You are on page 1of 17

คณิต มงคลพิทักษสุข 217 ความสัมพันธและฟงกชัน

kanuay.com

เฉลยแบบฝึกหัด (คําตอบ)
(1) ผิดทุกข้อ (17.4) {3}  [2, ) (42.2) 7
(2) (35/ 3, 20/21) (18) {1} (42.3) 4 f(x)
(3) (6, 0) (19) 5 3 f(x)  1
(4) ข้อ (4.2) และ (4.6) ถูก (20) 2 (43.1) (g  f)(x)  2x  3 ,
(5) ถูกทุกข้อ (21) (1/ 4, 0] (f  g)(x)  2x  6
(6) 2mk  m2 (22) ข. (43.2) (g  f)(x)  x1
(7) 220 (23.1) [4, 4] , [4, 4] เมือ่ x > 1 ,
(8) 2 1,000 (23.2) [0, 4] , [2, 2]
(f  g)(x)  x 1
(9) ถูกทุกข้อ (23.3) R , [3, )
เมือ่ x > 0
(10) ถูกทุกข้อ (23.4) (3, 2] , [3, 6]
(11.1) {(2, 1)} (43.3) (g  f)(x)  (4x  1)2 ,
(24.1) 1
(11.2) {(0, 4), ( 7, 3), ( 7, 3)} (24.2) 0.5 (f  g)(x)  4x 2  1

(12) 310 (24.3) 1 (43.4)


(24.4) หาค่าไม่ได้
(g  f)(x)   5  x2 , x  0
(13.1) Dr  R  {0} , 
(25) 6.75 (6  x)  1, x  8
Rr  R  {0} (26.1) 24 และ (f  g)(x)  5  x2
(13.2) R  {2} , R  {1} (26.2) 12
เมือ่ x  2
(13.3) R  {1} , R  {0} (26.3) 
(13.4) R  {1} , R  {2} (26.4) 4 (44) 11/4 หรือ 2
(13.5) (1, ) , (1, ) (27) 85.33 (45) 1 เมื่อ x  1
x1
(14.1) R , [0, ) (28) 0
(29) [7, 5]  [5, 7] (46) x  1 หรือ x
(14.2) [0, ) , [0, )
(30) [1, 8] (47) –3
(14.3) R , [4, )
(31) ข้อ (31.2) และ (31.3) ถูก (48) ข้อ (48.1) เท่านั้นที่เป็น
(14.4) [1, ) , [3, )
(32) 4 (49.1) 5  x2 เมื่อ x > 0
(14.5) [4, 4] , [4, 4]
(33) ข้อ (33.2) และ (33.5) (49.2) (x2  4)/5 เมื่อ x > 0
(14.6) [4, 4] , [0, 4]
เท่านัน้ ที่ไม่เป็นฟังก์ชัน (49.3) 3x  1
(14.7) [4, 1] , [0, 1.25] ..ส่วนข้อ (33.3), (33.6)
(14.8) [1, 7] , [6, 2] และ (33.8) เป็นฟังก์ชัน 1–1 (49.4) 1  1 / x เมื่อ x  0
(15.1) R  {0, 1} , R  (4, 0] 3x  2
(34.1) ไม่เป็น (49.5) เมื่อ x  1
x1
(15.2) R  {1, 3} , R  (1, 0] (34.2) เป็น
(35) ข้อ (35.4) เท่านั้นที่เป็น x 1
(15.3) [1, )  {0} , R (49.6) เมื่อ x 
(36) ข้อ (36.4) เท่านั้นที่ไม่เป็น 2x  1 2
(15.4) , 
(37) ข้อ (37.2) เท่านัน้ ที่เป็น 2x  3 2
(15.5) [2, 1)  (1, ) , R (49.7) เมื่อ x 
(38) ข้อ (38.2) เท่านั้นไม่เป็น 3x  2 3
(15.6) R  (46/25, 2] ,
R  {3, 2}
(39) ข้อ (39.1), (39.5),  0.5x  1 , x > 2
(50) f 1(x)  
(39.6) เป็น   x  1 , x   1
(16.1) R  {7, 1} , R  (3/ 4, 0] (40.1) R , [3, )
(16.2) R , [0, 2] (51.1) (3x  25)/ 4
(40.2) R  {5} , R  {10}
(16.3) R , [0, ) (51.2) x  2
(40.3) R  {0} , R  (2, 2)
(17.1) R  {2, 2} 4x  12
(41) (t  3)2 เมื่อ 5 < t < 5 (51.3) เมื่อ x  5
(17.2) R  [2, 2] x 5
(42.1) x2  x  7 (51.4) (4x  7)/ 3
(17.3) R  {2}
บทที่ ๕ 218 Math E-Book
Release 2.6.4

(52) –1 (56.1) 1 x  1  1  x2 (58) x 5


เมื่อ x  0, 10
(53.1) –33 x (x  10)
เมือ่ 1 < x < 0
(53.2) –19 (59.1) 7/2
(53.3) 4 1 1 x (59.2) 15/4
(53.4) –4 (56.2)
1  x2 (60.1) 5/3
(54.1) –2/3 เมือ่ x  (, 1)  {1} (60.2) 5/3
(54.2) –1/2 (61.1) 6
x  43
(55.1) 3  x, x  0 (57.1) x2  (61.2) 7/2
6
และ x, 0 < x < 3 2x2  x  11 (62.1) 7 1
และ 2x  x2 , x  3 (57.2) 43
3x  5
(55.2) R  {0} (62.2) 43
เมือ่ x  5/ 3
คณิต มงคลพิทักษสุข 219 ความสัมพันธและฟงกชัน
kanuay.com

เฉลยแบบฝึกหัด (วิธีคิด)
(1.1) ผิด ..เพราะมี a, b บางคูซ่ ึ่ง (a, b)  (b, a) (5.1) เนื่องจาก n(P(A))  24 , n(P(B))  23
เช่น a  2, b  2 ดังนัน้ n(P(A)  P(B))  24  23  128 ..ถูก
(1.2) ผิด ..เพราะการที่ (a, b)  (c, d) (5.2) เนื่องจาก (A  B)  (A  C)  A  (B  C)
ไม่จําเป็นที่ a  c และ b  d พร้อมกันเสมอไป และ n(A)  30, n(B  C)  19
จะต้องสรุปว่า a  c หรือ b  d จึงถูกต้อง ดังนัน้ n[(A  B)  (A  C)]  30  19  570 ..ถูก
(1.3) ข้อความภายในวงเล็บจะเป็นจริงได้ ก็ตอ่ เมื่อ
a  2b  1 และ 1  b  a  2  2b  a (5.3) จากสูตรยูเนียนของเซต
2
ค่าของ n[(A  B)  (B  A)] สามารถคํานวณจาก
..แต่สมการทั้งสองขัดแย้งกัน จึงไม่สามารถหา a, b n(A  B)  n(B  A)  n[(A  B)  (B  A)]
ที่ทาํ ให้ข้อความในวงเล็บเป็นจริงได้เลย ข้อนีจ้ ึงผิด
โดยสมาชิกทีซ่ ้ํากันของ A  B กับ B  A
เกิดจากการจับคูก่ ันของส่วนที่ซา้ํ กันใน A กับ B
(2) จาก 3x  5  5 จะได้ x   10 เช่นในข้อนี้ A  B  {0, 1, 2, 3, 4}
3
จาก 8  4y  6 จะได้ y  27 จึงได้วา่ (A  B)  (B  A) มีอยู่ 5  5 คู่อันดับ
และจาก y  p จึงได้ p   27 ดังนัน้ ได้ (29  8)  (8  29)  (5  5)  439 ..ถูก
..ดังนัน้ (xp, px)  (35 , 20)
3 21

(6) วิธีคิดเหมือนข้อ 5.3


คือค่าของ n[(A  B)  (B  A)] สามารถคํานวณ
(3) ฝั่งซ้าย (3, 4)  (0, 0)  (3  0, 4  0)  (3, 4)
จาก n(A  B)  n(B  A)  n[(A  B)  (B  A)]
และฝั่งขวา (x, y)  (3, 4)  (x  3, y  4)
..จึงได้ 3  x  3 และ 4  y  4 ส่วนที่ขดี เส้นใต้ ในข้อนี้โจทย์บอกว่า
ดังนัน้ (x, y)  (6, 0) มีค่าเท่ากับ n[(A  B)  (B  A)]
จึงได้คาํ ตอบเป็น mk  km  mm  2mk  m2
หมายเหตุ (A  B)  (B  A)  (A  B)  (B  A)
(4.1) ผิด ..มีกรณีที่ A  B กลายเป็นเซตจํากัด
เป็นจริงเสมอ ไม่เฉพาะกับข้อนี้
คือเมือ่ B   จะทําให้ A  B  
(ดังที่ได้แสดงตัวอย่างไปแล้วในข้อ 5.3)
(4.2) ถูก ..เพราะถ้า n(A  B) หาค่าไม่ได้
แสดงว่า n(A) หรือ n(B) ต้องหาค่าไม่ได้
(4.3) ผิด ..ไม่จา ํ เป็นที่ B  C ถ้าหาก A  
(4.4) ผิด ..ไม่จา ํ เป็นต้องเป็น  ทั้งคู่ (7) จาก n(A'  B')  n(A  B)'  2
คือ A   หรือ B   อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แสดงว่า n(A  B)  8
(4.5) ผิด ..ถ้าหาก A   โดย B เป็นเซตอืน ่ ใด จาก n(A'  B')  n(A  B)'  9
ก็จะทําให้ A  B  B  A ได้ด้วย แสดงว่า n(A  B)  1
(4.6) ถูก ..เพราะ A  B  A  A  B ดังนัน้ จากรูป x  y  7
(4.7) ผิด ..เช่นถ้า A   ก็จะได้ A  B  A x 1 y
และจาก n(B)  n(A)  1 2
(หรือถ้า B   ก็จะได้ A  B  B ) A B
(4.8) ผิด ..เพราะ A กับ A  B ย่อมไม่มีสมาชิก
จะได้ (y  1)  (x  1)  1
ตัวใดซ้ํากันอยู่แล้ว ( A  B มีสมาชิกเป็นคู่อนั ดับ ที่ ..แก้ระบบสมการได้ x  3 , y  4

มีส่วนประกอบมากกว่าสมาชิกของ A อยูห่ นึ่งระดับ) ดังนัน้ n(A)  4, n(B)  5


ดังนัน้ A  (A  B)   เสมอ ความสัมพันธ์จาก A ไป B จึงมี 24 5  220 แบบ
บทที่ ๕ 220 Math E-Book
Release 2.6.4

(8) เนื่องจาก n(A  A)  10  10  100 (11) เซต r1  r2 (ส่วนทีซ


่ ้ํากันของ r1 กับ r2 )
..ดังนัน้ จํานวนความสัมพันธ์จาก A  A ไป A คือส่วนที่กราฟของความสัมพันธ์ทั้งสองตัดกันนั่นเอง
จึงมีทงั้ หมด 2n(A  A)n(A)  2100 10  21000 แบบ และจะหาได้จากการแก้ระบบสมการ
(11.1) แก้ระบบสมการได้ (x, y)  (2, 1) เท่านั้น
(ซึ่งเป็นจํานวนเต็มพอดี แสดงว่าอยู่ในสองเซตนี้จริง)
(9.1) ถูก ..คิดจาก 2n(A B)  23 2  26  64
..ดังนัน้ r1  r2  { (2, 1) }
(9.2) โดเมนต้องเป็น {1, 2, 3} ครบทุกจํานวน (11.2) แก้ระบบสมการ;

..สําหรับสมาชิกตัวหน้าของคูอ่ ันดับเป็น “1” จากสมการที่สอง เขียนเป็น x2  4  y


จะเลือกสมาชิกของ B มาจับให้เป็นคู่อนั ดับ แทนค่าลงในสมการแรกได้ y2  y  12  0
ได้ 3 ลักษณะ (คิดจาก 22  1 นั่นคือหาจํานวน แยกตัวประกอบ ได้คาํ ตอบเป็น y  4 หรือ 3
สับเซตของ B ทุกแบบที่ไม่ใช่  ) ซึ่งคู่กับค่า x  0 หรือ  7 ตามลําดับ
ได้แก่ (1, 0) หรือ (1, 4) หรือ (1, 0),(1, 4) ..ดังนัน้ r1  r2  {(0, 4), ( 7, 3), ( 7, 3)}
..ส่วนสมาชิกตัวหน้าเป็น “2” กับเป็น “3” ก็สร้างคู่
อันดับได้ส่วนละ 3 ลักษณะ เช่นเดียวกัน
(12) ถ้า x  1 จะคูก่ ับ y  1, 2, 3, ..., 25
ดังนัน้ สามารถเลือกมาประกอบกันทัง้ สามส่วน
ได้ทั้งหมด 3  3  3  27 แบบ ..ข้อนี้จงึ ถูกต้อง รวม 25 แบบ
ถ้า x  2 จะคู่กับ y  2, 3, 4, ..., 25
รวม 24 แบบ
...จนถึง x  20 จะคู่กับ y  20, 21, ..., 25
(10.1) ถูก ..นัน่ คือ 212 แบบ เท่ากัน รวม 6 แบบ
 จํานวนคูอ่ ันดับรวม  25  24  23  ...  6
(10.2) โดเมนเป็นสมาชิกตัวแรกของ A  310
จะเลือกเรนจ์คือสมาชิกของ B มาจับให้เป็นคูอ่ นั ดับ
ได้ 15 ลักษณะ (คิดจาก 24  1 ..นัน่ คือสับเซต หมายเหตุ ควรใช้สูตรอนุกรมเลขคณิต (บทที่ ๑๑)
ของ B ทุกแบบที่ไม่ใช่  ) ช่วยในการหาผลบวก
..โดเมนเป็นสมาชิกตัวที่สองและสามของ A
ก็สร้างคูอ่ ันดับได้ส่วนละ 15 ลักษณะ เช่นกัน
ดังนัน้ จึงประกอบกันได้ 15  15  15 แบบ ..ถูก 2
(13.1) ๏ โดเมน; พิจารณาจาก y 
x
(10.3) คิดเช่นเดียวกับข้อ (10.2) จะได้เงือ่ นไข x  0 ..ดังนัน้ Dr  R  {0}
แต่ละตัวของโดเมน (สมาชิกของ B) จะเลือกเรนจ์
2
(สมาชิกของ A) มาสร้างคู่อนั ดับได้ 23  1  7 แบบ ๏ เรนจ์; พิจารณาจาก x  y
เมื่อเลือกมาประกอบเข้าด้วยกันทัง้ 4 ส่วน จะได้เงือ่ นไข y  0 ..ดังนัน้ Rr  R  {0}
จะได้ 7  7  7  7  2401 แบบ ..ถูก
หมายเหตุ เป็นกราฟไฮเพอร์-
(10.4) คิดเช่นเดียวกับข้อทีผ่ ่านมา โบลามุมฉาก (เอียง) ดังรูป
แต่ละตัวของโดเมน (สมาชิกของ A) จะเลือกเรนจ์
(สมาชิกของ A) มาสร้างคู่อนั ดับได้ 23  1  7 แบบ
เมื่อเลือกมาประกอบเข้าด้วยกันทัง้ 3 ส่วน 1
(13.2) ๏ โดเมน; พิจารณาจาก y1 
จะได้ 7  7  7  343 แบบ ..ถูก x 2
จะได้เงือ่ นไข x  2  0  x  2
..ดังนัน้ Dr  R  {2}
คณิต มงคลพิทักษสุข 221 ความสัมพันธและฟงกชัน
kanuay.com

1 y1 y  1 y  1
๏ เรนจ์; พิจารณาจาก x 2   1 0   0
y1 y1 y1
จะได้เงือ่ นไข y  1  0  y  1 2
  0  y  1 (อาศัยเส้นจํานวนก็ได้)
..ดังนัน้ Rr  R  {1} y1
..ดังนัน้ Rr  (1, )
หมายเหตุ เป็นกราฟไฮเพอร์โบลามุมฉาก เหมือน
ข้อที่แล้ว แต่เลื่อนจุดศูนย์กลาง (0,0) ไปอยู่ที่ (2,1) หมายเหตุ เงื่อนไขของตัวส่วนคือ y  1 นั้น
ไม่ได้กล่าวถึงในทีแรก เนื่องจากในการแก้อสมการนี้
1 ก็จะมีเงื่อนไขดังกล่าวอยู่ที่ตัวส่วน อยู่แล้ว
(13.3) ๏ โดเมน; พิจารณาจาก y 
x1
จะได้เงือ่ นไข x  1  0  x  1
..ดังนัน้ Dr  R  {1} (14.1) พิจารณาจาก y  x2 ได้ทันที
1
พบว่าไม่มีเงือ่ นไขใดที่ x แต่มีเงื่อนไข y > 0
๏ เรนจ์; พิจารณาจาก x1 ..ดังนัน้ Dr  R และ Rr  [0, )
y
จะได้เงือ่ นไข y  0 ..ดังนัน้ Rr  R  {0} หมายเหตุ เป็นกราฟพาราโบลาหงาย
หมายเหตุ เป็นกราฟไฮเพอร์โบลามุมฉาก (เอียง)
(14.2) พิจารณาจาก y  x ได้ทันที
ที่เลื่อนจุดศูนย์กลางไปอยู่ที่ (1,0)
พบว่ามีเงื่อนไข x > 0 และ y > 0
2x  3
..ดังนัน้ Dr  [0, ) และ Rr  [0, )
(13.4) ๏ โดเมน; พิจารณาจาก y 
x1 หมายเหตุ เป็นกราฟพาราโบลาหงายเหมือนข้อที่
จะได้เงือ่ นไข x  1  0  x  1 แล้ว แต่มีเพียงซีกขวาเท่านั้น เพราะค่า x ห้ามติดลบ
..ดังนัน้ Dr  R  {1}

๏ เรนจ์; จัดรูปสมการเพื่อพิจารณา ได้ดงั นี้ 14.1 14.2


xy  y  2x  3  xy  2x  y  3
y  3
 x 
y 2
จะได้เงือ่ นไข y  2  0  y  2 (14.3) จัดรูปสมการเพื่อพิจารณา ได้ดงั นี้
..ดังนัน้ Rr  R  {2} y  x2  2x  3  y  3  1  x2  2x  1
 y  4  (x  1)2
x1 พบว่าไม่มีเงือ่ นไขใดที่ x แต่มีเงื่อนไข y4 > 0
(13.5) ๏ โดเมน; พิจารณาจาก y 
x1 ดังนัน้ Dr  R และ Rr  [4, )
จะได้เงือ่ นไขเป็น x  1
หมายเหตุ เป็นกราฟพาราโบลาหงาย จุดยอด (1,–4)
แต่โจทย์เพิ่มเงื่อนไขว่า x  1 ด้วย
(ต้องจัดกําลังสองสมบูรณ์ ให้เหลือ x กับ y เพียง
..ดังนัน้ Dr  (1, )
อย่างละตัวเดียวเสมอ ไม่ว่าจะเขียนกราฟหรือไม่)
๏ เรนจ์; จัดรูปสมการเพื่อพิจารณา ได้ดงั นี้
(14.4) พิจารณาจาก y  3  x  1
xy  y  x  1  xy  x  y  1
พบว่ามีเงื่อนไข x  1 > 0  Dr  [1, )
y1
 x  และ y  3 > 0  Rr  [3, )
y1
..แต่เนือ่ งจากโดเมนถูกบังคับเป็น x  1 หมายเหตุ เป็นพาราโบลาในลักษณะเดียวกับสมการ
จึงได้เงือ่ นไขว่า y  1  1 ซึ่งแก้อสมการได้เป็น (y  3)2  x  1 แต่จะมีเพียงซีกบนซีกเดียว
y1
บทที่ ๕ 222 Math E-Book
Release 2.6.4

(14.5) พิจารณาจากกราฟ จะได้รูปวงกลม ๏ เรนจ์; จัดรูปสมการได้ดังนี้


รัศมี 4 หน่วย มีจุดศูนย์กลางอยูท่ ี่ (0, 0) 1 1 1 1
x2  x   x2  x   
..ดังนัน้ Dr  [4, 4] และ Rr  [4, 4] y 4 y 4
1 y4
 (x  )2 
หมายเหตุ คิดโดยจัดรูปสมการก็ได้ นั่นคือ.. 2 4y
๏ โดเมน; จัดสมการได้ y   16  x2 พบว่ามีเงื่อนไข y4
> 0
จึงได้เงื่อนไขเป็น 16  x2 > 0 4y
 (x  4)(x  4) < 0  4 < x < 4 ซึ่งหาคําตอบของอสมการนี้ได้จากเส้นจํานวน
..ดังนั้น Dr  [4, 4] ..จะได้คาํ ตอบคือ Rr  R  (4, 0]
๏ เรนจ์; จัดสมการได้ x   16  y2
จึงได้เงื่อนไขเป็น 16  y2 > 0 (15.2) ๏ โดเมน; จากสมการในโจทย์
(แก้อสมการในลักษณะเดียวกับโดเมน) จะได้เงือ่ นไข x2  4x  3  0
..ดังนั้น Rr  [4, 4]  (x  3)(x  1)  0
..ดังนัน้ Dr  R  {1, 3}
(14.6) จากสมการ y  16  x2
เมื่อยกกําลังสองจะได้กราฟวงกลมเหมือนข้อที่แล้ว ๏ เรนจ์; จัดรูปสมการได้ดังนี้
แต่สาํ หรับข้อนี้กราฟจะมีเพียงครึง่ วงกลมเท่านัน้ x2  4x  3 
1
 x2  4x  3  1 
1
1
เพราะเงือ่ นไขของรู้ท บังคับว่า y > 0 เสมอ y y
..ดังนัน้ Dr  [4, 4], Rr  [0, 4]  (x  2)2 
y1
y
(14.7) จากสมการ 2y  4  3x  x2 y1
> 0
พบว่ามีเงื่อนไข
เมื่อยกกําลังสองจะได้ 4y2  4  3x  x2 y
เป็นสมการวงรีซงึ่ จัดรูปได้ดังนี้ ซึ่งหาคําตอบของอสมการนี้ได้จากเส้นจํานวน
 (x2  3x  (9/ 4))  4y2  4  (9/ 4) ..จะได้คาํ ตอบคือ Rr  R  (1, 0]
(x  1.5)2 y2
   1
25/ 4 25/ 16 (15.3) ๏ โดเมน; จากสมการในโจทย์มี 2 เงื่อนไข
เขียนกราฟได้ดังรูป 1.25 ได้แก่ (ภายในรูท้ ) x  1 > 0  x > 1
..พบว่า Dr  [4, 1] 2.5 และ (ทีต่ ัวส่วน) x  0
(–1.5,0)
และ Rr  [0, 1.25] ..ดังนัน้ Dr  [1, )  {0}

หมายเหตุ วงรีดา้ นล่างไม่มี เพราะเงื่อนไขของรูท้ ๏ เรนจ์; จัดรูปสมการได้ดังนี้


ในสมการที่โจทย์ให้มา ทําให้ y > 0 เสมอ x1 x1
y   y2 
x x2
(14.8) จัดรูปสมการเพื่อพิจารณา ได้ดงั นี้  x2y2  x  1  0
2 2
(x  6x  9)  (y  4y  4)  3  9  4
 (x  3)2  (y  2)2  42 กรณี y  0 จะได้สมการเป็น x  1  0
เป็นวงกลมรัศมี 4 หน่วย ที่มีจดุ ศูนย์กลางที่ (3, 2) ซึ่งสามารถหาคําตอบ (ค่า x) ได้
..ดังนัน้ Dr  [1, 7] และ Rr  [6, 2] แสดงว่าในเรนจ์มี y  0
กรณี y  0 จะเป็นสมการกําลังสอง
1 1  4y2
ซึ่งมีคาํ ตอบอยู่ในรูป x 
(15.1) ๏ โดเมน; จากสมการในโจทย์ 2y2
จะได้เงือ่ นไข x2  x  0  x (x  1)  0 เงื่อนไขทีท่ ําให้หาคําตอบ (ค่า x) ได้คือ 1  4y2 > 0
..ดังนัน้ Dr  R  {0, 1} พบว่าเงื่อนไขนีเ้ ป็นจริงเสมอทุกค่า y
..ดังนัน้ สรุปรวมผลจากทั้ง 2 กรณีได้วา่ Rr  R
คณิต มงคลพิทักษสุข 223 ความสัมพันธและฟงกชัน
kanuay.com

(15.4) ๏ โดเมน; จัดรูปสมการได้ดังนี้ (15.6) ๏ โดเมน; จัดรูปสมการได้ดังนี้


y2  (2x)y  (2x2  x  1)  0 2
2y  2y  11 2(y  1)2  23
x   2 2
ใช้สูตรของสมการกําลังสองในการหาค่า y ได้เป็น y2  y  6 (y  1)2  25
2 4
2x  4x2  8x2  4x  4
 y  2(2y  1)2  46
2 (คูณ 4 ทั้งเศษและส่วน)  x 
(2y  1)2  25
 y  x x2  x  1
เงื่อนไขทีท่ ําให้หาค่า y ได้คือ x2  x  1 > 0
..มอง (2y  1)2 เป็นตัวแปรหนึ่ง ย้ายข้างในลักษณะ
 x2  x  1 < 0 เดียวกับข้อ (13.4) จะได้ (2y  1)2  25x  46
x 2
พหุนามแยกตัวประกอบเป็นจํานวนจริงไม่ได้
25x  46
แสดงว่ามีค่าเป็นบวกเสมอ อสมการนีจ้ ึงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งมีเงือ่ นไขเป็น > 0
x 2
..ดังนัน้ Dr  
หาคําตอบของอสมการนี้ได้จากเส้นจํานวน
46 , 2]
หมายเหตุ ทดลองจัดกําลังสองสมบูรณ์ก็ได้ จะได้ผล ..จะได้คาํ ตอบคือ Dr  R  (25
2
เป็น (x  0.5)  0.75 < 0 ..ซึ่งเป็นไปไม่ได้
2y2  2y  11
๏ เรนจ์; พิจารณาจาก x 
๏ เรนจ์; เนือ่ งจาก Dr   y2  y  6
แสดงว่าภายใน r ไม่มีคู่อนั ดับใด ๆ อยู่เลย จะได้เงือ่ นไข y2  y  6  (y  3)(y  2)  0
..ดังนัน้ จึงได้ Rr   ด้วย ..ดังนัน้ Rr  R  {3, 2}
x2
(15.5) ๏ โดเมน; จัดรูปสมการได้ y2 
x2  1
(16.1) ๏ โดเมน; จากสมการในโจทย์
x2 x2
มีเงื่อนไขคือ > 0  > 0 จะได้เงือ่ นไข |x  3|  4  0  x  3  4
x2  1 (x  1)(x  1)
..ดังนัน้ Dr  R  {7, 1}
ซึ่งหาคําตอบของอสมการนี้ได้จากเส้นจํานวน
..จะได้คาํ ตอบคือ Dr  [2, 1)  (1, ) 3
๏ เรนจ์; จัดรูปได้ดังนี้ |x  3|  4 
y
หมายเหตุ เงื่อนไขของตัวส่วนคือ x2  1  0 นั้น 3
ไม่ได้กล่าวถึงในทีแรก เนื่องจากในการแก้อสมการนี้  |x  3|  4
y
ก็จะมีเงื่อนไขดังกล่าวอยู่ที่ตัวส่วน อยู่แล้ว 3 3  4y
จึงมีเงือ่ นไขว่า 4> 0  > 0
y y
๏ เรนจ์; จากสมการ (y2) x2  x  (y2  2)  0 ซึ่งหาคําตอบของอสมการนี้ได้จากเส้นจํานวน
กรณี y  0 จะได้สมการเป็น  x  2  0 ..จะได้คาํ ตอบคือ Rr  R  ( 43 , 0]
ซึ่งสามารถหาคําตอบ (ค่า x) ได้
แสดงว่าในเรนจ์มี y  0 (16.2) ๏ โดเมน; เนือ ่ งจากไม่มขี ้อจํากัดใด ๆ
สําหรับค่า x ที่อยู่ภายในค่าสัมบูรณ์ จึงได้ Dr  R
กรณี y  0 จะเป็นสมการกําลังสอง
1 1  4y4  8y2 ๏ เรนจ์; จากสมการ y  |x  2|  |x|
ซึ่งมีคาํ ตอบอยู่ในรูป x 
2y2 แยกช่วงย่อยเพื่อถอดค่าสัมบูรณ์ได้ดังนี้
เงื่อนไขทีท่ ําให้หาค่า x ได้คอื 1  4y4  8y2 > 0 ถ้า x > 0 จะได้ y  |x  2  x|  2
พบว่าเงื่อนไขนีเ้ ป็นจริงเสมอทุกค่า y ถ้า 2 < x  0 จะได้ y  |x  2  x|  |2x  2|
..ดังนัน้ สรุปรวมผลจากทั้ง 2 กรณีได้วา่ Rr  R ถ้า x  2 จะได้ y  |  x  2  x|  2
พิจารณาจากกราฟ ดังรูป
..จะได้ Rr  [0, 2] 2

–1
บทที่ ๕ 224 Math E-Book
Release 2.6.4

(16.3) กราฟของสมการ y  x2  4 1 y
(18) ๏ เรนจ์; พิจารณาจาก x 
สร้างขึน้ จากสมการพาราโบลา y  x2  4 y
แต่คา่ สัมบูรณ์จะทําให้มีเงือ่ นไขว่า y > 0 เสมอ จะได้ Rr  R  {0}
1
กราฟในส่วนที่คา่ y เดิมติดลบ ๏ โดเมน; พิจารณาจาก xy  y  1  y 
x1
จะถูกพลิกขึน้ ด้านบนให้เป็น จะได้ Dr  R  {1} ..ดังนั้น Rr  Dr  {1}
ค่าบวก ดังรูป
..ดังนัน้ Dr  R และ Rr  [0, )
(19) ๏ โดเมน; กรณี x < 11
จะได้เงือ่ นไข x  2 > 0  x > 2
(17) เนื่องจาก Rr  Dr เสมอ ดังนัน้ โจทย์ขอ้ นี้
1
..นั่นคือ x  [2, 11]
จึงเป็นการให้หาโดเมนของความสัมพันธ์นนั่ เอง กรณี x  11
จะได้เงือ่ นไข 15  x > 0  x < 15
(17.1) จากเงื่อนไขของตัวส่วน.. x2  4  0 ..นั่นคือ x  (11, 15]
 (x  2)(x  2)  0 นําผลที่ได้มารวมกันได้เป็น Dr  [2, 15]
ดังนัน้ Rr1  R  {2, 2}
๏ เรนจ์; ในช่วง x  [2, 11] จะได้ y  x  2
(17.2) จากเงื่อนไขของตัวส่วน.. x 2
4  0 แสดงว่า y มีคา่ เพิ่มขึ้นจาก 0 ไปถึง 3
และเงื่อนไขภายในรู้ท.. x2  4 > 0 ส่วนในช่วง x  (11, 15] จะได้ y  15  x
จะสรุปรวมได้ว่า x2  4  0 แสดงว่า y มีคา่ ลดลงจาก 2 ถึง 0
 (x  2)(x  2)  0 (จะใช้วิธีทดลองพล็อตกราฟ เป็นพาราโบลา ก็ได้)
..นั่นคือ R 1  R  [2, 2] ..ดังนัน้ Rr  [0, 3]
r

(17.3) จากเงื่อนไขของตัวส่วน.. x 2  0 จึงได้ A  [2, 3] และมีผลบวกคือ 32  5

ดังนัน้ Rr 1  R  {2}

(17.4) จากเงื่อนไขในรูท้ .. 2x2  3x  2 > 0 y2  1


(20) ๏ เรนจ์; พิจารณาจาก x 
 (2x  1)(x  2) > 0 2y2  1
จะได้ช่วงคําตอบเป็น (, 1/2]  [2, ) พบว่าส่วนไม่มีทางเป็น 0 ..ดังนัน้ Rr  R

และอีกเงื่อนไขคือ.. 3x  1  2 2x2  3x  2 > 0 x1


๏ โดเมน; พิจารณาจาก y2 
2
 2 2x  3x  2 > 1  3x 1  2x

ซึ่งการแก้อสมการนี้ จะต้องแยกคิดเป็นสองกรณี x1 x1


จะได้เงือ่ นไข > 0  < 0
1  2x 2x  1
กรณี 1  3x > 0  x < 1/ 3 หาคําตอบจากเส้นจํานวนได้เป็น Dr  ( 1 , 1]
2
จะได้อสมการ 4(2x2  3x  2) > 1  6x  9x2
2 2
 x  6x  9 < 0  (x  3) < 0 ..ดังนัน้ Rr  Dr '  Rr  Dr  R  (21 , 1]
คําตอบคือ x  3 เท่านั้น (อยู่ในเงือ่ นไขพอดี)
และจํานวนเต็มบวกทีน่ ้อยทีส่ ุดในเซตนีก้ ็คอื 2
กรณี 1  3x  0  x  1/ 3
จะได้อสมการเป็นจริงเสมอ ทุกค่า x ที่ใช้ได้ในรูท้
นั่นคือ x  (, 1/2]  [2, ) (ซึ่งคํานวณไว้แล้ว)
แต่เงือ่ นไขของกรณีนคี้ ือ x  1/ 3
จึงได้คาํ ตอบเป็น [2, ) เท่านั้น
..รวมทุกกรณีด้วยกัน จะได้ R 1  {3}  [2, )
r
คณิต มงคลพิทักษสุข 225 ความสัมพันธและฟงกชัน
kanuay.com

(21) เนื่องจาก D 1  Rr จึงจัดรูปสมการดังนี้ (23.4) กราฟเหมือนข้อที่แล้ว


r
1 1 แต่มีโดเมนเพียงแค่ช่วงเดียว (2,6)
x2  2x  3   x2  2x  1  3 1
y y Dr  (3, 2] (–3,1)
2 1 4y  1 Rr  [3, 6]
 (x  1)  4  (–1,–3)
y y
4y  1
พบว่าเงื่อนไขคือ > 0
y
เขียนเส้นจํานวนได้เป็น Dr  (,  41 ]  (0, )
1 (24)
1
..ดังนัน้ คอมพลีเมนต์ของ Dr ก็คือ ( 41 , 0] 1
1
1
–1 1
(22) จัดรูปได้ดงั นี้;
จาก y2 
1
 9  x2 
1 (24.1) 1 ตร.หน่วย (24.2) 0.5 ตร.หน่วย
2 2
9x y
1 9y2  1
 x2  9   1 1
2
y y2
9y2  1 (3y  1)(3y  1) –1
เงื่อนไขคือ > 0  > 0 1
y 2
y2
–1
เขียนเส้นจํานวนได้เป็น Rr  R  ( 1 , 1)
3 3 (24.3) 1 ตร.หน่วย (24.4) หาค่าไม่ได้
ก. x y [ x  y  y ] ไม่ถูก
เพราะ x  y  y เป็นจริงเมื่อ x  0 เท่านัน้
(25) เขียนกราฟได้ลกั ษณะดังรูป
แต่ใน U ไม่มี 0 4
แก้ระบบสมการเพื่อหาจุดตัด
ข. x y [ x  y  0 ] ถูก
(จุดยอดทัง้ 3 จุด ของสามเหลีย่ ม) 1
เพราะไม่ว่าสําหรับ x ตัวใด จะหา y ทีต่ รงเงื่อนไข ได้ (1, 2), (2, 1), (2.5, 1) –1 2
ได้เสมอ (คือ y เป็นค่าติดลบของ x)
–1
..ดังนัน้ พื้นที่  1  3  4.5
2
 6.75 ตร.หน่วย
(23.1) 4
Dr  [4, 4]
Rr  [4, 4]
–4 4 (26.1) 4

–4 2
2 4
(23.2)
Dr  [0, 4] 2
2
Rr  [2, 2] (2,0)
พื้นที่  ( 1  8  8)  ( 1  4  4)
2 2
(23.3) จัดรูปสมการ  32  8  24 ตร.หน่วย
2
จาก y  2  1  x  2x  1
(26.2) 2
 y  3  (x  1)2
พื้นที่  4  ( 1  2  3) 2
เป็นพาราโบลาหงาย ดังรูป (–1,–3)
2
1 4
จึงได้ Dr  R และ Rr  [3, )  12 ตร.หน่วย
บทที่ ๕ 226 Math E-Book
Release 2.6.4

(26.3) พื้นที่  1  (  22) 2 (30) แก้อสมการได้เซตคําตอบ A  [1, 3]


4
  ตร.หน่วย ดังนัน้ r  {(x, y) | x2  y  1 และ x  [1, 3] }
(โจทย์กําหนด r เป็นความสัมพันธ์จาก A ไป R )
เขียนกราฟของ r
(26.4) (3,8)
4 r2  r11
ได้เป็นรูปพาราโบลาดังนี้
r1 (–1,0)
4 (0,–1)
..จะได้ Rr  [1, 8]

พื้นที่  1  (  42)
4 4 ผิด
r1  r2 (31.1)
 4 ตร.หน่วย r r 1

(31.2) ถูก
r  r 1
(27) เขียนกราฟ r  r 1 ได้ดังรูป
8
4 (8/3,8/3)
4 8 (31.3) ถูก r  r 1

พื้นที่  4( + )
 4( 1  8  4  1  8  4)
2 2 3
 256  85.33 ตร.หน่วย (31.4) ผิด
3 r r 1

(28) เขียนกราฟ r1  r2 ได้ดังรูป 2


จึงได้ 2
A  Dr1  r2  [4, 4] 2 4
B  Rr1 r2  [2, 2] (32)เขียนกราฟแสดง
2
และ A  B'  A  B  [4, 2)  (2, 4] อาณาบริเวณปิดล้อมได้ดังรูป
ผลบวกของจํานวนเต็ม  4  3  3  4  0 คํานวณพืน้ ที่โดยตัดตามเส้น
ประ เป็นสามเหลี่ยม 4 รูป 1

..พื้นที่  4( 1  1  2)
(29) เขียนกราฟ r1  r2 ได้ดังรูป 2
 4 ตร.หน่วย
แก้ระบบสมการเพื่อหา
จุดตัดทั้งสี่ ได้ผลเป็น  53 –5 5 53

(7, 2)

ดังนัน้ Dr1  r2  [7, 5]  [5, 7]


คณิต มงคลพิทักษสุข 227 ความสัมพันธและฟงกชัน
kanuay.com

(33–36) ใช้วิธส ี ังเกตว่าค่า x แต่ละค่าที่ใช้ได้ ให้ หมายเหตุ โดยทั่วไป ถ้าเขียนสมการในรูป y =


ค่า y เพียงแบบเดียวเสมอหรือไม่ ถ้าใช่ก็แสดงว่า …x… ได้ จะเป็นฟังก์ชัน แต่ถ้าเขียนในรูป yเลขคู่
เป็นฟังก์ชัน และถ้าค่า y แต่ละค่าคู่กับค่า x เพียง หรือ |y| มักจะไม่เป็นฟังก์ชัน (และถ้าฟังก์ชันนั้น
แบบเดียวเท่านั้นด้วย ก็แสดงว่าเป็นฟังก์ชัน 1–1 อยู่ในรูป xเลขคู่ หรือ |x| มักจะไม่เป็น 1–1)
หรืออาจใช้วิธีเขียนกราฟ ..ถ้ามีเส้นตรงแนวตั้งทีต่ ดั
กราฟเกิน 1 จุดได้ จะไม่เป็นฟังก์ชัน, ถ้ามีเส้นตรง
แนวนอนที่ตัดกราฟเกิน 1 จุดได้ จะไม่เป็น 1–1 (34.1) ไม่เป็นฟังก์ชนั เพราะค่า x แต่ละค่า
ให้ค่า y ได้มากมาย ดังรูป
(34.2) เป็นฟังก์ชัน
(33.1) เป็นฟังก์ชัน แต่ไม่เป็น 1–1
(เช่นเมื่อ x  2 หรือ 2 จะได้ y  4 เท่ากัน) 34.1 34.2
(33.2) ไม่เป็นฟังก์ชนั
(33.3) เป็นฟังก์ชัน 1–1

33.1 33.3
33.2
(35) มีเพียงข้อ (35.4) เท่านัน ้ ที่เป็นฟังก์ชัน
เขียนกราฟเพื่อให้เห็นชัดเจนได้ดงั รูป
(33.4) เป็นฟังก์ชัน แต่ไม่เป็น 1–1 35.1 35.2
(เช่นเมื่อ x  2 หรือ 2 จะได้ y  2 เท่ากัน)
(33.5) ไม่เป็นฟังก์ชนั
(33.6) เป็นฟังก์ชัน 1–1 x+y = 1
x+y = –1
33.4
33.5 33.6
35.3 35.4

(33.7) เป็นฟังก์ชัน แต่ไม่เป็น 1–1


เพราะสามารถจัดรูปได้เป็น f(x)  (x  21)2  43
(เช่นเมื่อ x  21 หรือ  23 จะได้ y  47 เท่ากัน) (36) เป็นฟังก์ชนั 1–1 ทุกข้อยกเว้น (36.4)
(33.8) เป็นฟังก์ชัน 1–1 เขียนกราฟเพื่อให้เห็นชัดเจนได้ดงั รูป

33.7 33.8 36.1


3 36.2
3/2
(4,–3)

(33.9) เป็นฟังก์ชัน แต่ไม่เป็น 1–1 36.3


(เช่นเมื่อ x  2 หรือ 2 จะได้ y  1 เท่ากัน)
4
36.4 3
(33.10) เป็นฟังก์ชัน แต่ไม่เป็น 1–1 (–4,3)
(เช่นเมื่อ x  8 หรือ 8 จะได้ y  4 เท่ากัน)
บทที่ ๕ 228 Math E-Book
Release 2.6.4

(37) ฟังก์ชนั จาก R ไป R ต้องมีเงือ่ นไขว่า (40.1) จากสมการคือ y  x2  2x  4


Df  R (คือใช้เป็นค่า x ได้ครบทุกจํานวน) สามารถจัดรูปได้เป็น y  3  (x  1)2
ส่วนเรนจ์ไม่จาํ เป็นต้องใช้ครบทุกจํานวนก็ได้ ..ดังนัน้ Df  R และ Rf  [3, )
(หากเขียนกราฟจะได้รูปพาราโบลาหงาย)
(37.1) ไม่เป็น ..เพราะมีเงือ่ นไข 9  x2 > 0
แสดงว่าโดเมนคือ 3 < x < 3 เท่านัน้ (40.2) จากสมการในโจทย์ มีตว ั ส่วน จึงได้เงื่อนไข
(37.2) เป็น ..เพราะเงื่อนไข 9  x2 > 0 เป็นจริง ว่าส่วนห้ามเป็น 0 ..นัน่ คือ Df  R  {5}
เสมอ นัน่ คือโดเมนเป็นจํานวนจริงใด ๆ
(x  5)(x  5)
จากนั้นจัดรูปสมการ y   x 5
(37.3) ไม่เป็น ..เพราะมีเงือ่ นไข x  0 ด้วย x 5
(พิจารณาจากการย้ายข้างให้อยู่ในรูป y  1 / x ) (สามารถตัดเศษส่วนแบบนี้ได้ เพราะส่วนไม่เป็น 0)
(37.4) ไม่เป็น ..เพราะมีเงือ่ นไข x < 5 เท่านั้น พบว่าไม่มีเงือ่ นไขใดเกิดขึ้นที่ y
(พิจารณาจากการย้ายข้างให้อยู่ในรูป |y|  5  x ) แต่เนือ่ งจากในโดเมนต้องไม่มี 5 ในเรนจ์จงึ ไม่มี 10
..นั่นคือ Rf  R  {10}

(38) ฟังก์ชนั จาก R ไปทั่วถึง [0, ) หมายเหตุ หากเขียนกราฟจะได้เป็นรูปเส้นตรง


ต้องมีเงื่อนไขว่า Df  R (จํานวนจริงใด ๆ ใช้เป็น แต่ขาดหายไปหนึ่งจุด นั่นคือจุด (5, 10)
ค่า x ได้ทงั้ หมด) และ Rf  [0, ) (จํานวนจริงที่
ไม่ติดลบ ใช้เป็นค่า y ได้ทั้งหมด) (40.3) จากสมการในโจทย์ มีตวั ส่วน จึงได้เงื่อนไข
ว่าส่วนห้ามเป็น 0 ..นัน่ คือ Df  R  {0}
..จากการพิจารณาทุกข้อพบว่า Df  R แน่นอน
เพราะไม่มีเงื่อนไขใดเกิดกับ x จากนั้นจัดรูปสมการ ดังนี้.. x2  xy  1  0
ดังนัน้ ต้องพิจารณาที่ Rf ว่าเป็น [0, ) หรือไม่ เป็นสมการกําลังสอง ซึง่ มีคําตอบอยู่ในรูป
y y2  4
 x 
(38.1) เป็น ..เพราะเงื่อนไขคือ y > 0 พอดี 2
(38.2) ไม่เป็น ..เพราะเงือ ่ นไขคือ y > 2 จึงได้เงือ่ นไขของ y คือ y2  4 > 0
(พิจารณาจากการจัดสมการในรูป y  2  (x  1)2 ) ซึ่งเมื่อแก้อสมการจะได้คาํ ตอบ Rf  R  (2, 2)
(38.3) เป็น ..เพราะเงื่อนไขคือ y > 0 พอดี
(เนื่องจากค่า x2  4 จะมีค่าตัง้ แต่ 4 เป็นต้นไป)
(38.4) เป็น ..เพราะเงื่อนไขคือ y > 0 พอดี
(41) ฟังก์ชนั f(x) นิยามไว้เมื่อ 2 < x < 8
(พิจารณาจากการจัดสมการในรูป y  |x  1|3 ) ดังนัน้ ฟังก์ชนั f (t  3) จะนิยามเมื่อ
2 < t  3 < 8  5 < t < 5

(39.1) เป็น เพราะเป็นเส้นตรงที่มีความชัน 5 ..สรุปว่า f(t  3)  (t  3)2 เมื่อ 5 < t < 5


(39.2) ไม่เป็น เพราะเป็นเส้นตรงที่มีความชัน 2

(39.3) และ (39.4) ไม่เป็น


เพราะเป็นพาราโบลา จึงมีช่วงที่เกิดฟังก์ชนั ลดด้วย (42.1) ให้ A  x  1 (ซึ่งจะได้ x  A  1)
แทนค่าลงใน f(x  1)  x2  3x  9
(39.5) y  2  (x  2)3 เป็น ดังแสดงในรูป จะได้ f(A)  (A  1)2  3(A  1)  9
3
(39.6) y  (x  1) เป็น ดังแสดงในรูป  A2  A  7
..ดังนัน้ f(x)  x2  x  7
39.5 39.6

(–1,0) (42.2) ให้ 2  x2  1 (ซึ่งจะได้ x2  5 )


(2,2)
แทนค่าลงใน f( x2  1)  x2  2
..จะได้ f(2)  5  2  7
คณิต มงคลพิทักษสุข 229 ความสัมพันธและฟงกชัน
kanuay.com

4x 1 (45) แทน g(x) ลงใน f(x) ทีก่ าํ หนดให้


(42.3) เนื่องจาก f(4x)  
4x  2 1  (1/ 2x)
จะได้สมการ g(x)  1  x  x g(x)  g(x)  1
x g(x)
แต่จาก f(x)   x f(x)  2 f(x)  x
x2 1
..ดังนัน้ g(x)  (โดยที่ x  1)
2f(x) x1
 x f(x)  x  2 f(x)  x 
f(x)  1
..จึงแทนค่า x ในรูป f(x) นี้ลงไปในสมการแรก
1 4f(x) (46) แทน f(x) ลงใน g(x) ทีก ่ าํ หนดให้
ได้เป็น f(4x)  f(x) 1

1 3f(x)  1 จะได้สมการ f(x)2  f(x)  2  x2  x  2
4f(x)
 [f(x)  1 ]2  [x  1 ]2
2 2
 f(x)  x  1 หรือ f(x)  x
(43.1) (g  f)(x)  g(2x)  2x  3
และ (f  g)(x)  f(x  3)  2x  6
(47) จาก (f  f)(x)  4x  9
(43.2) (g  f)(x)  g(x  1)  x1 จะได้สมการ A (Ax  B)  B  4x  9
และ (f  g)(x)  f( x)  x 1  A2x  AB  B  4x  9
แสดงว่าสัมประสิทธิ์ A2  4 และ AB  B  9
(43.3) (g  f)(x)  g(4x  1)  (4x  1)2
และ (f  g)(x)  f(x2)  4x2  1 โจทย์กาํ หนด A  0 ดังนั้นค่า A  2
..จึงได้คา่ B  3
(43.4) หา g  f ;
กรณีแรก (g  f)(x)  g( 4  x)  4  x  1
 5x
(48) อินเวอร์สของ f จะเป็นฟังก์ชัน เมื่อ f เป็น
..เมื่อ “ x < 0 และ 4x  2” นั่นคือ x  0
ฟังก์ชัน 1–1 ..ดังนั้นคําตอบของข้อนี้จะได้จากการ
กรณีที่สอง (g  f)(x)  g(6  x)  (6  x)2  1 พิจารณาว่าแต่ละข้อเป็นฟังก์ชัน 1–1 หรือไม่
..เมื่อ “ x  4 และ |6  x|  2 ” นั่นคือ x  8 (48.1) เป็น ..เพราะได้ y  x2 เมื่อ x > 0
หา f  g ; และ y  x2 เมื่อ x  0 ดังรูป
(48.2) ไม่เป็น
กรณีแรก (f  g)(x)  4  (x2  1)  3  x2
..เมื่อ “|x|  2 และ 2
x 1 < 0” เป็นไปไม่ได้ (เช่นเมื่อ x  0 หรือ 2 จะได้ y  1 เท่ากัน)
กรณีที่สอง (f  g)(x)  6  (x2  1)  5  x2 48.1
..เมื่อ “|x|  2 และ x2  1  4 ” นั่นคือ |x|  2
 5x ,x  0
48.2
ดังนัน้ (g  f)(x)   2
 (6  x)  1 ,x  8
และ (f  g)(x)  5  x2 เมื่อ |x|  2 (48.3) ไม่เป็น
(เช่นเมื่อ x  3 หรือ 3 จะได้ y  0 เท่ากัน)
(48.4) ไม่เป็น
(44) แทน f(x) ลงใน g(x) ทีก่ าํ หนดให้ (เช่นเมื่อ x  1 หรือ 1 จะได้ y  1 เท่ากัน)
..จะได้สมการ 3 f(x)2  2 f(x)  1  f(x)2  f(x)  2
 2 f(x)2  f(x)  1  0  f(x)   1 หรือ 1
2
48.3
1
..ดังนัน้ (g  f)(1)  g(f(1))  g( 2) หรือ g(1)
 11 หรือ 2 48.4
4
บทที่ ๕ 230 Math E-Book
Release 2.6.4

(49.1) จากโจทย์คือ y  5  x (โดย y > 0 ) ได้อินเวอร์สคือ x  y2  1  y   x  1


จะหาอินเวอร์สได้เป็น y  5  x2 (เครื่องหมายลบเท่านั้น เพราะกําหนดให้ y  0 )
หรือจัดรูปได้ x  5  y (โดยที่ x > 0 ) โดยมีเงื่อนไข y  0  x  1
 x  1 ; x > 2
(49.2) จากโจทย์คือ y  5x  4 (โดย y > 0 ) ..ดังนัน้ f 1(x)   2
จะหาอินเวอร์สได้เป็น x  5y  4   x  1 ; x  1
หรือจัดรูปได้ y  51 (x2  4) โดยที่ x > 0

(49.3) จากโจทย์คือ y  1 (x  1) (51.1) จากโจทย์ จะได้f 1(4x  3)  3x  4


3
จะหาอินเวอร์สได้เป็น x  1 (y  1) ให้ A  4x  3  x  A4 3
3
หรือจัดรูปได้ y  3x  1 แทนค่าได้เป็น f 1(A)  3(A4 3)  4  3A425
1
..ดังนัน้ f 1(x)  3x 425
(49.4) จากโจทย์คือ y 
x 1
จะหาอินเวอร์สได้เป็น x  1 จากโจทย์ จะได้ f 1(x  1)  x  1
y 1 (51.2)
2 2
หรือจัดรูปได้ y  1 1 (โดยที่ x  0) ให้ A  x 1  x  2(A  1)
x 2
2(A  1)
แทนค่าได้เป็น f 1(A)  1  A 2
(49.5) จากโจทย์คือ y  x 2 2
x 3
y 2
..ดังนัน้ f 1(x)  x  2
จะหาอินเวอร์สได้เป็น x 
y 3
หรือจัดรูปได้ดังนี.้ . xy  3x  y  2 (51.3) f 1(5x  7)  x  1
จากโจทย์ จะได้ x 3
 y  3x 2 (โดยที่ x  1) ให้ A  x  3  x  A 57
5x  7 3A
x 1
แทนค่าได้เป็น f 1(A)  3AA 5
 7  1  4A  12
A 5
(49.6) จากโจทย์คือ y  x
2x  1 1 4x  12
..ดังนัน้ f (x)  x 5 โดยที่ x  5
y
จะหาอินเวอร์สได้เป็น x 
2y  1
2xy  x  y
หรือจัดรูปได้ดังนี.้ . (51.4) จากโจทย์ f(2x  1)  3 f(2x  1)  3x  2
 y  x (โดยที่ x  21 ) ย้ายข้างได้ผลเป็น f(2x  1)  23 x  1
2x  1
นั่นคือ f 1(23 x  1)  2x  1
(49.7) จากโจทย์คือ y  2x  3 ให้ A  23 x  1  x  23 (A  1)
3x 2
2y  3
จะหาอินเวอร์สได้เป็น x 
3y 2
แทนค่าได้เป็น f 1(A)  2(23)(A  1)  1  4A3 7
หรือจัดรูปได้ดังนี.้ . 3xy  2x  2y  3 ..ดังนัน้ f 1(x)  4x  7
3
 y  2x  3 (โดยที่ x  2 )
3x 2 3

(52) จากโจทย์คือ f 1(x3  3x2  3x  5)  x  1


3 2
(50) กรณีแรก; y  2x  2 เมื่อ x > 0 ให้ x  3x  3x  5  5
 x (x2  3x  3)  0
จะได้วา่ x  0 เท่านั้น
ได้อินเวอร์สคือ x  2y  2  y  x  1 (พหุนามกําลังสองแยกตัวประกอบจํานวนจริงไม่ได้)
2
โดยมีเงื่อนไข y > 0  x > 2
..จึงแทน x ด้วย 0 ได้ผลเป็น f 1(5)  0  1  1

กรณีที่สอง; y  x2  1 เมือ่ x  0


คณิต มงคลพิทักษสุข 231 ความสัมพันธและฟงกชัน
kanuay.com

(53.1) หา g1(5) จาก g1(2  3x)  x  3 กรณีบน g1( 21)   43 ..ใช้ไม่ได้ เพราะ  43 > 0
โดยให้ 2  3x  5  x  1
กรณีล่าง g1( 21)   21 ..ใช้ได้ เพราะ  21  0
แทนค่าลงไปได้ผลเป็น g1(5)  4
..ดังนัน้ g1( 21)   21
..จากนั้นหา (f  g1)(5)  f(4)
โดยให้ x  3  4  x  7
แทนค่าลงไปได้เป็น f(4)  33
(55.1) กรณี x > 0 และ x  3
(53.2) 1 1
หา f (1) จาก f (4x  5)  x  3 (นั่นคือ x  3 ) ..จะได้ (f  g)(x)  2x  x2
โดยให้ 4x  5  1  x  1 กรณี x > 0 และ x < 3 (นั่นคือ 0 < x < 3 )
แทนค่าลงไปได้เป็น f 1(1)  1  3  4 ..จะได้ (f  g)(x)  2x  x  x
กรณี x  0 และ x < 3 (นั่นคือ x  0 )
..จากนั้นหา (g  f 1)(1)  g(4) ..จะได้ (f  g)(x)  3  x
โดยให้ x  3  4  x  7
แทนค่าลงไปได้เป็น g(4)  2  3(7)  19
(55.2) จาก Df / g  Df  Dg โดยที่ g(x)  0
แต่โดเมนของ f และ g คือเซตจํานวนจริงใด ๆ
(53.3) หา g1(4) จาก g1(2  3x)  x  3
ดังนัน้ จะมีเพียงเงื่อนไข g(x)  0
โดยให้ 2  3x  4  x  2 ..นั่นคือ x  0 และได้คําตอบ Df / g  R  {0}
แทนค่าลงไปได้เป็น g1(4)  2  3  1

..ดังนั้น (f 1  g1)(4)  f 1(1)  4 (คิดไว้ในข้อที่แล้ว)


(56.1) [(g  f)  h](x)  1 x  1  1  x2
1 1
(53.4) หา f (3) จาก f (4x  5)  x  3
โดยมีเงื่อนไขโดเมนเป็น x1> 0  x > 1
โดยให้ 4x  5  3  x  2
แทนค่าลงไปได้เป็น f 1(3)  2  3  5 และ 1  x1> 0  x< 0
..นั่นคือ 1 x < 0
<
..ดังนัน้ (g1  f 1)(3)  g1(5)  4 (คิดไว้ในข้อแรก)
fg 1 x  1
(56.2) ( )(x) 
h 1  x2
(54.1) ถ้าคิดจากกรณีบน จะได้ g (0)   211
โดยมีเงื่อนไขโดเมนเป็น 1 x > 0  x < 1
ซึ่งใช้ไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในเงือ่ นไข (  21 > 0 ) 1 x 1 > 0  เป็นจริงเสมอ
และ 1  x2  0  x  1, 1
จึงต้องคิดจากกรณีลา่ ง จะได้ g1(0)   31
..นั่นคือ x  (, 1)  {1}
ซึ่งใช้ได้ เพราะอยู่ในเงื่อนไข (  31  0 )

..จากนั้นหาค่า (f 1  g1)(0)  f 1( 31)


(57) จาก f(2x  3)  3x  2 จัดรูปได้ดงั นี้..
หาจาก f 1(2x  3)  x  1 f(A)  3(A  3)  2  f(x)  3x 5
2 2
โดยให้ 2x  3   31  x   53
และจะจัดรูปได้ 1
f (x)  2x  5 ด้วย
..ดังนัน้ f 1( 31)   53  1   23 3

จาก (f  g)(x)  f(x)  g(x)  x2  x  3


1 1
(54.2) หา f (0) จาก f (2x  3)  x  1 จะได้ g(x)  x2  x  3  3x25
โดยให้ 2x  3  0  x   23
แทนค่าลงไปได้ผลเป็น f 1(0)   23  1  1 (57.1) (g  f 1)(x)  x2  x  3  3x 5  2x 5
2 2 3
 x  x  43
2
6
บทที่ ๕ 232 Math E-Book
Release 2.6.4

g x2  x  3  3x 5 (60.2) จาก f(1)  2  1  1


(57.2) ( )(x)  2
f 3x 5 (ดังนั้นจะได้ f 1(1)  1 ด้วย)
2 2  1  5
แสดงว่าโจทย์ถามค่า g1(1)  f 1(1)  3 3
2x2  x  11
 โดยที่ x  5
3x  5 3

(61.1) หาค่า f(2) จาก f( x )  x


x 2
(58) จาก (g  f)(x)  g(x  5)  x2  25 โดยให้ x x2  2  x  4
2 2
จะได้ g(A)  (A  5)  25  g(x)  x  10x แทนค่าลงไปจะได้ f(2)  4
..ดังนัน้ ( f )(x)  2x  5 โดยที่ x  0, 10
g x  10x
หาค่า g(2) จาก (f  g)(x)  x  2
แทน x ด้วย 2 จะได้ f(g(2))  4
 g(2)  f 1(4)  4  2
1 1
4 2
(59.1) หาค่า f (2) จาก f (4x)  x
..ดังนัน้ (f  g)(2)  4  2  6
โดยให้ 4x  2  x   21
x  4  x  8
แทนค่าลงไปจะได้ f 1(2)   21 (61.2) f(4) หาโดยให้ x 2 3
ดังนัน้ f(4)  8
3
หาค่า g(2)  (2)2  1  5
แสดงว่าต้องการค่า (g  f)(4)  g(f(4))  g(83)
กรณีบน h1(2)  3 ..ใช้ไม่ได้ เพราะ 3 > 0 หาโดยแทน x ลงในโจทย์ f(g(83))  83  2  143
กรณีล่าง h1(2)  1 ..ใช้ได้ เพราะ 1  0 14/ 3
 g(8)  f 1(14)   7
..ดังนัน้ ได้คาํ ตอบเป็น  21  5  1  27 3 3 (14/ 3)2 4
..และเนือ่ งจากค่าของ f 1(4)  2 (คิดไว้ในข้อที่แล้ว)
(59.2) คิดจาก (g  f 1)(2)  h(2)
ดังนัน้ คําตอบคือ 47  2  27
โดย h(2)  2  1  3
หาค่า f 1(2) โดยให้ 4x  2  x  21
แทนค่าได้ f 1(2)  21 (62.1) หาค่า f(3) โดยแทน x ด้วย 0
ลงใน f(2x  3)  x  1 ..จะได้ f(3)  0  1  1
และจะได้ (g  f 1)(2)  g(21)  41  1  54
หาค่า f 1(3) โดยแทน x ด้วย 2
..ดังนัน้ ได้คาํ ตอบเป็น 54  3  15
4
ลงใน f 1(x  1)  2x  3..จะได้ f 1(3)  7

และหาค่า g(3) โดยแทน x ด้วย 4


(60.1) จากโจทย์กําหนด f(x)  g (x)  2x  1
ลงใน (f  g)(x  1)  5x  1 ..จะได้ f(g(3))  21
และ f(x)  g(x)  3  4x นั่นคือ g(3)  f 1(21)  2(20)  3  43
จะแก้ระบบสมการได้ f(x)  2  x ..ดังนัน้ คําตอบข้อนี้คอื 1  7  7 1
43 43
และ g(x)  3x  1
ดังนัน้ (f  g)(x)  2  (3x  1)  3  3x (62.2) หาค่า f 1(1)
โดยแทน x ด้วย 0
1
..หาค่า (f  g)1(2) จาก (f  g)1(3  3x)  x
ลงใน f (x  1)  2x  3 ..จะได้ f 1(1)  3
โดยให้ 3  3x  2  x  53 ..ดังนัน้ คําตอบข้อนี้คอื f(3)  g(3)  1  43  43
(คิดไว้แล้วในข้อแรก)
แทนค่าลงไป ได้คําตอบ (f  g)1(2)  53
เรื่องแถม
หลักในการหาโดเมนและเรนจ์ของฟังก์ชัน fog..
สมมติวา่ f (x)  x2  6 และ g (x)  3  x 2 ต้องการหา Dfog
ไม่ควรคิดโดยหา fog ก่อนแล้วจึงหาโดเมนและเรนจ์ เพราะคําตอบที่ได้อาจผิด
ในตัวอย่างนี้ หากคิดโดยหา fog ก่อน จะเป็น
 
2
(f  g)(x)  3  x2 6  3  x2  6  9  x2

หาโดเมนได้จากเงื่อนไข 9  x2 > 0 จะได้คําตอบคือ x  [3, 3] แต่เป็นคําตอบที่ผดิ !!


เช่น เมือ่ เราพิจารณาค่า (f  g)(2) จะพบว่า g (2) นั้นไม่นิยาม.. ฟังก์ชัน fog จึงไม่ควรมี 2 อยู่ในโดเมน
สาเหตุที่คาํ ตอบผิดก็เพราะในการหา fog นัน้ มีขนั้ ตอนที่เครือ่ งหมายรูท้ ถูกยกกําลังสองให้หายไป
เงื่อนไขของโดเมน (ทีอ่ ยู่ในรูท้ ) ก็เลยหายไปด้วย..

หลักในการหาโดเมนและเรนจ์ของฟังก์ชันประกอบ (เช่น fog) ทีถ่ ูกต้องเป็นดังนี้


(1) เขียน f(g(x)) โดยใส่ g(x) ลงไปใน f ก่อน (ต้องคงค่า g(x) ไว้ อย่าเพิ่งแทน x ลงไป)
(2) ถ้าหา Dfog ให้พิจารณาโดเมนของ f(g(x)) ที่เราเขียน ว่า g(x) เป็นอะไรได้บ้าง แล้วจึงย้อนไปคิด x

ถ้าหา Rfog ให้หาเรนจ์ของ g(x) ก่อนแล้วเอามาใส่ลงใน f(g(x)) ที่เราเขียนไว้ เพื่อให้ทราบเรนจ์

1
ตัวอย่าง กําหนดให้ f (x)  และ g (x)  4  x2 ให้หาเซต Dfog และ Rfog
2
1 x
1
เริ่มต้น เขียน (f  g)(x)  ก่อน
1  g(x)2
ก. หาโดเมน; พิจารณาเงือ่ นไขรูท้ และเป็นตัวส่วน ดังนั้น 1  g(x)2  0
แยกตัวประกอบแล้วเขียนเส้นจํานวน จะได้ 1  g (x)  1
จากนั้นจึงแทน x ลงไปได้วา่ 1  4  x 2  1  0 < 4  x 2  1  3  x2 < 4
ดังนัน้ Dfog  [2,  3)  ( 3, 2]

ข. หาเรนจ์; เริ่มจากหาเรนจ์ของ g(x) ซึง่ อาจมองลัดได้ดังนี้


จาก x  R  x2 > 0  4  x2 < 4  0 < 4  x2 < 2 ...แสดงว่า g(x) มีค่าในช่วง [0,2]
นําขอบเขตของค่า g นี้ไปใส่ใน f ต่อ ได้เป็น
0 < g(x) < 2  0 < g(x)2 < 4   3 < 1  g(x)2 < 1  0 < 1  g(x)2 < 1
1
ดังนัน้ 1<   แสดงว่า Rfog  [1, )
1  g (x)2

เพื่อทดสอบความเข้าใจ ลองดัดแปลงวิธีเพื่อหา Dgof และ Rgof ของตัวอย่างนีด้ ูนะครับ


(เริ่มจากเขียน g(f(x)) โดยคงค่า f(x) ไว้ อย่าเพิง่ แทน x ลงไป)
คําตอบที่ถูกคือ [ 3 /2, 3 /2] และ [0, 3] ตามลําดับ..
และนอกจากนี้ยังมีในข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยูห่ ลายครั้งด้วย ก็ลองฝึกทําได้ครับ
(ตามเลขข้อที่ระบุไว้ใน “ข้อสอบเข้าฯ แยกตามหัวข้อ”) :]

You might also like