Professional Documents
Culture Documents
เสนอ
ครูเชิดศักดิ ์ บุญยัง
รายงานนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชาการเขียนรายงานเชิง
วิชาการ (ท 20221)
โรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัด
ศรีสะเกษ
ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564
ก
คำนำ
ป่ าไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้หมายถึงที่ดินที่ไม่มีบุคคลใด
์ รอบครองตามกฎหมายที่ดิน โดยทั่วไป
บุคคลหนึ่งได้มาซึ่งกรรมสิทธิค
หมายถึงบริเวณที่มีความชุ่มชื้นและปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียวขึน
้ อยู่
อย่างหนาแน่นและกว้างใหญ่ ป่ าไม้เป็ นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความ
สำคัญอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็ นทัง้ มนุษย์และทัง้ สัตว์นานา
ชนิด เพราะป่ าไม้มีประโยชน์ทงั ้ การเป็ นแหล่งวัตถุดิบของปั จจัยสี่ คือ
อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคสำหรับมนุษย์ พร้อม
ยังมีประโยชน์ในการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม ถ้าป่ าไม้ถูกทำลายลง
ไปอย่างต่อเนื่องเช่นนี ้ ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ที่
เกี่ยวข้องเช่น สัตว์ป่า ดิน น้ำ อากาศ เป็ นต้น แต่ที่น่าเสียดายเมื่อ
ทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่อย่างจำกัด แต่ความต้องการของมนุษย์เรานัน
้
มีอยู่อย่างไม่จำกัด เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ จึงทำให้
มีการลุกล้ำพื้นที่ป่าไม้และการลักลอกตัดไม้ เพิ่มจำนวนขึน
้ อย่าง
รวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนป่ าไม้และพืชพันธุ์นานาชนิดในประเทศไทยลด
ลงไปอย่างน่าใจหาย ทางคณะผู้จัดทำจึงสนใจศึกษาค้นคว้า เรื่อง พันธุ์
ไม้ ยืนต้นหายากในประเทศไทย เล่มนี ้
รายงานเล่มนีจ
้ ัดทำขึน
้ เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนใน
รายวิชาการเขียนรายงานเชิงวิชาการ (ท 20221) ทางคณะผู้จัด
ทำได้วิเคราะห์ รวบรวมข้อมูล เรื่องพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทย อันประกอบด้วย ประเภทและลักษณะพันธุ์ไม้
ตัวอย่างพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย ประโยชน์ ของพันธุ์ไม้
ข
คณะผู้จัดทำ
เด็กชายเปรมมินทร์ เบ้าคำ
และคณะ
4 มีนาคม 2565
ค
สารบัญ
เรื่อง
หน้า
คำนำ
ก
สารบัญ
ข
สารบัญ (ต่อ)
ค
สารบัญตาราง
ง
สารบัญภาพ
จ
สารบัญภาพ (ต่อ)
ฉ
บทที่ 1 บทนำ
1
1.1 หลักการและเหตุผล
1
1.2 จุดประสงค์ของการศึกษา
1
ง
1.3 ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
1
1.4 วิธีการดำเนินการศึกษาค้นคว้า
1
บทที่ 2 ประเภทและลักษณะของพันธุ์ไม้
2
2.1 ไม้คลุมดิน
2
2.2 ไม้ล้มลุก
2
2.3 ไม้พุ่ม
3
2.4 ไม้ยืนต้น
3
2.5 ไม้เลื้อย
4
2.6 ไม้ประดับอื่นๆ
4
บทที่ 3 ตัวอย่างพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย
8
3.1 กระดังงา
8
จ
3.2 สาธร
8
3.3 กร่าง
9
3.4 กันเกรา
9
3.5 มณฑา
10
3.6 มะขวิด
10
3.7 จันทน์หอม
11
3.8 มะดูก
12
3.9 รวงผึง้
12
3.10 ทานาคา
13
3.11 ลูกปื นใหญ่
14
3.12 สุพรรณิการ์
14
3.13 องุ่นทะเล
15
ฉ
3.14 อบเชย
15
3.15 อโศกอินเดีย
16
สารบัญ (ต่อ)
เรื่อง
หน้า
3.16 เทพทาโร
16
3.17 ชมพูภูคา
17
3.18 กระเบา
17
3.19 กำยาน
18
3.20 จำปาทอง
18
3.21 รงทอง
19
3.22 พุงทะลาย
19
3.23 แสลงใจ
20
3.24 สักทอง
20
ช
3.25 พะยูง
21
3.26 ชิงชัน
22
3.27 จันทน์ผา
23
3.28 ชมพูพาน
24
3.29 ขมิน
้ ต้น
25
3.30 ต้นสามพันปี
26
บทที่ 4 ประโยชน์ของพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย
27
4.1 ด้านสรรพคุณทางยา
27
4.2 ด้านการนำมาทำเครื่องมือ/เครื่องใช้
29
4.3 ด้านการนำมาทำเครื่องหอมต่างๆ
30
4.4 ด้านการก่อสร้าง
31
บทที่ 5 ปั ญหาการถูกรุกรานป่ าไม้
32
ซ
5.1 ข้อมูลสถานการณ์ป่าไม้
32
5.2 ชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม
40
5.3 จากธรรมชาติ
41
5.4 จากมนุษย์
41
5.5 ผลกระทบ
42
บทที่ 6 วิธีการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย
45
6.1 แนวทางการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย
45
6.2 วิธีและนโยบายการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทย 51
บทที่ 7 สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ
53
7.1 สรุปผลการศึกษา
53
7.2 ข้อเสนอแนะ
53
ฌ
บรรณานุกรม
ช
สารบัญตาราง
ตารางที่
หน้า
ตารางที่ 1 การขึน
้ -ลดของพื้นที่ป่าไม้ ระหว่างปี 2516 – 2536
33
ตารางที่ 2 การขึน
้ -ลดของพื้นที่ป่าไม้ ระหว่างปี 2538 – 2559
34
ตารางที่ 3 พื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2557 – 2561
35
ตารางที่ 4 “5 อันดับจังหวัดที่มีพ้น
ื ที่ป่าไม้เพิ่มมากขึน
้ ”
36
ตารางที่ 5 “5 อันดับจังหวัดที่มีการบุกรุกมากที่สุด”
36
ตารางที่ 6 “4 จังหวัดที่ไม่พบพื้นที่ป่า”
36
ตารางที่ 7 พื้นที่เสี่ยงต่อการถูกบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่อนุรักษ์สำนัก
บริหารพื้นที่อนุรักษ์พ้น
ื ที่ 1 37
ตารางที่ 8 พื้นที่เสี่ยงต่อการถูกบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่อนุรักษ์สำนัก
บริหารพื้นที่อนุรักษ์พ้น
ื ที่ 13 38
ญ
สารบัญภาพ
ภาพที่
หน้า
ภาพที่ 1 แพรเซี่ยงไฮ้
2
ภาพที่ 2 ว่านกาบหอย
2
ภาพที่ 3 พุดศุภโชค
3
ภาพที่ 4 ต้นกัลปพฤกษ์
3
ภาพที่ 5 พวงแสด
4
ภาพที่ 6 ปาล์มฤาษี
4
ภาพที่ 7 ปรงญี่ปุ่นและปรงทะเล
5
ภาพที่ 8 กุหลาบควีนสิริกิต์
6
ฏ
ภาพที่ 9 ไผ่สีสุกและต้นพะยูง
6
ภาพที่ 10 ไทรย้อยใบแหลม
7
ภาพที่ 11 กระดังงา
8
ภาพที่ 12 กร่าง
9
ภาพที่ 13 กันเกรา
9
ภาพที่ 14 มณฑา
10
ภาพที่ 15 มะขวิด
10
ภาพที่ 16 จันทน์หอม
11
ภาพที่ 17 มะดูก
12
ภาพที่ 18 ทานาคา
13
ภาพที่ 19 ลูกปื นใหญ่
14
ฐ
ภาพที่ 20 สุพรรณิการ์
14
ภาพที่ 21 องุ่นทะเล
15
ภาพที่ 22 อบเชย
15
ภาพที่ 23 กำยาน
18
ภาพที่ 24 รงทอง
19
ภาพที่ 25 สักทอง
20
ภาพที่ 26 พะยูง
21
ภาพที่ 27 ชิงชัน
22
ภาพที่ 28 จันทน์ผา
23
ภาพที่ 29 ชมพูพาน
24
ภาพที่ 30 ขมิน
้ ต้น
25
ฑ
ภาพที่ 31 ต้นสามพันปี
26
ภาพที่ 32 พื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2504 – 2559
32
ภาพที่ 33 สถิตพ
ิ ้น
ื ที่ป่าไม้ของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2504 – 2562
37
สารบัญภาพ (ต่อ)
ภาพที่
หน้า
ภาพที่ 34 สภาวะโลกร้อน
42
ภาพที่ 35 ระบบนิเวศน์ของป่ าและสัตว์ป่า ได้รับความเสียหาย
43
ภาพที่ 36 วัฏจักรของน้ำ
44
ภาพที่ 37 ป่ าอนุรักษ์
45
ภาพที่ 38 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
46
ภาพที่ 39 วนอุทยาน
47
ภาพที่ 34 สวนพฤกษศาสตร์
47
ฒ
ภาพที่ 41 สวนรุกขชาติ
48
ภาพที่ 42 ป่ าชายเลนอนุรักษ์
49
ภาพที่ 43 พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ
49
ณ
1
บทที่ 1
บทนำ
1. หลักการและเหตุผล
ป่ าไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้หมายถึงที่ดินที่ไม่มีบุคคลใด
์ รอบครองตามกฎหมายที่ดินโดยทั่วไป
บุคคลหนึ่งได้มาซึ่งกรรมสิทธิค
หมายถึงบริเวณที่มีความชุ่มชื้นและปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียวขึน
้ อยู่
อย่างหนาแน่นและกว้างใหญ่ ป่ าไม้เป็ นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความ
สำคัญอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็ นทัง้ มนุษย์และทัง้ สัตว์นานา
ชนิด เพราะป่ าไม้มีประโยชน์ทงั ้ การเป็ นแหล่งวัตถุดิบของปั จจัยสี่ คือ
อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคสำหรับมนุษย์ พร้อม
ยังมีประโยชน์ในการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม ถ้าป่ าไม้ถูกทำลายลง
ไปอย่างต่อเนื่องเช่นนี ้ ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ที่
เกี่ยวข้องเช่น สัตว์ป่า ดิน น้ำ อากาศ เป็ นต้น แต่ที่น่าเสียดายเมื่อ
ทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่อย่างจำกัด แต่ความต้องการของมนุษย์เรานัน
้
มีอยู่อย่างไม่จำกัด เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ จึงทำให้
มีการลุกล้ำพื้นที่ป่าไม้และการลักลอกตัดไม้เพิ่มจำนวนขึน
้ อย่าง
รวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนป่ าไม้และพืชพันธุ์นานาชนิดในประเทศไทยลด
ลงไปอย่างน่าใจหาย
จากความสำคัญของพันธุ์ไม้หายากในประเทศไทยดังที่กล่าวมา
แล้วนัน
้ ข้าพเจ้าจึงสนใจศึกษาค้นคว้า เรื่อง พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทยเพื่อประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา
การเขียนรายงานเชิงวิชาการ (ท 20221) ต่อไป
2. จุดประสงค์ของการศึกษา
2
3. ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
การศึกษาค้นคว้า เรื่อง พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย มี
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า คือ
1. ศึกษาค้นคว้าข้อมูลของพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย
เฉพาะที่อยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ
2. ศึกษาค้นคว้าจากข้อมูลที่ห้องสมุดโรงเรียนกันทรลักษ์
วิทยาและในอินเทอร์เน็ต
4. วิธีการดำเนินการศึกษาค้นคว้า
การศึกษาค้นคว้า เรื่อง พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย มีวิธี
การดำเนินการศึกษาค้นคว้า ดังนี ้
1. เลือกเรื่อง
2. กำหนดขอบเขตของเรื่องและตัง้ ชื่อเรื่อง
3. กำหนดจุดประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
4. วางโครงเรื่อง
5. รวบรวมข้อมูล
6. เขียนเรียบเรียงข้อมูล
และ 7. จัดทำรูปเล่มรายงาน
3
บทที่ 2
ประเภทและลักษณะของพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทย
ในการศึกษาพันธุ์ไม้ สิ่งที่เรา
ต้องทราบลำดับแรกคือ ประเภทและ
ลักษณะของพันธุ์ไม้ ซึ่งใน
บทที่ 2 นี ้ คณะผู้จัดทำได้นำประเภท
ของพันธุ์ไม้มาทัง้ หมด 6 ชนิด ดังนี ้
2.1 ไม้คลุมดิน
ไม้คลุมดิน คือพันธุ์ไม้ที่มี
ขนาดเตีย
้ เล็ก ขยายพันธุ์ง่าย โตเร็ว แผ่ขยายออกด้านข้างเร็ว มี
ลักษณะเป็ นพุ่มคลุมดิน มีความสูงประมาณ 0.50 เมตร ไม้คลุมดิน
หรือพืชคลุมดินนัน
้ หมายถึง พืชที่มีลักษณะการเจริญเติบโตโดยการแผ่
คลุมหน้าดิน โดยหวังประโยชน์จากการช่วยลดการชะล้างหรือ
กัดกร่อนจากธรรมชาติ อาทิเช่น ภาพที่ 1 แพรเซี่ยงไฮ้
ลม,ฝน,ความแห้งแล้งและยังช่วยในการตกแต่งสวนให้มี ความ
สวยงามได้อีกด้วย ไม้คลุมดิน มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์
ก็เป็ นไม้ใบ บางสายพันธุ์ให้ดอกสวยสีสรรสดใส บางสายพันธุ์มีกลิ่น
หอมด้วย เป็ นต้น ซึ่งแต่ละสายพันธุ์นน
ั ้ ก็เหมาะสำหรับการปลูกใน
พื้นที่และ สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป
2.2 ไม้ล้มลุก
4
2.3 ไม้พุ่ม
5
2.4 ไม้ยืนต้น
ไม้ต้น หรือ ไม้ยืนต้น คือ พืชนานปี ซึ่งมีลำต้นยาวและรับ
น้ำหนักกิ่งแขนงและใบได้ โดยมีเนื้อไม้ที่ช่วยทรงตัวได้โดยลำพัง การ
6
2.5 ไม้เลื้อย
ไม้เลื้อย หรือ ไม้เถา คือ พืชที่ไม่มีเนื้อไม้แข็ง ทำให้ไม่
สามารถทรงตัวได้โดยลำพัง ลำต้นเลื้อยไปตามดินหรือพันสิ่งที่อยู่ใกล้
เคียงเป็ นที่ยึดเกาะ เพื่อพยุงให้ลำต้นเจริญอยู่ได้ โดยอาจมีอวัยวะ
7
2.6 ไม้ประดับอื่นๆ
ไม้ประดับ หมายถึงพืชที่ปลูกไว้เพื่อความสวยงามที่มากขึน
้
ใช้ประดับตกแต่งอาคารบ้านเรือนให้เกิดความเจริญตา ส่วนใหญ่ไม้
ประดับมักเป็ นพืชดอก จึงเรียกรวมกันว่า ไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งความ
เป็ นจริงแล้วไม้ประดับไม่จำเป็ นต้องมีดอกก็ได้ เพียงมีใบที่ดูดีหรือมี
สีสันสวยงามก็ใช้ได้ ไม้ประดับมีขนาดเล็กหรือขนาดย่อมพอเหมาะแก่
พื้นที่จัดตกแต่ง อาจปลูกไว้ในกระถาง ปลูกลงดิน หรือแขวนห้อยไว้
ก็ได้ แบ่งออกได้ 6 ชนิด ดังนี ้
2.6.1 ปาล์ม
ปาล์มเป็ นพืชที่มี
อยู่ในโลกมานานกว่า 80 ล้านปี
ส่วนใหญ่ขน
ึ ้ อยู่กระจัดกระจายใน
เขตร้อนของโลกรวมทัง้ ประเทศไทย
ปาล์มมีอยู่ทั่วโลกเกือบ 4,000 ชนิด
มีไม่กี่ชนิดขึน
้ อยู่ในเขตอบอุ่น ทุก ๆ
ปี จะพบปาล์มชนิดใหม่ ๆ 1-2 ชนิด
อยู่เสมอ และมีการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติด้วยปาล์มเป็ นพืชที่มีวงศ์
ภาพที่ 6 ปาล์มฤาษี
8
ภาพที่ 7 ปรงญีป
่ ุ ่นและปรงทะเล
2.6.3 ไม้ในร่ม
เป็ นพันธุ์ไม้ที่ปลูกในโรงเรือนหรือในร่ม มีทงั ้ ‘ไม้
ยืนต้น’ เช่น หมากแดง หนวดปลาหมึก ปาล์มหลายชนิด เป็ นต้น
10
2.6.4 พันธุ์ไม้หอม
พันธุ์ไม้หอมมีความสำคัญทางศิลปวัฒนธรรมของไทย
ที่บ่งบอกถึงความเป็ นชาติที่มีอารยธรรมอันยาวนาน ซึ่งปรากฏใน
วรรณคดีไทยหลายยุคหลายสมัย มีการนำพรรณไม้หอมมาปลูกเลีย
้ ง
กันตัง้ แต่สมัยสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ แรกเริ่มสมัย
สุโขทัยส่วนใหญ่เป็ นไม้ต้นที่คัดเลือกมาจากป่ า เป็ นไม้ไทยพื้นเมือง
เช่น จำปี พุด ลำดวน สารภี บุนนาค มะลิ เมื่อนำมาปลูกเลีย
้ งก็
สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพถิ่นที่อยู่ใหม่ได้ดี ในช่วงปลายสมัยกรุง
ศรีอยุธยาเริ่มมีการนำพันธุ์ไม้หอมจากต่างประเทศเข้ามาปลูกใน
ประเทศไทย ดังปรากฏในหลักฐาน ภาพที่ 8 กุหลาบควีนสิริกิต์
ทางวรรณคดีที่กล่าวถึงไม้หอมต่าง ๆ ได้แก่ การเวก กระดังงา กุหลาบ
มอญ ส้มโอ พุทธชาด พุดซ้อน สายหยุด พิกล
ุ เป็ นต้น ต่อมาความนิยม
ได้เพิ่มมากขึน
้ จึงมีการนำเข้าพรรณไม้จากต่างประเทศโดยเฉพาะสมัย
รัตนโกสินทร์และจนถึงทุกวันนี ้ ทำให้ลักษณะของไม้หอมมีหลากหลาย
ชนิดและหลากหลายสกุล มีทงั ้ ที่เป็ นไม้พ้น
ื เมืองหรือกระจายพันธุ์มา
11
2.6.5 ไม้มงคล
ต้นไม้บางชนิดจะให้ดอกที่มีสีสันสวยงามและให้คุณ
ประโยชน์ มีไม้บางชนิด ที่กำหนดให้เป็ นไม้มงคล จากความเชื่อที่
ว่าทำให้เกิดความเป็ นสิริมงคลแก่เจ้าของหรือผู้ปลูก และมีไม้มงคล 9
ชนิด ที่ใช้ในพิธีวางศิลาฤกษ์ ก่อนการสร้างอาคารบ้านเรือน โดยปั กไม้
มงคลลงพื้นและลงอักขระ ที่เรียกว่า หัวใจพระอิติปิโส ได้แก่
อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ ลงบนท่อนไม้ชนิดละอักขระ พร้อมทัง้ ปิ ด
ทองทัง้ 9 ท่อน โดยปั กวนจากซ้ายไปขวา(ทักษิณาวรรต) ไม้มงคลทัง้ 9
ชนิด ได้แก่ ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ กันเกรา สัก ทองหลาง พะยูง ขนุน
ทรงบาดาล และไผ่สีสุก
ภาพที่ 9 ไผ่สีสุกและต้นพะยูง
2.6.6 ไม้ดัด
12
ภาพที่ 10 ไทรย้อยใบแหลม
บทที่ 3
ตัวอย่างพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย
ตัวอย่างพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากในประเทศไทย ใช้ศก
ึ ษาและใช้เป็ น
ตัวอย่างในการอธิบายลักษณะทางกายภาพของพันธุ์ไม้ยืนต้นหายาก
14
3.1 กระดังงา
เป็ นไม้ยืนต้น ความสูง 8-15 เมตร เป็ นพุ่มทรงโปร่ง
ออกดอกตลอดปี ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปวงรีหรือรูปใบหอก กว้าง 5-7
ซม. ยาว 13-20 ซม. ขอบใบเป็ น
คลื่น เปลือกต้นเกลีย
้ งสีเทา ดอกช่อ
ออกเป็ นกระจุก ที่ซอกใบ กระจุก
ละ 4-6 ดอก กลีบดอกสีเหลืองหรือ
เหลืองอมเขียว มีกลิ่นหอม ผล
เป็ นกลุ่มผล ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
ภาพที่ 11 กระดังงา
โดยเริ่มออกดอกในตอนเช้าและ
ตอนเย็น ปลูกได้ประมาณ 3 ปี สูง 7 - 8 เมตร จึงจะออกดอก
กระดังงาไทยนิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด เมล็ดกระดังงามีสีดำ
นำเมล็ดไปแช่น้ำ แล้วล้างเมล็ดให้สะอาดตากแดดให้แห้ง และนำไป
เพาะในถุงเพาะชำ โดยการผสมดินกับปุ๋ยคอกและมะพร้าวสับ จึงนำ
เมล็ดหยอดถุงละ 1 – 2 เมล็ดประมาณ 30 – 45 วัน กระดังงาไทยจะ
งอกขึน
้ เป็ นต้นกล้าเพื่อรอการปลูกต่อไป
3.2 สาธร
สาธรไม้ต้นขนาดกลางผลัดใบ สูง 18-20 เมตร เรือนยอด
กลมหรือทรงกระบอก เปลือกต้นสีเทาเรียบหรือแตกเป็ นสะเก็ดเล็กๆ
15
3.3 กร่าง
ไทรทอง หรือ กร่าง หรือ ลุง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ficus
altissima) เป็ นไม้ต้นขนาดใหญ่ ในวงศ์ Moraceae มีความสูง
ประมาณ 10 - 30 เมตร มีพพ
ู อน เปลือกต้นสีน้ำตาลอมเทาแตกกิ่ง
16
3.4 กันเกรา
ต้นกันเกรามีลักษณะต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15–
25 เมตร เปลือกสีน้ำตาลเข้ม ใบเดี่ยวออกตรงกันข้าม แผ่นใบรูปมน
ขนาดกว้าง 2.5–3.5 เซนติเมตร ยาว
8–11 เซนติเมตร ปลายใบแหลม
หรือยาวเรียว ฐานใบแหลม โคนมน
ใบเขียวมันวาว มีทรงพุ่งเป็ นทรงฉัตร
แหลมสวยงาม ดอกเริ่มบานสีขาว
แล้วเปลี่ยนเป็ นสีเหลือง กลิ่นหอม
ผลกลมเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง
ภาพที่ 13 กันเกรา
17
3.5 มณฑา
มณฑา (ชื่อวิทยาศาสตร์:
Magnolia liliifera) เป็ นพืชในสกุล
แมกโนเลีย ลักษณะเป็ นไม้พุ่มสูง
ประมาณ 1-3 เมตร ใบเป็ นใบเดี่ยว
ออกสลับรูปรี ปลายใบแหลม ขอบใบ
หยักหรือเป็ นคลื่นเล็กน้อย ดอกออก
ตามซอกใบ มีกลีบเลีย
้ งหนาสีเขียว
ภาพที่ 14 มณฑา
อมเหลือง 3 กลีบ กลีบดอกสีเหลือง
อ่อน 6 กลีบ เรียงเป็ นชัน
้ ชัน
้ ละ 3 กลีบ กลีบดอกเป็ นรูปไข่กลับ ดอก
มีกลิ่นหอมแรงในตอนเช้า ออกดอกตลอดปี ผลเป็ นผลกลุ่ม รูปรี ยาว
ประมาณ 4 เซนติเมตรสามารถปลูกในที่แดดร่มรำไรได้ ปลูกลงดินได้
หรือปลูกในกระถางใบโตหน่อยก็ได้ ไม่ชอบน้ำท่วมขังหรือดินที่ช้น
ื แฉะ
18
3.6 มะขวิด
มะขวิด ภาคเหนือเรียกมะฟิ ด เป็ นต้นไม้ยืนต้นขนาดกลาง
อยู่ในกลุ่มไม้ยืนต้นผลัดใบ มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย สูงถึง 12
เมตร กิ่งแขนงมีหนามเรียวแหลมตรง ยาว 4 เซนติเมตร ใบประกอบ
แบบขนนกปลายคี่ ใบออกตรงข้าม มี 2-3 คู่ รูปไข่กลับ ยาวถึง 4 ซม.
ก้านใบและก้านใบย่อยมีปีกแคบ ๆ ยาวถึง 12 เซนติเมตร มีจุดต่อม
น้ำมัน มีกลิ่นอ่อน ๆ เมื่อขยี ้ ช่อดอกออกปลายยอดหรือซอกใบ มีทงั ้
ดอกเพศผู้และดอกสมบูรณ์เพศ มี 5 กลีบ สีขาวครีมแกมเขียว ชมพู
หรือแดงเรื่อๆ อยู่กันหลวมๆ ผลเปลือกแข็ง รูปกลม ขนาดเส้นผ่า
ศูนย์กลางถึง 10 เซนติเมตร ผิวเป็ นขุยสีออกขาวปนสีชมพู มีเนื้อมาก
กลิ่นหอม มีเมือกหุ้มเมล็ด เมล็ดยาว ภาพที่ 15 มะขวิด
0.5-0.6 เซนติเมตร เปลือกหนา มีขน
มะขวิดนิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะ
เมล็ด และการตอนกิ่ง โดยเทคนิค
เพาะเมล็ดมะขวิดจะแตกต่างจากผล
ไม้อ่ น
ื กล่าวคือ เลือกผลมะขวิดแก่
จัดสมบูรณ์ไม่มีโรค สุกคาต้นแล้ว
หล่นเอง ผ่าเป็ น 2 ซีก ไม่ต้องแกะเนื้อหรือเมล็ดออกจากกะลา นำไป
คว่ำลงบน วัสดุเพาะในกระบะเพาะอยู่ในร่ม ให้น้ำพอชื้น หลังจากนัน
้
ทุก 5-7 วันหมั่นยกกะลาขึน
้ ตรวจ ถ้ายังไม่มีต้นกล้างอกขึน
้ มาให้คว่ำ
19
กะลาต่อไป แต่ถ้ามีต้นกล้างอกขึน
้ มาให้ยกกะลาออกแล้วบำรุงต้นกล้า
ต่อไปจนกว่าจะแข็งแรงจึงย้ายลงหลุมปลูกได้ทันที โดยระยะปลูกแบบ
ปกติควรอยู่ที่ประมาณ 6*6 ม. หรือ 6*8 ม. เพราะเป็ นไม้ยืนต้นขนาด
กลาง
3.7 จันทน์หอม
เป็ นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบสูง 10 - 20
เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือก สีเทาอมขาวเรียบ เรือนยอดเป็ นพุ่ม
กลมค่อนข้างโปร่ง กิง่ อ่อนมีขนประปราย เป็ นชนิดใบเดี่ยว ติดเรียง
สลับทรงใบรูปรีๆ แกมรูปขอบขนาน หรือรูปรีๆ แกมรูปไข่กลับ กว้าง
3 - 6 ซม. ยาว 8-14 ซม. โคนใบตัดหรือหยักเว้าเข้าเล็กน้อย ปลายใบ
สอบแหลมทู่ๆ เนื้อใบค่อนข้างหนา แรกๆ มีขนประปราย แต่พอใบแก่
จะเกลีย
้ ง ใบแห้งออกสีเขียวอ่อนๆ เส้นใบออกจากจุดโคนใบ 3 เส้น
เส้นแขนงใบมี 4 - 6 คู่ ขอบใบเป็ นคลื่นห่างๆ ทางส่วนที่ค่อนไปทาง
ปลายใบ ก้านใบยาว 5 - 10 มม. มีขนประปรายและจะออกสีคล้ำเมื่อ
ใบแห้ง ดอกเล็กสีขาว ออกรวมกันเป็ นช่อตามปลายกิ่งและตามง่ามใบ
ใกล้ๆ ปลายกิ่ง ช่อยาวประมาณ 15 ซม. โคนกลีบฐานดอกติดกันเป็ น
รูปเหยือกน้ำ ปลายแยกเป็ นแฉกแหลมๆ 5 แฉก ทัง้ หมดยาว 10 - 13
มม. มีขนแน่นทางด้านนอกส่วนด้านในเกลีย
้ ง กลีบดอกมี 5 กลีบ ไม่
ติดกัน ทรงกลีบรูปซ้อนเกลีย
้ ง ยาว 10 - 13 มม. เกสรผู้มี 10 อัน และ
ในจำนวนนีจ
้ ะเป็ นเกสรผู้เทียมเสีย 5 อัน รังไข่ มี 5 พู รวมเบียดกันอยู่
เป็ นรูปเหยือกน้ำ มีขนคลุมแน่นแต่ละพูเป็ นอิสระแก่กัน และต่างก็มี
หลอดท่อรังไข่หนึ่งหลอด ในแต่ละพูมีช่องเดียว และมีไข่อ่อนหนึ่ง
20
ภาพที่ 16 จันทน์หอม
21
3.8 มะดูก
มะดูก ชื่อวิทยาศาสตร์: Siphonodon celastrineus เป็ น
พืชในวงศ์ Celastraceae มีหูใบแต่ร่วงง่าย ใบเดี่ยว มักจักเป็ นซี่ฟัน
ตื้น ๆ ดอกช่อออกเป็ นกระจุกตามง่ามใบ ดอกสีขาวครีม มีจุดสีน้ำตาล
แดง มีกลีบเลีย
้ งและกลีบดอก เกสรตัวผู้ 5 อัน ก้านชูแบน ผลรูปรีหรือ
กลม สีเขียวหรือ เขียวอมเหลือง การขยายพันธุ์ทำได้ด้วยวิธี
การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และการปั กชำกิ่ง เป็ นพืชที่เจริญเติบโตได้ดี
ในดินร่วนซุยที่อุดมสมบูรณ์ สามารถระบายน้ำและถ่ายเทอากาศได้ดี
ชอบแสงแดดแบบเต็มวัน ต้องการน้ำในปริมาณปานกลาง เหมาะ
สำหรับปลูกในพื้นที่กลางแจ้ง
ภาพที่ 17 มะดูก
3.9 รวงผึง้
รวงผึง้ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Schoutenia glomerata) เป็ น
พืชในวงศ์ชบา มีถิ่นกำเนิดในมาลายา ในประเทศไทยพบมากในป่ าทาง
ภาคเหนือ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000–1,100 เมตรลักษณะ
22
3.10 ทานาคา
ทานาคาจัดเป็ นไม้พุ่มกึ่งไม้ต้น หรือไม้ยืนต้นขนาดกลาง ไม้
ผลัดใบ สูง 5-10 เมตร ลำต้นเปลาตรง แตกกิ่งในระดับและมักจะต่ำ
กิ่งก้านตัง้ ฉากกับลำต้น แต่เนื้อไม้สีขาว ส่วนเปลือกต้นเป็ นสีน้ำตาล
23
ภาพที่ 18 ทานาคา
3.12 สุพรรณิการ์
เป็ นต้นไม้ผลัดใบสูง 7-15
เมตร แผ่นใบแยกเป็ น 5 แฉก ขอบใบ
เป็ นคลื่น ดอกเป็ นช่อออกกระจายที่
ปลายกิ่ง บานทีละดอก ดอกเหลืองมี
กลิ่น กลีบบาง เกสรสีเหลือง รังไข่มี
ขน ผลกลมเมื่อแก่แตก 3-5 พู
ภายในมีเมล็ดรูปไตสีน้ำตาล หุ้มด้วย
ปุยขาวคล้ายปุยฝ้ าย ออกดอกเกือบตลอดปี ดอกดกมาก ราวเดือน
กุมภาพันธ์-เมษายน มีถิ่นกำเนิดใน
ภาพที่ 20 สุพรรณิการ์
ประเทศอินเดียทางตะวันตกเฉียง
เหนือของภูเขาหิมาลัย และเป็ นไม้พ้น
ื
26
3.13 องุ่นทะเล
ต้นองุ่นทะเล หรืออีกชื่อ ครุฑทะเล มีถิ่นกำเนิดในทวีป
อเมริกากลาง และอเมริกาใต้เป็ นไม้ยืนต้น เมื่อปลูกต้นเดียวๆ ทรงพุ่ม
ค่อนข้างกลม มีการเจริญเติบโตเร็ว มีความสูงโดยประมาณตัง้ แต่
3-10 ม. และ ใบ ไม่ค่อยร่วง ผลออกเป็ นพวง สามารถรับประทานได้
ดอกมีขนาดเล็ก มี 5 แฉก กลีบดอก
มีสีขาว และมีกลิ่นหอม ช่วง ภาพที่ 21 องุ่นทะเล
ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่งจะเหมาะสมที่สุด ใช้เวลาออกรากน้อย
กว่า การเพาะเมล็ด ต้นองุ่นทะเล สามารถปลูกในดินได้หลายรูปแบบ
ทนต่อความแห้งแล้ง สามารถเติบโตตามสภาพภูมิอากาศที่ร้อนได้ตาม
ธรรมชาติ และทนต่อดินเค็ม สามารถอยู่รอดได้ในทุกสภาพภูมิอากาศ
ในพื้นที่ชายฝั่ งทะเล ปลูกเพื่อเป็ นแนวป้ องกันลมพัดแรงตามแนว
ชายฝั่ งทะเล ช่วยป้ องกันการกัดเซาะของหน้าดิน
3.14 อบเชย
เป็ นไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15 – 20 เมตร
ไม่ผลัดใบ เรือนยอดกลม หรือรูปเจดีย์ต่ำๆ ทึบ เปลือกนอกสีน้ำตาล
อมเทา เรียบ หรือแตกเป็ นสะเก็ดสี่เหลี่ยม มีช่องอากาศกระจายอยู่
ทั่วไป เปลือกในสีชมพู กระพีส
้ ีขาว เปลือกและใบมีกลิ่นหอมแบบ
อบเชย ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม หรือเกือบตรงข้าม รูปขอบขนาน กว้าง
2.5 – 7.5 เซนติเมตร ยาว 7.5 – 25 เซนติเมตร โคนใบมน ขอบใบ
เรียบ ปลายใบแหลม เนื้อใบหนา
แข็งและกรอบ มีเส้นใบออกจาก
โคนใบ 3 เส้นยาวตลอดจนถึงปลาย
ใบ ใบด้านล่างเป็ นคราบขาวๆ ยอด
ภาพที่ 22 อบเชย
อ่อนมีสีแดง ช่อแยกแขนง ออกที่
ปลายกิ่ง ดอกย่อยสีเหลืองอ่อน
หรือเขียวอ่อน ขนาดเล็ก กลีบเลีย
้ ง
6 กลีบ เรียง 2 ชัน
้ ชัน
้ ละ 3 กลีบ แต่ละกลีบรูปไข่ ปลายแหลม มีขน
นุ่มหนาแน่น ไม่มีกลีบดอก ดอกมีกลิ่นเหม็น ผลมีเนื้อเมล็ดเดียวแข็ง
รูปไข่กลับ ขนาดเล็ก ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ผิวเกลีย
้ งเป็ นมัน มี
คราบขาว โคนมีกลีบเลีย
้ งหุ้มอยู่ ผลอ่อนสีเขียวประขาว เมื่อสุกมีสีดำ
28
3.15 อโศกอินเดีย
อโศกอินเดีย หรือ อโศกเซนต์คาเบรียล (ชื่อวิทยาศาสตร์:
Polyalthia longifolia) เป็ นไม้ยืนต้นสูง ในวงศ์ Annonaceae มี
ลักษณะเป็ นไม้ไม่ผลัดใบ ทรงพุ่มเป็ นรูปปิ รามิดแคบ ๆ สูงเต็มที่ได้ถึง
25 เมตร กิ่งโน้มลู่ลงทัง้ ต้น ทำให้แลดูต้นสูงชลูดมาก เปลือกต้นเกลีย
้ ง
สีเทาเข้ม หรือเทาปนน้ำตาล ใบเดี่ยวรูปใบหอกแคบ ๆ ปลายแหลม
ยาว 15 - 20 เซนติเมตร สีเขียวเป็ นมันเงางาม ขอบใบเป็ นคลื่น
ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม - เมษายน จะออกดอกสีเขียวอ่อน
เป็ นกระจุกตามข้างๆ กิ่ง แต่ละดอกเป็ นรูปดาว 6 แฉก กลีบดอกเป็ น
คลื่นน้อย ๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 - 2 เซนติเมตร ดอกบานอยู่
นาน 3 สัปดาห์ ผลรูปไข่ ยาว 2 เซนติเมตร เมื่อสุกมีสีดำ เป็ นไม้ต้น
ทรงสูงชะลูด สามารถสูงได้เกินกว่า 30 ฟุต เป็ นแท่งกลมปลายแหลม
ทรงพุ่มแผ่นทึบ ใบรูปหอก แนว ยาวสีเขียวเข้ม ขอบใบเป็ นคลื่น ดอก
ออกเป็ นช่อสีเขียวอ่อน รูปดาว 6 แฉก ดอกมีกลิ่นอ่อน นิยมปลูกเป็ น
ไม้ประดับและเป็ นร่มเงา มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดียและศรีลงั กา
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด เก็บเมล็ดสุกดำๆ ล้า่งเอาแต่เมล็ด ถ้า
เมล็ดที่สมบูรณ์จะจมน้ำ จากนัน
้ ผึ่งลมให้แห้ง ห้ามตากแดด นำไปเพาะ
29
3.16 เทพทาโร
เทพทาโร (ออกเสียง [เทบ-พะ-ทา-โร]; ชื่อวิทยาศาสตร์:
Cinnamomum porrectum Kosterm) เป็ นต้นไม้หอมชนิดหนึ่งสกุล
เดียวกับต้นอบเชย มีต้นขนาดใหญ่ อยู่ในวงศ์ Lauraceae และ
เป็ นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดพังงา เทพทาโรเป็ นไม้
ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็ นพุ่มกลับทึบ ใบมีสีเขียวเข้ม
ลำต้นเรียบไม่มีพูพอน เปลือกต้นสีเทาอมเขียวหรืออมน้ำตาล ค่อนข้าง
เรียบ แตกเป็ นร่องยาวตามลำต้น เมื่อถากเปลือกออกจะมีกลิ่นหอม
กิง่ มีลักษณะอ่อนเรียว เกลีย
้ งและมักมีคราบขาว ใบเป็ นชนิดใบเดี่ยว
ออกเรียงสลับกัน เป็ นใบรูปรีแกมรูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน
เนื้อใบค่อนข้างหนา ผิวใบเกลีย
้ ง ท้องใบมีคราบขาว ปลายใบแหลม
โคนใบแหลมและกลม ยาวประมาณ 7 - 20 ซม. ก้านใบเรียวเล็ก 2.5
- 3.5 ซม. ดอกออกเป็ นช่อ สีขาวหรือเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม
ออกดอกตามปลายกิง่ เป็ นกระจุกยาว 2.5 - 7.5 ซม. ก้านช่อดอกจะ
เรียวยาวและเล็กมาก ผลมีขนาดเล็กและกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 7 มม. ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่มีสีม่วงดำ ก้านผลเรียว ยาว
ประมาณ 3 - 5 ซม. ลักษณะเนื้อไม้มีสเี ทาแกมน้ำตาล มีกลุ่มหอมฉุน
มีรว
ิ ้ สีเขียวแกมเหลือง เนื้อไม้เป็ นมันเลื่อม เสีย
้ นตรง หรือสับสน เป็ น
คลื่นบ้างเล็กน้อย เหนียว แข็งพอประมาณ เลื่อย ไส้กบ ตบแต่งง่าย
30
นี ้ ที่มณฑลยูนานประเทศจีน แต่ปัจจุบันคาดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเนื่อง
ด้วยการตัดไม้ทำลายป่ า สำหรับในประเทศไทยมีรายงานการสำรวจ
พบพันธุ์ไม้ชนิดนีเ้ มื่อมี พ.ศ. 2532 บริเวณป่ าดงดิบเขาดอยภูคา
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอปั ว และที่ บ้านสว่าง อำเภอแม่จริม
จังหวัดน่าน ชมพูภค
ู า ขยายพันธุ์และเพาะปลูกได้ด้วยวิธีเพาะเมล็ด
แต่เมล็ดจะมีอัตราการงอกที่ดีบนพื้นที่สูงตามถิ่นกำเนิดเดิมปั จจุบัน มี
การเก็บเมล็ดจากต้นต้นดัง้ เดิมที่พบบนดอยภูคามาเพาะขยายพันธุ์จน
ได้ต้นกล้า และนำมาปลูกบริเวณใกล้เคียงกับต้นแบนดอยภูคาจำนวน
หลายต้น ซึ่งต่อไปจะน่าจะมีการติดดอก และบานให้ช่ น
ื ชมมากขึน
้
3.18 กระเบา
ต้นกระเบา มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบ
กระจายพันธุ์ในภูมิภาคอินโดจีน จัดเป็ นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบขนาดกลาง
จนถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร รูปทรงสูง
โปร่ง ลำต้นเปลาตรง เปลือกลำต้นเรียบและเป็ นสีเทา ขยายพันธุ์ด้วย
วิธีการใช้เมล็ด ในประเทศไทยสามารถพบได้ทุกภาคตามป่ าดิบและ
ตามป่ าบุ่งป่ าทามที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 30-1,300 เมตร
ใบเป็ นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะใบเป็ นรูปรียาวแกมรูปขอบขนาน
ปลายใบแหลม โคนใบมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ
3-6 เซนติเมตรและยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร หลังใบเรียบเป็ น
มัน สีเขียวเข้ม ส่วนท้องใบเรียบไม่ล่ น
ื และมีสีอ่อนกว่า เนื้อใบทึบแข็งมี
ลักษณะกรอบ มีเส้นใบประมาณ 8-10 คู่ ใบอ่อนเป็ นสีชมพูแดง ส่วน
ใบแก่เป็ นสีเขียวเข้ม ส่วนก้านใบยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร ดอก
กระเบา ดอกเป็ นแบบแยกเพศอยู่กันคนละต้น ต้นตัวผู้จะเรียกว่า
“แก้วกาหลง” ส่วนต้นตัวเมียจะเรียกว่า “กระเบา” ออกดอกเดี่ยว
32
3.20 จำปาทอง
มีลก
ั ษณะเป็ น ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ
สูงได้ถึง 30-50 ม. ลำต้นมีลักษณะเปลาตรง สูงใหญ่ เปลือกเรียบสี
น้ำตาลอมเทา แตกเป็ นร่องตามยาว เปลือกหนา เปลือกในสีขาว มีรู
ระบายอากาศทั่วไป มักมีรอยตาของกิ่งที่หลุดร่วงไปแล้ว ตามกิ่งอ่อน
ก้านใบ แผ่นใบด้านล่าง ช่อดอก และช่อผลมีขนหนานุ่ม กิง่ อ่อนมีรอย
วงแหวน หูใบแนบติดก้านใบมากกว่ากึ่งหนึ่ง กิง่ แก่เกลีย
้ ง มีช่อง
อากาศเล็ก ๆ เนื้อไม้สีเหลืองหรือน้ำตาลอ่อน ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ
แผ่นใบรูปรีแกมขอบขนาน รูปไข่แกมรูปขอบขนาน หรือรูปใบหอก
34
3.22 พุงทะลาย
ต้นสำรอง จัดเป็ นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีความสูงของต้น
ประมาณ 30-40 เมตร และอาจสูงได้ถึง 45 เมตร ลำต้นมีลักษณะตัง้
ตรงสูงชะลูด แตกกิ่งก้านออกรอบต้น เรียงกันเป็ นชัน
้ ๆ ลำต้นเป็ นสี
เทาดำ เปลือกต้นหยาบ มีเส้นเป็ นร่องตามแนวดิ่ง สามารถพบได้ตาม
ป่ าดิบเขาที่มีฝนตกชุกและมีแสงแดดส่องถึง พบได้มากในจังหวัด
จันทบุรี แต่ในปั จจุบันมีแนวโน้มว่าอาจจะสูญพันธุ์ได้ ออกดอกเป็ นช่อ
36
3.23 แสลงใจ
ลักษณะเป็ นไม้ต้น สูง 5–25 ม. กิง่ ก้านกลม เกลีย
้ ง สีเทา
แกมเหลือง บางครัง้ มีหนาม ใบดก หนาทึบ ใบสีเขียวเข้มเป็ นมัน เป็ น
37
3.24 สักทอง
ไม้ต้นขนาดใหญ่ผลัดใบในฤดูร้อน ลำต้นเปลาตรงเปลือก
เรียบหรือแตกเป็ นร่องเล็กๆ สีเทา โคนเป็ นพูพอนต่ำๆ เรือนยอด
เป็ นพุ่มทรงกลมค่อนข้างทึบ เปลือกสีเทา เรียบ หรือแตกเป็ นร่องตื้น
38
ตามความยาวลำต้น ขึน
้ เป็ นหมู่ในป่ าเบญจพรรณทางภาคเหนือ บาง
ส่วนในภาคกลางและภาคตะวันตก มีอยู่บ้างทางภาคตะวันออกเฉียง
เหนือ สักมักจะได้รับความเข้าใจผิดเสมอว่าเป็ นไม้เนื้อแข็ง เนื่องจาก
ว่ามันมีลักษณะพิเศษที่เป็ นไม้เนื้ออ่อนที่มีความทนทานกว่าไม้เนื้อแข็ง
หลายๆชนิด ลำต้นเป็ นเปลาตรงเปลือกเรียบหรือแตกเป็ นร่องเล็กๆ สี
เทา โคนเป็ นพูพอนต่ำๆ เปลือกหนาประมาณ 0.3-1.7 เซนติเมตร เนื้อ
ไม้มีสีเหลืองทองถึงน้ำตาลแก่ เสีย
้ นตรง เนื้อหยาบ เป็ นใบเดี่ยวใหญ่
มาก ออกตรงข้ามกันเป็ นคู่ ปลายใบแหลมโคนมน ยาว 25-30
เซนติเมตร กว้างเกือบเท่ายาว ใบของต้นอ่อนจะใหญ่กว่านีม
้ าก ผิวใบ
มีขนสากคายสีเขียวเข้ม ขยีใ้ บสดจะมีสแ
ี ดงเหมือนเลือด ดอกมีขนาด
เล็ก สีขาวนวลออกเป็ นช่อตามปลายกิ่ง ออกดอกและเป็ นผลในช่วง
เดือนมิถุนายน - ตุลาคม ผลแห้งค่อนข้างกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 2 เซนติเมตร เปลือกแข็ง ภายในมี 1 - 3 เมล็ด การขยาย
พันธุ์ไม้สักอาจกระทำได้ทงั ้ วิธีการเพาะเมล็ด โดยวิธีใช้เมล็ด และวิธีไม่
อาศัยเมล็ด การใช้เมล็ดขยายพันธุ์เป็ นวิธีที่ใช้ปฏิบัติโดยทั่วไปในการ
ปลูก สร้างสวนป่ าเพราะเป็ นวิธีที่ง่ายและเหมาะสมสำหรับผลิตกล้า
หรือเหง้าสักจำนวนมากๆ สิง่ ที่ควรคำนึงก็คือ เมล็ดที่ใช้ควรเก็บมาจาก
แม่พันธุ์หรือแหล่งพันธุ์ที่มีลักษณะดี หรือได้รับการปรับปรุงพันธุ์มา
แล้ว เช่น แหล่งเก็บเมล็ดพันธุ์หรือสวนผลิตเมล็ดพันธุ์ เท่านัน
้
3.25 พะยูง
39
สำหรับวิธีการขยายพันธุ์โดยวิธีอ่ น
ื ๆ ที่สามารถทำได้คือการนำเหง้ามา
ปั กชำ
3.26 ชิงชัน
ชิงชัน เป็ นชื่อของไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่
ประเภทไม้ผลัดใบที่อยู่ในวงศ์ Leguminosae ชนิดหนึ่ง (อยู่ในวงศ์
เดียวกับประดู่) ต้นไม้ชนิดนีข
้ ยายพันธุ์โดยเมล็ดและก็สามารถแพร่
กระจายพันธุ์ตามป่ าดิบแล้งตลอดจนถึงป่ าเบญจพรรณทั่วไปยกเว้น
เฉพาะทางภาคใต้เท่านัน
้ ที่ไม่สามารถแพร่กระจายพันธุ์ได้เป็ นไม้กลาง
แจ้งที่สามารถขึน
้ ได้ดีในดินทุกประเภทและต้องการน้ำเพียงปานกลาง
ลักษณะของต้นไม้โดยรวม เปลือกจะมีความหนาซึ่งเป็ นสีน้ำตาลอม
ภาพที่ 27 ชิงชัน
เทาสามารถล่อนออกเป็ นแว่นๆได้และมีเนื้อภายในเป็ นสีเหลือง ใบนัน
้
จะเป็ นใบประกอบแบบขนนก ดอกมีขนาดเล็กที่รวมกันเป็ นช่อ ฝั กเป็ น
รูปหอกแต่แบนส่วนหัวท้ายของฝั กนัน
้ จะแหลม ส่วนระบบรากนัน
้ จะมี
ความลึกมาก เนื่องจากไม้ชิงชันนัน
้ มีลก
ั ษณะที่แข็งและเหนียวรวมถึงมี
ลักษณะที่ดูสวยงามมากดังนัน
้ จึงนิยมนำมาทำเป็ น เครื่องเรือน เครื่อง
ดนตรีต่าง ๆ เป็ นต้น นอกจากประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรมพื้นบ้าน
แล้วต้นไม้ชิงชันยังให้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรอีกด้วย ชิงชันเป็ น
42
พันธุ์ไม้ที่มีระบบรากลึกและสามารถทนต่อความแห้งแล้งได้เป็ นอย่างดี
อย่างไรก็ดีในระยะแรกของการพัฒนาไม้ชนิดนี ้ กลับต้องการดูแลพอ
สมควร
การขยายพันธุ์ไม้ชิงชันสามารถทำได้ทงั ้ โดยอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ
การขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ การขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ เช่น
การต่อกิ่ง, การตอน ไม้ชนิดนีย
้ ังมีการสืบพันธุ์ตามธรรมชาติได้ดี โดย
จำเป็ นต้อง มีการเตรียมพื้นที่ช่วย เป็ นต้นว่า ใช้วิธีจุดไฟเผา วัชพืช
ตลอดจน ไม้พ้น
ื ล่าง คุณสมบัติที่ดีอีกอย่างของไม้ชิงชันคือเป็ นไม้ที่
สามารถแตกหน่อได้ด้วย การเก็บเมล็ดจะเริ่มได้ในราวเดือน
พฤษภาคม-สิงหาคม ฝั กที่เริ่มแห้งและมีเมล็ดสีน้ำตาลหลังจากเก็บฝั ก
มาแล้ว ควรทำการเก็บเมล็ดโดยการผึ่งแดดให้แห้ง และสีเอาส่วนของ
ปี กออก หรือโดยการตัดเอาเฉพาะส่วนของเมล็ดไว้เท่านัน
้ การปลูกไม้
ชิงชันไม่ควรเป็ นไม้ชนิดเดียวทัง้ แปลง ควรปลูกร่วมกับไม้โตเร็วอื่นๆ
เนื่องจากเป็ นไม้โตช้ามาก ไม่สามารถที่จะ เก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ภายในระยะเวลาอันสัน
้ และขณะเดียวกันก็ยังต้องการร่มเงา ในระยะ
แรก พบว่าไม้ชนิดนี ้ จะมีลักษณะคดงอและแตกกิ่งก้านมากหากปลูก
กลางแจ้ง แต่จะเจริญเติบโตได้ดีมาก หากมีการบังแสง จากทางด้าน
ข้าง และมีการได้รับแสงบ้างเฉพาะจากทางด้านบน ก่อนการย้ายปลูก
จำเป็ นต้องมีการทำให้กล้าไม้แกร่ง โดยการลดปริมาณการให้น้ำ ลง
อย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนปลูก เช่น การรดน้ำแบบวันเว้นวัน เป็ นต้น
ในวันที่จะนำปลูกให้ทำการรดน้ำให้ชุ่ม
3.27 จันทน์ผา
43
ภาพที่ 28 จันทน์ผา
ภาพที่ 29 ชมพูพาน
3.29 ขมิน
้ ต้น
เป็ นไม้ต้นขนาดเล็กสูง 5-8 เมตร ลำต้นมักคดงอและเป็ น
ปุ ่มปม กิ่งเรือนยอดมักแผ่ออกเป็ นรูปร่ม ตามกิง่ อ่อนจะมีรอยแผลใบ
โต ๆ ทั่วไป เปลือกลำต้นค่อนข้างขรุขระ เนื้อไม้สเี หลืองเหมือนขมิน
้
จึงใช้สีสำหรับย้อมผ้าได้เป็ นอย่างดี ใบเป็ นช่อยาวถึง 40 เซนติเมตร
47
ไทยให้ต่างประเทศได้ร้จ
ู ักเป็ นอย่างดี เจริญได้ดีในดินร่วนอุดมสมบูรณ์
สูงชอบอากาศค่อนข้างร้อนและมีความชุ่มชื้นในเวลากลางคืน ช่วงฤดู
การปลูก ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนเมษายนถึง
พฤษภาคม ขยายพันธุ์โดยใช้เหง้าหัวหรือแง่งนิว้ ที่มีตา 2 - 3 ตา
ภาพที่ 30 ขมิน
้ ต้น
3.30 ต้นสามพันปี
ไม้ต้นสูงถึง 35 เมตร เรือนยอดรูปเห็ดหรือรูปกรวยคว่ำ
ค่อนข้างทึบ กิง่ ลู่ห้อยย้อยลง เปลือกลำต้นเป็ นสะเก็ดสีนาํ้ ตาลปนเทา
เมื่อสะเก็ดหลุดใหม่ ๆ จะทำให้ผิวเปลือกเป็ นรอยด่างแต้มอยู่ทั่วไป ใบ
เป็ นชนิดใบเดี่ยวมีสองแบบ ถ้าเป็ นใบอ่อนหรือตามกิ่งที่ยังไม่มีดอก
ออกผล ใบจะเรียวคล้ายหนามหรือเส้นลวดโค้ง ๆ ยาวประมาณ 1
เซนติเมตร ติดเวียนซ้อนกันตามกิ่งเป็ นพวงคล้ายหางกระรอก ถ้าใบที่
อยู่ตามกิ่งที่มีดอกออกผล ใบจะเปลี่ยนรูปเป็ นเกล็ดรูปสามเหลี่ยมกอด
แนบไปตามกิง่ ดอก ดอกเพศผู้และเมียอยู่ต่างช่อหรือต่างต้นกัน ดอก
เพศผู้จะออกรวมกันเป็ นช่อที่ปลายกิ่งเป็ นรูปกระบองเล็ก ๆ ยาวไม่
49
ภาพที่ 31 ต้นสามพันปี
50
วิธีการขยายพันธุ์ การเพราะเมล็ดนัน
้ ทำให้ลำต้นไม่ค่อยสมบูรณ์ งอก
ยากมาก อีกทัง้ เป็ นกล้าไม้ชอบแสง ถ้าถูกพืชอื่นบังอยู่ก็จะตายไปหมด
จึงจำเป็ นที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือในการสืบพันธุ์ และขยายพันธุ์ตาม
ธรรมชาติด้วย ปกติสามพันปี จะออกดอกเป็ นผลระหว่างเดือน
ธันวาคมต่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปี ถัดไป
บทที่ 4
ประโยชน์ของพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทย
พันธุ์ไม้ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์นน
ั ้ ล้วนแล้วแต่เป็ นพันธุ์ไม้ที่
มนุษย์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ใน ด้านต่างๆ ได้ โดยในบทที่ 4 นี ้
คณะผู้จัดทำได้ยกตัวอย่างประโยชน์ของพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทยมาทัง้ หมด 4 ด้านดังนี ้
4.1 ด้านสรรพคุณทางยา
4.1.1 กระดังงา
51
4.1.7 รวงผึง้
(1) กลิ่นหอมของดอกรวงผึง้ ช่วยกระตุ้นระบบ
ประสาท ทำให้ผ่อนคลาย และหลับง่ายขึน
้
4.1.8 ทานาคา
(1) แก้ปวดท้องบริเวณลำไส้ใหญ่ ใช้เป็ นยาถ่าย ช่วย
ขับเหงื่อ แก้สิวฝ้ า เป็ นยาบำรุงกำลัง แก้ไข้ แก้พิษ
แก้อาหารไม่ย่อย แก้ท้องอืดเฟ้ อ เป็ นยาสมานแผล ช่วย
เจริญอาหาร ช่วยดับพิษร้อน แก้กษัย ช่วยบำรุงเลือดและแก้กระษัย
4.1.9 ลูกปื นใหญ่
(1) เป็ นยาสมานแผล ยาห้ามเลือด แก้โรคผิวหนัง
ตุ่มพุพอง โรคซิฟิลิสโกโนเรีย วัณโรค โรคท้องร่วง
บิด โรคหูอักเสบ แก้ท้องเสีย ท้องร่วง
53
4.1.10 มะเม่า
(1) เป็ นยาระบาย ช่วยบำรุงสายตา ใบอังไฟแล้ว
ประคบ แก้อาการ ฟกช้ำ และมีสารอาหารจำนวน
มาก เช่น วิตามินซี วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสร
4.1.11 องุ่นทะเล
(1) เปลือก เป็ นประโยชน์สำหรับโรคคอและแก้
อาการเจ็บคอ
(2) ใบ มีคณ
ุ สมบัติเป็ นยาควบคุมระดับน้ำตาลใน
เลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานและรักษาโรคนิ่วในไตผล
ช่วยในการลดปริมาณกลูโคสทัง้ หมดที่มีอยู่ใน
ร่างกาย ช่วยในการลดปริมาณคอเลสเตอรอลใน
ร่างกายช่วยในการถ่วงดุลความดันโลหิต
4.1.12 อบเชย
(1) รากและใบ ต้มน้ำดื่มแก้อาการปวดหลังปวดเอว
น้ำต้มให้สตรี กินหลังคลอดบุตรและลดไข้หลังการ
ผ่าตัด
(2) เปลือก มีรสหวานหอม ตากให้แห้งแล้วนำไป
เคีย
้ วกินกับหมาก ต้มน้ำดื่ม เป็ นยาบำรุงธาตุ ช่วย
เจริญอาหาร ใช้เป็ นเครื่องปรุงเทศ
(3) ใบ น้ำยางจากใบใช้ทาแผลถอนพิษของยางน่อง
และตำเป็ นยาพอกแก้ปวด
(4) เมล็ด ทุบให้แตกแล้วผสมกับน้ำผึง้ ให้เด็กกินแก้
บิดและแก้ไอ
54
4.1.13 อโศกอินเดีย
(1) ดอก นำมาทานเพื่อช่วยบำรุงร่างกาย
4.1.14 เทพทาโร
(1) ใบ รสร้อน ใช้ปรุงเป็ นยาหอมแก้ลม จุกเสียด
แน่นเฟ้ อ แก้อาการปวดท้อง ขับผายลมได้ดี ขับลม
ในลำไส้และกระเพาะอาหารให้เรอ เป็ นยา บำรุง
ธาตุขับเสมหะ เป็ นต้น
(2) เปลือก มีรสร้อน มีน้ำมันระเหย 1-25 % และ
แทนนิน แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้ อ แก้ปวดท้อง ขับ
ลมในลำไส้และกระเพาะอาหาร
4.1.15 กระเบา
(1) ผล ใช้รักษามะเร็ง เมล็ดมีรสเผ็ดร้อนและขม ใช้
เป็ นยาถ่ายพยาธิ
(2) รากและเนื้อไม้: มีรสเบื่อเมา ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง
ต่างๆ ช่วยรักษาบาดแผล ช่วยแก้พิษบาดแผลสด ใบ
มีรสเบื่อเบา ใช้ฆ่าพยาธิบาดแผลใบใช้แก้กลาก
เกลื้อน ช่วยดับพิษทัง้ ปวง
(3) เมล็ด: ใช้เป็ นยาแก้กลากเกลื้อนได้เช่นกัน อีกทัง้
ยังช่วยแก้หิดได้
(4) ผลและเมล็ด: มีรสเมาเบื่อมัน ใช้แก้โรคผิวหนัง
ต่างๆ ตำรายาไทยใช้น้ำมันที่บีบจากเมล็ดเพื่อรักษา
โรคผิวหนังอื่นๆ หรือจะใช้เมล็ดทาแก้โรคผิวหนัง ผล
55
4.1.16 กำยาน
(1) ยางที่ได้จากต้นหรือเปลือก เรียกว่า "กำยาน" มี
์ ่อตับและหัวใจ
รสเผ็ดขม สุขุม มีกลิ่นหอม ออกฤทธิต
ใช้เป็ นยาแก้การหายใจไม่สะดวก แน่นหน้าอก
ช่วยทำให้เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก แก้เป็ นลม
เฉียบพลันใช้ เป็ นยาบำรุงหัวใจ ช่วยขับเสมหะและ
ใช้เป็ นยาแก้หลอดลมอักเสบ เป็ นต้น
4.2 ด้านการนำมาทำเครื่องมือ/เครื่องใช้
4.2.1 กระดังงา
(1) เปลือก ใช้ทำเชือก
4.2.2 สาธร
(2) ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรม เช่น การใช้เนื้อไม้
มาแปรรูปทำเป็ น เครื่องจักสานและเครื่องใช้สอย
ต่างๆ เช่น เสาเรือน ขื่อ รอด เพลา เกวียน เครื่อง
นอน ครก สาก เป็ นต้น
4.2.3 กร่าง
(1) รากของต้นกร่างเหนียวใช้ทำเชือก เปลือกชัน
้ ใน
ใช้ทำกระดาษ
56
4.2.4 กันเกรา
(1) ลักษณะลำต้นที่สวยงามทัง้ ลวดลายของเปลือก
และเนื้อไม้ เหมาะแก่การนำไปใช้ประโยชน์ทำเครื่อง
เรือนและเครื่องใช้ต่าง ๆ
(2) ใช้ทำโลงศพของชาวจีน (หีบจำปา) และหมอน
รางรถไฟ
4.2.5 มะขวิด
(1) ยางของผลมีความเหนียว ใช้ติดหรือเชื่อมต่อ
สิ่งของได้
(2) เนื้อไม้ของต้นมะขวิดเป็ นเนื้อไม้แข็ง สามารถนำ
มาใช้ในงานช่างได้
4.2.6 จันทน์หอม
(1) เนื้อไม้ กระพีส
้ ีขาว ส่วนแก่น สีน้ำตาลเข้ม เสีย
้ น
ตรง เนื้อละเอียด แข็งเลื่อยไสกบตบแต่งง่ายไม้ที่ตาย
เองจะมีกลิ่นหอม ใช้ทำหีบใส่เสื้อผ้า เครื่องกลึงและ
แกะสลัก ทำหวี เป็ นต้น
4.3 ด้านการนำมาทำเครื่องหอมต่างๆ
4.3.1 กระดังงา
(1) ดอก นำไปกลั่นน้ำหอม น้ำมันหอมระเหย ใช้นำ
ไปเป็ นส่วนปนะกอบของยาหอม มีฤทธิแ์ ก้วิงเวียน
โดยจัดอยู่ในส่วนประกอบของ เกสรทัง้ เจ็ด 4.3.1.2
คนโบราณใช้ดอกทอดกับน้ำมันมะพร้าวทำน้ำมันใส่
ผม หรือ นำดอกนำมาลนไฟใช้อบขนมให้มีกลิ่นหอม
4.3.2 มะขวิด
(1) อเปลือก ใช้บดทำแป้ งผัดหน้า อย่างในแป้ งพม่า
4.3.4 จันทน์หอม
(1) ดอก ใช้ทำธูป น้ำมันหอมที่ได้จากการกลั่นชิน
้ ไม้
ใช้ปรุงเครื่องหอมและเครื่องสำอาง
58
4.3.6 อบเชย
(1) ใช้ทำเครื่องหอม
(2) นำไปทำธูปได้
4.3.7 เทพทาโร
(1) ในเมล็ด กิ่ง เปลือกต้นและรากเทพทาโร พบ
น้ำมันระเหยประมาณ 2-4% ซึง่ ใช้ทำเครื่องหอม
ต่างๆ ได้
4.3.8 กำยาน
(1) ใช้ปรุงน้ำอบไทย เช่น อบน้ำดอกไม้ น้ำที่อบ
กำยานแล้วโบราณจะนำมาปรุงกับเครื่องหอมอื่นๆ
59
4.4 ด้านการก่อสร้าง
4.4.1 สาธร
(1) เนื้อไม้และแก่นมีลักษณะสวยงามใช้ในการ
ก่อสร้าง
4.4.2 กันเกรา
(1) ใช้ในการก่อสร้างนิยมใช้ทำเสาเรือน
(2) นำไปใช้ในงานแกะสลักต่าง ๆ เป็ นต้น เพราะ
ลักษณะของลำต้นนัน
้ ลวดลายของเปลือกและเนื้อไม้
มีความสวยงามเป็ นพิเศษ
4.4.3 กำยาน
(1) เนื้อไม้ใช้ในการสร้างบ้านหรือที่พักชั่วคราว และ
ใช้ทำฟื น
60
บทที่ 5
ปั ญหาการถูกรุกรานป่ าไม้
ปั ญหาการถูกรุนรานป่ าไม้เกิดขึน
้ อยู่บ่อยครัง้ ด้วยฝี มือมนุษย์เป็ น
ส่วนใหญ่ ทำให้พืชพรรณไม้นานาชนิดใกล้สูญพันธุ์เพิ่มขึน
้ ทุกที ซึง่ ใน
บทที่ 5 นี ้ คณะผู้จัดทำได้นำปั ญหาต่างๆ ที่เกิดขึน
้ จริง โดยส่งผลต่อ
พันธุ์ไม้หายากในประเทศไทยมา เพื่อสะท้อนพฤติกรรมและผลกระทบ
ที่ตามมา
5.1 ข้อมูลสถานการณ์ป่าไม้
5.1.1 พื้นที่ผืนป่ าในไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเหลือเพียง 102.17 ล้านไร่ โดยภาคเหนือเหลือ
ป่ ามากที่สุด ขณะที่ตัวเลขงบ ประมาณผูพ
้ ิทักษ์ป่า มีแค่ 61 บาทต่อ
625 ไร่ ด้าน สคช. ผุดยุทธศาสตร์ชาติชุบคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม
ให้ดีขน
ึ ้ หวังไทยเป็ นที่หนึ่งในอาเซียนใน 20 ปี จากการแปลภาพถ่าย
ดาวเทียม พื้นที่ป่าไม้ประเทศไทยปี 2559 โดยกรมป่ าไม้ พบว่า
ปั จจุบันมีพ้น
ื ที่ป่าไม้ ร้อยละ 31.58 ของพื้นที่ประเทศไทย หรือเท่ากับ
102.17 ล้านไร่ คิดเป็ น 163,479.69 ตารางกิโลเมตร ลดลงจาก
61
5.1.2 ปั ญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพของ
พืช
ส่วนมากเกิดขึน
้ จากการกระทำของมนุษย์ทงั ้ ทางตรง
และทางอ้อมซึ่งสามารถระบุสาเหตุสำคัญๆ ได้ดังนี ้
(1) การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตและบริโภคเพื่อ
ทำการเกษตรแบบมุ่งเน้นการค้า มีการผลิตสายพันธุ์เดียวโดยละทิง้
สายพันธุ์พ้น
ื เมืองดัง้ เดิม มีการใช้สารเคมีมากขึน
้ ในการเกษตร เช่น ยา
ฆ่าแมลงและยาปราบศัตรูพืช เกิดสารพิษตกค้างในดินและแหล่งน้ำ
กระทบต่อสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในดิน และสัตว์น้ำ รวมถึงกระทบต่อ
สภาพดัง้ เดิมของพื้นที่การเจริญของพืช
62
(2) การเติบโตของประชากรและการกระจายตัวของ
ประชากร ทำให้เกิดการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทาง
ชีวภาพสูง ซึง่ กระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศ
(3) การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์
นานาพันธุ์เช่น การทำลายป่ า การล่าสัตว์ การอพยพหนีภัยธรรมชาติ
ของสัตว์ ทำให้เกิดการขาดสมดุลทางธรรมชาติ
(4) จากการตักตวงผลประโยชน์จากชนิดพันธุ์ของพืช
และสัตว์ป่าเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า โดยการค้าขายสัตว์และพืชป่ า
แบบผิดกฎหมาย
(5) ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
ชีวภาพ(biotechnology)ด้านการตัดต่อพันธุกรรมหรือ จีเอ็มโอ
(GMO; Genetically Modified Organisms) หรือพันธุวิศวกรรม
(genetic engineering) อาจทำให้เกิดการรุกรานที่รุนแรงขึน
้ และมี
โอกาสในการเปลี่ยนแปลงของประชากรพืช เป็ นต้น
ล้านไร่
ตารางที่ 1 การขึน
้ -ลดของพื้นที่ป่าไม้ ระหว่างปี 2516 - 2536
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 82.08
2541 25.28
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้เพิ่มขึน
้ เป็ น 106.31
2543 33.15
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 104.74
2547 32.66
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 100.62
2548 31.38
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 99.15
2549 30.92
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้เพิ่มขึน
้ เป็ น 107.24
2551 33.44
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 102.11
2556 31.57
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้เพิ่มขึน
้ เป็ น 102.28
2557 31.62
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 102.24
2558 31.60
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 102.17
2559 31.58
ล้านไร่
ตารางที่ 2 การขึน
้ -ลดของพื้นที่ป่าไม้ ระหว่างปี 2538 – 2559
65
สภาพการณ์ป่าไม้ของประเทศไทยกำลังตกอยู่ภายใต้ “ภาวะวิกฤติ
อย่างร้ายแรง” เพราะพื้นที่ป่าไม้อนุรักษ์ซึ่งเป็ นต้นน้ำลำธารและป่ าไม้
ที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศถูก
ทำลายลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง
ของสภาพภูมิอากาศที่มีความแห้งแล้งมากขึน
้ ฝนจึงไม่ตกต้องตาม
ฤดูกาล ในปี ที่มีปริมาณน้ำฝนมาก ป่ าไม้ที่ถูกทำลายลงจนเสื่อมโทรม
ไม่สามารถเก็บน้ำในชัน
้ ใต้ดินได้ เมื่อฝนตกหนักน้ำป่ าก็ไหลบ่าท่วม
พื้นที่ตอนล่างทุกหนทุกแห่งอย่างรวดเร็ว อีกทัง้ ยังเป็ นลักษณะของดิน
โคลนถล่มอีกด้วย ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของ
ประชาชนในวงกว้าง คนในทุกภาคส่วนของสังคมจึงต้องตระหนักถึง “
ภัยพิบัติอันร้ายแรง” นีท
้ ี่คนส่วนใหญ่มีประสบการณ์ตรงกับชีวิตจริงไม่
ว่าจะเป็ นเหตุการณ์มหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 และเหตุการณ์ภัยแล้งใน
ระหว่างปี 2556-2559 จึงต้องผนึกกำลังกันในการเป็ นหูเป็ นตาและ
ร่วมกันรักษาผืนป่ าที่มีความอุดมสมบูรณ์เท่าที่เหลืออยู่ในปั จจุบันให้ได้
ผลกระทบที่ป่าไม้ถูกทำลายลงในวงกว้าง ใช่ว่าจะกระทบต่อชีวิต
มนุษย์เท่านัน
้ หากยังกระทบต่อชีวิตของสัตว์ป่าอีกด้วย จะเห็นได้จาก
ข่าวคราวที่มีโขลงช้างออกมาจากแนวป่ ามาหากินทำลายพืชผล
การเกษตรของชาวบ้านอยู่เสมอ หรือแม้กระทั่งหมีควายก็ออกจาก
แนวป่ ามาหาอาหารเช่นกัน การปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อมของรัฐบาล จึงเป็ นหนทางเดียวที่จะยับยัง้ การทำลายป่ าอย่าง
สิน
้ เชิง เริ่มจากการมีมาตรการทางกฎหมายอย่างรุนแรงในการมีการ
บังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพและเฉียบขาด ประการสำคัญจะ
ต้องจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและ
66
พบว่าภาพรวมไทยมีพ้น
ื ที่ป่าไม้ 102,488,302.19 ไร่ หรือร้อยละ
31.68 ของพื้นที่ประเทศ เพิ่มขึน
้ 331,951.67 ไร่
ปี พื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึน
้ - ลดลง ร้อยละ
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้เพิ่มขึน
้ เป็ น 102.488
2561 31.68
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 102.156
2560 31.58
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 102.147
2559 31.58
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 102.241
2558 31.60
ล้านไร่
มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ลดลงเหลือ 102.285
2557 31.62
ล้านไร่
อันดั จำนวนไร่ที่เพิ่มมาก
จังหวัด
บที่ ขึน
้
1 เพชรบูรณ์ 62,394.96 ไร่
2 ชัยภูมิ 56,100.06 ไร่
3 พังงา 35,045.66 ไร่
4 นครราชศรีมา 30,096.33 ไร่
5 พิษณุโลก 26,600.28 ไร่
ตารางที่ 4 “5 อันดับจังหวัดที่มีพ้น
ื ที่ป่าไม้เพิ่มมากขึน
้ ”
อันดั
จังหวัด จำนวนไร่ที่ลดลง
บที่
1 แม่ฮ่องสอน 40,671.59 ไร่
2 กาญจนบุรี 25,499.01 ไร่
3 เชียงราย 16,445.66 ไร่
69
ตารางที่ 5 “5 อันดับจังหวัดที่มีการบุกรุกมากที่สุด”
ส่วนจังหวัดที่อยู่ในขัน
้ วิกฤต หลังจากไม่พบพื้นที่ป่าไม้มี 4 จังหวัด
ได้แก่ จ.นนทบุรี, จ.ปทุมธานี, จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา
เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีแต่พ้น
ื ที่ชุมชน ซึ่งทางจังหวัดต้องหาพื้นที่ใน
การปลูกต้นไม้ โดยตามคำนิยามถึงพื้นที่ป่าไม้ เพื่อให้ดาวเทียม
สามารถจับข้อมูลได้ ต้องมีพ้น
ื ที่ในบริเวณเดียวกัน 3.125 ไร่ นอกจาก
นัน
้ อธิบดีกรมป่ าไม้ ยังได้เผยถึงสถานการณ์เขาหัวโล้นว่า เริ่มดีขน
ึ้
เรื่อยๆ ตัง้ แต่มี นโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คท
ช.) ชาวบ้านเริ่มจัดโซนนิ่งกันเอง และไม่ปลูกข้าวโพดอย่างเดียว มีการ
ปลูกไม้ยืนต้นเพิ่มขึน
้ เพราะอยากให้กรมป่ าไม้รับรองสิทธิทำกินอย่าง
ถูกต้อง จึงไม่ทำผิดกฎหมาย เชื่อว่าไม่เกิน 5 ปี ปั ญหาเขาหัวโล้นจะ
ค่อยๆ หมดไป และขณะนีไ้ ด้จัดทำแบล็กสิสต์ชุมชนที่บุกรุกป่ าและก่อ
จุดความร้อนที่เป็ นต้นเหตุของการเกิดไฟป่ า เพื่อดำเนินการทาง
กฎหมายอย่างเด็ดขาด
จังหวัดที่ไม่พบพื้นที่ป่า
1. พระนครศรีอยุธยา
2. อ่างทอง
3. ปทุมธานี
4. นนทบุรี
ตารางที่ 6 “4 จังหวัดที่ไม่พบพื้นที่ป่า”
70
ภาพที่ 33 สถิตพ
ิ ้น
ื ที่ป่าไม้ของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2504 - 2562
5.1.5 พื้นที่เสี่ยงต่อการถูกบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่
อนุรักษ์
เนื้อที่ : ไร่
สำนัก ระดับ
ระดับความ ระดับ
บริหาร ชื่อพื้นที่ ระดับความ ความ
เสี่ยงปาน ความเสี่ยง
พื้นที่ อนุรักษ์ เสี่ยงน้อย เสี่ยงมาก
กลาง มาก
อนุรักษ์ ที่สุด
72
รี) เยา
สวน
รุกขชาติ 1.49 96.79 47.49 327.34
เขาฉกรรจ์
สวน
พฤกษศาสต 251.00 2,489.80 2,474.97 382.50
ร์ วังน้ำเย็น
สำนักบริหารพื้นที่
789,591.2 2,541,282. 324,852.7 49,656.3
อนุรักษ์พ้น
ื ที่ 1 (ปราจีน
0 90 8 1
บุรี) ผลรวม
มกราคม 2563
ตารางที่ 7 พื้นที่เสี่ยงต่อการถูกบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่อนุรักษ์สำนัก
บริหารพื้นที่อนุรักษ์พ้น
ื ที่ 1
เนื้อที่ : ไร่
73
ระดับ ระดับ
สำนัก ระดับ
ชื่อพื้นที่ ระดับความ ความ ความ
บริหารพื้นที่ ความ
อนุรักษ์ เสี่ยงน้อย เสี่ยงปาน เสี่ยงมาก
อนุรักษ์ เสี่ยงมาก
กลาง ที่สุด
อุทยานแห่ง
47,564.8 19,172.2 15,831.
ชาติ ดอยขุน 80,461.38
6 0 74
ตาล
อุทยานแห่ง
370,588.7 96,842.3 23,448.8 1,926.1
ชาติ แจ้
1 3 4 2
ซ้อน
อุทยานแห่ง 172,006.4 153,413. 34,497.8 4,255.3
ชาติแม่วะ 4 42 1 1
อุทยานแห่ง 134,919.1 50,644.4 18,635.4 5,007.0
สำนัก ชาติ ดอยจง 5 0 8 5
บริหารพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์
295,289.7 113,408. 19,927.2 3,977.8
อนุรักษ์ สัตว์ป่าดอยผา
6 53 7 5
พื้นที่ 13 เมือง
สาขา เขตห้ามล่า
44,216.1 10,797.5
ลำปาง สัตว์ป่าดอย 18,007.19 216.48
2 0
พระบาท
วนอุทยาน
ม่อน พระยา 9,104.50 8,665.71 961.85 6.46
แช่
สวนรุกขชาติ
- - 52.16 -
ห้วยทาก
สวนรุกขชาติ
- - 150.35 -
ห้างฉัตร
สวนรุกขชาติ 3.94 222.25 1,801.96 -
74
พระบาท
สวนรุกขชาติ
ศูนย์วิจัย
- - 11.34 10.45
กีฏวิทยาป่ าไม้
ที่ 1 (ลำปาง)
เตรียมการ
398,468.5 277,746. 68,131.8 18,084.
อุทยานแห่ง
3 26 3 95
ชาติถ้ำผาไท
เตรียมการ
อุทยานแห่ง 15,381.4
11,120.45 4,175.61 46.61
ชาติเขลางค์- 1
บรรพต
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์
1,489,970 808,105. 201,764. 49,363.
พื้นที่ 13 สาขาลำปาง ผล
.05 29 20 02
รวม
มกราคม 2563
ตารางที่ 8 พื้นที่เสี่ยงต่อการถูกบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่อนุรักษ์สำนัก
บริหารพื้นที่อนุรักษ์พ้น
ื ที่ 13
5.2 ชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม
ชนิดพันธุ์ทงั ้ พืช สัตว์และจุลินทรีย์ ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อ
การสูญพันธุ์จากแหล่งที่มีการกระจายพันธุ์อยู่ เนื่องจากมีปัจจัย
คุกคามอันเป็ นสาเหตุให้ชนิดพันธุ์นน
ั ้ สูญพันธุ์โดยเป็ นการกำหนดกลุ่ม
ของชนิดพันธุ์ที่มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์จากมากไปน้อย ได้แก่ ใกล้สูญ
พันธุ์อย่างยิ่ง ใกล้สญ
ู พันธุ์และมีแนวโน้มใกล้สญ
ู พันธุ์ เพื่อให้ประเทศ
75
หมายเหตุ: สถานภาพที่คก
ุ คามจะแบ่งออกเป็ น Critically
Endangered (CR), Endangered (EN) และ Vulnerable (VU)
5.3 จากธรรมชาติ
5.2.1 ไฟไหม้ป่า
มักจะเกิดขึน
้ ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งอากาศแห้งและร้อน
จัด ทัง้ โดยธรรมชาติและจากการกระทำของมะม่วงที่อาจลักลอบเผา
ป่ าหรือเผลอ จุดไฟทิง้ ไว้โดยเฉพาะในป่ าไม้เป็ นจำนวนมาก
5.2.2 การทำลายของสัตว์ป่าและสัตว์เลีย
้ ง
สัตว์ป่าและสัตว์เลีย
้ งตามชายป่ าก็มีส่วนในการ
ทำลายป่ าไม้เช่นกัน อันเกิดจากการกัดกินใบ กิง่ ราก และหน่อของพืช
77
5.2.3 การทำลายของเชื้อโรคและแมลง
เชื้อโรคและแมลงบางชนิดจะระบาดสามารถกัดกิน
ต้นไม้บางชนิดให้ตาย หรือชะงักการเจริญเติบโตได้ เช่น ตักแตนบุก
ทำลายป่ าสน มอดทำลายไม้สัก เป็ นต้น
5.4 จากมนุษย์
5.3.1 การลักลอบตัดไม้ทำลายป่ า
ตัวการของปั ญหานีค
้ ือนายทุนพ่อค้าไม้ เจ้าของโรง
เลื่อย เจ้าของโรงงานแปรรูปไม้ ผู้รับสัมปทานทำไม้และชาวบ้านทั่วไป
ซึง่ การตัดไม้เพื่อเอาประโยชน์จากเนื้อไม้ทงั ้ วิธีที่ถูกและผิดกฎหมาย
ปริมาณป่ าไม้ที่ถูกทำลายนีน
้ ับวันจะเพิ่มขึน
้ เรื่อย ๆ ตามอัตราเพิ่มของ
จำนวนประชากร ยิ่งมีประชากรเพิ่มขึน
้ เท่าใด ความต้องการในการใช้
ไม้กเ็ พิ่มมากขึน
้ เช่น ใช้ไม้ในการปลูกสร้างบ้านเรือนเครื่องมือเครื่องใช้
ในการเกษตรกรรมเครื่องเรือนและถ่านในการหุงต้ม เป็ นต้น
5.3.2 การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อเข้าครอบครองที่ดิน
เมื่อประชากรเพิ่มสูงขึน
้ ความต้องการใช้ที่ดินเพื่อ
ปลูกสร้างที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินก็อยู่สูงขึน
้ เป็ นผลผลักดันให้
ราษฎรเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ แผ้วถางป่ า หรือเผาป่ าทำไร่เลื่อนลอย
นอกจากนีย
้ ังมีนายทุนที่ดินที่จ้างวานให้ราษฎรเข้าไปทำลายป่ าเพื่อ
จับจองที่ดินไว้ขายต่อไป
78
ปี จำนวนคดีบุกรุก
2557 2718 คดี
2558 3133 คดี
2559 2864 คดี
2560 1883 คดี
2561 1519 คดี
5.3.3 การส่งเสริมการปลูกพืชหรือเลีย
้ งสัตว์เศรษฐกิจเพื่อ
การส่งออก
เช่น มันสำปะหลัง ปอ เป็ นต้น โดยไม่ส่งเสริมการใช้
ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพทัง้ ๆ ที่พ้น
ื ที่ป่าบางแห่งไม่เหมาะสมที่จะ
นำมาใช้ในการเกษตร
5.3.4 การกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่ากระทำไม่ชัดเจนหรือไม่
กระทำเลยในหลายๆ พื้นที่
ทำให้ราษฎรเกิดความสับสนทัง้ โดยเจตนาและไม่
เจตนา ทำให้เกิดการพิพาทในเรื่องที่ดินทำกินและที่ดินป่ าไม้อยู่ตลอด
์ ี่ดิน
เวลาและมักเกิดการร้องเรียนต่อต้านในเรื่องกรรมสิทธิท
5.3.5 การจัดสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ
เช่น เขื่อน อ่างเก็บน้ำ เส้นทางคมนาคม การสร้าง
เขื่อนขวางลำน้ำจะทำให้พ้น
ื ที่เก็บน้ำหน้าเขื่อนที่อุดมสมบูรณ์ถูกตัด
79
โค่นมาใช้ประโยชน์ ส่วนต้นไม้ขนาดเล็กหรือที่ทำการย้ายออกมาไม่ทัน
จะถูกน้ำท่วมยืนต้นตาย เช่น การสร้างเขื่อนรัชชประภาเพื่อกัน
้ คลอง
พระแสงอันเป็ นสาขาของแม่น้ำพุมดวง-ตาปี ทำให้น้ำท่วมบริเวณป่ าดง
ดิบซึง่ มีพันธุ์ไม้หนาแน่นประกอบด้วยสัตว์นานาชนิดนับแสนไร่ ต่อมา
จึงเกิดปั ญหาน้ำเน่าไหลลงลำน้ำพุมดวง
5.3.6 การทำเหมืองแร่
แหล่งแร่ที่พบในบริเวณที่มีป่าไม้ปกคลุมอยู่ มีความ
จำเป็ นที่จะต้องเปิ ดหน้าดินก่อนจึงทำให้ป่าไม้ที่ขน
ึ ้ ปกคลุมถูกทำลาย
ลง เส้นทางขนย้ายแร่ในบางครัง้ ต้องทำลายป่ าไม้ลงเป็ นจำนวนมาก
เพื่อสร้างถนนหนทาง การระเบิดหน้าดิน เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ธาตุ ส่งผล
ถึงการทำลายป่ า
5.5 ผลกระทบ
5.4.1 เกิดสภาวะโลกร้อน
หรือที่เรียกกันว่า
ภาวะเรือนกระจก นีเ่ ป็ นหนึ่งใน
หัวข้อหลักระดับโลก ได้มีการ
รณรงค์มานานหลายปี มีกรณีระดับ
โลกจากสารคดีของ นายอัลกอร์
อดีตผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ได้พยายามชีใ้ ห้เห็นถึงผลกระทบ
ของการทำลายธรรมชาติว่าจะส่งผล
ภาพที่ 34 สภาวะโลกร้อน
ต่อการก่อมลพิษและภาวะโลกร้อน
80
5.4.2 เกิดการชะล้างและการพลังทลายของหน้าดิน
ส่งผลต่อชาวนาและภาคเกษตรกรรมที่เป็ นหัวใจหลัก
ของประเทศไทยโดยตรง ป่ าไม้ที่ยังไม่ถูกรุกราน มีอัตราการสูญเสียดิน
ที่ต่ำ เพียงแค่ประมาณ 2 ตัน ต่อ ตารางกิโลเมตร โดยทั่วไปการ
ทำลายป่ าเพิ่มอัตราการพังทลายของหน้าดิน โดยการเพิ่มประมาณ
ของน้ำผิวดินและลดการป้ องกันหน้าดินของเศษซากของต้นไม้ ราก
ต้นไม้ยึดดินเข้าไว้ด้วยกัน และหากผืนดินอยู่ต้น
ื พอ ผืนดินจะยึดดินไว้
ให้อยู่กับหินดานที่อยู่ใต้ลึกลงไป การตัดไม้บนพื้นที่ลาดชัด ซึ่งที่ผืนดิน
อยู่ต้น
ื จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดดินถล่ม ซึ่งทำให้ผค
ู้ นที่อาศัยอยู่
โดยรอบตกอยู่ในอันตราย อย่างไรก็ตามการทำลายป่ าส่วนใหญ่มีผลก
ระทบแค่กับลำต้นของต้นไม้ หากยังปล่อยให้รากยึดติดอยู่กับดิน ก็
แก้ไขปั ญหาดินถล่มได้
81
5.4.3 น้ำท่วมและน้ำหลาก
เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด เมื่อ
ปี พ.ศ.2554 ต้นเหตุนน
ั ้ มาจากการตัดไม้ทำลายป่ ามากเกินไป แล้วไม่
ได้มีการปลูกป่ าทดแทนเพื่อป้ องกันน้ำหลาก เพราะป่ าที่โดนทำลายนัน
้
อยู่บนเส้นทางน้ำ คุณภาพของน้ำจะแย่ลงเรื่อยๆ เพราะเมื่อเกิดน้ำ
หลาก ก็จะพัดพาเอาดิน โคลน ตะกอน ไหลลงสูแ
่ หล่งน้ำที่เป็ นเส้น
ชีวิตของชุมชน
5.4.7 ความชื้นในชัน
้ บรรยากาศน้อยลง
82
พลันและเกิดน้ำท่วมเฉพาะพื้นที่รุนแรงกว่าที่เกิดกับพื้นที่ที่มีผืนป่ า
ปกคลุม
ภาพที่ 36 วัฏจักรของน้ำ
บทที่ 6
84
วิธีการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทย
เนี่ยงด้วยการรุกรานป่ าไม้ก่อให้เกิดการสูญพันธุ์ของไม้บางชนิด
ขึน
้ และอาจทำให้พันธุ์ไม้อีกหลากหลายชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ โดย
ในบทที่ 6 นี ้ คณะผู้จัดทำเล็งเห็นว่าการอนุรักษ์พันธุ์ไม้เป็ นสิ่งที่ควร
ปฏิบัติเพื่อรักษาพันธุ์ไม้หายากให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน เพื่อไม่ให้เกิด
การรุกรานพื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึน
้ อีก
6.1 แนวทางการอนุรก
ั ษ์พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทย
ป่ าไม้มีความจำเป็ นอย่างยิ่งต่อการดำรงชีพของมนุษย์และ
การคงอยู่ของสิง่ แวดล้อม ต่างๆ จากการสูญเสียทรัพยากรป่ าไม้ในทุก
ส่วนของโลกหรือของประเทศไทย ทำให้ทุกฝ่ ายตระหนักถึงการสูญเสีย
และผลที่ได้รับจากการกระทำอันนี ้ การดำเนินงานอนุรักษ์ป่าไม้จึงได้
รับความสนใจจากภาครัฐบาลและเอกชน และประชาชนทั่วไปอย่าง
กว้างขวาง การอนุรักษ์ป่าไม้เป็ นแนวทางการแก้ไขปั ญหาดังกล่าว
กระทำได้ดังนี ้
6.1.1 การกำหนดนโยบายป่ าไม้แห่งชาติ
นโยบายป่ าไม้แห่งชาติมีอยู่ 20 ข้อที่สำคัญคือ การ
กำหนดให้มีพ้น
ื ที่ป่าไม้ทั่วประเทศอย่างน้อยในอัตราร้อยละ 40 ของ
พื้นที่ประเทศ เป็ นการกำหนดแนวทางการจัดการและการพัฒนาป่ าไม้
ในระยะยาวเพื่อประโยชน์ 2 ประการ ดังนี ้
85
(1) ป่ าเพื่อการอนุรักษ์
กำหนดไว้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ พันธุ์
พืช พันธุ์สัตว์ที่หายาก และป้ องกันภัยธรรมชาติอันเกิดจากน้ำท่วมและ
การพังทลายของดิน ตลอดทัง้ เพื่อประโยชน์ในการศึกษา การวิจัย
และนันทนาการของประชาชนในอัตราร้อยละ 15 ของพื้นที่ประเทศ
หรือประมาณ 48 ล้านไร่
(2) ป่ าเพื่อเศรษฐกิจ
กำหนดไว้เพื่อการผลิตไม้และของป่ า เพื่อ
ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ ในอัตราร้อยละ 25 ของพื้นที่ประเทศ หรือ
ประมาณ 80 ล้านไร่ ป่ าอนุรักษ์ หมายถึง พื้นที่ได้รับการคุ้มครองที่ถูก
ต้องตามกฎหมาย โดยทั่วไปอยู่ในการดูแลของกรมป่ าไม้ ซึ่งพื้นที่เหล่า
นีอ
้ าจเป็ นพื้นที่ป่าไม้ชายฝั่ งทะเล หรือลักษณะอื่นๆ ที่มีระบบ นิเวศ
ดัง้ เดิม หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เพื่อใช้ประโยชน์ในการ
อนุรักษ์ เช่น การท่องเที่ยว
ภาพที่ 37 ป่ าอนุรักษ์
นันทนาการ การศึกษาวิจัย ป่ า
อนุรักษ์ในระดับสากล (IUCN) แบ่ง
ออกเป็ น 10 ประเภท ส่วนใน
ประเทศไทยประกอบด้วย 11
ประเภท ดังนี ้
(1.1)
อุทยานแห่งชาติ (National Park)
86
หมายถึงที่ดินซึ่งรวมความถึงพื้นที่ดิน
ทั่วไป ภูเขา ห้วย หนอง คลองบึง บาง ลำน้ำทะเลสาบ เกาะ และที่
ชายทะเลที่ได้รับการกำหนดให้เป็ นอุทยานแห่งชาติ ในทางปฏิบัติ
อุทยานแห่งชาติ คือ พื้นที่ที่สงวนไว้เพื่อคุ้มครองรักษา
ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่ าไม้และสัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์
ธรรมชาติ ที่สวยงาม สงวนไว้เพื่อให้คงสภาพธรรมชาติดงั ้ เดิม เพื่อ
รักษาสมบัติทางธรรมชาติให้อนุชนรุ่นหลังๆ ได้ชมและ ศึกษาค้นคว้า
มีลักษณะที่สำคัญ คือ เป็ นสถานที่ที่สภาพธรรมชาติเป็ นที่โดดเด่นน่า
สนใจและงดงาม มิได้อยู่ในกรรมสิทธิโ์ ดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคล
ใด โดยทั่วไปต้องมีพ้น
ื ที่ไม่น้อยกว่า 10 ตารางกิโลเมตร เป็ นสถานที่
สงวนรักษาไว้เพื่อประโยชน์แก่การศึกษา และเป็ นสถานที่พักผ่อน
หย่อนใจของประชาชน โดยอาจจัดสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็ น
เช่น ถนน หรือเส้นทางไปชมธรรมชาติ ทีพ
่ ักดูแลและบำรุงรักษา
ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ริเริ่มต้นแบบการจัดอุทยานแห่งชาติขน
ึ ้ โดย
ประกาศให้เขตเยลโลสโตน (Yellowstone) เป็ นอุทยานแห่งชาติแห่ง
แรกของโลก (พ.ศ.2415) ต่อมาจึงมีประเทศต่าง ๆ รวมทัง้ ไทยจัดให้มี
อุทยานแห่งชาติขน ึ ้ ในประเทศของตนตามอย่างสหรัฐอเมริกา นับถึง
ั
ปัั จจุบันเชื่อว่าทั่วโลกมีอุทยานแห่งชาติแล้วมากกว่า 1,392 แห่ง
สำหรับอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ตัง้ อยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัด นครราชสีมา นครนายก
ปราจีนบุรี และสระบุรี นอกจากนีย
้ ังมีอุทยานแห่งชาติอ่ น
ื ๆ เช่น
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตะรุเตา หมู่เกาะอ่างทอง เขาหลวง เป็ นต้น
87
ภาพที่ 38 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ภาพที่ 39 วนอุทยาน
สระบุรี สวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง
จังหวัดตรัง เป็ นต้น
ภาพที่ 40 สวนพฤกษศาสตร์
หมายถึงพื้นที่อนุรักษ์สังคมพืชและสัตว์
ในสภาวะของระบบนิเวศที่เป็ นธรรมชาติ เพื่อรักษาความหลากหลาย
ทาง พันธุกรรมและเพื่อใช้เป็ นแหล่งศึกษาวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์
โดยเฉพาะข้อมูลพื้นฐาน ทัง้ ในสภาพแวดล้อมที่เป็ นธรรมชาติและที่ถูก
เปลี่ยนแปลงไป พื้นที่สงวนชีวาลัยนีม
้ ีการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความ
สะดวกในการศึกษาและฝึ กอบรมด้วย ซึ่งพื้นที่เหล่านีส
้ ภาประสานงาน
นานาชาติด้านมนุษย์และชีวาลัย (The Man and the Biosphere
International Co-ordinating Council) จะเป็ นผู้ประกาศ
(1.9) พื้นที่ลุ่มน้ำชัน
้ 1 (Watershed Class 1)
หมายถึงพื้นที่ป่าที่ป้องกันไว้เพื่อเป็ นต้น
น้ำลำธาร เป็ นแหล่งให้น้ำต่อพื้นที่ตอนล่าง มักเป็ นพื้นที่ตอนบนที่มี
ความลาดชันมาก ดินมีสมรรถนะในการพังทลาย เป็ นพื้นที่ที่ควรเก็บไว้
เป็ นแหล่งต้นน้ำลำธาร อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ภาพที่ 42 ป่ าชายเลนอนุรักษ์
92
การถูกทำลายและการพังทลายของดิน พื้นที่ป่าที่สมควรสงวนไว้เพื่อ
รักษาสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศ เป็ นต้น เช่น กำหนดให้มีพ้น
ื ที่ที่
อยู่ห่างไม่น้อยกว่า 20 เมตร จากริมฝั่ งแม่น้ำ ลำคลองธรรมชาติ และ
ไม่น้อยกว่า 75 เมตรจากชายฝั่ งทะเลเป็ นป่ าชายเลนอนุรักษ์
ภาพที่ 43 พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ
6.1.2 แนวทางการอนุรักษ์พืชหายากและใกล้จะสูญพันธุ์
93
แนวทางการอนุรักษ์พืชหายากและใกล้จะสูญพันธุ์
นัน
้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องดำเนินการ คือ การเร่งศึกษาพรรณ
พฤกษชาติของประเทศไทย (Flora of Thailand) ให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่ง
ข้อมูลนีไ้ ม่ใช่บอกเพียงลักษณะของพืชแต่ละชนิด แต่จะรวมถึงการกระ
จายพันธุ์ของพืชในสภาพป่ าชนิดต่างๆ อีกทัง้ ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวน
ประชากรของพืชที่ปรากฏ พืชใดเป็ นพืชเฉพาะถิ่น (endernic
species) ฯลฯ ข้อมูลเหล่านีจ
้ ะเป็ นข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการ
ทรัพยากรพืชของประเทศ การสำรวจพันธุ์ไม้ของไทยเท่าที่ผ่านมา
ตัง้ แต่อดีตถึงปั จจุบัน พบพันธุ์ไม้มีท่อลำเลียงอาหารอยู่ประมาณ
10,000 ชนิด ซึ่งเชื่อว่ามีพันธุ์ไม้อยู่อีกหลายชนิดที่ยังสำรวจไม่พบ
เนื่องจากมีอยู่หลายพื้นที่ที่นักสำรวจเข้าไปไม่ถึง เช่น พื้นที่บริเวณแนว
ต่อระหว่างประเทศ ซึง่ เป็ นพื้นที่เสี่ยงอันตราย บนเทือกเขาสูงชัน ถิ่น
ทุรกันดาร การคมนาคมเข้าไม่ถึง บริเวณเหล่านีถ
้ ้าได้ทำการสำรวจ
อาจพบพันธุ์พืชหายาก ซึง่ สามารถขึน
้ ได้เฉพาะสภาพนิเวศน์นน
ั้ ๆ
เท่านัน
้ และเมื่อสภาพนิเวศน์นน
ั ้ ๆ ถูกทำลายไป ไม่ว่าจะโดยอิทธิพล
ทางธรรมชาติหรือมนุษย์เป็ นผู้กระทำขึน
้ พืชเหล่านีอ
้ าจจะสูญพันธุ์ไป
เสียก่อนที่จะมีผู้ใดค้นพบก็เป็ นได้ เช่น ตามภูเขาสูง มีชาวเขาอพยพ
เข้าไปอาศัยอยู่ พื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิดจะถูกทำลาย
อยู่ตลอดเวลา เพื่อทำเป็ นพื้นที่ในการเพาะปลูก ทำไร่เลื่อนลอย ใน
การขุดรากถางพงแต่ละครัง้ เป็ นการทำลายสภาพนิเวศน์ของพืชทัง้ สิน
้
การอนุรักษณ์พืชที่กำลังจะสูญพันธุ์จึงเป็ นเรื่องที่จะต้องนำมาพิจารณา
ในการจัดทรัพยากรธรรมชาติ และการวางแผนใช้ประโยชน์ไม้ ใน
ประเทศไทยถึงแม้ว่าไม่เคยมีการศึกษาค้นคว้าพืชที่ใกล้จะสูญพันธุ์
94
ในที่ใหม่ เพราะประชากรพืชที่เพิ่มมาใหม่ก็จะสนองตอบต่อสภาพ
แหล่งที่อยู่นน
ั ้ ได้เป็ นอย่างดีต่อไป ตลอดจนมีความสัมพันธ์กับพืชชนิด
อื่น สัมพันธ์กับแมลงหรือสัตว์ต่างๆ ที่ช่วยในการผสมเกสรหรือเป็ น
พาหะในการกระจายพันธุ์ ถ้าพืชสูญพันธุ์ไปอาจจะก่อให้เกิดการสูญ
พันธุ์ของแมลงและสัตว์ที่เป็ นพาหะนีต
้ ามมาด้วยก็เป็ นได้
6.2 วิธีและนโยบายการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทย
96
(3) ด้านการพัฒนาระบบบริหารและองค์กรเกี่ยวกับ
การป่ าไม้จำนวน 7 ข้อ
มีเนื้อหาเน้นไปในระดับนโยบายและการ
บริการงานขององค์กรป่ าไม้ การพัฒนาโครงสร้าง ศักยภาพของหน่วย
งาน ธรรมาภิบาล ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับป่ าไม้ให้
สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ปัจจุบัน
ดังนัน
้ กระบวนการสำคัญต่อจากนี ้ คือ การจัดทำแผนแม่บท
พัฒนาการป่ าไม้แห่งชาติ ซึ่งอยู่ในระหว่างการร่างแผนและการรับฟั ง
ความคิดเห็นจากผูเ้ กี่ยวข้องและนักวิชาการ โดยแผนแม่บทนีจ
้ ะเปรียบ
เสมือนเป็ นกลไกหรือเครื่องมือที่จะแปลงนโยบายป่ าไม้แห่งชาติสู่การ
ปฏิบัติอย่างเป็ นรูปธรรม ที่มีถ่ายทอดเนื้อหาที่ถูกกำหนดในนโยบายป่ า
ไม้แห่งชาติออกมาเป็ นแผนระดับหน่วยงาน และมีการทบทวนทุก ๆ 3
ปี ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ทงั ้ ในระดับชาติและระดับ
นานาชาติ
99
บทที่ 7
สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ
7.1 สรุปผลการศึกษา
จากการศึกษาค้นคว้าเรื่องพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากใน
ประเทศไทย พบว่าพันธุ์ไม้หายากนัน
้ มีประโยชน์มากมายหลายอย่าง
หลายด้านที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เรา สาเหตุที่พันธุ์ไม้มีจำนวนลดน้อยลง
ไปอย่างต่อเนื่อง เกิดจากพฤติกรรมการกระทำของมนุษย์เป็ นส่วนใหญ่
เป็ นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และไม่ถูกต้องที่ส่งผลต่อพันธุ์ไม้ใน
ทางลบ ในการศึกษาเรื่องนี ้ คณะผู้จัดทำต้องการให้ผู้คนตระหนักต่อ
พฤติกรรมของตนเองที่ทำลายธรรมชาติไปอย่างล้นหลามเพื่อความ
ต้องการของตนเอง เราจึงควรช่วยกันอนุรักษ์ส่งเสริมพันธุ์ไม้หายากนี ้
ไว้ให้คงอยู่ยังชั่วลูกชั่วหลานต่อไป
7.2 ข้อเสนอแนะ
100
(1)ควรศึกษาพันธุ์ไม้ยืนต้นหายากเฉพาะในพื้นที่จังหวัด
ศรีสะเกษเพราะจะทำให้ข้อมูลที่ได้มีความแม่นจำมาก
ยิ่งขึน
้
(2)ควรลงพื้นที่เพื่อสอบถามเกี่ยวกับชนิดพันธ์ุไม้ยืนต้นหา
ยากในประเทศไทยกับหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านป่ าไม้
(3)สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เพื่อให้ได้
ข้อมูลที่ครบถ้วนและน่าเชื่อถือ
101
ช
บรรณานุกรม
กรมป่ าไม้. แสลงใจ. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก :
https://bit.ly/3IsEn5u. สืบค้น ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕.
กรมป่ าไม้ -เครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า-. วัฏจักรของน้ำ.
(ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : https://bit.ly/3snLUgl.
สืบค้น ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕.
กรมอุทยานแห่งชาติ. กันเกรา. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก :
https://bit.ly/3Iqn59d. สืบค้น ๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕.
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. สุพรรณิการ์ ดอกไม้สูงค่าคู่
ฟ้ า นำพาความเจริญสูงส่งมาสู่คุณ. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก :
https://bit.ly/3IqoOLI. สืบค้น ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕.
กระปุก. 10 ต้นไม้ยืนต้นออกดอกสวย ให้ร่มเงา ปลูกง่าย ความ
หมายดีเป็ นมงคล. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก :
https://bit.ly/3Inf9pe. สืบค้น ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔.
______. 10 ไม้ดอกคลุมดินขนาดเล็ก ปลูกง่าย โตไว ทนแดด ใช้
แทนหญ้าได้. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : https://bit.ly/35u7NBA.
สืบค้น ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔.
การไฟฟ้ าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย. ป่ า. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก :
https://bit.ly/3M2NewO. สืบค้น ๖ ธันวาคม ๒๕๖๔.
ซ