Professional Documents
Culture Documents
เอกสารเพิ่มเติม
โมดูล 3 เรื่อง Design Thinking เพื่อการคิดสร้างสรรค์
วิธีก ารของ Stanford d.school ให้ค วามส าคั ญ กั บ ความคิดจากกลุ่ม คนที่ ห ลากหลาย การสร้างต้ น
แบบอย่างรวดเร็ว และรีบนาไปทดลองใช้เพื่อให้ได้การประเมินผลและนากลับมาแก้ไขให้ตรงใจผู้ใช้มากที่สุด โดย
แบ่งขั้นตอนของกระบวนการคิดออกเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่ Empathize, Define, Ideate, Prototype, และ Test
ดังภาพที่ 1
Empathize Ideate
Define Prototype
Test
1. Empathize ทาความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมาย
ขั้นแรก Empathize เค้าจะทาความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายก่อน ไม่ว่าจะสร้างสรรค์สิ่งใดก็ตาม เรา
ต้องเข้าใจกลุ่ม เป้าหมายให้ชัดเจนก่ อ น ท าความเข้าใจให้ม ากที่ สุด เอาใจเขามาใส่ใจเรา นี่คือก้ าวแรกของ
ความสาเร็จ เครื่องมือที่ใช้ทาความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมาย อาทิเช่น การสัมภาษณ์ การสุ่มตัวอย่าง การสังเกตและ
การจาลองสถานการณ์ ตัเช่น ถ้าเราจะใช้การสัมภาษณ์ ควรเน้นการพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ให้เราเข้าใจการ
คิดของกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้คาถามว่า “ทาไม” เพื่อให้ได้ความหมายลึก ๆ ที่ทาให้เห็นปัญหาที่ชัดเจนและการ
สร้างความไว้วางใจ คือ เทคนิคที่ดีในการดึงข้อมูลเบื้องลึกจากกลุ่มเป้าหมาย
2. Define การตีกรอบปัญหา
การตีกรอบปัญหานี้เป็นส่วนที่ยากที่สุดในกระบวนการของ Design Thinking เพราะถ้าข้อมูลหรือ
กรอบปัญหาไม่ชัดเจนก็จะทาให้ไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาหรือเดินทางไปสู่กระบวนการขั้นต่อไปได้ เช่น จากการ
สัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายเพื่อทาความเข้าใจในขั้นตอนที่ 1 พบว่าได้ข้อมูลมาหลากหลาย ขั้นต่อมาคือการจัดกลุ่ม
และร่วมกันสรุปปัญหาที่ต้องการแก้ไขหรือสิ่งที่ต้องการพัฒนาเพื่อตีกรอบปัญหาให้ชัดเจน
3. Ideate การระดมความคิดสร้างสรรค์
หลังจากได้ปัญหาที่ชัดเจนแล้วจะต้องระดมความคิดสร้างสรรค์เพื่อหาไอเดียมาแก้ไขปัญหานี้ ซึ่ง
3
ความคิด เช่ น กระดาษ post it, กระดาษชาร์ ท (Flip chart) และการสร้า งแรงบั นดาลใจให้ผู้ อื่ น การเปิ ด
สภาพแวดล้อมในการทางานให้ก ว้างขึ้นและทาให้เกิดผลสะท้อนกลับมาเชิง บวกที่ จะท าให้คนกล้าแสดงความ
คิดเห็น โดยไม่รู้สึกกังวลว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูก
ซึ่งถ้าเรามาพิจารณา จะพบว่า Design Thinking Process นั้นมักจะมีขั้นสาคัญ ๆ คือ
1. การเข้าใจปัญหาว่าคืออะไร? เกิดขึ้นกับใคร? เขาต้องการอะไร?
2. การพัฒนาหรือหาไอเดียเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว
3. การสร้าง Prototype เพื่อทดสอบไอเดียดังกล่าว
จะเห็นได้ว่า Design Thinking เป็นกระบวนการคิดที่เน้นการระดมสมอง (Brainstorming) และการ
สร้างต้นแบบ(Prototype) เพื่อนาไปสอบถามกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นเหมือนการทดลองไอเดียต่าง ๆ และค่อย
ๆ พัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ แทนที่จะกลายเป็นการสร้างงาน “เสร็จสมบูรณ์” แล้วค่อยออกสู่ตลาด
รายการอ้างอิง
บราวน์ ทิ ม . (2554). Change by Design คิ ด เชิ ง ออกแบบ = เทรนด์ ใ หม่ ข องธุ ร กิ จ ยุ ค นวั ต กรรมไม่ รู้ จ บ.
กรุงเทพมหานคร สานักพิมพ์มติชน.
พัทธนันท์ บุตรฉุย, จินตวีร์ คล้ายสังข์, อรจรีย์ ณ ตะกั่วทุ่ง. (2559). การพัฒนารูปแบบการแบ่งปันความรู้ออนไลน์
โดยใช้แนวคิดเชิงออกแบบร่วมกับเทคนิคการวิเคราะห์อนาคต เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจ
ของนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาบัณฑิต สาขาการจัดการ. ดุษฎีนิพนธ์สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสาร
การศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Brown, T. (2009). Change by Design. New York, HarperCollins Publisher.
d.school. (2016). Welcome to the Virtual Crash Course in Design Thinking. [online] Available at:
http://dschool.stanford.edu/dgift/ [Accessed 13 Mar. 2016].