Professional Documents
Culture Documents
บันทึกลับองครักษ์เสื้อแพร 1383-1498 จบ
บันทึกลับองครักษ์เสื้อแพร 1383-1498 จบ
ทหารค่ายเสวียนอู่ประมาณสองพันคนอยู่ด้านหน้าสุด ท่ามกลาง
ธงที่ปลิวไสวอยู่ มีคําว่า “เสวียนอู่” สองคํา มีการปักสัญลักษณ์กรงเล็บ
ของค่ายเอาไว้ด้วย
ถึงแม้เขาจะยิ้ม แต่ว่าเขาก็อดเครียดไม่ได้
บนลานกว้างทหารของค่ายเสวียนอู่กับค่ายหูเ่ สินรวมแล้วก็
ประมาณสี่พันคน ค่ายหู่เสินเหมือนจะจ้องมาที่ด้านหน้าที่เป็นประตูวัง
พอมองตรงมา มีแสงของชุดเกราะ แสงของดาบ ทหารท้องที่ประจํา
การณ์อยู่น้อยกว่าสิบเท่า ถึงแม้ค่ายทหารหลวงจะเฝ้าอยู่ เป็นทหารที่
สามารถสู้ได้สิบต่อหนึ่ง แต่ทหารน้อยกว่า หากบุกเข้าวังจริง ฉีหนิงเองก็
ไม่รู้จะยื้อได้นานแค่ไหน
“พวกเขาคิดอยากจะใช้คนมากกว่าข่มน้อยกว่า” หวีเปียกู่พด
ู ว่า
“ทหารหลวงของเราองอาจกล้าหาญ ไม่มีทางกลัวพวกเขาหรอก?”
“อาจเป็นเพราะเขาเห็นว่าคนของเขามากกว่า” หวีเปียกู่พูดว่า
“หรือไม่ก็คิดว่าพวกเราทําอะไรเขาไม่ได้”
“เอาลูกธนูมา”
ฉีหนิงพูดแบบนีอ
้ ยู่สามครั้งต่อเนื่อง เขายิงธนูออกไปสามดอก
ทหารหลวงอีกสองคนยังไม่ทันได้เห็นหน้าเพื่อนที่ตายไป ก็ถก
ู ยิงตกลง
จากม้า ศพถูกปักลงบนพื้นไปพร้อมกับลูกธนู
มีเสียงเสริมกําลังใจดังขึ้นทั่วกําแพงวังหลวง ถึงแม้จะมีแค่ไม่กี่ร้อย
คน แต่ว่าบรรยากาศฮึกเหิมมาก กําลังพลของทั้งค่ายเสวียนอู่กับค่ายหู่
เหินกว่าพันคนก็จริง แต่พอเห็นทหารม้าตรงหน้าตายแบบติดไปกับพื้น
ถึงสามคนในพริบตาเดียว ก็ถึงกับขนลุกขึ้นมา
สามารถยิงฆ่าคนได้แม่นยําถึงสามคนต่อเนื่อง มันไม่ได้ทําให้เหล่า
ทหารตะลึง ในค่ายทหาร มีคนเชี่ยวชาญแบบนี้เยอะมาก ต่อให้จะตก
ลงมาจากหลังม้าก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าการยิงปักศพลงกับพื้นที่หนา
มาก มันทําให้ทก
ุ คนอึ้งมาก ค่ายทหารทั้งสามกอง แทบจะไม่มีใครทํา
แบบนี้ได้เลย
หลายคนทําได้แค่ยืนมองศพสามศพนั้นอย่างเหม่อลอย เห็นเลือด
ไหลออกมา ก็ล้วนแต่ขนลุก
ทุกอย่างเงียบลง หลายคนเริ่มรู้สึกหวาดกลัว
ม้าสามตัวเหมือนกับถูกสะกดไปเช่นเดียวกัน แต่ไม่นานมันก็ร้อง
กระวนกระวายด้วยความตกใจ แล้ววิ่งไปทั่วลาน
ธงผืนใหญ่ตกลงบนพื้น
ค่ายเสวียนอู่ไม่ได้ขยับ
ฉีหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้ารู้”
ชื่อตันเหมยท่องยุทธภพมานานหลายปี เจออะไรมาเยอะมาก ใน
สายตาของนาง ถึงแม้ทหารหลวงตอนนี้จะยอมฟังคําสั่งของฉีหนิง แต่
หากไม่มีเสบียงแล้วจริงๆ คนพวกนี้ไม่มีทางยอมตายไปพร้อมกับฉีหนิง
แน่
ฉีหนิงยิม
้ มุมปากแล้วพูดว่า “ไม่ต้องรอถึงตอนนั้นหรอก ข้าแค่ไม่
อยากเห็นที่นี่ต้องนองเลือด”
ชื่อตันเหมยตะลึงไป ยังฟังไม่เข้าใจว่าฉีหนิงหมายความว่ายังไง
นางกําลังจะถาม ได้ยินเสียงสัญญาณมาจากด้านล่าง แถวทหารแยก
เป็นทางออกมา จากนั้นก็มีคนออกมาตามทางนั้น พวกเขาล้วนขี่ม้าตัว
ใหญ่ออกมา คนหน้าสุดไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไหร่ แต่ว่าด้านซ้ายและขวา
นั้นล้วนแต่สวมชุดเกราะ ดูราวเหมือนกับเป็นแม่ทัพ จากนั้นก็มีทหาร
ถือโล่ว่ิงออกมาอีกประมาณสิบคน มาตั้งกําแพงป้องกันให้กับพวกเขา
ฉีหนิงเห็นทุกอย่างชัดเจน เขาหัวเราะแห้ง
เซียวจ้าวจงในที่สุดก็ยอมออกมา
ฉีหนิงยังจําได้ครั้งแรกที่เขาได้พบกับเซียวจ้าวจง เขาเหมือนใบไม้
ที่กําลังจะร่วงหล่น ฉีหนิงคิดไม่ถึงเลยว่า วันนีเ้ ขากําลังนํากองทัพ
เผชิญหน้ากับวังหลวง
คนที่ดูเหมือนคนพิการ แต่กลับมีความคิดลึกซึ้งคิดแผนการร้ายได้
มากมาย ฉีหนิงอดชื่นชมไม่ได้เลย
หลายคนรู้ดีว่า เซียวจ้าวจงป่วยมีโรคประจําตัวมาตั้งแต่เล็ก
เพราะเหตุนีไหวหนานอ๋องจึงลงทุนลงแรงไปมากเพื่อหาหมอเก่งๆ มา
รักษาเขา แต่ว่าก็สู้ชะตาชีวิตไม่ได้ เซียวจ้าวจงก็เหมือนไม้ใกล้ฝ่ ัง
เพราะหลงไท่คิดว่าเขาอาจะอยู่ไม่นานแล้วเลยไม่ได้ระแวงเขา
ตอนนี้ฉห
ี นิงเพิง่ จะรู้ว่า อาการของเซียวจ้าวจงก่อนหน้านี้ อาจเป็น
แค่การแสดง หากบอกว่าเขาป่วยมาตั้งแต่เล็ก อาจะไม่ใช่เรื่องโกหก แต่
ว่ามันอาจจะหายแล้ว เพียงแต่ต้ังใจปิดบังเอาไว้ ก็เพื่อให้ฮอ
่ งเต้กับคน
อื่นๆ ไม่ระแวงเขา เพราะไหวหนานอ๋องมีเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียว
ทายาทคนเดียวป่วยเป็นโรครักษาไม่หาย โอกาสที่ไหวหนานอ๋องจะชิง
บัลลังก์สืบทอดก็เป็นไปได้ยาก
ไม่ว่าเรื่องอาการป่วยของเขาจะจริงหรือเปล่า แต่ร่างกายของเขา
อ่อนแอมันคือเรื่องจริง
แต่ว่าเสียงของเซียวจ้าวจงในเวลานี้ มันมีแรงกําลังอย่างเต็มเปี่ ยม
ถึงแม้เขาจะพูดแค่ไม่กี่คํา แต่ว่าทหารที่อยู่ด้านหน้าก็ได้ยินเสียงของ
เขาอย่างชัดเจน
“กําลังภายในแก่กล้ามาก” ชื่อตันเหมยพูด
เล่มที่ 47 บทที่ 1384 ด้านล่างวังหลวง
เซียวจ้าวจงเจ้าเล่หม
์ าก แต่ฉห
ี นิงก็มองออก แต่ว่าเขากลับมีกําลัง
ภายในแบบนี้ได้ มันก็ยังทําให้ฉีหนิงแปลกใจ
เซียวจ้าวจงยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าลอบเข้าวังหลวงปลงพระชน์ฝ่า
บาท ตอนนี้ยังนําทหารหลวงก่อความวุ่นวายอีก หากท่านเหล่าโหวกับ
ท่านแม่ทัพใหญ่ได้รับรู้ คงปวดใจน่าดู พวกเขาจะคิดยังไง ตระกูลฉีมีคน
อกตัญญูเนรคุณบ้านเมืองแบบนี้ได้”
“ไหวหนานอ๋องเองก็ทรงหน้าตาดีมส
ี ง่าราศี แต่กลับมีลก
ู ชาย
เหมือนคนแคระอย่างเจ้า?” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เซียวจ้าวจง
เจ้าบอกข้ามาตามตรงดีกว่า เจ้าใช่ลก
ู ของไหวหนานอ๋องจริงหรือ
เปล่า?”
คําพูดด่าทอแบบนี้ มันยิ่งกว่าการเอาอาวุธมาเข่นฆ่ากันอีก
“ถ้าเทียบกันแล้ว ข้าคิดว่าไหวหนานอ๋องน่าจะผิดหวังมากกว่า
นะ” ฉีหนิงพูดว่า “เพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายของตัวเอง ใช้พ่อแท้ๆ ของ
ตัวเองเป็นเครื่องมือ เซียวจ้าวจง เจ้ามันโหดเหี้ยม มันหาได้ยากมากนะ
แบบนี”
้ เขาถอนหายใจยาว แล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ไหวหนานอ๋องไม่
ฉลาดเลย ต่อให้ตายแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าลูกชายแท้ๆ ของเขาเองเป็นคน
ทําให้เขาต้องตาย”
เซียวจ้าวจงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เจ้ารู้ดีนี่นา คิดจะบุกวังหลวง มัน
ไม่ใช่เรื่องยาก ทหารในวังมีแค่ไม่เกินพันคน เจ้าจะทําให้พวกเขา
กลายเป็นกบฏกับเจ้าไปด้วยทําไม?”
ฉีหนิงเอามือวางไว้บนกําแพง แล้วจ้องไปที่เซียวจ้าวจงกําลังพูด
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พด
ู ว่า “เซียวจ้าวจง ยอมแพ้ซะเถอะ”
พอพูดแบบนี้ออกไป ไม่ว่าจะเป็นทหารหลวงหรือว่าทหารที่อยู่
ด้านล่าง ต่างคิดว่าฉีหนิงบ้าไปแล้ว ทหารข้างล่างล้อมวังหลวงเอาไว้
ทหารหลวงถูกล้อมด้วยกองกําลังที่มม
ี ากกว่าสิบเท่า ฉีหนิงเหมือนถูกขัง
อยู่ในหลุม แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ฉีหนิงยังบอกให้เซียวจ้าวจงยอม
แพ้ ทุกคนรู้สึกว่ามันบ้ามาก หลายคนรู้สึกว่าหูของพวกเขามีปัญหา
แน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะได้ยินอะไรแบบนี้ได้ยังไงกัน
“หากเจ้ายอมลงมาจากม้าแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าวังหลวง ข้ารับรอง
ว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไร” ฉีหนิงพูดว่า “ข้าจะทูลกับฝ่าบาทเองว่า เจ้ายินดี
ไปเฝ้าหลุมศพฮ่องเต้ไท่จู่ที่สุสานหลวง หลายปีที่ผ่านมา เจ้าหลบอยู่แต่
ในจวนไหวหนาอนอ๋อง คิดว่าอาจจะเคยชินกับความเงียบเหงาและโดด
เดี่ยวแล้ว”
เซียวจ้าวจงรู้สึกว่าคุยกับฉีหนิงไม่รู้เรื่องแล้ว เขาพูดว่า “ส่งพระ
ศพของฝ่าบาทออกมา”
ในเวลานี้เอง ฉีหนองเห็นด้านหลังกําลังทหารนั้นมีคนกลุ่มหนึ่ง
ปรากฎตัวขึ้น เดิมทีบรรยากาศกําลังตกอยู่ในความเงียบ ตอนนี้กลับเริ่ม
มีเสียงเอะอะโวยวายขึ้น
เซียวจ้าวจงเองก็รู้สึกว่ามีความเคลื่อนไหวมาจากด้านหลัง เขา
กระตุกเชือกม้าหันไปมอง เห็นเหล่าขุนนางถูกเหล่าทหารขวางทาง
เอาไว้ มีคนทั้งตะโกนวุ่นวายกันไปหมด เซียวจ้าวจงหันไปกระซิบข้างหู
ของแม่ทัพข้างๆ คนหนึ่ง แม่ทัพคนนั้นขี่ม้าออกไป ทหารเปิดทางให้เขา
ขุนนางหลายสิบคนเดินมุ่งหน้ามาหาเซียวจ้าวจง คนหน้าสุดก็คือท่าน
เสนาบดีหยวนมังกรแห่งกรมพิธีการ โดยมีหลูเซียวกับหยวนโม่เสียน
ประกบซ้ายขวา รวมทั้งขุนนางอีกหลายคนที่ตามมาด้านหลัง
เสนาบดีหยวนตะคอกออกไปว่า “มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านอ๋องทรงหารือราชกิจอยูก
่ ับฝ่าบาท จู่ๆ ก็มีนก
ั ฆ่าโผล่มา ข้า
กับเหล่าองครักษ์ค้ม
ุ กันฝ่าบาทหลบหนี แต่ว่านักฆ่ามากันจํานวนมาก”
กุ้ยเห๋อปาดน�าตาแล้วพูดว่า “เราจําได้ว่าหัวหน้าขบวนการคือฉีหนิง
พวกมันโหดเหีย
้ มมาก ฝ่าบาททรงมอบธนูทองให้กับท่านอ๋อง สั่งให้
ท่านอ๋องสั่งทหารหลวงบุกเขาวังชั้นในไปสังหารนักฆ่า แต่ว่า ...... แต่ว่า
......”
“แต่ว่าอะไร?” หลูเซียวตะคอก
ตอนนี้เหล่าขุนนางก็ร้องไห้กันมากขึ้น ขุนนางด้านหลังพูดขึ้นมา
ว่า “ท่านอ๋อง เราบุกเข้าวังไปจับตัวฉีหนิงเอาไว้กัน แล้วฉีกเขาออกเป็น
ชิน
้ ๆ” คนที่พูดคือโต้วขุย
เซียวจ้าวจงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทหารหลวงมีไส้ศก
ึ ช่วยฉีหนิง
ควบคุมทหารหลวงเอาไว้ ข้าจนปัญญา เลยจําเป็นต้องเคลื่อนกําลังพล
มาจากนอกเมือง”
หลูเซียวถูกเขาตอบกลับแบบนี้ เขาก็ไม่รูจ
้ ะตอบยังไง
“เชิญธนูทองมา” เซียวจ้าวจงพูด
คนด้านหลังนําธนูทองมา หลังจากเซียวจ้าวจงรับมาแล้ว ก็ค่อยๆ
เปิดมันออก ธนูทองเป็นลูกธนูสีทอง แต่มันไม่ได้ยาวเหมือนกับธนูท่ัวไป
เหล่าขุนนางต่างรู้ดี ธนูทอง ป้ายทองและตราลัญจกรมันเป็นของสาม
สิง่ ที่แสดงถึงอํานาจในราชบัลลังก์ของฮ่องเต้ ป้ายทองมีไว้ให้ขุนนาง
เวลาออกไปทํางานนอกสถานที่ ส่วนธนูทองมีไว้เพื่อสั่งโยกย้ายทหาร
ทหารรอบเมืองหลวงเมื่อเห็นธนูทอง ก็เหมือนได้พบกับฮ่องเต้ เมื่อมีธนู
ทอง ก็สามารถสั่งเคลื่อนกําลังพลได้ในเวลาคับขัน
“ในเมื่อสั่งเคลื่อนกําลังทหารหลวงแล้ว ทําไมท่านอ๋องยังต้องสั่งให้
ค่ายเสวียนอู่เข้าเมืองมาอีก?”
หลูเซียวกับเสนาบดีหยวนมองหน้ากัน เหมือนจะสงสัยอยู่
“ท่านอ๋องทรงแน่ใจแล้วเหรอว่าฝ่าบาททรงเคราะห์ร้ายไปแล้ว?”
ท่านเสนาบดีหยวนนิ่งไป จากนั้นก็ถาม
เซียวจ้าวจงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าหวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริง
แต่ว่ากุ้ยกงกงเห็นด้วยตาตัวเอง เขาออกจากวังมารายงานน ข้าเองก็ไม่
อยากจะเชื่อ”
เสนาบดีหยวนพูดว่า “ท่านอ๋องคิดจะทํายังไงต่อไป?”
“ข้าได้บอกให้ฉีหนิงมอบพระศพของฮ่องเต้ออกมาแล้ว” เซียว
จ้าวจงพูดอย่างจริงจังว่า “แต่ว่าเขาหัวรั้นมาก ยังดีที่พวกท่านมา
ทันเวลา หลังจากนี้ควรทํายังไง ข้าอยากจะหารือกับพวกท่าน เราต้อง
หาทางออกให้กับเรื่องนี้ เราจะให้พระศพเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด
แล้วก็ต้องให้ฮองเฮากับพระสนมปลอดภัยด้วย สิ่งที่สําคัญที่สด
ุ คือการ
กําจัดโจรกบฏนีใ้ ห้เร็วที่สุด”
ขุนนางด้านข้างมีหลายคนพูดว่า “ขอท่านอ๋องทรงเห็นแก่ส่วนรวม
ด้วยเถอะ”
“ข้าอายุขนาดนี้แล้ว จะมาเสียดายร่างกายเหี่ยวเฉาแบบนี้อีก
ทําไมกัน?” ท่านเสนาบดีหยวนพูดอย่างจริงจังว่า “ในวังหลวงตกอยู่ใน
อันตราย การเป็นขุนนาง จะมามัวกลัวตายอยู่ได้อย่างไร” เขาผลัก
หยวนโม่เสียนที่พยุงเขาอยู่ออก ไม่สนใจคําคัดค้านของเซียวจ้าวจง
เดินตรงไปที่ประตูเมือง เซียวจ้าวจงส่ายหน้า แล้วรีบสั่งออกไปว่า “คุ้ม
กันท่านเสนาบดีหยวน”
ทหารโล่รีบตามไปคุ้มกันท่านเสนาบดีหยวน หยวนโม่เสียนเห็นพ่อ
ตัวเองเดินไปก็ตามไปด้วย เขารู้ว่าพ่อของเขาหัวดื้อมาก เลยไม่ย่ น
ื มือ
ไปพยุง แค่เดินตามไปติดๆ เท่านั้น
บนกําแพงวัง ฉีหนิงเห็นเสนาบดีหยวนแล้ว สายตาของเขารู้สึกดี
ใจมาก เขาหันไปพูดกับหวีเปียกู่ว่า “ด้านล่างคือท่านเสนาบดีหยวน สั่ง
การออกไป ห้ามใครทําอะไรเด็ดขาด”
“สถานที่ต้องห้ามในวัง เจ้าเป็นคนพาคนบุกเข้าไปใช่ไหม?”
เสนาบดีหยวนถาม
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ก็ไม่ผิด”
ฉีหนิงมองเสนาบดีหยวนลงมาจากด้านบนกําแพง เขานิ่งไปนาน
หลังจากนั้นเขาถึงได้พด
ู ว่า “หากข้าบอกว่าข้าเข้าวังไปเพื่อตอบแทน
ความภักดีต่อแคว้นฉู่ คงไม่มีใครยอมเชื่อข้าสินะ”
ท่านเสนาบดีหยวนถอนหายใจแล้วพูดว่า “บนกําแพงคือทหาร
หลวงของแคว้นฉู่เรา ด้านล่างกําแพงคือค่ายเสวียนอู่กับค่ายหู่เสิน ล้วน
แล้วแต่เป็นผูก
้ ล้า หรือว่าเจ้าอยากจะเห็นพวกเขาเข่นฆ่ากันเองหรือ
ยังไง? ความเจ็บปวดของการต่อสู้กันเองแบบนี้ เจ้าอยากจะเห็นมันงั้น
เหรอ?” เขาชี้ไปที่ทางเหนือ แล้วตะโกนว่า “กองทัพฉินไหวกําลังต่อสู้
อยู่ที่แนวหน้า เมืองหลวงเกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ เจ้าอยากจะทําลาย
แคว้นด้วยมือของเจ้าเองงั้นเหรอ?”
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ท่านเสนาบดีอยากให้ข้าทําเช่น
ไหร่?”
“หากเจ้ายังคงเป็นลูกหลานของจิ่นอีตระกูลฉี ยังเป็นขุนนางและ
คนของต้าฉู่อยู่ ก็ปลดอาวุธแล้วออกจากวังมาแต่โดยดี” ท่านเสนาบดี
หยวนพูดว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าสามารถอธิบายต่อหน้าเหล่าขุน
นาง”
ฉีหนิงพูดว่า “ไต้เท้าหยวน เซียวจ้าวจงคิดก่อการกบฏชิงบัลลังก์
ในมือมีอํานาจการทหาร หากข้าออกจากวังไปตอนนี้ มันไม่เป็นการ
รนหาที่ตายหรือ?”
“เจ้าบอกว่าไหวหนานอ๋องคิดชิงบัลลังก์ มีหลักฐานหรือเปล่า?”
ท่านเสนาบดีหยวนพูดว่า “หากเจ้ามีหลักฐาน เอามันออกมาได้เลย เชื่อ
ว่าเหล่าขุนนางเห็นแล้วก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง”
“เจ้าว่ามา”
“ฮองเฮายังทรงประทับอยู่ในวังหลวง” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูด
ว่า “หากจะบุกตีเข้ามาจริง เกรงว่าอาจะทําให้พระนางและเหล่าท่าน
หญิงในวังตกพระทัยได้ ดังนั้น ...... ข้าจะให้พระนางออกจากวัง แต่ว่า
ไต้เท้าหยวนต้องรับปากข้า หลังพระนางออกจากวังแล้ว ท่านต้อง
รับรองความปลอดภัยของพระนาง จะให้ใครทําร้ายพระนางไม่ได้
เด็ดขาด”
ท่านเสนาบดีหยวนพูดว่า “เจ้าจะให้ฮองเฮาออกจากวังงั้นเหรอ?
ถ้าอย่างนั้นก็ดี ข้ารับปากเจ้า หลังจากพระนางออกจากวังแล้ว ข้าจะทํา
ทุกอย่างอย่างเหมาะสม จะไม่ให้ใครมาทําอันตรายพวกนางได้เลย”
“ข้าไม่กลัวใครเลยนอกจากเซียวจ้าวจง” ฉีหนิงถอนหายใจพูด
เซียวจ้าวจงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไต้เท้าหยวนกล่าวถูกต้องแล้ว”
เขาหันไปพูดกับฉีหนิงว่า “เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยามก็จะเช้าแล้ว ก่อน
ฟ้าสาง เจ้าจะต้องส่งพระนางออกจากวัง ไม่อย่างนั้นข้าคงจะต้องสั่งให้
บุกเข้าไปทันที”
ฉีหนิงเองก็ไม่ได้เสียเวลา เซียวจ้าวจงเองก็กระตุกม้าหันกลับไป
ท่านเสนาบดีหยวนไม่ได้ตามกลับไปในส่วนของทหาร แต่เขาพูด
ว่า “ข้าจะรอรับเสด็จฮองเฮาอยู่ตรงนี้”
หยวนโม่เสียนขยับปาก เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูด
ออกมา
หวีเปียกู่ยกมือคํานับแล้วพูดว่า “รับทราบ”
“ฮองเฮาต้องเสด็จออกจากวัง เจ้าเองก็ต้องออกจากวังไปด้วย” ฉี
หนิงท่าทางจริงจังมาก “อย่างที่เจ้าบอก ทหารจํานวนมากล้อมเอาไว้
แบบนี้ หากเซียวจ้าวจงสั่งบุกวัง เรายื้อเอาไว้ได้ไม่นาน อีกทั้งเหมือน
เขาจะคุมสถานการณ์ทก
ุ อย่างไว้ในมือทั้งหมด หากวังแตก ข้าคิดวิธี
พลิกสถานการณ์อีกไม่ได้เลย”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ข้าจะให้เจ้ามาตายพร้อมกับข้าด้วยได้ยังไง
กันล่ะ”
ชื่อตันเหมยส่ายหน้าถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าไม่ไป ในเมื่อข้า
บอกแล้วข้าจะร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้า ข้าก็จะไม่มว
ี ันทิ้งเจ้าไปไหน”
“ช่องโหว่?”
“ขอแค่ช่วยฝ่าบาทได้ อํานาจในมือของเซียวจ้าวจงก็จะสลายไป”
ฉีหนิงพูดว่า “เซียวจ้าวจงทําทุกอย่างด้วยวิธส
ี กปรก ไม่ได้มีการผูกมิตร
กับเหล่าทหารกลุ่มไหนจริงจัง ถึงแม้เขาจะมีอํานาจในมือตอนนี้ แต่ว่า
ในความเป็นจริงมันไม่พ่งึ พาไม่ได้เลย หากเหล่าขุนนางและทหารได้พบ
ฝ่าบาทเห็นว่าทรงยังมีชว
ี ิตอยู่ ถ้าอย่างนั้นเรื่องโกหกที่เขาสร้างขึ้นมา
นั้น มันก็จะพังลงทันที”
“ต่อให้ยังอยู่ในเมืองจริง แล้วทรงไปอยูท
่ ี่ไหนได้?” ชื่อตันเหมย
ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ในเมืองหลวงมีคนเป็นล้านคน มีเขตเล็กเขตน้อย
ไปทั่ว มีบ้านเรือนนับไม่ถ้วน หากจะซ่อนใครเอาไว้ ให้ทหารนับพันไป
ค้น มันก็ใช่ว่าจะหาเจอนะ ......”
นอกตําหนักเฟิ่งอี๋ ตอนนี้มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา
องค์หญิงเทียนเซียงตั้งแต่มาจากแคว้นตงฉี ฮ่องเต้แคว้นฉีมก
ี าร
จัดนางกํานัลขันทีติดตามมาด้วยจํานวนมาก ขันทีนางกํานัลพวกนี้ก็อยู่
รับใช้องค์หญิงเทียนเซียงตลอด
ฮองเฮาไม่ได้กระวนกระวายเพราะการบุกเข้ามาของทหารหลวง
แต่ส่งั ให้คนออกไปสืบข่าว จนรู้ว่าทหารหลวงถอนกําลังออกไปแล้ว ถึง
ได้โล่งใจ ไม่นานก็ได้ยน
ิ ว่า ทหารหลวงทําการปิดประตูวังหลวง มีทท
หารอยูน
่ อกวัง มันทําให้นางตกใจมากทีเดียว
“ฮองเฮาพะยะค่ะ ......” ขันทีคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามา แล้วคุกเข่า
ลง “หูก
้ ๋ัวกงฉีหนิงขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
ฮองเฮาลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “หูก
้ ๋ัวกง คืนนี้เกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน
มาก นีม
่ น
ั เรื่องอะไรกัน ข้าได้ยน
ิ มาว่าเจ้าอยู่ชายแดนไม่ใช่เหรอ แล้ว
เจ้ากลับมาเมื่อไหร่ แล้วเข้าวังมาตอนไหน?”
“กระหม่อมเองก็ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงอยู่ที่ไหน” ฉีหนิงพูดว่า
“เซียวจ้าวจงหาคนมาปลอมตัวเป็นฝ่าบาท แล้วใช้ฝ่าบาทตัวปลอด
ออกคําสั่งต่างๆ เขายึดเอาตราลัญจกรเอาไว้ แอบอ้างพระนามของฝ่า
บาทออกราชโองการต่างๆ ทําให้เหล่าขุนนางแยกแยะไม่ได้”
ฉีหนิงถามว่า “ทรงรู้เหรอพะยะค่ะ?”
ฮองเฮาพูดว่า “ปกติแล้วเวลาฝ่าบาทเสร็จราชกิจแล้ว ก็จะมาพัก
ที่ตําหนักตลอด ต่อให้ทรงยุ่งแค่ไหน ก็จะไม่เคยไม่มาเกินสามวัน แต่ว่า
คราวนี้ทรงไม่มาที่ตําหนักเลยเดือนกว่า ข้าส่งคนไปหาพระองค์ ก็ทรง
บอกว่ายุ่งมาก ไม่มีเวลามาเลย” นางหยุดไป แล้วพูดว่า “เมื่อครึ่งเดือน
ก่อน ข้าไปเฝ้าพระองค์ด้วยตัวข้าเอง เห็นทรงกําลังตรวจฎีกาอยู่ ทรงไม่
พูดอะไรกับข้าเลย บอกแค่ว่าไว้จะหาเวลามาหาข้าเอง ที่แปลกก็คือ
ทรงมองแค่ครู่เดียว แล้วก็ไม่มองข้าอีกเลย”
“ทําไมทรงถามเช่นนีล
้ ่ะพะยะค่ะ?”
“เซียวจ้าวจงคิดชิงสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นของเขากลับไป ก่อนที่เขาจะ
ได้น่งั บัลลังก์ ฝ่าบาทน่าจะยังทรงปลอดภัยอยู่” ฉีหนิงพูดว่า
“กระหม่อมจําเป็นต้องให้พระนางออกจากวังหลวงไปก่อน ทรงรีบ
เตรียมตัวเถอะพะยะค่ะ”
“แล้วเจ้าจะอยู่ในวังหลวงต่อไปเพื่ออะไร?” ฮองเฮาพูดว่า “ฝ่า
บาทไม่อยู่ในวังหลวง เจ้าเฝ้าวังเอาไว้ เพื่อใครกันล่ะ?”
ฉีหนิงไม่แน่ใจเลยว่าฮองเฮาคิดยังไง เพราะแคว้นฉู่ยด
ึ แคว้นตงฉี
ไปแล้ว ฮองเฮามองเรื่องนี้ยังไง เขาไม่แน่ใจและไม่อยากตัดสิน เขาไม่
อยากให้มันมากระทบแผนของเขาในตอนนี้ เขาพูดแค่ว่า “เซียวจ้าวจง
คิดจะชิงบัลลังก์ข้น
ึ ครองราชย์ เขาต้องทํามันในวังหลวง ตอนนี้
กระหม่อมไม่มท
ี างเลือกอื่น เฝ้าได้หนึ่งวัน ก็ซ้ อ
ื เวลาไปได้อีกวัน อาจจะ
.....” เขายิ้มแล้วพูดว่า “หากกระหม่อมต้องตายในวังหลวง ก็ถือได้ว่าได้
ตอบแทนพระกรุณาของฝ่าบาทแล้ว ฮองเฮา กระหม่อมจะออกไปรอ
ด้านนอกนะพะยะค่ะ”
เขาก็ไม่รอให้ฮองเฮาพูดอะไร เดินออกไปเลย
ชื่อตันเหมยรู้ว่าฉีหนิงตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก การที่
นางจากไปคราวนี้ ก็ไม่รูว
้ ่าจะได้พบกันอีกไหม นางกัดปาก แล้วก็โผเข้า
กอดฉีหนิง จูบปากของเขา ฉีหนิงโอบกอดเอวของชื่อตันเหมยเอาไว้
แล้วจูบกับนางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พด
ู ว่า “เจ้าเองก็รบ
ี เตรียมตัว หาชุด
นางกํานัลมาเปลี่ยน ฮองเฮาจะออกเดินทางแล้ว เจ้าต้องปะปนออก
จากวังไปกับพวกเขา”
ชื่อตันเหมยรู้ว่านางมีหน้าที่สาํ คัญมาก นางพยักหน้า กัดปาก แต่ก็
หันหลังแล้วจากไปทันที
ไม่รอให้มีดสั้นมาถึง ฉีหนิงก็ย่ น
ื มือไปจับ นางกํานัลนั่นเหมือนคิด
ไม่ถึงว่าฉีหนิงจะมาชิงมีดในมือไป นางพลิกข้อมือเพื่อแทงมีดใส่มือของ
ฉีหนิง ฉีหนิงเองก็ไวพอ เหมือนคิดไว้แล้วว่านางจะต้องเปลี่ยนกระบวน
ท่าจู่โจม เลยพลิกตัวไปด้านหลังเพื่อหลบมีด จากนั้นก็ซัดฝ่ามือออกไป
ที่ข้อมือของนาง มือของนางเริ่มชา ทําให้มด
ี สั้นหลุดออกจากมือ แต่ว่า
นางก็ยังไม่ลดละ ยังคงบุกเข้าใส่อยู่ ฉีหนิงเองก็ไม่เกรงใจ ซัดฝ่ามือไปที่
หัวไหล่ของนาง ถึงแม้เขาจะไม่ได้ออกแรงเต็มที่ แต่ด้วยกําลังภายใน
ของเขา แรงที่ออกไปมันก็มก
ี ว่าครึ่ง ไม่มีใครทนไหวแน่ ยังดีที่ฉีหนิง
อยากจะจับเป็น เลยไม่ได้เอาชีวิตนางในทันที นางกํานับคนนั้นกระเด็น
ไปชนกับเสาต้นหนึ่ง แล้วก็หล่นลงมากระอักเลือด
เสียงมันทําให้ขน
ั ทีที่อยู่ใกล้ๆ ตกใจ เลยมีคนวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เห็น
นางกํานัลดิ้นอยู่ที่พ้ น
ื ก็แปลกใจกันหมด ฉีหนิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาแล้ว
พูดว่า “เจ้าเป็นใคร? ทําไมต้องฆ่าข้าด้วย?” พอเข้าไปใกล้ แล้วนาง
กํานัลนั่นเงยหน้าขึ้นมา ที่มม
ุ ปากของนางมีเลือดออก ใบหน้าของนาง
สวย ฉีหนิงเห็นหน้าของนาง หน้าของถอดสีทันที เขาหลุดออกมาว่า
“ทําไม ... ทําไมถึงเป็นเจ้า?”
เล่มที่ 47 บทที่ 1387 ดอกไม้นรกปลุกความทรงจํา
นางกํานัลลงมือสังหารฉีหนิง ถึงแม้ฉห
ี นิงจะได้เจอหน้าของนาง
เป็นครั้งที่สอง แต่ว่าเขาไม่ได้ไม่รู้จักนาง
ในใจของฉีหนิง มั่นใจมานานแล้วว่านางคือจั่วเซียนเอ่อร์
จั่วเซียนเอ่อร์หายตัวไปจากแม่น�าฉินไหว ฉีหนิงตามหานางไม่พบ
เลย แต่กลับมาเจอนางมาเป็นนากํานัลในวังหลวง รูปร่างของนาง
เหมือนจั่วเซียนเอ่อร์ไม่มีผิด มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่เปลี่ยนไป เริม
่ แรกฉี
หนิงแค่สงสัย แต่พอรู้ว่าภูตเหยียนหมอมีความสามารถในการเปลี่ยน
หน้า เลยมั่นใจว่านางคือจั่วเซียนเอ่อร์
จั่วเซียนเอ่อร์เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาเข้าวังมา ก็เพื่อตามหาพิณเฟิง
หวง เพียงแต่คืนนั้นที่ลงมือ กลับกลายเป็นการช่วยคนอื่น ส่วนพิณถูก
ชื่อตันเหมยกับโม่อ่ิงร่วมมือกันแล้วชิงเอาไป
หลังจากที่จ่ัวเซียนเอ่อร์บาดเจ็บแล้วจากไป ฉีหนิงก็ไม่ได้เจอนาง
อีกเลย ไม่รู้ว่านางยังแฝงตัวอยู่ในวัง หรือว่าไปจากที่นน
ี่ านแล้ว
จั่วเซียนเอ่อร์พูดว่า “ข้าไม่ใช่ค่ต
ู ่อสู้ของเจ้า ลงมือได้เลย”
“ทําไมเจ้าถึงได้คิดว่าข้าจะฆ่าเจ้า?” ฉีหนิงขมวดคิ้ว
ฉีหนิงตะลึงไป แต่ก็นก
ึ ขึ้นมาได้ว่า “พวกเขา” ที่นางหมายถึงคือ
ใคร เขาพูดว่า “เจ้าหมายถึงพวกของเหยียนหมอเหรอ?” เขาพูดว่า
“เซียนเอ่อร์ เจ้าเป็นพวกเดียวกับพวกนั้นจริงๆ ด้วยเหรอเนี่ย”
“ข้าไม่รูว
้ ่าใครคือเซียนเอ่อร์” จั่วเซียนเอ่อร์พูดว่า “ข้าต้องการแค่
ชีวิตของเจ้า” นางพยายามดิ้น แต่เหมือนว่านางจะบาดเจ็บมาก ฉีหนิง
เห็นอยู่ เขารู้สึกเสียใจที่ลงมือรุนแรงไป เขาเดินขึ้นหน้าสองก้าว จั่ว
เซียนเอ่อร์กลับหลับตาลง เดิมคิดว่าฉีหนิงจะเอาชีวิตนาง แต่ว่าก็ไม่เห็น
ลงมือสายตาของเขาไม่ได้เห็นว่านางคือศัตรู แต่กลับเป็นสายตตาที่
เปี่ ยมไปด้วยความรัก นางตะลึงไป นางรู้ว่าความรู้สึกนีม
้ ันไม่ใช่เรื่อง
โกหก อีกทั้งเพียงแค่เขายกมือขึ้นมาก็เอาชีวิตนางได้แล้ว ไม่จําเป็นต้อง
เสแสร้งแกล้งทํา นางขมวดคิ้ว “ทํา ...... ทําไมเจ้าถึงไม่ลงมือ?”
“ข้าไม่รูห
้ รอกนะว่าเจ้าผ่านอะไรมาบ้าง แต่ว่าเจ้าจําเรื่องราวที่เรา
อยู่ด้วยกันไม่ได้เลยเหรอ?” ฉีหนิงเหลือบไปมองเซียนเอ่อร์ เขาดึงเสื้อที่
หน้าอกออก จั่วเซียนเอ่อร์เห็นเขากําลังจะดึงเสื้อออก อาจเป็นเพราะ
นางเป็นผู้หญิงนางเลยเขิน นางหันหน้าหนีไม่มองเขา ฉีหนิงดึงเสื้อออก
แล้วพูดว่า “เจ้ามองสิว่านี่คืออะไร?”
จั่วเซียนเอ่อร์หันกลับมามองด้วยความแปลกใจ เห็นฉีหนิงไม่ได้
เปิดหน้าอก แต่สิ่งที่อยูห
่ น้าอก มันเป็นเสื้อผ้าประหลาดตัวหนึ่ง สีดํา
สนิท ดูก็รู้ว่าทําจากหนังงู
จั่วเซียนเอ่อร์ย่ น
ื มือออกไป แล้วพูดว่า “เอามา”
เซียนเอ่อร์รับเสื้อมา เห็นฉีหนิงมองมาที่นางด้วยความอ่อนโยน
เหมือนจะรู้สึกแปลกใจ เหมือนคิดไม่ถึงเลยว่าฉีหนิงจะถอดให้นางจริงๆ
นางอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “นี่ ...... นี่เจ้าให้ข้าจริงเหรอ?”
เซียนเอ่อร์ได้ยน
ิ ดังนั้น ก็สะดุ้ง เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ นางหลุด
ออกมาว่า “พลับพลึงสีเลือด”
“พลับพลึงสีเลือดเป็นดอกไม้ที่ยินดีที่จะไปที่นรก แต่กลับถูกเหล่า
ปีศาจขับไล่ แต่มันก็ยงั คงวนเวียนอยู่ที่น่ัน” ฉีหนิงมองไปที่เซียนเอ่อร์
ด้วยความเห็นอกเห็นใจ เขาพูดว่า “เหล่าปีศาจเห็นแล้วก็อดสงสาร
ไม่ได้ เลยยอมให้นางเบ่งบานอยู่ที่ริมทาง นําทางให้กับเหล่าดวง
วิญญาณ”
เหล่าขันทีมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง
จั่วเซียนเอ่อร์เชี่ยวชาญเรื่องของดนตรี นางเล่นพิณได้ประทับใจ
มาก โดยเฉพาะเพลงพลับพลึงสีเลือด ตอนนั้นหลงไท่นัดพบราชาพิษที่
แม่น�าฉินไหว นางก็ได้เล่นเพลงนี้ ตอนที่ฟังก็เคลิ้มไป ท่วงทํานองมัน
เศร้ามาก ฉีหนิงรูว
้ ่ามันต้องไม่ใช่บทเพลงธรรมดาแน่ เพราะหากเล่น
แบบไม่ไร้ความรู้สึก มันไม่มีทางทําให้คนประทับใจได้เลย นอกเสียจาก
จะเล่นด้วยความรู้สึกแล้วเท่านั้น ถึงจะทําให้คนที่ได้ฟงั รู้สึกถึงอารมณ์
ได้
ฉีหนิงไม่รู้เรื่อดนตรี แต่ว่าก็สม
ั ผัสได้ถึงความเศร้า
เขารู้ว่าในเมื่อจั่วเซียนเอ่อร์เล่นบทเพลงนั้นได้ประทับใจ นั่นน่าจะ
เป็นเพราะว่านางรู้สึกร่วมไปกับมันด้วย เขาไม่ได้คาดหวังว่าพลับพลึงสี
เลือดจะทําให้จ่ัวเซียนเอ่อร์จําเรื่องของเขาได้ เพียงแต่คาดหวังว่าจะทํา
ให้นางรูส
้ ึกอะไรได้บ้าง
ไม่ผด
ิ อย่างที่คิดเลย เซียนเอ่อร์ได้ยินฉีหนิงพูดแบบนี้ เขาก็สะดุ้ง
แล้วพูดว่า “พลับพลึงสีเลือด ....... ดอกไม้บานพันปี โรยพันปี ...... ดอก
และใบไม่มีวันได้พบหน้ากัน ..... ความรูส
้ ึกไม่มส
ี าเหตุ พรหมลิขิตขีด
ชะตาชีวิต ......” ปลายตาของนาเหมือนจะมีน�าตาไหลออกมา
เซียนเอ่อร์มองไปที่ฉห
ี นิงอย่างตะลึง ท่าทางของนางดูสบ
ั สน
น�าตาของนางไหลออกมา นางดึงมือออก ใบหน้าของนางดูเจ็บปวด
นางเอามือกุมไปที่หัว นางพูดว่า “หัวของข้า ข้า ....... ข้าปวดหัว ข้า
......” นางมองไปที่ฉห
ี นิงอีกครั้ง ทันใดนั้นเองนางก็ย่ น
ื มือออกไป แล้ว
จับไปที่หน้าของฉีหนิง แล้วพูดด้วยน�าเสียงสั่นเครือว่า “ความ .....
ความรูส
้ ึกนี้ ...... คุ้นเคยจังเลย ข้า ...... ข้า ....... เหมือนจะรู้สึกแบบนีม
้ า
ก่อน .....”
ฉีหนิงยกมือจับไปที่มือของนาง เอาหน้าแนบไปที่มือ ดวงตาของ
เขาแดงก�า เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าก็ต้องคุ้นเคยสิ เพราะเมื่อก่อน
เจ้าก็ทํากับข้าแบบนี้ เซียนเอ่อร์ เจ้า ..... เจ้านึกอะไรออกแล้วใช่ไหม?”
เห็นเซียนเอ่อร์ท่าทางเจ็บปวดมาก เขาก็ขยับเข้าไปใกล้ แล้วอุ้มนาง
ขึ้นมา
เหล่าขันทีต่างตกใจ คิดในใจว่านี่มน
ั ในวังหลวงนะ กั๋วกงน้อยกลับ
อุ้มนางกํานัลคนหนึ่งไว้แบบนี้ ใจกล้าเกินไปแล้ว
ฉีหนิงเคยอุ้มนางแบบนีห
้ ลายครั้ง ความอ่อนโยนความหวานแบบ
นั้น มันวนเวียนอยู่ในหัวของนาง ภาพที่นางเคยอยู่กับฉีหนิงบนเรือมัน
ผุดขึ้นมา แต่ว่ามันไม่สมบูรณ์ นางเอามือกุมหัวเอาไว้ นางกัดฟัน ฉีหนิง
กลับขยับเข้าใกล้ “เซียนเอ่อร์ เจ้าอย่าเข้าใจผิด ที่จริง ...... ที่จริงข้า
กําลังทดสอบตัวเองอยู่ ดูว่าข้าจะอดทนได้มากแค่ไหน ที่จริง ...... ที่จริง
ต่อให้เจ้าสะดวก ข้าก็คิดว่าข้าทนไหว ......”
น�าเสียงที่อ่อนโยนมันเข้าไปในหูของเซียนเอ่อร์ เหมือนนางกําลัง
ย้อนกลับไปยังอดีต เซียนเอ่อร์หน้าแดงมาก “โหวเยว่เป็นคนดี ข้ารู้วว่า
โหวเยว่ไม่มีทางรังแกเซียนเอ่อร์แน่นอน”
ท่ามกลางสายตาของผูค
้ นมากมาย สิง่ ที่กําลังเกิดขึ้นมันน่า
เหลือเชื่อ
แต่มแ
ี ค่ฉีหนิงกับเซียนเอ่อร์เท่านั้นที่รู้ คําตอบโต้ไปมานั้น มันคือ
คําพูดที่มันเคยเกินขึ้นมาแล้วในห้องบนเรือสําราญ
ฉีหนิงได้ยินเซียนเอ่อร์ต่อคําแบบไหนตอนนั้นออกมาไม่ผด
ิ เลยแม้แต่คํา
เดียว เขาก็รู้ทันทีว่านางพอนึกเรื่องในตอนนั้นออกบ้างแล้ว เขาดีใจมาก
เซียนเอ่อร์เหมือนได้สติกลับมา น�าตาของนางไหลออกมา เขายกมือจับ
ไปที่หน้าของฉีหนิง เสียงของนางสั่นแล้วพูดว่า “โหวเยว่ ...... ท่าน ......
ท่านกลับมาแล้วเหรอ”
เล่มที่ 47 บทที่ 1388 ความสงสัยในสายเลือด
ตอนนี้ใกล้เช้าแล้ว ภายในและภายนอกเริ่มมีการชักดาบ
เผชิญหน้ากัน
เสนาบดีหยวนยังไม่กลับไปในส่วนของทหาร ยังคงยืนอยู่หน้า
ประตูวังเหมือนเดิม ไต้เท้าหยวนอายุมากแล้วร่างกายเริม
่ เซ ต่อให้ต้อง
ยืนแค่ช่ว
ั ยามเดียว ก็กินแรงมากแล้ว หยวนโม่เสียนยืนอยู่ข้างกายของ
พ่อเขา เขาเห็นพ่อหัวรั้นมาก เขาก็เป็นห่วงพร้อมกับความสงสัยด้วย
เสนาบดีหยวนเป็นขุนนางมานานหลายปี ในราชสํานักที่ซับซ้อน
เขาไม่เคยล้มมาก่อนเลย เพราะคุณธรรมบารมีที่เขาสั่งสมมา แต่สง่ิ
สําคัญที่สุดคือเขาไม่เคยเข้าไปร่วมกับการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในราช
สํานักเลย
เสนาบดีหยวนอยู่ในกรมพิธีการมานานหลายปี ทุกอย่างที่เขาทํา
เป็นไปตามกฎหมายของแคว้นที่มีทุกอย่าง ไม่เคยให้ใครเจอ
ข้อผิดพลาดได้เลย เขาเป็นขุนนางเที่ยงตรง ต่อให้เป็นสีบ
่ รรดาศักดิ์โหว
สืบทอด ก็จะต้องไว้หน้าเขา
ตระกูลซือหม่ากับไหวหนานอ๋องสู้กันจะเป็นจะตาย ท่านเสนาบดี
หยวนกลับยังอยู่ปลูกผักที่บ้านอย่างสบายใจ ไม่สนใจเรื่องภายนอกเลย
เหมือนว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
หยวนโม่เสียนทํางานใต้สังกัดของพ่อเขามานานหลายปี เขาเองก็
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เหมือนกัน เรื่องอะไรที่ไม่
เกี่ยวกับเขา เขาจะไม่ยุ่งเลย ต่อให้มน
ั จะเกี่ยวกับเขา แต่ก็จะเขาไปยุ่ง
แค่สามส่วนเท่านั้น
สิ่งที่ทําให้หยวนโม่เสียนสงสัยกว่าเดิมอีกคือ เหล่าขุนนางในราช
สํานัก ไม่มีใครเสนอตัวเลย แต่พ่อของเขากลับเสนอตัวเกลี่ยกล่อมฉี
หนิงให้ออกจากวัง
หยวนโม่เสียนไม่รู้เลยว่าพ่อของเขาทําไมถึงได้ทําแบบนี้ เขา
มองเห็นเสนาบดีหยวนหลับตาลง หนวดเคราของเขาปลิวไปตามลม แต่
เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรด้วย
เซียวจ้าวจงโบกมือ ทหารโล่ก็เคลื่อนไหวพวกเขามาตั้งแถวเป็น
กําแพงคุ้มกันให้ เสนาบดีหยวนลูบเครา แล้วเหลือบมองไปที่เซียวจ้าว
จงแต่ไม่ได้พด
ู อะไร
“ท่านอ๋องอยากจะฆ่าฉีหนิงให้ตาย เพราะแค่เขาปลงพระชนม์
แล้วก็เป็นกบฏอย่างนั้นจริงเหรอ?” เสนาบดีหยวนมองไปที่ตาของเซียว
จ้าวจงแล้วถาม
เซียวจ้าวจงไม่ได้พยักหน้าในทันที เขาลังเล แล้วถึงพูดว่า “ท่าน
เสนาบดีหยวนฉลาดนัก ข้านับถือยิ่งนัก ฉีหนิงปลงพระชนม์ฝา่ บาท
สมควรตาย เพียงแต่ ...... ข้าอยากจะฆ่าเขา มันไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น
ก่อนหน้านั้น ข้าเองก็เคยอยากจะฆ่าเขามาแล้ว”
เสนาบดีหยวนเหมือนจะรู้สึกแปลกใจ
เสนาบดีหยวนฟังออกว่าเซียวจ้าวจงเหมือนจะมีเจตนาแฝงใน
คําพูดของเขา เขาคิด แล้วพูดว่า “ไต้เท้าหลูเคยถามไปแล้วก่อนหน้านี้
ที่ฉีหนิงก่อกบฏ เขาทําไปเพื่ออะไร?” เขายกมือลูบเคราแล้วพูดว่า “ฉี
หนิงยึดซีเป่ยได้ สร้างผลงานให้แคว้นฉู่ ข้าคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ แรงจูงใจ
ในการก่อกบฏมันคืออะไรล่ะ?” เขาเหลือบไปมองตาของเซียวจ้าวจง
แล้วพูดว่า “ว่ากันตามตรง ถึงแม้เขาจะเป็นคนของจิ่นอีตระกูลฉี แต่
เขาก็ไม่ได้มีกําลังมากพอที่จําก่อกบฏ กองทัพฉินไหวไม่ได้อยู่ในมือของ
เขา บุกยึดซีเป่ยก็เป็นทหารของซีชวน เขานําทหารตีเป่ยฮั่น ทหารต้อง
ติดตามเขาแน่นอน แต่ว่าหากเขาจะก่อกบฏ ทหารพวกนั้นไม่มีทาง
ติดตามเขาแน่นอน”
เซียวจ้าวจงยิ้มแล้วพูดว่า “ไต้เท้ารู้สึกว่าเขาไม่มีความสามารถ
มากพอที่จะก่อกบฏงั้นเหรอ?”
“อย่างน้อยข้าก็มองไม่ออกเลยว่าเขามีความสามารถตรงไหน?”
เสนาบดีหยวนถอนหายใจแล้วพูดว่า “หากจะบอกว่าเขาไม่ได้มี
ความสามารถในการกบฏ มันก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่คิด แต่สงิ่ ที่
สําคัญที่สุดมันอยู่ที่ ทําไมเขาต้องกบฏ?” เขาเงยหน้ามองไปที่วังหลวง
“ตอนนี้เขาถูกล้อมอยู่ในวัง ไปไหนไม่ได้ ฉีหนิงไม่ใช่คนโง่ เขาลอบเข้า
วังมาเพื่อลอบปลงพระชนม์ ก็น่าจะคิดถึงผลที่จะตามมาได้ ผลแบบนี้
ข้าไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์อะไรกับเขา แต่ว่ามันกลับกลายเป็นการ
เอาจิ่นอีตระกูลฉีมากลบฝังดินเท่านั้น”
“เพราะฉีหนิงเดิมไม่ใช่คนของจิ่นอีตระกูลฉี” เซียวจ้าวจงพูด
หลังจากนั้นอยูน
่ าน เสนาบดีหยวนก็พด
ู ว่า “ท่านอ๋อง ข้าฟังไม่
เข้าใจ ท่านพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
ถึงแม้เสนาบดีหยวนจะตกใจมาก แต่ว่าเขายังสามารถควบคุม
อารมณ์ได้ เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง ถึงแม้ฉห
ี นิงจะกบฏ แต่
...... บางอย่างมันพูดไม่ได้นะ ถึงแม้เขาจะกบฏ แต่ว่าท่านจิ่นอีเหล่าโหว
กับท่านแม่ทัพใหญ่ฉีเป็นขุนนางภักดีต่อบ้านเมือง พวกเขาสร้างผลงาน
ให้เรามากมาย ถึงแม้พวกเขาจะไม่อยูแ
่ ล้ว แต่ช่ อ
ื เสียงผลงานของเขา
จะให้ใครมาลบหลู่ไม่ได้นะ”
เซียวจ้าวจงบอกว่าฉีหนิงไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉี มันเป็นเรื่อง
ใหญ่มาก
หากมีคนบอกว่าฉีหนิงไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉี นั่นก็คือการลบ
หลู่จิ่นอีตระกูลฉีมากๆ
ท่านเสนาบดีหยวนอยู่กรมพิธก
ี ารมานาน เขาให้ความสําคัญกับ
เรื่องพวกนี้มาก เซียวจ้าวจงบอกว่าฉีหนิงไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉี
ท่านเสนาบดีหยวนตกใจมาก แล้วก็โกรธด้วย หากเซียวจ้าวจงพูดลอยๆ
เพื่อโจมตีฉีหนิง งั้นเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ต�าช้ามาก
“อย่างน้อยก็มพ
ี ยานที่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้”
“พยานที่ท่านอ๋งพูดถึงคือใครกัน?” ท่านเสนาบดีหยวนมองไปที่
เซียวจ้าวจง
เซียวจ้าวจงกลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ว่าข้าจะเล่นลูกไม้อะไร
วันนี้บอกความจริงให้ท่านทราบ ก็เพราะข้าไม่มีทางเลือก หากพยานไม่
ยินยอม ข้าจะไม่มีทางบอกว่าเขาเป็นใครเด็ดขาด” เขาหยุดไปแล้วพูด
ว่า “ข้าหวังว่าท่านเสนาบดีหยวนจะเชื่อในคําพูดของข้า หากใช่ว่าไม่มี
ทางเลือก เพื่อปกป้องชื่อเสียงของจิ่นอีตระกูลฉีเอาไว้ ข้าก็ไม่คิดจะ
บอกใคร” เขาเห็นเสนาบดีเหมือนจะรี่ตาลง เซียวจ้าวจงก็พด
ู ว่า “ขอ
แค่ปราบกบฏและฆ่าฉีหนิงได้แล้ว จบเรื่องนี้เมื่อไหร่ ข้าจะขอร้องพยาน
ให้เขามาเล่าความจริงทุกอย่างให้ท่านเสนาบดีหยวนฟัง ไม่ทราบท่าน
รู้สึกว่าดีไหม?”
“ท่านเสนาบดีหยวนเป็นขุนนางมานานหลายปี ต่อให้ไม่ออกจาก
จวนเลย เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ท่านก็น่าจะพอรับรู้อยู่บ้าง” เซียว
จ้าวจงพูดว่า “เรื่องนั้นที่เกิดกับจิ่นอีตระกูลฉี คนอื่นอาจจะรู้ไม่มาก แต่
ว่าท่านน่าจะพอรู้อยู่บ้าง”
“ท่านอ๋องหมายความว่ายังไง?”
“ฮูหยินหลิ่วของท่านแม่ทัพใหญ่ฉีท้องแก่มาก ในเมืองทุกคนทราบ
ดีว่านางกําลังจะคลอด” เซียวจ้าวจงพูดว่า “ตอนที่นางตั้งครรภ์ คนใน
จวนยังพูดกันเลยว่าตระกูลฉีกําลังจะมีทายาทสืบสกุล แต่เท่าที่ข้ารู้มา
ไม่กี่วันก่อนที่นางจะคลอด คนในตระกูลฉีกลับนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูด
อะไรเลย แม่ทัพฉีเองจู่ๆ ก็กลับมา จากนั้นไม่นานก็มข
ี ่าวออกมาว่านาง
คลอดยาก ช่วยเด็กไว้ได้ แต่ว่า ....... นางตาย” เขาเหลือบไปมอง
เสนาบดีหยวน แล้วถามว่า “เรื่องนี้ท่านน่าจะรู้ดีกว่าข้าใช่ไหม?”
“เรื่องของตระกูลฉีในตอนนั้นแปลกมาก คนในราชสํานักหลายคน
รู้เรื่องนี้ แต่ไม่มีใครพูดถึง” เซียวจ้าวจงพูดว่า “เพียงแต่ทุกคนก็รู้มาแค่
นี้ แต่ว่ามันมีเบื้องหลังอะไรนั้น ไม่มีใครรู้เลย” เขายิ้มแล้วพูดว่า “แต่ว่า
มันก็ไม่แปลก เพราะเรื่องราวหลังจากนั้น ตระกูลฉีพยายามปกปิด เลย
ไม่มีคนนอกรู้”
ท่านเสนาบดีหยวนพูดว่า “ท่านอ๋องบอกว่าเรื่องในตระกูลฉีพวก
เขาไม่ได้ให้คนนอกรู้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับเหมือนกับรูเ้ รื่องราวในเวลานั้น
เป็นอย่างดีเลยนะ”
“ตระกูลฉีถึงแม้จะพยายามปกปิด แต่ว่าเบื้องหลังนั่นมันกลับซ่อน
ภัยอันใหญ่หลวงเอาไว้” เซียวจ้าวจงพูดว่า “คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใน
ตอนนั้นมีไม่มาก นอกจากคนในตระกูลฉีแล้ว มันมีคนนอกอยูด
่ ้วย
......” เขาหยุดไปแล้วพูดว่า “ท่านเสนาบดีหยวน ข้าพูดได้แค่นี้ แต่ว่า
ท่านมีความรูก
้ ว้างขวาง ความคิดลึกซึ้ง วันนี้สิ่งที่ข้าพูดไปนั้นจริงหรือ
เปล่า ท่านก็ตัดสินเองก็แล้วกัน” เขาพูดต่อว่า “เพราะเหตุนี้ ฉีหนิงยังไง
ก็ต้องกําจัด”
ท่านเสนาบดีหยวนพูดว่า “ในเมื่อท่านอ๋องบอกว่าฉีหนิงไม่ใช่คน
ของตระกูลฉี อีกทั้งยังเป็นภัยใหญ่หลวงด้วย อีกทั้งยังอยากฆ่าเขามา
นานมากแล้ว แล้วทําไมถึงได้ไม่ลงมือล่ะ? เรื่องนี้ฝ่าบาททรงทราบ
หรือไม่?”
ท่านเสนาบดีหยวนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หรือว่าในหลายปีท่ีผา่ น
มา ท่านอ๋องจับตาความเคลื่อนไหวเขาอยู่ตลอดเลย?”
“นางหลิ่วคลอดลูกยากจนตา ฉีหนิงได้รับการเลี้ยงดูจากไท่ฮู
หยินมาตลอด” เซียวจ้าวจงยิ้มที่มุมปากแปลกๆ “หลายปีก่อน ไท่ฮู
หยินดูแลฉีหนิงเองเป็นอย่างดี แต่ว่าหลังจากนั้นนางก็ให้ฉีจิ่งรับอนุเข้า
มาใหม่ อีกทั้งอนุคนนั้นยังมีทายาทให้กับตระกูลฉี พอฉีหนิงอายุได้
ประมาณสี่ห้าขวบ ไท่ฮูหยินก็อนุคนนั้นรับหน้าที่ในการดูแลฉีหนิง
แทน”
เสนาบดีหยวนพยักหน้าแล้วพูดว่า “นางคืออนุที่คลอดคุณชาย
รองตระกูลฉี”
เสนาบดีหยวนสะดุ้ง เซียวจ้าวจงกระซิบข้างหูของเสนาบดีหยวน
“ฉีหนิงถูกไท่ฮูหยินเลี้ยงดูหลายปี กินยาตัวอยู่ตลอดเวลา ยานั่นมันทํา
ให้เขากลายเป็นเด็กปัญญาอ่อนไป”
ทั้งสองคนคุยกันเสียงเบามาก พวกของโต้วขุยมองเห็นมาแต่ไกล
เห็นเซียวจ้าวจงกับเสนาบดีหยวนกําลังหารืออะไรกันอยู่ เขารู้สึกแปลก
ใจมาก แอบคิดในใจว่าอยู่หน้าวังที่มีทหารเป็นพันแบบนี้ มันไม่ใช่
สถานการณ์ปกติ ท่านอ๋องน้อยทําไมถึงได้ยังมีอารณ์มาคุยเล่นกับท่าน
เสนาบดีหยวนด้วย? ทั้งสองคนคุยอะไรกันอยู่
ได้ยินว่าฉีหนิงกินยาจนปัญญาอ่อนไป ท่านเสนาบดีหยวนเหมือน
จะตกใจมาก เขาพูดว่า “ท่านอ๋อง เรื่องนี้จะล้อเล่นไม่ได้นะ”
“ไท่ฮูหยินรู้มาแต่แรกแล้วว่าฉีหนิงไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉี
ไม่อย่างนั้นทําไมนางถึงต้องลงมือกับหลานตัวเองอย่างเหี้ยมโหด
ด้วย?” เซียวจ้าวจงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่แน่ว่านางอาจจะแค้นที่เขาไม่ใช่
สายเลือดของตระกูลฉี แต่ว่าเพราะท่านแม่ทัพใหญ่ ดังนั้นเลยไม่ได้ทํา
อะไรกับเขาซึ่งหน้า นางรู้ว่าอนุของแม่ทัพใหญ่จะต้องไม่ดีต่อฉีหนิง
แน่นอน แต่ก็ยังให้นางมาดูแลฉีหนิง นางอยากยืมมือของนางมาทรมาน
ฉีหนิงเท่านั้น นอกจากนี้ ......” เขาหยุดไป แล้วพูดต่อว่า “ถึงแม้ฉห
ี นิง
จะอยู่ในการดูแลของอนุ แต่อาหารก็ยังถูกวางยาเหมือนเดิม ท่านน่าจะ
รู้ว่าทําไมไท่ฮูหยินถึงได้ทําแบบนั้น” เขาพูดถึงตรงนี้ เซียวจ้าวจงก็ยม
ิ้
เยาะเย้ยมุมปาก
ไท่ฮูหยินเองก็กังวลว่าฉีจิ่งนั้นจะรู้ความจริงสักวัน แล้วทําลาย
ความสัมพันธ์แม่ลก
ู เลยเอาฉีหนิงไปให้ฉงอี๋เหนียงดูแล หรือก็คือการหา
แพะรับบาป
หากฉีจิ่งรู้ว่าฉีหนิงเป็นบ้าเพราะยาพิษ จะต้องถามหาเอาความกับ
คนที่ดแ
ู ลฉีหนิงอย่างฉงอี๋เหนียงแน่นอน ส่วนฉงอี๋เหนียงจะกล้าบอกได้
ยังไงว่าไท่ฮูหยินเป็นคนสั่งกันล่ะ? อีกทั้งคนในจวนรู้กันหมดว่านาง
ทรมานฉีหนิงยังไง โหดร้ายยังไง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่จะไม่มี
ทางจะสงสัยไปถึงไท่ฮูหยินได้เลย
ผลที่ได้คือไท่ฮูหยินก็สมหวังทําให้ฉีหนิงกลายเป็นคนบ้าอย่าง
สมบูรณ์ หรือต่อให้ความแตก ก็มค
ี นรับหน้าแทน
“เรื่องนี้ในเมื่อเป็นเรื่องของตระกูลฉี แม้แต่แม่ทัพฉียังไม่รู้ความ
จริงเลย แล้วท่านอ๋องรูม
้ าได้อย่างไร?” ท่านเสนาบดีหยวนถอนหายใจ
แล้วพูดว่า “ท่านอ๋องอายุมากกว่าฉีหนิงไม่เท่าไหร่ ตอนที่เกิดเรื่อง ท่าน
อ๋องเองก็ยังเด็กอยู่ อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องสนใจเรื่องของตระกูลฉี
ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว?”
“ท่านหมายความว่า พยานที่ท่านว่ามีการติดต่อกับไท่ฮูหยินงั้น
เหรอ” ท่านเสนาบดีหยวนพูด “แล้วเขาก็ยังจับตาความเคลื่อนไหวของ
ฉีหนิงอยู่ตลอด?”
เซียวจ้าวจงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง หากฉีหนิงกลายเป็นบ้า
อาจจะไม่มีเรื่องที่เกิดขึ้นต่อมาอีกก็ได้ แต่ว่าเมื่อหลายปีก่อน เพราะการ
ลักพาตัวไปในครั้งนั้น ฉีหนิงเหมือนกลายเป็นคนล่ะคน ....” สายตาของ
เขาเหมือนจะเป็นประกาย “ท่านเสนาบดีหยวน ฉีหนิงกลายเป็นคนบ้า
มันไม่ได้เกิดจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แต่เป็นเพราะยาพิษ
ที่ส่งั สมมานานหลายปี ตามหลักการแพทย์แล้ว คนที่สมองเสียหาย
อย่างรุนแรง จะตกใจเพราะถูกจับตัวไปแล้วกลับมาปกติได้อย่างไร?”
เล่มที่ 47 บทที่ 1390 สิบสองชั่วยาม
ใกล้เช้าแล้ว ภายในวังหลวงนั้นยังไม่มค
ี วามเคลื่อนไหวอะไร แต่
เซียวจ้าวจงกลับยังอนุโลมให้
วังหลวงก็เหมือนของที่อยู่ในกํามือของเขาแล้ว มีทหารนับหมื่นคน
ล้อมเอาไว้ จะโจมตีเมื่อไหร่ก็ได้ ขอแค่คําออกคําสั่งเท่านั้น
ท่านเสนาบดีหยวนคิดว่าการที่ให้ไหวหนานอ๋องทําเรื่องนี้ แสดงว่า
พยานท่านนั้นต้องไม่ธรรมดา
“ท่านอ๋อง ในเมื่อพยานท่านนั้นรู้ว่าฉีหนิงไม่ใช่สายเลือดของ
ตระกูลฉี แล้วทําไมถึงไม่ทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ?” ท่านเสนาบดีหยวน
ถามว่า “ถ้าฝ่าบาททรงทราบ คงไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเขา ฉีหนิงก็ไม่มีทางมี
อํานาจ แล้วก็จะไม่มีภัยอะไรต่อราชสํานักอีก”
“พยานท่านนั้นปิดบังความจริงมาตลอด ท่านพ่อก็มาทราบเรื่องนี้
ตอนที่ฉจ
ี ่ิงตายไปแล้ว” เซียวจ้าวจงพูดว่า “ตอนที่ฉีหนิงได้รับความไว้
ว่างพระทัยจากฝ่าบาท แล้วฉีหนิงเองก็ช่วยฝ่าบาทกําจัดซือหม่าหลัน
เพื่อส่วนรวม เขาถึงได้ปกปิดเรื่องนี้”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่เข้าใจแล้ว”
เสนาบดีหยวนปลายตากระตุกอีกครั้ง เซียวจ้าวจงกระซิบข้างหู
เขาว่า “หากฉีหนิงรู้ว่าพ่อแท้ๆ ของเขาเป็นใครเมื่อไหร่ เขาจะต้องคิด
กบฏแน่นอน เท่าที่ข้ารู้มา เขาเองก็เริม
่ สงสัยในสถานะของตัวเองแล้ว
อีกทั้งกําลังสืบหาชาติกําเนินของตัวเองอย่างลับๆ ด้วยหากข้าเดาไม่ผิด
เขาน่าจะรู้แล้วว่าพ่อของเขาเป็นใคร ดังนั้นเขาถึงได้คิดปลงพระชน์ก่อ
กบฏแบบนี้”
“พ่อของเขาเป็นใครกัน?” ท่านเสนาบดีหยวนรีบถาม
เซียวจ้าวจงยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็ได้ยน
ิ บนกําแพงวังมีเสียงกลอง
ดังขึ้นมา คนด้านล่างมองขึ้นไป ไม่นานก็ได้ยน
ิ เสียงฉีหนิงตะโกนลงมา
ว่า “ไต้เท้า ฮองเฮาและท่านผู้หญิงในวังต่างมากันพร้อมแล้ว ตอนนี้
ออกจากวังได้”
ท่านเสนาบดีหยวนยกมือคํานับแล้วพูดว่า “กระหม่อมนอบรับ
เสด็จฮองเฮาออกจากวัง”
“ไต้เท้า ท่านผู้หญิงกับฮองเฮาพร้อมผู้ติดตามมีจํานวนเยอะมาก
ยังไงรบกวนท่านรับรองพระนางอย่างดีด้วย” ฉีหนิงมองไปที่เซียวจ้าว
จง แล้วพูดว่า “เซียวจ้าวจง หากพวกนางมีใครเป็นอะไรไปแม้แต่นิด
เดียว มันก็เป็นเพราะเจ้า”
ฉีหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“เจ้าลอบเข้าวังมาลอบปลงพระชนม์ พานักฆ่าไปจํานวนมาก”
เซียวจ้าวจงพูดว่า “หากเจ้าสั่งให้พวกเขาปลอมตัวเป็นขันทีปะปน
ออกมา ก็เป็นไปได้ นักฆ่าที่ลอบเข้าวัง อย่าหวังจะได้ออกจากวังเลย
แม้แต่คนเดียว”
เซียวจ้าวจงไม่อนุญาตให้ขันทีออกจากวัง เหล่าขันทีเลยถอยหลัง
ไปกันหมด
“ท่านอ๋อง จวนตระกูลซือหม่าถึงแม้จะถูกตรวจยึดทรัพย์ไปแล้ว
แต่ว่าในเรือนไม่ได้มีความเสียหายอะไร ถูกปิดตายมาตลอด” เมื่อเกี้ยว
ของฮองเฮาผ่านไปแล้ว ท่านเสนาบดีหยวนก็พูดกับเซียวจ้าวจงว่า “ข้า
คิดว่า ให้พระนางทั้งหลายไปพํานักที่น่ันก่อนชั่วคราว ไม่ทราบท่านอ๋อง
คิดเห็นเช่นไร?”
หลังตระกูลซือหม่าถูกกวาดล้างแล้ว จวนกั๋วกงเดิมก็ถก
ู ปิด ราช
สํานักก็ยังไม่ได้ไปจัดการอย่างละเอียด แต่ว่าซือหม่าหลันร�ารวยมานาน
กว่าสิบปี จวนซือหม่าเองก็ยึดพื้นที่จํานวนมาก มีเรือนจํานวนมาก
หลังจากฮองเฮาออกจากวัง ขบวนกว่าร้อยคน การจะหาที่พก
ั ในเมือง
หลวงสักที่มันก็ไม่ง่าย จวนซือหม่าเองก็เป็นสถานที่ที่ดี เซียวจ้าวจงพูด
ว่า “แล้วแต่ท่านเสนาบดีหยวนเลย”
หยวนโม่เสียนยกมือคํานับแล้วรีบไปทันที
มีกลุ่มคนรุมด่าฉีหนิงอย่างรุนแรง ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า
“ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสดนะ อย่าด่าแบบนี้กลางถนนสิ ยังไงก็เป็นขุนนางราช
สํานักกัน เห็นแก่หน้าตาตัวเองกันบ้าง” น�าเสียงของเขาไม่ได้ดังมาก
แต่ว่ามันก็ทําให้พวกขุนนางเงียบลง
ท่านเสนาบดีหยวนยกมือขึ้น เหมือนบอกให้ทก
ุ คนเงียบก่อน เขา
มองขึ้นไปด้านบน ทุกคนให้เกียรติเขามาก พอทุกคนเงียบหมดแล้ว เขา
มองขึ้นไปบนกําแพงวังแล้วพูดว่า “ฉีหนิง สถานการณ์ตอนนี้ เจ้าเองก็
เห็นแล้ว กําลังของเหล่าองครักษ์ ทําอะไรทหารที่อยู่นอกวังไม่ได้เลย
พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นทหารกล้าของแคว้นฉู่เรา เจ้าอยากจะลงมือ
เข่นฆ่าทหารของต้าฉูจ
่ ริงๆ เหรอ? รูว
้ ่าทําไม่ได้แต่ร้ันที่จะทําอีก ทําร้าย
คนอื่นก็เหมือนทําร้ายตัวเอง จะทําแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน?”
เซียวจ้าวจงนิ่งมาก เขาไม่ได้พูดอะไรเลย
เซียวจ้าวจงเหลือบไปมองพวกหลูเซียวกับขุนนางอีกหลายคน แล้วก็
มองไปที่เสนาบดีหยวน จากนั้นก็เงยหน้ามองไปบนกําแพงวังแล้วพูดว่า
“ได้ หลังจากสิบสองชั่วยาม ข้าจะรอรับหัวของเจ้าเอง”
เล่มที่ 47 บทที่ 1391 ช่วงเวลาครั้งสุดท้าย
ฉีหนิงกับเซียวจ้าวจงนัดหมายกัน โดยกําหนดเวลาสิบสองชั่วยาม
เป็นเส้นตาย หากภายในสิบสองชั่วยามฉีหนิงไม่พบหลักฐานว่าเซียว
จ้าวจงทําร้ายฮ่องเต้ ฉีหนิงก็ต้องมอบตัว
ทุกคนต่างฟังเข้าใจชัดเจน หลูเซียวคิดว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้ง
นี้มันมีอะไรแปลกๆ อีกทั้งยังสงสัยด้วยว่าเซียวจ้าวจงกําลังแสดงละคร
อยู่ เซียวจ้าวจงมีอํานาจการทหารในมือ แค่ออกคําสั่ง ก็สามารถบุกเข้า
ไปในวังได้เลย อีกอย่างในสถานการณ์แบบนี้ ก็ไม่มใี ครขวางเขาได้ แต่
เซียวจ้าวจงกลับรับปากเงื่อนไขของฉีหนิง
หากในใจของเขาคิดไม่ซ่ อ
ื กังวลว่าฉีหนิงจะหาหลักฐานมาได้
เซียวจ้าวจงไม่นา่ จะให้เวลาฉีหนิง แต่ในเมื่อเซียวจ้าวจงกล้าให้เวลาเขา
รวมพวกของหลูเซียวกับขุนนางคนอื่นก็อดคิดไม่ได้ว่า หรือว่าเซียวจ้าว
จงจริงใจจริงๆ
“ท่านอ๋อง ทําไมถึงได้รบ
ั ปากเงื่อนไขของเขาล่ะ?” โต้วขุยอดไม่ได้
พูดว่า “เขาเจ้าเล่หม
์ าก เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ข้าน้อยคิดว่า ควร
จะบุกเข้าวังไปเลยน่าจะดีกว่า”
เซียวจ้าวจงยิ้ม ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เมื่อเราบุกวัง ทั้งสองฝ่าย
จะต้องบาดเจ็บล้มตาย ทหารหลวงชํานาญกาศึก ข้าไม่อยากเห็นทหาร
ของเร้าองฆ่ากันเองเพราะฉีหนิง” เขาเหลือบไปมองฉีหนิง แล้วพูดว่า
“ในเมื่อเขาใส่รา้ ยข้าว่าทําร้ายฝ่าบาท ข้าก็จะให้เวลาเขาได้พส
ิ ูจน์ ข้าก็
อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะหาหลักฐานที่มน
ั ไม่มีอยูจ
่ ริงออกมาได้
ยังไง ข้ารู้ว่าพวกขุนนางมีคนยังสงสัยในตัวข้าอยู่ ข้าก็อยากจะให้พวก
เขาพิสจ
ู น์ด้วยตาตัวเอง”
ถึงแม้เซียวจ้าวจงจะมีอํานจาจการทหารในมือ แต่หากเขาต้อง
หารให้เหล่าขุนนางสนับสนุนเขาขึ้นนั่งบัลลังก์ก็จะต้องขจัดความสงสัย
ในตัวของเหล่าขุนนางก่อน
ในสถานการณ์แบบนี้ การกําจัดความเคลือบแคลงใจเป็นสิ่งที่เขา
ต้องทํา
ฉีหนิงคาดเอาไว้แล้วเขาเซียวจ้าวจงไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน เรื่อง
จริงก็เป็นไปตามนั้น
ชื่อตันเหมยแฝงตัวในขบวนของฮองเฮาออกจากวังไปแล้ว
หลังจากนี้ช่ อ
ื ตันเหมยก็จะทําตามแผนการที่เขาวางเอาไว้ ภายในสิบ
สองชั่วยาม มันเพียงแต่ที่จะทําตามแผนแล้ว
แต่สิ่งที่เขาคิดจะแม่นยําแค่ไหน ชื่อตันเหมยจะทําตามแผนได้
สําเร็จไหม ฉีหนิงไม่อาจควบคุมมันได้เลย
ครั้งนี้เซียวจ้าวจงคิดชิงบัลลังก์ ฉีหนิงกับเขาสู้กับเขาก็ตกเป็นรอง
มาแต่แรกแล้ว เซียวจ้าวจงอดกลั้นมานานหลายปี แม้แต่ฉห
ี นิงเองก็
ไม่ได้ระวังเขาเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าท่ามกลางสนามรบ เซียวจ้าว
จงหลบอยู่ในที่มืด ส่วนฉีหนิงอยู่ในที่แจ้ง แผนการของเซียวจ้าวจงกํา
เนินไปทีละก้าว ฉีหนิงเป็นผู้ถก
ู กระทําตลอด สนามรบครั้งนี้กําลัง
จะต้องใช้กําลังทหารฆ่าฟันกัน ฉีหนิงก็ยังตกเป็นรองเขาอยู่ เขารู้ดีหาก
ต้องการพลิกสถานการณ์ ก็มีโอกาสเพียงครั้งเดียว เขายอมเดิมพันกับ
มัน
“กั๋วกง .....”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” ฉีหนิงยกมือตบไปที่หว
ั ไหล่ของหวีเปียกู่ เขายิ้ม
แล้วพูดว่า “ครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า ถือเป็นเกียรติของข้า
มากแล้วนะ อดีตฮ่องเต้ทรงมองการณ์ไกลมากจริงๆ” เขามองลงไป
ด้านล่างแล้วพูดว่า “ที่นี่ฝากเจ้าไว้ก่อนนะ” เขาไม่พูดมากอะไรอีก เดิน
ลงจากกําแพงวังไป
เซียนเอ่อร์ขยับปาก แต่ไม่ได้พด
ู อะไร
ฉีหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเองก็ไม่รูว
้ ่าจะรอดไปได้ไหม หาก
ข้ารอดมาได้ ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน ไม่อย่างนั้น ......” ท่าทางของเขา
เศร้าลง แต่ไม่นานก็ยม
ิ้ แล้วพูดว่า “ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้วนะ อย่างน้อย
ข้าก็ยังมีเวลาอยู่กับเจ้าอีกสิบสองชั่วยาม น่าเสียดายที่เจ้าบาดเจ็บ
ไม่อย่างนั้นข้าคงให้เจ้าเล่นพลับพลึงสีเลือดให้ข้าฟังแล้ว”
“ชาวกู่เซี่ยงงั้นเหรอ?” ฉีหนิงตะลึงไป
ก่อนหน้านี้ที่เขาไปยังแคว้นกู่เซี่ยง ฉีหนิงก็รู้เรื่องราวความลับ
ของต้าจงซือมาประมาทหนึ่ง และมั่นใจว่าต้าจงซือนั้นอาจถือกําเนิดมา
จากแคว้นกู่เซี่ยง
จากปากของซีเหมินอู๋เหิงในเวลานั้น ฉีหนิงรู้ว่าพวกเขามี
ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องที่ไม่ธรรมดาเลย
ตอนที่มอ
ู่ วินโหวยังเป็นองค์ชายอยู่ เขาแอบเดินทางไปยังแคว้นกู่
เซี่ยง ส่วนเจ้าเกาะไป๋อวิ๋นหม้อหลันชางนั้นตอนนั้นยังเป็นทาสรับใช้
ของเขาอยู่ และได้เดินทางไปยังที่น่ันเช่นกัน แม้แต่เป่ยกงเหลียนเฉิง
เอง ก็ยังเดินทางไปในแทบนั้นเพื่อค้นหาศาสตร์ของกระบี่ ถึงแม้จะไม่มี
หลักฐาน แต่คิดว่าน่าจะไปที่แคว้นกู่เซี่ยง
นั่นก็หมายความว่า ต้าจงซือในเวลลานั้นล้วนแต่มาที่แคว้นกู่เซี่ยง
ตี้ฉานมีความสามารถในระดับต้าจงซือ แต่นางกลับปลอมตัวสวม
รอยเป็นเฟิ่งอิ่งฮูหยิน จนถึงตอนนี้ฉห
ี นิงยังไม่รูฐ
้ านะที่แท้จริงของนาง
เลย และไม่มีหลักฐานว่านางไปที่แคว้นกู่เซี่ยงด้วย
แต่จ่ัวเซียนเอ่อร์กลับบอกว่าหกภูตตี้ฉานกลับมีสองคนเป็นแคว้นกู่
เซี่ยง นั่นมันเป็นหลักฐานว่าตี้ฉานนั้นไปที่แคว้นกู่เซี่ยงอย่างนั้นเหรอ?
ฝ่าอ๋องกับหม้อหลันชางหายามาบรรเทาความเจ็บปวด อีกทั้งยัง
แอบแปลกเปลี่ยนของกันด้วย การที่นางออกค้นหายา มันก็เข้าใจได้
“แล้วเจ้าล่ะ .....?”
เซียนเอ่อร์มีผิวขาวและเป็นหญิงสาวชาวใต้โดยธรรมชาติเป็นไป
ไม่ได้ที่เธอจะเกิดมาในแคว้นกู่เซี่ยง เซียนเอ่อร์นิ่งไปแล้วพูดว่า “พ่อ
ของข้าเป็นพ่อค้า เขาเป็นชาวแคว้นฉู่ ในเวลานั้นแคว้นฉู่และฮั่นไม่ได้สู้
กันดุเดือดขนาดนี้ และเคยเปิดเส้นทางการค้าแลกเปลี่ยนกัน ท่านพ่อ
รับสินค้าหนังจากเป่ยฮั่นมาขายที่แคว้นฉู่ .....” นางเงยหน้ามองฟ้า
เหมือนกําลังนึกถึงเรื่องในอดีตอยู่ “เดิมทีการค้าของเรารุง่ เรืองมาก เรา
อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ว่าไม่รูท
้ ําไมจู่ๆ ถึงได้ไปผิดใจกับ
ขุนนางคนหนึ่งได้ เลยถูกลงโทษ ก่อนท่านพ่อจะถูกจับ ให้เตรียมการให้
เราได้หนี หลังจากที่เราหนีไปได้ไม่นาน ท่านพ่อก็ถูกคุมตัวไป ท่านแม่
ข้าไปสืบข่าว ถึงได้รู้ว่าพวกเขายัดข้อหาสายลับให้กับท่านพ่อ ไม่เพียง
ถูกยึดทรัพย์ ท่านพ่อเองก็ตายในคุกด้วย ......”
ฉีหนิงรู้สึกว่าตัวของนางสั่น เลยจับมือของนางเอาไว้
“ท่านแม่พาข้าหนีไปทางเหนือ จนมาถึงพื้นที่หญ้า แต่ว่าไม่นาน
นางก็ปว
่ ยหนัก” เซียนเอ่อร์พูดว่า “เราอาศัยอยู่บนท้องทุ่งไม่มท
ี ี่พ่ึง ไม่
นานท่านแม่ก็ตายไป ข้าจําได้ว่าตอนนั้นข้าอายุสี่ขขวบ หลังจากทําศพ
ของแม่แล้ว ชายแก่เลี้ยงแกะคนหนึ่งมาช่วยทําศพให้ท่านแม่ แต่ว่าข้า
ต้องไปเป็นทาสของเขา .....” นางพูดว่า “ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก อีกทั้ง
ข้าก็ไม่สิทธิจะเลือก หลังฝังศพแม่ขา้ แล้ว ข้าก็ตามเขาไปเลี้ยงแกะ .....”
ฉีหนิงเข้าใจแล้วว่าทํามาเสียงดนตรีของนาง ถึงได้ลึกซึ้งมาก
เพราะนางถูกกระทํามาก่อน การใช้ชีวิตแบบนั้น ไม่นา่ เชื่อเลยว่านางจะ
เคยใช้ชีวิตแบบนั้นด้วย
เด็กผูห
้ ญิงอายุสี่ขวบคนหนึ่ง พ่อแม่ตายหมด อาศัยอยู่บนท้องทุ่ง
เป็นทาสคนอื่น มันเป็นสถานการณ์ที่ย�าแย่มาก
เซียนเอ่อร์เห็นฉีหนิงมองมาที่นางอย่างเห็นใจ นางก็ย้ม
ิ แล้วพูด
ต่อว่า “ตาแก่น่น
ั ไม่ได้คิดดีอะไรหรอก เขา ......” พอพูดมาถึงตรงนี้แล้ว
สายตาของนางก็เปลี่ยนไป “คืนนั้นเขากลายเป็นเหมือนสัตว์ป่า ข้าวิ่ง
หนีด้วยเท้าเปล่า ทุ่งหญ้าใหญ่มาก ข้ามองไม่เห็นใครเลย เขาเหมือน
หมาป่าตัวหนึ่ง ที่วิ่งตามข้าตลอด หาก .... หากไม่ใช่เพราะตี้ฉาน ข้าคง
ตายไปแล้ว”
“ข้าแค่โกรธที่ตัวเองไม่ได้อยูก
่ ับเขาตอนนั้น ไม่อย่างนั้นข้าจะลง
มือให้เอง” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตี้ฉานช่วยเจ้าไว้ นางเป็นผูม
้ ี
พระคุณของเจ้า”
“ถูกต้อง นางเป็นผูม
้ พ
ี ระคุณของข้า หากไม่ได้นาง ข้าคงตายไป
นานแล้ว” เซียนเอ่อร์พูดว่า “ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นางก็รับเลี้ยงข้าไว้
นางไม่เพียงดูแลการใช้ชีวิตของข้า ยัง ..... สอนวรยุทธ์ข้าด้วย ตอนนี้
นางรับเลี้ยงเด็กมาสี่คนแล้ว หลังจากนั้นหนึ่งปี นางถึงได้รับต้าลี่มาเลี้ยง
อีกคน นางบอกว่าเราหกคนจะเป็นภูตข้างกายของนาง แล้วก็มอบชื่อ
ให้กับเรา บอกเราว่าบนโลกใบนี้ไม่มีความเป็นธรรมไม่มีความรู้สึกที่
เป็นจริง นางจะพาเราไปกําจัดมารร้ายบนโลกนี้ท้ังหมด”
ฉีหนิงพยักหน้า ภูตทั้งหกของตี้ฉานได้รบ
ั การช่วยเหลือตอนที่
เผชิญอันตราย พวกเขาต้องทุกข์ทรมานกันมาแต่เล็ก เลยโกรธแค้นโลก
ใบนี้มาก เลยถูกหลอกใช้ อบรมพวกเขาให้เป็นคนไม่ดี
“ตอนที่ตี้ฉานรับเลี้ยงเจ้า เหยียนหมอเองก็เหมือนจะอายุมาแล้ว
นะ” ฉีหนิงพูดว่า “ตอนนั้นตี้ฉานอายุเท่าไหร่กัน?”
“เหยียนหมอเป็นคนที่อายุมากที่สุดในบรรดาหกคน แล้วก็ติดตาม
ตี้ฉานมานานที่สุด” เซียนเอ่อร์พูดว่า “นางรับเลี้ยงข้า ตอนนั้นเหยียน
หมออายุสิบสองแล้ว วรยุทธ์เริ่มเห็นผล ดังนั้นเขาถือว่าเป็นพี่ใหญ่ของ
เรา เขาก็ถูกรับเลี้ยงมาเหมือนกัน ....” นางเหมือนจะคิด แล้วพูดว่า
“ส่วนตี้ฉานอายุเท่าไหร่ เราเองก็ไม่เคยรู้เลย ข้าจําได้ว่าตอนที่นางรับ
เลี้ยงข้า นางดูเหมือนคนอายุสามสิบเหมือนจะแก่กว่าเหยียนหมอ
ประมาณหนึ่ง แต่ว่าเหยียนหมอบอกว่า ตอนที่นางรับเลี้ยงเขา หน้าตา
ของนางก็แบบนี้ เหมือนว่านางไม่แก่ไปเลย”
ฉีหนิงเหมือนจะคิดถึงเป่ยกงเหลียนเฉิงกับหม้อหลันชางขึ้นมาอีก
พวกเขาเหมือนจะไม่แก่ลงไปเหมือนกัน หน้าตาของพวกเขายังดู
เหมือนตอนหนุม
่ ๆ เหมือนเวลาจะทําอะไรเขาไม่ได้เลย
“คืนชีพ?”
“นางพูดว่าอะไรบ้าง?”
“ตี้ฉานพูดแบบนี้ นานเท่าไหร่แล้ว?”
“ตั้งแต่เหยียนหมอยังเด็กนางก็เป็นแบบนี้แล้ว ตอนที่ข้าอยู่กับนาง
ได้ยินมากว่าสิบครั้ง ......” เซียนเอ่อร์ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “อย่างน้อยๆ
ก็น่าจะประมาณสามสิบปีแล้วล่ะ .......”
เซียนเอ่อร์ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตี้ฉานมีความรู้สึกลึกซึ้งกับคนๆ
นั้นมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ทําแบบนี้”
“เมื่อสองปีก่อนข้ากับเหยียนหมอก็ได้รับคําสั่งจากนาง ให้มาที่
เมืองหลวง” เซียนเอ่อร์พูดว่า “ตอนนั้นเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไม
นางถึงได้ส่ังให้เรามาที่นี่ แต่ว่าคําสั่งของนางก็คือ ไม่ว่าเรื่องอะไรให้ฟงั
คําสั่งของเหยียนหมอก็พอ ส่วนเรื่องอื่น ตอนนั้นข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
นางหยุดไป แล้วพูดต่อว่า “เหยียนหมอแอบติดต่อกับเซียวจ้าวจง เรื่อง
นี้ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ว่าต่อมาเหยียนหมอบอกข้าว่า ที่ตี้ฉานให้เรามาเมือง
หลวง เพื่อตามหาของชิ้นหนึ่ง ขอชั้นนั้นสําคัญมา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วย
อะไร ก็ต้องนํามันมาให้ได้”
“เจ้าหมายถึงพิณเฟิ่งหวง?”
เซียนเอ่อร์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเกรงว่าเหยียนหมอเองก็ไม่รู้ว่า
พิณนั่นจะเอาไปทําอะไร เหยียนหมอบออกว่าพิณนั่นน่าจะซ่อนอยู่ใน
วังหลวงของแคว้นฉู่ อย่าได้รีบร้อน ทําได้ค่อยๆ ตามหา” เขาหยุดไป
แล้วพูดว่า “เขาบอกว่านอกจกตามหาพิณเฟิ่งหวงแล้ว ต้องช่วยทํางาน
ให้ท่านผู้หนึ่งด้วย ให้ขา้ คอยหาข่าวให้ แล้วที่ที่มีข่าวเยอะมากที่สุดนั้น
ก็คือแม่น�าฉินไหว”
ฉีหนิงเหมือนจะเข้าใจแล้ว “ดังนั้นเจ้าเลยปรากฏตัวในงานแข่งขัน
ราชินีดอกไม้ที่แม่น�าฉินไหวใช่ไหม?”
“ทุกอย่างเหยียนหมอจัดการเอาไว้หมดแล้ว เขาสร้างประวัติให้ข้า
ใหม่ ต่อให้มค
ี นตรวจสอบ ก็จะไม่เจออะไร” เซียนเอ่อร์พูดอย่างเศร้าๆ
ว่า “เดิมข้าก็ทําตามที่เขาสั่งทุกอย่าง เจอพวกคนใหญ่คนโตมากมาย
ได้ข่าวสารจากพวกเขามามาก แต่ว่า .....” หน้าของนางเริ่มแดง นางก้ม
หน้าลง
ฉีหนิงพูดว่า “แต่ว่าคนแรกที่เจ้าเจอก็คือข้าจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อ”
“ที่จริง ...... ที่จริงเซียนเอ่อร์รู้ฐานะของโหวเยว่แล้ว ก็ ...... ก็รู้ว่า
ฐานะของท่านสูงส่ง อาจจะได้ข้อมูลไม่ได้เลย” เซียนเอ่อร์เหมือนพูด
อย่างเสียใจ
ฉีหนิงเองก็นก
ึ ถึงเรื่องในคืนนั้น ตัวเขาก็ถือว่าเป็นสุภาพบุรุษพอ
ไม่ได้มีอะไรที่เสียมารยาทเกินไป
“โหวเยว่น่าจจําได้ว่าคืนนั้นมีคนลอบเข้ามาทําร้าย ข้าถูกสกัดจุด
แล้วสลบไป” นางกัดฟันแล้วพูดว่า “ที่จริงเซียนเอ่อร์ไม่ได้หลับไป ตอน
ที่โหวเยว่ออกไป ท่านให้เกียรติข้ามก ไม่ได้คิดจะล่วงเกินข้าเลย อีก
อย่าง ...... ยังห่มผ้าให้ข้าด้วย ตอนนั้น ..... ตอนนั้น .....” นางไม่ได้พูด
ต่อ ฉีหนิงรู้ว่านางน่าจะเพราะการกระทําของเขา เลยเกิดความรู้สึกดี
ด้วย เขาคิดในใจว่าเขาก็ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ว่ามันก็ไม่ดีที่จะฉวยโอกาส
“หากคืนนั้นข้า ..... ข้าคิดไม่ดีกับเจ้า เจ้าจะทํายังไง?” ฉีหนิงถอน
หายใจแล้วพูด
พอเขาคิดดีดีแล้ว ก็เหมือนเริม
่ เข้าใจหลายอย่าง หากคืนนั้นไม่ใช่
เขาที่ข้น
ึ เรือของนาง แต่เป็นผูช
้ ายคนอื่น เซียนเอ่อร์ต้อนรับพวกเขา
แล้วถ้าเป็นผู้ชายคนนั้นคิดจะทําอะไรนาง นางก็จะใช้วิชาของนางทํา
ให้ผู้ชายพวกนั้นสมหวัง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย
“โหวเยว่จะไปแล้วเหรอ?” เซียนเอ่อร์จับแขนของเขาเอาไว้
ท่าทางน่าสงสารมาก
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ไม่ไป ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่นี่ ครบสิบสอง
ชั่วยามเมื่อไหร่ ข้าอยากจะอยู่กับเจ้าอีกคงทําไม่ได้แล้ว ยังเหลือ
ช่วงเวลาสุดท้าย ข้าจะอยู่กับเจ้า”
ฉีหนิงคิดว่าคนของตี้ฉานได้รบ
ั คําสั่งให้ไปทํางานคนล่ะอย่าง แต่ไม่
รู้ว่าใครไปทําอะไร มีแค่เหยียนหมอที่เหมือนจะรู้มากที่สุด
“แล้วตอนนี้ตี้ฉานอยู่ในเมืองหลวงหรือเปล่า?” ฉีหนิงถาม
เซียนเอ่อร์ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เหยียนหมอบอกว่าตี้ฉานมีเรื่องต้อง
ไปทํา ไม่อยู่ในเมืองหลวง เขายังบอกอีกว่าเซียวจ้าวจงคุมอํานาจใน
เมืองหลวงไว้หมดแล้ว ขอแค่กําจัดท่านได้ เขาก็สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์
ได้แล้ว งานของเราก็ถือว่าเสร็จ”
“ดูท่าทางแล้วนางก็คิดให้พวกเจ้าช่วยเซียวจ้าวจงขึ้นครองบัลลังก์
จริงๆ” ฉีหนิงท่าทางเคร่งเครียดมาก “พวกเจ้าทํางานให้นาง เหมือนจะ
เป็นการช่วยเซียวจ้าวจง นางทําถึงขนาดนี้ เซียวจ้าวจงกับนางเป็น
อะไรกัน?”
“ข้าเองก็เพิง่ จะรู้ว่าเรากําลังช่วยเซียวจ้าวจงขึ้นบัลลังก์เมื่อไม่
นานมานี้เอง แต่ว่าทําไม เหยียนหมอบอกแค่ว่าเป็นคําสั่งของตี้ฉาน”
เซียนเอ่อร์พูดว่า “เซียนเอ่อร์เองก็ไม่รูว
้ ่าตี้ฉานทําไมให้ความสําคัญกับ
เซียวจ้าวจงมากขนาดนี้ คราวนี้ ...... คราวนี้เพื่อให้เขาได้ข้ึนครอง
บัลลังก์ พวกเขาสองคนถึงกับยอมมอบ ......” นางไม่ได้พูดต่อ
ฉีหนิงเองก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้ากับพวกเขาไม่ถก
ู กัน ไม่ใช่
เขาตายก็คือข้า”
บนตัวตี้ฉานมีความลับมากมาย นางเป็นใครมาจากไหน
นอกจากนี้นางกับเซียวจ้าวจงเป็นอะไรกัน ยังมีคนที่นางอยากจะช่วย
ให้ฟ้ นแล้
ื ว มันอะไรกันแน่?
จนถึงฟ้ามืด ก็แทบไม่เห็นเงาของใครเลยสักคน
จวนไหวหนานอ๋องเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่มากในเมืองหลวง ฮ่องเต้
ไท่จงกับอดีตฮ่องเต้ทรงให้ความดูแลไหวหนานอ๋องเป็นอย่างดี จวนไหว
หนานอ๋องมีแต่ขยายกว้างขึ้น ถือเป็นจวนที่ดีที่สุดในเมืองหลวงแล้ว
จวนของสี่บรรดาศักดิ์โหวสืบทอดยังเล็กกว่ามาก
เมื่อก่อนจวนอ๋องมีแต่ความคึกคัก ไหวหนานอ๋องจัดงานเลี้ยงอยู่
บ่อยๆ แต่หลังจากเกิดเรื่องที่สุสานหลวง จวนไหวหนานอ๋องถูกตรวจ
ยึดทรัพย์ไป จวนแห่งนีก
้ ็ไม่ต่างจากจวนร้าง มีแค่เซียวจ้าวจงที่ถูกกัก
บริเวณแต่ยังได้รับความสําคัญอยู่ แต่มห
ี มอประจําตัวคอยดูแลอีกคน
หลังจากที่เซียวจ้าวจงพลิกคดีของไหวหนานอ๋องเซียวจางแล้ว
ทหารรอบจวนก็ไม่มแ
ี ล้ว แต่เซียวจ้าวจงไม่ได้กลับมาที่จวนอ๋องอีก ใน
จวนอ๋องยังคงเงียบร้างเหมือนเดิม จวนอ๋องขนาดใหญ่แต่ไม่มีใครเลย
พอตกดึก มันเหมือนบ้านผีสิงเลย
ที่ดินศักดินาของไหวหนานอ๋องมันเยอะมาก อีกทั้งยังได้ของ
พระราชทานมาบ่อยๆ นอกจากนี้ไหวหนานอ๋องยังแอบให้คนไปทํา
การค้า ไหวหนานอ๋องก็ถือได้ว่าเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งในราชสํานัก ท่าน
อ๋องคนนี้ก็ไม่เคยผิดต่อตัวเอง ทุกอย่างในจวนเขาสั่งทําจากไม้อย่างดี
ทั้งหมด แม้แต่ขา้ วของเครื่องใช้ ก็ต้องเป็นของที่ดีที่สุด โต้วขุยพาคนมา
ตรวจค้น กวาดขอในจวนไปหมดแล้วนําไปออกขาย ได้เงินมามากมาย
ทําให้ในจวนอ๋องแทบจะร้าง
ประตูจวนปิดสนิท ช่วงเย็นมีคนของพรรคกระยาจกหลายคนเดิน
วนรอบจวนอยู่ หลังจากฟ้ามืดแล้ว ก็มเี งาของหลายคนโผล่ออกมาใกล้
จวน แล้วค่อยๆ เข้าใกล้จวนอ๋อง
ประตูเมืองทางตะวันออก ทอดยาวตรงไปยังคฤหาสน์อันงดงาม
ด้านหน้าประตูแท่นบูชาหินสองแท่น ซ้ายและขวามีเสาธงสูงตั้งอยู่ มีธง
ที่ปักรูปพระอาทิตย์สีแดงปลิวไสว ถึงแม้ตอนนีฟ
้ ้าจะมืดแล้ว แต่โคมไฟ
ที่ประตูก็ยังคงเป็นสีแดงราวกับสีเลือดเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ยามเช้า
ส่วนธงด้านซ้ายมือเป็นธงที่ปก
ั คําว่าสํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื
บนประตูมีการประดับประดาเครื่องประดับรอบป้ายชื่อคําว่า
“สํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื ”
วังหลวงถูกล้อม สํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื ก็เหมือนชาวบ้านทั่วไปที่ปิด
ประตูแน่นหนา ไม่ทําการค้า แต่ในเวลาแบบนี้ ก็ไม่มใี ครมาฝากทํา
ธุรกรรมอะไรหรอก
สํานักคุ้มภัยใหญ่สี่เจ้าในเมืองหลวง สํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื เป็นร้านที่
ใหญ่ที่สด
ุ ใครหลายคนก็รู้ดี เจ้าของสํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื อย่างติงอี้ถูก็สนิม
สนมกับโต้วขุยไม่น้อย
ในบรรดาสํานักคุ้มภัยใหญ่ท้ังสีแ
่ ห่ง สํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื เป็นสํานักที่
เปิดช้าที่สุด เส้นทางการขนส่งก็เหมือนจะถูกอีกสามเจ้าผูกขาดไปกัน
หมด เส้นทางสายพวกนั้นรับไม่ได้เลย สํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื เลยรับแต่งาน
เล็ก ซึ่งก็ลําบากมาก แต่ว่าต่อมาไม่รู้ว่าติงอี้ถูใช้วิธีอะไร ไปติดต่อ
โต้วขุยได้ ระหว่างการศึกแม่นา� ฉินไหว ช่วยขนส่งเสบียงอาหารให้กับ
กรมคลัง ชื่อเสียงของสํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื ก็โด่งดังขึ้นมา ไม่เพียงทําให้
การค้าดีข้น
ึ ยังผูกขาดการค้าทางเหนือไว้ได้หมด
มันก็ไม่ใช่ว่าราชสํานักไม่มีทหารคุ้มกันเสบียง แต่ว่าสํานักคุ้ม
กันซวี่ร่ อ
ื ทําการค้าเรื่องการคุ้มกันเสบียงสิ่งของเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีก
ทั้งพวกเขาเสนอตัวเองไม่รับค่าจ้าง สําหรับกรมกลาโหมแล้ว ถ้าเสบียง
ไม่เสียหาย ได้กําลังคุ้มกันเพิ่มมันก็ดีกว่ามาก
หลังจากที่สํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื เริ่มมีฐานะขึ้น กรมคลังก็มอบหน้าที่
การขนส่งภาษีมอบให้กับติงอี้ถูด้วย ภายในเวลาไม่กี่ปี สํานักคุ้ม
กันซวี่ร่ อ
ื ก็โตมาจนเป็นสํานักที่มีความแข็งแกร่งมาก
ติงอี้ถูประจําอยู่ที่สํานักงานใหญ่ในเมืองหลวง ภายในสํานักมีคน
กว่าร้อยคน นอกจากคนบางส่วนที่เคยอยู่ในกองทัพมาก่อนแล้ว ยังมี
คนในยุทธภพส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งในช่วงสองปีที่ผา่ นมาก็ไม่เห็นติงอี้ถูออก
ส่งสินค้าด้วยตัวเองเลย
ทหารบุกเข้าวังหลวง สํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื เดิมทีคิดว่าคงไม่สามารถ
ทําการค้าได้อีก แต่ว่าพอฟ้ามืด กลับมีคนมาเคาะประตู มีชายวัย
กลางคนสวมชุดดูดี พร้อมคนติดตามสองคนมาที่สํานักคุ้มภัย บอกว่า
จะมาจ้างงาน ตามกฎของสํานักคุ้มภัย ถ้ามีแขกมาหาถึงที่ จะต้องเชิญ
เข้าไปดื่มชาในสํานัก หลังจากนั่งลงเอาน�าชามาให้แล้ว รองหัวหน้า
สํานักไป่หลีก็มาต้อนรับ “ข้ารองหัวหน้าสํานักคุ้มภัยไป่หลี ขอทราบชื่อ
ของท่านได้หรือไม่?” ระหว่างที่พูด ก็ประเมินอีกฝ่ายไปด้วย
คนของสํานักคุ้มภัยต้องเจอคนมากมาย เรื่องการสังเกตคนนั้นเก่ง
มาก จากเสื้อผ้าการกระทําของอีกฝ่าย สามารถบอกได้เลยว่าฐานะ
ตําแหน่งเป็นอย่างไร หากเป็นคนธรรมดา ก็จะหาจังหวะให้คนไล่ไป
หากพอมีฐานะ ก็จะให้รองหัวหน้าออกหน้า หากเป็นคนที่ร้ายกาจมาก
ก็จะให้ติงอี้ถูมารับหน้าเอง แต่ว่าคนที่จะให้ติงอี้ถูมารับหน้าเองนั้นมีไม่
มาก ส่วนมากก็จะเป็นไป่หลีที่มาดูแล
การที่ให้ไป่หลีมาต้อนรับก็ถือเป็นการให้เกียรติมากแล้ว แต่คนนั้น
ยกน�าชาขึ้นเมแล้วเหลือบไปมองไป่หลีแล้วถามว่า “หัวหน้าติงอยู่หรือ
เปล่า?”
สํานักคุ้มภัยกําลังหนามาก ในหลายปีที่ผ่านมามีคนใหญ่คนโตมา
ใช้บริการมากมาน แต่ว่ายังไม่เคยเจอใครที่มาทําลายข้าวของที่นี่เลย
“เชิญ” ไป่หลียกมือส่งแขก
ชายคนนั้นถอนหายใจ “ชื่อเสียงของสํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื โด่งดังไป
ทั่ว คิดไม่ถึงว่าจะมีแค่ช่ อ
ื ข้ามาจ้างงานถึงที่ พวกเจ้ากลับชักดาบ
ออกมาต้อนรับ ทําไม คิดอยากจะให้มก
ี ารนองเลือดหรือยังไง?”
ไป่หลีพด
ู ว่า “หรือว่าท่านไม่รู้ คืนนี้มก
ี ารปิดประตูเมืองทุกแห่งคืน
นี้ยังไงก็ออกไม่ได้ ท่านจะออกจากเมืองในคืนนี้ มันทําไม่ได้หรอก”
หลังจากที่ผู้อาวุโสจูเซวี่ยบุกเข้าไปในจวนไหวหนานอ๋องจากประตู
หลัง คนที่ติดตามเขามาก็ตามเข้ามาด้วย
พรรคกระยาจกเป็นพรรคอันดับหนึ่งในใต้หล้า มันไม่ใช่แค่คําพูด
ลอยๆ ทั้งยี่สิบแปดสาขา ไม่ว่าจะสาขาไหนก็ไม่ต่างกับพรรคเล็กๆ
พรรคหนึ่งในยุทธภพเลย ในฐานะสาขาที่มีกําลังมากที่สุดของเจ็ดสาขา
ทางใต้ จํานวนคนของพวกเขามีไม่น้อย แต่ละคนก็ฝม
ี อ
ื ไม่ธรรมดาเลย
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนที่เก่งอะไรมากในบรรดาสี่ผู้
อาวุโส แต่เขาเป็นคนรอบคอบมาก
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฉีหนิงไม่อยากให้พวกเขาต้องเข้ามาพัวพันด้วย
แต่ผู้อาวุโสจูเซวี่ยก็ยังแอบรวบรวมคนใกล้ๆ เมืองหลวงทั้งหมดมา คน
ที่ใช้ได้ตอนนี้มป
ี ระมาทสองร้อยคน
ฉีหนิงอาศัยการออกจากวังของฮองเฮา ให้ช่ อ
ื ตันเหมยได้ออกจาก
วังมาอย่างปลอดภัย หลังจากที่ช่ อ
ื ตันเหมยรอดไปแล้ว ก็รีบติดต่อไปยัง
พรรคกระยาจก จากนั้นก็ทําตามที่ฉห
ี นิงสั่ง หารือเรื่องรายละเอียดกับ
พรรคกระยาจก
ฉีหนิงคาดว่าถึงแม้ฮ่องเต้จะไม่ได้อยู่ในวัง แต่ยังคงต้องอยู่ในเมือง
หลวงแน่นอน และที่คม
ุ ขังก็นา่ จะมีสองที่ หนึ่งในนั้นก็มีจวนไหวหนาน
อ๋องด้วย
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยคืนนี้พามือดีของพรรคกระยาจกประมาณสิบคน
มาถึงจวนไหวหนานอ๋อง ก็เพื่อตามหาฮ่องเต้
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยไม่แน่ใจว่าฮ่องเต้จะอยู่ในจวนไหวหนานอ๋องหรือ
เปล่า แต่ว่าเขารู้ดีว่า หากฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ที่นี่ ทุกอย่างก็จบ แต่หากฉี
หนิงเดาถูก ฮ่องเต้ถูกขังอยู่ที่นี่ เซียวจ้าวจงต้องจัดคนคุ้มกันแน่นอน
จะต้องเกิดการปะทะแน่นอน
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยถึงแม้จะอายุไม่น้อย แต่ครั้งนี้กลับเหมือนคนหนุ่ม
สติสมาธิกําลังสมบูรณ์ว่องไวมาก
คืนนี้บุกเข้าจวนไหวหนานอ๋อง ผู้อาวุโสจูเซวี่ยเตรียมก่อนไว้
ล่วงหน้าแล้ว หลังจากตกลงกับชื่อตันเหมยได้แล้ว เขาก็รีบส่งคนไปสืบ
ข่าวรอบจวนก่อน เมื่อแน่ใจว่าทหารรอบจวนถอนกําลังไปหมดแล้ว อีก
ทั้งไม่มก
ี ําลังซุม
่ อยู่ เขากับหัวหน้าสาขากุ่ยจินหยางไป๋เซิ่งเฮ่าแยกกัน
เป็นสองทาง และบุกเข้าไปในจวนพร้อมกัน
หลังจากทุกคนแยกย้ายกันไปปฏิบัติการ ทุกคนกระทําการว่องไว
ตรงเข้าไปในส่วนกลางของจวน
จวนอ๋องมีเรือนหลายหลังมาก ต่อให้ฮอ
่ งเต้ถูกขังอยู่ที่นี่จริง จะ
ค้นหาก็ต้องใช้เวลา แต่ว่าความสามารถของศิษย์พรรคกระยาจกคือ
เชี่ยวชาญการสืบค้น ผู้อาวุโสจูเซวี่ยพาคนเข้ามาในเรือนแล้ว ก็มาที่
เรือนกลางก่อน ก็พบทันทีว่าเหมือนจะเงาคนเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า
พวกเขา พวกเขาหยุดเดิน จากนั้นก็ส่งสัญญาณเสียง มีคนตอบรับทันที
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยถึงได้เดินขึ้นหน้าไป มีเงาเดินเข้ามาหา เขาคือไป๋เซิ่งเฮ่า
“ท่านผูอ
้ าวุโส” ไป๋เซิ่งเฮ่ายกมือคํานับแล้วพูดว่า “เรือนด้านหน้า
ไม่มีใครเลย จวนอ๋องเหมือนจะร้างคน”
ไป๋เซิ่งเฮ่าพยักหน้ารับคํา แล้วก็ส่งสัญญาณมือให้กับศิษย์ของพวก
เขา
ก่อนหน้านี้มก
ี ารเตรียมการเอาไว้แล้ว ทั้งสองคนพาคนเข้ามาใน
จวนอ๋องประมาณหนึ่งร้อยคน ก็เพื่อป้องกันในจวนอ๋องมีซุ่มกําลังพล
แต่สิ่งที่สําคัญมากที่สด
ุ ก็คือเพื่อค้นจวนอ๋อง
ศิษย์พรรคกระยาจกเชีย
่ วชาญการสืบค้น ผู้อาวุโสจูเซวี่ยคิดไว้
แล้วว่าจวนอ๋องใหญ่มาก คิดจะหาฮ่องเต้ในจวนใหญ่ขนาดนี้ จะต้องใช้
คนจํานวนมาก
พวกเขาแบ่งศิษย์ออกเป็นสามคนหนึ่งกลุ่ม สิบกลุ่มรับผิดชอบกัน
หนึ่งพื้นที่ หากพบอะไรก็ให้ส่งสัญญาณทันที คนที่อยู่ใกล้ๆ ก็จะมาช่วย
ทันที
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยรีบมาทันที เห็นมีศพนอนกองอยูบ
่ นพื้นสองศพ
จากการแต่งกาย เป็นคนของเขา คนที่ถก
ู แทงก็เป็นคนของพรรค
กระยาจก เขานอนอยู่ที่พ้ น
ื แต่ยังไม่ตาย เขายังชักอยู่ ผูอ
้ าวุโสจูเซวี่ย
พยุงคนๆ นั้นขึ้นมา เขาหายใจโรยรินมาก “มี ..... มีกําลังซุ่ม ......”
จากนั้นก็ตายไป
จูเซวี่ยรู้ว่าพวกเขาสามคนตอนที่กําลังค้นหาถูกลอบโจมตี
จวนอ๋องมีกําลังซุ่มอยู่ แสดงว่าฮ่องเต้อาจจะถูกขังอยู่ที่นี่
“ตามข้ามา” ผูอ
้ าวุโสจูเซวี่ยพูด เขาพาสองคนตามเสียงไป
ในจวนอ๋องเกิดการต่อสู้ข้ึน แต่ภายในวังหลวงกลับเงียบ
ถึงแม้จะมีกองกําลังทหารอยู่ แต่ไม่ว่าจะค่ายเสวียนอู่กับค่ายหู่เสิน
ก็เป็นทหารกล้าของแคว้นทั้งนั้น มีกฎทหารเข้มงวดมาก พวกเขาล้อม
วังเอาไว้ ตอนนี้ก็ประมาทหนึ่งวันแล้ว ไม่ว่าจะทหารในวังหรือว่านอก
วัง ก็ไม่ได้มีท่าทีเหนือยล้าเลย
เพื่อรักษาพลังงานเอาไว้ เซียวจ้าวจงได้ส่ังให้พวกเขานั่งลงกับพื้น
แต่พวกเขาก็ยังมีระบบระเบียบเหมือนดิม ไม่ได้ม่ัว
“รอ?”
กุ้ยเห๋อพูดว่า “เขามีวิธพ
ี ลิกสถานการณ์เหรอ?”
เซียวจ้าวจงพยักหน้า “ไม่ถก
ู ในใจของฉีหนิง รู้สึกว่าขอแค่หาเขา
เจอ ก็จะพลิกกลับมาชนะได้”
กุ้ยเห๋อพยักหน้า แต่ไม่ได้พด
ู อะไร
“เขารู้สึกว่าเขาเองก็หาจุดอ่อนของข้าเจอ คิดจะใช้มันในการตอบ
โต้ข้า แต่ว่า .... เขายังไม่เข้าใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่พบจุดอ่อนของอีกฝ่าย
แล้วจะทําการตอบโต้ หากไม่ระวัง ก็จะตกอยู่ในกับดัก” เซียวจ้าวจงพูด
ว่า “ฉีหนิงให้ฮองเฮาออกจากวัง ให้คนของเขาปะปนออกมา คนๆ นั้น
จะต้องออกมาพร้อมแผนการตอบโต้ด้วย เขาบอกว่าต้องการเวลาสิบ
สองชั่วยามเพื่อหาหลักฐาน เดิมก็เพื่อซื้อเวลาให้เขาได้ตอบโต้เท่านั้น”
กุ้ยเห๋อสีหน้าเปลี่ยนทันที “ในเมื่อท่านอ๋องรูแ
้ ผนการของเขาแล้ว
ทําไมถึงได้ ......?”
“เพราะข้าต้องการให้เขาได้รู้ว่า ละครฉากนี้ มีตัวเอกแค่คนเดียว
คนนั้นคือข้า” เซียวจ้าวจงพูดว่า “ความฉลาดของเขามันก็แค่ตัวตลกที่
อยู่ในกํามือของข้าเท่านั้น ให้เขาลงจากเวลทีก่อนที่ละครเรื่องนี้จะจบ
ลง มันจะทําให้เขาไม่สบายใจ ถ้าอย่างนั้นแล้ว ก็ให้เขาเล่นมันต่อไป
เมื่อเวลามาถึง ก็จะให้เขาได้เห็นเลือดที่นองเต็มพื้น ข้าจะให้เขาได้
เข้าใจ เขามันก็แค่หนอนใต้เท้าของข้าตัวหนึ่งเท่านั้น เขาคิดจะ
พยายามดิ้นยังไง ก็แค่ตัวตลกอยู่ดี”
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยทําอะไรรอบคอบมาก หากใช่ว่าไม่มีทางเลือกเขา
จะไม่ปะทะเด็ดขาด แต่ว่าเขารู้ว่าคืนนี้เขาควรจะต้องลงมือ เขามานั่ง
อยู่ในตําแหน่งนี้ได้ เพราะเขามีประสบการณ์สูงและเพราะฝีมือของเขา
ก็ไม่ธรรมดา
ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมาเขาจะไม่ค่อยจะสู้กับใคร แต่ผู้อาวุโสจูเซวี่
ยกลับไม่ได้ละเลยวรยุทธ์ของตัวเอง เวลาอยูค
่ นเดียว เขาก็ยงั คงฝึกวร
ยุทธ์อยู่ตลอดเวลา
เงาพวกนั้นเหมือนรู้ว่าด้านหลังของเขามีคนไล่ตามมา เมื่อวิ่งไปได้
ระยะหนึ่ง พอมาถึงศาลาแห่งหนึ่ง ก็หยุดลง จากนั้นก็หันกลับมา ผู้
อาวุโสจูเซวี่ยโดดลอยตัวตามมา แล้วจ้องไปยังอีกฝ่าย
อีกฝ่ายมากันสีค
่ น มีอาวุธครบมือ พวกเขามองหน้ากัน จากนั้น ก็
ได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆ ผู้อาวุโสจูเซวี่ยสะดุ้ง เขาหันไปมองตามเสียง
ท่ามกลางความมืด เห็นบนยอดศาลา มีเงาคนหนึ่งยืนอยู่บนนั้น คนนั้น
ผมยาวสยาย ผูอ
้ าวุโสจูเซวี่ยสายตาดีมาก คนๆ นั้นอายุประมาณ
สามสิบ หน้าตาดี เขาไม่รู้จักอีกฝ่าย จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดว่า “พรรค
กระยาจกพรรคอันดับหนึ่งในใต้หล้า มีคนมากสมคําร�าลือ คราวนี้ถึงกับ
กล้าบุกเข้ามาในจวนอ๋อง ใจกล้าไม่เบาเลย คิดจะกบฏเหรอ?”
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยพูดว่า “พรรคกระยจกอะไรกัน?”
“ผู้อาวุโสจูเซวี่ยจะปฏิเสธไปเพื่ออะไร” คนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า
“ถึงแม้ท่านจะไม่รู้จักข้า แต่ข้ารู้จักท่าน ผู้นําของเจ็ดสาขาทางใต้ ไม่ใช่
ท่านหรอกเหรอ?”
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยรู้ว่าอีกฝ่ายรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร ต่อให้เขาพูดไป
แบบนี้ อีกฝ่ายก็อาจจะไม่เชื่อ แต่ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่เชื่อ เขาก็ยังต้อง
พูดแบบนั้นอยู่ดี
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยรู้ดีว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในเมืองหลวง ใน
ฐานะพรรคในยุทธภพ มันไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย หากเรื่องใน
ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉีหนิง ต่อให้จะเปลี่ยนกี่รัชกาล พวกเขาไม่มี
ทางพาคนของพรรคกระยาจกเข้ามายุง่ เกี่ยวแน่นอน เพราะมันจะ
นําพาความยุ่งยากมาให้ในภายหลัง
ถึงแม้เขาจะสั่งให้คนของเขาออกปฏิบัติการจนหมด แต่ว่ามีการ
เปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ถือว่าเป็นการปลอมตัว
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยรู้ว่าต่อให้ทําแบบนี้ ต่อไปก็อาจหนีไม่พน
้ แต่ถึงจะ
แบบนั้น อย่างน้อยต่อไปก็อาจจะกัดไม่ปล่อยแต่ก็อาจจะไม่มากเกินไป
คนนั้นยิม
้ แล้วพูดว่า “คนของพรรคกระยากจกอยู่ท่ัวใต้หล้า หาก
พวกท่านเป็นคนของพรรคกระยาจก ข้ายังคงกลัวอยู่สามคน ในเมื่อ
ไม่ใช่คนของพรรคกระยาจก ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายหน่อย” เขาพูดว่า “บุก
รุกจวนอ๋อง เป็นกบฏแน่นอน จับพวกเขาเอาไว้”
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เอาไม้เท้าประจําตําแหน่งของเขามาม แต่ไม้เท้า
ดํานั่นก็เป็นอาวุธที่ร้ายกาจมาก ไม้เท้าไม่เพียงเลือกใช้เท้าที่แข็งแรง
มาก เวลามันซัดออกไปมันก็หนักแน่นรุนแรง อีกฝ่ายโบกดาบมา เขา
แค่พลิกขอมือทําให้ไม้เท้าหมุน อีกฝ่ายมองจนตาลาย ไม้เท้ามันซัดไปที่
ข้อมือของอีกฝ่าย เสียงกระดูกแตกดังมาก อีกฝ่ายร้องเสียงหลง ไม่รอ
อีกฝ่าได้ต้ังตัว ผู้อาวุโสจูเซวี่ยก็ตวัดไม้เท้าขึ้นไปที่หน้าอกของเขาอย่าง
เต็มแรง ถึงแม้จะไม่เหมือนหอกแทงหน้าอก แต่ว่าก็ทําให้เขากระเด็นไป
ไกลมาก
ธนูยิงมารอบหนึ่งแล้ว จากนั้นก็มีคนโผล่ออกมากว่าสิบคน พวก
เขาไม่พด
ู อะไรเลย พุ่งเข้าหาผูอ
้ าวุโสจูเซวี่ยทันที
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยสะดุ้ง คิดในใจว่าเหมือนอีกฝ่ายคิดไว้แล้วว่าพวก
เขาจะต้องบุกมาในคืนนี้ ที่จริงจวนอ๋องมันคือกับดัก เพื่อล่อให้คนของ
พรรคกระยาจกบุกเข้ามา
อีกฝ่ายเตรียมรับมือไว้แล้ว คืนนี้ยังไงก็ต้องนองเลือดแน่นนอน
พวกเขาคิดจะหนีคิดว่าไม่ง่ายแน่
คนของเขากระจายอยู่ท่ัวจวน อีกฝ่ายมีโอกาสจะโจมตีได้
ตลอดเวลา ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องเรียกพวกเขามารวมตัวกันก่อน เขากวาด
ไม้เท้าไปที่พ้ น
ื จนเกิดเสียง มันเป็นเสียงสัญญาณที่ดังมาก ในจวนอ๋อง
เงียบมากอยู่แล้ว ทําให้เสียงมันดังไปไกลแล้วก็ชัดมาก พอคนของเขา
ได้ยินเสียง ก็รู้ว่ามีสญ
ั ญาณมาจากผูอ
้ าวุโสจูเซวี่ย ก็รีบตามมาสมทบ
คนกว่าสิบคนล้อมผู้อาวุโสจูเซวี่ยกับผู้ติดตามเอาไว้ ทั้งสามคน
ต้องสู้กับคนจํานวนมากแบบนี้ มันไม่ได้เปรียบเลย
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยรู้ว่ามีกับดักจํานวนมากในจวนอ๋อง คนของเขาได้
ยินเสียงสัญญาณจะตามมาสมทบ คิดว่าไม่น่าจะราบรื่น น่าจะถูกขวาง
เอาไว้
คนบนยอดศาลาเห็นผูอ
้ าวุโสจูเซวี่ยเริ่มได้เปรียบแล้ว เขาก็เริ่มมีสี
หน้าที่ดด
ุ ันมากขึ้น เขาโดดลอยตัวขึ้นเหมือนพญาเหยีย
่ ว แต่ไม่ได้รุก
เข้าใส่ผอ
ู้ าวุโสจูเซวี่ยในทันที แต่พุ่งไปหาคนของผู้อาวุโสจูเซวี่ยคนหนึ่ง
คนนั้นกําลังยกมือขึ้นมารับมือศัตรู เขารู้สึกว่ามีลมกําลังจู่โจมมาหาเขา
ปลายตาของเขาเห็นเป็นเงาดําๆ กําลังพุ่งมา ปฏิกิริยาของเขาก็ไว เขา
หมุนตัว แล้วตวัดดาบขึ้นไป แล้วฟันไปที่ส่วนล่างของเงาดํานั่น
ศิษย์ของพรรคกระยาจกตกใจมาก
อีกฝ่ายใช้แค่สองนิว
้ ก็สามารถหักดาบของเขาได้แล้ว ทําให้เขา
ตะลึงไป เขาสะบัดแขน ศิษย์พรรคกระยาจกยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร ก็
รู้สึกว่าคอเย็นๆ เขาถูกปาดคอไปแล้ว
ก่อนที่คนที่อยู่บนยอดศาลาจะลงมือ ศิษย์พรรคกระยาจกต่อสู้ก็
ไม่ได้เป็นรองเลย จูเซวี่ยกับศิษย์พรรคกระยาจกอีกคนคิดไม่ถึงเลยว่า
คนของพวกเขาอีกคนจะถูกตัดหัวในพริบตา พวกเขาทั้งตกใจและโกรธ
มาก จูเซวี่ยตะคอก ไม้เท้าของเขาพุ่งออกไปเหมือนลูกธนูไปยังคนที่อยู่
บนยอดศาลา คนๆ นั้นยิ้ม แล้วหลบไม้เท้าไปได้ง่ายๆ เขาพูดว่า “คืนนี้
จะไม่มีใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว จวนอ๋องจะเป็นที่ฝังศพของพวก
เจ้า แต่ว่าก็อย่าโทษเราเลยนะ จะโทษก็ไปโทษฉีหนิงที่ส่งพวกเจ้ามา
ตายเอง”
จูเซวี่ยคะคอกกลับไปว่า“เจ้าเป็นใคร?”
ที่ไม่ไกลมากมีเสียงการต่อสู้ที่รุนแรงมาก จูเซวี่ยรู้ว่าไม่เพียงแค่
เขาที่กําลังต้องเผชิญกับการต่อสู้ ในจวนอ๋องแทบทุกที่กําลังเกิดการ
ต่อสู้อย่างรุนแรงมาก
“นี่มันวิชาอะไรกัน?” จูเซวี่ยตะลึง
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยถอยหลังต่อเนื่อง ทําให้ไม่สามารถตอบโต้ได้เลย
จากนั้นเขาก็จะได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังออกมาต่อเนื่องไม่หยุด
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยตกใจมาก ไม่รู้เสียงนั่นมันของศิษย์พรรคกระยาจก แต่
เสียงร้องแบบนี้ มันเหมือนมีการบาดเจ็บล้มตายอย่างสาหัส เขาไม่รู้ว่า
ในจวนอ๋องมีกําลังซุม
่ อยู่จํานวนเท่าไหร่ คิดในใจว่าเดิมคิดว่าจะลอบ
เข้ามาในจวนอ๋องเพื่อช่วยฮ่องเต้ แต่ว่าจากสถานการณ์ตอนนี้ ช่วย
ฮ่องเต้เป็นไปไม่ได้ แม้แต่พรรคกระยาจกจะหนีรอดไปในคืนนี้ได้ไหม
มันเป็นปัญหามาก
จากปากของชื่อตันเหมย ฉีหนิงเฝ้าอยู่ในวังหลวง ความหวังเดียว
ของเขาคือการช่วยฮ่องเต้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาไม่อยากจะคิด
เลย
ทันใดนั้นก็ได้ยน
ิ เสียงร้องดังขึ้นมา ผูอ
้ าวุโสจูเซวี่ยมองไปที่ศษ
ิ ย์อีก
คนข้างตัวเขาคนของ เขาถูกแทงไปอีกคน จากนั้นก็เจออีกหลายคนบุก
เข้ามา คนของเขาถูกฟันไปอีกหลายแผล แล้วก็ล้มลงกับพื้น
พริบตาเดียวเขาก็นองจมกองเลือดอยูท
่ ี่พ้ น
ื แล้ว
พอทุกคนได้ยน
ิ ดังนั้น ก็ยกดาบฟันเข้าใส่ผู้อาวุโสจูเซวี่ย ผู้อาวุโสจู
เซวี่ยเขารู้ว่าเสียความได้เปรียบไปแล้ว เขากําหมัดแนน่น แล้วใช้แรง
เฮือกสุดท้ายในการสู้ ดาบกําลังฟันลงมาแล้ว แต่ยังไม่ทันโดนตัว ก็มีธนู
ดอกหนึ่งพุ่งมาที่จุดไท่หยางของคนๆ นั้น มันแทงทะลุหัวเลย ให้คนๆ
นั้นล้มลงกับพื้น
คนๆ นั้นตกใจมาก
เขารู้ว่า พวกที่แอบลอบเข้ามาสังหารตอนที่พวกเขากําลังต่อสูก
้ ัน
อยู่ ที่น่ากลัวคือเขาไม่รู้ตัวเลย เพราะเขาสนใจแต่ผู้อาวุโสจูเซวี่ย แต่ที่
สําคัญกว่านั้นพวกเขาทําการอย่างลึกลับมาก
“เฝ้าจวนอ๋องไง” คนนั้นขมวดคิ้ว
“เมื่อปีก่อนที่ตงไฮ่เกิดคดีข้น
ึ เรื่องหนึ่ง” คนสวมหมวกพูดว่า
“ตระกูลเจียงถือเป็นผูน
้ ําของเหล่าตระกูลใหญ่ของที่น่ัน ผลิตอาวุธบน
เกาะ เพื่อคิดก่อกบฏ ต่อมาถูกทางการกวาดล้าง พวกเขาได้รับการ
ลงโทษ พวกเขามีอํานาจมากในท้องที่ แม้แต่ในเมืองหลวง ก็มีคนของ
พวกเขาเป็นขุนนางหลายคน หลังเกิดเรื่องที่ตงไฮ่ ราชสํานักจัดการคน
ของพวกเขาในเมืองหลวงทั้งหมด แต่ว่าหนีรอดไปได้หนึ่งคน ราชสํานัก
ออกตามหามาตลอด จวนเสินโหวไล่ล่าตัวเขาอยู่ตลอด ขุนนางน้อย
ใหญ่ล้วนแต่มป
ี ระวัติอยู่ที่จวนเสินโหว นักโทษคนนี้น้น
ั ก็อยู่ในนั้นด้วย”
คนๆนั้นพอได้ยน
ิ แบบนั้น ปลายตาของเขาก็กระตุก เขาอดถอย
หลังไปไม่ได้
คนสวมหมวกคือหนึ่งในเจ็ดดาวไถหานเทียนซู่
หากมีแค่คนของพรรคกระยาจก เจียงซุยอวินมั่นใจว่าเขารับมือ
ไหว แต่พอคนของจวนเสินโหวโผล่มา เจียงซุยอวินรู้ทันทีว่า
สถานการณ์มันรุนแรงแค่ไหน วิธีการของพวกเขา ไม่มใี ครเทียบได้เลย
หลังจากยิงธนูไปแล้วรอบหนึ่ง คนของเจียงซุยอวินก็ล้มลงเกือบ
หมด จวนเสินโหวไม่ค่อยลงมือ แต่หากลงมือ ก็ไม่มีคําว่าปราณี
หานเทียนซู่ไม่ได้ตามเจียงซุยอวินไป แค่จ้องไปตามเงาของเขา
ท่ามกลางแสงจันทร์ เจียงซุยอวินเห็นคนที่มาสวมชุดของจวนเสิน
โหว สวมหมวก แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือ ใบหน้าของเขามีแสงสีทองเปล่ง
ประกาย สวมหน้ากากสีทอง เขาลงมือไวมาก เจียงซุยอวินไม่มีเวลาให้
คิดมาก เขารีบซัดฝ่ามือของเขาออกไปทันที
เขาซัดฝ่ามือดาบของเขาไปที่ข้อมือของอีกคน เดิมคิดว่าฝีมือของ
เขาจะต้องทําให้อีกฝ่ายแขนขาดได้แน่นอน ใครจะคิดว่าเมื่อฟันลงไป
แล้ว มือของอีกฝ่ายกลับแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก เจียงซุยอวินตกใจมาก
เขาทําอะไรแขนของอีกฝ่ายไม่ได้เลย แต่ว่าอีกฝ่ายซัดหมัดมาโดน
หน้าอกของเจียงซุยอวินเต็มๆ เขาถูกซัดเต็มแรงจนกระเด็นตกลงมา
อย่างแรงและกระอักเลือดออกมา
เขาใช้มอ
ื เปล่าในการรับมือ เดิมคิดว่าจะทําให้อีกฝ่ายแขนขาดได้
ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เสียท่าให้ แพราะไม่สามารถทําร้ายอีกฝ่ายได้
เลยถูกอีกฝ่ายําร้ายแทน
“ศิษย์พส
ี่ าม ในเมื่อคุณชายเจียงรู้สึกว่าเราใช้คนมากรังแกเขา ให้
ข้าลองปะทะฝีมือกับคุณชายเจียงหน่อยไหม” คนที่สวมหน้ากากค่อยๆ
เดินมา แล้วพูด เจียงซุยอวินอาศัยแสงจันทร์ มองไปที่หน้ากากของเขา
เจียงซุยอวินมือขวาของเขามันไม่ใช่เนื้อ แต่เป็นเหล็ก
หานเทียนซู่พูดว่า “น้องหกคิดอยากจะลงมือเองงั้นเหรอ?”
เจียงซุยอวินสะดุ้ง
เขาอยู่ในเมืองหลวงมานาน จวนเสินโหวเป็นสถานที่ที่เขาเองก็จับ
ตาดูอยู่ สถานการณ์ของจวนเสินโหว เขาเองก็รู้มาไม่นอ
้ ย
ศิษย์คนโตเซวียนหยวนผ่อมีช่ อ
ื เสียงมาก ชวีเสีย
่ วชางคนที่รู้จักก็
มากเหมือนกัน แต่ว่าอู่ชวีเสี้ยวเว่ยเหมือนเป็นปริศนาที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่
เพียงไม่เคยมีใครเห็นหน้าเขา ชื่อของเขา ก็แทบจะไม่มีใครรู้
เคยได้ยน
ิ มาว่าเขาเป็นคนรับผิดชอบอาวุธทุกอย่างในจวนเสินโหว
ทั้งวิจัยพัฒนาผลิตอาวุธทุกอย่าง แต่ว่าจริงหรือไม่น้น
ั ไม่มีใครกล้าพูด
เลย อีกทั้งในจวนเสินโหวเองก็แทบไม่มใี ครเคยได้พบใบหน้าที่แท้จริง
ของเขาเลย เขาอยู่ในจวนเสินโหวไหม ก็ไม่มใี ครรู้
เจียงซุยอวินคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาร่วมวงในปฏิบัติการในครั้งนี้
ด้วย คืนนี้จวนเสินโหวทุ่มเทกําลังทั้งหมดออกปฏิบัติการแล้ว
เขายกแขนเหล็กของเขาขึ้นมา เขามองไปยังเจียงซุยอวิน เขา
หัวเราะแล้วพูดว่า “นานๆ ทีจะได้ออกมา อยากยืดเส้นยืดสายหน่อย
ศิษย์พี่สามอนุญาตด้วย”
เจียงซุยอวินตกใจมาก
เหมือนเขาจะรู้ว่าเขาใช้วิชาอะไร สองวิชาที่เขาพูดถึงมันเป็นสุด
ยอดวิชาสําหรับเจียงซุยอวิน ตอนนั้นเขาได้สองวิชานั้นมาจากโม่อิ่ง
หลายปีที่ผ่านมาเขาแอบฝึกฝนมันอย่างลับๆ มาตลอด ตอนที่ชิง
ตําแหน่งผู้บัญชาการค่ายกิเลนดํา เขาใช้ไปแล้ววิชาหนึ่ง แต่ว่าการลง
มือในครั้งนั้น หลังจากจวนเสินโหวรู้เรื่องแล้ว ก็เหมือนจะทําการบันทึก
เข้าคลังข้อมูล
อู่ชวีเสี้ยวเว่ยไม่ได้พด
ู มาก เขาบุกขึ้นหน้าไปทันที เขาใช้มือเหล็กอ
ขอเขาไปจับเจียงซุยอวินมา เจียงซุยอวินรู้สึกว่าไม่มท
ี างหนีอีกแล้ว เขา
ทําได้แค่รับมือ คิดไม่ถึงเลยว่ามือของอีกฝ่ายจะมีปัญหา เขาจะไม่สก
ู้ ับ
แขนข้างขวาของเขา หากเขารวมเอาสองสุดยอดวิชาของเขาเข้า
ด้วยกัน อาจจะพอสู้อู่ชวีเสี้ยวเว่ยได้
ทั้งสองคนปะทะฝีมือกันไม่มีใครยอมใคร หานเทียนซู่เหมือจนจะ
มั่นใจในตัวศิษย์น้องของเขาคนนี้มาก เขาไม่ได้อยู่ดูการต่อสู้ แต่กลับ
เดินไปหาผู้อาวุโสจูเซวี่ย เห็นผู้อาวุโสจูเซวี่ยนั่งอยู่กับพื้น สีหน้าซีด
เซียว เขานั่งยองลง เห็นหน้าทองของผูอ
้ าวุโสจูเซวี่ยเลือดไหลออกมา
ไม่หยุด ก็รีบเอายาให้เขาเม็ดหนึ่ง แล้วพูดว่า “นี่เป็นยารักษาบาดแผล
ทามันที่แผล มันห้ามเลือดได้ แล้วจะทําให้แผลฝืนให้เร็วขึ้นด้วย”
“พวกเจ้ารับคําสั่งมาจากท่านกั๋วกง ให้มาตามหาฝ่าบาทเหรอ?”
หานเทียนซู่ไม่ได้ลุกขึ้น แต่ถามผู้อาวุโสจูเซวี่ย
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยมองไปที่หานเทียนซู่ด้วยความระแวง
ช่วงที่ผ่านมาจวนเสินโหวทําตามคําสั่งของเซียวจ้าวจง ถึงแม้คืนนี้
พวกเขาจะออกมาช่วย แต่ผู้อาวุโสจูเซวี่ยก็ยังไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่
ตรงหน้านั้นเป็นมิตรหรือศัตรู เลยไม่กล้าบอกอะไร
เจียงซุยอวินซัดไปทีหน้าอกของอู่ชวีเสีย
้ วเว่ย เขาก้ฮก
ึ เหิมขึ้นมา
เขามั่นใจมากว่ามันจะทําให้หน้าอกของเขาฉีกขาดแน่นอน ไม่ตายก็
ต้องเจ็บหนัก
“ข้าเคยแขนขาดไปข้างหนึ่ง ดังนั้นเลยอยากจะมีร่างกายที่ฟัน
แทงไม่เข้า” สายตาของอู่ชวีเสีย
้ วเว่ยใต้หน้ากากดุดันมาก “ถึงแม้มือ
ดาบของเจ้าจะคมคายแค่ไหน แต่ว่ามันทําอะไรข้าไม่ได้หรอกนะ
ตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าทําไมข้าถึงอยากจะสู้กับเจ้า?”
เจียงซุยอวินเหมือนจะตกใจมาก
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าเจ้าหน้าที่จวนเสินโหวคนนี้ เขาฝึกวิชากาย
เหล็กมานี่เอง
“ข้าแค่ต้องการทดสอบร่างกายว่าแข็งแกร่งแค่ไหนผ่านมือดาบ
ของเจ้าเท่านั้น” อู่ชวีเสี้ยวเว่ยพูดด้วยท่าทางได้ใจ “เหมือนว่าร่างกาย
ของข้าจะฟันแทงไม่เข้าจริงๆ ด้วยนะ”
เจียงซุยอวินเหมือนสิน
้ หวังแล้ว สายตาของเขาไม่มีความหวังอะไร
อีก
พอเขาปล่อยมือ ร่างของเจียงซุยอวินก็เหมือนกับโคลนที่ไหลลงไป
กองกับพื้น
หานเทียนซู่หันไปสั่งคนของจวนเสินโหวว่า “ในจวนอ๋องยังมีพวก
ของพวกมันอยู่ ช่วยพี่น้องคนอื่นจัดการให้สิ้นซาก”
เขาพูดจบ ก็มค
ี นพูดขึ้นมาว่า “มีคน” ทุกคนมองไป เห็นมีกลุ่มคน
กําลังวิ่งมาทางนี้ เจ้าหน้าที่จวนเสินโหวยกธนูเตรียมยิงทันที คนพวก
นั้นยังไม่ทันเข้ามาใกล้ ก็ได้ยินคนพูดขึ้นมาว่า “ท่านจู ท่านจู”
“พี่น้องของเราตายไปหลายสิบคน แต่ว่าคนของจวนเสินโหว
ช่วยเหลือ เราได้กําจัดทหารพวกนั้นเกือบหมดแล้ว” ไป๋เซิ่งเฮ่าพูดว่า
“แต่ว่า ...... คนนั้นอยู่ที่ไหน เรายังไม่รู้เลย”
หานเทียนซู่พูดว่า “คนของพรรคกระยาจกไปทางเรือนตะวันตก
แล้วกัน ส่วยที่เหลือเดี๋ยวจวนเสินโหวของเราจัดการเอง ทุกคนเริ่ม
ค้นหา หากเจอฝ่าบาท ส่งสัญญาณทันที”
ไป๋เซิ่งเฮ่าได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าจวนเสินโหวน่าจะรู้แล้วว่าพรรค
กระยาจกกําลังหาอะไรอยู่ เขารู้เวลกะทันหันมาก มันไม่ทัน เขาพูดกับ
ผู้อาวุโสจูเซวี่ยว่า “ท่านอยู่รักษาตัวที่นี่ก่อน ข้าจะพาคนไปตามหาฝ่า
บาทเอง” เขาลุกขึ้น แล้วยกมือคํานับหานเทียนซู่ แล้วไม่เสียเวลา พา
คนไปทันที
ระหว่างที่จวนไหวหนานอ๋องเพิ่งผ่านศึกไปทางสํานักคุ้มกันซวี่ร่ ื
อบรรยากาศก็ตึงเครียด
ติงอี้ถูจ้องไปที่ชายวัยกลางคนคนนั้น สายตาของเขาเยือกเย็นมาก
แต่ว่าจู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา “ขอบคุณท่านมากที่เห็นเกียรติและ
ไว้วางใจสํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื ของเรา ในเมื่อท่านยืนยันว่าจะต้อง
ดําเนินการให้ได้ ท่านก็สมควรจะบอกฐานะที่แท้จริงของท่านให้เราได้
รับรู้นะ ไม่อย่างนั้นพี่น้องของเราใครจะกล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงให้ล่ะ จริง
ไหม”
ชายวัยกลางคนยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าก็แค่พ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง
เท่านั้น ไม่ใช่คนสําคัญอะไร ของสําคัญนั้นคือสิง่ ที่อยู่ในมือตอนนี้ที่
จําเป็นต้องรีบส่งไปให้เร็วที่สุด”
“ท่านไม่กล้าเผยตัว แต่วันนี้กลับมาที่นี่ คิดว่าเจตนาของท่าน
อาจจะเป็นอย่างอื่นจริงไหม?” ติงอี้ถูเอามือลูกขึ้นมาลูบเครา “ที่จริงจะ
หาตัวตนของท่านนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” เขาปรบมือ มีคนเข้ามา
หลายคน ติงอี้ถย
ู ิม
้ แล้วพูดว่า “ก่อนที่พวกเขาจะมาทํางานที่ เขาเคยอยู่
ยุทธภพมาก่อน รู้หลากหลายวิชาในยุทธภพเป็นอย่างดี ในเมื่อท่านไม่
อยากบอก ก็ให้พวกเขาประลองฝีมือกับท่านก็แล้วกัน”
เพื่อนอีกสองคนด้านหลังซ้ายคนขวาคนฟันมาจากด้านข้างพร้อม
กัน ชายวันกลางคนอาศัยแรงถีบ ดีดตัวไปด้านหลัง เขาไปหยุดอยู่ที่โต๊ะ
กลางห้องโถง เขายิ้มแล้วพูดว่า “ท่านหัวหน้าติง เจ้าหน้าที่ในสํานักคุ้ม
ภัยของท่านฝีมอ
ื ก็ไม่เท่าไหร่เลยนะ งานที่ข้าจะให้ท่านทํามันจะสําเร็จ
หรือเปล่า?”
ติงอี้ถูตะลึงไป คิดในใจว่าในเวลาแบบนี้ทําไมถึงได้มีเจ้าหน้าที่
ทางการมาได้ เขารู้สึกสงสัยมาก ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดัง
ขึ้น ด้านนอกมีคนตะโกนว่า “รีบเปิดประตู นี่เจ้าหน้าที่จวนผู้ว่าการ
เปิดประตู”
เสียงจากด้านนอกดังขึ้นมา ไม่นานก็เหมือนจะมีความวุ่นวาย
เกิดขึ้น จากนั้นก็มีคนของทางการบุกเข้ามาด้านใน ติงอี้ถูเห็นคนที่มา
สวมชุดขุนนาง เขาไม่ดใู บหน้า เห็นแค่เสื้อผ้า ก็รู้ว่าเป็นผู้ว่าการเมือง
หลวงเถี่ยเจิง
ติงอี้ถูคิดไม่ถึงเลยว่าในเวลาแบบนี้เถี่ยเจิงจะพาคนมาหาเขาถึงที่
เขาตกใจมาก แต่ก็ยังยกมือคํานับแล้วพูดว่า “ไต้เท้าเถี่ยใช่หรือไม่?”
พวกของติงอี้ถูเป็นใคร ก่อนหน้านี้ก็มีชายวัยกลางคนเข้ามาหา
เรื่อง หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเถี่ยเจิงพาคนมาถึงที่ เขาเริ่มรู้แล้วว่า
สถานการณ์ไม่ปกติ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ไต้เท้าเถี่ยพูดถูกต้องแล้ว” เขา
พูดกับชายวัยกลางคนว่า “ต้องขออภัยท่านมากจริงๆ สํานักคุ้มภัยของ
เรารับงานไม่ได้แล้ว หากท่านรูส
้ ึกว่าเราเสียมารยาท เราขอขมากับท่าน
ตรงนี้ ขอท่านอย่าได้ถือสาเลยนะ”
เถี่ยเจิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ก็ขอให้จบแค่นี้ล่ะกัน”
ติงอี้ถูพูดอย่างแปลกใจว่า “เรื่องเมื่อสองปีก่อนเหรอ?”
“ถูกต้อง” เถี่ยเจิงพูดว่า “เรื่องนี้เราได้เบาะแสมา แต่ว่าต้องให้
ท่านร่วมมือกับเราด้วย” เขายกมือขึ้นมา “เชิญ”
เถี่ยเจิงหน้านิ่งลง แล้วไม่พด
ู อะไรอีก
ไป๋หลีพด
ู ว่า “ไต้เท้าเถี่ย ขบวนขนส่งนั่นข้าน้อยเป็นคนจัดการเอง
ข้าน้อยทราบเรื่องดีทุกอย่าง ข้าน้อยจะไปที่จวนผู้ว่าการกับท่านเอง สิ่ง
ที่ท่านหัวหน้ารูข
้ ้าน้อยเองก็รู้ท้ังหมด สิ่งที่เขาไม่รู้ ข้าเองก็รู้ หากคิดจะ
สอบสวนคดีนี้ ข้าน้อยเหมาะที่จะให้การทั้งหมด”
ติงอี้ถูสห
ี น้าเปลี่ยนไปทันที เขารีบพูดว่า “ไต้เท้า เรื่องนี้จะพูด
พร่อยๆ ไม่ได้นะ”
“ได้ยินมาว่ามีทหารในกองทัพฉินไหวบางคนใจกล้า แอบลักลอบ
ขโมยอาวุธออกมาจากค่าย แล้วให้สาํ นักคุ้มภัยของท่านขนส่งอาวุธเข้า
มาในเมืองหลวง” เถี่ยเจิงพูดว่า “เรื่องนี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับขุนนาง
ทหารในกองทัพฉินไหว ยังมีเจ้าหน้าที่ในค่ายหู่เสินด้วย แต่ว่ามีสาํ นัก
คุ้มกันซวี่ร่ อ
ื เข้ามาพัวพันด้วย ก็ต้องสอบถามกันให้แน่ใจสิจริงไหม”
หลังจากที่เขาพูดจบ มือปราบของจวนผู้ว่าการก็ชก
ั ดาบออกมา
กันหมด ติงอี้ถูพูดว่า “เด็กๆ” พริบตาเดียวก็มค
ี นกลุ่มใหญ่ว่ิงเข้ามา
ด้านใน คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นมือดีของสํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื อย่างน้อยๆ ก็
น่าจะมีสักสีส
่ ิบห้าสิบคนได้
เถี่ยเจิงกวาดสายตามองไป จากนั้นก็ยม
้ิ แล้วพูดว่า “ติงอี้ถู เจ้าคิด
จะก่อกบฏหรือไง?”
“ไต้เท้าเถี่ยไม่มห
ี ลักฐาน แต่กลับกล้าที่จะใส่ร้ายว่าเราแอบขนส่ง
อาวุธ” ติงอี้ถูน่ังอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางของเขาสบายๆ “ข้าเป็นทหารมา
ก่อน ไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้าย หากท่านคิดจะบีบคั้นข้า ก็มาเอาหัวของ
ข้าไปได้เลย” เขาเหลือบมองไปที่เถี่ยเจิง แล้วพูดว่า “ไต้เท้าเถี่ย ข้าคิด
ว่าท่านควรกลับไปที่จวนแล้วคิดดูให้ดีนะ พอถึงพรุ่งนี้แล้ว หากท่านยัง
คิดว่าข้ายังมีความผิดอยู่ ถึงเวลานั้นต่อให้ท่านไม่มาเชิญข้าด้วยตัวเอง
แค่ส่งคนมาเรียก ข้าจะไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเอง แต่คืนนี้ .....
ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เล่มที่ 47 บทที่ 1400 สนับสนุน
ภายในบรรยากาศตึงเครียดมาก
ติงอี้ถูมีเจตนาขัดขืนชัดเจนมาก คนของสํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื มี
จํานวนเยอะมาก อีกทั้งตัวของติงอี้ถูเองก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง หาก
ต้องลงไม้ลงมือขึ้นมาจริงๆ คนของจวนผู้ว่าการนั้นก็ไม่ได้เปรียบ
ทั้งภายในและภายนอกล้วนแต่ชักดาบออกมา
ติงอี้ถูกลับพูดเสียงเข้มว่า “จับพวกเขาเอาไว้”
ไป๋หลีรอแค่คําสั่งจากติงอี้ถูเท่านั้น พอเขาออกคําสั่งมา เขาก็พูด
เสียงเข้มว่า “จับพวกเขาเอาไว้ให้หมด” ส่วนเขาออกพุ่งออกไปคนแรก
เลย เพื่อจับเถี่ยเจิง
เขารู้ว่าเถี่ยเจิงคือผู้นําของพวกจวนผู้ว่าการ ขอแค่จับเถี่ยเจิงได้
คนอื่นก็ไม่กล้าทําอะไรแล้ว
ติงอี้ถูไม่ได้สนใจว่าใครจะต่อสู้อะไรยังไง เขาฉวยโอกาสรีบออกไป
จากห้องโถง
วิชาตัวเบาของเขายอดเยี่ยมมาก เขาเหมือนเงาวิญญาณในยาม
ค�าคืน เมื่อผ่านเรือนต่างๆ ในสํานักไป ก็เห็นว่าด้านหน้ามีคนสองคน
เขาขึ้นหน้าไป ก็เห็นบนพื้นมีแต่ยอดฝีมือในสํานักของเขาล้มกองกับ
พื้น เขาตกใจมาก เขารู้ว่าตอนที่เขาอยู่ที่ห้องโถงนั้น มีคนแอบลอบเข้า
มาในสํานักคุ้มภัยของเขาแน่นอน
ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยน
ิ เสียงกระบอกไม้ไผ่ดังยาวสองครั้ง สีหน้า
ของเขาเปลี่ยนไปทันที
ห้องเก็บฟืนมีพ้ น
ื ที่โล่งอยู่ครึ่งหนึ่ง อีกด้านมีการกางผ้าใบกันฝน
เอาไว้ เพราะกลัวว่าหากโดนฝนแล้วฟืนจะใช้ไม่ได้อีก เลยเอามาคลุม
เอาไว้ท้ังหมด
“หัวหน้าติงก็ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเลย” ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา
น�าเสียงของนางเย้ายวนมาก “เซียวจ้าวจงมอบหมายหน้าที่สาํ คัญ
ขนาดนีใ้ ห้เจ้า ดูท่าทางแล้วเขานี่โง่มากเลยนะ”
ที่หน้าประตูวัง เซียวจ้าวจงเอามือไขว้หลัง เงยหน้ามองฟ้า แล้วก็
ไม่ได้พด
ู อะไรอยู่นาน
ผู้บัญชาการค่ายเสวียนอู่ที่สวมชุดเกราะสีเทายืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น
ว่า “ขอรับ”
ลู่เสี่ยวเฉาเป็นสายที่เซียวจ้าวจงแอบส่งเข้าไปในค่ายหู่เสินมา
ตลอด หลายปีที่ผ่านมาไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นคนของเซียวจ้าวจงเลย
หลังจากที่เสวียหลิงเฟิงถูกสังหารไป ลู่เสี่ยวเฉาก็มป
ี ระโยชน์ตามที่เขา
วางแผนเอาไว้ เขาได้ข้น
ึ มาเป็นผู้บัญชาการค่ายหู่เสิน กุมอํานาจทหาร
สามพันคนในมือ
หลังจากฉินฉงได้รับตําแหน่ง ถึงแม้จะทําการล้างบางค่ายเสวียนอู่
ใหม่ แต่ว่ากลุ่มอํานาจในค่ายมันก็มัวไปหมดแต่แรก ในระยะสั้นๆ ไม่มี
ทางสามารถจัดระเบียบได้หมด เทียบกับค่ายหู่เสินที่ใสสะอาดกว่าแล้ว
ค่ายเสวียนอู่ทําให้เซียวจ้าวจงกังวลมากกว่า การบุกวังต้องให้ค่าย
เสวียนอู่ออกหน้า แต่ว่าการควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวงหลังจาก
นั้น มันต้องเป็นหน้าที่ของค่ายหู่เสิน ดังนั้นเซียวจ้าวจงจึงไม่อยากเห็น
ค่ายหู่เสินเกิดความสูญเสียก่อนจะถึงเวลานั้น
ลู่เสี่ยวเฉาเองก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ข้าไม่เป็นไรเลย” โต้วขุนเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่หยุดไป
เซียวจ้าวจงมองออก เขายิ้มแล้วพูดว่า “ไต้เท้าโต้วมีเรื่องอะไรหรือ
เปล่า?”
เซียวจ้าวจงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “โจรกบฏยังไม่ถก
ู กําจัดไป มาพูด
เรื่องนี้ในเวลาแบบนี้ มันเร็วเกินไปหรือเปล่า? อีกอย่างข้าอยากกําจัด
กบฏเท่านั้น เรื่องการครองราชย์ ยังไงก็มีคนที่เหมาะสม”
“ไต้เท้าโต้วทําไมถึงได้พูดเรื่องนี้ในเวลาแบบนีล
้ ่ะ?”
โต้วขุยพูดว่า “เมื่อครู่ขุนนางหลายคนได้หารือกันแล้ว ในฐานะขุน
นางของราชสํานัก ก็ต้องทําเพื่อแคว้นของเรา ทุกคนกังวลว่าหลังจาก
กําจัดฉีหนิงไปแล้ว เมื่อหลวงจะไม่สงบ ทุกคนคิดว่าแคว้นจะไม่มีฮอ
่ งเต้
ไม่ได้แม้แต่วันเดียว ในเวลาคับขันแบบนี้ จะต้องมีคนมากอบก็แผ่นดิน
ของเราเอาไว้” เขาหยุดไป ยกมือคํานับแลวพูดว่า “ข้ากับทุกครชนคิด
ว่าท่านอ๋องเหมาะสมกับการสืบทอดบัลลังก์ เหล่าขุนนางก็คิดว่าท่าน
อ๋องเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ข้าคุมการคลัง หากต้องทําพิธีข้น
ึ
ครองราชย์ ก็ต้องจัดงบประมาณมาให้ เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ ต้อง
เตรียมการไว้ล่วงหน้า ดังนั้น ...... ข้าก็เตรียมหารือเรื่องนี้กับท่านไต้เท้า
หยวนอยู่พอดี ไม่ทราบท่านอ๋องคิดเห็นเช่นไร?”
“ในเวลาที่ไม่ปกติก็ต้องทําทุกอย่างแบบไม่ปกติ” ไต้เท้าเหลียงพูด
ขึ้นมา “ท่านอ๋อง ตอนนีไ้ ม่ใช่เวลาปกติ ข้าน้อยคิดว่า หลังวังแตกแล้ว
ต้องรีบเรียกขุนางมาที่ตําหนักเฟิ่งเทียน ถึงเวลานั้นเราจะทําการ
สนับสนุนท่านอ๋องขึ้นครองราชย์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหากปล่อยให้
เวลาเนินนานไป”
โต้วขุยพูดว่า “ไต้เท้าเหลียงพูดถูกต้องแล้ว ถึงเวลานั้นหากใครกล้า
คัดค้าน นั่นก็หมายความว่าพวกเขาคิดไม่ซ่ อ
ื อาจเป็นพวกเดียวกับฉี
หนิง ก็จับเขาคุกตอนนั้นเลย” สายตาของเขาดูดุมาก
เล่มที่ 47 บทที่ 1401 ใครเข้าใกล้ฆ่าได้ทันที
เมื่อครบกําหนดระยะเวลายามหยิน บรรยากาศแห่งสงครามกําลัง
จะก่อตัวขึ้น ฉินฉงออกคําสั่งไป ทหารค่ายเสวียนอู่กว่าสามพันคน
เตรียมพร้อมกันเรียบร้อนแล้ว
บันไดที่เอามาจากคลังทหารถูกลําเลียงมาถึง โดยมีทหารถือโล่น้น
ั
เป็นแนวหน้าให้ รับภารกิจแบกบันไดประชิดไป ส่วนมือธนูน้น
ั อยู่
ด้านหลัง หากมีการสั่งให้โจมตี มือธนูจะช่วยคุ้มกัน เพื่อกดดันมือธนูที่
อยู่บนกําแพงวัง แล้วผลักดันทหารเดินหน้าประชิดกําแพงวัง
ที่จริงพวกทหารม้านั้นรู้ดี ความสามารถของทหารหลวงไม่ได้มี
มาก มีการกระจายกําลังไปเฝ้าตามประตูท้ังสี่ด้าน แต่ละด้านมีทหาร
เฝ้าอยู่แค่ไม่กี่ร้อยคน พวกเขาต่อให้โจมตีดุดันแค่ไหน ก็ไม่อาจสู้กําลัง
ของศัตรูที่มีมากกว่าพวกเขากว่าสิบเท่าได้ การบุกเข้าวังหลวง มันเหลือ
แค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
ค่ายทหารเสวียนอู่ประตําการอยู่ใกล้ๆ กับเมืองหลวง ไม่ค่อยมี
โอกาสสร้างผลงาน ทหารให้ความสําคัญกับเรื่องของผลงานมาก หาก
ไม่มีผลงานติดตัว ต่อให้จะได้เลื่อนตําแหน่ง ก็ไม่มีใครยอมรับได้ ดังนั้น
เทียบกับทหารแนวหน้า กองกําลังใกล้เมืองหลวงแทบจะไม่มีโอกาสได้
ก้าวหน้าเลย
ถึงแม้จะรอมาตลอดทั้งวันแล้ว แต่เหล่าทหารก็ยังมีความฮึกเหิม
อยู่ หลังจากฉินฉงออคําสั่งไป ทหารนับพันก็เหมือนเสือร้าย รอแค่เวลส
แล้วออกตะคุบเหยื่อทันที
ศึกใหญ่กําลังจะมาถึง ขุนนางราชสํานักถูกจัดให้ไปอยู่ในส่วน
ด้านหลัง ไม่สามารถขึ้นไปด้านหน้าได้
ค่ายหู่เสินของลู่เสี่ยวเฉาถึงแม้จะไม่ได้รบ
ั ผิดชอบเป็นแนวหน้า แต่
ก็ยังคงรออย่างเข้มงวด รอแค่ค่ายเสวียนอู่ตีวังให้แตก แล้วก็ค่อยเข้าไป
หนุน
ฉีหนิงขึ้นไปอยู่บนกําแพงวัง ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ก้านธูปเดียว
ทหารหลวงเห็นทหารที่อยู่ด้านล่างกําลังเตรียมความพร้อมในการบุกตี
วัง พวกเขาก็กําลังรออย่างเข้มงวด
“ศัตรูมจ
ี ํานวนมากเกินไป ทหารหลวงไม่มีทางต้านไหวหรอกนะ
มันจะทําให้ทหารหลายคนต้องมาเดือดร้อนด้วยเปล่าๆ” ฉีหนิงส่าย
หน้า เงยหน้ามองฟ้า จากนั้นก็นิ่งไป แล้วพูดขึ้นมาว่า “คราวนี้เจ้ากับเห๋
อชิ่งต่างถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย หากเซียวจ้าวจงไม่ยด
ั ข้อหาให้พวก
เจ้า พวกเจ้าก็ลาออกจากราชการ แล้วไปจากเมืองหลวงซะ”
ฉีหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “จะทําแบบนั้นไปเพื่ออะไร?”
เหล่าทหารหลวงเองก็ชักดาบออกมาแล้วชูข้น
ึ เช่นกัน แล้วพร้อม
ใจเปล่งเสียงออกมาว่า “ใครเข้าใกล้วังหลวง ฆ่าทันทีไม่มล
ี ะเว้น”
พริบตาเดียวมันก็ดังกระจายไปไกล ถึงแม้พวกเขาจะมีไม่กี่รอ
้ ยคน
เสียงมันดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า
ทหารด้านล่างได้ยินเสียงที่กําแพงวังเหมือนคลื่นสั่นสะเทือน ล้วน
แต่ตกใจ ฉินฉงขี่ม้าอยูด
่ ้านหน้า เห็นบนกําแพงวังมีความฮึกเหิมมาก
เขายกดาบในมือของเขาขึ้นมา “สังหารกบฏ คือหน้าที่ในวันนี้ ค่าย
เสวียนอู่บุกขึ้นหน้า แล้วไม่มีถอย”
ทหารค่ายเสวียนอู่ยกหอกขึ้นแล้วพร้อมใจพูดว่า “ค่ายเสวียนอู่บุก
ขึ้นหน้า แล้วไม่มีถอย ค่ายเสวียนอู่บุกขึ้นหน้า แล้วไม่มถ
ี อย” เพราะมี
คนจํานวนมาก เสียงมันเลยดังสนั่นหวั่นไหวกลบเสียงของทหารหลวง
ไปจนหมด บรรยากาศแห่งการฆ่าฟันกําลังจะเริ่มต้นขึ้น
เหล่าขุนนางที่อยู่ด้านหลังเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็รู้ว่าสงคราม
การเมืองกําลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว มีหลายคนอดที่จะถอยหลังไปไม่ได้
เสนาบดีหยวนแห่งกรมพิธก
ี ารกลับเดินขึ้นหน้าไป เขาตะโกนไปว่า “ข้า
ต้องการคุยกับฉีหนิง หลีกทางไป” แต่ว่าทางที่จะไปด้านหน้านั้นทหาร
ค่ายหู่เสินได้ปิดทางเอาไว้แล้ว เสียงของท่านเสนาบดีหยวนมีคนได้ยน
ิ
ไม่มาก ท่านเสนาบดีหยวนร้อนใจมาก คิดอยากจะเบียดขึ้นหน้าไป แต่
ว่าทหารค่ายหู่เสินถือโล่ต้ังเป็นกําแพงขวางเอาไว้ แทบจะสอดออกไป
ไม่ได้เลย หยวนโม่เสียนรีบพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าหน้าอันตราย อย่าไปเลย
นะ”
เสียงของทหารค่ายเสวียนอู่เริ่มเบาบางลง เสียงกลองเริม
่ ดังขึ้น
เสียงกลองศึกดังขึ้นเป็นจังหวะ ทหารค่ายเสวียนอู่เริม
่ มีกําลังใจฮึกเหิม
ขึ้นมาก
เซียวจ้าวจงอยู่ในวงล้อมของเหล่าทหารม้า เขามองไปที่ฉีหนิงที่
อยู่บนกําแพงวัง เขาไม่ได้ทวงถามหลักฐานที่ฉห
ี นิงจะหามาเลย เขาชัก
ดาบออกมายกดาบขึ้น แล้วพูดว่า “ใครก็ตามที่บุกเข้าวังได้เป็นคนแรก
จะได้รับบําเหน็จรางวัลหนึ่งพันตําลึงทอง และเลื่อนสามขั้น”
คําพูดของเซียวจ้าวนั้น ทําให้บรรยากาศของทหารนั้นฮึกเหิมมาก
ขึ้นไปอีก เสียงโห่ร้องตะโกนดังไปทั่วลาน ฉินฉงที่อยู่ด้านหน้าชี้ดาบ
ออกไปด้านหน้า เขาสั่งการออกไปว่า “บุก”
เสียงกลองศึกดังอย่างต่อเนื่อง ทหารโล่แบกกําแพงเดินขึ้นหน้าบีบ
ไปที่กําแพงวัง พลธนูด้านหลังเดินตามไปคุ้มกันเป็นระยะ ค่อยๆ เดิน
ขึ้นหน้าไป
ฉีหนิงเห็นพวกเขาเริ่มเดินหน้าแล้ว เขาก็กําหมัดแน่น เขามองไปที่
หวีเปียกู่ แล้วพูดว่า “ได้ ข้าจะสู้ไปกับพวกเจ้าจนถึงหยดสุดท้ายเลย”
เขาตะโกนว่า “พลธนูเตรียมพร้อม”
บนกําแพงวังนั้นล้วนแต่เป็นพลธนูมือดีของค่ายทหารหลวง พวก
เขาเตรียมธนูเอาไว้พร้อมแล้ว ตอนนี้เล็งไปที่ทหารด้านล่างพร้อมยิง
ตลอดเวลา
เสียงกลองดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมด้วยเสียงแตร มันดังมาจาก
ทุกประตูวัง เหมือนรู้ว่าเวลาในการบุกนั้นมาถึงแล้ว ทหารในแต่ละจุด
เริ่มที่จะเคลื่อนไหวในการบุกเข้าวังอย่างเต็มกําลัง
ทหารค่ายเสวียนอู่เริม
่ บุกเต็มกําลัง ทหารค่ายหู่เสินด้านหลังก็ตรึง
กําลังอย่างเต็มที่ ลู่เสี่ยวเฉาอยูบ
่ นหลังม้าถือดาบอยู่แถวหน้าสุด สายตา
เขาจ้องไปด้านหน้าอย่างดุดัน เขาอยู่ใกล้กับเซียวจ้าวจงมาก
ฉีหนิงเองก็ถือคันธนูไว้ในมือแล้วเหมือนกัน เขามองทหารที่กําลัง
เดินหน้าเข้ามา เขาก็ย้ม
ิ แห้งๆ ที่มุมปาก เขาง้างธนูข้ึนมา ไม่ได้ลังเล ยิง
ออกไปใส่ทหารโล่ทันที ทหารโล่ล้มลงทันที ทหารโล่ด้านข้างล้วน
แล้วแต่ตกใจ
ทหารโล่มีตกใจกันมาก เขารีบเอาโล่มากําบังกายเอาไว้อย่างดี
พอฉีหนิงยิงธนูออกไปดอกแรกแล้ว มือธนูที่เหลือก็ไม่ลังเลใจอีก ยิงธนู
ออกไปจํานวนมากราวกับสายฝน
พลธนูด้านหลังทหารโล่เห็นดังนั้นก็รีบยิงโต้ ธนูพุ่งสวนกันไปมา
แลกกลับมาด้วยเสียงร้อง และมีคนล้มลงเป็นระยะ
สงครามการเมืองได้เริ่มขึ้นแล้ว
เสนาบดีหยวนเห็นทั้งสองฝ่ายเริ่มปะทะกันแล้ว เขาเจ็บปวดใจ
มาก เขาตะโกนออกไปว่า “อย่าสู้กัน อย่าสู้กันเลย” แต่ว่าในเวลานีไ้ ม่มี
ใครสนใจเขาเลย
ถึงแม้ธนูบนกําแพงวังจะไม่สามารถยิงมาถึงด้านหลังได้ แต่ว่า
เหล่าขุนนางหลายคนก็ตกใจกลัวกันใหญ่ พวกเขาล้วนแต่ถอยหลังไป
หยวนโม่เสียกับขุนนางอีกคนรีบพยุงท่านเสนาบดีหยวนถอยหลังไป
ทหารโล่ด้านหน้าได้รบ
ั การคุ้มกันจากพลธนู ก็เดินหน้าต่อไป
ตอนนี้เข้าใกล้กําแพงวังมากแล้ว
ฉีหนิงยิงธนูออกไปอีกหลายดอก แต่ละดอกเอาชีวิตคนไปหลาย
คน เขาหันไปมองแสงทางตะวันออก ครบกําหนดเวลาที่นด
ั หมายกับ
เซียวจ้าวจงแล้ว
ขุนนางที่อยู่ด้านหลังหลายสิบคน พวกเขาถอยหลังไปสะเปะสะปะ
ในเวลานี้เอง ทางถนนกลับมีกลุ่มทหารม้ากําลังมุ่งหน้ามา จํานวนคนก็
ไม่นอ
้ ย แต่พวกเขาไม่ได้สวมชุดเกราะ ขุนนางหลายคนงงไปหมด คิดใน
ใจว่าทหารมาจากไหนกันอีก ทันใดนั้นเองก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “นั่น ......
นั่นคนของจวนผู้ว่าการนี่นา ......”
ทหารม้าที่มานั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของจวนผู้ว่าการเมืองหลวง ทหาร
ม้ากว่าสิบคนสีหน้าท่าทางดุดันเอาเรื่อง ด้านหลังของพวกเขา มีกลุ่ม
ยอดฝีมอ
ื ของจวนผู้ว่าการอีกกลุ่มใหญ่ที่มาพร้อมอาวุธครบมือ
จวนผู้ว่าการมีหน้าที่รก
ั ษาความสงบในเมืองหลวง เมืองหลวงใหญ่
มากจําเป็นต้องมีคนรักษาระบบระเบียบ ดังนั้นในจวนผู้ว่าการเองก็มี
เจ้าหน้าที่อยู่เกินร้อยคน เห็นเจ้าหน้าที่จวนผู้ว่าการมุง่ หน้ามาอย่าง
ดุดัน คนมีกว่าร้อยคน เหมือนว่าส่งคนในจวนนั้นออกมาจนหมด
เจ้าหน้าที่จวนผูว
้ ่าการบุกประชิดเข้ามาใกล้ เหล่าขุนนางก็หลีก
ทางให้ เพราะกลัวจะเดือดร้อนไปด้วย ในเวลานี้เอง ก็ได้ยินคนพูด
ขึ้นมาอีกว่า “จวนเสินโหว ...... นั่นมันคนของจวนเสินโหวนี่นา”
ด้านหลังของเจ้าหน้าที่จวนผู้ว่าการนั้น มีเจ้าหน้าที่ของจวเสินโหวอีก
หลายคนสวมหมวกถืออาวุธตามมา คนของจวนเสินโหวถูกฝึกมาอย่าง
ดี มีระเบียบกว่าคนของจวนผู้ว่าการสักอีก เหล่าขุนนางเห็นดังนั้น ก็งง
กันหมด คิดไม่ถึงเลยว่า ในเวลาแบบนี้ จวนเสินโหวกับจวนผู้ว่าการจะมี
การร่วมมือกัน
เล่มที่ 47 บทที่ 1402 เสียความได้เปรียบไป
คนของผู้ว่าการเมืองหลวงดุดันเหมือนหมาป่า คนของจวนเสินโหว
ก็ดด
ุ ันเหมือนเสือ
เหล่าขุนนางหลีกทางให้ ทหารม้ากว่าสิบคนผ่านหน้าพวกเขาไป
ขุนนางทั้งสองฝั่งนั้นต่างยืนงงไปหมด พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่านี่มน
ั เกิด
อะไรขึ้นกันแน่ คนของจวนเสินโหวเดินตามเจ้าหน้าที่จวนผู้ว่าการไป
ติดๆ แสงกําลังสาดส่องลงมาสะท้อนที่ดาบ มันแสบตาเอามากๆ
หลังจากคนของจวนเสินโหวเดินผ่านไปแล้ว ก็มีคนอีกกลุ่มใหญ่
เดินตามหลังไปอีก คนด้านหน้าสุดมีหลายคนที่ขี่ม้า ล้อมด้วยทหารม้า
อีกห้าหกคนเท่านั้น คนนั้นขี่มา้ สีดํา สวมหมวก มีเสื้อคลุมตัวใหญ่ เถี่ย
เจิงขี่ม้าอยู่ข้างๆ คนๆ นั้น เหล่าขุนนางก็มอเห็นผู้หญิงอยู่ในกลุ่มนั้น
ด้วย มันยิ่งทําให้พวกเขานั้นงงหนักเข้าไปใหญ่ อีกทั้งด้านหลังยังมี
เหมือนกลุ่มคนที่แต่งกายเหมือนกับขอทาน คิดว่าน่าจะมีประมาณสอง
สามร้อยคนได้ ในมือพวกเขาเต็มไปด้วยอาวุธ บางคนถือหอกบางคน
ถือดาบ บางคนถือไม้
เหล่าขุนนางมองหน้ากัน พวกเขาคิดว่าเหมือนพวกเขาฝันไป
ทหารของจวนผู้ว่าการเดินหน้าไปจนถึงใกล้กําแพงกั้นของทหาร
ค่ายหู่เสิน จากนั้นก็หยุด พวกเขาไม่ได้คิดจะฝ่ามันเข้าไป
ลู่เสี่ยวเฉาผู้บัญชาการค่ายหู่เสินเหมือนรู้แล้วว่ามีความเคลื่อนไหว
ด้านหลัง เขาพูดกับเซียวจ้าวจงว่า “ท่านอ๋อง ด้านหลังมีความ
เคลื่อนไหว ข้าน้อยขอไปดูก่อน” เขากระตุกม้า แล้วก็ตรงไปทางนั้น
เห็นเจ้าหน้าที่จวนผู้ว่าการอยูด
่ ้านหลัง ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกเจ้า
คิดจะทําอะไร?”
ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยน
ิ เสียงคนๆ หนึ่งดังขึ้น “เรามาปราบกบฏ”
มีเสียงดังมาจากด้านหลัง เขาคือเหวินชวีเสี้ยวเว่ยของจวนเสินโหวหาน
เทียนซู่
ลู่เสี่ยวเฉาไม่รู้จักหานเทียนซู่ แต่ว่าเห็นเขาแต่งกายด้วยชุดของ
จวนเสินโหว ก็ขมวดคิ้ว “พวกเจ้ารับคําสั่งจากใครมา?”
เหล่าขุนนางสองข้างทางล้วนแล้วแต่ตกใจหน้าเสีย พวกเขาไม่
เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าหลายคนเห็นฮ่องเต้แล้ว ก็คก
ุ เข่าลง
ตามสันชาตญาณ
ลู่เสี่ยวเฉาปลายตากระตุก เหล่าทหารค่ายหู่เสินล้วนแต่มองหน้า
กัน
ทหารค่ายหู่เสินไม่มีใครกล้าขยับเลย ลู่เสี่ยวเฉาตะคอกออกไป
อย่างแรงว่า “ใครขัดขืน ฆ่าได้ทันที”
พอมีคําสั่งออกมา ทหารค่ายหู่เสินหลายคนก็จะบุกเข้าหาหลงไท่
ในตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า “ใครกล้า” น�าเสียงนั่นไม่ใช่ของหลง
ไท่ แต่มาจากด้านหลังของลู่เสี่ยวเฉา ลู่เสี่ยวเฉาถึงกับสะดุ้ง เขาหันหลัง
กลับไปมอง เขาให้ในกลุ่มทหาร มีคนกําลังเดินมา ร่างกายของเขาสูง
ใหญ่ สวมชุดเกราะ ถือดาบในมือ ใบหน้าของเขาธรรมดามาก ลู่
เสี่ยวเฮาเห็นอีกฝ่ายสวมชุดทหารของค่ายหู่เสิน ก็ขมวดคิ้ว สายตาของ
เขาดุมาก เขาพูดว่า “เจ้าว่าไงนะ”
ลู่เสี่ยวเฉาแค่รู้สึกว่าเสียงของเขานั้นมันคุ้นมาก เขาถึงกับสะดุ้ง
เขาหลุดออกมาว่า “เจ้า ...... เจ้ายังไม่ตายเหรอ?”
เสวียหลิงเฟิงยังมีชีวิตอยู่
ลู่เสี่ยวเฉาถึงกับตาโต อ้าปากค้าง เขาพูดอะไรไม่ออกเลย
เสียงนี้มน
ั ทําให้เหล่าทหารนั้นสะดุ้งกันหมด หลายคนมีสห
ี น้าดีใจ
มมาก แล้วก็พูดว่า “ท่านผู้บัญชาการเสวีย ท่านผู้บัญชาการเสวีย”
เสวียหลิงเฟิงทํางานในค่ายหู่เสินมานานหลายปี เขามีผลงาน
มากมาย มาเป็นผู้บัญชาการค่ายหู่เสินก็เป็นที่ยอมรับ หลายปีที่ผ่านมา
เขาเห็นทหารของเขาเหมือนลูกเหมือนหลาน เขาเป็นคนตรงไปตรงมา
มีบารมีมากในค่ายหู่เสิน
ข่าวการเสียชีวิตของเสวียหลิงเฟิง ทําให้เหล่าทหารในค่ายนั้น
เสียใจมาก ลู่เสีย
่ วเฉาขึ้นมาแทนที่เขา ถึงแม้จะมีบารมีเหมือนกัน แต่ว่า
เทียบกับเสวียหลิงเฟิงแล้ว มันเทียบไม่ติดเลย
เหล่าทหารเห็นเสวียหลิงเฟิงไม่ตาย พวกเขาก็ดีใจกันมาก
หลายคนที่สนิทสนมกับเสวียหลิงเฟิงถึงกับน�าตาไหล มีทหารคน
หนึ่งวิ่งออกมา แล้วชี้ไปที่ล่เู สีย
่ วเฉา “ลู่เสี่ยวเฉา เจ้าบอกว่าท่านผู้
บัญชาการเสวียถูกสังหารไปแล้วนี่นา แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันเนีย
่ ? วันนี้
เจ้าต้องมีคําตอบให้กับทหารค่ายหู่เสินสามพันคน”
หลังบันไดหลังแรกประชิดกําแพงวังได้แล้ว ทหารด้านล่างรีบตั้ง
บันไดให้ม่น
ั คง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของทหารด้านหลัง พวกเขากําลัง
บุกขึ้นกําแพงไป
กําลังของทหารเฝ้าเมืองนั้นมันมีน้อยเกินไป ฉินฉงตั้งใจเว้นระยะ
ในการโจมตีให้กว้างขึ้น เพื่อต้านอีกฝ่ายซื้อเวลาให้ทหารปีนขึ้นกําแพง
วังไป ทหารหลวงหลายร้อยคนจําใจต้องถอย พอเป็นแบบนี้ มันทําให้
กําลังการป้องกันของพวกเขาลดลงไปด้วย บันไดพาดที่กําแพงมากขึ้น
ทหารค่ายเสวียนอู่แต่ละคนกล้าหาญดุดัน พวกเขาเริ่มทําการบุกจาก
บันไดแล้ว
ฉีหนิงยิงธนูหมดไปสองชุดแลแว เขารูว
้ ่ายังไงก็สก
ู้ ําลังที่มีมากกว่า
สิบเท่าไม่ได้ ถึงแม้จะมีเครื่องยิงธนูอยู่แต่นอกจากเพิ่มคนตายมากขึ้น
มันก็ต้านอะไรไม่ได้เลย
เขาเงยหน้ามองไปที่ไกล เขาเหมือนจะเห็นทางค่ายหู่เสินเหมือน
จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา ตอนนี้ใกล้เช้ามืดแล้ว ถึงแม้ระยะจะไกล
แต่ฉห
ี นิงก็รู้ว่ามันเกิดความวุ่นวายขึ้น เขาเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
เขาดีใจมาก “กําลังเสริมมาแล้ว กําลังเสริมมาช่วยแล้ว”
ครบเวลาสิบสองชั่วยามแล้ว เขาไม่ได้คิดเลยว่าสิ่งที่เขาคิดเอาไว้
มันจะเกิดขึ้น ฉีหนิงคิดว่าสิ่งที่เขาเดิมพันเอาไว้มันจะล้มเหลว แต่ว่า
ตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ว่านาทีที่เขารอคอยมันมาแล้ว
ลู่เสี่ยวเฉารู้ว่าเขาเสียความได้เปรียบของเขาไปแล้ว เขาปล่อย
อาวุธในมือลง ในตอนนีเ้ อง เขาถึงได้รู้ว่าที่คอของเขานั้นมันมีรอยแผล
ที่เลือดกําลังไหลออกมา
ฉีหนิงได้ยินเสียงฆ้อง แล้วเห็นทหารที่อยู่ด้านล่างเริม
่ ถอย เขารู้สึก
โล่งใจ แล้วก็รีบออกคําสั่งให้หยุดสู้
ฉีหนิงหัวเราะแห้ง เขาหยิบธนูข้น
ึ มา แล้วเล็งไปที่เซียวจ้าวจง แล้วยิง
ออกไป ธนูดอกนั้นไวมาก มันพุ่งไปที่เซียวจ้าวจง
เล่มที่ 47 บทที่ 1403 เรื่องราวทีแ
่ ท่นบัลลังก์
ฉีหนิงตกใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเซียวจ้าวจงจะมีกําลัง
ภายในแก่กล้าขนาดนี้ จากนั้นเขาก็ฝ่าฝูงชนออกไป จนมาถึงด้านล่าง
กําแพงวัง หลังจากทหารได้รับคําสั่ง พวกเขาก็ไม่ได้ยิงธนูลงไปอีก เซียว
จ้าวจงเลยสามารถประชิดกําแพงวังได้โดยง่าย เขากระโดดลอยตัวขึ้น
มาบนบันไดลิง จากนั้นก็ไต่ข้น
ึ มาเหมือนกับกําลังเหยียบเมฆ
ทหารของค่ายเสวียนอู่ถอยหลังออกไปจนหมด เซียวจ้าวจงกลับ
ทําสิง่ ที่ตรงกันข้ามกัน เขาไต่กําแพงบุกขึ้นไปคนเดียว ฉีหนิงไม่รู้จริงๆ
ว่าเข้าคิดจะทําอะไร
เซียวจ้าวจงกลับจับตัวทหารคนหนึ่งที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดมา แล้ว
โยนใส่เหล่าทหารที่กําลังบุกเข้ามา เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
เซียวจ้าวจงกางแขนออกเหมือนพญาเหยี่ยวกระโดดลงจากบนกําแพง
เข้าไปในวังหลวง
การกระทําของเซียวจ้าวจง ไม่เพียงทําให้เหล่าทหารทั้งหมดตกใจ
แม้แต่ฉห
ี นิงก็สห
ี น้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
ฉีหนิงเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่เขาทําแล้ว หลังเซียวจ้าวจงลงไปถึง
พื้นแล้ว เขาก็ไม่หันกลับมามองเลย ตรงเข้าวังหลวงไปทันที
ฉีหนิงลงจากกําแพงวังแล้วตรงเข้าวังไป หลังจากเข้าวังไปแล้ว
ด้านหน้ามันเป็นลานกว้าง มันมีเส้นทางที่สามารถเดินตรงไปที่
ตําหนักเฉิงเทียน ซึ่งนั่นเป็นสถานที่ที่ปกติฮ่องเต้จะใช้เป็นที่เปิดประชุม
ของเหล่าขุนนาง เหล่าขันทีนางกํานัลบางส่วนหลบซ่อนตัวอยู่ใน
ตําหนัก ทหารที่สามารถสู้ได้ก็ข้น
ึ ไปบนกําแพงวังกันหมด ลานถนนอัน
กว้างขวางกลับไม่มีทหารเลยแม้แต่คนเดียวในเวลานี้
ลานถนนอันกว้างขวาง ร่างกายของฉีหนิงเหมือนจะเล็กมาก
จนกระทั่งไปถึงบันไดที่จะขึ้นไปยังหน้าประตูใหญ่ของตําหนักเฉิงเทียน
ประตูตําหนักเปิดอยู่ ทั้งที่ไม่มีการประชุมอยู่ในตําหนัก แต่มันกลับมา
บรรยากาศที่นา่ กลัวมาก
ท้องฟ้าฟากตะวันออกในเวลานี้เป็นสีแดง พระอาทิตย์กําลังจะขึ้น
แสงอาทิตย์มันกําลังส่องแสงเรืองรองมายังตําหนักเฉิงเทียน ทําให้
ตําหนักแห่งนี้เจิดจรัสมากมีบารมีน่าเกรงขามมาก
ฉีหนิงค่อยๆ เดินเข้าไปในตําหนักเฉิงเทียน เขามองเห็นเซียวจ้าว
จงยืนอยู่ที่หน้าแท่นบัลลังก์
เซียวจ้าวจงเหมือนกําลังมองดูตําหนักอยู่ มือของเขาไขว้หลัง
เอาไว้หนึ่งข้าง อีกข้างกําลังลูบไปที่มน
ั ท่าทางของเขาอ่อนโยนมาก
เหมือนกับว่าเขากําลังลูบไล้หญิงสาวคนหนึ่งอยู่
ฉีหนิงเดินมาถึงด้านหน้าหน้าแท่นบัลลังก์ เซียวจ้าวจงไม่ได้หน
ั
กลับมามองฉีหนิงเลย เหมือนรู้อยู่แล้วว่าฉีหนิงต้องมาอยู่แล้ว เขายิ้ม
แล้วพูดว่า “ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าก็ได้ยน
ิ เรื่องความองอาจกล้าหาญและ
ปรีชาขององค์ฮ่องเต้ไท่จู่ ตอนนี้ข้ายังนึกแปลกใจเลยว่า กิจการงาน
ของคนเป็นพ่อลูกต้องสืบทอดสิ แต่ทําไมบัลลังก์ของเสด็จปู่ถึงไม่ได้
เป็นของท่านพ่อ? พอข้าโตขึ้นอีกหน่อย ข้าถึงเข้าใจว่า ในโลกนี้ มีเรื่อง
มากมายที่มันไม่มีเหตุผล ความยุติธรรมมันไม่ได้อยู่ในใจคน แต่มันอยู่ที่
กําลังความสามารถ หากไม่มีอํานาจไม่มีความสามารถ ต่อให้มส
ี มบัติ
มากมายมันก็ไม่มป
ี ระโยชน์ แต่ถ้ามีอํานาจความสามารถในมือ ไม่ว่า
ของสิ่งนั้นจะเป็นของเจ้าหรือเปล่า มันก็จะกลายเป็นของเจ้า”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “บัลลังก็ไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นจิตใจของคน”
ฉีหนิงไม่ได้ตอบ แค่มองไปที่เซียวจ้าวจงเท่านั้น
“เหล่าขุนนางต้าฉู่ที่ว่าภักดีท้ังหลาย ก็จะสนับสนุนให้ข้าเป็นโอรส
สวรรค์ทันที” เซียวจ้าวจงพูดว่า “”ต่อให้ในใจของพวกเขาจะสงสัย
หลายเรื่องที่เกิดขึ้นในคราวนี้ แต่เพื่ออนาคตของตัวเอง ไม่มีใครกล้า
พูดอะไรหรอก” เขาชี้ลงมาด้านล่าง “พวกเขาจะคุกเข่าใต้แทบเท้าของ
ข้า แล้วตะโกนโฮ่ร้องถวายพระพรต่อข้า แล้วก็จะละทิ้งเจ้าให้ข้าเจ้าที่
เป็นโจรกบฏให้สูญสิ้นตระกูลไป หลายต่อหลายคนจะต้องแย่งกันกําจัด
ตระกูลฉีของเจ้า เจ้าว่าจริงไหม?”
“เจ้าอาจจะกําลังหัวเราะเย้ยข้าในใจก็ได้ว่าข้าโง่” เซียวจ้าวจงยิม
้
แล้วพูดว่า “ทั้งๆ ที่ข้าจะสามารถจะบรรลุเป้าหมายโดนที่ไม่มช
ี ่องโหว่
อะไร แต่ทําไมยังเหลือโอกาสให้เจ้าได้ตอบโต้กลับมาได้อีก” เขาเอามือ
วางไว้ที่เก้าอี้มังกร แล้วเอามือดันหน้าด้านซ้ายเอาไว้ แล้วมองมาที่ฉี
หนิงแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็เดิมพันครั้งสุดท้ายเหมือนกัน เพียงแต่
ข้าคิดไม่ถึงว่า เจ้าจะอ่านไพ่ไม้ตายของข้าออกด้วย”
เซียวจ้าวจงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด”
“คืนนั้นเจ้าต้องการจะให้ข้าตาย เจ้าแทบจะส่งคนออกมาจัดการ
ข้าหมด” ฉีหนิงพูดว่า “คนพวกนั้นคือกําลังพลที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองของ
เจ้า ทําเรื่องแบบนั้น แต่เจ้ากลับไม่ใช้คนของจวนเสินโหวกับคนของ
ผู้ว่าการเมืองหลวงเลยแม้แต่คนเดียว นั่นก็แสดงว่าเจ้าไม่ได้ใช้กําลัง
ทหารเลย”
“อาวุธ?”
“อาวุธของคนพวกนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มาจากกองทัพฉิน
ไหว” ฉีหนิงพูดว่า “อาวุธของทหารในบริเวณเขตเมืองหลวง ล้วนแต่ทํา
มาจากเหล็กชั้นดี แกร่งกว่าของกองทัพแนวหน้าอย่างกองทัพฉินไหว
มาก อาวุธของทั้งสองอย่าง มองทีเดียวก็แยกออกแล้ว แต่ว่ามันก็
แน่นอนอยู่แล้ว อาวุธที่ทําจากเหล็กกล้าชั้นดี ไม่เพียงต้องใช้เหล็กอย่าง
ดีแล้ว การผลิตก็ไม่ใช่ธรรมดา กองทัพฉินไหวมีทหารกว่าแสนคน หาก
ต้องผลิตอาวุธแบบนั้นเหมือนกันทั้งหมด แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ข้า
เคยเห็นอาวุธของทหารกองทัพฉินไหวมาก่อน ข้าจํามันได้ดี คืนนั้น ใน
มือของคนพวกนั้น มันเหมือนกับของกองทัพไม่มีผด
ิ เลย”
เซียวจ้าวจงเหมือนจะเริ่มเข้าใจแล้ว “เจ้าเลยเดาว่าอาวุธพวกนั้น
น่าจะถูกแอบขนย้ายมาจากกองทัพฉินไหวงั้นเหรอ?”
“ราชสํานักมีคําสั่งปลดอาวุธมานานแล้ว ต่อให้เป็นจวนตระกูลขุน
นางจะมีอาวุธในมือก็มก
ี ารจํากัด อีกทั้งยังมีการบันทึกเอาไว้ทก
ุ อย่าง
แน่นอนว่า ต่อให้จวนขุนนางในเมืองหลวงจะมีอาวุธ ก็ไม่มีทางมีอาวุธ
แบบของกองทัพฉินไหวแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องทํามาจากเหล็กกล้า”
ฉีหนิงพูดว่า “ดังนั้นการค้นพบอาวุธแบบนี้ในเมืองหลวง ดูผิวเผินมัน
เหมือนไม่มีอะไร แต่ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้ารู้ในกองทัพฉินไหว
นั้น มันมีพวกหนอนบ่อนไส้ ที่แอบลักลอบขนย้ายอาวุธจากในค่าย
ออกมา แล้วไม่รูว
้ ่ามันหายไปไหนด้วย คืนนั้นพอเห็นอาวุธของกองทัพ
ฉินไหวมาอยู่ในเมืองหลวง ก็รู้ทันทีว่ามันต้องมีอะไรแน่ ในเมืองหลวงมี
การเฝ้าระวังตรวจตราอย่างเข้มงวด อาวุธพวกนี้ต้องขนย้ายมาจาก
ชายแดนแน่ อีกทั้งยังสามารถผ่านการเฝ้าประตูอันเข้มงวดมาได้ ทําได้
ยังไง?”
เซียวจ้าวจงยิ้มแล้วพูดว่า “ดังนั้นเจ้าเลยคิดถึงติงอี้ถู”
“ติงอี้ถูเคยเป็นทหารในกองทัพฉินไหวมาก่อน ถึงแม้เขาจะถูกไล่
ออก แต่ว่าเขาจะต้องยังมีคนรู้จักอยู่ด้านในแน่นอน” ฉีหนิงถอนหายใจ
แล้วพูดว่า “คนตายเพราะเงิน นกตายเพราะอาหาร หากติงอี้ถูซ้ อ
ื ตัว
คนในกองทัพ แล้วแอบขนอาวุธเข้ามาในเมืองหลวง มันไม่ใช่เรื่องยาก
สําหรับเขาเลย เขาอาศัยชื่อของสํานักคุ้มภัย เข้าออกเมืองหลวง ปกติมี
สินน�าใจให้ทหารประตูเมืองบ้าง มันก็เป็นเรื่องธรรมดา พอเวลานานไป
สินค้าที่ขนส่งผ่านสํานักคุ้มภัยของพวกเขานั้นมันก็ไม่ได้เข้มงวด
เหมือนกับของคนอื่น ในเมื่อเจ้าคิดจะก่อความวุ่นวายในเมืองหลวง ก็
ต้องมีการสะสมอาวุธ เพื่อใช้ในยามจําเป็นอยู่แล้ว”
“ในเมืองติงอี้ถูแอบติดต่อกับเจ้าลับๆ ก็จะต้องมีส่วนร่วมกับ
แผนการของเจ้าอยู่แล้ว” ฉีหนิงพูดว่า “เจ้าเป็นถึงไหวหนานอ๋องซื่อจื่อ
ปกติแล้ว ยากที่จะมีการไปมาหาสูก
่ ับพวกสํานักคุ้มภัย ยิ่งไม่มีใครคิด
หรอกว่าเจ้าจะเอาตัวฝ่าบาทไปกักขังที่น่น
ั ดังนั้นเจ้ารูส
้ ึกว่าที่ซ่อนตัว
ของฝ่าบาทนั้นเป็นเรื่องที่ลับมาก แล้วก็ไม่มใี ครนึกถึงด้วย”
“ดวงการเดิมพันของข้ามันมักจะโชคดีแบบนีต
้ ลอด” ฉีหนิงถอน
หายใจแล้วพูดว่า “หากคราวนี้ข้าเดิมพันพลาด ก็จะแพ้ท้ังกระดาน คิด
จะพลิกสถานการณ์ก็แทบจะไม่มีโอกาสเลย”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “แล้วมันพิสูจน์อะไรได้? เจ้าจะบอกว่าเจ้า
ฉลาดกว่าฝ่าบาท? แต่ต้ังแต่โบราณมา ไม่เคยมีใครแยกความดีความ
เลวจากความฉลาดนี่ ฝ่าบาทอาจจะฉลาดไม่เท่าเจ้า แต่ทรงมี
อุดมการณ์ คิดที่ชาวประชามาก่อน เจ้าเทียบพระองค์ได้เหรอ? เจ้า
อาจจะมีความรู้มากกมายแต่ว่าเจ้าโหดเหี้ยมทําร้ายคนอื่นเพื่อ
ผลประโยชน์ตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ควรภูมิใจงั้นเหรอ”
“ถึงแม้ท่านพ่อจะเป็นบุตรคนโตของฮ่องเต้ไท่จู่ แต่ว่าทรงถูกชิง
บัลลังก์ไป ตลอดชีวิตของเขา ต้องอยู่ด้วยความหวาดระแวงมาตลอด
เขากลัวว่าเขาจะต้องพบภัยเข้าสักวันหนึ่ง” เซียวจ้าวจงไม่ได้เสียงดัง
เขายังพูดเรียบง่ายแบบเดิม “เขารู้ตัวดี ขอแค่ทรงแสดงออกว่าอยากจะ
ได้อํานาจ เขาก็จะต้องถูกคนที่น่งั อยู่บนบัลลังก์สงสัยและหวาดระแวง
แล้วก็จะทรงมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นในหลายปีที่ผ่านมาเขาถึงได้เอา
ความสนใจของเขาทั้งหมดไปที่ทรัพย์สินเงินทอง ของเก่าของสะสมมี
ค่ามากมาย ถึงจะทําให้คนที่อยู่บนเก้าอี้มังกรตัวนี้คลายความระแวงใน
ตัวเขา ไม่คิดจะทําอะไรเขา ตอนนั้นหลังจากฮ่องเต้ไท่จงตาย มีข่าวลือ
ว่าคนที่ควรจะได้น่งั บัลลังก์ควรจะเป็นท่านพ่อ แต่ท่านพ่อไม่สนใจ จน
อดีตฮ่องเต้ได้ทรงเรียกท่านไปเฝ้า แล้วได้พด
ู เรื่องนี้ข้น
ึ มา หลังจากท่าน
พ่อกลับมาที่จวน ก็ป่วยหนัก ตอนนั้นท่านแม่ก็ท้องอยู่ ทรงเห็นท่านพ่อ
ล้มป่วย แล้วก็พด
ู อะไรที่ให้คนนอกรู้ไม่ได้อีก เลยไม่กล้าให้คนในบ้าน
ดูแล ตอนนั้นเป็นหน้าหนาว ท่านแม่ทรงดูแลท่านพ่ออยู่ถึงสิบวัน พอ
ท่านพ่อหายดี ท่านแม่กลับต้องล้มป่วยลง ......” ตําหนักเฉิงเทียนว่าง
เปล่า เสียงของเซียวจ้าวจงดังก้องไปทั่ว มันเหมือนรู้สก
ึ เจ็บปวดลึกๆ
ฉีหนิงขมวดคิ้ว
เรื่องนี้ เขาไม่รูม
้ าก่อน เขาไม่มแ
ี น่ใจหรอกว่าที่เซียวจ้าวจงมี
รูปร่างแบบนี้เป็นเพราะยาที่แม่เขากินเข้าไปจริงหรือเปล่า แต่อย่าง
น้อยในใจของเซียวจ้าวจงนั้น คิดว่าคนที่ทําให้เขามีสภาพแบบนี้คือ
อดีตฮ่องเต้
“ข้าแปลกใจมากว่า ทําไมคําพูดของเขาไม่ก่ีคํา ถึงได้ทําให้ท่าน
พ่อหวาดกลัวขนาดนั้นได้ จนถึงขั้นล้มป่วย จากนั้นยังทําให้จวนไหว
หนานอ๋องให้กําเนิดตัวประหลาดอย่างข้าออกมาได้” เซียวจ้าวจงถอน
หายใจแล้วพูดว่า “พอโตขึ้นมาข้าถึงได้เข้าใจ เพราะเขาเป็นฮ่องเต้
ชีวิตของท่านพ่อกับครอบครัวของเราอยู่ในกํามือของเขา ท่านพ่อต้อง
เป็นทาสของเขาไปชั่วชีวิต ส่วนข้า ...... ก็เหมือนถูกกําหนดให้เป็นทาส
ของเซียวกวงไปชั่วชีวิตเหมือนกัน” เขายิ้มแห้งแล้วพูดว่า “แต่ว่า
บัลลังก์ของพวกเขา ชิงมาจากฮ่องเต้ไท่จู่ชัดๆ ในเมื่อแย่งของที่สมควร
เป็นของท่านพ่อไปแล้ว ทําไมยังกล้ารับมันอย่างหน้าตาเฉย ทําไมไม่คืน
ของที่สมควรเป็นของเราคืนมา?”
“บัลลังก์สมควรเป็นของผู้ที่มค
ี ุณธรรม” ฉีหนิงพูดว่า “ฮ่องเต้ไท่
จงกับอดีตฮ่องเต้มีชาวประชาเป็นบารมี ย่อมสามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์
นั้นได้”
เซียวจ้าวจงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ตี้ฉาน?”
เซียวจ้าวจงยิม
้ แล้วพูดว่า “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องของตี้ฉานมาก
เหมือนกันนะ” เขาเอนหน้ามาเล็กน้อย เหมือนพูดอย่างสนใจมาก “ตี้
ฉานบอกกับข้าว่า เจ้าถูกขังไว้แล้ว ชาตินี้ท้ังชาติอาจจะไม่สามารถหนี
ออกจากที่น่น
ั ได้ แล้วเจ้าหนีออกมาได้ยังไงกัน?”
ฉีหนิงรู้ว่าเซียวจ้าวจงพูดถึงตอนที่เขาถูกขังที่เขาเย่ก่ย
ุ หลิง ดู
ท่าทางแล้ว ตี้ฉานกับเซียวจ้าวจงนั้นน่าจะสนิทสนมกันมากเลย เขา
ไม่ได้อธิบายอะไร แค่พูดว่า “เจ้ากับนางเป็นอะไรกัน? ในเมื่อนางอยาก
ให้เจ้านั่งบัลลังก์ขนาดนั้น ตอนนี้เจ้าก็หนีไม่รอดแล้ว ทําไมนางไม่
ออกมาช่วยเจ้าล่ะ?”
“นางเป็นใครกันแน่?”
“เจ้าบอกว่าไท่ฮูหยินของตระกูลฉีอยู่สวนมนต์ภาวนาในหอพระ
ไม่ออกไปไหน” เซียวจ้าวจงจ้องไปที่ฉีหนิงด้วยสายตาที่เปี่ ยมไปด้วย
รอยยิ้ม “แม้แต่คนในจวนจิ่นอีโหวเองก็แทบจะไม่เห็นหน้าของนางเลย
ฉีหนิง เจ้าบอกข้าทีสิ ไท่ฮูหยินตายหรือยัง?”
“เจ้ารู้อะไรมา?”
“อะไรที่เจ้ารู้ข้าอาจจะรู้ท้ังหมดเลยก็ได้ อะไรที่เจ้าไม่รูข
้ า้ ก็อาจจะ
รู้ด้วยเหมือนกัน” เซียวจ้าวจงพูดว่า “จริงสิ เจ้าคือจิ่นอีโหว ต้องดูแล
ตระกูลฉี แต่ว่าไท่ฮูหยินรู้ฐานะของเจ้า ดังนั้นเลยกลายเป็นอุปสรรคใน
การควบคุมตระกูลฉีของเจ้า เจ้าก็เลยฆ่านาง ...... อือ อาจจะยังไม่ตาย
แต่ว่าไม่สามารถเป็นอุปสรรคของเจ้าอีกแล้ว น่าจะเป็นแบบนั้น” เขา
พูดว่า “ทําไมเจ้าไม่ถามนางล่ะ ว่าเลือดในตัวเจ้าเป็นของใคร?”
ฉีหนิงตกใจมาก
เขาสงสัยการตายของจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อมาตลอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเซียว
จ้าวจงจะรู้เรื่องนี้ สิ่งที่ทําให้เขาตกใจมากกว่านั้นก็คือ จากคําพูดของ
เซียวจ้าวจง เขาเหมือนจะรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ฉีหนิงหันไปมอง เขามอง
ออกไป เห็นที่ลานด้านหน้าตําแหน่งเฉิงเทียน มีกองกําลังขี่มา้ จํานวน
มากกําลังเข้ามา
เซียวจ้าวจงนั่งลงบนบัลลังก์ เขาเองก็เห็นสถานการณ์ภายนอก
เป็นอย่างดี แต่เขายังคงนิ่ง สีหน้าท่าทางไม่มีเปลี่ยนแปลง
เซียวจ้าวจงหัวเราะ ไม่ได้สนใจเขา
“เจ้ามาแล้วเหรอ?” เซียวจ้าวจงมองฮ่องเต้น้อยลงมาจากด้านบน
ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้ม “ข้ารออยู่เลย”
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า ในใจของเจ้าจะมีความโกรธแค้นมากขนาดนี้”
หลงไม่พูดว่า “ที่ข้านั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น ข้าแค่อยากจะทําเพื่อแผ่นดิน
นี้ สร้างแผ่นดินที่สงบสุขให้กับพวกเขา ให้พวกเขาได้มก
ี ินมีใช้ไม่อด
ยากก็เท่านั้น”
“หากไม่มีเขา เจ้าก็ยังเป็นแค่นก
ั โทษที่ถูกขังอยู่เท่านั้น” เซียวจ้าว
จงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตัวเจ้าเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ยังคิดจะ
ปกป้องคนในแผ่นดินอีกเหรอ?”
“กระบี่ที่ฝ่าบาทใช้คือกระบี่สวรรค์ มีไว้เพื่อความสงบของแผ่นดิน
ไม่ได้มีไว้เพื่อต่อสู้หา� หั่นกับใคร” ฉีหนิงพูดว่า “เซียวจ้าวจง หากเจ้า
อยากจะประลองความกล้า ข้าจะให้เจ้าได้สมหวังเอง”
เล่มที่ 47 บทที่ 1405 แสดงกระบีท
่ ต
ี่ ําหนักเฉิงเทียน
เซียวจ้าวจงพยักหน้ายิม
้ แล้วพูดว่า “ทั่วทั้งราชสํานัก คนที่กล้าสู้
กับข้าก็คงมีแต่เจ้า คนที่มีสิทธิสก
ู้ ับข้า ก็มีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้น” เขา
มองไปที่หลงไท่ แล้วพูดประชดประชันไปว่า “เซียวกวง ตอนที่เจ้าตก
อยู่ในอันตราย เขาเป็นคนช่วยเจ้าออกมา ตอนนี้เจ้าอ่อนแอไม่ยอมสู้ ก็
ยังเป็นเขาที่ยอมชักดาบออกมาสู้เพื่อเจ้า ข้าว่าเจ้ายกบัลลังก์ให้เขา
ดีกว่าไหม”
ฉีหนิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เสวียหลิงเฟิงที่รออยู่ด้านนอกก็พูดเสียงเข้มขึ้นมาว่า “คุ้มกันฝ่า
บาท” เขานําทหารส่วนหนึ่งเข้ามาด้านในตําหนัก มาคุ้มกันอยู่ข้างกาย
หลงไท่
เซียวจ้าวจงหันหลังไป แล้วจับหัวมังกรบนเก้าอี้สีทองอร่าม
จากนั้นก็ใช้แรงบีบ เขาชักกระบี่ออกมา ด้ามกระบี่มันคือหัวมังกรนั่น
หลงไท่สีหน้าเคร่งเครียดมาก เซียวจ้าวจงถือกระบี่ในมือแล้วหัน
กลับมา กระบี่ในมือของเขาแสงสะท้อนสว่างมาก ดูก็รู้ว่าเป็นกระบี่ที่
คมมาก
“กระบี่สวรรค์ที่เขาพูดถึง อยูน
่ ี่แล้ว” เซียวจ้าวจงยิ้มแล้วพูดว่า
“กระบี่ที่ฮ่องเต้ไท่จู่เคยพกเป็นทําศึก ต่อมาได้ทําการซ่อมแซมใหม่
แล้วซ่อนเอาไว้ในเก้าอี้มังกรตัวนี้ เซียวกวง เรื่องนี้ เจ้าน่าจะรูด
้ ีนี่”
หลงไท่แค่จ้องไปที่เซียวจ้าวจง แต่ไม่พด
ู อะไร
“ฉีหนิง ข้ารู้ว่าเพลงกระบี่ของเจ้าร้ายกาจแค่ไหน วันนี้ข้าอยากจะ
เห็นฝีมอ
ื เพลงกระบี่ของเจ้า ว่ามันจะสมคําร�าลือหรือเปล่า” เซียวจ้าว
จงยกกระบี่สวรรค์ข้น
ึ มา แล้วค่อยๆ เดินลงมาจากแท่นบัลลังก์
ฉีหนิงขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงเซียวจ้าวจงจะประลองกระบี่กับเขา
ฉีหนิงตะลึงไป เจ็ดดาวไถของจวนเสินโหวเขารู้จักแทบทุกคน
ยกเว้นคนที่หก คิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้กระบี่เป็นอาวุธ
ฉีหนิงได้ยินเขาพูดแบบนี้ ถึงได้รู้ว่ากระบี่เล่มนี้เป็นหนึ่งในสิบสุด
ยอดกระบี่ ถึงแม้อาจจะเทียบกระบี่ของเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็น
กระบี่หายาก
เสวียหลิงเฟิงมีประสบการณ์พบเจอเรื่องอะไรมามากมาย เซียว
จ้าวจงพูดว่าจะประลองเพลงกระบี่กับฉีหนิง นั่นหมายความว่าเขา
มั่นใจในเพลงกระบี่ของเขามาก
ฉีหนิงกับเซียวจ้าวจงล้วนแต่เป็นยอดฝีอมือทางด้านกระบี่ ทั้งสอง
คนประลองกระบี่กันไม่มีใครเดาได้เลยว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ เสวียหลิง
เฟิงกังวลว่าตอนที่พวกเขาประลองกัน หลงไท่เข้าใกล้เกินไปจะ
อันตราย
หลงไท่มองไปที่ฉีหนิง หลังจากนั้นก็พยักหน้า แล้วถอยห่างออกไป
พวกของเสวียหลิงเฟิงคุ้มกันหลงไม่ออกจากด้านในตําหนัก แล้วมายืน
รออยู่ด้านนอก ภายในตําหนักเฉิงเทียนเหลือแค่ฉห
ี นิงกับเซียวจ้าวจง
สองคนเท่านั้น
เซียวจ้าวจงเดินลงมาจากแท่นบัลลังก์ มือขวาของเขากางออก ใน
มือฉีหนิงก็มก
ี ระบี่ชางทรง ปลายกระบี่ชี้ลงพื้น
บรรยากาศในตําหนักเริ่มตึงเครียด
“กึก ......”
ระหว่างที่เซียวจ้าวจงออกกระบีน
่ ้น
ั เขากลับพลิกกระบีข
่ ้น
ึ ด้านบน
เหมือนจะมีแต่ก็เหมือนไม่มี ฉีหนิงไม่รูว
้ ่าเพลงกระบี่ของเขาเป็นยังไง
เขาก็ไม่คิดจะบุกอย่างเดียวอยู่แล้ว เขาเห็นเซียวจ้าวจงตวัดกระบี่ข้ึน
แล้วลากลง ตอนที่มันขึ้นบนมันดูเบาเหมือนปุยเมฆ แต่ว่าตอนที่ลงมา
นั้น กลับมีพลังเหมือนผ่าฟ้าได้ กระบวนท่าที่เหมือนธรรมด แต่มันมี
อานุภาพมาก มันเหมือนก้อนหินที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า
ซีเหมินจั้นอิงมองอยู่ด้านนอก สีหน้าของนางเหมือนจะเสียๆ ไป
แต่ฉห
ี นิงก็หลบไปได้ข้างได้
เพียงแต่หลังจากสิบกระบวนท่าไปแล้ว ทั้งคู่เหมือนจะเคลื่อนไหว
เร็วขึ้น กระบี่เริ่มมีกระบวนท่าที่แปลกตาพิสดารไป พวกเขาเริ่มหยั่งเชิง
กันแล้ว เพลงกระบี่ของฉีหนิงพลิกแพลงไปมาได้มากมาย เซียวจ้าวจง
เองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเท่าไหร่ ภายในตําหนักเฉิงเทียน เขาปะทะดาบกัน
อย่างดุเดือด คนด้านนอกตําหนักแทบไม่มีใครมองออกว่าใครได้เปรียบ
ทุกคนไม่รู้เลย ฉีหนิงเหมือนจะตกใจมากพอสมควร
เพลงกระบี่ที่ฉีหนิงฝึก มันคือเพลงกระบี่ไร้นามของเป่ยกงเหลียน
เฉิง ตอนที่เขาสู้กับลู่ซางเฮ่อ เขาเกิดเข้าถึงเพลงกระบี่เข้าไปอีกขั้น เขา
ไม่จํากัดการใช้กระบวนท่าตามลําดับเพลงกระบี่ที่มี ปล่อยให้มันเป็นไป
ตามใจ
ถึงจะสามารถในสนใจในกระบวนท่าของมัน แต่เจตนารมณ์ของ
กระบี่น้ันยังคงอยู่
เซียวจ้าวจงออกกระบีม
่ าอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนไม่มอ
ี ะไร แต่ฉี
หนิงรู้ว่ามันมีแฝงนัยยะอยู่ กระบวนท่าธรรมดาๆ ที่เขาใช้ มันกลับมีแรง
กระตุ้นในการสังหารแรงมาก ขอแค่หาโอกาสได้ มันสามารถ
เปลี่ยนเป็นกระบวนท่าที่เอาชีวิตได้เลย เรื่องนี้ที่จริงเขาก็คาดการณ์ไว้
อยู่แล้ว เพราะเขาใช้กระบวนท่าบีบให้เซียวจ้าวจงเผยความสามารถ
จริงออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับเพลงกระบี่ไร้นามของเขา เซียวจ้าวจงไม่
สามารถผ่อนคลายสบายๆ ได้อีก เพลงกระบี่ของเขาเองก็เริ่มเปลี่ยนไป
คนอื่นเริ่มแรกยังมองไปออกว่ามันคืออะไร แต่หลังจากหลาย
กระบวนท่าผ่านไปแล้ว ฉีหนิงกลับพบว่าเพลงกระบี่ของอีกฝ่ายนั้น มัน
เหมือนมีเงาเหมือนเพลงกระบี่ของเขาเลย
หรือว่าเพลงกระบี่ของเซียวจ้าวจงเองก็คือเพลงกระบี่ไร้นาม?
นี่ไม่ใช่คนแรก ตอนนั้นลู่ซางเฮ่อเองก็ใช้เพลงกระบี่นี้เหมือนกัน
เพียงแต่ล่ซ
ู างเฮ่อเน้นกระบวนท่ามากเกินไป เลยไม่เข้าถึงศาสตร์ของ
มันไม่เหมือนฉีหนิง แต่ว่ากระบวนท่าของเซียวจ้าวจงนั้น ถึงแม้จะมีเงา
ของเพลงกระบี่ไร้นาม แต่ฉห
ี นิงตกใจที่ว่า เซียวจ้าวจงนั้นก็ไม่ได้เน้นไป
ตามลําดับกระบวนท่าของเพลงกระบี่ ตอนที่เขาออกกระบี่ มีการ
เปลี่ยนแปลงพลิกแพลงไปมา เหมือนกับเขาเลย เขาเข้าถึงศาสตร์ของ
เพลงกระบี่เหมือนกัน
เซียวจ้าวจงไปฝึกเพลงกระบี่ไร้นามนีม
่ าจากไหน?
ฉีหนิงจับลู่ซางเฮ่อได้ ถึงแม้เขาจะได้ขอ
้ มูลมาจากปากของลู่ซาง
เฮ่อมากมาย แต่เขาลืมถามว่าเพลงกระบี่ของเขานั้นมาจากไหน
หลังจากลู่ซางเฮ่อตาย เขาจะไปถามมันก็ไม่ทันแล้ว ฉีหนิงคิดขึ้นมาได้
เขารู้สึกหงุดหงิดตัวเองมาก
แต่เพลงกระบี่นี้เป่ยกงเหลียนเฉิงเป็นคนคิดนะ ตี้ฉานไปรู้เพลง
กระบี่นี่มาจากไหน?
เพียงแต่ในเวลานี้มน
ั ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาคิดเรื่องนี้ เขาไม่กล้าคิด
มากอีก เห็นเซียวจ้าวจงใช้กระบวนท่าประหลาดบุกมาอีก เขารีบใช้
กระบี่ชางทรงไปรับ กระบี่ของพวกเขาสองคนปะทะกัน
ทั้งคู่ผลัดกันรับผลัดกันรุก ดูไปแล้วเหมือนร่วมกันแสดงกระบีอ
่ ยู่
เพลงกระบี่ของพวกเขาเหมือนพี่น้องสองคนกําลังฝึกกระบี่ด้วยกัน
เพราะกระบวนท่าอะไรต่างๆ คล้ายกันมาก
อู่ชวีเสี้ยวเว่ยที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนด้านนอกร้องตะโกนออกมา
สายตาของเขาใต้หน้ากากแปลกใจมาก หานเทียนซู่หน
ั ไปมอง แล้วถาม
ว่า “มีอะไรเหรอ?”
พอหานเทียนซู่ได้ยินว่าเพลงกระบี่ของทั้งสองคนนั้นมาจากเป่ยกง
เหลียนเฉิง ก็ตกใจมาก
“ก่อนที่เทพกระบี่จะเป็นต้าจงซือ เคยประลองกระบี่กับหลายๆ
คน หลังจากที่เขาสามารถบรรลุเพลงกระบี่ได้แล้ว มีหลายคนที่แอบ
เลียนแบบเพลงกระบี่ของเขา” อู่ชวีเสี้ยวเว่ยกระซิบ “ข้าเองก็พยายาม
ลอกเลียนแบบอยู่นานเหมือนกัน เพลงกระบี่น่ันที่จริง ...... มันธรรมดา
มากเลย” สายตาของเขาจ้องไปด้านใน น�าเสียงของเขาเหมือนจะ
แปลกใจ “เพลงกระบี่ของกั๋วกงกับเซียวจ้าวจง มันมีเงาเลือนลางของ
เพลงกระบี่ของเทพกระบี่ในคราวนั้นด้วย เพียงแต่ ...... มันดูเหมือน
ค่อยเหมือนเท่าไหร่”
หานเทียนซู่เหมือนยังอยากจะพูดอะไรอีก ทันใดนั้นเองก็ได้ยน
ิ
เสียงร้อง เขาหันเข้าไปมองด้านในตําหนัก พอมองเข้าไป สีหน้าของเขา
ก็เปลี่ยนไป เขาเห็นเซียวจ้าวจงไม่รู้ว่ามีสามร่างตั้งแต่เมื่อไหร่ ราวกับ
เขามีสามคนกําลังโจมตีฉีหนิงอยู่
หานเทียนซู่รู้ การกลายภาพลวงตาแบบนี้มันมีอยู่ในยุทธภพ แต่
ว่าการทําให้มห
ี ลายภาพในเวลาเดียวกันนั้น มันขึ้นอยูก
่ ับความเร็วของ
คนๆ นั้นด้วย มันจึงจะเกิดภาพลวงได้
เซียวจ้าวจงเหมือนจะฝึกวิชานีม
้ าด้วย ตอนเขาใช้มันอานุภาพมัน
ดูรุนแรงมาก
ถึงแม้ฉห
ี นิงจะไม่สามารถทําได้ แต่ว่าท่าเท้าท่องคลื่นของเขาก็
พลิกแพลงได้มากมาย คนนอกตําหนักมองจนตาลาย พวกเขาคิดไม่ถึง
เลยว่าวรยุทธ์ของฉีหนิงจะน่ากลัวมากขนาดนี้ ยิง่ คิดไม่ถึงวรยุทธ์ของ
เซียวจ้าวจงนั้นจะเหลือเชื่อแบบไม่มใี ครคาดคิดแบบนี้
เสวียหลิงเฟิงยืนอยู่ข้างหลงไท่ไม่หา่ ง เกรงว่าเขาจะโดนลูกหลงไป
ด้วย
ไม่มีมองเห็นกระบวนท่าของทั้งคู่อีกแล้ว อีกทั้งมองไม่เห็นตัวของ
พวกเขาด้วย เห็นแต่เงาสลับลอยไปลอยมา
ซีเหมินจั้นอิงกับชื่อตันเหมยมาถึงด้านในตําหนักแล้ว ใบหน้าของ
พวกนางตกใจกลัวกันมาก พวกนางยังไม่ทันเข้าใกล้ตัวของฉีหนิง ฉีหนิง
ก็ยกมือห้ามเอาไว้ เหมือนสั่งให้พวกนางอย่าเข้ามา ทั้งสองจึงได้หยุด
พวกนางมองหน้ากัน ต่างมีความร้อนใจ
เซียวจ้าวจงก้มหน้าลง เห็นกระบี่ของฉีหนิงแทงเข้าตรงหัวใจของ
เขาพอดี จากนั้นเขาก็เงยหน้าไปมองกระบี่ของเขา ถึงแม้มันจะแทงเข้า
ร่างกายของฉีหนิง แต่ว่ามันเอียงไปด้านข้างหัวใจแค่นิดเดียว
เสวียหลิงเฟิงเห็นสภาพของเซียวจ้าวจง เขาก็รู้ว่าน่าจะไม่
อันตรายแล้ว เลยโบกมือ แล้วเดินนําหน้าไปพร้อมกับทหารชุดเกราะ
อีกประมาณสิบคน
ซีเหมินจั้นอิงกับชื่อตันเหมยรีบวิ่งไปหาฉีหนิง แต่ตอนที่จะออกตัว
ชื่อตันเหมยกลับหยุดลง ซีเหมินจั้นอิงวิ่งไปถึงข้างตัวของฉีหนิง น�าตา
ของนางไหลลงมา แล้วพยุงฉีหนิงเอาไว้ “เจ้า ...... เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
ซีเหมินจั้นอิงพยุงฉีหนิงนั่งลงอย่างระวัง นางเห็นกระบี่สวรรค์ปัก
อยู่บนหน้าอกของฉีหนิง แต่นางไม่กล้าดึงออก ฉีหนิงหน้าซีดมาก เห็นซี
เหมินจั้นอิงน�าตานองหน้า นางก็ย้ม
ิ แล้วพูดว่า “อย่าร้องสิ แผลนิดเดียว
เอง ไม่เป็นไรหรอก”
เซียวจ้าวจงไม่ได้คลานขึ้นไปต่อแล้ว
หลงไท่เดินมาในตําหนัก พวกของหานเทียนซู่ประกบติดเพื่อคอย
คุ้มกัน หลงไท่เดินมาหาฉีหนิง เขานั่งยองลงมาก แล้วถามว่า “เจ้าเป็น
ยังไงบ้าง?”
ภายในตําหนักเงียบลงทันที
ฉีหนิงรู้ว่าคําพูดสุดท้ายของเขานั้นมันไม่ผด
ิ เลย
แต่เขาเลือกที่จะมาที่ตําหนักเฉิงเทียน เขาไม่ถอยแต่เลือกที่จะ
เดินหน้า เมื่อมาถึงที่ตําหนัก มันก็เหมือนกับมารนหาที่ตาย
ฉีหนิงเข้าใจความรู้สึกว่าเซียวจ้าวจงดี
เซียวจ้าวจงลําบากอดทนวางแผนมานานหลายปี ครั้งนี้ลงมือ
บัลลังก์มันอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่าเลย
ดังนั้นเขาเลือกที่จะมาที่ตําหนักใหญ่ในวังหลวง
ถ้าจะบอกว่ากระบี่ของฉีหนิงแทงเข้าตรงหัวใจของเขา ไม่สู้บอกว่า
เขาต้องการจะตายอยู่แล้วถึงจะถูก
ต่อให้อยากตาย เขาก็อยากจะตายให้ใกล้เก้าอี้มังกรมากที่สด
ุ
หลงไท่เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่พระอาทิตย์กําลังขึ้น
ชื่อตันเหมยยืนมองอยูห
่ ่างๆ อย่างร้อนใจ จนนางทนไม่ไหว เลย
เดินเข้าไป แล้วนั่งยองลง นางจับไปที่ด้ามกระบี่ ซีเหมินจั้นอิงตกใจ
แล้วพูดอย่างร้อนใจว่า “เจ้า ...... เจ้าจะทําอะไร?”
นางทํางานในจวนเสินโหวมานานหลายปี การปฐมพยาบาล
เบื้องต้นเป็นหนึ่งในศาสตร์การเรียนของจวนเสินโหว
ชื่อตันเหมยเองก็เห็นว่าแผลนั่นมันห่างหัวใจนิดเดียว มันไม่
บาดเจ็บไปถึงหัวใจ นางถึงโล่งใจ เห็นซีเหมินจั้นอิงใส่ยาให้ฉห
ี นิงอย่าง
ระวัง นางขยับปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นางลุกขึ้น แล้วหันหลังเดินไป ฉี
หนิงเข้าใจความรู้สึกของชื่อตันเหมยดี คิดอยากจะห้ามนางเอาไว้ แต่ก็
คิดว่าที่นี่คือวังหลวง ไม่ใช่เวลามาจัดการเรื่องของชูส
้ าว เขาถอนหายใจ
เบาๆ แต่ก็จะแสดงออกไม่ได้มาก
เสวียหลิงเฟิงตอนนี้ก็เดินมาหา แล้วยกมือคํานับให้กับฉีหนิง ฉี
หนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ปราบกบฏคราวนี้ลงได้ ลําบากผูบ
้ ัญชาการเสวีย
แล้วนะ”
สายตาของฉีหนิงมองไปด้านนอก เขาเห็นหลงไท่ที่ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์
แรกของวัน เขารู้ดี ถึงแม้เซียวจ้าวจงจะตายแล้ว แต่ว่าความวุ่นวายใน
คราวนี้มันยังไม่จบ หลังจากนี้ในราชสํานักจะเกิดการกวาดล้างครั้งใหญ่
อนาคตของใครหลายคน อาจจะต้องจบมันแค่นี้
เล่มที่ 47 บทที่ 1407 ความคิดของราชา
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ไม่เกินสองวันก็จบลง
นี่เป็นการก่อกบฏที่เซียวจ้าวจงวางแผนมาทั้งชีวิต แต่ว่ากลับจบ
ลงแค่ภายในเวลาสองวัน คนที่ไม่รู้ความจริงอะไรก็รู้สก
ึ ว่ากบฏคราวนี้
มันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ว่าคนที่มีส่วนร่วมหรือว่าคนที่รู้เรื่องราว ถึงแม้จะ
เป็นเวลาแค่สองวัน แต่มันเป็นสองวันที่อันตรายมาก
ตอนที่หลงไท่เดินออกมาจากตําหนักเฉิงเทียน ขุนนางหลายคน
ล้วนแต่ดีใจ แต่ก็มีบางส่วนที่เริ่มอกสั่นขวัญเสีย
อย่างน้อยกลุ่มที่มีโต้วขุยเป็นผู้นําก็มค
ี วามหวาดกลัวมาก พวกนี้
ไม่เพียงฟังคําสั่งของเซียวจ้าวจงตอนที่เกิดเรื่องกบฏ ยังหารือกันที่จะ
ให้เซียวจ้าวจงนั้นขึ้นสืบทอดบัลลังก์ด้วย มันถือเป็นโทษประหารชีวิต
ละเว้นไม่ได้
ในวันต่อมาฮ่องเต้มีประกาศราชโองการออกมาหลายฉบับ
ราชโองการฉบับแรกเป็นราชโองการที่มอบให้กับผู้บญ
ั ชาการค่าย
เสวียนอู่ฉินฉงที่คุกเข่าขออภัยโทษอยู่
ฉินฉงเปรียบเสมือนกําลังหลักของการกบฏในครั้งนี้ของเซียวจ้าว
จง เขาคุมกําลังพลกว่าหมื่นนายมาล้อมวังหลวงเอาไว้ อีกทั้งยังสั่งให้บุก
โจมตีวังหลวงด้วย ถึงแม้ท้ังสองฝ่ายจะเสียหายไม่มาก แต่ก็ทําให้ทหาร
ตายไปหลายร้อยคน ถือเป็นโทษหนักที่ให้อภัยไม่ได้
หลังจากทหารของค่ายเสวียนอู่ถอนกําลังออกมาแล้ว ฉินฉงเห็น
ฮ่องเต้ปรากฎตัว ก็รีบปลดอาวุธทันที จากนั้นคนของจวนผู้ว่าการเมือง
หลวงก็มาคุมตัวเขาไป
ตั้งแต่ก่อตั้งต้าฉู่มา ฉินฉงเป็นคนแรกที่หันดาบเข้าหาวังหลวง
ตอนที่ฉน
ิ ฉงถูกคุมตัวมาที่ตําหนัก ขุนนางหลายคนร้องขอให้ลงโทษเขา
สถานหนัก แต่สงิ่ ที่เกิดขึ้นมันเหนือความคาดหมายของทุกคน ฮ่องเต้ไม่
เพียงไม่ได้มีราชโองการประหารเขา ถึงแม้จะปลดเขาออกจากตําแหน่ง
แต่เขากลับถูกลงโทษด้วยข้อหาสั่งเคลื่อนกําลังพลโดยพลการแทน
แล้วถูกสั่งย้ายให้ไปอยู่ในกองทัพซีชวนแทน สําหรับครอบครัวของเขา
ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ส่วนทหารที่ติดตามเขาทั้งหมด
ไม่ได้รับการลงโทษแต่อย่างใด
ค่ายดาบดําเองก็ตามเข้ามาในเมืองหลวงเหมือนกัน แต่ว่าล้อมทาง
ประตูตะวันออกไว้ ตอนที่บุกเข้าวังมา ยังคงมีค่ายเสวียนอู่เป็นกําลัง
หลัก ค่ายดาบดําไม่ได้ลงมืออะไร ไม่เสียกําลังพลไปแม้แต่คนเดียวด้วย
ก็เหมือนแค่เข้ามาในเมืองหลวงแค่น้ัน หลังจากฮ่องเต้ปรากฎตัว การ
โจมตีวังก็ยุติทันที ทหารค่ายเสวียนอู่กับค่ายดาบดําก็รบ
ี ถอนกําลังออก
จากเมืองหลวงออกไปทันที
ประหารแค่ผู้นาํ ที่เหลือไม่มีการเอาความผิดจากใครอีก
ฮ่องเต้ไม่ได้ลงโทษกวาดล้างอะไรครั้งใหญ่ แต่มีการปูนบําเหน็จ
ความชอบให้ผท
ู้ ี่มีผลงานอย่างหนัก
กลุ่มแรกที่ได้รับบําเหน็จรางวัลคือค่ายทหารหลวงอวี่หลิน ฉือเฟิง
เตียนก่อกบฏถูกฆ่า ฮ่องเต้ดันคนที่สร้างผลงานในครั้งนีอ
้ ย่างสวีชิง่
ขึ้นมารับตําแหน่งผู้บัญชาการทหารหลวงอวี่หลิน และให้หวีเปียกู่น่ันไป
รับตําแหน่งผู้บญ
ั ชาการค่ายเสวียนอู่แทนที่ของฉินฉง
ฮ่องเต้ยังคงไม่ได้ประกาศเรื่องการตายของซีเหมินเสินโหว ทุกคน
ยังคงเข้าใจว่าเขาออกเดินทางท่องยุทธภพไปอยู่ หากชวีเสี่ยวชางยังอยู่
ตําแหน่งเสินโหวต้องเป็นของเขาแน่นอน แต่ว่าชวีเสี่ยวชางตายในวัง
หลวง เจ็ดดาวไถของจวนเสินโหวบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าครึ่ง
เหลียนเจินเสี้ยวเว่ยหงเหมินเต้าเพิ่งจะออกจากเมืองหลวงไปได้ไม่นาน
อีกทั้งอยู่ไกลถึงซีเป่ย ดังนั้นตอนนี้ในจวนเสินโหวจึงให้เจ็ดดาวไถที่
เหลืออีกสองคนร่วมกันดูแลไปก่อน
ว่ากันตามตรง ไม่ว่าจะเป็นหานเทียนซู่หรือว่าเหวินชวีเสี้ยวเว่ยนั้น
ก็ยังไม่ถึงระดับที่จะสามารถรับตําแหน่งของเสินโหวได้ ดังนั้นฮ่องเต้จึง
ไม่ได้มีราชโองการแต่งตั้งใครเป็นเสินโหวในเวลานี้ แต่ว่ามีรบ
ั สั่งให้หาน
เทียนซู่ดูแลเรื่องในจวนเสินโหวไปก่อนชั่วคราว
ส่วนเจ้าหน้าที่ของจวนผู้ว่าการเมืองหลวงที่เกี่ยวข้องนั้น ล้วนแต่
ได้รับําเหน็จรางวัล แต่ว่าฮ่องเต้คิดว่าเถี่ยเจิงนั้นเหมาะสมที่จะนั่งอยู่ใน
ตําแหน่งเดิมแล้ว เลยไม่ได้เลื่อนขั้นให้ แต่มอบสิทธิให้เขาสามารถเข้า
วังมาเข้าเฝ้สได้ตลอดเวลา ซึ่งก่อนหน้านั้น มีแค่สี่บรรดาศักดิ์โหวสืบ
ทอดกับเสนาบดีท้ังหกกรมเท่านั้นที่มีสท
ิ ธินี้
แต่ที่ทําให้ทุกคนแปลกใจมากที่สุดคือ คนที่มผ
ี ลงานมากที่สด
ุ ใน
คราวนี้อย่างฉีหนิงนั้น ฮ่องเต้กลับไม่มีราชโองการปูนบําเหน็จรางวัล
อะไรออกมาเลย
สําหรับส่วนตัวของฉีหนิงแล้ว เขาไม่ได้สนใจเรื่องรางวัลของฮ่องเต้
เท่าไหร่ เขาเห็นฮ่องเต้ปลอดภัยดี เมืองหลวงกลับมาสูส
่ ภาวะปกติได้
เร็ว เขาก็พอใจแล้ว
กระบี่ของเซียวจ้าวจงนั้นไม่ได้เข้าจุดสําคัญของฉีหนิง แต่มันก็อยู่
กลางอก ถึงแม้จะไม่มอ
ี ันตรายถึงชีวิต อีกทั้งยังได้ยาของจวนเสินโหว
ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว แต่ว่าอาการก็ไม่ได้จะหายไวขนาดนั้น เรื่อง
อื่นไม่เท่าไหร่ แต่เวลาจะลุกจะนั่งนั้น มันยังมีอาการปวดหน้าอกอยู่ ฉี
หนิงถูกหามลงเปลกลับมายังจวนหูก
้ ๋ัวกง หลายวันต่อมา เขาก็นอนพัก
ฟื้นอยู่อย่างนั้นไม่ได้ไปไหน
ทหารที่มาเฝ้าจวนหู้ก๋ัวกงก่อนหน้านี้ถอนกําลังออกไปหมดแล้ว ที่
จวนกลับคืนสภาพปกติแล้ว คนในจวนกว่าสองร้อยคนนั้นล้วนแต่ขวัญ
เสียกันหมด
ช่วงที่ถูกปิดจวน นอกจากคนที่สามารถออกไปจัดซื้ออาหารข้าว
ของเครื่องใช้ที่ออกไปได้แต่อยูใ่ นความดูแลของทหารแล้ว คนอื่นก็ไป
ไหนไม่ได้เลย ทุกคนหวาดกลัวกันมาก ไม่มีใครรู้ว่าภัยจะมาถึงตัว
เมื่อไหร่ จนกระทั่วฉีหนิงกลับมาที่จวน พวกเขาถึงได้รู้ว่าพ้นภัยแล้ว
พวกเขาดีใจกันมาก
ถังนั่วเองก็กลับมาแล้ว นางมาช่วยรักษาต้มยาให้ฉีหนิงด้วยตัวเอง
ซีเหมินจั้นอิงก็ดูแลอยูข
่ ้างกายเขาไม่หา่ งเลย
แต่ว่าเพราะกู้ชิงฮั่นไม่ได้อยู่ในจวน มันทําให้ฉห
ี นิงรู้สก
ึ เหมือนขาด
อะไรไป กู้ชิงฮั่นกับเถียนเสวียนหยงอยู่ในการดูแลของพรรคกระยาจก
ออกจากเมืองหลวงไปหลบภัย แม้แต่ฉห
ี นิงก็ไม่รู้ว่าพวกนางอยู่ที่ไหน
แต่ว่าเขาเข้าใจดี ในเมืองหลวงตอนนี้สงบแล้ว อีกไม่นานพรรค
กระยาจกต้องพาพวกนางกลับมาส่งในเมืองหลวงแน่นอน
ตอนเย็นของวันหนึ่ง พ่อบ้านหานก็รบ
ี มารายงานว่า คุณชายหยวน
มาขอเยีย
่ ม
ที่จริงสองสามวันที่ผ่านมามีคนมาขอเยีย
่ มเยอะมาก แต่ว่าถังนั่ว
บอกว่าฉีหนิงต้องพักฟื้น หากว่ามีคนมาเยี่ยมเยอะแยะมากมายขนาดนี้
อาจทําให้แผลหายช้า เลยสั่งให้พ่อบ้านหานปฏิเสธการเข้าเยี่ยม ขุน
นางในเมืองหลวงรู้ว่าฉีหนิงต้องพักฟื้น เลยไม่กล้ามารบกวนอีก แต่ว่า
ของเยี่ยมนั้นมีเยอะกองเป็นสองห้องเลย ฉีหนิงไม่ปฏิเสธการรับของ
พวกนี้ คราวนี้เขาใช้ชีวิตเขาแลกกับการปราบกบฎ ในวังยังไม่ได้ให้
บําเหน็จรางวัลอะไรมา ได้ของจากพวกขุนนางมาก็ไม่ได้รู้สก
ึ ต้องคิด
มากอะไร
“ให้คุณชายหยวนเข้ามาเถอะ”
“พูดแบบนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรแล้ว
ทําไมเจ้าถึงได้มอ
ี ารมณ์มาเยี่ยมข้าได้ล่ะเนี่ย?”
“ขุนนางราชสํานักล้วนแต่อยากจะมาเยี่ยมเจ้าที่จวน แต่ว่าถูก
ปฏิเสธกันหมด ข้าคิดว่าข้ากับเจ้าก็ถือว่าสนิทกันดี เจ้าคงไม่ปฏิเสธข้า
หรอก เลยพนันกับพวกเขา ด้วยเงินห้าพันตําลึง ว่าข้าเข้ามาได้
แน่นอน” หยวนหยงยิ้มแล้วพูดว่า “ยังดีที่เจ้ายังไว้หน้าข้าอยู่บ้าง ไม่ทํา
ให้ข้าต้องเสียเงินห้าพันตําลึงไป”
ฉีหนิงยื่นมือออกไปแล้วพูดว่า “เอาเงินมาเลย เจ้าอ้างชื่อข้าไปเดิม
พันแล้วชนะ เงินต้องเป็นของข้า”
หยวนหยงเดินไปรินน�า แล้วยกมาป้อนให้ฉห
ี นิง จากนั้นก็พูดว่า
“ไม่ปูนบําเหน็จเจ้าก็ไม่เท่าไหร่ แต่ว่าฝ่าบาทกลับปล่อยพวกโต้วขุยไป
หมดด้วย ข้าได้ยินมาว่าตอนที่ทหารล้อมวัง โต้วขุยกับพวกแอบหารือ
กับเหล่าขุนนาง คิดสนับสนุนเซียวจ้าวจงขึ้นนั่งบัลลังก์ด้วย เขานี่มน
ั คน
สองหน้าชัดๆ ต�าช้าสุดๆ ควรจะเชือดคอมันไปซะ ยังมีพวกที่ฉวย
โอกาสพวกนั้นด้วย ตอนฝ่าบาททรงตกอยู่ในอันตราย แต่ล่ะคนหันไป
เข้ากับเซียวจ้าวจงกันหมด พอจบเรื่อง แต่ล่ะกันทูลให้สับร่างเซียวจ้าว
จงเป็นชิน
้ ๆ ด้วย ....... ขุนนางดีดีท้ังนั้น”
“ฝ่าบาทมีราชโองการ ว่าจะจัดการศพของเซียวจ้าวจงยังไง
ไหม?”
“ข้าได้ยน
ิ มาว่าฝ่าบาทรับสั่งให้คนฝังศพของเขาเป็นอย่างดี ถึงแม้
จะไม่สามารถฝังในสุสานหลวงได้ แต่ว่าทรงให้คนหาที่ใกล้ๆ สุสาน
หลวงฝังเขา”
เซียวจ้าวจงได้รบ
ั ความไว้เนื้อเชื่อใจจากฮ่องเต้มาตลอด อีกทั้ง
ยังให้เขาร่วมในการวางแผนการทหารด้วย แต่สุดท้ายกลับเป็นญาติ
สนิทคนนี้ที่เขาไว้ใจที่สุดคนนี้ที่ทรยศเขา สําหรับฮ่องเต้น้อยแล้วมันมี
ผลกระทบต่อเขามากทีเดียว
ฮ่องเต้ไม่ได้ไว้ใจพวกของโต้วขุยแล้ว แต่ว่าตอนนี้เขายัง
จําเป็นต้องใช้คนอยู่
ขอแค่ถก
ู ฮ่องเต้สงสัยและระแวงแล้ว ถ้าอย่างนั้นชะตาของพวก
โต้วขุยก็ถูกกําหนดไว้แล้ว
“เจ้าอย่าดูถก
ู การค้ากับพวกหนานหยางเลยนะ” ฉีหนิงพูดอย่าง
เศร้าๆ “มันไม่เพียงจะเพิ่งพูลขุมกําลังทรัพย์ให้กับคลังหลวงของต้าฉู่
เรา แต่ยังสามารถคงความสัมพันธ์อันดีต่อพวกแคว้นหนานหยางได้
หากสามารถนําวัฒนธรรมของเราไปเผยแพร่ได้ และพวกเขารับ
วัฒนธรรมของเราไป อย่างน้อยเราก็รับประกันได้ว่าน่านน�าทะเลตอน
ใต้เราจะไม่มีปญ
ั หาอะไร” เขานิ่งไปแล้วพูดว่า “ให้ตงไฮ่เป็นท่าเรือใน
การทําการค้า ต่อไปยังเปิดให้ทําการค้าเสรีกับพวกหนานหยางได้อีก
มันก็จะได้ประโยชน์ท้ังสองฝ่าย อีกทั้งยังคงสภาพการค้าของตงไฮ่ไว้ได้
อีก ยังไงก็เป็นผลดีต่อชาวบ้าน”
หยวนหยงพยักหน้าแล้วพูดว่า “แรกเริ่มเดิมทีการค้าทางทะเล
พวกนี้ มีพวกตระกูลใหญ่ในตงไฮ่ผูกขาดและคุมทุกอย่างเอาไว้ คนจาก
ด้านนอกจะเข้าไปทําการค้าอะไรก็ไม่ได้เลย ตอนนี้มีราชสํานักมาคุม
ถึงแม้จะยังให้สท
ิ ธิแก่พวกร้านค้าที่กําหนดอยู่ แต่ว่าหลังจากนี้พอ
ขบวนเรือมากขึ้นเรื่อยๆ การค้าเจริญมากขึ้น คนที่เข้ามาร่วมก็จะมาก
ขึ้นด้วย”
“ก่อนหน้านี้เคยบอกไปแล้ว ร้านค้าที่ร่วมลงทุนก็ให้สิทธิการค้ากับ
พวกเขาหลายปีหน่อย” ฉีหนิงพูดว่า “แต่ว่าสิทธิแบบนีไ้ ม่ใช่สิทธิถาวร
นะ”
“รออีกสักสองปีหลังการกรมการค้าเสถียรแล้ว ข้าคิดว่าข้าจะ
เดินทางไปที่หนานหยางเองสักครั้ง ข้าอยากเห็นบรรยากาศที่น่น
ั ”
หยวนหยงพูดว่า “น่าเสียดายกั๋วกงคงจะงานเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่อย่างนั้นถ้าได้ไปเป็นเพื่อนกัน มันก็น่าจะดีมากเลยนะ”
ฉีหนิงหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้านี่มันมีเป้าหมายแฝงน่ะเนี่ย”
ฉีหนิงยังไม่ได้พด
ู อะไร ก็เห็นพ่อบ้านหานโซ่ววิ่งหน้าตื่นเข้ามา
แล้วพูดว่า “กั๋วกงขอรับ มีคนจากในวังมากขอรับ ฝ่าบาททรงมีราช
โองการ”
ในเวลานี้เองซีเหมินจั้นอิงก็เดินเข้ามาในห้อง เห็นหยวนหยงอยู่
ด้วย ก็กําลังจะคํานับแบบผู้ชาย เห็นหยวนหยงตะลึงไป นางก้นก
ึ ขึ้นมา
ได้ว่าตอนนี้นางไม่ได้อยูท
่ ี่จวนเสินโหว แต่เป็นฮูหยินของจวนจิ่นอีโหว
นางรู้สก
ึ เขิน แต่ก็ถอนสายบัวให้ แล้วหันไปพูดกับฉีหนิงว่า “ท่านพี่ ฟ่า
นกงกงรออยู่ที่สวนที่เรือนด้านหน้า ท่าน ....... ลุกไหวหรือเปล่า?”
ขอแค่ฉห
ี นิงไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรรุนแรง มันก็ยังไม่มป
ี ญ
ั หาอะไร
นี่เป็นราชโองการแรกจากวังหลวงหลังจบเรื่องกบฏ ฉีหนิงเองก็ไม่รู้ว่า
ฮ่องเต้มเี จตนายังไง เขาพูดว่า “จั้นอิง ช่วยข้าแต่งตัวที ข้าจะออกไปรับ
ราชโองการ”
ซีเหมินจั้นอิงกับหานโซ่วช่วยกันพยุงฉีหนิงขึ้นมา จากนั้นก็ชว
่ ย
เขาแต่งตัว แต่เพราะกังวลว่าจะถูกแผลของเขา เลยทําค่อนข้างช้า หลัง
แต่งตัวแล้ว ฉีหนิงเก็บของนิดหน่อย ซีเหมินจั้นอิงถึงได้พยุงเขาไปยัง
เรือนด้านหน้า ตอนนี้ทุกคนมารวมกันอยู่ในเรือนแล้ว
ฉีหนิงเห็นฟ่านเต๋อไฮ่มาพร้อมกับขันทีอีกหลายคนกําลังรออยู่ ก็
รีบยกมือคํานับให้เขาแล้วพูดว่า “ทําให้ท่านกงกงต้องรอนานเลย”
ฟ่านกงกงเดินขึ้นมารับ มือขวาของเขาถือราชโองการ แล้วพูด
ด้วยความเป็นห่วงว่า “อาการของท่านเป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นอะไรใช่
ไหม? ยังเช้าอยู่ ท่านไม่ต้องรีบก็ได้”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นอะไรแล้ว เห็นท่านกงกงปลอดภัย ข้า
ก็ค่อยสบายใจหน่อย”
ฟ่านเต๋อไฮ่พูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “ท่านกั๋วกงยังเป็นห่วงข้าด้วยข้า
ซาบซึ้งใจจริงๆ โจรกบฏเซียวจ้าวจงสั่งให้คนจับข้าไปขังเอาไว้ ช่วงนั้น
ก็ทรมานอยู่เหมือนกัน ยังดีที่รอดมาได้ หากไม่ได้ท่านชั่วปราบกบฏ ข้า
เองคิดว่าก็คงไม่รอดแน่ขอรับ” เขาพูดเสียงเบาๆ แล้วพูดว่า “ท่านกั๋ว
กงสะดวกรับราชโองการเลยไหมขอรับ?”
“ไม่มีปญ
ั หาเลย” ฉีหนิงกําลังจะคุกเข่าลง ฟ่านเต๋อไฮ่ยิ้มแล้วพูด
ว่า “ฝ่าบาททรงมีราชโองการมาสองฉบับ ฉบับแรกมีแค่คําพูด ฝ่าบาท
มีรับสั่ง ให้ท่านยืนรับก็พอ” เขากระแอมไอ แล้วพูดด้วยน�าเสียงจริงจัง
ว่า “รับสั่งจากฝ่าบาท : ฉีหนิง อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ข้ารู้ว่าช่วงหลายวันนี่เจ้าพักฟื้นอยู่ เดินเหินทําอะไรไม่ค่อย
สะดวก คุกเข่าก็ไม่ได้ ข้าเลยยังไม่มรี าชโองการมาถึงเจ้า” ฟ่านเต๋อไฮ่
พูดด้วยเสียงที่จริงจังมาก “อย่าโกรธข้าเลยนะที่ไม่ได้เยี่ยมเจ้า หลาย
วันนี้ข้ามีเรื่องให้ทําเยอะมาก รอเจ้าดีข้น
ึ กว่านี้ ข้าจะให้คนไปตามเจ้า
มาคุยด้วย คิดว่าตอนนีเ้ จ้าก็นา่ จะพอลงจากเตียงได้แล้ว ฝืนคุกเข่านิด
หน่อยน่าจะไม่มป
ี ญ
ั หาอะไร ดังนั้นวันนีเ้ ลยมีราชโองการมาให้เจ้า
หลังจากรับราชโองการแล้ว เจ้าก็พก
ั อีกสักสองสามวัน รอให้ดีข้ึนกว่านี้
แล้วค่อยเข้าวังมาอีกทีล่ะกันนะ”
คําพูดธรรมดาที่ออกมากจากปากฟ่านเต๋อไฮ่ แถมยังเป็นรับสั่ง
จากฮ่องเต้ด้วย ทุกคนต่างมองหน้ากัน มีคนอยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า
ได้แต่ก้มหน้าลง
ฉีหนิงรู้ความหมายของฟ่านเต๋อไฮ่ ซีเหมินจั้นอิงกับหานโซ่วค่อยๆ
พยุงเขาคุกเข่าลง คนในจวนคุกเข่าตามกันหมด ฟ่านเต๋อไฮ่กางราช
โองการออก แล้วประกาศว่า “ฝ่าบาทมีรับสั่ง : กบฏเซียวจ้าวจงไม่
สํานึกในพระกรุณาธิคุณ ก่อการกบฏ สร้างความวุ่นวายในแผ่นดิน ทํา
ให้แผ่นดินเกือบต้องสูญสิน
้ ขณะที่แผ่นดินของเราตกอยู่ในอันตราย
หู้ก๋ัวกงฉีหนิงไม่เกรงกลัวอันตราย ปกป้องแผ่นดินปกป้ององค์เหนือหัว
จงรักภักดีฟา้ ดินเป็นพยานได้ ผลงานนี้ต้องได้รับรู้กันทั่ว มีเสาหลักที่
จงรักภักดีและกล้าหาญเช่นนี้ ถือเป็นบุญของแคว้นฉู่ เป็นโชคดีของ
ราษฎร เป็นโชคดีของข้า จึงถือโอกาสนี้เลื่อนบรรดาศักดิ์หก
ู้ ๋ัวกงฉีหนิง
เป็นอ๋อง นามว่าอี้เหิงอ๋อง จบราชโองการ”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ฉีหนิงที่ตกใจ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกใจทั้งหมด
ตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นฉู่มา ขุนนางแม่ทัพมีช่ อ
ื มากมาย เชื้อพระวงศ์ก็
มาก แม้แต่พระญาติ คนที่ได้รบ
ั แต่งตั้งเป็นอ๋องก็มแ
ี ค่ไหวหนานอ๋องคน
เดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอ๋องที่ไม่ใช่สายเลือดเลย
ฉีหนิงอายุยังไม่เกินยี่สบ
ิ เลย เข้าร่วมราชสํานักยังไม่เกินสองปีเลย
หลังจากเขาได้รับสืบทอดจิ่นอีโหวมา หลังจากนั้นก็ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์
เป็นหูก
้ ๋ัวกง เขายังเป็นหู้ก๋ัวกงได้ไม่เท่าไหร่ ราชโองการในวันนี้ ทําให้
เขาเลื่อนเป็นเป็นอ๋องอีก
พระกรุณาธิคณ
ุ สูงขนาดนี้ ไม่เคยมีใครได้มาก่อน
เห็นฉีหนิงตกใจไม่พด
ู อะไรเลย ฟ่านเต๋อไฮ่ก้มตัวลงมา แล้วพูด
เบาๆ ว่า “ท่านอ๋อง ตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นมา ยังไม่เคยมีอ๋องที่นอก
สายเลือดเลยนะขอรับ ท่านอ๋องเป็นคนแรกเลย แสดงว่าฝ่าบาททรง
โปรดปรานท่านมากเลยนะ พระกรุณาธิคุณระดับนี้ ท่านอ๋องจะทําให้
ทรงเสียพระทัยไม่ได้นะขอรับ” เขาม้วนราชโองการยื่นไปให้ฉห
ี นิง
“ท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงเดาไว้แล้วว่าท่านต้องพูดเช่นนี”
้ ฟ่านเต๋อ
ไฮ่ยิ้มแล้วพูดว่า “ฝ่าบาททรงตรัสว่า ราชโองการฉบับนี้ยังไงท่านก็ต้อง
รับ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าท่านขัดราชโองการ โทษที่ขัดราชโองการนั้น
ท่านอ๋องน่าจะทรงทราบดี”
บ่าวไพร่ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังเขาล้วนแต่ดีใจ
เป็นบ่าวไพร่ในจวนอ๋อง มันมีฐานะตําแหน่งดีกว่ากั๋วกงแน่นอน
หานโซ่วเองก็ดีใจมาก ในเมื่อกั๋วกงน้อยได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ ที่ดิน
ศักดินาอะไรต่างๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย การใช้ชีวิตในจวนอ๋องก็จะ
เป็นอีกระดับหนึ่ง
“นี่เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท ในเมื่อท่านอ๋องรับบรรดาศักดิ์
อ๋องแล้ว จวนแห่งนีม
้ ันก็ไม่เหมาะกับฐานะ” ฟ่านเต๋อไฮ่พูดว่า “ตอนนี้
จวนที่ใหญ่ที่สด
ุ ในเมืองหลวง คือจวนไหวหนานอ๋อง ถ้าให้คนไป
ซ่อมแซมสักหน่อย ท่านอ๋องก็สามารถใช้ได้เลย นอกจากนี้ ก็มีจวนของ
ตระกูลซือหม่าก่อนหน้านี้ที่ค่อนข้างกว้างขวาง สามารถขยายพื้นที่ให้
ได้ ไม่ทราบท่านอ๋องคิดยังไงขอรับ? หากท่านอ๋องถูกใจที่ไหน เราจะให้
กรมโยธาเข้าไปจัดการให้ สามเดือนน่าจะเสร็จ ท่านอ๋องก็ย้ายไปอยู่ได้
เลย”
หานโซ่วโบกมือแล้วพูดว่า “ทุกคนแยกย้ายกันไปทํางานได้แล้ว”
หลังทุกคนแยกย้ายกันไป หานโซ่วถึงได้พูดกับฉีหนิงกับซีเหมินจั้นอิงว่า
“ท่านอ๋อง ฮูหยิน เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ เราควรจะจัดงานเลี้ยงฉลองนะ
ขอรับ ท่านอ๋องจะเชิญเหล่าขุนนางในเมืองหลวงมาร่วมยินดีด้วย
หรือไม่ขอรับ? ข้าจะได้ให้คนเตรียมเทียบเชิญ กําหนดวัน แล้วเริม
่
เตรียมงาน”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ฮูหยินพูดถูก” เขาหันไปพูดกับหานโซ่วว่า
“งานเลี้ยงก็ไม่ต้องจัดดีกว่านะ สั่งให้คนในจวน อย่าไปพูดเรื่องนี้ข้าง
นอกด้วย ให้ทําตัวปกติเหมือนเดิม”
ซีเหมินจั้นอิงพูดว่า “หลี่หงซิน
่ ของซีชวนก็มีบรรดาศักดิ์อ๋อง
เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เขาก็เป็นอ๋องต่างสายเลือดนีน
่ า”
“ฮูหยิน ต้นตระกูลของหลี่หงซิน
่ อยู่ที่ซีชวน พวกเขาอยูท
่ ี่น่น
ั เรียก
ตนเองว่าอ๋องอยู่แล้ว” หยวนหยงพูดว่า “หลังจากสวามิภักดิ์กับเรา ราช
สํานักไม่ได้ปลดบรรดาศักดิ์ของเขาทิ้งไป ตําแหน่งสูอ
่ ๋องของเขา ถือได้
ว่าเป็นตําแหน่งสืบทอดมา ถึงแม้จะมีบรรดาศักดิ์อ๋องอยู่ แต่ว่าในราช
สํานักไม่มีใครเห็นเขาเป็นอ๋องจริงๆ สักคน มีแค่ในนามเท่านั้น แต่อี้เหิง
อ๋องเป็นบรรดาศักดิ์ที่ฝา่ บาททรงพระราชทานแต่งตั้งด้วยตัวเอง มัน
เทียบกับของท่านอ๋องไม่ได้เลย” เขายกมือคํานับอีกครั้งแล้วพูดว่า
“ท่านอ๋อง ข้าขอตัวกลับก่อนนะ ไว้ข้าจะมาเยีย
่ มท่านใหม่” จากนั้นเขา
ก็กลับไป
“เจ้าคิดว่าข้าโง่มาหรือไง?” ซีเหมินจั้นอิงมองบนใส่ฉห
ี นิง จากนั้น
ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แต่ว่าทําไมฝ่าบาทถึงได้มีรับสั่งให้เจ้าเลือกจวน
อ๋องด้วย? จวนไหวหนานอ๋องกับจวนตระกูลซือหม่าถึงแม้จะใหญ่ แต่
...... พวกเขาเป็นกบฏนะ เราไม่มีทางเลือกที่จะไปอยู่ในที่แบบนั้นอยู่
แล้ว”
ฉีหนิงยิม
้ แต่ไม่ได้พด
ู อะไร
วันที่ฉีหนิงถูกหามกลับมาที่จวนอ๋อง ระหว่างทางเขาก็ไม่เห็นชื่อ
ตันเหมยแล้ว ไม่รู้ว่านางไปไหน ฉีหนิงอยากจะถามตั้งหลายครั้งแล้ว
แต่ก็อดทนไว้ แต่หลายวันที่ผ่านมาไม่เห็นหน้าของนางเลย ฉีหนิงเลย
รู้สึกเป็นห่วง เลยอดถามไม่ได้
ในการปราบกบฏเซียวจ้าวจงคราวนี้ ถึงแม้ฉีหนิงจะวางแผนทุก
อย่าง แต่หากไม่ได้ช่ ือตันเหมยออกจากวังไปจัดการให้ ก็ไม่มท
ี างพลิก
สถานการณ์กลับมาได้แน่นอน
ฉีหนิงรู้ว่าผลงานของชื่อตันเหมยไม่ได้น้อยไปมากกว่าเขาเลย แต่
ว่านางเป็นศิษย์ของเจ้าเกาะไป๋อวิ๋น นางไม่มีทางเปิดเผยฐานะของ
ตัวเองแน่นอน
ก่อนจะเกิดกบฏขึ้น ซีเหมินจั้นอิงไม่เคยเจอชื่อตันเหมยมาก่อน
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชื่อตันเหมย คนที่รู้ก็มีน้อยมาก
หลังจากชื่อตันเหมยออกจากวัง ก็ทําตามที่ฉห
ี นิงสั่ง ติดต่อกลุ่ม
อํานาจที่ช่วยเหลือพวกเขาได้ รวมถึงจวนเสินโหวด้วย
ซีเหมินจั้นอิงเองก็ได้เจอชื่อตันเหมยตอนที่ไปส่งข่าวที่จวนเสินโหว
นั่นเป็นครั้งแรก
แต่ช่ อ
ื ตันเหมยหน้าตางดงามโดดเด่นกว่าใคร ไม่ว่าจะชายหรือ
หญิง แค่เจอครั้งเดียว ก็จําไม่มีวันลืม
ซีเหมินจั้นอิงรู้ว่าชื่อตันเหมยมาส่งข่าวมันคือเจตนาของฉีหนิง
เรื่องใหญ่แบบนี้ฉีหนิงมอบหมายให้สาวงามแบบนางไปทํา แสดงว่าเขา
เชื่อใจนางมาก แสดงว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องไม่ธรรมดา
แน่นอน
ซีเหมินจั้นอิงถึงแม้จะเป็นคนใจร้อน แต่ว่านางไม่ใช่คนโง่
ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงนั้นมันอ่อนไหวมาก พอฉีหนิงถามถึงชื่อ
ตันเหมยขึ้นมา น�าเสียงเหมือนจะเป็นห่วงนางมากด้วย มันทําให้ซีเห
มินจั้นอิงเดาได้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน
ฉีหนิงลังเล เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวังหลวง
ซีเหมินจั้นอิงกับชื่อตันเหมยเห็นเขาบาดเจ็บหนัก วิ่งมาหาเขา
แทบจะพร้อมกัน แต่ช่ อ
ื ตันเหมยกลับหยุดไประหว่างทาง หลังจากนั้นก็
เป็นซีเหมินจั้นอิงที่ใส่ยาให้เขา ชื่อตันเหมยหลบไปยืนมองอยูห
่ ่างๆ นั่น
ไม่ใช่เพราะนางอยากจะห่างเหินกับเขา แต่เพราะให้เกียรติซีเหมินจั้น
อิงต่างหาก
ถึงแม้เมื่อเทียบกับซีเหมินจั้นอิงแล้ว ชื่อตันเหมยจะแต่งงานเป็น
สามีภรรยากับเขาก่อนก็จริง แต่คนที่ตระกูลจิ่นอีโหวจัดงานแต่งงาน
ออกหน้าออกตารับเป็นสะใภ้คือซีเหมินจั้นอิง
เขารู้ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ปด
ิ ได้ไม่นาน ยังไงช้าเร็วก็ต้องบอกให้ซีเห
มินจั้นอิงได้รู้
หลังจากที่ซีเหมินจั้นอิงแต่งงานมาแล้ว นางก็รู้ว่านางจะอารมณ์
ร้อนขี้โมโหแบบเดิมไม่ได้อีก ดังนั้นางเลยพยายามแก้ไขให้ดูอ่อนโยน
มากขึ้น อีกอย่างนางกับฉีหนิงยังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน เลยยังไม่มี
ปัญหาอะไรมากมาย
แต่ว่านางก็ยังคงมีความทรนงในตัวเองอยู่ หากมีเรื่องที่ทําให้นาง
โกรธจริงๆ นางก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ
ตอนนี้เหมือนว่านางจะลืมไปแล้วว่าฉีหนิงบาดเจ็บอยู่ นางขมวด
คิ้วหนักมา ใบหน้าของนางโมโหมาก ฉีหนิงสังเกตสีหน้าของนาง ดูก็รูว
้ ่า
ถ้าเขาไม่มีคําอธิบายให้ดี วันนี้เขาตายแน่ เขาพยายามฝืนยิม
้ แล้วยื่น
มือออกไปจับมือของนาง เดิมคิดว่าอยากจะทําให้บรรยากาศมันผ่อน
คลายขึ้น ใครจะคิดว่าซีเหมินจั้นอิงจะชัดมือหลบ ดวงตาสวยๆ ของนาง
กําลังจ้องไปที่ฉีหนิง สายตามันเต็มไปด้วยคําถามและต้องการคําตอบ
เหมือนว่านางกําลังสอบสวนผู้ต้องหาอยู่
“เดิมทีนางเป็นลูกสาวของอดีตรัชทายาทของแคว้นตงฉี แต่เพราะ
การชิงอํานาจในวังหลวงแคว้นฉี พ่อของนางให้รา้ ย ตระกูลของนาง
ต้องตายทั้งหมด มีนางคนเดียวที่รอดมาได้” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูด
ว่า “ดังนั้นนางกับราชสํานักแคว้นฉีเลยไม่ถก
ู กัน อีกทั้ง ......” เขาพูด
เสียงเบาลง “นางเป็นลูกศิษย์ของท่านเจ้าเกาะไป๋อวิ๋นด้วย”
ฉีหนิงพยายามทําให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น เพื่อไม่ให้แม่เสือ
ของเขาระเบิดความโกรธออกมา เขาพูดว่า “เรื่องนี้เดิมทีข้าควรจะ
บอกเจ้านานแล้ว แต่ว่า ...... มันเกี่ยวข้องกับทั้งเทพกระบี่กับเจ้าเกาะ
ไป๋อวิ๋น ก็เลย ......”
ซีเหมินจั้นอิงแปลกใจหนักเข้าไปใหญ่ “เทพกระบี?่ เจ้าเกาะ
ไป๋อวิ๋น?” นางเริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว ความโกรธบนใบหน้าของนางเริ่ม
ผ่อนคลายลง กลายเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย นางขยับเข้ามา
ใกล้ฉีหนิงแล้วถามว่า “ท่านพี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฉีหนิงเองก็ไม่ได้ปิดบัง เขาเล่าเรื่องที่เดินทางไปเป็นราชทูตที่ตงฉี
ให้นางฟัง ตอนนั้นชื่อตันเหมยบุกเข้าไปปลงพระชนม์ฮ่องเต้แคว้นตงฉี
เขาช่วยชื่อตันเหมยเอาไว้ แล้วตกหลุมพรางที่ป่าไผ่วิญญาณ ถูกคนจับ
ตัวเอาไว้ ตอนที่ตกอยู่ในอันตราย เจ้าเกาะไป๋อวิ๋นกับเทพกระบี่ก็
ปรากฎตัวขึ้น แล้วช่วยพวกเขาเอาไว้ แต่ว่าทั้งสองคนกลับต้องการให้
เขากับชื่อตันเหมยแต่งงานกัน เรื่องในช่วงนี้มน
ั จะงงๆ นิดหน่อย ฉีหนิง
พูดแบบง่ายๆ ให้มันผ่านไป พูดได้ก็พด
ู พูดไม่ได้ก็ปล่อยไป มีการแก้
เนื้อเรื่องนิดหน่อย ทําให้ดูเหมือนว่าต้าจงซือสองคนบีบบังคับให้เขา
แต่งงานกับชื่อตันเหมย
ซีเหมินจั้นอิงพูดด้วยความสงสัยว่า “เป็นแบบนี้จริงเหรอ?”
ซีเหมินจั้นอิงมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “เจ้าแกล้งทําเป็นไม่ยินยอม
ใช่ไหม คนแซ่ช่ อ
ื นั่นเย้ายวนใจแบบนั้น เจ้าไม่ชอบหรือไง? คิดว่าเจ้าคง
มีความสุขสมเลยมากกว่า”
ฉีหนิงยิม
้ แต่ในใจของเขากลับกังวลมาก แอบคิดในใจว่าชื่อตัน
เหมยเขาสามารถอ้างชื่อของเป่ยกงเหลียนเฉิง ก็ถือว่าผ่านด่านไปได้
แต่ว่าอี๋ฟูที่อยู่ชายแดนเหมียว เขารับปากจะแต่งงานกับนางไปแล้ว ถึง
เวลานั้นจะอธิบายกับซีเหมินจั้นอิงยังไง?
อี๋ฟูยังไงก็เป็นผูห
้ ญิงบริสุทธิ์ แต่ฉีหนิงก็ยังไม่ลืมจั่วเซียนเอ๋อร์ด้วย
เขารู้ว่าอี๋ฟูกับเซียนเอ๋อร์ยังไงก็ปด
ิ ไม่มิดแน่ รอซีเหมินจั้นอิง
อารมณ์ดีวันไหน แล้วเขากล้าพอที่จะอธิบายค่อยว่ากัน แต่ว่าเรื่องของ
เถียนเสวียหยง ยังไงเขาก็ไม่พด
ู แน่นอน
พอคิดแบบนี้แล้ว เหมือนว่าเขาจะกําลังจะมีชีวิตแบบหลายเมีย
เลยน่ะเนี่ย?
พอฉีหนิงคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผูห
้ ญิงพวกนั้น เขาก็
ขมวดคิ้ว เขารู้สึกกลุ้มมาก ซีเหมินจั้นอิงเห็นเขาเครียด ใครจะไปนึกถึง
ว่าเขากําลังคิดเรื่องผู้หญิงหลายคนอยู่ นางคิดว่าเขากําลังกังวลใจเรื่อง
ของชื่อตันเหมยอยู่ นางถอนหายใจแล้วพูดว่า “ท่านเทพกระบี่ก็ถือว่า
เป็นคนของตระกูลฉี เป็นท่านปู่ของเจ้า ต่อให้เขาไม่ได้เป็นต้าจงซือ แต่
การแต่งงานที่เขาจัดให้ เรา ...... เราจะไปขัดไม่ได้หรอกนะ” นางลังเล
แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็รับนางเข้าจวนมาก็แล้วกัน เพราะครั้งนี้หาก
ไม่ใช่เพรานาง เราก็คงไม่รอด”
ฉีหนิงจําเป็นต้องใช้กําลังของพรรคกระยาจก เขาเองก็ไม่มี
ทางเลือก
พรรคกระยาจกเป็นพรรคในยุทธภพ ครั้งนี้เข้าร่วมการ
เปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถึงแม้จะเป็นเพระความปลอดภัยของฮ่องเต้
แต่ว่าพรรคในยุทธภพมาเกี่ยวข้องกับการเมืองแบบนี้มน
ั เป็นเรื่อง
ต้องห้าม ฉีหนิงกังวลว่าฮ่องเต้อาจจะคิดอะไรกับพรรคกระยาจก หาก
ไม่ใช่เพราะเขายังบาดเจ็บอยู่ เขาคงไปขอบคุณพวกจูเซวียที่พรรค
กระยาจกแล้ว
ซีเหมินจั้นอิงเลยเล่าเรื่องที่จวนไหวหนานอ๋องอย่างละเอียดให้เขา
ฟัง ฉีหนิงพูดว่า “ที่แท้ก็เจียงซุยอวินนี่เองเหรอ? หลังตระกูลใหญ่ในตง
ไฮ่ล่มสลายกันไปหมด เขาก็หายตัวไปเลย คิดไม่ถึงว่าเซียวจ้าวจงจะ
โอบอุ้มเขาเอาไว้” เขารู้ วรยุทธของเจียงซุยอวินนั้นโม่อ่ิงเป็นคนสอน
โม่อ่ิงเพื่อซื้อตัวเหยียนหลิงเซี่ยน เลยถ่ายทอดวิชาให้เหยียนหลิงเซี่ย
นด้วย เพียงแต่พวกเขาตายไปเพราะการก่อกบฏในครั้งนี้ท้ังหมด
ไหวหนานอ๋องมีวางกับดักเอาไว้ ฉีหนิงรู้ดีแก่ใจ
เขามั่นใจว่าฮ่องเต้น่าจะถูกนําตัวไปซ่อนไว้สองแห่ง นอกจากจวน
ไหวหนานอ๋องแล้วก็นา่ จะเป็นสํานักคุ้มกันซวี่ร่ อ
ื เทียบกันแล้ว สํานัก
คุ้มกันซวี่ร่ อ
ื มันไม่สะดุดตามากกว่า ใครก็ไม่มท
ี างนึกถึง ดังนั้นหากให้ฉี
หนิงเดิมพันจริงๆ เขาก็ต้องเดิมพันว่าฮ่องเต้ถูกกุมขังอยู่ที่สํานักคุ้ม
กันซวี่ร่ อ
ื มากกว่า
เขารู้ว่าเซียวจ้าวจงเจ้าเล่หม
์ าก เลยให้กําลังหลักของพวกเขาไปที่
ไหวหนานอ๋อง เดิมคิดที่จะใช้เป็นแผนล่อ คนของพรรคกระยาจกกับ
จวนเสินโหวรวมกันมันมีมากพอ เลยให้พวกเขาไปที่จวนไหวหนานอ๋อง
ฉีหนิงเดาไว้แล้วว่าที่จวนไหวหนานอ๋องนั้นต้องเกิดการนองเลือด
แน่ แต่กําลังของพรรคกระยาจกกับจวนเสินโหวรวมกัน ก็น่าจะ
ได้เปรียบ ก็ไม่นา่ จะเสียเปรียบอะไร
ถึงแม้มน
ั จะเป็นเรื่องที่ฉีหนิงมีคิดเอาไว้อยู่แล้ว แต่ผู้อาวุโสจูเซวีย
บาดเจ็บ มันเหนือความคาดหมายของฉีหนิง
“ใคร?”
“รัชทายาทตงฉีต้วนเส้ากับผู้บญ
ั ชาการทหารเรือตงฉีเสินถูหลัว”
ฉีหนิงสะดุ้ง แล้วพูดว่า “พวกเขาเองเหรอ?”
ฉีหนิงกับทหารหลวงวันนั้นคุมตัวพวกเขากลับเมืองหลวง ระหว่าง
ทางเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ถึงแม้ฉีหนิงจะรอดมาได้ แต่ต้วนเส้า
กับเสินถูหลัวกลับหายไปไร้ร่องรอย วันนั้นโม่อ่ิงปรากฎตัวขึ้น ฉีหนิง
สงสัยว่าโม่อิ่งน่าจะคุ้มกันพวกเขาสองคนไปซ่อน แต่ว่าไม่รู้ที่ไหน
คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองคนจะไปซ่อนตัวอยู่ในจวนไหวหนานอ๋อง
ฉีหนิงคิดก็รู้สก
ึ ว่าที่ซีเหมินจั้นอิงพูดมานั้นมีเหตุผล
หลังจากนั้นสองวัน ซีเหมินจั้นอิงยังคงเอาอาหารป้อนข้าวป้อนน�า
เขาเองเหมือนเดิม แต่ว่าเรื่องการกินยาเปลี่ยนยาจะเป็นหน้าที่ของ
ถังนั่ว
ถังนั่วใฝ่ไปในทางการแพทย์ นางมั่นคงในการรักษาผูค
้ น แต่
เป้าหมายที่สําคัญที่สุดก็คือการช่วยให้แม่ของนางฟื้นขึ้นมา แต่ว่านาง
ไม่รู้เลยว่า ร่างกายของแม่นางได้สลายเป็นผุยผงไปแล้ว หากว่าถังนั่ว
หาวิธใี ห้ตายแล้วฟื้นมาได้จริงๆ แต่กลับช่วยแม่นางไม่ได้แล้ว หลีซีกงก็
ตายไปแล้วด้วย นางกับหลีซีกงมีสม
ั พันธุ์ลึกซึ้งกันมาก หากรูพ
้ ร้อมกัน
ว่าทั้งแม่แล้วก็อาจารย์ตายไปแล้วทั้งคู่ ฉีหนิงนึกไม่ออกเลยว่านางจะ
เจ็บปวดใจแค่ไหน แล้วจะรับมันได้ไหม เขาไม่มีทางเลือก เลยขอปกปิด
เรื่องนี้ไว้ก่อน
พื้นฐานร่างกายของเขาดี บวกกับยาที่ถังนั่วปรุงให้ประสิทธิภาพ
เยี่ยมมาก ตอนนี้เลยลงมาเดินได้แล้วอย่างไม่มป
ี ัญหา
ฉีหนิงคิดในใจว่าฮ่องเต้แต่งตั้งเขาเป็นอ๋องยังไงเขาก็ต้องเข้าวังไป
เฝ้า ถึงแม้จะบาดเจ็บกินเวลาพักฟื้นไปหลายวันแล้ว แต่ว่าจะให้
เสียเวลาแบบนีต
้ ่อไปอีกไม่ได้ ฮ่องเต้อาจจะไม่คิดอะไร แต่ว่าพวกขุน
นางอาจจะคิด
ฉีหนิงรู้ว่าหลังศึกคราวนี้ เขากับพวกทหารหลวงร่วมเป็นร่วมตาย
อีกทั้งยังพลิกสถานการณ์ ปราบกบฏได้ บารมีของเขาในใจของพวก
ทหารหลวงนั้นมันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมมาก
เพียงแต่ตอนที่เหล่าทหารทําความเคารพให้เขา ถึงแม้ใบหน้าของ
เขาจะยิ้มแย้ม แต่ในใจของเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก
หลังจากเข้าวังแล้ว ก็มข
ี ันทีมารับและนําทางฉีหนิงเข้าวัง ครั้งนี้
เขาไม่ต้องไปที่วังหลังอีกแล้ว ฮ่องเต้รอพบเขาอยู่ที่ห้องทรงอักษร พอ
เขามา ฮ่องเต้ก็เดินมารับเขาด้วยตัวเอง เขายิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้า
มันพวกหนังเหนียวกระดูกเหล็ก แผลแค่นี้ ใช้เวลาไม่กี่วันก็หายแล้ว
ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วง” ฉีหนิงยังลุกขึ้นคํานับแล้วพูดว่า
“ฝ่าบาทประทานบรรดาศักดิ์อ๋องให้ กระหม่อม ......”
ฉีหนิงทําได้แค่ฟังต่อไป
ฉีหนิงพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ฉีหนิงรู้ว่าเซียวจ้าวจงเดินมาถึงจุดนี้ มันเป็นเพราะแวดล้อมในวัย
เด็กส่งผลต่อเขา เขาพูดว่า “เรื่องในวัยเยาว์ ก็มบ
ี ้างที่คิดไม่รอบคอบ”
“กระหม่อมรับพระมหากรุณาธิคณ
ุ เป็นล้นพ้น แม้ตายก็ตอบแทน
ไม่หมด”
ฉีหนิงคิดในใจว่าที่เจ้าเดาก็ไม่ผิดเลย ตอนที่มาเมืองหลวงใหม่ๆ
ข้าคิดแบบนั้นจริงๆ
“บนโลกใบนี้ทก
ุ คนล้วนแล้วแต่ทําเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”
หลงไท่พูดว่า “หลังจากเซียวจ้าวจงคุมตัวข้าเอาไว้แล้ว ข้ารู้สึกสิ้นหวัง
มาก เพราะพอมองไปในราชสํานักแล้ว ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะ
กล้าออกมาสูก
้ ับเซียวจ้าวจงได้ แล้วคิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครที่จะยอม
สละชีวิตเพื่อช่วยข้า?” เขาพูดว่า “ข้าพูดกับเจ้าตรงๆ เลยนะ หลังจาก
ที่ข้าถูกขัง ตัวข้ายอมแพ้แล้วจริงๆ ข้าแค่รอว่าเซียวจ้าวจงจะมาตัดหัว
ของข้าเมื่อไหร่เท่านั้น วันที่ที่กุมขังเปิดออก แม่นางคนนั้นบอกว่ารับ
คําสั่งมาจากเจ้า ให้ออกตามหาตัวข้าแล้วช่วยข้าออกไป ข้าถึงได้เข้าใจ
ว่า ในโลกใบนี้ยงั มีคนที่นึกถึงข้าอยู่”
“ฝ่าบาททรงอยากให้ข้าน�าใจต่อมิตร”
ฉีหนิงคิดในใจว่าคําพูดของฮ่องเต้เหมือนจะกังวลเรื่องในอนาคต
มากห เลยพูดว่า “ฝ่าบาทไม่ต้องทรงกังวลไป เราสองคนร่วมแรงร่วมใจ
กัน ต้องสร้างแผ่นดินที่สงบรุ่งเรืองได้แน่นอน”
ต้วนเส้ากับเสินถูหลัวเข้ามาในห้องทรงอักษรแล้ว พวกเขาสวมชุด
ธรรมดา สีหน้าของต้วนเส้าไม่ค่อยดีนัก แต่เสินถูหลัวนั้นยังคงเดินเข้า
มาอย่างองอาจ
ฉีหนิงเหมือนจะเข้าใจว่าฮ่องเต้ทําไมถึงให้สองคนนี้เข้าเฝ้าที่นี่
อย่างแรกคงอยากให้เขาได้เจอกับสองคนนี้ อย่างที่สองก็คงอยากให้เขา
อยู่ค้ม
ุ กันความปลอดภัยให้
หลงไท่ให้พวกเขาสองคนมาเฝ้า เหมือนต้องการปลอบขวัญพวก
เขา หากมีองครักษ์เต็มหน้าห้องทรงอักษรไปหมด มันเหมือนว่าฮ่องเต้ขี้
ขลาด แล้วก็จะทําให้อีกฝ่ายรูส
้ ึกไม่ดี แต่ว่าถ้าเขาอยูท
่ ี่นี่ มันทําให้หลง
ไท่ดูสบายๆ ด้วยวรยุทธ์ของเขา ไม่ต้องกลัวว่าเสินถูหลัวจะลงมือเลย
“ที่ข้าให้พวกเจ้ามาเฝ้าในวันนี้ ไม่ได้มาเพราะเรื่องของการเมือง
แต่มาเพราะเรื่องของครอบครัว” หลงไท่ยกมือให้พวกเขาสองคนนั่งลง
ต้วนเส้านั่งลงตรงข้ามฉีหนิง เสินถูหลัวยืนอยู่ด้านหลังของต้วนเส้น เขา
เหมือนยกย่องว่าต้วนเส้านั้นฐานะสูงส่ง
เสินถูหลัวสะดุ้ง หลงไท่พด
ู ว่า “แคว้นของเราเป็นพันธมิตรกันจริง
แต่โม่อ่ิงกลับเข้ามาก่อความวุ่นวายในแคว้นฉู่ของเราตลอด อีกทั้งยัง
ร่วมก่อการกบฏด้วย แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน? ใครกันแน่ที่ทําลาย
ข้อตกลงความร่วมมือก่อนกัน?”
เสินถูหลัวถึงกับพูดไม่ออก
หลังจากทั้งคู่มาถึงเมืองหลวง ถึงแม้จะหลบอยู่ในจวนไหวหนาน
อ๋องตลอด แต่หลายวันที่ผ่านมาก็รู้เรื่องที่เซียวจ้าวจงก่อกบฏดี ทั้งสอง
ถูกโม่อ่ิงพาตัวมาซ่อนในจวนไหวหนานอ๋อง ต่อให้โง่แค่ไหน พวกเขาก็
เดาได้ว่าโม่อิ่งกับเซียวจ้าวจงต้องมีความสัมพันธ์กันแน่นอน และรู้ว่า
โม่อิ่งเองก็นา่ จะเข้าร่วมในการก่อกบฏคราวนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งคู่ไม่รู้ว่าวิธก
ี ารพลิกสถานการณ์ของโม่อิ่ง
นั้นคืออะไร จนกระทั่งวันนี้พวกเขาถึงได้เข้าใจทุกอย่างแล้ว
น่าเสียดายที่เซียวจ้าวจงล้มเหลวทุกอย่างมันเลยหายไปทันที
โม่อิ่งเข้าร่วมก่อกบฏเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ฮ่องเต้หลงไท่ก็เหมือนจะ
รู้เรื่องนี้แล้ว อีกทั้งยังรู้ฐานะที่แท้จริงของโม่อิ่งด้วย พอโดนถามแบบนี้
เสินถูหลัวก็ตอบอะไรไม่ได้อีกเลย
ที่จริงแล้วหลังจากที่ซีเป่ยกับแคว้นตงฉีตกอยูใ่ นมือของแคว้นฉู่
แล้ว ความสมดุลทางตะวันตกเฉียงใต้มน
ั ก็หายไป ทางใต้เริ่มแข็งแกร่ง
กว่าทางเหนือ หากไม่มอ
ี ะไรผิดพลาด เรื่องการยึดเป่ยฮั่นนั้นมันก็ข้น
ึ อยู่
กับเวลาแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ยังทําไม่ได้ ฮ่องเต้ละเว้นโทษประหารให้กับต้วนเส้า
อีกทั้งยังประทานบรรดาศักดิ์โหวให้เขาอีก ฮองเฮาคือหนึ่งในเหตุผลนั้น
แต่เพราะทุกอย่างมันยังไม่จบ เขาก็อยากจะทําให้พวกชาวเป่ยฮั่นได้
เห็นเป็นตัวอย่างด้วย
ในเมื่อต้วนเส้ายังได้เป็นถึงโหว ถ้าอย่างนั้นระหว่างทางที่ไปปราบ
เป่ยฮั่น อาจจะมีขุนนางของพวกเป่ยฮั่น ที่ยอมสวามิภักดิ์กับแคว้นฉูก
่ ็
ได้
เสินถูหลัวไม่ได้ยอมรับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์โหว หลงไท่ยิ้ม ฉี
หนิงเองก็ยิม
้ แล้วพูดว่า “จะได้รบ
ั บรรดาศักดิ์โหวจากแคว้นฉูข
่ องข้านั้น
มันไม่ง่ายเลยนะ ฝ่าบาททรงมีพระกรุณามากขนาดนี้ ท่านแม่ทัพเสิน
คิดว่าบรรดาศักดิ์โหวนีม
้ ันไม่ค่ค
ู วรกับท่านงั้นเหรอ?”
เสินถูหลัวขยับปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ได้ยินมาว่าลิ่งหูซวี่ประจําการณ์อยู่ที่ผู่หยาง” ฮ่องเต้เหลือบไป
มองต้วนเส้าแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าฉางเล่อโหวคิดจะจัดการเรื่องนี้
ยังไง?”
ฉีหนิงส่งพวกเขาสองคนออกนอกวัง ด้านนอกวังมีคนของจวนเสิน
โหวรออยู่
ต้วนเส้ากับเสินถูหลัวหลังจากถูกพบตัวในจวนไหวหนานอ๋องแล้ว
ก็ถูกพากลับไปที่จวนเสินโหว แต่ว่าไม่ได้กักขังพวกเขาเอาไว้ในคุก แต่
จัดที่พักไว้ให้คนละห้อง แล้วมีการดูแลอย่างดี วันนี้ฝ่าบาทมีราช
โองการให้มาเฝ้า หานเทียนซู่เลยพาพวกเขามาที่วังหลวงด้วยตัวเอง
หานเทียนซู่เห็นฉีหนิงเดินมาพร้อมอีกสองคน ก็รีบยกมือคํานับ ฉี
หนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่สาม”
“อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?” หานเทียนซู่ถาม
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรล่ะ”
วันนี้ฮ่องเต้เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา มันทําให้ฉห
ี นิงรู้สึก
ปลง เพียงแต่ฉห
ี นิงยังรู้สึกว่าเหมือนฮ่องเต้ยังมีอะไรที่ไม่ได้พูดออกมา
อยู่ อีกทั้งฮ่องเต้ยังพูดเรื่องการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอยู่หลายครั้งด้วย
บอกว่าอย่าทรยศซึ่งกันและกัน คําพูดนี้ฟังเหมือนไม่มีอะไร แต่ฉห
ี นิง
กลับรู้สก
ึ ว่ามันมีอะไรแฝงอยู่
หานเทียนซู่ส่งต้วนเส้าไปยังถนนเส้นหนึ่งที่เงียบมาก แล้วหยุดลง
ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง รอบๆ บ้านมีทหารของค่ายหู่เสินเฝ้าอยู่ ต้วนเส้าลง
จากรถม้า แล้วมองไปรอบๆ เขาไม่ได้พด
ู อะไร หานเทียนซู่พูดว่า
“ตั้งแต่วันนี้ไป ท่านทั้งสองก็พก
ั อยู่ที่นช
ี่ ่ัวคราวก่อนนะ ที่นี่จะมีคนคอย
คุ้มกันความปลอดภัยให้ท่าน ในจวนมีบ่าวไพร่ ถ้าต้องการอะไร ท่านก็
สั่งพวกเขาได้เลย” เขายกมือคํานับ แล้วก็พาคนกลับไป
ฮองเฮาอาศัยอยู่ในวังหลวง เขาอาจจะไม่มีโอหาสได้พบหน้านาง
คงมีแต่เสินถูหลัวเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนกันได้
“ก่อนหน้านีฉ
้ ีหนิงขอให้เราเขียนจดหมายไปหาท่านมหาเสนา
กระหม่อมเองก็เขียนจดหมายไปฉบับหนึ่ง ถึงแม้จะดูเหมือนการเกลี่ย
กล่อม แต่ว่าจดหมายนั่นมันแฝงนัยยะความหมายอยู่ คนอื่นอาจจะ
อ่านไม่เข้าใจ แต่ว่าท่านมหาเสนาต้องเข้าใจแน่” เสินถูหลัวค่อยๆ พูด
ว่า “กระหม่อมบอกเขาว่า สถานการณ์ให้แล้วแต่เขาจะตัดสินใจ ให้เขา
เลือกทางของเขาเอง”
ต้วนเส้าถอนหายใจแล้วพูดว่า “หากเราไปสมทบกับพวกเขาที่ผู่
หยางได้ เราอาจจะมีทางออก”
“วันนี้หลงไท่ประทานบรรดาศักดิ์โหวให้เรา มันคือเรื่องที่หยาม
เกียรติของเราอย่างถึงที่สุด” เสินถูหลัวพูดว่า “กระหม่อมแค่กังวลว่า นี่
อาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ตอนนี้ทรงกลายเป็นเนื้อปลาบนเขียง
หมูของพวกเขาไปแล้ว เป็นตายอยู่ในกํามือของพวกเขา รัชทายาททรง
เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ของแคว้นตงฉี เดิมไม่ควรต้องมารับการหยาม
เกียรติแบบนี”
้
ต้วนเส้าขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ที่นี่เพิ่งจะเกิดการก่อกบฏขึ้น หลงไท่
ยังไม่คลายความโมโห วันนี้หากทําให้เขาโกรธ เขาอาจจะ .....”
เสินถูหลัวกลับหัวเราะ ยกน�าชาขึ้นมาแล้วเดิมมันลงไปจนหมด
แก้ว จากนั้นก็วางถ้วยชาลง เขาใช้หลังมือเช็ดปาก แล้วพูดว่า “ในเมื่อ
เขาให้บรรดาศักดิ์โหว อีกไม่นานราชโองการก็นา่ จะมาแล้ว กระหม่อม
เป็นขุนนางของพระองค์ ไม่มีทางรับบรรดาศักดิ์โหวนีไ่ ด้แน่นอน
ไม่อย่างนั้นมันเป็นการไม่ให้เกียรติรัชทายาท”
เสินถูหลัวยิม
้ แล้วพูดว่า “กระหม่อมอยู่มาได้ถึงวันนี้ แค่อยากจะ
อยู่ช่วยพระองค์กอบกู้แคว้นฉี แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คง
เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีก กระหม่อมคงไม่มป
ี ระโยชน์อันใดกับ
พระองค์อีกแล้ว”
ต้วนเส้นเองก็คิดว่าสิ่งที่เสินถูหลัวพูดนั้นก็มีเหตุผล ความหวัง
สุดท้ายของเขาเหมือนดับลงทันที เขายิ่งหงุดหงิดหนักเข้าไปใหญ่ เขา
กําลังจะยื่นมือไปหยิบน�าชามาดื่ม ยังไม่ทันแตะ เสินถูหลัวก็ย่ น
ื มือ
ออกไปจับมือของเขาเอาไว้ ต้วนเส้าตะลึงไป การกระทําของเขาดูเสีย
มารยาทมาก ถึงแม้จะถูกกักบริเวณ แต่เสินถูหลัวไม่เคยเสียมารยาทกับ
เขามาก่อน แต่คราวนี้กลับทําแบบนี้ ต้วนเส้รู้สึกแปลกใจมาก เสินถูหลัว
ส่ายหน้า แล้วพูดว่า “รัชทายาททรงจะดื่มชาแก้วนีห
้ รือไม่ ต้องคิดดูให้
ดี ......” พูดยังไม่ทันจบ ต้วนเส้าก็พบว่า ที่ริมฝีปากของเสินถูหลัวนั้นมี
เลือดไหลออกมา
เสินถูหลัวส่ายหน้าแล้วพูดว่า “พิษในกากระหม่อมเป็นคนใส่เอง
ไม่ใช่พวกเขาหรอก”
ต้วนเส้าพูดอย่างตกใจว่า “ทําไมท่านถึงได้ทําแบบนี?้ ”
“กระหม่อมเป็นนักรบ เดิมควรตายในสนามรบ แต่กลับยังรอด
มาถึงวันนี้ มันถือว่าเป็นเรื่องน่าอายมากแล้ว” เสินถูหลัวเก็บมือของเขา
กลับมา “กระหม่อมจะไม่ยอมให้ชีวิตตัวเองตกอยู่ในมือของพวกแคว้น
ฉู่เด็ดขาด ตระกูลเสินได้รับพระกรุณามากมาย การตายในวันนี้ ก็ถือว่า
เป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินต้าฉีแล้ว ......” เขากระอักเลือดออก
มา แล้วก็ล้มลง
เขารู้ว่าเสินถูหลัวเป็นคนตรงไปตรงมา วันนี้ในวังถูหยามเกียรติ
แบบนั้น เขาคงรับไม่ได้ ที่สําคัญอีกไม่นานนักในวังก็มรี าชโองการมา
อย่างเป็นทางการ หากเสินถูหลัวยอมรับ นั่นก็หมายความว่าเขาจะมี
ฐานะทัดเทียมกับต้วนเส้าทันที มันเป็นสิ่งที่เสินถูหลัวไม่อาจยอมรับได้
แต่หากขัดราชโองการ อาจทําให้เกิดความยุ่งยากขึ้น การตายของเสินถู
หลัว ที่จริงมันเป็นการเลี่ยงไม่ให้ต้วนเส้าลําบากใจ
หลังเสร็จสิ้นการปราบกบฏ ผูอ
้ าวุโสจูเซวี่ยก็กลับมาที่ตรอกหลัวกู่
เพื่อพักรักษาตัว
ตอนที่ฉห
ี นิงมาถึงที่ทําการของสาขากุ่ยจินหยาง ยังไม่ถึงเที่ยง เขา
กลายเป็นคนคุ้นเคยของที่นี่ไปแล้ว พอเขามาที่สาขา ก็ไม่มีใครขวาง
เขาสักคน
ฉีหนิงจัดวางทุกอย่างในวังเรียบร้อย แต่รายละเอียดการ
ดําเนินการนั้นให้ช่ อ
ื ตันเหมยออกจากวังแล้วมาหารือกับพรรค
กระยาจกแล้วก็กลุ่มอื่นๆ อีกที หลังจากเขาบาดเจ็บจากในวังหลวง ก็
พักฟื้นมาจนถึงวันนี้ เลยไม่รู้ว่าโหวเหวินซือเองก็เข้าร่วมปฏิบัติการนี้
ฉีหนิงกับโหวเหวินซือได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างดีใจ แต่
เขาเป็นห่วงผู้อาวุโสจูเซวี่ยมากกว่า เลยเข้าไปเยี่ยมเขาในห้องก่อน พอ
เห็นผู้อาวุโสจูเซวี่ยนอนอยู่ที่เตียง ตอนนี้ยังลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ ถึงแม้
สีหน้าจะยังไม่ค่อยดี แต่ว่าใบหน้าของเขายังถือว่ามีเลือดฝาด ดูท่าทาง
กําลังฟื้นตัวได้ดีทีเดียว
ฉีหนิงอยู่พูดคุยกับเขาครู่หนึ่งเท่านั้น เพราะไม่อยากรบกวนการ
พักฟื้นของเขา จากนั้นเขาก็ตามโหลวเหวินซือออกมา แล้วไปนั่งกันที่
สวนด้านหลัง โหลวเหวินซือเลยถามเปิดประเด็นเลย “น้องฉี ได้ยน
ิ มา
ว่าฝ่าบาทมอบบรรดาศักดิ์อ๋องให้กับเจ้าเหรอ?”
“ข่าวของพรรคกระยาจกไวนะ” โหลวเหวินซือยิ้มแล้วพูดว่า
“เท่าที่ข้ารู้มา ตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นฉู่มา เหมือจะไม่เคยมีอ๋องนอกเชื้อสาย
เลยนะ น้องฉีได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง ถือว่าเป็นแรกในประวัติศาสตร์
แคว้นฉู่เลย”
ฉีหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้ไท่จู่ยึดเอารากฐานของแผ่นดิน
ขึ้นมาได้ แต่คนที่รวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งนั้นคือฮ่องเต้ไท่จง”
“จิ่นอีตระกูลฉีเป็นที่นับหน้าถือตาของฝ่ายการทหารแคว้นฉู่มาก
เป็นเพราะจิ่นอีเหล่าโหวปราบทางใต้บุกไปทําศึกทางเหนือ กําราบพวก
หัวดื้อทีละคนสองคน ตัวเล็กตัวน้อยไม่ต้องพูดถึง แค่ซช
ี วนที่เดียว ก็ไม่
มีใครเทียบได้แล้ว” โหลวเหวินซือพูดว่า “ข้าขอพูดตามตรงเลยนะ
หากเทียบกันด้วยผลงานแล้ว ผลงานของเจ้ามันเทียบท่านเหล่าโหว
ไม่ได้เลย หลังจากท่านพ่อกับท่านเหล่าโหวตายไป ฝ่ายเป่ยฮั่นที่มีฉางห
ลิงโหวประจําการณ์อยู่ที่ชายแดนแม่น�าฉินไหวนั้นเป็นขุนพลที่เก่งมาก
หากไม่ได้ท่านพ่อของเจ้า คิดว่าทั่งทั้งแคว้นฉู่คงไม่มีใครขวางเขาได้
แน่นอน ไม่แน่ว่าสถานการณ์ในตอนนีอ
้ าจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ก็ได้ ส่วนผลงานของเขา ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเลย”
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “พี่โหลวหมายความว่าฝ่าบาทระแวง
ในตัวข้างั้นเหรอ?”
“น้องฉีเข้าใจเหตุผลก็ดีแล้วนะ” โหลวเหวินซือถอนหายใจแล้วพูด
ว่า “ตั้งแต่โบราณมา ใครก็ตามที่น่งั อยู่บนบัลลังก์ สิ่งที่เขาจะกังวลมาก
ที่สุดคือมีคนมาชิงบัลลังก์ของเขาไป เซียวจ้าวจงเป็นเชื้อพระวงศ์ ก่อ
กบฏคราวนี้ข้ึนมา ฝ่าบาทไม่มท
ี างไม่รู้สึกอะไร เขาต้องระแวงทุกคน
แน่นอน เขามอบบรรดาศักดิ์อ๋องให้เจ้า เพราะตระกูลฉีมีผลงานสะสม
มามากมาย และเพราะความสามารถของตัวเจ้าเองด้วย แต่ที่สําคัญ
ที่สุด เพราะอยากปลอบขวัญเจ้ามากกว่า ไม่อย่างนั้นฝ่าบาทจะทรง
ทําลายธรรมเนียมโบราณ ประทานบรรดาศักดิ์อ๋องให้เจ้าได้ยังไง?”
ฉีหนิงคิดตามวันนี้ตอนที่พบหลงไท่ เขาก็เหมือนพูดความในใจ
ออกมาหมด เขาดูเหมือนเดิม แต่ว่าคําพูดของเขาก็มีความกังวลอยู่
แล้วความกังวลนั้นมันเหมือนมาจากตัวของฉีหนิงด้วย
“น้องฉีลองคิดดูให้ดีนะ เจ้าอายุแค่นแ
ี้ ต่ได้เป็นถึงท่านอ๋องแล้ว
แล้วถ้าต่อไปเจ้าสร้างผลงานใหญ่ได้อีก ฝ่าบาทจะต้องปูนบําเหน็จ
รางวัลให้เจ้าอีก?” โหลวเหวินซือท่าทางจริงจังมาก “เขาคงไม่มอบ
บัลลังก์ให้เจ้าหรอกจริงไหม? เมื่อไหร่ก็ตามที่สร้างผลงานจนไม่อาจ
มอบรางวัลให้ได้แล้ว มันคือช่วงเวลาที่อันตรายมากที่สุด น้องฉี คําพูด
เหลวไหลของข้าในวันนี้ เจ้าจะฟังเข้าหูหรือเปล่าก็แล้วแต่เจ้า แต่ว่า
ตั้งแต่นต
ี้ ่อไป ไม่ว่าเจ้าจะทําอะไรก็ขอให้ระวังตัวให้ดี”
ฉีหนิงพยักหน้า เขารู้ว่าโหลวเหวินซือหวังดีกับเขา
ที่จริงฉีหนิงรู้ดีแก่ใจ ในเวลาแค่สองปี เขาเลื่อนบรรดาศักดิ์จากโหว
มาเป็นอ๋อง ดูเหมือนจะดี แต่ที่จริงมันเป็นก้าวกระโดดที่เร็วมากเกินไป
ซึ่งมันเหมือนจะไม่ดีเอาซะเลย อย่างที่โหลวเหวินซือพูดมา หากต่อไป
เขาสร้างผลงานใหญ่มากอีก ฝ่าบาทจะปูนบําเหน็จให้เขายังไง?
โหลวเหวินซือลุกขึ้น ยิม
้ แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางกลับแล้ว
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกับเจ้าอีก” เขาลังเล แล้วพูดว่า “น้องฉี ช่วงนี้
เจ้าได้ขา่ วของท่นาประมุขบ้างไหม?”
ไป๋เซิ่งเฮ่าเดินขึ้นหน้ามา ยกมือคํานับให้ฉห
ี นิง แล้วพูดว่า “ท่าน
อ๋อง”
ฉีหนิงคิดในใจว่าเรื่องที่เขาได้บรรดาศักดิ์โหวนั้นมันกระจายไปทั่ว
แล้ว เขาพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “หัวหน้าไป๋ เรื่องปราบกบฏในครั้งนี้
ความช่วยเหลือของท่านกับพี่นอ
้ งพรรคกระยาจก ข้า ......”
“ท่านอ๋องอย่าได้พูดแบบนี้เลย” ไป๋เซิ่งเฮ่าพูดแทรกขึ้นมา “เรา
ติดหนี้บุญคุณท่านอยู่แล้ว มีโอกาสได้ตอบแทน เป็นเรื่องที่หาได้ยาก
จริงสิ ข้าน้อยเพิ่งกลับเข้าเมืองหลวงมา ข้าไปรับเถียนฮูหยินกลับมา
เพื่อความปลอดภัย ข้าน้อยยังไม่ได้ให้นางกลับไปที่จวนของนาง พา
กลับมาพักที่นี่ก่อน กําลังจะให้คนไปแจ้งให้ท่านอ๋องทราบแล้วถามว่า
จะให้ส่งนางกลับไปที่จวนหรือเปล่าพอดีเลย”
ในตอนนี้เองก็เห็นเถียนฮูหยินที่สวมชุดกระโปรงเรียบง่ายเดินเข้า
มาในห้อง ถึงแม้จะเป็นเสื้อผ้าธรรมดา แต่ว่าความงามของนางมันก็
ยังคงอยู่ ชุดแบบนี้มันกลับทําให้นางดูดีไปอีกแบบหนึ่ง เถียนฮูหยินเห็น
ฉีหนิง สายตาสีหน้าของนางดูดีใจมาก นางเดินหน้าขึ้นมาแล้วทําความ
เคารพ ปากของนางขยับ แต่เห็นไป๋เซิ่งเฮ่ากับโหลวเหวินซืออยู่ด้วย
เลยไม่รูว
้ ่าจะพูดอะไรดี ฉีหนิงเห็นนางปลอดภัย ก็ดีใจมาก แต่ว่าเขา
กลับไม่เห็นกู้ชิงฮั่น เลยพูดถามอย่างแปลกใจไปว่า “ซานเหนียงอยู่
ไหน?”
เถียนฮูหยินกับไป๋เซิ่งเฮ่ามองหน้ากัน ท่าทางดูไม่ปกติเลย ฉีหนิง
เดาได้ทันทีว่ามันไม่ปกติ เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ทําไมซานเหนียงถึงไม่ได้มาด้วยกัน?”
ท่าทางของเขาตอนนี้เขาดุมาก เถียนเสวียหยงหน้าเสียไปทันที
นางตกใจกลัวมาก “ท่านอ๋อง ......”
โหลวเหวินซือกับเถียนเสวียหยงพยุงฉีหนิงมานั่งลงที่เก้าอี้ ฉีหนิง
หน้าซีดมาก โหลวเหวินซือรู้ว่าฉีหนิงเลือดลมน่าจะผิดปกติ เลยซัดฝ่า
มือไปด้านหลังของเขาสองถึงสามครั้ง เพื่อช่วยให้เลือดลมของเขา
ไหลเวียนดีข้น
ึ หลังจากนั้นไม่นาน ฉีหนิงก็ได้สติกลับมา เขาหลับตา
จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาแล้วจ้องไปที่ไปไป๋เซิ่งเฮ่า แล้วถามว่า “ท่าน
หัวหน้าไป๋ ใครทําร้ายซานเหนียง? ซานเหนียง ...... ตอนนี้นางอยู่ที่
ไหน?”
ฉีหนิงเห็นป่าไผ่ที่หนาแน่นแบบนี้ ไม่มถ
ี นน ม้าก็เข้าไปไม่ได้ ต้อง
ลงจากม้าแล้วเดินเข้าไป เขาเริ่มรู้สึกเจ็บปวดใจ สีหน้าของเขาไม่ดีเลย
เขาเปิดปากออกมาว่า “พาข้าไปที”
ที่ลึกลับแบบนี้ คนทั่วไปไม่มท
ี างเข้ามาได้ เพราะต้องหลงแน่นอน
ฉีหนิงได้ยินไป๋เซิ่งเฮ่าบอกว่ามันเป็นสถานที่ลับของพรรค
กระยาจก เขาก็รู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าทําไมถึงได้มีที่ลึกลับแบบนี้ได้ แต่
ตอนนี้เขาแค่อยากจะพบหน้ากู้ชิงฮั่นเท่านั้น เขาไม่มอ
ี ารมณ์จะไปคิด
เรื่องอื่น เขาเดินอ้อมป่ามาครู่หนึ่ง ก็เริม
่ เห็นทางออก ที่แท้ในที่ลึกที่สด
ุ
ของป่านี้ มันเป็นที่โล่งแจ้ง แล้วยังมีบ้านพักอยู่สองหลัง อาศัยแสง
จันทร์ ข้างบ้านพักยังมีบ่อน�า บ้านพักสองหลังประตูปิดสนิท แต่ว่า
หน้าต่างยังเปิดอยู่ มีหลังหนึ่งที่ด้านในเหมือนจะมีแสงไฟ
หลังจากนั้นอยูพ
่ ักหนึ่ง ฉีหนิงถึงได้ปล่อยมือ แล้วจับไปที่หัวไหล่
ทั้งสองข้างของกู้ชิงฮั่น เขาจ้องไปที่ตาของนาง แล้วพูดว่า “ซานเหนียง
ท่านยังอยู่ดีนี่นา ทําไม ...... ทําไมพวกเขาถึงได้ต้องพูดแบบนั้นด้วย?”
กู้ชิงฮั่นสั่งให้คนไปบอกเขาว่านางตายแล้ว เรื่องนี้มน
ั น่าเหลือเชื่อ
เกินไป
กู้ชิงฮั่นจ้องไปที่ตาของฉีหนิง เห็นตาของเขาแดงก�า ก็รู้ว่ามันเป็น
เพราะอะไร นางยกมือขึ้นมาจับหน้าของฉีหนิง แล้วพูดว่า “กู้ชงิ ฮั่นไม่
ตาย เจ้ากับข้าก็ไม่มีวันได้อยูด
่ ้วยกัน เด็กโง่ จนตอนนีเ้ จ้ายังไม่เข้าใจอีก
เหรอ?”
ฉีหนิงตอนนี้ถึงได้เข้าใจทุกอย่างแล้ว
กู้ชิงฮั่นให้คนไปแจ้งข่าวการตาย แสดงว่าต้องการให้ข่าวนี้
กระจายไปทั่ว เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทุกคนรู้ว่าฮูหยินสามของตระกูลฉีน้ัน
ตายไปแล้ว กู้ชงิ ฮั่นก็จะสามารถใช้อีกฐานะหนึ่งอยู่กับฉีหนิง
การกระจายข่าวการตายออกไป ก็เท่ากับว่านางจะไม่สามารถใช้
ชีวิตแบบเดิมได้อีก อีกทั้งไม่สามารถไปพบกับครอบครัวของนางอีก
ด้วย มันเป็นการเลือกที่เจ็บปวดมาก
แต่หากไม่ทําแบบนี้ กู้ชิงฮั่นอาศัยอยู่ในจวนต่อไป ก็ไม่มีทางอยู่
กับฉีหนิงได้แน่นอน
ฉีหนิงรู้ว่านางต้องเสียสละอะไรมากแค่ไหนในเรื่องนี้ เขารู้สึก
ซาบซึ้งใจมาก เขาโอบเอวนางอีกครั้ง แล้วพูดด้วยน�าเสียงอ่อนโยนว่า
“ต่อไปข้าจะเรียกท่านว่าท่านพี่ กู้ซานเหนียงตายไปแล้ว ที่ยงั อยู่กับข้า
ก็คือท่านพี่ชิงฮั่น ท่านว่าดีหรือเปล่า?”
ไป๋เซิ่งเฮ่าส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีแล้วขอรับ”
ท่ามกลางแสงไฟกู้ชิงฮั่นดูมีเสน่ห์มาก มันแผ่รังศีความมีเสน่ห์
ออกมา ทําให้เขาหวั่นไหว
“ภายในสองปีหลังจากนี้ข้าจะไม่โผล่หน้าไปไหน” กู้ชิงฮั่นพูด “รอ
ผ่านสองปีนไี้ ปก่อน ข้าค่อยกลับเข้าเมืองหลวงในฐานะอื่น ถึงเวลานั้น
ข้าจะหาที่พักในเมืองหลวง เจ้าจะไปหาข้าหรือเปล่าก็แล้วแต่เจ้า”
ฉีหนิงรู้ว่ากู้ชิงฮั่นถึงแม้จะเป็นฮูหยินสามของตระกูลฉี แต่คนที่เคย
เห็นหน้านางจริงๆ นั้นมีไม่มาก รออีกสักสองปีค่อยกลับเมืองหลวง มันก็
เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกัน
“ท่านพีค
่ ิดดีแล้วเหรอ?” ฉีหนิงเหลือบมองไปสายตาของกู้ชงิ ฮั่น
เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “เพื่อข้าแล้ว ท่านเสียสละมากเกินไปแล้ว
นะ”
ฉีหนิงเข้าใจความหมายของกู้ชงิ ฮั่นดี
กู้ชิงฮั่นหากกลับจวนคราวนี้ อย่างมากก็ดแ
ู ลบ้านได้อีกแค่สองปี
สุดท้ายก็ต้องมอบทุกอย่างให้กับซีเหมินจั้นอิง
กู้ชิงฮั่นอายุไม่ถึงสามสิบ ยังอายุยังไม่มากอยู่ในช่วงโตเต็มวัย หาก
มอบอํานาจทุกอย่างในจวนอ๋องแล้ว นางจะมีฐานะที่ดข
ู ะเขินมากใน
จวน นางไม่มีลก
ู ในจวนไม่มีที่พ่งึ ต่อไปอยู่ในจวนอ๋องก็เหมือนคนไม่มี
ตัวตน พูดได้เลยว่าอยู่คนเดียวจนแก่ตายไปก็ไม่เกินเลย
สําหรับกู้ชิงฮั่นแล้ว มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก
ฉีหนิงเชื่อว่ากู้ชิงฮั่นหลอกว่าตายแล้ว มันไม่ใช่แค่อารมณ์ช่ว
ั วูบ
นางทําทุกอย่างรอบคอบมาก เหมือนมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว
นางละทิ้งฐานะฮูหยินสามของตระกูลฉี ต่อไปก็สามารถปล่อยวาง
ความกังวลหลายเรื่อง แล้วอยูก
่ ับเขาได้
“แล้วทําไมเถียนฮูหยินถึงได้ช่วยท่านปกปิดเรื่องนี้ด้วย?” ฉีหนิง
รู้สึกแปลกใจ
“ท่านไม่ใช่ฮูหยินสามของตระกูลฉีแล้วนะ ทําไมต้องทําตามกฎอีก
ล่ะ?” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ท่านคือท่านพี่ชิงฮั่น ในเมื่อเป็นพี่สาว
ก็สนิทสนมกันได้สิ”
กู้ชิงฮั่นกลับยื่นมือไปดึงหูของฉีหนิงแล้วพูดว่า “มาถึงขั้นนี้แล้ว
เจ้ายังคิดจะหลอกข้าอีกเหรอ หากเจ้าเห็นนางเป็นแค่แม่ค้า ทําไมยัง
ต้องจัดให้นางหนีมาหลบภัยนอกเมืองหลวงด้วย? คนที่มค
ี วามสัมพันธ์
ลึกซึ้งกับจวนจิ่นอีโหวนั้นมีต้ังเยอะ ก็ไม่เห็นเจ้าจะไปปกป้องคนอื่นด้วย
เลย”
ฉีหนิงคิดในใจว่าในเมื่อวันนี้ก้ช
ู งิ ฮั่นจู่ๆ ถามแบบนี้ข้น
ึ มา แสดงว่า
นางเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเถียนฮูหยินแล้ว เขา
กับเถียนฮูหยินมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกันแล้ว แต่เรื่องนี้จะเปิดเผย
ไม่ได้ เถียนฮูหยินเองก็ไม่มีทางบอกใครได้เหมือนกัน
แต่ก้ช
ู ิงฮั่นพูดแบบนี้ ฉีหนิงมีความรู้สก
ึ ว่านางเหมือนจะรู้อะไร
มาแล้วแน่ๆ
ในหัวของเขามีภาพของเถียนฮูหยินโผล่ข้ึนมา ทําให้เขารู้สึกผิดกับ
นางมาก เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “นางเดือดร้อนเพราะข้า หาก ......
นางถูกจับตัวแยกต่างหากไป ข้าเองก็จะคิดหาวิธีช่วยนางอยูด
่ ี”
“เจ้าเองก็ไม่ต้องปิดบังข้าหรอกนะ นางเล่าให้ข้าฟังหมดแล้วล่ะ”
กู้ชิงฮั่นถอนหายใจแล้วพูดว่า “นางเป็นห่วงเจ้าขนาดนั้น คิดอยากจะรู้
อะไรจากปากนาง มันไม่ใช่เรื่องยากเลย”
ฉีหนิงวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เขาเข้าใจแล้วว่ากู้ชิงฮั่นกําลัง
หลอกถามเขาอยู่ แต่ว่าเขาไม่มส
่ ติ เลยถูกกู้ชงิ ฮั่นเล่นงานเข้าให้แล้ว
เขาน�าตาแทบจะไหล เขาคิดในใจว่าต่อให้เถียนฮูหยินจะเลอะเลือนแค่
ไหน ก็ไม่มีทางถูกกู้ชงิ ฮั่นหลอกถามเรื่องนี้แล้วเล่าเรื่องที่พวกเขามี
อะไรกันออกมาแน่ แต่กลับเป็นเขาเองก็หลุด เขาอยากจะตบปาก
ตัวเองแรงๆ สักที เขาเริ่มกังวล ไม่รู้ว่ากู้ชิงฮั่นจะจัดการกับเขายังไง
เล่มที่ 48 บทที่ 1416 อย่ารอจนดอกไม้โรยราถึงค่อยหักกิ่ง
ฉีหนิงต่อให้หน้าด้านแค่ไหน แต่ก็ตอนนี้ก็ยังรูส
้ ึกว่าหน้าของเขา
นั้นมันร้อนผ่าวมาก
“ไม่ต้องมาคุยกับข้าเลย” กู้ชิงฮั่นไม่ได้พูดดีด้วย
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ข้าไม่ดีเอง ข้าขอภัยต่อท่านได้ไหม ท่าน
ปล่อยข้าไปสักครั้งเถอะนะ”
กู้ชิงฮั่นพูดว่า “ข้าจะกล้าให้เจ้ามาขอโทษข้าได้ยังไง เจ้าเป็นถึง
ท่านอ๋อง ฐานะสูงส่ง มีเมียหลายคนก็เป็นเรื่องปกติ”
ฉีหนิงทําตัวไม่ถก
ู เลย เขาเองก็เข้าใจ ขุนนางจะมีหลายเมียมันเป็น
เรื่องปกติ แต่คนมีจิตใจ เขากับเถียนฮูหยินมีสัมพันธ์ลับกัน กู้ชิงฮั่น
หลอกถามออกมาได้จนสําเร็จ นางไม่มีทางพูดดีกับเขาแน่
ฉีหนิงทําหน้าลําบากใจ กู้ชิงฮั่นเห็นเขาไม่พด
ู อยู่นาน ก็หันหลัง
กลับมา สีหน้าของนางยังโกรธอยู่ นางถามว่า “ถ้าอย่างนั้นต่อไปเจ้ายัง
จะยุ่งกับนางอีกไหม?”
กู้ชิงฮั่นเหลือบไปมองตาของฉีหนิง เห็นท่าทางของเขาจริงจังมาก
ท่าทางหนักแน่น นางก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า“หากนางรู้ว่าเจ้าเป็นห่วง
นางเหมือนกัน นางต้องดีใจมากแน่” นางยื่นมือออกไปจับมือของฉีหนิง
แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ต่อไปหากนางเจอปัญหาอะไร เจ้าต้องช่วย
นางนะ ข้าไม่ห้ามให้พวกเจ้าไปมาหาสูก
่ ันหรอกนะ แต่ว่าเรื่องนี้อย่าให้
ใครรู้ล่ะ ชื่อเสียงของนางจะได้ไม่เสียหาย”
เขารู้ดี กู้ชิงฮั่นกับเถียนเสวียหยงต่างเป็นผู้หญิงที่เขาอกเข้าใจ
ผู้อ่ ืน ไม่ได้เหมือนผู้หญิงวัยรุ่นทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องของชายหญิง อายุ
อย่างพวกนางมันเป็นอะไรที่อ่อนไหวมาก กู้ชิงฮั่นกับเถียนเสวียหยง
อาศัยอยู่ที่นี่กันนานหลายวัน กู้ชิงฮั่นรู้ความลับของเถียนเสวียหยง
เถียนเสวียหยงเองก็นา่ จะรู้อะไรเกี่ยวกับกู้ชิงฮั่นแน่
หากเถียนเสวียหยงไม่ได้รู้เรื่องอะไร นางก็จะต้องเห็นกู้ชิงฮั่นเป็น
เหมือนฮูหยินสามของตระกูลฉี เป็นญาติผู้ใหญ่ของฉีหนิง ต่อให้นางใจ
กล้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางเล่าเรื่องลับระหว่างเขากับนางให้ก้ช
ู งิ ฮั่นฟังแน่
ในเมื่อนางเล่าให้ฟัง แสดงว่าพวกนางต้องรู้เรื่องของกันและกันไปแล้ว
พอคิดๆ ดูแล้วมันก็สมเหตุสมผลอยู่
ฉีหนิงอยู่ปราบกบฏในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเถียนเสวียหยงหรือว่ากู้
ชิงฮั่น ก็รู้ว่าฉีหนิงต่อสูก
้ ับเซียวจ้าวจง มันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก จาก
กันที่เมืองหลวงคราวนั้น มันอาจจะไม่ได้พบกันอีกก็ได้
ด้วยสถานการณ์แบบนั้น ม่ายสาวทั้งสองเต็มไปด้วยความกังวล
เป็นห่วงเขาทั้งวันทั้งคืน พวกนางมองความรู้สก
ึ ของกันและกันออก จึง
คอยหยั่งเชิงดู จนอาจจะได้รู้เรื่องมา
“ไม่ต้ังใจ?”
ฉีหนิงเห็นท่าทางของนางแล้วก็รู้สึกใจสั่น เขาพยายามจะไปที่ขอบ
เตียง ทําหน้าตาน่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทําได้ กู้ชิงฮั่นเหลือบมามอง นาง
รู้สึกขํามาก แต่ก็แอบขยับเข้าไปด้านในแบบเนียนๆ ฉีหนิงสังเกตเห็น ก็
รีบขึ้นเตียงนอนแล้วขยับเข้าไปใกล้นาง กู้ชงิ ฮั่นเอามือปิดหน้าอกเอาไว้
นางหลับตาลงแล้วพูดว่า “ข้าง่วงมากแล้ว เจ้าอย่ากวนข้าล่ะ”
นางดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ฉห
ี นิงได้ยินนางหายใจแรงมาก แต่
พยายามจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เขารู้ว่านางแกล้งทําเป็นไม่
มีอะไร แต่ว่าที่จริงนางกําลังตื่นเต้นมาก
จะไม่พด
ู ก็ไม่ได้ กู้ชิงฮั่นนี่เป็นผูห
้ ญิงที่สวยแบบหาได้ยากมากจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือว่ารูปร่าง ผิวพรรณ ล้วนแล้วแต่ดีหมดเลย
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ทําแบบนั้นได้ไง หากข้าไปบวช แล้วท่านทํา
ไง?”
ค�าคืนอันเงียบสงัด ฉีหนิงใช้มือดันหัวแล้วมองไปที่ก้ช
ู ิงฮั่น สายตา
ของเขามองไปที่ริมฝีปากของนาง เขาพบว่าตอนนี้แค่เขามองหน้าของ
นางใจของเขาก็จะเต้นแรงมากกว่าปกติอีก แต่ว่ายังไม่เคยมองปากของ
นางอย่างละเอียดเลย
“กลัวอะไร?”
“ข้ารู้สึกว่า ...... ทําแบบนี้มันไม่ดี” กู้ชงิ ฮั่นน�าเสียงสั่นมาก “ถ้า
ยังไง ...... เจ้ารอก่อนดีไหม ไว้ขา้ พร้อมกว่านี้ ......”
“ท่านพีค
่ นสวยของข้า ข้าให้เวลาท่านมานานมากแล้วนะ” ถึงแม้
มือของฉีหนิงจะถูกจับเอาไว้ แต่เขาก็พยายามจะขึ้นไปด้านบน กู้ชิงฮั่น
สะดุ้งตัวสั่น มือของเขามันขึ้นไปบนจุดที่อ่อนไหวที่สุดของนาง ความ
รู้สึกนั้มน
ั ทําให้วิญญาณของฉีหนิงแทบหลุดจากร่าง “ท่านกลัวอะไร?
กลัวข้าเหรอ?”
ฉีหนิงรู้ว่ายังมีเวลาอีกเยอะ เขาต้องทํามันอย่างตรงไปตรงมา จะ
รีบร้อนไม่ได้ เพื่อไม่ให้นางตื่นกลัว ดังนั้นเขาเลยแค่เอามือแตะเอาไว้
ตรงนั้น ไม่ได้ทําอะไรไปมากกว่านั้น เขาพูดว่า “ซานเหนียงไม่อยู่แล้ว
ท่านคือท่านพี่ชงิ ฮั่นของข้า ต่อไปห้ามเรียกข้าว่าหนิงเอ๋อร์อีก”
นางรู้ว่าในเวลานี้นางห้ามอะไรฉีหนิงไม่ได้เลย คิดไม่ถึงเลยว่าแค่
เรียก ในใจก็คิดว่ามันกําลังเริ่มแล้ว ไม่รูว
้ ่าเจ้าตัวแสบจะแกล้งอะไรนาง
อีก
กู้ชิงฮั่นพูดอย่างแปลกใจว่า “วิธีอะไร?”
กู้ชิงฮั่นลังเลแล้วพูดว่า “แล้วใช้อะไรปิดตาล่ะ?”
ฉีหนิงคิดในใจว่าอีกเดี๋ยวก็จะได้สัมผัสร่างกายกันแล้ว เขาก็ไม่รบ
ี
ร้อนอะไร
เรื่องราวที่เกิดในบ้านพักก็ไม่ต้องอธิบายละเอียดอะไรมากมาย
แล้ว จนกระทั่งเช้าวันต่อมา ฉีหนิงตื่นขึ้นมา
ฉีหนิงกับเถียนฮูหยินมีอะไรกัน เขารู้ว่าข้อดีของม่ายสาวคืออะไร
แค่ส่งสายตา อีกฝ่ายก็เข้าใจจุดประสงค์เจ้าแล้ว
ถึงแม้เมื่อคืนจะใช้แรงไปเยอะมาก แต่เพราะกําลังภายในแก่กล้า
มาก เลยไม่ได้รูส
้ ึกเหนื่อยเลย จนกู้ชิงฮั่นต้องอ้อนวอนให้เขาหยุด เขา
ถึงเลิก
กู้ชิงฮั่นโสดเคว้งคว้างมานานหลานปี คราวนี้ได้รับการเติมเต็มนาง
มีความสุขมาก แต่ว่านางก็ทนแรงอันมหาศาลของฉีหนิงไม่ไหว จนกระ
ทั่เช้า ถึงได้อ้อนวอนขอร้องให้เขาหยุด ร่างกายของนางเหมือนแทบจะ
แหลกสลาย นางแทบไม่อยากขยับเลย นางเหนื่อยมาก ฉีหนิงตื่นแล้ว
แต่นางยังหลับอยู่
ฉีหนิงเห็นนางนอนแนบชิดอยู่ในอ้อมอกของเขา ถึงแม้จะยังหลับ
อยู่ แต่ว่าเหมือนว่านางจะมีรอยยิ้ม นางเหมือนกําลังฝันหวาน สบาย
กายสบายใจ ยิ่งมองก็ย่งิ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาอดขยับตัว
ไม่ได้ พอขยับ กู้ชิงฮั่นก็สะดุ้งตื่น นางสะลึมสะลือขึ้นมา นางก็เห็น
สายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรานารถของฉีหนิง ที่จ้องนางเหมือนหมาป่าที่
กําลังรอตะคุบกระต่ายน้อย กู้ชงิ ฮั่นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ นาง
รู้สึกกลัวขึ้นมา เลยรีบถอยห่างเขา จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาปิดตัว แล้วพูด
อย่างน่าสงสารมากว่า “ที่ห้องข้างๆ มีของกินอยู่ เจ้า ...... เจ้าไปอุ่นเอา
เองนะ ข้า ...... ข้ายังไม่อยากลุกตอนนี”
้
ฉีหนิงยิม
้ แบบร้ายมาก “ข้าหิวก็จริง แต่ว่าข้ายังไม่อยากกินอะไร
ข้าอยาก ......” เขาขยับเข้าไปใกล้นาง กู้ชิงฮั่นเอามือมาปิดหน้าอกของ
ตัวเอง แล้วขมวดคิ้วนิดหน่อย “ถ้าเจ้าทําอะไรเหลวไหล ข้าจะ ......”
“ท่านจะทําอะไร?” ฉีหนิงพูด “เมื่อคืนใครกันน้าที่บอกให้ข้ากิน
นางเข้าไปทั้งตัวเลย? ยังบอกอีกว่ากินให้อิ่มกินให้พอ ยังถามข้าอีกว่า
นางอร่อยหรือเปล่า ท่าน ......”
หลังจากนั้นอีกหลายวัน ฉีหนิงกับกู้ชิงฮั่นก็อยูด
่ ้วยกันในป่าไผ่
ไม่ได้ออกไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียว ภายในเวลาสั้นๆ ไม่ก่ีวัน ฉีหนิง
กลับรู้สก
ึ ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุด
แต่ว่าช่วงเวลาที่ได้อยูก
่ ับฉีหนิง กู้ชิงฮั่นกลับลงมือทํากับข้าวด้วย
ตัวเอง ฉีหนิงก็รู้ว่านางทําอาหารเองไม่บ่อย เขาเลยไปเป็นลูกมือให้เขา
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังรู้สึกว่ามันมีความสุขมาก
กู้ชิงฮั่นแต่งงานเข้ามาในตระกูลฉีไม่นาน ก็ต้องเป็นม่ายอยู่ตาม
ลําพัง ต่อให้เป็นยังตอนมีชีวิตอยู่ก็หา่ งกันมากกว่า อยูด
่ ้วยกันรวมแล้ว
แค่ไม่กี่สิบวัน ในจวนตระกูลใหญ่แบบนั้น มีกฎเกณฑ์เต็มไปหมด จะ
บอกว่าให้เกียรติกันมันก็ใช่ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีอิสระเลย
ไม่เหมือนอย่างที่เป็นอยู่แบบนี้หรอก
สองวันแรกเหมือนจะเป็นฉีหนิงที่แกล้งนางเยอะกว่า แต่หลังจาก
นั้นก็เหมือนจะเป็นกู้ชงิ ฮั่นที่แกล้งเขา
กู้ชิงฮั่นเป็นคนฉลาด อีกทั้งยังมีเสน่หม
์ ากมายเลือกใช้ได้ไม่หมด
ด้วย นางรู้ว่าจะมัดใจฉีหนิงยังไง นางมีวิธีทําให้เขาต้องสยบให้กับนาง
แทบทุกครั้ง
ท่ามกลางแสงจันทร์ ฉีหนิงใช้มอ
ื ข้างขวางโอบเอวของกู้ชิงฮั่น แล้ว
นั่งอยู่นอกห้อง แล้วมองไปที่พระจันทร์
“เจ้าตัวแสบ เราอยู่ที่นน
ี่ านหลายวันแล้วนะ เจ้าควรกลับไปได้
แล้ว” กู้ชิงฮั่นถึงแม้อยากจะให้เวลาแบบนี้หยุดอยู่แค่นี้ แต่ก็รู้ว่าฉีหนิง
เป็นขุนนางคนสําคัญของแคว้น หากไม่กลับเมืองหลวงเป็นเวลานาน
อาจเกิดกระแสความวุ่นวายได้ นางพูดด้วยน�าเสียงอ่อนโยนว่า “หลาย
วันที่ผ่านมาข้ามีความสุขมาก ชาตินี้ท้ังชาติข้าจะไม่ลืมเลย”
ฉีหนิงได้ยินน�าเสียงของนางเหมือนจะไม่อยากแยกจากกัน เขาก็
ขมวดคิ้ว เขาก็ลังเลแล้วพูดว่า “ข้าจะกลับไปเตรียมเรือนเอาไว้หลัง
หนึ่ง ท่านกลับไปอยู่ที่น่น
ั ก่อน ......”
ตอนที่ฉห
ี นิงกับกู้ชิงฮั่นใช้ชีวิตราวกับโลกนี้มแ
ี ค่พวกเขาสองคนอยู่
ที่บ้านพักไม้ ฮ่องเต้หลงไท่กลับกําลังกริว
้ หนักอยู่ในวังหลวง
ถึงแม้กบฏเซียวจ้าวจงจะทําให้ราชสํานักระส�าหนักมาก แต่หลงไท่
ก็ไม่ได้ทําให้มันเป็นเรื่องใหญ่มากนัก เพราะว่าที่ชายแดนกําลังตึง
เครียด เขาต้องทําทุกอย่างให้จบลงโดยเร็วที่สุดเพื่อควบคุมสถานการณ์
ในเมืองหลวงนิง่ ที่สุด เขาพุ่งสมาธิท้ังหมดไปที่ชายแดน
ช่วงเย็น เสนาบดีกรมกลาโหมหลูเซียววิ่งหน้าตาตื่นเข้าวังมาขอ
เข้าเฝ้า อีกทั้งยังนําข่าวด่วนสําคัญจากชายแดนมาด้วย
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา” หลูเซียวยกมือคํานับแล้วพูดว่า
“ความคิดของเยว่หวนซาน คือการตัดกําลังทั้งสองข้างของจงหลีอ้าว
ก่อน แล้วค่อยบุกไปตรงกลางของเจิ้งจวิน กําลังพลทางตะวันตกเฉียง
ใต้ของเมืองเจิ้งจวินนั้นมีกําลังอ่อนที่สด
ุ ส่วนที่เมืองติ้งเห๋อที่เฉิงอี้ก็อ่อน
กําลังมาก บุกตีได้ง่ายที่สุด ดังนั้นเยว่หวนซานถึงได้ส่ังให้เซียวผิงจื่อนํา
ทหารไปบุกเฉิงอี้ก่อน”
“เยว่หวนซานมีการส่งสายไปตรวจสอบสถานการณ์ของเมืองเห๋อ
เฉิงก่อนแล้ว ในเมืองมีทหารประจําอยู่สองพันนายเท่านั้น” หลูเซียวพูด
ว่า “เซียวผิงจื่อเชี่ยวชาญการทําศึก ทหารห้าพันคนนั้นก็ล้วนแต่เป็น
ทหารฝีมือดี เซียวผิงจื่อยังทําหนังสือคํามั่นว่าจะปฏิบัติการรบครั้งนี้ให้
สําเร็จจงได้ .....”
“เขาทําหนังสือคํามั่นแล้วมันมีประโยชน์อะไร?” หลงไท่โยน
รายงานไปบนโต๊ะ แล้วพูดอย่างโมโหว่า “เขาตายในสนามรบไปแล้ว
หนังสือของเขามันแค่กระดาษเปล่า เยว่หวนซานไม่รู้เลยหรือไงว่า
แม่น�าสายนั้นมันมีปญ
ั หา?”
หลงไท่รู้สึกปวดหัวมาก สีหน้าของเขาก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร
“ฝ่าบาท ได้ยินอี้เหิงอ๋องออกนอกเมืองหลวงไปทําธุระส่วนตัว
หลายวันแล้วพะยะค่ะ” หลูเซียวพูดว่า “คิดว่าน่าจะยังไม่กลับมา”
หลงไท่หงิดหงุดมาก “ข้าหาเขาเพราะมีเรื่องจะหารือด้วย เขา
กลับไปทําธุระส่วนตัว ส่งคนไปตามหาเขาให้เจอ” เขาพูดอีกว่า “จริงสิ
ทางเยว่หวนซาน ก็ส่งั ให้เขายังไม่ต้องเคลื่อนไหว จงหลีอ้าวไม่ใช่คน
ธรรมดา อย่าไปหลงกลเขาเด็ดขาด”
หลงไท่ยกมือขึ้นโบกแล้วพูดว่า “ข่าวลือที่จะทําให้ราชสํานัก
สั่นคลอนแบบนี้ ใจกล้ากันไม่เบาเลย สั่งการออกไป ข่าวลือแบบนี้ต้อง
จัดการอย่างเด็ดขาด ใครปล่อยข่าวหรือพูดถึงเรื่องนี้อีก ก็ให้ .....” พูด
ถึงตรงนี้ แล้วหยุดไป เหมือนกําลังคิดอะไรอยู่
หลังเซียวจ้าวจงถูกปราบ ภายในวังก็กลับมาสูส
่ ภาพปกติอย่าง
รวดเร็ว และมีการรับฮองเฮากลับมาที่วังทันที หลังจากกลับวังแล้ว หลง
ไท่ก็มีเรื่องให้ดีใจเรื่องใหญ่เลยทันที ก็คือฮองเฮาตั้งครรภ์
สําหรับหลงไท่แล้ว มันคือเรื่องที่น่ายินดีมากๆ แต่ว่าเพิง่ จะผ่าน
เรื่องกบฏมาได้ไม่นาน หลงไท่เลยไม่ได้ประกาศให้ใครรู้ ต่อให้เป็นในวัง
เอง คนที่รู้ก็มีไม่มาก
หลงไท่เห็นอย่างนั้น ก็รบ
ี ยื่นถ้วยไปให้นางกํานัล แล้วจับมือของ
ฮองเฮาเอาไว้ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าเป็นอะไรไป? ฮองเฮา ......
เจ้าร้องไห้ทําไม?”
หลงไท่หยิบผ้าเช็ดหน้าในมือของฮองเฮาขึ้นมา แล้วเช็ดน�าตา
ให้กับนาง แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าเป็นเป็นฮองเฮาของข้า ข้าก็
ต้องดีกับเจ้าสิ”
“แต่ว่า ..... ฝ่าบาททรงไม่ระแวงหม่อมฉันบ้างเหรอเพคะ”
ฮองเฮาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นองค์หญิงแคว้น
ตงฉีนะเพคพ ต้าฉีของเราถูกแคว้นฉู่ตีแตกและยึดครองแล้ว เสด็จพี่
...... เสด็จพี่เองก็ถูกกักบริเวณอยู่ในเมืองหลวง ทรง ...... ทรงไม่สงสัยใน
ตัวของหม่อมฉันบ้างเลยเหรอเพคะว่าหม่อมฉันจะไม่ภักดี?”
หลงไท่ยิม
้ แล้วพูดว่า “ก่อนที่เจ้าจะมาที่แคว้นฉู่ เจ้าเป็นองค์หญิง
ของแคว้นตงฉีก็จริง แต่ว่าวินาทีที่เจ้าเข้ามาในแคว้นฉู่ เจ้าก็คือฮองเฮา
ของแคว้นฉู่ของเรา” เขาจับไปที่ท้องของฮองเฮา ดวงตาของเขาเป็น
ประกาย “หากเจ้าคลอดโอรสให้ข้า เขาก็จะเป็นองค์รัชทายาทของ
แคว้นฉู่ ต่อไปก็จะเป็นฮ่องเต้ของแคว้นฉู่ ข้ารูแ
้ ต่ว่าเจ้าคือฮองเฮาของ
ข้า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าจะสงสัยในตัวของฮองเฮาของข้าได้ยังไงกัน
ล่ะ?”
ฮองเฮายิ้มหวาน นางหยิบถ้วยน�าแกงจากมือของนางกํานัลมา
แล้วหยิบช้อนขึ้นมา “หม่อมฉันป้อนนะเพคะ”
ฮองเฮาเองก็รู้ว่าเรื่องนีม
้ ีบทสรุปไปแล้ว มันเปลี่ยนแปลงอะไร
ไม่ได้อีก นางแค่ “อือ” แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ นางเลยถามว่า
“ฝ่าบาททรงทราบไหมเพคะ ด้านนอกมีขา่ วลือว่า อี้เหิงอ๋องไม่ใช่
สายเลือดที่แท้จริงของตระกูลฉี”
หลงไท่ขมวดคิ้ว “ในวังเองก็เริม
่ มีพด
ู ถึงข่าวลือเรื่องนี้แล้วเหรอ?”
เล่มที่ 48 บทที่ 1419 สายเลือด
ฉีหนิงพากู้ชิงฮั่นกลับมาถึงเมืองหลวงก็เป็นช่วงเย็นแล้ว
ตามแผนของกู้ชิงฮั่น ก็คือจะไปที่ตงไฮ่โดยให้เถียนฮูหยินเป็นคน
จัดการให้ หลังจากนั้นก็จะอยู่ที่น่น
ั ชั่วคราว เรื่องนี้นางหารือกับเถียนฮู
หยินมาก่อนแล้ว เดิมคิดจะไปรอเถียนฮูหยินที่ใกล้ๆ เมืองหลวง ไม่เข้า
เมืองมา แต่ว่าฉีหนิงไม่ยอมให้นางอยูน
่ อกเมืองหลวงคนเดียว
ดังนั้นตอนที่ฉีหนิงกลับเข้าเมืองหลวงมา ข้างกายของเขาก็มีชาย
หนุ่มไม่ค้น
ุ ตาเพิ่มมาอีกคน เลยไม่มีใครสงสัย
ตอนที่ฉห
ี นิงกลับมาถึงเมืองหลวง เขาก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุด
ธรรมดา เดิมก็เพราะกังวลว่าจะสะดุดตาเกินไป คนจะจําได้
ที่จริงร้านบะหมีม
่ ันก็ไม่ได้ไกลจากบ้านตระกูลเถียนมากนัก อยู่
ห่างกันสามสี่ซอยเท่านั้น พอกินบะหมี่เสร็จแล้ว อยู่กับกู้ชิงฮั่นสักพัก
เขาก็จะไปที่บ้านตระกูลเถียน
รสชาติของบะหมีป
่ ลาไม่เลวเลย ฉีหนิงยังสั่งอาหารมาอีกสองสาม
อย่าง
การใช้ชว
ี ิตแบบคนทั่วไป มันดูพิเศษและจริงมาก มันทําให้คนรู้สึก
ถึงการใช้ชีวิตที่แท้จริง
“เจ้าลิงหวัง เจ้ามาอยู่เมืองหลวงกี่ปแ
ี ล้ว?” ตาแก่โจวทําหน้าแบบ
ภูมิใจมาก “เจ้าเพิ่งจะมาเมืองหลวงแค่เจ็ดแปดปี แต่รุ่นปู่ของข้าก็ย้าย
เขามาอาศัยในเมืองหลวงแล้ว ในเมืองหลวงข้ารู้ดีหมด เรื่องราวที่
เกิดขึ้นเมื่อก่อนมันอยู่ในนี้หมด ......” เขาพูดจบ ก็ชี้ไปที่หัวของตัวเอง
อีกคนก็ยิม
้ แล้วพูดว่า “เรื่องนี้ยอมรับ พี่โจวเป็นคนเมืองหลวงแท้ๆ
เลย เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ถามพี่โจว ก็ได้เรื่องแล้ว เขาไม่มี
เรื่องอะไรที่ไม่รูห
้ รอก” เขาพูดอีกว่า “พี่โจว ท่านว่าอี้เหิงอ๋องไม่ใช่คน
ของตระกูลฉีจริงเหรอ?”
คนที่ถามคําถามพยักหน้าแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ข้าเองก็เหมือนจะเคย
ได้ยินท่านพ่อพูดถึงเหมือนกัน แต่ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่มี
ใครรู้เลย”
“หากบอกว่าคลอดยากเสียเลือดจนตาย มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
อะไร”ตาแก่โจวพูด “ในโลกนีม
้ ผ
ี ู้หญิงคลอดยากเสียเลือดจนตายในแต่
ละปีมากมาย แต่เรื่องที่แปลกมันอยู่ที่หลังจากที่ฮูหยินคลอดลูกแล้ว
ต่างหาก”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” เจ้าลิงหวังรีบถาม
ตาแก่โจวพยักหน้าแล้วพูดว่า จิ่นอีตระกูลฉีเป็นขุนนางที่สร้าง
ผลงานให้ต้าฉู่ของเรามามากฉีฮูหยินตาย ทุกคนก็รอพิธีศพของนาง
อยากจะส่งศพนางกันทั้งนั้น แต่ว่าทางตระกูลฉีกลับไม่มก
ี ารจัดพิธี ทํา
ให้ทุกคนแปลกใจมาก แต่เพราะมันเป็นเรื่องภายในของตระกูลฉี ทุกคน
ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จะไปถามมันก็ไม่ได้ ต่อมามีคนไปถามคน
ในจวนพวกเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกเขากลับทําเหมือนไม่ได้ยินคน
ถามเลย พอถามมากเข้า ก็จะลงไม้ลงมือเลย
“ถ้าไม่ได้ท่านอ๋องปกป้องฝ่าบาท แผ่นดินต้าฉูข
่ องเราคงไม่ม่น
ั คง
ได้แบบนี้หรอก” ตาแก่โจวพูดเสียงต�าลงอีกว่า “ด้วยผลงานของเขา ได้
เป็นอ๋องก็สมเหตุสมผลดีแล้วนีน
่ า ถ้าไม่มีเรื่องแปลกๆ ของฉีฮูหยินก่อน
หน้านี้ คงไม่มีใครเชื่อข่าวลือเหลวไหลพวกนี้แน่ ปัญหามันอยูท
่ ี่เรื่องใน
ตอนนั้นนั่นแหละ ถึงแม้ไม่มใี ครกล้าพูดอะไร แต่ว่าในตอนนั้น เรื่องนี้ก็
มีพูดกันทั่วเมืองหลวงนะ สิบกว่าปีผ่านไป ถ้าไม่มีใครพูดถึงมันก็ไม่มี
อะไรหรอก แต่พอมีคนไปขุดขึ้นมาพูด ทําให้คนนึกถึงขึ้นมา ตอนนี้ข่าว
ลือมันแพร่ไปทั่วแล้ว พอทุกคนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ต่อให้ไม่
เชื่อทั้งหมด แต่ก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ”
เจ้าลิงหวังยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ว่าข้าว่าคงเป็นพวกไม่มอ
ี ะไรทํา เลย
สร้างเรื่องขึ้นมาก่อกวนมากกว่า ข้าไม่เชื่อหรอก เรื่องที่เกิดขึ้นในตอน
นั้น เราแค่ชาวบ้านก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ว่าคนของตระกูลฉีจะไม่รู้
อะไรเลยหรือไง? เรื่องภายในจวนพวกเขาก็ต้องรู้ดีกว่าใคร หากท่าน
อ๋องไม่ใช่สายเลือดของพวกเขา ตระกูลฉีจะมานั่งเลี้ยงเขาจนโตได้ยังไง
แล้วก็ไม่มีทางให้คนนอกมาสืบทอดบรรดาศักดิ์หรอกจริงไหม”
พวกเขาคุยกันอย่างออกรสออกชาต จากนั้นก็เหมือนได้ยินคนทํา
น�าเสียงเหมือนไม่ค่อยพอใจ เสียงนั่นทําให้พวกเขาตกใจ พวกเขามอง
ซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีใคร แต่ตาแก่โจวยังยิม
้ แห้งๆ แล้วพูดว่า “กิน
กันเถอะ เจ้าลิง วันนี้เจ้าเลี้ยงนะ ......” เขาก็ไม่กล้าพูดต่อไปอีก
ฉีหนิงกับกู้ชิงฮั่นต่างก็ได้ยินชัดทุกคํา พวกเขาไม่มีอารมณ์จะกิน
บะหมี่ต่อแล้ว หลังจากจ่ายเงินแล้วออกจากร้าน ฉีหนิงไม่พูดไม่จาเลย
บนถนน กู้ชิงฮั่นก็ไม่ได้พูดอะไร เห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว ฉีหนิงหาโรงเตี๊ยม
ใกล้ๆ แถวนั้น แล้วเปิดห้อง หลังจากเข้าห้องพักมาแล้ว กู้ชิงฮั่นก็ปด
ิ
ประตูลงกลอน นางเห็นฉีหนิงเดินไปหน้าต่างริมเตียง เขาเปิดหน้าต่าง
ออกเพื่อสูดอากาศ นางเดินไปหาเขา แล้วมองหน้าเขา แล้วพูดว่า “ก็
แค่คนไม่มีอะไรทําสร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้น เจ้าอย่าใส่ใจไปเลยนะ”
ฉีหนิงนิง่ ไปครูห
่ นึ่ง จากนั้นเขาก็หน
ั มาหากู้ชิงฮั่น เขาจ้องไปที่ดวงตาคู่
นั้น แล้วพูดว่า “ข้าไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉีจริงๆ”
เล่มที่ 48 บทที่ 1420 สารภาพความจริง
“ฝ่าบาทระแวงงั้นเหรอ?”
“ข้าเหมือนจะเข้าใจความหมายของฝ่าบาทแล้ว” ฉีหนิงเดินไปนั่ง
ที่โต๊ะ “ตอนนี้ข้าเข้าวังไปเฝ้าฝ่าบาท ถึงแม้ฝา่ บาทจะเปิดใจกับข้า
ทั้งหมด แต่ ...... ข้ากลับรู้สึกว่าฝ่าบาทเหมือนจะ ......”
กู้ชิงฮั่นรู้ดีว่าถ้าขุนนางคนหนึ่งถูกฮ่องเต้ระแวง มันไม่ใช่เรื่องที่ดี
เลย นางเลยพูดอย่างกังวลว่า “ฝ่าบาททรงระแวงในตัวเจ้างั้นเหรอ?
แล้วอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น? เจ้าคุ้มกันฝ่าบาท แม้แต่ชว
ี ิตก็ไม่สนใจ
หรือว่ามันยังทําให้ทรงเชื่อใจไม่ได้เหรอ? หรือว่าทรงล่วงรู้อนาคตได้
มองเห็นว่าเจ้าจะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไงกัน?”
“ชาติกําเนิด?”
“ตอนที่ฝ่าบาทถูกเซียวจ้าวจงจับตัวไป ทรงต้องรู้อะไรมาจากปาก
ของเซียวจ้าวจงแน่นอน” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “อาจเป็นเพราะ
คําพูดของเซียวจ้าวจง ทําให้ทรงระแวงสงสัยก็ได้”
กู้ชิงฮั่นพูดว่า “เซียวจ้าวจงพูดอะไร?”
“ก็ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับชาติกําเนิดของข้านี่แหละ” ฉีหนิงพูดว่า
“แต่ตามหลักแล้ว ไม่ว่าเซียวจ้าวจงจะพูดอะไร ฝ่าบาทก็ไม่สมควรจะ
สงสัยหรือระแวงถึงจะถูก เพราะ ...... ทั่วทั้งราชสํานัก คนเดียวที่รู้ถึง
ชาติกําเนิดที่แท้จริงของข้าก็คือฝ่าบาท”
“หากข้าบอกว่าข้าไม่ใช่ผู้ดีมีตระกูล ท่านยังจะยอมอยู่กับข้าอีก
ไหม?” ฉีหนิงเหลือบมองไปที่ก้ช
ู ิงฮั่นแล้วถามว่า “หากข้ามีแต่ตัว ท่าน
จะยังยอมที่จะอยู่กับข้าหรือเปล่า”
กู้ชิงฮั่นตะลึงตกใจหนักมา จากนั้นนางก็ย้ม
ิ แล้วพูดว่า “เจ้าพูด
เหลวไหลอะไรกัน เจ้าไม่ใช่ฉีหนิง แล้วใครกันล่ะฉีหนิง ข้า ......”
น�าเสียงของนางเริม
่ นิง่ ลง เพราะนางเห็นท่าทางของฉีหนิงจริงจังมาก
ไม่เหมือนคนกําลังล้อเล่น น�าเสียงของนางเริ่มสั่น “เจ้า ...... เจ้าพูดจริง
เหรอ? เจ้า ..... เจ้าเป็นตัวปลอมงั้นเหรอ?”
“ไม่มีใครสามารถใช้เวลาสั้นขนาดนั้น เปลี่ยนทุกอย่างเหมือนใหม่
ได้หรอก” ฉีหนิงพูดว่า “จิ่นอีซ่ อ
ื จื่อสติไม่ดี ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด แต่
ถูกวางยาตั้งแต่เด็ก พิษมันทําลายสมองของเขาไปหมดแล้ว หากจะ
ฟื้นฟูให้เป็นเหมือนเดิม ไม่เพียงต้องหาหมอเทวดา แต่ยังใช้เวลานาน
มากด้วย”
ที่จริงฉีหนิงแอบรู้สึกว่า เสี่ยวเตียวเอ๋อร์ที่เขาอาศัยร่างอยู่กับจิ่นอี
ซื่อจื่อน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน เขาอยากรู้ว่าชาติกําเนิดของพวกเขา
เป็นยังไงกันแน่ เขาเลยไม่ปกปิดเรื่องของเสี่ยวเตียวเอ๋อร์อีก เล่าเรื่อง
ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบให้นางฟัง กู้ชงิ ฮั่นฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ท้ังตกใจ
แล้วก็ตะลึงมาก สีหน้าของนางไม่ดีเลย
“พวกของต้วนชางไฮ่เข้าใจผิดคิดว่าข้าคือจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อ แต่ไม่รู้ว่า
ซื่อจื่อตัวจริงถูกสังหารไปแล้ว ข้าก็แค่เอาเสื้อผ้าของซื่อจื่อมาใส่
เท่านั้น” ฉีหนิงเข้าใจความรู้สก
ึ ว่ากู้ชิงฮั่นดี “ตัวจริงของข้า ก็แค่คน
เร่ร่อนไร้บ้านคนหนึ่งจากภัยสงครามเท่านั้น เข้าเมือหลวงมาก็เพื่อจะ
ตามหาเพื่อนเท่านั้น”
ถึงแม้ก้ช
ู ิงฮั่นจะสวมหน้ากากอยู่ แต่ว่าสายตาของนางนั้นตะลึง
มาก นางไม่รู้จะพูดอะไรเลย
“เดิมทีข้าคิดจะใช้อํานาจของตระกูลฉี ช่วยข้าตามหาเสี่ยวเตี๋ย” ฉี
หนิงพูดว่า “แต่ว่าข้าคิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์ในตระกูลฉีมันจะ
ซับซ้อนมากขนาดนี้ ข้าเคยคิดว่า ถ้ามีเรื่องอะไรเดือดร้อนมา ข้าก็จะ
หนีไปซะ แต่พอผ่านเรื่องราวมาสองสามครั้ง ข้ากลับมีความคิดใหม่
ขึ้นมา”
“เรื่องนี้มีแค่ฝา่ บาทคนเดียวเท่านั้นที่รู”
้ ฉีหนิงพูดว่า “เมื่อกี้ข้าก็
บอกไปแล้ว ระหว่างทางที่กลับมาเมืองหลวง ข้าบังเอิญไปเจอฝ่าบาทที่
ตอนนั้นยังเป็นรัชทายาทอยู่กําลังถูกคนไล่ฆา่ แล้วก็บงั เอิญได้ช่วยชีวิต
เขาเอาไว้ พอมาถึงเมืองหลวง ครั้งแรกที่ข้าได้พบกับพระองค์ ทรง
จับผิดข้าได้ แต่ว่าเขาต้องการอาศัยอํานาจของตระกูลฉีช่วยเขาสูก
้ ับ
คนในราชสํานัก ดังนั้นเลยช่วยข้าไว้”
ฉีหนิงรู้ดีว่ากู้ชิงฮั่นรู้สึกตกใจกับเรื่องราวที่ได้ฟัง อีกทั้งยังเพราะ
การตายของจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อทําให้นางรู้สึกเสียใจ เขาเข้าไปกอดนางเอาไว้
แล้วพูดว่า “มันเป็นความลับที่ขา้ เก็บมันไว้ในใจนานมากแล้ว ไม่เคย
เล่าให้ใครฟังมาก่อนเลย วันนี้ได้พูดออกมาบ้าง รู้สึกเบาใจขึ้นเยอะ
เลย”
กู้ชิงฮั่นคิดแล้วพูดว่า “เราเข้าใจผิดว่าเจ้าเป็นซื่อจื่อ เพราะเจ้า
ไม่ใช่แค่หน้าตาเหมือนซื่อจื่อ แต่ ...... แต่เพราะที่หัวไหล่ของเจ้า มีรอย
แผลเป็นที่เหมือนกับซื่อจื่อด้วย”
“หลิวซูอ
่ ีกมีป่ ินหยกรูปดอกเหมยอยู่ชน
ิ้ หนึ่ง มีคนเคยเห็น อีกทั้ง
นางก็เคยบอกกับปากว่า ปิ่นหยกดอกเหมยมันคือของแทนใจ ชายคน
รักของนางมอบให้นางเป็นของขวัญ” ฉีหนิงพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าคิด
มาตลอด ว่าปิ่นนั่นท่านแม่ทัพใหญ่ฉีเป็นคนมอบให้นาง แต่ตอนนี้ข้า
เริ่มไม่ม่น
ั ใจแล้ว หากข้าเดาไม่ผิด รอยแผลเป็นบนหัวไหล่ของข้ากับ
ซื่อจื่อ หลิวซู่อีกน่าจะเป็นคนประทับลงกับมือของนาง แต่ทําไมนางถึง
ได้ทําแบบนั้น ข้าไม่รู้ แต่ในเมื่อนางทําสัญลักษณ์บนหลังของพวกเรา
แบบนี้ แสดงว่ามันจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับชาติกําเนิดของข้ากับ
ซื่อจื่อแล้วก็เกี่ยวข้องกับคนที่มอบปิ่นหยกรูปดอกเหมยนั่นด้วย”
จิ่นอีตระกูลฉีเป็นตระกูลใหญ่ เป็นตระกูลที่เป็นเสาหลักของ
บ้านเมือง จะให้สายเลือดของตัวเองไปเร่ร่อนอยู่ด้านนอกได้ล่ะ?
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าอยากจะรู้ความจริงให้ได้” ฉีหนิงถอนหายใจ
แล้วพูดว่า “หากข้าเป็นสายเลือดของตระกูลฉีจริง ทําไมข้าถึงไปเร่รอ
่ น
อยู่ด้านนอกแบบนั้น? ต่อให้สงิ่ ที่ข้าเดามันจะเป็นเรื่องจริง ข้าเป็น
สายเลือดของตระกูลฉี แล้วฝ่าบาททรงรู้เรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ทรงยิ่งไม่
ควรระแวงข้าสิ” เขานิ่งไป แล้วพูดต่อว่า “ตอนนี้ตัวตนที่แท้จริงของข้า
ก็แค่คนเร่ร่อน เรื่องนี้นอกจากข้ากับฝ่าบาทแล้ว ก็ไม่น่าจะมีใครรู้อีก
เซียวจ้าวจงยิ่งไม่น่าจะรู้ เขาน่าจะเป็นเข้าใจว่าข้าคือจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อฉีนหนิง
สิ แต่เขากลับบอกว่าข้าไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉี ความหมายที่
แท้จริง ก็น่าจะหมายถึงว่าจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อนั้นไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉี
หากข้ากับซื่อจื่อเป็นฝาแฝดกันจริง ก็น่าจะหมายความว่าข้าก็
เหมือนกับเขาไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉี”
กู้ชิงฮั่นตกใจมากนางพูดว่า “พวกเจ้าไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉี
ทั้งคู่ มัน ...... มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
“เรื่องอะไร?”
“ยายแก่ของตระกูลฉีวางยา” ฉีหนิงพูดว่า “ท่านน่าจะรู้เรื่องนี้
ดีกว่าข้า ตอนนั้นท่านยังเจอเรื่องน่ากลัวแบบนั้นในจวนโหวด้วย”
“ซื่อจื่อเป็นลูกชายของภรรยาหลวงของตระกูลฉี เสือมันยังไม่กิน
ลูกของตัวเองเลย ยายแก่น่น
ั ให้ความสําคัญกับการสืบสายเลือดมาก
ตามหลักแล้ว ในเมื่อซื่อจื่อเป็นหลานชายคนโตของนาง ท่านเหล่าโหว
กับท่านแม่ทัพใหญ่ประจําอยู่ชายแดนแถบจะตลอดทั้งปี ซื่อจื่อเกิดมาก็
เสียแม่ไป ในฐานะท่านย่า ก็นา่ จะรักและเอ็นดูหลานชายคนนี้มากเป็น
พิเศษ” ฉีหนิงพูดว่า “แต่นางกลับทําในสิ่งที่ตรงกันข้าม ไม่เพียงไม่ได้
ดูแลเขาอย่างดี อีกทั้งยังวางยาพิษหลานชายตัวเองอีก ท่านไม่รู้สึกว่า
มันผิดปกติเหรอ?”
กู้ชิงฮั่นพยักหน้าแล้วพูดว่า “เรื่องนี้มน
ั ก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ”
“ก่อนหน้านี้ข้าแค่รู้สึกว่ามันน่าจะมีเหตุผลอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้
แต่ก็คิดไม่ออกสักที” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “แต่พอนึกทบทวนดู
แล้ว มันมีเหตุผลเดียวที่อธิบายเรื่องนี้อย่างดี ก็คือยายแก่น่น
ั รูอ
้ ยู่แล้ว
ว่าซื่อจื่อไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริงของตระกูลฉีมาตั้งแต่เขาเกิดแล้ว แต่
เพราะสาเหตุอะไรบางอย่าง ถึงฆ่าซื่อจื่อไม่ได้ดังนั้นนางถึงได้ใช้วิธีต�า
ช้า ทําให้เด็กที่ฉลาดมากคนหนึ่งกลายเป็นคนบ้า”
“ไท่ฮูหยินรู้ความจริงเรื่องนี้ง้ันเหรอ?”
“ครั้งแรกที่ข้ามาที่จวน ก็เจอฉีอวี้สองแม่ลก
ู ร่วมมือกับท่านสาม
ของตระกูลฉีคิดจะชิงสิทธิในการสืบทอดบรรดาศักดิ์โหว ท่านพี่ยังจําได้
ไหม” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนั้นทั่วทั้งตระกูลฉี นอกจาก
ท่านแล้ว คนอื่นๆ สนับสนุนฉีอวี้กันหมด”
ไท่ฮูหยินถึงแม้จะเคยเป็นนายหญิงใหญ่ที่แท้จริงในจวนโหว แต่
นางมอบอํานาจทุกอย่างให้ก้ช
ู งิ ฮั่นแล้ว ไม่ค่อยออกมาพบใคร ทําตัว
ลึกลับมาก ต่อให้เป็นกู้ชิงฮั่น ก็ไม่ได้รู้จักอะไรในตัวนางมากนัก ตอนนี้
นางถูกข่มขู่ เลยรู้สึกหวาดกลัวไท่ฮูหยินมาก
“เจ้าหมายความว่านางรู้ว่าเจ้าคือคนที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอกตั้งแต่
ตอนนั้นเหรอ?”
กู้ชิงฮั่นพูดว่า “แล้วทําไมนางถึงไม่เปิดโปงเจ้าล่ะ?”
“เหตุผลง่ายๆ เพราะตอนนั้นข้ามีประโยชน์ต่อนางมากไงล่ะ” ฉี
หนิงพูดว่า “ท่านเหล่าโหวเสียไปนานแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่ก็มาตาย
ตามไปอีก ตอนนั้นในราชสํานักซือหม่าก็เริ่มจะกุมอํานาจในราชสํานัก
แล้ว หากเขากุมอํานาจได้เบ็ดเสร็จ ก็จะต้องหาทางจัดการตระกูลฉีที่มี
ความเกี่ยวข้องกับฝ่ายทหารแน่ ตระกูลฉีในตอนนั้น มีท้ังศึกในศึกนอก
นางต้องการคนที่ทําให้ตระกูลฉีผ่านวิกฤตไปได้”
“ถึงแม้ฉีอวี้จะเป็นลูกอนุ แต่ยังไงก็เป็นสายเลือดที่แท้จริงของ
ตระกูลฉี หากนางมั่นใจว่าเจ้าไม่ใช่สายเลือดตระกูลฉี ทําไมยังให้เจ้าสืบ
ทอดบรรดาศักดิ์อีกล่ะ?”
กู้ชิงฮั่นเหมือนจะเริ่มเข้าใจแล้ว “นางต้องการให้วิกฤตผ่านพ้นไป
แล้ว ค่อยหาโอกาสให้ฉอ
ี วี้มาแทนที่เจ้า”
“ก่อนหลิวซู่อีจะคลอด วัดต้ากวงหมิงก็ส่งหลวงจีนมาอยู่ที่จวนจิ่น
อีโหวหลายวัน” ฉีหนิงพูดว่า “ส่วนยายแก่น่น
ั ยังให้คนของวัดต้ากวงหมิ
งแฝงตัวอยู่ในจวนอีกสองคน ท่านพี่ ท่านคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
เหรอ”
กู้ชิงฮั่นนิ่งไปแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ต้องมีอะไรเชื่อมโยงกันแน่”
“ฆ่าคน?”
“แล้วความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งล่ะ?”
“หมายความว่า วัดต้ากวงหมิงมีคนรู้ความจริงเรื่องนี้เหรอ?”
วัดต้ากวงหมิงตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นฉู่มา ก็ถูกตั้งแต่งเป็นวัดอาราม
หลวงของแคว้น นอกจากจะอนุญาตให้ชาวบ้านเข้ามากราบไหว้แล้ว
ราชสํานักยังมีการให้เงินสนับสนุนในการบํารุงรักษาวัดด้วย
ตั้งแต่วัดต้ากวงหมิงถูกสถาปนาให้เป็นวัดอารามหลวงจนถึงวันนี้
มีเจ้าอาวาสวัดมาถึงสีค
่ นแล้ว เจ้าอาวาสคนปัจจุบันคงฉานใต้ซือนั้นอยู่
ในตําแหน่งนานที่สุด อยู่มาประมาณสามสิบกว่าปีแล้ว ในวัดต่างยํา
เกรงท่านมาก ในยุทธภพก็รู้ดี หากไม่เพราะมีต้าจงซือ วรยุทธ์ของคง
ฉานไต้ซือก็พูดได้เลยว่าอยู่ในอันดับต้นๆ เลย
คงฉานใต้ซือบําเพ็ญตบะกล้าแกร่งมาก ท่านไม่ค่อยลงจากเขาเลย
ครั้งล่าสุดที่ลงจากเขาก็ตอนที่อดีตฮ่องเต้เสด็จสวรรคต ท่านนําหลวง
จีนไปทําพิธีให้ในวังหลวง
ในใต้หล้านี้ คนที่สามารถให้ท่านเป็นผูน
้ ําในการทําพิธก
ี รรมให้น้ัน
มีเพียงฮ่องเต้องค์เดียวเท่านั้น
ตอนที่ฉห
ี นิงเดินทางมาถึงวัดต้ากวงหมิงนั้น มันเย็นมากแล้ว
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงต้องมาที่วัดอารามหลวงนีอ
่ ีกครั้ง
แต่เขารู้ดีว่า ปริศนาที่มน
ั พัวพันอยู่รอบตัวเขานั้นถ้าคิดจะไขมันให้ได้
คําตอบ คงมีแค่ที่วัดต้ากวงหมิงเท่านั้น
เทียบกับเมื่อก่อนนี้ วัดต้ากวงหมิงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมาก
ฉีหนิงมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงอ๋อง มีสิทธิที่จะเข้าไปด้านในเพื่อกราบ
ไหว้บูชาอยู่แล้ว เขาเลยอ้างการกราบไหว้มาที่วัดต้ากวงหมิงอีกครั้ง
หากฉีหนิงเป็นแค่บรรดาศักดิ์โหว ขึ้นเขามาอาจจะไม่ได้ทําให้ใน
วัดต้ากวงหมิงมีอะไรมากนัก แต่ว่าเขาเป็นถึงอ๋อง การต้อนรับดูแลเขาก็
แตกต่างออกไป ตอนที่ฉีหนิงมาถึงในตําหนักใหญ่ จิ้งคงไต้ซอ
ื ก็ออกมา
ต้อนรับเขาด้วยตัวเอง
รองลงมาจากคงฉานไต้ซือ วัดต้ากวงหมิงยังมีสิบสามอรหันต์ของ
วัด จิ้งคงไต้ซือจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของสิบสามอรหันต์ หลังจากที่จ้ิง
เฉินไต้ซอ
ื ถูกสังหารไป จิ้งคงไต้ซือก็มีตําแหน่งเป็นรองแค่คงฉานไต้ซอ
ื
การที่เขาออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ก็ถือว่าให้เกียรติฉีหนิงมากๆ แล้ว
ขุนนางราชสํานัก ในแต่ละปีมห
ี ลายคนที่มาไหว้พระขอพรที่นี่ แต่
ละครั้งก็จะพาคนมามากมาย บริจาคทําเงินก็ไม่น้อย คนที่มาคนเดียว
แบบฉีหนิงนั้น ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่
ฉีหนิงก็ทําตามกฎของวัด หลังจากกราบไหว้ขอพรแล้ว จิ้งคงไต้ซือ
ก็เชิญฉีหนิงไปพักที่ห้องรับรองด้านข้าง
ครั้งล่าสุดที่ฉห
ี นิงอยู่ที่วัดต้ากวงหมิง เป็นช่วงที่มู่เย่อ๋องกําลัง
อาละวาด ตั้งแต่น้ันเป็นต้นมา เขาก็ไม่ได้มาที่นอ
ี่ ีกเลย แล้วก็มแ
ี ค่ครั้ง
นั้น ที่ฉห
ี นิงได้พบกับคงฉานไต้ซือ
จิ้งคงไต้ซือยิม
้ แล้วพูดว่า “อามิตตาพุทธ นั่นมันเป็นเพราะเรามี
วาสนาต่อกัน”
จิ้งคงไต้ซือพูดอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องเชิญกล่าวมา
ได้”
“เมื่อยี่สบ
ิ ปีก่อน ที่จวนจิ่นอีโหวเกิดเรื่องขึ้นเรื่องหนึ่ง” ฉีหนิงรู้ดีว่า
อยู่ต่อหน้าหลวงจีนระดับสูงของวัดแบบนี้ ไม่จําเป็นต้องอ้อมค้อม เขา
พูดเข้าประเด็นเลย “ตอนนั้นท่านแม่ท้องแก่ใกล้คลอด ช่วเวลานั้น ทาง
วัดเหมือนจะมีส่งคนไปที่จวนจิ่นอีโหวของเราด้วย อีกทั้งยังอยู่ค้างที่
จวนหลายวัน ไม่ทราบว่าไต้ซือจําเรื่องนี้ได้หรือไม่?”
“ไต้ซือจําไม่ได้แล้วเหรอ?” ฉีหนิงคิดไว้แล้วว่าเขาต้องตอบแบบนี้
เขาก็ไม่ได้รีบร้อน เขายิ้มแล้วพูดว่า “ทางวัดส่งหลวงจีนไปทําพิธีกรรม
ในเมืองหลวง แน่นอนว่ามันจํานวนเยอะมาก จําไม่ได้ก็เป็นเรื่อง
ธรรมดา เพียงแต่จวนจิ่นอีโหวในเวลานั้นเหมือนจะไม่ได้ไปทําพิธีกรรม
อะไร แต่เป็นช่วงที่จะมีการทําคลอดเด็ก ในสถานการณ์แบบนั้น ข้าไม่
เข้าใจว่าทําไมถึงได้มีหลวงจีนไปอยู่ที่จวนด้วย”
เดิมจิ้งคงไต้ซือกําลังเปิดประตูกําลังจะออกไปแล้ว เขาถึงกลับ
สะดุ้ง เขาหยุดชะงักไป นิ่งไปสักพัก จากนั้นก็ปด
ิ ประตู แล้วหันหลัง
กลับมา เขาพนมมือแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องว่าอะไรนะ?”
“วัดต้ากวงหมิงส่งคนแฝงตัวเข้าไปในจวนของขุนนางของราช
สํานัก มีจุดประสงค์อะไรกัน?” ฉีหนิงพูดว่า “วัดต้ากวงหมิงเป็นวัด
อารามหลวง ได้รับการเคารพนับถือจากชาวบ้านทุกคนในแคว้นฉู่ ได้รับ
การคุ้มครองจากราชสํานัก แต่กลับทําเรื่องไม่สมควรเช่นนี้ จิ้งคงไต้ซือ
ตามกฎหมายของราชสํานัก ไม่มีข้อไหนเลยที่อนุญาตให้หลวงจีนของ
วัดต้ากวงหมิงแฝงตัวอยู่ในจวนของขุนนางผู้ใหญ่ในราชสํานักนะ ใคร
เป็นคนส่งพวกเขาไป? หากท่านไม่สามารถอธิบายให้ข้าเข้าใจได้ ข้าคง
ต้องทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทส่งคนมาตรวจสอบเรื่องนี้”
จิ้งคงไต้ซือขมวดคิ้วหนักมาก
ฉีหนิงยกถ้วยชาขึ้นดื่มแล้วพูดว่า “ในเมื่อวันนีข
้ ้าเองก็พูดแบบ
ตรงไปตรงมาแล้ว ไต้ซือก็น่าจะเข้าใจ หากไม่ได้คําตอบกลับไป เรื่องนี้
คงไม่จบง่ายๆ ไต้ซือลืมเรื่องในตอนนั้นแล้ว ก็อาจจะไม่รู้เรื่องที่มีหลวง
จีนแฝงตัวในจวนของขุนนางผูใ้ หญ่ด้วย ถ้าเช่นนั้น ฝากไต้ซือไปแจ้งคง
ฉานไต้ซือทีนะว่า ข้าอยากขอพบท่านก็พอแล้ว ข้าตรวจสอบมาแล้ว
ตอนที่ทางวัดส่งคนไปที่จวนจิ่นอีโหว คงฉานไต้ซือนั้นเป็นเจ้าอาวาส
ของวัดแล้ว ท่านไม่ทราบเรื่องนี้ แต่คงฉานไต้ซือต้องทราบเรื่อง
แน่นอน”
จิ้งคงไต้ซือขยับปาก แต่ไม่ได้พด
ู อะไร เขาพนมมือคํานับให้แล้วก็
ออกไป
ฉีหนิงพูดออกไปแบบนั้น เขาก็ไม่แน่ใจว่าคงฉานไต้ซือจะยอมมา
พบเขาหรือเปล่า แต่ฉห
ี นิงรู้ดี ในวัดต้ากวงหมิงคนที่ต้องรู้เรื่องในตอน
นั้นแน่นอน ก็มแ
ี ค่คงฉานไต้ซอ
ื คนเดียว
ฉีหนิงลุกขึ้นแล้วตามไป
ตอนนี้ฉห
ี นิงจําได้แล้วว่า ที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ มันคือป่าโบราณกู่
หลินที่อยู่บนเขาจื่อจิง หากเขาเดาไม่ผด
ิ ในป่ามันมีบา้ นพักอยูห
่ ลังหนึ่ง
ตอนนั้นศพของจิ้งเฉินไต้ซือก็ถูกพบที่บ้านพักหลังนั้น
จิ้งคงไต้ซือไม่ได้ตอบอะไรเขา เขายังคงเดินหน้าต่อไป จากนั้น ฉี
หนิงก็เริ่มมองเห็นแสงไฟ ในป่ามันมืดสลัวๆ ทําให้ไฟตรงนั้นมันเด่นชัด
มาก หลังจากนั้นไม่นาน ก็เข้าใกล้ไปเรื่อยๆ บ้านพักไม้ในป่า มันมีแสง
ไฟส่องออกมา มันคือที่ที่จิ้งเฉินไต้ซือถูกฆ่าจริงๆ ด้วย
ฉีหนิงเห็นหน้าของหลวงจีนคนนี้ ในใจของเขาก็รู้สก
ึ นับถือมากๆ
เมื่อเข้ามาในบ้านพักไม้แล้ว เขาก็ยกมือคํานับคงฉานไต้ซือ คงฉานไต้ซื
อพูดอย่างเรียบง่ายว่า “คนที่พาคนไปที่จวนจิ่นอีโหวในเวลานั้น ก็คือ
ศิษย์น้องจิ้งเฉิน ท่านอ๋องน่าจะยังจําได้ ที่นี่คือที่ที่เขาตาย”
ฉีหนิงแอบตกใจนิดหน่อย คิดไม่ถึงว่าคงฉานไต้ซือจะเข้าประเด็น
เลย
คงฉานไต้ซือยกมือขึ้น เชิญให้ฉห
ี นิงนั่งลง ฉีหนิงค่อยๆ เดินไป
แล้วนั่งลงตรงข้ามเขา จากนั้นก็เงยหน้าไปมองคงฉานไต้ซือที่มีท่าที
อ่อนโยนเป็นมิตรมาก เขานิ่งไป แล้วถึงพูดว่า “ไต้ซือน่าจะรู้ว่าวันนี้ขา้
ขึ้นเขามาเพราะอะไร?”
“มาจากที่ไหน แล้วจะไปที่ไหน”
ฉีหนิงพนมมือแล้วพูดว่า “น้อมรับฟัง”
“แม่ไก่ตัวหนึ่งฟักไข่จนแตกออกเป็นลูกไก่หลายตัว แต่ว่ามีอยู่หนึ่ง
ตัวที่แตกต่างจากตัวอื่นๆ เพราะมันเป็นไข่ของนกอินทรีที่ปะปนมา”
คงฉานไต้ซือท่าทางสงบนิ่ง น�าเสียงอ่อนโยน “นกอินทรีตัวน้อยเห็นแม่
ไก่เป็นดั่งแม่ของตัวเอง เห็นลูกไก่ตัวอื่นเหมือนพีน
่ ้องของตัวเอง นิสัย
การใช้ชว
ี ิตทําเหมือนกันทุกอย่างไม่มีเปลี่ยนแปลง วันเวลาผ่านไปทุก
วันทุกคืน ร่างกายของมันใหญ่โตมากกว่าลูกไก่ตัวอื่น แต่ว่ามันก็คิดแค่
ว่าอาจจะแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่เหมือนกัน ไม่ได้คิดมากอะไร แล้วก็
ไม่เคยสยายปักบินด้วย”
ฉีหนิงขมวดคิ้ว นิทานเรื่องนี้ฟังแล้วดูปญ
ั ญาอ่อนมาก เหมือน
นิทานหลอกเด็ก ไม่รู้ทําไมคงฉานไต้ซือถึงได้เล่าเรื่องนีใ้ ห้เขาฟัง
คงฉานไต้ซือเล่านิทานให้เขาฟัง เหมือนมันจะเป็นนิทานเด็ก
แต่ฉห
ี นิงรู้ดี หลวงจีนคนนี้คงไม่อยู่ดีดีมาพูดเรื่องแบบนี้แน่ เขา
เห็นใบหน้าของคงฉานไต้ซือใจดี เลยถามไปว่า “เหยี่ยวน้อยตัวนั้นที่ไต้
ซือพูดถึงนั้น ไม่ทราบว่าเป็นใครงั้นเหรอ?”
“เชิญดื่ม” คงฉานไต้ซอ
ื ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “นี่คือชาชิงฉา มันทํา
ให้สงบใจได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายนะ”
“แล้วในใจของท่านอ๋องนั้นคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
ฉีหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าคืออี้เหิงอ๋องของแคว้นฉู่ เป็น
สายเลือดผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ของจิ่นอีตระกูลฉี”
“ในเมื่อท่านอ๋องคิดแบบนี้ แล้วจะไปสนใจคําพูดของคนอื่น
ทําไม?” คงฉานไต้ซือถอนหายใจแล้วพูดว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
มันผ่านไปนานแล้ว เส้นทางที่ท่านอ๋องจะเดินนั้นมันคืออนาคต แล้วจะ
สนใจเรื่องในอดีตทําไมกัน?”
“ถูกต้อง”
“ตอนที่อาตมาเห็นจดหมายฉบับนี้ ก็รู้ว่าถ้าไม่มท
ี างเลือก ไท่ฮูหยิ
นคงไม่ให้คนส่งจดหมายแบบนี้มาแน่” คงฉานไต้ซือพูดว่า “ตอนที่ไท่ฮู
หยินอายุยังน้อย นับถือเรื่องพระธรรมมากๆ นางเป็นคนจิตใจดี บริจาค
เงินให้วัดของเราทุกปี ดังนั้นอาตมาเลยส่งศิษย์น้องจิ้งเฉินกับหลวงจีน
อีกหกคนไป หวังว่าฉีฮูหยินจะคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย”
ฉีหนิงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่มองไปที่คงฉานไต้ซือเท่านั้น
“ไท่ฮูหยินพูดถูก” คงฉานไต้ซอ
ื พูดว่า “คืนที่ท่านแม่ของท่าน
คลอดลูก มารร้ายปรากฎตัวขึ้น คิดจะชิงเอาเด็กไป ศิษย์น้องจิ้งเฉินนํา
คนปราบจนมันล่าถอยไป เพียงแต่ว่า ...... มารร้ายมีวรยุทธ์ร้ายกาจ
มาก ชิงเด็กออกไปได้คนหนึ่ง”
ฉีหนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ
ก่อนหน้านี้เขาสันนิษฐานว่าหลิวซู่อีน่าจะคลอดลูกแฝด แต่เขาไม่
มีหลักฐานมายืนยันความคิดของเขา ตอนนี้เขาได้คํายืนยันมาจากปาก
ของคงฉานไต้ซือแล้ว
ถ้าอย่างนั้น ที่เสีย
่ วเตียวเอ๋อร์มีหน้าตาที่เหมือนกันกับจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อ
อีกทั้งยังมีรอยแผลเป็นที่เป็นตราประทับเหมือนกัน ก็อธิบายได้ท้ัง
หมดแล้ว
ตามที่คงฉานไต้ซือพูดมา มารร้ายที่เอาเด็กไปคนหนึ่งในตอนนั้น
น่าจะเป็นเขาหรือก็คือเสี่ยวเตียวเอ๋อร์
ฉีหนิงจําได้ว่าเสี่ยวเตี๋ยเคยบอกว่า เสีย
่ วเตียวเอ๋อร์ถูกท่านพ่อถูพบ
อยู่ในป่าแห่งหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นพกกระบี่ไม่รู้เป็นหรือตาย ท่านพ่อถูช่วย
เสี่ยวเตียวเอ๋อร์เอาไว้ก่อน แล้วย้อนกลับไปที่ปา่ ผู้ชายคนนั้นก็หายตัว
ไปแล้ว
เสี่ยวเตียวเอ๋อร์ใช้ชีวิตแบบนี้ชาวบ้านระดับล่างมาก ตอนที่เกิด
สงคราม เขาก็บา้ นแตกจนต้องเร่ร่อนไปทั่ว
หากเป็นไปตามที่คงฉานไต้ซอ
ื ว่ามา มารร้ายคนนั้น จะเป็นชายพก
กระบี่น่ันหรือเปล่า?
ผู้ชายพกกระบีบ
่ ุกเข้าไปในจวนจิ่นอีโหวที่มก
ี ารเฝ้าระวังหนาแน่น
ได้ แล้วยังชิงเอาทารกออกไปคนหนึ่งด้วย หลังจากนั้นก็หนีออกจาก
เมืองหลวงเจี้ยรเยี้ยได้ แสดงว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
คงฉานไต้ซือนิ่งไปไม่พด
ู ไม่จา
“ข้าคิดทบทวนไปมา เหมือนจะเหตุผลเดียวที่พออธิบายได้” ฉี
หนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เรื่องนั้นมันต้องเป็นความลับมาก นั่นก็
หมายความว่า ไท่ฮูหยินอยากจะให้เรื่องนี้เป็นความลับที่สุด นางไม่ได้
โยกกําลังทหารมาเลย อีกทั้งองครักษ์ในจวนก็ไม่มีส่วนร่วม เพราะนาง
ไม่อยากให้ใครรูค
้ วามจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นนางเลยขอให้วัดต้ากวง
หมิงช่วย เพราะในสายตาของนาง คนที่ออกบวชน่าจะเก็บความลับได้
ดี”
คงฉานไต้ซือเหลือบมองไปที่ฉห
ี นิง เขายังคงไม่ได้พูดอะไร
เหมือนเดิม
“ท่านอ๋องอยากรู้ความจริงอย่างนั้นเหรอ?”
คนที่เดินเข้ามาจากด้านนอก คือคนที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจั่ว
ชิงหยาง
จั่วชิงหยางถือเป็นนักปราญช์แห่งยุคของแคว้นฉู่ เหล่าบันทิตเห็น
เขามีบารมีและเป็นแบบอย่าง วิทยาลัยฉงหลินที่เขาก่อตั้งขึ้นมา
ทําลายกฎที่หา้ มผู้หญิงเล่าเรียนหนังสือ
หากเป็นคนอื่น คงไม่มท
ี างก่อตั้งวิทยาลัยแบบนี้ข้ึนมาแน่นอน ใน
โลกนีม
้ แ
ี ค่เขาที่ทําอะไรที่เหลือเชื่อแบบนี้
วิทยาลัยฉงหลินก็อยู่มาได้จนสิบปีแล้ว
การมีวิทยาลัยฉงหลิน เดิมก็ไม่ได้เป็นไปตามประเพณีโบราณ
ดังนั้นจึงตกที่น่งั ลําบากเสมอ จั่วชิงหยางคอยปกป้อง ทําให้วิทยาลัย
เดินหน้าต่อไปได้
จวนเสินโหวแอบสืบเรื่องนี้อยู่ แต่ก็ไม่ได้พบคําตอบหรือเบาะแส
อะไรเลย
ส่วนทํานองเพลงนรกภูมิที่ทําให้ฉห
ี นิงสงสัย เขาก็ได้มาเพราะจั่ว
ชิงหยางเป็นคนบอก มันถูกซ่อนอยู่หลังป้ายแคว้นในวิทยาลัย ทํานอง
เพลงบทนั้นมันเต็มไปด้วยปริศนา เพราะฉะนั้นตัวของจั่วชิงหยางเองก็
เต็มไปด้วยปริศนาเช่นกัน
ก่อนหน้าคืนนั้น ฉีหนิงรู้แค่ว่าจั่งชิงหยางเป็นนักปราญช์เป็น
บัณฑิตใหญ่ เขามีกระบีก
่ ่เู หวิน เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดกระบี่
แต่ว่าจั่วชิงหยางมาปรากฎตัวต่อหน้าเขาในตอนนี้ มันทําให้ฉีหนิง
ตกใจมาก พอได้เจอกับเขา ฉีหนิงก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
จั่วชิงหยางกับคงฉานไต้ซือมองหน้ากัน จากนั้นก็เอามือลูบเครา
แล้วพูดว่า “เจ้ายังจําวันที่มีคนร้ายลอบเข้ามาในวิทยาลัยได้ไหม ที่ข้า
ถูกพวกเขาทําร้าย?”
“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าคนร้ายในคืนนั้นเป็นใคร?”
ฉีหนิงขมวดคิ้ว เขาคิดขึ้นมาได้ว่าเจียงซุยอวินอยู่ในวิทยาลัยในคืน
นั้น เขาย้อนถามกลับไปว่า “เป็นพวกเจียงซุยอวินหรือเปล่า? ท่าน
อาจารย์ทราบหรือไม่ว่าคืนนั้นเจียงซุยอวินลอบเข้าไปในวิทยาลัย
ด้วย?”
จั่วชิงอหยางพยักหน้า แล้วพูดว่า “เป้าหมายที่เจียงซุยอวินเข้าหา
ข้า ข้ารู้ดีว่ามันคืออะไร เขามาเพราะทํานองเพลงนรกภูมิมาตั้งแต่แรก”
ฉีหนิงสะดุ้ง จั่วชิงหยางเปิดประเด็นทํานองเพลงนรกขึ้นมาเองเลย
ไม่ได้คิดจะปกปิดอะไร มันทําให้ฉห
ี นิงรู้สึกแปลกใจมาก
“โม่อิ่ง?” ฉีหนิงพูดออกมา
“เจียงซุยอวินเข้าวังมาเป็นขุนนาง ท่านอาจารย์เป็นคนแนะนํา
เสนอชื่อเขา” ฉีหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ทราบว่าเขามี
แผนการหลังจากที่เขาเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว หรือว่ารูม
้ าก่อนหน้า
นั้น?”
“หลอกล่อ?” ฉีหนิงตะลึงไป
“สองพ่อลูกตระกูลเจียงรู้ว่าทํานองเพลงนรกภูมิอยู่ในมือของข้า
เพราะเมื่อหลายปีก่อน ข้าพูดถึงเรื่องนี้กับพวกเขา” จั่วชิงหยางคิด แล้ว
พูดว่า “นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนแล้ว ตอนนั้นข้า
เดินทางไปที่ตงไฮ่ อยู่ค้างที่บ้านตระกูลเจียงหลายวัน เจียงม่านเทียน
ต้อนรับดูแลข้าเป็นอย่างดี”
ฉีหนิงรู้ว่าจั่วชิงหยางกับตระกูลเจียงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน
ตอนที่เจียงซุบอวินเล็กๆ เขาเคยได้รับการอบรมสั่งสอนความรู้จากจั่ว
ชิงหยาง
จั่วชิงหยางพยักหน้า “ตอนนั้นข้ารู้แล้วว่าตระกูลเจียงสมคบคิดกับ
โม่อิ่ง ดังนั้นถึงได้ต้ังใจพูดแบบนั้นออกไปแบบไม่ชด
ั เจนมาก ถึงแม้จะ
ไม่ได้พด
ู ออกไปตรงๆ แต่ว่าเจียงม่านเทียนเป็นคนฉลาด เขาเดาได้ว่า
ข้าหมายถึงทํานองเหลงนรกภูมิ”
“ท่านอยากให้ตระกูลเจียงเอาข้อมูลนีไ้ ปบอกโม่อิ่งงั้นเหรอ?” ฉี
หนิงเหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว เขารีบส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ไม่ใช่โม่อ่ิงสิ ...... แต่เป็นท่านเจ้าเกาะ”
“เจ้ารู้ที่มาที่ไปของทํานองเพลงนั่นไหม?” จั่วชิงหยางเหลือบมอง
ไปที่ฉีหนิง
ฉีหนิงเหมือนจะนึกถึงตอนที่เขาไปเป็นราชทูตที่ตงไฮ่ ตอนนั้นลิ่งหู
ซีเคยพูดถึงที่มาที่ไปของทํานองเพลงนี่ให้เขาฟัง เขารู้ว่าจั่วชิงหยางกับ
คงฉานไต้ซือเป็นคนที่ฉลาดมาก อยู่ต่อหน้าพวกเขาสองคน จะมาเล่น
ลูกไม้อะไรไม่ได้ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนที่ข้าอยู่ตงฉี ได้ยินท่าน
มหาเสนาบดีลิ่งหูซีพูดถึง ท่านอาจารย์ เหมือนว่าเขาจะเป็นสหายเก่า
ของท่านนะ”
จั่วชิงหยางยิ้มแล้วพูดว่า “เขากับข้าเรียนสํานักเดียวกันมาก่อน
เขาเป็นศิษย์น้องของข้า”
“เขาบอกกับข้าว่า ทํานองเพลงนรกภูมน
ิ ่ันประสกฝูผิงเป็นคน
เขียนขึ้น เขาเป็นคนมีความสามารถสูงมาก เขียนตําราออกมาทั้งหมด
สี่บท แบ่งเป็นภาคสวรรค์ นรก มนุษย์ ภูตผี ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ
แผนภูมเิ หอถูและลั่วซู มันสามารถคํานวณการหมุนเวียนของฟ้าดิน
และการเวียนว่ายตายเกิดของคนและภูตผี” ฉีหนิงพูดว่า “ประสกฝูผงิ
เคยพูดว่า จํานวนวันเวลาในนรกภูมิ ซ่อนความหมายที่ลึกซึ้งอยู่ใน
แผนผังแปดทิศ ส่วนตําราศาสตร์แห่งนรกภูมิ มันซ่อนอยู่ในตําราภาค
นรก”
จั่วชิงหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นหลังจากเจ้าได้มันไปแล้ว
เจ้าเจอความลับอะไรไหม?”
“เพราะมันไม่มีเรื่องของตําราภาคนรกอยู่เลยังไงล่ะ” จั่วชิงหยาง
ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตําราเล่มนั้นจะมีอยู่จริงหรือเปล่า จนถึงตอนนี้
มันยังคงเป็นปริศนา ถึงแม้จะมีคนพูดกันมาว่าเขาเขียนตําราขึ้นมา
สี่บท แต่ว่าไม่เคยมีใครเห็นมันมาก่อนสักเล่มเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า
จะมีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”
“มีหรือไม่มีตําราพวกนั้นมันยังเป็นปริศนาอยู่เลย แล้วจะมีบอกใน
ม้วนทํานองนั่นได้ยังไงกัน?” จั่วชิงหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนั้นที่ข้า
บอกกับเจียงม่านเทียน ข้าก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องตําราภาคนรกนะ”
“อย่างนี้นี่เอง” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ในเมื่อในม้วน
ทํานองนั่นมันไม่มีที่ซ่อนของตําราทั้งสีบ
่ ท แล้วทําไมลิ่งหูซีต้องบอกข้า
ว่าในนั้นมันมีเบาะแสด้วยล่ะ?”
จั่วชิงหยางพูดว่า “เพราะเขาเป็นห่วงว่าถ้าเจ้าไขปริศนาของมัน
ไม่ได้ เจ้าจะไม่สนใจมันแล้วทิ้งมัน ดังนั้นเลยบอกไปว่ามันมีไว้เพื่อการ
ตามหาตําราพวกนั้น เพื่อให้เจ้าเห็นว่ามันเป็นของมีค่า และรักษามันไว้
ให้ดี”
จั่วชิงหยางถอนหายใจแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลิ่งหูเป็นคนทําอะไร
รอบคอบระวังตัว ถึงแม้ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มท
ี างทําแบบนั้นแน่ แต่ว่าศิษย์
น้องเขาก็ไม่วางใจ”
แต่ไม่นานนักเขาก็รูส
้ ก
ึ ว่ามันแปลกๆ ใบไม้นม
ี่ ันเหมือนเก็บมาจาก
ในป่า แต่ว่าอยู่ใต้แสงไฟ สีมันเหมือนจะผิดปกติ มันมีเงาสะท้อนอ่อนๆ
เหมือนว่ามันทํามาจากโลหะ
ในตอนนี้เอง คงฉานไต้ซือเองก็ย่ น
ื มือออกมาเช่นกัน เขาแบมือ
ออก บนฝ่ามือของเขาก็มีใบไม้แบบเดียวกับของจั่วชิงหยาง แต่ว่ามัน
เป็นสีออกขาว ฉีหนิงเองก็เจออะไรมามาก แต่ไม่เคยเห็นใบไม้สีขาวมา
ก่อนเลย
ใบไม้สองใบสีสน
ั แตกต่างกัน ฉีหนิงสงสัยมาก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปาก
ถาม
จั่วชิงหยางกับคงฉานไต้ซือในเมื่อเอาใบไม้ออกมาแบบนี้ แสดงว่า
ต้องมีสาเหตุแน่ ฉีหนิงรู้ดีต่อให้เขาไม่ถาม อีกฝ่ายต้องบอกเขาแน่นอน
“ประสกฝูผิงจะได้เขียนตําราสวรรคค์นรกอะไรหรือเปล่า ไม่มีใคร
พิสูจน์ได้ แต่มีเรื่องนี้ที่แน่นอน คือเขาเป็นปรมาจารย์ทางด้านดนตรีท่ี
ร้อยปีจะเจอสักคน” จั่วชิงหยางยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้ารู้หรือเปล่า คน
โบราณรู้จักดนตรีมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“การค้นพบดนตรีของคนโบราณ ในตอนนั้นมันยังไม่มีเครื่อง
ดนตรีเลย” จั่วชิงหยางพูดว่า “ตอนที่พวกเขาออกไปเก็บอะไรบนพื้น
พวกเขาพบว่ามันมีเสียงแปลกๆ มันทําให้รู้สึกสบายใจ อีกทั้งเครื่อง
ดนตรีช้น
ิ แรกๆ ในเวลานั้นก็คือใบไม้”
ฉีหนิงอึ้งไป แอบคิดในใจหรือว่าใบไม้สองใบนีจ
้ ะมีความเกี่ยวข้อง
กับดนตรีเหรอ?
“ประสกฝูผิงเป็นคนที่รู้เรื่องดนตรี เขามีพรสวรรค์ด้านนี้มากๆ
ตอนเขาอายุยังน้อย ไม่ว่าจะเป็นดนตรีแนวไหนเขาก็เล่นได้หมด อีกทั้ง
ยังพูดกันว่าเขายังมีแต่งทํานองบทเพลงเอาไว้มากมายด้วย ไม่ว่าจะ
เป็นบทเพลงทํานองอะไร ก็เพียงพอให้คนตกตะลึงไปได้ แต่ว่าเขา
กลับไปเผยแพร่ทํานองเพลงของเขาให้คนทั่วไป ในเวลานั้นมีหลายคน
อยากจะได้ทํานองเพลงพวกนั้นมาก” จั่วชิงหยางถอนหายใจแล้วพูดว่า
“ไม่ใช่เพราะเขาขี้เหนียวไม่ยอมให้ใครนะ แต่เพราะในสายตาของเขา
ทํานองที่เขาแต่งขึ้นนั้นมันไม่สมบูรณ์สักเพลงเลย เขาอยากทํามันให้
สมบูรณ์แบบ ในเมื่อมันมีข้อบกพร่อง เขาก็รู้สก
ึ ว่าไม่ควรเอาออกมา
เผยแพร่ หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปหลายสิบปี หลายคนคิดว่าเขาตาย
ไปแล้ว แต่บางคนก็คิดว่าเขาออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว จริงหรือเปล่า
ก็ไม่รู้ แต่ในช่วงเวลาสิบปีน้ันยังมีคนพูดถึงเขาอยู่ตลอด เพราะคนที่มี
ความสามารถเช่นเขาร้อยปีจะเจอสักคน คนส่วนใหญ่ก็ไม่อยากให้เขา
เงียบหายไป”
“ในช่วงสิบปีน้ัน เขาศึกษาเรื่องของดนตรีอยู่ตลอดเลยเหรอ” ฉี
หนิงถาม
ฉีหนิงฟังถึงตรงนี้ ก็พด
ู ขึ้นมาว่า “เสียงร้องของนกบนท้องฟ้า คลื่น
ทะเลสีครามในท้องทะเล”
จั่วชิงหยางกับคงฉานไต้ซือมองหน้ากัน สายตาของพวกเขาเป็น
ประกาย จั่วชิงหยางยิม
้ แล้วพูดว่า “เจ้ารู้เรื่องของพิณอูอวี่กับพิณเฟิ่ง
หวงแล้วใช่ไหม?”
จั่วชิงหยางถามมาแบบนี้ ฉีหนิงเหมือนจะนึกถึงเรื่องที่เจ้าเกาะ
ไป๋อวินหม้อหลันชางได้พณ
ิ เฟิ่งหวงไปแล้ว เขารู้สึกว่าเรื่องแปลก
ประหลาดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เหมือนว่ามันจะเกี่ยวข้องกับจั่วชิงหยาง
“ใช่” ฉีหนิงพยักหน้า “มันเป็นพิณโบราณสองหลัง”
“ถูกต้อง” จั่วชิงหยางยิม
้ แล้วพูดว่า “แล้วเจ้ารู้หรือเปล่า พิณสอง
เล่มนี้คือพิณที่ประสกฝูผิงเป็นคนทําขึ้นมา แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ของเขา”
“ท่านอาจารย์กําลังจะบอกว่า บทเพลงพวกนั้นมันกลับมาอีกครั้ง
หลังจากที่พิณสองตัวนั้นถูกสร้างขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”
ฉีหนิงเหมือนจะเริม
่ เข้าใจอะไรขึ้นบ้างแล้ว เขาคิดแล้วถามว่า
“ท่านอาจารย์บอกว่าประสกฝูผิงทิ้งบทเพลงไว้สามบท หรือว่า ......
ทํานองนรกที่อยู่กับข้ามันจะเป็น ...... หนึ่งในสามบทนั้น?”
หลังจากที่เขาได้ทํานองนรกไป เขาเลยพยายามค้นหาความลับที่
ซ่อนอยู่ แต่ก็ค้นไม่เจอ ต่อมาลิ่งหูซีชี้นาํ เขา ทําให้เขาคิดว่าในทํานอง
มันมีที่ซอ
่ นของตําราสวรรค์นรก แต่สง่ิ ที่เขาเจอ ก็คือทํานองเพลงที่ได้
เถียนเสวียหยงช่วยแกะออกมา
ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นทํานองเพลง แต่เถียนเสวียหยงเองก็เคยบอก
ทํานองเพลงนี้มน
ั แปลกมาก เล่นได้ยาก ทําให้ฉีหนิงยังคงสงสัยว่ามันจะ
มีอะไรซ่อนอยู่อีกแน่
เขาเคยคิดคาดเดาไปหลายอย่าง แต่ไม่ได้คิดว่ามันคือทํานองเพลง
จริงๆ
“เสียงคํารามของคลื่นทะเล” จั่วชิงหยางพูดว่า “มันคือหนึ่งใน
สามบทเพลง”
จั่วชิงหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนั้นข้าแกล้งเมาแล้วพูดคุยเรื่อง
ดนตรีกับเจียงม่านเทียน เขารู้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดี ดังนั้นตอนที่พูด
เรื่องดนตรี ข้ากับเขามีความชอบที่เหมือนๆ กัน ข้าเลยตั้งใจพูดถึง
ทํานองศักดิ์สิทธิสามบทของประสกฝูผิงขึ้นมา เขาเสียดายที่ไม่มีโอกาส
ได้ฟังมันสักครั้งในชีวิต ข้าเลยตั้งใจบอกไปว่า บทเพลงสวรรค์ กับโลก
มนุษย์น้น
ั คงหมดหวัง แต่ว่าทํานองนรกอาจจะ ......” เขายิ้มอย่างเจ้า
เล่ห์ “พอพูดถึงตรงนั้น ข้าก็แกล้งทําเป็นหยุดไป แต่ว่าตอนนั้นเขาก็
รู้สึกได้ว่าทํานองนรกน่าจะเกี่ยวข้องกับข้าแน่นอน”
“ตัวแทนของฝูผิงงั้นเหรอ?”
ฉีหนิงแปลกใจหนักกว่าเก่าอีก
ผู้นําทางศาสนากับนักปราชญ์แห่งยุคล้วนเป็นฝูผิง อีกทั้งยังมี
เป้าหมายต้องทําเรื่องหนึ่ง ฉีหนิงคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ กลุ่มนี้รวมตัวกัน
เพื่อทําอะไร? ทันใดนั้นเองเขาก็สะดุ้ง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ท่าน
อาจารย์ ลิ่งหูซีต้ังใจหลอกล่อข้า เป้าหมายเพื่อให้ข้ารักษาทํานองนรก
เอาไว้ หรือว่า ..... เขาเองก็เป็นฝูผิง?”
คงฉานไต้ซือที่ไม่ได้พูดอะไรเลยก่อนหน้านี้ยิม
้ แล้วก็พด
ู ว่า “ท่าน
อาจารย์ ท่านอ๋องถึงแม้จะอายุยังน้อย แต่ฉลาดมาก ต่อให้วันนี้ท่านไม่
พูด คิดว่าความจริงหลายอย่างไม่ช้าเขาก็ต้องสืบจนรู้ความจริงจนได้”
จั่วชิงหยางเหมือนจะอ่านใจฉีหนิงออก เขายิม
้ แล้วพูดว่า “เจ้า
วางใจได้ ข้ากับไต้ซือไม่ได้ขายชาติ ไม่มีทางทําอะไรที่ผิดต่อแคว้นฉู่
หรอกนะ”
เดิมเขาคิดว่าพอเขาพูดแบบนีอ
้ อกมา จั่วชิงหยางกับคงฉานไต้ซือ
จะต้องตกใจหน้าเสียแน่
เพราะว่าจากคําพูดของจั่วชิงหยางนั้น ทํานองนรกนั่นมันมีค่า
สําหรับเขามาก
ตอนนั้นที่เขามอบมันให้เขาดูแล แต่เขากลับยกมันให้กับเป่ยกง
เหลียนเฉิง มันถือเป็นการผิดสัญญา
เมื่อกี้เห็นจั่งชิงหยางพูดถึงทํานองนรก เขาดูช่ น
ื ชมมันมาก ฉีหนิง
รู้สึกไม่ดีเลย คิดในใจว่าหากจั่งชิงหยางถามถึง เขาจะตอบยังไงดี แต่ว่า
จั่วชิงหยางกลับไม่ถามเลยสักคํา ฉีหนิงคิดในใจว่าต่อให้จ่ัวชิงหยางไม่
ถาม เขาเองก็ควรจะบอกความจริงให้เขาได้รู้
ใครจะคิดว่าจั่งชิงหยางพอได้ยน
ิ แบบนั้นแล้ว ท่าทางกลับนิ่งมาก อีกทั้ง
ยังมีรอยยิม
้ บนใบหน้าด้วย เขาถามว่า “เจ้าเอาให้เป่ยกงเหลียนเฉิงแล้ว
ใช่ไหม?” น�าเสียงของเขานิ่งมาก เหมือนเดาออกแล้วว่าทํานองนรกมัน
อยู่ในมือของเป่ยกงเหลียนเฉิงแล้ว ส่วนคงฉานไต้ซือนั้น ก็ท่าทางนิ่ง
เหมือนกัน เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
เล่มที่ 48 บทที่ 1426 ฝูผิง
“คนที่ต้องการรับมืองั้นเหรอ?” ฉีหนิงคิดตามว่าคนพวกนี้มา
รวมตัวกัน มันถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา
แน่
คงฉานไต้ซือเป็นเจ้าอาวาสของวัดต้ากวงหมิง วัดต้ากวงหมิงเป็น
อารามหลวงของแคว้นฉู่ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มอํานาจในยุทธภพอันดับต้นๆ
พูดกันจากใจ คงฉานไต้ซือมีความสามารถมีฝม
ี ือแข็งแกร่งมากกว่าที่
เขาคิด สามารถทําให้คงฉานไต้ซือร่วมมือด้วยได้ อีกทั้งยังทําอย่าง
ระมัดระวังขนาดนี้ มันต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่
ฉีหนิงพลันนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ประมุขพรรคกระยาจกเซี่ยงไป๋อ่ิงบาดเจ็บสาหัสซ่อนตัวอยู่ในถ�า
สุสาน เคยฝากเรื่องหนึ่งมาให้คงฉานไต้ซือ ฉีหนิงยังจําเรื่องในตอนนั้น
ได้ดี เซี่ยงไป๋อิ่งให้มาบอกคงฉานไต้ซอ
ื ว่า สิ่งที่พวกเขาสองคนตกลงกัน
ไว้น้น
ั เกรงว่าเขาอาจจะไม่สามารถทําให้ได้แล้ว
เซี่ยงไป๋อิ่งเองก็ไม่ได้บอกว่าพวกเขาตกลงหรือนัดหมายอะไรกัน ฉี
หนิงเองก็ไม่สะดวกที่จะไปถามหรือไปยุ่ง
แต่ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไปแล้ว เขาคิดว่าหรือว่าสิ่งที่ท้ังสองตก
ลงกันจะเกี่ยวข้องกับฝูผิง?
ฉีหนิงนั่งตัวตรงขึ้นมาทันที
เป้าหมายที่เขาขึ้นเขามาในวันนี้ ก็เพื่อถามเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนจิ่น
อีโหว พอถามจี้เอามากๆ คงฉานไต้ซือถึงได้เรียกจั่วชิงหยางออกมา
ฉีหนิงเห็นจั่วชิงหยางออกมา เขาตกใจมาก หัวข้อกาพูดคุยเลย
ตามน�าของจั่วชิงหยางไป เขาไม่ได้รีบร้อนจะถามเรื่องของหลิวซู่อี พอ
จั่วชิงหยางพูดถึงเรื่องชาติกําเนิดของเขาขึ้นมา ฉีหนิงพูดว่า "ถูกต้อง"
พอคิดว่าหลิวซูอ
่ ีกับฉีจ่ิงต่างเล่าเรียนวิชากับจั่วชิงหยาง แสดงว่าเขา
ต้องรู้ความจริงเรื่องนี้แน่นอน เขาเลยถามว่า “ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่อง
นี้บ้างไหม?”
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฉีหนิงจะสงสัยในเรื่องนี้มาก แต่เขาก็ไม่ได้ม่น
ั ใจ
พอจั่วชิงหยางพูดมาแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นฉีหนิงอาจจะไม่เชื่อ แต่สิ่งที่
จั่วชิงหยางพูดมา ฉีหนิงเชื่ออย่างสนิทใจ อย่างน้อยในเรื่องนี้ ฉีหนิงก็
ไม่ได้คิดว่าเขาโกหก
ฉีหนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ
จั่วชิงหยางใช้คําว่า “พวกเจ้า” ไม่ใช่ “เจ้า” แค่คําเรียกขาน ฉีหนิง
ก็รู้สึกได้ว่าจั่วชิงหยางรู้อะไรมากกว่าที่เขารู้แน่นอน
สาเหตุที่เขาไม่ม่น
ั ใจเลยว่าเสี่ยวเตียวเอ๋อร์กับจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อจะไม่ใช่
สายเลือดของตระกูลฉี เพราะหลิวซู่อีเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลฉี แล้ว
จะมีสัมพันธ์ลับๆ กับชายคนอื่นได้ยังไง? หลิวซูอ
่ ีแต่งงานเข้าตระกูลฉี
สามีคนเดียวของนางก็คือฉีจิ่ง หลิวซู่อีคลอดลูก ก็ต้องเป็นลูกของฉีจิ่ง
หากหลิวซู่อีคลอดลูกออกมาแล้วไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉี ถ้าอย่าง
นั้นก็หมายความว่าหลิวซู่อีทําผิดศีลธรรมร้ายแรงที่ตระกูลใหญ่ไม่อาจ
ให้อภัยได้เลย
พริบตาเดียว ฉีหนิงก็เหมือนจะพอเข้าใจความรู้สึกของไท่ฮูหยิน
ขึ้นมา ว่าทําไมนางถึงได้ทํากับจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อแบบนั้น
ตระกูลฉีเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ ให้ความสําคัญกับเรื่องของ
สายเลือดมาก ส่วนผู้ชายในตระกูลฉีน้ันต่างออกรบทําศึก จวนจิ่นอีโหว
มีไท่ฮูหยินเป็นคนดูแลทั้งหมด อยู่ใต้จมูกของนาง หลิวซู่อีกลับมี
สายเลือดของคนอื่นได้ มันถือเป็นเรื่องที่นางรับไม่ได้ นางไม่มท
ี างยอม
ให้ตระกูลฉีเกิดเรื่องน่าอายแบบนี้แน่นอน ถึงได้ทํากับจิ่นอีซ่ อ
ื จื่อแบบ
นั้น ซึ่งมันก็พอเข้าใจได้
จั่วชิงหยางกับคงฉานไต้ซือมองหน้ากัน แต่ไม่ได้พด
ู อะไร
“เขาคือฝูผิง” จั่วชิงหยางถอนหายใจแล้วพูด
ฉีหนิงเริ่มเข้าใจทันที ว่าจั่วชิงหยางพูดเรื่องของฝูผิงมาตั้งมากตั้ง
มาย เพราะสิ่งที่เขาต้องการจะบอกก็คือ คนๆ นั้นคือคนในกลุ่มของฝู
ผิง
สามารถดึงคนอย่างคงฉานไต้ซอ
ื เข้าร่วมกลุ่มได้ แสดงว่า
ความสามารถของเขานั้นมันไม่ธรรมดาเลย
ฉีหนิงฟังออกว่าจั่วชิงหยางหมายความว่ายังไง “ท่านไม่อยากบอก
ข้าว่าเขาเป็นใครงั้นเหรอ?”
“บอกเจ้าไหม ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเองเถอะ” จั่วชิงหยางพูดว่า
“แต่ว่าตอนนี้เจ้าเป็นอี้เหิงอ๋องของแคว้นฉู่ ฝ่าบาทเองก็ทรงคาดหวังใน
ตัวเจ้ามาก เจ้าก็อย่าได้ทําให้พระองค์ผิดหวังล่ะ”
ฉีหนิงคิดในใจว่าในเมื่อจั่วชิงหยางพูดมาแบบนี้แล้ว ดูท่าต่อให้เขา
ถามอะไรไปก็คงไม่ได้คําตอบอะไรแล้ว
แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนมาถึงตอนนี้ เรื่องนี้มน
ั เหมือนตั้งใจบอกกับเขา
เขาก้มหน้าลง แล้วพูดว่า “ผู้น้อยมีเรื่องหนึ่งยังไม่ค่อยเข้าใจนัก อยาก
ขอคําชีแ
้ นะกับคงฉานไต้ซือสักหน่อย”
“เชิญกล่าวมาได้เลย”
“ไต้ซือสั่งให้คนไปวางกับดักเอาไว้ที่จวนจิ่นอีโหว เพื่อรับมือกับ
คนๆ นั้น หลังจากนั้นก็ให้หนิ่วโถวหม่าเมี่ยนแฝงตัวเข้าไปอยู่ในจวน ก็
เพื่อป้องกันไม่ให้คนๆ นั้นกลับบมาแก้แค้นตระกูลฉีอีก” ฉีหนิงพูดว่า
“นอกจากนี้ เพราะมีคนรู้ฐานะที่แท้จริงของข้า รู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร
ดังนั้นเลยระแวงข้ามาก อีกทั้งดูเหมือนหวาดกลัว ถ้าเป็นไปตามนั้น
คนๆ นั้นน่าจะเห็นวัดต้ากวงหมิงเป็นศัตรู พูดง่ายๆ ก็คือเหมือนต้าฉู่
ของเราจะหวาดกลัวเขามาก” เขามองไปที่จ่ัวชิงหยาง “แต่ว่าท่าน
อาจารย์กลับบอกว่า เขาคือคนของฝูผิง แสดงว่าเขาต้องเป็นพวก
เดียวกันกับพวกท่าน ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่ท่านทั้งสองพูดมามันไม่ดข
ู ัดแย้ง
กันหน่อยเหรอ?”
คงฉานไต้ซือส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เลย ไม่เลย ฝูผิงมีเรื่องต้องทํา
แค่เรื่องเดียวเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันทั้งนั้น
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เรามีอุดมการณ์เหมือนกันแค่อย่างเดียว”
“ท่านอาจารย์เริ่มแผนการของท่านที่ตงไฮ่เมื่อสิบปีที่แล้ว” ฉีหนิง
ถอนหายใจแล้วพูดว่า “แผนการของกลุ่มฝูผิง ก็ต้องมีมานานกว่าสิบปี
แล้ว สามารถทําให้พวกท่านมีอุดมการณ์จุดยืนได้ม่ันคงขนาดวางแผน
กันมาเป็นสิบปี แสดงว่าคู่ปรับของพวกท่านต้องไม่ธรรมดาแน่” เขา
หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เมื่อกี้ท่านอาจารย์ก็บอกเองว่า แผนที่วาง
เอาไว้ที่ตงไฮ่ อยากจะให้ตระกูลเจียงนั้นนําเรื่องของทํานองนรกไปบอก
กับท่านเจ้าเกาะ จากนั้นท่านก็มอบทํานองนรกให้ข้า อาศัยข้านํามันไป
ให้กับเป่ยกงเหลียนเฉิง ดังนั้นคู่ปรับของกลุ่มฝูผิงก็นา่ จะเป็น ...... ต้า
จงซือ”
คงฉานไต้ซือกับจั่วชิงหยางเหมือนจะไม่ได้แปลกใจเลย พวกเขา
บอกเบาะแสออกไปเยอะมากพอสมควร หากว่าจนถึงตอนนี้ฉห
ี นิงยัง
คิดไม่ออกว่าคู่ปรับของกลุ่มฝูผิงเป็นใคร งั้นก็คงไม่ใช่ฉีหนิงแล้ว
“พูดต่อไปสิ”
“พวกท่านไม่ว่าจะเห็นต้าจงซือคนไหนเป็นศัตรู โอกาสชนะมัน
แทบไม่มีเลย ขออภัยที่ผู้น้อยต้องพูดตามตรง ในสถานการณ์ที่
ความสามารถมันเด่นชัดแบบนี้ แผนการที่มใี ม่ว่าจะวางไว้ยังไงมันก็ไม่
ได้ผลหรอก” ฉีหนิงนึกถึงความสามารถที่พวกต้าจงซือมีมน
ั น่าตกใจแค่
ไหน เขาก็พด
ู ว่า “แต่ว่าพวกท่านเหมือนจะเล่นงานแค่ต้าจงซือสองคน
ข้าคิดไม่ออกเลยว่ากลุ่มฝูผิงของพวกท่านจะไปชนะได้ยังไง” เขาเอน
ตัวขึ้นหน้าเล็กน้อย เขาจ้องไปที่ตาของจั่วชิงหยางแล้วพูดว่า “สิ่งที่ข้า
ไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือ ท่านอาจารย์กับไต้ซือทําไมถึงได้เข้าร่วมกลุ่มฝู
ผิง ทําไมต้องเห็นพวกต้าจงซือเป็นศัตรูด้วย? ท่านทั้งสองก็เป็นคน
ฉลาดด้วยกันทั้งคู่ หรือว่าท่านไม่รู้ว่ามันไม่มีโอกาสชนะเลย”
จั่วชิงหยางยิม
้ แล้วพูดว่า “ที่เจ้าพูดมามันไม่ผิดเลย ไม่ว่าจะเป็น
ใคร ถ้าเห็นต้าจงซือเป็นศัตรู มันเป็นเรื่องที่โง่เขลามาก” เขาหยิบกาน�า
ชาขึ้นมา แล้วรินชาลงในถ้วยชา แล้วพูดว่า “อย่างที่เจ้าบอก การ
เห็นต้าจงซือเป็นนศัตรู โอกาสชนะแทบไม่มีเลย”
พริบตาเดียว ฉีหนิงก็เหมือนจะเข้าใจเป้าหมายของจั่วชิงหยางใน
วันนี้แล้ว
แต่ว่าฝูผิงเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น
เรื่องนี้เป็นความลับแบบสุดยอด
ความลับสุดยอดแบบนี้ กลุ่มฝูผิงไม่มท
ี างเล่าเรื่องพวกนี้บอกกับ
คนนอกแน่นอน คนพวกนี้ทําอะไรระวังกันมาก ฉีหนิงถึงแม้จะยังไม่รูว
้ ่า
แผนการของพวกเขาคืออะไร แต่ก็แน่ใจว่า ทุกอย่างที่พวกเขาทํา
ระมัดระวังมาก ไม่ได้ทําอะไรให้เกิดช่องโหว่เลย เพราะศัตรูของพวก
เขาคือต้าจงซือ หากพลาดแม้แต่นิดเดียว ผลที่จะได้รับไม่มีใครกล้านึก
ถึง
แต่จ่ัวชิงหยางวันนี้บอกความลับสุดยอดแบบนีใ้ ห้เขาฟัง
ถึงแม้จ่ัวชิงหยางจะอายุมากแล้ว แต่เขาไม่ใช่คนที่จะมานั่งเล่า
เรื่องอะไรกับคนอื่นแบบไม่มส
ี าเหตุแน่
จากชาติกําเนิดของเขาโยงไปเรื่องของฝูผิง จากเรื่องของฝูผิงโยง
ไปถึงชาติกําเนิดของเขา สุดท้ายแล้วฉีหนิงก็เข้าใจ วันนีเ้ ป้าหมายของ
จั่วชิงหยาง ก็คือการชักชวนเขาให้เข้าร่วมกับกลุ่มฝูผิง
“ท่านอาจารย์เริ่มอยากจะให้ข้าเข้าร่วมกลุ่มฝูผิงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หลังจากนั้นอยูน
่ าน ฉีหนิงก็เอ่ยปากถามขึ้นมา
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ในแผนการของฝูผิง ข้าสําคัญขนาดนั้นเลย
เหรอ?”
“แผนการของเราในแต่ละรายละเอียด เราคิดทบทวนมาแล้วอย่าง
ดี เพราะในแต่ละราละเอียดหากเกิดช่องโหว่ ก็อาจจะทําให้ทุกอย่างจบ
ลงได้” จั่วชิงหยางสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “หากแผนการของกลุ่มฝูผงิ
มันเป็นภาพวาด ถ้าอย่างนั้นมันก็ยังขาดลายเส้นสุดท้ายอยู่ แล้วเจ้าก็
เป็นลายเส้นสุดท้ายที่ทําให้มน
ั สมบูรณ์ได้”
“ลายเส้นสุดท้ายงั้นเหรอ?”
“หากได้ลายเส้นสุดท้ายนี้มา พูดได้เลยว่าแผนการของเรา
ใกล้เคียงกับคําว่าสมบูรณ์แน่นอน” จั่วชิงหยางพูดอย่างจริงจังมากกว่า
“แต่ว่าหากวาดมันไม่ดี ถ้าอย่างนั้นภาพที่วาดมากก่อนหน้านั้นทั้งหมด
ก็จะสูญเปล่า”
“ท่านอาจารย์บอกว่าคิดอยากจะให้ข้าเข้าร่วมกลุ่มฝูผงิ เมื่อไม่
นานมานี้ แต่ว่าแผนการทั้งหมดนี้มน
ั เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนแล้ว”
ฉีหนิงพูดว่า “หรือว่าตอนที่วางแผนกัน ไม่ได้มีลายเส้นสุดท้ายที่
สมบูรณ์แบบเลย?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ดังนั้นเพื่อป้องกันความผิดพลาด ท่านก็เลย
ต้องการให้ข้าเข้าร่วมแผนการของท่านด้วย” เขายกน�าชาขึ้นดื่มแล้ว
พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่า ในแผนการของพวกท่าน
ข้าทําหน้าที่อะไรงั้นเหรอ?”
“ลายเส้นสุดท้าย” จั่วชิงหยางพูดว่า “หลังจากเจ้าเข้าร่วมกลุ่มเรา
แล้ว เราจะทําการฝึกเจ้า รอจนเวลาที่เหมาะสม ก็สามารถดําเนินการ
ตามแผนการได้เลย”
“แล้วไอ้ลายเส้นสุดท้ายที่ได้น้น
ั มันคืออะไรล่ะ?” ฉีหนิงพูดว่า “ใน
เมื่ออยากจะให้ข้าเข้าร่วมกลุ่มด้วย ก็ต้องชี้แจ้งให้ข้ารูส
้ ิว่าแผนการของ
พวกท่านมันคืออะไร”
“คนที่เข้าร่วมแผนการนี้ที่จริงก็มห
ี ลายคน” จั่วชิงหยางพูดว่า “ข้า
ก็พูดกับเจ้าตามตรง คนที่รู้แผนการนี้ท้ังหมดทุกสัดส่วนนั้นมีอยู่สามคน
นอกจากพ่อแท้ๆ ของเจ้าแล้ว ก็คือข้ากับคงฉานไต้ซอ
ื เราสามคนคือ
คนที่คุมสถานการณ์ทุกอย่างเอาไว้ อีกทั้งแต่ละก้าวเดินของแผนการนี้
ก็จะมีคนดําเนินการอย่างเต็มที่ พวกเขาแค่ต้องเดินแผนการในส่วน
ของตัวเองเท่านั้น ไม่จําเป็นต้องรู้แผนการทั้งหมด”
จั่วชิงหยางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง”
ฉีหนิงยิม
้ “ที่เซียวจ้าวจงรู้เรื่องนี้ หลังตายไปยังสั่งให้คนปล่อยข่าว
ออกไปอีก ก็น่าจะเป็นแผนการของไต้ซือด้วยสินะ”
ฉีหนิงก็ไม่ได้พด
ู อะไรให้มากความกับคงฉานไต้ซือ เขาหันไปมอง
จั่วชิงหยาง “ท่านอาจารย์ตอนนั้นจู่ๆ ก็หายตัวไป ข้ากังวลใจอยู่ตลอด
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านแค่หลอกใช้ข้าเพื่อให้ขา้ นําทํานองนรกนั่นมอบ
ให้กับเทพกระบี่ ในสายตาของท่าน ข้ามันก็แค่หมากตัวหนึ่งของ
แผนการของกลุ่มฝูผิงเท่านั้น ข้าน่าจะพูดไม่ผิดใช่ไหม ท่านอาจารย์?”
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ท่านกับไต้ซืออาจจะยังไม่ทราบ
ตลอดชีวิตของข้า ข้าเกลียดการเป็นหมากให้คนอื่นหลอกใช้ที่สุด พวก
ท่านจะใช่หมากบนกระดานนีห
้ รือเปล่า ข้าไม่สนใจหรอกนะ แต่ข้าไม่
อยากให้ตัวเองต้องเป็นหมากของใคร” เขายิ้มแล้วพูดว่า “คู่ปรับของ
พวกท่านคือต้าจงซือ ส่วนข้าก็ไม่ได้มีความแค้นหรือปัญหาอะไรกับต้า
จงซือ เพราะฉะนั้นข้าไม่ได้มีเหตุผลต้องเห็นพวกเขาเป็นศัตรู ผู้อาวุโส
ทั้งสองเองก็ไม่จําเป็นต้องบังคับฝืนใจใครหรอกนะ”
จั่วชิงหยางพูดว่า “แผนการของฝูผิงท่านพ่อของท่านเป็นคนคิด
ขึ้นมานะ หรือว่าท่านไม่อยากจะช่วยท่านพ่อของท่านทําแผนการนีใ้ ห้
สําเร็จ?”
“จนตอนนี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แค่คําพูดของ
ท่านอย่างเดียว ก็จะให้ข้าไปเป็นศัตรูกับต้าจงซือ ข้าเรียนตามตรงข้ารับ
ไม่ได้หรอกนะ” ฉีหนิงค่อยๆ ลุกขึ้นมา แล้วพูดว่า “ข้ารับปากกับพวก
ท่านตรงนี้ได้เลยว่า สิ่งที่ข้าได้ยินในวันนี้ข้าจะถือว่าข้าไม่เคยได้ยินหรือ
รับรู้อะไรทั้งนั้น หลังจากที่ลงเขาไปแล้ว จะไม่มเี รื่องที่ได้ยินบนเขาออก
จากปากของข้าแม้แต่คําเดียว หมากตัวใหญ่ที่อยู่บนกระดานอย่างพวก
ท่าน ใครจะแพ้จะชนะ มันจะไม่เกี่ยวข้องกับข้า” เขายกมือคํานับแล้ว
พูดว่า “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว วันนี้รบกวนมามาก ข้าขอตัวกลับก่อน”
ฉีหนิงไม่ได้หน
ั หลังกลับมา เขาถามว่า “ท่านอาจารย์กังวลว่าข้าจะ
เอาแผนการของฝูผิงไปมองคนอื่นเหรอ?”
“ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นหรอก แต่กังวลว่าถ้าพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว ก็
จะไม่มีโอกาสต่อไปอีก” จั่วชิงหยางถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้ากับไต้ซือ
อายุก็มากแล้ว แผนการในครั้งนี้เราคิดวางแผนทํากันมากว่าสิบปี หาก
เราตายไป ไม่แน่ว่า ......”
ฉีหนิงขมวดคิ้ว เขาฟังคําพูดนีแ
้ ล้วก็รู้สก
ึ งงๆ แต่ว่าเขาตัดสินใจไป
แล้ว เขาจะไม่ไปเข้าร่วมเป็นศัตรูกับต้าจงซือเด็ดขาด ดังนั้นเขารู้เรื่องนี้
น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
ถ้าไม่เคยเห็นฝีมือของต้าจงซือมาก่อน ก็ไม่มท
ี างรู้ว่าต้าจงซือน่า
กลัวขนาดไหน
หลายคนในโลกรู้ว่าต้าจงซือน่ากลังแค่ไหน แต่ว่ามันก็แค่ความ
กลัวทางความคิด ส่วนสิ่งที่ฉห
ี นิงเห็นมันคือฝีมือของเขาจริงๆ เขารู้ว่า
พวกเขาไม่ต่างกับสัตว์ประหลาดเลย
ถ้าต้องไปเป็นศัตรูเขาพวกเขาเหล่านั้น มันเหมือนรนหาที่ตาย
ชัดๆ
เขาอยากรู้เรื่องของหลิวซู่อีกับท่านผู้น้น
ั อยู่ แต่หากเพื่อสืบชาติ
กําเนิดของตัวเองจะต้องไปเสี่ยงอะไร ฉีหนิงรู้สก
ึ ว่าให้มน
ั พอแค่นี้ดีกว่า
รู้ท้ังรู้ว่ากล่องที่อยู่ตรงหน้าเขาอาจจะเป็นกล่องสมบัติมีราคา หาก
เปิดมันออกอาจทําให้เขาต้องเจออันตรายกับความยุง่ ยาก ฉีหนิงก็
พร้อมจะเดินหนี ไม่ไปเปิดกล่องสมบัติน้น
ั
หลังจากที่ฉห
ี นิงพากู้ชงิ ฮั่นกลับมาเมืองหลวง ก็ได้ยินข่าวลือเรื่อง
นี้ แม้แต่จวนอ๋องก็ไม่ได้กลับไป เขาจัดการเรื่องของกู้ชิงฮั่นเสร็จแล้ว ก็
เดินทางมาที่วัดต้ากวงหมิงเลย ที่จริงก่อนที่เขาจะขึ้นเขามา เขาไม่ได้
คาดหวังว่าจะรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย สุดท้ายจะไม่รู้ว่าคนๆ นั้น
เป็นใคร เขาเลยไม่ได้ผด
ิ หวังอะไรมาก เพราะว่ามันก็เป็นสิ่งที่เขาก็คิด
เอาไว้อยู่แล้ว สิง่ ที่เขาได้รับรู้มามันก็มากพอแล้ว เขาได้รับการยืนยัน
แล้วว่าเด็กแฝดสองคนนั้นไม่ใช่สายเลือดของจิ่นอีตระกูลฉี ดังนั้นเรื่อง
แปลกๆ ก่อนหน้านี้ในจวนจิ่นอีโหว มันก็อธิบายได้อย่างสมเหตุสมผล
แล้ว
เขาไม่ผด
ิ หวัง แต่หลังจากลงเขาแล้ว เขากลับรู้สึกตื่นกลัว
ก่อนขึ้นเขา เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนในโลกนี้ที่คิดจะกําจัดต้าจงซือ
อีกทั้งแผนการลับนี้มันดําเนินมากว่าสิบปีแล้ว สิ่งที่เขาตกใจมากที่สด
ุ
คือคนที่เข้าร่วมกระบวนการนีล
้ ้วนแต่เป็นคนที่ฉีหนิงคาดไม่ถึงเลย
คงฉานไต้ซือกับจั่วชิงหยางล้วนแต่เป็นคนมีฝม
ี ือ แต่เขาสองคน
กลับไม่ใช่คนต้นคิด คนต้นคิดจริงๆ คือพ่อของเด็กแฝดสองคนนั้น
นอกจากสามหัวเรือใหญ่แล้ว มหาเสนาบดัแคว้นตงฉีลิ่งหูซีเองก็
เข้าร่วม อีกทั้งประมุขพรรคกระยาจกเซีย
่ งไป๋อ่ิงเองก็เหมือนจะเป็นคน
ของกลุ่มฝูผิงด้วย ถ้าอย่างนั้นในแผนการนี้ยังอีกกี่คนที่เข้าร่วม?
แผนการนี้รายละเอียดมันเป็นยังไงกันแน่นะ?
ฉีหนิงอยากรู้ แต่ไม่อยากไปยุ่ง
ตอนที่ฉห
ี นิงกลับไปถึงจวนจิ่นอีโหว ก็เป็นช่วงเช้าแล้ว
เขาออกไปจากเมืองหลวงในครั้งนี้ เขากับกู้ชิงฮั่นพรอดรักกันอยู่
หลายวัน จากนั้นก็ไปที่วัดต้ากวงหมิง รวมแล้วก็หลายวันอยู่ พอเข้า
จวนมา เขาก็รู้สก
ึ ว่าบรรยากาศมันผิดปกติมาก คนในจวนไม่มีใครกล้า
มองฉีหนิงเลยสักคนเดียว เอาแต่ก้มหน้าลง ฉีหนิงรู้สก
ึ สงสัยมาก เขา
เห็นพ่อบ้านหานโซ่วยืนอยู่ไม่ไกลเหมือนกําลังสั่งให้คนไปทําอะไรสัก
อย่าง เขาก็เลยเรียกเข้ามา หานโซ่วรีบเดินเร็วเข้ามาหา แล้วพูดว่า
“ท่านอ๋อง กลับมาแล้วเหรอขอรับ”
ฉีหนิงได้ยินน�าเสียงของเขา เหมือนมีเรื่องร้อนใจอะไรบางอย่าง
ยังไม่ทันได้ถาม หานโซ่วก็พูดขึ้นก่อนเลย “ท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงสั่งให้
คนมาตามถึงสองครั้ง เหมือนจะมีเรื่องด่วนต้องการให้ไปเฝ้า”
ฉีหนิงถึงกับปวดหัวเลย เขารู้ทันทีว่าซีเหมินจั้นอิงอารมณ์ไม่ดี
เพราะอะไร เขาพูดว่า “แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?”
“ถึงแม้ฮูหยินจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่ได้หาเรื่องหรือทําให้นาง
ลําบากใจ” หานโซ่วพูดว่า “สั่งให้เราจัดเตรียมเรือนไว้ให้นาง แล้วก็ให้
แม่นางถังไปดูอาการให้นางด้วยขอรับ”
“ข้าก็มาที่เมืองหลวงตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้ไปเดินเที่ยวที่ไหนเลย”
ชื่อตันเหมยพูดว่า “ได้ยินมาว่าในเมืองหลวงมีของอร่อยตั้งมากมาย
สองสามวันนี่ขา้ เองก็ว่างอยู่ เลยอยากจะออกไปเดินเล่น หาอะไร
อร่อยๆ กินสักหน่อย จริงสิ ได้ยน
ิ ว่าเครื่องหอมในเมืองหลวงก็มีแต่ของ
ดีดีท้ังนั้น ข้าอยากจะไปดูสักหน่อย วันๆ อยู่แต่ในจวน น่าเบื่อจะแย่
แล้ว” นางยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย “ท่านอ๋องจะไปกับข้าด้วยหรือ
เปล่า?”
ฉีหนิงรู้ด้วยนิสย
ั ของชื่อตันเหมย ไม่มท
ี างอยู่ในจวนเฉยๆ อยู่แล้ว
แต่ว่าในวังตามตัวเขาเร่งด่วน เวลาแบบนี้เขาก็คงไปเที่ยวกับชื่อตัน
เหมยไม่ได้ เขาพูดว่า “เดี๋ยวข้าจะไปเข้าวัง ไว้วันหลังเถอะ”
ชื่อตันเหมยเหมือนจะรู้คําตอบอยู่แล้ว นางก็ไม่ได้พด
ู อะไรมา
กําลังจะเดินออกไป ฉีหนิงเรียกนางเอาไว้ก่อนแล้วถามว่า “เจ้ามีเงินติด
ตัวเหรอ?” เขารู้ว่าบนตัวของชื่อตันเหมยน่าจะไม่ได้พกเงิน เขาหยิบถุง
เงินออกมาแล้วโยนให้นาง ชื่อตันเหมยรับถุงเงินไป นางยิ้มแล้วเดิน
ออกไปเลย
“ฮูหยินไม่อยู่ในจวนเหรอ?” ฉีหนิงหันไปถามหานโซ่ว
หานโซ่วตอบว่า “เมื่อวานฮูหยินไปที่จวนเสินโหว แล้วก็ยังไม่
กลับมาเลยขอรับ”
ฉีหนิงคิดในใจว่าดูท่าทางซีเหมินจั้นอิงจะโกรธมาก เขากําลัง
อยากจะไปดูจ่ัวเซียนเอ๋อร์สักหน่อย ด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกว่า
“ท่านอ๋องขอรับ”
“อ๋องอวี้เหรอ?” ฉีหนิงตะลึงไป
ตั้งแต่จับตัวอ๋องอวี้มาจากเซียงหยาง เขาก็ถก
ู กักบริเวณอยู่ในจวน
เสินโหวตลอด ฉีหนิงไปพบเขาถึงสองครั้ง แต่ก็เป็นบัญชาของฮ่องเต้
เพราะว่าต้องการแผนที่ที่อยู่ในมือของเขา แต่ว่าอ๋องอวี้รู้ว่าหากแผนที่
ผืนนั้นตกอยู่ในมือของแคว้นฉู่ มันจะส่งผลร้ายต่อเป่ยฮั่น เขาเลยไม่พด
ู
เรื่องของแผนที่เลยแม้แต่นิดเดียว
ฉีหนิงไปสองครั้งแต่ไม่ได้ผลเลย ดังนั้นเขาเลยไม่คิดอยากจะไป
ถามเรื่องแผนที่กับอ๋องอวี้อีก อีกทั้งก็ลืมไปแล้วด้วยว่ามีคนอย่างเขาอยู่
ใครจะคิดว่าตอนนี้อ๋องอวี้จะอยากเจอเขาขึ้นมา เขารูส
้ ึกแปลกใจมาก
ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เขาอยากจะพบข้าทําไม?”
“เสียทหารไปกว่าห้าพันคน มันส่งผลต่อกําลังใจของทหารฝ่ายเรา
มาก” หานเทียนซู่พูดว่า “แต่จะว่ากันจริงๆ แล้ว มันก็เพราะเราไม่รู้
สภาวะแวดล้อมของที่น่ัน ถึงได้ตกหลุมพรางจงหลีอ้าวแบบนี”
้
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม่ทัพที่เชี่ยวชาญการทําศึกคนหนึ่ง
ก็ต้องรูจ
้ ักใช้แวดล้อมในการทําศึกอยู่แล้ว จงหลีอ้าวสามารถเป็นผู้
บัญชาการกองทัพใหญ่ของเป่ยฮั่นได้ เขาก็ต้องรู้เส้นทางทุกอย่างใน
เป่ยฮั่นเป็นอย่างดี” เหมือนเขาจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว เขาพูดว่า “ไต้
เท้าหลูมาพบอ๋องอวี้ เพราะแผนที่ใช่ไหม?”
“เขาเป็นคนบอกเองเหรอว่าต้องการพบข้า?”
“เขาถือได้ว่าเป็นนักโทษคนสําคัญของเรา เรามีการจัดเวรยามเฝ้า
เขาตลอดทั้งวันทั้งคืน ข้าน้อยรับประกันได้เลยว่า เขาถูกตัดขาดกับโลก
ภายนอกอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาไม่มีทางได้รู้แน่นอน
ขอรับ” หานเทียนซู่พูดอย่างจริงจัง
หานเทียนซู่พูดว่า “ศิษย์น้องเล็กอารมณ์ไม่ดีนด
ิ หน่อย แต่ว่าท่าน
อ๋องไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไรน่ากังวล”
ฉีหนิงพยักหน้า หานเทียนซู่พาฉีหนิงไปพบอ๋องอวี้ด้วยตัวเอง
เป่ยถังอวี้ถึงแม้จะถูกกักบริเวณ แต่ว่าที่อยู่อาศัยของเขาก็สวย
งดงาม ล้อมรอยด้วยสระน�า สระน�าตอนนี้มด
ี อกบัวเขียวชะอุ่มไปหมด
ในฐานะเชลยคนหนึ่ง ถือว่าแคว้นฉู่ดแ
ู ลเขาอย่างดีเลย
“เดิมทีก็ไม่มห
ี รอก แต่ว่าหามาปล่อย มันก็เลยมี” เป่ยถังอวี้ยม
้ิ
แล้วพูดว่า “พวกเขาทําอะไรละเอียดดีนะ รู้ว่าข้าอยากจะมาตกปลาที่นี่
ก็ไปหาซื้อปลามาปล่อยให้ข้าตั้งสองถัง เจ้าควรรู้เอาไว้นะ ปลาที่เราตก
ขึ้นมาได้เอง มันรสชาติดีมากเลย”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “เหมือนท่านอ๋องจะเคยชินกับการใช้ชีวิต
แบบนี้แล้วเลยนะ”
“เคยชินไหมมันไม่ได้อยู่กับการตัดสินใจของข้า” เป่ยถังอวี้ยังคงนั่งตก
ปลาแบบนั้น เขาจ้องไปที่ปลาที่ลอยอยู่บนผิวน�า แล้วพูดว่า “จริงสิ
คราวนี้คนของพวกเจ้าบาดเจ็บล้มตายไปกันกี่คนแล้วล่ะ? อย่าประมาท
จงหลีอ้าวนะ ในบรรดาขุนศึกของเรา นอกจากเป่ยถังชิ่งแล้ว ไม่มีใครสู้
เขาได้เลยสักคนเดียวนะ”
เล่มที่ 48 บทที่ 1429 เบาะแส
คําพูดของอ๋องอวี้ ฉีหนิงไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่
หลูเซียวเป็นเสนาบดีกรมกลาโหม เขามาหาเป่ยถังอวี้ด้วยตัวเอง
ด้วยความฉลาดของเขา คงเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น เขาต้องเดาได้ว่าที่
ชายแดนน่าจะมีปัญหา หากทัพฉู่ชนะต่อเนื่อง พวกเขาคงไม่อยากจะได้
แผนที่อยู่ตลอดเวลาแบบนี้ ยิ่งไม่มีความจําเป็นต้องให้เสนาบดีกรม
กลาโหมมาเกลี่ยกล่อม
“ท่านอ๋องคาดการณ์ราวกับเทพเจ้าเลยนะ” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า
“จงหลีอ้าววางหลุมพราง ทําให้ทหารของเราบาดเจ็บล้มตายนับพันคน
เสียหายไปไม่นอ
้ ยทีเดียว”
“เราได้ยึดของแคว้นตงฉีมาเป็นของเราเรียบร้อยแล้ว” ฉีหนิงพูด
ว่า “ซีเป่ยเองก็อยู่ในกํามือของเราเรียบร้อยแล้ว แคว้นเป่ยฮั่นตอนนีก
้ ็
หายใจโรยรินมากแล้ว”
เป่ยถังอวี้ตะลึงไป ในที่สด
ุ เขาก็หน
ั มาหาฉีหนิง เห็นท่าทางของฉี
หนิงนิง่ มาก เขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แคว้นตงฉีล่มสลายแล้วงั้น
เหรอ?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ชวีหยวนกู่เขามองว่าตัวเองไม่ต่างกับฮ่องเต้
ในท้องที่ตัวเอง ในพื้นที่ซีเป่ย เขามีอํานาจจะฆ่าใครก็ได้ อาศัยชื่อของ
ราชสํานักเป่ยฮั่น ขูดรีบทรัพย์สิน แต่ว่าทรัพย์สินพวกนั้นตอนนี้
กลายเป็นของกํานัลศึกของเราไปแล้ว” เขาหยุดไปแล้วพูดว่า “ทหาร
ของชวีหยวนกู่ปล้นสะดมในเมืองลั่วหยาง มันก็มแ
ี ค่สองความเป็นไปได้
เท่านั้น”
“ทหารซีเป่ยประจําการณ์อยู่ในพื้นที่กันดารอย่างซีเป่ยมาตลอด
ตอนนี้พอไปถึงลั่วหยาง เห็นความเจริญรุ่งเรืองของเมืองลั่วหยาง เห็น
ความอุดมสมบูรณ์ ท่านคิดว่าคนพวกนั้นจะยอมเสียมันไปง่ายๆ
เหรอ?” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “คนพวกนี้ต้องการรักษาทุกอย่าง
เอาไว้ ก็จะต้องรักษาชวีหยวนกู่เอาไว้ ในสายตาของพวกเขา หากชวี
หยวนกู่เป็นฮ่องเต้ ถ้าอย่างนั้นชีวิตที่สุขสบายมีพร้อมทุกอย่างมันก็จะ
ไม่หายไป ชวีหยวนกู่สามารถตั้งรากฐานในลั่วหยางได้ ก็พ่งึ พาอาศัย
ทหารของเขาเหล่านี้ หากทหารของเขาสนับสนุนเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ ต่อ
ให้ตัวเขาไม่คิด แต่ก็จําต้องตามเจตนารมณ์ของเหล่าทหารอยูด
่ ี”
เป่ยถังอวี้พูดว่า “ชวีหยวนกู่ก็แค่สุนัขรับใช้ตระกูลเป่ยถังของเรา
เท่านั้น เขามีสท
ิ ธิอะไรขึ้นนั่งบัลลังก์?”
“ตระกูลเป่ยถังเองก็ชิงแผ่นดินมาจากมือคนอื่นเหมือนกัน” ฉีหนิง
ยิ้มแล้วพูดว่า “ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ความสามารถที่แท้จริง ตอนนี้ชวี
หยวนกู่มีความสามารถแบบนั้น เขาก็สามารถทําตามอําเภอใจยังไงก็ได้
ทหารของเขาเข่นฆ่าปล้นชิง ชาวบ้านก็คิดแค่ว่าทหารพวกนีค
้ ือทหาร
ของเป่ยถังเฟิง พวกเขาก็ต้องโกรธแค้นเป่ยถังเฟิงเป็นธรรมดา อีกทั้ง
เขายังสามารถฉวยโอกาสนี้เข่นฆ่าขุนนางจนเรียบได้ ถึงเวลานั้นเหล่า
ขุนนางของพวกท่านก็ถูกฆ่าจนขวัญกระเจิงกันหมดแล้ว หากเขาจะขึ้น
เป็นฮ่องเต้เอง คิดว่าก็คงไม่มีใครกล้าคัดค้านอีก”
เป่ยถังอวี้เหมือนจะขยับปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“หากเร็วกว่านีส
้ ักหน่อย ข้าสามารถรับประกันกับท่านอ๋องได้
แน่นอน ว่าเราสามารถช่วยครอบครัวของท่านออกมาแล้วพามาที่
แคว้นฉูไ่ ด้อย่างไม่มีปัญหาอะไร” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “แต่ว่า
ตอนนี้ในลั่วหยางวุ่นวายมาก ครอบครัวของท่านจะยังปลอดภัยอยู่
หรือไม่ ข้าเองก็รับประกันอะไรกับท่านไม่ได้เลย” เขาเหลือบไปมอง
เป่ยถังอวี้ แล้วพูดต่อว่า “แต่ว่าขอแค่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ข้ารับรองได้
ว่า เราสามารถพาพวกเขาออกมาจากเมืองลั่วหยางแล้วพามาพบกับ
ท่านอ๋องที่เมืองเจี้ยนเยี้ยได้แน่นอน”
“หลังจากเราสํารวจสถานที่จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เราก็ทําแผนที่
ออกมาทั้งหมดสามผืน” เป่ยถังอวี้พูดว่า “ผืนหนึ่งอยูใ่ นมือของฮ่องเต้
อีกผืนอยู่ในมือของแม่ทัพใหญ่ ซึ่งในตอนนี้ก็อยู่ในมือของจงหลีอ้าว
แล้วยังมีอีกผืนหนึ่งที่ซอ
่ นอยู่ในคลังสมบัติของวังหลวง แต่ว่าทั้งสามผืน
นี้ พวกเจ้าคิดจะไปชิงเอามานั้นมันยากมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย”
ฉีหนิงรู้ว่าแผ่นดินยังไม่สงบ เพื่อป้องกันไม่ให้แผนที่แคว้นตกไปอยู่
ในมือของแคว้นฉู่ เลยไม่ได้ทําไว้หลายชุด
“คลังสมบัติหลวงงั้นเหรอ?”
“คลังสมบัติหลวงมีการเฝ้าระวังแน่นหนามาก” เป่ยถังอวี้ยิ้มแล้ว
พูดว่า “ข้ารู้ว่าจวนเสินโหวของแคว้นเจ้าเข้าไปได้ทก
ุ ที่ แต่พวกเขาไม่มี
ทางเข้าใกล้คลังสมบัติหลวงได้แน่นอน ตามความเห็นของข้า ไปชิงเอา
จากมือจงหลีอ้าวน่าจะดีกว่า อย่าคิดจะไปที่คลังสมบัติหลวงเลย การ
เข้าใกล้คลังสมบัติหลวง ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย”
ฉีหนิงคิดถึงแม้จะรู้ที่ซ่อนของแผนที่แล้ว แต่ว่าอย่างที่เป่ยถังอ
วี้พูดมา หากคิดจะไปเอามันมา มันยากยิ่งกว่ายาก
“เขาเก้าตําหนักงั้นเหรอ?”
ฉีหนิงพูดว่า “เขาบอกว่าเขาฝากมันไว้กับคนที่เขาไว้จากที่สด
ุ คน
หนึ่ง นอกจาจะเห็นจดหมายลายมือของเขาแล้ว ไม่อย่างนั้นคนๆ นั้นไม่
มีทางมอบแผนที่น้น
ั ให้กับใครเด็ดขาด” เขาหยิบจดหมายออกมาแล้ว
ยื่นไปให้ “ฝ่าบาท นี่เป็นจดหมายลายมือของเป่ยถังอวี้ เนื้อหาข้าได้
อ่านแล้ว เขาบอกอีกฝ่ายให้มอบแผนที่ให้ข้า”
“เขายังมีเงื่อนไขอย่างอื่นอีกไหม?”
“เขาบอกว่าอยากให้เรารีบส่งไปลั่วหยาง หากข้าได้แผนที่มาแล้ว
ก็ต้องรีบให้เขาได้เจอกับครอบครัวโดยเร็วที่สุด” ฉีหนิงพูดว่า “นอกจา
นี้เขายังอยากให้เรารับประกันด้วยความพวกเขาจะมาถึงแคว้นฉู่อย่าง
ปลอดภัย และต้องให้พวกเขาได้อยู่อย่างสุขสบาย”
“หากเบาะแสที่อยู่ของแผนที่ที่เขาให้มานั้นมันเป็นจริง จะให้
บรรดาศักดิ์กับเขามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” หลงไท่พูดว่า “กองทัพ
ของเรายังตึงกําลังอยู่ที่ชายแดน หากไม่สามารถทะลวงฝ่าการป้องกัน
ของจงหลีอ้าวไปไม่ได้ มันจะทําให้ราชสํานักมีแรงกดดันมากขึ้น หากไม่
ไหวจริงๆ สุดท้ายก็ต้องถอนทัพชั่วคราว” เขาสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด
“หากได้แผนที่มาเร็วเท่าไหร่ เราก็จะรู้ว่าภูมป
ิ ระเทศของเขาเป็นยังไง
แผนที่น่น
ั สามารถสู้กับศัตรูได้เป็นหมื่นๆ คนเลย”
“ฝ่าบาท เป่ยถังอวี้หลังจากที่ถก
ู เราจับที่เซียงหยาง ก็นานเกือบปี
แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาถูกกักบริเวณอยู่ที่จวนเสินโหวตลอด เขา
ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับข้างนอกเลย อีกทั้งยังไม่สามารถติดต่อกับคนข้างนอก
ได้” ฉีหนิงพูดอย่างจริงจังว่า “กระหม่อมเชื่อว่าเขาไม่มีโอกาสจะไปวาง
กับดักอะไรที่เขาเก้าตําหนัก เขาตกอยู่ในมือของเราตั้งแต่ที่เซียงหยาง
ก็ได้ตัดการติดต่อจากโลกภายนอกไปแล้ว เขาไม่มีทางคิดได้หรอกว่าวัน
หนึ่งข้าจะไปที่น่ัน ดังนั้นการวางกับดักมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย”
หลงไท่คิด ถึงแม้จะรู้สก
ึ ว่าฉีหนิงพูดมานั้นก็มเี หตุผล แต่ว่าเขาก็ยัง
มีข้อสงสัยอยู่ เขาเลยถามว่า “เป่ยถังอวี้เป็นเชื้อพระวงศ์ของเป่ยฮั่น
เจ้าคิดว่าเขาจะทําเพื่อครอบครัวของตัวเองจนยอมละทิ้งของแคว้นเป่ย
ฮั่นเลยเหรอ? ครอบครัวกับบ้านเมือง อะไรสําคัญ หรือว่าเขาไม่รู้
เหรอ?”
“ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้สึกว่าแคว้นเป่ยฮั่นมาถึงทางตันแล้ว” ฉี
หนิงพูดว่า “องค์ชายเป่ยฮั่นแย่งชิงบัลลังก์กัน เข่นฆ่ากันเอง สูญเสียกัน
ไปมาก ชวีหยวนกู่อาศัยชื่อของเป่ยถังเฟิงยกทัพไปยังลั่วหยาง ตอนนี้
เป่ยถังเฟิงกลายเป็นหุน
่ เชิดของเขา เป่ยถังอวี้อาจจะคิดว่าตระกูลเป่ย
ถังมาถึงจุดจบแล้วก็ได้ เขาผิดหวังมาก รู้สึกว่าแคว้นเป่ยฮั่นหมดหนทาง
แล้วจริงๆ ถึงได้คิดอยากจะปกป้องครอบครัวของตัวเองแทน”
หลงไท่เองก็รู้ว่าแผนที่น่น
ั สําคัญกับแคว้นฉู่มาก ตอนนี้มโี อกาส
แล้ว จะให้หลุดไปไม่ได้เด็ดขาด เขานิ่งไป แล้วพูดว่า “ข้าจะให้คนของ
จวนเสินโหวไปกับเจ้าด้วย พวกเจ้าปลอมตัวเข้าไปในเหลียวตง แล้วหา
โอกาสลงมือ หากเอาแผนที่มาได้ก็ดี แต่หากไม่ได้ ก็ไม่ต้องสนใจ ขอแค่
เจ้ากลับมาหาข้าอย่างปลอดภัยก็พอ”
แต่เพราะจั่วเซียนเอ่อร์ถูกส่งไปที่จวนอ๋อง เหมือนจะทําให้ซีเห
มินจั้นอิงไม่พอใจมาก สองวันที่ผ่านมานางก็ไม่ได้กลับจวนเลย ส่วนเข้า
ก็จะเดินทางแล้ว จะไปไม่ลามันก็ไม่ได้ ช้าเร็วก็ต้องผ่านเรื่องนีไ้ ปให้ได้
อยู่ดี การเดินทางจัดการให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า
ถึงแม้จวนเสินโหวจะมีการเฝ้ายามอย่างเข้มงวด แต่กับฉีหนิงมี
ข้อยกเว้น เจ้าหน้าที่หน้าประตูจําฉีหนิงได้ เลยไม่ได้ขวางเขา
ฉีหนิงเข้าไปด้านใน กําลังคิดอยู่เลยว่าจะทําให้ซีเหมินจั้นอิงหาย
โกรธยังไง แต่เขากลับได้ยินเสียงตื่นตระหนกดังขึ้น “แย่แล้ว ศิษย์น้อง
เล็ก ...... ศิษย์นอ
้ งเล็กคลั่งจะฆ่าคนแล้ว ......”
ในตอนนี้เองก็เห็นซีเหมินจั้นอิงถือดาบออกมา
ฉีหนิงเห็นซีเหมินจั้นอิงโกรธเหมือนแม่เสือเลย เขาก็รู้สึกหวั่นใจ
อยากจะรีบหาที่หลบเลย หานเทียนซู่เมื่อก่อนเป็นคนหัวแข็งไม่เบา แต่
ในเวลานี้กลับมาหลบอยู่หลังเขา เขาชี้ไปหาซีเหมินจั้นอิงแล้วพูดว่า
“ศิษย์นอ
้ งเล็ก ท่านอ๋อง ..... ท่านอ๋องอยู่ตรงนี้นะ เจ้าอย่าทําอะไร
เหลวไหลนะ เจ้า ...... เจ้าวางดาบลงก่อนนะ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน
นะ .....”
ซีเหมินจั้นอิงไม่ได้สนใจฉีหนิงเลย สายตาของนางโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
นางจ้องมาที่หานเทียนซู่ที่อยู่ข้างหลังฉีหนิง แล้วพูดว่า “หานเทียนซู่
เจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้นะ นั่นเป็นใครกันแน่? หากวันนี้เจ้าไม่พูดให้
ชัดเจน ข้า ...... ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
เล่มที่ 48 บทที่ 1431 เดินทางไกล
หานเทียนซู่ถึงแม้จะเป็นผู้ดแ
ู ลจวนเสินโหวในเวลานี้ แต่ว่าการอยู่
ต่อหน้าซีเหมินจั้นอิงที่กําลังโมโหอยู่น้น
ั เขากลับหเมือนจะสูไ้ ม่ได้เลย
เห็นหานเทียนซู่ไม่พด
ู อะไรเลย ซีเหมินจั้นอิงก็ย่งิ โมโหหนักเข้าไป
ใหญ่ นางบุกขึ้นหน้ามา โบกดาบคิดจะฟันเขา ฉีหนิงขมวดคิ้ว แล้ว
ตะคอกเสียงเข้มว่า “หยุดนะ”
เสียงเขาตะคอกของเขาดุมาก ซีเหมินจั้นอิงง้างมือข้างไว้กลาง
อากาศ แล้วอึ้งๆ ไป ฉีหนิงฉวยโอกาสจับมือของนาง แล้วยึดดาบมา
เห็นนางกําลังโมโหอยู่ ก็ต่อว่าไปว่า “จั้นอิง ทําไมเจ้าเหลวไหลแบบนี้
ศิษย์พี่สามดูแลจวนเสินโหว แต่เจ้ากลับใช้ดาบจะฟันเขาในจวนแบบนี้
เจ้ายังรู้กฎเกณฑ์หรือเปล่า? กฎระเบียบของเจ้าหน้าที่จวนเสินโหวสั่งให้
ลงมือกับหัวหน้าได้ด้วยงั้นเหรอ?”
ซีเหมินจั้นอิงตะลึงไป จากนั้นก็นก
ึ ได้ว่า ตั้งแต่จวนเสินโหวก่อตั้ง
มา กฎระเบียบเข้มงวดมาก ความผิดแบบนี้ โทษหนักไม่ใช่เล่นเลย
“เขาเป็นศิษย์พข
ี่ องเจ้า อีกทั้งยังเป็นเจ้าหน้าที่ของจวนเสินโหว
ด้วย” ฉีหนิงเห็นซีเหมินจั้นอิงลังเล ก็รบ
ี พูดต่อว่า “หากเจ้ามีเรื่องอะไร
ก็พูดมาได้เลย แต่มาลงไม้ลงมือกับจวนเสินโหว มันเหลวไหลสิ้นดี”
ซีเหมินจั้นอิงกัดฟัน เขาจ้องไปที่หานเทียนซู่ที่อยู่ด้านหลังฉีหนิง
แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาบอกข้ามา โถเถ้ากระดูกที่อยูใ่ นห้องนั้น
เป็นของใครกันแน่? ทําไมเขาถึงต้องไปกราบไหว้ทุกวันด้วย?”
ฉีหนิงได้ยินดังนั้น ก็สะดุ้ง
หานเทียนซู่พยายามฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “มันไม่ได้ของใครคนใดคน
หนึ่ง มัน ...... มันเป็นของเหล่าศิษย์พี่รวมๆ กันน่ะ ข้า ......”
ซีเหมินจั้นอิงค่อยๆ เดินไปที่รม
ิ โต๊ะ นางมองไปที่โถเถ้ากระดูก
น�าตาของนางค่อยๆ ไหลลงมา
หานเทียนซู่เองก็ตามมาในเวลานี้เช่นกัน นางยืนอยู่หน้าปากประตู
เขาลังเล แล้วก็เดินเข้ามาด้านใน
“พวกเจ้าบอกข้าว่าท่านพ่อออกเดินทางไปท่องยุทธภพ ต้องอยู่
ข้างนอกอีกนาน” ซีเหมินจั้นอิงพูดว่า “ข้าเชื่อพวกเจ้ามาตลอด คิดว่า
มันคือเรื่องจริง แต่ว่าตอนนี้ข้าถึงได้เข้าใจแล้วว่า ทําไมศิษย์พี่รองต้อง
รับตําแหน่งเสินโหว หากท่านพ่อยังอยู่ ทําไมถึงได้สละตําแหน่งแล้ว
ออกเดินทางไป เขาจะต้องเรียกรวมพล แล้วมอบตําแหน่งเสินโหวให้
ศิษย์พี่รองด้วยตัวเองแล้วสิ ข้ามันโง่ ข้ามันโง่เอง พวกเจ้าถึงได้หลอกข้า
ได้ง่ายๆ แบบนี”
้ พอพูดถึงตรงนี้ นางก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนตัว
สั่น
“พวกท่านคิดจะปิดบังข้าไปตลอดชีวิตเลยหรือยังไง?”
หานเทียนซู่พูดอย่างจริงจังว่า “ศิษย์นอ
้ งเล็ก ในเมื่อเจ้าอยากรู้
ความจริง ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะบอกเจ้า ไม่ใช่แค่ท่านเสินโหวเท่านั้นที่
ตาย ยังมีศษ
ิ ย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องสี่ พวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว ศิษย์พี่รองเพราะ
ต้องการคุ้มครองความปลอดภัยของฝ่าบาท สละชีวิตตายอยู่ในวังหลวง
ศิษย์น้องห้าก็เดินทางกลับไปที่ซีเป่ยแล้ว ตอนนี้จวนเสินโหวสภาพเป็น
ยังไงบ้าง เจ้าลองมองดูให้ดีดีสิ นอกจาข้ากับศิษย์น้องหกที่พยายามคุม
ทุกอย่างเอาไว้ จวนเสินโหวในเวลานี้ไม่ใช่จวนเสินโหวเหมือนเมื่อก่อน
แล้ว”
ซีเหมินจั้นอิงอึ้งไป
ถึงแม้การตายของเซวียนหยวนผ่อ มีหลายคนในจวนเสินโหวที่
รับรู้ แต่ว่าไม่มีใครบอกซีเหมินจั้นอิงมาก่อน พอนางได้รับรู้ข่าวนี้ นางก็
ทําอะไรไม่ถก
ู ยืนแทบจะไม่ไหว ฉีหนิงรู้ทันทีว่านางแย่แน่ ก่อนที่นาง
จะล้ม เลยเดินขึ้นหน้าไปโอบเอวพยุงนางเอาไว้ เห็นนางหน้าซีดขาว
มาก เขารู้สึกสงสารนางจับใจ
หานเทียนซู่ยังคงมีสห
ี น้าเคร่งเครียดมาก เขาพูดต่อว่า “จวนเสิน
โหวในวันนี้ มันไม่ใช่แบบที่ท่านเสินโหวต้องการเห็นแน่นอน สภาพแบบ
นี้ข้าเองก็ไม่รู้จะคุมไหวหรือเปล่า ท่านเสินโหวกับศิษย์พี่ใหญ่ตายไป
แล้ว ทุกคนต่างเจ็บปวดและเสียใจมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านเสิน
โหวไม่ต่างกับท่านพ่อของเรา ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองก็ไม่ต่างกับ
พี่ชายแท้ๆ ของข้า ข้าเองก็เจ็บปวด แต่ว่าความเจ็บปวดมันจะอยู่นาน
กว่านีไ้ ม่ได้ ท่านเสินโหวทําให้จวนเสินโหวเป็นที่ยําเกรงทั่วยุทธภพ
หรือว่าเพราะเขาตาย เราก็จะกลายเป็นหน่วยงานที่ในยุทธภพดูถูกดู
แคลนไปงั้นเหรอ?” เขากําหมัดไว้แน่นแล้วพูดเสียงเข้มว่า “ขอแค่จวน
เสินโหวยังมีคนอยู่ต่อให้มแ
ี ค่คนเดียว ก็ต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของ
ท่านเสินโหวต่อไป ปกป้องราชสํานัก ปกครองยุทธภพ ศิษย์น้องเล็ก
เจ้าเข้าใจความหมายของข้าหรือเปล่า?”
ซีเหมินอู่เหิงกับเซวียนหยวนผ่อตายไป มันส่งผลต่อสภาพจิตใจ
ของซีเหมินจั้นอิงมาก ฉีหนิงคอยปลอบใจอยู่ข้างๆ นางตลอดเวลา แต่ก็
เพราะเหตุนี้ นางเลยไม่ได้ไปสนใจหรือคิดเรื่องของจั่วเซียนเอ่อร์ พอ
นางรู้ว่าฉีหนิงต้องออกเดินทางไปเหลียวตง หลังจากที่นางกลับจวน
แล้ว ก็เก็บและจัดเตรียมสัมภาระด้วยตัวเอง
ตั้งแต่ออกเดินทางจากเมืองหลวง มีสองเส้นทางที่สามารถตรงไป
ยังเหลียวตงได้ ทางสายแรกเป็นการเดินทางทางบก ทางอีกสายหนึ่งคือ
เดินทางทางแม่น�าไปยังตงไฮ่ ขึ้นเหนือไปทางป๋อไฮ่
หากเดินทางไปทางบก เส้นทางค่อนข้างไกลพอสมควร ต้องขึ้น
เขาลงห้วย อีกทั้งยังต้องแผนดินแดนของแคว้นฮั่น ไปทางน�าเลย
สะดวกกว่า เพราะแม่น�าฉินไหวอยู่ในการดูแลของแคว้นฉูแ
่ ล้ว
กองทัพเรือตงฉีไม่มีอีกแล้วการเดินทางทางน�าจึงไม่มีอุปสรรค โจรสลัด
ในแม่นา� ก็อยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ของแม่น�า ทาง
ตะวันออกเฉียงเหนือไม่ค่อยมีเท่าไหร่
ฉีหนิงเดินทางไปเหลียวตงครั้งนี้ คนรู้เรื่องนี้นอ
้ ยมาก หลังจากเขา
จัดการเรื่องในจวนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปพบหรือหาใครเลย เขา
สวมหน้ากากที่จงหย่าให้เขามา แล้วขี่มา้ ออกเมืองหลวงเลย
ที่จริงกับคําพูดของเป่ยถังอวี้แล้ว ฉีหนิงก็ไม่ได้เชื่อซะทั้งหมด
เพราะอย่างที่หลงไท่พด
ู มันเหมือนมีอะไรแปลกๆ
แต่เขารู้ว่าแผนที่มันสําคัญกับแคว้นฉูม
่ าก ขอแค่แผนที่มันอยูท
่ ี่
เขาเก้าตําหนักจริง ต่อให้มก
ี ับดัก เขาก็ต้องลองเสี่ยงดู เพื่อชิงมันมาให้
ได้
เขาเชื่อในวรยุทธ์ของตัวเขาเองมาในตอนนี้
นอกจากว่าบนเขาเก้าตําหนักจะมีต้าจงซือ ไม่อย่างนั้นฉีหนิงก็ไม่
หวาดกลัวอะไร
แต่ว่าหากว่าบนเขามีต้าจงซืออยู่จริง มันก็เป็นเพราะชะตาฟ้า
กําหนดแล้ว
ฉีหนิงเดินทางไปตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทางนั้นมันมี
ท่าเรืออยู่ จะหาเรือสักลํามันไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ก่อนที่ฉห
ี นิงจะออกเดินทาง เขาได้สํารวจเส้นทางมาอย่างดีแล้ว
พอข้ามแม่น�าไป ก็เข้าเขตตงฉี จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่เขตเว่ยไฮ่จวิน
ตงฉีต้ังอยู่ค่ันกลางระหว่างสองแคว้นใหญ่มานาน แต่ว่าไม่เคย
หยุดทําการค้ากับทั้งสองแคว้นมาก่อน
แคว้นตงฉีกับเหลียวตงมีการค้ากันบ่อยครั้งโดยอาศัยทางเรือ เขต
เว่ยไฮ่จวินมีแต่ท่าเรือขนาดใหญ่ เรือสินค้าจะเทียบท่าที่เขตนั้น แล้ว
เดินทางไปยังท่าเรือราชสีห์ในเหลียวตง การเดินเรือราบรื่นมาก
เส้นทางไม่ได้ไกลเท่าไหร่ ดังนั้นการค้าการขายในเส้นทางนีม
้ ันเลย
เจริญมาก ตงฉีกับเหลียวตงมีการค้าเจริญมากๆ
คนเรือแทบจะไม่อยากเชื่อ เขาหยิกเนื้อตัวเองดูว่าเขากําลังฝันอยู่หรือ
เปล่า แต่ว่ามันก็เจ็บนะ
เล่มที่ 48 บทที่ 1432 ดนตรีและกระบีเ่ ป็นหนึ่งเดียวกัน
หลังจากขึ้นฝั่งที่ท่าเรือราชสีหแ
์ ล้ว ก็เข้าสู่พ้ น
ื ที่เหลียงตงแล้ว
ถึงแม้เหลียงตงจะเป็นพื้นที่ของแคว้นเป่ยฮั่น แต่เทียบกับซีเป่ย
แล้ว เป่ยฮั่นคุมเหลียงตงไม่อยูก
่ ว่าซีเป่ยอีก
สําหรับเป่ยฮั่นแล้ว เมืองที่เป็นอันตรายสําหรับพวกเขาไม่ใช่
เหลียวตง แต่เป็นเส้นทางทางใต้หากคิดจะบุกเหลียวตง แคว้นฉู่ก็
จะต้องบุกขึ้นเหนือแน่นอน ดังนั้นตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นเป่ยฮั่นมา พวกเขา
เลยใช้นโยบายในการปลอบขวัญกับทางเหลียวตงมาตลอด ชาวเหลียว
ตงเองก็เปลือกนอกก็ยอมรับ แต่ในหลายพื้นกลับยังอยู่ในการปกครอง
ของตัวเองทั้งหมด
แต่ยังดีที่ว่าการค้าฝั่งนีค
้ ่อนข้างราบรื่น เหลียวตงเองก็ไม่เคยใช้
กําลังทหารด้วย
ภูเขาจํานวนมาก พื้นที่เหลียวตงมีประชากรค่อนข้างน้อย ที่จริงใน
หลายพื้นที่แทบจะไม่พบเจอผู้คนเลย เขาเก้าตําหนักตั้งอยู่ทางทิศตะ
วัตตกเฉียงใต้ของเหลียวตง หลังจากขึ้นมาจากท่าเรือแล้ว เดินทางอีก
สองสามวัน ก็จะไปถึงได้
แต่ว่าเขาเก้าตําหนักมันไม่ถือว่าเป็นยอดเขาสูง ในพื้นที่เหลียวตง
มียอดเขาสูงหกแห่งที่ข้ึนชื่อ เขาเก้าตําหนักมันไม่เหมือนจะอยู่ไกลมาก
อีกทั้งคนในท้องที่เองก็น้อยคนที่จะรู้ว่ามีเขาลูกนี้อยู่ด้วย
ฉีหนิงศึกษาตําแหน่งที่ต้ังของเขาเก้าตําหนักมาแล้ว แต่ว่า
รายละเอียดมันอยู่ที่ไหนแน่เขาเองก็ยงั ไม่ชด
ั ระหว่างทางเขาสอบถาม
อยู่เรื่อยๆ แต่ว่าคนที่รู้เรื่องนี้มน
ั มีน้อยมาก จนได้มาเจอกับคนตัดไม้คน
หนึ่งชายตัดไม้คนนั้นชีท
้ างให้ “เดินไปทางตะวันตกประมาณห้าหกสิบลี้
พอถึงที่น่ันแล้วถามคนแถวนั้นอีกทีนะ แต่ว่าที่น่น
ั มีคนค่อนข้างน้อย ได้
ยินมาว่าใกล้ๆ เขาเก้าตําหนักภายในสิบลี้ไม่มห
ี มู่บ้านอะไรอยู่เลย
หลายสถานที่มน
ั ร้างมากแล้ว แม้แต่ถนนก็ไม่มี แล้วพวกเจ้าจะไปที่น่น
ั
ทําไมกัน?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่าที่น่ันทิวทัศน์สวยงาน ก็เลย
อยากจะไปดูสก
ั หน่อย”
“เขาเก้าตําหนักน่ะเหรอ? ทิวทัศน์ที่น่ันมันก็สวยจริงๆ แหละ แต่
ว่าเขาในเหลียวตงมีหลายที่ที่สวยกว่านั้นมากนะ” คนตัดไม้ย้ม
ิ แล้วก็
จากไป
ฉีหนิงทําตามคําชี้แนะจากคนตัดไม้ ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยขีม
่ า้ ตัว
เดียวกัน ไปทางทิศตะวันตก
ชื่อตันเหมยเอาม้าของนางมอบให้คนเรือไป ดังนั้นพวกเขาเลย
ต้องใช้ม้าตัวเดียวกันแทน เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาเกินไป หลังจากขึ้น
ฝั่งมาแล้ว ฉีหนิงก็ให้ช่ อ
ื ตันเหมยปลอมตัวเป็นผู้ชาย
ชื่อตันเหมยพูดว่า “นายพรานสองคนนั้นน่าจะถูกคนบนเขาฆ่า
เอา พวกเขาตั้งใจทําผีมาหลอกชาวบ้าน เพื่อไม่ให้เข้าไปใกล้”
ฉีหนิงพูดอย่างแปลกใจว่า “เขาเก้าตําหนักอยู่ในที่ค่อนข้างลึกลับ
ข้าแค่แปลกใจว่า เป่ยถังอวี้ทําไมถึงได้ซ่อนมันเอาไว้ที่นี่? บนเขานั่นมี
ใครอยู่กันแน่นะ?”
“วรยุทธ์ของเจ้ารับมือได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” ชื่อตันเหมยไม่ได้สนใจ
เลย “นอกจากต้าจงซือ ก็คงต้องให้บนเขามีทหารหรือคนสักพันคน
เท่านั้นแหละ นอกนั้นเราก็ไม่เห็นต้องไปกลัวเลย”
สิ่งที่ช่ อ
ื ตันเหมยพูดว่ามันก็จริง
ความสามารถของฉีหนิงเกือบเทียบเท่าต้าจงซือแล้ว ส่วนชื่อตัน
เหมยเองก็เป็นยอดฝีมือชั้นสูง ทั้งสองคนร่วมมือกัน ในใต้หล้านี้
นอกจากต้าจงซือ ก็คงไม่มีใครสู้พวกเขาได้เลย
ตามคําแนะนําของชายคนนั้น เขาเดินทางไปอีกประมาณสิบลี้
เส้นทางมันแคบลงเรื่อยๆ เดินหน้าไปอีกไม่เท่าไหร่ก็เริม
่ มีโพรงหญ้า
หนา เรียกได้ว่าไม่มีพ้ น
ื ถนนแล้ว ด้านข้างเริ่มเป็นพื้นที่ภูเขา ตรงกลางมี
ทางเล็กๆ แคบๆ เส้นหนึ่ง ม้าตัวหนึ่งผ่านไปได้ เดินไปตามทาง
ประมาณครึ่งชั่วยาม ทางแคบลงเรื่อยๆ จนม้าเริ่มเดินผ่านไม่ได้
ด้านหน้ามันเป็นช่องที่เดินได้แค่คนเท่านั้น
“เราเดินผิดทางหรือเปล่า?” ฉีหนิงสงสัย
เขาสองคนมองหน้ากัน ในใจก็รูส
้ ึกแปลกใจ เขาที่อยู่ตรงหน้าพวก
เขาคือเขาเก้าตําหนักที่พวกเขาตามหา
ฉีหนิงนึกถึงคําที่เป่ยถังอวี้เคยพูดไว้ คนบนเขาเก้าตําหนักถ้าได้
เจอเขาก็จะรู้ว่าเขาเป็นใคร อีกอย่างคนๆ นั้นก็จะมอบแผนที่ให้เขา
ตอนที่เขาเดินทางออกจากเมืองหลวง เพื่อเลี่ยงความยุ่งยาก เลยสวม
หน้ากากอีกหน้าหนึ่งมา ตอนนีม
้ าถึงเขาเก้าตําหนักแล้ว คิดในใจว่าหาก
สวมหน้ากากต่อ อีกฝ่ายจะจําเขาไม่ได้ มันจะยุง่ เขาเลยถอดหน้ากาก
ออก เผยหน้าที่แท้จริงออกมา
ชื่อตันเหมยยิม
้ แล้วพูดว่า “ในที่สุดก็ถอดออกสักที หลายวันมานี่
ข้ายังคิดว่าตัวเองทรยศเจ้าอยูก
่ ับชายคนอื่นตลอดเลย”
“ในใต้หล้านี้ยังมีชายคนที่สองที่เจ้าถูกใจเจ้าได้อีกเหรอ?” ฉีหนิง
ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ากว่าจะเข้าตาเจ้าได้ เจ้าควรรักษามันไว้ให้ดีถึงจะถูก
นะ”
ฉีหนิงคิดในใจว่าการซ่อนตัวอาศัยอยู่ในป่ามันฟังดูเหมือนจะดี แต่
ว่าป่าร้างๆ แบบนี้ คนทั่วไปไม่นา่ อยู่ได้
เขาเดินขึ้นหน้าไปอีกระยะหนึ่ง แล้วเหมือนจะได้ยินเสียงน�าไหล
เลยเร่งเดินเร็วขึ้น มันเหมือนเสียงน�าที่ไหลลงมาจากภูเขา ทั้งสองมอง
ไปตามเสียง แล้วเดินเข้าไปใกล้ เสียงน�ามันดังมากขึ้น จากนั้นพวกเขาก็
เห็นน�าตกขนาดใหญ่ที่เหมือนมังกรขาวตัวใหญ่ ไหลลงมา มันดูนา่ ทึ่ง
มาก
ริมน�าตก มีกระท่อมหลังหนึ่ง ในป่าแบบนี้ ทําไมยังเหมือนคน
อาศัยอยู่
ทั้งสองคนเดินเข้าไปใกล้ พบว่าน�าตกที่ไหลลงมาด้านล่างมัน
รวมกันเป็นเหมือนทะเลสาบ แต่ด้านข้างก็มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใต้ต้นไม้
มีคนนั่งขัดสมาธิอยู่
เสียงน�าตกดังมาก แต่ฉห
ี นิงกําลังภายในแก่กล้า เสียงของเขาเลย
สามารถผ่านไปในหูของคนๆ นั้นได้ยังสบายๆ
คนๆ นั้นไม่ได้พูดอะไร
ฉีหนิงแปลกใจ แอบคิดในใจว่าน�าเสียงของเขานั้นมันก็น่าจะดังพอ
ให้เขาได้ยินชัดก แต่ทําไมเขาถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย? หรือว่าคนๆ
นั้นเหมือนจะไม่ได้ยิน เขาเลยเดินเข้าไปใกล้อีกแล้วพูดอย่างมีมารยาท
ว่า “ท่านผู้อาวุโส”
คนๆ นั้นก็ยังไม่ได้สนใจ
ฉีหนิงคิดในใจว่าหรือว่าคนๆ นั้นจะหูหนวก เขาเดินไปตรงหน้า
ของคนๆ นั้น แล้วก็น่งั ลงตรงก้อนหินที่อยู่ตรงข้าม ตอนนี้เขาเห็นหน้า
คนๆ นั้นชัดมาก คนนั้นอายุประมาณห้าสิบ ผิวออกคล�า หน้าตา
ธรรมดา ดูก็เหมือนคนตัดไม้ที่มานั่งพักผ่อนอยู่บนเขา แต่ว่าเขาหลับตา
อยู่ ท่าทางนิ่งมาก เอามือกอดอก ท่านั่งของเขาก็ดแ
ู ปลกๆ นิดหน่อย
ฉีหนิงพูดว่า “อย่าลงมือ”
แต่ช่ อ
ื ตันเหมยลงมือเร็วมาก ตอนที่ฉีหนิงส่งเสียง นางก็ลอยตัวมา
อยู่ข้างๆ อีกคนแล้ว นางยื่นมือจจะไปจับหัวไหล่ของคนๆ นั้น มือกําลัง
จะสัมผัสถูกเนื้อตัวเขาแล้ว แต่คนๆ นั้นกลับหลบ พริบตาเดียวเขาก็
หายไปจากบนโขดหิน ชื่อตันเหมยจับได้แค่อากาศ
ฉีหนิงตะลึงไป
ชื่อตันเหมยวรยุทธ์ก็ถือว่าเป็นยอดฝีมอ
ื ที่หาได้ยากในยุทธภพ
นางลงมือไวมาก แทบจะหาคนหลบการโจมตีของนางได้ยาก แต่ว่า
คนๆ นีก
้ ลับทําได้อย่างง่ายดาย เหมือนจะไวมากกว่าชื่อตันเหมยอีก
เขาถามขึ้นมาแบบไม่มต
ี ้นสายปลายเหตุ ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยเอง
ก็ฟังแล้วงงๆ
“ในเพลงกระบี่ มันไม่ได้มก
ี ารเปลี่ยนแบบนี้” คนๆ นั้น ถอน
หายใจแล้วพูดว่า “ข้าคิดไม่ออกเลยว่าเพลงกระบี่จะรวมกับทํานองได้
ยังไง” เขายื่นมือออกมาวาดเป็นภาพแล้วพูดว่า “เสียงซังอินสลับ
เปลี่ยนเป็นเสียงกงอินมันไม่ผด
ิ อะไร เปลี่ยนเป็นเจียวอวี่ก็ไม่ผด
ิ แต่ว่า
ซังอินเปลี่ยนเป็นเจียวอินมันก็จะมีปญ
ั หา หากกงอินเปลี่ยนเป็นเฉิงอวี่
อินแล้วเปลี่ยนเป็นเฉิงเจียวอินได้ มันต้องมีอานุภาพมากแน่ๆ เลย แต่
ว่าเสียงกงอินจะเปลี่ยนไปเป็นเสียงเฉิงอินโดยตรง มันเหมือนจะมีชอ
่ ง
โหว่ ......” เขาส่ายหน้าถอนหายใจแล้วพูดว่า “ยุ่งยาก ยุ่งยาก ยุ่งยาก
จริงๆ”
ถึงแม้เขาจะพูดแบบงงๆ แต่ฉห
ี นิงกลับฟังออก เขาเลยลองถาม
หยั่งเชิงดูว่า “ท่านหมายความว่า อยากจะให้ดนตรีเปลี่ยนเป็นเพลง
กระบี่ คิดอยากจะ ...... รวมดนตรีและเพลงกระบี่ให้เป็นหนึ่งใช่ไหม?”
ฉีหนิงเหมือนเขินๆ ไป
คนที่อยู่ตรงหน้าเขาเหมือนจะรู้เรื่องดนตรีเป็นอย่างดี แต่เขาเรื่อง
การฟังเพลงไม่มีปัญหา แต่จะให้มาพูดเรื่องดนตรีกับกระบี่ เขาแทบไม่
มีความรู้อะไรไปคุยกับคนอื่นได้เลย เขายิม
้ แล้วพูดว่า “ท่านเป็นผู้รู้ใน
ด้านดนตรี ผู้น้อยไม่เชี่ยวชาญด้านนี้เลย คิดว่าคงไม่อาจพูดคุยด้วยได้”
“ผู้น้อยอยากจะถามท่านสักหน่อยว่าท่านรู้จักเป่ยถังอวี้หรือไม่?”
ฉีหนิงเปิดประเด็นเลย “ผู้น้อยได้รับการไหว้วานจากเขา ให้มาที่นี่”
เขารู้สึกแปลกใจ แอบคิดในใจว่าหรือว่าคนที่ป่ยถังอวี้ให้มาหานั้น
จะไม่ใช่คนที่อยู่ตรงหน้าเขา คนที่เขาต้องมาพบอยู่บนเขางั้นเหรอ?
เห็นคนที่สวมหมวกนั้นเหมือนจะคิดอะไรอยู่ เหมือนไม่มีอารมณ์
มาต่อปากต่อคํากับเขาเลย เขาเลยยกมือคํานับ แล้วพาชื่อตันเหมยเดิน
ไปตามทาง
ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยรู้สก
ึ แปลกใจมาก หก แอบคิดในใจว่าหรือว่า
อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะมา ไม่อย่างนั้นทําไมกลางทางถึงได้มีคนมารอรับ?
แต่ในเมื่อมาแล้วก็เลยตามเลยแล้วกัน ถึงแม้ท้ังสองคนจะรู้สึกว่า
เขาเก้าตําหนักมันแปลกมาก แต่ว่าพวกเขาก็รบ
ั มือกับมันด้วยความ
สงบ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดี หากเกิดอะไรขึ้นมา ก็ต้องรับมือกันไปตาม
สถานการณ์ เขาตามคนๆ นั้นขึ้นเขาไป ยังไม่ถึงยอดเขา ก็ถก
ู พาเลี้ยว
ไปทางเล็กๆ อีกเส้นหนึ่ง ไม่นานนัก ก็เห็นบ้านพักที่ทําจากไม้ไผ่หลัง
หนึ่ง เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านพัก เกาซานก็บอกทั้งสองว่า “ท่านทั้งสอง
พักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อน อาหารเย็นเดี๋ยวจะนํามาให้โดยเร็วที่สุดนะขอรับ”
ฉีหนิงรู้สึกขํา แต่ว่าเขาเองก็อยากจะรู้ว่านายใหญ่ของเขาเก้า
ตําหนักนั้นเป็นใคร พอชื่อตันเหมยใช้วิธีนี้ เขารู้สึกว่ามันก็มป
ี ระโยชน์
เหมือนกัน
“เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวลไป” ชื่อตันเหมยถอนหายใจแล้วพูดว่า
“คนๆ นั้นวรยุทธ์เหนือกว่าข้าก็จริง แต่ว่าข้าคิดไปคิดมา ในใต้หล้านี้
เหมือนจะมีคนที่ร้ายกาจแบบนั้นไม่มาก หากเขาเป็นแค่คนเฝ้า
ทางเข้าออกภูเขาลูกนี้ แสดงว่านายใหญ่ของที่นี่ก็ต้องร้ายกาจกว่าเขา
สิ?” เหมือนนางคิดอะไรได้ นางลุกขึ้นมานั่ง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “อย่า
บอกนะว่า ...... คนที่อยู่บนเขาคือต้าจงซือน่ะ?”
ไม่นานนัก ก็มค
ี นสองคนยกอาหารมาให้ สองคนนั้นอายุประมาณ
สามสิบปี ดูแตกต่างกับเกาซานที่สวมชุดสีขาว คนพวกนี้สวมชุดสีเขียว
แขนสั้น ร่างกายดูกํายําแข็งแรง คิดว่าน่าจะเดินขึ้นลงเขาตลอด เลย
เหมือนได้ฝึกร่างกายไปด้วย
“ท่านจอมยุทธ์หญิงท่องยุทธภพมานานหลายปี มีประสบการณ์
มากมาย เจ้าลองตรวจสอบก่อนดีไหม?” ฉีหนิงหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้ว
คีบหน่อไม้เข้าปากไป เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “รสชาติไม่เลวเลย
นะเนี่ย ของดีจากป่าจริงๆ”
หลังทั้งคู่กินข้าวเรียบร้อยแล้ว ชายชุดเขียวสองคนก็เหมือนจะกะ
เวลาดีมาก พวกเขาเข้ามาเก็บกวาดทําความสะอาดให้ จากนั้นก็ออกไป
ฉีหนิงเดิมอยากจะชวนชื่อตันเหมยออกไปเดินดูรอบๆแต่ก็คิดว่า
เขามาที่นี่เพื่อร้องขอบางสิ่งบางอย่าง เกาซานบอกให้พวกเขาพักกัน
ที่นี่ก่อน ความหมายเหมือนไม่อยากให้เขาเดินไปไหนต่อไหน ในเมื่อเขา
เป็นแขก เขาก็ไม่มีความจําเป็นทําให้เจ้าของสถานที่ไม่พอใจ เขาเลยรอ
อยู่ในบ้านพัก
ชื่อตันเหมยนอนลงบนเตียง หลังจากทั้งคู่ออกจากเมืองหลวงมา
เร่งเดินทางกันทั้งวันทั้งคืน ยังไม่ได้พก
ั กันดีดีเลย ชื่อตันเหมยเลยฉวย
โอกาสนี้พักเอาแรงให้เต็มที่
“ระหว่างทางมีคนบอกว่าบนเขามันมีผี คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเห็น
ดวงไฟพวกนั้นมากกว่า” ชื่อตันเหมยยิ้มแล้วพูดว่า “เราจะขึ้นไปดูกัน
ไหมล่ะ?”
“ขึ้นไปเหรอ?”
ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยมองหน้ากัน พวกเขารู้สก
ึ แปลกใจมาก ลาน
แห่งนี้มองดูแล้วก็เหมือนลานพิธีกรรมอะไรบางอย่าง
ด้านล่างเวทีมีเก้าอี้อยูส
่ องตัว เกาซานพาพวกเขาสองคนไปที่เก้าอี้
แล้วพูดว่า “ท่านทั้งสองเชิญนั่งก่อนขอรับ”
“เจ้าจะให้ข้าดูละครที่นี่ง้ันเหรอ?” ชื่อตันเหมยพูดอย่างแปลกใจ
ว่า “เรื่องอะไร?”
ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยไม่รู้ว่านายใหญ่ของที่นี่คิดจะทําอะไร แต่คิด
ว่าในเมื่ออีกฝ่ายลงทุนสร้างเวทีข้ึนมาแล้ว แสดงว่าจะต้องมีอะไร
แน่นอน เลยไม่รบ
ี ร้อน รอดูก่อนว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน
ทันทีที่ติดฉากนั้นขึ้นไป ฉีหนิงก็หน้าเสียไปทันที
ภาพฉากนั่นมันวาดด้วยน�าหมึกดํา มันเป็นฉากบรรกาศใน
วิทยาลัยฉงหลิน มันเป็นภาพนอกวิทยาลัยฉงหลินที่ฉห
ี นิงคุ้นเคย แล้ว
ยังมีเขียนอักษรชัดเจนว่า “วิทยาลัยฉงหลิน” คนที่วาดภาพนีร้ ้ายกาจ
มาก ถึงแม้จะเป็นแค่หมึกดํา แต่บรรยากาศมันทําให้รู้สึกว่าอยู่ที่น่ัน
จริงๆ
ฉีหนิงคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นภาพบรรยากาศของวิทยาลัยฉง
หลิน เขาตกใจมาก
หลังจากคนตั้งฉากลงจากเวทีลง ก็มค
ี นอีกชุดขึ้นไปจัดโต๊ะให้ดู
เหมือนห้องหนังสือ หลังจากทุกคนลงจากเวทีแล้ว จากนั้นถึงเห็นคน
ออกมาจากหลังเวลที ฉีหนิงเห็นคนๆ นั้น ก็หลุดออกมาว่า “ท่าน .......
ท่านอาจารย์จ่ัว” คนๆ นั้นแต่งกายเป็นจั่วชิงหยาง แต่ว่าท่ามกลางแสง
ไฟสลัว ฉีหนิงเห็นว่าใบหน้าของเขายังแตกต่างจากจั่วชิงหยางอยู่
ถึงแม้จะมีหนวดเคราเช่นกัน ท่าทางดูมค
ี วามรู้เหมือนกัน แต่ก็ขาด
ความมีสง่าราศีในแบบที่เขามี
เขาแค่แต่งกายให้เหมือนจั่วชิงหยางเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะแต่งกายเหมือนจั่วชิงหยาง แต่ราศีที่เขามีน้น
ั มันไม่มี
ใครเลียนแบบได้
ฉีหนิงสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดมาก คืนนี้เปิดการแสดงมาก็เป็น
ภาพจั่วชิงหยางอยู่ในวิทยาลัยฉงหลิน มันทําให้เขาตกใจมาก
เขาเก้าหนักที่อยู่ไกลถึงเหลียวตง ทําไมถึงต้องทําการแสดง
เรื่องราวในวิทยาลัยฉงหลินในแคว้นหนานฉูด
่ ้วย?
ถึงแม้คนบนเวทีจะแสดงท่าทางเหมือนกําลังพูดจากันอยู่ แต่ว่า
พวกเขาก็ไม่ออกเสียง เหมือนว่ามันเป็นละครใบ้
พอชายหนุ่มสองคนเดินลงจากเวทีไป จั่วชิงหยางก็ลบ
ู เครา แล้ว
มองไปตามแผ่นหลังของชายหนุ่มสองคนนั่น หลังจากนั้นชายชุดเขียวก็
ขึ้นมา แล้วลากผ้าสีดํามาปิดเวที แล้วเปลี่ยนฉากใหม่
ชื่อตันเหมยดูแบบงงๆ แต่ฉห
ี นิงกลับมีสีหน้าจริงจัง เขายั่งอยูบ
่ น
เก้าอี้ จ้องไปที่เวทีอย่างเดียว
ฉีหนิงไม่ได้หน
ั มามองนาง แต่ยังมองแม่นางคนนั้นเหมือนเดิม แล้ว
พูดว่า “ข้าเองก็ไม่รู้ ..... ว่าจะใช่นางหรือเปล่า?” เขาก็ยังไม่ได้บอกว่า
“นาง” ที่ว่านั้นเป็นใคร
ชื่อตันเหมยขยับไปกระซิบข้างหูฉห
ี นิง “สามคนนั้นเล่าเรียนกับ
อาจารย์คนเดียวกัน แต่ว่าผู้ชายสองคนนั้นเหมือนจะชอบผู้หญิงคน
เดียวกัน” นางหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “แต่ว่าใครชนะก็เห็นๆ กันอยู่”
ชื่อตันเหมยยิม
้ แล้วพูดว่า “ที่จริงแม่นางคนนั้นชอบผู้ชายที่พูดเก่ง
นั่นมากกว่า ชายสองคนนั้นหน้าตาดีท้ังคู่ แต่ว่ามีคนหนึ่งพูดเก่ง ที่
สําคัญ เวลาที่เขาพูด แม่นางคนนั้นก็ฟงั แบบตั้งใจมาก เหมือนรู้สึก
สนใจและสนุกไปกับสิง่ ที่เขาพูด ผู้หญิงชอบผู้ชอบที่พูดจาเป็น แต่ไม่ได้
หมายความว่าจะชอบคนที่พูดจาเหลวไหลไม่มส
ี าระนะ ผู้ชายคนนั้น
พูดในสิง่ ที่นางสนใจ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาสองคนชอบในสิ่ง
เดียวกัน ส่วนผู้ชายที่เหมือนท่อนไม้น่ัน เขาก็ใช่ว่าจะพูดจาไม่เป็น
หรอก แต่อาจจะเป็นเพราะพอเห็นผูห
้ ญิงที่ตัวเองชอบแล้ว ก็รู้สึกเขิน
เลยไม่กล้าพูด”
ชื่อตันเหมยฉลาดมาก นางอ่านใจคนเก่ง
ฉลากที่สองจบลงที่พวกเขาสามคนพูดคุยและหัวเราะกัน หลังจาก
นั้นก็เปลี่ยนฉากที่สาม ภาพฉากหลังนั้นยังไม่เปลี่ยน ยังเป็นฉากในป่า
ไผ่ ชายหนุ่มสองคนกําลังประลองกระบี่กันอยู่ โดยมีแม่นางคนนั้นยืน
อยู่ข้างๆ
ฉีหนิงเชีย
่ วชาญเพลงกระบี่ เขามองกระบวนท่าของทั้งสองคน
ออก มันดูไม่ได้ร้ายกาจอะไร แต่ว่ามันมีเรี่ยวแรงมีอานุภาพ ดูจาก
ท่าทางแล้ว พวกเขาไม่น่าจะเป็นการต่อสู้ แต่น่าจะเป็นการประลอง
วิชาเฉยๆ
หลังจากที่ท้ังสองคนหยุดลง แม่นางคนนั้นก็เดินขึ้นมาพูดอะไร
บางอย่าง ชายหนุ่มสองคนหันมามองหน้ากัน ชายท่อนไม้ย่ น
ื กระบี่ใน
มือไปให้แม่นางคนนั้น จากนั้นชายหนุม
่ รูปงามก็ทําท่าทางให้ดู
เหมือนว่ากําลังเริ่มสอนนางฝึกกระบี่
ชื่อตันเหมยถอนหายใจแล้วพูดว่า “ชายคนนั้นเดิมทีก็มีความหวัง
ไม่มาก ตอนนี้ยังไม่รู้จักฉวยโอกาสไว้อีก แม่นางคนนั้นเหมือนอยากจะ
ฝึกกระบี่ ถ้าอย่างนั้น ก็ควรจะสอนนางสิ แต่ว่าเขากลับปล่อยโอกาสให้
คนอื่นไปอีก” นางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ต่อให้ท้ังสองคนจะสนิทสนมแค่
ไหน แต่ในเมื่อชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ควรเห็น
อีกฝ่ายเป็นศัตรู ควรจะเดินหน้าหน่อย”
ชายท่อนไม้ถอยไปยืนดูอยู่ข้างๆ เหมือนจะรู้ว่าแล้วว่าเขากับชาย
หนุ่มรูปงามจะเป็นศัตรูความรักกัน เขามองชายหนุ่มคนนั้นกับแม่นาง
ฝึกกระบี่ผ่านไปแต่ละกระบวนท่า เขาไม่เพียงไม่มีไม่พอใจ แต่เขากลับ
มีรอยยิ้มด้วย เขาจ้องมองแม่นางคนนั้นไม่ละสายตา ท่าทางของเขา
อ่อนโยนมาก
ตอนที่ชายรูปร่างอีกคนสอนเพลงกระบี่ให้กับแม่นางคนนั้น ชายสวม
ชุดเขียวหลายคนก็ข้น
ึ มาบนเวที ใช้ผ้าดําปิดอีก ฉากที่สามก็จบลงตรงนี้
เล่มที่ 48 บทที่ 1435 รอยนาบรูปดอกเหมย
ฉีหนิงเงยหน้ามองท้องฟ้า
ระหว่างที่เขาพูด ฉากที่สี่ก็เริ่มต้นขึ้น
ฉากนี้มแ
ี ค่ชายหนุ่มรูปงามกับแม่นางคนนั้น ชายหนุม
่ คนนั้นเล่น
พิณอยู่ใต้แสงจันทร์ แม่นางคนนั้นนั่งอยู่ข้างๆ บรรยากาศดูอบอุ่นมาก
คนที่แสดงเหมือนจะมีฝม
ี ือในการเล่นพิณพอสมควร เสียงพิณมัน
กังวาลไปทั่วเขาเก้าตําหนัก
เมื่อจบเพลง แม่นางคนนั้นนั่งพูดคุยกับชายหนุม
่ รูปงามอย่าง
สนุกสนาน ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็รู้ว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน ทันใดนั้นเอง
ชายหนุม
่ คนนั้นก็ได้หยิบกล่องออกมาใบหนึ่ง แล้วยื่นให้กับแม่นางคน
นั้น แม่นางคนนั้นตะลึงไป นางลังเล แต่สุดท้ายก็รับมา นางเปิดกล่อง
ออก แล้วหยิบของในนั้นออกมา
ที่ที่ฉีหนิงนั่งอยู่ไม่ได้ใกล้กับเวทีมาก แต่ว่าสายตาของเขาดีมาก
เขาเห็นของที่แม่นางคนนั้นหยิบออกมา ในมือของแม่นางคนนั้น ฉีหนิง
เห็นแล้วก็หน้าถอดสีทันที แล้วพูดว่า “นั่นมัน ...... ปิ่นหยก”
“ปิ่นหยก?” ชื่อตันเหมยเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ
ฉีหนิงแม่หมอเหมียวเองก็ได้พด
ู ถึงปิ่นหยก ตอนนั้นแม่หมอเหมียว
เดินทางเข้าเมืองหลวง ได้เป็นเพื่อนกับหลิวซู่อี อีกทั้งแม่หมอเหมียวเอง
ก็รู้มาว่าปิ่นหยกเป็นของรักของหลิวซู่อี นางเก็บรักษามันอย่างดี หลิวซู่
อีเคยบอกนางว่าเป็นของที่คนรักของนางให้มา ตอนนั้นฉีหนิงยังคิดอยู่
เลยว่าคนที่มอบปิ่นหยกให้นางคือฉีจ่ิง แต่ตอนนี้เหมือนเขาจะเข้าใจ
แล้วว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง
ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่า แม่นางคนที่อยู่บนเวทีแสดงเป็นหลิวซูอ
่ ี
แน่นอน
ส่วนชายหนุ่มสองคน คนที่นิ่งเหมือนท่อนไม้นา่ จะเป็นฉีจิ่ง ส่วน
ชายหนุม
่ รูปงามอีกคน น่าจะเป็นคนรักของหลิวซู่อี
การแสดงคงไม่อาจทําให้หน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง แต่ว่า
รายละเอียดทุกอย่างที่แสดงให้เห็น มันทําให้เห็นเบาะแสหลักหลาย
อย่าง
ฉีหนิงก็รู้ ฉีจิ่งกับหลิวซูอ
่ ีเคยเล่าเรียนอยู่กับจั่วชิงหยาง แต่ว่าชาย
หนุ่มรูปงามนั่นเป็นใครมาจากไหน ฉีหนิงไม่รู้
แต่จากการแสดงที่เขาเห็น ฉีจิ่งกับชายหนุ่มรูปงามเหมือนจะสนิท
สนมกันดี ดังนั้นฉีจิ่งถึงได้แนะนําให้เขาให้กับจั่วชิงหยาง ส่วนจั่วชิงห
ยางเองก็รับชายหนุ่มคนนั้นเอาไว้ เพราะแบบนี้ ชายหนุ่มรูปงามนั่นถึง
ได้รู้จักกับหลิวซูอ
่ ี
ฉีจิ่งกับชายรูปงามเหมือนจะหลงรักหลิวซู่อีเหมือนกัน แต่ว่าใน
การแข่งขันครั้งนี้ ชายหนุ่มรูปงามเหมือนจะได้เปรียบ ในฉากที่สี่นี้
เหมือนหลิวซู่อีจะตัดสินใจแล้วว่าจะหนีไปกับชายหนุ่มรูปงาม
แต่ก็เพราะเหตุนี้ ฉีหนิงเองก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมา
เนื้อหาในฉากนีท
้ ี่จริงมีไม่มาก มันแค่บอกเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้ได้
รู้
หลังจากการแสดงหลังจากนั้นอีกหลายฉาก ทําให้ฉห
ี นิงเริ่มจะ
เข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว
หลิวซู่อีเลือกที่จะรักกับชายหนุ่มรูปงามนั่นแล้วจริงๆ แต่ว่าใน
เรื่องราวนั้นมันกลับมีไท่ฮูหยินของจิ่นอีตระกูลฉีกับอีกคนหนึ่งปรากฎ
ในเนื้อเรื่องด้วย นอกจากนี้ ฉีหนิงมั่นใจว่าน่าจะเป็นคนในครอบครัว
ของหลิวซู่อี
พ่อของหลิวซู่อีเป็นขุนนางในเมืองหลวง ไท่ฮูหยินส่งคนไปสูข
่ อที่
บ้านของนาง พ่อของหลิวซู่พอใจกับการแต่งงานในครั้งนี้มาก ผูใ้ หญ่ท้ัง
สองฝ่ายเลยจัดการตกลงเรื่องการแต่งงานกัน แต่ว่าฉีจิ่งกับหลิวซู่อีน้น
ั
ไม่ได้รับรู้ด้วย จนกระทั่งฉากหนึ่งที่พ่อของนางได้บอกเรื่องนี้กับนาง
แล้วนางปฏิเสธเสียงแข็ง ทําให้พ่อลูกทะเลาะกันอย่างรุนแรง
แต่ไม่นานเขาก็กลับมาเคร่งเครียดเหมือนเดิม
ฉากต่อมาเป็นเหมือนฉากจากกัน ชายหนุ่มหน้าตาดีน่น
ั เหมือนมี
เรื่องด่วนต้องจากไป เขามารอพบหลิวซู่อีที่ริมทะเลสาบ หลิวซู่อีไม่ได้
เล่าเรื่องที่พ่อแม่ของนางจะจับนางแต่งงานให้เขาได้รู้ ท่ามกลางแสง
จันทร์ คนรักกันสองคนที่ไม่อยากจะแยกจากกัน ในคืนนั้นพวกเขากอด
กันแน่นและนางก็ได้มอบกายแก่เขา ฉีหนิงรู้ดีว่าหลิวซู่อีทําแบบนี้
เพราะก่อนจะจากกัน นางอยากจะมอบทุกอย่างของนางให้กับชายคน
นั้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแต่งงานกับตระกูลฉี
เรื่องราวหลังจากนั้นดําเนินไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากชายคนนั้นจากไปแล้ว ก็เจ้าหน้าที่ของทางการมาจับพ่อ
ของหลิวซู่อีเข้าคุก ตระกูลหลิวทั้งตระกูลตกอยู่ในอันตราย พ่อของหลิว
ซู่อีติดคุก เพราะเหมือนไท่ฮูหยินตระกูลฉีอยู่เบื้องหลัง หลังจากนั้นก็
เป็นฉากที่ช่วยพ่อของนาง ตระกูลหลิวทั้งตระกูลคุกเข่าต่อหน้าของนาง
ถึงแม้จะเป็นแค่ละครใบ้ แต่ฉห
ี นิงก็มองออก ไท่ฮูหยินบงการอยู่
เบื้องหลังเรื่องนี้ นางจัดการให้พ่อของหลิวซู่อีต้องติดคุก ทําให้คนใน
ตระกูลของนางต้องมาร้องขอให้นางรับปากแต่งงาน ถึงจะช่วยพ่อของ
นางได้ แม่ของนางร้องไห้อย่างหนักจนสลบไป
ชื่อตันเหมยมองถึงตรงนี้ แล้วพูดว่า “ยายแก่น่น
ั ร้ายมาก หากให้
ข้ารู้นะว่าเป็นใคร ข้าจะฆ่านางซะ”
ฉีหนิงรู้สึกขํา แอบคิดในใจว่ายายแก่นช
ี่ ่ัวมาก เพื่อให้หลิวซู่อี
แต่งงานเข้ามา ถึงกับใช้วิธีการต�าช้าขนาดนี้
ยายแก่น่น
ั เหมือนจะรู้ว่าฉีจิ่งแอบรักหลิวซู่อี รู้ว่าหลิวซู่อีปฏิเสธ
การแต่งงานกับตระกูลฉี เลยใช้วิธีนี้
คนในตระกูลหลิวขอร้องนางอย่างหนัก หลิวซู่อีต้องการช่วยพ่อ
ของนาง เลยรับปากแต่งงาน จากนั้นพ่อของนางก็ได้รบ
ั การปล่อยตัว
ออกมา จากนั้นก็รีบจัดการเรื่องการแต่งงานทันที ฉีจิ่งเหมือนจะไม่รู้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก เขาเองก็ดีใจ
มาก
แต่สิง่ ที่เกิดขึ้นอีกเรื่องที่ทําให้ฉห
ี นิงตกใจมากกว่านั้นก็คือ
เรื่องที่พ่อของหลิวซู่อีติดคุกนั้น ที่จริงมันเป็นแต่การแสดงของพ่อ
ของนางกับไท่ฮูหยินเท่านั้น
พ่อของนางเหมือนรู้ว่าหากไม่จนตรอก นางไม่มีทางเปลี่ยนใจ
แน่นอน เลยทําการเล่นละครตบตานาง แกล้งถูกจับ ทําให้ตัวเองใกล้ถึง
จุดจบ ส่วนหลิวซู่อีเพื่อช่วยพ่อตัวเองแล้ว กลับตกหลุมพรางของคนแก่
เจ้าเล่หส
์ องคน
หลังแต่งงาน ฉีจิ่งก็ออกเดินทางไปทําศึกที่ชายแดน ส่วนหลิวซู่อีก็
ไม่ต่างอะไรกับนกในกรงทอง ไท่ฮูหยินเหมือนจะรู้นิสัยการคบค้า
สมาคมกับคนมากมายดี เลยสั่งให้คนจับตามองของนางตลอดเวลา
ไม่ให้นางออกไปไหนเลย อีกทั้งในปกติก็ยังยิม
้ แล้วพูดจากับนาง
ตลอดเวลา แต่ว่าหลังจากแต่งเข้าจวนมาแล้ว นางก็ไม่ได้มีรอยยิ้มให้กับ
นางอีกเลย
แต่ว่าไม่นานนัก ข่าวการตั้งครรภ์ของนางก็เหมือนจะรู้ไปถึงหูของ
ไท่ฮูหยิน หลังจากยายแก่รู้เรื่อง นางไม่เพียงไม่ดีใจ แต่ใบหน้าของนาง
กลับโหดเหี้ยมขึ้นมาแทน
ฉีหนิงคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะมีต้นสายปลายเหตุแบบนี้
หลังจากหลิวซู่อีต้ังครรภ์ ไท่ฮูหยินจับตาความเคลื่อนไหวของนาง
มากกว่าเดิม ส่งคนตามติดนางทุกฝีก้าว ดูผิวเผินเหมือนจะดูแล แต่ว่า
หลิวซู่อีกลับไม่รู้สึกว่ามีอิสระ ทุกครั้งที่ไท่ฮูหยินเห็นหน้าหลิวซู่อี นางก็
มีแต่สายตาที่โกรธแค้น
ชื่อตันเหมยถอนหายใจแล้วพูดว่า “ยายแก่นไี่ ม่ได้ลงมือทันที
แสดงว่าต้องการรอให้เด็กคลอดออกมาก่อน จากนั้นค่อยทรมานพวก
นางสองแม่ลูกแน่ๆ”
หลังจากนั้นการแสดงก็ดําเนินต่อไป จนกระทั่งเที่ยงคืน
“ทําไมชายคนนั้นไปแล้วถึงไม่กลับมาอีกเลยล่ะ?” ชื่อตันเหมยพูด
ว่า “ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่คนดี ผูห
้ ญิงตัวเองต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนั้น
ทําไมเขาถึงไม่กลับมาสักที”
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “อีกไม่นานเขาก็จะกลับมาแล้ว”
ชื่อตันเหมยตกใจมาก แต่ว่าฉีหนิงก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนที่มห
ี ลวงจีนจํานวนหนึ่งขึ้นไปบนเวที ฉีหนิงก็รู้ทันทีว่านั่น
น่าจะเป็นหลวงจีนของวัดต้ากวงหมิง ด้วยการจัดการของไท่ฮูหยิน
เหล่าหลวงจีนแอบซ่อนตัวอยู่ในเรือนของหลิวซู่อี ไม่นานนัก ก็เห็นหมอ
ตําแยเข้ามา ฉีหนิงรู้ทันทีว่า ต่อไปจะเป็นค�าคืนที่สําคัญมาก เพราะมัน
คือคืนที่หลิวซู่อีคลอดลูก
หลิวซู่อีนอนอยูบ
่ นเตียง หมอตําแยดูแลอยู่ข้างๆ หลวงจีนก็อยู่
รอบๆ เรือนของนาง
จากนั้นก็มีคนเอาผ้าดํามาปิด ฉีหนิงจ้องอย่างไม่กระพริบตา ไม่
นานนัก ก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง ตอนที่เปิดผ้าออกมา ฉีหนิงก็พบว่า ข้างตัว
ของหลิวซู่อีน้น
ั มันมีเด็กทารกสองคนนอนอยู่ เด็กสองคนนั้นขยับมือ
ขยับขา พวกเขาใช้เด็กจริงๆ ทําการแสดง
ฉีหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เพื่อแสดงละครในคืนนี้ นายใหญ่ของที่นี่ลงทุนมากๆ
บนเวทีในเวลานี้ เป็นฉากการต่อสู้อย่างดุเดือด
ระหว่างที่ชายชุดดํากับหลวงจีนกําลังต่อสู้กันอยู่ หลิวซู่อีก็ลก
ุ ขึ้นมา
แล้วหยิบปิ่นหยกออกมา นางเอามันไปอิงไฟ จนรูปดอกเหมยบนปิ่น
หยกมันแดงขึ้น จากนั้นก็เอาไปนาบบนหัวไหล่ของเด็กทารกสองคนนั้น
ชื่อตันเหมยหน้าเสียไป แล้วพูดว่า “นาง ..... นางจะทําอะไร?”
เล่มที่ 48 บทที่ 1436 บนยอดเขา
เห็นหลิวซู่อีกําลังจะนาบตราลงบนหัวไหล่ของเด็กทารกอีกคนหนึ่ง
ชื่อตันเหมยเองก็อดไม่ได้ ลอยตัวขึ้นไปบนเวที เมื่อนางขึ้นไปแล้ว ก็เดิน
ผ่านหน้าหลวงจีนไปหาหลิวซู่อีที่อยู่บนเวที เหล่าหลวงจีนไม่ได้สนใจชื่อ
ตันเหมยเลย นางอยากทําอะไรก็ปล่อยนางไป ไม่มีใครห้ามนางเลย
แม้แต่คนเดียว
ชื่อตันเหมยพูดอย่างโมโหใส่หลิวซู่อี “เจ้าคิดจะทําอะไร?”
หลิวซู่อีไม่ได้ทําอะไรต่อ ชื่อตันเหมยเห็นเด็กสองคนกําลังร้องไห้
เลยเดินเข้าไปใกล้ นางมองไปที่หัวไหล่ของเด็กทารก มันกลับไม่มีรอย
อะไรเลย ตอนนี้นางถึงได้เข้าใจว่า การแสดงบนเวทียังไงก็เป็นการ
แสดงวันยังค�า แต่ว่าพวกเขาแสดงได้เสมือนจริงมาก แต่ทารกไม่ได้เป็น
อะไรเลย
ฉีหนิงโล่งใจ ชื่อตันเหมยเหลือบไปมองหลิวซู่อี ไม่ได้พูดอะไร แล้ว
ก็ลงจากเวทีมา
หลิวซู่อีไม่ได้เสียสูญไปเพราะการก่อกวนของชื่อตันเหมย เมื่อชื่อ
ตันเหมยลงไปแล้ว นางก็ป่ ินหยกกประทับลงไปที่หัวไหล่ของทารกต่อ
ตอนนี้ฉห
ี นิงเข้าใจทุกอย่างแล้ว
จิ่นอีซ่ อ
ื จื่อกับเสี่ยวเตียวเอ๋อร์ เป็นพี่นอ
้ งท้องเดียวกัน หัวไหล่ของ
พวกเขามีรอยประทับเหมือนกัน อีกทั้งยังอยู่ในตําแหน่งเดียวกันอีก
เป็นเพราะหลิวซู่อีเป็นคนทํามันเองกับมือ
ชายชุดดําฆ่าหลวงจีนไปสองคน ส่วนตัวเขาเองนั้นก็บาดเจ็บหนัก
เขาบุกกเข้าไปในห้อง แล้วจับหมอตําแยเป็นตัวประกัน หมอตําแยกรี๊ด
ร้อง เหล่าหลวงจีนล้อมพวกเขาเอาไว้ เขาเลยบุกขึ้นหน้าไปไม่ได้อีก
ชายชุดดําเดินไปหาหลิวซู่อี หลังคลอดร่างกายของนางก็อ่อนแอ
มากอยูแ
่ ล้ว หลังจากนาบตราบนหัวไหล่ของเด็กแล้ว ตอนนี้นางอ่อน
แรงมาก ชายชุดดําถือกระบี่จ่อคอหมอตําแยเอาไว้ มือหนึ่งเอาผ้าปิด
หน้าออก เขาคือชายที่หลิวซู่อีมอบกายและชีวิตให้
ชื่อตันเหมยน�าตาไหล แล้วกําหมัดแน่น
หลิวซู่อียกมือขึ้นมาจับหน้าของชายชุดดําเอาไว้ จากนั้นมือของ
นางก็ตกลง นางตายในอ้อมกอดของชายชุดดํา
ชื่อตันเหมยหันหน้าหนี นางทนดูต่อไปไม่ไหว
ฉีหนิงเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า
หลิวซู่อีนาบตราบนตัวของเด็ก เพราะรู้สถานการณ์ของชายชุดดํา
ดี ว่าเขาอย่างมากก็พาเด็กไปได้แค่คนเดียว ไม่สามารถพาเด็กออกไป
ทั้งสองคนได้ แม่หนึ่งกับลูกอีกสองยังไงก็ต้องเลือก การทิ้งตราเอาไว้บน
หัวไหล่ ก็เผื่อว่าสักวันหนึ่งสองฝ่ายอาจจะได้พบหน้ากันอีก
หลังจากชายชุดดําหนีไปแล้ว คนชุดเขียวก็เอาผ้าดํามาปิดฉาก
หลังจากเปิดมาใหม่ บนเวทีก็โล่งไม่มีอะไรเลย มันเป็นภาพเหมือนตอน
ที่ฉีหนิงเพิง่ มา ละครฉากใหญ่จบลงแล้ว
หลังจากทุกคนออกไปหมดแล้ว พวกนักแสดงเองก็กลับไปกันหมด
ตอนนี้เหลือแค่พวกฉีหนิงสองคนเท่านั้น ไม่มใี ครคนอื่นอีกเลย
ชื่อตันเหมยมองไปที่ฉห
ี นิง ใบหน้าของนางมีน�าตา นางยื่นมือไป
จับมือของฉีหนิงแล้วพูดว่า “เจ้า ...... คือเด็กที่ถูกทิ้งเอาไว้คนนั้น
เหรอ?”
ฉีหนิงมองไปที่ช่ อ
ื ตันเหมย แต่ไม่ได้ตอบอะไร
ชื่อตันเหมยกับเขามีสม
ั พันธ์ทางกายกันแล้ว นางเห็นรอยที่หัวไหล่
ของเขามานานแล้ว ถึงแม้จะเคยถาม แต่ฉีหนิงก็ตอบแบบผ่านๆ ชื่อตัน
เหมยตอนแรกยังดูละครเรื่องนี้ไม่เข้าใจในตอนแรกเลย แต่พอหลิวซูอ
่ ี
นาบตราบนหัวไหล่ให้เด็กทารก ชื่อตันเหมยก็เข้าใจทุกอย่างทั้งหมด
ขึ้นมาทันที
ละครในคืนนี้ มันบอกเล่าเรื่องราวชาติกําเนิดของฉีหนิง
“เจ้ารู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วใช่ไหม?” ชื่อตันเหมยถามอีก
ถึงแม้ชาติกําเนิดของเขามันจะเหนือความคาดหมายมาก แต่ช่ อ
ื
ตันเหมยก็แค่ตกใจ แต่ฉีหนิงจะมียศฐาบรรดาศักดิ์หรือไม่ ชื่อตันเหมย
ไม่ได้สนใจเลย
“เจ้าเข้าใจเรื่องอะไร?”
“เรื่องราวบนเวทีเมื่อกี้เจ้าก็เห็นหมดแล้ว คนที่ล้อมชุดดําเอาไว้มี
แค่หลวงจีนวัดต้ากวงหมิง” ชื่อตันเหมยพูดว่า “แม้แต่องครักษ์ของจวน
จิ่นอีโหวเองก็ไม่ได้มส
ี ว
่ นร่วม ตระกูลฉีมีอํานาจในเมืองหลวงจะตาย
หากจะจับหรือฆ่าใครสักคน มันไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ว่าพวกเขากลับ
กลัวคนนอกรู้ ดังนั้นเลยไปให้หลวงจีนพวกนั้นช่วย หลวงจีนพวกนั้นไม่
มีทางบอกเรื่องนี้กับใครแน่ ดังนั้นคนที่รู้เรื่องของคืนนั้นละเอียดขนาดนี้
มันมีอยู่ไม่กี่คน” นางเงยหน้าขึ้นไปบนยอดเขา แล้วพูดว่า “คนที่รู้เรื่อง
ทุกอย่างละเอียดดี นายใหญ่ที่อยู่บนเขานี้อาจจะเป็น ......” นางลังเล
แล้วมองไปที่ฉห
ี นิงแล้วพูดว่า “พ่อแท้ๆ ของเจ้า”
ฉีหนิงพูดว่า “เจ้าคิดว่าคนที่อยู่บนเขาคือชายคนที่พาเด็กไปอย่าง
นั้นเหรอ?”
“หลวงจีนจะพูดอะไรเหลวไหลไม่ได้ ตระกูลฉีไม่มีทางพูดกับคน
ภายนอก นอกจากคนชุดดําแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก?” ชื่อตันเหมยถอน
หายใจแล้วพูดว่า “เขาไม่อยากเล่าเรื่องนี้ด้วยปากของเขาเอง ดังนั้น
เลยสร้างเวทีละครไว้ตรงนี้ แล้วให้เจ้าได้เห็นสิง่ ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น”
“ท่านทั้งสอง .....”
ไม่รอเกาซานพูดจบ ฉีหนิงก็พด
ู ซ�าแบบดุๆ อีกครั้ง “พาข้าไปพบ
เขา” สายตาของเขาเหมือยปลายดาบ เขาจ้องไปที่ตาของเกาซาน เกา
ซานก้มหน้าลง ลังเลแต่สุดท้ายก็พูดว่า “ท่านทั้งสองตามข้ามา” เขาถือ
โคมไฟแล้วเดินไปทางด้านหลังของเวทีละคร
ฉีหนิงเดินตามเขาไป ชื่อตันเหมยเองก็เดินตามเขาไป
พอเดินอ้อมหลังเวทีไป มันมีทางเล็กๆ เส้นหนึ่ง มันเหมือนทางที่
จะขึ้นไปบนเขา เกาซานไม่ได้หน
ั หน้ากลับมาเลย เขาแค่ถือโคมไฟเดิน
นําทางไปเท่านั้น
เส้นทางบนเขาเดินยากมาก ต่อให้มถ
ี นน แต่ว่าการปีนขึ้นเขามันก็
ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่าเกาซานเหมือนชํานาญมาก เขาเดินสบายมาก ส่วน
ฉีหนิงกับชื่อตันเหมย ก็เป็นยอดฝีมือ แค่ทางขึ้นเขา สําหรับพวกเขา
แล้วมันไม่ได้เป็นปัญหาเลย
คนคนนั้นใบหน้ามีรอยยิ้ม ฉีหนิงเห็นความดีใจจากดวงตาของเขา
เหมือนว่าเขาจะดีใจมากที่ได้เจอฉีหนิง
“ไม่จําเป็นต้องพิสูจน์ความจริงอะไรอีกแล้ว ขอแค่เห็นหน้าของ
เราสองคน ทุกคนก็จะรู้ว่าเจ้าเป็นสายเลือดของข้า” คนคนนั้นยกมือ
เรียกฉีหนิงมา ฉีหนิงลังเล จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปหา คนคนนั้นมองฉี
หนิงทั้งตัว เขายิ้มแล้วพูดว่า “ดูดีแล้วก็เก่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้อีกนะ”
ฉีหนิงมองไปที่ดวงตาของอีกฝ่าย
“ฮ่องเต้ไท่จู่?” ฉีหนิงสะดุ้ง
เป่ยถังชิง่
ด้วยความตกใจ เขาถึงกับสูดหายใจเข้าลึกมาก
ชื่อของเป่ยถังชิง่ เขาต้องรู้จักแน่นอน
ขุนพลอันดับหนึ่งของเป่ยฮั่น คนที่สามารถสู้กับขุนพลใหญ่ของ
ตระกูลฉี ศัตรูตัวฉกาจในสนามรบของฉีจิ่ง เพราะมีคนอย่างเขา ถึงแม้
แคว้นฉูจ
่ ะอยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งมากที่สุด ก็ยังไม่สามารถเหยียบเขา
ดินแดนของเป่ยฮั่นแม้แต่ก้าวเดียว เขาบัญชาการกองทัพใหญ่ของเป่ย
ฮั่น มันเหมือนมีกําแพงเหล็กกั้นอยู่ เขาสามารถสู้จนทัพของแคว้นฉู่
ต้องล่าถอยกลับ
ตอนนั้นกองทัพม้าอย่างค่ายกิเลนดําของฉีจิ่งก็ต้องพ่ายให้กับ
กองทัพเสวียหลันของเป่ยถังฉิง่ พูดได้ว่าแทบไม่เหลือใครเลย หลังจาก
ศึกนั้น ค่ายกิเลนดําก็แทบจะหายไป จนกระทั้งฉีหนิงก่อตั้งค่ายกิเลนดํา
ขึ้นมาใหม่
แคว้นฉูแ
่ ละฮั่นทําศึกแม่น�าฉินไหวยาวนานถึงสามปี ก่อนหน้านี้
เป่ยถังชิง่ บัญชาการกองทัพเป่ยฮั่น อีกฝ่ายต่อสูก
้ ันอย่างดุเดือด
บาดเจ็บล้มตายกันไปมากมาย ถึงแม้แคว้นฮั่นจะไม่ได้เปรียบบ แต่
แคว้นฉู่เองก็ไม่ได้เหนือกว่า
เมื่อทั้งสองฝ่ายสู้กันจนแทบหมดแรง จู่ๆ แคว้นฮั่นก็เปลี่ยนตัวผู้
บัญชาการ มันถือเป็นเรื่องต้องห้ามสําหรับกองทัพ หากไม่มีอะไร
สุดวิสัยจริงๆ พวกเขาไม่มีทางทําเรื่องแบบนี้แน่นอน
ยังดีที่ว่าคนที่มารับช่วงต่อจากเขานั้นคือเป่ยถังชิ่ง ถึงแม้เขาจะมี
ฝีมือสู้เป่ยถังชิง่ ไม่ได้ แต่ว่าก็เพียงพอที่จะรับตําแหน่งแม่ทัพใหญ่ได้ อีก
ทั้งตอนที่กองทัพฮั่นภายใต้การบัญชาการของเป่ยถังชิง่ มีกฎเกณฑ์
เข้มงวดมาก การต่อสู้แข็งแกร่ง มีการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนแน่น
หนา เลยทําให้ไม่เกิดความวุ่นวายมากนัก
สิ่งที่สําคัญที่สด
ุ คือ ทั้งสองฝ่ายล้วนแต่เป็นเหมือนลูกธนูพร้อมยิง
แต่ว่ากลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะบุกต่อไปได้อีก ฉีจิ่งอาการบาดเจ็บกําเริบ
ทําให้กองทัพฉูไ่ ม่สามารถเดินหน้าบุกต่อได้อีก
แต่หลังจากนั้นเป่ยถังชิง่ เองก็หายตัวไปไม่มีข่าวคราวอีกเลย
มีข่าวลือว่าเขาตายไปแล้ว บางข่าวลือบอกว่าฮ่องเต้เป่ยฮั่นกังวล
ว่าเขาจะมีอํานาจมากเกินไปเป็นอันตรายต่อบัลลังก์ของเขา เลยมีราช
โองการลับให้กักบริเวณไม่ก็ส่งั ลอบสังหาร แต่ว่าเรื่องจริงเป็นยังไง ก็ไม่
มีใครรู้ได้
ตอนที่ฉห
ี นิงอยูซ
่ ีเป่ย เคยได้เจอลูกน้องของเป่ยถังชิง่ มาก่อน
หลังจากที่เขาหายตัวไป คนของเขาก็ถูกกวาดล้างไปแทบหมด หลาย
คนกลัวว่าจะต้องตาย หนีเอาตัวรอดเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่ไป ชื่อของเป่ย
ถังชิ่งในกองทัพก็ค่อยๆ เลือนหายไป
ต่อให้เคยเป็นคนสนิทของเขามาก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าเป่ยถังชิ่งนั้นเป็น
หรือตาย
และวินาทีน้น
ั ฉีหนิงก็นก
ึ ถึงท่าทีของฮ่องเต้น้อยหลงไท่ข้ึนมา
หลังจากจบเรื่องปราบกบฏเซียวจ้าวจง ฮ่องเต้น้อยเองก็เหมือนจะ
มีความระแวงต่อตัวเขา มันทําให้ฉห
ี นิงรู้สึกน้อยใจลึกๆ แต่ต่อมาเขาก็
ถึงได้รู้ว่า ที่ฮ่องเต้น้อยระแวงนั้น เพราะชาติกําเนิดของเขา ฉีหนิงสงสัย
เรื่องนี้มาตลอด ว่าชาติกําเนิดของเขามันเป็นยังไง ถึงได้ทําให้เขา
หวาดกลัวเขาถึงขนาดนั้น
หากว่าเขาเป็นฮ่องเต้ ขุนนางของเขากลายมาเป็นเชื้อพระวงศ์
ของแคว้นอื่น เขาก็ไม่รูเ้ หมือนกันว่าจะนิ่งดูดายแบบนี้ได้หรือเปล่า
ฉีหนิงคิดในใจว่าเป่ยถังชิ่งเหมือนจะรู้เรื่องเยอะมากกว่าที่เขาคิด
อยู่ต่อหน้าเขา ฉีหนิงก็เลยไม่ได้ปกปิดอะไร เขาพยักหน้าตอบกลับไป
“เจ้ากลับไปที่จวนตระกูลฉีแทนที่เขา ก่อนและหลังมันต่างกันเป็น
คนละคนเลย หลังจากที่ข้าได้ข่าว ก็รูว
้ ่าจะต้องเป็นเจ้าแน่นอน” เป่ยถัง
ชิ่งพูดว่า “ตอนนี้ข้าพาเจ้าหนีออกจากเมืองหลวงเจี้ยนเยี้ย คนของ
วัดต้ากวงหมิงตามไล่ล่าตัวข้าตลอด ข้าบาดเจ็บสาหัสมาก แล้วก็สลบ
ไปในป่า หลังจากที่ต่ ืนมา เจ้าก็หายไปแล้ว ข้าออกตามหาจนทั่ว แต่ก็
ไม่เจอตัวเจ้าเลย” เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ในหลายปีที่ผ่านมาข้า
ไม่ได้หยุดตามหาเจ้าเลยนะ แต่ก็ไม่ได้ขา่ วคราวอะไรเลย จนกระทั่งเจ้า
กลับไปที่จวนจิ่นอีโหว ข้าถึงได้วางใจ”
ฉีหนิงคิดว่าตอนที่เขาสลบไป ท่านพ่อถูก็มาอุ้มเสี่ยวเตียวเอ๋อร์ไป
หากเขารออยู่อีกสักวัน ท่านพ่อถูเองก็ยอ
้ นกลับไปแล้ว สถานการณ์ใน
ตอนนั้น เป่ยถังชิ่งไม่มท
ี างคิดว่าท่านพ่อถูจะย้อนกลับไปหรอก เขาออก
ตามหาจนทั่ว แต่ว่าเสี่ยวเตียวเอ๋อร์ก็ได้ไปอยูก
่ ับชาวบ้านแล้ว คิดจะ
ตามหา มันยากมาก
การตกแต่งแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับบ้านของชาวนาชาวสวย
ทั่วไปเลย เป่ยถังชิ่งอาศัยอยู่บนยอดเขาเขาใช้ชว
ี ิตแบบเรียบง่ายจริงๆ
ไม่นาน ก็เห็นเป่ยถังชิ่งยกถาดเข้ามา นอกจากกโจ๊กแล้วยังมีผัดผัก
อีกจานหนึ่ง เขาวางอาหารลงบนโต๊ะ แล้วก็น่งั ลงตรงข้ามฉีหนิง หลัง
จากฉีหนิงนั่งแล้ว เขาถึงได้พด
ู ว่า “นีเ่ ป็นข้าวที่ปลูกที่นี่ โจ๊กมันบํารุง
กระเพาะนะ เจ้าลองกินดู” เขายกชามขึ้นมาก่อน จากนั้นก็หยิบ
ตะเกียบขึ้น ท่าทางของเขาดูดีมีสง่ามาก ฉีหนิงคิดในใจว่ายังไงเขาก็
เป็นเชื้อพระวงศ์ ไม่ว่าจะกินหรือทําอะไรก็ได้รับการอบรมมาทั้งนั้น
ท่าทางของเขาเลยไม่เหมือนคนอื่น
“ดังนั้นท่านก็เลยให้เขาแนะนําท่านเข้าไปที่วิทยาลัยฉงหลินใช่
ไหม?”
แต่ถ้าว่ากันจากใจแล้ว ฉีหนิงก็นับถือความกล้าบุกเข้าจวนจิ่นอี
ตระกูลฉีของเป่ยถังชิ่งมาก
เป่ยถังชิง่ ต้องรู้อยู่แล้วว่าจวนจิ่นอีโหวต้องมีการเฝ้าเวรยามแน่น
หนาอยูแ
่ ล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะไป ไม่เพียงแสดงให้เห็นว่าเขารักหลิวซู่อี
แค่ไหน ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเป่ยถังชิง่ นั้นมีความกล้าหาญแค่ไหน
ฉีหนิงไม่ได้พูดอะไร
แต่เขาตอนนี้เหมือนจะเข้าใจแล้ว ทําไมเป่ยถังชิ่งถึงได้บัญชาการ
กองทัพฮั่นเผชิญหน้ากับกองทัพฉีอย่างเอาเป็นเอาตายเลย นอกจากจะ
เป็นความแค้นของทั้งสองแคว้น มันยังมีความแค้นส่วนตัวของเขากับ
ตระกูลฉีด้วย
“ข้าสามารถใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเรื่องหนึ่ง” เป่ย
ถังชิ่งพูดว่า “ทั้งชีวิตของข้า ข้าติดค้างคนๆ เดียว นั่นก็คือแม่ของเจ้า
ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถชดใช้ให้แม่ของเจ้าได้แล้ว แต่ว่าสิ่งที่ข้าติดค้าง
นางเอาไว้ ข้าจะคืนให้เจ้า” เขาเหลือบไปมองฉีหนิง แล้วพูดว่า “ข้า
เตรียมของขวัญไว้ให้เจ้าชิ้นหนึ่ง”
ฉีหนิงตะลึงไป “ของขวัญ?”
ฉีหนิงตกใจมาก
เขาเข้าใจว่าแผ่นดินทั้งหมดที่เขาหมายถึงนั้นคืออะไร
มันคือพื้นที่ที่มีคนลี้ภัยหลายพันล้านคน เป็นพื้นที่ที่มีอาณาเขต
หลายพันลี้
แต่พอมันออกมาจากปากของเป่ยถังชิง่ มันเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ธรรมดาเรื่องหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะเขาพูดจาเป็นเหตุเป็นผลพูดจารู้
เรื่อง ฉีหนิงคงคิดว่าเขาบ้าไปแล้วแน่ๆ
“เจ้าไม่ต้องตกใจไป” เป่ยถังชิง่ พูดว่า “ภายในสามปี ข้าจะทําให้
เจ้าได้น่งั บัลลังก์ ไม่ใช่แค่บัลลังก์ของเป่ยฮั่น แต่เป็นบัลลังก์ของทั่วทั้ง
แผ่นดิน”
ฉีหนิงสะดุ้ง สีหน้าของเขาเคร่งเครียดมาก
“ในบรรดาลูกน้องของข้าตอนนั้น มีหลายคนมากที่มี
ความสามารถ พอข้าออกมา คนที่สามารถแทนข้าได้ไม่ได้มแ
ี ค่จงหลี
อ้าวคนเดียว” เป่ยถังชิง่ พูดว่า “แต่ว่าในบรรดาแม่ทัพ คนที่เชี่ยวชาญ
การทําศึกแบบตั้งรับ ไม่มีใครเหนือกว่าจงหลีอ้าวเลย จงหลีอ้าวถอน
กําลังไป ไม่เพียงเพื่อพักแรงของทหาร แต่ยังทําให้เขาได้เว้นระยะจาก
กองทัพฉู่ด้วย เสบียงอาหารที่จะส่งให้ทางกองทัพฉู่ ต้องขนส่งจากทาง
ใต้มาเท่านั้น หากเพิม
่ ระยะทุกสิบลี้ แคว้นฉู่ก็จะต้องเพิม
่ การเดินทางมา
ขึ้น ด้วยขีดความสามารถของแคว้นฉูใ่ นตอนนี้ ถือว่าถึงขีดสุดแล้ว จง
หลีอ้าวไม่มีทางยอมให้ทัพฉู่ได้เดินขึ้นหน้ามาอีกแน่นอน เขาจะเฝ้า
ประจําการณ์อยู่อย่างนั้น”
ฉีหนิงรู้ว่ากองทัพฉู่หลงกลแผนของจงหลีอ้าว ตอนนี้กําลังใจทหาร
ลดลงอย่างมาก หากไม่สามารถบุกต่อได้ อีกไม่นาน เสบียงก็จะเป็น
ปัญหาขึ้นมาอีก หากไม่รีบจบศึก ก็ต้องถอนทัพ
“สุดท้ายแล้วแคว้นฉู่ก็จะต้องถอนทัพ ต้าฮั่นก็จะมีเวลามาก
พอที่จะเตรียมกําลังขึ้นมาใหม่” เป่ยถังชิง่ พูดว่า “เยว่หวนซานเป็น
ขุนพลอันดับหนึ่งของแคว้นฉู่ในเวลานีก
้ ็จริง แต่ว่าประสบการณ์ของ
เขายังน้อย หลังจากที่ขา้ ลงจากเขาแล้ว คิดจะทําลายกองทัพฉู่ ก็ไม่ใช่
เรื่องยากอะไร”
ฉีหนิงตกใจหนักกว่าเดิม
ที่จริงตอนที่ภายในแคว้นเป่ยฮั่นวุ่นวาย แคว้นฉู่มีความลังเลใน
การยกทัพบุก เหตุผลหลัก ก็เป็นเพราะเป่ยถังชิง่
แคว้นฉูร่ ู้ว่าเขาหายตัวไป แต่เป็นหรือตายไม่มีใครรู้ แคว้นฉู่ไม่อาจ
แน่ใจได้ว่า หลังจากพวกเขายกทัพบุกมาแล้ว เป่ยถังชิง่ จะปรากฎตัวขึ้น
หรือเปล่า ก็เหมือนที่ชาวเป่ยฮั่นกลัวตระกูลฉี แคว้นฉู่เองก็กลัวเป่ยถัง
ชิง่ เหมือนกัน
ฉีหนิงรู้ว่าเขาน่าจะคิดถึงหลิวซู่อี เขาคิดในใจว่าเป่ยถังชิ่งรักหลิวซู่
อีมากจริงๆ
คําพูดของเขาทําให้ตัวเขาเองนั้นคิดถึงหลิวซู่อีข้ึนมา แต่ว่าฉีหนิงรู้
ว่า สิ่งที่เขาพูดมันไม่ได้หมายถึงหลิวซู่อี เขาเป็นคนฉลาดอยูแ
่ ล้ว เขารู้
ว่าเป่ยถังชิง่ น่าจะมีความหมายอื่นแฝง เขาพูดว่า “ตอนนั้นท่าน
บัญชาการกองทัพแคว้นฮั่นก็องอาจดีอยู่ ถึงแม้จําทําศึกกับแคว้นฉู่มา
ตั้งหลายปี แต่ก็ไม่ได้เปรียบ แล้วก็ไม่ได้เสียเปรียบ แต่ว่ากองทัพฮั่น
ภายใต้การนําทัพของจงหลีอ้าวเหมือนจะถดถอยลงเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็น
เพราะเขาต้องการออมแรงทหารหรือเปล่า แต่ว่าแผนการรบแบบนี้ มัน
ก็ทําให้ความฮึกเหิมของทหารถอยตามไปด้วย ท่านคิดว่าจะทําให้ทหาร
พวกนั้นจะคิดถึงความยิ่งใหญ่ในตอนที่ท่านอยู่ง้ันเหรอ”
“ท่านไม่ยอมลงจากเขาสักที เพราะหวังอยากจะเห็นกองทัพฮั่นถึง
จุดจบ แล้วออกไปกู้สถานการณ์อย่างนั้นเหรอ?” ฉีหนิงขมวดคิ้วพูด
เป่ยถังชิง่ ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เยว่หวนซานถึงแม้จะสูฉ
้ ีจิ่งไม่ได้
เลย แต่ว่าหากกองทัพฮั่นต้องถึงจุดจบแล้วจริง ต่อให้ข้าลงจากเขาไป
ตอนนั้น ก็แก้ไขอะไรไม่ได้หรอก แคว้นกับสงครามของแคว้น มันไม่ใช่
แค่เรื่องของการขุนพลแม่ทัพใหญ่ แต่มน
ั เกี่ยวข้องกับหลายๆ ด้าน หาก
ต้องแพ้จริง ข้าเองก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“แล้วท่าน ......?”
ฉีหนิงนึกถึงชายคนที่เหมือนจะคลั่งศาสตร์ของกระบี่คนนั้น เขา
พยักหน้าแล้วพูดว่า “วรยุทธ์ของเขาร้ายกาจมาก เหมือนจะเป็นมือ
กระบี่คนหนึ่ง”
“เหมือนเจ้าจะได้คุยกับเขามาแล้วสินะ” เป่ยถังชิ่งยิ้มแล้วพูดว่า
“หลังจากที่ข้าขึ้นมาอยู่บนเขาลูกนี้ เขาก็เฝ้าเขาลูกนีเ้ อาไว้ตลอด เขา
เก้าตําหนักมันคือคุก ข้าคือนักโทษที่เขาต้องคุมเอาไว้ ข้าจะทําอะไรบน
เขา จะเรียกใครขึ้นเขามาพบจะอะไรก็ได้ แต่สงิ่ เดียวที่ทําไม่ได้ก็คือ
ห้ามลงจากเขา เขาจะไม่ยุ่งเลยว่าข้าจะทําอะไร เรื่องเดียวที่เขาจะทํา
คือเฝ้าข้าไม่ให้ขา้ ลงจากเขา”
ฉีหนิงกหน้าถอดสี เขาพูดด้วยความตกใจว่า “ท่าน ...... ถูกขังอยู่
บนเขาเก้าตําหนักงั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่อย่างนั้น เจ้าคิดว่ากองทัพฉู่จะบุกฝ่าแม่น�าฉินไหวมาได้ง้ัน
เหรอ?” เป่ยถังชิ่งพูดอย่างมั่นใจว่า “ข้ารู้ว่ามีขา่ วลือเกี่ยวกับตัวข้า
มากมาย หลายคนบอกว่าฮ่องเต้ฮ่น
ั ของเรากลัวข้าจะทําให้บล
ั ลังก์ของ
เขาสั่นคลอน ในมือของข้ามีอํานาจการทหารอยู่ เขากังวลว่าข้าจะกบฏ
ดังนั้นเลยมีราชโองการลับสั่งให้สังหารข้า แล้วก็ยังมีคนบอกว่าข้าถูกกัก
บริเวณ”
ฉีหนิงพยักหน้า คิดในใจว่าอย่างน้อยในราชสํานักแคว้นฉู่หลายคน
ก็คิดแบบนั้น
แต่ว่าเป่ยถังชิ่งรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง นั่นหมายความว่าถึงแม้เขา
จะอยู่บนเขา แต่ว่ายังมีสายลับที่คอยส่งข่าวคราวให้เขาอยู่ตลอด
“ฮ่องเต้ฮ่น
ั รู้ตัวว่าเขาไม่สมบูรณ์ และกังวลว่าข้าจะแย่งตําแหน่ง
รัชทายาทของเขาไป ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็เริ่มที่จะทําร้ายข้าแล้ว” เป่ยถัง
ชิ่งพูดว่า “แต่ว่าข้าชอบฝึกและศึกษาเรื่องกลการศึกมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่
เคยคิดที่จะไปเป็นฮ่องเต้เลย แล้วก็ไม่เคยคิดจะทําร้ายพี่น้องร่วม
สายเลือดเลยด้วย ข้าก็เลยทูลเสด็จปู่ของเจ้าไปด้วยตัวเองว่า ให้ต้ัง
ฮ่องเต้ฮ่น
ั เป็นรัชทายาท ข้ายอมเป็นแค่ขุนพลบัญชาการกองทัพฮั่น
เพื่อพิชิตใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง เป็นขุนพลอันดับหนึ่งในสนามรบ” พูดถึง
ตรงนี้ท่าทางของเขาก็อ่อนลง “ต่อมาฮ่องเต้ฮ่น
ั ก็ได้เป็นรัชทายาทสมใจ
ข้าเองก็บัญชาการกองทัพใหญ่ออกทําศึกกับกองทัพฉู่ แต่ก็อย่างที่ลือ
กัน ฮ่องเต้ฮ่น
ั กังวลอํานาจการทหารในมือของข้า ตอนศึกแม่น�าฉินไหว
ข้าอยู่ที่ชายแดน เขาก็ทํางานหนักจนเกินไป เขาร่างกายอ่อนแอมา
ตั้งแต่เล็กอยู่แล้ว ทําให้ร่างกายของเขาทรุดโทรมลงไปเรื่อยๆ”
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เขากังวลว่าเขาจะอยู่ได้อีกไม่นาน หากให้
ท่านมีอํานาจการทหารต่อไป หลังจากที่เขาตายแล้ว ลูกชายของเขาจะ
ไม่สามารถสู้ท่านได้ ท่านจึงกลายมาเป็นตัวอันตรายต่อราชบัลลังก์มาก
ที่สุด”
เล่มที่ 48 บทที่ 1439 เทียนจู
“ข้าไม่ยน
ิ มาว่าตอนที่ท่านกลับเมืองหลวง ไม่ได้พาคนมาด้วย” ฉี
หนิงพูดว่า “ท่านกลับเมืองหลวงมาคนเดียว ก็เหมือนรนหาที่ตาย เขา
คิดจะฆ่าท่าน แล้วท่านไม่ตอบโต้เลยเหรอ?”
ตอนนี้พระอาทิตย์กําลังขึ้น แสงยามเช้ามันส่องเข้ามาที่สวนผัก
“กลยุทธ์การทําศึก จะจับโจรก็ต้องจับหัวหน้าก่อน ตอนนั้นข้ามี
แค่วิธีน้น
ั เท่านั้นที่จะรอดมาได้” เป่ยถังชิ่งพูดว่า “ข้าฝ่าเข้าไป แล้วจับ
เขาเอาไว้”
สามารถจับตัวฮ่องเต้ฮ่น
ั เอาไว้ได้ มันเป็นความผิดพลาดของ
ฮ่องเต้ฮ่น
ั จริงๆ แต่ว่าเป่ยถังชิ่งเองก็กล้าหาญไม่เบา หากเปลี่ยนเป็นคน
อื่น อาจจะทําไม่ได้ก็ได้
“เขาช่วยท่านเอาไว้เหรอ?”
ฉีหนิงรู้สึกถอนหายใจเบาๆ ราชวงศ์เป่ยฮั่นมีลก
ู หลานเยอะแยะ
มากมาย แต่เพราเหตุนี้ กลับมีการต่อสู้แย่งชิงอย่างดุเดือด
ฉีหนิงเหมือนจะเริ่มเข้าใจแล้ว “ท่านถูกขังอยูท
่ ี่เขาเก้าตําหนัก คือ
ผลของการไกล่เกลี่ยอย่างนั้นใช่ไหม”
เป่ยถังชิง่ พยักหน้า “ฮ่องเต้ฮ่น
ั รับปากจะไม่ฆ่าข้าอีก แล้วก็จะไม่
เอาเรื่องที่จับตัวฮ่องเต้ตัว แต่ว่าข้าจะต้องใช้ชีวิตอยู่บนเขาเก้าตําหนัก
ตลอดชีวิต ห้ามลงจากเขาแม้แต่ก้าวเดียว หากข้าลงเขา ก็ถือว่าผิด
สัญญา ราชสํานักเป่ยฮั่นก็จะลงโทษประหารข้าทันที” เขายิม
้ แล้วพูด
ว่า “นั่นเป็นวิธแ
ี ก้ปัญหาเดียวในเวลานั้น ข้าเองก็ปฏิเสธไม่ได้”
ฉีหนิงคิดในใจว่าสถานการณ์ในตอนนั้น ทุกคนรู้ดีหากเป่ยถังชิง่
ออกจากลั่วหยางไปได้ ก็จะต้องเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่แน่ ภายใน
เป่ยฮั่นก็จะเกิดความวุ่นวาย ดังนั้นลั่วหยางไม่มีทางปล่อยให้เขาหนีไป
ได้แน่นอน ต่อให้จับฮ่องเต้เอาไว้ เป่ยถังชิ่งคิดจะออกจากลั่วหยางไป
มันก็ยากยิง่ กว่ายาก
“ก็ต้องเป่ยกงเหลียนเฉิงสิ” ฉีหนิงแทบไม่ต้องคิดเลย
“คนบ้านั่นน่ะเหรอ?”
ฉีหนิงสูดหายใจลึกๆ
ฉีหนิงรู้ว่ามือกระบี่เทียนจูอยู่ทางเหนือ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่
เหลียวตง แล้วมาเป็นผูค
้ ุมขังเป่ยถังชิ่ง
“คนอย่ามือกระบี่เทียนจู ทําไมเขาถึงได้มาเฝ้าเขาเก้าตําหนักแบบ
นี้ล่ะ?” ฉีหนิงพูดด้วยความสงสัยว่า “เขาทําตามคําสั่งของฮ่องเต้ฮ่น
ั
เหรอ? แต่ว่าคนแบบเขา จะฟังคําสั่งของราชสํานักเหรอ”
“เขากับเป่ยถังฮ่วนเย่เป็นเพื่อนกัน เหมือนเขาจะเคยติดหนี้
บุญคุณของเป่ยถังฮ่วนเย่มาก่อน” เป่ยถังชิ่งพูดว่า “มือกระบี่เทียนจู
เป็นคนแยกแยะบุญคุณความแค้น เขาติดหนีบ
้ ุญคุณ ก็จะต้องทําทุก
อย่างเพื่อทดแทน ข้าถูกกักบริเวณอยู่ที่นี่ เขาก็กังวลว่ามันจะขังข้าไม่ได้
เลยสั่งให้มือกระบี่เทียนจูมาเฝ้าข้าเอาไว้”
ฉีหนิงก็เข้าใจแล้ว เขาคิดว่าคนที่ทําให้คนอย่างมือกระบี่เทียนจู
ยอมมาเฝ้าที่นี่ ก็คงมีแค่ต้าจงซือเท่านั้น
กับเป่ยถังฮ่วนเย่กับมือกระบี่เทียนจูจะมีอะไรต่อกันมาก่อนนั้น คิด
ว่าคงไม่มีใครรู้ได้ แต่ว่าในเมื่อมือกระบี่เทียนจูรับปากเขาแล้ว คิดว่าก็
ต้องทําอย่างเต็มที่แน่นอน
ถึงแม้เป่ยถังชิ่งจะทําศึกในสนามรบมานาน แต่หากพูดถึงแค่เรื่อง
วรยุทธ์ เขาก็คงสู้มือกระบี่เทียนจูไม่ได้
“หากท่านต้องอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต หรือว่าเขาจะเฝ้าท่านแบบนี้ไปชั่ว
ชีวิตเลยหรือไง?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “บ้ากระบี่จริงๆ ด้วย”
“ถึงแม้เขาจะเป็นคนรักความสบาย แต่เขาก็เป็นคนฉลาดมากนะ”
เป่ยถังชิง่ พูดว่า “เขากับข้าสนิทสนมกันมาก ข้าแอบปิดบังฐานะที่
แท้จริงแล้วลอบเข้ามาในแคว้นฉู่เพื่อเล่าเรียนหาความรู้ เรื่องนี้เขาก็รู้
อีกอย่างเขาก็รู้เรื่องระหว่างข้ากับแม่ของเจ้าด้วย เขาแค่เห็นหน้าเจ้า
เขาก็รู้ทันทีว่าเจ้าคือทายาทของข้า ยังไงก็ต้องหาทางให้เจ้ามาพบข้า
อยู่แล้ว”
“เขาถูกจับจะปีหนึ่งแล้วนะ ทําไมเขาไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?”
สายตาของเป่ยถังชิ่งเหมือนคิดอะไรลึกซึ้งอยู่ “เพราะเขารู้ว่ามัน
ยังไม่ถึงเวลา การที่เราสองพ่อลูกจะได้เจอกันมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
หรอกนะ แต่ว่าตอนนี้มน
ั ถึงเวลาที่ข้าจะลงจากเขาแล้ว ดังนั้นเขาเลย
หวังอยากจะให้เจ้าช่วยข้าอีกแรง พวกเราพ่อลูกร่วมแรงร่วมใจกัน เราก็
จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ ทุกอย่างในโลกก็จะอยู่ในมือของเรา”
เขาเหลือบไปมองฉีหนิงแล้วพูดว่า “หลังจากที่ข้าลงจากเขา ข้าจะเข้า
ไปคุมอํานาจการทหารก่อน จากนั้นก็จะยกทัพลงใต้ ภายในสามปี เรา
จะต้องรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งได้แน่นอน”
ระหว่างที่เขาพูด ดูทก
ุ อย่างเหมือนง่าย เหมือนว่าสถานการณ์ทุก
อย่างมันอยู่ในกํามือของเขาหมด
“ทหารกองทัพฮั่นตอนนี้อยู่ในมือของจงหลีอ้าว เขาจะยอมปล่อย
อํานาจในมือของเขาเหรอ?” ฉีหนิงพูดว่า “ท่านออกจากกองทัพมา
นานหลายปีแล้ว คนของท่านก็ถูกกวาดล้างไปเกือบหมด ตอนนี้คนใน
กองทัพก็มแ
ี ต่คนของจงหลีอ้าวเท่านั้น ......”
“ตอนที่ข้าขึ้นเขามา เขาเป็นคนไกล่เกลี่ยจนได้ผลลัพธ์แบบนี้
ออกมา” เป่ยถังชิง่ พูดว่า “ต้าจงซือพวกนี้ ล้วนแต่เห็นตัวเองเป็นเทพ
เจ้า ในใจของพวกเขา ราชโองการของฮ่องเต้มันไม่ได้มีผลอะไรเลย มี
แต่คําพูดของพวกเขาเท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่มท
ี างยอมเห็นใคร
ขัดคําสั่งของพวกเขาแน่นอน”
ฉีหนิงคิดในใจว่าหากเป่ยถังฮ่วนเย่ขัดขว้างไม่ให้เจ้าลงเขา เจ้าคง
ไม่มีทางไปไหนได้แน่ อีกอย่างลงเขาไปก็เจอมือกระบี่เทียนจู คิดจะ
ผ่านด่านกระบี่เทียนจูก็ไม่ง่ายแล้ว
ฉีหนิงคิดแล้วพูดว่า “วรยุทธ์ของต้าจงซือมันไปถึงจุดที่คาดเดา
ไม่ได้แล้ว จะสู้กับพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
เป่ยถังชิง่ ยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าผิดแล้ว ในสายตาของคนทั่วไป ต้า
จงซือเป็นอะไรที่อยู่สูงเอื้อมไม่ถึง อย่าว่าแต่ทําร้ายพวกเขาเลย แต่ว่า
พวกเขาไม่ใช่เทพเจ้า ต่อให้พวเขาร้ายกาจแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังมี
เลือดมีเนื้อ หากยังกินข้าว ก็ยังต้องนึกถึงความตาย”
“ท่านหมายความว่ายังไง?”
“ตอนที่ฮ่องเต้ฮ่น
ั ถูกตั้งให้เป็นรัชทายาท มันก็เพราะข้ายอมให้
แล้วก็ยงั มีอีกสาเหตุหนึ่งด้วย เพราะเป่ยถังฮ่วนเย่” เป่ยถังชิง่ พูดว่า
“ฮองเฮาของฮ่องเต้ฮ่น
ั เป็นหลานสาวของฮูหยินเขา”
ฉีหนิงตะลึงไป
ราชวงศ์เป่ยฮั่นมีลก
ู หลานจํานวนมาก ญาติสายนอกบางสายก็นับ
กันไม่ถก
ู เหมือนกัน
แต่ฉห
ี นิงยังจําได้ว่า เป่ยถังฮ่วนเย่กับฮ่องเต้ฉงหมิงเป็นพี่น้องกัน
ส่วนฮ่องเต้ฮ่น
ั กับเป่ยถังชิ่งก็เป็นลูกชายของฮ่องเต้ฉงหมิง ดังนั้นเป่ยถัง
ชิง่ ก็นา่ จะต้องเรียกเป่ยถังฮ่วนเย่ว่าเสด็จอา
ฉหีนงิ ยังคิดว่าในเมื่อเป่ยถังฮ่วนเย่เป็นต้าจงซือ น่าจะไม่ได้
แต่งงาน แต่พอได้ฟังเป่ยถังชิ่งพูดแบบนี้แล้ว ก็คิดได้ว่าเป่ยถังฮ่วนเย่
ตอนนี้อายุก็มากแล้ว อีกทั้งราชวงศ์เป่ยฮั่นก็ลก
ู หลานเยอะ เขาเองก็
น่าจะแต่งงานนานแล้ว
ฮองเฮาของฮ่องเต้ฮ่น
ั เป็นหลานสาวของฮูหยินเป่ยถังฮ่วนเย่ นั่นก็
หมายความว่า เป่ยถังฮ่วนเย่ไม่เพียงเป็นอาของเขา แต่ยังเป็นอาเขย
ของเขาด้วย
“เขาสนับสนุนฮ่องเต้ฮ่ันเป็นรัชทายาทเหรอ?” ฉีหนิงเข้าใจ
เรื่องราวแล้ว
เป่ยถังชิง่ ยิม
้ แล้วพูดว่า “เป่ยถังฮ่วนเย่ไม่ได้พูดอะไร แต่การมีเขา
อยู่ มันก็เป็นสาเหตุหนึ่ง หลังจากที่ฮ่องเต้ฮ่น
ั ครองราชย์ เขาก็แต่งตั้ง
เป่ยถังฮ่วนเย่เป็นอ๋องทันที แต่เขาปฏิเสธ นั่นก็เพราะฮ่องเต้ฮ่น
ั อยากจะ
ซื้อใจเป่ยถังฮ่วนเย่” เขาหยุดแล้วพูดต่อว่า “ตอนนี้เขาออกหน้า กัก
บริเวณข้าที่นี่ ก็เหมือนกับการกําจัดอุปสรรคชิ้นใหญ่ให้กับฮ่องเต้ฮ่น
ั ”
ฉีหนิงเข้าใจแล้วว่าทําไมเป่ยถังชิง่ ถึงได้อยากจะกําจัดต้าจงซือนัก
เป่ยถังชิง่ จะทําเพราะลูกชายตัวเองจริงหรือเปล่า เมื่อสิบปีก่อน
เขาก็คิดที่จะชิงบัลลังก์ไปแล้ว แต่ว่าเขารู้ว่าการชิงบัลลังก์ของเขา
จะต้องผ่านด่านของเป่ยถังฮ่วนเย่ที่เป็นเหมือนภูเขาสูงใหญ่ที่ขว้างอยู่
ไปให้ได้ สําหรับเป่ยถังชิง่ ก้าวแรกในการชิงบัลลังก์ ก็คือการกําจัดเป่ย
ถังฮ่วนเย่ แต่ว่าคิดจะกําจัดต้าจงซือนั้น มันยากยิ่งกว่ายาก
ดังนั้นน เขาเลยก่อตั้งกลุ่มฝูผิงขึ้นมา
“เพราะพวกเขารู้ว่า ต้าจงซือคือสิ่งมีชว
ี ิตที่ไม่ควรมีอยู่บนโลกใบนี้
ยังไงล่ะ” เป่ยถังชิง่ พูดอย่างจริงจังว่า “พวกเขาถูกเรียกว่าต้าจงซือ ก็
เพราะเลือดเนื้อของเขามันแทบจะไม่เป็นมนุษย์แล้ว พวกเขาอยู่เหมือน
ตัวประหลาด”
ฉีหนิงได้ยินหลายครั้งมากเรื่องที่ต้าจงซือคือตัวประหลาด เป่ยถัง
ชิ่งพูดต่อว่า “เจ้าน่าจะรู้ ต้าจงซือต่อให้อยู่เผชิญหน้าทหารนับพันนับ
หมื่น ก็ไม่บาดเจ็บอะไรเลย ในสายตาของพวกเขา เราก็เป็นแค่มดตัว
หนึ่งเท่านั้น เป็นตายอยู่ในมือของเขา”
ฉีหนิงนึกถึงเรื่องที่อยู่บนเขาต้าเสวียซานขึ้นมา ตอนนี้ที่ตําหนัก
เทพมีทหารหลายคนล้อมเจ้าลัทธิบัวดําเอาไว้ พวกเขาล้วนแต่เป็น
ทหารฝีมือดีของแคว้นกู่เซี่ยง แต่ว่าพอพวกเขาอยู่ต่อหน้าเจ้าลัทธิบว
ั
ดํา มันก็เหมือนฝูงมดที่ถูกเหยียบ
เจ้าลัทธิบัวดําที่ตอนนั้นร่างกายอ่อนแอยังสามารถแสดงอนุภาพที่
น่ากลัวขนาดนั้นออกมาได้ หากพวกเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ความน่า
กลัวมันคงยากที่จะจินตนาการได้
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่ากลัวและอันตรายมาก
เพราะร่างกายของฝ่าอ๋องนั้นมีความร้อนมากเกินไป เลยอาศัยอยู่
บนยอดเขาต้าเสวียซานที่มีหม
ิ ะปกคลุมตลอดทั้งปี เลยใช้อากาศที่
หนาวเย็นลดความเจ็บปวดทรมานจากร่างกาย
ฝ่าอ๋องเองก็ไม่มีละเว้น
ห้าต้าจงซือ ถึงแม้จะมีพลังที่น่ากลัว แต่ก็ต้องทนทรมานกับความ
เจ็บปวดที่คนทั่วไปไม่อาจทนรับได้
ฉีหนิงเรียนวิชาการควบคุมพลังของฟ้าดินมาแล้ว แต่ว่ามันยัง
ไม่ใช่การเข้าสู่การเป็นต้าจงซือ พลังของเขาเทียบกับต้าจงซือไม่ได้เลย
พวกเขาก็ไม่ได้ต่างกับฝ่าอ๋องเลย
อีกอย่างตามกาลเวลาที่ล่วงเลยไป ความเป็นไปได้นม
ี้ น
ั ก็มม
ี ากขึ้น
หากวันหนึ่งมีใครสักคนหนึ่งที่ขาดสติข้ึนมา มนุษย์คนอื่นก็จะต้อง
เผชิญกับภัยอันตราย ในหัวของฉีหนิงมีภาพของทหารแคว้นกู่เซี่ยงตาย
แขนขาขาดตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าลัทธิบว
ั ดํา ในใจเขาก็เกิดความ
หวั่นใจ หากพวกเขาเกิดคลั่งเป็นบ้าขึ้นมาแล้วอาละวาดฆ่าคนไปมัว คง
ไม่มีใครต้านทานพวกเขาได้แน่
เขาคิดเรื่องนี้จนเข้าใจ เขาก็รู้ว่าจั่วชิงหยางกับคงฉานไต้ซือนั้นคิด
อะไรอยู่
เป้าหมายที่แท้จริงในการกําจัดต้าจงซือ อาจจะไม่ใช่เพื่อคนทั่วไป
แต่เพื่อกําจัดอุปสรรคให้ตัวเอง แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร พวกเขาก็มี
เป้าหมายเดียวกัน คือการกําจัดต้างจงซือ ดังนั้นกลุ่มฝูผงิ ก็เลยถือ
กําเนิดขึ้นมา
“ต่อให้พวกท่านร่วมมือกัน ขอแค่มีต้าจงซือคนใดคนหนึ่งลงมือ
พวกท่านก็ไม่มท
ี างต้านทานได้เลยนะ” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า
“อีกอย่างพวกท่านไม่ได้เผชิญหน้ากับต้าจงซือแค่คนเดียวด้วย”
“ท่านหมายถึงอาการบาดเจ็บของพวกเขาเหรอ?”
ฉีหนิงรู้ว่ายาเม็ดเสวียนอู่น้ันคืออะไร
ไข่มก
ุ ราตรีมันละลายไปอยู่ในตัวของฉีหนิงแล้ว หยกกระชาก
วิญญาณตอนแรกอยูก
่ ับแม่ของถังนั่วตลอด แต่หลังจากศึกที่เขาเชียน
อูหลิง หยกกระชากวิญญาณก็ตกไปอยู่ในมือของตี้ฉาน
มีแค่ยาเม็ดเสวียนอู่ ที่ฉห
ี นิงจะเคยได้ยน
ิ ชื่อ แต่ก็สงสัยว่ามันมีอยู่
จริงหรือเปล่า
ยาเม็ดเสวียนอู่ที่ว่า มันเป็นของที่มาจากตัวของสัตว์เทวะเสวียนอู่
มันเป็นสัตว์เทพในตํานาน มีอยู่จริงหรอืเปล่า มันยังคงเป็นคําถาม ยิ่ง
ไม่ต้องพูดถึงว่ายาเม็ดนั่นมันมีอยู่จริงไหม
“มันมียาเม็ดเสวียนอู่นี่จริงเหรอ?” ฉีหนิงอดถามไม่ได้
“งั้นก็หมายความว่า ปีนี้มันจะปรากฎตัวที่ตงไฮ่อย่างนั้นเหรอ?”
ฉีหนิงพยักหน้า
จุดอ่อนที่ร้ายแรงมากที่สุดของต้าจงซือก็คือพลังชี่ในร่างกาย เพื่อ
ลดความทรมาน พวกเขาก็เลยต้องทําทุกอย่างเพื่อชิงยาเม็ดเสวียนอู่มา
ให้ได้
ฉีหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “แน่นอนอยูแ
่ ล้ว ต่อให้เป็นต้าจงซือ ก็
ไม่มีทางสูบน�าทะเลออกมาจนหมด แล้วให้มน
ั ปรากฎตัวออกมาหรอก”
“ล่อมันออกมายังไง?”
ตอนนี้ฉห
ี นิงถึงได้รู้ว่าทํานองเพลงนรกนั่นมันมีไว้ทําไม ที่แท้ก็มีไว้
ล่อสัตว์เทวะนั่นเอง
“ประสกฝูผิงแต่งทําทองเพลงเทวะขึ้นมาทั้งหมดสามบท มีสวรรค์
โลกมนุษย์แล้วก็นรกภูมิ ได้ยินว่าทํานองเพลงนรกภูมน
ิ ้ันจะต้องใช้พณ
ิ
กับขลุ่ยร่วมเล่นด้วยกัน หลังจากเขาแต่งทํานองเพลงนรกภูมแ
ิ ล้ว เขา
เคยไปบนเกาะร้างแห่งหนึ่ง เล่นทํานองนี้กับเพื่อนของเขาคนหนึ่งที่เป็น
นักเป่าขลุ่ยฝีมอ
ื ดี เดิมคิดว่าอยากจะไปเล่นท่ามกลางทะเลสบายๆ เท่
นั้น คิดไม่ถึงว่ามันจะสามารถล่อให้สัตว์เทวะออกมา” เป่ยถังชิง่ พูดว่า
“นักเป่าขลุ่ยคนนั้นเคยเขียนตําราเล่มหนึ่ง ชื่อว่า [แสงไฟคืนสายฝน
พร�า] ในนั้นมีพูดถึงวันที่พวกเขาสองคนไปอยู่บนเกาะสามวัน ในวันที่
สอง สัตว์เทวะปรากฎตัวขึ้นมาบนเกาะ แล้วก็มานั่งฟังทํานองเพลงที่
พวกเขาเล่นอย่างสงบ หลังจบเพลง มันก็กลับไป ในวันที่สามที่เขาเล่น
มันอีก มันก็ปรากฎตัวอีกครั้ง คราวนี้มันขึ้นมาอยู่บนเกาะถึงครึ่งวัน
แล้วถึงจากไป”
ฉีหนิงตกใจมาก “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
ตอนนี้ฉห
ี นิงเหมือนคนตรัสรู้เลย
ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยไม่หายอยู่เลย ตอนนี้เขาได้คําตอบหลาย
ต่อหลายเรื่องแล้ว
เจ้าเกาะไป๋อวินหม้อหลันชางคิดทําทุกทาง สั่งให้โม่อิ่งแอบเข้า
เมืองหลวงมา นอกจากจะช่วยเซียวจ้าวจงชิงบัลลังก์แล้ว สิ่งที่สําคัญ
ที่สุดคือการหาโอกาสชิงเอาพิณเฟิงหวงไป ฉีหนิงไม่เข้าใจเลย ว่าด้วย
ความสามารถที่เขามี คิดจะอยากได้เครื่องดนตรีไปทําไม อีกทั้งยังต้อง
ได้มันไปให้ได้ด้วย
อีกทั้งเขายังสงสัยว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงทําไมถึงต้องมาเอาทํานอง
นรกจากเขาไปด้วย
ตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว พวกเขาไม่ได้สนใจพิณเฟิงหวงหรือ
ว่าทํานองเพลงหรอก แต่พวกเขาต้องหารล่อให้สัตว์เทวะเสวียนอู่ แล้ว
ชิงเอายาเม็ดเสวียนอู่
เป่ยถังเฟิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ต้าจงซือที่อยู่ในจงหยวนสาม
คน เป่ยกงเหลียนเฉิงมีพิณเฟิงหวง เป่ยถังฮ่วนเย่มีขลุ่ยจื่อหลง มีแค่
หม้อหลันชางไม่มีอะไรในมือเลย ดังนั้นเราเลยคิดอยากจะให้เขาได้
ทํานองนรกไป เรายอมจะยกมันให้เขา แต่ว่าพวกเขาฉลาดมาก หาก
หม้อหลันชางได้มันไปง่ายๆมันกลับทําให้พวกเขาสงสัยได้ หม้อหลัน
ชางรู้ว่าทํานองเพลงอยูใ่ นมือของจั่วชิงหยาง ก็ไม่ได้ลงมือทันที เจ้ารู้
ไหมว่าเพราะอะไร?”
“เขากังวลว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งต
ู ่ ืน” ฉีหนิงพูดว่า “ทํานอง
นรกในมือของจั่วชิงหยาง แต่ว่ากลับไม่ได้พกติดตัวตลอดเวลา เรื่องชิง
ทํานองเพลง หม้อหลันชางไม่มท
ี างออกหน้าเองแน่ แต่หากส่งลูกศิษย์
ไป หากพลาด ก็อาจทําให้เป่ยกงเหลียนเฉิงจับได้ ดังนั้นหากไม่หมด
ทางเลือกจริงๆ เขาไม่มท
ี างลงมือแน่” เขายิ้มแล้วพูดต่อว่า “หม้อหลัน
ชางคิดว่าเขาเองยังมีไพ่ในมือที่ใช้ได้อยู่ หลังจากปล่อยไพ่ใบนี้แล้ว
อาจจะได้ทํานองนี้มาแน่ ดังนั้นเขาเลยยังไม่ลงมือ เพราะก่อนหน้านี้สบ
ิ
ปี มันยังมีเวลาเหลือมากพอที่สต
ั ว์เทวะปรากฎตัวอีกครั้ง หม้อหลัยชาง
มีเวลารอมากพอ”
ฉีหนิงพูดว่า “โม่อิ่งรู้เรื่องทํานองเพลงมาจากปากคนของตระกูล
เจียง หลังจากที่หม้อหลันชางรู้เรื่อง ก็เลยหลอกใช้ความสัมพันธ์ของ
ตระกูลเจียงกับจั่วชิงหยาง เท่าที่ข้ารู้มา หลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเจียงมี
การเขียนจดหมายมาหาจั่วชิงหยางตลอด เจียงม่านเทียนเห็นจั่วชิงห
ยางเป็นเพื่อนของตัวเอง ส่วนโม่อิ่งก็แอบติดต่อกับเจียงม่านเทียนอย่าง
ลับๆ เพื่ออาศัยมือของเขา เอาทํานองเพลงจากจั่วชิงหยางมา”
“ลูกชายของเจียงม่านเทียน เจียงซุยอวินได้รบ
ั การอบรมความรู้
มากจากจั่วชิงหยาง เขาเรียกจั่วชิงหยางว่าอาจารย์ ตลอดหลายปีที่ผ่าน
มาจั่วชิงหยางกับตระกูลเจียงมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด แล้วเขาก็หวัง
ว่าเจียงซุยอวินจะเข้ามายังเมืองหลวงได้ในสักวันหนึ่ง” ฉีหนิงพูดว่า
“ราชสํานักระมัดระวังป้องกันพวกตระกูลใหญ่ของตงไฮ่ตลอด คนของ
พวกเขาเข้ามาเป็นขุนนางในเมืองหลวงไม่มาก แต่ว่าได้บัณฑิตใหญ่
อย่างจั่วชิงหยางแนะนํา เจียงซุยอวินก็สามารถเข้าเมืองหลวงมาได้ ใน
ความเป็นจริง เจียงซุยอวินก็ได้รับการแนะนําจากเขาถึงได้เข้าเมือง
หลวงมา ที่ตระกูลเจียงทําแบบนี้ เพราะต้องการแทรกซึมเข้ามาในราช
สํานัก แล้วอีกเป้าหมายหนึ่ง ก็เพราะถูกโม่อิ่งบงการ ให้เข้าใกล้เจียง
ซุยอวินให้มากขึ้นด้วย แล้วหาโอกาสเอาทํานองนรกมา โม่อิ่งคิดว่าพวก
เขาทําสําเร็จแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งหมดนี้มันเป็นแผนที่จ่ัวชิงหยางวาง
เอาอไว้ จั่วชิงหยางกําลังตกปลาด้วยเบ็ด”
“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ทําไมจั่วชิงหยางไม่ให้เจียงซุยอวินลงมือ
ล่ะ?” เป่ยถังชิง่ ย้อนถามว่า “แล้วทําไมทํานองนั่นถึงได้ไปอยู่ในมือเจ้า
แทนล่ะ?”
“เพราะต้องการปกป้องฝูผิงเอาไว้”
“ปกป้องฝูผิง?”
“กลุ่มฝูผิงในเมืองต้องการเอาทํานองนรกให้กับต้าจงซือ แต่จะให้
ตรงๆ ไม่ได้” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ที่จริงทํานองนรกนั่นจะ
ให้ต้าจงซือคนไหนก็ไม่เป็นไรหรอก ที่สาํ คัญคือของสําคัญสามอย่าง
ต้องปรากฎออกมาพร้อมกัน แต่จะว่ากันไปแล้ว เพราะว่ามันมีการ
เปลี่ยนแปลง เจียงซุยอวินนั้นรีบร้อนลงมือเกินไป”
“มันเป็นเหตุสด
ุ วิสัยจริงๆ” เป่ยถังชิง่ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอน
นั้นหลายคนรู้ว่า จั่วชิงหยางชื่นชอบเจ้ามาก อีกทั้งชอบมากกว่าเจียง
ซุยอวินศิษย์ของเขาด้วย เขาใช้แผนการทรมานกาย ทําให้ตัวเองเจ็บ
หนัก แต่ว่าเจียงซุยอวินยังไม่ทันมา แต่เจ้ากลับมาก่อน ในสถานการณ์
แบบนั้น เขาเลยจําเป็นต้องเอาทํานองนรกให้เจ้าไป”
“ถ้ามอบให้เจียงซุยอวิน ทํานองเพลงสุดท้ายก็ต้องตกอยู่ในมือ
ของหม้อหลันชาง จั่วชิงหยางเองก็สามารถอยู่รักษาตัวที่วิทยาลัยฉง
หลินได้” เป่ยถังชิ่งพูดว่า “แต่มอบให้เจ้า เขาจําเป็นต้องหายไป เพราะ
การมอบให้เจ้าไป มันคือการมอบให้เป่ยกงเหลียนเฉิง จั่วชิงหยางกังวล
ว่าหากเขาได้มน
ั ไปแล้ว จะไปถามที่มาที่ไปจากเขา สําหรับคนในกลุ่มฝู
ผิงแล้ว จะพยายามไม่เข้าไปยุง่ เกี่ยวกับพวกเขา เพื่อไม่ให้พวกเขาจับ
ได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือหายตัวไป” เขายิ้มแล้วพูดว่า “อย่างที่เจ้าพูด
ทํานองนั่นอยู่ในมือของใคร มันไม่สําคัญเลย”
“แต่ว่าเรื่องนี้มน
ั ไม่ได้เป็นไปตามแผนของพวกท่าน” ฉีหนิงพูดว่า
“เป่ยกงเหลียนเฉิงได้ทํานองนั่นไปจริง แต่ว่าพิณเฟิงหวง กลับไปอยู่ใน
มือของหม้อหลันชางแทน”
ฉีหนิงคิดว่าเจ้ากับเสี่ยวเตียวเอ๋อร์แล้วก็จิ่นอีซ่ อ
ื จื่อเป็นพ่อลูกกัน
นั่นมันก็ใช่ แต่เสียดายที่ข้าไม่ใช่เสี่ยวเตียวเอ๋อร์ ไม่มีทางเห็นเจ้าเป็นาํ
พ่อหรอกนะ
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “เพราะต้องการชดเชยให้ท่านแม่ ดังนั้นเลย
จะให้ข้าเป็นฮ่องเต้ง้ันเหรอ? นั่นก็หมายความว่า ทางเดินของข้าท่านจะ
เป็นคนเลือกให้ง้ันสิ ท่านคิดจะให้ข้าทําอะไร ข้าก็ต้องทําตามนั้นงั้น
เหรอ?” เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “น่าเสียดายข้าไม่ใช่หุ่นเชิด ท่านเองก็
ไม่มีสิทธิมาสั่งให้ข้าทําอะไรตามใจของท่าน”
“เจ้า ......” เป่ยถังชิ่งสีหน้าแย่มาก
“เจ้าว่าไงนะ?”
ในยุคนี้ ความคิดของวงศ์ตระกูลมันสําคัญกว่าประเทศชาติมาก
สําหรับเหล่าตระกูลใหญ่ ผลประโยชน์ของตระกูลมันเหนือกว่า
บ้านเมืองมาก
ในเมื่อฉีหนิงรูแ
้ ล้วว่าตัวเขาเป็นสายเลือดของตระกูลเป่ยถัง ก็ควร
จะปกป้องผลประโยชน์ของตระกูลเป่ยถังก่อน เพราะราชวงศ์เป่ยถัง
คือตัวแทนของเป่ยฮั่น ให้ฮ่องเต้เป่ยฮั่นปกครองใต้หล้า ก็เป็นเรื่องที่
สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
แต่ว่าฉีหนิงกลับไม่ได้สนใจผลประโยชน์ของตระกูลเลย มันเป็นสิ่ง
ที่เหนือความคาดหมายของเป่ยถังชิง่ มาก
“ข้าสนแต่ว่าใครจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้” ฉีหนิงเหลือบไปมองเป่ยถัง
ชิ่ง “ในเมื่อข้าเป็นสายเลือดของตระกูลเป่ยถัง ถ้าอย่างนั้นถ้ากองทัพฉู่
บุกไปถึงลั่วหยางเมื่อไหร่ ข้าจะพยายามปกป้องตระกูลเป่ยฮั่นให้อยู่
รอดต่อไปให้ได้”
เป่ยถังชิง่ ได้ยินดังนั้น เขาก็หัวเราะร่าออกมา น�าเสียงหัวเราะของ
เขามันซับซ้อนมาก มันทําให้ฉห
ี นิงไม่รูเ้ ลยวว่าเขาหัวเราะเพราะอะไร
ฉีหนิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้คิดจะกลับเข้าตระกูลนีน
่ า
ดังนั้นก็ยังไม่ถือว่าข้าคือคนของตระกูลเป่ยถัง อย่างน้อยในเวลานี้ ข้าก็
ยังแซ่ฉอ
ี ยู่”
“การเปรียบเปรยแบบนี้มันไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นะ” ฉีหนิงจ้องเขา
กลับ “ในเมื่อท่านอยากจะชดเชยความผิดที่มต
ี ่อท่านแม่ให้กับข้า ก็ควร
จะถามข้าสิว่าข้าต้องการอะไร ท่านไม่ควรตัดสินใจเอาเองว่าจะให้อะไร
กับข้า ข้าไม่ต้องการแผ่นดินทั้งหมด ข้าต้องการแค่แผนที่เท่านั้น”
“หากข้าบอกเจ้าว่าเจ้าจะไม่ได้แผนที่ไป เจ้าจะทํายังไง”
“ปึ้ ง”
ฉีหนิงรู้ว่าเขาเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพเป่ยฮั่นมาก่อน เป่ยถังชิง่ มี
ความอดทนและใจเย็นมากพอ จู่ๆ มีอาการแบบนี้ นั่นเพราะเขาพูด
แทงใจดําเขาแน่นอน อีกทั้งเขายังพูดแทงเข้าไปในใจของเขาตรงๆ
และแรงมาก
แต่ฉห
ี นิงรู้ดี เป้าหมายของเขาในการเดินทางมาครั้งนี้ ก็เพื่อแผนที่
เท่านั้น
เมื่อรู้ฐานะที่แท้จริงของเสี่ยวเตียวเอ๋อร์ มันทําให้เขาคลี่คลายข้อ
สงสัยลงได้ แต่ฉห
ี นิงไม่ใช่เสี่ยวเตียวเอ๋อร์ ถึงแม้เขาจะมีร่างกายของเขา
แต่พวกเขามันคนละคนกัน หลังจากรู้ฐานะที่แท้จริงแล้ว ฉีหนิงแค่
เข้าใจ แต่ไม่ได้ต่ ืนเต้นหรือว่าดีใจอะไร
ฉีหนิงไม่ใช่คนใจกว้างมากขนาดนั้น แต่ก็เป็นคนที่เห็นใจคนอื่นอยู่
สิ่งที่เขาเห็นมันแค่เศษเสี้ยวของความเป็นจริงเท่านั้น
หากสงครามยืดเยื้อไป ค่าตอบแทนมันก็คือชีวิต
ฉีหนิงไม่อยากให้สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อไปอีก เขาพยายาม
ช่วยฮ่องเต้น้อยหลงไท่ ก็หวังอยากให้สงครามมันจบลงเร็วที่สุด เพื่อคืน
ความสงบสุขให้กับทั่วทั้งแผ่นดิน เขาหวังว่าหลงไท่จะทําตามที่เคยบอก
เขาเอาไว้ เขาจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีเพื่อประโยชน์ของประชนชนทั่วไต้หล้า
ดังนั้น เขาถึงได้ยอมพยายามทุกอย่างเพื่อเขา
ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเป่ยฮั่นจะได้ไต้หล้าไปหรือว่าจะเป็นแคว้นฉู่ ฉีหนิง
ไม่ได้สนใจในจุดนั้นเลย อย่างที่เขาพูดไป เขาสนใจแค่ว่าหลังจาก
สงครามสิ้นสุดลงแล้ว ชาวบ้านจะได้ฮ่องเต้ที่ดี หลงไท่ดูจะเหนือกว่า
เป่ยถังเฟิงเยอะมาก เพราะอย่างนี้ เขาเลยหวังว่าอยากจะช่วยเขาให้ได้
ไม่ว่ามันจะยากลําบากแค่ไหน ฉีหนิงก็จะฝ่าฟันมันไปให้ได้
เล่มที่ 49 บทที่ 1444 ลงจากเขา
ชื่อตันเหมยยืนรออยู่ที่ริมหน้าผา นางกําลังมองบรรยากาศเบื้อง
หน้า แสงแดดยามเช้ากําลังส่องมา ต้นไม้สีเขียวชะอุ่ม มีหมอกสีขาว
หนามาก
เขาเก้าตําหนักอยู่ระหว่างกลางระหว่างตงไฮ่ นางอยูบ
่ นยอดเขา
สูง ได้บรรยากาศของภูเขาและทะเล
ชื่อตันเหมยคิดไม่ถึงอยูแ
่ ล้วว่า ฉีหนิงจะได้มาเจอพ่อแท้ๆ ของเขา
ที่นี่ แต่ว่าในเวลานี้ ชื่อตันเหมยยังไม่รูว
้ ่าชายคนนั้นเป็นชางหลิงโหว
เป่ยถังชิง่ ผู้ชํานาญการสงคราม
พอได้ยน
ิ เสียงฝีเท้าเดินมาจากด้านหลัง ชื่อตันเหมยหันหลัง
กลับไปมอง เห็นฉีหนิงเดินมานิ่งๆ นางเดินขึ้นหน้าสองก้าว นางมีหลาย
คําถามอยากจะถามเขา แต่ว่านางกลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คําเดียว
“เขาคือชางหลิงโหวเป่ยถังชิ่ง” ฉีหนิงไม่ได้ให้ช่ อ
ื ตันเหมยกสงสัย
ต่อไป “ในมือของเขาน่าจะมีแผนที่ไหม ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่
ว่าการจะได้แผนที่จากเขามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พูดง่ายๆ เลยก็คือไม่มี
ทาง”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วเดินไปริมหน้าผา แล้วมองท้องฟ้า เขานิ่งไป แล้วพูด
ว่า “คราวนี้เราคงต้องกลับมือเปล่าแล้วล่ะ ด้วยนิสัยของเขา หากเขาไม่
ยินยอม ก็ไม่มีอะไรบังคับเขาได้ เขาเองก็ไม่มีทางยอมมอบแผนที่
ออกมาแน่”
“จะบอกว่ากลับไปมือเปล่าก็ไม่ถูกสักทีเดียว” ชื่อตันเหมยถอน
หายใจแล้วพูดว่า “อย่างน้อยเจ้าก็รู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร แล้วก็ได้เจอพ่อ
แท้ๆ ของเจ้าด้วย”
ฉีหนิงแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้ปฏิเสธ
“เจ้าไม่อยากอยู่กับเขาให้นานกว่านีห
้ น่อยเหรอ?” ชื่อตันเหมย
รู้สึกแปลกใจ แอบคิดในใจว่ากว่าพ่อลูกจะได้พบกันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่
ปฏิกิริยาของฉีหนิงกลับเย็นชามาก มันไม่ปกติ
ฉีหนิงส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไร
ชื่อตันเหมยแอบคิดในใจว่าสองพ่อลูกน่าจะคุยกันไม่ราบรื่นแน่ๆ
แต่ว่านางก็ไม่สะดวกไปถามให้มากความ
ถึงแม้เป่ยถังชิง่ จะเล่ารายละเอียดแผนการของฝูผิงให้ฉห
ี นิงได้ฟัง
อีกทั้งอยากจะให้เขาเข้าร่วมด้วย แต่ฉีหนิงไม่ได้สนใจเลย
หากไม่พบสัตว์เทวะเสวียนอู่ พวกต้าจงซือก็ไม่มีทางสู้กัน
ถึงแม้ในตําราโบราณจะมีบันทึกว่าสัตว์เทวะเสวียนอู่จะปรากฎตัว
ออกมา แต่ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ไม่มีใครรู้
หากสัตว์เทวะเสวียนอู่เป็นแค่ตํานาน หรือว่าทํานองเพลงนรกนั่น
ไม่สามารถล่อให้มันออกมาได้ ถ้าอย่างนั้นแผนการของพวกเขาก็จะ
กลายเป็นแค่กระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง ไม่มีความหมายอะไรเลย
แต่ว่าฉีหนิงเองก็เข้าใจได้ กลุ่มฝูผิงต้องเผชิญหน้ากับต้าจงซือ
พวกเขาเป็นเหล่าคนที่นา่ กลัวมาก มันไม่มแ
ี ผนการไหนที่สมบูรณ์แบบ
แน่นอน
การเดินทางมาที่เขาเก้าตําหนัก ถึงแม้จะไม่ได้แผนที่มาอย่างที่
ตั้งใจไว้ แต่ได้คลายข้อสงสัยที่มีมานาน ก็ถือว่าไม่ได้กลับไปมือเปล่า
เพียงแต่ไม่ได้แผนที่มาไว้ในมือเท่านั้น ฉีหนิงก็ไม่รู้จะกลับไปบอกหลง
ไท่ยังไง แต่ว่าเขาก็คิดว่า หลงไท่น่าจะรู้แล้วว่าเขาเป็นสายเลือดของ
เป่ยถังชิง่ การกลับเมืองหลวงไปคราวนี้ หากเขาบอกความจริงเกี่ยวกับ
เรื่องที่เกิดขึ้นที่เขาเก้าตําหนักอย่างตรงไปตรงมา ถ้าหลงไท่รับได้ ทุก
อย่างก็ง่าย แต่หากหลงไท่มีท่าทีลังเล เขาก็ควรจะออกจากเรื่องพวกนี้
ให้เร็วที่สุด
แต่ว่าไม่ได้แผนที่กลับไป เส้นทางของกองทัพฉินไหวก็จะ
ยากลําบากมากขึ้นไปอีก
เขาไม่ได้อยู่บนเขาเก้าตําหนักต่อ ในใจเขาไม่ได้คิดจะไปเปลี่ยน
ความคิดเป่ยถังชิ่ง ให้มอบแผนที่ให้เขาเลย เพราะเป่ยถังชิ่งเป็นเชื้อ
พระวงศ์เป่ยฮั่น ในใจลึกๆ ของเขา ยังคงให้ความสําคัญกับ
ผลประโยชน์ของตระกูลอยู่ จะให้เขายกแผนที่ให้ด้วยตัวเองมันเป็นไป
ไม่ได้แน่นอน
ฉีหนิงรู้ว่าคนบ้ากระบี่อย่างเขากําลังคิดวิธีรวบรวมดนตรีกับกระบี่
ให้เป็นหนึ่ง เขาเลยไม่ได้ไปรบกวน เดินตรงจากออกไปทันที พอเดิน
ผ่านทางเขาแคย ก็เดินไปหาที่ผูกม้าก่อนหน้านี้ ทั้งสองขึ้นเขาไปแค่วัน
เดียว ม้าที่ผูกเอาไว้ ก็มีหญ้าเป็นอาหารรอบๆ เลยกินจนจุใจ
เรือสินค้ามีท้ังเล็กและใหญ่ เรือใหญ่จะจอดเทียบท่าหลายวัน
หน่อย แต่ว่าเรือเล็กจะจอดเทียบท่าแค่วันหรือสองวันเท่านั้น พอสินค้า
เต็มลําแล้วก็ออกเรือทันที ฉีหนิงเลยเร่งการเดินทาง เขาเลยไปหาเรือ
สินต้าขนาดเล็ก จะว่าเล็กเลยก็ไม่เล็ก เพราะบนเรือก็มค
ี นประมาณสิบ
สี่สิบห้าคน นอกจากนีก
้ ็ยังมีแขกที่จะไปที่ท่าเรือเว่ยไฮ่อีกเจ็ดแปดคน
บวกกับพวกฉีหนิงอีกสองคน บนเรือก็มค
ี นกว่ายี่สิบคน
ออกเดินทางจากท่าเรือราชสีห์ ต้องอยู่ในทะเลประมาณสามวันถึง
จะถึง นอกจากหัวหน้าเรือที่มีหอ
้ งพักส่วนตัวแล้ว คนอื่นต้องไปพักที่ใต้
ท้องเรือทั้งหมด
หากฉีหนิงมาคนเดียว เขาก็ไม่สนหรอกว่าจะท้องเรือหรือว่าที่ไหน
แต่ว่าชื่อตันเหมยมากับเขาด้วย ถึงแม้นางจะแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่ว่า
ยังไงนางก็เป็นผู้หญิง พักอยู่ใต้ท้องเรือในเวลากลางคืน อากาศมันอับ
มาก ฉีหนิงเองก็จะให้นางไปนอนเบียดกับผู้ชายคนอื่นไม่ได้ด้วย เขามี
เงิน ขอแค่มีเงิน หลายต่อหลายเรื่องก็คลี่คลายไปได้ง่ายๆ ฉีหนิงจ่ายค่า
เรือเกินไปสิบเท่า เพื่อให้หัวหน้าคนเรือจัดห้องเล็กๆ ให้พวกเขา แล้วให้
คนหาอะไรมาปูพ้ ืนให้
ชื่อตันเหมยเองก็เข้าใจความรูส
้ ึกของฉีหนิงดี
“ก็ไม่มอ
ี ะไรน่าคิดนี่” ฉีหนิงพูดว่า “ข้าแค่รู้สึกว่า เดินทางกันมาตั้ง
ไกลถึงเหลียวตง แผนที่ก็ไม่ได้ กลับเมืองหลวงไปแล้ว ไม่รู้จะไปตอบฝ่า
บาทยังไงดี”
ถึงแม้ฉห
ี นิงจะไม่ได้เล่าให้ช่ ือตันเหมยฟังอะไรมาก แต่ก็มีเล่า
คร่าวๆ เรื่องที่ทําไมเป่ยถังชิ่งถึงได้ถก
ู ขังอยู่บนเขาให้นางได้ฟงั ส่วน
เรื่องที่เป่ยถังชิง่ คิดอยากจะให้เขาเป็นฮ่องเต้ แล้วก็แผนการของฝูผิง ฉี
หนิงไม่ได้เล่า
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เจ้าบอกว่าข้าเป็นเชื้อพระวงศ์ของ
เป่ยฮั่น แต่คิดอยากจะช่วยแคว้นฉู่ทําสงคราม เจ้าว่ามันดีหรือเลปล่า?”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็ลําบากใจเรื่องนี้เหมือนกัน” ชื่อตันเหมยถอน
หายใจอย่างเศร้าๆ แล้วพูดว่า “แต่เจ้าเกิดและโตที่แคว้นฉู่ ฮ่องเต้น้อย
แคว้นฉู่เองก็เชื่อใจเจ้ามาก หรือว่าเจ้าคิดจะทิ้งเขา แล้วหันดาบหาเขา
แทนล่ะ? ตั้งแต่ข้ารู้ว่าชาติกําเนิดของเจ้า ข้าก็รูท
้ ันทีว่าเจ้าต้องตกที่น่ัง
ลําบากแน่ หากทํางานเพื่อเป่ยฮั่น นั่นก็ไม่ยุติธรรมต่อแคว้นฉู่ แต่หาก
ช่วยแคว้นฉู่ ก็จะอกตัญญูต่อเป่ยถังชิ่ง”
ฉีหนิงคิดในใจว่าหากเป็นปกติ สิ่งที่ช่ อ
ื ตันเหมยพูดมานั้นมัน
ถูกต้อง เพียงแต่เขาไม่สามารถยอมรับเป่ยถังชิง่ เป็นพ่อของเขาได้ เลย
พูดไม่ได้เต็มปากว่าอกตัญญู
“มันก็เหมือนตอนที่ข้าชิงเอาพิณเฟิงหวงจากวังหลวงแคว้นฉู่ไป
นั่นแหละ ตอนนั้นข้าไม่ยุติธรรมกับเจ้า แต่ว่า ...... เฮ้อ หากข้าไม่ทํา
แบบนั้น ข้าก็อกตัญญูต่อท่านเจ้าเกาะเหมือนกัน เจ้าจะให้ข้าเลือก
ยังไง?” ชื่อตันเหมยพูดแบบเศร้าๆ “ตอนนั้นข้าก็คิดอยู่ว่า หากไม่ใช่
ท่านเจ้าเกาะ ข้าคงไม่อยู่มาถึงวันนี้ การเอาพิณไปมอบให้เขาได้ ก็ถือว่า
ได้ตอบแทนบุญคุณทั้งหมดของเขา แล้วค่อยกลับมาไถ่โทษกับเจ้า”
“หือ?
ชื่อตันเหมยยิม
้ แล้วพูดว่า “ผู้เฒ่าคนนั้นมีช่ ือเสียงมากในตงไฮ่ ได้
ยินมาว่าเป็นนักปราชญ์ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็รู้เกือบหมดเลย ยังมีคนบอก
ว่าเขาเป็นบัณฑิตใหญ่ แต่ว่านิสัยดื้อรั้นหัวแข็ง” พอพูดถึงตรงนี้นางก็
หัวเราะ
ฉีหนิงพูดอย่างแปลกใจ “มีอะไรเหรอ?”
“ผู้เฒ่าคนนั้นจะเป็นบันทิตหรือเปล่าข้าไม่รู้หรอกนะ แต่ว่าวันนั้น
เขาพบท่านเจ้าเกาะ ท่านเจ้าเกาะเอ่ยปากพูด ผู้เฒ่าคนนั้นกลับไม่รู้เลย
ว่าท่านเป็นใคร คุกเข่าผงกหัวกลัวแบบสุดๆ ไปเลย เห็นว่าเขาเป็นคน
หัวแข็งมาดเยอะ แต่พอเจอเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่เป็นท่าเลย” ชื่อ
ตันเหมยหัวเราะตาเป็นเสี้ยวพระจันทร์เลย “แต่ว่าสัตว์เทวะเสวียนอู่
ตาเฒ่านั่นกลับพูดเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ เขาบอกว่าเขาอ่านตํารามา
หลายเล่ม เคยเห็นบันทึกว่ามันมีอยู่จริง เหมือนผ่านไปทุกๆ สิบกว่าปี
มันจะปรากฎออกมาครั้งหนึ่ง ข้ายังจําได้ว่าเขาบอกว่าเคยไปสอบถาม
ชาวประมงที่เคยเห็นสัตว์เทวะมาก่อนด้วย พูดซะเป็นจริงเป็นจังเลย
ตอนนั้นข้าเชื่อเลยนะ”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “แล้วตอนนี้ล่ะยังเชื่ออยู่หรือเปล่า?”
“ข้าอยู่ตงไฮ่มาก็นานหลายปีแล้ว ก็ยังไม่เคยเห็นเลยนะ” ชื่อตัน
เหมยพูดว่า “ทะเลกว้างใหญ่ ในทะลมีสัตว์อยู่ต้ังมากมาย หาก
ชาวประมงนั่นเห็นสัตว์พวกนั้น แล้วอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสัตว์เท
วะ มันก็เป็นไปได้”
ฉีหนิงพูดว่า “ดูท่าทางท่านเจ้าเกาะจะสนใจสัตว์เทวะเสวียนอู่
มากเลยนะ”
ฉีหนิงคิดในใจว่าเหล่าต้าจงซือพยายามปิดบังอาการบาดเจ็บของ
ตัวเอง แต่ว่าชื่อตันเหมยอาศัยที่เกาะมานานหลายปี อย่างน้อยก็พอ
มองออกอยู่บ้าง
ฉีหนิงคิด รู้ว่าประเด็นนีจ
้ ะคุยลึกกว่านี้ไม่ได้ เขากอดเอวของนาง
เอาไว้แล้วพูดว่า “รีบนอนเถอะ หลับสักตื่นก็เช้าแล้ว”
“ถ้าเจ้าไม่ชวนคุย ข้าก็หลับไปแล้ว” ชื่อตันเหมยกัดริมฝีปาก แล้ว
ขยับเข้าใกล้ฉีหนิงไปอีก “ตอนนี้เจ้าคิดจะนอนก็นอนเลยเหรอ? ไม่
สนใจข้าเลยว่างั้นเถอะ” ระหว่างที่พูด ฉีหนิงรู้สึกว่านางยกข้าขึ้นมา
เกี่ยวขาของเขา เหมือนตั้งใจถูไถ จิ้งจอกสาวตัวนี้ย่ว
ั ยวนเขามาก นาง
กระซิบข้างหูฉห
ี นิงว่า “ข้า ...... อยาก ......” ฉีหนิงถูกนางยั่วจนตัวร้อน
ผ่าวหมด เขาเลยจับนางกดกับพื้น
เช้าวันต่อมา ฉีหนิงออกมาเอาอาหารเช้า
ขึ้นเรือสินค้ามา ค่าจ้างก็ไม่ได้นอ
้ ยๆ แต่เหมาอาหารสามมือให้ด้วย
เมื่อคืนทั้งสองคนก็ไม่กล้าทําอะไรเสียงดังมาก ทําทุกอย่างเบามาก
ชื่อตันเหมยยังนอนไม่อ่ิม แต่ฉห
ี นิงยังบังคับลากนางลุกขึ้นมากินอาหาร
เช้า เพิ่งจะวางตะเกียบลง ก็ได้ยน
ิ เสียงฝีเท้าคนวิ่ง แล้วก็มีคนตะโกนว่า
“เร็วเข้า เร็วเขา รีบเร่งมือ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เห็นแล้วนะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เจ้าก็ไปดูเองสิ” คนๆ นั้นไม่พด
ู ดีด้วย “บนทะเลมีเรือหน้าต่าง
แปลกๆ กําลังล่องมา”
มันคือทะเล เรือประมงทําได้แค่ออกจากฝั่งไม่ไกลมากเพื่อหาปลา
คิดจะออกห่างจากฝั่งกว่านั้น เรือประมงทั่วไปทําไม่ได้แน่นอน ต้องเป็น
เรือใหญ่ ไม่อย่างนั้นหากเจอพายุ เรือประมงทั่วไปที่มีลักษณะเล็กมัน
จะถูกซัดแตกหมด เรืออูเผิงหากเดินตามเส้นทางปกติก็ไม่เป็นไร แต่
หากอยูใ่ นทะเลแบบนี้ มันหาได้ยากมาก วันนีอ
้ ากาศดี แต่หากมีพายุ
เข้า เรือนั่นอันตรายมาก เพราะแบบนี้ พวกคนเรือถึงได้แปลกใจตื่นเต้น
กันมาก คงคิดไม่ถึงว่าจะมีเรือเล็กกล้ามากลางทะเลแบบนี้ ตอนนี้
อากาศยังดี แต่หากผ่านไปเกิดพายุก็คงแย่แน่นอน
พวกคนเรือไม่ได้กังวลว่าจะมีใครมาปล้น
ทะเลแถบนี้ไม่ค่อยมีโจรสลัด ต้องยกความดีความชอบให้กับ
กองทัพเรือตงฉี กองทัพของเสินถูหลัวยอดเยี่ยมมากสามารถคุมพวก
โจรสลัดอยู่หมัดเลย อีกอย่างเสินถูหลัวเองก็ไม่มีปรานีอะไรกับพวกโจร
สลัดเลย หากจับตัวได้ ไม่ว่าชายหญิงเด็กเล็กหรือคนแก่ เขาสั่งฆ่าทันที
เพราะความเด็ดขาดของเขา เลยทําให้พวกโจรสลัดไม่กล้ามาในย่านนี้
เลย
“พวกเจ้าดูน่น
ั สิ” มีคนพูดอย่างตกใจ “บนหัวเรือ ..... หัวเรือ
เหมือนจะมีคนถูกมัดอยู่นะ”
สายตาของฉีหนิงดีกว่าคนอื่นมาก เขามองเห็นชัดมากกว่านั้น บน
เสามีคนถูกมัดเอาไว้จริงๆเชือกมัดแน่นหนามาก คนๆ นั้นไม่ขยับตัว
เลย เพียงแต่มองไม่เห็นหน้าเท่านั้น ไม่ใช่เพราะว่ามันไกล แต่เพราะคน
นั้นถูกเอาผ้ามาคลุมหัวเอาไว้
เรืออูเผิงล่องอยู่กลางทะเล ยังมีคนถูกคลุมหัวมัดไว้ที่หัวเรือ
สถานการณ์แบบนี้ ทําให้ฉห
ี นิงตกใจมาก
“สถานการณ์ไม่ดีแล้ว” ชายร่างกายกํายําที่เป็นหัวหน้าคนเรือพูด
ขึ้นมา “ทุกคนระวังตัวให้ดี อูโถว เจ้าพาคนไปจัดการเจ้านั่นที”
ฉีหนิงคิดในใจว่าบนเรือที่เขาจ่ายค่าจ้างนั้นเป็นแค่เรือขนสินค้า
อีกฝ่ายเป็นแค่เรืออูเผิงลําเล็กๆ ไม่มีทางเป็นโจรสลัดไปได้ นอกจากว่า
คนบนเรือมีคนที่อีกฝ่ายกําลังตามหาอยู่ ไม่อย่างนั้นเป้าหมายของอีก
ฝ่ายคงไม่ใช่เรือลํานีแ
้ น่นอน
หากบนเรือมีคนที่มีฐานะแตกต่าง ก็มแ
ี ค่เขาคนเดียวเท่านั้น
ในตอนนี้
เรืออูเผิงกําลังเข้ามาใกล้ๆ ตอนนี้ฉห
ี นิงแขนเกร็งมาก เขาหันไป
มอง เห็นชื่อตันเหมยแต่งตัวเสร็แล้ว มาดึงชายแขนเสื้อเขา ฉีหนิงส่ง
สายตาให้นางมองไปที่เรือลําเล็ก ชื่อตันเหมยเองก็เห็น สายตาของนาง
รู้สึกแปลกใจมาก
ฉีหนิงกําลังสงสัย แต่ทันใดนั้นเองแขนของเขาก็เหมือนจะแน่นๆ
ชื่อตันเหมยจับมือของเขาไว้แน่น ฉีหนิงมองไปที่นาง เห็นสีหน้าของ
นางเต็มไปด้วยความตกใจ ร่างกายของนางสั่น ฉีหนิงรู้ทันทีว่า
สถานการณ์ไม่ปกติแน่ เขาเลยถามว่า “เป็นอะไรไป?”
ชื่อตันเหมยจ้องไปที่คนที่อยู่บนเสาไม่กระพริบตาเลย ปากของ
นางขยับ เสียงของนางสั่นมาก “ศิษย์พไี่ ป๋ นั่น ...... นั่นศิษย์พี่ไป๋”
เพียงแต่เห็นมีคนถูกมัดบนเรือ หลายคนบนเรือก็รู้สก
ึ แปลกใจ แต่
คนเรือมีคําที่ต้องคํานึงตลอดเวลาที่อยูบ
่ นทะเล ถ้าเขาไม่หาเรื่องเราก็
ไม่ควรไปยุ่งกับเขา ไม่ว่าจะเป็นคนหรือว่าเกิดเรื่องอะไร ก็ห้ามไปยุ่ง
เกี่ยวเด็ดขาด
เรืออูเผิงมาอย่างแปลกๆ ในเมื่อหัวหน้าคนเรือรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พุ่ง
เป้ามาที่เรือสินต้า เขาก็เลยไม่ไปยุ่งด้วย
แต่ว่าสถานการณ์ของฉีหนิงกับชื่อตันเหมยนั้นแตกต่างไป
ไป๋อวี่เฮ่อมีพรสวรรค์ในเพลงกระบี่มาก ตอนนี้เขาอยู่ในอันดับ
ต้นๆ ของมือกระบี่เลย เขากับชื่อตันเหมยมาจากเกาะไป๋อวินเหมือนกัน
ถือเป็นคนร่วมสํานัก แต่ว่าเมื่อปีก่อนไป๋อวี่เฮ่อถูกไล่ออกจากสํานัก ฉี
หนิงยังได้เจอเขาอยู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวง เขารู้ว่าไป๋อวี่เฮ่อตาม
เป่ยถังเฟิงไปที่ซีเป่ย หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้ขา่ วอะไรอีกเลย
ฉีหนิงเริ่มแรกยังจําไม่ได้ว่าเขาคือไป๋อวี่เฮ่อ อีกทั้งเขาก็ไม่มีทางนึก
ถึงหรอกว่าเขาจะถูกจับ แต่ช่ อ
ื ตันเหมยยืนยัน ฉีหนิงย้อนกลับไปมองดี
ดี ก็มองโครงร่างออก
คนที่สามารถจับตัวไป๋อวี่เฮ่อได้ แสดงว่าไป๋อวี่เฮ่อไม่สามารถทํา
อะไรได้จริงๆคงไม่มีแม้แต่โอกาส
ฉีหนิงตกใจมาก คนบนเรือก็ต่างหน้าเสียไป
อีกฝ่ายซัดแก้วเหล้าออกมา ไม่เพียงสามารถโจมตีช่ อ
ื ตันเหมยได้
ทันที อีกอย่างยังคํานวณระยะการตกของคนบนเรือ นี่มันไม่ใช่แค่ฝีมือ
ร้ายกาจ แต่ว่ามีการคํานวณกะเกณฑ์ที่น่ากลัวมากอีกด้วย
ผ้าม่านบนเรืออูเผิงยังไม่เปิดออก คนภายในเรือลํานั้นไม่ได้คิดจาก
ระยะของเรือ แต่เขาตัดสินตามความรู้สึก
ฉีหนิงถามต่อให้เขาฝึกอีกสักปี ก็ไม่มีทางทําได้แน่นอน
“ข้าไม่ได้เชิญพวกท่านขึ้นเรือ ต่อให้พวกเจ้าเป็นเทพเจ้าบน
สวรรค์ ก็ไม่มีทางได้เหยียบขึ้นมาได้” มีเสียงที่อ่อนโยนมากเสียงหนึ่งดัง
ขึ้นมา “แต่หากข้าเชิญให้พวกเจ้าขึ้นเรือมา ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ข้ึนก็
ไม่ได้เหมือนกัน”
เสียงนั่นทําให้ทก
ุ คนหันมองหน้ากัน เหมือนจะตกใจมาก
ฉีหนิงเองก็รู้สก
ึ แปลกใจ รู้สึกว่าลมหายใจของชื่อตันเหมยนิง่ สงบ
มาก น่าจะไม่มป
ี ัญหาอะไร คิดในใจว่าอีกฝ่ายลงมือทําร้ายชื่อตันเหมย
อีกทั้งยังจับไป๋อวี่เฮ่อมัดเอาไว้ที่หัวเรือ เขาไม่ควรจะทําอะไรวู่วาม
ไป๋อวี่เฮ่อคือต้าจงซือ เกาะไป๋อวินสําหรับเขามันคือสถานที่
ต้องห้าม หาไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เกาะไป๋อวินเลยแม้แต่
ก้าวเดียว
ถึงแม้จะบอกว่าไป๋อวี่เฮ่อถูกไล่ออกจากสํานักแล้ว แต่ว่าไป๋อวี่เฮ่อ
ยังไงก็เป็นคนของเกาะไป๋อวิน กล้าลงมือกับเขาถือว่าใจกล้ามากแล้ว
เขายังคิดจะไปที่เกาะไป๋อวินด้วย ไม่รู้ไปกินดีหมีอะไรมา
ในโลกนี้ ใครจะกล้าบุกไปที่เกาะไป๋อวิน?
ในเรือลํานั้นเป็นผู้หญิง ไม่มีทางเป็นเทพกระบี่กับมู่อวินโหวแน่
หรือว่าบนโลกนี้ยังมีคนอื่นที่เป็นต้าจงซืออีกงั้นเหรอ?
ทันใดนั้นเองคนเรือของเรืออูเผิงที่สวมหมวกก็เดินหน้ามาสองก้าว
แล้วทํามือเหมือนจะให้ช่ อ
ื ตันเหมยขึ้นเรือมา
ชื่อตันเหมยรู้ดีว่าอีกฝ่ายฝีมือเหนือกว่านาง หากขึ้นเรือไปก็เท่ากับ
ถูกควบคุมเอาไว้ แต่ว่านางจะปล่อยให้ไป๋อวี่เฮ่อตกไปอยู่ในมือของอีก
ฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด
เขารู้ดีว่าการที่เขาพูดแบบนี้ อีกฝ่ายไม่ได้เอามาใส่ใจแน่
เรืออูเผิงถึงแม้จะเล็ก แต่ว่านั่งห้าหกมันก็ไม่มีปญ
ั หา
ฉีหนิงพอคิดว่าจะต้องกลับไปอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ฮ่องเต้น้อย
ฟัง ได้ยน
ิ อีกฝ่ายบอกจะไปที่เกาะไป๋อวิน เขาคิดในใจว่าหากเขาขึ้นเรือ
ไป ก็ต้องไปที่เกาะไป๋อวินอย่างนั้นเหรอ? เมื่อไม่นานมานี่เขาเพิ่งจะฆ่า
โม่อิ่งไป ตอนนีท
้ ่านเจ้าเกาะคิดว่าน่าจะรู้เรื่องแล้ว คราวนี้จะให้ตามไป
ที่น่น
ั ด้วย มันไม่เป็นการรนหาที่ตายเหรอ? หากอยู่นอกเกาะ เจ้าเกาะ
อาจจะยังไว้หน้าเทพกระบี่บ้าง ไม่ทําอะไรเขา แต่เขาไปที่เกาะไป๋อวิ
นเอง มันไม่เป็นการส่งอ้อยเข้าปากช้าง?
“เรากับท่านไม่ได้ไปทางเดียวกัน” ในเมื่อฉีหนิงไม่ไปเกาะไป๋อวิน
เขาก็ไม่มีทางให้ช่ อ
ื ตันเหมยขึ้นเรือไปแน่นอน เขายิ้มแล้วพูดว่า “ท่าน
จะไปเกาะไป๋อวิน เราก็ขอให้ท่านโชคดีล่ะกัน เราคงไม่ไป”
ชื่อตันเหมยมองไปที่ฉห
ี นิง ถึงแม้ฉีหนิงจะยิ้ม แต่ว่าสีหน้าของเขา
ดุมาก เขาส่ายหน้าให้กับนาง ความหมายคือบอกให้นางอย่าวู่วาม
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “หากเราไม่ข้น
ึ ไปล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นคนบนเรือลํานั้นทั้งหมด ยกเว้นเจ้า จะไม่รอดแม้แต่
คนเดียว” เสียงของคนๆ นั้นอ่อนโยนมาก เสียงที่ไพเราะแบบนั้นกลับ
พูดอะไรที่มันโหดเหี้ยมมาก “พวกเขาจะต้องถูกฝังลงทะเลทั้งหมด
และสิง่ ที่จะเกิดขึ้น มันก็เป็นเพราะเจ้า ที่จริงมันก็ไม่มอ
ี ะไรนะ ในทะเล
มีปลามากมายที่มนุษย์นําไปกิน ตอนนี้ก็ให้คนพวกนีไ้ ปเป็นอาหารของ
พวกมันบ้าง มันก็แค่แลกกันเท่านั้นเอง”
บนเรือเกิดเสียงซุบซิบขึ้น
“คิดจะฆ่าเรางั้นเหรอ?” คนเรือที่ร่างกายแข็งแรงมากคนหนึ่งอด
หัวเราะออกมาไม่ได้ “มันก็ต้องดูว่าเจ้ามีปัญญาหรือเปล่า”
แต่พอคนเรือพูดจบ ฉีหนิงรู้ได้ทันทีว่าแย่แน่ๆ
คนเรือพูดจบ ก็เหมือนคนสวมหมวกลอยตัวขึ้นมา กางแขนออกเหมือน
พญาเหยี่ยว ในมือมีกระบอกไม้ไผ่ ฉีหนิงพูดว่า “ระวัง” เขารู้ว่าคนที่
สวมหมวกบังคับเรือฝีมือต้องไม่ธรรมดาแน่ เขาไม่มท
ี างยอมเห็นคน
บริสุทธิต
์ ้องมารับเคราะห์ด้วย เขากําลังคิดจะไปขวาง แต่ว่ากลับมีของ
ลอยออกมาจากเรือมันเหมือนดาวกระจายซัดมาที่ฉห
ี นิง ฉีหนิงไม่รอช้า
รีบหลบ ของนั้นมันผ่านหน้าเขาไป พร้อมกับการมาถึงของคนสวม
หมวก ที่กระบอกไม้ไผ่ในมือของเขานั้นมันแทงไปคอของคนเรือคนนั้น
เล่มที่ 49 บทที่ 1447 คนในภาพ
ถึงแม้คนเรือถูกฆ่า แต่หว
ั หน้าคนเรือกับคนอื่นๆ ไม่มีเวลาให้โกรธ
แค้น แต่พวกเขาหวาดกลัวมากกว่า
ชื่อตันเหมยอยากจะไปเปิดผ้าคลุม อยากจะรู้ว่าไป๋อวี่เฮ่อนั้นเป็น
หรือตาย แต่นางรู้ว่าคนในเรือนั้นร้ายกาจมาก เลยไม่กล้าวู่วาม
ดวงตาใสมีประกายระยิบระยับ
ชื่อตันเหมยมีหน้าตาที่งดงามและสวยงามมากอยู่แล้ว แต่ว่าพอ
อยู่ต่อหน้าคนๆ นั้น เหมือนนางจะตกเป็นรองไปเลย หรือว่าชื่อตันเหมย
จะสวย แต่ก็เป็นความงามแบบมนุษย์ แต่ว่าความงามของคนๆ นี้ มัน
เหมือนเทพนิยาย มันเป็นสองความรู้สก
ึ
ฉีหนิงคิดไม่ถึงเลยว่า จะได้เจอคนที่เขารู้จัก
คนๆ นีค
้ ือคนชุดขาวที่เขาเจอระหว่างทาง เป็นคนที่พาเขาเข้าวัง
เป็นคนที่ให้ฉห
ี นิงได้รู้ว่ามีงูขายักษ์อยูใ่ นวังหลวง แล้วก็ทําให้เขาได้ฝก
ึ
คัมภีร์เฉียนหยวน
ส่วนพื้นฐานกําลังภายในของฉีหนิง ที่จริงก็มาจากพลังชี่นี่แหละ
กําลังภายในของฉีหนิงในตอนนี้ มันได้มาจากพลังหกเทพประสาน
ทั้งหมด แต่เขาดูดกําลังภายในมาจากภายนอก มันกลับเข้ากับพลังชี่
เย็นของเขาได้ดีมาก ด้วยกําลังภายในที่เขามีในวันนี้ คนชุดขาวคือคนที่
มีผลงานมากที่สุด
เพียยงแต่ว่าหลังจากจากกันในครั้งนั้น ฉีหนิงก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย
อีกทั้งฉีหนิงก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของเขามาก่อนด้วย
เขาเจอเรื่องประหลาดมากมาย แต่ในเวลานี้พอเขาพบคนชุดขาว
เขากลับรู้สึกตกใจมาก
พอชื่อตันเหมยได้ยินที่ฉห
ี นิงพูด นางเองก็ตกใจไม่น้อย แอบคิดใน
ใจว่าทําไมฉีหนิงถึงได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ได้?
ชื่อตันเหมยมั่นใจในรูปร่างของตัวเองมาก แต่พอเห็นหน้าของคน
ตรงหน้า นางก็เหมือนจะรู้สึกด้อยลงไป นางอดไม่ได้คิดว่าทําไมบนโลก
นี้ถึงได้มีผู้หญิงคนนี้ที่งดงามมากขนาดนี้? หากแค่สวยก็ไม่เท่าไหร่ ที่น่า
กลัวกว่านั้นคือวรยุทธ์ของนางคาดเดาไม่ได้เลย
นางรู้เรื่องในยุทธภพพอสมควร ถึงแม้จะไม่สามารถรู้เกี่ยวกับทุก
พรรคหรือสํานักได้ แต่ว่ายอดฝีมือในยุทธภพนางก็รู้เกือบหมด
นอกจากต้าจงซือแล้ว ชื่อตันเหมยในยุทธภพคนที่มีฝม
ี ือร้ายกาจ
มากที่สด
ุ ก็มีแค่พวกไต้ซือในวัดต้ากวงหมิง แต่ฝีมือของคงฉานไต้ซือนั้น
เหมือนจะสู้คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เลย คนที่มีฝม
ี ือน่ากลัวขนาดนี้ อีกทั้ง
ยังเป็นผู้หญิงด้วย ทําไมนางไม่เคยรู้มาก่อน? หากมียอดฝีมือร้ายกาจ
ขนาดนี้ เจ้าเกาะไป๋อวินไม่มีทางไม่รู้เลย หากเจ้าเกาะรู้ ก็น่าจะมีบอก
คนที่กล้าใส่ชุดขาวแบบนี้มันมีไม่มาก เพราะหากคนที่ผิวคล�า
หน่อย มันจะดูไม่ดีทันที
แต่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่เพียงใส่มน
ั ได้พอดีตัว อีกทั้งยังเข้ากับ
ผิวมากด้วย
ชื่อตันเหมยเห็นหน้าของนางคิดว่าน่าจะประมาณยี่สบ
ิ ห้ายี่สบ
ิ หก
กําลังอยู่ในช่วงเต็มวัย ตอนนี้คนชุดขาวยิ้ม แล้วมองมาที่ฉห
ี นิง จากนั้น
ก็พูดว่า “เราไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ วรยุทธ์ของเจ้าก้าวหน้าไป
เยอะมากเลย” จากนั้นก็เหลือบไปมองชื่อตันเหมย ยิม
้ แล้วพูดว่า “ได้
ยินมานานแล้วว่าท่านเจ้าเกาะมีศษ
ิ ย์สามคน มีหนึ่งคนเป็นสาวงาม
วันนี้ได้เห็น สมคําร�าลือ มิน่าเขาถึงได้ถก
ู ใจเจ้า”
ระหว่างที่เขาพูด เรืออูเผิงยังคงแล่นอยูบ
่ นทะเล อีกทั้งยังเคลื่อนที่
เร็วพอควรด้วย
ชื่อตันเหมยรู้สก
ึ แปลกใจมาก คิดในใจว่าไป๋อวี่เฮ่อเป็นคนหยิ่ง
ทรนงในศักดิ์ศรีมาก จะทําเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน? นางคิดว่านี่มันคือ
การใส่ความ
ฉีหนิงสงสัยมาก เขาพูดว่า “ท่านถ่ายทอดวรยุทธ์ให้ข้า ข้ารู้สึกซึ้ง
ใจมาก อยากจะหาโอกาสขอบคุณท่านสักครั้ง”
คนชุดขาวยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าก็ไม่ต้องมาขอบคุณอะไรข้าหรอก
วันนี้ระหว่างทาง เจ้าให้ข้าขึ้นรถไปด้วย ข้าก็ควรตอบแทนอะไรเจ้า
บ้าง” คําพูดเรียบง่ายมาก เหมือนว่าในใจของนาง การถ่ายทอดวิชา
คัมภีร์เฉียนหยวนนั้นมันไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไร
“เพียงแต่เมื่อกี้ท่านสั่งให้คนฆ่าคนบริสุทธิ์ไป มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่
นะ?”
ชื่อตันเหมยรู้ว่าที่คนชุดขาวพูดข่มขูแ
่ บบนี้ ก็เพื่อเตือนไม่ให้นาง
ไปแก้เชือกให้ไป๋อวี่เฮ่อ แต่คนชุดขาวบอกว่า ไป๋อวี่เฮ่อยังไม่ตาย ชื่อตัน
เหมยก็โล่งใจ
ฉีหนิงสะดุ้ง แอบคิดในใจว่ารู้เรื่องไม่นอ
้ ยเลย เขาไม่ได้ตอบอะไร
กลับไป
ไป๋อวี่เฮ่อไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไร
ชื่อตันเหมยเข้าใจ ตอนนี้ยังไม่รูอ
้ ะไรเกี่ยวกับคนชุดขาวเลย จะทํา
อะไรตอนนี้ไม่ได้ ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเรือลําเดียวกัน เพื่อเดินทางไปที่
เกาะไป๋อวิน ยังมีเวลาสองถึงสามวันรอเวลา หาโอกาสลงมือทีหลังก็ไม่
สาย ต่อให้ไม่มีโอกาสลงมือ อย่างน้อยบนเกาะก็มีต้าจงซืออีกคนหนึ่ง
ตอนนั้นค่อยดูสถานการณ์อีกทีก็ไม่สาย
ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยเห็นดังนั้น คิดในใจว่าอาหารบนเรือคิดว่า
พวกเขาก็คงไม่สนใจ คงต้องหากันเอาเอง
ฉีหนิงมีเงินติดตัว แต่ว่าต่อให้มีเงินมากแค่ไหน คิดว่าคงหาปลา
แห้งจากบนเรืออูเผิงไม่ได้สก
ั ตัวแน่นอน
แต่ว่าทั้งคู่ล้วนแต่เป็นยอดฝีมอ
ื ต่อให้ไม่กินอะไรสักสองสามวัน ก็
ไม่มีอันตรายถึงชีวิต
แต่ว่าในเมื่อคิดจะหาโอกาสลงมือ พวกเขาต้องมั่นใจว่ามีกําลัง
เพียงพอ ไม่กินอะไรหลายวัน ไม่มีอันตรายถึงชีวิตก็จริง แต่มันจะทําให้
กําลังแรงของพวกเขาลดลง ถึงเวลานั้นร่างกายก็จะอ่อนเพลีย คิดจะลง
มือ คิดว่าคงไม่มแ
ี รง
ฉีหนิงหาไม้ไผ่ได้จากบนเรือ แล้วก็หยิบมีดสั้นพกของเขาออกมา
มัดไว้ตรงปลายทําให้เหมือนหอก จากนั้นก็น่งั ยองๆ อยูท
่ ี่ขอบเรือ รอให้
มีปลาโผล่มา เขาก็จะใช้มันแทงปลาขึ้นมาเป็นอาหาร
ถึงแม้จะไม่เห็นปลาเลยตลอดทั้งบ่าย แต่ช่ อ
ื ตันเหมยเองก็ไม่ได้มี
อารมณ์ไปจับปลา
ไป๋อวี่เฮ่อไม่เคยถูกหยามเกียรติมากขนาดนีม
้ าก่อน ชื่อตันเหมยรู้ดี
ว่าเขาทรนงในศักดิ์ศรีของเขาแค่ไหน อย่าว่าแต่การถูกหยามเกียรติ
แบบนี้เลย ต่อให้เป็นการแพ้ในการประลองกระบี่ เขาก็คิดมากนานมาก
หากตอนนี้แก้มด
ั เขาได้ ชื่อตันเหมยไม่รู้เลยว่าเขาจะจัดการกับความ
อัปยศแบบนี้ยังไง
หลังจากฟ้ามืดแล้ว คนชุดขาวก็ยังคงไม่ออกมาเหมือนเดิม
พระจันทร์ส่องไปบนทะเล ทําให้มันมีเงาปรากฎออกมาบนผิวน�า
ทะเล
ฉีหนิงถึงแม้อยากจะหารือกับชื่อตันเหมยว่าควรทํายังไง แต่คนชุด
ขาววรยุทธ์ร้ายกาจมาก ตัวเขาต่อให้กระซิบ คนชุดขาวก็ต้องได้ยิน
แน่นอน ทั้งคู่เลยไม่คุยกันดีกว่า
ถึงแม้ทุกอย่างจะเงียบ ไม่มีเสียงอะไรเลย แต่ว่าทั้งคู่ก็ไม่สามารถ
ข่มตานอนได้เลย แต่ว่าคนเรือที่อยู่ท้ายเรือกลับผิงตัวเรือเหมือนจะ
หลับไปแล้ว
ทะเลกว้างใหญ่ แต่ฉห
ี นิงกลับรูส
้ ึกได้ถึงแรงกดดัน สายตายของ
เขามองไปบนทะเล ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นผิวน�ามีการเคลื่อนไหว แสง
จันทร์ส่องลงมา เหมือนปลาตัวใหญ่มากกําลังว่ายอยู่ใกล้ผิวน�า มัน
สะท้อนขึ้นมา ฉีหนิงเห็นดังนั้นก็ต่ ืนตัวขึ้นมาทันที เขาถือไม้ไผ่มัดมีดสั้น
ของเขาเอาไว้ เขาไม่พด
ู มาก เล็งไปที่หัวปลา แล้วก็ขว้างไปที่หัวของมัน
ฉีหนิงเห็นไม้ไผ่มันปักอยู่บนตัวของปลา เหมือนจะบาดเจ็บหนัก
มาก ปลาที่กําลังโมโหอย่างที่สด
ุ กําลังโจมตีมา
เมื่อกี้เขาเห็นหัวปลาโผล่ข้น
ึ มา คิดว่ามันเป็นโอกาสล่าเหยื่อ เขาไม่
มีความลังเล ตอนนี้ปลาตัวนั้นมันกําลังพุ่งมา ฉีหนิงกลับพบว่ามันเป็น
ฉลาม ตัวมันใหญ่มาก เขาสะดุ้ง ฉลามตัวนั้นมันพุ่งมาไวมาก แรงก็เยอะ
มากด้วย มันกําลังจะชนเรืออูเผิง คิดว่าเรือลํานี้มันน่าจะถูกชนแตกและ
จมลงไปในทะเล แล้วผลที่ตามมานั้นยากที่จะนึกภาพได้เลย
ตอนนี้ฉลามกําลังพุ่งมาแล้ว ฉีหนิงคิดอยากจะหาไม้ไผ่อีกอันมา
จัดการกับฉลาม แต่ว่าเขามีไม้ไผ่ในมืออันเดียว ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก
เลย
ชื่อตันเหมยเหมือนจะร้องไห้ออกมาแล้ว ทันใดนั้นเองนางก็เห็นฉี
หนิงโผล่ข้ึนมา เปียกไปหมดทั้งตัว นางเห็นฉีหนิงปลอดภัย นางดีใจมาก
ฉีหนิงวาดมาที่ขอบเรือ แล้วโยนเอาครีบของมันขึ้นมาบนเรือ ชื่อตัน
เหมยยื่นมือไปดึงฉีหนิงขึ้นเรือ พอฉีหนิงขึ้นเรือ ก็ย้ม
ิ แล้วพูดว่า “ฉลาม
ดุมากเลย แต่ว่าของดีนะเนี่ย ......” เขาหยิบครีบฉลามขึ้นมา แล้วพูดว่า
“เจ้าอยู่ตงไฮ่ต้ังหลายปี น่าจะรู้ ครีบปลามันบํารุงได้นะ เป็นของแพง
ด้วย”
ชื่อตันเหมยเหมือนจะตกใจมาก “ครีบปลา?”
ฉีหนิงนั่งยองๆ ลง แล้วเอามีดสั้นตัดครีบปลาให้ช่ อ
ื ตันเหมย แล้ว
พูดว่า “เจ้าลองดูสิ”
ชื่อตันเหมยอาศัยบนเกาะมานานหลายปี กินอาหารทะเลมาก็มาก
แต่ว่านางไม่เคยกินครีบฉลามมาก่อนเลย ทําให้นางทําอะไรไม่ถูก นาง
ไม่ได้คิดจะยื่นมือไปรับมา ฉีหนิงก็ไม่ได้พูดมาก แต่ว่าด้านข้างกลับมีมือ
ขาวเนียนข้างหนึ่งยื่นมา ฉีหนิงหันไปมอง คนชุดขาวไม่รู้ว่ามายืนอยู่
ข้างๆ ตอนไหน ยื่นมือมาเอาครีบปลาไป ฉีหนิงตะลึงไป คนชุดขาวก็เอา
มันเข้าปาก หลับตาลง หลังจากนั้นไม่นาน ก็ยม
้ิ แล้วพูดว่า “ของดีจริง
ด้วย”
ฉีหนิงคิดในใจว่าข้าขึ้นเรือมาตั้งวันหนึ่งแล้ว เจ้าไม่คิดจะเอาน�ามา
ให้กินเลยเขาก็ไม่ว่า แต่ว่าครีบปลาฉลามเขาได้มาอย่างยากลําบาก เจ้า
ยังไม่คิดเกรงใจอีก
“เจ้าอย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น” คนชุดขาวยิม
้ แล้วพูดว่า
“ข้ากินของเจ้าไปหนึ่งชิ้น คืนให้เจ้าสิบก็ได้ ถึงเวลานั้นเจ้าคงกินไม่หมด
หรอกมั้ง” ระหว่างที่พด
ู เขาก็มองไปที่ทะเล ฉีหนิงมองตามไป พบว่า
รอบๆ ตัวฉลามตัวนั้นเหมือนจะมีการเคลื่อนไหว พอมองดูดีดี เขาก็สี
หน้าเปลี่ยนไปทันที พริบตาเดียว ศพของฉลามตัวนั้นกก็ถูกฉลามอีก
หลายตัวล้อมเอาไว้แล้ว มีฉลามตัวหนึ่งกําลังอ้าปาก แล้วใช้เขี้ยวกัดไป
ที่ศพของฉลามตัวนั้น
ฉีหนิงตอนนี้ถึงได้สติข้น
ึ มา ตอนนี้เรืออูเผิงมันมีฉลามฝูงใหญ่ว่าย
ไปว่ายมาเต็มไปหมด เห็นศพฉลามกําลังถูกเพื่อนกัดแทะจนเละไปหมด
ฉีหนิงตกใจมาก แอบคิดในใจว่าหากพวกมันกินอิ่มแล้ว พุ่งมาที่เรือ เรือ
ล่มแน่ หลังจมลงไป คงสู้พวกมันไม่ได้แน่
หากมีฉลามแค่สามถึงห้าตัว ฉีหนิงเชื่อว่ากําลังของคนบนเรือนั้น
น่าจะจัดการได้ง่ายๆ แต่ว่าหากมาเป็นสิบจนถึงร้อย ไม่ไหวแน่ๆ
พริบตาเดียว คนชุดขาวเหยียบฉลามไปถึงสิบกว่าตัว
ฉีหนิงไม่ได้สนใจเรื่องการฆ่าฉลามมากิน
แต่ว่าผูห
้ ญิงที่ดเู หมือนเทพธิดา กลับลงมืออย่าโหดเหี้ยม เหยียบ
ฉลามตายไปสิบกว่าตัวเหมือนกับเหยียบฝูงมด ทําให้พวกเขารู้สึกตกใจ
มาก ผู้หญิงที่ท่าทางงดงามดั่งเทพธิ เดิมทีไม่ควรแปดเปื้อนด้วยเลือด
ด้วยซ�า
ฉลามสิบกว่าตัวที่มาเพราะกลิ่นคาวเลือด เดิมสามารถกินมื้อใหญ่
ได้ม้ อ
ื หนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งแบบนี้
พอเหยียบฉลามตัวสุดท้ายตาย คนชุดขาวก็ลอยตัวกลับมาที่เรืออู
เผิง สิ่งที่น่าตะลึงกว่านั้นก็คือ นางไม่เปียกเลย
ฉีหนิงถึงกับรู้สก
ึ หนาวไปทั้งตัว เขารู้ว่าคนชุดขาววรยุทธ์น่ากลัว
มาก ตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นนั้น มันเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ศพของฉลามกว่าสิบตัวลอยอยู่บนทะเล แค่เห็นก็ตัวสั่นแล้ว
ฉีหนิงไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าคนเรือกลับหยิบถังหยาบออกมาหนึ่งใบ
กระโดดไปในทะเล แล้วตัดครีบลามออกมาทีละตัวแล้วเอามันใส่ถุง
จากนั้นถึงกลับขึ้นมาบนเรืออีกครั้ง
เดิมทีฉห
ี นิงยังดีใจมากที่ตัดครีบฉลามมาเป็นอาหารได้ แต่ว่าใน
เวลานี้เขาเหมือนไม่อยากกินอะไรอีกแล้ว ถึงแม้คนชุดขาวจะมีความ
งดงามที่น่าทึ่งมาก แต่นางไม่ได้ให้เกียรติหรือเคารพต่อสิ่งมีชว
ี ิตเลย ฆ่า
คนเป็นผักปลา
ตลอดทั้งคืนทั้งสองคนนอนหลับไม่สนิทเลย รู้สึกว่าคนชุดขาวจะ
ไปเกาะไป๋อวินนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ กว่าจะหลับไปก็ดึกมากแล้วจริงๆ
หลังจากนั้นอีกสองวัน คนเรือก็จะเอาครีบปลาให้ฉห
ี นิงทุกวัน ฉี
หนิงกับชื่อตันเหมยเพื่อให้ร่างกายมีแรงอย่างเต็มที่ เลยจําเป็นต้องกิน
มัน แต่ว่าไป๋อวี่เฮ่อที่ถูกมัดเอาไว้น้น
ั เหมือนจะไม่ได้กินอะไรเลย
ชื่อตันเหมยเครียดมาตลอดทาง ตอนนีพ
้ อได้เห็นเกาะไป๋อวินที่
นางคุ้นเคย ใบหน้าของนางก็มรี อยยิ้มขึ้นมา “ข้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สิบกว่าปี
ทุกซอกทุกมุมของที่นี่ขา้ คุ้นเคยดี บนเกาะมีดอกหญ้าเต็มไปหมดเลย
ข้าปลูกมันเองกับมือ อีกเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปดูนะ บนเกาะยังมีผลไม้ที่
หากินที่อ่ ืนไม่ได้ด้วยนะ”
“ใช้ชีวิตบนเกาะ ก็ดูจะสบายดีนะ”
“มิน่าเขาถึงได้ไม่ค่อยออกจากเกาะ” เสียงของคนชุดขาวดัง
ออกมาจากด้านหลัง “บรรยากาศบนเกาะไม่เลวเลยจริงๆนะ ถ้ารู้เร็ว
กว่านี้ น่าจะเยี่ยมเขาบ่อยๆ หน่อย”
ชื่อตันเหมยได้ยินเสียงนั้น จากเดิมที่พอจะสบายใจขึ้นก็เครียด
เหมือนเดิม
คนชุดขาวมองสํารวจเกาะไป๋อวินอย่างอารมณ์ดี หาดทรายสีขาว
ทางหินที่อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง หินแกะสลักรูปร่างหน้าตาแปลกๆ พอผ่าน
ทางหินมา ก็เป็นป่าที่มต
ี ้นไม่หนาทึบ สถานการณ์ในเกาะ แทบจะมอง
ไม่ออกเลยว่ามีอะไรในนั้นบ้าง
หลังจากเท้าของเขาเหยียบลงบนทรายสีขาว ฉีหนิงก็รู้สึกว่า
ร่างกายของเขาผ่อนคลายไม่นอ
้ ยเลย
คนเรือนั่นเป่าแตรสัญญาณ ฉีหนิงรู้ว่าหมายความว่าไง พวกเขา
ต้องการบอกคนในเกาะว่ามีคนมา หากไม่ผด
ิ พลาดอะไร อีกไม่นานก็จะ
มีคนมา
รอครู่หนึ่ง ฉีหนิงก็เห็นเงาคนสองคนเดินมาตามเส้นทางหินกําลัง
มุ่งหน้ามาทางนี้
หวังหนูกับซาหนูถึงแม้จะอยู่บนเกาะเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่ใช่
ศิษย์ของท่านเจ้าเกาะ แต่เป็นบ่าวที่รับใช้ท่านเจ้าเกาะ
คนชุดขาวยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านเจ้าเกาะหม้อชอบดูละครตั้งแต่
เมื่อไหร่กัน? ไปหาตัวตลกสองคนนี่มาจากที่ไหนเนี่ย”
หวังหนูกําหมัดแน่น ซาหนูพูดว่า “เกาะไป๋อวินเป็นสถานที่ที่ท่าน
เจ้าเกาะใช้ฝึกตน ใครก็ตามที่มาที่เกาะ โดยที่ท่านไม่อนุญาต ก็ฆ่าได้
ทันที” พูดถึงตรงนี้ สายตาของพวกเขาก็เหลือบไปที่ฉห
ี นิง
ฉีหนิงคิดในใจว่า ข้าก็ถก
ู บังคับมาเหมือนกัน หรือว่าคิดจะลงมือ
กับข้าด้วยหรือไง?
ชื่อตันเหมยรู้ว่าหวังหนูซาหนูยังไม่รู้ว่าคนชุดขาวนั้นฝีมือแค่ไหน
หากลงมือ ด้วยความสามารถของพวกเขาสองคน ยังไงก็สู้คนชุดขาว
ไม่ได้ นางพูดกับสองคนนั้นว่า “ท่านเจ้าเกาะอยู่ไหน? ไปรายงานท่าน
เจ้าเกาะ มีแขกพาศิษย์พี่ไป๋มาที่เกาะ” เจตนาของนางต้องการให้พวก
เขาสองคนรีบไปรายงานให้หม้อหลันชางรู้ ว่าศัตรูที่มานั้นไม่ธรรมดา
เขาจับตัวไป๋อวี่เฮ่อมาที่เกาะ
“บ่าวของข้าคนนี้ได้ยน
ิ ชื่อของเกาะไป๋อวินมานาน รูว
้ ่าบนเกาะมี
ยอดฝีมอ
ื อยู่” คนชุดขาวพูดว่า “ในเมื่อเจ้าสองคนบอกว่าฆ่าได้ทันที ถ้า
อย่างนั้นก็ให้บา่ วของข้าประลองกับพวกเจ้าดีไหม หากพวกเขาชนะ
ไป๋อวี่เฮ่อก็จะคืนให้พวกเจ้าทันที ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอท่านเจ้าเกาะของ
พวกเจ้ามาแก้มด
ั เขาเองแล้วกัน”
คนเรือหยิบไม้ไผ่เดินมาที่หัวเรือ แล้วกระโดดลงมาบนหาดทราย
แล้วยกไม้ไผ่ข้ึนมา
หวังหนูกับซาหนูมองหน้ากัน ใบหน้าของเขาดุมาก
ซาหนูพด
ู ว่า “เขาคิดอยากจะลองดีกับเรางั้นเหรอ?” หวังหนูพูด
ว่า “เราก็ให้เขาได้สมหวังก็แล้วกัน” ซาหนูพูดว่า “คนที่ข้น
ึ มาบนเกาะ
เดิมก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตอยู่แล้ว” หวังหนูพูดว่า “ในเมื่อเขาใจกล้า
ขนาดนี”
้ ซาหนูพด
ู ว่า “เราก็จะให้ร่างกายและกระดูกของพวกเขา
แหลกสลายไป”
คนเรือวรยุทธ์ก็ไม่ธรรมดา แต่ฉห
ี นิงสงสัยมาก เขาจะเป็นคู่ต่อสู้
ของหวังหนูกับซาหนูได้ไหม
คนชุดขาวเหมือนไม่ได้สนใจจะดูพวกเขาสู้กัน หรือจะบอกว่าฝีมือของ
พวกเขาไม่ได้ทําให้นางรูส
้ ึกสนใจ นางเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า ลม
ทะเลพัดโชยมา ทําให้ผมของนางถูกพัดลอยขึ้น มันพาดไปที่ใบหน้า
ของนาง เหมือนเทพนิยาย มันงดงามมากๆ
เล่มที่ 49 บทที่ 1450 สหายเก่า
หวังหนูกับซาหนูจู่โจมอย่างรุนแรง เหมือนอยากจะรีบจัดการคน
เรือให้ได้เร็วๆ คนเรือถึงแม้จะต้องรับมือกับสองคน แต่ก็ไม่ได้เป็นรอง
เลย อาวุธไม้ไผ่ในมือของเขายังคงอันตราย
คนเรือนั่นวรยุทธ์ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เขาเคลื่อนไหวได้อย่าง
คล่องแคล่ว ว่องไว หวังหนูกับซาหนูลงมือเหี้ยมโหด แต่ละกระบวนท่า
พุ่งไปที่จุดตายทั้งนั้น แต่คนเรือก็หลบได้หมด
ชื่อตันเหมยเองก็มองออกเช่นกัน นางหวังอยากจะให้หวังหนูกับ
ซาหนูจัดการกับคนเรือให้ได้ ถ้าอย่างนั้นคนชุดขาวก็จะต้องทําตามที่
ตกลงเอาไว้ ปล่อยตัวไป๋อวี่เฮ่อ นางรู้ว่าสภาพของไป๋อวี่เฮ่อแย่มากแล้ว
จะต้องทําการทําให้เลือดลมไหลเวียนให้เร็วที่สุด ก่อนหน้านี้นางไม่รู้ว่า
เขาถูกสกัดจุด ตอนนี้นางเข้าใจแล้ว เลือดลมไม่ไหลเวียนหลายวัน หาก
ปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาว อาจจะทําให้ชพ
ี จรเสียหาย จนทําให้ขยับไม่ได้
แล้วก็กลายเป็นคนพิการไป
แต่ว่าความหวังของนางมันเหมือนจะไม่สมหวัง หวังหนูกับซาหนู
ไม่เอาชนะได้อย่างรวดเร็ว แต่คนเรือกลับดุดันมากขึ้น นางกับฉีหนิงคิด
เหมือนกัน ไม่เกินร้อยกระบวนท่า หวังหนูกับซาหนูต้องแพ้แน่นอน
จากนั้นก็ได้ยินคนเรือคํารามเสียงออกมา เขากางแขนออก
ด้านข้าง ไม้ไผ่ในมือของเขามันกระจายตัวออกเหมือนแมงเม่า มัน
กระจายตัวออกเหมือนกําลังจะระเบิดเป็นดอกไม้ไฟ อาวุธไม้ไผ่
กลายเป็นอาวุธลับ พุ่งไปที่ตัวของหวังหนูกับซาหนู
หวังหนูกับซาหนูคิดไม่ถึงเลยว่าคนเรือจะสามารถเปลี่ยนไม้ไผ่น่ัน
เป็นอาวุธลับ อีกทั้งยังตกใจมากว่าคนๆ นั้นเหมือนจะใช้กําลังภายใน
ทั้งหมดในร่างกายในแค่พริบตาเดียวเท่านั้น เศษไม้ไผ่ มันเล็กและ
แหลมคมกว่าเข็มเงินซะอีก
หวังหนูกับซาหนูถึงแม้จะรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแน่แล้ว คิดอยากจะ
หลบ แต่ว่าคนเรือลงมือไวมาก ไม้ไผ่พวกนั้นมันพุ่งมาเต็มกําลัง ซัดเข้า
ในเนื้อตัวของหวังหนูกับซาหนู
ฉีหนิงเองก็หน้าถอดสี
ว่าด้วยเรื่องของแรงกําลัง ที่จริงมันคือการรวบรวมพลังทั้งหมดที่มี
มาไว้ในจุดเดียว สามารถออกแรงทั้งหมดในร่างกายที่มีได้อย่าง
แข็งแกร่ง เทียบได้กับการออกหมัด มันคือการรวบรวมกําลังทั้งหมดไป
ที่หมัด แล้วปล่อยออกไป เป็นการโจมตีศัตรู
เศษไผ่ที่คนเรือซัดออกไปทั้งสองมือนั้น คิดว่าน่าจะมีประมาณ
ร้อยแผ่นได้ ก็เท่ากับว่าเขาซัดอาวุธลับออกไปทีเดียวร้อยชิ้น ต่อให้เป็น
ยอดฝีมอ
ื ชั้นสูงด้านอาวุธลับ คงไม่สามารถซัดออกไปได้มากขนาดนั้น
ต่อให้ทําได้ ก็อาจจะไม่สามารถส่งผลอะไรต่อศัตรูได้
แต่ว่าคนเรือกลับซัดออกไปได้เต็มกําลัง ต่อให้หวังหนูกับซาหนู
เป็นยอดฝีมือ ก็ไม่มีทางหลบได้แน่นอน
หวังหนูกับซาหนูจะยอมได้ยังไง พวกเขากําลังจะบุกเข้าใส่อีก
ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า “มีแขกพิเศษมาเยี่ยมเยือน ทําไมถึง
ได้บังอาจขนาดนั้น? ยังไม่ถอยออกไปกันอีก” น�าเสียงเรียบง่ายมาก ฉี
หนิงไม่กล้าหันไปมอง ฟังจากสําเนียง ก็รู้ว่าเป็นท่านเจ้าเกาะไป๋อ
วินหม้อหลันชางแน่นอน บนเกาะไป๋อวิน เกรงว่าคงไม่มใี ครพูดกับหวัง
หนูกับซาหนูได้แบบนี้แน่นอน
หวังหนูกับซาหนูได้ยน
ิ เสียงที่ดังขึ้นมา ก็ถอยหลังกันไป จากนั้นก็
หันหลัง แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม
คนชุดขาวดูยังไงก็ผห
ู้ ญิง ทําไมท่านเจ้าเกาะถึงได้เรียกนางว่า
“โหวเยว่” ล่ะ? ในใต้หล้านี้ ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ได้รับบรรดาศักดิ์
โหวมาก่อน แล้ว “โหวเยว่” ที่ว่านั่นมันมาจากไหน โหวเยว่ของแคว้นฉู่
หรือว่าของเป่ยฮั่นกัน?
คนชุดขาวยืนอยู่บนหัวเรือ มองลงมามองเจ้าเกาะจากบนเรือ
หลังจากนั้นไม่ได้ เขาก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันนานหลายปี
เจ้าไม่เปลี่ยนเลยนะ”
ท่านเจ้าเกาะยิ้มแล้วพูดว่า “แต่โหวเยว่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมาก
ทีเดียว”
“เจ้าจะบอกว่าข้าภายนอกข้าเหมือนผูห
้ ญิงใช่ไหม?” คนชุดขาว
พูดอย่างติดตลกว่า “ที่จริงข้าชอบสภาพตอนนีม
้ ากเลยนะ เป็นผู้ชายไม่
ต้องระวังอะไรมากมาย รายะเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ประมาท แต่ว่าผู้หญิง
ละเอียดอ่อนมา ทําให้ได้ร็เรื่องอะไรต่อมิอะไรที่เคยรู้เลยเห็นมาก่อน
เลย”
ฉีหนิงตอนนี้รู้แล้วว่าผูห
้ ญิงคนนี้เป็นใครแล้ว
ครั้งแรกที่ฉีหนิงได้พบเขา ก็ไม่สามารถแยกแยะได้แล้วว่าเขาเป็น
เพศอะไร จากภายนอก ตอนนั้นเป่ยถังฮ่วนเย่เองก็สวยราวกับเทพธิดา
แล้ว ท่าทางของเขาเองก็อ้อนช้อยมาก แต่ว่าเสียงไม่ได้อ่อนหวานเล็ก
แบบตอนนี้
ในเมื่อเป็นผูห
้ ญิง ฉีหนิงไม่มท
ี างบอกว่าเขาเป็นต้าจงซือแน่นอน
ห้าต้าจงซือ ไม่มผ
ี ู้หญิงสักคน
พอรู้ว่าเขาคือเป่ยถังฮ่วนเย่ ถ้าอย่างนั้นข้อสงสัยก่อนหน้านี้ก็
คลี่คลายลงหมดแล้ว
สามารถจับตัวไป๋อวี่เฮ่อไปมัดไว้บนหัวเรือได้ คงมีแค่ต้าจงซือที่ทํา
ได้ สามารถเหยียบฉลามจนตายได้ในทะเลเหมือนกับเหยียบมด ก็มี
แต่ต้าจงซือที่ทําได้
ฉีหนิงนิง่ ไป
โม่อิ่งช่วยเซียวจ้าวจงก่อกบฏ สุดท้ายกลับต้องตายด้วยมือของ
เซี่ยงเทียนเป่ย แต่ว่าบัญชีแค้นนี้ เจ้าเกาะน่าจะโยนบาปให้เขาแน่นอน
“โชคดีนะที่เขาถูกเจ้าขับออกจากสํานักแล้ว ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เขาทํา
อาจจะต้องทําให้เจ้าเกาะไป๋อวินอย่างเจ้าขายหน้ามาก” เป่ยถังฮ่วนเย่
ยิ้มแล้วพูดว่า “อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่โดดเด่นมีหน้ามีตาในยุทธภพ
เพลงกระบี่ก็ใช้ได้ แต่กลับทําเรื่องเหมือนโจรสกปรก ทําให้คนรูส
้ ึกหดหู่
ใจจริงๆ”
เล่มที่ 49 บทที่ 1451 จงซือไร้คุณธรรม
ชื่อตันเหมยได้ยินเป่ยถังฮ่วนเย่ว่าไป๋อวี่เฮ่อเป็นพวกโจรสกปรก ใน
ใจของเขารู้สึกโกรธมาก นางรู้จักนิสัยของไป๋อวี่เฮ่อดี อย่าว่าแต่เรื่อง
ขโมยของเลย ต่อให้เอาของมีค่ามาให้เขา เขายังไม่สนใจเลย
นางคิดอยากจะโต้แย้งไป แต่นางก็รูด
้ ีว่าต้าจงซือทั้งสองคุยกัน
นางไม่มส
ี ิทธิไปแทรก
เจ้าเกาะสีหน้าไม่เปลี่ยน ยังยิม
้ เหมือนเดิม “ไม่ทราบว่าไป๋อวี่เฮ่อ
ไปทําอะไรผิดงั้นเหรอ ที่ทําให้โหวเยว่ไม่พอใจมากขนาดนี?้ ”
ฉีหนิงสะดุ้ง แอบคิดในใจว่าเป่ยถังห่าวตายเพราะไป๋อวี่เฮ่อ
เขารู้มานานแล้ว ชวีหยวนกู่อาศัยชื่อของเป่ยถังเฟิง ยกทัพซีเป่
ยบุกไปที่ด่านถงกวน แต่ด้านหลังกลับถูกขวาง ทําให้สถานการณ์ท้ัง
สองด้านคับขันมาก ด้วยสถานการณ์แบบนั้น หากกองทัพซีเป่ยไม่
สามารถยึดลั่วหยางได้ ถ้าอย่างนั้นกองทัพซีเป่ยก็อาจจะเกิดการ
เปลี่ยนแปลง ชวีหยวนกู่กับเป่ยถังเฟิงจะต้องพ่ายแพ้ยับแน่ ถ้าเป็น
อย่างนั้น เป่ยถังเฟิงอย่าว่าแต่เป็นฮ่องเต้เลย คิดว่าชีวิตก็ไม่นา่ รอด
เหมือนกัน
ตอนที่ฉห
ี นิงได้ข่าว ยังสงสัยอยู่เลยว่าเป่ยถังห่าวถูกสังหาร เขา
ตายเพราะลูกน้องของเป่ยถังเฟิงหรือว่าตายเพราะคนของเขาเอง? แต่
ว่าข่าวที่ได้รับรายงานมา ไม่ได้บอกชัดว่าใครคือคนร้าย
หรือว่าที่เป่ยถังฮ่วนเย่มาในครั้งนี้ ก็เพื่อถามหาความรับผิดชอบที่
ไป๋อวี่เฮ่อสังหารเป่ยถังห่าว? หากเป็นฝีมือของไป๋อวี่เฮ่อจริง ถ้าอย่าง
นั้นในสายตาของเป่ยถังฮ่วนเย่ การลอบสังหารมันก็เป็นการกระทําที่ไม่
ต่างกับโจรสกปรก
ฉีหนิงอดเหลือบไปมองเจ้าเกาะ คิดในใจว่าต้าจงซือไม่เข้าไป
พัวพันเรื่องทางโลก แต่ว่าเจ้าเกาะเหมือนจะแอบเคลื่อนไหว
ไป๋อวี่เฮ่อตอนนั้นถูกไล่ออกจากสํานัก แต่กลับไปเข้าหาเป่ยถังเฟิง
ฉีหนิงยังคิดอยู่เลยว่าตอนนั้นมันแปลกๆ ด้วยนิสัยเหย่อหยิง่ ของไป๋อวี่
เฮ่อนั้น จะยอมไปเป็นลูกน้องของเป่ยถังเฟิงได้ยังไง ตอนนี้เขาเข้าใจ
แล้ว ไป๋อวี่เฮ่อเองก็ช่วยเป่ยถังเฟิงฆ่าเป่ยถังห่าว ช่วยให้เป่ยถังเฟิงนั่ง
บัลลังก์
ไป๋อวี่เฮ่อสร้างผลงานใหญ่ได้ จะต้องได้รบ
ั ความไว้วางใจจากเป่ย
ถังเฟิงแน่นอน และมันก็จะส่งผลต่อการตัดสินใจต่างๆ ด้วย
ไป๋อวี่เฮ่อกับโม่อ่ิงคนหนึ่งขึ้นเหนืออีกคนลงใต้และเข้าร่วมในการ
ชิงดีชิงเด่นทางการเมือง เพียงแต่โม่อิ่งล้มเหลว แต่ไป๋อวี่เฮ่อทําสําเร็จ
สิ่งที่สําคัญที่สด
ุ คือ ไป๋อวี่เฮ่อถูกไล่ออกจากสํานัก ก็ตัดขาดกับทาง
เกาะไป๋อวินเลย ไม่ว่าเขาจะทําอะไร ก็ไม่เกี่ยวข้องกับท่านเจ้าเกาะอีก
ลอบสังหารเป่ยถังห่าวในลั่วหยาง ช่วยให้เป่ยถังเฟิงนั่งบัลลังก์ อา
จะเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นแผนการที่ท่านเจ้าเกาะคิดเอาไว้แล้ว แต่ว่า
สําเร็จหรือไม่ ท่านเจ้าเกาะเองก็ไม่แน่ใจ หากพลาด เป่ยถังฮ่วนเย่อาจะ
ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านเจ้าเกาะเลยไล่เขาออกจากสํานักไป
ก่อน เพื่อตัดสัมพันธ์ความเป็นศิษย์อาจารย์ของพวกเขา พอหากเป่ย
ถังฮ่วนเย่มาหาเขาถึงที่ ท่านเจ้าเกาะก็รบ
ั มือได้ง่าย
ฉีหนิงคิดในใจท่านเจ้าเกาะนี่คิดวางแผนอย่างรอบคอบ เพียงแต่
ในเมื่อไล่ไป๋อวี่เฮ่อไปแล้ว ทําไมไม่ไล่โม่อ่ิงไปด้วย ท่านเจ้าเกาะกลัวเป่ย
ถังฮ่วนเย่ หรือว่าไม่กลัวเป่ยกงเหลียนเฉิง?
“ลอบสังหารองค์ชายแคว้นเป่ยฮั่นเหรอ?” เจ้าเกาะท่าทางสบายๆ
มาก เขายิม
้ แล้วพูดว่า “มิน่าโหวเยว่ถึงได้บอกว่าเขาไม่ต่างกับโจร
สกปรก เป็นถึงมือกระบี่ ก็ควรจะเผชิญกับศัตรูซ่ึงหน้า แต่กลับทําเรื่อง
ลับหลังอย่างการลอบสังหาร ถือว่าเป็นการกระทําของคนต�าช้าจริงๆ”
ชื่อตันเหมยได้ยินเจ้าเกาะพูดแบบนี้ นางก็รู้สก
ึ เสียใจ
ด้วยนิสย
ั ชองไป๋อวี่เฮ่อ ไม่มีทางยอมเป็นไปนักฆ่าให้ใครแน่นอน
ในฐานะมือกระบี่ที่มีนิสย
ั ทรนงตน ไม่มท
ี างลดตัวไปเป็นนักฆ่า
แน่นอน สิ่งที่ไป๋อวี่เฮ่อต้องการตลอดชีวิตของเขา ก็คือการได้เป็นสุด
ยอดมือกระบี่ หากไม่ใช่คําสั่งของท่านเจ้าเกาะ ไป๋อวี่เฮ่อไม่มีทางทิ้ง
ศักดิ์ศรีของเขา ไปลอบสังหารเป่ยถังห่สวแน่นอน
ในโลกนี้ คิดว่ามีแค่ท่านเจ้าเกาะคนเดียวเท่านั้นที่ไป๋อวี่เฮ่อจะยอม
ลดศักดิ์ศรีของตัวเองลง
ไป๋อวี่เฮ่อถูกพากลับมาที่เกาะไป๋อวิน แสดงว่าต้องถูกเป่ยถังฮ่
วนเย่ตรวจสอบมาแล้ว ดังนั้นถึงได้พาเขากลับมาถามหาความ
รับผิดชอบแบบนี้ ชื่อตันเหมยรู้เป่ยถังฮ่วนเย่ไม่ได้ให้ความสําคัญกับ
ชีวิตเลย ใครจะเป็นจะตายในสายตาของเขามันไม่มีความหมาย ไป๋อวี่
เฮ่ออยู่ในมือของเขา คิดจะเอาชีวิตเขานั้น มันเป็นเรื่องแค่เพียงพริบตา
ตอนนี้คนที่จะช่วยไป๋อวี่เฮ่อได้มแ
ี ค่ท่านเจ้าเกาะเท่านั้น
ต้าจงซือมีศก
ั ดิ์ศรีกแบบต้าจงซือ
หากท่านเจ้าเกาะยอมพูดดีดีกับเป่ยถังฮ่วนเย่ หรือว่ายอมก้มหัวให้
เป่ยถังฮ่วนเย่ก็อาจจะยอมไว้ชีวิตไป๋อวี่เฮ่อก็ได้ เพราะในสายตาของ
เป่ยถังฮ่วนเย่ ชีวิตของไป๋อวี่เฮ่อไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาอยู่แล้ว
การที่เจ้าเกาะยอมอ่อนข้อให้ มันเป็นเรื่องที่ได้หน้ามาก
ทําให้ต้าจงซือยอมอ่อนข้อได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ว่าไป๋อวี่เฮ่อติดตามท่านเจ้าเกาะมานาน จงรักภักดีต่อเขามาก
การกระทําในครั้งนี้ก็เป็นคําสั่งของท่านเจ้าเกาะ ชื่อตันเหมยหวัง
อยากจะให้เจ้าเกาะเห็นแก่ความเป็นศิษย์อาจารย์ ยอมช่วยเขา
แต่ว่าเจ้าเกาะไม่เพียงไม่พูดจาออกหน้าช่วยไป๋อวี่เฮ่อ อีกทั้งยัง
บอกว่าเขาทําเรื่องไม่สมควรจริงๆ อีก ชื่อตันเหมยรู้ว่าไป๋อวี่เฮ่อถูกสกัด
จุดไว้ด้วย เสียงที่อยู่รอบๆ ตัวเขาเขาต้องได้ยน
ิ อย่างชัดเจนมาก ถ้าเขา
ได้ยินสิง่ ที่เจ้าเกาะพูด ในใจของเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนกัน
ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยมองหน้ากัน สายตาของพวกเขาสงสัยมาก
ทันใดนั้นเองเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า หรือว่าเป่ยถังฮ่วนเย่ไม่ได้มาเพราะ
เรื่องการลอบสังหาร?
เจ้าเกาะนิ่งมาก เขายิม
้ แล้วถามว่า “ของที่โหวเยว่ว่ามันคืออะไร
เหรอ?”
ในหลายปีที่ผ่านมา เจ้าเกาะจะคิดอยากจะได้ของสามอย่างนี้มา
ตลอด ชื่อตันเหมยลอบเข้าวังแคว้นฉู่ไปตามหาพิณเฟิงหวง หลอกใช้
เจียงซุยอวินไปเอาทํานองนรก ส่วนไป๋อวี่เฮ่อเองก็กลายมาเป็นหมาก
อีกตัวของเจ้าเกาะ ไปเอาขลุ่ยจื่อหลงที่เป่ยฮั่น
การจะไปเอาของสามอย่างมา ท่านเจ้าเกาะไม่สะดวกออกหน้า
เลยต้องหลอกใช้ศิษย์ของเขาทั้งสามคน ให้พวกเขาไปออกตามหามา
ให้เขา
เป่ยถังฮ่วนเย่ไม่ได้สนใจเรื่องการแย่งชิงอํานาจ แต่ว่าต้าจงซือคน
นี้เหมือนอยากจะได้ของสามอย่างนั้นเหมือนกัน ขลุ่ยจื่อหลงอยู่ใน
วังเป่ยฮั่น นั่นก็ไม่ต่างกับการอยู่ในมือของเป่ยถังฮ่วนเย่ เจ้าเกาะส่งคน
ไปเข้าถ�าเสือ ไม่แปลกที่เป่ยถังฮ่วนเย่จะจับไป๋อวี่เฮ่อมาถามหาความ
รับผิดชอบที่เกาะไป๋อวิน
เป่ยถังฮ่วนเย่ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านเจ้าเกาะรู้สึกว่าเขาสมควรตาย
เหรอ?”
เจ้าเกาะกลับไม่แม้แต่จะมองชื่อตันเหมยเลย เขายิ้มแล้วพูดว่า
“ไป๋อวี่เฮ่อกับเกาะไป๋อวินไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว จะเป็น
หรือตาย ก็แล้วแต่โหวเยว่จะจัดการเถอะ หากข้าพูดอะไรมากไป
อาจจะทําให้โหวเยว่รู้สึกว่าข้ากําลังปกป้องเขาอยู่”
ในเวลานี้เอง กลับได้ยน
ิ เสียงหัวเราะดังขึ้น
เสียงหัวเราะมันแสบแก้วหูมาก เจ้าเกาะกับเป่ยถังฮ่วนเย่อดหันไป
มองไม่ได้เลย คนที่หัวเราะกลับเป็นฉีหนิง
“ก็ต้องหัวเราะในเรื่องที่น่าขําน่ะสิ” ฉีหนิงเหมือนจะหัวเราะไม่
หยุดเลย เขาชี้ไปที่เจ้าเกาะ แล้วก็ชี้ไปที่เป่ยถังฮ่วนเย่ แล้วพูดว่า “ที่แท้
พวกต้าจงซือ มันก็แค่นเี้ อง ก็แค่นี้เองเหรอเนี่ย”
การใช้นว
้ิ ชี้ไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง มันเสียมารยาทมาก อีกทั้งยังชี้
ไปที่ต้าจงซือด้วย น�าเสียงการพูดของฉีหนิงเป็นการประชดประชัน “ก็
แค่นี้เอง” มันฟังแล้วแสลงหูมาก
ชื่อตันเหมยเดิมก็กังวลความเป็นความตายของไป๋อวี่เฮ่ออยู่แล้ว
ตอนนี้เห็นฉีหนิงเป็นแบบนี้อีก นางก็ยง่ิ ทําอะไรไม่ถูก
ชื่อตันเหมยเห็นเจ้าเกาะคิ้วเริม
่ สั่น นางก็ตกใจ คิดในใจว่าเจ้าเกาะ
คิดจะลงมือแน่แล้ว
เป่ยถังฮ่วนเย่ยิ้มแล้วถามว่า “เจ้าคิดว่าข้าควรจะถามหาเอาความ
กับเจ้าเกาะงั้นเหรอ?”
“ไม่จําเป็นต้องมาถามหาความรับผิดชอบหรือเอาความหรอก
พวกท่านคิดจะสู้กัน ใครจะชนะแน่ก็ยงั ไม่รู้เลย” ฉีหนิงพูดว่า “ข้ารู้ว่า
ท่านเจ้าเกาะไล่ไป๋อวี่เฮ่อออกจากสํานัก เพราะกังวลว่าสักวันโหวเยว่จะ
มาเอาเรื่องจากเขา แต่ว่าสําหรับพวกท่านทั้งสองแล้ว จะถามหาเอา
เรื่องหรือไม่ทํามันต่างกันยังไงเหรอ พวกท่านเคยเคารพหลักคุณธรรม
ของมนุษย์หรือยังไงกัน? การถามหาเอาความที่ว่า มันก็แค่สิ่งที่พวก
ท่านแค่พูดออกมาตามมารยาทเท่านั้น หรือว่าที่จริงแล้วต้าจงซือก็แค่
ชอบทําสงครามน�าลายกัน? เพราะกังวลว่าเถียงสู้กันไม่ได้ ถึงกับ ......
ท่าเจ้าเกาะ ไป๋อวี่เฮ่อกับท่านเป็นศิษย์อาจารย์กัน เพื่อทําให้ท่านพอใจ
เขาไม่สนใจในศักดิ์ศรีของตัวเอง ถึงกับไปขโมยขลุ่ยจื่อหลงในวังเป่ยฮั่น
ให้ ตอนนี้ท่านกลับไม่สนใจความภักดีของเขา เห็นเขากําลังจะตายยัง
ไม่คิดจะช่วย พูดตามตรง วันนีท
้ ่าทีของพวกท่านทั้งสองแล้ว มันน่า
ผิดหวังจริงๆ”
ฉีหนิงพูดแค่ไม่ก่ีคํา ทําให้ต้าจงซือทั้งสองเสียหน้ามาก พวกเขา
ยังคงนิ่งแต่ก็อับอาย
ทันใดนั้นเอง เป่ยถังฮ่วนเย่ก็หว
ั เราะออกมาอย่างเสียงดัง เสียง
หัวเราะอ่อนหวานมาก แต่ในเมื่อฉีหนิงรู้แล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ได้ยิน
ผู้ชายคนหนึ่งหัวเราะแบบนี้ มันทําให้เขาขนลุก เจ้าเกาะเองก็หัวเราะ
ออกมาเช่นกัน
เสียงคลื่นยังดังเหมือนเดิม แต่ถก
ู เสียงหัวเราะของทั้งสองคนกลบ
ไปหมดเลย
“ท่านเจ้าเกาะคงไม่ได้เจอคนรุ่นหลังที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต�าแบบนี้
มานานหลายปีแล้วสินะ?” เป่ยถังฮ่วนเย่พูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย
เจ้าเกาะเองก็หว
ั เราะแล้วพูดว่า “ความคิดคนหนุ่มที่เกรงกลัว
อะไร สมกับเป็นผู้กล้าวัยเยาว์จริงๆ เลยนะ”
เป่ยถังฮ่วนเย่ลอยตัวขึ้นเหมือนก่อนเมฆแล้วมายืนบนหาดทราย
เขายิ้มแล้วพูดว่า “หลายปีผ่านไป เจ้ายังจําได้ว่าข้าชอบอะไร”
“เชิญ”
หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ฉีหนิงถึงได้สติกลับมา
ไป๋อวี่เฮ่อเองที่จริงก็เป็นคนหน้าตาดี แต่ว่าตอนนี้ดวงตาของคล�า
หก ใบหน้าไม่มีเลือดฝาด ผอมซูบด้วย ดูเหมือนผีเลย ที่น่ากลัวก็คือ ผม
ที่ดกดําของเขา ตอนนีม
้ ันเป็นสีขาวเหมือนหิมะเลย
ทั้งสองคนพยุงเขามานั่งลงที่หาดทราย ชื่อตันเหมยเห็นหวังหนูกับ
ซาหนูอยู่ไม่ไกล ก็ส่งั ไปว่า “พวกเจ้ารีบไปเอาอาหารกับน�ามาเร็วเข้า”
ทั้งสองคนเห็นไป๋อวี่เฮ่อผมขาวหมด ก็ตกใจมากเหมือนกัน ได้ยิน
ชื่อตันเหมยสั่งมา พวกเขาก็ไม่รอช้า รีบไปหาอาหารมา
ฉีหนิงเห็นไป๋อวี่เฮ่อสภาพแบบนี้ เขาเองก็ตกใจ
เขาเคยเห็นตอนที่ไป๋อวี่เฮ่อสง่างามมาก เขามีราศีแบบคุณชายผู้
สูงศักดิ์ แต่ว่าเขาในตอนนี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ไม่เพียง
หน้าตาไม่เหมือนเดิม สายตาก็ยังดูว่างเปล่า ไม่มป
ี ระกาย เหมือนคน
เสียสติไปแล้ว
ฉีหนิงรู้ว่านี่ไม่ใช่เพราะเขาหิว เป่ยถังฮ่วนเย่เองก็ไม่มท
ี างใช้กําลัง
ทารุณเขาแน่นอน แต่เป็นเพราะหลังจากถูกจับ เขาคงทนต่อผลกระทบ
ทางจิตใจไม่ไหวแน่ๆ
“กระบี่?”
ไป๋อวี่เฮ่อพูดซ�าเหมือนเดิม “กระบี่ของข้าหักแล้ว?”
กระบี่อูเหยาหักแล้ว
ชื่อตันเหมยหดหู่ใจมาก
ไป๋อวี่เฮ่อถึงแม้จะอายุมากกว่าชื่อตันเหมย แต่ก็มากกว่าไม่มาก
ถึงแม้เขาจะเป็นคนพูดน้อย แต่ว่าก็เป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน พอเห็น
ชื่อตันเหมยอยูบ
่ นเกาะคนเดียวแล้วเหงา เลยมาดูแล ทั้งสองคนโตมา
ด้วยกัน ถึงแม้จะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่ก็เหมือน
สภาพของไป๋อวี่เฮ่อในตอนนี้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่ามือกระบี่คนนี้
เขาสิ้นหวังแล้วจริงๆ
กระบี่อูเหยาหักแล้ว สําหรับไป๋อวี่เฮ่อเท่ากับว่าเส้นทางสายกระบี่
ของเขาไปต่อไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีเส้นทางกระบีน
่ ําทางชีวิต ชื่อตันเหมย
ไม่รู้เลยว่าต่อไปเขาจะอยู่ยังไง
นางอดที่จะโกรธแค้นไม่ได้
เป่ยถังฮ่วนเย่ไม่มีทางไม่รู้ว่าการทรมานหยามเกียรติของมือกระบี่
คนหนึ่งแบบนี้ มันเท่ากับการทําลายชีวิตเขา
ท่าท่างของฉีหนิงเองตอนนี้ก็ไม่ปกติ
แต่พอได้เห็นสภาพของไป๋อวี่เฮ่อ คิดถึงความสง่างามของเขาใน
วันวาน เขาก็นก
ึ ถึงคําพูดของเป่ยถังชิ่งขึ้นมา
ต้าจงซืออยู่เหมือนตัวประหลาด พวกเขาไม่สนใจสิ่งมีชีวิตอื่นเลย
คนพวกนี้ไม่เคารกฎเกณฑ์ในโลก คิดแต่กฎของตัวเอง หากวันไหนเกิด
คลั่งขึ้นมา เข่นฆ่าผู้คนไม่เลือกหน้า ถ้าอย่างนั้นมันถือเป็นหายนะครั้ง
ใหญ่เลย
เป่ยถังฮ่วนเย่เหยียบหัวฉลามในทะเลตายไปสิบกว่าตัว คนเรือพูด
ไม่เข้าหูนิดเดียว ก็ตายแล้ว ส่วนไป๋อวี่เฮ่อก็ถูกเป่ยถังฮ่วนเย่ผลักตกเหว
ทั้งเป็น
แม้แต่ยอดฝีมืออย่างไป๋อวี่เฮ่อยังถูกต้าจงซือทําให้กลายเป็น
เหมือนศพเดินได้อย่างง่ายๆ ถ้าอย่างนั้นคนธรรมดาทั่วไป ก็คงไม่ต้อง
พูดถึง
ฉีหนิงรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทีเดียว
กระบี่หมายถึงกระบี่อูเหยา บ้านนั่นก็หมายถึงเกาะไป๋อวิน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไป๋อวี่เฮ่อเลยกลายเป็นแค่เครื่องมือของเขา
เท่านั้น
ไป๋อวี่เฮ่อกลายเป็นแบบนี้ ถึงแม้เป่ยถังฮ่วนเย่จะเป็นคนลงมือ แต่
แท้ที่จริงแล้ว ก็เป็นผลจากการกระทําของเจ้าเกาะ
กระบี่อูเหยาหักแล้ว สําหรับไป๋อวี่เฮ่อนั้นมันเป็นอะไรที่ถึงตายมาก
ส่วนไป๋อวี่เฮ่อก็ได้รู้แผนการที่เจ้าเกาะวางเอาไว้ มันทําให้เขาสิน
้ หวังถึง
ที่สุด
ชื่อตันเหมยยังคิดจะยื่นมือไปดึงเขาเอาไว้ แต่ฉีหนิงกลับดึงมือของ
นางแล้วส่ายหน้า
ฉีหนิงเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า
เขาเข้าใจความรู้สึกของไป๋อวี่เฮ่อดี ไป๋อวี่เฮ่อไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
ต่อไปแล้ว ต่อให้เขาอยูต
่ ่อไป แต่ละวันมันคือความทุกข์ทรมาน สําหรับ
เขาแล้ว มันคือการทรมานให้ศพเดินได้ต้องใช้ชีวิตต่อไปแบบทุกข์ที่สุด
การเดินลงทะเลไป มันอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สด
ุ สําหรับเขา
ฉีหนิงเข้าใจ แล้วทําไมชื่อตันเหมยถึงจะไม่เข้าใจ
ไป๋อวี่เฮ่อตัดสินใจจะตาย ในโลกนีก
้ ็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความคิด
เขาได้ ชื่อตันเหมยไปดึงมือเขาไว้ แต่มน
ั จะยิ่งทําให้เขาทุกข์ทรมานใจ
ยิ่งขึ้นไปอีก
ฉีหนิงกับไป๋อวี่เฮ่อไม่ได้รู้จักอะไรกันมาก แต่เขารู้ว่าไป๋อวี่เฮ่อรัก
ชื่อตันเหมยจริงๆอีกทั้งเขาเองก็มีอนาคตที่สดใสมาก แต่กลับต้องมา
กลายเป็นเครื่องมือในการห�าหั่นกันของพวกต้าจงซือ
หลังจากนั้นอยูน
่ าน ชื่อตันเหมยก็หยุดนร้อง ในที่สุดนางก็ยอมที่
จะมองไปที่ทะเล แต่ตอนนี้นางไม่เห็นไป๋อวี่เฮ่อแล้ว
หวังหนูกับซาหนูเอาอาหารกลับมาที่ชายหาด ไป๋อวี่เฮ่อก็ถูกทะเล
กลืนไปแล้ว พวกเขาเห็นชื่อตันเหมยร้องไห้อยูใ่ นอ้อมกอดของฉีหนิง
ทั้งสองคนก็มองหน้ากัน พวกเขาก็พอจะเดากันออก ท่าทางของพวก
เขาก็เศร้ามาก จากนั้นก็หน
ั หลังแล้วค่อยๆ เดินจากไป
ฉีหนิงจูงมือชื่อตันเหมยเดินเรียบไปตามชายหาด
พวกเขาเดินออกห่างจากเรืออูเผิงมามากแล้ว จากนั้นฉีหนิงก็หยุด
ลง เขาจูงมือชื่อตันเหมยนั่งลงบนหาดทราย เขาพูดว่า “สําหรับศิษย์พี่
ไป๋แล้ว มันคือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เจ้าเองก็อย่าสียใจเกินไปนะ”
“ในสายตาต้าจงซือ คนในโลกนี้ไม่มีอะไรที่พวกเขาต้องไปสนใจ
หรอก” ฉีหนิงพูดว่า “พวกเขาสนใจแต่ตัวเอง”
ชื่อตันเหมยมองไปที่ฉห
ี นิง ฉีหนิงพูดว่า “เจ้าเกาะรอเป่ยถังฮ่วนเย่
ขึ้นเกาะมาเพื่อขลุ่ยจื่อหลง เป่ยถังฮ่วนเย่มา ก็คงเพื่อพิณเฟิงหวง จะว่า
ไปแล้ว พวกเขาก็ต่างมีเป้าหมายของตัวเอง”
“ทําไมพวกเขาต้องการเครื่องดนตรีพวกนั้นจัง?” ชื่อตันเหมย
ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจาเกาะสั่งให้ข้ากับศิษย์พใี่ หญ่ไปเอาพิณเฟิงหวง
จากแคว้นฉู่มา แล้วยังสั่งให้ศษ
ิ ย์พี่ไป๋ไปเอาขลุ่ยจื่อหลงที่วังหลวงแคว้น
เป่ยฮั่น เครื่อง ...... เครื่องดนตรีสองตัวนี้มันเอามาใช้ประโยชน์อะไรกัน
แน่?”
เรื่องพวกนี้ ชื่อตันเหมยไม่รู้เลย
เจ้าเกาะสั่งให้ศษ
ิ ย์ของตัวเองไปตามหาเครื่องดนตรีเทพมา แต่
ไม่ได้บอกว่าเอามาใช้อะไร ถึงแม้ช่ อ
ื ตันเหมยจะสามารถนําพิณเฟิงหวง
กลับมาได้ แต่ว่าเจ้าเกาะจะเอาไปใช้ทําอะไร ชื่อตันเหมยไม่รู้เลย
“ทํานองเพลงสามบทนั้นปรากฎอีกครั้งหลังจากนั้นสิบปี โดยนัก
ดนตรียอดฝีมือคนหนึ่ง เขารู้ว่าเครื่องดนตรีธรรมดานั้นไม่สามารถ
บรรเลงมันออกมาได้ ดังนั้นก็เลยลงทุนทําพิณออกมาสองหลัง คือเฟิง
หวงกับไป่เหนี่ยว นอกจากนี้ยังมีขลุ่ยจื่อหลงอีก พิณเฟิงหวงกับขลุ่ยจื่
อหลงต้องบรรเลงพร้อมกัน ถึงจะสามารถเล่นบทเพลงนรกได้”ฉีหนิง
พูดว่า “พวกต้าจงซือล้วนแต่อยากจะได้ของสามสิง่ นีม
้ า เลยยอมทําทุก
วิถีทาง”
ฉีหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “พวกต้าจงซือล้วนแต่มีอาการบาดเจ็บ
ติดตัวมาทุกคนไม่มียกเว้น พวกเขาสามารถทะลวงขีดจํากัดของ
ร่างกายตัวเองได้อย่างกะทันหัน เป็นคนเหนือคน แต่เพราะแบบนี้ ทํา
ให้เกิดอาการข้างเคียงกับร่างกายของตัวเองอย่างมาก ต่อหใพวกเขาจะ
มีวิชาร้ายกาจแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถทนความทรมานที่เกิดจาก
ร่างกายพวกเขาเองได้” เขาหยุดไปครูห
่ นึ่ง เหลือบไปมองชื่อตันเหมย
แล้วพูดว่า “ในหลายปีที่ผ่านมา ท่านเจ้าเกาะแอบติดต่อกับฝ่าอ๋องของ
เขาต้าเสวียนซานโดยตลอด พวกเขาทําข้อตกลงแลกบัวหิมะกับไข่มุก
ราตรี เรื่องนี้เจ้ารู้หรือเปล่า?”
ชื่อตันเหมยส่ายหน้า แต่ดวงตาของนางกลับเป็นประกายขึ้นมา
“ข้ารู้ว่าฮ่องเต้ตงฉีได้มอบไข่มุกราตรีให้ท่านเจ้าเกาะ ไข่มุกนั่นมันมา
จากหอยหิมะ มีแต่ในท้องทะเลลึกเท่านั้น เพื่อการนี้พวกเขาถึงกับ
รวบรวมคนมาค้นหาหอยหิมะโดยเฉพาะเลย แต่ละปีมีคนตายไป
มากมาย แต่ได้มาแค่เม็ดสองเม็ดเท่านั้น มันหายากมาก”
ชื่อตันเหมยคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแปลกขนาดนี้ คิดถึงเรื่องที่
เกิดขึ้นเมื่อก่อน นางก็เข้าใจอะไรขึ้นมา “ดังนั้นตอนนี้พวกต้าจงซือเลย
มาคาดหวังเอากับยาเม็ดเสวียนอู่อย่างนั้นใช่ไหม?”
“ต้าจงซือมีร่างกายที่ไม่มีวันตาย แต่ว่าด้วยเวลาที่ผ่านไป ร่างกายของ
พวกเขามันแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความเจ็บปวดทรมานมันก็มีมาก
ตามไป จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว” ฉีหนิงพูดอย่างจริงจังว่า “พวกเขาเลย
พยายามทําทุกอย่างเพื่อให้ได้ยาเม็ดเสวียนอู่ ท่านเจ้าเกาะกับเป่ยถังฮ่
วนเย่มาพบกัน ก็เพื่อยาเสวียนอู่” เป้าหมายคือทะเลเขาพูดว่า “หากข้า
เดาไม่ผด
ิ เป่ยถังฮ่วนเย่กลายสภาพเป็นแบบนั้น น่าจะเป็นเพราะพลังชี่
ในร่างกาย”
เล่มที่ 49 บทที่ 1454 ตอนตัวเอง
ชื่อตันเหมยพูดว่า “เจ้าว่าเป่ยถังฮ่วนเย่เป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิง?”
ชื่อตันเหมยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเองก็ไม่ได้มองเขาเป็นผูช
้ าย
อีกทั้งท่าทางของเขา ก็เหมือนผู้หญิงมาก” นางคิดแล้วพูดว่า “ผู้ชาย
คนหนึ่งหากแต่งตัวเป็นผู้หญิง ต่อให้แสดงดีแค่ไหน ก็มองออกได้ง่าย
แต่ว่าเขาไม่ว่าจะหน้าตาหรือว่าท่าทางเหมือนผูห
้ ญิงมาก หาได้ยาก
ทีเดียว”
“เจ้าคิดว่า เขากลายเป็นผู้หญิงไปแล้วหรือยัง?”
“หมายความว่าไง?”
“จําได้สิ แต่ว่าเจ้างูยักษ์น่น
ั มันเกี่ยวอะไรกับเป่ยถังฮ่วนเย่?”
“เป่ยถังฮ่วนเย่เคยแอบลอบเข้าไปในวัง แล้วดื่มเลือดจากงูตัวนั้น”
ฉีหนิงพูดว่า “เขาคุ้นเคยเส้นทางในวังหลวงแคว้นฉู่อย่างดี ดังนั้นนั่น
ต้องไม่ใช่ครั้งแรกของเขาแน่ ก่อนหน้านั้น เขาน่าจะเคยไปหลายครั้ง”
“ดื่มเลือดจากงูกยักษ์น่น
ั เหรอ?”
“ฝ่าอ๋องใช้บัวหิมะในการคุมความร้อนใจร่างกาย เจ้าเกาะใช้ไข่มุก
ราตรี ถึงจะอย่างนั้น ก็ยงั ไม่ได้ผลมาก” ฉีหนิงพูดว่า “เลือดงูยก
ั ษ์สู้ยา
สมุนไพรสองตัวนั้นไม่ได้ ทําไมเป่ยถังฮ่วนเย่กลับยังสามารถต้านไอร้อน
ในตัวของเขาได้อยู่ล่ะ?”
ชื่อตันเหมยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หรือว่าไอร้อนในร่างกายของเป่ย
ถังฮ่วนเย่น้อยกว่าคนอื่น?”
ชื่อตันเหมยเหมือนจะเข้าใจแล้วก็ไม่เข้าใจ ฉีหนิงถอนหายใจแล้ว
พูดว่า “เขาเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ อาจจะ ...... ตอนตัวเองไปแล้วก็ได้”
ตอนที่ไปที่วัดต้ากวงหมิง พอรูแ
้ ผนการของกลุ่มฝูผิง อีกทั้งยังเชิญ
เขาเข้าร่วม ฉีหนิงรู้สึกว่าความเป็นความตายของพวกเขามันไม่เกี่ยวกับ
เขา เขาไม่อยากไปยุ่งกับพวกตัวประหลาดนั่น ดังนั้นเลยปฏิเสธพวกจั่ว
ชิงหยางไป
แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ว่า เมื่อสิบปีก่อนกลุ่มฝูผิงก็เริ่มวางแผนการแล้ว
พวกเขามองการณ์ไกลกันมาก คิดว่าหากต้าจงซือทนความเจ็บปวดไม่
ไหว อาจจะคลั่ง แล้วก็ก่อหายนะขึ้นได้
จั่วชิงหยางกับคงฉานไต้ซือเป็นผู้อาวุโสมีประสบการณ์ มองการณ์
ไกลมาก ไม่อย่างนั้นพวกเขาเองก็ไม่มท
ี างเข้าร่วมกลุ่มฝูงผิงแน่นอน
เป่ยถังชิง่ สร้างกลุ่มฝูผิงมา แรงจูงใจของเขาไม่ใช่เพื่อคนอื่น แต่
ต้องการกําจัดเป่ยถังฮ่วนเย่ เพราะมีแค่นี้เท่านั้น เป่ยถังชิ่งถึงกล้าที่จะ
ลงมาชิงแผ่นดิน แต่จ่ัวชิงหยางกับคงฉานไต้ซือเหมือนจะทําเพื่อคน
อื่นๆ
เสียงขลุ่ยเหมือนดังมาจากที่ไกลๆ แต่มันก็รูส
้ ก
ึ ใกล้เหมือนกัน
“สัตว์เทวะเสวียนอู่จะปรากฎตัวในแทบตงไฮ่ในปีน”
ี้ ฉีหนิงพูดว่า
“พวกเขาน่าจะเตรียมเดินทางไปตามหาสัตว์เทวะกัน เพื่อล่อให้สัตว์เท
วะออกมา จะต้องทําการบรรเลงเพลง แต่ว่าในมือของพวกเขาไม่มี
ทํานองนรก หากเป่ยกงเหลียนเฉิงไม่มา ทุกอย่างก็สูญเปล่า”
“ทํานองนรกอยู่ในมือของเป่ยกงเหลียนเฉิงงั้นเหรอ?”
ฉีหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ที่จริงทํานองนรกเดิมทีมันอยู่ในมือข้า
ต่อมาถูกเป่ยกงเหลียนเฉิงเอาไป ตอนนั้นข้าเองก็ไม่รูว
้ ่าทํานองนรกที่ว่า
มันไว้ทําอะไร เพิ่งจะมารู้เมื่อไม่นานมานี้แหละ”
ชื่อตันเหมยรู้สก
ึ แปลกใจมาก แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก นางพูดแค่
ว่า “ในเมื่อเป่ยกงเหลียนเฉิงเอาทําลองนรกไป เขาก็จะต้องรู้ว่ามัน
สามารถล่อสัตว์เทวะได้ ต่อให้อยู่ในมือเขา เขาก็ทําอะไรไม่ได้ ยังไงก็
ต้องมาหาสองคนนั้นแน่นอน”
“ข้าได้ยน
ิ มาว่าที่ตงไฮ่มีเกาะร้างอยู่เกาะหนึ่ง สัตว์เทวะเคยไป
ปรากฎตัวที่น่น
ั มาก่อน หากต้องล่อมันออกมา พวกเขาต้องไปที่เกาะ
นั้นแน่นอน” ฉีหนิงพูดว่า “หากพวกเขาไปที่เกาะร้อาง เป่ยกงเหลียน
เฉิงก็จะต้องไม่พลาดแน่นอน”
ฉีหนิงคิดในใจว่าสิ่งที่เจ้าพูดมามันคือผลลัพธ์ที่กลุ่มฝูผงิ ต้องการ
นั่นก็คือการให้ต้าจงซือเข่นฆ่ากันเอง
หากสัตว์เทวะเสวียนอู่มีอยู่จริง ถ้าอย่างนั้นต้าจงซือคิดจะชิงยากัน
พวกเขาจะต้องไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถึงเวลานั้นจะต้องเกิดศึก
ประจัญบานครั้งใหญ่แน่
เสียงขลุ่ยดังยาวนานมาก เสียงพิณเองก็ดังขึ้นมาเช่นกัน
ทั้งสองคนรู้ดี มันน่าจะเป็นการบรรเลงร่วมกันระหว่างเจ้าเกาะ
กับเป่ยถังฮ่วนเย่ สําหรับพวกเขาสองคนแล้ว ยาเม็ดเสวียนอู่ยังไงก็ต้อง
ได้มา พวกเขาถึงได้สนใจในเรื่องนี้มาก เป่ยถังฮ่วนเย่มาที่เกาะ ทั้งสอง
เลยเร่งรีบในการเล่นร่วมกันก่อน เพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการล่อสัตว์
เทวะเสวียนอู่ ส่วนไป๋อวี่เฮ่อที่เพิ่งจะเดินลงทะเลไป ในสายตาของ
พวกต้าจงซือ เกรงว่ายังสู้แมลงวันไม่ได้เลย พวกเขาไม่สนใจอยู่แล้ว
“เราไปดูกันไหม?” ฉีหนิงพูดขึ้นมา
ชื่อตันเหมยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้ายังจะไปเจอพวกเขาอีก
เหรอ?”
การตายของไป๋อวี่เฮ่อ ทําให้ช่ อ
ื ตันเหมยแค้นเป่ยถังฮ่วนเย่มาก ใน
ใจลึกๆ ของนางก็ผิดหวังกับเจ้าเกาะด้วย นางไม่อยากจะเห็นหน้าพวก
เขาเลย
“ในเมื่อมาแล้วก็ทําใจให้สบายเถอะนะ ข้าอยากจะรู้ว่าบทสรุป
เรื่องนี้มน
ั จะเป็นยังไง” ฉีหนิงจูงมือของชื่อตันเหมย แล้วเดินไปตาม
เสียงดนตรี
ในเมื่อวังหลวงตงฉีมก
ี ารวางค่ายกล ถ้าอย่างนั้นบนเกาะไป๋อวิ
นเองก็ต้องมีการวางค่ายกลเอาไวเหมือนกัน
ยายแก่ที่ว่าก็คือเหมียวอู๋จี๋
ตอนที่ฉห
ี นิงเดินทางไปที่ตงฉี ชื่อตันเหมยลอบเข้าวังไปสังหาร
ฮ่องเต้ตงฉีแล้วได้รับบาดเจ็บ ฉีหนิงช่วยนางเอาไว้ เลยพานางไปที่ปา่
ไผ่วิญญาณเพื่อให้ท่านหมอเหมียวรักษา ใครจะคิดว่าจะหลงกลเกือบ
ตายเพราะนางแล้ว ต่อมาเจ้าเกาะกับเป่ยกงเหลียนเฉิงปรากฎตัวขึ้น
แล้วแก้ไขสถานการณ์ไป หมอเหมียวก็ถูกนําตัวกลับมาที่เกาะไป๋อวิน
“หือ?”
“พวกเจ้าไปถามท่านเจ้าเกาะสิ” หมอเหมียวพูดด้วยน�าเสียง
สะอื้น “คําสั่งของท่านเจ้าเกาะ ต่อให้ขา้ ใจกล้ามากแค่ไหนก็ไม่กล้าขัด
หรอก”
ฉีหนิงตอนนั้นก็งงเหมือนกันว่าทําไมเจ้าเกาะต้องพานางกลับมา
กลับมาที่เกาะไป๋อวินด้วย เลยเดาไว้ว่านางน่าจะได้รับคําสั่งจากท่าน
เจ้าเกาะมา แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ ตอนนี้ได้ยินท่านหมอเหมียวยอมรับมา
แบบนี้ ก็มองไปที่ช่ อ
ื ตันเหมย แล้วเก็บขากลับมา หมอเหมียวลุกขึ้นมา
นั่ง เงยหน้ามองฉีหนิงแล้วพูดว่า “ที่ข้าพูดคือความจริงนะ ไม่ได้โกหก
เลย”
“เจ้าพูดแบบนีห
้ มายความว่ายังไง?”
เหมียวอู๋จี๋ลังเล แต่ก็พด
ู ว่า “เมื่อหลายปีก่อน ท่านเจ้าเกาะไปหาข้า
ข้าตกใจมาก แต่ว่า ...... อาการที่ท่านเจ้าเกาะเป็น มันไม่เหมือนปกติ
ข้าไม่เคยเจอมาก่อน ต่อมา ...... ต่อมาถึงได้รู้ว่าในร่างกายของท่านเจ้า
เกาะนั้นถูกพลังชี่ทําร้าย ต้องทําการพักฟื้น การพักฟื้นคือวิธก
ี ารฟื้นฟู
ร่างกายที่ดีที่สุด เพราะปัญหาของท่านเจ้าเกาะมันอยู่ที่ลมปราณ”
ชื่อตันเหมยพูดว่า “ลมปราณของท่านเจ้าเกาะมีปัญหาอะไรกัน
แน่?”
“หากลมปราณของคนเราอ่อนแอมากเกินไป ก็จะร้อนดังไฟเผา
ซึ่งมันไม่เป็นผลดีเลย” เหมียวอู๋จี๋พูดว่า “แต่ว่าหากลมปราณมันมาก
เกินไป ร่างกายก็จะรับไม่ไหว ท่านเจ้าเกาะ ...... ท่านเจ้าเกาะเป็นต้า
จงซือ ลมปราณของท่านมันไม่เหมือนกับคนทั่วไป ชีพจรก็ไม่ปกติ ก็
เหมือน ...... ก็เหมือนคนที่มีชพ
ี จรสวรรค์”
“เจ้าพูดว่าชีพจรสวรรค์ หมายถึงชีพจรในร่างกายไม่เหมือนคน
ทั่วไปอย่างนั้นใช่ไหม?” ฉีหนิงถาม
ชื่อตันเหมยถามว่า “แล้วพวกต้าจงซือเป็นชีพจรสวรรค์หรือ
เปล่า?”
“เจ้าบอกว่าเจ้าเกาะไปให้เจ้าตรวจอาการ แล้วทําไมถึงต้องฆ่าคน
บริสุทธิ์ด้วย?”
“ดังนั้นเจ้าก็เลยตามหาคนที่มีชพ
ี จรใกล้เคียงกับท่านเจ้าเกาะ
อย่างนั้นสินะ คิดใช้พวกเขามาเป็นหนูทดลอง หาสาเหตุของโรค เพื่อ
หาวิธีรก
ั ษา?” ฉีหนิงพูดว่า เรื่องนี้ที่จริงก็เหมือนที่เขาคิดเอาไว้ผิด
“ต้องการรักษาท่านเจ้าเกาะเหรอ ข้าว่าเจ้าแค่กังวลว่าท่านเจ้าเกะ
จะฆ่าเจ้ามากกว่า แล้วก็คิดจะให้ท่านเจ้าเกาะทําให้เจ้าอยู่ไปได้อีก
หลายสิบปีก็เท่านั้น” ชื่อตันเหมยพูดว่า “ข้าถามเจ้าหน่อย หากอาการ
ของท่านเจ้าเกาะไม่ได้รับการรักษา จะมีอันตรายถึงชีวิตหรือเปล่า?”
หมอเหมียวพูดว่า “หากมีกําลังภายในจากภายนอกจู่โจมร่างกาย
ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป คงทนไม่ได้แน่ แต่ว่าต้าจงซือถึงแม้จะมีอาการ
เจ็บปวดทรมานจนทนไม่ไหว แต่พวกเขาสามารถควบคุมมันได้ เลยไม่
มีอันตรายถึงชีวิต เพียงแต่ต้องทนทรมานแบบนี้ไปตลอดเท่านั้น”
“ควบคุมงั้นเหรอ?”
หมอเหมียวพยักหน้าแล้วพูดว่า “วรยุทธ์ของพวกเขายิ่งแข็งแกร่ง
มากเท่านั้น เส้นชีพจรก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้น ความสามารถของพวกเขาก็
จะน่ากลัวขึ้นไปอีก แต่ลมปราณหรือว่ากําลังภายในจากภายนอกก็จะ
แข็งแกร่งตามไปด้วย มันก็เหมือนกองไฟ ยิ่งเติมฟืนมากเท่าไหร่ ไฟมัน
ก็ลก
ุ โชนมากขึ้น หากไม่เติมฟืน ถึงแม้ไฟจะไม่มอด แต่ก็ไม่มีเพิม
่ การ
ฝึกฝนร่างกายก็เหมือนกัน หากไม่ต้องการมากขึ้น หรือไม่ฝก
ึ อะไร
เพิ่มเติมอีก ความทรมานมันก็จะลดลง”
ฉีหนิงพูดว่า “เจ้าหมายความว่าถ้าพวกเขาไม่ฝก
ึ วรยุทธ์อีก ความ
เจ็บปวดของเขาก็จะหายไปงั้นเหรอ?”
ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยมองหน้ากัน คิดในใจว่าพวกต้าจงซือนั้นก็ไม่
จําเป็นต้องได้ยาเม็ดเสวียนอู่ให้ได้ หากพักฟื้นโดยไม่ฝก
ึ วรยุทธ์ มันก็จะ
ทําให้ความเจ็บปวดลดน้อยลงได้เหมือนกัน
“เจ้ามาที่เกาะ แล้วเจอวิธีรักษาแล้วหรือยัง?”
ประโยคด้านหลังนางไม่ได้พด
ู ต่อ เพื่อไม่ให้เป็นการข่มขู่บีบบังคัง
พวกฉีหนิงมากเกินไป
“วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน แต่ต้ังแต่นี้ต่อไป เจ้าก็อยู่บนเกาะนี้
ให้ดีดีแล้วกัน” ฉีหนิงพูดว่า “วันไหนที่เจ้าออกจากเกาะนี้ นั่นคือวันตาย
ของเจ้า จําไว้ให้ดีล่ะ”
“ข้าจะจําให้ข้น
ึ ใจเลย จําให้ข้น
ึ ใจเลย” เหมียวอู๋จี๋ตอบรับ
ชื่อตันเหมยถอนนหายใจแล้วพูดว่า “ที่แท้หากต้าจงซือไม่ฝก
ึ วร
ยุทธ์ ก็ลดความเจ็บปวดได้ ก่อนหน้านี้เจ้าพูดไม่ผิดเลย วรยุทธ์ยิ่งสูง
มาก บาดเจ็บก็หนักขึ้น เป่ยถังฮ่วนเย่กับฝ่าอ๋องไม่ได้ควบคุมตัวเองเลย
ฝึกวรยุทธ์อยู่ตลอด ดังนั้น ...... ดังนั้นเขาเลยต้องทนทรมานมากกว่า”
ชื่อตันเหมยส่ายหัวแล้วพูดว่า “พวกเขาต้องไม่อยากเสียทุกอย่าง
ที่เขามีในตอนนีไ้ ปแน่นอน แต่ว่าสถานการณ์แบบนี้ พวกเขากลับไม่มี
ทางเลือก”
ฉีหนิงเข้าใจในความหมายของชื่อตันเหมยในทันที เขาพยักหน้า
แล้วพูดว่า “หากโลกนีม
้ ีแค่ต้าจงซือคนเดียว ต่อให้เขาไม่ฝึกวรยุทธ์ต่อ
เขาก็สามารถเป็นหนึ่งในใต้หล้า ไม่มีใครทําอันตรายอะไรเขาได้ แต่ใน
เมื่อมีต้าจงซือถึงหลายคน ใครก็ไม่กล้าหยุดแค่นี้หรอก”
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็นก
ึ ถึงเจ้าลัทธิบัวดําขึ้นมา
เจ้าลัทธิบัวดําสูญเสียความทรงจํามานานหลายปี ระหว่างนั้นเขา
ไม่สามารถฝึกอะไรได้ แต่พอขึ้นเขาต้าเสวียซาน ได้รบ
ั ความทรงจําคืน
แล้ว กลับยังสามารถเอาชนะฝ่าอ๋องได้ ไม่รู้ว่าฝ่าอ๋องฝีมืออ่อนเกินไป
หรือว่าเจ้าลัทธิบัวดํานั้นมีพรสวรรค์มาก
แต่ว่าก่อนที่ต้าจงซือจะลงมือ ไม่มีรู้ว่าอีกฝ่ายมีฝีมือระดับไหน
ฉีหนิงรู้สึกว่าต้าจงซือพวกนี้แข็งแกร่งอย่างที่เขาคาดเดาไม่ได้เลย
แต่ที่จริงแล้วพวกเขาเองก็นา่ สงสาร
พวกเขาไม่เพียงต้องทนทรมานเพราะอาการบาดเจ็บ แต่ยังต้อง
เป็นกังวลอยู่ทุกวี่วัน เกรงว่าจะต้องตายเพราะต้าจงซือ ดังนั้นพวกเขา
ยิ่งฝึกก็ยิ่งลําบาก แต่ก็ต้องทนฝืนต่อไปเรื่อยๆ เหมือนการดื่มยาพิษเพื่อ
ดับกระหาย
เสียงขลุ่ยและพิณหยุดไปครู่หนึ่ง แต่ว่ามันก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงขลุ่ยดูเร่งจังหวะมากขึ้น เสียงพิณเองก็บรรเลงเร่งตาม มันเริ่ม
เหมือนเสียงบรรยากาศในสนามรบ ฉีหนิงกําลังคิดจะออกจากที่นี่
เดินหน้าต่อไป แต่เขากลับไปเห็นชื่อตันเหมยใบหน้าและหูเริ่มแดง
ท่ามกลางแสงจันทร์ นางดูมีเสน่ห์มาก เขาแปลกใจ ทันใดนั้นเองชื่อตัน
เหมยตัวก็เริ่มเซเหมือนจะล้ม ฉีหนิงสะดุ้ง รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้วแน่
ตอนนี้เขาก็เริ่มเลือดลมไหลเวียนโกลาหล หน้าอกเริ่มแน่นเขาเลยรีบ
จับชื่อตันเหมยเอาไว้ แล้วพูดว่า “แปลงดอกไม้นี่มันมีพษ
ิ หรือเปล่า?”
แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ร่างกายของเขาพิษไม่สามารถทําอะไรได้
ต่อให้ในอากาศมีพษ
ิ ก็ไม่น่ามีผลอะไรกับเขา
เขาเองก็เลยนั่งลง แล้วเดินลมปราณที่ได้เรียนมาจากวัดต้ากวง
หมิง
คัมภีร์วิชาชิงจิงสามารถเพิ่มสมาธิสงบลงได้ หลังจากสงบลงแล้ว
เขาก็รู้สก
ึ ว่าลมปราณของเขามันไม่น่งิ เลย เสียงดนตรีที่ปลุกเร้า มัน
เหมือนทําให้เขาอยากจะลุกขึ้นเต้นรํา ยังดีที่เดินลมปราณไปได้ครู่หนึ่ง
ทุกอย่างก็เริม
่ เข้าที ไม่ถูกกระตุ้นเพราะเสียงเพลงอีก
“ด้านหน้ายังมีค่ายกลอีกไหม?” ฉีหนิงถาม
ฉีหนิงคิดในใจว่าเขาไม่เข้าไปใกล้กว่านีจ
้ ะดีกว่า เลยพยายามมอง
ห้าก้อนหินใหญ่ กําลังจะนั่งลงมอง ก็ได้ยินเสียงของเป่ยถังฮ่วนเย่ดัง
ขึ้นมาว่า “ฉีหนิง เจ้ามานี่สิ”
ฉีหนิงคิดในใจว่าพวกเขามีตาหลังกันหรือไง แต่ว่าเขาคิดว่าพวก
เขาไม่ได้ตาดีหรอก แต่เพราะพวกเขาเป็นต้าจงซือ มีใครเข้าใกล้แล้วไม่
รู้ มันถือว่าเสียชื่อมาก ในเมื่อเป่ยถังฮ่วนเย่เรียกเขาแล้ว เขาก็ไม่ลังเลใจ
อีก เดินตรงไปที่ศาลาเลย
เขาไม่ได้มองไปที่คนอื่น มองแค่เครื่องดนตรีของสองคนนั้น
ฉีหนิงรู้ว่ามันไม่น่าใช่สีเหลืองจากทองคํา แต่น่าจะเป็นไม้ชนิด
พิเศษ
ฉีหนิงได้ยินเรื่องของพิณเฟิงหวงมานานมากแล้ว วันนีพ
้ อได้เห็น
มันไม่ธรรมดาสมคําร�าลือเลย
“นี่คือขลุ่ยจื่อหลงกับพิณเฟิงหวง เจ้ารู้จักเครื่องดนตรีสองชิ้นนี้
ไหม?” เป่ยถังฮ่วนเย่ยิ้มอ่อนๆ
ท่านเจ้าเกาะพูดว่า “เจ้าคิดว่ามีแค่ข้าคนเดียวงั้นเหรอที่อยากจะ
ได้พิณหลังนี้? เป่ยกงเหลียนเฉิงเห็นมันเป็นของที่อยู่ในมือเขา หากข้า
ส่งคนไปขอ คิดว่าคงถูกเป่ยกงเหลียนเฉิงเอาไปนานแล้ว เขาคิดว่าพิณ
มันอยู่ในวังหลวง คงปลอดภัย ข้าก็จะเอามันมาแบบนีแ
้ หละ”
ฉีหนิงแกล้งทําเป็นสงสัยแล้วพูดว่า “ข้าแค่รู้ว่าท่านเทพกระบี่ชอบ
เป่ยขลุ่ย เขาชอบเล่นพิณด้วยเหรอเนีย
่ ?” เขามองไปที่ขลุ่ยจื่อหลง แล้ว
พูดว่า “เทียบกับพิณเฟิงหวงแล้ว ท่านเทพกระบี่น่าจะชอบขลุ่ยจื่อหลง
มากกว่านะ”
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ที่แท้พวกท่านเองก็รู้เหรอเนี่ย?
ถูกต้อง ไม่รู้ว่าตอนนั้นใครอยากจะให้ท่านอาจารย์จ่ัวตายก็ไม่รู้ ตอนที่
ท่านอาจารย์กําลังจะตาย เขาได้มอบม้วนอะไรสักอย่างกับข้า พอข้า
ย้อนกลับไปหาเขา เขาก็หายไปแล้ว”
เป่ยถังฮ่วนเย่เหมือนจะไม่ได้สนใจว่าจั่วชิงหยางจะเป็นหรือตาย
เขาถามว่า “ม้วนนั่นเป่ยกงได้ไปแล้วหรือยัง?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
เป่ยถังฮ่วนเย่ยิ้มแล้วพูดว่า “ม้วนนั่นอยูใ่ นมือเขา มันเป็นเรื่องที่ดี
มาก” เขาถามอีกว่า “ดนตรีเมื่อกี้ เจ้าได้ยน
ิ หรือเปล่า?”
ฉีหนิงพูดว่า “ข้าได้ยน
ิ มันที่ชายหาด เลยเดินมาดู”
“แล้วเจ้าคิดว่ามันเป็นยังไงบ้าง?” เป่ยถังฮ่วนเย่ถาม
“เจ้าบอกว่าเสียงดนตรีของเรามันไม่เพราะอย่างนั้นเหรอ?” เป่ย
ถังฮ่วนเย่ขมวดคิ้ว แม้แต่เจ้าเกาะเองก็ชักสีหน้า
ฉีหนิงคิดในใจว่าข้าแค่บอกว่าพวกเจ้าเล่นไม่เพราะ พวกเจ้าก็คิด
จะลงมือกับข้างั้นเหรอ? เห็นพวกเขาสองคนขมวดคิ้ว เขาเลยต้องพูด
ว่า “มันก็ใช่ว่าจะไม่เพราะเลย เพียงแต่ ...... ดนตรีเปรียบเสมือง
ความรูส
้ ึกในจิตใจ หากไม่สามารถสัมผัสถึงอารมณ์ความดีใจความเสีย
ใจความเจ็บปวดตามทํานองเพลงได้ มันก็ไม่ถือว่าเป็นบทเพลงที่ดี”
เจ้าเกาะส่ายหัว ถอนหายใจแล้วพูดว่า “โหวเยว่ สรรพสิ่งในโลก
ล้วนแต่มีสิ่งที่ถนัดแตกต่างไป ถึงแม้เราจะเชี่ยวชาญไม่เหมือนกัน แต่
ว่าเรื่องของดนตรี เหมือนจะไม่มีใครมีพรสวรรค์เลย”
ฉีหนิงอยู่บนเกาะไป๋อวินไม่กี่วัน ต้าจงซือทั้งสองก็เตรียมตัวจะออก
เดินทางกันแล้ว
เกาะไป๋อวินมีเรือออกทะเลอยู่ลําหนีง่ เรือลํานีถ
้ ึงแม้จะไม่ได้ใหญ่
เท่าเรือขนสินค้า แต่ก็ใหญ่กว่าเรืออูเผิงของเป่ยถังฮ่วนเย่มาก นั่งได้กว่า
สิบคนโดยไม่มป
ี ัญหาอะไร
“มันเป็นเรืองที่ฮ่องเต้ตงฉีมอลบให้ท่านเจ้าเกาะ ท่านเจ้าเกาะตั้ง
ชื่อให้มน
ั ว่าชางไฮ่” ชื่อตันเหมยมองไปที่เรือลํานั้นที่เทียบท่าอยู่ทาง
ตอนใต้ของเกาะ นางอธิบายให้ฉห
ี นิงฟังว่า “เดิมทีเรือลํานีม
้ ก
ี ารตกแต่ง
ที่หรูหรามาก ทั้งทองคําทั้งเครื่องประดับ แต่ว่ามันหรูไป ท่านเจ้าเกาะ
ไม่ได้รับมันมา ต่อมามีการนํากลับไปตกแต่งใหม่ ถอดเอาพวก
เครื่องประดับหรูหราออกหมด ท่านเจ้าเกาะถึงได้รับเอาไว้”
“พวกเขาต้องการไปยังเกาะที่มีสัตว์เทวะเสวียนอู่ในตํานาน” ฉี
หนิงพูดว่า “เพียงแต่ว่าพวกเขารู้ได้ยังไงว่าเป็นเกาะไหน?”
“เรื่องนี้พวกเขาต้องเตรียมการจับสัตว์เทวะมานานหลายปีแล้ว
ต้องสืบจนรู้แล้วนแน่นอนว่าเกาะนั่นอยู่ที่ไหน” ชื่อตันเหมยเห็นเป่ย
ถังฮ่วนเย่กับเจ้าเกาะเดินมา นางก็หยุดพูด
เมื่อวันก่อนท่านเจ้าเกาะได้มีคําสั่งให้ซาหนูกับหวังหนูทําการ
เตรียมข้าวของที่จําเป็นในการออกเรือ แต่เขาไม่ได้บอกให้ช่ อ
ื ตันเหมย
ตามไปด้วย อีกทั้งก็ไม่ได้บอกให้ฉห
ี นิงตามไปด้วย
คนเรือขึ้นเรือใหญ่ไปแล้ว ก็น่าจะเป็นเจตนารมณ์ของเป่ยถังฮ่วน
เย่ คนที่ควบคุมใบเรือก็คือหวังหนูกับซาหนูก็ไม่กล้าว่าอะไร หากท่าน
เจ้าเกาะไม่มีคําสั่งให้ไล่เขาลง พวกเขาสองคนก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
แต่ว่าฉีหนิงรู้ว่าการเดินทางในครั้งนี้มันไม่ธรรมดา เขาไม่มีทาง
ปล่อยให้ช่ อ
ื ตันเหมยตามพวกเขาไปคนเดียวแน่นอน เขายืนยันจะตาม
ชื่อตันเหมยไปด้วย ชื่อตันเหมยทําไมจะไม่รู้ว่าฉีหนิงอยากจะตามไป
ปกป้องนางกันล่ะ นางรู้ว่าต่อให้หา้ มยังไง เขาก็ไม่ฟัง
ฉีหนิงรู้ดีแก่ใจ เป่ยถังฮ่วนเย่ให้คนเรือตามไป แสดงว่าเขาต้องมี
แผนอะไรในใจอีกแน่
สัตว์เทวะเสวียนอู่หากปรากฎตัวจริง ต้าจงซือจะต้องมีการลงมือ
กันแน่นอน ก่อนที่จะลงมือ ไม่มีใครรู้เลยว่าฝีมือของอีกฝ่ายเป็นใคร ใน
เมื่อเป็นถึงต้าจงซือแล้ว หากลงมือก็จะต้องให้รูแ
้ พ้รู้ชนะ
หวังหนูกับซาหนูแล้วก็ช่ อ
ื ตันเหมยกับคนเรือคนเหล่านี้ในสายตา
ของต้าจงซือแทบไม่มค
ี วามหมาย แต่วว่าหากสถานการณ์ตึงเครียด
พวกเขาคนที่ไม่มีความหมายไม่ได้อยู่ในสายตา อาจกลายมาเป็นคนที่
ส่งผลว่าใครจะแพ้ชนะก็ได้
เรือชางไฮ่มห
ี วังหนูซาหนูเป็นคนบังคับเรือ ยังไงพวกเขาก็ต้องตาม
ไปด้วยแน่นอน เป่ยถังฮ่วนเย่ส่ังให้คนเรือของเขาไปด้วย ก็เพื่อหวังให้
เขาจัดการกับสองคนั้น เจ้าเกาะสั่งให้ช่ อ
ื ตันเหมยไปด้วย ก็เพื่อให้นาง
มาช่วยจัดการกับคนเรือของเป่ยถังฮ่วนเย่อีกที
ยังไม่ทันออกเรือ ต้าจงซือทั้งสองคนก็ต่างมีแผนการของตัวเอง
แล้ว
ต้าจงซือทั้งสองคนเดินผ่านหน้าชื่อตันเหมยไป ท่าทางนิ่งมาก ไม่มี
ใครมองใครเลย เดินตรงขึ้นเรือไปเลย
ชื่อตันเหมยคิดถึงเรื่องที่ไป๋อวี่เฮ่อฆ่าตัวตายไปแล้ว ท่านเจ้าเกาะ
กลับไม่ถามอะไรเลยสักคําเดียว นางรู้สก
ึ เสียใจมาก
หลังจากที่ท่านเจ้าเกาะกับเป่ยถังฮ่วนเย่ข้น
ึ เรือแล้ว ก็เดินไปที่หัว
เรือ แล้วมองลงมาที่ทะเลจากด้านบน
หวังหนูกับซาหนูไม่เพียงรับผิดชอบการเดินเรือ แต่เรื่องอาหารก็
เป็นหน้าที่ที่พวกเขาต้องหามาให้ คิดว่าพวกเขาคงเคยชินกับการรับใช้
เจ้าเกาะมานานหลายปีแล้ว บนเรือมีการจัดเตรียมทุกอย่างไว้อย่างเป็น
ระบบ
พอตอนเย็นของคืนที่สาม อากาศเริม
่ มีเมฆปกคลุมหนา บนทะเลมี
ลมพายุแรงมาก ต้าจงซือทั้งสองอยู่ในห้องของตัวเองบนเรือ ฉีหนิงกับ
ชื่อตันเหมยเองก็หลบอยู่ในท้องเรือ ส่วนหวังหนูกับซาหนูแล้วก็คนเรือ
ต่างก็ควบคุมใบเรือ เรือชางไฮ่ถึงแม้จะไม่เล็ก แต่พอเจอคลื่นพายุแบบ
นี้ก็ส่น
ั ไหวเหมือนกัน หากเป็นเรือลําอื่น คิดว่าคงถูกซัดเรือแตกไปแล้ว
แต่ว่าหวังหนูกับซาหนูแล้วก็คนเรือล้วนแต่มีฝม
ี ือในการควบคุมเรือ ทํา
ให้เรือไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ฉีหนิงรู้ดีว่าต้าจงซือมีความสามารถในการควบคุมฟ้าดิน บนเรือ
มีต้าจงซือถึงสองคน ต่อให้เจอคลื่นยักษ์มากกว่านี้ เรือก็ไม่มป
ี ัญหา
อะไร เพียงแต่คลื่นพายุที่เจอ มันยังไม่เพียงพอให้พวกเขาลงมือ
เขาอดคิดไม่ได้ หากต้าจงซือทั้งสองคนต้องมาเผชิญหน้ากัน แล้ว
สัตว์เทวะเสวียนอู่ปรากฎตัวขึ้นจริง หากเกิดการปะทะกัน ผลจะออกมา
รูปแบบไหนกัน
ทันใดนั้นเองเขาก็นก
ึ ถึงเรื่องบนเกาะขึ้นมา ต้าจงซือบรรเลงเพลง
ด้วยกันสองคนเหมือนมันยังไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ ไม่รู้ว่าถึงเวลา
ใครจะเป็นคนบรรเลงล่อสัตว์เทวะเสวียนอู่ออกมา? เขารู้ว่าเทพ
กระบี่เป่ยกงเหลียนเฉิงนั้นนอกจากจะมีเพลงกระบี่ที่ไร้เทียมทานแล้ว
ยังมีความสามารถอีกอย่างหนึ่งคือการเป่ยขลุ่ย พิณกับขลุ่ยต้องบรรเลง
ร่วมกันขลุ่ยก็นา่ จะให้เป็นหน้าที่ของเป่ยกงเหลียนเฉิงเหมาะสมที่สุด
แต่ว่าพิณจะให้ใครเป็นคนมาลบรรเลงล่ะ?
เป่ยกงเหลียนเฉิงมีฝม
ี อ
ื ในการเป่าขลุ่ยมาก แต่ว่าต้าจงซือบนเรือ
อีกสองคนเหมือนจะไม่ถนัดเรื่องของดนตรีเลย ต่อให้เอาขลุ่ยจื่อหลง
ให้เป่ยกงเหลียนเฉิงไป หากไม่มีคนที่เชี่ยวชาญในการเล่นพิณมาร่วม
บรรเลงด้วย คิดอยากจะเล่นทํานองนรก มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เรือชางไฮ่ล่องอยู่บนทะเลไปอีกสองวัน ช่วงเย็น ฉีหนิงกับชื่อตัน
เหมยยืนอยู่บนหัวเรือ กลับมองเห็นด้านหน้ามีกลุ่มเงามืดๆ กําลังมุ่ง
หน้ามาทางนี้ เหมือนจะผ่านมาแล้วสองเกาะ แต่ก็ไม่ได้หยุดแวะเลย
ฉีหนิงคิดในใจว่าน่าจะเข้ามายังน่านน�าของกองทัพเรือตงไฮ่แล้ว
แต่ว่ายังห่างจากฝั่งไกลมาก หลังจากกองทัพเรือตงไฮ่ถก
ู โจมตีจน
กระทบสาหัส ก็อยู่ในช่วงหยุดพักฟื้น ระยะไกลจากฝั่งขนาดนี้ ไม่น่ามี
เรือของทางกองทัพมาสํารวจแน่นอน
“ตรงนั้นก็คือเกาะเสวียนอู่” ฉีหนิงได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง
เมื่อหันหลังกลับมา เห็นเป่ยถังฮ่วนเย่กับเจ้าเกาะออกมาจากห้อง กําลัง
เดินมาทางนี้
เรือกําลังเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ รูปร่างของเกาะมันเริ่มชัดเจนมากขึ้น
เมื่อเทียบกับเกาะไป๋อวิน เกาะแห่งนี้เทียบไม่ติดเลย ถึงแม้จะมีต้นไม้
หนาทึบ แต่ก็มน
ั ก็กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง บนเกาะเหมือน
เกาะร้าง มีแต่โขดหิน ขนาดก็ไม่เท่ากับเกาะไป๋อวิน มองด้วยตาเหมือน
จะเล็กกว่าเกาะไป๋อวินกว่าครึ่งหนึ่ง
บนทะเลมีเกาะแบบนี้อยู่เยอะแยะมากมาย ผู้คนก็น้อย แม้แต่นกก็
แทบจะไม่มี
เจ้าเกาะกับเป่ยถังฮ่วนเย่เห็นเงานั่น ก็หน
ั มามองหน้ากัน ต่างก็ยิ้ม
“จากกันครั้งเดียวผ่านไปยี่สิบปี ท่านพี่เป่ยกงสบายดีหรือเปล่า?”
น�าเสียงของเป่ยถังฮ่วนเย่อ่อนโยนมาก อีกทั้งยังดังไกลไปทั่ว
พอได้ยน
ิ เป่ยถังฮ่วนเย่พูดแบบนี้ ฉีหนิงถึงได้ม่น
ั ใจว่าเขาคือเป่ยกง
เหลียนเฉิง
ต้าจงซือสามคนมารวมตัวอยู่บนเกาะเสวียนอู่ มันเป็นเรื่องที่หาได้
ยากมาก
เป่ยกงเหลียนเฉิงพูดว่า “ที่นี่ไม่มีเจ้าของ”
“ท่านพีเ่ ป่ยกงรูว
้ ่าเราจะมาเหรอ?”
ด้านหลังของเจ้าเกาะมีพิณอยู่ เป่ยกงเหลียนเฉิงเหลือบไปมอง
แล้วถึงได้มองไปที่เป่ยถังฮ่วนเย่ แล้วถามว่า “เจ้าเอาขลุ่ยจื่อหลงมา
หรือเปล่า?”
เจ้าเกาะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ได้นด
ิ หน่อย อย่าได้พูดถึงเลย”
เจ้าเกาะยิ้มแล้วพูดว่า “สัตว์เทวะเสวียนอู่จะปรากฎตัวทุกๆ
สามสิบปี หากในมือข้าไม่มีอะไรเลย คงไม่หน้าด้านพอจะมาร่วมวงด้วย
หรอก ตอนนี้พณ
ิ เฟิงหวงอยู่ในมือของข้า ขาดมันไปก็คงไม่ได้ ข้าก็มี
เหตุผลมากพอจะร่วมวงด้วยแล้ว”
เป่ยกงพูดว่า “ดังนั้นเจ้าก็เลยต้องส่งคนของเจ้าไปขโมยพิณเฟิง
หวงถึงในแคว้นฉู่อย่างนั้นน่ะเหรอ?”
ฉีหนิงได้ยินทุกอย่าง เขารู้สึกว่าหม้อหลันชางหน้าด้านเหลือเกิน
โม่อิ่งแฝงตัวในแคว้นฉู่ มันไม่ได้แค่พณ
ิ เฟิงหวงเท่านั้น
เป่ยถังฮ่วนเย่พูดว่า “ข้ารู้แค่ว่าสหายของเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์
มาก อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับทํานองนรกแล้วก็ขลุ่ยจื่อหลงด้วย”
ฉีหนิงคิดในใจว่าเป้าหมายของพวกเขาในเมื่อสุดท้ายก็คือสัตว์เท
วะเสวียนอู่ แสดงว่าเขาก็จะต้องสืบหาข้อมูลของประสบฝูผิงทั้งหมดมา
จากทั่วทุกที่แน่นอน
เมื่อเทียบต้าจงซือทั้งสามคน เป่ยถังฮ่วนเย่เคยมีช่ อ
ื เป็นเจ้าของหอ
เก้านภา ถ้าอย่างนั้นในมือของเขาก็มีทรัพยกรมากพอ ไม่เหมือนเป่ยกง
เหลียนเฉิงที่ไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเรื่องของราชสํานักหรือการเมืองเลย
สายลับของหอเก้านภา คิดว่าหากมีคําสั่งจากเขา ก็จะสามารถมีคน
จํานวนมากไปสืบหาข้อมูลของประสบฝูผิงมาให้ ดังนั้นเป่ยถังฮ่วนเย่
เลยรู้เรื่องของประสบฝูผิงมากเป็นพิเศษ
“ประสบฝูผิงเห็นเพื่อนของเขาไม่พูดอะไรเลยสักคํา ก็รู้ทันทีว่า
ทํานองเพลงนรกมันไม่สมบูรณ์” เป่ยถังฮ่วนเย่พูดว่า “พอเขาสอบถาม
เพื่อนของเขาก็ไม่ตอบ แค่บอกให้เขาบรรเลงให้เขาฟังใหม่อีกครั้ง
เท่านั้น ตอนที่ประสกฝูผิง เพื่อนของเขาก็เอาขลุ่ยขึ้นมาบรรเลงร่วม
ด้วย ประสกฝูผงิ ถึงได้รู้ว่าทํานองเพลงนรกจําเป็นต้องใช้พิณและขลุ่ย
เล่นด้วยกัน มันถึงทําให้ทํานองเพลงนี้มน
ั สมบูรณ์ เขาจึงได้แทรก
ทํานองของพิณและขลุ่ยรวมไว้ในบทเพลงเดียวกัน สองรวมเป็นหนึ่ง
หรือว่ากันง่ายๆ ในบรรดาทั้งสามบทเพลง ทํานองนรกไม่ใช่บทเพลงที่
ประสกฝูผิงแต่งขึ้นเพียงคนเดียว แต่มผ
ี ลงานของเพื่อนเขาด้วย”
“ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ของประสกฝูผิง กลับยังต้องให้
สหายของเขาอย่างชางหลางมาช่วยแต่งทํานองเพิ่มให้ แสดงว่าฝีมือ
ด้านดนตรีของชางหลางนั้นต้องไม่ธรรมดาและไม่เป็นรองประสกฝูผิง”
เป่ยถังฮ่วนเย่พูดว่า “ทั้งคู่มีฝีมอ
ื ในด้านดนตรีไม่ธรรมดามากๆ การร่วม
บรรเลงระหว่างพิณกับขลุ่ยทําให้บทเพลงนรกมันเกินขีดจํากัดที่โลก
เคยมี”
เจ้าเกาะยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าไม่มพ
ี รสวรรค์ในเรื่องของดนตรีเลย คง
ช่วยอะไรไม่ได้”
เป่ยกงเหลียนเฉิงมองไปที่เป่ยถังฮ่วนเย่ เป่ยถังฮ่วนเย่เองก็ถอน
หายใจแล้วพูดว่า “ที่เจ้าเกาะพูดมา ก็เป็นสิ่งที่ข้าคิดเหมือนกัน ข้าเกรง
ว่าจะไปถึงขั้นของท่านพี่เป่ยกงไม่ได้แน่ๆ”
ฉีหนิงแอบคิดในใจว่าที่เป่ยกงเหลียนเฉิงพูดนั้นก็ไม่ผด
ิ
ในโลกนีม
้ ีคนดีดพิณได้มากมาย แต่คนที่มีความสามารถสูงมากๆ
แบบที่พวกเขาต้องการนั้นมันมีไม่มาก มันใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ
เป่ยกงเหลียนเฉิงเชี่ยวชาญการเป่าขลุ่ยมาก แต่จะหาคนมา
บรรเลงร่วมกับเขานั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากต้องมี
ความสามารถด้านดนตรีที่สูงแล้ว ยังต้องมีกําลังภายในที่ไม่ธรรมดา
ด้วย ซึ่งมันหาไม่ได้ง่ายๆ
เป่ยถังฮ่วนเย่กลับยิม
้ แล้วพูดว่า “รออีกสักสองวัน คนที่สมควรมา
ก็จะต้องมา”
เจ้าเกาะถามว่า “โหวเยว่ตามหาคนที่เหมาะสมแล้วงั้นเหรอ?”
เป่ยกงเหลียนเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาลอยตัวจากโขดหินมา
หาฉีหนิง เขาเหลือบมามองแล้วพูดว่า “เจ้าตามข้ามา” พูดจบ เขาก็
เดินไปที่ริมทะเล
เป่ยกงเหลียนเฉิงมองออกไปนอกทะเล พอฉีหนิงเดินตามมาถึง ก็
พูดว่า “เจ้ามาทําอะไรที่นี่?”
ฉีหนิงรู้ดีว่าอยูต
่ ่อหน้าเป่ยกงเหลียนเฉิงเขาไม่จําเป็นต้องปิดบัง
อะไร เขาเลยเล่าเรื่องที่เขาเจอเป่ยถังฮ่วนเย่ที่ท่าน�าราชสีห์จนมาถึงที่นี่
ให้เขาฟังคร่าวๆ พูดจบ เขาก็มองไปที่โขดหิน เขาพบว่าต้าจงซืออีกสอง
คนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
เกาะเสวียนอู่ไม่ได้ใหญ่เท่าเกาะไป๋อวิน แต่ก็ไม่ได้เล็กจนเกินไป
เดินรอบหนึ่งคิดว่าน่าจะใช้เวลาครึ่งวัน
“ตอนนี้เจ้าน่าจะได้รู้แล้วว่า การจะไปถึงจุดของต้าจงซือนั้น มัน
ไม่ใช่เรื่องที่ดี” เป่ยกงเหลียนเฉิงพูดว่า “เป่ยถังฮ่วนเย่ถูกทรมานจน
แทบจะไม่เหลือความเป็นคนแล้ว เป็นผูช
้ ายก็ไม่ได้ผู้หญิงก็ไม่เชิง คน
บนโลกรู้แต่ต้องขึ้นไปอยู่ในที่สูงเพื่อมองไปไกลๆแต่กลับไม่รู้วิธีการขึ้น
ไปถึงจุดนั้น ว่ามันต้องแลกไปด้วยอะไรมากมายที่คนธรรมดาจะรับ
ไหว”
ฉีหนิงคิดในใจว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงพูดถูก
“เจ้าไปทําอะไรที่เหลียวตง?” เป่ยกงเหลียนเฉิงถาม
เขาเลยตัดสินใจเล่าเรื่องการเดินทางไปที่เหลียวตงเพื่อตามหา
แผนที่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าไปแล้วบังเอิญไปรู้ชาติกําเนิดที่แท้จริงของเขา
ให้เป่ยกงเหลียนเฉิงได้รู้ ส่วนเรื่องแผนการของประสกฝูผิง เขาไม่ได้พด
ู
ถึง
เดิมคิดว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงพอรูช
้ าติกําเนิดของเขาแล้ว จะตกใจ
มาก รู้ว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงท่าทางนิ่งมา แล้วพูดว่า “ที่แท้เจ้าก็เป็นองค์
ชาติของเป่ยฮั่นนี่เอง? น่าสนใจดีนะ องค์ชายของเป่ยฮั่นอาศัยอยู่ใน
จวนโหวของแคว้นฉู่นานกว่าสิบปี นอกจากยายแก่ของตระกูลฉีแล้ว คิด
ว่าคนอื่นไม่น่าจะมีใครรู้เลย เรื่องนี้นม
ี่ น
ั เหลวไหลจริงๆ”
ฉีหนิงพูดว่า “ข้าเองก็คิดว่าตัวเองเป็นชาวแคว้นฉีมาตลอด”
“จะชาวแคว้นฉูห
่ รือว่าชาวแคว้นฮั่นแล้วมันจะต่างกันตรงไหน?”
เป่ยกงพูดว่า “ชาติกําเนิดจะเป็นยังไงไม่สาํ คัญเลย สิง่ ที่สําคัญที่สุดก็คือ
เจ้าใช้ชว
ี ิตของเจ้ายังไงต่างหาก”
ฉีหนิงถามว่า “ข้าได้ยน
ิ มาว่าตอนท่านเป็นหนุ่มท่านชอบฝึกเพลง
กระบี่มาก แต่ว่า ......”
“แต่ว่าไม่ได้เรื่อง ทุกคนบอกกับข้าว่าข้าไม่มีทางทําอะไรสําเร็จได้
หรอก” เป่ยกงเหลียนเฉิงยิ้ม “เจ้าอยากจะถามข้าว่าคนที่ความสามารถ
ไม่เท่าไหร่ที่เป็นแค่ลก
ู อนุของตระกูลฉีอย่างข้า กลายมาเป็นต้าจงซือได้
ยังไงใช่ไหม?”
ฉีหนิงคิดในใจว่าเป่ยกงอ่านใจคนเก่งมากจริงๆ เขารู้สึกเขินมาก
เขาพยักหน้า
เป่ยกงยิม
้ แล้วพูดว่า “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าต้าจงซือไม่มีความเสียใจ
อะไร?”
“ถ้าอย่างนั้นท่านเทพกระบี่มอ
ี ะไรที่เสียใจบ้างไหม?” ฉีหนิงหันไป
มองเป่ยกง “วรยุทธ์ของท่านก็สูงมาก อีกทั้งยังดูหนุ่มแน่น คิดอยากจะ
ได้อะไรก็ได้”
เป่ยกงไม่ได้ตอบในทันที เขามองไปที่ทะเล หลังจากนั้นอยู่นาน ถึง
ได้พด
ู ขึ้นมาว่า “ในใจของข้าไม่เคยลืมผู้หญิงคนหนึ่งเลย หากจะบอก
ว่าเรื่องที่เสียใจหรือว่าเสียดาย ก็คงเป็นเรื่องของนาง”
ฉีหนิงสะดุ้ง
เขารู้ว่าเป่ยกงก็น่าจะมีเรื่องในอดีตที่ยากจะลืมเหมือนกัน
และน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดก่อนที่เขาจะเป็นต้าจงซือ เป่ยกงเหลียน
เฉิงเพื่อให้ตัวเองไปถึงจุดสุดยอดของเพลงกระบี่ เขาออกเดินทางท่อง
ยุทธภพไปทั่ว หวังอยากจะได้พบคนที่สามารถอบรมเขาได้ ระหว่าง
ทางเขาได้ช่วยเหลือมู่เย่อ๋องที่กําลังจะตาย และเขาไปในหุบเขาจิ่งฉือ
ในหนานเจียง บังเอิงที่น่ันเป็นช่วงของงานเทศกาลหาคู่ และเขาก็ได้รบ
ั
ผ้าโพกหัวของพี่สาวมู่เย่อ๋องมา
ตามกฎของประเพณีนี้ เป่ยกงและแม่นางคนนั้นจะต้องแต่งงาน
เป็นสามีภรรยากัน ส่วนแม่นางคนนั้นก็หลงรักเป่ยกงตั้งแต่แรกเห็น ใคร
จะคิดว่าเป่ยกงกลับไม่ได้คิดเรื่องระหว่างชายหญิงเลย หลังจากปฏิเสธ
การแต่งงาน เขาก็ถูกคนของตระกูลมู่จับไปขัง แต่กลับถูกแม่นางคนนั้น
แอบปล่อยตัวออกมา ส่วนแม่นางคนนั้นก็ทําผิดกฎร้ายแรงของตระกูล
ไม่สามารถอยู่ที่หุบเขาต่อไปได้อีก แม่นางคนนั้นเลยพาคนใช้ที่เป็นใบ้
ติดตามเป่ยกงเดินทางไปทั่ว
เรื่องในอดีตเรื่องนี้ฉห
ี นิงฟังมาจากมู่เย่อ๋อง มันก็เป็นเรื่องราวที่
เกิดขึ้นของเทพกระบี่ที่แทบจะไม่มีใครรู้
เขาเลยกําลังคิดว่าผู้หญิงที่เป่ยกงพูดถึงนั้น จะเป็นแม่นางมูห
่ รือเปล่า
นะ?
เล่มที่ 49 บทที่ 1459 เจีย
้ นเจีย
ฉีหนิงที่จริงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทําไมแม่นางมู่ถึงได้ตาย นาง
ติดตามเป่ยกงเหลียนเฉิงตลอด ต่อมามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ฉีหนิงตะลึงไป เดิมเขาคิดว่าผู้หญิงที่ทําให้เขาเสียใจมาตลอดคือ
แม่นางมู่ ใครจะคิดว่าเขาจะพูดถึงแม่ของเขา
สําหรับเรื่องชาติกําเนิดของเป่ยกง ฉีหนิงเองก็พอรู้มาบ้าง
ได้ยินมาว่าแม่ของเป่ยกงเป็นนักร้อง ถึงแม้จะได้แต่งเข้ามาใน
ตระกูลฉีแล้ว แต่คนในตระกูลกลับไม่ต้อนรับนาง ในตอนนั้นตระกูล
ฉียัเป็นตระกูลใหญ่ในแทบจิงหนาน เหมือนพวกเขาคิดว่าอนุที่เป็น
นักร้องจะทําให้ช่ อ
ื เสียงของตระกูลฉีเสียหาย เลยไม่ต้อนรับนางออกไป
ไหนเลย คล้ายๆ กับการกักบริเวณนางอยู่แต่ในเรือน
ฉีหนิงหลงเข้าไปในเรือนที่เขาว่ากันว่าเป็นเรือผีสิง ด้านในเหมือน
ยังคงสภาพในสมัยก่อนเอาไว้
หลังจากเป่ยกงเหลียนเฉิงเกิด เขาก็อยูก
่ ับแม่ที่ถูกกักบริเวณใน
เรือนแค่สองคนเป็นชีวิตของกันและกัน ตระกูลฉีไม่ได้เห็นเป่ยกง
เหลียนเฉิงเป็นลูกหลานของพวกเขาเลย โชคยังดีที่ท่านเหล่าโหวเห็น
แก่ความเป็นพีน
่ ้องสายเลือดเดียวกัน เขายังดูแลพวกเขาสองแม่ลูก
อย่างดี
“นางลําบากเสียใจทั้งชีวิต ข้ากลับไม่มก
ี ําลังมากพอที่จะปกป้อง
นางได้เลย” เป่ยกงเหลียนเฉิงพูด “พอรอจนข้าสามารถที่จะดูแลนางได้
แล้ว นางกลับไม่อยู่แล้ว”
ถึงแม้เขาจะดูนงิ่ แต่ฉห
ี นิงสัมผัสได้ว่าเขาคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา
ถึงแม้จะเป็นต้าจงซือ แต่เป่ยกงเหลียนเฉิงเหมือนจะยังมี
ความรูส
้ ึกกับเรื่องของสายเลือดอยู่
ฉีหนิงคิดแล้วพูดว่า “ตอนนั้นตระกูลฉีไม่ยุติธรรมกับท่านเลย
ดังนั้น ......”
“ไม่ได้รก
ั แล้วก็ไม่ได้แค้นด้วย” เป่ยกงเหลียนเฉิงพูดว่า “ที่ข้า
เปลี่ยนแซ่ ก็เพราะท่านแม่ แซ่ของข้าในตอนนี้ เป็นของท่านแม่” เขา
ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ชีวิตคนเรามันลําบาก มีแต่ความโกรธแค้น แต่
ถ้าหากไม่แค้น ก็ไม่จําเป็นต้องปวดหัว วันที่แม่ของข้าตาย ข้ากับ
ตระกูลฉีเราก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ไม่แค้น ก็ไม่ต้องมานั่งคิดถึงอีก”
ฉีหนิงลังเล แล้วพูดว่า “ในเมื่อท่านไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับ
ตระกูลฉีแล้ว แล้วทําไม ...... ถึงได้ช่วยข้าที่ตงฉีล่ะ?”
ฉีหนิงคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เป็นต้าจงซือแบบเป่ยกงเหลียนเฉิงจะ
พูดแบบนี้กับเขา มันทําให้เขาอึ้งไปเลย
“เจ้าจํามู่เย่อ๋องได้ใช่ไหม?” เป่ยกงเหลียนเฉิงถาม
ฉีหนิงเองก็ไม่ได้ปกปิดเขา เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตงไฮ่ให้เขาฟัง
เพียงแต่เรื่องที่มู่เย่อ๋องเล่าเรื่องของเป่ยกงให้ฟัง ฉีหนิงไม่ได้พูด
ออกมา
หลังจากพวกตระกูลใหญ่ของตงไฮ่ถูกกําจัดไปแล้ว มู่เย่อ๋องเองก็
หายตัวไปไร้ร่องรอย หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ข่าวคราวของมู่เย่อ๋องอีก
เลย
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เขาเหมือนจะไม่ลดความแค้นที่มีต่อ
ท่านลงง่ายๆ นะ ถึงแม้กําลังภายในของเขาจะไม่เหลืออีกแล้ว แต่เขา
บอกว่าเขาจะฝึกฝนใหม่ ไม่ว่าจะกี่ปี เขาจะต้องแก้แค้นท่านให้ได้”
เป่ยกงเหลียนเฉิงยิ้มแล้วส่ายหน้า เขาพูดว่า “ความแค้นคนๆ หนึ่ง
อาจจะใช้เวลาสิบปียี่สิบปีหรือทั้งชีวิตได้ แต่การรักใครสักคนหนึ่งมันใช้
เวลาแค่เพียงเสี้ยววินาทีก็ได้แล้ว ความรักมันอาจจะละทิ้งได้ยากกว่า
ความแค้นก็ได้จริงไหม”
วันนี้เป่ยกงเหลียนเฉิงยอมพูดคุยเรื่องพวกนี้กับเขา ฉีหนิงยังรู้สก
ึ
แปลกใจมากๆ
ก็อาจจะเพราะการเป็นต้าจงซือ จะให้ใครรู้ความคิดอะไรไม่ได้
ดังนั้นหลายเรื่องมันเลยเหมือนเก็บอยู่ภายในจิตใจของเขา ไม่สามารถ
ระบายให้ใครฟังได้ หากคนๆ หนึ่งไม่สามารถระบายความรูส
้ ึกที่อยูใ่ น
ใจออกมาได้ ที่จริงมันก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่งเหมือนกัน
เหล่าต้าจงซือรู้ดีแก่ใจ สงครามครั้งใหญ่มันอาจจะกําลังใกล้เข้า
มาแล้ว ก่อนที่มน
ั จะเกิดขึ้น เป่ยกงเหลียนเฉิงเหมือนอยากจะระบาย
ความทุกข์ที่เขามีออกมา แล้วฉีหนิงก็เหมือนจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด
ฉีหนิงรู้แล้วว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงรู้สึกยังไง เขาเลยถามต่อไปอีกว่า
“ท่านเทพกระบี่ ข้าอยากจะถามอะไรที่ไม่สมควรสักคําถามได้ไหม?”
“เจ้าว่ามาสิ”
ฉีหนิงตกตะลึงมาก แอบคิดในใจวาสนาของเป่ยกงเหลียนเฉองกับ
กระบี่มน
ั มีที่มาแบบนี้เอง
แต่พอคิดว่าแวดล้อมที่เป่ยกงเหลียนเฉิงอยู่ กระบี่เหล็กเล่มนั้นมัน
เป็นของเล่นเพียงชิ้นเดียวที่เขามี เขามีกระบี่เป็นเพื่อนเล่นของเขาทุก
วัน มันก็ต้องทําให้เขามีวาสนากับกระบี่อย่างเลี่ยงไม่ได้
“หลังจากนั้น ข้าก็ยกชีวิตทั้งหมดของข้าให้กับเส้นทางกระบี”
่ เป่
ยกงเหลียนเฉิงพูดว่า “ชีวิตช่วงต้นของข้า ข้าใช้มันในการค้นหา
เส้นทางการเป็นสุดยอดมือกระบี่ สําหรับข้าแล้ว ในใต้หล้านี้ไม่มีอะไรมี
ความหมายไปมากกว่าเส้นทางกระบี่อีกแล้ว ดังนั้นข้าเลยไม่ได้สนใจ
ความรูส
้ ึกของใครเลย และเพราะเหตุนท
ี้ ําให้ขา้ ทําร้ายคนอื่นไป
มากมายเช่นกัน”
ฉีหนิงรู้สึกถอนหายใจในใจลึกๆแอบคิดในใจว่าการที่เขาพูดแบบนี้
ออกมา มันก็เหมือนว่าเขาได้กลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งแล้ว
“สิ่งที่ทําให้ขา้ เสียใจมากที่สุดในชีวิตก็คือการไม่สามารถดูแลท่าน
แม่ของข้าได้” เป่ยกงเหลียนเฉิงเสียงเบามาก เหมือนอยากจะระบายให้
ฉีหนิงฟัง แต่ก็เหมือนบ่นคนเดียว “แต่คนที่ข้าทําผิดด้วยมากที่สุดกลับ
เป็นผู้หญิงอีกคน”
“เจี้ยนเจีย?” ฉีหนิงอึ้งไป
“บนต้นกกที่มีแม่คะนิ้งกําลังจับตัวกันเป็นน�าแข็งในยามเช้าเธอผู้
เป็นที่รักอยู่อีกฟากของแม่น�า” เป่ยกงเหลียนเฉิงท่องบทกลอนออกมา
“เจี้ยนเจียหรือว่าต้นกกที่จริงเป็นหญ้าที่ต้อยต�าอยู่ใต้น�า ตามประเพณี
ของคนหนานเจียง เวลาตั้งชื่อ ตั้งชื่อยิง่ ต�าต้อยไร้ค่ามากเท่าไหร่ คนที่
ใช้ช่ อ
ื นั้นก็จะเอาตัวรอดได้ดีมากเท่านั้น”
ฉีหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
เป่ยกงเหลียนเฉิงยิ้ม แล้วไม่พด
ู อะไรอีกเลย จากนั้นเขาก็หันหลัง
เดินไขว้มือข้างหนึ่งแล้วเดินจากไป ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว
ท้องฟ้ากําลังมืด เขามองแผ่นหลังของเป่ยกงเหลียนเฉิง ฉีหนิงกลับรูส
้ ึก
ว่าต้าจงซือคนนีท
้ ้ังโดดเดี่ยวและเหงามาก
คําพูดของเป่ยกงเหลียนเฉิง ฉีหนิงเข้าใจดี
ไม่แน่ว่าหากย้อนเวลากลับไปให้เป่ยกงเหลียนเฉิงได้ เขาอาจจะเลือก
เส้นทางอีกเส้นหนึ่งก็ได้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ใช่ต้าจงซือ แต่สง่ิ ที่เขามี
อยู่ในเวลานั้น มันมีค่ามากกว่าการเป็นต้าจงซือในเวลานี้
เล่มที่ 49 บทที่ 1460 ราชินี
ตอนที่ฉห
ี นิงอยูก
่ ับเป่ยกงเหลียนเฉิงที่รม
ิ ทะเล ชื่อตันเหมยเองก็ถูก
เจ้าเกาะไป๋อวินเรียกตัวไปเหมือนกัน
ชื่อตันเหมยถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผูท
้ ี่อ่อนแอก็จะถูกผู้ที่
แข็งแกร่งกว่ากลืนกิน มันเป็นมาตั้งแต่โบราณแล้ว ในบรรดาสามแคว้น
แคว้นตงฉีมก
ี ําลังอ่อนมากที่สด
ุ วันนีไ้ ม่ล่มสลาย พรุ่งนี้ก็อาจจะถูกกลืน
อยู่ดี”
“หือ?”
ท่านเจ้าเกาะยิ้มแล้วพูดว่า “ดังนั้นเจ้าคิดว่าสมควรให้แคว้นอื่นมา
เหยียบย�าแคว้นตงฉีเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งอย่างนั้นเหรอ?”
ชื่อตันเหมยปากขยับ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เจ้ารู้ไหมว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าทําไมถึงตาย?” เจ้าเกาะพูดว่า
“เขาคิดอยากจะช่วยแคว้นฉีรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่ง แต่แผนการ
ใหญ่ของเขายังไม่สาํ เร็จ กลับต้องมาตายอยู่ต่างแดน หรือว่าเจ้าคิดจะ
ให้เขาตายเปล่าแบบนี?้ ”
ชื่อตันเหมมยสะดุ้งมาก เขารูส
้ ึกว่าท่านเจ้าเกาะเหมือนกําลังเล่น
หมากรุกกระดานใหญ่อยู่ นางพูดว่า “ท่านเจ้าเกาะ เหมยเอ๋อร์ .....
เหมยเอ๋อร์ไม่เข้าใจความหมายของท่าน”
“คราวนี้หากสัตว์เทวะปรากฎตัวขึ้น จะต้องเกิดสงครามครั้งใหญ่
แน่นอน” เจ้าเกาะพูดว่า “หากข้าสามารถรอดออกไปจากเกาะเสวียนอู่
นี้ได้ ใต้หล้านี้ ก็จะต้องเป็นของแคว้นฉีแน่นอน”
สามแคว้นชิงความเป็นใหญ่ ต้าจงซือไม่ได้เข้าร่วมเรื่องการเมือง
ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากเข้าร่วม แต่เพราะมีต้าจงซือคนอื่นเป็น
อุปสรรคอยู่ ใครก็ไม่กล้าทําอะไรวู่วาม
หากใต้หล้านี้คงมีแค่ต้าจงซือคนนี้เท่านั้น ที่อยากจะเข้าร่วมวงการ
เอง อีกอย่างเหมือนเขาจะคอยช่วยแคว้นตงฉีมาตลอดด้วย
ความหมายของท่านเจ้าเกาะ เหมือนจะบอกว่าหากเหลือแค่เขา
คนเดียวที่รอดชีวิตออกไปจากเกาะ เขาจะกกอบกู้แคว้นตงฉี แล้ว
รวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่ง
“เจ้ารู้หรือเปล่าทําไมข้าถึงได้ให้ฉีหนิงตามมาที่เกาะด้วย?” เจ้า
เกาะถามขึ้นมา
“เจ้าทําไม่ได้ง้ันเหรอ?” เจ้าเกาะพูดเสียงแข็ง
“ตอนนั้นที่ข้ารับปากให้เจ้าแต่งงานกับเขา ข้าก็เตรียมแผนไว้
หมดแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าได้รับความไว้จจากเขา ก็จะสามารถลงมือ
ฆ่าเขาได้ทันที” เจ้าเกาะพูดว่า “หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าจะให้เจ้าไปรักกับ
เขา?” เขาถามว่า “เจ้ามีเรื่องปกปิดข้า”
ชื่อตันเหมยตะลึงไป เจ้าเกาะพูดว่า “เจ้าน่าจะอยู่แคว้นฉู่ แต่
ทําไมถึงถูกเป่ยถังฮ่วนเย่พากลับมาที่เกาะไป๋อวิน? พวกเจ้าไปแคว้นฮั่น
มาใช่ไหม? แล้วไปแคว้นฮั่นทําไม?”
ชื่อตันเหมยสะดุ้ง
นางกับฉีหนิงถูกเป่ยถังฮ่วนเย่พามายังเกาะไป๋อวิน เจ้าเกาะไม่ได้
ถามอะไรเลยแม้แต่คําเดียว ชื่อตันเหมยคิดว่าท่านเจ้าเกาะอาจจะไม่รู้
เรื่อง คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้ความลับเรื่องนี้มานานแล้ว
ครั้งแรกที่ท่านเจ้าเกาะเจอฉีหนิง เป็นตอนที่ฉห
ี นิงมาเป็นราชทูตที่
ตงฉี นั่นก็หมายความว่า ท่านเจ้าเกาะรูช
้ าติกําเนิดของฉีหนิงตั้งแต่ตอน
นั้นแล้ว
“ชาติกําเนิดของเขา ข้าเล่าให้ศษ
ิ ย์พี่ใหญ่ของเจ้าฟังไปนานแล้ว
แต่ก็ส่งั ห้ามไม่ให้เขาทําอะไร มีความลับเรื่องนี้ในมือ รอเวลาที่
เหมาะสมแล้วค่อยลงมือ” เจ้าเกาะถอนหายใจแล้วพูดว่า “แต่ข้าคิดไม่
ถึงว่าฉีหนิงจะเก่งมากขนาดนี้ เซียวจ้าวจงคิดอยากจะชิงบัลลังก์ แต่
กลับตายลงอย่างรวดเร็ว อีกอย่างศิษย์พี่ของเจ้าเองก็ตายในแคว้นฉู่
ด้วย”
“ข้าสั่งให้ซาหนูส่งคนไปปล่อยข่าวลือในเมืองหลวงเอง” เจ้าเกาะ
พูดว่า “พอข่าวลือมันสะพัดขึ้นมา ฉีหนิงถึงได้สงสัยในชาติกําเนิดของ
ตัวเองมากขึ้น ส่วนราชสํานักแคว้นฉู่ ก็เริม
่ ระแวงฉีหนิง ฮ่องเต้มีความ
กังวล ต่อให้แคว้นฉู่ไม่ฆ่าเขา อย่างน้อยก็ไม่ให้ความสําคัญกับเขาอีก”
ชื่อตันเหมยถึงกับเสียวสันหลัง
นางคิดว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเกี่ยวกับชาติกําเนิดของฉี
หนิง เป็นฝีมือกของเซียวจ้าวจงที่วางแผนเอาไว้ก่อนตายแล้ว นางไม่รู้
เลยว่าเบื้องหลังเรื่องนี้แล้วก็คือท่านเจ้าเกาะ
ชื่อตันเหมยหมองไปที่แผ่นหลังของเจ้าเกาะ ทันใดนั้นนางรูส
้ ึกว่า
คนที่อยู่ตรงหน้าของนางนั้นมันแปลกหน้าเหลือเกิน
ในใจของนาง เจ้าเกาะไม่ต่างกับเทพเจ้าที่นางเคารพรัก แต่ว่าใน
เวลานี้นางพบว่า ต้าจงซือที่อยู่ตรงหน้าของนาง แต่เบื้องหลังเขากลับ
ทําเรื่องต�าช้าลงไปมากมาย นางรู้สึกเสียใจมาก นางถอนหายใจแล้วพูด
ว่า “เจ้าเกาะเหมือนจะประเมินความรู้สึกของเขากับฮ่องเต้น้อยแคว้นฉู่
ต�าเกินไป”
“เหตุผลอื่นยังไม่ต้องพูดถึงก่อน แค่เขามีสายเลือดของตระกูลเป่ย
ถัง ก็เก็บเขาเอาไว้ไม่ได้แล้ว” เจ้าเกาะพูด
ชื่อตันเหมยตะลึงไป เหมือนว่าคิดไม่ถึงว่านางจะได้ยน
ิ เหตุผลแบบ
นี้
ทําไมเป็นคนที่มส
ี ายเลือดของตระกูลเป่ยถังแล้วต้องตาย?
เจ้าเกาะเหมือนรู้ว่าชื่อตันเหมยกําลังคิดอะไรอยู่ เขาเหลือบไป
มองชื่อตันเหมย แล้วพูดว่า “เจ้ารู้หรือเปล่า ข้าเกิดที่แคว้นตงฉี เคย
เป็นทาสรับใช้ของชาวแคว้นเป่ยฮั่นมาก่อน เป็นทาสเดินหมากรุกของ
เป่ยถังฮ่วนเย่”
“เราต้องจัดการตัวปัญหาที่ทําให้เราปวดหัวบนเกาะนีไ้ ปให้หมด
เมื่อเราออกจากเกาะนีไ้ ป โลกก็จะเป็นโลกใบใหม่” เจ้าเกาะพูดว่า
“โม่อิ่งกับไป๋อวี่เฮ่อบล้วนแต่เป็นเครื่องสังเวยที่ข้าสร้างขึ้นมาเพื่อ
เสียสละเพื่อโลกใบใหม่ ดังนั้นเราจะให้พวกเขาตายเปล่าไม่ได้”
ชื่อตันเหมยเก็ยสายตากลับมา เมื่อก่อนนางไม่เคยกล้าจ้องตาของ
เจ้าเกาะเลย ตอนนี้นางกลับจ้องไปที่ตาของเจ้าเกาะแล้วถามว่า “ศิษย์
พี่ใหญ่กับศิษย์พไี่ ป๋ เปรียบเสมือนดาบในมือของท่านเจ้าเกาะแค่น้ันเอง
เหรอ เป็นแค่เครื่องมือเพื่อไปถึงเป้าหมายอย่างนั้นเหรอ?”
“แต่ละคนเมื่อมีชีวิตก็มีมล
ู ค่าของตัวเองในการใช้ชีวิตทั้งนั้น”
ท่านเจ้าเกาะพูดว่า “มูลค่าในตัวของพวกเขา ก็คือการรับใช้ข้า หาก
พวกเขาไม่มีค่าให้ข้าได้ใช้งาน มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากเลย
นะ”
“หากเรื่องแค่นี้เจ้ายังทําไม่ได้ แล้วจะเป็นราชินป
ี กครองใต้หล้านี้
ได้ยังไงกัน?” เจ้าเกาะพูดว่า “สิ่งที่ข้าต้องการ ไม่ใช่ราชินีที่อ่อนแอ
ตัดสินใจไม่เด็ดขาด”
ชื่อตันเหมยยิม
้ แล้วพูดว่า “คนที่เจ้าเกาะต้องการคงไม่ใช่คนแบบ
ข้า หากแม้แต่เขาข้ายังฆ่าได้ลงคอ ข้าคิดไม่ออกเลยว่าข้าจะต้องปฏิบต
ั ิ
ต่อราษฎรของข้ายังไงได้อีก? เหมยเอ๋อร์ซาบซึ้งบุญคุณที่ท่านเลี้ยงดูข้า
มาอย่างดี เหมยเอ๋อร์เองก็ไม่กล้าขัดคําสั่งของท่านเจ้าเกาะมาก่อนเลย
แต่ครั้งนี้ ข้าคงไม่อาจทําตามที่ท่านต้องการได้”
ท่านเจ้าเกาะหน้านิ่งลงทันที
“ชีวิตของข้าท่านเจ้าเกาะเป็นคนช่วยไว้ หากท่านเจ้าเกาะ
ต้องการชีวิตข้ากลับไป ท่านไม่ต้องลงมือก็ได้ แค่บอกข้ามา เหมยเอ๋อร์
จะฆ่าตัวตายต่อหน้าท่านทันที” ชื่อตันเหมยจ้องไปที่ดวงตาของเจ้า
เกาะ
เจ้าเกาะมีสายตาคมอย่างดาบ เขาจ้องไปที่ช่ อ
ื ตันเหมยแบบไม่
กระพริบตาเลย เขาจ้องอยู่นานมาก จากนั้นเจ้าเกาะค่อยๆ หันหน้า
กลับไป มองไปที่ท้องทะเล แล้วไม่พด
ู อะไรเลย
พอฉีหนิงได้พบชื่อตันเหมยอีกครั้ง เขามองออกว่าสีหน้าของชื่อ
ตันเหมยไม่ดีเลย
ฉีหนิงพาชื่อตันเหมยเข้าไปในป่าของเกาะ แล้วนั่งลงที่ใต้ต้นไม้
ใหญ่ต้นหนึ่ง ชื่อตันเหมยนั่งอิงอยู่ในอ้อมกอดของฉีหนิง นางไม่พด
ู อะไร
เลย ฉีหนิงรู้สึกได้ว่าร่างกายของชื่อตันเหมยหนาวเย็นมาก เขาเลยกอด
นางให้แน่นขึ้น หวังว่าอยากจะให้ความอบอุ่นของเขาจะช่วยลดความ
หนาวเย็นให้กับนาง
“เจ้าจะดีกับข้าแบบนี้ไปตลอดชีวิตหรือเปล่า?” ชื่อตันเหมยจู่ๆ ก็
ถามขึ้นมา
ฉีหนิงตะลึงไป แต่เขาก็ยังยิ้มแล้วพูดว่า “หากเจ้ายินดี ชาติหน้าข้า
ก็จะยังดีกับเจ้าแบบนี้อีก กลัวแต่ว่าชาติหน้าเจ้าอาจจะไม่เจอข้าน่ะสิ”
รอจนกระทั่งวันที่สามช่วงเย็น ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยกําลังนั่งอยู่บน
ชายหาด พวกเขามองเห็นบนทะเลมีเงาปรากฎขึ้น ฉีหนิงรีบลุกขึ้น แล้ว
มองออกไปเขาเห็นเรือลําหนึ่งกําลังมาทางนี้ เขาถึงกับสะดุ้ง แอบคิดใน
ใจว่าใครกันที่จะรู้ตําแหน่งของเกาะเสวียนอู่นี่อีก ใครกันที่กล้าเดินทาง
มาที่นี่? หรือว่าเรือลํานั้นแค่ผ่านมาแถวนี้เท่านั้น?
แต่ว่าเรือลํานั้นเหมือนกําลังตรงมาที่เกาะเสวียนอู่ เมื่อมันเทียบท่า
แล้ว ฉีหนิงก็เห็นคนๆ หนึ่งยืนอยู่บนหัวเรือ เขาสวมชุดสีเทา รูปร่างสูง
โปร่ง พอเห็นใบหน้าของเขาชัด ฉีหนิงก็ตกใจ คนที่มาคือเป่ยถังชิ่ง
เมื่อไม่นานมานีฉ
่ ีหนิงเพิ่งจะแยกจากเป่ยถังชิง่ ที่เขาเก้าตําหนัก รู้
ว่าที่เขามีมือกระบี่เทียนจูเฝ้าอยู่ เป่ยถังชิ่งคิดจะออกจากเขามันยาก
มาก คิดไม่ถึงเลยว่าเพิง่ จะแยกกันไม่นาน เขากลับมาที่เกาะนี้
เป่ยถังชิง่ ยืนอยู่บนหัวเรือ เขาต้องเห็นฉีหนิงอยูบ
่ นชายหาดอยู่
แล้ว สายตาของเขาตกตะลึงมาก เหมือนคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอฉีหนิง
ที่นี่ด้วย เขาขมวดคิ้วหนักมาก แต่เขาก็ยังกระโดดลงมาจากหัวเรือ แล้ว
เดินมาหาฉีหนิง ยังไม่ทันเดินไปถึง ฉีหนิงก็เห็นมือกระบี่เทียนจูก็อยูบ
่ น
หัวเรือด้วยเช่นกัน
เดิมทีเขายังแปลกใจอยู่เบนว่าเป่ยถังชิง่ มาปรากฎตัวที่เกาะเสวียน
อู่ได้ยังไง พอเห็นมือกระบี่เทียนจู เขาก็เข้าใจทันที
มือกระบี่เทียนจูเป็นมือกระบี่อันดับหนึ่งในเวลานี้ นอกจากเป่ย
ถังฮ่วนเย่แล้วก็ไม่มีใครสามารถสั่งการเขาได้อีก ในเมื่อเขาพาเป่ยถังชิง่
มาที่เกาะเสวียนอู่ นั่นก็แสดงว่าเป็นคําสั่งของเป่ยถังฮ่วนเย่แน่นอน
ถึงแม้การล่อสัตว์เทวะจะต้องใช้ของสามชิ้น แต่ว่านอกจากเป่ยกง
เหลียนเฉิงที่สามารถเป่ยขลุ่ยจื่อหลงได้ กลับยังไม่มีใครสามารถบรรเลง
พิณเฟิงหวงได้เลย
เป่ยถังฮ่วนเย่บอกว่ายังมีนักดีดพิณอีกคนที่เหมาะสม ฉีหนิงคิดไม่
ออกเลยว่าเป่ยถังฮ่วนเย่จะให้ใครมา ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เป่ยถังฮ่
วนเย่กําลังรอเป่ยถังชิ่งอยู่น่ันเอง
เป่ยถังชิง่ เป็นหนึ่งในสีศ
่ ิลปิน เขามีฝม
ี อ
ื ด้านการเล่นพิณมากห มี
เขาดีดพิณเฟิงหวง ถือเป็นคนที่เหมาะสมมากที่สุด
เป่ยถังฮ่วนเย่ยิม
้ อ่อนๆ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “วันนี้ข้าอยากจะ
ยืมฝีมือการดีดพิณของเจ้าสักหน่อย เลยตามตัวเจ้ามา”
ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงของมือกระบี่เทียนจูดังขึ้นมาจากหัวเรือ
“โหวเยว่ ข้อตกลงระหว่างเรา มีระยะเวลาจนถึงวันที่ชางหลิงโหวลง
จากเขา ข้าได้ทําตามสัญญาระหว่างเราแล้ว วันนี้ข้ามอบเขาให้กับโหว
เยว่ เราทั้งสองไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
เป่ยถังฮ่วนเย่หันหลังไป เห็นเป่ยกงเหลียนเฉิงอยู่ที่โขดหินก้อน
หนึ่งด้านหลังไม่ไกลมากนัก เขายิ้มแล้วพูดว่า “ท่านพี่เป่ยกง ท่านผูน
้ ี้
คือเจ้าของกระบี่เทียนจู”
เป่ยกงเหลียนเฉิงสีหน้าไม่มีความรู้สก
ึ เขาไม่ได้พูดอะไรเลย
มือกระบี่เทียนจูกระโดดลงมาจากบนหัวเรือ เขายกมือคํานับ
ให้กับเป่ยกงเหลียนเฉิงแล้วพูดว่า “ผู้น้อยคํานับท่านเทพกระบี่ ที่มาใน
วันนี้ ได้พบกับท่านเทพกระบี่ ถือเป็นเกียรติของข้านัก ข้ามีเรื่อง
อยากจะขอร้อง ขอท่านเทพกระบี่อนุญาตด้วย”
เป่ยกงเหลียนเฉิงมองไปที่มือกระบี่เทียนจู แต่ก็ไม่ได้พด
ู อะไร
“ผู้น้อยฝึกกระบี่มาจนถึงวันนี้ พอจะรู้ซ้ึงถึงความหมายศาสตร์
ของกระบี่แล้ว” มือกระบี่เทียนจูพูดอย่างนอบน้อมว่า “วันนี้ข้า
อยากจะขอคําชี้แนะจากท่านเทพกระบี่ ถึงตายข้าจะไม่เสียใจเลย”
แต่ฉห
ี นิงเองก็เข้าใจ คนที่อยู่บนที่สูงนั้นมันโดดเดี่ยว
สิ่งที่เป็นเรื่องปราถนาของคนฝึกกระบี่ คงเหมือนมือกระบี่เทียนจู
ที่ต้องการต่อสู้กับเทพกระบี่
แต่ว่าเหมือนว่าวันนี้มันไม่ใช่จังหวะที่ดีเท่าไหร่
การฝึกฝนของกระบี่เทียนจู ถึงแม้จะไม่สามารถเทียบได้กับต้า
จงซือ แต่หากเขาพยายามอย่างเต็มที่ เป่ยกงเหลียนเฉิงไม่มีทาง
เอาชนะมือกระบี่เทียนจูง่ายๆ แน่ หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือหากมือกระบี่
เทียนจูลงมือ ก็จะทําให้เป่ยกงเหลียนเฉิงแสดงความสามารถที่แท้จริง
ออกมา
เหล่าต้าจงซือไม่มีใครกล้าทําอะไรก่อน เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้
ถึงความสามารถที่แท้จริง ดังนั้นท่านเจ้าเกาะกับเป่ยกงเหลียนเฉิงถึงได้
ให้ศษ
ิ ย์ของตัวเองลงมือ โม่อิ่งสู้กับเซี่ยงเทียนเป่ยในเมืองหลวง ที่จริงก็
คือต้าจงซือสองคนหยั่งเชิงความสามารถของอีกฝ่าย
เป่ยกงเหลียนเฉิงก็ยังไม่พูดอะไรเหมือนเดิม
ฉีหนิงแอบขําในใจ
ถ้าไม่พด
ู อะไร เป่ยถังฮ่วนเย่ก็เหมือนสาวงามคนหนึ่ง ตัวของเขา
มันมีความมีเสน่หแ
์ พร่ออกมา แต่ว่าน�าเสียงของเขาเวลาพูด กลับเชือด
เฉือน ตอนนี้เหมือนเขากําลังจะยุแหย่เป่ยกงเหลียนเฉิงกับมือกระบี่
เทียนจูให้ต่อสู้กัน
ฉีหนิงมองเห็นมือกระบี่เทียนจูยืดตัวตรง ใบหน้าของเขาจริงจัง
มาก เขารู้ว่ามือกระบี่เทียนจูเคารพนับถือเทพกระบี่มาก วันนี้เขาขอท้า
ประลอง ก็ดน
ู อบน้อมมาก
เดินเก้าก้าวคํานับสามครั้ง ถือเป็นที่สด
ุ ของการให้เกียรติและให้
ความเคารพ
ทุกคนเห็นดังนั้น ก็รู้ทันทีว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงน่าจะยอมรับคําท้า
ทายของมือกระบี่เทียนจูแล้ว แต่ว่าแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน
ทุกคนเองก็ไม่กล้าเข้าไป มองไปที่เงาแผ่นหลังของพวกเขาสองคน
เล่มที่ 49 บทที่ 1462 นรกทีไ่ ม่มข
ี อบเขต
ฉีหนิงเห็นเงาทั้งสองคน ยืนอยู่บนโขดหินที่รม
ิ ทะเล ไม่มีใครทํา
อะไร หลังจากนั้นอยู่นาน กลับเห็นมือกระบี่เทียนจูหันหน้าเข้าด้านข้าง
แล้วถอยหลังสามก้าว จากนั้นก็โค้งคํานับให้เขาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็
เดินตรงไปที่เรือของเขาโดยที่ไม่หันหลังกลับเลย ทุกคนดูแล้วก็ตกใจ
มือกระบี่เทียนจูกระโดดลอยตัวขึ้นไปบนหัวเรือ ส่งสัญญาณมือ จากนั้น
เรือของเขาก็ค่อยๆ ลอยออกจากฝั่งไป
ฉีหนิงตกใจมาก แม้แต่เป่ยถังฮ่วนเย่ยังตกตะลึงเลย
เรือล่องออกไปกลางทะเลแล้ว มือกระบี่เทียนจูยังคงยืนอยู่บนหัว
เรือ เขาโค้งคํานับเข้าฝั่งให้กับเป่ยกงเหลียนเฉิงอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หัน
หลังเดินกลับเขาเรือไป
ผลลัพธ์แบบนี้ แทบไม่มีใครนึกถึงแน่นอน
มือกระบี่เทียนจูเป็นมือกระบี่อันดับหนึ่ง ถึงแม้ไม่สามารถสูต
้ ้า
จงซือได้ แต่หากเป็นเรื่องของกระบี่ อาจจะสู้กับเป่ยกงเหลียนเฉิงได้
ดังนั้นทุกคนคิดว่าในเมื่อเป่ยกงเหลียนเฉิงรับคําท้าแล้ว อาจจะต้องมี
การลงมือสักหน่อย ใครจะคิดว่าในเวลาสั้นๆ มือกระบี่เทียนจูกลับจาก
ไปเอง อีกทั้งยังดูนับถือนอบน้อมกับเป่ยกงเหลียนเฉิงมากขึ้นไปอีก
ไม่มีใครรู้ว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงใช้วิธีอะไรให้กระบี่เทียนจูยอมจาก
ไปแบบนี้ได้
แต่ฉห
ี นิงกลับเข้าใจ มือกระบี่เทียนจูเป็นมือกระบี่ เป่ยกงเหลียน
เฉิงเองก็เป็นมือกระบี่ คําพูดบางอย่างมมีแค่มอ
ื กระบี่ด้วยกันเท่านั้นที่
พูดกันเข้าใจ และก็มแ
ี ค่มือกระบี่ด้วยกันเท่านั้นที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายมี
ความสามารถลึกซึ้งแค่ไหน
ก่อนจากไปมือกระบี่เทียนจูน้ันมีท่าทีเคารพนับถือมากกว่าเดิม
มาก แสดงว่าเขายอมจากไปอย่างเต็มใจ
เมื่อเรือล่องไปจนแทบจะไม่เห็นแล้ว เป่ยกงเหลียนเฉิงก็หัน
กลับมา แล้วเดินไปที่เป่ยถังชิ่ง เขามองไป เป่ยถังชิ่งรู้ว่าคนที่อยู่
ตรงหน้าของเขาคือเทพกระบี่เป่ยกงเหลียนเฉิง เขาคํานับให้ “ผู้นอ
้ ย
คํานับท่านผู้อาวุโสเทพกระบี่”
เป่ยกงเหลียนเฉิงพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าในใต้หล้ามีสส
ี่ ุดยอดศิลปิน
เจ้าเชี่ยวชาญการดีดพิณมากสินะ”
“แค่คําร�าลือเท่านั้น ผูน
้ ้อยชื่นชอบในดนตรี ดังนั้นเลยลงทุนไปกับ
การเล่นพิณ เพื่อความบันเทิงเท่านั้น” เป่ยถังชิง่ ยิ้ม
เป่ยกงเหลียนเฉิงหยิบม้วนทํานองออกมา ฉีหนิงมองแล้วก็รูท
้ ันที
ว่าเป็นทํานองนรกที่เขามอบให้เป่ยกงเหลียนเฉิงไป มันคือทํานองนรก
หนึ่งในสามทํานองเพลงที่ประสกฝูผงิ แต่งขึ้น
“นี่คือทํานองเพลง” เป่ยกงเหลียนเฉิงยื่นทํานองให้กับเป่ยกง
เหลียนเฉิง เป่ยถังชิ่งยื่นสองมือไปรับมา
เจ้าเกาะกับเป่ยถังฮ่วนเย่มองหน้ากัน แล้วก็ยกมือคํานับให้กับเป่
ยกงเหลียนเฉิงแล้วพูดว่า “รบกวนท่านพี่เป่ยกงด้วย”
ทั้งสองคนถึงแม้จะเป็นต้าจงซือ แต่ในเรื่องของดนตรีน้ันพวกเขา
กลับมีความสามารถไม่ถึงขั้น คราวนี้ต้องการล่อสัตว์เทวะออกมา ก็ต้อง
อาศัยของเป่ยกงเหลียนเฉิง
ฉีหนิงคิดในใจว่าเป่ยถังชิ่งยังไม่เคยเห็นทํานองเพลงนรกมาก่อน
เลย อีกทั้งทํานองเพลงอันนี้มน
ั ก็ไม่ใช่ของธรรมดา ไม่เหมือนทํานอง
เพลงทั่วไป เป่ยถังชิ่งจะจําทํานองนี้ได้ท้ังหมด อาจจะต้องใช้เวลา คิด
ว่าวันนีอ
้ าจจะไม่สามารถเล่นมันได้
เป่ยกงเหลียนเฉิงมอบทํานองให้กับเป่ยถังชิ่งแล้ว เขาก็เดินออก
ห่างไปไม่ไกลนัก จากนั้นก็หยิบขลุ่ยจื่อหลงที่เป่ยถังฮ่วนเย่มอบให้เขา
ก่อนหน้านี้ออกมา มือหนึ่งถือขลุ่ยอีกมือหนึ่งก็ไขว้หลังเอาไว้
เสียงขลุ่ยดังไปไกลไร้จุดหมายมาก แต่มน
ั กลับเหมือนอยู่ใกล้หน
ู ิด
เดียว แค่ได้ยินเสียงขลุ่ย พริบตาเดียวก็ทําให้คนรู้สึกถึงความเศร้า
เสียใจ ฉีหนิงหลับตาลง เขากลับคิดว่า เป่ยกงเหลียนเฉิงชื่นชอบดนตรี
มาก ฝีมอ
ื ของเขาสมคําร�าลือจริงๆ ไม่แน่ว่าที่จริงแล้วเป่ยกงเหลียนเฉิง
อาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์ในสายกระบี่อย่างเดียวก็ได้ แต่เขามีพรสวรรค์
ทางด้านดนตรี
อีกทั้งเสียงขลุ่ยกับพิณแทบจะกลืนเป็นเสียงเดียวกัน เสียงพิณมี
ขลุ่ย เสียงขลุ่ยก็มีพิณ ความเศร้ามันสลับความน่ากลัวอยู่ตลอดเวลา
ฉีหนิงเคยฟังบทเพลงมาก่อน แต่ว่าเขากลับไม่เคยได้ยินเสียงพิณ
กับขลุ่ยที่ประหลาดแบบนี้มาก่อนเลย
ท่ามกลางเสียงดนตรี ตรงหน้าฉีหนิงเหมือนจะมีภาพของภูเขากอง
ศพกับทะเลสีเลือด ฟ้าดินเป็นสีดํา มีวิญญาณลอยไปลอยมาตรงหน้า
เขานับไม่ถ้วน อีกทั้งศพบางศพยังเคลื่อนไหวได้ด้วย มันกําลังเดินไป
เดินมา เหมือนศพเดินได้ เดินไปทั่วไม่มีจุดหมาย
แต่ฉห
ี นิงยังคงเหลือสติอยู่เล็กน้อย รู้ว่ามันน่าจะเกิดจากทํานอง
เพลงที่สร้างภาพหลอนขึ้นมาแน่ๆ เขาคิดจะสลัดภาพที่น่ากลัวตรงหน้า
ทิ้งไป ทําให้ตัวเองได้สติกลับมา คัมภีร์ชิงจิงจะทําให้คนมีสติ เดิมเขาก็
กําลังจะมีสติแล้ว แต่เสียงพิณกับขลุ่ยก็ดังเข้ามาเหมือนมาจากนรกก็ดัง
เข้าหูอีกครั้ง ภาพที่น่ากลัวแบบนั้นมันก็ปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง
ศพที่คลานขึ้นมาจากพื้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีศพอีก
มากมายที่กําลังเดินมาที่เขา ฉีหนิงตกใจมาก คิดในใจว่าชื่อตันเหมยอยู่
ข้างๆ เขา ไม่รูว
้ ่านางจะต้านภาพลวงตานี้ได้หรือเปล่า เขาเลยหันไป
มอง กลับเห็นใบหน้าของชื่อตันเหมยเป็นใบหน้าที่เจ็บปวดมาก นางเอา
มือปิดหน้า ตัวสั่นไปทั้งตัว ฉีหนิงรู้ว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าของชื่อตันเหมย
น่าจะรุนแรงกว่าของเขามาก เขาเลยรีบเข้าไปกอดชื่อตันเหมย แต่เห็น
ชื่อตันเหมยจู่ๆ ก็เอามือที่ปิดหน้าเอาไว้ออก ใบหน้าสวยๆ ของนาง
ตอนนี้มน
ั กลับกลายเป็นใบหน้าที่น่ากลัว ฉีหนิงตกใจมาก ส่วนชื่อตัน
เหมยก็แยกเขี้ยว กําลังจะพุ่งมากัดฉีหนิง
ฉีหนิงรู้สึกตกใจมาก แต่ก็รบ
ี กระโดดเอาตัวออกห่าง แต่ช่ อ
ื ตัน
เหมยที่เหมือนผีอาฆาตก็ไม่เลิกรา นางพุ่งเข้าหาเขาอีก ฉีหนิงตอนนี้
แยกไม่ออกเลยว่านางคือชื่อตันเหมยหรือว่าวิญญาณอาฆาต ก็กลัวว่า
จะทําให้นางต้องเจ็บตัว เลยไม่กล้าลงมือ แต่จากนั้นเขาก็รู้สก
ึ ได้ว่าขา
ของเขานั้นเหมือนจะแน่นๆ พอก้มลงไปมอง ก็เห็นขาข้างหนึ่งของเขา
นั้นมันเหมือนมีผีร้ายกําลังรัดเอาไว้ รอบตัวเขาก็เหมือนกําลังมีผีอีก
หลยตัวพุ่งเข้ามา พยายามจะล้อมเขาเอาไว้ ฉีหนิงเหมือนถูกมัดขยับตัว
ไม่ได้เลย ส่วนชื่อตันหมยก็กําลังจะพุ่งมากัดคอของเขา
ฉีหนิงรู้สึกว่าเขาเปียกไปทั้งตัว เหมือนว่ามีเหงื่อไหลออกมา
มากมาย ตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจ สิ่งที่เขาเห็นมันคือภาพลวงตาทั้งหมด
ทันใดนั้นเองซาหนูกับหวังหนูที่อยู่ที่ชายหาดก็ร้องตะโกนขึ้นมา
อย่างรุนแรง ทั้งสองคนเหมือนคนบ้า สะบัดแขนขาไปทั่ว ส่วนคนเรือ
ของเป่ยถังฮ่วนเย่ก็น่ังขัดสมาธิอยู่ที่ชายหาด แต่ว่ามือของเขาเองก็กาง
ออก เหมือนพยายามขวางไม่ให้ใครเข้ามาใกล้
ฉีหนิงรู้ว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ตกเข้าไปอยู่ในโลกของภาพลวง
ตา คนอื่นก็เข้าไปอยู่ในโลกภาพลวงตาที่น่ากลัวเหมือนกัน
เจ้าเกาะกับเป่ยถังฮ่วนเย่เป็นต้าจงซือ พวกเขาก็เลยต้านทานไหว
แต่ว่าคนอื่นไม่สามารถต้านได้เลย
เสียงดนตรีพอเข้าหู พอได้สติข้ึนมาฉีหนิงก็รู้สึกว่ารอบข้างเขามืด
ไปหมด เขาก็ตกใจ เขารู้ทันทีว่าเขากําลังตกเข้าไปในโลกนรกที่ไร้
พรหมแดน แต่บังเอิญที่ช่ อ
ื ตันเหมยร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ ฉีหนิงที่
กําลังจะตกเข้าไปในภวังค์ของภาพดวงตาอีกครั้งก็ได้สติกลับมา เห็นชื่อ
ตันเหมยเอามือปิดหู ตัวสั่นไปทั้งตัว ก็รู้ว่านางน่าจะถลําไปลึกมาก เลย
รีบเดินไปหานาง แล้วก็กอดนางเอาไว้แน่นๆชื่อตันเหมยลืมตาขึ้นมา
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พอเห็นหน้าฉีหนิง นางก็
ตะลึงไป ฉีหนิงพูดว่า “แค่ภาพลวงตา ทํานองนรกทําให้เราเห็นภาพ
ลวงตา”
หลังจากนั้นไม่นาน เป่ยถังชิ่งก็ยกพิณเฟิงหวงออกมาวางข้างๆเขา
ลุกขึ้น แล้วคํานับให้กับเป่ยกงเหลียนเฉิง จากนั้นก็เดินไปหาเป่ยถังฮ่วน
เย่ ยกมือคํานับแล้วพูดว่า “เสด็จอา ทํานองนรกอนุภาพร้ายกาจ ข้าไม่
อาจฝืนได้ ตัวเองตกเข้าสู่ภวังค์ ไม่อาจทําภารกิจของเสด็จอาให้สําเร็จ
ได้ สมควรตายยิ่งนัก”
เป่ยถังชิง่ ไม่สามารถบรรเลงเพลงร่วมกับเป่ยกงเหลียนเฉิงได้อีก
ถ้าอย่างนั้นแผนการทั้งหมด ก็ถือว่าเสียเปล่า
เพราะถ้าหากไม่สามารถล่อสัตว์เทวะเสวียนอู่ออกมาได้ ไม่เพียง
แผนการการกําจัดต้าจงซือที่มม
ี านานจะเสียเปล่า แผนที่กลุ่มฝูผิงวาง
ไว้กว่าสิบปีก็จะสูญเปล่าด้วย
ฉีหนิงกวาดสายตาไปที่ต้าจงซือทั้งสามคน เห็นสีหน้าของเป่ยกง
เหลียนเฉิงนิ่งมาก เป่ยถังฮ่วนเย่กลับมีสห
ี น้าเศร้า ส่วนเจ้าเกาะเองก็
ถอนหายใจ
“เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นปัญหาที่กําลังภายในอ่อนหรือแข็งหรอกนะ”
ท่านเจ้าเกาะถอนหายใจแล้วพูดว่า “หลานรักเจ้าเข้มแข็งมาก แล้วก็ฝน
ื
มาได้ขนาดนี้ แต่มันยังขาดเรื่องของประสบการณ์”
ฉีหนิงเองก็เข้าใจดี ทํานองนรกสามารถทําให้คนเกิดภาพลวงตาได้
คิดจะต้านทานภาพลวงตานั้น จะต้องมีกําลังภายในที่แก่กล้ามาก แล้วก็
ต้องมีความแน่วแน่ที่สงู มากด้วย
ตัวของเขาเองก็ไม่ใช่คนที่มีความแน่วแน่ต�า แต่เมื่อกี้ยังเกือบต้าน
ไม่ไหวเลย หวังหนูกับซาหนูเองก็เริงระบํากระบี่อยู่บนชายหาด เป่ยถัง
ชิ่งกลับยังสามารถบรรเลงพิณได้อยู่ ถือว่าสุดยอดมากแล้ว แต่เหมือน
ทุกคนประเมินทํานองนรกเกินไป
“ดูท่าเราคงต้องรออีกสามสิบปีแล้วล่ะ” เป่ยถังฮ่วนเย่เองก็ถอน
หายใจ “หลายปีที่ผ่านมาเราทําทุกวิถีทางเพื่อค้นหาของสามอย่างนี้
แต่กลับลืมไปว่าทํานองนรกมันไม่ใช่ใครก็สามารถบรรเลงได้ ระยะเวลา
สามสิบปี กลับไม่รู้ว่าจะหาคนที่เหมาะสมได้รึเปล่า”
ในเวลานี้เอง กลับได้ยน
ิ ซาหนูพูดขึ้นมาว่า “มีเรือกําลังมา”
พอเสียงของเขาดังขึ้นมา ทุกคนก็หน
ั ไปมองกันหมด ตอนนี้ฟ้ามืด
แล้ว แต่บนทะเลกลับมีแสงไฟ ทุกคนรูด
้ ีว่า นอกจากเรือแล้ว บนทะเล
ไม่มีทางมีแสงไฟอย่างอื่นได้อีก
ฉีหนิงขมวดคิ้ว คิดในใจว่าเกาะเสวียนอู่เป็นเกาะลับ แต่ว่าสอง
สามวันที่ผ่านมากลับมาคนมาอยู่ตลอด
พอเห็นคนที่เดินถือโคมไฟด้านหน้ากําลังเดินมา ฉีหนิงกลับตกใจ
หน้าเปลี่ยนสี เขามองทีเดียวก็จําได้ สาวสวมชุดเหมียว คือหนึ่งในหก
ภูตของตี้ฉานเทพธิดาเป่าฉานฮวาเสี่ยงหรง
ตี้ฉานมาที่เกาะเสวียนอู่ด้วยเหรอเนี่ย
ตี้ฉานมาถึงที่นี่ ไม่มีใครขยับเลย สายตามีแต่มองไปที่ตัวของนาง
ตอนที่ตี้ฉานเดินผ่านหน้าฉีหนิงไป ฉีหนิงได้กลิ่นหอมจากตัวของนาง
กลิ่นนี้มน
ั เป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่เขาคิดได้เป็นอย่างดี
ฉีหนิงมีความทรงจําที่หน้ากลัวมาก แต่ว่าการสัมผัสกลิ่นน่ากลัว
กว่า
ตอนนั้นเขาถูกขังเอาที่หอ
้ งลับในจวนของสํานักเฟิงเจี้ยน อยู่
ร่วมกับตี้ฉานที่ปลอมตัวเป็นซูอ
่ ิ่งฮูหยินระยะหนึ่ง บนตัวของตี้ฉานมี
กลิ่นหอมเฉพาะตัว ฉีหนิงเลยจําได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ให้กับตี้ฉานที่เขาเชียนอูหลิง ฉีหนิงก็ไม่ได้
พบตี้ฉานอีกเลยล ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทําไมวตี้ฉานถึงได้ส่งคน
ของนางไปช่วยเซียวจ้าวจงชิงบัลลังก์ เขาอยากรู้มาตลอดว่านางไปอยู่
ที่ไหน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้มาพบกับนางที่นี่
ตอนที่นางเดินผ่านตัวของฉีหนิงไป ตี้ฉานมีเหลือบตามองเล็กน้อย
แต่ก็ไม่ได้หยุดเดิน
ฉีหนิงปากขยับ แต่ก็พด
ู อะไรไม่ออกสักคํา
ฉีหนิงจ้องไปที่เจ้าเกาะ สายตาของเขาดูดม
ุ าก
คนที่อยู่ตรงนี้คือตี้ฉานแน่นอน ท่านเจ้าเกาะกลับดําเป็นขาว
ถึงกับบอกว่าตี้ฉานคือแม่หมอเหมียว
ฉีหนิงถึงกับเสียวสันหลัง
เจ้าเกาะให้ตี้ฉานมาที่เกาะเสวียนอู่ในเวลาแบบนี้ อีกทั้งยังปกปิด
ฐานะของตี้ฉานด้วย แสดงว่าต้องมีแผนการอะไรไว้แน่ เขาไม่รู้ว่าควร
จะเปิดโปงคําโกหกของตี้ฉานดีไหม แต่เขาก็คิดวว่าต่อให้เขาบอกไป ก็
ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตี้ฉานไม่ใช่แม่หมอเหมียว อาจจะทําให้มภ
ี ัยมาสู่
ตัวได้
ตี้ฉานทําความเคารพคืนไป นางเหมือนไม่ได้กังวลใจว่าฉีหนิงจะ
เปิดโปงนาง นางพูดว่า “ข้ามาช้าไป ท่านเจ้าเกาะโปรดอภัยด้วย”
พวกของฉีหนิงรู้ถึงความร้ายกาจของทํานองนรกดี หากยังอยูต
่ รง
นี้ต่อไป เกรงว่าอาจจะถูกดึงไปอยู่ในโลกของภาพลวงตาอีก เขาเลยจูง
มือชื่อตันเหมย แล้วส่งสัญญาณ ชื่อตันเหมยเข้าใจความหมายของฉี
หนิงดี รู้ว่าฉีหนิงหมายความว่าไง นางลังเล แต่ก็พยักหน้า ทั้งสองคน
ถอยหลังไปหลายก้าว หวังหนูกับซาหนูกับคนเรือเองก็เว้นระยะให้ไกล
ขึ้น ต่างหาที่หลบ เพราะกลัวจะโดนภาพลวงตาโจมตีอีก
ฉีหนิงกับชื่อตันเหมยเดินหลีกออกมาไกลระยะหนึ่ง พวกเขาไป
หลบอยูด
่ ้านหลังโขดหิน แล้วมองลงมาจากด้านบน พวกเขาสองคนมี
กําลังภายใจแก่กล้ามาก ถึงแม้จะมืดแล้ว แต่ก็ยังมองเห็นเงาได้อย่าง
ชัดเจน
ฉีหนิงกําลังคิดว่าควรจะบอกความจริงกับชื่อตันเหมยดีไหม ใน
เวลานี้เอง เสียงขลุ่ยก็ดังขึ้น ถึงแม้จะอยู่หา่ งออกมามากแล้ว แต่ว่ามันก็
ยังอยู่ในระยะที่ได้ยินเสียงอยู่ เสียงขลุ่ยมันเศร้าและชัดมาก เหมือนว่า
มาเป่าข้างหูยังไงอย่างนั้น
หลังจากเสียงขลุ่ยดังขึ้นแล้ว เสียงพิณก็ตามมา
เมื่อเทียบกับเป่ยถังชิ่งแล้ว เสียงพิณของตี้ฉานมันน่ากลัวกว่ามาก
ทําให้คนขนลุกได้ในทันที
ฉีหนิงนั่งกรรมฐาน แต่เสียงขลุ่ยและพิณในรอบนี้ เหมือนจะร้าย
กาจกว่าตอนที่เป่ยถังชิง่ กับเป่ยกงเหลียนเฉิงเล่นร่วมกันอีก ไม่นานนัก
ฉีหนิงก็รู้สึกว่ามีความหนาวเย็นแทรกแซงเข้ามาในกระดูก เหมือนว่า
เขาอยู่ในหน้าหนาว จากนั้นรอบตัวเขาก็เหมือนมีเงาของวิญญาณ
ปรากฎตัวขึ้น เสียงพิณและขลุ่ย มันกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนของ
เหล่าวิญญาณ เสียงมันน่ากลัวมาก
วิญญาณบางตัวลงไปนอนดีดีด้ินอยู่บนพื้น บางตัวล่องลอยอยู่กลาง
อากาศ เสียงของพวกมันกรีดร้องอยู่ข้างหู ฉีหนิงตกใจมาก เขาพบว่าตัว
เขานั้นลอยอยู่กลางน�า พอเขาก้มหน้าลง ผิวน�าก็มีหน้าวิญญาณลอยอยู่
เต็มไปหมด มันน่ากลัวมาก ในใจลึกๆ ของฉีหนิงรู้ว่ามันคือภาพลวงตา
แต่ทุกอย่างมันดูเหมือนจริงมาก เหมือนว่าตัวเขากําลังอยู่ท่ามกลาง
นรกภูมิ
เล่มที่ 49 บทที่ 1464 สัตว์เทวะ
ฉีหนิงถูกทํานองเพลงดึงเข้าไปในโลกของภาพลวงตาแบบไม่
สามารถควบคุมได้ แต่เขายังคงมีสติอยู่ เขารู้ว่าเขาอยู่ในในโลกของ
ภาพลวงตา แต่ทํายังไงก็ออกไปไม่ได้
เขาลุกขึ้นยืนโดยที่เขาควบคุมไม่ได้ จากนั้นก็เดินไปท่ามกลาง
ความมืดเหมือนกับศพเดินได้ ร่างกายของเขามันไม่ฟงั ที่เขาสั่งการเลย
ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังขึ้นมา พวกวิญญาณ
เหมือนตกใจตื่นเพราะเสียงฟ้าผ่า ทันใดนั้นเองฉีหนิงก็พบว่าความมืด
มิดมันเหมือนมีรอยร้าวแยกออกมา แสงสว่างมันลอดเข้ามาได้ใน แสง
สว่างมันขยายตัวกว้างมากขึ้น ท้องฟ้าเริ่มสดใสมีแสงแดด
ฉีหนิงตะลึงไป กระพริบตาสองสามที แล้วมองไปรอบๆ เขาพบว่า
เขากลับมาในโลกของความจริงอีกครั้ง
เพียงแต่ตอนที่เขาตกอยู่ในภวังค์มันเป็นช่วงกลางคืน แต่ตอนนี้
มันเช้าแล้ว พระอาทิตย์ข้น
ึ แล้ว เสียงพิณกับขลุ่ยเองก็หายไปแล้ว
เหมือนกัน
นั่นก็หมายความว่า เขาตกอยู่ในโลกของภาพลวงตาทั้งคืน
ฉีหนิงคิดในใจว่าเหมือนชื่อตันเหมยจะเข้าไปในโลกภาพลวงตาไม่
ต่างจากเขาเท่าไหร่ ตอนนี้ก็ได้ยน
ิ เสียงประหลาดดังขึ้น มันคล้ายกับ
เสียงฟ้าผ่าที่เขาได้ยินเมื่อกี้เลย เขาอดหันไปมองไม่ได้ เขาเห็นในทะเล
มันมีเงาดําๆ กําลังเคลื่อนที่มายังฝั่ง พอมองดีดี มันเหมือนเกาะเล็กๆ
กําลังเคลื่อนที่เลย แต่พอมองอีกที มันก็เหมือนสิ่งมีชีวิต มันมีขนาด
เท่ากับเรือของเจ้าเกาะไป๋อวินเลย แต่เคลื่อนที่ช้า ทั่วทั้งตัวเหมือนมี
เกราะหนาๆ ชั้นหนึ่งห่อหุ้ม ตอนนี้ฉห
ี นิงเห็นชัดแล้ว มันคือเต่าทะเล
ขนาดใหญ่มากตัวหนึ่ง
ฉีหนิงเคยเห็นเต่าทะเล แต่กลับไม่เคยเจอเต่าทะเลที่ตัวใหญ่ขนาด
นี้มาก่อน อีกทั้งยังคิดไม่ถึงเลยว่าในโลกจะมีเต่าทะเลประเภทนี้อยู่ด้วย
ชื่อตันเหมยลุกขึ้นยืน แล้วยืนมองไปที่เต่าทะเลยักษ์แบบอึ้งไป
แล้วพูดว่า “นั่น ... นั่นคือสัตว์เทวะเสวียนอู่ง้ันเหรอ?
เหล่าต้าจงซือเองตอนนีก
้ ็ล้วนแต่จ้องไปที่เต่าทะเลยักษ์ ไม่มใี คร
ทําอะไรเลย รอให้มันว่ายขึ้นมาบนฝั่งเท่านั้น ท่านเจ้าเกาะหัวเราะ
ขึ้นมา เสียงของเขาดังไปทั่ว เต่าทะเลที่กําลังว่ายขึ้นมาบนฝั่งเหมือนคิด
อะไรได้ มันหยุดชะงักไป เจ้าเกาะหยุดหัวเราะไป เขาเริ่มเห็นเต่าทะเล
ค่อยๆ ถอยหลังกลับลงทะเลไป
ฉีหนิงคิดในใจว่าเต่าทะเลยักษ์มข
ี นาดใหญ่มาก คิดว่าน่าจะอยู่มา
หลายร้อยปีแล้ว เหมือนจะมีจิตวิญญาณแล้ว
ทํานองนรกล่อให้สัตว์เทวะเสวียนอู่ออกมาได้จริง แต่ว่ามันกลับ
รู้สึกว่ามันไม่ปกติ เลยคิดจะหนีกลับไป พอได้เห็นสัตว์ทะเลที่มีอายุกว่า
ร้อยปีอยู่ตรงหน้า ฉีหนิงก็ถือว่าได้เปิดหูเปิดตา เขาคิดว่าเหล่าต้าจงซื
อคิดจะเอายาออกมาจากตัวของสัตว์เทวะ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงส่วน
ไหนของตัวมัน หากลงมือฆ่าเพื่อให้ได้ยาเม็ดมา มันก็ดูโหดเหีย
้ ม
จนเกินไป สัตว์เทวะที่อยู่มาเป็นร้อยปีต้องมาตายแบบนี้ ใครเห็นก็หดหู่
ใจ
ท่านเจ้าเกาะเห็นเต่าทะเลกําลังจะกลับลงทะเลไป แล้วพูดเสียง
เข้มว่า “ซาหนูหวังหนูอย่าให้มันหนีไป”
ซาหนูหวังหนูเองก็หลุดจากภาพลวงตาแล้ว พวกเขาอยู่ไม่ไกลจาก
เต่าทะเล พอเจ้าเกาะมีคําสั่ง พวกเขาสองคนก็พุ่งเข้าไป ขวางทาง
ด้านหลังของเต่าทะเลเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันถอยหลัง
ชื่อตันเหมยถึงแม้รู้ว่าต้าจงซือมีวรยุทธ์ร้ายกาจ แต่วันนี้ถึงได้เคย
เห็นต้าจงซือลงมือเป็นครั้งแรก พอเป่ยถังฮ่วนเย่ลงมือ ก็เห็นเขาใช้พลัง
อากาศควบคุมก้อนหินซัดไปที่เต่าทะเลยักษ์ ดวงตาของนางดูตกใจมาก
ก้อนหินพวกนั้นมันหนาและหนักมาก ต่อให้เป็นผู้ชายกํายํา
ร่างกายแข็งแกร่ง เกรงว่าต้องมีกว่าสิบคนถึงจะสามารถยกแบกได้ แต่
เป่ยถังฮ่วนเย่กลับควบคุมมันได้ง่ายๆ จนทําให้ช่ อ
ื ตันเหมยสงสัยว่าตัว
นางนั้นยังอยู่ในโลกของภาพลวงตารึเปล่า
“ซาหนูหวังหนูหลีกไป” ท่านเจ้าเกาะตะโกน
ซาหนูหวังหนูใช้มือปัดทรายอยู่ เห็นก้อนหินห้าหกก้อนปลิวมา
พวกเขาก็ตกใจหน้าเสีย ได้ยินเจ้าเกาะพูดแบบนั้น พวกเขาก็รบ
ี ถอยหนี
จากนั้นก็เห็นก้อนหินมันหล่นลงบนหาดทรายอย่างต่อเนื่อง ล้อมตัวของ
เจ้าเต่าทะเลยักษ์เอาไว้ เหมือนสร้างคุกขังมันเอาไว้ไม่ให้มันหนี
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะใช้ขาถีบก้อนหินออก
เจ้าเกาะสีหน้าไม่สด
ู้ ีนก
ั เขาพุง่ ตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พอเห็นเขา
อีกที เขาก็ไปยืนอยู่บนหลังของเต่าทะเลแล้ว เขายกมือขึ้นมา เป่ยถังฮ่
วนเย่กลับตะโกนขึ้นมาว่า “อย่าฆ่ามันนะ” เขารีบลอยตัวไปอยู่ใกล้ตัว
เต่าทะเลยักษ์
ต้าจงซือสามคนยืนเรียงเป็นแถวเส้นเดียว เจ้าเกาะยืนอยู่บนหลัง
เต่าทะเลยักษ์ เป่ยถังฮ่วนเย่ยืนตรงข้ามกับเจ้าเกาะ เป่ยกงเหลียนเฉิง
ยืนอยู่หลังเป่ยถังฮ่วนเย่
ฉีหนิงคิดในใจว่าที่จริงแล้วเหล่าต้าจงซือล้วนแต่เผชิญกับปัญหา
ใหญ่ ก่อนที่สัตว์เทวะจะปรากฎตัว พวกเขาก็คิดถึงปัญหานีม
้ าก่อนแล้ว
แต่ยังไม่มีใครพูดอะไร ตอนนี้ในเมื่อเต่าทะเลยักษ์ปรากฎตัวขึ้นแล้ว ถ้า
อย่างนั้นยาเม็ดเสวียนอู่ควรจะเป็นของใคร มันก็เป็นเรื่องที่ต้อง
ตัดสินใจแล้ว
เป่ยถังฮ่วนเย่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “แล้วเจ้าคิดว่าควรทํายังไง?”
เจ้าเกาะส่ายหน้ายิม
้ แล้วพูดว่า “หลายปีที่ผ่านมา ข้าทุ่มเททุก
อย่างเพื่อให้ได้มน
ั มา ยามันอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว จะยอมถอยง่ายๆ ได้
ยังไง?”
“เจ้าเกาะไม่ยน
ิ ดี ข้าเองก็ไม่ยน
ิ ดี” เป่ยถังฮ่วนเย่ถอนหายใจแล้ว
ถามเป่ยกงเหลียนเฉิงว่า “ท่านพีเ่ ป่ยกง แล้วท่านคิดว่ายังไง?”
สีหน้าของเป่ยกงเหลียนเฉิงไม่มค
ี วามรูส
้ ึก เขาเอามือไขว้หลัง
ไม่ได้พด
ู อะไร
เป่ยถังฮ่วนเย่พูดว่า “ท่านพี่เป่ยกง ยาเม็ดเสวียนอู่ถึงจะดี แต่เจ้า
เกาะก็พด
ู ถูก แบ่งสามคน ไม่สู้แบ่งสองคน ท่านพี่เป่ยกงปกติไม่ชอบ
แย่งชิงอะไรกับใคร คราวนี้ก็ยอมถอยให้สก
ั ครั้ง ท่านคิดอย่างไร?
แน่นอน เราไม่มท
ี างให้ท่านถอยเปล่าๆ หรอกนะ ขอแค่ท่านพี่เป่ยกง
ยอมถอย ข้ากับเจ้าเกาะจะช่วยทําอะไรให้ท่านเรื่องนึงตามที่ท่าน
ต้องการ ไม่ว่าเรื่องอะไรหเราจะไม่ปฏิเสธเลย”
ฉีหนิงสีหน้าจริงจังขึ้นมา
เขารู้ว่าเมื่อสัตว์เทวะปรากฎตัวออกมา ต้าจงซือสามคนจะต้อง
เปิดศึกกันแน่นอน เรื่องนี้เลี่ยงไม่ได้
แต่ว่ามันไม่เหมือนคนสองคนแย่งชิงของชิ้นเดียว เพราะมันก็แค่
ไม่เจ้าตายก็ข้าตาย แต่นี่มันคือศึกของคนสามคน
แต่ตอนนี้เขาเหมือนจะเข้าใจแล้ว เป่ยถังฮ่วนเย่กับเจ้าเกาะ
เหมือนจะแอบตกลงกันล่วงหน้าไว้แล้ว ทั้งสองคนคิดจะร่วมมือกัน
กําจัดเป่ยกงเหลียนเฉิง หลังจากกําจัดเทพกระบีไ่ ปแล้ว ก็จะแบ่งยากัน
คนล่ะครึ่ง
แต่ที่เจ้าเกาะพูดมามันก็ถูก
หากต้าจงซือสองคนร่วมมือกัน เป่ยกงเหลียนเฉิงไม่มท
ี างรับมือได้
แน่
ตี้ฉานมีความสามารถเทียบเท่าต้าจงซือ แต่เหมือนเป่ยกงเหลียน
เฉิงกับเป่ยถังฮ่วนเย่เหมือนจะไม่รู้
ในสายตาของพวกเขาสองคน ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ว่าผูห
้ ญิงคนนี้
คือแม่หมอเหมียว แต่ในใจของพวกเขา ผู้หญิงคนหนึ่งไม่มีทางทําอะไร
พวกเขาได้แน่ ก็เหมือนเป่ยถังชิง่ ที่เคยเป็นสุดยอดขุนพลแห่งยุคมา
ก่อนที่อยู่ใกล้ๆ แต่เหล่าต้าจงซือก็ไม่ได้คิดว่าเป่ยถังชิ่งจะทําอะไรพวก
เขาได้เลย
ก็เพราะอย่างนี้ ในสายตาของเป่ยถังฮ่วนเย่กับเป่ยกงเหลียนเฉิง
บนเกาะมีแค่ต้าจงซือสามคนเท่านั้นที่จัดการกันได้ หากมีการลงมือกัน
จริง พวกเขาก็ไม่มีทางดึงใครเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่สิ่งที่เจ้าเกาะรู้มานั้นเหมือนว่าจะไม่เหมือนอีกสองคน
เขาเรียกตี้ฉานมาที่เกาะเสวียนอู่ แน่นอนว่าเขาต้องรู้เรื่องของตี้
ฉานดี อีกทั้งเขาเองก็นา่ จะรู้ด้วย ว่าตี้ฉานมีความสามารถแบบต้าจงซือ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตี้ฉานเป็นกําลังเสริมที่ทางเจ้าเกาะเตรียมการ
เอาไว้
ตอนนี้เจ้าเกาะกับเป่ยถังฮ่วนเย่กําลังบีบให้เป่ยกงเหลียนเฉิงยอม
ถอย ก็เป็นกลยุทธ์ตลบหลัง เพราะเป็นต้าจงซือด้วยกันทั้งนั้น หากจะ
ลงมือกันจริง ต่อให้สองต่อหนึ่ง ก็ต้องมีความสูญเสียมากอยูแ
่ ล้ว การทํา
ให้เป่ยกงเหลียนเฉิงยอมถอยเอง ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก
ในตอนนี้เอง ก็ได้ยินเต่าทะเลยักษ์ร้องคํารามเสียงราวกับฟ้าผ่า
ออกมา ร่างกายของมันขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ถึงแม้เจ้าเกาะจะอยู่บนหลังของมัน แต่ก็ไม่อาจควบคุมไม่ให้มน
ั
เคลื่อนไหวได้ เจ้าเกาะหน้าเสียไปทันที เขาไม่สามารถทรงตัวได้ ทําให้
ต้องลอยตัวขึ้น ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเป่ยถังฮ่วนเย่พูดว่า “ใช้ก้อนหิน
สร้างค่ายกลเร็ว” เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นอีกครั้ง เจ้าเกาะเองก็ลอยไป
ยืนอยู่ด้านข้างของเป่ยถังฮ่วนเย่ไม่ไกล จากนั้นก็ยกมือขึ้นเช่นกัน
และในวินาทีน้ันเอง ฉีหนิงก็เหมือนรู้สึกว่าที่เท้ามันเคลื่อนไหว พอ
เขาก้มหน้ามองลง เขาก็เห็นก้อนหินบนพื้นที่เขาเหยียบอยู่น้น
ั มันขยับ
เขารีบพูดเสียงเข้มว่า “ระวัง” เขาจับมือของชื่อตันเหมยไว้ แล้ว
กระโดดออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตอนที่พวกเขาสองคนลอยตัวขึ้น
ก้อนหินมันก็หลุดออกมาจากพื้น แล้วพุ่งออกไป
พอทั้งคู่ลอยลงไปยืนบนก้อนหินอีกก้อนหนึ่ง หินก้อนมันก็
เคลื่อนไหวอีก
วินาทีน้น
ั เขาเห็นหินบนเกาะกําลังเคลื่อนไหวทั้งหมด จากนั้นก็
ค่อยๆ หลุดและพุ่งไป แล้วหล่นลงไปที่เต่าทะเลยักษ์ราวกับสายฝนที่
โปรยปราย
บนเต่าทะเลยักษ์มน
ั เหมือนมีเกราะกําแพงเหล็กอยู่ ก้อนหินหล่น
ใส่เกิดแค่เสียงเท่านั้น เต่าทะเลยักษ์เหมือนจะโมโหมาก มันส่งเสียง
คํารามออกมาดังมาก แล้วก็กระทืบเท้าอย่างรุนแรง ทําให้ก้อนหินมัน
ปลิวกระเด็นไปไกล แต่เหล่าต้าจงซือก็ยังควบคุมก้อนหินโจมตีมันอย่าง
ต่อเนื่อง พริบตาเดียว เหล่าก้อนหินจํานวนนับไม่ถ้วนเหมือนกับฝังเต่า
ทะเลยักษ์เอาไว้ เต่าทะเลยักษ์มรี ่างกายใหญ่มาก พอมีก้อนหินทับไว้ก็
เหมือนเป็นภูเขาลูกเล็กลูกหนึ่ง เริม
่ แรกเต่ายักษ์ยังมีการขยับอยู่ แต่ไม่
นานมันก็ไม่มก
ี ารเคลื่อนไหวอีกเลย เต่าทะเลยักษ์อยู่ทับแบบนั้น ก็ไม่รู้
ว่ามันตายแล้วรึยัง
ฉีหนิงขมวดคิ้ว ชื่อตันเหมยเองก็ขมวดคิ้วหนักมากเหมือนกัน
การจัดการเต่าทะเลยักษ์ตัวหนึ่ง สําหรับต้าจงซือแล้วมันไม่ใช่เรื่อง
ลําบากอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าต้าจงซือร่วมมือกัน
ก้อนหินเม็ดทรายบนหาดเริ่มเคลื่อนไหว แล้วก็หมุนเป็นพายุ
ซาหนูหวังหนูแล้วก็คนเรือไม่อาจรับแรงกระแทกจากพลังชี่ของ
พวกเขาได้ พวกเขาเลยวิ่งหนีไปหลบอยู่ในทะเล ส่วนเป่ยถังชิง่ กับฮวา
เสี่ยงหรงเองก็ไม่อาจต้านพลังได้เหมือนกัน ต่างก็หาที่หลบภัย มีแค่ตี้
ฉานที่ยงั ยืนดูต้าจงซือสามคนอยู่ไม่ไกล
ทรายหมุนเป็นพายุ มันล้อมเหล่าต้าจงซือไว้เหมือนเป็นกําแพง
เริ่มแรกยังพอจะมองสถานการณ์ออกอยู่ แต่ทรายมันหนาขึ้นเรื่อยๆ
แต่ท้ายที่สุดก็กลายเป็นกําแพงทรายขึ้นมาจริงๆ คนอื่นๆ ไม่สามารถ
มองเห็นแล้วว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น
ฉีหนิงคิดไม่ถึงว่าเจ้าเกาะกับเป่ยถังฮ่วนเย่ร่วมมือกันจัดการเป่ยกง
เหลียนเฉิง เป่ยกงเหลียนเฉิงต่อให้มฝ
ี ีมอ
ื สูงแค่ไหน แต่ต้องรับมือต้า
จงซือสองคนก็ไม่มีโอกาสชนะ
ในบรรดาต้าจงซือสามคน มีแค่เป่ยกงเหลียนเฉิงที่ไม่มีเจตนาร้าย
กับเขา หากเป่ยกงเหลียนเฉิงเป็นอะไรไป เกรงว่าแม้แต่เขาก็ไปจาก
เกาะนีไ้ ม่ได้ เขาร้อนใจมาก อยากจะออกไปช่วยเป่ยกงเหลียนเฉิง
เดี๋ยวนี้เลย แต่เขาก็รู้ดี ถึงแท้เขาจะมีฝก
ึ วิชาการควบคุมพลังฟ้าดินมา
เหมือนกัน แต่เทียบกับเหล่าต้าจงซือแล้ว มันห่างชั้นกันมาก ต่อให้เขา
ลงมือ คิดว่าก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้
ทรายปลิวว่อน ลมพัดโชยแรง
ชื่อตันเหมยสีหน้าตกใจมาก นางคิดไม่ถึงเลยว่าพอต้าจงซือลงมือ
จะมีอานุภาพร้ายแรงมากขนาดนี้
ตอนนี้มแ
ี ค่ฉห
ี นิงคนเดียวที่มองเห็น กระบี่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
พลังฟ้าดินมันแปรสภาพเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง ปลายกระบี่ชี้ลงด้านล่าง
มันมีเสียงแปลกๆ ลอยอยู่กลางอากาศ ฉีหนิงรู้ว่านั่นน่าจะเป็นสุดยอด
วิชาของเป่ยกงเหลียนเฉิง พลังกระบี่ปรากฎ นั่นหมายถึงการทําลาย
ล้างที่นา่ กลัว
แต่อีกฝ่ายเป็นต้าจงซือสองคน ด้วยความสามารถของเป่ยกง
เหลียนเฉิง การแปรพลังเป็นกระบี่เป่ยกงเหลียนเฉิงน่าจะทําได้ แต่การ
แบ่งพลังออกเป็นสองส่วนในกระบี่สองเล่ม อาจทําให้อานุภาพในการ
โจมตีลดลง กระบี่หนึ่งเล่มอาจมีผลที่นา่ กลัวต่อต้าจงซือคนใดคนหนึ่ง
แต่ว่าหากแบ่งเป็นสอง คิดว่าจะสู้ไม่ได้
ฉีหนิงเห็นแล้ว กระบี่มน
ั หมุนอยู่กลางอากาศ ตอนนี้มน
ั กําลังบีบ
กดดันลงมาทีละนิด ไม่รู้ว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงคิดอะไรอยู่ หรือว่ากระบี่
มันกําลังถูกพลังอะไรสักอย่างขัดขวาง
“เขาไม่ใช่ค่ต
ู ่อสู้ของสองคนนั้น” ฉีหนิงพูดว่า “ข้า ... ข้าจะไปช่วย
เขา”
เป่ยกงเหลียนเฉิงเอามือไขว้หลัง เหมือนไม่ได้รับอันตรายอะไร ฉี
หนิงก็โล่งใจ เขาคิดว่าหรือพลังของเจ้าเกาะกับเป่ยถังฮ่วนเย่จะไม่
สามารถทําอะไรเป่ยกงเหลียนเฉิงได้?
เจ้าเกาะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฝีมือหมากของโหวเยว่ร้ายกาจ
มาก ในโลกนีม
้ ีไม่กี่คนที่สามารถเดินสู้ท่านได้ ตอนนั้นโหวเยว่ถูกใจข้า
มันก็เพราะข้าชนะท่านได้สองครั้ง ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่มีชีวิตรอดมาถึง
วันนี้หรอก”
ตอนนี้ฉห
ี นิงเข้าใกล้มากแล้ว เขามีการได้ยน
ิ ที่นา่ ทึ่ง ต้าจงซือพูด
อะไรไม่ได้ต้องมานั่งกังวล ฉีหนิงเองก็พอจะได้ยน
ิ ที่พวกเขาคุยกัน เขา
ตะลึงมาก แต่ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว
“ดังนั้นเจ้าก็เลยอยากจะฆ่าข้าด้วยมือของเจ้าเองสินะ?”
เจ้าเกาะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนั้นโหวเยว่ดูแลข้าเป็นอย่าง
ดี หากไม่ได้โหวเยว่ ข้าคงไม่มีวันนี้ ร่างกายของข้าก็คงเหี่ยวเฉาไปตาม
กาลเวลาแล้ว ข้าไม่มีทางโกรธเกลียดท่าน มีแต่ความซาบซึ้งใจเท่านั้น”
เขาชะงักไป แล้วพูดต่อว่า “ฝีมอ
ื ของข้ากับท่านพี่เป่ยกงเทียบเท่ากัน
ในบรรดาเราสามคน โหวเยว่มีฝีมือสูงที่สุด ดังนั้นเราเองก็ไม่มี
ทางเลือก”
“โหวเยว่ตอนตัวเองเพื่อแก้ไขปัญหา แน่นอนว่ามันผลจากการฝึก
ในตอนนั้น” เจ้าเกาะพูดว่า “หลังจากโหวเยว่ตอนตัวเองแล้ว ก็สามารถ
ขจัดปัญหาความเจ็บปวดได้ ฝีมือก็น่าจะเหนือกว่าเราขั้นหนึ่ง ข้ากับ
ท่านพี่เป่ยยกงหากต้องต่อสู้กับโหวเยว่ ยังไงก็สู้ไม่ได้” เขาส่ายหน้า
ถอนหายใจแล้วพูดว่า “หากข้ากับโหวเยว่ร่วมมือกันกําจัดท่านพี่เป่ยกง
ถ้าอย่างนั้นเกิดโหวเยว่หน
ั กลับมาเอาชีวิตข้า ข้าไม่กลายเป็นหาหลุม
ศพให้ตัวเองเหรอ?”
“โหวเยว่ม่ันใจว่าเราจะไม่มีทางร่วมมือกัน เพราะว่าเราสองคนมี
ปัญหาส่วนตัวกันมาก่อน” เจ้าเกาะพูดว่า “ข้าส่งคนไปชิงพิณเฟิงหวง
ในวังหลวงแคว้นฉู่ โหวเยว่ก็เลยคิดว่าอาจทําให้ท่านพีเ่ ป่ยกงโกรธ
แน่นอน เลยคิดว่าเราสองคนไม่น่าจะร่วมมือกันได้”
“นั่นมันเป็นละครฉากหนึ่งของพวกเจ้าเท่านั้น” เป่ยถังฮ่วนเย่ถอน
หายใจแล้วพูด
โม่อ่ิงเข้ามาพัวพันเรื่องเซียวจ้าวจงก่อกบฏ ฉีหนิงคิดว่าเป็นการทํา
ข้อตกลงกันระหว่างโม่อ่ิงกับเซียวจ้าวจง เป้าหมายก็เพื่อให้ตงฉีได้รับ
ผลประโยชน์มากที่สด
ุ
หลังจากแคว้นตงฉีล่มสลายไปแล้ว โม่อิ่งหวังว่าอยากจะให้เซียว
จ้าวจงขึ้นครองราชย์ เพื่อที่จะได้กอบกู้แคว้นตงฉี แต่ตอนนี้พอได้ฟัง
เจ้าเกาะพูดมาแบบนี้ ฉีหนิงถึงได้เข้าใจ สิ่งที่โม่อ่ิงทําทุกอย่างในแคว้นฉู่
มันมีเป้าหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าเกาะกับเป่ยกงเหลียนเฉิงนั้นแอบทํา
ข้อตกลงกัน ชื่อตันเหมยเดินทางไปขโมยพิณเฟิงหวง โม่อิ่งช่วยเหลือ
เซียวจ้าวจง ทุกอย่างเจ้าเกาะวางแผนขึ้นมาเพื่อหลอกล่อเป่ยถังฮ่วนเย่
เพื่อให้เป่ยถังฮ่วนเย่เข้าใจว่าเจ้าเกาะกับเป่ยกงเหลียนเฉิงนั้นแอบต่อสู้
กันอยู่
ส่วนเป่ยถังฮ่วนเย่เหมือนจะตกหลุมพรางของเจ้าเกาะจริงๆ
ต้าจงซือเผชิญหน้ากันสามคน หากเกิดสถานการณ์ที่ต้องสู้สองต่อ
หนึ่ง คนที่อยู่โดดเดี่ยวยังไงก็จะต้องตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ ส่วนเป่ย
ถังฮ่วนเย่ถูกเจ้าเกาะวางกับดักเอาไว้ จึงคิดว่าเจ้าเกาะกับเป่ยกงเหลียน
เฉิงมีปญ
ั หาผิดใจกัน เขาจึงร่วมมือกับเจ้าเกาะเพื่อจัดการเป่ยกงเหลียน
เฉิงมันก็สมเหตุสมผลอยู่
ยอดฝีมอ
ื ขั้นสูงเผชิญหน้ากัน ขอแค่ประมาทแม้แต่นด
ิ เดียว ออก
ได้ท้ังสองหน้าหรือแม้กระทั่งตัดสินความเป็นความตายเลย ส่วนเป่ย
ถังฮ่วนเย่มีปัญหาเรื่องการอ่านเกม ทําให้เกิดผลที่ตามมาที่ร้ายแรงมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตอนที่เป่ยถังฮ่วนเย่เล็งเป้าไปที่เป่ยกงเหลียน
เฉิง เดิมเจ้าเกาะที่ควรจะร่วมมือโจมตีกับเขากลับเล็งเป้ามาที่เขาแทน
ในจังหวะที่เขาไม่ทันระวังตัว เป่ยถังฮ่วนเย่อาจจะสามารถต้านพลัง
กระบี่ของเป่ยกงเหลียนเฉิงได้ แต่ไม่สามารถงต้านการลอบโจมตีของ
เจ้าเกาะได้
ต้าจงซือลงมืออย่างเต็มที่ ซึ่งสามารถตัดสินแพ้ชนะได้ในชั่ว
พริบตา
หากเป่ยถังฮ่วนเย่มีการป้องกัน รู้ว่าเจ้าเกาะกับเป่ยกงเหลียนเฉิง
จะจัดการเขา ถ้าอย่างนั้นต่อให้สู้กันสองต่อหนึ่ง เจ้าเกาะกับเป่ยกง
เหลียนเฉิงอาจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สูงแน่นอน แต่เจ้าเกาะกลับจู่
โจมเขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว จ่ายค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกกับ
ผลประโยชน์ที่สูง
เจ้าเกาะวางแผนมานานหลายปี ถึงกับยอมเสียสละชีวิตลูกศิษย์
ของตัวเอง ก็เพื่อเสี้ยววินาทีวันนี้
เป่ยถังฮ่วนเย่พยายามลุกขึ้นมา เจ้าเกาะกับเป่ยกงเหลียนเฉิงไม่ได้
เคลื่อนไหวอะไร เป่ยถังฮ่วนเย่ยิ้มแล้วส่ายหน้า “ที่จริงจุดจบแบบนี้ มัน
ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น” เขาเงยหน้ามองฟ้า แล้วพูดว่า “เราควรจะ
ตายกันไปตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนแล้ว อยูม
่ าได้นานขนาดนี้ เคยมีความสุข
จริงๆ ที่ไหนกันล่ะ” เขาไม่สนใจใครอีกเลยค่อยๆ เดินไปที่ริมทะเล แต่
ว่าเขาเดินไม่ค่อยไหว ฉีหนิงรู้ว่าหลังจากที่เป่ยถังฮ่วนเย่บาดเจ็บสาหัส
แสดงว่าเขาไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เขาอาศัยแรงเฮือกสุดท้ายฝืนอยู่เท่านั้น
ทันใดนั้นเองก็เห็นคนเรือที่ติดตามเป่ยถังฮ่วนเย่มาด้วยเดินมาข้าง
ศพของเขา เขายืนห่างจากศพไม่กี่ก้าว แล้วคุกเข่าลง จากนั้นก็โขก
ศีรษะให้เขาหลายที่
ทุกคนเห็นด้วยตาตัวเอง คิดในใจกันว่าคนเรือน่าจะเป็นบ่าวรับใช้
ของเป่ยถังฮ่วนเย่ เขาภักดีต่อเป่ยถังฮ่วนเย่มาก
ฉีหนิงรู้จักคนเรือนานกว่าทุกคนบนเกาะ เขารู้ว่าคนเรือมีวรยุทธ์
ร้ายกาจแค่ไหน คนของเจ้าเกาะอย่างหวังหนูซาหนูไม่ใช่ค่ต
ู ่อสู้ของเขา
แต่ว่าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
คนเรือดูไม่เหมือนมือกระบี่เทียนจู
มือกระบี่เทียนจูเคยรับบุญคุณจากเป่ยถังฮ่วนเย่ ดังนั้นเพื่อตอบ
แทนบุญคุณ ถึงได้ยอมทําตามคําสั่งของเป่ยถังฮ่วนเย่ ไปเฝ้าเขาเก้า
ตําหนัก แต่ต้ังแต่ฉีหนิงรู้จักคนเรือมา คนเรือรับใช้เป่ยถังฮ่วนเย่เหมือน
บ่าวไพร่ อีกทั้งเคารพนอบน้อมเขามาก เหมือนไม่ได้ทําเพราะตอบแทน
บุญคุณ
หลังจากคนเรือโขกศีรษะเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลุกขึ้นมา แล้วหันมา
พูดกับเจ้าเกาะว่า “เขาตายแล้ว ข้านําศพเขาไปได้หรือไม่ ข้าจะหาที่ที่
เหมาะสมให้เขาได้หลับสบายตลอดไป”
เจ้าเกาะพูดด้วยความตกใจมากว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”
ฉีหนิงเองก็ตกใจหน้าเสีย เขาคิดว่าคนเรือเป็นคนรับใช้ของเป่ย
ถังฮ่วนเย่มาตลอด อีกทั้งเป่ยถังฮ่วนเย่ก็มล
ี ักษณะเหมือนผู้หญิง ไม่ว่า
ยังไงเขาก็คิดใม่ถึงว่าเป่ยถังฮ่วนเย่จะมีทายาทสืบสกุลเหลืออยู่ด้วย
เป่ยถังชิง่ เหมือนตกใจมาก แสดงวส่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า
ราชวงศ์เป่ยถังมีคนแบบนี้อยู่ด้วย
เป่ยถังฮ่วนเย่ดูแล้วเหมือนหญิงสาวสวยอายุประมาณสามสิบปี
แต่กลับมีลก
ู ชายที่อายุประมาณสี่สิบกว่า มันน่าตกใจมากจริงๆ
คนเรือพูดว่า “ในเมื่อเขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เป่ยฮั่น
ท่านเองก็ไม่มส
ี ท
ิ ธิตัดสินเรื่องที่ไปของเขาอีก” เขาเดินขึ้นหน้าอุ้มศพ
ของเป่ยถังฮ่วนเย่ข้ึนมา หันหลังแล้วเดินจากไปทันที แต่เขาเดินไปที่
เรือชางไฮ่ของท่านเจ้าเกาะ
ซาหนูกับหวังหนูไม่กล้าขัด ยืนมองคนเรือขึ้นเรือไป
เป่ยกงเหลียนเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ยาเม็ดเสวียนอู่ต้องมีคนได้ไป
เพียงคนเดียวเท่านั้น”
เจ้าเกาะยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านพีเ่ ป่ยกง หลายปีก่อนเราตกลงกันไว้
แล้วนะ หากโลกนี้มียาเม็ดเสวียนอู่จริง เราสองคนจะแบ่งกันคนละครึ่ง
หรือว่าท่านพี่เป่ยกงจะกลับคํา?”
“เจ้ากับข้าต่างรูด
้ ีแก่ใจ ข้อตกลงนี้ มันมีข้น
ึ เพื่อไม่ให้โหวเยว่ได้ยา
ไป” เป่ยกงเหลียนเฉิงสีหน้าไม่เปลี่ยน “เจ้าเองก็ไม่ได้คิดจะยกมันให้
ใครแต่แรกแล้วด้วย”
เขารู้ว่าเจี้ยนเจียเป็นใคร
นางคือผู้หญิงที่มอบหัวใจทั้งหมดที่มีให้กับเป่ยกงเหลียนเฉิง แต่เป่
ยกงเหลียนเฉิงกลับไม่สนใจ นางเป็นพีส
่ าวของมู่เย่อ๋อง ก่อนหน้านีไ้ ม่
นานฉีหนิงได้ยินเรื่องของนางมาจากเป่ยกงเหลียนเฉิง เขาพูดชื่อเจี้ย
นเจียออกมา เป่ยกงเหลียนเฉิงรู้สึกผิดกับนางมาก แต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
บ้าง มันยังเป็นปริศนาอยู่
แต่เป่ยกงเหลียนเฉิงกลับพูดชื่อ “เจี้ยนเจีย” ออกมา มันทําให้ฉี
หนิงตกใจมาก เพราะเขารู้มาว่า เจี้ยนเจียตายไปนานหลายปีแล้ว อีก
ทั้งเป่ยกงเหลียนเฉิงยังพูดเองด้วย
เทพกระบี่แห่งยุค ไม่มท
ี างพูดโกหกแน่นอน ในเมื่อเขาบอกว่า
เจี้ยนเจียตายไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ผด
ิ แน่ ถ้าเช่นนั้น ทําไมในเวลานี้
เขาถึงได้พูดถึงเจี้ยนเจียขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งยังบอกอีกว่าเจี้ยนเจียกับ
เจ้าเกาะจะร่วมมือกันฆ่าเขาด้วย?
หรือว่าเจี้ยนเจียยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งอยู่บนเกาะแห่งนี้?
แต่เจ้าเกาะบอกว่าแม่นางมู่ตายที่เขาต้าเสวียซาน มันเหมือนจะ
ขัดแย้งกับที่เป่ยกงเหลียนเฉิงพูด แม่นางมู่เจี้ยนเจียยังอยู่หรือตายไป
แล้วกันแน่ หากยังอยู่ แล้วเจี้ยนเจียที่อยู่บนเกาะคือใครกันแน่?
ระหว่างที่เขากําลังคิด สายตาของฉีหนิงก็ไปหยุดที่ตี้ฉาน
หากจะบอกว่าเจี้ยนเจียอยู่บนเกาะนี้จริง คนที่มีความเป็นไปได้
มากที่สด
ุ คิดว่าน่าจะคือตี้ฉาน
ตี้ฉานแปลงโฉมหน้าเป็นซู่อิ่งฮูหยิน แต่ว่าที่มาที่ไปที่แท้จริงของ
นางนั้น ฉีหนิงไม่รู้เลย
ตี้ฉานหลบอยู่แต่ในที่มด
ื ราวกับวิญญาณ ต่อให้คนรอบกายของ
นางเอง ก็รู้เรื่องของนางน้อยมาก
ฉีหนิงได้รู้ความลับของนางมาจากปากของจั่วเซียนเอ๋อร์บ้าง รู้ว่า
นางเริ่มสะสมกําลังพลตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ในบรรดาหกภูตของตี้
ฉาน มีสองคนเป็นชาวกู่เซี่ยง กุมารฉือเป่าเป็นทายาทของเขาคุนหลุน
แสดงว่านางเคลื่อนไหวในแคว้นกู่เซี่ยงมานานแล้ว
ตอนนี้ตี้ฉานดูอายุแค่สามสิบกว่าเท่านั้น อีกทั้งยังมีเสน่ห์มากด้วย
แต่ฉห
ี นิงก็รู้ นั่นไม่ใช่อายุที่แท้จริงของนาง หากเจี้ยนเจียยังอยู่ ก็น่าจะ
เป็นยายแก่อายุราวเจ็ดสิบแล้ว การจะมีอายุที่ไม่ตรงกับใบหน้าที่อ่อน
วัยกว่าแบบนี้ได้ บนเกาะมีแค่ตี้ฉานคนเดียวเท่านั้น
แต่ว่าตี้ฉานจะเป็นเจี้ยนเจียจริงเหรอ?
หากนางคือเจี้ยนเจียจริง แต่เป่ยกงเหลียนเฉิงก็บอกเองว่านางตาย
ไปแล้ว แต่นางกลับยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งตอนนี้ยังมาที่เกาะเสวียนอู่ด้วย
งั้นเหรอ?
ตามตํานานยาเม็ดเสวียนอู่มีสรรพคุณทําให้คนตายฟื้นคืนได้ หาก
คนที่ตี้ฉานเฝ้าคุ้มกันอยู่น้น
ั สลบไป ยาเม็ดเสวียนอู่อาจทําให้เขาฟื้น
ขึ้นมาก็ได้
เป่ยกงเหลียนเฉิงปกติเป็นคนไม่แสดงออกทางสีหน้าท่าทาง ไม่ว่า
ใครก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดเมื่อกี้ มันทําให้คน
รู้สึกได้ว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงนั้นรูส
้ ึกโล่งใจมาก
ตี้ฉานเดินขึ้นหน้ามาสองสามก้าว นางมองมาที่เป่ยกงเหลียนเฉิง
น�าเสียงของนางอ่อนโยนมาก “ที่แท้ท่านก็จําดวงตาของข้าได้?”
ฉีหนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แอบคิดในใจว่าตี้ฉานคือแม่นางมู่เจี้ยน
เจียจริงๆ เหรอเนี่ย
จากคําพูดของนางนั้นมันเต็มไปด้วยการประชดประชัน
เขารู้ว่าเจ้าเกาะไม่พด
ู ถึงเรื่องในตอนนั้น แสดงว่ามันเกี่ยวข้องกับ
การที่พวกเขากลายเป็นต้าจงซือแน่นอน เลยอยากจะให้เขาพูดออกมา
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “มิน่าทําไมเจ้าลัทธิถึงได้รู้สึกผิดต่อ
ท่านนัก ที่แท้พวกท่านก็รู้จักกันมาก่อนนี่เอง ตี้ฉานที่แท้ก็ไม่ใช่ตี้ฉาน
แต่เป็นคนของตระกูลมู่แห่งหนานเจียง”
ตี้ฉานพูดว่า “เจ้ารู้สึกตระกูลมูแ
่ ห่งหนานเจียงด้วยเหรอ?”
“อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังอยู่” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูด
เจ้าเกาะพูดขึ้นมาว่า “มู่เย่อ๋องคิดว่าแม่นางมูต
่ ายไปแล้ว เลยผูก
ใจเจ็บกับท่านพี่เป่ยกง” เขามองไปที่เป่ยกงเหลียนเฉิงแล้วพูดว่า “ถึง
แม้วรยุทธ์ของมู่เย่อ๋องจะเทียบกับท่านพี่เป่ยกงไม่ได้ แต่เพื่อแก้แค้น
หลายสิบปีที่ผ่านมาเขาทําทุกวิถีทาง คิดจะแก้แค้นให้กับแม่นางมู่” เขา
ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ “เท่าที่ข้ารู้มา เมื่อสิบปีก่อน ท่านพี่เป่ยกงทํา
ให้เขาบาดเจ็บ แล้วขังเขาเอาไว้ที่วัดต้ากวงหมิง สิบปีต่อมาเขาหา
โอกาสหนีออกมาได้ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความแค้นนี้ เขาตามหาท่านพี่เป่
ยกงอีกครั้ง โชคดีที่ท่านพี่เป่ยกงยังออมมือ เขาเลยแค่บาดเจ็บ ไม่ได้มี
อันตรายถึงชีวิต”
ฉีหนิงรู้สึกขํามาก เขารูว
้ ่าเจ้าเกาะต้องการกระตุ้นความแค้น
ระหว่างตี้ฉานกับเป่ยกงเหลียนเฉิง เขาเลยรีบพูดว่า “ท่านเจ้าเกาะพูด
ถูกแล้ว ท่านเทพกระบี่ออมมือให้จริง แต่ว่า ... ในเมื่อท่านเจ้าเกาะกับผู้
อาวุโสมูร่ ู้จักกันมาก่อน ทําไมไม่บอกเรื่องที่มู่เย่อ๋องแต่แรก ต้องมาพูด
เอาตอนนี้ล่ะ?”
“อย่างนี้นี่เอง” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “เรื่องสําคัญที่ว่าของผู้อาวุโส
มู่ คือการร่วมมือกับท่านเจ้าเกาะเพื่อให้ได้ยาเม็ดเสวียนอู่ แล้วเอาไป
ช่วยคนให้รอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ”
เจ้าเกาะย้อนถามกลับไปว่า “เจ้ารู้เหรอว่าเขาเป็นใคร?”
เจ้าเกาะพูดว่า “เหมือนเจ้าจะรู้มาไม่นอ
้ ยเลย”
“ผู้อาวุโสหย่าหนูเชื่อฟังคําสั่งของผู้อาวุโสมู่มาก อีกทั้งยังเป็นห่วง
ความปลอดภัยของผู้อาวุโสมากด้วย ช่วงเวลาที่ผู้อาวุโสมู่ติดตามท่าน
เทพกระบี่ ผู้อาวุโสหย่าหนูก็ติดตามผู้อาวุโสมู่ตลอดเวลา เพื่อคุ้มกัน
ความปลอดภัยให้ผู้อาวุโสมู่” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เรื่องที่
เกิดขึ้นหลังจากนั้น ข้าไม่รู้ แต่ข้าคิดว่าผู้อาวุโสหย่าหนูคงจะประสบ
เคราะห์ร้าย ส่วนผู้อาวุโสมู่คิดอยากจะช่วยผู้อาวุโสหย่าหนู เลย
อยากจะได้ยาวิเศษไปช่วยเขา นั่นก็คือยาเม็ดเสวียนอู่ ท่านเจ้าเกาะ
น่าจะรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเลยทําข้อตกลงกับผู้อาวุโสมู่ โดยมีเงื่อนไขคือการ
ช่วยผู้อาวุโสหย่าหนู แลกกับการที่ผู้อาวุโสมู่ทําทุกอย่างที่ท่านเจ้าเกาะ
อยากจะทํา”
“ก็เช่นว่าวางแผนให้เซียวจ้าวจงชิงบัลลังก์” ฉีหนิงยิ้มแล้วพูดว่า
“ท่านเจ้าเกาะอยากจะช่วยให้เซียวจ้าวจงได้น่งั บัลลังก์ จากนั้นก็ใช้
เซียวจ้าวจงเป็นหุ่นเชิดในการควบคุมแคว้นฉู่ แต่ท่านจะไม่ออกหน้า
เอง ดังนั้นเลยหลอกใช้กําลังของผู้อาวุโสมูใ่ นการช่วยเซียวจ้าวจง”
ฉีหนิงตกใจมาก คิดไม่ถึงเลยว่าไหวหนานอ๋องจะเคยช่วยตี้ฉานเอาไว้
เล่มที่ 49 บทที่ 1468 เรื่องในตอนนั้น
ฉีหนิงคิดมาตลอดว่าตี้ฉานให้ความช่วยเหลือในการชิงบัลลังก์
เบื่องหลังจะต้องมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่าง ไม่อย่างนั้น
ด้วยความสามารถของตี้ฉานแล้ว นางจะยอมช่วยเหลือเซียวจ้าวจงพ่อ
ลูกได้ยังไงกัน
แต่เป้าหมายของตี้ฉานคืออะไร ฉีหนิงสงสัยมาตลอด
ตี้ฉานมีฐานที่ม่น
ั ที่ซีชวน แต่ว่าในแทบตงไฮ่กับเมืองหลวง นาง
กลับมีสง่ คนของนางไป ฉีหนิงคิดว่าตี้ฉานอยากจะหลอกใช้เซียวจ้าวจง
ให้นางขึ้นเป็นฮ่องเต้ซะเอง
ในเวลานี้ตี้ฉานอธิบาย บอกว่านางเคยได้รับความช่วยเหลือจาก
เซียวจาง ถึงได้ย่ น
ื มือเข้าช่วย มันทําให้ฉห
ี นิงยิ่งแปลกใจและสงสัยเข้า
ไปใหญ่
ฉีหนิงตะลึงไป จากนั้นก็เหลือบไปมองเป่ยกงเหลียนเฉิงกับเจ้า
เกาะ เห็นเป่ยกงเหลียนเฉิงยืนเอามือไขว่หลังอยู่ เขาก้มหน้าลงเหมือน
กําลังคิดอะไรอยู่ ส่วนเจ้าเกาะก็ยืนอยูใ่ กล้ๆ กัน สายตาของเขาจ้องไป
ที่เป่ยกงเหลียนเฉิง
ฉีหนิงรู้ว่าตี้ฉานจะเล่าเรื่องอะไร แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น
ในตอนนั้นของพวกเขา นั่นก็หมายความว่ามันคือความลับที่ยง่ิ ใหญ่
ที่สุดเรื่องหนึ่ง เขาแปลกใจมาก ไม่เข้าใจว่าทําไมตี้ฉานถึงได้เปลี่ยนใจ
เล่าให้ฟงั
แต่ว่าเห็นตี้ฉานเหมือนจะเหลือบไปมองเป่ยกงเหลียนเฉิงนิดนึง
เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที ตี้ฉานจะเล่าเรื่อง ไม่ใช่แค่ต้องการให้เขารู้ แต่
เป้าหมายที่สําคัญที่สุดคือ เล่าให้เป่ยกงเหลียนเฉิงฟัง
ระหว่างตี้ฉานกับเป่ยกงเหลียนเฉิง มีความเกี่ยวพันกันมากว่าสิบปี
ไม่ว่าตี้ฉานกับเป่ยกงเหลียนเฉิงจะรักกันหรือว่าแค้นเคืองกัน ในโลกนี้
เป่ยกงเหลียนเฉิงก็เป็นหนึ่งในคนที่ตี้ฉานเป็นห่วงมากคนหนึ่ง
ก่อนที่ตี้ฉานจะมาที่เกาะเสวียนอู่ ไม่ใช่แค่เพื่อยาเม็ดเสวียนอู่ ใน
เมื่อนางยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่านางก็คงอยากจะจัดการเรื่องราว
ระหว่างนางกับเป่ยกงเหลียนเฉิงให้จบสักที ดังนั้นนางเลยไม่ได้รบ
ี ร้อน
ที่จะลงมืออะไร
“เจ้ารู้ว่าข้ากับหย่าหนูตัดขาดกับคนในตระกูล แล้วออกจากหนาน
เจียงใช่ไหม” ตี้ฉานมองมาที่ฉห
ี นิง แล้วพูดว่า “หลังจากนั้นหลายปี ข้า
กับหย่าหนูก็เหมือนหมาสองตัว ติดตามเทพกระบี่ไปทั่ว แต่ว่าตอนนั้น
เขายังไม่ใช่เทพกระบี่แบบตอนนี้ เขาเป็นแค่มอ
ื กระบีท
่ ี่ต้องการค้นหา
ที่สุดของศาสตร์แห่งกระบี่เท่านั้น ตอนนั้นพอข้าได้พบกับเขา ข้าก็หลง
รักเขาทันที เขาได้ผา้ คาดหัวของข้าจากหน้าผาสูง ข้าก็ตัดสินใจทันทีว่า
ไม่ว่าเป็นหรือตาย ข้าก็คือคนของเขาแล้ว ต่อให้เขาจะไม่พด
ู หรือมอง
ข้าแม้แต่นิดเดียว ข้าก็จะไม่โกรธไม่แค้นเขา ตอนนั้นข้าคิดว่า เขาคิดแต่
จะค้นหาที่สุดของศาสตร์แห่งกระบี่ ไม่สนใจเรื่องของชู้สาว แต่หากวัน
หนึ่งเขาสมหวังในศาสตร์ของกระบี่แล้ว ได้เห็นว่าข้ายังอยู่เบื้องหลังเขา
เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
ฉีหนิงถอนหายใจเบาๆ
ความรูส
้ ึกมันคือสิ่งใดกัน ตายไปก็อาจจะยังไม่รู้ว่าคืออะไร มู่เจี้ยน
เจียเป็นผู้หญิงที่ม่น
ั คงในความรักมากในเวลานั้น
“ข้าคิดแบบนี้ แล้วก็ทําแบบนี”
้ ตี้ฉานพูดว่า “เขาท่องไปทั่วยุทธ
ภพ ข้าก็ติดตามเขาไปทุกที่เหมือนเงาของเขา เขาไม่ได้ขับไล่ข้า เพราะ
ในสายตาของเขา แทบจะไม่มข
ี ้ากับหย่าหนูอยู่เลย ...” พอพูดถึงตรงนี้
นางก็นงิ่ ไปครูห
่ นึ่ง แล้วถึงพูดว่า “ก็เหมือนกับที่ข้าไม่ได้สนใจหย่าหนู
คนที่เป็นห่วงข้าเลยแม้แต่นิดเดียว”
ฉีหนิงถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง
ตี้ฉานพูดแบบนีม
้ ันก็ไม่ผิด ตอนนั้นเป่ยกงเหลียนเฉิงแทบจะไม่
สนใจมู่เจี้ยนเจียเลย แต่ในสายตาของนาง หย่าหนูก็ไม่ต่างกับเงาของ
นาง ในสายตาของนางมีแค่เป่ยกงเหลียนเฉิง เลยไม่สนใจเลยว่าจะมี
หย่าหนูอยู่ด้วยรึเปล่า
“ในปีน้น
ั เทพกระบี่เดินทางไปที่ซีชวน อยู่ที่น่น
ั กว่าครึ่งปี เขาก็ได้
ยินว่าที่แคว้นกู่เซี่ยงมีมอ
ื กระบี่ฝีมือดีคนหนึ่ง เพลงกระบี่ของแคว้นกู่
เซี่ยงเองก็ไม่เหมือนกับที่จงหยวน อีกทั้งในหลายปีที่ผ่านมา เพลงกระบี่
ของเขาก็ไม่ได้ก้าวหน้าเท่าไหร่ เขาเลยคิดอยากจะไปลองดูเพลงกระบี่
จากต่างแดน เพราะอาจจะทําให้เขาก้าวหน้าขึ้นได้” ตี้ฉานเงยหน้ามอง
ฟ้า “การเดินทางไปที่แคว้นกู่เซี่ยงนั้นมีสองเส้นทาง ทางแรกตรงไปซี
ชวนผ่านฮั่นตง ข้ามเขาฉินหลิงไปยังซีเป่ย แล้วเปลี่ยนไปนั่งเรือเข้า
ดินแดนแคว้นกู่เซี่ยง เส้นทางนีม
้ ันไกลมาก เทพกระบี่รู้ว่ามีมอ
ื กระบี่ใน
แคว้นกู่เซี่ยง จิตใจมีแต่คิดจะมุง่ หน้าไปที่แคว้นกู่เซี่ยง เขาอยากจะไป
ให้ถึงโดยเร็วที่สุด เลยเลือกอีกเส้นทางหนึ่ง”
ฉีหนิงเหลือบไปมองเป่ยกงเหลียนเฉิง เห็นเขายังคงเอามือไขว้หลัง
หลับตาลง ใบหน้าไม่มค
ี วามรูส
้ ึก แต่ฉห
ี นิงรู้ว่าในใจของเขามันกําลัง
สับสนอยู่แน่นอน
“อีกเส้นทางหนึ่งคือเดินทางในทิศตะวันตก แล้วปีนเขาเพื่อเข้าไป
ยังแคว้นกู่เซี่ยง เส้นทางนี้ถึงแม้จะใกล้ แต่มน
ั อันตรายมาก หากไม่ระวัง
อาจจะหลงป่า หรือไม่ก็ตกลงมากระดูกแตก” ตี้ฉานพูดว่า “เทพกระบี่
เลือกเส้นทางนี้ แต่เขารู้ว่าหากไปอย่างบุ่มบ่ามแบบไม่รู้อะไรเลย คิดว่า
คงไปไม่ถึงแคว้นกู่เซี่ยงแน่นอน ดังนั้นเลยหาคนนําทางมาคนหนึ่ง เขา
เป็นชาวเหมียว ร่างกายกํายํา หัวไว รู้เส้นทางบนเขาเป็นอย่างดี การมี
เขานําทาง ทําให้การเดินทางราบรื่นขึ้นเยอะมาก” นางยิ้ม “ข้ายังจําได้
ดีเขามีช่ อ
ื ว่าโม่ฝ”
ู
จากนั้นเขาก็ได้ยน
ิ ตี้ฉานพูดต่อว่า “ชาวบ้านพวกนั้นเชีย
่ วชาญการ
ขี่ม้ายิงธนูมาก อีกทั้งยังมีคนมากกว่า เราถูกขวาง หากเรายอม พวกเขา
ก็ไม่ทําอะไรเรา แต่ว่าเทพกระบี่เป็นใคร จะยอมลดกระบี่ของตัวเองได้
ยังไง? ในเวลานั้นเขาถือกระบี่ในมือ แต่กลับทําอะไรไม่ได้ ในเวลาคับ
ขัน บังเอิญได้พบกับขบวนคณะทูต ...”
ตอนนั้นหลังจากที่เป่ยฮั่นบุกยึดซีเป่ยได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถ
ควบคุมซีเป่ยได้ทุกท้องที่ เพื่อป้องกันไม่ให้แคว้นกู่เซี่ยงรุกรานเข้ามาใน
ดินแดนของพวกเขา พวกเขาเลยส่งคณะทูตไปเจรจาขอเป็นพันธมิตร
ของแคว้นกู่เซี่ยง โดยเสนอผลประโยชน์ทางการค้าให้ แล้วคนที่เป็น
ราชทูตในคราวนั้นก็คือเป่ยถังฮ่วนเย่
แล้วในคณะทูต ก็ยังมีทาสหมากรุกอย่างเจ้าเกาะหม้อหลันชางอยู่
ด้วย
ฉีหนิงเข้าใจแล้วว่าเหล่าต้าจงซือไปรวมตัวที่แคว้นกู่เซี่ยงได้ยงั ไง
คณะทูตบังเอิญไปเจอพวกของเป่ยกงเหลียนเฉิง นอกจากฝ่าอ๋องแล้ว
ต้าจงซืออีกสี่คนก็อยูก
่ ันครบเลย
“ตอนนั้นหากไม่ใช่ว่าเราบังเอิญไปพบ คิดว่าน่าจะเกิดการนอง
เลือดแน่นอน” เจ้าเกาะถอนหายใจแล้วพูด “ท่านพี่เป่ยกง ตอนนั้น
เหมือนว่าท่านจะติดหนี้บุญคุณของโหวเยว่นะ”
ฉีหนิงไม่ชอบเจ้าเกาะเอามากๆ แอบคิดในใจว่าเป่ยถังฮ่วนเย่
ถึงแม้จะตายไปแล้ว แต่ยังไงเขาก็เป็นต้าจงซือเหมือนกัน หลังตายเจ้า
เกาะยังหยามเกียรติเขาอีก ไม่ว่าจะจริงหรือเปล่า การแสดงออกของ
เขามันก็ต�าช้ามากเกินไป
“มีโหวเยว่คอยออกหน้าให้ การตามหามือกระบี่ใหญ่ในแคว้นกู่
เซี่ยงก็ไม่ใช่เรื่องยาก” ตี้ฉานพูดว่า “น่าเสียดายเทพกระบี่กลับไม่ใช่คู่
ต่อสู้ของมือกระบี่ใหญ่คนนั้น”
เจ้าเกาะยิ้มแล้วพูดว่า “ศึกครั้งนั้นมือกระบี่ใหญ่ได้เปรียบมาก
เพลงกระบี่ของเขาประหลาดมาก ท่านพี่เป่ยกงแพ้ให้กับเขา ก็ไม่ถือว่า
ถูกหยามเกียรติ หลายปีผ่านไป ท่านพี่เป่ยกงก็กลับไปประลองกับเขา
อีกครั้ง แต่คราวนี้ท่านพี่จัดการกับเขาได้ภายในกระบวนท่าเลย”
ฉีหนิงเองก็พอฟังออกอะไรบ้าง
เป่ยกงเหลียนเฉิงเดินทางไปถึงแคว้นกู่เซี่ยงตั้งไกล เพราะได้ยน
ิ ว่า
ที่น่น
ั มีมอ
ื กระบี่ใหญ่ คิดว่าอยากจะประลองด้วย แต่สุดท้ายกลับแพ้
เจ้าเกาะพูดถึงว่าผ่านไปหลายปี นั่นก็หมายความว่าหลังจากที่เป่ยกง
เหลียนเฉิงประสบความสําเร็จในสายกระบี่แล้ว
ฝ่าอ๋องแอบติดต่อกับเจ้าเกาะเป็นการส่วนตัว การตายของมือ
กระบี่ใหญ่ เจ้าเกาะก็ต้องรู้แน่นอน
“หากทุกอย่างมันจบแค่นี้ เทพกระบี่หลังจากนั้นก็ยังหมกหมุน
่ อยู่
กับเส้นทางกระบี่ของเขา ก่อนที่เขาจะได้เป็นเทพกระบี่ เคยประลองกับ
คนไปทั่ว แพ้มากกว่าชนะ การแพ้ให้กับมือกระบี่ใหญ่ เลยไม่ใช่เรื่อง
ใหญ่อะไร” ตี้ฉานพูดอย่างเศร้าๆ “และแล้วเรื่องที่เกิดในคืนวันนั้น มัน
ก็เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปหมด”
“ลูกไฟเหรอ?” ฉีหนิงตะลึงไป
หรือว่าต้าจงซือพวกนี้ มีความเกี่ยวข้องกับลูกไฟที่ว่านั่น?
เป่ยถังชิง่ พูดว่า “ท้องฟ้าแปรปรวน อีกทั้งยังมีลูกไฟตกไปที่เขาต้า
เสวียซานด้วย อ๋องกู่เซี่ยงไม่มีทางพลาด เขาได้สง่ คนออกไปตามหารึ
เปล่า?”
“ถ้าอย่านั้นพวกท่านขึ้นเขาไปได้ยังไง?” ฉีหนิงถาม
เจ้าเกาะพูดว่า “ท่านพีเ่ ป่ยกงหาชาวเหมียวมานําทางให้จนเขา
สามารถเดินออกจากเขาของชายแดนเหมียว เราเองก็หาคนมานําทาง
ขึ้นเขาต้าเสวียซานเหมือนกัน ใกล้ๆ เขาต้าเสวียซานนั้นมีวัดอยู่ไม่น้อย
ถึงแท้จะเทียบตําหนักเทพไม่ได้ แต่ว่าอ๋องกู่เซีย
่ งก็เคารพเหล่านักบวช
พวกนี้มาก โหวเยว่ส่งอครักษ์ไปที่วัดแห่งหนึ่งในกลางดึกแล้วจับ
นักบวชคนหนึ่งมาช่วยนําทางให้ จากนั้นก็ฆ่าปิดปากพวกลามะในวัดที่
เหลือเพื่อปิดปาก หากพูดถึงความเหี้ยมโหดแล้ว โหวเยว่ไม่เป็นรองใคร
เลย”
เป่ยกงเหลียนเฉิงไม่ได้สนใจเชา ยังคงหลับตาไม่พด
ู อะไร
เหมือนเดิม
“ฝ่าอ๋องเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองไว้ ดังนั้นเลยยอมพาพวกท่าน
ขึ้นเขาไปงั้นเหรอ?”
“เหมือนว่าเราจะหาถูกคนด้วยนะ” เจ้าเกาะยิ้มแล้วพูดว่า “เขาต้า
เสวียซานมีทางขึ้นเขาหลายที่ที่ถูกปิด แต่ว่าเขาขนาดใหญ่ ต่อให้มส
ี ัก
หมื่นคนมันก็ปด
ิ ไม่มิดหรอก เจ้านักบวชรู้จักเส้นทางบนเขาเป็นอย่างดี
เขาพาเราไปทางลัด” พอพูดถึงตรงนี้ รอยยิม
้ บนใบหน้าของเขาก็
หายไป เขาส่ายหน้าถอนหายใจแล้วพูดว่า “หากรู้ว่าการขึ้นเขาครั้งนั้น
จะไม่ต่างกับการไปแวะที่นรกมา เราอาจจะไม่ได้ร้อนรนอยากจะขึ้นเขา
ไปดูสมบัติแบบนั้นก็ได้”
ฉีหนิงคิดถึงความอันตรายบนเขา เขาก็เสียวสันหลัง
“หากไม่ใช่เพราะหย่าหนู เกรงว่าเจ้าเกาะคงไม่ได้มายืนพูดอยู่
อย่างนีห
้ รอกจริงไหม?” ตี้ฉานพูด
เจ้าเกาะพยักหน้า ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนั้นข้าเดินพลาด
เกือบจะหน้าผาตาย หย่าหนูรีบจับมือของข้าเอาไว้ แล้วพยายามดึงข้า
ขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะท่านพี่เป่ยกงปฏิกิริยาไวรีบจับขาของหย่าหนู
เอาไว้ ข้ากับหย่าหนูก็คงตกเหวตายไปแล้ว” เขามองไปบนท้องฟ้าแล้ว
พูดว่า “เดิมทีเขาจะปล่อยมือเพื่อรักษาชีวิตตัวเองก็ได้ แต่ว่าหย่าหนูก็
ไม่ได้ทําแบบนั้น ข้าติดหนี้ชีวิตเขาจริงๆ”
ในที่สุดเป่ยกงเหลียนเฉิงก็พูดขึ้นมา “หากไม่ใช่เพราะหย่าหนูผลัก
ข้าออก ข้า ... อาจจะถูกก้อนหิมะทับตายไปแล้วก็ได้” น�าเสียงของเขา
เรียบเฉย ไม่มอ
ี ารมณ์ความรู้สก
ึ อะไรเลย แต่ว่าสิ่งที่เขาพูดมันพิสูจน์
แล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเกาะหรือว่าเป่ยกงเหลียนเฉิง เรื่องที่เกิดขึ้นที่
เขาต้าเสวียซานนั้น หย่าหนูชว
่ ยพวกเขาเอาไว้ โดยไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง
เลย
เจ้าเกาะเหลือบไปมองเป่ยถังชิ่งแล้วพูดว่า “หากไม่เป็นเพราะได้
เจอลูกไฟนั่นจะมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกันล่ะ?”
ก่อนหน้านี้ฉห
ี นิงเดาว่ากลุ่มคนพวกนี้ได้เป็นห้าต้าจงซือ อาจเป็น
เพราะลูกไฟเป็นเหตุ ตอนนี้พอเจ้าเกาะพูดมาแบบนี้ ฉีหนองเหมือนจะ
แน่ใจแล้ว ลูกไฟนั่นคือจุดเริม
่ ต้นของต้าจงซือ
“ลูกไฟนั่นมันเป็นอะไรกันแน่?” เป่ยถังชิ่งจี้ถาม
เหล่าต้าจงซือปิดปากสนิทมากมากว่าสิบปี วันนี้ในเมื่อเจ้าเกาะ
ไม่ได้ปกปิดมันอีกต่อไป นั่นแสดงว่าเขาคิดวิธีจัดการปัญหาเอาไว้
เรียบร้อยแล้ว เขาจะต้องปิดปากพวกฉีหนิงให้สนิทอย่างแน่นอน
“มันเป็นแค่ก้อนหินก้อนหนึ่งเท่านั้น” เจ้าเกาะนิ่งไปแล้วถึงพูดว่า
“ก้อนหินขนาดใหญ่มากก้อนหนึ่ง”
ตี้ฉานถอนหายใจแล้วพูดว่า “เป็นก้อนหินสีดําเงางามก้อนใหญ่
มาก”
“มันเหมือนไข่ไก่ขนาดใหญ่มากก้อนหนึ่ง แต่มน
ั ทาสีดําสนิท แล้ว
เอานน�ามันมาทาเคลือบไว้” เจ้าเกาะรีบพูดต่อว่า “หากไม่ใช่เพราะเรา
ไปลูบมันถึงได้รู้ว่ามันเป็นก้อนหิน ไม่อย่างนั้นเรายังคิดว่ามันเป็นแป
ลือกไข่ที่ตกลงมาจากสวรรค์ หินสีดําก้อนนั้นมันตกลงมาจากฟ้าทําให้
เกิดหลุมขนาดใหญ่ หิมะรอบๆ ละลายไปเกือบหมด หินงอกหินย้อยที่มี
ก็มีร่องรอยการเกิดไฟไหม้ เราจึงมั่นใจว่ามันคือลูกไฟที่อ๋องกู่เซี่ยงเห็น
ตอนมันอยู่บนฟ้ามันมีกลุ่มไฟขนาดใหญ่ห่อหุม
้ มันอยู่ พอตกลงมาบน
เขาแล้ว ไฟมันก็ดับไป เลยกลายเป็นหินสีดําขนาดใหญ่”
ชื่อตันเหมยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยแต่แรกก็พด
ู ขึ้นมาว่า “เขาต้า
เสวียซานใหญ่มาก อ๋องกู่เซี่ยงสั่งให้คนออกค้นหาไปทั่ว พวกเขาเป็นคน
ของแคว้นกู่เซี่ยง รู้จักเขาต้าเสวียซานดีกว่าพวกท่าน แต่ว่าสุดท้ายก้อน
หินนั่นกลับเป็นพวกท่านที่พบก่อน มันเหมือนเป็นลิขิตสวรรค์เลยนะ”
“ตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าหินก้อนนั้นจะนําพาอะไรมาบ้าง” ตี้ฉานพูดว่า
“รอจนกระทั่งมันเกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทุกอย่างก็ไม่อาจแก้ไขได้
อีก”
เล่มที่ 49 บทที่ 1470 ถูกทิ้ง
ตี้ฉานพูดถึงตรงนี้ ฉีหนิงก็เริ่มคาดเดาที่มาที่ไปของต้าจงซือได้แล้ว
ก้อนหินอุกาบาทันอาจจะปล่อยรังสีอะไรบางอย่างออกมา แล้ว
เข้าไปในร่างกายของพวกเขา แต่ว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่รู้ตัว
ฉีหนิงเชื่อว่ามันเหมือนรังสีนิวเคลียร์ แต่มันไม่ใช่รังสีนว
ิ เคลียร์
แน่นอน เพราะถ้าเป็นรังสีนิวเคลียร์ พวกเขาน่าจะตายกันไปนานแล้ว
ไม่มีทางยังอยู่มาได้ถึงตอนนี้
การยิงรังสีแบบนั้นมันเป็นการทําลายชีวิตและร่างกายมนุษย์ ไม่
ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อร่างกาย
ตามตํานานเล่าขานในยุทธภพ ไม่เคยมีต้าจงซือที่เป็นเหมือนตัว
ประหลาดแบบนี้มาก่อน แต่ว่าในยุคนีก
้ ลับมีต้าจงซือปรากฎตัวหลาย
คนพร้อมกัน ฉีหนิงไม่รูว
้ ่าทําไมถึงได้เกิดอัศจรรย์แบบนี้ข้ึนได้ แต่ว่า
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ต้าจงซือเกิดขึ้นในสถานที่เดียวกัน เกิดการ
เปลี่ยนแปลงทางร่างกายเหมือนกัน เป็นเพราะก้อนอุกาบาทก้อนนั้น
นี่เอง
ตี้ฉานพูดถูก ก้อนอุกาบาทนั่นถึงแม้จะทําให้พวกเขาเกิดการ
เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นในทันที หลังจากได้รบ
ั รังสีเข้า
ร่างกายไปแล้ว มันจะต้องใช้เวลาในการกระจายตัว ทําให้ร่างกายของ
คนเราค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาไม่พบความผิดปกติอะไรในตอน
ที่อยู่เขาต้าเสวียซาน รอจนร่างกายเริ่มเปลี่ยนมันก็หนีไม่พ้นแล้ว
“ถึงแม้เราจะเจอก้อนหินสีดําบนเขา แต่ว่าใครก็ไม่รู้ว่ามันมีไว้ใช้
ประโยชน์อะไร อีกทั้งต่อให้มันเป็นของล�าค่า เราก็ไม่สามารถนํามัน
ออกจากเขาต้าเสวียซานได้” ตี้ฉานพูดว่า “อ๋องกู่เซี่ยงส่งคนนับพันคน
ค้นหาทั่วเขา แต่เรากลับเจอก่อน อาจเป็นเพราะชะตาที่ถูกเราใช้ไปจน
หมด เรายังไม่ทันออกจากที่น่น
ั ภูเขาก็เริ่มถล่ม”
ทุกคนตะลึงไปกันหมด
“อาจเป็นเพราะตอนที่มน
ั หล่นลงมาบนเขา ทําให้ปก
ี สองข้างบน
เขามันแตกหัก ตอนเราพบหินก้อนนั้นของเราไม่นาน หิมะก็เริ่มถล่มลง
มาแล้ว” ตี้ฉานมองไปที่เป่ยกงเหลียนเฉิง แล้วพูดว่า “หากเราอยู่ที่น่น
ั
ต่อไป ยังไงก็ต้องตายแน่ ดังนั้นหย่าหนูก็เลยแบกข้าขึ้นหลังแล้ววิ่งหนี
ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว” ปากของนางเริม
่ แปลกไป
“หลังจากหิมะถล่มลงมาแล้ว หินทั้งสองข้างก็เริ่มหล่นลงมาราวกับสาย
ฝร องครักษ์ที่ติดตามโหวเยว่มาสองคนถูกหินทับจนตาย หากพวกเขา
ไม่ตาย บนโลกอาจจะมีต้าจงซือเพิ่มอีกสองคน”
“โม่ฝูถก
ู หินทับที่ขา ส่วนพวกเจ้าก็หนีเอาตัวรอดไปหลบกันหมด
ไม่มีใครสนใจเขาเลย” ตี้ฉานน�าเสียงอ่อนโยนมาก เหมือนว่าเรื่องที่
เกิดขึ้นมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางเลย “หย่าหนูเติบโตมาที่หนานเจียง
เขาเป็นคนว่องไวมาก เขาอาศัยบนเขาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นพอถึงเวลาคับ
ขัน เขาถึงได้คล่องแคล่ว สามารถออกจากที่อันตรายได้โดยใช้เวลาไม่
นาน เขาหันกลับไปเห็นโม่ฝูถก
ู หินทับ แต่ไม่มใี ครไปช่วยเลย อาจต้อง
ตายแน่ เขาเลยวางข้าลง แล้ววิ่งกลับไปช่วยโม่ฝู ทําให้โม่ฝูรอดชีวิตมา
ได้” พอพูดถึงตรงนี้ ตี้ฉานก็เงยหน้ามองฟ้า แล้วพูดว่า “เราทุกคนขึ้น
เขาไปพร้อมกัน ทุกครั้งที่เจออันตราย หย่าหนูเป็นคนเดียวคนแรกที่ไป
ช่วยพวกเจ้าโดยไม่คิดชีวิต เพราะว่าในใจของเขา เห็นพวกเจ้าเป็น
สหาย”
ฉีหนิงตอนนี้ก็เริม
่ เดาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ท่าทางของเขา
เคร่งเครียดมาก
“ถึงแม้โม่ฝูจะถูกช่วยออกมาได้ แต่ว่าหย่าหนูกลับถูกหินตกใส่
แทน หินมันทับจนเขาขยับตัวไม่ได้เลย” น�าเสียงของตี้ฉานยังคงนิ่ง
เรียบ “พวกเจ้าเห็นไหมว่าเขายกมือขอให้ช่วยอยู่? เขาเห็นพวกเจ้าเป็น
สหาย ตอนที่พวกเจ้ามีภัย เขาไม่สนใจชีวิตไปช่วยพวกเจ้า ดังนั้นเขาถึง
ได้คิดว่าถ้าเขามีภัย พวกเจ้าเองก็จะไปช่วยเขาโดยไม่คิดชีวิต
เหมือนกัน” พูดถึงตรงนี้ นางก็หัวเราะแบบร้ายๆ ออกมา “เขาร้องเสียง
ดังแบบนั้น แต่ว่าพวกเจ้าแค่มอง เห็นเขาเหมือนหมาตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่
มีใครยอมออกไปช่วยเขาเลยแม้แต่คนเดียว”
ชื่อตันเหมยดวงตาแดงก�า น�าเสียงของนางสะอื้นเหมือนกัน
“ดังนั้นท่านก็เลยกลับไปช่วยเขาอย่างนั้นเหรอ?”
“หากเราตายอยู่บนเขาต้าเสวียซาน ความลับในวันนั้นก็จะไม่มี
ใครรู้อีก” ตี้ฉานยิ้มแล้วพูดว่า “ความองอาจน่าเกรงขามของต้าจงซือ
ไม่ต่างอะไรกับเทพเจ้าบนโลกใบนี้ แต่ใครจะรู้ล่ะว่า ต้าจงซือก็เป็นแค่
คนที่ไม่รู้จักบุญคุณคนเป็นแค่คนที่ต�าช้าคนหนึ่งเท่านั้น”
ฉีหนิงถอนหายใจเฮือกใหญ่
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เจ้าลัทธิบัวดําทําไมถึงบอกว่าต้าจงซือล้วน
แต่เป็นคนต�าช้า ซึ่งนั่นมันหมายรวมถึงเขาด้วย
ฉีหนิงคิดถึงตอนที่เขาอยู่บนเขาต้าเสวียซาน เจ้าลัทธิพาเขาไปที่
หุบเขาแห่งหนึ่งบนเขา เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหุบเขานั้น ตอนนั้นฉีหนิง
ยังไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว เจ้าลัทธิพาเขาไปที่น่น
ั คิดว่า
น่าจะเป็นที่ที่เกิดหิมะถล่มในตอนนั้น หุบเขานั่นถูกหินปิดทางเข้าออก
อุกาบาทยักษ์ก็ถูกฝังลงไปที่น่น
ั ด้วย ส่วนเจ้าลัทธิคิดว่ามู่เจี้ยนเจียกับ
หย่าหนูเองก็ถูกฝังอยู่ในนั้น หย่าหนูมบ
ี ุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
หลังจากความทรงจําของเขากลับมา เขาเลยไปยังที่เกิดเหตุในเวลานั้น
การคุกเข่าในครั้งนั้น ที่จริงมันคือการคารวะหย่าหนู หรืออาจจะเป็น
การสํานึกผิดที่ตอนนั้นเขาไม่ได้กลับไปช่วยหย่าหนูก็ได้
เจ้าลัทธิรู้สึกผิดต่อหย่าหนู แล้วก็รู้สึกผิดต่อตี้ฉานด้วย
เพราะเหตุนี้ เจ้าลัทธิพอได้เห็นว่ามู่เจี้ยนเจียยังมีชีวิตอยู่ เขาถึงได้
ตกใจมาก อีกทั้บยังบอกว่าชีวิตของเขาเป็นของตี้ฉาน นางเอามันไปได้
ทุกเมื่อ
ฉีหนิงไม่รู้เลยในตอนนั้นว่าเจ้าลัทธิกับตี้ฉานมีความเกี่ยวข้องอะไร
กัน แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว ในใจของเจ้าลัทธิ มู่เจี้ยนเจียกับหย่าหนูคือคนๆ
เดียวกัน เขาถูกหินทับขา หย่าหนูไปช่วยเขาโดยไม่คิดชีวิต ทําให้เขา
รอดมาได้ บุญคุณของหย่าหนู ก็เท่ากับตี้ฉานมีบุญคุณกับเขา ดังนั้นเจ้า
ลัทธิติดหนี้บุญคุณชีวิตตี้ฉาน
“ที่จริงคนอื่นคิดว่าพวกเจ้าตายไปแล้ว แต่พวกเจ้ากลับยังรอดมา
ได้” เป่ยถังชิ่งถอนหายใจแล้วพูดว่า “ท่านกับผู้อาวุโสหย่าหนูลงจาก
เขามา ไม่มีใครรู้เลยเหรอ”
“กินเนื้อเหรอ?” ชื่อตันเหมยหลุดพูดออกมา
ทุกคนเหมือนจะตกใจมาก
“หย่าหรูอดทนอยู่กับข้าถึงหกวัน ที่จริงแล้วตอนที่หม
ิ ะถล่มลงมา เขา
ถูกหินทับใส่ เขาบาดเจ็บสาหัสมากแล้ว” ตี้ฉานค่อยๆ พูดว่า “แต่ว่าเขา
ไม่พด
ู อะไรเลยแม้แต่เขาเดียว เขารอจนข้าหาทางออกไปได้ เขาก็ทนไม่
ไหวอีกต่อไป เขาล้มลง การล้มลงของเขาในคราวนั้น เขาก็ไม่เคยลุก
ขึ้นมาได้อีกเลย”
เล่มที่ 50 บทที่ 1471 บุญคุณความแค้น
ตี้ฉานยิม
้ แล้วพูดว่า “เทพกระบี่ยังสนใจอยู่อีกเหรอว่าเขาจะเป็น
หรือตาย?” น�าเสียงของนางอ่อนโยนมาก แต่ว่ายิง่ เป็นแบบนี้ มันก็ยงิ่
แสดงให้เห็นว่านางกับเป่ยกงเหลียนเฉิงนั้นห่างไกลกันมาก
ตี้ฉานในวันนี้ เหมือนไม่ใช่ผห
ู้ ญิงที่เป็นเงาติดตามตัวเขาเหมือนใน
อดีตอีกแล้ว
“หากยาเม็ดเสวียนอู่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ เจ้าก็เอามันไปได้
เลย” เป่ยกงเหลียนเฉิงเหลือบไปมองเต่ายักษ์
เจ้าเกาะกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านพี่เป่ยกงคิดวางแผนเอาไว้อย่างดี
เลยนะ รู้ว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย กลับแสร้งทําตัวเป็นคนดีข้ึนมา”
เขาส่ายหน้าถอนหายใจแล้วพูดว่า “หากท่านทําเพื่อหย่าหนูจริง ทําไม
ตอนนั้นท่านถึงได้หนีเอาชีวิตรอดโดยไม่ช่วยเขาล่ะ? ท่านไม่เพียงไม่
สนใจหย่าหนู แม้แต่ตอนที่แม่นางมู่วิ่งออกไปช่วยเขา ท่านก็ไม่สนใจ
เลยแม้แต่นิดเดียว ยาเม็ดสวียนอู่ไม่ใช่ของท่าน ท่านมีสิทธิอะไรมาบอก
ยกให้คนอื่น? อีกอย่างข้ากับแม่นางมูต
่ กลงกันไว้แล้ว ไม่เพียงจะนํายานี่
ไปช่วยหย่าหนู ยังจะจัดการบัญชีเก่าด้วย”
“บัญชีเก่า?” เป่ยกงเหลียนเฉิงยิ้มมุมปาก
เจ้าเกาะพูดว่า “ท่านไร้ความรูส
้ ึก วันนีด
้ ูเหมือนจะยอมยกยาเม็ด
เสวียนอู่ให้ แต่ว่ามันก็เป็นเพราะสถานการณ์บังคับ แม่นางมูพ
่ ูดถูก
ท่านมันเลือดเย็น ในโลกนี้มน
ั จะมีใครที่ท่านห่วงอีกงั้นเหรอ?” เขาจ้อง
ไปที่เป่ยกงเหลียนเฉิง แล้วพูดอีกว่า “ท่านอย่าลืมนะว่า ตลอดสิบปีที่
ผ่านมาแม่นางมู่ฝึกวิชาอย่างยากลําบากมาตลอด นางก็ถือเป็นต้า
จงซือคนหนึ่งแล้ว ข้ากับแม่นางมู่ร่วมมือกัน ท่านคิดว่าท่านจะรอดไป
ได้อีกงั้นเหรอ?”
ฉีหนิงสะดุ้ง เขารู้ว่าเรื่องที่เขาเดาเอาไว้มันกําลังจะเป็นจริงแล้ว
เมื่อกี้เป่ยกงเหลียนเฉิงกับเจ้าเกาะร่วมมือกันรับมือกับโหวเยว่ เสีย
แรงไปมากแล้ว เพราะการรับมือต้าจงซือ ต่อให้เจ้าเกาะลอบโจมตี
พวกเขาก็ต้องเสียแรงไปเยอะพอสมควร
เมื่อเทียบกันแล้ว เป่ยกงเหลียนเฉิงเสียแรงไปมากกว่าเจ้าเกาะ
มาก
เป่ยกงเหลียนเฉิงกับเป่ยถังฮวนเย่เผชิญหน้ากัน ใช้พลังอากาศ
แปลงเป็นกระบี่แล้วโจมตี ส่วนเจ้าเกาะลอบโจมตีจากด้านข้าง ทั้งสอง
คนหนึ่งอยู่ที่แจ้งคนหนึ่งอยู่ที่ลับ เจ้าเกาะเสียแรงไปเทียบกับเป่ยกง
เหลียนเฉิงไม่ได้เลย
ตอนนี้เจ้าเกาะกับเป่ยกงเหลียนเฉิงเผชิญหน้ากัน เป่ยกงเหลียน
เฉิงไม่ได้ม่น
ั ใจเลยว่าจะชนะ ส่วนการปรากฎตัวของตี้ฉาน หากนาง
ร่วมมือกับเจ้าเกาะจริง เป่ยกงเหลียนเฉิงไม่มีเหตุผลที่จะรอดไปได้เลย
เจ้าเกาะมาที่เกาะแห่งนี้คราวนี้ เหมือนจะวางแผนทุกอย่างเอาไว้
อย่างรอบคอบ
ชื่อตันเหมยนึกถึงเรื่องที่เจ้าเกาะพูดกับนางตอนที่อยู่ที่เกาะไป๋อ
วิน ตอนนั้นเจ้าเกาะอย่างให้นางเป็นราชินี แล้วนําทุกคนในใต้หล้ามา
กราบไหว้บูชาเขา ชื่อตันเหมยตอนนั้นรูส
้ ึกสงสัย
การชิงยาเม็ดเสวียนอู่ เหล่าต้าจงซือต้องต่อสูก
้ ันเอง เจ้าเกาะทําไม
ถึงได้ม่น
ั ใจขนาดนั้น
ตอนนี้นางเข้าใจทั้งหมดแล้ว
ก่อนหน้านีเ้ ริม
่ จากการร่วมมือกับเป่ยกงเหลียนเฉิงกําจัดเป่ยถัง
ฮวนเย่ แล้วค่อยร่วมมือกับตี้ฉานกําจัดเป่ยกงเหลียนเฉิง สุดท้ายเขา
ค่อยกําจัดตี้ฉานอีกที ทุกอย่างมันอยูใ่ นแผนที่เจ้าเกาะคิดเอาไว้ เพื่อ
การนี้เจ้าเกาะลงทุนลงแรงมานานหลายปีทีเดียว
ชื่อตันเหมยรู้สก
ึ หดหูใ่ จ
เห็นสีหน้าท่าทางของเจ้าเกาะเหมือนจะได้ใจ ชื่อตันเหมยกลับ
รู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก
เป่ยกงเหลียนเฉิงไม่ได้มองไปที่เจ้าเกาะเลย แต่เขากลับมองไปที่ตี้
ฉาน เขานิ่งไปนานมาก แล้วถามว่า “เจี้ยนเจีย เจ้าอยากได้ชีวิตข้าอย่าง
นั้นเหรอ?”
ฉีหนิงคิดในใจว่าท่านผู้เฒ่าจูฮูหม่าตันน่าจะเป็นชาวแคว้นกู่เซี่ยง
ตอนนั้นตี้ฉานพาหย่าหนูที่ใกล้หมดลมหายใจลงจากเขา ในตอน
สถานการณ์คับขัน นางไม่อาจออกจากแคว้นกู่เซี่ยงได้ เลยต้องอยู่ใน
แคว้นเพื่อรักษาตัว ส่วนหย่าหนูไม่ฟ้ นเลยตลอดหลายปี
ื แต่ยงั มีลม
หายใจอยู่ ตอนนั้นเขาก็น่าจะกลายเป็นเจ้าชายนินทราแล้ว
“หย่าหนูยังไม่ฟ้ น
ื แต่ว่าท่านผู้เฒ่าจูฮูหม่าตันกลับตายไปแล้ว” ตี้
ฉานถอนหายใจแล้วพูดว่า “ในสิบปีน้น
ั ข้าก็พบว่าร่างกายของข้ามัน
ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป เหมือนพวกท่านไม่เพียงสามารถรับร่างกดดัน
ของอากาศได้ แต่ใบหน้าของข้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง ร่างกายไม่มีเหี่ยว
ย่น”
ประโยคสุดท้ายเหมือนพูดให้เจ้าเกาะกับเป่ยกงเหลียนเฉิงฟัง
คนที่เคยได้พบได้เห็นก้อนหินยักษ์ก้อนนั้นแล้วรอดลงมาจาก
เขาต้าเสวียนซานได้ ร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ตี้ฉานเองก็ไม่มี
ยกเว้น
“ตลอดสิบปีที่ผา่ นมาข้าตามหาหมอมีช่ อ
ื ทั่วแคว้นกู่เซี่ยง แม้แต่
บัวหิมะก็ไม่สามารถทําให้หย่าหนูฟ้ ืนขึ้นมาได้” ตี้ฉานพูดว่า “ข้าไม่มี
ทางเลือก ทําให้ต้องเดินทางกลับมาที่ซช
ี วนอีกครั้ง หวังว่าจะได้เจอยา
วิเศษในพื้นที่ซีชวน”
“ข้าได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่งบนเขาต้าเสวียนซาน” ตี้ฉานยิ้มแล้ว
พูดว่า “ในโลกนีไ้ ม่มีเจี้ยนเจียอีกแล้ว นรกมันว่างเปล่า มีแต่พวกภูตผี
ปีศาจในโลกมนุษย์เท่านั้น ในเมื่อข้ารอดมาได้ แน่นอนว่าก็ต้องการ
กําจัดพวกปีศาจร้ายไป เรื่องพวกนี้ มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของตี้ฉานสิ”
น�าเสียงของตี้ฉานนิ่งตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ฉีหนิงกลับเข้าใจ
นาง ตอนนั้นพวกเป่ยกงเหลียนเฉิงทิ้งหย่าหนู ทําให้หย่าหนูจะเป็นคนก็
ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง แต่คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สด
ุ กลับไม่ใช่หย่าหนู แต่
เป็นมู่เจี้ยนเจีย
มู่เจี้ยนเจียเปลี่ยนตัวเองเป็นตี้ฉาน ในใจลึกๆ ของนาง มันมีแต่
ความโกรธแค้นที่ไม่ได้จางหายไปเลย
“ตอนนั้นข้าพาหย่าหนูไปหาสมุนไพรบนเขาจื่อขุ่ย กลับอาการ
กําเริบกลางทาง” ตี้ฉานถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนั้นข้าสลบไป พอ
ข้าตื่นขึ้นมา ก็ได้พบกับผู้ชายคนหนึ่งพกดาบมาด้วย เขาจ้องมองมาที่
ข้า ตอนนั้นข้าแทบไม่คิดอะไรเลย คิดอยากจะฆ่าเขาทันที ตอนนั้นข้า
ไม่รู้เลยว่า หลังจากที่ขา้ สลบไป ไหวหนานอ๋องคือคนที่บังเอิญมาเจอข้า
แล้วช่วยข้าเอาไว้ คนที่ถูกฆ่าตายเป็นผู้ติดตามของเขา ข้าลงมือทําร้าย
คนไป บังเอิญไหวหนานอ๋องมาเห็นเข้า แต่เขาไม่ได้ต่อว่าข้าเลย เขายัง
อธิบายทุกอย่างให้ข้าฟังด้วย แล้วก็รูถ
้ ึงอาการของหย่าหนู เขาเลยเสนอ
จะพาพวกเรามาที่เมืองหลวง แล้วหาหมอมารักษาบาดแผลให้กับหย่า
หนู ตอนนั้นข้าเองก็ไปตามหาหมอฝีมอ
ื ดีมากจากซีชวนมากมาย อีกทั้ง
ยังใช้สมุนไพรไปมากกมาย แต่หย่าหนูก็ไม่ได้ดีข้น
ึ เลย ไหวหนานอ๋องมี
เส้นสายอยู่มาก ข้าหวังว่าเขาจะหาคนมารักษาหย่าหนูได้จริงๆ”
เจ้าเกาะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถึงแม้ตอนนั้นไหวหนานอ๋องจะยัง
เป็นหนุม
่ แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ ตอนนั้นเห็นเจ้าลงมือ รู้วรยุทธ์ของเจ้า เลย
อยากให้เจ้ามาเป็นพวก”
ฉีหนิงคิดในใจว่าที่เจ้าเกาะพูดมานั้นไม่ผิด
ตี้ฉานพาหย่าหนูออกตามหาสมุนไพร กลางทางกลับอาการกําเริบ
อาการที่ว่านั่นน่าจะเหมือนกับพวกต้าจงซือ กะทันหันแบบนั้น อาการ
มันทําให้นางต้องสลบไป ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นเพราะนางไม่เหมือนกับ
ผู้ชาย ไม่สามารถรับแรงสะท้อนที่มก
ี ับร่างกายได้ ถ้าอย่างนั้นก็เพื่อแก้
แค้น หักโหมที่จะฝึกวิชา ทําให้มก
ี ารผลข้างเคียงรุนแรง
ไหวหนานอ๋องไปพบเข้าระหว่างทาง เริม
่ แรกยังไม่รู้วรยุทธ์ของ
นาง แต่ไปเจอสาวสวยหมดสติระหว่างทาง เลยอยากจะเป็นวีรบุรุษ
ช่วยสาวงามขึ้นมา
ตี้ฉานยิม
้ แล้วพูดว่า “ไหวหนานอ๋องอยากจะหาหมอฝีมือดีมา
รักษาให้หย่าหนู หากมีหมอมากมายเข้าออกจวนไหวหนานอ๋อง มันจะ
ทําให้คนอื่นสงสัยได้ ฮ่องเต้แคว้นฉู่ระแวงท่านอ๋องมาก แอบส่งคนมา
จับตาความเคลื่อนไหวของเขาตลอดเวลา หากไม่ระวัง ข้ากับหย่าหนูก็
อาจจะถูกเปิดเผยได้ ใช้ซ่ อ
ื จื่อเป็นเป้า ทําให้คนคิดว่าท่านอ๋องตามหา
หมอมาเพื่อรักษาซื่อจื่อ เวลาหมอเข้าออกไหวหนานอ๋อง มันก็อธิบาย
ได้ หลังจากหมอเข้ามาในจวนแล้ว ก็ไปตรวจอาการของซื่อจื่อก่อน
จากนั้นท่านอ๋องก็จะให้เขาไปดูอาการให้หย่าหนู แต่บอกหมอไปว่าเป็น
คนในจวนเท่านั้น ท่านหมอก็คิดไมม่ถึงว่าคนที่เขารักษาจริงๆ คือหย่า
หนู”
“ที่แท้มน
ั เป็นแผนตบตางั้นเหรอ” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า
“ดังนั้นเซียวจ้าวจงป่วย มันเป็นแผนตั้งแต่แรกสินะ”
ฉีหนิงเข้าใจแล้วว่าทําไมเซียวจ้าวจงที่อยู่แต่ในจวนถึงได้มีวรยุทธ์
ร้ายกาจขนาดนีไ้ ด้? ที่แท้เบื้องหลังของเซียวจ้าวจง ก็มีต้าจงซือคอย
ชี้แนะให้นี่เอง
“ท่านอ๋องอดทนมานานหลายปี ใช้ยาดีหายากไปมากมายเพื่อให้
หย่าหนูยังหายใจอยู่” ตี้ฉานพูดว่า “ในเมื่อเขามีบุญคุณกับข้า ข้าก็ต้อง
ตอบแทนเขา”
ปริศนาที่ฉีหนิงสงสัยมานาน วันนี้เขาได้พบคําตอบและความจริง
ทั้งหมดแล้ว
เป่ยกงเหลียนเฉิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ตี้ฉานเหลือบไปมองเป่ยกงเหลียนเฉิง หลังจากนั้นอยูน
่ าน ถึงได้
พูดขึ้นมาว่า “ตอนนั้นหย่าหนูชว
่ ยชีวิตท่าน ท่านติดหนีบ
้ ุญคุณเขา ท่าน
ยอมรับมันรึเปล่า?”
เจ้าเกาะปลายตากระตุก แม้แต่ฉีหนิงเองก็ตกใจเช่นกัน
ตี้ฉานเหมือนจะมีข้อตกลงร่วมกับเจ้าเกาะ วันนี้ร่วมมือกันต้องการ
จัดการเป่ยกงเหลียนเฉิง คิดไม่ถึงเลยว่าตี้ฉานจะพูดแบบนี้ออกมา
“คนแบบนี้ จะให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไงกัน” น�าเสียงของตี้ฉาน
อ่อนโยนมาก อีกทั้งยังยิ้มหวานอ่อนๆ “เทพกระบี่ช่วยข้าฆ่าเขาได้
ไหม?”
เป่ยกงเหลียนเฉิงมีสีหน้าตกใจ เขาก็คิดไม่ถึงว่าตี้ฉานจะให้เขา
จัดการเจ้าเกาะ
เป่ยกงเหลียนเฉิงนิง่ ไป แล้วหันไปมองเจ้าเกาะ
เป่ยกงเหลียนเฉิงพยักหน้าอีกครั้ง “หากตอนนี้ข้ากับเจ้าร่วมมือ
กัน ในใต้หล้านีไ้ ม่มีใครเป็นศัตรูของเราแน่นอน”
ฉีหนิงรู้สึกขํามาก แอบคิดในใจว่าหม้อหลันชางพูดจาน่าละอายมา
เลยทีเดียว
แผนการเดิมของเจ้าเกาะคือการร่วมมือกับตี้ฉานกําจัดเป่ยกง
เหลียนเฉิง กลับคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์มันจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิด พอ
มาถึงช่วงเวลาคับขัน ตี้ฉานไม่เพียงจะไม่ร่วมมือกับเจา อีกทั้งยังบอก
ให้เป่ยกงเหลียนเฉิงฆ่าเขาด้วย หากเป่ยกงเหลียนเฉิงลงมือจริง ก็อย่าง
ที่เขาพูด ไม่ว่าใครจะชนะ ผู้ชนะคนสุดท้ายจริงๆ ก็คือตี้ฉาน
เจ้าเกาะเหมือนรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีต่อเขามากแล้ว ก่อนหน้านี้ยัง
คิดจะจัดการเป่ยกงเหลียนเฉิงอยู่ตลอด พริบตาเดียวก็เปลี่ยนท่าทีต่อ
เขาไป
แม้แต่ชาวยุทธทั่วไปยังมีศก
ั ดิ์ศรีมากกว่านี้เลย ไม่มีทางพลิกหน้า
กลับกลอกแบบไร้ยางอายแบบนี้แน่นอน แต่เจ้าเกาะยังทําสีหน้า
เหมือนคนมีคณ
ุ ธรรม ไม่ใช่แค่ฉีหนิง คนอื่นๆ ก็รู้สึกว่ามันหน้าไม่อายต�า
ช้ามากๆ
เป่ยกงเหลียนเฉิงนิ่งไปนาน แล้วหันไปพูดกับตี้ฉานว่า “ตลอดชีวิต
ของข้าติดค้างเจ้าไว้มากที่สุด ตอนนี้ข้าทําได้แค่ช่วยเจ้าจัดการเรื่องให้
เรื่องเดียวเท่านั้น”
เป่ยกงเหลียนเฉิงก็ไม่พูดอะไรมากอีก เขาหันหน้าไปหาเจ้าเกาะ
แล้วพูดว่า “การต่อสู้ระหว่างเรา เดิมมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยูแ
่ ล้ว” เขา
เอามือไขว้หลังข้างหนึ่ง ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เจ้าเกาะสีหน้าจริงจังขึ้น
มาแล้วพูดว่า “ท่านพี่เป่ยกงท่านจะยอมให้นางหลอกใช้ท่านจริง
เหรอ?”
“เชิญ” เป่ยกงเหลียนเฉิงไม่พด
ู อะไรอีก
แต่ก็ไม่ได้มีเวลาให้เขาคิดอะไรเยอะมาก เขาเห็นเป่ยกงเหลียนเฉิง
ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง มีพลังมารวมตัวอยู่บนฝ่ามือของเขา พวกของฉีหนิง
จนปัญญา ทําได้แค่ถอยหลังไป เพื่อไม่ให้ถูกลูกหลง
ก่อนหน้านี้เป่ยกงเหลียนเฉิงกับเจ้าเกาะร่วมมือกันจัดการเป่ยถัง
ฮวนเย่ เจ้าเกาะลอบลงมือกับเป่ยถังฮวนเย่ ทุกอย่างมันเหมือนเกิดขึ้น
ในชั่วพริบตา คราวนี้เป็นต้าจงซือสองคนเผชิญหน้ากันเอง ทั้งสองฝ่าย
เดิมพันกันด้วยชีวิต คนอื่นๆ รู้ดีว่า การต่อสู้ในครั้งนี้มน
ั น่ากลัวกว่านั้น
มาก
คราวนี้ไม่มีทรายหรือก้อนหินปลิวลอย ต้าจงซือสองคนยืนหันหน้า
เข้าหากันบนโขดหิน เหมือนว่าทุกอย่างสงบมาก
ฉีหนิงหลบไปไกลประมาณหนึ่ง เห็นตี้ฉานยังยืนอยู่ไม่ไกลจากเป่
ยกงเหลียนเฉิง ในใจของเขาเหมือนนึกขึ้นมาได้ว่า ตี้ฉานจะมีลูกไม้
อะไรรึเปล่า แกล้งให้เป่ยกงเหลียนเฉิงกับเจ้าเกาะต่อสูก
้ ัน แล้วลอบลง
มือทีหลัง ก็เหมือนที่ทํากับเป่ยถังฮวนเย่
แต่ก็คิดว่าหากเป็นแบบนั้นจริง เป่ยกงเหลียนเฉิงจะโทษตี้ฉานก็
ไม่ได้
หากเป่ยกงเหลียนเฉิงไม่ได้รู้สก
ึ ผิดกับตี้ฉาน ก็ถก
ู ตี้ฉานยุให้ไปฆ่า
เจ้าเกาะ ในเมื่อเขาเลือกแล้ว แสดงว่าเขาก็รู้ดีว่าเขาจะเป็นยังไง
พลังชี่รวมตัวกัน ไม่นานก็แปรเป็นกระบี่เล่มหนึ่งเหนือศีรษะ
ของเป่ยกงเหลียนเฉิง
สําหรับต้าจงซือสองคนแล้ว การต่อสู้คราวนี้ตัดสินความเป็นความ
ตาย การลงมือก็ต้องทําถึงที่สด
ุ
ยอดฝีมอ
ื ที่แท้จริง ขอแค่อีกฝ่ายลงมือ ก็จะสามารถรู้ถึงฝีมือที่
แท้จริงของอีกฝ่ายได้ ก่อนหน้านี้ท้ังสองคนร่วมมือกันกําจัดเป่ยถังฮวน
เย่ ในความเป็นจริงแล้วมันทําให้อีกฝ่ายรู้ถึงฝีมือของกันและกันไปแล้ว
ดังนั้นสําหรับทั้งสองคน ก็ไม่จําเป็นต้องหยั่งเชิงอะไรกันอีก
“กระบี่เหาตั้ง ไป”
ฉีหนิงตกใจมาก
เขารู้ดี กระบี่พุ่งออกไปกว่าสิบเล่ม แต่ละเล่มมันแฝงอานุภาพที่ไร้
ขีดจํากัด ต่อให้เป็นคงฉานไต้ซอ
ื ของวัดต้ากวงหมิง ก็คงยากที่จะรับมือ
กระบี่พลังชี่นี้ได้สักเล่ม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถูกโจมตีพร้อมกันหมดสิบ
เล่ม
ถึงแม้ความน่าเกรงขามของเจ้าเกาะจะพังทลายลงในใจของชื่อ
ตันเหมยไปแล้ว แต่ว่าพอเห็นกระบี่กว่าสิบเล่มลอบโจมตีไปที่เจ้าเกาะ
ชื่อตันเหมยก็ยงั ร้องออกมาด้วยความตกใจ ในใจลึกๆ นางก็กังวลความ
ปลอดภัยของเจ้าเกาะอยู่ดี
ตาฉีหนิงแทบหลุดออกมาจากเบ้า
ขณะที่พวกฉีหนิงกําลังงงอยู่ว่าเงาไหนคือเจ้าเกาะที่แท้จริง วินาที
นั้น เขากลับเห็นเงาสะเปะสะปะจํานวนมาเข้าไปใกล้ร่างกายของเป่
ยกงเหลียนเฉิง ตอนนี้รอบข้างตัวของเป่ยกงเหลียนเฉิงต่างมีเงาของเจ้า
เกาะอยู่ ฉีหนิงเห็นดังนั้น เขาก็ต่ ืนกลัวขึ้นมา แต่ว่าเขายังไม่ทันได้คิด
อะไร เงาพวกนั้นก็หายไป จากนั้นทุกคนก็เห็นว่า เจ้าเกาะยืนอยู่
ด้านหน้าเป่ยกงเหลียนเฉิงแล้ว ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ไม่มก
ี ารหยุด
พักใดๆ เจ้าเกาะก็กําหมัดขวา แล้วชกไปที่หน้าอกของเป่ยกงเหลียนเฉิง
กระบี่พลังชี่ยังไม่หายไป
ยอดฝีมอ
ื ที่สุดในใต้หล้าทั้งสองคน ครั้งนี้ปะทะแบบเผชิญหน้ากัน
ครั้งแรก มันทําให้คนตื่นตกใจกันมาก
หมัดอันหน้ากลัวของเจ้าเกาะ ซัดเข้าใส่หน้าอกของเป่ยกงเหลียน
เฉิง
กระบี่สิบเล่มก็แทงเข้าด้านหลังของเจ้าเกาะ พริบตาเดียวเหมือน
ทุกอย่างหยุดนิง่ ไป ร่างกายของเป่ยกงเหลียนเฉิงแข็งเป็นหิน จากนั้นก็
กระเด็นปลิวไปไกลหลายสิบลี้ หลังจากหยุดร่างกายได้แล้วเขาก็ยืนอยู่
กับที่
คนในใต้หล้า เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถเข้าใกล้เป่ยกงเหลียนเฉิง
อีกได้แน่ เพราะเขาอาจจะสามารถโจมตีด้วยกระบวนท่าที่รุนแรง
มากกว่าเดิม
เพราะหมัดของเจ้าเกาะกะเอาถึงตาย
การจะให้วรยุทธไปจนถึงจุดสูงสุด ภาพลวงตาที่ทําให้ตาลายพวก
นั้นในสายตาต้าจงซือมันเล็กน้อยมาก กระบวนท่าที่เอาถึงตาย มันกลับ
สู่พ้ น
ื ฐานไปหมด
ขอแค่มค
ี วามเร็วที่มากพอ ถึงจะสามารถเงาลวงได้มากขนาดนั้น
มีแค่การสร้างเงาลวงที่ซับซ้อน ถึงจะทําให้เจ้าเกาะมาปรากฎตัวต่อ
หน้าเป่ยกงเหลียนเฉิงได้ แล้วก็มีแค่มาอยู่ตรงหน้าเป่ยกงเหลียนเฉิง
เท่านั้น เจ้าเกาะถึงสามารถซัดหมัดที่น่ากลัวแบบนั้นออกไปได้ นั่นมัน
ไม่ใช่หมัดธรรมดาแน่นอน
ถึงแม้ต้าจงซือจะมีวรยุทธ์เหนือคนทั่วไป แต่ยังไงร่างกายของพวก
เขาก็ยังเป็นมนุษย์อยู่
“เสียดายที่เจ้าเป็นคนฉลาดมาทั้งชีวิต แต่สุดท้าย ... สุดท้ายกลับ
เลอะเลือนแบบนี้” เจ้าเกาะถอนหายใจแล้วพูดด้วยน�าเสียงอ่อนแรงว่า
“เจ้าอย่าลืมนะ นางรอดมาจากเขาต้าเสวียซาน วรยุทธ์ไม่ต่างอะไร
กับต้าจงซือแล้ว ...”
ฉีหนิงรู้ว่าเจ้าเกาะมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ไม่อย่างนั้นด้วยกําลังของ
เจ้าเกาะ ต่อให้มีเลือดดันขึ้นมา เขาเองก็สามารถควบคุมการไหลเวียน
ของเลือดได้ ไม่ถึงขั้นกระอักเลือดออกมา ในเมื่อตอนนี้กระอัก
เลือดออกมาหลายครั้ง นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถควบคุมการ
หมุนเวียนของเลือดในร่างกายอีกแล้ว
นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
กระบี่เหาตั้งแทงทะลุร่างกายของเจ้าเกาะ ร่างกายภายในถูกพลัง
ชี่โจมตีอย่างรุนแรง ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่อาจหายใจได้ แต่ร่างกายของเขา
มันรับไม่ไหวแล้ว
ตี้ฉานท่าทีนิ่งมาก เขามองเห็นต้าจงซือสองคนบาดเจ็บหนัก
ท่าทางของนางยังคงนิ่ง นางถอนหายใจแล้วพูดอย่างเศร้าๆ ว่า “เจ้าคิด
ว่าคนบนโลกเห็นต้าจงซือเป็นเทพเจ้าหรือยังไงกัน? ในใจของพวกเขา
ต้าจงซือมันก็แค่กลุ่มคนประหลาด กลุ่มคนที่ไม่สมควรอยู่บนโลกใบนี้
เท่านั้น”
“ดังนั้นเจ้าเองก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เช่นกัน?” เจ้าเกาะ
ยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าบอกว่าหย่าหนูยังมีชีวิตอยู่ อยากจะช่วยเขา น่า
เสียดายที่ข้าไม่เชื่อเรื่องโกหกพวกนี้หรอกนะ มันผ่านไปสิบปีแล้ว ต่อให้
มียาวิเศษจริง หย่าหนูก็ไม่มีทางรอดมาจนถึงวันนี้หรอก มู่เจี้ยนเจีย เจ้า
บอกว่าคิดอยากจะเอายาไปให้หย่าหนู ให้พูดตามตรง เจ้าอยากจะได้
มันเองมากกว่า” เขาพยายามลุกขึ้นมานั่ง ถึงแม้เขาจะไม่ไหวแล้วก็ตาม
แต่เขาก็ยังพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ “ในโลกใบนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ
ใจคน ที่มันน่ากลัว เพราะความปรารถนา มู่เจี้ยนเจีย มองข้ามสิ่งมีชว
ี ิต
ควบคุมพวกเขาเอาไว้ในมือของตัวเอง ความปรารถนาแบบนี้เจ้าเองก็
หนีมน
ั ไม่พ้นหรอก”
ตี้ฉานยิม
้ แล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้ามองข้ามดูถก
ู สิ่งมีชว
ี ิตงั้นเหรอ?”
ตอนที่เขาพูด ผิวหน้าของเขามันก็เริม
่ ฉีกขาด เหมือนแก้วที่แตก
ออก ใบหน้าที่สมบูรณ์มน
ั ฉีกเป็นรอยแผลออกมา
ตี้ฉานถอนหายใจอีกครั้ง แล้วร้องคํารามเสียงดังฟังชัดออกมา
เสียงคํารามของนางเหมือนนกนางแอ่น ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
แต่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่านางจะร้องแบบนี้ออกมา
มันเป็นเรือที่ตี้ฉานนั่งมาที่เกาะ ก่อนหน้านี้ฮวาเสี่ยงหรงกับตี้ฉาน
ลงมาจากเรือพร้อมกัน เพราะตี้ฉานปรากฎตัวขึ้น เลยไม่มีใครสนใจเรือ
ลํานั้นอีกว่ายังมีใครอยู่บนเรืออีกบ้าง แต่ตอนนี้ฉีหนิงมองเห็นชัดเจน
มันมีหลายคนอยู่บนหัวเรือ คนแรกสวมจีวร เป็นหลวงจีนรูปหนึ่ง
ด้านข้างหลวงจีนก็เป็นชายสวมชุดสีเขียวคนหนึ่ง ทั้งสองเดินเคียงข้าง
กันลงมาจากเรือ สายตาทุกคนจ้องไปที่พวกเขา ฉีหนิงเห็นพวกเขา เขา
หลุดพูดออกมาว่า “พวก ... พวกเขาเองเหรอ”
เมื่อกี้ฉห
ี นิงไปหลบการต่อสู้ของต้าจงซือ ตอนนี้อยู่หา่ งจากหาด
ประมาณหนึ่ง ถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้าชัดเจน แต่จากโครงร่างแล้วก็ท่า
เดิม ทําให้เขารูว
้ ่าสองคนนั้นเป็นใคร
หลวงจีนที่อยู่ด้านหน้า คือคงฉานไต้ซอ
ื แห่งวัดต้ากวงหมิง อีกคนก็
คือจั่งชิงหยาง
ฉีหนิงตาแทบหลุดออกจากเบ้า ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย
พวกเขารู้ว่ามีแค่ต้าจงซือเท่านั้นที่สามารถจัดการต้าจงซือได้
ดังนั้นเลยเริ่มวางแผนกันตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว
คงฉานไต้ซือกับจั่วชิงหยางเหมือนเป็นแกนหลักของกลุ่มฝูผิง
ถึงแม้คนที่ก่อตั้งกลุ่มนีจ
้ ะเป็นเป่ยถังชิง่ แต่เรื่องราวดําเนินมาถึงวันนี้ได้
คงฉานไต้ซือกับจั่วชิงหยางก็ถือว่าเป็นผู้ดําเนินการและควบคุม
แผนการทั้งหมดในมือ
แต่ว่าฉีหนิงคิดไม่ถึงเลยว่า ทั้งสองคนนี้จะนี้จะมาที่เกาะเสวียนอู่
ด้วย ถ้าสองคนนี้มาที่นท
ี่ ําให้ฉห
ี นิงแปลกใจ ถ้าอย่างนั้นที่พวกเขาลงมา
จากเรือของตี้ฉานนั้น มันทําให้ฉห
ี นิงเสียวสันหลังยิ่งกว่า มันทําให้เขา
หนาวขึ้นคอเลย
ทั้งสองคนกับตี้ฉานเกี่ยวข้องกันด้วยอย่างนั้นเหรอ?
หรือว่าตี้ฉานเองก็เป็นของกลุ่มฝูผิง?
คงฉานไต้ซือเดินไปที่ชายหาด เขาเห็นต้าจงซือสองคนใกล้จะตาย
แล้ว ก็พนมมือขึ้น “อามิตตาพุทธ ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม”
เจ้าเกาะเก็บสายตากลับมา ถึงแม้ท้ังสองคนปรากฎตัวจะน่าตกใจ
แต่เจ้าเกาะเหมือนจะนิง่ มาก เหมือนเขาเข้าใจอะไรขึ้นมา เขาหัวเราะ
ร่าแล้วพูดว่า “อย่างนีน
้ ี่เอง อย่างนี้นี่เอง ท่านพี่เป่ยกง เราทําได้ทก
ุ
อย่าง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกคนพวกนี้เล่นงานเอาได้ ฮ่าฮ่าฮ่า ... ที่แท้
ก็มีคนของวัดต้ากวงหมิงเข้ามาพัวพันด้วย แม่นางมู่ของท่าน ร่วมมือ
กับพวกเขามาเอาชีวิตเรา”
เสียงหัวเราะของเขา มันทําให้ใบหน้าของเขาฉีกออกมากขึ้นไปอีก
เลือดมันไหลออกมาจากบาดแผลจํานวนมาก เลือดอาบทั่วใบหน้าของ
เขา มันน่ากลัวมากๆ
ชื่อตันเหมยถึงแม้จะผิดหวังกับเจ้าเกาะมาก แต่พอเห็นเจ้าเกาะ
อยู่ในสภาพแบบนี้ นางก็เจ็บปวดใจมาก นางทนไม่ไหวอีกต่อไป สะบัด
มือฉีหนิงออก แล้ววิ่งไปหาเจ้าเกาะ ฉีหนิงหน้าเสีย เลยรีบตามไป
ชื่อตันเหมยวิ่งไปหาเจ้าเกาะ เห็นรอบตัวเจ้าเกาะมีแต่รอยเลือด
นางก็ตกใจมาก
นางรู้ว่ากระบี่พลังชี่ของเทพกระบี่แทงทะลุเจ้าเกาะ ตอนนี้
ร่างกายของเขามันดูน่ากลัวมากน่าจะเป็นเพราะกระบี่พวกนั้น นางยืน
อยู่ห่างจากเจ้าเกาะหลายก้าว จากนั้นก็คุกเข่าลง น�าตาอาบหน้า “ท่าน
เจ้าเกาะ ...”
เจ้าเกาะมองไปที่ช่ อ
ื ตันเหมย ถอนหายใจยิ้มแล้วพูดว่า “เดิมทีข้าคิด
อยากจะกอบกู้ต้าฉีของเรากลับมา แล้วให้เจ้าได้เป็นฮ่องเต้หญิง คิดไม่
ถึงว่าจะกลายเป็นแบบนีไ้ ปได้ ...” ตอนที่เขายิ้ม เลือดก็ไหลออกมาจาก
ปาก เขาส่ายหน้าด้วยความจนใจ “ถึงแม้ตลอดชีวิตของข้าจะมีวรยุทธ์
ที่สูงที่สด
ุ แต่ข้ากลับคิดไปเองว่าอ่านใจคนออก แต่ว่าในนาทีสด
ุ ท้าย ก็
ยังตกหลุดพรางคนอื่นอยู่ดี ในโลกนี้ สิง่ ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ... ใจคน ...”
เขามองไปที่เป่ยกงเหลียนเฉิงที่นอนอยูโ่ ดยไม่ขยับอะไรเลย เขาก็ย้ม
ิ
แล้วพูดว่า “ท่านพี่เป่ยกง กระบี่เหาตั้งของท่าน ร้ายกาจมากจริงๆ ข้า
... ยอมแพ้” หลังจากพูดจบ เขาก็น่งิ ไปไม่มล
ี มหายใจอีกเลย
เล่มที่ 50 บทที่ 1474 ข้อตกลง
ต้าจงซือสามคนมารวมตัวกันที่เกาะเสวียนอู่ ฉีหนิงคิดไว้แล้วว่า
การต่อสู้มันเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็น
แบบนี้
ต้าจงซือที่เตรียมพร้อมสําหรับการนีม
้ านานหลายปี แต่ไม่มส
ี ก
ั คน
ที่เป็นผูช
้ นะเลย คนที่ชนะจริงๆ คือตี้ฉาน หรือจะให้พูดตรงๆ ก็คือคนที่
ชนะจริงๆ ก็คือกลุ่มฝูผงิ
ตี้ฉานเหลือบไปมองฉีหนิง แต่ไม่ได้พด
ู อะไร
จั่วชิงหยางยกมือลูบเคราแล้วพูดว่า “หย่าหนูอาศัยยาสมุนไพร
ถึงแม้จะยังไม่ตาย แต่ว่าชีพจรของเขามันไม่ทํางานเป็นเวลานาน
ต่อมาไหวหนานอ๋องหาหมอมารักษามากมาย แต่ก็ไม่อาจทําให้เขาดีข้น
ึ
ได้ ยาสมุนไพรก็ไม่อาจต่อชีวิตให้เขาได้” เขามองไปที่คงฉานไต้ซือ
แล้วพูดต่อว่า “เมื่อหลายปีก่อนไหวหนานอ๋องแอบไปหาคงฉานไต้ซอ
ื
แล้วขอร้องให้คงฉานไต้ซือช่วยเหลือ”
ฉีหนิงสีหน้าจริงจังมาก คิดในใจว่าที่แท้วัดต้ากวงหมิงก็มีความ
เกี่ยวข้องกับตี้ฉานมานานแล้ว
แต่ในใจก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ วัดต้ากวงหมองเป็นวัดหลวง
ตามหลักแล้ว คงฉานไต้ซือน่าจะรักษาผลประโยชน์ของฮ่องเต้มากกว่า
อีกทั้งปกป้องตัวฮ่องเต้ด้วย
ไหวหนานอ๋องคิดไม่ซ่ อ
ื อีกทั้งตี้ฉานก็แอบช่วยเหลือไหวหนานอ๋อง
ด้วย พวกเขาเป็นภัยต่อฮ่องเต้ คงฉานไต้ซือช่วยไหวหนานอ๋อง อีกทั้งรู้
เรื่องของตี้ฉานมานานแล้ว มันไม่สมควรเลย
“แผนการของฝูผิงเริ่มขึ้นไม่กี่ปี หย่าหนูก็ถูกส่งมาที่วัดต้ากวงหมิง
แล้ว หากไม่ได้ไต้ซือช่วยเหลือ หย่าหนูอาจจะตายไปแล้วก็ได้” จั่วชิงห
ยางพูดแล้วก็ถอนหายใจ
“มันยังมีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือต่อให้สัตว์เทวะเสวียนอู่ปรากฎตัวขึ้น ก็
อาจจะทําให้แผนของพวกท่านไม่สําเร็จได้” ฉีหนิงพูดว่า “ต้าจงซือสาม
คนชิงยาเม็ดเสวียนอู่กัน คนที่อยู่รอดคนสุดท้ายก็จะมีอยู่หนึ่งคน หาก
ไม่สามารถกําจัดได้หมด แผนการของกลุ่มฝูผงิ ก็ยังคงเสียเปล่าอยู่ดี
แล้วต้าจงซือคนสุดท้ายใครจะเป็นคนรับมือ?” สายตาของเขามองไป
ที่ตี้ฉาน แล้วพูดว่า “พวกท่านอาจจะลงทุนลงแรงไปมาก จนกระทั่ง
ท่านผู้อาวุโสมูป
่ รากฎตัวขึ้น พวกท่านถึงได้พบแผนการรับมือ”
“แต่พวกท่านพอรู้เรื่องในอดีตของผู้อาวุโสมูแ
่ ล้ว ก็รู้ว่านางมี
ความแค้นกับเหล่าต้าจงซือ” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสมู่
เป็นห่วงผู้อาวุโสหย่าหนู วัดต้ากวงหมิงยื่นมือเข้าช่วยหย่าหนู ก็
เหมือนว่าผู้อาวุโสมู่ติดหนี้บุญคุณวัดต้ากวงหมิงอย่างมาก อีกทั้งนางก็มี
ความแค้นกับเหล่าต้าจงซืออยู่แล้ว ดังนั้นนางเลยกลายมาเป็นคนที่
กลุ่มฝูผงิ ขาดไม่ได้เลย” เขาหันไปมองเป่ยถังชิง่ แล้วถามว่า “ท่านรู้
เรื่องของท่านผูอ
้ าวุโสมูห
่ รือเปล่า?”
จั่วชิงหยางมองไปที่เป่ยกงเหลียนเฉิงที่ไม่ขยับตัว เขาพยักหน้า
แล้วพูดว่า “หากรู้ว่าผลจะเป็นแบบนี้ เราก็คงไม่ให้เจ้ามาเข้าร่วมหรอก
นะ”
“หรือว่าพวกท่านไม่รู้ว่าผู้อาวุโสมู่ช่วยไหวหนานอ๋องชิงบัลลังก์
อยู?่ ” ฉีหนิงพูดว่า “ราชสํานักดีกับพวกท่านไม่น้อย พวกท่านรู้ว่าผู้
อาวุโสมูเ่ ป็นกําลังเสริมของไหวหนานอ๋อง แต่กลับยังให้นางเข้าร่วม
กลุ่มฝูผงิ หากจะว่ากันตามตรง พวกท่านก็ไม่ต่างกับกบฏ”
ฉีหนิงรู้สึกขํา
ตี้ฉานคือคนที่ไหวหนานอ๋องแนะนําให้คงฉานไต้ซือรู้จัก เพราะ
เหตุนี้จึงได้เข้าร่วมกลุ่มฝูผิง ถ้าอย่างนั้นคงฉานไต้ซือกับจั่วชิงหยางก็
ต้องรู้ว่าตี้ฉานกับไหวหนานอ๋องมีความสัมพันธ์กันไม่น้อย ตี้ฉาน
รวบรวมกําลังพลให้ไหวหนานอ๋องสองพ่อลูกในซีชวน อีกทั้งยังก่อ
กรรมทําเข็ญมาก คนอื่นไม่รู้ แต่ว่าสองคนนี้จะต้องรู้แน่นอน
ท่าทีแบบนี้ มันก็คือกบฏ
แต่ก็อย่างที่จ่ัวชิงหยางพูดมา พวกเขาไม่ได้สนใจว่าใครจะได้น่งั
บัลลังก์แคว้นฉู่ ต่อให้รู้ว่าเซียวจ้าวจงจะกบฏ แต่กลับไม่ทําอะไรเลย ทุก
อย่างที่ทํา เพราะตี้ฉานเป็นคนสําคัญในแผนการของกลุ่มฝูผงิ
ก่อนจะกําจัดต้าจงซือ พวกเขาจะต้องคุ้มครองตี้ฉาน
ตี้ฉานยิม
้ มุมปาก แล้วพูดว่า “เจ้าคิดจะยุให้เราแตกกันงั้นเหรอ?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “มิกล้า ข้าแค่แปลกใจเท่านั้น”
“ประสกมู่ถึงแม้จะเป็นต้าจงซือ แต่นางไม่ได้มีความ
ทะเยอทะยาน” คงฉานไต้ซือพนมมือแล้วพูดว่า “ตอนนี้ประสกมู่ได้สม
ปรารถนาแล้ว นางฝักใฝ่ในธรรมมะ ตั้งแต่นี้ต่อไป ในโลกนีไ้ ม่มีต้าจงซื
ออีกแล้ว” พูดจบ เขาก็มองไปที่ตี้ฉาน สายตาของเขาเหมือนคิดอะไร
อยู่
ตี้ฉานยิม
้ แล้วพูดว่า “ไต้ซือโปรดวางใจ ข้าจะทําตามข้อตกลงของ
เรา ในเมื่อสมปรารถนาแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปข้าจะไม่ฝก
ึ วรยุทธ์อีก ข้าจะ
ทําลายวรยุทธ์ของข้าเอง”
พอพูดแบบนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกใจหมด
ตี้ฉานถึงกับตกลงกับคงฉานไต้ซือว่าจะทําลายวรยุทธ์ของตัวเอง
ทั้งหมด มันเหนือความคาดหมายมาก
ในเมื่อห้าต้าจงซือไม่อยูแ
่ ล้ว ตี้ฉานก็จะกลายเป็นต้าจงซือเพียงคน
เดียวที่เหลืออยู่ ไม่มีใครสู้นางได้อีก แต่นางยินยอมที่จะทําลายวรยุทธ์
ของตัวเองทิ้งไป มันเหลือเชื่อมากจริงๆ
“ประสกมู่วางใจ วัดต้ากวงหมิงมีคัมภีร์รักษากายมากมาย
หลังจากเจ้าทําลายวรยุทธ์แล้ว ฝึกตามคัมภีร์ ภายในสามปี ท่านจะฟื้น
กลับมาดังเดิม ไม่ต้ังเจ็บปวดทรมานอีก” คงฉานไต้ซือเหมือนจะพอใจ
มาก
ฉีหนิงคิดในใจว่าดูท่าทางทั้งสองฝ่ายน่าจะทําข้อตกลงร่วมกันไว้
แล้ว
ในเมื่อตี้ฉานไปถึงขั้นต้าจงซือแล้ว ถ้าอย่างนั้นนางก็ไม่อาจ
หลีกเลี่ยงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายไปได้ ถึงแม้ยา
เม็ดเสวียนอู่อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่นางอยากจะใช้ยานั่นไว้ช่วยหย่าหนู
นางไม่มท
ี างกินเองแน่
หลังจากกลุ่มฝูผิงกําจัดต้าจงซือไปแล้ว ตี้ฉานทําลายวรยุทธ์ของ
ตัวเองทิ้งไป ส่วนคงฉานไต้ซือก็รับปากว่าจะใช้คัมภีร์ของทางวัดต้ากวง
หมิงรักษาอาการให้กับตี้ฉาน
จั่วชิงหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ยาเม็ดเสวียนอู่เป็นของล�าค่าหายาก
สามารถทําให้คนตายฟื้นคืน ช่วยหย่าหนูได้”
“บนโลกใบนี้ไม่มีของอะไรสามารถช่วยให้คนตายฟื้นคืนได้” เสียง
ของเป่ยกงเหลียนเฉิงดังขึ้นมา “ยาเม็ดเสวียนอู่สามารถช่วยรักษา
อาการ แต่ไม่ทําให้คนตายฟื้นคืน” เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “จั่วชิงห
ยาง หย่าหนูตายไปนานแล้วใช่ไหม?”
จั่วชิงหยางสีหน้าเปลี่ยนไปทันที คงฉานไต้ซอ
ื เองก็ปลายตา
กระตุก
“ยังไม่ตาย” จั่วชิงหยางรีบพูดว่า “ตอนนั้นไหวหนานอ๋องไม่มี
ทางเลือก เลยส่งหย่าหนูมาที่วัดต้ากวงหมิง หลายปีที่ผา่ นมาคงฉานไต้
ซือช่วยรักษาอาการให้เขา ถึงแม้จะไม่อาจทําให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ แต่ก็
ยังทําให้เขาหายใจต่อไปได้อีก รอแค่ได้ยาเม็ดเสวียนอู่มาช่วยให้เขาฟื้น
เท่านั้น”
สายตาของตี้ฉานเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาทันที เขาจ้องไปที่คงฉานไต้ซอ
ื
แล้วก็มองไปที่เรือใหญ่
เล่มที่ 50 บทที่ 1475 เลีย
้ งลูกเสือลูกจระเข้
จั่วชิงหยางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้หมายความว่างั้น
เพียงแต่ ...” เขายังพูดไม่ทันจบ ทุกคนก็เห็นตี้ฉานลอยตัวขึ้นไปบนเรือ
ทุกคนที่เห็นก็ตกใจกันมาก คงฉานไต้ซือเองก็ลอยขึ้นไปเหมือนกัน
เหมือนจะขวางนางเอาไว้ ทันใดนั้นก็ได้ยินตี้ฉานพูดว่า “หลีกไป”
จากนั้นนางก็ซด
ั ฝ่ามือใส่คงฉานไต้ซือ
“เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ไหวหนานอ๋องนําตัวหย่าหนูมาส่งให้เราที่
วัดต้ากวงหมิง” คงฉานไต้ซือสีหน้าเคร่งเครียดมาก “อาการของเขา
ตอนนั้นหนักมาก หย่าหนูบาดเจ็บสาหัสมานานหลายปี ใช้ยาสมุนไพร
หลายอย่างถึงแม้จะทําให้เขายังหายใจอยู่ แต่เขาก็คือคนเป็นที่ตายไป
แล้ว อีกทั้งการใช้ยาจํานวนมากบวกกับอาการของเขา มันทําให้ชีพจร
ของเขาเสียหายหนักมาก ตอนที่ส่งมาที่วัด เขาเหลือแค่ลมหายใจ
สุดท้ายแล้ว”
ฉีหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หรือว่าตอนที่ผู้อาวุโสหย่าหนูไปที่
วัดต้ากวงหมิง เขาก็ตายแล้วงั้นเหรอ?”
คงฉานไต้ซือส่ายหน้าแล้วพูดว่า “อาตมาพยายามรวบรวมคนมา
เพื่อถ่ายทอดกําลังภายในเข้าไปในร่างกายของเขา อีกทั้งยังให้เขากิน
ยาของทางวัดด้วย เพื่อให้เขายังหายไปต่อไปได้อีก แต่ว่ามันก็ย้ ือได้ไม่
นาน” เขาพนมมือแล้วพูดว่า “อาตมาแอบคิดอกุศล ตอนนั้นแผนการ
ของฝูผิงดําเนินไปแล้ว อีกทั้งก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของประสกมูด
่ ้วย ตอน
นั้นเราก็รู้ทันทีว่า หากไม่มีความช่วยเหลือจากนาง แผนการของฝูผิงไม่
มีทางสําเร็จแน่นอน”
จั่วชิงหยางกลับพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ไต้ซืออย่าพูดแบบนั้น
ท่านไม่ได้คิดอกุศล แต่ท่านทําเพื่อทุกสรรพสิ่งในใต้หล้า ท่านมีเมตตา
ต่างหาก”
“หย่าหนูอยูใ่ นวัดแค่ปก
ี ว่า ก็ตายแล้ว” คงฉานไต้ซือแล้วพูดว่า
“เราแค่กังวลว่าหากประสกมู่รูว
้ ่าหย่าหนูตายแล้ว ก็จะออกจากแผน
ของกลุ่มฝูผิง ด้วยความจนใจ เลยต้องปกปิดเรื่องการตายของหย่าหนู”
ฉีหนิงพูดว่า “พวกท่านไม่คิดเลยเหรอว่าเรื่องนีส
้ ักวันนางจะจับ
ได้?”
“เราเองก็ข้น
ึ หลังเสือมาแล้ว” จั่วชิงหยางพูดว่า “หากบอกนางไป
ว่าหย่าหนูตายแล้ว เราเองไม่รูจ
้ ริงๆ ว่านางจะทําอะไรบ้าง เกิดแผนการ
ของเราพังเพราะนาง ถ้าอย่างนั้นทุกอย่าง ...” เขาถอนหายใจ สีหน้า
แบบจนปัญญา
ตอนนี้ฉห
ี นิงเลยเพิ่งจะเข้าใจ คงฉานไต้ซือกับจั่วชิงหยางคิดจะใช้
นางเป็นอาวุธ แต่ว่าหากใช้มันอย่างไม่ระวัง อาวุธชิ้นนี้มันย้อนกลับมา
ทําร้ายตัวเองได้
“ที่เราอยากให้เจ้าเข้าร่วมกลุ่มฝูผิง ไม่ใช่เพราะอยากให้เจ้ามา
จัดการกับต้าจงซือ” จั่วชิงหยางพูดว่า “เราแค่กังวลว่าจะเกิด
สถานการณ์อย่างตอนนี้ข้น
ึ มา คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นจริง ตามความคิด
ของเรา ต่อให้ตี้ฉานสามารถจัดการกับต้าจงซือจนบาดเจ็บได้ ยังไงนาง
ก็ต้องบาดเจ็บ แต่ถ้านางเกิดผิดคําพูดขึ้นมา เราเลยจําเป็นให้เจ้ามา
ช่วยเรากําจัดนาง แต่สถานการณ์ในตอนนี้ มันอันตรายมากกว่าที่เรา
คิด”
จั่วชิงหยางพยักหน้า คงฉานไต้ซอ
ื ก็พนมมือขึ้นมาแต่ไม่พูดอะไร
เลย
“พวกเจ้าเลี้ยงเสือไว้จัดการกับเสือตัวอื่น” ฉีหนิงถอนหายใจแล้ว
พูดว่า “แต่ว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกท่านก็ไม่สามารถควบคุมเสือตัวนั้นไว้
ได้ เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้แท้ๆ เลย”
คงฉานถอนหายใจแล้วพูดว่า “อาตมาทําได้แค่เกลี่ยกล่อมให้นาง
วางอาวุธลง นอกจากนี้ เกรงว่า ...”
ในตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากในห้องท้องเรือ
ทันใดนั้นเองก็เงาของหลานคนกระเด็นออกมาจากเรือ พวกฉีหนิงตกใจ
มาก เห็นเงาพวกนั้นสวมชุดหลวงจีน มองทีเดียวก็รู้ว่าเป็นหลวงจีนของ
วัดต้ากวงหมิง พวกเขาลอยอยู่กลางอากาศ ฉีหนิงกําลังคิดว่าตงตกลง
ไปในน�าแน่ แต่กลับได้ยน
ิ เสียงประหลาดอีก หลวงจีนที่ลอยอยู่กลาง
อากาศ เหมือนกับระเบิด ร่างกายแตกกระจายกลางอากาศ ไม่ต่างกับ
น�าจิ้มเนื้อเลย
ชื่อตันเหมยกับฮวาเสี่ยงหรงถึงแม้จะมีประสบการณ์เจออะไรกัน
มามากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครที่แรกแตกสลายกลางอากาศแบบนี้มา
ก่อน ภาพที่พวกนางเห็นมันน่ากลัวมาก ทําให้พวกนางต่างร้องออกมา
ด้วยความตกใจ
ส่วนคนอื่นๆ ก็หน้าเปลี่ยนสีไปหมด คงฉานไต้ซือพูดด้วยความ
ตกใจว่า “แย่แล้ว” เขาดีดตัวขึ้นไปบนเรือ แล้วตะคอกว่า “อย่าทําแบบ
นั้นนะ”
โลงหินลอยมา ตี้ฉานก็อยู่ข้างๆ
เป่ยถังชิง่ กับจั่วชิงหยางเหมือนจะตกใจมาก
“ปึ้ ง”
โลงหินตกลงมาบนชายหาด ตี้ฉานลงมาที่พ้ น
ื แล้วยืนอยู่ข้างโลงหิน
ใบหน้าของนางงดงามมาก รูปร่างของนางดีกมา แต่ตอนนี้ใบหน้าที่
งดงามของนางมันเต็มไปด้วยความเลือดเย็น นางจ้องไปที่คงฉานไต้ซือ
แล้วพูดว่า “พวกเจ้าหลอกข้ามาตลอดเลยเหรอ?”
เล่มที่ 50 บทที่ 1476 รอยสักบนฝ่ามือ
ตี้ฉานจับไปที่โลงศพ สายตาของนางมองไปก้อนหินยักษ์ที่ทับบน
ตัวของวสัตว์เทวะเสวียนอู่แล้วถามว่า “ยาเม็ดเสวียนอู่จะทําให้เขาตาย
แล้วฟื้นไหม?”
แรงกําลังนั่นมันมาอย่างไม่ทันตั้งตัวเลย หากไม่ใช่เพราะฉีหนิง
รู้ตัวเร็ว คิดว่าคงซัดถูกจั่วชิงหยางไปแล้ว ด้วยกําลังความสามารถของ
จั่วชิงหยาง แทบจะต้านอะไรไม่ได้เลย
“เรื่องที่เกิดขึ้นบนเขาต้าเสวียซานในวันนั้น มีบางคนเขารู้สก
ึ
สํานึกแล้วจริงๆ อีกอย่างข้าเองก็รู้สึกนับถือนิสย
ั ของท่านผู้อาวุโสหย่า
หนูมาก” ฉีหนิงมองไปที่ตี้ฉาน แล้วพูดว่า “ตอนนั้นท่านทั้งสองลงจาก
เขามา ผู้อาวุโสหย่าหนูบาดเจ็บสาหัสสลบไป จากนั้นก็ไม่ฟ้ ืนกลับมาอีก
เลย มันทําให้คนรู้สึกเห็นใจมากจริงๆ แต่ว่าท่านเองก็น่าจะรู้ดี เป็นหรือ
ตายฟ้าเป็นผู้ลิขต
ิ จะยากดีมีจนสวรรค์ก็เป็นคนกําหนด มีบางเรื่อง
กําลังของคนอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เรื่องความเป็นความ
ตาย มันไม่ใช่ส่งิ ที่คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ผู้อาวุโสหย่าหนูสลบ
ไปนานกว่าสิบปี เหลือลมหายใจสุดท้ายเอาไว้ ถือได้ว่าแปลกมากแล้ว
แต่ว่ายังไงเขาก็ยังมีร่างกายเป็นมนุษย์ ถึงแม้จะใช่สมุนไพรยื้อมาได้ แต่
อยู่ในสภาพสลบแบบนั้น ร่างกายมันก็ต้องอ่อนกําลังลงจนกระทั่งตาย
ไป มันไม่ใช่สงิ่ ที่มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้” เขามองไปที่คงฉานไต้
ซือ แล้วพูดว่า “คงฉานไต้ซือหลอกท่านมานานหลายปี ท่านรู้สก
ึ โกรธ
มาก รู้สก
ึ แค้นใจ แต่ตามความเห็นของข้า ท่านไม่เพียงไม่สมควรโกรธ
แค้นท่านไต้ซือ แต่ยังสมควรจะขอบคุณเขาอีกด้วย”
คงฉานไต้ซือกับจั่วชิงหยางมองหน้ากัน พวกเขารู้สึกตกใจกันมาก
ตี้ฉานเองก็พูดอย่างไร้ความรู้สก
ึ ว่า “ทําไมเขาจะต้องขอบคุณเขา
ด้วย?”
“ผู้อาวุโสมู่ตามหายาวิเศษมารักษาผู้อาวุโสหย่าหนูตลอด แต่กลับ
ทําอะไรไม่ได้ ไหวหนานอ๋องเลยจําเป็นต้องส่งเขาไปที่วัดต้ากวงหมิง
เพราะในสายตาของเขา ในโลกนี้ความหวังเดียวที่พอจะช่วยผู้อาวุโส
หย่าหนูน้ัน มีแค่วัดต้ากวงหมิงที่เดียวเท่านั้น” ฉีหนิงถอนหายใจแล้ว
พูดว่า “วัดต้ากวงหมิงคือผู้นําของเหล่าชาวยุทธ ในวัดมียอดฝีมือ
มากมาย ยอดฝีมือที่ข้าหมายถึง ไม่ได้หมายถึงเรื่องของวรยุทธ์ แต่เป็น
เรื่องของการรักษา” เขาหันไปถามคงฉานไต้ซือว่า “ไต้ซือ ข้าพูดถูกรึ
เปล่า?”
“ไต้ซืออยากให้ท่านเข้าร่วมกลุ่มฝูผงิ เลยพยายามให้เสนอเงื่อนไข
ที่ท่านพึงพอใจ” ฉีหนิงมองไปที่ตี้ฉานใหม่ “ท่านหวังว่าวัดต้ากวงหมิง
จะช่วยผู้อาวุโสหย่าหนูได้ หากไต้ซือทําได้ เขาต้องทําอย่างเต็มที่ ไม่มี
ทางละเลยเด็ดขาด”
“ผู้อาวุโสหย่าหนูไปอยู่วัดต้ากวงหมิงได้ไม่นานก็ตายไป ไม่ใช่
เพราะวัดต้ากวงหมิงไม่พยายามทําอะไรเลย แต่เป็นเพราะ ... เฮ้อ ขอ
อภัยที่ข้าต้องพูดตามตรง เพราะมันถึงเวลาของเขาแล้ว ต่อให้ฮ่ว
ั ท้อ
เซียนซืออยู่ ก็ชว
่ ยอะไรไม่ได้” ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโส
หย่าหนูตายไป ความรูส
้ ึกของท่านข้าเข้าใจดี แต่ว่าเรื่องนี้จะโทษไต้ซอ
ื
กับท่านอาจารย์จ่ัวไม่ได้” ฉีหนิงท่าทางจริงจังมาก “กลับกันการที่ไต้
ซือปิดบังเรื่องนี้กับท่าน อย่างน้อยก็ทําให้ในหลายปีที่ผ่านมาท่านมี
ความหวัง ทําให้ท่านไม่เสียใจและเจ็บปวดเหมือนหลายปีก่อนหน้านี้
อีกทั้งท่านเองก็คิดอยากจะแก้แค้นตลอดเวลา หากไม่ได้กลุ่มฝูผิงคอย
ช่วยเหลือ ขอถามท่านสักคําว่าท่านจะรับมือกับเหล่าต้าจงซือได้ไหม
ท่านจะสามารถแก้แค้นให้ผู้อาวุโสหย่าหนูได้รึเปล่า?”
ตี้ฉานเหลือบไปมองฉีหนิง ไม่ได้พด
ู อะไร
“ดังนั้นข้าถึงได้บอกว่าถ้าให้พด
ู กันตามจริง ผูอ
้ าวุโสมูส
่ มควรที่จะ
ขอบคุณท่านไต้ซือกับท่านอาจารย์จ่ัวด้วยซ�าไป” ฉีหนิงพูดว่า “พวก
เขาไม่เพียงช่วยท่านแก้แค้น อีกทั้งยังลดความทุกข์ของท่านมานาน
หลายปีด้วย”
ทุกอย่างเงียบไป ทันใดนั้นเองตี้ฉานก็หว
ั เราะขึ้นมา เสียงหัวเราะ
ของนางไม่เพียงแฝงไปด้วยความโกระ แต่ยังแฝงไปด้วยความเสียใจ
ทุกคนรูด
้ ีว่าไม่มใี ครเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้อีก ได้ยินนางหัวเราะแบบนี้
แล้วก็ขนลุก นางลงมือโดยไม่มีใครรู้ได้ ใครก็ไม่กล้าลงมือกับนางเลย
ในตอนนี้
เป่ยกงเหลียนเฉิงถูกเจ้าเกาะซัดหมัดเข้าใส่ที่หน้าอก ใครก็รู้ว่า
หมัดนั้นมันอานุภาพร้ายแรงแค่ไหน ดังนั้นถูกคนเข้าใจว่าเป่ยกงเหลียน
เฉิงนั้นบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขายังฝืนได้ถึงตอนนี้ ฉี
หนิงคิดว่าหรือว่าฝีมือของเป่ยกงเหลียนเฉิงจะเหนือกว่าเจ้าเกาะ หมัด
ของเจ้าเกาะไม่ได้ทําให้เป่ยกงเหลียนเฉิงถึงแก่ชีวิต
แต่สิ่งที่ทุกคนตกใจยิ่งกว่าคือ เป่ยกงเหลียนเฉิงกลับพูดว่าขอแค่
ร่างกายยังไม่เสียหายก็สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีก เรื่องนี้มน
ั น่าเหลือเชื่อ
เกินไป หากเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ คงไม่มีใครเชื่อ แต่พอมันออกมาจาก
ปากของเป่ยกงเหลียนเฉิง ทุกคนก็เลยลังเล ฉีหนิงแอบคิด หรือว่าจะมี
วิชาที่ทําให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ?
ตี้ฉานเดิมสีหน้าดุดันเอาเรื่อง พอได้ยินเป่ยกงเหลียนเฉิงพูดมา
แบบนี้ นางก็เหมือนจะดีใจ นางมองไปที่เป่ยกงเหลียนเฉิงแล้วถามว่า
“ท่านบอกว่าหย่าหนูฟ้ นกลั
ื บมาได้เหรอ?”
เป่ยกงเหลียนเฉิงถอนหายใจ จากนั้นก็เงยหน้ามองฟ้า
คนที่ตี้ฉานเป็นห่วงและใส่ใจมากว่าครึ่งชีวิตนั้นก็คือหย่าหนู คิดหา
วิธีทําทุกอย่างให้เขาได้ฟ้ นขึ
ื ้นมา ตอนนีไ้ ด้ยินว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงมีวิธี
ท่ามกลางความสิ้นหวัง เหมือนมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง นางเดินไป
หาเป่ยกงเหลียนเฉิง ยืนห่างจากเขาไม่กี่ก้าว นางมองไปที่เป่ยกงเหลียน
เฉิงแล้วพูดว่า “ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
ฉีหนิงเห็นเป่ยกงเหลียนเฉิงยกมืออย่างยากลําบาก ก็รูท
้ ันทีว่าเขา
เองก็ใกล้จะไม่ไหวแล้ว ท่าทางที่คนทั่วไปสามารถทําได้ แต่ตอนนี้ต้า
จงซือคนนี้ทําได้อย่างลําบากแสนเข็น
ทุกคนได้ยินว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงให้ตี้ฉานไปดูรอยสักบนฝ่ามือของ
เขา ก็รูส
้ ึกแปลกใจจ ไม่รู้ว่าการฟื้นคืนชีวิตนั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับรอย
สักบนฝ่ามือของเขา
ตี้ฉานเองก็รู้สก
ึ สงสันย เรื่องฟื้นคืนชีวิตมันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ
แต่หินก้อนเดียวที่ตกลงมาจากฟ้ามันยังทําให้พวกเขาอยู่เปลี่ยนแปลง
ไปได้ แล้วเรื่องตายแล้วฟื้นมันจะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไง
อีกทั้งเรื่องนี้ก็ออกมาจากปากของเป่ยกงเหลียนเฉิงด้วย ตอนนั้นตี้
ฉานก็รก
ั เป่ยกงเหลียนเฉิงมาก ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ติดตามเขา
มานานหลายปี นิสัยของเขานางก็พอรูจ
้ ักอยู่บ้าง รู้ว่าเป่ยกงเหลียนเฉิง
ไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาเหลวไหล ในเมื่อเขาบอกว่ามีวิธี คิดว่าไม่ใช่เรื่อง
โกหก นางเลยเดินเข้าไปใกล้ ก้มหน้ามองไปที่ฝ่ามือของเขา
“ความลับเรื่องของการตายแล้วฟื้นคืนชีวิต อยู่ที่รอยสักบนฝ่ามือ
นี่แหละ” เป่ยกงเหลียนเฉิงหายใจโรยริน “หย่าหนู ...”คําพูดด้านหลัง
เขาไม่ได้พูดจนจบ เขาก็พุ่งตัวออกไปเหมือนยิงกระสุน มันรวดเร็วมาก
ทุกคนต่างตกใจ ทุกคนคิดไม่ถึงว่าเป่ยกงเหลียนเฉิงจะทําแบบนี้ แม้
แต่ตี้ฉานเองก็ยงั ตกใจหน้าถอดสี
“ปึ้ ง”
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตกใจ
เป่ยกงเหลียนเฉิงเหมือนจะคิดอยากจะชดเชยความรูส
้ ึกผิดที่มี
ต่อตี้ฉานจริงๆ
ในเมื่อเขายอมสละชีวิตเพื่อชดเชยให้กับนางแล้ว เลยไม่มีใครคิด
ว่าเขาจะลงมือกับตี้ฉานแบบนี้ มันเหลือเชื่อมากเกินไป แม้แต่ตี้ฉานก็
คิดไม่ถึงว่าเขาจะทําแบบนี้กับนาง
นางเป็นห่วงว่าจะมีวิธท
ี ําให้หย่าหนูฟ้ ืนกลับมาได้ไหม คิดอยากจะ
รู้ความลับบนฝ่ามือของเป่ยกงเหลียนเฉิง ความสนใจของนางพุ่งเป้าไป
ที่รอยสักบนฝ่ามือ พอเป่ยกงเหลียนเฉิงลงมือจู่โจม ตี้ฉานยังคงไม่ต่าง
กับคนทั่วไปมีเลือดมีเนื้อ หากเป่ยกงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่ามือที่ซัด
ออกไปโดยที่ตี้ฉานไม่ได้ระวังตัวอาจทําให้นางตายไปหลายรอบแล้วก็
ได้ แต่เป่ยกงทําได้แค่ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ถึงแม้เขาจะลงมืออย่าง
เต็มกําลังแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทําให้นางตายได้ในทันที
อวัยวะภายในของตี้ฉานถูกซัดจนได้รับบาดเจ็บ ทําให้ชีพจรทั้ง
แปดสายสั่นสะเทือน
ต้าจงซือมีความสามารถในการควบคุมพลังดินฟ้าอากาศ แต่ก็
ไม่ได้ทําได้ดังใจ มันต้องให้ร่างกายหลอมรวมเป็นหนึ่งไปกับอากาศ
โดยรอบ ทําให้อากาศพวกนั้นเป็นส่วนหนึ่งในลมปราณภายในร่างกาย
ถึงจะสามารถใช้พลังฟ้าดินได้
แต่หากร่างกายเกิดความผิดปกติ การเดินลมปราณไม่สามารถ
เป็นไปได้อย่างราบรื่น ก็จะไม่สามารถใช้พลังฟ้าดินอีกได้
นั่นก็คือจุดอ่อนของต้าจงซือ
ต้าจงซือที่รอดมาจากบนเขาต้าเสวียนซานในเวลานั้น ถึงแม้จะมี
ความสามารถในการควบคุมพลังฟ้าดิน แต่เพราะร่างกายที่
เปลี่ยนแปลงไป หากอยู่อย่างปกติก็ไม่มป
ี ัญหาอะไร แต่หากอยู่ใน
สภาวะถูกพลังตีกลับ มันจะทําให้รา่ งกายเกิดความผิดปกติ ซึ่งมันก็จะ
เป็นเวลาที่อ่อนแรงมากที่สุด ดังนั้นเวลาที่พวกเขาอาการกําเริบ ก็เลย
จะพยายามไม่ให้ใครรับรู้ แล้วให้ผ่านพ้นช่วงร่างกายอ่อนแรงที่สุดไป
ก่อน
ตอนที่หยินอู๋จี้โจมตีเจ้าลัทธิบัวดํา ก็ฉวยโอกาสตอนที่เขาอาการ
กําเริบ ถึงลงมือ เจ้าลัทธิในเวลานั้นภายในเกิดความผิดปกติ แทบจะไม่
สามารถควบคุมพลังฟ้าดินมารับมือเขาได้เลย ถึงได้ทําให้พวกของห
ยินอู๋จี๋น้น
ั ทําการสําเร็จ
ตี้ฉานรูด
้ ีว่าหากนางแสดงออกว่านางอ่อนแรง ก็อาจจะมีคนฉวย
โอกาสได้ นางเลยพยายามทําให้เลือดไม่ไหลออกมามาก แต่ยังไงก็ยังมี
ที่มุมปากอยู่นิดหน่อย
นางเดินลมปราณคุ้มกันชีพจรหัวใจ แต่ว่าพลังชี่ในร่างกายของ
นางมันเหมือนหนูตัวเล็กๆ วิ่งไปวิ่งมาไม่มีเส้นทางชัดเจน เลยไม่
สามารถควบคุมได้ในทันที ตอนนี้นางก็เริม
่ หน้ามืด ขาเริม
่ อ่อนแรง
ร่างกายเซไปเซมา เหมือนจะล้ม ในตอนนี้เองก็รู้สึกว่ามีลมวูบหนึ่งกําลัง
พุ่งมาหา ปลายตาของนางเห็นเงากําลังโจมตีเข้าใส่
“โหวเยว่ระวัง” คงฉานไต้ซือตะโกนออกมา
คนที่แอบโจมตีจากด้านข้าง คือเป่ยถังชิง่
หากใต้หล้านี้ยงั มีต้าจงซือหลงเหลืออยูอ
่ ีก ก็ยงั พอจะรับมือกับนาง
ได้ แต่หากเหลือแค่นางคนเดียวที่เป็นต้าจงซือ สถานการณ์มันก็เสี่ยง
กว่าเดิมมาก
ไม่มีอะไรมาคานเอาไว้ ตี้ฉานอยากทําอะไรก็ทําได้เลย
ก่อนที่เป่ยกงเหลียนเฉิงจะลงมือ สถานการณ์บนเกาะทั้งหมดอยู่
ในมือของตี้ฉาน ความเป็นความตายของทุกคน ก็อยู่ในมือของนางด้วย
เขาลงมือเด็ดขาดและรวดเร็ว กรงเล็บของเขายื่นมาโจมตีด้านหลัง
ของตี้ฉาน สายตาของเขาดูดด
ุ ันมาก
ตอนนี้เขาก็กําลังจะจับไปโดนหลังศีรษะของตี้ฉานแล้ว เป่ยถังชิ่ง
กลับรู้สก
ึ ว่าตาลาย เดิมคิดว่านางอยู่ใกล้แค่เอื้อมพริบตาเดียวนางกลับ
หายไป เขาสะดุ้ง ปลายตาของเขาพบว่าตี้ฉานกลับยื่นมือกลับมาจะจับ
เขา เป่ยถังชิ่งคิดไม่ถึงว่าตี้ฉานที่กําลังบาดเจ็บ จะสามารถหลบการ
โจมตีของเขาได้ ไม่รอให้เขาคิดนาน มือขวาของเขาก็ถูกตี้ฉานจับเอาไว้
เป่ยถังชิง่ ตกใจมาก เขาเลยต้องใช้มืออีกข้างหนึ่งผ่าไปที่ซัดไปที่
ด้านข้างหัวของตี้ฉาน
ตี้ฉานหลบไปด้านข้าง ลอยตัวเหมือนวิญญาณลอยไปที่ด้านข้าง
ของจั่วชิงหยาง ใบหน้าของนางเย็นชามาก ดวงตาที่งดงาม แปรเปลี่ยน
เป็นดวงตาที่มีแต่ความอาฆาต มือขวาของนางยื่นออกไปโจมตีจ่ัวชิงห
ยาง
เทพธิดาเป่าฉานฮวาเสีย
่ งหรงเห็นตี้ฉานพลาดท่า ก็หน้าเสีย
จากนั้นกเห็นเป่ยถังชิง่ ลอบโจมตีอีก นางเลยไม่ลังเลใจที่จะบุกขึ้นไป
ช่วย แต่ว่านางอยู่ห่างจากตี้ฉานพอสมควร ถึงแม้จะมีความเร็ว แต่ก็
ตามไปไม่ทัน
เห็นตี้ฉานจัดการเป่ยถังชิ่งจนปลิวกระเด็นไป ฮวาเสีย
่ งหรงถึงได้
โล่งใจ
ชื่อตันเหมยคิดเหมือนเป่ยถังชิง่ นางรูว
้ ่าหากไม่กําจัดตี้ฉาน ชะตา
ชีวิตของทุกคนบนเกาะก็จะตกอยู่ในมือของนาง เห็นฮวาเสี่ยงหรงกําลัง
จะออกไปช่วย นางเลยไปขวางฮวาเสี่ยงหรงเอาไว้
“ฝี ... ฝีมือยังไม่ ... ไม่พอ ...” เป่ยถังชิง่ ยิ้มแห้งๆ “ข้า ... ข้าจะได้
ไปพบ ... ไปพบแม่ของเจ้าแล้ว ...”
ฉีหนิงคิดจะยื่นมือไปจับมือของเขาเอาไว้ ยื่นออกไปแค่ครึ่งเดียวก็
หยุดชะงักลงแต่สุดท้ายก็ยังตัดสินใจไปจับอยู่ดี เขารูส
้ ึกได้ว่ามือของ
เป่ยถังชิง่ เย็นมาก รู้ว่าสถานการณ์แย่แล้ว เป่ยถังชิ่งเห็นสีหน้าท่าทาง
ของฉีหนิงดูเศร้า เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “กระดูก ... กระดูกหน้าอก
ทิ่มไปที่หัวใจ ข้า ... ข้าไม่รอดแล้ว ...”
ฉีหนิงยื่นมือไปในเสื้อของเขา เหมือนจะคลําเจอม้วนผ้าม้วนหนึ่ง
เป่ยถังชิง่ จ้องไปที่ดวงตาของฉีหนิง “นี่ ... นี่คือแผนที่ ... แผนที่ที่เจ้า
อยากได้ ข้า ... ข้ามอบให้เจ้า เดิม ... เดิมทีข้าอยากยกใต้หล้านีใ้ ห้เจ้า
แต่ ... แต่เจ้าไม่อยากได้ ข้า ... ข้าเอง ... ก็คิดว่าคงทําไม่ได้ ... ไม่ได้แล้ว
...”
ฉีหนิงตกใจมาก เขาเลยเปิดออกดูนด
ิ นึง มันคือแผนที่จริงๆ
ได้ยินเสียงร้องคํารามของผู้หญิงดังขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียง
ร้องด้วยความเจ็บปวด ฉีหนิงก็สะดุ้ง เขานึกเป็นห่วงชื่อตันหมยขึ้นมา
เขาเงยหน้าไปมอง เห็นฮวาเสีย
่ งหรงถูกชื่อตันเหมยซัดกระเด็น แล้ว
หล่นลงกระแทกอย่างแรง
ฮวาเสี่ยงหรงถึงแม้จะเป็นคนของตี้ฉาน แต่เมื่อเทียบกับชื่อตัน
เหมยแล้วห่างชั้นมาก ชื่อตันเหมยถึงแม้จะไม่ได้รับการชีแ
้ นะจากท่าน
เจ้าเกาะทั้งหมด แต่โม่อิ่งกับไป๋อวี่เฮ่อก็ต่างเป็นยอดฝีมือในยุทธภพต่อ
ให้เป็นซาหนูกับหวังหนู ก็ไม่ใช่คนฝีมือธรรมดาทั่วไปในยุทธภพ ชื่อตัน
เหมยฝึกวรยุทธ์ต้ังแต่เด็ก โดยไม่มอ
ี ะไรมารบกวนสมาธิ วรยุทธ์ของฮ
วาเสี่ยงหรงเทียบนางไม่ได้เลย
แต่ตี้ฉานยังไงก็ยังเป็นตี้ฉานอยู่ดี ถึงแม้จะไม่สามารถควบคุมพลัง
ฟ้าดินได้ แต่ว่านางก็ยังว่องไวกว่าใคร ถึงแม้จะสู้หนึ่งต่อสี่ แต่ก็ไม่ได้
เสียเปรียบเลย
ชื่อตันเหมยเอาชนะฮวาเสี่ยงหรงได้ นางรู้ว่าฮวาเสี่ยงหรงเป็นคน
ของตี้ฉาน หากปล่อยไปอาจเป็นภัยได้ เลยบุกขึ้นหน้าพร้อมเข็มเงินใน
มือหลายเล่ม คิดจะเอาชีวิตของฮวาเสีย
่ งหรง ฮวาเสี่ยงหรงกลับไม่ได้
กลัวเลย แต่ยิ้มจากนั้นก็หลับตาลง เงยคอขึ้น ทําให้คอขาวๆ โผล่
ออกมา ยินยอมให้ช่ อ
ื ตันเหมยลงมือแต่โดยดี
ชื่อตันเหมยเห็นใบหน้าของนางมีแต่ความสิน
้ หวัง กลับไม่ลงมือ
นางพูดว่า “เจ้าช่วยคนชั่วก่อกรรมทําเข็น ทําร้ายคนไปมากมาย
สมควรตาย”
ชื่อตันเหมยหน้าดุข้น
ึ มา กําลังคิดจะลงมือ ฉีหนิงยกมือปรามเอาไว้
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฮวาเสี่ยงหรง ข้าร็ว่าพวกเจ้ายังมีพวกอยู่ที่ซี
ชวนไม่น้อย บนเขาเย่ก่ย
ุ หลิงเป็นรังของพวกเจ้า ที่น่น
ั มีหลายคนที่ถูก
พวกเขาหลอกล่อมาหากเจ้ายอมช่วยข้าจัดการปัญหานี้ได้ วันนี้ข้าจะไว้
ชีวิตเจ้าไป”
เป่ยกงเหลียนเฉิงลงมือแบบนั้น ฉีหนิงเข้าใจว่าเขามีเจตนายังไง
หากตี้ฉานออกจากเกาะนี้ไปด้วยความแค้นกับความโกรธ จะต้อง
เกิดความวุ่นวายเป็นแน่
วรยุทธ์ของเซียวจ้าวจง ได้รบ
ั ถ่ายทอดมาจากตี้ฉาน ทั้งสองคนมี
สัมพันธ์ศิษย์อาจารย์กัน ตี้ฉานเป็นคนแยกแยะบุญคุณความแค้น ใน
เมื่อเซียวจ้าวจงก่อกบฏไม่สาํ เร็จ ถ้าอย่างนั้นตี้ฉานอาจจะบุกไปที่วัง
หลวงแคว้นฉู่เพื่อแก้แค้นให้กับเซียวจ้าวจงได้
ไม่มีต้าจงซือคนอื่นมาคานอํานาจนางไว้ ตี้ฉานจะสามารถทําได้
ทุกอย่าง
เป่ยกงเหลียนเฉิงเหมือนจะรู้ว่านางกําลังจะคลั่งแล้ว ผลที่ตามมา
ยากที่จะจิตนาการได้ เลยใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีทําร้ายนาง เขารู้ว่า
ด้วยแรงที่เขามีอยู่ไม่สามารถฆ่านางได้ เป้าหมายที่เขาทําแบบนี้ เดิมก็
หวังอยากจะให้คนอื่นดับไฟตั้งแต่ต้นลมตอนที่นางบาดเจ็บสาหัสอยู่
คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่พวกเขากังวลมันจะเป็นจริง
ฉีหนิงไม่ลังเลใจอีก หันหน้าเข้าหาตี้ฉานแล้วยกมือสองข้างขึ้นมา
การรับมือกับคนระดับตี้ฉาน ฉีหนิงรู้ว่าต่อให้เขาไปร่วมวงต่อสู้
ด้วย ก็ไม่ได้เปรียบ ในสถานการณ์แบบนี้ วิธีเดียวที่จะเอาชนะนางได้ ก็
คือการเดินลมปราณควบคุมพลังฟ้าดิน
ครั้งสุดท้ายแล้ว
ฉีหนิงสาบานในใจ
อากาศรอบตัวฉีหนิงเริ่มก่อตัวขึ้น พริบตาเดียวที่แขนทั้งสองข้าง
ของเขา มันก็มก
ี ลุ่มก้อนพลัง ชื่อตันเหมยกับฮวาเสี่ยงหรงเห็นดังนั้นสี
หน้าก็เปลี่ยน ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงดังขึ้น ตี้ฉานซัดฝ่ามือใส่หน้าอก
ของตคงฉานไต้ซือ คงฉานไต้ซอ
ื กระเด็นออกไป จั่วชิงหยางตกใจหน้า
ถอดสี ตี้ฉานจัดการคงฉานไต้ซอ
ื ได้แล้ว ก็หันหลังยื่นมือจะไปจับจั่วชิงห
ยาง แต่นางกลับเห็นฉีหนิงกําลังรวบรวมพลัง เดิมมือที่ย่ น
ื ออกไปก็เก็บ
กลับมา ไม่ไปโจมตีจ่ัวชิงหยางอีก แต่หน
ั มาเผชิญหน้ากับฉีหนิงแทน
นางมองมาที่ดวงตาของฉีหนิง ใบหน้าของนางไม่ได้ต่ ืนตกใจเท่าไหร่ แต่
กลับมีแต่ความนิง่ สงบ
นางเหมือนจะรอให้ฉีหนิงลงมือ
“ปึ้ ง”
ร่างกายที่งดงามของตี้ฉานกระเด็นไปไกล จากนั้นก็ตกลงมา
กระแทกพื้นอย่างแรง มือของนางกางออก แล้วไม่ขยับอีกเลย ดวงตาที่
สวยงามของนางมองไปบนท้องฟ้า เหมือนว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว
ทุกอย่างเงียบสงบลง
เขายังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่ แต่กลับไม่มแ
ี รงแม้แต่จะยืนขึ้น
มาแล้ว เขาพยายามอย่างมากที่จะคลานมาใกล้ๆ ตี้ฉาน เขายื่นมืออก
ไป จับมือข้างหนึ่งของตี้ฉานเอาไว้ ตี้ฉานหันหน้ามา เลือดไหลออกจาก
ปากของนาง เป่ยกงเหลียนเฉิงมองไปที่หน้าของนาง ถอนหายใจแล้ว
พูดว่า “อย่า ... อย่าโกรธข้าเลยนะ ...”
คงฉานไต้ซือพยายามฝืนลุกขึ้นมานั่ง เห็นเป่ยกงเหลียนเฉิงกับตี้
ฉานตายไปพร้อมกัน เขาก็พนมมือขึ้น หลับตาแล้วสวดมนต์ เหมือนจะ
สวดส่งวิญญาณพวกเขา
ฉีหนิงเงยหน้ามองฟ้า ท่าทางของเขาเศร้ามาก
พวกเขามีบุญคุณความแค้นมากว่าสิบปี ใครผิดใครถูก คนนอกไม่
มีใครบอกได้ อีกทั้งพวกเขาลงมาจากเขาต้าเสวียนซาน ตอนนี้ก็ตายไป
กันหมดแล้ว ใครจะถูกใครจะผิด มันก็ไม่สําคัญอีกแล้ว
“เจ้าไม่ใช่ต้าจงซือหรอก อีกทั้งเจ้าเองก็ไม่มีทางเป็นต้าจงซือได้ห
รอก” เสียงของจั่วชิงหยางดังขึ้นมาจากด้านหลัง เขาค่อยๆ เดินมาหา
ท่าทางของเขาเศร้ามาก “แต่ว่าในใต้หล้านี้ เจ้ากลายเป็นยอดฝีมือ
อันดับหนึ่งไปแล้ว เจ้าไม่ได้เป็นอมตะ แต่ว่าตอนที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่น้น
ั
ในใต้หล้านี้จะไม่มีใครที่มีฝีมือเหนือเจ้าอีกแล้ว”
“หะ?”
“เจ้าไม่ได้มีชีพจรอย่างต้าจงซือ แล้วก็ไม่ใช่ชพ
ี จรสวรรค์ด้วย
ดังนั้นเจ้าไม่สามารถทะลวงไปถึงขั้นของต้าจงซือได้” จั่วชิงหยางพูดว่า
“หกต้าจงซือในใต้หล้านี้ตายไปหมดแล้ว ด้วยฝีมือของเจ้าในตอนนี้ ที่
จริงก็กลายเป็นปรามาจารย์เพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้านีแ
้ ล้ว”
“บนตัวท่านทั้งสองบาปหนานัก” จั่วชิงหนางเอามือไขว้หลังทั้ง
สองข้าง “ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองยินดีที่จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดต้ากวง
หมิงหรือไม่? มีธรรมมะชําระล้างบาป ท่านทั้งสองจะได้สงบใจลงได้”
ตะวันกําลังตกดิน บนเกาะเสวียนอู่เงียบสงบมาก
ทางตะวันออกบนเกาะเสวียนอู่มีพ้ น
ื ที่ว่างอยู่ มันมีหลุมศพโผล่
ขึ้นมาหลายหลุม ชื่อตันเหมยกับซาหนูและหวังหนูชว
่ ยกันฝังศพเจ้า
เกาะ ฉีหนิงกับฮวาเสี่ยงหรงเองก็ช่วยกันฝัง เป่ยกงเหลียนเฉิงกับตี้ฉาน
เอาไว้ด้วยกัน ส่วนหย่าหนูที่ตายไปหลายปีแล้ว ก็ฝังใกล้ๆ กับพวกเขา
สองคน
ส่วนเป่ยถังชิ่ง ก่อนตายถึงแม้ฉีหนิงจะรับปากว่าจะฝังเขากับหลิ่ว
ซู่อีไว้ด้วยกัน แต่ว่าฉีหนิงเหมือนมีความกังวลใจหลายอย่าง เลยฝังเขา
เอาไว้ที่นี่ก่อน ส่วนต่อไปจะย้ายที่ฝังหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกที
หลุมศพของพวกเขาเรียงเป็นแนวยาว และเรียบง่ายมาก
ฮวาเสี่ยงหรงคุกเข่าลงต่อหน้าหลุมศพของตี้ฉาน ไม่ได้ลุกขึ้นเลย
ฉีหนิงมองไปที่นาง แล้วถามว่า “ตี้ฉานไม่อยูแ
่ ล้ว กลุ่มของพวกเจ้า ก็ไม่
มีเป้าหมายที่ต้องอยู่ต่อไปแล้ว เจ้าไม่ช่วยเรา ราชสํานักก็จะกวาดล้าง
พวกเขา”
ฮวาเสี่ยงหรงนิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พด
ู ว่า “พวกเจ้าจะฆ่าข้าเลย
ตอนนี้ก็ได้ หากไม่อยากฆ่าข้า หลังจากนี้อีกสามเดือน ข้าจะไปหาเจ้าที่
เมืองหลวง เจ้าพูดถูก ตี้ฉานตายแล้ว คนที่เหลืออยู่ อยู่ไปก็ไม่มี
ความหมายอะไรอีก”
ฮวาเสี่ยงหรงตะลึงไป เหมือนคิดไม่ถึงว่าฉีหนิงจะรับปากง่าย
ขนาดนี้ นางลังเล พยักหน้าตอบ
“มันยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?” ชื่อตันเหมยยิ้ม
เดิมทีสต
ั ว์เทวะถูกก้อนหินยักษ์ทับเอาไว้ กลายเป็นเหมือนภูเขา
เล็กๆ ทุกคนคิดว่ามันคงตายไปแล้ว ก่อหน้านี้จ่ัวชิงหยางสั่งให้หย่าหนู
กับหวังหนูจัดการกับก้อนหินที่ทับร่างของมันอยู่ออก
ต้าจงซือใช้ก้อนหินยักษ์เพื่อควบคุมสัตว์เทวะเอาไว้มน
ั เป็นเรื่องที่
เกิดขึ้นชั่วพริบตา แต่หวังหนูกับซาหนูจัดการกับหินพวกนั้น กลับใช้
เวลาเป็นวันๆ
หลังจากจัดการก้อนหินพวกนั้นหมดแล้ว สัตว์เทวะมันก็ยังไม่ได้
ขยับตัว เหมือนว่ามันตายไปแล้ว ตอนนี้มันส่งเสียงออกมา ทุกคนอดหัน
ไปมองไม่ได้
ระหว่างที่พูด เต่ายักษ์มน
ั ก็เข้ามาใกล้แล้ว ก่อนหน้านีม
้ ันถูกต้า
จงซือคุมเอาไว้ เหมือนว่ามันจะหวาดกลัวการเข้าใกล้มนุษย์มาก มัน
ขยับหัว แต่ไม่ได้เข้ามาใกล้มากเกินไป
จั่วชิงหยางกับคงฉานไต้ซือตอนนี้ก็ยืนอยู่ใกล้ๆ พอเห็นฉีหนิงเดิน
มา คงฉานไต้ซอ
ื ก็พนมมือแล้วพูดว่า “กั๋วกง มันมีชีวิตมากว่าร้อยปี
หากไม่มค
ี วามจําเป็น ก็อย่าฆ่ามันเลยนะ”
น�าเสียงของเขาอ่อนโยนมาก ถึงแม้เต่าทะเลยักษ์จะฟังภาษาคน
ไม่ออก ไม่เข้าใจว่าฉีหนิงพูดอะไร แต่ว่าท่าทางของเขาทําให้มันรูส
้ ก
ึ ได้
ว่าฉีหนิงเจตนาดี
ท่ามกลางสายตาของทุกคน เต่าทะเลยักษ์ค่อยๆ หันตัวแล้วค่อยๆ
เดินลงทะเลไป มันค่อยๆ เดินไปจนกระทั่งจมหายไปใต้ท้องทะเล
ไม่รู้ว่ามันจะไปไหน แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาอีกไหม
“คนพวกนั้นมาที่นี่เพื่อให้ได้มาซึ่งยาเม็ดเสวียนอู่” ชื่อตันเหมย
ถอนหายใจแล้วพูดว่า “แต่สุดท้ายเต่าเทวะกลับปลอดภัย แต่คนพวก
นั้นกลับตายหมด”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “เพราะเต่าทะเลยักษ์ไม่มค
ี วามทะเยอทะยาน
ส่วนพวกเขา ...” เขาไม่ได้พด
ู ต่อ เงยหน้ามองฟ้า แล้วพูดว่า “แผนที่อยู่
ในมือข้าแล้ว หากอยากให้ใต้หล้าไร้ซ่ึงสงคราม แผนที่นี้สมควรจะส่งไป
ที่แนวหน้าให้เร็วที่สุด” เขาหยิบแผนที่ออกมา แล้วมอบให้กับจั่วชิงห
ยาง จากนั้นพูดว่า “ข้ายังมีเรื่องต้องทําอีก ยังกลับเมืองหลวงไปไม่ได้
ดังนั้นรบกวนท่านอาจารย์ส่งมอบแผนที่นี้ให้กับฝ่าบาทด้วย”
จั่วชิงหยางตะลึงไป เขารู้สึกแปลกใจ
ฉีหนิงหัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบรับหรือว่าปฏิเสธ
เมืองกู่หลันเขตตงไฮ่หลังจากเกิดเรื่องกบฏตระกูลใหญ่ มันกลับ
เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น
จะว่าไปแล้ว เป็นเพราะพ่อค้าหลายรายรู้ว่าราชสํานักก่อตั้ง
กรมการค้าทางทะเล การมีกรมการค้าทางทะเล ก็เหมือนเปิดเส้นทาง
การค้ากับหนานหยางขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ตระกูลใหญ่ของตงไฮ่ถูกกวาดล้างไปหมด การค้ากับหนานหยางที่
ผ่านมา อยู่ในมือของพวกตระกูลไฮ่ท้ังหมด การค้าที่มาจากต่างแดน
พูดได้ว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้เลย เพราะเหตุนี้ คนค้าขายส่วนใหญ่น้ันจะ
เป็นคนในท้องที่ แล้วการค้าในท้องที่สว
่ นมากก็อยู่ในการดูแลของพวก
ตระกูลใหญ่ ที่พยายามผลักไสพ่อค้าที่มาจากต่างถิ่น ทําให้คนต่างถิ่น
มาทําการค้าที่นี่น้อยมาก
นั่นก็เป็นเพราะต้องการปกป้องผลประโยชน์ของพ่อค้าท้องที่ แต่
ว่ามันเลยเกิดการจํากัดการค้าขายที่รุนแรงมาก
แต่หลังจากเหล่าตระกูลใหญ่ในตงไฮ่โดนกวาดล้างไป การค้าขาย
ก็ไม่ได้ถก
ู กีดกันอีก มีตัวอย่างของพพวกตระกูลใหญ่ในตงไฮ่ให้เห็น
พ่อค้าแม่ขายแต่ละคนก็อยู่ในกรอบมาก
ตงไฮ่ช่ อ
ื สื่อเฉิงถิงรู้ว่ากรมการค้าทางทะเลฉีหนิงเป็นคนทูลเสนอ
ให้ก่อตั้งขึ้น ตงไฮ่กับกรมการค้าทางทะเลเองก็มีความเกี่ยวข้องกัน
เพื่อให้การดําเนินงานของกรมการค้าภายในเป็นไปอย่างราบรื่น เฉิงถิง
ก็ทําการจัดระเบียบภายในตงไฮ่ใหม่ ไม่มีตระกูลใหญ่ของตงไฮ่คอย
ขวาง เฉินถิงทําอะไรก็ง่ายขึ้นมาก
ตําแหน่งสําคัญในกรมการค้าทางทะเลนั้น ก็คือการตั้งหน่วยดูแล
เรือขนส่งสินค้าทางทะเล เพื่อนําสินค้าขนไปแลกเปลี่ยนที่หนานหยาง
แล้วซื้อสินค้าจากหนานหยางมาขายภายในจงหยวน
สินค้าที่ออกจากจงหยวนไปถึงหนานหยาง กรมการค้าทางทะเล
จะกําหนดร้านค้าหลายๆ เจ้าเอง ดังนั้นช่วงแรกร้านค้าอื่นจะยังไม่
สามารถส่งสินค้ามาขายได้ แต่ทุกคนรูด
้ ีว่า หากเรือสินค้ากลับมาจาก
หนานหยางเมื่อไหร่ จะต้องมีสน
ิ ค้าจากฝั่งนั้นกลับมาขายมากมาย
แน่นอน เพราะนโยบายการตั้งกรมการค้าทางทะเล คือการตั้ง
หน่วยงานขึ้นมาประสานงานกับเหล่าร้านค้าทั้งหมดในจงหยวน แต่ละ
คนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แล้วการที่ราชสํานักมาทําการค้าขาย
เอง มันก็มีคนเข้าใจว่ามาแย่งทําการค้ากับชาวบ้าน ซึ่งมันก็ส่งผลเสีย
ต่อชื่อเสียงของราชสํานักมาก
ตอนที่ตระกูลใหญ่ในตงไฮ่ขนสินค้ากลับมา ต่างแจกจ่ายกําไร
ให้กับพวกพ่อค้าเอง แล้วค่อยขายต่อสินค้าออกไปเอง แล้วพวกเขาก็มี
การตั้งหน้าร้านไว้ในจุดสําคัญหลายจุด ให้หลายพวกนี้ขายสินค้าออก
ไป ดังนั้นนอกจากร้านที่มีความสนิทสนมกับพวกเขาแล้ว ร้านอื่นๆ
แทบจะไม่ได้รับผลกําไรอะไรเลย
แต่หลังจากตั้งกรมการค้าทางทะเลแล้ว ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่
ทั้งหมด
ร้านค้าแต่ละร้านก็หวังว่าจะได้ซ้ อ
ื สินค้าที่ขนกลับมาจากหนานห
ยางได้ในทันที จากนั้นก็เอาไปขายต่อ ดังนั้นร้านค้าที่มีความสามารถสูง
หน่อย ก็จะมาตั้งหน้าร้านกันที่นี่
เรือสินค้าที่กรมการค้าทางทะเลตั้งขึ้นมา ได้ยน
ิ มาว่าเป็นเรือลํา
ใหญ่กว่าสิบลํา ตอนนี้จอดรอเทียบท่าอยู่แล้ว ส่วนสินค้าชุดแรกที่ขนไป
หนานหยาง ก็ติดต่อมาจากร้านในเมืองกู่หลัน รอแค่กําหนดวันออกเรือ
ก็สามารถขนสินค้าขึ้นเรือไปได้เลย
ได้ยินมาว่าเรือจะเริม
่ ออกเดินทางในเดือนหน้า แต่ว่ารายละเอียด
วันไหนยังไม่ได้กําหนดมา
ตระกูลเถียนได้นําสินค้าชุดสุดท้ายส่งมาที่เมืองกู่หลันแล้ว คนใน
เมืองกู่หลันไปมากันมากมาย รถขนสินค้าอย่างของร้านยาตระกูลเถียน
มีอยู่ไม่น้อยเลย ขบวนรถสินค้าจอดอยู่หน้าร้านยาตระกูลเถียนในเมือง
กู่หลัน คนในร้านยาก็รบ
ี เข้ามารับ ผู้จัดการร้านเองก็ตะโกนสั่งว่า “คน
ในร้านออกมาให้หมด รีบขนของไปเก็บไว้ในคลั่ง” เห็นด้านหลังรถม้ามี
คนลงมา คนๆ นั้นสวมหมวกปิด คลุมเสื้อคลุมตัวใหญ่ ร่างกายของนาง
ดีมาก ผูจ
้ ัดการสวีเห็นก็จําได้ว่าเป็นเถ้าแก่ของพวกเขาเอง เลยรีบเดิน
มาต้อนรับ โค้งคํานับให้แล้วพูดว่า “เถ้าแก่เนีย
้ ทําไมท่านถึงมาด้วย
ตัวเองแบบนี้ล่ะขอรับ?”
ทุกคนดีใจกันมาก เลยตั้งใจทํางานอย่างเต็มที่
เถียนเสวียหยงมองไปรอบๆจากนั้นก็กระซิบถามผู้จัดการสวีว่า “ชิงฮู
หยินตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
เล่มที่ 50 บทที่ 1480 แม่ส่ อ
ื
ด้านหลังร้านยาตระกูลเถียนมีเรือนพักแยกอยู่อีกหลังหนึ่ง ด้านใน
มีห้องบัญชี ถือเป็นสถานที่สําคัญมากของร้านยา พวกคนงานไม่มีใคร
กล้าเข้าใกล้ที่นี่ แม้แต่ผจ
ู้ ัดการสวีเอง หากไม่มีเรื่องด่วนหรือจําเป็นก็จะ
ไม่มารบกวน
กู้ชิงฮั่นตอนนี้ก็พักอยู่ที่เรือนบัญชีนี่
หลังจากเถียนเสวียหยงจัดการแอบพากู้ชิงฮั่นมาตงไฮ่แล้ว จะหาที่
พักลับๆ ให้นางไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเป็นที่ที่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ
แล้วก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ กู้ชงิ ฮั่นรู้ถึงข้อนี้ดี อีกทั้งตอนที่นางอยู่ที่จวน
จิ่นอีตระกูลฉี ก็จัดการเรื่องจุกจิกทุกวัน หากจู่ๆ ให้อยูแ
่ ฉยๆ นางไม่ชน
ิ
ยังดีที่จะหางานทําฆ่าเวลาสําหรับเถียนเสวียหยงแล้วไม่ใช่เรื่อง
ยาก
กู้ชิงฮั่นมีพรสวรรค์ด้านการจัดการการเงินและบัญชี รายรับแต่ละ
รายการแต่ละปีของจวนจิ่นอีตระกูลซับซ้อนมาก ถึงแม้จะมีหอ
้ งบัญชี
แต่ก้ช
ู ิงฮั่นก็ยังทําการตรวจสอบเองตลอด สําหรับเรื่องการตรวจสอบ
บัญชีสําหรับนางแล้วง่ายมาก
สิ่งที่สําคัญที่สด
ุ คือ ถึงแม้ตอนที่นางอยู่ที่จวนจิ่นอีตระกูลฉีน้น
ั พูด
อะไรต้องเป็นตามนั้น แต่พอออกจากตระกูลฉีมาแล้ว คนที่รู้จักนางนั้น
น้อยมาก อีกทั้งได้ตกลงกับเถียนเสวียหยงไว้แล้วว่าจะใช้ฐานะใหม่
ดังนั้นต่อให้อยูบ
่ นถนนในตงไฮ่ ก็จะได้ไม่มีใครสงสัย
เพราะตอนนี้เป็นช่วงรุ่งเรืองของเมืองกู่หลัน พอไม่มีตระกูลใหญ่
ผูดขาดการค้าแล้ว คนนอกที่มานั้นก็มีมากมาย
การค้าของร้านยาตระกูลเถียนคู่ค้าหลักคือกรมการค้าทางทะเล
ส่วนหน้าร้านก็ขายยาสมุนไพรนิดหน่อย แต่ว่าจะเทียบกับการค้ายาใน
เมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นบัญชีในแต่ละวันเลยมีไม่มาก กู้ชงิ ฮั่นเองก็มีเวลา
มากพอที่จะอ่านหนังสืออย่างอื่น แล้วก็ยังมีเวลาออกไปเดินเล่นด้วย
การใช้ชว
ี ิตแบบนี้ มันสบายกว่าอยู่ในจวนจิ่นอีตระกูลฉีที่มีเรื่อง
ซับซ้อนน่าปวดหัวทุกวัน มันทําให้ก้ช
ู ิงฮั่นรู้สึกมีชีวิตสุขสบายจริงๆ
เพียงแต่ฉีหนิงไม่ได้อยูก
่ ับนางด้วย ทําให้นางคิดถึงตลอดเวลา
ถึงแม้ก้ช
ู ิงฮั่นจะออกจากตระกูลฉีแล้ว แต่เถียนฮูหยินก็ยังให้
เกียรติและเกรงใจนางอยู่เหมือนเดิม นางปิดประตู แล้วก็คํานับให้ กู้ชงิ
ฮั่นรีบพยุงนางเอาไว้ ยิม
้ แล้วพูดว่า “อย่าทําแบบนี้ ข้าเป็นแค่ชาวบ้าน
ธรรมดาคนหนึ่ง รับการคํานับแบบนีไ้ ม่ไหวหรอกนะ” นางจูงมือเถียนฮู
หยิน แล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ จากนั้นก็พูดว่า “เดินทางมาเหนื่อยๆ ข้า
ได้ยินว่าเดือนหน้าสินค้าชุดแรกจะออกแล้ว เหมือนว่าอีกไม่กี่วันนี่
แหละ”
เซียวจ้าวจงก่อกบฏ ฉีหนิงจัดการให้ก้ช
ู ิงฮั่นกับเถียนฮูหยินออก
จากเมืองหลวง ช่วงนั้นพวกนางต้องอยู่ด้วยกันตลอด กู้ชิงฮั่นสังเกตจน
รู้ว่าเถียนฮูหยินมีสม
ั พันธ์ลับกับฉีหนิง ส่วนเถียนฮูหยินเองก็รู้ว่าฉีหนิงมี
ความลับบางอย่างกับกู้ชิงฮั่น
กู้ชิงฮั่นคิด แล้วถึงได้หน
ั ไปถามเถียนฮูหยินว่า “ท่านพี่คิดจะทํา
ยังไงต่อไปเหรอ?”
กู้ชิงฮั่นเรียกเถียนฮูหยินว่าท่านพี่ ทําให้เถียนฮูหยินรู้สก
ึ เกร็งมาก
นางก้มหน้าลง ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้า ... ข้าจะทําอะไรได้? ก็คง
เลี้ยงฟูเอ๋อร์จนเป็นสาวเห็นนางแต่งงานไป ข้าเองก็คงหมดห่วง”
“ท่านพีย
่ ังอายุไม่มาก จะอยู่โดดเดี่ยวแบบนี้ไม่ได้นะ” กู้ชิงฮั่นจับ
มือเถียนฮูหยินแล้วพูดว่า “เคยคิดอยากจะแต่งงานใหม่ไหม?”
เถียนฮูหยินเป็นโสดมานานหลายปี นางทุ่มเททุกอย่างให้กับ
การค้าและลูกสาว หลายปีที่ผ่านมานางไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าอนาคต
ของนางจะเป็นแบบไหน จนกระทั่งฉีหนิงปรากฎตัวขึ้นมา เถียนฮูหยิ
นแรกเริม
่ เดิมทีอยากจะอาศัยอํานาจของตระกูลฉีเป็นที่พ่ึง คิดไม่ถึงเลย
ว่ากั๋วกงน้อยจะมีใจให้กับนาง
ต่อให้ฉห
ี นิงจะแหย่นางกี่ครั้ง นางก็ยังอดทนจนถึงที่สด
ุ จนกระทั่ง
ที่ตงไฮ่ที่นางมอบกายให้กับฉีหนิง แต่นางก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้อยู่
กับฉีหนิง
เถียนฮูหยินนางเข้าใจสถานะของนางดี รู้ว่านางเป็นแค่หญิงม่าย
คนหนึ่งที่ทําการค้า ส่วนฉีหนิงเป็นคนมียศฐาบรรดาศักดิ์ของแคว้น ทั้ง
สองคนมีฐานะห่างชั้นกันมาก อย่าว่าแต่นางเคยผ่านการแต่งงาน
มาแล้ว ต่อให้เป็นสาวบริสุทธิ์ ด้วยฐานะอย่างนาง ก็ไม่มีทางไปเป็น
อะไรของฉีหนิงได้เลย
ฉีหนิงดูแลนางดีมาก อีกทั้งยังไม่ห่วงอันตรายไปช่วยชีวิตนางด้วย
เพราะอย่างนี้ นางถึงได้เต็มใจมอบกายให้กับฉีหนิง อีกทั้งยังคิดอีกว่า
ขอแค่ฉห
ี นิงต้องการ นางก็จะปรนนิบต
ั ิเขาอย่างเต็มที่
ผู้หญิงก็มักจะมีใจริษยา เถียนฮูหยินไม่คิดว่ากู้ชิงฮั่นอยู่กับฉีหนิง
แล้ว จะยอมให้หญิงม่ายทการค้าอย่างนางมีอะไรกับฉีหนิงอีก ถึงแม้วัน
นั้นจะถูกกู้ชงิ ฮั่นไล่จี้ถามจนต้องบอกความลับออกมา แต่ก็ต้ังแต่วันนั้น
นางก็ตัดสินใจแล้วว่า จะไม่มอ
ี ะไรกับฉีหนิงอีก
แต่หลังจากผ่านพ้นวิกฤตมาได้ เถียนฮูหยินรูส
้ ึกว่ามันไม่
เหมือนเดิมแล้ว วันนี้พอได้ก้ช
ู ิงฮั่น ในใจนางก็เริ่มกังวลมาก
ตอนนี้พอได้ยินกู้ชิงฮั่นถาม เถียนฮูหยินก็ตะลึงไป ใบหน้าเริ่มแดง
พยักหน้า ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มี อายุขนาดนี้แล้ว อีกทั้ง ...” นางก็
พูดอะไรไม่ออกอีก
กู้ชิงฮั่นถอนหายใจแล้วพูดว่า “อีกทั้งยังมีหนิงเอ๋อร์ด้วยใช่ไหม”
เถียนฮูหยินรู้สก
ึ กระวนกระวายมาก แต่ก็ยังพยักหน้า “ฮูหยินถาม
มาได้เลย เรื่อง ... เรื่องที่ข้ารู้ข้าก็จะตอบท่านตามตรง”
กู้ชิงฮั่นพูดว่า “ท่านอยูก
่ ับหนิงเอ๋อร์ เพราะรู้สึกซาบซึ้งใจที่จะเขา
ดูแลท่าน หรือว่า ... เพราะท่านชอบเขา?”
กู้ชิงฮั่นพยักหน้า ยิม
้ แล้วพูดว่า “มันเป็นปกติของมนุษย์”
หากไม่ใช่เพราะทั้งสองคนเคยเปิดใจต่อกัน แต่ว่าเรื่องพวกนี้นาง
ไม่ได้เอ่ยปากเล่าเลยแม้แต่คําเดียว
“ตอนนั้นท่านยังไม่ชอบเขาเหรอ?”
“อีกทั้งอะไร?” กู้ชิงฮั่นจับมือของนางแล้วถาม
เถียนฮูหยินรวบรวมความกล้าพูดออกไปว่า “อีกทั้งตั้งแต่วันนั้น
ข้า ... ข้าก็คิดอยากจะเจอหน้าเขาทุกวัน ขอแค่ได้เห็นนิดเดียว ก็มี
ความสุขแล้ว แต่ว่า ... แต่ว่าข้าฐานะต�าต้อย ไม่กล้า ... ไม่กล้าหวังสูง
ขนาดนั้น” นางมองไปที่ก้ช
ู ิงฮั่นแล้วพูดว่า “ฮูหยินโปรดวางใจ ต่อไปข้า
จะไม่คิดแบบนีอ
้ ีก ต่อให้เขามาหาข้า ข้า ... ข้าก็จะปฏิเสธเขา”
กู้ชิงฮั่นยิ้มแล้วพูดว่า “ที่จริงมันก็มอ
ี ยู่วิธีหนึ่งนะ ที่สามารถ
แก้ปัญหาทั้งหมดนีไ้ ด้”
“วิธีอะไรเหรอ?”
“เพราะหนิงเอ๋อร์เหรอ?” กู้ชิงฮั่นมองไปที่เถียนฮูหยิน
“ท่านพีก
่ ับข้าท่านไม่จําเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรอกนะ” กู้ชิงฮั่น
ยิ้ม “ในใจท่านมีหนิงเอ๋อร์ ดังนั้นเลยไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น
ใช่ไหม?”
“เจ้ายินดีที่จะอยู่โดดเดี่ยวแบบนี้เพื่อเขาอย่างนั้นเหรอ?”
กู้ชิงฮั่นหัวเราะแล้วพูดว่า “ความรู้สก
ึ ของท่านพี่ข้าเข้าใจดี
เพียงแต่การแต่งงานในครั้งนีท
้ ่านไม่มีสิทธิตัดสินใจนะ คนๆ นั้นเอาแต่
ใจมาก อยากจะทําอะไร ไม่ว่าลําบากหรือมีอุปสรรคแค่ไหน เขาไม่รา
มือแน่นอน” นาหันหนย้าไปที่หอ
้ งเก็บสมุดบัญชีแล้วพูดว่า “นางมอบ
ใจให้เจ้าไปหมดแล้ว เพื่อเจ้ายอมอยู่เป็นโสดจนแก่ เจ้ายังคิดจะหลบอยู่
ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ เจ้าอยากแต่งกับนาง แต่
นางไม่ได้อยากแต่งกับเจ้า”
คนที่อยู่ในห้องก็คือฉีหนิง
เถียนฮูหยินคิดไม่ถึงว่าคนที่หลบอยู่ในห้องจะเป็นฉีหนิง พอเห็นฉี
หนิงจ้องมาที่นาง ในหัวของนางก็ว่างเปล่า กระวนกระวายไปหมด จะ
ยืนก็เกร็งจะนั่งก็เกร็ง จากนั้นก็นก
ึ ถึงคําพูดของตัวเองเมื่อกี้ หากนาง
กับฉีหนิงอยู่ด้วยกันตามลําพัง ม่ายสาวคนนี้อาจจะกล้าพูด แต่ว่ากู้ชงิ
ฮั่นอยู่ตรงนี้ด้วย เถียนฮูหยินหน้าแดงมาก ไม่กล้ามองหน้าฉีหนิงเลย
นางกระวนกระวายไม่รูจ
้ ะทํายังไงเลย เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น นาง
รู้สึกได้ว่าฉีหนิงกําลังเดินมาหานาง
ถึงไม่พด
ู เรื่องที่ฐานะของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก แค่ด้วยอายุ ก็
ห่างกันมากแล้ว
ถึงแม้นางกับฉีหนิงจะมีสม
ั พันธ์ทางกายกันแล้ว แต่นางก็ไม่เคยคิด
จะแต่งกับฉีหนิงเข้าตระกูลฉีเลย หากบอกว่าเวลากลางคืนแทบมองไม่
เห็นดาว นางก็รู้สึกว่าอนาคตระหว่างนางกับฉีหนิงมันมองไม่เห็นอะไร
เลยแม้แต่นิดเดียว
แต่วันนีฉ
้ ีหนิงกลับให้ก้ช
ู ิงฮั่นมาเป็นแม่ส่ อ
ื ให้?
ในเมื่อกู้ชิงฮั่นพูดแล้ว นั่นก็แสดงว่าฮูหยินสามนางยอมรับเรื่องนี้
แล้ว แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ?
“ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าข้ายังเรื่องต้องทํา” กู้ชิงฮั่นยิ้มแล้วพูดว่า
“พวกเจ้าก็ไม่ได้เจอกันมาระยะใหญ่ๆ แล้ว การแต่งงานครั้งนีจ
้ ะสําเร็จ
รึเปล่า พวกเจ้าคุยกันเองแล้วกันนะ” จากนั้นนางก็เดินออกไป แล้วปิด
ประตูให้ด้วย
เถียนฮูหยินอยากจะรั้ง แต่ก็พด
ู ไม่ออก ตั้งแต่มีอะไรกับฉีหนิงมา
ทั้งสองคนอยู่ในห้องไม่ได้มีพธ
ิ ีรีตรองอะไรกันมากมาย แต่วันนี้กลับไม่
เหมือนกัน เหมือนย้อนกลับไปตอนที่นางยังไม่ได้มีอะไรกับฉีหนิง ในใจ
ของนางตื่นเต้นมาก
ฉีหนิงเดินมาหาเถียนฮูหยิน แล้วมองไปที่นาง แล้วก็มองไปที่
บริเวณหน้าอกของนาง หน้าของนางกระเพิมแรงมากน่าจะเป็นหายใจ
แรง ใบหน้าสวยๆ ของนางแดงไปหมด เขายื่นมือไปจับมือของนาง แค่
แตะนางก็สะดุ้งแล้ว แล้วเงยหน้าขึ้นมา สายตาของนางดูกังวลใจ นาง
หลุดออกมาว่า “กั๋วกง เรา ... เราคงไม่ ...” นางคิดจะดึงมือกลับมา แต่
แรงน้อยทําอะไรไม่ได้ เพราะฉีหนิงจับแน่นมาก
“ไม่อะไร?”
ฮูหยินตอนแรกยังไม่เข้าใจความหมายของเขา ปลายตาของเขา
จ้องไป นางมองไปที่ตาของฉีหนิง ทันใดนั้นก็เข้าใจขึ้นมาทันที หูของ
นางแดง พยายามออกจากอ้อมกอดของเขา “คราวนี้ไม่ได้ ฮูหยินสาม
อยู่ที่นี่ ท่าน ... ท่านสมควรจะไปอยู่เป็นเพื่อนนาง ต่อไป ... ต่อไปเรามี
โอกาสค่อย ...”
“ค่อยอะไร?” ฉีหนิงกระซิบแหย่แกล้งนาง
ฮูหยินรูด
้ ีว่าเขาต้องการแกล้งนาง นางจ้องกลับ จากนั้นก็พูดว่า
“ท่านรู้ดีแก่ใจ”
“ข้ามาถึงตงไฮ่สามวันแล้ว” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ผู้จัดการสวีเคย
เจอข้าที่เมืองหลวงมาก่อน เขารู้จักข้า ตลอดสามวันที่ผา่ นมาข้าก็อยู่
กับฮูหยินสามตลอด ผู้จัดการสวีบอกข้าว่าสองสามวันนีจ
่ ะมียาเที่ยว
สุดท้ายส่งมา ข้าคิดไปคิดว่าก็คิดว่าเจ้าน่าจะมาด้วยตัวเอง ก็เลยอยูร่ อ
เจ้าที่ เจ้าก็ไม่ได้ทําให้ขา้ ผิดหวัง”
เถียนฮูหยินรู้สก
ึ กังวลใจ ที่จริงก็เพราะกู้ชิงฮั่น
ถึงแม้ก้ช
ู ิงฮั่นจะยอมรับให้นางกับฉีหนิงอยู่ด้วยกันแล้ว แต่เถียนฮู
หยินกลับไม่แน่ใจว่านางจะไม่ติดใจจริงๆ รึเปล่า การจะเป็นผูห
้ ญิงของ
ฉีหนิง เถียนฮูหยินฝันอยากจะเป็น แต่นางเป็นคนเจียมตัว คิดว่ายังไงกู้
ชิงฮั่นก็อยู่ที่นี่ด้วย หากนางใกล้ชิดกับฉีหนิงมากเกินไป อาจทําให้ก้ช
ู งิ
ฮั่นไม่พอใจได้
ครั้งนี้ให้ฉีหนิงอยู่เป็นเพื่อนกู้ชิงฮั่น นางก็จะได้ไม่มีอคติกับนาง
เถียนฮูหยินเป็นคนฉลาด นางเป็นผูห
้ ญิงละเอียดอ่อน เลยรู้จัก
ความคิดของผูห
้ ญิงดี
กู้ชิงฮั่นยอมรับนาง เหตุผลที่แท้จริงทําไมนางจะไม่รู้
เถียนฮูหยินพยักหน้า เหมือนบอกเขาว่าไม่มีอะไรต้องเจรจากันอีก ฉี
หนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “มาตงไฮ่ครั้งนี้ ไม่สมบูรณ์เลย”
เล่มที่ 50 บทที่ 1482 ชายเคาะประตูยามค�าคืน
เถียนฮูหยินนอนอยู่บนเตียงแต่นอนไม่หลับ หลังจากกินอาหาร
เย็นแล้ว เดินทางมานานหลายวัน นางก็รู้สึกเพลียมาก เลยรีบอาบน�า
แล้วก็มานอนอยู่บนเตียง เดิมคิดว่าเหนื่อยมาก อาจจะหลับเลย แต่ยงิ่
คิดแบบนี้ มันกลับยิ่งนอนไม่หลับ
วันนี้ฉห
ี นิงบอกนางกับปากว่าอยากจะแต่งงานกับนาง มันทําให้
นางรู้สก
ึ ดีใจมาก
ค้าขายยาสมุนไพรมานานหลายปี ที่จริงนางก็โดดเดี่ยวมานาน
หากจะบอกว่านางไม่เคยคิดเรื่องของตัวเองเลย มันก็ดูโกหกเกินไป
ถึงแม้นางจะไม่ใช่สาวๆ แล้วอีกทั้งอายุก็มากประมาณหนึ่งแล้ว
ด้วย อีกทั้งยังเคยคิดว่าจะอยู่เป็นโสดใช้ชีวิตกับลูกสาวไปจนวันตาย
พอลูกสาวโต ก็แต่งลูกเขยเข้ามา ถึงเวลานั้นยังน้อยก็ยงั มีลก
ู สาวกับ
ลูกเขยเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า
แล้วก็เป็นเพราะนางเป็นคนอยู่ในกรอบด้วย ตอนที่นางแต่งงาน ก็
คิดอย่างเดียวว่าอยากจะอยู่กับสามีไปจนวันตาย แต่ว่าสามีกลับมา
ประสบเคราะห์ร้าย ต่อมามอบกายให้ฉห
ี นิงไป ในใจถึงแม้จะรูว
้ ่าอาจไม่
มีอนาคตร่วมกับฉีหนิง แต่ว่านางก็อยากจะอยู่ครองตนเอาไว้เพื่อฉีหนิง
เลยไม่อยากมีอะไรกับผู้ชายคนไหนอีก
อีกทั้งหลังจากคืนนั้นแล้ว นางเองก็มองว่านางคือคนของฉีหนิง
แล้วด้วย
สิ่งที่ทําให้นางเป็นทุกข์ก็คือถึงแม้จะมีอะไรกับฉีหนิงไปแล้ส แต่ท้ัง
ชีวิตนี้เกรงว่าอาจจะไม่อาจเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ได้ ถึงแท้นางจะไม่
เคยร้องขออะไรจากฉีหนิงเลย อีกทั้งยังเคยบอกฉีหนิงว่าไม่ต้องสนใจ
ฐานะอะไรของนางเลย แต่ว่าลึกๆ แล้วนางก็หวังว่าอย่างน้อยก็จะมี
ฐานะ ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
แต่วันนีค
้ วามหวังของนางกลับกลายเป็นจริงแล้ว
ว่ากันจากใจ หลังจากมีอะไรกับฉีหนิงที่ตงไฮ่แล้ว ก็ไม่มีวันไหนที่
นางไม่คิดถึงฉีหนิงเลย เพราะลึกๆ นางชอบนิสย
ั ของฉีหนิง และเพราะ
หลายวันที่อยู่ที่ตงไฮ่ ทําให้นางรู้สึกว่าอะไรที่เรียกว่าผูห
้ ญิง ความรู้สก
ึ
แบบนั้นมันทําให้นางยากจะลืมได้ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
นานมากแล้วที่นางไม่ได้อยู่กับฉีหนิงตามลําพัง ปกติเวลากลางคืน
นางจะคิดภาพที่นางได้อยู่กับฉีหนิงตลอด วันนีพ
้ อได้เจอฉีหนิงจริงๆ
ความรูส
้ ึกแบบนั้นมันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
ฉีหนิงบอกนางว่าอยากอยู่กับนางในคืนนี้ นางเป็นห่วงความรูส
้ ึก
ของกู้ชงิ ฮั่น เลยไม่ได้รบ
ั ปาก แต่ว่าที่จริงแล้ว นางอยากให้ฉห
ี นิงอยู่
ข้างๆ นางในเวลานีม
้ าก ต่อให้แค่จับมือกัน ก็เพียงพอที่จะทําให้นางไม่
ทรมานได้
แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นฉีหนิงจะเชื่อฟังอะไรขนาดนี้มาก่อน วันนีบ
้ อก
ว่าอย่ามากลับไม่มาจริงๆ นางปฏิเสธมันก็เรื่องของนาง แต่เขาจะมาไม่
มามันก็อีกเรื่องนี่นา
ความคิดผู้หญิงเหมือนเข็มในมหาสมุทร
ฮูหยินยิง่ คิดก็ยงิ่ โมโห คิดว่าคราวหน้าถ้าได้อยู่ด้วยกันจริงๆ นาง
จะไม่ยอมตามใจเขาแน่ ท่าแปลกๆ อะไรพวกนั้น นางจะไม่ยอมตามใจ
เขาเด็ดขาด
ฮูหยินได้ยินว่าเป็นเสียงของฉีหนิง ความไม่พอใจเมื่อกี้ก็หายไป
แต่กลับตื่นเต้นขึ้นมา นางจับเสื้อที่บริเวณหน้าอกไว้แน่น แล้วพูดว่า
“ข้าหลับไปแล้วนะ มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะ”
ร้านยาตระกูลเถียนต้องการทําการค้าระยะยาวในตงไฮ่ หลายคนรู้
ดีว่าร้านยาตระกูลเถียนมีจิ่นอีตระกูลฉีหนุนหลัง ดังนั้นร้านยาตระกูล
เถียนเวลาทําอะไรค่อนข้างที่จะราบรื่น หัวหน้าสมาคมการค้าตงไฮ่
เหมียวซิงเป็นคนใจกว้าง เขาดูแลตระกูลเป็นอย่างดี ตอนที่ร้านยา
ตระกูลเถียนเตรียมมาเปิดร้านที่นี่ เขายังช่วยเลือกสถานที่ให้ เป็นห้อง
ชุดยาวหกหลัง มีเรือนด้านหลังที่ค่อนข้างใหญ่ให้ เพราะเถียนฮูหยิ
นต้องเดินทางมาที่นี่บ่อยๆ แล้วที่ร้านยาก็ไม่ได้มีผู้หญิงมากนัก ดังนั้น
ผู้จัดการสวีเลยสั่งให้คนทํากําแพงกั้นชั้นหนึ่ง ด้านในทําเป็นสองเรือน
เล็กๆ ต่างหากซ้ายขวา โดยให้ก้ช
ู งิ ฮั่นพักอยูท
่ ี่เรือนฝั่งตะวันออก ถ้า
เถียนฮูหยินมา ก็จะไปพักที่เรือนฝั่งตะวันตก
ถึงแม้จะเป็นเรือนที่แยกออกจากกัน แต่ว่าตอนกลางคืนที่เงียบ
สงบ ฮูหยินก็ยังกังวลว่าเสียงดังไปจะมีใครมาได้ยินเข้า
เถียนฮูหยินคิดในใจว่าหรือว่าจะมีเรื่องสําคัญจริงๆ ? แต่ก็คิดอีกที
นางก็รู้สก
ึ ขํา นางรู้สึกว่าฉีหนิงน่าจะหาเหตุผลมาหลอกนางมากกว่า แต่
ฉีหนิงมาหากลางดึกแบบนี้ ทําให้นางดีใจมาก คิดอยากจะเปิดประตูให้
แต่ว่าเมื่อกลางวันบอกไปแล้วว่าจะไม่นอนด้วย หากเปิดประตูให้ง่ายๆ
อาจทําให้ฉห
ี นิงมองว่านางดูง่าย นางเลยพูดไปว่า “ดึกเกินไปแล้ว ท่าน
มาในเวลาแบบนี้ ... ไม่สะดวกหรอกนะ หากมีใครมาเห็นเข้า ...”
“หลับกันหมดแล้ว ข้าดูอย่างละเอียดดีแล้ว”
เถียนฮูหยินเอามือปิดปากแล้วแอบหัวเราะ หากมีเรื่องสําคัญจริง
ให้คนมาตามนางไปที่ห้องโถงใหญ่ก็ได้ ทําไมต้องไปดูว่าหลับกันหมด
หรือยังด้วย?
“ท่าน ... ท่านโกหก” ฮูหยินกดเสียงให้เบาลงแล้วพูดว่า “ท่าน
ไม่ได้มีเรื่องสําคัญอะไรจริงๆ ใช่ไหม ก็แค่ ... ก็แค่อยากจะมาลวนลาม
ข้า ...” พอพูดถึงคําว่า “ลวนลาม” หัวใจของนางเต้นแรงมาก นางเอา
มือพิงประตูห้อง แล้วจิกเสื้อที่หน้าอกไว้แน่นมาก
ฉีหนิงเอาหน้าแนบไปที่ข้างหูของฮูหยิน “ถ้าอย่างนั้นอีกเดี๋ยวเจ้าก็
เก็บเสียงหน่อยล่ะกันนะ อย่าให้ใครได้ยิน ให้ขา้ ได้ยน
ิ คนเดียวก็พอ ข้า
ชอบฟังเสียงเจ้า ...” จากนั้นเขาก็พลิกตัวกดตัวของเถียนฮูหยินลง
ฟ้าดินเยือกเย็น ทําให้จิตใจของชาวลั่วหยางนั้นหนาวเย็นไปด้วย
ศึกแนวหน้าพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง จงหลีอ้าวถึงแม้จะพยายามต้าน
กองทัพฉู่เอาไว้ แต่ทหารแคว้นฉู่บุกอย่างดุดัน ทําให้พา่ ยแพ้ติดๆ กัน
เสียเมืองไปแห่ง ตอนนีก
้ องทัพแคว้นฉูน
่ ้ันอีกสามวันก็จะมาถึงลั่วหยาง
แล้ว
ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ข้ึนมา มันเพราะหลายเหตุผล
ทหารฮั่นถึงแม้จะมีกําลังในการทําศึก แต่เพราะขาดเสบียงอาหาร
เสบียงที่ส่งมาจากเมืองหลวงมันน้อยลงทุกรอบ อาหารที่แจกจ่ายให้กับ
เหล่าทหารมันไม่พอให้พวกเขาอิ่มท้อง
ถ้ามันเป็นปัญหาแค่เสบียงมันก็ยังไม่เป็นไรมาก เหล่าทหารสละ
ชีวิตอยู่ที่ด่านหน้า แต่ว่าเบี้ยเลี้ยงกลับไม่ลงมาให้สก
ั ที หากไม่ใช่เพราะ
จงหลีอ้าวมีบารมีสูงมากในกองทัพ คงเกิดจลาจลในกองทัพไปแล้ว
มันทําให้สถานการณ์ในกองทัพมันร้ายแรงมาก มันไม่ใช่ทุกคนจะ
ยอมตายเพื่อเป่ยฮั่นจริงๆ หรอก เพราะเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หนานฉู่เป่ย
ฮั่นมันคือแคว้นเดียว ฮ่องเต้เป็นใครไม่สาํ คัญ สําคัญที่ใครสามารถทํา
ให้ชาวบ้านมีชว
ี ิตอยู่ต่อไปได้
คนเป็นทหารพึ่งเบี้ยเลี้ยงและเสบียงเพื่อความอยู่รอด หากไม่มี
อาหารให้อ่ิมท้อง มีไม่กี่คนหรอกที่จะยอมไปตายให้
หากจะบอกว่าใครในเมืองหลวงที่ไม่มีความเครียดความกังวลใด
เลย ก็คงมีแต่เสนาบดีใหญ่อย่างจิ้นอ๋องชวีหยวนกู่แล้ว
ชวีหยวนกู่นาํ ทัพออกจากถงกวน แต่แคว้นฉู่กลับตลบหลังโดยการ
แอบบุกไปยึดรังของเขา มีบ้านแต่กลับไม่ได้ ในสถานการณ์แบบนี้ทําให้
เขาและคนของเขาต้องตกที่น่ังลําบาก แต่เพราะเป่ยถังเฮ่าถูกสังหาร
ทําให้สถานการณ์เปลี่ยนไป กองทัพซีเป่ยสามารถบุกยึดลั่วหยางได้
เป่ยถังเฟิงได้ข้น
ึ นั่งบัลลังก์มังกร ชวีหยวนกู่กลายมาเป็นมหาอํามาตย์
ใหญ่ ส่วนลูกชายคนรองของเขาก็ได้กลายมาเป็นองครักษ์พิทักษ์
บัลลังก์ของแคว้น
คิดถึงตอนที่กองทัพฮั่นยกทัพบุกยึดเมืองต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา
ทหารแข็งแกร่งองอาจ ตอนนั้นชวีหยวนกู่ยังเป็นแค่พระญาติหา่ งๆ
เท่านั้น มีผลงานก็ไม่มาก ยังอาศัยกระโปรงผูห
้ ญิงได้ปกครองซีเป่ย
ตอนนั้นไม่มีใครเห็นคนอย่างชวีหยวนกู่อยู่ในสายตาเลย เวลาเข้า
เมืองหลวงมา ก็มีแต่คนดูถูก หลายคนเยาะเย้ยเขา
แต่ว่ากาลเวลาผ่านไป ใครก็ไม่คิดว่าตอนนี้ในเมืองหลวงเป่ยฮั่น
พวกเขาสองพ่อลูกจะมีอํานาจมากกว่าใครทั้งนั้น
มีพวกทหารซีเป่ยป่าเถื่อนอยู่ในเมืองหลวง ขุนนางในเมืองหลวงมี
ใครหายใจคล่องกันบ้าง? แม้แต่ฮ่องเต้อย่างเป่ยถังเฟิงเอง คิดจะทํา
อะไรยังต้องถามความเห็นจากมหาอํามาตย์ใหญ่คนนี้เลย?
เขามักจะนั่งรถพร้อมทหารออกไปสํารวจตามบ้านเรือนต่างๆ เป็นระยะ
ชวีหยวนกู่รู้สก
ึ ว่ามีหน้ามีตามากๆ
เล่มที่ 50 บทที่ 1483 มหาอํามาตย์ใหญ่
ราชวงศ์เป่ยฮั่นก็มีพวกหัวแข็งเหมือนกัน แต่ชวีหยวนกู่ก็ไม่ได้ใส่
ใจ เจ้าคิดว่าเจ้าแน่ใช่ไหม จะแน่กว่าคมดาบรึเปล่าล่ะ?
การใช้ดาบมาแก้ไขปัญหาคนที่มหาอํามาตย์คิดว่าไม่สมควรมีชีวิต
ต่อไป เหล่าขุนนางในเมืองหลวงก็เลยหวาดกลัว แต่มหาอํามาตย์เองก็
รู้จักซื้อใจคนเหมือนกัน สามสี่วันจัดงานเลี้ยงใหญ่ สองวันจัดงานเลี้ยง
เล็ก เชิญเหล่าขุนนางในเมืองหลวงมากินดื่มกันจนเมามาย สําหรับเหล่า
ขุนนางพวกนี้แล้ว มหาอํามาตย์ยังไงก็เป็นคนที่ช่วยกําจัดกบฏปกป้อง
ราชบัลลังก์
ในตอนนี้เองมีบ่าวไพร่คนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาเขา แล้วกระซิบ
บอกอะไรบางอย่างกับเขา มหาอํามาตย์เหมือนจะไม่พอใจ ขุนนางที่อยู่
ใกล้ๆ เห็นดังนั้น ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “ท่านเสนาบดี มีเรื่องอะไรที่ทํา
ให้ท่านไม่พอใจเหรอ?”
“ฝ่าบาทส่งคนมาถามข้าว่า เรื่องเบี้ยเลี้ยงของทหารด่านหน้าจะให้
จัดการยังไง” ชวีหยวนกู่วางแก้วเหล้าลง สีหน้าจนใจแล้วพูดว่า “จงหลี
อ้าวถวายฏีกา บอกว่าเหล่าทหารหมดกําลังใจ ยังมีทหารอีกส่วนหนึ่งยัง
ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง หากเป็นอย่างนี้ต่อไป คิดว่าอาจจะเกิดเรื่อง ข้าไม่รู้
เลยว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรได้ ตอนที่ข้านําทหารซีเป่ยปราบกบฏ ตอน
นั้นข้าก็ขาดเสบียงขาดเบี้ยเหมือนกัน แต่ว่าคนของข้าไม่มีใครมีปัญหา
เลย คิดอย่างเดียวอยากจะทําเพื่อบ้านเมือง ยื้อจนวินาทีสุดท้ายทั้งนั้น
ตอนนี้ราชสํานักก็ส่งเสบียงให้ไม่ขาด สถานการณ์ของข้าในตอนนั้นแย่
กว่านี้อีก จงหลีอ้าวยังกล้าบอกว่าจะเกิดเรื่อง เหลวไหลสิ้นดีเลย”
“กําลังใจทหารลดลง? นั่นไม่ใช่เพราะจงหลีอ้าวทําสงครามไม่เป็น
แพ้มาตั้งหลายครั้ง” มีขุนนางอีกคนพูดอย่างโมโหว่า “ทหารเก่งๆ
ของต้าฮั่นของเราไปอยูใ่ นมือของเขาหมด แต่เขากลับทําให้เราเสีย
เมืองไป หากจะพูดกันจริงๆ แล้ว จงหลีอ้าวเป็นคนที่มีความผิดมาก
ที่สุดเลย”
มีขุนนางคนหนึ่งลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ถูกต้อง กลัวจะเกิดเรื่องงั้น
เหรอ? หากทหารก่อเรื่อง คงมาจากจงหลีอ้าวนั่นแหละ? เขาคิดจะขู่
ราชสํานักหรือไงกัน?”
เกิดการวิพากษ์วิจารย์ข้ึนในงานเลี้ยง แต่ก็มห
ี ลายคนไม่พด
ู อะไร
เลย แต่หลายคนเริ่มต่อว่าต่อขานจงหลีอ้าว ต่อมาเหมือนจะสรุปกันว่า
จงหลีอ้าวนั้นคิดจะก่อกบฏ มีคนพูดว่า “ท่านเสนาบดี พรุ่งนีเ้ ราถวายฏี
กาพร้อมกันเลย ให้ฝ่าบาททรงเรียกตัวจงหลีอ้าวกลับมา แล้วลงโทษให้
หนัก”
“เราจะลงชื่อพร้อมกัน”
“ใช่ ลงชื่อถวายฎีกาพร้อมกัน”
คําพูดพวกนี้ทําให้เหล่าขุนนางเงียบกันไปหมด มีคนเหมือนคิดได้
เมื่อกี้เพราะต้องการคล้อยตามมหาอํามาตย์ จนลืมตัวไป ตอนนี้พอได้
สติข้ึนมา คําพูดพวกนั้นไม่ควรพูดในงานเลี้ยงแบบนี้เลย หากข่าวมัน
ออกไปจนถึงด่านหน้า จงหลีอ้าวจะคิดยังไง?
ในมือของจงหลีอ้าวนั้นมีทหารกว่าแสนนาย หากหันปลายดาบเข้า
หาลั่วหยาง ไม่มีใครต้านได้แน่ ภายในสามวัน กองทัพใหญ่ต้องบุกมา
ยึดเมืองแน่นอน
มหาอํามาตย์โบกมือ ยิม
้ แล้วพูดว่า “แม่ทัพจงยังทําศึกได้อยู่ เขา
ทําสงครามกับแคว้นฉูม
่ ากว่าครึ่งปี คนของเขาหมดกําลังใจ แต่ทหาร
แคว้นฉู่เองก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่ากันหรอก วางใจเถอะ ข้ายังมีคนฝีมอ
ื
ดีกว่าหมื่นคน รอเวลาที่เหมาะสม ข้าจะนําทัพไปสู้ด้วยตัวเอง ชาว
แคว้นฉู่เหนื่อยล้ามากแล้ว ทหารซีเป่ยหากบุกไป จะต้องทําให้พวกเขา
พ่ายแพ้ไม่เป็นท่าแล้ว”
“ที่แท้ท่านเสนาบดีก็มแ
ี ผนในใจอยู่แล้ว” มีคนพูดออกมาด้วย
ความชื่นชม
จากนั้นก็มีคนเริ่มวิเคราะห์ “ท่านเสนาบดีมองการณ์ไกลจริงๆ จง
หลีอ้าวจงรักภักดีกับฝ่าบาทรึเปล่า ยังไม่รู้แน่ชัด ตอนนั้นเป่ยถังเฮ่าก่อ
กบฏ ควบคุมเมืองหลวงเอาไว้ เขากลับนิ่งเฉย คนของจงหลีอ้าวฝีมือ
ร้ายกาจ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะจงรักภักดีกับราชสํานัก ให้พวกเขาจัดการกับ
พวกแคว้นฉู่ไปก่อน รอให้พวกเขาบาดเจ็บล้มตายกันไปก่อน ท่าน
เสนาบดีค่อยนําทัพซีเป่ยบุกโจมตีอีกที ฮ่าฮ่า นี่มันยิงหินก้อนเดียวได้
นกสองตัวเลยนะเนี่ย หากไม่ใช่ท่านเสนาบดี พวกเราก็คิดไม่ออก
เหมือนกัน”
เสียงสรรเสริญดังขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศนิ่งเงียบเมื่อกี้จางหายไป
ทันที
ท่ามกลางเสียงสรรเสริญ ทําให้ชวีหยวนกู่รู้สก
ึ ดีมาก เขาอดที่จะ
จินตนาการภาพตัวเขายกทัพออกไปทําศึกไม่ได้
ชวีหยวนกู่อายุมากแล้ว ไม่เหมือนคนหนุ่มที่มแ
ี รงกําลังมาก เลยไม่
มีใครอยู่รับใช้ตอนกลางคืน พอมาถึงเมืองหลวง มหาอํามาตย์เลยมี
ปล่อยไปตามอารมณ์บ้าง ในวังมีสาวงามมากมาย แม้แต่ตามถนนก็มี
สาวงามนับไม่ถ้วน ในวังถ้ามหาอํามาตย์ถูกใจคนไหน ฮ่องเต้เป่ยถังเฟิง
ก็จะประทานให้ทันที แต่ถ้าหากเป็นนางกํานัล ก็จะถูกส่งเข้าจวนมหา
อํามาตย์ทันที ช่วงแรงที่เขาเข้ามาในเมืองหลวง มหาอํามาตย์เฒ่าผู้นี้มี
ความสุขมาก แต่เพราะอายุเขามากเลย ช่วงนี้ก็เริ่มผ่อนเรื่องอย่างว่าลง
ห้องนอนของมหาอํามาตย์ ทั้งกว้างและสบาย ในห้องเริ่มมีการตั้ง
ที่ผิงไฟ ก่อนนอนของทุกคืน ในผ้าห่มจะมีสาวๆ นอนอยู่ด้วยสองคน
ดังนั้นตอนมหาอํามาตย์ข้น
ึ เตียงผ้าห่มก็จะอุ่นอยู่แล้ว
เขาหลับไปนานแค่ไหนเขาเองก็ไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเองมหาอํามาตย์
ก็รู้สึกว่าใบหน้าของเขามันเย็นๆ เหมือนว่ามีนา� หยดลงมาบนหน้า
เหมือนว่าหลังคารั่วแล้วน�าฝนไหลลงมา ชวีหยวนกู่สะดุ้งตื่น เขาลืมตา
ขึ้นมา ภายในห้องมีตะเกียง ไม่ถือว่ามืดมาก สิง่ แรกที่มหาอํามาตย์คนนี้
เห็นคือดวงตาคู่หนึ่ง จากนั้นก็เป็นใบหน้าที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ทันใดนั้นเองเขาก็รู้ว่ามีคนมายืนอยู่ข้างเตียงเขา ในมือถือกาน�าชาอยู่
แล้วกําลังกรอกน�าจากกาลงบนหน้าของเขา
ชวีหยวนกู่โมโหมาก จากนั้นก็ตกใจ
เป่ยถังเฮ่าเองก็ถูกคนไปลอบสังหารเหมือนกัน
ชวีหยวนกู่สด
ู หายใจเข้าลึกๆ เขาไม่ได้รอ
้ งตะโกน แต่ก็ไม่ได้ขยับ
เพราะเขาก็อายุมากแล้ว ประสบการณ์ก็พอจะมีอยู่
อีกฝ่ายสามารถแอบเข้ามาในห้องนอนของเขาได้ แสดงว่าเขา
สามารถทําทุกอย่างที่เขาอยากจะทําได้ มันพิสจ
ู น์ให้เห็นแล้วว่าฝีมือ
ของเขาไม่ธรรมดาแน่นอน ถึงแม้ตัวเขาเองจะมีกองทัพนับหมื่นคน แต่
ตอนนี้ก็แก่แล้ว เขากังวลว่าหากเขาขัดขืน อีกฝ่ายจะลงมือกับเขาทันที
กลางดึกลอบเข้ามาในห้องนอนไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่มิตรแน่นอน
ศัตรูไม่ขยับ เราก็ไม่ควรทําอะไร ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ฆา่ เขาขณะที่
หลับอยู่ แสดงว่าไม่ได้ต้องการมาแค่ฆา่ เขาอย่างเดียว มันแน่จะยังพอมี
ทางแก้ไขสถานการณ์ได้ เขามองไปที่ดวงตาของคนๆ นั้น เขาไม่พด
ู
อะไร ไม่ได้ขยับ รอดูว่าอีกฝ่ายคิดจะทําอะไรกันแน่
“เด็ดขาดจริงๆ” เขายกนิว
้ โป้งให้ แล้วเก็บกาน�าชากลับมา เขายิม
้
แล้วพูดว่า “ท่านอํามาตย์ลุกขึ้นหน่อยได้ไหม? เรามาคุยกันสักหน่อย
จริงสิ ท่านเป็นคนฉลาด คิดว่าคงไม่ตะโกนให้ใครมาช่วยหรอกใช่ไหม
เพราะถ้าทําอย่างนั้น พวกเขายังมาไม่ถึง เกรงว่าหัวของท่านก็จะ ...”
เขาใช้มอ
ื ขวายกขึ้นมาทําท่าปาดคอ เจตนาของเขาชัดเจนมาก
ชวีหยวนกู่พยักหน้า จากนั้นก็ลก
ุ ขึ้นมา นําเสื้อนอกมาสวม ในเมื่อ
อีกฝ่ายบอกว่าอยากจะคุยด้วย แสดงว่ายังไม่ทําอะไรเขาแน่นอน
อาจจะมีข้อเรียกร้องอะไรกับเขา ขอแค่เขาทําได้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น ด้วย
ความฉลาดของเขา จะผ่านเรื่องในคืนนี้ไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก
คนๆ นั้นเดินไปนั่งที่โต๊ะ ชวีหยวนกู่เองก็ค่อยๆ เดินตามมา แล้วนั่ง
ตรงข้ามกับคนๆ นั้น
“ข้าขอแนะนําตัวก่อนนะ” ชายหนุ่มยิม
้ แล้วพูดว่า “ข้าแซ่ฉี ชื่อคําเดียว
ว่าหนิง อี้เหิงอ๋องแห่งแคว้นฉู่ เหมือนก่อนเคยรับตําแหน่งจิ่นอีโหว ท่าน
อํามาตย์ประสบการณ์มาก คิดว่าน่าจะเคยได้ยน
ิ ชื่อของข้ามาบ้างแล้ว”
เล่มที่ 50 บทที่ 1484 ค�าคืนสะเทือนวิญญาณ
ฉีหนิง
จิ่นอีโหว
วินาทีน้น
ั ชวีหยวนกู่มีความรูส
้ ก
ึ เหมือนอยากจะหาดาบเล่มใหญ่ๆ
ฟันลงที่หัวของคนที่อยู่ตรงหน้าทันที
เขารู้คนที่นําทหารไปยึดรังของเขาก็คือจิ่นอีโหวของแคว้นฉู่ ฉีหนิง
อีกทั้งลูกชายของเขาก็ยังตายเพราะฝีมือคนๆ นี้ด้วย หลังจากรู้ข่าวนี้
ชวีหยวนกู่แอบสาบานไว้ว่า หากมีโอกาส ไม่เพียงจะฉีกฉีหนิงเป็นชิ้นๆ
แต่จะทําให้จิ่นอีตระกูลฉีล่มสลายไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเลย
เขาแอบเก็บความแค้นฆ่าลูกไว้ในใจ หวังว่าจะมีโอกาสแก้แค้น
ตอนนี้คนที่เขาคิดอยากจะฆ่าให้ตายทุกคืนวันมาอยู่ตรงหน้าเขา
แล้ว
แต่ว่าเขากลับทําอะไรไม่ได้เลย
เกิดทําให้อีกฝ่ายโกรธ ไม่เพียงจะแก้แค้นเรื่องที่ถูกยึดที่ที่เป็น
เหมือนบ้านแล้วก็แค้นที่ฆ่าลูกไม่ได้ ชีวิตเขาเองก็อาจจะไม่รอดด้วย
ชวีหยวนกู่แอบขํา แอบคิดในใจว่าเจ้าคนเดียวสามารถลอบเข้า
มาถึงจวนข้า เจ้าคิดว่าหลอกผีสางอยูห
่ รือไงกัน
“อย่างนี้นี่เอง” ชวีหยวนกู่ย้ม
ิ แล้วพูดว่า “ที่นี่คือลั่วหยาง ตอนนี้
เราทั้งสองแคว้นกําลังทําสงครามอยู่ ท่านมาลั่วหยางเพียงคนเดียว มัน
อันตรายมากนะ”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “สถานการณ์ของท่านมหาอํามาตย์เหมือนจะ
อันตรายกว่าข้านะ”
ชวีหยวนกู่พูดไม่ออกเลย
“มหาอํามาตย์รู้หรือไม่ว่า ทหารของเยว่หวนซานกําลังได้ใจเลยนะ
กองทัพฮั่นพยายามดิ้นรนอย่างมาก คิดว่าไม่เกินหนึ่งเดือน กองทัพฉู่ก็
น่าจะสามารถบุกมาถึงเมืองลั่วหยางได้แล้ว” ฉีหนิงพูดว่า “ไม่ทราบว่า
ถึงเวลานั้นท่านคิดจะนําทหารซีเป่ยทําอะไรดีล่ะ?”
ชวีหยวนกู่คิดในใจว่าไม่เห็นต้องคิดเลย หากกองทัพแคว้นฉู่บุกมา
ก็แค่รับมือเท่านั้น
เมืองลั่วหยางมีการคุ้มกันแน่นหนา หลังจากเขาเข้ามาในเมืองแล้ว
สั่งให้ออกค้นทั่วเมือง ไม่ใช่แค่เงินที่มีมากมาย แม้แต่เสบียงก็มพ
ี ร้อม
ในเมืองลั่วหยางมีสถานที่เก็บเสบียงอาหารจํานวนมาก หากถูกขังอยู่ใน
เมือง ยังไงก็มีเสบียงเพียงพอให้ทหารสามหมื่นอิ่มท้อง
รอบเมืองลั่วหยางมีคนกว่าล้านคน คลังอาวุธก็มีทหารซีเป่ยควบ
คุมอยู่ ถึงเวลานั้นก็แค่เปิดคลังอาวุธ สั่งให้คนที่ร่างกายกํายํามาเฝ้า
เมือง ทหารมากอาหารก็เพียงพอ มันก็เพียงพอจะต้านทัพแคว้นฉู่แล้ว
เพราะเขามีแผนอยู่แล้ว เขาเลยไม่ได้สนใจว่าด่านหน้าจะเสียหาย
แค่ไหน
เขาคิดแผนให้ตัวเองมีทางรอดไว้แล้ว ดังนั้นเสบียงอาหารกับเบี้ย
เลี้ยงที่สง่ ไปด่านหน้ามันเลยไม่ครบตลอด ชวีหยวนกู่เริ่มแรงคิดจะให้จง
หลีอ้าวสู้กับแคว้นฉู่จนหมดสิ้น รอให้เขาหมดหนทางแล้ว ทหารกับ
เสบียงในมือของเขา ก็จะเพียงพอที่จะทําสงครามกับแคว้นฉู่
ใกล้หน้าหนาวแล้ว ขอแค่จงหลีอ้าวทนผ่านไปได้อีกแค่เดือนเดียว
ถึงเวลานั้นก็จะล่มสลายทั้งกองทัพ ทหารแคว้นฉู่ต่อให้บุกมาประชิด
เมือง ชวีหยวนกู่ก็ไม่กลัว
ชวีหยวนกู่แกล้งถอนหายใจแล้วพูดว่า “เรากินเสบียงของแคว้น
ฮั่น ก็ต้องจงรักภักดีต่อแคว้น”
“ดังนั้นข้าเลยมาหาท่านอํามาตย์ในคืนนี้ เรื่องนี้คงต้องให้เราสอง
คนเป็นคนจบมันสักที” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าท่านอํามาตย์
คิดเห็นอย่างไร?”
“ขอแค่ท่านยอมนําทหารสามหมื่นของท่านสวามิภักดิ์แคว้นฉุ่
เรื่องนี้ก็จบ” ฉีหนิงกางมือออกแล้วยักไหล่ “ง่ายๆ แค่นี้เอง”
ชวีหยวนกู่มองไปที่ฉีหนิง เขารูส
้ ึกเหมือนกําลังมองคนบ้าอยู่
“ท่านก็คิดหาวิธส
ี ”
ิ ฉีหนิงพูดว่า “คนพวกนั้นเป็นคนของท่าน ร่วม
ทุกข์ร่วมสุขกับท่าน หากท่านเอ่ยปกา พวกเขาต้องฟังแน่นอน หลังจาก
ที่ท่านยอมแพ้แล้ว ฝ่าบาทของเราก็ไม่ทําให้ท่านต้องขาดทุนหรอกนะ
ท่านคือจิ้นอ๋องของแคว้ฮ่น
ั ถึงเวลานั้นฝ่าบาทของเราสามารถคง
บรรดาศักดิ์ของท่านเอาไว้เหมือนเดิม ร่วมถึงตําแหน่งมหาอํามาตย์ของ
ท่านด้วย แคว้นฉู่มีคนเก่งมากกว่า อาจจะไม่มีที่ว่างสําหรับท่าน แต่ว่า
หากท่านยอมสวามิภักดิ์กับเรา ท่านยังคงเป็นท่านอ๋องเหมือนเดิม ยังคง
มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนเดิมไปจนตลอดชีวิต เงื่อนไขแบบนี้นา่ สนใจรึ
เปล่า? ท่านก็นา่ จะรู้ดี หากท่านปฏิเสธ ไม่ต้องรอให้ทหารแคว้นฉู่บุกมา
เอาชีวิตท่านหรอก ข้าสามารถตัดหัวของท่านได้ตลอดเวลาเลย”
ชวีหยวนกู่แอบคิดในใจว่าหากข้าไม่รบ
ั ปาก เกรงว่าคนๆ นี้อาจจะ
เอาชีวิตของเขาทันที คงต้องรับปากไปก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธท
ี ีหลัง
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทําไมข้าจะไม่อยากให้เรื่องจบ
ง่ายๆ ล่ะ แต่ว่าตอนนี้ขา้ ยังไม่สามารถรับปากเจ้าได้อย่างเต็มปากหรอก
นะ ต้องหารือกับคนของข้าก่อน เจ้ารอสักสองวันได้ไหม?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วลุกขึ้น เขาไม่ได้พด
ู อะไรอีก เขาเดินไปเปิดประตู
แล้วก็ออกไปเลย ทําเหมือนบ้านตัวเอง
ชวีหยวนกู่งงมาก
ทําไมเขากลับไปง่ายๆ แบบนี้เลยล่ะ?
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้มันคือเรื่องจริงหรือว่าความฝัน? เขาอด
หยิกตัวเองไม่ได้ เขาก็ไม่ได้ฝันนีน
่ า เขาลุกขึ้น ยื่นมือไปหยิบกาน�าชา
แล้วก็เขวี้ยงแตก ในตอนนี้เอง เกิดความเคลื่อนไหวรอบๆ ห้องนอนของ
เขา มีคนมุดเข้ามาจากหน้าต่าง ตอนที่ฉีหนิงไปเขาไม่ได้ปิดประตู มีคน
กลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาจากทางประตู แค่พริบตาเดียว องครักษ์ก็มาล้อม
ห้องนอนไว้หมด เห็นชวีหยวนกู่สวมเสื้อนั่งอยูท
่ ี่โต๊ะ กาน�าชาแตกอยูบ
่ น
พื้น แต่ว่าในห้องก็ไม่มีคนอื่นเลย
ทุกคคนไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย มีคนคิดในใจว่าท่านอํามาตย์ฝัน
ร้าย หรือว่าเจอผีกันแน่
เพราะรอบๆ มีทหารเฝ้าอย่างแน่นหนามาก ไม่ว่าใครที่เข้าใกล้
ห้องนอนไม่มีทางไม่มีความเคลื่อนไหว นอกจาผี แต่ว่าท่านอํามาตย์พด
ู
แบบนี้แล้ว จะมีใครกล้าพูดอะไรได้อีก
ทหารถูกตําหนิแล้วถอยออกไป ชวีหยวนกู่กําหมัดแน่น
ฉีหนิงคิดจะให้เขายอมแพ้ ในสายตาของชวีหยวนกู่กลับรู้สึกว่ามัน
บ้ามาก ยังบอกอีกว่าสงครามให้มันจบที่พวกเขาสองคน เหมือนคําพูด
ของเด็กสามขวบเลย
เขาคุมลั่วหยางเอาไว้ แม้แต่ฮ่องเต้ยังเป็นเหมือนหุ่นเชิดของเขา
เลย ไม่ว่าจะเงินหรือว่าเสบียง ทหารของเขากว่าสามหมื่นคน ก็เป็น
ทหารฝีมือดีต่อซีเป่ยทั้งนั้น เงินจํานวนมากขนาดนี้ คิดจะมาให้เขายอม
แพ้ คงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
คืนนี้ที่ฉห
ี นิงสามารถลอบเข้ามาในห้องได้ จะต้องเป็นเพราะที่ผ่าน
มาไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ พวกทหารประมาทแน่นอน
ถ้าเจ้าเด็กบ้านั่น พรุ่งนีย
้ ังจะมาอีก?
ชวีหยวนกู่หัวเราะแห้ง เจ้าเด็กนั่นพอมีฝีมืออยูบ
่ ้าง แต่ว่าเขาโง่เกินไป
คืนพรุ่งนี้มา ก็เท่ากับรนหาที่ตาย ถึงเวลานั้นข้าจะทําให้เจ้าแหลกเป็น
ชิ้นๆ เลย ยึดบ้านข้า ฆ่าลูกชายข้า แค้นนี้ข้าจะต้องชําระ
เล่มที่ 50 บทที่ 1485 เชิญท่านอํามาตย์ด่ ืมยา
ชวีหยวนกู่ไม่มท
ี างยอมรับเงื่อนไขของฉีหนิงแน่ เขาเหมือนรู้สึกว่า
ในเมื่ออีกฝ่ายเสีย
่ งอันตรายลอบเข้ามาเจรจาให้เขายอมแพ้ แสดงว่า
แคว้นฉู่เกรงกลัวเขา อย่างน้อยๆ พวกเขาจะต้องไม่ม่น
ั ใจว่าจะยึดลั่ว
หยางได้ แล้วก็ไม่ม่น
ั ใจว่าจะเอาชนะทหารซีเป่ยสามหมื่นคนของเขาได้
แน่ๆ
ดังนั้นวันต่อมาเขาไม่ได้เรียกใครมาหารือเลย อีกทั้งยังรีบ
เตรียมการรับมือด้วย
เจ้าคิดจะลอบเข้ามาในจวนมหาอํามาตย์อีกใช่ไหม?
ต่อให้เมื่อคืนฉีหนิงจะลอบเข้ามาในห้องนอนของเขาได้ แต่คราวนี้
ทั้งในห้องและนอกห้องเขาก็วางกําลังไว้หมด
ทั่วทั้งจวนมหาอํามาตย์กลายเป็นเหมือนคอก เมื่อไหร่ก็ตามที่
เหยื่อเข้ามา พริบตาเดียวร่างก็จะแตกสลายทันที
รอบห้องมีแต่ยอดฝีมือ หลังฉากบังลมภายในห้องยังมีคนอีกกลุ่ม
หนึ่งซ่อนตัวอยู่ ใต้ชายแขนเสื้อของเขาก็มม
ี ีดสั้นซ่อนอยู่อีกเล่ม ทุก
อย่างเป็นไปอย่างตึงเครียด
หากฉีหนิงลอบเข้ามาในจวนมหาอํามาตย์อีก ต้องตายแน่นอน
ต่อให้เขาจะมีฝม
ี ือในการหลบเลี่ยงสายตาองครักษ์แค่ไหน พอเข้า
มาถึงในห้อง ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงองครักษ์ที่อยู่ด้านในแน่ ต่อให้เขามี
วิชาพรางตัวมาถึงริมเตียงได้ แต่ว่าในผ้าห่มก็ยังมีนก
ั ฆ่ามือดีที่ปลอมตัว
เป็นเขาซ่อนอยู่อีก
หลังจากเป่ยถังเฮ่าถูกลอบสังหาร ชวีหยวนกู่ก็เห็นความสําคัญ
ของนักฆ่ามาก
เขาส่งคนไปรับสมัครนักฆ่าฝีมอ
ื ดีเอาไว้มากมาย นักฆ่าพวกนีม
้ ี
ประโยชน์มาก
ตอนที่เข้าเมืองหลวงมาใหม่ๆ ขุนนางเชื้อพระวงศ์ที่ดถ
ู ูกชวีหยวน
กู่น้น
ั มีเยอะแยะมากมาย หลายคนคัดค้านการขึ้นเป็นมหาอํามาตย์ของ
เขา มีหลายคนสามารถสั่งประหารได้ง่ายๆ แต่ก็มห
ี ลายคนที่มบ
ี ารมีสงู
สั่งประหารง่ายๆ ไม่ได้ ชวีหยวนกู่ก็จะสั่งนักฆ่าไปจัดการ
แอบจัดการ ทําให้ล่ัวหยางสงบได้
นักฆ่าที่ปลอมตัวเป็นชวีหยวนกู่นอนอยูบ
่ นเตียงนั้นเป็นยอดฝีมอ
ื
ชั้นสูง แล้วก็เป็นนักฆ่าที่ชวีหยวนกู่ช่ น
ื ชมมากที่สุด เขาเชื่อว่าขอแค่ฉี
หนิงเข้าใกล้เตียง นักฆ่าจะสามารถแทงทะลุคอของฉีหนิงได้ทันที
ถ้าในจวนมหาอํามาตย์กระทําการสําเร็จ หัวของฉีหนิงก็จะถูกส่ง
มาที่นี่ ก่อนที่จะเห็นหัวของฉีหนิง ต่อให้เขาง่วงมากแค่ไหน เขาก็ไม่กล้า
หลับ
รอบๆ เงียบจนน่ากลัว ชวีหยวนกู่คิดถึงการเตรียมการในวันนี้ เขา
รู้สึกว่ามันสมบูรณ์แบบมาก แต่ก็ยังหวั่นใจ เวลายิ่งนานไป ในใจเขาก็
เริ่มกลัว
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้เลยยามจื่อไปแล้ว
“ปึ้ ง”
ตอนที่มหาอํามาตย์หลับๆ ตื่นๆ ก็มีของอย่างหนึ่งตกมาอยู่บนโต๊ะ
ทําให้ชุดชาบนโต๊ะแตก ทําให้มหาอํามาตย์ตกใจตื่นขึ้นมา พอได้สติ ก็
มองไปข้างหน้า ขวัญแทบกระเจิง
หัวคน
เขาก็ใช่ว่าไม่เคยเห็นคนตายมาก่อน อีกทั้งเขาก็ตัดหัวคนด้วย
ตัวเองก็มาก แต่ในห้องที่หรูหรา มีหัวคนเลือดไหลแบบนี้ตกลงมาอย่าง
ต่อเนื่อง ต่อให้เขาใจกล้ามากแค่ไหน ก็ทนไม่ไหว
ยังมีอีกหนึ่ง
มหาอํามาตย์ไม่ได้รอนาน หัวที่สามก็ลอยออกมาจากหลังฉากบัง
ลม ตกลงมาเรียงกันเป็นแถวสวยงาม ดวงตาของพวกเขายังเปิดอยู่เลย
ดวงตาหกดวงกําลังจ้องมาที่มหาอํามาตย์
เมื่อกี้เขาร้องออกไปแล้ว ด้านนอกมีองครักษ์สบ
ิ กว่าคน พวกเขา
น่าจะได้ยิน คิดว่าน่าจะบุกเข้ามาช่วยนายของเขา แต่ว่าทําไมถึงไม่มี
เคลื่อนไหวอะไรเลย คนพวกนั้นหลับไปแล้วหรือยังไง?
เขามาแล้วจริงๆ
เขาเป็นคนหรือว่าวิญญาณกันแน่?
ใบหน้าของชวีหยวนกู่แทบจะร้องไห้
คืนนี้เขารอดตายมาได้ คืนนี้คิดว่าคงตายแน่
ในเมื่อฉีหนิงสามารถตามหาเขาเจอได้อย่างแม่นยํา นั่นก็แสดงว่า
เขารู้ความเคลื่อนไหวของเขาเป็นอย่างดี
กลางวันเขาวางกําลังทั้งวัน ก็เพื่อวางแผนการจัดการฆ่าฉีหนิงให้
ตาย
แต่เหมือนว่า อีกฝ่ายรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
เขาไม่ได้เรียกคนมาหารือเรื่องสวามิภักดิ์ แต่กลับวางแผนเพื่อจับ
ตัวและฆ่าอีกฝ่าย อีกฝ่านต่อให้นิสัยดีแค่ไหน ครั้งนี้ก็ไม่มีทางปล่อยเขา
ไปแน่ พริบตาเดียว ในใจของมหาอํามาตย์คนนี้ก็รู้สก
ึ เสียใจ อํานาจเงิน
ทอง มันแค่ของนอกกาย ชีวิตคือสิ่งที่สาํ คัญที่สด
ุ หากรูว
้ ่าจะเป็นแบบนี้
เมื่อคืนยอมรับปากเขาไปซะก็สิน
้ เรื่อง วันนี้เขาควรจะเรียกคนมาหารือ
เรื่องสวามิภักดิ์แคว้นฉู่ ถ้าอย่างนั้น เขาไม่เพียงรอดชีวิต ต่อไปยัง
สามารถอยู่อย่างสุขสบายได้อีก
เสียใจ เสียใจมากจริงๆ
ชายหนุม
่ ที่อยู่ตรงหน้าเขาเหมือนวิญญาณร้ายที่น่ากลัวมาก พอ
คิดถึงตรงนี้ ก็ไม่มีใครขวางเขา กําแพงเหล็กอะไรที่อยู่ตรงหน้าเขามัน
ทําอะไรไม่ได้เลยสักนิด
“เป็นยังไงบ้างท่านอํามาตย์” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ขออกภัยที่ให้
รอนานนะ”
“อย่างนี้นี่เอง” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ด้านนอกองครักษ์เยอะจัง
เลยนะ ข้ากลัวพวกเขามากวนตอนที่เราคุยกัน ก็เลยทําให้พวกเขาหลับ
ไปจนหมด แต่ว่าข้างในยังมีอีกสามคน ดูท่าทางจริงจังมากเลย มีอาวุธ
ติดตัวด้วย ท่านอํามาตย์ ข้าคิดว่าพวกเขาคงเตรียมตัวลงมือฆ่าท่าน”
“ใช่ใช่ใช่ ...” ชวีหยวนกู่เหงื่อไหลออกมาเยอะมาก “ในลั่วหยา
งมีกบฏมาก ... มากเกินไป หลายคนคิดอยากจะฆ่าข้า สาม ... สามคนนี้
จะต้องเป็นนักฆ่าที่คิดจะมาฆ่าข้าแน่ หาก ... หากไม่ได้อ้ีเหิงอ๋อง
ช่วยเหลือ คืนนี้ ... คืนนี้ขา้ คงไม่รอด”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ช่วยชีวิตท่านอํามาตย์เอาไว้ใช่ไหม?”
“บุญคุณที่อี้เหิงอ๋องช่วยชีวิต ข้าจะไม่มว
ี ันลืมเลย” ชวีหยวนกู่พูด
อย่างจริงจังว่า “ต่อไปข้าจะยอมทําตามที่ท่านบอกทุกอย่าง เพื่อตอบ
แทนบุญคุณของท่าน”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ท่านอํามาตย์เกรงใจเกินไปแล้ว หากท่าน
ยอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นฉู่ ท่านก็เป็นท่านอ๋องของแคว้นฉู่ เรามีฐานะ
ตําแหน่งเท่าเทียมกัน ท่านมีอันตราย ข้าก็ต้องช่วย มันเป็นเรื่องที่
สมควรอยู่แล้ว”
“แล้วทหารของท่านล่ะ?”
“พวกเขาเป็นคนที่ข้าปั้นมากับมือ ฮ่องเต้เป่ยฮั่นไม่เอาไหน
สมควรตายไปนานแล้ว ข้ายอมสวามิภักดิ์ พวกเขาไม่มใี ครคัดค้าน
แน่นอน” ร่างกายของชวีหยวนกู่เหมือนเริ่มฟื้นตัวมากแล้ว เขานั่งตัว
ตรง “ที่อี้เหิงอ๋องพูดมาเมื่อคืนนั้นไม่ผด
ิ ถ้าลั่วหยางสวามิภักดิ์แคว้นฉู่
ถ้าอย่างนั้นจงหลีอ้าวก็จะไม่มีเสบียง พวกเขาก็ตกที่น่งั ลําบาก จนไม่
สามารถทําศึกต่อไปได้อีก เขาก็จะต้องรีบยอมแพ้แน่นอน หากข้ายก
ทัพไปจู่โจมจากด้านหลัง ถึงเวลานั้นข้าจะนําหัวของเขามอบให้กับ
ฮ่องเต้แคว้นฉู่ด้วยตัวเอง” เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “เป่ยฮั่นหนานฉูท
่ ี่
จริงก็รากฐานเดียวกัน ไม่มีความจําเป็นต้องทําสงครามต่อไปอีก จบเร็ว
เท่านั้นยิง่ ดีเท่านั้น เลือดไหลน้อยเท่านั้นก็ยง่ิ ดี อี้เหิงอ๋องคิดถึงไพร่ฟ้า
เป็นห่วงเหล่าทหาร ช่างมีเมตตานัก”
ชวีหยวนกู่ตะลึงไป สายตาของเขาเหมือนตื่นกลัว
ดูท่าเขาคงคิดใช้ยาพิษมาฆ่าเขาแน่ๆ
“ท่านอํามาตย์คิดว่ามันเป็นยาพิษเหรอ?” ฉีหนิงเหมือนจะอ่านใจเขา
ออก เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ท่านวางใจได้ หลังกินยานี่เข้าไป ท่าน
จะไม่มอ
ี าการกําเริบจนตาย มันเป็นแค่ยาทําให้ท่านสงบ แต่มน
ั ก็มี
ผลข้างเคียงบ้าง หลังจากนีห
้ นึ่งเดือน หากท่านได้ยาอีกหนึ่งเม็ด ท่านก็
จะปลอดภัย หนึ่งเดือน เพียงพอให้จบปัญหาพวกนี้ลงได้แล้ว” เขายื่น
มือออกไป แล้วพูดอย่างเอาใจใส่มาก “ท่านอํามาตย์เชิญกินยา”
เล่มที่ 50 บทที่ 1486 ฮ่องเต้หน
ุ่ เชิด
ฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์เป่ยถังเทียนเวยเป็นฮ่องเต้ที่มีพระ
ปรีชาและคุณธรรมสูง ส่วนเป่ยถังหวนฮ่องเต้องค์ก่อนก็ไม่ใช่ฮ่องเต้ไม่
เอาไหน ตอนที่เขายังอยู่ เป่ยฮั่นไม่เคยต้องกลัวหนานฉู่เลย อีกทั้งยัง
ได้เปรียบเหนือกว่าเล็กน้อยด้วย กองทัพของเป่ยฮั่นยังเคยบุกเข้าไปถึง
ดินแดนของแคว้นฉู่ด้วยซ�าไป
เพียงแต่ฮ่องเต้ของหนานฉู่ทก
ุ พระองค์ปรีชาหมด แต่ละคนเกิดใน
ตระกูลขุนศึก มิเช่นนั้นแผ่นดินคงเป็นของตระกูลเป่ยถังทั้งหมดแล้ว
ข้อผิดพลาดเพียงอย่างเดียวของเป่ยถังหวน ก็คือเขาไม่ได้ต้ังรัช
ทายาท ไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะให้ใครนั่งบัลลังก์
หากเขาตั้งรัชทายาทไว้ต้ังแต่แรก อีกทั้งอบรมสั่งสอนรัชทายาทให้
มีศก
ั ยภาพในการสืบทอดบัลลังก์ เป่ยฮั่นก็คงไม่ตกอยูใ่ นสภาพอย่างใน
วันนี้
เป่ยถังหวนเป็นคนแข็งแรงมาก แต่จู่ๆ ก็มาตายลง เป็นเรื่องที่ไม่
เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
แคว้นเป่ยฮั่นคือตัวอย่างนั้น
การชิงบัลลังก์ ถึงแม้เป่ยถังเฟิงจะอาศัยกองทัพซีเป่ยแย่งชิงจน
ได้มา แต่ว่ากําลังของแคว้นก็ลดลงไปอย่างรวดเร็วภายในแค่ระยะเวลา
หนึ่งปี ส่วนตอนนี้ก็ยังอยู่ในสภาวะวุ่นวาย
เป่ยถังเฟิงกับชวีหยวนกู่ควบคุมลั่วหยางเอาไว้ แต่ว่าทั่วทั้งลั่ว
หยาง ก็ไม่ได้จะจะทําตามคําสั่งของลั่วหยางทั้งหมด อีกทั้งก็ไม่ได้
ยอมรับว่าเป่ยถังเฟิงคือฮ่องเต้ของแคว้น
ได้ยินมาว่ามีขุนนางใหญ่ในหลายท้องที่ คิดจะตั้งตนเป็นใหญ่เอง
แต่ว่าตอนนี้เป่ยถังเฟิงยังมไม่มีเวลาไปจัดการเรื่องพวกนั้น ตอนนี้
สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือแคว้นฉู่ แคว้นฉูท
่ ําศึกชนะอย่างต่อเนื่อง จงหลี
อ้าวถอยทัพแล้วถอยทัพอีก หากยังเป็นแบบนีต
้ ่อไป กองทัพแคว้นฉู่บุก
มาประชิดเมืองแน่นอน
ชวีหยวนกู่อยู่สข
ุ สบายไม่กังวลได้ แต่เป่ยถังเฟิงทําไม่ได้
ถึงเวลานั้นเหล่าขุนนางอาจจะสวามิภักดิ์แคว้นฉู่ อีกทั้งยังได้
ตําแหน่งเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนเจ้านายที่รับใช้ แต่ฮ่องเต้ไม่ได้
ตั้งแต่โบราณนานมา ไม่มแ
ี คว้นที่ล่มสลายแคว้นใด ที่กษัตริยม
์ ีจุด
จบที่ดี
ดังนั้นถึงแม้จะนั่งบัลลังก์ แต่เขาไม่ได้น่ังมันแบบมั่นคงมาตั้งแต่ต้น
มีแต่ข่าวร้ายเข้าหูเขามาอย่างต่อเรื่อง หลังจากครองราชย์แล้ว ก็ยังไม่มี
ข่าวไหนที่ทําให้เขาหัวเราะหรือยิ้มได้เลย
เมื่อวานจงหลีอ้าวก็ถวายฎีกามาให้อีก เสบียงอาหารด่านหน้าไม่
พอ เหล่าทหารไม่อ่ิมท้อง หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ต้องรอให้กองทัพ
แคว้นฉูบ
่ ุกมาตีหรอก ทหารฮั่นเองนั่นแหละที่จะแตกแยกกันไปเอง
ทหารในมือของจงหลีอ้าวเป็นกองทัพเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถ
ต้านกองทัพฉู่ไว้ได้ หากพวกเขาแตกแยก กองทัพฉู่ก็จะประชิดถึงเมือง
ในพริบตาเดียว
พอคิดถึงด่านหน้า เป่ยถังเฟิงก็แค้นใจชวีหยวนกู่มาก
ขอแค่ได้ชัยชนะด่านหน้าได้สองสามครั้ง กลุ่มอํานาจในแคว้นที่
กําลังจะเคลื่อนไหวก็จะหวาดกลัวและไม่กล้าทําอะไร หากสามารถขับ
ไล่กองทัพฉู่ออกไปได้ เป่ยถังเฟิงเชื่อว่าภายในแคว้นจะไม่มีใครคิดไม่
ซื่อกับราชสํานักอีก
หลังจากคุมสถานการณ์ในลั่วหยางได้ เป่ยถังเฟิงก็จะให้ชวีหยวนกู่
กับทหารของเขาอีกสามหมื่นคนไปช่วยด่านหน้า
แต่น่าเสียดายที่เขาลืมไปว่า ทหารซีเป่ยฟังคําสั่งของชวี่หยวนกู่
คนเดียวเท่านั้น ไม่ฟังเขา
เขาลืมไปแล้วด้วยว่า ในสายตาของชวีหยวนกู่ก็ไม่เคยเห็นเขาเป็น
ฮ่องเต้ เห็นเขาเป็นแค่หน
ุ่ เชิดของเขาเท่านั้น
เขาเคยคิดว่าลุงของเขาหลังจากช่วยเขาชิงบัลลังก์แล้ว จะช่วยเขา
ปกครองใต้หล้า แต่ว่าพอถึงเวลาจริงเขากลับพบว่า เทียบกับพี่น้องของ
เขาแล้ว ลุงของเขาน่ากลัวกว่าเยอะ
ชวีหยวนกู่ลอกถึงแผนการของเขาชัดเจนมากแล้ว นั่นก็คือ
เมื่อไหร่ก็ตามที่จงหลีอ้าวทําศึกจนหมดแรง กองทัพทั้งสองแคว้น
บาดเจ็บล้มตายจนไม่ไหวกันแล้ว กองทัพซีเป่ยก็จะยกทัพออกไปกวาด
ล้างกองทัพฉู่ให้หมด
ดังนั้นเสบียงส่งไปได้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้ทหารฮั่นมีกําลังในการต่อสู้
กับแคว้นฉู่ แต่เบี้ยเลี้ยงจะให้ไม่ได้เด็ดขาด
เป่ยถังเฟิงเคยคิดในใจว่า อยากจะให้กองทัพซีเป่ยกับกองทัพฮั่น
ร่วมมือกันขับไล่กองทัพฉู่ ถึงเวลาเขาก็จะสนับสนุนจงหลีอ้าว ทําแบบนี้
ไม่เพียงซื้อใจจงหลีอ้าวได้ ยังทําสามารถให้จงหลีอ้าวมาคานอํานาจ
ของชวีหยวนกู่ได้ด้วย แต่มันก็คงเป็นได้แค่ฝน
ั แล้ว
ชวีหยวนกู่ตัดสินใจแบบนี้ เป่ยถังเฟิงก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
ชวีหยวนกู่ม่น
ั ใจมาก แต่เป่ยถังเฟิงกลับรู้สึกว่าจุดจบใกล้มาถึงแล้ว
ฮ่องเต้องค์ใหม่ของเป่ยฮั่นยังเคยคิดฆ่าขุนนางใหญ่อย่างชวีหยวน
กู่ด้วย เขาเรียกสองพ่อลูกเข้าวัง สั่งให้ทหารซ่อนตัวไว้ แล้วแอบตัดหัว
พวกเขา
แต่ว่าความคิดนี้มันก็จางหายไป แล้วก็ไม่ได้เกิดขึ้น
แผนการที่ว่ามันต้องแอบทําโดยต้องไม่หลุดรอดออกไป ต่อให้ทํา
สําเร็จ การฆ่าชวีหยวนกู่สองพ่อลูกไปแล้ว เขาจะได้อํานาจของฮ่องเต้
มาทั้งหมดเหรอ?
ทหารซีเป่ยสามหมื่นคนอยู่ที่ล่ัวหยาง
ชวีหยวนกู่ยังอยู่ ทหารสามหมื่นก็จะไม่ทําอะไร แต่หากพวกเขา
เป็นอะไรไป ทหารสามหมื่นก็จะไม่ฟังคําสั่งของฮ่องเต้อีก ไม่มีชวีหยวน
กู่คุมพวกเขาเอาไว้ พวกเขาก็จะอ้างเหตุผลในการแก้แค้นให้ชวีหยวนกู่
ทําการกวาดล้างครั้งใหญ่ในลั่วหยาง แล้วคนแรกที่อาจต้องตายคิดว่า
น่าจะเป็นฮ่องเต้ จากนั้นลั่วหยางก็จะตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกับนรก
เขาเข้าใจว่าตอนนี้เขาคือหุ่นเชิด เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไร
ได้ เป่ยถังเฟิงเริ่มเอาแต่เมามาย นอนกับผู้หญิงทั้งวัน ฎีกาของจงหลี
อ้าวส่งมาให้ เขาก็อ่านคราวๆ แล้วก็ส่งไปให้ชวีหยวนกู่หาทางแก้
แต่ในระหว่างนั้น เขาก็มักจะคิดถึงเป่ยถังชิ่ง
จริงสิยังมีเป่ยถังฮวนเย่ด้วย
เขาเป็นถึงต้าจงซือเลยนะ แคว้นเป่ยฮั่นกําลังจะล่มสลายอยูแ
่ ล้ว
ทําไมเขาถึงยังไม่ออกหน้ามาช่วยอีกนะ?
เขาเมามายเหมือนคนตาย ไม่รูว
้ ันคืน
ระหว่างนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้อง เป่ยถังเฟิงลุกออกมาจากกลุ่ม
หญิงสาว เขาเห็นขันทีนางกํานัลกว่าสิบคนวิ่งมาทางนี้ เขาขมวดคิ้ว เขา
เห็นพวกขันทีนางกํานัลสีหน้าท่าทางตื่นตกใจกันมาก เหมือนเขานึก
อะไรขึ้นมาได้ เขาสางเมาขึ้นมาทันที “ทหาร ... ทหารฉู่บุกมาถึงลั่ว
หยางแล้วเหรอ?”
มีคนในวังหลวงอีกหลายคนที่วิ่งกันเข้ามา เป่ยถังเฟิงเสื้อผ้าไม่
เรียบร้อย วิ่งหากระบี่ไปทั่ว แต่ว่ากระบี่ฮ่องเต้ของเขามันหายไปแล้ว
เสียงชุดเกราะกําลังดังขึ้น แล้วก็มีทหารชุดเกราะเข้ามาด้านใน
หลายคน แต่ละคนดุดันมาก
เป่ยถังเฟิงขวัญกระเจิง คิดในใจว่าทําไมทหารแคว้นฉู่ถึงได้บุกมา
ได้เร็วขนาดนี้กัน ทหารเฝ้าเมืองลั่วหยางไม่ได้กินข้าวหรือยังไงกัน?
แต่ว่าไม่นานเขาก็เหมือนรู้สึกว่ามันผิดปกติ
ชุดของพวกทหาร ทําไมมันถึงได้เหมือนชุดของทหารซีเป่ยของชวี
หยวนกู่ล่ะ?
กองทัพซีเป่ยบุกเข้ามาในวังหลวงงั้นเหรอ?
ไม่มีราชโองการของจากเขา พวกเขากล้าทําแบบนี้ได้ยังไง?
พวกเขาคิดกบฏงั้นเหรอ?
เมื่อเขาเห็นสองพ่อลูกตระกูลชวี เป่ยถังเฟิงโล่งใจมากกว่าเดิม
หากมีพวกเขาอยู่ด้วย ชีวิตเขาก็ปลอดภัย
ทหารพวกนี้เป็นทหารซีเป่ย หากไม่ได้รับคําสั่งจากชวีหยวนกู่
พวกเขาจะกล้าบุกเข้ามาในนวังฝ่ายในแบบนี้ได้ยังไงกัน?
ไม่ใช่สิ
เป่ยถังเฟิงเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาอดถอยหลังไปสองก้าว
ไม่ได้ น�าเสียงของเขาสั่น “ท่านอํามาตย์ พวกท่าน ... พวกท่านคิดจะทํา
อะไร? หรือว่า ... หรือว่าทหารฉู่บุกมาถึงลั่วหยางแล้ว?”
“ฝ่าบาท ทหารแคว้นฉูย
่ ังบุกมาไม่ถึงหรอกพะยะค่ะ” ชวีหยวนกู่
มองเขาด้วยสายตาประหลาด “ยังต้องรออีกสักระยะกว่าพวกเขาจะบุก
มา”
ชวีหยวนกู่ลูบเครายิม
้ แล้วพูดว่า “ถูกต้อง ข้านําทัพเข้ามาในเมือง
หลวง เพื่อกําจัดภัยแผ่นดิน ถือว่าเป็นการสร้างผลงาน”
ชวีม่านอิงพูดว่า “ไม่มอ
ี ะไรเข้าใจยากเลย เราสวามิภักดิ์แคว้นฉู่
แล้ว ท่านพ่อเป็นจิ้นอ๋องของแคว้นฉู่ ตอนนี้ฉู่ฮ่น
ั ยังทําสงครามกันอยู่
แคว้นฮั่นก็ต้องเป็นแคว้นศัตรูของเราสิ ส่วนเจ้าก็คือภัยแผ่นดิน”
ชวีหยวนกู่ยอมสวามิภักดิ์แคว้นฉู่ง้ันเหรอ?
ล้อเล่นอะไรกันเนี่ย
ทหารฉูก
่ ับทหารฮั่นกําลังทําสงครามกันอยู่ ยังไงก็ยังไม่สามารถ
ประชิดมาถึงลั่วหยางได้ อีกทั้งยังใกล้เข้าหน้าหนาวแล้ว ต่อให้บุก
มาถึงลั่วหยางจริง ทหารฉู่ยังไม่แน่ว่าจะตีเมืองลั่วหยางแตกได้
เงินและเสบียงอยู่ในมือของชวีหยวนกู่ เขายังมีทหารอีกสามหมื่น
คน มีชายหนุ่มอีกจํานวนมากในเมืองลั่วหยาง
กองทัพฉู่ยังมาไม่ถึงลั่วหยาง เขาจะสวามิภักดิ์ได้ยังไง?
เขาจะต้องเมาหนักมาแน่ๆ
ชวีหยวนกู่ถอนหายใจ
แต่ว่าข้ายังต้องการชีวิตนี้อยู่อีก
ฉีหนิงลอบเข้าห้องนอนของเขาได้ถึงสองครั้ง ครั้งแรกเขาคิดว่ามี
คนประมาท แต่ครั้งที่สองเขาแน่ใจว่า ชายหนุม
่ ที่น่ากลัวคนนั้น หากคิด
จะตัดหัวของเขานั้น เขาทําได้ทุกเมื่อ
ทหารที่ซ่อนตัวในคืนนีม
้ ีกว่าสิบคน แต่ล่ะคนถูกซัดสลบหมด มี
บางคนถูกสกัดจุด เพราะเหตุนี้ เขาร้องตะโกนด้วยความตกใจในห้อง
ถึงไม่มีใครเข้ามาช่วยเขาเลย
อีกทั้งหลังจากเกิดเรื่อง เขาก็ม่น
ั ใจว่าฉีหนิงมาคนเดียวจริงๆ
พอคิดถึงภาพบรรยากาศในคืนนั้น ชวีหยวนกู่ก็ถึงกับเสียวสันหลัง
ใครที่สามารถจัดการกับทหารกว่าสิบคน โดยที่คนอื่นไม่รู้ตัวเลย
ใครที่จะสามารถลอบเข้าในห้องของเขาโดยที่ไม่มีใครรู้ได้ นักฆ่า
สามคนที่อยู่หลังฉากบังลมก็ถูกฆ่ามาเป็นของขวัญให้เขาอีก?
ชายหนุม
่ คนนั้นไม่ใช่คนแน่ๆ
ที่สําคัญที่สุดคือเขาบังคับให้ตัวเขากินยา เขาเจอะไรมาเยอะ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่ายานั่นมันชื่ออะไร แต่ถ้าถึงเวลา เขาตายแน่
ชายหนุม
่ นั่นไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่นอน ภายในสามวัน หากเขา
ไม่ทําอะไรอีก เขาก็จะมาตัดหัวของชวีม่านอิง ลูกชายคนโตของเขาชวี
ม่านเป่าตายไปเพราะฝีมือของเขาแล้ว เขาเหลือลูกชายแค่คนเดียว
หากขัดขืน เขาไร้ทายาทสืบสกุลแน่นอน
เขาแค้นแต่ก็กลัว
ชวีม่านอิงเป็นหนุ่มกล้าหาญมีความสามารถ เข้าใจโลก พอรู้ว่าพ่อ
เขาต้องเจอกับอะไรบ้าง ก็รู้ว่าศัตรูที่เขากําลังเผชิญหน้านั้นน่ากลัวแค่
ไหน เทียบกับชีวิตของพวกเขาสองพ่อลูกแล้ว การล่มสลายของแคว้น
ฮั่นมันเป็นเรื่องเล็ก อีกอย่างการสวามิภักดิ์แคว้นฉู่ ก็ยงั อยู่สุขสบายไป
ได้ตลอดชีวิต ผลลัพธ์แบบนี้มันดีกว่าเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งซะอีก
ชวีม่านอิงเป็นคนตัดสินใจอะไรเด็ดขาด เขายอมสวามิภักดิ์แคว้นฉู่
ร่วมมือกับพ่อเขา รวบรวมคน แล้วให้คํามั่นสัญญา
ทหารที่ติดตามพวกเขามาจากซีเป่ย ช่วงที่ผ่านมีความสุขในเมือง
หลวงมาก พวกเขาขอแค่มีชีวิตแบบนี้ต่อไปก็พอ มีคนรูส
้ ึกว่าหากชวี
หยวนกู่เป็นฮ่องเต้ได้ พวกเขาก็จะมีท้ังเงินมีท้ังผู้หญิงไปตลอดชีวิต
แต่ทุกคนกําลังเผชิญหน้ากับปัญหาเหมือนกันอย่างหนึ่ง
กองทัพฉู่กําลังบุกมาแล้ว
หากจงหลีอ้าวต้านทัพฉู่ไม่ไหว ยังไงทหารฉูก
่ ็จะบุกมาประชิดลั่ว
หยางทันที
ถึงแม้พวกเขาสามหมื่นคนจะสามารถป้องกันเมืองลั่วหยางได้ แต่
ก็ไม่มใี ครรับประกันได้ว่าจะทําได้จริง
หากกองทัพฉู่ตัดสินใจจะตีเมืองลั่วหยางให้แตก พวกเขาก็ต้อง
เผชิญหน้ากับความเป็นความตาย กองทัพซีเป่ยถึงแม้จะควบคุมลั่ว
หยางเอาไว้ได้ แต่พวกเขาคุมได้แค่ที่เดียว ทั่วทั้งแคว้นฮั่น พวกเขาไม่มี
กําลังมากพอจะทําได้ การปกป้องลั่วหยาง ก็เท่ากับป้องกันเมืองแค่
กําลังเพียงฝ่ายเดียว
ในเมื่อสวามิภักดิ์แล้วยังสามารถอยู่สุขสบายเหมือนเดิมได้ แล้วจะ
เอาชีวิตไปเสี่ยงทําไม?
ปกป้องลั่วหยางได้แล้วยังไง?
แคว้นฉูบ
่ ุกยึดตงฉีไปแล้ว ยึดซีเป่ยได้อีก ดินแดนแคว้นฮั่น
กลายเป็นพื้นที่ของแคว้นฉู่ไปแล้ว ถึงเวลานั้นแค่ล่ัวหยางเมืองเดียวก็
จะสู้กับแคว้นฉูไ่ ด้เหรอ?
ชวีหยวนกู่เรียกทหารซีเป่ยมาพบ แล้วหารือร่วมกัน ใช้เวลา
ประมาณครึ่งชั่วยาม สุดท้ายเหล่าขุนพลก็รู้สก
ึ ว่าสวามิภักดิ์นา่ จะเป็น
หนทางที่ดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อความสุขสบายที่ได้รบ
ั แต่เพื่อรักษาชีวิตเหล่า
ทหารหนุ่มที่ยังมีอนาคตอยู่
ชวีม่านอิงรู้สึกว่าจะแค่กล่อมให้เป่ยถังเฟิงยอมแพ้ไม่ได้
ของขวัญที่ว่านั่น ก็คือหัวของเป่ยถังเฟิง
เมื่อได้หว
ั ของเป่ยถังเฟิงแล้ว ก็เอาไปเป็นของขวัญให้ฮอ
่ งเต้แคว้น
ฉู่ มันก็จะเป็นเรื่องที่ได้หน้ามากไม่ใช่หรือไง? ไม่เพียงได้หน้า ยังถือว่า
ได้ทําผลงานใหญ่ด้วย
เป่ยถังเฟิงถามชวีหยวนกู่ว่าทําไมถึงทําแบบนี้ ชวีหยวนกู่ไม่
สามารถบอกได้ว่าเพราะต้องรักษาชีวิต เขาทําได้แค่ถอนหายมจแล้ว
พูดว่า “ใต้หล้าสมควรเป็นของผู้ที่มีคณ
ุ ธรรม ฮ่องเต้แคว้นฉู่มเี มตตา
จิตใจกว้างขวางมีความสามารถรอบด้าน เขาเป็นฮ่องเต้ที่ดี ใต้หล้านี้จะ
ไม่เกิดความวุ่นวายอะไรขึ้นมาอีก”
เขาหวังว่าสิ่งที่เขาพูดจะได้ยินไปถึงฮ่องเต้น้อยแคว้นฉู่
เป่ยถังเฟิงยิม
้ แห้ง แล้วพูดว่า “ชวีหยวนกู่ ตระกูลชวีเดิมก็เป็นแค่
เศรษฐีท้องที่ธรรมดา หากไม่ใช่เพราะต้าฮั่น พวกเจ้าจะมีวันนี้ได้เหรอ?
อดีตฮ่องเต้ประทานซีเป่ยให้เจ้า ให้เจ้ามีความสุขสบาย เจ้า ... เจ้าไม่
ระลึกบุญคุณของพระองค์ กล้าขายชาติแบบนี้เหรอ”
“ซีเป่ย?” ชวีหยวนกู่รู้สก
ึ โมโห “เขาดีกับตระกูลชวีจริงเหรอ แล้ว
ทําไมถึงให้เราไปที่กันดารแบบนั้นล่ะ? เขาก็แค่กลัวพระญาติหา่ งๆ
อย่างเรา เลยป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น ถึงได้ให้ซีเป่ยกับเรามา มันต่างอะไร
กับการเนรเทศกันล่ะ? ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีกแล้ว เป่ยถังเฟิง
เรื่องมาถึงขั้นนี้ เจ้าจะฆ่าตัวตาย หรือจะให้เราช่วย?”
“ข้าเป็นขุนนางของแคว้นฉู่ เจ้าเป็นฮ่องเต้ไม่เอาไหนของแคว้นฮั่น
เราไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน” ชวีหยวนกู่พด
ู ว่า “ข้าภักดีต่อแคว้นฉู่ กําจัด
ญาติเพื่อผดุงความเป็นธรรม”
เสียงหัวเราะมันแทงเข้าไปในหูของชวีหยวนกู่ สีหน้าของเขารู้สึก
แย่มาก
เป่ยถังเฟิงพูดถูก
ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกชื่อของชวีหยวนกู่ แบบไม่มีชน
้ิ ดีแน่
เหล่าขันทีนางกํานัลและนางสนมคุกเข่า เอาหน้าผากแนบลงบน
พทื้น ไม่กล้ามองเลย
ชวีม่านอิงใช้แรงเต็มกําลัง เข่าของเขาดันไปที่หลังของเป่ยถังเฟิง
จากนั้นก็หมุนคันธนูเป็นวงกลม แล้วก็กระชาก เป่ยถังเฟิงเลือดขึ้นหน้า
เพราะหายใจไม่ออก ตาของเขาเหมือนจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เขา
พยายามดิ้น มือของเขาจับไปที่คอ คิดอยากจะดึงเอาคันธนูออก แต่แรง
การดิ้นเริ่มแผ่วลง ไม่นานหนัก มือของเขาก็ตกลง หัวของเขาก็ตกลงไป
ด้วย
ชวีม่านอิงปล่อยมือ ศพของเป่ยถังเฟิงก็ล้มลง
รอบๆ เงียบไปหมด
ชวีหยวนกู่มองไปที่ศพของเป่ยถังเฟิง หลังจากนั้นอยูน
่ าน เขาก็
ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตัดหัวของเขาออกมา แล้วเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี”
ลั่วหยางเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่จงหลีอ้าวที่อยู่ด่านหน้ากลับไม่รู้
เรื่องเลย
ผู้บัญชาการใหญ่ที่อายุเกินหกสิบคนนีด
้ ูแก่มาก สถานการณ์ตอนนี้
คับขัน แม่ทัพเฒ่าคนนีก
้ ลับยังมีแรงมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู
อยู่ แต่ว่าเก่งแค่ไหนไม่มีอาหารก็ไม่ไหวเหมือนกัน ตอนนี้สิ่งที่เป็น
อันตรายไม่ได้มแ
ี ค่กองทัพฉู่ แต่อาหารของพวกเขาก็กําลังจะหมดลง
ด้วย
ตั้งแต่ทําศึกสงครามกับแคว้นฉู่มา ต่อให้ทหารฉู่จะร้ายกาจแค่ไหน
จงหลีอ้าวก็ไม่ค่อยทําศึกแบบเอาเป็นเอาตาย เขารู้ว่าแคว้นฉูก
่ ําลังอยู่
ในช่วงฮึกเหิม เลยไม่เผชิยหน้าแบบตรงๆ สูไ้ ปถอยไปด้วย เพื่อเก็บแรง
เอาไว้ ล่อให้กองทัพฉู่เข้ามาในพื้นที่ของแคว้นฮั่น
เมื่อทําแบบนี้ไม่เพียงสามารถยื้อให้เสบียงฝ่ายศัตรูลดลง ยังอาศัย
ข้อได้เปรียบด้านพื้นที่ในการกดดันด้วย
ศึกนั้นเป็นศึกที่สะใจที่สุดของกองทัพฮั่น แล้วก็เป็นศึกที่แคว้นฉู่
แพ้ย่อยยับมากที่สุด
หลังจากศึกนั้นเป็นต้นมา กองทัพแคว้นฉู่ก็ไม่กล้าจะทําการบุกใส่
อีกเลย
เริ่มแรกเขายังรู้สึกแปลกใจ แต่จากนั้นไม่นานก็เหมือนคิดความ
เป็นไปได้ข้ึนอย่างหนึ่ง
อีกฝ่ายน่าจะมีแผนที่เหมือนของเขาแน่นอน
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ถ้าอย่างนั้นแคว้นฮั่นจะต้องตกอยู่ในอันตราย
แน่นอน จํานวนทหารกับม้าศึกของกองทัพฮั่นสู้อีกฝ่ายไม่ได้ อีกทั้ง
หลังจากแคว้นฉู่ยึดเส้นทางทางน�าได้ ก็มีเสบียงส่งมาได้ไม่ขาดห แต่
กองทัพฮั่นกลับไม่มีเสบียงที่เพียงพอ ทั้งด้านหน้าด้านหลังสูอ
้ ีกฝ่าย
ไม่ได้เลย
กองทัพฮั่นสามารถต้านกองทัพฉู่ไว้ได้ สิ่งที่สําคัญก็คืออีกฝ่ายไม่รู้
สภาพพื้นที่ แต่หากข้อได้เปรียบตรงนี้หายไป ถ้าอย่างนั้นกองทัพฮั่นก็
จะเสี่ยงมาก
ความเป็นจริงก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความกังวลของจงหลีอ้าวแล้ว
แคว้นฉูร่ ู้สภาพแวดล้อมเป็นอย่างดี บุกแต่ละครั้ง กองทัพฮั่นได้แต่ถอย
เท่านั้น ที่สําคัญตอนนี้ร่นระยะเหลือแค่เวลาอีกสามวันก็จะประชิดลั่ว
หยางแล้ว
สิ่งสุดท้ายที่ต้านได้คือภูมิประเทศ แต่ว่าไม่ใช่ชะตาลิขิต
ต่อให้สศ
ู้ ึกสุดท้าย ก็ควรให้ทหารอิ่มท้อง ฮ่องเต้ไม่สนใจว่าทหาร
จะหิวไหม ข้าวยังกินไม่อิ่ม จะเอาอะไรไปสูก
้ ับกองทัพฉู่?
จงหลีอ้าวแทบจะเขียนฎีกาให้ม้าเร็วส่งกลับลั่วหยางทุกวัน หวัง
ว่าลั่วหยางจะรีบส่งเสบียงมาให้
แต่ว่าสายลับกลับส่งข่าวกลับมาว่า ลั่วหยางไม่มก
ี ารส่งเสบียง
ออกมาให้เลย
จงหลีอ้าวรู้ว่าจะต้องเป็นฝีมือของชวีหยวนกู่แน่นอน แต่ว่าตอนนี้
สถานการณ์คับขัน เขาไม่มีเวลาจัดการกับชวีหยวนกู่ ต้องเร่งให้ล่ัวหยา
งส่งเสบียงมาก่อน
ตรงหน้าคือกองทัพฉู่ที่จ้องจะตะปบตลอดเวลา แต่พูดแล้วก็แปลก
แค่สิบกว่าวัน กองทัพฉูท
่ ําไมถึงได้ไม่โจมตีต่อ ทุกอย่างดูเงียบมาก
หรือว่าอีกฝ่ายกําลังเตรียมตัวสําหรับศึกสุดท้ายอยู่?
เล่มที่ 50 บทที่ 1488 ยามเย็นของแคว้น
สายลับจับตาความเคลื่อนไหวของกองทัพฉู่อย่างไม่กระพริบตา
จงหลีอ้าวต้องการเตรียมพร้อมสําหรับการป้องกันการโจมตีของ
กองทัพฉู่ และก็หวังว่าเสบียงของลั่วหยางจะส่งมาในอีกไม่กี่วัน
ภายในกระโจมแม่ทัพ เหล่าขุนพลแต่ละคนมีสห
ี น้าอ่อนล้ามาก จง
หลีอ้าวมีหนวดเคราแทบจะทั่วใบหย้า เขานิ่งไปนานมาก จากนั้นก็พด
ู
ขึ้นมาว่า “รอก่อนเถอะ ไม่แน่ว่าเสบียงอาจจะมาถึงในวันนี้ก็ได้”
คนอ้วนๆ ด้านข้างเขายิม
้ แห้ง แล้วพูดว่า “เดินอ้อมเขาห่างจากลั่ว
หยางไม่ถึงสามวัน ต่อให้มีปัญหาเรื่องระยะทาง นั่งพักนอนพัก ห้าวัน
มันก็น่าจะมาถึงแล้ว เสบียงครั้งที่แล้วที่มาส่งคือเมื่อสีส
่ ิบวันก่อนนะ
พวกเขานาจะรู้ว่าปริมาณอาหารมันอยูไ่ ด้แค่ประมาณยี่สิบวัน เราฝืน
ทนมาสีส
่ ิบวันแล้วยังไม่เห็นข้าวสักเม็ดเลย ท่านแม่ทัพใหญ่ ราชสํานัก
ให้ทหารมาตาย แต่จะให้พวกเขาทนหิวแบบนี้ไม่ได้”
“จะต้องเป็นฝีมือของชวีหยวนกู่แน่ๆ” มีขุนพลอีกคนพูดขึ้นมา
“ลั่วหยางตกไปอยู่ในมือของทหารซีเป่ย เสบียงต้องอยู่ในมือของชวี
หยวนกู่แน่ๆ เขากังวลว่าเราจะขับไล่กองทัพฉูไ่ ปได้ แล้วกระทบต่อ
ตําแหน่งของเขา ดังนั้น ...”
“หยุดนะ”
จงหลีอ้าวตะคอกแล้วจ้องไปที่ขุนพลคนนั้น “คําพูดบั่นทอนจิตใจ
ทหารแบบนี้ เจ้ากล้าพูดมันออกมาได้ยงั ไงกัน? เขาเป็นถึงมหาอํามาตย์
เป็นมหาอํามาตย์ของแคว้นฮั่น เรามีศัตรูคนเดียวกัน จะมากังวลว่าเรา
จะขับไล่กองทัพฉู่ให้ล่าถอยไปได้ยังไง? คําพูดแบบนีห
้ ้ามพูดออกมาอีก
ไม่อย่างนั้นข้าจะลงโทษเจ้า”
ทุกคนเงียบหมด
นี่คือความสงสัยในใจของทุกคน
จงหลีอ้าวถอนหายใจแล้วพูดว่วา “ความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้มน
ั
เป็นหน้าที่ของเรา เรื่องมาถึงขั้นนี้ เราก็คงต้องทําให้เต็มที่ก็พอ”
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงจากด้านนอกว่ามีรายงานด่วนมาจากลั่ว
หยาง จงหลีอ้าวเคร่งเครียดขึ้นมา จากนั้นลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เสบียง
มาแล้วเหรอ?”
ทุกคนมองหน้ากัน แต่ลพคนไม่อยากจะเชื่อเลย
จงหลีอ้าวเองก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อมากเกินไป คิดว่าสายลับโกหก
เขาพูดด้วยความโมโหว่า “บังอาจ กล้าพูดเรื่องเหลวไหลแบบนี้ออกมา
ได้ยังไง กองทัพฉู่ถูกเราขวางทางเอาไว้ ไม่ได้เคลื่อนทัพแม้แต่ก้าวเดียว
ลั่วหยางจะยอมแพ้แล้วได้ยังไงกัน? ในมือชวีหยวนกู่มีแค่ทหารสาม
หมื่นคน แคว้นฉูย
่ ังไม่ส่งทหารไปบุกเลย เขาจะก่อกบฏได้ยงั ไง? หาก
เจ้าพูดเหลวไหล ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้าเดี๋ยวนี้”
“ท่านแม่ทัพใหญ่”
“ท่านแม่ทัพใหญ่”
“รีบไปตามหมอมาเร็ว” มีคนตะโกน
มีคนรีบเอาผ้ามาเช็ดเลือดที่ปากของเขาให้
“ลั่วหยางปิดเมืองไปแล้ว อีกทั้งมันแข็งแกร่งแค่ไหนเราก็รู้ดี”
ขุนพลอีกคนพูดว่า “ในเมืองมีเสบียงมากพอ เราผ่านคืนนี้ไปก็ไม่มีอะไร
กินแล้ว ยังไม่ถึงลั่วหยาง ทุกคนคงหิวตายกลางทาง จะไปรบยังไง?”
“ต่อให้หิวตายก็ต้องบุกเข้าไป”
ทันใดนั้นเองเหล่าขุนพลก็ทะเลาะกันอย่างหนัก จงหลีอ้าวไอ
ขึ้นมา ทุกคนเลยหยุดเถียงกัน แล้วมองมาที่จงหลีอ้าว
สถานการณ์ของกองทัพฮั่นในเวลานี้ ด้านหน้าเป็นกองทัพศัตรู
ด้านหลังเป็นทหารกบฏ ในค่ายทหารไม่มีเสบียง กองทัพฮั่นใกล้จะล่ม
สลายแล้ว
ไม่มีใครคาดคิดว่าผลจะออกมาแบบนี้
ดินแดนแคว้นฉูอ
่ ยู่ไกลมาก แต่ละวันทรัพยากรที่ใช้มน
ั ก็เป็น
จํานวนที่มาก
แคว้นฉูผ
่ ่านศึกใหญ่อย่างศึกแม่น�าฉินไหวมาแล้ว พวกเขาสูญเสีย
ไปมาก ศึกคราวนี้ เลยอยากจะฉวยโอกาสตอนที่เป่ยฮั่นมีปญ
ั หาภายใน
จัดการให้จบอย่างรวดเร็ว แต่ว่าศึกนี้มน
ั ก็ยืดเยื้อมาเกือบจะปีแล้ว
ถึงแม้ราชสํานักจะตรวจยึดได้ทรัพยากรมาเติมคลังจากไหวหนานอ๋อง
แล้วก็ตระกูลใหญ่ของตงไฮ่ แต่ว่าเวลานานก็ใช้ทรัพยากรมาก มันเป็น
ภาระของราชสํานัก
เยว่หวนซานมองการณ์ไกล เขารู้ว่าการทําศึกในดินแดนของแคว้น
ฮั่น เขาได้รับชัยชนะก็จริง แต่ว่าจะยึดเมืองลั่วหยางได้ไหม มันยังไม่มี
คําตอบ
หากสามารถทลายด่านของจงหลีอ้าวได้ ก็จะบุกไปถึงลั่วหยางได้
แต่ถึงเวลานั้นก็อาจจะเข้าหน้าหนาวแล้ว ถึงเวลานั้นสิง่ ของต่างๆ ก็จะ
ได้มามากขึ้น หากยึดลั่วหยางได้เร็ว ก็จะมีมาเพิ่มอีก แต่หากต้องทําศึก
นาน ยึดลั่วหยางไม่ได้สก
ั ที แล้วควรจะทํายังไงดีล่ะ?
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ ลั่วหยางเป็นเมืองที่ใหญ่และแข็งแกร่งเป็นอันดับ
หนึ่งในใต้หล้า
แต่ว่าลั่วหยางอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ครั้งนี้จะได้รวบรวมแผ่นดินให้
เป็นหนึ่งแล้ว เยว่หวนซานจะพลาดไม่ได้ แคว้นฉู่เองก็จะพลาดไม่ได้
เช่นกัน
จะรับประกันการเพิ่มปริมาณจากด้านหลังได้ยังไง ยึดลั่วหยางได้
ยังไง เป็นปัญหาที่เยว่หวนซานคิดอยู่ท้ังวันทั้งคืน
แต่ว่าทหารกําลังจะประชิดเมืองลั่วหยางแล้ว เหลือแค่ด่านเดียว
เท่านั้น
จะลังเลไม่ได้อีก แล้วก็จะยื้อไม่ได้ด้วย
แต่ตอนที่เยว่หวนซานกําลังคิดจะบุกอย่างดุเดือด อี้เหิงอ๋องก็
ปรากฎตัวขึ้น
ฉีหนิงเป็นคนของจิ่นอีตระกูลฉี เยว่หวนซานเป็นคนที่จิ่นอีโหว
ปลุกปั้นมา ว่ากันจากใจ ครั้งแรกที่เห็นฉีหนิง เยว่หวนซานก็รูส
้ ึกสนิท
สนมกับเขายังไงบอกไม่ถูก
อี้เหิงอ๋องไม่ได้มาดื่มเหล้าเที่ยวเล่นกับเขาแน่นอน เขาบอกให้เยว่
หวนซานอย่าเพิ่งสั่งให้ทหารทําอะไร อีกทั้งรับประกันว่าภายในอีกครึ่ง
เดือน จงหลีอ้าวจะขอยอมแพ้ ทหารฮั่นจะแตกสลาย
อี้เหิงอ๋องพูดเรียบง่ายมากเยว่หวนซานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่หากไม่เคลื่อนกําลังพล ครึ่งเดือนกองทัพฮั่นจะแตกสลายและ
ขอยอมแพ้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันก็จะดีมาก เพราะหากต้องสู้กัน
จะต้องมีคนบาดเจ็บล้มตายจํานวนมาก อีกฝ่ายไม่สู้แต่ขอยอมแพ้ มัน
เป็นเรื่องที่ดี
แต่ว่าหากหลังจากครึ่งเดือนไปแล้ว หากจงหลีอ้าวยังไม่ยอมแพ้ล่ะ
กองทัพฮั่นยังไม่แตกพ่าย แล้วจะทํายังไง? ต้องรู้ก่อนว่าเวลาครึ่งเดือน
มันต้องใช้ทรัพยากรจํานวนมาก อีกทั้งอีกฝ่ายยังมีเวลามากพอที่จะพัก
เตรียมตัว
แต่ว่าสุดท้ายเยว่หวนซานก็ยังเชื่อในตัวของอี้เหิงอ๋อง
เยว่หวนซานยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ฉีหนิงกล่อมอยูพ
่ ักหนึ่ง เขารู้ว่าเยว่หวนซานปกติชอบเดินหมากรุก
เลยสั่งให้คนไปเอากระดานหมากรุกมา เขาเดินหมากในกระโจมกับเยว่
หวนซาน เยว่หวนซานเองก็ไม่รูว
้ ่าฉีหนิงคิดจะทําอะไร แต่เพราะยังไม่
ครบกําหนดเวลา รออีกสักหน่อยก็ได้ ท่านอ๋องน้อยอยากจะเดินหมาก
เขาเล่นเป็นเพื่อนก็ได้
แต่ว่าฝีมือการเดินหมากของท่านอ๋องน้อยนั้นธรรมดามาก ถึงแม้
เยว่หวนซานยอมให้เยอะมาก แต่ก็ยังชนะต่อกันสองรอบ พอรอบที่สาม
เยว่หวนซานรู้สก
ึ ไม่ดีเท่าไหร่ เลยยอมเดินผิด ให้เขาได้ชนะสักครั้ง
เขาเองก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าตอนงานชุมนุมจิงฮวา ฉีหนิงแสดงฝีมอ
ื
เต็มที่มาก ฉีหนิงไม่เพียงเก่งด้านวาดเขียน ฝีมอ
ื เดินหมากก็นา่ ทึ่ง แต่ว่า
ท่านอ๋องน้อยในตอนนีเ้ ดินหมากเหมือนเพิง่ หัดเล่นเลย ข่าวลือที่ว่านั่น
หรือว่าจะเป็นเรื่องไม่จริง?
เล่มที่ 50 บทที่ 1489 คารวะแม่ทัพใหญ่
ตอนที่ท่านอ๋องน้อยกับเยว่หวนซานกําลังจะเริ่มเดินหมากรุกรอบ
ที่สี่ ก็เป็นช่วงเย็นของวันแล้ว ด้านนอกกระโจมก็มีคนมารายงานว่า
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ทูตของกองทัพฮั่นมาขอเข้าพบขอรับ”
“พบท่านทูตเมื่อไหร่ก็น่าจะชัดเจนแล้ว” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูด
เยว่หวนซานกับฉีหนิงเดินออกมาจากกระโจม แม่ทัพของกองทัพ
ฉู่เองก็เดินมาเหมือนกัน
ที่จริงไม่ต้องให้ใครพูด เยว่หวนซานก็รูส
้ ึกว่ามันแปลกๆ
พอมองไปที่คนกลุ่มนั้น มันเป็นสีขาวทั้งหมด ที่หมวกเกราะเองก็มี
ผ้าสีขาวผูกเอาไว้
กองทัพฮั่นส่งคนมาประมาณสิบกว่าคน คนด้านหน้าสุดไม่ใช่จงหลี
อ้าว แต่เป็นเหยาจื่อ ตอนนี้เขายื่นอยู่นอกค่าย พอประตูค่ายเปิดออก
เหยาจื่อก็ลงจากม้า เขาพาคนติดตามเข้ามาแค่สองคน มีคนเดินขึ้น
หน้าไปขอปลดอาวุธพวกเขา เหยาจื่อปลายตากระตุก แต่ว่า
สถานการณ์บังคับ เขาเองก็ต้องฝืนยอม
เมื่อเข้ามาภายในค่ายใหญ่ ทั้งสองข้างทางเป็นทหารฉูย
่ ืนเรียงแถว
กันอยู่ แล้วจ้องไปที่ขุนพลกองทัพฮั่นทั้งสามคน
แต่ฉห
ี นิงกลับนิง่ มาก
เยว่หวนซานอ่านจดหมายจบแล้ว ก็ย่ น
ื ให้ฉห
ี นิงด้วยสองมือ ฉีหนิง
ยื่นมือไปรับมา แล้วอ่าน เขายิ้มแล้วพยักหน้า “เจตนาของท่านแม่ทัพ
จงหลีเรารับรู้แล้ว เพียงแต่ทําไมท่านถึงไม่มาด้วยตนเองล่ะ?”
เหยาจื่อสีหน้าเศร้า แล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่สิ้นแล้วขอรับ”
“ท่านบอกว่าท่านไม่อาจปกป้องดินแดนของต้าฮั่นเอาไว้ได้ ผิดต่อ
อดีตฮ่องเต้นัก อีกทั้งยังผิดต่อฉางหลิงโหวด้วย แล้วก็ผด
ิ ต่อประชา
ราษฏรต้าฮั่นทั้งหลาย ดังนั้น ...... ก็เลยปลดชีวิตเพื่อไถ่โทษ” เหยาจื่อ
เสียใจมาก “ก่อนท่านจะสิ้น สั่งให้ข้าน้อยนําจดหมายขอยอมแพ้มา
ให้กับท่านแม่ทัพเยว่ ทหารฮั่นทั้งหมด ก็ยินยอมที่จะยอมแพ้ต่อแคว้น
ของท่าน”
ทุกคนล้วนแต่ตกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาหน้า
นี้
ทหารทั้งสองแคว้นต่อสู้เพื่อนายของตนเอง แต่ทหารของกองทัพฉู่
ก็ยังคงนับถือจิตใจความองอาจของจงหลีอ้าวไม่น้อย
กองทัพฮั่นถอยทัพไปตั้งค่ายอยู่ที่บนเขาเหยาซาน ก็เพื่อเป็นกําบัง
ด่านสุดท้ายก่อนที่ข้าศึกจะบุกประชิดไปที่ล่ัวหยาง กองทัพฉูเ่ องก็
เตรียมพร้อมสําหรับการทําศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายไว้แล้ว ทุกคนรู้ดี ศึกครั้ง
นี้ต้องชนะเท่านั้น อีกทั้งยังต้องเกิดการสูญเสียมากด้วย
เยว่หวนซานมองไปที่ฉห
ี นิง ยังไม่ถึงสิบห้าวัน แต่สิ่งที่อ๋องน้อยพูด
นั้นกลับเป็นจริง
เหยาจื่อเห็นปฏิกิริยาของเยว่หวนซาน กลับรู้สก
ึ แปลกใจ “พวก
เจ้าไม่รู้เรื่องเลยงั้นเหรอ? หลังจากชวีหยวนกู่ปลงพระชนม์ฝ่าบาทแล้ว
ก็คุมลั่วหยางเอาไว้ แล้วปักธงแคว้นฉู่ พวกเขาสวามิภักดิ์แคว้นฉู่แล้ว”
สิ่งที่เหยาจื่อพูด มันเหลือเชื่อมากเกินไป เหล่าขุนพลทัพฉู่สงสัยว่า
ตัวเองฟังผิดรึเปล่า
เยว่หวนซานมองไปที่ฉห
ี นิง เหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรแล้วว่าทําไม
เมื่อสิบกว่าวันก่อนอ๋องน้อยถึงได้ม่ันใจว่ากองทัพฮั่นต้องแตกกระเจิง
แน่
ชวีหยวนกู่ไม่มท
ี างสวามิภักดิ์กับแคว้นฉู่โดยไม่มีเหตุผลแน่ ทุก
อย่างนี้ ต้องเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องน้อยแน่
เพียงแต่ในเวลานี้ฉห
ี นิงดูสห
ี น้าเคร่งเครียดมาก
กองทัพฮั่นยอมแพ้ ถึงแม้เหล่ากองทัพฉูจ
่ ะโล่งใจ แต่กลับไม่ได้
รู้สึกยินดีขนาดนั้น บรรยากาศมันดูตึงเครียด ทันใดนั้นเองฉีหนิงก็
ตะโกนขึ้นมาว่า “เอาเหล้ามา”
หิมะแรกของลั่วหยางในปีนม
ี้ าไวกว่าที่เคยเป็น ตอนเย็นหิมะก็
ค่อยๆ ถยอยลงมา มันตกลงมาทั้งคืน พอถึงเช้าวันต่อมา ทั่วทั้งเมืองลั่ว
หยางก็เป็นสีขาวทั้งหมด
ช่วงกลางวัน ก็เริม
่ เห็นธงปลิวไสว ธงมีจํานวนมากขึ้นเรื่อยๆ มี
เสียงฝีเท้าม้า ทหารม้านับพันกําลังเคลื่อนที่มาทางนี้ ด้านหลังทหารม้า
มีทหารฉู่อีกนับหมื่นคนกําลังมุ่งตรงมาลั่วหยาง
ทหารของเขา ปกป้องเมืองไว้ได้เหรอ?
ทหารกับขุนนางด้านหลังเขาล้วนแต่สห
ี น้าแตกต่างกันออกไป
พอมีประกาศแบบนี้ออกมา ทําให้เกิดการพูดถึงอย่างมากในลั่ว
หยาง
มีหลายคนไปยังหัวเมืองลั่วหยาง ด่าพวกเขาว่าเป็นกบฏขายชาติ
ลั่วหยางเริ่มเกิดการจลาจล
แต่ชวีหยวนกู่ไม่ได้เห็นว่าการจลาจลแบบนี้เป็นเรื่องใหญ่อะไร
ทหารซีเป่ยทั้งฆ่าทั้งจับ การนองเลือด ไม่นานก็จบลง เหล่าขุนนางก็
เข้าใจดี กองทัพฮั่นแม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่มแ
ี ล้ว สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลง
ไปแล้ว หากเวลานี้ออกมาคัดค้าน มีแต่รนหาที่ตายเท่านั้น จึงต้องจํา
ยอมอยูใ่ ต้อํานาจของชวีหยวนกู่
ชวีหยวนกู่ได้รบ
ั สารแจ้งจากกองทัพฉูว
่ ่าจะเข้ามาที่ล่ัวหยาง เขา
เลยพาเหล่าขุนนางมารอรับที่นอกเมือง
เยว่หวนซานเดิมคิดอยากจะเชิญฉีหนิงมารับการสวามิภักดิ์ของลั่ว
หยาง แต่ฉีหนิงปฏิเสธหนักแน่น ศึกคราวนี้ เยว่หวนซานเป็นคนนําทัพ
มา ตอนที่ชนะ ฉีหนิงไม่มีทางแย่งความดีความชอบของเขาแน่นอน
เขายืนยันจะให้เยว่หวนซานพาคนมาที่เมืองลั่วหยาง ส่วนเขาจะพา
ทหารอีกกลุ่มหนึ่งไปอ้อมไปทางด้านหลัง
พอเห็นเยว่หวนซานมา ชวีหยวนกู่ก็รีบนําคนเดินขึ้นหน้ามา
จากนั้นก็คุกเข่าลง แล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า “นักโทษชวีหยวนกู่ นํา
เหล่าขุนนางและขุนพลของลั่วหยางมาคํานับท่านแม่ทัพเยว่ นี่เป็น
รายชื่อและรายละเอียดเสบียงการคลังของเมืองลั่วหยางทั้งหมด เราขอ
มอบมันให้กับท่านแม่ทัพใหญ่” จากนั้นเขาก็หน
ั ไปส่งสัญญาณ ก็มีคน
รีบนําสมุดรายงานที่ว่ามาให้
เยว่หวนซานสั่งให้คนมารับมอบเอาไป จากนั้นก็กวาดสายตามอง
ไป แล้วถึงลงจากม้า แล้วเดินไปพยุงชวีหยวนกู่ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ท่าน
แม่ทัพชวีเห็นส่วนรวมมาก่อน ยอมสวามิภักดิ์ ต้าฉู่ของเราเป็นหนึ่ง
เดียวได้ ท่านเป็นผู้ที่มีผลงาน ข้าได้ทําการถวายฎีกาให้กับทางราช
สํานักแล้ว ชี้แจงถึงผลงานของท่านอย่างละเอียด หลังจากฝ่าบาททรง
ทราบแล้ว ทรงต้องดีพระทัยมากแน่นอน ถึงเวลานั้นทรงจะต้องมีปูน
บําเหน็จให้กับท่านแล้วก็เหล่าขุนนางด้วยแน่นอน”
ชวีหยวนกู่ถึงกับหน้าชา
ความหมายของเยว่หวนซาน เขาเข้าใจดี
ที่จริงเรื่องที่ก็เป็นเรื่องที่ชวีหยวนกู่เดาได้อยูแ
่ ล้ว
“ชนะลั่วหยางแล้ว ชนะลั่วหยางแล้ว”
ม้าเร็วตัวหนึ่งวิ่งผ่านบนถนนในตัวเมืองแคว้นฉู่ มุ่งตรงสูว
่ ังหลวง
ชาวบ้านสองข้างทางต่างวิ่งหลบม้ากันให้วุ่น
“ถ้าอย่างนั้น ต่อไปก็ไม่มีสงครามแล้วสินะ”
“ใต้หล้าเป็นหนึ่งแล้ว ก็ไม่จําเป็นต้องทําสงครามแล้วล่ะ”
ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ หลายคนรีบไปบอกข่าวต่อๆ กัน
ไปอีก ทั่วทั้งเมืองหลวงเจี้ยนเยี้ยบรรยากาศมีความสุขมาก
เสนาบดีกรมกลาโหมหลูเซียวเองก็พาเหล่าขุนนางเดินทางเข้าวัง
ไป เพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้น้อย เหล่าขุนนางไปรออยู่หน้าห้องทรงอักษร
พวกของหลูเซียวต่างคุกเข่าลงที่พ้ น
ื แล้วพูดพร้อมกันว่า “ยินดีกับฝ่า
บาท ได้รับชนะลั่วหยางได้ แม่ทัพเยว่ได้เข้าไปประจําการณ์ในเมืองลั่ว
หยางแล้ว”
ฮ่องเต้น้อยหลงไท่เดินออกมาจากห้องทรงอักษร เห็นเหล่าขุนนาง
คุกเข่ากันอยู่เต็มไปหมด ใบหน้าของหนุ่มน้อยที่ไม่อาจปกปิดความดีใจ
ไว้ได้ “จริงเหรอ ...... ยึดลั่วหยางได้แล้วเหรอ?”
“ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”
เหล่าขุนนางคํานับให้เขาอย่างพร้อมเพรียง
“ถ่ายทอดคําสั่งไป เยว่หวนซานให้ประจําการณ์อยู่ที่ล่ัวหยางก่อน
กรมกลาโหมจัดทํารายการปูนบําเหน็จทั้งหมด ทหารกองทัพฉินไหวให้
รางวัลอย่างงาม” หลงไท่ยืดตัวขึ้น “กรมอาญาถ่ายทอดคําสั่งออกไป
ให้ทําการพระราชทานอภัยโทษทั่วแผ่นดิน”
เหล่าขุนนางพูดว่า “รับบัญชา”
พอเหล่าขุนนางกลับไปกันหมดแล้ว หลงไท่ก็ส่ังให้หลูเซียวอยู่ก่อน
หลงไท่ถึงได้พด
ู อย่างมีความสุขว่า “ท่านหลู ข้ารู้ว่าสักวันเราต้อง
รวบรวมแผ่นดินได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้ หลังจาก
แผ่นดินเป็นหนึ่งแล้ว ข้าก็จะได้ทําอะไรได้อย่างเต็มที่สก
ั ที หวังว่าพวก
เจ้าจะช่วยข้าด้วยนะ ทําให้ประชาราษฏ์อยู่เย็นเป็นสุข”
เห็นฮ่องเต้น้อยมีสง่าราศี หลูเซียวเองก็รู้สึกดีใจไปด้วย
“ทรงตรัสมาได้เลย”
หลูเซียวตะลึงไป เขาเหมือนฟังไม่ค่อยเข้าใจ
คําพูดของหลงไท่ทําให้หลูเซียวฟังไม่เข้าใจ
เขารู้มานานแล้ว ว่าพ่อที่แท้จริงของฉีหนิงคือเป่ยถังชิง่ เขามี
สายเลือดของราชวงศ์เป่ยถัง
อีกทั้งเหมอืนฉีหนิงจะเลือกแล้ว
ฝีมือของฉีหนิง เขาจะเอาชีวิตแม่ทัพคนไหนในสามแคว้นเขาก็ทํา
ได้ง่ายๆหากเขาคิดจะเป็นศัตรูกับแคว้นฉู่ เอาชีวิตหลงไท่กับเยว่หวน
ซาน แคว้นฉู่เดือดร้อนแน่ ด้วยความสามารถของฉีหนิงง คิดจะยึดลั่ว
หยางไว้ในมือก็ไม่ใช่เรื่องยาก ก็เหมือนที่เขาบีบให้ชวีหยวนกู่สวามิภักดิ์
แคว้นฉู่ ขอแค่เขาคุมชวีหยวนกู่ได้ เขาก็น่งั ประจําการณ์ล่ัวหยางได้แล้ว
เปิดเผนฐานะที่แท้จริง ต่อให้มค
ี นคัดค้าน ก็ไม่มีใครทําอะไรเขาได้
แต่ว่าเขาไม่ได้ทําแบบนั้น อีกทั้งยังบีบให้ชวีหยวนกู่สวามิภักดิ์
แคว้นฉู่ แล้วยังทําให้กองทัพฮั่นยอมแพ้ จงหลีอ้าวฆ่าตัวตาย
วินาทีที่มีรายงานมาถึง หลงไท่ดีใจไม่ใช่เพราะแค่เขารวบรวม
แผ่นดินให้เป็นหนึ่งได้แล้ว แต่เพราะสุดท้ายแล้วฉีหนิงเห็นเขาเป็น
เพื่อนจริงๆ
“ก่อนที่อี้เหิงอ๋องจะเดินทางไปลั่วหยาง เขาได้ย่ น
ื คําขอกับข้าไว้
อย่างหนึ่ง” หลงไท่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “หลังจากเขาปกครองใต้หล้า
ได้แล้ว เขาอยากจะขอลาออกจากทุกตําแหน่งรวมทั้งบรรดาศักดิ์ด้วย
เขาอยากเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ใช้ชีวิตอิสระสุขสบายไม่ต้องกังวล
อะไรอีก”
หลูเซียวแปลใจมาก “อี้เหิงอ๋องจะขอลาออกจากบรรดาศักดิ์เหรอ
พะยะค่ะ?”
หลงไท่พยักหน้าพยักหน้าแล้วพูดว่า “แต่ข้ายังไม่ได้รบ
ั ปากเขา
หลังจากที่ข้าขึ้นครองราชย์มา เขาช่วยข้ามากมายเหลือเกิน ข้าหวังว่า
ต่อไปปกครองใต้หล้าแล้ว เขาจะยังอยู่เคียงข้างข้า”
“ข้าไม่กดดันเลยนะ” หลงไท่ยม
้ิ แล้วพูดว่า “เขาไม่เข้าใจความคิด
ของข้า”
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าถ้าอี้เหิงอ๋องต้องการใช้ชีวิตอิสระก็
สามารถทําได้ แต่ไม่จําเป็นต้องให้ออกจากศักดินา” หลูเซียวยิ้มแล้วพูด
ว่า “อี้เหิงอ๋องมีพระองค์ในใจ หากต่อไปฝ่าบาททรงมีเรื่องยากลําบาก
อะไร เขาไม่มมีทางนิ่งดูดาย กระหม่อมคิดว่า อี้เหิงอ๋องเป็นคนรักอิสระ
เขาอยากใช้ชีวิตที่ไม่มก
ี ฎเกณฑ์มาบังคับเขา หากเขายังอยู่ในราชสํานัก
ผลประโยชน์กับคนมากมาย มันจะทําให้เขาอึดอัดใจ ถ้าเช่นนั้น เขาไม่
ยุ่งเลยจะดีกว่า”
หลงไท่ตะลึงไป จากนั้นก็หัวเราะออกมา
ตอนที่หลงไท่กับหลูเซียวหารือร่วมกับเหล่าขุนนาง ชวีหยวนกู่ก็ได้
นําทัพไปบุกเมืองผู่หยางแล้ว
ชวีหยวนกู่รู้ดีว่า เมืองผู่หยางยังมีทหารตงฉีที่เหลืออยู่ พวกเขา
กําลังใจถดถอยมาก ตอนที่เยว่หวนซานจัดสรรกําลังพลของทหารซีเป่ย
ใหม่ ชวีหยวนกู่ยังรู้สึกหดหู่ใจอยู่ คิดว่าคงต้องถูกปลดอาวุธแล้วแน่ แต่
คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วฉีหนิงจะให้เขายกทัพไปตีผห
ู่ ยาง
ถึงแม้ชวีหยวนกู่รู้ว่ามันคือการให้ทหารซีเป่ยกับทหารตงฉีฆ่าฟัน
กัน แต่หากเทียบกับการถูกริบอํานาจการทหารไปทันที มันก็ดีกว่ามาก
แล้ว
เพราะเขายังสามารถนําทัพทหารออกไปสร้างชื่อเสียงสร้าง
ผลงาน หลังจากบุกผูห
่ ยางได้แล้ว เขาก็ถือว่าได้ผลงาน ต่อไปเขาก็
อาจจะไม่ต้องก้มหัวให้ชาวแคว้นฉู่มาก
เขาคิดแบบนี้ แต่คนของเขากลับคิดอีกอย่างหนึ่ง
นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้สร้างผลงาน ใครก็ไม่อยากพลาด
ดังนั้นพอทัพใหญ่ประชิดเมือง แต่ละคนก็เสนอตัวออกไปรบ หวัง
อยากจะเป็นคนแรกที่สามารถยกทัพบุกเข้าเมืองผู่หยาง
แต่ว่าชวีหยวนกู่ได้รับคําสั่งจากฉีหนิงมาว่า หลังจากล้อมเมืองไว้
แล้ว ไม่ต้องรีบบุก รอสักสองวัน หากหลังจากสองวันเยว่หวนซานยังไม่
เปิดเมืองยอมแพ้ ก็ค่อยบุก
ดังนั้นหลังจากผู่หยางถูกล้อม เลยยังไม่ได้บุก แต่ต้ังค่ายล้อมรอ
เวลาสองวัน
ชวีหยวนกู่หวังให้เยว่หวนซานอดทน อย่าออกเมืองมาขอยอมแพ้
ไม่อย่างนั้นโอกาสในการสร้างผลงานของเขาก็จะไม่เหลือ
ลิ่งหูซวี่ในฐานะหนึ่งในสองกําแพงคู่ของแคว้นตงฉี เขาเคยมีความ
ทะเยอทะยาน คิดหวังจะใช้ปญ
ั หาระหว่างแคว้นฉู่และฮั่น ในการขยาย
อาณาเขตของแคว้นฉีอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ลิ่งหูซวี่ฉวยโอกาสตอนที่หนีออกจากแคว้นฉี พาคนบุกไปยึดเมือง
ผูห
่ ยางมาได้ แล้วใช้ผห
ู่ ยางมาเป็นฐานที่ม่ันของกองทัพแคว้นตงฉี เพื่อ
รอโอกาสอีกครั้ง
เพียงแต่โอกาสยังไม่ทันมา แต่ข่าวร้ายกลับมีมาไม่หยุดหย่อน
ชาวแคว้นฉู่ควบคุมแคว้นฉีเอาไว้ กองทัพกเรือของเซินถูหลัวก็
พ่ายแพ้ยับเยิน ส่วนรัชทายาทตงฉีกับเซินถูหลัวก็ถูกนําตัวไปในแคว้นฉู่
เซินถูหลัวให้คนส่งสารมา เขาได้อ่านแล้ว ถึงแม้จะบอกว่าให้ล่ิงหูซวี่
สวามิภักดิ์ แต่มน
ั มีความหมายแฝงเพื่อให้ลิ่งหูซวี่พยายามยื้อไว้ให้นาน
ที่สุด เพื่อรอข่าวของโอกาสพลิกสถานการณ์
แต่ข่าวร้ายกลับมาอย่างต่อเนื่อง มันทําให้เขารู้แล้วว่าสถานการณ์
มันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เมื่อได้ข่าวว่ากองทัพฉูไ่ ด้ยกทัพเข้าสู่เมืองลั่ว
หยางแล้ว ลิ่งหูซวี่สิ้นหวังแล้ว เขารู้ดีว่ามันไม่มโี อกาสที่จะพลิกแพลง
สถานการณ์ได้อีก
เมื่อข่าวลั่วหยางตกไปอยู่ในมือของแคว้นฉู่มาแล้ว มันก็
หมายความว่าข่าวนี้จะต้องแพร่กระจายไปในเมืองผูห
่ ยางแล้ว
กองทัพฉีไม่มก
ี ําลังที่จะสู้อีกต่อไปแล้ว ลิ่งหูซวี่รู้ดีว่า ในเมื่อลั่ว
หยางพ่ายแพ้แล้ว ขั้นต่อไปของแคว้นฉู่ก็ต้องจัดการเมืองผูห
่ ยางที่เป็น
ปัญหาสุดท้าย
ชาวแคว้นฉู่หากบุกโจมตีเมือง แพ้ชนะแทบไม่ต้องคิดเลย
ลิ่งหูซวี่เป็นคนฉลาด เขารู้ดีว่าหากสูก
้ ันต่อไป มันไม่มป
ี ระโยชน์
มันมีแต่จะเพิ่มความสูญเสียให้มากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งตอนนี้จิตใจของ
ทหารแคว้นฉีเองก็สู้อะไรกับกองทัพฉู่ไม่ได้เลย
ภายในใจของเขา มีการเตรียมพร้อมสําหรับการของยอมแพ้ไว้
แล้ว
เขายังไม่รีบร้อนที่จะส่งคนเอาหนังสือของยอมแพ้ไปให้
เรื่องการยอมแพ้มันเป็นเรื่องหนึ่ง จะยอมเมื่อไหร่มันก็อีกเรื่องหนึ่ง
มันมีวิธก
ี ารของมันอยู่
ยอมแพ้เร็วเกินไป ก็จะโดนดูถก
ู แล้วจะทําให้ช่ อ
ื เสียงของเขาไป
ด้วยไม่ดีไปด้วย รอให้ทหารมาประชิดเมือง จนตกอยู่ในสภาพหนีไม่พ้น
ถึงเวลานั้นค่อยยอมแพ้ ก็ถือว่ายื้อจนถึงที่สุดแล้ว
แต่ว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่นําทัพมานั้นจะเป็นชวีหยวนกู่
ชวีหยวนกู่เป็นใคร?
ก็แค่นักเลงที่อาศัยชายกระโปรงได้ไปเป็นใหญ่ในซีเป่ย เขาเป็นคน
ไม่เอาไหน ชื่อเสียงก็แย่ อีกทั้งยังฆ่าฮ่องเต้ขายชาติ ทําเรื่องที่ต้องถูก
ประณามไปอีกหมื่นปี
แล้วคนอย่างเขาจะต้องมายอมแพ้กับคนที่ไม่เอาไหนแบบนี้น่ะ
เหรอ?
มันไม่สมเหตุสมผลเลย
หากต้องยอมแพ้ให้กับชวีหยวนกู่ ชื่อเสียงของเขาคงไม่เหลือแล้ว
เขาตายได้ แต่ช่ อ
ื เสียงของเขาจะเสียหายไม่ได้
เดิมเขาคิดจะรอให้ทหารแคว้นฉู่บุกประชิดเมืองแล้วค่อยออกไป
ยอมแพ้ แต่วินาทีที่กองทัพซีเป่ยยกพลมา เขาก็เปลี่ยนใจ ไม่ว่ายังไง
เขาก็ก้มหัวให้ชวีหยวนกู่ไม่ได้เด็ดขาด เขาเลยออกคําสั่งไปว่า ให้รับศึก
อย่างเต็มที่ ต่อให้มก
ี ารจลาจลในกองทัพ เขาก็จะสู้จนถึงที่สุด
แต่ว่ากองทัพซีเป่ยกลับไม่ได้บุกเมือง แต่กลับล้อมเมืองผู่หยาง
เอาไว้เฉยๆ
ลิ่งหูซวี่รู้สึกขํา แอบคิดในใจว่าหรือว่ากองทัพซีเป่ยนั้นต้องการขัง
เขาให้ตายงั้นเหรอ?
ในเมืองเหลืออาหารไม่เยอะแล้ว แต่จะยื้อไปอีกสักเดือนก็ยังพอ
ไหวอยู่ หากลดปริมาณอาหารลง ก็น่าจะอยู่ได้แกสักสองถึงสามเดือน
ไม่ใช่เรื่องยาก ก็อยู่ที่ว่ากองทัพซีเป่ยจะรอถึงเวลานั้นได้รึเปล่า หากไม่
มีเสบียงอาหารแล้วจริงๆถึงเวลานั้นก็ออกไปตัดสินกับพวกเขาให้รู้ดํารู้
แดงไปเลย
ในเวลาดึก ลิ่งหูซวี่ยืนอยู่บนริมหน้าต่าง เขามองหิมะที่อยู่ในเรือน
กําลังคิดอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นเองด้านหลังของเขาก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้น ลิ่งหูซวี่
สะดุ้ง เขาหันกลับมา ท่ามกลางแสงไฟ เขาเห็นเงาคนๆ หนึ่งยืนอยู่ห่าง
จากเขาไม่กี่ก้าว สิ่งแรกที่เขาคิดคือมีนก
ั ฆ่าเข้ามา เพราะหากไม่ได้รับ
อนุญาตจากเขา ไม่มีใครกล้าเข้ามาในห้องของเขาแน่นอน พอเห็นหน้า
คนที่มาชัด ลิ่งหูซวี่ก็ตกใจมาก เขาหลุดออกมาว่า “เจ้าเองเหรอ?”
คนที่มาคือฉีหนิง
“ท่านเสนาบดีลิ่งหูกําลังคิดว่าควรจะทํายังไงดีใช่ไหม?” ฉีหนิงยิ้ม
แล้วเดินเข้าไปหา เมื่อลิ่งหูซวี่แน่ใจว่าเป็นฉีหนิง เขาก็นิง่ ขึ้นเยอะ
จากนั้นก็พูดว่า “มีนกพิราบส่งสารมาว่า แผนการของกลุ่มฝูผิงสําเร็จ
ลุล่วงไปได้ด้วยดี กลุ่มคนที่ไม่สมควรจะอยู่บนโลก ต่างตายไปกัน
หมดแล้ว”
ฉีหนิงกับลิ่งหูซวี่ยืนอยู่ข้างกันริมหน้าต่าง ต่างมองออกไปนอก
หน้าต่าง เขานิ่งไปอยู่นาน ถึงได้พูดว่า “ต้าจงซือไม่อยู่บนโลกนีแ
้ ล้ว
ตอนนี้ท่านกังวลอนาคตของทหารสองหมื่นคนในเมืองผู่หยางใช่ไหม”
“ที่จริงมันมีไม่ถึงสองหมื่นคนมานานแล้ว” ลิ่งหูซวี่พด
ู ว่า “แคว้น
ล่มสลาย มันไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมสู้จนถึงสุดท้าย หลายเดือนที่ผ่านมา
คนที่แอบหนีไปมีกว่าพันคน มาถึงขึ้นนีแ
้ ล้ว ข้าเองก็ไม่ขัดขวางการ
ตัดสินใจของใครทั้งนั้น ถ้าอยากไป ข้าก็จะทําเป็นไม่รู้ไม่เห็น”
“ท่านสิน
้ หวังไปแล้วเหรอ?”
“หากสวามิภักดิ์ต่อแคว้นฉู่ มันไม่กลายเป็นคนทรยศต่อแคว้นฉีง้ัน
เหรอ?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “หากท่านเป็นคนไม่เอาไหน ข้าคงไม่พด
ู เรื่อง
แบบนี้กับท่านแน่นอน ท่านเข้าร่วมกลุ่มฝูผิง นั่นก็หมายความว่าท่านไม
ได้สนใจแค่แคว้นใดแคว้นหนึ่งจะอยู่หรือไป แต่ว่าท่านเป็นห่วงทุก
สรรพสิ่งในใต้หล้านี้” เขาเอามือไขว้หลังข้างหนึ่งแล้วพูดว่า “แคว้นตงฉี
เล็กๆ แคว้นเดียว ท่านยังสามารถทําให้การปกครองมีระบบระเบียบได้
อย่างดี นั่นแสดงว่าท่านมีความสามารถมากแค่ไหน คนเรามี
ความสามารถนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่มเี วทีในการแสดง
ความสามารถนั้นออกมา มันจะกลายเป็นเรื่องไม่ดีไป เทียบกับแคว้นฉี
แล้ว แคว้นฉู่สามารถเป็นเวทีให้ท่านแสดงความสามารถที่ใหญ่มากกว่า
แล้วด้วยความสามารถของท่าน ก็สามารถสร้างความสงบสุขของ
ชาวบ้านมากขึ้นกว่าเดิม”
ลิ่งหูซวี่เข้าใจว่าฉีหนิงหมายความว่ายังไง คนฉลาดพูดแค่ไม่กี่คําก็
เข้าใจแล้ว
ลิ่งหูซวี่เป็นเสนาบดีของแคว้นฉี เขาต้องคิดถึงความก้าวหน้าที่มี
มาก่อนอยู่แล้ว แต่ว่ายังไงซะแคว้นฉีก็เป็นแคว้นเล็ก สําหรับลิ่งหูซวี่
แล้ว มันไม่สามารถแสดงความสามารถที่เขามีอยู่ได้เลย
เขากับจั่งชิงหยางถึงแม้จะจบมาจากสํานักเดียวกัน แต่ว่านิสัยไม่
เหมือนกัน อุดมการณ์ก็ต่างกันด้วย
ส่วนลิ่งหูซวี่กลับหวังอยากจะทํางานในราชสํานัก หากสามารถใช้
วิชาที่เรียนรู้มาในการปกครองสร้างชื่อเสียงได้ ถือว่าเป็นความฝันอัน
สูงสุดแล้ว
ลิ่งหูซวี่ได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไป จากนั้นก็หัวเราะร่าออกมา
ชวีหยวนกู่คิดอยากจะบุกเมืองผู่หยางให้ได้ เพื่อให้เขาได้มีผลงาน
ใครจะคิดว่าฉีหนิงจะลอบเข้าเมืองมาลําพัง ศึกเมืองผูห
่ ยางมันมีแต่ช่ อ
ื
แต่ไม่มก
ี ารนองเลือด วินาทีที่ประตูเมืองผู่หยางเปิดออก ฉีหนิงกับลิ่ง
หูซวี่เดินออกจากเมืองมาพร้อมกัน มันทําให้ชวีหยวนกู่ทําอะไรไม่ได้
เลย
ลิ่งหูซวี่นําทหารตงฉีสวามิภักดิ์แคว้นฉู่ แต่กลับยอมสวามิภักดิ์กับฉี
หนิง ไม่ใช่ชวีหยวนกู่
ชวีหยวนกู่รู้สก
ึ งงมาก อีกทั้งยังกลับไปเมืองหลวงหยางพร้อมเขา
ด้วย
เขากลับไปลั่วหยาง แต่กองทัพซีเป่ยไม่ได้กลับไปพร้อมกันทั้งหมด
แต่พวกเขาได้รบ
ั คําสั่งทหาร ให้ปรับให้ทหารตงฉีกับทหารซีเป่ยอยู่
ร่วมกัน จากนั้นก็ส่งให้พวกเขาไปประจําการณ์ตามเมืองต่างๆ ในแคว้น
ฮั่น คนกว่าหมื่นคน แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง กองทัพซีเป่ยกับก
องทัพตงฉีแตกสลายแยกออกจากกันไปตามเมืองต่างๆ
เดิมในแคว้นฮั่นกลุ่มอํานาจในแต่ละท้องที่เตรียมที่จะก่อจลาจล
และเริ่มมีการเคลื่อนไหวบ้างแล้ว แต่พอกองทัพฉู่เข้ามายังเมืองลั่ว
หยางแล้ว พวกที่คิดจะตั้งตนเป็นใหญ่ก็ล้มเลิกความคิดไป
กองทัพซีเป่ยกับกองทัพตงฉีกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆทุกที่ที่พวก
เขาไป ประตูเมืองจะเปิดออกต้อนรับทันที บนหัวเมืองก็ต่างปักธงของ
แคว้นฉูแ
่ ล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงทําให้กองทัพซีเป่ยกับกองทัพตงฉีกแยก
ออกจากกันไม่อยู่เป็นกลุ่มก้อน แต่ยังสามารถส่งสัญญาณเตือนไปยัง
กลุ่มอํานาจต่างๆ ในแคว้นฮั่นได้ด้วย อย่างน้อยๆ ในเวลานีก
้ ็ยังไม่มีใคร
กล้าทําอะไร
ฉีหนิงรู้ว่าแคว้นฉู่คิดจะละลายเป่ยฮั่น แล้วหลอมรวมให้เป็นหนึ่ง
เดียวกับแคว้นฉูม
่ ันไม่ใช่เรื่องแค่วันสองวัน หลังจากนีย
้ ังมีเรื่องซับซ้อน
อีกมากมายแต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องไปคิดกังวลแทน คิดว่าพอ
กองทัพฉู่เข้าประจําการณ์ในเมืองลั่วหยางแล้ว เหล่าขุนนางแคว้นฉู่คง
เริ่มวางแผนการบริหารจัดการประชากรแล้วก็พ้ น
ื ที่แคว้นเป่ยฮั่นแล้ว
ลั่วหยางกับผู่หยางตกมาอยู่ในมือของแคว้นฉู่โดยไม่มีการเสีย
เลือดเสียเนื้อแลย ฉีหนิงเป็นคนที่มีผลงานมากที่สด
ุ
แต่ฉห
ี นิงไม่ได้ดีใจมากขนาดนั้น เขาคิดว่าเขายังไม่ถึงขั้นของต้า
จงซือ แต่ก็สามารถใช้กําลังที่เขามีจัดการอะไรได้หลายอย่าง ต้าจงซือที่
ตายไป หากคิดจะเข้ามาร่วมวงการชิงแผ่นดิน ใต้หล้าคงวุ่นวายไปนาน
แล้ว
เซี่ยงไป๋อิ่งเคยบอกว่า ต้าจงซือมีความสามารถในการคุ้มครองแคว้น
หนึ่งแคว้น ตอนนั้นเขายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันคือ
เรื่องจริง ต้าจงซือไม่เพียงสามารถคุ้มครองแคว้นได้ แต่ยังสามารถใช้
กําลังในฐานะมนุษย์ในการก่อความวุ่นวายได้
เล่มที่ 50 บทที่ 1492 ไม่สบายใจเลยแม้แต่วันเดียว
สองพ่อลูกชวีหยวนกู่พาคนจํานวนหนึ่งกลับมายังลั่วหยาง แต่พวก
เขารู้สึกมึนงงมาก
พอคิดถึงว่าทั้งบ้านทรัพย์สินเงินทองของเขาถูกกองทัพฉู่เอาไป
หมด เขาก็รู้สก
ึ เจ็บปวด
แต่ว่าต่อให้พวกเขาไม่พอใจแค่ไหน แล้วพวกเขาจะทํายังไงได้อีก?
ลั่วหยางเป็นลั่วหยางของชาวแคว้นฉู่ไปแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะ
มานั่งนึกว่าจะกอบกู้วันวานมายังไง แต่ต้องกังวลก่อนว่าศัตรูในลั่วหยา
งจะกลับมาแก้แค้นพวกเขาเมื่อไหร่
ชวีหยวนกู่ไม่ได้ลืมหรอกนะ ว่าตอนที่พวกเขานํากําลังของกองทัพ
ซีเป่ยบุกเข้ามาในลั่วหยาง เขาทําการปล้นสะดมรังแกชาวบ้านไว้มาก
แค่ไหน ขุนนางในลั่วหยางแค้นเขาอย่างกับอะไรดี เรื่องนี้ยังไม่เท่าไหร่
แต่ว่าเขาพาคนบุกเข้าไปในวังหลวง ชวีม่านอิงใช้ธนูรด
ั คอเป่ยถังเฟิง
มันยิ่งทําให้คนในลั่วหยางแค้นเขาเข้ากระดูกดํา
เขาเริม
่ การสังารกวาดล้างก่อน ถึงแม้ขุนนางชาวบ้านในลั่วหยาง
จะไม่กล้าทําอะไรในตอนนี้ แต่ก็เพราะแบบนี้ ชาวแคว้นฉู่ยึดลั่วหยางได้
แล้ว คนที่ชาวเป่ยฮั่นเกลียดนั้นไม่ใช่ชาวแคว้นฉู่ แต่เป็นสองพ่อลูกชวี
หยวนกู่ที่ขายชาติ
หลังจากกองทัพแคว้นฉู่เข้าเมืองมาแล้ว พวกเขามีกฎระเบียบ
ชัดเจน ไม่เคยรังแกหรือทําอะไรชาวบ้านเลย ทหารคนไหนที่ก่อเรื่องใน
เมือง จะถูกจับและตัดสินโทษทันที อีกอย่างเยว่หวนซานก็ติดประกาศ
อย่างชัดเจนว่า ทุกกิจการงานในลั่วหยาง ให้ทําตามปกติที่เคย จะทํา
การค้าก็ทําไป จะเรียนหนังสือก็เรียนไป หากทหารฉู่คนใดก่อกวนรังแก
ชาวบ้าน สามารถร้องเรียนไปที่หน่วยงานได้ หากตรวจสอบแล้วว่าเป็น
จริง จะลงโทษทหารฉูค
่ นนั้นอย่างหนัก ไม่ว่าจะมีผลงานมาน้อยแค่ไหน
ทุกอย่างจะถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
พอทุกอย่างเป็นแบบนี้ ขุนนางในลั่วหยางก็ลดความเป็นศัตรูกับ
กองทัพแคว้นฉูล
่ ง แต่ละคนกลับไปทําหน้าที่ของตัวเอง กองทัพแคว้นฉู่
สบายมาก ชาวบ้านหลายคนก็เริ่มชื่นชมชื่นชอบกองทัพฉู่ด้วย
ตั้งแต่เป่ยถังฮวนตายไป องค์ชายของพวกเขาก็ช่วงชิงบัลลังก์กัน
เมืองลั่วหยางเกิดความโกลาหล ชาวบ้านถูกรังแก ใครก็อยากให้ล่ัวหยา
งกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง ราชสํานักเป่ยฮั่นทําอะไรไม่ได้เลย แต่กลับ
กลายเป็นว่าคนต่างถิ่นที่รุกรานเข้ามากลับทําได้แทน มันเลยทําให้
เหล่าขุนนางลั่วหยางกับชาวบ้านพึงพอใจและมีความสุข
ส่วนกองทัพฉู่เองก็ไม่ได้ส่ังลงโทษอะไรขุนนางลั่วหยาง ขุนนาง
หลายคนยังคงอยู่ในตําแหน่งของตัวเอง ทําหน้าที่ทุกอย่างเหมือนเดิม
แม้แต่เงินเดินก็ยังได้อยูเ่ หมือนเดิม
ชาวบ้านไม่ต้องหวาดกลัวหรือหวาดระแวง ขุนนางก็ไม่ต้องกังวล
ใจ ภายในระยะเวลาสั้นๆ ลั่วหยางกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ถึงแม้หัวเมือง
จะเปลี่ยนธงชาติแล้ว แต่ว่าหลายคนก็ไม่ได้รู้สก
ึ ว่ามีการเปลี่ยนแปลง
อะไรไป
แต่ว่าสองพ่อลูกชวีหยวนกู่กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกับฟ้ากับเหว
เลย
เป่ยฮั่นล่มสลายแล้ว แต่ว่ายังคงมีคนที่ยังภักดีต่อเป่ยฮั่นอยู่ พวก
เขาไม่ได้เกลียดชาวแคว้นฉู่ แต่พวกเขาแค้นสองพ่อลูกตระกูลชวี จน
แทบอยากจะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ
สิ่งที่สําคัญที่สด
ุ คือ หลังจากกองทัพแคว้นฮั่นสวามิภักดิ์แคว้นฉู่
แล้ว ถึงแม้จะมีการจัดระเบียบใหม่ท้ังหมด แต่ว่าขุนพลหลายคนใน
กองทัพนั้นต่างได้กลับมาลั่วหยาง
หากไม่ใช่เพราะชวีหยวนกู่ขายชาติไปเข้ากับศัตรู กองทัพฮั่นก็คง
ไม่แพ้ท้ังๆ ที่ยังไม่ได้สู้ จงหลีอ้าวก็คงไม่ต้องฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้
ความผิด ลั่วหยางเสียเมือง สองพ่อลูกตระกูลชวีคือคนที่มีโทษหนัก
ที่สุด คนของจงหลีอ้าวเกลียดพวกเขาสองพ่อลูกเข้ากระดูกดํา
ได้ยินมาว่าชาวแคว้นฉูน
่ ้น
ั ใจดีกับขุนพลของจงหลีอ้าวมาก ไม่
เพียงให้พวกเขาได้กลับมาเจอกับครอบครัว แต่ยังให้อิสระกับพวกเขา
ด้วย
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาขุนพลของจงหลีอ้าวมาเดินผ่านหน้า
จวนของชวีหยวนกู่บ่อยๆ ชวีหยวนกู่รับรายงานมา ก็หลบหลังประตู
แล้วแอบมองออกไป ไม่ผิดอย่างที่มีรายงานมาเหล่าขุนพลพวกนั้นพก
อาวุธเดินผ่านไปผ่านมาจริงๆ เวลาที่เดิน่าน ก็มก
ี ารเดินช้าๆ แล้วมอง
มาที่ประตูด้วย สายตาของพวกเขามีแต่ความอาฆาตแบบอย่างจะฆ่าให้
ตาย
มันทําให้สองสามวันที่ผ่านมา ชวีหยวนกู่รู้สก
ึ กระวนกระวายใจ
มาก
โชคดีที่เขายังมีพวกองครักษ์ของเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นชวีหยวนกู่คิด
ว่าพวกเขาคงบุกเข้ามาในจวน แล้วจัดการหั่นพวกเขาสองพ่อลูกจนเละ
แน่นอน
ชวีหยวนกู่รู้ดีว่า ราชโองการนั่นมันคือการแต่งตั้งให้เขาเป็นจิ้
นอ๋องอย่างเป็นทางการ แต่ว่าจิ้นอ๋องของเขาในครั้งนี้ไม่เหมือนจิ้นอ๋อง
ที่เขาเคยเป็นก่อนหน้านี้ เมื่อก่อนเขาเป็นจิ้นอ๋องของเป่ยฮั่น มันไม่มค
ี ่า
อะไรอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เขาได้รับแต่งตั้งเป็นจิ้นอ๋องของแคว้นฉู่ แต่ยังไง
เขาก็ยังเป็นอ๋องอยู่
เขาก็หวังว่าหลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งแล้ว พวกเขาสองคนจะ
ได้ออกจากลั่วหยางโดยเร็วที่สุด ไปเมืองเจี้ยนเยี้ยก็ดี ต่อให้ไปเมือง
เจี้ยนเยี้ยไม่ได้ ไปที่อ่ ืนก็ยังดี แต่ว่าลั่วหยางพวกเขาอยูต
่ ่อไปอีกไม่ได้
แล้ว
สองพ่อลูกเพื่อไปรับราชโองการแล้ว ยังตั้งแต่อาบน�าแต่งตัวให้
สะอาด เพราะพวกเขาหวาดระแวงมาหลายวันแล้ว กินนอนก็ไม่หลับ
พวกเขาดูโทรมกันมาก
ตอนที่ออกจากจวน สองพ่อลูกยังพาองครักษ์ติดตามไปด้วยอีกสิบ
กว่าคน ส่วนพวกเขาสองคนก็พกดาบไปด้วย เพราะกลัวถูกลอบฆ่า
กลางทาง
ยังดีที่ตลอดการเดินทางไม่เกิดเหตุอะไรขึ้น ถึงแม้รม
ิ สองฟากถนน
จะมีคนจ้องมองพวกเขาสองพ่อลูก มีการนินทางวิพากษ์วิจารณ์กัน
บางคนเอาก้อนหินเอาไข่มาขว้างปาใส่พวกเขา แต่ว่ามีองครักษ์คอยคุ้ม
กันอยู่ ทั้งสองคนเลยไปยังจวนแม่ทัพใหญ่อย่างปลอดภัย
จวนแม่ทัพใหญ่เคยเป็นจวนของฉางหลิงโหวเป่ยถังชิ่งมาก่อน
หลังจากที่เป่ยถังชิ่งถูกกักบริเวณที่เขาเก้าตําหนัก จวนหลังนีก
้ ็ร้างมา
นาน หลังจากกองทัพแคว้นฉู่เข้าเมืองมาแล้ว ก็ส่งั ให้ทําความสะอาด
จวนของเป่ยถังชิ่งใหม่ แล้วให้เยว่หวนซานไปอยู่เป็นการชั่วคราว คืนนี้
จัดเลี้ยง ก็เลยสั่งให้จัดที่จวนแม่ทัพใหญ่
นอกจวนแม่ทัพใหญ่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ก่อนที่สองพ่อลูก
จะเข้าจวนไป ต้องปลดอาวุธออกก่อน
ชวีหยวนกู่ไม่รู้ว่ามีคนมาร่วมงานเลี้ยงในคืนนีก
้ ี่คน เขาถูกเชิญให้
มาที่ห้องโถงใหญ่ เขากลับพบว่าในห้องโถงนั้นไม่มีคนอื่นอยู่เลย มีการ
จัดที่น่งั ตรงกลางที่เป็นที่น่ังหลัก แล้วก็มีที่น่งั ด้านซ้ายและด้านขวา
เท่านั้น แสดงว่างานเลี้ยงในวันนี้ไม่ได้เป็นงานใหญ่ หลังจากถูกพามา
นั่งที่ด้านซ้ายแล้ว เขาก็ยังใม่เห็นใครมา ภายในห้องโถงใหญ่เงียบเหงา
มาก พวกเขาก็เริ่มรู้สึกเกร็ง
ชวีหยวนกู่ย้ม
ิ หน้าบานแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องดีกับเราขนาดนี้ เรา
สองพ่อลูกซาบซึ้งใจนัก”
สองพ่อลูกมองหน้ากัน เห็นสีหน้าท่าทางของฉีหนิงนั้นอ่อนโยน
เขารู้สึกเจ็บปวด เขายกมือคํานับแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง เราสองพ่อลูก
สวามิภักดิ์ต้าฉูแ
่ ล้วก็จริง แต่ในสายตาของพวกนั้น กลับกลายเป็น
เหมือนหอกข้างแคร่ พวกเขายังเห็นต้าฉู่เป็นศัตรูอยู่ อีกทั้งยังโกรธแค้น
เราสองพ่อลูกมาก พวกเขามาป้วนเปี้ ยนแถวจวนของเราจริง ท่านอ๋อง
พวกเขาคิดไม่ซ่ อ
ื คิดว่าตัวเองยังเป็นชาวเป่ยฮั่นอยู่ เราจะเก็บพวกเขา
ไว้ไม่ได้อีกแล้ว ท่านอ๋องพิจารณาด้วย”
พอพูดจบ ก็ได้ยน
ิ เสียงฝีเท้าดังขึ้นมา พอหันไปก็เห็นมีคนนําทาง
เหล่าขุนพลเข้ามา พอชวีหยวนกู่ได้เห็น ก็รู้ทันทีว่าเป็นคนสนิทสี่คน
ของจงหลีอ้าว คนที่อยู่หน้าสุดก็คือเหยาจื่อ
พวกเขาสวมชุดเกราะ เดินเข้ามาด้านใน พอเห็นสองพ่อลูกชวี
หยวนกู่ แต่ละคนก็มส
ี ายตาอาฆาตแค้นมาก
พวกของเหยาจื่อเดินเข้ามาในห้องโถง แล้วโค้งคํานับให้ฉห
ี นิง
จากนั้นก็ยกมือคํานับให้เยว่หวนซาน เยว่หวนซานยกมือคํานับตอบแล้ว
พูดว่า “เชิญนั่ง”
เหยาจื่อกับขุนพลอีกคนนั่งลงต่อจากที่น่ังของเยว่หวนซาน ส่วน
อีกสองคนนั่งต่อจากที่น่ังของชวีหยวนกู่
“แขกในค�าคืนนี้มากันครบแล้วนะ” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ทุกท่าน
เมื่อกี้ข้าเพิง่ พูดไปว่า ระหว่างพวกท่านเหมือนจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน ข้า
คิดอยากจะช่วยไกล่เกลี่ยเจรจาให้ หวังว่าตั้งแต่นี้ต่อไป ทุกคนที่ล้วนแต่
เป็นขุนนางของแคว้นฉู่ จะร่วมกันทํางาน อะไรที่ไม่พอใจต่อกัน ก็
อย่าได้ใส่ใจอีกเลยนะ หลังจากงานเลี้ยงในคืนนีแ
้ ล้ว แคว้นโกรธแค้น
อะไรที่มีต่อกันก็ขอให้แล้วกันไปนะ ไม่ทราบว่าพวกท่านจะเห็นแก่ขา้ ได้
ไหม?”
ภายในห้องโถงเงียบไปครู่หนึ่ง ชวีหยวนกู่ถึงได้พูดขึ้นก่อนว่า “ใน
เมื่อท่านอ๋องออกหน้าไกล่เกลี่ยเองแบบนี้แล้ว ข้ายินดีทําตามที่ท่าน
ขอร้อง” เขายกจอกเหล้า แล้วมองไปที่เหยาจื่อ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
แค่ถือจอกเหล้าแกว่งไปแกว่งมาเท่านั้น ชวีม่านอิ่งเองก็ยกจอกเหล้า
ขึ้นมาเหมือนกัน เหยาจื่อลังเล แต่สุดท้ายก็ยกจอกเหล้าขึ้นมา ขุนพล
อีกสามคนเองก็ยกตาม ทุกคนไม่พูดอะไร แต่ก็ด่ ืมเหล้าในจอกจนหมด
ทุกคนรินเหล้าจนเต็มจอก แล้วก็ลก
ุ ขึ้นมา โค้งคํานับให้กับฉีหนิง
แล้วดื่มจนหมด
ชวีหยวนกู่กําลังจะรับราชโองการ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะคอกดังขึ้นว่า
“เจ้าโจรชั่วขายชาติ ตายซะเถอะ”
เล่มที่ 50 บทที่ 1493 เมาแล้วก่อเรื่อง
เพราะต้องรับราชโองการ นอกจากเยว่หวนซานที่ยืนอ่านราช
โองการแล้ว ส่วนคนอื่นก็ล้วนแต่คุกเข่าลงรับราชโองการกันหมด ชวี
หยวนกู่คุกเข่าอยู่ทางด้านซ้ายหน้าสุด รองลงมาคือชวีม่านอิง หลังจาก
จบราชโองการแล้ว ชวีมา่ นอิงได้ยันเสียงตะคอกดังมาจากข้างกายของ
เขา ปลายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นคนกําลังพุ่งมา
ชวีม่านอิงตกใจมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าลงมือในจวนแม่
ทัพใหญ่แบบนี้
คนๆ นั้นเห็นโต๊ะพลิกมาหาก็ใช้มือบังเอาไว้
โต๊ะแตกออก
โต๊ะโดนท่อนแขน แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ อาหารบนโต๊ะ
กระจัดกระจายไปทั่วพื้น
เหยาจื่อกับขุนพลอีกคนก็กระโดดมาที่ด้านหน้าโต๊ะอาหหาร แล้ว
พุ่งขึ้นหน้าไปเช่นกัน
แต่ไม่มค
ี ําสั่งของฉีหนิง ไม่มีใครกล้าเข้ามาด้านในอยู่แล้ว ส่วนใน
เวลานี้ฉห
ี นิงเองก็ดูเฉยๆ โดยที่ไม่ทําอะไรเลย แม้แต่เยว่หวนซานก็ถือ
ราชโองการแบบสองมือ แต่ไม่ทําอะไรเลย
เหยาจื่อกับขุนพลอีกคนพุ่งเข้าใส่ชวีหยวนกู่เหมือนหมาป่าที่หว
ิ
โหย
ตอนนี้มท
ี หารองครักษ์หลายสิบคนวิ่งเข้ามาในห้องโถง แล้วยื่น
หอกยาวไปที่พวกของเหยาจื่อ
เหยาจื่อมองเห็นสองพ่อลูกชวีหยวนกู่ถูกฆ่าแล้ส ก็เงยหน้าขึ้นมา
จากนั้นหัวเราะ แล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพ เราฆ่าโจรชั่วกบฏได้แล้ว เรา
แก้แค้นให้ท่านกับต้าฮั่นได้แล้ว ต่อให้เราต้องตายก็ไม่เสียดายชีวิต”
จากนั้นเขาก็เดินไปที่กลางห้องโถง แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าฉีหนิง ส่วน
ขุนพลอีกสามคนก็เดินตามมาแล้วคุกเข่าลงด้านหลังของเขาเหมือนกัน
ฉีหนิงกวาดสายตาไปที่ศพของสองพ่อลูกตระกูลชวี แล้วพูดว่า
“พวกเจ้าบังอาจมากนะ เมาแล้วก่อเรื่องแบบนี้ ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามี
ความแค้นกับสองพ่อลูกนี่ แต่ว่าพวกเขาเป็นขุนนางของแคว้นฉู่แล้ว
หลังจากพวกเจ้าเมาแล้วฆ่าพวกเขาต่อหน้า ......” พอพูดถึงตรงนี้ ก็
เหมือนนึกอะไรได้ เขาหันไปพูดกับเยว่หวนซานว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่
เมื่อกี้ชวีหยวนกู่รับราชโองการแล้วรึยัง?”
เยว่หวนซานถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าน้อยเพิ่งจะอ่านราช
โองการจบ ชวีหยวนกู่ยงั ไม่ทันได้รับราชโองการก็ ...... ก็มาเกิดการนอง
เลือดซะก่อนขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้น พวกเขาสองพ่อลูกก็ยังไม่ถือเป็นขุนนางของแคว้นฉู่
เราน่ะสิ?” ฉีหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ถึงแม้พวกเขาจะสวามิภักดิ์ต่อ
เราแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสํานักอย่างเป็นทางการ ตาม
หลักแล้ว ก็ยังไม่ใช่ขุนนางของแคว้นฉู”
่
พวกของเหยาจื่อมาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ พวกเขาเตรียมตัวตายมา
ก่อนแล้ว พวกเขาคิดว่าไม่ว่ายังไงก็จะต้องกําจัดสองพ่อลูกตระกูลชวีให้
ได้ ตอนที่เข้ามาที่จวนแม่ทัพใหญ่ พูดแล้วก็แปลกเหมือนกัน ถึงแม้จะ
ปลดอาวุธอย่างดาบไป แต่ว่าไม่มีใครมาค้นตัวพวกเขาเลย เขาเลยพก
มีดสั้นเข้ามาในจวนได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชาวแคว้นฉู่เองก็ต้องการฆ่าสองพ่อลูก
ตระกูลชวีอยู่แล้ว
แต่เพราะพวกเขาสองพ่อลูกสวามิภักดิ์ต่อแคว้นฉู่ยกลั่วหยางให้ไป
แล้ว กองทัพแคว้นฉู่ยึดลั่วหยางเอาไว้ได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลงานของ
สองพ่อลูก หากพวกเขาลงมือสังหารสองพ่อลูกอีก ถึงแม้พวกเขาสอง
พ่อลูกจะชั่วช้าสมควรตาย แต่อาจจะเกิดข้อครหากับแคว้นฉูภ
่ ายหลัง
ได้
ฉีหนิงจัดงานเลี้ยงในวันนี้ ที่จริงมันคือการสร้างสถานการณ์ให้เกิด
การนองเลือดมากกว่า
หากฉีหนิงไม่อยากให้สองพ่อลูกตระกูลชวีตาย ต่อให้เหยาจื่อพา
คนมาสักพันคน ฉีหนิงก็สามารถปกป้องชีวิตพวกเขาได้
พวกเหยาจื่อรู้เรื่องนี้ดี ฉีหนิงอาศัยมือของพวกเขาไปสังหารสอง
พ่อลูกนั่น
แต่พวกเขากลับไม่รู้สก
ึ โกรธเลย แต่กลับรู้สึกซาบซึ้งใจด้วยซ�า
“เราดื่มเหล้าจนก่อเรื่อง ท่านอ๋องลงโทษเราด้วยเถอะขอรับ”
เหยาจื่อขอรับโทษในทันที อีกสามคนก็เหมือนจะเข้าใจแล้วเหมือน ก็
ขอรับโทษเช่นกัน
ฉีหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทได้ประทานตําแหน่งจิ้นอ๋อง
ให้ชวีหยวนกู่แล้ว อีกทั้งยังแต่งตั้งให้ชวีม่านอิงเป็นจงหยงโหวด้วย หาก
พวกเขารับราชโองการไป พวกเขาก็จะเป็นท่านอ๋องกับโหวเยว่ของ
แคว้นฉู่ พวกเจ้าลงมือสังหารพวกเขาในจวนแม่ทัพใหญ่ ยังไงก็หนีโทษ
ตายไปไม่พ้น แม้แต่ข้ากับท่านแม่ทัพเยว่ก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน”
เขานิ่งไป ถอนหายใจแล้วพูดว่า “แต่ว่าพวกเขายังไม่ได้รับราชโองการ
ก็ถูกพวกเจ้าฆ่าตายซะก่อน ถึงแม้พวกเขาจะสวามิภักดิ์ต่อต้าฉู่แล้ว ใน
ราชโองการก็ไม่ได้มีบําเหน็จรางวัลอะไรให้พวกเจ้า พูดอย่างไม่ควร
หน่อยนะ พวกเจ้ากับสองพ่อลูกนี่ต่างเป็นชาวเป่ยฮั่น ฆ่ากันเองแบบนี้
คงลงโทษตามกฎหมายของแคว้นฉู่ไม่ได้ เรื่องนี้ ....... ทําให้ขา้ ลําบากใจ
จริงๆ”
เยว่หวนซานกระแอมไอออกมาแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องพูดถูกต้อง
แล้วขอรับ ในเมื่อสังหารขุนนางของเป่ยฮั่นเอง ก็สมควรดําเนินตาม
กฎหมายของแคว้นเป่ยฮั่นขอรับ”
“แต่ว่าแคว้นเป่ยฮั่นล่มสลายไปแล้ว ก็ไม่มีกฎหมายอะไร
หลงเหลืออีกแล้ว” ฉีหนิงพูดอย่างหงุดหงิดมาก “แล้วทีนี้ควรทํายังไงดี
ล่ะเนี้ย?”
พวกเหยาจื่อมาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ พวกเขาเตรียมตัวมาตายอยู่
แล้ว พวกเขาคิดว่าขอแค่ฆ่าสองพ่อลูกตระกูลชวีได้ ต่อให้จะต้องตาย
ในจวนแม่ทัพใหญ่ มันก็ค้ม
ุ ค่า เมื่อได้ลงมือสําเร็จ พวกเขารู้สึกว่าได้แก้
แค้นไปแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างใจอีก พร้อมตายทุกเมื่อ
แต่ใครจะไปคิดว่าฉีหนิงจะหาทางแก้ต่างให้กับพวกเขา พวกเขา
รู้สึกซาบซึ้งใจมาก พวกเขารู้ว่าการลงโทษโบยพวกเขาสามสิบทีมันถือ
เป็นการปิดคดีนี้ อย่าว่าแต่สามสิบทีเลย ต่อให้ต้องถูกโบยสามร้อยที
พวกเขาก็ยินดี พวกเขาโขกศรีษะลงแล้วพูดว่า “พวกเราน้อมรับโทษ
ขอรับ”
ฉีหนิงสั่งให้คนมาเอาศพของสองพ่อลูกตระกูชวีออกไป จากนั้นก็
กระแอมไอสองที แล้วหันไปพูดกับเยว่หวนซานว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่
เจ้าคิดว่าจัดการแบบนี้เหมาะสมรึเปล่า?”
ฉีหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “แม่ทัพใหญ่รายงานตามความเป็นจริง
ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม รายงานไปแบบนีแ
้ หละนะ” เขาชี้ไปที่พวกของ
เหยาจื่อแล้วพูดว่า “แต่ว่าหากพวกเจ้ากล้าดื่มจนเมาแล้วก่อเรื่องแบบ
นี้อีกล่ะก็ ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่ พวกเจ้าเข้าใจไหม”
เรื่องศึกทางเหนือสถานการณ์เริ่มนิ่งแล้ว ถึงแม้จะเป็นการฉวย
โอกาสในช่วงที่เกิดปัญหาภายใน ในดินแดนแคว้นฮั่นเกิดโจรผูร้ ้าย
มากมาย แต่การปราบปรามคนเหล่านั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ฉีหนิงต้องไป
กังวล
หน่วยความมั่นคงได้ออกประกาศไปทั่งทุกพื้นที่ภายในแคว้นเป่ย
ฮั่นว่า การจะให้ชาวเป่ยฮั่นทั้งหมดยอมรับแคว้นฉู่น้น
ั และผนวก
ทั้งหมดมาเป็นอาณาจักรเดียวกับแคว้นฉู่น้ัน จําเป็นต้องใช้เวลา แต่ว่า
โลกอันสงบสุขได้มาถึงแล้ว มันเป็นเรื่องที่ทุกคนในใต้หล้าสมควรจะ
ร่วมยินดี ขอให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ทุกคนจะได้อยู่กันอย่างเป็นสุข
มีกินมีใช้โดยไม่ต้องกังวลใจใดอีก
ตอนที่ฉห
ี นิงกลับมาถึงเจี้ยนเยี้ย คือหลังจากที่กองทัพฉูย
่ ึดเมืองลั่ว
หยางได้แล้วสองเดือน
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท ลิ่งหูซวี่เป็นขุนนางที่มีความสามารถ
มากๆ เขาเองก็หวังอยากจะใช้สิง่ ที่เขาได้เรียนรู้มาทําประโยชน์”
“นโยบายการปกครองของเขาไม่มีอะไรที่อ่านแล้วไร้สาระเลย มัน
เป็นการปกครองที่สามารถทําให้เกิดขึ้นได้จริงทั้งหมด” หลงไท่ถอน
หายใจแล้วพูดว่า “ที่จริงหากเขามาอยู่กับเราแต่แรก คิดว่าในช่วงที่
อดีตฮ่องเต้ยังอยู่ คงรวบรวมแผ่นดินไปได้นานแล้ว”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ตอนนี้มน
ั ก็ยังไม่สายเกินไป ฝ่าบาททรงมี
ราชโองการออกไปแล้ว สั่งให้เขาอยู่ที่ล่ัวหยางไปก่อนชั่วคราว เพื่อช่วย
เยว่หวนซานควบคุมสถานการณ์ทางเหนือทั้งหมดก่อน เขาเลยยังไม่
สามารถมาเข้าเฝ้าพระองค์ได้ในตอนนี”
้
หลงไท่นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “การจะทําให้ชาวบ้านและทหาร
ของเป่ยฮั่นยอมสิโรราบกับเราทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องแค่วันสองวัน ข้าได้
สั่งให้ลิ่งหูซวี่ยึดเอาความเมตตากรุณาเป็นหลักทั่วประเทศแล้ว แต่ว่า
ยังไงคิดจะให้พวกเขามีต้าฉู่จริงๆ อาจยังต้องใช้เวลา” เขาหยุดไปครู่
หนึ่ง แล้วพูดว่า “เมื่อสองวันก่อนข้าเองก็ได้หารือกับเหล่าขุนนางใน
ราชสํานักแล้ว เราคิดว่าจะย้ายเมืองหลวง”
“ย้ายเมืองหลวง?”
หลงไท่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ภูมิศาสตร์ของเมืองลั่วหยางดีกว่า
เจี้ยนเยี้ยมาก อีกทั้งหลังจากย้ายเมืองหลวงไปที่ล่ัวหยางแล้ว จะทําให้
คนทางเหนือยอมรับเร็วขึ้นด้วย แต่ว่าการย้ายเมืองหลวงนั้นมันเป็น
เรื่องใหญ่มาก ต้องใช้กําลังทรัพย์มากมาย ตอนนี้เลยยังอยู่ในขั้นตอน
การหารือ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเริม
่ เมื่อไหร่” หลงไท่ยิม
้ แล้วพูดว่า “มี
เรื่องต้องทําเยอะเลย เจ้าเพิ่งกลับมา ยังมีเวลาอีกมากมาย ไว้เราค่อยๆ
หารือกันก็ได้ ฮ่าฮ่า เราอายุยังน้อยอยู่ ต่อไปเรายังสามารถสร้าง
ความสุขให้ชาวบ้านได้อีก เจ้า ......”
“ฝ่าบาท ทรงยังจําที่เรื่องที่กระหม่อมทูลกับพระองค์ก่อนไปทาง
เหนือได้ไหม” ฉีหนิงไม่รอให้หลงไท่พูดจบ เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า
“กระหม่อมหวังว่าหลังจากแผ่นดินเป็นหนึ่งแล้ว จะลาออกจากทุก
บรรดาศักดิ์และทุกตําแหน่งโดยไม่รับเบี้ยหวัดอีก ขอทรงอนุญาตด้วย”
หลงไท่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าลองคิดดูแล้วนะ ข้าต้องการให้เจ้า
อยู่ เพราะเจ้ายังช่วยข้าได้อีกมากมาย อยากไม่อยากให้เจ้าไปไหน”
หลงไท่คิดแค่ว่าที่ฉห
ี นิงพูดว่า “ได้มีชว
ี ิตอีกครั้ง” หมายถึงการ
กลายมาเป็นคนของตระกูลฉี แต่ไม่ได้คิดว่าฉีหนิงหมายถึงการได้มีชีวิต
อีกครั้งจริงๆ
ได้มีชีวิตอีกครั้ง
“เจ้าให้ข้าปวดหัวอยู่ในราชสํานัก แล้วตัวเองก็ออกไปเที่ยวงั้น
เหรอ?” หลงไท่ไม่ได้พด
ู ดีด้วย “เจ้าจะสบายเกินไปหน่อยไหม?”
“คนมีความสามารถก็ต้องยุ่งมากเป็นธรรมดา” ฉีหนิงยิ้มแล้วพูด
ว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชา เชี่ยวชาญการปกครองประเทศ ทรงต้องทํา
ประโยชน์ได้มากแน่นอน ในบันทึกประวัติศาสตร์ จะต้องบันทึก
สรรเสริญพระองค์แน่นอน ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ฝ่าบาทอาจจะต้องใช้
เวลาอีกหลายปีในการปรับปรุงแก้ไขซ่อมแซมสิ่งที่เสียไปในช่วง
สงคราม ยังไงก็ต้องทรงอยากเห็นชาวบ้านได้กินอิ่มท้องก่อน ไว้กําลัง
ทรัพย์ของชาวบ้านเข้มแข็งขึ้นแล้วเมื่อไหร่ หากทรงคิดอยากจะขยาย
อาณาเขต ก็ทําได้อยูแ
่ ล้ว หากไม่ได้ทรงคิดจะขยายพื้นที่ ก็ให้ชาวบ้าน
ได้อยู่อย่างมีความสุขสืยชบไปได้ ยังไงก็ทรงถูกบันทึกว่าฮ่องเต้ที่ดีมาก
อยู่แล้ว”
หลงไท่พยักหน้า
หลงไท่ฟังสิ่งที่ฉีหนิงพูดแล้ว เหมือนว่าเขาอยากจะไปจากตัวเอง
จริงๆ เขารู้สึกเศร้ามาก แต่ก็ยงั พยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าพูดมา
ขนาดนีแ
้ ล้ว ข้าต้องพัฒนากองทัพเรือของเราแน่นอน เมื่อโอกาสมาถึง
ข้าจะสั่งให้พวกเขาบุกไปจัดการพวกฟูโซ”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชาอยู่แล้ว ทะเลอันกว้าง
ใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ว่าใต้ท้องทะเลมีสมบัติมหาศาลซ่อนอยู่ ต้าฉู่ของ
เราไม่เพียงมีทรัพยากรทางบกที่อุดมสมบูรณ์ แต่ในทะเลก็เช่นกัน
สถานที่ใดที่เรายึดได้ ก็ให้นาํ เป็นกําลังของจงหยวนเถอะ ฝ่าบาท ต้อง
ทรงจําไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเกาะเล็กแค่ไหน ขอแค่ลอยเหนือน�ามาได้ ก็ต้อง
ไปยึดเอามา ถึงจะสามารถพิสจ
ู น์และยืนยันได้ว่าเรานั้นแข็งแกร่งแค่
ไหน หากใครยึดไป แล้วก็ไปตีมน
ั แล้วเอากลับมา”
หลงไท่หัวเราะแล้วพูดว่า “ของๆ เรา ไม่มีทางปล่อยให้ใครไป
หรอก ใครคิดจะรังแกเรา เราก็จัดการมันอย่าให้มน
ั เงยหน้าขึ้นมาได้
อีก”
“กระหม่อมไม่ได้จากพระองค์ไปไหน ชั่วชีวิตก็ไม่มีทางจากไปไหน
ได้ ขอแค่ฝ่าบาททรงต้องการทรงคิดถึงกระหม่อม กระหม่อมรับรองว่า
จะมาปรากฎตัวต่อหน้าพระองค์แน่นอน” ฉีหนิงพูด
หลงไท่ย่ น
ื มือออกไป ฉีหนิงเข้าใจความหมายของเขา เขาเองก็ย่ ืน
มือออกไปเช่นกัน พวกเขาสองคนจับมือกัน หลงไท่พด
ู ว่า “เจ้าพูดแล้ว
ห้ามคืนคํานะ ไม่อย่างนั้นถือว่าหลอกลวงเบื้องสูง”
“ลูกผู้ชายคําไหนคํานั้น” ฉีหนิงยิ้มแล้วพูด
หลงไท่พูดว่า “เจ้าคิดอยากจะลาออกจากทุกตําแหน่งทุก
บรรดาศักดิ์ ข้าอนุญาตให้ท้ังหมดไม่ได้ เจ้าไม่อยากรับราชการ ข้าจะไม่
บังคับเจ้า เจ้าคิดอยากจะใช้ชีวิตอิสระ ข้าจะตามใจเจ้า ข้าจะแต่งตั้งให้
เจ้าเป็นเซียวเหยาอ๋อง ในใต้หล้านี้ เจ้าจะใช้ชีวิตได้อย่างอิสระอย่างที่
เจ้าต้องการ เจ้าคิดอยากจะพบข้าเมื่อไหร่ ก็เข้าวังมาได้ทุกเมื่อ”
ฉีหนิงลุกขึ้น แล้วโค้งคํานับพูดว่า “เป็นมหากรุณาธิคณ
ุ พะยะค่ะ”
หลงไท่เองก็ลก
ุ ขึ้นเช่นกัน เขาพูดว่า “เป็นข้าต่างหากที่ต้องขอบใจ
เจ้า”
“เจ้าว่ามาได้เลย ข้าจะรับปากเจ้าทุกอย่าง”
“ทําอะไรลําบากเหรอ?” หลงไท่จ้องไปที่ฉห
ี นิง “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้รึ
ไง ตอนที่ตรวจยึดทรัพย์จวนไหวหนานอ๋อง เจ้าได้ไปเยอะแค่ไหน แอบ
เอาสมบัติในจวนไปตั้งมากมายแล้ว อีกทั้งยังเอาเงินจํานวนนั้นไปซ่อน
ไว้ด้วย เงินพวกนั้นเจ้าใช้ท้ังชาติก็ไม่หมดหรอก”
ฉีหนิงยิม
้ เขินๆ
ตอนที่ตรวจยึดทรัพย์จวนไหวหนานอ๋อง ฉีหนิงหลอกใช้โต้วขุย
ยักยอกไปไม่นอ
้ ยจริง จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของหยวนหยง ได้นํา
เงินจํานวนมหาศาลนั้นไปเก็บไว้ที่ธนาคารใต้ดิน อย่างที่หลงไท่พูดมา
ต่อให้เขาใช้เงินเหมือนน�า เงินก้อนนั้นทั้งชาติเขาก็ใช้ไม่หมด
“แต่ว่าข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างหนึ่ง” หลงไท่พด
ู เบาๆ ว่า “ข้าได้
แอบส่งราชโองการลับไปให้หยวนหยงที่กรมการค้าทางทะเลแล้ว บอก
เขาว่าตั้งแต่นี้ต่อไป การค้าสมุนไพรทางทะเล ให้สิทธิร้านยาตระกูล
เถียนร้านเดียว ยาสมุนไพรที่มาจากหนานหยาง ก็ให้เป็นสิทธิของร้าน
ยาตระกูลเถียน ยาสมุนไพรที่มาจากที่อ่ ืนๆ ให้ร้านยาตระกูลเถียนนําไป
ค้าขายแลกเปลี่ยนทั้งหมด ทําแบบนี้แล้ว รายรับแต่ละปีของตระกูล
เถียนมีมากน้อยแค่ไหนเจ้าก็นา่ จะคํานวณได้นะ”
ฉีหนิงดีใจมาก การค้าขายกับหนานหยาง มีสินค้ามากมาย แต่ว่า
ยาสมุนไพรเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีกําไรมากที่สด
ุ หากการค้าขายยาเป็น
สิทธิของร้านยาตระกูลเถียนทั้งหมด แต่ละปีก็จะได้เงินมาไม่ต�ากว่า
แสนตําลึง
ฉีหนิงตะลึง คิดในใจว่าเรื่องระหว่างเขากับเถียนฮูหยินฮ่องเต้ก็รู้
ด้วยเหรอเนี่ย? ฮ่องเต้นี่ก็สอดรู้สอดเห็นเหมือนกันนะเนี่ย
“กระหม่อมแค่เห็นว่านางเป็นม่ายอยู่กับลูกแค่สองคน ชีวิตน่า
สงสาร เลยให้ความช่วยเหลือมากหน่อยเท่านั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่
พระองค์คิดสักหน่อย” ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูด
ทุกครั้งที่ฉีหนิงเห็นหน้าถังนั่ว เขาจะรู้สึกสบายใจมาก
ที่จริงฉีหนิงรู้สก
ึ ว่านางเหมือนดอกบัว ดูงดงามแบบเรียบง่าย แต่ก็
ไม่ใช่ว่าไม่มีเสน่ห์ รูปร่างนางก็ดี เป็นแบบที่ผู้ชายหลายคนชื่นชอบ แต่
เวลาฉีหนิงเห็นนาง ในใจกลับไม่ได้คิดไม่ดีกับนางเลย
นางดูไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น
แต่ว่าเขาไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับถังนั่วเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ไม่ใช่ว่านางจะไม่มีความดึงดูดทางเพศหรือว่าไม่มีเสน่ห์ แต่
กลับกัน ความงดงามที่เรียบง่ายของนาง มันทําให้ฉห
ี นิงรู้สึกอยากจะให้
เกียรตินาง
ถังนั่วมาเปิดรักษาคนในเมืองหลวง นางช่วยชีวิตคนไปมากมาย
นอกจากหกนางจะมีฝม
ี ือแล้ว สาเหตุที่สําคัญกว่านั้นก็คือนางต้องการ
หาวิธีทําให้คนตายฟื้นคืน เพื่อช่วยแม่ของนาง
แต่นางกลับไม่รู้เลยว่า หยินอู๋จี๋ได้ทําลายร่างของแม่นางไปแล้ว
แต่ว่าถังนั่วไม่ได้ดูมป
ี ฏิกิรย
ิ าอะไรรุนแรงอย่างที่เขาคิดเลย แต่นาง
กลับนิ่งเงียบไป จากนั้นถึงได้ถามว่า “อาเหน่าตอนนี้อยูก
่ ับเขาเหรอ?”
ถังนั่วพยักหน้าแล้วพูดว่า “แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
ถังนั่วยิ้มแล้วพูดว่า “ตลอดสองปีที่ผ่านมาข้ารบกวนท่านมากแล้ว
ที่จริงต้องขอบคุณท่านด้วยซ�าไป ในเมื่อท่านแม่ไม่อยูแ
่ ล้ว ข้าก็ไม่
จําเป็นต้องอยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไป ข้าจะเก็บของ อีกสองวันก็จะ
กลับไป”
ถังนั่วพยักหน้าแล้วพูดว่า “ต่อไปอาจจะไม่ได้กลับมาที่เมืองหลวง
อีก แต่ว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาข้าเจอเรื่องสนุกเยอะแยะมากมายใน
เมืองหลวง เจอคนมากกว่าที่ขา้ อยู่มาก่อนหน้านี้เป็นสิบปีซะอีก ทุก
อย่างนี้เป็นเพราะท่านแนะนําให้ข้ามาที่เมืองหลวงนี”
่ นางยิม
้ อ่อนๆ
“หากต่อไปท่านมีเวลาว่าง ก็ไปเที่ยวหาข้าที่ซีชวนได้นะ ที่น่น
ั อย่าง
น้อยก็พอมีอาหารดีดีพอจะรับรองต้อนรับเจ้าอยู่”
ฉีหนิงคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ถังนั่วได้รับรู้ความจริงแล้ว กลับคิด
จะกลับไปที่ซีชวน เขารู้ว่าถึงแม้นางจะดูอ่อนแอ แต่ว่าถ้านางตัดสินใจ
จะทําอะไรแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจนางได้ เขาคิดแล้วถึงพูดว่า
“ก่อนที่ผู้อาวุโสหลีจะตายท่านสั่งให้ขา้ ดูแลเจ้า ผู้ ...... ผู้อาวุโสหลีเองก็
มีเจตนาเดียวกันนะ”
ในเมื่อผูห
้ ญิงพูดมาตรงๆ แล้วว่าไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเขา ฉีหนิง
จะไปบังคับมันก็ไม่ได้ เขาลังเล แต่ก็พด
ู ได้แค่ว่า “แม่นางถังคิดจะ
กลับไปที่ซีชวน ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปส่งเจ้าแล้วกันนะ”
“ท่านมีเวลาว่างเหรอ?” ถังนั่วไม่ได้ปฏิเสธเขา
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ข้าไม่มีตําแหน่ง ไม่ต้องทํางานแล้ว ข้า
มีเวลาเยอะแยะไป ก็ดีเหมือนกันข้าเองก็มีเรื่องที่ต้องไปทําที่น่น
ั อยู่ เลย
ไปส่งแม่นางถังเลยก็แล้วกัน”
“ที่แท้ท่านก็ไม่ได้คิดจะไปส่งข้าโดยเฉพาะหรอกเหรอ” ถังนั่วพูด
จากนั้นเขาก็ได้ยน
ิ เสียงของเซียนเอ๋อร์พูดว่า “แรงน้อยเกินไป ทํา
อันตรายศัตรูไม่ได้ แรงมากเกินไป จะทําให้ไม่ตรงเป้า อาวุธลับในมือไม่
เหมือนกัน การใช้แรงก็ต่างกันด้วย เจ้าอย่าเพิง่ ใจร้อนไป เจ้าเพิ่งเริ่มฝึก
ได้ไม่นาน แต่ก้าวหน้าไปมาก ถือว่าเก่งมากแล้วนะ สองสามวันมานี่ขา้
กําลังเขียนตําราเกี่ยวกับการใช้อาวุธลับอยู่ มีเขียนแนะนําอาวุธลับแต่
ละชนิด แรงที่เจ้าใช้กับมีดบินมันดีอยู่แล้ว ควบคุมแรงให้ดีกพอ ส่วน
อาวุธลับอื่นๆ ก็เพิ่มหรือลดแรงตามความเหมาะสมไป ก็ไม่มป
ี ัญหา
แล้ว”
ฉีหนิงแอบมองอยู่ด้านนอก เห็นซีเหมินจั้นอิงกําลังฝึกการใช้อาวุธ
ลับกับจั่วเซียนเอ๋อร์อยู่
ถึงแม้ซีเหมิวนจั้นอิงจะโตมาในจวนเสินโหว แต่นางฝึกได้แค่เพลง
หมัดมวยกับพวกอาวุธใหญ่ แต่ไม่เคยได้เรียนเกี่ยวกับอาวุธลับ
หลังจากกบฏเซียวจ้าวจง จั่วเซียนเอ๋อร์ก็มาฟื้นอาการบาดเจ็บที่
จวนอี้เหิงอ๋อง เริ่มแรกซีเหมินจั้นอิงยังไม่ยอมรับในตัวของจั่วเซียนเอ๋อร์
แต่ว่าจั่วเซียนเอ๋อร์เป็นคนที่เอาใจอ่านใจคนเก่งมาก นางอ่านนิสัยซีเห
มินจั้นอิงออกว่าเป็นคนตรงไปตรงมา เลยยอมให้นางทุกอย่าง ไม่นานก็
ได้รับการยอมรับซีเหมินจั้นอิง สิ่งที่สําคัญที่สด
ุ ก็คือจั่วเซียนเอ๋อร์มีวิชา
อาวุธลับติดตัว ซึ่งซีเหมินจั้นอิงนั้นสนใจมาก จั่วเซียนเอ๋อร์ก็เลยสอน
การใช้อาวุธลับกับนาง พอมีเวลาว่างซีเหมินจั้นอิงเมื่อไหร่ที่มีเวลาว่าง
ก็จะมาอยู่กับจั่วเซียนเอ๋อร์ จากนั้นก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น
หลังจากกลับมาจากเกาะเสวียนอู่
ชื่อตันเหมยคุ้มกันจั่วชิงหยางกับคงฮานใต้ซือกลับมาเมืองหลวง
นางกลับมาพักที่จวนอ๋องพักหนึ่ง แต่ว่านางเบื่อเกินไป เลยกลับไปที่
เกาะไป๋อวิ๋นแทน
จวนเสินโหวได้ระบผลกระทบหนักมากก ซีเหมินอู๋เหิงจวนเสินโหว
คนก่อนตายบนเขาต้าเสวียซาน เจ็ดดาวไถ ตายไปสีค
่ น เหลือแค่เหวินช
วีเสี้ยวเว่ยหานเทียนซู่ เหลียนเจินเสี้ยวเว่ยหงเหมินเต้าแล้วก็อู่ชวีเสี้ยว
เว่ย สามคนเท่านั้น
ฮ่องเต้ก็รู้ว่าจวนเสินโหวมีความเกี่ยวพันกับทางยุทธภพมาก ขอ
แค่จวนเสินโหวยังอยู่ เหล่าสํานักและพรรคในยุทธภพก็ไม่กล้าทําอะไร
การสืบต่ออํานาจของจวนเสินโหวเป็นสิ่งที่ต้องทําต่อไป ก็เลยรับคําร้อง
ของพวกหานเทียนซู่ แต่งตั้งให้หงเหมินเต้านั่งตําแหน่งเสินโหว
ถึงแม้จวนเสินโหวจะได้รับผลกระทบหนักมาก แต่ว่ารากฐานที่วาง
เอาไว้น้น
ั มันแข็งแรงมากไม่ได้สะเทือนเท่าไหร่ เพียงแต่หลังจากต้าฉู่
รวบรวมใต้หล้าได้แล้ว อํานาจของจวนเสินโหวนั้นมันกระจายไปกว้าง
กว่าเดิม ถึงแม้ทางเหนือจะมีฐานที่ม่ันอยู่ แต่ว่าก็ยังไม่ได้มม
ี ากพอ
จําเป็นต้องทีกําลังเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้สามารถสําเร็จในเร็ววันได้
หานโซ่งเป็นพ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลฉี เขาจงรักภักดีต่อฉีหนิง
มาก เมื่อก่อนตอนที่ก้ช
ู งิ ฮั่นเป็นคนดูแลบ้าน หานโซ่วจะคอยช่วยเหลือ
แต่หลังจากกู้ชงิ ฮั่นไม่อยู่แล้ว ซีเหมินจั้นอิงก็ไม่ถนัดในการดูแลเรื่อง
ภายในบ้านเท่าไหร่ เรื่องในจวนหลายอย่าง พ่อบ้านหานเลยเป็นคน
ดูแลไปโดยปริยาย ฉีหนิงไว้ใจพ่อบ้านหานมาก เพราะเขาทํางาน
ละเอียด ถึงแม้อาจจะไม่ได้เก่งเท่ากู้ชิงฮั่น แต่ว่าภาพรวมแล้วจวนอ๋องก็
เป็นระเบียบมาก
“เมื่อครู่ท่านอาจารย์จ่ัวส่งคนมาถามว่า ปีนี้เราจะส่งเงินไปให้
เมื่อไหร่ขอรับ” หานโซ่วพูดว่า “ท่านอาจารย์จ่ัวเพิ่งกลับมาเปิด
วิทยาลัยเมื่อวันก่อน ท่านบอกว่าช่วงนีต
้ ้องใช้เงินมากขอรับ”
เมื่อก่อนจิ่นอีตระกูลฉีจะบริจาคเงินสนับสนุนวิทยาลัยฉงหลินปีละ
ห้าร้อยตําลึง ส่งให้ไม่เคยขาดเลย แต่ว่าหลังจากจั่วชิงหยางหายตัวไป
วิทยาลัยก็ปด
ิ ตัวลง เงินก่อนนั้นก็เลยไม่ได้สง่ ไปอีก ใครจะคิดว่าจั่วชิงห
ยางจะกลับมาเปิดวิทยาลัยอีก อีกทั้งยังส่งคนมาขอเงิน
ฉีหนิงคิดในใจว่าตาเฒ่านี้หน้าด้านเหมือนกันนะเนี่ย
เล่มที่ 50 บทที่ 1496 สาวเผ่าเหมียว
เมื่อเทียบกับการที่ต้าฉู่ผนวกเป่ยฮั่นได้แล้ว การกลับมาเปิด
วิทยาลัยฉงหลินนั้นไม่ได้มีใครสนใจอะไรมากนัก
ตอนที่ฉห
ี นิงมาถึงวิทยาลัยฉงหลิน สาวๆ ที่มาเล่าเรียนนั้นยังมีไม่
มาก ตอนที่ได้พบกับจั่วชิงหยาง เขากําลังจัดทําการเรียนการสอนอยู่
พอเห็นฉีหนิงเข้ามา เขาก็วางพูก
่ ันลง ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องนําเงินมา
ให้ง้ันเหรอ?”
“ใจป�ามากทีเดียว” จั่วชิงหยางยิม
้ แล้วพูดว่า “แต่ว่าข้าเองก็คงทํา
ได้อีกแค่สองปีเท่านั้น วิทยาลัยกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องสมควรแล้ว
เมื่อไหร่ ข้าก็จะให้คนรุน
่ หลังมาทําแทน”
“นอกจากท่านอาจารย์แล้ว เกรงว่าจะไม่มีใครรักษาวิทยาลัยนี้ได้
อีก”
“ท่านอ๋องถ่อมตัวเกินไปแล้ว” จั่วชิงหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าได้ไป
พบกับหยวนโม่เสียนคนของกรมพิธก
ี ารมาแล้ว ข้าบอกเขาว่า หากวัน
ใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว วิทยาลัยฉงหลินก็ฝากให้เขารักษาไว้ให้ได้ด้วย อีกไม่
นาน ทางกรมพิธีการก็จะออกประกาศ ให้วิทยาลัยฉงหลินเป็นวิทยาลัย
หลวง เจ้าเองก็จะเป็นรองผู้อํานวยการของวิทยาลัยนี้ มีเจ้าคอยหนุน
หลัง คิดว่าคงไม่มใี ครกล้าหาเรื่องวิทยาลัยฉงหลินอีก”
คนที่เข้ามาในห้องก็คือเสี่ยวเหยานั่นเอง
ฉีหนิงได้รู้ว่านางคือลูกสาวของอู่เซียวโหวซูเจินก็ที่วิทยาลัยฉง
หลินนี่ นางต้องดูแลแม่ที่มีอาการป่วยมานาน ทั้งสองคนไม่ได้รับการ
ยอมรับจากจวนอู่เซียวโหวเลย ใช้ชีวิตกันแค่สองแม่ลูก
ต่อมาฉีหนิงหาบ้านให้พวกนางได้อยูพ
่ ักอาศัย แล้วยังหาคนไป
ช่วยดูแลแม่ของนางด้วย
ตอนนี้ได้พบกับเสี่ยวเหยาอีกครั้ง สีหน้าของนางดีข้น
ึ มา อีกทั้ง
ใบหน้าของนางดูอวบอิ่มขึ้นด้วย เขาก็โล่งใจ เสีย
่ วเหยาวางน�าชาลง
แล้วทําความเคารพให้ฉีหนิง จากนั้นก็พูดว่า “ท่านอ๋อง”
“เสี่ยวหยาไม่ได้เป็นแค่นักเรียนของที่นี่ แต่นางยังเป็นอาจารย์
สอนของที่นี่ด้วย” จั่วชิงหยางลูบเคราแล้วยิ้ม “เสี่ยวเหยาเชี่ยวชาญ
เรื่องการดนตรี ไม่ว่าจะเป็นพิณหรือขลุ่ย ล้วนแต่โดดเด่น ดังนั้นข้าเลย
เชิญให้นางมาเป็นอาจารย์ของวิทยาลัยด้วย สอนเรื่องของดนตรี แต่ละ
เดือนมีค่าตอบแทนให้”
ฉีหนิงคิดในใจว่าอย่างน้อยตาแก่อย่างเจ้าก็ทําเรื่องดีดีก็เป็น เขา
ยิ้มแล้วพูดว่า “ดีมากเลย เสี่ยวเหยาเป็นคนฉลาด ต่อไปจะต้องประสบ
ความสําเร็จแน่นอน” เขาถามว่า “เสี่ยวเหยา แล้วแม่ของเจ้าตอนนี้เป็น
ยังไงบ้าง?”
เสี่ยวเหยายิ้มแล้วพูดว่า “แม่นางถังจะไปตรวจรักษาอาการให้
ท่านแม่ทุกเดือน เปลี่ยนและกินยาไปเยอะมาก ตอนนี้ท่านแม่มส
ี ติคืน
มามากแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นเยอะ สีหน้าก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณท่านอ๋องมากจริงๆ”
ก่อนหน้านี้ฉห
ี นิงมีเรื่องรัดตัวมาก เลยฝากฝั่งให้ก้ช
ู งิ ฮั่นช่วยดูแล
เสี่ยวเหยาสองแม่ลูก เขารู้ดีว่ากู้ชิงฮั่นเป็นคนละเอียดอ่อน ให้นางเป็น
คนดูแลเรื่องนี้เขาไม่ต้องห่วงอะไร
กู้ชิงฮั่นเองก็ดูแลพวกนางสองแม่ลก
ู อย่างดี ถังนั่วเองก็รู้ว่าแม่ของ
เสี่ยวเหยาป่วย ก็เลยยื่นมือเข้าไปช่วย
ก่อนหน้านี้เสี่ยวแทบจะไม่มีความสุขเลย แต่ว่าตอนนี้นางดูสดชื่น
อารมณ์ดีข้น
ึ มาก คิดว่าน่าจะมีความสุขกว่าเมื่อก่อนมาก
“ต่อไปหากมีอะไรให้ชว
่ ย ก็ไปที่จวนอ๋องได้เลยนะ หากข้าไม่อยู่ ก็
ไปหาพ่อบ้านหานได้เลย เขาช่วยเจ้าได้ทุกอย่าง” ฉีหนิงเห็นเสี่ยวเหยา
สีหน้าท่าทางดี เขาเองก็อารมณ์ดีไปด้วย
เสี่ยวเหยาตอบรับ นางรู้ว่าฉีหนิงกับจั่วชิงหยางมีเรื่องต้องคุยกัน ก็
เลยขอตัวออกไปก่อน
ฉีหนิงพยักหน้า เขาเองก็หวังวสาเสี่ยวเหยาจะประสบความสําเร็จ
และมีชว
ี ิตที่ดีต่อไปในอนาคต เขาถามว่า “จริงสิ ซาหนูกับหวังหนู ไป
บวชเป็นหลวงจีนแล้วจริงเหรอ?”
“ไม่เพียงเป็นหลวงจีนแล้ว คงฉานไต้ซือยังรับพวกเขาเป็นศิษย์
ด้วย ได้เป็นศิษย์ของคงฉานไต้ซือเองเลยนะ” จั่วชิงหยางยิ้มแล้วพูดว่า
“เมื่อวันก่อนข้าเพิ่งกลับมาจากวัดต้ากวงหมิง ทั้งสองคนบาปหนามาก
ดังนั้นไต้ซือเลยให้พวกเขาสวดมนต์ไปก่อนสักหนึ่งปี ข้าเห็นตอนที่พวก
เขาสวดมนต์ ก็พอใช้ได้อยู่นะ”
ฉีหนิงรู้สึกขําในใจหนักมาก แอบคิดในใจว่าซาหนูกับหวังหนูอยู่ใน
ยุทธภพ ก็ถือเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ตอนนี้ออกบวชเป็นหลวงจีนแล้ว อยู่
ศึกษาพระธรรมคําสอน กลับไม่รูว
้ ่าจะสามารถลบล้างบาปที่ทําไว้ได้
ไหม ต่อไปพวกเขาอาจจะเป็นหลวงจีนมีช่ อ
ื ก็ได้
ทั้งสองคนเดินทางชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ ฉีหนิงดูแลนางเป็นอย่างดี
พอกลับไปถึงเขาเชียนอูหลิง พวกเขาก็ไปกราบไหว้ที่สระน�าแข็ง ฉีหนิง
อยู่กับนางบนเขาอีกหลายวัน ถึงได้ขอตัวกลับ ถังนั่วลงมาส่งเขาที่ตีน
เขา แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ นางพูดกับฉีหนิงว่า “เถียนฟูมี
พรสวรรค์ด้านการแพทย์มากนะ หากท่านได้เจอแม่ของนาง ลองคุยกับ
นางดูว่า นางจะยอมให้เถียนฟูมาหาข้าที่เขานี่หรือเปล่า”
ฉีหนิงเข้าใจความหมายของถังนั่วดี
เถียนฟูเป็นลูกสาวของเถียนเสวียหยง ก่อนหน้านี้มีโรคประจําตัว
ถังนั่วรักษานางอยู่นางจนหายดี ตอนที่เถียนฟูอยู่กับถังนั่ว นางก็หูตาไว
นางสนใจเรื่องของการแพทย์ ถังนั่วก็เห็นว่านางมีพรสวรรค์ในด้านนี้
ดังนั้นเลยอยากรับนางเป็นศิษย์
ถังนั่วได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากหลีซีกงโดยตรง วิชาการแพทย์
ของนางไม่เป็นรองใคร หากเถียนฟูได้มาเป็นศิษย์ของนางจริง ถือว่า
เป็นบุญของเถียนฟู หากเถียนเสวียหยงรู้เรื่องนี้ ต่อให้นางไม่อยากจาก
กับลูกสาว แต่ก็จะต้องดีใจมากแน่นอน
หลังจากถ�าเฮยเหยียนของซีชวนเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น เจ้าถ�า
ถูกสังหาร อี๋ฟูได้รับการสนับสนุนให้เป็นเจ้าถ�าคนใหม่ นําพาคนในเผ่า
รอดพ้นภัยต่อไป
อี๋ฟูได้รบ
ั ตําแหน่งเจ้าถ�ามาได้ เหตุผลมีเยอะแยะมากมาย อย่าง
แรกเพราะอี๋ฟูมต
ี ําแหน่งที่สูงมากในเผ่า อีกทั้งนางยังมีสายเลือด
เกี่ยวข้องกับเจ้าถ�าคนเก่าอย่างปาเย่ลี่โดยตรงด้วย หลังจากปาเย่ลี่ถูก
สังหาร นางก็กลายมาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูล ถึงแม้ชาว
เหมียวจะไม่ถึงขึ้นว่าชายหญิงมีความเท่าเทียม แต่ฐานะของผู้หญิงก็
ไม่ได้ต�าต้อย ให้ผู้หญิงเป็นเจ้าถ�า มันไม่ได้มีกฎห้าม อย่างที่สองอี๋ฟูเองก็
มีความสามารถมาก ถึงแม้จะเป็นผูห
้ ญิง แต่ก็ใจกล้าไม่ต่างกับผู้ชาย สิ่ง
ที่สําคัญที่สุดก็คือ ถ�าเฮยเหยียนเคยได้ฝากอนาคตไว้กับจิ่นอีตระกูลฉี
ตั้งแต่ตอนที่กองทัพฉู่ยกทัพปราบปราบดินแดนสู่ อี๋ฟม
ู ีความสัมพันธ์
ค่อนข้างลึกซึ้งกับฉีหนิง เหล่าผู้อาวุโสในเผ่าคิดว่าการให้นางเป็นเจ้าถ�า
ต่อไปถ�าเฮยเหยียนก็จะสามารถมีจิ่นอีตระกูลฉีเป็นที่พ่ึงพิงไปได้ตลอด
การมีจิ่นอีตระกูลฉีเป็นที่พ่ึง สถานภาพของถ�าเฮยเหยียนในซีชวน
ก็ดีกว่าเดิมมาก
ตอนนี้เข้าปลายเดือนห้าแล้ว ภูเขาต้นไม้เขียวชะอุ่ม
ริมผนังเขาเป็นเส้นทางที่อันตรายมาก ต่อให้เป็นชาวเหมียวเอง ก็
ไม่กล้าปีนขึ้นไปตรงที่แบบนั้น ตอนนีฉ
้ ีหนิงเกาะอยู่ตรงผนังเขา แล้วยื่น
มือไปเก็บยาสมุนไพรมาไว้ที่ตะกร้าที่เอวของเขา
ฉีหนิงไม่ได้พูดอะไร เขาปีนขึ้นไปเก็บสมุนไพรมาอีกเจ็ดแปดชนิด
จากนั้นก็ลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็วเหมือนลิงอย่างง่ายดาย เขาไม่ได้
หายใจหอบเลย อี๋ฟูรีบวิ่งมาหาเขา แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ด
เหงื่อที่หน้าผากให้เขา แล้วพูดว่า “ข้างบนมันอันตรายมากนะ ทําไมเจ้า
ถึงไม่ฟงั เลย”
ฉีหนิงถอดถุงที่ห้อยที่เอวของเขายื่นให้อี๋ฟู เขายิ้มแล้วพูดว่า “ก็
บอกเองว่าหญ้าฮวาหลิงมันเป็นสมุนไพรหายากมากไม่ใช่เหรอ ร้าน
ขายยาขายมันในราคาแพงมาก เก็บให้มากหน่อย แล้วเอาไปเก็บไว้ใน
คลัง แล้วรอคนของร้านยาตระกูลเถียนมารับไป ก็ขายให้พวกเขาใน
ราคาที่แพงหน่อย”
“ข้าไม่กล้าแย่งความชอบของสาวงามอย่างเจ้ามาหรอกนะ” ฉี
หนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “เป็นเพราะเจ้าต่างหาก ถ�าเฮยเหยียนถึงได้
เจริญก้าวหน้าแบบนี้ แล้วก็เป็นเพราะพวกเขาเองก็ขยันทนลําบากกัน
ถึงได้มช
ี ีวิตที่ดีข้น
ึ ข้าก็แค่ทําในเรื่องที่ข้าพอจะทําได้เท่านั้น”
อี๋ฟูยิม
้ แล้วพูดว่า “ไม่ว่ายังไงทุกคนก็รู้สึกขอบคุณเจ้าอยู่ดี”
“ข้าก็มาแล้วนี่ไง” ฉีหนิงรู้ว่าเขาแห่งนีม
้ ียาสมุนไพรมากมาย แล้ว
มักจะมีคนในเผ่าออกมาเก็บสมุนไพรกัน เขาเลยไม่ทําอะไร เขาจูงมือ
ของอี๋ฟู ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเกือบลืมไป ข้ามีของจะให้เจ้าด้วย วางไว้ที่
ค่ายน่ะ เรารีบกลับไปกันเถอะ ไว้ข้าจะเอาให้เจ้าดูนะ จะได้รู้ว่าเจ้าชอบ
รึเปล่า”
อี๋ฟูพูดอย่างแปลกใจว่า “ของอะไรงั้นเหรอ?”
พอใกล้จะถึงค่าย อี๋ฟูก็พบว่าตอนที่ออกจากค่ายไปเมื่อเช้าทุกอย่างยังดู
ปกติดี ตอนนี้พอมองมาจากไกลๆ กลับมีการแขวนโคมไฟสีสันมากมาย
นางแปลกใจมาก แล้วพูดว่า “มีคนในค่ายแต่งงานวันนี้เหรอ? ทําไมข้า
ถึงไม่รู้เรื่องเลยล่ะ?” นางรู้สึกแปลกใจมาก พอเดินถึงปากทางเข้าค่ายที่
พัก นางเห็นมีสาวชาวเหมียวหลายสิบคนแต่งตัวสวยงามเดินมาหา
ตัวเอง นางยังไม่ทันตั้งตัว สาวๆ พวกนั้นก็พานางไป
เล่มที่ 50 บทที่ 1497 บทสุดท้าย
อี๋ฟูถูกลากเข้าไปในค่าย นางเห็นคนในเผ่าทั้งหมดไม่ว่าจะผู้ชาย
ผู้หญิงคนแก่หรือว่าเด็กมาอยู่รวมตัวกันหมด อีกทั้งเหล่าผู้อาวุโสยังมอง
มาที่นางแล้วก็ยิ้มอีกด้วย
อี๋ฟูรู้สึกมึนงงไปหมด
ทําไมทุกคนถึงมารวมตัวกันที่นี่? แต่ทําไมเจ้าถ�าอย่างนางถึงได้ไม่
รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?
ท่ามกลางความมึนงงของนาง นางก็ถก
ู เหล่าสาวๆ ลากเข้าไปใน
ห้อง จัดการแต่งตัวให้นาง จนถึงตอนนีน
้ างถึงได้เริม
่ เข้าใจแล้วว่ามัน
เกิดอะไรขึ้น หลังจากตกตะลึงอยู่ได้ครูห
่ นึ่ง ในใจของนางก็เริ่มดีใจมาก
จนกระทั่งฟ้ามืดสนิทแล้ว ในค่ายที่พักเริ่มก่อกองไฟ อี๋ฟูที่โดนจับ
แต่งตัวให้สวยงามก็ถูกเหล่าสาวๆ พาออกมาที่ลานกว้าง
จากนั้นก็เห็นมีชายหนุม
่ ในเผ่ากําลังล้อมหน้าล้อมหลังชายคนหนึ่ง
อยู่ อี๋ฟูแค่มองก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นที่สวมชุดชาวเหมียวอยู่น้น
ั ก็คือฉี
หนิง
ฉีหนิงเดินหน้าขึ้นมา แล้วจูงมือของอี๋ฟู เขายิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเคย
บอกเจ้าว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้า หวังว่าข้าคงไม่ได้ทําให้เจ้ารอนาน
เกินไปนะ”
“ไปได้สก
ั พักแล้วเจ้าค่ะ” แม่นางคนนั้นพูดว่า “แต่ว่าพวกเขาไป
ไหน ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
ฟ้ามืดมากแล้ว อีกทั้งเซีย
่ งไป๋อิ่งกับเสี่ยวเตี๋ยก็ไปนานแล้ว ถ้าไป
ออกตามหาตอนนี้ ยังไงก็หาเจอได้ยาก อีกทั้งหากเซี่ยงไป๋อิ่งอยากจะ
อยู่พบเขา ก็ไม่มีทางไปแบบไม่ลาแบบนี้ ในเมื่อเขาเลือกทําแบบนี้
แสดงว่าวันนี้เขาไม่ได้คิดจะพบหน้าฉีหนิง
เพียงแต่ว่าไม่รูว
้ ่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก
อี๋ฟูรู้ว่าท่านอาเซี่ยงที่ฉห
ี นิงหมายถึงนั้นเป็นใครกัน นางเห็นฉีหนิง
หงุดหงิดใจมาก ก็จับมือของเขาเอาไว้ “เวลายังอีกยาวไกล ยังไงก็มี
โอกาสได้พบพวกเขาอีกแน่นอน ไม่ต้องร้อนใจไปหรอกนะ”
..............................................................
หลังจากนั้นสองปี ที่เกาะไป๋อวิ๋น
เกาะไป๋อวิ๋นที่เบ่งบานเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ มีบ้านไม้
อยู่หลังหนึ่ง ถังนั่วกําลังยืนอยู่บนหน้าโต๊ะที่เต็มไปด้วยขวดยา นางมอง
ไปที่ยาเหมือนกําลังคิดอะไรอยู่ ด้านข้างมีแม่นางอีกคนหนึ่งกําลังหั่นยา
สมุนไพรอยู่ นางหันกลับมาพูดว่า “อาจารย์ ยาที่ปรุงขึ้นหลายวันก่อน
มันไม่ค่อยได้ผลเลย ศิษย์ว่าฤทธิร์ ้อนมันมากเกินไป เราลองลดสมุนไพร
ฤทธิ์ร้อนลงดูดีไหม? หรือว่าจะเพิ่มสมุนไพรลดความร้อนลง อย่างพวก
ไป๋เหมาเกินกับหญ้าเติงซิน” คนที่พูดนั้นก็คือเถียนฟู
“แม่นางถังก็เป็นคนสวย เขาจะยอมให้นางอยู่คนเดียวได้ยังไงล่ะ
แล้วก็ไม่มีทางยอมให้ผู้ชายคนอื่นมาชิงเอาไปได้หรอก” จั่วชิงหยางกับ
ซีเหมินอู๋เหิงเดินกันไปตามทางที่รายล้อมด้วยดอกไม้ “ตอนที่แม่นางถัง
ไปจากเมืองหลวง ข้าก็เดาไว้อยูแ
่ ล้วว่าเราจะต้องได้กลับมาอยูด
่ ้วยกัน
อีก”
ซีเหมินจั้นอิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “อีกไม่กี่วันเขาก็จะไปตงไฮ่อีก
แล้ว บอกว่ามีเรื่องของกรมการค้าทางทะเลต้องไปจัดการ ตลอดเวลา
สองปีที่ผ่านมาเขาไปตงไฮ่อยู่เรื่อยเลย ชอบทําการค้านักหรือไงก็ไม่รู?้ ”
จั่วเซียนเอ๋อร์ยิ้มหวาน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ซีเหมินจั้นอิงเดินไปนั่งลงบนโขดหิน เงยหน้ามองฟ้า นางอดพูด
ไม่ได้ว่า “ที่แท้ที่นี่ก็เป็นที่ช่ ือตันเหมยเติบโตมานี่เอง มิน่านางถึงได้สวย
แบบนั้น บนเกาะนีส
่ วยจริงๆ เลยนะ มีดอกไม้เป็นเพื่อนทุกวัน ยังไงก็
ต้องสวยอยู่แล้วนี่เนอะ” เขามองซ้ายมองขวา แล้วพูดว่า “เมื่อกี้ยังเห็น
นางอยู่เลย ตอนนี้ไปไหนแล้วล่ะ? วันนีเ้ วรนางทําอาหารนี่นา”
จั่วเซียนเอ๋อร์พูดว่า “เมื่อกี้เห็นนางกับท่านพี่เดินไปที่ริมทะเลน่ะ
วันนี้เป็นเวรทําอาหารของนางจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่านางบอกว่าท่านพี่
รอกินอาหารอย่างเดียวทุกวันเลย วันนีน
้ างจะต้องให้เขาทําอาหารให้
เรากินให้ได้”
ซีเหมินจั้นอิงพูดว่า “นางทําให้เขาเข้าครัวได้เหรอ?”
จั่วเซียนเอ๋อร์ยิ้มแล้วพูดว่า “เราไม่มว
ี ิธี นางอาจจะมีก็ได้นะ”
ทันใดนั้นเองก็มเี สียงเด็กทารกร้องดังขึ้นมา นางก็รีบพูดว่า “ไท่เอ๋อร์ต่ ืน
แล้ว เรารีบไปดูกันเถอะ วันนี้เขาตื่นเร็วกว่าวันอื่นเลย”
บนชายหาด ฉีหนิงทําหน้าเหมือนหมูถก
ู เชือด แล้วมองไปที่ตาของ
ชื่อตันเหมยแล้วพูดว่า “ลูกผู้ชายอกสามศอก บอกว่าไม่ทํากับข้าวก็คือ
ไม่ทํา เราตกลงกันแล้วนะ วันนีเ้ ป็นเวรของเจ้า เจ้าจะบ่ายเบี่ยงแบบนี้
ไม่ได้นะ”
ฉีหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “แล้วถ้าหากข้าปฏิเสธล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นข้ารับรองได้เลยว่าช่วงเวลาที่เจ้าอยู่บนเกาะ เจ้าจะ
ไม่ได้แตะต้องใครอีกเลย” ชื่อตันเหมยพูดว่า “ข้าได้ตกลงกับพวกนาง
ไว้แล้ว หากวันนี้เจ้าไม่ทําอาหาร ต่อไปเจ้าก็จะต้องนอนคนเดียว ไม่มี
ใครอยู่เป็นเพื่อนเจ้าอีก”
ฉีหนิงส่ายหัวยิม
้ แล้วพูดว่า “ข้าไม่เชื่อ”
“จะลองดูก็ได้”
ฉีหนิงเดินขึ้นหน้าไปแล้วพูดว่า “เจ้าคิดจะให้ข้าทําอาหารจริง
เหรอ มันก็ไม่ใช่ไม่ได้ แต่เจ้าต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่งก่อน ข้าถึงจะ
รับปากเจ้า”
“เรื่องอะไร?”
ฉีหนิงยิม
้ ร้ายๆแล้วพูดว่า “คืนนี้เจ้ากับเซียนเอ๋อร์นอนเป็นเพื่อน
ข้า .......”
ฉีหนิงถอนหายใจ คิดในใจว่าสองสาวที่ตงไฮ่ถูกเขาหลอกล่อให้
นอนร่วมเตียงเดียวกับเขาไปแล้ว ถึงแม้ใช้เวลากล่อมนานหน่อย แต่ว่า
สุดท้ายเขาก็ได้สมใจ แต่ว่าสาวๆ บนเกาะกลับรับมือยากมาก
ชื่อตันเหมยไม่รู้ว่าฉีหนิงได้รับความสุขแบบคูณสองจากที่ตงไฮ่
มาแล้ว นางยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ว่าหากเจ้ายอมทํา คืนนี้อาจจะมีอะไร
พิเศษให้เจ้าก็ได้”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ไม่ทํา ข้าเองก็มีวิธีให้เจ้าทําให้ดีดีให้ขา้ ได้”
เขาตบไปที่หน้าอก แล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้นะ เจ้าซัดข้ามาสองที ถ้าข้า
ขยับแม้แต่นิดเดียว ถือว่าข้าแพ้ ข้าจะยอมทําอาหารทันที”
ชื่อตันเหมยเห็นท่าทีของฉีหนิงเปลี่ยนไป ก็รู้สก
ึ แปลกใจ นางเลย
เริ่มเป็นห่วง นางเดินหน้ามาหาเขา แล้วถามว่า “เจ้าเป็นอะไรไป?”
ชื่อตันเหมยตะลึงไป นางไม่เข้าใจว่าทําไมฉีหนิงถึงได้ถามนางแบบ
นี้ นางคิดแล้วตอบว่า “ความห่างชั้นของเจ้ากับต้าจงซือน่าจะมากกว่า
ของระหว่างเรานะ”
“เจ้าคิดแบบนั้นเหรอ?”
พอชื่อตันเหมยตามไป เรือก็แล่นออกไปจากฝั่งแล้ว
“ข้าจะไปสักระยะนะ พวกเจ้ารอข้ากลับมานะ” ฉีหนิงตะโกน
กลับมา ชื่อตันเหมยหน้าตาสงสัยมาก ฉีหนิงรีบร้อนออกจากเกาะไป
เขาจะไปไหนกันแน่นะ?
..............................................................
พระอาทิตย์กําลังจะตกดิน ฉีหนิงขีม
่ า้ มาคนเดียว เขาขี่ม้าไปถึงตีน
เขาที่ต้ังสํานักเฟิงเจี้ยน เขาเงยหน้ามองไปบนสํานัก
สํานักเฟิงเจี้ยนเคยเป็นสํานักอันดับหนึ่งในซีชวนมาก่อน หลังจาก
เซี่ยงไป๋อิ่งมอบสํานักให้ล่ซ
ู างเฮ่อแล้ว สํานักเฟิงเจี้ยนก็เคยมีช่วงเวลาที่
มีคนมาไม่ขาดสาย แต่ต้ังแต่ล่ซ
ู างเฮ่อไปตั้งสํานักใหม่ แล้วย้ายไปอยูท
่ ี่
สํานักอิ่งเฮ่อ สํานักเฟิงเจี้ยนก็เงียบเหงาลง
ในอดีตได้เลือกสร้างสํานักเฟิงเจี้ยนไว้ค่อนข้างไกลจากหมู่บ้าน
ผู้คน ในระยะยี่สิบลี้แทบจะไม่เจอใครเลย
ตกดึก ทุกอย่างรอบตัวมืดสนิท
ฉีหนิงเดินเข้าไปในสํานัก เขาก็รู้สึกวังเวงเหมือนกัน
เขามาที่สํานักเฟิงเจี้ยนหลายครั้ง แต่ละครั้งที่มากลับรู้สึกไม่
เหมือนกัน
ครั้งแรกเขามาพร้อมกับเซี่ยงไป๋อ่ิง แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับลู่
ซางเฮ่อ
นี่เป็นครั้งที่สามที่มาที่นี่
เสียงพิณอันไพเราะดังอย่างต่อเนื่องอยู่นาน ในที่สุดก็หยุดลง
พระจันทร์กลางท้องฟ้า พอได้ยินเสียงที่ค้น
ุ เคย ฉีหนิงเองก็ไม่รู้
เหมือนกันว่าควรร้องไห้หรือว่าหัวเราะดี
-จบอวสาน-
บันทึกนักเขียน
นิยายเรื่องบันทึกลับองครักษ์เสื้อแพรจบเล่มแล้ว ที่จริงเมื่อคืนนี้
เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็จะเขียนจบ แต่จู่ๆ ก็เกิดรู้สึกใจหายขึ้นมา ถึงแม้
เหลือีกแค่ไม่กี่ตัวอักษร กลับไม่สามารถเขียนมันต่อไปได้ เลยปิดไฟล์
ปิดคอม รอมาเขียนจบเรื่องในวันนี้แทน คิดว่าให้ได้อยูก
่ ับมันอีกสักวันก็
น่าจะดี
ในฐานะนักเขียนอารมณ์ความรู้สึกมันอาจจะไม่เหมือนกับนักอ่าน
สักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเขียนดีหรือไม่ดี ตลอดเวลาที่สามปีที่ผ่านมา ฉันก็
ถือว่าตัวเองคือส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ ขอแค่เปิดไฟล์งานขึ้นมา ฉันก็
เข้าไปอยู่ในโลกของนิยาย ยิ้มหัวเราะร้องไห้ไปกับพวกเขา ผ่าน
ประสบการณ์ชว
ี ิตที่พลิกไปพลิกมาพร้อมกับพวกเขา หากสามารถ
เขียนมันจบได้ผ่านในไม่กี่ตัวอักษรแล้วล่ะก็ การใช้ชีวิตในตลอดสามปี
ที่ผ่านมาก็เท่ากับไร้แสงสว่าง ความใจหายที่เกิดขึ้นเลยไม่รู้จะต้อง
อธิบายออกมาเป็นคําพูดยังไงดี
ที่จริงนักอ่านหลายพอจนถึงนิยายช่วงท้ายๆ มักจะพูดติดปากกัน
ว่า “ใกล้จบเล่มแล้ว” พวกเขาอาจจะไม่รู้ คําที่พวกเขาชอบพูดกันนั้น
เป็นคําที่ฉันไม่ชอบมันเลย เพราะมันทั้งใจหายแล้วก็พอใจ
ในฐานะนักอ่านอาจจะรู้สึกว่ามันควรถึงเวลาที่ควรจะถึงบทสรุป
สักที เกี่ยวกับโครงเรื่องของนิยายแล้วมันก็ไม่ได้มป
ี ญ
ั หาอะไร มันคือ
นิยายที่สมบูรณ์แบบเรื่องหนึ่ง พวกเขามองถึงบทสรุปของเรื่องราวนั้น
ออก
โครงเรื่องของนิยายเรื่องบันทึกลับองครักษ์เสื้อแพรนั้นไม่ได้ใหญ่
มากถ้าเทียบกับนิยายเรื่องอื่น แต่ฉันคิดว่ามันละเอียดมากแล้ว ตั้งแต่
จนจนจบ พูดถึงเรื่องราวที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ต่อให้อาจจะมี
บางอย่างที่คิดว่ามันไม่เป็นไปตามที่คิดสักเท่าไหร่ แต่สว
่ นตัวคิดว่ามัน
เป็นนิยายที่สมบูรณ์มากแล้ว
ฉันชอบคิดว่าตัวฉันนั้นคือคนเล่านิทานคนหนึ่ง แต่เปลี่ยนเป็นจาก
การใช้ปากเล่าเรื่องมาเป็นปากกาเท่านั้น คนเล่านิทานเล่าเรื่องจะต้อง
เล่าเรื่องราวให้ทก
ุ คนฟังได้อย่างมีอรรถรส ส่วนฉันก็เขียนนิยายที่
สนุกสนานให้ทก
ุ คนได้อ่านกัน
ฉันรู้ดีว่าอาจจะมีนักอ่านบางคนคิดว่าตอนจบมันเหมือนดูรีบร้อน
ที่จริงมันไม่ได้เขียนแบบรีบร้อนเลย หรืออาจจะพูดได้ว่าตอนจบของ
นิยายเรื่องหนึ่ง มันมักจะทําให้คนเสียดายหรือไม่ก็ใจหายมากกว่า
เริม
่ เข้าสู่วงการนี้ต้ังแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบันเขียนนิยายไปแล้ว 4
เรื่อง นิยายออนไลน์เรื่องแรกที่เขียนคือ “เจียงซาน” หลังจากนั้นก็
“ฉวนเฉิน” “กั๋วเส้อเซิงเซียว” และล่าสุด “บันทึกลับองครักษ์เสื้อแพร”
ระยะเวลาสอบกว่าปี เขียนไปทั้งหมดกว่า 1,800,000,000 กว่า
ตัวอักษร เฉลี่ย 1,800,000 ตัวอักษรต่อปี พูดถึงเรื่องความเร็ว ที่จริง
แล้วอาจจะสู้กับนักเขียนออนไลน์ท่านอื่นไม่ได้ แต่ยังดีที่เจ้านายไม่ได้
รังเกียจ ผลงานหลายต่อหลายชิ้น ได้ผลตอบรับที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งหมดเป็นเพราะนักอ่านทุกท่านคอยสนับสนุน มันก็อาจจะเป็นเพราะ
ความชอบส่วนบุคคลด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ทําเร็ว แต่ว่าแต่ละคําที่เขียน
ออกมานั้นก็ออกมาจากใจ และไม่เคยลืมอุดมการณ์ตอนแรกเริ่มเลย ไม่
เคยเขียนหรือทํางานแบบชุ่ยๆ
สุดท้ายบันทึกลับองครักษ์เสื้อแพรก็เริม
่ เขียนบทสรุป ทุกคนจึงมี
ความคิดเห็นหลากหลายความเป็นไปได้ของตัวเอง
ผลงานแต่ละชิน
้ ที่เขียนจบ ฉันก็จะสรุปจุดเด่นจุดด้อยของมันทุก
ครั้ง ในฐานะนักเขียนก็สมควรต้องรู้ว่าเรานั้นถนัดอะไร และนําจุดนั้น
มาพัฒนาต่อยอด ส่วนจุดด้อยก็ต้องอ่านมันออกอย่างชัดเจน เพราะ
การเริ่มผลงานต่อไป มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่รู้ว่าจุดด้อยมันอยู่ตรงไหน ถึง
จะรู้ว่าควรเลี่ยงมันยังไง
เขียนนิยายมาหลายปี ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนฝูงไม่นอ
้ ย
ได้รับคําแนะนําข้อเสนอแนะมามากมาย และยังมีการให้กําลังใจและคํา
ชื่นชมอีกด้วย ขอบคุณคําขอบคุณและกําลังใจจากเหล่าเพื่อนๆ ทําให้
ฉันมีแรงใจอย่างเต็มที่ และยังต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่ให้คําแนะนําติชม
เกี่ยวกับผลงาน คําติชมเหล่านั้นมันสามารถเตือนสติฉันได้ตลอดเวลา
เข้าใจว่าจุดอ่อนของตัวเองนั้นอยู่ตรงไหน และพยายามแก้ไขมันได้
บันทึกลับองครักษ์เสื้อแพรจบเล่มแล้ว มันก็จะต้องมีนย
ิ ายใหม่มา
แทนที่มน
ั
ก่อนหน้านี้ก็มห
ี ลุดบ้าง เมื่อปีก่อนมีการวางแผนงานโครงเรื่อง
นิยายเรื่องใหม่ ตลอดสองปีที่ผา่ นมา อ่านหนังสือมากมายเพื่อกําหนด
นิสัยใจคอของตัวละคร เพราะนิยายใหม่ทําให้การปิดนิยายบันทึกลับ
องครักษ์เสื้อแพรล่าช้าออกไป ต้องขออภัยทุกคนด้วยจริงๆ
สําหรับนิยายเรื่องใหม่จะมีโครงเรื่องที่ใหญ่ข้ึน ซึ่งไม่นอ
้ ยไปกว่า
เรื่องบันทึกลับองครักษ์เสื้อแพรแน่นอน เนื้อหายังคงเกี่ยวข้องกับ
ประวัติศาสตร์ แต่อาจจะมีเรื่องของยุทธภพที่มากขึ้น เพราะแต่ก่อนฉัน
ไม่ค่อยเข้าใจในเนื้อหาเกี่ยวกับการวางแผนความตื่นเต้นระทึกใจ
เท่าไหร่ เพราะเมื่อก่อน ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแก่นแท้ในนิสัยใจคอ
ของตัวละครเท่าที่ควร และก็ไม่เข้าใจในเรื่องของยุทธภพกําลังภายใน
ฉันหวังว่านิยายเรื่องใหม่ของฉัน ฉันจะสามารถเขียนมันออกมาได้
ดีมากขึ้น หวังว่าทุกคนจะสามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์ที่ซ่อนอยู่
ยุทธภพแบบที่เดินสิบก้าวสังหารหนึ่งก้าวไม่เหลือใครเลยในระยะพันลี้
ที่จะทําให้พวกคุณตกอยูใ่ นภวังค์ แน่นอน ในนิยายของซาหม้อ ไม่เคย
ขาดเรื่องสาวงามและความรักแน่นอน
ยุทธภพอยู่ไม่ไกล ยุทธภพมีสุรา
พบกับนิยายเรื่องใหม่นะ แล้วพบกัน