You are on page 1of 193

ตอนที่ 101 / ตอนที่ 102 เลือกแต่งงานกับฉันเถอะ

ปีนั้นงานของคุณยายยุ่งเป็นพิเศษ เธอจึงต้องอยู่บ้านตระกูลเฮ่อเป็น
เวลาค่อนข้างนาน คุณป้าเฮ่อจึงตรียมห้องนอนให้เธอเป็นพิเศษ ตอนที่เธอ
ทําการบ้านแล้วนอนฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะมีผ้าห่มอยู่บน
ตัว หรือไม่ก็มีของว่างมากมายวางอยู่บนหนังสือ

ของว่างเหล่านั้น ล้วนเป็นของที่เธอชอบกิน และส่วนใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่


เธอกระซิบบอกกับเฮ่อหยูกวงว่าอยากกินอะไร แล้วหลังจากนั้นสองวันให้
หลังมันก็จะมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ

เธอพูดเรื่องพวกนี้กับเฮ่อหยูกวงเท่านั้น คิดตามหลักเหตุผลแล้วเธอคิด
ว่าต้องเป็นเฮ่อหยูกวงแน่ที่แอบซื้อมาให้เธอ

ตอนแรก เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ กระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่งเธอสอบ


ประจําเดือน แล้ววิชาคณิตศาสตร์ยังไม่ได้ทําอยู่หนึ่งหัวข้อ กลับถึงบ้านเธอ
ก็บ่นกับเฮ่อหยูกวงว่าวิชาเรียนของมัธยมปลายยากมากๆ จากนั้นผ่านไปไม่
นาน บนหนังสือบทเรียนของเธอมักจะเน้นจุดที่สําคัญๆ เอาไว้เสมอ

เริ่มต้นตั้งแต่ตอนนั้น หัวใจของเธอก็ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป พอเจอ


เฮ่อหยูกวง ใบหน้าจะแดงก่ํา หัวใจเต้นถี่รัว ก่อนจะนอนก็อดไม่ได้ที่จะ
คิดถึงเขา
ถัดจากนั้นไปอีก ตอนที่เธอถูกซุนจางรบกวน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะ
คิดถึงเฮ่อหยูกวงอีก

ร่างกายของเฮ่อหยูกวงไม่แข็งแรง ช่วยเธอไม่ได้ แต่เขากลับช่วยเธอ


ด้วยการไปขอให้เฮ่อจี้เฉินที่เธอไม่สนิทด้วยมาช่วย

เธอไม่มีทางลืมเรื่องในบ่ายวันนั้น ที่สนามของโรงเรียน เธอยืนรับคําขอ


โทษจากซุนจางหนึ่งร้อยครั้งโดยถูกจับตามองจากผู้คนมากมาย

แม้เธอจะรู้ ว่าเป็นเพราะเฮ่อหยูกวง เฮ่อจี้เฉินจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ


เธอ แต่หลังจากเลิกเรียนวันนั้น เธอก็ยังเข้าไปหาเฮ่อจี้เฉินก่อน เพื่อ
ขอบคุณเขา

เฮ่อหยูกวงกลัวว่าหลังจากนี้เธอยังจะถูกรังแกอีก จึงพูดกําชับกับเฮ่อจี้
เฉินเป็นพิเศษ ว่าให้ดูแลเธอให้มากๆ ตอนอยู่ที่โรงเรียน

ในเวลานั้นหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสุข เธอค่อยๆ เริ่มสนใจชาย


หนุ่มที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเธอคนนี้

แม้ว่ายายจะเตือนเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่าให้อยู่ห่างจากเฮ่อจี้เฉิน แต่
หลังจากตอนนั้น เธอก็ยอมรับเฮ่อจี้เฉินเป็นเพื่อน เพราะเขาเป็นน้องชาย
ของเฮ่อหยูกวง และเป็นเพราะหลังจากที่เขาได้ยินคําพูดของเฮ่อหยูกวง
ตอนอยู่โรงเรียนเขาจึงดูแลเธอดีมากเป็นพิเศษ

เฮ่อจี้เฉินในตอนนั้น ปฏิบัติกับเธอดีมากจริงๆ แม้นิสัยของเขาจะแย่


มากๆ ที่โรงเรียนไม่มีคนกล้าขัดใจเขา แต่เขาก็ไม่เคยโมโหใส่เธอเลย

ความขัดแย้งเพียงครั้งเดียวของพวกเขา เกิดขึ้นเพราะเชียนเกอ

เชียนเกอชอบเขา เธอจึงช่วยเชียนเกอนัดเฮ่อจี้เฉินให้มาพบกันที่สวน
หลังโรงเรียน อาจเพราะเขาไม่ชอบเชียนเกอ และเพราะเรื่องนั้น ทําให้เขา
เมินเธอ ไม่ยอมสนใจเธออยู่หลายวัน

ลึกๆ แล้วหัวใจของเธอ ณ ตอนนั้น เธอรู้สึกแย่เอามากๆ เพราะความ


เป็นจริง เธอได้ถือว่าเฮ่อจี้เฉินเป็นเพื่อนคนสําคัญที่สุดในชีวิตของเธอไป
แล้ว ดังนั้นเธอจึงขอโทษเฮ่อจี้เฉินก่อน

ความในใจของเธอที่มีต่อเฮ่อหยูกวง แอบซ่อนอยู่ภายในจิตใจลึกๆ มา
โดยตลอด เธอไม่เคยคิดเรื่องที่จะสารภาพรักมาก่อน

กระทั่งก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยหนึ่งสัปดาห์ ห้องเรียนมีงานเลี้ยง วัน


นั้นเธอดื่มเบียร์เยอะมาก จึงรู้สึกเวียนหัวมาก เลยอยากจะกลับบ้าน ฉะนั้น
จึงส่งข้อความหาเฮ่อหยูกวง
หลังจากที่เธอออกมาจากห้องน้ํา เธอเห็นเฮ่อหยูกวงยืนอยู่ตรงข้าม
ห้องน้ํา เธอจึงฉีกยิ้มสดใสให้เขา แล้วเดินโซเซเข้าไปหาเขา

ความจริงเธออยากเรียกเฮ่อหยูกวงว่า "หยูกวง" หรือว่า " เฮ่อหยูกวง"


ตั้งแต่ทีแรกแล้ว เธอไม่อยากเรียกเขาว่า " พี่หยูกวง" แล้ว เพราะนั่นมักจะ
ทําให้รู้สึกว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาเสมอ

วันนั้นเธอถือโอกาสตอนที่เธอเมา ตะโกนเรียกชื่อของเขา เธอไม่แน่ใจ


ว่าสุดท้ายแล้วตนเองเรียกเขาแล้วหรือว่ายังไม่ได้เรียก เพราะหลังจากนั้น
เธอก็ไม่เหลือสติรับรู้อีก

.....

ระหว่างที่สติเลอะเลือน เธอรู้ว่ามีคนจุมพิตเธออย่างอบอุ่น เธอพยายาม


เปิดตามอง แล้วก็มองเห็นใบหน้านั้นของ เฮ่อหยูกวง

เขาทําเธอเจ็บมาก แต่ก็ทําให้เธอมีความสุขมากเช่นกัน เธออาย ตลอด


คืนนั้นเธอไม่กล้าส่งเสียงเลยสักนิด แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ตะโกนเรียกชื่อ
เขา "หยูกวง"

หลังจากตื่นขึ้นมา เธอถึงได้รู้ ว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความฝัน เธอไม่รู้จะ


ทํายังไง ทว่าในใจกลับมีความสุขเล็กๆ
เธอคิด คืนนั้นเฮ่อหยูกวงปฏิบัติกับเธอย่างทะนุถนอม เป็นเพราะว่าเขา
เองก็ชอบเธอใช่ไหม แต่เธอรอแล้วรออีก ก็ยังไม่ได้รับข้อความจากเฮ่อห
ยูกวงสักที เธอคิดว่าเป็นเพราะร่างกายของเฮ่อหยูกวงอ่อนแอ จึงไม่กล้ามา
หาเธอก่อน ดังนั้นเธอจึงเป็นคนไปหาเขาก่อน

เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เธอลืมไม่ลงไปตลอดชีวิต คืนนั้นเธอยืนอยู่ต่อหน้า
“เฮ่อหยูกวง” ทันทีที่เธอสารภาพรักโลกของเธอก็พังทลายลง

เธอคิดยังไงก็คงคิดไม่ถึงว่าคนที่เธอรวบรวมความกล้าเพื่อมาสารภาพ
รักด้วย กลับกลายเป็นเฮ่อจี้เฉิน

สิ่งที่ทําให้เธอคิดไม่ถึงและไม่กล้าคิดยิ่งกว่านั่นก็คือ คืนนั้นคนที่เธอมี
ความสัมพันธ์ด้วย จะเป็นเฮ่อจี้เฉิน

เธอส่งข้อความไปหาเฮ่อหยูกวงชัดๆ ทําไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
หลังจากนั้น เธอจึงพลิกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู จึงพบว่า ข้อความนั้นที่เธอ
บอกให้เฮ่อหยูกวงมารับเธอพิมพ์ไว้แล้ว แต่เธอกลับบันทึกมันเอาไว้ในกล่อง
ข้อความร่าง ไม่ได้ส่งออกไป...

ที่แท้ ทุกสิ่งทุกออย่างเป็นเธอที่เข้าใจผิดไปเอง
เธอนอนกับเพื่อนคนสําคัญที่สุดของเธอ และคนที่เธอชอบเป็นพี่ของ
เพื่อนคนสําคัญที่สุดของเธอ

โลกของเธอพลันเปลี่ยนเป็นสับสนวุ่นวาย เธอไม่รู้ว่าตนเองจะ
เผชิญหน้ากับเฮ่อหยูกวงได้อย่างไร แล้วก็ไม่คิดจะติดต่อกับเฮ่อจี้เฉินอีก เธอ
ที่ไม่รู้จะทํายังไง หนทางเดียวที่สามารถทําได้คือ หนีไปให้ไกล หนีไปจาก
เมืองซู หนีไปจากเฮ่อ หยูกวาง หนีไปจากเฮ่อจี้เฉิน หนีไปจากฝันเลวร้าย
เหลวไหลนี่!

เวลาที่เคลื่อนผ่าน ทําให้ความคลั่งไคล้ที่มีต่อเฮ่อหยูกวง จืดจางลงไป


มาก ทว่าเรื่องนั้นเมื่อสี่ปีก่อนที่ทําให้เธอเจ็บปวดและโศกเศร้า กลับยังคง
อยู่ โดยเฉพาะคําพูดทําร้ายจิตใจของเฮ่อจี้เฉินตอนที่ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอ
มันยังแจ่มชัดอยู่ข้างหูของเธอตลอดเวลา แล้วทุกครั้งที่คิดถึงก็มักจะทําให้
จิตใจของเธอสับสนวุ่นวายได้เสมอ

มือถือที่เธอกําอยู่ พลันสั่นขึ้นมา แล้วส่งเสียง "ติงตง"

สติของจี้อี้ถูกดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอมองไปที่หน้าจอ
โทรศัพท์มือถือใหม่อีกครั้ง
คิดว่าเฮ่อหยูกวงคงรอคําตอบของเธอไม่ไหว จึงส่งข้อความมาหาเธออีก
ว่า "หมานหม่าน ฉันคือเฮ่อหยูกวง เธอยังจําฉันได้ไหม?"

จี้อี้ปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์มือถือ พิมพ์ไปไม่กี่ครั้ง จึงส่งข้อความไป "


พี่หยูกวง ไม่พบกันตั้งนาน"

" ใช่ ไม่ได้ติดต่อกันตั้งนาน ฉันมาหาจี้เฉินที่ปักกิ่ง เลยนึกได้ว่าเธอเองก็


อยู่ที่ปักกิ่ง ฉันได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอมาจากจี้เฉิน เธอว่างตอนไหน? พวก
เรามาเจอกันหน่อยมั้ย"

หากเปลี่ยนเป็นเมื่อสี่ปีก่อน ตอนที่เพิ่งเกิดเรื่องเหลวไหลนั่นกับเธอ
และเฮ่อจี้เฉิน จี้อี้คิดว่าตนเองต้องไม่อยากเผชิญหน้ากับเฮ่อหยูกวงอย่าง
แน่นอน ยังดีที่ตอนนี้ความรู้สึกในช่วงเยาว์วัยเหล่านั้น ถูกกาลเวลาทําให้จืด
จางลงไปจนเธอแทบหาร่องรอยไม่เจอเสียแล้ว พอมีข่าวของเฮ่อหยูกวง
เธอก็มีแต่ความรู้สึกตื่นเต้นของคนที่ไม่ได้พบเพื่อนสนิทมานานเท่านั้น

จี้อี้ไม่ปฏิเสธการนัดเจอกับเฮ่อหยูกวง เธอตอบรับอย่างยินดี "ได้เลย


พี่หยูกวง ของฉันตอนไหนก็ได้ งั้นพอพี่ตัดสินใจเรื่องสถานที่กับเวลาได้แล้ว
ก็ส่งข้อความกลับมาหาฉันแล้วกัน"

……
วันที่สองตอนเที่ยงจี้อี้ก็ได้รับข้อความบอกเวลาและสถานที่ที่นัดพบกัน
จากเฮ่อหยูกวง :”คืนนี้ตอนหนึ่งทุ่ม ร้านกาแฟชั้นสองที่โรงแรมซื่อจี้ (สี่ฤดู)

ตอนที่ 103 / ตอนที่ 104 เลือกแต่งงานกับฉันเถอะ
คืนนั้น เมื่อจี้อี้เหยียบเข้ามาในโรงแรมซื่อจี้ บริกรก็พาเธอ ขึ้นไปชั้นสอง

เมื่อเข้าไปในร้านกาแฟ เธอก็ได้เห็น “เฮ่อหยูกวง” ที่นั่งอยู่ทางด้านหน้า


ของหน้าต่างบานยาว เป็นเหมือนเมื่อก่อน เขามองเธอ แล้วฉีกยิ้มให้อย่าง
อบอุ่น

หลังจากนั่งลงไปแล้ว เฮ่อหยูกวงก็ดันเมนูอาหารไปตรงหน้าของจี้อี้ จี้อี้


รู้ว่าความหมายของเฮ่อหยูกวงคือให้เธอสั่งอาหาร เธอไม่เกรงใจ รับเมนูมา
เปิด มองผ่านๆ รอบหนึ่ง จึงสั่ง *กาแฟหลานซาน มาหนึ่งแก้ว

หลังจากรอให้บริกรเดินจากไปแล้ว จี้อี้จึงถามเฮ่อหยูกวงราวกับเพื่อน
เก่าที่ไม่ได้พบกันมานานว่า “พี่หยูกวง พี่เป็นยังไงบ้าง?”

"เฮ่อหยูกวง” พยักหน้า และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาวางบนโต๊ะ แตะ


เล็กน้อย แล้วจึงผลักไปตรงหน้าของเธอ " ดีมาก แล้วเธอล่ะ ?"

"ฉันก็ไม่เลว" จี้อี้ตอบพร้อมกับฉีกยิ้ม
"เฮ่อหยูกวง" ยิ้มน้อยๆ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วแตะอีกครั้ง " ได้
ยินจี้เฉินบอก หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็กลับไปที่มหาวิทยาลัย
ภาพยนตร์ B ใช่ไหม?"

จี้อี้มองเฮ่อหยูกวงพิมพ์ข้อความจนเสร็จ อยากจะพูดตอบกลับ ทว่าใน


กระเป๋าของเธอกลับมีเสียงของโทรศัพท์ดังขึ้น เธอพูดขอโทษกับเฮ่อหยูกวง
หลังจากรอให้เฮ่อหยูกวงพยักหน้าแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ

เป็นบริษัทจัดหาคู่โทรมา หลังจากการเดทกับผู้ชายคนเมื่อวานล่มไป
พวกเขาจึงช่วยเธอติดต่อกับคนใหม่อีกครั้ง แล้วถามเธอว่าสุดสัปดาห์นี้เธอ
มีเวลาว่างมาพบหรือไม่

จี้อี้ตอบรับ แล้ววางโทรศัพท์ลง หลังจากนั้นจึงคุยเรื่องที่เพิ่งคุยเมื่อครู่


ต่อ "ใช่ เรียนมหาวิทยาลัยยังไม่จบ เลยต้องกลับมาเรียนต่อ แล้วพี่ล่ะ ? พี่ห
ยูกวง? หลายปีมานี้พี่ทําอะไร?"

"เฮ่อหยูกวง" พิมพ์ข้อความ "ช่วยงานตระกูลเฮ่อ"

จี้อี้คิดมาตลอดว่าร่างกายของเฮ่อหยูกวงอ่อนแอ จึงถามอีกครั้งว่า
"แล้วร่างกายล่ะ? แข็งแรงแล้วเหรอคะ?"
"เฮ่อหยูกวง" พยักหน้า ไม่พิมพ์ตัวอักษร ผ่านไปสักพัก เขาเหมือนกับ
คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงแตะบนโทรศัพท์ "เสี่ยวอี้ เธอกําลังดูตัวเหรอ?"

หลังจากมองจี้อี้ ราวกับว่า "เฮ่อหยูกวง" เหมือนจะสังเกตเห็นว่าตนเอง


ถามกะทันหันเกินไป จึงหยิบโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วพิมพ์ต่อ "ฉันได้ยินตอนที่
เธอรับโทรศัพท์น่ะ"

จี้อี้เข้าใจ จึงส่งเสียง "อืม" ให้เฮ่อหยูกวงอย่างรวดเร็ว

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทําไมอยู่ๆ ถึงอยากดูตัวแต่งงานล่ะ ?"

จี้อี้ไม่อยากจะอดีตน่าอายเหล่านั้นมาพูดให้เฮ่อหยูกวงฟัง จึงตอบแบบ
รวมๆ ว่า "เจอเรื่องยุ่งยากนิดหน่อยน่ะ เลยต้องแต่งงานถึงจะแก้ไขเรื่อง
ยุ่งยากนั้นได้”

ราวกับว่า "เฮ่อหยูกวง" มองออกว่าจี้อี้ไม่อยากพูด จึงหลีกเลี่ยงไม่ถาม


ต่อ เขาจ้องออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนกับว่ากําลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปสัก
พัก ปลายนิ้วจึงกดโทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็ว

ผ่านไปราวสามนาที เฮ่อหยูกวงก็ดันโทรศัพท์มือถือไปตรงหน้าของจี้อี้ "


หมานหม่าน ถ้าเธอไม่ได้แต่งงานเพราะความรัก แต่เพื่อแค่แก้ไขปัญหา งั้น
เลือกแต่งงานกับฉันเถอะหมานหม่าน เธอก็รู้ ว่าร่างกายของฉันไม่แข็งแรง
ไม่เหมาะที่จะแต่งงาน แต่ตอนนี้คนในบ้านอยากให้ฉันแต่งงานมาก ถ้าพวก
เราต่างก็ต้องการแต่งงานเพื่อคลี่คลายเรื่องยุ่งยากแล้วล่ะก็ ฉะนั้น หมาน
หม่านเธอก็ลองพิจารณาฉันดูสักหน่อย ยังไงพวกเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วม
ชะตากรรมเดียวกันนะ”

*กาแฟหลานซาน หรือ Blue Mountain Coffee มีต้นกําเนิดมาจาก


ประเทศจาไมก้า ปลูกบนเขาสูงล้อมรอบด้วยทะเลแคริบเบียน น้ําทะเลสีฟ้า
ที่ส่องสะท้อนจากผิวทะเลสามารถมองเห็นได้จากบนเขา กาแฟชนิดนี้จึงมี
ชื่อว่า Blue Mountain Coffee เป็นกาแฟที่มีราคาสูงเป็นอันดับสองของ
โลก มีรสชาติ หวาน เปรี้ยว ขม ผสมผสานกันอย่างลงตัว นอกจากนี้กาแฟ
ยังหอมเข้มข้นมากอีกด้วย

.....

“ เฮ่อหยูกวง” มองจี้อี้ที่ไม่ตอบกลับเป็นเวลานาน จึงหยิบ


โทรศัพท์มือถือกลับมา แล้วพิมพ์ลงไปอีกครั้งว่า “รอจนเธอแก้ปัญหาได้
แล้ว พวกเราสามารถยกเลิกการแต่งงานนี้ได้ตลอดเวลา”
“เพราะเรื่องนี้ทําให้ช่วงนี้ฉันต้องปวดหัว ตอนที่ได้ยินเธอคุยโทรศัพท์
ฉันเลยคิดแผนนี้ขึ้นมาได้ แน่นอน ตอนนี้เธอไม่ต้องให้คําตอบฉันในทันที
เธอคิดให้ถี่ถ้วนก่อนแล้วค่อยติดต่อฉันก็ได้”

……

คืนนั้นจี้อี้นอนไม่หลับ เธอนอนพลิกตัวกลับไปกลับมาอยู่บนเตียงตลอด
ทั้งคืน แล้วในที่สุดจี้อี้ก็ตอบตกลงรับข้อเสนอของเฮ่อหยูกวง

คนที่เธอนัดดูตัวด้วย ต่างก็ต้องการการแต่งงานที่มั่นคง และข้อตกลง


การแต่งงานของเฮ่อหยูกวง ก็เหมาะสมกับเธอมากจริงๆ อีกทั้งเวลาที่
กระชั้นชิด ขืนเธอลังเลต่อไป ผู้กํากับเหลียงต้องได้ข้อสรุปนักแสดงแล้วแน่
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ เฮ่อหยูกวงเป็นคนที่เธอรู้จักเขาดีมากที่สุด และเธอก็ไม่
ต้องเป็นกังวลว่าการแต่งงานกับเขาจะมีอันตรายอะไร

จี้อี้ส่งข้อความตอบตกลงที่จะแต่งงานกับเฮ่อหยูกวงพียงไม่นาน เฮ่อห
ยูกวงก็มาหาเธอ

เขาพาเธอไปที่ร้านถ่ายรูป ถ่ายภาพแต่งงาน เซ็นต์ลายเซ็นต์ผ่านเครื่อง


อิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้นบอกเธอว่า เขาติดต่อกับสํานักงานเขตในเมืองซู
เรียบร้อยแล้ว เขาไปจัดการเรื่องการแต่งงานคนเดียวก็ได้
ตระกูลเฮ่อมีอิทธิพลมากในเมืองซู เธอไม่ต้องไปจัดการเรื่องหนังสือ
สมรสด้วยตัวเองก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังไม่ต้องไปลาหยุดกับมหา’ลัยเพื่อ
จะไปเมืองซูอีกด้วย ดังนั้นหลังจากที่จี้อี้เห็นเฮ่อหยูกวงเซ็นต์ชื่อแล้ว เธอจึง
ไม่มีความสงสัยและลังเลใดๆ อีก จึงมอบอํานจการจัดการและทะเบียนบ้าน
ให้เฮ่อหยูกวงเป็นผู้จัดการ

……

หลังจากนั้นห้าวัน จี้อี้ได้รับพัสดุมาจากเมืองซู เมื่อแกะห่อออก ข้างใน


นอกจากจะมีทะเบียนบ้านที่เธอให้ไว้กับเฮ่อหยูกวงแล้ว ยังมีสมุดทะเบียน
สมรสสีแดงเข้ม เธอเปิดสมุดออก สิ่งที่ปรากฎคือภาพของเธอและเฮ่อห
ยูกวง ด้านล่างมีชื่อเขียนว่า: เฮ่อหยูกวง จี้อี้

จี้อี้มองอยู่สักพัก แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความไปหาเฮ่อห
ยูกวง " พี่หยูกวง ฉันได้รับพัสดุแล้วนะคะ"

ผ่านไปสักพัก เธอก็ได้รับข้อความตอบกลับจากเฮ่อหยูกวง "พ่อกับแม่


อยู่ต่างประเทศ รอพวกท่านกลับมาแล้ว เธอค่อยกลับไปที่เมืองซูเพื่อเยี่ยม
พวกท่านแล้วกัน"
การแต่งงานของเธอ เดิมทีเป็นเพียงแผนเพื่อทําลายเชียนเกอเท่านั้น
เพราะตัดสินใจปุบปับ ดังนั้นเธอจึงไม่คิดจะให้พ่อกับแม่รู้

หากคุณลุงเฮ่อและคุณป้าเฮ่อรู้ว่าเธอและเฮ่อหยูกวงแต่งงานกันแล้ว คิด
ว่าพวกท่านคงจะติดต่อพ่อแม่ของเธอทันที ตอนนี้พวกท่านไม่อยู่ใน
ประเทศ เฮ่อหยูกวงบอกว่ารอให้พวกท่านกลับมาแล้วค่อยแจ้งพวกท่าน
อีกที แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ไม่ต้องกลับไปอธิบายให้พ่อแม่ฟัง ไม่
แน่ว่ารอจนคุณป้าเฮ่อและคุณลุงเฮ่อกลับประเทศมาข้อตกลงแต่งงานของ
เธอและเฮ่อหยูกวงคงจบลงแล้ว

จี้อี้คิดถึงตรงนี้ จึงพิมพ์ข้อความ แล้วส่งออกไป "ฉันรู้แล้ว พี่หยูกวง"

"ฉันรู้แล้ว พี่หยูกวง"

ในโทรศัพท์มือถือของเฮ่อหยูกวง หลังจากที่เฮ่อจี้เฉินเห็นข้อความที่จี้อี้
ตอบกลับมานี้ ก็ไม่ตอบเธอกลับไปอีก และทอดสายตามองไปบนโต๊ะ
หนังสือ

ด้านบนมีหนังสือสมรสกางเปิดอยู่
รูปถ่ายบนหนังสือสมรสหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่ชื่อด้านล่างกลับ
ไม่เหมือนกัน

สมุดสีแดงด้านซ้ายสุด ด้านบนเขียนไว้ว่า : เฮ่อหยูกวง จี้อี้

สมุดสีแดงสองเล่มที่เหลือกลับเป็น : เฮ่อจี้เฉิน จี้อี้

เขาคิด ยังไงเธอก็คงคิดไม่ถึงว่าหนังสือสมรสที่เธอได้ไปนั้น เป็นเงินที่


เขาจ่ายไปห้าร้อยเหรียญเพื่อให้คนทําปลอมขึ้นมา

และหนังสือสมรสสองเล่มข้างหน้าที่ลงนามว่า "เฮ่อจี้เฉิน จี้อี้ ” ต่างหาก


ที่เป็นหนังสือสมรสที่ทางสํานักงานเขตออกให้จริงๆ

เธอรังเกียจเขาขนาดนั้น หากว่าเขาเสนอเรื่องการแต่งงาน เธอต้องไม่


ยอมแต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน แต่เขาทนมองเธอจดทะเบียนกับคนอื่น
ไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นแค่การแต่งงานหลอกๆ ก็เถอะ ดังนั้น เขาจึงคิดออกเพียง
วิธีเดียว นั่นก็คือใช้ฐานะของพี่ชายมาหลอกให้เธอจดทะเบียนสมรสกับเขา
เท่านั้น
ตอนที่ 105 / ตอนที่ 106 เลือกแต่งงานกับฉันเถอะ
คิดถึงตรงนี้ เฮ่อจี้เฉินค่อยๆ เอื้อมมือ ไปหยิบหนังสือสมรสที่มีชื่ออยู่สอง
ชื่อ "เฮ่อจี่เฉิน จี้อี้" ปลายนิ้วของเขาลูบชื่อของเขาและเธอกลับไปกลับมา

ในที่สุดเขาก็ได้แต่งงานกับเด็กสาวที่เขารักอย่างหมดหัวใจ โดยใช้ชื่อ
ของชายหนุ่มที่เธอชอบ

แม้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ จะมีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ แม้ว่าเมื่อข้อตกลง


ในการแต่งงานของเธอและพี่สิ้นสุดลง เขาและเธอจะต้องหย่าจากกัน

แต่ชื่อของเขาและเธอ ก็ยังถูกผูกพันกันไว้ภายใต้การคุ้มครองของ
กฎหมายอยู่ดี

ริมฝีปากของเฮ่อจี้เฉิน ค่อยๆ โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางอย่างช้าๆ ทว่า


ดวงตาของเขา กลับปรากฏความโศกเศร้าอันเข้มข้นเอ่อล้นออกมา

คืนนั้นเมื่อได้รับหนังสือสมรส จี้อี้ก็ติดต่อไปหาผู้ช่วยของผู้กํากับเหลียง
สวีอี้

จี้อี้ไม่พูดอ้อมค้อม เธอพูดกับสวีอี้ที่อยู่ในสายตามตรง ถามว่าเขาได้ยิน


ข่าวลือเรื่องที่เธอเคยทําแท้งใช่ไหม
สวีอี้กลับไม่แปลกใจ ที่เธอรู้เหตุผลที่ผู้กํากับเหลียงหยุดการออดิชั่นของ
เธออย่างกะทันหัน กลับถามเธอว่า "เรื่องที่เธอเคยทําแท้งเป็นเรื่องจริง
เหรอ?"

จี้อี้ไม่ปิดบังสวีอี้และยอมรับอย่างเปิดเผย สวีอี้กลับตกใจเสียด้วยซ้ํา
หลังจากนั้นจี้อี้จึงบอกว่าทีแรกนั้นตนเองไม่ได้ทําแท้งแต่เป็นเพราะท้องนอก
มดลูกและยังบอกข่าวที่ตนเองแต่งงานแล้วกับสวีอี้ เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ตนเอง
พูดเป็นความจริง จึงส่งภาพแต่งงานให้สวีอี้หนึ่งใบ

การออดิชั่นของจี้อี้ในวันนั้นสมบูรณ์แบบมาก ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว
เรื่องที่เชียนเกอพูดว่าเธอเคยทําแท้ง จึงไม่สามารถก่อภัยคุกคามให้กับเธอได้
อีกต่อไป เป็นเหมือนที่จี้อี้บอกเชียนเกอที่สตูดิโอทุกอย่าง เมื่อสวีอี้วาง
โทรศัพท์จากเธอไม่นาน ก็โทรมาหาเธออีก แล้วบอกเธอว่า เขานําเรื่องนี้ไป
บอกผู้กํากับเหลียงแล้ว และผู้กํากับเหลียงก็บบอกว่า บทของ "เสี่ยวจิ่ว" ผู้
กํากับเหลียงจองตัวเธอให้รับบทบาทนี้!

แม้ว่าบท "เสี่ยวจิ่ว" จะไม่ใช่บทที่สําคัญอะไร แต่หลังจากที่ได้ยิน


คําตอบของสวีอี้ จี้อี้ก็ถอนหายใจโล่งอกย่างแรง เธอสลบมาสามปี หลังจาก
ที่ฟื้นขึ้นมาก็ต้องรอมานานขนาดนี้ เธอไม่เสียดายแม้กระทั่งต้องแต่งงาน
ปลอมๆ กับเฮ่อหยูกวง สิ่งที่เธอทุ่มเทไป ในที่สุดก็ไม่เสียแรงเปล่า เพราะใน
ที่สุดก้าวแรกของเธอก็สําเร็จแล้ว
ฉากของ "เสี่ยวจิ่ว" น้อยมาก น้อยจนใช้เวลาถ่ายเพียงแค่สองวัน
เท่านั้น ดังนั้นก่อนที่เธอจะเข้าไปถ่าย จี้อี้จึงไปเข้าเรียนตลอด

ไม่ต้องพูดถึงเธอและเฮ่อหยูกวงที่เคยใช้เวลาวัยเยาว์ร่วมกัน ถึงอย่างไร
ก็ห่างกันมาถึงสี่ปี ความสัมพันธ์จึงแปรเปลี่ยนเป็นความห่างเหินเล็กน้อย
แม้ตอนนี้พวกเขาจะเป็นสามีภรรยาในนามกันแล้วก็ตาม ทว่าตามปกติแล้ว
ก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย ได้เจอกันเพียงครั้งเดียวตอนหลังแต่งงาน คือ
หลังจากที่พวกเขาจดทะเบียนกันได้หนึ่งเดือน เฮ่อหยูกวงมาที่ปักกิ่ง เอากุณ
แจห้องมาให้เธอ แล้วบอกเธอว่านั่นเป็นกุญแจห้องที่ปักกิ่งที่เตรียมไว้ให้
พวกเขาสองคน

แต่พูดไปก็แปลก ก่อนหน้านี้ที่โรงเรียน แม้ว่าตลอดมาจี้อี้จะไม่ตามข่าว


ที่เกี่ยวข้องกับเฮ่อจี้เฉิน แต่ยังได้ยินเรื่องซุบซิบมากมายเกี่ยวกับตัวเขา หรือ
พบเจอกับเขาในมหา’ลัยบ้าง แต่หลังจากที่เธอและเฮ่อหยูกวงจดทะเบียน
สมรสกัน เฮ่อจี้เฉินก็เหมือนกับว่าได้สลายหายไปจากมหาวิทยาลัย
ภาพยนตร์ B อย่างไรอย่างนั้น ไร้ซึ่งข่าวคราวใดๆ

พริบตาเดียว ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของผู้กํากับเหลียง "หวางเฉิง" ก็เปิด


กล้องมาได้สองเดือนแล้ว และจี้อี้ที่รับบทบาท "เสี่ยวจิ่ว" ก็ควรเข้าร่วมการ
ถ่ายทําได้เสียที

.....
บทของ “เสี่ยวจิ่ว” เป็นบทที่เล่นในร่มทั้งหมด ดังนั้นวันที่ถ่ายทําจี้อี้ก็
แค่ต้องรีบมาให้ถึงบริเวณฉากจําลองหนังเรื่อง “หวางเฉิง” ตรงเขตชาน
เมืองให้ทันตอนเก้าโมงก็ได้แล้ว

จี้อี้กลัวว่าจะสาย จึงตั้งใจตั้งปลุกนาฬิกาตั้งแต่ตอนตีห้า

เพื่อให้วันที่ถ่ายทํา ผิวดูสวยสุขภาพดี วันนั้นไม่ถึงสองทุ่มจี้อี้ก็ปีนขึ้นไป


บนเตียงแล้ว

จี้อี้หลับตา เพิ่งเตรียมจะนอนหลับ ประตูหอพักก็ถูกผลักเปิด หลินหย่า


ที่ไม่กลับหอพักได้สองเดือนกว่ากลับมาที่ห้อง

หลังจากเกิดเรื่องทะเลาะกันที่รีสอร์ทหลินหย่าก็ไม่พูดกับจี้อี้อีก จี้อี้เองก็
ขี้เกียจที่จะพูดกับเธอให้มากความ ดังนั้นเธอเพียงแค่มองหลินหย่า แล้วก็
ปิดตาลงอีกครั้ง

บรรยากาศภายในหอพัก เพราะการกลับมาของหลินหย่าความอึดอัดจึง
เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ในฐานะที่ปั้วเฮ่อเป็นหัวหน้าหอพักเพื่อทําให้
บรรยากาศคลี่คลายลง จี้อี้จึงได้ยินเธอพูดเสียงเบากับหลินหย่าว่า

"เสี่ยวหย่า เธอกลับมาแล้วเหรอ?"

"อืม"
"เธอเตรียมมาอยู่ยาวที่หอพักเหรอ?"

"ไม่ พรุ่งนี้อาจารย์มีเรื่องที่จะคุยกับฉัน ฉันกลัวว่าฉันจะมาไม่ทัน ก็เลย


มาค้างที่นี่ก่อนคืนนึง"

" .."

หลังจากนั้นพูดอะไรกันอีก จี้อี้ไม่ได้สนใจ บังคับตนเองให้นอนหลับไป

วันที่สองตอนตีห้า จี้อี้ตื่นตรงเวลา หลังจากอาบน้ําเสร็จแล้ว เธอหยิบ


กระเป๋าที่จัดเตรียมเอาไว้เมื่อคืนก่อนนอน แล้วเดินฝีเท้าแผ่วเบาออกไปจาก
หอพัก

……

วินาทีสุดท้ายก่อนที่ประตูหอพักจะปิด หลินหย่าก็ลืมตาขึ้นทันที เธอ


หยิบโทรศัพท์ แล้วกดส่งข้อความออกไป

……

ฤดูหนาวของเมืองปักกิ่ง ตอนตีห้าเวลาเช้าตรู่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท ใน
เขตของมหาวิทยาลัยแทบจะไม่มีคน เพื่อที่จะไปให้ทัน จี้อี้จึงเดินออกไปทาง
ลัดของมหาวิทยาลัย
ข้างหน้าตึกเก่าของมหาวิทยาลัยที่ถูกทิ้งร้างมีชายหนุ่มสองคนกําลังยืน
สูบบุหรี่อยู่ ตอนที่จี้อี้เดินเข้าไปใกล้ พวกเขามักจะมองมาที่ร่างของเธออยู่
บ่อยครั้ง

จี้อี้ไม่สนใจ เธอเร่งฝีเท้าเพิ่มขึ้น ตอนที่เธอผ่านร่างของชายทั้งสอง อยู่ๆ


หนึ่งในสองคนนั้นก็ทิ้งบุหรี่ในมือ แล้วเอื้อมมาคว้าข้อมือของเธอไว้

สัญชาตญาณสั่งให้จี้อี้ดิ้นรนและส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ทว่ายัง
ไม่ทันได้ส่งเสียง ผู้ชายอีกคนก็เอามือมาปิดปากของเธอ และชายคนแรกที่
จับข้อมือของเธอก็ใช้กําลังบังคับลากเธอเข้าไปข้างในตึกเรียนร้าง

การกระทําของพวกเขาว่องไวมาก รอจนสติของจี้อี้กลับคืนมา เธอก็ถูก


ผู้ชายทั้งสองคนทิ้งไว้ในห้องที่ทั้งสกปรก และรกรุงรัง ภายในห้องยังเต็มไป
ด้วยใยแมงมุม พวกเขามัดเธอไว้บนเก้าอี้เก่า และปิดปากเธอด้วยเทปกาว
เพียงครู่เดียวเท่านั้น พวกเขาก็เดินออกไปจากห้องเรียนอย่างรวดเร็ว

บานประตูที่ห่างออกไป จี้อี้ได้ยินเสียงของพวกเขากําลังล็อคประตูจาก
ข้างนอก หลังจากนั้นเสียงฝีเท้าของคนทั้งสองก็ค่อยๆ หายไป

ทั่วทั้งตึกเรียนที่เก่าและทรุดโทรม ชั่วขณะนั้นเหลือเธอเพียงคนเดียว
เงียบวังเวงจนน่ากลัว
จี้อี้ที่ถูกเทปกาวปิดปาก ทําได้เพียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างอ่อนแรง เธอ
ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ทําอย่างไรก็ไม่สามารถดิ้นหลุดจากเชือกหยาบที่
พันธนาการตัวเธอได้เลย

ผ่านบานกระจก จี้อี้มองเห็นสีของท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างที่ค่อยๆ
สว่างขึ้นมาช้าๆ เธอรู้ว่าเวลากําลังค่อยๆ ผ่านไป หากก่อนเก้าโมง เธอไม่
สามารถไปถึงกองถ่ายได้ตรงเวลา บท “เสี่ยวจิ่ว”ของเธอกลัวว่าอาจจะ
รักษาเอาไว้ไม่ได้อีกครั้ง
ตอนที่ 107 / ตอนที่ 108 เลือกแต่งงานกับฉันเถอะ
รักษาบทของ “เสี่ยวจิ่ว” ไว้ไม่ได้อีกครั้ง..เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้น
ความคิดของเธอก็ชะงักงัน

บนโลกใบนี้ ใครกันที่กลัวที่สุดว่าเธอจะได้รับบท "เสี่ยวจิ่ว" ? ก็เชียน


เกอไงล่ะ....

เห็นได้ชัดว่าผู้ชายสองคนนั้นกําลังรอเธออยู่ ทางออกของประตูโรงเรียน
มีตั้งหลายทาง แต่พวกเขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเธอจะต้องเดินผ่านตึกเรียน
ร้างนี้แน่ๆ?

แน่นอนว่าต้องมีคนมาแอบบอกข่าวกับพวกเขาก่อนล่วงหน้า และคนที่
แอบบอกพวกเขาต้องเป็นคนที่เข้าใจเธอมากที่สุด

แต่เชียนเกอและเธอไม่ได้ติดต่อกันมาสามปี ดังนั้นคนๆ นั้นก็คือ...ความ


สงสัยปรากฏเข้ามาในหัวใจ ทันใดนั้นในสมองของจี้อี้ก็คิดถึงเมื่อคืนวานที่
อยู่ๆ หลินหย่าก็กลับมาที่หอพัก ใบหน้าของเธอปรากฏความเยียบเย็น
ขึ้นมา

ที่แท้ ที่เธอต้องถูกขังอยู่ที่นี่ตอนนี้ เป็นเพราะเชียนเกอและหลินหย่า


ร่วมมือกันวางแผนมาก่อนแล้ว จุดประสงค์ก็เพื่อทําให้เธอไม่ได้รับบท
"เสี่ยวจิ๋ว" !
ขณะที่คิด จี้อี้ก็มองสิ่งที่อยู่ที่อยู่รอบๆ ไปด้วย หน้าต่างห้องเรียนหันหน้า
ไปทางรั้วของมหา’ลัย นอกหน้าต่างไม่มีทางมีคนเดินผ่านมาแน่นอน แม้เธอ
จะพยายามกระเสือกกระสนไปที่ข้างหน้าหน้าต่าง ก็ไม่สามารถตะโกนขอ
ความช่วยเหลือได้อยู่ดี และระเบียงทางเดินนอกห้องเรียนอีกชั้นนึง ประตูก็
ยังโดนล็อกเอาไว้อีก ยิ่งกว่านั้นไหนจะตึกนี้ที่เดิมทีก็ถูกทิ้งร้างมาหลายปี
ปกติแล้วจึงไม่มีคนเดินเข้ามา...

ไม่อาจไม่ยอมรับจริงๆ ว่าแผนนี้ของพวกเธอช่างโหดเ**้ยมและแยบยล
จริงๆ เมื่อลงมือ ก็ไม่คิดจะให้โอกาสเธอหนีไปได้!

ริมฝีปากของจี้อี้เม้นแน่นอย่างเงียบๆ

พวกเธอวางแผนคํานวณไว้อย่างดี แต่เธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก


แม้ว่าตอนนี้เธอจะเหมือนติดอยู่ในทางตันก็ตาม

แต่หากเธอไม่พยายาม อนาคตของเธอคงหมดหวังจริงๆ แล้ว เพียงแค่


เธอไม่ท้อถอย ก็จะมีความหวังเสมอ!

ในเมื่อขอความช่วยเหลือไม่ได้ ดังนั้นก็คงได้แต่พึ่งตัวเองแล้ว!

จี้อี้ก้มหน้า มองมือทั้งสองข้างของตนเองที่ถูกมัด เธอไม่ลังเลเลยสักนิด


วินาทีต่อมาเธอก็เอามือที่ถูกเชือกมัดไว้ ไปถูกับเก้าอี้
เชือกหยาบๆ ขยับไปตามแรงเลื่อนขึ้นลง เธอถูจนข้อมือเจ็บระบม ไม่
นานผิวขาวของเธอก็แตกมีเลือดไหลออกมา แต่เธอไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย
สักนิด เพียงกัดฟันแน่น อดทนความเจ็บปวด ใช้เชือกถูกับเก้าอี้ต่อไป

……

ในสองเดือนนี้ แม้เฮ่อจี้เฉินจะอยู่ที่กองถ่ายหนังเรื่อง "หวางเฉิง" ตลอด


แต่เพราะถังฮว่าฮว่า เขาจึงรู้เรื่องราวในชีวิตประจําวันของจี้อี้

ตอนสามทุ่มครึ่งก่อนจี้อี้จะไปที่กองถ่าย เขาก็ได้รับข้อความที่ถังฮว่าฮ
ว่าส่งมาให้อย่างตรงเวลา

"รุ่นพี่เฮ่อ วันนี้ไม่มีเรียน เสี่ยวอี้อยู่ในห้องตลอดไม่ได้ออกไปไหน ตอน


กลางคืนไม่ถึงสามทุ่มเสี่ยวอี้ก็นอนแล้ว เหมือนว่าเธอจะตั้งนาฬิกาปลุกตอน
ตีห้า บอกว่าจะรีบตื่นไปให้ทันกองถ่าย"

จากมหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B ถึงกองถ่าย ถ้ารถไม่ติด คาดว่าจะใช้


เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น

เช้าตรู่ของเมืองปักกิ่ง การจราจรราบรื่นมาก ถ้าจี้อี้ตื่นนอนตอนตีห้า


อย่างช้าสุดก็มาถึงกองถ่ายตอนหกโมงครึ่ง

.....
ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ "หวางเฉิง" ไปถ่ายทํานอกสถานที่ตลอด ใน
ฐานะที่เฮ่อจี้เฉินเป็นรองผู้กํากับ เขาจึงต้องอยู่ในกองถ่ายตลอดเวลา
นอกจากหนึ่งเดือนก่อน ที่เขาใช้ตัวตนของพี่ชายเฮ่อหยูกวงมาที่ปักกิ่งเพื่อ
เอากุญแจห้องที่เขาเตรียมไว้สําหรับการแต่งงานปลอมๆ ของพวกเขามาให้
จี้อี้ แล้วเขาก็ไม่ได้เจอเธออีก ดังนั้นเช้าของวันถัดไป ไม่ทันจะหกโมง เฮ่อจี้
เฉินก็ตื่นแล้ว

ตอนแรกรอเวลาจนถึงหกโมงเช้า เฮ่อจี้เฉินไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีตรงไหน
ที่ผิดปกติ แต่เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป กระทั่งหกโมงห้าสิบนาที เมื่อเฮ่อจี้เฉิน
เห็นจี้อี้ยังไม่มาสักที ตัวเขาก็เริ่มกระสับกระส่าย

เขารอต่อไปอย่างอดทน เพียงห้านาทีสั้นๆ เฮ่อจี้เฉินกลับรู้สึกเหมือนกับ


ว่าเวลาช่างยาวนานราวกับผ่านไปหนึ่งทศวรรษอย่างไรอย่างนั้น เขาเห็นจี้อี้
ยังไม่ปรากฏตัว ก็หยิบโทรศัพท์มือถือ ส่งข้อความไปหาถังฮว่าฮว่า

รอไปได้ครึ่งนาที เฮ่อจี้เฉินมองถังฮว่าฮว่าที่ยังไม่ตอบข้อความกลับมา
จึงโทรหาเธอโดยตรง

เสียงรอสายดังประมาณสามครั้ง ก็มีคนรับโทรศัพท์ ถังฮว่าฮว่าที่อยู่ใน


สายพูดด้วยน้ําเสียงงัวเงียว่า "ฮัลโหล" เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ตื่น

เฮ่อจี้เฉินไม่รอให้เธอพูดต่อ ก็ตัดบทคําพูดของเธอว่า "จี้อี้ล่ะ ?"


“ หือ?” ถังฮว่าฮว่าที่อยู่ปลายสายสับสนมึนงงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบ
กลับไปว่า “เธอไม่ได้ไปกองถ่ายเหรอ?”

"ไปตอนกี่โมง?" เฮ่อจี้เฉินขมวดคิ้วแน่น

"ตีห้า..." ถังฮว่าฮว่าที่อยู่ในสายโทรศัพท์ หยุดพูดชั่วคราว แล้วจึงพูด


อีกครั้งว่า "...เธอออกไปตั้งแต่ตอนตีห้าสิบนาทีแล้ว ตอนที่นาฬิกาปลุกใน
มือถือดังปลุกฉันกับหลินหย่าตื่น ฉันยังไปเข้าห้องน้ํา..."

ถังฮว่าฮว่ายังพูดไม่ทันจบ เฮ่อจี้เฉินก็จับประเด็นสําคัญได้ “หลินหย่า?"

ถังฮว่าฮว่าเป็นคนพูดมาก เพื่อจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเฮ่อจี้เฉิน
เพิ่ม ดังนั้นจึงพูดสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมด " ใช่ เมื่อวานอยู่ๆ หลินหย่าก็กลับมา
อยู่ที่หอ เธอบอกปั้วเฮ่อว่าตอนเช้าอาจารย์มีธุระเรียกพบเธอ เธอกลัวว่าเธอ
จะตื่นไม่ไหว เลยกลับมาอยู่หอ แต่พูดแล้วก็แปลก เสี่ยวอี้ต้องไปกองถ่าย
เธอเลยต้องออกตั้งแต่ตีห้า แต่ตอนตีห้ากว่าๆ อยู่ๆ หลินหย่าก็ออกไป
เหมือนกัน..."

คนสองคนเดินตามกันออกมาจากหอ...ในใจของเฮ่อจี้เฉินกระตุกวูบ เขา
ไม่รอให้ถังฮว่าฮว่าพูดจบ ก็วางโทรศัพท์ แล้วรีบเดินไปที่ลาดจอดรถอย่าง
รวดเร็ว
อยู่ๆ หลินหย่าก็กลับมาที่หอ วันนี้จี้อี้ก็มาไม่ถึงกองถ่าย มันจะต้องมี
เรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน...ขณะที่คิด จังหวะการก้าวเท้าของเฮ่อจี้
เฉินก็เปลี่ยนเป็นวิ่ง

หลินหย่าเดินตามหลังจี้อี้ออกไป เห็นชัดๆ ว่าหล่อนกําลังสะกดรอยเธอ

ตอนนี้จี้อี้มาไม่ถึงกองถ่าย เรื่องนี้หนีไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับหลินหย่าแน่!

หลินหย่าไม่รู้ล่วงหน้าว่าจี้อี้นั่งรถแท็กซี่คันไหน ดังนั้นเปอร์เซ็นต์ความ
เป็นไปได้ที่คนขับรถรถแท็กซี่จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก็กลายเป็นศูนย์

ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าจี้อี้ขึ้นรถแท็กซี่ได้ เธอก็ต้องเดินทางมาถึงที่กอง


ถ่ายอย่างปลอดภัยแน่นอน

ในเมื่อบนถนนไม่น่าจะเกิดเรื่องขึ้นได้ งั้นก็เหลือความเป็นไปได้เพียง
อย่างเดียว ก็คืออาจเป็นไปได้มากว่าจี้อี้จะยังไม่ออกมาจากประตู
มหาวิทยาลัย!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฮ่อจี้เฉินก็กระชากประตูเปิดออก เข้าไปนั่ง แม้แต่เบลท์


ก็ไม่คาด เหยียบคันเร่งแล้วพุ่งไปที่มหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 109 / ตอนที่ 110 เลือกแต่งงานกับฉันเถอะ
หลังจากที่หลินหย่าเห็นกับตาตัวเองว่าจี้อี้ถูกชายหนุ่มสองคนลากเข้าไป
ในตึกเรียนร้างแล้ว เธอก็ยืนอยู่ที่เดิมสักพัก หลังจากแน่ใจว่าจี้อี้ติดอยู่ในนั้น
และออกมาไม่ได้จริงๆ จึงกลับไปที่หอพักอีกครั้งแล้วปืนกลับขึ้นไปนอนบน
เตียงต่อ

ไม่รู้ว่านอนหลับไปนานแค่ไหน โทรศัพท์มือถือของหลินหย่ามีสายโทร
เข้า เสียงเรียกเข้าดังจนเธอตื่นขึ้นมาจากความฝัน

เธอกวาดตามาชื่อที่ปรากฏอยู่บนโทรศัพท์อย่างสะลึมสะลือ หลังจาก
เห็นชื่อที่หน้าจอโทรศัพท์ก็ตาสว่างขึ้นมาทันที

เธอนั่งลุกขึ้นนั่ง แล้วมองไปรอบๆ หอ ไม่รู้ว่าถังฮว่าฮว่าและปั้วเฮ่อออก


ไปตอนไหน แล้วจึงสไลด์หน้าจอเพื่อรับโทรศัพท์ น้ําเสียงที่เอ่ยฟังดูเป็น
ทางการ "คุณเชียนเกอ สวัสดีค่ะ"

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงปลายสายก็ดังออกมาอย่างไพเราะอ่อนโยน " เรื่อง


ที่ฉันให้เธอจัดการ เป็นยังไงบ้างแล้ว ?"

" คุณเชียนเกอ คุณวางใจได้ เรื่องนั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว สองชั่วโมง


ก่อนหน้านี้ มันติดอยู่ในตึกเรียนร้างของโรงเรียนพวกเรา" หลินหย่าพูดเอา
ใจโดยการเล่าสถานการณ์ให้ฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง " ฉันเห็นกับตาของ
ตัวเองมันถูกคนสองคนที่คุณจัดมาให้ ลากเข้าไปในตึกเรียนร้าง ตึกนั่นปกติ
แล้วไม่มีคนเข้าไปหรอก ดังนั้นแค่เราไม่เข้าไปปล่อย ไม่ใช่แค่เที่ยงวันนี้ จะ
ขังมันไปจนถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้ก็ยังได้"

เชียนเกอที่อยู่ในโทรศัพท์ พอได้ยินหลินหย่าพูดแบบนี้ ก็ดูพึงพอใจมาก


จึงหัวเราะเสียงต่ํา "งั้นก็ดี ถ้าฉันมีอะไรอีกจะโทรหาเธอแล้วกัน"

หลินหย่าเห็นว่าเชียนเกอจะวางสายแล้ว จึงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า "คุณ


เชียนเกอ"

"หืม?"

หลินหย่าลังเลสักพัก จึงพูดอย่างอึกอักว่า "คุณเชียนเกอ ตอนแรกที่


คุณมาหาฉัน แล้วบอกฉันว่า ถ้าฉันช่วยคุณจัดการเรื่องนี้จนสําเร็จ คุณบอก
ว่า บทของจี้อี้ก็จะเป็นฉัน...ฉันอยากรู้ว่า ตอนนี้ถือว่าฉันทํางานสําเร็จหรือ
ยังคะ?"

" อ้อ เรื่องนี้เอง..." เชียนเกอลากเสียงยาว เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ


ขึ้นมาทันที "..เธอวางใจได้ ถ้าเก้าโมงมันยังมาไม่ถึง ก็จะถ่ายไม่ได้ ผู้กํากับ
เหลียงต้องไม่พอใจมากๆ อย่างแน่นอน แล้วถ้ารอจนถึงเที่ยง มันยังไม่มาอีก
ผู้กํากับเหลียงต้องเปลี่ยนคนอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นฉันก็จะแนะนําเธอ
เธอรอข้อความจากฉันก็พอแล้ว"

หลินหย่ายิ้มออกขึ้นมาทันที "คุณเชียนเกอ ขอบคุณค่ะ"


เชียนเกอที่อยู่ปลายสายไม่พูดอะไร แล้วตัดสายโทรศัพท์ไป

ภายในหอพักกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง หลินหย่าวางโทรศัพท์ลง ริม


ฝีปากฉีกยิ้มขึ้นมากกว่าเดิม

แม้ว่าตอนที่อยู่ที่รีสอร์ท เธอไม่รู้จะใช้ประโยชน์จากจี้อี้ยังไง แต่ตอนนี้


เธอใกล้จะแย่งบทของจี้อี้มาได้แล้ว และยังเป็นภาพยนตร์ของผู้กํากับเหลียง
อีก ถือว่าเป็นการระบายแค้นที่เธอได้รับมาตั้งแต่ต้น!

ขณะที่คิด หลินหย่าอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข


ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง เธอเปิดผ้าห่มออกอย่าง
สบายๆ เพิ่งเตรียมจะลงจากเตียงไปอาบน้ํา ทันใดนั้น ประตูหอพักก็ถูกคน
ใช้เท้าถีบเปิดอย่างรุนแรง

.....

หลินหย่าตกใจจนปลายนิ้วกระตุก เงยหน้ามองไปที่ประตูอย่างไม่สบ
อารมณ์ ขณะที่เธอคิดจะจะตะโกนด่าออกไปว่า "เป็นบ้ารึไง" กลับเห็นเฮ่อจี้
เฉินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาในห้อง คําพูดที่จะเอ่ยหยุดลงฉับพลัน เธอจ้อง
มองเฮ่อจี้เฉินที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาถึงสองเดือนเต็ม

ท่าทางที่เฮ่อจี้เฉินถีบประตูดุดันรุนแรง ทําให้คนในหอห้องข้างๆ พากัน


ตื่นตกใจ คนไม่น้อยจึงวิ่งออกมามุงดู
ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ของพวกผู้หญิงงที่มุงอยู่ ฝีท้าของเฮ่อจี้
เฉินไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด เขาเดินตรงมาที่หน้าเตียงของหลินหย่า

สติของหลินหย่าค่อยกลับคืนมา พูดเสียงแผ่วว่า "พี.่ .."

คําว่า " เฮ่อ" ยังไม่ทันหลุดออกมาจากปาก เฮ่อจี้เฉินก็เอื้อมมือไป ดึง


แขนของหลินหย่า กระชากเธอมาจากเตียงนอนอย่างรุนแรง

หลินหย่าตนใจจนส่งเสียงกรีดร้องออกมา เธอยังไม่ทันรู้ว่านี่มันเรื่อง
อะไรกันก็ถูกเฮ่อจี้เฉินเหวี่ยงอย่างแรงจนหลังกระแทกเข้ากับบันไดที่ใช้ปืน
ขึ้นเตียง

บันได้ทํามาจากเหล็ก หลังของหลินหย่าถูกกระแทกจนเจ็บระบม เธออ้า


ปากหายใจด้วยความเจ็บ น้ําเสียงดุดันของเฮ่อจี้เฉินดังขึ้นที่เหนือหัวเธอว่า
"เธอล่ะ?"

หลินหย่าตัวสั่นเทา กระทั่งความเจ็บปวดที่หลังค่อยๆ บรรเทาลง แล้ว


จึงฝืนลืมตาขึ้นมองไปที่เฮ่อจี้เฉิน ริมฝีปากสั่น ขณะที่จะถามเขากลับไปว่า
"อะไร?" ทันใดนั้น ใบหน้าของเฮ่อจี้เฉินก็เย็นชาอย่างถึงขีดสุด เขาดึงแขน
ของเธอ เหวี่ยงเธอไปที่หน้าต่างหอ เปิดหน้าต่างออกอย่างรวดเร็ว แล้วผลัก
เธอไปข้างนอกหน้าต่าง ดันร่างของหลินหย่าออกไปด้านนอกหน้าต่างกว่า
ครึ่ง เขาจึงค่อยพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาดุดันว่า " เธออย่ามาแกล้งโง่กับฉัน
ฉันไม่มีความอดทนจะมาพูดเรื่องไร้สาระกับเธอหรอกนะ ฉันถาม ว่าเธอเอา
จี้อี้ไปไว้ที่ไหน?"

ความว่างเปล่าที่ด้านหลัง ทําให้ใบหน้าของหลินหย่าไร้สีเลือด ผ่านไป


สักพัก เธอจึงค่อยรู้ว่าที่เฮ่อจี้เฉินมาหาเธอเพราะอะไร

แผนของเธอและเชียนเกอ แนบเนียนไม่มีที่ติ ไม่มีคนที่สามรู้ แล้วเขาจะ


รู้ได้อย่างไรว่าเรื่องที่จี้อี้หายตัวไปเกี่ยวข้องกับเธอ? หรือว่าเขาจะเดาได้?

ฟันของหลินหย่าสั่นกระทบกัน เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบเสียงสั่น


อีกครั้งว่า " พี่เฮ่อ ฉันไม่รู้ว่าพี่กําลังพูด.."

"...กรี้ดด.." เสียงของหลินหย่าพลันเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง

ร่างของเธอสองในสามถูกเฮ่อจี้เฉินผลักออกไปข้างนอกหน้าต่าง มือ
ของเธอสั่นระริก พยายามที่จะคว้าจับสิ่งของ เพื่อทําให้ตนเองรู้สึก
ปลอดภัย เธอตกใจจนน้ําตาไหลทะลักออกมา

เฮ่อจี้เฉินเหมือนมองไม่เห็น คําพูดของเขายังคงเย็นชาและแข็งกระด้าง
"ฉันจะพูดอีกครั้ง ที่ฉันอยากจะได้ยินคือเธออยู่ที่ไหน? เธอแค่ให้คําตอบที่
ฉันต้องการก็พอแล้ว ถ้าขืนเธอยังกล้าพูดเรื่องไร้สาระออกมาอีกแม้แต่คํา
เดียวละก็..."
เฮ่อจี้เฉินไม่พูดอีก แต่ผลักหลินหย่าออกไปนอกหน้าต่างอีก หลินหย่า
ตกใจจนพูดออกมาทั้งน้ําตาว่า " ฉันบอกแล้ว ฉันบอก.. เธอ เธอ เธอ..อยู่ที่
ตึกเรียนร้าง..."
ตอนที่ 111 / ตอนที่ 112 ไม่คู่ควรให้ฉันทําแบบนี้
หลินหย่ายังพูดไม่ทันจบ เฮ่อจี้เฉินที่รู้ว่าจี้อี้อยู่ที่ไหน ก็ลากหลินหย่า
กลับเข้ามา สะบัดเธอทิ้งไว้ข้างๆ ไม่ทิ้งคําพูดอะไรไว้ แล้วก้าวเท้ายาวๆ พุ่ง
ออกไปนอกหอพักอย่างรวดเร็ว

ประตูหอพักเปิดกว้าง นอกประตูมีคนไม่น้อยยืนดูฉากนี้ ทุกคนเหมือน


โดนความโหดเ**้ยมที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาเมื่อครู่ทําให้ตกตะลึงไป
ตอนที่เขาเดินออกมา ทุกคนต่างก็ถอยหลังพร้อมกันหลายก้าวโดยไม่ได้นัด
หมาย

กระทั่งเงาร่างของเฮ่อจี้เฉิน หายไปตรงมุมเลี้ยวของบันได บริเวณ


ทางเดินที่เงียบสงัด จึงมีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมา

ทุกคนจ่างก็กําลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกิดขึ้น

"เกิดอะไรขึ้นน่ะ?"

" ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ว่าจากที่พวกเขาคุยกันเมื่อกี้ เหมือนว่า หลิน


หย่าจะเอาจี้อี้ไปขังเอาไว้ที่ไหนสักแห่งนะ?"

"ทําไมหลินหย่าถึงต้องทํากับจี้อี้แบบนี้ล่ะ ? พวกเราอยู่ในหอเดียวกัน
แท้ๆ ไม่มากไปเหรอที่ทําแบบนี้ ?"

“……”
คําพูดเหล่านั้น ยิ่งมายิ่งดังมากขึ้น ปลุกหลินหย่าที่ถูกเฮ่อจี้เฉินทําให้
ตกใจจนเหมือนกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่างให้ได้สติกลับคืนมา เธอพิงตู้
ที่อยู่ตรงระเบียง สูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง แล้วจึงฝืนยืดตัวตรง
หลังจากนั้นเดินขาสั่นๆ ไปที่หน้าประตู ปิดประตูลง ตัดขาดเสียง
วิพากษ์วิจารณ์ตรงทางเดินที่ดังมาอย่างไม่ขาดสาย -

จี้อี้ไม่รู้ว่าตัวเองติดอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว แต่เธอรู้ มันต้องสายมาก


แล้วแน่ๆ เพราะพระอาทิตย์บนท้องฟ้ายิ่งมาก็ยิ่งขึ้นสูง แสงสว่างยิ่งมาก็ยิ่ง
เจิดจ้ามากขึ้น

ข้อมือของเธอ โดนเชือกเสียดสีจนมีเลือดสดๆ ไหลออกมา ทําให้ดูบวม


หนากว่าปกติ

เธอไม่อยากยอมแพ้ แต่เธอรู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่ตนเองขยับ ความเจ็บก็


จะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งข้อมือ ความรุนแรงนั้นทําให้ร่างทั้งร่างของเธอสั่นระริก

แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านหน้าต่าง ค่อยๆ เคลื่อนไปทีละนิด ตอนที่ส่องมา


โดนใบหน้าของจี้อี้ ความผิดหวังที่ปกคลุมในหัวใจของเธอ ก็ยิ่งเข้มข้นมาก
ขึ้นเรื่อยๆ

แม้จะมองไม่เห็นเวลาที่แน่ชัด แต่ดูจากพระอาทิตย์ที่ขึ้นสูง คิดว่าน่าจะ


ใกล้เก้าโมงแล้ว
เธอไม่ใช่จี้อี้เมื่อสีปีก่อนที่มีชื่อชื่อเสียงอีกแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะสาย และยิ่ง
ไม่มีสิทธ์ ทําให้คนทั้งกองถ่ายต้องล่าช้าในการถ่ายทําเพราะเธอ กลัวแต่ว่า
พอถ่ายไปสักพัก พอผู้กํากับเห็นเธอยังไม่มาสักที ถึงเวลานั้นก็คงจะเปลี่ยน
คนที่ใช้ถ่าย...

จี้อี้ที่ไม่ยอมแพ้ กัดฟันแน่นอีกครั้ง แล้วสีเชือกที่มัดข้อมือของตนเอง


ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ข้อมือ แผ่ลามขึ้นมา กระจายไปทั่วทั้งร่าง เธอ
พลันสะดุ้ง เจ็บปวดจนลมหายใจสะดุด หน้าผากปรากฏเหงื่อเย็นไหลซึม
ออกมา

เธอกลั้นหายใจ รออยู่นาน รอให้ความเจ็บปวดนั้นเบาบางลง เธอ


อยากจะให้ตนเองสมารถทนความเจ็บปวดจากการเสียดสีของเชือกได้ แต่
ข้อมือราวกับไม่ใช่ข้อมือของเธอ จะขยับอย่างไรก็ขยับไม่ได้

ความสิ้นหวังราวกับคลื่นที่ถาโถม ทําให้เธอจมดิ่งลงไป

ความแข็งแกร่งในดวงตาของจี้อี้ ค่อยๆ หายไป ถูกแทนที่ด้วยความ


โศกเศร้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด

หรือว่าครั้งนี้ เธอต้องแพ้ให้กับเชียนเกอจริงๆ?

นี่เป็นโอกาสที่เธอได้มาอย่างยากลําบาก หากว่าพลาดโอกาสครั้งนี้ไปล่ะ
ก็ เธอก็คงจะเหมือนกับก่อนหน้านื้ที่เพิ่งฟื้นใช่หรือเปล่า ต้องรอคอยนาน
แสนนาน จึงจะมีโอกาสใหม่อีกครั้ง..ยิ่งกว่านั้นบางที เธออาจจะไม่มีโอกาส
อีกแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเธอก็แดงก่ํา เธอรู้สึกได้ว่าความเปือกชื้น


กําลังมารวมตัวกันที่ขอบตา ตอนที่เธอคิดว่าน้ําตากําลงจะไหลออกมานั้น
เธอพลันได้ยินเสียงฝีเท้ารีบร้อนดังมาจากทางด้านนนอก

.....

จี้อี้ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันแน่ใจว่าตนเองหูแว่วไปเองหรือไม่ ทันใดนั้นอยู่ๆ


ก็มีเสียง "ปัง" เสียงดังมาก มาจากประตูหลังห้องเรียน

จี้อี้ตกใจจนหัวใจเต้นถี่รัว เธอหันหน้ากลับไปมองประตูหลังตาม
สัญชาตญาณ

ประตูเก่าบานนั้น ไม่รู้ว่าโดนอะไรกระแทกเข้า จึงมีฝุ่นร่วงลงมาเป็น


จํานวนมาก

บานประตูสั่นไหว ยังไม่ทันได้หยุดนิ่ง ก็มีเสียง “ปัง” ดังเสียดหู เข้ามา


อีกครั้ง

จี้อี้ที่มองไปที่ประตูพอดี เธอเห็นกับตาตัวเองว่าวินาทีต่อมาประตูก็ล้ม
ลงไปกับพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่น
หลังจากนั้น จี้อี้มองเห็นเพียงรองเท้าหนังสีดําข้างหนึ่ง เหยียบขึ้นไปบน
บานประตูที่ปริแตก

ที่แท้ มีคนเข้ามาจริงๆ ..ในขณะที่เธอกําลังสิ้นหวังและหมดหนทางมาก


ที่สุด

จี้อี้รู้สึกได้ว่าหัวใจที่เพิ่งจะหมดหวังของตนนั้น ค่อยๆ เริ่มเต้น และ


กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

หัวใจของเธอเต้นรัว สายตามองไปที่รองเท้าหนัง แล้วค่อยๆ เลื่อนขึ้น


ไปเห็นสองข้างเรียวยาว เสื้อเชิ้ตสีขาว ปกเสื้อที่เปิดออกเล็กน้อยเผยให้เห็น
กระดูกไหปลาร้าที่งดงาม ส่วนโค้งของแนวกรามที่สมบูรณ์แบบ...สายตา
ของจี้อี้หยุดชะงักเล็กน้อย แล้วจึงเลื่อนขึ้นไปต่อ ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย
จึงสะท้อนเข้ามาในดวงตาของเธอ

ด้วยความคุ้นชินที่ทํามาหลายปี ทําให้วินาทีต่อมาสายตาของเธอก็มอง
ลงไปที่ข้อมือของชายหนุ่ม ตอนเห็นเชือกสีแดงที่ผูกอยู่ที่ข้อมือของเขา
ปลายนิ้วของเธอก็กระตุกเล็กน้อย ความรู้สึกอึดอัดไร้อิสระ พลันเกาะกุมตัว
เธอ

เป็นเฮ่อจี้เฉิน..แต่ว่า เขา เขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่ได้ยังไง?

ในสมองของจี้อี้ปรากฏความประหลาดใจ เธอยังคิดอะไรไม่ออก เฮ่อจี้


เฉินก็มายืนอยู่ตรงหน้าของเธอเสียแล้ว
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น สีหน้าของเขาน่ากลัวจนทําให้เธอ
ตกใจ เขามองมือและขาเธอที่ถูกมัดอยู่เพียงแวบเดียว ก็ก้มลงแก้เชือกที่มัด
เธออยู่

ท่าทางแบบนี้ของเขา ทําให้เธอและเขาใกล้กันมากเป็นพิเศษ

จี้อี้มองลําคอขาวของเฮ่อจี้เฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นเม็ดเหงื่อไหลเข้าไปใน
เสื้อเชิ้ตของเขา

เธอสะดุ้ง แล้วจึงหันไปมองเฮ่อจี้เฉินที่ก้มหน้าอยู่ ไม่รู้ว่าเขาเพิ่งไปเจอ


อะไรมา ทั้งที่อยู่ในฤดูหนาวแท้ๆ แต่ทั่วทั้งร่างของเขากลับเต็มไปด้วยเหงื่อ
แม้กระทั่งเส้นผมก็ยังมีเหงื่อเปียกชื้นไหลลงมาเต็มหน้าผาก แล้วร่วงลงมา
หลายหยด

ภายในห้องเงียบมาก ทั้งสองคนต่างก็ไม่พูดอะไร

เฮ่อจี้เฉินปลดเชือกที่พันธนาการเท้าของจี้อี้ออก เขาเอื้อมมือดึงเทปกาว
ที่ปิดปากของจี้อี้ออกก่อน แล้วหลังจากนั้นจึงแก้เชือกที่อยู่บนข้อมือของเธอ

ปลายนิ้วของเขายังไม่ทันแตะไปที่ข้อมือของเธอ สายตาก็เห็นเชือกที่ถูก
ย้อมไปด้วยสีแดงเข้าเสียก่อน เขาจึงค่อยพบว่าผิวเนื้อบริเวณข้อมือที่มี
เชือกมัดอยู่นั้น ถลอกปอกเปิกจนดูไม่ได้ และมีเลือดไหลออกมาจากปาก
แผลไม่หยุด
ที่เขามาอยู่ข้างๆ เธอ และให้เธออยู่ในที่ๆ ที่เขาสามารถมองเห็นได้ ก็
เพื่อที่จะได้ปกป้อง…คุ้มครองเธอ แต่สุดท้ายเขาก็ยังทําให้เธอได้รับบาดเจ็บ
..

ปลายนิ้วของเฮ่อจี้เฉิน สั่นเล็กน้อย สีหน้าที่เดิมก็เย็นชาอยู่แล้ว ยิ่งเย็น


เยียบมากขึ้นไปอีก
ตอนที่ 113 / ตอนที่ 114 ไม่คู่ควรให้ฉันทําแบบนี้
เขายังนิ่งอยู่ท่าเดิมไม่ขยับ เงียบไปครู่หนึ่ง จึงจะสามารถกดความ
เจ็บปวดเสียใจที่ถาโถมในอกลงได้ แล้วแก้เชือกที่อยู่บนข้อมือเธอด้วยสีหน้า
เรียบนิ่ง

สีหน้าของเขายังคงดูเย็นชาเช่นเดิม แต่แรงที่นิ้วมือกลับแผ่วเบาและ
อ่อนโยนมาก

เมื่อโยนเชือกทิ้งไป สิ่งที่เฮ่อจี้เฉินทําเป็นอย่างแรกคือจับข้อมือของจี้อี้
ขึ้นมาตรวจดูบาดแผลที่ข้อมือเธอ

เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่อยู่เมืองซู ช่วงที่ทั้งสองยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนั้น


พวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่เคยแตะต้องเนื้อตัวกันมาก่อน

จนถึงตอนนี้ ความทรงจํายังคงแจ่มชัด ช่วงมัธยมปลายมีอยู่ครั้งหนึ่งที่


เพื่อนๆ พากันไปปีนเขา ตอนลงเขาเธอไม่ระวัง ทําให้ข้อเท้าพลิก เป็นเฮ่อจี้
เฉินที่แบกเธอลงจากเขามาทีละก้าว.. ทีละก้าว

ตอนนั้น เธอคิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ ตอนที่นั่งอยู่บนรถแล้วเกิด


ง่วง ก็ยังนอนพิงไหล่ของเขาได้

แต่เมื่อสี่ปีก่อน ที่เธอได้รู้ว่าคืนนั้นก่อนวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย คนที่


เธอมีอะไรด้วยไม่ใช่เฮ่อหยูกวง แต่เป็นเฮ่อจี้เฉิน บวกกับตอนที่เธอไปหาเฮ่
อหยูกวงเพื่อสารภาพรักในคืนนั้น กลายเป็นเขาที่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
เธอ หลังจากฉีกทึ้งเสื้อผ้าพูดฉีกหน้าและเหยียดหยามเธอแล้ว เมื่อพบกันอีก
ครั้ง ทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้เธอ เธอจึงมักที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้ขัดขืนไม่ได้

ดังนั้นตอนนี้ ตอนที่เฮ่อจี้เฉินจับมือของเธอ ปลายนิ้วมือของเธอก็หด


เล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็แข็งเกร็งราวกับทั้งร่างกลายเป็นก้อนหิน

เฮ่อจี้เฉินรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาของเธอ ฝ่ามือที่เขาใช้กุมมือเธอแข็งเกร็ง
เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือออก แล้วก้มหน้าดูที่ข้อมือของเธอ

เดิมทีผิวของเธอบอบบางอยู่แล้ว เมื่อเสียดสีกับเชือกเป็นเวลานาน
ขนาดนั้น จึงบวมขึ้นจนน่าตกใจ

เฮ่อจี้เฉินขมวดคิ้ว จิตใต้สํานึกสั่งให้เขาฉีกเสื้อของตนเองออกเพื่อมา
พันรอบข้อมือให้เธอก่อน ทว่าเขายังไม่ทันได้ขยับ ก็รู้สึกถึงมือของหญิงสาว
ที่กําลังออกแรงบิดข้อมือเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา เขาจึงเงยหน้า
ขึ้นมองเธอ

เธอที่รู้สึกได้ถึงสายตาของเขา รีบหลุบตาลงอย่างรวดเร็ว อารมณ์บน


ใบหน้าของเธอแข็งกระด้าง กระทั่งน้ําเสียง ยังฟังดูห่างเหินเย็นชา
" ขอบคุณ"

ขณะที่เธอพูดก็ออกแรง บิดมือออกมาจากอุ้งมือที่เขากอบกุมอยู่
เฮ่อจี้เฉินหลุบตาลง มองฝ่ามือที่ว่างเปล่าของตนเอง แล้วจึงมองไปที่มือ
ของจี้อี้

แม้ว่าจี้อี้จะบิดมือออกมาจากฝ่ามือของเฮ่อจี้เฉินแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกได้
ถึงความร้อนจากฝ่ามือของเขาที่หลงเหลืออยู่บนมือของเธอ นั่นทําให้เธอ
รู้สึกไม่คุ้นเคยเลย เธอออกแรงจิกไปบนเนื้อของตัวเอง จนกระทั่งความ
เจ็บปวดที่แผ่ช่านสามารถกลบสัมผัสที่เขาทิ้งไว้ได้แล้ว จึงค่อยหยุด

ท่าทีทั้งหมดของเธอ อยู่ในสายตาของเฮ่อจี้เฉินทั้งหมด เธอทําราวกับว่า


อยากจะตัดความเกี่ยวข้องทุกอย่างที่มีกับเขาทิ้งไปให้หมด

ลําคอของเฮ่อจี้เฉินเหมือนกับมีอะไรมาจุกอยู่ หัวใจปรากฏความ
โศกเศร้าและหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

จี้อี้คิดถึงบท "เสี่ยวจิ่ว" หลังจากที่เธอได้รับความช่วยเหลือและขอบคุณ


เฮ่อจี้เฉินแล้ว เห็นว่าเขาไม่ตอบอะไร จึงพูดอีกครั้งว่า " ฉันยังมีเรื่องที่ต้อง
ทํา งั้นฉันไปก่อนนะ.."

ครั้งนี้ดีที่เป็นเขา หากไม่ใช่เขา ตนเองคงจะพลาดโอกาสที่จะได้รับบท "


เสี่ยวจิ่ว" จริงๆ แล้ว

.....
คิดได้อย่างนี้ จี้อี้จึงพูดเสริมอีกว่า "..ฉันขอบคุณมากจริงๆ ที่คุณช่วย
ฉันในครั้งนี้ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ว่างๆ ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวคุณเพื่อแสดง
ความขอบคุณ เพื่อนนักเรียนเฮ่อ..."

หลังจากที่พูดออกไป จี้อี้จึงสังเกตว่าตนเองเหมือนจะพูดอะไรผิดไป

เฮ่อจี้เฉินเคยพูด ว่าไม่อยากให้เธอมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก และสี่ปี


ให้หลังทุกครั้งที่เจอกัน ก็พาลให้เกิดเรื่องไม่น่าพิสมัยอยู่เสมอ กระทั่งก่อน
หน้านี้ที่เขาป่วย และเธอดูแลเขาในคืนนั้น เขายังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว
พูดว่า " ถ้าเธอไม่ได้นอนข้างๆ ฉันเมื่อคืน เธอคิดว่าฉันอยากจะแตะต้องตัว
เธอนักหรือไง?" แล้วเขายังพูดอีกว่า " ถ้าฉันนอนกับเธอตอนยังสะลึมสะลือ
อยู่ คงจะขยะแขยงน่าดู!" กระทั่งตอนสุดท้าย เขายังไล่ให้เธอไสหัวไป..มัน
ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเธอมากไปกว่านี้ ….

คิดถึงตรงนี้ จี้อี้จึงพูดเสริมขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้งว่า "...แต่ คุณ


วางใจได้..ฉันจะไม่มาให้เห็น ฉันจะวานให้..."

จี้อี้พูดไปด้วย สมองก็หมุนเร็วจี๋ เธอนึกขี้นได้ว่าหลี่ต๋า มาจากโรงเรียน


เดียวกับเขาและเธอ "...ฉันจะวานให้หลี่ต๋าเลี้ยงข้าว.."

" ไม่ต้อง!" จี้อี้ยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเฮ่อจี้เฉินที่เงียบมาตลอดจนถึง


ตอนนี้อยู่ๆ ก็พูดตัดบทขึ้นมา น้ําเสียงของเขา แม้ว่าจะยังคงเย็นชาเหมือน
เก่า แต่ไม่รู้ว่าจี้อี้รู้สึกไปเองหรือไม่ ตัวเธอในตอนนี้ราวกับเพิ่งไปแช่ใน
น้ําแข็งมาก็ไม่ปาน เป็นความเย็นเยียบที่บีบคั้น "เธอชวนฉันกินข้าว ไม่ต้อง
พูดเรื่องกิน แค่มอง ฉันก็รังเกียจจนจะอ้วกแล้ว!"

ใบหน้าของจี้อี้นิ่งสงบ ดวงตาที่มองเฮ่อจี้เฉินพลันกดต่ําลง เพราะคําพูด


ของเขานัยน์ตาเธอจึงปรากฏความอึดอัด เธอเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วเงียบ
ไป

"ยังมีอีก เธอไม่จําเป็นต้องพูดขอบคุณฉัน ที่ฉันมาที่นี่เป็นเพราะฉันรู้มา


โดยไม่ได้ตั้งใจ ว่าเธอถูกหลินหย่าขังเอาไว้ที่นี่!"

" ตอนแรกถ้าไม่ใช่เพราะฉัน บางทีหลินหย่าก็คงไม่ทํากับเธอแบบนี้ ฉัน


ก็แค่จะมาแก้ปัญหายุ่งยากที่ฉันเป็นคนก่อขึ้น!"

"แล้วปัญหาที่ว่า บังเอิญมีเธอมาเกี่ยวด้วยก็เท่านั้นแหละ!"

คําพูดของเฮ่อจี้เฉิน ทําให้นิ้วของจี้อี้ค่อยๆ กําชายเสื้อตัวเองแน่นขึ้น


โดยไม่รู้ตัว

“เพราะงั้นเธอไม่ต้องมาคิดเข้าข้างตัวเองนะว่าฉันตั้งใจมาช่วยเธอ! เธอ
มันไม่คู่ควรให้ฉันทําแบบนี้ให้หรอก!" เฮ่อจี้เฉินพูดถึงตอนสุดท้าย น้ําเสียงที่
พูดแฝงความโกรธและสูงขึ้นไม่น้อย ทําให้รู้สึกกดดันมากขึ้นไปอีก

ความจริงที่เขามาที่นี่ ไม่ใช่เพราะจะมาช่วยเธอก็ถูกแล้วนี่ เพราะเขา


และเธอหลังจากคืนนั้นเมื่อสี่ปีก่อนก็ไม่ใช่พวกเขาในวัยเยาว์อีกต่อไป
เพียงแต่ความจริงก็คือความจริง คําพูดที่ออกมาจากปากของเขาก็ยัง
ทําร้ายเธอได้เสมอ

ตอนที่ได้ยินคําสุดท้ายที่บอกว่า "เข้าข้างตัวเอง" และ "ไม่คู่ควร" ร่าง


ของจี้อี้ก็สั่นเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว

เฮ่อจี้เฉินที่เห็นปฏิกิริยาของจี้อี้ ก็ยิ่งระเบิดอารมณ์มากขึ้นไปอีก เขาไม่


คิดให้ถี่ถ้วนก็โพล่งออกไปว่า " เธอบอกว่ามีธุระที่จะต้องไปก่อนไม่ใช่รึไง?
ทําไมยังไม่ไปอีก? จะอยู่ที่นี่เพื่ออะไร? หรือว่าจะรอให้ฉันไปส่ง? ฉันจะบอก
เธอให้นะ อย่าคิดฝันไปเลย เพราะฉันกลัวว่าเธอจะทําให้รถของฉันสกปรก
..."
ตอนที่ 115 / ตอนที่ 116 ไม่คู่ควรให้ฉันทําแบบนี้
จี้อี้สะดุ้ง พอได้ยินคําพูดนี้ของเฮ่อจี้เฉิน ก็รีบลุกขึ้นยืนจนเก้าอี้ที่อยู่ข้าง
หลังล้มลง

ตอนที่เธอก้มลงหยิบกระเป๋า เผลอไปโดนบาดแผลที่ข้อมือเข้า

เขามองเห็นเธอขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างด้วยความ
เจ็บปวด เขาเม้มริมฝีปาก ยังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็วิ่งหนีจากไปเสียแล้ว

ห้องเรียนที่เก่าและสกปรก เหลือเฮ่อจี้เฉินเพียงคนเดียว

แสงแดดที่สดใสงดงาม ลอดผ่านหน้าต่าง ส่องมากระทบร่างของเขา


อย่างเงียบๆ

เขายังคงนั่งคุกเข่าท่าเดิมตรงหน้าเก้าอี้ที่เธอเพิ่งจะถูกมัด นิ่งงันไม่
เคลื่อนไหวราวกับภาพวาด

ผ่านไปนาน เขาจึงกะพริบตาเบาๆ ถอนสายตากลับมาจากทิศทางที่เธอ


เพิ่งวิ่งจากไป

เขารู้ ว่าตนเองทําผิด และพูดผิดไปอีกแล้ว


เขาไม่อยากทะเลาะกับเธอแบบนี้เลย แต่ว่าหลังจากที่เขาเห็นเธอดึงมือ
กลับไป และได้ยินเธอพูดเรื่องพวกนั้น เขาพยายามที่จะควบคุมอารมณ์
ของตนเองอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ แต่สุดท้ายก็ยังทนไม่ได้

ที่สุดแล้วเขาก็ยังไม่ยอมให้เธอรู้เรื่องพวกนั้น เรื่องที่ว่า เขารักเธอ หรือที่


เธอไปจากเขาปีนั้น ทําให้เขาคิดถึงเธอมากขนาดไหน

เขาเข้าใจ ว่าที่ตัวเองมีความคิดแบบนี้ เป็นเพราะลึกๆ แล้วในใจยังคง


ถือสาเรื่องคืนนั้นเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอพูดชื่อ "หยูกวง"

ยิ่งเขารักเธอมากแค่ไหน คืนนั้นเธอก็ทําให้เขาต้องย่ําแย่และอับอายมาก
ขึ้นเท่านั้น ความอึดอัดใจและความอับอายเหล่านั้น เขายิ่งไม่ยอมจะให้เธอ
ได้รับรู้มัน ดังนั้นเขาจึงมักจะใช้วิธีปากไม่ตรงกับใจพูดทําร้ายเธอสารพัด
นั่นก็เพื่อปิดบังความจริงที่อยู่ส่วนที่ลึกที่สุดภายในใจ

เขารู้ดีว่าที่เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้ก็เพราะศักดิ์ศรีและการไม่ยอมรับความ
จริงของเขา

ผ่านไปนานมาก เฮ่อจี้เฉินจึงโงนเงนลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากตึกเรียน


ร้าง

เขาที่นั่งอยู่บนรถ มองดูเวลา ใกล้เก้าโมงแล้ว เธอที่อยากได้บท "เสี่ยว


จิ่ว" ขนาดนั้น คงรีบไปที่สถานที่ถ่ายทําแล้วอย่างแน่นอน
แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอเพิ่งจะทําให้เขาเสียใจ แต่เขาก็ยังทําเป็นไม่
สนใจไยดีเธอไม่ได้

เพราะเธอ เขาจึงต้องขัดแย้งและสับสนแบบนี้อยู่เสมอ

เฮ่อจี้เฉินพลันรู้สึกเสียใจ เขาหลับตาลง เงียบไปสักพัก สุดท้ายก็ยังทํา


ตามความคิดของตัวเอง หยิบโทรศัพท์ แล้วโทรไปหาผู้กํากับเหลียง

คนปลายสายรับโทรศัพท์เร็วมาก เขาเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจเล็กน้อย
แล้วจึงเข้าประเด็นว่า " เมื่อกี้ผมมีธุระกับนักแสดงที่วันนี้จะมาแสดงเป็น
เสี่ยวจิ่วนิดหน่อย เธอเลยอาจจะไปที่ถ่ายทําช้าสักหน่อย..."

เมื่อวางสาย เฮ่อจี้เฉินนั่งอยู่ในรถเงียบๆ สักพัก แล้วขับรถไปอย่าง


เชื่องช้าบนถนนในเขตมหาวิทยาลัยที่คุ้นเคย

ตอนที่อยู่บนถนนที่จะไปที่สตูดิโอ ขณะที่เขารอสัญญาณไฟเขียว เขา


มองผ่านกระจกข้างคนขับเห็นร้านขายยาที่อยู่ข้างทาง ในสมองของเขา
พลันปรากฏภาพข้อมือเธอที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา

เขาเหยียบคันเร่ง ขับไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่สุดท้ายแล้วก็จอดรถที่


ข้างถนน ลงจากรถเดินไปที่ร้านยา -
ตอนที่จี้อี้นั่งอยู่บนรถประจําทาง ก็เป็นเวลาแปดโมงสี่สิบแล้ว เวลาเช้า
เป็นชั่วโมงเร่งด่วนของเมืองปักกิ่งพอดี รถจึงติดอย่างหนัก เมื่อเธอไปถึง
สถานที่ถ่ายทําภาพยนตร์เรื่อง "หวางเฉิง" ก็ใกล้จะสิบโมงแล้ว

.....

เทียบกับเวลาที่ทีมงานแจ้งไป เธอมาช้าไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม จี้อี้ไม่แน่ใจ


ว่าสถานการณ์ในสตูดิโอเป็นอย่างไรบ้างแต่เป็นไปได้มากว่า หนังคงเริ่มถ่าย
ไปแล้วและบท "เสี่ยวจิ่ว" ก็คงเปลี่ยนคนแสดงแล้ว

แต่ ต้องเห็นด้วยตาตนเองเท่านั้นเธอถึงจะยอมปล่อยไป ไม่แน่ว่ากอง


ถ่ายยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้...จี้อี้ยืนอยู่ที่ทางเข้าของสตูดิโอ สูดลมหายใจ
เข้าลึก หลังจากนั้นก้าวเท้า รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เกินความคาดหมายคือ ทีมงานที่รับผิดชอบดูแลจี้อี้ ไม่เพียงแต่จะ


ไม่ตําหนิที่เธอมาสาย กลับบอกเธอว่า ผู้กํากับหยุดถ่ายทําชั่วคราว และ
เปลี่ยนเวลาถ่ายทําเป็นตอนบ่ายโมงแทน

วินาทีก่อนจี้อี้ยังกังวล ทว่าเมื่อได้ยินคําพูดของทีมงานแบบนั้น ในใจ


ลึกๆ จึงค่อยผ่อนคลายลง

จี้อี้ที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว จึงจัดการแผลบนข้อมืออย่างง่ายๆ
เธอกลัวว่าตอนที่ถ่ายทํา ผ้าพันแผลจะโผล่ออกมา จึงไหว้วานให้สไตลิส
ใส่กําไลหยกที่สามารถบดบังผ้าพันแผลที่ข้อมือของตนเองได้มิดพอดีให้

จี้อี้ที่สวมชุดที่ใช้ถ่ายทํา ยืนอยู่หน้ากระจก มองตัวเองรอบหนึ่ง เมื่อ


แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงหาช่วงไม่มีคนอยู่ในห้องพักผ่อนแล้ว อ่าน
บทละคร

บทพูดนั้น จี้อี้รีบท่องจําได้ขึ้นใจ หลังจากที่ท่องจําอยู่สองรอบ เห็นว่า


ยังมีเวลาอยู่อีกมาก จึงวางบทละครลง แล้วหลับตาพักผ่อน

ห้องพักผ่อนเป็นห้องที่ต้องใช้ร่วมกัน ผ่านไปไม่นาน สักพักหนึ่งจึงมี


นักแสดงคนอื่นที่แต่งหน้าเสร็จแล้วเดินเข้ามาที่ห้องพัก

ห้องที่เดิมทีเงียบสนิท พลันเปลี่ยนเป็นเสียงดังอึกทึก

ตําแหน่งที่จี้อี้นั่งนั้นอยู่บริเวณมุมหนึ่งของห้อง จึงไม่มีคนเข้ามารบกวน
เธอ แม้เธอจะไม่ได้ลืมตาอยู่ แต่ก็ไม่ได้หลับ

คนที่นั่งอยู่ด้านหลังของจี้อี้เป็นเด็กสาววัยรุ่นสองคนที่สวมชุดนางกํานัล
กําลังกระซิบกระซาบกันอยู่

เพราะไม่ห่างกันมาก ถึงแม้ว่าพวกเธอจะพยายามพูดด้วยเสียงที่เบา
มากๆ แต่จี้อี้ยังได้ยินอย่างชัดเจน
"เธอได้ข่าวไหม? ว่าที่วันนี้ถ่ายทําตอนบ่าย เหตุผลที่เลื่อน เป็นเพราะ
ผู้ช่วยผู้กํากับ"

"จริงหรือโกหกล่ะเนี่ย? เข้ากองมาได้สองเดือนกว่า คนเข้มงวดมากที่สุด


ก็คือผู้ช่วยผู้กํากับ แล้วอยู่ๆ จะมาเลื่อนเอาตอนสําคัญได้ไง ?"

"จริงนะ ทีมงามของผู้กํากับเหลียงพูดเองตอนกินข้าวเที่ยง แล้วฉันยังรู้


มาอีกว่า เดิมทีผู้ช่วยผู้กํากับของพวกเราน่ะ เป็นถึงผู้กํากับที่ถ่ายละครเรื่อง
"เซี่ยโฮ่ว" เชียวนะ"

เรื่องที่เด็กสาวสองคนพูดก่อนหน้านี้ จี้อี้ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ก็แค่เข้า


หูซ้ายทะลุหูขวา แต่ประโยคหลัง กลับดึงดูดความสนใจเธอไว้ได้อย่าง
รวดเร็ว

"เซี่ยโฮ่ว" คือละครฮอตฮิตเมื่อต้นปีไม่ใช่เหรอ? ว่ากันว่า "เซี่ยโฮ่ว"


เป็นบทประพันธ์ที่ผู้กํากับได้แจ้งเกิดเป็นครั้งแรก เขาถ่ายทําด้วยกลเม็ด
แบบใหม่ จึงทําให้เกิดเสียงฮือฮามาก หรือจะบอกว่าประสบความสําเร็จใน
ชั่วข้ามคืนก็ว่าได้

ตอนที่จี้อี้ฟื้นขึ้นมา ยังให้ความสนใจกับผู้กํากับคนนี้ เธอรู้สึกว่าเขาเป็น


คนที่มีความสามารถมาก คิดว่าถ้ามีโอกาสอยากจะร่วมงานกับเขา แต่ว่า
พฤติกรรมของผู้กํากับคนนี้แปลกประหลาด แต่ไหนแต่ไรไม่เคยปรากฏตัวอยู่
ในหน้าข่าวบันเทิง จี้อี้จึงหาข่าวใดๆ ที่เกี่ยวกับเขาไม่พบ ภายหลังเธอจึง
ค่อยๆ ปล่อยเรื่องนี้ไป แต่คิดไม่ถึง ว่าวันนี้ อยู่ๆ เขาและเธอจะได้มาพบกัน
ในกองถ่ายแบบนี้...
ตอนที่ 117 / ตอนที่ 118 ไม่คู่ควรให้ฉันทําแบบนี้
จี้อี้คิด พร้อมกับฟังเด็กสาวสองคนที่พูดคุยกันอยู่ข้างหลังไปด้วย

" มิน่าล่ะ ฉันว่าแล้ว ผู้กํากับเหลียงเป็นผู้กํากับที่มาตรฐานสูงขนาด


นั้น อยู่ๆ ทําไมถึงเอาผู้กํากับอายุน้อยมาเป็นผู้ช่วยผู้กํากับ ที่แท้ผู้ช่วยผู้
กํากับก็ไม่ธรรมดานี่เอง!"

"ไม่ใช่แค่นั้นนะ! พูดไปแล้วเธอต้องไม่เชื่อแน่ ผู้ช่วยผู้กํากับตอนนี้ยัง


เรียนมหาวิทยาลัยไม่จบเลย!"

จี้อี้ฟังจนถึงตรงนี้ แม้ใบหน้าจะไม่ปรากฏความรู้สึก แต่ในใจกลับอึ้งไป


ครู่หนึ่ง

เธอคิดมาตลอด ว่าคนที่สามารถถ่ายหนังที่มีอารมณ์ลึกล้ําแฝงอยู่ใน
เนื้อหาอย่าง "เซี่ยโฮ่ว" ได้จะต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมามากมาย
แน่นอน หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่มีอายุ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนอายุ
น้อยที่มีพรสวรรค์แบบนี้....

ขณะที่จี้อี้กําลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นประตูห้องพักก็มีเสียง
ของทีมงานดังขึ้นมา "ทุกคนเตรียมตัว จะเริ่มถ่ายแล้ว!"

จี้อี้รีบเรียกสติกลับมา หยิบบทละคร แล้วรีบเดินไปที่ฉากที่ใช้ถ่ายทํา


เหมือนกับนักแสดงคนอื่นในห้องพัก
ผู้กํากับเหลียงที่ถือบทละคร ยืนอยู่ตรงกลางของพระราชวัง กําลังบอก
บทกับ นักแสดงนําหญิงเรื่อง "หวางเฉิง"

คนกลุ่มหนึ่งรออยู่ราวสิบนาที ทีมงานคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา "ผู้กํากับเหลี


ยง ผู้ช่วยมาถึงแล้ว"

ผู้กํากับเหลียงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า แล้วพูดกับนักแสดงนําหญิงต่อ


หลังจากนั้นก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนเตรียมตัว พร้อมกับเดินไปที่ด้านข้าง
จอภาพอย่างรวดเร็ว

ผู้กํากับเหลียงนั่งลงได้ไม่นาน ประตูด้านข้างของพระราชวัง ก็มีคนเดิน


เข้ามา

คนจํานวนไม่น้อยส่งเสียงเรียก "ผู้ช่วยผู้กํากับ" จี้อี้ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น


เธอหันหน้ากลับไปมองคนที่ทําให้ตนสงสัยมานาน

ร่างสูงที่ยืนเด่นตระหง่าน เข้ามาในสายตาของเธอโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

หลายคนเข้ามาทักทาย ชายหนุ่มเดินไปที่ด้านหน้าของจอภาพที่
เดียวกับผู้กํากับอย่างรวดเร็วและไร้ความรู้สึก

จังหวะก้าวของเขาเร็วมาก ใบหน้าด้านข้างของเขา ถึงเธอจะมองเห็น


ไม่ชัด แต่แค่เสี้ยววินาทีจี้อี้ก็จําเขาได้แล้ว
ผู้กํากับเรื่อง "เซี่ยโฮ่ว" ผู้ช่วยผู้กํากับเรื่อง "หวางเฉิง" คนหนุ่มมาก
พรสวรรค์ที่เธอเพิ่งจะชื่นชม กลับเป็น...เฮ่อจี้เฉิน!

เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเขา!

แม้ตอนนั้น เธอจะมองเห็นอย่างชัดเจน แต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะเชื่อ!

จี้อี้เหมือนคนโง่ เธอจ้องมองไปที่เฮ่อจี้เฉินอยู่นาน

เฮ่อจี้เฉินหยุดอยู่ที่หน้าจอภาพ เขาลากเก้าอี้ แล้วนั่งลงไปด้วยท่าทาง


สบายๆ และสง่างาม

ผู้กํากับเหลียงกระซิบข้างหูเขาอยู่ไม่กี่คํา เขาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้น


จึงหยิบโทรโข่ง แล้วพูดว่า "ทุกคนประจําที่ของตัวเอง!"

ทุกคนล้วนเตรียมตัวกันเสร็จสรรพ มีจี้อี้เท่านั้นที่ยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว

" เสี่ยวจิ่ว!" ผู้กํากับเหลียงพูดอีกครั้ง โดยเรียกชื่อตัวละครของเธอ

จี้อี้ถึงเพิ่งได้สติ เธอตกใจ ที่เผลอเสียมารยาทโดยไม่รู้ตัว แล้วจึงรีบก้ม


หัวให้ผู้กํากับเหลียงเพื่อแสดงความขอโทษ ตอนที่เงยหน้า หางตาของเธอ
เหลือบไปเห็นเฮ่อจี้เฉินที่กําลังมาที่เธอ ดวงตาของเขานิ่งสงบ เหมือนกับว่า
เขาและเธอเป็นเพียงคนแปลกหน้าทั่วไปเท่านั้น
จี้อี้มองแค่แวบเดียว ก็รีบดึงสายตาของตนเองกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้ว
จึงหันหน้าวิ่งไปที่หน้าประตูวัง แล้วยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

.....

อาจเป็นเพราะเฮ่อจี้เฉินอยู่ด้วย เมื่อเริ่มถ่ายทําจี้อี้จึงแสดงด้วยท่าทาง
ไม่เป็นธรรมชาติ ลืมบทพูดจนผู้กํากับสั่งคัท

แต่ยังดี อารมณ์ของจี้อี้สามารถสงบนิ่งได้รวดเร็ว เข้าถึงบทบาทได้อย่าง


ลึกซึ้ง เธอแสดงได้ลื่นไหลมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นฉากหลังจากนี้ส่วนใหญ่ จึง
ผ่านหมดในเทคเดียว

กว่าจะถ่ายทําเสร็จก็มืด ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว จี้อี้ไม่ได้กลับเข้าไปในเมือง


แต่อยู่ในโรงแรมใกล้เคียงที่ทางกองถ่ายจัดเตรียมไว้ให้

ตอนกลางคืนเมื่ออาบน้ําเสร็จ จี้อี้ก็นอนหลับ วันที่สองเมื่อตื่นขึ้นมา ก็


พบว่าบาดแผลบนข้อมือมีเลือดซึมออกมาอีก และบวมมากขึ้นกว่าก่อนหน้า
นี้

เพียงแค่อดทนให้ผ่านวันนี้ไปเท่านั้น เธอก็จะถ่ายเรื่อง "หวางเฉิง" จบ


แล้ว จี้อี้ไม่ต้องการให้บาดแผลเล็กน้อยแค่นี้มาให้ทําให้ผู้กํากับเหลียงไม่
ประทับใจ ดังนั้นจึงนําผ้าพันแผลใหม่มาพันรอบข้อมือหลายรอบ หลังจาก
แน่ใจว่าเลือดจะไม่ซึมออกมาแล้ว จึงใส่กําไลหยกที่สไตลิสให้ไว้ แล้วเดิน
เข้าไปในกองถ่ายอีกครั้ง
นอกจากที่จี้อี้หลบเข้าไปในห้องน้ําหลายครั้งเพื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลที่มี
เลือดซึมออกมาแล้ว วันนี้การถ่ายทําของเธอก็ยังคงถ่ายทําได้อย่างราบรื่น
เช่นเดิม

แม้ว่าเธอและเฮ่อจี้เฉินจะอยู่กองถ่ายเดียวกัน ทว่าคนทั้งสองกลับไม่ได้
พูดคุยกันเลย นอกจากตอนที่เธอถ่ายทํา และมีเขามองอยู่ที่หน้าจอแล้ว
เวลาอื่น เธอแทบจะไม่ได้พบกับเขาเลย

วันนี้เป็นวันถ่ายทําวันสุดท้าย เป็นฉากที่เสี่ยวจิ่วฆ่าตัวตายเพราะความ
รักและความแค้นท่ามกลางสายฝน

ฤดูหนาวที่เมืองปักกิ่ง เดิมทีอุณหภูมิก็ต่ําอยู่แล้ว ตอนที่น้ําเย็นเทราดลง


มา มากพอที่จะให้หนาวจนสั่นไปทั้งตัว ตอนบ่ายที่จี้อี้ไปเข้าห้องน้ําเปลี่ยน
ผ้าพันแผล บาดแผลที่อักเสบ ก็เริ่มจะปวดขึ้นมา หลังจากที่น้ําฝนที่เย็น
เฉียบเทลงมา ความเจ็บปวดที่ข้อมือของจี้อี้ ทําให้เธอลืมบทไปชั่วครู่ ทําให้
ต้องคัทเป็นครั้งแรกของวันนี้

หลังจากที่เตรียมทุกอย่างใหม่อีกครั้ง จี้อี้เริ่มถ่ายครั้งที่สอง ความเจ็บที่


ข้อมือ ยังไม่ทันได้จางหายไป แม้ว่าตนเองจะฝืนบังคับให้ตนเองเข้าถึงตัว
ละครมากที่สุดแต่การแสดงอออกของเธอก็ยังได้รับผลกระทบไม่น้อย เธอจึง
ไม่สามารถแสดงความสามารถออกมาได้เต็มที่
ผู้กํากับเหลียงและเฮ่อจี้เฉินนั่งอยู่ข้างหน้าจอมอนิเตอร์ เปิดเทปที่เพิ่ง
ถ่ายไปเมื่อครู่นี้ดูอีกครั้ง

"ฉันรู้สึกว่า เสี่ยวจิ่วยังสามารถแสดงออกถึงความตึงเครียดได้มากกว่านี้
นะ จะให้ถ่ายครั้งที่สามไหม? " ผู้กํากับเหลียงใช้น้ําเสียงปรึกษาถามความ
คิดเห็นเฮ่อจี้เฉินที่นั่งอยู่ข้างๆ

เฮ่อจี้เฉินเงียบ เขาจ้องหน้าจอมอนิเตอร์ตาไม่กะพริบ จี้อี้นํามีดกรีดแทง


เข้าไปที่หน้าอก ถุงเลือดที่เตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้าฉีกออก เลือดสดทะลัก
ออกมา ขณะที่เธอดึงมีดจากหน้าอกแล้วล้มลงไปบนพื้น เลนส์กล้องซูมไปที่
มือของจี้อี้ที่กํามีดอยู่ เฮ่อจี้เฉินมองเห็นอย่างชัดเจน นอกจากมือของจี้อี้จะ
เปรอะไปด้วยเลือดแล้ว ระหว่างข้อมือของเธอกับกําไลหยกเนื้อหยาบนั่น
มีเสือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลซึมออกมาอีกด้วย

เขาแยกออก นั่นไม่ใช่สีแดงของถุงเลือด แต่เป็นสีแดงจากเลือดของเธอ

แผลที่ข้อมือของเธอ อาการหนักขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วทําไมเธอถึงไม่


ร้อง หรือแจ้งกับทางกองถ่าย รอจนกระทั่งเปียกน้ําเป็นรอบที่สองเนี่ยนะ?

เฮ่อจี้เฉินยังไม่ทันคิดอะไรออก ผู้กํากับเหลียงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พูดอีกครั้ง


ว่า " เตรียม ถ่ายครั้งที่..."

คําว่า " สาม" คําสุดท้ายของผู้กํากับเหลียงยังไม่ทันออกจากปาก เฮ่อจี้


เฉินที่นั่งเงียบมาตลอด อยู่ๆ ก็พูดตัดบทคําพูดของเขาว่า "ผ่าน"
เฮ่อจี้เฉินที่ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่เข้มงวดที่สุดในกองถ่าย อยู่ๆ ตอนนี้เขา
พูดออกมาแบบนั้น ใบหน้าของผู้กํากับเหลียงจึงออกกจะตกตะลึงเล็กน้อย

เฮ่อจี้เฉินแสร้งทําเป็นว่าไม่สังเกตเห็นอะไร แล้วพูดด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่ง
ต่อไปว่า " ผมดูแล้ว การแสดงเมื่อกี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ใช้แอฟเฟกต์เสริม
นิดหน่อยก็โอเคแล้ว พอแล้ว"

ผู้กํากับเหลียงได้ยินเฮ่อจี้เฉินพูดแบบนี้ ก็ไม่ได้ดึงดันในความคิดของ
ตนเองต่อ หยิบโทรโข่งบนโต๊ะ แล้วตะโกนว่า "ผ่าน"

หลังจากที่ฉากนี้จบลง การถ่ายทําของวันนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว

จี้อี้ที่ไม่มีบทแล้วก็ไม่ได้รั้งอยู่กองถ่ายนานไปกว่านี้ เมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสร็จ ก็เรียกรถทันที

รถที่เธอโดยสาร พอออกไปจากสตูดิโอ ก็มีรถออดี้หนึ่งคันตามออกมา


ด้วย

เฮ่อจี้เฉินที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ ขับตามรถแท็กซี่ที่อยู่ข้างหน้าอย่างกระชั้น
ชิด พอขับไปสักระยะหนึ่ง สายตาก็มองลงไปที่ยาที่ซื้อมาเมื่อวานและโยนไว้
ที่ที่นั่งข้างคนขับ เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วหักพวงมาลัย จอดรถที่ข้าง
ถนน
เขาจ้องรถแท็กซี่ที่ค่อยๆ ขับไกลออกไปตาไม่กะพริบ รอจนในที่สุดรถ
หายไปจากสายตาของเขา เขาจึงเปิดช่องเก็บของในรถ แล้วหยิบ
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างในออกมา หลังจากนั้นแตะหน้าจอเปิดสักพัก แล้ว
พิมพ์ข้อความส่งออกไป
ตอนที่ 119 / ตอนที่ 120 ไม่คู่ควรให้ฉันทําแบบนี้
รถแท็กซี่ที่จี้อี้โดยสาร ขับออกไปจากสตูดิโอที่ถ่ายทําเรื่อง "หวางเฉิง"
ไม่ไกลมาก โทรศัพท์มือถือในมือของเธอ ก็มีข้อความเข้ามา

เป็นเฮ่อหยูกวงที่ส่งข้อความมา

" หมานหม่าน คืนนี้ตอนสองทุ่ม ฉันจะบินไปปักกิ่ง ถ้าเธอไม่มีเรื่อง


สําคัญอะไรต้องทําล่ะก็ พวกเรามาเจอกันที่บ้านไหม?"

จี้อี้รู้จักบ้านในข้อความของเฮ่อหยูกวง มันหมายถึงกุญแจอพาร์ทเม้นท์
ที่เขาเอามาให้เธอเมื่อเดือนก่อน

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ดึกดื่นเที่ยงคืนอยู่ในห้องด้วยกัน เธอคงจะกลัวอยู่


เหมือนกัน แต่อีกฝ่ายเป็นเฮ่อหยูกวงที่เธอรู้จัก ดังนั้นจี้อี้จึงไม่ลังเลอะไรมาก
นัก เธอพิมพ์ข้อความที่หน้าจออย่างรวดเร็ว แล้วส่งกลับไปว่า " ได้ค่ะ พี่ห
ยูกวง"

……

ผ่านไปราวสามนาที ในรถที่เงียบงันมีเสียง "ติงตง" ดังขึ้นมา

เฮ่อจี้เฉินที่ถือโทรศัพท์กําลังมองต้นไม้ที่เ**่ยวเฉาด้านนอกหน้าต่างอยู่
หันหน้ามาตามเสียงแล้วมองปที่หน้าจอโทรศัพท์
" ได้ค่ะ พี่หยูกวง" เขาที่กวาดตามองคําห้าคํานี้ ไม่ปลดล็อคหน้าจอ แต่
เอาโทรศัพท์มือถือใส่กลับเข้าไปในช่องเก็บของของรถตามเดิม

นอกจากครั้งแรก ที่เขาใช้ตัวตนของเฮ่อหยูกวง เพื่อหลอกเธอให้


แต่งงานกับเขาแล้ว นี่เป็นครั้งที่สามที่เขาใช้ตัวตนของเฮ่อหยูกวงเพื่อ
ใกล้ชิดเธอ

ครั้งที่สองคือเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เขาในวันนั้นไปถ่ายทําภาพยนตร์กับ
กองถ่ายเรื่อง “หวางเฉิง” ที่ยุนนาน เขารู้จากข้อความที่ถังฮว่าฮว่าส่งมาให้
ทุกวัน ว่าเพราะสภาพอากาศแปรปรวน เมื่อหลายวันก่อนเธอไปตากลมเย็น
มา จึงทําให้เป็นไข้เล็กน้อย

เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว หลังจากวันนั้นที่เขาและเธอจดทะเบียนสมรสกัน ก็


ไม่ได้เจอกันเลยตลอดหนึ่งเดือน ถ้ายึดเอาตามความเคยชินของตนเมื่อสี่ปี
ก่อน ทุกเดือนวันที่สิบแปด เขาต้องมาปักกิ่งเพื่อมาดูเธอ วันถัดไปก็เป็นวันที่
สิบแปดพอดี ดังนั้น เขาจึงนั่งเครื่องบินติดต่อกันกลับมาที่ปักกิ่ง

วันนั้นเขา ก็ไม่รู้ว่าทําไม ถึงอยากจะอาหารกับเธอสักมื้อมากเป็นพิเศษ


เขารู้ว่าเฮ่อจี้เฉินนัดเธอออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงใช้ตัวตนของพี่ชาย และ
ถือโอกาสนี้เอากุณแจอพาร์ทเมนท์ที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้มาให้กับเธอ
เธอในคืนนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาที่ปลอมตัวเป็น " เฮ่อหยูกวง" ดูท่าทาง
สบายๆ และผ่อนคลาย ไม่เหมือนกับท่าทางไม่เป็นธรรมชาติและรังเกียจที่
เธอแสดงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเลยสักนิด

ความจริงที่แตกต่างกันนั้น ทําให้เขาเสียใจมาก

แต่เขารู้ ว่าถ้าเขาใช้ตัวตนของเฮ่อจี้เฉินมาอยู่กับเธอ กลับเป็นเธอที่จะ


เสียใจ

หากว่าการที่คนสองคนมาพบกัน เป็นการลิขิตให้คนหนึ่งต้องไม่มี
ความสุข เขาก็ยอมที่จะเป็นคนคนนั้น

ก็เหมือนกับครั้งนี้ เขาเป็นห่วงอาการบาดเจ็บที่ข้อมือของเธอ แต่กลับ


ไม่อยากทําให้เธอต้องไม่มีความสุขอีก ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ตัวตนของพี่ชาย
อีกครั้ง

จี้อี้กลับมาถึงมหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B ตอนหนึ่งทุ่มครึ่ง

เฮ่อหยูกวงบินมาตอนสองทุ่ม มาถึงปักกิ่งคงประมาณสักสี่ทุ่ม จาก


สนามบินกลับมาที่บ้าน ยังไงก็ต้องเป็นตอนห้าทุ่ม
จี้อี้ไม่รอกินข้าวพร้อมเฮ่อหยูกวง แต่ไปที่โรงอาหารกับถังฮว่าฮว่าหา
อะไรกิน

เมื่อกลับมาถึงหอพัก จี้อี้เก็บเสื้อผ้าที่ซักแล้วสองตัว หลังจากนั้นก็ไปที่


ห้องพยาบาลของวิทยาลัย เพื่อซื้อยาทาแผลบนข้อมือ แล้วจึงเรียกแท็กซี่
เพื่อไปอพาร์ทเมนท์ที่เฮ่อหยูกวงซื้อไว้

.....

ถ่ายทําติดกันสองวัน บวกกับบาดแผลบนข้อมือ จึงทําให้จี้อี้รู้สึกเพลีย


เป็นพิเศษ เมื่อเธอมาถึงที่อพาร์ทเมนท์ ก็อาบน้ําอุ่น ทายาบนแผลที่ข้อมือ
แล้วก็ซุกตัวอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกโดยไม่อยากขยับไปไหน

คงเป็นเพราะเหนื่อยมากจริงๆ จี้อี้ไม่รอให้เฮ่อหยูกวงกลับมา ก็รอจน


หลับอยู่บนโซฟา

เธอไม่ได้ห่มผ้าห่ม แม้ภายในห้องจะเปิดเครื่องคุมอุณหภูมิ แต่เพราะ


การถ่ายทําเมื่อตอนบ่าย และโดนน้ําฝนในฉากไปสองครั้งท่ามกลางอุณหภูมิ
ที่หนาวเย็น จี้อี้หลับไปไม่นาน ตอนที่เธอครึ่งหลับครึ่งตื่นรู้สึกว่าในลําคอ
ของเธอเหมือนมีเปลวไฟอยู่อย่างไรอย่างนั้น แผดเผาจนปากคอเธอแห้งผาก
รู้สึกกระหายน้ํามาก

จี้อี้รู้ ว่าตนเองควรไปหาน้ํามาดื่ม แต่เธอเหนื่อยมาก เหนื่อยจนลืมตา


ไม่ขึ้น และก็ไม่อยากขยับตัว
เธอนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่อย่างนั้นต่อไป ร่างของเธอเริ่มมีเหงื่อเย็นผุด
ออกมา ลมหายใจเปลี่ยนเป็นเหนื่อยหอบ กระทั่งสุดท้าย เธอเริ่มตั่วสั่นอย่าง
ควบคุมไม่ได้ เธอครวญครางออกมาด้วยความทรมาน ต้องใช้ปากหอบ
หายใจ แต่ตอนที่เธอหายใจเอาอากาศเข้าไป จมูกของเธอพลันแสบขึ้นมา
จนน้ําตาไหลออกมา

ตอนที่เธออึดอัดทรมานจนใกล้จะร้องไห้ออกมานั้น เธอรู้สึกเหมือนว่า มี
มือแตะอยู่บนหน้าผากของเธอ หลังจากนั้น เธอก็ตกอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น
และหลังจากนั้นอีก เธอก็ตกลงบนเตียงนอนที่อ่อนนุ่ม

มีคนมาอยู่ข้างๆ เธอเหรอ?

จี้อี้ที่ไม่ได้สติ เอื้อมมือคลําไปมั่วซั่ว ทว่าเธอกลับคลําไม่โดนอะไร


กลับกันเธอได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ เดินห่างไกลออกไป

เป็นใครกัน? เขามาแล้วเหรอ แล้วทําไมถึงยังต้องไป? เธอทรมานขนาด


นี้ ทําไมเขาถึงไม่ช่วยตามหมอให้เธอ?

จี้อี้อยากขยับตัว กลับขยับไม่ได้ ทันใดนั้นร่างกายอยู่ๆ ก็ร้อนๆ


หนาวๆ อึดอัดจนทั่วทั้งร่างของเธอยิ่งสั่นรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

ไม่ได้ เธออยู่ที่นี่ไม่ได้ หรือว่าเธอต้องทรมานจนตาย...ขณะที่คิด เธอก็


เริ่มดิ้นรน ตอนที่เธอขยับมาถึงที่ขอบเตียงอย่างยากลําบาก เธอได้ยินเสียง
ประตูเปิด และเสียงฝีเท้าเร่งร้อนเดินเข้ามาใกล้ มีคนนั่งลงมาบนฟูกนอน
ข้างๆ เธอ หลังจากนั้นก็พยุงร่างของเธอขึ้น และมีน้ําอุ่นไหลเข้ามาในปาก
ของเธอ

เมื่อเธอได้ดื่มน้ํา จึงรู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย

เธอรู้สึกว่าคนๆ นั้นประคองเธอนอนลงไปบนเตียงแล้วห่มผ้าห่มให้เป็น
อย่างดี

แต่เธอยังหนาว หนาวจนตัวสั่นตลอดเวลา ขณะที่สติพร่าเลือน เธอรู้สึก


ได้อย่างเลือนรางว่าในห้องนอกจากคนที่ป้อนน้ําให้เธอแล้ว ยังมีคนอีกคน
หนึ่ง คนคนนั้นพูดว่า " ไม่เป็นไรหรอก แค่ไข้หวัดเท่านั้น" และเอาเข็มฉีด
ยาที่เย็นเฉียบฉีดเข้าไปที่ผิวหนังบนแขนของเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไข้หวัด
หรือไม่ ความเจ็บปวดจึงได้แผ่ขยายไปมากขนาดนี้ จี้อี้เจ็บจนน้ําตาไหล
ออกมาอย่างรวดเร็ว เธอหลบเข็มฉีดยานั้นโดยไม่รู้ตัว แต่คนที่เพิ่งป้อนน้ํา
กลับจับเธอเอาไว้ เธอที่ไร้หนทางหลบหนี เจ็บจนพูดเสียงเบาอย่างน่า
สงสารว่า "เจ็บ เจ็บจัง.."

คนๆ นั้นที่ป้อนน้ําให้เธอดื่ม ไม่พูดอะไร แต่ใช้มืออีกข้างลูบเส้นผมของ


เธออย่างอ่อนโยน เต็มไปด้วยการปลอบประโลม
ตอนที่ 121 / ตอนที่ 122 ปกปิดคนทั้งโลกว่ารักเธอ
ความรู้สึกอบอุ่นที่ที่ราวกับถูกประคองไว้กลางฝ่ามือนั้น ทันใดนั้นก็แผ่
ขยายเต็มในอกของจี้อี้ ทําให้จิตใจที่สับสนจากอาการป่วยของเธอ ในวินาที
นั้นสงบลงได้อย่างแปลกประหลาด

ครู่หนึ่ง เข็มฉีดยาก็ถูกดึงออกมาจากแขน หลังจากนั้นจี้อี้จึงได้ยินเสียง


ของคนๆ นั้นพูดขึ้นมาอีกว่า “ ยาพวกนั้น ตอนเธอตื่นขึ้นมา จําไว้นะว่า
ต้องให้เธอกินด้วย งั้นฉันไปก่อนล่ะ ยังมีธุระที่ต้องไปทําที่โรงพยาบาล มี
เรื่องอะไรก็ติดต่อฉันแล้วกัน...”

คนที่พูดอยู่ตลอดเวลา ที่แท้ก็เป็นคุณหมอนี่เอง... จี้อี้คิดไปเรื่อยเปื่อย


ได้ยินเสียงของคุณหมอลอยเข้ามาในหู "...นายไม่ต้องมาส่งฉัน ดูแลเธอไป
เหอะ"

จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเก็บของอย่างรีบๆ เสียงฝีเท้าที่เดินจากไป
และเสียงของประตูที่เปิดและปิดลง

พอขาดคุณหมอที่เป็นคนพูดอยู่คนเดียวมาตลอดไป ภายในห้องพลัน
เงียบลงมาก

มือของคนที่ป้อนน้ําเธอ ยังคงลูบเส้นผมของเธออย่างอ่อนโยน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา หรือเป็นเพราะฝ่ามือที่คอยดูแลเธอคู่นั้น ขับ
ไล่ความทรมานจากอาการป่วยของเธอให้สลายไป สมองของจี้อี้ในที่สุดก็ไม่
คิดเรื่อยเปื่อยต่อ และจมเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

……

จี้อี้นอนหลับไปครั้งนี้ เธอหลับลึกไปนาน ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา ก็ใกล้จะ


เที่ยงแล้ว เธอหรี่ตา จ้องมองแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้าจากนอกหน้าต่างสักพัก
จึงค่อยได้สติกลับมา

เมื่อคืนวานเฮ่อหยูกวงนัดให้เธอมาที่บ้าน แต่เธอไม่รอให้เขากลับมา ก็
หลับไปเสียแล้ว หลังจากนั้นเธอเหมือนเป็นไข้ และรู้สึกอย่างเลือนรางว่ามี
คนๆ หนึ่งมาดูแลเธออยู่ตลอดเวลา...ทันใดนั้น จี้อี้ก็กลอกตา มองไปรอบๆ

บนตู้ตรงหัวเตียง มีกล่องยาวางอยู่หลายกล่อง มีแก้วน้ําที่ว่างเปล่าหนึ่ง


ใบ และปรอทวัดไข้..จี้อี้ลุกขึ้นนั่ง ตอนที่เปิดผ้าห่มอออก เธอพบว่า
บาดแผลบนข้อมือของตนเองถูกพันใหม่เรียบร้อยแล้ว

ที่แท้เรื่องเมื่อคืนทั้งหมด ไม่ใช่เธอคิดไปเองจริงๆ

นี่คือห้องของเฮ่อหยูกวง ดังนั้นคนที่ดูแลเธอตลอดทั้งคืน ก็คือ พี่ห


ยูกวง?

จี้อี้คิดพร้อมกับลงจากเตียง แล้วเดินออกไปจากห้องนอน
ภาพในห้องรับแขกว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่

เฮ่อหยูกวงไม่อยู่บ้านเหรอ?

เธอยังคิดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงเครื่องดูดควันในห้องครัวที่อยู่ไม่ไกลลอย
มา

เธอก้าวเท้าตามไปโดยไม่รู้ตัว เดินไปตามเสียงที่ได้ยิน ประตูห้องครัว


เปิดอยู่ เมื่อเธอเดินมาถึงประตูทางเข้า เธอก็มองเห็นชายหนุ่มที่กําลังยุ่งอยู่
หน้าอ่างล้างจาน

เธอกวาดตามองข้อมือของชายหนุ่มเป็นสิ่งแรกตามสัญชาตญาณ เมื่อ
เห็นด้านบนเกลี้ยงเกลาไม่มีอะไรเลย จึงเอ่ยปากเรียก " พี่หยูกวง"

เครื่องดูดควันเสียงค่อนข้างดัง ชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้คาดว่าน่าจะ
ไม่ได้ยิน ยังคงสนใจงานของตัวเองต่อไป

จี้อี้ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า จ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ภายในห้องครัว ด้วย


ความสับสนเล็กน้อย

พี่หยูกวงเรียนทําอาหารเมื่อไหร่กัน ?
สมัยเด็ก ทุกวันเขาและเธอแทบจะเจอหน้ากันทุกวัน ตอนนั้นเพราะ
ร่างกายของเขาไม่แข็งแรง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทําอาหารเลย แม้แต่ห้องครัว
แต่ไหนแต่ไรคนของตระกูลเฮ่อจึงไม่เคยยอมให้เขาเข้าไป...

.....

ตอนที่เฮ่อจี้เฉินที่อยู่ภายในห้องครัวหันไปหยิบช้อน ก็มองเห็นจี้อี้ที่ยืน
อยู่ที่ประตูทางเข้า

เขาขยับริมฝีปาก ตอนที่เกือบจะหลุดพูดคําว่า "ตื่นแล้วเหรอ" ออกมา


ก็ระลึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนเองคือเฮ่อหยูกวง จึงรีบหันหน้า ไปหรี่ไฟที่ต้ม
ข้าวต้มเล็กน้อย แล้วจึงก้าวเท้าเดินไปตรงหน้าของจี้อี้

สติของจี้อี้ถูกดึงกลับคืนมา เธอจึงเรียกอีกครั้งว่า "พี่หยูกวง"

เฮ่อจี้เฉินไม่พูด แล้วเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของจี้อี้ แน่ใจว่าอุณหภูมิ


ร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้ว จึงดึงมือกลับมา หลังจากนั้นก็หยิบ
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋า และพิมพ์ข้อความบนหน้าจอ ยื่นส่งไปตรงหน้า
ของจี้อี้ " อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว เธอไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ"

จี้อี้ยิ้มบางๆ แล้วตอบว่า "อืม" เธอยืนอยู่ที่เดิมต่อสักพัก แล้วจึง


กลับไปห้องนอน
เมื่อเธอล้างหน้าล้างตาเสร็จ ตอนที่ออกมาอีกครั้ง อาหารก็วางอยู่บน
โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว

เพราะเฮ่อหยูกวงพูดไม่ได้ ดังนั้นสมัยวัยรุ่นตอนที่ทั้งสองทานอาหาร
ด้วยกัน จี้อี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้เธอก็ยังคงทําตามความเคยชิน
เดิมๆ นั้น

บนโต๊ะอาหารเงียบสงัดเป็นพิเศษ นอกจากบางครั้งที่มีเสียงของตะเกียบ
และถ้วยแล้ว ก็แทบจะไม่มีเสียงอื่นอีก

เมื่อกินข้าวเสร็จ จี้อี้ลุกขึ้นยืนเพิ่งเตรียมจะเก็บโต๊ะอาหาร ก็ถูก "เฮ่อห


ยูกวง" รั้งเอาไว้ เขาพิมพ์ข้อความบนโทรศัพท์มือถือ " ไม่ต้องเก็บแล้ว ฉัน
บอกแม่บ้านแล้ว เดี๋ยวสักพักก็มา"

เฮ่อจี้เฉินยื่นจอโทรศัพท์มือถือไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจี้อี้สักพัก แล้วจึง
ดึงกลับมา หลังจากลบข้อความที่เพิ่งพิมพ์แล้วจึงพิมพ์ใหม่อีกครั้งว่า " เธอ
ไปพักผ่อนก่อน แล้วสักพักค่อยกินยา"

……

แม้ตัวของจี้อี้จะไม่ร้อนแล้ว แต่ไข้หวัดกลับยังไม่หายสนิท หลังจากกิน


ยา อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยา ทําให้เธอง่วงนอนมาก เธอจึงหลับไปอีกครั้ง

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาพลบค่ําแล้ว
จี้อี้เดินออกมาจากห้องนอน เธอไม่เห็นเฮ่อหยูกวง แต่กลับเห็นแม่บ้านที่
เขาหามา

แม่บ้านเห็นเธอเดินออกมา จึงฉีกยิ้มทันที " คุณหนู คุณตื่นแล้วเหรอ?"

จี้อี้ตอบ " อืม" แล้วมองไปรอบๆ

คาดว่าแม่บ้านคงจะเดาออกว่าเธอกําลังหาอะไร จึงไม่รอให้เธอพูด ก็
พูดออกมาว่า " คุณหนู คุณชายไม่อยู่บ้านหรอกค่ะ ตอนบ่ายเขาก็ออกไป
แล้ว ก่อนเขาออกไป เขาพิมพ์บอกกับฉันว่า เขามีธุระนิดหน่อย ต้องออกไป
แล้ว ตอนมื้อค่ําจะไม่กินข้าวที่บ้าน แต่ให้คุณรอเขากลับมา"

จี้อี้ส่งเสียง " ออ" แสดงว่าเธอรู้แล้ว และไม่พูดให้มากความอีก

……

เมื่อกินอาหารค่ําแล้ว จี้อี้ที่อยู่บ้านทั้งวัน จึงลงไปข้างล่างเดินไปมาร


อบๆ อพาร์ทเมนต์ ตอนที่กลับเข้ามา เธอยืนอยู่ที่ทางเข้า ตอนที่ก้มลงถอด
รองเท้านั้น ก็เห็นรองเท้าของเฮ่อหยูกวง

พอเปลี่ยนรองเท้าแล้ว จี้อี้เดินเข้าไปในห้องรับแขก เธอเห็นแม่บ้านยก


ชาร้อนเดินออกมาจากห้องครัวพอดี จี้อี้ถามว่า " พี่หยูกวงกลับมาแล้ว
เหรอ?"
แม่บ้านตอบ " ใช่ค่ะ อยู่ที่ห้องหนังสือ"

สายตาของจี้อี้มองไปที่ถาดในมือของแม่บ้าน แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า
หลังจากที่ตนเองตื่นขึ้นมา เธอยังไม่ได้พูดขอบคุณเฮ่อหยูกวงเลย จึงพูดอีก
ครั้งว่า " ให้ฉันยกไปเอง"

แม่บ้านรีบยกถาดให้จี้อี้อย่างรวดเร็ว

จี้อี้รอให้แม่บ้านเดินเข้าไปในครัว แล้วจึงหันหลังเดินไปที่ห้องหนังสือ

เพราะเฮ่อหยูกวงพูดไม่ได้ หลังจากจี้อี้เคาะประตูอย่างสุภาพ จึงผลัก


ประตูเปิดออกแล้วมอง "เฮ่อหยูกวง" พร้อมกับเรียกเขา " พี่หยูกวง

"เฮ่อหยูกวง" นั่งอยู่หน้าโต๊ะทํางานขนาดใหญ่ เขาเหมือนไม่ได้ยินที่จี้อี้


พูดอย่างไรอย่างนั้น ยังจ้องคอมพิวเตอร์ตาไม่กะพริบ และไม่มีปฏิกิริยา
โต้ตอบ

จี้อี้คิดว่าเขากําลังตั้งอกตั้งใจจัดการกับงานอะไรที่สําคัญอยู่ จึงไม่ส่ง
เสียงรบกวนอีก แล้วเดินเข้าไปเสียงเบา ตอนที่เธอวางชาร้อนลง หางตา
เหลือบไปเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ของ "เฮ่อหยูกวง" โดยไม่ได้ตั้งใจ
ตอนที่ 123 / ตอนที่ 124 ปิดบังคนทั้งโลกว่ารักเธอ
เขากําลังดูวิดีโออยู่ ดูจากความละเอียดของภาพและสี ก็สามารถดูออก
ว่าวิดีโอถ่ายทํามาหลายปีแล้ว

ภาพในวิดีโอคุ้นตามาก สายตาของจี้อี้มองไปตามสัญชาตญาณ เธอยัง


มองไม่ชัดว่าฉากที่ถ่ายเป็นที่ไหน ก็ถูกเด็กสาวในชุดแดงที่ปรากฏตัวขึ้นมา
ในวิดีโอดึงดูดความสนใจไป

ไม่จําเป็นต้องเห็นใบหน้าอย่างชัดเจน เพียงแค่พริบตาเดียว จี้อี้ก็จําได้


ว่าเด็กสาวที่สวมเสื้อแดงคนนั้นคือเธอตอนวัยเยาว์นั่นเอง

ที่แท้ "เฮ่อหยูกวง" ไม่ได้ยุ่งอยู่กับงาน แต่กําลังดูวิดีโอของเธออยู่.. แล้ว


ก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว เขายังเก็บวิดีโอเก่าพวกนี้มาตลอดเลยเหรอ?

จี้อี้หัวใจเต้นถี่รัวอย่างฉับพลัน

เธอตั้งสติ ขณะเตรียมมองให้ละเอียดกว่านี้ เฮ่อหยูกวงที่จ้องมองวิดีโอ


อย่างตั้งอกตั้งใจ ก็เหมือนกับเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆ จึงค่อยๆ
หันหน้ามามอง ตอนที่สายตาเขามองมาที่ใบหน้าของเธอนั้น ใบหน้าของเขา
แข็งทื่อไปเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงเอื้อมมือไปพับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง
แทบจะทันที
เฮ่อจี้เฉินไม่แน่ใจว่าจี้อี้เห็นรึเปล่าว่าเขากําลังดูวิดีโอที่มีเธออยู่ในนั้น
ด้วย ในใจของเขาสับสนวุ่นวายเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ
สายตามองไปที่จี้อี้ที่เพิ่งวางถาดน้ําชาลง หลังจากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือ
ทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาพิมพ์ แล้วยื่นไปตรงหน้าของจี้อี้ " หมาน
หม่าน ทําไมเป็นเธอล่ะ ?"

จี้อี้มองออกว่า " เฮ่อหยูกวง" กําลังปิดบังเรื่องวิดีโอนั่นที่เขาเพิ่งจะดู


เธอไม่ได้เปิดโปงเขา ยิ้มบางๆ แล้วตอบกลับไปว่า "ฉันไปเดินเล่นกลับมา
เห็นคุณป้ากําลังยกน้ําชามาให้พี่พอดี เลยแวะเอามาส่งให้พี่น่ะ"

เฮ่อจี้เฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขาดึงโทรศัพท์มือถือกลับมา แล้วพิมพ์ต่อ


ว่า " ร่างกายดีขึ้นแล้วเหรอ?"

"ดีขึ้นมากแล้ว"

แม้ว่าจี้อี้จะตอบกลับมาแบบนี้ แต่เฮ่อจี้เฉินยังลุกขึ้นยืน เอื้อมมือออกไป


แตะที่หน้าผากของจี้อี้ หลังจากแน่ใจว่าตัวไม่ร้อนแล้ว จึงดึงมือกลับมา
แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือ พิมพ์คุยกับจี้อี้ต่อว่า " กินยาหรือยัง ?"

" ยังไม่..." จี้อี้ชะงัก แล้วพูดอีกครั้งว่า "..เดี๋ยวจะไปกิน"

เฮ่อจี้เฉินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วไม่พิมพ์ข้อความอีก
จี้อี้อยู่ตรงหน้าโต๊ะทํางาน ยืนสักพักหนึ่ง แล้วจึงพูดเข้าเรื่องว่า "พี่ห
ยูกวง เมื่อวานขอบคุณนะคะ"

เฮ่อจี้เฉินรู้ว่าที่จี้อี้หมายถึงคือหลังจากที่ตนมาถึงบ้านเมื่อคืน เห็นเธอไข้
สูงไม่ได้สติ จึงคอยดูแลเธอตลอดทั้งคืน...อ้อ ไม่ใช่สิ ที่เธอรับรู้เป็นเฮ่อหยูกว
งต่างหากที่ดูแลเธอ..เฮ่อจี้เฉินหลุบตาลง บดบังความโศกเศร้าที่วาบผ่านใน
ดวงตา วินาทีต่อมา เขาก็เรียนรู้ที่จะยิ้มน้อยๆ ให้เหมือนเฮ่อหยูกวงที่เพิ่งดู
ในวิดีโอ ค่อยๆ ฉีกยิ้มบางๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ส่ายหน้า
เพื่อบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ

ในห้องหนังสือเงียบไปพักหนึ่ง จี้อี้ชี้ไปที่ประตูทางเข้า " งั้นพี่หยูกวง พี่


ทํางานต่อเถอะ ฉันจะลงไปกินยาก่อนล่ะ"

เฮ่อจี้เฉินพยักหน้า มองจี้อี้ที่เดินออกจากประตูไป หลังจากรอให้เด็ก


สาวปิดประตูลง สายตาของเขาจึงมองไปที่คอมพิวเตอร์ใหม่อีกครั้ง

.....

คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ของเขา ในฮาร์ดดิสก์เป็นวิดีโอทั้งหมด เป็นสิ่งที่


ครอบครัวตระกูลเฮ่อบันทึกเอาไว้ สําหรับระลึกเฮ่อหยูกวงหลังจากที่เขาจาก
โลกนี้ไปแล้ว

เพราะตอนเธอเยาว์วัย เธออยู่กับเฮ่อหยูกวงตลอด ดังนั้นภาพในวิดีโอ


ส่วนใหญ่จึงมีเธออยู่ข้างในนั้น
เขาทําก็อปปี้วิดีโอพวกนี้ไว้นานแล้ว เผื่อตอนกลางคืนที่เงียบสงัด ตอน
ที่เขาคิดถึงเธอจนทนไม่ไหว จะได้เอามาดูเพื่อคลายความคิดถึง

แต่ที่เขากําลังดูวิดีโอพวกนั้นเมื่อครู่ กลับดูเพื่อจะทํายังไงให้เลียนแบบ
เฮ่อหยูกวงได้อย่างแนบเนียนไร้ที่ติ

ตอนที่จี้อี้เดินออกมาจากห้องหนังสือ แม่บ้านทํางานของเธอเสร็จและ
กลับไปแล้ว

ภายในห้องรับแขกเหลือเพียงจี้อี้เพียงคนเดียว หลังกินยาและดูโทรทัศน์
สักพัก เธอรู้สึกเบื่อเลยเดินกลับไปที่ห้องนอน แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่
ชาร์จแบตอยู่ที่ตู้ข้างหัวเตียงมา แวบแรกที่จี้อี้เห็นก็คือข้อความที่ถังฮว่าฮว่า
ส่งเข้ามาในกลุ่ม wechat " อ๊ายๆๆ พวกเธอรู้ไหม? นิยายเรื่องโปรดของ
ฉัน "ซานเชียนฉือ" ของเฉิงเว่ยหว่าน ในที่สุดก็เอามาทําเป็นละครแล้วนะ
!พวกเธอรู้ไหมว่าหนังสือเล่มนี้ดังมากขนาดไหน?เป็นผลงานที่ทําให้
เฉิงเว่ยหว่านโด่งดัง เป็นผลงานคลาสสิกเลยนา ขายดีเป็นสิบปี ตอนนี้ยัง
พิมพ์จําหน่ายออกมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นตํานานไปเลยล่ะ ”

จี้อี้ไม่ชอบอ่านนิยายเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้จักหนังสือเรื่อง "ซานเชีย


นฉือ" เลยสักนิด แต่เธอกลับรู้จักเฉิงเว่ยหว่าน
ผลงานของเธอ มีมาปรากฏในจอแก้วมากมาย ทําให้ดาราหน้าใหม่
หลายคนมีชื่อเสียง จนสองปีนี้วงการบันเทิงขนานนามเธอว่าเป็น "เทพแห่ง
การปั้น" เพียงแค่ได้รับบทของเธอ ไม่ว่าจะเป็นบทนําหรือบทตัวประกอบ
ก็ล้วนสามารถมีชื่อเสียงโด่งดังได้ชั่วข้ามคืน

หลังจากที่จี้อี้ฟื้นขึ้นมา นอกจาก ผู้กํากับเรื่อง "เซียโฮ่ว" แล้ว คนที่เธอ


ให้ความสนใจมากก็คือเฉิงเว่ยหว่าน คิดไม่ถึงว่ารอมานานขนาดนี้ ในที่สุด
ผลงานเรื่องใหม่ของเธอก็ได้เอามาทําเป็นละครเสียที!

จี้อี้ไม่ได้เข้าไปคุยในกลุ่ม wechat แต่เปิดหน้าเว็บไซด์ ค้นหาข่าวที่ถังฮ


ว่าฮว่าบอก

ตอนที่ทานอาหารค่ํา เธอส่องดูในเวยป๋อ ตอนนั้นข่าวเด่นยังเป็นข่าว


อื้อฉาวของดารา แค่ช่วงสั้นๆ ที่เธอไม่ได้ดูโทรศัพท์มือถือ หัวข้อข่าวเรื่อง"
เฉิงเว่ยหว่าน กับภาพยนตร์เรื่อง "ซานเชียนฉือ" ก็กระโดดขึ้นมาเป็นหัวข้อ
ค้นหายอดฮิตอันดับหนึ่งของ weiboเสียแล้ว

เหมือนกับที่ถังฮว่าฮว่าบอกใน wechat หนังสือเล่มนี้เป็นที่นิยมมาก


จริงๆ แฟนคลับรีบเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ในweibo อย่างรวดเร็ว มีทั้งคนที่
ขอร้องว่าอย่าเอามาทําเป็นละคร แล้วยังมีคนถามว่าพระเอกนางอกคือใคร
มีแม้กระทั่งแฟนคลับที่ลงคะแนนเสียงกันว่าใครเหมาะสมกับบทบาทภายใน
หนังสือมากที่สุด
จี้อี้อ่านข่าวใน weibo ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในที่สุดก็หาข้อมูลเล็กๆ
น้อยๆ ที่พอเป็นประโยชน์ได้ นั่นก็คือบริษัทที่ผลิตละครเรื่องนี้คือบริษัท YC
ซึ่งเป็นบริษัทผลิตละครรายใหม่

สักพักหนึ่งจี้อี้จึงค้นหาชื่อบริษัทนี้ใน baidu บริษัทนี้เปิดตัวเมื่อต้นปี


แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เคยผลิตผลงานออกมาสักเรื่อง

สิ่งที่ยิ่งกว่าแปลกก็คือ ในเว็บไซด์ไม่บอกวิธีการติดต่อกับบริษัทนี้ หรือ


จะบอกก็คือ ถึงแม้ว่าเธอจะอยากแสดงละครเรื่อง “ซานเชียนฉือ” มากแค่
ไหน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อกับคนที่เกี่ยวข้องได้เลย

จี้อี้กําลังเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ดู weibo ผ่านตาไปเรื่อยๆ ตอนที่


กําลังคิดอะไรเงียบๆ ทันใดนั้นประตูห้องนอนก็เปิด และ " เฮ่อหยูกวง" ก็หิ้ว
กล่องยาเดินเข้ามา
ตอนที่ 125 / ตอนที่ 126 ปกปิดคนทั้งโลกว่ารักเธอ
จี้อี้มองโทรศัพท์มือถืออย่างใจจดจ่อ จนไม่สังเกตเห็นว่าเฮ่อจี้เฉินเดิน
เข้ามาใกล้ กระทั่งเขานํากล่องยาไปวางไว้ตรงหน้าโต๊ะที่เธอนั่ง เธอจึงเงย
หน้าขึ้นมอง " พี่หยูกวง"

เฮ่อจี้เฉินที่กําลังมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของจี้อี้อยู่นั้น หลังจากได้ยิน
คําพูดของเธอ จึงถอนสายตากลับมาอย่างเงียบๆ แล้วแตะลงบน
โทรศัพท์มือถือ ยื่นส่งให้จี้อี้ " ฉันเอายามาเปลี่ยนให้เธอ"

พูดจบ เฮ่อจี้เฉินก็ชี้ไปที่ข้อมือของจี้อี้

จี้อี้เข้าใจความหมายของเขา แล้วรีบวางโทรศัพท์มือถือลง พร้อมกับพูด


ว่า " ขอบคุณ" แล้วยื่นข้อมือที่มีพันผ้าพันแผลออกไปอย่างเชื่อฟัง

มือของเฮ่อจี้เฉินไม่ว่าง จึงไม่ได้พิมพ์ข้อความ คนทั้งสองไม่พูดอะไรกัน


อีก ภายในห้องจึงเงียบสนิท

หลังจากใส่ยาลงบนปากแผลและพันแผลใหม่อีกครั้งแล้ว จี้อี้จึงพูดว่า
"ขอบคุณค่ะ"

พวกเขาแต่งงานกันปลอมๆ แม้จะอยู่ในห้องอพาร์ทเมนท์เดียวกัน แต่


กลับไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน
ดึกแล้ว เดิมทีจี้อี้คิดว่าหลังจากพูดขอบคุณแล้ว “เฮ่อหยูกวง” จะ
ออกไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะนั่งอยู่บนโซฟา จ้องหน้าจอสีดําบนโทรศัพท์มือถือ
ของเธอ ไม่ได้บอกลาแต่อย่างใด

จี้อี้คิดอยากจะถามว่า " พี่หยูกวง พี่ยังมีเรื่องอะไรอีกรึเปล่า ?" "เฮ่อห


ยูกวง" ก็ละสายตาโทรศัพท์มือถือของเธอกลับไปที่โทรศัพท์มือถือของเขา
กดลงบนแป้นพิมพ์สักพัก และยื่นส่งให้จี้อี้ “ตอนที่ฉันเพิ่งเข้ามา ฉันเห็นใน
weibo ของเธอหาข่าวเกี่ยวกับ "ซานเชียนฉือ" กับ YC เหรอ? "

จี้อี้กลับไม่ได้ไม่พอใจที่เฮ่อหยูกวงดูโทรศัพท์ของเธอ " อื้อ ใช่"

เมื่อได้ยินคําตอบของเธอ เฮ่อจี้เฉินพิมพ์ลงไปบนโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
" เธอสนใจ "ซานเชียนฉือ" เหรอ?"

" นิยายเรื่องนี้ดังมาก และคนเขียนเองก็เป็นที่นิยมสูง สําหรับฉัน


ในตอนนี้ก็คิดว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย" จี้อี้พูด

เฮ่อจี้เฉินดึงโทรศัพท์มือถือกลับมา ปลายนิ้วแตะลงไปบนหน้าจอ กด
เล็กน้อย แต่แล้วก็หยุด

หากเธอรู้ว่าละครเรื่องนี้เป็นละครที่บริษัทของเขาเป็นคนถ่าย และผู้
กํากับก็คือเขา กลัวแต่ว่าบางทีเธออาจจะทิ้งละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ก็
เป็นได้
เฮ่อจี้เฉินครุ่นคิดสักพัก แล้วจึงลบตัวอักษรทุกตัวที่เพิ่งพิมพ์ และ
เปลี่ยนเป็น " แบบนี้เองเหรอ"

จี้อี้ไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องที่เฮ่อหยูกวงถาม คิดว่าเขาคงถามไปอย่างนั้น
แหละ เมื่อเห็นเขาพิมพ์ตอบมาแบบนี้จึงยกริมฝีปาก ยิ้มกลับไปให้เขา

เฮ่อจี้เฉินไม่ได้อยู่นานไปกว่านี้ เขาพิมพ์ตัวอักษรสองคําอีกครั้งว่า "ฝัน


ดี" แล้วลุกขึ้นหิ้วกล่องยา เดินออกไปจากห้องนอนของจี้อี้

อาการไข้ของจี้อี้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งวันที่สามก็หายสนิท

เฮ่อหยูกวงมีธุระมากมายที่ต้องไปทําที่เมืองซู ตอนบ่ายวันนั้น เขาก็บิน


กลับไปที่เมืองซู

วันถัดมาเป็นวันศุกร์ ที่โรงเรียนไม่มีคาบเรียน จี้อี้จึงกลับบ้าน

วันอาทิตย์วันนั้น จี้อี้ซึ่งไม่ค่อยมีเวลาออกไปซื้อของเป็นเพื่อนแม่สัก
เท่าไหร่ นึกอยากจะไปขึ้นมา จึงออกไปข้างนอกกับแม่ ตอนบ่ายสาม ตอนที่
เธอกับแม่นั่งอยู่ในร้านกาแฟ กําลังดื่มชายามบ่ายอยู่นั้น ก็มีเบอร์ของคน
แปลกหน้าโทรเข้ามา
ช่วงนี้จี้อี้ได้รับโทรศัพท์ก่อกวนมากมาย เธอจึงไม่รีบรับ
โทรศัพท์ หลังจากคนครีมเทียมในแก้วกาแฟให้แม่แล้ว จึงสไลด์หน้าจอ
โทรศัพท์อย่างช้าๆ " ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ฉันจี้อี้ ต้องการพูดสายกับใครค่ะ ?"

.....

เสียงในโทรศัพท์เงียบไปสักพัก ก็มีเสียงของผู้หญิงที่ฟังดูสุภาพและ
เรียบนิ่งดังออกมา เสียงที่ดังลอดผ่านโทรศัพท์มือถือ ทําให้จี้อี้รู้สึกได้ถึง
ความมีมารยาทของอีกฝ่าย “สวัสดีค่ะ คุณจี้อี้ ฉันเฉิงเว่ยหว่านค่ะ"

เฉิงเว่ยหว่าน...จี้อี้ที่กํามือถืออยู่ในมือ สมองพลันว่างเปล่า เธอยังคิดว่า


ตนเองหูแว่ว จึงพูดอย่างไม่แน่ใจว่า " เฉิงเว่ยหว่าน?"

“ ใช่ ฉันคือเฉิงเว่ยหว่าน” เฉิงเว่ยหว่านที่อยู่ในสาย ใช่น้ําเสียง


ราบเรียบเหมือนกับเมื่อครู่ หลังจากที่เธอยืนยันกับจี้อี้แล้ว จึงรีบพูดเข้า
ประเด็นว่า " ขอโทษด้วย คุณจี้อี้ ที่อยู่ๆ ก็ผลีผลามมารบกวนคุณขนาดนี้
คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ เมื่อสองวันก่อน มีเพื่อนแนะนําคุณให้กับฉัน ฉัน
เห็นผลงานก่อนหน้านี้ของคุณ และฉันคิดว่าบุคลิกลักษณะของคุณตรงกับ
บทบาทนางรองเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ที่กําลังจะถ่ายมาก ฉันรับหน้าที่เป็น
คนเขียนบท จึงมีสิทธิ์ในการคัดเลือกนักแสดง ดังนั้นเลยอยากถามคุณว่า
คุณสนใจที่จะมารับบทนางรองของละครเรื่องนี้หรือเปล่าคะ? ถ้าสนใจ ก็จะ
ได้นัดเวลากัน ฉันจะนัดพวกนักแสดงเพื่อจะได้สัมภาษณ์คุณ ได้ไหมคะ?"
ระดับน้ําเสียงของเฉิงเว่ยหว่าน ไม่เร็วไม่ช้า สมองของจี้อี้คิดตามคําพูด
ทั้งหมดของเธอ เพียงแต่หลายคืนก่อนหน้านี้เธอคิดถึงแต่เรื่องนี้อยู่
ตลอดเวลา แล้วอยู่ๆ เรื่องทั้งหมดก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอแบบนี้
ความหวังที่กลายเป็นจริงนี้มันกะทันหันจนเกินไป สติของจี้อี้ยังคงไม่
กลับคืนมา กระทั่งคนที่อยู่ปลายสายพูดจบไปนานแล้ว เธอก็ยังไม่มี
ปฏิกริยาตอบกลับ

คาดว่าเฉิงเว่ยหว่านคงจะรอคําตอบของเธอนานมากแล้ว จึงถามมาอีก
ครั้งว่า " คุณจี้อี้ คุณยังอยู่ไหมคะ?"

สติของจี้อี้กลับมาอย่างรวดเร็ว " อยู่ค่ะ ฉันยังอยู่"

จี้อี้ขะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบพูดว่า " พอฉันได้ยินที่คุณพูดเมื่อกี้ ก็ดีใจมาก


เลยค่ะที่ได้รับการชื่นชมจากคุณ ช่วงนี้ฉันว่างมาก ถ้าหากฝั่งของคุณนัด
เวลาเรียบร้อยแล้ว คุณติดต่อฉันมาได้ตลอดเวลาเลยค่ะ"

" งั้นดีเลยค่ะ เดี๋ยวเราจะติดต่อกลับไปอีกที แล้วเจอกันนะคะ"

หลังจากที่จี้อี้รอให้เฉิงเว่ยหว่านวางสายแล้ว เธอจึงค่อยๆ วาง


โทรศัพท์มือถือลง

แม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอถามขึ้นมาว่า " ใครโทรมา" เธอไม่ตอบ แล้วยก


กาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะ ดื่มเข้าไปรวดเดียว เมื่อรสชาติขมฝาด ไหลจากลําคอ
ลงไปกระจายอยู่ในท้อง เธอถึงได้รู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่ตนเองเพิ่งเจอ เธอไม่ได้
กําลังฝัน แต่มันเป็นความจริง!

เฉิงเว่ยหว่าน ที่เขียนเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ติดต่อให้เธอไปคัดหน้ากล้อง


ด้วยตนเอง!

แล้วถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง บทนางรองนั้นอาจเป็นไปได้มากว่า
จะเป็นเธอ!

แม้ว่าจะไม่ใช่นางเอก แต่สําหรับคนที่ไม่ได้รับความนิยมและชื่อเสียง
เงียบหายไปนานถึงสามปีอย่างเธอ ถือว่าเป็นเรื่องน่าดีใจที่สุดแล้ว!

โทรศัพท์จากเฉิงเว่ยหว่านนั้นสร้างความประหลาดใจให้แก่จี้อี้มาก
ความรู้สึกนั้นอยู่ตลอดเวลาทั้งตอนที่กลับบ้าน ทานอาหารค่ําเสร็จ อาบน้ํา
เสร็จ และล้มตัวลงนอนบนเตียง

เธอที่ไม่ง่วง ถึงจะห่มผ้าห่ม แต่ก็พลิกตัวไปมาและคิดถึงเรื่องที่เฉิงเว่ย


หว่านโทรศัพท์มาเมื่อตอนบ่าย ยิ่งคิด จี้อี้ก็ยิ่งมีชีวิตชีวา หลังจากนั้นเธอก็ลง
จากเตียง สวมเสื้อโค้ทหนา แล้ววิ่งออกไปที่ระเบียงมองทิวทัศน์ยามค่ําคืน

เธอมองไปเรื่อยๆ ไม่รู้ทําไม ในสมองถึงปรากฏคําพูดนั้นของเฉิงเว่ย


หว่านเมื่อตอนบ่าย " เมื่อสองวันก่อน มีเพื่อนของฉันแนะนําคุณให้กับฉันน่ะ
ค่ะ"
ตลอดทั้งบ่ายและเย็นเธอมัวแต่ดีใจจนลืมเรื่องสําคัญนี้ไปซะสนิท

เพื่อนของเฉิงเว่ยหว่านที่แนะนําเธอ เพื่อนคนนั้นคือ...
ตอนที่ 127 / ตอนที่ 128 ปกปิดคนทั้งโลกว่ารักเธอ
แต่เพียงแค่ครู่เดียว ในสมองของจี้อี้ก็ปรากฏคําว่า “เฮ่อหยูกวง” สาม
คํานี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

บนโลกนี้ นอกจากเมื่อสองวันก่อนตอนที่เธอและพี่หยูกวงอยู่ด้วยกัน
แล้วพี่หยูกวงถามเธอว่าเธอสนใจเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ใช่รึเปล่า
นอกจากนั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีบุคคลที่สามรู้อีก

และน้องชายของเขา เฮ่อจี้เฉินก็เป็นคนในวงการบันเทิงตอนนี้ การที่


เขาจะรู้จักเพื่อนในวงการบันเทิงบ้างนั่นก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก

ดังนั้นต้องเป็นพี่หยูกวงแน่ เป็นพี่หยูกวงที่ช่วยเหลือเธอ….

จี้อี้คิดแล้ว เดินกลับไปที่เตียงนอนทันที เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา


แล้วหาเบอร์โทรศัพท์ของเฮ่อหยูกวงพร้อมกับพิมพ์ข้อความส่งไปว่า " พี่ห
ยูกวง พี่หลับรึยังคะ?"

หลังจากที่เฮ่อจี้เฉินอ่านบทละครเรื่อง “ซานเชียนฉือ” จบ เขาก็ยกมือ


ขึ้นนวดระหว่างคิ้วด้วยอาการปวดจากการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
หลังจากนั้นก็หยิบซองบุหรี่บนโต๊ะหนังสือ แล้วจุดไฟ
เขาไม่ได้สูบบุหรี่ แต่คีบบุหรี่เอาไว้ระหว่างปลายนิ้ว ดมกลิ่นเบาบางของ
ยาสูบ พร้อมกับพิงพนักเก้าอี้และหลับตาลง

ตอนที่บุหรี่มอดไหม้ไปครึ่งนึง เฮ่อจี้เฉินเอาก้นบุหรี่ดับไฟตรงที่เขี่ยบุหรี่
เขายืดตัวตรงใหม่อีกครั้ง และเริ่มพิมพ์แสดงความเห็นสําหรับการแก้บท
ละครเรื่อง “ซานเชียนฉือ” ในคอมพิวเตอร์ต้วยตนเองอีกครั้ง

ตอนที่เพิ่งเขียนความคิดเห็นได้สองบรรทัด โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บน
โต็ะ ก็ส่งเสียง "ติงตง" ดังขึ้นมา

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นของตนเองขึ้นมา กดปุ่มเปิดหน้าจอ
กลับพบว่าว่างเปล่า ไม่มีข้อความใดๆ ส่งเข้ามา เขาขมวดคิ้ว นั่งเงียบอยู่
สักพัก แล้วเหมือนกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงวางโทรศัพท์มือถือลง แล้ว
เปลี่ยนเป็นหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องที่อยู่วางข้างแก้วกาแฟขึ้นมาแทน

มือหนึ่งของเขาเคาะแผงคีย์บอร์ค ส่วนอีกมือก็ปลดล็อคหน้าจอมือถือ

จริงอย่างที่คิดมีเสียงเตือนข้อความเข้ามาใหม่ เฮ่อจี้เฉินกดเปิด เขา


พิมพ์งานต่อไปสักพัก แล้วจึงหันหน้ามามองหน้าจอที่แสดงข้อความว่า"พี่ห
ยูกวง พี่หลับรึยังคะ? " พอเห้นตัวอักษรพวกนี้ ปลายนิ้วของเขาที่กําลังขยับ
อย่างรวดเร็ว ก็ค่อยๆ หยุดลง

เขามองมุมขวาของคอมพิวเตอร์ที่บอกเวลา ว่าใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว
ดึกขนาดนี้ เธอไม่เพียงไม่หลับไม่นอน แต่ยังส่งข้อความมาหาเฮ่อห
ยูกวงอีก..

ลําคอของเฮ่อจี้เฉินเหมือนกับมีอะไรเข้าไปจุกอยู่ รสชาติขมฝาดเข้มข้น
เขาลังเลอยู่สักพัก แล้วจึงเลื่อนปลายนิ้วจากหน้าคอมพิวเตอร์มาที่หน้าจอ
โทรศัพท์มือถือ แล้วพิมพ์อักษร ส่งไป " ยังไม่หลับ หมานหม่าน มีอะไร
เหรอ?"

หลังจากส่งข้อความสําเร็จ จี้อี้จึงคิดได้ว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว เฮ่อหยูกว


งคงต้องหลับแล้วอย่างแน่นอน จึงยิ่งไม่คาดหวังว่าเขาจะส่งข้อความตอบ
กลับมา เธอเอาโทรศัพท์มือถือไปวางที่ตู้บนหัวเตียงอีกครั้ง

หลังจากไปเข้าห้องน้ํากลับมา จี้อี้คิดได้ว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าเธอมีเรียน จึง


ปีนขึ้นบนเตียงแล้วเตรียมฝืนให้ตนเองนอนหลับ ทว่าทันใดนั้น
โทรศัพท์มือถือข้างเตียงก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมา

เธอหันหน้าไป เห็นข้อความที่เฮ่อหยูกวงตอบกลับมา " ยังไม่หลับ


หมานหม่าน ทําไมเหรอ?"

จี้อี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพิมพ์ข้อความว่า " พี่หยูกวง ดึกขนาดนี้


แล้ว พี่ยังไม่พักผ่อนอีกเหรอ?"
เฮ่อหยูกวงตอบ " อืม กําลังยุ่งนิดหน่อยน่ะ"

จี้อี้ได้รับข้อความนี้ ยังไม่ทันได้ตอบกลับ หน้าจอก็ปรากฏข้อความใหม่


เข้ามาอีกครั้ง ' ดึกขนาดนี้ ส่งข้อความมาหาฉัน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ?"

.....

"ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรหรอก"

จี้อี้พิมพ์คําสี่คําส่งไปก่อน หลังจากนั้นก็พิมพ์ข้อความต่อไปว่า " พี่ห


ยูกวง เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันได้รับโทรศัพท์จากเฉิงเว่ยหว่าน เธอเชิญฉันให้มา
ทดสอบหน้ากล้องเรื่อง "ซานเชียนฉือ ' แล้วเธอก็บอกว่ามีคนแนะนําฉัน
ให้กับเธอ..."

จี้อี้กดส่งข้อความเป็นครั้งที่สอง

เธอไม่รอให้เฮ่อหยูกวงส่งข้อความกลับมา ก็ส่งข้อความไปอีกว่า " พี่ห


ยูกวง นอกจากพี่ ก็ไม่มีคนอื่นที่รู้ว่าฉันสนใจเรื่อง " ซานเชียนฉือ" เพราะงั้น
คนที่ช่วยฉันคือพี่ใช่ไหม?"

ไม่รู้เพราะว่าดึกมากเกินไป เฮ่อหยูกวงจึงหลับไปแล้วหรือว่าเขามีธุระที่
ยุ่งมากจนผละออกมาไม่ได้ จี้อี้รอนานมาก นานจนเธอคิดว่าเฮ่อหยูกวงคง
จะไม่ตอบข้อความของเธอแล้ว ทว่าทันใดนั้นหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอ
ปรากฏแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเฮ่อหยูกวงที่ส่งข้อความมา เป็นคําง่ายๆ
เพียงคําเดียวคือ " อืม"

จริงอย่างที่คิดเป็นพี่หยูกวงจริงๆ ด้วย..

คืนนั้นหลังจากที่เขาถามเธอแล้ว ตัวเขาไม่ได้พูดอะไรเลยแท้ๆ แล้วก็


ออกไปจากห้องนอนของเธอ

ตอนนั้นเธอไม่เคยเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจเลย คิดว่าเขาแค่ถามเฉยๆ แต่คิด


ไม่ถึงว่าเพียงพริบตาเดียว เขาก็จะช่วยให้เธอสมหวังอย่างเงียบๆ

ก็เหมือนกับตอนที่เป็นวัยรุ่น ที่เธอหลุดปากพูดไปเรื่อยเปื่อยว่าบทเรียน
สมัยมัธยมปลายยากมาก หนังสือบทเรียนของเธอก็จะเต็มไปด้วยการเน้น
ข้อความสําคัญมากมาย เธอพูดขึ้นมาว่าอยากกินเค้ก วันต่อมาบนโต็ะของ
เธอก็มีเค้กที่เธออยากกินปรากฏขึ้นมา….

จี้อี้มองหน้าจอที่ปรากฏคําว่า “อืม” ราวกับมองเห็นถ้อยคํานับพันนับ


หมื่น ขณะนั้นในเสี้ยวหัวใจลึกๆ พลันเปลี่ยนเป็นอ่อนยวบ

สักพักหนึ่ง สติของจี้อี้ก็กลับคืนมา เธอก้มหน้า มองข้อความหลาย


ข้อความบนหน้าจอ ยังคงเป็นเฮ่อหยูกวงที่ส่งข้อความมา " ดึกขนาดนี้แล้ว
ยังไม่นอนอีกเหรอ?"
" กําลังจะนอนค่ะพี่หยูกวง ราตรีสวัสดิ์นะคะ" จี้อี้รีบตอบกลับ หลังจาก
นั้นก็พิมพ์เสริมไปว่า " ขอบคุณค่ะ พี่หยูกวง"

เฮ่อหยูกวงตอบกลับมาเพียงสองคําว่า " ฝันดี '

จี้อี้ไม่ส่งข้อความไปอีก เธอวางโทรศัพท์มือถือลง แล้วนอนนิ่งอยู่บน


เตียง อาศัยแสงไฟที่เหลืองสลัวของโคมไฟหัวเตียงจ้องมองไปบนเพดาน ไม่
รู้ว่าทําไมถึงนึกถึงคืนนั้นที่เธอนอนป่วยหลังจากออกมาจากกองถ่ายเรื่อง
“หวางเฉิง” แรงมือที่เขาใช้มือลูบเส้นผมของเธอ แม้ว่าจะผ่านมาหลายวัน
แล้ว แม้ว่าตอนนั้นเธอจะป่วยจนไม่ได้สติ แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกได้
ชัดเจนถึงการปกป้องและความอ่อนโยนจากฝ่ามือคู่นั้น

ยังมีอีก ตอนกลางคืนของวันถัดมา เธอนําชาร้อนไปให้เขา วิดีโอที่กําลัง


เล่นบนคอมพิวเตอร์ของเขาเป็นภาพของเธอตอนวัยเยาว์...

นี่จะบอกได้ไหม ว่าหลายปีมานี้ ความจริงแล้วตลอดเวลาพี่หยูกวงยังจํา


เธอได้ แล้วเขายังดีกับเธอเหมือนเมื่อก่อน ไม่เคยเปลี่ยนแปลง?

ความอบอุ่นที่อธิบายออกมาไม่ได้นั้น ไหลจากก้นบึ้งหัวใจของจี้อี้แผ่
ขยายไปทั่วทั้งร่าง

ปลายนิ้วมือของเธอ อดไม่ได้ที่กําฟูกเตียงจนแน่น
ในความมืดที่เงียบสงัด เธอรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ที่ค่อยๆ
รัวเร็วอย่างชัดเจน

เฮ่อจี้เฉินจ้องบทสนทนาบนหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน ยิ่งมองหัวใจก็ยิ่ง
อึดอัด เขาเอื้อมมือออกไปแตะบุหรี่ตามสัญชาตญาณ

ปลายนิ้วคลําเข้าไปในซองบุหรี่อยู่นาน จนกระทั่งหางตาของเขาเหลือบ
ไปเห็นที่เขี่ยบุหรี่ที่เต็มไปด้วยก้นบุหรี่จํานวนมาก เขาจึงค่อยนึกขึ้นได้ว่า
ตอนที่เขาได้รับข้อความประโยคนั้นที่จี้อี้ส่งมาหาเฮ่อหยูกวงว่า " คนที่ช่วย
ฉันคือพี่ใช่ไหม?" ขณะที่เขาครุ่นคิดว่าจะตอบเธอกลับไปว่ายังไง ก็หยิบบุหรี่
ในห่อขึ้นมาสูบจนหมดซะแล้ว
ตอนที่ 129 / ตอนที่ 130 ปกปิดคนทั้งโลกว่ารักเธอ
ไม่มีใครรู้ ว่าเขาอยากบอกเธอมากขนาดไหน ว่าคนที่ช่วยเธอไม่ใช่เฮ่อห
ยูกวง แต่เป็นเฮ่อจี้เฉิน

และชายหนุ่มคนนั้นที่ชื่อว่าเฮ่อจี้เฉิน ไม่ได้ช่วยเธอเพียงเรื่องนี้แค่เรื่อง
เดียว ยังมีบทเสี่ยวจิ่วของเธอที่เขาเป็นคนตัดสินใจว่าจะให้เธอแสดงนั่นอีก

และยังมีหนังสือเรื่อง " ซานเชียนฉือ" หลายปีก่อนตอนที่เธอยังไม่ฟื้น


ขึ้นมา เขารู้ว่าคนมากมายล้วนแย่งชิงกันเพื่อจะซื้อเรื่องนี้ เขาจึงจ่ายเงิน
จํานวนมหาศาลเพื่อจะซื้อมันมา

จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมสองปีนี้ เขาถึงไม่เริ่มถ่ายเรื่องซานเชียนฉือสักที ก็
เพียงเพื่อรอคนๆ นึง คนที่เขาไม่รู้ว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่เท่านั้น

เพราะเขารู้ ว่าหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอจะไม่มีทางยอมให้เชียน


เกอแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปโดยที่ไม่ไม่ยอมทําอะไร ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้สึก
อะไรเลยจริงๆ เขาก็ไม่อนุญาต เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ที่
เขารัก เขาจะยอมให้เธอได้รับความอยุติธรรมแบบนี้ได้อย่างไร?

ดังนั้น ก่อนหน้านี้ เขาจึงปูทางให้เธออย่างเงียบๆ

ชีวิตนี้ของเขา มีความใฝ่ฝันอยู่เพียงสองอย่าง อย่างแรกคือเธอ อย่างที่


สองก็คือความฝันของเธอ
ไม่ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าไหร่ เขาก็จะทําแบบที่พูดไว้กับเชียน
เกอ ถ้าเธอไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุด เขาก็จะค่อยๆ ส่งเธอให้ขึ้นไปอยู่บนจุด
นั้นเอง !

ผู้หญิงที่เขารัก ควรจะเป็นหญิงสาวที่ส่องสว่างเจิดจรัสไปทั่วทั้งโลก

เพียงแต่ คําพูดพวกนี้ ความในใจพวกนี้ เขากลับบอกเธอไม่ได้

เพราะเขากลัว ว่าเมื่อเขาบอกเธอ ว่าเฮ่อหยูกวงไม่ใช่เฮ่อหยูกวงจริงๆ


แต่เป็นเฮ่อจี้เฉิน เรื่องดีๆ พวกนั้นไม่ใช่เฮ่อหยูกวงเป็นผู้มอบให้ แต่เป็นเฮ่อ
จี้เฉินที่มอบให้ เธอที่เกลียดเขาขนาดนั้น คงไม่ลังเลสักนิดที่จะตัด
ความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเขา

เมื่อถึงเวลานั้น เขากลัว กลัวว่าโอกาสเดียวที่ตนจะสามารถใกล้ชิดเธอ


ได้ก็จะไม่มีอีกต่อไป

ดังนั้นไม่ว่าเขาจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน อิจฉามากเพียงใด สุดท้าย


เขายังต้องฝืนบังคับตนเอง ให้ตอบเธอไปว่า "อืม"

เมื่อเฮ่อจี้เฉินคิดถึงตอนนี้ ก็ละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ แล้วมอง


ตัวอักษรลายตาของละครเรื่อง “ซานเชียนฉือ” ด้วยสายตาแห่งความรักอัน
ลึกล้ํา

จี้อี้ เธอรู้ไหม?
บนโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ มีคนๆ หนึ่งที่ปิดบังทั้งโลกว่าเขารักเธอ

เรื่องราวคืบหน้าไปมากกว่าที่จี้อี้คิด

ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เธอได้รับโทรศัพท์ของเฉิงเว่ยหว่าน วันถัดมาก็ได้รับ


โทรศัพท์ของผู้กํากับเรื่อง "ซานเชียนฉือ" เขานัดว่าหลังจากนั้นสามวันให้
มาทดสอบหน้ากล้อง

เธอพลิกตารางเรียนขึ้นมาดูสักพัก ก็พบว่าสัปดาห์นี้ไม่มีคาบเรียนอะไร
ที่สําคัญ จึงไม่ไปมหาวิทยาลัยเ แล้วอยู่บ้านอ่านซานเชียนฉืออย่างตั้งอก
ตั้งใจ อ่านแล้วอ่านอีก จนในที่สุดก็เข้าถึงตัวนางรองนี้ได้อย่างลึกซึ้ง

หลังจากนั้นสามวัน

การทดสอบหน้ากล้องของจี้อี้ประสบความสําเร็จมากๆ เธอออกจากที่
ทดสอบหน้ากล้องไม่ถึงสองชั่วโมง ก็ได้รับโทรศัพท์โดยตรงจากผู้กํากับเรื่อง
" ซานเชียนฉือ"

" คุณจี้อี้ ยินดีด้วยกองถ่ายของพวกเราเลือกให้คุณแสดงบทนางรอง ที่


ฉันโทรศัพท์มา เพราะอยากจะถามว่าคืนนี้คุณว่างไหม? ถ้ามีเวลา หวังว่า
คุณจะสามารถมาเซ็นต์สัญญาได้.."
.....

"ได้อยู่แล้วค่ะ" จี้อี้ตอบอย่างสุภาพ

"คืออย่างนี้ คืนนี้ผู้ลงทุนคนสําคัญของละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ผู้ผลิต


และผู้กํากับ แล้วยังมีผู้อํานวยการของบริษัท YC และนักแสดงหลักๆ จะมี
งานเลี้ยงกัน แล้ววันพรุ่งนี้ฉันต้องรีบไปที่ประเทศอเมริกา อาจจะราวครึ่ง
เดือนถึงจะกลับมา ฉันเลยอยากให้เซ็นต์สัญญาให้เรียบร้อยก่อนที่ฉันจะไป
อีกอย่าง เธอก็เป็นนางรองของละครเรื่องนี้ ยังไงก็ต้องมาเจอกับผู้ที่
รับผิดชอบละครเรื่องนี้ ดังนั้นถ้าเธอดูแล้วว่าสะดวก ตอนหนึ่งทุ่ม พวกเรา
มาพบที่โรงแรมปักกิ่งแล้วกันนะ?"

จี้อี้หวังว่าจะได้เซ็นต์สัญญาร่วมงานกันให้เร็วที่สุดมากกว่าผู้กํากับเสีย
อีก เธอรีบตอบรับทันทีโดยที่ไม่ลังเลใดๆ

เพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนในกองถ่าย หกโมงครึ่งจี้อี้ก็มาถึง
โรงแรมปักกิ่งแล้ว

คิดไม่ถึงว่าผู้กํากับจะมาถึงแล้ว หลังจากรอจนเธอนั่งลง ก็รีบสั่งให้


ผู้ช่วยนําสัญญามาให้ทันที

" คุณจี้ คุณอ่านสัญญาสักหน่อย ถ้ามีตรงไหนสงสัยคุณก็ถามออกมาได้


เลย"
จี้อี้ตอบว่า " ขอบคุณ " แล้วดูอย่างละเอียดหนึ่งรอบ สัญญาไม่มีปัญหา
อะไร กลับกันค่าตอบแทนนั้นสูงจนเกินความคาดหมาย

เมื่อเซ็นต์สัญญาเสร็จแล้ว ผ่านไปสักพัก ก็มีคนเริ่มทยอยเข้ามาในห้อง

ใกล้ทุ่มหนึ่ง บนโต๊ะอาหารด้านหน้า นอกจากตําแหน่งที่ว่างอยู่สอง


ตําแหน่ง ตรงบริเวณอื่นล้วนมีคนนั่งจนเต็ม

นอกจากจี้อี้ คนอื่นล้วนรู้จักกัน จากที่ทุกคนพูดทักทายกัน จี้อี้เลยรู้ว่า


นอกจากประธานบริษัท YC ผู้กํากับและนางเอกแล้ว ทุกคนต่างก็มากันครบ
แล้ว

ควรมีสามคนไม่ใช่เหรอ? ทําไมกลับเหลือที่นั่งแค่สองที่ล่ะ ? หรือว่าคืนนี้


จะมีใครติดธุระกะทันหันมาไม่ได้?

แม้ว่าในใจลึกๆ ของจี้อี้จะสงสัย แต่กลับไม่ถามออกไป

ผู้รับผิดชอบการจัดการงานเลี้ยงในครั้งนี้ ได้สั่งอาหารไว้ก่อนล่วงหน้า
พอถึงทุ่มนึง บริกรจึงเริ่มยกอาหารและเหล้าเบียร์เข้ามา

หนึ่งทุ่มสิบนาที ประตูห้องถูกผลักเปิด จี้อี้ไม่ได้หันหน้ากลับไปมองว่า


ใครมา ก็ได้ยินน้ําเสียงของผู้หญิงที่คุ้นเคยเสียก่อน " ขอโทษด้วยนะคะ
พอดีว่ารถติด เลยมาสาย"
ปลายนิ้วของจี้อี้ที่จับโทรศัพท์มือถือ แข็งชะงัก "ไม่เป็นไร" "โอ้
นางเอกของเรามาถึงแล้ว" " เดี๋ยวต้องปรับเหล้าหล้าสามแก้ว" ผ่านไปสัก
พัก พอเสียงหยอกล้อภายในห้องค่อยเงียบลง เธอจึงค่อยๆ หันหนา ไปมอง
ผู้ที่มาใหม่

ภาพเชียนเกอที่สวมชุดสวยหรู พุ่งเข้ามาในดวงตาของเอ หัวสมองของ


จี้อี้พลันมีคําหนึ่งปรากฏเข้ามา : *ศัตรูบนหนทางคับแคบ

ไม่ใช่ศัตรูบนหนทางคับแคบสิ ?แต่ต้องเรียกว่าได้เจอกันเพราะโลก
กลมต่างหาก!

คิดไม่ถึง ว่าเธอกลับมาแสดงในวงการบันเทิงเป็นครั้งที่สอง ก็ได้ปะทะ


กับเชียนเกอในกองถ่ายแล้ว!

เชียนเกอค่อยๆ ทักทายผู้คนภายในห้องตามลําดับอย่างใจเย็น แล้ว


หลังจากนั้นจึงเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลง

เธอเอื้อมมือออกไปหยิบผ้าขนหนูร้อน ตอนที่เตรียมจะเช็ดมือ หางตา


เหลือบมองไปเห็นจี้อี้ที่นั่งอยู่ไม่ไกลอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวพอดี

การเคลื่อนไหวของเธอชะงักงัน ดวงตากรากฏประกายตกใจอย่าง
ชัดเจน แต่ก็สงบนิ่งอย่างรวดเร็ว เธอเอียงศีรษะ มองจี้อี้เหมือนกับได้พบกับ
เพื่อนเก่าทั่วไป แล้วพูดทักทายสนิทสนมด้วยน้ําเสียงแปลกใจว่า " เสี่ยวอี้ ?"
*ศัตรูบนหนทางคับแคบ เป็นสํานวนจีน หมายถึง คนที่เป็นศัตรู
คู่อาฆาตก็พบกันบ่อยเหลือเกิน ไม่มีทางจะหลบเลี่ยงไปได้
ตอนที่ 131 / ตอนที่ 132 การใส่ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่ง
คนที่มีปฏิกิริยาต่อคําพูดของเชียนเกอเป็นคนแรกไม่ใช่จี้อี้ แต่เป็นผู้
กํากับที่มองจี้อี้อย่างแปลกใจ เขามองกลับไปที่เชียนเกออีกครั้ง แล้วพูดว่า "
พวกคุณรู้จักกันเหรอ?"

“ พวกเรารู้จักกันแน่นอน..” เชียนเกอชิงตอบก่อน ใบหน้าที่แต่งเติม


เป็นพิเศษ พูดกับเธอด้วยใบหน้าที่เป็นมิตรและอ่อนโยนว่า "..เสี่ยวอี้กับฉัน
เป็นเพื่อนกันสมัยตอนเรียนมัธยมปลาย!"

ขณะที่พูด เชียนเกอก็เอียงหน้าไปมองจี้อี้อีกครั้ง " เสี่ยวอี้ ไม่เจอกันตั้ง


นาน หลายปีมานี้เธอสบายดีไหม?"

พวกเธอเคยเจอกันสองหนก่อนหน้านี้แล้วแท้ๆ และทุกครั้งก็เป็นการ
ปะทะคารมกันทั้งนั้น...จี้อี้มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเชียนเกอ
ในใจก็รู้สึกสะอิดสะเอียน เชียนเกอแสดงบทบาทเป็นพี่น้องที่แสนดีต่อหน้า
ทุกคน เธอจะไม่เล่นไปด้วยก็ไม่ได้ ดังนั้นเสี้ยววินาทีที่เชียนเกอพูดจบ
ใบหน้าจี้อี้ก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นปกติไร้พิรุธให้จับผิดได้ "ไม่ได้เจอ
กันตั้งนาน ฉันสบายดี แล้วเธอล่ะ?"

" ก็ไม่เลวนะ.." เชียนเกอมองจี้อี้ที่ยิ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนเป็น


งดงามและสว่างสดใส ทว่าประโยคหลังของเธอ กลับไม่ได้พูดกับจี้อี้ แต่มอง
ไปที่ผู้กํากับแล้วพูดว่า "..เสี่ยวอี้ก็เป็นคนในกองถ่ายของพวกเราเหรอคะ?"
" ใช่ เธอรับบทเป็นนางรอง" ผู้กํากับตอบกลับ

"ผู้กํากับ คุณตาแหลมมากเลยค่ะ พูดแบบไม่ปิดบังเลยนะ ฝีมือการ


แสดงของเสี่ยวอี้น่ะดีมากๆ เลย!" เชียนเกอชมจี้อี้อย่างจริงใจ แล้วก็มองไป
ที่จี้อี้ " เสี่ยวอี้ ฉันมีความสุขจังที่ได้ทํางานในกองถ่ายเดียวกันกับเธอ"

แม้ท่าทางของเชียนเกอจะดูนอบน้อมอ่อนโยน แต่จี้อี้กลับรู้สึกได้อย่าง
ชัดเจนว่ามีมีดจํานวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงมาที่ตน เธอยกริมฝีปากขึ้นแล้ว เอา
อย่างเชียนเกอโกหกโดยตาไม่กะพริบว่า “ฉันก็มีความสุขมาก ตอนแรกฉัน
ยังกลัวเลยว่าจะแสดงได้ไม่ดี แต่ตอนนี้พอมาเจอเธอ จิตใจของฉันก็สงบลง
ทันทีเลย"

เมื่อเชียนเกอได้ยินจี้อี้พูดอย่างนี้ ก็ฉีกยิ้มออกมาราวกับได้เจอกับเรื่อง
น่ายินดีอย่างไรอย่างนั้น แต่แค่ครู่เดียว เธอก็เปลี่ยนเรื่อง แล้วหันไปคุยกับ
ผู้ผลิตแทน

เหลือตําแหน่งที่นั่งที่ว่างเพียงหนึ่งที่ อาหารเริ่มนํามาเสิร์ฟได้ประมาณ
ครึ่งชั่วโมง แต่เจ้าของที่ก็ยังไม่มา

กลับกันเชียนเกอที่ดูคุ้นเคยและมีประสบการณ์ เธอออกไปรับโทรศัพท์
ระหว่างงานเลี้ยง และหลังจากที่กลับมา ก็ยื่นหน้าไปที่ข้างหูของประธาน
หลินที่เป็นผู้ถือหุ้น ไม่รู้ว่ากําลังกระซิบอะไรกัน หลังจากนั้นก็ยกแก้วเหล้า
ขึ้น พูดขอโทษคนในห้องที่ต้องขอตัวออกไปก่อน
เมื่อเชียนเกอออกมาจากห้อง ทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามก็แปรเปลี่ยนเป็น
เย็นชา เท้าที่สวมส้นสูง เดินอย่างสง่างามเข้าไปในลิฟต์ ลงไปที่ลานจอดรถ

เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ เธอมองลานจอดรถที่ไม่มีคนเลยสักคนเดียว
แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอย่างรอไม่ไหว

พอมีคนรับโทรศัพท์เชียนเกอก็พูดขึ้นทันทีว่า " เซี่ยซือเหยา นี่เธอทํา


อะไรของเธอ? ตอนที่รับละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ทําไมก่อนหน้านี้ถึงไม่หา
มาให้ดีก่อนว่านางรองเป็นใคร?"

" นางรองเป็นใคร? คือจี้อี้ไง?! เธอเองก็ไม่ใช่จะไม่รู้ เมื่อสี่ปีก่อนมันร้าย


กาจขนาดไหน พวกเราต้องเสียแรงไปมากขนาดนั้น ถึงจะเขี่ยมันออกไปได้!
ยังดีนะ ที่คืนนี้ฉันหัวไว หลังจากที่รู้ว่ามันได้แสดงบทนางรอง ฉันก็คิดแผน
รับมือไว้แล้ว ฉันบอกประธานหลินไอ้นักลงทุนแก่บ้ากามว่าจี้อี้น่ะเคยขาย
ตัว และจี้อี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องอยากถีบตัวเองขึ้นสูงจนให้ทําอะไรก็ได้หมด แล้วก็
เป็นคนที่กล้าพอที่จะเล่นด้วย! ฉันยังบอกตาแก่บ้ากามนั่นอีกว่า ก่อนหน้านี้
จี้อี้เคยนอนกับผู้ชายพร้อมกันถึงสามคน ฉันคิดว่าถ้าไอ้แก่บ้ากามนั่นได้ยิน
แบบนั้น จะต้องสนใจมันแน่นอน และด้วยนิสัยของจี้อี้มันไม่มีทางยอมแน่
และพอถึงเวลานั้น ไอ้แก่บ้ากามก็ต้องโมโหแล้วตัดสินใจเตะมันออกจากกอง
..

คําว่า" ถ่าย" ของเชียนเกอยังไม่ทันพูดออกมา ข้อมือเธอที่ถือโทรศัพท์


อยู่นั้น พลันถูกบีบอย่างแรง
.....

เชียนเกอที่ไม่ได้สังเกตสักนิดว่ารอบๆ มีคนอยู่หรือไม่ ก็ตกใจจนสั่นไป


ทั้งตัว แรงที่ปลายนิ้วคลายตามสัญญาตญาณ โทรศัพท์มือถือตกตรงมาบน
พื้น จนมีเสียง "เพี้ยะ" ดังออกมา

เธอกําลังจะถามว่า " ใครน่ะ ?" แต่คําว่า "ใคร" กลับถูกขัดด้วยน้ําเสียง


เย็นนิ่งสงบที่ดังมาจากบนหัวเธอ " ที่เธอพูดเมื่อกี้เป็นความจริงเหรอ?"

เชียนเกอที่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร ร่างทั้งร่างราวกับถูกจี้จุดจน
แข็งค้างอยู่ที่เดิม ถึงอยากจะขยับแต่ก็ขยับไม่ได้

วินาทีต่อมา ผู้มาใหม่ก็ถามด้วยน้ําเสียงบีบบังคับว่า " เธอพูดกับหลิน


เจิ้งอี้ว่าจี้อี้เคยขายตัว และจี้อี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องอยากถีบตัวเองขึ้นสูงจนให้ทํา
อะไรก็ได้หมด แล้วก็เป็นคนที่กล้าพอที่จะเล่นด้วย งั้นใช่ไหม?”

พอคําพูดพวกนั้น ดังก้องเข้ามาในหูของเชียนเกอ ขนตาปลอมที่ติดอยู่


บนเปลือกตาก็ขยับไหวเล็กน้อย สติของเธอจึงคืนกลับมา

เป็นเขา เฮ่อจี้เฉิน ทําไมอยู่ๆ เขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ ? แล้ว เขา


รู้จักหลินเจิ้งอี้ที่เธอพูดถึงได้อย่างไร?
ความสงสัยในสมองของเชียนเกอยังไม่ทันคลายหายไป เฮ่อจี้เฉินคงเห็น
ว่าเธอยังไม่ยอมตอบ เขารอจนหมดความอดทน จึงออกแรงที่จับที่ข้อมือ
ของเธอ สะบัดเธอไปด้านข้างอย่างแรง

เชียนเกอเป็นดั่งว่าวที่สายป่านขาด เธอไม่ได้เตรียมตัวป้องกันจึงทําให้
ร่างของเธอกระแทกเข้ากับรถ เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นเสียดแทงหู

ผ่านเสียงที่ดังอื้ออึงนั้น เชียนเกอได้ยินเฮ่อจี้เฉินพูดอย่างชัดเจน เขากัด


ฟันพูดเน้นทีละคํา ด้วยน้ําเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึก " เธอยังพูดกับหลินเจิ้งอี้
ว่า ก่อนหน้านี้จี้อี้เคยนอนกับผู้ชายถึงสามคนพร้อมกันใช่มั้ย ?"

น้ําเสียงที่เน้นคําพูดเธอทีละคําๆ นั้นทวีไปด้วยความโกรธ เชียนเกอรู้สึก


ได้อย่างชัดเจนว่าแรงของฝ่ามือที่กุมข้อมือของเธอยิ่งทวีความรุนแรงมาก
ขึ้น

เธอเจ็บจนต้องขมวดคิ้ว แล้วจึงค่อยลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ มองไปทางเฮ่อ


จี้เฉิน

ไม่รู้ว่าชายหนุ่มมางานประชุมอะไร เสื้อผ้าของเขาจึงเป็นทางการมาก
แม้ว่าจะเป็นรูปแบบเรียบง่ายของเสื้อเชิ้ตสีขาว และชุดสูทสีดํา แต่กลับทํา
ให้เขาดูสูงส่งสง่างาม เพียงแต่สีหน้าของเขาดําคล้ํา ริมฝีปากบางที่เม้มตรง
ทําให้รู้ว่าในใจของเขากําลังเดือดดาลมากแค่ไหน
ดวงตาที่เขาใช้มองเชียนเกอตั้งแต่หัวจรดเท้าคู่นั้น ราวกับว่ามีเปลวฟ
เต้นระริกอยู่ในนั้น

เฮ่อจี้เฉินที่เป็นแบบนี้ เชียนเกอเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง คือเมื่อสามปี


ก่อน หลังจากจี้อี้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ราวหนึ่งเดือน ทันใดนั้นเขาก็
มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ

อารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาตอนนั้น เทียบกันแล้วยังทําให้รู้สึก
หวาดกลัว หวาดผวา และน่าตกใจกว่าตอนนี้มากนัก

หรือว่าเมื่อสามปีก่อนที่เขาโมโหเธอครั้งนั้นแล้วปลดปล่อยด้านมืดของ
ตนออกมา แม้เขาจะไม่ได้พูดคําพูดอะไรที่ไม่น่าฟัง แต่เชียนเกอรู้สึกว่าแผ่น
หลังของตนเอง ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ตอนที่เชียนเกอกลัวจนขาเริ่มสั่น ใบหน้าของเฮ่อจี้เฉินจ้องใบหน้าของ
เธอโดยไม่วางตา คาดว่าเขาคงจะโกรธมาก แต่กลับส่งเสียงหัวเราะเสียดสี
ออกมา "เหอะ" " เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่ฉันได้เจอกับผู้หญิงหน้าด้านแบบ
เธอ! ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นได้ตาไม่กะพริบ!”
ตอนที่ 133 / ตอนที่ 134 การใส่ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่ง
" แต่ พูดก็พูด ฉันก็สงสารเธอจริงๆ นะ.." การดูถูกและความเย้ยหยัน
ยิ่งปรากฏชัดเจนมากขึ้นบนใบหน้าของเฮ่อจี้เฉิน แม้กระทั่งสายตาที่มอง
เชียนเกอ ล้วนมีความเหยียดหยามลอดออกมาด้วย "..ไม่ว่าจะเป็นเธอที่ไม่มี
อะไรเลยเมื่อสี่ปีก่อน หรือว่าเธอที่มีชื่อเสียงในสี่ปีให้หลัง ทว่าลึกๆ แล้ว เธอ
เองก็รู้ว่า ตัวเองไม่มีทางเทียบจี้อี้ได้!"

"เพราะว่าจี้อี้แข็งแกร่งกว่าเธอ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอใช้ลูกไม้พวกนั้น
แค่จะเอ่ยถึงเธอยังขี้เกียจจะพูดถึงเลย!"

"และที่เธอคิดวิธีการร้อยแปดสารพัดเพื่อทําร้ายจี้อี้ ใส่ร้ายจี้อี้ให้ดูเหมือ
ว่าเธอเก่งกว่า เหนือกว่า แต่ความจริงแล้ว เธอลืมไปแล้วเหรอว่า การใส่
ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่งเหมือนกัน!”

เชียนเกอที่ถูกเฮ่อจี้เฉินพูดแบบนั้นใส่มีสีหน้าแดงก่ํา ทว่าเฮ่อจี้เฉินคล้าย
กับว่าไม่ยอมเลิกรา สายตาที่เขามองเธอ เยือกเย็นราวกับน้ําแข็งในฤดู
หนาว คําที่เอ่ยออกมา ยังคงรุนแรงและไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด " ยังมี
อีก เมื่อกี้เธอพูดว่าจี้อี้เป็นคนที่กล้าทําทุกอย่าง กล้าที่จะเล่นด้วย ฟังดูแล้ว
เหมือนจะเข้าใจเป็นอย่างดีเลยนี่ คิดว่าร่างกายเธอก็คงผ่านศึกมาเยอะ มี
ประสบการณ์มาโชกโชนสิท่า!”

ความหมายของคําพูดนี้ ทําไมเชียนเกอจะไม่เข้าใจ?
เฮ่อจี้เฉินกําลังเสียดสีเธอ ว่าที่เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้ เพราะเธอเคยทํามา
ก่อน!

ใบหน้าของเชียนเกอขาวซีด ริมฝีปากของเธอขยับโดยไม่รู้ตัว

เฮ่อจี้เฉินเหมือนกับรู้ว่าเธออยากจะพูด จึงชิงพูดตัดหน้าเธออีกครั้งว่า "


แต่ นั่นมันเธอ ที่ต้องใช้ร่างกายเข้าแลกถึงอยู่ในวงการมาได้จนถึงวันนี้ แต่จี้
อี้ไม่ใช่ จี้อี้โชคดีกว่าเธอมาก ที่ได้เจอฉันเฮ่อจี้เฉินที่สมัครใจที่จะช่วยเธอทุก
อย่าง!"

เพราะเขาชอบจี้อี้ ดังนั้นเขาจึงรู้ ว่าการชอบใครสักคนเป็นเรื่องที่


สวยงามขนาดไหน

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตอบรับความชอบของเด็กสาวที่มาชื่นชอบเขา
เหล่านั้น แต่เขาก็ยังเคารพในความชอบของพวกเธอ

ยกเว้นเชียนเกอเพียงคนเดียว

เขารู้ว่าเธอชอบเขา ดังนั้นเขาจึงใช้ความชอบนี้ของเธอ แทงให้เธอต้อง


เจ็บปวดอย่างเลือดเย็น

เฮ่อจี้เฉินคิดถึงตรงนี้ ดวงตาปรากฏแววโหดเ**้ยม น้ําเสียงที่พูดเบา


มาก แต่กลับมีความโหดเ**้ยมที่เบาบางไหลทะลักออกมา " มีอีกเรื่อง ฉัน
อยากให้เธอรู้เอาไว้ ผู้กํากับเรื่อง "ซานเชียนฉือ" คือฉัน ผู้อํานวยการของ
บริษัทหนัง YC ก็คือฉัน เหตุผลที่ฉันเลือกเธอเป็นนางเอก ไม่ใช่เพราะเธอ
เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง แต่เป็นเพราะต้องการจะเอาชื่อเสียงของเธอตอนนี้ที่
ได้มาจากการเหยียบจี้อี้ขึ้นไปกลับมา ฉันเลยเอาพวกเธอเข้าไปอยู่ในกอง
ถ่ายเดียวกัน และทุกอย่างที่เธอได้ไปจากจี้อี้ ฉันจะค่อยๆ เอามันคืนมา
ทั้งหมด!"

เมื่อเชียนเกอได้ยินประโยคท้ายสุด ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง

เธอไม่โง่ ถ้าโง่ เธอจะทําให้จี้อี้ตกที่นั่งลําบากครั้งแล้วครั้งเล่าได้


อย่างไร?

ดังนั้นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ เธอก็เข้าใจอะไรๆ ทั้งหมด

มิน่าล่ะตอนแรกที่มีคนจาก "ซานเชียนฉือ" มาหาเธอ เธอถามว่าผู้


กํากับคือใคร ถามว่าผู้อํานวยการผลิตเป็นใคร นักแสดงตัวประกอบเป็นใคร
ต่างก็บอกว่าไม่รู้ๆ บอกแค่ว่ายังไม่ได้ข้อสรุป!

.....

ที่แท้ "ซานเชียนฉือ" เป็นเขาที่เป็นผู้รับผิดชอบ เขามั่นใจว่าบทละคร


ดีๆ อย่างเรื่อง "ซานเชียนฉือ"นี้ เธอไม่มีทางพลาดโอกาสแน่

เขาตั้งใจเหรอ ถึงได้รอให้หลังจากที่เธอเซ็นต์สัญญาแล้ว ค่อยคัดเสือก


นักแสดงตัวประกอบหญิง...
ตอนนี้ค่าตัวเธอสูงมาก แต่เงินค่าผิดสัญญานั้นกลับสูงมากกว่าจนน่า
ตกใจ เมื่อเซ็นต์สัญญาแล้ว การที่ต้องเผชิญหน้ากับเงินชดเชยค่าผิดสัญญา
จํานวนมหาศาลขนาดนั้น ทําให้เธอไม่อาจจะผิดสัญญาได้!

ดังนั้น วินาทีที่บทละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ" มาอยู่ในมือของเธอ เฮ่อจี้


เฉินก็ได้ขุดหลุมฝังเธอเรียบร้อยแล้ว

เธอรู้ จี้อี้จะไม่ยอมแพ้ที่จะกลับเข้ามาในวงการบันเทิง และเธอก็รู้ ว่า


เฮ่อจี้เฉินไม่มีทางที่จะไม่ช่วยจี้อี้ แต่เธอนึกไม่ถึงว่าเฮ่อจี้เฉินจะลงมือใช้วิธี
เอิกเกริกขนาดนี้เพื่อช่วยเหลือจี้อี้!

เชียนเกอคิดจนถึงตรงนี้ก็กะพริบตามองเฮ่อจี้เฉินที่อยู่ตรงหน้าด้วย
สายตาเหลือเชื่อ

ปฏิกิริยาของเธอ ทําให้เฮ่อจี้เฉินรู้ว่าเธอเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว

เขาบรรลุจุดประสงค์แล้ว ทําให้เธอทุกข์ทรมานพอแล้ว ก็ไม่จําเป็น


จะต้องมาเสียเวลากับเธอตรงนี้อีกต่อไป!

ขณะที่คิด เฮ่อจี้เฉินก็ปล่อยข้อมือของเชียนเกอ ก้าวถอยหลังไปหนึ่ง


ก้าว เขาไม่มองเชียนเกอไปมากกว่านี้ แล้วเดินไปที่ลิฟต์

เชียนเกอมองเงาหลังของเฮ่อจี้เฉิน ฝ่ามือของเธอกําแน่นอย่างอดไม่ได้
เขาพูดไม่ผิด จี้อี้เกิดมาก็โชคดีกว่าเธอเพราะมีเขา ดังนั้นเขาจึงไม่
ต้องการให้จี้อี้เป็นเหมือนกับเธอที่เพื่อจะทําให้การอยู่ในวงการนี้อย่าง
ราบรื่นและโดดเด่น ทุกวันจึงต้องคบค้าสมาคมกับคนที่มีชื่อเสียง ทําอะไรจึง
จะราบรื่นไร้อุปสรรค

แต่เธอล่ะ? เธอชอบเขา ชอบเขามาตลอด แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะช่วย


ผู้หญิงที่เธอเกลียดเข้ากระดูก...

ความอิจฉาและความขาดสติ พลันเข้าปกคลุมหัวใจของเชียนเกอ ทําให้


อารมณ์ของเธอพลุ่งพล่าขึ้นมาอย่างยากจะระงับ วินาทีที่เธอเห็นเฮ่อจี้เฉิน
เหยียบเข้าไปในลิฟต์ เธอพลันลุกขึ้น แล้วแผดเสียงก้องออกมาจากลําคอ "
เฮ่อจี้เฉิน เมื่อสามปีก่อน เพราะจี้อี้เกิดอุบัติเหตุเลยทําให้คุณทําเรื่องแบบนั้น
ทําให้ชีวิตตัวเองต้องมีจุดด่างพร้อยที่แสนสกปรก แต่เธอกลับไม่รู้เลยสักนิด
...คุณบอกว่าฉันน่าสงสาร ฉันว่าคุณน่ะน่าสงสารกว่าฉันซะอีก ไม่สิ น่า
สังเวชยิ่งกว่า..

เมื่อต้องเผชิญกับถ้อยคําของเชียนเกอเฮ่อจี้เฉินกลับไม่ได้มีท่าทีอะไร
ทว่าเมื่อได้ยินคําพูดสุดท้ายของเธอ ปลายนิ้วของเขาที่กําลังจะกดลิฟต์ปิด
พลันชะงักลง หลังจากนั้นก็ก้าวขายาวๆ พุ่งตรงกลับไปตรงหน้าเชียนเก
ออีกครั้ง

เขาไม่พูดอะไรเลยสักอย่าง เอื้อมไปแย่งกุญแจรถออกมาจากมือของ
เชียนเกอ แล้วกดปุ่มปลดล็อกรถ เห็นรถที่มีแสงสว่างวาบขึ้นมาอยู่ไม่
ไกล วินาทีต่อมาเขาก็ลากแขนของเชียนเกอ ลากไปตรงหน้ารถอย่าง
รวดเร็ว เปิดประตูรถ แล้วยัดเธอเข้าข้างใน

"ถ้าเธอไม่พูด ฉันคงลืมไปหมดแล้ว วันนั้นที่จี้อี้ไปทดสอบหน้ากล้อง


เรื่อง "หวางเฉิง" เป็นเธอสินะที่ร่วมมือกับหลินหย่าขังจี้อี้เอาไว้ในตึกเรียน
ร้าง?"

งั้นก็ดี วันนี้เขาจะใช้วิธีของเธอเอาคืนกลับไปให้สาสม!

"เพื่อที่จะให้ฉันดูน่าสังเวชมากยิ่งขึ้น งั้นฉันก็ขอเอาคืนหนี้ที่เธอติดค้างจี้
อี้เมื่อวันก่อนก็แล้วกัน!"

ขณะที่พูด เฮ่อจี้เฉินก็เหวี่ยงประตูรถปิดอย่างแรง หยิบกุญแจรถมากด


ทําให้รถของเธอล็อกสนิท หลังจากนั้นก็ไม่สนใจเชียนเกอที่ถูกขังอยู่ข้างใน
และทุบกระจกไม่หยุด เขาหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่สนใจเลยสักนิดเดียว

เมื่อขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่มีการจัดงานเลี้ยงในคืนนี้ เฮ่อจี้เฉินไม่รีบเข้า
ไปในห้อง แต่เอาโทรศัพท์มือถือและกุญแจรถทิ้งไว้ให้กับผู้จัดการโรงแรม
ก่อน แล้วกําชับเขาว่าอีกสี่ชั่วโมงให้หลัง ให้ลงไปที่ลานจอดรถเพื่อปลดล็
อกรถ แล้วจึงก้าวเท้าอย่างไม่รีบร้อนเดินเข้าประตูห้องจัดเลี้ยงไป

เมื่อผลักประตูเปิด เขาไม่สนใจเสียงเรียกทักทายภายในห้อง แต่กลับ


มองไปรอบๆ ก่อน หลังจากมองหาจนทั่วแล้ว แต่กลับไม่เห็นเงาร่างของจี้อี้
เลย
ตอนที่ 135 / ตอนที่ 136 การใส่ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่ง
เฮ่อจี้เฉินคิดว่าจี้อี้ไปเข้าห้องน้ํา จึงไม่คิดมาก แล้วถอนสายตากลับมา
อย่างไม่ใส่ใจ รับแก้วเหล้าที่บริกรยกมาให้ พร้อมกับยกแก้วขึ้นมาชน
ทักทายกับคนในห้องอย่างไม่รีบร้อน

เมื่อทักทายกับคนรอบห้องเสร็จแล้ว เฮ่อจี้เฉินจึงเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงไป

คนในห้อง ต่างก็หาหัวข้อมาคุยกับเขาไม่หยุด

แต่ไหนแต่ไรเฮ่อจี้เฉินไม่ชอบตกอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายแบบนี้ แต่
หลายครั้งจะไม่ตอบก็ไม่ได้ ดังนั้นการตอบคําถามคนอื่นของเขา ถ้าไม่ใช่การ
พยักหน้าน้อยๆ ก็จะใช้คําพูดที่สั้นและกะทัดรัดที่สุดตอบกลับไปตาม
มารยาท

เทียบกับความกระตือรือร้นของคนข้างๆ ท่าทางของเขาดูห่างเหิน
เล็กน้อย แต่ยังดี ที่บรรยากาศภายในห้องครึกครื้นพอสมควร จึงไม่ทําให้
เงียบและอึดอัดจนเกินไป

ผ่านไปสักพัก ทุกคนจึงค่อยๆ เบนหัวข้อสนทนาออกจากตัวเขา

เฮ่อจี้เฉินถือโอกาสใช้ช่องว่างนี้ หยิบบุหรี่จากในกระเป๋า จุดไฟ แล้ว


ยังคงนิสัยเดิมเหมือนกับหลายปีนี้ เขาไม่สูบ แต่คีบบุหรี่ไว้ที่ปลายนิ้ว แล้ว
เคาะกับที่เขี่ยบุหรี่หลายครั้ง
พระเอกของเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ลู่หนานที่นั่งอยู่ข้างๆ เฮ่อจี้เฉิน
หลังจากเขาคุยกับผู้กํากับเสร็จ ก็หันหน้ามาคุยกับเขาอยู่บ่อยครั้ง

เฮ่อจี้เฉินแค่ฟัง แต่ไม่ตอบ

เขายกมือขึ้นเป็นครั้งที่สาม ตอนที่เคาะขี้บุหรี่ เขาเหมือนกับคิดอะไร


ขึ้นมาได้ จึงกะพริบตา แล้วกวาดมองรอบๆ โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว จึง
พบว่า ตั้งแต่เขาปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ คาดว่าผ่านไปประมาณ 20 นาที
แล้ว จี้อี้ยังไม่กลับมาเลย

เฮ่อจี้เฉินขมวดคิ้ว พูดตัดบทลู่หนานที่เอาแต่พร่ําพูดว่าตัวเขานั้นอ่าน
“ซานเชียนฉือ”มาแล้วหลายครั้ง ขึ้นมาว่า "ทําไมยังไม่เห็นนางเอกกับ
นางรองเลยล่ะ?"

”เชียนเกอมีธุระกะทันหันถึงต้องรีบไป ส่วนนางรอง.." ราวกับว่าลู่


หนานจําชื่อของจี้อี้ไม่ได้ จึงใช้บทบาทที่ใช้ในกองถ่ายแทนการเรียก ปาก
ของเขาพูดกับเฮ่อจี้เฉินไปด้วย และมองรอบห้องไปด้วย เหมือนกับว่ากําลัง
หานางรอง "...ฉันไม่ได้สนใจเธอมากนัก เธอไม่อยู่ในห้อง คงไปห้องน้ํา
แหละ?"

พูดจบ สายตาของลู่หนานก็หยุดอยู่ที่เก้าอี้ว่างอีกที่ซึ่งอยู่ข้างเฮ่อจี้
เฉิน แล้วพูดด้วยน้ําเสียงประหลาดใจเล็กน้อยว่า " เอ๊ะ ? ประธานหลินก็ยัง
ไม่กลับมานี่นา?"
ทันใดนั้นภายในสมองของเฮ่อจี้เฉินก็ปรากฏคําพูดเหล่านั้นที่เพิ่งฟังมา
จากเชียนเกอที่ลานจอดรถขึ้นมา ปลายนิ้วที่กําลังคีบบุหรี่ของเขา สั่นขึ้นมา
ลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้นในหัวใจ

เขามาถึงได้ประมาณยี่สิบนาที ล้วนยังไม่เจอคนทั้งสอง คงไม่ใช่เพราะ


คําพูดที่เชียนเกอบอกกับหลินเจิ้งอี้ กําลังออกฤทธิ์แล้วจริงๆ หรอกนะ หรือ
ว่าหลินเจิ้งอี้กําลังทําเรื่องชั่วร้ายอะไรอยู่ ?

ขี้บุหรี่ตงลงเสียงดัง ซู่ซู่ พร้อมกับเฮ่อจี้เฉินที่แทบจะไม่มีความลังเลใดๆ


ถามออกมาสามคํา เพื่อให้มั่นใจ "หลินเจิ้งอี้เหรอ?"

" ใช่ ประธานหลิน เขาบอกว่าไปห้องน้ําตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน


ตอนนี้เขายังไม่..."

คําพูดของลู่หนานยังไม่ทันจบ เฮ่อจี้เฉินก็ดับบุหรี่ที่ปลายนิ้ว แล้วหลุก


พรวดขึ้น

การกระทําของเขากะทันหันเกินไป ทําคนในห้องมองมา บางคนส่งเสียง


เรียกเขา "คุณเฮ่อ?"

เฮ่อจี้เฉินไม่สนใจ เขาผลักเก้าอีกไปด้านหลัง แล้วรีบก้าวขาเดินออกไป


จากห้องอย่างรวดเร็ว

.....
การมาเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ การดื่มเหล้าคือสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ แม้ว่า
ตอนที่จี้อี้ชนแก้วกับทุกคน เธอแค่จิบพอเป็นพิธีเท่านั้น แต่คนในห้องมีอยู่
สิบกว่าคน จึงทําให้ต้องดื่มไปไม่น้อย ดังนั้นหลังจากที่เชียนเกอออกไปสัก
พัก จี้อี้ก็ไปเข้าห้องน้ํา

เมื่อออกมาจากห้องน้ํา จี้อี้เดินไปหน้าอ่างล้างมือ เปิดก๊อกน้ํา เธอเพิ่งจะ


ล้างมือเสร็จ กําลังจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษมาเช็ดมือ ก็ได้ยินเสียงคน
เรียกตนเองจากทางด้านหลังว่า " เสี่ยวอี้ ?"

จี้อี้หันหน้า เห็นชายวัยกลางคนเดินออกมาจากห้องน้ําชาย

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่พวกที่เพียงแค่ผ่านตาครั้งเดียวก็จําได้ไม่ลืม แต่เธอ
กลับรู้จักเขา เขาเป็นหนึ่งในนักลงทุนคนสําคัญของละครเรื่อง "ซานเชีย
นฉือ"ที่มาร่วมงานในคืนนี้ด้วย ชื่อเต็มของเขาเธอจําไม่ได้ แต่เธอรู้แซ่ของ
เขา จี้อี้จึงยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากพูดอย่างสุภาพว่า "ประธานหลิน"

หลินเจิ้งอี้ไม่พูด เขาฉีกยิ้มแล้วเดินมาข้างจี้อี้ที่ยืนอยู่หน้าอ่านล้างหน้า

จี้อี้โยนกระดาษที่เช็ดมือทิ้งลงไปในถังขยะ ตอนที่เธอเตรียมตัวบอกลา
กับหลินเจิ้งอี้ หลินเจิ้งอี้ที่ล้างมือเสร็จ เอื้อมมือไปหยิบกระดาษ เช็ดมือไป
ด้วยแล้วหันหน้ามาหาจี้อี้ แล้วพูดขึ้นมาเหมือนกับว่าเพิ่งนึกอะไรออก " ถ้า
ไม่เจอเธอ ฉันก็คงเกือบลืมไปแล้ว พอเจอเธอ เลยนึกขึ้นได้ ตอนนี้เธอมีเวลา
ไหม? ฉันอยากคุยกับเธอส่วนตัวเกี่ยวกับละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ"
จี้อี้เก็บคําพูดที่จะกล่าวลากลับมา พยักหน้า ยิ้มบางๆ แล้วตอบว่า "ได้
ค่ะ"

หลินเจิ้งอี้ ชี้ออกไปที่บริเวณนอกห้องน้ํา แสดงท่าทางบอกให้จี้อี้เดิน


ออกไปข้างนอก และพูดแนะนําว่านักลงทุนเรื่อง "ซานเชียนฉือ" นั้นใหญ่โต
มากแค่ไหน

เรื่องพวกนี้ ในอินเทอร์เนตก็มีบอก แต่เพื่อเป็นการแสดงออกถึง


มารยาทและความเคารพ จี้อี้จึงไม่ขัดคําพูดของหลินเจิ้งอี้ ใบหน้าประดับ
รอยยิ้มน้อยๆ ฟังเขาพูด และพยักหน้าเห็นด้วยบ่อยๆ

ตอนที่เดินผ่านหน้าบริกร หลินเจิ้งอี้ที่พูดอย่างน้ําไหลไฟดับก็หยุดพูด
แล้วเรียกบริกรพร้อมกับพูดว่า " ยังมีห้องไหม?"

" คุณหลิน กรุณารอสักครู่" คาดว่าหลินเจิ้งอี้คงจะมาเป็นแขกที่โรงแรม


ปักกิ่งบ่อยๆ บริกรที่นี่จึงรู้จักเขาดี หลังจากที่ตอบเขาอย่างนอบน้อมแล้ว
จึงรีบใช้วิทยุถามว่ายังมีห้องว่างอยู่ไหมในทันที

หลินเจิ้งอี้ถือโอกาสตอนที่บริกรจัดเตรียมห้อง หันหน้าไปถามจี้อี้ " ใน


ห้องเสียงดังเกินไป ถ้าเธอไม่ถือ พวกเราไปหาที่เงียบๆ คุยกัน เสร็จแล้วค่อย
กลับเข้าไป ดีไหม?"

ทุกประโยคที่หลินเจิ้งอี้พูด ล้วนเกี่ยวกับละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ" จี้อี้


คิดว่าหลินเจิ้งอิ้งอยากคุยเรื่อง " ซานเชียนฉือ" จริงๆ ในฐานะที่เธอรับบท
นางรอง จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วยกับเขา ดังนั้นจี้อี้ที่ไม่ได้คิดอะไรมาก
จึงตอบรับไป

บริกรเก็บวิทยุเรียบร้อย ก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยแล้วผายมือไปยังห้องที่อยู่
ด้านหน้า " คุณหลิน เชิญห้องนี้ครับ"

หลินเจิ้งอี้จองห้องใหม่อีกครั้ง เหมือนกับห้องที่จัดงานเลี้ยงคืนนี้ทุก
อย่าง

เพราะมีคนแค่สองคน หลินเจิ้งอี้จึงไม่สั่งอาหาร ทั้งสองไม่นั่งที่โต๊ะ แต่


นั่งลงตรงโซฟาที่โซนสําหรับพักผ่อน
ตอนที่ 137 / ตอนที่ 138 การใส่ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่ง
หลินเจิ้งอี้ไม่รอให้บริกรนําเมนูเครื่องดื่มมาให้ ก็สั่งให้บริกรเอาเหล้าที่
ตนฝากเก็บไว้ที่นี่เข้ามา

บริกรตอบด้วยน้ําเสียงนอบน้อม แล้วออกไปจากห้อง สักพักหนึ่ง ก็ยก


เหล้า *"Royal Salute" กลับเข้ามา

หลินเจิ้งอี้ไม่ให้บริกรช่วยเขารินเหล้า ดังนั้นจึงบอกให้บริกรอกไป

รอจนกระทั่งห้องปิดลง หลินเจิ้งอี้ยกขวดเหล้า รินลงไปในแก้วทั้งสอง


เอาหนึ่งในแก้วนั้นยื่นให้จี้อี่ หลังจากรอให้จี้อี้รับไปแล้ว จึงชนแก้วกับเธอ
แล้วดื่มรวดเดียวหมดนําหน้าเธอตั้งแต่แก้วแรก

หลินเจิ้งอี้ทําขนาดนี้แล้ว จี้อี้เองจะไม่ให้เกียรติเขาก็ไม่ได้ เธอแค่


ยิ้ม จรดแก้วเหล้าที่ริมฝีปาก แล้วดื่มไปครึ่งแก้ว

หลินเจิ้งอี้เทเหล้าให้ตนเองไปด้วย แล้วก็พูดไปด้วย เรื่องที่เขาพูดยังคง


เกี่ยวกับ " ซานเชียนฉือ"

ตอนที่เขาดื่มแก้วที่สอง ยังไม่ลืมที่จะชี้ไปที่แก้วของจี้อี้ แสดงท่าทางว่า


เธอเองก็ต้องดื่ม

ทีแรกจี้อี้ไม่รู้สึกจริงๆ ว่าบรรยากาศภายในห้องมีตรงไหนผิดแปลกไป
ทว่าเมื่อเห็นขวดเหล้า "Royal Salute" น้อยลงเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าหลินเจิ้ง
อี้ที่ตอนแรกรักษาระยาห่างกับเธออยู่ตลอด เริ่มมองมาที่ร่างของเธอโดยไม่
ตั้งใจบ่อยครั้ง กระทั่งตอนที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มกับเธอ หัวข้อสทนาก็
เปลี่ยนเป็น" เสี่ยวอี้ ฉันเห็นประวัติของเธอ บอกว่าตอนนี้เธอกําลังเรียนอยู่
มหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B ใช่ไหม?"

“ใช่ค่ะ ประธานหลิน" จี้อี้ตอบหลินเจิ้งอี้อย่างสุภาพ แล้วขยับไป


ด้านข้างอย่างเงียบๆ เว้นระยะห่างระหว่างเธอและหลินเจิ้งอี้ให้มากขึ้น
เล็กน้อย

หลินเจิ้งอี้เงยหน้า เขาดื่มหมดรวดเดียวอีกครั้ง ตอนที่เขาเอื้อมมือไป


หยิบขวดเหล้า เขาแสร้งทําเป็นว่าดื่มเยอะเกินไป ไม่ระวังจนเซล้มไป
ด้านข้างชนเข้ากับร่างของจี้อี้

เดิมจี้อี้อยากจะหลบ แต่ปฏิกิริยาตอบโต้ของหลินเจิ้งอี้เร็วกว่าเธอมาก
มือของเขาเอื้อมไปโอบที่ไหล่ของเธออย่างรวดเร็ว ตอนที่เขายื่นหน้ามาที่
ข้างหูเธอ กลิ่นฉุนของเหล้าลอยฟุ้งมาอย่างรุนแรง " ฉันยังได้ยินมาว่า
มหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B มีเด็กผู้หญิงหลายคนขายตัว ใช่ไหม?"

เมื่อได้ยินจนถึงตรงนี้ ในที่สุดสติของจี้อี้ก็กลับมาอย่างช้าๆ เธอประมาท


เกินไป เห็นว่าหลินเจิ้งอี้ต้องการเข้ามาในห้อง เพราะคิดว่าเขาต้องการคุย
กับตนเองจริงๆ คิดไม่ถึง...จี้อี้ค่อยๆ ออกแรง พยายามดิ้นจากมือของหลิน
เจิ้งอี้ที่โอบอยู่ที่ไหล่ของตนเอง แสร้งทําเป็นว่าไม่ได้ยินคําพูดของเขาที่เพิ่ง
พูดไป แล้วตอบกลับไปว่า " ผู้อํานวยการหลิน ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็จะ
กลับไปหาคนในกองแล้ว"

จี้อี้พูด พร้อมกับลุกขึ้นยืน

เธอยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินออกไป หลินเจิ้งอี้ก็จับข้อมือของเธอ แรง


มหาศาลราวกับว่าเดิมทีเขาไม่ได้ดื่มเหล้าไปมากมายขนาดนั้น " พอแล้ว
เธอไม่ต้องเสแสร้งทําตัวสะอาดสูงส่งกับฉันแล้ว เธอเป็นคนยังไง ฉันรู้ดี เส
แสร้งขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะเพิ่มราคาให้ตัวเองเหรอ? พูดมาสิ ว่าจะ
เอาเท่าไหร่? หรือว่า อยากจะได้ผลประโยชน์อะไร?"

นัยน์ตาของจี้อี้อีกปรากฏความรังเกียจ เธอออกแรงกระชากมือของหลิน
เจิ้งอี้ ไม่พูดมากความ แล้วก้าวเท้าเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าหลินเจิ้งอี้จะอยู่ในช่วงวัยกลางคนและอ้วนท้วม แต่ปฏิกิริยา
โต้ตอบกลับว่องไว จี้อี้เดินไปไม่ถึงสองก้าว เขาก็จับแขนของจี้อี้อย่าง
รวดเร็วอีกครั้ง แล้วใช้แรงมหาศาลลากเธอกลับไปที่โซฟา

*Royal Salute ชีวาส ริกัล รอยัล ซาลุท 50 ปี เป็นวิสกี้ราคาแพงติด


อันดับ 10 ของโลก ชิวาสเป็นการบรรจุออกมาเพื่อเฉลิมฉลองการครองราช
ครบ 50 ปีของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ในปี 2002 โดย
เหล้าขวดนี้ถูกบ่มในถังในปี 1952 และถูกเปิดบรรจุในปี 2002 รวมเป็น
เวลา 50 ปีพอดิบพอดี และผลิตออกมาเพียง 255 ขวดทั่วโลกเท่านั้น กล่าว
กันว่าคนพิเศษและบรรดาวีไอพีที่เคยมีโอกาสลิ้มรสได้พูดถึงเหล้าขวดนี้ว่า
เป็นเหล้าขวดพิเศษที่มีกลิ่นลูกเกดนํา กลมกล่อมเป็นอย่างยิ่ง สนนราคา
10,000 ดอลลาร์ต่อขวด หรือ 302,500 บาทไทย

.....

จี้อี้ยังไม่ทันได้ตั้งสติ ร่างใหญ่โตของหลินเจิ้งอี้ ก็ทับลงมาบนร่างของเธอ


อย่างรุนแรง แล้วเอื้อมมือออกไปฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอ

จี้อี้เริ่มดิ้นรน ทั้งตีทั้งเตะเขาพัลวัน

สัตว์เดรัจฉานหลินเจิ้งอี้ พยายามจูบแก้มของจี้อี้หลายต่อหลายครั้ง แต่


ก็ไม่สําเร็จ จิตใจของเขาเปลี่ยนเป็นเดือดดาล เขาจึงออกแรงกดมือของจี้อี้
พร้อมกับพูดคําพูดน่าขยะแขยงไปด้วย " เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าที่เธอ
ได้รับบทนางรองเรื่อง "ซานเชียนฉือ" เธอนอนกับคนอื่นมาตั้งเท่าไหร่ เธอ
อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ก่อนหน้านี้เธอเคยนอนกับผู้ชายมากี่คน มั่วกับคนอื่นไป
ทั่ว ยิ่งไปกว่านั้น เธออย่าลืมไปล่ะว่า นักลงทุนคนสําคัญในเรื่อง "ซานเชีย
นฉือ" คือฉัน ฉันขอเตือนเธอนะว่าอะไรควรทําอะไรไม่ควรทํา ถ้าเธอยั่วให้
ฉันโกรธ มันจะไม่เป็นผลดีกับเธอแน่! ดังนั้น ฉันขอเตือนยอมฉัน.."
คําพูดของหลินเจิ้งอี้ ยิ่งพูดก็ยิ่งต่ําช้ายากที่จะฟัง จี้อี้ที่ไม่เคยโดนคนทํา
ให้รู้สึกอัปยศอดสูขนาดนี้มาก่อน เธอเอื้อมมือที่ไม่ถูกกดเหวี่ยงไปโดนหน้า
ของหลินเจิ้งอี้อย่างรุนแรง

หลินเจิ้งอี้ที่ถูกฝ่ามือของเธอเข้าเต็มๆ อึ้งอยู่เพียงเสี้ยววินาที หลังจาก


นั้นก็ระเบิดอารมณ์ เขาด่าออกมาก่อนคําหนึ่งหลังจากนั้นก็เอื้อมมือมาตบ
เข้าที่ใบหน้าของจี้อี้อย่างแรงโดยไม่ยั้งมือเลยแม้แต่นิดเดียว!

ฝ่ามือของหลินเจิ้งอี้ เต็มไปด้วยแรงมหาศาล หูของจี้อี้เจ็บระบมจนอื้อ


อึงไปครู่หนึ่ง เมื่อสติของเธอกลับมา หลินเจิ้งอี้กําลังดึงผมของเธอและบังคับ
เธอลุกขึ้นนั่ง " พอให้เกียรติก็ไม่ยอมเอา! ในเมื่อไม้อ่อนไม้ชอบชอบไม้แข็ง
งั้นฉันไม่เกรงใจล่ะนะ!"

ขณะที่เขาพูด จี้อี้เห็นเขาเอายาเม็ดหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า แล้วใส่


ลงไปในขวด " Royal Salute” หลังจากนั้นก็เอาเหล้าขวดนั้น กรอกเข้าไป
ในปากของจี้อี้อย่างรวดเร็ว

แม้จี้อี้ไม่รู้ว่านั้นเป็นยาอะไร แต่ลึกๆ ในใจเธอรู้ดี ว่าหากเธอดื่มมันลง


ไปจริงๆ พอยาออกฤทธิ์ เธอต้องจบเห่อย่างแน่นอน

เธอใช้แรงทั้งหมดต่อต้านเขา แต่หลินเจิ้งอี้เป็นผู้ชาย จึงสามารถกดเธอ


ไว้ได้อย่างรวดเร็ว เขาถือขวดเหล้าหันปากกขวดเทรดลงมาใบหน้าของเธอ
เธอสะบัดหน้าอย่างแรง เหล้าทั้งหมดจึงเทรดลงมารดโดนแค่ใบหน้า
เท่านั้น หลินเจิ้งอี้สังเกตเห็น เขาบีบแก้มของเธออย่างโมโห ทําให้ริมฝีปาก
ของเธอแยกออกจากกัน หลังจากนั้นก็จะเอาขวดเหล้ายัดเข้ามาในปากเธอ

จี้อี้เตะเท้าไปมา อยากจะดิ้นให้หลุด ทว่าทํายังไงก็ขยับไม่ได้ เธอจึงทํา


ได้เพียงแค่เบิกตาจ้องมองขวดเหล้า ที่ค่อยๆใกล้เข้ามา วินาทีนั้นที่ปากขวด
สัมผัสกับริมฝีปากของเธอนั้น เธอก็ได้ยินน้ําเสียงคุ้นเคยที่ดังมาจากข้างนอก
ห้อง "หลินเจิ้งอี้อยู่ข้างใน?"

จี้อี้ยังแยกไม่ออก ว่าตนเองหูแว่วหรือว่าเป็นเรื่องจริง ทันใดนั้นประตู


ห้องก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง

หางตาของเธอ เหลือบไปทางต้นเสียงโดยไม่รู้ตัว เธอมองเห็นร่างสูง


ใหญ่อย่างเลือนราง ไอลมที่แฝงด้วยรังสีอํามหิตพัดมาวูบหนึ่ง แล้วพลันมา
ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอและหลินเจิ้งอี้

เธอไม่ทันเห็นว่าเงาร่างนั้นลงมือยังไง หลินเจิ้งอี้ที่กดทับอยู่บนร่างของ
เธอก็หงายหลังลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
ตอนที่ 139 / ตอนที่ 140 การใส่ร้าย ก็เป็นการอิจฉาริษยาอย่างหนึ่ง
เมื่อร่างของหลินเจิ้งอี้ล้มลงไปกับพื้น เกิดเสียง “ตึง” ดังขึ้นมา จี้อี้เด้ง
ตัวลุกขึ้นนั่งตามสัญชาตญาณ เธอมองหลินเจิ้งที่ล้มลงไปบนพื้นก่อน แล้ว
จึงมองผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่ข้างโซฟา

วินาทีนั้นเธอสัมผัสได้ถึงใบหน้าหล่อเหลา จี้อี้ตกตะลึง หลังจากนั้นก็


มองลงไปที่ข้อมือของชายหนุ่ม

ภายใต้แสงไฟส่องสว่าง ขับผิวขาวของชายหนุ่มปรากฏเด่นชัด รวมถึง


เชือกสีแดงที่ฉายชัดเข้ามาในดวงตาด้วย

เฮ่อจี้เฉินเหรอ.. เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

จี้อี้เพิ่งจะแปลกใจ ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวของชายหนุ่มดู
ผิดปกติ

เธอเลิกคิด แล้วสายตาก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าของชายหนุ่มอีก


ครั้ง

เธอจึงค่อยรู้สึกตัวว่าชายหนุ่มกําลังจ้องเธอตาไม่กะพริบ แววตาของเขา
น่ากลัวมาก เหมือนกับว่ามีเปลวไฟกําลังจะประทุออกมา
จี้อี้ตกใจจนสั่นไปทั้งร่าง แล้วจึงหลับตาลงตามสัญชาตญาณ หลังจาก
นั้นเธอก็ได้ยินเสียงกึกก้องดังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นโต๊ะกาแฟที่อยู่ตรงหน้าของ
เธอลอยออกไป

สิ่งของที่วางอยู่ข้างบน ร่วงหล่นลงพื้น เกิดเสียงโครมครามดังอย่าง


ต่อเนื่อง

สิ่งที่ตามมาคือ จี้อี้ได้ยินเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มเดินไกลออกไป

เขาจะไปแล้วเหรอ?

ลึกๆ ในใจของจี้อี้ปรากฏความรู้สึกสงสัย เธอยังไม่ทันได้แน่ใจ ก็ได้ยิน


เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมา เธอเงยหน้าขึ้น มองเฮ่อจี้เฉินที่กําหมัดแล้วชกไป
บนหน้าของหลินเจิ้งอี้ จนทําให้ศีรษะของเขาเอียงไปด้านข้าง

แค่มองอย่างเดียว จี้อี้ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่บาดลึกเข้าไปใน
กระดูก

ทว่าเฮ่อจี้เฉินยังไม่ยอมเลิกรา เขายกมือขึ้นอีกครั้ง แล้วต่อยหลินเจิ้งอี้


ด้วยแรงมหาศาลถึงสองหมัด ตอนที่เขาเห็นขวดเหล้าที่หลินเจิ้งอี้กําอยู่นั้น
นึกถึงภาพที่ตนเองเห็นตอนที่เดินเข้าประตูมา ก็ไม่ยั้งคิด หยิบขวดเหล้าขึ้น
มาแล้วฟาดลงไปที่หัวของหลินเจิ้งอี้อย่างแรง

เลือดสีแดงสด ไหลลงมาจากหัวของหลินเจิ้งอี้
ตอนนี้หลินเจิ้งอี้รู้แล้วว่าใครลงมือกับตนเอง เขาครวญครางออกมา
แล้วก็พูดขึ้นมาว่า " ประธานเฮ่อ เพื่อผู้หญิงคนนี้ ต้องทําถึงขนาดนี้เลย
เหรอ? คุณรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นผู้ร่วมทุนกับบริษัท YC ของคุณนะ! เรื่อง "ซาน
เชียนฉือ" ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนกํากับการแสดง แต่ฉันเป็นผู้ร่วมทุนที่ใหญ่
ที่สุด ถ้าฉันต้องการจะถอนทุน สําหรับคุณแล้วไม่..."

หลินเจิ้งอี้ยังพูดประโยคหลังไม่ทันจบ เฮ่อจี้เฉินก็คว้าคอเสื้อของเขา
ลากเขาขึ้นมาจากพื้น แล้วยกเท้าขึ้นถีบเขาลอยออกไปโดยไม่เมตตาสักนิด

จี้อี้ที่เห็นภาพการซ้อมคนของเฮ่อจี้เฉินทําให้อึ้งงันไป แต่หลังจากที่ได้
ยินเรื่องที่หลินเจิ้งอี้พูด เธอก็สับสนอย่างถึงที่สุด

หลินเจิ้งอี้พูดอะไรกับเฮ่อจี้เฉิน ? บริษัท YC ของเขา? เขาเป็นผู้กํากับ?

หมายความว่า...บริษัท YC เป็นของเฮ่อจี้เฉิน? แล้วเรื่อง " ซานเชีย


นฉือ" ก็มีเขาเป็นผู้กํากับเหรอ?

มิน่า ทั้งๆ ที่คืนนี้มีคนไม่มาสามคน แต่กลับเหลือที่นั่งเพียงสองที่ เธอยัง


คิดว่ามีคนติดธุระจนมาเข้าร่วมไม่ได้ คิดอยู่ตั้งนาน ที่แท้ผู้อํานวยการของ
บริษัท YC และผู้กํากับเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ล้วนเป็นเฮ่อจี้เฉินหรอกหรอ?

จี้อี้ยังไม่ทันประมวลผลเรื่องที่เพิ่งรับรู้ ตรงหน้าของตนเองก็มีเสียง "ตึง"


ดังขึ้นมา
เธอตกใจจนสั่นไปทั้งตัว เมื่อมองลงไป เธอเห็นหลินเจิ้งอี้ที่มีใบหน้าบวม
ช้ํานอนคว่ําหน้าอยู่แทบเท้าเธอ

เธอหดเท้าก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของเฮ่อ
จี้เฉินพูดอย่างเด็ดเดี่ยว เขากดเสียงต่ําพร้อมกับพูดเสียงเย็นว่า "ขอโทษ
เดี๋ยวนี้!"

.....

“ เฮ่อจี้เฉิน แกจําเป็นต้องทําแบบนี้ด้วยเหรอ?” หลินเจิ้งอี้อยากจะลุก


ขึ้น แต่แค่เขาขยับตัวเล็กน้อย ก็เจ็บปวดจนลมหายใจสะดุดแล้ว เขาขบฟัน
กรอดแล้วหันหน้าไปพูดกับเฮ่อจี้เฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเดือดดาลว่า
“แกรู้ไหม ว่าถ้าแกล่วงเกินฉันเข้า …”

เฮ่อจี้เฉินเหมือนกับไม่มีความอดทน เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ยกเท้า


ขึ้น แล้วเหยียบไปที่ไหล่ซ้ายของหลินเจิ้งอี้ เขากัดฟัน แล้วพูดเน้นย้ําทีละคํา
ว่า "ขอโทษน่ะ เป็นมั้ย ?"

หลินเจิ้งอี้เจ็บปวดจนส่งเสียงร้องครางออกมา ฟันของเขากระทบกัน
ผ่านไปสักพัก แล้วจึงฝืนพูดออกมา แต่กลับพูดต่อจากประโยคเมื่อครู่ "...ก็
จะไม่เป็นผลดีกับตัวแกเอง.."

คําว่า "นะ" พูดออกมาได้เพียงครึ่งเดียว ราวกับว่าความอดทนของเฮ่อ


จี้เฉินได้สิ้นสุดลง เขาพลันเพิ่มแรงที่ฝ่าเท้า เสียงโอดครวญของหลินเจิ้งอี้ดัง
ขึ้นตามมาด้วยเสียงของเฮ่อจี้เฉินที่พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า " ถ้าไม่เป็น งั้นฉันจะ
สอนแกเอง!"

ขณะที่พูด เฮ่อจี้เฉินก็ก้มตัวดึงคอเสื้อด้านหลังของหลินเจิ้งอี้

เขายังไม่ทันได้ลงมือ หลินเจิ้งอี้ที่เพิ่งถูกกระทําจนรู้สึกมึนหัวตาลาย ก็
ร้องห่มร้องไห้พร้อมกับพูดว่า " ฉันพูด ฉันพูดแล้ว ขอโทษ ขอโทษ ขอ
โทษ!"

หลินเจิ้งอี้พูดย้ําสามครั้ง ระดับเสียงค่อยๆ ดังขึ้น จนเมื่อพูดถึงครั้ง


สุดท้าย เฮ่อจี้เฉินก็ค่อยๆ ปล่อยคอเสื้อของเขา แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ยก
เท้าออกห่างจากร่างของเขา

เขาไม่ได้มองไปที่หลินเจิ้งอี้ที่นอนคว่ําร้องครวญครางอยู่บนพื้นอีก
สายตาของเขามองตรงไปที่ใบหน้าของจี้อี้

ความอํามหิตบนร่างของเขายังไม่จางหายไป นัยน์ตาดําเข้มมีความดุดัน
พวยพุ่งออกมา

เฮ่อจี้เฉินในสภาพนี้ ทั้งน่ากลัวและอันตราย แต่จี้อี้กลับลืมที่จะ


หวาดกลัวและหลบหนี ยืนสบสายตาของชายหนุ่มที่มองตรงมาอย่างตะลึง
งัน
จี้อี้ยังจําได้เมื่อหลายปีก่อน ที่สนามของโรงเรียนซู ร่างของเด็กหนุ่มที่
อาบไปด้วยเลือด เขาทิ้งร่างของชายหนุ่มคนนั้นลงตรงหน้าของเธอ
หลังจากนั้นก็เหยียบบนแผ่นหลังของเขา แล้วสั่งให้พูดขอโทษ เสียงที่ดังว่า
“ขอโทษ” และเจ้าอ้วนที่ยืนนับจํานวนครั้งอยู่ข้างๆ ไปด้วย

ฉับพลันนั้น จี้อี้แยกไม่ออกว่าสิ่งไหนคือความทรงจํา สิ่งไหนคือเรื่องจริง


แววตาของเธอเหม่อลอย แม้กระทั่งเฮ่อจี้เฉินก้าวเท้ามายืนอยู่ตรงหน้าของ
เธอ เธอก็ยังไร้ซึ่งปฏิกริยาใดๆ

เมื่อเข้ามาใกล้ๆ เฮ่อจี้เฉินจึงได้มองเห็นอย่างชัดเจน เสื้อผ้าบนร่างของ


หญิงสาวยุ่งเหยิง คอเสื้อถูกฉีกจนขาด ใบหน้าเล็กขาวนั้นก็ปรากฏรอยนิ้ว
ทั้งห้าอย่างชัดเจน

ก่อนที่เขาจะมาถึง หลินเจิ้งอี้ก็ลงมือไปแล้วงั้นเหรอ?

ความคิดอยากจะฆ่าคน พลันพุ่งเข้ามาในความคิดของเฮ่อจี้เฉิน ทําให้


ตอนที่เขาเข้าใกล้เธอ แววตาที่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเล็กน้อยของเขา กลับ
เปลี่ยนเป็นแววตาเย็นชาโหดร้ายอีกครั้ง

เขากํามือทั้งสอง พยายามควบคุมอารมณ์รุนแรงที่ปะทุออกมาจากอก
ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงค่อยยกมือขึ้น แล้วถอดเสื้อสูทบนร่างขึ้นคลุมร่างของ
หญิงสาว ปิดบังหัวไหล่อันเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกกระชากจนขาดของ
เธอ
ตอนที่ 141 / ตอนที่ 142 เรื่องเกี่ยวกับเขาที่เธอไม่รู้
การกระทําของเฮ่อจี้เฉิน ทําให้จี้อี้ตกตะลึง เธอก้มลงมองชุดสูทที่คลุม
ร่างเธออยู่โดยไม่รู้ตัว ตอนที่เธอมองปลายนิ้วของเฮ่อจี้เฉินกําลังกลัดกระดุม
ให้เธอ ริมฝีปากของเธอเม้มเล็กน้อย ร่างกายเปลี่ยนเป็นขดเกร็งเล็กน้อย

หลังจากรอจนเฮ่อจี้เฉินกลัดกระดุมเม็ดสุดท้าย และดึงมือกลับไป จี้อี้จึง


ค่อยช้อนตาขึ้น แอบมองเฮ่อจี้เฉินอย่างเงียบๆ

ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม ไม่หลงเหลือความโกรธเมื่อครู่อยู่อีก แต่


ที่หว่างคิ้วของเขากลับมีไอเยียบเย็นลอยออกมา

ดวงตาที่เขาจ้องมองเธอ ไม่เป็นมิตรนัก ดูติดเย็นชาเสียด้วยซ้ํา

จี้อี้รีบถอนสายตาที่แอบมองเฮ่อจี้เฉินอยู่กลับมาอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องนอกจากหลินเจิ้งอี้ที่เจ็บปวดจนส่งเสียงร้องคร่ําครวญแล้ว
ก็ไม่มีเสียงอื่นอีก เงียบจนชวนให้ใจว้าวุ่น

ขณะที่จี้อี้กําลังลังเลว่าตนเองควรขอบคุณเขาแล้วเดินออกไปดีหรือไม่
เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เฮ่อจี้เฉินที่มีสีหน้าขึงขังและเงียบมาตลอด อยู่ๆ ก็
พูดออกมาว่า “ไปเถอะ”

จี้อี้คิดว่าตนเองฟังผิด เธอเงยหน้ามองเฮ่อจี้เฉิน โดยที่ยังนั่งอยู่บนโซฟา


เหมือนเดิมไม่ขยับไปไหน
เฮ่อจี้เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย มีความไม่พอใจแผ่ซ่านออกมา จี้อี้คิดว่าเขา
โกรธ แต่เกินความคาดหมาย น้ําเสียงที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอีกครั้ง กลับฟัง
ดูอบอุ่นจนน่าตกใจว่า " ฉันจะพาเธอออกไปที่นี่"

พูดจบ เฮ่อจี้เฉินก็หันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องนําหน้าไปก่อนอย่าง
รวดเร็ว

เดินไปได้สองก้าว เขาเหมือนกับรู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังยังไม่ขยับตัว
จึงหันหน้ากลับไปมอง เมื่อเธอรู้สึกถึงสายตาของเขา จึงลุกขึ้นมาจาก
โซฟา เดินผ่านร่างหลินเจิ้งอี้ แล้วรีบก้าวไปหาเฮ่อจี้เฉินอย่างรวดเร็ว

เฮ่อจี้เฉินรอจนเธอเข้ามาใกล้เล็กน้อย แล้วจึงก้าวเท้าไปข้างหน้าใหม่
อีกครั้ง

คนสองคนหนึ่งเดินนําอีกหนึ่งเดินตาม รักษาระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกล ไป
ที่หน้าลิฟต์

ประตูลิฟต์เปิดออก เฮ่อจี้เฉินไม่สนใจจี้อี้เดินนําเข้าไปก่อน

เดิมทีจี้อี้คิดว่าเมื่อเขาพาเธอออกมาจากห้องที่หลินเจิ้งอี้อยู่แล้ว ก็จะไม่
สนใจเธออีก คิดไม่ถึงว่าเฮ่อจี้เฉินจะกดเปิดประตูลิฟต์ค้างไว้แล้วมองจี้อี้ที่
ยืนเหม่อลอยอยู่หน้าประตูลิฟต์
จี้อี้สัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ก็เข้าใจความหมาย เธอเห็นเขาไม่พูด
เธอก็เลยไม่พูด ทําเพียงแค่รีบก้าวเท้าเดินเข้าไปในลิฟต์เท่านั้น

รอจนประตูลิฟต์เปิดออก จี้อี้จึงพบว่า เฮ่อจี้เฉินพาเธอลงมาที่ลานจอด


รถ

เธอไม่มีรถ เธอนั่งแท็กซี่มาที่โรงแรมปักกิ่ง ตอนที่จี้อี้ยืนอยู่ในลิฟต์กําลัง


ลังเลว่าจะออกไปดีหรือไม่ เฮ่อจี้เฉินที่เดินไปที่ประตูลิฟต์ เหมือนกับ
สังเกตเห็น จึงหันหน้ามาพูดว่า " ฉันจะไปส่งเธอ"

พูดจบ เขาก็กวาดตามองเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของเธอ

ท่าทางของเขาสื่อถึงอะไรจี้อี้เข้าใจดี

ผมของเธอยุ่งเหยิง ใบหน้ายังมีรอยมือ กระโปรงขาดเป็นรูกว้าง ถ้านั่ง


รถแท็กซี่ ก็คงจะต้องอับอายขายขี้หน้า..

จี้อี้หลุบตาลง เธอไม่ปฏิเสธข้อเสนอของเฮ่อจี้เฉิน พร้อมกับพูดเสียงเบา


ว่า "ขอบคุณ"

ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาและเธอพบกันอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่
ปฏิเสธข้อเสนอของเขา?
ปลายนิ้วของเฮ่อจี้เฉินสั่นไหว เขาไม่เอ่ยปาก แล้วก้าวเท้าเดินออกมา
จากลิฟต์

.....

เฮ่อจี้เฉินก้าวเท้ากว้าง ไม่นานก็ทิ้งช่วงห่างจากจี้อี้

หลังจากที่เขาเดินไปที่หน้ารถของตนเองแล้ว เขาไม่รีบขึ้นรถ แต่ยืนพิง


หน้ารถ ก้มหน้าลงเล็กน้อย จนกระทั่งหางตาเหลือบไปเห็นรองเท้าของจี้
อี้ เขาถึงปลดล็อครถ

เมื่อรอจนจี้อี้ขึ้นไปบนรถแล้ว เฮ่อจี้เฉินจึงเปิดประตู แล้วก้มตัวเข้าไปที่


นั่งฝั่งคนขับ

เขาและเธอไม่พูด เฮ่อจี้เฉินคุมพวงมาลัยด้วยมือเดียว แล้วขับรถออกไป


จากลานจอดรถของโรงแรมปักกิ่งอย่างคล่องแคล่ว

รถเคลื่อนไปตามถนนยามค่ําคืนของเมืองปักกิ่ง หลังจากที่ขับออกมา
ไกลแล้ว จี้อี้จึงตระหนักขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เสื้อผ้าของตนเองหลุดลุ่ย คงไม่
เหมาะถ้าจะต้องกลับไปที่หอพักของมหาวิทยาลัย แล้วก็ไม่เหมาะที่จะกลับ
บ้าน แต่กุญแจห้องชุดที่เฮ่อหยูกวงเตรียมให้เธอก็ลืมเอาไว้ที่บ้าน ไม่ได้เอา
มาเสียด้วย
จี้อี้มองออกไปนอกหน้าต่างรถ มองแสงไฟข้างนอกหน้าต่างที่เคลื่อนไป
ไม่ขาดสาย เธอเงียบสักพัก แล้วหันหน้าไปมองเฮ่อจี้เฉินที่จ้องถนนข้างหน้า
อย่างตั้งใจ " คุณไปส่งฉันที่หน้าโรงแรมซื่อจี้นะ"

คาดว่าเป็นเพราะภายในรถเงียบมานาน เมื่อเธอเอ่ยปากพูด เฮ่อจี้เฉิน


ไม่ได้ตอบอะไร ผ่านไปสักพักจึงค่อยหันมามองเธอแวบหนึ่ง จึงค่อยเข้าใจ
ว่าเธอหมายถึงอะไร เขาไม่พูด แล้วขับรถไปข้างหน้าต่อ ตอนที่ขับรถผ่านสี่
แยกไฟแดง เขาพูดกับเธอด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่งว่า “ สภาพของเธอเป็นแบบ
นี้ ให้ไปโรงแรมคงไม่เหมาะ ถ้าเกิดถูกคนถ่ายรูป แล้วเผยแพร่ออกไป ถ้า
เป็นแบบนั้นคงจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาไม่หยุด ”

เฮ่อจี้เฉินพูดถูก ความจริงแล้วแม้ตอนนี้เธอจะไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือน
เมื่อก่อนแล้ว แต่สภาพของเสื้อที่หลุดลุ่ยเมื่อปรากฏตัวต่อหน้าธารกํานัล ก็
สามารถดึงดูดผู้คนได้ แม้แต่คนที่ไม่รู้จักก็ต้องถ่ายรูป เมื่อถึงเวลานั้นคงเกิด
ปัญหาเข้าจริงๆ

ขณะที่ความคิดของจี้อี้กําลังตีกันอย่างยุ่งเหยิงว่าตนเองควรทําอย่างไรดี
เฮ่อจี้เฉินก็เหมือนกับคิดวิธีแก้ไขอะไรดีๆออก จึงพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า " ไป
บ้านฉัน"

จี้อี้ประหลาดใจ
แสงไฟสีแดงข้างหน้าเปลี่ยนเป็นแสงไฟสีเขียว เฮ่อจี้เฉินเหยียบคันเร่ง
รถค่อยๆ เพิ่มระดับความเร็ว ตอนที่รถขับมาทางสี่แยกอย่างรวดเร็ว เฮ่อจี้
เฉินจึงพูดเสริมขึ้นมาอีกครั้งว่า " ฉันมีธุระอย่างอื่นที่ต้องทํา อีกสักพักก็คง
จะกลับไปที่มหาวิทยาลัย ที่บ้านไม่มีคนหรอก"

ในบ้านไม่มีคน พูดแบบนี้ก็คือ คืนนี้จะมีเธอที่อยู่ในบ้านของเขาเพียงคน


เดียวเหรอ?

จี้อี้เงียบไปราวสองวินาที แล้วจึงพูดอีกครั้งว่า "ขอบคุณ"

เฮ่อจี้เฉินไม่พูดอีก

รถขับเข้าไปที่ลานจอดรถ เฮ่อจี้เฉินขับตรงไปที่ลิฟต์ เขาไม่ดับ


เครื่องยนตร์แล้วก็ไม่ลงจากรถ แต่หยิบปากกาในกระเป๋า ควานหา
กระดาษในรถ พร้อมกับเขียนตัวเลขห้องไม่กี่ตัวแล้วยื่นส่งให้จี้อี้ “รหัสห้อง
ชั้นที่สิบแปด”

จี้อี้มองออกว่าเฮ่อจี้เฉินไม่มีท่าทางว่าจะลงมาจากรถ เธอรับกระดาษที่
เฮ่อจี้เฉินยื่นส่งมาให้ แล้วกล่าวเสียงเบาว่า "รบกวนคุณแล้ว"

เฮ่อจี้เฉินเงียบอีกครั้ง

"งั้นฉันลงไปก่อนนะ" จี้อี้พูด
ครั้งนี้เฮ่อจี้เฉินตอบด้วยการพยักหน้าเบาๆ

จี้อี้เปิดประตูรถ แล้วลงมาจากรถ ก่อนที่เธอจะปิดประตู เธอพูดคําว่า


"แล้วพบกัน" เธอไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเฮ่อจี้เฉินได้ยินหรือไม่ เมื่อเธอปิดประตูรถ
เขาก็เหยียบคันเร่งแล้วขับออกไป
ตอนที่ 143 / ตอนที่ 144 เรื่องเกี่ยวกับเขาที่เธอไม่รู้
จี้อี้รอกระทั่งรถของเฮ่อจี้เฉินหายลับไปแล้ว จึงเดินไปตรงหน้าลิฟต์
พร้อมกับกดปุ่มขึ้น

คอนโดของเฮ่อจี้เฉิน อยู่ในย่านคนมีฐานะ ทุกห้องจะมีลิฟต์ส่วนตัว


ดังนั้นประตูลิฟต์จึงเปิดเร็วมาก

จี้อี้เคยมาที่บ้านของเฮ่อจี้เฉินสองครั้ง ทว่าแต่ไหนแต่ไรเธอกลับไม่เคย
สํารวจคอนโดของเขาอย่างละเอียด

ตอนนี้ในคอนโดมีเธอเพียงแค่คนเดียว หลังจากเข้ามาแล้วเปลี่ยน
รองเท้าแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้อง แล้วมองสํารวจไปรอบๆ

การตกแต่งภายในให้บรรยากาศหรูหรา ชวนให้รู้สึกว่าเขาช่างดูสูงส่ง

ชั้นหนึ่งไม่มีห้องนอน จี้อี้จึงไปที่รินน้ําที่ห้องครัวมาก่อนแก้วหนึ่ง แล้ว


หลังจากนั้นจึงเดินขึ้นไปข้างบน

ชั้นสองมีสองห้องนอน มีหนึ่งห้องหนังสือ จี้อี้เคยมาที่ห้องนอนส่วนตัว


ของเฮ่อจี้เฉิน เธอเลยรู้ว่าอยู่ที่ไหน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลามาก เธอจึงเดิน
ตรงเข้าไปในห้องนอนทันที

เมื่ออาบน้ําเสร็จ จี้อี้ใส่เสื้อคลุมที่อยู่ในห้องน้ํา แล้วก็ปีนขึ้นไปบนเตียง


วันเดียวมีประสบการณ์ที่น่าตื่นตระหนกตกใจมากมาย จี้อี้นอนลงบน
เตียงสักพัก ก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

ใต้ตึกนอกหน้าต่างห้องนอน เฮ่อจี้เฉินพิงเสาไฟบนถนน แล้วจุดบุหรี่

ในชุมชนเงียบสงบมาก นอกจากด้านหน้าชุมชนที่จะมียามรักษากาณ์ถือ
ไฟฉายเดินผ่านไปแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นเดินผ่านมาอีก

เฮ่อจี้เฉินก็ไม่รู้ว่าตนเองยืนอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว พอเขารู้สึกถึง
ความร้อนที่ลวกนิ้วตน เขาจึงก้มหน้า มองบุหรี่ที่ไหม้ไปจนหมดมวนอย่าง
เงียบๆ

เขาดับบุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่บนถังขยะที่อยู่ข้างๆ แล้วเงยหน้าขึ้น มองขึ้น


ไปด้านบน

แสงไฟที่ยังสว่างไสวอยู่เมื่อครู่ ไม่รู้ว่าดับลงตอนไหน

เธอคงหลับไปแล้ว

เฮ่อจี้เฉินไม่รีบไป แต่จุดบุหรี่อีกครั้ง

ขณะที่บุหรี่เผาไหม้ไปกว่าครึ่ง เขาจึงละสายตากลับมาจากหน้าต่าง
ห้องนอนที่เธอนอนอยู่
ไม่มีเขาอยู่ เธอคงจะนอนหลับสนิท

หางตาของเฮ่อจี้เฉินเหมือนมีความเจ็บปวดที่คล้ายมีคล้ายไม่มีแล้วก็
จางหายไปอย่างรวดเร็ว เขากะพริบตาเล็กน้อย แล้วดับบุหรี่ที่อยู่ที่ปลายนิ้ว
ทิ้งบุหรี่ลงไปในถังขยะ พร้อมกับก้าวขา เดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล

เขานั่งอยู่ในรถ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เขียนข้อความส่งไปหาป้าจาง


สั่งให้เธอมาทําอาหารเช้าในวันพรุ่งนี้หลังจากที่ส่งข้อความสําเร็จ เขาจึงนึก
ขึ้นมาได้เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกจนขาด เลยออกคําสั่งอีกครั้งว่าพรุ่งนี้ให้ป้า
จางไปห้างสรรพสินค้าแล้วซื้อเสื้อผ้ามาให้เธอ แล้วเก็บโทรศัพท์มือถือ
เหยียบคันเร่ง และค่อยๆ ขับรถออกไป

จี้อี้หลับลึก ตอนที่ตื่นขึ้นมาของวันถัดมา ก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือ อยากจะโทรหาเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ตนเองซื้อ
เสื้อผ้าอยู่บ่อยๆ แล้วให้เธอเอาเสื้อผ้ามาส่งให้ ทว่าเธอก็เหลือบไปเห็น
เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมที่พับเป็นระเบียบอยู่บนตู้ตรงหัวเตียงเสียก่อน

ข้างเสื้อผ้ามีกระดาษหนึ่งแผ่นวางอยู่ : คุณหนู คุณชายสั่งฉันให้เตรียม


เสื้อผ้าให้กับคุณ
ไม่ต้องคิดให้มาก จี้อี้ก็รู้ดีว่ากระดาษแผ่นนั้นแป็นของป้าจาง ที่เธอ
เรียกว่าคุณชาย คงจะหมายถึงเฮ่อจี้เฉินสินะ...ทําไมเขาถึงได้ละเอียด
รอบคอบถึงขนาดที่ให้ป้าจางเตรียมเสื้อผ้าให้กับเธอนะ?

จี้อี้จ้องเสื้อผ้า เหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเปิดผ้าห่ม หอบเสื้อผ้า แล้ว


เดินเข้าไปในห้องน้ํา

หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาและสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จี้อี้ก็เดินออกมา
จากประตู แล้วตรงลงไปชั้นล่าง

ตอนที่ใกล้เข้ามาถึงห้องรับแขก จี้อี้ได้ยินเสียงแว่วมาจากตรงระเบียง
เธอคิดว่าเป็นป้าจาง จึงเดินไปทางด้านนั้น คิดอยากจะพูดทักทายเธอ ผล
คือเดินไปไม่ถึงสองก้าว ก็ได้ยินเสียงของเฮ่อจี้เฉินดังมาจากตรงระเบียง

.....

“เรื่องที่คุณพูด ผมรู้หมดแล้ว..” เขาคงจะกําลังคุยโทรศัพท์ น้ําเสียงสูง


สง่าแฝงไว้ด้วยความห่างเหิน “ เมื่อเช้าตอนประชุม ท่าทางของผมก็
แสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว”

ที่แท้เฮ่อจี้เฉินก็อยู่บ้าน...ฝีเท้าของจี้อี้หยุดโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มที่อยู่บนระเบียง ไม่สังเกตเห็นว่าเธอเดินเข้ามาใกล้ เขาเงียบ
ไปสักพัก แล้วพูดอีกครั้งว่า " คุณไม่ต้องมาพูดโน้มน้าวผมให้เสียเวลา ผม
ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของผมแน่นอน"

เสียงพูดของเขาดังขึ้น จี้อี้ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา เธอเงยหน้าขึ้นมอง


ไปที่ระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว เมื่อมองลอดผ่านบานกระจก เธอเห็นเขา
เดินไปที่โต๊ะกลมขนาดเล็กที่อยู่บนระเบียง ดึงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน คาบ
บุหรี่เอาไว้ในปาก เขาจุดไฟที่บุหรี่ไปด้วยแล้วก็พูดด้วยน้ําเสียงอู้อี้กับ
โทรศัพท์มือถืออีกครั้งไปด้วย “ผมไม่ได้ทําไปโดยไร้เหตุผลและมีสติดี ผมรู้ดี
ว่าตัวเองกําลังทําอะไรอยู่"

เฮ่อจี้เฉินหยิบบุหรี่ออกมาจากปาก คาดว่าคนในโทรศัพท์ยังคงพูดโน้ม
น้าวเขา เขาค่อยๆ ขมวดคิ้ว แล้วพูดออกมาอย่างไร้ความอดทนว่า "
พอแล้ว พวกคุณอยากคิดอะไรก็คิดไป ปัญหานี้ผมเป็นคนก่อ ผมจะหาทาง
แก้ไขเอง! ถึงแม้ว่าจะไม่มีทางที่จะฟื้นตัวได้อีกต่อไป นั่นมันก็เป็นเรื่องของ
ผม พวกคุณจะมาวุ่นวายอะไรนักหนา?"

ปัญหา? ตอนนี้เฮ่อจี้เฉินเจอกับเรื่องยุ่งยากอะไรเหรอ? หรือว่าจะเป็น


เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเมื่อคืนวานที่มีเรื่องวิวาทกับหลินเจิ้งอี้ที่โรงแรมปักกิ่ง
หรือเปล่า?

ความคิดภายในหัวสมองของจี้อี้เพิ่งจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา คนที่
ยืนอยู่ตรงระเบียง ก็ค่อยๆ ก้มตัวลง ท่าทางสง่าผ่าเผยของเฮ่อจี้เฉินที่ดับ
บุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่ หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเธอเข้า เขาที่กําลังเตรียม
จะพูดออกไป พลันชะงักอย่างรวดเร็ว เขายังก้มตัวอยู่เดิม จ้องเธอสักพัก
ดับบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่ แล้วยืดตัวตรง และเอ่ยปากพูด แต่เขาไม่ได้พูดกับเธอ
แล้วก็ไม่ใช่กับคนที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ "ป้าจาง!"

"คะ" ป้าจางที่ได้ยินเสียงเรียกของเฮ่อจี้เฉิน รีบออกมาจากในห้องครัว


อย่างรวดเร็ว เธอเรียก "เฮ่อจี้เฉิน" ก่อน หลังจากนั้นก็มองจี้อี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ
พร้อมกับฉีกยิ้มและพูดออกมาทันทีว่า " คุณหนู คุณตื่นแล้วเหรอคะ?"

จี้อี้พยักหน้าเล็กน้อย แล้วตอบกลับไปว่า " อรุณสวัสดิ์ค่ะ ป้าจาง"

เธอชะงัก แล้วมองไปทางเฮ่อจี้เฉินอีกครั้งว่า "อรุณสวัสดิ์"

เฮ่อจี้เฉินมองตอบเธออยู่สักพัก แล้วจึงพูดว่า "อรุณสวัสดิ์" หลังจากนั้น


ก็มองกลับมาที่ป้าจางอีกครั้ง " อาหารเช้าเตรียมเสร็จหรือยัง ?"

“อาหารเช้าเตรียมเสร็จแล้วค่ะ คุณชายเฮ่อ" ป้าจางพูดอย่างนอบน้อม

เฮ่อจี้เฉินไม่ตอบเธอ แล้วชี้ไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว " เธอไปกินอะไร


ก่อนเถอะ ฉันขอจัดการปัญหาตรงนี้ก่อน"

เฮ่อจี้เฉินไม่สนใจว่าจี้อี้จะตกลงหรือไม่ตกลง เขาชะงัก แล้วจึงออก


คําสั่งอีกครั้งกับป้าจางอย่างรวดเร็ว " พาเธอไปทานอาหาร"
เมื่อพูดจบ เขาที่กําลังถือโทรศัพท์อยู่ ก็เดินผ่านร่างของจี้อี้ไปทางบันได
จี้อี้ได้ยินน้ําเสียงเย็นชาของเขาแว่วมาจากด้านหลังว่า “ เมื่อครู่มีธุระนิด
หน่อย คุณพูดต่อได้เลย”
ตอนที่ 145 / ตอนที่ 146 เรื่องเกี่ยวกับเขาที่เธอไม่รู้
จี้อี้ได้ยินแบบนั้นจึงหันหน้ากลับไปมองเฮ่อจี้เฉินที่ถือโทรศัพท์มือถือ
ก้าวเท้าไปที่บันได แล้วหายลับไปที่มุมเลี้ยวของบันไดชั้นสอง

หลังจากรอจนประตูห้องหนังสือชั้นสองปิดลง ป้าจางจึงฉีกยิ้มหวาน
แล้วพูดว่า "คุณหนู คุณหิวไหม? ฉันจะพาคุณไปทานอะไรเสียหน่อย”

ขณะที่พูด ป้าจางก็เดินไปทางห้องอาหาร พร้อมกับผายมือเชื้อเชิญอีก


ฝ่าย

ไม่ว่าเธอและเฮ่อจี้เฉินจะเคยเป็นยังไงกันมาก่อน แต่เมื่อคืนเขาช่วยเธอ
เอาไว้ เพื่อรักษามารยาท เธอควรรอหลังจากที่เขาเสร็จธุระ บอกลาเขาก่อน
แล้วค่อยไป..จี้อี้คิด แล้วยิ้มให้ป้าจางเล็กน้อย เธอส่งเสียง “อืม”พร้อมกับ
พูดว่า “คงต้องรบกวนป้าแล้ว”

เมื่อเข้ามาในห้องอาหาร ป้าจางเลื่อนเก้าอี้ในห้องอาหารให้จี้อี้ก่อน
หลังจากรอให้เธอนั่งลง ก็ไปที่ห้องครัว แล้วยกอาหารเช้ามากมายออกมา

เมื่อครั้นวัยรุ่น ตอนอยู่เมืองซู ตอนที่เธอไปทานอาหารที่บ้านตระกูลเฮ่อ


มักจะมีคนยกข้าวต้มและตะเกียบมาปรนนิบัติแบบนี้เสมอ แต่หลังออกจาก
เมืองซู หลายปีมานี้น้อยมากที่เธอจะมีคนมาดูแลตอนทานอาหารแบบ
นี้ ดังนั้นตอนที่ป้าจางมาวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเธอแบบนี้ เธอกลับไม่คุ้นชิน
อดไม่ได้ที่จะพูดกับป้าจางว่า “ ขอบคุณค่ะป้าจาง แต่หนูทําเองได้ ”
ป้าจางยกริมฝีปากขึ้น แต่มือกลับไม่หยุดนิ่ง

ขณะที่จี้อี้ก้มหน้าลงกินข้าวต้ม เธอเหลือบมองป้าจางที่เฝ้าอยู่ๆ ข้าง


พร้อมกับเอ่ยปากพูดอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวว่า“ ป้าจางทานมาหรือยังคะ? ถ้ายัง
ป้าก็มานั่งทานด้วยกันไหมคะ?”

" ฉันกินมาก่อนแล้วค่ะ" ป้าจางตอบและยิ้มตาหยี เธอคงมองออกว่าจี้อี้


รู้สึกอึดอัด จึงยิ่งหาเรื่องมาพูดคุยกับเธอ "ฉันทํางานที่นี่มาสามปีแล้ว
เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณชายเฮ่อพาผู้หญิงกลับมา”

เมื่อเทียบกับการที่เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เฮ่อจี้เฉินพาเข้าบ้าน สิ่งที่จี้อี้
ให้ความสนใจกลับเป็นประโยคก่อนหน้านี้ เธอจึงถามกับป้าจางอย่างสงสัย
ว่า " สามปี? ห้องนี้ของเฮ่อจี้เฉิน ซื้อมาสามปีแล้วเหรอคะ?"

“ใช่ค่ะ ตอนที่ห้องนี้เพิ่งประกาศขาย คุณเฮ่อก็ซื้อแล้ว ถ้าเอาแบบ


แม่นยํานะคะ ห้องนี้ซื้อมาแล้วสี่ปี แต่เสียเวลาตกแต่งไปหนึ่งปีค่ะ ”

เฮ่อจี้เฉินไม่ใช่ว่าเพิ่งเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B ปีนี้ แล้ว


ก่อนหน้านี้เขาก็เรียนที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ทําไมถึงต้องรีบ
ซื้อห้องที่ปักกิ่งเร็วขนาดนั้นด้วย?

ขณะนั้นในใจลึกๆ ของจี้อี้แอบแปลกใจเล็กน้อย เธอไม่ได้ถามอะไรต่อ


เพียงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับป้าจางแล้วส่งเสียง "อ้อ" คําหนึ่ง
"ความจริงห้องนี้ คุณเฮ่อไม่ค่อยอยู่หรอกค่ะ ก่อนหน้านี้ เขาก็มาที่นี่บ้าง
เป็นครั้งคราว บางทีก็หนึ่งเดือน บางทีก็สองเดือน คุณว่าไหมว่าห้องในเมือง
ปักกิ่งแพงมาก ถ้าคุณเฮ่อไม่อยู่ ก็ไม่เห็นจําเป็นต้องซื้อห้องเลย สู้อยู่ใน
โรงแรมไม่ดีกว่าเหรอ ฉันเองก็รู้สึกสงสัย มีครั้งหนึ่งฉันถามออกมาโดยไม่ทัน
คิด ความจริงแล้วคุณเฮ่อไม่ค่อยชอบพูดกับฉันเสียเท่าไหร่หรอก ฉันก็ไม่ได้
หวังว่าเขาจะตอบกลับมา ยังไงก็แค่ถามไปอย่างนั้น หลังจากที่ฉันถามจบ
ฉันก็ทํางานของฉันไป แต่คิดไม่ถึงว่าคุณเฮ่อจะพูดขึ้นมา พูดว่าอะไรนะ.."
ป้าจางเอียงศีรษะ ท่าทางตั้งใจนึกมาก "...ผมมาที่เมืองของคุณ อยู่ที่นี่ แบบ
นี้จะถือว่าเป็นการได้มาพบกันใหม่อีกครั้งรึเปล่า ?”

“ไม่ใช่ว่าฉันเข้าใจในความหมายที่คุณเฮ่อพูดอะไรหรอกนะ แต่ฉันมอง
ออก วันนั้นเขาอารมณ์ดีมาก และน่าแปลกมาก เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉัน
เห็นเขาอารมณ์ดีที่สุดตั้งแต่รู้จักมา ประมาณเมื่อครึ่งปีก่อน วันนั้นฉันยัง
แอบเห็นเขายิ้มด้วย"

.....

อาจเป็นเพราะเพศหญิงเป็นเพศที่ละเอียดอ่อน ในคําพูดที่ยาวเหยียด
ขนาดนั้นของป้าจาง จี้อี้กลับให้ความสนใจกับประโยคนี้มากๆ "...ผมมาที่
เมืองของคุณ มาอยู่ที่นี่ แบบนี้จะถือว่าเป็นการได้มาพบกันใหม่อีกครั้งรึ
เปล่า?”
คําพูดของป้าจางนั้นรายละเอียดน้อยมาก แม้ว่าจี้อี้จะเข้าใจทั้งหมด แต่
กลับไม่แน่ใจในคําพูดนั้นของเฮ่อจี้เฉิน ว่าเป็นการตอบป้าจางใช่ไหม ดังนั้น
เธอจึงไม่คิดลึกไปกว่านี้ แต่คําพูดนั้นกลับยังวนเวียนอยู่ที่ริมฝีปากเธออยู่
หลายครั้ง เธอยิ้มให้ป้าจาง เพื่อบ่งบอกว่าเธอกําลังฟังหล่อนพูดอยู่

จี้อี้กินปาท๋องโก๋ไปสองชิ้นแล้วหยิบกระดาษมาเช็ดมือ หลังจากนั้นก็ใช้
ช้อนตักข้าวต้ม แล้วส่งเข้าปาก

เธอกินไปได้เพียงหนึ่งคํา ก็ชะงักไป

ทําไมรสชาติของข้าวต้มถึงได้รู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้นะ? เหมือนกับว่าเธอ
เคยกินมาก่อน..

จี้อี้รีบใช้ช้อนตักอีกครั้ง แล้วเอาเข้าปาก เธอค่อยๆ ลิ้มรสรสชาติอย่าง


ช้าๆ และละเมียดละไม ยิ่งกินเธอยิ่งรู้สึกคุ้นเคย ทว่ากลับคิดไม่ออก เธอ
ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

ขณะที่สมองกําลังประมวลผล เสียงของป้าจางที่อยู่ข้างๆ ก็พูดด้วย


น้ําเสียงนอบน้อมว่า " คุณเฮ่อ"

สติของจี้อี้กลับมา เธอหันหน้าไปมองเฮ่อจี้เฉินที่ก้าวเข้ามาใน
ห้องอาหาร
เขาคงจะเสร็จธุระได้สักพักแล้ว เขาอาบน้ํา แต่ไม่ได้เป่าผม เส้นผมจึง
ยังชื้นอยู่เล็กน้อย จากชุดสูทรองเท้าหนังเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านใส่สบาย ทํา
ให้เขาดูเด็กลงและสง่างามมากกว่าเดิม

เขาไม่ได้ตอบป้าจาง เลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามจี้อี้ด้วยมือเดียวพร้อมกับ
นั่งลง

เขาเอื้อมมือไปหยิบปาท๋องโก๋ แล้วกัดไปหนึ่งคํา หลังจากนั้นเขาก็มอง


ป้าจางที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับพยักเพยิดไปที่ข้าวต้ม

ป้าจางอยู่กับเขามานานแล้ว จึงเข้าใจว่าการกระทําของเขาหมายถึง
อะไร เธอเดินไปที่หน้าโต๊ะอาหารทันที แล้วนําข้าวต้มเข้ามาให้เฮ่อจี้เฉิน

เพราะเฮ่อจี้เฉินมาแล้ว ป้าจางจึงไม่อยากพูดจ้อแบบนั้นอีก

จี้อี้เห็นฮ่อจี้เฉินไม่พูด เธอก็เลยไม่พูด

ภายในห้องอาหารตกในอยู่ในความเงียบ มีบางครั้งเท่านั้นที่จะมีเสียง
เบาๆ ของตะเกียบกระทบเข้ากับถ้วย

แม้ว่าเฮ่อจี้เฉินจะมาช้ากว่าจี้อี้ที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ แต่กลับเป็นเขาที่ทาน
อาหารเสร็จก่อนจี้อี้
เมื่อจี้อี้เห็นเขาวางตะเกียบลง เธอจึงรีบตักข้าวต้มคําสุดท้ายเข้าปาก
แล้วหยุดกิน

จี้อี้นั่งตัวตรง เธอเงยหน้าขึ้นแล้วชําเลืองมองป้าจางที่ส่งผ้าขนหนูเปียก
ฆ่าเชื้อมาให้ เฮ่อจี้เฉินกําลังเช็ดมุมปากและมืออย่างไม่รีบร้อน เธอกลืน
น้ําลายเข้าไปหนึ่งครั้ง แล้วจึงพูดด้วยน้ําเสียงแผ่วเบาว่า “ ขอบคุณเมื่อ
วานที่ช่วย แล้วก็ขอบคุณที่ให้ฉันค้างที่ห้องนี้หนึ่งคืน รวมถึงอาหารเช้ามื้อนี้
ด้วย”

เมื่อเฮ่อจี้เฉินได้ยินคําพูดจากปากจี้อี้ เขาทําเพียงพยักหน้าให้เธอ
เล็กน้อย เพื่อบ่งบอกว่าเขารับคําขอบคุณของเธอ แล้วจึงเช็ดมือต่อไปอย่าง
ไม่รีบเร่ง

ภายในห้องอาหารเงียบไปสักพัก จี้อี้จึงพูดอีกครั้งว่า " ชุดบนตัวฉัน


เป็นคุณที่สั่งให้ป้าจางช่วยซื้อมาเหรอ?"

ไม่รอให้เฮ่อจี้เฉินตอบ จี้อี้พูดออกมาว่า "ไว้วันหลังพอมีเวลา ฉันจะเอา


เงินมาคืนให้คุณ.." จี้อี้หยุดพูด แล้วจึงพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า "..หรือว่าป้า
จาง"
ตอนที่ 147 / ตอนที่ 148 เรื่องเกี่ยวกับเขาที่เธอไม่รู้
เฮ่อจี้เฉินที่เช็ดมืออยู่ หยุดชะงัก จากนั้นก็กดเปลือกตาต่ํา

ไม่รู้เป็นภาพลวงตาของจี้อี้หรือไม่ เธอถึงได้รู้สึกว่าอุณหภูมิภายในห้อง
ลดลงอย่างชัดเจน

เธอแอบชําเลียงมองเฮ่อจี้เฉินโดยไม่รู้ตัว เธอคิดว่าเขาอารมณ์ไม่ดี แต่


ใครจะรู้ ผ่านไปไม่ถึงสามวินาที เขาจะวางผ้าขนหนูเปียกในมือลง แล้วเปิด
เปลือกตาขึ้นมองเธอ พร้อมกับตอบเสียงเบาว่า "อืม"

อารมณ์ที่ตึงเครียดของจี้อี้ หายไปอย่างรวดเร็ว เธอฉีกยิ้มให้เฮ่อจี้เฉิน


อย่างอ่อนโยน ขณะที่จี้อี้เตรียมตัวที่จะบอกลาเขา ทันใดนั้นอยู่ๆ
โทรศัพท์มือถือของเฮ่อจี้เฉินที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา

เขาหลุบตาลงเล็กน้อย แล้วกวาดตามองที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ
หลังจากนั้นเขาก็ทําสัญญาณมือให้จี้อี้คอยก่อน แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือ กด
รับพร้อมกับเดินออกไปจากห้องอาหาร

เขายังคงรับโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงของห้องรับแขก เสียงของเขาเบามาก
จี้อี้ที่อยู่ในห้องรับแขกแค่ได้ยินเสียงของเขา ทว่ากลับฟังเนื้อหาที่เขาพูดได้
ไม่ชัดเจน
เขารับโทรศัพท์ได้ไม่กี่วินาที เสียงของเขาที่แว่วมาจากตรงระเบียงอยู่ๆ
ก็ดังขึ้น น้ําเสียงแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงและดุดัน " เขาฝันไปรึไง! จะให้เธอ
ไปขอโทษถึงบ้าน? ฝันไปเหอะ! คุณบอกให้เขาไปตายซะ!"

ป้าจางที่เก็บโต๊ะอาหารอยู่สะดุ้งตกใจ เมื่อได้ยินเสียงคํารามที่ดังขึ้นมา
อย่างฉับพลันของเฮ่อจี้เฉิน ตะเกียบที่ถืออยู่ก็ร่วงลงบนโต๊ะ จนเกิดเป็นเสียง
ดังอึกทึก

หลังจากนั้น น้ําเสียงที่โกรธเคืองของเฮ่อจี้เฉินก็ดังขึ้นมาอีกครั้งว่า " ผม


จะบอกให้นะ ว่าไม่มีทางก็คือไม่มีทาง! คิดจะเอาเรื่องพวกนี้จะข่มขู่ผม
เหรอ? บอกเขาด้วยนะ ว่าตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่ผมไม่กลัวมากที่สุดก็คือการ
ข่มขู่! ยิ่งเป็นเขาด้วยแล้ว? ไม่คู่ควร!"

พูดจบ เฮ่อจี้เฉินก็วางโทรศัพท์ แล้วทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้บนโซฟา


ด้านข้าง พร้อมกับก้าวเท้า กลับไปห้องอาหารที่จี้อี้อยู่อีกครั้ง

เป็นเพราะเพิ่งผ่านการโมโหมา สีหน้าของเฮ่อจี้เฉินที่ปรากฏอยู่หน้าโต๊ะ
อาหาร จึงดูย่ําแย่เป็นพิเศษ แต่น้ําเสียงที่พูดกับจี้อี้ กลับยังคงดูอบอุ่น
เช่นเดิม " เมื่อกี้ เธออยากจะพูดว่าอะไรนะ?"

เดิมทีจี้อี้อยากพูดลาก่อน ทว่าเมื่อได้ยินคําถามของเฮ่อจี้เฉิน เธอจึง


เปลี่ยนเป็นพูดว่า "คุณ..เจอกับเรื่องยุ่งยากอะไรหรือเปล่า ?"
เฮ่อจี้เฉินคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ จี้อี้จะถามคําถามนี้กับตนเอง ดวงตาที่มองจี้อี้
ปรากฏแววประหลาดใจ สุดท้ายแล้วเขาค่อยรู้สึกได้ว่าในส่วนลึกของหัวใจ
ตนเองคล้ายกับว่ามีอารมณ์ตกใจและดีใจม้วนสาดเข้าใส่

เธอ..ที่เธอถามประโยคนี้ จะถือว่าเป็นห่วงได้ไหมนะ?

จี้อี้มองเฮ่อจี้เฉินที่ไม่พูด แล้วจึงถามสิ่งที่ตนคาดเดาไว้อีกครั้ง ว่า " ใช่


เรื่องที.่ ."

เดิมทีจี้อี้อยากพูดคําว่า "ฉัน" ทว่าคําพูดของเธอกลับหยุดลงอีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะช่วยเธอ แต่ในใจของเขาเธอคงไม่ได้มีความสําคัญถึงขนาด
นั้น

จี้อี้เม้มริมฝีปาก พร้อมกับเปลี่ยนคําพูดว่า "..เกี่ยวข้องกับประธานหลิน


เหรอ?”

" ไม่ใช่" เฮ่อจี้เฉินปฏิเสธจี้อี้แทบจะทันที

เขานึกขึ้นได้ว่าบางทีตนอาจจะตอบห้วนเกินไป ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึง


อธิบายว่า " ในบริษัทมีปัญหานิดหน่อย"

" ออ" จี้อี้ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จึงชี้ออกไปข้างนอก " งั้น ฉันรบกวนนาย


มานานมากขนาดนี้ ฉันว่าฉันควรไปแล้วล่ะ"
เฮ่อจี้เฉินยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่เหนี่ยวรั้ง เขาตอบเสียงเบาว่า
"อืม" แล้วมองไปที่ป้าจาง

ป้าจางเข้าใจสิ่งที่ปรากฏในแววตาของเขา จึงรีบวางสิ่งที่ทําอยู่ในมือ
แล้วไปส่งจี้อี้ที่ประตู -

การถ่ายทําละครเรื่อง “ซานเชียนฉือ” ยังไม่มีกําหนดเวลาที่แน่นอน


หลังจากที่จี้อี้กลับมาที่มหาวิทยาลัย เธอก็ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างเงียบ
สงบและราบรื่นต่อไป

มหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B มีขนาดใหญ่ มีบ้างครั้งบางคราวที่เธอเดิน


ผ่านไปที่ห้องเรียนของเอกภาพยนตร์ ทว่าเธอกลับไม่เคยพบกับเฮ่อจี้เฉิน
เลยสักครั้งเดียว

.....

เวลาเหมือนกับสายน้ําไหล พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว

ตอนกลางคืนเพราะจี้อี้อดหลับอดนอนดูละคร วันอาทิตย์เธอจึงนอนตื่น
สายเป็นพิเศษ ตอนที่เธอเพิ่งจะลุกขึ้นนั่ง ถังฮว่าฮว่าที่กําลังนั่งเคาะ
แป้นพิมพ์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็หันหน้ามา แล้วพูดหน้าตาตื่นว่า " เสี่ยวอี้
เธอยังจําช่วงก่อนหน้านี้ที่นิยายเรื่อง "ซานเชียนฉือ" จะเอามาทําเป็นหนัง
ได้ไหม? ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยยกขึ้นมาพูดขึ้นกับเธอ นิยายของเฉิงเว่ยหว่าน
..."
จี้อี้ที่เพิ่งตื่น สติยังตื่นไม่เต็มที่ เธออึ้งงันอยู่สักพัก แล้วจึงพยักหน้าให้
ถังฮว่าฮว่า ตอบว่า " จําได้สิ"

เพราะบทนางรองของละครเรื่อง “ซานเชียนฉือ” ยังไม่ประกาศออกมา


เป็นทางการว่าคือเธอ ดังนั้นตลอดมาเธอถึงยังไม่บอกเรื่องนี้กับใคร

เธอหยุด แสร้งทําเป็นไม่สนใจ แล้วพูดต่อไปว่า " ทําไมเหรอ?"

" ทําไมน่ะเหรอ? ก็เกิดเรื่องใหญ่แล้วน่ะสิ! เดิมทีมีการประกาศออกมา


อย่างเป็นทางการแล้วว่าจะเปิดกล้องเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ตอนปีหน้าเดือน
กุมภาพันธ์ แต่อยู่ๆ ก็หยุดถ่ายไปซะแบบนั้น!"

จี้อี้ที่พลิกผ้าห่ม เมื่อได้ยินประโยคนี้ ปลายนิ้วมือของเธอก็สั่นอย่าง


รุนแรง

ถังฮว่าฮว่าเลื่อนเมาส์ ดูหน้าเว็บไซด์ไปมาแล้วก็บรรยายสถานการณ์ที่
ปรากฏบนเว็บไซด์ให้จี้อี้ฟังไปด้วย “ วันนี้ตอนตีสี่ บน weibo มีข่าวนี้ว่อน
เต็มไปหมด ตอนนี้เลยก่อให้เกิดความวุ่นวายกันไปหมด ทุกคนต่างก็คาดเดา
ว่าทําไมอยู่ๆ บริษัทถึงได้หยุดการถ่ายทําแบบนี้ มีคนที่รู้ข้อเท็จจริงบอกว่า
เหมือนเป็นเพราะว่านักลงทุนกับผู้กํากับมีความเห็นที่แตกต่างกัน..."

ประโยคหลังถังฮว่าฮว่ายังพูดไม่ทันจบ สติของจี้อี้ก็ค่อยๆ กลับมา เธอ


รีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ตรงหมอน ปลดล็อคหน้าจอ แล้วเข้าไปใน
weibo
เป็นอย่างที่ถังฮว่าฮว่าพูด ข่าวที่มีการค้นหาเยอะที่สุดใน weibo นั่นก็
คือ : "ซานเชียนฉือ" หยุดการถ่ายทํา“

จี้อี้กดเข้าไป สิ่งแรกที่ปรากฏเข้ามาในสายตาคือ ข่าวบันเทิงที่ปรากฏ


ข่าวอย่างเป็นทางการหัวข้อ : ” "แหล่งข่าวเปิดเผย ละครเรื่อง "ซานเชีย
นฉือ" ผู้กํากับผิดใจกับนักลงทุน ทําให้สูญเงินทุนจํานวนมหาศาล ทําให้
"ซานเชียนฉือ" ที่มีกําหนดเปิดกล้องในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะปัญหาเรื่องนี้
จึงต้องหยุดถ่ายทําลง!"

ผู้กํากับเรื่อง "ซานเชียนฉือ" คือเฮ่อจี้เฉิน นักลงทุน..จี้อี้ขมวดคิ้ว


เล็กน้อย แล้วในหัวสมองก็ปรากฏคําสามคํา "หลินเจิ้งอี้"

คนที่ถอนเงินทุน เป็นหลินเจิ้งอี้ใช่ไหม?

จี้อี้เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ออกมาจาก weibo และกดเปิดข้อความ เธอ


ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเขียนข้อความ ส่งไปหาคนที่เธอคิดว่าคงจะรู้ความ
จริง ก็คือเฉิงเว่ยหว่านที่เป็นคนเขียนบท “คุณเฉิง ฉันรบกวนถามคุณหน่อย
บนอินเตอร์เน็ดมีข่าวเรื่อง "ซานเชียนฉือ" หยุดถ่ายทํา เป็นเรื่องจริงไหม?

หลังจากส่งข้อความสําเร็จ เดิมทีจี้อี้คิดว่าคงต้องรอสักพัก เฉิงเว่ยหว่าน


ถึงจะตอบข้อความของตนเอง คิดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งส่งข้อความออกไปไม่นาน
ก็มีข้อความใหม่เตือนเข้ามาเสียแล้ว

คําตอบของเฉิงเว่ยหว่านสั้นกะทัดรัด มีเพียงคําว่า " ใช่" เท่านั้น


จี้อี้รีบพิมพ์สิ่งที่ตนเองคาดเดา ถามออกไปว่า " เป็นเพราะหลินเจิ้งอี้
เหรอ?"

เหมือนกับเมื่อครู่ เกือบจะวินาทีต่อมา เฉิงเว่ยหว่านก็ส่งข้อความมาว่า


“ ใช่ แต่ฉันก็ไม่รู้เรื่องราวเบื้องลึกหรอกนะ แต่เหมือนกับว่าผู้อํานวยการ
เฮ่อไปมีเรื่องชกต่อยมา"

ชกต่อย..เพราะคืนนั้นเธอเป็นต้นเหตุจริงๆ ใช่ไหม ถึงได้ทําให้เกิดเรื่อง


วุ่นวายขนาดนี้?

เมื่อสติของจี้อี้กลับมา หน้าจอโทรศัพท์มือถือปรากฏแสงสว่างอีกครั้ง
เฉิงเว่ยหว่านส่งของความมาอีกครั้ง " เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นเพราะหลินเจิ้งอี้ ?"

ดูแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น คงไม่มีคนเพร่งพรายออกไป

แม้ว่าจี้อี้จะเป็นคนเริ่มถามเฉิงเว่ยหว่าน แต่เธอก็ไม่ได้รู้จักเฉิงเว่ยหว่าน
ดีนัก กลัวว่าเมื่อพูดมากแล้ว ข่าวจะแพร่ลงอินเตอร์เน็ด แล้วก็จะเกิดเรื่อง
ยุ่งยากตามมา ดังนั้นจี้อี้จึงครุ่นคิดสักพัก แล้วตอบกลับไปว่า " บน
อินเตอร์เน็ตบอกฉันแบบนี้ ฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละค่ะ"
ตอนที่ 149 / ตอนที่ 150 เรื่องเกี่ยวกับเขาที่เธอไม่รู้
" อ้อ" เฉิงเว่ยหว่านตอบ

จี้อี้บอกลาอย่างสุภาพ " คุณเฉิง ฉันไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ"

ครั้งนี้ผ่านไปสักพัก เฉิงเว่ยหว่านถึงส่งข้อความกลับมาว่า "ได้"

จี้อี้จึงส่งอีโมติคอนหน้ายิ้มไปให้ เธอวางโทรศัพท์มือถือลง แล้วหันหน้า


มองออกไปนอกหน้าต่าง

เธอจ้องมองแสงแดด เหม่อลอยเป็นเวลานาน กระทั่งถังฮว่าฮว่าเดินมา


ข้างเตียงของเธอ และเอื้อมมือมาตีเธอ สติของเธอจึงกลับมา แล้วมองไปที่
ถังฮว่าฮว่า

" เสี่ยวอี้ เธอเหม่ออะไรอยู่ได้ เรียกเธอตั้งนานก็ไม่ยอมตอบสักที ไปกัน


ได้แล้ว ไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน!"

" อือ แป๊บนึงนะ" จี้อี้ตอบ แล้วรีบลงจากเตียง ไปล้างหน้าล้างตา

วันหยุดสุดสัปดาห์ ภายในโรงอาหารจึงมีคนไม่มาก

เพราะปัญหาของละครเรื่อง “ซานเชียนฉือ” ที่หยุดถ่ายทําไปและ


เพราะจี้อี้มีเรื่องให้คิด เธอจึงไม่อยากอาหารเท่าไหร่นัก จี้อี้เลือกซื้อข้าวแบบ
ส่งๆ มาชุดหนึ่ง แล้วก็หาที่นั่งข้างหน้าต่าง เธอกินอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็รอถังฮ
ว่าฮว่าไปด้วย

เธอกินไปไม่ถึงสองคํา ทันใดนั้นคนที่เดินผ่านร่างของเธอก็หยุดฝีเท้า
แล้วเรียกชื่อของเธอ "จี้อี้?"

เมื่อจี้อี้ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นเห็นเป็นผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามห้องที่หอพัก จึงฉีก
ยิ้ม พร้อมกับทักกลับไปว่า " กินเสร็จแล้วเหรอ?"

“ ใช่” หญิงสาวไม่รีบไป แต่กลับวางจานอาหารลง แล้วนั่งลงข้างเธอ


เธอพูดกระซิบกระซาบด้วยใบหน้ามีลับลมคมนัยว่า" ช่วงนี้ฉันไม่ได้เจอเธอ
เลย ไม่ง่ายเลยนะที่จะได้พบเธอวันนี้ เพราะงั้นจะต้องถามเธอให้ได้ ตอบมา
ตามจริงนะ เธอกับรุ่นพี่เฮ่อจี้เฉินที่อยู่เอกกํากับเป็นอะไรกันเหรอ?"

จี้อี้ขมวดคิ้วเล็วน้อย พร้อมกับส่ายหน้าให้เธอ " ฉันและเฮ่อจี้เฉินจะเป็น


อะไรกันได้ยังไง? เธออย่าพูดมั่วซั่วสิ"

“ฉันพูดมั่วซั่วตรงไหน? เธอกับเขามีความเกี่ยวข้องกัน เขาถึงลงมือกับ


หลินหย่าเพื่อเธอไง " พอเจอคําอธิบายแบบนี้ของจี้อี้ เธอก็เบ้ปากทําหน้าไม่
เชื่อสุดฤทธิ์

จี้อี้เคี้ยวอาหาร หลังจากกลืนอาหารลงคอจนหมดแล้ว จึงหันหน้าไป


มองหญิงสาวห้องตรงข้ามที่ทําหน้าแปลกประหลาด พร้อมกับพูดว่า " ลง
มือกับหลินหย่าเหรอ? เธอล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย?"
" ฉันเนี่ยนะล้อเธอเล่น เธอต่างหากที่ล้อเล่น!" หลังจากที่หญิงสาวตอบ
เสร็จแล้ว เธอมองอารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าของจี้อี้ที่ไม่เหมือนกับโกหก ก็
งุนงงเล็กน้อย หลังจากนั้นใบหน้าประหลาดใจนั้นก็พูดออกมาเสียงดังว่า "
ไม่มั้ง? จี้อี้ เธอคงไม่ใช่ไม่รู้เรื่องที่ฉันกําลังพูดหรอกนะ"

จี้อี้ส่ายหัวให้เธออย่างรวดเร็ว

"สวรรค์ นี่เธอไม่รู้เหรอ? เรื่องนี้พวกเราในหอพักหญิงรู้กันหมดทุกคน!"


เมื่อเธออุทานอย่างเกินจริงจบ จึงพูดต่อไปว่า " ก่อนหน้านี้ ประมาณสอง
สัปดาห์ก่อน เฮ่อจี้เฉินบุกเข้ามาในหอพักของพวกเราตั้งแต่เช้าตรู่ เขาดึง
หลินหย่าลงมาจากเตียง แล้วถามหล่อนว่าเอาเธอไปไว้ที่ไหน?"

จี้อี้ได้ยินถึงตรงนี้ ก็เข้าใจ ความหมายของหญิงสาวก็คือ เรื่องที่เกิดขึ้น


ตอนตนเองไปถ่ายหนังเรื่อง "หวางเฉิง" วันนั้น

ที่แท้ ที่วันนั้นเขาหาเธอพบ เป็นเพราะเขามาหาหลินหย่าที่หอเธอหรอก


เหรอ?"

“ หลินหย่าไม่ยอมพูด เฮ่อจี้เฉินก็เลยเหวี่ยงเธอไปที่ข้างหน้าหน้าต่าง
ผลักร่างของเธอออกไปนอกหน้าต่างกว่าครึ่งตัว ” หญิงสาวคิดว่าจี้อี้กําลัง
ตั้งใจฟังสิ่งที่ตนเองพูด หญิงสาวจึงพูดไปด้วย แล้ววิ่งไปข้างหน้าหน้าต่าง
ของโรงอาหาร แสดงฉากตอนนั้นให้จี้อี้ดู “หลังจากนั้นเขาก็พูดกับหลินหย่า
ว่า ถ้าเธอยังกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกแม้แต่คําเดียว..ประโยคหลังยังพูดไม่ทัน
จบ หลินหย่าก็บอกเขาว่าเธออยู่ไหน.."

" เธอไม่รู้หรอก ว่าวันนั้นเฮ่อจี้เฉินน่ากลัวขนาดไหน! ตอนนั้นเขานะ


แทบจะเหมือนคนบ้าเลยล่ะ!”

.....

" ไม่ต้องพูดถึงหลินหย่า แค่ตอนนั้นที่ฉันยืนอยู่ที่ประตูห้องของพวกเธอ


เห็นฉากนั้นเข้า ก็ตกใจจนขวัญหนีไปหมดแล้ว ฉันรู้สึกจริงๆ นะว่าถ้าตอน
นั้นหลินหย่ากล้าไม่บอกว่าเธออยู่ไหน ตอนนั้นเขาคงกล้าผลักเธอลงไปจาก
ตึกจริงๆ!"

วันนั้น เพราะเฮ่อจี้เฉินต้องการรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เขาถึงกับจะผลักหลิน


หย่าลงไปจากตึกเลยเหรอ?

ปลายนิ้วที่กําตะเกียบของจี้อี้พลันสั่น เธอใจลอยเล็กน้อย

" แต่วันนั้น เฮ่อจี้เฉินน่ากลัวมากๆ แต่ก็หล่อมากเช่นกัน! เป็นความ


โกรธที่งดงามมาก! ในนิยายก็มีฉากแบบนี้ แต่กลับมาเกิดกับเธอซะได้..."
หญิงสาวนั่งกลับลงไปที่ข้างจี้อี้อีกครั้ง เธอเอื้อมมือไปจับแล้วเขย่าแขนของ
จี้อี้พร้อมกับพูดว่า "..จี้อี้ ฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆ.."
สติของจี้อี้ถูกหญิงสาวดึงกลับมา ดึงสายตากลับมาแล้วหันหน้าไปยิ้ม
บางๆ ให้เธอครู่หนึ่ง โดยไม่พูดอะไร

หญิงสาวเอาศีรษะพิงลงบนไหล่ของจี้อี้ พูดว่าเฮ่อจี้เฉินหล่อมากแค่ไหน
ในวันนั้นด้วยความอิจฉาเต็มที่ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองเสียเวลาตรงนี้นาน
เกินไปแล้ว หลังจากนั้นเธอจึงบอกลาจี้อี้ หยิบจานข้าวพร้อมกับเดินจากไป

รอบข้างกลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง จี้อี้ก้มหน้าลง กินข้าวเงียบๆ ไป


ประมาณสองคํา หลังจากนั้นเธอก็หยุด มือกุมตะเกียบ พร้อมกับจ้องในจาน
ข้าวอย่างเหม่อลอยอีกครั้ง

ข้าวมื้อนี้ จี้อี้กินไม่ถึงหนึ่งในห้าส่วน ก็วางตะเกียบลงแล้ว

เธอก้มหน้า มือจับโทรศัพท์มือถือ กวาดตาดูข่าว "ซานเชียนฉือ" ไป


พลาง แล้วนั่งอยู่กับถังฮว่าฮว่า ที่กินข้าวอย่างเงียบๆ ไปด้วย

รอกระทั่งเธอกินข้าวเสร็จ คนทั้งสองก็เดินออกไปจากโรงอาหารด้วยกัน
จากนั้นจี้อี้ก็พูดขึ้นมาว่า " ฮว่าฮว่า ฉันมีธุระนิดหน่อย เธอจะกลับไปก่อน
เลยก็ได้นะ"

ถังฮว่าฮว่าตอบกลับว่า "ได้" แล้วจึงบอกลากับจี้อี้

หลังจากที่จี้อี้มองตามหลังของถังฮว่าฮว่าที่เดินไปไกลแล้ว เธอก็รีบเดิน
ไปที่สนามของมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว เธอนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดเล็กที่ไม่มี
คน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ตอนที่เตรียมจะเปิด weibo ขึ้นมา เพื่อ
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ของละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ" อยู่นั้น
อยู่ๆ ก็มีสายโทรศัพท์เข้ามา เป็นหลี่ต๋าที่ไม่ได้ติดต่อเธอมาสักพักแล้วนั่นเอง

เป็นเหมือนเมื่อก่อน หลี่ต๋าโทรมา เพื่อที่จะเจอกับปั้วเหอ จึงเชิญพวก


เธอในหอพักไปกินข้าว

หลังจากที่ทั้งสองนัดเวลาและสถานที่แล้ว หลี่ต๋าไม่ได้วางโทรศัพท์ แต่


อยู่ๆ ก็ยกเรื่องอื่นขึ้นมาพูด " เสี่ยวอี้ ช่วงนี้เธอได้ติดต่อกับพี่เฉินบ้างรึ
เปล่า?"

น่าแปลกจริงๆ วันนี้ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนถึงตอนนี้ เธอแทบจะได้ยินเรื่อง


เกี่ยวกับเฮ่อจี้เฉินตลอดเวลา...ลึกๆ ในใจของจี้อี้แอบสงสัยเล็กน้อย แต่เธอก็
ตอบคนที่อยู่ปลายสายว่า " ไม่นี่ ทําไมเหรอ?"

"พี่เฉินเหมือนกับว่ากําลังเจอกับอะไรที่ยุ่งยากอยู่น่ะสิ เธอก็รู้ว่า ฉันทํา


ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสองวันก่อนเขาติดต่อฉัน บอกว่าอยากจะขาย
ห้องในปักกิ่ง ฉันได้ยินข่าวนี้ ก็เลยตกใจ เธอว่าบ้านของเขารวยขนาดนั้น
จะมาขาดเงินค่าห้องได้ไง หลังจากนั้นฉันเลยถามเขามีมีปัญหาอะไรหรือ
เปล่า จากนั้นฉันเลยได้รู้ เดิมทีที่เขามาเรียนมหาวิทยาลัยภาพยนตร์ B น่ะ
ครอบครัวของเขาไม่เห็นด้วย เลยตัดช่องทางการเงินทั้งหมดกับเขาไปนาน
แล้ว นานขนาดนี้แล้ว เงินที่เขาใช้จ่ายในปักกิ่ง ทั้งหมดเป็นเงินที่เขาหามา
ด้วยตัวเองทั้งหมดเลยนะ.."
คิดไม่ถึงว่าเฮ่อจี้เฉินจะถูกตัดจากเงินของธุรกิจตระกูลเฮ่อ ? ปลายนิ้ว
ของจี้อี้ที่กําโทรศัพท์มือถือ ค่อยๆ เพิ่มแรงบีบ

เธอไม่พูด

หลี่ต๋าที่อยู่ในสายนั้น ยังพูดอีกว่า "....เร็วๆ นี้เขาวางแผนและเตรียม


งานว่าจะทําละคร ก็ละครเรื่องนั้นไงที่กําลังเป็นข้อถกเถียงกันใน weibo น่ะ
บอกเลยนะถ้านักลงทุนถอนเงินทุน เพื่อละครเรื่องนี้เขาต้องสูญเงินไปไม่
น้อยเลยล่ะ”
ตอนที่ 151 / ตอนที่ 152 คุณคูํควรที่มาจะเสนอเงื่อนไขกับผมเหรอ
“ ถ๎าหากวําเงินทุนยังไมํโอนเข๎ามาอีก การถํายทําก็จะลําช๎า แล๎วก็
เทํากับวําเขาผิดสัญญา นักลงทุนคนอื่นต๎องเสนอเรียกคําชดใช๎อยําง
แนํนอน ถึงเวลานั้นไมํเพียงแตํเขาจะเป็นบุคคลล๎มละลาย บางทีเขาอาจจะ
ถูกฟ้องร๎องก็ได๎”

“ เมื่อเร็วๆ นี้คาดวําปัญหานี้ของเขานําจะเรํงดํวนมาก ตามที่ฉันรู๎ เขา


ไมํเพียงแตํนําหุ๎นและกองทุนที่อยูํในมือทั้งหมดไปขาย ตอนนี้เขายังขายห๎อง
และขายรถของเขา แปดสํวนคาดวํานําจะเป็นเพราะเขาอยากจะเติมในสํวน
ของเงินทุนที่ขาดไป..."

ที่แท๎ เรื่องนั้นมันเลวร๎ายกวําที่เธอจินตนาการเอาไว๎...ความคิดในสมอง
ของจี้อี้ลอยไปไกลแสนไกล

หลี่ต๐าที่พูดอยูํคนเดียวมาตั้งนาน ก็ตระหนักได๎วําจี้อี้ที่อยูํปลายสาย
ไมํได๎พูดมาสักพักแล๎ว เขาคิดวําสายตัดไป จึงมองที่หน๎าจอโทรศัพท๑กํอน ถึง
ได๎พบวําโทรศัพท๑ยังตํอสายอยูํ จึงพูด " ฮัลโหล" " เสี่ยวอี้ เธอยังฟังอยูํ
ไหม?"

" อยูํ.." จี้อี้ตอบกลับไปหนึ่งคําโดยไมํรู๎ตัว หลังจากนั้นจัดการสภาพ


จิตใจอยํางรวดเร็วแล๎วพูดอีกครั้งวํา "..ฉันกําลังฟังอยูํ"
หลี่ต๐าได๎ยินเธอตอบกลับมา คนที่อยูํปลายสายถอนหายใจ “ ความจริง
ฉันไมํอยากวิพากษ๑วิจารณ๑อะไรลับหลังพี่เฉินหรอกนะ เพียงแตํฉันรู๎สึกวํา
การเป็นพี่เฉินนั้นมันไมํงํายเลย ถึงได๎ยกเรื่องนี้มาพูดกับเธอ เธอไมํรู๎หรอก
วําหลายวันกํอนหน๎านี้เขามาหาฉัน และสูบบุหรี่มวนตํอมวนเลย ทําทางเขา
เป็นทุกข๑จริงๆ ฉันเลยอดไมํได๎ ที่จะโน๎มน๎าวเขาวําถ๎าเขาทําไมํได๎ก็เปลี่ยน
มือของละครเรื่องนี้ให๎คนอื่นถํายไปซะ หรือวํากลับไปขอความชํวยเหลือกับ
ตระกูลเฮํอ หลังจากนั้นเมื่อตระกูลเฮํอให๎อภัย ก็กลับไปดูแลธุรกิจของ
ครอบครัว เธอรู๎ไหมวําเขาพูดวํายังไง?"

"เขาพูดแบบนี้.." หลี่ต๐าปรับอารมณ๑ของตนเองเล็กน๎อย แล๎วเลียน


น้ําเสียงของเฮํอจี้เฉิน พร๎อมกับพูดวํา ".. ไมํมีทาง มันยากมากเลยนะกวํา
ฉันจะรอมาจนถึงวันนี้ ได๎เข๎าใกล๎เธอมากขนาดนั้น ฉันจะไมํยอมแพ๎อยํางนี้
หรอก!"

" ฉันคิดวํา *มันในความหมายของเขา นําจะเป็นเป้าหมายความฝันใน


การเป็นผู๎กํากับของขานั่นแหละ แตํยังไงตอนนี้เขาก็อยูํในวงการผู๎กํากับ
แล๎วนี่ ก็ถือวําประสบความสําเร็จเล็กๆ แล๎ว..."

เธอไมํเคยรู๎เบื้องหลังของเขา วําที่แท๎เขาต๎องรับแรงกดดันมากขนาดนี้
และที่มาของแรงกดดันเหลํานั้น กลับเป็นเพราะเธอ
หากวําตอนแรกเธอไมํเกิดเรื่องแบบนั้นกับหลินเจิ้งอี้ หลินเจิ้งอี้ก็คงไมํ
ถอนเงินทุน แล๎วเฮํอจี้เฉินก็จะไมํเป็นเหมือนกับตอนนี้

ลึกๆ แล๎วในใจของจี้อี้บรรยายออกมาไมํได๎วํารู๎สึกอยํางไร เพียงแตํรู๎สึก


หนักตรงอก มันกดทับจนเธอหายใจไมํออก เธอกําโทรศัพท๑มือถือ ฉับพลัน
นั้นเธอเหมือนฟังหลี่ต๐าที่กําลังพูดจ๎อไมํรู๎เรื่องอีก เธอพูดตัดบทคําพูดของห
ลี่ต๐าโดยไมํรู๎ตัว "หลี่ต๐า ฉันมีธุระนิดหนํอย คงคุยกับเธอตํอไมํได๎แล๎ว"

จี้อี้วางสายของหลี่ต๐า มือเธอถือโทรศัพท๑ จ๎องหินที่อยูํไมํไกล สมองวําง


เปลําอยูํเนิ่นนาน เธอกะพริบตา และละสายตามองลงมาที่หน๎าจอ
โทรศัพท๑มือถือของตนเอง

เพราะเธอ เขาถึงทําแบบนั้นกับหลินหยํา หลังจากนั้น เป็นเพราะเธอ


อีกครั้ง ที่ทําให๎เขาตํอยหลินเจิ้งอี้..เธอไมํเข๎าใจจริงๆ เขาพูดคําพูดนํา
รังเกียจแบบนั้นกับเธอ แตํเพราะอะไรเขาถึงทําแบบนี้ เธอรู๎ดีวําตั้งแตํเมื่อสี่
ปีกํอนเขาและเธอก็ไมํมีอะไรเกี่ยวข๎องกันอีก แตํตอนนี้จี้อี้กลับรู๎ดีวําจะให๎
เธอทําเป็นไมํสนใจใยดีเฮํอจี้เฉินนั้น เธอทําไมํได๎

นอกจากนี้ ที่เขาต๎องตกอยูํในสภาะวะกลืนไมํเข๎าคายไมํออก
ในตอนนี้ ก็เป็นเพราะเธอ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จี้อี้จึงกดเปิดเบอร๑ที่บันทึกเอาไว๎ แล๎วค๎นหาเบอร๑
โทรศัพท๑ของเฮํอจี้เฉิน แล๎วตํอสายออกไป

" ขอโทษคํะ เบอร๑นี้ได๎ปิดการให๎บริการแล๎วคํะ"

จี้อี้ขมวดคิ้ว แล๎วจึงเอาโทรศัพท๑ที่แนบหูผละออกมา เธอลังเลสักพัก


แล๎วท๎ายที่สุดก็โทรเรียกรถ ลุกขึ้นยืน แล๎วเดินออกไปจากประตู
มหาวิทยาลัย

*มันในความหมายของเขา ในภาษาจีนสรรพนามเขา เธอ และมัน ออก


เสียงเหมือนกันแตํเขียนตํางกัน ดังนั้นหลี่ต๐าที่ฟังอยํางเดียวแตํไมํเห็น
ตัวอักษรจึงเข๎าใจไปวําคําที่เฮํอจี้เฉินกลําวถึงคือ มัน ที่เป็นความฝันของเฮํอ
จี้เฉิน แตํเฮํอจี้เฉินหมายถึง เธอ ซึ่งคือจี้อี้

.....

รถจอดที่ชั้นลํางตึกของเฮํอจี้เฉิน จี้อี้จํายเงินแล๎วลงมาจากรถ ตอนที่


เตรียมจะเข๎าไปในตึก ก็มองเห็นเฮํอจี้เฉินเดินออกมาจากข๎างใน โดยมีคนอยูํ
ข๎างหลังของเขา

เป็นคนที่จี้อี้ไมํต๎องการเจอที่สุด เชียนเกอ
ทําไมเชียนเกอมาอยูํที่นี่? ฝีเท๎าของจี้อี้หยุดอยํางรวดเร็ว วินาทีตํอมา
เธอถึงได๎เข๎าใจ

ก็ถูก..สมัยที่เป็นวัยรุํน เชียนเกอชอบเฮํอจี้เฉิน ตอนนั้นเธอยังชํวยเชียน


เกอนัดเฮํอจี้เฉินให๎มาเจอกันที่สวนในโรงเรียนมัธยมปลายซูอยูํเลย ตอนนี้
เฮํอจี้เฉินเจอปัญหาขนาดนี้ เชียนเกอมาหาเพราะเป็นหํวงเขาสินะ?

จี้อี้มองคนทั้งสองที่กําลังเดินมาตรงที่ๆ ตนเองยืนอยูํ เธอรีบเรียกสติ


กลับคืนมา มองซ๎ายขวา แล๎วถือโอกาสตอนที่คนทั้งสองไมํเห็นตนเอง รีบวิ่ง
ไปหลบข๎างหลังรถที่จอดอยูํข๎างๆ

" เฮํอจี้เฉิน ฉันพูดกับนายมากมายขนาดนี้ นายได๎ยินบ๎างไหม" จี้อี้ที่


หลบซํอนตัวเองเป็นอยํางดี ได๎ยินเสียงเชียนเกอพูดด๎วยน้ําเสียงกังวล

คําตอบที่เธอได๎รับคือความเงียบ

เฮํอจี้เฉินคงเรํงฝีเท๎า จี้อี้ได๎ยินเสียงรองเท๎าส๎นสูงของเชียนเกอเปลี่ยน
เป็นเรํงรีบ ราวกับวํากําลังวิ่ง

จี้อี้สงสัย เธอแอบยื่นศีรษะออกมาข๎างนอกเล็กน๎อย เธอเห็นเชียนเกอจับ


แขนเสื้อของเฮํอจี้เฉิน แล๎วมายืนขวางข๎างหน๎าเขา
เชียนเกอยังไมํพูด เฮํอจี้เฉินก็ขมวดคิ้ว แล๎วพูดออกมาอยํางไร๎ความ
อดทนวํา " ฉันไมํมีอะไรจะคุยกับเธอ เชิญเธอไปได๎แล๎ว!"

เชียนเกอทําเหมือนกับวําไมํได๎ยินคําพูดของเฮํอจี้เฉิน เธอเพิ่มแรงที่จับ
บนแขนเสื้อของเขา " เฮํอจี้เฉิน หลินเจิ้งอี้ไมํใชํคนโงํ บทละครแบบ "ซาน
เชียนฉือ” นั้นหาได๎ยาก เขาเป็นนักธุรกิจ ถ๎าหากลงทุนแล๎วต๎องได๎รับ
ผลตอบแทนมหาศาล จริงๆ แล๎วเขาไมํอยากถอนทุนหรอก เขาก็แคํเพิ่งจะ
เสียหน๎าเลยอยากให๎จี้อี้ไปขอโทษเขาด๎วยตนเองที่บ๎าน ! เขาก็แคํอยากจะ
หาทางลงให๎ตัวเองก็แคํนั้น แตํเป็นนายเองที่ไมํยอมถอย เขาถึงได๎ถอน
เงินทุนไปจริงๆ เลยทําให๎เป็นเรื่องแบบนี้ไงลํะ.."

หลินเจิ้งอี้บอกให๎เธอไปขอโทษเขาที่บ๎านเหรอ? ทําไมเธอถึงไมํรู๎เรื่องนี้?

จี้อี้คํอยๆ ขมวดคิ้ว ผํานไปราวสองวินาที เธอจึงคํอยๆ นึกขึ้นได๎ วํา


วันที่สองหลังเกิดเรื่อง หลังจากที่เธอทานอาหารเช๎าที่บ๎านของเฮํอจี้เฉิน
เสร็จแล๎ว เฮํอจี้เฉินไปรับโทรศัพท๑ แล๎วพูดตอกกลับไปวํา " เขาฝันไปรึไง!
จะให๎เธอไปขอโทษถึงบ๎าน? ฝันไปเหอะ! คุณบอกให๎เขาไปตายซะ!"

เชํนนั้นแล๎ว วันนั้นถ๎าเธอเดาไมํผิด ที่เฮํอจี้เฉินต๎องรับโทรศัพท๑ติดตํอกัน


ถึงสองสามครั้ง ต๎องเกี่ยวข๎องกับเธอและหลินเจิ้งอี้แนํ
ทั้งๆ ที่ถ๎าเธอไปขอโทษเขาที่บ๎าน สถานการณ๑ก็จะคลี่คลายลง แตํ
ทําไมเฮํอจี้เฉินถึงไมํให๎เธอไป?

ความสงสัยในหัวสมองของจี้อี้ยังไมํจางลง เชียนเกอที่อยูํไมํไกลก็พูด
ขึ้นมาอีกครั้งวํา " คณะกรรมการกําหนดเส๎นตายให๎กับนาย ถ๎าภายในสาม
วันนี้ยังไมํมีเงินทุนโอนเข๎ามา ไมํต๎องพูดถึงวํา "ซานเชียนฉือ" จะไมํได๎ถําย
เลย แม๎แตํบริษัท YC ของนายก็จะไมํเหลือ เฮํอจี้เฉิน ที่ฉันมาวันนี้ ฉันไมํ
อยากมาทะเลาะกับนาย ฉันอยากชํวยนายจริงๆ เพียงแคํนายตอบตกลงกับ
ฉัน วําจี้อี้จะไมํได๎แสดงบทนางรองของเรื่อง " ซานเชียนฉือ" ฉันก็จะชํวย
เกลี้ยกลํอมให๎หลินเจิ้งอี้ให๎ลงเงินทุนใหมํอีกครั้ง แล๎วบางทีครั้งนี้ก็อาจจะ
มากกวํากํอนหน๎านี้ยี่สิบเปอร๑เซ็นต๑ด๎วย!"
ตอนที่ 153 / ตอนที่ 154 คุณคูํควรที่จะมาเสนอเงื่อนไขกับผมเหรอ
จากที่จี้อี้มองคนทั้งสอง จนถึงตอนนี้เฮํอจี้เฉินพูดเพียงประโยคเดียว
เทํานั้น เมื่อได๎ยินถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มเยาะ แล๎วพูดวํา " เธอคูํควรที่
จะมาเสนอเงื่อนไขกับฉันเหรอ?"

ใบหน๎าของเชียนเกอตกตะลึงเมื่อเฮํอจี้เฉินตอบโต๎ สีหน๎าของเธออดกลั้น
เอาไว๎ไมํอยูํอยํางเห็นได๎ชัด ผํานไปสักพัก เธอจึงพูด น้ําเสียงไมํมีความมั่นใจ
เหมือนเมื่อกี้นี้ " ฉันไมํได๎เสนอเงื่อนไขกับคุณ ฉันอยากชํวยคุณจากใจจริง
เทํานั้น.."

" จากใจจริงงั้นเหรอ?" หางตาของเฮํอจี้เฉิน ปรากฏแววเย็นชา


เล็กน๎อย เขาที่ตั้งแตํต๎นจนจบไมํได๎มองเซียนเกอเลย หันหน๎ากลับมา
เล็กน๎อย สายตาชําเลืองมองเธออยํางเย็นชาแล๎วพูดด๎วยน้ําเสียงกดต่ําและ
แฝงไปด๎วยความเด็ดขาด " เก็บความเสแสร๎งของเธอไปซะ เธออยําคิดวํา
ฉันไมํรู๎ ที่หลินเจิ้งอี้ถอนทุน เป็นเธอที่อยูํเบื้องหลัง! แล๎วก็อยํามาคิดวําฉันจะ
มองไมํออก วําวัตถุประสงค๑ของเธอคืออะไร!"

จี้อี้ได๎ยินถึงตรงนี้ ก็ได๎เข๎าใจอยํางถํองแท๎

เดิมที เหตุผลที่หลินเจิ้งอี้ถอนทุน เป็นเพราะเชียนเกอยุยงอยูํข๎างหลัง


และเหตุผลที่เชียนเกอทําแบบนี้ ไมํใชํเพราะอยากจะหาเรื่องยุํงยากมาให๎
เฮํอจี้เฉิน แตํเพื่อจะได๎เตะเธอออกจากละครเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ตํางหาก!
มันชัดเจนอยูํแล๎วแคํเธอออกจากกองถําย ก็จะสามารถแก๎ไข
สถานการณ๑ได๎ แตํทําไมเฮํอจี้เฉินไมํทํา ?

จี้อี้ขมวดคิ้ว พร๎อมกับหลุบตาลงต่ํา

ผํานไปสักพัก ในหัวใจของเธอปรากฏเหตุผลข๎อหนึ่งขึ้นมา : เหตุผล


นําจะเป็นเพราะพี่หยูกวงมาขอความชํวยเหลือจากเขา

นอกจากนั้นแล๎ว จี้อี้คิดเหตุผลที่สองมาอธิบายทุกอยํางนี้ไมํได๎จริงๆ

จี้อี้คิดถึงตรงนี้ เธอเก็งยหน๎าขึ้นอีกครั้ง แล๎วแอบมองไปทางเฮํอจี้เฉิน


และเชียนเกอ

เชียนเกอคิดไมํถึงวําสิ่งตนเองทํา เฮํอจี้เฉินจะมองออกอยํางทะลุปรุ
โปรํง สีหน๎าปรากฏรํองรอยความอึดอัดอยูํหลายสํวน เธอสูดลมหายใจเข๎า
ลึก แล๎วจึงพูดวํา " เฮํอจี้เฉิน ฉันจะไปรํวมมือกับหลินเจิ้งอี้เพื่อทําให๎นาย
ลําบากได๎ยังไง นายเองก็รู๎นี่ วําฉันจริงใจกับนาย ตั้งแตํเด็กฉันช.."

จี้อี้ไมํต๎องเปลืองแรงคิด เธอก็รู๎วําประโยคตํอไปที่เชียนเกอจะพูดจะต๎อง
เป็นคําวํา " ชอบนาย" แนํนอน
เพียงแตํวําคําพูดของเชียนเกอยังไมํทันจบ เฮํอจี้เฉินก็ไมํคิดอยากจะฟัง
อีก ทันใดนั้นเขาก็สะบัดมือที่จับแขนเสื้อของเขาออก แล๎วก๎าวเท๎ายาวๆ
เดินเฉียดรํางของเธอไป

แรงของเฮํอจี้เฉินมีมาก เชียนเกอที่ถูกสะบัด ก๎าวถอยหลังไปหลายก๎าว


จึงจะสามารถฝืนตัวให๎ยืนนิ่งอยูํได๎

เธอสวมรองเท๎าสูงแหลม ข๎อเท๎าคงจะพลิก เธอเจ็บจนลมหายใจสะดุด


หญิงสาวก๎มหน๎าลงนวดข๎อเท๎า หลังจากนั้นเธอก็ล๎วงโทรศัพท๑มือถืออยําง
ขุํนเคือง แล๎วตํอสายโทรออกไป

ผํานไปสักพัก จี้อี้เห็นคนที่เป็นผู๎จัดการของเชียนเกอรีบเดินเข๎ามา

ผู๎จัดการประคองเชียนเกอ แล๎วเดินกระโผลกกระเผลกออกไป

รอจนในที่สุดก็ไมํเห็นเงาของเชียนเกอ จี้อี้ที่อยูํข๎างหลังรถจึงคํอยๆ ยืน


ขึ้น

เฮํอจี้เฉินไมํอยูํบ๎าน เธอก็ไมํจําเป็นต๎องขึ้นไปบนตึกอีก

จากบทสนทนาของเชียนเกอและเขา เธอถึงได๎รู๎วําเขากําลังเผชิญหน๎า
กับความกดดันมากมายขนาดไหน
สามวัน ภายในสามวัน ถ๎าแก๎ปัญหาทั้งหมดไมํได๎ ทุกอยํางที่เฮํอจี้เฉิน
พยายามตํอสู๎และสร๎างมาหลายปีจะต๎องสูญสลายหายไปอยํางแนํนอน!

.....

จี้อี้ไมํรู๎วําคําพูดกํอนหน๎านี้ที่คุยโทรศัพท๑กับหลี่ต๐ามาดังก๎องอยูํในหูได๎
อยํางไร คําพูดของเขาทุกคําที่บอกกับเธอ " ไมํมีทาง มันยากมาก
เลยนะกวําฉันจะรอมาจนถึงวันนี้ ได๎เข๎าใกล๎เธอมากขนาดนั้น ฉันจะไมํยอม
แพ๎อยํางนี้หรอก!"

หลี่ต๐าบอกวํา มัน ในที่นี่ของเขาหมายถึงความฝันในการเป็นผู๎กํากับ

เขา เพื่อที่จะไลํตามความฝันของเขา ถึงกับทิ้งมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง


ทิ้งอนาคตที่ดี เพื่อมาเริ่มต๎นจากศูนย๑..

แม๎วําเฮํอจี้เฉินจะทําเพราะเห็นแกํหน๎าของพี่หยูกวง ถึงได๎ปกป้องเธอ
ขนาดนี้ แตํเธอกลับไมํคิดวํา เบื้องหลังของทุกสิ่งที่ตนเองได๎รับ เขาจะต๎อง
จํายคําเสียหายหนักหนาขนาดนั้น!

ในเมื่อเรื่องนี้เธอเป็นคนกํอ เธอก็จะจบเรื่องนี้ด๎วยตัวเอง!
จี้อี้ยืนคิดเงียบๆ อยูํที่เดิมสักพัก แล๎วจึงมองลงไปที่นาฬิกาบนข๎อมือที่
ตนเองสวมใสํ

เธอมองเงียบๆ สักพัก แล๎วจึงถอดนาฬิกา แนบไว๎ข๎างหู ฟังอยูํนาน


แล๎วจึงก๎าวเท๎า เดินออกไปจากเขตที่อยูํอาศัยของเฮํอจี้เฉิน

จี้อี้ไมํได๎กลับไปที่มหาวิทยาลัย แตํเดินไปที่ร๎านขายเครื่องใช๎ไฟฟ้า ที่อยูํ


ใกล๎เขตชุมชน เธอเข๎าไปข๎างในแล๎วซื้อเครื่องอัดเสียงมาหนึ่ง
เครื่อง หลังจากย๎ายเสียงที่อัดอยูํในนาฬิกาเข๎ามาในเครื่องอัดเสียงแล๎ว เธอ
ก็หยิบโทรศัพท๑มือถือ แล๎วสํงข๎อความไปถามวิธีการติดตํอหลินเจิ้งอี้

ผํานไปราวสิบนาที จี้อี้ที่สํงข๎อความไปหาสวีอี้ ถึงได๎รู๎ตัวเลข ID


wechat ของ หลินเจิ้งอี้

จี้อี้เพิ่มหลินเจิ้งอี้เป็นเพื่อนโดยทันทีโดยไมํลังเล

ผํานไปสักพัก จี้อี้ได๎รับข๎อความตอบกลับเป็นเพื่อนจากหลินเจิ้งอี้ เธอ


รีบแตะหน๎าจอโทรศัพท๑อยํางรวดเร็ว แล๎วสํงข๎อความไปวํา " สวัสดีคํะ
ผู๎อํานวยการหลิน ฉันคือจี้อี้ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ อยากทราบวําคุณจะ
สะดวกตอนไหนคํะ?"
ผํานไปนานมาก จี้อี้จึงได๎รับข๎อความตอบกลับจากหลินเจิ้งอี้ “ คืนนี้ผม
มีงานเลี้ยงที่เยวํหยวน ถ๎ามีอะไรคุณก็มาคุยกับผมที่นั่นโดยตรงแล๎วกัน ”

จี้อี้ไมํตอบอีก เธอเก็บโทรศัพท๑มือถือ แล๎วเดินไปข๎างถนน เรียกรถแท็กซี่


แล๎วบอกที่ตั้งของ “เยวํหยวน” ……

ภายในรถตู๎ที่อยูํบริเวณถนนฝั่งตรงข๎าม

" คุณเชียนครับ เธอไปแล๎ว" คนขับรถที่นั่งอยูํฝั่งคนขับ ละสายตา


กลับมาจากบริเวณที่จี้อี้เพิ่งยืน แล๎วหันศีรษะไปหาเชียนเกอที่นั่งอยูํข๎างหลัง
พร๎อมกับพูดอีกครั้งวํา " คุณเชียนครับ แล๎วเราจะกลับบริษัทรึเปลําครับ ?"

เชียนเกอไมํพูด สายตาของเธอมองออกไปนอกหน๎าตําง แล๎วหยุดอยูํที่


ที่จี้อี้ยืนอยูํกํอนหน๎านี้

เธอออกมาจากเขตบ๎านของเฮํอจี้เฉิน หรือวําจี้อี้ก็เหมือนกับเธอ ที่มา


หาเฮํอจี้เฉินเหมือนกัน?

ทั้งที่เธอมาหาเฮํอจี้เฉิน แตํทําไมเธอถึงต๎องไปร๎านเครื่องใช๎ไฟฟ้าแล๎ว
ซื้อเครื่องอัดเสียงมาด๎วย?

เธอถือโทรศัพท๑มือถือแล๎วยืนอยูํที่ข๎างถนนนานขนาดนั้น ถึงคํอยจากไป
แล๎วเธอจะเอาเครื่องอัดเสียงไปไหน?
คนขับรถไมํรอเชียนเกอตอบ ก็พูดขึ้นอีกครั้งวํา "คุณเชียนครับ?"

ผํานไปหลายวินาที สติของเชียนเกอก็กลับมา สายตาของเธอยังคงมอง


อยูํตรงที่ที่จี้อี้เพิ่งยืนเมื่อครูํ แล๎วพูดด๎วยน้ําเสียงที่เบามากๆ วํา " ไมํต๎อง
กลับบริษัท กลับรถ ขับตามรถแท็กซี่ที่เธอนั่งไป"
ตอนที่ 155 / ตอนที่ 156 คุณคูํควรที่จะมาเสนอเงื่อนไขกับผมเหรอ
หลังจากที่รถตู๎ของเชียนเกอรีบขับตามรถแท๏กซี่ที่จี้อี้นั่งอยูํมา รถขับไป
ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็หยุดลง

" คุณเชียน เธอมาที่เยวํหยวน"

เยวํหยวนเหรอ? เธอมาทําอะไรในสถานบันเทิงที่หรูหราขนาดนี้ ? จากที่


เธอจําได๎ จี้อี้ไมํสนใจสถานบันเทิงพวกนี้เลยสักนิดนี่นา…

เชียนเกอไมํพูด แตํกลับขมวดคิ้ว ผํานไปราวครึ่งนาที เชียนเกอหัน


ศีรษะไปมอง ผู๎จัดการที่อยูํข๎างๆ " คืนนี้ มีใครมาที่เยวํหยวนเหรอ?"

" เดี๋ยวถามให๎" ผู๎จัดการพูดแล๎วก็หยิบโทรศัพท๑มือถือไปด๎วย ผํานไปไมํ


ถึงสามวินาที ทันใดนั้นผู๎จัดการเหมือนกับคิดอะไรได๎ จึงพูดกับเชียนเกอวํา
" ดูความจําฉันสิ ฉันเกือบลืมไปแล๎ว ชํวงนี้ประธานหลินลงทุนงิ้วเรื่องหนึ่ง
นี่นา? แล๎วยังนัดพวกเพื่อนนักแสดงของคุณมาด๎วย คุณทําการแลกเปลี่ยน
กับเขาให๎ถอนทุนเรื่อง "ซานเชียนฉือ" ไมํใชํเหรอ? เมื่อวานเขาโทรหาคุณ
แล๎วบอกวําวันนี้ งิ้วที่เขาลงทุนจะแสดงที่เยวํหยวน ถามคุณวําจะมาหรือ
เปลํา? แตํเพราะคุณอยากไปหาผู๎กํากับเฮํอ เลยปฏิเสธไป..."

คําพูดของผู๎จัดการยังพูดไมํทันจบ เชียนเกอก็นึกขึ้นได๎ " อ๎อ จริงด๎วย มี


เรื่องนี้ด๎วยนี่"
ฉะนั้นแล๎ว ที่จี้อี้มาเยวํหยวน เป็นเพราะหลินเจิ้งอี้เหรอ?

เชียนเกอลับตาอยูํเงียบๆ ไมํถึงสามวินาที ก็พูดตัดสินใจวํา " เอารถเข๎า


ไป พวกเราจะไปดูงิ้วที่เยวํหยวน”

" แตํ คืนนี้สองทุํมคุณนัดกับประธานเหยียนเอาไว๎..."

"เลื่อนไปซะ" เชียนเกอไมํรอให๎ผู๎จัดการพูดจบ ก็แสดงเจตนาผํานสีหน๎า


ให๎คนขับรถขับเข๎าไปในลานจอดรถของเยวํหยวน

“เยวํหยวน” เป็นสถานที่ที่ต๎องมีการนัดกํอนลํวงหน๎า ถึงจะเข๎าไปได๎

จี้อี้เพิ่งไปถึงทางเข๎าของเยวํหยวน ก็ถูกคนขวางเอาไว๎

เธอหยิบโทรศัพท๑มือถือออกมา แล๎วสํงข๎อความใน wechat ไปหาหลิน


เจิ้งอี้

” บนหน๎าจอแสดงให๎เห็นวํา "อีกฝ่ายกําลังพิมพ๑" บอกจี้อี้ หลินเจิ้งอี้


เห็นข๎อความของเธอแล๎ว แตํเธอต๎องรอถึงสิบนาทีเต็ม หลินเจิ้งอี้จึงสํง
ข๎อความกลับมาวํา " ฉันจะสํงคนออกไปรับเธอ"
จี้อี้รู๎ หลินเจิ้งอี้ตั้งใจจะกลั่นแกล๎งเธอ แตํทําทางของเธอกลับไมํ
กลัว เธอจึงตอบข๎อความกลับไปอยํางเกรงอกเกรงใจวํา "ขอบคุณคํะ
ประธานหลิน"

หลังจากสํงข๎อความไปแล๎ว จี้อี้ยืนอยูํที่ประตูทางเข๎าของ "เยวํหยวน"


เธอรอตํอไปจนใกล๎ครึ่งชั่วโมง จึงคํอยมีชายหนุํมคนหนึ่งเดินอยํางไมํเรํงรีบ
มาตรงหน๎าของเธอ เขาถามด๎วยน้ําเสียงไมํคํอยมั่นใจวํา " ไมํทราบวํา คุณ
คือจี้อี้ใชํไหม?"

ใบหน๎าของจี้อี้ฉีกยิ้มเล็กน๎อยพร๎อมกับพูดวํา " ใชํคํะ สวัสดี"

" ผู๎อํานวยการหลินให๎ผมมารับคุณ เชิญคุณมากับผม" ชายหนุํมพูดจบ


ก็พาจี้อี้ เดินตรงเข๎าไปใน "เยวํหยวน"

เดินตรงไปตามทางเดินที่ทําด๎วยไม๎แดง คนที่อยูํทางด๎านซ๎ายและขวา
โค๎งตัวให๎ แล๎วชายหนุํมก็หยุดเดิน ผลักประตูทรงโบราญ แล๎วสํงสัญญาณ
มือ " เชิญ" ให๎แกํจี้อี้

จี้อี้และชายหนุํมเดินตามกันเข๎าไปในห๎อง

อีกด๎านหนึ่งของประตู วํางเปลํา ประตูอยูํตรงข๎ามกับเวทีใหญํที่อยูํไมํ


ไกลพอดี
นักแสดงงิ้วที่แตํงตัวงดงาม บิดตัวรํายรํา เผยอริมฝีปากและขับร๎อง
เพลงอยํางประณีต

ข๎างในห๎องมีคนนั่ง ราวเจ็ดถึงแปดคน ทุกคนล๎วนจ๎องไปที่เวทีไมํกะพริบ


ตา มองการแสดงบนเวทีอยํางใจจดใจจํอ

ชายหนุํมที่นําจี้อี้เข๎ามาปิดประตู บอกผํานสีหน๎าให๎จี้อี้รออยูํข๎างๆ สัก


พัก หลังจากนั้นก็ก๎าวเท๎าเดินอยํางแผํวเบา จนเดินมาถึงข๎างหลินเจิ้ง
อี้ แล๎วก๎มศีรษะ กระซิบที่หูของอีกฝ่ายสักพัก

หลินเจิ้งอี้คงจะฟังงิ้วจนรู๎สึกเคลิบเคลิ้ม จึงโยกศีรษะไปตามทํานอง
เพลง คําพูดของชายหนุํมจบไปแล๎วสักพัก จึงหันศีรษะกลับมา เขาเหลือบ
ตามองจี้อี้กํอน หลังจากนั้นจึงเอียงศีรษะ แล๎วขยับปากตอบกลับชายหนุํม

.....

ชายหนุํมพยักหน๎าอยํางนอบน๎อม แล๎วเดินกลับมาที่ข๎างจี้อี้ แล๎วชี้ไป


ตรงที่หลินเจิ้งอี้นั่งอยูํ พร๎อมกับพูดเสียงเบาวํา " คุณจี้อี้ ประธานหลินเรียก
ให๎คุณเข๎าไป"
จี้อี้กระซิบบอกวํา "ขอบคุณ" เธอยืนนิ่งอยูํที่เดิมสักพัก แล๎วจึงก๎าวเท๎า
เดินไปที่หลินเจิ้งอี้

จี้อี้อยูํหํางจากหลินเจิ้งอี้ได๎ราวครึ่งเมตร หลินเจิ้งอี้เหมือนสังเกตเห็นเธอ
เดินเข๎ามาใกล๎ จึงเงยหน๎าขึ้นมอง

แม๎แตํคําวํา "ประธานหลิน" เธอก็ยังไมํเรียก หลินเจิ้งอี้ก็ชี้ไปบริเวณที่


นั่งข๎างตนเอง เพื่อบอกให๎เธอมานั่ง หลังจากนั้นสายตาก็มองกลับขึ้นไปบน
เวทีอีกครั้ง

ผู๎คนภายในห๎องล๎วนมองไปที่การแสดงบนเวที จี้อี้กลัววําเมื่อตนเองจะ
เผลอพูดรบกวนความสุขของทุกคน เธอจ๎องมองตําแหนํงที่นั่งข๎างหลินเจิ้ง
อี้ ในที่สุดเธอก็ยังก๎าวเท๎าไป แล๎วนั่งลง

งิ้วบนเวที กําลังร๎องถึงทํอนที่ไพเราะมากที่สุดพอดี

การมาปรากฏตัวอยํางกะทันหันของจี้อี้ ไมํได๎รบกวนความสุขของหลิน
เจิ้งอี้แตํอยํางใด กระทั่งถึงตอนที่เพลิดเพลินที่สุด จี้อี้ยังได๎ยินเขาร๎องออกมา
ตามเนื้อเพลงด๎วย

จี้อี้กลับไมํดูการแสดง เธอเพียงแตํนั่งเงียบอยูํบนเก๎าอี้และรออยํางสุขุม
เยือกเย็น
ผํานไปราวครึ่งชั่วโมง ในที่สุดการแสดงบนเวทีก็จบลง

จี้อี้จึงหันศีรษะ แล๎วพูดกับหลินเจิ้งอี้วํา "ประธานหลิน ฉัน.."

หลินเจิ้งอี้ทําราวกับเธอไมํอยูํที่นี่ เขาไมํสนใจคําพูดของเธอ แล๎วเรียกบ


ริกรยืนที่อยูํไมํไกล "เสิร๑ฟอาหาร"

" ครับ คุณหลิน" หลังบริกรตอบอยํางสุภาพ ก็ก๎าวเท๎าเดินออกจากห๎อง


ไป

" ประธานหลิน ฉันมาหาคุณ.." จี้อี้ถือโอกาสหาชํองวํางตอนที่หลินเจิ้งอี้


ไมํได๎คุยกับใคร พูดกับเขาเป็นครั้งที่สอง

เหมือนกับเมื่อครูํ หลินเจิ้งอี้ยังคงแกล๎งทําเป็นไมํได๎ยินเธอ แล๎วพูดกับ


คนที่อยูํบนโต๏ะ ทวําคําพูดของเขาครั้งนี้ กลับเกี่ยวข๎องกับเธอ " ฉันขอ
แนะนําให๎ทุกคนได๎รู๎จัก คนที่นั่งข๎างฉันชื่อวํา จี้อี้ นักศึกษามหาวิทยาลัย
ภาพยนตร๑ B"

คาดวําหลินเจิ้งอี้คงเคยพาเด็กสาวมาเข๎ารํวมงานเลี้ยงในลักษณะนี้เป็น
จํานวนมาก หลังจากที่เขาแนะนําเสร็จ ใบหน๎าของคนหลายคนปรากฏสี
หน๎าคลุมเครืออยํางชัดเจน

จี้อี้รู๎วําพวกเขาเข๎าใจผิด คิดวําเธอเป็นผู๎หญิงที่หลินเจิ้งอี้พามา
ภายในใจลึกๆ ของเธอปรากฏความไมํพอใจ แล๎วคิดวําตนเองยังต๎อง
ตํอรองกับหลินเจิ้งอี้ ตอนนี้ไมํควรจะมีเรื่อง เธอจึงแสร๎งทําเป็นไมํรู๎ไมํเห็น
แล๎วทําหน๎าไมํใสํใจและใจเย็นตํอไป

บริกรเริ่มนําอาหารและเหล๎าทยอยเข๎ามา

จี้อี้มองหลินเจิ้งอี้เทเหล๎า ไมํมีใครคุยกันอีก ครั้งที่สามเธอใช๎เสียงเพียง


แคํคนสองคนเทํานั้นที่จะได๎ยิน เธอพูดกับเขาวํา "ผู๎อํานวยการหลิน ถ๎า
สะดวก คุณหาเวลาออกมาคุยกับฉันได๎ไหม?"

ครั้งนี้หลินเจิ้งอี้กลับไมํพูดตัดบทคําพูดของเธอ หลังจากรอจนกระทั่ง
เธอพูดจบ เขานําแก๎วเหล๎าสํงไปให๎ทุกคนที่อยูํข๎างหน๎าแล๎วก็พูดไปด๎วย
ทวําคําพูดที่ตอบกลับมา กลับไมํเกี่ยวข๎องใดๆ กับคําที่เธอเพิ่งพูดไปเลยสัก
นิด " เสี่ยวอี้ คนเหลํานี้เป็นผู๎รับผิดชอบคนสําคัญ ของหนังเรื่อง "เฉินถู"ํ ที่
ฉันพึ่งลงทุนเร็วๆ นี้ คนนี้คือคนสร๎างหนัง นี่คือผู๎กํากับ คนนี้คือ.."

เพื่อแสดงออกถึงมารยาท ตอนที่หลินเจิ้งอี้แนะนําเธอ ทุกคนตํางก็ยิ้ม


น๎อยๆ มาให๎
ตอนที่ 157 / ตอนที่ 158 คุณคูํควรที่จะมาเสนอเงื่อนไขกับผมเหรอ
ตอนที่รอให๎หลินเจิ้งอี้แนะนําทุกคนเสร็จแล๎ว แก๎วเหล๎าที่อยูํตรงหน๎า
ของเขาก็เหลือเพียงสองแก๎ว

เขายกขึ้นมาหนึ่งแล๎ว เอาไปวางหน๎าจี้อี้หนึ่งแก๎ว แล๎วยื่นหน๎าไปที่ข๎างๆ


หูของเธอ พูดด๎วยน้ําเสียงกดต่ําเป็นพิเศษเหมือนเธอเมื่อครูํ " เธอต๎องดื่ม
อวยพรให๎ทุกคนภายในห๎องกํอน ฉันถึงจะให๎เวลาคุยกับเธอ!"

สักพักหนึ่ง หลินเจิ้งอี้จึงพูดเสริมอีกครั้งวํา " ฉันให๎โอกาสเธอแล๎วนะ


จะเอารึเปลําก็รื่องของเธอ!"

พูดจบ หลินเจิ้งอี้ก็ถือแก๎วเหล๎า ชูขึ้นสูง ยิ้มตาหยีแล๎วพูดกับจี้อี้วํา " มา


เสี่ยวอี้ จะดื่มอวยพรให๎กับทุกคน!"

จี้อี้จะไมํรู๎ได๎ยังไง วําที่หลินเจิ้งอี้ทําเหมือนเธอเป็นผู๎หญิงที่เขาพามาดื่ม
เหล๎าด๎วยทุกวันนั้นก็เพื่อจะกลั่นแกล๎งเธอ

กํอนหน๎าที่เธอจะมา ก็พอจะเดาออกวํา หลินเจิ้งอี้ไมํมีทางยอมวางมือ


และยุติเรื่องราวงํายๆ

เธอสลบไสลไมํได๎สติถึงสามปี จึงรู๎จักกับคนที่มีอิทธิพลไมํมาก
ที่เธอยอมมาหาหลินเจิ้งอี้ เพราะในมือของเธอมีเครื่องอัดเสียงบท
สนทนาของหลินเจิ้งอี้ที่พูดกับเธอในคืนนั้น ถึงแม๎วําการกระทําลับหลังของ
หลินเจิ้งอี้จะเลวร๎ายแคํไหน แตํเขาก็ยังต๎องใสํใจกับภาพลักษณ๑ของตัวเอง
ตํอคนภายนอก เธอก็แคํอยากจะเอาเครื่องอัดเสียงมาทําการแลกเปลี่ยนกับ
หลินเจิ้งอี้ก็เทํานั้น

แตํเธอกลับไมํสามารถเอาเครื่องอัดเสียงขึ้นมาบนโต๏ะและแบไพํทั้งหมด
กับหลินเจิ้งอี้ได๎ ถ๎าทําแบบนั้นหน๎าตาของเขาต๎องไมํมีเหลืออยํางไมํต๎อง
สงสัย ไมํต๎องพูดวําจะทําให๎เขาให๎เงินทุนเรื่อง "ซานเชียนฉือ" กับเฮํอจี้เฉิน
ใหมํอีกครั้ง เลยแตํกลับจะทําให๎กลายเป็นความแค๎นฝังลึกตํอกันเทํานั้น

ถ๎าเธอไมํอยากเห็นเฮํอจี้เฉินลําบาก ในตอนนี้เธอมีอยูํทางเดียว นั่นก็คือ


การยอมรับความอยุติธรรมและอดทน

จี้อี้จ๎องแก๎วเหล๎าในมือของหลินเจิ้งอี้ที่มีเหล๎าขาวอยูํเต็มแก๎วด๎วยสายตา
หนักแนํน วินาทีตํอมา เธอก็รับแก๎วเหล๎า ลุกขึ้น แล๎วพูดผู๎กํากับที่นั่งอยูํ
ข๎างหลินเจิ้งอี้ พร๎อมกับยกยิ้มอยํางสดใส " ผู๎กํากับ ฉันดื่มอวยพรให๎คุณ"

ชนแก๎วเสร็จ จี้อี้ก็เงยหน๎าขึ้น แล๎วดื่มเหล๎าในแก๎วจนหมด


ความรู๎สึกแสบร๎อนเผาไหม๎จากลําคอแผํซํานลงไปในชํองท๎อง ทําให๎จี้อี้
รู๎สึกอึดอัดอยํางถึงที่สุด เธอกลับไปนั่งที่เดิม ลําคอยังไมํหายแสบร๎อน หลิน
เจิ้งอี้หยิบขวดเหล๎า แล๎วเทให๎เธออีกจนเต็ม

" ผู๎จัด ฉันดื่มอวยพรให๎คุณ"

" คุณหลัว ฉันดื่มอวยพรให๎คุณ"

"..."

จี้อี้รับแก๎วเหล๎าและดื่มอวยพรให๎กับคนบนโต๏ะ อวยพรถึงคนสุดท๎าย
เธอก็เริ่มรู๎สึกอยากอาเจียน

ตอนที่หลินเจิ้งอี้เทเหล๎าให๎เธอ และเธอไมํทันสังเกตนั้น เธอก็รู๎สึกวํา


หลินเจิ้งอี้จงใจเขยิบเข๎ามาใกล๎ตนเอง แม๎แตํมือของเขาก็เริ่มที่จะแตะไปที่
รํางกายเธอผํานเสื้อผ๎า

จี้อี้อยากตอบโต๎กลับด๎วยการหลีกหนี แตํเมื่อคิดถึงเฮํอจี้เฉิน คิดถึงเขาที่


ยอมละทิ้งหลายสิ่งหลายอยํางเพื่อความฝันของตน คิดถึงการที่เขาต๎อง
เผชิญกับปัญหาจนสุดท๎ายก็ไมํเหลืออะไรเลย

เปรียบกับเขาแล๎ว เรื่องพวกนี้ที่เธอต๎องแบกรับจะนับเป็นอะไรได๎ ?
จี้อี้ไมํรู๎วําตนเองยังจะยืนหยัดและอดทนได๎มากขนาดไหน แตํเธอกลับรู๎
กํอนหน๎าที่ตนเองจะทําสําเร็จ เธอจําเป็นต๎องกัดฟันอดทนตํอไป เธอ
พยายามฝืนยิ้ม แล๎วดื่มอวยพรตํอไปจนเสร็จ

……

ในห๎องที่อยูํเยื้องกันไป เชียนเกอนั่งพิงเก๎าอี้อยํางงามสงํา หยิบวิดีโอที่


ผู๎จัดการแอบอัดขึ้นมาดูอยํางตั้งใจรอบหนึ่ง ริมฝีปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นมา
อยํางอดไมํได๎

.....

เพื่อจี้อี้ เฮํอจี้เฉินถึงต๎องผิดใจกับหลินเจิ้งอี้ แตํจี้อี้แมํตัวดี กลับมาดื่ม


เบียร๑กับพวกหลินเจิ้งอี้ หากวําภาพนี้ เฮํอจี้เฉินได๎เห็น...

แคํคิด ปลายนิ้วมือของเชียนเกอก็สั่นอยํางตื่นเต๎นแล๎ว

เธอแทบจะไมํมีความลังเลใดๆ ที่จะสํงข๎อความไปที่เบอร๑โทรศัพท๑ของ
เฮํอจี้เฉิน
เธอเลือกคลิปวิดีโอกํอน ตอนที่เพิ่งเตรียมจะสํงไป การกระทําของเธอก็
หยุดชะงักลง

"คุณเชียนคะ มีอะไรผิดปกติรึเปลําคะ?" ผู๎จัดการถามด๎วยน้ําเสียงสงสัย


พร๎อมกับมองเชียนเกอที่ไมํมีปฏิกิริยาตอบโต๎ใดๆ

เชียนเกอได๎ยินเสียงของเธอ จึงลืมตาแล๎วกวาดตามองมา เธอไมํพูด


หลังจากนั้นก็ก๎มศีรษะ แล๎วจ๎องไปที่หน๎าจอโทรศัพท๑มือถือ ผํานไปสักพัก
เธอจึงกระซิบเสียงเบาวํา " เขารู๎วําฉันกับมันไมํถูกกันมาตลอด หากวําคลิป
วิดีโอนี้ออกไปจากมือของฉัน ความคิดแรกของเขาจะเป็นอะไร?"

เสียงของเธอเบามาก ผู๎จัดการฟังไมํชัดวําเชียนเกอพูดวําอะไร จึงเปิด


ปากถามอีกครั้งวํา " คุณเชียน คุณพูดวําอะไรนะคะ?"

เชียนเกอทําเหมือนกับวําไมํได๎ยินคําพูดของเธอ เธอเงียบไปครูํหนึ่ง
แล๎วพูดเหมือนพึมพํากับตนเองอีกครั้งวํา "...แนํนอนวําเขาต๎องคิดวําฉัน
เป็นคนวางแผน เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะต๎องทําให๎ฉันอับอายอีกครั้งอยําง
แนํนอน..ไมํได๎! ฉันจะเป็นคนที่สํงวิดีโอไปไมํได๎เด็ดขาด!"

เชียนเกอพูดจนถึงตอนสุดท๎าย ทันใดนั้นน้ําเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดัน
โทนเสียงดังขึ้นมาก ผู๎จัดการที่ได๎ยินเพียงประโยคสุดท๎ายที่ดังที่สุดเทํานั้น ก็
พูดอยํางสงสัยวํา " เพราะอะไรถึงสํงไมํได๎ ? คุณเชียน คุณไมํได๎บอกวํา ภาพ

You might also like