1

ข้อสอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)

ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สอบประจ�ำภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2561

ชื่อ ................................................................................... นามสกุล ......................................................................

เลขประจ�ำตัวสอบ ............................................................. โรงเรียน ......................................................................
สอบวันที่ ........................ เดือน ....................................... พ.ศ. ........................ คะแนนเต็ม 30 คะแนน
ฝ่ายโครงการพัฒนาการวัดและประเมินผล สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) เวลาสอบ 60 นาที

ตอนที่ 1 นักเรียนเขียนเครื่องหมาย ✕ ทับตัวอักษรหน้าค�ำตอบที่ถูกต้องเพียงค�ำตอบเดียว

จ�ำนวน 20 ข้อ (ข้อ 1-20) ข้อละ 1 คะแนน รวม 20 คะแนน
1. ตาราง แสดงอุณหภูมิของสารเมื่อได้รับความร้อน

อุณหภูมิของสารเมื่อได้รับความร้อน ( ํC)
ชนิดของสาร
2 นาที 4 นาที 6 นาที 8 นาที 10 นาที
A 28 40 65 78 90
B 58 65 65 65 65
C 24 28 30 30 30
D 49 60 73 84 101

ข้อใดเป็นสารบริสุทธิ์ทั้งหมด
ก. ข้อ A และ D
ข. ข้อ B และ C
ค. ข้อ A และ B
ง. ข้อ C และ D

8 854515 648057

* ข้อสอบชุดนี้ห้ามน�ำไปเผยแพร่ เพราะอาจจะท�ำให้การทดสอบคลาดเคลื่อนได้ ข้อสอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

 2
2. อุณหภูมิ (องศาเซลเซียส)
A

เวลา (นาที)
1 2 3 4 5
กราฟ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสาร A และ B เมื่อได้รับความร้อนเวลา 5 นาที
สารข้อใดอยู่กลุ่มเดียวกับสาร A และสาร B
สาร A สาร B
ก. เหล็ก นํ้าแตงโมปั่น
ข. นํ้าเชื่อม นํ้ากลั่น
ค. นํ้า เกลือแกง
ง. สบู่ อากาศ

3. + ด่างทับทิม + ด่างทับทิม + ด่างทับทิม + ด่างทับทิม

20 กรัม 15 กรัม 10 กรัม 5 กรัม

A B C D
จากภาพ ข้อใดเรียงล�ำดับความหนาแน่นของสารในบีกเกอร์จากมากไปน้อย ได้ถูกต้อง
ก. A → B → C → D
ข. D → C → B → A
ค. B → C → D → A
ง. C → D → A → B
4.
ศึกษาความหนาแน่นของสารพบว่า อัตราส่วนโดยมวลต่อปริมาตรของสารเป็นค่าคงที่เสมอ
และเป็นสมบัติเฉพาะตัวของสารแต่ละชนิด สารต่างชนิดกันมีความหนาแน่นต่างกัน

จากข้อความข้างต้น สารข้อใดมีความหนาแน่นไม่คงที่ เมื่ออัตราส่วนโดยมวลต่อปริมาตรเปลี่ยนแปลง

ก. อะลูมิเนียม
ข. นํ้าอัดลม
ค. นํ้ากลั่น
ง. เงิน
* ข้อสอบชุดนี้ห้ามน�ำไปเผยแพร่ เพราะอาจจะท�ำให้การทดสอบคลาดเคลื่อนได้ ข้อสอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1
 3
5. หลอมเหลว การกลายเป็นไอ
สาร A สาร B สาร C
เยือกแข็ง ควบแน่น

สารใดมีการจัดเรียงอนุภาคอย่างอิสระ และสารใดมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคมากที่สุด
การจัดเรียงอนุภาคอย่างอิสระ แรงยึดเหนี่ยวอนุภาคมากที่สุด
ก. สาร A สาร B
ข. สาร B สาร C
ค. สาร C สาร A
ง. สาร A สาร C
6. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสาร
ก. นํ้าแข็งสามารถเปลี่ยนสถานะไปเป็นไอนํ้าด้วยการให้ความร้อน
ข. สารที่มีสถานะแก๊สเปลี่ยนเป็นของเหลวต้องลดแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคลง
ค. สารที่มีสถานะของเหลวเปลี่ยนเป็นของแข็งต้องเพิ่มแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค
ง. ไอศกรีมสามารถหลอมเหลวได้เมื่อได้รับความร้อนเพียงเล็กน้อยหรือในอุณหภูมิห้อง
7. ถ้าวัดอุณหภูมิของห้องได้ 30 องศาเซลเซียส จะอ่านค่าในระบบเคลวินและองศาฟาเรนไฮต์ได้เท่าใด

เคลวิน องศาฟาเรนไฮต์
ก. 282 12
ข. 300 24
ค. 301 58
ง. 303 86

8. ถ้าเป่าลูกโป่งแล้วน�ำไปแช่ในอ่างนํ้าร้อน ลูกโป่งจะเปลี่ยนแปลงตามข้อใด
ก. ลูกโป่งจะมีขนาดเล็กลง เพราะอากาศเมื่อได้รับความร้อนจะหดตัว
ข. ลูกโป่งจะมีขนาดเล็กลง เพราะอากาศเมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัว
ค. ลูกโป่งจะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะอากาศเมื่อได้รับความร้อนจะหดตัว
ง. ลูกโป่งจะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะอากาศเมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัว
9. ข้อใดเป็นสาเหตุที่รางรถไฟเกิดการโค้งงอเมื่อได้รับความร้อน
ก. เพราะวิศวกรออกแบบรางรถไฟให้คดโค้งตามแนวของถนน
ข. เพราะรางรถไฟถูกใช้งานมานานหลายสิบปีจึงเกิดการโค้งงอ
ค. เพราะรางรถไฟที่เป็นโลหะเมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัว ท�ำให้โค้งงอ
ง. เพราะรางรถไฟคายความร้อนออกมา ท�ำให้เกิดการโค้งงอ
ขณะคายความร้อน

* ข้อสอบชุดนี้ห้ามน�ำไปเผยแพร่ เพราะอาจจะท�ำให้การทดสอบคลาดเคลื่อนได้ ข้อสอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

 4
10. ข้อใดเป็นปริมาณความร้อนที่ท�ำให้นํ้าแข็งมวล 65 กรัม ที่ 0 องศาเซลเซียส กลายเป็นนํ้าที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส
ก�ำหนดให้ ความร้อนแฝงจ�ำเพาะของการหลอมเหลว 80 แคลอรี/กรัม
ความจุความร้อนจ�ำเพาะของนํ้า 1 แคลอรี/กรัม-องศาเซลเซียส
ก. 1,625 แคลอรี
ข. 3,575 แคลอรี
ค. 5,200 แคลอรี
ง. 6,825 แคลอรี
11. ถ้าต้องการเตรียมนํ้าอุ่นอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส โดยใช้นํ้าร้อนอุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส จ�ำนวน 120 กรัม
จะต้องผสมกับนํ้าเย็นอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส จ�ำนวนกี่กรัม
ก. 80 กรัม
ข. 90 กรัม
ค. 100 กรัม
ง. 120 กรัม
12. ตาราง การเปลีย่ นแปลงอุณหภูมขิ องนํา้ ในภาชนะชนิดเดียวกันทีห่ อ่ ด้วยกระดาษสีตา่ งกัน เมือ่ วางไว้กลางแดด 15 นาที
อุณหภูมิของนํ้า ( ํC)
ขวด
เริ่มต้น 5 นาที 10 นาที 15 นาที
A 28 31 34 36
B 28 34 38 42
C 28 29 31 33
D 28 29 30 30

ภาชนะข้อใดดูดกลืนรังสีความร้อนได้ดีที่สุด
ก. ภาชนะ A
ข. ภาชนะ B
ค. ภาชนะ C
ง. ภาชนะ D
13. บุคคลในข้อใดน�ำความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อนมาใช้ประโยชน์ได้ถูกต้อง
ก. คุณพ่อทาสีบ้านเป็นสีฟ้าอ่อนเพื่อให้รู้สึกเย็นสบาย
ข. เด็กหญิง A เลือกใส่เสื้อแขนยาวสีด�ำในวันที่แดดจ้า
ค. คุณแม่น�ำกระดาษฟอยล์มาหุ้มด้ามทัพพีเป็นฉนวนความร้อน
ง. คุณยายใช้หม้อดินในการท�ำขนมฝอยทองแทนกระทะทองแดง

* ข้อสอบชุดนี้ห้ามน�ำไปเผยแพร่ เพราะอาจจะท�ำให้การทดสอบคลาดเคลื่อนได้ ข้อสอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

 5
14. ถ้ามีอุกกาบาตหลุดเข้ามาในชั้นบรรยากาศจะเกิดการเผาไหม้ในชั้นใด
ก. สตราโตสเฟียร์
ข. เทอร์โมสเฟียร์
ค. เอกโซสเฟียร์
ง. มีโซสเฟียร์
15. ในวันที่ท้องฟ้ามีเมฆมาก อากาศร้อนอบอ้าว ถ้าต้องการวัดความชื้นของอากาศควรเลือกใช้สารเคมีข้อใด
ก. โคบอลต์ (II) คลอไรด์
ข. คอปเปอร์ (II) ซัลเฟต
ค. โซเดียมคลอไรด์
ง. ไอโอดีน
16. พายุในข้อใดมีระดับความรุนแรงที่ก่อให้เกิดความเสียหายมากที่สุด
ก. พายุไซโคลน
ข. พายุโซนร้อน
ค. พายุดีเปรสชัน
ง. พายุฝนฟ้าคะนอง
17. ถ้าต้องการท�ำแผนที่อากาศพื้นผิว โดยอากาศมีบริเวณความกดอากาศสูงและความเร็วลม 8 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ควรใช้สัญลักษณ์แทนความกดอากาศและความเร็วลมตามข้อใด

ความกดอากาศ ความเร็วลม
ก. H
ข. L
ค. H
ง. L

18. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประโยชน์ของการพยากรณ์อากาศ
ก. เกษตรกรสามารถวางแผนการปลูกพืช ผัก ให้เหมาะสมกับปริมาณนํ้าฝน
ข. นักบินสามารถวางแผนเวลาในการบินเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ค. ชาวประมงน�ำเรือเล็กออกจากฝั่งในวันที่ฝนตกหนัก คลื่นสูง
ง. คนในชุมชนเตรียมพร้อมรับมือและป้องกันนํ้าป่าไหลหลาก
19. ข้อใดไม่ใช่ผลกระทบที่เกิดจากปรากฏการณ์ลานีญา
ก. แคนาดาทางตะวันตกมีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติ
ข. เกิดพายุเฮอริเคนในสหรัฐอเมริกามากขึ้น
ค. อินโดนีเซียเกิดฝนตกหนักมีนํ้าท่วม
ง. ไทยมีปริมาณฝนส่วนใหญ่สูงขึ้น
* ข้อสอบชุดนี้ห้ามน�ำไปเผยแพร่ เพราะอาจจะท�ำให้การทดสอบคลาดเคลื่อนได้ ข้อสอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1
 6
20. ข้อใดไม่สัมพันธ์กับผลที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก
ก. ฝนกรด - เพิ่มปริมาณปุ๋ยในดิน
ข. ภูเขาไฟปะทุ - ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์
ค. ภาวะโลกร้อน - อุณหภูมิอากาศใกล้ผิวโลกสูงขึ้น
ง. ปรากฏการณ์เรือนกระจก - ปริมาณของแก๊สเรือนกระจกเพิ่มขึ้น

ตอนที่ 2 นักเรียนเขียนเครื่องหมาย ✕ ทับตัวอักษรหน้าค�ำตอบที่ถูกต้อง 2 ค�ำตอบ

จ�ำนวน 5 ข้อ ข้อละ 2 คะแนน รวม 10 คะแนน
21. อุณหภูมิ (องศาเซลเซียส)

D E

B
C
A
เวลา (นาที)
กราฟ การเปลี่ยนแปลงเมื่อสารได้รับความร้อน
สารในช่วงใดที่มีการเปลี่ยนสถานะ
ก. AB
ข. BC
ค. CD
ง. DE
จ. EF
22. 100 ํC จากภาพ เทอร์มอมิเตอร์ในหน่วยองศาเซลเซียสแบ่งจ�ำนวนช่องได้ 5 ช่อง
แต่ละช่องห่างกัน 20 องศาเซลเซียส น�ำไปวัดอุณหภูมินํ้า อ่านค่าได้ 3 ช่อง
ข้อใดถูกต้อง
ก. อุณหภูมิของนํ้าเท่ากับ 353 เคลวิน
ข. อุณหภูมิของนํ้าเท่ากับ 48 องศาโรเมอร์
ค. อุณหภูมิของนํ้าเท่ากับ 300 องศาฟาเรนไฮต์
0 ํC ง. อุณหภูมิของนํ้าเท่ากับ 140 องศาฟาเรนไฮต์
จ. อุณหภูมิของนํ้าในหน่วยองศาฟาเรนไฮต์เท่ากับหน่วยเคลวิน

* ข้อสอบชุดนี้ห้ามน�ำไปเผยแพร่ เพราะอาจจะท�ำให้การทดสอบคลาดเคลื่อนได้ ข้อสอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1

 7
23. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับอาการหูอื้อ เมื่ออยู่บนภูเขาสูง
ก. บนภูเขา อากาศจะมีความหนาแน่นและความดันอากาศตํ่า
ข. บนภูเขา อากาศจะมีความหนาแน่นตํ่า แต่ความดันอากาศสูง
ค. บนภูเขา อากาศจะมีความหนาแน่นและความดันอากาศสูงมาก
ง. บนภูเขา อากาศในหูจะมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศภายนอกจึงท�ำให้หูอื้อได้
จ. บนภูเขา อากาศในหูจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศภายนอกจึงท�ำให้หูอื้อได้
24. ข้อใดแสดงความสัมพันธ์ระหว่างชั้นบรรยากาศกับลักษณะเด่นได้ถูกต้อง
ก. ชั้นโทรโพสเฟียร์ - วงโคจรของดาวเทียม
ข. ชั้นสตราโตสเฟียร์ - ใช้คมนาคมทางเครื่องบิน
ค. ชั้นมีโซสเฟียร์ - มีเมฆและเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
ง. ชั้นเอกโซสเฟียร์ - ชั้นที่มนุษย์และสัตว์อาศัยอยู่
จ. ชั้นเทอร์โมสเฟียร์ - ใช้ประโยชน์ในการใช้วิทยุสื่อสารทางไกล
25. เมฆมีรูปร่างและการก่อตัวที่ต่างกัน ดังนั้นเมฆชนิดใดใช้พยากรณ์อากาศได้ว่าจะเกิดฝนตก
ก. เมฆเซอร์โรสเตรทัส
ข. เมฆเซอร์โรคิวมูลัส
ค. เมฆนิมโบสเตรทัส
ง. เมฆคิวมูโลนิมบัส
จ. เมฆคิวมูลัส

* ข้อสอบชุดนี้ห้ามน�ำไปเผยแพร่ เพราะอาจจะท�ำให้การทดสอบคลาดเคลื่อนได้ ข้อสอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ม.1