Professional Documents
Culture Documents
คณะเดินอยู่ในเส้นทางจื่ออู่หนึ่งวันเต็ม แต่กลับเหมือนเดินทางไป
ไม่ได้ไกลเท่าไหร่เลย
โชคไม่ได้มาตลอด ภัยก็เช่นกัน
เดิมทีการเดินทางในเส้นทางนีก
้ ็ยากลําบากอยู่แล้ว แต่เรื่องลําบาก
ที่สองคือตอนนีพ
้ ระอาทิตย์จะตกดินแล้ว ฝนก็ตกลงมาอีก กลางวัน
แสงแดดส่องมาไม่ถึง แต่ว่าฝนกลับเหมือนเข็มเล่มเล็กที่ถาโถมลงมา
จี้จิ้นฉายเหมือนรู้มาล่วงหน้าเลยมีการเตรียมตัวมาก่อน เขาเตรียม
หมวกกันฝนมาให้ คนใส่หมวกกันฝนก็พอกันได้ แต่ถนนมันไม่ได้ น�าฝน
มันทําให้ถนนเดินลําบากมากขึ้นไปอีก
“หือ?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “แล้วจี้จู่ปอ
๋ เคยคิดหรือเปล่าว่า หากเกิด
ผิดพลาดอะไรขึ้นมา ไม่เพียงไม่สามารถผ่านทางไปได้ แม้แต่ชว
ี ิตของ
เราก็อาจจะไม่รอดเลยนะ”
จี้จ้ินฉายหัวเราะแล้วพูดว่า “คิดทําการใหญ่ ก็ต้องรับความเสีย
่ งให้
ได้ แต่ว่าครั้งนี้ไม่ว่าจะมีความเสี่ยงเช่นไร มันก็ถือว่าคุ้ม” เขาขยับเข้า
ไปใกล้ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ท่านสังเกตเห็นพีน
่ ้องของเราบ้างไหม พวก
เขาดูมส
ี ติดูเต็มที่กันทุกคน”
ฉีหนิงมองซ้ายมองขวา เห็นทหารสีห
่ า้ คนนั่งรวมกันเป็นกลุ่ม กิน
อาหารแห้ง มีพูดคุยมีหัวเราะ บรรยากาศดูมค
ี วามสุขกันมาก
กการเดินทางยากลําบากมาก เลยไม่ได้ทําให้ทุกคนรูส
้ ึกเครียดกัน
แต่กลับมีความสุขกัน
ทุกคนไม่มีใครรู้ถึงแผนการที่แท้จริงของฉีหนิงเลย ยังคิดว่าเป็น
การนําคณะทูตไปเมือเสียนหยางจริงๆ แต่หลังจากเดินเข้ามาใน
เส้นทางจื่ออู่แล้ว ฉีหนิงก็เรียกทุกคนมา แล้วบอกเป้าหมายที่แท้จริงให้
ทุกคนได้รับรู้
ฉีหนิงแต่งตัวเป็นทหารคนหนึ่ง เขาเอาตัวเองเป็นแนวหน้าของ
คณะ ก็เพื่อให้จะนําเหล่าทหารลอบโจมตีเสียนหยางเพื่อเปิดทาง
“ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันเสี่ยงอันตรายแค่ไหน แต่ว่าท่านเจ้าคุณออก
โรงด้วยตัวเอง มาพร้อมกับใจที่พร้อมตายทุกเมื่อ เหล่าทหารเองก็ไม่ใช่
คนที่รักตัวกลัวตาย” จี้จิ้นฉายพูดอย่างปลงๆ ว่า “อีกอย่างสามารถ
ได้รับคัดเลือกมาร่วมปฏิบัติการกับท่านได้ ทุกคนคิดว่ามันคือเกียรติยศ
มันคือโอกาสที่ทุกคนจะได้สร้างผลงาน ทุกคนไม่ได้รู้สก
ึ เลยว่ามัน
ลําบาก”
หลังจากฝนหยุดลง ทุกคนก็พก
ั จนหายเหนื่อยมากแล้ว ก็ออก
เดินทางกันต่อ
เดินทางกันไปอีกสองวัน ในที่สด
ุ ก็เห็นป้อมในช่องทางแคบ ชาว
เป่ยฮั่นตั้งป้อมเฝ้าระวังเอาไว้ แคว้นฉู่เองก็เหมือนกัน
ป้อมที่นต
ี่ ้ังอยู่ในที่แคบ ใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ต้ังสูงประมาณคน
หน้าหกคน ก้อนหินกําแพงมีชอ
่ งยิงธนู มีทหารผลัดกันเข้ามาเฝ้าระวัง
ตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ทหารจะกระจายตัวด้านหลังก้อนหิน ห่าง
จากก้อนหินประมาณห้าร้อยลี้ มีหอสูงเฝ้าระวังอยู่ อีกทั้งยังมีการจุดคบ
เพลิงเอาไว้ด้วย ฉีหนิงรู้ว่าหอสูงนี่สําคัญมาก ไม่เพียงสามารถมองไปได้
ไกลมาก สามารถจับตาดูศัตรูได้ เมื่อพบร่องรอยการเคลื่อนไหว พวก
เขาก็จะจุดควันไฟสัญญาณทันที
ส่วนป้อมของฝั่งแคว้นฉู่มีทหารประจําการณ์อยู่ร้อยนาย น่าจะ
ไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก เพราะมันอยู่ในช่องเขาแคบ การจัดป้อม
เฝ้าระวังแบบนีม
้ ันก็เหมาะสมแล้ว
รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ฉีหนิงใช้เวลาไปกับการสํารวจป้องของทางแคว้นฉู่อย่างละเอียด
ทหารที่ติดตามเขามาเองก็สาํ รวจไปรอบๆ อย่างละเอียดเช่นกัน
หลังจากที่พอเข้าใจการจัดวางตําแหน่งของป้อมแล้ว พวกเขาก็พักอยูท
่ ี่
ป้อมฝั่งแคว้นฉูด
่ ้วยตัวเอง เช้าวันต่อมา ก็ออกเดินทางต่อ
ก่อนหน้านี้ฉห
ี นิงยังกังวลอยู่ว่าผนังหินยักษ์ เขาจะผ่านมันไปได้
ยังไง แต่ในเวลานี้เขาถึงได้รู้ว่ามันสามารถเคลื่อนออกไปได้ แต่ว่าต้อง
ใช้เครื่องมือ ถึงจะเปิดทางได้ หลังจากพวกเขาออกจากป้อมไป ทหารที่
เฝ้าประจําการณ์ก็ปด
ิ ทางเข้าออกทันที
ฉีหนิงรู้ดีว่าพวกเขาเข้มงวดขนาดนี้ เพราะทั้งสองแคว้นเป็นศัตรู
เอาเป็นเอาตายกันมาตลอด แม้แต่การค้าขายก็ยังน้อย ดูท่าทางแล้ว
เป่ยถังเฟิงไปเสียนหยางเหมือนจะไม่ได้ใช้เส้นทางอ้อม ไม่ได้ผ่านมา
ทางช่องทางนีแ
้ น่นอน น่าจะอ้อมเขาฉินหลิงไปทางอื่น ซึ่งต้องใช้เวลา
ไม่นอ
้ ย
ทางกองทัพไม่มท
ี างเดินอ้อมข้ามเขาไปแน่ แต่ว่าหากพวกเขาจะ
แต่งตัวเป็นคนธรรมดา คิดจะเดินอ้อมข้ามเขาฉินหลิงไปมันก็ไม่ใช่เรื่อง
ที่เป็นไปไม่ได้
ฉีหนิงรู้มาก่อนแล้วว่า ชาวเป่ยฮั่นมีการสร้างป้อมเฝ้าระวังเอาไว้
สองแห่ง น้อยกว่าของทางแคว้นฉู่หนึ่งแห่ง แต่ว่าหินยักษ์ของอีกฝ่าย
เหมือนจะสูงกว่าของแคว้นฉู่มาก
ถึงแม้จะอยู่ห่างออกไปอีกหน่อย แต่ฉห
ี นิงสายตาดุดันมาก เหมือน
จะเห็นเงาของใครหลายคนปรากฎอยูบ
่ นกําแพงหินนั่น พวกเขากางธนู
พร้อมยิง
จี้จิ้นฉายรู้ว่าเป็นเวลาที่เขาต้องทําประโยชน์แล้ว เขายกมือขึ้นมา
ขบวนทั้งหมดหยุดลง จี้จิ้นฉายจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินขึ้น
หน้าไปเพียงคนเดียว ฉีหนิงอยูห
่ ่างจากเขาสองก้าว เดินตามหลังเขาไป
ด้วย
พอเข้าใกล้ป้อมเฝ้าระวัง ก็มีเสียงตะคอกดังมาจากบนกําแพง
“ใครกัน หากเดินเข้ามาอีกก้าวเดียว เราจะยิงทันที”
จี้จิ้นฉายยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา แล้วโบกยังบนกําแพงสองสามที
แล้วตะโกนไปว่า “คณะทูตของแคว้นฉูต
่ ้องการเดินทางไปคารวะที่
เมืองเสียนหยาง”
“องค์ชายสามส่งคนไปยังแคว้นของเรา เพื่อขอเป็นพันธมิตร
กับต้าฉูข
่ องเรา” จี้จิ้นฉายตะโกนไปว่า “ฮ่องเต้ของเราเห็นถึงความ
จริงใจขององค์ชายสาม เลยสั่งให้เรานําของขวัญกลับมาตอบแทน”
“พันธมิตรงั้นเหรอ?”
ฉีหนิงกลับเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว แล้วหยิบธนูออกมาจากด้านหลัง
เขาไม่พด
ู อะไรเลย เล็งแล้วยิงไปที่บนกําแพงหิน
“เราไม่รู้ว่าองค์ชายสามได้บอกอะไรกับพวกเจ้าไหม” จี้จ้ินฉายพูด
ว่า “แต่ว่าหนังสือฉบับนี้คือของจริง” เขาชี้ไปที่รถม้า “ของพวกนี้เป็น
ของที่เหนือหัวของเรานํามามอบให้ขององค์ชายสาม หวังว่าจะสาน
สัมพันธ์กับองค์ชายสามได้ เมื่อองค์ชายบุกลั่วหยางสําเร็จ ได้ข้น
ึ เป็น
ฮ่องเต้แล้ว ทั้งสองแคว้นก็จะเป็นมิตรต่อกัน แม่ทัพเฉา เรื่องนีเ้ กี่ยวพัน
กับความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นนะ ขอให้คิดให้ดีด้วย”
“แม่ทัพเฉา เรารับราชโองการจากเหนือหัวของเราให้เดินทางไป
ยังเสียนหยาง หรือว่าต้องให้เราเดินทางกลับไปแบบไม่ประสบ
ความสําเร็จ?” จี้จิ้นฉายพูดว่า “แบบนี้เราก็ไม่สามารถกลับไปทูล
รายงานต่อฝ่าบาทได้”
“จะกลับไปทูลยังไง มันเกี่ยวอะไรกับข้า?” เฉาอิงไม่ได้พูดดีด้วย
“หากพวกเจ้าจริงใจจริง ก็เอาของทิ้งเอาไว้ ข้าจะสั่งให้คนส่งไปยัง
เสียนหยางให้ ส่วนพวกเจ้า ใครก็ข้ามด่านไปไม่ได้เด็ดขาด”
สาวงามแสนดีแสนงาม ผู้เป็นที่หมายปองของสุภาพบุรุษ
ทหารชาวฮั่นอาจจะไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่สําหรับทหารที่ไม่เคยได้
พบผู้หญิงเลยสักคน พอได้เจอสาวงามอย่างมากมาอยู่ตรงหน้า ไม่ว่า
ใครก็ไม่อาจต้านทานได้เลย
เป็นทหารมานาน แม่หมูก็เป็นสาวงามได้
นับประสาอะไรกับมีผห
ู้ ญิงสาวสวยมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาจริงๆ
ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่หวั่นไหว
ชวีม่านเป่ามีช่ อ
ื เสียงเรื่องบ้ากามบ้าผู้หญิง บอกไม่ได้ว่าจะรับรู้กัน
โดยทั่ว แต่คนที่ซีเป่ยรู้กันหมดแน่นอน
เพื่อสาวงาม ชวีม่านเป่ากล้าทําได้ทุกอย่าง
เฉาอิงไม่รู้ไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่จี้จิ้นฉายพูดมานั้นจริงหรือเปล่า ใน
ใจของเขายังคงระแวงอยู่
เฉาอิงนึกถึงอารมณ์ของชวีหยวนกู่ ก็รู้สก
ึ กังวล เขาถามว่า “แล้ว
เจ้าว่าเราควรทํายังไง?”
“ปล่อยพวกเขาเข้ามา” คนๆ นั้นพูดว่า “แต่ว่าเราต้องยึดอาวุธ
ของพวกเขาให้หมด ในเมื่อเป็นคณะทูต ไม่ได้เป็นทหารมาทําศึก พวก
เขาก็ไม่จําเป็นต้องพกอาวุธเดินทางก็ได้”
ไม่ผด
ิ อย่างที่คิดจี้จิ้นฉายกลับไปที่ขบวนแล้วออกคําสั่ง ทุกคนก็
ปลดอาวุธออกมา รวมไปถึงพวกของฉีหนิงด้วยที่ปลดเอาธนูออก แล้ว
กองไว้ที่ก้อนหินด้านข้าง
จากนั้นเฉาอิงถึงได้ส่งั ให้คนเปิดก้อนหินทางเข้าออกแต่ก็ใช้เวลา
เหมือนกัน จากนั้นก็ส่งทหารออกมายึดอาวุธกลับเข้าไปในด่านก่อน
จากนั้นถึงได้ส่งสัญญาณให้จี้จิ้นฉายกับคณะผ่านเข้าด่านไป
เฉาอิงลงมาจากกําแพงหินแล้ว จี้จ้ินฉายยกมือคํานับแล้วพูดว่า
“ขอบคุณท่านแม่ทัพเฉาที่ประนีประนอมให้” เขาหยิบตั๋วเงินออกมาให้
ปึกหนึ่ง แล้วยัดใส่มือของเฉาอิง เขายิ้มแล้วพูดว่า “นี่น�าใจเล็กน้อย
ท่านแม่ทัพช่วยเราเลี้ยงเหล้าเหล่าพี่น้องทุกท่านด้วยนะ”
“ด้านในเป็นพวกภาพวาดโบราณ แล้วก็เป็นของพระราชทานมา
จากในวังหลวง มีบางอย่างจะมอบให้องค์ชายสาม มีของท่านแม่ทัพชวี
ด้วย” จี้จ้ินฉายยิม
้
เฉาอิงพูดว่า “เปิดดูหน่อยสิ?”
หลังจากที่ฉห
ี นิงเข้ามาในด่านแล้ว เขาก็แอบสํารวจสถานการณ์
โดยรอบแบบเนียนๆ สิ่งแรกที่เขาจับตาคือหอเฝ้าระวัง มันเป็นไปอย่าง
ที่เขาคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ป้อมเฝ้าระวังของชาวเป่ยฮั่นไม่ได้ต่างกับ
ของแคว้นฉู่เท่าไหร่ ห่างจากกําแพงหินมาไม่ถึงร้อยก้าว จะมีหอสูงเฝ้า
ระวังตั้งอยู่ หอแห่งนี้จะมีคบไฟอยู่ เพื่อจุดควันไฟส่งสัญญาณ บนหอจะ
มีทหารเฝ้าอยู่สองคน เป็นมือธนูท้ังคู่
ภายในป้อมเท่าที่เห็นในตอนนี้ มีอยู่ประมาณยีส
่ ิบสามสิบคน
ทหารมีไม่มาก แต่ว่าแต่ละคนดูดด
ุ ันเอาเรื่อง มีความป่าเถือนแบบชาว
ซีเป่ยอยู่เต็มเปี่ ยม
ฉีหนิงคิดในใจว่าพวกเขาไม่น่าจะมีแค่นแ
ี้ น่ รอบๆ บริเวณนี้น่าจะมี
ทหารอยู่อีกแน่นอน
หลังจากเลือกทหารออกมาแล้วห้าคน จี้จิ้นฉายก็ส่ังให้คนเอาเหล้า
มาไหหนึ่ง แล้วมอบให้กับเฉาอิง “แม่ทัพเฉา นีเ่ ป็นเหล้าชั้นดีที่ในวัง
หลวงของเราสะสมเอาไว้นาน เราตั้งใจส่งมอบมันไปที่เสียนหยาง
โดยเฉพาะ เราจะเอาไว้ที่นี่ไหหนึ่ง ให้ท่านได้ลิ้มลอง”
ทหารที่ไม่ชอบดื่มเหล้ามีน้อยมาก เฉาอิงเป็นพวกชอบดื่มเหล้า
เป็นชีวิตจิตใจ แต่ปกติเขาดื่มแต่เหล้าธรรมดาทั่วไป เป็นแค่เสี้ยวเว่ย
จะมีลาภปากดื่มเหล้าในวังหลวงได้ยังไง เขาดีใจมาก ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้า
เช่นนั้น ข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” เขารับมันไป แล้วอุ้มมันไว้ในอก สีหน้า
ท่าทางของเขาดีใจมาก
ในบ้านเหล่านั้นเหมือนจะมีทหารส่วนหนึ่งอยู่ เมื่อเห็นขบวนเดิน
ผ่านมา ทหารในค่ายก็เหมือนจะตกใจ ฉีหนิงกวาดสายตามองไป ใน
บ้านพักเหมือนจะมีทหารอยู่ประมาณสิบกว่าคน มีบางคนมีคาดผ้าที่
เอว ด้านบนหลังคาบ้านเหมือนจะมีควันลอยออกมา เหมือนจะเป็น
ห้องครัว อาหารของพวกทหารน่าจะมาจากที่นี่
ขบวนของพวกเขาเดินผ่านบ้านไม้ไป ทหารห้าคนที่ถก
ู ส่งมา
ทักทายเหล่าทหารที่อยู่ที่บ้านไม้ พวกเขาเล่ารายละเอียดนิดหน่อย แต่
ขบวนก็ไม่ได้หยุด เดินทางต่อไป เดินไปอีกสีห
่ ้าสิบลี้ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว จี้
จิ้นฉายหันไปถามทหารคนหนึ่งว่า “ด้านหน้ายังมีป้อมเฝ้าระวังอีก
หรือไม่?”
เดินไปอีกไม่เท่าไหร่ ก็มพ
ี ้น
ื ที่โล่งกว้างจริง จี้จิ้นฉายสั่งให้ทุกคน
หยุดพัก แล้วแจกจ่ายอาหารแห้งให้กับทุกคน
เหล่าทหารเป่ยฮั่นหลังจากได้รบ
ั อาหารมาแล้ว ก็กินกันจนอิ่ม พวก
เขาเห็นคณะทูตหลายคนเตรียมที่หลับที่นอนกันแล้ว บางคนก็น่งั พิง
ต้นไม้พด
ู คุยสนุกสนานกัน พวกเขาก็ไม่ได้เข้าไปร่วมวงด้วย แต่อยู่
พูดคุยกันเองแบบสบายใจ มีสองสามคนที่น่ังเอนแล้วหลับไป ไม่นาน
อีกสองคนที่เหลือก็หลับตาม
หลังจากที่ฉห
ี นิงกินอาหารแล้ว ก็น่งั พิงก้อนหินพักสายตา หลังจาก
นั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงข้างตัวมีความเคลื่อนไหว เขาลืมตาขึ้นมาดู เห็น
จี้จ้ินฉายขยับเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบบอกเขาว่า “ท่านเจ้าคุณ พวกเขา
หลับกันหมดแล้วขอรับ”
ค�าคืนพระจันทร์ลมแรง เป็นช่วงเวลาที่ดีในการฆ่าคนวางเพลิง
ฉีหนิงไม่ได้เตรียมจะวางเพลิง แต่คิดวางแผนที่จะฆ่าคน
ฆ่าคนไม่ได้มแ
ี ค่เขา แต่ทหารติดตามของเขาที่พักไปก่อนหน้านี้ มี
คนตั้งใจเอนตัวนอนลง เดิมก็เพื่อแสดงละครให้ทหารฮั่นห้าคนนั้นดู
ทหารพวกนี้เตรียมพร้อมในการลงมือฆ่าคนไว้แล้ว
ไม่มีท้ังดาบไม่มีท้ังธนู แต่บางส่วนมีการพกมีดสั้นเอาไว้กับตัว
ฉีหนิงซ่อนมีดสั้นของเขาไว้ในรองเท้า คนอื่นตรวจพบได้ยาก
แค่ผ่านด่านเข้ามา มันไม่ได้เป็นเป้าหมายที่ทําให้ฉห
ี นิงต้องลงมือ
เอง
ต่อให้ตลอดเส้นทางจะราบรื่นดี พวกเขาไม่กี่สิบคนเดินข้ามเขา
ฉินหลิงมา แล้วจะมาทําอะไรในซีเป่ยได้?
สิ่งที่ฉห
ี นิงอยากจะทําก็คือการทําลายป้อมเฝ้าระวังทิ้งทั้งหมด
ไม่ให้เหลือเลยแม้แต่คนเดียว
ถึงแม้เหล่าทหารจะเป็นทหารที่สู้หนึ่งต่อสิบได้สบายๆ แต่ฉห
ี นิง
ไม่ได้คิดจะผ่านด่านแล้วก็ใช้กําลังกับพวกทหารฮั่นเลย
เขารู้ต่อให้ทหารฮั่นเชื่อว่าพวกเขาเป็นคณะทูตที่จะเดินทางไปยัง
เสียนหยาง แต่จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด ความจริงก็เป็นไปตามอย่างที่
เขาคิด หลังจากผ่านด่านเข้ามาแล้ว เฉาอิงกับพวกทหารเฝ้าด่านที่ปอ
้ ม
ไม่ได้ประมาท หากเขาลงมือเลย ต่อให้สามารถฆ่าได้หมด แต่ฝ่ายของ
ตัวเองก็จะสูญเสียด้วย อีกทั้งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าทหารฮั่นที่ป้อมเฝ้าระวัง
นั้นมีทหารอยู่อีกจํานวนเท่าไหร่ เลยไม่อาจจะลงมือไปได้ง่ายๆ
ตอนนี้เขารู้สถานการณ์ของที่ปอ
้ มเฝ้าระวังแล้ว เขาจะฉวยโอกาส
ย้อนกลับไปจัดการพวกเขา ตอนที่พวกเขาลดการเฝ้าระวังลง จู่โจมให้
เร็วที่สุด ถ้าทําแบบนี้แล้ว ทางฝั่งของเขาก็จะเสียหายน้อยที่สุด
เขาอาศัยอยู่ที่ชายแดนแนวหน้า ประสาทสัมผัสการรับรู้ของเขา
เหนือกว่าทหารทั่วไปมาก ถึงแม้จะมองไม่ชด
ั ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่
ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการยื่นมือไปจับดาบ พอเขายกมือขึ้น ก็รู้สก
ึ ว่า
ตาลาย ยังไม่ทันคิดเลยว่ามันคืออะไร ที่คอหอยของเขาก็รู้สก
ึ เจ็บ มีด
สั้นแทงทะลุคอของเขา
คนที่ลงมือคือฉีหนิงนั่นเอง
ฝีมือของฉีหนิงในเวลานี้ พูดได้ว่าถือเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งในยุทธ
ภพ ทหารตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ในสายตาของฉีหนิงก็ไม่ต่างกับมดตัวหนึ่ง
เท่านั้น
มีดสั้นคมมาก การลงมือก็เด็ดขาด หลังจากแทงเข้าไปแล้ว ก็รีบชัก
ออก เลือดสดพุง่ ทะลุออกมา ฉีหนิเองก็ไม่ไปมองเลย หลังจากชักดาบ
ออกมา แล้วปาดคอทหารฮั่นข้างๆ อีกคน
มันไม่ใช่การประลอง ฉีหนิงไม่ได้สนใจการใช้กระบวนท่าอะไร
มากมาย
ทหารฮั่นห้าคนนอกจากมีคนหนึ่งที่รู้สก
ึ ตัวแล้ว ที่เหลืออีกสี่คน
เหมือนหลับฝันหวานอยู่แล้วก็ถูกฆ่าปาดคอกันไป ฉีหนิงลงมือเด็ดขาด
มาก ตอนนี้เลยไม่ได้รู้สก
ึ อะไร
เมื่อจัดการทหารฮั่นห้าคนไปแล้ว พวกของจี้จ้ินฉายก็ลก
ุ ขึ้นมา
พวกเขารีบเดินไปที่รถม้ากัน เหล่าทหารล้อมรถม้าเอาไว้ จี้จ้ินฉายถึงได้
เอาผนึกที่ลังใบใหญ่ออก เมื่อเปิดออกมีหญ้าคลุมไว้ช้ันหนึ่ง จี้จ้ินฉาย
พูดว่า “ทหารทุกคนมารับอาวุธไป” เขายื่นมือไปภายในแล้วหยิบดาบ
ออกมา
ดาบไม่มีฝัก แต่ละเล่มคมกริบทั้งนั้น
ทุกคนก็ไม่พด
ู อะไรให้มากความ เรียงหน้ากันมาหยิบไป ในลังมี
การวางหญ้าไว้ เดิมก็เพื่อกังวลว่าเวลาที่เดินทาง หากไม่ใช่หญ้ารอง
เอาไว้ อาวุธกระทบลังแล้วจะเกิดเสียง แล้วจะทําให้ทหารฮั่นรู้ตัว
เรื่องนี้ฉห
ี นิงเดาไว้ก่อนแล้วว่าทหารฮั่นไม่น่าจะให้พวกเขานํา
อาวุธผ่านด่านเข้ามาได้ การยึดอาวุธไปเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เขาเลย
คิดว่าจะซ่อนอาวุธยังไงที่ไหนดี
ฉีหนิงเองก็เคยคิดว่าจะซ่อนอาวุธไว้ที่รถม้าที่สาวงามนั่งอยู่ แต่ก็
คิดว่ามันไม่ปลอดภัย ไม่มีใครรับประกันว่าทหารฮั่นจะไม่ตรวจรถ
แต่จี้จ้ินฉายกลับเสนอความคิดให้เอาใส่ลัง แล้วปิดผนึกด้านนอก
เพราะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้น ทหารฮั่นอาจจะไม่
กล้าเปิดลังดูก็ได้ หากทหารฮั่นยืนยันจะเปิด ก็แค่ทําท่าทางเหมือนจะ
กลับแคว้นเพื่อข่มขู่ จี้จิ้นฉายมั่นใจว่าทหารฮั่นไม่กล้าทําให้คณะทูต
แคว้นฉูก
่ ลับไปเพราะพวกเขาเป็นสาเหตุแน่ ฉีหนิงเลือกใช้ขอ
้ เสนอของ
จี้จ้ินฉาย และในความเป็นจริงวิธีนี้มันก็ได้ผล
“พวกเจ้าเห็นที่ต้ังของหอเฝ้าระวังแล้วใช่ไหม” ฉีหนิงเรียกทุกคน
มารวมตัวกัน เขาพูดเสียงเบาว่า “การปฏิบัติการของเราในครั้งนี้ สิ่ง
แรกที่เราต้องทําคือจัดการทหารที่อยู่บนหอเฝ้าระวังนั่นก่อน เพื่อ
ป้องกันไม่ให้พวกเขาส่งสัญญาณออกไป”
“ท่านเจ้าคุณขอรับ ข้าน้อยสํารวจอย่างละเอียดแล้ว บนหอเฝ้า
ระวังมีคบไฟอยู่ หากเป็นช่วงกลางวัน คิดว่าน่าจะใช้ควันไฟเป็น
สัญญาณ” ทหารข้างๆ อายุประมาณสามสิบคนหนึ่งท่าทางเหมือนจะ
เป็นทหารมานานพูดขึ้นมาว่า “นอกจากนี้ ตรงมุมทางทิศเหนือของหอ
เฝ้าระวัง เหมือนจะมีแตรสัญญาณ หากไม่มอ
ี ะไรผิดพลาด แตรนั่น
น่าจะใช้เป็นการส่งสัญญาณในช่วงกลางคืน หากใช้ควันในเวลา
กลางคืนอาจจะไม่มใี ครเห็น ดังนั้นพวกเขาเลยจะใช้การเป่าแตรเป็น
การส่งสัญญาณในป้อมเฝ้าระวังด้านหลังได้รับรู”
้
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ที่แท้เจ้านีเ่ องที่เก่งการยิงธนู จริงสิ เจ้าชื่อ
อะไร?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “ชื่อนี่องอาจใช้ได้”
การปฏิบัติการกําลังจะเริ่ม เหล่าทหารถึงแม้จะเชี่ยวชาญการรบ
แต่ก็มีหลายคนอดตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อได้ยินฉินเจี้ยนเล่าเรื่องตัวเอง
ออกมา ทุกคนก็ต่างยิ้มหัวเราะ บรรยากาศผ่อนคลายลงไม่นอ
้ ยเลย
“ยังมีใครที่ม่ันใจในการยิงธนูของตัวเองอีกไหม?”
ฉีหนิงจําลู่คังได้ ตอนที่ฉีหนิงชิงตําแหน่งผู้บัญชาการค่ายกิเลนดํา
มาได้ แล้วตั้งค่ายกิเลนดําขึ้นมาใหม่ ต้วนชางไฮ่ไปตามหาคนเก่าคนแก่
ที่อยู่ค่ายกิเลนดํามาก่อนกลับมา ค่ายกิเลนดําเคยสู้กับกองกําลังเลือด
ของเป่ยถังชิง่ มาก่อน ตอนนั้นแทบจะตายไปกันหมด เหลือแค่ไม่กี่สิบ
คน ที่เหลือรอดกลับมาราชสํานักก็ดแ
ู ลอย่างดี กระจายให้ไปรับ
ตําแหน่งขุนนางตามที่ต่างๆ ต้วนชางไฮ่ส่งหนังสือไปแจ้ง พวกเขาก็
ลาออกจากงานที่ทํา แล้วกลับมาติดตามต้วนชางไฮ่กับจ้าวอู๋ซางตั้งค่าย
กินเลนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ลู่คังเดิมเป็นเสี้ยวเว่ยอยู่ที่ชางซุย
่ เขาเองก็ลาออก แล้วมาเป็นคนที่
ช่วยต้วนชางไฮ่ฝึกทหารในค่ายกิเลนดํา
ครั้งนี้ฉห
ี นิงมาที่ซีชวน ต้วนชางไฮ่คัดเลือกทหารค่ายกิเลนดํา
ติดตามมาด้วย ลู่คังเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ฉีหนิงเดินเขาเส้นถนนจื่ออู่ เขาเอาคนของเขามาด้วยสีส
่ ิบคน อีก
ครึ่งหนึ่งเป็นคนของปันอวิ๋น คนพพวกนี้เชี่ยวชาญการทําศึกบนภูเขา
พวกเขาอจอาจกล้าหาญดุดัน ให้พวกเขาร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ ส่วน
คนของค่ายกิเลนดํา ต้วนชางไฮ่กังวลเรื่องความปลอดภัยของฉีหนิง
เลยเลือกคนฝีมอ
ื ดีมากจํานวนยี่สิบคนออกมาให้เขา
ลู่คังเป็นคนเก่าคนแก่ของค่ายกิเลนดํา ผ่านศึกมานับไม่ถ้วน ตอน
นั้นี่เข้าค่ายกิเลนดําได้เพราะเขาเชี่ยวชาญการขี่ม้ายิงธนู ดาบหอก
อาจจะไม่เก่งมาก แต่ผา่ นไปหลายปีแล้ว ลู่คังอายุจะสี่สิบ แต่ฝีมือของ
เขากลับไม่ได้ตกลงเลย
ลู่คังยกมือคํานับ แล้วยิม
้ ให้กับฉินเจี้ยน “น้องฉิน บนหอเฝ้าระวังมี
ทหารอยู่สองคน ถึงเวลานั้นเราลงมือพร้อมกัน จัดคนคนละคน ไม่ให้
พวกเขาได้มีโอกาส”
ฉินเจี้ยนรู้ว่าลู่คังเป็นคนที่ฉีหนิงพามาด้วยจากเมืองหลวง แต่ไม่รู้
ว่าลู่คังเป็นคนของค่ายกิเลนดํา ไม่รู้เรื่องในอดีตของลู่คัง แต่แค่เห็นหน้า
ของลู่คังก็รู้ว่าไม่ธรรมดา เขาเองก็ยกมือคํานับแล้วพูดว่า “ข้าจะสั่ง
คําสั่งของท่าน” แค่รู้ว่าลู่คังเป็นคนของฉีหนิง เขาเป็นแค่ทหารเล็กๆ สู้
ไม่ได้เลย ดังนั้นเลยพูดจามีมารยาทมาก
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “แต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเอง ท่านอย่าเข้าใจ
ข้าผิดนะ ข้าไม่ได้ดูถูกท่าน แต่ท่านปลอมตัวเป็นทูต หนทางหลังจากนี้
ยังอีกยาวไกลนัก หากท่านเป็นอะไรไป เรื่องหลังจากนี้มันจะยุ่งยากมา
คืนนี้เราลอบโจมตี คนของเราเพียงพอแล้ว ไม่ต้องกังวลานะ”
จี้จิ้นฉายคิดในใจว่าฉีหนิงก็หวังดีกับเขา เขาเลยพยักหน้าแล้วพูด
ว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยก็จะรอท่านเจ้าคุณกับทุกท่านได้รับชัยชนะแล้ว
กลับมาอยู่ที่นี่”
เล่มที่ 40 บทที่ 1190 ลอบจู่โจม
ทหารชายแดนอยู่กันยากลําบาก คนที่เป็นทหารต่างก็เข้าใจดี
ที่จริงแล้วเทียบกับกองทัพเฝ้าระวังชายแดนทางตอนเหนือ ทหาร
ที่อยู่ในช่องเขาแคบฉินหลิงรู้สก
ึ ว่าพวกเขาลําบากกว่ามาก การใช้ชีวิต
ในแต่ละวันของพวกเขาอยู่ในบริเวณแต่ใกล้ๆ ป้อมเฝ้าระวังเท่านั้น อีก
ทั้งกฎการทหารก็เข้มงวดมาก ทหารที่เฝ้าระวังอยู่ที่นี่ห้ามดื่มเหล้า อีก
ทั้งห้ามมีผู้หญิงด้วย
ห้ามดื่มเหล้าไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ไม่มีใครเข้าใจว่าทําไมถึงห้ามเรื่อง
ของผู้หญิงด้วย
ทหารประจําชายแดนถึงแม้จะมีกฎการดื่มเหล้าอย่างเข้มงวดมาก
แต่ในราชสํานักจะมีการเนรเทศหญิงทําความผิดมาชายแดนทุกปี แต่ที่
ป้อมนี้ ไม่มีโอกาสได้เห็นผู้หญิงพวกนั้นเลยแม้แต่คนเดียว
เฉาอิงเคยคิดว่าอยากจะเก็บเหล้านี่ไว้กินคนเดียว แต่ก็รู้ว่าหากเขา
กินคนเดียว ไม่แน่อาจะมีคนเอาเรื่องนี้ไปร้องเรียนได้ คนภายในสําคัญ
กว่าคนที่มาจากภายนอก ทุกคนกินด้วยกัน ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเรื่อง
ยุ่งยากตามมา
การเฝ้าระวังในช่องเขาแคบอย่างฉินหลิงมันไม่เหมือนปกติ ถึงแม้
จะเป็นในกลางดึก คนที่ห้องพักในค่ายต่างเข้าสู่ความฝันหมดแล้ว แต่ก็
จะมีการจัดทหารสองคนเข้าเวร คืนนี้ทหารสองคนที่เข้าเวรสวมชุดของ
หน้าฤดูใบไม้ผลิ ยืนเฝ้าอยู่ที่ห้องพักในค่าย
ฉีหนิงพาคนประมาณสิบกว่าคนลอบมาที่ค่ายพักแบบเงียบๆ ด้าน
นอกห้องพักในค่ายมีการแขวนโคมไฟเอาไว้ ลมพัดมาก็แกว่งไปแกว่ง
มา
ทหารเข้าเวรเหมือนจะนอนตอนกลางวันมาเต็มอิ่มแล้ว เหมือนไม่
มีอาการเหนื่อยล้าเลย
คนกลุ่มหนึ่งย่องเข้าไปใกล้ๆ หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วหยุด
ลง ลู่คังถือธนูอยู่ในมือ ด้านหลังเป็นซองลูกธนู เขาขยับเข้าไปพูดว่า
“ท่านเจ้าคุณ ข้ากับฉินเจี้ยนจะฆ่าทหารสองคนที่เฝ้าเวรก่อน จากนั้น
ทุกคนค่อยลงมือนะขอรับ”
ลู่คังยิม
้ เขามั่นใจมาก เขาหันหลังแล้วส่งสัญญาณให้กับฉินเจี้ยน
ฉินเจี้ยนพยักหน้า ทั้งสองคนหมอบลงกับพื้น แล้วค่อยๆ คลานขยับเข้า
ไปใกล้ๆ ห้องพัก
ฉีหนิงถือดาบอยู่ในมือ แล้วรออยู่พร้อมกับคนอื่นๆ
ลู่คังกับฉินเจี้ยนเป็นมือธนูที่มค
ี วามชํานาญมาก ก่อนที่จะยิง พวก
เขาต้องประเมินระยะการเล็งให้ม่น
ั ใจก่อน ช่วงกลางวันในช่องเขานี้มน
ั
มืดสลัว ตอนกลางคืนกางมือออกยิ่งมองไม่เห็น แต่ยังดีที่ได้ไฟจากโคม
ไฟช่วยชี้ทาง ช่วยพวกเขาสองคนได้มาก ฉินเจี้ยนได้ตําแหน่งที่เหมาะ
แล้ว ลู่คังแอบกระซิบวางแผนกับฉินเจี้ยนนิดหน่อย จากนั้นพวกเขาก็
คลํากันไป พวกเขาจัดการคนละคน ฉินเจี้ยนหมอบอยู่กับพื้น เขา
สังเกตการเคลื่อนไหวของลู่คัง เขาเห็นลู่คังเคลื่อนที่ไปประมาณสิบก้าว
ก็หยุดลง
ทหารสองคนนั้นแทบจะไม่ได้ออกเสียงก็ล้มลงกับพื้นแล้ว
แต่มีอยูห
่ ้องหนึ่งที่เกิดเหตุไม่คาดฝันนิดหน่อย มีทหารฮั่นคนหนึ่ง
กึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนรู้ว่ามีคนแอบเข้ามาในห้องของเขา เขาคิด
อยากจะตะโกนร้อง แต่ก็ถูกปาดคอไปก่อน นั่นก็เป็นเสียงร้องที่ฉีหนิง
ได้ยิน
ทางห้องพักมีทหารฮั่นอยู่ท้ังหมดสิบหกคน ที่จริงก็แค่แบ่งกันนอน
ไปในสีห
่ ้อง มีสองห้องที่ไม่มีใครอยู่เลย
ทุกคนมองหน้ากัน จากนั้นก็ยม
้ิ ทหารคนหนึ่งพูดว่า “ท่านเจ้าคุณ
ขอรับ ข้าน้อยมาจากถูฮ่าฮ่า หากสร้างผลงานได้ ข้าน้อยจะได้แต่งงาน
กับลูกสาวขุนนางไหมขอรับ ทําแบบนี้ตระกูลจะได้มีเกียรติไหมขอรับ”
ทุกคนต่างก็ยม
ิ้ หน้าบาน
“ฆ่าศัตรูอย่างกล้าหาญ ร่วมสุขด้วยกัน” ฉีหนิงถือดาบไว้แน่น
“บุก”
ทางป้องเงียบสนิทมาก
บนกําแพงหินมีทหารสีห
่ ้าคนเข้าเวรอยู่ พวกเขาจุดไฟกันหลายอัน
ทําเหมือนที่ทํากันมาหลายปี ระวังความเคลื่อนไหวของทางใต้
ทหารบนหอเฝ้าระวังสองคนสวมชุดค่อนข้างหนา พวกเขาอยู่บนที่
สูง มันเป็นจุดที่ลมพัดผ่านแรงมาก ถึงแม้จะยังไม่เข้าหน้าหนาว แต่ลม
ผ่านหน้าไป มันก็ยังรู้สก
ึ เย็นอยู่ดี
ทหารคนหนึ่งยืนพิงอยูท
่ ี่เสาบนหอเฝ้าระวัง เหลือบมองไปที่แตร
สัญญาณ เขารู้สึกสงสัยว่า แตรนี่มันก็อยู่ตรงนี้มานานหลายปีแล้ว แต่
ไม่เคยได้ใช้งานเลยสักครั้ง เขาสงสัยจริงๆ ว่ามันยังเป่าได้อยู่ไหม
เขากินถั่วคั่วอย่างหอมหวาน ทหารยื่นมือหยิบของกินกําลังเตรียม
จะเอาเข้าปาก เขาก็ถูกตบที่ไหล่ เขาหันหน้าไปมอง เขาเห็นเพื่อขมวด
คิ้ว แล้วเอานิ้วชีไ้ ป “ใคร?”
ทหารคนนั้นอดมองไปตามนิ้วของเขาไม่ได้ แต่ยังไม่ทันเห็นอะไร
ก็รู้สึกว่าคอเหมือนแน่นๆ เหมือนมีอะไรแทงเข้ามาในคอ จากนั้นไม่
นานเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย ร่างกายของเขาเริ่มเย็น พูดไม่ออกว่า
มันทรมานแค่ไหน ปลายตาของเขาเหมือนจะเหลือบไปเห็นมีธนูพงุ่ มา
ปักที่คอของเพื่อนเขา ทหารคนนั้นตาโต พยายามจะจับไปที่เสากั้นบน
หอเฝ้าระวัง คิดอยากจะตะโกนแจ้ง แต่ก็พด
ู อะไรไม่ออกเลย แล้วก็ทรุด
ลงพาดไปกับที่ก้ัน
เล่มที่ 40 บทที่ 1191 ยึดป้อม
เมื่อธนูค่พ
ู ุ่งออกไปพร้อมกัน ยิงทีเดียวก็ตรงเป้า
ทหารบนหอเฝ้าระวังไม่ทันได้เห็นเลยว่าศัตรูเป็นใคร ก็ถูกยิงที่คอ
หอยแล้ว
ทหารที่ป้องเฝ้าระวังคุ้นเคยกับการเฝ้าจับตามองไปยังทิศใต้มา
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาม ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะมีศัตรูบุกมาจากทาง
ด้านหลัง เมื่อพวกเขารู้ตัว ก็ถูกทหารแคว้นฉู่บุกเข้าไปฟันแล้ว
ไม่มีเสียงร้องตะโกน ไม่มีเสียงเข่นฆ่าที่น่ากลัว
ทหารที่ป้อมเหล่านีป
้ กติถูกฝึกฝนอยู่ตลอด หากพบข้าศึกรุกเข้ามา
ทุกคนต้องทําอะไรบ้าง
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทหารพวกนี้จะฝึกว่าข้าศึกล้วนแต่บุกมา
จากทางตอนใต้ หากข้าศึกบุกมาจากทางตอนใต้ ทุกคนจะรู้ว่าหน้าที่
ของพวกเขาคืออะไรควรทําอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ข้าศึกมาจากด้านหลัง
หากทําแบบที่เคยฝึกมา มันไม่มป
ี ระโยชน์
สิ่งที่ทําให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าคือ ตอนที่ข้าศึกรุกมาพวกเขาฆ่า
ทหารบนหอเฝ้าระวังก่อนเลย มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สด
ุ
ทหารบนหอเฝ้าระวังถูกสังหาร นั่นทําให้ไม่สามารถส่งสัญญาณ
แจ้งเตือนออกไปได้อี ต่อให้ทางนี้ตะโกนจนคอแตก ก็ไม่มีทางเรียก
กองหนุนมาช่วยได้เลย
ข้าศึกที่บุกมาในคืนนี้ไม่ต่างกับหมาป่าที่หิวโหย พวกเขาบุกมาไม่
พูดอะไรเลย ฟันดาบเข้าใส่อย่างเดียว
ทหารที่ป้อมเฝ้าระวังมีแค่สามสิบกว่าคนเท่านั้น เรื่องจํานวนก็
ไม่ได้เปรียบอะไรอยู่แล้ว อีกทั้งอีกฝ่ายยังบุกมาแบบไม่ให้ต้ังตัว ทหาร
ฮั่นไม่ได้เตรียมรับมือ ตอนนี้มห
ี ลายคนที่ถูกสังหารไปแล้ว
ยังดีว่าพวกเขาก็ถือว่าผ่านการฝึกมาแล้ว หลังจากตกใจอยูค
่ รู่หนึ่ง
ก็มีคนตะโกนว่า “มือธนูยิงธนูค้ม
ุ กันเร็วเข้า พี่นอ
้ งทุกคนอย่าได้
แตกตื่น”
ทหารมือธนูบนกําแพงหินหลายคนเริ่มยิงธนูลงมา ค�าคืนกลางดึก
แบบนี้ พวกเขาเห็นแค่เงาคนวิ่งผ่านไปผ่านมา มองไม่ออกเลยว่าคน
ไหนคนของตัวเองคนไหนข้าศึก สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือหลังจากเล็งเป้าได้
แล้ว อีกฝ่ายก็กําลังสูก
้ ับคนของตัวเอง ทําให้มอ
ื ธนูไม่กล้าลงมือกลัวโดน
คนของตัวเอง พอเจอช่อง แต่อีกฝ่ายก็ไวพอที่จะหลบได้
หลังจากเฉาอิงเมาไปแล้ว เขาก็กําลังหลับสบาย ขณะที่หลับเขาก็
พอได้ยน
ิ เสียงดังขึ้นมาในหู ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้ยน
ิ คนมาปลุก
“เสี้ยวเว่ย เสี้ยวเว่ย ตื่นเร็วเข้า ข้าศึกบุกแล้ว”
เขารีบมองไปที่หอเฝ้าระวัง เห็นทหารบนหอเฝ้าระวังไม่ขยับแล้ว
คิดในใจว่าแย่แล้ว เขารีบชักดาบออกมา แล้วตะคอกไปว่า “ต้านเอาไว้
ให้ได้” เขาไม่ได้พด
ู มาก แล้ววิ่งไปทางหอเฝ้าระวัง
เพราะเขาเป็นทหารเฝ้าอยู่ที่ด่านนี่ หากป้อมถูกคนของแคว้นฉู่ยึด
ไปได้ เขาต้องรับผิดชอบมากที่สุด
เฉาอิงรูว
้ ่าในเรื่องการทหารมันมีคําว่าปราณี หากป้อมแห่งนีต
้ กไป
อยู่ในมือของข้าศึก ถึงเวลานั้นคาดโทษกันลงมา ครอบครัวเขาเองก็ไม่
รอดเหมือนกัน แต่หากเขาสามารถส่งสัญญาณแจ้งไปได้ ต่อให้รักษา
ด่านนี้เอาไว้ไม่ได้ ต่อให้เขาตายอยู่ที่นี่ แต่ครอบครัวของเขาก็น่าจะยัง
รอด
ในเวลานี้เขาไม่มีความคิดอะไรอีกเลย เขาคิดจะปีนขึ้นไปบนหอ
เฝ้าระวัง แล้วเป่าแตรส่งสัญญาณ
ความคิดของเฉาอิง ทหารข้างกายเขาก็เข้าใจ เขาประกบตัวของ
เฉาอิงเอาไว้ แล้วพุ่งเป้าไปที่หอเฝ้าระวัง มีข้าศึกบุกมาสองคน ทหาร
สองคนที่ประกบเฉาอิงเขาก็รีบขึ้นหน้าไปขวาง เพื่อยื้อเวลาให้กับเฉาอิง
เฉาอิงเหมือนสัตว์รา้ ยที่ถูกปลุกให้เกรีย
้ วกราด เขาพาทหารอีกสอง
คนบุกไปที่หอเฝ้าระวัง แต่ข้าศึกเหมือนจะรู้ว่าเฉาอิงคิดจะทําอะไร มี
เงาห้าหกคนบุกเข้ามาใส่ เพื่อหยุดหยั้งเฉาอิง ทหารฮั่นเองก็เข้าใจ มีคน
หลายคนเองก็รบ
ี เข้ามารับมือ
เฉาอิงกับทหารฮั่นบุกไปที่ใต้หอเฝ้าระวัง จากนั้นก็รีบปีนขึ้นไป
ด้านบน
เฉาอิงคิดอยากจะขึ้นไปบนหอเฝ้าระวัง ทหารฮั่นหลายคนมองเห็น
กลางดึกถูกข้าศึกบุกมาแบบนี้ ถึงแม้จะสู้อยู่กับข้าศึก แต่ทหารฮั่นหลาย
คนยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อาศัยแค่ฝีมือเพื่อเอาตัวรอด
เท่านั้น ในใจก็หวังแค่เฉาอิงจะสามารถขึ้นไปเป่าแตรสัญญาณได้ แต่ใน
เวลานีพ
้ วกเขาเห็นเฉาอิงถูกสังหาร ความหวังของพวกเขาก็สลายลงไป
หลายคนเริ่มรู้สก
ึ กลัว เริ่มรู้สึกสิ้นหวัง
คนที่ลงมือฆ่าเฉาอิงคือฉีหนิง
เขารู้ดีว่าทหารบนหอเฝ้าระวังสองคนถูกฆ่าไป คนอื่นก็คงคิดจะ
ขึ้นมาเป่าแตรสัญญาณแทน ตอนที่พวกเขาบุกมา เขาเลยแอบซ่อนตัว
อยู่แถวนั้น
ฉีหนิงเช็ดเลือดบนดาบ แล้วสั่งให้คนนับจํานวนก่อน
คืนนี้ลอบจู่โจม พูดได้เลยว่าได้รบ
ั ชัยชนะอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังมี
ทหารฉูส
่ องคนที่ตายไป อีกสีค
่ นได้รบ
ั บาดเจ็บ นอกจากนี้ คนอื่น
ปลอดภัยดี
ฉีหนิงสั่งให้คนนําศพทหารฮั่นมากองรวมกัน จากนั้นก็ให้ทุกคนไป
เปิดปากทางเข้าออกประตูป้อม จากนั้นก็ส่ังให้ทหารสี่คนที่บาดเจ็บมา
แล้วพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าสี่คนบาดเจ็บก็ถือว่ามีผลงานมาก
หลังจากกลับเมืองหลวงแล้ว ข้าจะขอปูนบําเหน็จให้พวกเจ้าทั้งสี่คน
นะ” เขาหันไปพูดกับลู่คังว่า “ลู่คัง จดชื่อพี่น้องสี่คนนีท
้ ี่ได้รับบาดเจ็บ
ไว้นะ ยังมี พี่นอ
้ งอีกสองคนที่ตายก็จดไว้ด้วย กลับไป ไม่เพียงต้องฝัง
พวกเขาอย่างมีเกียรติ แล้วก็ดแ
ู ลครอบครัวของพวกเขาได้ดี”
ลู่คังยกมือแล้วรับคําไป
“พวกเจ้าสี่คนก็อยู่ที่นี่แล้วกัน” ฉีหนิงพูดว่า “ศพของพี่น้องที่ตาย
ไปก็ให้อยู่ที่นี่ด้วย หลังจากคนของเรามาแล้ว คอยส่งศพกลับไปที่ฮ่น
ั ตง
พวกเจ้าสี่คนอยูร่ อทัพใหญ่ที่นน
ี่ ะ ก่อนหน้านั้น ที่ป้อมนี่ก็มอบให้เจ้า
เฝ้าดูแล ห้ามให้เกิดอะไรผิดพลาดเด็ดขาด”
ทหารสีค
่ นมองหน้ากัน มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “ท่านเจ้าคุณขอรับ
ทางนี้คงไม่มีใครมาอีกแล้ว เรายินดีติดตามท่านต่อไปนะขอรับ”
เหล่าทหารบาดเจ็บก็เข้าเข้าใจดี ที่ฉห
ี นิงพูดก็ไม่ผิด ถึงแม้ท้ังสี่คน
บาดเจ็บจะไม่ถึงตาย แต่ก็จะถูกจับได้ง่าย ก่อนที่จะถึงอีกป้อมหนึ่ง ไม่มี
ทางฟื้นกลับมาได้แน่ หากถูกทหารฮั่นอีกด่านหนึ่งจับได้ข้ึนมาจริงๆมัน
จะทําให้ท้ังคณะต้องลําบาก พวกเขาเลยไม่ร้น
ั อีก เขาคุกเข่าลงพร้อม
กันทั้งหมดแล้วพูดว่า “ท่านเจ้าคุณต้องระวังตัวให้มากนะขอรับ เราจะ
รอกองทัพที่ตามมาอยูท
่ ี่น”
ี่
ฉีหนิงยิม
้ เห็นทางเข้าออกที่กําแพงหินเปิดออกแล้ว เขาก็ไม่พูดมา
โบกมือแล้วพูดว่า “ไป”
การลอบโจมตีในคืนนี้ ฉีหนิงพาคนมาทั้งหมดสามสิบแปดคน ตาย
ไปสอง เจ็บอีกสี่ ถือว่าเสียคนไปหกคน พาคนกลับไปได้แค่สามสิบสอง
คนเท่านั้น
ขบวนของพวกเขาก็ใช้แผนเดิม ทหารฮั่นที่ป้อมที่สองพอเห็นคณะ
ทูตแคว้นฉู่มาก็รู้สึกแปลกใจ แต่คิดในใจว่าในเมื่อด่านแรกปล่อยออก
มาแล้ว ทางนีก
้ ็ไม่มีเหตุผลต้องขวาง พวกเขาเลยสามารถผ่านด่านที่
สองไปได้อย่างง่ายดาย ง่ายกว่าด่านแรกอีก
ตอนที่ผ่านด่าน ทุกคนในคณะทูตก็แอบสํารวจภายในด่านอย่าง
ละเอียด ซึ่งก็ไม่ต่างกับด่านแรกเท่าไหร่
ทุกอย่างเหมือนหนังที่เล่นซ�า เมื่อมีประสบการณ์จากคราวแรก
แล้ว ครั้งนี้พวกเขาชํานาญกว่าเดิมมาก ผ่านด่านไปไม่ถึงสิบลี้ ขบวน
คณะทูตก็หยุดลง พอตกดึก ฉีหนิงก็พาคนย้อนกลับไป จัดการทหารฮั่น
ในบ้านพักก่อน จากนั้นก็ไปที่หอเฝ้าระวัง จัดการทหารฮั่นบนหอเฝ้า
ระวัง จากนั้นก็บุกฆ่าคนในป้อม พวกเขาทําสําเร็จอีกครั้ง แต่ฉีหนิงก็
เสียยทหารไปสีค
่ นบาดเจ็บอีกเจ็ดคน ซึ่งหนักกว่าครั้งแรกมาก
“ท่านเจ้าคุณ จากตรงนีข
้ ้น
ึ เดินทางไปทางเหนือประมาณสามสิบลี้
ก็ออกจากเขาฉินหลิง เข้าสู่พ้ น
ื ที่ของซีเป่ยแล้ว” ตอนที่พวกทหารกําลัง
จัดการพื้นที่อยู่ จี้จ้ินฉายเดินเข้ามาพูดว่า “เท่าที่ขา้ น้อยทราบมา
เส้นทางด้านหน้าราบรื่นไม่นอ
้ ยเลย คิดว่าวันเดียว ก็น่าจะออกจากฉินห
ลิงได้”
เสียนหยางตั้งอยู่ตรงกลางของฉินชวนประมาณแปดร้อยลี้ ทางใต้
มีแม่นา� ตัดผ่าน ทางเหนือมีภูเขาสูงลล้อมรอบ มีภูเขามีสายน�าและมี
แสงแดด เลยได้ช่ อ
ื ว่าเสียนหยาง
เสียนหยางเป็นเมืองหลักของซีเป่ย ถือเป็นใจกลางสําคัญของซี
เป่ย ตอนที่ก่อตั้งเป่ยฮั่นมาทางซีเป่ยมีความวุ่นวายเกิดขึ้นบ่อยมาก มี
ทหารจากพื้นที่อ่ ืนรุกรานมาที่นี่หนักมาก หลายปีที่ผ่านมา ในหลายปีที่
ผ่านมา พื้นที่ของซีเป่ยกวาดล้างกลุ่มอํานาจที่เป็นภัยต่อเป่ยฮั่นจนหมด
ได้ เพราะอย่างนั้น ตระกูลเป่ยฮั่นถึงแม้จะตั้งแคว้นมาได้ แต่เพราะการ
เคลื่อนไหวในท้องที่เลยไม่อาจยกทัพมาปราบใต้ได้เลย ดังนั้นตระกูล
เซียวเลยมีเวลามากพอที่จะก่อตั้งแคว้นฉู่ข้ึนมา
หลายสิบปีที่ผ่านมา ชวีหยวนกู่ถูกย้ายมารับตําแหน่งแม่ทัพประจํา
การณ์ที่นี่ หลังจากนั้น ตระกูลชวีก็เริ่มตั้งหลักปักฐานที่ซีเป่ย
ชวีหยวนกู่สามารถย้ายมาอยู่ซีเป่ยตั้งรากฐานที่นี่ได้ ก็
ความสัมพันธ์ของผู้หญิง หลังจากส่งน้องสาวเข้าวังไปแล้ว นางก็ได้รับ
ความโปรดปรานจากเป่ยถังฮวนมาก ได้รับการเลื่อนวตําแหน่งอยู่อย่าง
ต่อเนื่อง จนขึ้นมาถึงตําแหน่งสนมเอก หลังจากคลอดเป่ยถังเฟิงแล้ว
ฮองเฮาของเป่ยฮั่นก็สน
ิ้ พระชนม์ไป เป่ยถังฮวนเลยตั้งแต่พระสนมชวี
เป็นฮองเฮา ตระกูลชวีเลยกลายเป็นตระกูลที่มีบารมีมากในเป่ยฮั่น
เพราะฮองเฮาชวี ชวีหยวนกู่ถึงแม้จะไม่ได้มีความสามารถอะไร
อีกทั้งยังไม่ใช่คนเก่ง แต่กลับได้เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่งสูงขึ้นตลอด จน
ได้มาเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ซเี ป่ย
หลังจากเป่ยถังฮวนออกราชโองการมาแล้ว ก็มห
ี ลายคนที่ถวาย
ฎีกาขอให้เขาถอนคําสั่งคืน
ที่จริงหลายคนรู้ดีว่า ตระกูลเป่ยถังคือญาติฝ่ายหนึ่งของแคว้นฉู่
เมื่อก่อน แต่เพราะเกิดกบฏ เลยชิงบัลลังก์มา แต่กลับจะใช้งานญาติ
ฝ่ายนอกอีก ก็ควรจะระวังให้ชวีหยวนกู่ให้มาก
เพียงแต่เป่ยถังฮวนเป็นฮ่องเต้ที่ชอบตัดสินใจอะไรคนเดียว ไม่รู้ว่า
เพราะรักฮองเฮาชวีมากเลยไม่สนใจอย่างอื่น หรอืว่าเพราะรู้สึกว่าชวี
หยวนกู่ไม่เอาไหนคงทําอะไรไม่ได้ ชวีหยวนกู่เลยไปที่ซีเป่ยได้อย่าง
ราบรื่น และอยูม
่ าได้เป็นสิบปี
ในสายตาของชวีม่านเป่ามีไม่กี่คนที่เขากลัว แต่ว่าเขากลัวชวี
หยวนกู่มาก
เมื่อชวีหยวนกู่ไปแล้ว ชวีม่านเป่าก็รู้สก
ึ สบายมาก เลือดเขาก็พุ่ง
พร่านขึ้นมา คิดอยากจะทําอะไรต่อมิอะไรมากมาย
เขาอยู่ที่ซีชวนมานานหลายปี ใช้อํานาจกับผู้ชายรังแกผู้หญิงไว้
มาก เขารู้สึกไม่สนุกแล้ว เลยหันกลับมาเล็งอนุของชวีหยวนกู่แทน
สองพ่อลูกคู่นม
ี้ ค
ี วามชอบเหมือนกัน นั่นก็คือความต้องการสูงแล้ว
ก็ชอบสาวงาม ถึงแม้ชวีหยวนกู่จะอายุใกล้หกสิบแล้ว แต่เขามีอนุเกือบ
สิบคน แต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น
ชวีม่านเป่าอยู่ที่ซีเป่ยหากเจอผูห
้ ญิงคนไหนที่ถก
ู ใจเขา ก็ไม่มีคน
ไหนรอดมือของเขาไปได้เลย มีแค่ผห
ู้ ญิงของชวีหยวนกู่เท่านั้นที่เขาไม่
กล้ายุ่ง ตอนอยู่ในจวนเขาก็มักจะเห็นอนุสวยๆ ของพ่อเขาบ่อยครั้ง ทํา
ให้เขารูส
้ ึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ไม่กล้ายุง่ ครั้งนี้ชวีหยวนกู่
ยกทัพออกไป ถือว่าทางสะดวก ในอีกหลายเดือนไม่มีทางกลับมาที่ซี
เป่ยได้แน่นอน ในจวนก็ได้ชวีม่านเป่าดูแลทั้งหมด อนุพวกนั้น ก็ต้อง
ให้ชวีมา่ นเป่าดูแลเหมือนกัน
ชวีหยวนกู่อยู่ที่ซีเป่ยมานานหลายปี ในจวนมีเลี้ยงพวกผู้ช่วยไว้
หลายคน บางส่วนเป็นคนที่ชวี่หยวนกู่เลือกมาเอง แต่ก็มีคนที่ชวีม่าน
เป่าหามาจากยุทธภพ
เขาไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องนี้ ในบรรดาคนกลุ่มนี้มค
ี นหนึ่งที่มาจาก
ลัทธิเต๋า เชี่ยวชาญการปรุงยาเม็ด หลายปีก่อนเขาได้ปรุงยาแล้วแอบ
มอบให้ชวีม่านเป่า หลังจากได้ยาแล้ว เขาก็รู้สก
ึ ว่าเขาแข็งแรงขึ้นมา
หลังจากนั้นผู้ชว
่ ยก็กลายมาเป็นคนสนิทของเขา เขาทําเรื่องเลวๆ ใน
จวน คนอื่นไม่รู้ แต่ผู้ช่วยที่มาจากลัทธิเต๋าคนนีร้ ู้ดีทุกอย่าง
ชวีม่านเป่าขืนใจอนุของพ่อของเขาไปหลายคน ในใจรู้สึกได้ใจมาก
แต่ว่าเรื่องนี้เขาก็ไม่กล้าบอกใคร เก็บเอาไว้ในใจก็อึดอัด เลยต้อง
ระบายให้ผู้ช่วยคนสนิทของเขาฟัง
เสียนหยางตกลงมาอย่างหนัก ฝนตกลงมาเยอะมาก
ถึงแม้จะให้ชวีม่านเป่าอยู่เฝ้าเสียนหยาง แต่ก้ยังมีหน่วยงาน
ราชการของเสียนหยางคอยบริหารงานอยู่ ชวีมา่ นเป่าแทบไม่ต้องทํา
อะไรเลย ทุกอย่างก็ยังคงดําเนินไปเหมือนปกติ
เขานั่งขีเ้ กียจอยู่บนเก้าอี้ ด้านข้างมีเตาผิงอยู่ ตอนนี้เริ่มเข้าหน้า
หนาวแล้ว ซีเป่ยเป็นพื้นที่หนาวเย็น อากาศไม่ดีเลย ยิง่ กลางวันยิ่ง
หนาวเข้ากระดูก แต่ภายในห้องจะอุ่น
“เข้ามา” หลายวันที่ผ่านมาชวีม่านเป่าคลุอยู่แต่ในห้องของอนุ
ของพ่อตัวเอง เขาสบายอารมณ์มาก ถึงแม้จะกินยาดีแล้ว แต่ก็ยังรู้สึก
อ่อนเพลียมาก เขาลุกขึ้นมานั่งนิดหน่อย ก็เห็นมีคนเปิดประตูเข้ามา
เป็นผู้ชว
่ ยคนสนิทของเขา เขาเปิดเข้ามาแล้วก็ปด
ิ ประตู
“เต้าเซิง ทัพใหญ่เคลื่อนทัพถึงไหนแล้ว?”
ผู้ช่วยคนนั้นชื่อเต้าเซิงเป็นคนที่ปรุงยาวิเศษให้กับชวีม่านเป่า
ใบหน้าของเขาเปี่ ยมไปด้วยรอยยิ้ม ในมือของเขาถือรายงานการทหาร
เข้ามาด้วย “คุณชายใหญ่ มีรายงานส่งกลับมาขอรับ” เขายื่นรายงาน
ไปให้ ชวีม่านเป่ายื่นมือออกมาแต่ไม่ได้รับรายงานไป แต่กลับหยิบเหล้า
บนโต๊ะมาดื่มแทน จากนั้นก็พด
ู ว่า “ข้าเกลียดการอ่านอะไรพวกนี้ที่สด
ุ
เลย มีอะไรเจ้าก็ว่ามาล่ะกัน”
“หลังจากทัพใหญ่เคลื่อนทัพผ่านด่านไปแล้ว ก็เดินทางไปยังเมือง
ไป๋หยาง กับเมืองจ้าวจวิน” เต้าเซิงนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว “สองเมืองนี้
คุณชายเล็กเป็นคนยกทัพไปบบุกยึดมาได้ ตอนนี้ทหารมีความฮึกเหิม
มาก หากเป็นอย่างนี้ต่อไป การบุกยึดลั่วหยางก็แค่อีกไม่นานแล้ว”
เต้าเซิงพูดว่า “คุณชายใหญ่เหมือนจะดีใจมากเลยนะขอรับ”
“คุณชายใหญ่จะได้สาวงามมากมาย แต่คุณชายเล็กได้อะไรล่ะ?”
เต้าเซิงยิ้ม รอยยิ้มเต็มไปด้วยเลศนัย
เต้าเซิงยกนิว
้ โป้งให้แล้วพูดว่า “คุณชายใหญ่เป็นคนมีอุดมการณ์
เป็นวีรบุรุษที่องอาจ ไม่มีใครเทียบได้เลย”
ไฟในเตาผิงลุกโชนขึ้นมา ในดวงตาของชวีม่านเป่าเหมือนจะลุก
โหมกระหน�ามากกว่าไฟในเตาผิงอีก
“คุณชายใหญ่พด
ู ถูกต้องแล้ว ตามหลักแล้ว ไม่ว่าจะตั้งลูกเมียแต่ง
หรือว่าลูกชายคนโต คุณชายใหญ่ก็ต้องได้รับตําแหน่งแล้วอย่างไม่ต้อง
สงสัย” เต้าเซิงพูดว่า “หากไม่ทําตามธรรมเนียมปฏิบต
ั ิ มันก็ถือว่า
ทําลายกฎ”
ชวีม่านเป่าถึงแม้จะนิสย
ั ป่าเถื่อน แต่ก็ไม่ได้โง่ เขาพูดว่า “เจ้า
หมายความว่า ม่านอิงจะเป็นภัยต่อการเป็นผูส
้ ืบทอดของข้าเหรอ”
เต้าเซิงพูดว่า “ข้าน้อยไม่กล้า”
“แต่ถ้าอย่างนั้น คุณชายใหญ่ก็มีโอกาสสร้างผลงานน้อยลงไปอีก
นะ” เต้าเซิงพูดว่า “แม่ทัพใหญ่ท่านเป็นทหาร กองทัพซีเป่ยเป็นกอง
ทัพที่สําคัญของเรา ก่อนหน้านีค
้ ุณชายเล็กอาจจะสู้ท่านไม่ได้ แต่ว่า
คราวนี้คุณชายเล็กสามารถยึดเอาเมืองมาได้ถึงสองเมือง ในสายตาของ
ทหาร มันก็ ......”
น�าเสียงของชวีม่านเป่าค่อนข้างไม่พอใจ “ทหารซีเป่ยนับหมื่นคน
เคลื่อนทัพออกไป เมืองเล็กๆ สองเมืองนั่นก็ไม่ได้มท
ี หารอยู่เท่าไหร่
เปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็สร้างผลงานได้ท้ังนั้นแหละ”
“แต่ว่าหลังกองทัพใหญ่เคลื่อนพลไปแล้ว ผ่านมาสองศึกคุณชาย
เล็กเป็นคนนําทหารบุกตีเมืองทั้งหมด ตอนนี้เขาได้หน้าเอามากๆ” เต้า
เซิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณชายใหญ่ก็พูดเองเมืองเล็กๆ แค่สอง
เมือง ในสายตาของทหารซีเป่ยเรา มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไม่ว่าส่งใครไป
ก็ทําได้ แต่ว่าท่านแม่ทัพใหญ่ก็ยังจะส่งคุณชายเล็กไปจริงไหม?”
ชวีม่านเป่าพูดว่า “ไม่ให้มา่ นอิง แล้วจะให้ส่งคนอื่นไปหรือไง?”
แต่ในใจของเขาเริ่มรู้สึกไม่ยุติธรรมขึ้นมาแล้ว
“หากหลังจากนี้คุณชายเล็กยังสร้างผลงานได้อย่างต่อเนื่อง แล้ว
สุดท้ายยังยึดลั่วหยางได้อีก ทั่วทั้งทัพซีเป่ย นอกจากแม่ทัพใหญ่แล้ว
คงไม่มีใครมีผลงานมากกว่าคุณชายเล็กอีก” เต้าเซิงพูดว่า “คุณชาย
ใหญ่เฝ้าเมืองเสียนหยาง มันมั่นคงมากอยู่แล้ว แต่ว่า ...... เกรงว่าใน
สายตาของคนอื่นๆ เสียนหยางไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา คุณชายใหญ่
แทบจะไม่ได้ทําผลงานอะไรเลย”
เต้าเซิงเองก็ลก
ุ ขึ้นแล้วพูดว่า “คุณชายใหญ่คิดได้แบบนี้ ฉลาด
จริงๆ”
“คุณชายใหญ่ หากคิดอยากจะกองทัพซีเป่ยรู้ถึงความลําบากของ
ท่าน ก็ต้องให้พวกเขารู้ว่าท่านดียังไง เรื่องนี้ใช่ว่าจะไม่มีวิธี” เต้าเซิงยิม
้
แล้วพูดว่า “คุณชายใหญ่ ท่านอย่าลืมนะว่า การทัพซีเป่ยจะชนะได้ไหม
อยู่ที่ท่านนะ”
“เจ้าหมายความว่า?”
“ดังนั้นคุณชายใหญ่สามารถออกคําสั่งให้รวบรวมเสบียงอาหาร
ตั้งแต่ตอนนี้เลย เสบียงพวกนั้นจะต้องให้อยู่ในการควบคุมของคุณชาย
ใหญ่” เต้าเซิงพูดว่า “นอกจากนี้ เสบียงอาหารรอบๆ เสียนหยาง ก็ต้อง
สั่งให้รวบรวมมาให้หมด ให้ทุกนได้รู้ว่า คิดอยากจะได้เสบียง ก็ต้องมา
หาคุณชายใหญ่คนเดียว”
ชวีม่านเป่าพยักหน้า “กองทัพซีเป่ยเป็นชีวิตของตระกูลชวีของเรา
จะให้ล่มสลายไม่ได้ เต้าเซิง เจ้าว่าข้าควรทํายังไงดี?”
“คุณชายใหญ่ จะว่าไปแล้ว คนที่เป็นภัยของท่านคือคุณชายเล็ก”
เต้าเซิงสายตาดูล�าลึก “ขอแค่ล้มคุณชายเล็กได้ คุณชายใหญ่ถึงจะได้
สบายใจ ดังนั้นเราจะต้องลงมือกับคุณชายเล็ก”
“ในจวนของเรามีพวกบัณฑิตที่คอยเล่าอะไรต่างๆ มากมายให้กับ
คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่รู้เรื่องราวในอดีตประวัติศาสตร์อะไร
มากมาย” เต้าเซิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “การแย่งชิงอํานาจ แต่ไหนแต่
ไรก็มแ
ี ต่การต่อสู้จนถึงตายเท่านั้น คุณชายใหญ่เป็นคนมีคณ
ุ ธรรม ไม่
อยากลงมือกับคุณชายเล็ก แต่ขออภัยที่ข้าน้อยต้องพูดตามตรง หาก
ต่อไปภายภาคหน้าคุณชายเล็กมีอํานาจมาก คิดย้อนกลับมาลงมือกับ
ท่านแทนล่ะ ไม่ทราบว่าคุณชายเล็กจะคิดเหมือนที่ท่านคิดหรือเปล่า”
ชวีม่านเป่านิง่ ไป
“หือ?”
“แผนแย่สุด คุณชายใหญ่สามารถส่งคนไปสังหารคุณชายเล็ก”
เต้าเซิงพูดว่า “ข้าน้อยรู้สึกคนในยุทธภพมากมาย บางคนเป็นนักฆ่า
เพื่อเงิน ขอแค่คณ
ุ ชายใหญ่มีคําสั่ง ข้าน้อยจะแอบติดต่อพวกเขาให้ไป
สังหารคุณชายเล็กเอง นักฆ่าพวกนั้นมีกฎมีระเบียบ ต่อให้ต้องตาย
พวกเขาก็ไม่มีทางพูดถึงคนที่จ้างวานแน่นอน”
ชวีม่านเป่าส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ชาวยุทธเชื่อถือไม่ได้หรอกนะ
ใครจะรู้ถ้าดาบพาดคอพวกเขาเมื่อไหร่ พวกเขาจะไม่สารภาพเหรอ?
หากพลาด พวกเขาสารภาพออกมา ต่อให้ไม่มห
ี ลักฐาน ท่านพ่อกับม่าน
เป่าก็ต้องไม่พอใจแน่ ต่อไปข้าเองก็จะตกที่น่งั ลําบาก”
เต้าเซิงพูดเสียงเบาว่า “คุณชายใหญ่ขืนใจอนุของแม่ทัพใหญ่ไป
ตั้งหลายคน คุณชายสามารถหลอกใช้พวกนางในการฟ้องแม่ทัพใหญ่
ได้”
“ตอนนี้พวกนางอยู่ในจวนทั้งหมด อยู่ในกํามือของคุณชายใหญ่”
เต้าเซิงพูดว่า “คุณชายใหญ่จะให้พวกนางทําอะไร พวกนางไม่มีทางไม่
กล้าทํา คุณชายใหญ่ก็ส่งั ให้พวกนางเขียนจดหมาย ส่งไปให้ท่านแม่ทัพ
ใหญ่”
“ให้พวกนางบอกท่านแม่ทัพใหญ่ว่า คุณชายเล็กเคยขืนใจพวก
นาง” เต้าเซิงพูดว่า “เมื่อจดหมายฉบับนี้ตกไปอยู่ในมือของท่านแม่ทัพ
ใหญ่แล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่ต่อให้ไม่เชื่อ ก็อาจจะมีความสงสัยบ้าง แล้ว
อาจจะเกิดความพอใจคุณชายเล็กขึ้น ขอแค่ท่านแม่ทัพไม่พอใจ
คุณชายเล็ก คุณชายใหญ่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอํานาจการสืบทอดแล้ว”
ชวีม่านเป่ายกมือขึ้นมาเกาหัว เหมือนจะรู้สึกกังวลเขาพูดว่า
“เรื่อง ...... เรื่องนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ม้ัง? หาก ...... หากท่านพ่อ
กลับมาตรวจสอบ บีบบังคับถามพวกนาง เกิด ......” เขาไม่ได้พูดต่อ แต่
เจตนาของเขาก็เข้าใจดี
“แม่ทัพใหญ่ไม่มีโอกาสได้พบพวกนางแน่นอน” เต้าเซิงพูดว่า
“หลังจากส่งจดหมายไปแล้ว ก็ให้อนุที่ส่งจดหมายไปฆ่าตัวตาย เหตุผล
ง่ายมาก เพราะพวกนางถูกคุณชายน้อยขืนใจ รู้สึกผิดและอับอายมาก
พวกนางทนไม่ไหส เลยฆ่าตัวตาย ถ้าเช่นนั้น คุณชายเล็กก็จะมี
ความผิดฐานบีบให้แม่เลี้ยงฆ่าตัวตายด้วยอีกกระทงหนึ่ง”
ชวีม่านเป่าตกใจมาก เขาแอบคิดในใจว่าแผนนี้โหดมาก
“ถึงเวลานั้นคุณชายใหญ่ก็ค่อยเขียนจดหมายอีกฉบับให้ท่านแม่
ทัพใหญ่ ให้ท่านแม่ทัพใหญ่ลงโทษคุณชายเล็ก” เต้าเซิงพูดว่า “พอเป็น
แบบนี้แล้วคุณชายใหญ่ก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว”
ชวีม่านเป่าขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แล้วถ้าหากท่านพ่อไม่ยินยอมล่ะ
แล้วจะทํายังไง?”
“ดังนั้นหากคุณชายใหญ่คิดอยากจะให้จดหมายนั่นได้ผล ก็จะต้อง
คุมด่านถงกวนเอาไว้ในมือ” เต้าเซิงพูดว่า “คุณชายใหญ่ท่านเองก็มี
เลี้ยงทหารฝีมือดีเอาไว้สามร้อยนาย คนพวกนีย
้ อมตายแทนท่านได้
เพื่อท่านแล้ว บุกน�าลุยไฟพวกเขาก็ไม่เกี่ยง ดังนั้นเลี้ยงทหารพันวันใช้
แค่ช่วงเวลาเดียว ได้เวลาที่ทหารพวกนีจ
้ ะรับใช้ท่านแล้ว”
ชวีม่านเป่าพูดว่า “เจ้าหมายความว่า จะให้ใช้ทหารสามร้อยคนนี้
ไปเปลี่ยนกับทหารที่เฝ้าอยู่ที่ด่านถงกวนอย่างนั้นเหรอ?”
ชวีม่านเป่าเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ แล้วยื่อมือออกไปหยิบแก้วเหล้า
จากนั้นก็ยกขึ้นดื่ม
“หากคุณชายใหญ่รู้สึกว่าข้าน้อยพูดมากเกินไป ข้าน้อยก็ขอให้
คุณชายลงโทษด้วยขอรับ” เต้าเซิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “สองคืนที่
ผ่านมาข้าน้อยนอนไม่หลับเลย เพื่ออนาคตของคุณชายใหญ่ แต่ที่จริง
ก็เพื่ออนาคตของข้าน้อยเองด้วย หากคุณชายใหญ่สามารถขึ้นไป
จุดสูงสุดได้ ข้าน้อยเองก็จะพลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย ไม่อย่างนั้น ...... ขอ
อภัยที่ต้องพูดตามตรง มันอาจจะฟังแล้วเป็นการทําลายความสัมพันธ์
พี่น้องของคุณชายใหญ่กับคุณชายเล็กได้ ที่จริงข้าน้อยไม่ควรพูดแบบนี้
กับคุณชายใหญ่เลย”
เต้าเซิงลุกขึ้นมาแล้วไปหยิบคีมหนีบมาก แล้วเขี่ยไปที่เตาผิง ไฟ
มันกําลังลุกโชนเลย เขาพูดว่า “คุณชายใหญ่ควบบคุมซีเป่ยเอาไว้ ให้
ท่านแม่ทัพต้องยินยอมมอบตําแหน่งผูส
้ ืบทอดให้กับท่าน เรารุกก่อน
มันดีกว่ารอให้ท่านแม่ทัพค่อยๆ ตัดสินใจนะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ชวีม่านเป่าสายตาเริม
่ ดุดันเหี้ยมโหดขึ้นมา
“ควบคุมซีเป่ย ถึงเวลานั้นบีบให้ท่านพ่อไล่ม่านอิงออกจากตระกูล
หลังจากนั้นค่อยส่งนักฆ่าไปจัดการเขา ขอแค่ไม่มีมา่ นอิงอยูแ
่ ล้ว ผู้สบ
ื
ทอดของตระกูลชวีก็เป็นของข้าคนเดียว”
เต้าเซิงพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้
เลย” เขาถามอีกว่า “คุณชายใหญ่ ทางด่านถงกวนล่ะ ......?”
“ให้ทหารกล้าสามร้อยนายของข้าออกเดินทางทันที ไปเปลี่ยนการ
ป้องกันเฝ้าระวังที่น่ัน” ชวีม่านเป่าพูดว่า “ให้ต้เู หยียนเตาเป็นแม่ทัพ
......”
“คําสั่งของข้าเขากล้าขัดเหรอ?”
“คําสั่งของคุณชายเขาอาจจะไม่กล้าขัด” เต้าเซิงยิ้มแล้วพูดว่า
“เพียงแต่ให้ตู้เหยียนเตาไป เสวียเหรินอาจจะไม่ไว้หน้าเขาก็ได้”
ชวีม่านเป่าขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หรือจะให้ข้าไปที่ด่านถงกวนด้วย
ตัวเองหรือไงกัน?”
“หากคุณชายใหญ่เดินทางไปด้วยตัวเอง เรื่องนี้ต้องสําเร็จ
แน่นอน” เต้าเซิงพูดอย่างจริงจังว่า “ต่อให้เสวียเหรินจะใจกล้ามาแค่
ไหน ก็ไม่กล้าขัดคําสั่งของคุณชายใหญ่แน่นอน”
เช้าวันต่อมา ตามถนนใหญ่น้อยในเมืองเสียนหยางก็มก
ี ารติด
ประกาศไปทั่ว มีคําสั่งให้รวบรวมเสบียงอาหารเข้าคลังภายในสองวัน
หากถึงเวลาไม่มใี ห้ จะถูกทางการตรวจสอบ แต่ถูกยึดทรัพย์ ไม่มก
ี าร
ปราณี
เมื่อออกประกาศไป ทําให้ภายในเมืองเสียนหยางเกิดการ
เคลื่อนไหวครั้งใหญ่
ตระกูลชวีได้หาที่ดินพื้นหนึ่งในเมืองเสียนหยาง สร้างคลังเสบียง
ขึ้นมา ตอนนี้ภายในคลังเสบียงมีเสบียงล้นมาก หากเป็นไปอย่างที่ชวี
หยวนกู่พูดมา หากวันไหนเมืองเสียนหยางถูกปิดล้อมด้วยข้าศึกศัตรู
ต้องสู้กันสามถึงห้าปี ภายในเมืองเสียนหยางก็จะไม่คาดแคลนเสบียง
อาหาร
ผู้คนต่างรับรู้ว่าในมือของตระกูลชวีมีเงินทองและเสบียงมากมาย
ครั้งนี้กองทัพซีเป่ยเคลื่อนกําลังพลออกไป ชวีหยวนกู่ไม่จําเป็นต้อง
รวบรวมเสบียงอาหารเลยด้วยซ�า หลายคนยังนึกคิดอยู่เลยว่าเขาก็ถือ
ว่าทําเรื่องดีกับเขาเหมือนกัน แต่ว่าแค่ไม่นาน ประกาศนี่ก็มาถึง ครั้งนี้
ไม่เพียงแค่จะเก็บภาษีเสบียง แต่ต้องการเอาเสบียงอาหารทั้งหมดไป
พวกเขารู้สึกไม่พอใจมาก วันแรกไม่มีใครนําจ่ายยภาษีเสบียงเลยแม้แต่
คนเดียว
เมื่อประกาศออกไปแล้ว ชวีม่านเป่าก็พาทหารที่เขาเลี้ยงไว้สาม
ร้อยคนเดินทางไปยังด่านถงกวน แต่ว่าเรื่องการเร่งเก็บเสบียงนั้นเขาไม่
จําเป็นต้องลงมือเอง มีขุนนางท้องที่ที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว
พระอาทิตย์กําลังจะตกดินแล้ว ชวีม่านเป่านั่งอยู่บนหลังม้า ม้าก็
เขาเป็นพันธุ์มา้ ดีของซีเป่ย ขนของมันสีน�าตาลทองสวยงาม เขาสวม
ชุดเกราะสีดํา ดูสง่างามมาก
ทหารสามร้อยคนด้านหลังก็ต่างสวมชุดเกราะ ในมือถือหอกยาว
พกดาบ
ตามที่ชวีม่านเป่าพูด ทหารสามร้อยคนของเขาเป็นทหารซีเป่ย
แบบดั้งเดิมแท้จริง แต่ละคนสามารถสูข
้ ้าศึกสิบคนได้ ต่อให้เจอทัพ
ใหญ่พันคน ทหารสามร้อยคนนีก
้ ็สามารถรับมือได้
ชวีม่านเป่าเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เขาเองก็ไม่ได้คิดจะเดินทางตอน
กลางคืนด้วย เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตู้เหยียนเตา เจ้าพาคนไปเตรียม
ตั้งค่าย คืนนี้เราจะพักกันที่น่ัน พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่อ”
ชายชุดเกราะเทายกมือคํานับแล้วรับคําสั่งไป
ตู้เหยียนเตารู้ว่าเป้าหมายที่เขาเดินทางไปยังด่านถงกวนในคราวนี้
คือการเฝ้าด่านเอาไว้ เขารู้สึกแปลกใจที่คุณชายใหญ่ตัดสินใจทําแบบนี้
แต่ในฐานะคนในสังกัดของเขา นายพูดอะไรก็ต้องทําอย่างนั้น เขา
เข้าใจหลักการนี้ดี หากพูดอะไรให้น้อยลงหน่อย ก็จะมีชีวิตอยู่ได้นาน
ขึ้น นิสย
ั ของคุณชายใหญ่ไม่เหมือนคนทั่วไป หากพูดมากเกินไปอาจทํา
ให้เขาโกรธขึ้นมาได้ ถ้าอย่างนั้น ไม่ถามเลยจะดีกว่า
อีกอย่างการไปที่ด่านถงกวนในครั้งนี้ของเขา มันก็ไม่ใช่เรื่อง
เลวร้ายอะไร
หลังจากเปลี่ยนชุดเฝ้าประจําการณ์แล้ว เขาก็จะกลายเป็นแม่ทัพ
คุมด่านถงกวน มีอํานาจเต็มที่ ถึงแม้ในหลายปีที่ผ่านมาเขาจะเป็น
ทหารคนสนิทของคุณชายใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้แสดงฝีมอ
ื อะไร
เลย ครั้งนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ตู้เหยียนเตาเองก็รู้สก
ึ ดีใจมาก
ตู้เหยียนเตาไม่ใช่คนไม่เอาไหน เขาก็เป็นทหารที่รอดมาจากกอง
ศพ การวางค่ายกลการศึกถึงจะไม่ได้เก่งมาก แต่ก็ไม่แย่ ทหารแค่สาม
ร้อยคน จะบัญชาการพวกเขามันเรื่องเล็กมาก
ตู้เหยียนเตาตั้งค่ายพักที่บนเนินเขา ถือว่าอยู่ในต้านลม
ซีเป่ยในยามค�าคืนลมแรงมาก อีกทั้งลมมันหนาวถึงขนาดโดนหน้า
แล้วหน้าชาเลยทีเดียว การอาศัยภูเขาในการบังลม สามารถลดแรง
กระแทกของแรงลมได้ไม่นอ
้ ยเลย
ยามค�าคืน มีแสงสว่างออกจากกระโจมใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง
คุณชายใหญ่ชอบไฟสว่างๆ ดังนั้นคนที่ติดตามเขามาด้วยเลยมีการนํา
น�ามันตะเกียงมาด้วยเยอะมาก ภายในกระโจมมีโคมแขวนอยู่สี่อัน ทํา
ให้ภายในกระโจมสว่างมาก
“คุณชายใหญ่ ทหารที่ด่านถงกวนท่านแม่ทัพใหญ่เป็นคนเลือก
และจัดการมาตลอด” คนๆ นั้นพูดว่า “ข้าน้อย ....... ข้าน้อยแค่กังวลว่า
หากคุณชายใหญ่ไม่รายงานให้ท่านแม่ทัพใหญ่ทราบก่อน ถึงเวลานั้น
แอบเปลี่ยนชุดป้องกันด่านโดยพลการ ท่านแม่ทัพทราบเรื่องทีหลัง
....... อาจจะคาดโทษเอาได้นะ ......”
“ข้าสั่งให้พวกเจ้ามาเฝ้าด่านถงกวน ก็เพราะข้าไว้ใจพวกเจ้าที่สุด
ในใจของข้า พวกเจ้าคือคนที่ภักดีกับข้ามาก” ชวีม่านเป่าสายตาอาฆาต
แค้นมาก “แต่เจ้ากลับหาว่าข้าละเมิดคําสั่งของท่านแม่ทัพใหญ่แอบ
เปลี่ยนชุดป้องกันด่านโดยพลการ พูดจาเมามอมทุกคนแบบนี้ หากข้า
ให้เจ้ารับหน้าที่สําคัญไป ช้าเร็วเจ้าต้องทรยศข้าแน่นอน” เขายื่นมือ
ออกไป แล้วชักดาบออกมาจากทหารอีกคนหนึ่ง ไม่รอให้คนอื่นได้ต้ังตัว
ก็ฟันหัวคนๆ นั้นไปทันที
พวกเขารู้ว่าคุณชายใหญ่ของพวกเขานิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้
หลายปีที่ผ่านมาคิดจะโมโหก็โมโหขึ้นมา ฆ่าคนแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
ใครก็ไม่กล้าพูดอะไรเลย
ชวีม่านเป่าโยนดาบลงพื้น เห็นนตัวเองเปื้อนเลือดเต็มไปหมด ก็
ขมวดคิ้ว โบกมือแล้วพูดว่า “ลากศพออกไป ตู้เหยียนเตา ไปเตรียมน�า
ข้าจะอาบน�าเปลี่ยนเสื้อผ้า”
พวกเขารีบลากศพออกไป ใครก็ไม่กล้าอยู่ในกระโจมต่ออีก
ในระหว่างการเดินทางแบบทหาร ไม่มถ
ี ังไม้ขนาดใหญ่ให้ได้ลงไป
แช่อาบน�า ยิ่งไม่เหมือนในจวนแม่ทัพใหญ่ที่มส
ี าวๆ สวยๆ มาปรนนิบต
ั ิ
ชวีม่านเป่าทําได้แค่ใช้น�าร้อนเช็ดตัวสองถัง เขาถอดเสื้อผ้าออกจนหมด
เขาพอใจกับรูปร่างของตัวเองมาก กล้ามเป็นมัดๆ ผูห
้ ญิงที่ได้นอนกับ
เขา ไม่มีใครที่รู้สึกผิดหวังเลย
ฆ่าคนเพื่อสร้างบารมี
ชวีม่านเป่านึกถึงภาพที่เขาฆ่าคนไปเมื่อกี้ ท่าทางหวาดผวาของ
ลูกน้องเขา ทําให้เขารู้สก
ึ ได้ใจ คิดอยากให้คนของตัวเองจงรักภักดี
จะต้องทําให้พวกเขาหวาดกลัว ขอแค่พวกเขากลัว ก็ไม่กล้าคิดเป็นอื่น
กับเขา
ชวีม่านเป่าสะดุ้ง
“มีข้าศึกบุก มีข้าศึกบุก” มีเสียงร้องตะโกนจจากด้านนอก
มีข้าศึกบุก
ชวีม่านเป่ารู้สก
ึ ว่ามันเหลือเชื่อมาก ในพื้นที่ซีเป่ย ใครกันที่กล้า
ลอบโจมตีขบวนของเขาได้? คนของเขาล้วนเป็นทหารฝีมือดีสามร้อย
คนนะ ต่อให้ทหารหนึ่งพันคนบุกมา ทหารสามร้อยคนก็รับมือได้สบาย
แต่ว่าในซีเป่ยจะมีใครกล้าโยกย้ายกําลังทหารก่อนได้รบ
ั อนุญาต
จากตระกูลชวีล่ะ?
หรือว่าแถวนี้จะมีโจร?
“ยังไม่รูว
้ ่าเป็นใครมาจากไหนขอรับ?” ตู้เหยียนเตาพูดว่า “รอบๆ
เรามีแต่คน อาจมีมือธนูด้วย พวกเขา ....... พวกเขามาจากรอบด้านเลย
......” ระหว่างที่พูด ก็มีธนูยิงเข้ามาอีก พวกเขาใช้ดาบมาบัง
ชวีม่านเป่าเห็นทหารล้มลงไปทีละคนทีละคน ตอนนีอ
้ ย่าว่าแต่
หนึ่งต่อสิบเลย อีกฝ่ายมากันกี่คนเขาก็ยังไม่รู้เลย คิดว่าสถานการณ์ไม่ดี
คงไม่มีเวลาคิดอะไรอีก เขารีบไปที่มา้ ศึก ตู้เหยียนเตาจับม้าเอาไว้ แล้ว
คุ้มกันให้ชวีมา่ นเป่าเอาไว้ ชวีม่านเป่าถามว่า “เราจะฝ่าไปจากทางไหน
ดี?”
เหล่าทหารเห็นชวีม่านเป่าขีม
่ ้าไปทางตะวันตก ก็รีบตามกันไป
ติดๆ
ชวีม่านเป่าฝ่าออกไปอีกระยะหนึ่ง ก็มล
ี ูกธนูพงุ่ มาจํานวนมาก เขา
ตกใจมาก รีบใช้ดาบปัด ถึงแม้จะปัดไปได้มาก แต่ก็ถูกยิงที่หัวไหล่ เขา
ขมวดคิ้วแน่นมาก สายตาของเขาโกรธจนควันออกหู เขาตะคอกว่า
“ข้าคือชวีม่านเป่า พวกเจ้าเป็นใคร กล้าลอบโจมตีข้าแบบนี้ได้ยังไง
กัน?”
ชวีม่านเป่ารู้สก
ึ ตัวเย็นไปเกินครึ่งตัวแล้ว
มองสถานการณ์ของกลุ่มตัวเอง เขาอยากจะฝ่าออกไปเป็นได้แค่
ฝัน เขากระตุกเชือกม้า หันไปทางเหนือ เหล่าทหารก็ตามเขาไป
เหมือนกับมดตัวเล็กๆ แต่ไปได้ไม่ไกล ก็เจอลูกธนูอีกชุดใหญ่ ชวีม่าน
เป่าโบกดาบอีกครั้ง ครั้งนี้เขาถูกยิงที่ขา เขารู้สก
ึ ตัวเย็นไปทั้งตัว เขาคิด
ในใจว่าหากคืนนี้เขาถูกปิดล้อมจริงๆ คิดอยากจะฝ่าออกไปมันยากยิง่
กว่ายาก
เล่มที่ 40 บทที่ 1196 ขอยอมจํานน
ทหารกล้าสามร้อยนายอยู่ต่อหน้ากองกําลังทหารกลุ่มนี้ แทบจะไม่
สามารถแสดงฝีมือออกมาได้เลย ความสามารสูห
้ นึ่งต่อสิบได้ กลับพ่าย
แพ้ให้กับลูกธนูที่พุ่งมาดังสายฝน ทหารที่เป็นความหวังของชวีม่านเป่า
ไม่ต่างอะไรจากแกะในฝูงหมาป่า
ชวีม่านเป่ามือเท้าเย็นไปหมด
เขานึกถึงปัญหาที่ร้ายแรงขึ้นมาได้
ถ้าอย่างนั้น ทําไมถึงได้มท
ี หารกลุ่มใหญ่พุ่งเป้ามาที่เขาแล้วรู้
ตําแหน่งของเขาได้ล่ะ อีกทั้งยังสามารถล้อมพวกเขาเอาไว้ได้แบบไม่มี
วี่แววเลย?
ชวีม่านเป่าตอนนี้ก็มองออก ฝีมอ
ื ยิงธนูของอีกฝ่ายร้ายกาจมาก
เหมือนจะยิงออกมาพร้อมกัน ซึ่งหากเป็นโจรภูเขาหรือโจรทั่วไปไม่
สามารถทําได้แน่นอน มันเหมือนกองกําลังทหารที่ผา่ นการฝึกมาแล้ว
อย่างดี
กองกําลังพวกนี้เตรียมตัวกันมาอย่างดี แม้แต่เขาเองยังไม่รู้เลยว่า
จะมาตั้งค่ายพักกันที่นี่ แล้วกองกําลังนีร่ ู้ได้ยังไงกัน?
ผู้ช่วยของเขาพยายามให้เขาควบคุมซีเป่ยเอาไว้ เขาเป็นคน
วางแผนทุกอย่าง ให้เขาพาคนของเขามาที่ถงกวนด้วยตัวเอง เพราะ
เต้าเซิงเป็นคนกล่อมเขา เขาถึงได้พาทหารออกนอกเมืองมา แต่ผลที่ได้
เขากลับถูกปิดล้อม เขามั่นใจว่ามันน่าจะเป็นหลุมพราง เต้าเซิงต้องมี
ส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน
ชวีม่านเป่างงมาก เขารูห
้ ากเขาฝืนดึงดันที่จะฝ่าออกไป ศัตรูต้ัง
ค่ายขนาดนี้ เขาไม่มีทางออกไปได้แน่ อีกฝ่ายมีทหารโล่เป็นด่านหน้า
ทหารหอกตรงกลาง และมีมอ
ื ธนูด้านหลัง มันคือการป้องกันไม่ให้เขา
ฝ่าออกไป
ทัพฉู่ทําไมถึงได้มาอยู่ในพื้นที่ของซีเป่ยล่ะ?
ชวีม่านเป่ารู้สก
ึ งงมาก เขาคิดว่าเขาอาจจะฝันไป เขายอมเชื่อว่า
มันเป็นกองกําลังอื่นที่อยู่ในซีเป่ยที่อาจจะแข็งแกร่งกว่าของเขา
มากกว่าที่จะเชื่อว่าเป็นกองทัพของชาวแคว้นฉู่
เขาไม่เคยคิดกังวลว่ากองทัพฉูเ่ ลยแม้แต่ครั้งเดียว
แคว้นฉูแ
่ ละฮั่นสองแคว้นใหญ่ ทําศึกแม่น�าฉินไหวเล็กใหญ่มานับ
ไม่ถ้วน ว่ามีแค่ซีเป่ยเท่านั้นที่ไม่เคยสู้รบกับทางแคว้นฉู่เลย ถึงแม้ปาสู่
กับซีเป่ยก็กังวลว่าจะสู้รบกัน แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้งเดียว
กองทัพซีเป่ยไม่ใช่กองกําลังหลักของกองทัพฮั่น เหมือนกับที่กอง
กําลังของปาสูก
่ ็ไม่ใช่กองกําลังหลักของแคว้นฉู่เช่นกัน ดังนั้นเขาถึงได้
ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะบุกเข้ามา อีกทั้งเส้นทางที่เขาฉินหลิงก็เป็นเส้นทาง
สวรรค์ ทั้งสองฝ่ายคิดว่าอีกฝ่ายไม่มท
ี างเดินข้ามมากันได้แน่นอน
ในหัวของชวีมา่ นเป่าว่างเปล่า ตู้เหยียนเตากับเหล่าทหารพอเห็น
ว่าเป็นทหารแคว้นฉู่ ต่างก็ตกใจทําอะไรไม่ถูก
ทหารแคว้นฉู่บบ
ี เข้าหาเรื่อยๆ เหมือนกําลังประตูเหล็กสี่บานกําลัง
จะปิดตัวลง
ทหารแคว้นฉู่รอบด้านล้อมชวีม่านเป่ากับคนกว่าอีกร้อยคนจน
เหลือแค่ทางแคบๆ เหล่าทหารมองไปรอบๆ พวกเขาไม่รู้จริงๆ ว่าอีก
ฝ่ายมีกันเท่าไหร่ มีท้ังโล่ท้ังหอก มองก็รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมาก พวก
เขาแทบจะสู้ไม่ได้เลย กองทัพฉู่เหมือนกับค้อนขนาดใหญ่ แค่ทุบลงมา
ก็ทําให้ไข่ไก่อย่างพวกเขาแตกกระจุยได้เลย
ชวีม่านเป่าเห็นอีกฝ่ายสวมชุดเกราะอย่างดี ขีอ
่ ยู่บนหลังม้าตัวสี
ขาวสวยงาม มันดูสะดุดตามากท่ามกลางกองทหาร แต่คนที่อยู่บนหลัง
ม้าดูหนุม
่ มาก เขารู้สึกตกใจมาก คนๆ นั้นขี่มา้ ออกมาด้านนอก จากนั้น
ก็หยุดม้า เขายิม
้ แล้วพูดว่า “ได้ยินชื่อเสียงของคุณชายชวีมานาน วันนี้
ได้พบ สมคําร�าลือจริงๆ นะ”
“ข้าได้ยน
ิ มาว่าคุณชายชวีรักการดื่มเหล้า ไม่มผ
ี ู้หญิงก็จะไม่ด่ ืม
แล้วก็ยกทัพทําศึกไม่เป็น” ชายหนุ่มนั่นถอนหายใจแล้วพูดว่า “เดิมยัง
คิดว่าชวีหยวนกู่ยงั ไงก็เป็นแม่ทัพใหญ่เฝ้าซีเป่ย ยกทัพออกไปนอก
พื้นที่ ทิ้งเจ้าเอาไว้ดแ
ู ลพื้นที่ ยังไงเจ้าก็ไม่นา่ จะไม่เอาไหนอย่างที่เขาว่า
กัน แต่ว่าตอนนีด
้ ูๆ ไปแล้ว เจ้าดูแย่กว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลย” เขายกมือ
ขึ้นมาชีไ้ ปที่ชวีม่านเป่า ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าก็เพิ่งจะเคยเห็นแม่ทัพแนว
หน้าสภาพดูไม่ได้ขนาดนี้”
ชวีม่านเป่าอดไม่ได้ก้มหน้ามองดูตัวเอง สภาพของเขาดูกระวน
กระวายมาก เสื้อผ้าเปิดออก เห็นเนื้อหนังชัดเจน มีลมพัดมา เสื้อนอกก็
ปลิว ขนน้าแข้งก็โผล่ออกมา เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขากําลังอาบน�าอยู่
แล้วก็เกิดเรื่องขึ้น ไม่ทันได้แต่งตัว หยิบเสื้อคลุมแล้วก็ออกมาเลย
ตอนนี้ดไู ปแล้วมันทุเรศมาก
ทหารแคว้นฉู่ต่างหัวเราะขึ้นมา
ชวีม่านเป่าอับอายมาก เขาตะคอกไปว่า “เจ้าเป็นใคร ทําไม ......
ทําไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
ฉีหนิงยิม
้ แล้วพูดว่า “หากข้าบอกว่าทหารที่ปอ
้ มเฝ้าระวังที่ด่าน
ฉินหลิงยอมสวามิภักดิ์ให้กับเรา ข้าคิดว่าเจ้าก็คงไม่เชื่อ แต่ว่าตอนนี้ข้า
ไม่มีอารมณ์มาอธิบายอะไรให้เจ้าฟังหรอกนะ” เขากวาดสายตามองไป
ที่ทหารอีกร้อยกว่าคนที่เหลือ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณชายใหญ่ ข้า
ว่าทหารของท่านก็เป็นทหารที่องอาจกล้าหาญไม่เบาเลยนะ เลี้ยงแล้ว
ฝึกฝนพวกเขาเอาไว้เจ้าเองก็นา่ จะลงทุนลงแรงไปไม่น้อยเลย แต่ว่า
ตอนนี้แค่ข้าโบกมือ แม้แต่เจ้า ก็จะตายอยู่ที่นี่ท้ังหมด เจ้าเชื่อไหม?”
เรื่องมาถึงขั้นนีแ
้ ล้ว ชวีม่านเป่าจะไม่เชื่อได้ยังไงกัน สายตาของ
เขาโกรธแค้นมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
“ยังไม่ลงจากม้าแล้วยอมแพ้อีกเหรอ?” ทหารฉูด
่ ้านหน้าตะคอก
“หากยังไม่ลงจากม้าแล้วยอมแพ้ ยิงธนูได้ทันที”
ชวีม่านเป่าตกใจมาก เห็นสายตาของฉีหนิงมองมาที่เขาอย่างดุดัน
เขาลังเล จากนั้นก็ทิ้งดาบในมือลงพื้น แล้วลงจากม้า จากนั้นก็จัดการ
เสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยๆ เดินไปด้านหน้า ยืนห่างจากฉีหนิงไม่ถึงห้าก้าว
รอบข้างเงียบสนิท ทุกคนจับจ้องไปที่ชวีม่านเป่า
ชวีม่านเป่ากัดฟันแน่น เมื่อคืนเขายังดื่มเหล้ามีความสุขอยู่ในจวน
ที่เมืองเสียนหยาง แค่ชน
ี้ ิ้วก็สามารถกําหนดความเป็นความตายของ
ใครก็ได้ แต่ว่าเวลาเพียงแค่วันเดียว ความเป็นความตายของเขากลับ
ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
เขาเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เขาสามารถปฏิเสธการร้องขอชีวิต
กับฉีหนิง แต่ว่าถ้าอย่างนั้น ตัวเขาก็อาจจะตายอยู่ที่นี่ ตราบใดที่ขุนเขา
เขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟน
ื เผา ตราบใดมีชีวิต ย่อมต้องมี
ความหวัง เขายอมที่จะคุกเข่าลง ก้มหน้าแล้วพูดว่า “ขอท่านแม่ทัพฉีไว้
ชีวิตข้าด้วย”
ฉีหนิงอยู่บนหลังม้า เขามองชวีม่านเป่าคุกเข่ากับพื้นมาจาก
ด้านบน เขายิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายใหญ่ร้องขอขนาดนี้แล้ว ข้าจะ
ปฏิเสธได้อย่างไรกัน? เจ้าลุกขึ้นมาคุยกันก่อนนะ”
ชวีม่านเป่ารู้สก
ึ อับอายมาก แต่ชีวิตสําคัญกว่า เขาลุกขึ้นมา ตอนนี้
เขารู้สึกได้ว่าอากาศมันหนาวอยู่ เขาเอามือกอดอกแล้วเงยหน้ามองไป
ที่ฉีหนิง
“ข้ารู้มาว่าคุณชายกําลังจะไปที่ด่านถงกวน แล้วก็จะเปลี่ยนชุดเฝ้า
ระวังของด่าน” ฉีหนิงจับเชือกม้าเอาไว้ ยิ้มแล้วพูดว่า “ทํางาน จะทํา
ครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้จริงไหม ต้องทําให้มน
ั สําเร็จก่อนถึงจะดี ข้าอยาก
เห็นคุณชายใหญ่ทํางานนี้ให้สาํ เร็จ ไม่แน่ว่างานนี้ข้าพอจะช่วยอะไรเจ้า
ได้นะ”
ชวีม่านเป่าไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น เขาเข้าใจความหมายของฉีหนิง
ทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขานึกอะไรขึ้นมาได้ เขาตกใจแล้ว
พูดว่า “เสียนหยาง ...... เสียนหยาง ..... ตกอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว
เหรอ?”
กองทัพฉู่บุกมาในซีเป่ย เป้าหมายแรกก็คือใจกลางซีเป่ยอย่าง
เมืองเสียนหยาง ตรงนี้มีทหารล้อมตัวเขาเอาไว้แบบนี้ ถ้าอย่างนั้นทาง
เสียนหยาง ก็รา้ ยมากกว่าดีแน่
เล่มที่ 40 บทที่ 1197 ถงกวนเส้นทางอันตรายของมวลมนุษย์
ด่านถงกวนเป็นเสมือนประตูใหญ่จากทางทิศตะวันออก เป็นจุด
ยุทธศาสตร์สําคัญของการทําศึก พื้นที่ล้อมรอบด้วยภูเขา มีหน้าผา
เส้นทางเขาแคบ รถราผ่านไปมาได้แค่คําเดียว ปกติมแ
ี ต่คนกล่าวว่าถง
กวนเส้นทางอันตรายของมวลมนุษย์
ที่นี่มันคือสถานที่ที่ขุนพลยืนเฝ้าด่านหนึ่งคน ทหารหมื่นนายไม่
สามารถผ่านได้ที่แท้จริง
ถึงแม้ถงกวนจะเปรียบเสมือนประตูทางทิศตะวันออกของซีเป่ย มี
ยุทธศาสตร์การรบที่สําคัญมาก แต่การเฝ้าประจําการณ์ที่ด่านแห่งนี้ไม่
จําเป็นต้องใช้กําลังทหารมากเกินไป ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับทหารนับ
ล้าน ใช้คนไม่เกินร้อยคน ข้าศึกก็บุกมาได้ลําบาก ทําให้กองหนุนมีเวลา
มากพอที่จะเดินทางมาช่วย
ตอนที่ชวีหยวนกู่เฝ้าประจําการณ์อยู่ที่นี่ ตอนนั้นอํานาจการคุม
ด่านถงกวนไม่ได้อยู่ในมือของชวีหยวนกู่ แต่ราชสํานักฮั่นส่งคนอื่นมา
ดูแล แต่เพราะเจ้าหน้าที่คนนั้นขูดรีดพ่อค้าที่เดินทางเข้าผ่านด่านไปมา
เลยถูกชวีหยวนกู่ร้องเรียนเข้าไป จากนั้นแม่ทัพคนเดิมก็ถูกปลดไป
ด้วยความช่วยเหลือของฮองเฮาชวี ชวีหยวนกู่เลยสมใจส่งคนสนิทของ
เขามาเฝ้าถงกวนแทน หลายปีก่อนเขาได้สง่ ลูกชายบุญธรรมเสวียเหริน
มาประจําการณ์ที่นี่
ชวีหยวนกู่ทําศึกขึ้นเหนือลงใต้มานานหลายปี ถึงแม้จะไม่ได้มี
ผลงานการศึกอะไรมากมาย แต่เพราะเขาเองก็มป
ี ระสบการณ์ คนของ
เขาเองก็ล้วนแต่เป็นทหารผ่านศึก เสวียเหรินเป็นคนที่ชวีหยวนกู่
สนับสนุน ก่อนที่เสวียเหรินจะถูกส่งไปที่แนวหน้า เขาถูกรับเป็น
ลูกบุญธรรมก่อน เสวียเหรินภักดีต่อพ่อบุญธรรมคนนีม
้ าก เหมือนหมา
ที่ภักดีต่อเจ้าของ
ทหารที่เฝ้าระวังอยู่บนด่านถงกวนมองเห็นกลุ่มคนกําลังขี่ม้ามา
ทางด่าน ก็รีบไปรายงานให้เสวียเหรินได้รู้ทันที
หากมีทหารมาจากทางตะวันออก เสียงแตรจะดังขึ้นมาทันที
ทหารที่ด่านถงกวนจะเตรียมการรับมือทันที
กําแพงหินที่ถงกวนหนามาก แต่ในความเป็นจริงมันคือสิ่งกีดขวาง
ที่ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ มันคือกําแพงสูง เพราะลักษณะของพื้นที่
อาวุธโจมตีเมืองมันแทบจะไม่มป
ี ระโยชน์เลย
ขบวนเดินทางมาจากทางทิศตะวันตก ในสายตาของเหล่าทหารใน
ด่านก็ต้องเป็นคนกันเองอยู่แล้ว แต่ว่ามีทหารม้ามามากกว่าร้อยนาย
มันก็ทําให้พวกทหารรู้สึกแปลกใจไม่นอ
้ ย เสวียเหรินได้รับรายงาน ก็
แปลกใจ เขารีบมาที่บนกําแพง แล้วมองลงไป ทหารม้าอยู่ใกล้แค่เอื้อม
คุณชายใหญ่เลี้ยงทหารฝีมือดีมานานหลายปี สร้างกองกําลังของ
ตัวเองขึ้นมา จากคํากล่าวของคุณชายใหญ่ ในซีเป่ยมีคนโกรธแค้นเขา
หลายคน เขาจําเป็นต้องมีกองกําลังของตัวเองไว้ค้ม
ุ กันเขา ชวีหยวนกู่
ให้เขามีทหารของตัวเองได้สามร้อยคน คุณชายใหญ่เลยรับสมัครคน
ฝีมือดีมาสามร้อยคน คนพวกนี้ถูกฝึกอย่างหนัก อีกทั้งยังได้อุปกรณ์
เสื้อผ้าอย่างดี เบี้ยหวัดก็ดีกว่าทหารในซีเป่ย
การเลี้ยงทหารองครักษ์สามร้อยคน ค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปมันไม่ทําให้
ขนหน้าแข้งร่วงเลย
แค่ดูจากการแต่งกาย เสวียเหรินก็จําได้แล้วว่าเป็นทหารของชวี
ม่านเป่า
เขารู้สึกสงสัย ทหารสามร้อยคนนี้ปกติจะดูแลความปลอดภัย
ของชวีม่านเป่าเป็นหยัก ตอนนี้เขาเฝ้าอยู่ที่เมืองเสียนหยาง ภาระของ
เขาสําคัญมาก จะออกจากเมืองง่ายๆ ไม่ได้ ถ้าเช่นนั้น ทําไมคนของเขา
ถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ?
เขารู้สึกสงสัย เลยไม่รบ
ี ร้อนลงไปต้อนรับ
น�าเสียงของเขาเต็มกําลังมาก ดังสนั่นหวั่นไหว
เสวียเหรินกําลังจะสั่งให้คนไปเปิดประตู แต่เขายกมือแค่ข้างเดียว
ก็ไม่ได้ยกต่อ เขาลังเล แล้วพูดว่า “คุณชายใหญ่ ที่ท่านเดินทางมาที่นี่
ด้วยตัวเองแบบนี้ ไม่ทราบมีอะไรจะให้รับใช้อย่างนั้นเหรอ?”
เสวียเหรินรู้สึกว่ามันผิดปกติ เขากวาดสายตาไปที่คนด้านหลัง
ของชวีม่านเป่า ยังไม่ทันพูดอะไร ก็ได้ยินชวีมา่ นเป่าพูดขึ้นมาว่า “เสวีย
เหริน ได้ยินมาว่าสองเมืองที่เราตีได้เป็นผลงานของม่านอิงใช่ไหม?”
“เขาออกไปสร้างผลงานนอกด่าน หรือว่าเจ้าจะให้ข้าเฝ้าเมืองจน
ตายอย่างเดียวหรือยังไงกัน?”ชวีม่านเป่าเริ่มด่า “ข้าคิดทบทวนมาแล้ว
เจ้าไปเฝ้าเสียนหยางแทนข้า ข้าจะนําทหาร ตามท่านแม่ทัพใหญ่ไป ข้า
จะตามท่านพ่อไปยึดลั่วหยาง”
เสวียเหรินได้ยน
ิ ดังนั้น ความเครียดก่อนหน้านีก
้ ็คลายลง
ชวีม่านเป่าพาคนสามร้อยคนมายืนตรงหน้าเขา มันทําให้เสวียเห
รินตกใจมาก ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทําอะไร แต่พอได้ยินว่าเขาจะให้เปิด
ประตูดูเหตุผลไม่ค่อยชัดเจน เขาก็สงสัย แต่พอได้ยน
ิ ชวีม่านเป่าพูด
แบบนั้นออกมา เขาก็เข้าใจ ที่แท้คุณชายใหญ่เห็นน้องชายตัวเองสร้าง
ผลงานได้ เลยอยากสร้างผลงานบ้าง
นิสัยของชวีม่านเป่าเขาเองก็รูด
้ ี คุณชายใหญ่คนนี้มน
ี ส
ิ ัยชอบ
เอาชนะ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เขายกมือคํานับแล้วพูดว่า
“คุณชายใหญ่ ในเมื่อท่านแม่ทัพใหญ่ให้ท่านเฝ้าอยู่ที่เสียนหยาง ก็
แสดงว่าท่านมีเหตุผลของท่าน เสียนหยางเป็นที่สําคัญของซีเป่ย ท่าน
กังวลว่าหากเคลื่อนกองทัพออกจากด่านไปแล้ว ด้านหลังจะว่างเปล่า
อาจมีคนคิดกบฏ การให้คุณชายใหญ่อยู่เฝ้าที่นี่ ก็เพราะเห็นว่าท่านมี
ความสามารถรับผิดชอบอะไรได้ ขอแค่ท่านเฝ้าอยู่ที่เสียนหยาง ซีเป่ยก็
จะไม่มีใครกล้าทําอะไรเด็ดขาด หากคคุณชายใหญ่จะผ่านด่านไป เรื่อง
นี้ ......”
หลังจากเสวียเหรินหายไปจากบนกําแพงด่านแล้ว ชวีม่านเป่าก็
ถึงกับโล่งใจ แต่จากนั้นก็สห
ี น้าเปลี่ยนทันที เขาไม่ได้หน
ั หน้าไปมอง เขา
แค่พูดว่า “ท่านแม่ทัพฉี ข้าทําตามที่ท่านสั่งแล้ว ให้เขาเปิดประตูให้ ข้า
หวังว่าท่านจะทําตามที่รับปากไว้นะ”
คนที่พูดคือฉีหนิงนั่นเอง
ฉีหนิงนําทัพบุกลอบโจมตีค่ายของชวีม่านเป่า บีบให้เขาต้อง
คุกเข่าขอยอมแพ้ ฉีหนิงเองก็ไม่ให้เสียเวลาอีก เลือกทหารแคว้นฉู่สาม
ร้อยนายเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นของทหารของชวีม่านเป่า แล้วพาชวีม่านเป่า
มาที่ด่านถงกวน
ด่านถงกวนเป็นพื้นที่อันตราย หากบุกจากด่านถงกวนไปในซีเป่ย
มันเป็นทางเขาแคบที่เดินทางลําบากมาก แต่หากผ่านด่านไปแล้วถนน
หลังผ่านไปแล้วมันจะกว้างมาก
แต่ถึงจะอย่างนั้น ฉีหนิงเองก็รู้ว่าหากคิดใช้กําลังกับด่านถงกวน
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต่อให้เขาจะมีทหารมากกว่า แล้วถึงจะยึดถงกวน
ได้ในท้ายที่สุด กองทัพฉูก
่ ็จะเสียกําลังพลไปมากโดยใช่เหตุ
ที่จริงเขาคิดถึงผลที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว อีกทั้งก็เตรียรับมือกับ
ผลที่ต้องแลกแล้วเช่นกัน
แต่ว่าจดหมายลับฉบับหนึ่งมันเปลี่ยนแผนการของฉีหนิงไปทันที
ฉีหนิงพาคนประมาณสิบคนยึดป้อมเฝ้าระวังในช่องทางถนนจื่ออู่
ได้ท้ังสองด่าน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทางเสียนหยางไม่รู้เรื่องเลย ฉีหนิงรอ
อยู่ที่ป้อมเฝ้าระวังหลายวัน ต้วนชางไฮ่ก็นําทหารตามมาถึงพอดี
การลอบโจมตีเสียนหยางในครั้งนี้ ฉีหนิงสั่งโยกกําลังทหารในซี
ชวนมาอย่างกะทันหัน นอกจากจะกําจัดหลี่หงซิ่นไปแล้ว ฉีหนิงเลยรีบ
นําทหารกว่าหมื่นคนเดินหน้าขึ้นเหนือมา
เพื่อรับประกันว่าการเคลื่อนทัพจะเป็นความลับ ฉีหนิงกับปันอวิ๋น
ตั้งใจแสดงละครการกวาดล้างโจรบนภูเขา ส่วนต้วนชางไฮ่ก็นาํ ทหาร
อีกหมื่นหนึ่งแอบเข้ามาทางช่องทางเขาฉินหลิง
เทียบกับต้วนชางไฮ่แล้ว ก่อนหน้านีฉ
้ ีหนิงไม่มป
ี ระสบการณ์การทํา
ศึกเลย เขารู้ว่าการบุกเสียนหยางไม่ใช่เรื่องล้อเล่น จะต้องรุกแล้วสําเร็จ
เลย ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาไม่อยากจะคิดเลย เพราะเหตุนี้เลยให้ต้วน
ชางไฮ่ที่มีประสบการณ์ด้านการศึกเป็นคนบุกตีเสียนหยาง
กองทัพหลักของซีเป่ยออกนอกด่านไปแล้ว ทหารที่อยู่ที่เสียนห
ยางตอนนี้เหลือไม่มาก การป้องกันเมืองอ่อนมาก ถึงเวลานั้น ลู่คังกับ
กองทัพฉู่ประสานงานกัน ก็จะบุกเสียนหยางได้
ฉีหนิงไม่รู้ว่าจดหมายนั่นมันมาถึงในมือของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
ก่อนที่จะออกจากเส้นจื่ออู่ ฉีหนิงก็เรียกพวกต้วนชางไฮ่มาวาง
แผนการอย่างละเอียด หลังจากแจกแจงงานไปแล้ว ถึงได้พบว่ามี
จดหมายตกอยู่ปลายเท้าของเขา หากเขาไม่ได้มองไปที่พ้ น
ื อาจจะไม่
พบจดหมายฉบับนี้เลยก็ได้
จดหมายไม่ได้ลงลายมือชื่อ แต่กลับมองข้อมูลข่าวใหญ่ให้กับเขา
ชวีม่านเป่าจะไม่ได้เฝ้าอยู่ที่เมืองเสียนหยางหลายวัน เขาเดินทางไปที่
ด่านถงกวน อีกทั้งผู้ติดตามมีไม่ถึงห้าร้อยคน ในจดหมายแนะนําให้ฉี
หนิงเดินทางไปแอบลอบโจมตีชวีม่านเป่าระหว่างทางที่ไปด่านถงกวน
ขอแค่จับชวีม่านเป่าได้ ก็จะยึดด่านถงกวนได้อย่างง่ายดาย
ไม่เพียงเท่านั้น ในจดหมายยังอธิบายสถานการณ์ในเมืองเสียนห
ยางอย่างละเอียดด้วย พร้อมกับแนบแผนที่คร่าวๆ ของเมืองเสียนหยาง
มาด้วย พร้อมทั้งระบุตําแหน่งการวางตําแหน่งกําลังทหารเอาไว้
การปฏิบัติการกําลังจะเริ่มขึ้น จดหมายฉบับนี้มาแบบคาดไม่ถึง
ทําให้ฉห
ี นิงแปลกใจมากทีเดียว
เขาไม่แน่ใจเลยว่าในเนื้อจดหมายนี่จริงหรือเปล่า เขาเลยเรียกต้
วนชางไฮ่มา หลังจากต้วนชางไฮ่ได้อ่านจดหมายแล้ว เขาก็ตกใจมาก
ทั้งสองไม่รู้เลยด้วยซ�าวว่าจดหมายนี่มันมาจากไหน
ทั้งสองคนหารือกันอยูน
่ านมาก สุดท้ายก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแผน
อะไรมากมาย ยังคงให้ฉห
ี นิงนําทหารสองพันเดินทางไปที่ด่านถงกวน
ทางทิศตะวันออก ส่วนต้วนชางไฮ่เองก็นํากองทัพฉู่บุกไปยึดเสียนหยาง
ตอนที่พบร่องรอยของชวีม่านเป่า ฉีหนิงก็รู้แล้วว่าเขาเป็นพวกไม่
เอาไหน เขาก็นก
ึ วิธีการยึดด่านถงกวนออกแล้ว
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะทําได้ครั้งเดียวแล้วสําเร็จเลย ทหารที่ด่านถ
งกวนแค่เฝ้าประจําการณ์อยู่ในพื้นที่อันตราย ต่อให้มท
ี หารมากกว่าสิบ
เท่า ก็ยด
ึ มาได้ยาก
ตามแผน หากเขาไม่สามารถยึดด่านถงกวนได้ในเวลาอันสั้นที่สุด
ก็ต้องรอให้ต้วนชางไฮ่ยึดเมืองเสียนหยางให้ได้ก่อน แล้วรอให้กองทัพฉู่
มาช่วย แล้วยึดด่านถงกวนให้ได้ก่อนที่ชวีหยวนกู่จะยกทัพกลับมาช่วย
จากในด่านรุกโจมตีไปกลางด่านมันยาก แต่หากรุกจากด้านในไปเลย
ความยากมันก็จะลดลง ถึงเวลนั้นทหารทั้งหมดรุกเข้าไปด้านใน ก็
อาจจะสามารถยึดเอามาได้
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะราบรื่นกว่าที่เขาคิดมาก
ชวีม่านเป่าเหมือนของขวัญที่สวรรค์ประทานลงมาเป็นกุญแจใน
การเปิดประตูด่านให้เขา หลังจากจับชวีม่านเป่าได้ ฉีหนิงก็ส่งั ให้ทหาร
สามร้อยนายเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าขององครักษ์ประจําตัวของชวีม่านเป่า
แล้วจับชวีม่านเป่าเป็นตัวประกันเดินทางไปที่ด่านถงกวน ขอแค่ประตู
ด่านเปิดออก ทหารสามร้อยนายก็จะบุกเข้าไปโจมตีทันที จากนั้นก็จะ
ส่งสัญญาณออกไป ให้ทหารที่เหลือรุกเข้ามาทั้งหมด
สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปได้ก็มีแค่ความกล้าของชวีม่านเป่า
เอง ที่จะบอกแผนการนี้ออกไปเพื่อไม่ให้ทหารฉู่ยึดด่านถงกวนไว้ได้
แต่ฉห
ี นิงเชื่อว่าชวีม่านเป่าไม่มค
ี วามกล้าแบบนั้น หากมีจริง เขาคง
ไม่มีทางคุกเข่าขอยอมแพ้แบบนั้นแน่นอน
ชวีม่านเป่าเองก็ไม่ได้ทําให้ฉห
ี นิงผิดหวัง
ชวีม่านเป่ารู้ดีว่าหากเขามีความเคลื่อนไหวอะไรนอกคําสั่ง ฉีหนิง
ไม่มีทางออมมือแน่นอน เขาเลยทําตามที่ฉีหนิงสั่ง เขากระตุกเชือกม้า
แล้วเดินเข้าไปในประตูใหญ่ ฉีหนิงกับเหล่าทหารม้าที่เหลือก็ตามเข้าไป
เสวียเหรินเห็นทหารม้าสามร้อยนายจะตามชวีม่านเป่าเข้าไปด้วย
ก็เดินขึ้นหน้ามา เขายืนห่างอยู่ประมาณหกเจ็ดก้าวยกมือคํานับแล้วพูด
ว่า “คุณชายใหญ่ ท่านแม่ทัพใหญ่มีคําสั่ง ที่ด่านถงกวนนอกจากทหาร
เฝ้าด่านแล้ว กองกําลังหรือทหารหน่วยอื่นห้ามเข้าเด็ดขาด คุณชาย
ใหญ่เข้ามาพักก่อนได้ แต่ว่าพีน
่ ้องคนอื่นอาจจะต้อง ......” เขายกมือชี้
ไปที่ทหารด้านหลังของชวีม่านเป่า ยิม
้ แล้วพูดว่า “ข้าน้อยจะสั่งให้คน
เอาอาหารออกมาให้พวกเขาเอง”
แต่เสวียเหรินเองก็ไม่เสียแรงที่เป็นแม่ทัพเฝ้าด่านถงกวน พอเขา
ได้ยินเสียงฝีเท้าม้า เขาก็ชักดาบออกมาเตรียมไว้แล้ว เขารู้สึกได้ว่ามีลม
พัดวูบมา เขาหันตัว แล้วใช้ดาบรับมือ ดาบสองเล่มปะทะกันจนเกิด
ประกายไฟขึ้น
ทหารฉูท
่ ี่ปลอมตัวมานั้นก็ลุยบุกเข้าไปในด่านเหมือนกับสายน�าที่
ไหลเชี่ยว
ทุกคนรูด
้ ีว่า กั๋วกงน้อยลงทุนลงแรงวางแผนทําทุกอย่างก็เพื่อนาที
นี้ ตอนนี้ประตูด่านเปิดออกแล้ว มันเป็นโอกาสที่หาได้ยาก หากพลาดก็
อาจจะไม่มีโอกาสที่สองอีก ไม่ว่ายังไงก็ต้องบุกเข้าไปก่อนที่ประตูจะปิด
ให้ได้
ทหารที่เฝ้าด่านที่เหลือเห็นแล้วว่าเสวียเหรินถูกขวาง แต่เฝ้า
ประจําการณ์ที่นี่มานานหลายปี มีกฎระเบียบการทหารที่เข้มงวดมาก
ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลาไปสนใจช่วยเสวียเหริน ทหารทั้งสองข้างประตู
เริ่มค่อยๆ ปิดประตู
เพียงแต่ประตูใหญ่ของด่านถงกวนนั้นมันไม่ธรรมดา มันหนาและ
หนักมาก อีกทั้งยังหนาและแข็งแกร่งกว่าประตูเมืองเสียนหยางมาก
ไม่ใช่ว่าบอกว่าปิดก็จะปิดได้เลย ทั้งทางด้านซ้ายและขวามีทหารกว่า
สิบคนมาช่วยกันดันประตูให้ปด
ิ ลง
ทั้งสองฝ่ายพยายามฉกฉวยเวลา
เสวียเหรินรับมือกับดาบของฉีหนิงที่ฟน
ั ลงมา ทหารของเขาก็กําลัง
พุ่งผ่านหน้าเขาไป
ดาบของฉีหนิงถูกขวาง เขาก็ไหลดาบลงไปด้านล่างของดาบเสวีย
เหรินจากนั้นก็สะบัดมือ ดาบฟันไปที่ข้อมือของเสวียเหริน เสวียเหริน
เจ็บข้อมือมาก เพราะเส้นเอ็นที่ข้อมือถูกตัดขาด ทําให้เขาไม่มีแรงที่
แขน ดาบของเขาหลุดมือไป ฉีหนิงฟันดาบมาอีกครั้ง เสวียเหรินตาโต
จนจะหลุดออกมา ดาบมันฟันมาที่คอ เลือดพุ่งออกมาทันที
ทหารที่ขี่ม้าบุกเข้าไปต่างฟันดาบออกไป เห็นมีทหารวิ่งพุ่งมา
ตรงหน้าสิบกว่าคน กําลังจะปะมือด้วย ก็ได้ยินเหมือนเสียงธนูพุ่งมา บน
กําแพงด่านมีมอ
ื ธนูลอบยิงจู่โจมใส่ มีทหารหลายคนที่ถูกยิงตกลงมา
จากม้าหลายคนเหมือนกัน ในเวลานี้เอง ทหารเฝ้าด่านที่บุกมาก็มีคนที่
ถูกธนูยงิ เช่นกัน
ที่แท้ทหารม้าแคว้นฉู่สามร้อยนายเชี่ยวชาญการขี่ม้ายิงธนูท้ังหมด
เห็นทหารเฝ้าด่านกําลังจะออกมาต้านทัพ ก็รู้ทันทีว่าหากปะมือด้วยมัน
เป็นการเสียเวลามาก ประตูด่านถงกวนค่อยๆ ปิดลงไปทีละน้อยละ
น้อยแล้ว หากปิดสนิท ทุกอย่างจะล้มเหลวทันที ขณะที่บุก พวกเขาก็
เก็บดาบ แล้วใช้ธนูแทน
ฉีหนิงสังหารเสวียเหรินไปแล้ว ก็รีบควบม้าไปที่ประตูใหญ่เหมือน
ลูกธนูอันรวดเร็ว
ทหารด้านบนกําแพงเห็นฉีหนิงคือคนที่ฆ่าหัวหน้าของเขา อีกทั้ง
ตอนนี้ยังควบม้าบุกนําหน้ามาคนเดียว ก็กระหน�ายิงธนูใส่ฉห
ี นิงไม่หยุด
ฉีหนิงใช้ดาบปัดลูกธนูออก แต่ก็ยังมีสองดอกที่ยิงถูกเขา แต่ลก
ู ธนู
ไม่ได้แทงทะลุเนื้อตัวของฉีหนิงเลย มือธนูไม่รู้ว่าฉีหนิงใส่ชุดเหมิงหลิน
อยู่ อย่าว่าแต่ธนูเลย ดาบชั้นดีกระบี่ช้น
ั ยอดก็ทําอะไรเขาไม่ได้
พริบตาเดียว ฉีหนิงก็ควบม้ามาถึงหน้าประตูใหญ่แล้ว