You are on page 1of 398

MEMORIZE

เล่ม 2 ตอนที่ 1
หลังจากสิ้นสุดการประชุม อันฮยอนก็พาผมไป
ดูอาการของอันซลในทันที ผมมองร่างที่นอนหลับ
สนิทอยู่บนเตียงแล้วไม่สบายใจเท่าไหร่นัก
เมื่อวางมือบนหน้าผากของเธอก็รู้สึกถึงภายใน
พลังเวทย์ของอันซลปั่นป่วนตามที่คาดไว้ เธอจะ
กลับ มาเป็ นปกติใ นไม่ช้ า แต่ผมก็ ตั้ง ใจว่ าจะช่ ว ย
รักษาเธอก่อน
“อย่างน้อยควรจะมีสักคนช่วยดูแลอันซลจน
กว่าจะเช้า”
“ผมจะดูแลเองครับ”
แน่นอนอันฮยอนเสนอตัวอาสาจะรับหน้าที่ ผม
ส่ายหน้า มองออกไปนอกหน้าต่างที่มีเพียงความ
มืดมิด ดวงตาของอันฮยอนเต็มไปด้วยความเหนื่อย
ล้า
วันนี้ทั้งวันเขาต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจไปมาก
พอสมควร อาจจะทาให้วันพรุ่งนี้ลาบาก ถึงแม้ว่า
จิตใจจะหนักแน่นก็ตาม
“นายดูเหนื่อยๆ นะ ไปงีบสักหน่อยเถอะ เด็ก
นี่น่ะ ฉันจะดูแลให้เอง”
“แล้วพี่ไม่นอนเหรอครับ”
“เดี๋ยวค่อยนอน วันนี้ให้พวกผู้หญิงพักผ่อนให้
เต็มที่ ส่วนนายกับฉันผลัดกันดูแลอั นซล อีกสักพัก
ฉันจะไปปลุก ค่อยเปลี่ยนกันตอนนั้นก็แล้วกันนะ”
“อ่า ผลัดกัน อย่างนั้นก็ได้ครับ งั้นผมฝากดูแล
น้องสาวผมด้วยนะครับพี่”
ผมพยั ก หน้ า แทนคาตอบ อัน ฮยอนเดิ น โซเซ
ออกไปข้ า งนอกและปิ ด ประตู ยั ง มี เ รื่ อ งที่ ผ ม
อยากจะถามอยู่ ทว่าเมื่อเห็นสภาพอิดโรยของอันฮ
ยอนแล้ว คงดีกว่าที่จะถามตอนที่เรามีเวลาว่าง
ภายในหัวของผมสับสนเนื่องจากแทร็บพอยท์
และท่าทีของพรรคพวก ผมต้องคิดให้กระจ่าง แต่
ก่อนหน้านั้นก็มีเรื่องที่ต้องทาให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
หลังจากที่แน่ใจว่าปิดประตูเรียบร้อยดีแล้ว ผม
ก็เริ่มต้นใช้พลังเวทย์ ค่อยๆ เกิดแสงสีแดงอ่ อนบน
มือขวาของผมคล้ายระลอกคลื่นบนผิวน้า วางมือลง
กลางอกของอันซลช้าๆ เพื่อถ่ายทอดพลังเวทย์จาก
ภายใน ไม่เสียหายอะไรที่จะช่วยรักษาเธอ
หากเวทมนตร์ทวนกระแสอย่างรุนแรงหรือพลัง
เวทย์ที่ไหลเวียนในร่างเกิดการบิดเบือนก็เป็นเรื่อง
ยากที่จะแก้ไข อย่างไรก็ตามจะเป็นเรื่องง่ายดายถ้า
เพียงแค่สงบพลังที่รุนแรงเกินให้ลดน้อยลง
เมื่ อ เวทมนตร์ ข องผมที่ มี คุ ณ สมบั ติ เ ป็ น ไฟ
บริ สุ ท ธิ์ ไ หลเข้ า สู่ ภ ายใน ร่ างของอั น ซลก็ ก ระตุ ก
เล็กน้อย
คุณสมบัติเวทมนตร์แตกต่างกันไปตามลักษณะ
ของแต่ละคน พลังเวทย์ที่ผมรู้สึกได้จากเด็กสาวนั้น
เจิดจ้าราวกับแสงสีขาว
ที แ รกผมกระวนกระวายใจ ลั ง เลว่ า จะท า
อย่างไรกับเวทมนตร์ที่มีอานาจมากมายนี้ดี ผมไม่
ตื่ น ตระหนก พยายามนุ่ ม นวลที่ สุ ด และโอบกอด
พลังของอันซลเอาไว้อย่างอ่อนโยน
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยเอง เป็นเด็กดีใช่
ไหม นิ่งไว้นะ ด้วยความรู้สึกปลอบโยน พลังของผม
รักษาเวทมนตร์ของอันซลไปเรื่อยๆ ราวกับรับรู้ได้
ว่าผมต้องการจะช่วย มันหลั่งไหลไปยังแหล่งพลัง
เวทย์ของผม
ผมให้พลังรักษาเวทมนตร์ของเธออย่างพิถีพิถัน
ที่สุดเท่าที่จะทาได้เพื่อไม่ให้เธอตกใจ เมื่อมองพลัง
เวทย์ของเด็กสาวที่ถูไถตรงนั้นตรงนี้คล้ายจะปลอบ
ประโลมเจ้าตัวก็คิดว่าน่ารักดี
ไล่สายตาไปทั่วทั้งร่าง ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง
เท่าไหร่แล้ว ใบหน้าซีดเซียวของเธอก็เริ่มกลับมามี
เลือดฝาด สีหน้าดูผ่อนคลายมากขึ้น บางทีอาจจะ
กาลังฝันดีอยู่ก็เป็นได้
มี เ พี ย งประเด็ น เดี ย วที่ เ หลื อ อยู่ หลั ง จากที่
มองดูเธอแล้ว ผมพยายามจะถอนพลัง ดูเหมือนว่า
เวทมนตร์ของอัน ซลจะหลอมรวมกับพลังของผม
เป็ น หนึ่ ง เดี ย ว เมื่ อ ผมดึ ง มื อ ออกมา พลั ง เวทย์
ภายในตั ว ของเธอก็ ดึ ง ผมเอาไว้ ไ ม่ ใ ห้ ไ ป และ
พยายามจะให้ รั ก ษาเธออี ก หน่ อ ย ผมออกแรง
สะบัดเต็มที่จึงสามารถรอดมาได้หวุดหวิด
การรักษาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง ซึ่งก็เสร็จสิ้น
เมื่อครู่นี้ จากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ดูเหมือนว่า
มัน ต้อ งใช้ เ วลามากกว่ าที่ ค าดไว้ เ พื่อ กระตุ้ นพลั ง
ชีวิตให้คืนสู่สภาพเดิม นอกห้องไม่มีใครอยู่ ท่าทาง
ทุกคนจะกาลังนอนหลับสนิท
ยกแขนสองข้ า งขึ้ น เหยี ย ดเต็ ม แรง แล้ ว ผมก็
เอนตัวลงกับพื้น เมื่อไม่มีอะไรที่ต้องทาต่อ การได้
พักสายตาสักครู่ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แ ล้ว นะ ผมลืมตาขึ้นเมื่อ
รู้สึกว่ามีใครบางคนเปิดประตูเข้ามา ความมืดเริ่ม
ปกคลุมรอบตัวของผมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อหันไปมอง
ก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่แวบๆ ที่ประตู อียูจองไว้ผมสั้น
ส่วนคิมฮันบยอลก็ผมยาวประบ่า เมื่อไม่ใช่สองคน
นั้นก็ต้องเป็นอันฮยอน
“วันนี้นายคงเหนื่อยมาก นอนต่ออีกหน่อยก็ได้
นะ”
ผมเอ่ยทักด้วยน้าเสียงนิ่งๆ ทว่าเขากลับไม่ตอบ
อะไรอยู่พักหนึ่ง เพียงแค่จ้องมองผมอย่างเฉยเมย
แล้วในนาทีต่อมาอันฮยอนก็ค่อยๆ เปิดปากพูด
“ไม่เป็ นไรครับ ผมกังวลจนนอนไม่ค่อยหลับ
เท่าไหร่ พี่ครับ ซลเป็นไงบ้างครับ”
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ พรุ่งนี้น่าจะฟื้น ไม่ต้องเป็น
กังวลขนาดนั้นก็ได้”
“จริงเหรอครับ โล่งอกไปที นี่ พี่ครับ ถ้างั้น...”
สัมผั สได้ ว่ าอั นฮยอนก าลั งกระวนกระวายใจ
แต่ ผ มก็ ร อฟั ง ในสิ่ ง ที่ เ ขาจะพู ด อย่ า งใจเย็ น ไม่ รู้
ทาไมแต่ผมรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ต้องทาในตอนนี้ แล้ว
อันฮยอนก็พูดออกมา
“พี่ ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่ครับ แต่ที่นี่คงไม่
เหมาะ”
“ได้สิ ถ้างั้นไปที่ดาดฟ้ากันมั้ย”
“ครับ”
ดู ท่ า อั น ฮยอนจะไม่ ไ ด้ พั ก ไปมากสั ก เท่ า ไหร่
อาจเพราะเป็นห่วงอันซล อีกทั้งยังคิดอะไรหลาย
อย่าง ถึงได้ดูว้าวุ่นแบบนี้ ผมที่อ่านความจริงจังใน
น้าเสียงของเขาได้ก็ตื่นตัวไปด้วย
อียูจองนอนกอดผ้าห่มแน่นอยู่ในห้องนั่งเล่น
ผมไม่เห็นคิมฮันบยอล เหมือนว่าเธอจะนอนที่ห้อง
อื่น ผมเปิดประตูเบามือ ระมัดระวังไม่ใ ห้เธอตื่น
และขึ้นไปบนดาดฟ้ากับอันฮยอน
สมองปลอดโปร่งขึ้นเมื่อได้สัมผัสอากาศเย็นบน
ดาดฟ้ า เราสองคนไม่ ไ ด้ พู ด อ ะไรในขณะที่
ทอดสายตาไปยังเมืองที่มืดมิดเบื้องหน้า อันฮยอน
เริ่มพูดก่อน
“เมืองนี้เงียบจังนะครับพี่”
“นั่ น สิ เงี ย บจนน่ า สงสั ย อย่ า ได้ นิ่ ง นอนใจ
เชียว”
อั น ฮยอนเหยี ย ดยิ้ ม ด้ ว ยใบหน้ า ซึ ม เศร้ า กั บ
คาพูดของผม เพียงแค่มองก็รู้ความหมายของสีหน้า
แบบนั้ น แต่ ก็ ท าได้ แ ค่ ร อให้ เ ขาเผยความในใจ
ออกมา
“ผมคิดว่าพี่เป็นคนที่น่าทึ่งมากๆ เลยล่ะครับ”
“ไม่เอาน่า ฉันก็เหมือนๆ กับนาย เก่งหรือไม่
เก่งอะไรกันล่ะ”
“ไม่ ค รั บ ไม่ ใ ช่ แ บบนั้ น เรื่ อ งที่ ผ มอยากบอก
ไม่ใช่เรื่องนี้หรอกครับ”
อันฮยอนส่ายหน้าปฏิเ สธ ใบหน้าเต็มไปด้ว ย
ความสับสน อีกทั้งยังเห็นถึ งความรู้สึกที่เขาคิดว่า
ตนเองไร้ ค วามสามารถ ไม่ ใ ช่ ว่ า ผมไม่ เ ข้ า ใจ
ความรู้สึกของเขา แต่เพราะยังคงไม่ชัดเจน ผมจึง
เงียบไว้และรอฟังความตั้งใจของเขาก่อน
“วันนี้ผมคิดอะไรเยอะแยะไปหมดหลังจากที่พี่
ออกไปแล้ ว ผมรู้ สึ ก ว่ า พวกเราเข้ า กั น ได้ ดี ม ากๆ
ตอนที่พี่อยู่ ผมคิดว่าถ้า หากพวกเราห้าคนร่วมมือ
กันก็จะสามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ก็
ตาม”
“ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ”
“ครับ แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น พี่ขอให้ผมดูแล
ทุกคน แต่ผมก็ทาไม่ได้ ผมล้มพับไปตอนที่เจอสัตว์
ประหลาดพวกนั้ น แถมยั ง ท าให้ ซ ลตกอยู่ ใ น
อั น ตราย แล้ ว พี่ เ ห็ น ยู จ องกั บ ฮั น บยอลแล้ ว รู้ สึ ก
แปลกๆ ใช่มั้ยล่ะครับ เพราะสองคนนั้นทะเลาะกัน
เรื่องที่จะออกไปช่วยพี่ดีมั้ย”
อันฮยอนมีสีหน้าเจ็บปวดใจในตอนที่พรั่งพรูทุก
สิ่งออกมา ทว่าก็ยังไม่หยุดพูด
“และสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด... คือการที่ตอนนั้น
ผมเลือกอะไรไม่ได้เลย พูดอะไรก็ไม่ได้ สิ่งที่ทาได้ ก็
มีแค่การบอกว่า ผมจะไปเอง มันเลยทาให้ผมต้อง
ไปเองอย่างช่วยไม่ได้ ผมรู้สึกอึดอัดใจมากๆ”
“...”
“ถ้าเกิดว่าไม่มีพี่ ผมก็คงจะได้แต่คิดว่า พรุ่งนี้
จะเป็นอย่างไรนะ ผมจะทาได้ดีหรือเปล่านะ ผมแค่
อยากตายแทนที่จะต้องดิ้นรนกับภาระหนักอึ้งนี้”
“อันฮยอน”
ผมขัดขึ้นเพื่อยับยั้งความรู้สึกที่เอ่อล้นของอันฮ
ยอน แต่เขาสั่นศีรษะอย่างแรง เป็นการบอกว่ายังมี
เรื่องที่เขาจะพูดอีก
“แต่ตอนที่พี่ปรากฏตัวน่ะ อย่างกับปาฏิหาริย์
รู้มั้ยทันทีที่เห็นพี่ผมรู้สึกยังไง ขอบคุณเหรอ เปล่า
ครั บ ขอโทษเหรอ ก็ เ ปล่ า อี ก นั่ น แหละ มั น เป็ น
ความโล่งใจครับ ถ้าเป็นพี่จะต้องช่วยเราได้ ถ้าเป็น
พี่ล่ะก็เชื่อใจได้แน่นอน จริงๆ นะ ทันทีที่พี่มาทุก
อย่างก็ดีขึ้น อาการของซลก็ทุเลาลง พี่น่ะ ใจเย็น
แล้วก็นิ่งสงบอยู่เสมอ ไม่ไหวหวั่น ต่างกับพวกเรา
ถึงผมจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่พี่ก็ต่างออกไป”
อันฮยอนปลดปล่อยความเจ็บปวดในใจในช่วง
สุ ด ท้ า ย ผมปั้ น หน้ า นิ่ ง เฉย จั บ จ้ อ งฮยอนที่ ผ่ อ น
คลายมากขึ้นเมื่อได้ระบายออกมาหมดเปลือก ก่อน
จะพูดขึ้นบ้างด้วยน้าเสียงเรียบๆ
“ถ้างั้นขอฉันพูดอะไรบ้างได้มั้ย ไม่ยาวหรอก”
“พูดยาวๆ ก็ได้ครับ ผมจะตั้งใจฟัง”
เห็ น อั น ฮยอนตอบกลั บ มาด้ ว ยน้ าเสี ย งผ่ อ น
คลาย ผมก็ ยิ้ ม ออกมาและขยั บ ไปใกล้ อ ย่ า งช้ า ๆ
เอื้อมมือไปวางบนศีรษะของเขา อันฮยอนทาหน้า
ตกใจ หันกลับมามองผม
“การที่นายรู้สึก ว่ านี่คื อความรับ ผิดชอบหรื อ
อยากจะเป็นที่พึ่งพาให้ได้น่ะ ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉัน
กลับคิดว่าดีแล้วด้วยซ้า”
“ดีงั้นเหรอครับ”
“ลองคิดดูสิ เราเป็นยังไงตอนที่อ ยู่ในป่า นาย
ไม่ได้พยายามที่จะทาทุกสิ่งทุกอย่างตามใจตัวเอง
เหมือนพวกเจ้าปัญหานั่น แล้วก็ไม่ได้บีบบังคับคน
อื่นด้วย ถ้าหากฉันคิดเห็นประมาณนี้ ยูจองกับฮัน
บยอลทบทวนและออกความเห็นเพิ่มเติมมา ฉันกับ
นายก็จะช่วยกันรวบรวมความคิดเห็นเหล่านั้นแล้ว
เลือกวิธีที่ดีที่สุด”
“...”
“พวกเราทุกคนจะคอยช่วยนายเอง เป็นเรื่อง
ธรรมดาที่ จ ะรู้ สึ ก ว่ า มั น คื อ ภาระหน้ า ที่ แต่ ไ ม่
จ าเป็ น ต้ อ งแบกรั บ ไว้ ทั้ ง หมดหรอกนะ แม้ ว่ า จะ
ผิดพลาดไปบ้าง แต่เราทั้งหมดจะร่วมกันรับผิดชอบ
อย่ า คิ ด ว่ า เป็ น เพี ย งความรั บ ผิ ด ชอบของนายคน
เดียว”
“แต่ว่า...”
อันฮยอนพยายามที่จ ะพูดอะไรบางอย่าง แต่
คราวนี้ ผ มยกมื อ ขึ้ น เป็ น สั ญ ญาณให้ เ ขาหยุ ด พู ด
อันฮยอนที่เข้าใจความหมายนั่นจึงปิดปากฉับ
“นายมองว่าฉันน่าทึ่ง ในทางกลับกันฉันเองก็
คิ ด ว่ า นายเองก็ น่ า ทึ่ ง เช่ น กั น นายน่ ะ ต่ อ สู้ ด้ ว ย
แรงผลั ก ดั น จนพาน้ อ งสาวขี้ ก ลั ว มาถึ ง ที่ นี่ นาย
อยากจะเชื่อใจฉันเหมือนกั บที่อันซลเชื่อใจนาย ทั้ง
ฉัน ยูจองแล้วก็ฮันบยอลต่างก็เชื่อใจนายกับอันซ
ลเช่นกัน เราห้าคนร่วมแรงร่วมใจกันหนีออกไปจาก
ที่ นี่ ไ ด้ แ น่ ที่ น ายพู ด กั บ ฉั น ในตอนแรกน่ ะ มั น
ค่ อ นข้ า งจะขั ด กั บ ที่ น ายพู ด ตอนหลั ง ไม่ ผิ ด สั ก
หน่อยที่เราจะพึ่งพากันและกัน”
ตั้งใจว่าจะพูดแค่สั้นๆ แต่ พูดไปพูดมาก็ออกจะ
ยาวอยู่สักหน่อย อย่างไรก็ตามผมไม่สามารถหยุด
ไว้เพียงแค่นี้และตั้งใจจะพูดให้จบ
“ภาระหน้าที่นั่นน่ะ พวกเราจะแบ่งกันแบกรับ
เพราะงั้นนายก็ทาในสิ่งที่สามารถทาได้ เท่านั้นก็
เพียงพอแล้ว”
“สิ่งที่ผมสามารถทาได้...”
“ใช่แล้ว สิ่งที่นายสามารถทาได้ ไม่ต้องกังวล
เรื่องอื่นหรอกน่า เพราะพวกเราเองก็จะช่วยเหลือ
นายอย่างเต็มที่เหมือนกัน”
ลมหนาวพั ด ผ่ า นในขณะที่ ม องอั น ฮยอนซึ่ ง
กาลังขบคิดคาพูดของผมอย่างเชื่องช้า ลมที่พัดใน
ค่าคืนนี้มีพิษอยู่ด้วย จนเริ่มรู้สึกคันยุบยิบขึ้นมา
เวลาผ่านไปสักพัก อันฮยอนก็เ งยหน้าขึ้นมา
ไม่ใช่แววตาของคนอึดอัดใจตอนที่ขึ้นมาบนดาดฟ้า
อีก แล้ว ในตอนนี้เ ป็ นแววตาหนัก แน่นเหมือนใน
ครั้งแรกที่เราพบกัน และเขาดูโล่งอกขึ้น เมื่อความ
กังวลถูกยกออกไปจากอก
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 2
รุ่งอรุณวันใหม่สดชื่นแจ่มใส หลังจากที่แบ่งปัน
เรื่ อ งราวต่ า งๆ กั บ อั น ฮยอนในช่ ว งเช้ า มื ด เรา
กลั บ มาที่ ห้ อ งเพื่ อ ที่ จ ะสามารถผลั ด เวรยามและ
ดูแ ลอั น ซลได้ ผมบอกฮยอนไปแล้ ว ว่ า ไม่ เ ป็ น ไร
นอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้ เขาดึงดันบีบบังคับตัวเอง
ให้ตื่น แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายจึงไปนั่งหลับอยู่ที่พื้น
มุมห้องนั่งเล่น ผมหลับตาลงเพื่อทบทวนบางอย่าง
แม้ ว่ า ตอนนี้ ยั ง ไม่ มี อ ะไรเกิ ด ขึ้ น แต่ ก็ ห้ า ม
ประมาทเด็ดขาด แน่นอนว่ าอาจเป็ นเพียงความ
หวาดระแวงของผม ผมเป็ น คนประเภทที่ ท าทุ ก
อย่างด้วยตนเองอย่างเต็มที่ สิบปีที่ผ่านมานั้นผม
ค่ อ นข้ า งห่ า งไกลจากค าว่ า กิ น อิ่ ม นอนหลั บ จน
กลายเป็นนิสัยไปแล้ว
ผมกาลังจะลุกขึ้นในขณะที่ค่อยๆ เงยหน้า ได้
ยินเสียงคนจากใกล้ๆ แถวนี้ เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่ามี
ใครบางคนนั่งอยู่ข้างผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็
ไม่ใช่ใครอื่น อันซลนั่นเอง
“อ๊ะ!”
อั น ซ ล ที่ เ อ า แ ต่ หั น ไ ป หั น ม า ด้ ว ย สี ห น้ า
กระสับกระส่ายสบตาเข้ากับผมพอดี ดวงตาของ
เธอเบิ ก กว้ า ง ผมจึ ง เอ่ ย ทั ก ทายเธอด้ ว ยน้ าเสี ย ง
นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทาได้ เพื่อเป็นการบอกว่า ไม่
จาเป็นต้องตกใจขนาดนั้น ฉันไม่ใช่ศัตรูของเธอสัก
หน่อย ไม่ทาร้ายเธอหรอกน่า
“อรุณสวัสดิ์ ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย”
“อ้า อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเด็กสาวตอบกลับมา
อย่างนอบน้อม ทั้งที่ยังสับสนกับคาพูดของผม อ่า
ทาไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ ทาไมแค่มองเด็กคนนี้
แล้วก็ใจอ่อนไปซะทุกที บางสิ่งในตัวเธอทาให้ผม
เกิดความรู้สึกอยากจะปกป้องเธอไว้
เด็กสาวมองการกระทาของผมด้วยท่าที ลังเล
ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว
“พี่... พี่คะ”
“อือ”
“ขอโทษนะคะ”
“หือ”
อยู่ดีๆ ยัยเด็กนี่ก็พูดอะไรเนี่ย จะเมื่อวานหรือ
วันนี้เหมือนผมจะได้ยินแต่คาขอโทษ ผมมองเธอ
อย่างไม่เข้าใจ อันซลก้มลงซ่อนใบหน้า
“คือ... ได้ยินมาว่า... เป็นเพราะฉัน... ก็เลยต้อง
ลาบากมากๆ...”
คาพูดของเธอคลุมเครือเสียจนถ้าหากบางคนที่
ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วยมาได้ยินก็อาจจะไม่เข้าใจ เห็น
การพู ดตะกุ ก ตะกั ก แบบนั้น ผมก็ นึก ห่ว งอนาคต
ของเด็ก คนนี้ขึ้นมา พูดจาติดขัดแบบนี้กั บ คนอื่น
แล้วเธอจะสามารถรับมือพวกประหลาดในฮอลล์เพ
ลนได้ยังไงกัน
วันข้างหน้า เด็กคนนี้จะกลายเป็นนักบวชแห่ง
แสงสว่ างที่มีฐานะเทียบเท่ากั บ เจ้าหญิ งแห่งการ
ลงโทษหรือราชินีเงาซึ่งเป็นตัวแทนของผู้เล่นหญิง
งั้นหรือ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเสียจริง ผมตอบ
เธอด้วยท่าทางนิ่งเฉย
“ไม่ ต้อ งขอโทษหรอก เธอเองก็ ท าได้ ดีเ ลยนี่
ฉันได้ยินมาว่าเธอช่วยทุกคนไว้”
“อ่า ไม่หรอกค่ะ! คือว่าฉันเองก็จาไม่ได้ว่าเกิด
อะไรขึ้น!”
ถ้ า พู ด ความคิ ด ในใจออกไปล่ ะ ก็ เธอคงจะ
กลายเป็นหญ้าแห้งๆ ที่เ**่ยวเฉาอย่างแน่นอน ผม
จึงพยักหน้าให้เธออย่างใจดี สีหน้าของเธอดีขึ้นเมื่อ
ได้ รั บ ค าชมจากผม จึ ง โบกมื อ ไปมาพร้ อ มด้ ว ย
รอยยิ้มเล็กๆ
เป็นคนประเภทที่คิดอะไรก็แสดงออกบนหน้า
หมดเลย สงสัยจริงๆ ว่าเด็กคนนี้โตมาอย่างบริสุทธิ์
และสดใสขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ ตอนนั้นเองที่ได้ยิน
ใครบางคนเรียกผมจากด้านหลัง
“ท่านพี่ซูฮยอน ถ้าตื่นแล้วก็มาทานข้าวเถอะ
ค่ะ”
“...”
“มี อ ะไรเหรอคะท่ า นพี่ ท าไมมองฉั น ด้ ว ย
สายตางุนงงแบบนั้นล่ะคะ”
“...”
“ทาไมมองแบบนั้นคะ... เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ฉัน
จะพูดแบบเดิม อันฮยอนบอกฉันว่า พี่ดูแลซลแทน
เราเมื่อคืนนี้ ฉันก็เลยทามื้อเช้าให้เป็นการขอบคุณ
คนอื่นๆ กินกันเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นไม่ต้องเป็น
ห่วง”
“อืม นี่สิอียูจองตัวจริง ขอบใจนะ”
ผมพยัก หน้าพลางยื่ นมือไปรับ แต่ห ล่อนวาง
จานลงตรงหน้าผมแทนด้วยท่าทางโกรธเคือง เมนู
คือแครกเกอร์กับทูน่าเหมือนเมื่อวาน ก็อยากจะล้อ
ว่า เธอทาเป็นแค่เมนูเดียวหรือไงกัน แต่เห็นสายตา
เย็นเยียบของหล่อนแล้ว ผมว่าน่าจะดีกว่าถ้าหุบ
ปากไว้
“...”
“...”
ผมกัดแครกเกอร์หนึ่งคา อียูจองและอั นซลนั่ง
นิ่ ง จั บ จ้ อ งผมที่ ก าลั ง กิ น อยู่ ผมวางแครกเกอร์ ที่
กาลังเคี้ยวลงอย่างไม่พอใจนัก
อี ยู จ องที่ ม องผมอยู่ นั้ น กะพริ บ ตาปริ บ ๆ ดู
คาดหวังจะให้ผมกินมากกว่านี้ ขณะที่อันซลเอาแต่
นั่งยิ้มด้วยความไร้เดียงสา วันนี้ยัยเด็กพวกนี้เป็น
อะไรกันไปหมดเนี่ย
“เห็นฉันเป็นลิงในสวนสัตว์หรือไง”
“ไม่ใช่แบบนั้น แค่วิธีกินแปลกตาดี”
“วิธีกิน”
ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง หืม การกินแปลกขนาด
นั้นเชียวเหรอ ผมก็กินปกตินี่นา... ความคิดแวบเข้า
มาในหัวของผมที่ไม่ค่อยใส่ใจอะไรนัก
“อั น ฮยอนเคี้ ย วไม่ กี่ ค รั้ ง ก็ ก ลื น แล้ ว แต่ พี่ น่ ะ
ตรงกันข้ามเลยนี่นา พี่ค่อยๆ กินทีละนิดทีละหน่อย
เคี้ ย วช้ า ๆ ค่ อ ยๆ กลื น ไม่ ไ ด้ กิ น อะไรเยอะแยะ
ทาไมเป็นแบบนั้นล่ะ”
ผมไม่สามารถตอบได้ในทันที สายตาของอียู
จองเฉียบแหลมเกินคาด
ถ้าพูดกันตามจริง เมื่อก่อนผมเคยขาดแคลน
เสบียงในตอนที่ผมถูกไล่ล่าจากพวกแฟรี่ในป่าแฟรี่
ผมกิ น อาหารที่ มี อ ยู่ วั น ละนิ ด เพื่ อ ให้ แ ต่ ล ะวั น
สามารถผ่านไปได้ พฤติกรรมการกินในตอนนั้นจึง
กลายมาเป็นนิสัย
นอกจากนี้ตอนที่ต่อสู้เมื่อเข้าร่วมกองทัพหรือ
ดูแลกองคาราวาน ผมจะไม่กินให้อิ่มจนเกินไปเพื่อ
ดึงโสตประสาทสัมผัสออกมาให้เต็มที่ เพราะว่าการ
กินอิ่มสามารถทาให้การรับรู้ความรู้สึกลดลงได้
อย่างไรก็ตามที ผมไม่สามารถบอกเล่าความ
จริงเรื่องนี้ได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง
“ก็แค่นิสัยทั่วๆ ไปน่ะ ถึงเวลากิน ฉันก็กิน แต่
ว่ า ในสถานการณ์ แ บบนี้ ฉั น ก็ กิ น น้ อ ยแบบนี้ นั่ น
แหละ จะว่ าไปไม่เ ห็นสองคนนั้นเลย พวกเขาไป
ไหนกัน”
“อันฮยอนกับคิมฮันบยอลเหรอ อันฮยอนบอก
ว่าจะไปดูรอบๆ แถวนี้คนเดียว ส่วนคิมฮันบยอล
เหมือนจะขึ้นไปที่ดาดฟ้านะ”
เห็นอียูจองตอบคาถามอย่างง่ายดายโดยไม่ได้มี
ทีท่าสงสัยอะไร ผมก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่ เ มื่ อ หั น ไปมองสายตาที่ จั บ จ้ อ งอยู่ เ บื้ อ งหลั ง
อันซลกาลังมองผมด้วยแววตาเป็นประกาย เมื่อเรา
สบตากั น เธอก็ ยิ้ ม น้ อ ยๆ ด้ ว ยสี ห น้ า แปลกๆ วั น
นี้ยัยนี่เป็นอะไรไปอีกล่ะเนี่ย
ผมรู้สึกว่าอันซลคล้ายเด็ก เด็กที่เจอคนแปลก
หน้ า ครั้ ง แรกจะระมั ด ระวั ง ตั ว โดยสั ญ ชาตญาณ
พวกเขาจะกลัวและกังวลว่าตนเองจะเป็นอันตราย
หรือเปล่า ถ้าหากเข้าใกล้โดยไม่คิดให้ดี ก็อาจจะทา
ให้เด็กๆกลัวและร้องไห้ได้
วิธีตีสนิทกับเด็กๆ เป็นเรื่องง่าย อันดับแรกต้อง
เว้นระยะและทาให้เห็นว่าคุณไม่ได้ทาอะไรที่เป็น
อันตรายแม้แต่น้อย เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว เด็กๆ จะ
แสดงความอยากรู้อยากเห็นแล้วเดินเตาะแตะเข้า
มาใกล้เอง ตอนนั้นแหละก็จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะ
กับการเป็นเพื่อนกับเด็กๆ
ผมคิดทบทวนเกี่ยวกับอันซลเล็กน้อย... ไม่สิ ก็
แค่ความคิดไม่เข้าท่าของผมซึ่งกาลังกัดแครกเกอร์
ที่ อี ยู จ องท าเข้ า ปากอี ก ค า ในขณะที่ ห มกมุ่ น กั บ
เรื่องอื่นในหัวแทน
ถ้าหากนับวันตามหลัก 24:00 แล้ว วันนี้ก็จะ
เป็นวันที่สองนับตั้งแต่เราเข้าสู่แทร็บพอยท์ เท่ากับ
ว่าวันนี้จนถึง 24:00 ก็จะเป็นวันที่ปลอดภัย แม้จะ
ไม่มีใครพูดอะไร แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะชอบที่นี่
“ถ้าสองคนนั้นกลับมาเร็วๆ ก็ดี ฉันมีเรื่องจะ
บอก”
“เรื่อ งอะไรเหรอ เรื่ องที่ ว่ า เราจะท ายั งไงต่ อ
จากนี้หรือเปล่า”
“ก็ประมาณนั้น”
“เรื่องอะไรเนี่ย พี่บอกฉันกับซลก่อนสิ”
อียูจองที่นั่งกางแขนโอบเข่าทั้งสองข้างจนตัว
กลมเป็นลูกพลับมองมาที่ผมด้วยใบหน้างุนงง ส่วน
อันซลเองก็มีสีหน้ากังวลใจเมื่อผมพูดถึงอนาคตอัน
ใกล้
บางทีถ้าพูดแบบนี้ไป ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับ
การตอบสนองแบบไหน แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะออก
ไปสู่ชัยชนะเบื้องหน้า
“เราควรจะออกไปจากเมืองนี้ภายในวันนี้”
ทันทีที่ผมพูดจบ ใบหน้าของทั้งคู่ก็เครียดเขม็ง
ในพริบตาตามที่คาดการณ์เอาไว้
“ผมไปเดิ น ดู ร อบๆ มาแล้ ว เงี ย บจนน่ า กลั ว
อย่างที่พี่บอกเลยครับ”
คาพูดแรกของอันฮยอนที่เปิดประตูหน้าและ
เดินเข้ามาก็คือเมืองนี้เงียบสงบจนน่าสงสัย เมื่อได้
ยินว่าผมมีเรื่องจะคุย ทุกคนก็เริ่มจากการรวมตัว
กันในห้องนั่งเล่น ดูเหมือนว่าคิมฮันบยอลที่ไปตา
กลมจะควบคุมอารมณ์จนกลับไปมีสีหน้าสงบเยือก
เย็นเหมือนปกติได้แล้ว
ผมมองใบหน้าของทุกคนและเริ่มเปิดปากพูด
“คิ ด ว่ า ก่ อ นหน้ า นี้ ทุ ก คนคงได้ ฟั ง เรื่ อ งพิ ธี
เปลี่ยนสภาวะมาจากพวกทูตสวรรค์แล้ว”
“นั่นสินะ ฉั นก็ จาไม่ ค่อยได้ด้ว ยสิ มัว แต่จ้อ ง
มองปีกพวกนั้นก็เลยไม่ได้ฟัง”
มองดูอียูจองที่เอียงคอไปมาแล้วผมก็ได้แต่ยิ้ม
ขมขื่นออกมาโดยอัตโนมัติ ช่ างยัยนี่ก่ อนแล้ว กั น
ผมหันไปทางอันฮยอนและคิมฮันบยอล พวกเขา
ค่อยๆ ไตร่ตรองและเริ่มพูดทีละคน
“ได้ อ่ า นพวกค าเตื อ นมาแล้ ว แต่ มั น มี เ ยอะ
เกินไป... เรื่องไม่ให้น้ากับอาหารและให้หาเอาเอง
เรื่องความตายในสถานที่นี้เป็นเรื่องจริง ดังนั้นจง
ระวัง แล้วก็เงื่อนไขการรอดชีวิตคือไปที่วาร์ปเกต
ให้ได้... แล้วมีอะไรอีกนะ”
“อดทนเป็นเวลาเจ็ดวันไงคะ”
คิมฮันบยอลเสริมคาพูดของอันฮยอน และนั่น
คือคาที่ผมรออยู่เลยล่ะ
“ใช่ แ ล้ ว ล่ ะ อยู่ ร อดจนครบเจ็ ด วั น คุ ณ ฮั น
บยอลจาเรื่องอื่นๆ ที่แนบมากับบทบัญญัติได้หรือ
เปล่า”
เพราะคาถามของผม ทาให้คิมฮันบยอลแสดงสี
หน้าไม่พอใจก่อนที่จะตอบ
“จาได้สิคะ เหมือนพวกทูตสวรรค์จะบอกว่ า
อย่ า อยู่ ที่ ใ ดที่ ห นึ่ ง นานเกิ น ไป ระหว่ า ง 7 วั น นี่
จะต้องไปต่อเรื่อยๆ หรือไม่ก็ไปที่ศูนย์กลาง”
ขณะที่ผมพยักหน้ากับคาพูดของหญิงสาวและ
จะพูดต่อ อียูจองก็ขัดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แต่พี่คะ ที่นี่ก็ปลอดภัยนี่นา ของกินมากมาย
หลั บ สบาย บ้ า นก็ มี ทุ ก คนจ าเรื่ อ งเมื่ อ วานไม่ ไ ด้
เหรอ ทันทีที่ออกมาจากในป่านั่น พวกเราลาบาก
กันแทบตาย”
“จริ ง ด้ ว ย พี่ ค รั บ จ าเป็ น ต้ อ งออกไปจากที่ นี่
จริงๆ เหรอ เราไม่ต้องเชื่อทุกอย่างที่พวกทูตสวรรค์
บอกก็ได้นี่ครับ”
กระทั่งอันฮยอนก็ยังสนับสนุนคาพูดของหล่อน
อียูจองจ้องมองผมด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นอย่างเห็น
ได้ชัด ท่าทางจะไม่อยากออกไปข้างนอกเอามากๆ
ผมมองข้ามสายตาของทั้งคู่ไปและเริ่มพูดเสียงนิ่ง
“ทุ ก คนในตอนนี้ ดู เ หมื อ นว่ า จะสบายกั น จน
ค่อนไปทางเอ้อระเหยแล้วนะ ถ้าอย่างนั้นลองคิด
ในทางกลับกันสิ”
“ในทางกลับกันเหรอ”
“ใช่ อันฮยอนเพิ่งกลับมาจากการสารวจรอบๆ
นี้และทาให้รู้ว่าเมืองนี้มันเงียบเกินไป ตอนที่อยู่ใน
ป่าเป็ นช่ วงเวลาที่ตึงเครียด ถึงจะออกมาได้ก็ ถูก
โจมตี ถ้าออกไปข้างนอกก็อาจจะเป็นแบบนั้นอีก
แต่ว่า...”
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 3
ผมเว้นระยะไว้ชั่วครู่และพูดต่อ
“พวกทูตสวรรค์ไม่ต้องการให้เราทาแบบนั้นจึง
ได้ เ ตื อนเอาไว้ ว่ า จะต้อ งอยู่ รอดให้ไ ด้ ครบ 7 วั น
หรือไม่ก็ต้องไปที่วาร์ปเกต และไม่เอาแต่อยู่ที่เดิม
เราต้ อ งรู้ ว่ า พวกทู ต สวรรค์ ต้ อ งการอะไร ทั้ ง
ความหมายของพิธีเ ปลี่ยนสภาวะและสถานการณ์
ของพวกเราในตอนนี้ที่ขัดแย้งกับความต้องการของ
พวกเขา สถานการณ์ตอนนี้น่ะ มันแปลกๆ ใช่มั้ยล่ะ
เทียบกับข้างนอกนั่นแล้ว ทั้งสะดวกสบาย มีอาหาร
พร้อมสรรพ ฉันคิดว่านี่เป็นกับดัก ถ้าเรายังอยู่ที่นี่
ต่อไป จะเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้”
“...ถ้างั้นพี่ก็แค่อยากจะไปจากที่นี่เพราะรู้สึก
ไม่ดีเท่านั้นเองนี่นา”
“ฉั นรู้ ว่ าการเชื่ อในลางสัง หรณ์ เ ป็ น เรื่อ งยาก
แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ฉันไม่สบายใจมากๆ ในที่แบบ
นี้น่ะ พวกเราต้องพักผ่อนให้มากเท่าที่จะพักได้ หา
เสบียงให้มากเท่าที่จะหาได้ ฉันคิดว่าความยากใน
การหลบหนี จ ากที่ นี่ ค่ อ นข้ า งสู ง เลยที เ ดี ย ว ถ้ า
เป็นไปได้ก็ไปจากที่นี่ในวันนี้เลยจะดีมาก”
จะสามารถทาให้พวกเขาเข้าใจได้หรือเปล่า ผม
ก็ไม่มั่นใจนัก ความสาเร็จในการชักชวนระหว่าง
สถานการณ์ ที่ ต้ อ งเผชิ ญ หน้ า กั บ อั น ตรายและ
สถานการณ์ ที่ป ลอดภั ยนั้นแตกต่างกั นอย่างมาก
อีกทั้งผมยังรู้สึกว่าความสามารถในการโน้มน้าวใจ
ของผมยังไม่มากพอสาหรับครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องของ
การใช้ เ หตุ ผ ลแต่ เ ป็ น เรื่ อ งของการคาดเดาและ
ความรู้สึกมากกว่า
แต่ ผ มก็ ท าอะไรมากไม่ ไ ด้ มี ค วามแตกต่ า ง
ระหว่างผู้ที่รู้จักฮอลล์เพลนและผู้ที่ไม่รู้
ชั่วครู่หนึ่งที่ไม่มีใครพูดอะไร ใบหน้าของทุกคน
ดู ไ ม่ ส บายใจ เห็ น ได้ ชั ด ว่ า ไม่ ต้ อ งการไปจากที่ นี่
แน่นอนว่าผมสามารถจัดการมอนสเตอร์ระดับบอส
ได้ แต่อย่างน้อยผมก็อยากให้พวกเขาผ่านหลักสูตร
ที่ พ วกฑู ต สวรรค์ เ ตรี ย มไว้ ใ ห้ ยิ่ ง ตอนนี้ พ วกเขา
สบายมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งลาบากมากขึ้นใน
ฮอลล์เพลน
อันฮยอนเงยหน้าขึ้นจับจ้องมาที่ผม จากนั้นก็
มองทุกคนและเริ่มพูด
“ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความเห็นต่างกัน... มา
โหวตกันเถอะครับ”
“โหวตเหรอ”
“ครั บ แต่ ใ นการโหวตนี้ มี เ งื่ อ นไขสองข้ อ นะ
ครับ”
“เงื่อนไขอะไร”
ผมเกิดความรู้สึกสนใจกับข้อเสนอที่ไม่คาดคิด
นี้ขึ้นมา คะแนนเสียงข้างมากงั้ นเหรอ เหมือนจะ
ไม่ ไ ด้ ยิ น มานานแล้ ว แฮะ คิ ม ฮั น บยอลที่ มี ที ท่ า
ตอบสนองในทางบวกย้อนถาม อันฮยอนพยักหน้า
เล็กน้อยพลางตอบคาถาม
“เงื่อนไขก็ไม่มีอะไรมาก ข้อแรกก็คือ หนึ่งคนมี
หนึ่งสิทธิเลือกได้ว่าจะโหวตเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
หรือเลือกไม่ลงคะแนน ทุก คนต้องบอกเหตุผลที่
ตั ว เองโหวตแบบนั้ น แล้ ว ก็ ข้ อ สอง ไม่ ว่ า ผลจะ
ออกมาเป็นยังไงก็จะต้องยอมรับและทาตามโดยไม่
มีข้อโต้แย้ง”
ได้ฟังคาอธิบายของอันฮยอนแล้ว อียูจองก็พูด
ด้วยน้าเสียงร่าเริงราวกับมั่นใจว่าการเลือกอยู่ที่นี่
จะชนะคะแนนโหวต
“ได้ ได้ ฉันไม่คัดค้าน โหวตเหรอ โหวตก็ดี มา
โหวตกันเลยเถอะ ให้ฉันโหวตก่อนเลยมั้ย”
“รวดเร็ ว ทั น ใจแบบนี้ สิ ดี ก่ อ นอื่ น พี่ ซู ฮ ยอน
โหวตเห็ น ด้ ว ยหนึ่ ง คะแนนสิ น ะครั บ เหตุ ผ ลก็
อธิบายมาหมดแล้ว”
“ก็ตามนั้น ฉันไม่คัดค้าน”
“งั้ น มี ใ ครคิ ด เห็ น ต่ า งมั้ ย ครั บ ถ้ า ไม่ มี ก็ ต ามนี้
เลยนะ”
คิมฮันบยอล อันซลและผมต่างก็ยอมรับ อันฮ
ยอนเองก็พยักหน้า จับจ้องสายตาไปที่อียูจอง ทุก
คนให้ ค วามสนใจไปที่ ห ล่ อ น ส่ ว นเจ้ า ตั ว ก็ ค่ อ ยๆ
เปิดปากพูด
“แน่นอนว่าฉันไม่เห็นด้วย ถ้าให้เทียบระหว่าง
ที่นี่กับในป่าแล้วล่ะก็ น่าจะรู้คาตอบแล้วนะ ฉันไม่
อยากเอาชีวิตไปเสี่ยงเพียงเพราะความรู้สึกกระวน
กระวายของพี่ ห รอกนะ ฉั น ไม่ อ ยากออกไปเจอ
อันตรายแบบเมื่อวานนี้แล้ว”
บางทีหล่อนอาจจะเห็นด้วยกับผม แต่ผมก็คิด
ผิ ด ไป อี ยู จ องโหวตไม่ เ ห็ น ด้ ว ย จึ ง กลายเป็ น
สถานการณ์คะแนนโหวตเห็นด้วยและคะแนนโหวต
ไม่เห็นด้วยเท่ากัน 1 ต่อ 1 ภายในปากของผมแห้ง
ผาก แต่ก็ตั้งใจจะดูผลเงียบๆ
ต่อ จากอี ยูจ องก็ คือ คิม ฮัน บยอล ผมจ้อ งมอง
หล่อนด้วยความคาดหวัง เผื่อว่าอย่างน้อยคิมฮัน
บยอลจะโหวตเห็นด้วย หล่อนมองกลับมาและพูด
เสียงเรียบตามปกติ
“ฉันเองไม่อยากออกไปหรอกนะ แต่ฉันก็ไม่คิด
เป็นเรื่องแย่หลังจากที่เห็นผลลัพธ์จากข้อสรุปของ
เขา อันที่จริงเขาก็มีเหตุผลที่ดีอยู่ อาจจะไม่เพียง
พอที่ จ ะพิ สู จ น์ ค าพู ด ของเขา แต่ ฉั น คิ ด ว่ า เขามี
ความสามารถ ฉันเลือกไม่ได้หรอกว่าจะเห็นด้วย
หรือว่าไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นฉันขอไม่ออกเสียงก็
แล้วกัน”
คิมฮันบยอลเลือกที่จะไม่โหวต ดูจะเป็ นวิธี ที่
ง่ า ยที่ สุ ด แล้ ว อี ยู จ องท่ า ทางมั่ น ใจมากว่ า เราจะ
ยังคงเลือกอยู่ที่นี่แน่ๆ ถึงได้ยิ้มแป้นแล้นออกมา ผม
เตรียมใจไว้แล้วว่าผลอาจจะออกมาไม่เป็นดั่งที่คาด
เอาไว้ ถึงมอนสเตอร์ระดับบอสจะปรากฏตัว ผมก็
คงพอจะเอาชนะได้ เป็นปัญหาที่จะต้องถูดจัดการ
โดยไม่ให้ถูกจับได้
คนที่ ยั ง เหลื อ อยู่ คื อ อั น ฮยอนกั บ อั น ซล อั น ฮ
ยอนลูบผมของน้องสาวเป็นการปลอบโยน
“ซล”
“หือ”
“เธอจะว่าไง”
อันซลมีสีหน้ากังวลใจกับคาถามของอันฮยอน
มือน้อยๆ กาเข้าหากัน ดูท่าผลโหวตจะออกมาแล้ว
สินะ เราสบตากันชั่วครู่ เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ
ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงพลางหันหนีไปทาง
อื่นอย่างรวดเร็ว เห็นเธอชายตามองผมอยู่เรื่อยๆ
หรือว่าจะไม่สบายตรงไหนหรือเปล่านะ
“ซ ล ก็ ไ ม่ เ ห็ น ด้ ว ย ใ ช่ มั้ ย ล่ ะ ที่ นี่ น่ ะ ทั้ ง
สะดวกสบายทั้งปลอดภัย ถ้าออกไปข้างนอกนั่น
พวกมอนสเตอร์ก็มารวมกันแล้วก็ โฮก~”
อียูจองทาท่าราวกับอันซลเป็นเด็กเล็กๆ เจ้า
ตัว เองก็ เ หมือนจะรู้สึก เช่ นกั นจึงส่ายศีรษะพลาง
เบะปาก ทาแก้มป่องพองลม เธอเหลือบมองผมอีก
ครั้งพลางพูดอย่างระมัดระวัง
“ฉัน... เห็นด้วยกับพี่ซูฮยอนค่ะ”
โอ๊ะ
“ใช่แล้ว! เห็นด้วยแน่นอน... เอ๊ะ ว่าไงนะ เห็น
ด้วยงั้นเหรอ!”
อี ยู จ องที่ เ มื่ อ กี้ พ ยั ก หน้ า หงึ ก หงั ก ท าหน้ า
เหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออันซลทันทีที่ได้ยินว่าเธอ
เห็นด้วยกับผม
อันซลหนีไปซ่อนตัวในอ้อมแขนของอันฮยอน
ด้วยความเร็ว อันฮยอนและคิมฮันบยอลเองก็ดูจะ
ตกใจ ทั้งคู่เบิกตากว้างมองอันซล เด็กสาวทาปาก
ขมุบขมิบเบาๆ ท่ามกลางสายตาที่มองมา
“ค่ะ ฉันเห็นด้วย”
“ทาไมล่ะ! ทาไม!”
“ฮื่อ”
ไล่อียูจองที่ทาหน้าทาตาเป็นวายร้ายไป อันฮ
ยอนถามเหตุผลจากอันซลที่หวาดหวั่นด้วยน้าเสียง
นุ่มนวล
“ซล บอกทุกคนไปสิว่าทาไมถึงโหวตเห็นด้วย”
“อืม... คือ... ก็ แ ค่... แค่ลางสังหรณ์ว่ าน่าจะ
เป็นแบบนั้นน่ะ เพราะว่า...”
ตอนที่ได้ยินว่าเป็นลางสังหรณ์ สีหน้าอันฮยอน
ก็เปลี่ยนไป ถึงจะแค่ชั่วพริบตาสั้นๆ แต่ผมก็เห็นได้
ชัดเจน ทาไมเขาถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้นกันนะ
“นี่! ลางสังหรณ์อะไรกันเล่า เชื่อได้ที่ไหน”
“เงียบสักทีน่า!”
อียูจองปิดปากฉับทันทีที่อันฮยอนขึ้นเสียง สี
หน้ า ของอั น ฮยอนไม่ ใ ช่ แ ค่ เ อาจริ ง เอาจั ง เหมื อ น
ปกติ เขาทาหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องอันซล อันซลไม่ได้
รู้สึกถึงสายตานั้น เงยหน้าขึ้นและชี้มาที่ผม
“ก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่ว่าวันนี้ฉันเห็น
พี่ซูฮยอนในความฝัน”
“ทุกคนเงียบก่อนนะครับ ซล เล่าต่อให้จบสิ”
“เรานอนหลับอยู่ในห้องนี้ แล้วมอนสเตอร์ตัว
ใหญ่ ก็ ป รากฏตั ว ขึ้ น เป็ น มอนสเตอร์ ที่ ห น้ า ตา
เหมื อ นเอเลี่ ย น มั น เข้ า มาในตึ ก ที่ พ วกเราอยู่ ไ ด้
ถูกต้อง... ทาให้เราทุกคนตกอยู่ในอันตราย พวกเรา
เหมือนจะตายโดยที่ทาอะไรไม่ได้เลย ไม่สิ ฉันแน่ใจ
ว่ า ฉั น เห็ น ทุ ก คนตาย แต่ แ ล้ ว จู่ ๆ ความฝั น ก็
เปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไปยังไง”
“เหมื อ นทวนเข็ ม นาฬิ ก า ในความฝั น เรา
ย้อนกลับไปในตอนแรก พี่ซูฮยอนโผล่มา แล้วมอน
สเตอร์ตัวนั้นก็ออกมา แต่คราวนี้ต่างจากเดิม พี่ซูฮ
ยอนจัดการเจ้ามอนสเตอร์นั่น บอกให้พวกเราทุก
คนหนีไป ฉันถูกพี่ชายพาอุ้มออกไปจากเมือง แต่ก็
หันกลับมามองเพราะเป็นห่วงพี่ซูฮยอน แล้วความ
ฝันก็จบลง”
“จาอย่างอื่นได้อีกมั้ย”
“เหมื อ นจะเป็ น เสี ย งแปลกๆ ที่ น่ า กลั ว ใน
ตอนท้ายหรือเสียงกรีดร้องน่ะ ฉันคิดว่าฉันได้ยิน
อะไรบางอย่าง... แต่ฉันไม่แน่ใจค่ะ”
พวกเราจดจ่อกับเรื่องเล่าของเธอเสียจนแทบ
ลืมหายใจ นี่เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนอดีตกลับมา
ที่ผมมองเด็กสาวด้วยแววตาจริงใจ เป็นความรู้สึก
จากใจที่ผมเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่
ค่าความสามารถด้านเวทมนตร์ของเธอคือ 75
คะแนน และโชค 100 คะแนน ส่วนเวทมนตร์ 96
คะแนนของผมก็ไม่ใช่ธรรมดา ถ้าอยู่ในฮอลล์เพลน
ผมก็เป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่มีความสามารถ แม้ว่าผม
จะใช้พลังของดวงตาที่สามก็ยังเห็นอดีตได้เพียงแค่
1 วินาทีเท่านั้น แต่เด็กสาวสามารถเห็นทั้งอดีตและ
อนาคตผ่านความฝันได้ แม้จะเลือนรางก็ตาม
แน่นอนว่าข้อแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างผมกับ
อันซล ผมสามารถเห็นอดีตที่เคยเกิดขึ้นและใช้พลัง
แสดงให้เห็นได้ตามที่ผมต้องการ แต่เธอเห็นภาพ
โดยการสุ่ม ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นจริงหรือ
เกิ ด จากการแทรกแซง บางที อ าจจะมาผลจาก
คะแนนโชคขั้นสุดของเธอก็ได้
อย่างไรก็ตาม ดูเ หมือนว่าหนึ่งในข้อสงสัยของ
ผมจะคลี่คลายแล้ว เหตุผลที่ผมไม่เห็นพวกเขาตอน
ที่เข้ามาเป็นผู้เล่นช่วงเริ่มแรก เห็นได้ชัดว่าพวกเขา
มาที่ เ มื อ งนี้ ด้ ว ยเหตุ ผ ลบางอย่ า ง และเหมื อ นว่ า
พวกเขาอยู่เกินสองวันจึงถูกโจมตีจากมอนสเตอร์
อันซลอาจเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของเมือง
“เฮ้อ”
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 4
ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของอันฮ
ยอน หลั ง จากเล่ า จบอั น ซลก็ ม องไปรอบๆ ด้ ว ย
ความไม่ ส บายใจ อั น ฮยอนเคาะนิ้ ว กั บ พื้ น
ห้องนั่งเล่นขณะที่จมจ่อมอยู่กับความคิดพูดกับทุก
คนด้วยสีหน้าสับสน
“ผมก็เห็นด้วยกับความคิดของพี่ซูฮยอน”
“นายก็ ด้ ว ยเหรอ ท าไมล่ ะ นายก็ บ อกว่ า ไม่
อยากออกไปนี่! ตอนนี้จะเข้าข้างน้องสาวหรือไง”
อียูจองปะทะกับเขาด้วยใบหน้าที่ผิดหวัง อันฮ
ยอนมองอียูจองก่อนจะเอ่ยขอโทษ
“ผมไม่ได้เข้าข้าง ไม่รู้สิ อาจจะฟังดูน่าขัน แต่
...”
อันฮยอนก้มมองอันซลที่อยู่ในอ้อมกอด พลาง
พูดต่อ
“ฉันอยู่กับซลมา 19 ปี มีเรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดขึ้น
มากมาย ทุกครั้งที่ซลรู้สึก ความรู้สึกค่อนข้างแม่น
เลยนะ”
แน่ น อน ด้ ว ยคะแนนโชค 100 คะแนน เธอ
ได้รับสัญ ชาตญาณและตาทิพย์ที่สามารถทานาย
อนาคตได้ อัน ดับ ก็ ควรจะรองรับ ทั ก ษะในระดั บ
หนึ่ง อียูจองที่กาลังคิดอะไรมากมายในหัวพูดด้วย
ความโกรธ
“ความรู้สึก สัญชาตญาณ ลางสังหรณ์ ฉันเบื่อ
เต็มทีแล้ว”
“นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกหรอกนะ ฉันยืนยัน ถ้าซล
รู้ สึ ก ไม่ ส บายใจล่ ะ ก็ มั ก จะเกิ ด เรื่ อ งไม่ ดี ขึ้ น ถึ ง
นานๆ ทีจะได้ฟังเรื่องเกี่ยวกั บความฝันก็เ ถอะ...
เอาล่ ะ สรุ ป ว่ า เห็ น ด้ ว ย 3 โหวต ไม่ เ ห็ น ด้ ว ย 1
โหวต เราก็จะทาตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก ทุก
คนลุกขึ้น เตรียมตัวกันเถอะ”
“เราจะไปกันตอนนี้เลยมั้ย”
“จากความฝันของซลแล้ว คงดีกว่าถ้าเรารีบไป
ทุกคนเอาไปเฉพาะของที่จาเป็นนะ พี่ครับ พี่ช่วยดู
ลาดเลาให้ได้มั้ยครับ”
“โอเค ฉันจะดูให้ ถ้าเสร็จก็เรียกแล้วกันนะ”
ผมยิ้มพอใจกับท่าทีที่แตกต่างจากเมื่อวานของ
อันฮยอน หลังจากยึดธนูไว้กับแขนซ้าย ผมปัดฝุ่น
และลุกขึ้นยืน
แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ผมก็มั่นใจว่าอันฮยอน
เปลี่ยนไปแล้ว เช้านี้เขาออกไปลาดตระเวนคนเดียว
ดู มี ค วามกระตื อ รื อ ร้ น แบบแปลกหู แ ปลกตา
แน่นอนว่าการคุยกันไม่กี่คาเมื่อวานนี้คงไม่ถึงกั บ
เปลี่ยนตัวตนของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ถึงจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็เหมือนว่าเขาจะ
ฟังคาพูดของผมและพยายามทาให้ดีเท่าที่เขาจะได้
ผมฮัมเพลงด้วยความพอใจกับการเปลี่ยนแปลงนั้น
พลางมองไปรอบๆ
เป็ น ไปตามที่ อั น ฮยอนบอกไว้ การออกไป
ตอนนี้ เ ป็ น ทางที่ ดี ที่ สุ ด ถ้ า หากมั ว แต่ ดื้ อ ดึ ง และ
ชัก ช้ า การออกเดินทางในตอนบ่ายจะทาให้ต้อง
เดิ น ทางในช่ ว งกลางคื น ด้ ว ย จึ ง เป็ น เรื่ อ งที่ ค วร
หลีกเลี่ยง แต่จะเป็นการดีกว่า ถ้าออกเดินทางใน
ตอนเช้า เพราะมีเวลาให้พักในช่วงบ่าย
ที่ชั้นล่างเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ดูท่าทุกคนคง
คิดที่จะเอาทุกอย่างที่มีติดตัวไปให้มากที่สุด
ผมรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นเมื่อสูดอากาศที่ยังคงเย็น
สบาย นี่คงเป็นเรื่องที่คลี่คลายได้ดีกว่าที่คิด หาก
ว่ า พั ค ดงกอล อี โ บริ ม และอี ชิ น อู ยั ง อยู่ ผมคง
รวบรวมพวกผู้เล่นระดับสูงแบบนี้เอาไว้ไม่ได้ ผมไว้
อาลัยแด่พัคดงกอลชั่วครู่
เรารอดชี วิตจากป่ ายากลาบากต่อพิธี เ ปลี่ ย น
สภาวะทั้งภายในและรอบนอก ทั้งยังทาลายแทร็บ
พอยท์ที่เป็นกลยุทธ์ทางจิตใจ ตอนนี้เราแค่ระวั ง
ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ หรือมอนสเตอร์ระดับบอสที่มี
ความสามารถปรากฏตัวก็จะสามารถเดินทางไปสู่
วาร์ปเกตได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าอาจจะมีมอน
สเตอร์ตัวอื่นๆ ปรากฏตัวบ้าง...
“คือว่า...”
ผมกาลังนึกถึงโอกาสที่มอนสเตอร์ตัวอื่นๆ อาจ
ปรากฏขึ้นในระหว่างทาง ก็พลันได้ยินเสียงใครบาง
คนเรี ย ก เมื่ อ หั น ไปมองก็ พ บคิ ม ฮั น บยอลยื น อยู่
หล่อนสะพายกระเป๋าไว้บนหลัง ท่าทางจะเก็บของ
เรียบร้อยแล้ว
“ครับ เตรียมตัวเสร็จแล้วเหรอ”
“ฉันเสร็จแล้วค่ะ แต่คนอื่นๆ ยังเก็บของอยู่”
“อื ม ถ้ า งั้ น ผมคงต้ อ งดู ล าดเลาต่ อ อี ก หน่ อ ย
สินะ”
“...ขอคุยด้วยสักหน่อยได้ไหมคะ”
ผมงุนงงเล็กน้อยที่จู่ๆ เธอก็อยากจะคุยกับผม
ขึ้นมา แต่ก็พยักหน้าให้แทนคาตอบ
“ได้ส”ิ
หล่อนขยับเข้ามาใกล้ สังเกตแววตาของผม ผม
นึกสงสัยว่าหล่อนจะพูดเรื่องอะไร ฮันบยอลมองมา
ที่ผมก่อนจะพูดอย่างระมัดระวัง
“คือ... พี่ยูจองหรือพี่อันฮยอนได้พูดอะไรมั้ย
คะ”
“เรื่องที่คุณฮันบยอลทะเลาะกับยูจองเหรอ”
“เรื่องนั้นก็ด้วย... มีเรื่องอื่นอีกมั้ยคะ”
ผมส่ายหน้า เพราะไม่ได้ยินเรื่องใดของคิมฮัน
บยอลเป็นพิเศษ
“งั้นเหรอคะ คือว่า...”
เรื่ อ งราวของหล่ อ นไม่ ไ ด้ มี อ ะไรเป็ น พิ เ ศษ
ทั้งหมดที่เล่ามาก็คือหล่อนปฏิเสธเมื่ออียูจองเอ่ย
ชวนให้ออกไปข้างนอก อันที่จริงผมยิ้มขมขื่นนิด
หน่อยตอนได้ยินว่า หล่อนจะต้องอยู่รอดเป็นคน
สุดท้าย ผมรู้ว่าหล่อนคงไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น จึง
ปล่อยมันผ่านไป
อย่างไรก็ตามในตอนนี้หล่อนมาที่นี่เพื่อบอกว่า
รู้สึกเสียใจ คงจะดีกว่าถ้าผมรับฟังและให้มีแต่ผมที่
กลายเป็นคนใจแคบ เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นใน
ฮอลล์เพลน ดังนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องโกรธ
“ขอโทษค่ะ ตอนนั้นฉันแค่รู้สึกโกรธมากๆ ถ้า
ลองเปลี่ ย นมุ ม มองแล้ ว เรื่ อ งนี้ ก็ ไ ม่ น่ า พอใจสั ก
เท่าไหร่...”
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงเหมือนจะตายจากคน
ที่สงบนิ่งตลอดเวลา เหมือนว่าเธอยังอยากรักษา
ความสัมพันธ์กับอียูจองเอาไว้ แต่มันยากที่ผมจะ
สัมผัสได้ ผมตอบหล่อนไปทั้งร้อยยิ้ม
“ไม่หรอก ผมไม่ได้ไม่พอใจ อันที่จริงผมคิดว่า
คุณทาได้ดีแล้ว”
“...”
“จริงๆ นะครับ คุณใจเย็นกั บสถานการณ์ ถ้า
ตอนนั้ น ออกไปตามหาผมกั น ล่ ะ ก็ ทั้ ง ยู จ องและ
อันฮยอนต้องถูกมอนสเตอร์โจมตี 100% เลยล่ะ
ไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอโทษหรอก”
“แต่ว่า...”
“ยูจองน่ะใจร้อนมาก ก็เลยเป็นห่วงนิดหน่อย
แต่โชคดีที่มีคุณฮันบยอลอยู่ ถ้าหากเกิดเรื่องแบบนี้
อีกคราวหน้า ก็ช่วยทาแบบนี้ อีกเถอะนะครับ ผม
คิดว่ามันคงจะดีกว่านี้มาก”
“...ขอบคุณนะคะ”
พูดจบเราก็สบตากัน และเป็นครั้งแรกที่ผมเห็น
รอยยิ้มของเหล่อน เป็นรอยยิ้มเพียงชั่วขณะ แต่ก็
งดงามมากๆ
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ผมก็นึกถึง ‘เธอ’ ที่ฮอลล์เพ
ลนขึ้นมา
***
ในบรรดามอนสเตอร์ ที่ ป รากฏตั ว ขึ้ น ในพิ ธี
เปลี่ยนสภาวะ มีมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายลิงที่ชื่อว่า
มังกี้ พวกมันไม่เป็นโทษและอยู่ในระดับที่เรียกได้
ว่าแตกต่างกับเดดแมน
เพราะมีแค่กลุ่มขนนุ่มนิ่มน่ารักปกคลุมร่างกาย
พวกมันจึงไร้สิ่งป้ องกั นตัว แต่ว่ านิสัยของมันเจ้า
เล่ห์มากและยังอยู่รวมกั นเป็ นฝูงสี่ถึงห้าตั ว ด้ว ย
เหตุนี้จึงเป็นมอนสเตอร์ที่อยู่ในประเภทค่อนข้าง
จัดการได้ยากสาหรับพวกผู้เล่นระดับต้น
อูกี้! อูกีกี้!
และตอนนี้พวกเรากาลังต่อสู้กับมังกี้จานวนห้า
ตัวที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับมนุษย์ เป็นมอนสเตอร์ตัว
ยั ก ษ์ แ ละหางยาว พวกมั น แข็ ง แรงแต่ เ ชื่ อ งช้ า
กระโดดได้โดยฉับพลัน แต่หากสามารถคาดเดาจุด
ที่จะตกลงมาได้ ก็ไม่ได้อันตรายเท่าไหร่นัก
อูกีกี้! อูกีกี้!
“ระวัง!”
อันฮยอนกับคิมฮันบยอลกาลังต่อสู้อย่างหนัก
กับมังกี้สามตัว ผมรั้งกันไว้หนึ่งตัว อียูจองจัดการ
อีกหนึ่งตัวที่เหลือ เรียกได้ว่าเราเสียเปรียบในเรื่อง
ของจานวน แต่มันก็เป็นแค่ตัวเลขเท่านั้นแหละ
ตอนนั้นเองในการต่อสู้กัน มังกี้ตัวหนึ่งที่สู้กับ
อันฮยอนก็หลบไปทางด้านหลัง ผมเห็นมันย่อตัวลง
ดูจากทิศทางแล้วเหมือนจะเล็งมาที่ผม ที่จริงตอนนี้
จากสถานการณ์แล้วมันควรจะพุ่งเป้าไปที่อียูจอง
แต่ด้วยนิสัยของพวกมันคือไม่โจมตีผู้หญิง
เดิมทีพวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่มีความต้องการ
ขยายพันธุ์อย่างรุนแรง ถ้าได้เห็นเพศตรงข้ามก็จะ
บ้าคลั่ง โดยเฉพาะกับพวกแฟรี่ โดยส่วนตัวผมคิด
ว่าการที่มังกี้ไล่จับแฟรี่ออกจะเป็นเรื่องเกินคาดไป
สักหน่อย พวกมันเกิดความรู้สึกหลงใหลเมื่อได้เห็น
มนุ ษ ย์ ผู้ ห ญิ ง มั น จะจั ด การกั บ พวกผู้ ช ายก่ อ น
จากนั้นค่อยไล่จับพวกสาวๆ
“พี่! ยูจอง! ระวัง! เหมือนมันจะหายไปตัวนึง!”
อั น ฮยอนตะโกนเสี ย งดั ง เขาต่ อ สู้ กั บ มอน
สเตอร์สามตัว สถานการณ์ดูดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อมัน
ลดลงไปหนึ่งตัว เขายังอยู่ในระดับต้น แต่วอกแวก
ในระหว่างต่อสู้
เมื่อได้ยินเสียงของอันฮยอน ท่าทางของอียูจอง
ก็เปลี่ยนเป็นตั้งแนวป้องกันมากขึ้น การจัดการกับ
มอนสเตอร์ตัวเดียวยังเป็นเรื่องเกินกาลัง แต่ต้องสู้
ถึงสองตัว จึงเผลอถอยหลังไปโดยสัญชาตญาณ ใน
ที่สุดมังกี้ ที่หมอบอยู่เ มื่อครู่ก็ ก ระโดดสูงลิ่ว พลาง
กรีดเสียงแหลม แล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่ผมรอคอย
ฟิ้ว!
ผมไม่ ร อช้ า และดึ ง สายธนู เสี ย งลู ก ธนู ป ลาย
แหลมแหวกผ่านอากาศเสียบทะลุหัวของมังกี้
การใช้ประโยชน์จากแรงที่ตกลงมาจากด้านบน
เป็ น เรื่ อ งดี ดู ท่ า พวกมั น จะไม่ ไ ด้ คิ ด ถึ ง การที่ ไ ม่
สามารถขยับเขยื้อนได้ หรือไม่ก็คงคิดว่าไม่มีทางถูก
โจมตี ตอนนี้ปล่อยพวกเด็กๆ ไปก่อนถ้าผมตั้งใจล่ะ
ก็...
‘เฮ้อ พูดอะไรออกไปเนี่ย’
“พี่คะ! ระวังข้างๆ!”
รู้ อ ยู่ แ ล้ ว ล่ ะ น่ า ผมเล็ ง เจ้ า ตั ว ที่ ล อยคว้ า งอยู่
กลางอากาศ มังกี้ที่พุ่งมาจากด้านข้างของผมก็กาง
ฝ่ามือออกราวกับจะบดขยี้ผม โดยที่ไม่ต้องมอง ผม
ยิงหัวมังกี้ด้วยธนูในมือขวาหลังจากเลี่ยงการปะทะ
เป็นการต่อสู้ที่ส วยงาม ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึก
ของลูกธนูในมือที่แทงทะลุเนื้อหนังอ่อนนุ่มของมัน
กี้...
ตุ้บ!
มั ง กี้ ล้ ม ล ง พ ล า ง ส่ ง เ สี ย ง ร้ อ ง โ ห ย ห ว น
ขณะเดียวกันซากศพของมังกี้อีกตัวก็ตกลงมาที่พื้น
พอดี ในเวลา 3 วินาทีผมจัดการไปได้สองตัว ผม
เล็งธนูอย่างรวดเร็วและสังเกตสถานการณ์ ทุ กคนก็
ยังคงต่อสู้อยู่เหมือนกัน
อันฮยอนใช้ดาบยาวและโล่เหมือนครั้งแรกใน
การต่อสู้ ส่วนคิมฮันบยอลกาลังกวัดแกว่งดาบยาว
แต่บางกว่าอย่างเก้ๆ กังๆ และอียูจองกาลังวิ่งไป
รอบๆ พร้อมถือมีดสั้นคมกริบสองอันไว้
อันฮยอนตั้งรับ จากด้านหน้าด้ว ยดาบและโล่
เมื่อได้โอกาสคิมฮันบยอลก็บุกเข้าไป ทั้งอันฮยอน
และฮันบยอลโจมตีพร้อมกัน แม้การต่อสู้จะเงอะงะ
ไปบ้าง แต่ก็ได้ผลพอใช้เลยทีเดียว
อีกด้านหนึ่งอียูจองถูกผลักออกจากการเข้าถึง
จะเข้ า ใกล้ ว งในก็ ล าบาก หลายครั้ ง หล่ อ นสร้ า ง
บาดแผลที่แขนของมังกี้ แกว่งมีดสั้นในอากาศใน
ขณะที่พวกมันถอยหลัง
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 5
ที่ จ ริ ง แล้ ว ตอนนี้ เ ป็ น เวลาแค่ เ พี ย ง 3-4 วั น
เท่ า นั้ น ที่ พ วกเขาจั บ อาวุ ธ ออกจะมากเกิ น ไป
สาหรับการคาดหวัง แต่พวกเขาก็แสดงให้เห็นว่า
เป็ น ผู้ เ ล่ น ระดั บ สู ง ที่ ป รั บ ตั ว ให้ เ ข้ า กั บ พิ ธี เ ปลี่ ย น
สภาวะได้รวดเร็วเกินคาด
ผมถอนหายใจเบาๆ พลางเล็งธนูไปยัง มังกี้ ที่
กาลังสู้กับอียูจอง ไม่ได้กะให้ถึงตายและคิดแค่ว่า
จะเปิดโอกาสให้หล่อนจัดการมัน
ฟิ้ว!
กี้!
ลู ก ธนู พุ่ ง ไปปั ก ที่ ห น้ า อกด้ า นขวาของมั ง กี้
เพราะไม่เหมือนกับเดดแมนที่ไร้ความรู้สึก มังกี้จึง
โซเซพลางกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
และอียูจองไม่ปล่อยโอกาสนั้นไป เมื่อเห็นลูก
ธนูที่ปักบนอกมังกี้ แววตาของหล่อนก็เป็นประกาย
หล่อนย่อตัวลงต่าแล้วโจมตีจากด้านล่าง เป็นช่วง
แสดงพลังทักษะความคล่องแคล่ว 50 คะแนนของ
หล่อน
“ตายซะเถอะ! ไอ้ลิงบ้า!”
หล่อนสบถ อียูจองใช้มีดสั้นฟันเต็มแรงราวกับ
ได้พบเจอศัตรูตลอดกาล ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง
ก็ ไ ด้ ยิ น เสี ย งรวบรวมพลัง ของอั น ฮยอน ดู ท่ า เขา
ตั้งใจจะโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที สี่วินาที ห้า
วินาที
หลั ง จากวิ น าที ที่ ห้ า เหล่ า มั ง กี้ ทั้ ง หมดที่ ต่ อ สู้
อย่างดุเดือดเมื่อครู่ก็ล้มตายด้วยสภาพน่าสังเวชอยู่
บนพื้นดิน
มังกี้ที่สู้กับอียูจองมีรอยถูกฟันเป็นอักษร X บน
หน้าอก ส่วนมังกี้ที่สู้กับอันฮยอนและคิมฮันบยอล
แต่ละตัวมีบาดแผลขนาดใหญ่หนึ่งแผลและร่างกาย
เต็มไปด้วยรอยดาบ ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มต้นด้วย
การทาให้เกิดบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ แล้วค่อยโจมตี
พวกมัง กี้ ที่ห มดแรงในครั้ง เดีย ว นี่สิ น ะที่ เ รีย กว่ า
ความภาคภูมิใจของคนดูแล
ทั้งสามคนมองมังกี้สองตัวที่ผมฆ่าไปก่อนหน้านี้
พวกเขาส่ายหัวไปมาและทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น ทุกคน
หายใจแรง มีท่าทางกังวลใจ ที่จริงทุกวันเคยจัดการ
กับมอนสเตอร์แค่ทีละตัว แต่จู่ๆ ก็ ต้องสู้กับมอน
สเตอร์ถึงห้าตัวในคราวเดียว จึงเป็นเรื่องยากกว่า
ปกติ
“อ้า... เลือดลิงเต็มไปหมด ขยะแขยงชะมัด”
อียูจองถ่มน้าลายลงพื้นพลางสะบัดเลือดออก
จากผมสั้นๆ ของเธอ ที่พื้นมีเลือดสาดกระเซ็นไป
ทั่ ว เรื อ นร่ า งของเธอก็ ชุ่ ม โชกไปด้ ว ยเลื อ ด ท าให้
หล่ อ นดู แ ข็ ง แกร่ ง และงดงามราวกั บ เทพี แ ห่ ง
สงคราม
สภาพของอันฮยอนกับคิมฮันบยอลก็ไม่ได้ดีไป
กว่ากันสักเท่าไหร่ เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและเต็มไปด้วย
คราบเลือดแห้งกรังทั่วร่าง คนที่ยังดูดีอยู่น่าจะมีแค่
ผมกับอันซล
ผมหลับตาลงช้าๆ จมลงสู่ห้วงความคิด
ผ่านมา 3 วันแล้วตั้งแต่เราออกจากเมือง อีก
นั ย นึ ง หากนั บ รวมวั น แรก เราก็ ร อดชี วิ ต มาได้ 4
แล้ว วันนี้เป็นวันที่ 5 บางทีถ้าวันนี้สามารถรักษา
ความเร็วระดับนี้ไว้ได้ ก็น่าจะไปถึงวาร์ปเกตใน 6
วัน หรืออย่างช้าที่สุดก็ 7 วัน
ช่วงเวลา 5 วันที่ว่านี้ ชีวิตประจาวันของพวก
เราจะว่าเรียบง่ายก็เรียบง่าย จะว่าน่าตื่นเต้นก็น่า
ตื่นเต้น พวกเราเดิน ต่อสู้ หยุดพัก แล้วก็เดิน ต่อสู้
หยุดพัก วนซ้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ
หลังจากออกจากเมือง ในการต่อสู้กับมันดรา
โกร่า มอนสเตอร์ตัวแรกที่ได้เผชิญ หน้า พวกเรา
เกือบจะสูญเสียอันซลไป จู่ๆ มันก็โผล่ขึ้นมาจาก
พื้ น ดิ น อ้ า ปากกว้ า งพร้ อ มที่ จ ะกลื น กิ น ทุ ก อย่ า ง
นอกจากผมแล้ว ทุกคนตกใจจนกรีดร้องเสียงดังลั่น
อันฮยอนที่วิ่งเข้าใส่โดยไร้การวางแผนจนได้รับ
บาดเจ็บจากหนามของมัน แต่โชคดีที่ผมซึ่งรู้สึกได้
ล่วงหน้าสามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากเหตุการณ์นั้น เหมือนว่าคิมฮันบยอล
กับอียูจองจะรู้สึกอะไรบางอย่าง พวกหล่อนคว้า
อาวุธเมื่อเราใกล้ถึงจุดเซฟพ้อยท์และประกาศว่า
ตนเองก็ จ ะร่ ว มต่ อ สู้ ด้ ว ย อั น ฮยอนแสดงท่ า ที ไ ม่
พอใจที่พวกผู้หญิงจะสู้ แต่ทั้งคู่มีความตั้งใจที่แน่ว
แน่
แน่นอน ผมไม่รู้ว่าพวกหล่อนไม่สบายใจที่ให้
ผมกับอันฮยอนรับภาระในการต่อสู้หรืออยากจะ
ช่วยจริงๆ ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นคือความปรารถนาที่
จะมีชีวิตรอดในแววตาของทั้งคู่ อย่างไรก็ตามทั้ง
สองคนจาเป็นต้องฝึกฝน ผมพยักหน้ารับด้วยความ
ยินดี
จากนั้นขณะที่พวกเราออกจากเซฟพ้อยท์และ
เดินทางผ่านป่าไป ก็ได้พบคนๆ หนึ่งเข้าในบริเวณ
ที่มังกี้ปรากฏตัว แต่น่าเสียดายที่พวกเรามาพบเข้า
ตอนที่กลายเป็นศพไปแล้ว เป็นศพที่ถูกฉีกกระชาก
อย่างทารุณจนไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นใคร
อียูจองมองภาพนั้นและแผ่ความโกรธออกมา
แค้นเคืองอยากจะจัดการกับพวกลิงนั่น ไม่รู้ว่าเป็น
เรื่องบังเอิญหรือไม่ แต่พวกเราพบมังกี้ห้าตัวที่กาลัง
หัวร่อต่อกระซิกอยู่แถวๆ นั้น และการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
อั น ที่ จ ริ ง พวกมั ง กี้ ค งได้ ยิ น อี ยู จ องส่ ง เสี ย ง
โวยวาย จึงได้ล้อมวงเข้ามาประชิดพวกเรา
สรุปก็คือชัยชนะเป็นของพวกเรา แค่คิดว่าพวก
เราจะค่ อ ยๆ ก้ า วหน้ า ไปที ล ะนิ ด ๆ ผมก็ ตื่ น จาก
ความคิดนั้นแล้ว
“ซล พี่ขอผ้าขนหนู กับน้าฮันบยอลหน่อยสิ”
“ว่าอะไรนะคะ”
คิมฮันบยอลมองด้วยสายตาคมกริบกับคาที่อียู
จองพูดผิด
“อ่ า ซอรี่ เหนื่ อ ยมากไปหน่ อ ยก็ เ ลยพู ด ผิ ด
ไปน่ะ ไม่ใช่น้าฮันบยอล น้าหนึ่งขวดจ้ะ”
“คิกๆ ได้ค่ะ พี่คะ เหนื่อยหน่อยนะคะ”
“เหนื่อยอะไรกันล่ะ ดูพี่คนนั้นสิว่าจัดการกับ
เจ้าลิงพวกนี้ง่ายดายแค่ไหน เอาธนูให้ฉันบ้างสิ! ฉัน
ก็จะใช้ธนู!”
มองดู อี ยูจ องที่ ดื้อ รั้ น ผมก็ หั ว เราะแกนๆ ถ้ า
รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม เธอเองก็ต้องเก่งกว่านี้สิ
‘ฉันน่ะ ครั้งแรกไม่มีใครช่วยแบบนี้หรอกนะ ได้
แต่แกว่งดาบตอนที่คลานอยู่บนพื้นเท่านั้นแหละ’
แน่นอน ผมได้แต่หัวเราะอย่างเคอะเขิน เพราะ
ไม่สามารถพูดออกไปได้
แต่ตอนนี้พวกเขาก็ได้รับรู้ความรู้สึกของการจับ
อาวุธ ขณะที่ได้เห็นการต่อ สู้ของผม พวกเขารู้ว่า
เรามีอ ะไรที่ แ ตกต่ างกั น คิมฮั นบยอลนั่งลงอย่า ง
สงบเสงี่ยม หายใจเป็นจังหวะสม่าเสมอ ทว่าอันฮ
ยอนกลับหายใจแรง จับจ้องมาที่ผม
“พี่ครับ พี่อยู่หน่วยรบพิเศษเหรอครับ ถึงได้ยิง
ธนูเก่งแบบนั้น”
“...เดี๋ ย วนี้ ถ้ า เข้ า กรมก็ ไ ด้ เ รี ย นทั้ ง หมดนั่ น
แหละ”
“อ้า พี่อย่าโกหกน่า ถ้ายิงปืนก็พอว่า ใครเขา
เรียนยิงธนูกัน”
“เธอไม่ เ คยไปที่ โ ซลสั ก หน่ อ ย ลองไปเกณฑ์
ทหารก่อนแล้วค่อยมาพูด นึกว่าที่นั่นสอนแต่แบก
ปืน ยิงปืนหรือไง เขาก็สอนทั้งศิลปะการป้องกันตัว
ปืน เทควันโค มีดสั้น หอก ธนู ลูกธนู”
สีหน้าของอันฮยอน อียูจองและอันซลแปลกไป
เมื่อได้ยินค าพูด ของผม มี เ พียงคิมฮั นบยอลที่ยิ้ ม
สายตามองมาราวกับจะบอกว่าเธอรู้ว่าคาพูดของ
ผมเป็นเรื่องโกหก แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะคิด
ว่ายังอยู่ในขอบเขตที่มากพอจะเปิดเผยตัวตนได้
“อ้า ชิ ไม่รู้แล้ว ฉันไปนอนล่ะ ปวดหัวมาก”
“ถ้าจะพัก ก็นั่งหรือยืนพักสิ ถ้าโดนโจมตีขึ้นมา
จะทายังไง”
“ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ซล โทษ
ทีนะ แต่พี่สาวขอช็อกโกแลตสักอันสิ หิวจัง”
“ซล พี่ขอด้วย”
“ฉันขอหนึ่งอัน”
“ได้ค่ะ~ จะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ~”
อันซลขยับตัวอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคาขอของ
อียูจอง อันฮยอนและคิมฮันบยอล จากคายืนกราน
อย่างหนักแน่นของอันฮยอน น้องสาวจึงถูกจากัด
ไม่ใ ห้เ ข้าร่ว มการต่อสู้ และให้เ ธอช่ ว ยดูแ ลความ
สะดวกสบายของทุกคนแทน อันซลไม่ได้เกิดความ
ไม่ พ อใจ ด้ ว ยนิ สั ย ที่ ช อบช่ ว ยเหลื อ ผู้ อื่ น ของเธอ
การขอให้ ช่ ว ยประมาณนี้ จึ ง ท าให้ เ ธอเข้ า ใจและ
มองข้ามไป
ผมนั่งลงช้าๆ มองอันซลที่ยิ้มหวานพร้อมกั บ
ขวดน้าในมือ
มนุ ษ ย์ เ ป็ น สั ต ว์ ที่ ส ามารถปรั บ ตั ว ให้ เ ข้ า กั บ
สิ่งแวดล้อม และหากว่าสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับความ
ปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด ผลลัพธ์รวมกันก็ยิ่งน่าทึ่ง
ผมรู้ สึ ก ว่ า ค าพู ด นั้ น ถู ก ต้ อ ง แม้ จ ะเรี ย กได้ ว่ า
เป็นผู้เล่นระดับสูง แต่เด็กสาวเหล่านี้ที่เคยมีชีวิต
ปกติสุขเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนนี้กาลังกวัดแกว่ง
ดาบต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ด้วยความคุ้นชิน ผม
ยิ้มขมขื่นออกมา เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่ผมเอาชนะ
มอนสเตอร์ แ ละสั่ น กลั ว ต่ อ ความรู้ สึ ก ที่ ไ ด้ ฆ่ า
สิ่งมีชีวิต
แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลมากนัก หลังผ่าน
การเผชิญหน้ามากกว่าร้อยครั้ง เหมือนพวกเขาจะ
ไม่ได้กดดันที่ต้องกวัดแกว่งอาวุณเพราะมอนสเตอร์
ที่คุกคามชีวิตของพวกเขาเลย
แต่หากว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นมนุษย์เหมือนกันกัน
ล่ะ ในเวลานั้นพวกเขาจะไม่ลังเลใช่ไหม อันที่จริง
ถ้ามีโอกาส ผมเองก็อยากลองฝึ กฝนดูบ้าง แต่น่า
เสียดายที่ไม่มีโอกาสเลย
“ทุกคน ได้เวลาลุกขึ้นแล้วล่ะ วันนี้ก็ต้องเดิน
อย่างแข็งขันกันนะ จนกว่าจะพบหลังคาสีเหลือง พี่
ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
“อืม”
ห้องพักผ่อนนี้ ยิ่งเข้าใกล้ประตูกลางเท่าไหร่ยิ่ง
ยากที่จะพบเจอ แต่ไม่จาเป็นต้องพูดอะไรมาก ผม
จึ ง แค่ ต อบไปง่ า ยๆ อี ยู จ องพยั ก หน้ า ด้ ว ยสี ห น้ า
สบายๆ กับคาพูดของอันฮยอน
วินาทีที่พวกเราลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นที่ติดอยู่ตาม
ร่างกาย ผมเองก็จัดการความคิดของตัวเองและลุก
ขึ้นเช่ นกั น ผมอยู่ใ นสภาพปิ ดความรู้สึก ทางด้า น
เวทมนตร์ เ พื่ อ จะฝึ ก ฝน แต่ ผ มก็ ยั ง จั บ ความรู้ สึ ก
เหมือนมีคนอยู่ใกล้ๆ นี่ได้จึงหยุดนิ่งลง
วินาทีที่ผมหันไปมองทางต้นเสียงที่ได้ยินแว่วๆ
นั้น
“เอ๊ะ เจ้าพวกนั้นเป็นใครกัน”
ตอนนั้นเองที่ทุกคนรวมถึงผมเดินผ่านป่าเขียว
ชอุ่ม และได้เห็นกลุ่มคนสี่คนปรากฏตัว
มี ทั้ ง หมดสี่ ค นที่ เ ดิ น ออกมาจากป่ า ทึ บ เป็ น
ผู้ชายสามคน ผู้หญิงหนึ่งคน ผมเผ้าของพวกเขา
กระเซอะกระเซิงและสวมเสื้อผ้าแบบพวกยาจก
แน่นอนว่าสภาพของพวกเราเองก็ไม่ได้แตกต่าง จึง
ไม่ได้คิดจะหัวเราะเยาะแต่อย่างใด
ผมพิ จ ารณาลั ก ษณะพิ เ ศษของพวกเขาด้ ว ย
ความว่องไว ผู้ชายที่กาลังยืนอยู่ซ้ายมือสุดไว้ผมสั้น
เตี ย นและถื อ คั น ธนู ย าวไว้ ใ นมื อ ขวา บางที เ ขา
อาจจะเป็ นคนที่รู้วิ ธี ยิงธนู เขาปิ ดปากเงียบสนิท
และมองพวกเราด้ ว ยดวงตาลึ ก โบ๋ ผมคิ ด ว่ า เขา
น่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา
‘หือ’
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 6
ไม่รู้ว่าทาไม ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกคุ้นเคย ถ้า
เป็นผู้เล่นที่ผมรู้จัก เขาก็จะต้องมีบทบาทในฮอลล์
เพลน อันที่จริงมันก็เป็นใบหน้าแบบที่เห็นได้ทั่วๆ
ไป ผมข้ามเขาไปก่อนและเริ่มหันไปมองคนอื่นๆ ใน
กลุ่มนั้นโดยวนตามเข็มนาฬิกา
ถัดมา คนที่ ยืนอยู่หน้าสุด เป็นคนที่ไว้ผมยาว
จนถึงเอว ใบหน้ารูปไข่และรูปร่างค่อนข้างผอม ถ้า
มองจากด้านหลังก็อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงได้
แต่รับรู้ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายจากสันกรามและดวงตา
คมกริบ
ตรงกลางของพวกเขาเป็ นผู้หญิ ง ที่ดูจะได้รั บ
การคุ้มครอง รูป ร่างอรชรเข้าตา หล่อนจ้องมาที่
พวกเราอย่างไม่สบายใจและมองไปรอบๆ บริเวณ
นั้น ราวกับกาลังหาอะไรบางอย่างอยู่
และคนสุ ด ท้ า ย ทางขวาสุ ด นั้ น เป็ น ผู้ ช ายที่
กาลังหมุนมีดสั้นในมือพลางฉีกยิ้มจนเห็นฟัน แม้จะ
แค่เพียงแป๊บเดียว แต่ท่าทีไม่มีมารยาทของเขาทา
ให้ผมไม่ชอบใจเท่าไหร่
ช่ ว งเวลาเงี ย บงั น ผ่ า นไป ผู้ ช ายที่ ยื น หน้ า สุ ด
ชาเลืองมองพวกเราและเปิดปากพูดด้วยเสียงแหบ
แห้ง
“น่าจะเป็นคนที่รอดชีวิตเหมือนกับเรา”
“คราวที่แล้วก็เจอผู้รอดชีวิตนี่ ไม่เห็นจะมีอะไร
น่าตกใจ”
ผู้ ช ายที่ ถื อ ธนู ต อบด้ ว ยน้ าเสี ย งแข็ ง กระด้ า ง
ส่วนคนที่กาลังเล่นกับมีดสั้นมองมาที่เราพร้อมฉีก
ยิ้ม เขาเริ่มมีทีท่าหยาบคาย
“ชิ อะไรเนี่ย อายุยี่สิบต้นๆ เหรอ พวกเด็กน้อย
นี่เอง น่าสงสารจังนะ”
ได้ยินแบบนั้น อันฮยอนก็ก้าวออกมาพร้อมยก
โล่ขึ้นอย่างฉุนเฉียว ผมส่ายหน้าเงียบๆ หลังจาก
คว้าไหล่ของเขาไว้ เป็นสัญญาณว่าตอนนี้นิ่งไว้ก่อน
เถอะ
โชคดีที่เขาเข้าใจสัญญาณของผม อันฮยอนกัด
ฟันกรอดและถอยกลับมา เห็นแบบนั้นแล้ว คนไร้
มารยาทที่เล่นกับมีดสั้นของเขาอยู่ก็หัวเราะพลาง
เบิกตากว้าง
“เห็ น ไอ้ ห มอนั่ น มั้ ย เจ้ า คนที่ เ หมื อ นคนเก็ บ
ขยะน่ะ มันโกรธที่ฉันพูดเมื่อกี้เหรอ ให้ตายสิ พูด
อะไรไม่ได้เลยหรือไง น่ากลัวแฮะ”
“นายหาเรื่ อ งเขาก่ อ นนี่ น า ถอยมา ให้ เ ป็ น
หน้าที่ของจองมินเถอะ”
“...ชิ”
พอคนที่ถือธนูบ่นแบบนั้น เขาก็ปิดปากเงียบ
ในสถานการณ์ตอนนี้ ใบหน้าของพวกเด็กๆ เฉยชา
อันที่จริงพวกเราดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในสายตาของ
พวกเขา ยิ่งกว่าถูกทาร้ายจิตใจเสียอีก
เป็นช่วงที่ความตึงเครียดค่อยๆ เพิ่ม ขึ้นอย่าง
ช้าๆ ผู้ชายผมยาวก็เปิดปากพูด
“ก่อนอื่นก็ยินดีที่ได้เจอ ชื่อของฉันคืออูจองมิน
อย่ า งที่ พ วกนายรู้ เราเองก็ เ ป็ น คนที่ ต กลงมายั ง
สถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ”
‘อูจองมิน แคลนลอร์ดเขี้ยวแดงงั้นเหรอ’
ผมประหลาดใจเมื่อความทรงจาแวบเข้ามาใน
หัว เขาคือผู้เล่นที่ถูก เรียกว่าปีศาจ มีเครื่องหมาย
การค้าเป็นมีดสั้นคู่ จะบอกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ผมตอนนี้ก็คือ อูจองมิน งั้นเหรอ
ผมใช้งานดวงตาที่สามในทันที
ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)
1. ชื่อ (Name) : อูจองมิน
2. เพศ (Sex): ชาย (26)
3. ส่วนสูง · น้าหนัก: 177.9 ซม. · 65.7 กก.
4. อุปนิสัย: เป็นกลาง ? ไม่มีระเบียบ (True ?
Chaos)
[พละก าลั ง 51] [ความทนทาน 43] [ความ
คล่องแคล่ว 59] [ความแข็งแกร่ง 48] [พลังเวทย์
55] [โชค 36]
ข้อมูลผู้เล่นของอูจองมินทาลายความคิดของ
ผมที่ว่า ไม่มีผู้เล่นคนใดที่เหนือกว่าอันฮยอนในพิธี
เปลี่ยนสภาวะลงอย่างง่ายดาย และความจริงที่ทา
ให้ป ระหลาดใจก็ คือ ผู้ช ายที่ยืนตรงหน้า ผมนี้คื อ
แคลนลอร์ดเขี้ยวแดง อูจองมิน ผู้รับหน้าที่เป็นแกน
หลักของกองทหารพันธมิตร
“...อันฮยอน ก็เป็นเหมือนกับคุณนั่นแหละ”
อันฮยอนตอบเสียงแข็ง ทาให้เกิดความวุ่นวาย
ในกลุ่มของอูจองมิน ผมดึงการรั บรู้ได้ว่องไวของ
ร่างกายออกมาใช้ ได้อย่างเป็ นธรรมชาติ ถ้าหาก
หมอนั่ น คื อ อู จ องมิ น ตั ว จริ ง ถึ ง แม้ ว่ า คนอื่ น ๆ ที่
เหลือจะไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็เหมือนผมจะรู้ว่าคนที่
ถื อ ธนู อ ยู่ เ ป็ น ใคร เขาเป็ น หนึ่ ง ใน 10 ของคนที่
แข็งแกร่งจากครึ่งหลังในฮอลล์เพลน...
ผมเกิดความคิดว่าจะฆ่าเขาตอนนี้เลยดีไหม แต่
ก็โยนความคิดในหัวนั้นทิ้งไปทันที ถ้าผมอยู่ที่นี่คน
เดียวก็คงจะฆ่าโดยไม่ลังเล แต่ในสถานการณ์ที่อยู่
กับพวกเขา ผมไม่สามารถทาได้
กลุ่ ม ของพวกเราและกลุ่ ม ของอู จ องมิ น คว้ า
อาวุธออกมาถือไว้และเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากัน
อัน ธพาลคนนั้น มองอัน ฮยอนพลางกระแนะกระ
แหนด้วยน้าเสียงไม่พอใจ
“เพราะแบบนี้ ไงถึ ง ไม่ ค วรท าดี กั บ พวกเด็ ก ๆ
บอกว่าชื่ออันฮยอนงั้นเหรอ ถ้ายังไม่อยากตายก็ทา
ตัวให้มีมารยาทหน่อย ตั้งแต่คาพูดเลย”
“พี่ ตอนนี้เราไม่มีเวลามาสู้กันหรอกนะ”
“เรื่ อ งแบบนี้ ไ ม่ ใ ช่ ว่ า เกิ ด ขึ้ น ครั้ ง สองครั้ ง สั ก
หน่ อ ย เราฆ่ า พวกมั น ตอนนี้ เ ลยก็ ไ ด้ เธอน่ ะ รอ
เงียบๆเถอะ”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางเปิดปากพูดเป็นครั้งแรก
แต่ผู้ชายคนนั้นก็สวนกลับทันที หล่อนจับจ้องเขา
ด้วยสายตาที่น่ากลัวเมื่อได้ยินคาตอบ อันธพาลที่
ถูกหญิงสาวจ้องเขม็งจึงพยักหน้าช้าๆ พลางว่าต่อ
“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ก็บอกว่าเข้าใจแล้วไง เลิก
จ้องสักทีน่า ก่อนที่ฉันจะจับเธอกิน อ้า ล้อเล่นน่ะ
ล้อเล่น ยัยนี่ล้อเล่นไม่ได้เลยแฮะ ช่างเถอะ พวก
มือใหม่ตรงนั้นน่ะ พี่คนนี้ชื่อชอนซึงฮยอน มีเรื่อง
อยากจะถามพวกนายอย่ า งหนึ่ ง เจ้ า ลิ ง ห้ า ตั ว นี่
พวกนายเป็นคนจัดการงั้นเหรอ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะทาไม”
ชอนซึงฮยอน ถ้าเจอที่ฮอลล์เพลน นายตายแน่
เสียงจากความคิดดังก้องทั่วบริเวณ และเสียงนั้นก็
เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ได้โปรดเถอะ ผมภาวนาขอให้ไม่ใช่เสียงของอียู
จอง แต่มันก็คือเสียงของหล่อน อียูจองเป็นคนหยิ่ง
ทะนง พอได้เห็นชอนซึงฮยอนที่เหมือนพัคดงกอล
เวอร์ชั่นอัพเกรดแล้วก็ไม่มีทางปล่อยผ่านไปได้ เขา
กะพริบตาปริบๆ ปรบมือพลางหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆ~ เฮ้อ ทนไว้น่า ทนไว้ ทนไว้ พอแค่นี้
แหละ ตอนนี้พวกเราไม่ได้อารมณ์ดีขนาดนั้น แล้ว
เรา~ก็~ยุ่ง~มาก ยุ่งมากๆ เพราะฉะนั้นตอบคาถาม
มาตามตรง จะได้รีบบ๊ายบายกันสักที พูดเพราะๆ
ด้วยล่ะ ไม่สิ จะไม่พูดก็ได้ เพราะฉันก็จะไม่เตือน
อีกแล้วเหมือนกัน”
อียูจองที่ฟังคาพูดของชอนซึงฮยอนอยู่พักใหญ่
ยิ้มเยาะเย้ย
“เจ้าบ้า ไม่สิ เจ้าโรคจิตนี่ ถ้าไม่เตือนแล้วจะ
ทาไมเหรอ คิดว่าจะทาอะไรได้ล่ะ ไอ้ขี้แพ้”
แน่ น อนว่ า อี ยู จ องโต้ ก ลั บ ได้ ส บายๆ มอง
อย่ า งไร ชอนซึ ง ฮยอนก็ เ ป็ นคนที่ค ล้ ายกั บ พั ค ดง
กอลมาก อียูจองพ่นคาพูดทิ่มแทงใจด้วยท่าทีดุร้าย
เขาทอดสายตามามองพวกเรา ถอนหายใจยาวๆ
พลังจับมีดสั้น ส่วนผมเองก็โคจรพลังๆ ไว้ที่มือซ้าย
“เด็กนี่ต้องโดนสักที เอาเถอะ ลาก่อน”
ชอนซึงฮยอนยกมือขวาขึ้น ขว้างมีดสั้นไปทาง
อียูจองเต็มแรง ผมเห็นมีดที่เขาเล่นอยู่เมื่อครู่เล็งมา
ที่ ห ว่ า งคิ้ ว ของยู จ องและพุ่ ง เข้ า มาด้ ว ยความเร็ ว
เหมือนลูกธนู
แต่อันฮยอนที่พยายามดึงอียูจองไว้ใช้โล่ขึ้นมา
กันในพริบตา เขาเฝ้าระวังผู้ชายคนนั้นตั้งแต่แรก
แล้ ว ดั ง นั้ น จึ ง ป้ อ งกั น เบื้ อ งหน้ า ของอี ยู จ องได้
ทันท่วงที ส่วนผมก็...
แกร๊ง!
เฟี้ยว! ฉึก!
“อ๊ากกกก!”
มีดสั้นส่งเสียงดังเมื่อกระทบกับโล่และตกลงบน
พื้น ในขณะเดียวกันชอนซึงฮยอนก็ถูกลูกธนูปักเข้า
ที่แขนขวาและล้มลง สถานการณ์ไม่ยุ่งยาก ขณะที่
อันฮยอนสกัดมีดสั้นไว้ ผมก็เล็งไปที่หมอนั่นและยิง
ธนู
แน่ น อนว่ า คนอื่ น ๆ เองก็ ไ ม่ ไ ด้ คิ ด จะนิ่ ง เฉย
ผู้ชายที่ ถือธนูง้างสายและเล็งเป้ามายังตัวผม ผม
พยายามที่จะเป็นฝ่ายยิงธนูก่อน แต่ก็ได้ยินเพียง
เสียงดัง ติ๊ง ของสายธนูที่ว่างเปล่าเท่านั้น
ด้วยความเร่งร้อนผมจึงดึงพลังของตัวเองที่มี
และยิงธนูสามดอกในพริบตาเดียว โดยเล็งไปที่หัว
ของหมอนั่น แล้วก็ใช้งานดวงตาที่สามไปพร้อมๆ
กัน
ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)
1. ชื่อ (Name) : ซอนยูอุน
2. เพศ (Sex): ชาย (25)
3. ส่วนสูง · น้าหนัก: 180.9 ซม. · 78.4 กก.
4. อุปนิสัย: เป็นกลาง ? ทางสายกลาง (True ?
Neutral)
[พละก าลั ง 45] [ความทนทาน 48] [ความ
คล่องแคล่ว 62] [ความแข็งแกร่ง 54] [พลังเวทย์
50] [โชค 50]
คลิ๊ก! แกร๊ก!
ซอนยู อุ น หมอนั่ น เองสิ น ะ หนึ่ ง ในผู้ เ ล่ น ที่
แข็งแกร่งที่สุดของฮอลล์เพลนในสายอาชีพนักธนู
ผมยิ ง ลู ก ธนู ไ ปทางคนอื่ น ๆ เกิ ด ช่ อ งว่ า งของ
เวลาในตอนที่ผมเติมลูกธนูใหม่ ซอนยูอุนและผม
ต่างก็เล็งเป้าหมายที่ศีรษะของอีกฝ่าย แต่คะแนน
พลังของผมสูงกว่าจนไม่อาจจะเทียบได้ ถ้าให้พูด
ล่ะก็ ผมรวดเร็วกว่าเล็กน้อย
ซอนยูอุนเองก็รู้ดี ดวงตาที่เฉยชาในทีแรกจึงได้
สั่นไหว
บรรยากาศเย็ น เยี ย บรอบกลุ่ ม ของเรา เกิ ด
ความเงียบระหว่างพวกเราชั่วครู่ แต่ผมรู้สึกได้ว่า
อันฮยอน อียูจองและคิมฮันบยอลคว้าอาวุ ธของ
ตัวเองแล้ว มาถึงจุดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าทุกคนพร้อม
ที่ จ ะต่ อ สู้ ภายในผมจึ ง พอใจมากๆ และในตอน
นั้นเอง ชอนซึงฮยอนก็เกิดบ้าคลั่งกลิ้งหลุนๆ อยู่บน
พื้น
“อ้า อ๊าก! ฆ่ามัน! เฮ้ย! ไอ้พวก xx ตายซะเถอะ!
ฉันจะฆ่าแก!”
“...นายเป็นคนปามีดไปก่อนนะ ซึงฮยอน ช่วย
หุบปากสักที เจ้าคนน่าอายนี่”
ชอนซึงฮยอนที่เริ่มต้นความวุ่นวายนี้โอดครวญ
กับคาพูดน่ากลัวของอูจองมินพลางกุมมือขวาของ
ตัวเองไว้ ผมเหลือบตามองอียูจอง ร่างของหล่อน
สั่นเทา บางทีหล่อนคงคิดว่ามีดสั้นจะถูกปามาจริงๆ
อูจองมินผู้สังเกตการณ์ตั้งแต่แรกเริ่มมองไปที่
ชอนซึงฮยอนด้วยความสมเพช หลังจากนั้ นก็หัน
หน้ามาทางพวกเรา
“ก่ อ นอื่ น ต้ อ งขอโทษด้ ว ย เท่ า นี้ ก็ พ อแล้ ว ล่ ะ
เราต่างคนต่างหยุดดีมั้ย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเรา
ทั้งสองฝ่ายเลย”
“ก็อยากจะทาแบบนั้น แต่ไอ้คนข้างๆ นายยัง
ไม่วางธนูเลยนี่”
“ซอนยูอุน นายก็ด้วย พอได้แล้ว ลดธนูลงแล้ว
วางมันซะ”
อูจองมินที่ได้ยิ นคาพูดของผมแตะบนธนูของ
ซอนยูอุน บังคับให้วางมันลง ชอนยูอุนมองมาที่ผม
แวบหนึ่งและยอมวางธนูลงอย่างว่าง่าย หลังจาก
แน่ใจว่าพวกเขาวางอาวุธแล้ว ผมจึงค่อยๆ ลดแขน
ซ้ายของตัว เองลง แต่ทั้งผมและชอนยูอุนก็ ยังไม่
เก็บลูกธนู
อูจองมินมองกลุ่มของเราแล้วยกแขนทั้งสอง
ข้ า งขึ้ น เดิ น เข้ า มาหยุ ด ตรงหน้ า และพู ด คุ ย ด้ ว ย
น้าเสียงสนิทสนม
“โทษที ปกติ ก็ ไ ม่ ใ ช่ ค นแบบนี้ ห รอก แต่ เ จอ
เรื่องแย่ๆ มานิดหน่อยก็เลยหยาบคายไปบ้าง เรามี
อะไรอยากจะถามหน่อย... เวลาเหลือน้อยเต็มที
เข้าเรื่องเลยดีมั้ย”
ทุกคนในกลุ่มมองมาที่ผม แม้กระทั่งอันฮยอน
ผมพยักหน้าเล็กน้อย
“อยากรู้อะไร”
“ลิ ง พวกนั้ น ไล่ ล่ า เราตั้ ง แต่ เ มื่ อ วานนี้ ด้ ว ย
เหตุผลบางอย่าง พวกเราทิ้งจุดที่เราอยู่ไปครู่หนึ่ง...
ตอนนั้นพรรคพวกของเราคนหนึ่งถูกพวกมันลักพา
ตัวไป ก็อยากจะขอบคุณที่ช่วยจัดการแทนเรา แต่
ว่าพอจะเคยเห็นผู้หญิงสักคนแถวนี้บ้างมั้ย”
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 7
ผู้เล่นหญิงงั้นเหรอ หรือว่า...
ผมนึกถึงผู้หญิงที่เจอตรงปากทางขึ้นมา
“พี่ หรื อจะเป็ นผู้ ห ญิ ง ที่ใ ส่ ชุ ดสี เ หลื องคนนั้ น
หรือเปล่า คนที่ผมยาวๆ ถึงเอว”
ผมถอนหายใจ สองมือกุมขมับ ยัยเด็กนี่เคยคิด
ก่อนพูดบ้างมั้ยนะ ทาไมถึงได้โง่เง่าแบบนี้ เนี่ย ผม
เดาะลิ้นใส่อียูจองที่พูดโดยไม่คิด
ได้ยินที่อียูจองพูด สีหน้าของพวกเขาก็สดใสขึ้น
แล้วหันมาถามเราทันที คนที่เสียงดังที่สุดในนั้นคือ
ผู้หญิงที่บอกว่าเราไม่มีเวลาแล้วในตอนแรก
“ค่ะ! ใช่แล้ว! เธอสวมชุดสีเหลือง แล้วก็ผมยาว
รู้มั้ยคะว่าเธออยู่ที่ไหน”
“อ่า เรื่องนั้น...”
อียูจองอ้อมแอ้มในคอด้วยน้าเสียงไม่มั่นใจ คน
อื่นๆ ต่างก็มองตากันโดยไร้ซึ่งคาตอบใดๆ บางทีคง
จะใช่ผู้หญิงที่เราเจอตรงปากทางเข้านั่นแน่ๆ
พอเห็ น ว่ า พวกเราเอาแต่ ม องกั น ไปมาพวก
ผู้ชายก็มีสีหน้าเครียดเขม็ง พวกเขาคงปะติดปะต่อ
เรื่องราวได้คร่าวๆ แต่หญิ งสาวเริ่มรบเร้าอ้อนวอน
พวกเรา
“เห็ น เธอผ่ า นไปผ่ า นมามั้ ย คะ หรื อ ก็ เ ห็ น แค่
แวบๆ ก็ได้ค่ะ”
“...”
“ได้โปรดเถอะ ฉันขอร้อง ช่วยบอกฉันที่ว่าเห็น
เธอที่ไหน เด็กคนนั้นเป็นน้องสาวของฉัน เธอเป็น
เด็กดีค่ะ ไร้เดียงสา แล้วก็... ฮึก”
เห็นน้าตาของผู้หญิงคนนั้นแล้ว ทุกคนก็มองมา
ที่ผมอีกครั้ง เจ้าพวกเด็กที่ต่อสู้อย่างเก่งกาจเมื่อกี้
ผลักภาระเรื่องยากมาให้ผมคนเดียว ผมถอนหายใจ
ด้วยความว้าวุ่นใจ ก่อนจะเปิดปากพูด
“ตอนที่มาที่นี่พวกเราเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็
ไม่ มั่ น ใจว่ า ผู้ ห ญิ ง ที่ เ ราเห็ น เป็ น คนเดี ย วกั บ ที่ ถู ก
ลักพาตัวไปหรือเปล่า”
ผมพยายามจะลดความตกใจให้ได้มากที่สุด แต่
สายตาของผู้หญิงผมยาวยังคงเชื่อมั่น หล่อนพยัก
หน้ารัวเร็วกับคาพูดของผมและตอบกลับ
“ไม่ เ ป็ น ไรค่ ะ ต่ อ ให้ เ ป็ น แค่ ฟ างข้ า ว ฉั น ก็
อยากจะคว้ามันไว้ ถ้าบอกว่าผมยาว แล้วก็สวมวัน
พีซสีเหลือง ก็เกือบจะแน่ใจได้แล้วค่ะ”
“ถึงจะบอกว่าเป็นวั นพีซสีเหลือง... แต่เพราะ
มันขาดเป็ นชิ้ นๆ เราก็ ตรวจสอบแค่บ างส่ว นเท่า
นั้นเอง”
“อะ... ไรนะคะ”
ฟังผมพูดแล้ว เธอก็ตะกุกตะกักขึ้นมา อูจองมิน
ซอนยูอุน ชอนซึงฮยอน ทั้งสามคนกามือแน่น บาง
ทีคงเดาเรื่องถัดจากนี้ได้แล้ว แต่กระนั้นแววตาของ
หญิ ง สาวก็ ยั ง ไม่ อ าจละทิ้ ง ความหวั ง ด้ ว ยเสี ย ง
สั่นคลอน หล่อนก็เอ่ยถามด้วยความหวังว่าจะไม่
เป็นไปตามที่คิด
“ทา... ทาไมเสื้อผ้าถึงขาดล่ะคะ”
“เราพบผู้หญิงคนนั้นพิงอยู่กับต้นไม้ พอเราเข้า
ไปดูใกล้ๆ... ปรากฏว่าเธอตายไปแล้ว”
“วอนฮเยซู!”
ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าวอนฮเยซูทรุดลงกับพื้นด้วย
สีหน้าว่างเปล่าหลังจากผมพูดจบ ชอนซึงฮยอนที่
อยู่ข้างๆ รีบคว้าหล่อนไว้ แต่ว่าขาทั้งสองทรุดลงไป
เรี ย บร้ อ ยแล้ ว เพราะเข้ า ใจดี ถึ ง ความเจ็ บ ปวดที่
สู ญ เสี ย คนส าคั ญ ผมจึ ง ได้ แ ต่ ม องวอนฮเยซู ด้ ว ย
ความสงสาร
เกิดความเงียบชั่วขณะหนึ่ง
“ฮเยยอนตายยังไง”
อูจองมินที่เหมือนจะยอมรับความจริงได้แล้ว
ถามผมเสียงนิ่ง แต่เป็นการถามด้วยความว้าวุ่นใจ
หัว ใจของผมสั่นไหวเล็ก น้อย ผมเงียบไปพัก หนึ่ง
เขารอคาตอบจากผมอยู่จึงถามซ้า
“ไม่เป็นไร พอจะเดาได้อยู่ พูดมาตรงๆ เถอะ”
“ฉันไม่ร”ู้
“...”
“เราเห็นศพครั้งเดียว เสียหายรุนแรงมากอยู่”
บรรยากาศเย็นยะเยือก อู จองมินกาลังโกรธจัด
ในดวงตาเต็มไปด้ว ยความแค้นเคือง เขากาหมัด
แน่น ดูเหมือนจะระเบิดได้ทันที ซอนยูอุนที่ยืนฟัง
อยู่ ข้า งๆ ดวงตาแดงก่ า สามารถรั บ รู้ ไ ด้ถึ ง ความ
โกรธและความสูญเสียที่พวกเขารู้สึก
ตอนนั้นเอง เมื่อ ได้ฟังคาพูดของผม หล่อนก็
เหม่อมองท้องฟ้าและกรีดร้อง
“ฮะ... ฮ่า... อ๊าก!”
“ฮเยซู! ตั้งสติหน่อย!”
“อ๊ากกกกกกกก! อ๊ากกกกกกกกกกกก!”
สถานการณ์รุนแรงมาก แม้แต่ชอนซึงฮยอนที่ดู
เฉยๆ ยังต้องถอยออกมา วอนฮเยซูที่ไม่อาจยอมรับ
ความสูญเสียทุบพื้นด้วยมือเปล่าและส่งเสียง
“ไม่ จ ริ ง ! ฮเยยอน! ฮเยยอนตายที่ ไ หนกั น !
โกหกทั้งเพ! ไม่จริง! ฮเยยอนนนนนนนน!”
“วอนฮเยซู! มีสติหน่อย! พวกเราก็สูญเสียจิน
แทไป จาไม่ได้เหรอ ตอนนั้นเธอเป็นคนบอกให้พวก
เรายอมรับความจริง อย่าหวั่นไหวไง แล้วตอนนี้ถ้า
เธอเป็นแบบนี้จะทายังไง”
“หนวกหู! ฮเยยอน! ฮเยยอน!”
วอนฮเยซูที่บ้าคลั่งหันไปหันมาแล้วสบตาเข้า
กับผมพอดี หล่อนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธจัด
ลุกจากพื้นและวิ่งมาทางผม ซอนยูอุนและชอยซึงฮ
ยอนที่ตกใจคว้าแขนหล่อนไว้ทันที แต่เธอก็ยังกรีด
ร้องใส่ผมด้วยแรงแค้น
“ไม่จริงเลย อย่ามาโกหกฉัน ไม่มีทางที่เธอจะ
ตาย โกหกใช่มั้ย ใช่สินะ บอกสิว่าโกหกน่ะ บอกมา
สิ”
“ฮเยซู เราไปดูให้แน่ใจกันก่อนเถอะ ใจเย็นไว้”
แม้ว่ าชอนฮยอนซึงจะปลอบใจหล่อน วอนฮ
เยซู ก็ ไ ม่ ไ ด้ ยิ น อะไรทั้ ง สิ้ น เพราะก าลั ง เสี ย สติ ไ ป
เกือบครึ่งแล้ว ผมสบตากับเธอที่จับจ้องมาแล้วพูด
เรียบๆ
“ศพอยู่ทางด้านหลังนั่น เดินไปทางประมาณ
30 นาทีก็จะเจอ แถวนั้นมีต้นไม้ไม่เยอะ เสียใจด้วย
เรื่องน้องสาวของคุณ”
“ไอ้คนชั่ว! แกฆ่าฮเยยอน! แกฆ่าเธอใช่มั้ย อย่า
มาโกหก! ไม่สิ แกเห็นฮเยยอนถูกทาร้ายแต่ก็หนี
เอาตั ว รอดใช่ มั้ ย แกช่ ว ยเธอได้ แ ต่ ก็ ยั ง วิ่ ง หนี ไ ป
ใช่มั้ยล่ะ ไอ้คนขี้ขลาด!”
“ว่าอะไรนะ ยัยบ้านี่... พี่คะ”
ถึงแม้ว่าจะสงสาร แต่อียูจองก็ไม่สามารถทนให้
ผมถู ก ด่ า ได้ จึ ง ออกตั ว แทน ผมจั บ ไหล่ ห ล่ อ นไว้
พลางส่ายหน้าเงียบๆ อียูจองมีชักสีหน้าไม่พอใจแต่
เห็นใบหน้าเคร่งเครียดของผม หล่อนก็ถอยกลับมา
อย่างสงบเสงี่ยม
ตอนนั้ นเอง อู จ องมิ น ที่ จับ จ้ อ งท้ อ งฟ้า ยกมื อ
ขวาขึ้นสูงด้วยใบหน้านิ่งเฉย
เพียะ!
ใบหน้าของวอนฮเยซูที่กร่นด่าผมว่า เป็นคนขี้
ขลาดหันไปด้านข้าง แก้มแดงช้า ดวงตาของหล่อน
หยุดที่มือของอูจองมินด้วยท่าทีไม่อยากเชื่อ อูจอง
มินก้มมองวอนฮเยซูอย่างผิดหวัง
“พอสักทีวอนฮเยซู”
“อะ... อะไร”
“ความจริ ง น่ ะ ... เฮ้ อ ไม่ สิ ถึ ง จะพู ด อะไรไป
ตอนนี้เธอก็คงจะไม่ฟัง เลิกระบายอารมณ์ใส่คนอื่น
แล้วยอมรับความจริงให้ได้”
“เหอะ ใช่ สิ ไม่ จ าเป็ น หรอก เพราะว่ า ไม่ ใ ช่
น้องสาวของตัวเองนี่ นั่นสินะ สาหรับพวกนายเธอ
ก็เป็นแค่คนที่เพิ่งเจอกันแค่ 4 วัน แต่ฉัน ฉัน ฉันน่ะ!
ต่ า งกั บ ฉั น ฉั น อยู่ กั บ เธอมา 20 ปี น ะ แล้ ว ไงล่ ะ
ยอมรับความจริงเหรอ”
ซอนยูอุนมองไปที่วอนฮเยซูซึ่งกาลั งพูดอย่าง
โกรธแค้นด้วยความสงสาร เขาเบือนหน้าหนีแววตา
ของหล่อน เมื่อมั่นใจว่าเขาหันไป วอนฮเยซูก็เริ่ม
สะอื้นออกมาอีก
จากมุมมองของบุคคลที่สามเช่นผม ผู้หญิงคน
นั้นกาลังเป็นบ้า ความผิดหวัง หมดอาลัยตายอยาก
ความกั ง วล ความสั บ สน หลอมรวมกั น เป็ น
ความรู้สึกในเชิงลบโหมกระหน่าใส่หล่อน
“วอนฮเยซู บ้าไปแล้วเหรอ เธออย่าเป็นแบบนี้
สิ ก่อนอื่นใจเย็นแล้วตั้งสติ ทาไมเป็นแบบนี้เนี่ย”
“ใช่ สิ ฉั น มั น บ้ า อยากจะบ้ า กว่ า นี้ ด้ ว ยซ้ า
เพราะงั้นปล่อยสักที ปล่อยฉัน พอสักที!”
ความบ้าคลั่งของหล่อนรุนแรงขึ้น หลังจากอู
จองมินหายใจแรงๆ เขาก็เปิดปากพูดด้วยน้าเสียง
หนักอึ้ง
“ฉันไม่ได้คิดว่าเธอเป็นบ้าหรอกนะ พวกเราเอง
ก็สูญเสียจินแทที่นี่ เพราะฉะนั้นฉันเข้าใจความรู้สึก
ที่ต้องเสียน้องสาวอันเป็นที่รักไป ถึงจะพบเธอกับ
น้องแค่ 4 วัน แต่ได้เห็นสัก ครั้ง ทุก คนก็ รู้แ ล้ว ว่ า
พวกเธอเป็นยังไง แล้วก็เห็นใจพวกเธอด้วย และ...
เรายังไม่ได้พิสูจน์เลยว่านั่นคือวอนฮเยยอน”
“หยุดโกหกฉันสักที จริงด้วย! พวกนั้นอาจจะ
โกหกก็ได้ บอกว่าเห็นแค่เศษผ้าเท่านั้นเอง ฉันจะ
ไปดู เ ดี๋ ย วนี้ เ ลย ฉั น จะไป บางที . .. ไม่ สิ นั่ น ต้ อ ง
ไม่ใช่ฮเยยอนแน่ ไม่มีทาง”
มนุษย์เ ป็ นสัตว์ ที่มัก หาเหตุผลเข้าข้างตนเอง
วอนฮเยซูที่เชื่อแบบนั้นตั้งแต่แรกกาลังเปลี่ยนจาก
หน้ามือเป็นหลังมือโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่อ้อนวอน
หล่อนก็หมดหวัง จากนั้นก็โกรธ แล้วตอนนี้ก็เริ่มมี
ความหวังอีกครั้ง หล่อนกาลังเป็นบ้าอย่างที่พวก
เขาบอก หล่อนไม่อาจยอมรับการตายของน้องสาว
และก าลั ง ตีค วามไปในทางที่ ยั ง พอมี หวั ง อย่า งไร้
เงื่อนไข
ไม่ใช่ว่าผมเพิ่งจะเคยพบคนแบบนี้ แต่ก็อดรู้สึก
ว้าวุ่นใจไม่ได้
“พอเถอะ เธอเองก็เห็นว่าตอนนั้นฮเยยอนถูก
พวกลิงพาตัวไป”
“ถ้าไม่มีใครไป ฉันจะไปคนเดียว ปล่อยฉัน ฉัน
ต้องไป ก็บอกว่าจะไปเดี๋ยวนี้ไง!”
“จองมิน พวกเราก็ลองไปดูก่อนเถอะ ไปดูใน
แน่ใจว่า... ศพนั่น...”
พอชอนซึ ง ฮยอนกั บ ซอนยู อุ น คลายมื อ ที่ จั บ
แขนไว้ หล่อนก็เหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนจะวิ่งไป
ตามทางที่ผมชี้ พวกเขาสบตากันอย่างอึดอัดใจแล้ว
วิ่งตามหล่อนไปด้วยความรวดเร็ว เหลือไว้แต่อูจอง
มิน
“ทาให้เดือดร้อนสินะ ขอโทษด้วย ฉันเองก็เจอ
พวกเธอได้แค่ 4 วัน แต่วอนฮเยซูกับวอนฮเยยอน
ต่างก็ผูกพันกันมาก”
อันฮยอนพยักหน้าด้วยใบหน้าที่เห็นอกเห็นใจ
กอดอันซลไว้แน่นด้วยแขนขวา ท่าทางไม่สบายใจ
เท่าไหร่นัก อูจองมินมองทั้งสองคนแล้วยิ้มขมขื่น
ออกมา เขาหันมาทางผมและถามอย่างจริงจัง
“ขอบคุณ ที่ แ ก้ แ ค้นแทนพวกเรา ช่ ว ยได้มาก
ทีเดียว ว่าแต่... พวกนายไม่ได้โกหกใช่มั้ย”
“ว่าไงนะ”
หลังจากเห็นท่าทีฉุนเฉียวของอียูจอง อูจองมิ
นก็ ม องไปที่ คิมฮั นบยอลและอัน ซล จากนั้น ก็ ยิ้ ม
ออกมาพลางพูดต่อ
“นั่นสินะ ดูไม่เหมือนคนที่ชอบโกหก ขอโทษ
แต่ฉันเองก็ต้องไปแล้วล่ะ”
“ขอแสดงความเสียใจอีกที น่าเสียดายแต่พ วก
เราเองก็ยุ่งมาก พวกเราก็จะไปแล้วเหมือนกัน”
“อ่า แป๊บสิ คนที่ถือธนูน่ะ มาทางนี้หน่อย”
ผมหันไปมองเขาที่จู่ๆ ก็เรียกผม แล้วค่อยเดิน
ไปหยุด ตรงหน้ า จากนั้ น เขาก็ หัน ไปมองคนอื่ น ๆ
แล้วค่อยพูดด้วยเสียงที่เบาจนได้ยินมีแค่ผมเท่านั้น
ที่ได้ยิน
“คงไม่เรียกว่าตอบแทน แต่ว่า... ฉั นจะบอก
อะไรให้อย่างหนึ่ง พวกนายกาลังจะไปที่วาร์ปเกต
ใช่มั้ย ไม่ต้องตอบ แค่พยักหน้าเบาๆ ก็พอ”
ผมพยักหน้า อูจองมินจึงกระซิบแผ่วเบาข้างๆ
หูของผม
“หรือว่า พวกนายก็ไปวาร์ปเกตที่ศูนย์กลางมา
เหมือนกัน”
“มันไปไม่ได้หรอกนะ”
“ฉันไม่ได้พูดแบบขอไปทีนะ อย่า ไปที่นั่นเลย
พวกเราเกือบจะเข้าใกล้วาร์ปเกตได้เมื่อ 2 วันก่อน
แต่ก็ล้มเหลว เหลืออีกแค่ 300 เมตรเท่านั้นเอง”
“ทาไมน่ะเหรอ ได้แต่ย่าเท้าอยู่กับที่ สุดท้ายก็
เลยตัดสินใจถอยออกมา ถ้าตอนนั้นตัดสินใจได้เร็ว
กว่านี้ จินแท...”
“นายรู้เงื่อนไขการมีชีวิตรอดใช่มั้ย จะดีกว่าถ้า
อยู่แค่ 7 วัน พวกนั้นเอาชนะไม่ได้หรอก ถ้าไม่ใช่
เพราะจินแท พวกเราทั้งหมดก็คงถูกมอนสเตอร์นั่น
ฆ่าตายไปแล้ว ต่อให้เราหนีไปไกลจากมัน แต่มอน
สเตอร์นั่นก็รู้ที่อยู่ของเรา”
“มอนสเตอร์นั่นน่ะ...”
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 8
เงื่อนไขสำหรับกำรปรำกฏตัวของมอนสเตอร์
ระดับบอสคือไม่อยู่ในช่วงเวลำที่ถูกกำหนดไว้ในแต่
ละพ้อยท์ ถึงจะมีเงื่อนไขของกำรปรำกฏแบบสุ่ม
แต่ก็ไม่อำจคำดเดำได้
ที่จริงผมประหลำดใจที่กลุ่มของอูจองมินไปถึง
วำร์ป เกตภำยใน 3 วันมำกกว่ำกำรที่มอนสเตอร์
ปรำกฏตัวใกล้วำร์ปเกตเสียอีก
ต่อไปอูจองมินและซอนยูอุนก็จะมีชื่อเสียงเลื่อง
ลือในฮอลล์เพลน ไม่ใช่ว่ำไม่เข้ำใจหรอกนะ ผมนึก
ถึงใบหน้ำที่ร้องห่มร้องไห้ของวอนฮเยซู หล่อนมอง
ผมและพ่ น ค ำด่ ำ ใส่ แต่ ก็ ไ ม่ ไ ด้ ท ำให้ ผ มไม่ พ อใจ
เพรำะผมรู้ควำมรู้สึกของคนที่สูญเสียคนสำคัญไป
เป็นอย่ำงดี
ตอนนั้นผมเองก็เป็นเช่นนั้น หลังจำกสูญเสีย
พี่ชำยและเธอคนนั้นไป ผมก็เป็นบ้ำอยู่สักพัก บำง
ทีถ้ำรวบรวมเลือดที่เปื้อนมือแล้ว คงสร้ำงบ่อน้ำได้
หลำยบ่อ
“อันฮยอน”
ระหว่ ำ งที่ ก ำลั ง เดิ น ผมก็ ไ ด้ ยิ น เสี ย งอี ยู จ อง
เรียกอันฮยอน เมื่ออันฮยอนหันหน้ำไปหำ หล่อนก็
พูดด้วยเสียงที่เบำแตกต่ำงจำกปกติ
“ขอบใจนะ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“...ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้เมื่อกี้”
อันฮยอนเอียงคอ ก่อนะจะพยำยำมนึก แล้วก็
พยักหน้ำพลำงร้อง ‘อ้ำฮะ’ ออกมำ
“ปั ญ หำก็ คื อ เธออำรมณ์ ร้ อ น ลดนิ สั ย นี้ ล ง
หน่อย ถ้ำไม่ใช่เพรำะฉันระวังผู้ชำยคนนั้นตั้งแต่ต้น
ดำบคงปักหัวเธอไปแล้ว”
“ก็คำพูดของหมอนั่นน่ำโมโหนี่นำ!”
“ไม่ว่ำจะเป็นยังไง ลองทำแบบที่ปกติพี่ซูฮยอน
ทำสักครั้งสิ หรือไม่ก็ลองเอำนิสัยฮันบยอลมำสัก
ครึ่ง ถ้ำมีแต่หน้ำสวยๆ จะไปทำอะไรได้ล่ะ ถ้ำนิสัย
เละเทะเป็นข้ำวหมำ”
“สะ... สวยเหรอ จริงเหรอ ฮือ! เพรำะพวกเรำ
พี่ซูฮยอนก็เลยต้องเหนื่อยมำก แต่ว่ำนะ สิ่งที่ฉัน
เกลียดก็คือสิ่งที่ฉันเกลียด”
ยูจองที่หน้ำแดงเพรำะคำว่ำสวยของอันฮยอน
มองไปทำงอื่นอย่ำงรวดเร็ว พอได้เห็นกำรกระทำ
ในแบบสำวน้อย(?)ของอียูจองโดยบังเอิญ ดวงตำ
ของอันฮยอนก็เบิกกว้ำง เป็นกำรก้ำวหน้ำที่รวดเร็ว
ถ้ ำ หำกว่ ำ ทะเลำะกั น อี ก จะท ำอย่ ำ งไร โชคดี ที่
เหมือนว่ำจะผ่ำนไปได้ด้วยดี
ตอนนั้นเอง อันซลที่กำลังฟังบทสนทนำของทั้ง
คู่ก็จัดปกเสื้อให้อันฮยอน อันฮยอนยื่นมือไปลูบหัว
เธออย่ ำ งอ่ อ นโยน ผมมองใบหน้ ำ ที่ เ ต็ ม ไปด้ ว ย
รอยยิ้มของอันซล แววตำของอียูจองคมปรำดขึ้น
เหลื อ ก็ แ ต่ อั น ฮยอนที่ไ ม่ ไ ด้ รับ รู้ ถึ งควำมขัด แย้ ง ที่
ล้อมรอบตนเอง เขำยังมองไปรอบๆ และเดินต่อไป
ทำไมสำวๆ ถึงชอบพวกผู้ชำยทึ่มๆ แบบหมอนี่
กันนะ เหอๆ
พวกเรำที่เดินกันมำระยะหนึ่งก็พบเข้ำกับจุด
เซฟพ้ อ ยท์ ต อนที่ ด วงอำทิ ต ย์ ก ำลั ง จะตก และ
ระหว่ำงที่มำนั้นเรำไม่พบมอนสเตอร์สักตัว ทุกคน
ชอบใจที่พวกเรำโชคดี แต่มันไม่ใช่เรื่องน่ำยินดีสัก
เท่ำไหร่
นอกจำกตอนที่ พ วกเรำอยู่ ใ นเมื อ งพั ก หนึ่ ง
หลังจำกออกป่ำก็ถูกมอนสเตอร์โจมตีอยู่ตลอด ถ้ำ
อันซลไม่เห็นพวกมังกี้ก็คงจะไม่กรีดร้อง ถึงแม้ว่ำ
ผมเตรียมพร้อมที่เจอกับมอนสเตอร์ แต่กลุ่มของ
ผมก็ได้รับสิ่งตอบแทนที่สมกับควำมยำกลำบำกใน
ช่วงเวลำนั้นแล้ว
บริเวณโดยรอบวำร์ปเกตมีมอนสเตอร์ที่ฉลำด
รวมอยู่ด้วย ดูได้จำกกำรที่กำจัดกองทัพมังกี้ห้ำตัว
นั่นในพิธีเปลี่ยนสภำวะแล้วน่ำจะเป็นแบบนั้น พวก
มันคงจะรู้ว่ำมีมอนสเตอร์ถูกเรำฆ่ำตำยเป็นจำนวน
มำกในช่วงนั้น ประสำทรับรู้กลิ่นที่ว่องไวของพวก
มันคงได้กลิ่นเปื้อนเลือดจำกพวกเรำ
ผมเคยคิดแบบนั้น ทว่ำหลังจำกได้แลกเปลี่ยน
เรื่องรำวกับอูจองมินแล้วผมก็เปลี่ยนควำมคิด ถ้ำ
หำกว่ ำ มอนสเตอร์ ร ะดั บ บอสปรำกฎตั ว และ
ป้ ว นเปี้ ย นบริ เ วณวำร์ ป เกต ทุ ก ตั ว ก็ จ ะหนี จ ำก
บริเวณที่ใกล้กับมอนสเตอร์ระดับบอสซึ่งอยู่เหนือ
สุด ของห่ ว งโซ่ อ ำหำร ทำให้ ไ ม่ มี พ วกมอนสเตอร์
แถวนี้
อีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้ำหำกวันพรุ่งนี้เรำยังไม่พบ
มอนสเตอร์ตัวอื่น ก็มีควำมเป็นไปได้สูงว่ำจะเจอ
มอนสเตอร์ ร ะดั บ บอสที่ ห น้ ำ วำร์ ป เกต เป็ น
สถำนกำรณ์ที่น่ำขัน พวกเรำตั้งใจหลีกเลี่ยงมอน
สเตอร์ระดับบอสจึงออกจำกเมือง แต่แล้วก็กำลัง
ตกอยู่ในอันตรำยที่จะต้องเผชิญหน้ำกับมันอีกครั้ง
แ น่ น อ น ว่ ำ มี ข้ อ แ ต ก ต่ ำ ง ร ะ ห ว่ ำ ง ส อ ง
สถำนกำรณ์ นี้ ถ้ำเรำยังอยู่ใ นเมืองก็จะได้เจอกั บ
มอนสเตอร์ 100% แต่ ถ้ ำ ออกมำตอนนี้ ก็ จ ะไม่
สำมำรถคำดเดำควำมน่ำจะเป็นได้
ช่วงที่ผมกำลังครุ่นคิดก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมำ เห็น
ได้ชัดว่ำมีเงื่อนไขในกำรปรำกฏตัวของมอนสเตอร์
ระดั บ บอส และยั ง มี ผู้ ร อดชี วิ ต จำกพิ ธี เ ปลี่ ย น
สภำวะอีกหลำยคน นอกจำกพวกเรำ
ถ้ำเป็นเช่นนั้นก็มีโอกำสที่มอนสเตอร์จะปรำกฏ
ตัวตรงตำมเงื่อนไขในเวลำเดียวกัน แล้วในกรณีนั้น
จะเป็นอย่ำงไรกันนะ สถำนกำรณ์จะยิ่งซับซ้อนมำก
ขึ้ น ไปอี ก หำกว่ ำ เพิ่ ม ข้ อ สั น นิ ษ ฐำนที่ ว่ ำ มี ค วำม
เป็นไปได้สูงที่มอนสเตอร์จะปรำกฏตัว ใกล้ๆ กั บ
วำร์ปเกตเข้ำไปอีก
แวบหนึ่ง ที่ผ มรู้ สึก ว่ ำ ตัว เองแทบจะไม่ รู้อ ะไร
เกี่ยวกับพิธีเปลี่ยนสภำวะเลย ขณะที่ผมใช้เวลำ 10
ปีในฮอลล์เพลน ค้นคว้ำเกี่ยวกับมันพอสมควร แต่
ไม่เคยศึกษำเรื่องพิธีเปลี่ยนสภำวะ สิ่งเดียวที่นึก
ออกก็คือ บำงครั้งพวกผู้เล่นคนอื่นๆ ก็พูดล้อเล่นถึง
เรื่องนี้เพียงสั้นๆ ไม่ถึงกับอึดอัดใจ แต่ผมก็ไม่มั่นใจ
ว่ำตัวเองรู้สึกเช่นไรอยู่
เวลำผ่ำนไปเท่ำไหร่แล้วนะ หลังจำกเดินมำสัก
พัก พวกเรำก็พบจุดเซฟพ้อยท์
“หลังคำสีเหลืองนี่คะ แต่ว่ำดูเหมือนกระท่อม
เลยค่ะ”
“ดีจังที่เจอวั นนี้ อำจจะเร็วไปนิด แต่วันนี้เรำ
พักกันที่นี่เถอะ ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับพี่”
“อย่ำอยู่ เ กิ นหนึ่งวั น มีคำเตือนอยู่ตรงนี้ด้ว ย
แต่ก็น่ำจะดีกว่ำครำวก่อนนะ ใช่มั้ย พี่”
“ฉั น เข้ ำ ไปก่ อ นนะ อยำกรี บ อำบน้ ำเปลี่ ย น
เสื้อผ้ำแล้วค่ะ ฮิฮิ”
“.......”
“พี่ครับ”
“พี่คะ”
“หือ อ๋อ ได้ เข้ำไปกันเถอะ”
ผมรีบพยักหน้ำ ทุกคนมองมำที่ผมอย่ำงแปลก
ใจ ผมจึงส่ำยหน้ำเป็นเชิงว่ำไม่มีอะไร
พวกเขำจับจ้องผมอยู่สักพักแล้วก็หันกลับไปคุย
กั น ต่ อ ผมลอบถอนหำยใจ เจ้ ำ พวกไร้ เ ดี ย งสำ
เพรำะแบบนี้ผมถึงไม่สะดวกใจที่จะทำอะไรเป็ น
กลุ่ม ถ้ำผมลุยเดี่ยว ไม่แน่ว่ำอำจจะเข้ำสู่ฮอลล์เพ
ลนไปแล้ว
ถึงจะกังวลในตอนนี้ ผมก็ยังคิดแผนกำรดีๆ ไม่
ออก ดังนั้นจึงเก็บเรื่องที่ต้องคิดเอำไว้ก่อน ตอนนี้
ผมคิดได้ว่ำควรจะผ่อนคลำยสักหน่อย
ถ้ ำ เกิ ด ปั ญ หำที่ เ กี่ ย วกำรเอำชี วิ ต รอด ใน
สถำนกำรณ์ที่ผมไม่รู้อะไรเหมือนในสมัยก่อน ผม
จะไม่สำมำรถอยู่เฉยและจะทำในสิ่งที่ทำได้ ทว่ำ
ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น กำรตัดปัญหำทิ้งไปนั้นฝัง
ลึกอยู่ในมุมหนึ่งของหัวใจผมไปแล้ว
“พี่คะ ทำอะไรอยู่น่ะ พวกเรำเข้ำไปก่อนนะ!”
“...จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
มองอี ยู จ องที่ โ บกมื อ ให้ ผ มด้ ว ยรอยยิ้ ม สดใส
แล้ว ผมก็ก้ำวตำมไปช้ำๆ เรื่องของพรุ่งนี้ค่อ ยคิด
พรุ่งนี้แล้วกัน
กลำงดึกคืนนั้น ผมนั่งอยู่ที่บันไดทำงขึ้นไปยัง
ประตูกระท่อม กำลังเฝ้ำยำมอยู่ กำรเฝ้ำยำมไม่ได้มี
แค่ผมและอันฮยอนอีกต่อไป อียูจอง คิมฮันบยอล
อันฮยอนและผม ทั้ง 4 คนสับเปลี่ยนกันไป ไม่ได้มี
เวลำผลั ด กั น ที่ แ น่ น อน แต่ เ มื่ อ เวลำผ่ ำ นไป
พอสมควรก็จะเปลี่ยนกับคนอื่นๆ
คนแรกคืออียูจอง ถัดมำก็เป็นผม คนที่สำมคือ
ฮันบยอล และสุดท้ำยก็คืออันฮยอน หนึ่งคนจะยืน
ยำมประมำณสองชั่ ว โมง น่ ำ จะยั ง ผ่ ำ นไปไม่ ถึ ง
ชั่วโมง ในควำมรู้สึกของผม อียูจองก็ขอให้เปลี่ยน
กัน ขณะที่พูดก็หลบตำผมไปด้วย คงจะรู้สึกอำยอยู่
เหมือนกัน
ผมล้วงมือในกระเป๋ำตำมปกติ เจอช็อกโก้บำร์
หนึ่งอัน ตั้งใจจะถำมออกไปแต่ดูท่ำอียูจองใส่มันไว้
ให้ผมแทนคำขอโทษ ตอนแรกคงจะแอบเก็บไว้กิน
เอง ในเมื่ อไม่ ไ ด้ ข ำดแคลนน้ ำหรื อ อำหำร ผมจึ ง
ไม่ได้ว่ำอะไร ในที่สุดก็ถึงเวลำที่จะเปลี่ยนกับฮัน
บยอล ได้เคี้ยวช็อกโก้บำร์ก่อนกลับไปนอนก็น่ำจะ
ดี
ขณะที่ที่กำลังพยำยำมแกะถุงก็มีกำแฟมำแตะ
ที่แก้มขวำโดยไม่ทันตั้งตัว พอหันไปมองก็เห็นว่ำคิม
ฮันบยอลก้มลงมำมอง
“ซ่อนอันนั้นไว้ทำนคนเดียวสินะคะ”
“...ยูจองให้มำต่ำงหำกครับ”
“พี่ ค นนั้ น ไม่ เ คยแบ่ ง ขนมให้ ใ ครเลยนี่ น ำ
โดยเฉพำะช็อกโกแลต”
“ก็เฝ้ำยำมไม่ครบตำมเวลำน่ะสิ ถึงได้ให้มำเป็น
กำรขอโทษ”
คิมฮันบยอลยิ้มให้กับคำพูดของผมและนั่งลง
ข้ำงๆ ผมแบ่งครึ่งช็อกโกแลตและแบ่งให้หล่อน
“จะทำนให้อร่อยเลยค่ะ”
“ผมก็จะดื่มให้อร่อยเหมือนกันครับ”
คิมฮันบยอลดูเป็นกันเองกับผมมำกกว่ำในตอน
แรก อำจจะไม่ได้ร่ำเริงสดใสเหมือนอียูจอง และยัง
มีระยะห่ำงอยู่บ้ำง แต่ก็รู้สึกว่ำลดลงไปนิดหน่อย
แล้ว ในกลุ่มก็มีแค่เรำสองคนที่ยังพูดสุภำพใส่กัน
เพรำะเรำทำแบบนี้มำตั้งแต่แรก ตอนนี้ที่ต่ำงคน
ต่ำงก็ยังใช้คำสุภำพจึงเป็นเหมือนข้อตกลงที่เรำรู้
กัน
“คิดอะไรอยู่เหรอคะ สีหน้ำถึงได้ดูไม่ค่อยดี ถึง
ขนำดไม่รู้ว่ำฉันเดินมำ”
รู้อยู่แล้วต่ำงหำก แค่ทำเป็นไม่รู้เท่ำนั้นเอง พูด
แบบนั้นอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกมำ ผมดื่มกำแฟ
และเริ่มพูด
“ฮ่ำๆ ผมคงจะเหม่อนิดหน่อยน่ะครับ ว่ำแต่
คุณบอกว่ำสีหน้ำผมดูไม่ดีเลยเหรอ”
“ค่ะ วันนี้ตอนบ่ำย หลังจำกคุยอะไรกับผู้ชำย
คนนั้น ก็ดูเหมือนจะเครียดนิดหน่อ ย ไม่ใช่เหรอคะ
...”
งั้นเหรอ ผมนึกว่ำผมตีหน้ำนิ่งได้ตลอดเสียอีก
ผมลูบใบหน้ำของตัวเองโดยไม่รู้ตัว คิมฮันบยอลจึง
พูดต่อ
“ตอนนั้นเขำพูดอะไรเหรอคะ”
“...ก็ไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่ใช่แค่ฉันที่รู้สึกนะคะ พี่อันฮยอน พี่ยูจอง
ซล ทุ ก คนต่ ำ งก็ ไ ม่ ส บำยใจค่ ะ หลั ง จำกนั้ น คุ ณ ก็
ไม่ได้พูดอะไรเลยนี่คะ”
“ก็แค่คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย ทุกอย่ำงจะผ่ำนไป
ด้ ว ยดี ผมรั บ รอง ต่ อ ให้ มี อ ะไรเกิ ด ขึ้ น แต่ เ รำจะ
แก้ปัญหำได้แน่ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ”
หลังจำกพูดคำนั้นจบ ผมก็จัดกำรช็อกโกแลต
กับกำแฟที่เหลือ ยิ่งคุยกับเด็กคนนี้ ผมก็ยิ่งนึกถึง
เธอคนนั้น ผมอยำกจะรีบ ไปจำกตรงนี้ ดังนั้นจึ ง
ขอร้องให้เธอเฝ้ำยำมให้ดีและเตรียมจะขึ้นบันไดไป
“เดี๋ยวสิคะ ฉันยังมีเรื่องที่อยำกถำมอีกค่ะ”
ถ้ ำ เป็ น นิ ย ำย หนั ง สื อ กำร์ ตู น หรื อ ละคร ใน
เหตุกำรณ์แบบนี้ก็จะปล่อยพระเอกไปง่ำยๆ แล้ว
ท ำไมหล่ อ นไม่ เ ป็ น แบบนั้ น นะ ผมกรี ด ร้ อ งอยู่
ภำยในกับกำรรั้งตัวผมไว้ของคิมฮันฮันบยอล ปกติ
ล ำดั บ ต่ อ จำกผมคื อ อั น ฮยอน ตอนที่ บ อกว่ ำ
เปลี่ยนเป็นคิมฮันบยอลถึงได้รู้สึกแปลกๆ ผมพูดกับ
หล่อนด้วยสีหน้ำอ่อนโยนที่สุด
“ผมเหนื่อยนิดหน่อย ถ้ำไม่ว่ำอะไรเรำค่อยคุย
กันพรุ่งนี้ดีมั้ย อยำกรีบเข้ำไปพักน่ะ”
“ฉันอยำกฟังตอนนี้ค่ะ”
“ผมไม่หนีไปไหนหรอกครับ”
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 9
บรรยากาศค่อยๆ ตึงเครียดมากขึ้น ผมจึงลอง
พูดล้อเล่นดู แต่ก็ไม่ได้ผล คิมฮันบยอลจ้องผมด้วย
สายตาเย็นเฉียบ และเป็นอีกครั้งที่ใบหน้าของคิม
ฮันบยอลซ้อนทับกับใบหน้าของเธอคนนั้น ผมหลบ
ตาเธอโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าไม่ใช่วันนี้ ฉันรู้สึกว่าคงไม่มีวั นได้ถามอีก
แล้วค่ะ”
“อ่า คาพูดตอนนั้นเหรอครับ ไม่มีอะไรจริงๆ
ครับ จะว่ายังไงดีนะ...”
“พี่คะ”
ผมหุบปากฉับ นี่ผมเพิ่งได้ยินเธอเรียกว่าพี่คะ
ใช่มั้ย ไม่สิ ผมไม่ใช่พวกโรคจิตที่ชอบได้ยินสาวๆ
เรียกว่าพี่คะสักหน่อย
“พี่ ซู ฮ ยอน เรื่ อ งที่ ฉั น อยากถามไม่ ใ ช่ เ รื่ อ งนี้
หรอกนะคะ”
ใบหน้ า ของคิ ม ฮั น บยอลสงบและเยื อ กเย็ น
เหมือนทุกที แต่กลับให้ความรู้สึกแตกต่างไปจาก
ปกติ ตอนนี้หล่อนกาลังโกรธและกาลังจ้องมาที่ผม
ด้วยแววตาที่บอกว่า อย่าวิ่งหนี อยู่ตรงนี้เถอะ
ตอนนี้ผมตระหนักได้ว่าเธอจริงจัง สีหน้าของ
ผมเคร่งขรึมลงตามหล่อน ผมสบเข้ากับแววตานิ่ง
เงียบของคิมฮันบยอล จากนั้นหล่อนก็เอ่ยถาม
“ตอนที่ เ จอกระท่ อ มนี้ พี่ อ อกไปเดิ น รอบๆ
แป๊บหนึ่งใช่มั้ยล่ะคะ ตอนนั้นพวกเราคุยกันเรื่องพี่
ค่ะ”
“คุยกันเรื่องอะไรงั้นเหรอ”
“เราคุยเรื่องผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ที่เจอวันนี้ค่ะ
ตอนนั้นผู้ชายคนนั้นขว้างมีดใส่พี่ยูจอง แล้วพี่ก็ยิง
มือของผู้ชายคนนั้นด้วยธนูใช่มั้ยคะ”
ผมพยักหน้ากับคาพูดของคิมฮันบยอล พลาง
คาดเดาถึงเหตุการณ์ที่แย่ที่สุด หากว่าอูจองมินและ
ซอนยูอุนโจมตีพวกเราแบบกะให้ถึงตาย อาจจะมี
คนตายหนึ่ ง ถึ ง สองคนก็ ไ ด้ ถ้ า ผมไม่ แ สดง
ความสามารถที่แท้จริง เพราะแบบนั้นผมจึงคิดจะ
เริ่มจากการจัดการไปคนหนึ่งก่อน
“แล้วพี่อันฮยอนก็ใช้โล่กันมีดสั้นไว้”
“ใช่แล้ว”
“ทุกคนบอกว่าพี่อันฮยอนเยี่ยมมาก ขอบคุณ
มาก แต่วันนี้ทุกคนพูดถึงการกระทาของพี่ยังไงรู้มั้ย
คะ”
“...”
เรื่องราวหลังจากนี้คลุมเครือ แต่ผมก็ไม่อยาก
ฟัง ก่ อนที่ จะได้ เ ปิ ด ปากพูด คิ ม ฮั น บยอลชิ งถาม
ออกมาเสียก่อน
“ทุ ก คนไม่ ไ ด้ พู ด ออกมา เพราะสี ห น้ า ตกใจ
แสดงออกชัดเจนอยู่แล้ว อันซลบอกว่ากลัวมากจน
เกือบจะร้องไห้ พี่อันฮยอนกับพี่ยูจองก็ตกใจมากๆ
เหมือนกัน ยังไม่หมดนะคะ พวกเขาไม่พอใจที่พูด
อย่างตรงไปตรงมากับผู้หญิงคนนั้น”
“หื้ม งั้นเหรอ”
ผมพยักหน้าเบาๆ ในขณะที่คิมฮันบยอลมอง
ผมอย่างพูดไม่ออก
“ไม่ ใ ช่ แ บบนั้ น สิ ค ะ ไม่ รู้ สึ ก ว่ า มั น ไม่ ยุ ติ ธ รรม
บ้างเหรอคะ พี่ทาแบบนั้นเพื่อปกป้องพี่ยูจอง ทั้งที่
ตอนนั้นทุกคนไม่อยากพูดเรื่องผู้หญิงคนนั้นออกมา
สัก นิด พวกนั้นน่ะไม่มีคุณสมบั ติที่จะพูดแบบนั้น
ออกมาสักหน่อย พี่ไม่รู้สึกแบบนั้นเหรอคะ”
อย่างงั้นเหรอ บางทีผมคงต้องคิดให้ลึกซึ้งกว่านี้
สินะ ดูเหมือนว่าผมจะไม่สามารถอ่านบรรยากาศที่
เปลี่ยนไปเล็กน้อยได้ รู้สึกเสียใจนิดหน่อยแต่ว่าก็ไม่
อยากคิดอะไรมากมาย อย่างไรก็ตาม ถ้าได้เข้าสู่
ฮอลล์เพลน ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว พวกเขาก็อาจจะ
ต้องฆ่าคน
คิมฮันบยอลพูดด้วยน้าเสียงอึดอัดใจกับท่าที
สงบนิ่งของผม
“พี่น่ะ กังวลอยู่คนเดียว คิดอยู่คนเดียวตลอด
แบกรับภาระหนักอึ้งเอาไว้คนเดียว ฉันรู้ค่ะ ว่าพี่ไม่
มีเจตนาร้าย”
“เหมือนจะเข้าใจอะไรผิดนะ คือว่า...”
“ฉันไม่ได้บอกว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ คราว
ก่อนฉันอาจจะเคยพูดไปแล้ว แต่ว่าการตัดสินใจ
ของพี่เชื่อได้เสมอ ฉันยังคิดแบบนั้นอยู่นะคะ”
คาพูดของคิมฮันบยอลทาให้ผมรู้สึกเหมือนถูก
ขว้างหินมากระทบใจและพังทลายลง หลังจากที่
ออกจากเมื อ ง หล่ อ นก็ มั ก จะจั บ จ้ อ งมาที่ ผ มอยู่
บ่อยครั้ ง โดยเฉพาะตอนที่ผ มกั บ อั นฮยอนก าลั ง
ปรึกษากันว่าจะทาอย่างไรต่อไป ตอนนั้นผมคิดว่า
คงไม่มีอะไรจึงได้ปล่อยไป แต่วันนี้ดูเหมือนจะถูก
หล่อนจับไว้อย่างแน่นหนา
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ เรา...”
“พี่คะ พูดสบายๆ เถอะค่ะ”
ผมตะกุกตะกักไปชั่วขณะเมื่อถูกคิมฮันบยอล
ขั ด จั ง หวะ ผมเบิ ก ตากว้ า งมองเธอที่ จ้ อ งกลั บ มา
อย่างไม่ค่อยพอใจ
“หือ... อะไรนะครับ”
“พูดแบบเป็ นกั นเองสิ คะ พี่พูดกั นเองกั บ พี่ ๆ
คนอื่น แล้วทาไมไม่พูดกับฉันแบบนั้นบ้างล่ะคะ”
“...เข้าใจแล้ว”
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมถูกผลักไปด้วย
ความมุ่งมั่น ผมคนนี้ คนที่อยู่ในฮอลล์เพลนมากว่า
10 ปี
พอทีเถอะ เพียงแค่มองคิมฮันบยอล หัวใจของ
ผมก็สั่นไหวจนเผลอนึกถึงฮันโซยองขึ้นมา ผมไม่
สามารถปฏิเสธคาริสม่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน
ของเธอได้ เ ลย ยามที่ เ ราสบตากั น ผมก็ เ กิ ด
ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนขึ้นในใจ เพราะบรรยากาศ
รอบตัวคล้ายคลึงกับใครบางคนตั้งแต่ครั้งแรกที่เรา
พบกัน
ผมกระแอมในคอ ก่อนจะต่อคาพูดที่ค้างไว้
“ไม่ใ ช่ก ารตัดสินใจของฉั นคนเดียวสักหน่อย
ทั้งเธอ ทั้งฉัน ทั้งฮยอนกับซล ทุกคนหันหน้าเข้าหา
กันและช่วยกันคิดต่างหาก”
“อย่าโกหกสิคะ อย่างน้อยๆ พี่ก็มีจิตสานึก ถึง
ได้ไม่รวมพี่ยูจองไปด้วย”
“อันฮยอนเองน่าจะลาบากกว่าฉัน วันนี้เขาทา
ได้ดีเลยที่สู้กับพวกลิงนั่น”
“อีกแล้วนะคะ มันอาจจะได้ผลกับพี่อันฮยอน
และพี่ยูจอง แต่เลิกทาแบบนี้กับฉันเถอะค่ะ อย่า
พยายามเปลี่ยนเรื่องสิคะ ฉันกับพี่อันฮยอนร่วมมือ
กันถึงจัดการไปได้สองตัว แต่พี่คนเดียวจัดการไป
สองตัว ยังไม่รวมที่ช่วยพี่ยูจองในการต่อสู้อีก”
คาพูดของคิมฮันบยอลทิ่มแทงความเจ็บปวด
ของผม คล้ายกันจริงๆ นะ รู้สึกว่าประมาทไม่ได้
เลย สายตาที่มองมาที่ผมก็คือสายตาที่สังเกตอย่าง
ละเอียดเลยสินะ ดูเหมือนว่าจะเตรียมการมาอย่าง
ดีแล้วด้วย
ผมลอบถอนหายใจ จะลองฟังที่หล่อนพูดอีก
สัก หน่อยและถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ผมก็ ตั้งใจว่ าจะ
หลบเลี่ยง
“เป็นแบบนี้ตลอดเลยนะคะ ทั้งตอนที่อยู่ในป่า
ในเมือง แล้วก็วันนี้ตอนที่เราเจอคนแปลกหน้าพวก
นั้นก็ด้วย ปกติพี่จะอยู่ข้างหลัง แต่พอมีอันตรายพี่ก็
จะออกหน้ า อยู่ เ สมอ ถ้ า บอกว่ า พวกเราเป็ น ที ม
เดียวกัน พี่ก็คือเสาหลักที่นาทางให้ทีมของพวกเรา
นะคะ ไม่ใช่พี่อันฮยอน ดังนั้นฉั นถึงได้รู้สึกโกรธค่ะ
ทาไมพี่ต้องฟังคาพูดพวกนั้นด้วย”
‘เธอคิดแบบนี้เพื่อผมงั้นเหรอ’
“ไม่รู้สิ แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ อันฮยอนยอด
เยี่ ย มจริ ง ๆ ทั้ ง มี แ รงขั บ เคลื่ อ น มี แ รงผลั ก ดั น
ค่อนข้างตัดสินใจได้เฉียบขาด เธอไม่ต้องคิดมากกับ
คาพูดแบบนั้นหรอก ถ้าลองทบทวนดู พวกเราทุก
คนก็คือผู้นา พิธีเปลี่ยนสภาวะคือสถานที่ที่ความ
สามัคคีเป็นสิ่งสาคัญ”
“พอเถอะค่ะ ทาไมพี่ถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ”
“ฉันไม่รู้ว่าเธออยากพูดอะไรกันแน่”
ในขณะที่บอกออกไปว่าไม่รู้เรื่อง ในใจของผมก็
เจ็บแปลบ ผมไม่สามารถทนมองสายตาที่เย็นชา
ของคิมฮันบยอลได้ ความเยือกเย็นปกคลุมรอบตัว
ผมรู้สึกเหมือนพายุกาลังก่อตัว ประมาณนั้นจริงๆ
“อย่ าโกหกสิค ะ! คนที่ ตัด สิ นใจและเป็ นผู้ น า
จริ ง ๆ ก็ คื อ พี่ ซู ฮ ยอนนะคะ! พี่ ใ ห้ อั น ฮยอน
รับผิดชอบงานง่ายๆ ในขณะที่พี่ต้องทางานยากๆ
คนเดียว ทาไมคนอื่นๆ ถึงขอบคุณและชื่นชมแต่พี่
อั น ฮยอน ท าไมต้ อ งกลั ว พี่ ซู ฮ ยอนที่ จั ด การเรื่ อ ง
อันตรายให้ และทาไมพี่ถึงได้พยายามจะปิดบังสิ่งที่
พี่ทาทั้งหมดด้วยคะ”
“เธอ...”
“ถ้ า เ ป็ น แ บ บ นี้ พี่ ก็ จ ะ ท า แ บ บ เ ดิ ม ใ น
สถานการณ์ เ ดีย วกั น และเป็ น ไปได้ ว่ า มั นจะเกิ ด
เหตุการณ์แบบนี้อีก สิ่งสาคัญก็คือตอนนี้เราทุกคน
พึ่ ง พาพี่ กั น มากโดยที่ ไ ม่ รู้ ตั ว จะไม่ มี ใ ครคั ด ค้ า น
หรอกค่ะ เพราะงั้นพี่ช่วยเป็นหัวหน้าของพวกเรา
เถอะค่ะ ถ้าหากว่ าวั นข้างหน้า เกิ ดปั ญ หายุ่งยาก
ขึ้นมา ไม่ว่าพี่จะคิดคนเดียวหรือจะหารือด้วยกัน
ถ้าพี่เป็นหัวหน้า ทุกคนก็จะทาตามโดยไม่มีใครไม่
พอใจค่ะ”
คิมฮันบยอลกาลังขอร้องผมด้วยน้าเสียงที่แทบ
จะอ้อนวอน อัน ที่จริงผมยังรู้สึกงุงงงอยู่ หากคนที่
ยืนอยู่ตรงหน้าผมคืออียูจอง ผมก็คงจะแค่ยิ้มและ
ปล่อยผ่านไปด้วยรู้ว่าเป็นนิสัยของเธอ แต่คิมฮัน
บยอลนั้น ผมไม่อาจเข้าใจความรู้สึก ทั้งหมดของ
เธอได้ ผมจึงกาลังหาเหตุผลที่หล่อนมาพูดคุยเรื่อง
นี้
การเผชิ ญ หน้ า กั น ยั ง คงด าเนิ น ต่ อ ไป ความ
หนาวเย็นของรุ่งอรุณแทรกซึมทุกอณูร่างกายเราทั้ง
คู่ ดูเหมือนคิมฮันบยอลไม่คิดจะไปจากตรงนี้ ไม่สิ
หล่ อ นจะไม่ ป ล่ อ ยให้ ผ มไปจนกว่ า จะได้ ค าตอบ
ต่างหาก
ผมกัดริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะขยับปากช้าๆ
“ฉัน...”
เช้าอันสดใสของวันที่ 6 หลังจากที่อันฮยอนซึ่ง
เฝ้ า ยามเป็ น คนสุ ด ท้ า ยปลุ ก ทุ ก คนแล้ ว ทุ ก คนก็
เตรียมตัวออกเดินทาง ใบหน้าของผมอิดโรยและ
ปวดข้อไปหมด ซ้ายังลืมตาอยู่เกือบทั้งคืนเพราะ
นอนไม่ ค่ อ ยหลั บ แต่ ว่ า ไม่ ไ ด้ น อนแค่ คื น เดี ย ว
ร่างกายก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าสักเท่าไหร่
“อรุณสวัสดิ์ หลับสบายมั้ย”
ผมลองเอ่ยทักทายยามเช้าอย่างสดใส อันซลป
ระหลาดใจกับคาพูดของผม จากนั้นก็ก้มหน้าอย่าง
ไม่สบายใจและวิ่งหนีไป ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ผมคง
จะหัวเราะกับท่าทางเขินอายของเธอ แต่เมื่อได้เห็น
ท่าทีแบบนั้นต่อหน้า ผมก็ได้แต่ยิ้มขมขื่น
อั น ฮยอนเห็ น ท่ า ทางของอั น ซลจึ ง ต่ อ ว่ า เธอ
เรื่องมารยาท เด็กสาวก้มหน้าลงอีกครั้งและน้าตา
คลอ หลังจากนั้นอียูจองก็เข้ามาปลอบเธอ และเริ่ม
เถียงกับอันฮยอน อันซลที่อยู่ตรงกลางของสองคน
นั้นจึงไม่รู้ว่าควรทาอย่างไรดี
ผมถอยหลั ง ออกมาหนึ่ ง ก้ า ว มองดู ฉ ากนั้ น
เงียบๆ อบอุ่น เป็ นฉากที่อบอุ่นมากจริงๆ บางที
อาจจะเรียกพวกเขาว่าสามพี่น้องก็ได้ พวกเขาเข้า
กั น ได้ ดี แ ละดู อ บอุ่ น มากพอที่ จ ะลื ม สถานที่ ที่
เหมือนกับนรกอย่างพิธีเปลี่ยนสภาวะได้
ไม่มีที่ใ ห้ผมเข้าไปแทรกกลางเลย และผมก็ รู้
ความจริงข้อนี้ดี พวกเขาและผมแตกต่างกั นโดย
สิ้นเชิง ผมคิดว่าในอดีตผมเข่นฆ่าผู้เล่นไปเป็นร้อย
คน ผมอาจจะไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว การที่ผมหลงอยู่
ในอ้ อ มแขนของพวกเขาพั ก นึ ง นั่ น อาจท าให้ ผ ม
หลงลืมตัวตนก็เป็นได้
‘ถ้าคนที่รู้จักผมเมื่อก่อนได้เห็นผมตอนนี้ เขา
คงเป็นลม’
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 10
ผมยิ้มเยาะตนเอง พอนึกถึงอดีตที่มืดมนก็รู้สึก
หดหู่ขึ้นมา ไม่รู้ว่ ารู้ใ จผมหรือเปล่า อันฮยอนยิ้ม
แย้มพลางค่อยๆ เดินมาหาผม แว่วเสียงบ่นของอียู
จองจากด้านหลัง ดูท่าอันฮยอนจะเป็นผู้ชนะในการ
โต้เถียงของเช้าวันนี้
“พี่ครับ ถ้าเป็นวันนี้เราจะสามารถไปถึงที่วาร์ป
เกตได้ใช่มั้ยครับ”
“...อืม”
“ถ้างั้นต้องรีบไปให้ถึงสินะครับ ไม่รู้ว่าจะเป็น
มื้อเช้ามื้อสุดท้ายที่นี่หรือเปล่า วันนี้กินข้าวด้วยกัน
สักหน่อยดีมั้ยครับ พี่เองก็ต้องทานเยอะๆ นะครับ”
ผมยิ้ ม บางๆ กั บ ค าพู ด น่ า อายของอั น ฮยอน
ส่ายหน้าแทนคาตอบให้กับคาเชิญชวนร่วมมื้อเช้า
ของเขา
“ไม่ล่ะ ไม่เป็นไร พวกนายกินกันได้เลย”
“เอ๊ะ แต่ว่า...”
“ปกติ ฉั น ไม่ กิ น ข้ า วในวั น ที่ ส าคั ญ มั น ท าให้
ประสาทสัมผัสของฉันรับรู้ได้เร็วขึ้นน่ะ”
อั น ฮยอนพยั ก หน้ า รั บ รู้ เขาหั น ไปทางคิ ม ฮั น
บยอล หล่อนกาลังจับจ้องท้องฟ้าด้วยใบหน้าเย็น
ชา เรื่องที่ผมคุยกับคิมฮันบยอลเช้ามืดวันนี้แวบเข้า
มาในหัว
“ฮันบยอล เธอก็กินข้าว...”
“ไม่กินค่ะ”
“หือ อย่าพูดแบบนั้นสิ...”
“ไม่กินค่ะ”
คิมฮันบยอลไม่ฟัง สิ่งที่อัน ฮยอนพูด และตอบ
กลับเพียงสั้นๆ อันซลเองก็ดูแปลกใจกับฉากที่ไม่
คาดคิดนี้ เธอจึงเอาแต่เล่นกับนิ้วมือของตัวเองด้วย
ความไม่สบายใจ
อั น ฮยอนมองผมกั บ ฮั น บยอลสลั บ กั น ด้ ว ยสี
หน้าแปลกๆ เขาเกาศีรษะพลางหัวเราะเจื่อนๆ อียู
จองที่ยืนอยู่ด้านหลังรับรู้ได้ถึงบรรยากาศ จึงพูด
ด้วยความระมัดระวังกว่าปกติ
“ฮ่าๆ ถ้างั้นก็คงต้องกินกันแค่พวกเราสินะ”
“ช่วยไม่ได้นี่นา ส่วนแบ่งของพวกเราก็เพิ่มขึ้น
สินะ ฮิๆ พี่คะ ฮันบยอล พวกเรากินหมดนี่เลยนะ”
แน่นอนว่าไม่มีคาตอบจากผมและฮันบยอล อียู
จองเองก็คงแปลกใจกับการตอบสนองของเราสอง
คน หล่ อ นท าปากยื่ น ปากยาว ผมรู้ สึ ก ว่ า คิ ม ฮั น
บยอลมองมาแวบหนึ่ง แต่ผมไม่คิดจะหันไป เธอจึง
มองไปทางอื่นแทน นั่นทาให้บรรยากาศยิ่งเยือก
เย็นขึ้นไปอีก
เช้าวันที่ 6 แสนจะคึกคัก
เช้าที่เริ่มต้นตั้งแต่มื้อเช้าที่คนสามคนจ้องมอง
แววตาของคนสองคน
อากาศแจ่มใส แสงแดดที่ไม่สามารถมองเห็นได้
ในป่ากาลังสาดส่องลงบนศีรษะของพวกเรา ไม่ใช่
ว่าอารมณ์ไม่ดี แต่ปัญหาคือทุกคนเดินเงียบๆ โดย
ไม่มีใครพูดอะไร
ผ่ า นไปราวๆ หกชั่ ว โมงที่ เ ราออกมาจาก
กระท่อม พวกเราไม่ค่อยได้พูดคุยกัน นอกจากเรื่อง
ที่จ าเป็ น บรรยากาศระหว่ า งผมกั บ คิ ม ฮั น บยอล
ยั ง คงอึ ม ครึ ม แต่ ก็ ไ ม่ ใ ช่ สิ่ ง ที่ ทุ ก คนต้ อ งให้ ค วาม
สนใจ
หากเดินทางเป็นระยะเวลานานก็คงรู้สึกเหน็ด
เหนื่อยอยู่บ้าง แต่พวกเราไม่ได้หยุดพักและยังคง
เดินทางต่อไป
เราต้องไปอีกไกลแค่ไหนกันนะ ในที่สุดตอนนี้
พวกเราก็มองเห็นวาร์ปเกตมากกว่าครึ่ง ไม่สิ พวก
เรามองเห็นวาร์ปเกตขนาดใหญ่ต่างหาก
ยิ่งเราเข้าใกล้วาร์ปเกตมากเท่าไหร่ ทุกคนก็ยิ่ง
เงียบ ไม่มีใครเปิดปากพูดตามอาเภอใจดังที่ตกลง
กันไว้ สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงหายใจแผ่วเบา ทุกคน
ดูจะตื่น เต้ นอยู่ ใ นใจเมื่ อคิด ว่ า เราก าลัง ใกล้จ ะถึ ง
ปลายทาง
เป็ น เรื่ อ งดี ที่ จ ะไปถึ ง จุ ด หมาย แต่ ผ มก็ ไ ม่
สามารถทาใจให้สบายได้ เป็นไปตามที่คาดไว้ พวก
เราไม่พบมอนสเตอร์สักตัวตลอดทางที่มายังวาร์ป
เกต ดังนั้นทุกคนจึงดูเหมือนว่าจะหละหลวมโดยที่
ไม่รู้ตัว
ผมไม่สบายใจเท่าไหร่นัก ถ้ามอนสเตอร์ระดับ
บ อ ส ป ร า ก ฎ ตั ว ต อ น นั้ น เ ร า ค ง ไ ม่ มี เ ว ล า
ปรึกษาหารือแบ่งหน้าที่กัน มันอาจจะรู้ที่อยู่ของ
พวกเราและบุกโจมตีราวกับผีร้าย ถ้าทุกคนไม่วิ่งมั่ว
ไปคนละทิศละทางก็น่าจะไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าผมจะ
อยู่ ที่ นี่ แต่ ถ้ า ผมไม่ แ สดงความสามารถที่ แ ท้ จ ริ ง
ออกไป ก็เป็นไปได้ว่ามีโอกาสสูงที่จะมีคนตาย
วาร์ ป เกตอยู่ ต รงหน้ า แล้ ว ไปอี ก แค่ นิ ด เดี ย ว
เท่านั้น พิธีเปลี่ยนสภาวะก็จะเสร็จสมบูรณ์ ทว่ า
เหลือเพียงระยะทางสั้นๆ น่าเสียดายเกินกว่าจะละ
ทิ้งแผนการและแนวคิดที่ทามาจนถึงตอนนี้
จากการคาดคะเนระยะทางที่เหลือ ดูเหมือนว่า
จะเหลืออีกราวๆ 600 เมตร อูจองมินบอกว่าพวก
เขาเหลื อ อี ก 300 เมตร แต่ ก็ ถู ก โจมตี โ ดยมอน
สเตอร์ระดับบอสเข้าเสียก่อน ถ้าหากเราขยับเข้าไป
อีกครึ่งทางก็อาจจะเจอเหตุการณ์แบบที่อูจองมินบ
อกได้
ผมอยากจะเดินช้าๆ และค่อยๆ คิดแผนรับมือ
แต่ทุกคนค่อยๆ เร่งฝีเท้าตรงกั นข้ามกับที่ผมหวังไว้
อันฮยอนเองก็เช่นกัน เขาทาลายความเงียบและหัน
ไปพูดกับอันซลด้วยน้าเสียงตื่นเต้น
“ซล พวกเราพยายามกันอีกนิดเถอะ ถ้าเราไป
ถึงตึกวงรีใหญ่ๆ นั่นได้ ก็จะสามารถออกไปจากที่นี่
ได้แ ล้ว ล่ะ จนกว่ าจะถึงตอนนั้น ทนอีก สักหน่อย
นะ”
“อื้อ!”
อันซลพยักหน้าแรงๆ ให้กับเสียงนุ่มนวลของ
อันฮยอนด้วยใบหน้าสดใส เป็นรอยยิ้มที่ยากจะได้
เห็น ท่าทางเธอคงจะดีใจพอสมควร ผมที่ตั้งใจจะ
เอ่ยชวนให้หยุดเดินสักพักจึงได้แต่เงียบไว้
ไม่ ว่ า จะคิ ด อย่ า งไรก็ นึ ก ถึ ง แผนการที่ เ ฉี ย บ
แหลมไม่ออกเลย ผมปรับจังหวะการเดินให้ทันพวก
เขาอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งเวลาผ่านไป ระยะทางไปสู่
วาร์ปเกตก็ลดลงเรื่อยๆ
แน่ น อนว่ า ผมอาจจะคิ ด มากไปเองโดยไม่
จาเป็น อย่างน้อยการเข้าไปในวาร์ปเกตก็เป็นวิธีที่ดี
สุด เป็นทางที่จะไม่มีใครต้องบาดเจ็บ
แต่ลางสังหรณ์ในเหตุร้ายก็ไม่ได้หายไปไหน มี
บางส่วนในใจที่ผมยังเคลือบแคลง หลังจากเข้าสู่พิธี
เปลี่ยนสภาวะ ผมก็แผ่พลังเวทย์ออกไปเป็นวงกว้าง
แต่ไม่สามารถจับสัมผัสของมอนสเตอร์ระดับบอส
ได้เลย
พวกเราห่างจากเป้าหมาย 500 เมตร วาร์ปเกต
ก็ค่อยๆ เผยรูปร่างที่ชัดเจนออกมา
แท่นบู ช าตั้ง ตรงก าลัง ค้ายันอาคารวงรีขนาด
ใหญ่ มั น หรู ห ราเหมาะสมกั บ ความใหญ่ โ ต ตรง
กลางถูกเจาะเป็นรูใหญ่ๆ เหมือนโดนัท และมีวัตถุ
ทรงกลมสีฟ้าลอยอยู่ นานๆ ครั้งกระแสไฟฟ้าสีน้า
เงินเส้นเล็กก็จะไหลผ่านเป็นพลังเวทย์ขับเคลื่อน
วาร์ปเกต
สายตาของทุกคนจับจ้องตามลูกแก้วที่สวยงาม
นั้น อันซลกาลังชื่นชมมันด้วยใบหน้าไร้เดียงสา คิม
ฮั น บยอลเองก็ จั บ จ้ อ งด้ ว ยแววตาที่ เ ป็ น ประกาย
ท่ า ทางจะชอบใจอยู่ ไ ม่ น้ อ ย โดยเฉพาะอี ยู จ อง
หล่ อ นไม่ ส ามารถละสายตาจากลู ก แก้ ว ที่ เ ปล่ ง
ประกายได้เลย
“สวยมากเลย ฉันอยากเอามันมาทาเป็นต่างหู
ถ้าใส่ที่หูต้องสวยมากแน่ๆ เลย อยากได้จัง”
“พี่คะ ฉันอยากให้มันอยู่แบบนั้นมากกว่านะ
คะ มันสวยมากๆ เลยค่ะ”
อียูจองกับอันซลคุยกันกระหนุงกระหนิง ส่วน
อั น ฮยอนดู เ หมื อ นจะคิ ด อะไรเงี ย บๆ อยู่ บางที
อาจจะกาลังนึกภาพอียูจองที่สวมต่างหูนั่น จากนั้น
เขาก็ส่ายหัวให้กับความคิดบ้าๆ และพูดขึ้นมา
“น่าสยดสยอง”
“อุ๊ย หมายความว่าไงยะฮยอน”
“ก็ตลกที่เธอบอกว่าอยากทาต่างหูน่ะสิ น่าจะ
เหมาะกับซลของฉันมากกว่าอีก”
“ว่าไงนะ”
อันฮยอนพูดขึ้นมาอย่างไม่แยแส ยูจองเตะเข้า
ที่ ส ะโพกเขาอย่ า งแรงด้ ว ยความโมโห อั น ซลยิ้ ม
ออกมาเมื่ อ ได้ ยิ น ว่ า ต่ า งหู น่ า จะเหมาะกั บ เธอ
บรรยากาศไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร เพราะยังมองเห็น
รอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้า
อันฮยอนเป็นคนที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็น
ราชาฮาเร็ม ทว่ามองอย่างไรก็ไม่ต่างจากพวกคลั่ง
น้องสาว ผมเองเผลอหัวเราะออกมาเล็กน้อยโดยไม่
รู้ตัว
เหลื อ อี ก 400 เมตร ผมมองไปโดยรอบ
สภาพแวดล้ อมแถวนี้เ ป็ น พื้น ที่ ว่ า งเปล่ าลั ก ษณะ
คล้ายคลึงกับจุดเริ่มต้นในตอนแรกของพวกเรา แต่
ละจุดมีหญ้าขึ้นเล็กน้อย ส่วนใหญ่ ปกคลุมไปด้วย
ดิน บางส่วนเป็นกองดินสีเข้มจนเห็นได้ชัด เมื่อก้าว
เท้าเหยียบก็เหมือนจะแข็งกว่าดินที่อ่อนนุ่มในส่วน
อื่น หรือว่าเลือดจะซึมลงไปจนทาให้ดินแข็งขึ้นกัน
นะ
ถ้าเป็นเช่นนั้น บางทีอาจเป็นผู้เล่นที่มาจนถึง
วาร์ปเกตในพิธีเปลี่ยนสภาวะและถูกโจมตีก่อนหน้า
นี้ คนที่สังเกตเห็นน่าจะมีแต่ผม แต่ก็ไม่พูดอะไร
และเดินต่อไปเงียบๆ
เหลืออีก 300 เมตร ตอนนี้พวกเรากาลังวิ่งด้วย
ความเร็วคงที่ ใบหน้าบ่งบอกถึงความยินดีที่ยังมี
ชีวิตรอด อันฮยอนและอียูจองที่เถียงกันจะถึงเมื่อ
ครู่นี้ก็ยังยิ้มให้กัน อันซลก็ยิ้มแย้ม คิมฮันบยอลเอง
ก็ดูผ่อนคลาย แม้ว่าใบหน้าจะนิ่งเฉย
ถึ ง แม้ จ ะเข้ า สู่ ร ะยะ 300 เมตร มอนสเตอร์
ระดับบอสก็ยังไม่ออกมา ท้ายที่สุดกลุ่มของอูจอง
มินอาจจะแค่โชคร้าย ผมคิดว่าพวกเราจะสามารถ
ผ่านไปได้ เพราะอันซลมีคะแนนโชค 100 คะแนน
หลังจากตรวจสอบครั้งสุดท้าย ผมก็ยังไม่รู้สึก
อะไร จึ ง ค่ อ ยๆ คลายพลั ง เวทย์ ด้ ว ยจิ ต ใจที่ ผ่ อ น
คลายลงเล็กน้อย
ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าพวกเราเปิดแชมเปญเร็ว
เกินไป
ฟิ้ว! ฟิ้วว!
ที่ระยะทาง 200 เมตร ผมได้ยินเสียงแหวกผ่าน
อากาศ บรรยากาศโดยรอบเปลี่ ย นไปและ
ห้ ว งอากาศก็ บิ ด เบี้ ย ว มั น เป็ น ปรากฏการณ์ ที่
เกิ ด ขึ้ น ตอนที่ อ ะไรบางอย่ า งที่ มี ข นาดใหญ่ ก าลั ง
เคลื่อนที่ผ่านพลังเวทย์ ทุกคนสัมผัสได้ถึงความรู้สึก
ไม่สบายใจจึงหยุดเดิน ผมเปิดใช้ดวงตาที่สามทันที
เกิดคลื่นพลังเวทย์ที่ไม่คาดคิดล้อมรอบพื้นที่
ว่างเปล่า ถ้ามองแค่ชั่วพริบตาก็เหมือนจะเป็นการ
แพร่กระจายไปทั่ว แต่ถ้าสังเกตอย่างละเอียด มัน
ก าลั ง เคลื่ อ นที่ ไ ปในทิ ศ ทางเดี ย ว ผมสงบใจและ
วิเคราะห์รูปแบบพลังเวทย์ที่กาลังวาดลวดลายอยู่
เสียงดังก้องไปทั่วพื้นที่ รูปร่างขนาดใหญ่ของวง
แหวนเวทย์เริ่มปรากฏขึ้นบนเส้นทางที่พวกเราเดิน
ผมอุทานเมื่อเห็นลวดลายของพลังเวทย์ มันเป็นวง
แหวนเวทย์ ขั้ น สู ง ผมหาจั ง หวะส่ ง พลั ง เวทย์ ไ ป
เพื่อที่จะทาลายมัน แต่ทว่า...
มัน สายเกิ น ไป วงแหวนเวทย์ ที่ล อยขึ้น กลาง
อากาศโดยสมบูรณ์เริ่มส่องแสงสว่าง
แบบนี้เอง มอนสเตอร์ระดับบอสจะปรากฏตัว
ผ่านวงแหวนเวทย์แบบนี้งั้นเหรอ ทุกคนรวมทั้งผม
ต่างก็จับจ้องวงแหวนเวทย์ที่ลอยค้างอยู่ด้วยสีหน้า
ตกตะลึง ทุกคนมองเห็นวงแหวนเวทย์ แต่ไม่มีใคร
พูดอะไรออกมา วงแหวนเวทย์กาลังหลั่งไหลความ
ชั่วร้ายและลางร้ายออกมา
หวืด! หวืด!
ในที่สุดวงแหวนก็เริ่มทางาน สิ่งแรกที่เราเห็นก็
คื อ ใบหน้ า และนิ้ ว มื อ ของมอนสเตอร์ ร ะดั บ บอส
ใบหน้าของมันแปลกประหลาด
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 11
บนใบหน้ า ยาวยื ด ไม่ มี ด วงตา แต่ มี ป ากที่ อ้ า
กว้างและฟันแหลมที่ยื่นออกมา ผมเห็นนิ้วที่ส่อง
แสงวาววั บ ราวกั บ เคี ย วขนาดใหญ่ กระดองสี ด า
สนิทเหมือนเหล็กกล้าและหางยาวโผล่ออกมา
มอนสเตอร์ ที่ ถู ก เรี ย กมานั้ น ร่ า งกายใหญ่ โ ต
และสู งกว่ า 5 เมตร เป็ นการปรากฏตัว ของมอน
สเตอร์ระดับบอส
อึก อึก อึก อึก เอื๊อก!
มันคงจะเพิ่งกินเหยื่อไป เลือดสีแดงจึงกระจาย
เต็มปาก แต่กระนั้นท่าจะยังกินไม่อิ่ม มันถึงได้หัน
มามองพวกเราพลางเลียปาก
ผมหันหน้าไปทางคนอื่นๆ ทันที ผมอยากชื่น
ชมที่พวกเขาไม่ได้วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละ
ทาง แต่ อี ยู จ อง คิ ม ฮั น บยอลและอั น ซลมี ท่ า ที
หวาดกลัว ทุกคนไม่ขยับเขยื้อนราวกับถูกแช่แข็งไว้
พวกเขาเจอเข้ากั บ ความดุร้ายที่แ ผ่ขยายออกมา
จากมอนสเตอร์
มีเพียงอันฮยอนที่อ้าปากค้างด้วยสีหน้าไม่ค่อย
อยากจะเชื่อ
“มะ... ไม่น่าเชื่อ นี่... นี่มัน...”
กิ๊ดดดดดดดดด!
ก่อนที่จะพูดจบเสียงคารามลั่นก็มากระทบร่าง
ของพวกเรา ถูกกระแทกด้วยคลื่นเสียงที่เต็มไปด้วย
ความกระหายเลือดทาให้เจ็บแปลบไปทั้งร่าง เมื่อ
พลังเวทย์คลายลง ทุกคนก็ขยับหนีอย่างลังเลจึงไป
ได้เพียงไม่กี่ก้าว ไม่มีเวลาชักช้าอีกแล้ว
ผมมองทุ ก คนพลางพู ด ด้ ว ยเสี ย งแผ่ ว เบาแต่
ชัดเจน
“ทุกคนอย่าไขว้เขว อย่าสับสนด้วย ตั้งสติไว้”
“พะ... พี่ครับ เกินไป... แบบนี้มันมากเกินไป
นะครับ เอาชนะมันไม่ได้แน่ๆ ต้องหนีแล้วล่ะครับ!”
เมื่อเห็นผมเตรียมธนูก็คงจะเข้าใจผิด อันฮยอน
ตอบผมด้ ว ยน้ าเสี ย งสั่ น เครื อ ความรู้ สึ ก กดดั น
รุนแรงจากมอนสเตอร์ทาให้ทุกคนสูญเสียกาลังใจ
ในสถานการณ์แบบนี้ การตะโกนและเร่งเร้า
สามารถกระตุ้นได้เพียงความตื่นตระหนกเท่านั้น
ผมไม่ มี ค วามคิ ด ที่ จ ะให้ พ วกเด็ ก ๆร่ ว มต่ อ สู้ ผม
บรรเทาร่างกายแข็งทื่อของทุกคนด้วยเสียงที่แฝง
พลังเวทย์บางๆ
“ฉั น ไม่ ไ ด้ จ ะบอกให้ น ายสู้ คิ ด ที่ จ ะสู้ กั บ เจ้ า
นั่นน่ะไม่ต่างอะไรกั บคนบ้าหรอก พวกเราจะหนี
อย่างที่นายบอก แต่ถ้าเราไปโดยไม่มีเป้าหมาย เรา
ถูกมันฆ่าทีละคนแน่ๆ เพราะฉะนั้นจะต้องวิ่งไปทาง
วาร์ปเกต”
“คะ... ครับ รีบ...”
มองอียูจองที่ลังเลใจในขณะที่ตอบตกลง ผม
ถอนหายใจอยู่ภายใน อันฮยอนและคิมฮันบยอล
ค่อยๆ ตื่นจากความหวาดกลัว แววตายั งดูอ่อนแรง
แต่ แ ฝงไปด้ ว ยความปรารถนาที่ จ ะมี ชี วิ ต รอด
ปลอบประโลมร่างกายด้วยพลังเวทย์ ดูท่าทางของ
ผมที่พึ่งและเชื่อถือได้ในตอนนี้ ทุกคนคงคิดว่าผมมี
แผนการบางอย่างที่พวกเขายังไม่รู้
“ทุ ก คนทิ้ ง สั ม ภาระกั บ อาวุ ธ ทั้ ง หมดตั้ ง แต่
ตอนนี้เลย ทาตัวให้เบาที่สุดแล้ววิ่งตรงไปที่ วาร์ป
เกต”
“อะ เอ๊ะ...”
มอนสเตอร์ส่งเสียงคารามอีกครั้ง ตอนนี้ไม่มี
เวลาจริงๆ แล้ว ผมรู้สึกอึดอัดใจที่เห็นอันซลเอาแต่
หั น ไปหั น มาด้ ว ยความงุ น งง ผมเดิ น เข้ า ไปดึ ง
กระเป๋าที่เธอสะพายไว้ออกและพูดขึ้นมา
“อันฮยอน ทาอะไรอยู่น่ะ! รีบๆ ทิ้งดาบกับโล่
สิ! คิดจะวิ่งทั้งๆ ที่ยังถือมันไปด้วยหรือไง”
“คะ... ครับ!”
อั น ฮยอน อี ยู จ องและคิ ม ฮั น บยอลต่ า งก็ ทิ้ ง
อาวุ ธ และสั ม ภาระที่ ตั ว เองถื อ ไว้ ทั น ใดนั้ น มอน
สเตอร์ก็ใช้ขาทั้งสี่ของมันวิ่งตรงมาทางพวกเรา ทุก
ครั้งที่มันก้าวลงบนพื้นก็เกิดเสียงดัง ตึง ทาให้เกิด
แผ่นดินสั่นไหวเบาๆ อย่างต่อเนื่อง
ผมคว้ า มื อ ของอั น ซลและออกวิ่ ง หลั ง จาก
สัญญาณเตือนแผ่นดินไหวครั้งแรก ในเวลาเดียวกัน
พวกเราก็วิ่งไปทางวาร์ปเกตด้วยความเร็วสูงสุด
พวกเราวิ่ง วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง ทุกคนวิ่งสุดแรงที่มี
แม้ว่าเสียงตึงตังจากด้านหลังกาลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าอียูจองพยายามจะหัน กลับไปมองด้วย
ความไม่สบายใจ ผมจึงพูดขึ้นมา
“อย่าคิดหันกลับไป คิดแต่จะวิ่งไปข้างหน้าก็
พอ”
จุดที่มอนสเตอร์ระดับบอสถูกเรียกออกมานั้น
ห่า งจากวาร์ป เกต 300 เมตร ส่ ว นพวกเราเหลื อ
ระยะทางอีก 200 เมตร มีระยะห่าง 100 เมตร แต่
ผมคิดว่ามันน่าจะตามเราทัน การก้าวผ่านไปให้ไ ด้
คือเป้าหมายของผม ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์กาลัง
เร่งความเร็วในการไล่ล่า ถ้าผมทาให้มันหยุดอยู่กับ
ที่ได้ในครั้งเดียว มันก็จะสูญเสียความเร็วที่สะสมไว้
ถ้ากลับไปเริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อเทียบกันแล้วมันก็
จะไล่ล่าพวกเราได้ช้าลง เราก็ฉวยโอกาสนั้นเข้าสู่
วาร์ปเกตได้ ผมคว้าธนูไว้ด้วยมือซ้าย
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ระยะทางเหลืออีก 180 เมตร
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ระยะทางเหลืออีก 160 เมตร
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ระยะทางเหลืออีก 140 เมตร
ระยะของเสี ย งสั้ น ลง จนสามารถรั บ รู้ ไ ด้ ว่ า
ความเร็วของมันเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะต้องวิ่งไปเรื่อยๆ
แบบนี้ แต่การสะบัดมอนสเตอร์ให้หลุดก็เป็นหน้าที่
หลัก
ผมรู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว ฉวยโอกาสที่ทุกคนกาลัง
วิ่งโดยไม่สนใจรอบข้าง ผมผสานพลังเวทย์เล็กน้อย
เข้ า กั บ ลู ก ธนู เพราะลู ก ธนู ไ ม่ ส ามารถเจาะทะลุ
กระดองที่เหมือนเหล็กของมันได้ เสร็จสิ้นการส่ง
พลั ง เวทย์ พลั ง ที่ รุ น แรงมากกว่ า ปกติ จึ ง ทะลั ก
ออกมาจากมือซ้ายของผม
การเตรียมการเสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้ถึงคราวของ
ผมแล้ ว อาจจะมาถึ ง สถานการณ์ ที่ ไ ม่ ส ามารถ
ย้อนกลับไปได้ ผมหยุดวิ่งและปล่อยมือของอันซล
ทุกคนคงรู้สึกผิดปกติ เมื่อได้ยินเสียงร้องด้วย
ความตกใจของอันซล ขณะที่วิ่งผ่านผมซึ่งหยุดนิ่ง
กะทัน หั น ผมตวาดเสี ย งดั งก่ อ นที่ พ วกเขาจะหั น
กลับมา
“อย่าหันมานะ บอกให้วิ่งไปไงเล่า!”
ดูท่าทุกคนจะตกใจกับน้าเสียงโกรธขึ้งของผมที่
ได้ ยิ น เป็ น ครั้ ง แรก หลั ง จากแน่ ใ จว่ า พวกเขาหั น
ใบหน้าที่ลังเลกลับไปข้างหน้าแล้ว ผมก็หันไปทาง
มอนสเตอร์ในทันที มันกาลังวิ่งเข้ามาราวกับเห็น
ผมซึ่งยืนนิ่งเป็นเป้าหมายแรก ผมยกแขนซ้ายขึ้น
อย่างรวดเร็ว
แขนซ้ า ยของผมยกขึ้ น ไปด้ า นบนของมอน
สเตอร์ที่กาลังบุกเข้ามาพร้อมกับอ้าปากจนเห็นฟัน
น่ า ขยะแขยง ลู ก ธนู ส ามารถยิ ง ต่ อ เนื่ อ งกั น ได้ 3
ดอกในครั้งเดียว และตอนนี้ลูกธนูของผมที่ผสมเข้า
กับพลังเวทย์คมมากพอจะเจาะทะลุได้กระทั่งเหล็ก
เล็งเป้า ยิง
ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!
ลู ก ธนู ตั ด ผ่ า นอากาศด้ ว ยเสี ย งที่ ดั ง กว่ า เดิ ม
เพียงชั่วขณะแต่ก็สามารถเห็นได้ว่า มันกระทบเข้า
ที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วของมอนสเตอร์อย่างแม่นยา
แต่ว่า...
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
ลูก ธนูที่ผมยิงออกไปส่งเสียงดังและร่วงหล่น
อย่างไร้ป ระโยชน์ มันไม่สามารถทะลุเปลือกของ
มอนสเตอร์ระดั บ บอสได้ ไม่ใ ช่ ว่ าไม่มีผ ลกระทบ
ใดๆ ผมรู้สึกถึงคลื่นพลังเวทย์สะท้อนอยู่ภายในของ
มัน ทาให้มอนสเตอร์คู้ตัวลง
ม อ น ส เ ต อ ร์ ร ะ ดั บ บ อ ส ไ ด้ รั บ ค ว า ม
กระทบกระเทื อน ร่ างของมั นก าลั งขดเข้า หากั น
ปัญหานี้ผมจะเก็บไว้ถามเซราฟวันหลัง ตอนนี้ผม
เริ่มวิ่งตามคนอื่นๆ ไป
ทันทีที่มองไปข้างหน้า ผมก็เห็นทุกคนกาลังวิ่ง
กันอย่างขยันขันแข็ง ถ้ามองจากระยะทางที่เหลือ
อีก 100 เมตรก็จะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ภายใน
ได้ ไม่รู้ว่าเป็นการรอดตายแบบหวุดหวิดหรือไม่ แต่
เห็นได้ชัดว่าทุกคนปลอดภัยดี
ผมรู้ สึ ก ว่ า มี อ ะไรบางอย่ า งแปลกๆ ผมไม่ ไ ด้
บาดเจ็ บ มากนั ก และเวลาในการฟื้ น ตั ว ก็ น่ า จะ
เพียงพอ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงวิ่งของมอนสเตอร์
ไม่ได้ยินเสียงตึงตังด้วย
ผมนึกถึงท่าทางของพวกมังกี้ที่กระโดดตามผม
ในการต่อสู้เมื่อวานนี้ กับท่าทีที่มอนสเตอร์ขดตัว
ตอนที่กาลังคิดอยู่นั้นก็ได้ยินเสีย งลมพัดขึ้นมาจาก
ด้านหลัง
ฟิ้วววว!
การคาดเดาของผมกลายเป็ น เรื่ อ งจริ ง มอน
สเตอร์ ร ะดั บ บอสนั้ น โหดร้ า ยและรอบคอบ ถ้ า
เป็นไปตามนั้นก็จะรู้ความจริงที่ว่า มันไม่สามารถ
จับใครได้สักคน มันไม่ได้ขดตัวเพราะถูกโจมตีจาก
ลูกธนู แต่เพราะมันกาลังเตรียมพร้อมสาหรับการ
กระโดดครั้งใหญ่
เงาขนาดใหญ่ พ าดผ่ า นพื้ น ที่ โ ดยรอบ มอน
สเตอร์มองกลุ่มของเราที่กาลังวิ่งอยู่ข้างหน้าผม
อั น ฮยอนก าลั ง วิ่ ง อยู่ ข้ า งหน้ า ฮั น บยอลกั บ ยู
จองตามหลังเขาอย่างใกล้ชิด อันซลเองก็พยายาม
วิ่งอยู่ แต่ด้วยพละกาลังที่แตกต่างกันจึงวิ่งรั้งท้าย
คนอื่นอยู่ ทั้งสามคนอาจจะไม่รู้ แต่อันซลอยู่ใ น
ระยะที่เป็นอันตราย
มอนสเตอร์แหวกผ่านอากาศและลงสู่ด้านหลัง
ของอันฮยอนและพรรคพวกโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้
เตือน แผ่นดินสั่นสะเทือนและเกิดเสียงดังสนั่นโลก
อันฮยอนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าก็โยกคลอนอย่างแรงจน
ร่างเซ ในหัวของผมถูกย้อมเป็นสีขาวโพลนเมื่อมอง
ฉากนั้น ผมคิดอะไรไม่ออกเลย
และในตอนนั้นเองข้อความหนึ่งก็แวบขึ้นมา
[พลังซ่อนเร้นดวงตาแห่งจิตใจ (ระดับ A+) เริ่ม
เปิดใช้งาน ไม่ใช่แค่มองเห็นรูปลักษณ์ภายนอกที่มี
ดวงตาแห่งจิตใจสามารถมองทะลุไปถึงภายในของ
เป้าหมาย อีกทั้งยังทาให้เกิดปรากฏการณ์ไตร่ตรอง
ตนเองและมีความสามารถในการสังเกตและรับรู้
สรรพสิ่ ง หรื อ ในรู ป แบบที่ ค ล้ า ยคลึ ง กั น จิ ต ใจที่
ควบคุมได้ถึงขั้นสุดสามารถรักษาความสงบไว้ได้
แม้จะอยู่ภายใต้เวทมนตร์ที่แปดเปื้อนจิตวิญญาณ
ซึ่งต่ากว่าระดับ S]
“ฟู่.......”
ความรุ่มร้อ นในหัว เย็น ลงอย่างรวดเร็ว หัว ที่
เคยขาวโพลนไร้ ซึ่ ง ความคิ ด ใดๆ เติ ม เต็ ม ด้ ว ย
สติสัมปชัญญะ มุมมองคับแคบก่อนหน้านี้เปิดกว้าง
และเริ่มมองเห็นในสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในสายตา
และผม... ก็หัวเราะ ระเบิดหัวเราะออกมาเสียง
ดัง
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 12
สิ่งที่ผมกังวลมาจนถึงตอนนี้คืออะไรกันนะ มัน
เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งในช่วงเวลาที่ลาบาก
และในช่วงเวลาที่เจ็บปวด ผมผ่านประสบการณ์น่า
หวาดเสียวมาหลายครั้ง
ผมไม่หวั่นเกรงและไม่หวาดกลัว ไม่หักโหม ผม
ขีดเส้นสิ่งที่ตัวเองสามารถทาได้และทาสิ่งนั้นให้ดี
ที่สุด นั่นเป็นหลักการตอนที่ผมเป็นผู้เล่นของฮอลล์
เพลนครั้งแรก
ไม่มีเวลาสาหรับความอ่อนแอในฮอลล์เพลน
ผู้คนที่ล้มตายก่อนดอกไม้จะบานก็เพราะแสดงพลัง
และเปิดเผยความสามารถของตนเอง ได้เห็นผู้คน
เหล่านั้นแล้ว ผมก็กาชับกับตนเองว่าจะไม่เปิดเผย
ตัวตนเด็ดขาด
ผมอาศัยอยู่ในเงามืดโดยไม่มีใครรู้ว่าผมคือนัก
ดาบที่ มี ค ะแนนเวทมนตร์ 48 คะแนน ผมยึ ด ถื อ
ความคิดดังกล่าวขณะที่ใช้ชีวิตเป็น 10 ปีที่ฮอลล์เพ
ลน แน่นอนผมมีความคิดที่จะทาแบบนั้นเพราะมัน
ยังจาเป็นอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากตัวผมใน
อดี ต การใช้ วิ ธี เ ดิ ม ๆ ก็ ค งได้ แ ต่ ผ ลลั พ ธ์ แ บบเดิ ม
เท่านั้น ตอนที่ไม่สามารถปกป้องพี่ชายและตอนที่
สูญ เสียแคลนลอร์ดที่ผมรัก และเชื่ อใจไปต่อหน้า
ผมเสียใจมาก ผมไม่ต้องการซ้ารอบเดิมอีกครั้งและ
ไม่ ไ ด้ ย้ อ นกลั บ มาเพื่ อ เปลี่ ย นแปลงอดี ต อย่ า ง
แน่นอน แต่ตอนนี้ผมอยากจะเปลี่ยนมัน
ผมวิ เ คราะห์ ส ถานการณ์ ใ นการต่ อ สู้ ค รู่ ห นึ่ ง
และคานวณการตอบโต้ที่ดีที่สุด คานวณพลังเวทย์
ที่ จ า เ ป็ น ใ ห้ แ ม่ น ย า เ พื่ อ ห า แ ผ น ก า ร ที่ เ พิ่ ม
ประสิทธิภาพ ผมไม่คิดจะซ่อนตัวตนของตัวเองอีก
ต่อไป หากจาเป็น ผมจะทา แน่นอนว่าหากถูกพบ
เข้าก็จะลาบาก แต่วิธีการแก้ง่ายดาย แค่ไม่โดนจับ
ได้ก็พอ ผมในตอนนี้มั่นใจว่าสามารถทาแบบนั้นได้
ในเวลาไม่ถึง 1 วิ นาที ผมก็ วิ เ คราะห์ เ สร็จสิ้ น
ผมค้นหาตาแหน่งของอันซลและยืนยันว่าเธอยัง
รอดชีวิต สิ่งที่ต้องทาเป็นอันดับแรกคือจัดการกับ
ค่ า ความโกรธของมอนสเตอร์ ผมถู ก บดบั ง จาก
สายตาคนอื่นๆ ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของมัน
ผมดึงพลังเวทย์ออกมาเต็มที่และเตรียมลูกธนู
เวทมนตร์ที่สามารถเจาะผิวหนังของมันได้ ตอนนี้
ผมยิงธนูทันทีโดยไม่จาเป็นต้องเล็งเป้า
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
มันรู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรงจากด้านหลังจึงหัน
กลั บ มามอง แต่ ลู ก ธนู พุ่ ง ไปด้ ว ยความเร็ ว ที่ ต่ า ง
ระดับกัน ลูกธนูทั้งสามปักเข้าที่อกของมอนสเตอร์
โดยที่ มั น ไม่ มี โ อกาสได้ โ ต้ ต อบ ทว่ า ยั ง มี บ างสิ่ ง
เหลืออยู่
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ลูกธนูที่อัดแน่นด้วยพลังเวทย์ส่งเสียงราวกับ
ระเบิดและทาลายผิวหนังของมอนสเตอร์ สามารถ
เห็นผลลัพธ์ได้ทันตา
ครืดดดดดดดด!
เจ็ บ งั้ น เหรอ ก็ ค งเจ็ บ นั่ น แหละ ผมวิ่ ง อย่ า ง
รวดเร็วพลางมองบอสมอนสเตอร์ส่ง เสียงร้องอย่าง
เจ็บปวด ผมเปิ ดใช้ตาที่สาม อันฮยอน ฮันบยอล
และยูจองยังคงวิ่งโซเซกันอยู่ บางทีอาจจะยังไม่รู้ว่า
อั น ซลพลั ด หลงจากลุ่ ม แต่ ก็ ไ ม่ เ ป็ น ไร แบบนี้
ค่อนข้างจะง่ายสาหรับผม...
เดี๋ยวนะ อันฮยอนหยุดวิ่งแล้ว
“ซล! ซล! ซล! ตอบพี่หน่อย!”
ได้ยินอันฮยอนส่งเสียงเรียกอย่างร้อนอกร้อนใจ
เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าอันซลหายไป หลังจากแอบ
เรียกเขาในใจไปว่าเจ้าบื้อ ผมก็ยิ่งเร่งความเร็วขึ้น
อี ก พริ บ ตาเดี ย วระยะห่ า งของผมกั บ บอสมอน
สเตอร์ ก็ ล ดลง มอนสเตอร์ ที่ ก าลั ง ส่ ง เสี ย งครวญ
ครางเห็นผมซึ่งกาลังวิ่ง มันยกมือขวาอันใหญ่โตขึ้น
สูง แขนสั่นระริกด้วยความโกรธ
ยัง ไม่ไ ด้ มี เ จตนาจะให้ถึ ง ตาย ผมจึ ง ละความ
รุ น แรงในการโจมตี แต่ ม อนสเตอร์ ก ลั บ ไม่ รู้ จั ก
บุญคุณ แน่นอนมันคงไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ มันฟาด
มือลงมาทางผมอย่างไม่ลังเล โฉบปลายนิ้ววาววับที่
แหลมคมราวกับเคียวมาที่ผมซึ่งเป็นเป้าหมาย ถ้า
คนทั่ ว ไปมองมาก็ ค งจะชาวาบไปทั้ ง ตั ว แต่ ใ น
สายตาของผม มันเชื่องช้าประมาณอ้าปากหาว
หลั ง จากเตะพื้ น ด้ ว ยเท้ า ข้ า งหนึ่ ง เพื่ อ เร่ ง
ความเร็ว ผมก็ งอตั ว อย่า งรวดเร็ว ท าให้ร่ างกาย
ขนานไปกั บ พื้ น นิ้ ว มื อ ปั ด ผ่ า นใบหน้ า ผมไป แต่
เฉียดเส้นผมไม่กี่เส้นจนปลิว
ผมหลบเลี่ยงการโจมตีของบอสมอนสเตอร์และ
เข้าไปด้า นในได้สาเร็จ มันเป็ นทางลาดที่สะอาด
และในทิศทางนั้น ผมพบอันซลที่กาลังไออย่างหนัก
ใช้สองมือค้าตัวไว้กับพื้น
แค่ก! แค่ก!
บริเ วณโดยรอบเต็ มไปด้ว ยฝุ่ นดิ น น่า จะเป็ น
ผลกระทบจากตอนที่ ม อนสเตอร์ ลุ ก ขึ้ น จากการ
กระโดด ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงจะปลอบโยนและทา
ให้อันซลวางใจ แต่ตอนนี้ ไม่มีทั้งเวลาและความคิด
ที่จะทาแบบนั้น
หลังจากที่ดึงตัวเธอเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผมก็
กอดเจ้าหญิงไว้ในอ้อมแขน เด็กสาวทาหน้าตกใจที่
เห็นผมมาอยู่ที่นี่ เธอพูดด้วยน้าเสียงสั่นเครือ
“พี่... พี่ซูฮยอน”
“เงียบก่อน เอาล่ะ หนีจากเจ้านั่นกันดีกว่า”
เมื่อพูดจบ ผมยิงธนู ไปที่ด้านหลังสามดอกใน
ขณะที่ออกวิ่ง ผมไม่รอดูผลลัพธ์และเริ่มวิ่งผ่านฝุ่น
ที่ ฟุ้ ง ไปทั่ ว ได้ ยิ น เสี ย งกรี ด ร้ อ งของมั น อี ก ครั้ ง ดู
เหมือนจะเจ็บตรงไหนสักที่
ใบหน้าของอันซลเป็ นอะไรที่น่ามอง เธอเงย
หน้ามองผมด้วยดวงตาที่เอ่อล้นด้วยน้าตา จับจ้อง
ราวกับผมเป็นพระเจ้า อันฮยอนสะบัดตัวหนีจาก
การห้ามปรามของยูจองกับฮันบยอล จากนั้นก็วิ่ง
ย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อเห็นผมฝ่าฝุ่นออกมา เขา
ถึงกับอ้าปากค้าง
ตลกมากๆ สีหน้าของอันฮยอนที่เห็นผมนั้นมี
การเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย ทีแรกเป็นสีหน้าว่าง
เปล่ า ต่ อ มาก็ ดู โ ล่ ง ใจ สุ ด ท้ า ยก็ เ ปลี่ ย นเป็ น จวน
เจียนจะร้องไห้ เพราะเป็ นพี่น้องกันก็เ ลยรู้สึก ไม่
สบายใจ
ดู เ หมื อ นทั้ ง พี่ ช ายและน้ อ งสาวก าลั ง จะเริ่ ม
ปาร์ตี้น้าตา ให้ตายสิ ผมคิดอยู่ในใจพลางสับเท้าวิ่ง
ไม่หยุด
ตอนนั้นเองคิมฮันบยอลมองมาที่ผมและตะโกน
อะไรบางอย่างด้วยเสียงเร่งเร้า ผมรู้สึกเย็นวาบจาก
ด้ า นหลั ง แน่ น อนว่ า มั น คงไม่ คิ ด จะปล่ อ ยเราไป
ง่ายๆ
หางของบอสมอนสเตอร์โค้งสะบัดราวกับแส้
พยายามที่จะฟาดลงมาบนหลังของผม หากถูกฟาด
ด้วยหางที่บิดไปบิดมานั่น แม้ว่าผมจะไม่เป็นอะไร
แต่อันซลคงไม่อาจรับแรงกระแทกที่แผ่ซ่านบนร่าง
ของผมได้แน่
ผมเกิดความคิดอยากจะจับเจ้านี่ขึ้นมา ถ้าจับ
มอนสเตอร์ระดับบอสที่ไม่มีใครในฮอลล์เพลนจับได้
คงสามารถประเมินเป็ นผลงานและอาจจะมีก าร
ชดเชยอะไรบางอย่างให้ก็ได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงมีใจที่
อยากจะจับบอสมอนสเตอร์ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง
ดังนั้นผมและกลุ่มของอันฮยอนจึงจาเป็นต้อง
แยกกันสักครู่ ผมตั้งใจยอมรับการโจมตีครั้งนี้
หางของมันฟาดเข้าที่หลังของผมเต็มแรง การ
กระแทกรุนแรงสะท้านผ่านหลังของผมไปพร้อม
เสียงดังพลั่ก ไม่ได้เจ็บปวดแต่ร่างกายของผมเด้ง
กลับไปด้วยแรงสะท้อน เพราะพลังนั่นไม่ได้ไปไหน
ผมยอมรับผลกระทบที่ทาให้เวทมนตร์แทรก
ซึมเข้าสู่ร่างกาย หลักการพื้นฐานคือทฤษฎีการใช้
พลังในปริมาณเล็กน้อยเพื่อควบคุมพลังที่แข็งแกร่ง
กว่า แต่ปรับให้เข้ากับผม เป็นเทคนิคการแบ่งรับ
และปรั บ แรงที่ เ ข้ า สู่ ภ ายใน ส าหรั บ ตอนที่ ไ ด้ รั บ
ผลกระทบที่ปกติแล้วจัดการได้ยากก็ใช้เทคนิคการ
แผ่ขยายแรงกระแทกไปทั่วร่าง แต่ว่าผมเคยใช้วิธีนี้
แล้ว
ควบคุ ม พลั ง ในระดั บ พอประมาณที่ อั น ซล
สามารถทนรั บ ได้ ซั ด พลั ง ออกไปด้ า นหน้ า และ
หลังจากใช้แ รงที่เหลือเอียงตัวไปด้านข้างให้มาก
ที่สุด ผมก็ยกตัวขึ้น ผมกระซิบข้างหูอันซลเล็กน้อย
ก่อนที่เราจะกระเด็นออกจากกัน
“ถ้าลุกขึ้นแล้ว รีบหนีไปที่วาร์ปเกตเลยนะ”
ยังไม่มีโอกาสได้ตอบ ร่างกายของเราสองคนก็
กระเด็นกระดอนอย่างหนัก ผมกระเด็นไปทางซ้าย
ส่วนเธอกระเด็นไปทางที่คนอื่นๆ อยู่ คะแนนความ
โชคดีของอันซลอาจจะเริ่มทางานอีกครั้งในตอนนี้
ร่างของอันซลจึงได้ตกลงสู่อ้อมแขนของอันฮยอน
พอดิบพอดี
หลังจากที่ร่วงลงบนพื้นอีกครั้ง ผมก็กลิ้งตัวไป
บนพื้น แต่แล้วก็ต้องรีบลุกขึ้นในทันที
แน่นอนว่ามอนสเตอร์ระดับบอสที่ปรากฏตัวใน
พิธีเปลี่ยนสภาวะมีระดับที่แตกต่างจากพวกมอน
สเตอร์อื่นๆ มันรับรู้ได้ว่าผมเป็นอันตรายสาหรับมัน
มอนสเตอร์ไม่เพียงแค่ขู่ แต่กระโจนมาทางผมด้วย
ท่ า ทางกระหายเลื อ ด ดู ท่ า ค่ า ความโกรธจะพลุ่ ง
พล่านแล้วแน่ๆ
โครม!
แผ่ น ดิ น ไหวรุ น แรงอี ก ครั้ ง พร้ อ มเสี ย งดั ง ลั่ น
แน่นอนว่าผมหลบเลี่ยงได้ทันแต่ร่างกายก็สั่นไหวไป
ด้วย เมื่อมอนสเตอร์โจมตีไม่โดนผม มันก็ยิ่งโกรธ
มากขึ้ น จึ ง พยายามไล่ เ หยี ย บบริ เ วณที่ ผ มยื น อยู่
อย่างเอาเป็นเอาตาย
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
กี๊ด กี๊ด กี๊ด กี๊ด
“พี่คะ!”
“พี่ครับ!”
ทามายยยยย ก็อยากจะตอบไปแบบนั้นอยู่ แต่
เพื่อรักษาภาพลักษณ์พี่ชายผู้เงียบขรึมเอาไว้ผมจึง
หุบปากเงียบ ปกติผมคงจะโบกไม้โบกมือพลางบอก
ว่าไม่เป็นไรและหัวเราะออกมา แต่ไม่ใช่กับตอนนี้
ผมส่งสัญญาณมือให้รีบหนีไป แต่พวกเขาไม่ขยับ
เขยื้อนแม้แต่นิดเดียว ผมจึงตะโกนออกไปเต็มเสียง
“รีบหนีไป! เจ้าพวกบื้อ! บอกให้วิ่งไปที่วาร์ป
เกตไงเล่า!”
ดูเหมือนจะกลายเป็นความชุลมุนวุ่นวายเพราะ
คาพูดของผม อันฮยอนวิ่งไปพร้อมกับฝืนลากฮัน
บยอลที่เอาแต่ต่อต้านไว้ไปด้วย ดูเจ้าหมอนั่นสิ ไม่
วิ่งมาแล้วแฮะ ทั้งที่ตอนที่อันซลถูกจับไว้ทั้งสะบัด
ทั้งวิ่งเข้ามาหา ผมเดาะลิ้นพลางกระโดดหลบไป
ด้านข้างอย่างรวดเร็ว เท้าของมอนสเตอร์กาลังจะ
เหยียบลงมาอีกแล้ว
อันที่จริงก็น่าหงุดหงิดที่ผมต้องคอยหลบเลี่ยง
การโจมตีที่ไร้ค่าของมอนสเตอร์ แต่ก็ ต้องอดทน
เอาไว้ นอกจากตั้งใจจะจับมันแล้ว รอแค่เพียงพวก
เด็ ก ๆ หนี ไ ปให้ ไ ด้ ผมก็ จ ะจั ด การมั น ทั น ที พื้ น ที่
โดยรอบปกคลุมด้วยฝุ่นอีกครั้ง เพราะการเหยียบ
ย่าไม่เลือกที่ของมอนสเตอร์
ก่ อ นอื่ น เพื่ อ ให้ ทั ศ นวิ สั ย ชั ด เจน ผมจึ ง ลบ
ร่องรอยของตนเองด้วยเวทมนตร์และเลี่ยงไปทาง
ด้ า นหลั ง ของมั น พริ บ ตาเดี ย วร่ อ งรอยของผมก็
หายไป เมื่อมองไม่เห็น มอนสเตอร์ก็ส่ายหัวไปมา
อย่ า งบ้ า คลั่ ง มั น ค้ น หาผมอย่ า งเอาเป็ น เอาตาย
หลั ง จากมองดู เ ห็ น พฤติ ก รรมของมั น ด้ ว ยสี ห น้ า
เหนื่อยหน่าย ผมก็หันกลับไป
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 13
โชคดีที่อันฮยอนสามารถลากคิมฮันบยอลไปได้
สาเร็จ ดูเหมือนทั้งสี่คนจะไปถึงวาร์ปเกตแล้ว ผม
ของอันฮยอนกระเซอะกระเซิง ท่าทางจะเป็นฝีมือ
ของฮันบยอล พูดตามตรงเป็นสภาพที่ค่อนข้างน่า
ขา
ทันทีที่ทุกคนมาถึง วาร์ปเกตก็เริ่มทางาน ตรง
กลางวงเวทย์สีน้าเงินสั่นไหว หลังจากบริเวณรอบ
พวกเขาถูกล้อมด้วยพลังโปร่งแสง การถ่ายโอนไป
ยังห้องอัญเชิญเริ่มขึ้นแล้ว
หลังจากแสงสีฟ้าโอบล้อมร่างของพวกเขา ผม
ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หน้าที่ของผมจบไป
แล้วหนึ่งอย่าง
สิ่งที่เหลือตอนนี้...
ผมรี บ ล้ ม ตั ว ลงกั บ พื้ น เมื่ อ ฝุ่ น หายไป เพราะ
ท่าทางผมจะต้องถูกบ่นว่าทาไมถึงไม่รีบมาที่วาร์ป
เกต ฮันบยอลมีความสามารถในการซักไซ้ไล่เลียง
อยู่ ไ ม่ น้ อ ย ผมตั้ ง ใจจะอ้ า งว่ า ร่ า งกายลุ ก ไม่ ขึ้ น
เพราะผลจากการถูกหางของมอนสเตอร์ฟาด
และเมื่อฝุ่นหายไปจนหมดก็ยิ่งมองเห็นแสงสี
ฟ้ารอบๆ ทุกคนเข้มขึ้น ร่างกายของพวกเขาค่ อยๆ
หายไปอย่างช้าๆ โดยเริ่มต้นจากเท้า เช่นเดียวกับ
ตอนที่ถูกส่งมาจากจุดเริ่มต้น
ในที่ สุ ด ทุ ก ๆ คน ยกเว้ น ผมก็ ถู ก ถ่ า ยโอน
หลังจากแสงสีน้าเงินกะพริบ
ไปหรือยังนะ
ไปแล้วใช่มั้ย
ไปแล้วสินะ
เงามื ด ปกคลุ ม บริ เ วณโดยรอบของผม มอน
สเตอร์ ร ะดั บ บอสไม่ ย อมพลาดเหยื่ อ ของมั น มั น
คารามพลางจับจ้องมาที่ผม
ผมใช้สองมือค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นจากพื้น เพราะ
กลิ้ ง ไปกลิ้ ง มาอยู่ น านจึ ง รู้ สึ ก ไม่ ค่ อ ยสบายตั ว สั ก
เท่าไหร่ ผมบิดตัว ยืดหลังจนเกิดเสียงกระดูกลั่น
ผมมองธนูที่เคยใช้ ก่อนจะทิ้งมันลงพื้น ตอนนี้
ไม่จาเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว ธนูหล่นลงกับพื้นและ
เกิดเสียง ผมเหยียบธนูบนพื้นอย่างไม่ลังเลใจ
กร๊อบ!
ธนูหัก เป็นสองท่อน ผมยื่นมือไปทางจุดที่ทุก
คนทิ้งสัมภาระเอาไว้ ด้ว ยใบหน้าเรียบเฉย ผมใช้
พลังเวทย์เรียกเอาดาบของอันฮยอนให้ลอยมาหา
ผม
และดาบยาวเล่มนั้นก็มาอยู่ในมือของผม
ขณะที่ อ ยู่ ใ นพิ ธี เ ปลี่ ย นสภาวะ ความรู้ สึ ก
แปลกๆ ที่ไม่สามารถก าจัดทิ้งไปได้คือการที่ไม่มี
ดาบอยู่ในมือ ที่ฮอลล์เ พลน ดาบไม่ต่า งอะไรกั บ
ชี วิ ต ของผม ทั้ ง ตอนหลั บ ตอนกิ น ข้ า ว หรื อ
แม้กระทั่งตอนอาบน้า ผมจะต้องมีดาบอยู่ข้างกาย
เสมอ ดังนั้นตอนที่ยกดาบให้อันฮยอนไป ถึงได้รู้สึก
เหมือนถูกขโมยเพื่อนร่วมรบไป
ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว ผมสามารถกลับไปที่
ฮอลล์ เ พลนได้ อี ก ครั้ ง ผมเฝ้ า รอเวลานี้ ม านาน
เท่าไหร่แล้วนะ ผมปราราถนาที่จะได้กลับไปที่นั่น
อีก ครั้ง ความฝันจะเป็ นจริงเมื่อผมได้รับซีโร่โค้ด
ความเป็นจริงอยู่ห่างออกไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
ผมรู้สึกว่าหัวใจกาลังเต้นแรง
ความรู้สึกที่รุนแรงปลุกไฟที่หลับใหลอยู่ภายใน
ใจของผมให้ลุกโชน หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกราว
กับเลือดในกายกาลังเดือดพล่าน ลมหายใจที่หยุด
ไป หัวใจที่ตายด้านเริ่มเผาไหม้ขึ้นอีกครั้ง เป็นการ
เปิดฉากครั้งใหม่ของการต่อสู้ที่ยาวนาน
ครืดดดดดดด!
ผมได้ยินเสียงของมอนสเตอร์ ผมจ้ องดาบใน
มื อ เงี ย บๆ ก่ อ นจะฟั น ไปที่ มั น แม้ ว่ า ผมจะมี
ความสามารถมากกว่ า แต่ ก่ อ น แต่ ก็ ไ ม่ มี อ ะไร
รับรองว่าผมแข็งแกร่งที่สุด
แต่ผมก็ไม่ได้หวั่นกลัว แม้จะต้องตกนรกอีกครั้ง
หรือแม้ว่าจะมีบาดแผลก็ตาม ผมสาบานไว้ว่าจะไม่
ยอมแพ้เด็ดขาด ผมยกดาบขึ้นโดยไม่กังวลแม้แต่
น้อยและเล็งไปที่บอสมอนสเตอร์
ช่ ว งเวลาที่ ผ มถื อ ดาบไว้ ด้ ว ยใจที่ มุ่ ง มั่ น
บรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
[เปิดใช้สกิลพิเศษ นักดาบ (ระดับ EX) จะได้รับ
การแก้ไขในเชิงบวกทุกการกระทาในขณะที่ถือดาบ
ไว้ ประสบการณ์ ที่ ผ่ า นมาและผลงานมากมาย
รวมทั้งความสามารถได้รับการเลื่อนขั้น 2 ระดับ]
[เปิดใช้สกิลลับ การต่อสู้ประชิดตัว (ระดับ A+)
เป็นความสามารถเกินขีดกาจัดสาหรับผู้ที่ใช้อาวุธ
ระยะใกล้ ในการต่อสู้ระยะประชิดไม่มีทางถูกโต้
กลั บ ประสบการณ์ ที่ ผ่ า นมาและความสามารถ
ได้รับการเลื่อนขั้น 1 ระดับ]
ผมเคยเป็นนักดาบทั่วไปและตอนนี้เป็นนักดาบ
ผู้เชี่ยวชาญแล้ว ผมมีความสามารถที่เกี่ยวข้องกับ
ดาบและมีคลาสที่สัมพันธ์กับดาบ ความแตกต่าง
ระหว่างพลังในตอนที่มีดาบและตอนที่ไม่มีดาบนั้น
ต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าหากก่อนหน้านี้เป็นดั่งเมฆ
ลอยบนฟ้าที่จางหายไป ตอนนี้ความตั้งใจ ‘ฉันจะ
ฆ่าแกเอง’ ที่แน่วแน่ของผมก็เป็นดั่งพายุที่โอบล้อม
เจ้าหมอนั่นเอาไว้
ตอนนี้ ใ นสายตาของผม มั น ต่ าต้ อ ยเที ย บกั บ
แมลงยังไม่ได้ด้วยซ้า ผมก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่
มอนสเตอร์ถอยกลับไปด้านหลัง เป็นสถานการณ์ที่
ช่ว ยไม่ได้ แม้ว่ าจะเฉลียวฉลาดแค่ไหน ก็ ยังคงมี
สัญชาตญาณของมอนสเตอร์อยู่ดี มันสูญเสียความ
ตั้งใจที่จะต่อสู้ไปแล้ว เมื่อรับรู้ถึงระดับที่แตกต่าง
กันระหว่างเรา
พื้นฐานการใช้ดาบของผมมีต้นกาเนิดมาจากไท
เก๊ก เป็นทักษะที่ใช้พลังของฝ่ายตรงข้ามมากกว่าที่
จะสู้ด้วยพลังที่เหนือกว่า เป็นวิธีที่จะรับมือกับกาลัง
วังชาที่มีอยู่ เมื่อเทียบกับพวกผู้เล่นระดับสูง
หากจะอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ก็คือ เป็นการใช้
ทฤษฎีจดจ่ออยู่กับลมหายใจที่นุ่มนวล และเอาชนะ
ความแข็งกระด้างด้วยความอ่อนโยน จุดสาคัญคือ
นิ่งสงบสยบทุกความเคลื่อนไหว
ผมค่อยๆ ลดดาบลง ตอนนี้ผมคิดจะโจมตีก่อน
โดยไม่คาดหวังผลสาเร็จจากมัน ท่าทางในตอนนี้
คือท่าเตรียมพร้อมอย่างหนึ่ง ก่อนที่จะดึงดาบออก
จากฝัก
แน่นอนผมรู้ว่ามันดูเป็นสถานการณ์ที่เหมือน
ผมไม่พร้อมจะต่อสู้ แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถเดา
ได้ ว่ า ผมจะโจมตี ค รั้ ง แรกในทิ ศ ทางใด ใน
สถานการณ์นี้ หากกวัดแกว่งดาบด้วยความเร็วราว
สายฟ้า อีกฝ่ายอาจเดาทางของดาบได้ หรือไม่ก็มี
โอกาสที่ผมจะได้โจมตีก่อน
ผมจ้ อ งมอนสเตอร์ ร ะดั บ บอสที่ สั่ น ระริ ก อยู่
เบื้องหน้าและฟาดฟันในทันที
ดาบของผมตัดผ่านอากาศพุ่งไปหามันโดยไร้ซึ่ง
ความลังเลใจ
***
“เริ่ ม ต้ น การตรวจสอบ เป็ น เพลงดาบที่ ย อด
เยี่ยม ผู้เล่นคิมซูฮยอน ท่านได้รับสิทธิ์เข้าสู่ฮอลล์เพ
ลน ด้วยเวลา 6 วัน 16 ชั่วโมง 42 นาที 27 วินาที”
ผมหั่นครึ่งมอนสเตอร์ในดาบเดียว หลังจากนั้น
ก็ ก ลั บ มาที่ ห้ อ งอั ญ เชิ ญ เซราฟเป็ น คนแรกที่ พู ด
ขึ้นมาเมื่อเห็นผม
หล่ อ นนั่ ง อยู่ บ นแท่ น บู ช าเล็ ก ๆ ขยั บ ปี ก ส่ อ ง
สว่างเบาๆ พลางมองมาที่ผมอย่างเงียบงัน เป็นการ
พบกันอีกครั้งภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ แต่ผมกลับ
รู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน ผมพยักหน้าแบบ
ขอไปทีและนั่งลงกับพื้น
“คนอื่นล่ะ”
เป็ น ค าถามที่ ไ ม่ มี จุ ด สิ้ น สุ ด แต่ ว่ า พิ ธี เ ปลี่ ย น
สภาวะนั้นแตกต่างจากฮอลล์เพลน เป็นพื้นที่ที่ไม่
จากัดการเฝ้าดูผู้เล่น แน่นอนว่าหล่อนต้องเห็นการ
กระทาของผู้เ ล่นคนๆ อื่นเช่ นเดียวกั บ ที่ เห็นการ
เล่นของผม
“ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลผู้เล่นคน
อื่นๆ”
“ผมไม่ ไ ด้ ส งสั ย เรื่ อ งสั ด ส่ ว นเสี ย หน่ อ ย ก็ แ ค่
อยากรู้ว่าพวกเขาปลอดภัยดีหรือเปล่าก็เท่านั้น คุณ
รู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้วนี่”
เซราฟที่ได้ยินคาพูดของผมถอนหายใจ จากนั้น
ก็ตอบคาถามด้วยความนิ่งเฉย
“ผู้ เ ล่ น อั น ฮยอน อั น ซล อี ยู จ องและคิ ม ฮั น
บยอลถูกส่งไปที่ห้องอัญเชิญโดยสวัสดิภาพ ตอนนี้
กาลังรออยู่กับพวกฑูตสวรรค์”
“งั้นเหรอ เรียนรู้ครึ่งวัน แล้วค่อยเข้าสู่ฮอลล์เพ
ลนใช่มั้ย”
“การเรียนรู้ไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้น เพียงแต่
จะต้องแสดงความสามารถและคลาสที่เหมาะสม
กับลักษณะของผู้เล่น ผู้เล่นคิมซูฮยอน ถึงจะเคยชิน
กับการเป็นผู้นาตัวเอง แต่ก็หวังว่าจะเป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกันกับผู้เล่นคนอื่นๆ นะคะ”
ผมเงี ย บกั บ ค าพู ด นั้ น ในอดี ต หลั ง จากที่ ผ ม
กลับมายังห้องอัญเชิญใน 7 วัน ผมผ่านเข้าสู่ฮอลล์
เพลนเมื่ อ ได้ เ รี ย นรู้ ก ารตั้ ง ค่ า พื้ น ฐานและเรื่ อ ง
พื้นฐานเกี่ยวกับฮอลล์เพลนอย่างละเอียด ตอนนั้น
รู้สึกราวกับผ่านไปครึ่งวัน
“เราจะท าการรวบรวมผู้ เ ล่ น ทั้ ง หมดส่ ง ไปที่
ฮอลล์เพลน ดังนั้นจึงมีความจาเป็นต้องรอผู้เล่นที่
ได้รับสิทธิ์ เมื่อจบ 7 วันของพิธีเปลี่ยนสภาวะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ส่งผม...”
“ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ”
นี่ไม่ใช่เรื่องน่าพอใจสาหรับผมที่อยากจะไปที่
นั่นเร็วๆ ผมจัดการบอสมอนสเตอร์ได้รวดเร็วก่อน
มาที่นี่ พอตั้งใจจะถาม เซราฟก็ตัดบทเสียก่อนที่จะ
ได้ฟังทั้งหมด ผมจึงได้แต่บ่นพึมพาอย่างขุ่นเคืองใจ
“ถ้ า งั้ น ก็ ห มายความว่ า ผมต้ อ งอยู่ ที่ นี่ ค รึ่ ง วั น
หรือไม่ก็ทั้งวันเลยน่ะสิ แล้วก็ได้แต่รองั้นเหรอ ให้
ผมเล่นตบแปะกับคุณดีมั้ย”
ผมทาเสียงหงุดหงิด แต่เซราฟก็ตอบกลับอย่าง
ชัดถ้อยชัดคา
“ถ้าท่านต้องการก็ได้นะ แต่ข้าจะให้ข้อมูลของ
ฮอลล์เพลนโดยละเอียดสาหรับผู้เล่นที่ผ่านมาได้
เร็ว”
“ไม่จาเป็น”
“ถ้าอย่างนั้นจะเล่นตบแปะมั้ย”
“เฮ้อ... ไม่ล่ะ แค่คุยกันก็พอ”
ผมมองเซราฟอย่างจริงจังพลางส่ายหน้า ช่าง
เป็นทูตสวรรค์ที่ไม่รับมุกเอาเสียเลย ผมตัดสินใจ
ลองถามเรื่องที่สงสัยเกี่ยวกับฮอลล์เพลน แน่นอน
ว่าพูดไปด้วยน้าเสียงหาเรื่อง
เซราฟที่ได้ฟังคาพูดของผมก็เอียงคอไปมาก่อน
จะพยักหน้าเล็กน้อย
“ผมรู้สึก ถึงเรื่องนี้ตอนที่อยู่พิธีเปลี่ยนสภาวะ
พวกคุณเคยคิดเรื่องสมดุลหรือเปล่า”
“ค่ะ”
เซราฟตอบสั้นๆ
“ลืมเรื่องการแข่งขันกับของที่หล่นกลางป่าไป
ก่อน... บอสมอนสเตอร์ในคาสั่งเรียกตัวเป็นปีศาจ
อะไร พิธีเปลี่ยนสภาวะที่แท้จริงคืออะไร พวกผู้เล่น
ไม่สามารถผ่านไปได้นี่นา”
“แล้วมีปัญหาอะไรเหรอคะ”
“สุดท้ายถ้าไม่มีผม พวกเราก็ไม่ต่างอะไรจาก
การพ่ายแพ้ ผมแค่ไม่เข้าใจเหตุผลที่ส่งมอนสเตอร์
มา”
เซราฟตอบค าถามของผมโดยไม่ ลั ง เลแม้ แ ต่
น้อย
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 14
“พิ ธี เ ปลี่ ย นสภาวะจะถู ก ปรั บ สมดุ ล โดย
อัตโนมัติให้เหมาะสมกับระดับของผู้เล่นที่เข้าร่วม
ในแต่ละรอบ แน่นอนว่าในรอบนี้ได้ยกเว้นผู้เล่นคิม
ซูฮยอนเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามในปีนี้ มีพวกผู้เล่น
ที่มีความสามารถอยู่มากมาย”
“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ไม่เข้าใจเรื่องมอน
สเตอร์ระดับบอสอยู่ดี พวกผู้เ ล่นที่ไม่สามารถใช้
พลังเวทย์ได้จะเอาชนะมอนสเตอร์ได้ยังไง”
“เป็ น ไปไม่ ไ ด้ ที่ จ ะเอาชนะ มี วิ ธี ก ารโจมตี
แตกต่างกันออกไปค่ะ มอนสเตอร์ระดับบอสจะถูก
สุ่มเรียกในระยะ 200 เมตรถึง 300 เมตรจากวาร์ป
เกต การเผชิญหน้าตัวต่อตัวนั้ นเป็นไปไม่ได้ ถ้ามี
อย่างน้อยห้าคน ก็จะมีคนไปที่ว าร์ป เกตได้อย่าง
น้อยหนึ่งคนค่ะ”
ได้ยินที่เซราฟอธิบาย ผมก็เข้าใจในทันที
“... ถ้างั้นจะบอกว่าสี่คนที่วิ่งหนีนั้นเป็นเหยื่อ
ล่อสินะ”
“ถูกต้อง”
ผมพู ด อะไรไม่ อ อก แต่ ใ นทางกลั บ กั น ผมก็
เข้าใจเหตุผลที่วางตาแหน่งของบอสมอนสเตอร์ไว้
บริเวณวาร์ปเกต พวกผู้เล่นที่รอดชีวิตต้องได้ลิ้มรส
ความโศกเศร้ า ที่ สู ญ เสี ย พรรคพวก เรื่ อ งแบบนี้
เกิดขึ้นบ่อยๆ ในฮอลล์เพลน ดูเหมือนจะตั้งใจให้
เริ่มต้นด้วยการมอบผลลัพธ์แบบนี้กันตั้งแต่แรก
ถึงจะคิดว่าเป็นรสนิยมแปลกๆ แต่ผมก็ ไม่ได้
พู ด อะไร เหตุ ผ ลที่ ผ มย้ อ นกลั บ มาก็ เ พราะผมไม่
สามารถเอาชนะความสูญเสียที่กล่าวถึงไปได้ ผม
ถอนหายใจ ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนเรื่องคุย แต่เซราฟก็
พูดขึ้นก่อน
“ข้ายอมรับว่ามีระดับความยากง่ายที่ต่างกัน
ส าหรั บ สี่ ค นที่ ม าถึ ง ก่ อ นนั้ น ข้ า ได้ ใ ห้ ร างวั ล เป็ น
โกลด์พอยท์ตามที่กาหนดไว้”
“โอ๊ะ ถ้างั้นมีคนอื่นมาถึงก่ อน นอกจากพวก
เราด้วยงั้นเหรอ แล้วผมล่ะ”
“ผู้เล่นคิมซูฮยอนมาถึงเป็นลาดับที่ 5 สี่คนที่
พูดถึงเมื่อครู่ได้ที่ 1 ร่วมกัน พวกเขาแต่ละคนได้รับ
รางวัลคนละ 2,500 โกลด์พอยท์”
โอ้โห นับว่านี่เป็นข่าวดี ถ้าเริ่มต้นด้วย 2,500
โกลด์พอยท์แล้วล่ะก็สามารถช่วยได้ มากทีเดียว มี
ประโยชน์มากสาหรับร้านค้าพิเศษเฉพาะพวกผู้เล่น
ที่สามารถใช้โกลด์พอยท์ได้ ผมพูดด้วยแววตาเป็น
ประกาย
“ให้โกลด์พอยท์กับผมบ้างสิ”
“น่าเสียดาย แต่ว่านั่นเป็นรางวัลสาหรับที่ 1
เท่านั้น ปกติหนึ่งคนจะได้รับ 10,000 พอยท์ แต่
ครั้ ง นี้ บั ง เอิ ญ มี 4 คนที่ ม าถึ ง ก่ อ น จึ ง ต้ อ งแบ่ ง
ออกเป็น 4 ส่วน ผู้เล่นคิมซูฮยอนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ด้วยค่ะ”
นั่ น สิ น ะ ผมพยั ก หน้ า อย่ า งเสี ย ดาย หากน า
2,500 พอยท์มาแลกเป็นฮอลล์เพลนโกลด์ก็จะซื้อ
อาวุธพื้นฐานได้เลยทีเดียว เมื่อเห็นสีหน้าของผม
เซราฟก็มองมาอย่างไม่เข้าใจ
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน ดูท่าทางจะเสียดายมากนะ
คะ แค่ 2,500 พอยท์เท่านั้นเอง”
“โกลด์พอยท์ไม่ได้งอกออกมาจากพื้นนี่”
“เรื่องนั้นก็ใช่ค่ะ แต่ว่าโกลด์พอยท์ที่ผู้เล่นคิม
ซูฮยอนมีอยู่ ณ ตอนนี้ก็ 3,784,720 พอยท์ คงไม่
ยึดติดกับแค่ 2,500 พอยท์หรอกนะคะ”
...หื้ม
มีมากกว่า 3 ล้านพอยท์งั้นเหรอ
ผมจับใจความจากคาพูดนั้นไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง ผม
นึ ก ถึ ง บางอย่ า งที่ เ ซราฟเคยพู ด ไว้ ก่ อ นที่ จ ะ
ย้อนกลับมายังอดีต
“อย่าเข้าใจผิดและโปรดตั้งใจฟังให้ดี ผู้เล่นคิม
ซูฮยอนในตอนนี้มีพอยท์อยู่เป็นจานวนมาก การ
ป ล่ อ ย ใ ห้ มั น ห า ย ไ ป ไ ม่ ใ ช่ ก า ร ก ร ะ ท า ที่
สมเหตุสมผล”
อาจเพราะมีสิทธิพิเศษ ผมจึงมีคะแนนที่เหลือ
เยอะขนาดนี้ แม้ว่าจะมีพอยท์มากขนาดนั้นแต่ก็
พอจะเข้ า ใจได้ ในช่ ว งครึ่ ง หลั ง ที่ ผ มประสบ
ความสาเร็จอย่างมากมาย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเรื่อง
ของโกลด์พอยท์เลย ในตอนสุดท้ายที่ได้รับซีโร่โค้ด
ผมจ าได้ ว่ า ได้ รั บ โกลด์ พ อยท์ เ ป็ น จ านวนมาก
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นความโชคดีที่ไม่คาดคิดมาก่อน
“เยี่ยม ถ้างั้นเรียกรายการไอเทมของร้านค้าผู้
เล่นให้ทีสิ เรียกมาที่นี่ได้นี่”
“ได้ เข้าใจแล้วค่ะ แต่ยังมีรางวัลที่เหลืออีกนะ
คะ”
“มีอีกเหรอ”
เซราฟพยักหน้าให้กับคาถามของผม
“เป็ น เรื่ อ งของมอนสเตอร์ ร ะดั บ บอส ข้ า จะ
มอบรางวั ล ให้ ทั น ที ตรวจสอบข้ อ ความเพื่ อ ดู
รายละเอียดก็พอ”
เซราฟพูดจบก็โบกมือเบาๆ ทันใดนั้นข้อความ
มากมายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าผม
[ผลงานที่ ยิ่ ง ใหญ่ ! คุ ณ เอาชนะมอนสเตอร์
ระดับบอส นักล่าแห่งพิธีเปลี่ยนสภาวะที่เข่นฆ่าผู้
เล่นที่มีความสามารถไปมากมาย ความสาเร็จนี้จะ
ถูกนับเป็นหนึ่งรายการ]
[ได้รับค่าความสามารถ 2 คะแนน]
[ผู้เล่นได้รับโกลด์พอยท์ 50,000 พอยท์ โกลด์
พอยด์ที่ได้รับสามารถใช้กับร้านค้าพิเศษสาหรับผู้
เล่นในเมืองหรือห้องอัญเชิญได้]
ว้าว
ประสบความสาเร็ จและได้รับ 50,000 โกลด์
พอยท์ก็ดีมากแล้ว แต่ได้รับคะแนนความสามารถ
เพิ่มด้วยจึงทาให้รู้ สึกดีมาก รางวัลสาหรับภารกิจ
แรกคือจะได้รับคะแนนความสามารถทันที แต่ก็มี
เพียงแค่ 4 คะแนนเท่านั้นที่จะได้รับจากการสาเร็จ
การศึกษาที่สถาบันของผู้เล่นในช่วงเวลา 3 เดือน
[ร้านค้า สาหรั บ ผู้ เ ล่ น สามารถซื้ อไอเทมด้ว ย
โกลด์พอยท์ของผู้เล่นเท่านั้น]
[จ านวนโกลด์ พ อยท์ ข องผู้ เ ล่ น คิ ม ซู ฮ ยอน :
3,834,720 GP]
อาวุธ(▽)
เกราะป้องกัน(▽)
เครื่องประดับ(▽)
อุปกรณ์อื่นๆ(▽)
โพชั่น(▽)
โพชั่นพิเศษ(▽)
ใบสั่งสินค้า(▽)
วัตถุดิบ(▽)
ความปรารถนา (โกลด์ พ อยท์ ที่ ต้ อ งการ :
1,000,000GP)
อื่นๆ(▽)
ผมตั้งใจเลือกรายการ แต่ไม่เห็นไอเทมที่กาลัง
มองหา ผมมองไปยังเซราฟพลางพูดขึ้นมา
“ผ ม จ ะ จ่ า ย ใ ห้ 77,777 โ ก ล ด์ พ อ ย ท์
เพราะฉะนั้นรีบเอาไอเทมลับออกมาเร็ว”
เมื่ อ ก่ อ นมี ผู้ เ ล่ น ที่ ใ ช้ 77,777 GP โดยบั ง เอิ ญ
และค้นพบความลับที่ถูกซ่อนเอาไว้ 77,777 GP ที่
ถู ก เรี ย กว่ า Hidden Piece นั้ น สามารถแสดงให้
เห็นผ่านรายการไอเทมลับของร้านค้าสาหรับผู้เล่น
แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เรื่ อ งตลกคื อ ในตอนนั้ น ผู้ เ ล่ น คนนั้ น ก็ ไ ม่
สามารถซื้อไอเทมได้ เพราะไม่มี GP เหลืออยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นจะมีผู้เล่นที่เหลือจานวนโกลด์พอยท์
ขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ
“... รู้เรื่องนั้นได้อย่างไรคะ”
“มอนสเตอร์ระดับบอสบอกมาตอนที่ขอร้อง
ชีวิตจากฉัน”
“กรุณาอย่าโกหกค่ะ ไม่มีปัญหาในการใช้งาน
แต่คราวนี้หวังว่าท่านจะเลิกทาพฤติกรรมแปลกๆ
เหมือนฮวาจองสักที”
ผมพยั ก หน้ า พลางหั ว เราะคิ ก คั ก แต่ เ ซราฟ
เหลือบตามองมาคล้ายจะไม่เชื่อในคาพูดของผม
“... ได้ รั บ 77,777 GP รายการไอเทมลั บ
ทั้ ง หมดจะแสดงแค่ ค รั้ ง เดี ย วเท่ า นั้ น GP ของผู้
เล่นคิมซูฮยอนเหลือ 3,756,943 พอยท์”
เซราฟพูดพร้อมกับทาหน้ายู่เล็กน้อย เธอโบก
มือเบาๆ หนึ่งครั้ง จากนั้นก็เห็นว่ารายการไอเทม
เกิดความเปลี่ยนแปลง ผมไม่ได้สนใจอย่างอื่นและ
เลือกไปที่โพชั่นพิเศษเป็นอย่างแรก บางทีอาจจะมี
ตัวยาที่ช่วยเพิ่มค่าพลังให้ผมก็ได้
หน้ารายการขยายออก ผมจึงเริ่มไล่สายตาทีละ
รายการอย่างใจเย็น
โอ๊ะ มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ เสื้อเกราะสักอันก็
ไม่เลวแฮะ แต่ราคา 300,000 พอยท์ อืม สามารถ
เพิ่มระดับของทักษะพิเศษกับทักษะแฝงได้... และ
เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ผมจึ งจะใช้ GP ให้
มากที่สุดเท่าที่จะใช้ได้
อย่ างไรก็ ต ามผมไม่คิ ด จะซื้อ ความปรารถนา
การใช้ ค วามปรารถนาเป็ น การกระท าที่ ขั ด ต่ อ
ศรั ท ธาของผม และเหนื อ สิ่ง อื่ น ใดการใช้ มัน เพื่ อ
ช่วยเหลือคนอื่นถือเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์
“โห ยานี่เพิ่มค่าความสามารถ 6 พอยท์ ราคา
แค่ 900,000 พอยท์เอง เซราฟ ฉันอยากซื้ออันนี้ 3
อัน”
“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ ไอเทมลับจะหายไปจาก
รายการทันทีที่ถูกซื้อ หรือก็คือสามารถซื้อได้แค่ 1
ครั้งต่อ 1 ไอเทมเท่านั้น ในส่วนของโพชั่นสามารถ
ซื้อได้ไม่เกิน 2 ชิ้น”
นั่นแปลว่า ถ้าผมซื้อโพชั่นพิเศษที่เพิ่มค่าพลัง
ไปแล้ว ผู้เล่นคนอื่นก็จะไม่สามารถซื้อมันได้อีกสินะ
ถึงจะเสียดาย แต่เพราะมีเงื่อนไขว่าผมสามารถกิน
ได้คนเดียวเท่านั้น ผมจึงตั้งใจจะให้โอกาสคนอื่นๆ
ด้วย หลังจากทบทวนรายการตั้งแต่ 1 ถึง 11 อย่าง
รอบคอบแล้ว ผมก็ตัดสินใจซื้อไอเทมเหล่านี้
Angel’s Tears (x1) : ส ร้ า ง ค ะ แ น น
ความสามารถได้ใหม่ 6 คะแนน ค่าความสามารถ
เพิ่มได้ตามที่ผู้เล่นต้องการ (900,000 GP)
Elixir (x2) : รั ก ษาทุ ก อาการผิ ด ปกติ ฟื้ น ฟู
พละกาลังและพลังเวทย์ มีประสิทธิภาพช่วยทุกคน
จากความตาย (600,000 GP)
Vision’s Elixir (x1) : เ พิ่ ม ค ะ แ น น ทั ก ษ ะ
สามารถยกระดับทักษะพิเศษและทั กษะแฝงได้ 1
ระดับ ไม่สามารถใช้กับความสามารถเฉพาะตัวได้
โพชั่นพิเศษสาหรับเพิ่มพลัง (x1) : เพิ่มคะแนน
พ ล ะ ก า ลั ง 2 ค ะ แ น น ไ ม่ ส า ม า ร ถ เ พิ่ ม ค่ า
ความสามารถอื่นๆ ได้ (200,000 GP)
ดาบล่องหน (x1) : ดาบที่มองไม่เห็นซึ่งมีการ
สืบทอดมาแต่สมัยโบราณ มีความสามารถต่อผู้เล่น
ที่ได้ครอบครอง ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
เพราะอยู่ ใ นโลกของวิ ญ ญาณ สามารถโจมตี
สิ่ ง มี ชี วิ ต ได้ ทุ ก มิ ติ หากตอบสนองตามเงื่ อ นไขที่
กาหนดไว้ สามารถเรียกจิตวิญญาณแห่งดาบมายัง
โลกปัจจุบันได้ คมดาบยอดเยี่ยม ทนทานต่อความ
เสี ย หาย มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพในการฟื้ น ฟู ต นเอง
นอกจากนี้ โ จมตี ด้ ว ยเวทมนตร์ ไ ด้ 100% และ
สามารถป้องกันเวทมนตร์ได้ (1,200,000 GP)
อัตราการแลกเปลี่ยน ฮอลล์เพลน โกลด์ (10
GP ต่อ 1 โกลด์) : 10,000 GP → 1,000 โกลด์
[ค่าใช้จ่ายที่ต้องชาระรวม 3,610,000 GP ไม่
สามารถคืนเงินได้ ต้องการซื้อหรือไม่]
“อือ”
[การซื้อสาเร็จแล้ว GP ที่หลือของผู้เล่นคิมซูฮ
ยอนคือ 146,943 GP ส่งผ่านไอเทมไปยังคลังสินค้า
ของผู้เล่นสาเร็จ สามารถเข้าถึงคลังสินค้าของผู้เล่น
ได้ทุกที่ในเมือง]
เฮ้อ หลังเสร็จจากการซื้อของอย่างเพลิดเพลิน
ผมเงยหน้าขึ้นเห็นว่าเซราฟกาลังกุมใบหน้างดงาม
นั่ น ไว้ ด้ ว ยสองมื อ เป็ น ครั้ ง แรกที่ ไ ด้ เ ห็ น เซราฟดู
ผิดหวังขนาดนี้ ผมเอ่ยปากด้วยความไม่แน่ใจ
“เซราฟ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ร้องไห้ทาไม”
“... ผู้เล่นคิมซูฮยอน”
“ทาไม”
“ใช้จ่ายขนาดนั้นในครั้งเดียว... บางอย่างข้าก็
เข้าใจได้ แต่ดาบนั่น... เฮ้อ”
ผมมองเซราฟที่ถอนหายใจแรงๆ ด้วยแววตา
แปลกใจ เหตุผลที่ผมใช้จ่ายมากมายในครั้งเดียวก็
เพราะโอกาสแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าสะสม GP
ใหม่ได้ก็จบ ผมใช้ GP ที่หามาอย่างถูกต้อง(?)ซื้อ
ของที่อยากซื้อ ผมจึงไม่เข้าใจเหตุผลที่เธอมีสีหน้า
แบบนั้น
เซราฟรู้สึกถึงสายตาของผม จึงปรับสีหน้าให้
สงบลงและจ้องมาที่ผม
“ดาบล่องหน... ภายนอกเป็นดาบที่เรียบง่าย มี
ดาบอื่นที่ภายนอกดีและหรูหรากว่านี้ อีกทั้งอาจจะ
มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ตั้งเท่าไหร่ก็ไม่รู้
ข้าอยากฟังเหตุผลที่ท่านเลือกดาบเล่มนี้ค่ะ”
“มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ยึดติดกับรูปลักษณ์
ของดาบ ผมจะไม่พูดถึงมันก็แล้วกันนะ น่าเสี ยดาย
ที่ไม่ได้มีความสามารถที่ดีขนาดนั้น แต่การมองไม่
เห็นดาบทาให้ได้เปรียบมากในการต่อสู้ ผมสามารถ
โจมตีด้วยเวทมนตร์ได้ 100% และยังใช้พลังเวทย์
สาหรับป้องกันได้ ถ้าคิดจะเปรียบเทียบกับฮวาจอง
ดาบนี้ ก็ สู้ ไ ม่ ไ ด้ น่ ะ สิ มั น ทนทาน ฟื้ น ฟู ตั ว เองได้
ทาไมล่ะ กังวลเรื่องอะไรอีก”
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 15
เซราฟยิ้มเล็กน้อยกับคาล้อเลียนของผม
“ถ้าพูดตามตรง ตอนนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงนิด
หน่อย ผู้เล่นคิมซูฮยอนแข็งแกร่ง ถ้าหากใช้ไอเทม
ทุกอย่างที่ซื้อด้วย GP ก็อาจจะได้รับการประเมิน
ในระดับสูงเทียบกับพวกผู้เล่นชั้นสูงคนอื่นๆ ที่เข้า
ไปก่ อ น ไม่ แ น่ ใ จเหมื อ นกั น ว่ า พวกผู้ เ ล่ น ชั้ น สู ง ...
อย่างไรก็ตามความประมาทเป็นเรื่องต้องห้าม ท่าน
อาจจะไม่ รู้ แต่ ว่ า พวกผู้ เ ล่ น ในฮอลล์ เ พลนมี
แนวโน้ ม ที่ จ ะรั ก ษาผลประโยชน์ ของตั ว เองไว้ ใ ห้
มากที่สุด และมีอยู่ไม่น้อยที่เลือกใช้วิธีรุนแรง ท่าน
ตัวคนเดียวไม่สามารถทาอะไรได้หรอกนะคะ”
ที่ว่า ตัวคนเดียวทาอะไรไม่ได้น่ะ คาพูดนั้นแทง
ใจดาผมน่าดู ผมเผลอกัดปากโดยไม่รู้ตัว
“ผมเข้ า ใจว่ า คุ ณ จะพู ด อะไร ผมเองก็ มี
เป้าหมาย ไม่ต้องกังวลหรอกน่า”
“ท่านเข้าใจ ข้าก็โล่งอกค่ะ”
ผมมองใบหน้าของเซราฟครู่หนึ่งด้วยท่าทีเฉย
เมย
“ว่าแต่ตอนนี้เหลือเวลาอีกเท่าไหร่”
“หลังจากที่ผ่านพิธีเปลี่ยนสภาวะ ตอนนี้เหลือ
เวลาอีก 2 ชั่ ว โมง ถ้ าหากต้อ งการ ข้าจะอธิ บ าย
เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับฮอลล์เพลนให้ฟังค่ะ”
“...ไม่ต้องก็ได้”
ผมตั ด สิ น ใจจะนั่ ง สมาธิ การท าสมาธิ มี
จุ ด ประสงค์ เ พื่ อ ฝึ ก ฝนตนเอง เพราะหากได้ เ ริ่ ม
ใคร่ครวญสิ่งที่อยู่ภายในสั กครั้งแล้วก็จะไม่รับรู้เลย
ว่าเวลาผ่านไปนานสักแค่ไหน ผมนั่งขัดสมาธิและ
เตรียมจะดาดิ่งสู่ภายในของผม ผมพยายามหลับตา
ลงเมื่อได้ยินเสียงอันไพเราะของเซราฟ
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน”
“ว่าไง”
“ข้ามีเรื่องที่อยากถามอีกอย่างค่ะ”
“รีบพูดมาสิ”
เซราฟจ้ อ งผมที่ พู ด เสี ย งดั ง นิ่ ง ๆ ก่ อ นจะเปิ ด
ปากถาม
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน ท่านเกลียดข้าหรือเปล่าคะ”
ยัยนี่พูดอะไรอีกเนี่ย ผมลืมตาขึ้นอีก ครั้ง จับ
จ้องใบหน้าของเซราฟอย่างอึดอัดใจ จู่ๆ ผมก็ไม่
อาจคาดเดาเหตุผลที่เธอพูดจาอย่างนั้นออกมาได้
เมื่อรู้สึกตัว เซราฟก็รีบเสริมขึ้นมา
“ข้ า เป็ น ผู้ ช่ ว ยที่ ค อยแนะน าและสนั บ สนุ น ผู้
เล่นคิมซูฮยอนนี่คะ”
“ในความคิ ด ของผม คุ ณ ก็ แ ค่ ทู ต สวรรค์ ที่
แทรกแซงและยุ่มย่ามจนน่าราคาญเท่านั้นแหละ”
“ในพิธีเปลี่ยนสภาวะ ข้าเห็นชายหนุ่มที่สุขุม
และเป็นที่น่าเชื่อถือของคนในกลุ่ม นั่นเป็นตัวตนที่
แท้จริงของผู้เล่นคิมซูฮยอนหรือเปล่า หรือว่า คนที่
กาลังคุยกับข้าในตอนนี้คือตัวจริงกันแน่คะ”
ผมจ้องเธอนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ถ้าให้พูดก็เรียกได้ว่า
ตอนนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวตนของผมนิดหน่อย
เพราะในพิธีเปลี่ยนสภาวะจาเป็นจะต้องมีแนวทาง
ผมจึงสามารถเข้าใจได้ว่าสิ่งที่เธอสงสัยคืออะไร
“...มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีใบหน้านับพัน”
เซราฟเบิกตากว้างเมื่อผมตอบเธอด้วยน้าเสียง
นุ่มนวล ไม่ใช้เสียงตะคอกดุดัน
“ช่วยอธิบายให้ละเอียดกว่านี้หน่อยสิคะ”
“หมายความว่ามันก็แตกต่างกันไปตามแต่ละ
คน ผมท าดี กั บ คนที่ ช อบผม แล้ ว คุ ณ คิ ด ว่ า ผม
จาเป็นต้องทาดีกับคนที่เกลียดผมหรือเปล่าล่ะ”
เซราฟส่ายหน้าเป็นคาตอบ
“ดูเหมือนเส้นถูกขีดไว้อย่างชัดเจน ข้าไม่เคย
เกลียดท่าน ผู้เล่นคิมซูฮยอน แต่ท่านก็ไม่เคยมอง
ข้าด้วยสายตาที่เป็นมิตรเลยสักครั้ง”
“อย่าขีดเส้นง่ายๆ แบบนั้น บางครั้งคนเราก็
คาดหวังให้คนที่ไม่ชอบตนเองมาชื่นชอบตัวเอง มี
โอกาสที่จะเกิดเรื่องตรงข้ามแบบนั้นใช่มั้ยล่ะ”
ความสบายใจตอนที่ ได้ คุ ยกั บ เซราฟก็ คือ บท
สนทนาตรงประเด็น ต่างคนต่างเข้าใจ ยอมรับใน
สิ่ ง ที่ ผ มพู ด โดยไม่ มี ข้ อ กั ง ขา และวิ เ คราะห์ อ ย่ า ง
สมเหตุสมผล เซราฟพยักหน้าและพูดต่อ
“เข้ า ใจแล้ ว ค่ ะ ดู เ หมื อ นวั น นี้ ข้ า จะได้ รั บ
บทเรียนที่ดี”
“ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าคุณหวังอะไรจากคนที่
คุ ณ ลั ก พาตั ว มาตามอ าเภอใจแล้ ว ยั ง ใช้ เ ป็ น
เครื่องมือทดสอบของพวกคุณอีก แต่เอาเถอะ เรา
อย่าพูดเรื่องนี้กันต่อเลย”
เซราฟเหมือนอยากจะพูดอะไรอีก แต่ในที่สุดก็
ปิดปากเงียบ ผมทาหัวให้ว่างเปล่าและเริ่มต้นนั่ง
สมาธิ
***
ฮอลล์เ พลนสามารถแบ่ งออกง่ายๆ ได้สี่ ทวี ป
ปัจจุบันพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาคือ ทวีปตะวันออก
ทวีปตะวันตก ทวีปใต้และทวีปเหนือ แต่ละทวีปอยู่
ภายใต้การควบคุมของผู้เล่นและประชาชน – ผู้ที่
อาศัยอยู่ในฮอลล์เพลน –
ทว่าฮอลล์เพลนมีพื้นที่ที่ยังไม่เจริญอยู่อีกมาก
เมื่อเทียบกับพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ไม่มีใครรู้
ถึงอันตรายที่ซุกซ่อนอยู่นอกจากผู้เกี่ยวข้อง หาก
เดินทางเข้าไปใกล้บริเวณที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุง
สุดท้ายเพื่อแก้ปัญหาความไม่สบายใจในพื้นที่
นั้น จึงได้มีการจัดคณะเดินทางและเข้ายึดพื้นที่ที่
เกี่ยวข้ อง แม้ว่ าจะมีก ารสร้างทางเชื่ อมในแต่ล ะ
ทวีปหรือแต่ละเมือง แต่ก็ยังเกิดความหวาดกลัวอยู่
เสมอเมื่อถูกพื้นที่ยังไม่พัฒนากีดขวางทั้งหน้าและ
หลัง
จุ ด เริ่ ม ต้ น ในฮอลล์ เ พลนของอั น ฮยอนและ
พรรคพวกคือการได้รับมอบหมายให้ไปทวีปเหนือ
พวกผู้เล่นที่ผ่านการรับรองในพิธีเปลี่ยนสภาวะจะ
ถูกเรียกตัวครั้งแรกในสถานที่ที่เรียกว่า ‘โรงแรม
แห่งการเริ่มต้น ’ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ของแต่ละ
ทวีป โรงแรมแห่งการเริ่มต้นมีทั้งหมดห้าแห่ง นั่น
หมายความว่า มีการทดสอบพิธีเปลี่ยนสภาวะห้า
พื้นที่ในเวลาเดียวกัน
กลุ่ ม ของอั น ฮยอนซึ่ ง มาถึ ง ก่ อ นใครจากการ
ตั ด สิ น ของทู ต สวรรค์ หลั ง จากตื่ น นอนที่ โ รงแรม
พวกเขาก็ลงมายังชั้น 1 ตามที่ได้รับคาสั่ง พวกเขา
เห็นโต๊ะและเก้าอี้อยู่รอบๆ บริเวณ จึงนั่งลงและรอ
ผู้เล่นคนอื่นๆ
โรงแรมไม่ ไ ด้ มี อ ะไรเป็ น พิ เ ศษ มั น เหมื อ น
โรงแรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อนอนหลับและรอคอยผู้คน
มีหน้าต่างกับประตูออกไปสู่ภายนอก แต่อันฮยอน
ที่มองออกไปนอกหน้าต่างปฏิเสธที่จะออกไปข้าง
นอก โลกภายนอกหน้าต่างทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยสี
น้าเงิน ไม่สามารถมองออกไปภายนอกได้เนื่องจาก
โรงแรมโดยรอบถูกปกคลุมด้วยสีน้าเงินจางๆ มอง
อย่างไรก็รู้สึกราวกับโรงแรมถูกแยกออกจากด้าน
นอกนั่น
ในโรงแรมมีเพียงความเงียบงันเหมือนยังไม่มี
ใครมาถึง อันฮยอนนั่งลงบนเก้ าอี้อย่างระมัดระวัง
หลังจากที่เดินวนไปวนมาอยู่ใกล้ๆ หน้าต่างพักใหญ่
เขามองใบหน้าที่คุ้นเคย อันซล อียูจองและคิมฮัน
บยอล พวกเด็กสาวไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคา
เดียว ไม่สิ พูดไม่ออกต่างหาก
ลอบมองใบหน้าของน้องสาว เห็นว่าเธอกาลัง
สั่น กลั ว จนฟั น กระทบกั น ท่ าทางตึง เครี ยด อั น ฮ
ยอนรู้ได้ว่าเธอกาลังจมอยู่กับความรู้สึกผิด ตัวของ
อันฮยอนเองก็สั่นไหวด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย
ที่เอ่อล้นอยู่ภายใน
ที่มาของความวิตกกังวลเหล่านี้ก็คือความตาย
ของคิมซูฮยอน กล่าวคือตอนนี้คนๆ นั้นไม่สามารถ
ปกป้องพวกเราได้อีกแล้ว อีกทั้งที่พึ่งพิงของทุกคน
ก็หายไปด้วย
ทันใดนั้นใบหน้าของพี่ซูฮยอนก็แวบขึ้นมาใน
หัว บรรยากาศสงบนิ่งกับท่าทางสุขุมของพี่ชายคน
นั้น และเสียงเรียบๆ ที่ได้ลองฟังเมื่อไหร่ก็เหมือนว่า
ความมั่นใจจะเพิ่มพูนขึ้นมา ถึงแม้จะได้พบกันไม่ถึง
สัปดาห์ด้วยซ้า แต่ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็ฝังลึก
อยู่ในใจของทุกคน
“รีบหนีไป! เจ้าพวกบื้อ! บอกให้วิ่งไปที่วาร์ป
เกตไงเล่า!”
ในตอนสุดท้ายพี่ชายที่โบกมือพลางส่งยิ้มให้กับ
พวกเรา ในขณะที่ล้มลงกับพื้นเพราะถูกฟาดด้วย
หางของมอนสเตอร์ อันฮยอนในตอนนี้รับรู้ได้อย่าง
ชัดเจนว่า ตัวเขานั้นไม่มีอะไรเลย ตลอดเวลาพี่ซูฮ
ยอนคอยอยู่เบื้อ งหลัง ผลักดันให้สามารถก้าวไป
ข้ า งหน้ า ด้ ว ยตนเองและตนเองพึ่ ง พาพี่ ช ายมาก
เกินไปโดยไม่รู้ตัว
ทุ ก ครั้ ง ที่ คิ ด ถึ ง เรื่ อ งที่ อี ก ฝ่ า ยเสี ย สละเพื่ อ
ช่วยชีวิตน้องสาวของตัวเอง อันฮยอนก็ไม่มีความ
กล้าที่จะมองอียูจองและคิมฮันบยอล แต่อันฮยอน
รวบรวมความกล้าและเงยหน้าขึ้น เขาอยากจะเห็น
ท่าทีของคนอื่นๆ ในกลุ่ม
อียูจองแนบร่างไปกับโต๊ะ ทันทีที่ลงมา หล่อนก็
โน้มตัวลงและไม่ตื่นขึ้นมาเลยจนกระทั่งตอนนี้ เห็น
ไหล่ของหล่อนสั่นไหวในบางครั้งจึงรู้ว่าไม่ได้นอน
หลับ แต่แค่ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอให้คนอื่น
เห็นเท่านั้น
อั น ซลไม่ ไ ด้ พู ด อะไร ไม่ ไ ด้ ร้ อ งไห้ ค ร่ าครวญ
เหมือนในตอนแรกแล้ว แต่ว่าน้าตาก็ยังคงเอ่อล้น
และหยดลงบนพื้น ท่าทางยังเหลือน้าตาให้ไหลริน
อีกมายมาย แม้ว่าทูตสวรรค์จะช่วยปลอบโยนใน
ตอนที่ตั้งค่าพื้นฐานมาแล้วก็ตามที
มี เ พี ย งคิ ม ฮั น บยอลที่ ยั ง รั ก ษาสี ห น้ า เย็ น ชา
เอาไว้ได้ อันฮยอนไม่รู้ว่าหล่อนกาลังคิดอะไรอยู่
แต่ดูเหมือนรอบๆ ตัวจะแผ่ความเยือกเย็นออกมา
ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร ภายในโรงแรมมีเพียง
ความเงียบสงัด ได้ยินเสียงสะอื้นของใครสักคนเป็น
ครั้งคราว ทว่ าเมื่อเวลาผ่านไปก็ ค่อยๆ เกิดเสียง
อึกทึกครึกโครมด้านในของโรงแรม
มีเ สียงของผู้คนดังมาจากชั้นสอง ได้ยินเสียง
เปิดประตูจากห้องพักที่ชั้นสองที่พวกเขาลงมาก่อน
และได้ยินเสียงของคนที่ไม่คุ้นเคย
อันฮยอนรู้ได้โดยสัญ ชาตญาณว่าพวกเขาคือ
ผู้ ร อดชี วิ ต คนอื่ น ๆ จากพิ ธี เ ปลี่ ย นสภาวะ และ
ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของอันฮยอนราว
กับสายฟ้าแลบ
‘อาจจะเป็นพี่ซูฮยอนก็ได้ บางทีเขาอาจจะหนี
ได้สาเร็จ ถ้าเป็นแบบนั้น...’
อั น ฮยอนลุ ก จากที่ นั่ ง อย่ า งรวดเร็ ว เมื่ อ เกิ ด
เสียงดัง ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่อันฮยอน ยูจองเอง
ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาบวมเป่ง อันฮยอน
เริ่มพูดด้วยความตื่นเต้น
“พี่ซูฮยอนอาจจะมาแล้วก็ได้”
“...พูดอะไรน่ะ”
ยูจองย้อนถามด้วยเสียงแหบแห้ง อันฮยอนชี้ไป
ทางบั น ไดชั้ น สองทั น ที ด้ า นบนนั้ น มี ป ระตู ที่ ใ ห้
ผู้รอดชีวิตเดินออกมา
“ไม่ได้มีแต่พวกเราเท่านั้นที่รอดชีวิต อาจจะมี
คนอื่นๆ ที่ยังเหลือรอดถูกส่งมาเหมือนกัน ไม่แน่ว่า
ในบรรดาพวกนั้นพี่เขา...”
ยู จ องลุ ก ขึ้ น และวิ่ ง ขึ้ น บั น ไดไปที่ ชั้ น สอง
หลังจากได้ยิ นอันฮยอนอธิบาย อันซลเองก็คิดว่า
อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ จึงเงยหน้าและลุกขึ้น วิ่ง
ตามหลังยูจองไป มีเพียงคิมฮันบยอลที่มีสีหน้าไม่
ยิ น ดี ยิ น ร้ า ย ดู เ หมื อ นหล่ อ นจะไม่ ไ ด้ ค าดหวั ง ไว้
ตั้งแต่แรกแล้ว
มนุ ษ ย์ เ ป็ น สั ต ว์ ที่ น่ า เศร้ า เอาแต่ ห าเหตุ ผ ล
เข้าข้างตัวเองซ้าแล้วซ้าเล่า ทุ กคนยืนยันได้ว่าคิม
ซูฮยอนล้มลงตรงหน้ามอนสเตอร์อย่างแน่นอน ยัง
จดจาภาพคาบอกลาครั้งสุดท้ายและน้าตาที่รินไหล
ของทุกคนได้อยู่ด้วยซ้า ทว่าตอนนี้ความคิดที่น่าจะ
เป็นไปได้ก็วนเวียนอยู่ในหัวของทุกคน
“ถ้าเป็นพี่ซูฮยอน ก็แสดงว่าเขาหนีมาได้ใช่มั้ย
ล่ะ ต้องเป็นแบบนั้นแหละ”
“นะ... นั่ น สิ ถ้ า เป็ น พี่ ซู ฮ ยอนล่ ะ ก็ น ะ มั น
เหมือนกับเขากาลังมองฉันจากที่ไหนสักแห่ง เขา
ต้องรอดแน่นอน เขาจะต้องเปิดประตูแล้วเดินลง
มาเหมือนตอนนั้นที่เมืองนั่นไง ใช่ ใช่แล้วล่ะ ใช่มั้ย
นะ”
อันฮยอนและยู จองมองหน้าอี ก ฝ่าย พูดด้ว ย
เสียงสั่นเครือพลางพยักหน้าให้กัน เมื่อมาถึงหน้า
บั น ได พวกเขาก็ ม องขึ้ น ไปยั ง ชั้ น สอง เมื่ อ เสี ย ง
ประตู เ ปิ ด พวกเขาก็ ห ยุ ด ทุ ก ความเคลื่ อ นไหว
สายตาจับจ้องไปที่ด้านบน หัวใจเต้นระส่า
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 16
ในที่สุดประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นผู้มาใหม่ ...
น่า เสี ย ดายที่ ไ ม่ใ ช่ คิ ม ซู ฮยอน แต่ ก็ เ ป็ นคนที่ อั น ฮ
ยอนและพรรคพวกเคยพบมาก่อน คนที่เดินลงมา
นั้นมีทั้งหมดสี่คน ในบรรดานั้นคนหน้าสุดสบตาเข้า
กับกลุ่มของอันฮยอนซึ่งอยู่ด้านล่างของบันได
“โอ๊ะ พวกนายมาถึงก่อนเหรอเนี่ย ดีใจที่เห็น
พวกนายรอดมาได้นะ”
“หือ อูจองมิน นั่นใครน่ะ... อ๋อ เจ้าพวกเด็ก
อ่อนหัดตอนนั้นสินะ ยังไม่ตายอีกเหรอ ไหนว่าไปที่
วาร์ปเกตไม่ใช่หรือไง”
“...ชอนซึงฮยอน หุบปากน่า”
อูจองมิน ชอนซึงฮยอนและซอนยูอุน ต่างก็คุย
กันพลางเดินลงไปที่ล็ อบบี้ชั้น 1 หญิงสาวผู้สูญเสีย
น้ อ งสาว วอนฮเยซู ก็ ต ามพวกเขาลงมาเงี ย บๆ
ใบหน้าของหล่อนระทมทุกข์จึงเดาได้ไม่ยากว่าเกิด
อะไรขึ้นต่อจากนั้น
อันฮยอนไม่เหลือแรงมากพอจะสนใจเรื่องนั้น
ในตอนนี้ สิ่งสาคัญที่สุดคือ การได้เห็นความเป็ น
ความตายของคิ ม ซู ฮ ยอนด้ ว ยสองตาของตั ว เอง
เพราะแบบนั้น เมื่อเห็นกลุ่มของอูจองมิน ความ
ผิดหวังจึงฉายบนใบหน้าของพวกเขาทันที
บรรยากาศแปลกประหลาดจนรู้สึกได้ ซอนยู
อุ น พาวอนฮเยซู ไ ปนั่ ง บนเก้ า อี้ ใ กล้ กั น กั บ โต๊ ะ มี
เพียงชอนซึงฮยอนที่กาลังบ่นพึมพาอย่างไม่พอใจ
“เหอะ ไม่เห็นต้องทาหน้าอมทุกข์แบบนั้นสัก
หน่อย พวกเราลงเรือลาเดียวกันอยู่นะ นี่มันน่าอาย
ชะมัด เข้าใจแล้ว นี่ ฉันขอโทษที่ขว้างมีดใส่”
“... อืม”
“นี่ ฉั น ขอโทษจริ ง ๆ หลั ง จากตอนนั้ น ฉั น ก็
กลับไปทบทวนตัวเองตั้งเยอะนะ”
“มันไม่สาคัญหรอก”
“งะ... งั้นเหรอ นั่นสินะ ก็ดีแล้วล่ะ ฮ่าๆ...”
ใบหน้ า ของชอนซึ ง ฮยอนเจื่ อ นลงเมื่ อ ได้ ยิ น
คาตอบของยูจอง เขานึกสงสัยว่าปกติแล้วเธอไม่ได้
เป็นคนแบบนี้นี่นา อูจองมินที่รู้สึกแปลกๆ มองไป
รอบตัว ก่อนจะเอ่ยถาม
“ยังไม่เห็นอีกคนเลยนี่ เจ้าหนุ่มที่ถือธนูอยู่ไหน
ล่ะ”
ทุ ก คนนิ่ ง เงี ย บไม่ ต อบค าถาม อู จ องมิ น ที่
สั ง เกตเห็ น หั น ๆ ไปรอบๆ ดู เ หมื อ นเขาเข้ า ใจ
สถานการณ์ พ อประมาณแล้ ว หากว่ า ไม่ อ ยู่ ที่ นี่ ก็
หมายความว่าตายในพิธีเปลี่ยนสภาวะไปแล้ว
“หรือว่า... โดนจัดการไปแล้วงั้นเหรอ ฉันห้าม
ไม่ให้เขาไปที่วาร์ปเกตแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ฟัง
สินะ ถ้างั้นพวกนายรอดมายัง...”
“ยังไม่ตายสักหน่อย!”
“เขายังมีชีวิตอยู่นะคะ!”
ยูจองและอันซลตะโกนออกมาก่อนที่อูจองมิน
จะพู ด จบ ชอนซึ ง ฮยอนมองยู จ องที่ เ ป็ น แบบนั้ น
พลางพยั ก หน้ า หงึ ก หงั ก (?) อู จ องมิ น ดู อึ ด อั ด ใจ
เล็กน้อย แต่เขาหันไปหาอันฮยอน
“ได้เจอมอนสเตอร์นั่นมั้ย เจ้าตัวที่เหมือนกับเอ
เลี่ยนน่ะ”
อั น ฮยอนเพี ย งแค่ พ ยั ก หน้ า แทนค าตอบ
จากนั้ น เขาก็ หั น หน้ า หนี ไ ปเป็ น การบอกว่ า ไม่
ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะเข้าใจความรู้สึกนั้น
ดี อูจองมินจึงแค่ยิ้มขมขื่นและนั่งลงตามซอนยูอุน
กับวอนฮเยซู ชอนซึงฮยอนตามเขาไปนั่งใกล้ๆ และ
บิดขี้เกียจทันทีที่ก้นแตะเก้าอี้
“เฮ้อ รู้สึกดีที่ได้นั่งเก้าอี้มากกว่าหินเย็นๆ นั่น
ตั้ ง เยอะ ถ้ า งั้ น พวกนั้ น ก็ เ จอมอนสเตอร์ นั่ น ด้ ว ย
เหรอ”
“ซึงฮยอน อย่าพูดเสียงดังขนาดนั้น ก็เหมือน
ตอนที่พวกเราเสียจินแทไปนั่นแหละ”
“งั้นก็ตายแน่ๆ 100% น่าเสียดาย ฉันไม่รู้ว่ามี
การตั้งค่าอะไรใหม่ เพราะงั้นถ้าได้เจออีก ฉันอยาก
จัดการภายในครั้งเดียว จะว่าไป ฮเยซู...”
ชอนซึงฮยอนหยุดพูดกลางคันเมื่อเห็นสายตา
คมปราดของซอนยูอุน เหมือนว่าวอนฮเยซูจะได้ยิน
เสียงเรียกชื่อ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นพลางพูดอย่าง
อ่อนล้า
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าเขาจะตายหรือเปล่า พูด
ตามตรงก็น่าเสียดายนะคะ คนๆ นั้นเองก็คงได้รับ
ความเจ็ บ ปวดแบบที่ ฉั น เคยผ่ า นมา แต่ เ ขา
กลายเป็นผู้ถูกกระทาเสียแทน”
อียูจองเกือบจะระเบิดเพราะคาพูดไร้สาระของ
ผู้หญิงคนนั้น จองมินจ้องหล่อนด้วยสายตาเย็นชา
พลางพูดด้วยเสียงดังลั่น
“เลิกพูดจาพล่อยๆ ถึงคนอื่นสักที”
“ฉันบอกว่า มันไม่เกี่ยวกับฉัน ใครพูดอะไรงั้น
เหรอคะ”
“ถ้าอย่างนั้นทาไมเธอถึงบอกว่า ผู้ชายตนนั้น
ควรได้รับความเจ็บปวดแบบที่เธอได้รับล่ะ พวกเรา
สูญเสียจินแท ส่วนเธอสูญเสียน้องสาวไป ถ้าเธอ
เข้าใจความรู้สึกที่ต้องเสียคนสาคัญไป คิดว่าถูกต้อง
แล้ ว เหรอที่ พู ด แบบนี้ กั บ คนอื่ น ไม่ มี แ ม้ แ ต่ ค า
ปลอบโยนด้วยซ้า”
“เรื่องนั้น...”
เมื่อวอนฮเยซูอ้าอึ้ง จองมินก็ส่งเสีย งเฮอะขึ้น
จมูก
“ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็หุบปากซะ ฉันจะบอกอีก
ครั้งว่าการตายของฮเยยอนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า
หนุ่มนั่น”
“จองมิน ฮเยซู พอเถอะ ทั้งคู่เลย”
จ อ ง มิ น แ ล ะ ฮ เ ย ซู ต่ า ง ม อ ง เ ข ม่ น ใ ส่ กั น
โดยเฉพาะฮเยซูที่ขุ่นเคืองถึงขนาดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ซอนยูอุนรีบห้ามทัพก่อนที่ บรรยากาศจะแย่ลงไป
กว่านี้ ทว่าทั้งคู่ก็ยังไม่หยุดจ้องตากัน
นอกจากยู จ องแล้ ว อั น ฮยอนกั บ คนอื่ น ๆ ไม่
อยากจะสนใจว่าคนพวกนั้นจะพูดอะไรต่อ พวกเขา
ยั ง คงจั บ จ้ อ งไปยั ง ด้ า นบนของบั น ไดโดยไม่ ล ะ
สายตาจนกระทั่งตอนนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ผู้รอดชีวิต
ก็เริ่มถูกส่งมาอย่างจริงจัง เสีย งดังโครมครามลงมา
จากชั้นสอง
ทั้ ง เสี ย งของความดี ใ จ เสี ย งที่ เ ศร้ า โศกและ
เสียงพูดคุยกัน หลากหลายเสียงผสมปนเปกันไป
พวกผู้ ร อดชี วิ ต จั บ กลุ่ ม กั น และเปิ ด ประตู ชั้ น สอง
เริ่มทยอยเดินลงมา
ประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง สองคนที่มาใหม่ก็พรวด
พราดออกมา คนที่ ป รากฎตั ว นั้ นก็ เ ป็ น คนที่ก ลุ่ ม
ของอันฮยอนรู้จักเช่นกัน
เขาคนนั้นก็คือ ปาร์คดงกึน
***
รู้ สึ ก สดชื่ น อย่ า งบอกไม่ ถู ก เมื่ อ พลั ง เวทย์ แ ผ่
กระจายไปทั่วร่าง เพราะฮวาจอง จึงดูเหมือนว่า
ความรู้สึกดีที่ได้รับ จะเพิ่มขึ้นเป็ นเท่าตัว จากการ
ไหลผ่ า นตั้ ง แต่ ป ลายนิ้ ว ไปจนถึ ง จุ ด ที่ เ ล็ ก ที่ สุ ด
ครุ่นคิดถึงภายในอย่างรอบคอบและพิจารณาดู จึง
สามารถยืนยันได้ว่าปริมาณและคุณภาพของเวท
มนตร์เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน
แต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ของเสียภายในร่างกาย
และเลื อ ดถู ก ขั บ ออกท าให้ ร่ า งกายเปลี่ ย นแปลง
เพื่ อ ให้ เ หมาะสมที่ จ ะปลุ ก พลั ง เวทย์ ขึ้ น นั่ น
หมายความว่ า ผมมี โ อกาสที่ ไ ด้ เ ปรี ย บมากกว่ า
แม้ ว่ า จะต้ อ งเผชิ ญ หน้ า กั บ ผู้ เ ล่ น คนอื่ น ที่ ใ ช้ ด าบ
แบบเดียวกัน มีความสามารถเท่าเทียมกัน
ทว่ายังห่างไกลอีกมากที่จะใช้ฮวาจองได้อย่าง
สมบู ร ณ์ แ บบ ความแข็ ง แกร่ ง 70 คะแนนคื อ
อุ ป สรรคใหญ่ ม ากส าหรั บ ผม เซราฟบอกว่ า จะ
สามารถใช้พลังของฮวาจองได้เต็มที่ต้องใช้ความ
แข็งแกร่งอย่างน้อย 90 คะแนน ถ้าจะใช้พลังได้ถึง
ขีดสุดก็ต้องมีมากกว่า 101 คะแนนขึ้นไป
อั น ที่ จ ริ ง ผมตกใจมากที่ ไ ด้ ยิ น เรื่ อ งนี้ ความ
แตกต่างระหว่าง 90 คะแนนกับ 100 คะแนนนั้น
ราวฟ้ากับเหว ความแตกต่างระหว่าง 100 คะแนน
กับ 101 คะแนนเองก็ห่างกันมากทีเดียว
ตอนนี้หากใช้พลังอย่างเต็มที่ด้วยคะแนนที่ผมมี
อยู่เพียงแค่ 70 คะแนน เป็นไปได้สูงว่าร่างกายจะ
ไม่สามารถทนทานได้ ผลการนับคะแนนทั้งหมดที่
ผมสามารถหามาได้ ใ นตอนต้ น รวมทั้ ง หมด 14
คะแนน
บอสมอนสเตอร์ 2 คะแนน, โพชั่นพิเศษเพิ่ม
พละกาลัง 2 คะแนน, Angel’s Tears 6 คะแนน,
รางวัลสาหรับผู้จบการศึ กษาจากสถาบันผู้เล่น 4
คะแนน ผมรู้ว่ า ควรจะใส่ ค ะแนนที่ ได้ รั บ ทั้ง หมด
จนถึ ง ตอนนี้ แ ละคะแนนที่ จ ะได้ รั บ ลงในความ
แข็ ง แกร่ ง แต่ ว่ า ในใจของผมเต็ ม ไปด้ ว ยความ
ละโมบ
หากค่าเฉลี่ยของความสามารถในฮอลล์เพลน
คือ 60 ก็คงได้ยินว่าตัวมีมีชื่อเสียงพอประมาณใน
ทวี ปใดทวี ปหนึ่ง เมื่อขึ้ นไปถึง 70, 80, 90 มูลค่า
ของตัวผู้เล่นก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ถ้าหากข้ามไปมากกว่า
90 คะแนน 1 คะแนนก็ยิ่งล้าค่ามากขึ้นไปอีก
เพราะแบบนั้นผมจึงเกิดความโลภ ผมพิจารณา
ดูความสามารถของตัวเอง
[พละก าลั ง 94] [ความทนทาน 92] [ความ
คล่องแคล่ว 98] [ความแข็งแกร่ง 70] [เวทมนตร์
96] [โชค 88]
ก่อนอื่นแยกความแข็งแกร่งออกไป 2 คะแนน
แบบนั้นก็จะยังเหลืออีก 12 คะแนน
ถ้ า ผมลงทุ น 4 คะแนนส าหรั บ พละก าลั ง , 3
คะแนนสาหรับความคล่องแคล่ว, 5 คะแนนสาหรับ
เวทมนตร์ ผมก็จะสามารถยกระดับความสามารถ
2 อย่ า งไปถึ ง 101 คะแนนและมี พ ละก าลั ง 98
คะแนน บางทีถ้าเซราฟรู้ว่าผมกาลังคิดจะทาอะไร
คงน้าลายฟูมปากแน่
ความแข็ ง แกร่ ง รั บ หน้ า ที่ เ ป็ น เสาหลั ก ของ
ความสามารถทั้งหมด ถ้าหากเสาหลักไม่แข็งแรง
ต่อให้ความสามารถสูงแค่ไหนก็เกิดปัญหาในเรื่อง
ของประสิ ท ธิ ภ าพได้ อี ก มากมาย หากคิ ด ตาม
หลักการแล้ว ผมรู้ว่าเรื่องนี้ไม่สมควร แต่ ‘ถึงอย่าง
นั้น’ อีกด้านหนึ่งก็ยังคงคิดอยู่ตลอด
ตอนนี้ผมตัดสินใจจะล้มเลิก ความคิดไปก่ อน
อันดับแรกผมวางแผนว่าจะเข้าไปยังสถาบันผู้เล่น
และฝึ ก ฝนความแข็ ง แกร่ ง เป็ น เวลา 3 เดื อ น
หลังจากเข้าสู่ฮอลล์เพลน แม้จะมีความเป็นไปได้สูง
ที่ ร ะดั บ จะไม่ เ พิ่ ม ขึ้ น แม้ แ ต่ 1 คะแนน แต่ ผ มก็
อยากจะคว้าโอกาสเอาไว้ หลังจากความแข็งแกร่ง
เพิ่มขึ้นอย่างสม่าเสมอ ผมก็ยิ่งสามารถเก็บคะแนน
ความสามารถที่จะได้รับไว้ได้
หลังจากจัดการกักเก็บพลังเวทย์ที่กระจายไป
ทั่วร่างแล้ว ผมก็ลืมตาขึ้นเงียบๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไป
นานเท่าไหร่แล้ว แต่ผมใจว่ามันน่าจะมากกว่าหนึ่ง
วัน
ผมมองไปรอบๆ บริเวณนั้น ประตูไปสู่ฮอลล์เพ
ลนเปิดออกแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองโง่งมขึ้นมาจึงหัน
ไปพูดกับเซราฟที่มองมาเงียบๆ
“...การส่งผ่านเริ่มขึ้นแล้วงั้นเหรอ”
“ใช่แล้วค่ะ การส่งผ่านส่วนใหญ่เสร็จสมบูรณ์
แล้ว เหลือแต่ผู้เล่นคิมซูฮยอน”
“ถ้างั้นก็บอกผมสิ”
“แทนที่จะเรี ยกว่าทาสมาธิ... เหมือนท่านจะ
จมดิ่งลงสู่ความคิดอันลึกล้ามากกว่า ดังนั้นข้าจึงไม่
สามารถถือวิสาสะปลุกท่านขึ้นมา ไม่ต้องกังวลไป
ยังมีเวลาเหลืออยู่”
เด็กพวกนั้นคงจะเป็นห่วง ผมอยากรีบเข้าไป
เพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ และแก้ไขความเข้าใจผิด นั่น
จึงทาให้ผมอารมณ์ไม่ดีนัก ผมปัดที่นั่งเบาๆ และลุก
ขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปยังประตูเข้าสู่ฮอลล์เพลน
ผมไม่ได้กล่าวคาอาลาใดๆ กับเซราฟ อย่างไรก็
ตามในอนาคตพวกเราก็ยังมีเรื่องให้ต้องเจอกันอีก
มาก เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนั้นจึงไม่จาเป็นเท่าไหร่
นัก แต่ เ ซราฟคงไม่ไ ด้ คิด แบบนั้ น คาพู ดของเธอ
หยุดผมไว้ก่อนที่จะก้าวเข้าไป
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน”
“ว่าไง”
ผมตอบโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลัง ผม
ก้าวเท้าข้างหนึ่งผ่านประตูไปแล้ว
“ขอให้รัก ษาตัว ด้ว ย ถ้ามีเ รื่องที่ต้องเรียกหา
ข้าจะส่งผ่านไปทางแท่นบูชาค่ะ”
ผมแค่ พ ยั ก หน้ า แกนๆ และโยนตั ว เองผ่ า น
ประตูเข้าสู่แสงสีฟ้า
การส่ ง ผ่ า นไม่ มี อ ะไรเป็ น พิ เ ศษ ผมผ่ า น
ประสบการณ์ นี้ เ ป็ น ร้ อ ยครั้ ง จึ ง แค่ รู้ สึ ก เฉยๆ
หลังจากเสร็จสิ้นการส่งผ่านมายังโรงแรมแห่งการ
เริ่มต้น ผมก็ออกมาที่ทางเดินชั้น 2 ดูเหมือนจะมี
เสียงดังที่ชั้นล่าง
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 17
ตอนนี้เป็นเวลาที่รอให้คาแนะนากับพวกผู้เล่น
ที่เพิ่งเข้าสู่ฮอลล์เพลน จนกว่าพวกเขาจะมาถึง ทุก
คนมักจะตึงเครียดและอยู่กันเงียบๆ มากกว่า แต่
เสียงอึกทึกครึกโครมแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิด
ไว้
หากเสร็จสิ้นการส่งผ่านผู้เล่นใหม่ที่ได้รับการตั้ง
ค่าแล้วทั้งหมด บาเรียที่โอบล้อมรอบโรงแรมก็จะ
ถูกคลายออก และทันทีที่บาเรียคลายออก พวกผู้
เล่ น เก่ า ก็ จ ะเปิ ด ประตู เ ข้ า มา จากนั้ น ก็ จ ะเริ่ ม
แนะนาผู้เล่นใหม่ ตัวผมในอดีตค่อนข้างจะเกลียดผู้
เล่นเก่าที่เข้ามาทาหน้าที่ให้คาแนะนา
ท่าทีของพวกเขาหยิ่งยโสมากพอสมควร หาก
ให้เปรียบเทียบ ในตอนนี้พวกเขามองพวกมาใหม่
ด้ ว ยสายตาแบบที่ สิ บ โทมองพวกทหารใหม่ ใ น
กองทัพ แน่นอนว่าพวกเขาเป็นผู้รอดชีวิตจากพิธี
เปลี่ยนสภาวะและมีช่ ว งเวลาแบบเดียวกั บ ผู้เ ล่น
ใหม่ ผมยอมรับว่าต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเอา
ตัวรอดหลังจากนี้
ถ้ า ได้ ล องฟั ง ค าแนะน าของพวกเขาก็ ไ ม่ ไ ด้ มี
อะไรน่าชื่นชมเลยสักนิด เมื่อปรับตัวเข้ากับฮอลล์
เพลนได้ พอได้ ม องไปยั ง ผู้ เ ล่ น ใหม่ ก็ จ ะเกิ ด
ความรู้สึกทะนงจนด้วยความคิดที่ว่า ‘ฉันเองก็ผ่าน
มาแล้ ว เหมื อ นกั น ’ ผมจ าได้ ว่ า ผู้ เ ล่ น ที่ พู ด กั บ ผม
แบบนั้นเสียชีวิตในสามเดือนต่อมา
แม้ว่าจะไม่ชอบใจก็ตาม แต่ผมไม่มี ทางเลือก
ในตอนนี้ การฟังคาอธิบายของพวกเขาและเข้าไป
ยังสถาบันผู้เล่นอย่างสงบเสงี่ยมเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่
ดีที่สุดในตอนนี้
ไหนๆ ก็ พูด แล้ ว ถ้า ให้อ ธิ บ ายเพิ่ มเติม อีก นิ ด
ผมคิ ด ว่ า สถาบั น ผู้ เ ล่ น นั้ น เป็ น วิ ธี ที่ ไ ม่ ค าดฝั น เอา
มากๆ ผมไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ก่อตั้ง แต่คงจะเป็ นคนที่
หัวหมุนนิดหน่อยแน่ๆ
หลังจากก่อตั้งสถาบันก็ได้มีการปรับปรุงเพื่อทา
ให้ อั ต ราการเสี ย ชี วิ ต ของผู้ เ ล่ น หน้ า ใหม่ ล ดลง
แตกต่างกับเมื่อก่อนที่ใช้ชีวิตไปอย่างลวกๆ
หลังจากเจอพวกเด็กๆ แล้ว ผมจะรวมตัวเพื่อ
คุยในสิ่งที่ควรจะคุย กังวลอยู่ว่าจะพูดอะไรดี ผม
คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยพลางเดินไปตามทางเดินของชั้น
2 เมื่อเดินมาจนเกือบสุดทาง ผมคิดแต่จะเปิดประตู
ตรงหน้า
“เวรเอ๊ย!”
แม้จะเป็นการโกหก แต่หลังจากเจอพวกเด็กๆ
ผมอยากจะเริ่มจากแก้ไขความเข้าใจผิดก่อน ผม
ผลักบานประตูออกไป ผมได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจาก
อีกฟากของประตูใกล้บริเวณบันไดชั้น 1 และเสียง
นั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“หยุดเห่าตามอาเภอใจสักที! ไอ้บ้านี่!”
“นังเด็กนี่ ฉันอุตส่าห์บอกให้รู้แท้ๆ เป็นบ้าไป
แล้วหรือไง ฉันบอกว่าฉันเห็นเต็มๆ สองตาไงเล่า!”
“งั้นแกก็ตาบอดแล้ว! พูดมั่วๆ แบบนั้นออกมา
ได้ยังไง!”
“ยัยเด็ก บ้ า ฉั นเห็นคนเดียวที่ไหน มีแ ต่ฉั นที่
เห็นงั้นเหรอ โบริมก็บอกว่าเห็นนี่! ว่าไงล่ะ ก็บอก
ไปแล้วว่าฉันเห็นธนูมันหักเป็นสองท่อน!”
พอได้ ยิ น ชื่ อ โบริ ม ผมก็ เ ดาได้ ทั น ที่ ว่ า ใครคื อ
เจ้าของเสียงที่กาลังพ่นคาสบถอยู่ ตัวปัญหาพัคดง
กอล(?) ไม่นึกเลยว่าจะยังรอดมาถึงฮอลล์เพลนได้
ที่ จ ริ ง หลั ง จากแยกกั บ คนพวกนั้ น ผมก็ ไ ม่ ไ ด้
สนใจพวกเขาอีก ผมไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะเป็น
หรือตาย แต่ก็พยายามคิดไปในแง่บวกเท่าที่จะทา
ได้ ผมยั งจ าได้ ว่ า อารมณ์ เ สีย มากแค่ ไหนในตอน
แรก ถ้าถึงเวลาก็คงมีโอกาสที่ผมจะได้จัดการเขา
ด้วยตัวเอง
โทนเสี ย งสู ง ที่ ไ ม่ ว่ า ใครได้ ยิ น ก็ รู้ ไ ด้ ทั น ที
แม้กระทั่งผม ไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือที่ไหนก็ตาม หาก
เห็ น ยู จ องที่ เ ผชิ ญ หน้ า กั บ พั ค ดงกอล ต้ อ งคิ ด ว่ า
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ย่าแย่พอสมควร ผมเดาะลิ้น
และเปิดประตูออกไป
“หุบ...”
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ผู้คนจานวนมากก็หัน
มามองกันเป็นตาเดียว ยูจองที่กาลังจะสั่งให้พัคดง
กอลหุ บ ปากได้ ยิ น เสี ย งประตู จึ ง หยุ ด พู ด และเงย
หน้าขึ้นมอง ผมมองหล่อนพลางส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้
ดูเหมือนว่าผมจะถูกส่งมาเป็นคนสุดท้ายจาก
บรรดาผู้เล่นทั้งหมด เมื่อผมก้ าวออกไปข้างนอก
ทุกสายตาก็จับจ้องมา ลองนับคร่าวๆ ดู ที่โรงแรมมี
ผู้เล่นที่รอดชีวิตมากกว่าสี่สิบคนกาลังเบียดเสียด
วุ่ น วาย เมื่ อ ก่ อ นมี ม ากกว่ า ยี่ สิ บ คนก็ ถื อ ว่ า ได้
มาตรฐานแล้ว
ดู เ หมื อ นจะเป็ น เพราะผลกระทบจากการ
จั ด การมอนสเตอร์ ร ะดั บ บอสในวั น ที่ 6 นั่ น
หมายความว่าหากเป็นไปตามเดิมนั้นมากกว่าครึ่ง
ของผู้ เ ล่ น ที่ อ ยู่ ใ นห้ อ งนี้ จ ะต้ อ งถู ก ฆ่ า ตายในวั น
สุดท้าย ผมลงมาจากบันไดและเอ่ยทักทายเบาๆ
“ทุกคนรอดมาได้สินะ โชคดีที่ได้เห็นพวกนาย
ปลอดภัย”
แน่นอนว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ผมส่งพวกเขา
ไปที่วาร์ปเกตด้วยความรักและความห่วงใย(?)เอง
กับมือนี่ แม้ว่าจะเอ่ยทักไป แต่ไม่มีใครตอบสนอง
กลับมา ผมรู้สึกประหม่านิดหน่อยตอนที่ยูจองเดิน
โซเซเข้ามาหา
“พี่ซูฮยอน”
“อือ”
หล่อนยกแขนขึ้นแล้ววางมือทาบลงบนใบหน้า
ของผม จากนั้ น ก็ เ ริ่ ม แตะไปบนแก้ ม อย่ า ง
ระมัดระวัง นัยน์ตาและริมฝีปากสั่นระริก ดูท่าจะ
ตกใจและมีความรู้สึกมากมายผุดขึ้นมา
ไม่ใช่แค่ยูจอง ความหวังริบหรี่กลายเป็นความ
จริงที่ปรากฏตรงหน้า กลุ่มของอันฮยอนและอูจอง
มินที่คาดการณ์ไว้คร่าวๆ ยังคงมองมาที่ผมอย่างไม่
เชื่อสายตา
ยูจองเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้ง
“พี่... พี่ซูฮยอนใช่มั้ย ไม่ใช่คนอื่นใช่มั้ย”
“แน่ น อนสิ เห็ น ฉั น เป็ น ด็ อ พเพิ ล แกงเกอร์ *
[GB1] หรือไง อย่าดึงแรงแบบนั้นสิ มันเจ็บนะ”
“ดีใจด้วยที่รอดมาได้ ไม่คิดว่านายจะรอดนะ
เยี่ยมไปเลย”
ผมพยายามจะดึงมือของยูจองที่เอาแต่ดึงแก้ม
ผมออก พอได้ยินเสียงแหบต่าจากด้านข้างจึงหันไป
มอง ก็เห็นอูจองมินและพรรคพวกของเขาตามที่
คาดไว้
เหมือนว่าอูจองมินมีอะไรที่อยากจะพูดอีก แต่
ผมส่ายหน้าเบาๆ เขาคงรู้สึกถึงสัญญาณของผมจึง
ปิดปากเงียบ ผมสบตากับวอนฮเยซูที่กาลังมองผม
ด้วยความตกใจจากด้านหลัง จากนั้นหล่อนก็หัน
หน้าหนีไปแทนคาตอบ
อันฮยอนมองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วย
ความดีใจ ในขณะที่ยูจองดีใจปะปนไปกับร้องไห้
ส่ว นซลมองผมด้ ว ยใบหน้าที่ชุ่ มไปด้ว ยน้าตา ผม
สบตากับทุกคนครู่หนึ่ง ท่าทางพวกเขาอยากจะพูด
อะไรสักอย่าง เพราะเอาแต่ขยับปากไปมา แต่ก็ไม่
มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
คงตั้ ง ใจจะบอกอะไรแต่ พู ด ไม่ อ อก ผมไม่ ไ ด้
สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่ ก่อนอื่นผมอยากจะหลีกเลี่ยง
จากการเป็นจุดสนใจโดยเร็ว สถานการณ์ในตอนนี้
ค่อนข้างน่าอึดอัด ถ้าซลระเบิดน้าตาในที่ที่มีคนอยู่
เยอะแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องน่าอายจริงๆ
ผมพยายามจะเช็ดน้าตาให้ซลจึงย้ายที่ไปยังมุม
ห้อง พัคดงกอลที่แปลกแยกท่ามกลางความวุ่นวาย
มองพวกเราที่นั่งลงตรงหน้า แล้วก็ดิ่งไปลากอีโบริม
ไปอีกฟากหนึ่ง
เมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อย ผู้คนรอบข้างก็เริ่มละ
ความสนใจจากพวกเรา เด็กๆ ก็ดูเหมือนจะได้ฟื้นฟู
จิตใจ ถ้าจะมีเรื่องเดียวที่กวนใจก็คงเป็นอันซล เด็ก
สาวนั่งอยู่ข้างๆ ผม เอาแต่จับเสื้อของผมไว้แน่น
ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
ผมส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากอันฮยอน
แต่เจ้าหมอนั่นแค่เปิดปากหัวเราะ
“พี่ครับ ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย พี่ต้องเป็ น
อมตะแน่ๆ”
“ฮ่าๆ เป็นอมตะนี่ ออกจะมากไปหน่อยนะ ก็
แค่โชคดีเท่านั้นเอง”
อันฮยอนส่ายหัวกับคาพูดของผม เอาล่ะ ช่วย
ทาอะไรสักอย่างกับซลที ไม่ใช่เด็กเล็กๆ สักหน่อย
ทาไมถึงได้เอาแต่จับเสื้อของผมไว้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
นะ ไม่รู้ว่าเธอจะรู้มั้ยว่าผมคิดอะไรอยู่ อันซลพูดกับ
ผมด้วยเสียงสั่นเครือ
“ไม่ ห รอกค่ ะ ฉั น คิ ด ว่ า ตอนนี้ เ หมื อ นฉั น จะ
มองเห็นปาฏิหาริย์เลยค่ะ ฉันรออยู่ใต้บันได เอาแต่
คิดว่าบางที... พี่จะเดินลงมาทุกครั้งเลย...”
เธอจับเสื้อของผมแน่นขึ้นอีกในขณะที่พูด เห็น
อันซลที่ร้องไห้ไม่หยุดแล้วผมก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา
ทว่าจากนี้ไปผมจะต้องโกหกพวกเขา จึงได้แต่ยิ้ม
ขมขื่นอยู่ในใจ
“แต่แค่ทุกคนอยู่รอดปลอดภัย ฉันก็โล่งใจแล้ว
ล่ะ”
“ถ้ารอดมาได้ก็ควรรีบๆ มาสิ! ปล่อยให้คนเขา
เป็ น ห่ ว งอยู่ ไ ด้ ทุ ก วั น ... ไม่ สิ ขอโทษนะ พี่ ไ ม่ ไ ด้
อยากจะทาแบบนั้นสักหน่อย”
ผมรับคาตาหนิ คาขอโทษและหยดน้าตาจากยู
จอง ไม่เคยรู้เลยว่าเด็กพวกนี้จะคิดเรื่องของผมมาก
ขนาดนี้ แต่อีกด้านหนึ่งก็แอบชอบใจอยู่ไม่น้อย ยู
จองใช้กาปั้นเช็ดคราบน้าตาที่หลงเหลือบนใบหน้า
ของตนเอง
“พี่เล่าให้พวกเราฟังทีสิ เมื่อกี้ไอ้หมอนั่นบอก
ว่าเห็นธนูที่พี่ใช้หักครึ่งอยู่แถวๆ วาร์ปเกต แต่ไม่
เห็นพี่ แล้วก็ไม่เห็นมอนสเตอร์ตัวนั้นด้วย”
อะแฮ่ม มาแล้วสินะ ผมคิดว่าโชคดีแล้วที่ผม
เผาศพของมอนสเตอร์ระดับบอสไปในตอนนั้น แต่
ข้อผิดพลาดของผมก็คือการที่ไม่ได้จัดการกับธนูให้
เรียบร้อย
ผมก็ อ ยากจะเฉไฉไปเรื่ อ งอื่ น แต่ รู้ สึ ก ได้ ถึ ง
สายตาเย็ น เฉี ย บ เจ้ า ของสายตาคู่ นั้ น คื อ คิ ม ฮั น
บยอล ถ้าผมตอบไปแบบคลุมเครือ เดาได้เลยว่า
หลังจากนี้ได้มีปัญหากับหล่อนแน่
คิมฮันบยอลไม่ได้พูดอะไรเลยสักคาตั้งแต่ตอน
ที่ผมมาถึงโรงแรม นอกจากตอนที่เห็นผมในทีแรก
แล้ ว สี ห น้ า ก็ แ ทบจะไม่ เ ปลี่ ย นไปเลย ผมหั น ไป
สบตากั บ หล่ อ นครู่ ห นึ่ ง ช่ ว งเวลานั้ น ผมอ่ า น
ความรู้สึกซึ่งหลงเหลือในแววตาคู่นั้นได้น้อยนิด แต่
กลับทาให้ผมว้าวุ่นใจ
โดยรวมแล้วเป็นความรู้สึกโล่งใจ แต่ผมก็เข้าใจ
ได้ ถึ ง แววตาคลางแคลงใจและความไม่ ไ ว้ ใ จ
เล็กน้อยๆ ลึกๆ ภายในนั้น ฮันบยอลไม่เหมือนกับ
คนอื่นๆ มองอย่างไรก็เหมือนว่าหล่อนจะมีนิสัยที่
คล้ายคลึงกับผม
หล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์หรือ
สถานการณ์ ร อบข้ า ง และมี เ หตุ ผ ลที่ จ ะเข้ า
แทรกแซงอยู่เสมอ บางทีก็ไม่อาจเข้าใจแก่นแท้ได้
ตลอด แต่ สิ่ ง ที่ เ ห็ น ได้ ชั ด คื อ หล่ อ นมี ข้ อ สงสั ย
เกี่ยวกับตัวผม
ในโรงแรมไม่ได้เสียงดังเหมือนในตอนแรกแล้ว
แต่ ว่ า ก็ ไ ม่ ไ ด้ เ งี ย บสนิ ท ยั ง ได้ ยิ น เสี ย งกระซิ บ
กระซาบคุยกันของพวกผู้เล่นที่รอดชีวิต ผมถอน
หายใจเฮื อ กหนึ่ ง รู้ สึก ว่ า ช่ ว งนี้ ผ มจะถอนหายใจ
บ่อยเสียเหลือเกิน ในที่สุดผมตัดสินใจจะบอกว่ า
ผมจาอะไรไม่ได้เท่าไหร่นัก เพราะไม่ถนัดเรื่องการ
ปั้นน้าเป็นตัวสักเท่าไหร่
“อืม จริ ง สิ ฉั นก็ พ ยายามหลบการโจมตี ข อง
มอนสเตอร์... มันเล็งมาที่ธนูตั้งแต่แรก แล้วธนูก็หัก
ครึ่งทันที ตอนนั้นมันมืดมัวไปหมดเลยล่ะ”
“แขนซ้ายไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ”
คิมฮันบยอลแทรกขึ้นมาเมื่อผมพูด ฟังดูเหมือน
จะเป็นห่วงเป็นใย แต่ในหูของผมได้ยินแค่ว่า ‘ธนู
นั่นยึดอยู่กับแขนซ้ายของพี่ไม่ใช่เหรอคะ’ ผมเลีย
ปากก่อนที่จะรีบตอบทันที
“มัน โจมตี ฉั น ด้ว ยหางน่ ะ ฉั น ยกแขนซ้า ยขึ้ น
แบบไม่รู้ตัว ดูเหมือนหางของมันคงจะเฉียดผ่านธนู
ไปอย่างหวุดหวิด”
“...แล้วหลังจากนั้นพี่ทายังไงต่อคะ”
“อืม ที่จริงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ต้องบอกว่าจา
ไม่ได้สินะ ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนกาลังจะตายก็เลย
ไม่ทันได้คิดอะไร เจ้านั่นพยายามจะเหยียบฉัน ฉัน
เองก็กลิ้งไปเรื่อยๆ อยู่บนพื้น...”
*เป็ น ค าที่ ใ ช้ เ รี ย กกรณี ที่ ม นุ ษ ย์ ค นหนึ่ ง ได้
ปรากฏตัวตนเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกคนหนึ่งซึ่งจะมี
ลักษณะภายนอกเหมือนกันทุกประการ
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 18
ผมอธิ บ ายด้ ว ยการพลิ ก แพลงแก้ ไ ขจาก
ประสบการณ์เดิมที่สะสมไว้ด้วยเสียงเรียบนิ่ง สรุป
ด้ว ยการเล่าว่ า ผมฉวยโอกาสในตอนที่ฝุ่นดินฟุ้ง
ตลบ วิ่งสุดแรงเกิดไปทางที่ราบในป่า ทุกคนพยัก
หน้ารับรู้ แน่นอนว่ายกเว้นก็แต่คิมฮันบยอล
ถ้าเป็นคนที่เคยเผชิ ญหน้ากับบอสมอนสเตอร์
มากกว่า 3 นาที ก็จะรู้ทันทีว่าคาพูดในตอนนี้ของ
ผมเป็นเรื่องโกหกและเต็มไปด้วยช่องโหว่
คิ ม ฮั น บยอลจมสู่ ห้ ว งความคิ ด ของตั ว เอง
หล่อนไม่ได้ถามคาถามใดๆ อีก ดูเหมือนจะเงียบไป
เพราะบรรยากาศการเฉลิมฉลองที่ผมรอดชีวิตมา
ได้และเพราะไม่ได้สัมผัสสถานการณ์ในตอนนั้นด้วย
แต่ความสงสัยในแววตาของหล่อนก็ไม่จางหายไป
ไหน
ผมตัดสินใจจะหยุดพูดเพียงเท่านี้ เพราะการ
พูดจาวกวนนั้นเท่ากับการยืดบทสนทนาออกไปอีก
ทันใดนั้นบาเรียนอกหน้าต่างก็เริ่มหายไปมาก
พอสมควร
บาเรียจางหายไปพร้อมๆ กั บ ประตูที่เ คยปิ ด
สนิทของโรงแรมถูกเปิดออก และทันทีที่ประตูเปิด
ก็มีกลุ่มคนแห่กันเข้ามา ดูจากการแต่งตัวแล้วคง
เป็นพวกผู้เล่นเดิมที่เข้ามาอยู่ก่อน
สถานที่ที่ผมเริ่มต้นในตอนนี้คือเมืองใหญ่ทาง
ตอนเหนือชื่อว่า บาร์บาร่า ในแต่ละทวีปจะมีเมือง
ใหญ่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่นี่จึงกลายเป็นรากฐาน
ของพวกผู้เล่น แต่ละคนจะถูกผลักดันพลังกายและ
ใจให้ดุดัน
พวกเขาสวมสั ญ ลั ก ษณ์ สิ ง โตสี ท องไว้ บ ริ เ วณ
หน้ า อกด้ า นขวาเหมื อ นๆ กั น แน่ น อนว่ า เป็ น
สัญ ลัก ษณ์ ที่รู้จัก กันดี เผ่าสิงโตทองในทวี ปเหนือ
ผมจาตระกูลในฮอลล์เพลนได้
ความอ่อนกาลังจากการเดินทางที่มากเกินไป
และการปะทะกันของเผ่า สุดท้ายทาให้ต้องเดินไป
บนเส้น ทางของการบ่ อนทาลายตนเอง ทว่ าเป็ น
เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเล็กน้อย
ร่างสูงใหญ่กว่า 190 เซนติเมตรที่สวมเสื้อคลุม
ตัวยาวสีเดียวไม่เหมาะกับร่างกายบึกบึนกวาดตา
มองภายในโรงแรมและพูดด้วยความประหลาดใจ
“โรงแรมที่ 2 มีคนเยอะเกินคาด”
เขาไม่ได้ พูดกับพวกเรา พวกผู้เล่นคนอื่นๆ ที่
เข้ามาทีหลังเขาก็เหมือนจะรู้สึกแบบเดียวกัน หนึ่ง
ในพวกเขานั บ จ านวนผู้ ร อดชี วิ ต อย่ า งใจเย็ น
จากนั้นก็พยักหน้าพลางพูดขึ้น
“ว้าว โรงแรมที่ 2 มีผู้เล่นใหม่สี่สิบสามคนเลย
นะเนี่ย ไม่ได้เห็นพวกเด็กใหม่จานวนมากขนาดนี้
มานานมากจริงๆ”
“นี่ ถื อ เป็ น สถิ ติ ที่ ดี ที่ สุ ด ในระยะนี้ เ ลยหรื อ
เปล่า”
“นั่ น สิ ถ้ า เที ย บกั บ ปี ที่ แ ล้ ว ... ถ้ า นั บ แค่ ที่ นี่ ที่
เดี ย วก็ เ หมื อ นจะมากกว่ า แล้ ว แล้ ว ที่ โ รงแรมอื่ น
เป็นไงบ้าง”
พวกผู้รอดชีวิต (ผู้เล่นใหม่) มองกลุ่มผู้เล่นเดิม
ที่ก ระซิบ กระซาบกั นด้ ว ยสี หน้ า เป็ น กั ง วล แต่ ใ น
จ านวนนั้ น ก็ มี ทั้ ง คนที่ สั ง เกตสถานการณ์ ร อบๆ
อย่ า งหลั ก แหลมหรื อ คนที่ ฟั ง ค าพู ด ของพวกเขา
ก่อนอื่นผมตั้งใจว่าจะจดจาใบหน้าของพวกเขาทุก
คนเอาไว้
“ตอนนี้กาลังจะนับยอดรวม พี่ฮยอนอูมาจาก
โรงแรมที่ 1 แล้ว ทุกคนลุกขึ้นยืน”
พอได้ยินชื่อฮยอนอู พวกผู้เล่นที่กาลังคุยกันก็
รีบมาเรียงแถวที่ด้านข้างของประตูโรงแรม
ฮยอนอู เผ่าสิงโตทอง เมื่อเชื่อมโยงทั้งสองคา
เข้าด้วยกัน ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ บางที
ถ้าผมคิดถูก พัคฮยอนอูที่เป็นผู้นาตระกูลของเผ่าใน
ภายหลังกาลังจะปรากฏตัว
จากนั้นก็เห็นใครคนหนึ่งเดินเข้ามาท่ามกลาง
พวกผู้เล่นทางประตูทั้งสองข้าง เป็นผู้ชายที่ดูดีและ
มีใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน ใช้เวลาระยะหนึ่ง
ถึงนึกออก แต่ได้เห็นแววตาของเขาแล้วก็แน่ใจได้
ว่า เขาคือพัคฮยอนอู
ผมเปิ ด ใช้ ด วงตาที่ ส ามทั น ที หลั ง จากที่ พ ลั ง
เวทย์แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย
ข้อมูลผู้เล่น (PlayerStatus)
ชื่อ (Name): พัคฮยอนอู (ปีที่ 4)
คลาส (Class): นักดาบทั่วไป (Normal Sword
Expert)
ถิ่นกาเนิด(Nation) : บาร์บาร่า (Global City)
ชนเผ่า(Clan) : สิงโตสีทอง
นามแท้ · สัญชาติ : ผู้เหลือไว้เพียงเงาเลือนของ
ดาบ · สาธารณรัฐเกาหลีใต้
เพศ (Sex): ชาย
ส่วนสูง · น้าหนัก: 179.2 ซม. · 68.7 กก.
อุ ป นิ สั ย : เป็ น กลาง · ทางสายกลาง (True ·
Neutral)
[พละก าลั ง 90] [ความทนทาน 81] [ความ
คล่องแคล่ว 73] [ความแข็งแกร่ง 87] [เวทมนตร์
89] [โชค 60]
เขาคื อ พั ค ฮยอนอู ต ามที่ ผ มคาดไว้ ความ
ทนทานหรือความคล่องแคล่วเป็นตัวเลขที่ไม่มีอะไร
เป็นพิเศษ(?) แต่เพราะเป็นนักดาบผู้เชี่ยวชาญจึงดู
เหมือนจะยังมีโอกาสพัฒนาได้อีก บางทีถ้าเขาได้
เลื่อนไปอีกสักสองระดับอาจจะได้กลายเป็นสุดยอด
นั ก ดาบก็ ไ ด้ อื ม เขาเป็ น ได้ แ น่ ๆ ในสงคราม
พันธมิตรครั้งที่ 1 หมอนี่ถูกเรียกว่า สุดยอดนักดาบ
ผมได้ ยิ น ชื่ อ เสี ย งของเขาเป็ น ประจ าใน
ช่ว งแรกๆ แต่เขาไม่ใ ช่ผู้เล่นที่ปะทะฝีดาบกับ ผม
โดยเฉพาะความคล่องแคล่วที่น่าเสียดายมาก แต่
เขาก็สามารถเติมเต็มได้ด้วยเวทมนตร์ที่ค่อนข้าง
ยอดเยี่ยม
ผมจะเลิ ก สนใจเกี่ ย วกั บ ตั ว เขาไว้ เ ท่ า นี้ ก่ อ น
ภายหลังจากนั้นได้ยินว่าเขาเองก็ถูกฆ่าตายไป ตอน
ที่ มี ก ารสั ง หารเผ่ า สิ ง โตทองในสงครามพั น ธมิ ต ร
เหนือสิ่งอื่นใด การเป็นศัตรูกับตระกูลใหญ่ก็ยิ่งยาก
ต่อการยอมรับในฐานะพันธมิตร
ในขณะที่ผมกาลังคิดอะไรอยู่คนเดียวนั้น ความ
สนใจของพวกผู้รอดชีวิตก็พุ่งไปที่พัคฮยอนอู เขา
ค่อยๆ เดินเข้ามาข้างใน สังเกตใบหน้าของพวกเรา
อย่างตั้งใจ จากนั้นก็มีสีหน้าประหลาดใจก่อนจะ
พูดเสียงดัง
“โรงแรมที่ 2 มี ค นผู้ เ ล่ น ใหม่ เ ยอะเชี ย ว ดู
เหมือนจะมากกว่าสี่สิบคน”
“สี่สิบสามคนครับ โรงแรมที่ 1 เหลือรอดมากี่
คนเหรอครับ”
“สิบเก้าคน แต่ก็ถือว่าดีแล้วล่ะ แยกพวกเขา
ตามคลาสแล้ ว พาไปที่ จั ตุรั ส ฉั นจะพาพวกผู้ เ ล่ น
จากโรงแรมที่ 3, โรงแรมที่ 4, โรงแรมที่ 5 ไปเอง”
พัคฮยอนอูตอบคาถามแล้วออกจากโรงแรมไป
ด้วยใบหน้านิ่งเฉย
จัตุรัสแออัดไปด้วยผู้คนจานวนมาก ไม่ได้มาที่
กลางจัตุรัสของเมืองบาร์บาร่านานมาแล้วก็เลยรู้สึก
แปลกๆ ถึงจะเรียกว่าจัตุรัส แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเป็น
พิเศษ ถ้าให้เปรียบก็คงคล้ายกับโรงละครกลางแจ้ง
เวทีท รงกลมถูก สร้างไว้ ตรงกลาง มีขั้นบั นได
เป็นขั้นๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ พวกผู้เล่นใหม่ถูกแบ่งตาม
คลาส และค่ อ ยๆ นั่ ง ลงตามบั น ไดแต่ ล ะขั้ น ที ล ะ
คนๆ ถึงแม้ว่าก้นจะหนาวจากความเย็นเฉียบบน
ก้อนอิฐ แต่ก็ต้องอดทนและหันเหความสนใจไปที่
กลางเวที
ผู้ เ ล่ น ที่ มี สั ญ ลั ก ษณ์ สิ ง โตสี ท องบนหน้ า อก
ด้านขวายังคงเดินไปเดินมา มองพวกเราด้วยแวว
ตาเย่อหยิ่งราวกับพวกเราเป็นสัตว์ในสวนสัตว์
ถ้ามีคนที่รู้จักสภาพแวดล้อมของฮอลล์เพลนก็
อาจจะพูดได้ว่า บาร์บาร่าจัดว่ามีสภาพแวดล้อมที่ดี
เพราะทวี ปตะวั นตกซึ่งดูแลจัดการโดยผู้เ ล่นชาว
อเมริ กั น มี น โยบายเปิ ด กว้ า ง ท าให้ ค่ อ นข้ า ง มี
ประชากรอยู่เป็นจานวนมาก ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า
เป็นทวีปแห่งเสรีภาพ แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าอยู่ใน
ความสงบเรียบร้อย
สิ ง โตสี ท องถู ก เรี ย กว่ า เผ่ า ที่ ยิ่ ง ใหญ่ ที่ สุ ด ใน
สาธารณรัฐเกาหลีใต้ซึ่งควบคุมทวีปเหนือ ได้ยินมา
ว่ า กฎระเบี ย บภายในของพวกเขาดู เ หมื อ นจะ
เข้มงวดมาก ก็เลยทาให้ดูหยิ่งยโสนิดหน่อย
ตอนนี้ผมแยกกับคนๆ อื่นแล้ว ไม่ใช่แค่ผมคน
เดียว พวกผู้เล่นส่วนใหญ่ก็แยกจากกลุ่มเดิม เพราะ
พวกผู้ เ ล่ น เก่ า ขี ด เส้ น ตามอ าเภอใจและแบ่ ง ตาม
คลาส
ผมสงสัย ว่ า อัน ฮยอนกั บ คนอื่น ๆ เลื อกคลาส
อะไรกั น แต่ว่ าผมตัดสินใจจะเลื่อนความสนุก ใน
การยื น ยั น ให้ แ น่ ใ จไปหลั ง จากนี้ ผมจั ด ระเบี ย บ
ความคิดที่ไม่ค่อยน่าพอใจและหันไปมองกลางเวที
อีกครั้ง พัคฮยอนอูและพรรคพวกกาลังพูดคุยกัน
นอกจากรอคอยแล้ ว ก็ ไ ม่ มี อ ะไรให้ ท า ผมจึ ง
แอบใช้เวทมนตร์กระตุ้นโสตประสาท ผมอยากฟัง
คร่าวๆ ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน
“รายงานจานวนคนครับ โรงแรมที่ 1 มี 19 คน
, โรงแรมที่ 2 มี 43 คน, โรงแรมที่ 3 มี 22 คน,
โรงแรมที่ 4 มี 29 คน, โรงแรมที่ 5 มี 17 คนครับ
รวมทั้งหมด 130 คนครับ”
“จานวนที่แบ่งคลาสต่อคลาสล่ะ”
“นักสู้ระยะประชิด 75 คน, นักสู้ระยะไกล 26
คน, ผู้ใ ช้ เ วทมนตร์ 18 คน, นัก บวช 11 คน และ
คลาสอื่นๆ 0 คนครับ”
“งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว ถ้างั้นเริ่มกันเลย ยูบิน ใช้
เวทมนตร์ขยายเสียงแล้วพาหมอนั่นมาหาฉัน”
หมอนั่ น เหรอ พู ด ถึ ง ใครกั น เนี่ ย ดู เ หมื อ นว่ า
ตอนที่พวกเราออกมาจะมีเรื่องวุ่นวายในโรงแรมที่
2 เพราะทันทีที่ถูกแบ่งตามคลาส พวกเราก็ออกมา
รวมกับพวกผู้เล่นที่เตรียมพร้อมอยู่ด้ านนอก จึงไม่
มีทางรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
ใช้เวลาไม่นาน คาถามของผมก็ได้รับคาตอบ
พัคฮยอนอูลากผู้ชายที่มีบาดแผลเต็มตัวขึ้นมากลาง
เวที ทั น ที พ วกเขาก้ า วเท้ า เข้ า มา เสี ย งกระซิ บ
กระซาบรอบตัวก็ค่อยๆ หายไป ภายในโถงเงียบ
เสียจนไม่ได้ยินกระทั่งเสียงลมหายใจ
พัคฮยอนอูลากผู้ชายคนนั้นด้วยแขนข้างเดียว
จากนั้นก็โยนเขาไปหน้าเวที
ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน พัคดงกอลนั่นเอง
มีฟองไหลออกจากปากและแขนขวาบิดเบี้ยวอย่าง
แปลกประหลาด เป็นสภาพที่น่าสมเพช เขายังไม่
หมดสติ ร่างกายยังกระตุกเป็นระยะ ดูจากสีหน้า
คงจะเจ็บปวดมาก
พวกผู้เล่นเดิมคนอื่นๆ ไม่ได้สนใจพัคดงกอลที่
ส่งเสียงร้องโอดโอยแม้แ ต่น้อย พัคฮยอนอูมองผู้
เล่นใหม่ทุกคนและเปิดปากพูดเป็นครั้งแรก
“ก่อนอื่น ยินดีที่ได้พบผู้เล่นใหม่ทุกคนที่ผ่าน
พิธีเปลี่ยนสภาวะมาได้ ฉันจะพูดแค่สั้นๆ เพราะทุก
คนคงได้ฟังเรื่องราวส่วนใหญ่มากจากทูตสวรรค์กั น
แล้ว”
เขาหยุ ด พู ด ไปครู่ ห นึ่ ง ทุ ก คนก าลั ง จดจ่ อ กั บ
คาพูดของเขา
“แต่ก็ ยังมีเ รื่องที่ต้องบอก ที่ที่พวกเรายืนอยู่
ในตอนนี้คือ สาธารณรัฐเกาหลีใต้ และทุกคนคือผู้ที่
เพิ่ ง ผ่ า นการทดสอบจากพิ ธี เ ปลี่ ย นสภาวะ มี ข้ อ
แตกต่างระหว่างพวกเราเพียงข้อเดียว ก็คือคนที่
เข้ามายังฮอลล์ เพลนก่อน หรือใครที่เข้ามาทีหลัง
ประเด็นสาคัญก็คือ...”
เพราะผลจากเวทมนตร์ขยายเสียง เสียงของ
เขาจึงกังวานไปทั่วบริเวณ ดังพอให้คน 130 คนได้
ยินอย่างชัดเจน เขาค่อยๆ ขยับไปยืนด้านหน้าทุก
คนและหยุดยืนตรงหน้าพัคดงกอลที่ล้มอยู่
“พวกเราไม่ใช่คนที่จะส่งพวกคุณกลับบ้าน”
มีแรงกดดันจากคาพูดนี้ บรรดาผู้เล่นใหม่ที่ตั้ง
ใจฟังเขาเกิดความกระสับกระส่าย ผมไม่คิดว่าพัคฮ
ยอนอูจะตาหนิผู้เล่นเหล่านี้ เพราะผมเองก็ไม่ได้
ตาหนิเช่นกัน
แม้ ว่ า จะเป็ นสิ่ งที่ ได้ ยิน มาจากทู ตสวรรค์ แต่
หากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนในที่สาธารณะก็จะทาให้
เกิดความผิดหวัง พัคฮยอนอูที่หันมองทุกคนเงียบๆ
และพูดต่อด้วยเสียงแหบต่ากว่าเดิม
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 19
“ทุกคนถูกดึงเข้ามาในฮอลล์เพลนเส็งเคร็งนี่
โดยไม่ได้เต็มใจ ฉันเข้าใจความรู้สึกที่ไม่ได้รับความ
เป็ น ธรรมนั้ น ดี พวกเราเองครั้ ง หนึ่ ง ก็ เ คยอยู่ ใ น
สถานการณ์นั้นเช่นกันกับที่คุณเผชิญอยู่ในตอนนี้
คุ ณ คงสงสั ย ว่ า ท าไมพวกเราถึ ง มาอยู่ ที่ นี่ มี
จุ ด ประสงค์ เ ดี ย วเท่ า นั้ น เพื่ อ ให้ ทุ ก คนสามารถ
ปรับตัวให้เข้ากับฮอลล์เพลนและเพื่อเป็นแนวทาง
ช่วยให้สามารถเอาตัวรอดได้
เขาหยุดพูดและก้มลงมองพัคดงกอล แม้จวน
เจียนจะตายท่ามกลางความเจ็บปวด แต่ศักดิ์ศรีใน
ตนเองยังอยู่ พัคดงกอลตัวสั่นอย่างน่าอับอาย เมื่อ
สบตากับพัคฮยอนอู เขาก็รีบหลุบตาลงทันที ผมยิ้ม
เยาะอยู่ภายในใจ
“หากขยายความอี ก หน่ อย คุ ณ จะคิด ว่ าเป็ น
การที่ผู้เล่นระดับสูงช่วยเหลือผู้เล่นฝึกหัดแบบใน
เกมออนไลน์ก็ได้ แต่ว่าชายคนนี้พูดจาหยาบคาย
และสบถด่าผู้เล่นที่มาให้คาแนะนา แน่นอนว่าพวก
เรารับประกันในสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และ
เคารพในสิทธิเสรีภาพของทุกคนเช่นกัน อาจมีคนที่
ไม่เชื่อใจหรือไม่ต้องการรับความช่วยเหลือจากพวก
เรา เราจะให้โอกาสกับบุคคลเหล่านั้นในตอนนี้ คน
ที่ ไ ม่ ต้ อ งการค าแนะน าของเรา ขอให้ ลุ ก ขึ้ น และ
ออกไปจากที่นี่ได้เลย จะไม่มีการขัดขวางใดๆ”
เขาพู ด จบแล้ ว แต่ ก็ ไ ม่ มี ใ ครเอ่ ย ปากคั ด ค้ า น
และแน่นอนว่าไม่มีใครลุกขึ้น มีเพียงความเงียบที่
ปกคลุมไปทั่วจัตุรัส
ผ่านไปสักพัก เมื่อพัคฮยอนอูมั่นใจว่าไม่มีใคร
ลุกขึ้นแล้ว เขาจึงพยักหน้าสองสามทีและพูดต่อ
“ไม่มีสินะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะคิดว่าทุกคนที่ยัง
อยู่ต้องการรับคาแนะนา เราจะดาเนินการอย่าง
เหมาะสม หากมีผู้เล่นที่เป็นอันตรายต่อผู้เล่นคน
อื่นด้วยการกระทาที่ออกนอกลู่นอกทาง ขั้นตอน
การแนะนาจะเข้าสู่ก ารควบคุมในระดับหนึ่ง แต่
หากคิดว่าควบคุมนั้นมากเกินไปก็อนุญาตให้ล้มเลิก
กลางคันได้ หวังว่าทุกคนจะรับทราบ ถ้างั้นขอเวลา
สักครู่... ยูบิน ยกเลิกเวทมนตร์ขยายเสียง”
นักเวทย์ที่ชื่อยูบินหยุดใช้เวทมนตร์ขยายเสียง
จึงไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาอีก พัคฮยอนอูเรียก
นั ก บวชคนหนึ่ ง มา เขาชี้ ไ ปที่ พั ค ดงกอลและพู ด
อะไรบางอย่าง ผมรีบใช้เวทมนตร์เปิดโสตประสาท
ทันที
นักบวชที่เขาเรียกมานั้นก็คือคนตัวสูงที่ผมเจอ
ในโรงแรม เป็นนักบวชเนี่ยนะ ไม่เห็นเข้ากันเลยสัก
นิด นักบวชร่างยักษ์คุกเข่าลงข้างหนึ่งและก้มลงไป
ตรงหน้า จากนั้ นเขาก็ ยกมือ ที่ เ ปล่ง แสงสว่ างขึ้ น
ขยับไปใกล้แขนขวาของพัคดงกอล
“คืนสภาพ”
แว้บ!
ทั น ที ที่ ค นตั ว โตท่ อ งค าว่ า ‘คื น สภาพ’ มื อ ที่
เปล่งแสงของเขาก็ยิ่งส่องสว่าง แสงสว่างพวยพุ่งขึ้น
ไปกลางอากาศ จากนั้นก็ถูกดูดกลืนไปที่แขนขวา
ของพัคดงกอล และแล้วแขนที่หักงอผิดรูปก็ค่อยๆ
กลับคืนสู่สภาพเดิม
พวกผู้ เ ล่ น ใหม่ อุ ท านด้ ว ยความตื่ น เต้ น กั บ
เหตุ ก ารณ์ ต รงหน้ า พั ค ดงกอลกะพริ บ ตาปริ บ ๆ
ท่าทางแปลกใจมากที่ได้รับการรักษา เขายันตัวขึ้น
พลางโอดครวญ จากนั้ น ก็ ล องขยั บ แขนขวา ดู
เหมือนจะคืนสภาพเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พัคฮยอนอูจ้องมองพัคดงกอลด้วยแววตาเฉย
ชา ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“ลุกขึ้นมา”
เมื่อเขาพูดจบ พัคดงกอลก็รีบลุกพรวดขึ้นมา
อย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนประเภทนอบน้อมต่อผู้ที่
แข็งแกร่งกว่า และอวดเบ่งกับผู้ที่อ่อนแอกว่า พัคฮ
ยอนอูเบ้ห น้าราวกับไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก เขาพูด
ด้วยเสียงคล้ายจะขู่
“แม้จะเป็นผู้เล่นใหม่ แต่ในบาร์บาร่านั้น การ
ต่อต้านตัวแทนของเผ่าสิงโตทองเป็นการกระทาที่
บ้ า บิ่ น มาก ครั้ ง นี้ ฉั น จะปล่ อ ยผ่ า นไปสั ก ครั้ ง แต่
หากมีคราวหน้าอีกละก็...”
ผมสัม ผัส ได้ ถึง ความน่า กลั ว ในค าพู ดของเขา
พัคดงกอลเองก็คงรู้สึกถึงกลิ่นอายของจิตสังหารจึง
รีบพยักหน้าอย่างไร้สติ
จากนั้นนักบวชที่เห็นสายตาของพัคฮยอนอูก็
พาพัคดงกอลไปรวมกับกลุ่มนักสู้ระยะประชิด เมื่อ
มั่นใจว่าเขาอยู่ในความควบคุมแล้ว พัคฮยอนอูก็
หันกลับมาทางพวกเราอีกครั้ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองพวกผู้เล่นใหม่ หลังจากที่ใช้
เวทมนตร์ขยายเสียงอีกครั้ง เมื่อครู่ที่เขาเพิ่งปิดการ
ขยายเสียง ไม่มีใครได้ยินเสียงพัคฮยอนอูนอกจาก
ผู้เ กี่ ย วข้ อ ง เที ย บกั บ ตอนที่ เ ขาสนทนากั บ พั ค ดง
กอลแล้ว เขาค่อยๆ พูดด้วยใบหน้าที่สงบกว่าเดิม
“ฉันรู้ว่าทุกคนคงได้ฟังจากทูตสวรรค์มาบ้าง
แล้วและแน่นอน ฉันรู้ว่าทุกคนมีเรื่องที่ยังสงสัยอยู่
อีกมาก แต่ถ้าเราตอบทุกข้อสงสัยในตอนนี้ ใช้เวลา
ทั้งวันทั้งคืนตลอดสัปดาห์ก็คงจะไม่พอ”
ก็ แ น่ ล่ ะ สิ ผมที่ อ ยากจะเข้ า ไปสถาบั น ผู้ เ ล่ น
เร็วๆ เห็นด้วยอย่างยิ่ง พัคฮยอนอูพูดต่อทันทีราว
กับอ่านใจของผมได้
“นอกจากนั้นตอนนี้ทุกคนที่เพิ่ งผ่านพิธีเปลี่ยน
สภาวะมา คงจะเหนื่อยกันมากแน่ๆ ในเมื่อทุกคน
ตกลงยอมรับ เราก็จะอธิบายแผนการในอนาคตให้
ฟังแบบง่ายๆ”
เขากระแอมเล็กน้อยและพูดต่อ
“ในเมื อ งใหญ่ อ ย่ า งบาร์ บ าร่ า มี อ าคารที่
เรียกว่ าสถาบั นผู้เ ล่น ไม่ทราบว่ าในบรรดาผู้เ ล่น
ใหม่ มีใครที่ได้ฟังเรื่องนี้มาจากผู้ช่วยทูตสวรรค์บ้าง
มั้ย”
เขาเน้นคาว่าผู้ช่วย พวกผู้เล่นที่ได้ยินคาถาม
ของฮยอนอูสบตากันและเริ่มยกมือขึ้นทีละคน มี
เสี ย งดั ง จอแจเล็ ก น้ อ ย แต่ ก็ มี ค นยกมื อ เพิ่ ม ขึ้ น
เรื่อยๆ
ดู เ หมื อ นผู้ ค นมากกว่ า ครึ่ ง จะยกมื อ ไม่ สิ
นอกจากคนจานวนหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยกมือขึ้น
กันหมด หมายความว่าทูตสวรรค์ประเมินสถาบันผู้
เล่นไว้สูง เมื่อเห็นว่าคนส่วนมากยกมือ ฮยอนอูก็ส่ง
สัญญาณให้ลดมือลง
“ดีมาก จากมุมมองของทุกคนนี่ดูเหมือนการ
พูดเรื่องเดิมซ้าๆ แต่เพราะเรื่องนี้สาคัญมาก และ
อาจจะมีบางคนที่ยังไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นฉันจะ
อธิบายอีกครั้ง สถาบันผู้เล่นคือสถานที่ฝึกฝนแห่ง
หนึ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถเอาตัวรอดและช่วยให้
ปรั บ ตั ว ได้ ง่ า ยกว่ า ในพิ ธี เ ปลี่ ย นสภาวะ สถาบั น
ได้ รั บ การยอมรั บ ด้ า นประสิ ท ธิ ภ าพ และได้ รั บ
อานาจอย่างเป็นทางการในการเป็นสถานที่ที่สร้างผู้
เล่นในระยะเริ่มต้น”
ถึงผมจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างสถาบันขึ้นมา
แต่มันยากมากที่จะได้รับการยอมรับการตั้งค่าโดยผู้
เล่นที่ไม่ใช่การตั้งค่าของทูตสวรรค์
ฮยอนอู เ ริ่ ม เล่ า ถึ ง ประวั ติ ค วามเป็ น มาของ
สถาบันผู้เล่นและจุดประสงค์ที่ก่อตั้งสถาบัน เขา
อธิบายรายละเอียดของการฝึกฝนและสิ่งที่จะได้รับ
เมื่อสาเร็จการศึกษาอย่างละเอี ยด หากลองสรุป
เนื้อหาสาคัญแล้ว...
หลักสูตรการฝึกฝนของสถาบันผู้เล่นจะใช้เวลา
ทั้งหมด 3 เดือน ในช่วงแรกความสามารถของผู้เล่น
มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สถาบันผู้เล่นมี
หลักสูตรการฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพซึ่งเหมาะกับ
คลาสและความสามารถของแต่ละคน ด้วยเหตุนี้จึง
ส า ม า ร ถ ค า ด ห วั ง อั ต ร า ก า ร เ พิ่ ม ขึ้ น ข อ ง
ความสามารถระดับสูงได้มากกว่าการฝึกฝนแบบ
ลวกๆ
มี ก ารจ่ า ย 20 เหรี ย ญเงิ น เป็ น ค่ า จ้ า งทุ ก ๆ
สั ป ดาห์ ส าหรั บ ทุ ก คนที่ ไ ด้ รั บ การฝึ ก ฝน ผู้ เ ล่ น
ทั้ ง หมดที่ จ บการศึ ก ษาจากหลั ก สู ต ร 3 เดื อ นจะ
ได้รับค่าสามารถ 4 คะแนนเป็นรางวัลที่ทาหน้าที่
สาเร็จ ผมสามารถสรุปได้ประมาณนี้
อันที่จริงผมต้องการแค่รางวัล 4 คะแนนเท่านั้น
แต่สาหรับผู้เล่นคนอื่นๆ มีหลายสิ่งที่น่าสนใจมาก
อาจจะรวบรัดไปบ้างแต่ก็มีอาหารให้กิน มีที่ให้พัก
ได้รับการฝึกฝน แล้วยังให้เงินอีกด้วย ถือว่ายิงปืน
นัดเดียวได้นกหลายตัว
ฮยอนอู ที่ อ ธิ บ ายมาสั ก พั ก หนึ่ ง แล้ ว พู ด ถึ ง
ขีดจากัดการยกระดับความสามารถที่ทุกคนมีเป็น
เรื่องสุดท้าย การเพิ่มคะแนนความสามารถเป็นสิ่งที่
แตกต่างกันไปตามความพยายามของแต่ละคน แต่
เขาพูดถึงระดับของผู้เล่นทุกคนว่าสามารถเพิ่มขึ้น
ได้ถึงไหน
และจบคาอธิบายเกี่ยวกับสถาบันผู้เล่นด้วยการ
เตือนเกี่ยวกับคะแนนที่ได้รับเป็นรางวัล ว่าควรจะ
รั ก ษาไว้ ใ ห้ ดี เพราะมี แ ค่ ไ ม่ กี่ วิ ธี ที่ จ ะท าให้
ความสามารถเพิ่มขึ้นไปถึงขีดจากัด
“งั้ น ก็ จ บการอธิ บ ายเรื่ อ งพื้ น ฐานเพี ย งเท่ า นี้
ตอนแรกเราจะต้องย้ายไปหอพักในสถาบั นทันที
หลั ง จากนี้ แต่ ดู เ หมื อ นจะยั ง มี เ รื่ อ งที่ ส งสั ย อยู่
เพราะฉะนั้นฉันจะตอบคาถามสักสามสี่ข้อแล้วกัน”
ทั น ที ที่ เ ขาพู ด จบ ผู้ ห ญิ ง คนหนึ่ ง ที่ ร วมอยู่ ใ น
บรรดาผู้เล่นนักสู้ระยะไกลก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผมสงสัยว่าเป็นคาถามแบบไหนกันนะ เธอถึงได้รีบ
ยกมือขนาดนั้น ฮยอนอูพยักหน้ารับรู้ ผู้หญิงคนนั้น
ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“พะ... พวกเรา... จะได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
... มั้ยคะ”
เป็ น ค าถามที่ น่ า ผิ ด หวั ง ตามคาด ช่ า งเป็ น
ค าถามที่ ไ ร้ ส าระอะไรแบบนี้ น ะ ผมเดาะลิ้ น กั บ
คาถามงี่เง่าของหญิงสาวพลางเหลือบมองสีหน้า
ของฮยอนอู และเป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้ เขาจ้อง
มองเธอด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“พวกเราไม่ใช่ผู้ที่จะส่งทุกคนกลับบ้านตามที่ได้
บอกไปในตอนต้น ถ้าเรารู้วิธี จะมายืนอยู่ที่นี่แบบนี้
งั้นเหรอ วันข้างหน้านี่เป็นสิ่งที่ผู้เล่นใหม่เองก็ต้อง
ทาในฮอลล์เพลนและร่วมกันแก้ปัญหา”
เมื่อรู้สึกถึงแววตาเวทนาจากฮยอนอู ผู้หญิงคน
นั้นก็หน้าแดงก่าและรีบนั่งลงความเงียบปกคลุมอยู่
ครู่หนึ่ง แต่แล้วผู้ชายอีกคนจากกลุ่มผู้ใช้เวทมนตร์
ก็ ย กมื อ บ้ า ง เขาเป็ น ผู้ เ ล่ น ชายที่ ตั ด ผมสั้ น และ
ท่าทางฉลาด เมื่อฮยอนอูพยักหน้า เขาจึงลุกขึ้นยืน
“ผมเข้าใจว่าเราเรียกโลกที่เราอยู่ในขณะนี้ว่า
ฮอลล์เพลน เรียกคนทั่วไปว่าผู้เล่น แล้วก็เหมือนจะ
เรียกเมืองนี้ว่า บาร์บาร่า แต่ผู้เล่นที่เหมือนกับเรา
อาศัยอยู่แค่ที่นี่หรือเปล่าครับ”
ฮยอนอูส่ายหน้าเป็นคาตอบ
“ไม่ใช่แบบนั้น อาจจะได้ฟังมาจากทูตสวรรค์
แล้ว แต่ว่าฮอลล์เพลนแบ่งออกเป็นสี่ทวีป และบาร์
บาร่ า คื อ เมื อ งใหญ่ ที่ สุ ด เพี ย งแห่ ง เดี ย วของทวี ป
เหนือ นอกจากเมืองนี้แล้วก็ยังมีเมืองขนาดกลางสี่
เมื อ ง และเมื อ งขนาดเล็ ก อี ก แปดเมื อ ง ที่ เ มื อ ง
เหล่ า นั้ น ก็ มี ผู้ เ ล่ น แบบเดี ย วกั บ พวกเรากระจั ด
กระจายอยู่ทั่วไปเช่นกัน แม้ว่าความปลอดภัยใน
ทวีปเหนือยังไม่สมบูรณ์ แบบ แต่บริเวณโดยรอบ
เมืองนี้ถูกควบคุมดูแลโดยผู้เล่นชาวเกาหลี ดังนั้น
จึงไม่เป็นปัญหา”
“คุณ พู ดว่ า ผู้เ ล่นชาวเกาหลี งั้นก็ แ สดงว่ ามี ผู้
เล่นสัญชาติอื่นๆ...”
“ถูกต้อง ฮอลล์เพลนไม่ได้มีแต่ผู้เล่นชาวเกาหลี
ทวี ป ตะวั น ออกอยู่ ภ ายใต้ ก ารดู แ ลของผู้ เ ล่ น ชาว
ญี่ปุ่น ทวี ปตะวันตกอยู่ภายใต้ก ารดูแลของผู้เล่น
ชาวอเมริกัน และทวีปใต้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้
เล่นชาวอังกฤษ แน่นอนว่ามีการแลกเปลี่ยนกันใน
แต่ละทวีป แต่ถ้ามองโดยภาพรวมก็สามารถแบ่งได้
ตามนี”้
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 20
คำถำมนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนำดนั้น ผู้เล่นคน
นั้นผงกหัวและนั่งลงตำมเดิม ฮยอนอูมองไปที่พวก
ผู้เล่นใหม่เงียบๆ เพรำะเขำบอกว่ำจะตอบคำถำม
แค่สำมสี่ข้อ บำงทีตอนนี้อำจจะเป็นคำถำมสุดท้ำย
ท่ำทำงทุกคนเองก็คงจะรู้เรื่องนั้นดี จึงไม่มีใคร
คิดจะถำมแบบสุ่มสี่สุ่มห้ำ ตอนนั้นเอง ฮยอนอูก็ชี้
ไปที่ใครคนหนึ่ง เมื่อผมหันไปมองตำมเขำก็เห็นมือ
ของผู้เล่นหญิงคนหนึ่ง
เมื่อผู้เล่นหญิงคนนั้นลุกขึ้น ผมก็กรีดร้องอยู่ใน
ใจเมื่อได้เห็นใบหน้ำของหล่อน คนที่ลุกขึ้นเป็นคน
สุดท้ำยก็คือคิมฮันบยอลนั่นเอง
หล่อนจ้องมองฮยอนอู ด้วยควำมสงบเยือกเย็น
ตั้งแต่ผมรู้ถึงพลังควำมคิดอันเฉียบแหลมของเจ้ำตัว
ก็เกิดอยำกรู้ขึ้นมำว่ำหล่อนจะถำมอะไร ดูเหมือน
ควำมน่ำเบื่อหน่ำยที่สัมผัสมำจนถึงเมื่อกี้กำลังจะ
หำยไป
ริมฝีปำกงดงำมขยับเล็กน้อย และกำลังจะเปล่ง
เสียงอันไพเรำะออกมำ
“ทุกคนที่อยู่ที่นี่ยินยอมที่จะรับกำรฝึกฝนจำก
สถำบันผู้เล่น แล้วจุดประสงค์ที่แท้จริงของกำรให้
พวกเรำรับกำรฝึกฝนจำกที่นั่นคืออะไรคะ”
ทั น ที ที่ ห ล่ อ นถำมจบก็ เ กิ ด เสี ย งพู ด คุ ย อยู่ พั ก
หนึ่ง คนส่วนมำกทำหน้ำบูดเบี้ยวรำวกับว่ำคิดว่ำ
ค ำถำมนี้ ช่ ำ งไร้ ป ระโยชน์ คนพวกนั้ น ไม่ เ ข้ ำ ใจ
เจตนำในคำถำมของฮันบยอล มีเพียงคนกลุ่มเล็กที่
ตำเป็นประกำยเพรำะรู้ในควำมนัยของคำถำม
ผมประทั บ ใจกั บ ค ำถำมอั น เฉี ย บคมของฮั น
บยอล ฮยอนอู ถู ก ท ำให้ หั ว หมุ น เล็ ก น้ อ ย เขำมี สี
หน้ำแตกต่ำงจำกตอนที่ได้ยินคำถำมของผู้เล่นหญิง
คนแรก เขำเลี ย ริ ม ฝี ป ำก ท่ ำ ทำงจะสั บ สนอยู่ ไ ม่
น้อย
คำถำมของฮันบยอลได้รับคำนวณอย่ำงลึกซึ้ง
ในระดั บ หนึ่ ง เหตุ ผ ลและจุ ด ประสงค์ เ ป็ น ค ำที่
แตกต่ำงกัน จุดประสงค์และจุดประสงค์ที่แท้จริงก็
สำมำรถมองให้แตกต่ำงกันได้โดยขึ้นอยู่กับมุมมอง
ค ำถำมของหล่ อ นไม่ ใ ช่ ค ำถำมทั่ ว ไปอย่ ำ ง
‘ทำไมเรำถึงต้องได้รับกำรฝึกฝน’ แต่เป็นคำถำมที่
เจำะประเด็น ถึง วั ต ถุป ระสงค์ ที่ แ ท้ จริ งของกำรที่
พวกเรำต้องฝึกฝนที่นั่นและถำมถึงจุดประสงค์กำร
ใช้ ป ระโยชน์ จ ำกสถำบั น ผู้ เ ล่ น ไปด้ ว ยในเวลำ
เดียวกัน
ฮยอนอูในตอนนี้อ้ำปำกแล้วก็หุบปำกซ้ำไปซ้ำ
มำด้ ว ยท่ ำที ลั งเลใจ แตกต่ ำงจำกตอนที่ เ ขำตอบ
คำถำมอื่นโดยไม่รีรอ
พวกผู้เล่นใหม่เองก็รับรู้ได้ถึงท่ำทีแปลกๆ ของ
เขำ เสียงพูดคุยจึงเงียบลง จำกนั้นเขำก็ตอบด้วย
น้ำเสียงอึดอัดใจ
“...ฉันได้อธิบำยเกี่ยวกับประโยชน์ของสถำบัน
ผู้เล่นไปแล้ว ที่ผู้เล่นถำมเช่นนี้เพรำะกำลังไม่พอใจ
เรื่องกำรเข้ำรับกำรฝึกฝนงั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้บอกว่ำไม่พอใจนะคะ และฉันเองก็
ตกลงจะเข้ำสถำบันผู้เล่น ด้วย สิ่งที่ฉันอยำกได้ยิน
ไม่ ใ ช่ คุ ณ สมบั ติ ข องสถำบั น ผู้ เ ล่ น ที่ แ ห่ ง นี้ เ ป็ น
สถำนที่ ที่ มี เ ป้ ำ หมำยเพื่ อ ช่ ว ยเหลื อ และให้ ผู้ เ ล่ น
ปรับตัวได้ง่ำยขึ้นจริงๆ เหรอคะ”
ผมเห็นฮยอนอูปิดปำกเงียบ จู่ๆ ผมก็นึกถึงคำที่
หล่อนพูดกับผมในกระท่อมก่อนที่จะเข้ำสู่ฮอลล์เพ
ลนขึ้นมำ
“อีกแล้วนะคะ มันอำจจะได้ผลกับพี่อันฮยอน
และพี่ยูจอง แต่เลิกทำแบบนี้กับฉันเถอะค่ะ อย่ำ
พยำยำมเปลี่ยนเรื่องสิคะ”
ฮยอนอูพยำยำมเปลี่ยนเรื่อง ดูเหมือนเขำก็ไม่รู้
จะตอบคำถำมที่เด็ดขำดของฮันบยอลอย่ำงไรดี
รอยยิ้ ม ขมขื่ น ปรำกฏบนใบหน้ ำ ของเขำ
หลังจำกที่เขำกัดปำกและเงียบมำสักพั ก เป็นครั้ง
แรกที่ได้เห็นสีหน้ำที่ดูมีชีวิตตั้งแต่เข้ำมำในฮอลล์เพ
ลน บำงที ค ำถำมของฮั น บยอลอำจจะไปสะกิ ด
ภำยในใจของเขำ
“อย่ำงไรก็ตำม... เมื่อเวลำผ่ำนไปสักพัก คุณก็
จะได้ เ รี ย นรู้ ไ ปเองโดยอั ต โนมั ติ ไม่ ว่ ำ จะชอบ
หรือไม่”
ฮยอนอูเลียริมฝีปำกแห้งผำกของเขำและพูด
ด้วยเสียงแหบต่ำ
“มนุษย์ที่อ ำศัยในฮอลล์เ พลนแห่งนี้ สำมำรถ
แบ่ ง ได้ เ ป็ น สองประเภทใหญ่ ๆ คื อ ผู้ เ ล่ น ที่ เ ป็ น
ประชำกรเดิ ม ของฮอลล์ เ พลนอยู่ แ ล้ ว กั บ ผู้ เ ล่ น ที่
ผ่ ำ นเข้ ำ มำโดยทู ต สวรรค์ แต่ ห ำกคิ ด ว่ ำ ผู้ เ ล่ น
ทั้งหมดเหมือนกันแล้วล่ะก็ นั่นเป็นเรื่องเข้ำใจผิด”
“ไม่ใช่ผู้เล่นแบบเดียวกันเหรอคะ”
ฮยอนอูพยักหน้ำกับคำถำมของฮันบยอล
“มี ทั้ ง พวกผู้ เ ล่ น ที่ พ ยำยำมจะกลั บ ไปยั ง โลก
แล้วก็มีพวกผู้เล่นที่อำศัยอยู่อย่ำงสุขสบำยในฮอลล์
เพลน หรือก็คือคนที่เปลี่ยนแผนมำเป็นประชำกร
ของฮอลล์เพลน อืม... บอกว่ำเปลี่ยนแผนก็จะฟังดู
แปลกๆ พูดง่ำยๆ ว่ำเป็นคนที่ปฏิเสธที่จะกลับไปยัง
โลก”
เขำกลื น น้ ำลำยรำวกั บ ก ำลั ง กระหำยน้ ำ ผม
สงสั ย ว่ ำ เขำจะพู ด อะไรต่ อ และเริ่ ม คำดหวั ง ขึ้ น
เรื่อยๆ
“เผ่ำสิงโตทองก็เช่นกัน พวกเรำเองก็อยำกจะ
กลับไปยังโลกเหมือนกับทุกๆ คน ตอนนี้พวกเรำก็
พยำยำมอย่ ำ งมำกที่ จ ะรวบรวมข้ อ มู ล เพื่ อ หำ
หนทำงกลับไป แต่ผู้เล่นที่อำศัยในฮอลล์เพลนนั้น
ต่ำงออกไป พวกเขำปรำรถนำที่จะอยู่ภำยในฮอลล์
เพลนแห่งนี้ตลอดไป”
“ถ้ ำ อย่ ำ งนั้ น เรำปล่ อ ยคนพวกนั้ น ไว้ แล้ ว
รวมกลุ่มพวกผู้เล่นที่ต้องกำรจะกลับไปยังโลกไม่ได้
เหรอคะ”
เป็นข้อเสนอที่สมเหตุสมผล แต่น่ำเสียดำยที่
ควำมเป็ น จริ ง ไม่ ง่ ำ ยดำยขนำดนั้ น ฮยอนอู ส่ ำ ย
ศีรษะไปมำกับกำรย้อนถำมของฮันบยอล
“ควำมจริ ง แล้ ว เรำไม่ ส ำมำรถแบ่ ง แยกได้
ง่ำยดำยแบบนั้น ฮอลล์เ พลนไม่ใ ช่ สนำมเด็ก เล่น
ที่ นี่ คื อ โลกแห่ ง ควำมเป็ น จริ ง ที่ ชั ด เจน มี ค วำม
เกี่ยวข้องของผลประโยชน์ที่ซับซ้อนหลำยข้อและมี
ควำมขัดแย้งอยู่ด้วย มีคนที่ทำทุกทำงอย่ำงเต็มที่
เพื่อขัดขวำงแผนกำรทั้งหมดของเรำ ไม่ให้เรำหำ
วิธีกำรกลับไปยังโลก”
นี่ เ ขำก ำลั ง พู ด ถึ ง พวกเร่ ร่ อ นอยู่ ห รื อ เปล่ ำ นะ
ตั ว อย่ ำ งเช่ น เผ่ ำ ที่ เ รี ย กกั น ว่ ำ กองพลสั ง หำร
(Murder Brigade) ยังไม่ได้เป็นตระกูลที่ได้รับกำร
แต่งตั้ง แต่พวกเขำก็เป็ นหนึ่งในตัว แทนผู้เล่นที่ฮ
ยอนอูกล่ำวถึง แม้จะมี สมำชิกไม่เกินสิบคน แต่ก็
เป็นกำรรวมตัวของเหล่ำคนโรคจิตที่พึงพอใจกับ
กำรเข่นฆ่ำผู้คน
ผมจ ำได้ ว่ ำ ช่ ว งที่ พ วกเขำรวมตั ว กั น ก็ น่ ำ จะ
หลังจำกผ่ำนสงครำมพันธมิตรครั้งที่ 1 มำได้ไม่นำน
นัก
นอกจำกนี้บั้นปลำยชีวิตของพวกเขำนั้นดุเดือด
มำก ตอนที่ ฝั่ ง ทวี ป เหนื อ ข้ ำ มผ่ ำ นเทื อ กเขำ
เหล็กกล้ำและรุกรำนแอตแลนตำ อำจจะไม่ถูกต้อง
นักที่ใช้คำว่ำ รุกรำน พวกเขำเคลื่อนไหวและทำให้
ผู้เล่นคนหนึ่งของเผ่ำเขี้ยวแดงโกรธโดยไม่ได้ตั้งใจ
และภำยใต้ควำมโกรธของอูจองมินและซอนยู
อุน พวกเขำถูกทำลำยจนไม่เหลือใครสักคน
“คนเหล่ำนี้น่ะ เพื่อเป้ำหมำยแล้วก็ไม่ลังเลที่จะ
ฆ่ำพวกเดียวกันหรอก แน่นอนว่ำมีผู้เล่นที่อยู่อย่ำง
สงบสุขในฮอลล์เพลนเป็นจำนวนมำก แต่ก็มีคนที่
เป็นอันตรำยอยู่ด้วยเช่นกัน”
ควำมเงี ย บปกคลุ ม ไปทั่ ว จั ตุ รั ส คนส่ ว นใหญ่
มองคนเพียงด้ำนเดียว และไม่ได้ลองคิดถึงโอกำสที่
จะกลำยเป็ น ศั ต รู อำจจะมี ผู้ เ ล่ น ที่ มี ท ำท่ ำ ทำง
เหมือนพัคดงกอลอยู่ก็ได้ อำจจะเคยฆ่ำคนมำแล้ว
หรืออำจจะเคยฆ่ำใครสักคนด้วยเหตุผลบำงอย่ำง
ในพิธีเปลี่ยนสภำวะ...
“พวกเขำเคลื่อนไหวในเงำมืดเพื่อไม่ให้ถูกจับ
ได้ ทว่ำควำมแข็งแกร่งของพวกเขำก็อยู่ในระดับที่
ไม่ อำจมองข้ ำ ม หำกมีโ อกำสหรือ เกิ ด เหตุ ก ำรณ์
อะไรขึ้นมำ พวกเขำก็รอโอกำสที่จะก้ำวออกมำสู่
โลกภำยนอก ผู้เล่นถำมถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของ
สถำบันใช่หรือไม่ นี่คือคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนั้น”
หลังจำกที่เขำจ้องฮันบยอลตำเขม็ง เขำก็เอ่ย
ต่อ
“ผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งมำถึงจะกลำยเป็นเป้ำหมำย
ของพวกนั้ น เขำจะพยำยำมผู ก มิ ต รหรื อ อำจจะ
ตอบสนองในสิ่งที่พวกคุณต้องกำร สถำบันผู้เล่นจะ
สอนและปกป้องผู้เล่นใหม่จำกกลลวงของพวกเขำ
เป็ น สถำนที่ ที่ เ ป็ น พื้ น ฐำนในกำรสอนทุ ก คนให้
สำมำรถรวมพลังกันต่อต้ำนคนเหล่ำนั้น เพรำะแบบ
นี้ทูตสวรรค์และพวกเรำจึงสนับสนุนให้เข้ำไปที่นั่น
ก่อนในช่วงแรก สำหรับผู้เล่นที่เพิ่งมำใหม่ไม่มีอะไร
เสียหำยอยู่แล้ว”
สำระส ำคั ญ ในค ำพู ด ของฮยอนอู ก็ คื อ กำร
พึ่งพำกันและกัน
พวกผู้เล่นเดิมจะปกป้องผู้เล่นใหม่จำกอันตรำย
และช่วยให้ปรับตัวเข้ำกับฮอลล์เพลนได้ และผู้เล่น
ใหม่ก็จะเติบโตจำกพื้นฐำนเหล่ำนั้น แล้วนำมำใช้
ประโยชน์ได้ จำกนั้นผู้เล่นที่เติบโตจำกสิ่งเหล่ำนั้นก็
จะกลำยเป็นกำลังสำคัญของเมืองและทวีป
ฮันบยอลนั่งลง สีหน้ำเข้ำใจในสิ่งที่เขำพูด ผู้คน
รอบๆ นั้ น ทั้ ง หมดก็ ดู จ ะเห็ น พ้ อ งต้ อ งกั น และมี
ท่ำทำงเห็นใจฮยอนอู ยกเว้นใครคนหนึ่งซึ่งก็คือผม
เอง
แน่นอนว่ำสิ่งที่เขำพูดเป็นควำมจริง คำอธิบำย
ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน และผมก็ ไม่มีเรื่องที่
ไม่พอใจเกี่ยวกับกำรเข้ำสถำบันตำมที่ต้องกำรใน
ตอนแรก แต่เขำไม่ได้พูดควำมจริงทั้งหมด
เพรำะในคำพูดของเขำได้ละทิ้งส่วนสำคัญ หำก
ลองหำสำเหตุว่ำทำไมจึงเกิดสงครำมพันธมิตรครั้งที่
1 ต้ อ งบอกว่ ำ เผ่ ำ สิ ง โตทองมี ส่ ว นอย่ ำ งมำกใน
สำเหตุของสงครำม ดังนั้นผมจึงรู้สึกไม่ชอบใจนัก
เขำอ้อมคอมว่ำกำลังพยำยำมจะเปิดโปงพวก
เร่ร่อนที่กำลังเคลื่อนไหวในเงำมืด แต่พวกเร่ร่อนก็
ไม่ได้เร่ร่อนโดยไม่มีเหตุผล พวกเขำถูกติดโปสเตอร์
ประกำศจับพร้อมรำงวัลนำจับไว้แต่ละเมือง เรียก
ได้ว่ำไม่ได้รับกำรต้อนรับใดๆ อย่ำงน้อยก็ในทวีป
เหนือ
ผมอยำกจะถำมกลับไปว่ำสุดท้ำยแล้วพวกนำย
เหมือนกับเจ้ำพวกนั้นไม่ใช่หรือไง แน่นอนผมไม่ได้
เข้ ำ ข้ ำ งพวกเร่ ร่ อ น แต่ ก ำรกระท ำที่ กี ด กั น และ
ปกป้องสิทธิพึงได้ของพวกผู้เล่นเดิมก็ไม่ได้ต่ำงจำก
พวกนั้นเท่ำไหร่
ควำมจริงแล้วในช่วงเล่นในฮอลล์เพลนรอบที่
หนึ่ง เคยมีกำรผ่ำนวิกฤตควำมเป็นควำมตำย ข้ำม
เขำเหล็กกล้ำ และเข้ำยึดแอตแลนตำ แต่แล้วกำร
สนับสนุนจำกทวีปอื่นกับกำรผนึกกำลังของเผ่ำอื่น
ในช่ ว งที เ ผลอ ท ำให้ ถูก แย่งแอตแลนตำที่ต นเอง
ครอบครองไป
หลังจำกนั้นเพรำะควำมแค้นเคืองจึงเกิดกำร
เอำคืนผ่ำนทำงกำรต่อสู้แย่งชิงแอตแลนตำ นับเป็น
กำรต่อสู้ที่ทำลำยล้ำงทุกสิ่ง
ใ น ฮ อ ล ล์ เ พ ล น มี ค ำ พู ด ห นึ่ ง ผู้ เ ล่ น ที่ มี
ผลประโยชน์ร่วมกันจะรวมตัวสร้ำงเผ่ำขึ้นมำ และ
รวบรวมเผ่ำที่มีศัตรูคนเดียวกันเพื่อสร้ำงพันธมิตร
ซึ่งก็หมำยควำมว่ำ ไม่ว่ำจะเป็นเผ่ำหรือพวกเร่ร่อน
ต่ำงก็ต่อสู้เมื่อถึงครำวจำเป็น
แต่กำรรวบรัดอย่ำงมีเล่ห์เหลี่ยมแบบนั้นทำให้
ผมไม่พอใจ แม้จะไม่ใช่เรื่องที่พวกผู้เล่นใหม่ต้องรู้
ในตอนนี้ แต่ ผ มที่ มี ป ระสบกำรณ์ ม ำก่ อ นก็ ไ ม่
อยำกจะได้ยิน
ผมสงบจิตใจและพยำยำมควบคุมอำรมณ์ เห็น
ฮันบยอลที่นั่งลงไปอีกครั้ง ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับ
คำพูดของเขำ
เป็ น เรื่ อ งที่ ช่ ว ยไม่ ไ ด้ ค ำพู ด ของฮยอนอู ก็ มี
ควำมถู ก ต้ อ ง หำกไม่ มี ป ระสบกำรณ์ อนำคตใน
ฮอลล์ เ พลนจะเดิ น หน้ ำ ไปได้ อ ย่ ำ งไร เขำหั น ไป
กลำงเวทีอีกครั้ง และถอนหำยใจอย่ำงโล่งอก คง
ไม่ได้คำดไว้ว่ำจะมีคนถำมคำถำมแบบนี้
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 21
“ไม่ คิ ด ว่ า การตอบค าถามสามสี่ ข้ อ จะใช้
เวลานานแบบนี้ ทุ ก คนคงจะเหนื่ อ ยมากแล้ ว ...
วันนี้พอเท่านี้ก่ อนน่าจะดีกว่ า ขอแนะนาว่ าวั นนี้
ควรพั ก ผ่ อ นให้ เ พีย งพอ เพราะการฝึ ก จะเริ่ ม ต้ น
ทันทีในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ผู้แนะนาจะพาพวกคุณไปที่
หอพัก”
หลังจากที่เ ขาพูดว่า ‘ยูบิ น ยกเลกเวทมนตร์
ขยายเสียง’ เขาก็หันไปออกคาสั่งกับพวกผู้เล่นที่
กาลังเตรียมตัวในบริเวณนั้น จากนั้นผู้เล่นที่ได้รับ
คาสั่งจากเขาก็เดินมาทางเรา โดยที่ฮยอนอูก้าวลง
จากเวทีเป็นคนสุดท้าย
และเมื่ อ เขาก้ า วลงมาถึ ง บั น ไดขั้ น สุ ด ท้ า ย
สายตาของเขามองมาทางผู้ เ ล่ น ที่ ร วมกั น อยู่ ต รง
บันได เป็นการจ้องมองเพียงชั่วครู่ แต่ผมเห็นว่าฮ
ยอนอูมองไปที่ฮันบยอล ในแววตาของเขาดูเหมือน
จะเกิดความสนใจในตัวของเด็กสาว
ผมรีบหันไปทางฮันบยอลและเห็นพวกเขาทั้งคู่
ก าลั ง สบตากั น และกั น จู่ ๆ ผมก็ รู้ สึ ก ไม่ ส บายใจ
ขึ้นมา
มี ผู้ เ ล่ น หลายคนที่ ห วั ง จะเข้ า ร่ ว มกั บ ตระกู ล
ใหญ่ แต่ว่าส่วนมากเข้าร่วมกับตระกูลเล็กๆ หรือ
เลื อ กผู้ เ ล่ น ใหม่ ที่ ดู มี ค วามสามารถในระดั บ หนึ่ ง
เป็นเรื่องยากที่จะได้สัมผัสสิทธิพิเศษของการเป็น
หนึ่งในตระกูลที่เป็นตัวแทนของเมืองใหญ่
ผมคิดว่าสายตาที่ฮยอนอูมองฮันบยอลเองก็เริ่ม
สนใจในเรื่องนั้น และก็ไม่รู้ว่าทาไม แต่รู้สึกได้ว่าฮัน
บยอลจะต้ อ งได้ รั บ ข้ อ เสนอจากเผ่ า สิ ง โตทอง
แน่นอน
ตอนที่ ม าถึ ง หอพั ก ในสถาบั น ฟ้ า ก็ มื ด แล้ ว
หอพักหนึ่งห้องสาหรับผู้เล่นแปดคนโดยแบ่งตาม
กลุ่ม อันฮยอนที่หัวไวรีบออกจากแถวแล้วแทรกตัว
มาอยู่ข้างผมเพื่อให้เราได้อยู่หอพักเดียวกัน
ถึงจะเรียกว่าที่นอนแต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษมากไป
กว่าฟูก 1 อัน ผ้าห่ม 2 ผืน สภาพซอมซ่อจนเรียก
ได้ว่าย่าแย่
คนที่เพิ่งเคยเจอแบบนี้เป็นครั้งแรกบ่นอุบ แต่ผู้
เล่นที่เหมือนจะผ่านการเกณฑ์ทหารมาแล้วตรงเข้า
ไปนอนหลั บ โดยไม่ พู ด อะไร สถาบั น ผู้ เ ล่ น มี สิ่ ง
อานวยความสะดวกคล้ายคลึงกับในกองทัพ
ครูฝึก ยิ้มแปร่งๆ และบอกว่า พวกเรามีเวลา
อิสระในวันนี้
ถึงจะได้ยินแบบนั้น แต่ทุกคนก็เหนื่อยล้าเกิน
กว่ าจะท าอะไร ผู้ เ ล่น ทั้ง หมดยกเว้ นผมล้ม ตัว ลง
นอนทันที
อั น ฮยอนนอนลงข้ า งๆ ผมและหลั บ ไปอย่ า ง
รวดเร็ว นั่นทาให้ผมรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย เมื่อ
หันไปมองก็เห็นเขาขยับปากจ๊อบแจ๊บราวกับกาลัง
ฝันอะไรสักอย่าง ฝันถึงอาหารหรือเปล่านะ พอคิด
ว่าอีกฝ่ายดูสบายๆ ไร้ความกังวล ผมก็ยิ้มออกมา
สถาบันผู้เล่นในทวีปเหนือมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนักใน
เรื่องของการฝึกฝน มีการฝึกที่เหนือจินตนาการอยู่
หลายอย่าง การฝีกฝนใช้เวลาถึง 13 สัปดาห์ ผมจึง
เป็นห่วงว่าพวกเขาจะทนไหวหรือไม่กับการฝึกฝนที่
ผิดแปลกไปจากการฝึกทั่วๆ ไป
“...”
ผมรู้สึกอึดอัดใจพลางถอนหายใจยาวๆ ลองคิด
ดู อ ย่ า งรอบคอบว่ า ท าไมจึ ง เป็ น เช่ น นี้ ก็ พ บว่ า มี
ความคิดหนึ่งที่เต็มอยู่ในหัว ฉากที่ฮยอนอูและฮัน
บยอลสบตากันผุดขึ้นมาในหัวของผมซ้าไปซ้ามา
ยิ่งพยายามจะสะบัดภาพเหล่านั้นออกไป ในหัว
ก็เหมือนจะยิ่งสับสนวุ่นวาย ผมพลิกตัวไปและลุก
ขึ้นในที่สุด สวมรองเท้าแตะที่ก ระจายอยู่ บ นพื้ น
และเปิดประตูหอพักออกไป
ทันทีที่ออกไปสู่ระเบียงอันมืดสลัว สายลมเย็น
ยะเยือกทาให้ผมรู้สึกหนาว
“หืม...”
หอพักของผู้เล่นชายและผู้เล่นหญิงแยกกันตาม
ตึก เด็กสาวถูกจัดอยู่ในกลุ่มของผู้ใช้เวทมนตร์โดย
ไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่ด้วยตัวเลขของคะแนนเวท
มนตร์ที่สูงที่สุดก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่ ตระกูลเก่า
ที่ผ มเข้ าร่ ว มนั้ น เป็ น กลุ่ ม ต่อ สู้ แต่ ผมรู้ สึก ผิ ดหวั ง
เล็กน้อย
ทีแรกผมแค่เข้าร่วมกลุ่มของอันฮยอนเพราะ
เป้ า หมายและผลประโยชน์ เ ท่ า นั้ น และตอนนี้
เป้ า หมายของผมก็ ยั ง ไม่ เ ปลี่ ย นแปลง มี เ พี ย ง
ความคิดเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ผมยอมรับว่ารู้สึกพิเศษ
กั บ ฮั น บยอลมากกว่ า ผู้ เ ล่ น ทั่ ว ไป แต่ ผ มไม่ คิ ด ว่ า
ตัวเองจะหวั่นไหวได้ถึงขนาดนี้
อาจจะเป็นความรู้สึกในช่วงเวลานั้นกับเธอคน
นั้น หรือไม่ก็คงเป็นความรักงั้นเหรอ ผมส่ายหัวกับ
ความคิ ด ไร้ ส าระ ขี้ เ ถ้ า ที่ ติ ด ประกายไฟจึ ง ฟุ้ ง
กระจายไปในอากาศ
ผมเป็นคนที่รู้จักตัวเองและรู้เกี่ยวกับตัวเองเป็น
อย่างดี ด้วยลักษณะนิสัยของผมแล้วเป็นไปไม่ได้ที่
จะตกหลุมรักคนที่เจอกันแค่หนึ่งสัปดาห์
ในตอนนั้ น เองที่ ผ มตระหนั ก ถึ ง ความจริ ง
บางอย่าง ทาไมผมจึงต้องรู้สึกเสียดายตอนที่หล่อน
ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของผู้ใช้เวทมนตร์ด้วยล่ะ
ตั้ ง แต่ ค รั้ ง แรกที่ พ บกั น และในระหว่ า งพิ ธี
เปลี่ยนสภาวะ ทุกครั้งที่เห็นหล่อน ผมก็จะนึกถึง
ผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเป็นหนึ่งในผู้
เล่นที่ผมเคยติดตาม
ช่วงเวลานั้นผมคิดว่าเห็นฮันโซยองซ้อนทับอยู่
ในตัวของคิมฮันบยอล พอคิดแบบนั้นแล้วในใจก็
เต็มไปด้วยความขมขื่น เพราะสารรูปของผมช่างน่า
ขันที่เอาแต่กังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ผมหันเท้ากลับเมื่อคิดมากจนเกินพอแล้ว ยังมี
เรื่ อ งอี ก มากมายกองเป็ น ภู เ ขาที่ ต้ อ งท าในวั น
ข้างหน้า ผมต้องการดึงตัวเองออกจากความกังวลที่
ติดอยู่ในหัว
ผมนอนไม่หลับ แต่ก็พยายามฝืนให้ตัวเองหลับ
ผมคิ ด ไปถึ ง ขั้ น ที่ จ ะท าให้ ตั ว เองสลบถ้ า หากว่ า
จาเป็น จากนั้นผมก็เปิดประตูเงียบๆ และเข้าห้อง
ไป
***
วันต่อมาหลังจากเข้าร่วมการฝึกฝน ครูฝึกก็ยิง
ให้ สั ญ ญาณการฝึ ก ฝนอั น หนั ก หน่ ว ง และเมื่ อ
กระสุนสัญญาณถูกยิงออกไปได้ 1 สัปดาห์ สถาบัน
ผู้เล่นในทวีปเหนือก็ได้รับการพิสูจน์ชื่อเสียงในเรื่อง
ของความเ**้ยมโหด ในบรรดาผู้เล่น 130 คน มีผู้
เล่ น 17 คน ซึ่ ง คิ ด เป็ น 10% ที่ ย อมแพ้ แ ละออก
จากสถาบันไป
สิ่งหนึ่งที่แปลกก็คือ 15 คนในนั้นเป็นผู้เล่นกลุ่ม
นักสู้ระยะใกล้
ผมขอทวนอีกครั้งว่า ทวีปเหนืออยู่ภายใต้ความ
รับผิดชอบของผู้เล่นชาวเกาหลี หากจะมีสิ่งหนึ่งที่
แตกต่ า งไปจากทวี ป อื่ น ๆ ก็ คื อ เป็ น ประเทศที่ มี
ระบบรับราชการทหารโดยบังคับ แน่นอนว่าพวก
ผู้ ช ายที่ เ ป็ น ผู้ ใ หญ่ จ ะต้ อ งผ่ า นการเกณฑ์ ท หาร
ดังนั้นจึงสามารถหาผู้เล่นที่เคยทาหน้าที่ในกองทัพ
ได้ไม่ยาก
บางทีอาจเป็นเพราะสถาบันผู้เล่นในทวีปเหนือ
ซึ่งภาคภูมิใจกับการเป็นจุดเริ่มต้นของทวีปทั้งหมด
นั้นสะท้อนให้เห็นถึงกลิ่นอายของกองทัพก็ได้ อย่า
ว่าแต่การฝึกฝนเลย ชีวิตประจาทั่วไปอย่างเสื้อผ้า
อาหารและที่อยู่ก็ยังไม่ได้รับอิสระ
หากบอกว่า ‘การฝึกฝนเป็นเรื่องยากลาบากอยู่
แล้ว’ อย่างไรก็คงจะสามารถอดทนได้ ทว่าสิ่งที่ทา
ให้ผู้เล่นใหม่เบื่อหน่ายก็คือเนื้อหาของการฝึกฝน
การฝึก ฝนการจู่โจมในกองทัพดาเนินการฝึก
ด้ ว ยความรุ น แรง แต่ ผู้ เ ล่ น ส่ ว นใหญ่ ที่ รั บ รอง
คุณสมบัติของตัวเองมักจะไม่สามารถทนรั บการฝึก
ได้และยอมแพ้ไปในที่สุด
การฝึกฝนที่เรียกเฉพาะยอดฝีมือนับเป็นการ
ฝึ ก ฝนพิ เ ศษที่ จั ด ขึ้ น เฉพาะวั น สุ ด สั ป ดาห์ การ
คานวณวั นเวลาในฮอลล์ เ พลนใช้ วิ ธี เ ดีย วกั บ โลก
การฝึกฝนช่วงสุดสัปดาห์จะมีขึ้นในวันเสาร์และวัน
อาทิตย์ที่วนมาทุกๆ 7 วัน เป็นสาเหตุที่ทาให้พวกผู้
เล่นใหม่ออกไปจากสถาบัน และเป็นเหตุผลที่ผู้เล่น
กลุ่มนักสู้ระยะประชิดลาออกไป
การฝึกฝนนั้นเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นด้วยกัน
แบบ 1 ต่อ 1
แน่ น อนว่ า การฝึ ก นี้ ไ ม่ ร วมกลุ่ ม นั ก เวทย์ แ ละ
นักบวช การดึงพลังออกมาใช้และทาให้มันเป็นรูป
เป็นร่างก่อนจะยิงไปที่เป้าหมายเป็นทฤษฎีพื้นฐาน
ของผู้เวทมนตร์ แต่ว่าสาหรับในตอนต้น ทั้งการดึง
พลังออกมา การปรับพลังให้สมดุลและนอกจากนี้
อีกหลายอย่างยังเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมาก แม้
จะมีเวลา 13 สัปดาห์ก็ยังไม่พอที่จะเรียนรู้พื้นฐาน
ทั้งหมด
นักบวชเองก็มีเหตุผลคล้ายๆ กัน แต่พวกเขา
โจมตีด้วยพลังเพียงเล็ กน้อย เน้นไปทางฟื้นฟูหรือ
ใช้พลังช่วยเหลือในการต่อสู้มากกว่า ส่วนใหญ่จึง
ได้รับการยกเว้นจากการฝึกฝน
หากคิดว่าการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นเป็นไปอย่าง
ปรองดองถือว่าคิดผิดมหันต์ ในวันที่อากาศหนาว
เย็น ผู้เล่นจะได้รับอาวุธและมีกฎว่าจะต้องต่อสู้กับ
อีกฝ่าย โดยทาให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บกว่าที่กาหนด
ไว้
มีการสวมเครื่องป้องกันที่แข็งแรงบริเวณศีรษะ
หรือหัวใจ แต่ส่วนอื่นๆ จะถูกเว้นไว้ให้ไปเผชิญใน
สนามรบโดยไร้ซึ่งการปกป้อง
ทุกครั้งจะมีการเตรียมพร้อมก่อนการต่อสู้ ผู้
เล่ น ที่ มี ชื่ อ เสี ย งจะถู ก เลื อ ก โดยครู ฝึ ก แล ะ
เตรี ย มพร้ อ มที่ จ ะรั บ ศึ ก หนั ก โดยจะมี นั ก บวช
ผู้เชี่ยวชาญคอยเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
แม้จะเป็นแบบนั้น การฝึกต่อสู้แบบจาลองเป็น
การฝึกที่รับมือยากกว่าปกติ ไม่สิ ยากที่จะรับมือ
ด้วยซ้า ผู้เล่นส่วนใหญ่เรียกมันว่าการฝึกที่บ้าคลั่ง
แต่ผมประเมินการฝึกนี้ไว้สูงพอสมควร เพราะ
การฝึกฝนเหมือนกับที่ ผมได้ฝึกให้กับกลุ่มของอันฮ
ยอนทุกคนในพิธีเปลี่ยนสภาวะ
ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ใน
ฮอลล์ เ พลน ถ้ า ออกไปนอกเมื อ งเกิ น ระยะทาง
ตั้งแต่ตอนนั้นก็จะไม่มีที่ไหนปลอดภัย อาจติดกับ
ดั ก ถู ก โจมตี จ ากมอนสเตอร์ ห รื อ กลุ่ ม เร่ ร่ อ นได้
แม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่ส่ง ผลกระทบต่อผู้เล่น แต่ไม่
มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในดินแดนที่ยังไม่พัฒนา
สถานการณ์ดังกล่าวต้องการการตัดสินและการ
โต้ตอบในทันทีทันใดของผู้เล่น พูดได้ว่าความเป็น
ความตายขึ้นอยู่กับว่าตอบสนองได้เร็วแค่ไหน หาก
ถือดาบไว้ในมือ แต่มัวเอาแต่คิดว่า ‘ฉันจะทาร้าย
ใครไม่ ไ ด้ จะแทงคนได้ ยั ง ไง’ ก็ จ ะกลายเป็ น
สถานการณ์ที่น่าหนักใจมาก
เพราะแบบนั้ น การโจมตี แ ละถู ก โจมตี จึ ง
กลายเป็นหลักสูตรการฝึกฝนที่สาคัญเพื่อให้คุ้นชิน
กับอาการบาดเจ็บ
หากมี เ รื่ อ งที่ ต้ อ งกั ง วลก็ คื อ ผมไม่ เ คยได้ รั บ
บาดเจ็บในการฝึกฝนต่อสู้ หมายความว่าทุกครั้งที่
ต่อสู้จะต้องชนะอย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้เล่น
ระดับต้นจะล้มความทนทานของผมได้
ผมไม่มีปัญหากับการเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอ
กว่า แต่คิดว่ามันน่าอึดอัดนิดหน่อยเมื่อชนะคู่ต่อสู้
ที่แข็งแกร่งพอๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น ผมเคยสู้กับอู
จองมิ น ครั้ ง หนึ่ ง ผมจดจ่ อ อยู่ กั บ การป้ อ งกั น ใน
ระหว่างการต่อสู้ผมตอบโต้การโจมตีและได้รับชัย
ชนะ
เพราะผลออกมาเป็นแบบนี้ จึงเป็นเรื่องเลี่ยง
ไม่ ไ ด้ ที่ ผ มจะมี ชื่ อ เสี ย งในระดั บ หนึ่ ง แม้ ว่ า จะมี
ชื่อเสียงแต่ก็ยังเป็นเพียงผู้เล่นหน้าใหม่จึงไม่ได้มี
อะไรน่าทึ่ง ท่ามกลางครูฝึกและพวกผู้เล่นทั้งหลาย
นั้ น ผมได้ รั บ การประเมิ น ค่ า สู ง กว่ า บรรดาผู้ เ ล่ น
หน้าใหม่ คิมซูฮยอนโดดเด่นเป็นพิเศษและอยู่ใน
ระดั บ ที่ ใ ช้ ก ารได้ จุ ด นี้ ผ มยอมรั บ อย่ า งง่ า ยดาย
เพราะอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้
มีคากล่าวที่ว่า ‘ผู้มีพรสวรรค์’ หมายถึงผู้ที่มีทั้ง
ความสามารถและพรสวรรค์ที่โดดเด่น ในตอนแรก
ผมคิดว่าจะต้องแอบซ่อนตัวเองเอาไว้เพราะผมยึด
ติดกับนิสัยและความเคยชินในแบบที่ผมเคยเป็นมา
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 22
“ถ้ า เ ป็ น แ บ บ นี้ พี่ ก็ จ ะ ท า แ บ บ เ ดิ ม ใ น
สถานการณ์ เ ดีย วกั น และเป็ น ไปได้ ว่ า มั นจะเกิ ด
เหตุการณ์แบบนี้อีก"
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน เจ้าตัวคนเดียวไม่สามารถทา
อะไรได้หรอกนะ”
การทาตัวเหมือนเดิม ผมไม่สามารถทาอะไรได้
ด้วยตัวคนเดียว คาพูดของฮันบยอลและเซราฟทา
ให้จิตใจของผมสั่นไหว คราวนี้ผมไม่ต้องการสูญเสีย
พี่ยูฮยอนกับฮันโซยองไป และอยากจะก้าวออกมา
สู่แสงสว่างด้วยความมั่นใจเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
คราวนี้ผมอยากเห็นตอนจบที่แสนสุขไม่ใช่ตอนจบ
ที่มีแต่ความโศกเศร้า
ในฮอลล์เพลนนั้นเรานับพลังด้วยจานวนเพื่อน
ที่ ส า ม า ร ถ ม อ บ ค ว า ม เ ชื่ อ ใ จ ใ ห้ กั น แ ล ะ กั น
ประวั ติ ศ าสตร์ แ ละประสบการณ์ ข องผมพิ สู จ น์
มาแล้ ว ผู้ เ ล่ น ที่ มี พ ละก าลั ง 101 คะแนนและไร้
คู่แข่งในสมัยนั้น สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับกองกาลัง
พันธมิตร ดังนั้นถ้าจะรวบรวมสหายเหล่านั้นก็ต้อง
มีชื่อเสียงและฝีมืออยู่บ้าง
ผมตระหนักได้ว่าความคิดของผมแตกต่างไป
จากตอนแรกเล็กน้อยและเมื่อเข้ามาสู่ในฮอลล์เพ
ลนแล้ว ตอนนี้ผมตั้งใจจะทาทุกอย่างเท่าที่จาเป็น
ตั้ง แต่ ที่ ผ มตั้ งใจแบบนั้ น พฤติ ก รรมของผมก็ เ ริ่ ม
เปลี่ยนไป
ถึงการฝึกฝนจะยากลาบากแต่ผมก็อดทนอย่าง
หนักโดยไม่ปริปากบ่น แม้จะอยู่ในการควบคุมของ
ครู ฝึ ก ที่ รุ น แรงเล็ ก น้ อ ยก็ ยั ง ว่ า นอนสอนง่ า ยและ
รักษาท่าทีสุภาพเอาไว้ สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกับผล
การฝึกที่โดดเด่น ผมก็เห็นได้ว่าพวกครูฝึกมองผม
ด้ว ยสายตาที่เ ป็ นมิตร ผู้เ ล่นที่เ ป็ นผู้ดูแ ลหอพัก ก็
กลายมาเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของผม
เริ่มมีการพูดแบบปากต่อปากเกี่ยวกับผู้เล่นคิม
ซู ฮ ยอน ความสั ม พั น ธ์ กั บ พวกผู้ เ ล่ น โดยรอบก็
เปลี่ยนไปด้วย ผู้เล่นที่อยากเป็นเพื่อนกับผมหรือผู้
เล่ น ที่ อ ยากสร้ า งสั ม พั น ธ์ อั น ดี ง ามค่ อ ยๆ เพิ่ ม ขึ้ น
เรื่อยๆ ความสัมพันธ์ไม่ได้พุ่งพรวดในครั้งเดียว แต่
ค่อ ยเป็ น ค่ อ ยไปที ละขั้ น เผยให้ เ ห็ นช่ อ งทางการ
เติบโต พูดแบบชาวบ้านก็คือโฆษณาชวนเชื่อว่ าผม
เป็นไอ้หนุ่มมีอนาคต
มนุ ษ ย์ เ ป็ น สั ต ว์ ที่ ป รั บ ตั ว ตามสภาพแวดล้ อ ม
อาจมีความแตกต่างในช่วงเวลานั้น แต่การปรับตัว
ของพวกเขาเป็นเรื่องสาคัญ มีอัตราการรอดชีวิตที่
แตกต่างกันมากระหว่างผู้เล่นที่ปรับตัวได้กับผู้เล่น
ที่ปรับตัวไม่ได้
สัป ดาห์ ที่ 2, สั ป ดาห์ ที่ 3, สั ป ดาห์ ที่ 4 ยั งมี ผู้
เล่นบางคนที่ออกไป แต่จานวนค่อยๆ ลดลงเมื่อ
ผ่ า นไปถึ ง สั ป ดาห์ ที่ 5, สั ป ดาห์ ที่ 6, สั ป ดาห์ ที่ 7
และไม่ มี ใ ครออกไปสั ก คนในสั ป ดาห์ ที่ 8 นั่ น
หมายความว่าคนที่เหลืออยู่ก็คือผู้เล่นยอดเยี่ยมที่
ผ่านการคัดกรองมาแล้ว
แน่นอนคนที่ เ หลื ออยู่ไ ม่ได้แ ปลว่ าจะอยู่ร อด
โดยไร้ เ งื่ อ นไข และคนที่ อ อกไปก็ ไ ม่ ไ ด้ แ ปลว่ า
จะต้ อ งตายเช่ น กั น มี ตั ว แปรหลายอย่ า งที่ ชี้ ข าด
ความเป็นความตายของโดยสถาบันผู้เล่น เป็นเรื่อง
ของความน่าจะเป็นและความเป็นไปได้
หลังจากสาเร็จการศึกษาและเข้าสู่ฮอลล์เพลน
ถ้าสังเกตเงื่อนไขการเข้าร่วมตระกูล จะเห็นได้ว่ามี
สิ่ ง หนึ่ ง ที่ เ หมื อ นกั น ก็ คื อ จบจากสถาบั น ผู้ เ ล่ น
หรือไม่ แม้ว่าจะมาจากทวีปอื่นก็ตาม หากจบจาก
สถาบั นผู้เ ล่นในทวี ป เหนือก็ จะได้รับ คะแนนเพิ่ ม
จากตระกูลด้วย
หลังจากผ่านไป 2 ปี ถ้าผู้เล่นที่ลาออกไปจาก
สถาบันยังมีชีวิตอยู่ก็อาจจะเสียดายที่ไม่ได้คะแนน
ความสามารถ 4 คะแนนนี้
กลุ่มของอันฮยอนเอาชนะความกังวลในทีแรก
ของผมได้ รวมไปถึงอันซลด้วย พวกเขาสามารถจบ
ห ลั ก สู ต ร ไ ด้ โ ด ย ไ ม่ มี ใ ค ร รั้ ง ท้ า ย ดู เ ห มื อ น
ประสบการณ์ อันหนัก หน่ ว งหลั งจากออกมาจาก
เมืองซึ่งเคยเป็นแทร็บพ้อยท์นั้นช่วยได้มากทีเดียว
อันฮยอนเลือกใช้หอกเป็นอาวุธ แตกต่างจากที่
ผมคาดไว้ว่าเขาจะเลือกเป็นนักดาบ ผมลองถามถึง
คลาสของเขา เขาตอบกลับว่าเลือกเป็นนักรบสาย
หอก นอกจากพลังเวทย์แล้ว สมรรถภาพพื้นฐาน
ทางด้านร่างกายของเขาก็เหมาะสมกับอาวุธดี แต่ก็
ยังน่าเสียดายนิดหน่อย
ครั้งแรกที่พื้นที่ว่างตอนอันซลตกอยู่ในอันตราย
เขาขว้ า งดาบและตั ด แขนเดดแมนไปข้ า งหนึ่ ง
หลังจากนั้นผมก็ประเมินความสามารถด้านการใช้
ดาบของอันฮยอนไว้สูง ถ้าเขาเลือกเส้นทางของนัก
ดาบเหมือนกับผม ผมคงสามารถช่วยให้เขาได้เป็น
สุดยอดนักดาบได้ แต่ในเมื่อเจ้าตัวเกิดความตื่นเต้น
กับการใช้หอกมากกว่า ผมก็ทาอะไรไม่ได้
แต่ ก ระนั้ น ผมก็ ยั ง สงสั ย อยู่ ดี ว่ า ท าไมเขาถึ ง
เลือกเป็นนักรบสายหอกจึงลองถามดู
“ตอนนั้นที่นึกว่าพี่ตายไปแล้ว ผมควบคุมสติ
ไม่ได้เลย จริงๆ แล้วคนพวกนั้นทาให้ผมหงุดหงิด
ผมอยากรู้ว่าพี่รอดชีวิตมาได้มั้ย แต่พวกเขาเลี่ยงที่
จะตอบ แถมยังเอาแต่พูดเรื่องแปลกๆ อย่างตั้งค่าผู้
เล่น... เขาบอกว่าผมเป็นนัก ดาบ แต่ผมไล่เขาไปให้
พ้น ตอนที่โกรธมากๆ ก็ถือหอกไว้ในมือแล้ว”
อันซลที่กาลังฟังอยู่ข้างๆ เสริมขึ้นมาว่า ตอน
แรกพี่ชายบอกว่าจะเป็นนักเวทย์ เธอหัวเราะพลาง
เล่าว่ าตอนนั้นจึ งได้เ ห็นทูต สวรรค์มีท่ าทางอ้าอึ้ ง
เป็นครั้งแรก เห็นท่าทีสบายๆ ของสองพี่น้อง ผมก็
ลอบถอนหายใจ
อันซลนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ผมคาดไว้ เธอเลือก
จะเป็นนักบวช ตามที่อันฮยอนเล่ามา เขาใช้เวลา
อยู่นานกว่าจะตัดสินใจเลือกคลาสได้ แต่อันซลใช้
เวลาไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของเขาด้วยซ้า เธอไม่ชอบจับ
อาวุ ธ ไม่ ต้ อ งการท าร้ า ยใคร ดั ง นั้ น นั ก บวชจึ ง
เหมาะสมกับลักษณะของอันซลแล้ว
ยูจองเลือกใช้มีดสั้นแบบเดียวกับที่เคยใช้ในพิธี
เปลี่ยนสภาวะ สิ่งที่เพิ่มเติมคือเปลี่ยนไปใช้มีดสั้นคู่
แทนที่จะเป็นมีดสั้นมือเดียวเหมือนเดิม เมื่อลอง
ถามถึ ง คลาส หล่ อ นก็ ต อบมาอย่ า งภาคภู มิ ใ จว่ า
เลือกเป็นทหารรับจ้าง
ยูจองมีความสามารถรวมถึงพลังเวทย์ที่สมดุล
ดังนั้นไม่ ว่าจะเลือกเข้าคลาสใดก็ตามก็เหนือกว่า
ค่ า เฉลี่ ย ถ้ า เป็ น ผมคงแนะน าให้ เ ลื อ กนั ก ฆ่ า แต่
ทหารรับจ้างก็ไม่ได้แย่ เพราะสามารถใช้อาวุธได้
หลากหลาย
ใ น ส ถ า บั น มั ก มี ก า ร ถ า ม ถึ ง ค ะ แ น น
ความสามารถของอี ก ฝ่ ายอยู่ เ รื่ อยๆ เท่ าที่ ข้อ มู ล
ของผู้เล่นจะเปิดเผยได้ ผมรวบรวมพรรคพวกและ
เตือนไม่ ให้พวกเขาเปิดเผยคะแนนความสามารถ
หรือความสามารถของตัวเองกับพวกผู้เล่นคนอื่นๆ
รวมไปถึงครูฝึกด้วย
โดยเฉพาะกั บ ซล ผมเตื อ นเธอสองสามครั้ ง
ถึงแม้เธอจะไม่รู้เหตุผลว่าทาไมผมถึงต้องทาแบบ
นั้น แต่เธอก็รับปากยิ้มๆ ผมรู้สึกว่าท่าทีของทุกคน
ที่มีต่อผมเปลี่ยนไปหลังจากเผชิญหน้ากับบอสมอน
สเตอร์
มีเพียงคนเดียวที่เหมือนจะค่อยๆ สวนทางกับ
เราไป เมื่อชื่อของผมเป็นที่รู้จักในสถาบัน อันฮยอน
อันซลและยูจองต่างก็แสดงสีหน้าภูมิอกภูมิใจ ผม
ไม่ได้ทาอะไรแต่ก็รู้ได้ว่าทั้งสามคนไม่ได้คิดว่าผม
เป็นคนแปลกหน้าอีกแล้ว เว้นก็แต่ฮันบยอล
ฮันบยอลทิ้งระยะห่างจากกลุ่มเช่นเดียวกับที่
ออกห่างจากผม หลังจากการฝึกครั้งแรก ผมถามว่า
หล่อนเลือกคลาสอะไรไป แต่เจ้าตัวก็ตอบกลับมา
อย่างเย็นชาในทันที
“เมื่อกี้พี่เพิ่งบอกว่าอย่าบอกข้อมูลของตัวเอง
กับผู้เล่นคนอื่นนี่คะ”
ผมจึงอธิบายไปว่า ห้ามไม่ให้บอกรายละเอียด
ต่างๆ แต่ไม่ได้ห้ามบอกคลาส เพราะนั่นเป็นเรื่องที่
ต้องเปิดเผยอยู่แล้ว ภายนอกผมหัวเราะอย่างเคอะ
เขิน แต่ผมกลับเจ็บปวดอยู่ข้างในเมื่อได้ยินหล่อน
ตอบมาแบบนั้น
ฮันบยอลเองก็คงรู้สึกได้จากสีหน้าของผม จึง
ตอบกลับมาเบาๆ ว่าเลือกเป็นนักเวทย์ แต่ผมก็แค่
พยักหน้าแทนคาตอบ แน่นอนว่าผมสามารถมอง
จากดวงตาที่สามก็ได้ แต่ผมจงใจไม่ใช้พลัง เพราะ
คาดเดาไว้ แ ล้ ว ว่ า หล่ อ นน่ า จะเลื อ กกลุ่ ม ผู้ ใ ช้ เ วท
มนตร์
ฮันบยอลไม่เข้าประชุมหลายครั้ง พวกนักเวทย์
มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ สิ่งที่ต้องจดจาและสิ่งที่ต้องฝึกฝน
มากมาย แต่ก็คล้ายกับกลุ่มอื่นๆ เราพบกันสัปดาห์
ละครั้ ง ครั้ ง ละหนึ่ ง ถึ ง สองชั่ ว โมง แต่ ผ มได้ ฟั ง
จากซลบ่อยๆ ว่า แค่นั้นก็เป็นเรื่องยากสาหรับเธอ
แล้วที่จะออกมาเจอกัน
“พี่ไม่ต้องสนใจเด็กคนนั้นหรอก ยัยนั่นอยู่คน
ละหอพักกับฉันและซล แล้วเราก็แทบจะไม่ได้คุย
กันเลยด้วยซ้า แค่ปล่อยไปตามทางเถอะ ที่จริงฉัน
เองก็ ไ ม่ ค่ อ ยชอบคิ ม ฮั น บยอลมาตั้ ง แต่ แ รกแล้ ว
ด้วย”
“พูดเกินไปหน่อยแล้วมั้ง ยังไงก็...”
“ยังไงก็... อะไรกันล่ะ จากข่าวลือที่ได้ยินมา
เขาเป็นใครนะ ผู้เล่นคนนั้นที่อธิบายนั่นนี่ให้ฟังตอน
ที่พวกเราออกจากโรงแรมครั้งแรกน่ะ ผู้เล่นชายคน
นั้น มีคนเห็นว่าเขาคุยกับคิมฮันบยอลด้วย ยัยคน
ทรยศนั่นน่ะ”
ผมมองยูจองที่เรียกฮันบยอลว่าคนทรยศ พลาง
ยิ้มเจื่อ นๆ สิ่ง ที่ผมสั งหรณ์ ตั้ งแต่แ รกดูเ หมือนจะ
เป็นเรื่องจริง อันที่จริงการรับข้อเสนอจากเผ่าสิงโต
ทองก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตาหนิหล่อน ผมเองอยู่ที่นี่
มา 8 สัปดาห์ แต่ก็ได้รับข้อเสนอแบบลับๆ จากห้า
ตระกูลแล้ว หนึ่งในนั้นมีเผ่าสิงโตทองด้วย
ยังคงมีการเว้นระยะห่างจากพวกเราอยู่ บาง
ครั้งฮันบยอลก็เข้าร่วมบ้างแต่ก็ไม่ค่อยได้เปิดปาก
พูดอะไร มีครั้งหนึ่งที่หล่อนมองมาที่ผมและเป็ น
ฝ่ายเอ่ยถามก่ อน ตอนนั้นหล่อนถามว่าผมจะทา
ยังไงต่อเมื่อสาเร็จการศึกษา แต่ผมตอบไปแค่ว่า
กาลังคิดอยู่
หลั ง จากวั น นั้ น ผมก็ ส ามารถแยกภาพซ้ อ น
ของฮันโซยองออกจากคิมฮันบยอลได้ ผมตัดสินใจ
จะไม่เก็บเรื่องของฮันบยอลมากังวลอีกต่อไป แม้ว่า
อยากจะให้อยู่ด้วยกัน แต่เมื่อไม่เป็นแบบนั้น ผมก็
จะหยุดเสียที ผมจะไม่ยื้อคนที่ต้องการจะไป และ
จะยอมรับคนที่จะเข้ามาหลังจากที่ตรวจสอบอย่ าง
ละเอียดแล้ว ผมตั้งเป้าไว้ที่กลุ่มเล็กๆ และอยากจะ
หลีกเลี่ยงคนจานวนมาก
มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าโชคชะตา หมายถึงการสร้าง
สัมพันธ์กับผู้คน ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่
เป็นสิ่งที่ริเริ่มได้ด้วยตนเอง ดังนั้นผมจึงเชื่อในคาว่า
โชคชะตา ผมเป็นผู้ที่ได้รับประสบการณ์จากพลัง
อันยิ่งใหญ่ที่แสดงให้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวของ
การสานสัมพันธ์โดยโชคชะตา
ผมตัดสินใจจะเผชิญหน้ากับคิมฮันบยอลด้วย
โชคชะตา หากโชคชะตาของเราต้องกันก็คงได้พบ
กั น หรื อ หากไม่ เ ป็ น แบบนั้ น ก็ แ ค่ ป ล่ อ ยไป ผมมี
ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ให้ตนเอง
แ ต่ ผ ม คิ ด ว่ า เ ป็ น เ รื่ อ ง โ ง่ ที่ จ ะ ผู ก ติ ด อ ยู่ กั บ
ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน
เมื่อปลดเปลื้องเงาของฮันโซยองออกไป ผมก็
เริ่ ม มองเห็ น สิ่ ง ที่ ไ ม่ ไ ด้ สั ง เกตก่ อ นหน้ า นี้ ด้ ว ย
วิจารณญาณ เป็นประโยชน์ที่จะรวมผู้เล่นที่ได้รับ
การตรวจสอบในรอบแรกแล้วมากกว่าที่จะยึดมั่น
ในความเป็นไปได้ของคิมฮันบยอล และแม้ว่าผู้เล่น
ใหม่ที่มีความเป็นไปได้คล้ายคลึงกันจะมีไม่มาก แต่
ก็ต้องอยู่ที่ไหนสักที่
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 23
ดู เ หมื อ นพวกผู้ เ ล่ น เองก็ เ ริ่ ม เข้ า สู่ ว งจรการ
ฝึกฝนในสัปดาห์ที่ 9, สัปดาห์ที่ 10 และสัปดาห์ที่
11 ในสั ป ดาห์ แ รกแม้ จ ะวิ่ ง มาอย่ า งยาวนาน แต่
พวกผู้เล่นที่เหนื่อยล้าก็ยังยิ้มแย้ม สามารถวิ่งต่อได้
อีกยี่สิบรอบ พอผมเห็นว่าไม่มีใครยอมแพ้ในการ
ฝึกฝนทั้งหมดก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
ขณะนี้เหลือผู้เล่นประมาณ 80 คน การที่มีคน
สาเร็จการศึกษาจากสถาบันผู้เล่นมากกว่า 80 คน
เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยิ่งช่วงใกล้สาเร็จ
การศึกษาในสัปดาห์ที่ 13 ภายในสถาบันก็เต็มไป
ด้วยบรรยากาศแปลกประหลาด
สิ่ ง แรกที่ เ ปลี่ ย นไปคื อ ท่ า ที ข องพวกครู ฝึ ก ที่
ปฏิ บั ติต่ อพวกผู้เ ล่น ใหม่ ครูฝึ ก ไม่ไ ด้มี แ ต่ สมาชิ ก
จากเผ่ า สิ ง โตทองเท่ า นั้ น 70% เป็ น ตั ว แทนจาก
ตระกูลในเมืองใหญ่ และที่เหลืออีก 30% มาจากผู้
เล่นที่เป็นตัวแทนของตระกูลในเมืองต่างๆ
พวกครูฝึกที่เคยตวาดราวกับจะฆ่าแกงกันใน
ตอนแรกค่อ ยๆ เปลี่ ยนมาอ่อนโยนมากขึ้น แอบ
เรียกผู้เล่นไปทีละคนสองคนแล้วซื้ออาหารอร่อยๆ
ให้ จ นแทบจะกลายเป็ น เรื่ อ งปกติ การมายื่ น
ข้อเสนอให้ถึงที่หลังเสร็จสิ้นจากการฝึกฝนก็เป็นสิ่ง
ที่เห็นได้ ป ระจา แน่นอนว่ าเป็ น เรื่องที่เ กิ ดขึ้นกั บ
พวกผู้เล่นที่มีความสามารถเท่านั้น
กระทั่ ง ผู้ ดู แ ลหอพั ก ก็ ถู ก เปลี่ ย นใหม่ มี ก าร
จัดสรรครูฝึกสาวสวยให้ดูแลหอพักของผู้เล่นชาย
และก็จัดครูฝึกชายที่อบอุ่นไปคอยดูแลหอพักฝั่งผู้
เล่นหญิง หากเป็นผู้เล่นที่มีความคิดความอ่านก็จะรู้
ได้ทันทีว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไร
การฝึกฝนจบลงอย่างรวดเร็ว เวลาพบปะพรรค
พวกก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ช่วงนี้ทุกครั้งที่เจอกัน อันฮ
ยอน อันซลและยูจองก็จะมองหน้าผม เอาแต่ถาม
ว่าเส้นทางต่อจากนี้ผมจะไปในทิศทางไหน
“พี่คิดจะทายังไงต่อเหรอครับ”
“พี่เป็นยังไงบ้าง ได้รับข้อเสนอเยอะแยะเลยนี่
นา วางแผนจะเข้าตระกูลไหนคะ”
“...”
การที่พวกเขาทาตามผมก็ เป็นเรื่องดี แต่ผมจะ
ไม่คิดแบบนั้น อย่างน้อยถ้าพวกเขาคิดและบอกผม
สั ก นิ ด การที่ พ วกเขาพยายามจะพึ่ ง พาผมมาก
เกินไปโดยไม่ทาอะไรแบบนั้นจาเป็นต้องละทิ้งไปให้
เร็ ว ผมพยายามลองพู ด อ้ อ มๆ ดู แต่ ยู จ องตอบ
กลับมาอย่างไม่พอใจนัก
“ใครบอกว่าเราไม่ได้ทาอะไร เราแค่อยากฟัง
ความคิดเห็นของพี่ก่อนต่างหาก”
“ฉั น ก็ ก าลั ง คิ ด อยู่ ไ ง ถ้ า ฉั น กั บ พวกเธอคิ ด
ต่างกัน จะทายังไง”
“ทายังไงเหรอ ก็ต้องตามพี่ไปแน่นอนอยู่แล้ว”
“ใช่ ใช่ ผมก็เชื่อใจพี่นะครับ สู้ๆ”
อันฮยอนที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่ข้างๆ พยักหน้า
พลางแสดงความเห็น ช่วงนี้พวกเด็กๆ เหมือนจะ
ตามติ ดผม พอลองถามว่ าทาไมถึ งเป็ นแบบนี้กั น
อันซลก็ยิ้มหวานตอบกลับมาว่า “ถ้าเชื่อฟังพี่ซูฮ
ยอน ทุกอย่างก็จะดีเองค่ะ”
ผมส่ า ยหน้ า พรื ด พลางยิ้ ม แหย การเสี ย สละ
ตัวเองในพิธีเปลี่ยนสภาวะและชื่อเสียงในสถาบันผู้
เล่ น ท าให้ ทุ ก คนพึ่ ง พาผมมากเกิ น ไป ผมรู้ สึ ก
ขอบคุณที่พวกเขามอบความเชื่อใจให้ขนาดนี้ แต่
ผมจะยังไม่พูดออกไป ผมตั้งใจว่าจะบอกพวกเขา
ก่อนสาเร็จการศึกษาแต่คิดว่าไม่ใช่ตอนนี้
หมู่นี้ไม่ค่อยได้เห็นหน้าคิมฮันบยอลเลย ตามที่
ได้ยินมา แม้หล่อนจะเจอหน้ากับยูจองอยู่บ้าง แต่
ทั้ ง คู่ ก็ ไ ม่ ไ ด้ คุ ย กั น และต่ า งคนต่ า งผ่ า นไปเฉยๆ
นอกจากนี้ ดู เ หมื อ นหลายตระกู ล จะหมายตาตั ว
หล่อนไว้ด้วย มีความเป็นไปได้ว่าหล่อนจะได้อันดับ
สูงจากบรรดาผู้เล่นหญิงทั้งหมด
พวกผู้ เ ล่ น ที่ มี ค วามสามารถเช่ น นี้ จ ะชั่ ง ใจใน
การเลื อ กเข้ า ร่ ว มตระกู ล แต่ ก็ มี ผู้ เ ล่ น ที่ ไ ม่ ไ ด้ รั บ
ข้อเสนออีกเป็นจานวนมาก ยิ่งช่วงจบการศึกษา
ใกล้เข้ามาเท่าไหร่ คนเหล่านั้นก็ ยิ่งกระสับกระส่าย
มากขึ้นเท่านั้น
ถ้าลองออกไปก็ยังมีตระกูลใหญ่จากเมืองเล็กๆ
และตระกูลใหญ่ในเมืองทั่วไป แต่ก็มีคนที่หากเลือก
ได้ ก็ อ ยากจะเข้ า ร่ ว มกั บ ตระกู ล ใหญ่ ม ากกว่ า อยู่
เหมือนกัน
มี ข่ า วลื อ ว่ า มี พ วกผู้ เ ล่ น หญิ ง ที่ ใ จกล้ า ท าตั ว
สนิทสนมกั บพวกครูฝึก กระทั่งยั่ว ยวนด้ ว ยเรือน
ร่างของตัวเอง เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นการแข่งขันที่
ดุเดือดขนาดไหน
เมื่อเห็นว่าทุกคนดูย่ามใจมากเกินไปหน่อย ผม
จึงเตือนให้พวกเขาสนใจฝึก ซ้อมเพราะเรายังอยู่
ในช่วงการฝึกฝน การใช้เวลา 3 เดือนในสถาบันผู้
เล่ น ไม่ ใ ช่ เ รื่ อ งเปล่ า ประโยชน์ แม้ น าที ท องที่
ความสามารถจะเพิ่ มขึ้นเร็วขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเองก็
ตาม แต่ช่วงเวลาประมาณ 90-100 วันเหมือนจะ
กาลังดี
พวกเขาบ่ น อุบ แต่ก็ หุ บ ปากฉั บ หลังจากที่ไ ม่
สามารถขึ้นไปสู่ระดับที่ต้องการได้ ผมมุ่งมั่นในการ
ฝึก ฝนมากขึ้นเพื่อเป็ นตัว อย่างแก่ พวกเขา ผมไม่
เคยโดดซ้ อ มเลยสั ก วั น เดี ย วจนกว่ า จะได้ เ ป็ น สุ ด
ยอดนักดาบ
เวลาผ่านไปเช่นนั้นและช่วงสาเร็จการศึกษาก็
ค่อยๆ ใกล้เข้ามา
การฝึกฝนทั้ง 13 สัปดาห์ผ่านไป เหลืออีกเพียง
หนึ่ ง วั น ก็ จ ะเป็ น วั น ส าเร็ จ การศึ ก ษา พวกผู้ เ ล่ น
ค่อยๆ สิ้นสุดชีวิตประจาวันในสถาบัน พวกครูฝึกที่
เข้มงวดในตอนฝึกก็ค่อนข้างปล่อยให้ทุกคนได้ใช้
เวลา พวกผู้เล่นใช้ช่วงเวลานั้นจัดการตัวเองหรือไม่
ก็รวมกลุ่มกันเพื่อพูดคุย
หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และยามค่าคืนก็มา
เยือน พวกผู้เล่นที่อยู่หอพักเดียวกันจัดเลี้ยงง่ายๆ
ส าหรั บ วั น สุ ด ท้ า ย ครู ฝึ ก เตื อ นว่ า อย่ า สนุ ก มาก
จนเกิ น ไป จากนั้ น ก็ ท าเป็ น ไม่ รู้ ไ ม่ เ ห็ น ไม่ ใ ช่ แ ค่
หอพักของผมแต่หอพักอื่นๆ ก็เช่นกัน
ไม่ใช่มื้อหรูหราอะไร มีแต่เนื้อแห้งที่ได้รับมา
เป็นเสบียงและเครื่องดื่ม ผู้เล่นที่ห่างหายจากการ
ดื่มเหล้าไปนานก็กาลังดื่มพลางพูดคุยสนุกสนาน
ผมและอั น ฮยอนสบตากั น พลางพยั ก หน้ า ให้ กั น
เล็ก น้อย และลุก จากที่นั่ง พวกเราแอบออกจาก
หอพักตามแผนของยูจองเพื่อฉลองกันเอง
ผมกั บ ฮยอนแอบออกไปนอกประตูไ ด้ สาเร็ จ
ทุกคนกาลังเมามากพอสมควร พวกเขากอดคอกัน
พลางตะโกนว่าเราทาได้เสียงดังลั่น ดังนั้นการจะ
แอบออกมาจากความชุลมุนวุ่นวายแบบนั้นจึงเป็น
เรื่องง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก
ผมล้วงกระเป๋าตามความเคยชินและพบว่ าผม
ไม่ได้หยิบเนื้อแห้งมาด้วย น่าจะวางทิ้งไว้ที่หอก่อน
จะออกมา ผมจึ ง บอกให้ อั น ฮยอนล่ ว งหน้ า ไปยั ง
สถานที่นัดพบก่อนแล้วจึงหันกลับ อันฮยอนถามผม
ว่าไม่กินเนื้อไม่ได้เหรอ แต่ผมก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี
มันเป็นเนื้อชั้นดีที่ครูฝึกซื้อมาให้ผมจากข้างนอก ถึง
จะเป็นแค่กับแกล้ม แต่ถ้าพวกเด็กๆ ได้ลองกินบ้าง
ก็คงดี
หลังจากส่งอันฮยอนแล้ว ผมก็ ย้อนกลับ มาที่
หอพัก หยิบเอาเนื้อแห้งที่วางทิ้งไว้และออกมาข้าง
นอกอีกครั้ง สถานที่นัดพบคือมุมหนึ่งในศูนย์ข้อมูล
วิชาการ ออกจะเป็นการกระทาที่ดูใจกล้าไปหน่อย
แต่ถ้าเป็นตอนนี้คงเป็นไปได้ยากที่จะถูกจับได้
ผมคิ ด จะรี บ ไปที่ ศู ย น์ ข้ อ มู ล วิ ช าการจึ ง หั น
กลับไป และ...
“เฮ้ย”
“...”
ผมร้ อ งออกไปโดยไม่ รู้ ตั ว เมื่ อ ฮั น บยอลที่ ม า
ตอนไหนก็ไม่รู้กาลังจับจ้องผมจากด้านหลัง แม้ผม
จะวางใจจนไม่ทันได้ระวังตัว แต่ก็รู้สึกตกใจที่ไม่
รู้สึกเลยสักนิดว่ามีคนเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ผมรีบปรับ
สีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะเอ่ยปาก
“ตกใจหมดเลย ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยก็เลยไปหาพี่ที่หอพัก แต่
ว่าพี่ไม่อยู่ ตอนที่กาลังจะกลับก็เห็นพี่กลับมาที่หอ
แล้วก็ออกมาอีก ฉันก็เลยเดินตามมาค่ะ”
“งั้นเหรอ”
ผมเดินช้าๆ โดยไม่เกิดเสียงฝีเท้ า ทิศทางที่จะ
ไปก็คือศูนย์ข้อมูลวิชาการ หล่อนเร่งฝีเท้าเพื่อตาม
ผมให้ทัน จากนั้นเราก็เริ่มเดินไปพร้อมกัน เราทั้งคู่
เดินเคียงข้างกันภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง เพราะ
ความอึ ด อั ด ใจก่ อ นหน้ า นี้ จึ ง มี เ พี ย งความเงี ย บ
ระหว่างเรา
“พี่คะ”
“เธอน่ะ... หือ”
ผมตั้งใจจะถามว่า ‘ไปด้วยกันมั้ย’ แต่ฮันบยอล
ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“อ่า... พี่พูดก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่เป็นไร เธอพูดก่อนเลย”
หล่อนพยักหน้าก่อนจะก้มลงมองพื้น ผมคิดว่า
ใบหูที่โผล่พ้นจากเส้นผมสีดาสนิทนั้นดูน่ารักดี
ในขณะที่กาลังคิดไร้สาระ หล่อนก็เปิดปากพูด
ขึ้นมา
“ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย... นิดหน่อยค่ะ”
มีเรื่องอยากคุยด้วยงั้นเหรอ ผมพยักหน้าเพราะ
ไม่มีเหตุผลที่จะเลี่ยงเธอ พอลองคิดดูก็เหมือนจะ
นานพอสมควรแล้วที่เราไม่ได้คุยกัน
“ฉันได้รับข้อเสนอจากเผ่าสิงโตทองค่ะ”
“... อืม”
“ปกติพวกผู้เล่นใหม่ไม่ค่อยได้รับโอกาสแบบนี้
แต่คราวนี้พวกเขาบอกว่าจะรับคนเพิ่มเป็นพิเศษ
และพวกเขาก็บอกว่าสามารถช่วยให้กลุ่มนักเวทย์
เติบโตได้ด้วย แล้วก็... ถ้าหากว่าฉันเข้าร่วมก็จะได้
เป็นผู้แนะนาระดับสูงค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นผมก็ส่งเสียงตอบรับ ผมคาด
ไว้ แ ล้ ว ว่ า พวกเขาพยายามจะทาบทามฮั น บยอล
ตั้งแต่แรก แต่คาพูดของหล่อนทาให้ผมแปลกใจ
ผมไม่ เ ข้ า ใจที่ บ อกว่ า จะช่ ว ยให้ ก ลุ่ ม นั ก เวทย์
เติบโตนั้นหมายความว่าอะไร ต่อให้เพิกเฉยเรื่อง
นั้น ผมก็ยังสงสัยเรื่องผู้แนะนาระดับสูงอยู่ดี แม้คิม
ฮันบยอลจะมีความสามารถโดดเด่น แต่การที่ผู้เล่น
ใหม่ จ ะได้ เ ป็ น ผู้ แ นะน าระดั บ สู ง เป็ น เรื่ อ งที่ ม าก
เกินไป
ไม่รู้ว่ ามีคลาสลับ หรือคลาสหายากหรือเปล่า
ความคิ ด ในหั ว ต่ อ สู้ กั น อย่ า งรุ น แรง ผมหยุ ด เดิ น
กะทันหัน ฮันบยอลจ้องมองด้วยแววตาแปลกใจแต่
ผมไม่สนใจและเปิดใช้ดวงตาที่สามทันที่
ข้อมูลผู้เล่น (PlayerStatus)
ชื่อ (Name) : คิมฮันบยอล (ปีที่ 0)
คลาส (Class) : นั ก เวทย์ อั ญ มณี ร ะดั บ ต้ น
(Jewel Mage Begginer)
ถิ่นกาเนิด(Nation) : ยังไม่ระบุ (UnSettled)
ชนเผ่า(Clan) : ยังไม่ระบุ (UnSettled)
นามแท้ · สัญชาติ : ผู้เกิดจากดวงดาว · ผู้ส่อง
ประกายด้ ว ยแสงสว่ า งอั น งดงาม · สาธารณรั ฐ
เกาหลีใต้
เพศ (Sex) : หญิง (22)
ส่วนสูง · น้าหนัก : 170.5 ซม. · 45.0 กก.
อุ ป นิ สั ย : เคารพกฎหมาย · ไม่ มี ร ะเบี ย บ
(Lawful · Chaos)
[พละก าลั ง 44] [ความทนทาน 52] [ความ
คล่องแคล่ว 64] [ความแข็งแกร่ง 48] [เวทมนตร์
82] [โชค 62]
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 24
“พี่คะ...”
ผมที่ ก ำลั ง งุ น งงหั น ไปตำมเสี ย งเรี ย กของฮั น
บยอลและพยักหน้ำหงึกหงักอย่ำงไม่เต็มใจนัก ใน
หัวเต็มไปด้ว ยคำถำมเช่น ‘ทำไม’ ‘เพรำะอะไร’
‘เป็นไปได้อย่ำงไร’ แต่ผมจำเป็นต้องตั้งสติก่อน
“เมื่อกี้พี่เพิ่งบอกว่ำอย่ำบอกข้อมูลของตัวเอง
กับผู้เล่นคนอื่นนี่คะ”
“แล้วพวกเขำก็บอกว่ำสำมำรถช่วยให้กลุ่มของ
นักเวทย์เติบโตได้ด้วย”
ถ้ ำ เป็ น นั ก เวทย์ อั ญ มณี กำรช่ ว ยเหลื อ จำก
ตระกูลจำเป็นต่อกำรพัฒนำในตอนแรก เพรำะกำร
ใช้อัญมณีเร่งปฏิกิริยำของเวทมนตร์มีค่ำใช้จ่ำยที่
สิ้นเปลืองมำก
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้ คิมฮันบยอล
ไม่ได้บอกควำมจริงเรื่องที่เป็นนักเวทย์อัญมณีกับ
ผม และกำรที่ เ ธอบอกว่ ำ จะได้ เ ป็ น ผู้ แ นะน ำ
ระดับสูงของเผ่ำสิงโตทอง หมำยควำมว่ำมีควำม
เป็นไปได้มำกที่หล่อนจะเปิดเผยคลำสของตัวเอง
กับหมอนั่นไปแล้ว
ตอนนั้นผมอดกลั้นต่อควำมรู้สึกถูกทรยศที่แล่น
ริ้ ว ไปทั่ ว ร่ ำ งแต่ ก็ . .. รี บ สงบตั ว เองในทั น ที ผม
ตัดสินใจเผชิญกับฮันบยอลด้วยโชคชะตำและจะ
ปล่อยหล่อนไป แต่เพรำะควำมรู้สึกพุ่งพล่ำนขึ้นมำ
มุมหนึ่งในใจจึงยังมีเรื่องที่ค้ำงคำใจ
ถ้ ำ ผมรู้ แ ต่ แ รกว่ ำ ควำมจริ ง หล่ อ นเป็ น นั ก
เวทย์อัญมณี หนึ่งในคลำสลับ ท่ำทำงของผมก็คง
จะแตกต่ ำ งไปจำกนี้ แต่ ผ มไม่ มี ค วำมคิ ด ที่ จ ะหำ
เหตุผลมำคิดเข้ำข้ำงสถำนกำรณ์ในตอนนี้ เพรำะนี่
เป็นกำรกระทำที่ผมเกลียดที่สุด
ผมสงบสติอำรมณ์ เติมควำมเยือกเย็นมีเหตุผล
ให้กับควำมคิดในหัว ผมผ่อนลมหำยใจและตั้งสติ
นั บ จำกวั น นี้ ห ล่ อ นไม่ ใ ช่ น้ อ งสำวที่ ผ่ ำ นร้ อ นผ่ ำ น
หนำวมำด้วยกัน แต่เป็นผู้เล่นคนหนึ่งเท่ำนั้น
“ฉันได้ยินว่ำพี่เองก็ได้รับข้อเสนอจำกเผ่ำสิงโต
ทองเหมือนกันนี่คะ”
ผมมองคิมฮันบยอลที่กำลังพูดด้วยใบหน้ำนิ่ง
เฉยพลำงตอบเสียงเรียบ
“ฉันบอกไปว่ำจะลองคิดดู”
“ตอนนี้ตัดสินใจได้หรือยังคะ”
“อืม ฉันตั้งใจจะปฏิเสธน่ะ ฉันไม่คิดจะเข้ำร่วม
ตระกูล”
“... ทำไมเหรอคะ”
หลังจำกได้ยินว่ำผมจะปฏิเสธ ผมก็รู้สึกได้ว่ำ
ร่ำงของหล่อนสะดุ้งด้วยควำมตกใจ
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อและออกเดินอีกครั้ง หล่อน
เองก็เดินตำมผมมำด้วย ดวงตำของฮันบยอลและ
ดวงตำของผมต่ำงก็สบประสำนกัน ในสำยตำของ
เรำทั้งคู่แสดงออกถึงควำมสับสนและควำมรู้สึกที่ไม่
อำจพูดออกมำได้
ที่จริงถ้ำหำกว่ำวันนี้มีโอกำส ผมตั้งใจจะสร้ำง
บรรยำกำศตอนที่ เ รำดื่ ม เหล้ ำ กั น แต่ ดู เ หมื อ นมี
ควำมเป็นไปได้สูงที่ฮันบยอลจะแยกตัวจำกพวกเรำ
ผมคิดว่ำต่อให้บอกควำมรู้สึกที่แท้จริงออกไปก็คง
ไม่สำคัญ ถ้ำรู้ว่ำจะเป็นแบบนี้ ผมคงไม่พูดแบบนั้น
ที่หน้ำกระท่อม ผมรู้สึกเสียใจที่มันสำยเกินไป แต่
หัวใจของเรำต่ำงก็เปลี่ยนไปแล้ว
“ถ้ำ ถำมว่ ำท ำไม... ก็ ออกจะตอบยำกหน่ อ ย
นะ”
“ที่บอกว่ำตอบยำก เพรำะ... ฉันเหรอคะ”
ผมส่ ำ ยหน้ ำ ให้ ฮั น บยอลเน้ น เสี ย งตรงค ำว่ ำ
‘ฉัน’ เป็นพิเศษ เพรำะผมไม่ได้หมำยควำมแบบนั้น
“ไม่ได้ควำมว่ำอย่ำงนั้นหรอกนะ จำเรื่องที่เรำ
คุยกันตรงหน้ำบันไดกระท่อมก่อนหน้ำนี้ได้มั้ย”
“... ค่ะ”
“ฉัน... อืม คิดอะไรได้มำกมำยในช่วงเวลำ 3
เดื อ นที่ ผ่ ำ นมำ พอได้ เ ห็ น โลกที่ ชื่ อ ฮอลล์ เ พลน
ควำมคิดก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปด้วย ไม่ใช่แค่เผ่ำสิงโต
ทอง แต่ฉันจะไม่เข้ำร่วมกับตระกูลไหนเลยต่ำงหำก
...”
ถึงแม้คำตอบจะคุลมเครือ แต่ฮันบยอลก็เข้ำใจ
หล่อนไตร่ตรองคำพูดของผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจ้อง
มองด้วยแววตำประหลำดใจ ดูเหมือนเธอจะเข้ำใจ
เจตนำในสิ่งที่ผมกำลังจะทำ
“ถ้ำงั้นพี่คิดจะก่อตั้งตระกูลใหม่งั้นเหรอคะ”
“ก็ ป ระมำณนั้น ฉั นก ำลัง คิดจะก่ อ ตั้งตระกู ล
เพรำะคนอื่นๆ ไม่ได้รับข้อเสนอจำกเผ่ำสิงโตทอง
แต่ฉันอยำกจะอยู่ด้วยกันกับพวกเขำเหมือนเดิม”
“ฉันก็...”
หลั ง จำกผมพู ด จบ ฮั น บยอลก็ เ หมื อ นจะพู ด
อะไรบำงอย่ำง แต่ก็เงียบไว้ ผมรู้สึกว่ำลมหำยใจ
ของหล่ อ นหนั ก หน่ ว งขึ้ น สี ห น้ ำ ของฮั น บยอลดู
สับสน หล่อนกัดปำก ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่สูงกว่ ำ
ปกติรำวกับตัดสินใจบำงอย่ำง
“ฉั น เองก็ คิ ด แบบนั้ น ค่ ะ เมื่ อ เที ย บก่ อ นกั บ
หลังจำกที่เข้ำมำในฮอลล์เพลนแล้ว ควำมคิดของ
ฉันก็เปลี่ยนไปมำกค่ะ ในพิธีเปลี่ยนสภำวะ พี่เป็น
คนเก่งมำกๆ พอเข้ำมำในสถำบันผู้เล่นพี่ก็แสดงให้
เห็นควำมพิเศษที่แตกต่ำงจำกคนอื่นๆ เรื่องที่พี่มี
ควำมสำมำรถ ฉันก็รู้ดีกว่ำใครๆ แต่ว่ำ...”
แต่ว่ำ... นั่นเป็นสัญญำณว่ำหล่อนจะเริ่มพูดใน
สิ่งที่อยำกจะพูดกับผมตั้งแต่ตรงนี้ ผมจดจ่อกับสิ่งที่
หล่อนจะพูด
“โลกที่ชื่อฮอลล์เพลนนั้นกว้ำงใหญ่ไพศำล ไม่
ว่ำจะที่ไหนก็เกิดเรื่องขึ้นได้โดยไม่แปลกอะไร แต่ก็
ไม่ใช่สถำนที่ที่จะสำมำรถทำทุกอย่ำงได้ด้วยตัวคน
เดียวเหมือนตอนที่อยู่ในพิธีเปลี่ยนสภำวะ พี่อำจจะ
พูดได้ว่ำพี่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่ยังมีอีกสำมคน”
ผมที่ ตั้ ง ใจจะพู ด แบบที่ ห ล่ อ นกล่ ำ วมำได้ แ ต่
เงียบไว้และพยักหน้ำรับ ฮันบยอลจ้องมองมำที่ผม
ด้วยควำมเย็นชำและพูดต่อ
“ฉันไม่ได้จะห้ำมไม่ให้พี่ทำ แล้วก็ไม่ได้จะบอก
ว่ำมันไม่ดีนะคะ แต่ฉันยังคิดว่ำ ต่อให้พี่จะบอกว่ำ
ไม่ใช่แบบนั้น แต่พี่ก็คงรู้ว่ำไม่สำมำรถทำอะไรได้
ด้วยตัวคนเดียว กำรที่ทั้งกลุ่มจะพึ่งพำคนๆ เดียว
เป็นเรื่องอันตรำยมำกในฮอลล์เพลน”
ฮันบยอลไม่ได้ดูถูกควำมสำมำรถของทั้งสำม
คน แต่กำลังชี้ ให้เห็นถึงทัศนคติที่ผมมีต่อสำมคน
นั้น สุดท้ำยแล้วสิ่งที่หล่อนจะบอกก็คือ ไม่มีใครที่
สำมำรถทำอะไรได้ด้วยตัวคนเดียวและคำพูดนั้นก็มี
เหตุผล แต่มีสิ่งหนึ่งที่หล่อนมองข้ำมไป
หลังจำกพูดทุก อย่ำงออกมำแล้ว ฮัน บยอลก็
หำยใจอย่ำงรุนแรง ผมให้เวลำหล่อนได้พักหำยใจ
จำกนั้นก็ รวบรวมควำมคิดครู่หนึ่งและค่อยๆ พูด
ออกไป
“ฮันบยอลเป็นคนที่มีควำมมุ่งมั่นดีนะ”
“...”
“มันก็ดีที่คิดอย่ำงสมเหตุสมผล แต่เธอน่ะเถร
ตรงมำกเกินไปหน่อย”
“จู่ๆ ก็พูดเรื่องอะไรคะ”
“หมำยควำมว่ ำ เธอไม่ ค วรตั ด สิ น ฉั น หรื อ คน
อื่นๆ ด้วยมำตรฐำนของตัวเองไงล่ะ”
ฮันบยอลดูจะตกใจจึงหุบปำกฉับหลังจำกที่ได้
ยินเสียงเย็นชำของผมเป็นครั้งแรก ผมมองหล่อน
ด้วยควำมเยือกเย็น ถึงจะน่ำเห็นใจแต่ก็เป็นสิ่งที่ผม
ต้องบอก เหมือนกับที่ผมตัดสินใจจะมองฮันบยอล
ในฐำนะผู้เล่นคนหนึ่ง
“เรื่องนั้น... ขอโทษค่ะ แต่ฉันแค่คิดว่ำ ฉันกับพี่
มีส่วนคล้ำยๆ กัน มีเหตุผล...”
“มี ส่ ว นคล้ ำ ยกั น เธออำจจะคิ ด แบบนั้ น แต่
สำหรับฉันแล้ว กำรเข้ำร่วมตระกูลไม่ใช่ทำงเลือกที่
เหมำะสมเท่ำไหร่ โดยเฉพำะอย่ ำงยิ่งถ้ำเป็ นเผ่ ำ
สิงโตทอง”
“...ท ำไมคะ จะบอกว่ ำ ค ำพู ด ของฉั น มั น ผิ ด
อย่ำงนั้นเหรอคะ”
“จะถู ก หรื อ ผิ ด ส ำคั ญ ที่ ต รงไหนกั น ไม่ ว่ ำ จะ
เลื อ กแบบไหนก็ มี ทั้ ง ข้ อ ดี แ ละข้ อ เสี ย ต้ อ งชั่ ง
น้ำหนักเรื่องนั้นแล้วก็ดูสถำนกำรณ์รอบตัว รวมไป
ถึงตัวเองด้วย ว่ำสิ่งนั้นเหมำะสมกับตนเองแล้วหรือ
ยัง”
คิมฮันบยอลตัดสินใจโดยใช้เหตุผลจำกปัจจุบัน
แต่ ผ มเลื อ กตั ด สิ น ใจโดยใช้ เ หตุ ผ ลจำกอดี ต และ
อนำคต ทั้งที่เป็นหลัก กำรง่ำยๆ ก็ ตำม แต่สีหน้ ำ
ของฮั น บยอลเริ่ ม สั บ สน เป็ น ครั้ ง แรกที่ ผ มมอง
หล่อนแล้วรู้สึกอึดอัดใจ เรำทั้งคู่ในตอนนี้ต่ำงก็ไม่
เข้ำใจกัน
“เผ่ำสิงโตทองเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในทวีป
เหนือ ที่จริงแล้วสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกเป็นควำมลับ
แต่ว่ำ... พวกเขำสร้ำงฐำนและเตรียมยกทัพข้ำม
เทือกเขำเหล็ก กล้ำแล้ ว พวกเขำจะมุ่งหน้ำไปยัง
พื้นที่ว่ำงเปล่ำเพื่อสร้ำงควำมแตกต่ำง ฉันไม่เข้ำใจ
ว่ำทำงที่พี่เลือกนั้นมีข้อดีอะไร”
“ใครรั บ ประกั น ได้ บ้ ำ งว่ ำ กำรข้ ำ มไปภู เ ขำ
เหล็กกล้ำจะประสบควำมสำเร็จ พวกเขำบอกจะให้
เธอเป็นผู้แนะนำระดับสูง แต่เคยลองคิดบ้ำงไหมว่ำ
มันมีเบื้องลึกเบื้องหลัง อะไรอยู่ ไม่สิ เธอคิดว่ำเธอ
จะไว้ใจผู้เล่นที่เธอจะเข้ำร่วมตระกูลด้วยได้จริงๆ
งั้นเหรอ”
ผมตะโกนเสียงดังลั่น แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นฮัน
บยอลก็แค่ยืนฟังเงียบๆ อย่ำงไม่พอใจ ควำมเงียบ
ปกคลุมระหว่ำงเรำทั้งสอง รำยล้อมด้วยบรรยำกำศ
เย็นยะเยือก หลังจำกที่ผมหยุดพูดไปพักหนึ่ ง พอ
ผมจะพูดต่อ ฮันบยอลก็แทรกขึ้นมำก่อน
“พี่จะบอกว่ำ ตัวเองเป็นคนที่สำมำรถเชื่อใจได้
งั้นเหรอคะ”
“...”
คำเดียว แค่คำเดียว แค่คำๆ เดียวจำกหล่อน
ควำมเงียบงันระหว่ำงเรำทั้งสองก็ยิ่งเย็นเยียบ เสียง
ที่ ไ ด้ ยิ น มี เ พี ย งแค่ เ สี ย งลมหำยใจของผมและฮั น
บยอลเท่ำนั้น
สีหน้ำหลำกหลำยแสดงอยู่บนใบหน้ำของฮัน
บยอล โกรธ เสี ย ใจ ผิ ด หวั ง ล้ ว นมี แ ต่ ค วำมรู้ สึ ก
ในทำงลบ เป็นสีหน้ำมำกมำยที่เพิ่งเคยได้เห็นเป็น
ครั้งแรกตั้งแต่ได้พบกับหล่อน
ผมค่อยๆ เปิดปำกพูด แต่กระนั้นก็ไม่อำจซ่อน
ควำมผิดหวังที่มีต่อฮันบยอลได้
“ตอนนั้นเธอถำมฉันสินะว่ำทำไมฉันถึง ได้เป็น
แบบนี้ ถ้ำจะให้ฉันตอบคำถำมนั้นในตอนนี้...”
ฉันน่ะ
“ตอนนั้นฉันอยำกจะปกป้องพวกเธอ อยำกจะ
มอบควำมเชื่อใจและอยำกได้รับควำมเชื่อใจ ฉันไม่
ค่อยเชื่อใจใครง่ำยๆ ดังนั้นจึงเคยคิดเรื่องที่จะอยู่
คนเดียว แต่ฉันก็รู้ว่ำไม่สำมำรถทำอะไรได้ด้วยตัว
คนเดียวเหมือนอย่ำงที่เธอบอก ฉันหลีกเลี่ยงควำม
จริงข้อนั้นไม่ได้”
ผมพักหำยใจและพูดต่อทันที
“ดั ง นั้ น อย่ ำ งน้ อ ยฉั น ก็ อ ยำกจะเลื อ กคนที่
เริ่มต้นมำด้วยกันมำกกว่ำ คนที่เชื่อใจในตัวฉันและ
คนที่ฉันสำมำรถไว้ใจได้ ก็คือชื่อตระกูลไงล่ะ กำร
สร้ำงตระกูลน่ะ... แค่มีคนที่เหมือนครอบครัวสอง
สำมคนก็พอแล้ว”
นั ย น์ ต ำของฮั น บยอลสั่ น ไหวอย่ ำ งรุ น แรงใน
ขณะที่ ฟั ง ผมพู ด ดู เ หมื อ นหล่ อ นเองก็ มี อ ะไรที่
อยำกจะพูด แต่อำคำรศูนย์ข้อมูลวิชำกำรก็ปรำกฏ
สู่สำยตำของเรำทั้งคู่
เคยมีตอนที่ผมและฮันบยอลต้องแยกกันไปคน
ละทำง ตอนนั้นหล่อนเลือกจะตำมผมมำ และครำว
นี้ก็ถึงครำวที่เรำทั้งคู่ ต้องเลือกเส้นทำงอีกครั้ง ผม
เลื อ กทิ ศ ทำงให้ กั บ ตั ว เองแล้ ว แต่ ห ล่ อ นยั ง ไม่ ไ ด้
เลือก
ผมขึ้นบันไดไปเงียบๆ จำกนั้นก็คว้ำที่จับประตู
ฮันบยอลไม่ได้ขยับตัวจำกที่เดิม ผมผลักบำนประตู
ให้เปิดเบำๆ โดยไร้เสียง และค่อยๆ เดินเข้ำไปข้ำง
ใน
แต่ฮันบยอลไม่ได้ตำมผมมำ
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 25
อันฮยอนและคนอื่นๆ ดูเหมือนจะดื่มไปเยอะ
มากแล้ว ท้ายที่สุดผมก็ไม่ได้คุยเรื่องที่ตั้งใจจะพูด
ขณะที่มองคนอื่นๆ หัว เราะคิก คัก ผมได้แ ต่แ อบ
ถอนหายใจอยู่ ค นเดี ย ว เด็ ก พวกนี้ ค งไม่ รู้ สึ ก ถึ ง
ความเจ็บ ปวดในจิตใจของผมหรอก สบายใจกั น
จริงนะเจ้าพวกนี้
ถึงอย่า งนั้น ผมก็ ไม่ ได้ แ สดงท่ าทีอ ะไรออกไป
บางทีเราอาจจะไม่มีวันแบบนี้อีกก็ได้ ตั้งแต่พรุ่งนี้
เป็ น ต้ น ไป ผมและเด็ ก พวกนี้ จ ะต้ อ งเดิ น ไปบน
เส้น ทางที่ เ ต็ มไปด้ ว ยขวากหนาม ผมได้แ ต่คิ ดว่ า
สถาบันผู้เล่นแทบจะกลายเป็นสวรรค์ไปเลย
งานเลี้ยงสิ้นสุดลงอย่างสมเกียรติ( ?) อันฮยอน
และยูจองสนุกสนานกันเต็มที่ จากนั้นก็เมาพับไป
โชคดีที่ซลยังมีสติอยู่ เราจึงสามารถแบกแต่ละคน
กลับไปยังหอพักได้ หลังจากที่โยนอันฮยอนไว้ที่มุม
หนึ่งของห้องแล้ว ผมก็กลับมานอนในที่ของตัวเอง
พลางครุ่นคิดไปด้วย
เมื่ อ เข้ า มายั ง ฮอลล์ เ พลน ความคิ ด ของผมก็
เปลี่ยนไป มีหลายอย่างที่ต้องทาอีกด้วย อันดับแรก
เราต้องได้รับคะแนนพิเศษในวันพรุ่งนี้และออกจาก
บาร์บาร่าทันที ผมวางแผนไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่ง
เผลอหลับไป
และแล้วในวันถัดมา รุ่งอรุณแห่งความหวังอัน
ยิ่งใหญ่ก็ส่องสว่าง
พิธี จ บการศึ ก ษาและพิ ธี อ าลาค่ อ นข้า งจะน่ า
เบื่ อ พู ด เรื่ อ งนั้ น เรื่ อ งนี้ ม ากมายหลายสิ่ ง แต่
โดยรวมก็พูดถึงความยากลาบากตลอดเวลาที่ผ่าน
มาและความหวังที่ว่าเราจะทาอะไรมากมายเพื่อ
ทวีปเหนือในอนาคต
[ส าเร็ จ ศึ ก ษาจากสถาบั น ผู้ เ ล่ น ในทวี ป เหนื อ
เ มื อ ง ใ ห ญ่ บ า ร์ บ า ร่ า คุ ณ ไ ด้ รั บ ค ะ แ น น
ความสามารถเป็นรางวัล 4 คะแนน]
หลั ง จากเสร็ จ สิ้ น พิ ธี จ บการศึ ก ษาและได้ รั บ
คะแนนพิเศษแล้ว สถานการณ์ของผู้เล่นก็แบ่งออก
จากกันได้อย่างชัดเจน มีผู้เล่นที่ได้รับข้อเสนอและ
ผู้เล่นที่ไม่ได้รับข้อเสนอ ผู้เล่นที่ได้รับข้อเสนอจะ
เข้าเป็นสมาชิกในตระกูลที่ออกมาต้อนรับพวกเขา
ส่วนพวกที่เหลือได้แต่ยืนเคว้งคว้าง
ต่อให้ไม่ใ ช่ เ มือ งใหญ่ เป็ นแค่ เ มืองทั่ว ไปหรื อ
เมืองเล็กๆ ก็ตาม แต่ผู้เล่นก็ควรมีตระกูลที่จะเข้า
ร่วม แม้จะจบพิธีสาเร็จการศึกษาแล้วก็ยังมีคนเดิน
อ้อยอิ่งอยู่รอบๆ บริเวณ ออกจะน่าสงสารอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องสนใจ
สิ่ ง แรกที่ อ ยากจะท าคื อ ไปคลั ง สิ น ค้ า เพื่ อ รั บ
สินค้าที่ผมซื้อด้วย GP ไว้ แต่เพราะพวกเด็กๆ มา
รายล้ อม ผมจึ งต้องล้มเลิก แผนไป อัน ฮยอน อี ยู
จองและอันซล รวมผมด้วยเป็นสี่คน รู้สึกว่าพวก
แมวมองของแต่ ล ะตระกู ล ก าลั ง จั บ จ้ อ งมาที่ เ รา
พวกเราปฏิ เ สธข้ อ เสนอทั้ ง หมดที่ ไ ด้ รั บ มาไป
เรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนพวกเขายังรู้สึกเสียดาย
อันฮยอนไม่ได้รับความสนใจมากนัก เพราะผม
อูจองมินและซอนยูอุน แต่ความสามารถของเขาก็
มากพอที่ จ าให้ พ วกตระกู ล ต่ า งๆ ต้ อ งการตั ว
คะแนนของยู จ องก็ สู ง กว่ า ค่ า เฉลี่ ย ทั้ ง คู่ จึ ง ได้ รั บ
ข้อเสนอจากหลายตระกูล แต่พวกเขาก็ปฏิเสธไป
ทั้งหมดเพราะผม
ถ้าให้พูดถึงสมบัติที่แท้จริง ซลก็คือสมบัติที่ ล้า
ค่าที่สุด นักบวชแห่งแสงสว่าง ตาแหน่งสูงสุดของ
คลาสนักบวช เจ้าหญิงแห่งการลงโทษ ตัวแทนของ
ผู้เล่นหญิงที่ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับราชินีเงา แม้จะ
ไม่ได้รับ ตาแหน่งนี้ แต่เธอก็มีคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่
อย่างพลังเวทย์ 75 คะแนนและโชค 100 คะแนน
อยู่แล้ว
แต่ ก็ นึ ก ไม่ ถึ ง ว่ าซลจะไม่ไ ด้ รับ ความสนใจสั ก
เท่าไหร่ ผมได้ยินมาจากอันฮยอนว่า ดูเหมือนซล
จะมีปั ญ หาในการควบคุม พลังเวทย์ คงเป็ นเรื่อ ง
แปลกหากผู้เล่นระดับต้นจะควบคุมพลังที่มากกว่า
ตนเองได้ บางทีเมื่อเวลาผ่านไป ความสามารถที่
แท้จริงก็คงจะเผยออกมา
แมวมองของเผ่าสิงโตทองกาลังมองพวกผู้ เล่น
ด้วยใบหน้าปั้นยาก หลังจากพิธีจบการศึกษา ผมได้
รู้ว่าคราวนี้พวกเขายื่นข้อเสนอแก่ผู้เล่นใหม่ทั้งหมด
ห้าคน แต่ว่าในบรรดาห้าคนนั้น มีผู้เล่นที่ตอบรับ
ข้อเสนอแค่สองคน
“ขอโทษด้วย ตอนนี้ฉันมีกลุ่มแล้ว ฉันไม่คิดจะ
เข้าตระกูลคนเดียวแล้วทิ้งเด็กพวกนี้ไว้หรอก”
ผมปฏิเสธแมวมองที่มาชักชวนให้เข้าตระกู ล
อย่างสุภาพเป็นครั้งสุดท้าย อันฮยอนและคนอื่นๆ
รู้สึกผิดต่อผม บางทีพวกเขาอาจจะเชื่อในทุกสิ่งที่
ผมพูด ความเข้าใจผิดทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ทา
ให้ค้างคาใจ ดังนั้นการบอกความจริงเมื่อมีโอกาส
น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
เมื่อพวกเราออกมาถึงประตูหน้าของสถาบั น
ด้านนอกพลุกพล่านไปด้วยผู้เล่นเก่าและผู้เล่นใหม่
ทาให้เห็นรูปแบบของตระกูลต่างๆ โดยเริ่มตั้งแต่
เผ่าสิงโตทอง
ผมคิ ด ว่ า คิ ม ฮั น บยอลน่ า จะอยู่ ที่ ไ หนสั ก ที่ ใ น
บริเวณนี้ เพราะผมรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องผม
มาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ผมหั นไปตามทิศทางรู้สึกได้
และพบคิมฮันบยอลที่กาลังจ้องผมและคนอื่นๆ ไม่
วางตา แต่ ผ มไม่ ต้ อ งการข้ อ งเกี่ ย วกั บ หล่ อ นอี ก
ต่อไป ความจริงที่ว่าหล่อนเป็นนักเวทย์อัญมณียัง
ไม่แพร่กระจายออกไป ดูเหมือนจะเป็นความลับ
ภายในตระกูล
ทุก คนตามหลังผมมาด้ว ยสีหน้าที่เ ต็มไปด้ว ย
ความคาดหวัง ขณะที่เรากาลังจะออกไปจากที่นี่ก็มี
เสียงเรียกผม ทาให้ต้องหยุดเดิน เมื่อหันไปก็พบอู
จองมินและพรรคพวกของเขา
อูจองมินทักคาแรกว่า นายก็ไม่เข้าร่วมตระกูล
เหมื อ นกั น สิ น ะ จึ ง ท าให้ รู้ ว่ า อี ก สองคนที่ ป ฏิ เ สธ
ข้อเสนอจากเผ่าสิงโตทองคือใคร แต่ก็เป็นแค่การ
คาดเดา
ในระหว่างที่สนทนากัน อูจองมินเสนอขึ้นมาว่า
สนใจจะร่ ว มมื อ กั น สั ก ระยะหรื อ ไม่ ที่ จ ริ ง เป็ น
ข้อเสนอที่ดึงดูดใจผมอยู่นิดหน่อย ก่อนที่พวกเขา
จะรวบรวมเผ่าเขี้ยวแดง ผมคิดว่าน่าจะง่ายกว่าที่
จะกวาดล้างให้หมดเมื่อมีโอกาส
แต่ก่อนจะได้ตอบอะไร พรรคพวกของอูจองมิน
วอนฮเยซูกับอียูจองในกลุ่มของผมต่างก็จับจ้องกัน
ด้วยแววตาเกลียดชัง
วอนฮเยซูปรายตามองผมเป็นครั้งคราวด้วยยัง
ไม่อาจละทิ้งความรู้สึกที่มีต่อผมได้ ซึ่งผมเข้าใจ แต่
การที่ผมไม่ติดใจเอาความแบบนี้ก็คงทาได้แค่ครั้ง
สองครั้ง การที่ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่มองผมแบบนั้น
ไม่ใช่เรื่องดีนัก คราวนี้ผมจะปล่อยไปก่อน แต่ตั้งใจ
ว่าจะต้องแก้ไขนิสัยของหล่อนสักครั้ง ผมบอกลา
พวกเขาสั้นๆ
ผมหันไปด้านหลัง พวกเด็กๆ กาลังมองผมที่
หยุ ด ยื น อย่ า งเหม่ อ ลอย พวกเขาปฏิ เ สธการเข้ า
ร่วมกับตระกูลที่ถือว่าใช้ได้และเลือกติดตามผม แม้
จะยังไม่ละทิ้งท่าทีของลูกนกที่คอยไล่ตามแม่ แต่
ผมก็อยากจะเชื่อใจทุกคน
เพื่อการนั้น ผมจะเริ่มจากการบอกแผนการใน
อนาคตกับพวกเขาเสียก่อน
***
เมืองในฮอลล์เ พลนมีโครงสร้างเหมือนกั บใย
แมงมุม ในทุกทวีป สถานที่ตั้งของแต่ละเมืองจะอยู่
ในพื้นที่ที่หลากหลายแต่ก็มีความคล้ายคลึงกัน ทว่า
ก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป
หากมองทีละเมืองก็อาจมองให้แตกต่างได้ แต่
ถ้ามองจากมุมมองโดยรวมแล้วต่างก็เชื่อมโยงกัน
ผ่านสิ่งมีชีวิตในยามจาเป็น
ยังมีอีกหลายเมืองที่อยู่ในทวีปเหนือนอกจาก
เมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางอย่างบาร์บาร่า ก็มีอีก 4
เมื อ งทั่ ว ไปแบ่ ง ได้ ต ามทิ ศ ทางคื อ พริ น ซิ ก้ า
(ตะวันออก), ฮาโล(ตะวันตก), คาน(ใต้) และพาเม
ล่า(เหนือ)
และในแต่ละเมืองทั่วไปก็ยังมีเมืองเล็กอีกสอง
เมื อ งที่ อ ยู่ ภ ายใต้ ก ารปกครองและคอยช่ ว ย
สนับสนุนซึ่งกันและกัน
หากให้อธิ บ ายเพิ่มเติม เมืองเล็ก ที่อยู่ภ ายใต้
การปกครองของพริ น ซิ ก้ า ซึ่ ง เป็ น เมื อ งทาง
ต ะ วั น อ อ ก ก็ คื อ เ อ เ ด น ซึ่ ง ตั้ ง อ ยู่ ท า ง
ตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ และดาน่ า ซึ่ ง ตั้ ง อยู่ ท าง
ตะวั น ออกเฉี ย งใต้ , เมื อ งเล็ ก ที่ อ ยู่ ภ ายใต้ ก าร
ปกครองของฮาโลทางตะวันตกคือ โดโรธีซึ่งตั้งอยู่
ทางตะวันตกเฉียงเหนือและและเมืองเบธซึ่งตั้งอยู่
ทางตะวั น ตกเฉี ย งใต้ , เมื อ งเล็ ก ที่ อ ยู่ ภ ายใต้ ก าร
ปกครองของคานซึ่งเป็นเมืองทางใต้ ก็คือโครันซึ่ ง
ตั้งอยู่ทางใต้ค่อนไปทางตะวันออกและเมืองโมนิก้า
ที่ตั้งอยู่ทางใต้ค่อนไปทางตะวั นตก สุดท้ายเมือง
เล็กที่อยู่ภายใต้การปกครองของพาเมล่าทางเหนือ
คือ มิวล์ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือค่อนไปทางตะวันออก
และเมืองมอนทาน่าที่ตั้งอยู่ทางเหนือค่อนไปทาง
ตะวันตก
หนึ่ ง เมื อ งใหญ่ สี่ เ มื อ งทั่ ว ไป แปดเมื อ งเล็ ก ๆ
กรณีของตระกูลที่จัดการดูแลเมืองแต่ละเมืองนั้น
เคยมีแกนนาของตระกูลรวมตัวกันกับคานซึ่งเป็น
เมืองทั่วไปทางใต้แล้วก่อตั้งพันธมิตรแห่งเสรีภาพ
ทางตอนใต้เพื่อดูแลเมือง แต่โดยทั่วไปแล้ว ในแต่
ละเมืองจะมีตัวแทนตระกูลที่คอยดูแลเมืองอยู่แล้ว
ตระกูลที่ดูแลเมืองอย่างที่ผมได้พูดถึงไปก่อน
หน้ า นี้ นั้ น ได้ รั บ มอบหมายหน้ า ที่ ที่ เ หมาะสมกั บ
ต าแหน่ ง ของตนเอง เป็ น เรื่ อ งที่ เ กิ น กว่ า จะ
จินตนาการในทวีปใต้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเสรีภาพอันไร้ที่
สิ้นสุด แต่เพราะในทวีปเหนือมีตระกูลที่แข็งแกร่ง
ที่สุดอย่างเผ่าสิงโตทอง เรื่องนั้นจึงเป็นไปได้
ยกตัวอย่างหน้าที่เช่น เมืองทั่วไปและเมืองเล็ก
ทางตอนใต้ อ ย่ า งคาน, โครั น และโมนิ ก้ า อยู่ ใ น
แผนการเข้ายึดเทือกเขาเหล็กกล้าซึ่งเป็นเส้นทาง
ไปสู่ทวีปกลาง หรืออาจะพูดได้ว่าเมืองเหล่านี้ทา
หน้ า ที่ เ ป็ น ด่ า นหน้ า ส าหรั บ ข้ า มไปสู่ ท วี ป กลาง
นั่นเอง
ในทางกลับกัน เมืองที่อยู่ภายใต้การปกครอง
ของพาเมล่าในทางเหนือ อย่างเช่น มิวล์และมอน
ทาน่าอยู่ติดกับพื้นที่ยังไม่พัฒนา ถ้าก้าวข้ามจาก
ทวีปเหนือไปทวีปกลางแค่เพียงก้าวเดียวก็จะพบ
เมืองใหญ่ที่รู้จักกันดีในชื่อแอตแลนตา เพียงแค่ยัง
ไม่มีกาลังมากพอจะเข้ายึดที่นั่นได้ อีกทั้งพื้นที่ ยังไม่
พัฒนาทางตอนเหนือที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยังเป็นเขตที่
ยังไม่รู้จักดีด้วย
มิวล์และมอนทาน่าที่อยู่เหนือสุดรวมทั้งพาเม
ล่ามีหน้าที่ปกป้องพื้นที่ยังไม่พัฒนาและรักษาความ
มั่ น คงโดยรอบบริ เ วณ เดิ ม ที่ มี ห น้ า ที่ ส ารวจและ
โจมตีด้วย แต่ผมได้ยินมาจากครูฝึกว่า ตอนนี้เป็น
เรื่องต้องห้ามไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปตามข้อมูลที่ฮันบยอลบอก
มาในคื น นั้ น ผมแน่ ใ จว่ า ข้ อ เท็ จ จริ ง ที่ ผ มจ าได้
จะต้องเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
ที แ รกผมวางแผนจะเดิ น ทางไปมอนทาน่ า
เมืองเล็ก ทางตอนเหนือของทวีป แต่ผมตัดสินใจ
เปลี่ยนเส้นทางและมุ่งหน้าไปยังมิวล์แทน
มีหลายปัจจัยสาหรับการเปลี่ยนใจนี้ แต่เหตุผล
ที่ ส า คั ญ ที่ สุ ด เ ป็ น เ พ ร า ะ อั น ฮ ย อ น ผ ม จ า
รายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด แต่จาได้ว่าเคยได้ยินว่ามี
การค้ น พบคลาสหายากที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ หอกซึ่ ง
เรียกว่า ‘มือหอกจี้กง’ ในถ้าแห่งหนึ่งของมิวล์
ผมไม่ รู้ ร ายละเอี ย ดว่ า มั น อยู่ ที่ ไ หน ต้ อ งท า
อย่างไรถึงจะได้มา แต่ถ้าได้รับคลาสหายากก็จะ
ช่วยเพิ่มกาลังรบ ผมจึงคิดจะลองค้นหามันดูสักครั้ง
“จุดหมายแรกคือมิวล์”
เมื่อผมบอกว่าเราจะไปที่มิวล์ ใบหน้าของทุก
คนก็ฉายแววสงสัย พวกผู้เล่นคนอื่นๆ เคลื่อนไหว
อยู่ในเมืองใหญ่หรือเมืองทั่วไป เพราะผมบอกว่าจะ
ไปเมืองเล็กจึงดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดไว้
อันฮยอนถามถึงเหตุผลที่จะไปมิวล์ด้วยสีหน้าอยาก
รู้อยากเห็น
“พี่ครับ มิวล์เป็นเมืองที่อยู่ทางเหนือสุดไม่ใช่
เหรอครับ เหมือ นจะเคยได้ยิ นว่ าเป็ นเมือ งที่ เ พิ่ ง
ค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ บริเวณโดยรอบจึงอันตรายมาก
เพราะพวกเร่ ร่ อ นปรากฏตั ว บ่ อ ย ๆ ถ้ า ไม่ มี
ความสามารถมากพอจะเป็นอันตรายมากเลยนะ
ครับ”
อันฮยอนพูดถูก โดยทั่วไปแล้วจะไปได้ถึงไหน
เชี ย ว ผมอยากให้ พ วกเขาได้ เ พิ่ ม ทั ก ษะการ
พิจารณาและดูความเป็นไปของฮอลล์เพลนอีกสัก
หน่อยแต่ประสบการณ์เหล่านั้นต้องใช้เวลา
แต่ผมก็ดีใจที่เขาคิดได้แบบนี้ ผมยื่นมือไปลูบ
หัวอันฮยอนเบาๆ ฮยอนเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ
แต่ก็ไม่ได้ปัดมือของผมออก
เพื่อ อธิ บ ายเหตุ ผลที่ต้ องไปเมือ งมิ ว ล์ อั นดั บ
แรกผมจาเป็นต้องอธิบายความเคลื่อนไหวของเผ่า
สิงโตทองก่อน
อันฮยอนและยูจองรู้ถึงบรรยากาศและข่าวลือ
อยู่ แ ล้ ว จึ ง ใช้ เ วลาไม่ น านส าหรั บ การอธิ บ าย ซล
เงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่ เมื่อผมหันไปก็เห็นว่าเด็กสาว
กาลังมองมือของผมที่วางอยู่บนศีรษะของอันฮยอน
ผมจึงรีบลดมือลง
MEMORIZE
เล่ม 2 ตอนที่ 26
หากจะเข้ า ไปยั ง แอตแลนตาเหนื อ เทื อ กเขา
เหล็กกล้า ก็ยังมีปัญหาที่จะต้องได้รับการแก้ไขอยู่
อีกมาก มีปัจจัยหลายอย่าง แต่หากรวมทั้งหมดเข้า
ด้ ว ยกั น ก็ ส ามารถนิ ย ามในค าเดี ย วได้ ง่ า ยๆ ว่ า
‘ความมั่นคง’ ไม่ว่าจะเป็นมีการจัดระเบียบมอน
สเตอร์บริเวณนั้ นหรือไม่, ไม่มีสถานที่อันตรายใน
อาณาเขตใช่ ห รื อ ไม่ , มี ส ถานที่ ที่ ยั ง ไม่ ถู ก โจมตี
หรือไม่ และสุดท้ายสามารถป้องกันการแทรกแซง
ของพวกเร่ร่อนได้หรือไม่
ความมั่นคงมีความสาคัญ มากในฮอลล์เ พลน
ถ้ า หากรั ก ษาความมั่ น คงของทวี ป ในความ
รับผิดชอบได้อย่างสมบูรณ์แบบก็จะสามารถฟื้นตั ว
ได้แม้การเดินทางจะล้มเหลว
หมายความว่าเป็นการเตรียมพร้อมมุ่งหน้าเข้า
สู่ ท วี ป กลางหลั ง จากที่ ว างรากฐานมั่ น คงแล้ ว
ปั ญ หาคื อ มี ข้ อ แตกต่ า งทางความคิ ด ของผู้ เ ล่ น
เกี่ยวกับความมั่นคง
ในยุคหนึ่งเกิดการล่มสลายของตระกูลที่เคยถูก
เรี ย กว่ า เป็ น ตระกู ล ที่ แ ข็ ง แกร่ ง ที่ สุ ด ในทวี ป เผ่ า
สิ ง โตทองตั ด สิ น ใจอย่ า งรี บ เร่ ง มี ทั้ ง เมื อ งเล็ ก ๆ
อย่างมิวล์เป็นเมืองที่เพิ่งเริ่มต้นพัฒนาได้ไม่เท่าไหร่
และยากที่จะได้เห็นความมั่นคงในทวีปเหนือ แต่ถึง
อย่างนั้นพวกเขาก็เตรียมพร้อมสาหรับการเดินทาง
ราวกับถูกไล่ล่าจากบางสิ่งบางอย่าง
นึกย้อนกลับไปตอนที่ผมเล่น ในรอบแรก หนึ่ง
ในความล้มเหลวของพวกเขาคือการดาเนินนโยบาย
ความมั่ น คงได้ ไ ม่ ดี พ อ แม้ จ ะเคยเป็ น นโยบายที่
สาคัญก็ตาม แต่มีเพียงชัยชนะที่ได้รับในการต่อสู้ซึ่ง
เกิดขึ้นที่ฮาโล [–สงครามครั้งใหญ่ของเผ่าสิงโตและ
เผ่า SSUN(ตระกูลตัวแทนของเมืองฮาโล) กับพวก
เร่ร่อน–] เมืองทั่วไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเท่านั้น
ทว่าพวกเขาชะล่าใจเกินไป เดิมทีเพราะเป็นผู้
เล่ น ที่ ก ระจั ด กระจายและเตร็ ด เตร่ ไ ปทั่ ว จึ ง ถู ก
เรี ย กว่ า พวกเร่ ร่ อ น คนพวกนั้ น มี พ ลั ง ชี วิ ต ที่
เหมือนกันแมลงสาบจึงเป็นพวกที่ไม่ควรประมาท
เพียงเพราะชัยชนะแค่ครั้งเดียว
พวกเขาเฉลิมฉลองเร็วเกินไปและยังเดินทาง
ข้ า มเทื อ กเขาเหล็ ก กล้ า ไปอี ก ความชะล่ า ใจนั้ น
ส่งผลลัพธ์ที่น่าเศร้า
ครั้ ง แรกของการเดิ น ทางข้ า มเทื อ กเขา
เหล็กกล้าคือช่วงประมาณ 6 เดือนหลังจากที่ผมเข้า
สู่ ฮ อลล์ เ พลน ผมใช้ เ วลาในสถาบั น ผู้ เ ล่ น ไป 13
สัปดาห์ แสดงว่ายังมีเวลาเหลืออีก 3 เดือนกว่าจะ
ออกเดินทาง รวมเวลาที่คณะเดินทางจะกลับ มา
และในสายตาของหลายตระกูลแล้ว เรายังมีเวลา
เหลื อ อี ก ประมาณ 100 วั น ในช่ ว งนั้ น ผมจ าเป็ น
จะต้องมีตาแหน่งและมีกาลังมากพอ
มิว ล์แ ละมอนทาน่ า เมื องเล็ก ทางตอนเหนื อ
เป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบในแผนการของผม ที่จริง
ผมสั ง หรณ์ ใ จว่ า การเตรี ย มตั ว ออกเดิ น ทางนี้
เกี่ยวข้องกับการกาจัดพวกเร่ร่อน ถ้าเป็นผู้เล่นที่หัว
ไวจะรู้ ไ ด้ ว่ า มี แ นวโน้ ม ที่ จ ะเกิ ด สงครามในทวี ป
เหนือ
พวกเร่ ร่ อ นมั ก จะซ่ อ นตั ว ในเงามื ด และ
เคลื่อนไหวอย่างลับๆ ก่อนที่กลุ่มจะถูกโจมตีพวก
เขาจะแอบรวมตัวกั นในทวี ป ตะวั นตกและรอซุ่ม
โจมตี
ถ้าการคาดเดาทั้งหมดของผมถู ก ต้อ ง ผู้ ที่จ ะ
ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือทางตะวันตกและทาง
ใต้ ตราบใดที่ ทิ ศ ทางของกองก าลั ง มี แ นวโน้ ม ไป
ในทางนั้ น ทางตะวั น ออกและทางเหนื อ ก็ จ ะ
ปลอดภัยจากการคุกคามของพวกเขา
“พวกเราจะไม่ได้อะไรเลยจากเมืองที่มีชื่อเสียง
แล้ว มันยากที่จะบอกว่าการเข้ายึดครองจะประสบ
ความสาเร็จ แต่ก็ถือว่าพัฒนาไปพอสมควร และ
เพราะอย่างนั้นจึงทาให้มีผู้เล่นจานวนมากในการ
ต่อสู้ที่รุนแรง นอกจากนี้ตระกูลที่ดูแลเมืองก็เป็น
ปัญหาสาหรับสิ่งที่เราจะทา”
“แต่ผมเองก็ได้ยินมาว่าอาจจะมีการเดินทาง
ครั้งใหญ่เร็วๆ นี้อย่างที่พี่บอก”
ผมส่ายหน้าให้กับอันฮยอน ตอนนี้พวกเราไม่มี
คุณ สมบั ติใ ดๆ จะเข้าร่วมการเดินทาง แทนที่จะ
เดิ น เข้ า ไปโดนลู ก หลงในนั้ น มั น คงจะดี ก ว่ า ถ้ า
เริ่มต้นทีละขั้นตอนแบบค่อยเป็นค่อยไป
“ใครจะเป็นคนรับประกันล่ะว่าการเดินทางจะ
ประสบความสาเร็จ บาร์บาร่าซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่
เรายืนอยู่นี่ใช้เวลา 4 ปีพัฒนาโดยต้องเสียสละอะไร
ไปมากมาย แต่ว่าการข้ามเทือกเขาเหล็กกล้าน่าจะ
ยากกว่าการเข้ายึดครองบาร์บาร่าที่เตรียมตัวมา 4
ปี”
“อืม... เป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอครับ พอพี่พูด
แบบนั้น ผมก็เริ่มจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“พี่คะ ที่มิวล์ยังมีอะไรที่ต้องทาอีกเยอะมั้ย”
ดูเ หมื อ นพวกเด็ ก ๆ ยั ง ไม่ ล ะทิ้ ง ความทึ่ ม ผม
เข้าใจว่าพวกเขามีความมั่นใจเพราะอยู่ในอันดับที่
สู ง ในสถาบั น ผู้ เ ล่ น แต่ ผ มคงจะอนุ ญ าตไม่ ไ ด้
เด็ดขาด ผมจึงเน้นเสียงขึ้นอีกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
ต่อ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกเร่ร่อน เพราะตอนนี้ทั้ง
ผู้เล่นเดิมและพวกเร่ร่อนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกั บ
การเดินทางในอนาคต และตอนนี้ได้ยินมาว่าพวกผู้
เล่ นในมิว ล์ ออกไปกะทั น หัน การพัฒ นาจึ ง ล่า ช้ า
หมายความว่ามีโอกาสมากสาหรับพวกเราที่พวก
เขาจะยอมแพ้ไป”
แน่นอนว่ าผมไม่สามารถบอกให้พวกเขารู้ไ ด้
ทั้งหมดจึงได้แต่บอกอ้อมๆ ว่า ‘เรื่องจะเป็นแบบนี้’
การคาดเดาถูกรวบรวมไว้ ผมที่รู้อนาคตจึงสามารถ
อธิบายได้ด้วยความมั่นใจ แต่สุดท้ายก็ต้องรอดูว่า
พวกเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ ผมมองเด็กๆ ด้วยท่าที
เอาจริงเอาจัง
อั น ฮยอนมี สี ห น้ า จริ ง จั ง ในขณะที่ ไ ตร่ ต รอง
ค าพู ด ของผม ยู จ องเองก็ ท าหน้ า ราวกั บ ก าลั ง
ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มีแต่อันซลที่ไม่พูดอะไรเลย
ตั้งแต่เมื่อกี้... อะไรกัน ทาไมต้องทาปากยื่นมองผม
แบบนั้นด้วย ไม่พอใจอะไรงั้นเหรอ
ผมเลียปากและเหลือบมองซล ตอนนั้นเองที่ยู
จองหันมาและเอ่ยถามด้วยน้าเสียงหนักแน่น
“พี่คะ”
“หืม”
“ฉันมีเรื่องที่อยากรู้ เพราะงั้น... ขอถามได้มั้ย
คะ”
“ถามมาสิ”
ผมคิดว่ า ได้อธิ บ ายไปอย่า งละเอีย ดแทบไม่ มี
อะไรให้สงสัย แต่ดูท่าจะมีบางส่วนที่คลุมเครือ ผม
พยักหน้าตอบรับ เพราะการที่พวกเขาสงสัยหรือมี
ความคิดเป็นของตัวเองแบบอันฮยอนนั้นดีกว่าการ
ที่พวกเขาพยายามจะทาตามที่ผมบอกเป็นร้อยเท่า
เมื่อได้รับอนุญาตจากผม ยูจองก็ขยับมาข้างๆ
ผมและคว้ามือของผมไปจั บ ผมมองยูจองที่ไม่ได้
ถามอะไรนิ่งๆ เด็กสาวยกมือของผมที่จับไว้ขึ้นไป
ใกล้ริมฝีปากของตัวเอง จากนั้นก็อ้าปากกว้างจน
เห็นซี่ฟันขาวๆ และ...
“งั่ม”
ยูจองกัด*มือของผมพลางส่งสายตายียวน
“...”
“...”
“...”
สีหน้าของอันฮยอนและอันซลรวมทั้งผมแข็ง
ทื่อ
“อ้ออี้ออกอ้าไอ้อองอัด อ้อเอยอัดไอ (ก็พี่บอก
ว่าให้ลองกัด ก็เลยกัดไง)”
ผมก้มมองยูจองที่หัวเราะคิกคักทั้งที่มือของผม
ยังอยู่ในปากอย่างพูดไม่ออก จากนั้นยูจองก็ระเบิด
หัวเราะก่อนจะปล่อยมือผมเบาๆ อันฮยอนมีสีหน้า
เวทนา ในขณะที่อันซลมองไปรอบๆ ด้วยความอับ
อาย
ผมแสร้งทาเป็นนิ่งเฉย แต่นั่นทาผมอารมณ์เสีย
เล็กน้อย ผมคิดว่ ามันบ้ าบอมากที่หล่อนทาอะไร
แบบนี้ทั้งที่เรากาลังคุยเรื่องสาคัญเกี่ยวการเดินทาง
ในอนาคต
ถ้าเป็นเมื่อก่อนและเป็นผู้เล่นคนอื่นทาแบบนี้
ผมคงจะโกรธมาก แต่เพราะเป็นอียูจอง
จากที่สังเกตมา ยูจองมีแนวโน้มที่จะเกลียดคน
ที่ ไ ม่ ช อบตนเอง พั ค ดงกอลเป็ น ตั ว อย่ า งที่ ดี ที่ สุ ด
และผมรู้ว่าหล่อนจะทาตัวน่ารัก(?)แบบนี้กับคนที่
ตนเองชอบ ผมจึงเก็บกลืนความโกรธลงคอไป
แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป ผมจาเป็นจะต้องสอน
ให้หล่อนรู้จักแยกแยะเวลาและสถานที่บ้าง บางที
อั น ฮยอนคงจะเข้ า ใจความรู้ สึ ก ของผมจึ ง ชิ ง พู ด
ขึ้นมาก่อน
“นี่ พี่ ซู ฮ ยอนก าลั ง พู ด เรื่ อ งส าคั ญ อยู่ น ะ ท า
แบบนั้นได้ไงเล่า”
“ขอโทษ ขอโทษ อ่า... พี่คะ ขอโทษนะ ก็พี่เอา
แต่ทาหน้าจริงจังนี่นา ก็เลยเผลอไปโดยไม่รู้ตัว”
“แน่ล่ะ เพราะเป็นเรื่องความเป็นความตายก็
ต้องจริงจังสิ”
เมื่ออันฮยอนตอกกลับด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ยูจอง
ก็หลบสายตา แต่ไม่รู้ทาไมผมถึงรู้สึกว่าเธออารมณ์
ดี
“ในสถาบันเราถามพี่ตั้งหลายครั้ง แต่พี่ก็เอา
แต่บอกว่ากาลังคิดอยู่ทุกที แต่ก็ไม่รู้ว่าพี่กาลังคิด
อะไรแบบนี้ ที่ จ ริ ง ฉั น ไม่ ก ล้ า ที่ จ ะคิ ด อะไรแบบนี้
หรอกนะแต่ว่า... เราตัดสินใจจะตามพี่ซูฮยอนใช่มั้ย
ล่ะ เพราะงั้นฉันเห็นด้วย”
อันฮยอนพยักหน้าพลางส่งเสียง ‘อืม’ อย่าง
เห็นด้วยกับคาพูดของยูจอง จากนั้นเขาก็พึมพาคน
เดียวว่า ‘ว้าว อย่างเธอไม่น่าจะคิดอะไรแบบนี้ได้ ’
ก็เลยถูกยูจองเตะเข้าที่หน้าแข้งเต็มแรง
อันฮยอนมองเด็กสาวด้วยแววตาเจ็บปวด เมื่อ
สบตากับยูจอง เขาก็ร้องเหอะก่อนจะหันมาสนใจ
ผมแทน
“ผมคิดว่าไปที่มิวล์อย่างที่พี่บอกก็ดีครับ งั้นเรา
จะไปที่นั่นได้ยังไง ที่นั่นอยู่เหนือสุดของทวีป น่าจะ
ใช้เวลาเดินทางนานอยู่นะครับ”
ผมรู้สึกพอใจ ดูเหมือนคาถามธรรมดาๆ ของ
อันฮยอนจะพาเรากลับเข้าเรื่องได้ ผมถอนหายใจ
ก่อนจะตอบคาถามนั้น
“จะดีมากถ้าเรารีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด เพราะ
อาจมีพวกผู้เล่นที่คิดเหมือนกับพวกเรา ควรมีคู่แข่ง
ให้น้อยที่สุด ผู้เล่นที่ขาดทักษะอาจจะยอมแพ้ใ น
การต่ อ สู้ ห รื อ การเดิ น ทางและไปยั ง พื้ น ที่ ยั ง ไม่
พัฒนาก็ได้ เพราะงั้นใช้วาร์ปเกตกันเถอะ”
มีอยู่วาร์ปเกตอยู่ในทุกๆ เมือง ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่
กับระยะทาง ยิ่งใกล้ก็จะยิ่งราคาถูก ถ้าเดินทางไป
มิ ว ล์ ซึ่ ง อยู่ เ หนื อ สุ ด โดยปกติ ร าคาต่ อ คนก็ น่ า จะ
ประมาณ 2 โกลด์ [1 โกลด์ = 100 ซิ ล เวอร์ =
10,000 บรอนซ์]
อันฮยอนมีสีหน้าไม่สบายใจกับคาพูดของผม
“ผมได้ยินมาว่าค่าใช้จ่ายการใช้วาร์ปเกตแพง
มาก...”
ผมกาลังจะพูดถึงค่าจ้างรายสัปดาห์ แต่ผมหยุด
คิดก่อนครู่หนึ่งก่อนครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“ฉั น ได้ ยิ น มาว่ า ในเมื อ งที่ พั ฒ นาแล้ ว จะลด
ค่ า ธรรมเนี ย มวาร์ ป เกตลง เพราะเป็ น หนึ่ ง ใน
นโยบายเพื่อส่งพวกผู้เล่นเป็นจานวนมาก มีข่าวว่า
การลดค่าธรรมเนียมจะใช้ได้อีกไม่นาน แต่ตอนนี้
ยังใช้ได้อยู่ ว่าแต่ทุกคนเก็บเงินไว้ได้เท่าไหร่”
ทั้ง สามคนมองหน้า กั น หลั งจากได้ ยิน ค าถาม
ของผม หรือว่าจะใช้หมดไปแล้วกันนะ แต่ก็ไม่น่า
ใช่ ไม่ มี เ รื่ อ งให้ ต้ อ งใช้ เ งิน เลยนี่ น า ผมที่ มี เ ก็ บ ไว้
1,000 โกลด์รู้สึกกังวล แต่พวกเด็กๆ ต่างก็มองหน้า
กันและหัวเราะออกมา
ผมอยากจะถามพวกเขาว่าเป็นบ้า อะไรกัน แต่
ยูจองยื่นมือมาทางผม ในมือมีกระเป๋าใบเล็กๆ หนึ่ง
ใบ
เมื่ อ ผมรั บ กระเป๋ า ใบนั้ น มาถื อ ไว้ ด้ ว ยความ
สับสน ยูจองก็พูดเสียงใส
“ฉัน ฮยอนแล้วก็ซลเก็บเงินค่าจ้างตอนนั้นไว้
น่าจะประมาณ 7 โกลด์ 80 บรอนซ์มั้งคะ”
“...แล้วเอามาให้ฉันทาไมกัน นี่มันเงินของพวก
เธอนะ”
“ไม่ใช่พวกเธอสักหน่อย พวกเราต่างหาก”
ยูจองรีบแก้คาพูดของผมทันที อันฮยอนที่ยืน
อยู่ข้างๆ ทาหน้าเขินๆ ช่วยเสริมคาพูดของเด็กสาว
“ผมว่ า มั น น่ า จะดี ก ว่ า ถ้ า ให้ พี่ เ ป็ น คนจั ด การ
เรื่องนี้แทนพวกเรา”
“แล้วฉันก็เป็นพวกซื้อของไม่คิดด้วย”
ผมมองยูจองที่ยิ้มเผล่และคนอื่ นๆ ด้วยสีหน้า
ว่ า งเปล่ า สายตาที่ พ วกเขามองผมนั้ น ท าให้ เ กิ ด
ความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นภายใน เป็นความรู้สึกที่เพิ่ง
เคยสัมผัสเป็นครั้งแรก ช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
ผมสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็โยนกระเป๋าขึ้นไป
กลางอากาศและรับมันไว้อีกครั้ง เป็นการกระทาที่
ไม่มีความหมายอะไรเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม น้าหนักของเหรียญทองในมือดู
เหมือนจะหนักกว่าปกติ
[GB1]*คาว่า “ถาม” กับคาว่า “กัด” ในภาษา
เกาหลีเมื่อผันตามไวยากรณ์เกาหลีแล้วจะออกเสียง
เหมือนกัน

You might also like