภายนอก เธอก็แคํอยากจะเอาเครื่องอัดเสียงมาทําการแลกเปลี่ยนกับ
หลินเจิ้งอี้ก็เทํานั้น
แตํเธอกลับไมํสามารถเอาเครื่องอัดเสียงขึ้นมาบนโต๏ะและแบไพํทั้งหมด
กับหลินเจิ้งอี้ได๎ ถ๎าทําแบบนั้นหน๎าตาของเขาต๎องไมํมีเหลืออยํางไมํต๎อง
สงสัย ไมํต๎องพูดวําจะทําให๎เขาให๎เงินทุนเรื่อง "ซานเชียนฉือ" กับเฮํอจี้เฉิน
ใหมํอีกครั้ง เลยแตํกลับจะทําให๎กลายเป็นความแค๎นฝังลึกตํอกันเทํานั้น
จี้อี้จ๎องแก๎วเหล๎าในมือของหลินเจิ้งอี้ที่มีเหล๎าขาวอยูํเต็มแก๎วด๎วยสายตา
หนักแนํน วินาทีตํอมา เธอก็รับแก๎วเหล๎า ลุกขึ้น แล๎วพูดผู๎กํากับที่นั่งอยูํ
ข๎างหลินเจิ้งอี้ พร๎อมกับยกยิ้มอยํางสดใส " ผู๎กํากับ ฉันดื่มอวยพรให๎คุณ"
"..."
จี้อี้รับแก๎วเหล๎าและดื่มอวยพรให๎กับคนบนโต๏ะ อวยพรถึงคนสุดท๎าย
เธอก็เริ่มรู๎สึกอยากอาเจียน
เปรียบกับเขาแล๎ว เรื่องพวกนี้ที่เธอต๎องแบกรับจะนับเป็นอะไรได๎ ?
จี้อี้ไมํรู๎วําตนเองยังจะยืนหยัดและอดทนได๎มากขนาดไหน แตํเธอกลับรู๎
กํอนหน๎าที่ตนเองจะทําสําเร็จ เธอจําเป็นต๎องกัดฟันอดทนตํอไป เธอ
พยายามฝืนยิ้ม แล๎วดื่มอวยพรตํอไปจนเสร็จ
……
.....
แคํคิด ปลายนิ้วมือของเชียนเกอก็สั่นอยํางตื่นเต๎นแล๎ว
เธอแทบจะไมํมีความลังเลใดๆ ที่จะสํงข๎อความไปที่เบอร๑โทรศัพท๑ของ
เฮํอจี้เฉิน
เธอเลือกคลิปวิดีโอกํอน ตอนที่เพิ่งเตรียมจะสํงไป การกระทําของเธอก็
หยุดชะงักลง
เชียนเกอทําเหมือนกับวําไมํได๎ยินคําพูดของเธอ เธอเงียบไปครูํหนึ่ง
แล๎วพูดเหมือนพึมพํากับตนเองอีกครั้งวํา "...แนํนอนวําเขาต๎องคิดวําฉัน
เป็นคนวางแผน เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะต๎องทําให๎ฉันอับอายอีกครั้งอยําง
แนํนอน..ไมํได๎! ฉันจะเป็นคนที่สํงวิดีโอไปไมํได๎เด็ดขาด!"
เชียนเกอพูดจนถึงตอนสุดท๎าย ทันใดนั้นน้ําเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดัน
โทนเสียงดังขึ้นมาก ผู๎จัดการที่ได๎ยินเพียงประโยคสุดท๎ายที่ดังที่สุดเทํานั้น ก็
พูดอยํางสงสัยวํา " เพราะอะไรถึงสํงไมํได๎ ? คุณเชียน คุณไมํได๎บอกวํา ภาพ