Professional Documents
Culture Documents
Enola Holmes (Final Ver.)
Enola Holmes (Final Ver.)
ภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์
บทบาทของเพศหญิงในสังคมอังกฤษช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผ่านการศึกษาวรรณกรรมและ
ภาพยนตร์เรื่อง Enola Holmes
เสนอ
ผศ. ดร. ทอแสง เชาว์ชุติ
จัดทำโดย
1. กานต์ธิดา กำเนิดศิริ 6240013422
2. ปุณยานุช มงคลทอง 6240136022
บทบาทของเพศหญิงในสังคมอังกฤษช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผ่านการศึกษาวรรณกรรมและ
ภาพยนตร์เรื่อง Enola Holmes
บทนำ
ในปัจจุบัน กระแสสตรีนิยม (Feminism)1 เป็นกระแสที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เราสามารถ
พบเจอการเคลื่อนไหวของเฟมินิสต์ในสังคมได้ผ่านหลากหลายรูปแบบ เช่น สื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะ
ในวรรณกรรม กระแสสตรีนิย มปรากฏควบคู่กับงานวรรณกรรมมาอย่างยาวนานจนเกิดเป็นวรรณกรรม
ประเภทหนึ่ง คือ วรรณกรรมแนวสตรีนิยม (Feminist literature) ที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์สังคมปิตาธิปไตย
รวมทั้งเสนอและสนับสนุนแนวคิดของสตรีนิยมโดยตรง (Nodelman, 1988, p. 32) นอกจากวรรณกรรมแนว
สตรีนิยมแล้ว อิทธิพลของกระแสสตรีนิยมยังปรากฏสอดแทรกผ่านวรรณกรรมประเภทอื่นอีกด้วย โดยเฉพาะ
วรรณกรรมเยาวชนที่มีกลุ่มผู้อ่านหลักคือเยาวชนและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น โดยจะสอดแทรกแนวคิดนี้ผ่านตัวละคร
หลักเพศหญิงที่มีลักษณะแตกต่างจากขนบและกรอบของจารีตที่สังคมปิตาธิปไตยครอบงำไว้ มีความคิดที่
พิเศษ แปลกใหม่ แหวกแนวออกไปจากขนบ พึ่งพาตนเองเป็นหลัก สามารถตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตาม
ความพึงพอใจของตนเอง และเชื่อมั่นในความสามารถและความต้องการของตนเอง
วรรณกรรมเยาวชนที่สอดแทรกคติสตรีนิยมไว้ที่เห็นได้ชัดเจนเรื่องหนึ่งเช่นเรื่อง Little Women ที่
กล่าวถึงประเด็นการสนับสนุนให้ผู้หญิงทำสิ่งที่ตัวเองต้องการได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงกรอบทางสังคมที่วางไว้เพื่อ
กำหนดชีวิตของพวกเธอและผู้หญิงรุ่นก่อน ดังที่ถูกนำเสนอผ่านตัวละครเอกอย่างโจ โดยการที่โจปฏิเสธการ
แต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักและเลือกเส้นทางอาชีพของตัวเองอย่างอาชีพนักเขียน ความต้องการใช้ชีวิตในทาง
ที่เธอเลือกปรากฏชัดในบทพูดของเธอที่ว่า “I intend to make my own way in the world” (Gerwig,
2019, 0:35:28) หรือแม้กระทั่งความต้องการแต่งงานตามขนบของตัวละครเม็กก็วางอยู่บนฐานความต้องการ
ของตัวเธอเอง แม้ว่าการแต่งงานจะยึดโยงกับคุณค่าของผู้หญิงตามจารีตเดิม แต่การที่เม็กยืนยันในความ
ต้องการของตัวเธอเองและคิดว่าทุกความปรารถนานั้นสำคัญ ดังที่ปรากฏในบทสนทนาระหว่าเม็กกับโจว่า
“Just because my dreams are different than yours doesn’t mean they are unimportant”
(Gerwig, 2019, 1:31:50) ทัศนคตินี้ก็สอดคล้องกับแนวคิดสตรีนิยมที่สนับสนุนให้ผู้หญิงมีสิทธิเสรีภาพในการ
ดำรงชีวิตตามความต้องการของตนเองโดยไม่ต้องคำนึงถึงค่านิยมหรือกรอบทางเพศ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเกี่ยวข้อง
กับการเมืองโดยตรงหรือเป็นเพียงเรื่องราวในชีวิตประจำวันทั่วไปก็ตาม ลักษณะของแนวคิดสตรีนิยมที่ปรากฏ
ลาที่แตกต่างจากขนบของผู้หญิงในกรอบสังคมร่วมสมัย มีความสามารถที่แตกต่างไปจากผู้หญิงในยุคที่ยอม
ปฏิบัติภายใต้กรอบของความเป็นหญิง แสดงให้เห็นถึงลักษณะความเป็น New Woman ของเอโนลา แต่
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วความสามารถที่เอโนลามีกลับถูกใช้ในฐานะบทบาทรองที่คอยสนับสนุนตัวละคร
ชาย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วกลับหักล้างการก้าวข้ามบทบาทของผู้หญิงในฐานะผู้สนับสนุนบุรุษเพศตามระบอบ
ปิตาธิปไตยอยู่ดี
บริบททางสังคมและประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
สังคมยุควิคตอเรีย
ยุควิคตอเรีย (Victorian Era) คือช่วงที่สหราชอาณาจักรอยู่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระราชินี
นาถวิกตอเรียตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1837 จนถึง 22 มกราคม ค.ศ. 1901 เป็นยุคที่ยึดถือคุณค่าความ
บริสุทธิ์ทางศีลธรรม การตั้งมาตรฐานทางศีลธรรมและจริยธรรมให้สูง บทบาทของเพศชายหญิงแยกจากกัน
ชัดเจน ความแตกต่างทางชนชั้นเห็นได้ชัดเจน (ตุลย์ อิศรางกูร และภาวรรณ เรืองศิลป์ , 2562) การแบ่งแยก
ระหว่ า งชายหญิ ง เห็ น ชั ด ขึ ้ น ได้ จ ากการแบ่ ง พื ้ น ที ่ ข องชายหญิ ง ( Separate spheres) กล่ า วคื อ เป็ น
ปรากฏการณ์การแบ่งและกำหนดการใช้สอยพื้นที่สาธารณะ (Public sphere) แยกออกเด็ดขาดกั บพื้นที่
ภายในบ้าน (Domestic sphere) โดยเพศชายจะถูกยึดโยงกับพื้นที่ภายนอกบ้าน ขณะที่เพศหญิงถูกยึดโยงกับ
พื้น ที่ภ ายในบ้ าน ดังที่ Jean V. Matthews (2003) ได้อธิบายเอาไว้ ใ นหนัง สื อ “The rise of the new
woman” ว่า “Men and women are designed by God and nature to operate in different arenas
-- men in the public world of exploit, war, work, intellect, and politics; women in the world of
nurturance and the affections centered on the home” การแบ่งแยกพื้นที่ตามเพศนี้มีมูลฐานแนวคิด
มาจากความเชื่อที่ว่าลักษณะทางกายภาพบ่ง ชี้บทบาททางเพศได้ กล่าวคือมนุษย์คนใดที่มีเพศกำเนิดเป็นเพศ
หญิงควรหลีกเลี่ยงพื้น ที่สาธารณะ ซึ่งหมายความรวมถึงกิจกรรมภายนอกงานบ้านงานเรือนทั้งสิ้น เช่น
การเมือง การทำงานประจำในลักษณะเดียวกับผู้ชาย การค้าขาย และกฎหมาย กลับกันสตรีเพศควรเอาใจใส่
ในพื้นที่ภายในบ้านเช่น การบ้านการเรือน การอบรมเลี้ยงดูและการให้การศึกษาแก่ลูก รวมทั้งการรักษา
ศีลธรรมจริยธรรมตามขนบทางศาสนาอย่างเคร่งครัด (Kuersten, 2003, 16-17)
ตามบริบททางประวัติศาสตร์แล้ว อังกฤษในศตวรรษที่ 19 ถือเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงและการ
ขยายจำนวนผู้มีสิทธิการเลือกตั้ งผ่านการยื่นพระราชบัญญัติปฏิรูปหลายครั้ง นับตั้งแต่ Great Reform Act
ค.ศ. 1832 ซึ่งเป็นกฎหมายปฏิรูปกฎหมายระบอบการเลือกตั้งของอังกฤษฉบับแรกนับตั้งแต่ยุคกลาง เพื่อ
แก้ไขปัญหาการเลือกตั้งที่ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม การเมือง และเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ของประเทศ จึงนำไปสู่การผลักดันกฎหมายปฏิรูประบอบการเลือกตั้งนี้ที่สำเร็จในเวลาต่อมา ส่งผลให้มีการ
ปรับปรุงเขตเลือกตั้งให้เหมาะสมกับจำนวนประชากร ขยายสิทธิการเลือกตั้งแก่ชายชาวอังกฤษ และลด
4
ขบวนการเรียกร้องสิทธิสตรีกับวรรณกรรมและภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่องเอโนลา โฮล์มส์
จากการศึกษาวรรณกรรมและภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่องเอโนลา โฮล์มส์พบว่า การนำเสนอภาพลักษณ์
ของตัวละครเอกอย่างเอโนลาตั้งอยู่บนฐานของความเป็นผู้ห ญิงแบบ New Woman คือ ไม่ใช่ผู้หญิงที่มี
ลักษณะนอบน้อมถ่อมตัว ใส่ใจการบ้านการเรือน และแต่งกายตามแบบขนบของผู้หญิงในยุคนั้น หรือเรียกได้
ว่ามีลักษณะตรงกันข้ามกับผู้หญิงที่มีความเป็น True Woman อย่างสิ้นเชิง โดยจะเห็นได้จากทัศนคติของเอ
โนลาต่อวัฒนธรรมการแต่งกายตามค่านิยมของผู้หญิงในฉากการบรรยายชุดของผู้หญิงในมุมมองของเธอว่า
“ This device was duly ordered, and the seamstress began to produce prim, dim-coloured
dresses with high whalebone-ribbed collars to strangle me, waistbands designed to choke my
breathing, and skirts which, spread over half a dozen flounced silk petticoats, trailed on the
floor so that I could barely walk” (Springer, 2006, p. 85) ข้อความนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติต่อชุดที่สังคม
มองว่าดีงามและทรงคุณค่าคู่กับสตรีเพศนั้น เอโนลากลับมองว่าเป็นชุดที่สร้างความลำบากให้กับเธอ และจาก
ทัศนคตินี้ของเอโนลาก็อาจทำให้มองได้ว่าเสื้อผ้าตามค่านิยมนั้นเทียบได้กับกรอบของสังคมปิตาธิปไตยที่เธอ
มองว่าบีบรัดเธออยู่และเป็นสิ่งที่ขัดขวางการดำเนินชีวิตของเธออย่างการหายใจหรือการเดิน
ลักษณะนิสัยของเอโนลาที่ขัดจากค่านิยมของเด็กผู้หญิงในสมัยนั้นปรากฏให้เห็นอีกในลักษณะของ
การไม่ชอบเล่นตุ๊กตา ซึ่งตุ๊กตาเป็นสิ่งที่ถูกยึดโยงกับความเป็นเด็กผู้หญิงตามความคิดแบบสังคมจารีต โดย
ลักษณะประการนี้ปรากฏให้เห็นได้จากบทบรรยายผ่านมุมมองของเอโนลาในตัวเล่มหน้า 77 ที่ว่า “Girls are
supposed to play with the dolls. Over the years, well-meaning adults had provided me with
various dolls. I detested dolls, pulling their heads off when I could…” แสดงให้เห็นถึงการที่เอโน
ลาปฏิเสธจะทำตามเด็กผู้หญิงทั่วไป และยังปฏิเสธที่จะเล่นตุ๊กตาตามอย่างที่คนส่วนใหญ่ในสังคมเห็นชอบว่า
เป็นเช่นนั้น อีกทั้งเอโนลายังใช้ประโยชน์จากตุ๊กตาในทางอื่นที่ไม่ใช่การเล่นเพื่อความเพลิดเพลินแต่เป็นการ
ซ่อนกุญแจห้องของแม่เธอที่จะนำไปสู่การออกตามหาแม่หรือการออกนอกพื้นที่บ้านของเธอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึง
ความไม่ยึดถือคุณค่าตามขนบ True Woman ของเอโนลาอย่างเห็นได้ชัด
การนำเสนอลักษณะของเอโนลาที่ขัดกับคุณค่าของเป็นผู้หญิงในยุคยังถูกนำเสนอผ่านการไม่สนใจ
กิจการในครัวเรือนอย่างการเย็บปักถักร้อย การร้อยเปลือกหอย แต่เอโนลากลับมีความส ามารถในการปั่น
จักรยานซึ่งถือเป็นกิจกรรมนอกบ้าน และเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกถึงความแน่วแน่ มั่นคง ไม่พึ่งพาใคร
และรักอิสระของผู้หญิง อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งการปั่นจักรยานมักไม่ค่อยได้รับความนิยมในหมู่
ผู้หญิงนักเนื่องจากชุดกระโปรงที่สวมใส่ แต่ เอโนลามักจะเปลี่ยนไปสวมใส่ knickerbockers ซึ่งเป็นชุดที่
ทะมัดทะแมงและเหมาะกับการปั่นจักรยานมากกว่า ในตัวบทฉบับวรรณกรรม การปั่นจักรยานยังเป็นวิธีที่เอ
โนลาใช้หลบหนีจากเส้นทางไปสู่โรงเรียนประจำที่ไมครอฟท์ต้องการให้เธอเข้าเรียนได้ และในฉบับภาพยนตร์
เธอยังปั่นจักรยานไปจนถึงพื้นที่ใกล้เคียงสถานีรถไฟเพื่อจะขึ้นรถไฟไปยังลอนดอนเพื่อตามหาแม่ของเธอได้
สำเร็จ จึงกล่าวได้ว่าจักรยานมีความสำคัญทั้งการเป็นกิจกรรมนอกบ้านซึ่งไม่ใช้พื้นที่ที่ผู้หญิงตามขนบควรอยู่
12
และยังเป็นวิธีการที่ทำให้เอโนลาหลุดพ้นจากกรอบของการบังคับของพี่ชายอย่างไมครอฟท์และสามารถทำ
ตามความต้องการของเธอในการตามหาแม่ได้
ลักษณะความเป็นผู้หญิงที่ขัดกับคติ True Woman ของเอโนลาเห็นได้ชัดว่าเป็นผลมาจากการเลี้ยงดู
ของแม่ แม่ของเอโนลาให้การศึกษาเอโนลาด้วยตัวของเธอเอง และไม่ได้ให้เอโนลาเข้าศึกษาในโรงเรียนประจำ
หรือโรงเรียนการเรือนเพื่อหญิงสาวที่จะปลูกฝังและถ่ายทอดคติค่านิยมความเป็นผู้หญิงที่เมื่อจบการศึกษาจะ
กลายเป็นผู้หญิงที่ได้รับการอบรมเพื่อทำหน้าที่ในฐานะภรรยาและแม่ต่อไป แม่ของเอโนลาปลูกฝังให้เอโนลามี
นิสัยรักการอ่าน โดยให้เอโนลาอ่านหนังสือทุกเล่มที่มีในห้องสมุด พาเธอทำการทดลองวิทยาศาสตร์ และ
สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ และยังสอนให้เอโนลาเล่นถอดรหัสคำ (ciphers) อีกด้วย (Bradbeer, 2020, 0:01:00)
การที่แม่มีบทบาทในการดูแลการศึกษาและการอ่านของเอโนลาสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นอิทธิพลของการที่
ผู ้ ห ญิ ง ในช่ ว งนั ้ น มี แ นวคิ ด ที ่ ใ ห้ ค วามสำคั ญ กั บ การเป็ น “ devoted mother and knowledgeable
homemaker” (Symes, 1995, p. 26) อั น เป็ น ผลสื บ เนื ่ อ งมาจากยุ ค สมั ย แห่ ง แสงสว่ า งทางปั ญ ญา
(Enlightenment) ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับสถานภาพของบุคคลผ่านอัตราการรู้หนังสือ (Woman
and the enlightenment, 1987, p. 251-278 as cited in Symes, 1995, p. 25) ในกรณีของผู้หญิงที่หน้าที่
ถูกผูกติดอยู่กับครัวเรือนและพื้นที่ภายในบ้านจึงได้เกิดแนวคิดที่ผู้ หญิงและแม่ควรจะเป็นผู้สอนหนังสือให้แก่
ลูก (Symes, 1995, p. 25) ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งที่ก่อให้เกิดความนิยมในการสนับสนุนให้ผู้หญิงได้รับการศึกษา
ที่มากขึ้นเทียบเท่าผู้ชายในเวลาต่อมา
คำอบรมสั่งสอนอีกประการหนึ่งที่แม่ของเอโนลามักจะกล่าวแก่เอโนลาเสมอว่า “You will do very
well on your own, Enola,” (Springer, 2006, p. 5) และคำกล่าวในฉบับภาพยนตร์ที่ว่า “อย่าให้ใครผลัก
ออกนอกทาง โดยเฉพาะพวกผู้ชาย” (Bradbeer, 2020, 0:25:50) รวมไปถึงประโยคที่ว่า “มีทางเดินสองทางที่
ลูกเลือกเดินได้ เอโนลา ทางเดินของลูกเอง และทางที่คนอื่นเลือกให้ลูกเดิน” (Bradbeer, 2020, 0:20:19)
แสดงให้เห็นถึงความเป็น independent woman ของแม่ของเอโนลาผ่านความคิดที่สวนกระแสกับค่านิยม
ที่ว่าผู้หญิงต้องพึ่งพาและต้องแต่งงานกับผู้ชาย แทนที่จะสอนให้เข้าหาผู้ชาย แม่ของเอโนลากลับสอนให้ผลัก
ผู้ชายออกไปจากเส้นทาง ทั้งยังสอนให้เอโนลาพึ่งพาตนเองและเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง แสดงถึงลักษณะ
นิสัยของแม่ของเอโนลาที่แตกต่างจากนิสัยของผู้ห ญิงในยุคร่วมสมัยที่ถูกตีกรอบไว้ ตรงกันกับที่ Enola
บรรยายไว้ว่าแม่มีความเป็น “free thinker” (Springer, 2006, p. 21) ประเด็นนี้สามารถวิเคราะห์ผ่านบริบท
ทางสังคมในยุคนั้นซึ่งเป็นช่วงแรกเริ่มของการเกิดขึ้นของผู้หญิงยุคใหม่หรือ New Woman ได้ว่าแม่ของเอโน
ลาก็มีลักษณะของความเป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่ ที่ไม่ถ่ายทอดคติและกรอบสังคมที่ครอบงำความเป็นผู้หญิงไว้
ให้แก่เอโนลา โดยการอบรมเอโนลาให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งเพศชายไม่ว่าจะเป็นในฐานะแม่
หรือภรรยา และไม่ต้องการให้เอโนลายอมจำนนต่อสภาวะชายเป็นใหญ่ในสังคม ซึ่งลักษณะดังกล่าวของแม่เอ
โนลานี้ถือได้ว่าเป็นลักษณะของ New Woman ที่จะส่งอิทธิพลต่อทัศนคติและการกระทำของเอโนลาต่อไป
13
อาศัยอยู่ เธอได้เลือกที่จะใช้ชิ้นส่วนนั้นตัดเชือกที่เป็นพันธนาการจองจำเธอไว้และสามารถหลบหนีจากผู้ร้ายที่
เป็นผู้ชายทั้ง 2 คนได้ในที่สุด สะท้อนให้เห็นว่าเอโนลาไม่ยอมจำนนต่อระบบปิตาธิปไตยและกรอบของคุณค่า
ของความเป็นผู้หญิงที่สังคมผูกมัด แต่เธอเลือกใช้ช่องว่างจากระบบนี้ในการแสวงหาตัวตนของเธอและทำให้ตัว
เธอหลุดพ้นจากมายาคติทางเพศได้ในที่สุด
ความสามารถในการต่อสู้ของเอโนลายังปรากฏในฉากที่เอโนลาต่อสู้กับนักฆ่าที่ถูกส่งมาฆ่าทิวส์เบอรี
ในเขตสลัมและเธอก็สามารถใช้ทักษะยิวยิตสูที่แม่ของเธอฝึกฝนเธอมาตลอดตั้งแต่เล็กจนสามารถเอาชีวิตรอด
ไปได้ อีกทั้งในตอนท้ายที่เอโนลาต่อสู้กับนักฆ่าคนเดิมเพื่อปกป้องทิวส์เบอรีแสดงถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว
ไม่กลัวอันตราย เป็นการสะท้อนบทบาทของผู้หญิงที่ไม่อ่อนแอ ไม่ใช่ฝ่ายที่ยอมจำนนต่อเหตุการณ์ใด ๆ หรือ
เป็นฝ่ายรอคอยความช่วยเหลือจากเพศชาย ซึ่งมักจะเป็นบทบาทของผู้หญิงที่ปรากฏในวรรณกรรมคลาสสิค
จนเกิดเป็นวลีที่ว่า ‘damsel in distress’ ที่ยึดโยงคุณค่าของผู้หญิงกับความเป็นช้างเท้าหลั งหรือเป็นบทบาท
รองที่ต้องได้รับการช่วยเหลือจากเพศชายเท่านั้น ลักษณะประการนี้ของเอโนลายังสามารถพบได้จากความ
พยายามสอดแทรกการสลับบทบาททางเพศตามขนบระหว่างเอโนลาและทิวส์เบอรีในตัวบทภาพยนตร์ ดังเช่น
ในฉากที่ทั้งคู่ต้องหาที่พักแรมกลางทุ่งหญ้าโดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือใด ๆ เอโนลาสามารถลับมีดและก่อไฟเพื่อ
สร้างความอบอุ่นได้ ในขณะที่ทิวส์เบอรีที่มีความรู้ด้านสมุนไพรและดอกไม้ก็สามารถบอกได้ว่าต้นหญ้าหรือเห็ด
ชนิดใดสามารถกินได้ ลักษณะประการนี้อาจพิจารณาได้ว่าทั้งกิจการเกี่ยวกับอาหารและดอกไม้เป็นสิ่งที่ถูกยึด
โยงกับความเป็นหญิงมาโดยตลอด แต่ทิวส์เบอรีกลับมีลักษณะดังกล่าวจึงเป็นการนำเสนอบทบาททางเพศที่
พลิกจากขนบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเมื่อทั้งคู่ถามอีกฝ่ายว่าใครเป็นฝ่ายสอนให้จุดไฟและสอนเรื่องสมุนไพรและ
ดอกไม้ เอโนลาที่ตอบว่าแม่และทิวส์เบอรีที่ตอบว่าพ่อ (Bradbeer, 2020, 0:32:20) ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำการ
สลับบทบาทเพศนี้ทั้งในระดับของแม่และพ่อของตัวละครทั้งสองได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ประเด็นที่สนับสนุนความเป็น New Woman ของเอโนลา รวมทั้งแม่ของเอโนลาได้อีก
ประเด็นหนึ่งคือ ความเป็นชนชั้นกลาง โดยอาจวิเคราะห์ได้จากฐานะทางครอบครัวของเอโนลาที่พี่ช ายทั้ง 2
คนของตระกูลมีหน้าที่การงานที่ดี มีคฤหาสน์ที่มีข้ารับใช้คอยดูแล แสดงถึงความมีฐานะในระดับหนึ่ง ไม่ใช่ชน
ชั้นแรงงานที่ต้องทำงานในระบบโรงงานอุตสาหกรรมหรืออาศัยในเขตสลัม แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยหรือมีอำนาจมาก
อย่างขุนนางหรือชนชั้นสูงเสียทีเดียว ซึ่งประเด็นความเป็นชนชั้นกลางที่เข้าถึงการศึกษาได้และมองเห็นปัญหา
ปิตาธิปไตยในสังคมนี้ก็สามารถเชื่อมโยงได้กับลักษณะของผู้หญิง New Woman หรือลักษณะของกลุ่มผู้หญิง
ที่เรียกร้องสิทธิสตรีในตอนต้นดังที่ได้กล่าวมาก่อนหน้า ซึ่งลักษณะของผู้หญิงชนชั้นสูงในสังคมที่ไม่ต้องการ
เปลี่ยนแปลงความสะดวกสบายที่ตนมีนั้นก็ถูกนำเสนอผ่านตัวละครที่เป็นย่าของทิวส์เบอรี ซึ่งได้แสดงออก
ทัศนคติของเธอผ่านบทสนทนากับเอโนลาว่า “ในขณะที่โลกของเราไม่มั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ยิ่งจำต้องรักษา
แนวคิดพวกนี้ของอังกฤษไว้ เพื่ออนาคตของประเทศที่ปลอดภัยและมั่นคง” (Bradbeer, 2020, 1:09:58)
แสดงให้เห็นถึงความต้องการคงรักษาแนวคิดเก่าตามระบอบเดิมที่เอื้อประโยชน์ให้แก่คนชนชั้นสูงอย่างตัวเธอ
เอง และพยายามที่จะกำจัดคนที่มีความคิดสมัยใหม่ที่อยากจะพัฒนาเปลี่ยนแปลงสังคมให้ก้าวหน้าและมีความ
15
สรุป
จากการศึกษาประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงวิเคราะห์และศึกษาวรรณกรรมและภาพยนตร์ดัดแปลง
เรื่อง Enola Holmes พบว่า ด้วยตัวลักษณะนิสัยของเอโนลานั้นมีความเป็น New Woman อย่างเห็นได้ชัด
ผ่านการนำเสนอของทั้งผู้เขียนวรรณกรรมและผู้สร้างภาพยนตร์ ซึ่งขบวนการ New Woman เองก็เป็นการ
เคลื่อนไหวที่เริ่มต้นในยุคที่เอโนลาอาศัยอยู่ โดยเป็นกลุ่มของหญิงสาวที่ลุกขึ้นมาต่อต้านกรอบของผู้หญิงตาม
ยุควิคตอเรีย หรือ True Woman และยังเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิสตรี ผลักดันและสนับสนุนให้ผู้หญิง
ออกมาใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง ลักษณะของ New Woman ที่ปรากฏในตัวเอโนลานี้เห็นได้จากการที่เอโนลา
ชอบทำกิจกรรมภายนอกบ้าน ชอบการผจญภัย มีความคิดที่ต่อต้านกรอบหญิงสาวตามจารีตประเพณี ทั้งยัง
ตระหนักรู้ถึงความอยุติธรรมที่สังคมแบบปิตาธิปไตยมอบให้แก่เพศหญิง แต่อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของ
New Woman ในขณะนั้นก็ยังคงถูกจำกัดไว้ด้วยค่านิยมทางสังคม แม้ว่าผู้หญิงจะได้รับสิทธิในการออกมาใช้
ชีวิตมากขึ้น ทว่าก็ยังไม่มีสิทธิทางการเมือง สืบเนื่องมาจากโครงสร้างของสังคมชายเป็นใหญ่ในยุคนั้น ดังนั้น
การที่เอโนลาช่วยชีวิตทิวส์เบอรีได้ทำให้ทิวส์เบอรีที่เป็นขุนนางหัวสมัยใหม่ไ ด้ลงคะแนนเสียงในสภาเพื่ออนุมัติ
reform bill ในแง่หนึ่งอาจมองว่าเอโนลาได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างที่ผู้หญิง
ไม่เคยมีส่วนร่วมมาก่อน แต่การที่เอโนลาที่มีความเก่งกาจ มีความสามารถทั้งทางสติปัญญาและทางกายภาพ
สามารถช่วยเหลือให้ทิวส์เบอรีมีชี วิตรอดและไปใช้สิทธิทางการเมืองได้นั้นก็ยัง คงแสดงความเป็นบทบาทรอง
ของผู้หญิง คือการอยู่ในฐานะผู้สนับสนุนผู้ชายอย่างทิวส์เบอรีอยู่ดี และเอโนลาเองก็ไม่ได้มีสิทธิมีเสียงทาง
การเมืองโดยตรง แม้ตามบริบทสังคมและประวัติศาสตร์ที่ reform bill ที่อนุมัติผ่านในคราวนั้นจะนำไปสู่การ
มีสิทธิมีเสียงทางการเมืองของผู้หญิงต่อมาได้ในปีค.ศ. 1918 ดังที่ได้กล่าวถึงในบริบททางประวัติศาสตร์ก่อน
หน้านี้ แต่กระบวนการเรียกร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธินั้นยังคงต้องดำเนินตามกรอบขนบของสังคมปิตาธิปไตยที่
ครอบให้ผู้หญิงมีบทบาทเป็นช้างเท้าหลัง หรือ supporting role อยู่ดี กล่าวคือ ในท้ายที่สุด แม้ว่าเอโนลา
โฮล์มส์จะมีความเป็น New Woman อยู่ในตัว ทว่าด้วยสังคมปิตาธิปไตยที่จำกัดความสามารถและการกระทำ
ของผู้หญิงเอาไว้ในกรอบก็ยังส่งผลให้เอโนลามีสถานะเป็นเพียง supporter ของผู้ชาย ซึ่งถือเป็นบทบาทรองที่
ช่วยให้ผู้ชายประสบความสำเร็จเพียงเท่านั้น
17
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
ตุลย์ อิศรางกูร และภาวรรณ เรืองศิลป์. (2562). การปฏิวัติอุตสาหกรรม. เอกสารประกอบการบรรยาย
รายวิช า 2204182 อารยธรรมตะวันตก. กรุงเทพฯ: ภาควิช าประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ตุลย์ อิศรางกูร และภาวรรณ เรืองศิลป์. (2562). โลกตะวันตกกับอารยธรรมช่วงเปลี่ยนทศวรรษ (The West
at the Turn of the Century, c.1880 - 1920). เอกสารประกอบการบรรยายรายวิชา 2204182
อารยธรรมตะวันตก. กรุงเทพฯ: ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุวิดา ธรรมมณีวงศ์. (2543). การเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement). อักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ศิลปากร, 23(2), 1. สืบค้นจาก http://www.arts.su.ac.th/document/suwida/001.pdf
อังกฤษ “ปฏิรูป” อะไรในภาพยนตร์เรื่อง “Enola Holmes” ?. 2563. สืบค้นจาก https://www.silpa-
mag.com/history/article_55995
ภาษาอังกฤษ
Bradbeer, H. (Director). (2020). Enola Holmes [Motion Picture]. Retrieved from
https://www.netflix.com
Burnette, J. [n.d.]. Women Workers in the British Industrial Revolution. Retrieved from
https://eh.net/encyclopedia/women-workers-in-the-british-industrial-revolution/
Buzwell, G. (2 0 1 4 ) . Daughters of decadence: the New Woman in the Victorian fin de siècle.
Retrieved from https://www.bl.uk/romantics-and-victorians/articles/daughters-of-
decadence-the-new-woman-in-the-victorian-fin-de-siecle#
Cruea S. M. (2 0 0 5 ) . Changing Ideals of Womanhood During the Nineteenth-Century Woman
Movement. Retrieved from https://scholarworks.bgsu.edu/gsw_pub/1/
Eliot, S. [n.d.]. "Aspects of the Victorian Book: Introduction". British Library. Retrieved from
http://www.bl.uk/collections/early/victorian/pr_intro.html
Emsley C., Hitchcock T., Shoemaker R. [n.d.]. "Historical Background - Gender in the
Proceedings". Retrieved from https://www.oldbaileyonline.org/static/Gender.jsp
18
Feminism: Cultural Movements. (2020, December 10). In Wikipedia. Retrieved December 10,
2020, from https://en.wikipedia.org/wiki/Feminism#Cultural_movements
Gerwig, G. (Director). (2020). Little Women [Motion Picture]. Retrieved from
https://www.netflix.com
Jeffers. 2 0 1 5 . The 1 9 th Century Entailment. Retrieved from https://austenauthors.net/the-
19th-century-entailment/
Kuesten, A. K. (2003). Separate Spheres Doctrine. In Women and the law: leaders, cases and
documents. (pp. 16-17). Santa Barbara: ABC-Clio.
Maguire G. E. (1 9 9 8 ) . The Conservative Party and the Campaign for Women’s Suffrage. In
Conservative Women. St Antony’s Series. Palgrave Macmillan, London. Retrieved from
https://doi.org/10.1057/9780230376120_4
Mahajan P., Randhawa J. Emergence of 'New Woman': A Study of Origin of the Phrase in the
West from Historical Perspective. IOSR Journal Of Humanities And Social Science (IOSR-
JHSS), 2 0 1 6 ( 2 1 ) , 1 - 3 . Abstract retrieved from IOSR Journal. (doi:1 0 . 9 7 9 0 / 0 8 3 7 -
2103010104)
New Woman: Class differences. (2020, December 10). In Wikipedia. Retrieved December 11,
2020, from https://en.wikipedia.org/wiki/New_Woman#Class_differences
Nodelman, P. (1 9 8 8 ) . Children's Literature as Women's Writing. Children's Literature
Association Quarterly. 13 (1), 33. doi:10.1353/chq.0.0264
Office of the United Nations High Commissioner for Human Rights. [n.d.]. Gender Stereotyping.
Retrieved from https://www.ohchr.org/en/issues/women/wrgs/pages/genderstereo
types.aspx
Pillay, N. (n.d.). Are Human Rights Universal? Retrieved from
https://www.un.org/en/chronicle/article/are-human-rights-universal
Population Reference Bureau. (2 0 0 9 ) . Human Population: Urbanization. Retrieved from
https://www.prb.org/humanpopulation/
19
Pucci, C. [n.d.]. Victorian Age, Charles Dickens and Thomas Hardy. Retrieved from
https://www.academia.edu/38291328/Victorian_Age_Charles_Dickens_and_Thomas_H
ardy
Rampton M., (2 0 1 5 , October 1 5 ) . Four Waves of Feminism [Online Forum]. Retrieved from
https://www.pacificu.edu/magazine/four-waves-feminism#:~:text=The% 2 0 first% 2 0
wave%20of%20feminism,with%20a%20focus%20on%20suffrage.
Reform Bill. (2020, May 28). In Encyclopædia Britannica. Retrieved December 11, 2020 from
https://www.britannica.com/event/Reform-Bill
Springer, N. (2 0 0 7 ) . The Case of the Missing Marquess: an Enola Holmes mystery. New York:
Puffin Books.
Symes, R. A. (1995). Educating women : the preceptress and her pen 1780-1820. (PhD thesis,
University of York). Retrieved from http://etheses.whiterose.ac.uk/2473/
White, E. M. (2 0 0 9 ) . Representations of the True Woman and the New Woman in Harper's
Bazar (Graduate Theses and Dissertations, Iowa State University). Retrieved from
https://lib.dr.iastate.edu/etd/10695
Women’s Suffrage in the United Kingdom: Timeline. (2 0 2 0 , 4 December). In Wikipedia.
Retrieved December 1 1 , 2 0 2 0 from https://en.wikipedia.org/wiki/Women% 2 7 s_
suffrage_in_the_United_Kingdom#Timeline