Professional Documents
Culture Documents
แควrath
แควrath
เวลา (วินาที)
0
𝑇 𝑇
สถานี ก สถานี ข
.0123456789
2 คลังโจทย์
3. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนำม ถ้ำ 𝑓(√𝑥 − 1) = 𝑥 เมื่อ 𝑥>0 แล้ว 𝑓 ′ (1) มีค่ำเท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (มี.ค. 2563/7)]
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4 5. 5
4. ถ้ ำ 𝑓(𝑥) = 𝑥 2 − 1 ทุก 𝑥 ∈ [−2, 3] แล้ วพื ้นที่ใต้ เส้ นโค้ ง 𝑦 = |𝑓(𝑥)| ที่อยูเ่ หนือแกน 𝑋 บนช่วงปิ ด [−2, 3]
มีคำ่ เท่ำกับเท่ำใด [สมำคม (พ.ย. 2560/19)]
3−|𝑥|
เมื่อ 𝑥<3
5. กำหนดให้ฟังก์ชนั 𝑓(𝑥) = { 3−𝑥 เมื่อ 𝑎 เป็ นจำนวนจริง
𝑎𝑥 + 10 เมื่อ 𝑥 ≥ 3
ถ้ำฟั งก์ชนั 𝑓 ต่อเนื่องบนเซตของจำนวนจริง แล้ว ค่ำของ 𝑓(𝑎 − 6) + 𝑓(𝑎) + 𝑓(𝑎 + 6) เท่ำกับเท่ำใด
[PAT 1 (ก.พ. 2561/35)]
คลังโจทย์ 3
(√𝑥 − 1)(3𝑥 − 2)
6. ค่ำของ lim
x1 3𝑥 2 − 𝑥 − 2
เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2563/28)]
1 1 1
1. −
10
2. 0 3. 10
4. 5
5. 1
𝑋
−3 −2 −1 0 1 2 3 4
−1
−2
2 1 8
8. พิจำรณำ lim
x2
(𝑥−2 + 𝑥+2 − 𝑥 2 −4) ข้อใดต่อไปนีเ้ ป็ นจริง [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2558/8)]
.0123456789
4 คลังโจทย์
𝑥 4 −1
9. กาหนดให้ 𝑓 : ℝ → ℝ โดยที่ 𝑓(1) = 1 และสาหรับทุก 𝑥 ∈ ℝ , 𝑓 ′ (𝑥) = 𝑥 2 +1
ค่าของ 𝑓(−2) ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้ [สมาคม (พ.ย. 2559/5)]
ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4
1
𝑥3
10. ถ้ำเส้นโค้งเส้นหนึง่ ผ่ำนจุด (8, 10) และมีควำมชันของเส้นโค้งที่จดุ (𝑥, 𝑦) ใดๆ เป็ น 3
แล้ว เส้นโค้งนีผ้ ำ่ นจุดในข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2562/7)]
1. (0, 0) 2. (0, 1) 3. (0, 2) 4. (0, 4) 5. (0, 6)
|𝑥−2|
11. lim 2 มีคำ่ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2562/8)]
x 2 𝑥 +5𝑥−14
1 1 1 1
1. −5 2. −9 3. 0 4. 9
5. 5
.0123456789
คลังโจทย์ 5
13. กำหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ต่อเนื่องบนเซตของจำนวนจริง โดยที่ 𝑓 ′ (𝑥) = { 𝑥 เมื่อ 𝑥<1
𝑥−1 เมื่อ 𝑥>1
ถ้ำ 𝑓(0) = 0 แล้ว 𝑓 (2) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2563/33)]
1. 1 2. 1.5 3. 2 4. 2.5 5. 3
14. ให้ 𝑐 เป็ นจำนวนจริง และให้ 𝑓(𝑥) = −𝑥3 − 12𝑥2 − 45𝑥 + 𝑐 สำหรับทุกจำนวนจริง 𝑥
ถ้ำค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ของ 𝑓 เท่ำกับ 53 แล้วค่ำของ 𝑓(𝑐) เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ก.พ. 2563/41)]
.0123456789
6 คลังโจทย์
𝑥
0 1 2 3 4 5 6
−1
−2
.0123456789
คลังโจทย์ 7
𝑋
0
𝑓
ส่วนที่แรเงามีพืน้ ที่เท่ากับกี่ตารางหน่วย [PAT 1 (มี.ค. 2565/25)]
16√2 32√2 8
1. 3
2. 3
3. 3
(4√2 + 1)
16 32
4. 3
(√2 + 2) 5. 3
(√2 − 1)
.0123456789
คลังโจทย์ 9
22. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ 𝑓′ (𝑥) = 2𝑥 + 1 ถ้ำ ℎ(𝑥) = 𝑓(𝑥 2 ) แล้ว ℎ ′ (𝑥 ) เท่ำกับเท่ำใด
[กสพท คณิต1 (มี.ค. 2565/24)]
1. 4𝑥 + 2 2. 2𝑥2 + 1 3. 4𝑥 2 + 2𝑥
4. 4𝑥 3 + 2𝑥 5. 4𝑥 3 + 4𝑥
23. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั จำก ℝ ไป ℝ โดยที่ 𝑓(𝑥) เท่ำกับจำนวนเต็มที่นอ้ ยที่สดุ ที่มำกกว่ำหรือเท่ำกับ 𝑥
พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี ้
(ก) 𝑥→𝑐
lim 𝑓 (𝑥) มีค่ำ สำหรับทุก 𝑐 ∈ ℝ
(ข) ฟั งก์ชนั 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ต่อเนื่องบนช่วง (𝑛, 𝑛 + 1] เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็ม
(ค) 𝑓′ (𝑥) = 1 เมื่อ 𝑥 ∈ (𝑛, 𝑛 + 1) และ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็ม
จำกข้อควำม (ก) (ข) และ (ค) ข้ำงต้น ข้อใดถูกต้อง [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2565/25)]
1. ข้อควำม (ก) ถูกต้องเพียงข้อเดียวเท่ำนัน้ 2. ข้อควำม (ข) ถูกต้องเพียงข้อเดียวเท่ำนัน้
3. ข้อควำม (ค) ถูกต้องเพียงข้อเดียวเท่ำนัน้ 4. ข้อควำม (ก) และ (ค) ถูกต้องเท่ำนัน้
5. ข้อควำม (ข) และ (ค) ถูกต้องเท่ำนัน้
24. ให้ 𝑓 (𝑥) = −𝑥 2 + 𝑘เมื่อ 𝑘 เป็ นจำนวนจริงบวก ถ้ำพืน้ ที่ท่ีปิดล้อมด้วยเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑓(𝑥) กับแกน 𝑋 เท่ำกับ
36 ตำรำงหน่วย แล้ว 𝑓 (−1) + 𝑓 (1) เท่ำกับเท่ำใด [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2565/29)]
.0123456789
10 คลังโจทย์
2
𝑥 3 +𝑥 2 +𝑥
25. ค่ำของ 2 𝑑𝑥 เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (มี.ค. 2559/34)]
4 𝑥|𝑥+2|−𝑥 −2
1 2𝑥 3
26. ค่ำของ lim (1 − 𝑥 2 +1
) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ต.ค. 2558/13)]
x 1 √1−𝑥
1. 0 2. 0.5 3. 1
4. 2 5. 4
27. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนำม ซึง่ 𝑓 ′ (𝑥) = 3𝑥 2 − 6𝑥 และ 𝐺(𝑥) = {
𝑥+5 เมื่อ 𝑥 < −1
𝑓(𝑥) เมื่อ 𝑥 ≥ −1
ถ้ำ 𝐺(𝑥) ต่อเนื่องที่ 𝑥 = −1 แล้ว 𝑓 มีคำ่ ต่ำสุดสัมพัทธ์เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2558/25)]
1. −2 2. −1 3. 2
4. 3 5. 4
.0123456789
คลังโจทย์ 11
28. ให้ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจานวนจริง ถ้ากราฟของ 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 ผ่านจุด (0, 1) , (1, 3) และจุด (2, 2)
แล้วพืน้ ที่ที่ปิดล้อมด้วยเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑓(𝑥) และเส้นตรง 𝑦 = 𝑥 จาก 𝑥 = 0 ถึง 𝑥 = 2 เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
[PAT 1 (มี.ค. 2560/17)]
1. 52 ตารางหน่วย 2. 83 ตารางหน่วย 3. 3 ตารางหน่วย
7
4. 2
ตารางหน่วย 5. 5 ตารางหน่วย
.0123456789
12 คลังโจทย์
𝑥 (𝑥+1)
3 𝑥−3
30. ค่าของ lim 3
x 3 √𝑥−2 − 1
เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 2560/38)]
.0123456789
คลังโจทย์ 13
6
33. สมกำรของเส้นสัมผัสเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑥+1
ที่จดุ (1, 3) ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2561/9)]
1. 𝑥 + 𝑦 = 4 2. 3𝑥 − 2𝑦 = −3 3. 3𝑥 + 2𝑦 = 9
4. 2𝑥 − 3𝑦 = −7 5. 2𝑥 + 3𝑦 = 11
2√𝑥 𝑥 2 −23+√𝑥 √𝑥
34. lim
x 4 √𝑥−2
มีคำ่ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2561/14)]
1. 32 2. 64 3. 80 4. 96 5. 128
35. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจำนวนจริง โดยที่ 𝑓 ′ (𝑥) = 2𝑎𝑥 + 𝑏√𝑥 + 1
เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง ถ้ำ 𝑓(0) = 1 และ 𝑓 ′ (1) = 𝑓 ′(4) = 0 แล้ว (𝑓 ∘ 𝑓)(4) มีคำ่ เท่ำกับ
ข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2561/15)]
1. 1.25 2. 1.75 3. 2.25 4. 2.75 5. 3.25
.0123456789
14 คลังโจทย์
.0123456789
คลังโจทย์ 15
𝑓(𝑥)
38. กาหนดให้ 𝑓 : ℝ → ℝ เป็ นฟั งก์ชนั มีสมบัติวา่ lim 2
x1 𝑥 −1
= 1 ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
[สมาคม (พ.ย. 2561/5)]
ก. 𝑓(1) = 0 ข. 𝑓 ต่อเนื่องที่ 𝑥 = 1
ค. lim
x1
𝑓(𝑥) = 0 ง. lim
x1
𝑓(𝑥) ไม่มีคา่
.0123456789
16 คลังโจทย์
40. ให้ 𝑦 = 𝑓(𝑥) เป็ นเส้นโค้งผ่ำนจุด (0, 1) และจุด (1, 1) และเส้นสัมผัสของเส้นโค้งที่จดุ (𝑥, 𝑦) ใดๆ มีควำมชัน
เท่ำกับ 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 เมื่อ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจำนวนจริง ถ้ำ 𝑓 ′ (0) = 1 และ 𝑓 ′′(1) = 2 แล้วฟั งก์ชนั 𝑓 มี
ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/10)]
1. 1127
2. 13
27
3. 31
27
4. 34 27
5. 43 27
41. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นพหุนำมกำลังสอง ซึง่ มีสมั ประสิทธิ์เป็ นจำนวนจริง ถ้ำเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑓(𝑥) ผ่ำนจุด (2, 2)
2
และมีจดุ สูงสุดสัมพัทธ์ที่จดุ (1, 3) แล้วค่ำของ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/22)]
1
16
1. 7 2. 6 3. 3
4.14
3
5. 8
3
.0123456789
คลังโจทย์ 17
42. ให้ ℝ แทนเซตของจำนวนจริง ให้ 𝑓:ℝ→ℝ เป็ นฟั งก์ชนั ทีม่ ีอนุพนั ธ์และสอดคล้องกับ
𝑓(𝑥 + ℎ) − 𝑓(𝑥) = 2ℎ3 + (6𝑥 + 1)ℎ2 + 2𝑥(3𝑥 + 1)ℎ สำหรับทุกจำนวนจริง 𝑥 และ ℎ
ถ้ำค่ำต่ำสุดสัมพัทธ์ของ 𝑓 เท่ำกับ 4 แล้วค่ำของ 𝑓(2) + 𝑓(− 12) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้
[PAT 1 (ก.พ. 2562/26)]
1. 28 2. 32 3. 34 4. 36 5. 40
√
𝑥 𝑥+√1+𝑥
43. ค่ำของ lim 3
x0 √8+𝑥 − 2
เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ก.พ. 2562/39)]
.0123456789
18 คลังโจทย์
𝑥
𝑥 − 𝑥2
เมื่อ 𝑥<0
45. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั นิยำมโดย 𝑓 (𝑥 ) = 𝑎𝑥 2 + (𝑏−𝑎)𝑥 − 𝑏
เมื่อ 0≤𝑥<1 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง
𝑥 −1
{ (𝑥 + 𝑏 )2 เมื่อ 𝑥 ≥ 1
ถ้ำฟั งก์ชนั 𝑓 ต่อเนื่องบนเซตของจำนวนจริง แล้ว 𝑓(𝑎 + 𝑏) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2563/34)]
1
1. 25 2. 16 3. 9 4. 4 5. 6
.0123456789
คลังโจทย์ 19
47. กาหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่𝑓(𝑥) = {𝑥 + 5 เมื่อ 𝑥 > 𝑎 และ 𝑎 > 0
𝑥 + 1 เมื่อ 𝑥 ≤ 𝑎
และให้ 𝑔 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ 𝑔(𝑥) = 𝑥 2 สาหรับทุกจานวนจริง 𝑥
ถ้า 𝑥→𝑎
lim− (𝑔 ∘ 𝑓)(𝑥) − lim+ (𝑓 ∘ 𝑔)(√𝑥)
𝑥→𝑎
= 2 แล้วค่าของ 𝑎 เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 2564/45)]
.0123456789
20 คลังโจทย์
𝑥 + 𝑎 เมื่อ 𝑥 ≥ 1
𝑎 เท่ากับเท่าใด [กสพท คณิต1 (เม.ย. 2564/25)]
1. 4 2. 2 3. 0 4. −2 5. −4
.0123456789
คลังโจทย์ 21
𝑥+𝑏−4 , 𝑥≤𝑎
50. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ 𝑓(𝑥) = {𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑎 , 𝑎<𝑥≤𝑏 เมือ่ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง
2𝑏𝑥 − 𝑎 , 𝑥>𝑏
และ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ต่อเนื่องบนเซตของจำนวนจริง พิจำรณำข้ อควำมต่อไปนี ้
(ก) (𝑓 ∘ 𝑓)(𝑎 − 𝑏) = 𝑎 − 𝑏
(ข) 𝑓(𝑎 + 𝑏) = 𝑓(𝑎) + 𝑓(𝑏)
(ค) 𝑓 ′ (𝑓(2)) = 𝑓(𝑓 ′ (2))
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง [PAT 1 (มี.ค. 2559/17)]
1. ข้ อ (ก) และ ข้ อ (ข) ถูก แต่ ข้ อ (ค) ผิด 2. ข้ อ (ก) และ ข้ อ (ค) ถูก แต่ ข้ อ (ข) ผิด
3. ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ถูก แต่ ข้ อ (ก) ผิด 4. ข้ อ (ก) ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ถูกทังสำมข้
้ อ
5. ข้ อ (ก) ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ผิดทังสำมข้
้ อ
51. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 + 𝑎𝑥 + 𝑏 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง ถ้ ำอัตรำกำรเปลีย่ นแปลงเฉลีย่ ของ 𝑓(𝑥) เทียบ
1
กับ 𝑥 เมื่อค่ำของ 𝑥 เปลีย่ นจำก −1 เป็ น 1 เท่ำกับ −2 และ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 2
1
𝑓(3+ℎ)−𝑓(3−ℎ)
แล้ วค่ำของ lim
h0 ℎ
เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (มี.ค. 2559/40)]
22 คลังโจทย์
|𝑥 2 −𝑥−2|
52. ค่ำของ lim 3 2
เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (มี.ค. 2559/42)]
x 2 2− √𝑥 +4
53. กำหนดให้ 𝐶 เป็ นเส้นโค้ง 𝑦 = 2 + 𝑥|𝑥 − 1| เมื่อ 𝑥 เป็ นจำนวนจริง ถ้ำ 𝐿 เป็ นเส้นตรงที่สมั ผัสกับเส้นโค้ง 𝐶 ที่
จุด (0, 2) และให้ 𝑁 เป็ นเส้นตรงที่ตงั้ ฉำกกับเส้นตรง 𝐿 ณ จุด (0, 2) แล้วเส้นตรง 𝑁 ผ่ำนจุดในข้อใดต่อไปนี ้
[PAT 1 (ต.ค. 2558/14)]
1. (−1, 3) 2. (1, 5) 3. (−2, 5)
4. (3, −2) 5. (−3, 4)
.0123456789
คลังโจทย์ 23
2𝑥
54. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั หนึง่ ต่อหนึง่ ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจำนวนจริง โดยที่ 𝑓 −1(𝑥) = 𝑥+1 สำหรับทุก
สมำชิก 𝑥 ในเรนจ์ของ 𝑓 พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี ้
(ก) 2𝑓 ′(4) − 𝑓(4) = 3
(ข) 𝑓 ′′(𝑓(4)) = 𝑓(𝑓 ′′(4))
(ค) 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั เพิ่มบนช่วง (0, 2)
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง [PAT 1 (ต.ค. 2558/15)]
1. ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) ถูก แต่ ข้อ (ค) ผิด 2. ข้อ (ก) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ข) ผิด
3. ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ก) ผิด 4. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูกทัง้ สำมข้อ
5. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ผิดทัง้ สำมข้อ
55. กำหนดให้ ℝ แทนเซตของจำนวนจริง ให้ 𝑓: ℝ → ℝ เป็ นฟั งก์ชนั ที่สำมำรถหำอนุพนั ธ์ได้ และสอดคล้องกับ
𝑥 2 +𝑥−6
lim
x 2 √1+𝑓(𝑥)−3
= 6 และ 1 + 𝑓(𝑥) ≥ 0 สำหรับทุกจำนวนจริง 𝑥
ถ้ำเส้นตรง 6𝑥 − 𝑦 = 4 ตัดกับกรำฟ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ที่ 𝑥 = 2 แล้วค่ำของ 𝑓 ′ (2) เท่ำกับเท่ำใด
[PAT 1 (ต.ค. 2558/33)]
.0123456789
24 คลังโจทย์
𝑥3 , 𝑥 < −1
56. กำหนดให้ฟังก์ชนั 𝑓(𝑥) = { 𝑎𝑥 + 𝑏 , −1 ≤ 𝑥 < 1 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง
3𝑥 2 + 2 , 𝑥≥1
2
ถ้ำฟั งก์ชนั 𝑓 ต่อเนื่อง สำหรับทุกจำนวนจริง 𝑥 แล้วค่ำ 𝑓(𝑥)𝑑𝑥 เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ต.ค. 2558/34)]
2
.0123456789
คลังโจทย์ 25
𝑥𝑓(𝑥) − 2559𝑓(2559)
58. กาหนดให้ 𝑓:ℝ→ℝ เป็ นฟั งก์ชนั ที่มีอนุพนั ธ์บน ℝ โดยที่ x lim
2559 𝑥 − 2559
= 7677
ถ้ า 𝑓(2559) = 2559 แล้ ว ค่าของ 𝑓 ′ (2559) ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้ [สมาคม (พ.ย. 2559/6)]
ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4
3 7 𝑎
59. ถ้ า 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจานวนจริ งซึง่ lim ( 2 + 𝑥 2 −𝑥 + 𝑥 3 −𝑥)
x 0 𝑥 +𝑥
= 𝑏 จงหาค่าของ 𝑎+𝑏
1 1
60. ถ้ำ 𝑎 เป็ นจำนวนจริงที่สอดคล้องกับ 𝑎(1 − 𝑥 2 ) 𝑑𝑥 = √1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 แล้ว 𝑎 ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1 1
3
61. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) = |𝑥 − 1| + |𝑥 + 2| เมื่อ −3 ≤ 𝑥 ≤ 3 ค่ำของ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 เท่ำกับเท่ำใด
3
63. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนำมดีกรีสำม ซึง่ มีคำ่ วิกฤตที่ 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4 พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี ้
ก. 𝑓 ′′(−4) ∙ 𝑓 ′′(4) < 0
ข. 𝑓(4√3) = 2𝑓(0)
ค. 𝑓(−4) + 𝑓(4) = 2𝑓(0)
ง. ค่ำเฉลีย่ เลขคณิตของ 𝑓(−2) , 𝑓(−1) , 𝑓(0) , 𝑓(1) , 𝑓(2) เท่ำกับ 𝑓(0)
จำนวนข้อควำมทีถ่ กู เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/27)]
1. 0 (ไม่มีขอ้ ควำมใดถูก) 2. 1 3. 2
4. 3 5. 4
𝑥 + √𝑥 2 + 5 , 𝑥 ≥ 𝑎
64. กาหนดให้ 𝑎 เป็ นจานวนจริง และ 𝑓(𝑥) = { 15
2
, 𝑥<𝑎
√𝑥 +5
ถ้าฟั งก์ชนั 𝑓 มีความต่อเนื่องทุกจานวนจริง 𝑥 แล้วค่าของ 𝑓(𝑎) + 𝑓(−𝑎) เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 2560/41)]
.0123456789
28 คลังโจทย์
66. ให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั กำลังสอง โดยทีก่ รำฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) มีจดุ ต่ำสุดที่ (0, −9) และตัดแกน 𝑥 ที่จดุ (𝑥1, 0)
และ (𝑥2, 0) ถ้ำพืน้ ที่ซงึ่ ปิ ดล้อมด้วยกรำฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) และแกน 𝑥 จำก 𝑥1 ถึง 𝑥2 เท่ำกับ 18 ตำรำงหน่วย
แล้ว 𝑓(2) มีคำ่ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2561/22)]
1. −5 2. −3 3. 0 4. 3 5. 7
.0123456789
คลังโจทย์ 29
67. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนามดีกรี 2 มีคา่ ต่าสุดเมื่อ 𝑥 = 3 และ 𝐹(2𝑥) เป็ นปฏิยานุพนั ธ์ของ 𝑓(𝑥)
ถ้ า 𝐹 ′(2) = −5 และ 𝐹 ′′(−2) = −4 พื ้นที่ปิดล้ อมของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) กับแกน 𝑋 จาก 𝑥 = 0 ถึง 𝑥 = 3
ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้ [สมาคม (พ.ย. 2561/11)]
ก. 16.5 ข. 18 ค. 33 ง. 36
68. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 + 2𝑥 + 3 และ 𝑔(𝑥) = 𝑓 −1 (𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั ผกผันของ 𝑓(𝑥)
ค่ำของ 𝑔′ (6) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2562/21)]
1. 16 2. 15 3. 13 4. 12 5. 1
.0123456789
30 คลังโจทย์
1
69. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) = 60 𝑥(𝑥 2 − 49) เมื่อ 𝑥 เป็ นจานวนจริง
และให้ 𝐴, 𝐵 และ 𝐶 เป็ นพืน้ ที่ของบริเวณที่แรเงา ดังรูป
𝑌
𝑓
(𝑝, 1) 𝐴 (𝑞, 1)
𝑦=1
𝐵
𝑋
0 𝐶
𝑦 = −1
(𝑟, −1) (𝑠, −1)
70. กำหนดให้ ℝ เป็ นเซตของจำนวนจริ ง ให้ 𝑓 : ℝ → ℝ และ 𝑔 : ℝ → ℝ เป็ นฟั งก์ชนั ที่มีอนุพนั ธ์ทกุ อันดับ และ
สอดคล้ องกับ 𝑔(𝑥) = 𝑥𝑓(𝑥) และ 𝑔′ (𝑥) = 4𝑥 3 + 9𝑥 2 + 2 สำหรับทุกจำนวนจริ ง 𝑥
พิจำรณำข้ อควำมต่อไปนี ้
(ก) ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ของ 𝑓 เท่ำกับ 6
(ข) ค่ำตำ่ สุดสัมพัทธ์ของ 𝑓 เท่ำกับ 2
(ค) อัตรำกำรเปลีย่ นแปลงของ (𝑓 + 𝑔)(𝑥) เทียบกับ 𝑥 ขณะที่ 𝑥 = 1 เท่ำกับ 12
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง [PAT 1 (มี.ค. 2559/28)]
1. ข้ อ (ก) และ ข้ อ (ข) ถูก แต่ ข้ อ (ค) ผิด 2. ข้ อ (ก) และ ข้ อ (ค) ถูก แต่ ข้ อ (ข) ผิด
3. ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ถูก แต่ ข้ อ (ก) ผิด 4. ข้ อ (ก) ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ถูกทังสำมข้
้ อ
5. ข้ อ (ก) ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ผิดทังสำมข้
้ อ
คลังโจทย์ 31
2𝑥 + 22−𝑥 − 5
72. ค่ำของ lim
x2 −
𝑥 เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ต.ค. 2559/42)]
2 2 − 21−𝑥
.0123456789
32 คลังโจทย์
73. กำหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจำนวนจริง โดยที่ 𝑓 ′ (𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏
2
เป็ นจำนวนจริง และสอดคล้องกับ 𝑓 ′′ (1) = 3𝑓 ′ (1) และ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 18
1
𝑓(𝑥) 4
74. กาหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ที่มีความต่อเนื่องที่ 𝑥 = −3 และ x3
lim ( 𝑥+3 + 𝑥 2+4𝑥+3) = 4
.0123456789
คลังโจทย์ 33
77. ถ้ำ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนำม และกรำฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัดกับกรำฟของ 𝑦 = 3𝑥 − 4 ที่ 𝑥=2 และ 𝑥=5
5
แล้ว (2𝑥𝑓(𝑥) + (𝑥 2 − 1)𝑓 ′ (𝑥)) 𝑑𝑥 มีคำ่ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/24)]
2
78. กำหนดให้ 𝑓, 𝑔, ℎ : ℝ → ℝ เป็ นฟั งก์ชนั ที่มีอนุพนั ธ์ โดยที่ 𝑓(𝑥) = 𝑔(𝑥) ℎ(𝑥) และ ℎ(𝑥) > 0 ทุก 𝑥 ∈ ℝ
ถ้ำสมมติวำ่ |𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑦)| ≤ |𝑥 − 𝑦|2562 สำหรับทุก 𝑥, 𝑦 ∈ ℝ
ℎ ′ (7)
𝑓(7) = 8 และ 𝑔′ (7) = 4 แล้ว จงหำค่ำของ 2 [สมำคม (พ.ย. 2562/14)]
(ℎ(7))
.0123456789
คลังโจทย์ 35
79. ค่าของ lim ( lim (√𝑎2 𝑥 2 + |𝑎|𝑥 + 𝑎𝑥) ) ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้ [สมาคม (พ.ย. 2559/4)]
a 0 x
1 1
ก. 0 ข. ∞ ค. 2
ง. −2
.0123456789
คลังโจทย์ 1
เวลา (วินาที)
0
𝑇 𝑇
สถานี ก สถานี ข
ตอบ -
ข้อนี ้ โจทย์กาหนดให้ชว่ งกลางมีความเร็วคงตัว แสดงว่าช่วงกลางมีความเร่ง = 0
ขัดแย้งกับกราฟช่วงกลาง ที่มีความเร่ง = 𝐴
ดังนัน้ ข้อนีโ้ จทย์ผิด
ตอบ -
ข้อนีโ้ จทย์ผิด
3. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนำม ถ้ำ 𝑓(√𝑥 − 1) = 𝑥 เมื่อ 𝑥>0 แล้ว 𝑓 ′ (1) มีค่ำเท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (มี.ค. 2563/7)]
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4 5. 5
ตอบ 4
จำก 𝑓(√𝑥 − 1) = 𝑥
𝑓( 𝑘 ) = 𝑥
ให้ √𝑥 − 1 = 𝑘
√𝑥 = 𝑘+1
𝑥 = (𝑘 + 1)2
𝑓( 𝑘 ) = (𝑘 + 1)2
𝑓( 𝑘 ) = 𝑘 2 + 2𝑘 + 1
𝑓′ ( 𝑘 ) = 2𝑘 + 2
𝑓′ ( 1 ) = 2(1) + 2 =4
.0123456789
จำก 𝑓(√𝑥 − 1) = 𝑥
𝑓( 𝑘 ) = 𝑥
ให้ √𝑥 − 1 = 𝑘
√𝑥 = 𝑘+1
2 คลังโจทย์ 𝑥 = (𝑘 + 1)2
𝑓( 𝑘 ) = (𝑘 + 1)2
𝑓( 𝑘 ) = 𝑘 2 + 2𝑘 + 1
𝑓′ ( 𝑘 ) = 2𝑘 + 2
𝑓′ ( 1 ) = 2(1) + 2 =4
4. ถ้ ำ 𝑓(𝑥) = 𝑥 2 − 1 ทุก 𝑥 ∈ [−2, 3] แล้ วพื ้นที่ใต้ เส้ นโค้ ง 𝑦 = |𝑓(𝑥)| ที่อยูเ่ หนือแกน 𝑋 บนช่วงปิ ด [−2, 3]
มีคำ่ เท่ำกับเท่ำใด [สมำคม (พ.ย. 2560/19)]
ตอบ 28 3
มีคำ่ สัมบูรณ์ ครอบ 𝑓(𝑥) อยู่ → ส่วนที่อยูไ่ ต้ แกน 𝑋 จะถูกเปลีย่ นให้ ขึ ้นมำอยูเ่ หนือแกน 𝑋
ดังนัน้ ข้ อนี ้หำพื ้นที่ตงแต่
ั ้ −2 ถึง 3 ที่อยูร่ ะหว่ำงเส้ นโค้ ง 𝑦 = 𝑓(𝑥) กับแกน 𝑋 แบบปกติได้ เลย
หำจุดตัดแกน 𝑋 เพื่อใช้ เป็ นจุดแบ่งกำรช่วงอินทิเกรต → 𝑥 2 − 1 = 0
(𝑥 + 1)(𝑥 − 1) = 0
𝑥 = −1 , 1
ดังนัน้ ต้ องแบ่งช่วงอินทิเกรตเป็ น [−2, −1] , [−1, 1] และ [1, 3] แล้ วเปลีย่ นค่ำเป็ นบวกก่อน ค่อยเอำมำรวมกัน
1 1 3
(𝑥 2 − 1) 𝑑𝑥 (𝑥 2 − 1) 𝑑𝑥 (𝑥 2 − 1) 𝑑𝑥
2 1 1
𝑥3 −1 𝑥3 1 𝑥3 3
= ( 3 − 𝑥) | = ( 3 − 𝑥) | = ( 3 − 𝑥) |
−2 −1 1
−1 −8 1 −1 1
= (3 + 1) − ( 3 + 2) = (3 − 1) − ( 3 + 1) = (9 − 3) − (3 − 1)
2 −2 −2 2 −2
= 3
− 3
= 3
− 3
= 6 − 3
4 4 20
= = −3 =
3 3
4
→ เปลีย่ นเป็ นบวกได้ 3
4 4 20 28
จะได้ พื ้นที่ = 3
+3+ 3
= 3
3−|𝑥|
เมื่อ 𝑥<3
5. กำหนดให้ฟังก์ชนั 𝑓(𝑥) = { 3−𝑥 เมื่อ 𝑎 เป็ นจำนวนจริง
𝑎𝑥 + 10 เมื่อ 𝑥 ≥ 3
ถ้ำฟั งก์ชนั 𝑓 ต่อเนื่องบนเซตของจำนวนจริง แล้ว ค่ำของ 𝑓(𝑎 − 6) + 𝑓(𝑎) + 𝑓(𝑎 + 6) เท่ำกับเท่ำใด
[PAT 1 (ก.พ. 2561/35)]
ตอบ 0.5
𝑓 ต่อเนื่อง แปลว่ำทัง้ สองสูตรต้องได้คำ่ เท่ำกันตรงรอยต่อ 𝑥 → 3− , 𝑥 = 3 , 𝑥 → 3+
เมื่อ 𝑥 → 3− จะใช้สตู รบน และเนื่องจำก 𝑥 เป็ นบวก ดังนัน้ |𝑥| = 𝑥
จะได้ lim 𝑓(𝑥) = lim 3−|𝑥| 3−𝑥
3−𝑥
= lim 3−𝑥 = 1 …(1)
x 3 x 3 x 3
.0123456789
คลังโจทย์ 3
(√𝑥 − 1)(3𝑥 − 2)
6. ค่ำของ lim
x1 3𝑥 2 − 𝑥 − 2
เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2563/28)]
1 1 1
1. −
10
2. 0 3. 10
4. 5
5. 1
ตอบ 3
0
แทน 𝑥=1 จะได้ 0
→ ต้องจัดรูปให้ 𝑥−1 ตัดกัน → ตัวเศษ ต้องคูณ √𝑥 + 1 และตัวส่วนต้องแยกตัวประกอบ
(√𝑥 − 1)(3𝑥 − 2) √𝑥 + 1 (√𝑥 − 1)(3𝑥 − 2)
lim 3𝑥 2 − 𝑥 − 2
= lim ∙ (𝑥 − 1)(3𝑥 + 2)
x1 x1 √𝑥 + 1
(𝑥 − 1) (3𝑥 − 2)
= lim
x1 (√𝑥 + 1)(𝑥 − 1)(3𝑥 + 2)
(3𝑥 − 2) 3(1) − 2 1
= lim (√𝑥 + 1)(3𝑥 + 2)
= (√1+1)(3(1)+2)
= 10
x1
𝑋
−3 −2 −1 0 1 2 3 4
−1
−2
.0123456789
4 คลังโจทย์
2 1 8
8. พิจำรณำ lim (
x 2 𝑥−2
+ 𝑥+2 − 𝑥 2 −4) ข้อใดต่อไปนีเ้ ป็ นจริง [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2558/8)]
𝑥 4 −1
9. กาหนดให้ 𝑓 : ℝ → ℝ โดยที่ 𝑓(1) = 1 และสาหรับทุก 𝑥 ∈ ℝ , 𝑓 ′ (𝑥) = 𝑥 2 +1
ค่าของ 𝑓(−2) ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้ [สมาคม (พ.ย. 2559/5)]
ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4
ตอบ ก
𝑥 4 −1 (𝑥 2 −1)(𝑥 2 +1)
𝑓 ′ (𝑥) = 𝑥 2 +1
= 𝑥 2 +1
= 𝑥2 − 1 (ตัวส่วน 𝑥 2 + 1 ไม่มีทางเป็ น 0 อยูแ่ ล้ ว จึงตัดบนล่างได้ เลย)
𝑥3 13
อินทิเกรต จะได้ 𝑓(𝑥) = 3 − 𝑥+𝑐 → แทน 𝑥 = 1 จะได้ 𝑓(1) = 3
−1+𝑐
โจทย์กาหนด 1 =
1
−1+𝑐
3
5
3
= 𝑐
𝑥3 5 (−2)3 5
ดังนัน้ 𝑓(𝑥) = 3
−𝑥+3 → จะได้ 𝑓(−2) = 3
− (−2) + 3 = 1
1 1 1 1
1. −5 2. −9 3. 0 4. 9
5. 5
ตอบ 2
|2−2| 0
แทน 𝑥 = 2 จะได้ 22 +5(2)−14
=0 → ต้องจัดรูปให้ 𝑥 − 2 ตัดกันก่อน
เมื่อ 𝑥 → 2− จะได้วำ่ 𝑥 น้อยกว่ำ 2 นิดๆ ซึง่ จะทำให้ 𝑥 − 2 < 0
𝑘 ;𝑘 ≥ 0
จำกสมบัติของค่ำสัมบูรณ์ จะได้ |𝑥 − 2| = −(𝑥 − 2) |𝑘| = {
−𝑘 ;𝑘 < 0
|𝑥−2| −(𝑥−2)
ดังนัน้ lim 𝑥2+5𝑥−14 = lim (𝑥−2)(𝑥+7)
x 2 x 2
1 1 1
= lim − 𝑥+7 = − 2+7 = −9
x 2
.0123456789
6 คลังโจทย์
13. กำหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ต่อเนื่องบนเซตของจำนวนจริง โดยที่ 𝑓 ′ (𝑥) = { 𝑥 เมื่อ 𝑥<1
𝑥−1 เมื่อ 𝑥>1
ถ้ำ 𝑓(0) = 0 แล้ว 𝑓 (2) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2563/33)]
1. 1 2. 1.5 3. 2 4. 2.5 5. 3
ตอบ 1
𝑥2
เมื่อ + 𝑐1 เมื่อ 𝑥<1
จำก 𝑓 ′ (𝑥) = { 𝑥 𝑥<1 → อินทิเกรต จะได้ 𝑓(𝑥) = { 𝑥 2 2
𝑥−1 เมื่อ 𝑥>1
2
− 𝑥 + 𝑐2 เมื่อ 𝑥 > 1
(เนื่องจำกทัง้ สองกรณีใช้คนละสูตร ดังนัน้ 𝑐1 กับ 𝑐2 อำจไม่เท่ำกันได้)
02
โจทย์กำหนดให้ 𝑓 (0) = 0 → จะหำ 𝑓(0) ต้องใช้สตู รของกรณี 𝑥 < 1 จะได้ 𝑓(0) =
2
+ 𝑐1
0 = 𝑐1
โจทย์กำหนดให้ 𝑓 ต่อเนื่อง → สูตรของ 𝑓 ทัง้ สองกรณี ต้องมีค่ำเท่ำกันตรงรอยต่อ
𝑥2 𝑥2
→ นั่นคือ เมื่อ 𝑥=1 จะได้ 2
+ 𝑐1 = 2
− 𝑥 + 𝑐2
12 12
+0 = − 1 + 𝑐2
2 2
1 = 𝑐2
22
หำ 𝑓(2) ต้องใช้สตู รของกรณี 𝑥>1 จะได้ 𝑓(2) =
2
− 2 + 𝑐2 = 2 − 2 + 1 = 1
14. ให้ 𝑐 เป็ นจำนวนจริง และให้ 𝑓(𝑥) = −𝑥3 − 12𝑥2 − 45𝑥 + 𝑐 สำหรับทุกจำนวนจริง 𝑥
ถ้ำค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ของ 𝑓 เท่ำกับ 53 แล้วค่ำของ 𝑓(𝑐) เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ก.พ. 2563/41)]
ตอบ 33
จุดสูงสุดสัมพัทธ์ เกิดเมื่อ 𝑓′ (𝑥) เปลี่ยนจำกบวกเป็ นลบ : 𝑓 (𝑥) = −𝑥 3 − 12𝑥 2 − 45𝑥 + 𝑐
𝑓 ′ (𝑥) = −3𝑥 2 − 24𝑥 − 45
= −3(𝑥 2 + 8𝑥 + 15)
= −3(𝑥 + 5)(𝑥 + 3)
−3 ที่คูณอยู่ดำ้ นหน้ำ จะทำให้ − + −
เครื่องหมำยสลับเป็ นตรงข้ำม
−5 −3
จะเห็นว่ำ ′(
𝑓 𝑥) เปลี่ยนจำกบวกเป็ นลบที่ 𝑥 = −3 → ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์เกิดที่ 𝑥 = −3
→ จะได้ 𝑓 (−3) = 53
)3
−(−3 − 12(−3 )2 − 45(−3) + 𝑐 = 53
27 − 108 +135 + 𝑐 = 53
𝑐 = −1
จะได้ 𝑓 (𝑐) = 𝑓(−1) = −(−1)3 − 12(−1)2 − 45(−1) + (−1)
= 1 − 12 + 45 −1 = 33
.0123456789
คลังโจทย์ 7
.0123456789
8 คลังโจทย์
𝑥
0 1 2 3 4 5 6
−1
−2
5 10
จากเครือ่ งหมายของ 𝑓 ′ (𝑛)
จะได้วา่ 𝑓 เพิ่มขึน้ ในช่วง (0, 5) , ลดลงในช่วง (5, 10) และเพิ่มอีกในช่วง (10, 12)
ดังนัน้ จุดทีม่ ีโอกาสเกิดค่าสูงสุดสัมบูรณ์ คือ 𝑛 = 5 และ 𝑛 = 12 เท่านัน้
𝑓(5) = 300(5) − 45(52 ) + 2(53 ) 𝑓(12) = 300(12) − 45(122 ) + 2(123 )
= 5(300 − 225 + 50 ) = 12(300 − 540 + 288 )
= 625 = 576
𝑓(5) มากกว่า ดังนัน้ จะได้กาไรมากที่สดุ เมื่อขายเค้ก 5 ก้อน
.0123456789
𝑓 ′ (𝑛) = 300 − 90𝑛 + 6𝑛2
= 6(50 − 15𝑛 + 𝑛2 )
= 6(𝑛 − 5)(𝑛 − 10)
+ − + คลังโจทย์ 9
5 10
จากเครือ่ งหมายของ 𝑓 ′ (𝑛)
จะได้วา่ 𝑓 เพิ่มขึน้ ในช่วง (0, 5) , ลดลงในช่วง (5, 10) และเพิ่มอีกในช่วง (10, 12)
ดังนัน้ จุดทีม่ ีโอกาสเกิดค่าสูงสุดสัมบูรณ์ คือ 𝑛 = 5 และ 𝑛 = 12 เท่านัน้
𝑓(5) = 300(5) − 45(52 ) + 2(53 ) 𝑓(12) = 300(12) − 45(122 ) + 2(123 )
= 5(300 − 225 + 50 ) = 12(300 − 540 + 288 )
= 625 = 576
𝑓(5) มากกว่า ดังนัน้ จะได้กาไรมากที่สดุ เมื่อขายเค้ก 5 ก้อน
−3(13 )
แทน 𝑥=1, 𝑒=3 และ 𝑑 = −3 ใน (∗∗) จะได้ 𝑓(1) = 3
− (−3)(1) + 3 = 5
𝑋
0
𝑓
ส่วนที่แรเงามีพืน้ ที่เท่ากับกี่ตารางหน่วย [PAT 1 (มี.ค. 2565/25)]
16√2 32√2 8
1. 3
2. 3
3. 3
(4√2 + 1)
16 32
4. 3
(√2 + 2) 5. 3
(√2 − 1)
ตอบ 5
หาจุดตัดกราฟตรงส่วนที่แรเงาใน 𝑄1 โดยการแก้ระบบสมการ 𝑦 = 8 − 𝑥 2 …(1)
𝑦 = 𝑥2 …(2)
(1) + (2) : 2𝑦 = 8
𝑦 = 4
(2) : 4 = 𝑥2
𝑄1 จะมี 𝑥 > 0
2 = 𝑥
หาจุดที่ 𝑓 ตัดแกน 𝑋 ตรงส่วนที่แรเงาใน 𝑄1 → แทน 𝑦 = 0 : 0 = 8 − 𝑥2
𝑥2 = 8 𝑄1 จะมี 𝑥 > 0
𝑥 = √8
จะได้พิกดั ดังรูป (2,4) ดังนัน้ ส่วนที่แรเงา จะประกอบด้วย พืน้ ที่ใต้ 𝑔 จาก 0 ถึง 2 และพืน้ ที่ใต้ 𝑓 จาก 2 ถึง √8
𝑔 2 √8
𝑓
= ∫ 𝑔(𝑥) 𝑑𝑥 + ∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥
0 2
0 2 √8 𝑥3 2 𝑥 3 √8
= | + 8𝑥 − |
3 3
0 2
8 8√8 8
= 3
−0 + (8√8 − 3
) − (16 − )
3
32 16√8
= − 3
+ 3
32√2 32 32
= − = (√2 − 1)
3 3 3
.0123456789
คลังโจทย์ 11
𝑎(53 ) 𝑎(03 )
135 = ( + 2(5)) − ( + 2(0))
3 3
𝑎(52 )
27 = 3
+2
81 = 25𝑎 + 6
3 = 𝑎
แทนในสมการเส้นโค้ง จะได้ 𝑦 = 3𝑥 2 + 2
𝑦 ′ = 6𝑥 → เมื่อ 𝑥=𝑎=3 จะได้ความชันเส้นสัมผัส = 6(3) = 18
22. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ 𝑓′ (𝑥) = 2𝑥 + 1 ถ้ำ ℎ(𝑥) = 𝑓(𝑥 2 ) แล้ว ℎ ′ (𝑥 ) เท่ำกับเท่ำใด
[กสพท คณิต1 (มี.ค. 2565/24)]
1. 4𝑥 + 2 2. 2𝑥2 + 1 3. 4𝑥 2 + 2𝑥
4. 4𝑥 3 + 2𝑥 5. 4𝑥 3 + 4𝑥
ตอบ 4
ให้ 𝑔(𝑥) = 𝑥2 จะได้ ℎ(𝑥) = 𝑓 (𝑥2 ) = 𝑓(𝑔(𝑥)) = (𝑓 ∘ 𝑔)(𝑥)
ใช้สตู รดิฟฟั งก์ชนั ประกอบ จะได้ ℎ′ (𝑥) = (𝑓 ∘ 𝑔)′ (𝑥) = 𝑓′ (𝑔(𝑥)) ∙ 𝑔′ (𝑥)
𝑑𝑥 2
= (2𝑔 (𝑥) + 1) ∙ 𝑑𝑥
= (2𝑥 2 + 1) ∙ 2𝑥
= 4𝑥 3 + 2𝑥
.0123456789
12 คลังโจทย์
23. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั จำก ℝ ไป ℝ โดยที่ 𝑓(𝑥) เท่ำกับจำนวนเต็มที่นอ้ ยที่สดุ ที่มำกกว่ำหรือเท่ำกับ 𝑥
พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี ้
(ก) 𝑥→𝑐
lim 𝑓 (𝑥) มีค่ำ สำหรับทุก 𝑐 ∈ ℝ
(ข) ฟั งก์ชนั 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ต่อเนื่องบนช่วง (𝑛, 𝑛 + 1] เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็ม
(ค) 𝑓′ (𝑥) = 1 เมื่อ 𝑥 ∈ (𝑛, 𝑛 + 1) และ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็ม
จำกข้อควำม (ก) (ข) และ (ค) ข้ำงต้น ข้อใดถูกต้อง [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2565/25)]
1. ข้อควำม (ก) ถูกต้องเพียงข้อเดียวเท่ำนัน้ 2. ข้อควำม (ข) ถูกต้องเพียงข้อเดียวเท่ำนัน้
3. ข้อควำม (ค) ถูกต้องเพียงข้อเดียวเท่ำนัน้ 4. ข้อควำม (ก) และ (ค) ถูกต้องเท่ำนัน้
5. ข้อควำม (ข) และ (ค) ถูกต้องเท่ำนัน้
ตอบ 2
ลองแทน 𝑥 ด้วยค่ำต่ำงๆ ดู จำนวนเต็มที่นอ้ ยที่สดุ ที่มำกกว่ำหรือเท่ำกับ 0.5 คือ 1
จำนวนเต็มที่นอ้ ยที่สดุ ที่มำกกว่ำหรือเท่ำกับ 0.99 คือ 1
จำนวนเต็มที่นอ้ ยที่สดุ ที่มำกกว่ำหรือเท่ำกับ 1 คือ 1
จำนวนเต็มที่นอ้ ยที่สดุ ที่มำกกว่ำหรือเท่ำกับ 1.1 คือ 2
จะเห็นว่ำ 𝑓(𝑥) คือกำรปั ดเศษขึน้ ให้เป็ นจำนวนเต็มนั่นเอง
(ก) จำกค่ำที่ลอง จะเห็นว่ำ 𝑓(0.99) = 1 ในขณะที่ 𝑓(1.1) = 2
ดังนัน้ 𝑥 → 1− กับ 𝑥 → 1+ จะมีค่ำ 𝑓(𝑥) ไม่เท่ำกัน จึงไม่มีลมิ ิตเมื่อ 𝑥 → 1 (ก) ผิด
(ข) ถ้ำวำดกรำฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) จะได้ดงั รูป
จะเห็นว่ำเส้นกรำฟต่อเนื่องบนช่วง (𝑛, 𝑛 + 1] เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็ม (ข) ถูก
(ค) ในแต่ละช่วง (𝑛, 𝑛 + 1] กรำฟจะเป็ นเส้นแนวนอน ที่มีค่ำ 𝑦 เท่ำเดิม (∆𝑦 = 0)
จะได้ควำมชัน = ∆𝑦 ∆𝑥
0
= ∆𝑥 = 0 ดังนัน ้ 𝑓′ (𝑥) = 0 (ค) ผิด
24. ให้ 𝑓 (𝑥) = −𝑥 2 + 𝑘เมื่อ 𝑘 เป็ นจำนวนจริงบวก ถ้ำพืน้ ที่ท่ีปิดล้อมด้วยเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑓(𝑥) กับแกน 𝑋 เท่ำกับ
36 ตำรำงหน่วย แล้ว 𝑓 (−1) + 𝑓 (1) เท่ำกับเท่ำใด [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2565/29)]
ตอบ 16
หำจุดตัดแกน 𝑋 → แทน 𝑦 = 0 : 0 = −𝑥 2 + 𝑘
𝑥2 = 𝑘
𝑥 = ±√𝑘
เนื่องจำก สปส ของ 𝑥2 เป็ นลบ จะเป็ นพำรำโบลำคว่ำ → จะวำดกรำฟได้ดงั รูป −√𝑘 √𝑘
√𝑘
จะได้พืน้ ที่ใต้โค้ง คือ ∫ (−𝑥 2 + 𝑘) 𝑑𝑥
−√𝑘
𝑥3 √𝑘
= − 3
+ 𝑘𝑥 |
−√𝑘
4
= (−
√𝑘
3
+ 𝑘√𝑘) − (−
(−√𝑘 )
3
+ 𝑘(−√𝑘))
ดังนัน้ 3
𝑘√𝑘 = 36
3 3
𝑘√𝑘 = 27
𝑘√𝑘 𝑘√𝑘 3
= − + 𝑘√𝑘 − + 𝑘√𝑘 √𝑘 = 33
3 3
1 1 √𝑘 = 3
= 𝑘√𝑘 (− 3 + 1 −3 +1 )
4
𝑘 = 9
= 3
𝑘√𝑘 จะได้ 𝑓 (𝑥) = −𝑥 2 + 9
ดังนัน้ 𝑓 (1) + 𝑓(−1) = (−(1)2 + 9) + (−(−1)2 + 9) = 16
.0123456789
√𝑘
จะได้พืน้ ที่ใต้โค้ง คือ ∫ (−𝑥 2 + 𝑘) 𝑑𝑥
−√𝑘
𝑥3 √𝑘 คลังโจทย์ 13
= − 3
+ 𝑘𝑥 |
−√𝑘
4
= (−
√𝑘
3
+ 𝑘√𝑘) − (−
(−√𝑘 )
3
+ 𝑘(−√𝑘))
ดังนัน้ 3
𝑘√𝑘 = 36
3 3
𝑘√𝑘 = 27
𝑘√𝑘 𝑘√𝑘 3
= − + 𝑘√𝑘 − + 𝑘√𝑘 √𝑘 = 33
3 3
1 1 √𝑘 = 3
= 𝑘√𝑘 (− 3 + 1 −3 +1 )
4
𝑘 = 9
= 3
𝑘√𝑘 จะได้ 𝑓 (𝑥) = −𝑥 2 + 9
ดังนัน้ 𝑓 (1) + 𝑓(−1) = (−(1)2 + 9) + (−(−1)2 + 9) = 16
2
𝑥 3 +𝑥 2 +𝑥
25. ค่ำของ 2 𝑑𝑥 เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (มี.ค. 2559/34)]
4 𝑥|𝑥+2|−𝑥 −2
ตอบ 3
ถอดเครื่ องหมำยค่ำสัมบูรณ์ |𝑥 + 2| ก่อน
โจทย์จะอินทิเกรตในช่วง 𝑥 = −4 ถึง 𝑥 = −2 ซึง่ ในช่วงนี ้จะเห็นว่ำ 𝑥 + 2 ≤ 0
ดังนัน้ |𝑥 + 2| จะเปลีย่ น 𝑥 + 2 ให้ เป็ นบวกโดยกำรคูณลบเข้ ำไป จะได้ |𝑥 + 2| = −(𝑥 + 2)
𝑘 , 𝑘≥0
หมำยเหตุ : สมบัติคำ่ สัมบูรณ์ |𝑘| = {
−𝑘 , 𝑘<0
𝑘 , 𝑘>0
จะย้ ำยกรณี 𝑘 = 0 ไปไว้ สตู รล่ำง เป็ น |𝑘| = {
−𝑘 , 𝑘≤0
ก็ได้ เพรำะเมื่อ 𝑘 = 0 จะได้ 𝑘 = −𝑘
𝑥 3 +𝑥 2 +𝑥 𝑥 3 +𝑥 2 +𝑥
ดังนัน้ 𝑥|𝑥+2|−𝑥 2 −2
= 𝑥(−(𝑥+2))−𝑥 2 −2
𝑥 3 +𝑥 2 +𝑥
= −𝑥 2 −2𝑥 −𝑥 2 −2
𝑥 3 +𝑥 2 +𝑥
=
−2𝑥 2 −2𝑥−2
𝑥(𝑥 2 +𝑥+1) 𝑥
= −2(𝑥 2 +𝑥+1)
= −2
2 2
𝑥 3 +𝑥 2 +𝑥 𝑥 𝑥 2 −2 (−2)2 (−4)2
ดังนัน้ 2 𝑑𝑥 = − 𝑑𝑥 = − | = (− )− (− ) = −1 + 4 = 3
4 𝑥|𝑥+2|−𝑥 −2 2 4 4
−4
4 4
1 2𝑥 3
26. ค่ำของ lim (1 − 𝑥 2 +1
) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ต.ค. 2558/13)]
x 1 √1−𝑥
1. 0 2. 0.5 3. 1
4. 2 5. 4
ตอบ 1
1 2𝑥 1 𝑥 +1−2𝑥 3 −2𝑥 +𝑥 +1 2 3 3 2
จัดให้อยูใ่ นรูปเศษส่วน จะได้ √1−𝑥 (1 − 𝑥 2 +1) = 1−𝑥 ( 𝑥 2 +1 ) = 1−𝑥 (𝑥2 +1)
√ √
ซึง่ ถ้ำแทน 𝑥 = 1 จะได้ 00 ดังนัน้ ทัง้ เศษและส่วน ต้องมี 𝑥 − 1 เป็ นตัวประกอบ
เอำเศษ มำหำรสังเครำะห์ ด้วย 𝑥 − 1 จะได้ผลหำร −2𝑥 2 − 𝑥 − 1 ดังรูป
1 −2 1 0 1
−2𝑥 3 +𝑥 2 +1 (𝑥−1)(−2𝑥 2 −𝑥−1) −(1−𝑥)(−2𝑥 2 −𝑥−1)
−2 −1 −1 ดังนัน้ √1−𝑥 (𝑥 2 +1)
=
√1−𝑥 (𝑥 2 +1)
=
√1−𝑥 (𝑥 2 +1)
−2 −1 −1 0 2
−(√1−𝑥) (−2𝑥 2 −𝑥−1)
=
√1−𝑥 (𝑥 2 +1)
ตัด √1 − 𝑥 ทัง้ เศษและส่วน −√1−𝑥 (−2𝑥 2 −𝑥−1)
= (𝑥 2 +1)
−√1−1 (–2(12 )−1−1) −(0)(–2(12 )−1−1)
แทน 𝑥 = 1 ใหม่ จะได้ (12 +1)
= 2
= 0
.0123456789
14 คลังโจทย์
27. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนำม ซึง่ 𝑓 ′ (𝑥) = 3𝑥 2 − 6𝑥 และ เมื่อ 𝑥 < −1
𝐺(𝑥) = {
𝑥+5
เมื่อ 𝑥 ≥ −1
𝑓(𝑥)
ถ้ำ 𝐺(𝑥) ต่อเนื่องที่ 𝑥 = −1 แล้ว 𝑓 มีคำ่ ต่ำสุดสัมพัทธ์เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2558/25)]
1. −2 2. −1 3. 2
4. 3 5. 4
ตอบ 5
3𝑥 3 6𝑥 2
อินทิเกรต 𝑓 ′ (𝑥) = 3𝑥 2 − 6𝑥 จะได้ 𝑓(𝑥) =
3
−
2
+𝑐
3 2
= 𝑥 − 3𝑥 + 𝑐 …(∗)
28. ให้ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจานวนจริง ถ้ากราฟของ 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 ผ่านจุด (0, 1) , (1, 3) และจุด (2, 2)
แล้วพืน้ ที่ที่ปิดล้อมด้วยเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑓(𝑥) และเส้นตรง 𝑦 = 𝑥 จาก 𝑥 = 0 ถึง 𝑥 = 2 เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
[PAT 1 (มี.ค. 2560/17)]
1. 52 ตารางหน่วย 2. 83 ตารางหน่วย 3. 3 ตารางหน่วย
7
4. 2
ตารางหน่วย 5. 5 ตารางหน่วย
ตอบ 3
กราฟผ่าน (0, 1), (1, 3), (2, 2) → แสดงว่าแทนทัง้ 3 จุดในกราฟ 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 แล้วสมการเป็ นจริง
(0, 1) : 1 = 𝑎(02 ) + 𝑏(0) + 𝑐
1= 𝑐
(1, 3) : 3 = 𝑎(12 ) + 𝑏(1) + 𝑐 (2, 2) : 2 = 𝑎(22 ) + 𝑏(2) + 𝑐
3= 𝑎 +𝑏 +1 2 = 4𝑎 + 2𝑏 + 1
2= 𝑎 +𝑏 …(1) 1 = 4𝑎 + 2𝑏 …(2)
(1) × 2 : 4 = 2𝑎 + 2𝑏 …(3)
3
2 = −2 +𝑏 (2) − (3) : −3 = 2𝑎
3
7
= 𝑏 แทนค่า 𝑎 ใน (1) −2 = 𝑎
2
3 7
จะได้ 𝑓(𝑥) = − 𝑥 2 + 𝑥 + 1
2 2
𝑎 เป็ นลบ จะได้ 𝑓 เป็ นพาราโบลาคว่า → วาดส่วนที่ปิดล้อมกับเส้นตรง 𝑦 = 𝑥 ได้ดงั รูป (1, 3) 𝑦=𝑥
จะเห็นว่า 𝑥=0 ถึง 𝑥=2 กราฟพาราโบลาอยูเ่ หนือเส้นตรงตลอดทัง้ ช่วง
2 (2, 2)
3 7
ดังนัน้ จะไม่ตอ้ งแบ่งอินทิเกรต จะได้พนื ้ ที่ = (− 𝑥 2 + 𝑥 + 1) − (𝑥) 𝑑𝑥
2 2 (0, 1)
0
2
3 5
= − 2 𝑥 2 + 2 𝑥 + 1 𝑑𝑥
0
2
.0123456789 1 3 5 2
(1) × 2 : 4 = 2𝑎 + 2𝑏 …(3)
3
2= −2 +𝑏 (2) − (3) : −3 = 2𝑎
3
7
= 𝑏 แทนค่า 𝑎 ใน (1) −2 = 𝑎
2
3 7
คลังโจทย์ 15
จะได้ 𝑓(𝑥) = − 𝑥2
2
+
2
𝑥 +1
𝑎 เป็ นลบ จะได้ 𝑓 เป็ นพาราโบลาคว่า → วาดส่วนที่ปิดล้อมกับเส้นตรง 𝑦 = 𝑥 ได้ดงั รูป (1, 3) 𝑦=𝑥
จะเห็นว่า 𝑥=0 ถึง 𝑥=2 กราฟพาราโบลาอยูเ่ หนือเส้นตรงตลอดทัง้ ช่วง
2 (2, 2)
3 7
ดังนัน้ จะไม่ตอ้ งแบ่งอินทิเกรต จะได้พนื ้ ที่ = (− 2 𝑥 2 +
2
𝑥 + 1) − (𝑥) 𝑑𝑥 (0, 1)
0
2
3 5
= − 2 𝑥 2 + 2 𝑥 + 1 𝑑𝑥
0
1 5 2
= − 𝑥3 + 𝑥2 + 𝑥 | = (−4 + 5 + 2) − (0) = 3
2 4
0
ตอบ 6
จาก (𝑓 −1 ∘ 𝑔)(0) = 2 หา 𝑓 −1 : 𝑓(𝑥) = 2𝑥 + 5
𝑓 −1 (𝑔(0)) = 2 𝑦 = 2𝑥 + 5
𝑔(0) = 𝑓(2) 𝑦−5
= 𝑥
2 2
𝑎(0 ) + 𝑏(0) + 𝑐 = 2(2) + 5 𝑥−5
𝑐 = 9 = 𝑦
2
ดังนัน้ 𝑔(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 9 ดังนัน้ 𝑓 −1 (𝑥) =
𝑥−5
2
.0123456789
16 คลังโจทย์
𝑥 (𝑥+1)
3 𝑥−3
30. ค่าของ lim 3
x 3 √𝑥−2 − 1
เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 2560/38)]
ตอบ 81
3 (3+1)
ถ้าแทน 𝑥 = 3 จะได้ 3 3(3) −3
√3−2 − 1
81−81 0
= 1−1 = 0 ดังนัน ้ ต้องจัดรูป ให้ 𝑥 − 3 โผล่ออกมาตัดกันก่อน
โดย ตัวเศษ จะใช้การแยกตัวประกอบ และ ตัวส่วน จะทาให้เป็ นผลต่างกาลังสามเพื่อกาจัดรูทสาม ดังนี ้
2 3 2 3 3 2 3
3𝑥 𝑥 − 3(𝑥+1) 3𝑥 𝑥 − 3𝑥 31
3 3
√𝑥−2 + √𝑥−2+1 3𝑥 (𝑥 −3) ( √𝑥−2 + √𝑥−2+1) 3𝑥 (𝑥 −3) ( √𝑥−2 + √𝑥−2+1)
3 = 3 ∙3 2 3
= 3 3 = 𝑥−3
√𝑥−2 − 1 √𝑥−2 − 1 √𝑥−2 + √𝑥−2+1 √𝑥−2 − 13
2
= 3 ( √𝑥 − 2 + 3√𝑥 − 2 + 1)
𝑥 3
.0123456789
คลังโจทย์ 17
จุดสัมพัทธ์ คือจุดที่ 𝑓 ′(𝑥) เปลีย่ นเครื่องหมำย (จำกบวกเป็ นลบ หรื อลบเป็ นบวก) ซึง่ จะเกิดเมื่อวงเล็บยกกำลังคีเ่ ป็ น 0
จะได้ จดุ สัมพัทธ์เกิดเมื่อ 𝑥 = 2 , 0 , 54
6
33. สมกำรของเส้นสัมผัสเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑥+1
ที่จดุ (1, 3) ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2561/9)]
1. 𝑥 + 𝑦 = 4 2. 3𝑥 − 2𝑦 = −3 3. 3𝑥 + 2𝑦 = 9
4. 2𝑥 − 3𝑦 = −7 5. 2𝑥 + 3𝑦 = 11
ตอบ 3
หำควำมชันที่จดุ (1, 3) → ต้องหำ 𝑦 ′ : 𝑦 =
6
𝑥+1
= 6(𝑥 + 1)−1
𝑑
𝑦′ = (−1)6(𝑥 + 1)−2 ∙ 𝑑𝑥 (𝑥 + 1)
= −6(𝑥 + 1)−2
6 3
ที่จดุ (1, 3) → แทน 𝑥 = 1 จะได้ 𝑦 ′ = −6(1 + 1)−2 = − 4 = − 2
3𝑥 + 2𝑦 = 9
2√𝑥 𝑥 2 −23+√𝑥 √𝑥
34. lim
x 4 √𝑥−2
มีคำ่ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2561/14)]
1. 32 2. 64 3. 80 4. 96 5. 128
ตอบ 4
2 2
2√𝑥 𝑥 2 −23+√𝑥 √𝑥 2√𝑥 (√𝑥 ) −23 2√𝑥 √𝑥
lim = lim
x 4 √𝑥−2 x 4 √𝑥−2
4
2√𝑥 √𝑥 − 232√𝑥 √𝑥
= lim
x 4 √𝑥−2
3
ดึงตัวร่วม 2√𝑥 √𝑥
2√𝑥 𝑥 (√𝑥 − 23 )
= lim √ 𝑥−2
x 4 √
2 𝑎3 − 𝑏 3 = (𝑎 − 𝑏)(𝑎2 + 𝑎𝑏 + 𝑏 2 )
2√𝑥 √𝑥 (√𝑥−2)(√𝑥 +2√𝑥+22)
= lim
x 4 √𝑥−2
2
= lim 2√𝑥 √𝑥 (√𝑥 + 2√𝑥 + 22 )
x 4
2
= 2√4 √4 (√4 + 2√4 + 22 ) = 8(4 + 4 + 4) = 96
.0123456789
18 คลังโจทย์
35. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจำนวนจริง โดยที่ 𝑓 ′ (𝑥) = 2𝑎𝑥 + 𝑏√𝑥 + 1
เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง ถ้ำ 𝑓(0) = 1 และ 𝑓 ′ (1) = 𝑓 ′(4) = 0 แล้ว (𝑓 ∘ 𝑓)(4) มีคำ่ เท่ำกับ
ข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2561/15)]
1. 1.25 2. 1.75 3. 2.25 4. 2.75 5. 3.25
ตอบ 1
จำก 𝑓′(1) = 0 𝑓′(4) = 0
2𝑎(1) + 𝑏√1 + 1 = 0 2𝑎(4) + 𝑏√4 + 1 = 0
2𝑎 + 𝑏 + 1 = 0 …(1) 8𝑎 + 2𝑏 + 1 = 0 …(2)
กำจัด 𝑎 → 4×(1) − (2) : (8𝑎 + 4𝑏 + 4) − (8𝑎 + 2𝑏 + 1) = 0
2𝑏 + 3 = 0
3
𝑏 = −2
3
แทน 𝑏 ใน (1) : 2𝑎 + (− 2) + 1 = 0
1
2𝑎 = 2
1
𝑎 = 4
1 3 1 3 1
แทนค่ำ 𝑎, 𝑏 ใน 𝑓 ′ (𝑥) จะได้ 𝑓 ′ (𝑥) = 2 (4) 𝑥 − 2 √𝑥 + 1 = 2
𝑥 − 2
𝑥2 + 1
3
1 2
อินทิเกรต จะได้ 𝑓(𝑥) = 4
𝑥 − 𝑥 2 +𝑥 + 𝑐
และจำก 𝑓(0) = 1
3
1
4
(02 ) − 0 +0+𝑐 = 1
2
3
1 2
𝑐 = 1 จะได้ 𝑓(𝑥) = 4
𝑥 − 𝑥2 + 𝑥 + 1
3
1
ดังนัน้ (𝑓 ∘ 𝑓)(4) = 𝑓(𝑓(4)) = 𝑓 ( (42 ) − 42 + 4 + 1)
4
= 𝑓( 4 − 8 + 4 + 1)
= 𝑓( 1 )
3
1
= 4
(12 ) −
12 + 1 + 1
= 0.25 − 1 + 1 + 1 = 1.25
ตอบ 11
จำก 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 จะได้ 𝑓(−1) + 𝑓(1) = 14
𝑓 ′ (𝑥) = 2𝑎𝑥 + 𝑏 𝑎(−1)2 + 𝑏(−1) + 𝑐 + 𝑎(1)2 + 𝑏(1) + 𝑐 = 14
𝑓 ′′ (𝑥) = 2𝑎 2𝑎 + 2𝑐 = 14
𝑎 + 𝑐 = 7 …(1)
ตอบ 18
𝑓(𝑥) − 𝑓(2)
จำกนิยำม จะได้ lim
x2 𝑥−2
คือ อนุพนั ธ์ของ 𝑓(𝑥) เมื่อ 𝑥 = 2 → = 𝑓 ′ (2)
𝑓(𝑥) − 𝑓(2)
ดังนัน้ lim 𝑥 − 2 = 𝑓 ′ (2)
x2
= 0
จำก 𝑓(𝑥) = 3 2
𝑎𝑥 + 𝑏𝑥 + 1
𝑓′(𝑥) = 3𝑎𝑥 2 + 2𝑏𝑥 12𝑎 + 4𝑏 = 0
𝑓′(2) = 3𝑎(22 ) + 2𝑏(2) 3𝑎 + 𝑏 = 0
= 12𝑎 + 4𝑏 𝑏 = −3𝑎 …(∗)
1
1
และจำก 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 =
4
𝑎 −3𝑎
+ 3 +1 = 4
1
0
1
จำก (∗) 4
𝑎𝑥 4 𝑏𝑥 3 1 𝑎 − 4𝑎 + 4 = 1
+ +𝑥| =
4 3
0
4 −3𝑎 = −3
𝑎 𝑏 1 𝑎 = 1
(4 + 3 + 1) − 0 = 4
แทนใน (∗) จะได้ 𝑏 = −3(1) = −3
𝑓′ (𝑥) − 𝑓′ (4)
จำกนิยำม จะได้ lim
x4 𝑥−4
คือ อนุพนั ธ์ของ 𝑓′(𝑥) เมื่อ 𝑥 = 4 → = 𝑓 ′′ (4)
.0123456789
20 คลังโจทย์
𝑓(𝑥)
38. กาหนดให้ 𝑓 : ℝ → ℝ เป็ นฟั งก์ชนั มีสมบัติวา่ lim 2
x1 𝑥 −1
= 1 ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
[สมาคม (พ.ย. 2561/5)]
ก. 𝑓(1) = 0 ข. 𝑓 ต่อเนื่องที่ 𝑥 = 1
ค. lim
x1
𝑓(𝑥) = 0 ง. lim
x1
𝑓(𝑥) ไม่มีคา่
ตอบ ค
𝑓(𝑥) 𝑓(𝑥)
ก. lim
x1 𝑥 2 −1 คือค่าประมาณของ 𝑥 2 −1
เมื่อ 𝑥 เข้ าใกล้ 1 ซึง่ เป็ นคนละอย่างกับ ค่าของ 𝑥𝑓(𝑥)
2 −1 เมื่อ 𝑥 = 1
.0123456789
คลังโจทย์ 21
40. ให้ 𝑦 = 𝑓(𝑥) เป็ นเส้นโค้งผ่ำนจุด (0, 1) และจุด (1, 1) และเส้นสัมผัสของเส้นโค้งที่จดุ (𝑥, 𝑦) ใดๆ มีควำมชัน
เท่ำกับ 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 เมื่อ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจำนวนจริง ถ้ำ 𝑓 ′ (0) = 1 และ 𝑓 ′′(1) = 2 แล้วฟั งก์ชนั 𝑓 มี
ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/10)]
1. 1127
2. 13
27
3. 31
27
4. 34 27
5. 43 27
ตอบ 3
ควำมชัน คือ 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 แสดงว่ำ 𝑓 ′ (𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 ซึง่ จะได้ 𝑓 ′′ (𝑥) = 2𝑎𝑥 + 𝑏
แทน 𝑥 = 0 แทน 𝑥 = 1
𝑓 ′ (0) = 𝑎(02 ) + 𝑏(0) + 𝑐 𝑓 ′′ (1) = 2𝑎(1) + 𝑏
1 = 𝑐 2 = 2𝑎 + 𝑏
2 − 2𝑎 = 𝑏
แทนค่ำ 𝑏 , 𝑐 ใน 𝑓 ′(𝑥) จะได้ 𝑓 ′ (𝑥) = 𝑎𝑥 2 + (2 − 2𝑎)𝑥 + 1
𝑎𝑥 3 (2−2𝑎)𝑥 2 อินทิเกรต
𝑓(𝑥) = + +𝑥+𝑑
3 2
แทน 𝑥 = 0 : แทน 𝑥 = 1 :
( 𝑦 = 𝑓(𝑥) ผ่ำน (0, 1) แสดงว่ำ 𝑓(0) = 1 ) ( 𝑦 = 𝑓(𝑥) ผ่ำน (1, 1) แสดงว่ำ 𝑓(1) = 1 )
𝑎(0)3 (2−2𝑎)(0)2 𝑎(1)3 (2−2𝑎)(1)2
𝑓(0) = + +0+𝑑 𝑓(1) = + +1+𝑑
3 2 3 2
1 = 𝑑 𝑎
1 = 3
+ 1−𝑎 +1+1
2
3
𝑎 = 2
𝑎 = 3
3𝑥 3 (2−2(3))𝑥 2
แทนค่ำ 𝑑 , 𝑎 จะได้ 𝑓(𝑥) =
3
+
2
+𝑥+1
3 2
= 𝑥 − 2𝑥 + 𝑥 + 1 ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ จะเกิดเมื่อ
𝑓 ′ (𝑥)
= 3𝑥 2 − 4𝑥 + 1 𝑓′ (𝑥) เปลี่ยนจำกบวกเป็ นลบ
= (3𝑥 − 1)(𝑥 − 1)
+ − +
→ สูงสุดสัมพัทธ์ เมื่อ 𝑥 = 13
1
1
3
1 1 1 3 1 2 1
แทน 𝑥=
3
จะได้ ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ 𝑓( ) = ( ) − 2( ) + ( ) + 1
3 3 3 3
1 2 1 1−6+9+27 31
= 27
− 9
+ 3
+1 = 27
= 27
41. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นพหุนำมกำลังสอง ซึง่ มีสมั ประสิทธิ์เป็ นจำนวนจริง ถ้ำเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑓(𝑥) ผ่ำนจุด (2, 2)
2
และมีจดุ สูงสุดสัมพัทธ์ที่จดุ (1, 3) แล้วค่ำของ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/22)]
1
16
1. 7 2. 6 3. 3
4.14
3
5. 8
3
ตอบ 2
ฟั งก์ชนั กำลังสองจะมีกรำฟเป็ นรูปพำรำโบลำ และจุดสูงสุด (1, 3) จะคือจุดยอด (ℎ, 𝑘)
เทียบกับรูปสมกำร 𝑦 = 𝑎(𝑥 − ℎ)2 + 𝑘 จะได้สมกำรกรำฟคือ 𝑦 = 𝑎(𝑥 − 1)2 + 3
กรำฟผ่ำน (2, 2) แสดงว่ำ (2, 2) ต้องทำให้สมกำรกรำฟเป็ นจริง → 2 = 𝑎(2 − 1)2 + 3
−1 = 𝑎
จะได้ 𝑓(𝑥) = (−1)(𝑥 − 1)2 + 3
= (−1)(𝑥 2 − 2𝑥 + 1) + 3 = −𝑥 2 + 2𝑥 + 2
2 2
𝑥3
ดังนัน้ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = − 3
+ 𝑥 2 + 2𝑥 |
1 −1
23 (−1)3
.0123456789 = (− + 22 + 2(2)) − (− + (−1)2 + 2(−1))
เทียบกับรูปสมกำร 𝑦 = 𝑎 𝑥 − ℎ + 𝑘 จะได้สมกำรกรำฟคือ 𝑦 = 𝑎 𝑥−1 +3
กรำฟผ่ำน (2, 2) แสดงว่ำ (2, 2) ต้องทำให้สมกำรกรำฟเป็ นจริง → 2 = 𝑎(2 − 1) + 3 2
−1 = 𝑎
22 คลั
งโจทย์ 𝑓(𝑥)
จะได้ = (−1)(𝑥 − 1)2 + 3
= (−1)(𝑥 2 − 2𝑥 + 1) + 3 = −𝑥 2 + 2𝑥 + 2
2 2
𝑥3
ดังนัน้ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = − 3
+ 𝑥 2 + 2𝑥 |
1 −1
23 2 (−1)3
= (− 3 + 2 + 2(2)) − (− 3
+ (−1)2 + 2(−1))
8 1
= −3 +4 + 4 −3 − 1 + 2 = 6
42. ให้ ℝ แทนเซตของจำนวนจริง ให้ เป็ นฟั งก์ชนั ทีม่ ีอนุพนั ธ์และสอดคล้องกับ
𝑓:ℝ→ℝ
𝑓(𝑥 + ℎ) − 𝑓(𝑥) = 2ℎ + (6𝑥 + 1)ℎ2 + 2𝑥(3𝑥 + 1)ℎ สำหรับทุกจำนวนจริง 𝑥 และ ℎ
3
= 2𝑥(3𝑥 + 1)
+ − +
ค่ำต่ำสุดสัมพัทธ์ จะเกิดเมื่อ −
1
0
3
𝑓′ (𝑥) เปลี่ยนจำกลบเป็ นบวก
ต่ำสุดสัมพัทธ์ เมือ่ 𝑥 = 0
→
โจทย์ให้คำ่ ต่ำสุดสัมพัทธ์ คือ 4 ดังนัน้ 𝑓(0) = 4
อินทิเกรต 𝑓 ′ (𝑥) เพื่อหำ 𝑓(𝑥) → จำก 𝑓 ′ (𝑥) = 2𝑥(3𝑥 + 1)
𝑓 ′ (𝑥) = 6𝑥 2 + 2𝑥
อินทิเกรต
𝑓(𝑥) = 2𝑥 3 + 𝑥 2 + 𝑐 …(∗)
แทน 𝑥 = 0 𝑓(0) = 2(03 ) + 02 + 𝑐
4 = 𝑐
𝑥 𝑥+√1+𝑥 √
43. ค่ำของ lim 3
x0 √8+𝑥 − 2
เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ก.พ. 2562/39)]
ตอบ 12
ลองแทน 𝑥 = 0 จะได้ 00 → ต้องจัดรูปให้ 𝑥 โผล่มำตัดกันก่อน
เศษมี 𝑥 พร้อมตัดอยูแ่ ล้ว → ไม่ตอ้ งจัดรู ปเศษ
ส่วนเป็ น √ ต้องคูณให้เข้ำสูตรผลต่ำงกำลังสำม (น − ล)(น2 + นล + ล2 ) น3 − ล3
3
=
2 3 2 3
𝑥√𝑥+√1+𝑥
3 3
√8+𝑥 + 2 √8+𝑥 + 22 (𝑥√𝑥+√1+𝑥)( √8+𝑥 + 2 √8+𝑥 + 22 )
3 ∙3 2 3
= 3 3
√8+𝑥 − 2 √8+𝑥 + 2 √8+𝑥 + 22 √8+𝑥 − 23
3 2 3
(𝑥√𝑥+√1+𝑥)( √8+𝑥 + 2 √8+𝑥 + 22 )
= 𝑥
3 3 2
= (√𝑥 + √1 + 𝑥) ( √8 + 𝑥 + 2 √8 + 𝑥 + 22 )
2
ตัด 𝑥 ได้แล้ว ลองแทน 𝑥 = 0 ใหม่ 3 3
→ (√0 + √1 + 0) ( √8 + 0 + 2 √8 + 0 + 22 )
=( 1 )( 4 + 4 + 4) = 12
.0123456789
√ √ √
3 ∙3 2 3
= 3 3
√8+𝑥 − 2 √8+𝑥 + 2 √8+𝑥 + 22 √8+𝑥 − 23
3 2 3
(𝑥√𝑥+√1+𝑥)( √8+𝑥 + 2 √8+𝑥 + 22 )
= 𝑥
2
คลังโจทย์ 23
3 3
= (√𝑥 + √1 + 𝑥) ( √8 + 𝑥 + 2 √8 + 𝑥 + 22 )
2
ตัด 𝑥 ได้แล้ว ลองแทน 𝑥 = 0 ใหม่ 3 3
→ (√0 + √1 + 0) ( √8 + 0 + 2 √8 + 0 + 22 )
=( 1 )( 4 + 4 + 4) = 12
ตอบ 76
𝑓 ต่อเนื่อง แสดงว่ำตรงรอยต่อของทัง้ สองสูตร (ที่ 𝑥 = 0) ต้องได้คำ่ เท่ำกัน 𝑎(02 ) + 𝑏(0) + 4 = 4(0) + 𝑐
4 = 𝑐
เมื่อ 𝑥 = 3 ≥ 0 จะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 4 → ใช้ใน 𝑓 ′ (3) + 𝑓(3) = 45
𝑓 ′ (𝑥) = 2𝑎𝑥 + 𝑏 2
2𝑎(3) + 𝑏 + 𝑎(3 ) + 𝑏(3) + 4 = 45
15𝑎 + 4𝑏 = 41 …(1)
1 1
และเมื่อ 𝑥 ∈ (0, 1) จะได้ 𝑥 ≥ 0 จะได้ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = (𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 4) 𝑑𝑥
0 0
9 𝑎𝑥 3 𝑏𝑥 2 1
2
= 3
+ 2 + 4𝑥 |
0
9 𝑎 𝑏
= ( + + 4) − (0)
2 3 2
27 = 2𝑎 + 3𝑏 + 24
2𝑎 + 3𝑏 = 3 …(2)
3×(1) − 4×(2) : 3(15𝑎 + 4𝑏) − 4(2𝑎 + 3𝑏) = 3(41) − 4(3)
37𝑎 = 111
𝑎 = 3 → แทนใน (2) : 2(3) + 3𝑏 = 3
𝑏 = −1
3𝑥 2 − 𝑥 + 4 ;𝑥 ≥ 0
แทนค่ำ 𝑎 = 3 , 𝑏 = −1 , 𝑐 = 4 จะได้ 𝑓(𝑥) = {
4𝑥 + 4 ;𝑥 < 0
และจะได้ 𝑓(𝑎) + 𝑓(𝑏) + 𝑓(𝑐) = 𝑓(3) + 𝑓(−1) + 𝑓(4)
= 3(32 ) − 3 + 4 + 4(−1) + 4 + 3(42 ) − 4 + 4 = 76
.0123456789
24 คลังโจทย์
𝑥
𝑥 − 𝑥2
เมื่อ 𝑥<0
45. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั นิยำมโดย 𝑓 (𝑥 ) = 𝑎𝑥 2 + (𝑏−𝑎)𝑥 − 𝑏
เมื่อ 0≤𝑥<1 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง
𝑥 −1
{ (𝑥 + 𝑏 )2 เมื่อ 𝑥 ≥ 1
ถ้ำฟั งก์ชนั 𝑓 ต่อเนื่องบนเซตของจำนวนจริง แล้ว 𝑓(𝑎 + 𝑏) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2563/34)]
1
1. 25 2. 16 3. 9 4. 4 5. 6
ตอบ 1
พิจำรณำควำมต่อเนื่องที่ 𝑥=0 จะได้ พิจำรณำควำมต่อเนื่องที่ 𝑥=1 จะได้
lim 𝑓(𝑥) = 𝑓(0) = lim 𝑓(𝑥) lim 𝑓 (𝑥) = 𝑓(1) = lim 𝑓(𝑥)
x 0 x 0 x 1 x 1
𝑥 𝑎𝑥 2 + (1−𝑎)𝑥 − 1
lim 𝑥 − 𝑥2 แทน 𝑥 = 0 ใน lim แทน 𝑥 = 1 ใน
x 0 x 1 𝑥−1
𝑥 𝑎𝑥 2 + (𝑏−𝑎)𝑥 − 𝑏
ได้เลย 𝑎𝑥 2− 𝑎𝑥 +𝑥−1 (𝑥 + 𝑏)2 ได้เลย
lim 𝑥−1 lim
x 0 𝑥(1 − 𝑥) x 1 𝑥−1
1 𝑎(0)2 +(𝑏−𝑎)(0)−𝑏 𝑎𝑥(𝑥 − 1) + (𝑥 − 1)
lim = lim 𝑥−1
= (1 + 1)2
x 0 1−𝑥 0−1 x 1
1 −𝑏 (𝑥 − 1)(𝑎𝑥 + 1)
= lim 𝑥−1
= 4
1−0 −1 x 1
1 = 𝑏 lim 𝑎𝑥 + 1 = 4
x 1
𝑎(1) + 1 = 4
𝑎 = 3
จะได้ 𝑓 (𝑎 + 𝑏) = 𝑓(3 + 1) = 𝑓(4) → ใช้สตู รกรณี 𝑥>1
= (4 + 1)2 = 25
ตอบ 5
พำรำโบลำที่มีจดุ ยอด (ℎ, 𝑘) = (0, −9) และสำมำรถปิ ดล้อมพืน้ ที่กับแกน 𝑋 ได้ จะเป็ น
พำรำโบลำหงำยดังรูป → แทนค่ำ ℎ, 𝑘 ในรูปสมกำร 𝑦 = 𝑎(𝑥 − ℎ)2 + 𝑘 ; 𝑎>0
2 (0, −9)
𝑦 = 𝑎(𝑥 − 0) + (−9)
𝑦 = 𝑎𝑥 2 − 9 …(∗)
หำพืน้ ที่ท่ีปิดล้อมกับแกน 𝑋 ต้องอินทิเกรตในช่วงที่กรำฟตัดแกน 𝑋
หำจุดตัดแกน 𝑋 โดยแทน 𝑦 = 0 จะได้ 0 = 𝑎𝑥2 − 9
9
𝑎
= 𝑥2
3 3
±
3
√𝑎
= 𝑥 → ต้องอินทิเกรตตั้งแต่ −
√𝑎
ถึง 𝑎
3
3
a
𝑎𝑥 3
จะได้ 2 √𝑎
𝑎𝑥 − 9 𝑑𝑥 = 3
− 9𝑥 | 3
3 −
a √𝑎
𝑎 3 3 3 𝑎 3 3 3
= ( ( ) − 9 ( )) − ( (− ) − 9 (− ))
3 √𝑎 √𝑎 3 √𝑎 √𝑎
9 27 9 27 36
= ( − )−( − + ) = −
√𝑎 √𝑎 √𝑎 √𝑎 √𝑎
.0123456789 4 = √𝑎
−
a √𝑎
𝑎 3 3 3 𝑎 3 3 3
= ( ( ) − 9 ( )) − ( (− ) − 9 (− ))
3 √𝑎 √𝑎 3 √𝑎 √𝑎
9 27 9 27 36
คลังโจทย์ 25
= ( − )−( − + ) = −
√𝑎 √𝑎 √𝑎 √𝑎 √𝑎
47. กาหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ 𝑓(𝑥) = {𝑥 + 5 เมื่อ 𝑥 > 𝑎 และ 𝑎 > 0
𝑥 + 1 เมื่อ 𝑥 ≤ 𝑎
และให้ 𝑔 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ 𝑔(𝑥) = 𝑥 2 สาหรับทุกจานวนจริง 𝑥
ถ้า 𝑥→𝑎
lim− (𝑔 ∘ 𝑓)(𝑥) − lim+ (𝑓 ∘ 𝑔)(√𝑥)
𝑥→𝑎
= 2 แล้วค่าของ 𝑎 เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 2564/45)]
ตอบ 2
lim (𝑔 ∘ 𝑓)(𝑥) lim (𝑓 ∘ 𝑔)(√𝑥)
𝑥→𝑎 − 𝑥→𝑎 +
= lim− 𝑔(𝑓(𝑥)) 𝑥 → 𝑎 − คือ 𝑥 น้อยกว่า 𝑎 นิดๆ = lim+ 𝑓 (𝑔(√𝑥))
𝑥→𝑎 𝑥→𝑎
= lim− 𝑔(𝑥 + 1) ต้องใช้ 𝑓 สูตรล่าง 2
𝑥→𝑎 = lim+ 𝑓 ( √𝑥 )
𝑥→𝑎
= lim− (𝑥 + 1)2
𝑥→𝑎 = lim+ 𝑓( 𝑥 ) 𝑥 → 𝑎 + คือ 𝑥 มากกว่า 𝑎 นิดๆ
𝑥→𝑎
= (𝑎 + 1)2 ต้องใช้ 𝑓 สูตรบน
= lim+ 𝑥 + 5
𝑥→𝑎
= 𝑎+5
𝑥 + 𝑎 เมื่อ 𝑥 ≥ 1
𝑎 เท่ากับเท่าใด [กสพท คณิต1 (เม.ย. 2564/25)]
1. 4 2. 2 3. 0 4. −2 5. −4
ตอบ 5
𝑥3 𝑎𝑥 2
+ + 𝑐1 เมื่อ 𝑥<1
อินทิเกรต 𝑓 ′ (𝑥) ทัง้ สองเงื่อนไข จะได้ 𝑓(𝑥) = { 𝑥33 2
เมื่อ 𝑥 ≥ 1 3
+ 𝑎𝑥 + 𝑐2
(เนื่องจากแต่ละเงื่อนไขของ 𝑓(𝑥) เป็ นคนละสูตร ดังนัน้ 𝑐1 กับ 𝑐2 จึงไม่จาเป็ นต้องเท่ากัน)
แทน 𝑥 = 0 : (0 < 1 → ใช้สตู รบน) แทน 𝑥 = 3 : (3 ≥ 1 → ใช้สตู รล่าง)
03 𝑎(02 ) 33
จะได้ 𝑓(0) = 3
+ 2
+ 𝑐1 จะได้ 𝑓(3) = 3 + 3𝑎 + 𝑐2
10 = 𝑐1 …(1) 9 = 9 + 3𝑎 + 𝑐2
−3𝑎 = 𝑐2 …(2)
𝑥3 𝑎𝑥 2
+ 2 + 10 เมื่อ 𝑥<1
แทน (1) และ (2) กลับไปใน 𝑓(𝑥) จะได้ 𝑓(𝑥) = 3
{ 𝑥3
3
+ 𝑎𝑥 − 3𝑎 เมื่อ 𝑥≥1
3
+ 𝑎𝑥 − 3𝑎 เมื่อ 𝑥≥1
.0123456789
คลังโจทย์ 27
𝑥+𝑏−4 , 𝑥≤𝑎
50. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ 𝑓(𝑥) = {𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑎 , 𝑎<𝑥≤𝑏 เมือ่ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง
2𝑏𝑥 − 𝑎 , 𝑥>𝑏
และ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ต่อเนื่องบนเซตของจำนวนจริง พิจำรณำข้ อควำมต่อไปนี ้
(ก) (𝑓 ∘ 𝑓)(𝑎 − 𝑏) = 𝑎 − 𝑏
(ข) 𝑓(𝑎 + 𝑏) = 𝑓(𝑎) + 𝑓(𝑏)
(ค) 𝑓 ′ (𝑓(2)) = 𝑓(𝑓 ′ (2))
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง [PAT 1 (มี.ค. 2559/17)]
1. ข้ อ (ก) และ ข้ อ (ข) ถูก แต่ ข้ อ (ค) ผิด 2. ข้ อ (ก) และ ข้ อ (ค) ถูก แต่ ข้ อ (ข) ผิด
3. ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ถูก แต่ ข้ อ (ก) ผิด 4. ข้ อ (ก) ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ถูกทังสำมข้
้ อ
5. ข้ อ (ก) ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ผิดทังสำมข้
้ อ
ตอบ 1
𝑓 ต่อเนื่อง แสดงว่ำ 𝑓 ต้ องมีคำ่ เท่ำกันตรงบริ เวณรอยต่อของแต่ละสมกำร
ที่รอยต่อตรง 𝑥 = 𝑎 จะได้ ที่รอยต่อตรง 𝑥=𝑏 จะได้
𝑥 + 𝑏 − 4 = 𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑎 𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑎 = 2𝑏𝑥 − 𝑎
𝑥=𝑎 𝑥=𝑏
𝑎 + 𝑏 − 4 = 𝑎2 + 𝑏𝑎 + 𝑎 𝑏2 + 𝑏2 + 𝑎 = 2𝑏 2 − 𝑎
𝑏 − 4 = 𝑎2 + 𝑏𝑎 2𝑎 = 0
𝑎 = 0
𝑏−4 = 0 + 0
𝑏 = 4
𝑥 , 𝑥≤0
จะได้ 𝑎=0, 𝑏=4 → แทนใน 𝑓(𝑥) จะได้ 𝑓(𝑥) = {𝑥 2 + 4𝑥 , 0<𝑥≤4
8𝑥 , 𝑥>4
แทน 𝑎, 𝑏 และ ในตัวเลือกในแต่ละข้ อ จะได้ ดงั นี ้
𝑓
(ก) (𝑓 ∘ 𝑓)(0 − 4) = 0 − 4 (ข) 𝑓(0 + 4) = 𝑓(0) + 𝑓(4)
𝑓(𝑓(−4)) = −4 𝑓( 4 ) = 0 + 𝑓(4) ใช้ สตู รแรกหำ 𝑓(0)
สูตรแรก 𝑓( 4 ) = 𝑓(4)
𝑓( −4 ) = −4
สูตรแรก −4 = −4
1 , 𝑥≤0
(ค) ดิฟจะได้ 𝑓′(𝑥) = {2𝑥 + 4 , 0<𝑥≤4 ดังนัน้ 𝑓 ′ (𝑓(2)) = 𝑓(𝑓 ′ (2))
8 , 𝑥>4 𝑓 ′ (22 + 4(2)) = 𝑓(2(2) + 4)
𝑓 ′ ( 12 ) = 𝑓(8)
8 = 8(8)
8 = 64 ×
.0123456789
28 คลังโจทย์
51. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 + 𝑎𝑥 + 𝑏 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง ถ้ ำอัตรำกำรเปลีย่ นแปลงเฉลีย่ ของ 𝑓(𝑥) เทียบ
1
กับ 𝑥 เมื่อค่ำของ 𝑥 เปลีย่ นจำก −1 เป็ น 1 เท่ำกับ −2 และ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 2
1
𝑓(3+ℎ)−𝑓(3−ℎ)
แล้ วค่ำของ lim
h0 ℎ
เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (มี.ค. 2559/40)]
ตอบ 48
อัตรำกำร ปป เฉลีย่ จำก −1 ถึง 1 = −2
และจำก
1
𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 2
𝑓(1) − 𝑓(−1) 1
= −2 1
1 − (−1) 𝑥4 3𝑥 2
− + 𝑏𝑥 | = 2
(13 +𝑎(1)+𝑏) − ((−1)3 +𝑎(−1)+𝑏) 4 2
= −2 −1
2
14 3(1)2 (−1)4 3(−1)2
1+𝑎+𝑏 +1 + 𝑎 − 𝑏 = −4 (4 − 2
+ 𝑏(1) ) − ( 4
− 2
+ 𝑏(−1) ) = 2
2𝑎 = −6 1 3 1 3
𝑎 = −3 4
−2 + 𝑏 −4 +2 +𝑏 = 2
2𝑏 = 2
แทนค่ำ 𝑎 จะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 − 3𝑥 + 𝑏 𝑏 = 1
แทนค่ำ 𝑏 จะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 − 3𝑥 + 1
𝑓(3+ℎ)−𝑓(3−ℎ) 𝑓(𝑥+ℎ)−𝑓(𝑥)
โจทย์ถำม lim
h0 ℎ
ซึ
ง ่ จะคล้ ำยๆกั
บ นิ ยำมของอนุ
พ น
ั ธ์ lim
h0 ℎ
= 𝑓 ′ (𝑥)
จำก 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 − 3𝑥 + 1
𝑓 ′ (𝑥) = 3𝑥 2 − 3
ดังน้ น lim
h0
𝑓(𝑥+ℎ)−𝑓(𝑥)
ℎ
= 3𝑥 2 − 3
แทน 𝑥 = 3
จำก (1) แทน ℎ ด้ วย −ℎ จะได้
𝑓(3+ℎ)−𝑓(3) 𝑓(3+(−ℎ))−𝑓(3)
lim = 3(32 ) − 3 lim −ℎ
= 24
h0 ℎ h0
𝑓(3+ℎ)−𝑓(3)
lim
h0 ℎ
= 24 …(1) −ℎ → 0 มี ควำมหมำยเหมือนกันกับ ℎ → 0
𝑓(3+(−ℎ))−𝑓(3)
lim −ℎ
= 24
h0
−𝑓(3−ℎ)+𝑓(3)
lim ℎ
= 24 …(2)
h0
𝑓(3+ℎ)−𝑓(3) −𝑓(3−ℎ)+𝑓(3)
(1) + (2) : lim ℎ
+ ℎ
= 48
h0
𝑓(3+ℎ) − 𝑓(3−ℎ)
lim ℎ
= 48
h0
𝑓(3+ℎ)−𝑓(3−ℎ)
หมำยเหตุ : ข้ อนี ้ ช่วงครึ่งหลัง จะใช้ โลปิ ตำลก็ได้ (เพรำะ lim
h0 ℎ
อยูใ่ นรูป 00 )
ดิฟบน 𝑓(3+ℎ)−𝑓(3−ℎ) (𝑓′ (3+ℎ))(1) − (𝑓′ (3−ℎ))(−1)
ใช้ ดิฟล่ำง
จะได้ lim
h0 ℎ
= lim
h0 1
′ (3)
= 𝑓 + 𝑓 ′ (3)
= 3(3)2 − 3 + 3(3)2 − 3 = 48
|𝑥 2 −𝑥−2|
52. ค่ำของ lim 2 3 เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (มี.ค. 2559/42)]
x 2 2− √𝑥 +4
ตอบ 9
ก่อนอื่น พิจำรณำเครื่ องหมำยบวกลบของ 𝑥 2 − 𝑥 − 2 เพื่อถอดค่ำสัมบูรณ์กอ่ น
(𝑥 − 2)(𝑥 + 1)
𝑥 → 2− คือ 𝑥 น้ อยกว่ำ 2 นิดๆ ซึง่ จะทำให้ 𝑥 − 2 เป็ นลบ และ ทำให้ 𝑥 + 1 เป็ นบวก
ดังนัน้ 𝑥 2 − 𝑥 − 2 = (𝑥 − 2)(𝑥 + 1) = (ลบ)(บวก) = ลบ
จำกสมบัติ |𝐴| = −𝐴 เมื่อ 𝐴 < 0 จะได้ |𝑥 2 − 𝑥 − 2| = −(𝑥 2 − 𝑥 − 2)
|𝑥 2 −𝑥−2| −(𝑥 2 −𝑥−2)
ดังนัน้ lim 2 3 = lim 3
2− √𝑥 2 +4
→ ถ้ ำแทน 𝑥 = 2 จะได้ 00 ดังนัน้ ต้ องจัดรูปให้ 𝑥 − 2 ตัดกันก่อน
x 2 2− √𝑥 +4 x 2
3
−(𝑥+1)(𝑥−2) 22 +2 √𝑥 2 +4+ √𝑥 2 +4
3 2 เศษ → แยกตัวประกอบ
.0123456789
ก่อนอื่น พิจำรณำเครื่ องหมำยบวกลบของ 𝑥 2 − 𝑥 − 2 เพื่อถอดค่ำสัมบูรณ์กอ่ น
(𝑥 − 2)(𝑥 + 1)
𝑥 → 2− คือ 𝑥 น้ อยกว่ำ 2 นิดๆ ซึง่ จะทำให้ 𝑥 − 2 เป็ นลบ และ ทำให้ 𝑥 + 1 เป็ นบวก คลังโจทย์ 29
ดังนัน้ 𝑥 2 − 𝑥 − 2 = (𝑥 − 2)(𝑥 + 1) = (ลบ)(บวก) = ลบ
จำกสมบัติ |𝐴| = −𝐴 เมื่อ 𝐴 < 0 จะได้ |𝑥 2 − 𝑥 − 2| = −(𝑥 2 − 𝑥 − 2)
|𝑥 2 −𝑥−2| −(𝑥 2 −𝑥−2)
ดังนัน้ lim 3
2− √𝑥 2 +4
= lim 3
2− √𝑥 2 +4
→ ถ้ ำแทน 𝑥 = 2 จะได้ 00 ดังนัน้ ต้ องจัดรูปให้ 𝑥 − 2 ตัดกันก่อน
x 2 x 2
3
−(𝑥+1)(𝑥−2) 22 +2 √𝑥 2 +4+ √𝑥 2 +4
3 2 เศษ → แยกตัวประกอบ
= lim ∙
x 2
3
2− √𝑥 2 +4 3 3
22 +2 √𝑥 2 +4+ √𝑥 2 +4
2
ส่วน → คูณให้ เข้ ำสูตร
3
−(𝑥+1)(𝑥−2)(22 +2 √𝑥 2 +4+ √𝑥 2 +4 )
3 2 (น − ล)(น2 + นล + ล2 ) = น3 − ล3
= lim 8−(𝑥 2 +4)
x 2
3 3 2
(𝑥+1)(𝑥−2)(22 +2 √𝑥 2 +4+ √𝑥 2 +4 )
= lim 𝑥 2 −4
x 2
3 3 2
(𝑥+1)(𝑥−2)(22 +2 √𝑥 2 +4+ √𝑥 2 +4 )
= lim (𝑥−2)(𝑥+2)
x 2
3 3 2
(𝑥+1) (22 +2 √𝑥 2 +4+ √𝑥 2 +4 )
= lim (𝑥+2)
x 2
3 3 2
(2+1) (22 +2 √22 +4+ √22 +4 ) (3)(4+4+4)
= (2+2)
= 4
= 9
53. กำหนดให้ 𝐶 เป็ นเส้นโค้ง 𝑦 = 2 + 𝑥|𝑥 − 1| เมื่อ 𝑥 เป็ นจำนวนจริง ถ้ำ 𝐿 เป็ นเส้นตรงที่สมั ผัสกับเส้นโค้ง 𝐶 ที่
จุด (0, 2) และให้ 𝑁 เป็ นเส้นตรงที่ตงั้ ฉำกกับเส้นตรง 𝐿 ณ จุด (0, 2) แล้วเส้นตรง 𝑁 ผ่ำนจุดในข้อใดต่อไปนี ้
[PAT 1 (ต.ค. 2558/14)]
1. (−1, 3) 2. (1, 5) 3. (−2, 5)
4. (3, −2) 5. (−3, 4)
ตอบ 1
หำควำมชันชองเส้นโค้ง 𝑦 = 2 + 𝑥|𝑥 − 1| ณ จุด (0, 2) ก่อน
บริเวณจุด (0, 2) มีคำ่ 𝑥 ประมำณ 0 ซึง่ จะทำให้ 𝑥 − 1 เป็ นลบ ดังนัน้ |𝑥 − 1| = −(𝑥 − 1)
จะได้ที่บริเวณ (0, 2) สมกำรเส้นโค้งคือ 𝑦 = 2 + 𝑥(−(𝑥 − 1)) เมื่อ 𝐴 ≥ 0
= 2 − 𝑥2 + 𝑥 |𝐴| = { 𝐴
−𝐴 เมื่อ 𝐴 < 0
ดิฟ 𝑦 จะได้ควำมชัน บริเวณ (0, 2) คือ 𝑦 ′ = 0 − 2𝑥 + 1
ดังนัน้ ควำมชัน ณ จุด (0, 2) → แทน 𝑥 = 0 จะได้ 𝑦 ′ = 0 − 2(0) + 1 = 1 ดังนัน้ เส้นตรง 𝐿 มีควำมชัน = 1
เนื่องจำก เส้นตรง 𝑁 ตัง้ ฉำกกับเส้นตรง 𝐿 → ควำมชัน 𝑁 กับ 𝐿 ต้องคูณกันได้ −1
→ จะได้ เส้นตรง 𝑁 มีควำมชัน = −1 (เพรำะ −1 × 1 = −1)
เนื่องจำกเส้นตรง 𝑁 ผ่ำนจุด (0, 2) ด้วย → ใช้สตู ร 𝑦−𝑦
𝑥−𝑥
1 𝑦−2
= 𝑚 จะได้สมกำรเส้นตรง 𝑁 คือ 𝑥−0 = −1
1
𝑦 − 2 = −𝑥
𝑥+𝑦 = 2
ดังนัน้ จุดทีจ่ ะอยูบ่ นเส้นตรง 𝑁 ได้ ต้องแทนในสมกำร 𝑥 + 𝑦 = 2 แล้วเป็ นจริง
1. −1 + 3 = 2 จริง 2. 1 + 5 ≠ 2 3. −2 + 5 ≠ 2
4. 3 + (−2) ≠ 2 5. −3 + 4 ≠ 2
จะเห็นว่ำมีขอ้ 1. ข้อเดียว ที่อยูบ่ นเส้นตรง 𝑁
.0123456789
30 คลังโจทย์
2𝑥
54. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั หนึง่ ต่อหนึง่ ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจำนวนจริง โดยที่ 𝑓 −1(𝑥) = 𝑥+1 สำหรับทุก
สมำชิก 𝑥 ในเรนจ์ของ 𝑓 พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี ้
(ก) 2𝑓 ′(4) − 𝑓(4) = 3
(ข) 𝑓 ′′(𝑓(4)) = 𝑓(𝑓 ′′(4))
(ค) 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั เพิ่มบนช่วง (0, 2)
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง [PAT 1 (ต.ค. 2558/15)]
1. ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) ถูก แต่ ข้อ (ค) ผิด 2. ข้อ (ก) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ข) ผิด
3. ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ก) ผิด 4. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูกทัง้ สำมข้อ
5. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ผิดทัง้ สำมข้อ
ตอบ 2
(ก) จะหำ 𝑓(𝑥) และ 𝑓 ′ (𝑥) แล้ว แทน 𝑥 = 4
2𝑥 2𝑥
จำก 𝑓 −1(𝑥) = 𝑥+1 ย้ำยข้ำง 𝑓 −1 ไปเป็ น 𝑓 อีกข้ำง จะได้ 𝑥 = 𝑓 (𝑥+1 )
2𝑥
𝑘 ให้ 𝑘 = 𝑥+1
− = 𝑓( 𝑘 )
𝑘−2
𝑘𝑥 + 𝑘 = 2𝑥
𝑘𝑥 − 2𝑥 = −𝑘
𝑥(𝑘 − 2) = −𝑘
𝑘
𝑥 = − 𝑘−2
𝑥
เปลีย่ นชื่อตัวแปร 𝑘 เป็ น 𝑥 จะได้ 𝑓(𝑥) = − 𝑥−2 …(∗)
(𝑥−2)(1)−(𝑥)(1)
ดังนัน้ 𝑓 ′ (𝑥) = − (𝑥−2)2 𝑑 𝑑
𝑑 บน (ล่ำง ∙ บน)−(บน ∙ 𝑑𝑥 ล่ำง)
𝑑𝑥
=
𝑥−2 − 𝑥
− (𝑥−2)2 𝑑𝑥
(ล่ำง) = (ล่ำง) 2
2
= (𝑥−2)2
…(∗∗)
4
จำก (∗) จะได้ 𝑓(4) = − 4−2 = −2 1
ดังนัน้ 2𝑓 ′ (4) − 𝑓(4) = 2 (2) − (−2) = 3 → (ก) ถูก
จำก (∗∗) จะได้ 𝑓 ′(4) = (4−2)2 = 12
2
𝑑 𝑑
(ข) ดิฟ (∗∗) จะได้ 𝑓 ′′ (𝑥) =
𝑑𝑥
2(𝑥 − 2)−2 = −4(𝑥 − 2)−3 ∙
𝑑𝑥
(𝑥 − 2)
= −4(𝑥 − 2)−3 ∙ 1
4
จำกข้อ (ก) = − (𝑥−2)3 …(∗∗∗)
4 1
ดังนัน้ 𝑓 ′′ (𝑓(4)) = 𝑓 ′′ (−2) = − (−2−2)3 = 16
4 1 −
1
−
1
1 ไม่เท่ำกัน → (ข) ผิด
และ 𝑓(𝑓 ′′ (4))
= 𝑓 (− (4−2)3 ) = 𝑓 (− 2) = − 1
2
= − 2
5 = −5
− −2 −
2 2
จำก (∗∗∗)
.0123456789
คลังโจทย์ 31
55. กำหนดให้ ℝ แทนเซตของจำนวนจริง ให้ 𝑓: ℝ → ℝ เป็ นฟั งก์ชนั ที่สำมำรถหำอนุพนั ธ์ได้ และสอดคล้องกับ
𝑥 2 +𝑥−6
lim
x 2 √1+𝑓(𝑥)−3
= 6 และ 1 + 𝑓(𝑥) ≥ 0 สำหรับทุกจำนวนจริง 𝑥
ถ้ำเส้นตรง 6𝑥 − 𝑦 = 4 ตัดกับกรำฟ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ที่ 𝑥 = 2 แล้วค่ำของ 𝑓 ′ (2) เท่ำกับเท่ำใด
[PAT 1 (ต.ค. 2558/33)]
ตอบ 5
โจทย์ให้ เส้นตรง 6𝑥 − 𝑦 = 4 ตัดกับกรำฟ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ที่ 𝑥 = 2
แทน 𝑥 = 2 ในสมกำรเส้นตรง จะได้ 6(2) − 𝑦 = 4
8 = 𝑦 → จะได้จด ุ ตัดคือ (2, 8)
ดังนัน้ (2, 8) อยูบ่ นกรำฟ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ด้วย จะได้ 𝑓(2) = 8 …(∗)
𝑥 +𝑥−6 2 22 +2−6 0 0
พิจำรณำ lim
x 2 √1+𝑓(𝑥)−3
จะเห็นว่ำ ถ้ำแทน 𝑥=2 จะได้ √1+𝑓(2) − 3
=
√1+8 − 3
= 0
= lim
2𝑥+1 ดิฟลูกโซ่
1
x2 1 − 𝑑
2
(1+𝑓(𝑥)) 2 ∙
𝑑𝑥
(1+𝑓(𝑥))
2𝑥+1
= lim 1
x2 1 −
(1+𝑓(𝑥)) 2 ∙ 𝑓′ (𝑥)
2 แทน 𝑥 = 2
2(2)+1
= 1
1 −
(1+𝑓(2)) 2 ∙ 𝑓′ (2)
2
5 จำก (∗)
= 1
1
(1+ 8 )−2 ∙ 𝑓′ (2)
2
5 30
= 1 = 𝑓′ (2)
∙ 𝑓′ (2)
6
𝑥 +𝑥−6 2 30 30
แต่โจทย์ให้ lim
x 2 √1+𝑓(𝑥)−3
= 6 ดังนัน้ 𝑓′ (2)
= 6 จะได้ 𝑓 ′ (2) = 6
= 5
𝑥3 , 𝑥 < −1
56. กำหนดให้ฟังก์ชนั 𝑓(𝑥) = { 𝑎𝑥 + 𝑏 , −1 ≤ 𝑥 < 1 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจำนวนจริง
3𝑥 2 + 2 , 𝑥≥1
2
ถ้ำฟั งก์ชนั 𝑓 ต่อเนื่อง สำหรับทุกจำนวนจริง 𝑥 แล้วค่ำ 𝑓(𝑥)𝑑𝑥 เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ต.ค. 2558/34)]
2
ตอบ 9.25
ตรงรอยต่อ 𝑥 = −1 จะได้ (−1)3 = 𝑎(−1) + 𝑏
𝑥3 , 𝑥 < −1 −1 = −𝑎 + 𝑏
𝑓(𝑥) = { 𝑎𝑥 + 𝑏 , −1 ≤ 𝑥 < 1 𝑎−𝑏 = 1 …(1)
3𝑥 2 + 2 , 𝑥≥1
ตรงรอยต่อ 𝑥 = 1 จะได้ 𝑎(1) + 𝑏 = 3(12 ) + 2
𝑎 +𝑏 = 5 …(2)
(1) + (2) : 2𝑎 = 6
𝑎 = 3
แทนใน (2) : 3 + 𝑏 = 5
𝑏 = 2
𝑥3 , 𝑥 < −1
แทนค่ำ 𝑎, 𝑏 จะได้ 𝑓(𝑥) = { 3𝑥 + 2 , −1 ≤ 𝑥 < 1
3𝑥 2 + 2 , 𝑥≥1
2
จะหำ 𝑓(𝑥)𝑑𝑥 ต้องแบ่งเป็ น 3 ช่วงตำมเงื่อนไขของ 𝑓(𝑥)
.0123456789 2
𝑎 +𝑏 = 5 …(2)
(1) + (2) : 2𝑎 = 6
𝑎 = 3
32 คลังโจทย์ แทนใน (2) : 3 + 𝑏 = 5
𝑏 = 2
𝑥3 , 𝑥 < −1
แทนค่ำ 𝑎, 𝑏 จะได้ 𝑓(𝑥) = { 3𝑥 + 2 , −1 ≤ 𝑥 < 1
3𝑥 2 + 2 , 𝑥≥1
2
จะหำ 𝑓(𝑥)𝑑𝑥 ต้องแบ่งเป็ น 3 ช่วงตำมเงื่อนไขของ 𝑓(𝑥)
2
1 1 2
= 𝑥 3 𝑑𝑥 + 3𝑥 + 2 𝑑𝑥 + 3𝑥 2 + 2 𝑑𝑥
2 1 1
𝑥 4 −1 3𝑥 2 1 2
= 4
| + 2
+ 2𝑥 | + 𝑥 3 + 2𝑥 |
−2 −1 1
(−1)4 (−2)4 3(1)2 3(−1)2
= ( 4
− 4
) + (( 2
+ 2(1)) − ( 2
+ 2(−1))) + ((23 + 2(2)) − (13 + 2(1)))
1 3 3
= 4
− 4 + 2
+ 2 −2 +2 + 12 − 3 = 9.25
1. −12 2. −8 3. 0
4. 8 5. 12
ตอบ 1
จำกสูตร ดิฟลูกโซ่ ในรูปแบบฟั งก์ชนั คอมโพสิท (𝑔 ∘ 𝑓)′(𝑥) = 𝑔′ (𝑓(𝑥)) ∙ 𝑓 ′(𝑥)
จะได้ (𝑓 ∘ 𝑓)′ (2) = 𝑓 ′( 𝑓(2) ) ∙ 𝑓 ′ (2) หำ 𝑓(2) ใช้สตู รล่ำง เพรำะ 2 > 1
= 𝑓 ′ ((2 − 1)2 − 5) ∙ 𝑓 ′ (2)
= 𝑓 ′( −4 ) ∙ 𝑓 ′ (2) …(∗)
ถ้ า 𝑓(2559) = 2559 แล้ ว ค่าของ 𝑓 ′(2559) ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้ [สมาคม (พ.ย. 2559/6)]
ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4
ตอบ ข
จะเห็นว่า ถ้ าแทน 𝑥 = 2559 ในลิมิต จะได้ 𝑥𝑓(𝑥) −𝑥 −2559𝑓(2559)
2559
อยูใ่ นรูป 00 → สามารถใช้ กฎของโลปิ ตาลได้
.0123456789
น ล ′ + ล น′ 2559𝑓(2559) เป็ นค่าคงที่ → ดิฟ = 0 โจทย์ให้ 𝑓(2559) = 2559
ดิฟบน 𝑥𝑓′ (𝑥) + 𝑓(𝑥)(1) − 0 2559𝑓′ (2559)+𝑓(2559)(1) − 0
ดิฟล่าง
= 1
→ แทน 𝑥 = 2559 จะได้ 1 คลังโจทย์ 33
′ (2559)
= 2559𝑓 + 2559
3 7 𝑎
59. ถ้ า 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจานวนจริ งซึง่ lim
x 0
(𝑥 2 +𝑥 + 𝑥 2 −𝑥 + 𝑥 3 −𝑥) = 𝑏 จงหาค่าของ 𝑎+𝑏
=
3(𝑥−1) + 7(𝑥+1) + 𝑎 ถ้ า 4 + 𝑎 ≠ 0 จะหาค่าลิมิตไม่ได้
𝑥(𝑥−1)(𝑥+1)
10𝑥 + 4 + 𝑎
=
𝑥(𝑥−1)(𝑥+1)
→ ถ้ า 𝑥 → 0 จะได้ 4+𝑎 0
แต่โจทย์ให้ หาลิมิตได้ = 𝑏 ดังนัน้ 4+𝑎= 0
10𝑥 𝑎 = −4
=
𝑥(𝑥−1)(𝑥+1)
10 10
= (𝑥−1)(𝑥+1)
→ แทน 𝑥 → 0 ใหม่ จะได้ ลมิ ิต (−1)(1)
= −10
จะได้ 𝑏 = −10
ดังนัน้ 𝑎 + 𝑏 = −4 + −10 = −14
1 1
60. ถ้ำ 𝑎 เป็ นจำนวนจริงที่สอดคล้องกับ 𝑎(1 − 𝑥 2)
𝑑𝑥 = √1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 แล้ว 𝑎 ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1 1
ตอบ 5
1 1
𝑎(1 − 𝑥 2 ) 𝑑𝑥 √1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 → จะอินทิเกรตไม่ออก
1 1
1
= 𝑎 1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 ต้องหำจำกพืน้ ที่ใต้กรำฟ 𝑦 = √1 − 𝑥 2 ตัง้ แต่ 𝑥 = −1 ถึง 1
1
𝑦2 = 1 − 𝑥2 ; 𝑦 ≥ 0
𝑥3 1
= 𝑎 ( 𝑥− | ) 𝑥2 + 𝑦2 = 1
3
−1 เพรำะ 𝑦 = ผลรูท
1 −1 เป็ นวงกลม ที่ 𝑦 ≥ 0
= 𝑎 ( (1 − ) − (−1 −
3 3
)) จะเป็ นลบไม่ได้
1 1
= 𝑎 ( 1−3 +1− )
3 −1 1
4𝑎
= 1
3
ดังนัน้ √1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 = พืน้ ที่ครึง่ วงกลม รัศมี 1 หน่วย (ครึง่ บน)
1
1 𝜋
= 2
𝜋(12 ) = 2
4𝑎 𝜋 3𝜋
โจทย์ให้สองฝั่งเท่ำกัน ดังนัน้ 3
=
2
ซึง่ จะได้ 𝑎=
8
.0123456789
34 คลังโจทย์
3
61. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) = |𝑥 − 1| + |𝑥 + 2| เมื่อ −3 ≤ 𝑥 ≤ 3 ค่ำของ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 เท่ำกับเท่ำใด
3
3 2 1 3
𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 + 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 + 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥
3 3 2 1
2 1 3
= −(𝑥 − 1) − (𝑥 + 2) 𝑑𝑥 + −(𝑥 − 1) + (𝑥 + 2) 𝑑𝑥 + (𝑥 − 1) + (𝑥 + 2) 𝑑𝑥
3 2 1
2 1 3
= −2𝑥 − 1 𝑑𝑥 + 3 𝑑𝑥 + 2𝑥 + 1 𝑑𝑥
3 2 1
−2 1 3
= −𝑥 2 − 𝑥 | + 3𝑥 | + 𝑥2 + 𝑥 |
−3 −2 1
= (−(−2)2 − (−2)) − (−(−3) − (−3)) + 2
3(1) − 3(−2) + (32 + 3) − (12 + 1)
= 4 + 9 + 10
= 23
จำกกรำฟ ช่วง (0, 1) → 𝑓(𝑥) เป็ นลบ ช่วง (1, 3) → 𝑓(𝑥) เป็ นบวก
ดังนัน้ |𝑓(𝑥)| = −𝑓(𝑥) ดังนัน้ |𝑓(𝑥)| = 𝑓(𝑥)
1 3
= (−𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 + ( 𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥
0 1
1 3
= −2𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 + 0 𝑑𝑥
0 1
1
.0123456789
คลังโจทย์ 35
63. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนำมดีกรีสำม ซึง่ มีคำ่ วิกฤตที่ 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4 พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี ้
ก. 𝑓 ′′(−4) ∙ 𝑓 ′′(4) < 0
ข. 𝑓(4√3) = 2𝑓(0)
ค. 𝑓(−4) + 𝑓(4) = 2𝑓(0)
ง. ค่ำเฉลีย่ เลขคณิตของ 𝑓(−2) , 𝑓(−1) , 𝑓(0) , 𝑓(1) , 𝑓(2) เท่ำกับ 𝑓(0)
จำนวนข้อควำมทีถ่ กู เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/27)]
1. 0 (ไม่มีขอ้ ควำมใดถูก) 2. 1 3. 2
4. 3 5. 4
ตอบ 4
จำก 𝑓(𝑥) มีดีกรี 3 จะได้ 𝑓 ′(𝑥) มีดีกรี 2
ค่ำวิกฤตเกิดที่ 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4 ดังนัน้ สมกำร 𝑓 ′ (𝑥) = 0 มีคำตอบคือ 4, −4
จะได้ 𝑓 ′(𝑥) ต้องอยูใ่ นรูป 𝑎(𝑥 + 4)(𝑥 − 4)
= 𝑎𝑥 2 − 16𝑎 เมื่อ 𝑎 เป็ นจำนวนจริงใดๆ ที่ 𝑎 ≠ 0
𝑎𝑥 3
ดิฟต่อจะได้ 𝑓 ′′ (𝑥) = 2𝑎𝑥 อินทิเกรตจะได้ 𝑓(𝑥) = 3
− 16𝑎𝑥 + 𝑐
ก. 𝑓 ′′ (−4) ∙ 𝑓 ′′ (4) = 2𝑎(−4) ∙ 2𝑎(4) = −64𝑎2 < 0 → ก. ถูก
(เมื่อ 𝑎 ≠ 0 → 𝑎2 จะเป็ นบวกเสมอ)
3
𝑎(4√3) 𝑎(03 )
ข. 𝑓(4√3) =
3
− 16𝑎(4√3) + 𝑐 2𝑓(0) = 2 (
3
− 16𝑎(0) + 𝑐)
= 64√3𝑎 − 64√3𝑎 + 𝑐 = 2( 𝑐)
= 𝑐 = 2𝑐
จะเห็นว่ำ 𝑐 ≠ 2𝑐 ดังนัน
้ 𝑓(4√3) ≠ 2𝑓(0) → ข. ผิด
𝑎(−4)3 𝑎(4)3
ค. 𝑓(−4) + 𝑓(4) = 3
− 16𝑎(−4) + 𝑐 + 3
− 16𝑎(4) + 𝑐 → ตัดกันเหลือ 𝑐 + 𝑐 = 2𝑐
เท่ำกับ 2𝑓(0) ที่เคยทำ
ตัดกันได้ ตัดกันได้
ในข้อ ข. → ค. ถูก
𝑓(−2) + 𝑓(−1) + 𝑓(0) + 𝑓(1) + 𝑓(2)
ง. ค่ำเฉลีย่ = 5
𝑎𝑥 3
สังเกตว่ำ 𝑥 ทุกตัวที่อยูใ่ น 𝑓(𝑥) = 3 − 16𝑎𝑥 + 𝑐 ถูกยกกำลังคี่ (𝑥 3 , 𝑥 1 )
ดังนัน้ 𝑓(𝑘) กับ 𝑓(−𝑘) จะตัดกันได้เสมอ (เหมือนกับ 𝑓(−4) + 𝑓(4) ในข้อ ค.)
𝑎(−2)3 𝑎(2)3
𝑓(−2) + 𝑓(2) = 3
− 16𝑎(−2) + 𝑐 + 3
− 16𝑎(2) + 𝑐 → ตัดกันเหลือ 𝑐 + 𝑐 = 2𝑐
𝑎(−1)3 𝑎(1)3
𝑓(−1) + 𝑓(1) =
3
− 16𝑎(−1) + 𝑐 +
3
− 16𝑎(1) + 𝑐 → ตัดกันเหลือ 𝑐 + 𝑐 = 2𝑐
𝑎(03 )
และ 𝑓(0) = 3
− 16𝑎(0) + 𝑐 = 𝑐
𝑓(−2)+𝑓(−1)+𝑓(0)+𝑓(1)+𝑓(2) 𝑓(−2)+𝑓(2) + 𝑓(−1)+𝑓(1) + 𝑓(0)
ดังนัน้ 5
=
5
2𝑐 + 2𝑐 + 𝑐 5𝑐
= 5
= 5
= 𝑐 = 𝑓(0) → ง. ถูก
.0123456789
36 คลังโจทย์
𝑥 + √𝑥 2 + 5 , 𝑥 ≥ 𝑎
64. กาหนดให้ 𝑎 เป็ นจานวนจริง และ 𝑓(𝑥) = { 15
2
, 𝑥<𝑎
√𝑥 +5
ถ้าฟั งก์ชนั 𝑓 มีความต่อเนื่องทุกจานวนจริง 𝑥 แล้วค่าของ 𝑓(𝑎) + 𝑓(−𝑎) เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 2560/41)]
ตอบ 10
𝑓 ต่อเนื่อง แสดงว่าค่า 𝑓 ของแต่ละสูตร ต้องมีคา่ เท่ากันตรงรอยต่อของสูตร
15
รอยต่อของสูตร อยูท่ ี่ 𝑥 = 𝑎 ดังนัน้ 𝑎 + √𝑎2 + 5 = 2
√𝑎 +5 คูณ √𝑎2 + 15 ตลอด
2
𝑎√𝑎2 +5+𝑎 +5 = 15
𝑎√𝑎2 + 5 = 10 − 𝑎2
ยกกาลังสองทัง้ สองข้าง
𝑎2 (𝑎2 + 5) = (10 − 𝑎2 )2
𝑎4 + 5𝑎2 = 100 − 20𝑎2 + 𝑎4
25𝑎2 = 100
𝑎2 = 4
𝑎 = ±2
𝑥 + √𝑥 2 + 5 , 𝑥≥2
จะได้ 𝑎=2 แทนในสูตรของ 𝑓 จะได้ 𝑓(𝑥) = { 15
, 𝑥<2
√𝑥 2 +5
ดังนัน้ 𝑓(𝑎) + 𝑓(−𝑎) = 𝑓(2) + 𝑓(−2)
15
= 2 + √22 + 5 + = 10
√(−2)2 +5
66. ให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั กำลังสอง โดยทีก่ รำฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) มีจดุ ต่ำสุดที่ (0, −9) และตัดแกน 𝑥 ที่จดุ (𝑥1, 0)
และ (𝑥2, 0) ถ้ำพืน้ ที่ซงึ่ ปิ ดล้อมด้วยกรำฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) และแกน 𝑥 จำก 𝑥1 ถึง 𝑥2 เท่ำกับ 18 ตำรำงหน่วย
แล้ว 𝑓(2) มีคำ่ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2561/22)]
1. −5 2. −3 3. 0 4. 3 5. 7
ตอบ 5
จุดต่ำสุดของฟังก์ชนั กำลังสอง คือจุดยอดของพำรำโบลำหงำยนั่นเอง → จะได้จดุ ยอดคือ (ℎ, 𝑘) = (0, −9)
จะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑎(𝑥 − ℎ)2 + 𝑘 = 𝑎(𝑥 − 0)2 − 9 = 𝑎𝑥 2 − 9
หำจุดตัดแกน 𝑥 ต้องแทน 𝑦 = 0 → 𝑎𝑥 2 − 9 = 0
9
𝑥2 = 𝑎
3 พำรำโบลำหงำย → 𝑎 เป็ นบวก
𝑥 = ±
√𝑎
3
3
a
𝑎
หำพืน้ ที่ → (𝑎𝑥 2 − 9)𝑑𝑥 = (3 𝑥 3 − 9𝑥) |
√𝑎
3 3
−
a √𝑎
𝑎 3 3 3 𝑎 3 3 3
= [3 ( 𝑎) − 9 ( 𝑎)] − [3 (− ) − 9 (− )]
√ √ √𝑎 √𝑎
9 27 9 27 36
= − 𝑎 + − = −
√𝑎 √ √𝑎 √𝑎 √𝑎
67. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนามดีกรี 2 มีคา่ ต่าสุดเมื่อ 𝑥 = 3 และ 𝐹(2𝑥) เป็ นปฏิยานุพนั ธ์ของ 𝑓(𝑥)
ถ้ า 𝐹 ′(2) = −5 และ 𝐹 ′′(−2) = −4 พื ้นที่ปิดล้ อมของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) กับแกน 𝑋 จาก 𝑥 = 0 ถึง 𝑥 = 3
ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้ [สมาคม (พ.ย. 2561/11)]
ก. 16.5 ข. 18 ค. 33 ง. 36
ตอบ ง
𝑏
ให้ 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 → จากสมบัติของฟั งก์ชนั กาลังสอง ค่าสูงสุด/ตา่ สุด จะเกิดเมื่อ 𝑥 = − 2𝑎
𝑏
โจทย์ให้ 𝑓 มีคา่ ตา่ สุดเมื่อ 𝑥 = 3 ดังนัน้ − 2𝑎 = 3 → 𝑏 = −6𝑎 → จะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 − 6𝑎𝑥 + 𝑐 …(∗)
จะได้ 𝐹(2𝑥) = ปฎิยานุพนั ธ์ของ 𝑓(𝑥) = 𝑎3 𝑥 3 − 3𝑎𝑥 2 + 𝑐𝑥 + 𝑑 เมื่อ 𝑑 เป็ นค่าคงที่ใดๆ
𝑎 𝑘 3 𝑘 2
แทน 𝑥 ด้ วย 𝑘2 จะได้ 𝐹 (2 (2 ))
𝑘
= ( )
3 2
− 3𝑎 (2 ) + 𝑐 (2 ) + 𝑑
𝑘
𝑎 3 3𝑎 𝑐
.0123456789 𝐹(𝑘) = 𝑘 − 𝑘2 + 𝑘 +𝑑
ตอบ ง
𝑏
ให้ 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 → จากสมบัติของฟั งก์ชนั กาลังสอง ค่าสูงสุด/ตา่ สุด จะเกิดเมื่อ 𝑥 = − 2𝑎
𝑏
โจทย์
38 คลั ให้ 𝑓 มีคา่ ตา่ สุดเมื่อ 𝑥 = 3 ดังนัน้ − 2𝑎
งโจทย์ = 3 → 𝑏 = −6𝑎 → จะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 − 6𝑎𝑥 + 𝑐 …(∗)
จะได้ 𝐹(2𝑥) = ปฎิยานุพนั ธ์ของ 𝑓(𝑥) = 𝑎3 𝑥 3 − 3𝑎𝑥 2 + 𝑐𝑥 + 𝑑 เมื่อ 𝑑 เป็ นค่าคงที่ใดๆ
𝑎 𝑘 3 𝑘 2
แทน 𝑥 ด้ วย 𝑘2 จะได้ 𝑘
𝐹 (2 (2 )) = ( )
3 2
− 3𝑎 (2 ) + 𝑐 (2 ) + 𝑑
𝑘
𝑎 3 3𝑎 2 𝑐
𝐹(𝑘) = 24
𝑘 − 4
𝑘 + 2
𝑘 +𝑑
𝑎 2 3𝑎 𝑐
𝐹 ′ (𝑘) = 8
𝑘 − 2
𝑘 + 2
𝑎 3𝑎
𝐹 ′′ (𝑘) = 4
𝑘 − 2
68. กำหนดให้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 + 2𝑥 + 3 และ 𝑔(𝑥) = 𝑓 −1 (𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั ผกผันของ 𝑓(𝑥)
ค่ำของ 𝑔′ (6) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2562/21)]
1. 16 2. 15 3. 13 4. 12 5. 1
ตอบ 2
จำก 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 + 2𝑥 + 3
−1 (𝑥 3
𝑥 = 𝑓 + 2𝑥 + 3)
𝑥 = 𝑔 (𝑥 3 + 2𝑥 + 3)
𝑑 ดิฟลูกโซ่
1 = 𝑔′ (𝑥 3 + 2𝑥 + 3) ∙ 𝑑𝑥 (𝑥 3 + 2𝑥 + 3)
1 = 𝑔′ (𝑥 3 + 2𝑥 + 3) ∙ (3𝑥 2 + 2) …(∗)
ต้องกำรหำค่ำของ 𝑔′ (6) → จะเทียบให้ 𝑥 3 + 2𝑥 + 3 = 6
𝑥 3 + 2𝑥 − 3 = 0
แยกตัวประกอบด้วยทฤษฎีเศษ โดยไล่แทน 𝑥 = ±1 , ±3 → 𝑥 = 1 จะได้ 13 + 2(1) − 3 = 0 จริง
หำรสังเคระห์ 1 1 0 2 −3
1 1 3
จะได้ 𝑥 3 + 2𝑥 − 3 = (𝑥 − 1)(𝑥 2 + 𝑥 + 3) = 0
1 1 3 0
แทนใน (∗)
𝑥 = 1 หรือ 𝑥2 + 𝑥 + 3 = 0
.0123456789
คลังโจทย์ 39
1
69. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) = 60 𝑥(𝑥 2 − 49) เมื่อ 𝑥 เป็ นจานวนจริง
และให้ 𝐴, 𝐵 และ 𝐶 เป็ นพืน้ ที่ของบริเวณที่แรเงา ดังรูป
𝑌
𝑓
(𝑝, 1) 𝐴 (𝑞, 1)
𝑦=1
𝐵
𝑋
0 𝐶
𝑦 = −1
(𝑟, −1) (𝑠, −1)
ตอบ 3
1
1. ∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = ∫ 60
𝑥(𝑥 2 − 49) 𝑑𝑥
𝑥3 49𝑥
= ∫ 60
− 60
𝑑𝑥
𝑥4 49𝑥 2
= 240
− 120
+𝑘 → จะเห็นว่า 𝑥 ทุกตัว ถูกยกกาลังคูท่ งั้ หมด
= 𝐹(𝑥) แปลว่าจะแทน 𝑥 ด้วย 7 หรือ −7 ลงไป ก็ได้คา่ เท่ากัน
0 0
ดังนัน้ ∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = ∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥
−7 7 𝐹(0) − 𝐹(7)
7
= −(𝐹(7) − 𝐹(0))
= −∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥
0
→ ข้อ 1. ถูก
2. 𝐴 คือพืน้ ที่ระหว่าง 𝑦 = 𝑓(𝑥) และ 𝑦=1 ตัง้ แต่ 𝑥=𝑝 ถึง 𝑥=𝑞
𝑞
ดังนัน้ 𝐴 = ∫ (𝑓(𝑥) − 1) 𝑑𝑥 → 2. ถูก
𝑝
0
3. ∫ (1 − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 คือพืน้ ที่ระหว่าง 𝑦=1 และ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัง้ แต่ 𝑥 = −7 ถึง 𝑥 = 0
−7
1
เมื่อ 𝑥 = −7 จะได้ 𝑓(𝑥) =
60
(−7)((−7)2 − 49)
1
= 60
(−7)( 0 ) = 0 → จะได้ (−7, 0) ซึง่ เป็ นจุดตัดแกน 𝑋
0 𝑌
ดังนัน้ ∫ (1 − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 คือพืน้ ที่ที่แรเงาดังรูป 𝑓
−7 +
−
(พืน้ ที่เสีย้ วบน เป็ นลบ เพราะ 𝑦 = 1 อยูใ่ ต้ 𝑦 = 𝑓(𝑥)) 𝐵 +
𝑦=1
𝑋
เมื่อคิดเครือ่ งหมายบวกลบแล้ว ไม่เท่ากับพืน้ ที่ 𝐵 แน่นอน → 3. ผิด −7 0
0
4. 𝐴+𝐵 คือพืน้ ที่ที่ปิดล้อมด้วย 𝑦 = 𝑓(𝑥) กับแกน 𝑋 ตัง้ แต่ −7 ถึง 0 ซึง่ จะเท่ากับ ∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥
−7
7
และจากที่ขอ้ 1. เป็ นจริง จะทาให้ 𝐴 + 𝐵 = −∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 ด้วย → 4. ถูก
0
1
5. เมื่อ 𝑥=7 จะได้ 𝑓(𝑥) = 60
(7)(72 − 49)
1
= 60
(7)( 0 ) = 0 → จะได้ (7, 0) ซึง่ เป็ นจุดตัดแกน 𝑋
7
จากรูป จะเห็นว่าพืน้ ที่รวม 𝐶+𝐷 จะหาได้จาก ∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 𝑌
𝑓
0
.0123456789
เมื่อคิดเครือ่ งหมายบวกลบแล้ว ไม่เท่ากับพืน้ ที่ 𝐵 แน่นอน → 3. ผิด −7 0
0
4. 𝐴+𝐵 คือพืน้ ที่ที่ปิดล้อมด้วย 𝑦 = 𝑓(𝑥) กับแกน 𝑋 ตัง้ แต่ −7 ถึง 0 ซึง่ จะเท่ากับ ∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥
−7
40 คลังโจทย์ 7
และจากที่ขอ้ 1. เป็ นจริง จะทาให้ 𝐴 + 𝐵 = −∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 ด้วย → 4. ถูก
0
1
5. เมื่อ 𝑥=7 จะได้ 𝑓(𝑥) =
60
(7)(72 − 49)
1
= 60
(7)( 0 ) = 0 → จะได้ (7, 0) ซึง่ เป็ นจุดตัดแกน 𝑋
7
จากรูป จะเห็นว่าพืน้ ที่รวม 𝐶+𝐷 จะหาได้จาก ∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 𝑌
𝑓
0
แต่ 𝐶+𝐷 เป็ นพืน้ ที่ใต้แกน 𝑋 ต้องคูณลบ 0 𝐶 7
𝑋
7 𝑦 = −1
(𝑟, −1) 𝐷 (𝑠, −1)
นั่นคือ 𝐶 + 𝐷 = −∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 …(∗)
0
และ 𝐷 คือพืน้ ที่ที่อยูร่ ะหว่าง 𝑦 = −1 และ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัง้ แต่ 𝑥=𝑟 ถึง 𝑥 = 𝑠
𝑠
ดังนัน้ 𝐷 = ∫ (−1 − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 → แทนใน (∗) :
𝑟 𝑠 7
𝐶 + ∫ (−1 − 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 = −∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥
𝑟 0
𝑠 7
𝐶 = ∫ (1 + 𝑓(𝑥)) 𝑑𝑥 − ∫ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 → 5. ถูก
𝑟 0
70. กำหนดให้ ℝ เป็ นเซตของจำนวนจริ ง ให้ 𝑓 : ℝ → ℝ และ 𝑔 : ℝ → ℝ เป็ นฟั งก์ชนั ที่มีอนุพนั ธ์ทกุ อันดับ และ
สอดคล้ องกับ 𝑔(𝑥) = 𝑥𝑓(𝑥) และ 𝑔′ (𝑥) = 4𝑥 3 + 9𝑥 2 + 2 สำหรับทุกจำนวนจริ ง 𝑥
พิจำรณำข้ อควำมต่อไปนี ้
(ก) ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ของ 𝑓 เท่ำกับ 6
(ข) ค่ำตำ่ สุดสัมพัทธ์ของ 𝑓 เท่ำกับ 2
(ค) อัตรำกำรเปลีย่ นแปลงของ (𝑓 + 𝑔)(𝑥) เทียบกับ 𝑥 ขณะที่ 𝑥 = 1 เท่ำกับ 12
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง [PAT 1 (มี.ค. 2559/28)]
1. ข้ อ (ก) และ ข้ อ (ข) ถูก แต่ ข้ อ (ค) ผิด 2. ข้ อ (ก) และ ข้ อ (ค) ถูก แต่ ข้ อ (ข) ผิด
3. ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ถูก แต่ ข้ อ (ก) ผิด 4. ข้ อ (ก) ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ถูกทังสำมข้
้ อ
5. ข้ อ (ก) ข้ อ (ข) และ ข้ อ (ค) ผิดทังสำมข้
้ อ
ตอบ 1
อินทิเกรต 𝑔′ (𝑥) = 4𝑥 3 + 9𝑥 2 + 2
4𝑥 9𝑥 4 3
จะได้ 𝑔(𝑥) =
4
+
3
+ 2𝑥 + 𝑐 = 𝑥 4 + 3𝑥 3 + 2𝑥 + 𝑐 …(∗)
จำก 𝑔(𝑥) = 𝑥𝑓(𝑥) แทน 𝑔(𝑥) จำก (∗) จะได้ 𝑥 4 + 3𝑥 3 + 2𝑥 + 𝑐 = 𝑥𝑓(𝑥) แทน 𝑥 = 0
4 3)
0 + 3(0 + 2(0) + 𝑐 = (0) 𝑓(0)
𝑐 = 0
แทน 𝑐=0 ใน (∗) จะได้ 𝑔(𝑥) = 𝑥 4 + 3𝑥 3 + 2𝑥 = 𝑥𝑓(𝑥) ÷ 𝑥 ตลอด
𝑥 3 + 3𝑥 2 + 2 = 𝑓(𝑥) …(∗∗)
ก. และ ข. หำค่ำสัมพัทธ์ของ 𝑓 ต้ องดูเครื่ องหมำยของ 𝑓 ′ (𝑥)
จำก 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 + 3𝑥 2 + 2 → ดิฟจะได้ 𝑓 ′ (𝑥) = 3𝑥 2 + 6𝑥
= 3𝑥(𝑥 + 2)
ขึ ้น ลง ขึ ้น สูงสุดสัมพัทธ์ที่ 𝑥 = −2
+ − + ต่ำสุดสัมพัทธ์ที่ 𝑥= 0
−2 0
ดังนัน้ ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ = 𝑓(−2) = + 3(−2) + 2 = 6 → ก. ถูก
(−2)3 2
−2 0
ดังนัน้ ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ = 𝑓(−2) = + 3(−2) + 2 = 6 → ก. ถูก
(−2)3 2
คลังโจทย์ 41
ค่ำตำ่ สุดสัมพัทธ์ = 𝑓(0) = (0)3 + 3(0)2 + 2 = 2 → ข. ถูก
ค. อัตรำกำรเปลีย่ นแปลงของ (𝑓 + 𝑔)(𝑥) ขณะที่ 𝑥 = 1 คือ (𝑓 + 𝑔)′ (1) นัน่ เอง
(𝑓 + 𝑔)(𝑥) = 𝑓(𝑥) + 𝑔(𝑥) = 𝑥 3 + 3𝑥 2 + 2 + 𝑥 4 + 3𝑥 3 + 2𝑥
= 𝑥 4 + 4𝑥 3 + 3𝑥 2 + 2𝑥 + 2
=
−12𝑎(1−𝑎)2 (3𝑎 + 2(1−𝑎)) วงเล็บกาลังคู่
9𝑎 4
→ ไม่ต้องสลับ มีลบอยูห ่ น้ าสุด
4(1−𝑎)2 (𝑎 + 2)
= −
3𝑎 3
− + − − → เริ่ มที่ ลบ
−2 0 1
จะเห็นว่าอนุพนั ธ์เปลีย่ นจากลบเป็ นบวก เมื่อ 𝑎 = −2 → แทนใน (∗) ได้ 𝑏 = 2 − 2(−2) = 6
จะได้ สมการพาราโบลาคือ 𝑦 = −2𝑥 2 + 6𝑥
.0123456789
42 คลังโจทย์
2𝑥 + 22−𝑥 − 5
72. ค่ำของ lim
x2 −
𝑥 เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ต.ค. 2559/42)]
2 2 − 21−𝑥
ตอบ 12
2𝑥 + 22−𝑥 − 5 22 + 22−2 − 5 4+1−5 0
ถ้ำแทน 𝑥=2 จะได้ −
𝑥 = 2
−2
= 2−1 − 2−1
= 0
หำค่ำไม่ได้ → ต้องจัดรูปให้ตดั กันก่อน
2 2 − 21−𝑥 2 − 21−2
2𝑥 + 22−𝑥 − 5 2𝑥 2𝑥+𝑥 + 22−𝑥+𝑥 − 5(2𝑥 )
คูณ 2𝑥 ทัง้ เศษและส่วน ให้เลขชีก้ ำลังเป็ นบวก → 𝑥 ∙ 𝑥 = 𝑥
2 2 − 21−𝑥 2
− − +𝑥
2 2 − 21−𝑥+𝑥
22𝑥 + 22 −5(2𝑥 ) 22𝑥 − 5(2𝑥 ) + 4
ข้ำงบน แยกตัวประกอบ = 𝑥 = 𝑥
22 − 2 22 − 2
𝑥 𝑥
𝑥
22𝑥 − 5(2𝑥 ) + 4 (2𝑥 −4)(2𝑥 −1) 22 + 2 (2𝑥 −4)(2𝑥 −1)(22 + 2)
จัดรูปต่อ 𝑥 = 𝑥 ∙ 𝑥 = 2𝑥 − 4
= (2𝑥 − 1)(22 + 2)
22 −2 22 −2 22 +2
73. กำหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจำนวนจริง โดยที่ 𝑓 ′ (𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏
2
เป็ นจำนวนจริง และสอดคล้องกับ 𝑓 ′′ (1) = 3𝑓 ′ (1) และ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 18
1
ตอบ 30
เส้นตรง 6𝑥 − 𝑦 + 4 = 0 ขนำนเส้นโค้งที่ 𝑥=1 → ควำมชันเส้นตรง = ควำมชันเส้นโค้งที่ 𝑥 = 1
6𝑥 +4=𝑦 6 = 𝑓 ′ (1)
ควำมชัน = 6 6 = 𝑎(12 ) + 𝑏(1)
6 = 𝑎 + 𝑏 …(1)
= 8 + 𝑐
2
แต่โจทย์ให้ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 18 ดังนัน้ 8 + 𝑐 = 18
1 𝑐 = 10
.0123456789
คลังโจทย์ 43
𝑓(𝑥) 4
74. กาหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ที่มีความต่อเนื่องที่ 𝑥 = −3 และ x3
lim ( 𝑥+3 + 𝑥 2+4𝑥+3) = 4
.0123456789
44 คลังโจทย์
77. ถ้ำ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนำม และกรำฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัดกับกรำฟของ 𝑦 = 3𝑥 − 4 ที่ 𝑥=2 และ 𝑥=5
5
แล้ว (2𝑥𝑓(𝑥) + (𝑥 2 − 1)𝑓 ′ (𝑥)) 𝑑𝑥 มีคำ่ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/24)]
2
78. กำหนดให้ 𝑓, 𝑔, ℎ : ℝ → ℝ เป็ นฟั งก์ชนั ที่มีอนุพนั ธ์ โดยที่ 𝑓(𝑥) = 𝑔(𝑥) ℎ(𝑥) และ ℎ(𝑥) > 0 ทุก 𝑥 ∈ ℝ
ถ้ำสมมติวำ่ |𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑦)| ≤ |𝑥 − 𝑦|2562 สำหรับทุก 𝑥, 𝑦 ∈ ℝ
ℎ ′ (7)
𝑓(7) = 8 และ 𝑔′ (7) = 4 แล้ว จงหำค่ำของ 2 [สมำคม (พ.ย. 2562/14)]
(ℎ(7))
ตอบ −0.5
ℎ ′(7) ล่ำง บน′ −บน ล่ำง′
2 จะมีสว่ นคล้ำยกับดิฟผลหำร ล่ำง2
→ จะพยำยำมจัดรูปให้ ℎ(𝑥) เป็ นตัวหำร
(ℎ(7))
𝑓(𝑥) = 𝑔(𝑥) ℎ(𝑥)
𝑓(𝑥)
= 𝑔(𝑥)
ℎ(𝑥)
ℎ(𝑥)𝑓′ (𝑥)−𝑓(𝑥)ℎ′ (𝑥)
2 = 𝑔′ (𝑥)
(ℎ(𝑥))
ℎ(7)𝑓′ (7)−𝑓(7)ℎ′ (7)
2 = 𝑔′ (7)
(ℎ(7))
ℎ(7)𝑓′ (7)− 8 ℎ′ (7)
2 = 4 …(∗)
(ℎ(7))
= lim
h0
|ℎ|2561 = 0 → จะสรุปได้วำ่ 𝑓 ′(7) = 0
ℎ(7)( 0 ) − 8 ℎ′ (7)
แทน 𝑓 ′ (7) = 0 ใน (∗) จะได้ 2 = 4
(ℎ(7))
− 8 ℎ′ (7)
2 = 4
(ℎ(7))
ℎ′ (7) 4
2 = −8
= −0.5
(ℎ(7))
.0123456789
46 คลังโจทย์
79. ค่าของ lim ( lim (√𝑎2 𝑥 2 + |𝑎|𝑥 + 𝑎𝑥) ) ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้ [สมาคม (พ.ย. 2559/4)]
a 0 x
1 1
ก. 0 ข. ∞ ค. 2
ง. −2
ตอบ ง
lim ( lim (√𝑎2 𝑥 2 + |𝑎|𝑥 + 𝑎𝑥) )
a 0 x
คูณคอนจูเกต ให้ กลายเป็ นเศษส่วน
√𝑎 2 𝑥 2 +|𝑎|𝑥 − 𝑎𝑥
= lim ( lim (√𝑎2 𝑥 2 + |𝑎|𝑥 + 𝑎𝑥 ∙ ))
a 0 x √𝑎 2 𝑥 2 +|𝑎|𝑥 − 𝑎𝑥
𝑎 2 𝑥 2 +|𝑎|𝑥 − 𝑎2 𝑥 2
= lim ( lim ( ))
a 0 x √𝑎 2 𝑥 2 +|𝑎|𝑥 − 𝑎𝑥
|𝑎|𝑥
= lim ( lim ( ))
a 0 x √𝑥 2 (𝑎2 +
|𝑎|
) − 𝑎𝑥
𝑥 √𝑥 2 = |𝑥|
|𝑎|𝑥
= lim ( lim ( ))
a 0 x |𝑎|
|𝑥| √𝑎2 + − 𝑎𝑥
𝑥 𝑥 → −∞ ดังนัน้ 𝑥 เป็ นลบ จึงทาให้ |𝑥| = −𝑥
|𝑎|𝑥
= lim ( lim ( ))
a 0 x |𝑎|
(−𝑥) √𝑎2 + − 𝑎𝑥
|𝑎|
𝑥
ตัด 𝑥 ทังบนและล่
้ าง
= lim ( lim ( ))
a 0 x |𝑎|
− √𝑎2 + − 𝑎
𝑥
|𝑎|
= lim
a 0 − √𝑎2 −0 − 𝑎
|𝑎|
= lim
− |𝑎| − 𝑎
a 0
𝑎
𝑎 → 0+ ดังนัน้ 𝑎 เป็ นบวก จึงทาให้ |𝑎| = 𝑎
= lim −𝑎 − 𝑎
a 0
1
= −2
.0123456789