Professional Documents
Culture Documents
เนือหาทีจะต้องเรียนในบทที 1 อะตอมและตารางธาตุ
บทที อะตอมและตารางธาตุ
1.1 แบบจําลองอะตอม
1.1.1 แบบจําลองอะตอมของดอลตัน
1.1.2 แบบจําลองอะตอมของทอมสัน อนุภาคมูลฐานของอะตอม
1.1.3 แบบจําลองอะตอมของรั ทเทอร์ ฟอร์ ด เลขอะตอม เลขมวล ไอโซโทป ไอโซโทน ไอโซบาร์
1.1.4 แบบจําลองอะตอมของโบร์
1.1.5 แบบจําลองอะตอมของกลุ่มหมอก
1.1.6 การจัดอิเล็กตรอนในอะตอม
1.2 ตารางธาตุ
1.2.1 วิวฒั นาการของการสร้างตารางธาตุ
1.2.2 สมบัติของธาตุตามหมู่และตามคาบ
1) ขนาดอะตอม
2) รัศมีไอออน
3) พลังงานไอออไนเซชัน
4) อิเล็กโทรเนกาติวิตี
5) สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน
6) จุดหลอมเหลวและจุดเดือด
7) เลขออกซิ เดชัน
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 2
บทที อะตอมและตารางธาตุ
1. แบบจําลองอะตอม
แบบจําลองอะตอมของดอลตัน
การนําไฟฟ้ าของแก๊ส
ปกติแก๊สเป็ นตัวนําไฟฟ้ าทีไม่ดี แต่กน็ าํ ไฟฟ้ าได้ ปรากฏการณ์ทียืนยันได้ว่าแก๊สนําไฟฟ้ าได้กค็ ือ การเกิดฟ้ าแลบ ฟ้ าผ่า
แก๊สนําไฟฟ้ าได้ดีขึน เมือแก๊สมีความดันตํา ๆ และมีความต่างศักย์ของขัวไฟฟ้ าสู ง ๆ
แก๊สนําไฟฟ้ าได้ เพราะแก๊สสามารถแตกตัวเป็ นไอออนบวก (โปรตอน) และไอออนลบ (อิเล็กตรอน) เมืออยูใ่ น
สนามไฟฟ้ าศักย์สูง ๆ
เซอร์ โจเซฟ จอห์น ทอมสัน (J.J Thomson) นักวิทยาศาสตร์ ชาวอังกฤษได้สนใจปรากฏการณ์ทีเกิดขึนใน
หลอดรังสี แคโทด (มีลกั ษณะ ดังรู ป)
วิธีทดลอง
บรรจุแก๊ส (แก๊ส ประกอบด้วยอะตอมของธาตุ) ในหลอดรังสี แคโทด ทีสู บอากาศออกจนหมด (เป็ นสุ ญญากาศ)
เจาะรู ทีขัวบวก (แอโนด) และ นําฉากเรื องแสงวางขวางหลอด จากนันต่อขัวไฟฟ้ าเข้าเครื องกําเนิดไฟฟ้ าศักย์สูง
ดังรู ป
ผลทีเกิดขึน เห็นจุดสว่างบนฉากเรื องแสง
สรุปผลการทดลอง
รังสี เดินทางเป็ นเส้นตรงจากขัวแคโทด (ขัวบวก) ไปยังขัวแอโนด (ขัวลบ)
รังสี มีการทะลุผ่านอนุภาคของแก๊ส (ทะลุอะตอมของแก๊สนันเอง) ไปปรากฏทีฉากเรื องแสง
ดังนัน แก๊สสามารถนําไฟฟ้ าได้ทีความต่างศักย์ไฟฟ้ าสู ง
แสดงว่า อะตอมไม่ได้มีลกั ษณะเป็ นทรงกลมตันอย่างที จอห์น ดอลตัน เสนอแนวคิดไว้
วิธีทดลอง
เตรี ยมหลอดรั งสี แคโทดเหมือนการทดลองที 1
เจาะรู ทีขัวบวก (แอโนด) และ นําฉากเรื องแสงวางขวางหลอด แต่การทดลองนีจะ นําสนามไฟฟ้ า วางในแนวตัง
ระหว่าง ขัวแอโนดกับฉากเรื องแสง จากนันต่อขัวไฟฟ้ าเข้าเครื องกําเนิดไฟฟ้ าศักย์สูง ดังรู ป
ผลทีเกิดขึน เกิดจุดสว่างบนฉากเรื องแสงในทิศเข้าหาขัวบวก ของสนามไฟฟ้ า
สรุปผลการทดลอง
รังสี เดินทางเป็ นเส้นตรงจากขัวแคโทด (ขัวบวก) ไปยังขัวแอโนด (ขัวลบ) และเบนเข้าหาขัวบวกของสนามไฟฟ้ า
ไปปรากฏบนฉากเรื องแสง ดังรู ป
แสดงว่า รังสี ทีเกิดขึน ประกอบด้วยอนุภาคลบ เรี ยกรังสี นีว่า รังสีแคโทด
ดังนัน อะตอมทุกชนิดจะมีประจุลบ เป็ นองค์ประกอบ และเรี ยกอนุ ภาคนีว่า อิเล็กตรอน
และยังได้หาค่าอัตราส่ วนประจุต่อมวล (e/m) ของอิเล็กตรอนโดยใช้สนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้ าช่วยในการ
หา ซึ งได้ค่าประจุต่อมวลของอิเล็กตรอนเท่ากับ . x 108 คูลอมบ์ ต่อ กรัม
วิธีทดลอง
เตรี ยมหลอดรั งสี แคโทดเหมือนการทดลองที 1 และ 2 แต่เจาะรู ทงขั
ั วแคโทด และ แอโนด
จากนันนําฉากเรื องแสงวางขวางหลอดทังสองด้าน และต่อขัวไฟฟ้ าเข้าเครื องกําเนิดไฟฟ้ าศักย์สูง ดังรู ป
ผลทีเกิดขึน เกิดจุดสว่างบนฉากเรื องแสงทังสองด้าน
สรุปผลการทดลอง
เมือผ่านกระแสไฟฟ้ าเข้าไปในหลอดรังสี แคโทดจะมีอนุภาคชนิดหนึงเคลือนทีเป็ นเส้นตรงไปในทิศทางตรงกันข้าม
กับการเคลือนทีของรังสี แคโทดผ่านรู ของ ขัวแคโทด และทําให้ฉากด้านหลังขัวแคโทดเรื องแสงได้
แสดงว่า รังสี ทีเกิดขึน ประกอบด้วยอนุภาคบวก
ดังนัน อะตอมทุกชนิดจะมีประจุบวก เป็ นองค์ประกอบ และเรี ยกอนุภาคนีว่า โปรตอน
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 5
จากการทดลอง 3 การทดลองของทอมสั น สามารถสรุป แบบจําลองอะตอมของทอมสั น ดังนี
1. อะตอมมีลกั ษณะกลวง (ไม่ได้ ตัน เหมือนทีดอลตันบอก)
2. อะตอมประกอบด้วยอนุภาคโปรตอน (ประจุบวก) และอนุภาคลบ (ประจุลบ) กระจายอยูท่ วไปอย่
ั างสมําเสมอ
และอะตอมทีเป็ นกลางทางไฟฟ้ า จะมีจาํ นวนประจุบวก กับประจุลบเท่ากัน ดังรู ป
แบบจําลองอะตอมของทอมสัน
ปรากฏผลการทดลอง ดังนี
1. อนุภาคส่ วนมากเคลือนทีทะลุผ่านแผ่นทองคําเป็ นเส้นตรง
2. อนุภาคส่ วนน้อยเบียงเบนไปจากเส้นตรง
3. อนุภาคส่ วนน้อยมากสะท้อนกลับมาด้านหน้าของแผ่นทองคํา
ถ้าแบบจําลองอะตอมของทอมสันถูกต้อง เมือยิงอนุภาคแอลฟาไปยังแผ่นทองคําบาง ๆ นี อนุภาคแอลฟาควรพุ่งทะลุผ่าน
เป็ นเส้นตรงทังหมดหรื อเบียงเบนเพียงเล็กน้อย เพราะอนุภาคแอลฟามีประจุบวกจะเบียงเบนเมือกระทบกับประจุบวกที
กระจายอยูใ่ นอะตอม
แต่แบบจําลองอะตอมของทอมสันอธิบายผลการทดลองของรัทเทอร์ ฟอร์ ดไม่ได้ รัทเทอร์ ฟอร์ ดจึงเสนอแบบจําลอง
อะตอมขึนมาใหม่
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 6
แบบจําลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ด
อนุภาคมูลฐานของอะตอม
อนุภาคมูลฐานของอะตอม ประกอบด้วย
1. ประจุลบ (อิเล็กตรอน , e- )
2. ประจุบวก (โปรตอน , p)
3. ประจุทีเป็ นกลาง (นิวตรอน , n )
มวลของอะตอม = มวลของนิวเคลียส = มวลของโปรตอน (p) + มวลของนิวตรอน (n)
ตารางแสดงรายละเอียดอนุภาคมูลฐานของอะตอม
อนุภาค สั ญลักษณ์ มวล (กรัม) ประจุไฟฟ้ า (คูลอมบ์ ) ชนิดประจุไฟฟ้ า
- -28
อิเล็กตรอน e 9.109 x 10 1.602 x 10-19 -1
โปรตอน p 1.673 x 10-24 1.602 x 10-19 +1
นิวตรอน n 1.675 x 10-24 0 0
เลขอะตอม (p) Z
X
จากสัญลักษณ์นิวเคลียร์ จะทําให้ทราบจํานวนอนุภาคมูลฐานได้
ตัวอย่างที 1 จงหาจํานวนอนุภาคมูลฐานของ 40
Ca
20
235
ตัวอย่างที 3 จงหาอนุภาคมูลฐานของ U
11
ไอโซโทป (Isotope)
ธาตุชนิดเดียวกัน มีเลขอะตอม (จํานวน p ) เท่ากัน แต่ เลขมวล (จํานวน p + n) ต่างกัน
เช่น ธาตุ H มี 3 ไอโซโทป ดังนี 12 13 14
C C C
6 6 6
บางกรณี จะเขียนธาตุทีเป็ นไอโซโทปกัน ดังนี C-12 , C-13 และ C -14
ไอโซโทน (Isotone)
ธาตุต่างชนิดกัน มีเลขอะตอม (จํานวน p) และเลขมวล (จํานวน p+ n) ต่างกัน แต่มีจาํ นวนนิวตรอน (n) เท่ากัน
เช่น 13C เป็ นไอโซโทนกับ 14N
6 7
จํานวน n = 7 จํานวน n = 7
ไอโซบาร์ (Isobar)
ธาตุต่างชนิดกัน มีเลขมวล (จํานวน p + n) เท่ากัน แต่ เลขเลขอะตอม (จํานวน p) ต่างกัน
เช่น 13 เป็ นไอโซบาร์ กบั 13
C N
6 7
แบบฝึ กหัด
จงจับคู่คําตอบต่ อไปนีให้ ถูกต้ อง
18 19 19 20 20 21 21 23
A A B B C C D D
9 9 10 10 11 11 12 12
1. แก๊สนําไฟฟ้ าได้ดีในสภาวะใด
ก. ความดันสู ง ความต่างศักย์ตาํ ข. ความดันสู ง ความต่างศักย์สูง
ค. ความดันตํา ความต่างศักย์สูง ง. ความดันตํา ความต่างศักย์ตาํ
2. ข้อใดไม่ ใช่ แบบจําลองอะตอมของดอลตัน
ก. อะตอมมีขนาดเล็กแบ่งแยกไม่ได้ ข. อะตอมของธาตุต่างชนิดมีมวลนิวตรอนเท่ากันได้
ค. อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันมีสมบัติเหมือนกัน ง. ธาตุทาํ ปฏิกิริยาด้วยอัตราส่ วนเลขลงตัวน้อย ๆ
3. รังสี แคโทดเกิดจากส่ วนใด
ก. ขัวแคโทด ค. ขัวแคโทดและแก๊สทีบรรจุภายใน
ค. แก๊สทีบรรจุภายใน ง. ทังขัวแคโทด ขัวแอโนด และแก๊สทีบรรจุภายใน
4. ในการทดลองยิงอนุภาคแอลฟาไปยังแผ่นทองคําบาง ๆ ได้ผลดังนี
A. อนุภาคส่ วนใหญ่ทะลุผ่านแผ่นทองคําไปในแนวเดิม โดยไม่เปลียนทิศทาง
B. อนุภาคส่ วนน้อยทะลุผ่านแผ่นทองคําและเบียงเบน จากแนวเดิมเล็กน้อย
C. อนุภาคส่ วนน้อยทีสุ ดสะท้อนกลับมาทาง แหล่งกําเนิดอนุภาค
ถ้ าเรียงลําดับอนุภาคแอลฟาทีวิงเข้ าใกล้ นิวเคลียสมากทีสุ ดไปห่ างนิวเคลียสทีสุ ดจะเป็ นไปตามข้ อใด
ก. A , B, C ข. C , A , B ค. B , C , A ง. C , B , A
คลืนแม่เหล็กไฟฟ้ าและพลังงานของคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ า
แสงเป็ นคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ า มีการเคลือนทีแบบคลืน ดังนัน คลืนแม่เหล็กไฟฟ้ า จึงมีสิ งต่อไปนี
1) ความยาวคลืน ( ) หมายถึง ระยะทางทีคลืนเคลือนทีครบ 1 รอบ มีหน่วยเป็ นเมตร (m) หรื อนาโนเมตร (nm)
ความยาวคลืน
คลืน 1 รอบ
2) ความถีของคลืน (v) หมายถึง จํานวนรอบของคลืนทีผ่านจุดใดจุดหนึงในเวลา 1 วินาที มีหน่วยเป็ นรอบต่อวินาที (s-1)
หรื อ เฮิรตซ์ (Hz)
ม่ วง แดง
แดง
ม่ วง
E = hV = hc
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 12
แบบฝึ กหัดการคํานวณค่าพลังงานของคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ า
ตารางแสดงสี ของเปลวทีเกิดจากการเผาสารประกอบ
สารประกอบ สี ของเปลวไฟ
ลิเทียม (Li) สี แดง
โซเดียม (Na) สี เหลือง
โพแทสเซี ยม (K) สี ม่วง
ซี เซี ยม (Cs) สี ฟ้า
แคลเซี ยม (Ca) สี แดงอิฐ
แบเรี ยม (Ba) สี เขียวแกมเหลือง
ทองแดง (Cu) สี เขียว
สเปกตรั มของธาตุอโลหะ
ในการเผาสารประกอบทีเป็ นอโลหะจะให้สเปกตรัมในช่วงทีตาเรารับไม่ได้ จึงมองไม่เห็นเส้นสเปกตรัม
สเปกตรัมของแก๊ ส
ในการศึกษาสเปกตรัมของธาตุทีเป็ นแก๊ส จะนําแก๊สไปบรรจุหลอดแก้วทีมีความดันตํา และผ่านกระแสไฟฟ้ าศักย์สูงเข้า
ไปแทนการเผาด้วยความร้อน เมือแก๊สได้รับพลังงานไฟฟ้ าจะปล่อยแสงเป็ นสเปกตรัมลักษณะเฉพาะของธาตุนนั ๆ
และธาตุอโลหะบางชนิดก็ให้แสงทีตารับได้ เช่น He , Ne , Ar เป็ นต้น
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 14
การเกิดสเปกตรัมของธาตุ
สเปกตรัมเกิดได้ อย่างไร
การทีธาตุแต่ละชนิดให้เส้นสเปกตรัมหลายเส้น
แสดงว่าอิเล็กตรอน(รอบนิวเคลียส) มีหลายระดับพลังงาน
ระดับพลังงานใกล้นิวเคลียสมีพลังงานตํา ระดับพลังงานห่างนิวเคลียสมีพลังงานตํา
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 16
การศึกษาสเปกตรัมของธาตุไฮโดรเจน
นักวิทยาศาสตร์ ได้ศึกษาสเปกตรัมของแก๊ส เพราะว่ามีอะตอมอยูห่ ่ างกัน
และเลือกใช้อะตอมไฮโดรเจนเนืองจากมี อิเล็กตรอน
พบว่า มีเส้นสเปกตรัมทีปรากฏในช่วงความยาวคลืนทีมองเห็นได้โดยมีความยาวคลืน , , และ nm
จากข้อมูลในตาราง แสดงว่าอะตอมของไฮโดรเจนมีพลังงานหลายระดับ
และความแตกต่างระหว่างพลังงานของแต่ละระดับทีอยูถ่ ดั ไปก็ไม่เท่ากัน ความแตกต่างของพลังงานจะมีค่าน้อยลง
เมือระดับพลังงานสู งขึน จากเหตุผลทีอธิบายมานีช่ วยให้ สรุปได้ ว่า
เมืออิเล็กตรอนได้รับพลังงานในปริ มาณทีเหมาะสม
อิเล็กตรอนจะขึนไปอยูใ่ นระดับพลังงานทีสู งกว่าระดับพลังงานเดิม
1)
แต่จะอยูใ่ นระดับใดขึนกับปริ มาณพลังงานทีได้รับ
แต่เมืออิเล็กตรอนรับพลังงานแล้วจะขึนไปอยูร่ ะหว่างระดับพลังงานไม่ได้
จะต้องขึนไปอยูใ่ นระดับใดระดับหนึ งเสมอ
3) ผลต่างของพลังงานระหว่างระดับพลังงานตําจะ มีค่ามากกว่า
ผลต่างของพลังงานระหว่างระดับพลังงานทีสู งขึนไป
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 17
1.4 แบบจําลองอะตอมของโบร์
(นีลล์ โบร์ ได้ ศึกษาและปรับปรุงแบบจําลองของรัทเทอร์ ฟอร์ ด โดยศึกษาสเปกตรั มของไฮโดรเจน)
จากความรู ้เรื องการเปลียนแปลงระดับพลังงานของอิเล็กตรอน และการเกิดสเปกตรัม
ช่วยให้ นีลส์ โบร์ นักวิทยาศาสตร์ ชาวเดนมาร์ ก สร้างแบบจําลองอะตอมเพือใช้อธิบายพฤติกรรมของอิเล็กตรอน
ในอะตอมได้ โดยกล่าวว่า
1) อิเล็กตรอนจะเคลือนทีรอบนิวเคลียสเป็ นวง (คล้ายวงโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์)
2) แต่ละวงจะมีระดับพลังงานเฉพาะตัว ระดับพลังงานของอิเล็กตรอนทีอยูใ่ กล้นิวเคลียสทีสุ ดซึ งมีพลังงานตําทีสุ ด
เรี ยกว่าระดับ K และระดับพลังงานทีอยูถ่ ดั ออกมาเรี ยกเป็ น L , M , N , … ตามลําดับ
3) ต่อมาได้มีการใช้ตวั เลขแสดงถึงระดับพลังงานของอิเล็กตรอน คือ n = 1 หมายถึงระดับพลังงานที ซึ งอยูใ่ กล้
กับนิวเคลียสทีสุ ด และชันถัดมาเป็ น n = 2 หมายถึงระดับพลังงานที ต่อจากนัน n = 3 , 4 , . . . หมายถึงระดับ
พลังงานที , และสู งขึนไปตามลําดับ
แบบจําลองอะตอมของโบร์
แบบจําลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 18
1.6 การจัดอิเล็กตรอนในอะตอม (Electronic configuration)
ตารางแสดงการจัดอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลัก
เทคนิคทีควรรู้ในการจัดอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลัก
นักเรี ยนสามารถจัดอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักของอะตอม โดยใช้สามเหลียมมหัศจรรย์ ดังนี
เลขอะตอม
2 2
2 2 4
2 8 2 12
2 8 8 2 20
2 8 18 8 2 38
2 8 18 18 8 2 56
2 8 18 32 18 8 2 88
2 8 18 32 32 18 8 2 120
2. จงจัดอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลัก ของธาตุ Mn
3. จงจัดอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักของธาตุ As
4. จงจัดอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักของธาตุ Tc
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 21
2. การจัดอิเล็กตรอนในระดับพลังงานย่ อย (sub-shell)
หมายถึงบริ เวณทีมีโอกาสสู งทีจะพบอิเล็กตรอน หรื อบริ เวณทีอยูข่ องอิเล็กตรอน ซึ งมีรูปร่ างเป็ น มิติแตกต่างกัน ดังนี
1) S ออร์ บิทัล มีความหนาแน่นของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียสเท่ากันทุกทิศทาง
ทําให้มองเห็นว่าออร์ บิทลั นีมีรูปร่ างเป็ นทรงกลมรอบนิวเคลียส (อิเล็กตรอนบรรจุได้มากสุ ด 2e-) ดังรู ป
การบรรจุครึ ง
ตารางแสดงการจัดอิเล็กตรอนเข้าในระดับพลังงานตามลําดับ
n=1
n=2
n=3
n=4
n=5
n=6
n=7
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 24
ตารางแสดงระดับพลังงานย่ อย จํานวนอิเล็กตรอนสู งสุ ดในระดับพลังงานย่อย
และในแต่ ละระดับพลังงาน ของ ธาตุแรก
2 He 1s2
3 Li 1s22s1
4 Be 1s22s2
5 B 1s22s22p1
6 C 1s22s22p2
7 N 1s22s22p3
8 O 1s22s22p4
9 F 1s22s22p5
10 Ne 1s22s22p6
13 Al 1s22s22p63s23p1
14 Si 1s22s22p63s23p2
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 25
ตารางแสดงระดับพลังงานย่ อย จํานวนอิเล็กตรอนสู งสุ ดในระดับพลังงานย่อย
และในแต่ ละระดับพลังงาน ของ ธาตุแรก (ต่ อ)
16 S 1s22s22p63s23p4
17 Cl 1s22s22p63s23p5
18 Ar 1s22s22p63s23p6
19 K 1s22s22p63s23p64s13d0
20 Ca 1s22s22p63s23p64s23d0
อิเล็กตรอนทีอยูใ่ นระดับพลังงานสู งสุ ดหรื อชันนอกสุ ดของอะตอม เรี ยกว่า เวเลนซ์อิเล็กตรอน (valence electron)
2) จงจัดอิเล็กตรอนในระดับพลังงานย่อยของธาตุ K
3) จงจัดอิเล็กตรอนในระดับพลังงานย่อยของธาตุ Mg
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 27
ธาตุ B
ธาตุ C
ธาตุ D
ธาตุ B
ธาตุ C
ธาตุ D
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 28
2. ตารางธาตุ
2.1 วิวัฒนาการของตารางธาตุ
1) ตารางธาตุของเดอเบอไรเนอร์ (ชุดสาม)
การจัดตารางธาตุนนเริั มขึนตังแต่ปี พ.ศ. 2360 (ค.ศ. 1817) โดย โยฮันน์ เดอเบอไรเนอร์ (Johaun Dobereiner)
นักเคมีชาวเยอรมัน ได้นาํ ธาตุต่าง ๆ ทีพบในขณะนันมาจัดเรี ยงเป็ นตารางธาตุ
โดยนําธาตุต่าง ๆ ทีมีสมบัติคล้ายคลึงกันมาจัดไว้ในหมู่เดียวกัน หมู่ละ 3 ธาตุ เรี ยกว่า ชุดสาม
เรี ยงตามมวลอะตอมจากน้อยไปมากในแต่ละหมู่
ธาตุกลางจะมีมวลอะตอมเป็ นค่าเฉลียของมวลอะตอมของธาตุทีเหลืออีก 2 อะตอม เรี ยกว่า กฎชุดสาม (law of
triads)
เช่น Na เป็ นธาตุกลางระหว่าง Li กับ K มีมวลอะตอม 23 (เป็ นค่าเฉลียของมวลอะตอม Li ซึ งมีมวลอะตอม 7
กับธาตุ K มีมวลอะตอม 39)
ตารางที 1 มวลอะตอมเฉลียของธาตุบางกลุ่มตามกฎชุดสาม
หมู่ 1 มวลอะตอม หมู่ 2 มวลอะตอม
Li 7 Be 9
เฉลีย = 7 + 39 เฉลีย = 9 + 40 = 24.5
Na 23 Mg 24
2 2
K 39 Ca 40
3) ตารางธาตุของเมนเดเลเยฟ
ในระหว่างปี พ.ศ. 2412 - 2413 (ค.ศ. 1269 - 1270) ยูลิอุส ไมเออร์ (Julius Meyer) นักวิทยาศาสตร์ ชาว
เยอรมัน และดิมิทรี เมนเดเลเยฟ (Dimitri Mendelejev) ได้ศึกษารายละเอียดของธาตุต่าง ๆ มากขึน ทําให้มี
ข้อสังเกตเช่นเดียวกันว่า
ในการจัดตารางธาตุนอกจากจะใช้มวลอะตอมแล้ว ยังใช้สมบัติทางเคมีและทางกายภาพของสารประกอบ
อืน ๆ นอกเหนือจากสารประกอบคลอไรด์ และออกไซด์มาประกอบการพิจารณาด้วย
รูปแสดง ตารางธาตุของเมนเดเลเยฟ
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 31
รูปแสดงตารางธาตุในปัจจุบัน
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 32
จากตารางธาตุในรูปข้ างต้ น เป็ นแบบทีใช้ กันอยู่มากในปัจจุบัน แบ่ งธาตุเป็ น
แนวตัง หรือ หมู่ (group) มี 18 แถว หรือ 18 หมู่ แบ่ งเป็ น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้ แก่
กลุ่ม B มี หมู่ คือ หมู่ IB ถึง VIIIB (อยู่ระหว่ างหมู่ IIA และ IIIA)
เรียกธาตุกลุ่ม B ว่ า ธาตุแทรนซิ ชัน ( หมู่ แต่มี แนวตัง)
แนวนอน หรือ คาบ (period) มี คาบ ซึงแต่ ละคาบอาจมีจํานวนธาตุไม่ เท่ ากัน เช่ น
นอกจากนีเมือพิจารณาธาตุหมู่ IIIA ไปทางขวามือ จะพบเส้ นหนักหรือเส้ นทึบเป็ นแบบขันบันได เส้ นหนักนีจะเป็ นเส้ น
แบ่ งกลุ่มธาตุโลหะและอโลหะ กล่ าวคือ
ธาตุทางขวาของเส้นขันบันไดจะเป็ น อโลหะ
ธาตุทางซ้ายของเส้นขันบันไดจะเป็ น โลหะ
ธาตุทีอยูช่ ิดกับเส้นขันบันได เป็ นธาตุกึงโลหะ ซึ งมีทงสมบั
ั ติของโลหะและอโลหะ เช่น ธาตุ B , Si ,Ge ,As , Sb , Te
การตังชือธาตุทีค้นพบใหม่
จากตารางธาตุในรู ป จะพบว่ามีธาตุอยู่ 109 ธาตุ ซึ งยังมีการค้นพบธาตุใหม่ ๆ เพิ มขึนอีกหลายธาตุ แต่ยงั ไม่ได้
กําหนดสัญลักษณ์ทีแน่นอนไว้ในตารางธาตุ
ธาตุบางธาตุถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ หลายคณะ ทําให้มีชือเรี ยกและสัญลักษณ์ต่างกัน
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 33
ตัวอย่ างการตังชือธาตุทีค้นพบใหม่
ยังไม่ มีการตังหลักเกณฑ์
ธาตุที 104 ค้นพบโดยคณะนักวิทยาศาสตร์ 2 คณะ คือ
คณะของนักวิทยาศาสตร์ สหรัฐอเมริ กา ซึ งเรี ยกชือว่า รัทเทอร์ ฟอร์เดียม (Ratherfordium) และใช้สัญลักษณ์ Rf
ในขณะทีคณะนักวิทยาศาสตร์ สหภาพโซเวียตเรี ยกชือว่าเคอร์ ซาโตเวียม (Kurchatovium) ใช้สัญลักษณ์ Ku
ธาตุที 105 ค้นพบโดยคณะนักวิทยาศาสตร์ 2 คณะเช่นเดียวกัน คือ
คณะนักวิทยาศาสตร์ สหรัฐอเมริ กาเรี ยกชือว่า ฮาห์เนียม (Hahnium) และใช้สัญลักษณ์ Ha
ในขณะทีนักวิทยาศาสตร์ สหภาพโซเวียตใช้ชือว่า นิลส์บอห์เรี ยม (Neilbohrium) และใช้สัญลักษณ์เป็ น Ns
การทีคณะนักวิทยาศาสตร์ ต่างคณะตังชือแตกต่างกัน ทําให้เกิดความสับสน
มีการตังหลักเกณฑ์
International Union of Pure and Applied Chemistry (IUPAC) ได้กาํ หนดระบบการตังชือขึนใหม่ โดย
ใช้กบั ชือธาตุทีมีเลขอะตอมเกิน 100 ขึนไป
ทังนีให้ตงชืั อธาตุโดยระบุเลขอะตอมเป็ นภาษาละติน แล้วลงท้ายด้วย ium
ระบบการนับเลขในภาษาละติน เป็ นดังนี
ตัวอย่ างเช่ น
ธาตุที 104 ตามระบบ IUPAC อ่านว่า อุนนิลควอเดียม (Unnilquadium) สัญลักษณ์ Unq
ธาตุที 105 ตามระบบ IUPAC อ่านว่า อุนนิลเพนเทียม (Unnilpentium) สัญลักษณ์ Unp
ธาตุที 114 ตามระบบ IUPAC อ่านว่า อุนอุนควอเดียม (Ununhexium) สัญลักษณ์ Uuq
ธาตุที 115 ตามระบบ IUPAC อ่านว่า อุนอุนเพนเทียม (Unnilpentium) สัญลักษณ์ Uup
1) ขนาดอะตอม
รัศมีโคเวเลนต์ของ H = = 37 pm
ความยาวพันธะ Cl - Cl = 198 pm
รัศมีโคเวเลนต์ของ Cl = = 99 pm
รูปแสดงรัศมีอะตอมของไฮโดรเจนและคลอรีน
คําถามชวนคิด
รัศมีโคเวเลนต์กบั รัศมีแวนเดอร์ วาลส์แตกต่างกันอย่างไร
ขนาดอะตอมของ H ทีเป็ นรัศมีโคเวเลนต์กบั รัศมีแวนเดอร์ วาลส์มคี ่าแตกต่างกันหรื อไม่ อย่างไร
การศึกษารัศมีอะตอมของธาตุ ทําให้ทราบขนาดอะตอมของธาตุ
และสามารถเปรี ยบเทียบขนาดอะตอมของธาตุทีอยูใ่ น คาบเดียวกันหรื อหมู่เดียวกันได้
ตัวอย่างรัศมีอะตอมของธาตุในตารางธาตุ แสดงดังรู ปต่อไปนี
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 36
ขนาดอะตอม เล็กสุ ด
ขนาดอะตอม
เวเลนซ์ e- จะดึงดูดกับโปรตอนด้วยแรงดึงดูดสู ง
เวเลนซ์ e- จะเข้าใกล้นิวเคลียสมาก
อะตอมจึงมีขนาดเล็ก
3) แนวโน้ มตามหมู่
เมือพิจารณาขนาดอะตอมของธาตุทีอยู่ในหมู่เดียวกัน พบว่ า เมือเลขอะตอมเพิมขึน ขนาดอะตอมมีแนวโน้ ม
ใหญ่ ขึน (ใหญ่ ขึนจากบนลงล่ าง) อธิบายได้ ว่า
จํานวนระดับพลังงานเพิ ม
อะตอมจึงมีขนาดใหญ่
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 37
1.2) รัศมีไอออน
รูปแสดง การเปรียบเทียบขนาดอะตอมกับไอออน
เมือโลหะทําปฏิกิริยากับอโลหะ ขนาดของ Mg กับ Mg2+ และ O กับ O2- แตกต่ างกันอย่างไร เพราะเหตุใด
โลหะ (เสี ย e- ง่ าย)
โลหะจะเสี ยเวเลนซ์อิเล็กตรอนกลายเป็ นไอออนบวก
จํานวนอิเล็กตรอนในอะตอมจึงลดลง ทําให้แรงผลักระหว่างอิเล็กตรอนลดลงด้วย (แรงดึงดูดมาก)
หรื อกล่าวอีกนัยหนึงได้ว่าแรงดึงดูดระหว่างประจุในนิวเคลียสกับอิเล็กตรอนจะเพิ มมากขึน
ไอออนบวกจึงมีขนาดเล็กกว่าอะตอมเดิม
อโลหะ (รับ e-)
อโลหะจะรับอิเล็กตรอนเพิ มเข้ามาและเกิดเป็ นไอออนลบ
จํานวนอิเล็กตรอนในอะตอมจึงมากขึน ทําให้แรงผลักระหว่างอิเล็กตรอนมากขึนด้วย (แรงดูดน้อย)
ขอบเขตของกลุ่มหมอกอิเล็กตรอนจะขยายออกไปจากเดิม
ไอออนลบจึงมีมีขนาดใหญ่กว่าอะตอมเดิม
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 38
ไอออนบวกทีจัดอิเล็กตรอนเหมือนกัน ไอออนบวกทีมีประจุมากจะมีขนาดเล็กกว่าไอออนบวกทีมีประจุนอ้ ย
ขณะทีไอออนลบทีจัดอิเล็กตรอนเหมือนกัน ไอออนลบทีมีประจุมากจะมีขนาดใหญ่กว่าไอออนบวกทีมีประจุ
น้อย
จํานวนระดับพลังงานเพิ มขึน
รูปแสดง ค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีของธาตุในตารางธาตุ
จากรูป สามารถสรุปแนวโน้ มค่ าอิเล็กโทรเนกาทิวิตีตามคาบและหมู่ ดังนี
1) แนวโน้ มตามคาบ เมือพิจารณาค่ าอิเล็กโทรเนกาทิวิตขี องธาตุตามคาบ พบว่ า เมือเลขอะตอมเพิมขึน ค่าอิเล็กโทรเน
กาทิวิตี มีแนวโน้ มเพิมขึน (EN เพิมขึนจากซ้ ายไปขวา) อธิบายได้ ว่า
แรงดึงดูดสู งจึงทําให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอมยาก
จึงต้องใช้ความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอนมาก (EN สู ง)
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 42
จํานวนระดับพลังงานเพิ มขึน
1.5 สั มพรรคภาพอิเล็กตรอน
จากตัวอย่ างแสดงว่ า
อะตอม F มีแนวโน้มทีจะรับอิเล็กตรอนสู งกว่า O และ P ตามลําดับ
เมืออะตอมของธาตุรับ 1 อิเล็กตรอนแล้ว การับอิเล็กตรอนเพิ มขึนอีก 1 อิเล็กตรอนจึงรับได้ยากขึน
ดังนัน EA จึงมีค่าสู งขึน จนเป็ นค่าบวกได้ เช่น
รูปแสดงค่าสั มพรรคภาพอิเล็กตรอนของธาตุในตารางธาตุ
1.6 จุดหลอมเหลวและจุดเดือด
อนุภาคของสารทีอยูร่ วมกันจะมีแรงยึดเหนียวระหว่างกัน
การแยกอนุภาคของสารออกจากกันอาจใช้วิธีให้ความร้อนแก่สารจนมีอุณหภูมิสูงถึง จุดหลอมเหลวหรื อจุดเดือด
พลังงานความร้อนทีใช้จะมากหรื อน้อยขึนอยูก่ บั ขนาด (หรื อความแข็งแรง) ของแรงยึดเหนียวระหว่างอนุภาคในสารนัน
สารทีมีแรงยึดเหนียวระหว่างอนุภาคมากจะมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสู งด้วย
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 44
ตัวอย่ างจุดหลอมเหลวและจุดเดือดของธาตุหมู่ IA-VIIA แสดงดังต่ อไปนี
รูปแสดง จุดหลอมเหลวและจุดเดือดของธาตุในตารางธาตุ
2) แนวโน้ มตามหมู่ของจุดเดือดและจุดหลอมเหลว
ธาตุหมู่ IA IIA และ IIIA ส่ วนใหญ่มีค่าลดลงเมือเลขอะตอมเพิ มขึน
ธาตุหมู่ VA VIA VIIA และ VIIIA มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดเพิ มขึนตามเลขอะตอม
สําหรับจุดหลอมเหลวและจุดเดือดของธาตุหมู่ IVA มีแนวโน้มทีไม่ชดั เจน เนืองจากธาตุในหมู่นีมีโครงสร้างและ
แรงยึดเหนียวระหว่างอะตอมแตกต่างกัน จึงไม่สามารถสรุ ปเป็ นแนวโน้มได้
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 45
1.7 เลขออกซิเดชัน
ตัวอย่ างเช่ น
โซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ประกอบด้วยโซเดียมไอออน (Na+) ทีมีประจุไฟฟ้ า +1 และคลอไรด์ไอออน (Cl-) ทีมีประจุ
ไฟฟ้ า -1 จึงกําหนดให้โซเดียมมีเลขออกซิ เดชัน +1 และคลอรี นมีเลขออกซิ เดชัน -1
แก๊ สไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCI) ประกอบด้วยไฮโดรเจน 1 อะตอมกับคลอรี น 1 อะตอมใช้อิเล็กตรอนร่ วมกัน 1 คู่
แต่เนืองจากคลอรี นมีอิเล็กโทรเนกาติวิตีสูงกว่าไฮโดรเจน อิเล็กตรอนคู่ทีใช้ร่วมกันจึงถูกดึงดูดเข้าใกล้นิวเคลียสของ
คลอรี นทําให้ คลอรี นแสดงอํานาจไฟฟ้ าลบ ส่ วนไฮโดรเจนแสดงอํานาจไฟฟ้ าบวก จึงกําหนดเลขออกซิ เดชันของคลอรี น
ให้มีค่าเท่ากับ -1 และไฮโดรเจนเท่ากับ +1
ตัวอย่างเลขออกซิเดชันต่ าง ๆ ของธาตุ
จากตารางดังกล่ าว จะพบว่ า
ธาตุหมู่ IA IIA และ IIIA มีเลขออกซิ เดชันเพียงค่าเดียวคือ +1 +2 และ +3 ตามลําดับ
ส่ วนธาตุหมู่ IVA VA VIA และ VIIA บางชนิดมีเลขออกซิ เดชันหลายค่า เช่น คาร์ บอนมีเลขออกซิ เดชัน
-4 +2 และ +4 ไนโตรเจนมีเลขออกซิ เดชัน -3 +1 +2 +3 +4 และ +5 คลอรี นมีเลขออกซิ เดชัน
-1 +1 +3 +5 และ +7
อย่างไรก็ตามมีสิ งเหมือนกันประการหนึงคือ ธาตุเหล่านัน (ยกเว้นฟลูออรี น) มีเลขออกซิ เดชันค่าสู งสุ ดได้เท่ากับ
เลขหมู่หรื อเท่ากับจํานวนเวเลนซ์ อิเล็กตรอน
โดย อรณี หัสเสม : เรียบเรียง 47
จงหาเลขออกซิเดชันของธาตุในสารประกอบต่ อไปนี
1. C ใน C2O42-
2. S ใน CaS2
3. S ใน BaSO3
4. P ใน PH4+
5. O ใน O2F2
6. Sb ใน NaSbO2
7. N ใน Al(NO3)3
8. P ใน K2HPO3