Professional Documents
Culture Documents
โครงการ การเตรียมแอสฟลทอิมัลชันเพื่อใชเปนสารเคลือบหลังคา
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2547
สัญญาเลขที่ RDG4650005
รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ
โครงการ การเตรียมแอสฟลทอิมัลชันเพื่อใชเปนสารเคลือบหลังคา
คณะผูวิจัย สังกัด
1. ผศ.ดร.อภิญญา ดวงจันทร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
2. นายผดุงศักดิ์ รัตนเดชโสภา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
ชุดโครงการสนับสนุนผูปฏิบัติการวิจัยในภาคอุตสาหกรรม
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
สนับสนุนโดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
(ความเห็นในรายงานนี้เปนของผูวิจัย สกว. ไมจําเปนตองเห็นดวยเสมอไป)
(1)
สารบัญ
หนา
สารบัญ (1)
สารบัญตาราง (3)
สารบัญภาพ (6)
Executive Summary 1
บทคัดยอ 3
แบบสรุปโครงการวิจยั ฝายอุตสาหกรรม (ฝาย 5) 5
ตารางเปรียบเทียบวัตถุประสงคกิจกรรมที่วางแผนไว กิจกรรมที่ดําเนินการมา
และผลที่ไดรบั 6
บทนํา 7
วัตถุประสงค 7
ทฤษฎี 8
ความรูพื้นฐานเกี่ยวกับอิมัลชัน 8
สารเคลือบผิว (surface coating) 23
งานวิจยั ที่เกีย่ วของกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแอนไอออนิก 32
งานวิจยั ที่เกีย่ วของกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิก 37
งานวิจยั ที่เกีย่ วของกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดนอนไอออนิก 37
งานวิจยั ที่เกีย่ วของกับแอสฟลทอิมลั ชันชนิดแอมโฟเทอริก 38
อุปกรณและวิธีการ 40
วัตถุดิบ 40
อุปกรณ 47
การทดสอบ 49
วิธีการทดลอง 51
เอกสารนี้ดผลการทดลองและการวิ
าวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
เคราะห ผลการทดลอง 56
โดย ผู้ใช้ทสรุ
ั่วไปปผลการวิจัย 91
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ เอกสารและสิ ่งอางอิง 23:59:59
03/10/2562 93
(2)
สารบัญ
ภาคผนวก 95
ภาคผนวก ก ตัวอยางการคํานวณปริมาณแสงรังสีอัลตราไวโอเลต 96
ภาคผนวก ข การคํานวณตนทุนการผลิตแอสฟลทอิมัลชันเพื่อใชเปนสารเคลือบ
หลังคา 98
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
(3)
สารบัญตาราง
ตารางที่ หนา
1 คุณสมบัติของแอสฟลทชนิด “SHELL MEXIPHALTE R.115/15” 40
2 คุณสมบัติของน้ํามันเตาเกรด A 44
3 ผลการละลายแอสฟลทของตัวทําละลายโดยใชแอสฟลทปริมาณ 40 กรัม และตัว
ทําละลาย 45 กรัม 56
4 แอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากน้ํามันเตา TERIC N100 และน้ํา ที่ปริมาณตาง ๆ
โดยใชแอสฟลทปริมาณ 40 กรัม 57
5 สูตรของแอสฟลทอิมัลชันที่ใช TERIC N100 เปนตัวอิมลั ซิฟายชนิดนอนไอออ
นิก 58
6 สูตรของแอสฟลทอิมัลชันที่ใช TERIC N100 เปนตัวอิมัลซิฟายและทําการเติม
Synthalen L ทําหนาที่เปนตัวชวยทําอิมัลชัน 60
7 สูตรของอิมัลชันของสารเติมแตงเพื่อปรับปรุงคุณภาพของแอสฟลทอิมัลชัน 61
8 ผลการผสมของอิมัลชันของสารเติมแตงตามสูตรตัวอยางที่ 5-1 ถึง 5-6 กับแอส
ฟลทอิมัลชันตามสูตรที่ 4-4 62
9 ผลของปริมาณของน้ํามันเบนซินและน้ํามันสนที่ใชเปนตัวละลายรวมกับน้ํามัน
เตาแทนน้ํามันเตาในการ เตรียมแอสฟลทอมิ ัลชันตามสูตรตัวอยางที่ 4-4 64
10 ผลการทดลองเตรียมแอสฟลทอิมัลชันที่ประกอบไปดวย แอสฟลท 40 กรัม น้ํา
35-40 กรัม น้าํ มันเตา 20-25 กรัม น้ํามันสน 15-20 กรัม โดยใช Brij®96V,
TWEEN 80 และTWEEN 85 เปนสารลดแรงตึงผิว (นอนไอออนิก) 65
11 ผลของปริมาณ และสารลดแรงตึงผิวชนิดมีประจุตาง ๆ ตอการเตรียมแอสฟลท
อิมัลชันที่ประกอบไปดวย แอสฟลท 40 กรัม น้ํา 40 กรัม Synthalen L 0.15 กรัม
น้ํามันเตา 20 กรัม น้ํามันสน 15 กรัม 67
เอกสารนี้ดาวน์ 12โหลดมาจากระบบ
ผลการทดลองเติมTUDC อิมัลชันของสารเติมแตงตามสูตรตัวอยางที่ 5-6 ลงในแอส
โดย ผู้ใช้ทั่วไป ฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิก แอนไอออนิก
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และ แคทไอออนิ
และหมดอายุ 03/10/2562 ก ดวยอัตราสวนแอสฟลทอิมัลชัน: อิมัลชันของสารเติมแตง
23:59:59
เปน 8:2 โดยน้าํ หนัก 68
(4)
สารบัญตาราง (ตอ)
ตารางที่ หนา
13 การทดสอบสมบัติการแหงที่ผิว ความทนความรอน ความทนน้ํา ของแอสฟลต
อิมัลชันที่เติมสารเติมแตง 69
14 การทดสอบการทนตอแสงอัลตราไวโอเลตของแอสฟลตอิมัลชันที่เติมสารเติม
แตงที่ปริมาณแสงตอพื้นที่ 537 กิโลจูล/ตารางเมตร 73
15 ความหนืดตาม ASTM D2196 (rheological properties of non-newtonian
materials by rotational (Brookfield) viscometer) ของแอสฟลทอิมัลชันที่ใชสาร
ลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC N100 ที่เติมสารเติมแตงอัตราสวน
8:2 โดยน้ําหนัก เปรียบเทียบกับสารเคลือบหลังคาที่มีขายในทองตลาด 76
16 สูตรของสารเติมแตงในการปรับปรุงคุณภาพเพื่อใหฟลมของอิมัลชันเมื่อทาแลว
ไมเกิดการเยิ้มของอิมัลชัน 77
17 สูตรของแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด
TERIC N100 ผสมกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิกที่มีชื่อทางการคาวา
“CSS-1h” ที่อัตราสวน 1:1 โดยน้ําหนัก ปริมาณแอสฟลทอิมัลชันรวม 80 กรัม ที่
เติมสารเติมแตงในการปรับปรุงคุณภาพ 82
18 สูตรของแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด
TERIC N100 ผสมกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิกที่มีชื่อทางการคาวา
“CSS-1h” ที่อัตราสวน 1:2 โดยน้ําหนัก ปริมาณแอสฟลทอิมัลชันรวม 80 กรัม ที่
เติมสารเติมแตงในการปรับปรุงคุณภาพ 84
19 สูตรของแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด
TERIC N100 ผสมกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิกที่มีชื่อทางการคาวา
“CSS-1h” ที่อัตราสวน 1:3 โดยน้ําหนัก ปริมาณแอสฟลทอิมัลชันรวม 80 กรัม ที่
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDCบปรุงคุณภาพ
เติมสารเติมแตงในการปรั 85
โดย ผู้ใช้ทั่วไป ระยะเวลาการแห
ดาวน์โหลดเมื20่อ 03/09/2562 งตัวของสารเคลือบหลังคาเมื่อใชตัวทําละลายชนิดตาง ๆ ในสูตร
20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562
การผสม แอสฟ 23:59:59
ลท 40 กรัม น้ํา 40 กรัม น้ํามันเตา 20 กรัม ตัวทําละลาย 15 กรัม
TERIC N100 5 กรัม Synthalen L 0.15 กรัม แคลเซียมคารบอเนต 13.65 กรัม
แบไรตและทัลกอยางละ 11.95 กรัม 87
21 ระยะเวลาการแหงและลักษณะทางกายภาพของสารเคลือบหลังคาที่องคประกอบตาง ๆ 90
(5)
สารบัญตาราง (ตอ)
ตารางผนวกที่
ข 1 ราคาต น ทุ น สารเคมี สํ าหรับ การผลิตแอสฟ ลทอิ มัล ชั น เพื่อใช เ ป น สารเคลือ บ
หลังคาที่ผสมสารเติมแตงดวยอัตราสวนแอสฟลทอิมัลชันตอสารเติมแตง 8:2.5
โดยน้ําหนัก 95
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
(6)
สารบัญภาพ
ภาพที่ หนา
1 โครงสรางอยางงายของอิมัลชัน (ก) O/W และ (ข) W/O 9
2 ลักษณะของอิมัลชัน (ก) แบบสองวัฏภาค และ (ข) แบบเชิงซอน 9
3 ประเภทของฟลมที่ผิวระหวางน้ําและน้ํามันที่เกิดจากสารอิมัลซิฟาย 11
4 Lamellar liquid crystal ซึ่งประกอบดวย น้าํ - สารอิมัลซิฟาย – น้ํามัน – สารอิมัลซิ
ฟาย – น้ํา เรียงตัวอยางตอเนือ่ ง 12
5 ลักษณะการเรียงตัวของฟลมที่หุมรอบหยดน้ํามันของอิมลั ซิฟายชนิดประจุลบ 13
6 โครงสรางโมเลกุลอยางงายของสารลดแรงตึงผิว 14
7 โครงสรางทางเคมีของสารอิมัลซิฟายชนิด TWEEN 80 42
8 โครงสรางทางเคมีของสารอิมัลซิฟายชนิด TWEEN 85 43
9 โครงสรางทางเคมีของ Carbopol 45
10 โครงสรางทางเคมีของไฮดรอกซีเอทิลเซลลูโลส 45
11 (ก) แผนเหล็กปราศจากสนิม ขนาดกวางยาวดานละ 150 มิลลิเมตร หนา 0.6
มิลลิเมตร
(ข) แผนทองเหลือง ขนาดกวางยาวดานละ 150 มิลลิเมตร หนา 1.6 มิลลิเมตร
ตรงกลางมีชองวางขนาด 100 มิลลิเมตร × 100 มิลลิเมตร
(ค) แผนเหล็กปราศจากสนิม ขนาด 5 × 5 เซนติเมตร 48
12 ตูแสงอัลตราไวโอเลตสําหรับทดสอบความทนตอแสงอัลตราไวโอเลต 48
13 การทดสอบการรั่ว
(ก) รอยรั่วที่สรางขึ้นบนแผนกระเบื้องโดยสวานไฟฟาขนาดเสนผานศูนยกลาง
17/64 นิ้ว
(ข) ผาดิบสําหรับปดรูรั่วขนาด 3 เซนติเมตร × 3 เซนติเมตร 49
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
(7)
สารบัญภาพ (ตอ)
ภาพที่ หนา
14 ผลการทดสอบความทนความร อ นของแอสฟ ล ท อิ มั ล ชั น ต อ สารเติ ม แต ง
อัตราสวน 8:2 โดยน้ําหนัก
(ก) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช TERIC N100 เปนสารลดแรงตึงผิว
(นอนไอออนิก)
(ข) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช Nansa HS 80/SPF เปนสารลดแรง
ตึงผิว (แอนไอออนิก)
(ค) แอสฟลทอมิ ัลชันที่เติมสารเติมแตงใช CTAB เปนสารลดแรงตึงผิว (แคท
ไอออนิก)
(ง) สารเคลือบหลังคาที่มีในทองตลาด 71
15 ผลการทดสอบความทนความน้ําของแอสฟลทอิมัลชันตอสารเติมแตงอัตราสวน
8:2 โดยน้ําหนัก
(ก) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช TERIC N100 เปนสารลดแรงตึงผิว
(นอนไอออนิก)
(ข) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช Nansa HS 80/SPF เปนสารลดแรง
ตึงผิว (แอนไอออนิก)
(ค) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช CTAB เปนสารลดแรงตึงผิว (แคท
ไอออนิก)
(ง) สารเคลือบหลังคาที่มีในทองตลาด 72
16 ผลการทดสอบการทนตอแสงอัลตราไวโอเลตที่ปริมาณแสง 537 กิโลจูล/ตาราง
เมตร
(ก) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช TERIC N100 เปนสารลดแรงตึงผิว
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ
(นอนไอออนิก)TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป (ข) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช Nansa HS 80/SPF เปนสารลดแรง
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59ก)
ตึงผิว (แอนไอออนิ
(ค) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช CTAB เปนสารลดแรงตึงผิว (แคท
ไอออนิก)
(ง) สารเคลือบหลังคาที่มีในทองตลาด 74
(8)
สารบัญภาพ (ตอ)
ภาพที่ หนา
17 ฟลมซอมแซมรอยรั่วบนกระเบื้องโดยใชแอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตง
(ก) แอสฟลทอิมัลชันที่ใชสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC N 100
ที่เติมสารเติมแตงอัตราสวน 8:2 โดยน้ําหนัก
(ข) สารเคลือบหลังคาที่มีในทองตลาด 75
18 ฟลมของแอสฟลทอิมัลชันที่ใชสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC
N 100ที่เติมสารแตงที่ประกอบดวยแคลเซียมคารบอเนต 40 กรัม แบไรต
และทัลก เปนอยางละ 35 กรัม Bentone EW 4 กรัม และ Natrosol 2 กรัมที่
อัตราสวนแอสฟลทอิมัลชันตอสารเติมแตงเปน 8:2 โดยน้ําหนัก 79
19 ฟลมของแอสฟลทอิมัลชันที่ใชสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC
N 100 ที่เติมสารแตงที่ประกอบดวยแคลเซียมคารบอเนต 40 กรัม แบไรต
และทัลก เปนอยางละ 35 กรัม ที่อัตราสวนแอสฟลทอิมัลชันตอสารเติมแตงเปน
8:2.5 โดยน้ําหนัก
(ก) ฟลมทดสอบการทนรอน
(ข) ฟลมทดสอบการทนน้ํา
(ค) ฟลมซอมแซมรอยรั่วบนกระเบื้อง 80
20 ฟลมของแอสฟลทอิมัลชันที่ใชอัตราสวนสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิก
ชนิด TERIC N 100 และสารลดแรงตึงผิวชนิดแคทไอออนิกชนิด CTAB เปน 3:1
ที่เติมสารเติมแตงที่ประกอบไปดวยแคลเซียมคารบอเนต 40 กรัม แบไรต
และทัลก เปนอยางละ 30 กรัม Bentone EW 4 กรัม และ Natrosol 2 กรัมที่
อัตราสวนแอสฟลทอิมัลชันตอสารเติมแตงเปน 8:2 โดยน้ําหนัก 81
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
1
Executive Summary
2. หัวหนาโครงการ
ชื่อ-สกุล นางสาวอภิญญา ดวงจันทร
หนวยงานที่สังกัด ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
ที่อยู ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร 50 พหลโยธิน
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท 02-9428555 ตอ 1211 โทรสาร 02-9428555 ตอ 1232
E-mail fengapd@ku.ac.th
ลงนาม (ลายเซ็น) ___________________________________
4. ระยะเวลาดําเนินการ 24 เดือน
5. ปญหาที่ทําวิจัยและความสําคัญของปญหา
สารเคลื อ บหลั ง คาที่ ทํ า การผลิ ต และจํ า หน า ยในป จ จุ บั น เป น ผลิ ต ภั ณ ฑ จ ากบริ ษั ท
ตางประเทศ สูตรที่ใชในการผลิตเปนความลับ และมีการผูกขาดทางการคา ทําใหเสียดุลทางการคา
และเนื่องจากวัตถุดิบสวนใหญสามารถจัดหาไดภายในประเทศ แตไมสามารถทําการผลิตไดเอง
หากทําการคนควา และวิจัยการผลิตสารเคลือบหลังคาอยางจริงจัง จะทําใหสามารถคิดคนสูตรใน
การผลิตสารเคลือบหลังคาไดเองภายในประเทศ ลดการผูกขาดและเสียเปรียบทางการคา และ
ผลิตภัณฑที่ไดมีราคาถูกและมีคุณภาพดีกวาที่ขายในทองตลาด ความรูที่ไดจากงานวิจัยนี้ยังสามารถ
เอกสารนี้ดขยายผลสู
าวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป การพัฒนาและผลิตสารกันซึมในงานอื่น ๆ ตอไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
2
6. วัตถุประสงค
ศึกษาการทําแอสฟลทอิมัลชันจากแอสฟลทที่ไดจากน้ํามันปโตรเลียมโดยใชสารอิมัลซิ
ฟายชนิดแอนไอออนิก แคทไอออนิก และนอนไอออนิก เปรียบเทียบเพื่อหาชนิดของอิมัลชันที่
เหมาะสม และพัฒนาใชในงานเคลือบหลังคาใหมีประสิทธิภาพดี
7. ระเบียบวิธีวิจัย (โดยยอ)
- ศึ ก ษาและค น คว า เบื้ อ งต น ถึ ง งานวิ จั ย ที่ เ กี่ ย วข อ งจากการตรวจเอกสาร ซึ่ ง มี ที่ ม าจาก
สิทธิบัตร เอกสารทางวิชาการ และขอมูลทางอินเตอรเน็ต
- ศึกษาคุณสมบัติของแอสฟลทอิมัลชันเมื่อใสสารอิมัลซิฟายชนิด แอนไอออนิก แคทไอออ
นิก และนอนไอออนิก เมื่อใชแอสฟลทท่ไี ดจากการกลั่นน้ํามันปโตรเลียม
- ศึกษาการเติมสารเติมแตงเพื่อปรับปรุงคุณภาพของแอสฟลทอิมัลชัน
- วิเคราะหคุณภาพของผลิตภัณฑที่ได ไดแก การทดสอบการแหงที่ผิว การทนรอน การทน
น้ํา การทนตอแสงอัลตราไวโอเลต ความหนืด การทนไฟ และการแหงตัว (Drying time)
- วิเคราะหความคุมทุนเชิงเศรษฐศาสตร
8. ประโยชนที่คาดวาจะไดรับในเชิงความรูพื้นฐานและการใชประโยชนตา ง ๆ
ไดผลิตภัณฑสารเคลือบหลังคาชนิดแอสฟลทอิมัลชันที่สามารถใชงานไดดี ราคาถูก และ
งานวิจัยเปนหัวขอวิทยานิพนธสําหรับนิสิตปริญญาโท
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
3
บทคัดยอ
แอสฟลทอิมัลชันเพื่อใชเปนสารเคลือบหลังคามีสวนประกอบหลักประกอบดวยแอสฟลท
ตัวทําละลาย น้ํา สารอิมัลซิฟาย และสารเติมแตง ทําการเตรียมโดยหลอมละลายแอสฟลทและผสม
กับตัวทําละลายเมื่ออุณหภูมิ 85-90°C ทําการผสมแอสฟลทที่หลอมละลายกับสารละลายอิมัลซิ
ฟาย ซึ่งประกอบดวยสารลดแรงตึงผิว คารบอกซีไวนิลพอลิเมอร และน้ํา ที่มีอุณหภูมิ 75-80°C ได
แอสฟลทอิมัลชันที่ยังไมไดเติมสารเติมแตง นําสารเติมแตงซึ่งประกอบดวย CaCO3 ทัลก และ
BaSO4 ผสมในแอสฟลทอิมัลชัน ที่มีอุณหภูมิ 60°C ไดสารเคลือบหลังคา
ผลการศึกษาชนิดสารอิมัลซิฟายตอคุณภาพของสารเคลือบหลังคา เมื่อใชสารอิมัลซิฟาย
แอนไอออนิกชนิด Nansa. HS80/SPF แคทไอออนิกชนิดเซทีลไตรเมทิลแอมโมเนียมโบรไมด
(CTAB) และนอนไอออนิกชนิดโนนิลฟนอลอีทอกไซเลท (TERIC N 100) พบวาสารเคลือบ
หลังคาที่ใชอิมัลซิฟายชนิด TERIC N 100 ใหผลการทดสอบดีที่สุด เมื่อทาสารเคลือบนี้ลงบนแผน
เหล็กพบวาสามารถแหงไดภายใน 24 ชั่วโมง ทนรอนที่อุณหภูมิ 100°C ทนน้ํา และแสง
อัลตราไวโอเลต เมื่อนําไปใชจริงกับกระเบื้อง พบวากันน้ําซึมได เมื่อใชสารอิมัลซิฟาย แอนไอออ
นิกชนิด Nansa. HS 80/SPF ฟลมของสารเคลือบไมทนน้ํา และเมื่อใชสารอิมัลซิฟายแคทไอออนิก
ชนิด CTAB ฟลมไมทนความรอนเกิดการแตกของฟลม
การทดลองนําแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิกที่ผลิตจากบริษัททิปโกแอสฟลท จํากัด
(มหาชน) ที่ขายในทองตลาดมาผสมกับแอสฟลทอิมัลชันที่ใช TERIC N100 ที่ผลิตในงานวิจัยนี้ที่
อัตราสวนแอสฟลทอิมัลชันชนิดนอนไอออนิกตอแคทไอออนิกเทากับ 1:1, 1:2 และ 1:3 พบวาที่ทุก
อัตราสวนทนน้ํา แตไมทนรอนฟลมเกิดการหลอมละลาย
ทําการปรับปรุงสูตรแอสฟลทอิมัลชันที่ใช TERIC N100 สูตรที่ดีที่สุดโดยน้ําหนัก
ประกอบดวยแอสฟลท 40 กรัม น้ํามันเตาขน 160 กรัม น้ํา 40 กรัม Terric N100 3.75 กรัม คารบอก
ซีไวนิลพอลิเมอร 0.11 กรัม HEC เซลลูโลส 1 กรัม แคลเซียมคารบอเนต 14.21 กรัม แบไรต 12.18
กรัม ทัลก 12.18 กรัม และเบนโทน 1.42 กรัม คุณสมบัติใกลเคียงกับที่มีขายในทองตลาด และ
เอกสารนี้ดระยะเวลาการแห
าวน์โหลดมาจากระบบงใกลเคียงกันTUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
4
Abstract
Asphalt emulsion for roof coating consists of asphalt, water, emulsifier, and additives.
The preparation procedure is as follows. Asphalt was melted and mixed with fuel oil at 85-90°C.
The asphalt solution was mixed with emulsifier solution (75-80°C), which consists of a
surfactant, carboxyvinyl polymer and water. The additives mixture which consists of CaCO3, talc,
and BaSO4 was to be added into the asphalt solution at 60°C. The test results of asphalt
emulsions using anionic emulsifier (Nansa HS 80/SPF), cationic emulsifier (cetyltrimethyl
ammoniumbromide, CTAB), and nonionic emulsifier (nonyl phenol ethoxylate, TERIC N 100)
showed that asphalt emulsion using TERIC N 100 gave the best performance. It was able to dry
within 24 h, stable under heat at 100°C, and resisted water and ultraviolet ray. Coating on tile,
asphalt emulsion showed no water penetration. Nansa HS 80/SPF asphalt emulsion did not resist
water and the film of CTAB asphalt emulsion was cracked from heat test.
Cationic asphalt emulsion from Tipco company as found sold in the market was mixed
with TERIC N 100 asphalt emulsion at different weight ratios of TERIC N 100 emulsion to
cationic emulsion 1:1, 1:2 and 1:3. None has passed the water penetration test. TERIC N 100
asphalt emulsion was further improved and the best formula consists of 40 g of asphalt, 160 g of
condensed fuel oil, 40 g of water, 3.75 g of TERIC N100, 0.11 g of carboxyvinyl polymer, 1 g of
HEC cellulose , 14.21 g of CaCO3, 12.18 g of BaSO4, 12.18 g of talc, and 1.42 g of bentone. The
test properties and drying time were as good as the commercial one.
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
5
เอกสารแนบ 2
แบบสรุปโครงการวิจัยฝายอุตสาหกรรม (ฝาย 5)
ความสําคัญ / ความเปนมา
แอสฟลทอิมัลชัน สารเคลือบหลังคา สารอิมัลซิฟาย สารลดแรงตึงผิว
วัตถุประสงคโครงการ
ศึกษาการทําแอสฟลทอิมัลชันจากแอสฟลทที่ไดจากน้ํามันปโตรเลียมโดยใชสารอิมัลซิฟายชนิดแอนไอ
ออนิก แคทไอออนิกและนอนไอออนิก เปรียบเทียบเพื่อหาชนิดของสารอิมัลซิฟายที่เหมาะสม และพัฒนาใชใน
งานเคลือบหลังคาใหมีประสิทธิภาพดี
การนําผลงานวิจัยไปใชประโยชน
เอกสารนีการเตรี
้ดาวน์ยมแอสฟ โหลดมาจากระบบ
ลทอิมัลชันเพื่อใชเปTUDC
นสารเคลือบหลังคาซึ่งใชในงานซอมแซมหลังคา ซึ่งมี ผศ.ดร.อภิญญา ดวง
โดย ผู้ใช้จันททรั่วไปเปนหัวหนาโครงการ และนายผดุงศักดิ์ รัตนเดชโสภา เปนนักวิจัย สังกัด ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะ
ดาวน์โหลดเมื
วิ ศ
่อ 03/09/2562
วกรรมศาสตร มหาวิ ท ยาลั ย
20:57:18 โดยงานวิจัยนี้หางหุนสวนจํากัด รุงเรืองฮารดแวร นําไปพัฒนาสู
เกษตรศาสตร
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
ภาคอุตสาหกรรม
6
เอกสารแนบ 3
กิจกรรม ผลที่ไดรับ ผลการดําเนินงาน หมายเหตุ
1. ตรวจเอกสารเพื่อศึกษากระบวนการ 1. เขาใจขั้นตอนการเตรียมและทดสอบของแอสฟลท 100% -
เตรียมและทดสอบของแอสฟลทอิมัลชัน อิมัลชัน วัสดุและอุปกรณพรอมใชงาน
และการเตรียมวัสดุและอุปกรณ
2. ศึกษาการเตรียมแอสฟลทอิมัลชันจาก 2. สามารถเตรียมและเขาใจกลไกการเกิดแอสฟลท 100% -
สารลดแรงตึงผิวทั้งชนิดนอนไอออนิก อิมัลชันจากสารลดแรงตึงผิวทั้งชนิดนอนไอออนิก
แอนไอออนิก และแคทไอออนิก แอนไอออนิก และแคทไอออนิกได
3. เปรียบเทียบแอสฟลทอิมัลชันชนิดตาง ๆ 3. ไดแอสฟลทอิมัลชันชนิดที่ใหผลดีที่สุด (เตรียมจาก 100% -
เมื่อเติมสารเติมแตงโดยการทดสอบการ สารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC N
แหงที่ผิว การทนรอน การทนน้ํา และการ 100)
ทนตอแสงอัลตราไวโอเลต
4.ปรับปรุงคุณภาพของแอสฟลทอิมัลชันให 4. แอสฟลทอิมัลชันเตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิด 100% -
มีคุณสมบัติที่ดี นอนไอออนิกชนิด TERIC N 100 สามารถแหงที่ผิว
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป ภายใน 24 ชั่วโมง การทนรอน การทนน้ํา ตามมาตรฐาน
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18 ผลิตภัณฑอุตสาหกรรม ยางมะตอยอิมัลชันเคลือบผิว
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59 วัสดุ และการนําไปใชจริงกับหลังคาระยะเวลาการแหง
ใกลเคียงกับสารเคลือบหลังคาในทองตลาด
6
7
บทนํา
ในปจจุบันมีการผลิตสารที่ใชเคลือบหลังคาเพื่อซอมแซมรอยรั่ว โดยผลิตภัณฑสามารถทํา
จากวัสดุไดหลายชนิด เชน แอสฟลท บิทูเมน ทาร (tar) และพิทช (pitch) แตเนื่องจากทาร และพิทช
เปนสารคารซิโนเจนเปนพิษตอสิ่งแวดลอม (Chatterjee และ Millburn, 1996) ดวยเหตุนี้จึงนิยมใช
แอสฟลท และบิทูเมนเปนวัตถุดิบ ในการผลิตสารเคลือบหลังคานั้นแอสฟลทตองทําใหอยูในรูป
ของแอสฟลทอิมัลชัน โดยเติมสารละลายแอสฟสทดวยสารอิมัลซิฟายรูปแบบตาง ๆ สําหรับสาร
อิมัลซิฟายที่ใชโดยทั่วไปอยูในรูปของ แอนไอออนิก แคทไอออนิก นอนไอออนิก และแอมโฟเท
อริก ซึ่งแอนไอออนิก และนอนไอออนิกมีขอดี คือ สามารถผสม กับเศษหิน (aggregate) ไดดี แตมี
การเกาะยึดของแอสฟลทกับเศษหินไมดี สวนขอดีของแคทไอออนิกคือ แอสฟลทสามารถยึดเกาะ
ไดดีกับเศษหินเนื่องจากแรงดึงดูดทางไฟฟา โดยแคทไอออนิกมีประจุบวก และเศษหินมีประจุลบ
แต ข อ เสี ย คื อ ถนนที่ ปู ด ว ยแอสฟ ล ท อิ มั ล ชั น ชนิ ด แคทไอออนิ ก จะไม แ ข็ ง แรง และไม ท นทาน
(Tamaki และคณะ, 1999)
เนื่องจากสารเคลือบหลังคาที่มีจําหนายอยูในประเทศไทยนั้นถึงแมจะมีคุณภาพดี และราคา
ไมแพงเกินไปแตเปนผลิตภัณฑของบริษัทตางประเทศ สูตรที่ใชในการผลิตเปนความลับ ถึงแมวา
จะมีวัตถุดิบสวนใหญในประเทศแตก็ไมสามารถผลิตไดเอง หากมีการศึกษา คนควา วิจัย เกี่ยวกับ
สารเคลือบหลังคาอยางจริงจัง และพัฒนาผลงานวิจัยสูภาคอุตสาหกรรมก็จะเปนผลดี ทําใหสามารถ
ผลิตสารเคลือบหลังคาไดเองภายในประเทศ และมีราคาถูกกวาที่ขายในทองตลาด ลดการผูกขาด
และเสียเปรียบทางการคา นอกจากนี้ความรูจากการพัฒนา และวิจัยสามารถขยายผลสูการพัฒนา
และผลิตสารกันซึมในงานอื่น ๆ ตอไป งานวิจัยนี้ทําการศึกษาการผลิตแอสฟลทอิมัลชันในรูปของ
แอนไอออนิก แคทไอออนิก และนอนไอออนิก และปรับปรุงคุณภาพแอสฟลทอิมัลชันในงาน
เคลือบหลังคาใหมีประสิทธิภาพดีกวา หรือทัดเทียมผลิตภัณฑในทองตลาด
ทฤษฎี
ความรูพื้นฐานเกี่ยวกับอิมัลชัน
ชนิดของอิมัลชัน
(ก) (ข)
(ก) (ข)
กลไกการเกิดอิมัลชัน
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562
ปกติของเหลวสองชนิ 20:57:18
ดซึ่งไมเขากันเมื่อถูกนํามารวมกันจะแยกกันอยูเปน 2 ชั้น เนื่องจาก
และหมดอายุ 03/10/2562
เกิดแรงตึ งระหวางผิวขึ23:59:59
้น แตเมื่อมีการเขยาซึ่งเปนการเพิ่มพลังงานและเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสระหวาง
ของเหลวทั้งสอง จะทําใหของเหลวนั้นกระจายตัวเปนหยดเล็ก ๆ ในกันและกันได และมีลักษณะ
ของอิมัลชันเกิดขึ้น แตเปนเพียงเหตุการณที่เกิดขึ้นชั่วคราว ซึ่งหลักการทางอุณหพลศาสตรอธิบาย
10
1. การทําใหของเหลวที่เปนวัฏภาคภายในแตกกระจายเปนหยดเล็ก ๆ โดยอาศัยการให
พลังงานซึ่งอาจใชในรูปของความรอน (heat) การคนหรือเขยา (mechanical agitation) การ
สั่นสะเทือนโดยคลื่นเสียง (ultrasonic vibration) หรือไฟฟา (electricity) เปนตน
Emulsifier
water
Emulsifier
oil
Emulsifier
water
Emulsifier
ขออธิบายใหมนี้ยังอาจใชศึกษาเพื่ออธิบายปฏิกิริยาระหวางกันของหยดวัฏภาคภายใน ซึ่ง
เปนสาเหตุทําใหอิมัลชันเกิดการรวมตัวกันและแยกชั้นไดตอไป และเชื่อวาใชอธิบายกลไกการ
ทํางานของสารอิมัลซิฟายที่เปนสารลดแรงตึงผิวชนิดไมมีประจุ ซึ่งทําใหอิมัลชันคงตัวไดดวย
ภาพที่ 5 ลักษณะการเรียงตัวของฟลมที่หุมรอบหยดน้ํามันของอิมัลซิฟายชนิดประจุลบ
ที่มา : พิมพร (2536)
สารอิมัลซิฟาย
1. สารลดแรงตึงผิว TUDC
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
เปนสารซึ่งมีค23:59:59
และหมดอายุ 03/10/2562 ุณสมบัติชอบทั้งน้ําและน้ํามัน (amphiphilic) เพราะโครงสรางของสารมีทั้ง
กลุมที่ชอบน้ํา (hydrophilic group) และกลุมที่ชอบน้ํามัน (lipophilic group) ในโมเลกุลเดียวกันดัง
แสดงดังภาพที่ 6 ทําใหสามารถเชื่อมรอยตอระหวางวัฏภาคน้ําและวัฏภาคน้ํามันไดเปนอยางดี จึง
ทํ า หน าที่ เ ป น สารอิ มั ลซิ ฟ ายไดโ ดยมี ก ลไกทั้ง การลดแรงตึง ระหว างผิ ว ของของเหลวทั้ ง สอง
14
การเกิดฟลมที่แข็งแรงและยืดหยุนโดยรอบหยดวัฏภาคภายใน และการเกิดชั้นคูของไฟฟาสถิตเปน
กันชนทางไฟฟา สารลดแรงตึงผิวมีทั้งชนิดแอนไอออนิก แคทไอออนิก และนอนไอออนิก เปน
สารอิมัลซิฟายกลุมที่นิยมใชมากที่สุด
ภาพที่ 6 โครงสรางโมเลกุลอยางงายของสารลดแรงตึงผิว
ที่มา: ศิริรัตน (2545)
เปนสารโมเลกุลใหญที่ถูกดูดซับไดที่ผิวสัมผัสระหวางน้ํากับน้ํามัน แตไมมีผลในการลด
แรงตึ ง ผิ ว ระหว า งผิ ว ให กั บ ของเหลวทั้ ง สองหรื อ มี ผ ลน อ ยมาก สารเหล า นี้ ทํ า หน า ที่ เ ป น สาร
อิมัลซิฟายไดโดยสรางฟลมชนิดเรียงตัวซอนกันหอหุมรอบหยดวัฏภาคภายใน ซึ่งเปนกันชนที่
แข็งแรงแนนหนาพอที่จะตานทานการรวมตัวกันของหยดวัฏภาคภายในไดดีดังแสดงในภาพที่ 3
นอกจากนี้ สวนที่ละลายน้ําจะชวยเพิ่มความหนืดใหกับวัฏภาคภายนอก ทําใหโอกาสที่หยดวัฏภาค
ภายในจะรวมตัวหรือเกาะกลุมกันมีนอยลง สารกลุมนี้มักทําใหเกิดอิมัลชันชนิด O/W เพราะชวย
เพิ่มความหนืดใหกับน้ําดวย ตัวอยางของสารกลุมนี้ คือ อคาเซีย (acacia) เจลาติน (gelatin) เพคติน
(pectin) เปนตน การใชสารเหลานี้เป นสารอิมัลซิ ฟายจะตองใชแรงหรือพลังงานในการเตรีย ม
อิมัลชัน เพราะไมทําใหแรงตึงผิวระหวางผิวลดลงมากนัก และตองควบคุมอัตราสวนของน้ํา น้ํามัน
เอกสารนี้ดและสารอิ มัลซิฟายเปนอยางดีTUDC
าวน์โหลดมาจากระบบ มักใชในแงของสารอิมัลซิฟายชวย (auxiliary emulsifiers) และสาร
โดย ผู้ใช้ทเพิั่วไป
่มความหนืดมากกวา คอลลอยดบางตัวไมถูกดูดซับที่ผิวสัมผัสของวัฏภาคน้ําและน้ํามัน แตชวย
ดาวน์โหลดเมื
เพิ ่ ม
่อ 03/09/2562
ความหนื ด ของวั ฏ
20:57:18
ภาคน้ ํ า โดยการพองตั ว เช น ตรากาแคนธ (tragacanth) เมธิ ล เซลลู โ ลส
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
(methylcellulose) และอนุพันธุของมัน จึงมักใชรวมกับ อคาเซีย ในการเตรียมอิมัลชัน และใชเปน
สารเพิ่มความหนืด
15
ผงละเอียดของสารกลุมนี้ถูกดูดซับไดที่ผิวสัมผัสระหวางวัฏภาคโดยมีความสามารถในการ
เปยกน้ําและน้ํามันไดตางกัน ทําหนาที่เปนสารอิมัลซิฟายโดยสรางฟลมที่เกิดจากการเรียงตัวของ
อนุภาคเล็กละเอียดของของแข็ง ดังแสดงในภาพที่ 1 สารกลุมนี้ตองมีผงละเอียดเล็กมากเมื่อเทียบกับ
ขนาดหยดวัฏภาคภายใน บางชนิดอาจมีประจุซึ่งทําใหเกิดชั้นคูของไฟฟาสถิตเปนกันชนทางไฟฟา
รอบหยดวัฏภาคภายในได จะทําใหอิมัลชันยิ่งมีความคงตัวมากขึ้น ตัวอยางสารกลุมนี้คือ เบนโท
ไนท (bentonite) อะลูมิ เนี ยมไฮดรอกไซด (aluminium hydroxide) แมกนี เซียมไฮดรอกไซด
(magnesium hydroxide) คอลลอยดอลอะลูมีเนียมซิลิเกต (colloidal aluminium silicate) คอลลอย -
ดอลแมกนีเซียมซิลิเกต (colloidal magnesium silicate) เปนตน ผงเหลานี้จะแสดงขั้ว (polar solid) ทํา
ใหเปยกน้ําไดดีกวาน้ํามันและเกิดอิมัลชันชนิด O/W ผงที่ไมแสดงขั้ว (non polar solid) จะเปยก
น้ํามันไดดีกวาน้ํา และเกิดอิมัลชันชนิด W/O ไดแก ผงถาน กลีเซอริลโมโนสเตียเรท (glyceryl
monostearate) เปนตน
สําหรับเบนโทไนทซึ่งถูกดูดซับที่ผิวสัมผัสระหวางวัฏภาคนั้น จะตองทําใหเปยกน้ํากอนจึง
จะเกิดฟลมที่คงตัว ชนิดของอิมัลชันขึ้นอยูกับลําดับการผสม ถาทําใหเบนโทไนทเปยกน้ํากอนจะ
ไดอิมัลชันชนิด O/W แตถาทําใหเปยกน้ํามันกอนจะไดอิมัลชันชนิด W/O
ปจจัยที่มีอิทธิพลตอชนิดของอิมัลชัน
1. ชนิดของสารอิมัลซิฟาย
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป สารอิมัลซิฟายจะกําหนดชนิดของอิมัลชันไดจากคาการละลายโดยทั่วไปยึดหลักวา สาร
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ อิมัลซิ03/10/2562
ฟายละลายไดดีใ23:59:59
นวัฏภาคใด วัฏภาคนั้นจะเปนวัฏภาคภายนอก โดยหลักการนี้จะตองสัมพันธ
สอดคลองกับอัตราสวนของวัฏภาคน้ํากับน้ํามัน และลําดับการผสมดวย
16
ดังนั้น อัตราสวนของวัฏภาคน้ํากับน้ํามันจึงเปนปจจัยรวมกับการละลายของสารอิมัลซิฟาย
ในการกําหนดชนิดของอิมัลชันที่ได และบางครั้งอาจตองคํานึงถึงลําดับการผสมดวย
17
3. ลําดับการผสม
โดยทั่วไปการผสมนั้นมักเติมของเหลวที่เปนวัฏภาคภายในลงไปในของเหลวอีกชนิด เชน
ในการเตรียมอิมัลชันของ water – mineral oil – sorbitan monooleate จะตองเติมน้ําลงในน้ํามัน
พรอมกับผสมไปดวยจึงไดอิมัลชันชนิด W/O (โดยวัฏภาคน้ําไมเกิน 40%) แตถาเติมวัฏภาคทั้งสอง
ลงไปพรอมกันแลวคนผสมจะไดอิมัลชันชนิด O/W แทน (แมมีอัตราสวนของวัฏภาคน้ําแค 20-
30%) ในทํานองเดียวกันถาตองการเตรียมอิมัลชันชนิด O/W ควรจะเติมวัฏภาคน้ํามันลงในวัฏภาค
น้ําพรอมกับกวนผสมไปดวย
4. ความหนืดของแตละวัฏภาค
การเพิ่มความหนืดใหแกวัฏภาคใด วัฏภาคนั้นมีแนวโนมที่จะเปนวัฏภาคภายนอก
การทดสอบชนิดของอิมัลชัน
ความคงตัว (stability)
ความคงตัวของอิมัลชันเปนสิ่งสําคัญที่ตองคํานึงถึงอยางยิ่ง การเพิ่มความคงตัวอาจทําได
โดยเลือกสวนประกอบของวัฏภาคน้ํา น้ํามัน และสารอิมัลซิฟายที่เหมาะสมเพื่อใหไดอิมัลชันที่มี
ความคงตัวทางกายภาพ
ความไมคงตัวทางกายภาพของอิมัลชันมักเกิดจากการรวมตัวของหยดวัฏภาคภายในแลว
แยกออกจากวัฏภาคภายนอก ซึ่งเกิดได 3 ลักษณะ คือ
1. การเกิดครีม (creaming)
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
เปนลักษณะที่วัฏภาคภายในแยกไปรวมกั นลอยอยูชั้นบนหรือนอนกนภาชนะ ทําใหเห็น
โดย ผู้ใช้ทแยกเป
ั่วไป นชั้นครีม และชั้นอิมัลชันที่เจือจาง มักเกิดกับอิมัลชันที่มีความหนืดต่ํา เปนความไมคงตัวที่
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ เกิดขึ03/10/2562
้นไมถาวร เมื่อเขย23:59:59
าสามารถทําใหชั้นที่แยกนี้ผสมกันไดดังเดิม การปองกันการเกิดครีม อาจทํา
ไดโดยลดขนาดหยดวัฏภาคภายใน เชน ใช เครื่องโฮโมจีไนเซอร (homogenizer) หรือทําให
วัฏภาคทั้งสองมีความหนาแนนเทากัน หรือเพิ่มความหนืดใหกับวัฏภาคภายนอกโดยใชสารเพิ่ม
ความหนืด
19
2. Flocculation
3. Coalescence
เปนความไมคงตัวชนิดถาวร โดยหยดอนุภาควัฏภาคภายในเกิดหลอมรวมตัวเขากันเปน
หยดที่โตขึ้นจนแยกออกเปนชั้นน้ําและน้ํามันอยางชัดเจน เนื่องจากฟลมที่หุมรอบหยดวัฏภาค
ภายในไมแข็งแรงหรือถูกทําลายลง ซึ่งอาจเกิดจากการเติมสารที่เขาไมไดกับสารอิมัลซิฟาย การถูก
ทําลายโดยจุลินทรีย หรือการเพิ่มอุณหภูมิซึ่งทําใหสารอิมัลซิฟายบางชนิดตกตะกอน การปองกัน
coalescence อาจทําไดโดยเลือกชนิดและปริมาณของสารอิมัลซิฟายอยางเหมาะสม หรือเพิ่มความ
หนืดแกวัฏภาคภายนอก
ปจจัยที่มีอิทธิพลตอความคงตัวของอิมัลชัน
การเลือกใชสารชนิดใดเพื่อเปนสารอิมัลซิฟายจะตองคํานึงถึงคุณสมบัติและปริมาณที่ใช
เพราะมีผลตอความแข็งแรงของฟลมที่หอหุมรอบหยดวัฏภาคภายในซึ่งทําใหอิมัลชันคงตัวอยูได
20
ถาเลือกอยางไมเหมาะสมหรือขาดการศึกษาถึงคุณสมบัติของสารอิมัลซิฟายที่ใช อาจทําใหอิมัลชัน
ไมคงสภาพไดตัวอยางเชน
นอกจากนี้ปริมาณของสารอิมัลซิฟายจะตองเพียงพอในการทําใหเกิดฟลมหุมรอบวัฏ
ภาคภายในไดหมด ยิ่งถาตองการใหหยดวัฏภาคภายในมีขนาดเล็กมาก ยิ่งตองใชสารอิมัลซิฟายที่มี
ความเขมขนสูง โดยทั่วไปถาใชสารลดแรงตึงผิวเปนสารอิมัลซิฟาย อาจใชปริมาณตั้งแต 1-10%
2. เทคนิคการผสม
3. อุณหภูมิที่ใชผสม
4. เวลาที่ใชในการผสม
เวลาที่ใชในการผสมตองมากพอที่จะทําใหสารลดแรงตึงผิวที่อยูในทั้งสองวัฏภาคอยูใน
สภาพสมดุล ซึ่งจะทําใหอิมัลชันคงตัวมากขึ้น ถาใชเวลาผสมนอยไปอาจทําใหสารลดแรงตึงผิวเกิด
การเคลื่อนยายจากวัฏภาคหนึ่งไปอีกวัฏภาคหนึ่ง ทําใหคุณสมบัติทางกายภาพและความคงตัวของ
อิมัลชันเปลี่ยนไป
5. อัตราเร็วที่ใชในการทําใหเย็นตัว
สารอิมัลซิฟายชวย
การผลิตอิมัลชัน
การผลิตอิมัลชันในระดับอุตสาหกรรมมีอยู 2 วิธี
วัตถุประสงคของการเคลือบผิว
เอกสารนี้ด1.าวน์เพืโหลดมาจากระบบ
่อปองกันพื้นผิววัสดุจากมลภาวะต
TUDC าง ๆ สารเคลือบผิวจะชวยใหผิวหนาของวัสดุที่ถูกเคลือบ
โดย ผู้ใช้ทั่วไปมีความทนทานตออากาศ น้ํา และสารเคมีตาง ๆ นอกจากนี้ สารเคลือบผิวยังชวยใหผิวหนาของ
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ วั03/10/2562
สดุมีความแข็งแรงขึ ้น ทนทานตอการขัดสีไดมากขึ้น และอายุการใชงานยาวนานขึ้น
23:59:59
24
สวนผสมที่เติมในสารเคลือบผิวเพื่อเพิ่มคุณภาพที่สําคัญ
1. แอพพลิ เ คชั น (Application) เป น การนํ า สารเคลื อ บผิ ว ไปเคลื อ บผิ ว หน า หรื อ ทํ า ให
ผิวหนาของวัสดุเกิดเปนฟลมบาง ๆ ขึ้น การทําอาจใชแปรง ลูกกลิ้ง การพน หรือการจุมก็ได
2. ฟกเซชัน (Fixation)TUDC
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ เปนการทําใหฟลมติดแนน ไมหลุดออกจากผิวหนา และไมเกิดเปน
โดย ผู้ใช้ทชัั่ว้นไปของฟลมที่ไมตองการ ตัวอยาง เชน กรณีที่เปนสารเคลือบผิวที่มีตัวทําละลายอินทรียเปน
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ สวนประกอบ การเกิดเป
03/10/2562 นฟลมในขั้นตอนฟกเซชัน จะเกิดโดยการระเหยของตัวทําละลาย หรือถา
23:59:59
สารเคลือบผิวเปนแบบระบบลาเทกซ (latex system) ขั้นตอนฟกเซชัน จะเกิดโดยการระเหยของน้ํา
เปนตน
25
น้ํามันที่ใชในอุตสาหกรรมเคลือบผิว
การเคลือบผิวบางโดยแอสฟลทและแอสฟลทผสม
เอกสารนี้ดสาวน์
วนประกอบแอสฟ ลทอิมัลชัTUDC
โหลดมาจากระบบ น
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
แอสฟลทอิมัล23:59:59
และหมดอายุ 03/10/2562 ชันประกอบดวยสวนประกอบหลักคือ น้ํา สารอิมัลซิฟาย แอสฟลท และ
สารชวยเพิ่มประสิทธิภาพ
26
1. น้ําเปนเฟสตอเนื่อง โดยน้ําที่ใชนี้ตองระวังเกี่ยวกับความกระดางของน้ําดวยเพราะ
ไอออนของน้ํากระดางอาจไปทําปฏิกิริยากับสารอื่น หรือไปเปลี่ยน ionic strength ของเฟสน้ําของ
อิมัลชัน ทําใหคุณภาพของสารเคลือบผิวลดลง (Chatterjee and Millburn, 1997)
สบูจากสารลดแรงตึงผิวที่ไดจากแอมโมเนียมนิยมใชมากกวาสบูที่ไดจากโซเดียม
เปนสารอิมัลซิฟาย เนื่องจากแอมโมเนียสามารถระเหยออกไปจากฟลมเหลือเพียงกรดไขมันซึ่งไมมี
สมบัติเปนสารอิมัลซิฟาย ฟลมจึงทนน้ําไดดีกวาเมื่อใชสบูจากโซเดียมเปนสารอิมัลซิฟาย
เนื่องจากสีที่ติดมาของกิลโซไนทมีนอย สีที่ใชแอสฟลทเปนองคประกอบจึงสามารถเติม
สารสีดวยผงสีอนินทรีย (inorganic pigment) เชน เหล็กออกไซด (iron oxide) โครเมียมออกไซด
(chromium oxide) หรืออะลูมินัม
คุณสมบัติและการใชงาน
สี แ อสฟ ล ท ที่ มี ก ารผสมกิ ล โซไนท ด ว ยการเติ ม น้ํ า มั น แห ง เร็ ว ถู ก ใช ใ นการป อ งกั น
โครงสรางเหล็กที่อยูกลางแจง เชน สะพาน โครงหอ เนื่องจากความตานทานตอความรอน สีชนิดนี้
จึงใชในการปองกันการผุกรอนในโรงงานที่ใชถานโคกเปนเชื้อเพลิง และโรงงานที่มีการระเบิด
ภายในเตาเผา ปองกันคอนกรีตที่ถูกอัดจากอากาศ
การเคลือบผิวบางโดยบิทูเมน
สวนประกอบ
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป สีบิทูเมนประกอบไปดวยสารบิทูเมนซึ่งเปนสารยึด ลักษณะทั่วไปของบิทูเมนคือ ระเหยได
ดาวน์โหลดเมื
น อ ย่อสี03/09/2562 20:57:18น ทรี ย ซึ่ ง ได จ ากกระบวนการของน้ํ า มั น แร แ ละป โ ตรเลี ย ม
ค ล้ํ า ส ว นผสมของสารอิ
และหมดอายุ มีพฤติ03/10/2562
กรรมแบบวิสโคอิ 23:59:59
ลาสติก (viscoelastic) ซึ่งเปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิ คุณสมบัติอยางหนึ่ง
ของบิ ทู เ มนคื อ สามารถกระจายตั ว ในระบบคอลลอยด ซึ่ ง มี ก ารกระจายของแอสฟ ล ที น
(asphaltene) อยางเสถียรในเฟสของน้ํามันที่มีจุดเดือดสูง เชน มอลทีน (maltenes)
30
สําหรับการนําไปใชงานจะขึ้นอยูกับชนิดของบิทูเมนซึ่งมีสมบัติที่แตกตางกัน ตัวอยาง
บิทูเมนที่ใชงานกัน เชน บิทูเมนที่ไดจากการกลั่นหนัก (hard distillation bitumen) ออกซิเดชัน-
บิทูเมน (oxidation bitumen) หรือ บิทูเมนที่ไดจากการกลั่นภายใตสุญญากาศอยางสูง (high-vacuum
bitumen) หรือที่เรียกวา บิทูเมนหนัก (hard bitumen) บิทูเมนที่ใชในการผลิตสีบิทูเมนแหง
สีบิทูเมนที่ใชกันน้ํา (waterborne bitumen paints) ซึ่งอยูในรูปของบิทูเมนอิมัลชัน (bitumen
emulsion) ผลิตจากบิทูเมนที่ไดจากการกลั่นหนัก
คุณสมบัติของบิทูเมนหลากหลายชนิดเปนสิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกที่จะนําไปใชงาน
ใหเหมาะสมกับงานมากที่สุด ออกซิเดชันบิทูเมนมีชวงอุณหภูมิระหวางที่กลายเปนของเปราะ
จุดแตกหัก (fracture point) ต่ํากวา 0°C มาก และ จุดออนตัวกวางที่สุด ชวงที่มีคุณสมบัติเปน
พลาสติก (plasticity) ระหวางอุณหภูมิ 90 และ130°C บิทูเมนที่ไดจากการกลั่นหนักมีชวงที่มี
คุณสมบัติเปนพลาสติกระหวางอุณหภูมิ 60 และ 70°C และจุดแตกหักอยูประมาณ 0°C บิทูเมนที่
ไดจากการกลั่นภายใตสุญญากาศอยางสูงมีชวงที่มีคุณสมบัติเปนพลาสติกที่อุณหภูมิ 80°C และจุด
แตกหักอยูประมาณ 0°C บิทูเมนที่ไดจากการกลั่น และบิทูเมนที่ไดจากการกลั่นภายใตสุญญากาศ
อยางสูงเปนสารที่มีชวงความเปนพลาสติกที่ขยายออกไดมากกวาออกซิเดชันบิทูเมน
บิทูเมนที่ไดจากการกลั่น และการกลั่นภายใตสุญญากาศอยางสูงมีชวงความเปนพลาสติกที่
จํากัดและจุดแตกหักที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับออกซิเดชันบิทูเมน แตก็มีสิ่งที่ทดแทนซึ่งเปนขอดี คือ
บิทูเมนที่ไดจากการกลั่น และการกลั่นภายใตสุญญากาศอยางสูงตองการตัวทําละลายนอย จึงทําให
เกิดสิ่งปนเปอนตอสิ่งแวดลอมนอย เมื่อเทียบกับที่สีที่มีความหนืด และความแข็งที่เทากัน ตัวทํา
เอกสารนี้ดละลายของบิ
าวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
ทูเมนที่ไดจากการกลั ่น และการกลั่นภายใตสุญญากาศอยางสูงมีความคงตัว คือมีอายุ
โดย ผู้ใช้ทการเก็
ั่วไป บที่นานสวนตัวทําละลายของออกซิเดชันบิทูเมนมีแนวโนมที่จะขนขึ้นลักษณะเปนเจล (gel)
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ ตัวทํา03/10/2562
ละลายของบิทูเมนที ่ไดจากการกลั่น และการกลั่นภายใตสุญญากาศอยางสูงสามารถแทรกซึม
23:59:59
เขาไปในรูพรุนไดดีกวา หลังจากแหงแลวสามารถที่จะยึดติดกับชนิดของสารไดกวางกวา ความ
ตานทานอากาศดีกวาและดูดซับน้ํานอย เนื่องจากมีความคงตัวตอรังสียูวีดีกวาออกซิเดชันบิทูเมน
จึงมีความตานทานตอการเสื่อมสภาพดีกวา
31
ผลิตภัณฑที่ไดจากปโตรเลียมบางสวนและสารประกอบอะโรมาติกไฮโดรคารบอนที่มีชวง
จุดเดือดอยูระหวาง 130 ถึง 200°C เปนตัวทําละลายที่เหมาะสมกับสารละลายบิทูเมน เบนซีน
(mineral spirit) เหมาะที่จะใชเปนตัวทําละลาย เนื่องจากกลิ่นไมรุนแรง และในความเปนจริงแลว
เปนพิษตอสิ่งแวดลอมนอยกวา เมื่อใชสารประกอบไฮโดรคารบอนที่มีคลอรีนเปนองคประกอบ
(chlorinated hydrocarbon) เปนตัวทําละลาย ซึ่งมีสมบัติเปนพิษตอสิ่งแวดลอมจึงควรหลีกเลี่ยงที่จะ
นํามาใช
บิ ทู เ มนที่ ใ ช กั น น้ํ า อาจเป น อิ มัล ชั น ที่ อยู ใ นรู ป ประจุ ลบ (anionic) ประจุ บวก (cationic)
หรือไมมีประจุ (nonionic) และมีการเติมสารอิมัลซิฟาย และถาจําเปนอาจจะเติมตัวเพิ่มความคงตัว
(stabilizer) ที่ใชกันอยูในอุตสาหกรรมสี คุณสมบัติของสีบิทูเมนซึ่งอยูในรูปของสารละลายและ
อิมัลชัน ตัวอยางเชน ความคงตัว สมบัติทางกล (mechanical) ความตานทานตออากาศ น้ํา และ
สารเคมี คุณสมบัติการปองกันการสึกกรอน (corrosion protection) ซึ่งสามารถทําใหดีขึ้นโดยการ
เติมสารเติมแตง (extender) ซึ่งสารเติมแตงที่เหมาะสม ไดแก หินชนวน (ground slate) หินปูน
(ground lime stone) ปูนขาว (chalk) แปงแร และไมคา (25-45%โดยน้ําหนัก) ขึ้นกับชนิดของสาร
ปรุงแตงที่เติมและคุณสมบัติที่ตองการ สําหรับการใชสารปรุงแตงจะตองเติมสารที่ปองกันการ
ตกตะกอนลงไปดวย ในกรณีที่ตองการความตานทานตอสภาพอากาศเปนระยะเวลานานสามารถที่
จะเติมเขมา (soot) ลงไป
คุณสมบัติและการใชงาน
เนื่ องจากคุ ณ สมบั ติที่ ดี และราคาต่ําสี บิทูเมน จึงถูก ใชในการปองกันโครงสร างที่เ ปน
คอนกรีต หลังคา หลังคาที่เปนโลหะ ที่เก็บน้ําดื่ม ยุงฉาง ทอที่ทําจากคอนกรีตเสริมแรงดวยเสนใย
คอนกรีต เหล็ก
การเคลือบผิวบางโดยบิทูเมนผสม
งานวิจัยที่เกี่ยวของกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแอนไอออนิก
เมื่อเปรียบเทียบอิมัลชันที่มีการใสสารเติมแตง โดยเปลี่ยนสารอิมัลซิฟายเปนแอนไอออนิก
ชนิดอื่น เชน กรดไขมันของน้ํามันทอลล (tall oil fatty acid) และสารอิมัลซิฟายชนิดแคทไอออนิก
เอกสารนี้ดพบว
าวน์าโไม เสถียร ไมสามารถเขTUDC
หลดมาจากระบบ ากันได และเกิดการแยกชั้น สวนอิมัลชันที่เตรียมขึ้นจากสารอิมัลซิ
โดย ผู้ใช้ทฟายที
ั่วไป ่ใชในงานของ Chatterjee and Milburn (1997) มีความคงตัว และผสมเขากันไดดี
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
Suchanec (1997) ทําแอสฟลทอิมัลชันซึ่งใชสารอิมัลซิฟายที่มีสวนประกอบของลิกนิน
โดยสารอิมัลซิฟายมีสวนประกอบที่เปนเรซินประกอบดวยลิกนินที่ใชคือ ALCELL ® lignin และ
พอลิเมอไรซโรซินที่ใชคือ Poly-Pale ® resin (ประกอบดวย โรซินแอซิดไดเมอร และมอนอ-
34
การใชอิมัลชันชนิดแอนไอออนิกนั้นมีขอดีคือสารอิมัลซิฟายจากน้ํามันทอลลมีราคาถูก แต
ขอเสียคือ การเกาะยึดของแอสฟลทกับเศษหิน นั้นไมแข็งแรง เนื่องจาก เศษหิน สวนใหญมีประจุ
ลบจึงเกิดการผลักกันระหวางประจุลบของแอสฟลท และประจุลบของเศษหิน ทําใหการเกาะยึดไม
ดี ตัวเศษหิน เมื่อเปยกน้ํา น้ําจะเปนตัวกันไมใหเศษหินเกาะยึดกับแอสฟลทไดดี การที่จะลดไมให
เอกสารนี้ดเกิาวน์
ดผลจากน้ ํานี้ทําไดโดยการเติ
โหลดมาจากระบบ มสารลดแรงตึงผิวชนิดเอมีน หรือไดเอมีน ลงในแอสฟลท เชนสาร
TUDC
โดย ผู้ใช้ทethylene
ั่วไป oxide condensate ของ alkyl triamines ที่มีสายโซยาว
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
สารชวยการเกาะยึดที่ราคาไมแพงคือ tall oil-based polyethylene amine condensation แต
การเกาะยึดไมสูงมากจนนาพอใจ เมื่อใชกับอิมัลชันชนิดแอนไอออนิก Schilling (1997) จึงไดทํา
การปรับปรุงบิทูมินัสอิมัลชันชนิดแอนไอออนิก ใหมีความยึดเกาะไดดีขึ้น โดยเติมสารเพิ่มการเกาะ
35
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ
ในปตอมา Schilling TUDC
and Crews (1998) ไดทําการปรับปรุงสภาพของบิทูมินัสอิมัลชันชนิด
โดย ผู้ใช้ทแอนไอออนิ
ั่วไป ก ใหมี การยึดเกาะไดดีขึ้นซึ่งอิมัลชันเตรียมจากแอสฟลทคือ “Exxon 85/100”
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
penetration asphalt
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59 และ 65% asphalt residue โดยไดปรับเปลี่ยนเพียงชนิดสารที่เปนตัวกระตุนให
เกิดการยึดเกาะโดยสารชวยการยึดเกาะผลิตจากปฏิกิริยาของกรดไขมันของน้ํามันทอลล และ/หรือ
กรดไขมันของน้ํามันทอลลที่ถูกปรับปรุงคุณภาพ เชน Ac-TOFA, DTC-155, DTC-195, Fu-TOFA,
L-5 กั บ พอลิ อั ล คิ ลี น เอมี น โดยเลื อ ก เอมี น ผสม ประกอบด ว ยไตรเอทิ ลี น เตตระมี น และ
36
งานวิจัยที่เกี่ยวของกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิก
เอกสารนี้ดงานวิ
าวน์โจหลดมาจากระบบ
ัยที่เกี่ยวของกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดนอนไอออนิก
TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562
Isobe and 20:57:18Tamaki (2000) ไดทําสารอิมัลซิฟายชนิดนอนไอออนิกเพื่อใชในการ
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
เตรียมแอสฟลทอิมัลชันที่มีความคงตัว และสามารถเก็บไวไดนาน เนื่องจากแอสฟลทอิมัลชัน
ชนิ ด นอนไอออนิ ก ทั่ ว ไปมี ค วามคงตั ว ต อ สารเคมี แต ไ ม ส ามารถเก็ บ ไว ไ ด น าน โดยสาร
อิ มั ล ซิ ฟ ายที่ ใ ช เ ป น บล็ อ กพอลิ เ มอร ที่ ไ ด จ ากการเติ ม อั ล คิ ลี น ออกไซด ล งไปในแอลกอฮอล
38
งานวิจัยที่เกี่ยวของกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแอมโฟเทอริก
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
40
อุปกรณและวิธีการ
วัตถุดิบ
วัตถุดิบที่ใชเตรียมแอสฟลทอิมัลชันเพื่อใชเปนสารเคลือบกันซึมในงานวิจัยนี้ประกอบดวย
แอสฟลท น้ํากลั่น สารอิมัลซิฟาย ตัวทําละลาย และสารเติมแตง โดยแอสฟลท เปนเฟสไมตอเนื่อง
น้ํากลั่นเปนเฟสตอเนื่อง โดยมีสารอิมัลซิฟายทําหนาที่เปนสารลดแรงตึงผิว ตัวทําละลายเพื่อชวย
ละลายแอสฟลทที่มีลักษณะเปนของแข็งที่อุณหภูมิหองใหสามารถผสมกับสารอิมัลซิฟายที่อยูใน
รูปของสารละลายได และสารเติมแตงเพื่อปรับปรุงคุณภาพ ซึ่งมีรายละเอียดดังตอไปนี้
1. แอสฟลท
2. แอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิก
แอสฟลท อิมั ลชัน ที่ใ ชใ นงานวิจัย นี้ไ ดจ ากการเตรี ยมจากสารตั้งต นคื อแอสฟ ลท ชนิด
“SHELL MEXIPHALTE R.115/15” โดยใชสารอิมัลซิฟายชนิดนอนไอออนิก แอนไอออนิก และ
แคทไอออนิก นอกจากนั้นแลวยังใชแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิกสําเร็จรูปชนิด CRS-2 และ
CSS-1h ซึ่งเปนของบริษัท ทิปโกแอสฟลท จํากัด (มหาชน)
3. น้ํา
สําหรับงานวิจัยนี้ใชน้ํากลั่นเพื่อปองกันความกระดางของน้ํา เพราะไอออนของน้ํากระดาง
อาจไปทําปฏิกิริยากับสารอื่น หรือไปเปลี่ยน ionic strength ของเฟสน้ําของอิมัลชัน ทําใหคุณภาพ
ของสารเคลือบผิวลดลง (Chatterjee and Millburn, 1997)
4. สารอิมัลซิฟาย
การเกิดอิมัลชันเปนการทําใหของเหลวชนิดหนึ่งที่มีปริมาณนอย ๆ แตกตัวเปนหยดเล็ก ๆ
ที่เรียกวาวัฏภาคภายในกระจายตัวในของเหลวอีกชนิดหนึ่งที่จัดเปนวัฏภาคภายนอก โดยอาศัยการ
ใหพลังงาน ซึ่งอาจจะอยูในรูปของความรอน การคน เปนตน โดยที่หยดเล็ก ๆ กระจายตัวอยูใน
ของเหลววัฏภาคภายนอกนั้นคงตัวอยูไดนาน ซึ่งทําไดโดยอาศัยสารลดแรงตึงผิวทําหนาที่ลดแรงตึง
ผิวของของเหลวทั้งสอง เพื่อลดพลังงานอิสระของพื้นผิว ทําใหโอกาสที่หยดของของเหลวที่เปน
วั ฏ ภาคภายใน ซึ่ ง กระจายตั ว อยู นั้ น รวมตั ว กั น ได น อ ยลง เป น การเพิ่ ม ความคงตั ว ทางอุ ณ ห-
พลศาสตร
4.2 สารลดแรงตึงผิวชนิดแอนไอออนิก
4.3 สารลดแรงตึงผิวชนิดแคทไอออนิก
5. สารชวยเพิ่มประสิทธิภาพ
5.1 ตัวทําละลาย
ตารางที่ 2 คุณสมบัติของน้ํามันเตาเกรด A
ข.น้ํ า มั น สน ซึ่ ง มี ผู จั ด จํ า หน า ยคื อ บริ ษั ท ศรี ไ ทยเกษมอิ ม ปอร ต จํ า กั ด ภายใต
เครื่องหมายการคา “เครื่องหมายตราเบ็ด”
5.2 ตัวชวยทําอิมัลชันTUDC
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ สังเคราะห
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562
เป นสารที ช
่
20:57:18
วยเพิ่มความเสถียรใหกับอิมัลชันโดยทําหนาที่คลายกับสารอิมัลซิฟาย
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
ก. คารบอกซีไวนิลพอลิเมอร (carboxyvinyl polymer) หรือ Carbopol เปนคารบอกซี
พอลิเมอรที่ถูกเชื่อมสายโซ (crosslinked carboxyvinyl polymer) ซึ่งมีสูตรโครงสรางทางเคมีดัง
45
แสดงในภาพที่ 9 ซึ่งกระจายในน้ําทันทีไดเปนสารที่กระจายตัวมีฤทธิ์เปนกรดและความหนืดต่ํา
(low-viscosity acidic dispersion) (พิมพร 2540) สําหรับสารที่ใชในงานวิจัยนี้มีชื่อทางการคาวา
“Synthalen L” ของบริษัท อีสเอเชียติก (ประเทศไทย) จํากัด มหาชน
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
ภาพที่ 10 โครงสรางทางเคมีของไฮดรอกซีเอทิลเซลลูโลส
46
อุปกรณ
อุปกรณการเตรียมแอสฟลทอิมัลชัน
ทําการหลอมแอสฟลทใหอยูในรูปของเหลว และผสมตัวทําละลายโดยใชหมอสแตนเลส
ทําใหรอนบนเตา hotplate และใชแทงแกวในการกวนผสม แอสฟลทที่ถูกหลอมผสมกับตัวทํา
ละลายถูกกวนผสมเขากับสารละลายอิมัลซิฟายดวยเครื่องปนผสมยี่หอมารา (MARA®) ขนาด 1.25
ลิตร และสารเติมแตงถูกทําการปนผสมในเครื่องผสมยี่หอมูลิเนกซ (Moulinex blender) ขนาด
1.25 ลิตร แอสฟลทอิมัลชันผสมกับสารเติมแตงภายในบีกเกอรขนาด 250 มิลลิลิตรโดยใชแทงแกว
คนผสม
อุปกรณการทดสอบคุณสมบัติของแอสฟลทอิมัลชัน
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื
ภาพที่อ่ 12 ตูแสงอัลตราไวโอเลตสํ
03/09/2562 20:57:18าหรับทดสอบความทนตอแสงอัลตราไวโอเลต
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
49
(ก) (ข)
ภาพที่ 13 การทดสอบการรั่ว
(ก) รอยรั่วที่สรางขึ้นบนแผนกระเบื้องโดยสวานไฟฟาขนาดเสนผานศูนยกลาง17/64 นิ้ว
(ข) ผาดิบสําหรับปดรูรั่วขนาด 3 เซนติเมตร × 3 เซนติเมตร
การทดสอบ
1. การแหงที่ผิว
การทดสอบทํ า ได โ ดยเตรี ย มแผ น ทดสอบดั ง ที่ ก ล า วมาแล ว ในอุ ป กรณ ก ารทดสอบ
เอกสารนี้ดคุาวน์ โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วณไปสมบัติ วางแผนทองเหลืองลงบนแผนเหล็กในแนวระดับ ใสตัวอยางลงในชองวางของแผน
ดาวน์โหลดเมื
ทองเหลื่อ 03/09/2562 20:57:18
อง ใหลนขอบบนของแผ นทองเหลืองเล็กนอย ใชแผนโลหะสันตรงปาดสวนที่ลน ยกแผน
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
ทองเหลืองออกทันที วางไวในแนวระดับที่อุณหภูมิหอง เปนเวลา 24 ชั่วโมง ตรวจการแหงโดยใช
นิ้วมือแตะที่ผิวตัวอยางแลวตรวจดูการเปอนนิ้วและฟลม โดยที่ตองไมเปอนนิ้ว และฟลมตองไม
แตกหรือยน
50
2. ความทนความรอน
ทําการเตรียมแผนทดสอบเหมือนกับการแหงที่ผิวแตทําเครื่องหมายรอบฟลมไว วางแผน
ทดสอบไวในแนวระดับ (แนวราบ) ที่ 27± 2 องศาเซลเซียส นาน 48 ชั่วโมง อบในตูที่อุณหภูมิ 100
องศาเซลเซียส โดยวางแผนทดสอบในแนวดิ่ง นาน 2 ชั่วโมง แลวตรวจดูฟลม เมื่อทดสอบแลว
ฟลมตองไมพอง ยน หรือหลุดลอนออกจากแผนทดสอบ
3. ความทนน้ํา
4. ความทนตอแสงอัลตราไวโอเลต
เนื่องจากเครื่องมือวัดความเขมแสงที่ใชไมสามารถวัดความเขมแสงของแสงอาทิตยได และ
ความเขมแสงของแสงอาทิตยไมสามารถควบคุมใหมีปริมาณที่แนนอนได ซึ่งยากกับการทดสอบ
และเปรียบเทียบแผนทดสอบที่ทดสอบคนละเวลา จึงไดสรางตูกําเนิดแสงอัลตราไวเลตขนาดกวาง
16 เซนติเมตร ยาว 144.5 เซนติเมตร สูง 22 เซนติเมตร ซึ่งมีความเขมแสงอยูระหวางชวง 64-354
ลักซ โดยแตละตําแหนงที่วางแผนทดสอบรูคาความเขมแสงที่แนนอน โดยสามารถเปรียบเทียบแต
ละตัวอยางที่ปริมาณแสงเดียวกัน ปริมาณแสงคํานวณไดจากความเขมแสงคูณกับระยะเวลาทดสอบ
เอกสารนี้ดการทดสอบทํ
าวน์โหลดมาจากระบบ
าไดโดยนําสารตัTUDC
วอยางทาบนแผนเหล็กขนาด 5 เซนติเมตร × 5 เซนติเมตรโดย
โดย ผู้ใช้ทควบคุ
ั่วไป มความหนาประมาณ 1.2 มิลลิเมตร แลวนําไปไวในตูแสงอัลตราไวโอเลตที่ทราบคาความ
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562
เขมแสงที 23:59:59่ฟลมเปลี่ยนสภาพ
่แนนอน ดูระยะเวลาที
51
6. การนําไปใชจริงกับหลังคากระเบื้อง
วิธีการทดลอง
1. การเตรียมแอสฟลทอิมัลชัน
เนื่องจากแอสฟลทที่ใชในการทดลองนี้มีลักษณะหนืดมากจนคลายของแข็งเวลานํามา
เตรียมแอสฟลทอิมั ลชัน จึงต องทําใหอยูในลักษณะของเหลวที่สามารถทําการกวนผสมเขากั บ
สวนประกอบอื่น ๆ ได ดังนั้นจึงทําการศึกษาหาวิธีในการเตรียมแอสฟลทอิมัลชันโดยทําการ
ทดลองดังนี้
1.1 ศึกษาตัวทําละลายที่เหมาะสม
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป ทําการหลอมแอสฟลทโดยนําแอสฟลทใสลงในหมอสแตนเลสใหความรอนดวยเตา
ดาวน์โหลดเมื อ
่ 03/09/2562
hotplate จนแอสฟ ล ท ห
20:57:18
ลอมเป นของเหลว จึงหยุดการใหความรอนเติมตัวทําละลายลงในแอสฟลท
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
ที่อยูในรูปของเหลว ทําการกวนดวยแทงแกวใหแอสฟลทและตัวทําละลายเขากัน ถาแอสฟลทจับ
ตัวเปนกอนเล็กนอย ทําการใหความรอนออน ๆ พรอมกับทําการคนจนแอสฟลทเปนเนื้อเดียวกับ
ตัวทําละลาย โดยการทดลองนี้ไดทําการศึกษาตัวทําละลาย 3 ชนิดคือ เฮกเซน (จุดเดือดประมาณ
52
1.2 ศึกษาขั้นตอนการเตรียมแอสฟลทอิมัลชัน
เมื่อหาตัวทําละลายที่สามารถละลายแอสฟลทไดแลวจึงทําการศึกษาขั้นตอนการเตรียม
แอสฟลทอิมัลชันโดยขั้นตอนการเตรียมแอสฟลทอิมัลชันมีดังตอไปนี้
1. ใหความรอนแอสฟลทปริมาณ 40 กรัมจนหลอมเปนของเหลวภายในภาชนะที่
ตั้งอยูบนเตาไฟฟา ชนิด hotplate จึงหยุดการใหความรอน ซึ่งจุดออนตัวของแอสฟลทที่ใชประมาณ
110-120oC
3 ทําการเตรียมสารละลายอิมัลซิฟายโดยในเบื้องตนทดลองโดยใชสารลดแรงตึงผิว
ชนิดนอนไอออนิกกอนคือ TERIC N100 จากนั้นจึงทําการทดลองใชชนิด แคทไอออนิก และแอน
ไอออนิกตอไป ทําการเติม TERIC N100 ปริมาณ 20- 28 กรัมลงในน้ํากลั่นปริมาณ 16-45 กรัม ทํา
การใหความรอนเพื่ อช วยให สารอิมัลซิ ฟายละลายไดและเปนอุ ณหภูมิที่เหมาะสมในการผสม
ควบคุมอุณหภูมิที่ประมาณ 50oC
4 เติมแอสฟลทที่ละลายในตัวทําละลายทีละนอยลงในสารละลายอิมัลซิฟายที่ถูก
บรรจุอยูในเครื่องปนผสมยี่หอมารา ขนาด 1.25 ลิตร พรอมทั้งทําการกวนผสม จนอิมัลชันเนียน
เอกสารนี้ดเปาวน์
นเนืโหลดมาจากระบบ
้อเดียวกัน กวนเปนระยะTUDC
ประมาณ 5 ครั้ง ครั้งละ 15 วินาที
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59ลทอิมัลชันจับตัวเปนเม็ดเมื่อทาบนพื้นผิว
1.3 การแกปญหาแอสฟ
เนื่องจากแอสฟลทอิมัลชันที่ไดเมื่อนําไปทาบนพื้นผิวกระดาษมีลักษณะเปนเม็ดของ
แอสฟลทเล็ก ๆ ไมเนียนเปนเนื้อเดียวกัน จึงไดมีการควบคุมอุณหภูมิขณะผสม แอสฟลทอิมัลชันที่
53
เนื่องจากแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมไดยังตองใชสารอิมัลซิฟายที่คอนขางสูงมากคือ
ประมาณ 18 เปอรเซ็นต จึงไดทําการเติมผงละเอียดของ Synthalen L ซึ่งทําหนาที่เปนสารอิมัลซิ
ฟายชวยเพื่อลดปริมาณของสารอิมัลซิฟายลงในขั้นการเตรียมสารละลายอิมัลซิฟายโดยในขั้นตอน
ที่เตรียมสารละลายอิมัลซิฟายนั้นใหเติม TERIC N100 ปริมาณ 3-30 กรัม และ Synthalen L 0.15
กรัม
2.2 การเตรียมอิมัลชันของสารเติมแตง
แอสฟลทอิมัลชันTUDC
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ ที่เตรียมไดเมื่อทาบนพื้นผิว ในเบื้องตนไดทดลองทาบนผิวกระดาษ
โดย ผู้ใช้ทแข็
ั่วไปงปรากฏวายังแหงชาอยูมาก จึงทําการเติมสารเติมแตงเพื่อทําใหสมบัติการแหงตัวดีขึ้น และ
ดาวน์โหลดเมื
ต อ
่อ 03/09/2562
งการปรั บ ปรุ ง คุ ณ
20:57:18
สมบั ติอื่น ๆ เชน ความตานทานตอกรด เบส และอื่ น ๆ โดยสารเติม แตง
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
ประกอบไปดวย Natrosol แคลเซียมคารบอเนต แบไรต Bentone EW และทัลก โดยมีขั้นตอนการ
เตรียมอิมัลชันของสารเติมแตงดังนี้
54
2 เติมน้ําที่อุน และสารเติมแตงที่มีลักษณะเปนผงอนุภาคเล็กที่มีลักษณะคลายแปง
เชน แคลเซียมคารบอเนต แบไรต ทัลก อยางละ 10-30 กรัม ลงปนผสมในเครื่องผสมยี่หอมูลิเนกซ
ขนาด 1.25 ลิตร ใหเปนเนื้อเดียวกันจนไดของเหลวสีขาวขุนคลายน้ําแปง สําหรับผงอนุภาคเล็กทีใ่ ช
ตองระวังผงที่จับตัวเปนกอนตองแยกออก เพราะจะทําใหอิมัลชันที่ผสมกับแอสฟลทอิมัลชันมี
ลักษณะของฟลมที่ไมเนียน
จากนั้นผสมเขากับแอสฟลทอิมัลชัน โดยผสมในบีกเกอรและใชแทงแกวกวนผสม
2.3 การทดลองใชตัวทําละลายรวมในการเตรียมแอสฟลทอิมัลชัน
เนื่องจากแอสฟลทอิมัลชันที่ผสมอิมัลชันของสารเติมแตงแลว ถึงแมวาจะแหงงายขึ้น
แตฟลมยังมีลักษณะที่คอนขางเหนอะหนะ และมีกลิ่นของน้ํามันเตาแรง จึงทดลองใชตัวทําละลาย
รวมโดยเลือกตัวทําละลาย 2 ชนิดคือ น้ํามันเบนซิน และน้ํามันสน ใชแอสฟลท 40 กรัม น้ํา 40
กรัม TERIC N100 5 กรัม Synthalen L 0.15 กรัม แตทําการทดลองเปลี่ยนปริมาณของตัวทํา
ละลายรวมระหวาง 30-45 กรัม
3. การศึกษาการเตรียมแอสฟลทอิมัลชันจากสารลดแรงตึงผิวชนิดไมมีประจุและมีประจุ
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งงานวิจัยนี้ใชสารอิมัลซิฟายชนิดไมมีประจุคือ TERIC N100, Brij®96V, TWEEN 80
ดาวน์โหลดเมื
และ
่อTWEEN
03/09/2562
85 ส ว
20:57:18
นสารอิ มัลซิฟายที่มีประจุ 2 ชนิดคือ ชนิดแอนไอออนิก และแคทไอออนิก
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
โดยที่สารลดแรงตึงผิวชนิดแอนไอออนิกประกอบไปดวย Nansa. HS 80/SPF และ Nansa. LSS
480/B สวนสารลดแรงตึงผิวชนิดแคทไอออนิกคือ CTAB โดยทําการเตรียมแอสฟลทอิมัลชันชนิด
55
4. การปรับปรุงคุณภาพของแอสฟลทอิมัลชันเมื่อเติมสารเติมแตง
เมื่อไดสารอิมัลซิฟายที่เหมาะสมแลว จากนั้นทําการปรับปรุงคุณภาพโดยการทดลองใช
แอสฟลทอิมัลชันผสม 2 ชนิด ที่อัตราสวนตาง ๆ แทนแอสฟลทอิมัลชันชนิดเดียว แลวหาปริมาณ
ของสารเติมแตงที่เหมาะสมในแตละอัตราสวนของแอสฟลทอิมัลชันผสม แลวทําการเปรียบเทียบ
หาสูตรที่ดีที่สุดโดยการทดสอบ
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
56
ผลการทดลองและวิเคราะหผลการทดลอง
1. การศึกษาตัวทําละลายที่เหมาะสม
ผลการทดลองละลายแอสฟลทดวยตัวทําละลายไฮโดรคารบอนชนิดตาง ๆ ที่มีจุดเดือด
ตางกัน ผลการละลายแสดงในตารางที่ 3
จากผลการทดลองในตารางที่ 3 พบวาเฮกเซนระเหยหมดเนื่องจากแอสฟลทที่ถูกหลอมมี
อุณหภูมิคอนขางสูง (จุดออนตัวของแอสฟลทที่ใชประมาณ 110-120OC) และเฮกเซนมีจุดเดือด
คอนขางต่ํา (68.7oC) ดังนั้นเมื่อผสมเฮกเซนกับแอสฟลทที่อยูในรูปของเหลวที่อุณหภูมิสูงจึงทําให
เฮกเซนเดือดและระเหยหมดกอนที่จะละลายเขากับแอสฟลท สําหรับน้ํามันเบนซินซึ่งมีจุดเดือด
นอยกวา 200oC เมื่อนํามาเทลงในแอสฟลทที่อยูในรูปของเหลวพบวาสามารถละลายแอสฟลทได
บางสวน แตแอสฟลทสวนใหญเกิดการแยกเฟสและแข็งตัวอาจเปนผลเนื่องจากในน้ํามันเบนซิน
มีเพนเทนเปนองคประกอบซึ่งจะทําใหแอสฟลทีนที่มีอยูในแอสฟลทแยกเฟส สวนน้ํามันเตาเปน
ตัวทําละลายที่ดีสามารถละลายเปนเนื้อเดียวกับแอสฟลทที่ที่อยูในรูปของเหลวได
เอกสารนี้ด2.าวน์ศึกโษาขั ้นตอนการเตรียมแอสฟ
หลดมาจากระบบ TUDC ลทอิมัลชัน
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562ผลการทดลองเตรี ยมแอสฟลทอิมัลชันจากสวนประกอบที่ปริมาณตาง ๆ โดยใชแอสฟลท
23:59:59
ปริมาณ 40 กรัม ในตารางที่ 4 พบวาแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมโดยวิธีการเติมสารละลายอิมัลซิฟาย
ลงในแอสฟลทอยูในรูปของเหลวผสมน้ํามันเตาซึ่งเปนตัวทําละลาย มีทั้งการแยกชั้นอยางชัดเจน
ของเฟสน้ําและเฟสน้ํามันเมื่อตั้งทิ้งไว และแอสฟลทอิมัลชันที่ไมเกิดการแยกชั้นเมื่อตั้งทิ้งไว แตทั้ง
57
สองแบบเมื่อนําไปทาบนผิวกระดาษมีลักษณะของแอสฟลทจับตัวเปนเม็ดเล็ก ๆ ไมเนียนเปนเนื้อ
เดียวกัน และเมื่อเปรียบเทียบกับแอสฟลทอิมัลชันที่ใชเปนสารเคลือบกันซึมที่มีขายในทองตลาด
พบวาแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมไดยังแหงชากวาสารเคลือบกันซึมที่มีขายในทองตลาดอยูมาก ทั้งนี้
เพราะแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมไดยังไมไดใสสารเติมแตงใด ๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่สารเคลือบกันซึม
ที่ขายในทองตลาดไดใสสารเติมแตงลงไปเรียบรอยแลว
3. การแกปญหาแอสฟลทอิมัลชันจับตัวเปนเม็ดเมื่อทาบนพื้นผิว
จากการทดลองเตรียมแอสฟลทอิมัลชันโดยการควบคุมอุณหภูมิขณะผสม แอสฟลทที่ถูก
หลอมและละลายกับน้ํามันเตาที่ 85-90OC และสารละลายอิมัลซิฟายที่ 75-80OC พบวาเมื่อทําการ
ควบคุมอุณหภูมิที่ทําการผสมและการกวนที่เหมาะสมโดยทําตามขั้นตอนที่กลาวมาขางตน แอส
ฟลทอิมัลชันที่ไดมีลักษณะเปนเนื้อเดียวกันและเมื่อทาที่พื้นผิวมีลักษณะเนียนเปนเนื้อเดียวกัน
ดังนั้นการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมจึงมีความสําคัญมากตอคุณภาพของผลิตภัณฑ
เมื่อไดอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเตรียมแอสฟลทอิมัลชันจึงทําการหาสูตรที่เหมาะสม
จากนั้นนําสูตรที่ไดเปลี่ยนชนิดของสารอิมัลซิฟาย แลวทําการเปรียบเทียบเพื่อหาชนิดที่ดีที่สุด ผล
การทดลองผลิตแอสฟลทอิมัลชันสูตรตาง ๆ ที่ใช TERIC N100 (สารอิมัลซิฟายชนิดนอนไอออนิก)
เปนสารอิมัลซิฟาย แสดงในตารางที่ 5
วัตถุดิบ
ตัวอยาง ลักษณะทางกายภาพที่
แอสฟลท น้ํา TERIC น้ํามันเตา
ที่ สามารถสังเกตได
(กรัม)
(มิลลิลิตร) N100 (กรัม) (กรัม)
3-1 40 16.5 30 46.5 เกิดเปนอิมัลชันที่คงตัว แต
ความหนืดสูงมาก ไมแยกชัน้
น้ํา
3-2 40 26.5 30 46.5 เกิดอิมัลชันทีค่ งตัวยังมีความ
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC หนืดสูงแตลดลงจากตัวอยาง
โดย ผู้ใช้ทั่วไป ที่ 3-1 มีการแยกชั้นน้ําแต
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59 สามารถกวนผสมได
59
ตารางที่ 5 (ตอ)
วัตถุดิบ
ตัวอยาง ลักษณะทางกายภาพที่
แอสฟลท น้ํา TERIC น้ํามันเตา
ที่ สามารถสังเกตได
(กรัม) (มิลลิลิตร) N100 (กรัม) (กรัม)
3-3 40 40 30 55 เกิดอิมัลชันทีค่ งตัว มีความ
หนืดลดลง เปนที่นาพอใจมี
การแยกชั้นน้ํา แตสามารถ
กวนผสมใหเขากันได
3-4 40 40 20 55 เกิดเปนอิมัลชันแตมีการแยก
ชั้นน้ํา
3-5 40 40 10 55 ไมสามารถเกิดเปนอิมัลชันได
เอกสารนี้ด5.าวน์การทดลองเพื
โหลดมาจากระบบ
่อลดปริมาณ TUDC
TERIC N100 ในการเตรียมแอสฟลทอิมัลชันโดยใชสารอิมัลซิฟายชวย
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
ผลของการเติมสารอิ มัลซิฟายชวยชนิด Synthalen L ทําใหแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมไดใช
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
ปริมาณ TERIC N100 ลดลงและแอสฟลทอิมัลชันมีความคงตัวสูงขึ้นคือไมมีการแยกชั้นน้ํา ผลการ
ทดลองดังแสดงในตารางที่ 6 โดยสูตรเริ่มตนอางอิงจากสูตร 3-3 และ 3-4 และเพิ่ม Synthalen L ไป
60
วัตถุดิบ
ตัวอยา แอส น้ํา TERIC น้ํามัน Synthalen L ลักษณะทางกายภาพที่
งที่ ฟลท (มิลลิลิตร) N100 เตา (กรัม) สามารถสังเกตได
(กรัม) (กรัม) (กรัม)
4-1 40 40 30 55 0.15 อิมัลชันคงตัว เนียนเปน
เนื้อเดียวกัน ไมมีการ
แยกชัน้ น้ํา
4-2 40 40 20 55 0.15 อิมัลชันคงตัว เนียนเปน
เนื้อเดียวกัน
4-3 40 40 10 55 0.15 อิมัลชันคงตัว เนียนเปน
เนื้อเดียวกัน
4-4 40 40 5 55 0.15 อิมัลชันคงตัว เนียนเปน
เนื้อเดียวกัน
4-5 40 40 3 55 0.15 อิมัลชันไมคงตัว แยก
ชั้นน้ํา ไมสามารถผสม
กันไดที่อณุ หภูมิหอง
6. การเตรียมอิมัลชันของสารเติมแตงเพื่อผสมกับแอสฟลทอิมัลชัน
เนื่องจากแอสฟลทอิมัลชันที่ยังไมผสมกับสารเติมแตงจะมีการแหงตัวชามากจึงทําการ
ทดลองเติมสารเติมแตงเพื่อปรับปรุงคุณภาพของอิมัลชันที่ไดโดยเติมสารเติมแตงในรูปของอิมัลชัน
ของสารเติมแตง การทดลองเตรียมอิมัลชันของสารเติมแตง อัตราสวนของสวนประกอบตาง ๆ ดัง
แสดงในตารางที่ 7 เพื่อหาสูตรที่สามารถผสมเปนอิมัลชันของสารเติมแตง
ตารางที่ 8 (ตอ)
7. การทดลองใชตัวทําละลายรวมในการเตรียมแอสฟลทอิมัลชัน
เนื่องจากการใชน้ํามันเตาเปนตัวทําละลาย ฟลมของอิมัลชันมีลักษณะคอนขางเหนอะหนะ
แหงยากอาจเนื่องมาจากการที่น้ํามันเตาระเหยยาก จึงทําการทดลองลดปริมาณน้ํามันเตา และใชตัว
ทําละลายรวมที่ระเหยงายกวา ผลการทดลองเปลี่ยนปริมาณ และชนิดของตัวทําละลายรวมซึ่งไดแก
น้ํามันเบนซินและ น้ํามันสน ตอการแหงของแอสฟลทอิมัลชันแสดงดังตารางที่ 9
ตารางที่ 9 ผลของปริมาณของน้ํามันเบนซินและน้ํามันสนที่ใชเปนตัวละลายรวมกับน้ํามันเตาแทน
น้ํามันเตาในการเตรียมแอสฟลทอิมัลชันตามสูตรตัวอยางที่ 4-4
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
เมื่อทดลองใชน้ํามันเบนซิ นเปนตัวทําละลายรวมกับน้ํามันเตาตามตัวอยางที่ 7-1 ซึ่งปริมาณ
โดย ผู้ใช้ทรวมของตั
ั่วไป วทําละลาย (45 กรัม) นอยกวาปริมาณน้ํามันเตาที่ใชเปนตัวทําละลายเดี่ยวในตัวอยางที่
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 4-4 (55 กรัม) พบวาความหนื
03/10/2562 23:59:59 ดของอิมัลชันลดลงเมื่อเทียบกับตัวอยางที่ 4-4 ฟลมของอิมัลชันเมื่อ
ทาบนกระดาษถึงแมจะแหงไวขึ้นแตยังคงเหนอะหนะอยู จึงทําการลดปริมาณน้ํามันเตาจาก 30 เปน
20 กรัม และเพิ่มปริมาณน้ํามันเบนซินจาก 15 เปน 20 กรัมตามตัวอยางที่ 7-2 ไดอิมัลชันที่มีฟลม
เหนอะหนะนอยกวาตัวอยางที่ 7-1 และเมื่อเปลี่ยนตัวทําละลายรวมจากน้ํามันเบนซิน (20 กรัม) เปน
65
8. การศึกษาหาสูตรที่เหมาะสมของแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออ
นิก
ตารางที่ 10 (ตอ)
9. การศึกษาหาสูตรที่เหมาะสมของแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดมีประจุ
10. การทดลองเติมอิมัลชันของสารเติมแตงลงในแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิว
ชนิดนอนไออนิก แอนไอออนิก และ แคทไออนิก
ตารางที่ 12 (ตอ)
เอกสารนี้ดาวน์ตัวโอยหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป างที่ ผลการทดสอบ
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562การแห 20:57:18
งที่ผวิ ความทนความรอน ความทนน้ํา
และหมดอายุ 03/10/2562
10-1 แหง23:59:59
ไมตดิ มือ ฟลมเงา ไมเกิดการเยิ้ม ไมมีรอยแตก ทนน้ําได
(TERIC N100)
70
ตารางที่ 13 (ตอ)
ตัวอยางที่ ผลการทดสอบ
การแหงที่ผวิ ความทนความรอน ความทนน้ํา
10-5 แหงไมตดิ มือ แตมี ไมเกิดการเยิ้ม ไมมีรอยแตก ละลายน้ําบางสวน
(Nansa. HS หลุมฟองอากาศเล็ก ๆ แตฟลมมีลักษณะของการเกิด
80/SPF) ฟองเปนจุดกระจายอยู
10-7 แหงไมตดิ มือ ฟลม เกิดรอยแตก 1 ตําแหนงเปน ละลายน้ําบางสวน ซึ่ง
(CTAB) ดาน รอยเห็นชัด ฟลมดานขึ้น มีมากกวาตัวอยางที่
10-5
สารเคลือบ แหงไมตดิ มือ ฟลมมี เกิดการดานทีผ่ ิวหนาเปนบาง ทนน้ําได
หลังคาที่มีใน การจับตัวทีด่ ี ฟลมไม ตําแหนงกระจายทั่วไป
ทองตลาด ดานแตเปนเงานอยกวา
ตัวอยางที่ 10-1
(ก) (ข)
(ค) (ง)
ภาพที่ 14 ผลการทดสอบความทนความรอนของแอสฟลทอิมัลชันตอสารเติมแตงอัตราสวน 8:2
โดยน้ําหนัก
(ก) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช TERIC N100 เปนสารลดแรงตึงผิว (นอนไอ
ออนิก)
(ข) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช Nansa. HS 80/SPF เปนสารลดแรงตึงผิว
(แอนไอออนิก)
(ค) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช CTAB เปนสารลดแรงตึงผิว (แคทไอออนิก)
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ
สารเคลือบกันซึTUDC
มที่มีในทองตลาด
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59 ําโดยเตรียมแผนทดสอบเหมือนการทดสอบการแหงที่ผิว อบที่
ผลการทดสอบความทนน้
อุณหภูมิ 60± 3 องศาเซลเซียส เปนเวลา 24 ชั่วโมง โดยวางในแนวระดับ แลวแชแผนทดสอบใน
น้ําซึ่งอยูในภาชนะแกว ที่อุณหภูมิ 27± 2 องศาเซลเซียส นาน 24 ชั่วโมง ของอิมัลชันชนิดนอนไอ
72
(ก) (ข)
(ค) (ง)
ภาพที่ 15 ผลการทดสอบความทนน้ําของแอสฟลทอิมัลชันตอสารเติมแตงอัตราสวน 8:2 โดย
น้ําหนัก
(ก) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช TERIC N100 เปนสารลดแรงตึงผิว (นอนไอ
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ
ออนิก) TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป (ข) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช Nansa. HS 80/SPF เปนสารลดแรงตึงผิว
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562
(แอนไอออนิ23:59:59
ก)
(ค) แอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงใช CTAB เปนสารลดแรงตึงผิว (แคทไอออนิก)
(ง) สารเคลือบกันซึมที่มีในทองตลาด
73
ผลการทดสอบการทนตอแสงอัลตราไวโอเลตของแอสฟลตอิมัลชันที่เติมสารเติมแตง
ตัวอยางที่ 10-1, 10-5 และ 10-7 แสดงในตารางที่ 14
ตารางที่ 14 การทดสอบการทนตอแสงอัลตราไวโอเลตของแอสฟลตอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงที่
ปริมาณแสงตอพื้นที่ 537 กิโลจูล/ตารางเมตร
ตัวอยางที่ ผลการทดสอบ
10-1 (TERIC N100) ฟลมดานขึ้นเล็กนอย แตยังคงเงา และไมมีรอยแตกราว
10-5 (Nansa. HS 80/SPF) ฟลมมีลักษณะกรอบขึ้นสังเกตไดจากบริเวณที่เคยเปน
ฟองอากาศ มีการหลุดของฟลม
10-7 (CTAB) ฟลมดานขึ้นแตไมมีรอยแตกราว
สารเคลือบหลังคาที่มีในทองตลาด ฟลมดานขึ้นอยางเห็นไดชดั แตไมมีรอยแตกราว
คุณสมบัติการทนตอแสงอัลตราไวโอเลตทดสอบในตูกําเนิดแสงอัลตราไวเลตขนาดกวาง
16 เซนติเมตร ยาว 144.5 เซนติเมตร สูง 22 เซนติเมตร ซึ่งมีความเขมแสงอยูระหวางชวง 64-354
ลักซ โดยแตละตําแหนงที่วางแผนทดสอบรูคาความเขมแสงที่แนนอน โดยเปรียบเทียบตัวอยางที่
ปริมาณแสงเดียวกัน ปริมาณแสงคํานวณไดจากความเขมแสงคูณกับระยะเวลาทดสอบการทดสอบ
เอกสารนี้ดทําวน์าไดโโหลดมาจากระบบ TUDCนเหล็กขนาด 5 เซนติเมตร × 5 เซนติเมตรควบคุมความหนา
ดยนําสารตัวอยางทาบนแผ
โดย ผู้ใช้ทประมาณ
ั่วไป 1.2 มิลลิเมตร แลวนําไปไวในตูแสงอัลตราไวโอเลตที่ทราบคาความเขมแสงที่แนนอน
ดาวน์โหลดเมื ่อ 03/09/2562
ผลการทดสอบตั วอยางที20:57:18
่ปริมาณแสงตอพื้นที่ 537 กิโลจูล/ตารางเมตร ของแอสฟลทอิมัลชันที่เติม
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
สารเติมแตงที่เตรียมจาก TERIC N100 ตามสูตรตัวอยางที่ 10-1 พบวาฟลมมีลักษณะดานขึ้น
เล็กนอย แตยังคงเงา ไมกรอบ และไมมีมีรอยแตกราวโดยฟลมหลังทดสอบมีลักษณะดังภาพที่ 16 ก
อิมัลชันชนิดแอนไอออนิกที่ใช Nansa. HS 80/SPF ตามสูตรตัวอยางที่ 10-5 พบวา ฟลมมีลักษณะ
74
12.1.1. การทดสอบการนําไปใชจริงกับหลังคากระเบื้อง
แอสฟลทอิมัลชันที่ใชสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC N
100 ที่เติมสารเติมแตงอัตราสวน 8:2 โดยน้ําหนัก ถูกนํามาทดสอบการนําไปใชจริงโดยการสราง
รอยรั่วจําลองบนกระเบื้องขนาดเสนผานศูนยกลาง 17/64 นิ้ว โดยทาแอสฟลทอิมัลชันกอนชั้นแรก
บนรูรั่ว จากนั้นวางผาดิบขนาด 3 เซนติเมตร × 3 เซนติเมตร แลวทาทับอีกชั้นทิ้งไว 24 ชั่วโมง ได
ลักษณะฟลมที่ซอมรอยรั่วดังแสดงในภาพที่ 17
(ก) (ข)
ภาพที่ 17 ฟลมซอมแซมรอยรั่วบนกระเบื้องโดยใชแอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตง
(ก) แอสฟลทอิมัลชันที่ใชสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC N 100 ที่เติม
สารเติมแตงอัตราสวน 8:2 โดยน้ําหนัก
(ข) สารเคลือบกันซึมที่มีในทองตลาด
จากผลการทดสอบวิเคราะหความหนืดของแอสฟลทอิมัลชันที่ใชสารลดแรง
ตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC N 100 พบวา คาความหนืดอยูในชวง 17,700-17,750 cPs สาร
เคลือบหลังคาในทองตลาดมีคาความหนืดอยูในชวง 18,780-18,840 cPs ซึ่งคาความหนืดของแอส
ฟลทอิมัลชันที่ใชสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC N 100 ที่ยังไมเติมสารเติมแตงมี
คาใกลเคียงกับสารเคลือบกันซึมในทองตลาด เมื่อเติมสารเติมแตง 8:2 โดยน้ําหนัก ลงในแอสฟลท
อิมัลชันที่ใชสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC N 100 พบวาคาความหนืดลดลงมาก
จากชวง 17,700-17,750 cPs เหลือ 2,165-2,193 cPs ซึ่งการที่ความหนืดลดลงมากนี้ เปนผลมาจาก
ในอิมัลชันของสารเติมแตงมีสวนประกอบของน้ําอยูดวย จึงทําใหความหนืดลดลงอยางมาก และทํา
ใหเกิดการเยิ้มของฟลมเมื่อทาบนแผนทดสอบ
12.1.3 การปรับปรุงคุณภาพของแอสฟลทอิมัลชันเพื่อลดการเยิ้มของฟลม
ตารางที่ 16 สูตรของสารเติมแตงในการปรับปรุงคุณภาพเพื่อใหฟลมของอิมัลชันเมื่อทาแลวไมเกิด
การเยิ้มของอิมัลชัน
เอกสารนี้ด13.
าวน์แอสฟ
โหลดมาจากระบบ TUDC งผิวรวมแคทไอออนิก-นอนไอออนิก
ลทอิมัลชันของสารลดแรงตึ
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
ถึงแมวาฟลมของแอสฟ
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59ลทอิมัลชันที่ใชสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด TERIC N
100 ที่เติมสารเติมแตงที่ประกอบไปดวยแคลเซียมคารบอเนต 40 กรัม แบไรต และทัลก อยางละ 30
กรัม Bentone EW 4 กรัม และ Natrosol 2 กรัมที่อัตราสวนแอสฟลทอิมัลชันตอสารเติมแตงเปน 8:2
โดยน้ําหนัก จะไมเกิดการเยิ้มที่ขอบของฟลมทดสอบ และสามารถแหงไดภายใน 24 ชั่วโมงตาม
81
ภาพที่ 20 ฟลมของแอสฟลทอิมัลชันที่ใชอัตราสวนสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด
TERIC N 100 และสารลดแรงตึงผิวชนิดแคทไอออนิกชนิด CTAB เปน 3:1ที่เติม
สารแตงที่ประกอบไปดวยแคลเซียมคารบอเนต 40 กรัม แบไรต และทัลก เปน
อยางละ 30 กรัม Bentone EW 4 กรัม และ Natrosol 2 กรัมที่อัตราสวนแอสฟลท
อิมัลชันตอสารเติมแตงเปน 8:2 โดยน้ําหนัก
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
จากนั้นทดลองผสมแอสฟ
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18ลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด
และหมดอายุ TERIC03/10/2562
N 100 กับแอสฟ23:59:59
ลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิกทีม่ ีชื่อทางการคาวา “CSS-1h” ของบริษัททิป
โกแอสฟลท จํากัด (มหาชน) ที่อัตราสวน 1:1โดยน้ําหนักและทดลองเติมสารเติมที่สวนประกอบ
ตาง ๆ ดังแสดงในตารางที่ 17
82
ตารางที่ 17 สูตรของแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด
TERIC N100 ผสมกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิกที่มีชื่อทางการคาวา
“CSS-1h” ที่อัตราสวน 1:1 โดยน้ําหนัก ปริมาณแอสฟลทอิมัลชันรวม 80 กรัม
ที่เติมสารเติมแตงในการปรับปรุงคุณภาพ
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
83
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
84
ตารางที่ 17 (ตอ)
แผนทดสอบฟลมเกิดการไหลไมอยูตัวเหมือนกับสารเคลือบหลังคาที่ขายในทองตลาดจึงทดลอง
เพิ่มปริมาณของ BaSO4 1 กรัม ตามตัวอยางที่ 12-11 ซึ่งใหผลใกลเคียงกับการเพิ่มปริมาณ ทัลก
1 กรัม ตามตัวอยางที่ 12-12 คือ ความหนืดเพิ่มขึ้นกวาตัวอยางที่ 12-10 อยางชัดเจน แตเนื้อฟลมยัง
ไมเนียนเทาที่ควรเนื่องจากสามารถสังเกตเห็นเม็ดของสารเติมแตงได จึงทําการเพิ่มปริมาณของ
BaSO4 0.5 กรัม ลงในสูตรที่12-10 ดังตัวอยางที่ 12-13 และปริมาณ 0.5 กรัม ดังตัวอยางที่ 12-14
โดยใหผลใกลเคียงกันคือความหนืดสูงกวาสารเคลือบหลังคาที่มีขายในทองตลาดเล็กนอยและ
เสถียร ไมเกิดการเยิ้มที่ขอบของฟลมบนแผนทดสอบ
ตารางที่ 18 สูตรของแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด
TERIC N100 ผสมกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิกที่มีชื่อทางการคาวา
“CSS-1h” ที่อัตราสวน 1:2 โดยน้ําหนัก ปริมาณแอสฟลทอิมัลชันรวม 80 กรัม
ที่เติมสารเติมแตงในการปรับปรุงคุณภาพ
ตารางที่ 19 สูตรของแอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจากสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด
TERIC N100 ผสมกับแอสฟลทอิมัลชันชนิดแคทไอออนิกที่มีชื่อทางการคาวา
“CSS-1h” ที่อัตราสวน 1:3 โดยน้ําหนัก ปริมาณแอสฟลทอิมัลชันรวม 80 กรัม
ที่เติมสารเติมแตงในการปรับปรุงคุณภาพ
จากนั้นทดลองนําอัลคิดเรซินที่มีตัวทําละลายชนิดสายโซสั้นและสารเรงแหงเติมลงใน
อิมัลชันตามสูตรตั วอยางที่ 14-4 เพื่อปรับปรุงการแหงใหไวขึ้น โดยทดลองทาบนผิวกระดาษ
เปรียบเทียบซึ่งผลที่ไดคือเห็นความแตกตางจากอัลคิดเรซินที่มีตัวทําละลายชนิดสายโซสั้นและสาร
เรงแหงที่เติมลงไปเพียงเล็กนอย
13.2. การนําไปใชจริงกับหลังคากระเบื้องของแอสฟลทอิมัลชัน
13.3 การปรับปรุงการแหงของสารเคลือบหลังคา
อุณหภูมิ เวลาที่ใชใน
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไปตัวทําละลาย ลักษณะที่สังเกตได (องศา การแหงตัว
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18 เซลเซียส) (นาที)
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
ไมเติมตัวทําละลาย คอนขางคงตัวมากกวาเมื่อเติมตัวทําละลายแลว 26 420
เมื่อทาลงบนแผนรองรับแลวเนื้อสารเหลว
โทลูอีน 26 387
แหงคอนขางชา
89
ตารางที่ 20 (ตอ)
อุณหภูมิ เวลาที่ใชใน
ตัวทําละลาย ลักษณะที่สังเกตได (องศา การแหงตัว
เซลเซียส) (นาที)
ผสมแลวสารมีลักษณะเหลวขึ้นแตนอยกวา
เมทานอล 26 327
โทลูอีน
อบที่อุณหภูมิ 50
องศาเซลเซียส 30 สารมีเนื้อที่แข็งขึ้นทาแลวแหงไวกวาเดิม 26 182.4
นาที
สารที่ขายใน
เนื้อสารเนียนมากที่สุด เนื้อสารแหงไวที่สดุ 26 100
ทองตลาด
นอกจากนี้ไดทดลองเติมเรซินในสารเคลือบหลังคา พบวาไมมีผลอยางมีนัยสําคัญตอการ
แหงตัว เชนเดียวกับการเพิ่มปริมาณสารเติมแตง แคลเซียมคารบอเนต แบไรต ทัลก และ HEC
เซลลูโลส ซึ่งหากเติมในปริมาณที่มากเกินไปสารเคลือบหลังคาจะไมเปนเนื้อเดียวกัน และไมชวย
ในการแหง และการเพิ่มน้ําชวยลดความหนืดลงแตไมมีผลตอการแหงเชนกัน
ขั้นตอนที่ 2 การเตรียมแอสฟลทอิมัลชัน
1. นําแอสฟลทไปหลอม อุณหภูมิที่หลอมตัวประมาณ 100 องศาเซลเซียส
2. น้ํามันเตาแบงออกเปนสองสวนโดย
ก. สวนแรกเติมสารละลายอิมัลซิฟายและใหความรอนที่ 60 องศาเซลเซียส
ข. สวนที่สองใหความรอนโดยอุณหภูมิ ใกลเ คีย งกับแอสฟลทคื อประมาณ 90
องศาเซลเซียส
3. เมื่อแอสฟลทหลอมตัวแลวเติมน้ํามันเตาสวนที่สองลงไปเพื่อละลายแอสฟลทใหอยูใน
รูปของเหลว
4. เติมน้ํามันเตาสวนแรกที่ผสมสารละลายอิมัลซิฟายลงในแอสฟลทกับน้ํามันเตาบางสวน
โดยรอใหอุณหภูมิแอสฟลทกับน้ํามันเตาลดต่ําลงมาประมาณ 60 องศาเซลเซียส กอนเติม
5. กวนใหเขากันใชวิธีกวนดวยแทงแกวแลวรอใหถึงอุณหภูมิหอง โดยทิ้งสารไวบนเตาให
ความรอน หามยกออกโดยเด็ดขาด เนื่องจากอุณหภูมิจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว แอสฟลท
จะไมเสถียร จะแยกตัวออกจากน้ํามันเตา ถาสารขนเกินไปใหเติมน้ําลงไปเล็กนอย
ขั้นตอนที่ 3 การผสมสารเติมแตงในแอสฟลทอิมัลชัน
สารเติมแตงประกอบดวย CaCO3 1.4 กรัม BaSO4 1.2 กรัม ทัลก 1.2 กรัม และBentone
EW 0.14 กรัม คนใหเขาเปนเนื้อเดียวกัน ตองใชเวลาประมาณ 5 นาที จากนั้นนําสารเติมแตงเติมลง
ในแอสฟลทอิมัลชันที่มีอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส โดยใชการกวนดวยแทงแกว จะไดสารเคลือบ
หลังคาเปนของผสมเนื้อเดียวกันทดสอบผสมน้ํามันเตา สารละลายอิมัลซิฟาย และสารเติมแตงดวย
อัตราสวนโดยน้ําหนักตาง ๆ กันแลวนําสารเคลือบหลังคาที่ไดไปทดสอบการแหงโดยนําไปทาบน
แผนเหล็กขนาด 3 เซนติเมตร x 10 เซนติเมตร มีพื้นที่การทาแหง 0.5 เซนติเมตร x 8 เซนติเมตร
หนา 1 มิลลิเมตร (เนื่องจากที่ความหนา 4 มิลลิเมตรใชระยะเวลาการแหงนานมากจึงไดลดความ
หนาลงเหลือ 1 มิลลิเมตร) ไดผลดังแสดงในตารางที่ 21
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
91
เวลาที่ใชใน
องคประกอบ ลักษณะที่สังเกตได การแหงตัว
(นาที)
น้ํามันเตา 8 : สารอิมัลซิฟาย 1 : สารมีลักษณะขน สีน้ําตาลออนคลายสาร
-
สารเติมแตง 2 เคลือบหลังคาเกรดการคา
น้ํามันเตา 8 : สารอิมัลซิฟาย 2 สารมีลักษณะเหลวพอเหมาะ สีน้ําตาลออน
-
:สารเติมแตง 2 คลายสารเคลือบหลังคาเกรดการคา
น้ํามันเตา 8 : สารอิมัลซิฟาย 2: สารมีลักษณะ สีดําแหงและแข็งตัวไดไวกวา
52
แอสฟลท 1: :สารเติมแตง 2 สารเคลือบหลังคาที่ไมไดเติมแอสฟลท
น้ํามันเตา 8 : สารอิมัลซิฟาย 2: สารมีลักษณะ สีดําแหงแข็งกวาการเติม แอส
54
แอสฟลท 2: :สารเติมแตง 2 ฟลท เพียง 1 สวน
สารเคลือบหลังคาที่มีขายใน
เนื้อสารเนียน 47
ทองตลาด
14. ผลการคํานวณตนทุนการผลิตแอสฟลทอิมัลชันที่เติมสารเติมแตงเพื่อใชเปนสารเคลือบกันซึม
จากการคํานวณราคาตนทุนสําหรับการผลิตแอสฟลทอิมัลชันเพื่อใชเปนสารเคลือบหลังคา
ที่มีสูตรประกอบดวย แอสฟลท 40 กรัม น้ํามันเตา 160 กรัม น้ํา 40 กรัม Terric N100 3.75 กรัม
Synthalen L 0.11 กรัม HEC 1 กรัม แคลเซียมคารบอเนต 14.21 กรัม แบไรต 12.18 กรัม ทัลก 12.18
กรัม และเบนโทน 1.42 กรัม ปริมาณ 1 กิโลกรัม การคํานวณดังแสดงในภาคผนวก ข พบวาราคา
ตนทุนเฉพาะวัตถุดิบคือ 23.41 บาท หากคิดคาไฟฟา แรงงาน บรรจุภณ ั ฑ และอื่น ๆ สารเคลือบ
หลังคาที่ผลิตไดจะมีราคา 39.52 บาท ซึ่งราคาขายของสารเคลือบหลังคาที่มีขายในทองตลาดคือ 65
บาทตอ1 กิโลกรัม ซึ่งมีความเปนไปไดในการผลิต
สรุปผลการวิจัย
การเตรียมแอสฟลทอิมัลชันระหวางการผสมแอสฟลทที่ละลายในตัวทําละลายตองควบคุม
อุณหภูมิขณะผสมประมาณ 85-90oC สวนอุณหภูมิของสารละลายอิมัลซิฟายคือ 75-80 oC จากนั้นรอ
ใหสารละลายแอสฟลทมีอุณหภูมิประมาณ 75-80 oC จึงผสมกับสารละลายอิมัลซิฟายที่มีอุณหภูมิ
เดียวกันเมื่ออุณหภูมิลดลงประมาณ 60 oC แลวจึงเติมสารเติมแตง และใหเย็นลงอยางชา ๆ เพื่อให
ไดแอสฟลทที่เนียนเปนเนื้อเดียวกัน
แอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมโดยใชสารลดแรงตึงผิวชนิดนอนไอออนิกชนิด Brij®96V,
TERIC N100, TWEEN 80 และTWEEN 85 สารลดแรงตึงผิวชนิดแอนไอออนิกชนิด Nansa. HS
80/SPF และ Nansa. LSS 480/B และสารลดแรงตึงผิวชนิดแคทไอออนิกชนิด CTAB พบวาแอส
ฟลทอิมัลชันที่เตรียมจาก TERIC N100, Nansa. HS 80/SPF และ CTAB ที่ใหผลดีที่สุดในแตละ
กลุมของสารลดแรงตึงผิว เมื่ อนํามาเติมสารเติมแตงที่ประกอบไปดวยน้ํา 150 กรัม แคลเซีย ม
เอกสารนี้ดคาร
าวน์บโอเนตทํ
หลดมาจากระบบ TUDC
าหนาที่เปนเอกซ เทนเดอรปริมาณ 30 กรัม แบไรตทําหนาที่เปนสารทนเคมีภัณฑ
โดย ผู้ใช้ทปริ
ั่วไปมาณ 30 กรัม ทัลกทําหนาที่เปนสารทําใหเปนฟลม และเพิ่มสมบัติทางกลปริมาณ 30 กรัม
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562
Bentone EW ทําหนาที23:59:59
่คลายสารอิมัลซิฟายปริมาณ 4 กรัม และNatrosol ทําหนาที่เปนตัวชวยทํา
อิมัลชันปริมาณ 1 กรัมที่อัตราสวนแอสฟลอิมัลชันตอสารเติมแตง 8:2 โดยน้ําหนัก ผลการทดสอบ
พบวา แอสฟลทอิมัลชันที่เตรียมจาก TERIC N100 ใหผลการทดสอบดีที่สุด ผลการแหงที่ผิว
สามารถแหงไดภายใน 24 ชั่วโมงที่อุณหภูมิหอง สามารถทนความรอนโดยฟลมไมไหลเยิ้มที่
93
เอกสารและสิ่งอางอิง
Chatterjee, R.K., and C.R. Millburn. 1996. Asphalt Emulsions Containing Amphoteric
Emulsifier. U.S. Patent 5,558,702.
Isobe, K., and R. Tamaki. 2000. Nonionic Emulsifier for Asphalt. U.S. Patent 6,114,418.
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื ่อ 03/09/2562
Redelius, 20:57:18
G. 1996. Bitumen Emulsion and Its Use. U.S. Patent 5,521,235.
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
Schilling, P. 1997. Anionic Bituminous Emulsions. U.S. Patent 5,668,197.
95
_______ 1997. Adhesion Enhancers for Anionic Bituminous Emulsions. U.S. Patent 5,670,562.
Schilling, P. and E. Crews. 1998. Anionic Bituminous Emulsions with Improved Adhesion. U.S.
Patent 5,772,749.
_______1998. Anionic Bituminous Emulsions with Improved Adhesion. U.S. Patent 5,776,234
Suchanec, R.R. 1997. Asphalt Emulsions with Lignin Containing Emulsifier. U.S. Patent
5,683,497
Tamaki, R., K. Asamori, H. Sasaki, H. Funada, and T. Taniguchi. 1999. Asphalt Emulsions. U.S.
Patent 5,928,418.
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
96
ภาคผนวก
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
97
ภาคผนวก ก
ตัวอยางการคํานวณปริมาณแสงรังสีอัลตราไวโอเลต
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
98
เนื่องจากเครื่องมือที่ใชทดสอบการทนแสงอัลตราไวโอเลตแตละตําแหนงมีความเขมแสงที่
ไมเทากัน แตสามารถทราบคาความเขมแสงที่แนนอน และเปลี่ยนไปเปนปริมาณแสงที่ไดรับตอ
พื้นที่เพื่อสะดวกตอการเปรียบเทียบโดยมีวิธีการคํานวณดังที่
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
99
ภาคผนวก ข
การคํานวณตนทุนการผลิตแอสฟลทอิมัลชันเพื่อใชเปนสารเคลือบหลังคา
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
100
ตารางผนวกที่ ข 1 ราคาตนทุนสารเคมีสําหรับการผลิตแอสฟลทอิมัลชันเพื่อใชเปนสารเคลือบ
หลังคาประกอบดวย แอสฟลท 40 กรัม น้ํามันเตา 160 กรัม น้ํา 40 กรัม Terric
N100 3.75 กรัม Synthalen L 0.11 กรัม HEC 1 กรัม แคลเซียมคารบอเนต 14.21
กรัม แบไรต 12.18 กรัม ทัลก 12.18 กรัม และเบนโทน 1.42 กรัม
ราคาตอหนวย ปริมาณที่
สารเคมี หนาที่ ตนทุน(บาท)
(บาทตอกิโลกรัม) ใช (กรัม)
แอสฟลท เฟสไมตอเนื่อง 25* 142.86 3.57
น้ํากลั่น เฟสตอเนื่อง 6.3* 127.37 0.80
TERIC N 100 สารอิมัลซิฟาย 137 11.94 1.64
a
น้ํามันเตาเกรด A สวนขน ตัวทําละลาย 26.7 571.43 15.26
HEC เซลลูโลส สารอิมัลซิฟายชวย 325 3.18 1.03
คารบอกซีไวนิลพอลิเมอร สารอิมัลซิฟายชวย 760 0.36 0.27
ทัลก สารทําใหเปนฟลม 7 43.51 0.30
และเพิ่มสมบัติทาง
กล
แบไรต สารทนเคมีภณ ั ฑ 7 43.51 0.30
เบนโทน เอกซเทนเดอร 7 5.1 0.04
แคลเซียมคารบอเนต เอกซเทนเดอร 4 50.74 0.20
รวม 1,000 23.41
หมายเหตุ
* แอสฟลทคิดตามราคาขายครั้งละ 25 กิโลกรัม น้ํากลั่นคิดราคาจากขวด 950 ลูกบาศกเซนติเมตร
a น้ํามันเตาเมื่อนํามาทําใหขนคลายดินน้ํามันมีปริมาตรลดลงเหลือประมาณรอยละ 30 ราคา
น้ํามันเตากิโลกรัมละ 8 บาท ดังนั้นเมื่อนําสารระเหยบางสวนออกคาใชจายของน้ํามันเตาจึง
เอกสารนี้ดาวน์เปโหลดมาจากระบบ TUDCอกิโลกรัม ทั้งนี้หากคิดราคาสารระเหยที่แยกออกไปราคาน้ํามัน
น 8/0.30 เทากับ 26.7 บาทต
โดย ผู้ใช้ทั่วไปเตาก็จะถูกลงอีก
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59
คาอุปกรณ
1. คาเตาไฟฟา อายุการใชงาน 5 ป (2,628,000 นาที) ราคา 10,000 บาท ในการผลิต 1 กิโลกรัมใช
เวลาในการใหความรอน 30 นาที
101
คาไฟฟา
คาไฟฟาในการใหความรอนแอสฟลท น้ํา คิด 1 บาท ตอกิโลกรัมของผลิตภัณฑ
คาบรรจุภัณฑ
10 บาทตอกิโลกรัมของผลิตภัณฑ
คาแรงงาน
คาแรง 25 บาทตอชั่วโมง ในเวลา 1 ชั่วโมงสามารถผลิตได 5 กิโลกรัม
คาแรงคิดเปน 5 บาทตอกิโลกรัมของผลิตภัณฑ
ตนทุนรวมในการผลิตตอ 1 กิโลกรัมของผลิตภัณฑ
23.41 + 0.11 + 1 + 10 + 5 = 39.52 บาทตอกิโลกรัมของผลิตภัณฑ
เอกสารนี้ดาวน์โหลดมาจากระบบ TUDC
โดย ผู้ใช้ทั่วไป
ดาวน์โหลดเมื่อ 03/09/2562 20:57:18
และหมดอายุ 03/10/2562 23:59:59