Professional Documents
Culture Documents
่ บ เรือ ้
่ งพืน ๆ ของชวี ต
ิ ประจำว ันก็
เปลีย
่ นไป
กำรนอนก็เปลีย ่ นไป
สมัยก่อน เมือ ่ นอนมากเกินไปแล ้วจะรู ้สก ึ
ตะขิดตะขวงใจมาก มักรู ้สก ึ ตัวขึน ้ มาด ้วยความตกใจ
ว่าตืน ่ สายเกินไปบ ้าง ึ ละอายใจว่านอนมาก
รู ้สก
เกินไปบ ้าง มักจะตาหนิตัวเองจนเป็ นทุกข์ น่าจะเอา
เวลานอนไปทาสมาธิหรือทาอย่างอืน ่ ทีเ่ ป็ นประโยชน์
จาได ้ว่า เคยไปหาอาจารย์โกวิททีส ่ งขลา
ครัง้ หนึง่ ตอนนัน ้ อาจารย์ไปสร ้างอาศรมชอ ื่ นวชวี ัน
อยูอ ่ าเภอหนึง่ ทีน ่ ั่น พอดีไปทางานค่ายอพยพญวน
อยูส ่ งขลาพักหนึง่ จึงมีโอกาสแวะไปเยีย ่ มอาจารย์
โกวิทและนอนค ้างทีอ ่ าศรมคืนหนึง่ จาได ้แม่นยาว่า
เชาวั ้ นหนึง่ กว่าจะรู ้สก ึ ตัวขึน ้ มา ตะวันก็สว่างมากแล ้ว
คิดว่าราวเจ็ดโมงเชา้ รู ้สก ึ ละอายใจมากจนเป็ นทุกข์
อดคิดไม่ได ้ว่า อาจารย์โกวิทและญาติโยมทีน ่ ั่นคง
ต ้องตาหนิเราอยูใ่ นใจแน่ ๆ เพราะคิดว่าการมาอยูว่ ัด
นัน
้ จาเป็ นต ้องตืน ่ ประมาณ ตี ๔ หรือ ตี ๕ ขึน ้ มา
สวดมนต์ทาสมาธิภาวนาอันเป็ นประเพณีของชาววัด
ทีเ่ ราถูกอบรมมาตัง้ แต่เริม ่ เข ้าวัด ซงึ่ ทีจ ่ ริงเป็ นสงิ่ ที่
เราทาได ้เสมอเมือ ่ มีโอกาสไปอยูว่ ัด
พอมาอยูอ ่ ังกฤษ จึงรู ้ว่าคนเมืองหนาวจะ
ตืน่ สายเป็ นธรรมดาโดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ เคย
เอาเครือ ่ งดูดฝุ่ นออกมาตอน ๙ โมงเชา้ ถูกสามีดุ หา
ว่าเราไม่เกรงใจชาวบ ้านทีก ่ าลังนอนอยู่ ฉะนัน ้ การ
ตืน ่ นอน ๗ โมงเชาซ ้ งึ่ เรียกว่าสายสาหรับเรากลับเป็ น
เรือ ้
่ งเชามากของคนอั งกฤษ จึงมีบางชว่ งทีอ ่ ยาก
นอนตืน ่ สายอย่างคนอังกฤษ แต่พอทาเข ้าจริง ๆ ก็
รู ้สก ึ ไม่สบายใจ ตะขิดตะขวงใจมาก ชว่ งทีต ่ ด ิ พันกับ
การเขียนหนังสอ ื นัน ้ มักตืน ่ ประมาณตี ๕ เสมอ
สามารถเขียนหนังสอ ื ได ้ราว ๖ ชวั่ โมงก่อนทีค ่ นอืน ่ จะ
ตืน ่ ในวัดสุดสป ั ดาห์
เนือ
่ งจากไม่ต ้องออกไปทางานเต็มเวลา
จึงมีการนอนกลางวันบ ้าง โดยเฉพาะหลังจากทาน
อาหารกลางวันเข ้าไปแล ้ว ร่างกายต ้องทางานหนัก
เพือ ่ ย่อยอาหาร จะรู ้สก ึ ง่วงมาก ถ ้าไม่นอนจะ
หงุดหงิด ทาอะไรไม่ได ้ หัวสมองไม่ทางาน เราจึง
ต ้องนอน พอตืน ่ ขึน ้ มาก็รู ้สก ึ สดชน ื่ ขึน ้ สามารถ
ทางานเขียนต่อได ้ แต่ก็ยังอดไม่ได ้ทีจ ่ ะตาหนิตัวเอง
ว่านอนมากเกินไป มักรู ้สก ึ ตัวตืน ่ ขึน
้ มาด ้วยความรู ้สก ึ
ตะขิดตะขวงใจเสมอ
หลังจากเกิดญาณแล ้ว เริม่ สงั เกตเห็นว่า
ความรู ้สก ึ เหล่านัน ้ ค่อย ๆ หายไป สามารถรู ้สก ึ ตัวตืน ่
โดยไม่มค ี วามรู ้สก ึ ใด ๆ ทัง้ สน ิ้ พอรู ้สก ึ ตัวตืน ่ ใจก็อยู่
กับพระนิพพานอย่างเป็ นธรรมชาติทันที ใจจึงเป็ น
ปกติ ไม่รู ้สก ึ ละอายใจหรือตะขิดตะขวงใจอย่าง
สมัยก่อนถึงแม ้จะตืน ่ สายหน่อยก็ตาม การนอน
กลางวันก็เชน ่ กัน เคยรู ้สก ึ ละอายใจมากกว่าการนอน
ตืน ่ สายด ้วยซ้าไป แต่เดีย ๋ วนีส ้ ามารถนอนกลางวันได ้
และตืน ่ ขึน้ มาโดยไม่รู ้สก ึ อะไรเลย เพราะหลับและตืน ่
พร ้อมกับพระนิพพาน
ลูกจะไม่พบควำมสุขทีแ ่ ท้จริงหำกไม่เข้ำหำ
ธรรม
ปรากฏการณ์เหล่านีก ้ ็ได ้ค่อย ๆ จางหายไป
ในชว่ งสองปี ทผ ี่ า่ นมาเชน ่ กัน ทีจ ่ ริง เรือ ่ งการคิดถึง
อนาคตของลูกก็ยังเกิดอยู่ คนเป็ นแม่ ถ ้าไม่คด ิ เรือ
่ ง
ของลูกแล ้วก็ไม่รู ้จะไปคิดเรือ ่ งอะไรอีก แต่ด ้วยความ
ทีเ่ ข ้าใจชวี ต
ิ อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงรู ้ว่า โลกนีร้ ังแต่จะ
มีความยุง่ เหยิงมากขึน ้ การหาเลีย ้ งชวี ต ิ ให ้อยูร่ อด
เป็ นเรือ่ งปากกัดตีนถีบทัง้ สน ิ้ ไม่มอ ี ะไรง่าย ไม่วา่ ลูก
จะไปทาอาชพ ี อะไรก็แล ้วแต่ จะมีเงินหรือไม่มเี งิน จะ
แต่งงานหรือไม่แต่งงาน จะมีลก ู หรือไม่มล ี ก
ู เขาจะ
หาความสุขทีแ ่ ท ้จริงไม่ได ้แน่นอน จะอยูอ ่ ย่างสุก ๆ
ดิบ ๆ มืด ๆ เหมือนปุถช ุ นทั่วไป ทางเดียวทีล ่ ก
ู จะหา
ความสุขได ้อย่างแท ้จริง คือ ต ้องพยายามให ้ลูกเข ้า
หาธรรมะ ซงึ่ เป็ นปั ญหาใหญ่มาก เพราะนีเ่ ป็ นเมือง
อังกฤษ เด็กเกิดทีน ่ ี่ ย่อมตกเป็ นเหยือ ่ ของอิทธิพล
วัฒนธรรมตะวันตกอยูว่ ันยังคา่ ไม่มากก็น ้อย
คิดถึงอนำคตของลูกได้โดยไม่กล ัวอีกแล้ว
ตอนลูกยังเล็กอยู่ ทุกคืนก่อนนอนจะมีการ
เล่านิทานให ้ลูกฟั ง เราก็เล่าเรือ ่ งประวัตพ ิ ระพุทธเจ ้า
และนิทานธรรมะเรือ ่ งอืน ่ ๆ มากมาย และต ้องสรุป
เรือ ่ งโครงสร ้างชวี ต ิ ให ้ลูกฟั งทุกคืนว่า ทุกอย่างทีด ่ ีๆ
ทาให ้มากเข ้าไว ้ อะไรทีไ่ ม่ดก ี ็อย่าทาเด็ดขาด และ
เมือ ่ คิดอะไรไม่ดใี นหัวแล ้ว ต ้องพยายามทาให ้
ความคิดไม่ดน ี ัน
้ หายไปเหมือนทีแ ่ ม่ทาอยูโ่ ดยพูด
“อย่าลูก” จนลูกจาขึน ้ ใจ พอแม่จะเปิ ดปากพูด ลูกก็
พูดเสย ี เองได ้ เราสามารถพาลูกไปวัดได ้ เคยทิง้ ให ้
อยูเ่ ป็ นเด็กวัด และเขาก็อยากไป ทัง้ ๆ ทีไ่ ด ้อบรมลูก
เชน ่ นัน
้ มาตัง้ แต่เล็กแต่น ้อย ก็ไม่ได ้รับประกันว่าเมือ ่
ลูกโตขึน ้ เขาจะทาตามสงิ่ ทีเ่ ราสอนทุกอย่าง ลูกคน
โตติดการสูบบุหรีต ่ ัง้ แต่เมือ่ ใด เราก็ไม่รู ้ ตอนนีอ ้ ายุ
๒๒ พยายามเลิกอยูห ่ ลายครัง้ ก็ยังทาไม่สาเร็จสก ั ที
ลูกคนกลางอายุยังไม่ถงึ ๒๐ ติดหนีส ิ ธนาคารเป็ น
้ น
หลายหมืน ่ ไปสร ้างหนีส ้ นิ ตัง้ แต่เมือ ่ ไร พ่อแม่ก็ไม่รู ้
เรือ ่ งนีเ้ ป็ นความโง่ของทัง้ สองฝ่ าย ลูกเราโง่ก็ยังพูด
ได ้ว่าเพราะเป็ นเด็กอยู่ ยังอยูใ่ นโลกแห่งความฝั น
เมือ ่ ธนาคารเอาเงินมาล่อ ก็รบ ี คว ้าเหมือนเด็กได ้กิน
ขนมหวานโดยไม่ตระหนักถึงผลเสย ี ของมัน แต่เรือ ่ ง
นีพ
้ อ ่ ค ้าโง่กว่าทีย ่ อมปล่อยเงินกู ้ให ้เด็กอายุ ๑๘ ทีย ่ ัง
ไม่ได ้ทางานเป็ นหลักแหล่ง เศษฐกิจฟองสบูเ่ กิด
เพราะพ่อค ้าโง่ ๆ พวกนี้ทเี่ อาเงินมาโปรยให ้คนใช ้
อย่างง่ายดายในสงั คมปั จจุบัน เป็ นปั ญหาสงั คมทีแ ่ ก้
ยากเพราะสอดคล ้องกับกิเลสคน เหลือแต่ลก ู คนเล็ก
ทีย ่ ังรับฟั งแม่อยู่ ฉะนัน ้ ทุกครัง้ ทีค ่ ดิ ถึงอนาคตของ
ลูก รู ้ว่าอย่างไรลูกก็ต ้องเป็ นทุกข์อยูว่ ันยังคา่ ตราบใด
ทีเ่ ขายังไม่เข ้าหาธรรมะ เดีย ๋ วนี้ สามารถคิดถึง
อนาคตของลูกได ้โดยไม่มค ี วามกลัวอีกต่อไป แม ้รู ้ว่า
พวกเขากาลังแบกทุกข์แบกปั ญหาอยูก ่ ็ตาม ทุกคน
ต ้องเรียนรู ้จากความผิดพลาดและความทุกข์ของ
ตนเอง หากฉลาดหน่อย อ่านหนังสอ ื แม่บ ้าง ตัง้
คาถามเพือ ่ หาคาตอบจากแม่บ ้าง ก็จะได ้คาตอบเร็ว
ขึน
้ แก ้ปั ญหาของตนเองได ้เร็วหน่อย
กำรทำนอำหำรถูกปำกเป็นเรือ ่ งธรรมชำติมำก
ก็คอ ่ นีจ
่ ยเป็ นค่อยไปอยูเ่ ชน ้ นกระทั่งหลังเกิด
ญาณแล ้ว โดยเฉพาะในชว่ งสองปี ทผ ี่ า่ นมา
สงั เกตเห็นว่า นอกจากต่อมน้ าลายไม่ทางานเมือ ่ เห็น
อาหารอร่อยวางเบือ ้ งหน ้าแล ้ว ครัง้ ใดทีท
่ านอาหาร
อันมีรสชาดไม่ถก ู ปาก ไม่ปรากฏว่าเกิดความไม่
พอใจหรือหงุดหงิดอย่างทีเ่ คยเป็ น กลับเห็นตนเอง
เคีย ้ วและสารวจรสชาดอาหารทีแ ่ ม ้ไม่ถก ู ปากอย่าง
สงบ ใจไม่ดน ิ้ รนอะไรแม ้แต่น ้อย ถ ้าเครือ ่ งปรุงอยู่
ใกล ้มือ สามารถหยิบมาเติมได ้โดยไม่ยงุ่ ยาก ก็จะทา
และปรุงอาหารนัน ้ ให ้ถูกปาก แต่ถ ้าไม่อยากยุง่ ก็จะ
ทานไปทัง้ อย่างนัน ้ ด ้วยใจทีเ่ ป็ นปกติ ไม่กระวน
กระวายเหมือนทีเ่ คยเป็ นในอดีต
เวลาทากับข ้าวให ้ครอบครัว ก็ยังคงปรุงอาหาร
ทีม ่ รี สชาดอร่อยถูกปากสามีและลูก ๆ อยูเ่ หมือนเดิม
ใครทีห ่ วิ กินแล ้วก็อร่อย ใครทีไ่ ม่หวิ กินแล ้วก็บอกว่า
เฉย ๆ แม ้จะชอบอาหารจานโปรดนัน ้ อย่างไร ก็ไม่ได ้
รู ้สก ึ ว่ามันอร่อยเท่ากับตอนหิว ทีจ
่ ริงแล ้ว การที่
อยากทานอาหารอันมีรสชาดถูกปากคนทานนัน ้ เป็ น
เรือ ่ งธรรมชาติมาก เป็ นเรือ ่ งปกติของร่างกาย ปั ญหา
อยูท ่ ค
ี่ นมีกเิ ลสทาอะไรเกินเลยจนเป็ นเรือ ่ งมาก
ฉะนัน ้ คนทีบ ่ รรลุธรรมแล ้ว ก็ไม่ได ้หมายความ
ว่า เอาหญ ้า เอาของดิบ ๆ ไปให ้ท่านรับประทานก็ได ้
เพราะท่านไม่ตด ิ ในรสชาดของอาหารแล ้ว มันก็ไม่ใช ่
เชน ่ นัน ้ คนทีไ่ ม่ตด ิ ในรสอาหารแล ้ว ก็ยังอยากทาน
อาหารทีต ่ นเองเคยชน ิ และถูกปากเหมือนเดิม ซงึ่ ก็
สามารถทาได ้อย่างไม่ยงุ่ ยาก เหมือนคนไม่สบายก็
อยากทานข ้าวต ้ม ทานของอ่อน ๆ และของจืด ๆ ถ ้า
ร่างกายหายดีแล ้วก็อยากทานอาหารทีม ่ รี สจัดทีถ ่ ก
ู
ปากตนเอง คนไทยไปอยูต ่ า่ งประเทศ แม ้จะสามารถ
ปรับตัวได ้ดีตอ ่ เรือ ่ งอืน ่ ๆ อย่างไร สงิ่ หนึง่ ทีป ่ รับได ้
ยากคือ เรือ ่ งลิน ้ ยังคงต ้องสรรหา น้ าปลา พริก กะปิ
และของไทย ๆ อยูเ่ สมอ แม ้แต่พระทีม ่ าอยูต ่ า่ งแดน
ท่านก็ยังอยากทานอาหารไทยทีถ ่ ก
ู ปาก นีเ่ ป็ นเรือ ่ ง
ธรรมดามาก แต่เมือ ่ ทานอาหารถูกปากและติดใน
รสชาดอาหารในขณะทีร่ ับประทานอยูน ่ ัน
้ ก็เป็ นอีก
เรือ
่ งหนึง่ ทีผ
่ ู ้ปฏิบัตวิ ป
ิ ั สสนาจะต ้องจัดการกับเรือ ่ งใจ
ของตัวเอง
ไม่อยำกตำยเพรำะสงสำรลูกเล็กและสำมี
จาไม่ได ้ว่าความไม่กลัวตายอยูก ่ บั เรานาน
มากเท่าไร รู ้แต่วา่ มันค่อย ๆ จางหายไปในทีส ่ ด
ุ ทีร่ ู ้
แน่ชด ั คือ เมือ ่ แต่งงานมีลก ู เล็ก ๆ ถึงสามคนแล ้ว
กลับมีความรู ้สก ึ ว่ายังไม่อยากตายเร็ว เพราะสงสาร
ลูกทีย ่ ังเล็กอยู่ คิดว่าถ ้าเราตายไปสก ั คน ลูก ๆ และ
สามีต ้องลาบากมาก ใครจะสามารถเลีย ้ งดูลก ู เราได ้ดี
เท่าเรานัน ้ คงหาไม่ได ้อีกแล ้วในโลก นอกจากนัน ้ ยัง
ไม่อยากให ้สามีและลูก ๆ ถึงแก่ความตายเชน ่ กัน
โดยเฉพาะตอนทีต ่ ัง้ ครรภ์อยูน
่ ัน
้ ผู ้หญิงทุกคนย่อม
เป็ นห่วงกังวล ไม่อยากให ้มีอน ั ตรายใด ๆ เกิดกับสามี
ตนเอง เพราะกลัวลาบากเมือ ่ คลอดลูกเล็กแล ้วไม่มี
สามีดแ ู ล เราก็ไม่ตา่ งอะไรจากผู ้หญิงคนอืน ่ ๆ ทีอ ่ ยู่
ในฐานะเดียวกัน เพราะมีความทรงจาว่า เมือ ่ ตอนที่
อยูใ่ นตรอกตันแถวถนนเจริญกรุงนัน ้ ลูกสะใภ ้ของ
เพือ่ นบ ้านไปคลอดลูกคนแรกทีโ่ รงพยาบาล สามีข ี่
รถจักรยานยนต์ไปเยีย ่ มภรรยากับลูกน ้อย ขากลับ
เกิดอุบัตเิ หตุจนเสย ี ชวี ต
ิ เราเองตอนนัน ้ ก็ยังเป็ น
เด็กหญิงอายุไม่เกินแปดขวบ แต่ก็สามารถเข ้า
ใจความเจ็บปวดและความทุกข์อย่างแสนสาหัสของ
สะไภ ้สาวคนนัน ้ ได ้ดี หวนคิดเสมอว่า เธอจะอยูไ่ ด ้
อย่างไรโดยปราศจากสามี นั่นเป็ นเหตุการณ์ท ี่
ประทับอยูใ่ นใจเรานานมาก เมือ ่ ตัวเองตัง้ ครรภ์ จึง
เกิดความกลัวอยูใ่ นใจลึก ๆ เสมอ ภาวนาขออย่าให ้มี
อะไรเกิดขึน ึ กลัวตายก็
้ กับสามีเลย สรุปว่าความรู ้สก
กลับมาอยูก ่ บั เราอีก เวลาดูหนังหรือดูขา่ วใน
โทรทัศน์หรือใครพูดถึงเหตุการณ์ทค ี่ อขาดบาดตาย
แล ้ว ใจก็จะหวั่นไหวด ้วยความกลัวและภาวนาให ้ผู ้
อยูใ่ นเหตุการณ์มค ี วามปลอดภัย รอดพ ้นจากความ
ตาย
เหมือนเป็นคนเลือดเย็น ไร้เมตตำ
ความรู ้สก ึ เหล่านีค ้ อ ่ ย ๆ เปลีย ่ นไปหลังจากเกิด
ญาณแล ้ว โดยเฉพาะในชว่ งสองปี ให ้หลังมานี้ เริม ่
สงั เกตเห็นว่าความกลัวตายได ้ค่อย ๆ หายไปจนบัดนี้
จะเรียกว่าหายไปอย่างสน ิ้ เชงิ ก็ได ้ ทีจ ่ ริงก็ไม่ใชเ่ ป็ น
เรือ ่ งทีเ่ ราให ้ความสนใจมากนัก มาเริม ่ สงั เกตเห็นก็
จากการดูขา่ วหรือหนังในโทรทัศน์อก ี เชน ่ กัน ทุกครัง้
ทีม ่ เี หตุการณ์คอขาดบาดตาย ใจเคยหวั่นไหวด ้วย
ความตกใจ กลัวแทนผู ้อยูใ่ นเหตุการณ์และคน
ใกล ้ชด ิ รู ้ว่า นั่นเป็ นเรือ ่ งใหญ่มาก ต ้องรีบชว่ ยเหลือ
หรือแก ้ไขสถานการณ์นัน ้ ทันที หรือเมือ ่ เห็นคนที่
สูญเสย ี คนทีเ่ ขารักและร ้องไห ้จนใจแทบขาดนัน ้
สว่ นมากใจเราก็จะเคลือ ่ นด ้วยความสงสารและน้ าตา
ไหล แต่เดีย ๋ วนีส ้ ามารถนั่งดูเหตุการณ์เหล่านัน ้ ด ้วย
ความรู ้สก ึ เฉยมากจนน่ากลัวเหมือนไม่มค ี วามรู ้สก ึ
อะไรเหลืออยูแ ่ ล ้ว ไม่ได ้เห็นเรือ ่ งคอขาดบาดตายนัน ้
เป็ นสงิ่ สาคัญหรือรีบด่วนมากอย่างทีเ่ คยเป็ น เห็นคน
ทีร่ ้องไห ้เพราะสูญเสย ี คนรักแล ้วก็รู ้สก ึ เฉยไปหมด
ทัง้ ๆ ทีเ่ ป็ นคนร ้องไห ้อย่างเจ็บปวดมากทีส ่ ด
ุ เมือ ่ ไป
งานศพแม่ ๗ เดือนก่อนเกิดญาณ ถ ้าไปเปิ ดเผย
ความรู ้สก ึ จริงให ้คนรู ้ เขาต ้องสรุปว่าเราเป็ นคน
เลือดเย็น ไร ้เมตตาแน่ ๆ ก็ไม่เคยพูดอะไรให ้คน
ิ รู ้ เราเท่านัน
ใกล ้ชด ึ ทีผ
้ รู ้ว่านั่นเป็ นความรู ้สก ่ ด
ิ ธรรมดา
แล ้ว
ไม่กล ัวตำยเพรำะเข้ำใจกำรทำงำนของ
ั
สงสำรว ัฏ
เหตุผลใหญ่ทท ี่ าให ้ไม่รู ้สก ึ ตกใจและหวั่นไหว
ต่อความตายไม่วา่ ของคนอืน ่ หรือคนใกล ้ชด ิ เพราะ
เข ้าใจแล ้วว่าสงั สารวัฏทางานอย่างไร รู ้แล ้วว่าความ
ตายทางร่างกายไม่ใชเ่ ป็ นเรือ ่ งตายจริงเลย หาคน
ตายจริง ๆ นัน ้ ยากมาก มีแต่ตายหลอก ๆ ทัง้ นัน ้
ตราบใดทีย ่ ังไม่หมดกรรม แต่ละคนก็ตายจากภพ
ชาตินแ ี้ ล ้วก็ไปเกิดทีอ ่ นื่ ทันที เดินทางหมุนเวียนอยู่
บนถนนวงแหวนของสงั สารวัฏเชน ่ นีอ
้ ย่างไม่จบไม่สน ิ้
จนเห็นเป็ นเรือ ่ งน่าเบือ ่ หน่ายมาก
เดีย๋ วนี้ ยิง่ เห็นปั ญหาวุน ่ วายของโลก เห็นคน
ตายในสงครามบ ้าง ตายเพราะอุบัตเิ หตุบ ้าง ตาย
เพราะภัยธรรมชาติบ ้าง ตายเพราะโรคภัยไข ้เจ็บบ ้าง
ตายเพราะถูกฆ่าบ ้าง เห็นคนใกล ้ชด ิ ทีม ่ อ
ี ายุมากค่อย
ๆ ตายจากไปทีละคนสองคน ก็ยงิ่ เบือ ่ หน่ายต่อชวี ต ิ ที่
ต ้องเกิดต ้องตายอย่างซ้าซากจาเจเชน ่ นี้ สามารถ
เห็นได ้ชด ั ว่า คนทีต ่ าย ๆ กันให ้เห็นทุกวันนีไ ้ ม่ได ้
ตายเป็ นครัง้ แรกทีไ่ หนกัน เขาตายมานับครัง้ ไม่ถ ้วน
แล ้ว เกิดมานับครัง้ ไม่ถ ้วนแล ้ว เกิด ๆ ตาย ๆ อยูต ่ รง
นีแ
้ หละ ไม่มอ ี ะไรใหม่เลย
พูดได้อย่ำงเดียวว่ำ น่ำสงสำร!!!
ชว่ งปี ทผ
ี่ า่ นมานี้ ความเบือ่ หน่ายต่อการ
เกิดและตายมีความรุนแรงมากขึน ้ จึงเริม่ ไม่เข ้าใจว่า
ทาไมคนเราจึงกลัวความตายจนตัวสน ั่ เชน ่ นี้ และ
ทาไมจึงเห็นเรือ ่ งคอขาดบาดตายเป็ นเรือ ่ งสาคัญ
นักหนา บางครัง้ ฟั งหรืออ่านเรือ ่ งราวทีค ่ นเล่า
เหตุการณ์ทต ี่ ัวเองหนีพ ้นความตายมาได ้อย่าง
หวุดหวิด ฟั งเขาเล่าด ้วยความตืน ่ เต ้น ดีใจอย่าง
เหลือล ้นและภูมใิ จในความโชคดีอย่างมหันต์ของเขา
แล ้ว เรากลับรู ้สก ึ เฉยมาก และอดสงสารคนพูดไม่ได ้
ว่า
“โถ…หลงคิดว่าหนีพ ้นความตายมาได ้อย่าง
หวุดหวิดราวกับไม่ต ้องตายอีกแล ้ว เหมือนกับไม่เคย
ตายมาก่อน ทาไมโง่อย่างนี้ ก็ตายมาไม่รู ้จักกีห ่ น
แล ้ว ยังไม่รู ้หรือ หนีตายแค่นไ ี้ ม่มค ี วามหมายอะไร
เลย”
หรือบางครัง้ อ่านเรือ ่ งราวทีท ่ ัง้ หมอและ
คนไข ้พยายามหาทางรักษาโรคภัยไข ้เจ็บเพือ ่ จะได ้
ต่ออายุออกไปอีกสก ั ๓ เดือนบ ้าง ๖ เดือนบ ้าง ๑ ปี
๓ ปี ๕ ปี หรือ ๑๐ ปี บ ้าง บางคนต่ออายุแล ้วก็มช ี วี ต
ิ
อยูอ่ ย่างมีคณ ุ ภาพของมนุษย์ บางคนพยายามต่อ
แล ้ว แต่ก็ไม่มค ี ณุ ภาพของชวี ต ิ ดังทีค ่ วรเป็ น เป็ นการ
ต่อลมหายใจเท่านัน ้ ต ้องทนทรมานต่อความเจ็บปวด
ทางร่างกาย ฟั งเรือ ่ งราวเหล่านีด ้ ้วยความสงสารใน
ความโง่เขลาเบาปั ญญาและมืดบอดของพวกเขา
เพราะเมือ ่ เปรียบเทียบกับอายุของสงั สารวัฏทีเ่ ขาได ้
ท่องเทีย ่ วมาอย่างไม่หยุดหย่อนแล ้ว แม ้จะต่ออายุ
ออกไปได ้อีกถึงร ้อยปี พันปี แม ้หมืน ่ ปี มันจะไปมี
ความหมายอะไร พูดได ้อย่างเดียวว่า น่าสงสาร!!!
ตอนนี้ มีความรู ้สก ึ กลัวไม่ตายจริงมากกว่า
เมือ
่ คิดถึงความตายทางร่างกายของตัวเอง
ความรู ้สก ึ ทีเ่ กิดขึน ้ ในรถทัวร์เมือ ่ ยีส ่ บ ิ กว่าปี กอ ่ นก็ได ้
กลับมาอยูก่ บ
ั เราอีก สามารถเห็นความตายของ
ตนเองเป็ นเรือ
่ งถูกรางวัล จะได ้หมดเรือ
่ งหมดราวกัน
ี ที
เสย
เหมือนออกจำกบ้ำนไปทำธุระ เสร็จแล้วก็กล ับ
บ้ำนตำมปกติ
บัดนี้ ความเปลีย ่ นแปลงทีเ่ กิดขึน ้ กับเราคือ แม ้
จะมีการคิดออกไปจากปั จจุบันขณะเหมือนอย่าง
เมือ ่ ก่อนนีก ้ ็ตาม มันก็เป็ นการออกไปอย่างสว่าง
ไม่ใชอ ่ อกไปอย่างมืด ๆ เหมือนแต่กอ ่ น ฉะนัน้ เมือ ่
ตอนทีใ่ จกลับมาสูป ่ ั จจุบัน จะไม่มช ี ว่ งต่อเนือ่ งเหมือน
ในอดีตทีต ่ าหนิตัวเองบ ้าง ผวาหรือตกใจนิด ๆ บ ้าง
สงิ่ เหล่านัน ้ หายไปหมด บางครัง้ เห็นตัวเองมองหา
สภาวะทีใ่ จต ้องผงะนิด ๆ ตามทีเ่ คยเป็ นมาหลายปี
แล ้ว แต่ก็ไม่เป็ น ใจไม่ผงะไม่ผวาแล ้ว เหมือนใจ
ออกจากบ ้านไปทาธุระ ทาเสร็จ ก็กลับเข ้าบ ้าน
ตามปกติ ตรงนีไ ้ ม่รู ้คนอ่านจะรู ้เรือ่ งหรือเปล่าว่าเรา
พูดเรือ ่ งอะไร มันเป็ นเรือ ่ งทีล่ ะเอียดอ่อนมากของ
ชวี ต ิ ประจาวันทีเ่ กิดขึน ้ อยูท
่ กุ บ่อย พอเห็นความ
เปลีย
่ นแปลงเชน่ นีจ
้ งึ รู ้ว่าตัวเองไม่ธรรมดาแล ้วเมือ
่
เปรียบเทียบกับสภาวะในอดีต1
1
กำลังอ่ำนตรวจทำนเรื่องนีใ้ นเดือนธันวำคม ๒๕๔๖ ลืมปรำกฏกำรณ์เหล่ำนัน้ อย่ำงสนิท ถ้ำไม่ได้บนั ทึกไว้ตอน
นัน้ คงพูดถึงไม่ได้แน่นอน จำไม่ได้เลยว่ำสภำวะผงะ ผวำ เหล่ำนัน้ ได้เคยเกิดมำก่อน ตอนนีไ้ ม่มีอกี แล้ว
พอเห็นคลืน
่ ระลอกแรกเริม
่ จะเคลือ
่ นเท่านัน้ แมว
ตะปบหนูทันที หนูจงึ หดหายไปทันทีเชน ่ กัน
แม้คลืน ่ ระลอกแรกก็ไม่เห็นอีกแล้ว
แต่ในชว่ งปี ทผ ี่ า่ นมา แม ้สภาวะเล็ก ๆ น ้อย ๆ
เหล่านีก ้ ็คอ ่ ย ๆ หายไปหมด แม ้แต่คลืน ่ ระลอกแรกก็
ไม่เห็นอีกแล ้ว ใจราบเรียบไม่เคลือ ่ นเลยแม ้แต่น ้อย
บางครัง้ กายนัน ้ สะดุ ้งโหยงจริง ทุกคนต ้องเหมาเอา
ว่าเราตกใจแน่นอน แถมเอามือมาพาดอกด ้วยความ
เคยชน ิ ในบางครัง้ แต่เมือ
่ สารวจใจแล ้ว กลับไม่มี
ความรู ้สก ึ อะไรเหลืออยูเ่ ลย เหมือนไม่มใี จ แต่ก็ยัง
เล่นไปตามบทบาทของโลกสมมุต ิ ถ ้าลูกหรือสามีมา
ปลอบโยนเพราะคิดว่าเราตกใจ ก็ปล่อยให ้เขาทา
เพราะมาเขียนเรือ ่ งนี้ จึงมีการสงั เกตและจดบันทึก
เหตุการณ์ลา่ สุดเอาไว ้ ไม่เชน ่ นัน
้ ก็ลม ื สงิ่ ทีบ ่ ันทึกไว ้
มีดังนีค้ อ ื
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ ถูบ ้านเสร็จ พืน ้ ไม ้ยัง
เปี ยกหมาด ๆ อยูโ่ ดยทั่วไป กาลังเดินจากห ้องครัว
ไปห ้องนั่งเล่น เกิดไถลด ้วยความลืน ่ ของพืน ้ ร ้องกรี๊ ด
จนลูกคนเล็กตกใจ รีบวิง่ มาหาแม่วา่ เป็ นอะไรไปหรือ
เปล่า ปรากฏว่าร ้องกรี๊ ดจริง แต่ใจไม่เคลือ ่ นเลย
แม ้แต่น ้อย หัวใจไม่กระดิก ไม่สน ั่ แต่อย่างใด เห็นลูก
ตกใจมากกว่าแม่ เรือ
่ งร ้องกรี๊ ดนีต ่ ้องเรียกว่าเป็ น
ความชน ิ หรือภาษาพระ เรียกว่าวาสนา เป็ นปฏิกริ ย ิ า
หรือ reflex ซงึ่ เป็ นการทางานของสว่ นกายทีเ่ นือ ่ ง
กับสมอง นาน ๆ ถึงจะมีสก ั ครัง้ ทีร่ ู ้สกึ ว่ามีใจให ้ตก
แต่พอกาหนดเห็นเท่านัน ้ ใจก็เป็ นปกติทันที
๗ ธันวาคม ๒๕๔๔ ขับรถกลับจากทางาน จะ
เลีย้ วซายเข้ ้าถนนใหญ่ พอดีมรี ถจอดขวางอยูข ่ วามือ
มองไม่เห็นรถทีม ่ าจากขวามือ พยายามดูและคิดว่า
ไม่มรี ถมาแล ้ว จึงขับออกมา ทันใดนัน ้ เอง รถคันหนึง่
ก็พงุ่ มาจากขวามือ เราต ้องเหยียบเบรคอย่างแรง
ของทุกอย่างตกจากทีน ่ ั่งไปกองบนพืน ้ หมด รถคัน
นัน
้ เฉียดรถของเราไปเพียงไม่กน ี่ วิ้ เท่านัน ้ เอง
คนขับรถคันนัน ้ คงด่าเรายับ ถ ้าเป็ น ๖ เดือนก่อนหน ้า
วันทีน ่ ี้ ใจอาจจะเคลือ ่ นบ ้างนิดหน่อยภายใต ้
สถานการณ์เชน ่ นัน ้ แต่วันนัน ้ ใจไม่เคลือ ่ นเลยแม ้แต่
น ้อย ปกติเหมือนเจอเหตุการณ์อย่างนีท ้ กุ วันจนชน ิ
แล ้วทานองนัน ้
๙ ธันวาคม ๒๕๔๔ เอาทีร่ ด ี ผ ้าออกมากาง
ประเภททีก ่ างขาออกแล ้ว ท่อสว่ นบนจะล๊อคเข ้าร่อง
มีระดับสูงตา่ ตามความต ้องการ เราขยับอยูน ่ านสอง
นาน มันก็ไม่เข ้าร่องสก ั ที จุดหนึง่ ก็คด ิ ว่าเข ้าร่อง
แล ้ว เพราะมันตัง้ ได ้ จึงเอาเตารีดวางลง เท่านัน ้ เอง
ทีร่ ดี ผ ้าทัง้ อันก็ล ้มไปกองกับพืน ้ อีกพร ้อมเตารีด
เสย ี งดังมาก สามีนั่งบนโซฟาดูฟต ุ บอลอยูห ่ า่ งไม่ถงึ
สองฟุต ตกใจถึงขนาดเอามือพาดอก เรายืนเฉย ใจ
ไม่กระดิกกระเดีย ้ แม ้แต่น ้อย เหมือนไม่มใี จให ้ตกอีก
แล ้ว
(ได ้เขียนหัวข ้อนีต ้ ัง้ แต่เดือนกันยายน ๔๔ มา
เขียนเพิม ่ เหตุการณ์ทล ี่ งวันทีเ่ อาตอนหลัง มี
ความรู ้สก ึ ว่า สภาวะที่ “ไม่มใี จ” ได ้หยั่งรากลึกลงไป
ทุกวัน ความเปลีย ่ นแปลงของใจเกิดตลอดเวลา)
แต่แม ้นาน ๆ ครัง้ นี่ เราก็พด ู ถึง นาน ๆ ครัง้ ของ
อดีตทีผ ่ า่ นมา ในชว่ งทีต ่ งั ้ แต่เริม ่ เขียนมาจนบัดนีเ้ ข ้า
เดือนที่ ๕ (มานั่งอ่านตรวจทานครัง้ สุดท ้ายก่อนสง่
ดิสค์ไปเมืองไทยก็เข ้าเดือนที่ ๙ แล ้ว) นาน ๆ ครัง้
ทีพ
่ ด
ู ถึงก็น ้อยลงไปเรือ
่ ย ๆ ความเปลีย่ นแปลงไปสู่
ความเด็ดขาดของใจมีมากขึน ้ ตามลาดับ
เหมือนเลำะหนำมกุหลำบทิง้ หมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความรู ้สก ึ เล็ก ๆ น ้อย ๆ เหล่านี้
ของเรา มาบัดนีห ้ ายไปหมดสน ิ้ เดีย
๋ วนี้ สามารถมอง
หน ้าลูก ๆ และสามีโดยไม่มค ี วามรู ้สก ึ อะไรห ้อยท ้าย
ทัง้ ๆ ทีร่ ู ้ว่าอนาคตของพวกเขาต ้องดิน ้ รนต่อสูอย่ ้ าง
มากมาย แต่ก็ไม่มค ี วามกลัวเหลืออยู่ รู ้ว่าไม่วา่ เขาจะ
ไปทาอะไร ชวี ต ิ ของเขาต ้องเป็ นทุกข์เสมอ รอวันที่
เขาไม่ใชเ่ ห็นเราแต่เพียงแม่ทค ี่ อยทาอะไรให ้เขา
เท่านัน ้ แต่เป็ นครูทส ี่ ามารถบอกทางไปสูท ่ ส ี่ ว่างให ้
เขาได ้ด ้วย หากยังมีความหวังอะไรในตัวลูก ก็หวังว่า
เขาจะไม่ปล่อยไว ้นานจนสายเกินไป รู ้ว่าเขาจะ
เสย ี ใจมากหากเขาไม่รู ้จักเราจริง ๆ ก่อนเราตาย
สรุปว่า เดีย ๋ วนี้ สามารถคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
ได ้โดยใจไม่ถก ู หนามตาเอา สามารถฟั งเพลงเก่า ๆ
ทีเ่ คยชอบได ้โดยทีใ่ จไม่เคลือ ่ นแม ้แต่น ้อยนิด2
เหมือนกิง่ กุหลาบทีแ ่ ต่กอ ่ นมีหนามเล็ก ๆ ยืน ่ ออกมา
ตรงนัน ้ บ ้าง ตรงนีบ ้ ้าง หนามนัน ้ ก็คอ่ ย ๆ ถูกเลาะ
ออกไปทีละหนามสองหนามตัง้ แต่เริม ่ ปฏิบัตธิ รรม
มาถึงบัดนี้ สามารถเอามือลูดกิง่ กุหลาบโดยไม่ถูก
แม ้แต่หนามเดียวเลย มันหายหมด
ใชเ้ พลงโปรดเป็นเครือ
่ งล่อให้หนูออกจำกบ้ำน
พูดถึงเรือ ่ งเพลงของยุคสมัยแล ้ว เคยเป็ น
จุดอ่อนของเรามาก เชน ่ เพลงของชรินทร์ สุเทพ
ธานินทร์ สุนทราภรณ์ ฟั งทีไร ก็จะพาใจให ้เคลิม ้ ไป
กับบรรยากาศและเหตุการณ์ในอดีตเสมอ มีชว่ งหนึง่
ราว ๗ หรือ ๘ ปี ให ้หลังมานีเ้ อง เป็ นชว่ งทีแ ่ มวเริม ่
จับหนูเองแล ้ว เอาเพลงสุนทราภรณ์เก่า ๆ อันเป็ น
เพลงโปรดร่วมสมัยของเรามาเป็ นเครือ ่ งล่อให ้
ความรู ้สก ึ ทีช่ อบออกมา พอล่อมันออกมาแล ้ว ก็จับ
มันฆ่าทิง้ ทันที ตอนแรกรู ้สก ึ ทายาก เพราะใจมัน
อยากคลึม ้ ไปกับเสย ี งเพลงอย่างเดียว โดยเฉพาะ
เพลงโปรดทีม ่ ค ี วามหลังในอดีตติดพันอยู่ สลัดยาก
มาก ใจไม่ยอมปล่อย แต่กต ็ อ ้ อ
่ สูเพื ่ ให ้มันปล่อยให ้
ได ้ แล ้วก็คอ ่ ย ๆ ง่ายขึน ้ เหมือนการล่อให ้หนูออก
จากบ ้านเพือ ่ แมวจะได ้ตะปบเอามากินเล่นทันที
อย่างไรก็อย่างนัน ้ จาได ้เพราะเคยเอาเรือ ่ งนีม
้ าสอน
ลูกศษ ิ ย์ให ้ทาตาม
ทุกครัง้ ทีก ่ ลับจากเมืองไทย เราจะต ้องซอ ื้ เทป
เพลงติดมาเสมอ สว่ นมากก็เป็ นเพลงเก่าทีเ่ ขาเอามา
อัดใหม่ ร ้องโดยนักร ้องใหม่ ๆ เก็บมาหลายปี มี
มากมาย เคยรักเคยหวงมันมาก ต ้นปี นเี้ อง ใจเป็ น
อิสระมาก ฟั งแล ้วก็ไม่ทาให ้เกิดอารมณ์อะไรเหมือน
ทีเ่ คยเป็ นเลย จึงตัดสน ิ ใจทิง้ เทปเพลงเหล่านีไ ้ ด ้โดย
ไม่แยแส ทิง้ บ ้าง ให ้เพือ ่ นไปบ ้าง เหลืออยูไ่ ม่กม ี่ ้วน
บางครัง้ เอามาฟั งเพือ ่ ตรวจสอบความรู ้สก ึ ว่าใจมีการ
กาเริบหรือไม่เท่านัน ้
ทุกคนมีชวี ต ี ดสอ
ิ ทีเ่ สย ี ยูก
่ ับพระนิพพำนอย่ำง
แนบเนือ
่ งอยูแ่ ล้ว
เดีย๋ วนี้ การเดิน การเคลือ ่ นไหว การเดิน
ห ้างสรรพสน ิ ค ้า ซอ ื้ กับข ้าว การทางานในบ ้าน หยิบ
โน่น หยิบนี่ ทาอาหาร จะมีสติทเี่ ป็ นธรรมชาติ ไม่
รู ้สก ึ ว่าต ้องกาหนดอะไรเป็ นชน ิ้ เป็ นอันแล ้ว แม ้
บางครัง้ จะต ้องทาอะไรเร็ว ๆ ก็ตาม สมัยก่อนโน ้น
พอทาอะไรเร็ว ๆ แล ้ว ความคิดในหัวก็จะแล่นเร็วไป
ด ้วย ใจก็วงิ่ ขึน ้ ลงตามความคิด ซงึ่ เป็ นลักษณะทีข ่ าด
สติ พอรู ้ตัว สติกลับมา ก็คอ ่ ย ๆ ทาอะไรชา้ ๆ อีก
เดีย ๋ วนี้ แม ้ทาอะไรเร็ว ๆ ก็ไม่เป็ นปั ญหาอีกต่อไป
สามารถทาเร็วได ้อย่างมีสติเต็มเปี่ ยม แต่การทาอะไร
ชา้ ๆ ย่อมมีรสชาดของชวี ต ิ มากกว่า เชน ่ เมือ ่ ใดที่
เดินชาแบบธรรมดา้ แบบไม่ต ้องเร่งรีบได ้ จะเห็นได ้
ชด ั มากว่า การเดินแต่ละก ้าวนัน ้ มีความเต็มเปี่ ยมของ
ชวี ต ิ บรรจุไว ้พร ้อมในตัวมันเองแล ้ว
เดีย ๋ วนี้ การหั่นผัก ทากับข ้าว ทาอะไรต่ออะไร
ก่อกแก่กอยูใ่ นครัวนัน ้ เป็ นเรือ
่ งสนุกมาก บางครัง้ แค่
เอือ ้ มมือไปเปิ ดตู ้กับข ้าวเท่านัน ้ รู ้สกึ ว่ามันเป็ นชว่ ง
ขณะปั จจุบันทีอ ่ ร่อยมากจนไม่รู ้จะบรรยายยังไง คน
ต ้องหาว่าบ ้าแน่ สมัยก่อนมองไม่ออกว่า ชวี ต ิ มันจะ
เต็มเปี่ ยมได ้ยังไงกับงานจาเจเชน ่ นี้ มาบัดนี้ ก็เห็นได ้
ชด ั มากว่ามันเต็มเปี่ ยมได ้จริง ๆ ถ ้าทาอย่างมีสติ
รสชำดทีแ ่ ท้จริงของชวี ต ิ ม ันอยูต ่ รงข้ำงหน้ำเรำ
เสมอ นีค ่ อ ื ควำมล ับของชวี ต ิ ของพระนิพพำน
ม ันไม่ได้อยูไ่ กลเอือ ้ มเลย ทุกคนมีชวี ต ิ ทีเ่ สย ี ดส ี
อยูก ่ ับพระนิพพำนอย่ำงแนบเนือ ่ งอยูแ ่ ล้ว แต่คน
มันโง่มันมืดเกินกว่าจะเข ้าใจเรือ ่ งง่าย ๆ เชน ่ นีไ้ ด้
กลับไปคิดมาก วิเคราะห์อะไรต่อมิอะไรจนมากเรือ ่ ง
แสวงหาเรือ ่ งไกลตัวจนกลับบ ้านไม่ถก ู อีกแล ้ว
่ ริงแล ้ว สงิ่ เหล่านีเ้ ป็ นความรู ้สก
ทีจ ึ ธรรมดา
มากเหมือนกับสมัยทีย ่ ังอยูใ่ นโลกมืดสนิทของ
อวิชชาแต่ไม่เป็ นทุกข์เป็ นร ้อนอะไร อย่างไรก็อย่าง
นัน
้ ผิดกันแต่วา่ เดีย ๋ วนีไ้ ม่มดื แล ้ว ทาทุกอย่างด ้วย
ความสว่าง ชวี ต ิ จึงเป็ นปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
ทุกอย่าง แต่เราไม่ธรรมดาเหมือนคนอืน ่ เพราะเรา
ไม่ได ้อยูใ่ นโลกมืดเหมือนคนอืน ่ อีกแล ้ว สงิ่ ธรรมดา
เหล่านีจ ้ งึ เป็ นเครือ
่ งตอกย้าได ้ดีวา่ เราได ้บรรลุธรรม
ขัน้ สูงแล ้ว
กล ัวผี
เรือ
่ งกลัวผีต ้องนับว่าเป็ นจุดอ่อนของเราตัง้ แต่
สมัยเด็ก ๆ ไม่ชอบฟั งเรือ ่ งผี และ ไม่ชอบดูหนังผี
ตอนเด็ก ๆ จาได ้ว่าพีส ่ าวติดละครวิทยุเรือ ่ งแม่นาค
พระโขนงมาก กลัวมากเมือ ่ ได ้ยินเสย ี งแม่นาคพูดเย็น
ๆ อย่างผี พยายามหนีจากเสย ี งนัน
้ แต่กห ็ นีไม่พ ้น
คนไทยมักมีเรือ ่ งผี ๆ มาเล่ากันฟั งอยูเ่ สมอ มาอยู่
อังกฤษ วัดสงั ฆทานได ้ทาหนังสอ ื ธรรมะประจาเดือน
และมีคอลัมสผ ์ ม ี าได ้ ๑๓ ปี แล ้ว มักเปิ ดผ่านเสมอ มี
บางครัง้ ทีต่ ดั สน ิ ใจอ่าน เมือ ่ อ่านแล ้ว ไม่คด ิ ว่าเนือ
้ หา
ของมันจะมีคณ ุ ค่าในแง่ธรรมะมากนัก นอกจากสร ้าง
ความตืน ่ เต ้นและหวาดกลัวให ้แก่คนอ่านโดยไม่
จาเป็ น จึงไม่คอ ่ ยสนใจอ่าน
วิปส
ั สนำญำณไม่ได้ทำลำยแต่ผ ี แต่ทำลำยถึง
อวิชชำ
สงิ่ สาคัญทีค่ นกลัวผีจะต ้องเข ้าใจคือ ตราบใดที่
ตนเองยังทาชวั่ อยูแ ่ ล ้ว ก็ควรกลัวเรือ ่ งผีอยูห่ รอก
โดยเฉพาะผีหา่ ซาตานในใจตนเองนั่นแหละจะคอย
หลอกหลอนตัวเองอยูร่ ่าไป แต่หากใครทาแต่ความดี
แล ้ว ก็ไม่มเี หตุผลอะไรทีต ่ ้องกลัวผี ผีจะทาอะไรคน
ดีไม่ได ้แน่นอน เพราะผีอยูใ่ นภพภูมท ิ เี่ สยี เปรียบกว่า
มนุษย์อยูแ ่ ล ้ว โดยเฉพาะอย่างยิง่ ใครทีก ่ าลังฝึ ก
สมาธิวป ิ ั สสนาแล ้วไซร ้ ผียงิ่ ทาอะไรไม่ได ้ใหญ่
เพราะวิปัสสนาญาณนัน ้ เป็ นปั ญญาทีม ่ คี วามแหลมคม
มากจนสามารถทาลายอย่าว่าแต่ผเี ลย แม ้แต่อวิชชา
ซงึ่ ร ้ายกาจกว่าผีมากมายนัก ก็ยังถูกทาลายอย่าง
ราบคาบ
การเชอ ื่ เรือ ่ งกฏแห่งกรรมและการเวียนว่ายตาย
เกิด ว่าถ ้าทาดี ก็จะไปเกิดในสุขคติภม ู ิ ถ ้าทาชวั่ ก็จะ
ไปเกิดในอบายภูมน ิ ัน
้ ก็เป็ นเรือ ่ งหนึง่ ทีย ่ ังเกีย่ วเนือ
่ ง
โดยตรงกับพุทธศาสนา เพราะถ ้าใครไม่อยากไปเกิด
ในภพภูมท ิ ด ี วั่ เหล่านัน
ี่ ช ้ ก็ต ้องเลือกทางไปนิพพาน
แต่การมาสอนเน ้นเรือ ่ งผีสางเทวดาจนเกินเลยอย่าง
ทีท
่ ากันในเมืองไทยนัน ้ ก็เป็ นอีกเรือ ่ งหนึง่ เรือ
่ งผี
สางเทวดาเป็ นเรือ ่ งทีค ่ นเราไม่ควรไปยุง่ เกีย ่ วมากนัก
เพราะอยูก ่ นั คนละภพภูม ิ ถ ้าเราไม่ไปยุง่ กับมัน มันก็
ไม่มายุง่ กับเรา
เทวดำย ังต้องมำฟังธรรมจำกพระพุทธเจ้ำเลย
นอกจากนัน ้ ชวี ต ิ หรือจิตวิญญาณทีย ่ ังเวียนว่าย
ตายเกิดเหล่านัน ้ ก็ล ้วนแต่ยังมีอวิชชาด ้วยกันทัง้ นัน ้
จึงยังคงเวียนว่ายเวียนเกิดอยูเ่ ชน ่ นัน
้ จะไปเรียนรู ้
ความสว่างแห่งปั ญญาจากผีสางเทวดาโอปปาติกะ
เหล่านีไ้ ด ้อย่างไร เขาจะไปรู ้อะไรกับเรือ ่ งการไป
นิพพาน เทวดายังต ้องมาฟั งธรรมะจากพระพุทธเจ ้า
เลย การไปเน ้นมากจึงเป็ นเรือ ่ งเกินจาเป็ น จะเรียกว่า
เป็ นเดรัจฉานวิชชาก็ไม่ผด ิ เราจึงไม่เห็นด ้วยกับพระ
หรือฆราวาสทีเ่ น ้นสอนเรือ ่ งผีสางเทวดาจนเกินเลย
นั่นไม่ใชเ่ ป็ นแก่นของศาสนาพุทธ เพราะถ ้าสอนเรือ ่ ง
แก่นแท ้ของศาสนาพุทธโดยเน ้นให ้คนปฏิบัต ิ
วิปัสสนาแล ้ว เรือ ่ งเหล่านีก ้ ็จะตกไปโดยปริยาย ผู ้มี
ปั ญญาทีแ
่ ท ้จริงจะไม่ไปยุง่ เกีย
่ วกับเรือ
่ งเหล่านี้
เด็ดขาด เสยี เวลา รกสมอง
อยำกมีอด ุ มคติเหมือนคำนธี
สมัยทีเ่ ป็ นนักศก ึ ษา ได ้มีโอกาสอ่านชวี ะประวัต ิ
ของท่านมหาตมะ คานธี อ่านพบว่า ท่านได ้บอกกับ
ภรรยาของท่านว่า เมือ ่ ท่านอายุ ๔๐ ปี ท่านจะหยุด
เรือ่ งเพศสม ั พันกับภรรยาทันที และท่านก็รักษา
คาพูดของท่าน ตอนนัน ้ อ่านแล ้วทัง้ ๆ ทีย ่ ังไม่เข ้าใจ
เรือ ่ งเพศอย่างถ่องแท ้ แต่กร็ ู ้สก ึ ได ้รับแรงบันดาลใจ
มาก อยากจะมีอด ุ มคติเชน ่ นัน้ บ ้าง คิดว่าถ ้าหากมี
โอกาสแต่งงานสก ั วันหนึง่ ก็จะตกลงกับสามีเชน ่ นัน ้
ตอนทีพ ่ บกับสามีในอนาคตและชว่ งทีก ่ าลังรอให ้เขา
กลับเมืองไทยเพือ ่ ทาพิธแ ี ต่งงานนัน ้ ได ้เขียน
จดหมายถึงกัน ได ้พรรณาถึงอุดมคติมากมายใน
จดหมายของเรา และได ้เอ่ยเรือ ่ งคานธีไว ้ด ้วย บอก
เขาว่า อยากจะมีอด ุ มคติอย่างคานธีบ ้าง แน่นอน นั่น
เป็ นคาพูดทีเ่ ต็มไปด ้วยความฝั นและอุดมคติอันสูงสง่
เป็ นการพูดออกมาอย่างไร ้เดียงสา ปราศจาก
ประสบการณ์ชวี ต ิ ของโลกแห่งความเป็ นจริง คิดว่า
ตอนนัน ้ แฟนอ่านแล ้วคงหัวเราะหรือไม่ก็คงไม่รู ้ว่า
เราพูดเรือ ่ งอะไรกัน และคงไม่ได ้คิดอะไรจริงจัง ใคร
จะสามารถคิดล่วงหน ้าถึงสงิ่ ทีจ ่ ะเกิดขึน ้ ในอีก ๒๐ ปี
ข ้างหน ้าได ้
แม ้เราเอง เมือ ่ แต่งงานแล ้ว ก็ไม่ได ้ไปรือ ้
ฟื้ นหรือคิดอะไรมากอีก แต่กร็ ู ้ว่าใจหนึง่ นัน ้ ยอมรับว่า
เพศสม ั พันระหว่างสามีภรรยานัน ้ เป็ นสว่ นหนึง่ และ
เป็ นเรือ ่ งธรรมชาติธรรมดาของชวี ต ิ คูท
่ ั่วไป แต่อก ี ใจ
หนึง่ ก็รู ้อีกว่า ความต ้องการทางเพศของตัวเองนัน ้
น ้อยมาก ไม่เพียงพอทีจ ่ ะตอบสนองต่อความต ้องการ
ของสามีได ้เสมอไป ทีจ ่ ริงแล ้ว สามีมใิ ชเ่ ป็ นคนมัก
มากในเรือ ่ งเพศแต่อย่างใดเลย ตอนแต่งงาน เราทัง้
สองมีอายุ ๒๗ ปี สาหรับฝ่ ายชายแล ้ว เป็ นวัยที่
ธรรมชาติบอกให ้แพร่พันธุอ ์ ย่างเต็มที่ แต่เราเอง
ต่างหาก ด ้วยความทีไ่ ด ้ฝึ กฝนสมาธิมามาก จึงมี
ความต ้องการทางเพศน ้อยกว่าระดับปกติมากเกินไป
จนผิดปกติ และเมือ ่ หลังจากคลอดบุตร ความ
ต ้องการทางเพศย่อมน ้อยลงตามธรรมชาติอก ี เพราะ
ร่างกายเหน็ดเหนือ ่ ยกับการเลีย ้ งลูกเล็ก และต ้องการ
ปรับตัว พักผ่อน ความขัดแย ้งจึงเกิดขึน ้ สามีภรรยาที่
เดินทางมาถึงจุดนีแ ้ ล ้วมักเจอปั ญหาทีค ่ ล ้ายกันหมด
คือ เมือ ่ ฝ่ ายชายไม่ได ้รับการตอบสนองในเรือ ่ งเพศ
เขาก็จะงอน และเริม ่ หาทางออกด ้วยวิธอ ี นื่ โสเภณี
หรือเมียน ้อยก็เป็ นทางออกทีเ่ ด่นมากทีส ่ ดุ ทางหนึง่ ที่
ผู ้ชายมักเลือกทา เราเองก็เพิง่ เข ้าใจว่าทาไมภรรยา
ไทยบางคนจึงเป็ นฝ่ ายหาเมียน ้อยให ้สามีตนเอง
โดยทฤษฎีแล้ว ไม่ควรแต่งงำน
ฉะนัน ้ โดยทฤษฎีแล ้ว เราไม่ควรแต่งงาน
เลย แต่เรือ ่ งเหล่านีใ้ ครจะไปรู ้หรือเข ้าใจอย่างแท ้จริง
ได ้ถ ้าไม่ประสบกับตัวเอง ใครจะไปมองอนาคตออก
ว่ามันจะเป็ นอย่างไร มิเชน ่ นัน้ โลกก็คงไม่ยงุ่ อย่างนี้
หรอก และคงไม่มค ี าพังเพยว่า “คนในอยากออก คน
นอกอยากเข ้า” แต่เมือ ่ ได ้ตัดสนิ ใจยอมร่วมหัวจมท ้าย
กับคูช ่ วี ต
ิ เชน่ นัน้ แล ้ว จะให ้ทาอย่างไร จะทิง้ เขาไป
เฉย ๆ เชน ่ นัน้ หรือ ลูกก็ออกมาแล ้วยัว้ เยีย้ ไปหมด จะ
เอาไปทิง้ ไว ้ไหน แล ้วเราเองล่ะ จะไปทาอะไร ชวี ต ิ
ในชว่ งนัน้ มันอีนุงตุงนัง ติดโน่น ติดนี่ พัวพันกันให ้ยุง่
ไปหมด
้ ความทุกข์ของเราในชว่ ง ๖-๗ ปี
ฉะนัน
แรกของการแต่งงานสว่ นหนึง่ มาจากความ
ระหองระแหงในเรือ ่ งเพศสม ั พันทีไ่ ม่สมดุลกันอย่าง
มาก สงิ่ เดียวทีท ่ าได ้คือ ทาทีใ่ จเรา การหัดต่อสูกั้ บ
ความทุกข์ภายในแบบหมัดต่อหมัดจึงเกิดขึน ้ และ
พยายามปลอบใจตัวเองว่า อย่างน ้อยสามี แม ้เขาจะ
อดอยากในเรือ ่ งเพศอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เคยทา
ร ้ายน้ าใจของเราเลย เราเองเสย ี อีก ด ้วยความสงสาร
จึงบอกเขาเองว่า หากเขาต ้องการไปหาเศษหาเลยที่
ไหน เราจะไม่ตาหนิเขา การพูดของเราเชน ่ นัน
้ ทาให ้
เขาโกรธมาก เห็นว่าเราไม่ได ้ให ้เกียรติเขา สามีพด ู
ว่าเขาแต่งงานกับเราก็เพือ ่ อยูด ่ ้วยกันตลอดชวี ต ิ แม ้
จะอดอยากอย่างไร เขาจะไม่ยอมไปหาหญิงอืน ่
เด็ดขาด ฟั งเขาพูดเชน ่ นีก้ ็ยงิ่ ทาให ้สงสาร เขาเองก็
ได ้พยายามอย่างดีทส ี่ ด
ุ แล ้วในฐานะทีเ่ ป็ นปุถช ุ น
ธรรมดาคนหนึง่ ฉะนัน ้ เราจึงต ้องเป็ นฝ่ ายอดทน
ยอมประนีประนอม เสย ี สละเพือ ่ ความอยูร่ อดของลูก
ๆ การเรียนรู ้จากชวี ต ิ จริงจึงเกิดขึน ้
ควำมตึงเครียดกล ับมำอีก
ชวี ติ มันก็เป็ นไปเชน ่ นัน
้ จนกระทั่งสองปี ท ี่
ผ่านมา ถึงจุดหนึง่ มีความรู ้สก ึ อย่างรุนแรงว่าไม่
ต ้องการยุง่ เกีย ่ วกับสามีอย่างเด็ดขาดแล ้ว ได ้เก็บ
ความรู ้สก ึ อยูใ่ นใจนานทีเดียว แต่ไม่รู ้จะบอกเขา
อย่างไรทีจ ่ ะให ้เข ้าใจ ฤดูร ้อนของปี ๒๕๔๓ ลูกชาย
คนเล็กกลับเมืองไทย จึงหาข ้อแก ้ตัวเข ้าไปนอนใน
ห ้องลูกตลอดสองเดือนทีล ่ กู อยูเ่ มืองไทย ความตึง
เครียดเริม ่ เกิดขึน ้ อย่างเงียบ ๆ ประมาณเดือน
กันยายน ตัดสน ิ ใจบอกสามีตรง ๆ ว่า ไม่ต ้องการยุง่
เกีย่ วทางเพศกับเขาอีกต่อไปแล ้ว ไม่สามารถบอก
เหตุผลอย่างตรงไปตรงมาได ้ว่า เดีย ๋ วนี้เราไม่ได ้เป็ น
ปุถช ุ นแล ้ว ได ้แต่ขอร ้องให ้เขาพยายามเข ้าใจ
เรารู ้ว่านีเ่ ป็ นสงิ่ ทีส่ ามีกลัวอยูใ่ นใจลึก ๆ มา
ตลอดชวี ต ิ แต่งงานของเขา เพราะเขารู ้ดีวา่ เรา
เหมือนแม่ของเรามาก และแม่เราก็ไม่ได ้อยูก ่ บ
ั พ่อ
ใชช้ วี ต
ิ อยูใ่ นวัดทีน ่ ับถือเทียงเต๋าของท่านมาตัง้ แต่
อายุสส ี่ บิ เศษ ๆ จนเสย ี ชวี ต ิ เมือ่ อายุ ๘๐ เขากลัว
เสมอว่าเราจะเจริญรอยตามแม่ของเรา หลังแต่งงาน
และมีลก ู ถึงสามคนอย่างถี่ ๆ นัน ้ แง่หนึง่ เขาดีใจมาก
เหมือนรู ้ว่านีค ่ อื บ่วงทีจ ่ ะผูกเราให ้อยูก ่ บ
ั เขาได ้
ตลอดไป แต่เขาลืมนึกว่า ลูกนัน ้ โตได ้และจะเป็ น
อิสระจากพ่อแม่สก ั วัน
สามีคด ิ ว่าได ้ทาดีทส ุ แล ้วในสว่ นของเขา
ี่ ด
เพราะคงไม่มผ ี ู ้ชายมากนักในโลกทีย ่ อมอดอยากใน
เรือ่ งเพศอย่างทีเ่ ขาได ้อดทนมาตลอดชวี ต ิ แต่งงาน
ของเขา แต่การจะให ้เขาเลิกความสม ั พันฉันสามี
ภรรยาอย่างเด็ดขาดในวัยทีเ่ ขายังไม่พร ้อมนัน ้ (ตอน
นัน
้ อายุ ๔๗) เขายอมรับไม่ได ้ นอกจากนัน ้ ผู ้ชาย
มักคิดว่าเมือ ่ เขาไม่สามารถร่วมหลับนอนกับภรรยา
แล ้ว เขาจะไม่สามารถสนิทสนมใกล ้ชด ิ กับภรรยาได ้
เหมือนเดิม ผู ้ชายมักไม่รู ้ว่าควรทาตัวอย่างไร จึง
เกิดปฏิกริ ย ิ าตึงเครียดและทาตัวห่างเหินเหมือนคน
แปลกหน ้า ไม่สามารถพูดเล่นหยอกล ้อกับภรรยา
เหมือนทีเ่ คยทาในสถานการณ์ปกติ ในทีส ่ ด ุ ก็เป็ น
หน ้าทีข ่ องภรรยาทีต ่ ้องยอมให ้สามีอก ี เพือ ่ นาความ
ใกล ้ชด ิ กลับมาและสร ้างบรรยากาศทีอ ่ บอุน ่ ให ้แก่
ครอบครัว เราเชอ ื่ ว่าภรรยามากมายในโลกนีล ้ ้วนตก
อยูใ่ นวงจรนีท ้ งั ้ สน ิ้ ่ ็เป็ นสงิ่ ทีเ่ กิดกับสามีเราซงึ่
นีก
เหมือนกับสามีของหญิงอีกมากมายในโลกนี้ ขึน ้ ชอ ื่
ว่าผู ้ชายก็ต ้องมีธรรมชาติคล ้ายกันหมด มันก็เป็ น
เรือ ่ งธรรมชาติด ้วยทีค ่ นเราต ้องการความใกล ้ชด ิ ทาง
ร่ายกายทีจ ่ ะทาให ้จิตใจอบอุน ่ และมีพลัง
รู ้สก ึ สงสารสามีทม ี่ าเจอหญิงอย่างเราที่
แปลกประหลาดออกไปมาก จึงพยายามให ้เขามอง
ว่า มันก็เหมือนกับเราเกิดเป็ นโรคมะเร็งหรืออะไรก็ได ้
ทีร่ ้ายแรงจนทาให ้เราร่วมหลับนอนด ้วยกันไม่ได ้ ใน
กรณีเชน ่ นัน้ เขาจะยอมรับเราได ้ทันทีใชห ่ รือไม่ ได ้
พยายามเสนอทางออกต่าง ๆ ให ้สามีซงึ่ หมายถึงการ
มีสม ั พันกับหญิงอืน ่ รวมถึงการหย่าร ้างกันเพือ ่ เขาจะ
ได ้หาหญิงใหม่ทส ี่ ามารถให ้สงิ่ ทีเ่ ราให ้เขาไม่ได ้ แต่
ก็ไม่มท ี างออกใดทีเ่ ขาจะยอมรับได ้ เขาไม่ต ้องการ
หญิงอืน ่ เขาต ้องการหญิงทีเ่ ขาแต่งงานด ้วยเมือ ่ ๒๑
ปี กอ
่ นกลับคืนมา เมือ ่ ยังแก ้ปั ญหาไม่ตก ความเย็นชา
ต่อกันและกันจึงเกิดขึน ้ เมือ
่ เราพยายามจะพูดเพือ
่
แก ้ปั ญหา เขาเลีย ่ งทีจ ่ ะพูดถึงปั ญหาตัวจริง กลับไป
ขุดคุ ้ยเรือ
่ งอืน ้ มา และพูดสงิ่ ผิด ๆ ทีไ่ ม่ควรพูด
่ ๆ ขึน
แก ้ปั ญหาอะไรไม่ตกสก ั อย่างเดียว
เรำต้องเป็นฝ่ำยเสย ี สละ
ใครบอกว่าครอบครัวไหนทีม ่ ค
ี นปฏิบัตธิ รรม
แล ้ว ครอบครัวนัน ้ ก็จะอยูร่ ว่ มกันอย่างเป็ นสุข มันจะ
จริงได ้ก็ตอ่ เมือ
่ ทุกคนปฏิบต ั ธิ รรมเหมือนกันอย่าง
ทั่วถึง ตอนกลับมาเมืองไทย ได ้เอ่ยปั ญหานีก ้ บ
ั
เพือ่ นสนิทไม่กค ี่ นนัน ้ ทุกคนก็มองปั ญหาของเราจาก
แง่มม ุ ต่าง ๆ กันขึน ้ อยูว่ า่ คนนัน ้ รู ้จักเราดีแค่ไหน คน
วัดก็มักให ้คาแนะนาว่า ต ้องพาสามีเข ้าวัด เขาจึงจะ
เข ้าใจเราได ้ คนทีไ่ ม่ได ้เข ้าวัด ก็ออกจะสงสารฝ่ าย
ชายว่าถูกเราข่มขูม ่ ากจนเกินไป ยิง่ ฟั งคนพูด
ออกไปต่าง ๆ นา ๆ แล ้ว เรากลับเรียนรู ้ว่า หากเรา
เป็ นฝ่ ายรับฟั งปั ญหาของคนอืน ่ แล ้วไซร ้ เราจะไม่รบ ี
บอกให ้เขาทาโน่นทานีเ่ ด็ดขาด จะฟั งอย่างเดียว
เพราะปั ญหาชวี ต ิ นัน ้ มิใชเ่ ป็ นเรือ ่ งทีค ่ นนอกจะเข ้าใจ
ได ้อย่างทะลุปรุโปร่งเหมือนเจ ้าของปั ญหาเอง และ
การแก ้ปั ญหาก็ไม่ใชเ่ ป็ นเรือ ่ งตรงไปตรงมา
โดยเฉพาะกรณีของเรานัน ้ จะให ้ใครมาเข ้าใจได ้ ถ ้า
แก ้กันง่าย ๆ เราจะยอมให ้มันยืดเยือ ้ มานานถึงครึง่ ปี
หรือ
ในชว่ งทีร่ อกลับเมืองไทย ประมาณเดือน
กุมภาพันธุ์ ๒๕๔๔ เรานั่งดูสามีและลูก ๆ ด ้วยความ
สงสารอย่างจับใจ ความตึงเครียดได ้เกิดขึน ้ ใน
ครอบครัวอยูน ่ านถึง ๖ เดือนแล ้ว ลูกคนกลางกับคน
เล็กแม ้จะอยูใ่ นวัยหนุ่มแล ้ว เมือ ่ เห็นพ่อแม่ตงึ เครียด
ต่อกันและพูดเรือ ่ งหย่าร ้างกัน ก็ทก ุ ข์มาก ซม ึ เซา
แอบร ้องไห ้บ่อย ลูกชายคนกลางอายุ ๑๖ อยูใ่ นชว่ ง
หัวเลีย ้ วหัวต่อของชวี ต ิ เป็ นเด็กทีม ่ จ
ี ติ ใจอ่อนไหว
มาก เมือ ่ เห็นพ่อแม่ไม่มค ี วามสุขเชน ่ นัน ้ ก็เริม่ หัดสูบ
บุหรี่ ทาตัวเหลวไหลประชดชวี ต ิ สามีก็กลายเป็ นคน
อมทุกข์ ไม่มรี อยยิม ้ เหลืออยูเ่ ลย จนเราเป็ นห่วงว่า
ความเจ็บป่ วยทางใจของเขาจะมีผลต่อสุขภาพกาย
ของเขาไม่ชาก็ ้ เร็ว การแก ้ปั ญหาวิกฤตการณ์ใน
ครอบครัวครัง้ นีจ ้ งึ มาตกทีเ่ ราเพียงผู ้เดียว เราเท่านัน ้
ทีจ ่ ะสามารถทาให ้ครอบครัวนีอ ้ ยูด ่ ้วยกันอย่างเป็ น
ปกติราบรืน ่ ได ้อีกครัง้ หนึง่
ทางออกจึงมีอยูท ่ างเดียวเท่านัน ้ คือ เรา
ต ้องเป็ นฝ่ ายเสย ี สละ เพราะอยูใ่ นสถานะทีเ่ สย ี สละ
ได ้มากกว่าสามีและลูกมากมายนัก สงิ่ ทีเ่ ราขอจาก
สามีนัน ้ ถึงแม ้จะเป็ นสงิ่ ทีถ ่ กู ต ้องสาหรับเราก็ตาม
เพราะคนทีส ่ ะอาดแล ้ว ย่อมอยากมีชวี ต ิ อยูอ่ ย่าง
สะอาดและไม่อยากคลุกคลีกบ ั ของสกปรกอีกต่อไป
แต่สามีและลูก ๆ จะรู ้ได ้อย่างไรว่าภรรยาและแม่เป็ น
คนทีส ่ ะอาดหมดจดแล ้ว เขารู ้ไม่ได ้ และไม่มท ี างรู ้ได ้
ในขณะนี้ อาจจะรู ้ได ้ในอนาคตจากคนอืน ่ เมือ ่
ชอื่ เสย ี งของเราออกมาแล ้วเท่านัน ้ แต่ตอนนี้ ไม่มี
ทางอืน ่ นอกจากการใชช้ วี ต ิ อย่างผ ้าขีร้ วิ้ ห่อทองไป
ก่อน เพราะพวกเขาไม่มท ี างรู ้จักภรรยาและแม่ตัวจริง
ได ้เลย ในสายตาของพวกเขา เราคือหญิงธรรมดา
คนหนึง่ ทีค
่ อ
่ นข ้างประหลาดเท่านัน ้ ฉะนัน
้ จะให ้เขา
เข ้าใจและยอมรับคาขอร ้องของเราอย่างเต็มใจและ
อนุโมทนานัน ้ ย่อมเป็ นไปไม่ได ้ ไม่ต ้องคิดเลย
เป็นกำรหลอกล่อให้เขำทำบุญ
เหตุผลสาคัญอีกข ้อหนึง่ ทีว่ า่ ทาไมเราจึง
ต ้องเป็ นฝ่ ายเสย ี สละ คือ เราจาเป็ นต ้องปกป้ อง
ความรู ้สก ึ และการกระทาของคนใกล ้ชด ิ เหล่านี้ การที่
เขามาเป็ นสามีและลูกของเรานัน ้ แสดงว่าพวกเขา
ต ้องมีบารมีไม่น ้อยจึงมาอยูใ่ กล ้ชด ิ เราได ้ ฉะนัน ้ หาก
เราทาให ้พวกเขาเสย ี ใจและเป็ นทุกข์ในขณะทีจ ่ ต
ิ ใจ
เขายังไม่พร ้อมจะเข ้าใจเรานัน ้ จะทาให ้พวกเขาคิด
และพูดในสงิ่ ผิด ๆ กับเรา ซงึ่ จะเป็ นบาปแก่พวกเขา
เป็ นอย่างมาก ทีจ
่ ริงเขาก็ได ้ทามาแล ้ว และเรา
ก็อโหสใิ ห ้หมดแล ้ว ฉะนัน ้ จึงเห็นเป็ นหน ้าทีข ่ องเรา
ทีต ่ ้องปกป้ องไม่ให ้คนใกล ้ชด ิ เหล่านีท ้ าบาปต่อเรา
มากขึน ้ กว่าทีไ่ ด ้ทาไปแล ้ว วิธเี ดียวทีท ่ าได ้คือ ต ้อง
ทาให ้ครอบครัวนีก ้ ลับเป็ นปกติอก ี ครัง้ หนึง่ เมือ ่ ความ
สม ั พันระหว่างพ่อแม่ลก ู เป็ นปกติแล ้ว เขาก็จะคิดดี
พูดดีกบ ั เรา เป็ นการสร ้างบุญให ้แก่ตัวเขา และเราจะ
มีโอกาสชว่ ยเขาได ้มากกว่าทีจ ่ ะมาหักด ้ามพร ้าด ้วย
หัวเข่าเชน ่ นี้ จะชว่ ยสง่ เสริมบารมีของเขา ในอนาคต
เมือ ่ เหตุปัจจัยต่าง ๆ พร ้อมขึน ้ มา เขาก็จะมีโอกาสได ้
รู ้จักเราอย่างแท ้จริงโดยเฉพาะลูกทัง้ สามคน และ
พวกเขาก็จะทาบุญกับเราได ้เต็มที่ แต่ตอนนี้ ต ้อง
หลอกล่อให ้เขาทาบุญกับเราแบบอ ้อม ๆ ไปก่อน
โดยให ้เขาคิดดี ทาดี ซงึ่ จะทาได ้ก็ตอ
่ เมือ
่ ครอบครัว
เป็ นปกติสข
ุ
คิดว่ำทำในสงิ่ ทีถ ่ ก
ู ต้องแล้ว
ในทีส ่ ดุ เราจึงเป็ นฝ่ ายยกธงขาวให ้สามี
และย ้ายกลับไปนอนเตียงเดียวกับสามีอก ี
บรรยากาศแห่งความตึงเครียด เย็นชาในครอบครัวจึง
ค่อย ๆ หายไป ลูก ๆ มีความสุขมากขึน ้ รอยยิม ้ และ
ความเป็ นปกติจงึ กลับมาสูค ่ รอบครัวอีก ซงึ่ เหตุการณ์
นีก้ ็เกิดขึน
้ ก่อนทีเ่ ราจะกลับเมืองไทยในเดือน
เมษายน
เราคิดว่าได ้ตัดสน ิ ใจทาในสงิ่ ทีถ ่ ก
ู ต ้องแล ้ว
อย่างน ้อยก็สาหรับชว่ งเวลานี้ ทีจ่ ริง การเผชญ ิ
ปั ญหาเชน ่ นัน
้ ทาให ้ต่างฝ่ ายต่างรู ้ตัวปั ญหาแท ้จริง
ของกันและกัน สงิ่ ทีเ่ ก็บกดอยูข่ ้างในก็ถก ู เปิ ดเผย
ออกมา เป็ นการคลายความกดดันภายในของกันและ
กัน และพยายามปรับตัวให ้เข ้าหากันอีก สามีเป็ นคน
ทีม ่ จ
ี ต
ิ ใจดีและรักเรามากเป็ นพืน ้ ฐานอยูแ ่ ล ้ว เมือ ่ ใจ
คลายจากความโกรธเคือง หลังจากทีเ่ รายอมยกธง
ขาวให ้เขาแล ้ว เขาเองกลับเป็ นฝ่ ายยอมรับการอยู่
ร่วมกันฉันพีน ่ ้องมากขึน ้ กว่าตอนก่อนเกิดปั ญหาเสย ี
อีก เพราะรู ้ว่านีค ่ อื สงิ่ ทีเ่ ราต ้องการ ก็ต ้องยกย่องเขา
ว่าให ้เกียรติเรามากทีเดียว
เข้ำใจปัญหำได้ชดขึ ั น้
พอปั ญหาคลีค ่ ลายลง ก็เริม ่ มองออกว่า สงิ่
สาคัญทีส ่ ามีต ้องการในวัยนีไ ้ ม่ใชเ่ รือ
่ งเพศอีกแล ้ว
ความสม ั พันในเรือ ่ งเพศไม่ใชเ่ ป็ นเรือ่ งใหญ่เหมือน
สมัยก่อนแล ้ว เพราะสภาวะร่างกายเป็ นไปตาม
ครรลองของธรรมชาติเนือ ่ งจากอายุก็มม ี ากขึน ้ สงิ่
สาคัญทีเ่ ขาต ้องการคือความสนิทสนมใกล ้ชด ิ กับ
ภรรยาเท่านัน ้ และเขาจะรู ้สก ึ เชน ่ นัน ้ ได ้ก็ตอ ่ เมือ ่ ได ้
นอนเตียงเดียวกับภรรยาเท่านัน ้ การแยกห ้องนอนกัน
จึงกลายเป็ นสญ ั ลักษณ์วา่ เขาได ้สูญเสย ี เราไป จึงมี
ผลกระทบถึงขัว้ ในของชวี ต ิ ทีเดียว
นีเ่ ป็ นเรือ ่ งใหญ่มากสาหรับชวี ต ิ แต่งงาน
ของคนตะวันตก สามีภรรยาเมือ ่ แต่งงานกันแล ้ว จะ
เกาะกันแน่น พึง่ พาซงึ่ กันและกัน ไม่คอ ่ ยสนิทกับ
ญาติตนเองมากเท่าไร โดยเฉพาะสามีของเราแล ้ว
ยิง่ ไม่สนิทกับพ่อแม่พน ี่ ้องของตนเองเลย เราจึงเป็ น
ทัง้ ภรรยา ญาติ และเพือ ่ นทีส ่ นิทคุ ้นเคยมากทีส ่ ดุ
ของเขาเท่านัน ้ แม ้แต่ลก ู คนเป็ นพ่อจะไม่สนิทกับลูก
เท่าแม่ ฉะนัน ้ เราจึงเข ้าใจสามีได ้ว่าเรือ ่ งนีจ ้ ะต ้อง
เขย่าเข ้าไปถึงแก่นชวี ต ิ ของเขาแน่นอน
ผู ้ชายสว่ นมากไม่ชอบเปิ ดเผยความรู ้สก ึ ที่
แท ้จริงของตนเอง ด ้วยเหตุผลง่าย ๆ คือ พูดไม่เป็ น
ทาไม่เป็ น และเพราะเป็ นเพศของผู ้นา จึงไม่อยาก
เปิ ดเผยจุดอ่อนของตนเองให ้คนอืน ่ รู ้ ฉะนัน ้ เมือ ่
ผู ้ชายเกาะกลุม ่ คุยกัน เขาจะไม่คอ ่ ยพูดเรือ ่ งในใจ
ต่างจากเพศหญิงทีเ่ มือ ่ เกาะกลุม ่ กันแล ้ว จะพูด
เปิ ดเผยความรู ้สก ึ ในใจให ้เพือ ่ นสนิทฟั งกัน ซงึ่ การ
คุยกัน ทาให ้เห็นปั ญหาชด ั ขึน ้ และเป็ นการระบาย
ความกดดันในใจได ้ด ้วย นีค ่ งเป็ นสาเหตุหนึง่ ทีว่ า่
ทาไมผู ้ชายตายเร็วกว่าผู ้หญิง เพราะมีความเก็บกด
มากกว่าผู ้หญิงนั่นเอง สามีของเราก็เหมือนผู ้ชาย
สว่ นมากคือ ไม่สามารถอธิบายความรู ้สก ึ ทีแ่ ท ้จริงได ้
อย่างชด ั เจน พูดไม่เป็ น เราจึงรู ้ว่าเขาเองก็ต ้อง
สบ ั สนมาก ไม่เข ้าใจความรู ้สก ึ ของตนเองชด ั เจนนัก
สงิ่ ทีท
่ าได ้ง่ายกว่าคือ กลบเกลือ
่ นและแสดงออกเป็ น
ความโกรธ
ข้อเท็จจริงของกำรนอนในเมืองหนำว
ข ้อเท็จจริงบางอย่างในเรือ ่ งการนอนของ
คนเมืองหนาวนัน ้ คนเมืองร ้อนอาจจะไม่เข ้าใจ การ
นอนคนเดียวในเมืองหนาวนัน ้ นอกจากจะหนาวใจ
แล ้ว กายก็ยังหนาวด ้วย เมือ ่ อากาศหนาวมาก พอขึน ้
เตียงก็อยากจะสม ั ผัสอะไรทีอ ่ น
ุ่ ๆ ร ้อน ๆ ฉะนัน ้ คู่
สามีภรรยาย่อมชน ิ กับการสม ั ผัสร่างกายทีอ ่ นุ่ ๆ ของ
กันและกัน ต่างฝ่ ายต่างเป็ นเครือ ่ งทาความร ้อนให ้แก่
กัน นีเ่ ป็ นเหตุผลสาคัญข ้อหนึง่ ว่าทาไมพ่อหม ้ายแม่
หม ้ายฝรั่ง ทัง้ ๆ ทีแ ่ ก่แล ้ว เมือ ่ มีโอกาสพบคนทีเ่ ขา
ชอบก็ยังอยากแต่งงานและใชช้ วี ต ่ ้วยกัน สงิ่ ทีเ่ ขา
ิ คูด
ต ้องการไม่ใชเ่ รือ ่ งเพศ แต่ต ้องการเพือ ่ นคูใ่ จและ
ความอบอุน ่ ทางกายซงึ่ สาคัญมากสาหรับคนเมือง
หนาว
นีจ่ งึ เป็ นเหตุผลของวัฒนธรรมของชาว
เอสกิโมทีว่ า่ เมือ ่ มีแขกไปสูบ ่ ้านเขาแล ้ว พ่อบ ้านจะ
ยกเมียหรือลูกสาวให ้ไปนอนเป็ นเพือ ่ นแขกทีม ่ าเยีย ่ ม
เพือ่ แขกจะได ้รับความอบอุน ่ ทางกาย เป็ นการ
แสดงออกถึงความมีน้ าใจของเจ ้าบ ้าน สงิ่ เหล่านีเ้ ป็ น
เรือ
่ งธรรมชาติธรรมดาของมนุษย์มาก