Professional Documents
Culture Documents
รายวิชาพื้นฐาน
06 03
เทคโนโลยี 05
2
04
แจ
กฟ
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เฉ
สร้างอนาคตเด็กไทย
พา
ะค
เทคโนโลยี รี รูผ
ู้สอ
ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูร
้ ะดับโลก (การออกแบบและเทคโนโลยี) น
หนังสือเรียน รายวิ
้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2
ชัน
คู่มือครูชาพื้นฐาน
ตามมาตรฐานการเรียนรูแ
้ ละตัวชีว
้ ด
ั
กลุม
่ สาระการเรียนรูว ิ ยาศาสตร์ ( ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 )
้ ท
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน
้ พืน
้ ฐาน พุทธศักราช 2551
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ à·¤â¹âÅÂÕ (¡ÒÃÍ͡ẺáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ) Á. 1
ม.2
ื ครู อจท.
่ อ
คูม สือเรียน
ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนัง
เพิ่ม คำแนะนำการใช้
เพิ่ม คำอธิบายรายวิชา
ม.2
เพิ่ม Pedagogy
เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด
เพิ่ม
อนด มาตรฐา
าษป
ªÐ¢Ü×Ùw¤
ชวย
นใหม
กระด
ถนอมสายตา
Ed
u cฒ
ั นาสกุล เมษ์ ศรีพ
เมษ์ ศรีพฒ ั areนาสกุล
>> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสัง
่ ซือ
้ ของ อจท.
คู่มือครู บร.(การออกแบบฯ)
วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1
ภาพปกนีม
้ ข
ี นาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
คู่มือครู นร. เทคโนโลยี ม.1
ราคานี้ เป็นของฉบับคูม
่ อ
ื ครูเท่านัน
้
ิ่ม
เพ คําแนะนําการใช้ ช่วยสร้างความเข้าใจ เพื่อใช้คู่มือครู Chapter Overview ช่ ว ยสร้ า งความเข้ า ใจ และ
ได้อย่างถูกต้องและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เห็ น ภาพรวมในการออกแบบแผนการจั ด การเรี ย นรู ้
แต่ละหน่วย
คํ า อธิ บ ายรายวิ ช า แสดงขอบข่ า ยเนื้ อ หาสาระของ
รายวิชา ซึ่งครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดตาม Chapter Concept Overview ช่วยให้เห็นภาพรวม
ที่หลักสูตรกําหนด Concept และเนื้อหาสําคัญของหน่วยการเรียนรู้
60
คู่มือครู
Teacher Script
เทคโนโลยี
(กำรออกแบบและเทคโนโลยี) ม. 2
ชั้นมัธยมศึกษำปที่ 2
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
บรรณาธิการคู่มือครู
ทีมวิชาการ STEM
พิมพครั้งที่ 1
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
ISBN : 978-616-203-519-7
61
คํ า แนะนํ า การใช้
คูม อื ครู รายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)
ม.2 จัดทาํ ขึน้ สาํ หรับใหค รูผสู อนใชเ ปน แนวทางวางแผนการจัดการเรียน
การสอน เพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนและประกันคุณภาพผูเ รียน
ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
Chapter Overview
โครงสรางแผนและแนวทางการประเมินผูเรียน
ประจําหนวยการเรียนรู นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
โซน 1
ขัน้ นํา (5Es)
Chapter Concept Overview กระตุน ความสนใจ หน่วยการเรียนรู้ที่
กระบวนการ
สรุปสาระสําคัญประจําหนวยการเรียนรู
1. ครู ใ ห นั ก เรี ย นทํ า แบบทดสอบก อ นเรี ย น
หนวยการเรียนรูท่ี 3 กระบวนการออกแบบ
เชิงวิศวกรรม
2. ครู ถ ามคํ า ถามกระตุ น ความคิ ด ให นั ก เรี ย น
แสดงความคิดเห็นวา
3 ออกแบบเชิงวิศวกรรม
• นักเรียนคิดวากระบวนการทางวิทยาศาสตร
มี ค วามสั ม พั น ธ ห รื อ ความแตกต า งจาก •ก
กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตรอยางไร
( แนวตอบ มี ค วามแตกต า งกั น เพราะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตรเปนการหา
ค ว า ม สั ม พั น ธ เ ชิ ง ค ว า ม เ ป น เ ห ตุ ผ ล
แต ก ระบวนการทางวิ ศ วกรรมศาสตร
เปนกระบวนการสรางสรรคหรือประดิษฐ
เทคโนโลยี นวั ต กรรม วิ ท ยาการต า งๆ
ซึ่ ง สามารถแยกออกมาได ห ลายแขนง
แตกย็ งั มีความสัมพันธกนั ตรงทีก่ ระบวนการ
ทางวิศวกรรมศาสตรตองนําเอาองคความรู
และทฤษฎี ต า งๆ จากกระบวนการทาง
วิทยาศาสตรมาสรางสรรคเปนชิ้นงานหรือ
ผลงานขึ้น)
โซน 1 ช่วยครูจัด
• นักเรียนคิดวา การสรางปากกาเคมีตอ งการ
ผ า นกระบวนการทางวิ ท ยาศาสตร ห รื อ
กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตรหรือไม
อยางไร
แนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจ วางแผนขั้นตอนการท�างานและด�าเนินการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน
ชิน้ ใดถึงจะสามารถลบออกได สวนบรรจุภณ ั ฑ
มน าอา
ี้อย จม
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนใหครูผูสอน
ะหว รปร
จะเปนกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร น�าเสนอผลการแก้ปัญหา
าง ับป
สง รุง
ตร แก
เพราะตองออกแบบผลิตภัณฑไมใหสารเคมี 32
วจ ไข
พิจ
าร
ณ
เกร็ดแนะครู
เพื่อใหนักเรียนบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามตัวชี้วัด ในการจัดการเรียนการสอน เรื่อง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
ครูอาจใชคําถามถามนักเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียน เชน ถามวา
“นวัตกรรมคืออะไร” แลวเปดโอกาสใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามปากเปลา
นํา สอน สรุป ประเมิน หรือครูอาจสุมถามคําถามนักเรียนเปนรายบุคคล เพื่อใหนักเรียนไดใชทั้ง
ความคิดและนําความรูเดิมมาประยุกตใชในการตอบคําถาม จากนั้นครูอธิบาย
ความหมายของคําวานวัตกรรมวา “นวัตกรรม หมายถึง การทําสิ่งตางๆ ดวย
วิ ธีใ หม ๆ และยั ง อาจหมายถึ ง การเปลี่ ย นแปลงทางความคิ ด การผลิ ต
กระบวนการ หรือองคกร ไมวาการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้นจากการปฏิวัติ
โซน 3
การเปลี่ยนอยางถอนรากถอนโคน หรือการพัฒนาตอยอด และในหลายสาขา
เชื่อกันวาการที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเปนนวัตกรรมไดนั้น จะตองมีความแปลกใหม
อยางเห็นไดชัด” ใหนักเรียนฟงเพื่อเปนการนําเขาสูบทเรียน
โซน 2
T40
โซน 2 ช่วยครูเตรียมสอน
โดยประกอบดวยองคประกอบตาง ๆ ที่เปนประโยชน
เพื่อชวยลดภาระในการสอนของครูผูสอน
เกร็ดแนะครู สื่อ Digital
ความรูเ สริมสาํ หรับครู ขอ เสนอแนะ ขอ สังเกต แนวทางการจัด การแนะนําแหลงเรียนรูและแหลงคนควาจากสื่อ Digital ตาง ๆ
กิจกรรมเพื่อประโยชนในการจัดการเรียนการสอน
แนวทางการวัดและประเมินผล
นักเรียนควรรู การเสนอแนะแนวทางในการวัดและประเมินผลนักเรียนทีส่ อดคลอ ง
ความรูเ พิม่ เติมจากเนือ้ หา เพือ่ ใหครูนาํ ไปใชอธิบายใหนกั เรียน กับแผนการสอน
62
โดยใชหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 และแบบฝกหัดรายวิชาพื้นฐาน
เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Meterial)
ประกอบการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรู เพือ่ ใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรู และตัวชีว้ ดั ของกลมุ สาระการเรียนรู
วิทยาศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งคูมือครู
มีองคประกอบที่งายตอการใชงาน ดังนี้
ความรู้เดิมที่มีอยู่
กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์
สิ่งที่มีอยู่เดิม
ในทักษะแหงศตวรรษที่ 21
ความอยากรู้ทางวิทยาศาสตร์ ความต้องการระบุ
ขอสอบเนนการคิด
ตั้งสมมติฐาน รวบรวมองค์ความรู้และหลักการ
ตัวอยางขอสอบที่มุงเนนการคิด มีทั้งปรนัย-อัตนัย พรอม
ออกแบบการทดลอง วิเคราะห์ความเป็นไปได้
เฉลยอยางละเอียด
วิเคราะห์เชิงนโยบาย ออกแบบ แนวตอบ คําถามสําคัญประจําหัวขอ
วิทยาศาสตร คือ การหาความสัมพันธเชิง
ตรวจสอบ เริ่มกระบวนการผลิต ความเปนเหตุเปนผลของปรากฏการณธรรมชาติ
ส ว นวิ ศ วกรรมศาสตร คื อ การนํ า องค ค วามรู
กิจกรรมทาทาย
า
ไข ารณ
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
หน
ปรับปรุงเพื่อมนุษยไดใชประโยชนในการดํารงชีวิต
63
ค� ำ อธิ บ ำยรำยวิ ช ำ
เทคโนโลยี (กำรออกแบบและเทคโนโลยี) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 เวลาเรียน 20 ชั่วโมง / ปี
ตัวชี้วัด
ว 4.1 ม.2/1 ค าดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้น โดยพิจารณาจากสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ
เทคโนโลยี และวิเคราะห์เปรียบเทียบ ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยี โดยค�านึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชีวิต
สังคม และสิ่งแวดล้อม
ว 4.1 ม.2/2 ระบุปญั หาหรือความต้องการในชุมชนหรือท้องถิน่ สรุปกรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ ข้อมูลและแนวคิด
ที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
ว 4.1 ม.2/3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จ�าเป็นภายใต้เงื่อนไข และ
ทรัพยากรที่มีอยู่ น�าเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจ วางแผนขั้นตอนการท�างานและด�าเนินการ
แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน
ว 4.1 ม.2/4 ทดสอบ ประเมินผล และอธิบายปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ภายใต้กรอบเงื่อนไขพร้อมทั้งหาแนวทาง
การปรับปรุงแก้ไข และน�าเสนอผลการแก้ปัญหา
ว 4.1 ม.2/5 ใช้ความรู้และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแก้ปัญหาหรือ
พัฒนางานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย
รวม 5 ตัวชี้วัด
64
Pedagogy
คู่มือครู รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี
(กำรออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 จัดท�าขึน้ เพือ่ ให้ครูผสู้ อนน�าไปใช้เป็นแนวทางวางแผนการสอน
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน โดยผู้สอนสามารถวางแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 2 (ฉบับอนุญาต) ทีท่ างบริษทั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จ�ากัด จัดพิมพ์จา� หน่าย
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกน
กลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ (Instructional Design) สอดคล้องตามรูปแบบการเรียนรู้ที่ส�าคัญ
2 รูปแบบ คือ รูปแบบการสอนแบบ 5Es และรูปแบบการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วย
ุ้นควำมสนใจ
ให้ผู้เรียนได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ กระต e
คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะส�าคัญในการค้นคว้าหาความรู้ และมี Eennggag ment
1
สำ� xploration
eEvvaluatio ล
ความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ผู้จัดท�าจึงได้เลือกใช้
รวจ
ผ
eE
ตรวจสอบ
n
และค้นหำ
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู ้ (5Es Instructional Model) 2
5
ซึ่งเป็นขั้นตอนการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้างองค์
ความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและการลงมือท�า โดยใช้
5Es
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือส�าคัญเพื่อการพัฒนา
bo 4 3
n
El a
tio
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะการเรียนรู้แห่ง ratio na
ขย
xpla คว
รู้
คว
ำม
n E
ำย
ศตวรรษที่ 21 ำมเ ำย
ข้ำใจ อธิบ
65
รูปแบบกำรสอนแบบใช้ปัญหำเป็นฐำน (Problem-Base Learning : PBL)
ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนวิทยาการ
ค�านวณ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาวิธีคิด ฝึกทักษะการคิด 6 น�ำเสนอและ
แก้ปัญหาอย่างมีเหตุผลและเป็นระบบ ผู้จัดท�าจึงเลือกใช้ ประเมินผลงำน
ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่จากการใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต 3 ด�ำเนินกำรศึกษำค้นคว้ำ
ประจ�าวัน โดยการจัดกิจกรรมที่เน้นทักษะกระบวนการคิด
2 ท�ำควำมเข้ำใจปัญหำ
แก้ปัญหา คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ
การสืบค้นและรวบรวมข้อมูล บันทึกและการอภิปรายการเรียนรู้ 1 ก�ำหนดปัญหำ
โดยใช้ปัญหาเป็นฐานจึงเป็นผลมาจากกระบวนการท�างาน
ที่ต้องอาศัยความเข้าใจและการแก้ไขปัญหาเป็นหลัก ซึ่ง
สอดคล้องกับธรรมชาติวิชาของวิชาวิทยาการค�านวณ
การจัดการเรียนรูแ้ บบใช้ปญั หาเป็นฐาน (Problem-Base Learning : PBL) เป็นการจัดการเรียนรูท้ เี่ น้นในสิง่ ทีผ่ เู้ รียน
ต้องการเรียนรู้ โดยเริ่มมาจากปัญหาที่ผู้เรียนสนใจ หรือพบในชีวิตประจ�าวันที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทเรียน ซึ่งครูจะต้องมี
การจัดแผนการเรียนรู้ตามความสนใจของผู้เรียนอย่างเหมาะสม เน้นที่กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
ผู้เรียนในกลุ่ม การปฏิบัติและการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อน�าไปสู่การค้นคว้าหาค�าตอบหรือสร้างความรู้ใหม่บนฐานความรู้เดิม
66
Teacher Guide Overview
เทคโนโลยี (กำรออกแบบและเทคโนโลยี ) ม.2
หน่วย
ตัวชี้วัด ทักษะที่ได้ เวลำที่ใช้ กำรประเมิน สื่อที่ใช้
กำรเรียนรู้
1 - คาดการณ์แนวโน้ม - ทักษะการใช้เทคโนโลยี - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - หนังสือเรียน รายวิชา
เทคโนโลยี เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้น สารสนเทศ - สังเกตการน�าเสนอและอภิปราย พื้นฐาน เทคโนโลยี
กับชีวิต โดยพิจารณาจากสาเหตุ - ทักษะการสังเกต เกี่ยวกับเทคโนโลยีกับชีวิต (การออกแบบและ
หรือปัจจัยที่ส่งผลต่อ - ทักษะการให้เหตุผล - ตรวจผังมโนทัศน์ เทคโนโลยี) ม.2
การเปลี่ยนแปลงของ - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ตรวจใบงาน - แบบฝึกหัด รายวิชา
เทคโนโลยีและวิเคราะห์ - ทักษะการสื่อสาร 2 - ตรวจแบบฝึกหัด พื้นฐาน เทคโนโลยี
เปรียบเทียบ ตัดสินใจ - ทักษะการท�างานร่วมกัน ชั่วโมง - สังเกตพฤติกรรมการท�างาน (การออกแบบและ
เลือกใช้เทคโนโลยี - ทักษะการคิดสร้างสรรค์ รายบุคคล เทคโนโลยี) ม.2
โดยค�านึงถึงผลกระทบ - สังเกตพฤติกรรมการท�างานกลุ่ม - ใบงาน
ที่เกิดขึ้นต่อชีวิต สังคม - สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - PowerPoint
และสิ่งแวดล้อม - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - QR Code
(ว 4.1 ม.2/1)
67
หน่วย
ตัวชี้วัด ทักษะที่ได้ เวลำที่ใช้ กำรประเมิน สื่อที่ใช้
กำรเรียนรู้
68
สำรบั ญ
Chapter
Chapter Teacher
Chapter Title Overview
Concept
Script
Overview
หน่วยการเรียนรูที่ 1 เทคโนโลยีกับมนุษย T2 T3 T4
• การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี T5 - T11
ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 T12 - T13
• ความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ T41
• กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ T42 - T44
• กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม T45 - T51
• ระบบเทคโนโลยี T52 - T53
ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 T54 - T55
บรรณำนุกรม T70
ภำคผนวก T71 - T72
69
Chapter Overview
แผนกำรจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
กำรเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. อธิบายกระบวนการ แบบสืบเสาะ - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการใช้ - มีวินัย
ความสัมพันธ์ของ - หนังสือเรียน รายวิชา ทางวิทยาศาสตร์ หาความรู้ (5Es ก่อนเรียน เทคโนโลยี - ใฝ่เรียนรู้
วิทยาศาสตร์และ พื้นฐานเทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ Instructional - สังเกตการอภิปราย สารสนเทศ - มุ่งมั่นใน
วิศวกรรมศาสตร์ (การออกแบบ ได้ถูกต้อง (K) Model) เกี่ยวกับการใช้ - ทักษะการสังเกต การท�างาน
และเทคโนโลยี) ม.2 2. บอกความสัมพันธ์ของ กระบวนการทาง - ทักษะการคิด
2 - แบบฝึกหัด รายวิชา กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ วิเคราะห์
ชั่วโมง พื้นฐานเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์และ - ตรวจผังมโนทัศน์ - ทักษะการสื่อสาร
(การออกแบบ วิศวกรรมศาสตร์ได้ เรื่อง ความสัมพันธ์ - ทักษะการน�า
และเทคโนโลยี) ม.2 ถูกต้อง (K) ของกระบวนการทาง ความรู้ไปใช้
- ใบงาน 3. เขียนขั้นตอนการ วิทยาศาสตร์และ
- PowerPoint แก้ปัญหา โดยใช้ วิศวกรรมศาสตร์
- QR Code กระบวนการทาง - ตรวจใบงาน
วิทยาศาสตร์และ - ตรวจแบบฝึกหัด
วิศวกรรมศาสตร์ได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม
4. เล็งเห็นถึงความส�าคัญ การท�างานรายบุคคล
ของการแก้ปัญหา - สังเกตพฤติกรรม
โดยใช้กระบวนการทาง การท�างานกลุ่ม
วิทยาศาสตร์และ - สังเกตคุณลักษณะ
วิศวกรรมศาสตร์ (A) อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรียน รายวิชา 1. อธิบายขั้นตอนของ แบบใช้ - สังเกตการอภิปราย - ทักษะการใช้ - มีวินัย
กระบวนการ พื้นฐานเทคโนโลยี กระบวนการออกแบบ โครงงานเป็น เกี่ยวกับการออกแบบ เทคโนโลยี - ใฝ่เรียนรู้
ออกแบบเชิง (การออกแบบ เชิงวิศวกรรมได้อย่าง ฐาน (Project- เชิงวิศวกรรม สารสนเทศ - มุ่งมั่นใน
วิศวกรรม และเทคโนโลยี) ม.2 ถูกต้อง (K) Based Learning - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการสังเกต การท�างาน
- แบบฝึกหัด รายวิชา 2. ออกแบบผลิตภัณฑ์ : PBL) - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการแก้ปญั หา
2 พื้นฐานเทคโนโลยี โดยใช้หลักการออกแบบ การท�างานรายบุคคล - ทักษะการท�างาน
ชั่วโมง (การออกแบบ เชิงวิศวกรรมได้ (P) - สังเกตคุณลักษณะ ร่วมกัน
และเทคโนโลยี) ม.2 3. เห็นประโยชน์ของ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสื่อสาร
- PowerPoint กระบวนการออกแบบ - ทักษะการคิด
- QR Code เชิงวิศวกรรม (A) วิเคราะห์
แผนฯ ที่ 3 - แบบทดสอบหลังเรียน 1. บอกความหมายของ แบบสืบเสาะ - สังเกตการอภิปราย - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
ระบบเทคโนโลยี - หนังสือเรียน รายวิชา ระบบเทคโนโลยีได้ (K) หาความรู้ (5Es เกีย่ วกับระบบเทคโนโลยี - ทักษะการสื่อสาร - ใฝ่เรียนรู้
พื้นฐานเทคโนโลยี 2. อธิบายรูปแบบ Instructional - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง - ทักษะการสังเกต - มุ่งมั่นใน
2 (การออกแบบ การท�างานของระบบ Model) เทคโนโลยีด้านพลังงาน - ทักษะการท�างาน การท�างาน
และเทคโนโลยี) ม.2 เทคโนโลยีได้อย่าง - ตรวจแบบฝึกหัด ร่วมกัน
ชั่วโมง
- แบบฝึกหัด รายวิชา ถูกต้อง (K) - ตรวจแบบฝึกหัดจาก - ทักษะการน�า
พื้นฐานเทคโนโลยี 3. ออกแบบเชิงวิศวกรรม Unit Activity ความรู้ไปใช้
(การออกแบบ และระบบเทคโนโลยี - สังเกตพฤติกรรม
และเทคโนโลยี) ม.2 ได้อย่างถูกต้อง (P) การท�างานรายบุคคล
- PowerPoint 4. เล็งเห็นถึงความส�าคัญ - สังเกตพฤติกรรม
- QR Code ของระบบเทคโนโลยี การท�างานกลุ่ม
(A) - สังเกตคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
T38
2
70
Chapter Concept Overview
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3
ควำมสัมพันธ์ของกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์และวิศวกรรมศำสตร์
วิทยาศาสตร์ คือ การหาความสัมพันธ์เชิงความเป็นเหตุเป็นผลของปรากฏการณ์ธรรมชาติ ส่วนวิศวกรรมศาสตร์ คือ การน�า
องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาสร้างเทคโนโลยี ซึ่งกระบวนการคิดและการท�างานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ มีดังนี้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ การพิสูจน์เพื่อให้เกิดการยอมรับในความ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมประกอบด้วยองค์ประกอบ 6 ขั้นตอน และ
รูใ้ หม่ โดยใช้พนื้ ฐานจากความรูท้ มี่ อี ยูเ่ ดิม โดยกระบวนการสร้างองค์ความรู้ สามารถจ�าแนกรายละเอียดได้เป็น 13 ขั้นตอน ดังนี้
ใหม่เกิดจากความรู้เดิมซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนหลัก
ความรู้เดิมที่มีอยู่
ความรู้เดิม 1 ระบุปัญหา 2 รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่
ความอยากรู้ทางวิทยาศาสตร์
น�าข้อสรุป ความอยากรู้ เกี่ยวข้องกับปัญหา
ไปพิสูจน์ ทาง
ตั้งสมมติฐาน กระบวนการ วิทยาศาสตร์
ประยุกต ใช ทาง 4 วางแผนและด�าเนิน 3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา
วิทยาศาสตร
ออกแบบการทดลอง สรุป การแก้ไขปัญหา
วิเคราะห์ ตั้งสมมติฐาน
วิเคราะห์เชิงนโยบาย ออกแบบ
การทดลอง
5 ทดสอบ ประเมินผล และ 6 น�าเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผล
ตรวจสอบ ปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปญั หา การแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน
หรือชิน้ งาน
ขั้นตอนที่จําแนกรายละเอียด
ระบบเทคโนโลยี
ระบบเทคโนโลยี เป็นการน�าความรู้ทางเทคโนโลยีมาใช้ในขั้นตอนการ 1 ระบุความต้องการ
ออกแบบ โดยน�าปัญหามาแตกออกเป็นระบบย่อย แล้วท�าการประมวลข้อมูล
ต่าง ๆ เพือ่ ให้ได้รปู แบบการแก้ปญั หา ซึง่ อยู่ในรูปของอัลกอริทมึ (Algorithm) 2 ระบุคุณลักษณะที่ต้องการ
สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระบบย่อย ดังนี้
ย้อนกลับปรับปรุง
จําหนายผลิตภัณฑ
3 รวบรวมข้อมูล
ย้อนกลับปรับปรุง
ความตองการ/
เงื่อนไขสมรรถนะ 4 ศึกษาความเป็นไปได้
ความรู/
วิทยาการ ออกแบบวิศวกรรม ผลผลิต
5 สังเคราะห์หาหลักการสร้างสรรค์
ผาน
ความตองการ/ ไมผาน ประเมินผล
เงื่อนไขสมรรถนะ ยอนกลับปรับปรุง 6 ออกแบบสร้างขั้นตอน
ระบบยอยที่ 2
ความรู/
วิทยาการ ออกแบบวิศวกรรม ผลผลิต
7 จ�าลองสภาพสถานการณ์
ไมผาน ประเมินผล
ยอนกลับปรับปรุง 8 ออกแบบละเอียด
ย้อนกลับปรับปรุง
ระบบยอยที่ 1
จําหนายผลิตภัณฑ 9 สร้างและทดสอบเครื่องต้นแบบ
ย้อนกลับปรับปรุง
ความตองการ/
เงื่อนไขสมรรถนะ
ผาน 10 ประเมินผล
ความรู/
วิทยาการ ออกแบบวิศวกรรม ผลผลิต
11 ประชุมสรุปผล
ไมผาน ผาน
ประเมินผล
ยอนกลับปรับปรุง
12 ออกแบบการผลิต
ระบบยอยที่ 3
13 จ�าหน่ายผลิตภัณฑ์
T39
3
71 กระบวนการ
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
43
น�ำ น�ำ สอน สรุป ประเมิน
กระบวนการ
กระตุน้ ควำมสนใจ หน่วยการเรียนรู้ที่
1. ครู ใ ห นั ก เรี ย นทํ า แบบทดสอบก อ นเรี ย น
หนวยการเรียนรูท่ี 3 กระบวนการออกแบบ
เชิงวิศวกรรม
2. ครู ถ ามคํ า ถามกระตุ น ความคิ ด ให นั ก เรี ย น
แสดงความคิดเห็นวา
3 ออกแบบเชิงวิศวกรรม
• นักเรียนคิดวากระบวนการทางวิทยาศาสตร
มี ค วามสั ม พั น ธ ห รื อ ความแตกต า งจาก •ก
กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตรอยางไร
( แนวตอบ มี ค วามแตกต า งกั น เพราะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตรเปนการหา
ค วา ม สั มพั น ธ เ ชิ ง ค ว า ม เ ป น เ ห ตุ ผ ล
แต ก ระบวนการทางวิ ศ วกรรมศาสตร
เปนกระบวนการสรางสรรคหรือประดิษฐ
เทคโนโลยี นวั ต กรรม วิ ท ยาการต า งๆ
ซึ่ ง สามารถแยกออกมาได ห ลายแขนง
แตกย็ งั มีความสัมพันธกนั ตรงทีก่ ระบวนการ
ทางวิศวกรรมศาสตรตองนําเอาองคความรู
และทฤษฎี ต า งๆ จากกระบวนการทาง
วิทยาศาสตรมาสรางสรรคเปนชิ้นงานหรือ
ผลงานขึ้น)
แนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจ วางแผนขั้นตอนการท�างานและด�าเนินการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน
ชิน้ ใดถึงจะสามารถลบออกได สวนบรรจุภณ ั ฑ
มน าอา
ี้อย จม
จะเปนกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร น�าเสนอผลการแก้ปัญหา
าง ับป
สง รุง
ตร แก
เพราะตองออกแบบผลิตภัณฑไมใหสารเคมี 32
วจ ไข
พิจ
าร
ณ
มีอายุการใชงานนานที่สุด)
เกร็ดแนะครู
ในการจัดการเรียนการสอน เรื่อง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
ครูอาจใชคําถามถามนักเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียน เชน ถามวา
“นวัตกรรมคืออะไร” แลวเปดโอกาสใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามปากเปลา
หรือครูอาจสุมถามคําถามนักเรียนเปนรายบุคคล เพื่อใหนักเรียนไดใชทั้ง
ความคิดและนําความรูเดิมมาประยุกตใชในการตอบคําถาม จากนั้นครูอธิบาย
ความหมายของคําวานวัตกรรมวา “นวัตกรรม หมายถึง การทําสิ่งตางๆ ดวย
วิ ธีใ หม ๆ และยั ง อาจหมายถึ ง การเปลี่ ย นแปลงทางความคิ ด การผลิ ต
กระบวนการ หรือองคกร ไมวาการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้นจากการปฏิวัติ
การเปลี่ยนอยางถอนรากถอนโคน หรือการพัฒนาตอยอด และในหลายสาขา
เชื่อกันวาการที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเปนนวัตกรรมไดนั้น จะตองมีความแปลกใหม
อยางเห็นไดชัด” ใหนักเรียนฟงเพื่อเปนการนําเขาสูบทเรียน
T40
72
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ส�ำรวจค้นหำ
1 ค วามสัมพันธ์ของกระบวนการทาง 2. ครูใหนกั เรียนยกตัวอยางผลิตภัณฑและรวมกัน
วิทยาศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ อภิ ป รายว า ในผลิ ต ภั ณ ฑ นั้ น สิ่ ง ใดเป น
วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คือ การหาความสัมพันธ์เชิงความเป็นเหตุเป็นผลของ กระบวนการทางวิทยาศาสตรและสิ่งใดเปน
มีความสัมพันธ์กัน
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ท�าไมเราจึงเป็นหวัด ซึ่งจะต้องหาเหตุ คือ กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร
อย่างไร
การที่มนุษย์ได้รับเชื้อไวรัส จึงท�าให้ได้ผลตามมา คือ เป็นโรคหวัด เป็นต้น 3. ครูใหนักเรียนทําการศึกษาคนควาเกี่ยวกับ
ซึง่ การเป็นหวัดคือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของร่างกาย หากต้องการศึกษา ผลิตภัณฑทนี่ กั เรียนไดยกตัวอยางวาแตละชิน้
ให้เข้1าใจมากกว่าแค่เหตุและผลนัน้ เราจะต้องใช้วทิ ยาศาสตร์ในการหาค�าตอบเชิงกลไกเกีย่ วกับการท�างานของไวรัส ผ า นกระบวนการทางวิ ท ยาศาสตร แ ละ
DNA รวมถึงผลกระทบกับส่วนอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อน�าไปสู่การพัฒนาวัคซีนในการรักษาได้ถูกต้องและแม่นย�า
DNA
วิศวกรรมศาสตรอยางไร และศึกษาความ
วิศวกรรมศาสตร์ คือ การน�าองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาสร้างเป็นเทคโนโลยี ซึ่งมีหลายแขนง เช่น
วิศวกรรมโยธาเชี่ยวชาญการสร้างตึก ถนน สะพาน วิศวกรรมเครื่องกลเชี่ยวชาญการสร้างยานพาหนะ วิศวกรรม เชือ่ มโยงเกีย่ กับความสัมพันธของกระบวนการ
สือ่ สารเชีย่ วชาญการสร้างเทคโนโลยีเพือ่ การสือ่ สารต่าง ๆ ตัวอย่างการใช้วศิ วกรรม เช่น การสร้างสนามบินแห่งหนึง่ ทางวิ ท ยาศาสตร แ ละวิ ศ วกรรมศาสตร
จะต้องมีวิศวกรรมศาสตร์หลายสาขาที่สร้างเทคโนโลยีในแต่ละส่วนและน�ามาใช้ร่วมกันได้ จากแหลงการเรียนรู เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต
กระบวนการคิดและการท�างานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ มีดังนี้ และสรุปเปนแผนผังมโนทัศนลงในกระดาษ A4
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์
ความรู้เดิมที่มีอยู่ สิ่งที่มีอยู่เดิม
ความอยากรู้ทางวิทยาศาสตร์ ความต้องการระบุ
ตั้งสมมติฐาน รวบรวมองค์ความรู้และหลักการ
ออกแบบการทดลอง วิเคราะห์ความเป็นไปได้
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
หน
ปรับปรุงเพื่อมนุษยไดใชประโยชนในการดํารงชีวิต
73
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบำยควำมรู้
1. ครูสุมนักเรียน 8-10 คน ตามความเหมาะสม แนวคิด 2 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ออกมานําเสนอแผนผังมโนทัศนจากทีน่ กั เรียน กระบวนการ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ การพิสูจน์เพื่อให้เกิดการยอมรับ
ไดทําการศึกษาคนความาแลว จากนั้นครูสรุป ทางวิทยาศาสตร์ ในความรู้ใหม่ โดยใช้พื้นฐานจากความรู้ที่มีอยู่เดิม โดยกระบวนการสร้าง
เ»šนแนวทางนาไ»สÙ่
ความรู จ ากที่ นั ก เรี ย นออกมานํ า เสนอว า ความรÙ้ãËม่ได้อย่างไร
องค์ความรู้ใหม่เกิดจากความรู้เดิมซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ จึงตั้งสมมติฐาน
กระบวนการทางวิ ท ยาศาสตร เ ป น การนํ า เพื่อท�าการออกแบบกระบวนการหาข้อพิสูจน์แล้วท�าการทดลอง น�าผลการ
ทดลองมาผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมีตรรกะ และสังเคราะห์เป็น
ความรูที่มีอยูนํามาหาขอพิสูจน โดยการตั้ง ความรู้ใหม่ที่ปราศจากข้อโต้แย้ง และสามารถอธิบายความเป็นมาของความรู้ใหม่บนพื้นฐานความรู้เดิมได้อย่างมี
สมมติ ฐ าน ออกแบบการทดลอง จากนั้ น เหตุผล
วิ เ คราะห เ ป น นโยบาย เพื่ อ ตรวจสอบ
ข อ สมมติ ฐ าน และสิ่ ง ที่ เ ราต อ งการพิ สู จ น ตัวอย่าง แนวคิดกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เมื่ อ เราได ข อ สรุ ป จากกระบวนการทาง มนุษย์ด�ารงชีวิตอยู่บนโลกมาตั้งแต่อดีต โดยรู้จัก
วิ ท ยาศาสตร แ ล ว เราจึ ง นํ า ไปประยุ ก ต ใ ช แสงแดดในรูปของพลังงานทีใ่ ห้ความอบอุน่ และแสงสว่าง
และพัฒนาใหเกิดเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม จึงท�าให้มนุษย์สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในช่วงที่ดวง
อาทิตย์ยงั ไม่ตก ซึง่ ต่อมาได้มกี ารศึกษาแสงทีส่ อ่ งมาจาก
ตางๆ โดยผานกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร
ดวงอาทิตย์ คือ เซอร์ ไอแซก นิวตัน เป็นนักฟสิกส์ที่ได้
ศึกษาธรรมชาติพนื้ ฐานของแสง นิวตันได้ทา� การทดลอง
ที่สามารถแยกแสงจากดวงอาทิ
1 ตย์ที่ไม่มีสีหรือเราเรียก
กันว่า แสงสีขาว ให้เกิดการหักเหของแสงจนเกิดเป็น
แถบสีขึ้นมาได้ส�าเร็จ โดยการน�าปริซึมฐานสามเหลี่ยม
แยกแสงจากดวงอาทิตย์ออกเป็นแถบสีรุ้ง โดยนิวตัน
ท�าการตั้งสมมติฐานไว้ ดังนี้ ภาพที่ 3.2 เซอร์ ไอแซก นิวตัน
2. การสรางสมมติฐาน
มน าอา
ี้อย จม
ู ในร ีกา
3. ตรวจสอบสมมติฐาน หรือขั้นทดลอง
าง ับป
สง รุง
ตร แก
34
วจ ไข
4. วิเคราะหขอมูล
พิจ
าร
ณ
า
5. ลงขอสรุป
T42
74
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ขยำยควำมเข้ำใจ
เมื่อนิวตันได้ผลการทดลองแล้ว นิวตันจึงสงสัยว่า แสงที่หักเหจนได้สีต่าง ๆ ออกมานั้น สามารถรวมกลับไป 1. ครูอธิบายเกีย่ วกับกระบวนการทางวิทยาศาสตรวา
เป็นแสงสีขาวได้หรือไม่ นิวตันจึงท�าการทดลองโดยการน�าปริซมึ 2 แท่ง มาท�าการทดลอง โดยการน�าปริซมึ แท่งแรก กระบวนการทางวิทยาศาสตรเปนกระบวนการ
ท�าการหักเหแสงสีขาวจากดวงอาทิตย์ออกมาได้เป็นสีรุ้งที่สามารถเห็นได้ว่ามี 7 สี แล้วน�าปริซึมแท่งที่ 2 มารับแสง ที่ ผู ค นส ว นใหญ ย อมรั บ เนื่ อ งจากเป น
สีรงุ้ จากปริซมึ แท่งแรก จะพบว่าปริซมึ แท่งที ่ 2 ท�าหน้าทีร่ วมแสงทีห่ กั เหจากปริซมึ แท่งแรกกลับมาเป็นแสงสีขาวได้ กระบวนการที่สามารถหาคําตอบและพิสูจน
เหตุการณตางๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติได
อีกทัง้ ยังคํานวณปรากฏการณทางธรรมชาติได
ลวงหนา และยังสามารถสรางสรรคเทคโนโลยี
เพือ่ อํานวยความสะดวกใหกบั มนุษยไดอกี ดวย
2. ครู ย กตั ว อย า งแนวคิ ด กระบวนการทาง
วิทยาศาสตรเกี่ยวกับการแยกแสงสีที่ขาววา
ปริซึมแทงที่ 1 ปริซึมแทงที่ 2
นิ ว ตั น สามารถแยกแสงสี ข าวออกมาเป น
แถบแสง 7 สี จากดวงอาทิ ต ย ไ ด สํ า เร็ จ
ภาพที่ 3.4 การทดลองใช้ปริซึม 2 แท่ง ศึกษาการกระจายของแสงและการรวมของแสง
โดยทํ า การทดลองกั บ ปริ ซึ ม ทํ า ให ม นุ ษ ย
จากนั้น นิวตันน�ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาค้นหาต่อไป โดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มีขั้นตอน สามารถอธิ บ ายปรากฏการณ รุ ง กิ น นํ้ า ได
ดังนี้
และยั ง นํ า ความรู ไ ปสร า งสิ่ ง อํ า นวยความ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สะดวกใหกบั มนุษย เชน แวนสายตา กระจกเงา
ความรู้เดิมที่มีอยู่ โคมไฟคริ ส ตั ล โดยผ า นกระบวนการทาง
ความรู้เดิม วิศวกรรมศาสตร จากนั้นใหนักเรียนศึกษา
ความอยากรู้ทางวิทยาศาสตร์ ตัวอยางดังกลาวจากหนังสือเรียน
น�าข้อสรุป ความอยากรู้
ไปพิสูจน์ ทาง
ตั้งสมมติฐาน กระบวนการ วิทยาศาสตร์
ประยุกต์ ใช ทาง
วิทยาศาสตร์
ออกแบบการทดลอง สรุป
วิเคราะห์ ตั้งสมมติฐาน
วิเคราะห์เชิงนโยบาย ออกแบบ
การทดลอง
ตรวจสอบ
า
ไข ารณ
ุงแก พิจ
ปร วจ
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
หน
เกร็ดแนะครู
ครู อ าจนํ า ความรู เรื่ อ ง แสง ในส ว นที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ คุ ณ สมบั ติ เช น
การสะทอนของแสง การหักเหของแสง มาอธิบายและใหความรูเพิ่มเติม
กั บ นั ก เรี ย น เพื่ อ ให นั ก เรี ย นเกิ ด ความเข า ใจเกี่ ย วกั บ การทดลองการหั ก เห
ของแสงผานปริซึมไดมากขึ้น
T43
75
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ขยำยควำมเข้ำใจ
3. ครูเขียนแผนผังมโนทัศนบนกระดานเกี่ยวกับ การใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร์กับการทดลองของนิวตัน
การใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรกับการ
ทดลองของนิวตัน ใหนักเรียนไดเขาใจมากขึ้น ความรูเดิม (Existing Knowledge)
โดยการใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรกับ
เป็นการน�าความรู้เดิมโดยเน้นทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ หรือความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ในชีวิต
การทดลองของนิวตัน ซึ่งความรู้เดิมที่เรารู้อยู่แล้ว คือ เมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลาง แสงสามารถหักเหได้
4. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน ตาม
ความเหมาะสมทําใบงาน เรื่อง โคมไฟคริสตัล ความอยากรูทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Curiosity)
โดยใหนกั เรียนนําความรูจ ากการสํารวจคนหา
ตั้งข้อสงสัยว่า แสงสีขาวระหว่างที่เดินทางผ่านปริซึมแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง จึงท�าให้แสงสีขาวที่เดินทางผ่านปริซึม
เกี่ยวกับความสัมพันธของกระบวนการทาง มีแสงออกมาเป็นแสง 7 สีแทน
วิทยาศาสตรและวิศวกรรมศาสตรจากที่ได
ทําการศึกษาคนควา และแผนผังมโนทัศน ตัง้ สมมติฐาน (Hypothesis)
การใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรกับการ
ตั้งสมมติฐานว่า แสงเดินทางผ่านปริซึมแล้วแสงถูกปริซึมท�าให้เปลี่ยนสี หรือเกิดการหักเหของแสง
ทดลองของนิ ว ตั น จากตั ว อย า งที่ ค รู อ ธิ บ าย
บนกระดานมาเปนแนวทางในการทําใบงาน ออกแบบการทดลอง (Experiment)
เมื่ อ เสร็ จ แล ว ให นั ก เรี ย นออกมานํ า เสนอ
หนาชั้นเรียน การออกแบบเป็นสิ่งที่มีความหลากหลายทางความคิด โดยสามารถออกแบบการทดลองได้หลายวิธี เช่น การใช้
แสงจากดวงอาทิตย์ แสงจากเทียน แสงจากการเผาไหม้ หรือแสงจากหลอดไฟ แล้วเมื่อน�าปริซึมไปรับแสง จะ
ต้องวางอย่างไร และเมื่อท�ามุมต่าง ๆ กับแสงที่เดินทางผ่านปริซึมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขนาดของปริซึมมีผลต่อ
ขัน้ ประเมิน การเปลี่ยนแปลงของแสงหรือไม่
ตรวจสอบผล
สรุปวิเคราะห์ (Analysis)
1. ครู อ าจใช คํ า ถามเพื่ อ ประเมิ น ความรู ข อง
นักเรียน เชน เมื่อท�าการทดลองแล้ว จึงได้ผลการทดลองที่จะสอดคล้องกับความรู้เดิมและสามารถอธิบายโดยใช้หลักของ
• นักเรียนไดความรูจากการเรียนรูเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ในการอธิบายการเกิดแสง 7 สี ซึ่งผลสรุปคือ “ปริซึมไมได้ทําให้สีของแสงอาทิตยเปลี่ยน แตปริซึม
หักเหให้สีตาง ๆ แยกออกจากกัน” อธิบายได้ว่า แสงสีขาวจะประกอบไปด้วยแสง 7 สี รวมกันจนเป็นแสงสีขาว
ความสั ม พั น ธ ท างวิ ท ยาศาสตร แ ละ และเมื่อใช้ปริซึมแสงสีขาวจะเกิดการหักเห ซึ่งแสงทั้ง 7 สี จะมีมุมหักเหที่ไม่เท่ากันจนเกิดการกระจายออกมาให้
วิศวกรรมศาสตรอยางไรบาง เห็นเป็น 7 สี นั่นเอง
(แนวตอบ ขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
2. ครู ป ระเมิ น การนํ า เสนอของนั ก เรี ย นและ นําขอสรุปไปพิสูจน์ (Proof)
ตรวจสอบความถู ก ต อ งจากใบงาน เรื่ อ ง ท�าการพิสจู น์ตามหลักวิทยาศาสตร์เพือ่ ยืนยันการทดลองบนความรูท้ างวิทยาศาสตร์ ซึ่งเมือ่ ได้รบั การพิสจู น์แล้วก็
โคมไฟคริสตัล
หน
จะเป็นความรูใ้ หม่ทเี่ ผยแพร่ไปสูค่ นทัว่ ไป จากความรูน้ ที้ า� ให้คนรุน่ ต่อมาสามารถทีจ่ ะอธิบายปรากฏการณ์รงุ้ กินน�า้
ังส เน
ือเล ื้อห
มน าอา
ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์นั่นเอง
ี้อย จม
ู ในร ีกา
ะหว รปร
าง ับป
สง รุง
ตร แก
36
วจ ไข
พิจ
าร
ณ
า
T44
76
น�ำ น�ำ สอน สรุป ประเมิน
S แนวตอบ ค�ำถำมส�ำคัญประจ�ำหัวข้อ
Science E กระบวนการออกแบบเชิ ง วิ ศ วกรรม เป น
T กระบวนการที่นํามาใชในการแกปญหาหรือสนอง
Technology S M ความตองการ ซึ่งเริ่มจากการระบุปญหาที่พบแลว
กําหนดเปนปญหาที่ตองการแกไข จากนั้นทําการ
E ค น หาแนวคิ ด ที่ เ กี่ ย วข อ งและทํ า การวิ เ คราะห
Engineering เพื่ อ เลื อ กวิ ธีก ารที่ เ หมาะสม เมื่ อ ได วิ ธีก ารที่
M
T เหมาะสมแลว จึงทําการวางแผนและพัฒนาสิง่ ของ
เครื่องใชหรือวิธีการ เมื่อสรางชิ้นงานหรือวิธีการ
Mathematics
เรียบรอยแลวจึงนําไปทดสอบ หากมีขอบกพรอง
ก็ใหทําการปรับปรุงแกไขเพื่อใหสิ่งของเครื่องใช
า
ไข ารณ
หรือวิธีการนั้นสามารถใชแกไขปญหาหรือสนอง
รับ ตร
รป สง
ีกา าง
จม ะหว
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
หน
แกปญหาหรือสนองความตองการไดหรือไม
77
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ก�ำหนดปัญหำ
ครู ใ ห นั ก เรี ย นแบ ง กลุ ม ออกเป น 4 กลุ ม กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เป็นกระบวนการส�าคัญที่ท�างานอย่างเป็นระบบ จึงได้ถูกน�ามาใช้ในการ
ตามสถานการณที่ครูกําหนด จากนั้นครูชี้แจง แก้ปัญหาตามความต้องการของมนุษย์ และสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือน�าเทคโนโลยีมาพัฒนาต่อยอด
รายละเอี ย ดเกี่ ย วกั บ สถานการณ ป ญ หาว า ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลัก 6 ขั้นตอน และสามารถจ�าแนกรายละเอียดได้เป็น
13 ขั้นตอน เพื่อให้เราสามารถเข้าใจถึงการท�างานได้ดีขึ้น ดังนี้
จากการทีค่ รูไดทาํ การสํารวจปญหาภายในชุมชน
ทําใหพบปญหาทั้งหมด 4 ปญหา ไดแก กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม มี 6 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
1. ระบุปัญหา
1) ไฟฟ า ไม เ พี ย งพอต อ จํ า นวนครั ว เรื อ น 2. รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
จึ ง ต อ งการเครื่ อ งป น ไฟที่ ส ามารถผลิ ต 3. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา
ไฟฟาไดเอง 4. วางแผนและด�าเนินการแก้ไขปัญหา
2) สิ่ ง แวดล อ มในบริ เ วณชุ ม ชนปรากฏ 5. ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปญั หาหรือชิน้ งาน
ขยะมูลฝอยเปนจํานวนมาก จึงตองการ 6. น�าเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน
เครื่องกําจัดขยะที่สามารถยอยสลายขยะ
ขั้นตอนหลัก ขั้นตอนที่จ�าแนกรายละเอียด
ไดงาย
3) ชาวบ า นต อ งการหมั ก ปุ ย จํ า นวนมาก 1
ระบุปัญหา
1 ระบุความต้องการ
ย้อนกลับปรับปรุง
จึงตองการเครื่องหมักปุยอัตโนมัติ 2
รวบรวมข้อมูลและแนวคิด 3 รวบรวมข้อมูล
4) ชาวบานตองการแปรรูปเนือ้ สัตวดว ยวิธกี าร
ย้อนกลับปรับปรุง
ที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
4 ศึกษาความเป็นไปได้
รมควัน จึงตองการเครือ่ งอบรมควันทีใ่ ชได
3 5
ในครัวเรือน ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา สังเคราะห์หาหลักการสร้างสรรค์
6 ออกแบบสร้างขั้นตอน
4
วางแผนและ 7 จ�าลองสภาพสถานการณ์
ด�าเนินการแก้ไขปัญหา
8 ออกแบบละเอียด
ย้อนกลับปรับปรุง
5 ย้อนกลับปรับปรุง
9 สร้างและทดสอบเครื่องต้นแบบ
ทดสอบ ประเมินผล
และปรับปรุงแก้ไข 10 ประเมินผล
วิธีการแก้ปญั หาหรือชิน้ งาน
11 ประชุมสรุปผล
6 12 ออกแบบการผลิต
น�าเสนอวิธีการแก้ปัญหา
ผลการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน 13 จ�าหน่ายผลิตภัณฑ์
หน
ังส เน
ือเล ื้อห
มน าอา
38
วจ ไข
พิจ
าร
ณ
า
กระบวนการ 43
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
T46
78
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ท�ำควำมเข้ำใจในปัญหำ
จากกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เราจะสังเกตได้ว่า 13 ขั้นตอน เป็นการอธิบายถึงการท�างานที่มี 1. ครู อ ธิ บ ายเกี่ ย วกั บ กระบวนการออกแบบ
ความละเอียดมากขึ้น ท�าให้เราเข้าใจถึงความส�าคัญในการออกแบบโดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เชิงวิศวกรรมวา การออกแบบเชิงวิศวกรรม
บนฐานความคิดเดียวกับกระบวนการออกแบบการแก้ปัญหา (Algorithm Design) ของแนวคิดเชิงค�านวณ เป น คํ า ที่ ใ ช อ ธิ บ ายกระบวนการสร า ง
(Computation Thinking) ดังนี้
เทคโนโลยี นวั ต กรรมหรื อ สิ่ ง ประดิ ษ ฐ
ซึ่ ง มี ขั้ น ต อ น ก า ร ดํ า เ นิ น ง า น ที่ มี ค ว า ม
1
นาเชื่อถือ ความปลอดภัย และเกิดการทําซํ้า
13 2
ระบุ
ระบุ โดยกระบวนการเหล า นี้ เป น กระบวนการ
ย้อน
จ�าหน่าย ความต้องการ
ที่ อ าศั ย หลั ก การทางวิ ท ยาศาสตร แ ละ
กลบั
ผลิตภัณฑ์ คุณลักษณะ
ปรบั
12 ที่ต้องการ 3 คณิตศาสตรเขามาพัฒนา แตก็มีออกแบบ
ปรงุ
ออกแบบการผลิต
เชิ ง วิ ศ วกรรมที่ ไ ม ไ ด ใ ช ห ลั ก การทาง
ยอ้ นกลับป
รวบรวมข้อมูล
วิทยาศาสตรและคณิตศาสตรเขามาเกี่ยวของ
คื อ กระบวนการออกแบบเชิ ง วิ ศ วกรรม
รังปรุง
11 ประชุมสรุปผล
ศึกษา 4
กระบวนการออกแบบ
ความเป็นไปได้ โ ด ย ใ ช ป ร ะ ส บ ก า ร ณ ก ร ะ บ ว น ก า ร นี้
เชิงวิศวกรรม เกิดจากการคิดคนและประดิษฐจากภูมปิ ญ ญา
ประเมินผล ชาวบาน เชน เคียวเกี่ยวขาว เรือ ไมพาย
สังเคราะห์
10 หาหลักการ 5
สร้าง สร้างสรรค์
และทดสอบ ออกแบบ
เครื่องต้นแบบ
ย้อน
ออกแบบ สร้างขั้นตอน
กลับ
จ�าลองสภาพ
ย้อน ุง
9 ละเอียด 6
ปรับ
ก ลั บ
ปรบั สถานการณ์
ป
ปรงุ
ร
8 7
กระบวนการ 39
ือเ
ังส
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
หน
T47
79
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ท�ำควำมเข้ำใจในปัญหำ
2. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนรูรูปแบบ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 13 ขั้นตอน มีดังนี้
STEM วา ปจจุบันวิทยาการ นวัตกรรม หรือ
1 ระบุความตองการ (Recognition of need and definition of problem)
เทคโนโลยีไดพัฒนาไปอยางมาก จึงทําใหมี
ผูค ดิ คนการเรียนรูร ปู แบบ STEM คือ การผนวก เมือ่ ทราบความต้องการแล้ว จะสามารถระบุความ
ต้องการและระบุปัญหาได้ เช่น ต้องการจะกวาด
แนวคิ ด การออกแบบเชิ ง วิ ศ วกรรมเข า กั บ ขยะทุกซอกทุกมุม แต่ไม้กวาดที่ใช้ไม่สามารถ
การเรี ย นรู วิ ท ยาศาสตร วิ ศ วกรรมศาสตร กวาดขยะได้ทุกซอกทุกมุม
คณิ ต ศาสตร และเทคโนโลยี เพื่ อ ให เ กิ ด
2 ระบุคุณลักษณะที่ตองการ (Specification)
การออกแบบวิธกี ารหรือกระบวนการ เพือ่ ตอบ
เ ป็นความต้องการแก้ปัญหาเบื้องต้นว่า ลักษณะ
สนองความตองการที่จะสรางสรรคผลงาน ที่ต้องการน�าไปใช้นั้น เป็นลักษณะแบบใด ซึ่ง
หรือแกปญหาที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวัน ขั้นตอนนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกหลายครั้ง
3. ครู เ ขี ย นแผนผั ง กระบวนการออกแบบเชิ ง หลั ง จากขั้ น ตอนออกแบบสร้ า งขั้ น ตอน เช่ น
เมื่อต้องการจะกวาดขยะทุกซอกทุกมุม ท�าความ
วิ ศ วกรรม โดยมี ขั้ น ตอนหลั ก และขั้ น ตอน สะอาดพื้นได้ทุกซอกทุกมุม บนพื้นผิวทุกชนิด ภาพที่ 3.10 การกวาดขยะ
ที่ จํ า แนกรายละเอี ย ด โดยดู รู ป แบบผั ง แม้กระทั่งพื้นเปยกน�้า
กระบวนการออกแบบเชิ ง วิ ศ วกรรมจาก
3 รวบรวมขอมูล (Gathering of information)
หนังสือเรียนวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบ
เ ป็นการหาข้อมูลที่เกี่ยวกับการใช้งาน รูปแบบ
และเทคโนโลยี) ม.2 หนวยการเรียนรูที่ 3 รายละเอียดที่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาเพื่อหา
กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม วิธีท�าความสะอาดตามซอกมุมว่าจะท�าอย่างไร
เช่น การใช้แรงเพื่อส่งผลให้ขยะที่อยู่ในซอกมุม
ต่างเคลือ่ นทีอ่ อกจากมุมนัน้ ๆ จากกฎการเคลือ่ นที่
ของนิวตัน ได้แก่ เขี่ย เปา ดูด การหาค�าตอบนี้
วิศวกรจะหาจากคนอื่นที่ได้จดสิทธิบัตรไว้หรือ
เอาของทีค่ ล้ายกันมาแกะออก เพือ่ ศึกษาหลักการ
ท�างานของเทคโนโลยี โดยเรียกวิธีนี้ว่า Reverse
Engineering
40
วจ ไข
พิจ
าร
ณ
า
80
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ด�ำเนินกำรศึกษำค้นคว้ำ
5 สังเคราะห์หาหลักการสรางสรรค์ (Creative Design Synthesis) ครูชี้แจงใหแตละกลุมทําการดําเนินการศึกษา
เ ป็นการหาหลักการ (Concept) หรือแนวทาง ค น คว า หาความรู จากกระบวนการออกแบบ
แก้ปัญหา กรณีเป็นเครื่องดูดฝุน เราจะสร้าง เชิงวิศวกรรม 13 ขั้นตอน เพื่อนํามาแกปญหา
แรงดูดลมได้อย่างไร ตัวกรองฝุนจะต้องมีความ
ละเอียดเท่าไร สามารถที่จะท�าให้มีน�้าหนักเบา สถานการณที่กลุมตนเองไดรับจากสถานการณ
ได้อย่างไร ในระหว่างการท�างานจะต้องมีเสียงที่ ป ญ หาที่ ค รู กํ า หนดให โดยศึ ก ษาจากแหล ง
เบาโดยการท�างานอย่างไร อุปกรณ์จะสามารถน�า การเรียนรู เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต
ไปใช้ในซอกเล็ก ๆ ได้อย่างไร รูปแบบภายนอก
จะต้องเป็นอย่างไร จึงจะสามารถดึงดูดผู้ซ้ือได้ ซึ่งกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ไดแก
เป็นต้น 1) ระบุความตองการ (Recognition of need
and definition of problem) เปนการระบุ
6 ออกแบบสรางขั้นตอน (Preliminary Design)
สิ่งที่ตองการผลิตหรือสรางสรรคผลงาน
ว ิศวกรน�าเอาหลักการมาออกแบบรูปร่างโดยมี
เงื่อนไขจากการสังเคราะห์เสร็จแล้ว และท�าการ
2) ระบุคุณลักษณะที่ตองการ (Specification)
สร้างชิ้นส่วนต้นแบบขึ้นมาเพื่อน�าไปทดลองใช้ ภาพที่ 3.12 เริ่มก�าหนดรูปร่างตัวนวัตกรรม เปนการระบุสิ่งตองการแกปญหาเบื้องตน
ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ท�าได้หลายรอบแม้จะ หรือรูปแบบลักษณะของผลิตภัณฑ
สร้างจนเสร็จแล้ว แต่ก็ยังเป็นกระบวนการส�าคัญในการพัฒนาต่อไปได้อีก เช่น ชิ้นส่วนต่าง ๆ อาจจะยังเป็นชิ้นส่วน
ที่แยกชิ้นกันอยู่ แต่จะต้องมีส่วนที่ใช้ในการดูดฝุนที่เป็นหัวใจส�าคัญของนวัตกรรม
3) การรวบรวมข อ มู ล (Gathering of
information) เปนการหาขอมูลเกี่ยวกับ
7 จําลองสภาพสถานการณ์ (Simulation) รูปแบบ ลักษณะของผลิตภัณฑ หรือระบบ
เ ป็ น การน� า ต้ น แบบมาจ� า ลองการใช้ ง านจริ ง ของทํางานของผลิตภัณฑ
เช่น แรงดูดของเครื่องเพียงพอต่อการดูดขยะได้ 4) ศึกษาความเปนไปได (Feasibility Study)
หรือไม่ ถุงเก็บขยะ เมื่อดูดขยะเข้ามาในเครื่อง
จะท�าให้เกิดการสะสมของฝุน แล้วเมื่อมีฝุนผง เปนการนําขอมูลที่ไดมาวิเคราะหเพื่อนํา
สะสมนั้น จะมีผลต่อแรงดูดของเครื่องอย่างไร ไปใชแกปญหา และเพื่อใหตอบโจทยการ
เมื่ อ ค� า นวณราคาในการผลิ ต ต้ น แบบพบว่ า แกปญหาไดตรงตามความตองการมาก
ต้นแบบนวัตกรรมบางอย่างมีตน้ ทุนสูง วิศวกรอาจ
จะน�าเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ เช่น ซอฟต์แวร์ ที่สุด
การผลิตทางวิศวกรรมศาสตร์ที่สามารถจ�าลอง 5) สังเคราะหหาหลักการสรางสรรค (Creative
สภาพสถานการณ์เบื้องต้นได้เพื่อลดต้นทุนใน Design Synthesis) เปนการหาหลักการ
การผลิต ภาพที่ 3.13 ออกแบบตัวนวัตกรรมอย่างละเอียด
หรือแนวทางแกปญหาและการสรางสรรค
8 ออกแบบละเอียด (Detailed Design) ชิ้นงาน
ว ิศวกรจะท�าการออกแบบอย่างละเอียดทุกระบบเพื่อให้เกิดกระบวนการท�างานของนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 6) ออกแบบสรางขัน้ ตอน (Preliminary Design)
โดยทุกส่วนจะต้องมีการท�างานที่สัมพันธ์กัน ตั้งแต่หัวดูด ท่อดูด พัดลมดูด ถุงกรองฝุน ซึ่งทุกส่วนจะมีหน้าที่ เป น ขั้ น ตอนที่ วิ ศ วกรนํ า เอาหลั ก การมา
า
ไข ารณ
ุงแก พิจ
ที่แตกต่างกัน แต่จะต้องสร้างออกมาแล้วสามารถเอามาต่อถึงกันได้
ปร วจ
สังเคราะหที่เสร็จแลว
อา นร
หา ี้อยู ใ
เนื้อ ลมน
กระบวนการ 41
ือเ
ังส
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
หน
T49
81
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ด�ำเนินกำรศึกษำค้นคว้ำ
7) จําลองสภาพสถานการณ (Simulation) 9 สรางและทดสอบเครื่องตนแบบ (Prototype build and test)
เปนการนําตนแบบมาจําลองการใชงาน เป็นขั้นตอนที่รวมข้อมูลทั้งหมดแล้วท�าการสร้าง
จริงให้ครบถ้วนแล้วน�ามาใช้งานจริง เช่น การ
หรื อ วิ ศ วกรอาจจะนํ า เทคโนโลยี ท าง สร้างเป็นรูปร่างเครื่องดูดฝุนที่สมบูรณ์ แล้ว
คอมพิ ว เตอร ม าจํ า ลองเป น สถานการณ ท�าการทดสอบการท�างานจริง และท�าการเก็บ
เบื้องตน ข้อมูลระหว่างการใช้งานให้ครบถ้วนเพื่อน�าไป
8) ออกแบบละเอี ย ด (Detailed Design) ประเมินผลในขั้นตอนต่อไป
เปนการออกแบบรายละเอียดของทุกระบบ 10 ประเมินผล (Evaluation)
เพือ่ ใหเกิดกระบวนการทํางานของนวัตกรรม หลังจากได้ทดสอบทุกอย่างแล้วจดบันทึก แล้ว
โดยตองใหทุกสวนทํางานสัมพันธกัน น�าผลที่ได้จากการทดสอบเครื่องต้นแบบ มาท�า
9) สรางและทดสอบเครือ่ งตนแบบ (Prototype การประเมินเทียบกับสมรรถนะและคุณลักษณะ
ที่ต้องการน�าไปใช้แก้ปัญหา ภาพที่ 3.14 การประชุมเพื่อประเมินผลและสรุปผล
build and test) เปนขัน้ ตอนทีร่ วบรวมขอมูล
ทั้ ง หมดแล ว ทํ า การสร า งเครื่ อ งต น แบบ 11 ประชุมสรุปผล (Design Conclusion)
ขึ้นมาจริง เป็นขั้นตอนที่ส�าคัญมากเพราะเป็นการตัดสินใจ
10) ประเมิ น ผล (Evaluation) ขั้ น ตอนนี้ ว่าเป็นนวัตกรรมที่น�าไปใช้ได้หรือไม่ เพราะถ้า
ไม่ผ่านจะต้องกลับไปท�าการแก้ไขใหม่ตั้งแต่ขั้น
จะเป นการตรวจสอบผลการทํางานของ ออกแบบสร้างขั้นต้น ดังนั้นการตัดสินใจจาก
เครือ่ งตนแบบ และจดปญหาหรือขอบกพรอง ข้อมูลการประเมินผลในขั้นตอนที่ 10 ซึ่งทุกฝาย
ของการทํางาน จะพิจารณาร่วมกันอย่างรอบคอบ เพราะหาก
ผ่านขั้นตอนนี้ก็เป็นการผลิตระดับอุตสาหกรรม
11) ประชุมสรุปผล (Design Conclusion) ที่มีการลงทุนสูง
เปนการตัดสินใจวาผลิตภัณฑจะสามารถ
นําไปใชไดหรือไม เพราะถาไมผานตอง 12 ออกแบบการผลิต (Design for production)
กลับไปแกไขใหมตั้งแตขั้นการออกแบบ ขัน้ ตอนนีว้ ศิ วกรผูอ้ อกแบบจะต้องสือ่ สารกับฝาย
ผลิต เพื่อให้ฝายผลิตสามารถผลิตได้ตรงตามที่
12) ออกแบบการผลิต (Design for production) ออกแบบได้อย่างถูกต้อง โดยน�าเอาการออกแบบ ภาพที่ 3.15 ประชุมเปดตัวนวัตกรรมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ซื้อ
เป น ขั้ น ตอนที่ ผู อ อกแบบต อ งสื่ อ สารกั บ ละเอียด มาเปลี่ยนเป็นการออกแบบเพื่อการผลิต (Design for production) ซึ่งชิ้นส่วนต่าง ๆ จะต้องถูกก�าหนดชนิด
ผูผ ลิต เพือ่ ใหผผู ลิตสามารถผลิตออกมาได ในการใช้วสั ดุรวมถึงขัน้ ตอนการประกอบ (Design for assembly) และต้องสือ่ สารคุณลักษณะทางเทคนิค (Technical
Specification) เพื่อให้ฝายโฆษณาและฝายขายน�าไปใช้ในการเผยแพร่คุณสมบัติเพื่อดึงดูดผู้ซื้อได้ถูกต้อง
ตรงตามการออกแบบ
13) จําหนายผลิตภัณฑ (Product Release) 13 จําหนายผลิตภัณฑ์ (Product Release)
ขั้นตอนนี้เปนหนาที่ของฝายขายที่จะตอง เป็นหน้าทีข่ องฝายขายทีจ่ ะต้องน�าสินค้าไปให้ถงึ ผูซ้ อื้ และจะต้องมีขอ้ มูลของนวัตกรรมครบถ้วนเพือ่ ตอบลูกค้า หรือ
นําสินคาไปจําหนาย จุดประสงค์ของนวัตกรรมชิ้นนั้น ๆ
หน
ังส เน
ือเล ื้อห
มน าอา
ี้อย จม
ู ในร ีกา
ะหว รปร
าง ับป
สง รุง
ตร แก
42
วจ ไข
พิจ
าร
ณ
า
เกร็ดแนะครู
ครู อ ธิ บ ายเพิ่ ม เติ ม เกี่ ย วกั บ กระบวนการออกแบบทางวิ ศ วกรรมว า
เป น กระบวนการคิ ด สร า งสรรค เ ทคโนโลยี ที่ เ ป น ระบบ โดยเน น การทํ า ซํ้ า
เพื่อหาทางออกที่ตอบโจทยความตองการของมนุษย ซึ่งจะประกอบไปดวย
• ตัวปอน (input) คือ การระบุปญหาหรือความตองการ
• กระบวนการ (process) คือ การระดมความคิดและหาวิธีแกปญหา
• ผลลัพธ (output) คือ การไดเทคโนโลยีทสี่ รางสรรคออกมาเพือ่ แกปญ
หา
• ผลสะทอน (feedback) คือ การนําผลตอบรับจากการทดสอบมา
ปรับปรุง แกไข และพัฒนาเพิ่มเติม
T50
82
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สังเครำะห์ควำมรู้
นวัตกรรมเครื่องดูดฝุน ครู ใ ห นั ก เรี ย นแต ล ะคนแลกเปลี่ ย นความรู
โดยนําเสนอรวมกันภายในกลุม เกีย่ วกับการออกแบบ
เครื่องดูดฝุนถูกน�ามาเป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่ในบ้าน สถานที่ท�างานต่าง ๆ เพราะมีความสะดวกรวดเร็วและ
ใช้งานได้ง่าย ท�าให้เครื่องดูดฝุนเป็นเทคโนโลยีที่ถูกน�ามาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้มีการน�าไปใช้ได้ทุกรูปแบบ เชิงวิศวกรรม 13 ขั้นตอน พรอมตรวจสอบขอมูล
หรือสามารถพกพาได้ จึงเป็นการน�ามาสูก่ ารสร้างนวัตกรรมของเครือ่ งดูดฝุ1น ทีเ่ ห็นในปัจจุบนั จะมีอยูห่ ลายชนิด และ ที่ไดศึกษาและสืบคนมาตอบสถานการณปญหา
มีรูปแบบทันสมัยและใช้งานได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งจะยกตัวอย่างเป็นนวัตกรรมของเครื่องดูดฝุนที่ถูกน�ามาใช้งานอย่าง ของกลุม ตนเองไดครบถวน และใหสมาชิกในกลุม
แพร่หลาย เช่น ลงมติวา พึงพอใจกับคําตอบหรือไม ถามติของกลุม
เครื่องดูดฝุนชนิดไรถุง เครื่องดูดฝุนชนิดนี้ จะใช้กล่อง ยังไมเปนทีพ่ อใจใหทบทวนและหาความรูเ พิม่ เติม
ว่าง ๆ เป็นที่กักเก็บฝุน แล้วน�าไปเทออกในภายหลังได้ ซึ่ง
เป็นการตอบสนองของคนที่ท�าให้การจัดการกับฝุนได้ง่ายกว่า
แต่การก�าจัดฝุน ด้วยมือไม่ใช่วธิ ที ดี่ ี เนือ่ งจากจะต้องเจอกับฝุน
ขัน้ สรุป
ที่เราท�าความสะอาด สรุปและประเมินค่ำของค�ำตอบ
ภาพที่ 3.16 เครื่องดูดฝุนชนิดไร้ถุง
ครูใหนักเรียนแตละกลุมสรุปองคความรูที่ได
เครือ่ งดูดฝุน ชนิดมือถือ อุปกรณ์มนี า�้ หนักเบาและไม่ตอ้ งมี จากการศึกษา กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
ถุงในการเก็บฝุน มีประโยชน์มากกับการท�าความสะอาดพื้นที่
เล็ก ๆ ซึ่งน�าไปใช้ในส�านักงานต่าง ๆ
13 ขัน้ ตอน จากนัน้ นําสถานการณปญ
หาของกลุม
ตนเองมาสร า งเป น กระบวนการออกแบบเชิ ง
ภาพที่ 3.17 เครื่องดูดฝุนชนิดมือถือ วิศวกรรม
กระบวนการ 43
ือเ
ังส
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
หน
แนวทางการวัดและประเมินผล
ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจในเนือ้ หา เรือ่ ง กระบวนการออกแบบ
เชิงวิศวกรรม จากการนําเสนอในรูปแบบของ PowerPoint ทีน่ กั เรียนแตละกลุม
ไดรว มกันทําการศึกษาคนควา โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลงาน/ชิน้ งาน
ที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 3
T51
83
น�ำ น�ำ สอน สรุป ประเมิน
จ�าหน่ายผลิตภัณฑ์
ความต้องการ/
เงื่อนไขสมรรถนะ
ความรู้/
ความต้องการ/ วิทยาการ ออกแบบวิศวกรรม ผลผลิต
เงื่อนไขสมรรถนะ
ผ่าน
ไม่ผ่าน ประเมินผล
ความรู้/ ผ่าน ย้อนกลับปรับปรุง
วิทยาการ ออกแบบวิศวกรรม ผลผลิต
ระบบย่อยที่ 2
ไม่ผ่าน ประเมินผล
ย้อนกลับปรับปรุง
จ�าหน่ายผลิตภัณฑ์
ระบบย่อยที่ 1 ความต้องการ/
ผ่าน เงื่อนไขสมรรถนะ
ความรู้/
วิทยาการ ออกแบบวิศวกรรม ผลผลิต
แนวตอบ ค�ำถำมส�ำคัญประจ�ำหัวข้อ
ระบบเทคโนโลยีเปนระบบที่ประกอบไปดวย ไม่ผ่าน ประเมินผล
ผ่าน
การทํ า งานระหว า งองค ป ระกอบของเทคโนโลยี ย้อนกลับปรับปรุง
ซึ่ ง องค ป ระกอบของเทคโนโลยี ได แ ก ตั ว ป อ น ระบบย่อยที่ 3
กระบวนการเทคโนโลยี ผลผลิ ต หรื อ ผลลั พ ธ
โดยองค ป ระกอบทั้ ง หมดนี้ ถ า มี ก ารวางแผน
หน
ังส เน
ือเล ื้อห
การพัฒนาหรือตอยอดองคความรูไ ปเปนนวัตกรรม
าง ับป
สง รุง
ตร แก
44
วจ ไข
เมื่อผูผลิตนําไปตอยอดเปนนวัตกรรมก็จะทําให
พิจ
าร
ณ
า
นวัตกรรมชิ้นนั้นเปนนวัตกรรมที่ดีไปดวย
T52
84
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ส�ำรวจค้นหำ
จากตัวอย่างเครื่องดูดฝุนที่เราได้ยกตัวอย่างจาก 13 ขั้นตอน จะสามารถน�ามาเปรียบเทียบได้กับระบบ 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีวา ระบบ
การสร้างแรงดูดของเครื่องดูดฝุน ซึ่งระบบการดูดถูกสร้างขึ้นจากมอเตอร์และพัดลม ระบบของการเคลื่อนที่เกิดขึ้น เทคโนโลยี คือ การนําความรูท างดานเทคโนโลยี
จากการเคลื่อนที่ของฝุนผงที่มาจากมอเตอร์และพัดลม โดยสัมพันธ์กับหัวดูดและท่อ ระบบการเก็บฝุนผงและขยะ มาใชในขัน้ ตอนการออกแบบ เพือ่ ใหไดรปู แบบ
จะเกิดหลังจากการท�างานที่สัมพันธ์กัน จนสามารถเคลื่อนย้ายขยะและฝุนผงผ่านมาที่ถุงกรองและเก็บฝุนได้ การแกปญ หา โดยใหแตละปญหาอยูใ นรูปแบบ
ระบบย่อยที่ 1 คือ ระบบสร้างแรงดูดซึ่งเป็นหลักการส�าคัญของเครื่องดูดฝุน เพราะเป็นหลักการที่น�ามาแก้
ปัญหาการเก็บกวาดขยะตามซอกมุม ดังนั้น เมื่อระบบย่อยที่ 1 ผ่านการประเมินผลได้แล้ว จะน�าไปสู่การออกแบบ ของอั ล กอริ ทึ ม การสร า งเทคโนโลยี ห รื อ
ระบบย่อยที่ 2 และ 3 ตามล�าดับ หรือพัฒนาไปพร้อม ๆ กันก็ได้ นวั ต กรรมจะแบ ง ออกเป น ระบบย อ ยต า งๆ
การสร้างนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีทั้ง 3 ระบบย่อย จะต้องน�าความรู้และเงื่อนไขความต้องการที่แตกต่างกัน จากการทํางานของผลิตภัณฑชิ้นนั้น
มาแก้ไขปัญหาแต่ละระบบย่อย ดังนี้ 2. ครูใหนกั เรียนศึกษาผังแสดงการสรางนวัตกรรม
• ระบบยอยที่ 1 ใช้ความรู้เรื่อง มอเตอร์และพัดลม หรือเทคโนโลยี จากหนังสือเรียนวิชาเทคโนโลยี
• ระบบยอยที่ 2 ใช้ความรู้เรื่อง การไหลและความดันในท่อ
• ระบบยอยที่ 3 ใช้ความรู้เรื่อง การคัดแยก (การออกแบบและเทคโนโลยี ) ม.2 หน ว ย
เพือ่ เป็นการลดเวลาในการพัฒนานวัตกรรม วิศวกรสามารถออกแบบทัง้ 3 ระบบไปพร้อมกันได้ แต่ทมี วิศวกร การเรียนรูท ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
ทั้ง 3 ทีม ต้องมีการประชุมเพื่อหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้ทั้ง 3 ระบบสัมพันธ์กันเป็นเครื่องดูดฝุนเครื่องเดียวกันได้ หรื อ จากแหล ง เรี ย นรู อื่ น ๆ เช น ห อ งสมุ ด
ซึ่งข้อตกลงนี้เราเรียกว่า เงื่อนไข (Constraint) เช่น ทีมออกแบบระบบถุงกรองต้องออกแบบถุงกรองที่ทางเข้าของ อินเทอรเน็ต เพื่อใหเกิดความเขาใจมากยิ่งขึ้น
ฝุนให้สามารถรองรับกับทีมที่ออกแบบท่อดูดให้สามารถประกอบกันได้ เป็นต้น 3. ครู ใ ห นั ก เรี ย นแบ ง กลุ ม กลุ ม ละ 4-5 คน
ตามความเหมาะสม และทําการศึกษาคนควา
ท่อยาง
ปะเก็น
เกีย่ วกับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 13
ทางเข้า ถุงเก็บฝุน ขัน้ ตอน และระบบเทคโนโลยีของเครือ่ งดูดฝุน
ปะเก็น
ด้ามถือ
พัดลม
ทางพ่นออก
ช่องดูด
สวิตช์ มอเตอร์
ถุงเก็บฝุน
สวิตช์ พัดลม
ทางเข้า
ทางพ่นออก
มอเตอร์
า
ไข ารณ
ุงแก พิจ
ปร วจ
รับ ตร
รป สง
ีกา าง
จม ะหว
กระบวนการ 45
ือเ
ังส
ออกแบบเชิงวิศวกรรม
หน
T53
85
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบำยควำมรู้
1. ครู ใ ห นั ก เรี ย นอภิ ป รายความรู จ ากที่ ไ ด ทํ า Design Activity
การศึ ก ษาค น คว า เกี่ ย วกั บ การออกแบบ
ระบบเทคโนโลยี
เชิงวิศวกรรม 13 ขัน้ ตอน และระบบเทคโนโลยี
ให้นักเรียนอธิบายการสร้างนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีทั้ง 3 ระบบย่อย ของภาพที่ก�าหนดให้
ของเครื่องดูดฝุนภายในกลุมของตนเอง โดย
หาขอสรุปของขอมูล พรอมบันทึกลงในสมุด
หรือกระดาษ A4
2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ในปจจุบันการออกแบบ
ขัน้ ตอนการแกปญ หายอยของระบบเทคโนโลยี
คื อ การออกแบบในรู ป แบบของอั ล กอริ ทึ ม
ซึ่งเปนรูปแบบการวางแผนและวิธีแกปญหา
การทํางานที่เปนที่นิยมกันมากที่สุด
3. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมสงตัวแทนออกมาจับ
สลาก ตามหัวขอ ดังนี้
1) ตูเย็น
2) เครื่องซักผา
3) ไมโครเวฟ
4) เครื่องปรับอากาศ
4. จากนั้ น ครู ใ ห นั ก เรี ย นทํ า การออกแบบเชิ ง
วิศวกรรม 13 ขั้นตอน พรอมอธิบายเกี่ยวกับ
ระบบเทคโนโลยีจากหัวขอที่กลุมตนเองไดรับ
โดยครูใหเวลาตามความเหมาะสม เมื่อเสร็จ
แลวใหนกั เรียนแตละกลุม ออกมานําเสนอผลงาน
ภาพที่ 3.21 เครื่องซักผ้า ภาพที่ 3.22 ตู้เย็น
ในรูปแบบที่นาสนใจ
หน
ังส เน
ือเล ื้อห
มน าอา
ี้อย จม
ู ในร ีกา
ะหว รปร
าง ับป
สง รุง
ตร แก
46
วจ ไข
พิจ
าร
ณ
า
T54
86