Professional Documents
Culture Documents
อนุกรม Part2
อนุกรม Part2
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
เอกสารบทนี้เป็นการทบทวนเกี่ยวกับแนวคิดและนิยามเกี่ยวกับลำดับและอนุกรมอนันต์
(sequences and finite series) โดยจะเริ่มจากความหมายและนิยามของลำดับ การหารูปแบบ
ทั่วไปของลำดับลำดับเลขคณิตและเรขาคณิต นอกจากนั้นจะอธิบายถึงอนุกรมอนันต์และการลู่เข้า
(convergence) หรือการลู่ออก (divergence) ของอนุกรมอนันต์โดยใช้ทฤษฏีลิมิต ผลบวกของ
อนุกรมเลขคณิต อนุกรมเรขาคณิต ตลอดจนอนุกรมสลับ อนุกรมกำลัง อนุกรมเทย์เลอร์และ
อนุกรมแมคคลอรีน
ลำดับจำกัดและลำดับอนันต์
ลำดับ (sequence) คือฟังก์ชันที่มีโดเมนเป็นเซตของจำนวนเต็มบวก เช่น ลำดับของ a
สามารถเขียนได้เป็น a(1), a(2), ...,a(n),... เรียก a(n) ว่า พจน์ที่ n ของลำดับ เมื่อ n คือ
จำนวนนับหรือจำนวนเต็มบวก( n ∈I + ) หรือเราจะนิยามลำดับว่าเป็นเซตของจำนวนที่เรียงกัน
a1 , a2 , a3 , a4 ,... an ,.... (7.1)
เมื่อเลข 1,2, 3,...,n ที่ห้อยอยู่คือเลขบอกตำแหน่งหรือลำดับของพจน์ของข้อมูล อาทิเช่น
3, 9, 19, 29,... นั่นคือ a1 = 3 : a2 = 9 : a3 = 19 : a4 = 29 และรูปแบบทั่วไปของ
ลำดับ คือ an = 2n 2 + 1 ทั้งนี้เราจะเห็นว่าลำดับเป็นเซตของจำนวนที่เรียงกันภายใต้กฎเกณฑ์
อย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกัน ในขณะเดียวกัน ถ้าเรารู้รูปแบบของพจน์ที่ n ของลำดับ แล้วเราก็จะหา
ค่าพจน์ต่างๆ ได้ โดยแทนค่า n =1,2, 3,..... ลงในรูปแบบทั่วไปนั้น ตัวอย่างเช่น an = n − 2
จะมี a1 = 1− 2 = − 1 a2 = 2 − 2 = 0 : a3 = 3− 2 = 1 : a4 = 4 − 2 = 2 นั่นคือ
-1, 0, 1, 2, 3,... ตัวอย่างลำดับอนันต์อื่นๆ ที่สามารถเขียนในรูปทั่วไป ได้ เช่น
ลำดับอนันต์ ลำดับอนันต์
1, 1, 1, 1,... an = 1
−2, − 4, − 6, − 8, − 10,... an = − 2n
1, − 1, 1, − 1, 1,... an = ( − 1)n−1
1 1 1 1 1
1, , , , ,... an =
2 3 4 5 n
194 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
1 ลำดับจำกัดและลำดับอนันต์
ลำดับจำกัด (Finite Sequence ) คือ ลำดับที่มีจำนวนพจน์ที่แน่นอนรู้ค่าของพจน์
สุดท้าย เช่น 1, 3, 5, 7, 9 เป็นลำดับจำกัด คือมี 5 พจน์ และพจน์สุดท้ายมีค่าเท่ากับ 9
( a5 = 9 ) และเรียกลำดับที่ไม่รู้จำนวนพจน์แน่นอน ว่า ลำดับอนันต์ ( Infinite Sequence )
อาทิเช่น 1, 1, 2, 3, 5, 8, ... ซึ่งจะรู้จักกันในนาม ลำดับฟีโบนัซซี (Fibonacci sequence) คือ
ลำดับที่เกิดจากการบวกกันของตัวเลขสองพจน์ที่อยู่ติดกัน เมื่อจำนวนพจน์เพิ่มขึ้นจะเห็นว่า
ตัวเลขมีค่าเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขอบเขต และเรียกลำดับนี้ว่า ลำดับลู่ออก (divergence )
2 ลำดับลู่เข้าและลำดับลู่ออก
ถ้า an เป็นลำดับอนันต์ที่มีลิมิตเป็นจำนวนจริง : lim an = A
n→∞
แล้ว เราจะเรียก
ลำดับอนันต์นั้นว่า ลำดับลู่เข้า หรือคอนเวอร์เจนต์ (Convergence)
3 ทฤษฏีลิมิต
ถ้า lim an = A
n→∞
และ lim bn = B
n→∞
แล้ว จะได้
ln n
5. lim = 0 6. lim n1 n = 1
n→∞ n n→∞
7. lim x1 n = 1 ; x > 0
n→∞
8. lim x n = 0 ;
n→∞
x <1
n
⎛ x⎞ xn
9. lim ⎜ 1+ ⎟
n→∞ ⎝
= e x
10. lim = 0
n⎠ n→∞ n!
f (n) 0 ∞
11) ถ้า lim = หรือ แล้ว ควรใช้วิธีแยกตัวประกอบ
n→∞ g(n) 0 ∞
f (n) f ′(n)
หรือใช้กฎโลปิตาล lim = lim
n→∞ g ′ (n)
(อนุพันธ์เศษ/อนุพันธ์ส่วน)
n→∞ g(n)
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 195
1 1 1 1 1 2 3 4
ค) , , , ,... ง) , , , ,...
2 4 8 16 3 5 7 9
และ lim an =
n→∞
lim(n 2 +1) = lim n 2 + lim 1
n→∞ n→∞ n→∞
= ∞+ 1 = ∞ ลำดับลู่ออก (ไดเวอร์เจนต์)
ข) −1, 2, − 3, 4, − 5, ... = (−1)1 (1), ( − 1)2 (2), ( − 1)3 (3), ( − 1)4 (4), ( − 1)5 (5),...
ดังนั้นจะได้ an = ( − 1)n n
= ( ± 1)(∞) = ± ∞ ลำดับลู่ออก(ไดเวอร์เจนต์)
1 1 1 1 1 1 1 1
ค) , , , ,... = , , , ,......
2 4 8 16 21 2 2 2 3 2 4
1
ดังนั้นจะได้ an =
2n
n
⎛ 1⎞ ⎛ 1⎞
และ lim an = lim ⎜ n ⎟ = lim ⎜ ⎟
n→∞ n→∞ ⎝ 2 ⎠ n→∞ ⎝ 2 ⎠
= ∞ ลำดับลู่ออก (ไดเวอร์เจนต์)
1 2 3 4 1 2 3 4
ง) , , , ,... = , , , ,..
3 5 7 9 2(1) + 1 2(2) + 1 2(3) + 1 2(4) + 1
n
ดังนั้นจะได้ an =
2n + 1
⎛ n ⎞ ⎛ n ⎞ ⎛ 1 ⎞
และ lim an = lim ⎜ ⎟
x→∞ ⎝ 2n + 1 ⎠
= lim ⎜ ⎟
x→∞ ⎝ 2n + 1 ⎠
= lim ⎜
x→∞ ⎝ 2 + 1 n ⎟
n→∞ ⎠
1 1
= = ลำดับลู่เข้า (คอนเวอร์เจนต์)
2+0 2
196 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
⎛ n − 2⎞
1 n
ค) an = (n ) 2 n
ง) an = ⎜
⎝ n ⎟⎠
วิธีทำ
2 3
n 2 +2n +3 1+ + 2 1
ก) lim an = lim = lim n n = lim = 0
n→∞ n→∞ n3 + n n→∞
n+
1 n→∞ n
n
n 2 +2n +3 n2 1
หรือ lim an = lim = lim 3 = lim = 0 ลำดับลู่เข้า
n→∞ n→∞ n3 + n n→∞ n n→∞ n
ln n 2 ln n
ข) lim an = lim
n→∞ n→∞ n
= 2 lim
n→∞ n
= 2(0) = 0 ลำดับลู่เข้า
2
⎛
1 1
⎞
ค) lim an = lim (n ) = ⎜ lim (n) n ⎟ = 12 = 1
2 n
ลำดับลู่เข้า
n→∞ n→∞ ⎝ n→∞ ⎠
⎛ n − 2⎞
n n
⎛ (−2) ⎞
ง) lim an = lim ⎜
n→∞ ⎝
⎟⎠ = lim ⎜⎝ 1+ ⎟ = e−2 ลำดับลู่เข้า
n→∞ n n→∞ n ⎠
n 2 +2
ตัวอย่างที่ 7.3 จงหาว่า an = เป็นลำดับลู่เข้าหรือไม่
2n
n 2 +2 ∞
วิธีทำ lim an = lim
n→∞ 2n
=
n→∞ ∞
ดังนั้นต้องใช้วิธีแยกตัวประกอบ ดึงตัวร่วมหรือกฎของโลปิตาล
f (n) f ′(n)
จากกฎของโลปิตาล lim = lim จะได้
n→∞ g(n) n→∞ g ′(n)
n 2 +2 2n
lim an = lim = lim
n→∞ n→∞ 2n n→∞ 2
= lim n = ∞
n→∞
ลำดับลู่ออก
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 197
ลำดับเลขคณิตและลำดับเรขาคณิต
หัวข้อนี้จะอธิบายถึงลำดับที่เขียนอยู่ในรูปทั่วไปเป็น a1, a2 , a3 ,..., an ,... และที่มีผลต่าง
หรืออัตราส่วนของพจน์ที่อยู่ติดกันมีค่าเท่ากันตัวเสมอ คือลำดับเลขคณิตและลำดับเรขาคณิต
เพราะลำดับทั้งสองมีความสำคัญและเป็นพื้นฐานของอนุกรมอนันต์และอนุกรมกำลัง
1 ลำดับเลขคณิต
ลำดับเลขคณิต (arithmetic sequences) คือลำดับที่มีผลต่างของพจน์สองพจน์ที่อยู่
ติดกันเท่ากันเสมอ และจะเรียกผลต่างนั้นว่า ผลต่างร่วม d (common different) นั่นคือ
a1 , a1 + d , a1 + 2d , a1 + 3d , ..., a1 + (n − 1)d ,... (7.2)
เมื่อผลต่างร่วม d = a2 − a1 = a3 − a2 = ... = an − an−1 (7.3)
ตัวอย่างลำดับเลขคณิต อาทิเช่น
1, 4, 7, 10, 13,... เป็นลำดับที่มีผลต่าง d = 7 − 4 = 10 − 7 = 3 และ a1 =1
2 ลำดับเรขาคณิต
ลำดับเรขาคณิต(geometric sequences)คือลำดับที่มีอัตราส่วนร่วม(common ratio)
ของพจน์ที่อยู่ติดกันคงตัว นั่นคือ a1 , a1r, a2 r, a3r,... หรือ
a1 , a1r , a1r 2 , a1r 3 , ..., a1r n−1 ,... (7.4)
a2 a a an
เมื่ออัตราส่วนร่วม r = = 3 = 4 = ... = (7.5)
a1 a2 a3 an−1
ตัวอย่างลำดับเรขาคณิต อาทิเช่น
4 8 16
2, 4, 8, 16,... . เป็นลำดับที่มีอัตราส่วนร่วม r = = = = 2 และ a1 = 2
2 4 8
ดังนั้นจะได้ an = 2(2)n−1 หรือเขียนให้อยู่ในรูปทั่วไป ได้เป็น an = 2 n
1 1 1 1 3 1 9 1 27 1
1, , , ,... เป็นลำดับที่มีอัตราส่วนร่วม r = = = = และ a1 =1
3 9 27 1 13 19 3
1
ดังนั้นจะได้ an = 1(1 3) หรือเขียนให้อยู่ในรูปทั่วไป ได้เป็น
n−1
an =
3n−1
198 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
อนุกรมจำกัดและอนุกรมอนันต์
ผลบวกของลำดับจำกัด n พจน์ a1 ,a2 ,a3 ,...,an เขียนแทนด้วย a1 +a2 +a3 +...+an
เนื่องจากเราไม่สามารถหาผลบวกของอนุกรมทั้งหมดได้เพราะมีพจน์จำนวนมากเข้าสู่อนันต์
แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถหาผลบวกของอนุกรมได้โดยใช้ทฤษฏีลิมิต นอกจากนี้แล้วเรายัง
n
สามารถหาผลบวกย่อย n พจน์แรกของอนุกรม ได้จาก Sn = ∑a i นั่นคือ
i=1
S1 = a1
S2 = S1 + a2 = a1 +a2
S3 = S2 + a3 = a1 +a2 + a3 (7.7)
:
Sn = Sn−1 + an = a1 +a2 + a3 +...+an
1
แล้วจะได้ S1 = 3 : S2 = 3+ = 3.1
10
1 4
S3 = 3+ + = 3.14
10 100
1 4 1
S4 = 3+ + 2 + 3 = 3.141
10 10 10
ถ้าอนุกรมอนันต์มีลิมิต ( lim
n→∞
Sn = S จำนวนจริง) แล้วจะเรียกอนุกรมนั้นว่า อนุกรมลู่เข้า
หรืออนุกรมคอนเวอร์เจนต์ (convergent series) แต่ถ้าไม่สามารถหาลิมิตได้ ( lim
n→∞
Sn = ±∞ )
∞
2
ตัวอย่างที่ 7.4 จงหาผลบวก Sn ของ ∑ k(k + 1)
k=1
∞
2 1 1 1 1
วิธีทำ ∑ k(k + 1) = 1+ + + + + ...
3 6 10 15
k=1
⎡1 1 1 1 1 ⎤
= 2⎢ + + + + + ...⎥
⎣ 2 6 12 20 30 ⎦
⎡⎛ 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ ⎤
= 2 ⎢⎜ 1− ⎟ + ⎜ − ⎟ + ⎜ − ⎟ + ⎜ − ⎟ + ⎜ − ⎟ + ...⎥
⎣ ⎝ 2 ⎠ ⎝ 2 3 ⎠ ⎝ 3 4 ⎠ ⎝ 4 5 ⎠ ⎝ 5 6 ⎠ ⎦
⎡ 1 1 1 1 1 1 1 1 1 ⎤
= 2 ⎢1− + − + − + − + − + ...⎥ = 2 ลู่เข้า
⎣ 2 2 3 3 4 4 5 5 6 ⎦
2) การหาผลบวกโดยใช้ทฤษฏีลิมิต lim Sn
n→∞
3 3 3 3 3
พจน์ทั่วไปของผลบวกย่อย Sn = + 2 + 3 + 4 + ...+ n + ... (A)
10 10 10 10 10
3 3 3 3
นำ 10 คูณ (A) ได้เป็น 10Sn = 3+ + 2 + 3 + ...+ n−1 + ... (ฺB)
10 10 10 10
1
9Sn = 3 −
10 n
1⎛ 1 ⎞ 3 1
จะได้ lim Sn = lim ⎜ 3 − n ⎟ = = อนุกรมลู่เข้า
n→∞ n→∞ 9 ⎝ 10 ⎠ 9 3
200 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
อนุกรมเลขคณิต
อนุกรมเลขคณิต (arithmetic series) คือ อนุกรมที่สามารถเขียนให้อยู่ในรูปทั่วไป ได้เป็น
a1 +(a1 +d)+(a2 +d) ...+(an−1 + d)+... และโดยทั่วไปมักจะเขียนอยู่ในรูป
3) อนุกรมเลขคณิตที่เป็นอนุกรมอนันต์ จะไม่สามารถหาผลบวกของอนุกรมได้ ( Sn = ∞ )
4) อนุกรมอื่นๆ ที่ช่วยในการคำนวณ
n
∑n = 1+ 2 + 3 + ...+ n =
2
(n + 1)
n
∑n 2
= 1+ 2 2 + 32 + ...+ n 2 =
6
(2n + 1)(n + 1)
∑n 3
= 1+ 2 3 + 33 + ...+ n 3 = [(n 2)(n + 1)]
2
n 30
และจาก Sn =
2
[ 2a1 + (n − 1)d ] จะได้ S30 =
2
[ 2(1) + (30 − 1)3]
= 15(89) = 1, 335
116 = 4n − 4
4n = 120
120
n = = 30
4
n
หาผลรวมอนุกรม จาก Sn =
2
[ 2a1 + (n − 1)d ]
30
จะได้ S30 =
2
[ 2(1) + (30 − 1)4 ] = 1, 770
−21 = a1 + 4d (A)
และ a15 = a1 + (15 − 1)d
−1 = a1 + 14d (B)
อนุกรมเรขาคณิต
อนุกรมเรขาคณิต (geometric series) คือ ผลรวามของลำดับเรขาคณิตที่เขียนอยู่ในรูป
a1 +a1r +a2 r +...+an−1r n หรือโดยทั่วไปจะนิยมเขียนอยู่ในรูป
∞
a1 +a1r +a1r 2 +...+a1r n−1 + ... = ∑a r 1
n−1
(7.12)
n=1
เราสามารถหาผลบวกของอนุกรมเรขาคณิตได้ดังนี้
1) ถ้าทราบจำนวนพจน์ n และอัตราส่วนร่วม r แล้ว ผลบวกของอนุกรมจำกัด หาได้จาก
a1 (1− r n )
Sn = (7.15)
1− r
2) อนุกรมเรขาคณิตที่เป็นอนุกรมอนันต์ จะเป็นอนุกรมลู่เข้าก็ต่อเมื่ออัตราส่วนร่วม
r < 1 แต่ถ้า r ≥ 1 จะเป็นอนุกรมลู่ออก
⎧ a1
⎪ ; r <1
Sn = ⎨ 1− r (7.16)
⎪ ∞ ; r ≥1
⎩
2 4
วิธีทำ จากโจทย์ a1 = 1 และ n = 10 เมื่อ r = = = 2
1 2
a2 6
จาก an = ran−1 จะได้ a1 = = = 2
r 3
a1 (1− r n ) 2(1− 35 )
และจาก Sn = จะได้ S5 = = 242
1− r 1− 3
1 1 1
ตัวอย่างที่ 7.11 จงหาผลรวมของอนุกรมเรขาคณิต + + + ...
8 4 2
14 12
วิธีทำ จากโจทย์จะได้อัตราส่วนร่วม r = = = 2 ( ≥ 1)
18 14
ก) ∑ 3⎛⎜⎝ 1 ⎞⎟⎠ ⎛ 1⎞
∞
1 1 1
ข) 1− + − + ... + ⎜ − ⎟
⎝ 2⎠
+ ...
n=1 2 2 4 8
วิธีทำ ก) a1 = 3 , r = 12 เป็นอนุกรมลู่เข้า
a1 3
หาผลบวกของอนุกรม ได้จาก Sn = จะได้ S∞ = = 6
1− r 1− (1 2)
−1 2 14 1
ข) ก) a1 = 1 , r = = = − เป็นอนุกรมลู่เข้า
1 −1 2 2
a1 1 2
หาผลบวกของอนุกรม ได้จาก Sn = จะได้ S∞ = =
1− r 1− (−1 2) 3
204 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
การทดสอบการลู่เข้า - ลู่ออกของอนุกรม
การทดสอบว่าลำดับอนันต์หรืออนุกรมอนันต์ใจเป็นอนุกรมลู่เข้าหรือเป็นอนุกรมลู่ออกนั้น
สามารถทำได้ดังนี้ การหาลิมิต การเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบลิมิต การเปรียบเทียบอัตราส่วน
การเปรียบเทียบโดยรากที่ n และการหาปริพันธ์
1 การทดสอบอนุกรมเลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิต
ถ้าพจน์ทั่วไปของอนุกรมเลขคณิตอยู่ในรูป an = a1 + (n − 1)d แล้วอนุกรมนั้นจะเป็น
อนุกรมลู่ออกเสมอ ยกเว้น a1 = d = 0
∑ ⎛⎜⎝ − 3 ⎞⎟⎠
2
ก) 1+ 3 + 9 + 27 + 81+ ..... ข) 1+ 0.1+ 0.01+ 0.001+ ... ค)
n=1
3 9
วิธีทำ ก) จาก 1+ 3 + 9 + 27 + 81+ ..... จะได้ a1 = 1 และ r = = = 3 >1
1 3
0.1 0.01
ข) จาก 1+ 0.1+ 0.01+ 0.001+ ... จะได้ a1 = 1 และ r= = = 0.1 < 1
1 0.1
1 1
ดังนั้น 1+ 0.1+ 0.01+ 0.001+ ... จึงเป็นอนุกรมลู่เข้า มีลิมิตเป็น = 1
1− 0.1 9
∞
−2
n−1
∑ ⎛⎜⎝ − 3 ⎞⎟⎠
2 2
ค) จาก จะได้ a1 =1 และ r= = <1
n=1 3 3
∞ n−1
2 การทดสอบแบบเปรียบเทียบ
∞ ∞
กำหนดให้ ∑ an และ ∑ bn เป็นอนุกรมที่ an > 0 , bn > 0 และค่าคงตัว c > 0
n=1 n=1
∞ ∞
ถ้า ∑ an เป็นอนุกรมลู่ออก แล้ว ∑ bn จะเป็นอนุกรมลู่เข้า
n=1 n=1
∞
6n
ตัวอย่างที่ 7.14 จงทดสอบการลู่เข้าของอนุกรม ∑ 7n − 5n
n=1
∞
n2
ตัวอย่างที่ 7.15 จงทดสอบการลู่เข้าของอนุกรม ∑ n3 + 1
n=1
n2 n2 1 ⎛ 1⎞
วิธีทำ เนื่องจาก n + 1 ≤ 2n3 3
ดังนั้น ≥ = ⎜ ⎟
n +1
3
2n 3
2 ⎝ n⎠
∞ ∞ 2
เนื่องจากอนุกรมฮาร์มอนิก ∑ 1 เป็นอนุกรมลู่ออก ดังนั้น ∑ 3n จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
n n=1 n +1 n=1
∞
n5 2 + 1
ตัวอย่างที่ 7.16 จงทดสอบการลู่เข้าของอนุกรม ∑ n3
n=1
n5 2 + 1 n5 2 1 1 1 1
วิธีทำ เนื่องจาก = + = + 3 ≥
n3 n3 n3 n n n
∞
1
เนื่องจากอนุกรมฮาร์มอนิก ∑ เป็นอนุกรมลู่ออก เพราะเป็นอนุกรมพี ที่ p = 12
n=1 n
ดังนั้น ∑ n 3+ 1 จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
∞ 52
n=1n
206 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
3 การทดสอบโดยการเปรียบเทียบลิมิต
∞ ∞
กำหนดให้ ∑ an และ ∑ bn เป็นอนุกรม ที่ an > 0 , bn > 0 สำหรับทุกๆ n แล้ว
n=1 n=1
an
ถ้า lim =L >0 แล้วอนุกรมทั้งสองจะเป็นอนุกรมลู่เข้าทั้งคู่หรือลู่ออกทั้งคู่
n→∞ bn
∞ ∞
an
ถ้า lim = 0 และ ∑ bn เป็นอนุกรมลู่เข้า แล้ว ∑ an จะเป็นอนุกรมลู่เข้า
n→∞ b
n n=1 n=1
∞ ∞
an
ถ้า lim = ∞ และ ∑ bn เป็นอนุกรมลู่ออก แล้ว ∑ an จะเป็นอนุกรมลู่ออก
n→∞ bn n=1 n=1
∞
2n 3 + 3 2n 3 + 3 1
วิธีทำ ก) จาก ∑ 3n 5 − 2 กำหนดให้ an =
3n 5 − 2
และ bn =
n2
n=1
an ⎛ 2n 3 + 3 1 ⎞ ⎛ 2n 5 + 3n 2 ⎞ 2
จะได้ lim = lim ⎜ 5
n→∞ ⎝ 3n − 2 ⎟ = lim ⎜ ⎟ = > 0
n→∞ b
n n ⎠
2 n→∞ ⎝ 3n − 2 ⎠
5
3
∞
1
เนื่องจาก ∑ 2
เป็นอนุกรมลู่เข้า เพราะเป็นอนุกรมพี p = 2 >1
n=1 n
2n 3 + 3
∞
ดังนั้น ∑ 3n 5 − 2 จึงเป็นอนุกรมลู่เข้า
n=1
∞
5n 5n 5n
ข) จาก ∑ 1+ en กำหนดให้ an =
1+ en
และ bn = n
e
n=1
an ⎛ 5n 5n ⎞ en
จะได้ lim = lim ⎜ = lim = 1 > 0
n→∞ b
n
n→∞ ⎝ 1+ e n en ⎟⎠ n→∞ 1+ e n
∞
5n 5
เนื่องจาก ∑ en เป็นอนุกรมลู่ออก เพราะเป็นอนุกรมเรขาคณิต ที่ r=
e
>1
n=1
∞ n
ดังนั้น ∑ 5 n จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
1+ e n=1
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 207
4 การทดสอบด้วยอัตราส่วน
∞
กำหนดให้ ∑ an เป็นอนุกรม ที่ an ≥ 0 แล้ว
n=1
∞
an+1
ถ้า lim
n→∞ a
< 1 แล้ว ∑ an เป็นอนุกรมลู่เข้า
n n=1
∞
an+1
ถ้า lim
n→∞ a
> 1 แล้ว ∑ an เป็นอนุกรมลู่ออก
n n=1
an+1
ถ้า lim = 1 แล้ว สรุปไม่ได้ ว่าเป็นอนุกรมลู่เข้าหรืออนุกรมลู่ออก
n→∞ an
∞
4 2n (n + 1)
ตัวอย่างที่ 7.18 จงทดสอบอนุกรม ∑ n! ว่าเป็นอนุกรมลู่เข้าหรืออนุกรมลู่ออก
n=1
∞
4 2n (n + 1) 4 2n (n + 1)
วิธีทำ จาก ∑ n! กำหนดให้ an =
n!
n=1
an+1 ⎛ 4 2n ⋅ 4 2 (n + 2) 4 2n (n + 1) ⎞
ดังนั้น lim = lim ⎜ ⎟⎠
n→∞ a
n
n→∞ ⎝ (n + 1)⋅ n! n!
⎛ 4 2n ⋅ 4 2 (n + 2) n! ⎞
= lim ⎜ ⋅ 2n
n→∞ ⎝ (n + 1)⋅ n! 4 (n + 1) ⎟⎠
⎛ 16n + 32 ⎞
= lim ⎜ 2 ⎟
n→∞ ⎝ n + 2n + 1 ⎠
⎛ 16 ⎞
= lim ⎜ ⎟ = 0
n→∞ ⎝ n ⎠
∞ 2n
(n + 1)
ดังนั้น ∑ 4 จึงเป็นอนุกรมลู่เข้า
n=1 n!
208 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
5 การทดสอบโดยรากที่ n
∞
กำหนดให้ ∑ an เป็นอนุกรม ที่ an ≥ 0 และ lim
n→∞
n a
n = R แล้ว
n=1
∞
ถ้า R< 1 แล้ว ∑ an เป็นอนุกรมลู่เข้า
n=1
∞
ถ้า R> 1 แล้ว ∑ an เป็นอนุกรมลู่ออก
n=1
2n 2n
⎛ 3⎞ ⎛ 3⎞ 3
วิธีทำ ก) กำหนดให้ an = ⎜ ⎟ จะได้ 2n an = 2n
⎜⎝ ⎟⎠ =
⎝ n⎠ n n
⎛ 3⎞
นั่นคือ R = lim n an = lim ⎜ ⎟ = 0 < 1
n→∞ n→∞ ⎝ n ⎠
2n
⎛ 2 + 3n ⎞ ⎛ 2 + 3n ⎞ 2 + 3n
n n
ข) กำหนดให้ an = ⎜
⎝ 2n + 1 ⎟⎠
จะได้ n an = n
⎜⎝ ⎟⎠ =
2n + 1 2n + 1
⎛ 2 + 3n ⎞ 3
นั่นคือ R = lim n an = lim ⎜ ⎟ =
n→∞ ⎝ 2n + 1 ⎠
>1
n→∞ 2
2 + 3n
n
∑ ⎛⎜⎝ 2n + 1 ⎞⎟⎠
∞
ดังนั้น จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
n=1
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 209
6 การทดสอบโดยการหาปริพันธ์
∞
กำหนดให้ ∑ an เป็นอนุกรมที่ an ≥ 0 ทุกๆ ค่า n ถ้ามีฟังก์ชันซึ่งเป็นฟังก์ชันลด
n=1
และมีความต่อเนื่องบน [a,∞) โดยที่ f (x) ≥ 0 ทุกค่า x > a และ f (n) = an ทุกๆ ค่า n
∞ ∞
ถ้า ∫ f (x)dx หาค่าได้ แล้ว ∑ an จะเป็นอนุกรมลู่เข้า
a n=1
∞ ∞
ถ้า ∫ f (x)dx หาค่าไม่ได้ แล้ว ∑ an จะเป็นอนุกรมลู่ออก
a n=1
∞
1 1 1
วิธีทำ ก) จาก ∑n 2
กำหนดให้ an =
n2
และ f (x) =
x2
n=1
∞ b b
1 ⎡ 1⎤
ดังนั้นจะได้ ∫ f (x)dx = lim ∫ 2 dx = lim ⎢ − ⎥
b→∞ x b→∞ ⎣ x ⎦
1 1 1
⎡ 1 ⎤
= lim ⎢ − − (−1) ⎥ = 1
b→∞ ⎣ b ⎦
∞ ∞
เนื่องจาก ∫ f (x)dx =1 หาค่าได้ ดังนั้น ∑ 12 จึงเป็นอนุกรมลู่เข้า
1 n=1 n
∞
1 1 1
ข) จาก ∑ กำหนดให้ an = และ f (x) = = x −1 2
n=1 n n x
∞ b
b
ดังนั้นจะได ้ ∫ f (x)dx = lim ∫ x −1 2 dx = lim ⎡⎣ 2 x ⎤⎦
b→∞ b→∞ 1
1 1
= lim ⎡⎣ 2 b − 2 ⎤⎦ = ∞
b→∞
∞ ∞
1
เนื่องจาก ∫ f (x)dx = ∞ หาค่าได้ ดังนั้น ∑ จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
1 n=1 n
210 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
อนุกรมพีและอนุกรมสลับ
1. อนุกรมพี
∞
1 1 1 1 1
อนุกรมพี (P-series) คืออนุกรมที่อยู่ในรูป p
1 2
+ p
+
3 p
+ ...+
n p
+ ... = ∑ p
n=1 n
∞
ถ้า p ≤1 แล้ว ∑ 1p จะเป็นอนุกรมลู่ออก
n n=1
1 1 1
วิธีทำ ก) 1+ + + + .... เป็นอนุกรมพี ที่มี p=3 ดังนั้นจึงเป็นอนุกรมลู่ออก
2 3 33 4 3
1 1 1 4
ข) 1+ 3
+ 3
+ 3
+ .... เป็นอนุกรมพีที่มี p= ดังนั้นจึงเป็นอนุกรมลู่เข้า
2 5 3 5 4 5 3
2 อนุกรมสลับ
อนุกรมสลับ (alternative series) คืออนุกรมที่มีพจน์เป็นจำนวนบวกและลบสลับกัน
∞
สามารถเขียนได้เป็น a1 − a2 +a3 − a4 + .... = ∑ (−1)n+1 an ซึ่งจะเป็นอนุกรมลู่เข้า ก็ต่อเมื่อ
n=1
1 2 3 4
ตัวอย่างที่ 7.22 จงทดสอบอนุกรม − + − + .... ว่าเป็นอนุกรมลู่เข้าหรือไม่
3 7 11 15
n n +1
วิธีทำ จาก โจทย์ จะได้ an = และ an+1 =
4n − 1 (4n + 1) − 1
n +1 n
ซึ่งจะได้ว่า < นั่นคือ an+1 ≤ an
4n 4n − 1
⎛ n ⎞ 1
และ lim an = lim ⎜ ⎟
n→∞ ⎝ 4n − 1 ⎠
= ≠0 ดังนั้น จึงเป็นอนุกรมลู่ออก
n→∞ 4
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 211
อนุกรมกำลัง
1 นิยามของอนุกรมกำลัง
อนุกรมกำลัง (power series) คืออนุกรมของฟังก์ชันพหุนาม(polynomial function)
ที่มีเลขชี้กำลังเข้าสู่อนันต์ ( n → ∞ ) โดยสามารถเขียนในรูปทั่วไป ได้เป็น
∞
∑ a (x − x )
n 0
n
= a0 + a1 (x − x0 ) + a2 (x − x0 )2 + ...+ an (x − x0 )n + ... (7.17)
n=0
∑a x n
n
= a0 + a1 x + a2 x 2 + ...+ an x n + ... (7.18)
n=0
2 การลู่เข้า รัศมีและช่วงของการลู่เข้า
∞
การลู่เข้าของอนุกรมกำลัง ∑ an (x − x0 )n ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าของ x นั้นเป็นไปได้ดังนี้
n=0
a xn x n+1
วิธีทำ ทดสอบโดยอัตราส่วน lim n+1 เมื่อ an = และ an+1 =
n→∞ a
n n n +1
∞
(−1)n 12 13 14
ที่ x = −1 จะได้ ∑ n = − 1+ 2 − 3 + 4 − ... ซึ่งเป็นอนุกรมลู่เข้า
n=1
∞
ตัวอย่างที่ 7.24 จงหาช่วงของการลู่เข้าของอนุกรมกำลัง ∑ b x เมื่อ
n n
b>0
n=0
an+1
วิธีทำ ทดสอบโดยอัตราส่วน lim เมื่อ an = (bx)n และ an+1 = (bx)n+1
n→∞ an
an+1 (bx)n+1
ดังนั้น lim
n→∞ a
= lim
n→∞ (bx)n
= bx
n
1
นั่นคือ ถ้า bx < 1 หรือ x< แล้วจะเป็นอนุกรมลู่เข้า
b
1
และถ้า bx >1 หรือ x> แล้วจะเป็นอนุกรมลู่ออก
b
ดังนั้นรัศมีของการลู่เข้า R จึงเท่ากับ 1 b
∞
1
เมื่อพิจารณาที่ x= จะได้ ∑ b n x n = 1+ 1+ 1+ 1+ ... เป็นอนุกรมลู่ออก
b n=0
∞
1
และที่ x=− จะได้ ∑ b n x n = 1− 1+ 1− 1+ ... เป็นอนุกรมลู่ออก
b n=0
xn
∞
x2 x3 xn
ตัวอย่างที่ 7.25 จงหาช่วงของการลู่เข้าของ ∑ n! = 1+ x + 2 + 6 + ...+ n! + ...
n=0
xn x n+1 an+1
วิธีทำ กำหนดให้ an = และ an+1 = ทดสอบโดยอัตราส่วน lim
n! (n + 1)! n→∞ an
x
= lim = 0
n→∞ (n + 1)
∞
ตัวอย่างที่ 7.26 จงหาช่วงของการลู่เข้าของ ∑ n!x n
= 1+ x + 2x 2 + 6x 3 + ...
n=0
an+1
วิธีทำ กำหนดให้ an = n!x n และ an+1 = (n + 1)!x n+1 ทดสอบโดยอัตราส่วน lim
n→∞ an
= lim (n + 1)x = ∞
n→∞
∞
(x − 1)2n
ตัวอย่างที่ 7.27 จงหาช่วงของการลู่เข้าของอนุกรมกำลัง ∑ 4n
n=0
วิธีทำ ทดสอบการลู่เข้าโดยใช้การทดสอบรากที่ n
(x − 1) 2n (x − 1) 2
กำหนดให้ an = จะได้ n an =
4n 4
x −1 x −1
2 2
x −1
2
x −1
2
(−1)n 3n (x + 2)n
∞
ตัวอย่างที่ 7.28 จงหาช่วงของการลู่เข้าของอนุกรมกำลัง ∑ n
n=1
an+1
วิธีทำ ทดสอบโดยอัตราส่วน lim
n→∞ an
(x + 2)n
= 3lim
n→∞ n +1
(x + 2)
= 3lim
n→∞ 1+ 1 n
= 3 (x + 2)
7 5
นั่นคือ อนุกรมลู่เข้า เมื่อ 3 (x + 2) < 1 หรือ − < x< −
3 3
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 215
7 ∞
(−1)n 3n (−1 3)n ∞
(−1)2n 1 1 1 1
เมื่อ x=−
3
จะได้ ∑ n
=∑
n
= 1+ + + + ....+ + ...
2 3 4 n
n=1 n=1
n
5 ∞
3n (1 3)n ∞
(−1)n (1)n (−1)n
เมื่อ x = − จะได้ ∑ (−1) =∑
1 1
= −1+ − + ....+ +
3 n=1 n n=1 n 2 3 n
อนุกรมฮาร์มอนิกสลับ ดังนั้นจึงเป็นอนุกรมลู่เข้า
7 5 ⎛ 7 5⎤
ดังนั้นช่วงของการลู่เข้า จึงเป็น − < x ≤− หรือ ⎜⎝ − 3 ,− 3 ⎥
3 3 ⎦
3 การประมาณค่าด้วยอนุกรมกำลัง
อนุกรมกำลังเป็นหนึ่งในหลายๆ วิธีทางคณิตศาสตรที่ใช้ประมาณค่าของฟังก์ชันต่างๆ
เช่นอนุกรมกรมกำลังที่อยู่ในรูป
f (x) = a0 + a1 x + a2 x 2 + ...+ an x n + ... (7.19)
แล้วเราจะสามารถประมาณค่าของผลบวกย่อยของฟังก์ชันได้จาก
f (x) ∼ a0 + a1 x + a2 x 2 + ...+ an x n (7.20)
และถ้าค่าผิดพลาดของการประมาณเป็น En แล้วเราจะได้
f (x) = a0 + a1 x + a2 x 2 + ...+ an x n +En (7.21)
อนุกรมกำลังที่สำคัญ
1
= 1+ x + x 2 + x 3 + ...+ x n + .. ; r =1
1− x
x2 x3 xn
e x = 1+ x + + + ...+ + .. ; r=∞
2! 3! n!
x2 x3 xn
e− x = 1− x + − + ...+ (−1)n + .. ; r=∞
2! 3! n!
x2 x3 xn
ln(1− x) = − x − − − ...− + .. ; r =1
2 3 n
216 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
x3 x5 n x
2n+1
−1
tan (x) = x − + − ...+ (−1) + .. ; r =1
3 5 2n + 1
x2 x4 x6 x3 x5 x7
cos(x) = 1− + − + .. : sin(x) = x − + − + ...
2! 4! 6! 3! 5! 7!
e x + e− x e x − e− x
cos(x) = : sin(x) =
2 2
x2 x4 x6 x3 x5 x7
cosh(x) = 1+ + + + .. : sin(x) = x + + + + ...
2! 4! 6! 3! 5! 7!
ในหัวข้อนี้เราจะแสดงตัวอย่างการประมาณของฟังก์ชันด้วยอนุกรมสลับซึ่งเป็นอนุกรม
กำลังแบบหนึ่ง อย่างไรก็ตามการประมาณค่าฟังก์ชันโดยทั่วไปแล้วจะนิยมใช้อนุกรมเทย์เลอร์และ
อนุกรมแมคคลอรีน ซึ่งเราจะได้กล่าวถึงอย่างละเอียดในหัวข้อถัดไป
x2 x3 x4 x5
วิธีทำ เราจะใช้อนุกรมกำลัง ln(1− x) = − x − − − − − .... , R =1
2 3 4 5
1 1
กำหนดให้ 1− x = 1 จะได้ x = −
2 2
2 3 4 5
⎛ 1⎞ ⎛ 1⎞ 1 ⎛ 1⎞ 1 ⎛ 1⎞ 1 ⎛ 1⎞ 1 ⎛ 1⎞
ln ⎜ 1 ⎟ = − ⎜ − ⎟ − ⎜ − ⎟ − ⎜ − ⎟ − ⎜ − ⎟ − ⎜ − ⎟ − ....
⎝ 2⎠ ⎝ 2⎠ 2 ⎝ 2⎠ 3⎝ 2⎠ 4 ⎝ 2⎠ 5 ⎝ 2⎠
1 1 1 1 1
= − + − + − .... อนุกรมสลับ
2 2 ⋅ 4 3⋅ 8 4 ⋅16 5 ⋅ 32
1 1 1
พจน์สุดท้ายของอนุกรมสลับ มีค่าน้อยกว่า 0.01 : = ∼ 0.006
5 ⋅ 32 5 ⋅ 32 160
⎛ 1⎞ 1 1 1 1
ดังนั้น เราจึงประมาณค่า ได้เป็น ln ⎜ 1 ⎟ ∼
⎝ 2⎠
− + − ∼ 0.401
2 2 ⋅ 4 3⋅ 8 4 ⋅16
ค่าที่แท้จริงของ ( )
ln 1 12 คือ 0.405
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 217
กำหนดให้ x = −1
1 1 1 1 1 1
= 1− 1+ − + − + − + ... อนุกรมสลับ
2 6 24 120 720 5040
1
พจน์สุดท้ายของอนุกรมสลับ มีค่าน้อยกว่า 0.001 : ∼ 0.0002
5040
1 1 1 1 1
ดังนั้น เราจึงประมาณค่า ได้เป็น e−1 ∼ 1− 1+ − + − + ∼ 0.36806
2 6 24 120 720
ค่าที่แท้จริงของ e−1 คือ 0.36788
อนุกรมเทย์เลอร์และอนุกรมแมคคลอริน
สำหรับหัวข้อนี้ เราจะอธิบายถึงการประยุกต์ใช้อนุกรมเทย์เลอร์และอนุกรมแมคคลอริน
ในการประมาณค่าของฟังก์ต่างๆ
1 อนุกรมเทย์เลอร์
(7.22)
เมื่อ f (n) (x) คือ อนุพันธ์อันดับที่ n ของฟังก์ชัน
218 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
d
f ′(x) = cos x = − sin x : f ′(π 2) = − sin(π 2) = − 1
dx
d
f ′′(x) = (− sin x) = − cos x : f ′′(π 2) = − cos(π 2) = 0
dx
d
f ′′′(x) = (− cos x) = sinx : f ′′′(π 2) = sin(π 2) = 1
dx
d
f (4 ) (x) = sin x = cos x : f (4 ) (π 2) = cos(π 2) = 0
dx
π⎞
2n−1
⎛ π⎞ 1 ⎛ π⎞ 1⎛ π⎞
3 5
(−1)n ⎛
∞
นั่นคือ cos x = − 1⎜ x − ⎟ + ⎜ x − ⎟ − ⎜ x − ⎟ + .. =∑ ⎜⎝ x − ⎟⎠
⎝ 2 ⎠ 3! ⎝ 2 ⎠ 5! ⎝ 2⎠ n-1 (2n − 1)! 2
d 1 1
f ′(x) = ln x = : f ′(2) =
dx x 2
d ⎛ 1⎞ 1 1
f ′′(x) = ⎜⎝ ⎟⎠ = − 2 : f ′(2) = −
dx x x 4
!
(−1)n+1 (−1)n+1
f (n) (x) = : f (n) (2) =
xn 2n
d 12 1 1 1
f ′(x) = x = : f ′(4) = =
dx 2x1 2 2 4 4
1 d −1 2 1 1 1
f ′′(x) = x = − 32 : f ′′(4) = − = −
2 dx 4x 4( 4 )3 32
1 d −3 2 3 3 3
f ′′′(x) = − x = : f ′′′(4) = =
4 dx 8x 5 2 8( 4 )5 256
3 d −5 2 15 15 15
f (4 ) (x) = − x =− : f (4 ) (4) = − =−
8 dx 16x 7 2 16( 4 ) 7
2048
1 1 1 1
หรือ 2 + (x − 4) − (x − 4)2 + (x − 4)3 − (x − 4)4 + ...
4 64 512 16384
2 อนุกรมแมคคลอริน
คอลิน แมคคลอริน (Colin Maclaurin , 1698-1746) นักคณิตศาสตร์ชาวสอตแลนด์
ได้ดัดแปลงอนุกรมเทย์เลอร์เพื่อใช้ในการประมาณค่าของฟังก์ชัน โดยกำหนดให้ x = 0 ดังนั้น
อนุกรมแมคคลอริน (Macluarin series) จะเขียนอยู่ในรูป
∞
f (n) (x0 ) n f ′(x0 ) f ′′(x0 ) 2 f (n) (x0 ) n
∑ x = f (x0 ) + x+ x + ...+ x + .. (7.23)
n=0 n! 1! 2! n!
220 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
d x
f ′(x) = e = ex : f ′(0) = e0 = 1
dx
d x
f ′′(x) = e = ex : f ′′(0) = e0 = 1
dx
x2 x3 xn xn
∞
จะได้ e x
= 1+ x + + ...+ + ... =
2! 3! n!
∑ n!
n=0
d
f ′(x) = sin(x) = cos(x) : f ′(0) = cos(0) = 1
dx
d
f ′′(x) = cos(x) = − sin(x) : f ′′(0) = − sin(0) = 0
dx
d
f ′′′(x) = − sin(x) = − cos(x) : f ′′′(0) = − cos(0) = − 1
dx
x3 x5 x7 x9 ∞
x 2n+1
จะได้ sin x = x − + − + − ... =
3! 5! 7! 9!
∑ (−1)n (2n + 1)!
n=0
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 221
สรุป
ลำดับจำกัดและลำดับอนันต์
ลำดับ (sequence) คือ ฟังก์ชันที่มีโดเมนเป็นเซตของจำนวนเต็มบวก
a1 , a2 , a3 , a4 ,... an ,....
ลำดับลู่เข้าและลำดับลู่ออก
ถ้า lim an = A
n→∞
แล้ว ลำดับลู่เข้า หรือคอนเวอร์เจนต์ (Convergence)
ถ้า lim
n→∞
an = ∞ แล้ว เ ลำดับลู่ออกหรือไดเวอร์เจนต์ (Divergence)
ลำดับเลขคณิต
a1 , a1 +d, a2 +d, a3 +d,... หรือ a1 , a1 + d, a1 + 2d, a1 + 3d, ...,a1 + (n − 1)d ,...
ลำดับเรขาคณิต
a1 , a1r, a2 r, a3r,... หรือ a1 , a1r , a1r 2 , a1r 3 , ..., a1r n−1 ,...
a2 a a an
อัตราส่วนร่วม r = = 3 = 4 = ... =
a1 a2 a3 an−1
อนุกรมเลขคณิต
a1 +(a1 +d)+(a2 +d) ...+(an−1 + d)+... หรือ
a1 +(a1 + d)+(a1 + 2d)+(a1 + 3d) + ...+[a1 + (n − 1)d]
อนุกรมอนันต์ ไม่สามารถหาผลบวกของอนุกรมได้ ( Sn = ∞)
222 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
อนุกรมเรขาคณิต
∞
a1 +a1r +a2 r +...+an−1r n
หรือ 2
a1 +a1r +a1r +...+a1r n−1
+ ... = ∑a r 1
n−1
n=1
a2 a an
อัตราส่วนร่วม r = = 3 =
a1 a2 an−1
a1 (1− r n )
ผลบวกของอนุกรมจำกัด Sn =
1− r
⎧ a1
⎪ ; r <1
ผลบวกอนุกรมอนันต์ Sn = ⎨ 1− r
⎪ ∞ ; r ≥1
⎩
การทดสอบการลู่เข้า-ลู่ออกของอนุกรม
1 การทดสอบอนุกรมเลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิต
อนุกรมเลขคณิต an = a1 + (n − 1)d เป็นอนุกรมลู่ออกเสมอ
ยกเว้น a1 = d = 0
2 การทดสอบแบบเปรียบเทียบ
∞ ∞
ถ้า ∑ an และ ∑ bn เป็นอนุกรมที่ an > 0 , bn > 0 และค่าคงตัว c > 0
n=1 n=1
∞ ∞
3 การทดสอบโดยการเปรียบเทียบลิมิต
an
ถ้า lim
n→∞ b
= L >0 แล้วอนุกรมทั้งสองจะเป็นอนุกรมลู่เข้าทั้งคู่หรือลู่ออกทั้งคู่
n
∞ ∞
an
ถ้า lim = 0 และ ∑ bn เป็นอนุกรมลู่เข้า แล้ว ∑ an จะเป็นอนุกรมลู่เข้า
n→∞ bn n=1 n=1
∞ ∞
an
ถ้า lim =∞ และ ∑ bn เป็นอนุกรมลู่ออก แล้ว ∑ an จะเป็นอนุกรมลู่ออก
n→∞ bn n=1 n=1
4 การทดสอบด้วยอัตราส่วน
∞
กำหนดให้ ∑ an เป็นอนุกรม ที่ an ≥ 0 แล้ว
n=1
∞
a
ถ้า lim n+1 < 1
n→∞ a
แล้ว ∑ an เป็นอนุกรมลู่เข้า
n n=1
∞
an+1
ถ้า lim
n→∞ a
> 1 แล้ว ∑ an เป็นอนุกรมลู่ออก
n n=1
an+1
ถ้า lim = 1 แล้ว สรุปไม่ได้ ว่าเป็นอนุกรมลู่เข้าหรืออนุกรมลู่ออก
n→∞ an
5 การทดสอบโดยรากที่ n
∞
กำหนดให้ ∑ an เป็นอนุกรม ที่ an ≥ 0 และ lim
n→∞
n a
n = R แล้ว
n=1
∞
ถ้า R< 1 แล้ว ∑ an เป็นอนุกรมลู่เข้า
n=1
∞
ถ้า R> 1 แล้ว ∑ an เป็นอนุกรมลู่ออก
n=1
6 การทดสอบโดยการหาปริพันธ์
∞
กำหนดให้ ∑ an เป็นอนุกรม ที่ an ≥ 0 ทุกๆ ค่า n
n=1
∞ ∞
ถ้า ∫ f (x)dx หาค่าได้ แล้ว ∑ an จะเป็นอนุกรมลู่เข้า
a n=1
∞ ∞
ถ้า ∫ f (x)dx หาค่าไม่ได้ แล้ว ∑ an จะเป็นอนุกรมลู่ออก
a n=1
224 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
อนุกรมพี
∞
1 1 1 1 1
p
+ p + p + ...+ p + ... = ∑ p
1 2 3 n n=1 n
อนุกรมสลับ
∞
a1 − a2 +a3 − a4 + .... = ∑ (−1)n+1 an เป็นอนุกรมลู่เข้า
n=1
อนุกรมเทย์เลอร์
กำหนดให้ f (x) เป็นฟังก์ชันที่สามารถหาอนุพันธ์ได้ทุกอันดับ ณ จุด x = x0 แล้ว
อนุกรมเทย์เลอร์
∞
f (n) (x0 ) f ′(x0 ) f ′′(x0 ) f (n) (x0 )
∑ n!
(x − x0 )n = f (x0 ) +
1!
(x − x0 ) +
2!
(x − x0 )2 + ...+
n!
(x − x0 )n + ..
n=0
อนุกรมแมคคลอริน
∞
f (n) (x0 ) n f ′(x0 ) f ′′(x0 ) 2 f (n) (x0 ) n
∑ n!
x = f (x0 ) +
1!
x+
2!
x + ...+
n!
x + ..
n=0
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 225
แบบฝึกหัดบทที่ 7
1) จงเขียน 5 พจน์ของลำดับต่อไปนี้
3(2 − n 2 ) n2
1.1) 1.2) (−1)n
(n − 1)! n +1
2n − 3 (2n + 1)2
1.3) 1.4)
(n + 1)n n!
n!− 3n
1.5) 1.6) 2n + n2
n+2
2 n + 3n n2
1.7) 1.8) n−
2 n − 3n n +1
2) จงเขียนรูปทั่วไปของลำดับต่อไปนี้
3 3 3 3 3 4 5
2.1) 3, − , , − , , ... 2.2) 2, , , , ...
2 4 8 16 2 3 4
5 ⋅ 2 −7 ⋅ 4 9 ⋅ 8 −11⋅16
2.3) , , , , .... 2.4) −9 ⋅ 3, − 4 ⋅ 9, 1⋅ 27, 6 ⋅ 81, ...
3 4 5 6
3 5 7 9 1 2 3 4
2.5) , 2 2 , 2 2 , 2 2 , .... 2.6) , − , , − , ...
1 ⋅2 2 ⋅3
2 2
3 ⋅4 4 ⋅5 3 5 7 9
1 2 6 24 1 2 3 4
2.7) , , , , .... 2.8) ln , ln , ln , ln , ...
1⋅ 3 3⋅ 5 5 ⋅ 7 7 ⋅ 9 2 3 4 5
4) จงหาผลรวมของอนุกรม ต่อไปนี้
4.1) 5 + 9 + 13 + ..+ 201 4.2) 1+ 4 + 9 + 16 + ...+ 144
1 1 1 1 1 2
4.3) 1+ + + + ... 4.4) + + + ...
10 100 1000 10 5 5
4 4 4 1 1 2
4.5) 4+ + + + ... 4.6) 3− 7 + 3
+ 4 + 5 + ...
5 25 125 5 5 5
3 4 5 6 1 1 1
4.7) 2− + − + − ... 4.8) 9 + 3 + 1+ + + ...+
2 3 4 5 3 9 2187
226 บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
6.4) ∑ ⎛⎜ 1+n 3 ⎞⎟
2n−1
n=1 3 ⎝ 2 + 1⎠
n=1
∞ n ∞ n
6.5) ∑ 5 6.6) ∑ (−1)n 4
n!
n=1 2
n=1
∞
2 n−1 + 1 ∞
6.7) ∑ 8 n−1 6.8) ∑ 32
n=1 n
n=1
7) จงหาช่วงของการลู่เข้าของอนุกรมกำลังต่อไปนี้
7.2) ∑ (x + 1)
∞ 2n ∞ 2n
7.1) ∑ (−1)n+1 x
n=1 2n 9n
n=0
∞ n ∞
7.3) ∑ (10x) 7.4) ∑ n!(x + 1)n
n!
n=0 n=0
∞ ∞
x 2n+1
7.5) ∑ n!(x − 4) n
7.6) ∑ n!
n=0 n=0
7.8) ∑ n(x +n 3)
n
∞ ∞
xn
7.8) ∑
5
n=0 nn=1 n 3n
8) จงประมาณค่า ของฟังก์ชันต่อไปนี้
8.1 tan −1 (1 2 ) ภายใต้ค่าผิดพลาด 0.0001
8.2 ln (1.4 ) ภายใต้ค่าผิดพลาด 0.0001
1
8.3 ภายใต้ค่าผิดพลาด 0.00001
1− 0.003
8.4 cos (π 6 ) ภายใต้ค่าผิดพลาด 0.0001
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์ 227
9) จงเขียนอนุกรมเทย์เลอร์ ณ x = x0 ของฟังก์ชันต่อไปนี้
9.1) f (x) = ln(x) ; x0 = 1
9.2) f (x) = x ; x0 = 4
9.4) f (x) = x 2 + 2x + 1 ; x0 = 1
C + x + 17 + 2x + x 2 5 2x + 4x 2 − 25
5) 5.1) ln 5.2) ln +C
4 2 4
⎛ x2 ⎞ ⎛ x3 ⎞
5.3) −1
sin ⎜ ⎟ + C 5.4) −1
2sin ⎜ ⎟ + C
⎝ 9⎠ ⎝ 3⎠
3 + 2x 1 2x 3 + 4x 2 − 9
5.5) 5.6) ln +C
2 2 3
(x 2 − 4) 1 x−2
5.7) 4 − x2 + C 5.8) ln +C
3 3 x +1
x2 1 x−2
5.9) ln +C 5.10) ln +C
2 − x2 5 x+3
6.9) 34 6.10) 14
7.9) 2π r 27.10) 2
8) 0.707 ตารางหน่วย
9) 8.1) 55 เมตรต่อวินาที 8.2) 195 เมตร
10) 40.0 นิวตัน-เมตร
บทที่ 7 อนุกรมอนันต์
21 23 1 4 9 16 25
1) 1.1) 3, − 6, − , − 7, − 1.2) − , , − , , −
2 8 2 3 4 5 6
1 1 3 5 7 25 49 81 121
1.3) − , , , , − 1.4) 9, , , ,
2 9 64 625 776 2 6 24 120
2 7 21 57 5
1.5) − , − , − , − , − 1.6) 3, 8, 17, 32, 57
3 4 5 6 7
13 35 97 275
1.7) −5, − , − , − , − 1.8) 1 , 2 3 4 5
, , ,
5 19 65 211 2 3 4 5 6
วิทยาศาสตร์เชิงคณิตศาสตร์ 1 239
n +1
n−1
⎛ 1⎞
2) 2.1) 3⎜ − ⎟
⎝ 2⎠
2.2)
n
(−1)n+1 2 n (2n + 3)
2.3) 2.4) (5n − 14)3n
n+2
1 1 (−1)n−1 n
2.5) − 2.6)
n (n + 1)2
2
2n + 1
n! n
2.7) 2.8) ln
(2n − 1)(2n + 1) n +1
3 11
4) 4.1) 5150 4.2) 650 4.3) 10 9 4.4) ∞
1 1 1
9) 9.1) (x − 1) − (x − 1)2 + (x − 1)3 − (x − 1)4 + ...
2 3 4
240 วิทยาศาสตร์เชิงคณิตศาสตร์ 1
1 1 1
9.2) 2 + (x − 4) − (x − 4)2 + (x − 4)3 + ...
4 64 512
π⎞ 1⎛ π⎞ π⎞
3 5
⎛ 1 ⎛
9.3) −⎜ x − ⎟ + ⎜ x − ⎟ −
⎝ ⎜ x − ⎟ + ...
2⎠ 6⎝ 2 ⎠ 120 ⎝ 2⎠
1 1
9.4) 4 + (x − 1) − (x − 1)2 + (x − 1)3
4 3
2 4
10) 10.1) 1− 2x 2 + x − ...
3
10.2) 1+ 2x + 3x 2 + 4x 3 + 5x 4 + ...
11 3
10.3) x + 2x 2 + x + x 4 + ...
6
1 2 1 3 1 4
10.4) x+ x + x − x + ...
2 3 4