Professional Documents
Culture Documents
อวดอุตริมนุสธรรมที่มีในตน บทที่ 10
อวดอุตริมนุสธรรมที่มีในตน บทที่ 10
่ บ ิ ดารทางใจครงที
ั้ ส่ าม: เห็นแมวจ ับหนูได้เอง
อุดมคติก ับของจริงไม่เหมือนก ัน
การคิดอย่างมีอด ุ มคติกบ ั การใช ้ชีวต ิ จริงเพือ ่ ให ้บรรลุอด ุ มคตินัน ้ เป็ นคนละเรือ ่ ง
กันราวฟ้ ากับดิน อุดมคติเป็ นเรือ ่ งการคิดอย่างสวยหรู คิดเพือ ่ ให ้ตัวตนรู ้สึกดีขน ึ้ เป็ น
เรือ่ งทีม
่ แ
ี ต่ลม แต่การใช วต ้ชี ิ ตามอุดมคติทส ี่ วยหรูนัน ้ เป็ นความจริงทีร่ ู ้สึกได ้จริง ๆ เป็ น
ของจริงทีท ่ ก
ุ ๆ เซลในร่างกายและจิตใจจะต ้องเข ้าไปรับรู ้ถึงความรู ้สึกทุกอย่างทีผ ่ า่ น
เข ้ามาในทุกลมหายใจของชีวต ิ ไม่วา่ จะเป็ นความทุกข์หรือสุข ซึง่ เป็ นเรือ ่ งทีท ่ ายากกว่า
การคิดอย่างลม ๆ แล ้ง ๆ หลายล ้านเท่าตัวนัก
ไม่เคยมีใครบอกว่าชีวต ิ แต่งงานเป็ นเรือ ่ งง่าย มันจะง่ายไม่ได ้ เพราะแม ้อยูต ่ ัวคน
เดียวก็ยังทะเลาะกับความคิดและความรู ้สึกของตัวเองอย่างนับครัง้ ไม่ถ ้วนจนต ้องเข ้าวัด
โน ้นออกวัดนี้เพือ ่ หาความสงบใจมาแล ้ว ฉะนัน ้ การมาใช ้ชีวต ิ กินอยูห ่ ลับนอนกับคนอีก
คนหนึง่ จะง่ายขึน ้ ได ้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิง่ ได ้เลือกมาอยูไ ่ กลบ ้านกับคนทีพ ่ ูดต่าง
ภาษาและต่างวัฒนธรรมกัน การปรับตัวเข ้าหากันและกันย่อมยากมากขึน ้ เป็ นธรรมดา
ยิง่ กว่านัน้ ภายใน ๕ ปี แรกของชีวต ิ แต่งงาน เราก็มล ี ก
ู เล็กเข ้าไปถึงสามคน ถึงตอนนัน ้
เราจึงมองออกว่า การพร่าบ่นถึงความทุกข์ในอดีตทีย ่ ังเป็ นโสดอยูน ่ ัน้ ช่างเป็ นเรือ ่ ง
เล็กน ้อยเสียจริง เพราะการเป็ นแม่คนนัน ้ มันหนักกว่ามากนัก
การคิดตามอุดมคติทจ ี่ ะเลือกคนจนและอยูอ ่ ย่างจน ๆ นัน ้ ในชีวต ิ แห่งความเป็ น
จริงแล ้วไม่ได ้เป็ นไปอย่างสวยหรูดังทีค ่ ดิ ไว ้เลย เป็ นเรือ่ งทีต ่ ้องอดทนและต่อสู ้อย่าง
มากมาย
เฝ้าดูกอ ้ นทุกข์อยู่ ๕ ปี
ในช่วง ๕ ปี แรกของชีวต ิ แต่งงาน เมือ ่ ถูกความทุกข์กระหน่าแล ้ว จิตใจมักอ่อน
ปวกเปี ยก หมดเรีย ่ วแรงทีจ ่ ะต่อสู ้ ประสบการณ์ทางธรรมในอดีตทีเ่ คยดืม ่ ด่ากับความสงบ
กลายเป็ นความฝั นทีไ่ กลสุดเอือ ้ ม ความทุกข์ในช่วงนัน ้ ได ้สรุปให ้ตัวเองว่า เรานัน ้ ยังเป็ น
ปุถชุ นคนธรรมดาทีห ่ นาแน่นไปด ้วยกิเลส จึงถูกความทุกข์คม ุ คามมากมายเช่นนัน ้ รอให ้
เวลาเยียวยา สิง่ ทีท ่ าได ้คือ การพยายามเอาปั ญญามาบอกตัวเองว่า หน ้าตาความทุกข์
มันเป็ นอย่างนี้หนอ เห็นจัง ๆ เข ้าแล ้ว หากไม่เกาะธรรมให ้แน่น ต ้องถูกความทุกข์ถล่ม
ตายแน่ คิดได ้เช่นนัน ้ จึงพยายามหาเวลาทาสมาธิแบบหลับตาบ ้าง เพราะเหมือนกับรู ้ว่า
มันจะช่วยเสริมพลังใจ ทาให ้มีแรงต ้านทานความทุกข์ได ้ดีขน ึ้ หลังจากลืมตาขึน ้ แล ้ว แต่
พอหลับตาทาสมาธิ ก็มักเห็นก ้อนทุกข์ในใจทีห ่ นักอึง้ อย่างชัดเจน มีบางครัง้ ทีส ่ ามารถ
เห็นก ้อนทุกข์คลายตัวจนเห็นความโล่ง เบา และสงบอยูช ่ วั่ ขณะหนึง่ แม ้จะเป็ นขณะหนึง่
ทีส
่ นั ้ มาก ก็ทาให ้เห็นทางออกของชีวต ิ และมีกาลังใจทีจ ่ ะต่อสู ้ขึน ้ มาบ ้าง ฉะนั น ้ ทัง้ ๆ ที่
ยังทุกข์มากในขณะทีล ื ตาและใช ้ชีวต
่ ม ิ ประจาวันอยูน ่ ัน
้ ก็ยังพยายามโน ้มเอาปั ญญาเข ้า
มาพูดกับตัวเองเสมอว่า เอานะ เฝ้ าดูความก ้อนทุกข์ในใจอยูอ ่ ย่างนี้แหละ ต ้องอดทนดู
จนมันคลายตัวหายไปเอง เพราะพระพุทธองค์ตรัสว่า ความทุกข์อยูท ่ ไี่ หน ความดับทุกข์
ก็อยูท ่ น
ี่ ั่น พยายามบอกกับตัวเองว่า เราได ้เปรียบคนอืน ่ ทีเ่ ห็นก ้อนทุกข์อยูต ่ าตาเช่นนี้
แม ้จะเจ็บปวดยังไงก็ต ้องทน เพราะความหมดทุกข์มันต ้องอยูแ ่ ถวนี้ จะอยูไ ่ กลไม่ได ้
เริม
่ เห็นความเป็นอ ัตโนม ัติของจิตใจ
เมือ
่ ลูกคนเล็กอายุได ้ ๘ เดือน ปี ๒๕๓๐ เราเริม ่ ไปทาความสะอาดบ ้านอาทิตย์
ละครัง้ ให ้คุณป้ าทวดของลูกซึง่ มีอายุ ๘๐ ปี เธออยูก ่ บ
ั สามีอายุ ๘๒ ปี วันหนึง่ เรากาลัง
ดูดฝุ่ นอยูท
่ ห ี่ ้องนั่งเล่น ในขณะทีล ่ งุ กับป้ ากาลังนั่งอยูห ่ ้องครัว จู่ ๆ เราก็สงั เกตเห็น
ความคิดหนึง่ โผล่เข ้ามาในหัว ทันใดนัน ้ เอง เราก็ได ้ยินตัวเองตะโกนออกมาอย่างดังว่า
“Oh…no” และเห็นตัวสติเข ้าไปจัดการกับความคิดทีก ่ าลังจะปรุงนัน ้ อย่างเป็ นอัตโนมัต ิ
และแล ้ว สภาวะจิตทีก ่ าลังจะฟูขน ึ้ มาก็ดับวูบหายไปทันทีตอ ่ หน ้าต่อตาเรา เสียงตะโกน
ของเราดังมากจนคุณลุงรีบเดินมาดูวา่ อะไรเกิดขึน ้ กับเรา จาได ้ว่าต ้องหาคาแก ้ตัวเพราะ
ไม่รู ้จะอธิบายให ้คุณลุงฟั งอย่างไร และในช่วงนัน ้ เราก็กาลังตะลึงอยูก ่ บั ปรากฏการณ์
ทางใจทีเ่ พิง่ เกิดขึน ้ และเสร็จสิน ้ ไปหยก ๆ มันไม่ใช่เป็ นประสบการณ์ทอ ี่ ศั จรรย์เหมือนที่
เราเคยมีเมือ ่ ครัง้ ทีย ่ ังเป็ นนักศึกษา แต่ก็มค ี วามประหลาดและวิเศษอยูใ่ นตัวมันไม่น ้อย
เลย
“อย่าลูก” เกิดเพราะเหตุน ี้
ฉะนัน
้ คาว่า Oh…no หรือ อย่านะทีเ่ ราพูดอุทานในครัง้ แรกสุดทีบ ่ ้านป้ าทวดนัน ้ ก็
คือ คาดุของแม่(สติ)ทีม ่ ต
ี อ
่ ลูก(สังขาร)นั่นเอง จาได ้ว่าเราอุทานคานี้อยูน ่ านพอสมควร
พอดีชว่ งนัน
้ เป็ นช่วงเวลาทีเ่ รามีลก ู เล็กตัง้ แต่ ๑ ถึง ๖ ขวบอยูถ่ งึ สามคน การดุลก ู บอก
ลูกว่าอย่าทาโน่นทานี่จงึ เกิดขึน ้ เสมอ พอเวลาผ่านไป คาว่า “อย่าลูก” นอกจากจะเป็ น
คาทีเ่ ราบอกลูกเล็กของเราแล ้ว คา ๆ นี้ยังเป็ นคาทีโ่ พล่งออกมาเมือ ่ เกิดสภาวะของแมว
จับหนูในใจของเราด ้วย บางครัง้ หนูทเี่ ข ้ามาตัวใหญ่มาก แมวเห็นแล ้วต ้องวิง่ ไล่ตะครุบ
หนูอย่างสุดแรง ฉะนัน ้ ทันทีทแ ี่ มวเห็นหนูตัวใหญ่ คาอุทาน “อย่าลูก” ของเราจึงออกมา
ดังมากจนกลายเป็ นการตะโกน เหมือนเห็นลูกกาลังเอือ ้ มมือจับเตารีดทีย ่ ังร ้อนอยู่ แม่
ต ้องรีบตะโกนออกมาอย่างดังมากว่า “อย่าลูก” ฉันนัน ้
อธิบายให้สามีฟง ั ยากมาก
เหตุการณ์ได ้เป็ นไปเช่นนัน ้ ถึงสามปี เย็นวันหนึง่ ในขณะทีพ ่ วกเรา ๕ คนนั่ งดู
โทรทัศน์อยูด ่ ้วยกันในห ้องนั่งเล่นนัน ้ ถึงแม ้สายตาเราจะดูโทรทัศน์ แต่สติในส่วนทีเ่ ป็ น
อัตโนมัตน ิ ี้กย็ ังทางานอย่างขมักเข ้มนเหมือนทีท ่ ามาแล ้วเป็ นเวลาสามปี จู่ ๆ หนูตัวใหญ่
คงจะโผล่เข ้ามาในหัว จาไม่ได ้ว่ามันคือความคิดอะไร แมววิง่ ตะครุบหนูตัวใหญ่นัน ้ ทันที
คาอุทาน “อย่าลูก” ออกมาดังมากชนิดตะโกนสุดเสียง ทุกคนในห ้องตกใจ ลูก ๆ ที่
กาลังนอนเกยคางดูโทรทัศน์หันขวับมามองแม่แล ้วก็สน ั่ หัว ลูกคนหัวปี บน ่ ว่า “Mummy
has bad mind again.” แล ้วพวกเขาก็ไม่สนใจ หันกลับไปดูโทรทัศน์เหมือนไม่มอ ี ะไร
เกิดขึน ้ เพราะนี่เป็ นปรากฏการณ์ในครอบครัวทีล ่ กู ๆ ชินและโตมากับมันแล ้ว
แต่นั่นเป็ นครัง้ แรกทีส ่ ามีเห็นความไม่ปกติของเราอย่างชัดเจน เพราะเขาตกใจ
กับคาอุทานของเราทีต ่ ะโกนออกมาอย่างดังมาก จึงเค ้นเอาคาอธิบายจากเรา อธิบายให ้
เด็กนัน้ ง่ายกว่าอธิบายให ้ผู ้ใหญ่ฟังมากมายนัก เราจึงต ้องอธิบายเพิม ่ เติมว่า นี่เป็ นเรือ
่ ง
การทาสมาธิของเรา เพราะนอกจากทาสมาธิแบบหลับตาอย่างทีเ่ ขาเคยเห็นเราทาแล ้ว
พอลืมตา เรายังต ้องทาสมาธิอยูโ่ ดยการดูใจตัวเองตลอดเวลา ถ ้าเห็นความคิดไม่ดเี ข ้า
มา เราต ้องหยุดมันทันที จึงต ้องดุใจตัวเองโดยใช ้คาว่า “อย่าลูก”
พยายามพูดให ้สามีเข ้าใจว่า ทุกครัง้ ทีค ่ าว่า “อย่าลูก” หลุดออกมา มันเป็ น
สัญญาณทีด ่ ี ไม่ใช่ไม่ด ี ถ ้าเราทาอย่างนัน ้ ได ้ ใจเราจะปลอดภัย สามีฟังแล ้วงงมาก ไม่รู ้
เรือ
่ งเลยว่าเราพูดถึงอะไร แต่ก็พยักหน ้าทาเหมือนเข ้าใจ เมือ ่ เขาเริม่ สังเกตเห็นครัง้ แรก
แล ้ว ก็เห็นเรือ ่ ยมาจนถึงบัดนี้
เห็นแม่หนูคลอดลูกหนู เห็นปฏิจสมุปบาทฝ่ายเกิด
จากเหตุการณ์ครัง้ แรกทีส ่ งั เกตเห็นสภาวะแมวจับหนูเองทีบ ่ ้านป้ าทวดในวันนัน ้
มันก็เกิดขึน ้ อีกทุกวัน และหลาย ๆ ครัง้ ต่อวัน ขึน ้ อยูก่ บ
ั ความมากน ้อยของปั ญหาทีเ่ ข ้ามา
ในชีวต ิ ประจาวัน ตอนช่วงปี แรก ๆ ก็ไม่คอ ่ ยเข ้าใจว่าทาไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนัน ้ ในใจ
เรา แต่พอเห็นสภาวะบ่อยขึน ้ จึงเกิดการเรียนรู ้มากขึน ้
เริม
่ รู ้ว่าใจสามารถเข ้าไปรับรู ้เรือ ่ งทีล ่ ะเอียดมากขึน ้ จนสามารถเห็นช่วงต่อระหว่าง
ความคิดกับความรู ้สึกอย่างชัดเจน เห็นได ้ว่า หนูนัน ้ คือความคิดทีเ่ หมือนเป็ นแม่ และ
คลอดลูกหนูคอ ื ความรู ้สึกออกมา ถ ้าพูดภาษาพระคือสังขารก่อให ้เกิดเวทนาซึง่ เป็ น
ลูกโซ่ของปฏิจจสมุปบาทฝ่ ายเกิด สามารถเห็นสภาวะต่อเนื่องได ้ชัดมาก ทันทีท ี่
ความคิดเข ้ามา ความรู ้สึกก็จะก่อตัวขึน ้ ทันที สิง่ ทีแ่ ปลกมากคือ แมวซึง่ เราสามารถมอง
ออกว่าเป็ นทัง้ ตัวสติและปั ญญาควบคูไ ่ ปพร ้อมกันจะเลือกสรรของมันเองว่า เมือ ่ หนูก่อ
ตัวขึน
้ มาแล ้ว หนูตัวไหนให ้ผ่านเข ้ามาในใจได ้ และหนูตัวไหนผ่านไม่ได ้ ไม่ใช่หนูทก ุ ตัว
ทีแ
่ มวจะเข ้าไปเขมือบกิน แมวจะรู ้เองว่าต ้องจัดการกับหนูตัวไหน เป็ นการเลือกสรรไป
ในตัวเสร็จสรรพโดยไม่มค ี วามรู ้สึกว่ามีเราทีเ่ ป็ นเจ ้าของผู ้บงการ พูดได ้อย่างเดียวว่า
แปลกมาก
แมวจ ับหนูในขนตอนต่
ั้ าง ๆ
ตอนแรก ๆ สังเกตเห็นว่า บางครัง้ แมวตัวนี้ก็เก่งและว่องไวมาก สามารถจับ
หนู(ความคิด)ได ้อย่างทันทีทันใดทีม่ ันโผล่เข ้ามาในหัว ทาให ้ลูกหนูหรือความรู ้สึกไม่
สามารถก่อตัวได ้เลย แต่บางครัง้ ความไวของมันก็น ้อยลง แมวจับหนูได ้ตอนทีม ่ ันกาลัง
คลอดลูกหนูอยู่ คือความรู ้สึกกาลังก่อตัวอยู่ แมวก็จับหนูตัวทีก่ าลังคลอดลูกอยูท ่ าให ้
ทัง้ แม่และลูกอ่อนตายคาตีนแมว ก็เหมือนกับว่าใจเราถูกข่วนเข ้าไปเพียงนิดเดียว
เท่านัน
้ แล ้วความรู ้สึกก็หายไปทันทีทแ ี่ มวหรือสติมาทัน ถ ้าน ้อยกว่านัน ้ คือ แมวจะวิง่ จับ
หนูได ้ตอนทีม ่ ันคลอดลูกหนูแล ้ว คือความรู ้สึกได ้ก่อตัวเต็มทีแ ่ ละข่วนทีใ่ จเราแล ้ว แต่
แม ้กระนัน้ ถ ้าแมวจับทัง้ แม่หนูและลูกหนูและเขมือบมันได ้หมดทันที เราก็ยงั พอรอดตัว
ได ้ นั่นคือ ใจของเราจะถูกข่วนเข ้าไปนานหน่อย แต่นานอันนี้หมายถึงแค่เสีย ้ วของ
วินาทีเท่านัน ้ เอง หลังจากนัน ้ ใจก็โล่งและเป็ นอิสระทันที เป็ นการเห็นการต่อสู ้ระหว่าง
ความมืดกับความสว่างอย่างชัดเจนในใจ เป็ นการเฝ้ าดูเรือ
่ งราวภายในใจเหมือนนั่งดู
หนังอยูห่ า่ ง ๆ และเกิดความสนุกสนานไม่น ้อยเลย โดยเฉพาะเมือ ่ เห็นแมวสามารถ
เขมือบหนูได ้ทุกครัง้ ไป