You are on page 1of 46

บททีส ิ เจ็ด

่ บ เรือ ้
่ งพืน ๆ ของชวี ต
ิ ประจำว ันก็
เปลีย
่ นไป

กำรนอนก็เปลีย ่ นไป
สมัยก่อน เมือ ่ นอนมากเกินไปแล ้วจะรู ้สก ึ
ตะขิดตะขวงใจมาก มักรู ้สก ึ ตัวขึน ้ มาด ้วยความตกใจ
ว่าตืน ่ สายเกินไปบ ้าง ึ ละอายใจว่านอนมาก
รู ้สก
เกินไปบ ้าง มักจะตาหนิตัวเองจนเป็ นทุกข์ น่าจะเอา
เวลานอนไปทาสมาธิหรือทาอย่างอืน ่ ทีเ่ ป็ นประโยชน์
จาได ้ว่า เคยไปหาอาจารย์โกวิททีส ่ งขลา
ครัง้ หนึง่ ตอนนัน ้ อาจารย์ไปสร ้างอาศรมชอ ื่ นวชวี ัน
อยูอ ่ าเภอหนึง่ ทีน ่ ั่น พอดีไปทางานค่ายอพยพญวน
อยูส ่ งขลาพักหนึง่ จึงมีโอกาสแวะไปเยีย ่ มอาจารย์
โกวิทและนอนค ้างทีอ ่ าศรมคืนหนึง่ จาได ้แม่นยาว่า
เชาวั ้ นหนึง่ กว่าจะรู ้สก ึ ตัวขึน ้ มา ตะวันก็สว่างมากแล ้ว
คิดว่าราวเจ็ดโมงเชา้ รู ้สก ึ ละอายใจมากจนเป็ นทุกข์
อดคิดไม่ได ้ว่า อาจารย์โกวิทและญาติโยมทีน ่ ั่นคง
ต ้องตาหนิเราอยูใ่ นใจแน่ ๆ เพราะคิดว่าการมาอยูว่ ัด
นัน
้ จาเป็ นต ้องตืน ่ ประมาณ ตี ๔ หรือ ตี ๕ ขึน ้ มา
สวดมนต์ทาสมาธิภาวนาอันเป็ นประเพณีของชาววัด
ทีเ่ ราถูกอบรมมาตัง้ แต่เริม ่ เข ้าวัด ซงึ่ ทีจ ่ ริงเป็ นสงิ่ ที่
เราทาได ้เสมอเมือ ่ มีโอกาสไปอยูว่ ัด
พอมาอยูอ ่ ังกฤษ จึงรู ้ว่าคนเมืองหนาวจะ
ตืน่ สายเป็ นธรรมดาโดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ เคย
เอาเครือ ่ งดูดฝุ่ นออกมาตอน ๙ โมงเชา้ ถูกสามีดุ หา
ว่าเราไม่เกรงใจชาวบ ้านทีก ่ าลังนอนอยู่ ฉะนัน ้ การ
ตืน ่ นอน ๗ โมงเชาซ ้ งึ่ เรียกว่าสายสาหรับเรากลับเป็ น
เรือ ้
่ งเชามากของคนอั งกฤษ จึงมีบางชว่ งทีอ ่ ยาก
นอนตืน ่ สายอย่างคนอังกฤษ แต่พอทาเข ้าจริง ๆ ก็
รู ้สก ึ ไม่สบายใจ ตะขิดตะขวงใจมาก ชว่ งทีต ่ ด ิ พันกับ
การเขียนหนังสอ ื นัน ้ มักตืน ่ ประมาณตี ๕ เสมอ
สามารถเขียนหนังสอ ื ได ้ราว ๖ ชวั่ โมงก่อนทีค ่ นอืน ่ จะ
ตืน ่ ในวัดสุดสป ั ดาห์
เนือ
่ งจากไม่ต ้องออกไปทางานเต็มเวลา
จึงมีการนอนกลางวันบ ้าง โดยเฉพาะหลังจากทาน
อาหารกลางวันเข ้าไปแล ้ว ร่างกายต ้องทางานหนัก
เพือ ่ ย่อยอาหาร จะรู ้สก ึ ง่วงมาก ถ ้าไม่นอนจะ
หงุดหงิด ทาอะไรไม่ได ้ หัวสมองไม่ทางาน เราจึง
ต ้องนอน พอตืน ่ ขึน ้ มาก็รู ้สก ึ สดชน ื่ ขึน ้ สามารถ
ทางานเขียนต่อได ้ แต่ก็ยังอดไม่ได ้ทีจ ่ ะตาหนิตัวเอง
ว่านอนมากเกินไป มักรู ้สก ึ ตัวตืน ่ ขึน
้ มาด ้วยความรู ้สก ึ
ตะขิดตะขวงใจเสมอ
หลังจากเกิดญาณแล ้ว เริม่ สงั เกตเห็นว่า
ความรู ้สก ึ เหล่านัน ้ ค่อย ๆ หายไป สามารถรู ้สก ึ ตัวตืน ่
โดยไม่มค ี วามรู ้สก ึ ใด ๆ ทัง้ สน ิ้ พอรู ้สก ึ ตัวตืน ่ ใจก็อยู่
กับพระนิพพานอย่างเป็ นธรรมชาติทันที ใจจึงเป็ น
ปกติ ไม่รู ้สก ึ ละอายใจหรือตะขิดตะขวงใจอย่าง
สมัยก่อนถึงแม ้จะตืน ่ สายหน่อยก็ตาม การนอน
กลางวันก็เชน ่ กัน เคยรู ้สก ึ ละอายใจมากกว่าการนอน
ตืน ่ สายด ้วยซ้าไป แต่เดีย ๋ วนีส ้ ามารถนอนกลางวันได ้
และตืน ่ ขึน้ มาโดยไม่รู ้สก ึ อะไรเลย เพราะหลับและตืน ่
พร ้อมกับพระนิพพาน

เข้ำถึงอ ัปนำสมำธิในขณะทีค ่ รอบคร ัวดูโทรท ัศน์


การใชช้ วี ต
ิ กับครอบครัวทีม ่ ผ
ี ู ้ชายอีก ๔ คน
ในบ ้านเล็ก ๆ นี้ บางเวลาทีท ่ ก
ุ คนอยูก ่ น ั ครบนัน
้ ย่อม
ี งมากมายเหลือเกิน ไม่มท
มีเสย ี ห
ี่ ลบหนี เพราะห ้อง
ทีอ
่ บอุน
่ มีเครือ
่ งทาความร ้อนก็มเี พียงห ้องนั่งเล่น
เท่านัน ้ ยังไม่มรี ะบบทาความร ้อนสว่ นกลาง central
heating จะหนีไปข ้างบนห ้องนอนมันก็หนาว อีก
อย่างชวี ติ ครอบครัวนัน ้ ถ ้าแม่ได ้นั่งอยูใ่ นห ้องนั่งเล่น
ด ้วย ถึงแม ้ไม่ต ้องพูดอะไรมาก ก็เพียงพอทีจ ่ ะทาให ้
ครอบครัวอบอุน ่ จึงถือเป็ นหน ้าทีว่ า่ ควรนั่งดู
โทรทัศน์พร ้อม ๆ กับสามีและลูก ๆ บ ้าง
หลายปี กอ ่ นทีจ ่ ะเกิดญาณนัน ้ มักนั่งอยูบ ่ น
โซฟากับครอบครัวในห ้องนั่งเล่น ในขณะทีค ่ นอืน ่ คุย
กันหรือดูโทรทัศน์ เรามักหลับตาดูลมหายใจเสมอจน
เกิดความชานาญ ใจสามารถรวบเข ้าสูค ่ วามสงบได ้
อย่างง่ายดาย บ่อยครัง้ ทีเ่ ข ้าถึงระดับอัปนาสมาธิ คือ
ใจนิง่ สนิท ปราศจากคลืน ่ ลมแม ้แต่น ้อยนิด บางครัง้ ก็
ทาในท่าทีน ่ ั่งพิงเก ้าอีโ้ ซฟาในท่าทีส ่ บาย ไม่ได ้
นั่งขัดสมาธิใด ๆ ทัง้ สน ิ้ บางครัง้ แม่กย ็ ดึ เก ้าอีโ้ ซฟา
ทัง้ ตัว นอนเหยียดยาวและก็เข ้าสมาธิถงึ ขัน ้ อัปนาไป
เลย บางครัง้ ก็ปล่อยให ้ตัวเองหลับต่อ พอรู ้สก ึ ตัวก็จะ
กาหนดใจอยูท ่ ฐ ี่ านใดฐานหนึง่ ทันที
หลังเกิดญาณแล ้ว เราก็ยังทาเชน ่ นีอ ้ ยู่ แต่
ทุกอย่างเป็ นธรรมชาติมากขึน ้ ไม่วา่ จะนั่งหรือล ้มตัว
ลงนอนในท่าไหนก็ตาม พอหลับตาปุ๊บ ใจก็อยูก ่ บ

ความนิง่ ของพระนิพพานทันที ไม่ต ้องมีการกาหนด
อะไรมากมายเหมือนสมัยก่อน

จะใชค้ ำว่ำ “ผวำ” ได้หรือไม่


ึ อีกอย่างหนึง่ ทีป
ความรู ้สก ่ ถ
ุ ชุ นคน
ธรรมดาจะเป็ นคือ หากนอนเลยเวลาทีจ ่ าเป็ นต ้องตืน

เพราะต ้องไปทางานหรือต ้องเดินทางไกลแล ้ว
คนเรามักจะผวาตืน่ ด ้วยความตกใจเสมอเมือ ่ ตืน
่ ขึน
้ มา

ดูนาฬกาเห็ นว่านอนเลยเวลาไป หรือบางครัง้ ไม่ได ้
นอนเลยเวลา แต่กผ ็ วาตืน ่ อย่างตกใจเพราะคิดว่า
นอนเลยเวลาทีต ่ ้องตืน ่ คนเป็ นแม่มักต ้องแน่ใจว่าตืน ่
ก่อนลูก ๆ จะได ้ปลุกให ้ลูกตืน ่ ไปโรงเรียนบ ้าง ไป
ทางานบ ้าง
ในชว่ งสองปี ทผ ี่ า่ นมา ได ้สงั เกตเห็นตัวเอง
ผวาตืน ่ ขึน ้ มาดูนาฬกาเหมื ิ อนกัน แต่การผวานัน ้ ไม่ได ้
ผวาด ้วยความรู ้สก ึ ทีต ่ กใจอีกต่อไป ก็ไม่รู ้ว่าจะใชค้ า
ว่า “ผวา” ได ้หรือเปล่า คือ นอนอยูด ่ ี ๆ จู่ ๆ ก็ลม ื ตา
ตืน
่ ขึน ้ มาดูนาฬกาอย่ ิ างรีบด่วนทันที ซงึ่ สมัยก่อน
หากเป็ นเชน ่ นี้ หัวใจก็มักสน ั่ ไหวด ้วยความตกใจก่อน
ทุกครัง้ ไป แต่เดีย ๋ วนี้ ไม่เป็ นอย่างนัน ้ แล ้ว สามารถ
ผวาขึน ้ มาด ้วยใจทีเ่ ป็ นปกติมากจนรู ้ว่านีไ ่ ม่เป็ น
ธรรมดา จึงไม่รู ้ว่าจะใชค้ าว่า “ผวา” ได ้หรือไม่ ตรงนี้
ทีเ่ ราเห็นว่าแปลกมาก
เหตุการณ์นก ี้ ็เป็ นเรือ ่ งเล็ก ๆ น ้อย ๆ ที่
สามารถตรวจสอบตัวเองได ้ดีทเี ดียวว่าใจยังเป็ น
ปุถช ุ นอยูห ่ รือไม่ ชว่ งทีส ่ งั เกตเห็นก็คด ิ เสมอว่าต ้อง
พูดเรือ ่ งนี้ แต่ก็ลม ื ไปทุกครัง้ เพราะไม่คอ ่ ยได ้เก็บ
ความทรงจา ถ ้าไม่เป็ นเรือ ่ งสด ๆ ก็มักจะผ่านเลยไป
่ าได ้และนามาเขียนเพราะในชว่ งหนึง่
ทีจ
เดือนทีผ ่ า่ นมานี้ ลูกชายคนกลางเริม ่ งานใหม่ ต ้องไป
ให ้ถึงทีท ่ างานเจ็ดโมงครึง่ จากคนทีเ่ คยนอนยัน
เทีย ่ ง ต ้องมาตืน ่ หกโมงเชาเพื ้ อ ่ อาบน้ าแต่งตัวไป
ทางานจึงเป็ นเรือ ่ งยากมาก ฉะนัน ้ แม่จาเป็ นต ้องตืน ่
ก่อนหกโมงเพือ ่ ให ้แน่ใจว่าลูกตืน ่ ทันและเราต ้องลง
มาเตรียมอาหารเชาให ้ ้ลูกด ้วย ก่อนหน ้านัน ้ จะตืน ่
ระหว่างหกโมงครึง่ ถึงเจ็ดโมงเชา้ ซงึ่ ไม่เชาส ้ าหรับ
มาตรฐานของคนไทย แต่เชาส ้ าหรับฝรั่งทีไ่ ม่ต ้อง
ออกไปทางาน ฉะนัน ้ ในชว่ งหนึง่ เดือนทีผ
่ า่ นมานี้
ร่างกายต ้องปรับตัวทีจ ่ ก่อนหกโมงเชา้ การผวา
่ ะตืน
เชน ่ นัน
้ จึงเกิดบ่อยโดยเฉพาะในชว่ งอาทิตย์แรกทีล ่ ก

เริม
่ ทางาน กลัวจะตืน่ สายไม่ทันปลุกลูก จึง
สงั เกตเห็นสภาวะดังกล่าวบ่อยมากว่า ผวาจริง แต่ไม่
มีความตกใจแต่อย่างใด ใจเป็ นปกติ ไม่หวั่นไหว
เป็ นเชน ่ นัน
้ ทุกครัง้

แม่ทก ุ คนต้องคิดถึงลูกเมือ ่ ลืมตำตืน ่


ปรากฏการณ์ทเี่ นือ ่ งกับการนอนอีกอย่าง
หนึง่ สาหรับปุถช ุ นโดยเฉพาะอย่างยิง่ คนเป็ นแม่คอ ื
ไม่วา่ จะเป็ นชว่ งเข ้านอนก่อนหลับ หรือรู ้สก ึ ตัว
กลางดึก หรือ ตอนเชา้ หัวของแม่ทก ุ คนจะต ้องคิด
วนเวียนอยูท ่ อ
ี่ นาคตของลูกเสมอ เป็ นห่วงเป็ นใย
กลัวลูกจะไม่สบายบ ้าง เกิดอุบัตเิ หตุบ ้าง กลัวลูกจะ
เสย ี คนบ ้าง กลัวลูกจะไม่ยอมเรียนหนังสอ ื บ ้าง กลัว
ลูกจะต ้องลาบากเมือ ่ เขาโตขึน ้ บ ้าง สารพัดจะกลัว
ใครมีลก ู คนเดียว ก็แบกความกลัวของลูกคนเดียว
ใครมีลก ู ๕ คนก็ต ้องแบกความกลัวของลูก ๕ คน
ใครมี ๑๐ ก็ต ้องแบกไว ้ทัง้ ๑๐ คน พระพุทธเจ ้าจึง
ตรัสว่า ลูกเป็ นบ่วงผูกคอนีถ ่ ก ู ต ้องทีส่ ดุ
เรายังจาได ้เสมอถึงวันเหล่านัน ้ วันทีค ่ วาม
กลัวในอนาคตของลูกยังมีบทบาทต่อชวี ต ิ เราไม่น ้อย
เป็ นความทุกข์ของแม่ทก ุ คนในโลกไม่วา่ จะรวยหรือ
จน เมือ ่ พูดเรือ ่ งลูกแล ้ว แม่ทก ุ คนสามารถหาเรือ ่ งมา
คิดกังวลให ้ทุกข์ร ้อนใจจนนอนไม่หลับได ้เสมอ คน
เป็ นพ่อจะไม่เป็ นมากเท่าแม่ สาหรับปุถช ุ นแล ้ว
ความคิดเรือ ่ งลูกเหล่านีม ้ ักจะเข ้ามาในหัวทันทีท ี่
รู ้สกึ ตัวตืน ่ ในตอนเชา้ ถ ้าใครยังไม่ลก ุ จากเตียงทันที
ก็จะมัวคิดวุน ่ อยูก ่ บ
ั เรือ
่ งราวของลูกเสมอ ยิง่ คิดก็ยงิ่
วุน
่ เพราะนีเ่ ป็ นเรือ ่ งสงั ขารปรุงแต่ง จึงถูกมายาสร ้าง
ภาพพจน์ทน ี่ ่ากลัวต่าง ๆ ในหัวจนวุน ่ วายไปหมด ลืม
นึกไปว่า นั่นเป็ นอนาคตทีย ิ้ ยังไม่ได ้
่ ังมาไม่ถงึ ทัง้ สน
เกิดขึน้ จริง ๆ แต่คด ิ เป็ นตุเป็ นตะว่ามันจะเกิดจริงจน
ร ้องห่มร ้องไห ้ไปก็มี เราก็เคยนอนร ้องไห ้ กลัวจะไม่มี
ปั ญญาสง่ ลูกเข ้าเรียนมหาวิทยาลัย สงสารลูก แล ้วก็
พาลคิดเรือ ่ ยเปื่ อยว่าจะต ้องรีบออกไปทางานหาเงิน
มาจุนเจือครอบครัว

ลูกจะไม่พบควำมสุขทีแ ่ ท้จริงหำกไม่เข้ำหำ
ธรรม
ปรากฏการณ์เหล่านีก ้ ็ได ้ค่อย ๆ จางหายไป
ในชว่ งสองปี ทผ ี่ า่ นมาเชน ่ กัน ทีจ ่ ริง เรือ ่ งการคิดถึง
อนาคตของลูกก็ยังเกิดอยู่ คนเป็ นแม่ ถ ้าไม่คด ิ เรือ
่ ง
ของลูกแล ้วก็ไม่รู ้จะไปคิดเรือ ่ งอะไรอีก แต่ด ้วยความ
ทีเ่ ข ้าใจชวี ต
ิ อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงรู ้ว่า โลกนีร้ ังแต่จะ
มีความยุง่ เหยิงมากขึน ้ การหาเลีย ้ งชวี ต ิ ให ้อยูร่ อด
เป็ นเรือ่ งปากกัดตีนถีบทัง้ สน ิ้ ไม่มอ ี ะไรง่าย ไม่วา่ ลูก
จะไปทาอาชพ ี อะไรก็แล ้วแต่ จะมีเงินหรือไม่มเี งิน จะ
แต่งงานหรือไม่แต่งงาน จะมีลก ู หรือไม่มล ี ก
ู เขาจะ
หาความสุขทีแ ่ ท ้จริงไม่ได ้แน่นอน จะอยูอ ่ ย่างสุก ๆ
ดิบ ๆ มืด ๆ เหมือนปุถช ุ นทั่วไป ทางเดียวทีล ่ ก
ู จะหา
ความสุขได ้อย่างแท ้จริง คือ ต ้องพยายามให ้ลูกเข ้า
หาธรรมะ ซงึ่ เป็ นปั ญหาใหญ่มาก เพราะนีเ่ ป็ นเมือง
อังกฤษ เด็กเกิดทีน ่ ี่ ย่อมตกเป็ นเหยือ ่ ของอิทธิพล
วัฒนธรรมตะวันตกอยูว่ ันยังคา่ ไม่มากก็น ้อย

คิดถึงอนำคตของลูกได้โดยไม่กล ัวอีกแล้ว
ตอนลูกยังเล็กอยู่ ทุกคืนก่อนนอนจะมีการ
เล่านิทานให ้ลูกฟั ง เราก็เล่าเรือ ่ งประวัตพ ิ ระพุทธเจ ้า
และนิทานธรรมะเรือ ่ งอืน ่ ๆ มากมาย และต ้องสรุป
เรือ ่ งโครงสร ้างชวี ต ิ ให ้ลูกฟั งทุกคืนว่า ทุกอย่างทีด ่ ีๆ
ทาให ้มากเข ้าไว ้ อะไรทีไ่ ม่ดก ี ็อย่าทาเด็ดขาด และ
เมือ ่ คิดอะไรไม่ดใี นหัวแล ้ว ต ้องพยายามทาให ้
ความคิดไม่ดน ี ัน
้ หายไปเหมือนทีแ ่ ม่ทาอยูโ่ ดยพูด
“อย่าลูก” จนลูกจาขึน ้ ใจ พอแม่จะเปิ ดปากพูด ลูกก็
พูดเสย ี เองได ้ เราสามารถพาลูกไปวัดได ้ เคยทิง้ ให ้
อยูเ่ ป็ นเด็กวัด และเขาก็อยากไป ทัง้ ๆ ทีไ่ ด ้อบรมลูก
เชน ่ นัน
้ มาตัง้ แต่เล็กแต่น ้อย ก็ไม่ได ้รับประกันว่าเมือ ่
ลูกโตขึน ้ เขาจะทาตามสงิ่ ทีเ่ ราสอนทุกอย่าง ลูกคน
โตติดการสูบบุหรีต ่ ัง้ แต่เมือ่ ใด เราก็ไม่รู ้ ตอนนีอ ้ ายุ
๒๒ พยายามเลิกอยูห ่ ลายครัง้ ก็ยังทาไม่สาเร็จสก ั ที
ลูกคนกลางอายุยังไม่ถงึ ๒๐ ติดหนีส ิ ธนาคารเป็ น
้ น
หลายหมืน ่ ไปสร ้างหนีส ้ นิ ตัง้ แต่เมือ ่ ไร พ่อแม่ก็ไม่รู ้
เรือ ่ งนีเ้ ป็ นความโง่ของทัง้ สองฝ่ าย ลูกเราโง่ก็ยังพูด
ได ้ว่าเพราะเป็ นเด็กอยู่ ยังอยูใ่ นโลกแห่งความฝั น
เมือ ่ ธนาคารเอาเงินมาล่อ ก็รบ ี คว ้าเหมือนเด็กได ้กิน
ขนมหวานโดยไม่ตระหนักถึงผลเสย ี ของมัน แต่เรือ ่ ง
นีพ
้ อ ่ ค ้าโง่กว่าทีย ่ อมปล่อยเงินกู ้ให ้เด็กอายุ ๑๘ ทีย ่ ัง
ไม่ได ้ทางานเป็ นหลักแหล่ง เศษฐกิจฟองสบูเ่ กิด
เพราะพ่อค ้าโง่ ๆ พวกนี้ทเี่ อาเงินมาโปรยให ้คนใช ้
อย่างง่ายดายในสงั คมปั จจุบัน เป็ นปั ญหาสงั คมทีแ ่ ก้
ยากเพราะสอดคล ้องกับกิเลสคน เหลือแต่ลก ู คนเล็ก
ทีย ่ ังรับฟั งแม่อยู่ ฉะนัน ้ ทุกครัง้ ทีค ่ ดิ ถึงอนาคตของ
ลูก รู ้ว่าอย่างไรลูกก็ต ้องเป็ นทุกข์อยูว่ ันยังคา่ ตราบใด
ทีเ่ ขายังไม่เข ้าหาธรรมะ เดีย ๋ วนี้ สามารถคิดถึง
อนาคตของลูกได ้โดยไม่มค ี วามกลัวอีกต่อไป แม ้รู ้ว่า
พวกเขากาลังแบกทุกข์แบกปั ญหาอยูก ่ ็ตาม ทุกคน
ต ้องเรียนรู ้จากความผิดพลาดและความทุกข์ของ
ตนเอง หากฉลาดหน่อย อ่านหนังสอ ื แม่บ ้าง ตัง้
คาถามเพือ ่ หาคาตอบจากแม่บ ้าง ก็จะได ้คาตอบเร็ว
ขึน
้ แก ้ปั ญหาของตนเองได ้เร็วหน่อย

คนใกล้ชด ิ ทีส ่ ดุ ม ักเป็นคนสุดท้ำยทีร่ ค ู ้ วำมจริง


เรารู ้ว่า ลูกต ้องกลับมาพึง่ เราในทางธรรม
ในอนาคต ได ้แต่บอกกับลูกว่า หากวันไหนทีล ่ ก
ู วิง่
หาความสุขจนสุดสายป่ านของมันแล ้ว และยังหา
ความสุขไม่พบละก็ ขอให ้กลับมาหาแม่ และแม่จะ
บอกทางให ้พบกับความสุขทีแ ่ ท ้จริง แต่อย่าทิง้ ไว ้
นานจนสายเกินไปนะลูก เรามักเตือน เพราะถ ้า
แม่ตายก่อนละก็ ลูกจะเสย ี ใจมากกว่าคนอืน ่ ๆ ทีเ่ มือ ่
มีโอกาสอยูใ่ กล ้แม่แล ้ว ลูกไม่ถามอะไรแม่เลย ได ้แต่
บอกลูกเชน ่ นี้ แต่ตอนนีล ้ กู ก็ไม่เข ้าใจทัง้ ๆ ทีเ่ ป็ น
หนุ่มแน่นแล ้ว เห็นเราเป็ นแม่เหมือนแม่ทวั่ ไปอยูว่ ัน
ยังคา่ ทีช่ อบหาเรือ ่ งมาบ่นลูกเสมอ
นีล่ ะนะ คนใกล ้ชด ิ ทีส ่ ด
ุ มักเป็ นคนสุดท ้ายที่
รู ้ความจริง เห็นแล ้วก็สงสาร ลูกศษ ิ ย์เราอายุเท่าลูก
เรานีโ่ ชคดีกว่ามาก เขาเริม ่ เดินทางไปนิพพานกัน
แล ้ว เรือ ่ งบารมีนี่ ไม่เข ้าใครออกใคร ของใครก็ของ
เขาจริง ๆ แบ่งให ้กันไม่ได ้ ต ้องสร ้างสมกันเอง
ฉะนัน ้ ทุกครัง้ ทีล ่ ้มตัวลงนอน นักปฏิบัต ิ
ควรต ้องกาหนดลมหายใจทันที เพราะนั่นเป็ นเวลาที่
สงั ขารหรือตัวความคิดสามารถทางานได ้ดีทส ี่ ด
ุ มัน
จะปรุงจะแต่งสร ้างภาพมายาสารพัดอย่างอยูใ่ นหัว
นักปฏิบัตจ ิ ะต ้องทาใจให ้กล ้าและดีดความคิด
เหล่านัน ้ ออก กาหนดลมหายใจให ้มั่น จนกระทั่งหลับ
ไป เมือ ึ ตัวตืน
่ เวลารู ้สก ่ ก็ต ้องเอาใจกาหนดทีฐ ่ านของ
ลมหายใจทันทีเชน ่ กัน มิเชน ่ นัน
้ ใจจะฟุ้ งอีก

ต้องระว ังล ัทธิขโ้ี กง “หิวก็กน ิ ง่วงก็นอน”


การนอนเป็ นเรือ ่ งอร่อยไม่แพ ้การกินอาหาร
เป็ นการเพาะนิสย ั แห่งความขีเ้ กียจได ้ดีมากทีเดียว
การกิน แม ้จะกินมากเท่าใด ก็กนิ ได ้แค่อม ิ่ ท ้อง
เท่านัน้ ถ ้ายังตะกละอยากกินมากกว่านัน ้ ก็จะเป็ นการ
ลงโทษร่างกายตัวเอง ทาให ้เป็ นทุกข์เพราะอึดอัด
การนอนไม่มเี ครือ ่ งเบรคเหมือนการกินอาหาร ยิง่
นอนก็ยงิ่ ขีเ้ กียจ อยากนอนอยูเ่ รือ ่ ย
ลัทธิเซ็นมักสอนเรือ ่ งการอยูอ ่ ย่างกลมกลืน
กับธรรมชาติโดยพูดว่าการปฏิบัตธิ รรมก็คอ ื “เมือ ่ หิวก็
กิน เมือ ่ ง่วงก็นอน” นีเ่ ป็ นเรือ ่ งจะทาให ้คนเข ้าใจผิด
ได ้ง่ายมาก คนทีเ่ ริม
่ สนใจศาสนาพุทธและยังไม่รู ้
เรือ
่ งอะไรเกีย ่ วกับการปฏิบัตธิ รรมนัน ้ ถ ้ามาทาอย่างนี้
ก็ไปไม่ถงึ ไหน จอดอยูต ่ รงนัน ้ เอง เพราะปุถช ุ นทั่วไป
ก็ทากันอยูแ ่ ล ้ว หิวก็กน ิ ง่วงก็นอน ไม่มก ี ารสูรบ้
ปรบมือกับกิเลสแต่อย่างใด ปล่อยให ้กิเลสลากไป
เต็มที่
ทีจ ่ ริง การพูดแบบลัทธิเซ็นเชน ่ นัน้ เป็ นสงิ่ ที่
ออกมาจากผู ้บรรลุธรรมขัน ้ สูงแล ้ว จึงทาได ้ คือผู ้ที่
้ บกิเลสแล ้ว เพราะกิเลสได ้พ่ายแพ ้ไป
ไม่ต ้องสูรบกั
แล ้ว เขาจึงสามารถกินนอนได ้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
แต่อย่างใด เพราะหน ้าทีต ่ อ
่ ตนเองหมดแล ้ว แต่ผู ้ที่
ยังไม่หมดกิเลสนัน ้ จะมาทาเชน ่ นีไ้ ม่ได ้เด็ดขาด ต ้อง
บังคับใจตัวเองให ้ดี ต ้องหัดนิสย ั ขยัน ตืน ่ เชา้ ไม่
เกียจคร ้านในการงาน หรือ สงิ่ ต่าง ๆ ทีพ
่ ระพุทธเจ ้า
ได ้ทรงแนะไว ้ในมงคลสูตร

เมือ ่ จิตสำนึกบอกว่ำ กินอย่ำงอร่อยไม่ได้


เราต ้องยอมรับว่าเรือ ่ งอาหารเป็ นจุดอ่อนของเรา
มาตลอดตัง้ แต่เริม ่ ปฏิบัตธิ รรม ก่อนหน ้านัน ้ ไม่มี
ปั ญหาเรือ ่ งการกิน ก็เหมือนคนไทยทั่วไปทีช ่ อบสรร
หาอาหารอร่อย เนือ ่ งจากยังไม่ได ้อยูใ่ นวัยทีท ่ างาน
หาเงินได ้เอง อาหารอร่อยของเราก็คอ ื ข ้าวราดแกง
และชามก๋วยเตีย ๋ วของร ้านทีโ่ ปรดปราน ก็เท่านัน ้ เอง
เมือ ่ รู ้จักเข ้าวัดและถูกสอนให ้ระวังเรือ ่ งลิน ้ แล ้ว การ
กินเริม ่ ไม่เป็ นสุขตัง้ แต่นัน ้ มาเพราะต ้องเริม ่ ต่อสูกั้ บ
กิเลส ใจก็อยากจะกินตามความเคยชน ิ คือกินอย่าง
อร่อย แต่จต ิ สานึกบอกว่ากินอย่างอร่อยไม่ได ้ ความ
ขัดแย ้งเกิดขึน ้ เสมอ ถ ้าอยูค ่ นเดียวหรืออยูใ่ นหมูก ่ ลุม่
ทีม่ ก ี เิ ลสใกล ้เคียงกันแล ้ว ก็ไม่คอ ่ ยเป็ นปั ญหามาก
นัก ไม่มก ี ารเปรียบเทียบ ปั ญหาเกิดเมือ ่ เข ้าไปอยูใ่ น
กลุม ่ ทีเ่ ขาทาได ้ดีกว่า เชน ่ เห็นเพือ ่ นทีไ่ ปสน ั ติอโศก
สามารถสมาทานอาหารมังสะวิรัตต ิ ลอดชวี ต ิ และ
ทานเพียงสองมือ ้ การเปรียบเทียบจึงเกิดขึน ้ ทันทีจน
ทาให ้จิตใจสบ ั สน ั ว ้าวุน
่ อยากจะทาให ้ได ้อย่างเพือ ่ น
บ ้าง พอทาไปสก ั พักหนึง่ ก็ประสบความล ้มเหลว ทา
ให ้ยิง่ เป็ นทุกข์มากขึน ้ ตาหนิตัวเองเสมอ
การเป็ นแม่คนและใชช้ วี ต ิ ครอบครัวนัน ้ มันก็
วนเวียนอยูก ่ บั การทาอาหารทีเ่ อร็ดอร่อยให ้สามีและ
ลูก ๆ กินเสมอ เพราะนีค ่ อ ื วิถช ี วี ต
ิ ของคนทั่วไป ตอน
ทีล ่ ก ู ยังเล็ก พอบังคับได ้ พยายามให ้ลูกบังคับใจ
ตัวเองโดยให ้เขานับหนึง่ ถึงสบ ิ ก่อนทีจ ่ ะตักอาหาร
เข ้าปากแทนทีจ ่ ะรีบกินอย่างตะกละตะกราม แต่ก็ทา
ได ้บ ้างไม่ได ้บ ้าง โตขึน ้ บังคับไม่ได ้ เรือ ่ งการกิน
อาหารมังสะวิรต ั น
ิ ัน
้ สามีและลูกทาไม่ได ้อยูแ ่ ล ้ว
เพราะใจของเขาไม่พร ้อม สว่ นของเรานัน ้ ก็ทาอย่าง
ขยักขย่อนมาก ทา ๆ หยุด ๆ มาตัง้ แต่สมัยเป็ น
นักศก ึ ษาแล ้ว ทาได ้ดีทส ี่ ด
ุ ก็คอ ื ละเนือ ั ว์และทาน
้ สต
แต่ปลาเท่านัน ้ ซงึ่ ได ้ทาเชน ่ นัน
้ อยู่ ๔ ปี เพิง่ มาเริม

ทานไก่อก ี ก็ราวปี เศษมานี้ เพราะขาดธาตุอาหารจน
ทาให ้เลือดจางมาก

นิสยเรื ั อ ่ งกำรกินระหว่ำงคนไทยก ับคนอ ังกฤษ


ทีจ ่ ริงแล ้ว ในชว่ งประมาณ ๕ - ๖ ปี ทผ ี่ า่ นมา
ความรู ้สก ึ ตะขิดตะขวงใจในเรือ ่ งกินหรือไม่กน ิ อาหาร
เนือ ้ สต ั ว์น ้อยลงมากเมือ ่ เปรียบเทียบกับสมัยก่อน
การผ่อนคลายเริม ่ เกิดเมือ ่ มาตระหนักชด ั ว่า แม ้การ
กินอาหารมังสะวิรัตน ิ ัน้ คนกินก็สามารถกินอย่าง
เอร็ดอร่อยได ้ไม่แพ ้คนกินเนือ ้ สต ั ว์ โดยเฉพาะอาหาร
มังสะวิรัตใิ นเมืองไทยนัน ้ เขาสามารถทาให ้มีรสชาด
อร่อยกว่าอาหารเนือ ้ สต ั ว์ด ้วยซา้ ไป แม่ทานเจมา
ตัง้ แต่เรายังเล็ก ๆ จึงรู ้ดีวา่ แม ้คนทานเจก็ยังสรรหา
อาหารอร่อยอยูเ่ ชน ่ กัน แต่ก็ยังยกย่องและอนุโมทนา
กับคนทีท ่ านอาหารมังสะวิรัตไิ ด ้ เรือ ่ งนีไ
้ ด ้พูดไว ้แล ้ว
ในคูม ่ อื ชวี ต ิ ภาคศล ี ธรรม
เราสงั เกตเห็นด ้วยว่า นิสย ั การกินอาหารของคน
อังกฤษกับคนไทยนัน ้ ต่างกันมาก คนไทยเรานัน ้ กิน
อะไรต ้องกินให ้อร่อย และจะสรรหาอาหารอร่อยอยู่
เสมอ สว่ นคนอังกฤษจะกินอาหารแบบง่าย ๆ สาหรับ
คนไทยแล ้ว อาหารอังกฤษเป็ นสงิ่ จาเจทีน ่ ่าเบือ ่ มาก
เมือ ่ เปรียบเทียบรสชาดแล ้ว คนไทยเราต ้องบอกว่าสู ้
อาหารไทยไม่ได ้ ฉะนัน ้ จึงสงั เกตเห็นว่า คนอังกฤษ
สว่ นมาก กินเพราะหิวมากกว่ากินเพราะความอร่อย
แม ้จะกินเนือ ั ว์ก็ตาม จึงสรุปได ้ว่า ปั ญหาทีแ
้ สต ่ ท ้จริง
อยูท่ ก
ี่ ารบังคับใจไม่ให ้เพลิดเพลินไปกับความอร่อย
ของอาหารมากกว่า

เฝ้ำดูตอ ่ มนำ้ ลำย


ฉะนัน ้ ราว ๖ ปี กอ ่ น ได ้คิดวิธกี ารปฏิบัตข ิ องเรา
เอง แทนทีจ ่ ะพิจารณาอาหารให ้เป็ นธาตุอย่างทีเ่ คย
ทาบ ้าง เรากาหนดไปทีต ่ อ
่ มน้ าลายแทน เพราะเห็น
เสมอว่า ทุกครัง้ ทีต ่ าเห็นอาหารอร่อยอยูเ่ บือ ้ งหน ้า
ต่อมน้ าลายจะเริม ่ ทางานทันที ทาให ้รีบอยากกิน
อาหารนัน ้ อย่างอร่อย พอเริม ่ กาหนดเชน ่ นัน
้ การต่อสู ้
เริม
่ เกิด ทุกครัง้ ทีเ่ ห็นต่อมน้าลายทางาน เราจะนั่ง
จ ้องอาหารนัน ้ ก่อน ยังไม่กน ิ จนกว่าต่อมน้าลายจะ
หยุดทางาน จึงจะเริม ่ ตักอาหารเข ้าปาก เคีย ้ วอาหาร
อย่างชา้ ๆ ถ ้าอยูค ่ นเดียว และมีเวลาทาได ้ เมือ ่ ทาน
อาหารร่วมกับคนอืน ่ ก็ทาทุกอย่างเป็ นปกติ แต่ก็ยัง
กาหนดไปทีต ่ อ ่ มน้ าลายอยู่ ทาเชน ่ นัน ้ อยูห
่ ลายปี จน
ค่อย ๆ ชานาญขึน ้ แม ้จะมีอาหารอร่อยวางอยูเ่ บือ ้ ง
หน ้า ก็สามารถมองมันได ้โดยทีต ่ อ่ มน้ าลายทางาน
น ้อยมาก พอกาหนดเท่านัน ้ ต่อมน้ าลายก็จะหยุด
ทางานทันที

กำรทำนอำหำรถูกปำกเป็นเรือ ่ งธรรมชำติมำก
ก็คอ ่ นีจ
่ ยเป็ นค่อยไปอยูเ่ ชน ้ นกระทั่งหลังเกิด
ญาณแล ้ว โดยเฉพาะในชว่ งสองปี ทผ ี่ า่ นมา
สงั เกตเห็นว่า นอกจากต่อมน้ าลายไม่ทางานเมือ ่ เห็น
อาหารอร่อยวางเบือ ้ งหน ้าแล ้ว ครัง้ ใดทีท
่ านอาหาร
อันมีรสชาดไม่ถก ู ปาก ไม่ปรากฏว่าเกิดความไม่
พอใจหรือหงุดหงิดอย่างทีเ่ คยเป็ น กลับเห็นตนเอง
เคีย ้ วและสารวจรสชาดอาหารทีแ ่ ม ้ไม่ถก ู ปากอย่าง
สงบ ใจไม่ดน ิ้ รนอะไรแม ้แต่น ้อย ถ ้าเครือ ่ งปรุงอยู่
ใกล ้มือ สามารถหยิบมาเติมได ้โดยไม่ยงุ่ ยาก ก็จะทา
และปรุงอาหารนัน ้ ให ้ถูกปาก แต่ถ ้าไม่อยากยุง่ ก็จะ
ทานไปทัง้ อย่างนัน ้ ด ้วยใจทีเ่ ป็ นปกติ ไม่กระวน
กระวายเหมือนทีเ่ คยเป็ นในอดีต
เวลาทากับข ้าวให ้ครอบครัว ก็ยังคงปรุงอาหาร
ทีม ่ รี สชาดอร่อยถูกปากสามีและลูก ๆ อยูเ่ หมือนเดิม
ใครทีห ่ วิ กินแล ้วก็อร่อย ใครทีไ่ ม่หวิ กินแล ้วก็บอกว่า
เฉย ๆ แม ้จะชอบอาหารจานโปรดนัน ้ อย่างไร ก็ไม่ได ้
รู ้สก ึ ว่ามันอร่อยเท่ากับตอนหิว ทีจ
่ ริงแล ้ว การที่
อยากทานอาหารอันมีรสชาดถูกปากคนทานนัน ้ เป็ น
เรือ ่ งธรรมชาติมาก เป็ นเรือ ่ งปกติของร่างกาย ปั ญหา
อยูท ่ ค
ี่ นมีกเิ ลสทาอะไรเกินเลยจนเป็ นเรือ ่ งมาก
ฉะนัน ้ คนทีบ ่ รรลุธรรมแล ้ว ก็ไม่ได ้หมายความ
ว่า เอาหญ ้า เอาของดิบ ๆ ไปให ้ท่านรับประทานก็ได ้
เพราะท่านไม่ตด ิ ในรสชาดของอาหารแล ้ว มันก็ไม่ใช ่
เชน ่ นัน ้ คนทีไ่ ม่ตด ิ ในรสอาหารแล ้ว ก็ยังอยากทาน
อาหารทีต ่ นเองเคยชน ิ และถูกปากเหมือนเดิม ซงึ่ ก็
สามารถทาได ้อย่างไม่ยงุ่ ยาก เหมือนคนไม่สบายก็
อยากทานข ้าวต ้ม ทานของอ่อน ๆ และของจืด ๆ ถ ้า
ร่างกายหายดีแล ้วก็อยากทานอาหารทีม ่ รี สจัดทีถ ่ ก

ปากตนเอง คนไทยไปอยูต ่ า่ งประเทศ แม ้จะสามารถ
ปรับตัวได ้ดีตอ ่ เรือ ่ งอืน ่ ๆ อย่างไร สงิ่ หนึง่ ทีป ่ รับได ้
ยากคือ เรือ ่ งลิน ้ ยังคงต ้องสรรหา น้ าปลา พริก กะปิ
และของไทย ๆ อยูเ่ สมอ แม ้แต่พระทีม ่ าอยูต ่ า่ งแดน
ท่านก็ยังอยากทานอาหารไทยทีถ ่ ก
ู ปาก นีเ่ ป็ นเรือ ่ ง
ธรรมดามาก แต่เมือ ่ ทานอาหารถูกปากและติดใน
รสชาดอาหารในขณะทีร่ ับประทานอยูน ่ ัน
้ ก็เป็ นอีก
เรือ
่ งหนึง่ ทีผ
่ ู ้ปฏิบัตวิ ป
ิ ั สสนาจะต ้องจัดการกับเรือ ่ งใจ
ของตัวเอง

ปฏิกริ ย ิ ำต่อควำมตำยได้เปลีย ่ นไป


ตอนเล็ก ๆ ก็เหมือนคนทั่วไป เห็นเรือ ่ งความ
ตายเป็ นเรือ ่ งน่ากลัวมาก ไม่อยากได ้ยิน ไม่อยากคิด
ว่าคนทีเ่ รารักมากเชน ่ พ่อแม่พนี่ ้องจะต ้องตายไปสก ั
วัน กลัวมากเมือ ่ คิดว่าพ่อแม่ต ้องตายและจากเราไป
วันหนึง่ เมือ ่ ดูโทรทัศน์หรืออ่านเรือ ่ งราวอันเป็ นเรือ ่ ง
คอขาดบาดตาย ใจก็จะหวั่นไหวด ้วยความกลัว และ
เอาใจชว่ ยผู ้ทีอ ่ ยูใ่ นเหตุการณ์ ขออย่าให ้เขาตายเลย
พอเริม่ เข ้าวัดปฏิบัตธิ รรมในชว่ งแรก ๆ นัน ้ จา
ไม่ได ้แน่ชด ั ว่าปฏิกริ ย ิ าต่อความตายได ้เปลีย ่ นไป
อย่างไร จาได ้แม่นยามากก็เพียงเหตุการณ์เดียวคือ
เมือ ่ ตอนทีเ่ ดินทางออกจากพะเยาหลังจากทีไ่ ปบวช
ชพ ี ราหมณ์อยูส ่ ามเดือน ชว่ งนัน ้ ยังคงดืม ่ ดา่ อยูก ่ บั
ความสงบ เมือ ่ ออกจากพะเยาก็มาแวะพักทีว่ ัดผา
ลาด อยูท ่ างขึน ้ ดอยสุเทพ ทีเ่ ชย ี งใหม่อยูส ่ องสาม
คืน คงจะเป็ นการเดินทางจากเชย ี งใหม่เข ้ากรุงเทพ
นั่งรถทัวร์ คืนนัน ้ เองในท่ามกลางความมืดมิดและ
บรรยากาศทีเ่ งียบสงัดบนรถทัวร์เนือ ่ งจากคน
สว่ นมากนอนหลับกันหมด เหลือแต่เสย ี งเครือ ่ งยนต์
เรานั่งติดหน ้าต่างและมองไปยังดวงดาวบนท ้องฟ้ า
เห็นใจตนเองเปี่ ยมไปด ้วยปี ต ิ ในชวั่ ขณะหนึง่ นัน ้ เอง
ทีใ่ จของเราปล่อยวางมากถึงขนาดกล ้าคิดถึงความ
ตายของตัวเองเหมือนการถูกล๊อตเตอรี่ ไม่มค ี วาม
กลัวเหลืออยูเ่ ลยแม ้แต่น ้อยนิด มีความรู ้สก ึ ว่า
สามารถเข ้าใจว่าทาไมพระอรหันต์จงึ รอความตาย
เหมือนการรอถูกล๊อตเตอรรี่ เห็นตัวเองยิม ้ อย่างเป็ น
สุขในความมืด เพราะเมือ ่ สามารถคิดถึงความตายได ้
โดยไม่หวาดกลัวเชน่ นัน
้ แล ้ว ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรทีน
่ ่า
กลัวอีกต่อไป

ไม่อยำกตำยเพรำะสงสำรลูกเล็กและสำมี
จาไม่ได ้ว่าความไม่กลัวตายอยูก ่ บั เรานาน
มากเท่าไร รู ้แต่วา่ มันค่อย ๆ จางหายไปในทีส ่ ด
ุ ทีร่ ู ้
แน่ชด ั คือ เมือ ่ แต่งงานมีลก ู เล็ก ๆ ถึงสามคนแล ้ว
กลับมีความรู ้สก ึ ว่ายังไม่อยากตายเร็ว เพราะสงสาร
ลูกทีย ่ ังเล็กอยู่ คิดว่าถ ้าเราตายไปสก ั คน ลูก ๆ และ
สามีต ้องลาบากมาก ใครจะสามารถเลีย ้ งดูลก ู เราได ้ดี
เท่าเรานัน ้ คงหาไม่ได ้อีกแล ้วในโลก นอกจากนัน ้ ยัง
ไม่อยากให ้สามีและลูก ๆ ถึงแก่ความตายเชน ่ กัน
โดยเฉพาะตอนทีต ่ ัง้ ครรภ์อยูน
่ ัน
้ ผู ้หญิงทุกคนย่อม
เป็ นห่วงกังวล ไม่อยากให ้มีอน ั ตรายใด ๆ เกิดกับสามี
ตนเอง เพราะกลัวลาบากเมือ ่ คลอดลูกเล็กแล ้วไม่มี
สามีดแ ู ล เราก็ไม่ตา่ งอะไรจากผู ้หญิงคนอืน ่ ๆ ทีอ ่ ยู่
ในฐานะเดียวกัน เพราะมีความทรงจาว่า เมือ ่ ตอนที่
อยูใ่ นตรอกตันแถวถนนเจริญกรุงนัน ้ ลูกสะใภ ้ของ
เพือ่ นบ ้านไปคลอดลูกคนแรกทีโ่ รงพยาบาล สามีข ี่
รถจักรยานยนต์ไปเยีย ่ มภรรยากับลูกน ้อย ขากลับ
เกิดอุบัตเิ หตุจนเสย ี ชวี ต
ิ เราเองตอนนัน ้ ก็ยังเป็ น
เด็กหญิงอายุไม่เกินแปดขวบ แต่ก็สามารถเข ้า
ใจความเจ็บปวดและความทุกข์อย่างแสนสาหัสของ
สะไภ ้สาวคนนัน ้ ได ้ดี หวนคิดเสมอว่า เธอจะอยูไ่ ด ้
อย่างไรโดยปราศจากสามี นั่นเป็ นเหตุการณ์ท ี่
ประทับอยูใ่ นใจเรานานมาก เมือ ่ ตัวเองตัง้ ครรภ์ จึง
เกิดความกลัวอยูใ่ นใจลึก ๆ เสมอ ภาวนาขออย่าให ้มี
อะไรเกิดขึน ึ กลัวตายก็
้ กับสามีเลย สรุปว่าความรู ้สก
กลับมาอยูก ่ บั เราอีก เวลาดูหนังหรือดูขา่ วใน
โทรทัศน์หรือใครพูดถึงเหตุการณ์ทค ี่ อขาดบาดตาย
แล ้ว ใจก็จะหวั่นไหวด ้วยความกลัวและภาวนาให ้ผู ้
อยูใ่ นเหตุการณ์มค ี วามปลอดภัย รอดพ ้นจากความ
ตาย

เหมือนเป็นคนเลือดเย็น ไร้เมตตำ
ความรู ้สก ึ เหล่านีค ้ อ ่ ย ๆ เปลีย ่ นไปหลังจากเกิด
ญาณแล ้ว โดยเฉพาะในชว่ งสองปี ให ้หลังมานี้ เริม ่
สงั เกตเห็นว่าความกลัวตายได ้ค่อย ๆ หายไปจนบัดนี้
จะเรียกว่าหายไปอย่างสน ิ้ เชงิ ก็ได ้ ทีจ ่ ริงก็ไม่ใชเ่ ป็ น
เรือ ่ งทีเ่ ราให ้ความสนใจมากนัก มาเริม ่ สงั เกตเห็นก็
จากการดูขา่ วหรือหนังในโทรทัศน์อก ี เชน ่ กัน ทุกครัง้
ทีม ่ เี หตุการณ์คอขาดบาดตาย ใจเคยหวั่นไหวด ้วย
ความตกใจ กลัวแทนผู ้อยูใ่ นเหตุการณ์และคน
ใกล ้ชด ิ รู ้ว่า นั่นเป็ นเรือ ่ งใหญ่มาก ต ้องรีบชว่ ยเหลือ
หรือแก ้ไขสถานการณ์นัน ้ ทันที หรือเมือ ่ เห็นคนที่
สูญเสย ี คนทีเ่ ขารักและร ้องไห ้จนใจแทบขาดนัน ้
สว่ นมากใจเราก็จะเคลือ ่ นด ้วยความสงสารและน้ าตา
ไหล แต่เดีย ๋ วนีส ้ ามารถนั่งดูเหตุการณ์เหล่านัน ้ ด ้วย
ความรู ้สก ึ เฉยมากจนน่ากลัวเหมือนไม่มค ี วามรู ้สก ึ
อะไรเหลืออยูแ ่ ล ้ว ไม่ได ้เห็นเรือ ่ งคอขาดบาดตายนัน ้
เป็ นสงิ่ สาคัญหรือรีบด่วนมากอย่างทีเ่ คยเป็ น เห็นคน
ทีร่ ้องไห ้เพราะสูญเสย ี คนรักแล ้วก็รู ้สก ึ เฉยไปหมด
ทัง้ ๆ ทีเ่ ป็ นคนร ้องไห ้อย่างเจ็บปวดมากทีส ่ ด
ุ เมือ ่ ไป
งานศพแม่ ๗ เดือนก่อนเกิดญาณ ถ ้าไปเปิ ดเผย
ความรู ้สก ึ จริงให ้คนรู ้ เขาต ้องสรุปว่าเราเป็ นคน
เลือดเย็น ไร ้เมตตาแน่ ๆ ก็ไม่เคยพูดอะไรให ้คน
ิ รู ้ เราเท่านัน
ใกล ้ชด ึ ทีผ
้ รู ้ว่านั่นเป็ นความรู ้สก ่ ด
ิ ธรรมดา
แล ้ว

ไม่กล ัวตำยเพรำะเข้ำใจกำรทำงำนของ

สงสำรว ัฏ
เหตุผลใหญ่ทท ี่ าให ้ไม่รู ้สก ึ ตกใจและหวั่นไหว
ต่อความตายไม่วา่ ของคนอืน ่ หรือคนใกล ้ชด ิ เพราะ
เข ้าใจแล ้วว่าสงั สารวัฏทางานอย่างไร รู ้แล ้วว่าความ
ตายทางร่างกายไม่ใชเ่ ป็ นเรือ ่ งตายจริงเลย หาคน
ตายจริง ๆ นัน ้ ยากมาก มีแต่ตายหลอก ๆ ทัง้ นัน ้
ตราบใดทีย ่ ังไม่หมดกรรม แต่ละคนก็ตายจากภพ
ชาตินแ ี้ ล ้วก็ไปเกิดทีอ ่ นื่ ทันที เดินทางหมุนเวียนอยู่
บนถนนวงแหวนของสงั สารวัฏเชน ่ นีอ
้ ย่างไม่จบไม่สน ิ้
จนเห็นเป็ นเรือ ่ งน่าเบือ ่ หน่ายมาก
เดีย๋ วนี้ ยิง่ เห็นปั ญหาวุน ่ วายของโลก เห็นคน
ตายในสงครามบ ้าง ตายเพราะอุบัตเิ หตุบ ้าง ตาย
เพราะภัยธรรมชาติบ ้าง ตายเพราะโรคภัยไข ้เจ็บบ ้าง
ตายเพราะถูกฆ่าบ ้าง เห็นคนใกล ้ชด ิ ทีม ่ อ
ี ายุมากค่อย
ๆ ตายจากไปทีละคนสองคน ก็ยงิ่ เบือ ่ หน่ายต่อชวี ต ิ ที่
ต ้องเกิดต ้องตายอย่างซ้าซากจาเจเชน ่ นี้ สามารถ
เห็นได ้ชด ั ว่า คนทีต ่ าย ๆ กันให ้เห็นทุกวันนีไ ้ ม่ได ้
ตายเป็ นครัง้ แรกทีไ่ หนกัน เขาตายมานับครัง้ ไม่ถ ้วน
แล ้ว เกิดมานับครัง้ ไม่ถ ้วนแล ้ว เกิด ๆ ตาย ๆ อยูต ่ รง
นีแ
้ หละ ไม่มอ ี ะไรใหม่เลย

พูดได้อย่ำงเดียวว่ำ น่ำสงสำร!!!
ชว่ งปี ทผ
ี่ า่ นมานี้ ความเบือ่ หน่ายต่อการ
เกิดและตายมีความรุนแรงมากขึน ้ จึงเริม่ ไม่เข ้าใจว่า
ทาไมคนเราจึงกลัวความตายจนตัวสน ั่ เชน ่ นี้ และ
ทาไมจึงเห็นเรือ ่ งคอขาดบาดตายเป็ นเรือ ่ งสาคัญ
นักหนา บางครัง้ ฟั งหรืออ่านเรือ ่ งราวทีค ่ นเล่า
เหตุการณ์ทต ี่ ัวเองหนีพ ้นความตายมาได ้อย่าง
หวุดหวิด ฟั งเขาเล่าด ้วยความตืน ่ เต ้น ดีใจอย่าง
เหลือล ้นและภูมใิ จในความโชคดีอย่างมหันต์ของเขา
แล ้ว เรากลับรู ้สก ึ เฉยมาก และอดสงสารคนพูดไม่ได ้
ว่า
“โถ…หลงคิดว่าหนีพ ้นความตายมาได ้อย่าง
หวุดหวิดราวกับไม่ต ้องตายอีกแล ้ว เหมือนกับไม่เคย
ตายมาก่อน ทาไมโง่อย่างนี้ ก็ตายมาไม่รู ้จักกีห ่ น
แล ้ว ยังไม่รู ้หรือ หนีตายแค่นไ ี้ ม่มค ี วามหมายอะไร
เลย”
หรือบางครัง้ อ่านเรือ ่ งราวทีท ่ ัง้ หมอและ
คนไข ้พยายามหาทางรักษาโรคภัยไข ้เจ็บเพือ ่ จะได ้
ต่ออายุออกไปอีกสก ั ๓ เดือนบ ้าง ๖ เดือนบ ้าง ๑ ปี
๓ ปี ๕ ปี หรือ ๑๐ ปี บ ้าง บางคนต่ออายุแล ้วก็มช ี วี ต

อยูอ่ ย่างมีคณ ุ ภาพของมนุษย์ บางคนพยายามต่อ
แล ้ว แต่ก็ไม่มค ี ณุ ภาพของชวี ต ิ ดังทีค ่ วรเป็ น เป็ นการ
ต่อลมหายใจเท่านัน ้ ต ้องทนทรมานต่อความเจ็บปวด
ทางร่างกาย ฟั งเรือ ่ งราวเหล่านีด ้ ้วยความสงสารใน
ความโง่เขลาเบาปั ญญาและมืดบอดของพวกเขา
เพราะเมือ ่ เปรียบเทียบกับอายุของสงั สารวัฏทีเ่ ขาได ้
ท่องเทีย ่ วมาอย่างไม่หยุดหย่อนแล ้ว แม ้จะต่ออายุ
ออกไปได ้อีกถึงร ้อยปี พันปี แม ้หมืน ่ ปี มันจะไปมี
ความหมายอะไร พูดได ้อย่างเดียวว่า น่าสงสาร!!!
ตอนนี้ มีความรู ้สก ึ กลัวไม่ตายจริงมากกว่า
เมือ
่ คิดถึงความตายทางร่างกายของตัวเอง
ความรู ้สก ึ ทีเ่ กิดขึน ้ ในรถทัวร์เมือ ่ ยีส ่ บ ิ กว่าปี กอ ่ นก็ได ้
กลับมาอยูก่ บ
ั เราอีก สามารถเห็นความตายของ
ตนเองเป็ นเรือ
่ งถูกรางวัล จะได ้หมดเรือ
่ งหมดราวกัน
ี ที
เสย

ตำยง่ำย ๆ อย่ำทำให้คนอืน ่ ลำบำก


เมือ่ เห็นคนสร ้างปั ญหาทีห ่ นักอกหนักใจให ้
พ่อแม่พน ี่ ้อง เชน ่ ไปติดเหล ้า ติดยาเสพติด ในสงั คม
ตะวันตก มีหญิงสาวมากมายทีอ ่ ดอาหารเพือ ่ ต ้องการ
ให ้ผอม เป็ นโรคจิตอย่างหนึง่ ในทีส ่ ด
ุ อดอาหารจน
ตาย ก่อนตายก็ทาให ้พ่อแม่ทรมานมาก คนทีไ่ ป
สร ้างปั ญหาเหล่านีใ้ ห ้ตัวเอง แม ้พ่อแม่พด ู เตือนแล ้วก็
ไม่ฟัง เถียงข ้าง ๆ คู ๆ ยังคงดือ ้ ทาตามใจตัวเอง ไม่
ยอมแก ้ไขตัวเองตามลักษณะของคนทีเ่ ปี ยกชุม ่ ด ้วย
กิเลส ถอนตัวไม่ขน ึ้
ในกรณีเชน ่ นี้ เรากล ้าคิดแม ้กระทั่งว่า เอาเถอะ
ถ ้าเขาอยากอยู่ อยากใชช้ วี ต ิ ชวั่ ๆ อย่างนัน ้ ก็ชา่ งเขา
ถ ้าจะตายก็ขอให ้ตายง่าย ๆ ตายเร็ว ๆ อย่าลาบากลา
บนคนอืน ่ ก็แล ้วกัน อย่าต ้องทาให ้พ่อแม่พน ี่ ้อง
ลาบากมานั่งดูแลเขา ชาตินช ี้ าติเดียว ขีป ้ ระติว๋ มาก
เกิดตายมาแล ้วไม่รู ้จักกีห ่ น เขาอยากโง่ก็ให ้เขาโง่
ต่อไป ถ ้าพูดออกมาจริง ๆ คนต ้องคิดว่าเราชงั่ ใจดา
เหลือเกิน ไม่มค ี วามเมตตาเอาเสย ี เลย นีไ ่ ม่ใชเ่ ป็ น
การคิดอย่างไร ้เมตตา แต่เพราะรู ้ว่าเมือ ่ คนเราถูก
กิเลสขีค ่ อเชน ่ นัน้ แล ้ว หลุดยากมาก
ก็มาเห็นธรรมทีเ่ ราเห็นก่อนสวิ า่ มันละเอียดละ
ลออสก ั แค่ไหน มารู ้เสย ี ก่อนสวิ า่ เราต ้องต่อสูห ้ ้าหั่น
กับกิเลสหนักหนาเพียงใดจึงมาเห็นธรรมทีเ่ ห็นได ้
ยากยิง่ นีไ ้ ด ้ การสูรบกั ้ บกิเลสนัน ้ มันง่ายนักหรือ คนที่
อยากทา ยังทายากจนเลือดตาแทบกระเด็น จะเอา
อะไรกับคนทีไ่ ม่อยากทาและถูกกิเลสขีค ่ อจนโงหัว
ไม่ขน ึ้ ปานนัน
้ แม ้เพียงให ้เขารู ้จักแยกดีออกจากชวั่
ยังลาบากเลย คนอย่างนีบ ้ างครัง้ ก็ต ้องปล่อยให ้ใช ้
ชวี ติ วิง่ ไปจนสุดสายป่ าน ถ ้าอยากกลับตัวจริง ๆ แล ้ว
ค่อยมาว่ากันใหม่ ไม่เชน ่ นัน
้ เสยี เวลาทีจ ่ ะไป
ชว่ ยเหลือคนเหล่านัน ้ นีเ่ ป็ นยุคค่อนกึง่ พุทธกาล
มาแล ้ว ใจของคนจะมีแต่หยาบมากขึน ้ เป็ นธรรมดา
บางครัง้ ลูกเราเองทาตัวเชน ่ นัน ้ เราก็ยังกล ้าคิดอย่าง
นีเ้ หมือนกัน เอาเป็ นว่า ท่าทีตอ ่ ความตายของเรา
เปลีย ่ นไปมาก

กำรฝึ กสติในชวี ต ิ ประจำว ัน


ตอนทีเ่ ริม ่ ปฏิบต ั ธิ รรมและเรียนรู ้การฝึ กสติให ้อยู่
กับปั จจุบันขณะนัน ้ ชว่ งเวลาทีห ่ ลงลืมขาดสติยอ ่ มมี
มากกว่าเวลาทีม ่ ส
ี ติ กาหนดการเคลือ ่ นไหวอยูด ่ ี ๆ
ใจก็เผลอคิดออกไป ตอนแรก ๆ ก็นานทีเดียวกว่าจะ
กลับมามีสติได ้อีก
(ทีจ ่ ริงใครจับจุดเรือ ่ งการปฏิบต ั ใิ ห ้มีสติอยูก ่ บ ั
ปั จจุบันขณะได ้เชน ่ นัน ้ แม ้จะหลงลืมไปนานกว่าจะ
กลับมาได ้อีก ก็ต ้องเรียกว่าดีมากแล ้วเพราะเป็ นการ
ปฏิบัตท ิ เี่ ดินถูกทางแล ้ว ชาวพุทธสว่ นมากทีแ ่ ม ้เข ้า
วัดก็ยังจับจุดการปฏิบต ่ นีไ
ั เิ ชน ้ ม่คอ ่ ยจะได ้ ทาแต่บญ ุ
และรักษาศล ี ยังไม่ได ้ไปไกลเท่าไรเลย)
เมือ่ ฝึ กนานวันเข ้า ชว่ งเวลาทีม ่ ส ี ติกบ
ั ไม่มส ี ติก็
่ ใกล ้เคียงกัน จนถึงชว่ งทีแ
เริม ่ มวจับหนูได ้อย่างเป็ น
อัตโนมัตน ิ ัน
้ ชว่ งเวลาทีม ่ ส ี ติกบ ั ปั จจุบน ั ขณะจะมี
มากกว่าชว่ งทีข ่ าดสติ คนทีป ่ ฏิบัตวิ ป ิ ั สสนาเชน ่ นี้ จะ
เคยชน ิ กับความรู ้สก ึ ทีห ่ ลุดจากจิตหรือความคิดและ
กลับมาสูป ่ ั จจุบน ั ขณะได ้ดี คือ กาหนดอยูก ่ บ ั การ
เคลือ่ นไหวหรืออะไรก็ตามอยูด ่ ี ๆ สก ั ครูห่ นึง่ ใจก็
จะแว๊บไปกับความคิดโดยไม่รู ้ตัว มารู ้ตัวอีกที ใจจะ
ผวาตืน ่ ออกจากความคิด มาอยูก ่ บ
ั ปั จจุบนั ขณะอีก
ทุกครัง้ ทีใ่ จกลับมาเชน ่ นี้ จะมีชว่ งทีใ่ จผงะบ ้าง ตกใจ
นิด ๆ บ ้าง มีการตาหนิตัวเองบ ้างว่า แหม…ดูซ ิ ไปอีก
แล ้ว แล ้วก็กาหนดต่อไป และใจก็หลุดออกไปอย่าง
ไม่รู ้ตัวอีก ผวาอีก กลับมาปั จจุบันอีก อาจจะมีการ
ตาหนิตวั เองอีก เป็ นอย่างนีอ ้ ยูร่ ่าไปนับครัง้ ไม่ถ ้วน
ความรู ้สก ึ เหล่านีท ้ จี่ ริงเป็ นเรือ ่ งละเอียดอ่อนมาก
คนทีฝ ่ ึ กดูใจเท่านัน ้ จึงจะสงั เกตเห็นความรู ้สก ึ เล็ก ๆ
น ้อย ๆ เหล่านีซ ้ งึ่ แม ้จะเล็กน ้อยมาก แต่คนปฏิบัตจ ิ ะ
เห็นชด ั มาก คนไม่เคยดูใจ ไม่ต ้องพูดถึง เขาฟั งไม่รู ้
เรือ
่ ง

เหมือนออกจำกบ้ำนไปทำธุระ เสร็จแล้วก็กล ับ
บ้ำนตำมปกติ
บัดนี้ ความเปลีย ่ นแปลงทีเ่ กิดขึน ้ กับเราคือ แม ้
จะมีการคิดออกไปจากปั จจุบันขณะเหมือนอย่าง
เมือ ่ ก่อนนีก ้ ็ตาม มันก็เป็ นการออกไปอย่างสว่าง
ไม่ใชอ ่ อกไปอย่างมืด ๆ เหมือนแต่กอ ่ น ฉะนัน้ เมือ ่
ตอนทีใ่ จกลับมาสูป ่ ั จจุบัน จะไม่มช ี ว่ งต่อเนือ่ งเหมือน
ในอดีตทีต ่ าหนิตัวเองบ ้าง ผวาหรือตกใจนิด ๆ บ ้าง
สงิ่ เหล่านัน ้ หายไปหมด บางครัง้ เห็นตัวเองมองหา
สภาวะทีใ่ จต ้องผงะนิด ๆ ตามทีเ่ คยเป็ นมาหลายปี
แล ้ว แต่ก็ไม่เป็ น ใจไม่ผงะไม่ผวาแล ้ว เหมือนใจ
ออกจากบ ้านไปทาธุระ ทาเสร็จ ก็กลับเข ้าบ ้าน
ตามปกติ ตรงนีไ ้ ม่รู ้คนอ่านจะรู ้เรือ่ งหรือเปล่าว่าเรา
พูดเรือ ่ งอะไร มันเป็ นเรือ ่ งทีล่ ะเอียดอ่อนมากของ
ชวี ต ิ ประจาวันทีเ่ กิดขึน ้ อยูท
่ กุ บ่อย พอเห็นความ
เปลีย
่ นแปลงเชน่ นีจ
้ งึ รู ้ว่าตัวเองไม่ธรรมดาแล ้วเมือ

เปรียบเทียบกับสภาวะในอดีต1

ชวี ต ิ ประจำว ันเป็นข้อทดสอบทีด ่ ข ี องผูบ ้ รรลุ


ธรรม
สงิ่ ทีเ่ กิดขึน ้ ในชวี ต ิ ประจาวันนีแ ่ หละเป็ นเครือ ่ ง
ทดสอบทีด ่ ท ี ส ี่ ด ุ ของผู ้ต ้องการตรวจสอบว่าตนเองได ้
บรรลุธรรมชน ั ้ สูงสุดหรือไม่ ตัวอย่างอีกมากมายที่
ตรวจสอบได ้ เชน ่ เมือ ่ เกิดเสย ี งดังอย่างทันทีทันใด
เชน ่ ของหล่นตกจากทีส ่ งู โทรศัพท์ดัง คนเดินมา
ข ้างหลังโดยไม่รู ้ตัว หรือในขณะทีข ่ บ ั รถและเจอ
สถานการณ์ทน ี่ ่าตกใจ เป็ นต ้น สงิ่ พืน ้ ๆ ทีเ่ กิดขึน ้ ทุก
วันเหล่านี้ บางครัง้ ก็ทาให ้คนผวา ตกใจเพราะความ
คาดไม่ถงึ ผู ้หญิงจะเป็ นมากกว่าผู ้ชายเพราะเป็ นเพศ
ทีม่ ใี จอ่อนกว่า
เราก็ไม่ตา่ งจากหญิงอืน ่ ในอดีตเมือ ่ ตกใจแล ้วก็
จะกาหนดไปทีค ่ วามสน ั่ ไหวของใจทันที เพราะเรียนรู ้
เรือ่ งการดูใจมาตัง้ แต่เป็ นนักศก ึ ษาแล ้ว พอกาหนด
ได ้ มันก็คอ ่ ย ๆ หายไป ในชว่ งปลาย ๆ สมัยทีแ ่ มว
จับหนูอย่างเป็ นอัตโนมัต ิ รวมถึงก่อนและชว่ งต ้น ๆ ที่
เกิดญาณนัน ้ เมือ่ ใจเคลือ ่ นจากสภาวะปกติเพราะ
เหตุการณ์เชน ่ นีแ ้ ล ้ว การกาหนดจะเกิดเร็วมาก
สภาวะทีใ่ จเคลือ ่ นจากความปกติจะหายไปเกือบ
ทันทีก็วา่ ได ้ บางครัง้ เห็นแต่ระลอกคลืน ่ ทีจ ่ ะทาให ้หัว
ใจเต ้นเร็วเพราะความตกใจ แต่เป็ นเพราะแมววิง่ ได ้
เร็วมาก สามารถจับหนูได ้ทันทีทห ี่ นูเริม ่ เคลือ
่ นตัว

1
กำลังอ่ำนตรวจทำนเรื่องนีใ้ นเดือนธันวำคม ๒๕๔๖ ลืมปรำกฏกำรณ์เหล่ำนัน้ อย่ำงสนิท ถ้ำไม่ได้บนั ทึกไว้ตอน
นัน้ คงพูดถึงไม่ได้แน่นอน จำไม่ได้เลยว่ำสภำวะผงะ ผวำ เหล่ำนัน้ ได้เคยเกิดมำก่อน ตอนนีไ้ ม่มีอกี แล้ว
พอเห็นคลืน
่ ระลอกแรกเริม
่ จะเคลือ
่ นเท่านัน้ แมว
ตะปบหนูทันที หนูจงึ หดหายไปทันทีเชน ่ กัน

แม้คลืน ่ ระลอกแรกก็ไม่เห็นอีกแล้ว
แต่ในชว่ งปี ทผ ี่ า่ นมา แม ้สภาวะเล็ก ๆ น ้อย ๆ
เหล่านีก ้ ็คอ ่ ย ๆ หายไปหมด แม ้แต่คลืน ่ ระลอกแรกก็
ไม่เห็นอีกแล ้ว ใจราบเรียบไม่เคลือ ่ นเลยแม ้แต่น ้อย
บางครัง้ กายนัน ้ สะดุ ้งโหยงจริง ทุกคนต ้องเหมาเอา
ว่าเราตกใจแน่นอน แถมเอามือมาพาดอกด ้วยความ
เคยชน ิ ในบางครัง้ แต่เมือ
่ สารวจใจแล ้ว กลับไม่มี
ความรู ้สก ึ อะไรเหลืออยูเ่ ลย เหมือนไม่มใี จ แต่ก็ยัง
เล่นไปตามบทบาทของโลกสมมุต ิ ถ ้าลูกหรือสามีมา
ปลอบโยนเพราะคิดว่าเราตกใจ ก็ปล่อยให ้เขาทา
เพราะมาเขียนเรือ ่ งนี้ จึงมีการสงั เกตและจดบันทึก
เหตุการณ์ลา่ สุดเอาไว ้ ไม่เชน ่ นัน
้ ก็ลม ื สงิ่ ทีบ ่ ันทึกไว ้
มีดังนีค้ อ ื
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ ถูบ ้านเสร็จ พืน ้ ไม ้ยัง
เปี ยกหมาด ๆ อยูโ่ ดยทั่วไป กาลังเดินจากห ้องครัว
ไปห ้องนั่งเล่น เกิดไถลด ้วยความลืน ่ ของพืน ้ ร ้องกรี๊ ด
จนลูกคนเล็กตกใจ รีบวิง่ มาหาแม่วา่ เป็ นอะไรไปหรือ
เปล่า ปรากฏว่าร ้องกรี๊ ดจริง แต่ใจไม่เคลือ ่ นเลย
แม ้แต่น ้อย หัวใจไม่กระดิก ไม่สน ั่ แต่อย่างใด เห็นลูก
ตกใจมากกว่าแม่ เรือ
่ งร ้องกรี๊ ดนีต ่ ้องเรียกว่าเป็ น
ความชน ิ หรือภาษาพระ เรียกว่าวาสนา เป็ นปฏิกริ ย ิ า
หรือ reflex ซงึ่ เป็ นการทางานของสว่ นกายทีเ่ นือ ่ ง
กับสมอง นาน ๆ ถึงจะมีสก ั ครัง้ ทีร่ ู ้สกึ ว่ามีใจให ้ตก
แต่พอกาหนดเห็นเท่านัน ้ ใจก็เป็ นปกติทันที
๗ ธันวาคม ๒๕๔๔ ขับรถกลับจากทางาน จะ
เลีย้ วซายเข้ ้าถนนใหญ่ พอดีมรี ถจอดขวางอยูข ่ วามือ
มองไม่เห็นรถทีม ่ าจากขวามือ พยายามดูและคิดว่า
ไม่มรี ถมาแล ้ว จึงขับออกมา ทันใดนัน ้ เอง รถคันหนึง่
ก็พงุ่ มาจากขวามือ เราต ้องเหยียบเบรคอย่างแรง
ของทุกอย่างตกจากทีน ่ ั่งไปกองบนพืน ้ หมด รถคัน
นัน
้ เฉียดรถของเราไปเพียงไม่กน ี่ วิ้ เท่านัน ้ เอง
คนขับรถคันนัน ้ คงด่าเรายับ ถ ้าเป็ น ๖ เดือนก่อนหน ้า
วันทีน ่ ี้ ใจอาจจะเคลือ ่ นบ ้างนิดหน่อยภายใต ้
สถานการณ์เชน ่ นัน ้ แต่วันนัน ้ ใจไม่เคลือ ่ นเลยแม ้แต่
น ้อย ปกติเหมือนเจอเหตุการณ์อย่างนีท ้ กุ วันจนชน ิ
แล ้วทานองนัน ้
๙ ธันวาคม ๒๕๔๔ เอาทีร่ ด ี ผ ้าออกมากาง
ประเภททีก ่ างขาออกแล ้ว ท่อสว่ นบนจะล๊อคเข ้าร่อง
มีระดับสูงตา่ ตามความต ้องการ เราขยับอยูน ่ านสอง
นาน มันก็ไม่เข ้าร่องสก ั ที จุดหนึง่ ก็คด ิ ว่าเข ้าร่อง
แล ้ว เพราะมันตัง้ ได ้ จึงเอาเตารีดวางลง เท่านัน ้ เอง
ทีร่ ดี ผ ้าทัง้ อันก็ล ้มไปกองกับพืน ้ อีกพร ้อมเตารีด
เสย ี งดังมาก สามีนั่งบนโซฟาดูฟต ุ บอลอยูห ่ า่ งไม่ถงึ
สองฟุต ตกใจถึงขนาดเอามือพาดอก เรายืนเฉย ใจ
ไม่กระดิกกระเดีย ้ แม ้แต่น ้อย เหมือนไม่มใี จให ้ตกอีก
แล ้ว
(ได ้เขียนหัวข ้อนีต ้ ัง้ แต่เดือนกันยายน ๔๔ มา
เขียนเพิม ่ เหตุการณ์ทล ี่ งวันทีเ่ อาตอนหลัง มี
ความรู ้สก ึ ว่า สภาวะที่ “ไม่มใี จ” ได ้หยั่งรากลึกลงไป
ทุกวัน ความเปลีย ่ นแปลงของใจเกิดตลอดเวลา)
แต่แม ้นาน ๆ ครัง้ นี่ เราก็พด ู ถึง นาน ๆ ครัง้ ของ
อดีตทีผ ่ า่ นมา ในชว่ งทีต ่ งั ้ แต่เริม ่ เขียนมาจนบัดนีเ้ ข ้า
เดือนที่ ๕ (มานั่งอ่านตรวจทานครัง้ สุดท ้ายก่อนสง่
ดิสค์ไปเมืองไทยก็เข ้าเดือนที่ ๙ แล ้ว) นาน ๆ ครัง้
ทีพ
่ ด
ู ถึงก็น ้อยลงไปเรือ
่ ย ๆ ความเปลีย่ นแปลงไปสู่
ความเด็ดขาดของใจมีมากขึน ้ ตามลาดับ

ชวี ต ิ ปุถช ุ นเหมือนลูดกิง่ กุหลำบ


จาได ้ว่า ตอนเป็ นปุถช ุ นจนกระทั่งก่อนเกิดญาณ
้ ชวี ต
นัน ิ ประจาวันจะมีความรู ้สก ึ เล็ก ๆ น ้อย ๆ หลาย
อย่างผ่านเข ้ามาในใจ ซงึ่ ไม่ใชเ่ รือ ่ งใหญ่หรือหนัก
หนาอะไร มันผ่านเข ้ามา แล ้วก็หายไป เชน ่ บางครัง้
มองหน ้าลูก ๆ แล ้ว ก็อดห่วงอนาคตของเขาไม่ได ้ว่า
จะเอาตัวรอดหรือ ใจก็ตกวูบไปชวั่ ขณะ เมือ ่ ไปทา
อย่างอืน ่ ต่อ ก็ลม ื ไป หรือเห็นสามีกลับจากทางาน
เหนือ ่ ยมาก ก็อดสงสารไม่ได ้ว่านีเ่ ขายังต ้องทางาน
หนักเชน ่ นีไ ้ ปอีกนานมากกว่าจะถึงอายุเกษี ยน เขาจะ
ทนไหวหรือ ใจก็วบ ู ตกไปอีกด ้วยความสงสารอย่าง
จับใจ สก ั ครูก ่ ห็ ายไป บางครัง้ ก็หวนคิดถึง อะไร
บางอย่างในอดีตหรือเนือ ่ งกับอนาคต พอคิดแล ้ว
ความรู ้สก ึ ต่าง ๆ ทีเ่ นือ ่ งกับเหตุการณ์นัน ้ ๆ ก็ทะลัก
เข ้ามาในใจ ใจก็ตกวูบไปอีกพักหนึง่ อีกสก ั ครูก
่ ็
หายไป บางครัง้ ได ้ยินข่าวดี ก็สามารถคิดในสงิ่ ทีใ่ ห ้
กาลังใจ แต่บางครัง้ ก็สาละวนอยูก ่ บ ั ความคิดทีท ่ าให ้
เป็ นห่วงเป็ นใยถึงขัน ้ กลัวก็มี หรือ ไปฟั งเพลงเก่า ๆ
จะเกิดความรู ้สก ึ มากมายคล ้อยตามหรือคลืม ้ ไปกับ
เสย ี งเพลง สงิ่ เหล่านีเ้ ป็ นความรู ้สก ึ เล็ก ๆ น ้อย ๆ ขึน ้
ๆ ลง ๆ ทีไ่ ม่หนักหนาอะไร ไม่มใี ครพูดถึง เพราะ
บรรยายยาก และคนก็ไม่เห็นความสาคัญ นีค ่ อื ความ
เป็ นธรรมดาของชวี ต ิ ปุถช ุ น ชวี ติ ของเขาจะเต็มไป
ด ้วยความรู ้สก ึ เล็ก ๆ น ้อย ๆ เหล่านี้ เปรียบเทียบได ้
กับเด็ดกิง่ กุหลาบออกมากิง่ หนึง่ แล ้วเอานิว้ ลูบ มี
บางชว่ งทีล ่ บู ได ้ง่ายเพราะไม่มห ี นาม แต่บางชว่ งก็
ถูกหนามตาเอา ชวี ต ิ ประจาวันของปุถช
ุ นก็เป็ นอย่าง
นี้ ไม่มอ
ี ะไรราบเรียบ เดีย๋ ว ๆ ก็จะถูกความรู ้สก ึ
บางอย่างตาเอาเสมอ

เหมือนเลำะหนำมกุหลำบทิง้ หมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความรู ้สก ึ เล็ก ๆ น ้อย ๆ เหล่านี้
ของเรา มาบัดนีห ้ ายไปหมดสน ิ้ เดีย
๋ วนี้ สามารถมอง
หน ้าลูก ๆ และสามีโดยไม่มค ี วามรู ้สก ึ อะไรห ้อยท ้าย
ทัง้ ๆ ทีร่ ู ้ว่าอนาคตของพวกเขาต ้องดิน ้ รนต่อสูอย่ ้ าง
มากมาย แต่ก็ไม่มค ี วามกลัวเหลืออยู่ รู ้ว่าไม่วา่ เขาจะ
ไปทาอะไร ชวี ต ิ ของเขาต ้องเป็ นทุกข์เสมอ รอวันที่
เขาไม่ใชเ่ ห็นเราแต่เพียงแม่ทค ี่ อยทาอะไรให ้เขา
เท่านัน ้ แต่เป็ นครูทส ี่ ามารถบอกทางไปสูท ่ ส ี่ ว่างให ้
เขาได ้ด ้วย หากยังมีความหวังอะไรในตัวลูก ก็หวังว่า
เขาจะไม่ปล่อยไว ้นานจนสายเกินไป รู ้ว่าเขาจะ
เสย ี ใจมากหากเขาไม่รู ้จักเราจริง ๆ ก่อนเราตาย
สรุปว่า เดีย ๋ วนี้ สามารถคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
ได ้โดยใจไม่ถก ู หนามตาเอา สามารถฟั งเพลงเก่า ๆ
ทีเ่ คยชอบได ้โดยทีใ่ จไม่เคลือ ่ นแม ้แต่น ้อยนิด2
เหมือนกิง่ กุหลาบทีแ ่ ต่กอ ่ นมีหนามเล็ก ๆ ยืน ่ ออกมา
ตรงนัน ้ บ ้าง ตรงนีบ ้ ้าง หนามนัน ้ ก็คอ่ ย ๆ ถูกเลาะ
ออกไปทีละหนามสองหนามตัง้ แต่เริม ่ ปฏิบัตธิ รรม
มาถึงบัดนี้ สามารถเอามือลูดกิง่ กุหลาบโดยไม่ถูก
แม ้แต่หนามเดียวเลย มันหายหมด

ใชเ้ พลงโปรดเป็นเครือ
่ งล่อให้หนูออกจำกบ้ำน
พูดถึงเรือ ่ งเพลงของยุคสมัยแล ้ว เคยเป็ น
จุดอ่อนของเรามาก เชน ่ เพลงของชรินทร์ สุเทพ
ธานินทร์ สุนทราภรณ์ ฟั งทีไร ก็จะพาใจให ้เคลิม ้ ไป
กับบรรยากาศและเหตุการณ์ในอดีตเสมอ มีชว่ งหนึง่
ราว ๗ หรือ ๘ ปี ให ้หลังมานีเ้ อง เป็ นชว่ งทีแ ่ มวเริม ่
จับหนูเองแล ้ว เอาเพลงสุนทราภรณ์เก่า ๆ อันเป็ น
เพลงโปรดร่วมสมัยของเรามาเป็ นเครือ ่ งล่อให ้
ความรู ้สก ึ ทีช่ อบออกมา พอล่อมันออกมาแล ้ว ก็จับ
มันฆ่าทิง้ ทันที ตอนแรกรู ้สก ึ ทายาก เพราะใจมัน
อยากคลึม ้ ไปกับเสย ี งเพลงอย่างเดียว โดยเฉพาะ
เพลงโปรดทีม ่ ค ี วามหลังในอดีตติดพันอยู่ สลัดยาก
มาก ใจไม่ยอมปล่อย แต่กต ็ อ ้ อ
่ สูเพื ่ ให ้มันปล่อยให ้
ได ้ แล ้วก็คอ ่ ย ๆ ง่ายขึน ้ เหมือนการล่อให ้หนูออก
จากบ ้านเพือ ่ แมวจะได ้ตะปบเอามากินเล่นทันที
อย่างไรก็อย่างนัน ้ จาได ้เพราะเคยเอาเรือ ่ งนีม
้ าสอน
ลูกศษ ิ ย์ให ้ทาตาม
ทุกครัง้ ทีก ่ ลับจากเมืองไทย เราจะต ้องซอ ื้ เทป
เพลงติดมาเสมอ สว่ นมากก็เป็ นเพลงเก่าทีเ่ ขาเอามา
อัดใหม่ ร ้องโดยนักร ้องใหม่ ๆ เก็บมาหลายปี มี
มากมาย เคยรักเคยหวงมันมาก ต ้นปี นเี้ อง ใจเป็ น
อิสระมาก ฟั งแล ้วก็ไม่ทาให ้เกิดอารมณ์อะไรเหมือน
ทีเ่ คยเป็ นเลย จึงตัดสน ิ ใจทิง้ เทปเพลงเหล่านีไ ้ ด ้โดย
ไม่แยแส ทิง้ บ ้าง ให ้เพือ ่ นไปบ ้าง เหลืออยูไ่ ม่กม ี่ ้วน
บางครัง้ เอามาฟั งเพือ ่ ตรวจสอบความรู ้สก ึ ว่าใจมีการ
กาเริบหรือไม่เท่านัน ้

ทุกคนมีชวี ต ี ดสอ
ิ ทีเ่ สย ี ยูก
่ ับพระนิพพำนอย่ำง
แนบเนือ
่ งอยูแ่ ล้ว
เดีย๋ วนี้ การเดิน การเคลือ ่ นไหว การเดิน
ห ้างสรรพสน ิ ค ้า ซอ ื้ กับข ้าว การทางานในบ ้าน หยิบ
โน่น หยิบนี่ ทาอาหาร จะมีสติทเี่ ป็ นธรรมชาติ ไม่
รู ้สก ึ ว่าต ้องกาหนดอะไรเป็ นชน ิ้ เป็ นอันแล ้ว แม ้
บางครัง้ จะต ้องทาอะไรเร็ว ๆ ก็ตาม สมัยก่อนโน ้น
พอทาอะไรเร็ว ๆ แล ้ว ความคิดในหัวก็จะแล่นเร็วไป
ด ้วย ใจก็วงิ่ ขึน ้ ลงตามความคิด ซงึ่ เป็ นลักษณะทีข ่ าด
สติ พอรู ้ตัว สติกลับมา ก็คอ ่ ย ๆ ทาอะไรชา้ ๆ อีก
เดีย ๋ วนี้ แม ้ทาอะไรเร็ว ๆ ก็ไม่เป็ นปั ญหาอีกต่อไป
สามารถทาเร็วได ้อย่างมีสติเต็มเปี่ ยม แต่การทาอะไร
ชา้ ๆ ย่อมมีรสชาดของชวี ต ิ มากกว่า เชน ่ เมือ ่ ใดที่
เดินชาแบบธรรมดา้ แบบไม่ต ้องเร่งรีบได ้ จะเห็นได ้
ชด ั มากว่า การเดินแต่ละก ้าวนัน ้ มีความเต็มเปี่ ยมของ
ชวี ต ิ บรรจุไว ้พร ้อมในตัวมันเองแล ้ว
เดีย ๋ วนี้ การหั่นผัก ทากับข ้าว ทาอะไรต่ออะไร
ก่อกแก่กอยูใ่ นครัวนัน ้ เป็ นเรือ
่ งสนุกมาก บางครัง้ แค่
เอือ ้ มมือไปเปิ ดตู ้กับข ้าวเท่านัน ้ รู ้สกึ ว่ามันเป็ นชว่ ง
ขณะปั จจุบันทีอ ่ ร่อยมากจนไม่รู ้จะบรรยายยังไง คน
ต ้องหาว่าบ ้าแน่ สมัยก่อนมองไม่ออกว่า ชวี ต ิ มันจะ
เต็มเปี่ ยมได ้ยังไงกับงานจาเจเชน ่ นี้ มาบัดนี้ ก็เห็นได ้
ชด ั มากว่ามันเต็มเปี่ ยมได ้จริง ๆ ถ ้าทาอย่างมีสติ
รสชำดทีแ ่ ท้จริงของชวี ต ิ ม ันอยูต ่ รงข้ำงหน้ำเรำ
เสมอ นีค ่ อ ื ควำมล ับของชวี ต ิ ของพระนิพพำน
ม ันไม่ได้อยูไ่ กลเอือ ้ มเลย ทุกคนมีชวี ต ิ ทีเ่ สย ี ดส ี
อยูก ่ ับพระนิพพำนอย่ำงแนบเนือ ่ งอยูแ ่ ล้ว แต่คน
มันโง่มันมืดเกินกว่าจะเข ้าใจเรือ ่ งง่าย ๆ เชน ่ นีไ้ ด้
กลับไปคิดมาก วิเคราะห์อะไรต่อมิอะไรจนมากเรือ ่ ง
แสวงหาเรือ ่ งไกลตัวจนกลับบ ้านไม่ถก ู อีกแล ้ว
่ ริงแล ้ว สงิ่ เหล่านีเ้ ป็ นความรู ้สก
ทีจ ึ ธรรมดา
มากเหมือนกับสมัยทีย ่ ังอยูใ่ นโลกมืดสนิทของ
อวิชชาแต่ไม่เป็ นทุกข์เป็ นร ้อนอะไร อย่างไรก็อย่าง
นัน
้ ผิดกันแต่วา่ เดีย ๋ วนีไ้ ม่มดื แล ้ว ทาทุกอย่างด ้วย
ความสว่าง ชวี ต ิ จึงเป็ นปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
ทุกอย่าง แต่เราไม่ธรรมดาเหมือนคนอืน ่ เพราะเรา
ไม่ได ้อยูใ่ นโลกมืดเหมือนคนอืน ่ อีกแล ้ว สงิ่ ธรรมดา
เหล่านีจ ้ งึ เป็ นเครือ
่ งตอกย้าได ้ดีวา่ เราได ้บรรลุธรรม
ขัน้ สูงแล ้ว

กล ัวผี
เรือ
่ งกลัวผีต ้องนับว่าเป็ นจุดอ่อนของเราตัง้ แต่
สมัยเด็ก ๆ ไม่ชอบฟั งเรือ ่ งผี และ ไม่ชอบดูหนังผี
ตอนเด็ก ๆ จาได ้ว่าพีส ่ าวติดละครวิทยุเรือ ่ งแม่นาค
พระโขนงมาก กลัวมากเมือ ่ ได ้ยินเสย ี งแม่นาคพูดเย็น
ๆ อย่างผี พยายามหนีจากเสย ี งนัน
้ แต่กห ็ นีไม่พ ้น
คนไทยมักมีเรือ ่ งผี ๆ มาเล่ากันฟั งอยูเ่ สมอ มาอยู่
อังกฤษ วัดสงั ฆทานได ้ทาหนังสอ ื ธรรมะประจาเดือน
และมีคอลัมสผ ์ ม ี าได ้ ๑๓ ปี แล ้ว มักเปิ ดผ่านเสมอ มี
บางครัง้ ทีต่ ดั สน ิ ใจอ่าน เมือ ่ อ่านแล ้ว ไม่คด ิ ว่าเนือ
้ หา
ของมันจะมีคณ ุ ค่าในแง่ธรรมะมากนัก นอกจากสร ้าง
ความตืน ่ เต ้นและหวาดกลัวให ้แก่คนอ่านโดยไม่
จาเป็ น จึงไม่คอ ่ ยสนใจอ่าน

ทดสอบตนเองว่ำย ังกล ัวผีหรือไม่


่ ว่ งหนึง่ คิดว่าหลังจากเกิดญาณ
จาได ้ว่า มีอยูช
แล ้ว และความกลัวในเรือ ่ งหลาย ๆ อย่างได ้หายไป
จึงต ้องการทดสอบตัวเองว่ายังมีความกลัวผีอยู่
หรือไม่ จึงเริม่ อ่านคอลัมสผ ์ ใี นหนังสอื ธรรมะของวัด
สงั ฆทานทีส ่ ง่ มาให ้ทุกเดือน อ่านไปก็สารวจใจ
ตนเองว่ามีความกลัวเหมือนสมัยก่อนหรือไม่ ปรากฏ
ว่า สามารถอ่านได ้โดยไม่กลัว เพราะวิปัสสนาญาณ
สามารถทาลายทุกอย่างได ้ในทันใด ก็อา่ นอยูพ
่ ัก
หนึง่ แต่ก็เลิกอ่านไปอีกเพราะไม่มค ี วามสนใจใน
เรือ่ งเหล่านีจ ้ ริง ๆ เห็นเป็ นเรือ ่ งรกสมองมากกว่าจะมี
สาระอะไรในทางธรรม คิดว่าไม่จาเป็ นต ้องไปรับ
ผัสสะทีไ่ ม่ได ้เอือ ้ อานวยให ้ใจสงบทัง้ ในปั จจุบันและ
ภายหลัง
เหตุผลใหญ่ทท ี่ าให ้ไม่กลัวเรือ ่ งผี ๆ อีกต่อไป
คงเป็ นเพราะเริม ่ เข ้าใจเรือ่ งกฏแห่งกรรมและการ
เวียนว่ายตายเกิดว่า ผีนัน ้ ก็คอ ื ผู ้ทีอ
่ ยูใ่ นภพภูมเิ ปรต
ซงึ่ เป็ นภพทีอ ่ ยูใ่ กล ้เคียงกับมนุษย์มาก มนุษย์มี ๕
ขันธ์ คือมีรป ู กาย แต่เปรตไม่มก ี าย จึงมีเพียง ๔ ขันธ์
เท่านัน ้ เปรตอยูไ่ ด ้ก็เพราะการอุทศ ิ บุญกุศลของ
มนุษย์ทเี่ ป็ นญาติของเปรตนัน ้ เอง บางครัง้ ก็สามารถ
เห็นได ้ ทีจ ่ ริง พระพุทธเจ ้าได ้ตรัสเรือ ่ งราวของเปรต
ไว ้มากอยูจ ่ นดูเป็ นเรือ ่ งธรรมดามาก ไม่ใชเ่ ป็ นความ
ลึกลับอย่างทีค ่ นชอบคิดในปั จจุบัน

วิปส
ั สนำญำณไม่ได้ทำลำยแต่ผ ี แต่ทำลำยถึง
อวิชชำ
สงิ่ สาคัญทีค่ นกลัวผีจะต ้องเข ้าใจคือ ตราบใดที่
ตนเองยังทาชวั่ อยูแ ่ ล ้ว ก็ควรกลัวเรือ ่ งผีอยูห่ รอก
โดยเฉพาะผีหา่ ซาตานในใจตนเองนั่นแหละจะคอย
หลอกหลอนตัวเองอยูร่ ่าไป แต่หากใครทาแต่ความดี
แล ้ว ก็ไม่มเี หตุผลอะไรทีต ่ ้องกลัวผี ผีจะทาอะไรคน
ดีไม่ได ้แน่นอน เพราะผีอยูใ่ นภพภูมท ิ เี่ สยี เปรียบกว่า
มนุษย์อยูแ ่ ล ้ว โดยเฉพาะอย่างยิง่ ใครทีก ่ าลังฝึ ก
สมาธิวป ิ ั สสนาแล ้วไซร ้ ผียงิ่ ทาอะไรไม่ได ้ใหญ่
เพราะวิปัสสนาญาณนัน ้ เป็ นปั ญญาทีม ่ คี วามแหลมคม
มากจนสามารถทาลายอย่าว่าแต่ผเี ลย แม ้แต่อวิชชา
ซงึ่ ร ้ายกาจกว่าผีมากมายนัก ก็ยังถูกทาลายอย่าง
ราบคาบ
การเชอ ื่ เรือ ่ งกฏแห่งกรรมและการเวียนว่ายตาย
เกิด ว่าถ ้าทาดี ก็จะไปเกิดในสุขคติภม ู ิ ถ ้าทาชวั่ ก็จะ
ไปเกิดในอบายภูมน ิ ัน
้ ก็เป็ นเรือ ่ งหนึง่ ทีย ่ ังเกีย่ วเนือ
่ ง
โดยตรงกับพุทธศาสนา เพราะถ ้าใครไม่อยากไปเกิด
ในภพภูมท ิ ด ี วั่ เหล่านัน
ี่ ช ้ ก็ต ้องเลือกทางไปนิพพาน
แต่การมาสอนเน ้นเรือ ่ งผีสางเทวดาจนเกินเลยอย่าง
ทีท
่ ากันในเมืองไทยนัน ้ ก็เป็ นอีกเรือ ่ งหนึง่ เรือ
่ งผี
สางเทวดาเป็ นเรือ ่ งทีค ่ นเราไม่ควรไปยุง่ เกีย ่ วมากนัก
เพราะอยูก ่ นั คนละภพภูม ิ ถ ้าเราไม่ไปยุง่ กับมัน มันก็
ไม่มายุง่ กับเรา

เทวดำย ังต้องมำฟังธรรมจำกพระพุทธเจ้ำเลย
นอกจากนัน ้ ชวี ต ิ หรือจิตวิญญาณทีย ่ ังเวียนว่าย
ตายเกิดเหล่านัน ้ ก็ล ้วนแต่ยังมีอวิชชาด ้วยกันทัง้ นัน ้
จึงยังคงเวียนว่ายเวียนเกิดอยูเ่ ชน ่ นัน
้ จะไปเรียนรู ้
ความสว่างแห่งปั ญญาจากผีสางเทวดาโอปปาติกะ
เหล่านีไ้ ด ้อย่างไร เขาจะไปรู ้อะไรกับเรือ ่ งการไป
นิพพาน เทวดายังต ้องมาฟั งธรรมะจากพระพุทธเจ ้า
เลย การไปเน ้นมากจึงเป็ นเรือ ่ งเกินจาเป็ น จะเรียกว่า
เป็ นเดรัจฉานวิชชาก็ไม่ผด ิ เราจึงไม่เห็นด ้วยกับพระ
หรือฆราวาสทีเ่ น ้นสอนเรือ ่ งผีสางเทวดาจนเกินเลย
นั่นไม่ใชเ่ ป็ นแก่นของศาสนาพุทธ เพราะถ ้าสอนเรือ ่ ง
แก่นแท ้ของศาสนาพุทธโดยเน ้นให ้คนปฏิบัต ิ
วิปัสสนาแล ้ว เรือ ่ งเหล่านีก ้ ็จะตกไปโดยปริยาย ผู ้มี
ปั ญญาทีแ
่ ท ้จริงจะไม่ไปยุง่ เกีย
่ วกับเรือ
่ งเหล่านี้
เด็ดขาด เสยี เวลา รกสมอง

อยำกมีอด ุ มคติเหมือนคำนธี
สมัยทีเ่ ป็ นนักศก ึ ษา ได ้มีโอกาสอ่านชวี ะประวัต ิ
ของท่านมหาตมะ คานธี อ่านพบว่า ท่านได ้บอกกับ
ภรรยาของท่านว่า เมือ ่ ท่านอายุ ๔๐ ปี ท่านจะหยุด
เรือ่ งเพศสม ั พันกับภรรยาทันที และท่านก็รักษา
คาพูดของท่าน ตอนนัน ้ อ่านแล ้วทัง้ ๆ ทีย ่ ังไม่เข ้าใจ
เรือ ่ งเพศอย่างถ่องแท ้ แต่กร็ ู ้สก ึ ได ้รับแรงบันดาลใจ
มาก อยากจะมีอด ุ มคติเชน ่ นัน้ บ ้าง คิดว่าถ ้าหากมี
โอกาสแต่งงานสก ั วันหนึง่ ก็จะตกลงกับสามีเชน ่ นัน ้
ตอนทีพ ่ บกับสามีในอนาคตและชว่ งทีก ่ าลังรอให ้เขา
กลับเมืองไทยเพือ ่ ทาพิธแ ี ต่งงานนัน ้ ได ้เขียน
จดหมายถึงกัน ได ้พรรณาถึงอุดมคติมากมายใน
จดหมายของเรา และได ้เอ่ยเรือ ่ งคานธีไว ้ด ้วย บอก
เขาว่า อยากจะมีอด ุ มคติอย่างคานธีบ ้าง แน่นอน นั่น
เป็ นคาพูดทีเ่ ต็มไปด ้วยความฝั นและอุดมคติอันสูงสง่
เป็ นการพูดออกมาอย่างไร ้เดียงสา ปราศจาก
ประสบการณ์ชวี ต ิ ของโลกแห่งความเป็ นจริง คิดว่า
ตอนนัน ้ แฟนอ่านแล ้วคงหัวเราะหรือไม่ก็คงไม่รู ้ว่า
เราพูดเรือ ่ งอะไรกัน และคงไม่ได ้คิดอะไรจริงจัง ใคร
จะสามารถคิดล่วงหน ้าถึงสงิ่ ทีจ ่ ะเกิดขึน ้ ในอีก ๒๐ ปี
ข ้างหน ้าได ้
แม ้เราเอง เมือ ่ แต่งงานแล ้ว ก็ไม่ได ้ไปรือ ้
ฟื้ นหรือคิดอะไรมากอีก แต่กร็ ู ้ว่าใจหนึง่ นัน ้ ยอมรับว่า
เพศสม ั พันระหว่างสามีภรรยานัน ้ เป็ นสว่ นหนึง่ และ
เป็ นเรือ ่ งธรรมชาติธรรมดาของชวี ต ิ คูท
่ ั่วไป แต่อก ี ใจ
หนึง่ ก็รู ้อีกว่า ความต ้องการทางเพศของตัวเองนัน ้
น ้อยมาก ไม่เพียงพอทีจ ่ ะตอบสนองต่อความต ้องการ
ของสามีได ้เสมอไป ทีจ ่ ริงแล ้ว สามีมใิ ชเ่ ป็ นคนมัก
มากในเรือ ่ งเพศแต่อย่างใดเลย ตอนแต่งงาน เราทัง้
สองมีอายุ ๒๗ ปี สาหรับฝ่ ายชายแล ้ว เป็ นวัยที่
ธรรมชาติบอกให ้แพร่พันธุอ ์ ย่างเต็มที่ แต่เราเอง
ต่างหาก ด ้วยความทีไ่ ด ้ฝึ กฝนสมาธิมามาก จึงมี
ความต ้องการทางเพศน ้อยกว่าระดับปกติมากเกินไป
จนผิดปกติ และเมือ ่ หลังจากคลอดบุตร ความ
ต ้องการทางเพศย่อมน ้อยลงตามธรรมชาติอก ี เพราะ
ร่างกายเหน็ดเหนือ ่ ยกับการเลีย ้ งลูกเล็ก และต ้องการ
ปรับตัว พักผ่อน ความขัดแย ้งจึงเกิดขึน ้ สามีภรรยาที่
เดินทางมาถึงจุดนีแ ้ ล ้วมักเจอปั ญหาทีค ่ ล ้ายกันหมด
คือ เมือ ่ ฝ่ ายชายไม่ได ้รับการตอบสนองในเรือ ่ งเพศ
เขาก็จะงอน และเริม ่ หาทางออกด ้วยวิธอ ี นื่ โสเภณี
หรือเมียน ้อยก็เป็ นทางออกทีเ่ ด่นมากทีส ่ ดุ ทางหนึง่ ที่
ผู ้ชายมักเลือกทา เราเองก็เพิง่ เข ้าใจว่าทาไมภรรยา
ไทยบางคนจึงเป็ นฝ่ ายหาเมียน ้อยให ้สามีตนเอง

โดยทฤษฎีแล้ว ไม่ควรแต่งงำน
ฉะนัน ้ โดยทฤษฎีแล ้ว เราไม่ควรแต่งงาน
เลย แต่เรือ ่ งเหล่านีใ้ ครจะไปรู ้หรือเข ้าใจอย่างแท ้จริง
ได ้ถ ้าไม่ประสบกับตัวเอง ใครจะไปมองอนาคตออก
ว่ามันจะเป็ นอย่างไร มิเชน ่ นัน้ โลกก็คงไม่ยงุ่ อย่างนี้
หรอก และคงไม่มค ี าพังเพยว่า “คนในอยากออก คน
นอกอยากเข ้า” แต่เมือ ่ ได ้ตัดสนิ ใจยอมร่วมหัวจมท ้าย
กับคูช ่ วี ต
ิ เชน่ นัน้ แล ้ว จะให ้ทาอย่างไร จะทิง้ เขาไป
เฉย ๆ เชน ่ นัน้ หรือ ลูกก็ออกมาแล ้วยัว้ เยีย้ ไปหมด จะ
เอาไปทิง้ ไว ้ไหน แล ้วเราเองล่ะ จะไปทาอะไร ชวี ต ิ
ในชว่ งนัน้ มันอีนุงตุงนัง ติดโน่น ติดนี่ พัวพันกันให ้ยุง่
ไปหมด
้ ความทุกข์ของเราในชว่ ง ๖-๗ ปี
ฉะนัน
แรกของการแต่งงานสว่ นหนึง่ มาจากความ
ระหองระแหงในเรือ ่ งเพศสม ั พันทีไ่ ม่สมดุลกันอย่าง
มาก สงิ่ เดียวทีท ่ าได ้คือ ทาทีใ่ จเรา การหัดต่อสูกั้ บ
ความทุกข์ภายในแบบหมัดต่อหมัดจึงเกิดขึน ้ และ
พยายามปลอบใจตัวเองว่า อย่างน ้อยสามี แม ้เขาจะ
อดอยากในเรือ ่ งเพศอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เคยทา
ร ้ายน้ าใจของเราเลย เราเองเสย ี อีก ด ้วยความสงสาร
จึงบอกเขาเองว่า หากเขาต ้องการไปหาเศษหาเลยที่
ไหน เราจะไม่ตาหนิเขา การพูดของเราเชน ่ นัน
้ ทาให ้
เขาโกรธมาก เห็นว่าเราไม่ได ้ให ้เกียรติเขา สามีพด ู
ว่าเขาแต่งงานกับเราก็เพือ ่ อยูด ่ ้วยกันตลอดชวี ต ิ แม ้
จะอดอยากอย่างไร เขาจะไม่ยอมไปหาหญิงอืน ่
เด็ดขาด ฟั งเขาพูดเชน ่ นีก้ ็ยงิ่ ทาให ้สงสาร เขาเองก็
ได ้พยายามอย่างดีทส ี่ ด
ุ แล ้วในฐานะทีเ่ ป็ นปุถช ุ น
ธรรมดาคนหนึง่ ฉะนัน ้ เราจึงต ้องเป็ นฝ่ ายอดทน
ยอมประนีประนอม เสย ี สละเพือ ่ ความอยูร่ อดของลูก
ๆ การเรียนรู ้จากชวี ต ิ จริงจึงเกิดขึน ้

พบก ันครึง่ ทำง


ประมาณ ๗ ถึง ๑๐ ปี ผา่ นไป ประสบการณ์
การใชช้ วี ต
ิ คูข
่ องทัง้ สองฝ่ ายมีมากขึน
้ ต่างฝ่ ายต่างก็
พยายามเสย ี สละความสุขสว่ นตัวเพือ ่ พบกันทีค ่ รึง่
ทาง สามีจงึ ค่อย ๆ ยอมรับในตัวเราว่ามีความ
ต ้องการทางเพศน ้อย ด ้วยความรักและให ้เกียรติใน
ภรรยา จึงไม่คอ ่ ยเซาซ้ อ
ี้ ะไรมาก การงอนเมือ ่ ไม่ได ้
ดังใจทีเ่ คยมีมากในอดีตก็คอ ่ ย ๆ น ้อยลง การ
ประนีประนอมจึงเกิด ชวี ต ิ จึงค่อย ๆ ราบรืน ่ มากขึน

หลังจากสบ ิ ปี ผา่ นไป เรือ่ งระหองระแหงน ้อยลงไป
มาก ต ้องยอมรับว่า ผู ้ชายเชน ่ นีค
้ งหาได ้ยาก แต่ก็
พิสจ
ู น์ได ้ว่าเขารักเราอย่างแท ้จริงตามทีเ่ ขาบอกเมือ

ตอนแรกพบกัน

ควำมตึงเครียดกล ับมำอีก
ชวี ติ มันก็เป็ นไปเชน ่ นัน
้ จนกระทั่งสองปี ท ี่
ผ่านมา ถึงจุดหนึง่ มีความรู ้สก ึ อย่างรุนแรงว่าไม่
ต ้องการยุง่ เกีย ่ วกับสามีอย่างเด็ดขาดแล ้ว ได ้เก็บ
ความรู ้สก ึ อยูใ่ นใจนานทีเดียว แต่ไม่รู ้จะบอกเขา
อย่างไรทีจ ่ ะให ้เข ้าใจ ฤดูร ้อนของปี ๒๕๔๓ ลูกชาย
คนเล็กกลับเมืองไทย จึงหาข ้อแก ้ตัวเข ้าไปนอนใน
ห ้องลูกตลอดสองเดือนทีล ่ กู อยูเ่ มืองไทย ความตึง
เครียดเริม ่ เกิดขึน ้ อย่างเงียบ ๆ ประมาณเดือน
กันยายน ตัดสน ิ ใจบอกสามีตรง ๆ ว่า ไม่ต ้องการยุง่
เกีย่ วทางเพศกับเขาอีกต่อไปแล ้ว ไม่สามารถบอก
เหตุผลอย่างตรงไปตรงมาได ้ว่า เดีย ๋ วนี้เราไม่ได ้เป็ น
ปุถช ุ นแล ้ว ได ้แต่ขอร ้องให ้เขาพยายามเข ้าใจ
เรารู ้ว่านีเ่ ป็ นสงิ่ ทีส่ ามีกลัวอยูใ่ นใจลึก ๆ มา
ตลอดชวี ต ิ แต่งงานของเขา เพราะเขารู ้ดีวา่ เรา
เหมือนแม่ของเรามาก และแม่เราก็ไม่ได ้อยูก ่ บ
ั พ่อ
ใชช้ วี ต
ิ อยูใ่ นวัดทีน ่ ับถือเทียงเต๋าของท่านมาตัง้ แต่
อายุสส ี่ บิ เศษ ๆ จนเสย ี ชวี ต ิ เมือ่ อายุ ๘๐ เขากลัว
เสมอว่าเราจะเจริญรอยตามแม่ของเรา หลังแต่งงาน
และมีลก ู ถึงสามคนอย่างถี่ ๆ นัน ้ แง่หนึง่ เขาดีใจมาก
เหมือนรู ้ว่านีค ่ อื บ่วงทีจ ่ ะผูกเราให ้อยูก ่ บ
ั เขาได ้
ตลอดไป แต่เขาลืมนึกว่า ลูกนัน ้ โตได ้และจะเป็ น
อิสระจากพ่อแม่สก ั วัน
สามีคด ิ ว่าได ้ทาดีทส ุ แล ้วในสว่ นของเขา
ี่ ด
เพราะคงไม่มผ ี ู ้ชายมากนักในโลกทีย ่ อมอดอยากใน
เรือ่ งเพศอย่างทีเ่ ขาได ้อดทนมาตลอดชวี ต ิ แต่งงาน
ของเขา แต่การจะให ้เขาเลิกความสม ั พันฉันสามี
ภรรยาอย่างเด็ดขาดในวัยทีเ่ ขายังไม่พร ้อมนัน ้ (ตอน
นัน
้ อายุ ๔๗) เขายอมรับไม่ได ้ นอกจากนัน ้ ผู ้ชาย
มักคิดว่าเมือ ่ เขาไม่สามารถร่วมหลับนอนกับภรรยา
แล ้ว เขาจะไม่สามารถสนิทสนมใกล ้ชด ิ กับภรรยาได ้
เหมือนเดิม ผู ้ชายมักไม่รู ้ว่าควรทาตัวอย่างไร จึง
เกิดปฏิกริ ย ิ าตึงเครียดและทาตัวห่างเหินเหมือนคน
แปลกหน ้า ไม่สามารถพูดเล่นหยอกล ้อกับภรรยา
เหมือนทีเ่ คยทาในสถานการณ์ปกติ ในทีส ่ ด ุ ก็เป็ น
หน ้าทีข ่ องภรรยาทีต ่ ้องยอมให ้สามีอก ี เพือ ่ นาความ
ใกล ้ชด ิ กลับมาและสร ้างบรรยากาศทีอ ่ บอุน ่ ให ้แก่
ครอบครัว เราเชอ ื่ ว่าภรรยามากมายในโลกนีล ้ ้วนตก
อยูใ่ นวงจรนีท ้ งั ้ สน ิ้ ่ ็เป็ นสงิ่ ทีเ่ กิดกับสามีเราซงึ่
นีก
เหมือนกับสามีของหญิงอีกมากมายในโลกนี้ ขึน ้ ชอ ื่
ว่าผู ้ชายก็ต ้องมีธรรมชาติคล ้ายกันหมด มันก็เป็ น
เรือ ่ งธรรมชาติด ้วยทีค ่ นเราต ้องการความใกล ้ชด ิ ทาง
ร่ายกายทีจ ่ ะทาให ้จิตใจอบอุน ่ และมีพลัง
รู ้สก ึ สงสารสามีทม ี่ าเจอหญิงอย่างเราที่
แปลกประหลาดออกไปมาก จึงพยายามให ้เขามอง
ว่า มันก็เหมือนกับเราเกิดเป็ นโรคมะเร็งหรืออะไรก็ได ้
ทีร่ ้ายแรงจนทาให ้เราร่วมหลับนอนด ้วยกันไม่ได ้ ใน
กรณีเชน ่ นัน้ เขาจะยอมรับเราได ้ทันทีใชห ่ รือไม่ ได ้
พยายามเสนอทางออกต่าง ๆ ให ้สามีซงึ่ หมายถึงการ
มีสม ั พันกับหญิงอืน ่ รวมถึงการหย่าร ้างกันเพือ ่ เขาจะ
ได ้หาหญิงใหม่ทส ี่ ามารถให ้สงิ่ ทีเ่ ราให ้เขาไม่ได ้ แต่
ก็ไม่มท ี างออกใดทีเ่ ขาจะยอมรับได ้ เขาไม่ต ้องการ
หญิงอืน ่ เขาต ้องการหญิงทีเ่ ขาแต่งงานด ้วยเมือ ่ ๒๑
ปี กอ
่ นกลับคืนมา เมือ ่ ยังแก ้ปั ญหาไม่ตก ความเย็นชา
ต่อกันและกันจึงเกิดขึน ้ เมือ
่ เราพยายามจะพูดเพือ

แก ้ปั ญหา เขาเลีย ่ งทีจ ่ ะพูดถึงปั ญหาตัวจริง กลับไป
ขุดคุ ้ยเรือ
่ งอืน ้ มา และพูดสงิ่ ผิด ๆ ทีไ่ ม่ควรพูด
่ ๆ ขึน
แก ้ปั ญหาอะไรไม่ตกสก ั อย่างเดียว

เจอมรสุมชวี ต ิ แต่ห ัวใจไม่เจ็บปวด


ในชว่ งเวลานัน ้ คนทีส ่ ามารถเข ้าใจเราได ้ดี
ทีส่ ดุ คือจูเลียต หญิงแม่บ ้านทีม ่ าเรียนไท ้เก็กกับเรา
ต่อกันสามปี จนคบกันเป็ นเพือ ่ น และให ้เกียรติเธอใน
การเขียนคานาให ้แก่หนังสอ ื คูม่ อื ชวี ติ ด ้วยความที่
เขาเองก็สามารถปฏิบัตจิ นเห็นสภาวะพระนิพพานได ้
เพราะการชแ ี้ นะของเรา เพียงแต่รอวันทีเ่ ขาเกิดญาณ
ด ้วยตนเองเท่านัน ้ จูเลียตจึงสามารถเข ้าใจ
สถานการณ์ชวี ต ิ ของเราทัง้ ในแง่ทางโลกและทาง
ธรรม ต ้นเดือนตุลาคม มหาวิทยาลัยเปิ ดเทอมและ
เราก็เริม ่ สอนเทอมใหม่ จูเลียตได ้ตามเราไปเรียนที่
มหาวิทยาลัยด ้วยในวันจันทร์ จึงเป็ นเวลาทีเ่ ราปรับ
ทุกข์เล่าปั ญหาของเราให ้เขาฟั ง
่ ็เป็ นอีกเหตุการณ์หนึง่ ในชวี ต
นีก ิ ทีส ่ ามารถ
ทดสอบความมีภม ู ธิ รรมทีแ ่ ท ้จริงของตัวเอง ปั ญหา
ครอบครัวทีเ่ รากาลังประสบอยูใ่ นชว่ งนัน ้ จะเรียกว่า
เป็ นวิกฤตการหรือมรสุมชวี ต ิ ก็ไม่ผด ิ ถ ้าหากเราเป็ น
ปุถช ุ นเต็มตัวหรือแม ้เป็ นพระอริยเจ ้าชน ั ้ ต ้น ๆ แล ้ว
ไซร ้ เหตุการณ์เชน ่ นัน
้ ย่อมก่อให ้เกิดความทุกข์และ
เจ็บปวดอย่างมหันต์ในใจอย่างเลีย ่ งไม่ได ้ เป็ นความ
ทุกข์ทเี่ ราได ้เคยผ่านมาแล ้วและรู ้จักหน ้าตามันเป็ น
อย่างดีวา่ เจ็บปวดและสบ ั สนมากเพียงใด
ครัง้ นี้ แม ้กาลังอยูใ่ นท่ามกลางมรสุมชวี ต ิ ที่
กระหน่าอยูร่ อบข ้างก็ตาม แต่จต ิ ใจของเราไม่มค ี วาม
เจ็บปวดแต่อย่างใดเลย ยังสามารถรักษาระดับความ
ปกติของใจได ้เสมอ เหมือนกับสามารถเคลือ ่ นไปกับ
คลืน่ โดยไม่ถก ู มันซด ั กลบจนมิดอยูใ่ ต ้น้ า สามารถ
ลอยอยูเ่ หนือน้าได ้เสมอ จึงยังหายใจได ้คล่องอยู่
จาได ้ว่า มีวันหนึง่ ก่อนจะออกไปทางาน
ประมาณสองชวั่ โมงนัน ้ ได ้พยายามพูดกับสามี แต่ก็
พูดกันไม่รู ้เรือ่ งอีกตามเคย ด ้วยความโกรธ สามีจงึ
ต ้องการพูดในสงิ่ ทีส ่ ามารถทาให ้เราเจ็บปวด ถ ้าใจ
ของเราไม่ได ้หลุดพ ้นอย่างแท ้จริงแล ้วละก็ คาพูดนัน ้
ต ้องสร ้างความเจ็บปวดมาก แต่เราสามารถรับฟั งได ้
โดยไม่สะทกสะท ้าน พอจูเลียตมารับเราไปทางาน
เราเล่าให ้เขาฟั งว่าสามีเพิง่ พูดอะไรไป ทัง้ ๆ ทีส ่ งิ่
เหล่านัน ้ เพิง่ เกิดขึน้ หยก ๆ และยังสด ๆ อยูใ่ นหัวก็
ตาม เมือ
่ มายืนต่อหน ้านักศก ึ ษาในชน ั ้ แล ้ว
หมายความว่า ใจของเราต ้องเป็ นปกติกอ่ นทีจ ่ ะ
สามารถบอกทางให ้นักศก ึ ษาทาใจของเขาให ้เป็ น
ปกติได ้ ซงึ่ เราสามารถทาได ้ทันที นีเ่ ป็ นสงิ่ ทีจ ่ เู ลียต
เท่านัน้ สามารถสงั เกตเห็นได ้ในตัวเรา

แยกทำงก ันเพือ ่ มองปัญหำให้ชดขึ ั น้


ปรากฏว่า ฤดูใบไม ้ร่วงทัง้ เทอมนัน
้ เราต ้อง
แหวกว่ายโต ้คลืน่ มรสุมชวี ต
ิ อยูต ่ ลอดเวลา เราเองก็
เอือมระอาต่อบรรยากาศทีต ่ งึ เครียดและชาเย็นนัน้
จึงตัดสนิ ใจบอกสามีวา่ เราจะกลับเมืองไทยเพือ ่ เปิ ด
โอกาสให ้ต่างฝ่ ายสามารถมองปั ญหาทีเ่ กิดขึน ้ ได ้
อย่างชดั เจนและค่อยมาพูดกันอีกทีหนึง่ ใจจริงอยาก
กลับมาอยูน ่ านถึง ๖ เดือน แต่ก็ยังสงสารลูก ๆ จึงล่น
เวลาลงมาเป็ นสามเดือนซงึ่ ก็นานอย่างทีไ่ ม่เคยทา
มาก่อน จองตัว๋ เครือ ่ งบินทันที และกาหนดจะออก
เดินทางวันที่ ๑ เมษายน เพราะต ้องรอจนหลังจากที่
การสอนในเทอมฤดูใบไม ้ผลิสน ิ้ สุดลง
ในชว่ งเวลาตัง้ แต่เกิดเรือ่ งจนกระทั่งรอการ
เดินทางนัน ้ เราก็ได ้เข ้าไปอาศัยนอนในห ้องของลูก
ชายคนเล็กซงึ่ มีอายุ ๑๔ ปี สร ้างความไม่สะดวกให ้
ลูกไม่น ้อยทีเดียว เพราะห ้องของเขาก็เล็ก เนือ ่ งจาก
บ ้านเล็กมาก ไม่มท ี ใี่ ห ้หลบหนีไปอยูค ่ นเดียวได ้เลย
บางครัง้ ลูกก็อดึ อัดและไม่พอใจแม่เหมือนกัน อยาก
ให ้แม่ไปนอนเตียงเดียวกับพ่อ

เรำต้องเป็นฝ่ำยเสย ี สละ
ใครบอกว่าครอบครัวไหนทีม ่ ค
ี นปฏิบัตธิ รรม
แล ้ว ครอบครัวนัน ้ ก็จะอยูร่ ว่ มกันอย่างเป็ นสุข มันจะ
จริงได ้ก็ตอ่ เมือ
่ ทุกคนปฏิบต ั ธิ รรมเหมือนกันอย่าง
ทั่วถึง ตอนกลับมาเมืองไทย ได ้เอ่ยปั ญหานีก ้ บ

เพือ่ นสนิทไม่กค ี่ นนัน ้ ทุกคนก็มองปั ญหาของเราจาก
แง่มม ุ ต่าง ๆ กันขึน ้ อยูว่ า่ คนนัน ้ รู ้จักเราดีแค่ไหน คน
วัดก็มักให ้คาแนะนาว่า ต ้องพาสามีเข ้าวัด เขาจึงจะ
เข ้าใจเราได ้ คนทีไ่ ม่ได ้เข ้าวัด ก็ออกจะสงสารฝ่ าย
ชายว่าถูกเราข่มขูม ่ ากจนเกินไป ยิง่ ฟั งคนพูด
ออกไปต่าง ๆ นา ๆ แล ้ว เรากลับเรียนรู ้ว่า หากเรา
เป็ นฝ่ ายรับฟั งปั ญหาของคนอืน ่ แล ้วไซร ้ เราจะไม่รบ ี
บอกให ้เขาทาโน่นทานีเ่ ด็ดขาด จะฟั งอย่างเดียว
เพราะปั ญหาชวี ต ิ นัน ้ มิใชเ่ ป็ นเรือ ่ งทีค ่ นนอกจะเข ้าใจ
ได ้อย่างทะลุปรุโปร่งเหมือนเจ ้าของปั ญหาเอง และ
การแก ้ปั ญหาก็ไม่ใชเ่ ป็ นเรือ ่ งตรงไปตรงมา
โดยเฉพาะกรณีของเรานัน ้ จะให ้ใครมาเข ้าใจได ้ ถ ้า
แก ้กันง่าย ๆ เราจะยอมให ้มันยืดเยือ ้ มานานถึงครึง่ ปี
หรือ
ในชว่ งทีร่ อกลับเมืองไทย ประมาณเดือน
กุมภาพันธุ์ ๒๕๔๔ เรานั่งดูสามีและลูก ๆ ด ้วยความ
สงสารอย่างจับใจ ความตึงเครียดได ้เกิดขึน ้ ใน
ครอบครัวอยูน ่ านถึง ๖ เดือนแล ้ว ลูกคนกลางกับคน
เล็กแม ้จะอยูใ่ นวัยหนุ่มแล ้ว เมือ ่ เห็นพ่อแม่ตงึ เครียด
ต่อกันและพูดเรือ ่ งหย่าร ้างกัน ก็ทก ุ ข์มาก ซม ึ เซา
แอบร ้องไห ้บ่อย ลูกชายคนกลางอายุ ๑๖ อยูใ่ นชว่ ง
หัวเลีย ้ วหัวต่อของชวี ต ิ เป็ นเด็กทีม ่ จ
ี ติ ใจอ่อนไหว
มาก เมือ ่ เห็นพ่อแม่ไม่มค ี วามสุขเชน ่ นัน ้ ก็เริม่ หัดสูบ
บุหรี่ ทาตัวเหลวไหลประชดชวี ต ิ สามีก็กลายเป็ นคน
อมทุกข์ ไม่มรี อยยิม ้ เหลืออยูเ่ ลย จนเราเป็ นห่วงว่า
ความเจ็บป่ วยทางใจของเขาจะมีผลต่อสุขภาพกาย
ของเขาไม่ชาก็ ้ เร็ว การแก ้ปั ญหาวิกฤตการณ์ใน
ครอบครัวครัง้ นีจ ้ งึ มาตกทีเ่ ราเพียงผู ้เดียว เราเท่านัน ้
ทีจ ่ ะสามารถทาให ้ครอบครัวนีอ ้ ยูด ่ ้วยกันอย่างเป็ น
ปกติราบรืน ่ ได ้อีกครัง้ หนึง่
ทางออกจึงมีอยูท ่ างเดียวเท่านัน ้ คือ เรา
ต ้องเป็ นฝ่ ายเสย ี สละ เพราะอยูใ่ นสถานะทีเ่ สย ี สละ
ได ้มากกว่าสามีและลูกมากมายนัก สงิ่ ทีเ่ ราขอจาก
สามีนัน ้ ถึงแม ้จะเป็ นสงิ่ ทีถ ่ กู ต ้องสาหรับเราก็ตาม
เพราะคนทีส ่ ะอาดแล ้ว ย่อมอยากมีชวี ต ิ อยูอ่ ย่าง
สะอาดและไม่อยากคลุกคลีกบ ั ของสกปรกอีกต่อไป
แต่สามีและลูก ๆ จะรู ้ได ้อย่างไรว่าภรรยาและแม่เป็ น
คนทีส ่ ะอาดหมดจดแล ้ว เขารู ้ไม่ได ้ และไม่มท ี างรู ้ได ้
ในขณะนี้ อาจจะรู ้ได ้ในอนาคตจากคนอืน ่ เมือ ่
ชอื่ เสย ี งของเราออกมาแล ้วเท่านัน ้ แต่ตอนนี้ ไม่มี
ทางอืน ่ นอกจากการใชช้ วี ต ิ อย่างผ ้าขีร้ วิ้ ห่อทองไป
ก่อน เพราะพวกเขาไม่มท ี างรู ้จักภรรยาและแม่ตัวจริง
ได ้เลย ในสายตาของพวกเขา เราคือหญิงธรรมดา
คนหนึง่ ทีค
่ อ
่ นข ้างประหลาดเท่านัน ้ ฉะนัน
้ จะให ้เขา
เข ้าใจและยอมรับคาขอร ้องของเราอย่างเต็มใจและ
อนุโมทนานัน ้ ย่อมเป็ นไปไม่ได ้ ไม่ต ้องคิดเลย

เป็นกำรหลอกล่อให้เขำทำบุญ
เหตุผลสาคัญอีกข ้อหนึง่ ทีว่ า่ ทาไมเราจึง
ต ้องเป็ นฝ่ ายเสย ี สละ คือ เราจาเป็ นต ้องปกป้ อง
ความรู ้สก ึ และการกระทาของคนใกล ้ชด ิ เหล่านี้ การที่
เขามาเป็ นสามีและลูกของเรานัน ้ แสดงว่าพวกเขา
ต ้องมีบารมีไม่น ้อยจึงมาอยูใ่ กล ้ชด ิ เราได ้ ฉะนัน ้ หาก
เราทาให ้พวกเขาเสย ี ใจและเป็ นทุกข์ในขณะทีจ ่ ต
ิ ใจ
เขายังไม่พร ้อมจะเข ้าใจเรานัน ้ จะทาให ้พวกเขาคิด
และพูดในสงิ่ ผิด ๆ กับเรา ซงึ่ จะเป็ นบาปแก่พวกเขา
เป็ นอย่างมาก ทีจ
่ ริงเขาก็ได ้ทามาแล ้ว และเรา
ก็อโหสใิ ห ้หมดแล ้ว ฉะนัน ้ จึงเห็นเป็ นหน ้าทีข ่ องเรา
ทีต ่ ้องปกป้ องไม่ให ้คนใกล ้ชด ิ เหล่านีท ้ าบาปต่อเรา
มากขึน ้ กว่าทีไ่ ด ้ทาไปแล ้ว วิธเี ดียวทีท ่ าได ้คือ ต ้อง
ทาให ้ครอบครัวนีก ้ ลับเป็ นปกติอก ี ครัง้ หนึง่ เมือ ่ ความ
สม ั พันระหว่างพ่อแม่ลก ู เป็ นปกติแล ้ว เขาก็จะคิดดี
พูดดีกบ ั เรา เป็ นการสร ้างบุญให ้แก่ตัวเขา และเราจะ
มีโอกาสชว่ ยเขาได ้มากกว่าทีจ ่ ะมาหักด ้ามพร ้าด ้วย
หัวเข่าเชน ่ นี้ จะชว่ ยสง่ เสริมบารมีของเขา ในอนาคต
เมือ ่ เหตุปัจจัยต่าง ๆ พร ้อมขึน ้ มา เขาก็จะมีโอกาสได ้
รู ้จักเราอย่างแท ้จริงโดยเฉพาะลูกทัง้ สามคน และ
พวกเขาก็จะทาบุญกับเราได ้เต็มที่ แต่ตอนนี้ ต ้อง
หลอกล่อให ้เขาทาบุญกับเราแบบอ ้อม ๆ ไปก่อน
โดยให ้เขาคิดดี ทาดี ซงึ่ จะทาได ้ก็ตอ
่ เมือ
่ ครอบครัว
เป็ นปกติสข

คิดว่ำทำในสงิ่ ทีถ ่ ก
ู ต้องแล้ว
ในทีส ่ ดุ เราจึงเป็ นฝ่ ายยกธงขาวให ้สามี
และย ้ายกลับไปนอนเตียงเดียวกับสามีอก ี
บรรยากาศแห่งความตึงเครียด เย็นชาในครอบครัวจึง
ค่อย ๆ หายไป ลูก ๆ มีความสุขมากขึน ้ รอยยิม ้ และ
ความเป็ นปกติจงึ กลับมาสูค ่ รอบครัวอีก ซงึ่ เหตุการณ์
นีก้ ็เกิดขึน
้ ก่อนทีเ่ ราจะกลับเมืองไทยในเดือน
เมษายน
เราคิดว่าได ้ตัดสน ิ ใจทาในสงิ่ ทีถ ่ ก
ู ต ้องแล ้ว
อย่างน ้อยก็สาหรับชว่ งเวลานี้ ทีจ่ ริง การเผชญ ิ
ปั ญหาเชน ่ นัน
้ ทาให ้ต่างฝ่ ายต่างรู ้ตัวปั ญหาแท ้จริง
ของกันและกัน สงิ่ ทีเ่ ก็บกดอยูข่ ้างในก็ถก ู เปิ ดเผย
ออกมา เป็ นการคลายความกดดันภายในของกันและ
กัน และพยายามปรับตัวให ้เข ้าหากันอีก สามีเป็ นคน
ทีม ่ จ
ี ต
ิ ใจดีและรักเรามากเป็ นพืน ้ ฐานอยูแ ่ ล ้ว เมือ ่ ใจ
คลายจากความโกรธเคือง หลังจากทีเ่ รายอมยกธง
ขาวให ้เขาแล ้ว เขาเองกลับเป็ นฝ่ ายยอมรับการอยู่
ร่วมกันฉันพีน ่ ้องมากขึน ้ กว่าตอนก่อนเกิดปั ญหาเสย ี
อีก เพราะรู ้ว่านีค ่ อื สงิ่ ทีเ่ ราต ้องการ ก็ต ้องยกย่องเขา
ว่าให ้เกียรติเรามากทีเดียว

เข้ำใจปัญหำได้ชดขึ ั น้
พอปั ญหาคลีค ่ ลายลง ก็เริม ่ มองออกว่า สงิ่
สาคัญทีส ่ ามีต ้องการในวัยนีไ ้ ม่ใชเ่ รือ
่ งเพศอีกแล ้ว
ความสม ั พันในเรือ ่ งเพศไม่ใชเ่ ป็ นเรือ่ งใหญ่เหมือน
สมัยก่อนแล ้ว เพราะสภาวะร่างกายเป็ นไปตาม
ครรลองของธรรมชาติเนือ ่ งจากอายุก็มม ี ากขึน ้ สงิ่
สาคัญทีเ่ ขาต ้องการคือความสนิทสนมใกล ้ชด ิ กับ
ภรรยาเท่านัน ้ และเขาจะรู ้สก ึ เชน ่ นัน ้ ได ้ก็ตอ ่ เมือ ่ ได ้
นอนเตียงเดียวกับภรรยาเท่านัน ้ การแยกห ้องนอนกัน
จึงกลายเป็ นสญ ั ลักษณ์วา่ เขาได ้สูญเสย ี เราไป จึงมี
ผลกระทบถึงขัว้ ในของชวี ต ิ ทีเดียว
นีเ่ ป็ นเรือ ่ งใหญ่มากสาหรับชวี ต ิ แต่งงาน
ของคนตะวันตก สามีภรรยาเมือ ่ แต่งงานกันแล ้ว จะ
เกาะกันแน่น พึง่ พาซงึ่ กันและกัน ไม่คอ ่ ยสนิทกับ
ญาติตนเองมากเท่าไร โดยเฉพาะสามีของเราแล ้ว
ยิง่ ไม่สนิทกับพ่อแม่พน ี่ ้องของตนเองเลย เราจึงเป็ น
ทัง้ ภรรยา ญาติ และเพือ ่ นทีส ่ นิทคุ ้นเคยมากทีส ่ ดุ
ของเขาเท่านัน ้ แม ้แต่ลก ู คนเป็ นพ่อจะไม่สนิทกับลูก
เท่าแม่ ฉะนัน ้ เราจึงเข ้าใจสามีได ้ว่าเรือ ่ งนีจ ้ ะต ้อง
เขย่าเข ้าไปถึงแก่นชวี ต ิ ของเขาแน่นอน
ผู ้ชายสว่ นมากไม่ชอบเปิ ดเผยความรู ้สก ึ ที่
แท ้จริงของตนเอง ด ้วยเหตุผลง่าย ๆ คือ พูดไม่เป็ น
ทาไม่เป็ น และเพราะเป็ นเพศของผู ้นา จึงไม่อยาก
เปิ ดเผยจุดอ่อนของตนเองให ้คนอืน ่ รู ้ ฉะนัน ้ เมือ ่
ผู ้ชายเกาะกลุม ่ คุยกัน เขาจะไม่คอ ่ ยพูดเรือ ่ งในใจ
ต่างจากเพศหญิงทีเ่ มือ ่ เกาะกลุม ่ กันแล ้ว จะพูด
เปิ ดเผยความรู ้สก ึ ในใจให ้เพือ ่ นสนิทฟั งกัน ซงึ่ การ
คุยกัน ทาให ้เห็นปั ญหาชด ั ขึน ้ และเป็ นการระบาย
ความกดดันในใจได ้ด ้วย นีค ่ งเป็ นสาเหตุหนึง่ ทีว่ า่
ทาไมผู ้ชายตายเร็วกว่าผู ้หญิง เพราะมีความเก็บกด
มากกว่าผู ้หญิงนั่นเอง สามีของเราก็เหมือนผู ้ชาย
สว่ นมากคือ ไม่สามารถอธิบายความรู ้สก ึ ทีแ่ ท ้จริงได ้
อย่างชด ั เจน พูดไม่เป็ น เราจึงรู ้ว่าเขาเองก็ต ้อง
สบ ั สนมาก ไม่เข ้าใจความรู ้สก ึ ของตนเองชด ั เจนนัก
สงิ่ ทีท
่ าได ้ง่ายกว่าคือ กลบเกลือ
่ นและแสดงออกเป็ น
ความโกรธ

ข้อเท็จจริงของกำรนอนในเมืองหนำว
ข ้อเท็จจริงบางอย่างในเรือ ่ งการนอนของ
คนเมืองหนาวนัน ้ คนเมืองร ้อนอาจจะไม่เข ้าใจ การ
นอนคนเดียวในเมืองหนาวนัน ้ นอกจากจะหนาวใจ
แล ้ว กายก็ยังหนาวด ้วย เมือ ่ อากาศหนาวมาก พอขึน ้
เตียงก็อยากจะสม ั ผัสอะไรทีอ ่ น
ุ่ ๆ ร ้อน ๆ ฉะนัน ้ คู่
สามีภรรยาย่อมชน ิ กับการสม ั ผัสร่างกายทีอ ่ นุ่ ๆ ของ
กันและกัน ต่างฝ่ ายต่างเป็ นเครือ ่ งทาความร ้อนให ้แก่
กัน นีเ่ ป็ นเหตุผลสาคัญข ้อหนึง่ ว่าทาไมพ่อหม ้ายแม่
หม ้ายฝรั่ง ทัง้ ๆ ทีแ ่ ก่แล ้ว เมือ ่ มีโอกาสพบคนทีเ่ ขา
ชอบก็ยังอยากแต่งงานและใชช้ วี ต ่ ้วยกัน สงิ่ ทีเ่ ขา
ิ คูด
ต ้องการไม่ใชเ่ รือ ่ งเพศ แต่ต ้องการเพือ ่ นคูใ่ จและ
ความอบอุน ่ ทางกายซงึ่ สาคัญมากสาหรับคนเมือง
หนาว
นีจ่ งึ เป็ นเหตุผลของวัฒนธรรมของชาว
เอสกิโมทีว่ า่ เมือ ่ มีแขกไปสูบ ่ ้านเขาแล ้ว พ่อบ ้านจะ
ยกเมียหรือลูกสาวให ้ไปนอนเป็ นเพือ ่ นแขกทีม ่ าเยีย ่ ม
เพือ่ แขกจะได ้รับความอบอุน ่ ทางกาย เป็ นการ
แสดงออกถึงความมีน้ าใจของเจ ้าบ ้าน สงิ่ เหล่านีเ้ ป็ น
เรือ
่ งธรรมชาติธรรมดาของมนุษย์มาก

เตรียมใจสำมีเพือ ่ เหตุกำรณ์ทอี่ ำจเกิดในอนำคต


สามีเราก็ไม่ตา่ งจากคนอืน
่ ฉะนัน้ จะให ้เขามา
ยอมรับเรือ่ งการแยกห ้องนอนอย่างง่ายดายจากเรา
นัน
้ ย่อมเป็ นไปไม่ได ้ และเราต ้องไม่ลม ื ว่าสามีก็ยัง
เป็ นปุถช
ุ นธรรมดาคนหนึง่ การทีเ่ ขาอยากนอน
ใกล ้ชด ิ กับภรรยานัน ้ ไม่ใชเ่ ป็ นเรือ ่ งผิดอะไรเลย เป็ น
เรือ่ งถูกต ้องและธรรมดาสาหรับเขา เขาได ้ทาดีทส ี่ ด ุ
ในฐานะทีป ่ ถ ุ ช
ุ นคนหนึง่ จะทาได ้แล ้ว นอกจากนัน ้
ตัง้ แต่ทเี่ ขารับเรามาจากพ่อแม่ของเรานัน ้ เขาก็เลีย ้ ง
ดูเราและลูก ๆ อย่างดีทส ี่ ด ุ เท่าทีเ่ ขาจะทาได ้ ทางาน
หนักเพือ ่ เลีย ้ งครอบครัวนีใ้ ห ้อยูร่ อดตามหน ้าทีข ่ อง
พ่อบ ้านทีด ่ ี ไม่เคยทาอะไรทีใ่ ห ้เราต ้องหนักใจเลย
ร่วมทุกข์รว่ มสุขฝ่ าฟั นคลืน ่ ลมของชวี ต ิ มาด ้วยกันก็
๒๑ ปี แล ้ว จะมาทิง้ เขาไปเพราะใจของเราเป็ นอริยะ
แล ้ว มันอาจจะถูกต ้องสาหรับเรา แต่ไม่ถก ู ต ้อง
สาหรับเขา
เพราะนีไ ่ ม่ใชเ่ ป็ นยุคสมัยพุทธกาลและเราก็
ไม่ได ้เป็ นเพศชายทีส ่ ามารถพึง่ ร่มโพธิร์ ม ่ ไทรของ
พระบวรพุทธศาสนาได ้ทันที นอกจากเป็ นหญิงแล ้ว
ยังอยูใ่ นลักษณะของผ ้าขีร้ วิ้ ห่อทอง จึงคิดตกว่า
อย่างน ้อย ในชว่ งนีค ้ วรต ้องทาหน ้าทีข ่ องภรรยาและ
แม่ตอ ่ ไปอีกสก ั หน่อย
อย่างไรก็ตาม ถึงชว่ งนัน ้ เราก็สามารถมอง
ทุกอย่างให ้แตกต่างออกไปได ้ ความรู ้สก ึ ได ้
เปลีย ่ นไปมากเมือ ่ เปรียบเทียบกับเมือ ่ ตอนก่อนเกิด
ปั ญหาราว ๖ เดือนก่อนหน ้านัน ้ การกลับมานอน
เตียงเดียวกับสามีอก ี จึงไม่ได ้เป็ นปั ญหาใหญ่สาหรับ
เราอีกต่อไป เพราะใจก็เป็ นอิสระมากขึน ้ ทุกวัน
ปรากฏว่า เรือ่ งระหองระแหงทีย ่ ด
ื เยือ้ อยู่
นานหลายเดือนก็จบลงด ้วยดี ชวี ต ิ ครอบครัวก็กลับ
เป็ นปกติอก ี ครัง้ หนึง่ ความขัดแย ้งกับสามีครัง้ นี้
อย่างน ้อยก็ได ้ทาให ้เขารู ้และเตรียมตัวเตรียมใจ
ยอมรับการเปลีย ่ นแปลงในอนาคตของเรามากยิง่ ขึน ้

You might also like