Professional Documents
Culture Documents
อ.พฤฒิพร เนติโพธิ์
กลุม
่ มาตราทีน
่ า
่ สนใจ
มาตรา ๑๒๙๙ (ออกสอบเนติ ข ้อ ๑ สมัยที่ ๖๐, ๖๔, ๖๕ วรรคสอง, ๖๖
วรรคสอง, ๗๐, ๗๓) ภายในบั ง คั บ แห่ง บทบั ญ ญั ต ใิ นประมวลกฎหมายนี้ ห รือ
กฎหมายอืน ่ ท่านว่าการได้มาโดยนิตก ั
ิ รรมซงึ่ อสงหาริ มทร ัพย์หรือทร ัพยสท ิ ธิ
อ ันเกีย ั
่ วก ับอสงหาริ มทร ัพย์นัน
้ ไม่บริบูรณ์ เว ้นแต่นต
ิ ก
ิ รรมจะได ้ทําเป็ นหนั งสอื
และได ้จดทะเบียนการได ้มากับพนักงานเจ ้าหน ้าที่
ถ า้ มี ผู ้ ไ ด้ ม า ซ ึ่ ง อ ส ัง ห า ริ ม ท ร ัพ ย์ ห รื อ ท ร ัพ ย ส ิ ท ธิ อ ัน เ กี่ ย ว ก ับ
ั
อสงหาริ มทร ัพย์โดยทางอืน ่ นอกจากนิตก ิ รรม สท ิ ธิของผู ้ได ้มานัน้ ถ้าย ังมิได้
จดทะเบียนไซร้ ท่านว่าจะมีการเปลีย ่ นแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และสท ิ ธิอัน
ยังมิได ้จดทะเบียนนั น ้ มิให ้ยกขึน ้ เป็ นข ้อต่อสูบุ้ คคลภายนอกผู ้ได ้สท ิ ธิมาโดยเสย ี
ค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได ้จดทะเบียนสท ิ ธิโดยสุจริตแล ้ว (ออกสอบเนติ
ข ้อ ๑ สมัยที่ ๖๕, ๖๖)
มาตรา ๑๓๙๓ ถ ้ามิไ ด ้กํ า หนดไว ้เป็ นอย่า งอืน
่ ในนิต ก
ิ รรมอั น ก่อให ้เกิด
ภาระจํายอมไซร ้ ท่านว่าภาระจํายอมย่อมติดไปกับสามยทรัพย์ซงึ่ ได ้จําหน่าย หรือ
ตกไปในบังคับแห่งสท ิ ธิอน
ื่
ิ ธิอ ื่น
ท่ า นว่ า จะจํ า หน่ า ย หรื อ ทํ า ให ้ภาระจํ า ยอมตกไปในบั ง คั บ แห่ ง ส ท
ต่างหากจากสามยทรัพย์ไม่ได ้
มาตรา ๑๓๙๗ (ออกสอบเนติฯ ข ้อ ๑ สมัยที่ ๗๓) ถ ้าภารยทร ัพย์หรือ
ิ้ ไป
สามยทร ัพย์สลายไปทัง้ หมด ท่านว่าภาระจํายอมสน
มาตรา ๑๓๙๙ (ออกสอบเนติฯ ข ้อ ๑ สมัยที่ ๗๓) ภาระจํายอมนั น
้ ถ ้า
้ บ
มิได้ใชส ิ ปี ท่านว่าย่อมสน
ิ้ ไป
เจาะประเด็น เน้นออกสอบ
ประเด็นที่ ๑
กรณีทน ี่ ต
ิ ก ่ ําให้ได้มาซงึ่ ทร ัพยสท
ิ รรมทีท ิ ธินนไม่
ั้ ได้จดทะเบียน มีผล
ทําให้ไม่บริบร
ู ณ์ในฐานะเป็นทร ัพยสท ิ ธิ แต่สมบูรณ์ในฐานะบุคคลสท ิ ธิ
มีประเด็นทีจ ่ ะต้องพิจารณาว่าคูก ั
่ รณีในสญญาจะอาศ ั คคลสท
ยบุ ิ ธินน ้ั
ฟ้ องเรีย กร้อ งให้คู่ ก รณี อ ีก ฝ่ ายดํ า เนิน การจดทะเบีย นการได้ ม าซ ึ่ ง
ทร ัพยสท ั
ิ ธิในอสงหาริ มทร ัพย์ได้หรือไม่
คําตอบ มีคําพิพากษาฎีกาวินจ
ิ ฉัยไว ้ดังนี้
ผูก พ น
ั และบ งั ค ับโจทก์ไ ด้ใ นฐานะบุคคลส ท ิ ธิ คํ า พิพ ากษาศาลชัน
้ ต ้น ที่ใ ห ้
โจทก์จดทะเบียนสท ิ ธิเหนือพืน
้ ดินให ้แก่จําเลยจึงไม่ชอบ
ประเด็นที่ ๑
ิ ธิมล
แต่ถา้ บุคคลสท ั
ี ักษณะเป็นสญญาเพื อ
่ ประโยชน์บุคคลภายนอก
ด้วย เมือ
่ บุคคลภายนอกแสดงเจตนาถือเอาประโยชน์จากข้อตกลงนนแล้ ั้ ว
บุ ค คลภายนอก ย่อ มบ งั ค บ ั ตามข้อ ตกลงน น
ั้ ได้ รวมท งั้ ฟ้ องบ งั ค บ
ั ให้จ ด
ทะเบียนด้วย
คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๔๔๑/๒๕๖๑ จําเลยทัง้ สามเป็ นเจ ้าของกรรมสท ิ ธิ์
รวมในที่ด น ิ พิพ าทโฉนดทีด ่ นิ เลขที่ ๑๖๙๖๒ ทํ า บั น ทึกข ้อตกลงให ้ทีด ่ น
ิ พิพาท
โฉนดทีด ิ เลขที่ ๑๖๙๖๒ เป็นทางภาระจํายอมให ้แก่ทด
่ น ี่ น
ิ โฉนดเลขที่ ๙๘๗๘
เป็ นทางเข า้ ออกไปสู่ ท างสาธารณะได ้ หรื อ ใช เป็ ้ นถนนสั ญ จรไปมาร่ ว มกั น
ตลอดจนยั ง มีส ท ิ ธิใ ช เพื
้ ่อ การติด ตั ง้ เสาและการเดิน สายไฟฟ้ า โทรศั พ ท์ ท่ อ
นํ้ าประปา ท่อระบายนํ้ า เพือ ่ พาดผ่านหรือฝั งในทีด ่ นิ ภาระจํ ายอมดังกล่าวอันเป็ น
ขอ ้ ต ก ล ง ก่ อ ตั ้ ง ภ า ร ะจํ า ย อ ม ที่ ม ี ล ก
ั ษณ ะเ ป็ นส ญ ั ญ า เพื่ อ ประโ ยชน์แ ก่
บุ ค คลภายนอก โจทก์ท ี่ ๑ รั บ โอนที่ ด ิน โฉนดเลขที่ ๙๘๗๘ อั น เป็ นที่ ด ิน
สามยทรั พ ย์ ส่ว นโจทก์ท ี่ ๒ รั บ โอนที่ด ิน ซ งึ่ แบ่ง แยกมาจากที่ด น ิ โฉนดเลขที่
๙๘๗๘ ภาระจํายอมทีก ่ อ ้ ตามบันทึกข ้อตกลงย่อมติดไปกับสามยทรัพย์ ซงึ่
่ ตัง้ ขึน
ได ้โอนมาเป็ นของโจทก์ทงั ้ สองด ้วย (มาตรา ๑๓๙๓)
ตามบันทึกเพือ
่ ประโยชน์แก่ทด
ี่ น
ิ ของโจทก์ทัง้ สอง ทีด
่ น
ิ พิพาทจึงตกเป็ นภาระจํา
ยอมตามบันทึกข ้อตกลง
๑. มีขอ
้ ตกลงก ันให้ไปจดทะเบียนแต่ย ังไม่ได้ไปจดทะเบียน
กรณี ม ก ี ารตกลงก นั ให้ไ ปจดทะเบีย นการได้ม า แต่ย งั ไม่ไ ด้ไ ปจด
ทะเบียน ซงึ่ อาจมีสาเหตุมาจากมีขอ ้ ข ัดข้องหรืออีกฝ่ายหนึง่ บิดพลิว้
คํ า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่ ๑ ๘ ๕ / ๒ ๕ ๓ ๖ โ จ ท ก์ แ ล ะ จํ า เ ล ย ทํ า สั ญ ญ า
ประนีประนอมยอมความกัน มีข ้อตกลงคือจําเลยซงึ่ เป็ นเจ ้าของทีด ่ น
ิ ยอมให ้โจทก์
แ ล ะ บ ริ ว า ร เ ดิ น ผ่ า น ที่ ดิ น ข อ ง จํ า เ ล ย ท า ง ทิ ศ ต ะ วั น ต ก อ อ ก ไ ป สู่ ถ น น
สาธารณประโยชน์ โดยยอมให ้โจทก์ ถมทีด ่ นิ เป็ นถนนและฝั งท่อระบายนํ้ าตลอด
แนวจนถึงทางสาธารณประโยชน์เป็ นระยะทางยาวประมาณ ๓ เสน้ โดยโจทก์เป็ น
ี ค่าใชจ่้ ายเอง และจําเลยตกลงจะจดทะเบียนให ้ถนนดังกล่าวเป็ นทางภาระจํา
ผู ้เสย
ยอมแก่โจทก์โดยจํ าเลยเป็ นผู ้ชําระค่าธรรมเนียม เมือ ่ มีข ้อตกลงชัดแจ ้งอย่างนี้
สัญญาประนีประนอมยอมความ จึงมีผลผูกพันจํ าเลย ส่วนทีจ ่ ํ าเลยอ ้างว่าการได ้
ทางภาระจํ ายอมโดยนิตก ิ รรมไม่ได ้จดทะเบียนอพนั กงานเจ ้าหน ้าทีจ ่ งึ ไม่บริบรู ณ์
ตามมาตรา ๑๒๙๙ โจทก์ไม่สามารถนํ านิตก ิ รรมดังกล่าวมาฟ้ องบังคับให ้ไปจด
ทะเบีย นภาระจํ า ยอมนั ้น ได ้ เห็ น ว่า สัญ ญาประนี ป ระนอมยอมความเป็ นสัญ ญา
ก่อตัง้ ภาระจํ ายอมในทางพิพาท โดยมีข ้อตกลงว่า จํ าเลยจะจดทะเบียนภาระจํ า
ยอมให ้โจทก์ใชเป็ ้ นทางออกสู่ถนนสาธารณประโยชน์ เมือ ่ จํ าเลยไม่ปฏิบัตต ิ าม
สั ญ ญาดั ง กล่ า ว โจทก์ย่ อ มมีส ิท ธิฟ้ องบั ง คั บ จํ า เลยซ งึ่ เป็ นคู่ สั ญ ญาให ้ไปจด
ทะเบียนทางพิพาทเป็ นทางภาระจํายอมได ้
ิ ธิมาทางพิน ัยกรรม
๓. การได้ร ับสท
คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๖๗/๒๕๔๒ ตามข ้อกําหนดพินัยกรรมระบุให ้โจทก์
มีสทิ ธิอยู่อาศัยในทีด่ นิ ได ้ชั่วชวี ต
ิ ของโจทก์ สท ิ ธิอยู่อาศัยดังกล่าวเป็ นสท ิ ธิเหนือ
พืน
้ ดินตาม มาตรา ๑๔๑๐ และเป็ นทรัพยสท ิ ธิซงึ่ โจทก์ได ้รับมาตามพินัยกรรมโดย
ชอบ โจทก์จ ึง ชอบที่จ ะใช ส้ ท ิ ธิใ ห ้จํ า เลยในฐานะผู ้จั ด การมรดกดํ า เนิน การจด
ทะเบียนสท ิ ธิเหนือพืน
้ ดินให ้แก่โจทก์ เพือ ่ ให ้โจทก์มส ิ ธิบริบูรณ์ตามข ้อกําหนด
ี ท
๔. ข้อตกลงก่อตงภาระจํ
ั้ ายอมทีม
่ ล ั
ี ักษณะเป็นสญญาเพื
อ ่ ประโยชน์
บุคคลภายนอก
คําพิพากษาฎีกาที่ ๒๙๗๕/๒๕๕๓ น. เสนอขายทีด ่ น ิ โดยนํ ารูปแผนที่
หลังโฉนดทีด ่ น
ิ มาแสดงแก่โจทก์เพือ ่ ยืนยันว่าหากโจทก์ซอ ื้ ทีด่ น ิ ของ น. โจทก์ก็ม ี
สท ิ ธิใชทางพิ
้ พาทเป็ นทางเข ้าออกและใชประโยชน์ ้ เกีย
่ วแก่การสาธารณู ปโภค
สําหรับทีด ่ น
ิ ทีซ ื้ ได ้ เมือ
่ อ ่ โจทก์ตกลงซอ ื้ ทีด
่ นิ ตามที่ น. เสนอจึงเกิดเป็ นสัญญา
ก่อให ้เกิดภาระจํายอม การที่ น. ไม่ได ้จดทะเบียนภาระจํายอมให ้แก่โจทก์เหมือน
อย่ า งที่ด ิน ซ งึ่ แบ่ ง แยกพร ้อมกั บ แปลง อื่น ๆ คงมีผ ลเพีย งทํ า ให ้ภาระจํ า ยอม
ดังกล่าวยังไม่เป็ นทรัพยสท ิ ธิทส ี่ มบูรณ์ตามมาตรา ๑๒๙๙ วรรคหนึง่ เท่านั น ้ แต่ก็
เป็ นบุคคลสท ิ ธิใชบั้ งคับกันได ้ในระหว่างคู่สัญญา และไม่ใชส ่ ท ิ ธิทต ่ี ามกฎหมาย
หรือว่าโดยสภาพแล ้วเป็ นการเฉพาะตัวของ น. โดยแท ้ เมือ ่ น. ถึงแก่ความตาย
สท ิ ธิหน ้าทีแ่ ละความรับผิดต่าง ๆ ตามสัญญาภาระจํ ายอมย่อมตกทอดแก่จําเลย
ซงึ่ เป็ นทายาทตามมาตรา ๑๕๙๙ และมาตรา ๑๖๐๐ โจทก์จงึ มีสท ิ ธิฟ้องบ ังค ับ
ให้จําเลยไปดําเนินการจดทะเบียนภาระจํายอม และบ ังค ับให้จําเลยรือ ้ ถอน
รวเสาปู
ั้ นและลวดหนามทีป ่ ิ ดกนทางพิ
ั้ พาทซงึ่ เป็นภารยทร ัพย์ออกได้
สรุ ป ตามคํ า พิพ ากษาฎีก าดั ง กล่า วสรุ ป ได ้ว่า คู่ก รณี ไ ม่ ม ีเ จตนาที่จ ะจด
ทะเบียนกัน เพือ ิ ธิ ต่อมาภายหลังฝ่ ายหนึง่ ฝ่ ายใดจะฟ้ อง
่ ให ้บริบรู ณ์เป็ นทรัพยสท
ิ ธิย่ อ มไม่ ไ ด ้ (คํ า
บั ง คั บ ให ้อีก ฝ่ าย ไปจดทะเบีย นเพื่อ ให ้บริบูร ณ์ เ ป็ นทรั พ ยส ท
พิพากษาฎีกาที่ ๗๔๙/๒๕๓๖, ที่ ๖๐๕๔/๒๕๕๗)
แต่มข
ี อ ้ ยกเว้นให้ฟ้องบ ังค ับให้จดทะเบียนได้ เช่น มีข ้อตกลงชัดแจ ้ง
ให ้ไปจดทะเบียนแล ้วไม่ไป อีกฝ่ ายหนึ่งมีสท ิ ธิฟ้องบังคับให ้ไปจดทะเบียนตาม
ข ้อตกลงได ้ มีข ้อตกลงพิเ ศษอย่ า งสั ญ ญาต่ า งตอบแทนฟ้ องบั ง คั บ ให ้ไปจด
ทะเบียนให ้บริบูรณ์ ตามกฎหมายสมเจตนาของคู่กรณีได ้ ได ้รับสท ิ ธิมาโดยทาง
พินัยกรรม ผู ้ได ้สทิ ธิสามารถฟ้ องทายาทของเจ ้ามรดกหรือผู ้จัดการมรดกบังคับให ้
จดทะเบียนเพือ ิ ธิบริบรู ณ์ ตามข ้อกําหนดในพินัยกรรมข ้อตกลงก่อตัง้ ภาระ
่ ให ้มีสท
จํ ายอมที่ม ีล กั ษณะเป็ นส ญ ั ญาเพื่อ ประโยชน์แ ก่ บุ ค คลภายนอก เมื่ อ
บุคคลภายนอกแสดงเจตนาถือเอาประโยชน์ตามข ้อตกลงแล ้ว ย่อมฟ้ องบังคับให ้
เจ ้าของภารยทรัพย์จดทะเบียนภาระจํายอมได ้
ตามทีส
่ รุปดังกล่าวข ้างต ้นจะเห็นว่าศาลฎีกามีแนวโน ้มทีจ ่ ะวินิจฉั ย ให ้ผู ้ที่
ได ้รับอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสท ิ ธิอันเกีย่ วกับอสังหาริมทรัพย์ตามวรรคหนึง่ มี
การฟ้ องบังคับให ้จดทะเบียนเพือ ่ ให ้บริบรู ณ์ในฐานะทรัพยสท ิ ธิงา่ ยยิง่ ขึน
้