Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 4 ความสามารถของบุคคล (Capacity) : 1. ผู้เยาว์ (minor)
บทที่ 4 ความสามารถของบุคคล (Capacity) : 1. ผู้เยาว์ (minor)
ความสามารถของบุคคล (Capacity)
1. ผู้เยาว์ (minor)
ผูเ้ ยาว์ คือ บุคคลที่ถูกจำกัดความสามารถในการใช้สิทธิ เพราะเหตุอ่อนอายุ อ่อน
ประสพการณ์ ยังไม่สามารถช่วยตัวเองได้เป็ นอย่างดี จึงต้องอยูภ่ ายใต้การคุม้ ครองช่วยเหลือของ
บุคคลที่เป็ นผูแ้ ทนโดยชอบธรรม ซึ่ งได้แก่ บิดา มารดา หรื อผูป้ กครอง
การบรรลุนิติภาวะ (Majority) คือการทำให้บุคคลเป็ นผูม้ ีสิทธิ โดยสมบูรณ์ในทางแพ่ง
(Fully complete legal capacity)
53
มาตรา 19 บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผูเ้ ยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุ 20 ปี บริ บรู ณ์
มาตรา 20 ผูเ้ ยาว์ยอ่ มบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หากการสมรสนั้นได้ท ำตาม
บทบัญญัติมาตรา 1448
ผูเ้ ยาว์จะพ้นภาวะผูเ้ ยาว์ และบรรลุนิติภาวะมี 2 กรณี คือ
1. โดยอายุครบ 20 ปี บริ บรู ณ์
2. โดยการสมรส เมื่อชาย และหญิงอายุครบ 17 ปี บริ บูรณ์ข้ ึนไป ยกเว้นกรณี มีเหตุอนั
สมควรจะขออนุญาตต่อศาลให้ท ำการสมรสก่อนอายุครบ 17 ปี บริ บรู ณ์
สหรัฐอเมริ กา (ไม่ทุกรัฐ) 18 ปี
อังกฤษ 18 ปี
มาเลเซีย 18 ปี
เบลเยีย่ ม 18 ปี
สวิสเซอร์แลนด์ 20 ปี
จีน 20 ปี
ญี่ปนุ่ 20 ปี
ไทย 20 ปี
54
ฝรั่งเศส 21 ปี
บราซิล 21 ปี
ฟิ ลิปปิ นล์ 21 ปี
อาร์เจนตินา 22 ปี
2. การบรรลุนิติภาวะโดยการสมรส
มาตรา 20 “ผูเ้ ยาว์ยอ่ มบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หากการสมรสนั้นได้ท ำตาม
บทบัญญัติ มาตรา 1448”
มาตรา 1448 “การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชาย และหญิงมีอายุ 17 ปี บริ บูรณ์แล้ว แต่
ในกรณี ที่มีเหตุอนั สมควร ศาลอาจอนุญาตให้การสมรสก่อนนั้นได้
ฎีกาที่ 1320/2506
แม้ชายอายุ 17 ปี บริ บรู ณ์ และหญิงอายุ 15 ปี บริ บรู ณ์ จะจดทะเบียนสมรสกัน (เงื่อนไข
การสมรสเรื่ องอายุตามกฎหมายครอบครัวเก่ากำหนดอายุชาย 17 ปี หญิง 15 ปี บริ บูรณ์) โดยมิได้รับ
ความยินยอมของบิดามารดา หรื อผูป้ กครองก็ตาม ก็หาถือว่าการสมรสนั้นเป็ นโมฆะ หรื อไม่สมบูรณ์
อย่างใดไม่ กฎหมายเพียงแต่ให้อ ำนาจบิดามารดา หรื อผูป้ กครองร้องขอให้ศาลสัง่ เพิกถอนการสมรส
เสี ยได้เท่านั้น หากไม่มีการร้องขอให้เพิกถอน ชายหญิงย่อมบรรลุนิติภาวะ
55
ปัญหาต่อไปคือ ถ้าศาลมีค ำสัง่ เพิกถอนจะถือว่าชายหญิงนั้นกลับไปเป็ นผูเ้ ยาว์ตามเดิม
หรื อไม่ ผูเ้ ขียนเห็นว่าไม่กลับไปเป็ นผูเ้ ยาว์ตามเดิมด้วยเหตุผล
ประการแรก การสมรสที่เป็ นโมฆียะ เมื่อศาลเพิกถอนการสมรสแล้วมิได้มีผลตกเป็ น
โมฆะเสี ยเปล่ามาตั้งแต่เริ่ มต้น คู่กรณี กลับคืนสู่ ฐานะเดิม ดังเช่นหลักทัว่ ไปที่บญั ญัติในบรรพ 1
มาตรา 176 แต่มีผลให้การสมรสสิ้ นสุ ดลงตั้งแต่ศาลมีค ำพิพากษาเพิกถอนเป็ นต้นไป ตามมาตรา
1502 และให้น ำผลของการหย่าโดยคำพิพากษามาใช้บงั คับแก่ผลของการเพิกถอนการสมรสโดย
อนุโลมตามมาตรา 1512 นั้นก็หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริ ยาสิ้ นสุ ดลง และแบ่งทรัพย์สิน
ระหว่างสามีภริ ยากันไป สิ ทธิต่าง ๆ ที่ได้มาเพราะการสมรสก็ยอ่ มไม่เสี ยไปเช่นสิ ทธิ ในการเป็ นผู ้
บรรลุนิติภาวะเพราะสมรสเป็ นต้น
ประการที่สอง สิ ทธิในการบรรลุนิติภาวะเพราะสมรสเป็ นสิ ทธิ ที่ได้รับมา
แล้ว(Acquired right) ถือเป็ นสิ ทธิยิง่ ใหญ่ การจะเสี ยสิ ทธิ ที่ได้รับมาแล้วไปจะต้องมีกฎหมายบัญญัติ
ให้ชดั เจนว่าให้เสี ยสิ ทธิไป และการตีความในทางที่จะทำให้บุคคลเสี ยสิ ทธิ ไปต้องตีความอย่าง
เคร่ งครัด จะนำหลักทัว่ ไปในเรื่ องโมฆียะ ตามมาตรา 176 บรรพ 1 มาตีความปรับใช้กบั ความเป็ น
โมฆียะของการสมรสที่มีบทบัญญัติยกเว้นหลักทัว่ ไปไว้เป็ นพิเศษมิได้
ประการที่สาม หากมองในแง่ความยุติธรรม หากให้กลับไปเป็ นผูเ้ ยาว์ตามเดิมย่อมจะ
สร้างความสับสนยุง่ ยากแก่บุคคลภายนอกที่เข้าทำนิติกรรมกับผูเ้ ยาว์ที่สมรสแล้วพอสมควร ความน่า
เชื่อถือในการทำนิติกรรมกับผูเ้ ยาว์ที่สมรสแล้วก็จะน้อยลงไปเป็ นอุปสรรคต่อการดำรงชีพของเขา
เหล่านั้น และกระทบต่อความมัน่ คงของสถาบันครอบครัวด้วย
ดังนั้น ถ้าผูเ้ ยาว์บรรลุนิติภาวะไปแล้วโดยการสมรส ย่อมไม่กลับไปเป็ นผูเ้ ยาว์อีก ไม่
ว่าการสมรสจะสิ้ นสุ ดเพราะเหตุความตาย การหย่าหรื อศาลพิพากษาให้เพิกถอน
อย่างไรก็ตามหากเป็ นการฝ่ าฝื นเงื่อนไขการสมรสที่มีผลเป็ นโมฆะตาม
1. มาตรา 1449 คู่สมรสเป็ นคนวิกลจริ ต หรื อเป็ นคนไร้ความสามารถ
2. มาตรา 1450 คู่สมรสเป็ นญาติสืบสายโลหิ ตโดยตรงขึ้นไป หรื อลงมา
3. มาตรา 1452 สมรสซ้อน
4. มาตรา 1458 คู่สมรสไม่ยนิ ยอมเป็ นสามี ภริ ยา
การสมรสที่เป็ นโมฆะ เมื่อศาลมีค ำพิพากษา ตามมาตรา 1496 แล้วกฎหมายบัญญัติ
ทำนองเดียวกับหลักเกณฑ์ทวั่ ไปของโมฆะ ซึ่ งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริ ยาไม่เกิดขึ้นตาม
มาตรา 1498 ดังนั้นสิ ทธิที่ได้มาเพราะการสมรส เช่น สิ ทธิ ในการบรรลุนิติภาวะก็ยอ่ มเสื่ อมสิ ทธิ ไป
ด้วย เว้นแต่จะสุ จริ ต ตามมาตรา 1499 เช่น ผูเ้ ยาว์สมรสซ้อนโดยมิทราบว่าคู่สมรสอีกฝ่ ายหนึ่งมีคู่
สมรสอื่นอยูแ่ ล้ว ในกรณี น้ ีผเู้ ยาว์ซ่ ึ งสุ จริ ตย่อมไม่สูญเสี ยสิ ทธิ ในการบรรลุนิติภาวะเพราะการสมรส
ไป
ในทางกลับกัน ถ้าผูเ้ ยาว์มีการสมรสที่ฝ่าฝื นมาตรา 1448 ทั้งชายและหญิงย่อมไม่บรรลุ
นิติภาวะ เช่น ชายอายุ 17 ปี หญิงอายุ 16 ปี สมรสกันย่อมไม่บรรลุภาวะทั้งชายและหญิง
อย่างไรก็ตามการสมรสที่ฝ่าฝื นมาตรา 1448 มีผลเป็ นโมฆียะที่บิดามารดาหรื อผูป้ กครอง
อาจฟ้ องขอให้เพิกถอนการสมรสได้ตามมาตรา 1504 วรรคแรก แต่ถา้ ศาลมิได้สงั่ ให้เพิกถอนการ
สมรสจนชายหญิงมีอายุครบ 17 ปี บริ บรู ณ์ หรื อเมื่อหญิงมีครรภ์ก่อนอายุครบ 17 ปี บริ บรู ณ์ ให้ถือว่า
การสมรสสมบูรณ์มาตั้งแต่เวลาสมรส
56
จากตัวอย่างข้างต้นนี้ ถ้าต่อมาอีก 1 ปี ชายมีอายุ 18 ปี และหญิงมีอายุครบ 17 ปี ต้อง
ถือว่าการสมรสสมบูรณ์มาตั้งแต่เวลาสมรส บิดามารดา หรื อผูป้ กครองไม่มีสิทธิ ฟ้องขอเพิกถอนการ
สมรสได้อีกต่อไป
ปัญหาว่าการสมรสที่สมบูรณ์มาตั้งแต่เวลาสมรส จะส่ งผลให้ชายหญิงบรรลุนิติภาวะ
ตามไปด้วยหรื อไม่
ผูเ้ ขียนเห็นว่าน่าจะถือว่าบรรลุนิติภาวะไปด้วย เนื่องจากการที่คู่สมรสจะต้องมีหน้าที่
อุปการะเลี้ยงดูซ่ ึ งกันและกันต่อไปนั้น การตีความในทางที่ผเู ้ ยาว์จะบรรลุนิติภาวะย่อมเป็ นประโยชน์
และส่ งเสริ มสถาบันครอบครัวดังนั้น เมื่อการสมรสสมบูรณ์มาตั้งแต่เวลาสมรสย่อมส่ งผลให้ชาย
และหญิงบรรลุนิติภาวะมาตั้งแต่เวลาสมรสเช่นเดียวกัน (เทียบเคียง)
ข้ อสังเกต การสมรสในที่น้ ี ตอ้ งหมายถึงการสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายคือจดทะเบียน
สมรสแล้วเท่านั้น ฎีกาที่ 1319/2512 ผูเ้ ยาว์อายุ 18 ปี มีภริ ยาแต่มิได้จดทะเบียนสมรส ย่อมยังไม่
บรรลุนิติภาวะ
ความสามารถในการทำนิติกรรมของผู้เยาว์
ผูเ้ ยาว์เป็ นผูห้ ย่อนความสามารถที่จะต้องอยูภ่ ายใต้การควบคุมดูแลช่วยเหลือของผูแ้ ทน
โดยชอบธรรม ซึ่ งอาจเป็ นกรณี ที่ผเู้ ยาว์ยงั ไม่สามารถทำนิติกรรมเองได้ ก็ตอ้ งให้ผแู ้ ทนโดยธรรมเป็ น
ผูจ้ ดั การดูแลทรัพย์สินของผูเ้ ยาว์ให้ แต่ถา้ ผูเ้ ยาว์โตพอที่จะทำนิติกรรมเองได้ ผูเ้ ยาว์กอ็ าจจะขอความ
ยินยอมทำนิติกรรมจากผูแ้ ทนโดยชอบธรรมได้ การพิจารณาหลักเกณฑ์ความสามารถในการทำ
นิติกรรมของผูเ้ ยาว์ ต้องพิจารณาเป็ น 3 ระยะคือ
1. ระยะที่ผเู้ ยาว์ยงั ไม่มีความรู้สึกรับผิดชอบ
2. ระยะที่ผเู้ ยาว์มีความรู้สึกรับผิดชอบแล้ว
3. ผูเ้ ยาว์ท ำกิจการค้า
57
มาตรา 21 ผูเ้ ยาว์จะทำนิติกรรมใดๆ ต้องได้รับความยินยอมของผูแ้ ทนโดยชอบธรรม
ก่อน การใดๆ ที่ผเู้ ยาว์ได้ท ำลงปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็ นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็ น
อย่างอื่น
มีประเด็นที่ต้องพิจารณา 4 เรื่อง คือ
1. กิจการที่ผเู้ ยาว์ตอ้ งขอความยินยอมจากผูแ้ ทนโดยชอบธรรม
2. ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมของผูเ้ ยาว์ได้แก่ใคร มีอ ำนาจหน้าที่อย่างไร
3. วิธีการให้ความยินยอม
4. ผลบังคับเมื่อไม่ได้รับความยินยอม
1. กิจการที่ผู้เยาว์ต้องขอความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม
มาตรา 21 ระบุไว้เฉพาะการทำนิติกรรมของผูเ้ ยาว์เท่านั้นที่จะต้องขอความยินยอม
คำว่านิติกรรม คือ การแสดงเจตนาด้วยใจสมัคร และชอบด้วยกฎหมาย มุ ่ง
โดยตรงต่อการผูกนิติสมั พันธ์เพื่อที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรื อระงับซึ่ งสิ ทธิ เช่น การ
แสดงเจตนาทำคำเสนอและคำสนองตกต้องตรงกัน ทำให้เกิดสัญญามีผลผูกพันระหว่างคู่สญ ั ญา
เป็ นต้น
ดังนั้น หากไม่ใช่นิติกรรม แต่เป็ นนิติเหตุ ไม่ตอ้ งขอความยินยอมจากผูแ้ ทนโดย
ชอบธรรม เช่น
- ผูเ้ ยาว์ท ำละเมิด แม้จะมิได้รับความยินยอมก็ไม่ใช่โมฆียะ ผูใ้ ช้อ ำนาจ
ปกครองไม่มีสิทธิ บอกล้าง เพื่อไม่ให้ผเู ้ ยาว์ตอ้ งชดใช้ค่าสิ นไหมทดแทนตาม
มาตรา 420
- ผูเ้ ยาว์ได้มาซึ่ งสิ ทธิ ครอบครอง ไม่ตอ้ งขอความยินยอม
- การจัดการงานนอกสัง่ เช่น ผูอ้ ื่นจัดทำกิจการแทนผูเ้ ยาว์โดยผูเ้ ยาว์มิได้
ว่าขานวานใช้ ผูเ้ ยาว์มีหน้าที่ตอ้ งชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการจัดการงานนอก
สัง่ แม้วา่ ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมจะไม่ยนิ ยอมก็ตาม
- ลาภมิควรได้ ผูเ้ ยาว์ได้ทรัพย์สินมาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ผู ้
เยาว์หน้าที่ตอ้ งคืนลาภมิควรได้ แม้ผแู ้ ทนโดยชอบธรรมจะไม่ยนิ ยอม
ก็ตาม ปัญหาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีจะเป็ นนิติกรรมหรื อ
ไม่
- การฟ้ องร้อง และการต่อสู ้คดี ไม่ใช่นิติกรรม เพราะว่าเป็ นกรณี ที่กฎหมาย
ให้สิทธิเพื่อบังคับให้เป็ นไปตามสิ ทธิ หรื อพิสูจน์สิทธิ ที่มีอยูแ่ ล้วไม่ได้ก่อให้
เกิดการเคลื่อนไหวในสิ ทธิ ใด ๆ เพิ่มขึ้นหรื อลดน้อยลงไปแต่ประการใด
ดังนั้น การร้องทุกข์กด็ ี การฟ้ องคดีกด็ ี หรื อการต่อสู ้คดี การไปเป็ นพยาน จึงไม่ใช่
นิติกรรม ผูเ้ ยาว์สามารถดำเนินการได้เองโดยไม่ตอ้ งด้วยมาตรา 21
ฎีกาที่ 214/2477
การร้องทุกข์ในคดีอาญาความผิดต่อส่ วนตัว ไม่เป็ นนิติกรรม แต่เป็ นสิ ทธิ ตามกฎหมายที่
ผูเ้ ยาว์ท ำได้ในฐานะผูเ้ สี ยหาย โดยไม่จ ำกัดความสามารถ ผูเ้ ยาว์ร้องทุกข์เองได้
58
ฎีกาที่ 1154/2511
การเป็ นพยาน ไม่ใช่นิติกรรม ไม่ตอ้ งขอความยินยอม
60
โจทก์เป็ นผูเ้ ยาว์ อายุ 15 ปี ฟ้ องหาว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันทำอนาจารและ
ทำร้ายร่ างกายโจทก์น้ นั การฟ้ องความเป็ นกิจการอันหนึ่ง ผูเ้ ยาว์จะทำเองไม่ได้ ต้องทำโดยผูแ้ ทน
โดยชอบธรรม ถ้ายังไม่มีกต็ อ้ งปฏิบตั ิตามมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ส่ วนทนายความนั้นหาใช่ผแู้ ทนเฉพาะคดีตามความหมายในมาตรา 6 ไม่ เพราะการที่ทนายว่าความ
นั้นเป็ นการที่ตวั ความแต่งตั้งขึ้นให้ท ำการฟ้ องคดี เมื่อตัวผูเ้ ยาว์ฟ้องไม่ได้ การแต่งตั้งก็ไม่มีผล ทั้ง
การตั้งทนายความก็เป็ นนิติกรรมอันหนึ่ง ซึ่ งผูเ้ ยาว์ไม่มีความสามารถทำได้
61
หนี้ได้ เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าเป็ นสามีภรรยากันมาก่อนหรื อหลังใช้ ป.พ.พ. บรรพ 5 ศาลย่อมแบ่งสิ น
สมรสให้สามีภรรยานั้นคนละครึ่ ง
63
คำพิพากษาฎีกาที่ 181 / 2507
นิติกรรมที่โจทก์ท ำกับจำเลยในขณะที่โจทก์เป็ นผูเ้ ยาว์ แต่มิได้รับความยินยอม
ของผูแ้ ทนโดยชอบธรรมนั้น เป็ นโมฆียะ เมื่อนิติกรรมนั้นมิได้บอกล้าง จึงมีผลผูกพันโจทก์อยู่
64
สัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวแก่ทรัพย์สินของผูเ้ ยาว์มิได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต ดังนั้น เมื่อยัง
มิได้รับอนุญาตจากศาล ผูใ้ ช้อ ำนาจปกครองในฐานะผูแ้ ทนโดย
ชอบธรรมจึงไม่อาจให้ความยินยอมแก่ผเู ้ ยาว์ในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
แบ่งปั นมรดก
2. นิติกรรมที่ผู้เยาว์ต้องทำเองเฉพาะตัว
มาตรา 23 ผูเ้ ยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ท้ งั สิ้ น ซึ่ งเป็ นการต้องทำเองเฉพาะตัว
นิติกรรมที่ผเู้ ยาว์ตอ้ งทำเองเฉพาะตัว หมายถึง นิติกรรมที่มีลกั ษณะเป็ นการส่ วนตัว
ของผูเ้ ยาว์โดยเฉพาะ และต้องเป็ นผูเ้ ยาว์เท่านั้นที่จะทำนิติกรรม ผูอ้ ื่นทำแทนไม่ได้ ลักษณะความ
เป็ นส่ วนตัวนี้ กฎหมายประสงค์ให้เกิดจากการแสดงเจตนาด้วยความบริ สุทธ์ใจของผูเ้ ยาว์เท่านั้น
โดยไม่ให้ผแู้ ทนโดยชอบธรรมเข้ามาก้าวก่ายแสดงเจตนาของผูเ้ ยาว์ เช่น
- การรับรองบุตร ตามาตรา 1547 การที่ผเู ้ ยาว์จะรับรองบุตรของตนเองเป็ นการทำ
หน้าที่อนั สมควรที่พอ่ พึงกระทำต่อลูก เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างผูเ้ ยาว์ซ่ ึ งเป็ นบิดากับลูกโดยเฉพาะ
ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมของผูเ้ ยาว์กม็ ิอาจทำหน้าที่เป็ นบิดาแทนผูเ้ ยาว์ได้ จึงเป็ นนิติกรรมที่ผเู ้ ยาว์ตอ้ งทำ
เองเฉพาะตัว ถึงแม้วา่ การรับรองบุตร เช่นนี้อาจสร้างภาระค่าใช้จ่ายแก่ผเู ้ ยาว์อย่างมากก็ตาม
- การเพิกถอนการสมรส ตามมาตรา 1508 “การสมรสที่เป็ นโมฆียะ เพราะคู่สมรส
สำคัญผิดตัว หรื อถูกกลฉ้อฉล หรื อถูกข่มขู่ เฉพาะคู่สมรสที่สำคัญผิดตัว หรื อถูกกลฉ้อฉล หรื อถูก
ข่มขู่เท่านั้น ขอเพิกถอนการสมรสได้”
- การแสดงเจตนายินยอมเข้าผูกพันเป็ นคู่สญ ั ญาหมั้น ปกติการทำสัญญาหมั้น คู่
สัญญาหมั้นอาจจะเป็ นบิดามารดาของชายตกลงหมั้นกับบิดามารดาของหญิงได้เพราะคู่สญ ั ญาหมั้น
ตามมาตรา 1437 นั้น ใช้ค ำว่าฝ่ ายชาย หรื อฝ่ ายหญิง ดังนั้น คู่สญ ั ญาหมั้นจึงไม่จ ำเป็ นต้องเป็ นตัวชาย
หรื อหญิง แต่เมื่อสัญญาหมั้นเป็ นสัญญาที่น ำไปสู่ การสมรสของชาย และหญิงคู่หมั้น จึงอาจมีกรณี ที่
ชาย และหญิงจะต้องแสดงเจตนายินยอมเข้าผูกพันเป็ นคู่สญ ั ญาหมั้นด้วย การตัดสิ นใจว่าจะยินยอม
หรื อไม่ มีลกั ษณะเป็ นการส่ วนตัวของผูเ้ ยาว์โดยเฉพาะ จึงเป็ นนิติกรรมที่ตอ้ งทำเองเฉพาะตัว ผูแ้ ทน
โดยชอบธรรมตัดสิ นใจแทนไม่ได้
- การแสดงเจตนายินยอมเป็ นคู่สมรส ตามมาตรา 1558 เป็ นนิติกรรมที่ตอ้ งทำเอง
เฉพาะตัว
- การทำพินยั กรรมของผูเ้ ยาว์ การที่ผเู ้ ยาว์จะยกทรัพย์สินให้ใครย่อมเป็ นเรื่ องเฉพาะ
ตัวของผูเ้ ยาว์ คนอื่นทำพินยั กรรมแทนไม่ได้ ดังนั้นผูเ้ ยาว์สามารถทำพินยั กรรมได้โดยลำพัง แต่
กฎหมายได้บญั ญัติคุณสมบัติของคนที่จะทำพินยั กรรมได้ จะต้องอยูใ่ นวัยที่โตพอจะพิจารณารอบ
ครอบยกทรัพย์สินให้ใครได้ ดังนั้น มาตรา 25 จึงกำหนดให้ผเู ้ ยาว์อาจทำพินยั กรรมได้เมื่อมีอายุ 15
ปี บริ บรู ณ์ หากฝ่ าฝื นมีผลให้พินยั กรรมเป็ นโมฆะ ตามมาตรา 1703
หลักเกณฑ์
1. ต้องเป็ นนิติกรรมที่จ ำเป็ นเพื่อการเลี้ยงชีพ หมายถึง การทำนิติกรรมที่เกี่ยวกับ
ปั จจัยแห่งการดำรงชีพ เช่น การจัดหาปั จจัยสี่ การซื้ ออาหาร เสื้ อผ้า ยารักษาโรค การเสี ยค่า
ธรรมเนียมการศึกษา เป็ นต้น
2. ต้องสมแก่ฐานานุรูปของผูเ้ ยาว์ ซึ่ งต้องพิจารณาฐานะ และรายได้ของผูเ้ ยาว์
ประกอบเป็ นราย ๆ ไป เช่น การที่ผเู้ ยาว์ซ้ื อรถจักรยานเพื่อขี่มาโรงเรี ยน น่าจะเป็ นการเพื่อการเลี้ยง
ชีพ และสมแก่ฐานานุรูปของผูเ้ ยาว์ แต่ถา้ ผูเ้ ยาว์ซ้ื อรถมอร์เตอร์ไซค์ ซึ่ งต้องผ่อนส่ งเดือนละ 3,500
บาท ในขณะที่ผเู้ ยาว์ยงั ไม่มีรายได้ทางอื่น นอกจากได้รับเงินรายเดือนจากทางบ้าน เดือนละ 4,000
บาท น่าจะไม่ถือว่าสมแก่ฐานานุรูปของผูเ้ ยาว์
คำพิพากษาฎีกาที่ 856 – 857/2497
เมื่อประกาศใช้ประมวลแพ่งและพาณิ ชย์ บรรพ 5 แล้ว อำนาจของผูแ้ ทนโดยชอบธรรม
ของผูเ้ ยาว์ที่บญั ญัติไว้ในมาตรา 21 ได้ถูกจำกัดอำนาจลงตามลักษณะ และรายการตามที่ระบุไว้ใน
มาตรา 1546 (เดิมเปลี่ยนเป็ นมาตรา 1574 ใหม่)
68
การห้ามขายที่ดินของเด็กซึ่ งต้องขออนุญาตศาลก่อน ตามมาตรา 1546 นั้น หมายความ
รวมถึงสัญญาจะขายที่ดินด้วย
การขายที่ดินของผูเ้ ยาว์ โดยอ้างว่าเอาเงินไปใช้จ่ายในการศึกษาของเด็กเข้าลักษณะที่
เป็ นการสมควรแก่ฐานานุรูป และเป็ นการอันจำเป็ นเพื่อความเจริ ญในอนาคตของเด็ก ตามมาตรา 24
ซึ่ งอนุญาตไว้วา่ แม้เด็กจะทำนิติกรรมเองก็ยงั ได้น้ นั เมื่อมาตรา 1546 ห้ามผูป้ กครองขายที่ดินของ
เด็กโดยลำพังแล้ว เด็กขายที่ดินของเด็กโดยลำพังเองก็ท ำไม่ได้ มาตรา 1546 เป็ นบทยกเว้นทัว่ ไป
ของมาตรา 24 ด้วยเหมือนกัน ความยินยอมของผูแ้ ทนโดยชอบธรรมก็ใช้ไม่ได้
ผูเ้ ยาว์ท ำสัญญาจะขายที่ดินของผูเ้ ยาว์แก่ผซู ้ ้ื อ และมอบที่ดินให้ผซู ้ ้ื อไปจัดหาผล
ประโยชน์มาแบ่งกับผูเ้ ยาว์น้ นั โดยผูแ้ ทนโดยชอบธรรมยินยอม นิติกรรมอันเกี่ยวกับการจัดหาผล
ประโยชน์มาแบ่งกัน แยกได้จากการซื้ อขาย ไม่ตอ้ งห้าม ตามมาตรา 1546 จึงเป็ นการสมบูรณ์ มาตรา
21 (มาตรา 1546 เดิม เปลี่ยนเป็ น มาตรา 1574)
ถ้าเป็ นกิจการตามที่ระบุในมาตรา 1574 แม้จะจำเป็ นเพื่อการเลี้ยงชีพและสมแก่
ฐานานุรูป ผูเ้ ยาว์กไ็ ม่อาจทำเองโดยลำพัง ต้องได้รับอนุญาตจากศาลตามมาตรา 1574 เสี ยก่อน ดัง
นั้น มาตรา 1574 จึงเป็ นข้อยกเว้น มาตรา 24 ดังฎีกาข้างต้นนี้
69
3. ตามข้อตกลงสัญญาหย่าด้วยความยินยอม ระบุให้อ ำนาจปกครองอยูก่ บั
บิดา หรื อมารดา ถ้าตกลงกันไม่ได้ให้ศาลเป็ นผูส้ ัง่ ชี้ขาด รวมทั้งกรณี มีค ำ
พิพากษาให้หย่าและชี้ขาดให้บิดา หรื อมารดาเป็ นผูใ้ ช้อ ำนาจปกครองบุตร
4. มีกรณี ที่ให้ศาลสัง่ ให้อ ำนาจปกครองอยูก่ บั บิดา หรื อมารดา เช่น บิดา หรื อ
มารดาใช้อ ำนาจปกครองเกี่ยวกับตัวผูเ้ ยาว์โดยมิชอบ หรื อประพฤติชวั่ ร้าย
ตามมาตรา 1582
3. การให้ ความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม
ความยินยอมของผู้แทนของผู้แทนโดยชอบธรรม [ มาตรา 1566 ]
อำนาจปกครองโดยปกติแล้วอยูท่ ี่บิดา – มารดา เพราะฉะนั้น ต้องได้รับความยินยอม
จากทั้งบิดาและมารดา
ข้อยกเว้น ถ้าบิดา หรื อมารดาตาย อำนาจอยูท่ ี่บิดา หรื อมารดาที่ยงั มีชีวิตอยู่ ต้องได้รับ
ความยินยอมจากบิดา หรื อมารดานั้น
ถ้าบิดา หรื อมารดา ถูกศาลสัง่ ให้เป็ นบุคคลไร้ความสามารถ แต่คนวิกลจริ ตที่ศาลยังไม่
สัง่ นั้น ยังมีอ ำนาจปกครองบุตร จนกว่าจะถูกศาลสัง่ ให้เป็ นคนไร้ความสามารถ
การให้ความยินยอมต้องให้ก่อนการมีนิติกรรมเกิดขึ้น แต่ถา้ ให้ในภายหลังเป็ นการให้
สัตยาบัน
แบบของการให้ ความยินยอม
ความยินยอมเป็ นนิติกรรมที่ไม่ตอ้ งทำตามแบบ จะให้ดว้ ยวาจา หรื อเป็ นลายลักษณ์
อักษรก็ได้ และจะเป็ นการให้โดยชัดแจ้ง หรื อโดยปริ ยายก็ได้
72
ความยินยอมเป็ นการทัว่ ไปเป็ นโมฆะใช้บงั คับไม่ได้ เพราะกฎหมายต้องการให้มีการ
ให้ความยินยอมเป็ นกรณี ฯ ไป ซึ่ งแต่ละครั้งนั้นจะมีขอบเขตเพียงใดก็ได้
การให้ความยินยอมนั้น ถอนได้หรื อไม่?
เช่น พ่อให้เงินลูก 500 บาท ไปซื้ ออะไรก็ได้ จะถอนคืนได้หรื อไม่
การให้ความยินยอมนั้น จะถอนเมื่อใดก็ได้ แต่จะต้องถอนก่อนจะเข้าทำนิติกรรม ถ้ามี
นิติกรรมเกิดขึ้นแล้วไม่มีสิทธิถอน ถ้าถอนพร้อมกันนั้นก็เป็ นไปไม่ได้ เพราะคำเสนอคำสนองตก
ต้องตรงกัน มีนิติกรรมเกิดขึ้นแล้ว
ข้อยกเว้นของการให้ความยินยอมที่ไม่สามารถถอนความยินยอมได้ ได้แก่ การให้ความ
ย นิ ย อ ม ใ น ก า ร ท ำ ก า ร ส ม ร ส ต า ม ม า ต ร า 1455
และการให้ความยินยอมทำการค้าตาม มาตรา 27 วรรค 3 เว้นแต่การประกอบธุรกิจหรื อ
การงานที่ได้รับความยินยอมก่อให้เกิดความเสี ยหายถึงขนาด หรื อเสื่ อมเสี ยแก่ผเู ้ ยาว์ ผูแ้ ทนโดยชอบ
ธ ร ร ม อ า จ บ อ ก เ ล ิก ค ว า ม ย นิ ย อ ม ท ี่ไ ด ใ้ ห แ้ ก ่ผ เู ้ ย า ว เ์ ส ี ย ไ ด ้
ถ้าขอความยินยอมแล้วบิดา – มารดาไม่ให้ความยินยอม ผูเ้ ยาว์จะขอให้ศาลอนุญาตได้
หรื อไม่?
มีกรณี ที่กฎหมายบัญญัติตามมาตรา 1456 ผูเ้ ยาว์อาจจะขอให้ศาลสัง่ อนุญาตให้ท ำการ
สมรสได้ ซึ่ งเป็ นกรณี ที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็ นพิเศษ
ส่ วนในกรณี ทวั่ ไปนั้น จะขอให้ศาลอนุญาตไม่ได้ และจะตีความเทียบเคียงมาตรา 1456
ก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เหตุผลทำนองเดียวกัน
สิ ทธิในการให้ความยินยอมของผูแ้ ทนโดยชอบธรรม เป็ นสิ ทธิ เฉพาะตัวของผูแ้ ทนโดย
ชอบธรรม ศาลไม่มีอ ำนาจให้ความยินยอมแทนผูแ้ ทนโดยชอบธรรม ยกเว้นกรณี กฎหมายบัญญัติให้
สิ ทธิ ฟ้องศาลให้อนุญาตแทนได้ ดังบัญญัติตามมาตรา 27 ผูเ้ ยาว์ท ำการค้า และมาตรา 1456 ในกรณี
การสมรส
ถ้าบิดามารดา ประพฤติชวั่ ใช้อ ำนาจปกครองโดยมิชอบ จะถอนอำนาจปกครองบางส่ วน
หรื อทั้งหมดก็ได้ แต่ผเู้ ยาว์กต็ อ้ งได้รับความยินยอมจากผูป้ กครองอยูด่ ีในกรณี ที่ศาลตั้งผูป้ กครอง หรื อ
ขออนุญาตศาลให้ท ำนิติกรรมไปพลางก่อนได้
กรณี ที่ถึงแม้จะเป็ นนิติกรรม แต่กไ็ ม่ตอ้ งขอความยินยอม ถ้าเป็ นการทำนิติกรรมที่ท ำ
ในนามของผูอ้ ื่น นิติกรรมนั้นไม่ผกู พันผูเ้ ยาว์ แต่ผกู พันผูท้ ี่ผเู ้ ยาว์ท ำแทน
เพราะฉะนั้น ตัวการมอบอำนาจให้ตวั แทนที่เป็ นผูเ้ ยาว์ไปทำนิติกรรมแทนนั้น ผูเ้ ยาว์ที่
เป็ นตัวแทนไม่ตอ้ งขอความยินยอมจากผูแ้ ทนโดยชอบธรรมในการทำนิติกรรมนั้น
แต่ผเู้ ยาว์จะเข้าเป็ นตัวแทนของผูอ้ ื่นนั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากผูแ้ ทนโดยชอบ
ธรรมด้วย เพราะตัวแทนนั้นอาจต้องรับผิดในการที่ได้ท ำแทนตัวการแล้วเกิดความเสี ยหาย
ข อ บ เ ข ต ท ี่ใ ห ้ ค ว า ม ย นิ ย อ ม ม า ต ร า 26
มาตรา 26 ถ้ าผู้แทนโดยชอบธรรมอนุญาตให้ ผู้เยาว์ จำหน่ ายทรัพย์ สินเพือ่ การอันใด
อันหนึ่งอันได้ ระบุให้ ผู้เยาว์จะจำหน่ ายทรัพย์ สินนั้นเป็ นประการใดภายในขอบของการที่ระบุให้ น้ันก็
ทำได้ ตามใจสมัคร อนึ่ง ถ้ าได้ รับอนุญาตให้ จำหน่ ายทรัพย์ สินโดยมิได้ ระบุว่าเพือ่ การอันใด ผู้เยาว์ ก็
จำหน่ ายได้ ตามใจสมัคร
73
ข อ บ เ ข ต ท ี่ใ ห ค้ ว า ม ย นิ ย อ ม ม า ต ร า 26
1. ระบุการอันใดอันหนึ่ง ผูเ้ ยาว์จะจำหน่ายทรัพย์สินนั้นเป็ นประการใดภายในขอบ
ของการที่ระบุให้น้ นั ก็ท ำได้ตามใจสมัคร
2. ถ้าได้รับอนุญาตให้จ ำหน่ายทรัพย์สินโดยมิได้ระบุวา่ เพื่อการอันใด ผูเ้ ยาว์ก็
จำหน่ายได้ตามใจสมัคร
วิธีการบอกล้าง
กฎหมายไม่ได้ก ำหนดแบบพิธี เพราะฉะนั้นจะแสดงเจตนา (นิติกรรมระงับสิ ทธิ ) อย่างไร
ก็ได้ โดยวาจา หรื อ ลายลักษณ์อกั ษร ก็ได้ แต่บอกล้างโดยปริ ยายไม่ได้
อายุความบอกล้าง
- มิให้บอกล้างเมื่อพ้น 1 ปี นับแต่เวลาที่อาจบอกล้างหรื อให้สตั ยาบันได้
- หรื อมิให้บอกล้างเมื่อพ้น 10 ปี นับแต่ท ำนิติกรรมที่เป็ นโมฆียะ เช่น พ่อแม่ทราบว่าลูกทำ
สัญญาซื้ อรถยนต์โดยไม่ได้รับความยินยอม
- ต้องบอกล้างได้ภายใน 1 ปี นับแต่วนั ที่รู้วา่ ลูกทำสัญญา แต่ถา้ ไม่รู้ อายุความความ 1 ปี จะ
ยังไม่เริ่ มนับ แต่อย่างไรก็ตามต้องไม่เกิน 10 ปี นับแต่วนั ซื้ อรถยนต์
- ถ้าผูเ้ ยาว์จะบอกล้าง ต้องบอกล้างภายใน 1 ปี นับแต่วนั บรรลุนิติภาวะ
- ถ้าถูกข่มขู่ ต้องบอกล้างภายใน 1 ปี นับแต่วนั ที่ถูกข่มขู่ได้ผา่ นพ้นไป
- ถ้าถูกหลอก หรื อสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคล / ทรัพย์ ต้องบอกล้างภายใน 1 ปี นับแต่
วันที่ทราบว่าได้ถูกหลอกหรื อสำคัญผิด
77
- ต้องโฆษณาคำสัง่ ในราชกิจจานุเบกษา
คำพิพากษาฎีกาที่ 95 / 2483
ภริ ยาผูร้ ้องป่ วยเป็ นอัมพาตมือเท้าตายไม่สามารถลุกนัง่ ด้วยตนเองได้ ผูร้ ้องขอให้ศาลมี
คำสัง่ แสดงว่าภริ ยาของตนเป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถนั้น เพียงแต่กายพิการดังกล่าวยังไม่พอ
ถือว่าผูป้ ่ วยนั้นไม่สามารถจะจัดทำการงานของตนเองได้ และผูร้ ้องไม่มีพยานนำสื บว่า ผูค้ ดั ค้านมีจิต
ฟั่นเฟื อนไม่สมประกอบ ไม่สามารถจะจัดทำการงานของตนเองได้ พิพากษาให้ยกคำร้อง
78
ไปอยูต่ ่างหากแล้ว ดังนี้นา้ ย่อมไม่เป็ นบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา 29 ที่จะ
ร้องขอให้ศาลสัง่ เป็ นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถได้
79
คำพิพากษาฎีกาที่ 371 / 2510
เมื่อมีการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว บุตรบุญธรรม
ย่อมมีฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผูร้ ับบุตรบุญธรรม ตามนัยประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา 1586 วรรคต้น (ตรงกับมาตรา 1598/28 บรรพ 5 ใหม่)
และย่อมเป็ นผูส้ ื บสันดานของผูร้ ับบุตรบุญธรรม มีสิทธิร้องขอต่อศาลให้สงั่ ให้ผรู้ ับบุตร
บุญธรรมเป็ นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยูใ่ นความพิทกั ษ์ของผูร้ ้องได้ ตาม
มาตรา 34 ประกอบด้วยมาตรา 29
คำพิพากษาฎีกาที่ 74 / 2527
คำว่า บุคคลวิกลจริ ต ตามที่บญั ญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา 29
นี้ มิได้หมายถึงเฉพาะบุคคลผูท้ ี่มีจิตผิดปกติหรื อตามที่เข้าใจกันทัว่ ๆ ไปว่าเป็ นบ้าเท่านั้น แต่หมาย
รวมถึงบุคคลที่มีกิริยาอาการผิดปกติเพราะสติวิปลาส คือ ขาดความรำลึก ขาดความรู ้สึก และขาด
ความรับผิดชอบด้วย เพราะบุคคลดังกล่าวนี้ไม่สามารถประกอบกิจการของตนหรื อประกอบกิจส่ วน
ตัวของตนได้ทีเดียว
มารดาผูร้ ้องและผูค้ ดั ค้านมีอาการไม่รู้สึกตัวเอง ไม่รู้จกั สถานที่และเวลาพูดจารู ้เรื่ องบ้าง
ไม่รู้เรื่ องบ้าง ซึ่ งนายแพทย์เรี ยกอาการเช่นนี้วา่ สมองเสื่ อมหรื อวิกลจริ ต และไม่มีโอกาสที่จะรักษา
ให้หายได้ ทั้งเดินทางไปไหนไม่ได้อีกด้วย แสดงให้เห็นว่ามารดาผูร้ ้องเป็ นคนไม่มีสติสมั ปชัญญะ
ไร้ความสามารถที่จะดำเนินการทุกสิ่ งทุกอย่างด้วยตนเองได้ พอถือได้วา่ เป็ นบุคคลวิกลจริ ตตามความ
หมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา 29 แล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 490 / 2509
ประชุมใหญ่)
80
กรณี ยงั ไม่สมรส ผูอ้ นุบาล ได้แก่ บิดา – มารดา (ผูใ้ ช้อ ำนาจปกครอง) มาตรา
1569 เว้นแต่ศาลจะสัง่ เป็ นอย่างอื่น และถ้าเป็ นกรณี บรรลุนิติภาวะแล้วบิดา – มารดาเป็ นผูอ้ นุบาล มี
อำนาจปกครองตามมาตรา 1569/1
กรณี สมรสแล้ว ผูอ้ นุบาล ได้แก่ คู่สมรส ตามมาตรา 1463 เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็ น
อย่างอื่น
กรณี ที่ศาลสัง่ ผูอ้ ื่นเป็ นผูอ้ นุบาล มาตรา 1569/1 (อำนาจปกครองถูกถอน) และ
ให้น ำบทบัญญัติวา่ ด้วยอำนาจปกครองมาบังคับ โดยอนุโลม 1598/3 รวม 1598/18
81
อนุบาลจึงไม่มีสิทธิเอาที่ดินส่ วนที่เป็ นของสามีไปยกให้แก่บุตรโดยเสน่หาได้ คงมีสิทธิ กระทำได้ใน
ฐานะที่เป็ นภริ ยา ซึ่ งมีส่วนเป็ นเจ้าของที่ดินสิ นบริ คณห์น้ นั ด้วย โดยมิพกั ต้องได้รับอนุญาตจากสามี
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา 39 นิติกรรมให้ที่ดินโดยเสน่หาดังกล่าวจึงผูกพันส่ วน
ที่เป็ นของภริ ยา แต่ไม่ผกู พันส่ วนของสามี เมื่อข้อเท็จจริ งไม่ ปรากฏว่าที่ดินสิ นบริ คณห์น้ นั สามีกบั
ภริ ยามีส่วนคนละเท่าใดและภริ ยาก็ท ำนิติกรรมให้บุตรมีชื่อถือกรรมสิ ทธิ์ ในที่ดินร่ วมกับสามี อันมีผล
เท่ากับภริ ยายอมสละส่ วนของตนให้แก่บุตรเท่านั้น นิติกรรมรายนี้ ไม่เป็ นโมฆะ
อำนาจหน้ าที่ของผู้อนุบาล
ในกรณี ที่บิดามารดา เป็ นผูอ้ นุบาล ตามมาตรา 1598/18 ถ้าคนไร้ความสามารถเป็ นผู ้
เยาว์ บิดามารดามีฐานะเป็ นผูใ้ ช้อ ำนาจปกครอง และถ้าคนไร้ความสามารถยังไม่บรรลุนิติภาวะ บิดา
มารดา เป็ นผูป้ กครอง
ยกเว้นอำนาจในการทำโทษ หรื อให้บุตรทำงานตาม มาตรา 1567 (2) , (3)
ในกรณี ที่คู่สมรสเป็ นผูอ้ นุบาล ตามมาตรา 1598/15 ให้น ำบทบัญญัติวา่ ด้วยผูใ้ ช้อ ำนาจ
ปกครองบังคับโดยอนุโลม ยกเว้น 1567 (2) , (3) และมีสิทธิ จดั การสิ นส่ วนตัวของคนไร้ความ
สามารถ รวมทั้งสิ นสมรส มาตรา 1598/16
ยกเว้นกิจการตาม 1476 วรรค 1 ต้องขออนุญาตจากศาล
ในกรณี ที่บุคคลอื่น หรื อผูป้ กครองเป็ นผูอ้ นุบาล อำนาจหน้าที่เป็ นไปตามมาตรา
1598/18 วรรค 2
2. ความสามารถในการทำนิติกรรมของคนไร้ ความสามารถ
มาตรา 29 การใดๆ ทีค่ นไร้ ความสามารถทำเป็ นโมฆียะ
โดยหลักทัว่ ไป คนไร้ความสามารถ ไม่มีความสามารถเลย แม้แต่จะเป็ นนิติกรรมที่
ต้องทำเองเฉพาะตัว และผูอ้ นุบาลไม่มีอ ำนาจให้ความยินยอม แต่มีอ ำนาจทำแทนคนไร้ความสามารถ
ในฐานะผูใ้ ช้อ ำนาจปกครอง หรื อผูป้ กครอง และถ้าเป็ นกิจการตาม มาตรา 1574 ต้องขออนุญาตจาก
ศาล ก่อนจึงจะทำนิติกรรมแทนคนไร้ความสามารถได้
ค น ว กิ ล จ ร ิต ท ี่ศ า ล ย งั ไ ม ่ ไ ด ้ ส ั่ ง ใ ห ้ เ ป็ น ค น ไ ร ้ ค ว า ม ส า ม า ร ถ
มาตรา 30 การใด ๆ อันบุคคลวิกลจริตซึ่งศาลยังมิได้ สั่งให้ เป็ นคนไร้ ความสามารถ ได้
กระทำลง การนั้นจะเป็ นโมฆียะต่ อเมื่อได้ กระทำในขณะทีบ่ ุคคลนั้นจริตวิกลอยู่ และคู่กรณีอกี ฝ่ าย
หนึ่งได้ ร้ ู แล้วด้วยว่าผู้ทำเป็ นคนวิกลจริต
หลักทัว่ ไปคนวิกลจริ ตทำนิติกรรมใด ๆ ถือว่าสมบูรณ์ ยกเว้นพิสูจน์ได้วา่
1. ทำในขณะผูน้ ้ นั วิกลจริ ต และ
82
2. คู่กรณี อีกฝ่ ายหนึ่ง ได้รู้แล้วว้าผูท้ ำนิติกรรมวิกลจริ ต
ผล คือ ตกเป็ นโมฆียะ
คำพิพากษาฎีกาที่ 95 / 2483
เพียงแต่เป็ นโรคอัมพาตเดินไม่ได้ ไม่พอถือว่าผูป้ ่ วยนั้นไม่สามารถจะจัดทำการงานของ
ตนเอง จะขอให้ศาลสัง่ เป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถหาได้ไม่
คำพิพากษาฎีกาที่ 927 / 2485
83
ผูแ้ ทนโดยชอบธรรมของผูเ้ ยาว์กูย้ มื แทนผูเ้ ยาว์ เอาทรัพย์ของผูเ้ ยาว์ไปเป็ นประกันเงินกู้
ไม่จ ำต้องขออนุญาตต่อศาล ดังที่บญั ญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 1546 (3) เพราะไม่ใช่กรณี ที่เอาทรัพย์
ของผูเ้ ยาว์ไปให้กูย้ มื
84
สิ ทธิการเช่าเป็ นสิ ทธิเฉพาะตัวของผูเ้ ช่าแต่ผเู ้ ดียว แม้ภรรยาจะเป็ นผูเ้ ช่า สามีกเ็ ป็ นบุคคล
ภายนอก จะเข้ามามีสิทธิดว้ ยตามสัญญาเช่าไม่ได้ และถือไม่ได้วา่ สามีหรื อภรรยาซึ่ งลงชื่อในสัญญา
เช่า ได้ท ำการเพื่อทั้งสองฝ่ าย
แม้จะถือสิ ทธิการเช่าเป็ นทรัพย์สิน แต่กเ็ ป็ นสิ ทธิ ตามสัญญาอันเป็ นสิ ทธิ เฉพาะตัว
การโอนสิ ทธิการเช่าของภรรยาให้แก่บุคคลอื่น ย่อมเป็ นสิ ทธิ ของภรรยาแต่ผเู ้ ดียวไม่ตอ้ งรับความ
ยินยอมจากสามี
คำพิพากษาฎีกาที่ 371 / 2510
เมื่อมีการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว บุตรบุญธรรมย่อมมี
ฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผูร้ ับบุตรบุญธรรม ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิ ชย์ มาตรา 1586 (ตรงกับมาตรา 1598/28 บรรพ 5 ใหม่) และย่อมเป็ นผูส้ ื บสันดานของผูร้ ับบุตร
บุญธรรม มีสิทธิร้องขอต่อศาลให้สงั่ ให้ผรู ้ ับบุตรบุญธรรมเป็ นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถและให้
อยูใ่ นความพิทกั ษ์ของผูร้ ้องได้ตามมาตรา 34 ประกอบด้วยมาตรา 29
คำพิพากษาฎีกาที่ 330 / 2511
บุคคลที่ศาลจะตั้งให้เป็ นผูพ้ ิทกั ษ์น้ นั ไม่จ ำต้องเป็ นบุคคลตามที่ระบุไว้ในประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา 29 ในการตั้งผูพ้ ิทกั ษ์น้ นั ศาลพิจารณาว่าผูใ้ ดเหมาะสมที่จะเป็ นผู ้
พิทกั ษ์ได้ตามที่เห็นสมควร
คำพิพากษาฎีกาที่ 2102 / 2517
คดีเรื่ องถอดถอนผูพ้ ิทกั ษ์ ไม่เป็ นคดีที่ทายาทจะรับมรดกความได้
คดีที่โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาถอดถอนจำเลยจากการเป็ นผูพ้ ิทกั ษ์โจทก์ เมื่อโจทก์ซ่ ึ งอยู่
ในความพิทกั ษ์ถึงแก่ความตายในระหว่างฎีกา ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อ
ไป ศาลฎีกาย่อมมีค ำสัง่ ให้จ ำหน่ายคดี
คำพิพากษาฎีกาที่ 912 / 2520
ผูร้ ้องเป็ นบุตรของพี่ชายของ ค. ไม่ใช่ผสู ้ ื บสันดานของ ค. และไม่เคยเป็ นผูพ้ ิทกั ษ์ของ
ค. มาก่อน ผูร้ ้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอต่อศาลให้สงั่ ว่า ค. เป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยูใ่ น
ความพิทกั ษ์ของผูร้ ้อง แม้ถา้ ค. ตายผูร้ ้องเป็ นทายาทแต่เพียงผูเ้ ดียวที่มีสิทธิ จะได้รับมรดกของ ค.
เพราะ ค. ไม่มีทายาทอื่นอีกก็ตาม แต่ในกรณี น้ ีกไ็ ม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ให้ผรู ้ ้องมีสิทธิ
ร้องขอต่อศาลได้ ค. อายุ 74 ปี ป่ วยเป็ นโรคเบาหวาน และเป็ นอัมพาต เคลื่อนไหวร่ างกายได้
เฉพาะแถบด้านซ้ายพูดประโยคยาวไม่ได้ เป็ นผูไ้ ม่สามารถจัดทำการงานได้เพราะกายพิการ
คำพิพากษาฎีกาที่ 1044 / 2522
น้าไม่ใช่บุพพการี และไม่เคยให้ความอุปการะเลี้ยงดูที่พอจะฟังได้วา่ เป็ นผูพ้ ิทกั ษ์ตาม
พฤตินยั จึงไม่มีอ ำนาจตามกฎหมายที่จะร้องต่อศาลเพื่อสัง่ ให้หลานเป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถได้
85
เสมือนไร้ความสามารถ ไม่สามารถทำกิจการตาม มาตรา 34 วรรค 1, 2 ได้ ผูพ้ ิทกั ษ์อาจขอให้ศาลสัง่
ให้ผพู ้ ิทกั ษ์เป็ นผูม้ ีอ ำนาจกระทำแทนได้ ตามมาตรา 34 วรรค 3
2. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ข อ ง ค น เ ส ม ือ น ไ ร ้ค ว า ม ส า ม า ร ถ
มาตรา 34 บุคคลผู้เสมือนไร้ ความสามารถนั้น ต้ องได้ รับความยินยอมของผู้พทิ ักษ์
ก่ อนแล้ วจึงจะทำการอย่ างหนึ่งอย่างใดได้
โดยหลักทั่วไป คนเสมือนไร้ความสามารถยังพอมีความสามารถอยูบ่ า้ ง เพราะฉะนั้น
หลักคือ มีสิทธิท ำนิติกรรมโดยลำพัง
ข้ อยกเว้น กิจการตาม มาตรา 34 ต้องขอความยินยอมของผูพ้ ิทกั ษ์ มิฉะนั้นเป็ น
โมฆียะ ได้แก่
(๑) นำทรัพย์สินไปลงทุน
86
คำพิพากษาฎีกาที่ 377 / 2469
ผูพ้ ิทกั ษ์ทรัพย์ท ำสัญญาใดแทนผูท้ ี่อยูใ่ นความพิทกั ษ์ ถ้าไม่ปรากฏว่าได้กระทำโดยการ
ทุจริ ตแล้ว ผูอ้ ื่นจะขอให้ถอนจากเป็ นผูพ้ ิทกั ษ์หาได้ไม่
คำพิพากษาฎีกาที่ 1086 / 2477
ป.พ.พ. มาตรา 35 บุคคลผูเ้ สมือนไร้ความสามารถจะทำกิจการอันเกี่ยวด้วยคดีความใน
ศาลต้องได้รับความยินยอมของผูพ้ ิทกั ษ์ก่อนจึงจะทำได้ การที่ศาลล่างเรี ยก บ. เข้ามาเป็ นจำเลยหรื อ
ในฐานเป็ นผูพ้ ิทกั ษ์ ฮ. จำเลย ยังไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาให้ศาลเดิมดำเนินการเรี ยก บ. ผู ้
พิทกั ษ์มาให้ความยินยอมหรื อให้ ฮ.แต่งทนายโดยได้รับความยินยอมจากผูพ้ ิทกั ษ์แล้วสื บพยานและ
พิพากษาใหม่ตามกระบวนความ ถ้าผูพ้ ิทกั ษ์ไม่ให้ความยินยอม ก็มีทางร้องขอต่อศาลขอถอนผูพ้ ิทกั ษ์
และตั้งผูพ้ ิทกั ษ์ใหม่ ถ้าไม่เป็ นการสะดวกที่จะทำดังกล่าว บุคคลดังระบุไว้ในมาตรา 29 จะร้องต่อ
ศาลให้ต้ งั ผูพ้ ิทกั ษ์จ ำเลยเพื่อดำเนินคดีต่อไปตามกระบวนความก็ได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 863 / 2490
คนใบ้ที่ไม่อาจทำให้เจ้าพนักงานเข้าใจความประสงค์ที่จะทำนิติกรรมได้น้ นั เมื่อมีผขู ้ อ
เป็ นผูพ้ ิทกั ษ์และจัดการจำนองหรื อขายที่ดินของคนใบ้ จนได้รับแต่งตั้งเป็ นผูพ้ ิทกั ษ์ ได้รับอนุญาตจาก
ศาลแล้วผูพ้ ิทกั ษ์ยอ่ มจัดการจำนองหรื อขายฝากที่ดินแทนได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 666 / 2495
ผูเ้ สมือนไร้ความสามารถย่อมประกอบกิจการต่างๆ ได้เว้นแต่ในบางกรณี จึงต้องได้รับ
ความยินยอมจากผูพ้ ิทกั ษ์ก่อนเท่านั้น กฎหมายมิได้ให้อ ำนาจผูพ้ ิทกั ษ์มีอ ำนาจปกครองผูเ้ สมือนไร้
ความสามารถด้วยไม่ ฉะนั้น ผูพ้ ิทกั ษ์จะฟ้ องความแทนผูเ้ สมือนไร้ความสามารถโดยลำพังตนเอง
โดยมิได้รับมอบอำนาจจากผูเ้ สมือนไร้ความสามารถไม่ได้
เอกสารอ้ างอิง
ภาษาไทย
กรมร่ างกฎหมาย . ประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ พุทธศักราช 2466 บรรพ 1 และบรรพ 2 กับ
อุทาหรณ์ , พระนคร : โรงพิมพ์กองลหุโทษ, 2467.
จิตติ ติงศภัทิย ์ . กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้ วยบุคคล, พิมพ์ครั้งที่ 7, กรุ งเทพมหานคร
:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2530.
จี๊ด เศรษฐบุตร . คำสอนชั้นปริญญาตรี พุทธศักราช 2583 กฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ ว่าด้ วยบุคคล,
พระนคร : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2483.
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ . ประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ บรรพ 5 ว่ าด้ วยครอบครัว,
กรุ งเทพมหานคร : สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2537.
ประสิ ทธิ์ โฆวิไลกูล . คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ ว่าด้ วยบุคคล, กรุ งเทพมหานคร :
สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2540.
พรชัย สุ นทรพันธุ์ . กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้ วยบุคคล, กรุ งเทพมหานคร : กิ่งจันทร์การพิมพ์,
2526.
เพรี ยบ หุตารกูร, คำบรรยายกฎหมายลักษณะมรดก , กรุ งเทพฯ: โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรม
ศาสตร์, 2520.
ศักดิ์ สนองชาติ . คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ ว่ าด้ วยนิติกรรมและสั ญญา,
กรุ งเทพมหานคร : โรงพิมพ์ แสวง สุ ทธิ การพิมพ์.
สมทบ สุ วรรณสุ ทธิ . ประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ ว่าด้ วยบุคคล, กรุ งเทพมหานคร : โรงพิมพ์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2514.
88
เสนีย ์ ปราโมทย์ . ม.ร.ว. กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้ วยครอบครัวมรดก, กรุ งเทพมหานคร : โรง
พิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2508.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา . ข้ อเสนอแก้ ไขเพิม่ เติมประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิชย์ บรรพ
1 ,กันยายน 2534.
ภ า ษ า ต ่า ง ป ร ะ เ ท ศ
Keith J. Eddey, The English Legal System , London : Sweet and Maxwell, 4 ed, 1987.
Th
Thomas J. Harron. Business Law, U.S.A : Allyn and Baconing ,4Th ED, 1981.
89