Professional Documents
Culture Documents
กองธรณีวิทยาสิ่งแวดลอม
กรมทรัพยากรธรณี
รายงานวิชาการ
ฉบับที่ กธส 6/2551
วีระชาติ วิเวกวิน
สุรศักดิ์ บุญลือ
กองธรณีวิทยาสิ่งแวดลอม
กรมทรัพยากรธรณี
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
นายอภิชัย ชวเจริญพันธ
ผูอํานวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดลอม
นายอดิชาติ สุรินทรคํา
ขอมูลการลงรายการบรรณานุกรม
หนา
สารบัญรูป III
บทคัดยอ V
คําขอบคุณ VI
บทที่ 1 บทนํา
1.1 หลักการและเหตุผล 1
1.2 วัตถุประสงค 1
1.3 ขอบเขตการศึกษา 1
1.4 พื้นที่สํารวจ 1
1.5 ผูปฏิบัติงาน 3
1.6 ลักษณะภูมิประเทศ 3
1.7 ลักษณะภูมิอากาศ 3
1.8 ธรณีวิทยาทั่วไป 3
1.9 งานเกาทีเ่ คยทําแลว 6
บทที่ 2 วรรณกรรมปริทัศน
2.1 หลักการและทฤษฎีของการรับรูระยะไกล 9
2.1.1 หลักการและความหมาย 9
2.1.2 ขอมูลภาพดาวเทียม Landsat 7 12
2.2 หลักการแปลความหมายขอมูลภาพจากดาวเทียม 12
2.2.1 ขั้นตอนการแปลความหมายขอมูลจากขอมูลภาพ 12
ดาวเทียม
2.2.2 หลั ก การแปลความหมายและวิ เ คราะห ข อ มู ล จากภาพ 13
ดาวเทียม
2.2.2.1การแปลความหมายและวิ เ คราะห ข อ มู ล จาก 13
ขอมูลภาพดาวเทียมดวยสายตา
2.2.2.2 การแปลความหมายและวิ เ คราะห ข อ มู ล จาก 14
ขอมูลภาพจากดาวเทียมดวยคอมพิวเตอร
บทที่ 3 วิธีการศึกษา
3.1 วัสดุอุปกรณที่ใชในการสํารวจ 16
3.1.1 อุปกรณสําหรับสํานักงาน 16
3.1.2 อุปกรณสําหรับงานภาคสนาม 16
3.2ขั้นตอนการศึกษาและวิธกี ารศึกษา 16
II
3.2.1 ขั้นตอนการรวบรวมขอมูลเบื้องตน 18
3.2.2 ขั้นตอนการวิเคราะหและแปลความหมาย 19
3.3 ผลการแปลความหมาย 25
3.4 ขั้นตอนการตรวจสอบภาคสนาม 27
บทที่ 4 ผลการศึกษา
บทที่ 5 สรุปและขอเสนอแนะ
5.1 ผลการศึกษา 38
5.2 ขอเสนอแนะ 39
เอกสารอางอิง
III
สารบัญรูป
หนา
รูปที่ 1.1 แผนทีภ่ ูมิประเทศของพื้นที่ศึกษา 2
รูปที่ 1.2 แผนที่ธรณีวิทยาของพื้นที่ศกึ ษาในมาตราสวน 1:250,000 5
รูปที่ 1.3 แผนที่ธรณีสณ ั ฐานของชายฝงทะเล ตําบลตะกั่วปา 7
รูปที่ 1.4 แผนที่ธรณีสณ ั ฐานของชายฝงทะเล อําเภอตะกั่วปา จังหวัดพังงา 8
รูปที่ 2.1 หลักการทํางานของการรับรูระยะไกล 10
รูปที่ 2.2 หลักการทํางานระบบการบันทึกขอมูลดวยวิธี Passive remote sensing 10
system และ Active remote sensing system
รูปที่ 2.3 ชวงคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่เปนพลังงานสะทอนกลับหรือแผออกมาจากวัตถุ 11
ในธรรมชาติซงึ่ ถูกบันทึกอยูใ นชวงคลื่น (Band) ที่ตางกัน
รูปที่ 2.4 กราฟแสดงลักษณะการสะทอนพลังงานของวัตถุ(Spectral reflectance 11
curve)
รูปที่ 2.5 แผนผังขั้นตอนการแปลความหมายจากภาพดาวเทียม 15
รูปที่ 3.1 ขั้นตอนการเลือกขอมูลตัวอยาง (Training Areas) เพื่อนําไปใชในการจัด 18
จําแนกกลุม
รูปที่ 3.2 ขั้นตอนการเลือกหนาตางการแปลความหมายดวยคอมพิวเตอรโดยวิธี 19
Maximum likelihood Classification มาใชงาน
รูปที่ 3.3 การเลือกFile และการใสพารามิเตอรสําหรับที่ใชในการแปลความหมาย 19
ดวยวิธี Maximum likelihood Classification
รูปที่ 3.4 ผลของการแปลความหมายโดยวิธี Maximum likelihood Classification 20
รูปที่ 3.5 ผลของการแปลความหมายโดยวิธี Maximum likelihood Classification 20
และชนิดและจํานวนกลุมขอมูลที่ไดจากการแปลความหมาย
รูปที่ 3.6 การปรับปรุงคุณภาพขอมูลโดยการกําจัดจุด หรือชองวาง (speckle or 21
holes)
รูปที่ 3.7 ขั้นตอนการทํา Principle Component Analysis (PCA) 22
รูปที่ 3.8 ขั้นตอนการทํา NDVI 23
รูปที่ 3.9 ผลของการทําคาดัชนีปาไม(NDVI analysis) พื้นที่สีเขียวแสดงวามีปา ไม 23
ปกคลุมบริเวณที่เปนสีขาวเปนพื้นที่ปา ปกคุมหรือมีปาปกคลุมนอย
รูปที่ 3.10 การเปลี่ยนขอมูลจากระบบ กริด (Raster Data) ไปเปนระบบเชิงเสน 27
(Vector Data)เพื่อใชสําหรับการปรับแกขอมูล
รูปที่ 3.11 ภาพถายดาวเทียม Landsat 7 แสดงลักษณะปรากฏของธรณีสัณฐานใน 26
พื้นที่ศึกษา
IV
โดย
วีระชาติ วิเวกวินและสุรศักดิ์ บุญลือ
บทคัดยอ
การประยุกตใชภาพดาวเทียม Landsat 7 ETM+ เพื่อศึกษาธรณีสัณฐานชายฝงทะเล
อําเภอตะกั่วปา และอําเภอทายเหมือง จังหวัดพังงา ซึง่ มีวัตถุประสงคเพื่อการแปลความหมายขอมูลการ
รับรูระยะไกลในการทําแผนที่ธรณีสัณฐานชายฝงทะเล โดยใชภาพถายดาวเทียม Landsat 7 แนวการ
บันทึกขอมูล Path 130/Row 054 บันทึกขอมูลเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2545 ทําการแปลความหมายดวย
คอมพิวเตอรดวยการจัดจําแนกแบบ Supervised Classification โดยใชวิธี Maximum Likelihood แลวทํา
การตรวจสอบความถูกตองของขอมูลในภาคสนาม และนําขอมูลที่ไดจากภาคสนามมาปรับแกขอมูลใหมี
ความถูกตอง
ผลการศึกษาพบวาธรณีสัณฐานชายฝงทะเลบริเวณจังหวัดระนองสามารถกําหนดขอบเขต
ของมีพื้นที่ศึกษาประมาณ 1128.28 ตารางกิโลเมตร สามารถแบงได 7 กลุม 1)หาดทรายปจจุบันพบ
ปรากฏอยูบริเวณที่ติดกับน้าํ ทะเลมากที่สุด เปนบริเวณที่มีน้ําทะเลขึ้นลง มีลักษณะเปนหาดสันดอน มีแนว
ชายหาดยาว มีสันดอนปากอาว มีเนื้อที่ประมาณ 18.06 ตารางกิโลเมตร คิดเปนรอยละ 1.60 ของพื้นที่
ศึกษา 2)หาดทรายเกาหรือหาดทรายโบราณพบอยูดา นหลังของลากูน ตะกอนทีต่ กสะสมตัวในบริเวณนี้
สวนใหญเปนตะกอนทรายขนาดปานกลางถึงหยาบมีการคัดขนาดทีด่ ี พบเปลือกหอยปะปนอยูในทราย
ดวย ในพื้นทีศ่ ึกษาพบบริเวณบานบางเนียง บานทาดินแดง อําเภอทายเหมืองมีเนื้อที่ประมาณ 66.26
ตารางกิโลเมตร คิดเปนรอยละ 5.87 ของพื้นที่ศึกษา 3)ลากูน เปนที่ลุมน้ําขังหลังสันดอนทราย บริเวณ
ดังกลาวจึงกลายเปนที่ชุมน้ํามีพืชจําพวกเสม็ด และพืชชนิดที่เจริญเติบโตไดดบี ริเวณน้ําขึ้นน้าํ ลงปกคลุม
มักมีผักบุงทะเลขึ้นปกคลุม มีเนื้อที่ประมาณ 21.44 ตารางกิโลเมตร คิดเปนรอยละ 1.90 ของพื้นที่ศึกษา
4)ที่ลุมน้ําทวมขัง เปนพื้นที่น้ําทวมขังทุกปในฤดูฝนแลวพัฒนาเปนบึงมีการสะสมตัวของตะกอน ทราย
แปง ดินเหนียว มีเนื้อที่ประมาณ 2.92 ตารางกิโลเมตร คิดเปนรอยละ 0.26 ของพื้นที่ศึกษา 5)ที่ราบเชิง
เขา และที่ราบน้ําตะกอนน้ําพา มีเนื้อที่ประมาณ 368.84 ตารางกิโลเมตร คิดเปนรอยละ 32.69 ของพื้นที่
ศึกษา 6)ภูเขาสูง กระจายตัวอยูทางทิศตะวันออก มีเนื้อที่ประมาณ 552.09 ตารางกิโลเมตร คิดเปนรอย
ละ 48.93 ของพื้นที่ศึกษา 7)ที่ราบน้ําขึน้ ถึงบริเวณปาโกงกางหรือปาชายเลน เปนบริเวณปากคลองมีปา
โกงกางขึ้นปกคลุม มีกระบวนการน้าํ ขึ้นน้ําลงของน้ําทะเลตลอดเวลา มีเนื้อที่ประมาณ 96.00 ตาราง
กิโลเมตร คิดเปนรอยละ 8.51 ของพื้นที่ศึกษา
VI
คําขอบคุณ
บทที่ 1
บทนํา
1.1 หลักการและเหตุผล
ชายฝงทะเลอันดามันของประเทศไทยมีความยาวประมาณ 937 กิโลเมตร แนวชายฝง
เริ่มตั้งแตเขตแดนไทย-พมาที่จังหวัดระนอง ตอเนื่องลงมาทางใตจนถึงจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง
และสตูล ซึ่งเปนเขตแดนประเทศไทยตอกับประเทศมาเลเซีย แนวของชายฝงวางตัวสัมพันธกับโครงสราง
ธรณีวิท ยาที่เปนรอยเลื่อน (fault) 2 แนวใหญ คือ รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุย ที่
เคลื่อนตัว ในทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต ทําใหพื้นที่ชายฝงทะเลอันดามันวางตัวใน
แนวเกือบเหนือ-ใต ตั้งแต จังหวัดระนองถึงจังหวัดภูเก็ต และในแนวตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียง
ใต ตั้งแตจังหวัดพังงาพังงาถึงจังหวัดสตูล ซึ่งเปนแนวเดียวกับภูเขาที่ทอดตัวอยูตามชายฝงดานนี้
จากผลการดําเนินงานรวบรวมขอมูล การเปลี่ยนแปลงชายฝงทะเลฝงอันดามัน จาก
การศึกษาของสิน สินสกุลและคณะ (2546) พบวา ชายฝงดานอันดามัน ประกอบดวยพื้นที่ชายฝง 6
จั ง หวั ด ประกอบด ว ยชายฝ ง ของจั ง หวั ด ระนอง พั ง งา ภู เ ก็ ต กระบี่ ตรั ง และสตู ล มี ค วามยาว 946
กิโลเมตร มีชายฝงที่ถูกกัดเซาะยาว 111.4 กิโลเมตร คิดเปนรอยละ 11.77 ของพื้นที่ชายฝงทั้งหมด
ชายฝงทะเลดานอันดามัน พื้นที่ชายฝงที่ถูกกัดเซาะสวนใหญพบทั้งในจังหวัดระนอง ตรังและพังงา
กรมทรัพยากรธรณีตระหนักถึงความสําคัญของปญหาการเปลี่ยนแปลงชายฝงทะเล จึงได
ดําเนินการและติดตามการเปลี่ยนแปลงชายฝงทะเล โดยประยุกตใชเทคโนโลยีการรับรูระยะไกลและระบบ
ภูมิศาสตรสารสนเทศในการศึกษาจัดทําแผนที่ธรณีสัณฐานชายฝงทะเล
1.2 วัตถุประสงค
เพื่อการแปลความหมายขอมูลการรับรูระยะไกลในการทําแผนทีธ่ รณีสัณฐานชายฝงทะเล
1.3 ขอบเขตการศึกษา
1.3.1 ประยุกตใชเทคโนโลยีการรับรูระยะไกลและระบบภูมิศาสตรสารสนเทศใน
การศึกษาจัดทําแผนที่ธรณีสัณฐานชายฝงทะเล
1.3.2 ศึกษาและจัดทําแผนที่ธรณีสัณฐานชายฝงทะเลอําเภอตะกั่วปา-อําเภอทายเหมือง
จังหวัดพังงา ในมาตราสวน 1: 100,000
1.4 พื้นที่สํารวจ
พื้น ที่ ศึ ก ษาอยูบ ริ เวณภาคใตฝง ตะวันตก โดยครอบคลุมชายฝ งทะเลอั น ดามัน ตั้ งแต
บริเวณเกาะคอเขา อําเภอตะกั่วปา จังหวัดพังงา ลงไปทางทิศใตจนถึงบานนาแฝก ตําบลนาเตย อําเภอ
ทายเหมือง จังหวัดพังงาหรือระหวางละติจูดเหนือที่ 8O 15" ถึง 9 O 00" และลองจิจูดตะวันออกที่ 98 O
13" ถึง 98 O 22" (รูปที่ 1.1) อยูในแผนที่ภูมิประเทศมาตราสวน 1:50,000 ลําดับชุด L7018 ระวาง
2
1.5 ผูปฏิบัติงาน
1.5.1 นายสุรศักดิ์ บุญลือ นักธรณีวิทยา 6
1.5.2 นายวีระชาติ วิเวกวิน นักธรณีวิทยา 4
1.6 ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดพังงามีสภาพภูมิประเทศเปนภูเขาสลับซับซอน ทอดตัวเปนแนวยาวจาก ทิศเหนือ
ไปทิศใต รูปรางเปนรูปยาวรี มีความยาวประมาณ 113 กิโลเมตร มีชายฝงทะเลยาวประมาณ 239.25
กิโลเมตร จัดวาเปนจังหวัดที่มีแนวชายฝงทะเลยาวที่สุดของประเทศ สําหรับบริเวณที่ราบจะเอียงเทสลับ
หาดทรายจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก ลงสูทะเลอันดามัน ตามแนวชายฝงทะเลจะมีปาชายเลน
เกือบตลอด ดานทิศตะวันตกของจังหวัดพื้นที่ประกอบดวยภูเขาสลับซับซอน มีที่ราบตามแนวชายฝงทะเล
และที่ราบระหวางหุบเขา ภูเขามีระดับความสูงในชวง 200 – 1,200 เมตร เหนือระดับน้ําทะเลปานกลาง
ประกอบดวยเกาะทั้งสิ้นประมาณ 105 เกาะ อยูในทะเลอันดามัน ซึ่งสวนใหญจะอยูทางตอนเหนือของ
จังหวัด เชน หมูเกาะสุรินทร เกาะสิมิลัน และบริเวณอาวพังงา สําหรับพื้นที่ปาไมเปนปาไมประเภทไมผลัด
ใบ มีชนิดปาที่สําคัญ ไดแก ปาดิบเขา ปาดิบชื้น และปาชายเลน ตลอดแนวชายฝง สวนพื้นที่ทะเล หาด
ทราย ชายฝงหิน และที่ราบน้ําขึ้นถึงจะพบดานตะวันตกของพื้นที่ศึกษา บริเวณที่เปนที่ราบดานหลังของ
หาดทรายปจจุบันหรือหาดทรายใหม มักจะเปนหาดทรายโบราณ และสูงจากระดับน้ําทะเลประมาณ 4-5
เมตร (สิน สินสกุล, 2546) มักจะเปนที่ตั้งของชุมชน และมีสิ่งกอสรางอยูเปนจํานวนมาก
1.7 ลักษณะภูมิอากาศ
จังหวัดพังงามีภูมิอากาศแบบมรสุมเมืองรอน ไดรับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใตและ
ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มี 2 ฤดู คือ ฤดูรอน เริม่ ตั้งแตเดือนมกราคม ถึง เมษายน ซึ่งไดรับอิทธิพล
จากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากอาวไทย และฤดูฝน เริ่มตั้งแตเดือนพฤษภาคม ถึง ตุลาคม เปนชวง
ที่ไดรับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใตจากมหาสมุทรอินเดีย อุณหภูมิ ของทั้งสองฤดูไมแตกตางกัน
มากนัก คือ ในป พ.ศ.2542 มีอุณหภูมิตา่ํ สุดเฉลี่ย 23 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 31 องศา
เซลเซียส มีปริมาณน้ําฝนเฉลี่ยปละประมาณ 3,654 มิลลิเมตร
1.8 ธรณีวิทยาทั่วไป
จากรายงานสํารวจธรณีวิทยาและขอมูลแผนที่ธรณีวิทยามาตราสวน 1: 50,000 ระวาง
อําเภอตะกั่วปา (4626 I) ระวางอําเภอคุระบุรี (4627 II) ระวางเขาหลัก (4626 III) ระวางอําเภอทาย
เหมือง (4625 I) และ ระวางอําเภอกะปง (4626 II) พบวาพื้นที่สํารวจและบริเวณใกลเคียง
ประกอบด ว ยหน ว ยหิ น ที่ มีอ ายุ ตั้ง แต ยุค คารบ อนิ เ ฟอรั ส จนถึ งตะกอนยุ ค ปจ จุ บั น (รู ป ที่ 1.2) โดยมี
รายละเอียดดังนี้
4
1. กลุ ม หิ น แก ง กระจาน (CPk) มี อ ายุ ค าร บ อนิ เ ฟอรั ส ถึ ง ช ว งเพอร เ มี ย นตอนต น
ประกอบดวย 3 หมวดหิน (เลิศชาย ขายทอง และสมเกียรติ มาระเนตร, 2542) ไดแก หมวดหินโคลน
ปนกรวด และหินทรายปนกรวด หมวดหินควอรตซิติกในหินโคลน และหมวดหินแปรสัมผัส โดยมีลําดับ
ชั้นหินเรียงจากหมวดหินที่มีอายุแกสุดไปออนสุด คือ
หมวดหินโคลนปนกรวด และหินทรายปนกรวด สีเทา สีเทาเขียว สีผุเปนสีน้ําตาลปน
เหลื อ ง หิ น ทรายมี ข นาดเม็ ด ทรายละเอี ย ดถึ ง ปานกลาง เนื้ อ แน น และแข็ ง เม็ ด กรวดในหิ น โคลน
ประกอบดวยหินควอตซไซต หินทราย หินแกรนิต หินโคลนและหินปูน มีขนาดตั้งแต 2 มิลลิเมตรถึง 6
เซนติเมตร เม็ดกรวดมีความเหลี่ยมถึงความกลมมนปานกลาง มีการคัดขนาดปานกลาง หมวดหินนี้พบ
ปรากฏอยูบนเทือกเขาบนเกาะคอเขา
หมวดหินควอรตซิติกในหินโคลน สีจางถึงสีเทา แทรกสลับกับหินโคลนชั้นบาง หินทราย
แปงปนกรวดเล็กนอย หินทรายเกรยแวก สีเทาดํา
หมวดหินแปรสัมผัสชนิดหินแอกทิโนไลต หินควอรตซ ไมกาชีสต ซึ่งมักจะปรากฏพบ
ตามบริเวณรอยสัมผัสกับหินแกรนิต บริเวณดานตะวันตกของเขาบางครก
ธีระพล วงษประยูร และเยาวพา แชมวัชระกุล (2548) ไดจัดทําแผนที่ธรณีวิทยาพื้นที่
ตอนเหนือบริเวณเขาปากคลองบางผักเบี้ย เกาะคอเขา อําเภอตะกั่วปา จังหวัดพังงาและรายงานวาหิน
โคลนปนกรวดดังกลาวอยูในหมวดหินเกาะเฮ กลุมหินแกงกระจาน อายุคารบอนิเฟอรัสตอนปลายถึงเพอร
เมียนตอนตน(เลิศสิน รักษาสกุลวงศ และ ธนิศร วงศวานิช,2536) และพบวาหมวดหินนี้ยังโผลปรากฏ
พบไดที่เขาหนายักษดานตะวันตกของฐานทัพเรือทับละมุ (พิทักษ เทียมวงษ และเกชา จําปาทอง, 2548)
2. กลุมหินราชบุรี (Pr) หินยุคเพอรเมียนตอนกลาง-ตอนบน เปนหินที่เกิดจากการ
สะสมตัวของตะกอนในทะเล สวนใหญเปนหินปูนมีสีเทาถึงดํา มีทั้งแสดงชั้นและไมแสดง พบซากดึกดํา
บรรพ ไดแก fusulinds, coral, algae, crinoid stem, brachiopods, ostracods sp., เปนตน มีอายุอยูในชวง
ยุคเพอรเมียนตอนกลาง-ตอนบน ลําดับชั้นจากสวนลางของกลุมหินเปนชั้นหนาแทรกสลับกันของ
หินดินดาน หินทรายเนื้อปูน และหินปูนสีเทาดําและสีเทา สีเทาถึงเทาเขม มีหินทรายและหินโคลนแทรก
เปนกะเปาะ บนสุดเปนหินปูนเนื้อสมานแนน ไมแสดงชั้น ซากดึกดําบรรพพบมากในหินปูนที่แสดงชั้นหนา
ความหนาของหมวดหินประมาณ 700 เมตร
3. ตะกอนเศษหินเชิงเขา (Qc) ประกอบดวยเศษหิน และกรวด ขนาดตั้งแตกรวด
ละเอียดถึงกอนหินใหญ การคัดขนาดไมดี หินที่ผุพังอยูกับที่ พบปรากฏอยูที่บริเวณเชิงเขาพรุใหญ เขา
บางครก บานบางปลิง
5
1.9 งานเกาที่เคยทํามาแลว
สิน สินสกุล และคณะ(2546) ไดจัดจําแนกลักษณะธรณีสัณฐานของชายฝงทะเลอันดา
มันบริเวณพื้นที่ตั้งแตจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล โดยอาศัยลักษณะรูปรางของพื้นที่
กระบวนการที่ทําใหเกิดพื้นที่ชายฝงชนิดตางๆ เชน น้ําขึ้นน้ําลง ลม คลื่นและกระแสน้ํา เปนตน และ
ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงของชายฝงดวย โดยสามารถจัดจําแนกลักษณะธรณีสัณฐานไดเปน
(รูปที่ 1.3)
1. ชายฝงหิน (Rocky coast) ชายฝงชนิดนี้สวนใหญเปนหินโผล (Outcrop) อยูตาม
ชายฝงที่เปนหัวแหลมและหนาผา เกิดจากการกัดเซาะโดยคลื่นกัดเซาะหินในภูเขาที่อยูติดกับทะเล ชายฝง
หินพบอยูในพื้นที่ จังหวัดระนองจนถึงสตูล เชนบริเวณ เขาหลัก จังหวัดพังงา เปนตน
2. ที่ราบน้ําทวมถึง (Tidal flat) เปนบริเวณที่มีการสะสมตัวของตะกอนทรายแปง ดิน
เหนียวและทรายเม็ดละเอียดจากกระบวนการน้ําขึ้นน้ําลง มักเกิดตามแนวแมน้ําลําคลองที่อยูดานในติดกับ
แผนดิน หรือเวิ้งอาวที่มีกระบวนการน้ําขึ้นน้ําลง ที่ราบน้ําทวมถึงสามารถแบงออกเปน 3 ชนิด คือ
2.1 ที่ราบน้ําทวมถึงอยูเหนือระดับน้ําขึ้นสูงสุด (Supratidal flat) จะอยูดานในสุดติดกับ
แผนดินอยูดานหลังของปาชายเลน เปนพื้นที่เคยถูกน้ําทวม ปจจุบันน้ําทะเลขึ้นสูงสุดก็ทวมไมถึง
2.2 ที่ราบน้ําทวมถึงอยูระหวางระดับน้ําขึ้นสูงสุดกับน้ําลงต่ําสุด (Intertidal flat) เปน
พื้นที่ถูกปกคลุมดวยปาโกงกาง และพรรณไมปาชายเลน ในชวงน้ําขึ้นจะจมน้ําและโผลปรากฏเมื่อระดับน้ํา
ลดลง และมีการสะสมตัวของตะกอนเม็ดละเอียดจําพวก ดินเคลยและทรายแปง
2.3 ที่ราบน้ําขึ้นถึงที่อยูใตระดับน้ําลง (Subtidal flat) เปนพื้นที่อยูดานนอกสุดของที่ราบ
น้ําขึ้นถึง และมีการจมตัวอยูใตน้ําทะเลหรือมีบางสวนที่โผลใหเห็นไดในชวงระดับน้ําลดลง สวนมากจะเปน
สันดอนทราย
7
บทที่ 2
วรรณกรรมปริทัศน
2.1 หลักการและทฤษฎีของการรับรูระยะไกล
2.1.1 หลักการและความหมาย
การรับรูระยะไกล (Remote sensing) เปนการประยุกตใชเทคโนโลยีเพื่อใหไดมาซึ่งขอมูล
ที่เกี่ยวกับวัตถุ (Object) พื้นที่หรือปรากฎการณ (Phenomena) ตางๆ บนพื้นผิวโลกจากเครื่องมือบันทึก
ขอมูลโดยปราศจากการสัมผัสกับวัตถุนั้นๆ ซึ่งอาศัยคุณสมบัติคลื่นการแผ หรือสะทอนของจากวัต ถุ
แมเหล็กไฟฟามาจากวัตถุ ซึ่งเปนสื่อในการไดมาของขอมูล สําหรับยานพาหนะที่ใชในการบันทึกขอมูล
ได แ ก ดาวเที ย ม ยานอวกาศ หรื อ เครื่ อ งบิ น ซึ่ ง จะมี เ ครื่ อ งรั บ สั ญ ญาณ และบั น ทึ ก ข อ มู ล ในรู ป ของ
ภาพถายดาวเทียม ภาพถายทางอากาศ (รูปที่ 2.1)
การสํารวจดวยวิธีนี้ใชเวลาในการแปลความหมายคอนขางนอย แตไดขอบเขตการสํารวจ
ที่เปนบริเวณกวางอีกทั้งยังไดขอมูลที่มีความแมนยํา จึงเหมาะสําหรับงานสนามที่ไมสามารถเขาพื้นที่ได
ทั้งหมด เชน การสํารวจการใชประโยชนที่ดิน โครงสรางทางธรณีวิทยา เปนตน
ระบบการบันทึกขอมูลโดยเฉพาะขอมูลภาพถายดาวเทียมมีอยู 2 ระบบ (รูปที่ 2.2) คือ
1. Passive remote sensing system เปนการบันทึกคุณสมบัติคลื่นแมเหล็กไฟฟาจากการ
สะทอนหรือแผออกมาจากวัตถุโดยธรรมชาติ เชน การสะทอนแสงดวงอาทิตยของวัตถุ
2. Active remote sensing system เปนการบันทึกคุณสมบัติคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ถูกสราง
ขึ้นจากแหลงกําเนิดในเครื่องมือวัดเอง และสงลงมาที่วัตถุ แลวสะทอนกลับมาที่เครื่องวัด เชน วิธีการ
บันทึกขอมูลดวยเรดาร
คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่เปนพลังงานสะทอนกลับหรือแผออกมาจากวัตถุในธรรมชาติจะถูก
บันทึกเปนคาตัวเลข (Digital number) ที่แตกตางกันและอยูในชวงคลื่น (Band) ที่ตางกันดวย (รูปที่
2.3) จากคุณสมบัติดังกลาว ภาพดาวเทียม Landsat 5, Landsat 7 และดาวเทียมสวนใหญจึงถูก
พัฒนาขึ้นเพื่อบันทึกขอมูลในชวงคลื่นพลังงานสะทอน (Reflected energy) โดยอาศัยลักษณะการสะทอน
พลังงานของวัตถุที่ความยาวชวงคลื่นตางๆกัน (Spectral reflectance curve) (รูปที่ 2.4) และแตกตางกัน
ตามชนิดของวัตถุจึงทําใหสามารถแยกชนิดของวัตถุได (สุรชัย รัตนเสริมพงษ, 2536)
10
2.2 หลักการแปลความหมายขอมูลภาพดาวเทียม
2.2.1 ขั้นตอนการแปลความหมายขอมูลภาพดาวเทียม
การนําเขาขอมูลภาพดาวเทียมสามารถนํามาใชสําหรับการแปลความหมายได 2 วิธีตาม
ลักษณะรูปแบบของขอมูล กลาวคือ ขอมูลที่อยูในรูปแบบเชิงตัวเลขซึ่งบรรจุอยูในเทปคอมพิวเตอร หรือ
คอมแพคดิสค (Compact Disk, CD) จะนํามาวิเคราะหขอมูลดวยคอมพิวเตอรระบบวิเคราะหภาพ
(Image analysis system) สวนขอมูลดาวเทียมที่อยูในรูปแบบรูปภาพพิมพ หรือฟลม สามารถนํามาใชใน
การแปลความหมายดวยสายตา (Visual interpretation)
13
2.2.2 หลักการแปลความหมายและวิเคราะหขอมูลภาพดาวเทียม
การแปลความหมายและวิเคราะหขอมูลจากขอมูลภาพดาวเทียม จําแนกได 2 วิธี คือ การ
แปลและวิ เ คราะห ข อ มู ล จากข อ มู ล ภาพดาวเที ย มด ว ยสายตาและคอมพิ ว เตอร ซึ่ ง ทั้ ง สองรู ป แบบมี
รายละเอียดของหลักการแปลและวิเคราะหขอมูลภาพดาวเทียม (รูปที่ 2.5) ดังตอไปนี้
2.2.2.1การแปลความหมายและวิเคราะหขอมูลภาพดาวเทียมดวยสายตา
การแปลและวิเคราะหขอมูลภาพดาวเทียมดวยสายตา จะมีความถูกตองแมนยํามากหรือ
นอยขึ้นอยูกับสมบัติของผูแปลเปนหลัก ไดแก ความรูภูมิหลัง(Background) ความสามารถทางสายตา
(visual ability) ความสามารถทางดานการตัดสินใจ (Level of decision) และประสบการณการทํางาน
(Experiences) รูปแบบหรือลักษณะที่ใชในการแปลความหมายดวยสายตา มีดังตอไปนี้
1) ระดับสีและชนิดของสี (Color and Tone) หมายถึง ความแตกตางของสี ระดับความ
เขมของสี ทั้งนี้เนื่องจากคาสะทอนชวงคลื่นที่ไมเหมือนกันของวัตถุตางๆ บนพื้นผิวโลกนั่นเอง คุณสมบัติ
ขอนี้จึงมีความสําคัญอยางมากตอการจําแนกประเภทขอมูลภาพดาวเทียม
2) รูปราง (Shape) หมายถึงรูปรางของวัตถุที่ปรากฏบนภาพเปนรูปรางที่มองเห็นจาก
ดานบนของวัตถุนั้นๆ ซึ่งวัตถุบางอยางมีรูปรางเฉพาะทําใหสามารถจําแนกออกจากพื้นที่อื่นๆ ไดงาย จาก
ภาพจากดาวเทียมเชน ลักษณะภูมิประเทศแบบคาสทของหินปูน (Karst topography) แมน้ําที่มีลักษณะ
เปนเสนยาวโคงไปโคงมา เปนตน
3) ขนาด (Size) หมายถึง ขนาดของวัตถุที่มีความสัมพันธกับมาตราสวนที่ใชแปล ขนาด
ชวยใหผูแปลสามารถแยกวัตถุแตละประเภทได เชน ภูเขามีความสูงใหญกวาเนินเขา นอกจากนี้ยังตอง
คํานึงถึงขนาดของจุดภาพ (Pixel) ของขอมูลที่ใชแปลดวย เชน ดาวเทียม Landsat มีขนาดของ
จุดภาพ 30x30 เมตร ดังนั้ นวัต ถุที่มี ขนาดเล็กกวาขนาดของจุ ด ภาพ ทํ าใหไ มสามารถมองเห็ นได ใ น
ขอมูลภาพดาวเทียม
4) ลักษณะเนื้อภาพ (Texture) หมายถึงสภาพพื้นผิวที่มีความสม่ําเสมอตางกัน ทั้งนี้
ขึ้นอยูกับภูมิประเทศและสิ่งปกคลุมพื้นที่ไมเหมือนกัน จนทําใหเนื้อภาพเกิดความละเอียดหรือความหยาบ
แตกตางกันได เชน พื้นที่เปนภูเขาจะมีความสม่ําเสมอนอยกวาพื้นที่ราบ ทําใหเนื้อภาพบริเวณภูเขาหยาบ
กวาพื้นที่ราบ เปนตน
5) รูปแบบ (Pattern) หมายถึง ลักษณะการจัดตัวหรือเรียงตัวของพื้นผิวประเภทตางๆ
อันเปนลักษณะเฉพาะตัว ทําใหเห็นเดนชัดแตกตางจากพื้นที่อื่นๆ เชน พื้นที่ดินตะกอนรูปพัด รูปแบบทาง
น้ํา เปนตน
6) เงา (Shadow) การทอดเงามักมีความสัมพันธกับทิศทางของแสงอาทิตย ทําใหเรา
เห็นรูปรางลักษณะของวัตถุนั้นๆ
7) ความสัมพันธกับตําแหนงและสิ่งแวดลอม (Location and Association) หมายถึง
ความสัมพันธระหวางวัตถุ หรือพืชพรรณกับตําแหนงที่อยูเฉพาะ และสิ่งแวดลอมอื่นๆ เชน ปาชายเลน จะ
พบเฉพาะในพื้นที่ชายตามฝงทะเลที่มีน้ําทะเลทวมถึงเทานั้น แหลงแรมักมีความสัมพันธกับโครงสรางทาง
ธรณีวิทยา เปนตน
14
บทที่ 3
วิธีการศึกษา
การศึกษาลักษณะธรณีสัณฐานชายฝงทะเลบริเวณพื้นที่อําเภอตะกั่วปา-อําเภอทายเหมือง
จังหวัดพังงาไดทําการศึกษาโดยใชเทคนิคสํารวจการรับรูระยะไกล (Remote sensing technique) ซึ่งไดนํา
ขอมูลภาพดาวเทียม Landsat 5 และ Landsat 7 มาทําการแปลความหมายดวยโปรแกรมคอมพิวเตอร
และทําการสํารวจในภาคสนามเพื่อตรวจสอบความถูกตองแมนยํา วิธีการศึกษาสามารถสรุปไดดังนี้
3.1 วัสดุอุปกรณที่ใชในการสํารวจ
3.1.1 อุปกรณสําหรับสํานักงาน
-เครื่องคอมพิวเตอร PC (Pentium 4) จํานวน 1 เครื่อง
-โปรแกรมคอมพิวเตอร ENVI 4.0 สําหรับประมวลผลขอมูลภาพถายทางอากาศและ
ภาพดาวเทียม
-โปรแกรมคอมพิวเตอร ArcView 3.3 สําหรับประมวลผลขอมูลในระบบสารสนเทศ
ภูมิศาสตร
-เครื่องพิมพสีเลเซอร
3.1.2 อุปกรณสําหรับงานภาคสนาม
-เครื่องคอมพิวเตอร Notebook (Pentium M) จํานวน 1 เครื่อง
-กลองถายรูปดิจิตัล จํานวน 1 เครื่อง
-เครื่องมือหาพิกัดตําแหนงภูมิศาสตรดวยสัญญาณดาวเทียม (GPS) จํานวน 1 เครื่อง
3.2 ขั้นตอนการศึกษาและวิธีการศึกษา
3.2.1 ขั้นตอนการรวบรวมขอมูลเบื้องตน
เปนการรวบรวมเอกสารและขอมูลเดิมจากแผนที่ธรณีวิทยา มาตราสวน 1:250,000
แผนที่การเปลี่ยนแปลงชายฝงภาคใตฝงตะวันตก (ทะเลอันดามัน) มาตราสวน 1:500,000 แผนที่ภูมิ
ประเทศ มาตราสวน 1:50,000 รายงานธรณีวิทยาในพื้นที่ปฏิบัติงานและพื้นที่ใกลเคียง รายงานการ
สํารวจธรณีสัณฐานที่เคยศึกษาในพื้นที่ และรวบรวมขอมูลภาพถายดาวเทียม Landsat 7, Path 130/Row
054 บันทึกขอมูลเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2545 และภาพถายดาวเทียม Landsat 5, Path 130/Row 054
บันทึกขอมูลเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2547
3.2.2 ขั้นตอนการวิเคราะหและแปลความหมาย
ขั้นตอนการวิเคราะหและแปลความหมายภาพดาวเทียมเพื่อหาพื้นที่และขอบเขตของ
ธรณีสัณฐานชายฝงโดยใชโปรแกรม ENVI 4.0 ซึ่งเปนการแปลขอมูลจากภาพถายดาวเทียมดวยโปรแกรม
คอมพิวเตอรแบบ Maximum likelihood Classification แลวสงขอมูลที่ไดจากการแปลความหมายมา
17
1 2
3 4
1 2
รูปที่ 3.3 ภาพซายมือแสดงการเลือก File ที่ใชในการแปลความหมายดวยวิธี Maximum likelihood
Classification (1) สวนภาพขวามือแสดงการใสพารามิเตอรสาํ หรับการแปลความหมาย (2)
20
1 3
2 4
รูปที่ 3.6 แสดงการปรับปรุงขอมูลเพื่อกําจัดจุด หรือชองวาง (speckle or holes)
1.แสดงการเลือกหนาตางการปรับปรุงขอมูลเพื่อกําจัดจุด หรือชองวาง แบบ Sieve มาใชงาน
2.เลือกกลุมตัวอยางเพื่อใชในการปรับปรุงขอมูล
3.แสดงการเลือกหนาตางการปรับปรุงขอมูลเพื่อกําจัดจุด หรือชองวาง แบบ clump มาใชงาน
4.เลือกกลุมตัวอยางเพื่อใชในการปรับปรุงขอมูล
22
3
รูปที่ 3.7 แสดงขั้นตอนการทํา Principle Component Analysis (PCA)
1.แสดงการเลือกหนาตาง Principle Component Analysis (PCA) เพื่อมาใชงาน
2.เลือก file สําหรับการทํา Principle Component Analysis (PCA)
3.ขั้นตอนการใสพารามิเตอรและการบันทึกขอมูล
4.แสดงผลที่ไดจากการทํา Principle Component Analysis (PCA)
23
1
3
รูปที่ 3.8 แสดงขั้นตอนการทํา NDVI
1.แสดงการเลือกหนาตาง NDVI
เพื่อมาใชงาน
2.เลือก file สําหรับการทํา NDVI
3.ขั้นตอนการใสพารามิเตอรและการ
บันทึกขอมูล
1 2
รูปที่ 3.9 แสดงผลของการทําคาดัชนีปา ไม (NDVI analysis) พื้นที่สีเขียวแสดงวามีปาไมปกคลุม
บริเวณที่เปนสีขาวเปนพื้นที่โลงไมมีปาปกคลุมหรือมีปาปกคลุมนอย (ภาพ 1 กอนการ
วิเคราะหคาดัชนีพืชพรรณ และ ภาพ 2 หลังการวิเคราะหคา ดัชนีพืชพรรณ)
7.ขอมูลที่ไดจากการประมวลผลจากโปรแกรม ENVI 4.0 เปนขอมูลระบบกริด (Raster
Data) หากจะทําการแกไขหรือปรับปรุงขอมูลควรแปลงขอมูลใหอยูในรูปขอมูลเชิงเสน (Vector file
format) และทําการปรับปรุงขอมูลดวยโปรแกรม ArcView 3.3 ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร แลวจัดทํา
แผนที่ธรณีสัณฐานชายฝง มีขั้นตอนดังรูปที่ 3.10
24
1 2
3 4
รูปที่ 3.10 แสดงการเปลี่ยนขอมูลจากระบบ กริด
(Raster Data) ไปเปนระบบเชิงเสน(Vector Data)
เพื่อใชสําหรับการปรับแกขอ มูล
1.การเลือกหนาตางการเปลี่ยนระบบขอมูล
2.เลือก file ที่ไดจากการกําจัดจุดแลวเพื่อใชใน
การเปลี่ยนระบบขอมูล
3.การบันทึกกลุมขอมูลใหอยูในระบบเชิงเสน
4.หนาตางแสดงรายละเอียดของขอมูลเชิงเสน
5.แสดงการเปลี่ยนขอมูลใหอยูในรูปของ
นามสกุล shape file สําหรับนําไปปรับแกขอมูลใน
5 ระบบสารสนเทศภูมิศาตร
25
3.3 ผลการแปลความหมาย
สัญลักษณ
ภูเขาหินตะกอน
ภูเขาหินอัคนี
ชายหาด
ที่ลุมน้ําทวมถึงหรือปาโกงกาง
ที่ราบเชิงเขา
ชุมชนเมือง
หมูบาน
3.4 ขั้นตอนการตรวจสอบภาคสนาม
ขั้นตอนนี้เปนการตรวจสอบความถูกตองของขอมูลในภาคสนาม โดยทําการเขาสํารวจใน
พื้นที่จริงพรอมทั้งถายรูปบริเวณที่ทําการศึกษา เชน หาดทรายเกา (Old beach) พื้นที่ปาโกงกาง
(Mangrove Areas) และบันทึกตําแหนงทางภูมิศาสตรดวยเครื่อง GPS (รูปที่ 3.12 ถึงรูปที่ 3.15) เพื่อ
เปรียบเทียบกับผลการแปลความหมายจากคอมพิวเตอร ขอมูลที่ไดสามารถนํามาปรับแกขอมูลเพื่อให
ขอมูลมีความถูกตองมากยิ่งขึ้น
1 2
1 2
1 2
รูปที่ 3.14 แสดงภาพหาดทรายใหม (1,2) บริเวณบานน้ําเค็ม อําเภอตะกั่วปา จังหวัดพังงา
ขอมูลที่ไดจากการสํารวจภาคสนาม(ขอมูลภาพถายเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2549)กับ
ภาพถายดาวเทียม Landsat 7 (path/row 130/054) บันทึกขอมูลเมื่อวันที่ 4 มีนาคม
2545
30
1 2
รูปที่ 3.15 แสดงภาพลากูน(1)และหาดทรายเกาหรือหาดทรายโบราณ(2)บริเวณบานคึกคัก
อําเภอตะกั่วปา จังหวัดพังงา ขอมูลที่ไดจากการสํารวจภาคสนาม(ขอมูลภาพถายเมื่อวันที่
10 เมษายน 2549)กับภาพถายดาวเทียม Landsat 7 (path/row 130/054) บันทึก
ขอมูลเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2545
31
บทที่ 4
ผลการศึกษา
ผลการแปลความหมายดวยภาพถายดาวเทียม Landsat 7 พบวาพื้นที่ชายฝงทะเลอันดา
มันบริเวณอําเภอตะกั่วปา-ทายเหมือง จังหวัดพังงา มีลักษณะธรณีสณ ั ฐานของชายฝงแบงไดเปน 7 กลุม
ดังแสดงในแผนที่แสดงธรณีสัณฐานชายฝงบริเวณอําเภอตะกั่วปา-ทายเหมือง จังหวัดพังงา (รูปที่ 4.1) มี
เนื้อที่ของพื้นที่ศึกษาประมาณ 1128.28 ตารางกิโลเมตร ประกอบดวยหาดทรายใหม และหาดทราย
ปจจุบนั หาดทรายเกาหรือหาดทรายโบราณ ลากูน ที่ราบเชิงเขา ภูเขาสูง และที่ราบน้ําขึน้ ถึงหรือปาโกงกาง
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. หาดทรายปจจุบนั (beach) และหาดทรายใหม (Young beach)
หาดทรายปจจุบันและหาดทรายใหมพบอยูบริเวณที่ติดกับทะเลอันดามันมากที่สุด เปน
บริเวณที่มีน้ําทะเลขึ้นลง มีลักษณะเปนหาดสันดอน มีแนวชายหาดยาว มีสันดอนปากอาวไมมีพืชขึ้นปก
คลุมมีทรายสะสมตัวบริเวณหนาหาด มีกรวด เปลือกหอย และปะการังปนอยูดวยทําใหมีการสะทอนแสง
สูงมากทําใหเห็นในภาพถายดาวเทียมที่มีการผสมสีเท็จเปนสีขาว (Band 4, 5, 7) หาดทรายปจจุบันและ
หาดทรายใหมมีเนื้อที่ประมาณ 18.06 ตารางกิโลเมตร คิดเปนรอยละ 1.60 ของพื้นที่ศึกษา หาดทราย
พบอยูตามชายหาดเกาะคอเขา บานน้าํ เค็ม บานบางเนียง โดยเฉพาะแหลมประการัง รูปที่ 4.2
หาดทรายใหมและหาดทรายใหม เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายที่มีอายุอยูในชวง
2,000 ปจนถึงไมกี่รอยปที่ผานมา (สิน สินสกุล, 2546) และเกิดการสะสมตัวจากกระบวนการพัดพาของ
คลื่นน้าํ ทะเลเขาฝงในอดีต เมื่อน้ําทะเลลดถอยออกไปจึงทําใหเกิดเปนหาดทรายขนานกับชายฝง ตะกอน
สวนใหญเปนทรายขนาดเม็ดปานกลางถึงหยาบ มีกรวด ปะการัง และเปลือกหอยสะสมตัว ชายหาดนี้อยู
ติดกับชายหาดที่มีน้ําขึน้ น้ําลง ดานหลังของหาดทรายใหมจะตอเนือ่ งเปนชหาดทรายเกาหรือบางบริเวณ
อาจเปนลากูน (lagoon) หรือพื้นที่ชุมน้ํา มีแนวระดับความสูงประมาณ 1-2 เมตรจากระดับน้ําทะเล จาก
การผสมสีเท็จของภาพถายดาวเทียม (band 4, 5, 7) พบวาชายหาดใหมและชายหาดปจจุบนั มักจะเปนสี
ขาว และบางพื้นที่มีสีน้ําตาลออน สีเทาปนอยูในสีน้ําตาล มักมีรูปรางยาวขนานกับชายฝงทั้งนี้เนื่องจาก
บริเวณดังกลาวรองรับดวยตะกอนทรายและมีพืชสวน เชน มะพราว และหญาบางชนิดขึ้นปกคลุม บริเวณ
บานน้ําเค็ม บานบางเนียง (รูปที่ 4.3)
2.หาดทรายเกา หรือหาดทรายโบราณ (Old beach) มีกระบวนการเกิดแบบเดียวกันกับ
ชายหาดปจจุบันแตมีอายุมากกวา โดยปกติตะกอนทรายนี้จะมีอายุอยูในชวง 6,000 ปที่ผานมา (สิน สิน
สกุล, 2546 ) ตะกอนทีต่ กสะสมตัวในบริเวณนี้สวนใหญเปนตะกอนทรายขนาดปานกลางถึงหยาบมีการ
คัดขนาดทีด่ ี พบเปลือกหอยปะปนอยูในทรายดวย ชายหาดนี้สวนใหญจะพบอยูดานหลังของลากูน
(lagoon) แนวชายหาดอยูทรี่ ะดับความสูงประมาณ 3-5 เมตรจากระดับน้ําทะเล เปนชายหาดทีอ่ ยูหาง
จากทะเลปจจุบันและเปนทีต่ ั้งของบานเรือนของประชาชน เนื่องจากชายหาดเกาถูกรองรับดวยทราย
บานเรือนประชาชน บางบริเวณมีการสะสมตัวของแรดีบุก จึงปรากฏใหเห็นเปนขุมเหมืองเกา เมื่อผสมสี
เท็จของภาพถายดาวเทียม (band 4, 5, 7) พบวาบริเวณที่เปนที่โลงจะมีสีขาว สีฟา ออน สวนบริเวณที่มี
32
บทที่ 5
สรุปและขอเสนอแนะ
5.1 ผลการศึกษา
การประยุกตใชภาพดาวเทียม เพื่อศึกษาธรณีสัณฐานชายฝงทะเลบริเวณอําเภอตะกั่วปา
จังหวัดพังงา โดยใชภาพถายดาวเทียม Landsat 7 แนวการบันทึกขอมูล Path 130/Row 054 บันทึก
ขอมูลเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2545 ทําการแปลความหมายดวยคอมพิวเตอรดวยการจัดจําแนกแบบ
Supervised Classification โดยใชวิธี Maximum Likelihood แลวทําการตรวจสอบความถูกตองของขอมูล
ในภาคสนาม และนําขอมูลที่ไดจากภาคสนามมาปรับแกขอมูลใหมีความถูกตอง
จากการศึกษาพบวาธรณีสัณฐานชายฝงทะเลบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต โดยมี
พื้นที่ศึกษาประมาณ 1128.28 ตารางกิโลเมตร สามารถแบงได 7 กลุม และ ดังนี้
1. หาดทรายปจจุบัน (beach) และหาดทรายใหม (Young beach)
หาดทรายปจจุบัน(beach) และหาดทรายใหม (Young beach) พบปรากฏอยูบริเวณที่
ติดกับน้ําทะเลมากที่สุด เปนบริเวณที่มีน้ําทะเลขึ้นลง มีลักษณะเปนหาดสันดอน มีแนวชายหาดยาว มีสัน
ดอนปากอาวไมมีพืชขึ้นปกคลุมมีทรายสะสมตัวบริเวณหนาหาด มีกรวด เปลือกหอย และปะการังปนอยู
ดวย
หาดทรายปจจุบัน(beach) และหาดทรายใหม (Young beach) เปนชายหาดขนานกับ
ชายฝง ตะกอนสวนใหญเปนทรายขนาดเม็ดปานกลางถึงหยาบ มีกรวด ปะการัง และเปลือกหอยสะสมตัว
ชายหาดนี้อยูติดกับชายหาดที่มีน้ําขึ้นน้ําลง ดานหลังของชายหาดใหมจะตอเนื่องเปนชายหาดเกาหรือบาง
บริเวณอาจเปนลากูน (lagoon) หรือพื้นที่ชุมน้ํา มีแนวระดับความสูงประมาณ 1-2 เมตรจาก
ระดับน้ําทะเลหาดทรายปจจุบัน(beach) และหาดทรายใหม (Young beach) มีเนื้อที่ประมาณ 18.06
ตารางกิโลเมตร คิดเปนรอยละ 1.60 ของพื้นที่ศึกษา
2.หาดทรายเกา หรือหาดทรายโบราณ (Old beach) ตะกอนที่ตกสะสมตัวในบริเวณนี้
สวนใหญเปนตะกอนทรายขนาดปานกลางถึงหยาบมีการคัดขนาดที่ดี พบเปลือกหอยปะปนอยูในทราย
ดวย ชายหาดนี้สวนใหญจะพบอยูดานหลังของลากูน (lagoon) แนวชายหาดอยูที่ระดับความสูงประมาณ
3-5 เมตรจากระดับน้ําทะเล ในพื้นที่ศึกษาพบบริเวณบานบางเนียง บานทาดินแดง อําเภอทายเหมือง
หาดทรายเกาหรือหาดทรายโบราณในพื้นที่ศึกษามีเนื้อที่ประมาณ 66.26 ตาราง
กิโลเมตร คิดเปนรอยละ 5.87 ของพื้นที่ศึกษา
3.ลากูน (lagoon) เปนที่ลุมน้ําขังหลังสันดอนทราย บริเวณดังกลาวจึงกลายเปนที่ชุมน้ํามี
พืชจําพวกเสม็ด และพืชชอบน้ําขึ้นปกคลุม บางบริเวณที่ไมมีน้ําทวมขังแลวมักมีผักบุงทะเลขึ้นปกคลุม
สวนใหญพบอยูระหวางชายหาดปจจุบันกับชายหาดโบราณ เชนบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใตของบานคึกคัก
ลากูนในพื้นที่ศึกษามีเนื้อที่ประมาณ 21.44 ตารางกิโลเมตร คิดเปนรอยละ 1.90 ของ
พื้นที่ศึกษา
39
5.2 ขอเสนอแนะ
1.การศึกษาและจัดทําแผนที่ธรณีสัณฐานชายฝงทะเล บริเวณอําเภอตะกั่วปา อําเภอ
ทายเหมือง จังหวัดพังงา เปนการประยุกตใชภาพดาวเทียม Landsat 7 มีรายละเอียดเชิงตําแหนง
(Resolution) 30 เมตร ในกรณีที่ตองการศึกษาขั้นรายละเอียดเชิงตําแหนงสูง ควรใชขอมูลภาพดาวเทียม
ที่มีรายละเอียดเชิงตําแหนงสูง เชน IKONOS หรือ Quickbird แทน
2.ในการสํารวจภาคสนามเพื่อความถูกตองของชุดขอมูล ควรทําการเจาะสํารวจชั้น
ตะกอนในพื้นที่นั้นๆ ดวย เพื่อนําลักษณะความแตกตางของลักษณะตะกอน (Lithology) มาใชแยกชนิด
ของธรณีสัณฐาน เชน การแยกพื้นที่บริเวณที่ลุมน้ําทวมขังกับลากูน
40
เอกสารอางอิง
Gupta, Ravi P. 2002, Remote sensing geology, 2nd Ed, Berlin: Springer, 655 p.
Kiyoshi H.,Ines Amor V.M.,and Ninsawat S., 2003, Advance Remote Sensing for
Department of Mineral Resources of Thailand, Training Course.
Kuehn F., 2003, Remote Sensing Training: Fundamental, Data Processing, Applications.
Lillesand, T.M., and Kiefer, R.W., 1994, Remote Sensing and Image Interpretation, 3rd
ed, USA: John Wiley & Sons,Inc.
Lillesand T. M., and Kiefer R. W., 2000, Remote Sensing and Image Interpretation, 4th
ed, John Wiley and Sons, New York, NY., 724 pp.
Raksaskulwong, L. and Wongwanich, T., 1994, Stratigraphy of Keang Krachan Group in
Peninsular and Western Thailand, Annual Technical Meeting of Geological
Division, September 19-20, p.106-115(in Thai)
Teerarangsikul S., Thonnarat P., Kuehn F.,and Margane A., 2001, Environmental Geology
for Regional Planning, Technical Report No.37,Technical Cooperation Project
No.93.2080.5, 74 p.
Website
http://earthquake.usgs.gov/eqcenter/eqarchives/year/mag8/magnitude8_1900_date.php
http://maps.unomaha.edu/Peterson/gis/notes/RS2_files/optical.gif
http://www.gis2me.com/rs/index.htm
http://www.gisthai.org/about-gis/sensor.html
http://www.lb.aub.edu.lb/~webeco/rs%20lectures_files/image010.jpg
www.envi.psu.ac.th/gis/rs/images
www.envi.psu.ac.th/gis/rs/images/ac-passive.jpg