Professional Documents
Culture Documents
เอกสารประกอบการสอน การบริหารการพัฒนา
เอกสารประกอบการสอน การบริหารการพัฒนา
1. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนาของไวด์เนอร์
2. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนาในหนังสือที่มีสเวิดโลว์
เป็ นบรรณาธิการ
3. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนาในหนังสือที่มีริกกซ์เป็ น
บรรณาธิการ
4. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนาในหนังสือที่มีไวด์เนอร์
เป็ นบรรณาธิการ (ค.ศ. 1970)
องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนา
5. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนาในหนังสือที่มีวอลโด
และเฮฟฟี ย์เป็ นบรรณาธิการ
6. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนาของแกนท์
7. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนาโดยเดอกูซแมนและ
คาร์บอนแนล
8. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนาโดยพาแนนดิเกอร์และ
เชอร์ชาร์การ์
1. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนา
ของไวด์เนอร์
• บทความ “Development Administration: A New Focus for Research”
ของไวด์เนอร์ ที่ ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1962 เป็ นบทความแรกที่ ก ระตุ ้นให้
นั ก วิ ช าการหัน มาสนใจการบริ ห ารการพัฒ นากัน อย่า งแพร่ ห ลายและ
จริงจัง
• หลังจากแกนท์และเดอวรีสไ์ ด้เปลี่ยนชื่อ จาก การบริหารงานภายนอก
เป็ น การบริหารการพัฒนา
• ในปี ค.ศ. 1955-1966 บทความนี้ เขียนขึ้ นเพื่อเสนอในการประชุม
ประจาปี ของสมาคมรัฐศาสตร์อเมริกาที่เมืองเซนต์หลุยส์ ในปี ค.ศ.1961
และตีพิมพ์ใน Paper in Comparative Public Administration ปี 1962
องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนา
ของไวด์เนอร์
• ไวด์เนอร์ แบ่งประเภทของระบบบริหารที่เป็ นเครื่องมือซึ่ งจะนาไปสู่
เป้ าหมายของการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ออกได้เป็ น 2 ระบบ คือ
1. ระบบที่ มุ่ ง เน้ น การผลิ ต สิ น ค้า และบริ ก ารเพื่ อ เพิ่ ม อัต ราความ
เจริ ญ เติ บ โตทางเศรษฐกิ จ ซึ่ ง วัด จากการเพิ่ ม ขึ้ นของรายได้
ประชาชาติและรายได้เฉลี่ยต่อหัว
2. ระบบที่ มุ่งเน้น การบริ โ ภคเพื่อรักษาอัต ราความเจริ ญ เติ บ โตทาง
เศรษฐกิจให้คงอยูห่ รือสูงขึ้ น
นอกจากนี้
• สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาลและภาคเอกชนว่ามี
ความสาคัญต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
• ชี้ ให้เ ห็ น อุ ป สรรคต่ า ง ๆ ที่ เ กิ ด จากภาครัฐ บาลที่ ค อยขัด ขวางการ
ดาเนิ นงานของภาคเอกชนในการพัฒนาเศรษฐกิจ เช่น ความล่าช้า
ของการตัดสินใจ การเก็บภาษี แบบก้าวหน้าจนเอกชนขาดเงินทุ นใน
การประกอบการ รัฐบาลอาจจะใช้นโยบายประหยัดจนเกินไป
บทความของวอเตอร์สตัน
3. สภาพการณ์ที่ให้ผลตอบแทนระยะยาว ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงของ
ระบบตามที่วางแผนไว้ แต่ไม่มีความเจริญเติบโตอย่างมีทิศทาง
4. สภาพการณ์ความล้มเหลวที่มีการวางแผนแต่ไม่มีความเจริญเติบโตหรือ
ความเปลี่ยนแปลงของระบบ
5. สภาพการณ์การกระตุน้ จากสภาพแวดล้อมที่มีความเจริญเติบโตอย่างมี
ทิศทางโดยไม่ได้วางแผนเอาไว้ และมีการเปลี่ยนแปลงของระบบ
6. สภาพการณ์ปฏิบตั ิการนิ ยมที่มีความเจริญเติบโตอย่างมีทิศทางที่ไม่ได้
วางแผนไว้แต่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงของระบบ
สภาพการณ์ที่ก่อให้เกิดความล้มเหลวต่อการพัฒนา
ได้แก่
• สภาพการณ์วิกฤติการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงของระบบโดย
มิได้วางแผนไว้และไม่มีความเจริญเติบโตอย่างมีทิศทาง
• สภาพการณ์สงั คมคงที่ไม่มีแผน และไม่มีความเปลี่ยนแปลง
ของระบบ
5. องค์ความรูเ้ กี่ยวกับการบริหารการพัฒนา
ในหนังสือที่มีวอลโดและเฮฟฟี ย์เป็ นบรรณาธิการ
โครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร
การออกฎหมายเกี่ยวกับธนาคารเพื่อเป็ นหลักประกันความ
มั ่นคงทางการเงิน
ด้านสวัสดิการสังคมและด้านอนามัยของประชาชน
การดาเนินงานของโครงการอยูภ่ ายใต้การดูแลของ
คณะกรรมการวางแผนทรัพยากรแห่งชาติ
การพัฒนาตามโครงการดังกล่าว
การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอเมริกาในช่วง
นั้น นับว่ าเป็ นแบบอย่างในการพัฒนาแก่ประเทศอื่ น ๆ
ในเรื่ อ งการก าหนดนโยบาย การวางแผน การบริ ห าร
โครงการ การกาหนดหน้าที่ขององค์การในการบริหารงาน
ให้บรรลุผลสาเร็จ
สหรัฐอเมริกาจึงเป็ นแบบอย่างในการพัฒนาประเทศ ของ
ในอีกหลายๆประเทศ
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ประเทศในยุ โ รปส่ ว นใหญ่ ไ ด้รั บ ผลกระทบจากภาวะ
สงครามท าให้ส ภาพความเป็ นอยู่แ ละสภาวะเศรษฐกิ จ
เลวร้ายอย่างไม่เคย มีมาก่อน
สหรัฐอเมริกาจึงเข้าไปมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลื อ
ประเทศในยุ โ รป ให้ฟ้ ื นตัว จากสภาพของสงครามและ
พัฒนาประเทศ
เป้ าหมายอยูท
่ ี่การยกระดับภาวะทางด้านเศรษฐกิจให้ดีข้ ึน
โดยได้ ก าหนดแผนมาร์ แ ชล (Marshall Plan)
ขึ้นมา
แผนมาร์แชลล์ (อังกฤษ: Marshall Plan) หรือชื่อทางการ
คือ แผนงานฟื้ นฟูยุโรป (European Recovery Programme:
ERP) เกิดขึ้ นเมื่อ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 ของนายพล จอร์จ
แคตเลตต์ มาร์แชลล์ (George Catlett Marshall) เป็ น
โครงการช่วยเหลื อทางเศรษฐกิจ ของสหรัฐอเมริ กาแก่ ยุโรป
ตะวันตก เพื่อป้ องกันการพังทลายทางเศรษฐกิจ และเพื่ อฟื้ นฟู
ระบบเศรษฐกิจแบบทุ นนิ ยมรัฐชาติ ของยุโรปตะวันตกขึ้ นมา
ใหม่
แผนมาร์แชล (Marshall Plan)
แผนมาร์แชล (Marshall Plan) ได้ถูกกาหนดขึ้น
เพื่อให้ความช่วยเหลือในด้านเงินทุน ด้านทรัพยากร และ
ด้านเทคโนโลยี
โดยยึดหลักการช่วยเหลือตนเอง (self-help) และการ
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (mutual-help)
แผนมาร์แชล (Marshall Plan)
ระหว่างปี พ.ศ. 2492 –2501 การฟื้ นฟูเศรษฐกิจยุโรป
ประสบความสาเร็จอย่างมาก และก่อให้เกิดแนวคิดเกี่ ยว
กับ โครงการระดับ ชาติ และเกิ ด แนวทางในการพัฒ นา
เศรษฐกิจและสังคม
ในขณะเดี ยวกัน ในระยะเวลาที่ใ กล้เคี ยงกัน ได้มีก ารต่ อ สู ้
เรียกร้องเอกราชเพื่อบูรณภาพแห่งดินแดน รวมทั้งการ
สร้างชาติใหม่ ของโลก 3 ส่วน คือ เอเชีย แอฟริกา และ
ลาตินอเมริกา
จุดเริ่มต้นวิชาการบริหารการพัฒนา
จุดเริม่ ต้นของหลักวิชาการหรือแนวคิดใหม่ในเรื่องการ
บริหารการพัฒนา มาจากการประชุมสัมมนา ซึ่งเป็ นระบบ
ที่มีการถ่ายทอดให้ความรูก้ นั ที่เรียกว่า วิชา พัฒนบริหาร
ศาสตร์
ในระหว่างปี พ.ศ. 2498-2508 เป็ นระยะของการค้นคว้า
กาหนดหลักเกณฑ์เนื้อหาสาระวิชา คาอธิบายเค้าโครง
ทฤษฎีตา่ ง ๆ
วิชาการบริหารการพัฒนา
มีนก
ั วิชาการได้ให้ความหมายในลักษณะที่แตกต่าง
กันดังนี้
1. ยอร์จ แกนท์ (George Gant)
2. เอดเวิรด ์ ดับเบิลยู ไวด์เนอร์ (Edward
W.Weidner)
3. เฟรด ริกส์ (Fred W.Riggs)
1. ยอร์จ แกนท์
ผูค
้ วบคุมโครงการพัฒนาลุ่มน้ าเทนเนสซี
เป็ นบุคคลแรกที่ใช้คาว่า การบริหารการพัฒนา
จาแนกประเภทการพัฒนา ออกตามความมุ่งหมายและ
วิชาการที่ตา่ งกันได้ 2 ประเภท คือ
(1) การบริหารงานภายใน
(2) การบริหารงานภายนอก
o การบริหารงานภายใน มุ่งที่ประสิทธิภาพของการบริห าร
ภายในองค์การ ซึ่งทาได้โดยอาศัยเทคนิคการจัดการ เช่น
การบริหารงานบุคคล การวางแผน การบริหารงานคลัง
และ การตัดสินใจ เป็ นต้น
o การบริห ารงานภายนอก ครอบคลุม ปั จ จัย ภายนอกและ
รับผิดชอบในการติดต่อสัมพันธ์กับปั จจัยภายนอกองค์การ
ให้ม าส่ ง เสริ ม ร่ ว มมื อ เพื่ อ ช่ ว ยให้ก ารปฏิ บั ติ ง าน ของ
องค์การสัมฤทธิผล
สรุ ป แกนท์ ได้ ใ ห้ ค วามส าคั ญ กั บ การบริ ห าร
ภายนอกมาก เพราะการพัฒนาประเทศนั้นจะมุ่งอยู่แต่การ
บริ หารภายในอย่ า งเดีย วไม่ เพีย งพอ จาเป็ นต้องคานึ งถึ ง
ส่วนรวมด้วย
จึง ทาให้ต้องมีก ารติดต่อสั มพั นธ์กับปั จจั ยภายนอก
เพิ่มมากขึน้ การบริหารงานโดยวิธีการทาองค์การให้มีส่วน
ในการพัฒนานี้ เรียกว่า การบริหารการพัฒนา
2. เอดเวิรด์ ดับเบิลยู ไวด์เนอร์
กาหนดแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารการพัฒนาเป็ น 2 ด้าน คือ
1. ด้านกระบวนการ (process) หมายถึง กระบวนการที่นา
องค์การไปสู่สมั ฤทธิผลตามจุดมุ่งหมายที่ ตอ้ งการ เพื่อให้เกิด
ความเจริญก้าวหน้าทั้งในทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง
2. ด้านวิชาการ (area of study) การบริหารการพัฒนา
เป็ นส่ ว นหนึ่ ง ของวิ ช ารัฐ ประศาสนศาสตร์ มี จุ ด สนใจอยู่ ที่
หลักการอย่างหนึ่ง ซึ่งจะมีมากน้อยขึ้นอยูก่ บั บุคคล กลุ่ม และ
ประเทศ ว่าจะเชื่อมั ่นในหลักการนั้นเพียงใด
3. เฟรด ริกส์ (Fred W.Riggs)
ได้รวบรวมแนวคิดจากนักวิชาการ ไว้ 2 ประเด็น คือ
(1) การบริ ห ารการพัฒ นา หมายถึ ง การบริ ห ารโครงการ
พัฒนาทั้งหลายเพื่อให้นโยบายและแผนงานที่กาหนดไว้
บรรลุวตั ถุประสงค์ในการพัฒนา
(2) การบริหารการพัฒนา หมายถึง การเพิ่มสมรรถนะของ
การบริหารให้เข้มแข็ง คือ ถ้าโครงการพัฒนาของรัฐใน
ด้านอื่น ๆ ประสบผลสาเร็จแล้ว จะมีผลทาให้ตอ้ งเพิ่ม
ขีดความสามารถของระบบบริหารมากขึ้นด้วย
ดังนั้นการบริหารจึงเป็ นเครื่องมือที่สาคัญที่ ทาให้บรรจุมุ่ง
หมายของการพัฒนา
สรุ ป การบริ ห ารการพั ฒ นา หมายถึ ง ระบบการ
บริ ห ารที่ มี เ ป้ าหมายแน่ น อน ซึ่ ง ก่ อ ให้ เ กิ ด การพั ฒ นา
เศรษฐกิจ สังคม การเมืองและการบริหาร
โดยจะต้องมีการปรับปรุ งกลไกในการบริหารงานของ
ระบบราชการให้ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและประสิ ท ธิ ผ ลมากขึ้น
เพื่ อ ให้ เ ป็ นระบบที่ ต อบสนองต่ อ การพั ฒ นาประเทศโดย
ส่วนรวมต่อไป
ลักษณะของการบริหารการพัฒนา
มีนกั วิชาการได้เสนอแนวความคิดแตกต่างกันดังนี้
เอดเวิรด ์ ไวด์เนอร์
เฟรด ริกส์
ซอล แคทซ์
ยอร์จ แกนท์
1.เอดเวิรด์ ไวด์เนอร์
กาหนดลักษณะที่สาคัญของการเปลี่ยนแปลงในระบบสังคม
1. การเจริ ญ เติ บ โตอย่ า งมี ทิ ศ ทาง (directional
Growth) เกิดขึ้นในระดับการกระทาการหรือเกิดขึ้น
จากผลผลิ ต (output) ของระบบ จึ ง เป็ นเรื่ อ งที่
เกี่ยวข้องกับขนาดคุณสมบัตแิ ละปริมาณ
2. การเปลี่ยนแปลงระบบ (system change) เป็ น
การเปลี่ยนแปลงในระบบกระทาการ ซึ่งก่อให้เกิดผลใน
ด้านความเจริญรุง่ เรืองและความก้าวหน้า
3. การวางแผนหรือจุดมุ่งหมายในการเปลี่ยนแปลง
(planning or intended change)
เป็ นการบริหารในองค์การมุ่งประสิทธิภาพของการ
จัดการโดยอาศัยเทคนิคการดาเนินการ เช่น
การบริหารงานบุคคล
การวางแผน
การบริหารงานคลัง และ
การตัดสินใจ เป็ นต้น
ระดับมหภาค
เป็ นการบริหารภายนอกองค์การมุ่งเน้นโครงสร้างการ
ดาเนินงานที่ครอบคลุมถึงภายนอก เช่น
ปั จจัยภายนอก
สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ของระบบการบริหารต้องติดต่อ
สัมพันธ์กบั ระบบต่าง ๆ ภายนอกองค์การอยูต่ ลอดเวลา
สรุป ลักษณะที่สาคัญของการบริหารการพัฒนา
1. การบริหารการพัฒนาเป็ นการบริหารงานที่เกี่ยวข้องกับ
การพัฒนาประเทศ
2. การบริหารการพัฒนามีลกั ษณะอ่อนไหวปรับตัวให้เข้ากับ
สถานการณ์ และสภาพแวดล้อมได้ง่าย
3. การบริหารการพัฒนาต้องการความคิดสร้างสรรค์ใหม่
ของนักบริหาร
จุดเน้นของการบริหารการพัฒนา
ประการแรก
เป็ นจุดเน้นของการบริหารการพัฒนาในฐานะที่เป็ น
เรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาการบริหาร
(Development of Administration = D of A)
ประการที่สอง
เป็ นจุดเน้นของการบริหารการพัฒนาในฐานะที่เป็ น
เรื่องเกี่ยวกับการบริหารเพื่อการพัฒนา
(Administration of Development = A of D)
จุดเน้นของการบริหารการพัฒนา
ในยุคก่อนปี ค.ศ. 1970
เป็ นการพิจารณาว่า
การบริหารพัฒนา คือ การพัฒนาการบริหาร
เป็ นการนาเอาแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารงานภายใน
องค์การ ที่เกี่ยวข้องกับ
เน้นการบริหารการพัฒนาในฐานะที่เป็ นการบริหาร
โครงการพั ฒ นา ให้เ ป็ นไปตามนโยบาย แผนงานและ
โครงการที่กาหนดขึ้นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการพัฒนา
โดยมีขอบข่ายครอบคลุมทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิ จ
สังคม และการบริหาร
การบริหารโครงการพัฒนา
เป็ นจุดเน้นที่สาคัญของการบริหารการพัฒนา
เพราะการบริหารการพัฒนานั้นมีลก ั ษณะที่แตกต่างไปจาก
การบริหารงานปกติ
การจัดรูปหน่วยงานของการบริหารโครงการจะแตกต่างกับ
การจัดรูปหน่วยงานปกติ
การบริหารโครงการพัฒนาอาจจัดรูปหน่วยงานเป็ นแบบ
เมตริกซ์ แบบเน้นโครงการ และแบบคณะกรรมการ
เป็ นต้น
จุดเน้นของการบริหารการพัฒนา
ผลกระทบของสภาพแวดล้อมจากภายนอกประเทศ
• ทอฟเลอร์ เห็นว่าสภาพแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกาและของ
โลกมีความเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
• ซึ่งอัตราเร่งของความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมมีผลกระทบต่อ
สัง คมและบุ ค คลมากกว่ า ทิ ศ ทางของความเปลี่ ย นแปลง และถ้า
บุค คลได้รับความกดดันจากผลกระทบของความเปลี่ ยนแปลงของ
สภาพแวดล้อมมากเกินไปในระยะเวลาอันกะทันหัน
เนสบิตต์
ได้ชี้ให้เห็นว่าในศตวรรษที่ 21 สหรัฐอเมริกาและประเทศพัฒนาแล้วมี
สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างน้อยที่สุด 10 ประการ คือ
• เปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรม เป็ นสังคมข่าวสาร
• เปลี่ยนจากเทคโนโลยีธรรมดา เป็ นเทคโนโลยีระดับสูง
• เปลี่ยนจากเศรษฐกิจระดับประเทศ เป็ นเศรษฐกิจโลก
• เปลี่ยนจากการวางแผนระยะสั้น เป็ นการวางแผนระยะยาว
• เปลี่ยนจากการรวมอานาจ เป็ นการกระจายอานาจ
เนสบิตต์
• เปลี่ยนจากการช่วยเหลือจากสถาบันของรัฐบาลและเอกชนมาเป็ น
การพึ่งพาตนเอง
• เปลี่ยนจากประชาธิปไตยโดยมีผแู ้ ทนมาเป็ นประชาธิปไตยแบบมีส่วน
ร่วม
• เปลี่ยนจากสายการบังคับบัญชามาเป็ นโครงข่าย (Networking)
• เปลี่ยนจากการมีทางเลือกเพียงสองทางเลือก มาเป็ นทางเลือกหลาย
ๆ ทางเลือก
• ประชาชนในสหรัฐเอมริกาเปลี่ยน/ย้ายถิ่นที่อยูจ่ ากภาคเหนื อและ
ตะวันออกของประเทศ ไปอยูภ่ าคใต้หรือภาคตะวันตก
สาเหตุที่เป็ นเช่นนี้เพราะ
การพัฒนา การบริหาร
การเมือง โครงการ
ขอบเขต
การบริหาร
การพัฒนา
การพัฒนา การพัฒนา
สังคม เมือง
การพัฒนา
ชนบท
1.การบริหารการพัฒนาทีเ่ น้นการพัฒนาการบริหาร
ก า ร พั ฒ น า ก า ร บ ริ ห า ร ห ม า ย ถึ ง ก า ร จั ด เ ต รี ย ม
เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ป รั บ ป รุ ง ห รื อ ป ฏิ รู ป โ ค ร ง ส ร้ า ง
ก ร ะ บ ว น ก า ร ( ร ว ม ถึ ง เ ท ค โ น โ ล ยี ) แ ล ะ พ ฤ ติ
กรรมการบริหาร
เพื่อให้มีความสามารถที่จะรองรับนโยบาย แผน แผนงาน
โครงการ และกิจกรรมสาหรับการบริหารการพัฒนา
เนื้อหาของการพัฒนาการบริหาร จะครอบคลุ มถึงสภาพ
แวดล้อมในด้านต่าง ๆ เช่น โครงสร้าง กระบวนการ และ
พฤติ ก รรมการบริ ห ารที่ เ อื้ อ ต่ อ การพั ฒ นา รวมทั้ ง
บรรยากาศการบริหารและคุณภาพชีวิตในการทางาน
การพัฒนาโครงสร้างทางการบริหาร
โครงสร้ างทางการบริ ห ารนั้ นมี อิ ท ธิ พ ลเหนื อพฤติ
กรรมการบริหาร
เช่ น ข้ า ราชการที่เ ข้ า มาอยู่ ภ ายใต้ “สถานการณ์ร ะบบ
ราชการ” จาเป็ นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นั้น ๆ
หลักการของการจัดโครงสร้างทางการบริหาร
ประกอบด้วย
1. การแบ่ ง แยกหน้ า ที่ ค วามรั บ ผิ ด ชอบและมอบให้ แ ต่ ละ
บุคคลกระทาเพื่อสะดวกในการติดตามประเมินผลและ
การส่ ง ข้ อ มู ล ย้ อ นกลั บ ว่ า ใครรั บ ผิ ด ชอบอะไร และ
ปฏิบัตงิ านได้ดมี ากน้อยเพียงใด
2. การประสานหน้ า ที่ความรั บผิดชอบที่แบ่งแยก ให้มีการ
ประสานงานและความกลมกลื น เพื่ อ โน้ ม น้ า วการ
ปฏิบัตงิ าน ให้เป็ นไปตามทิศทางทีจ่ ะบรรลุวัตถุประสงค์ท่ี
เอือ้ ต่อการพัฒนาประเทศ
รู ปแบบโครงสร้างทางการบริหาร แบบที่ 1
หัวหน้า
ลูกน้อง
จะพบเห็นได้ในหน่วยงานราชการทั่ว ๆ ไป ซึง่ มีหวั หน้าที่มีอานาจสูงสุด
เพียงคนเดียว
รู ปแบบโครงสร้างทางการบริหาร แบบที่ 2
หัวหน้า
ลูกน้อง
จะพบเห็นได้ในรัฐวิสาหกิจซึง่ มีหวั หน้าที่มีอานาจสูงสุดหลายคน
(คืออยูใ่ นรูปแบบของคณะกรรมการการบริหาร)
รูปแบบโครงสร้างทางการบริหาร แบบที่ 3
ลูกน้อง
หัวหน้า
จะพบเห็นได้ในมหาวิทยาลัยซึง่ ผูบ้ งั คับบัญชาเป็ นหัวหน้าในทางนิตินยั
ส่วนลูกน้องเป็ นผูบ้ งั คับบัญชาในทางพฤตินยั
รู ปแบบโครงสร้างทางการบริหาร แบบที่ 4
แบบผสม
รูปแบบของโครงสร้างทางการบริหาร ทัง้ 4 แบบ
มีทงั้ ข้อดีและข้อเสีย และแต่ละรู ปแบบก็เหมาะกับงานแต่
ละประเภท ไม่มีโครงสร้างรู ปแบบใดที่ดีที่สุด ขึน้ อยู่กับว่า
หน่ ว ยงานใดจะน ารู ป แบบใดไปใช้ ใ ห้ เ หมาะสมกั บ งานที่
รับผิดชอบให้เกิดประโยชน์ให้มากทีส่ ุดแก่หน่วยงานนั้น ๆ
2. การพัฒนากระบวนการการบริหาร
การขจั ด จุ ด อุ ด ตั น ของการไหลของงาน การย่ น
ระยะเวลาเดินทางของงาน และการทางานให้ง่ายเข้า
เพื่อเพิ่มสมรรถนะขององค์การที่จะสนองตอบเป้าหมายการ
พัฒ นาของประเทศ เช่ น เดี ย วกัน กับ การพัฒ นาโครงสร้า ง
ทางการบริหาร
มี ค วามสั ม พั น ธ์ กั บ การพั ฒ นาโครงสร้า งทางการบริ ห าร
เพราะถ้ า องค์ก ารตั ด สิ น ใจเลื อ กใช้ รู ป แบบโครงสร้ า ง
ทางการบริหารรู ปแบบใดรู ปแบบหนึ่งกระบวนการการ
บริหารก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
การพัฒนากระบวนการการบริหาร
กระบวนการบริ ห ารมี ค วามสั ม พั น ธ์ กั บ เทคโนโลยี ถ้ า
อ ง ค์ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี ร ะ บ บ ส า ย พ า น
กระบวนการการบริหารต้องดาเนินไป ตามขั้นตอน 1-2-3
จะข้ามขั้นตอนมิได้
หากองค์การตัดสินใจใช้เทคโนโลยีท่ี ม่งุ ให้บุคคลสองฝ่ ายมา
พบปะเพื่ อ ท าธุ ร กิ จ กั น เช่ น เครื่ อ งถอนเงิ น อั ต โนมั ติ
กระบวนการการบริหารก็อาจจะสัน้
3. การพัฒนาพฤติกรรมการบริหาร
พฤติ กรรมพัฒ นา/ไม่พัฒ นาของบุค ลากร อาจเกิ ด จากปั จ จั ย
หลายประการ เช่น สภาพแวดล้อม โครงสร้าง และกระบวนการ
การบริหาร หรือ อาจเกิดจากนโยบายขององค์การและภูมิหลั ง
ทางเศรษฐกิจ และสังคม
พฤติกรรมทีเ่ อือ้ ต่อการพัฒนา
ได้แก่ พฤติกรรมทีเ่ อือ้ ต่อการปฏิบัตภิ ารกิจของการบริหาร
การพัฒนาทีเ่ น้นเรื่อง
การวางแผนไว้ล้วงหน้าอย่างมีทศ ิ ทาง
ความทันการณ์ หรือ สถานการณ์
เน้นการประดิษฐ์คิดค้น อย่างสร้างสรรค์
พฤติกรรมและบทบาท
ผู้บริหารสมัยใหม่หรือนักบริหารการพัฒนาควรมี
นั ก การเมื อ ง ควรน าเอาข่ า วสารเกี่ ย วกั บ สั ง คมสมั ย ใหม่
เช่น อุตสาหกรรม เทคนิค และวิทยาศาสตร์ ไปบอกกล่าว
ในประเทศด้อยพัฒนา
ผู้ประกอบการ ควรจะเป็ นนักประดิษฐ์คิดค้น
ผู้ บ ริ ห ารโครงการ ควรดู แ ลและอ านวยการให้ โ ครงการ
พัฒนาสาเร็จไปด้วยดี
ผู้ใช้อานาจ ควรแบ่งปั นผลประโยชน์แก่ผู้ทเี่ กี่ยวข้อง
แนวทางการพัฒนาการบริหาร
1. ด้านมหภาค
2. ด้านจุลภาค
แนวทางการพัฒนาการบริหารทางด้านมหภาค
นักวิชาการกลุ่มหนึ่ง คิดว่า ควรพัฒนาพรรคการเมือง ระบบ
เลื อ กตั้ง ฝ่ ายนิ ติ บัญ ญัติ และกลุ่ม ผลประโยชน์ ให้ มี พ ลัง
ทัดเทียมกับระบบราชการเพื่อคอยถ่วงอานาจและตรวจสอบซึ่ง
กันและกัน ฝ่ ายนีไ้ ด้ช่ือว่า “ฝ่ ายทฤษฎีหน่วยการปกครองการ
บริหารที่สมดุล”
ส่วนนักวิชาการอีกฝ่ ายหนึ่ง คือ “ฝ่ ายทฤษฎีหน่วยการปกครอง
การบริหารที่ไม่สมดุล” เชื่อว่า การพัฒนาการบริหารไม่จาเป็ น
จะต้องมีลกั ษณะสมดุลกับระบบหรือฝ่ ายอื่น ๆ ก็ได้
การพัฒนาการบริหารทางด้านจุลภาค
ครอบคลุม
1. ด้านโครงสร้าง
2. ด้านกระบวนการ
3. ด้านพฤติกรรมการบริหาร
1.การพัฒนาด้านโครงสร้างทางการบริหาร
ทาได้หลายวิธี คือ
1. วิ เ คราะห์ วิ จั ย เพื่ อ ดู ว่ า โครงสร้ า งทางการบริ ห ารใน
ปั จจุบันเอือ้ หรือขัดขวางการบริหารการพัฒนามากน้อย
เพียงใด
2. หลังจากการวิเคราะห์วิจัยแล้ว ถ้าจาเป็ นจะต้องสร้างหรือ
พัฒนา “หน่วยงาน” ขึน้ มาเพือ่ รับผิดชอบงานใหม่ ๆ
3. การจัดองค์การแบบเมทริกซ์
4. พิจารณาขนาดขององค์การว่าขนาดเท่าใดจึงจะเหมาะสม
กับภารกิจทีร่ ับผิดชอบอยู่
5. การพัฒนาควรจะต้องเน้นการเปิ ดโอกาสให้ประชาชนได้
เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
6. ควรเน้นการประสานงานในแนวนอนเท่า ๆ กับในแนวตัง้
7. ควรทาไปพร้อม ๆ กับการออกแบบงาน
8. ค านึ ง ถึ ง หลั ก การบริ ห ารงานบุ ค คลและการแรงงาน
สัมพันธ์
9. ควรยึด แนวทางของ “องค์ก ารกลยุ ทธ์” คื อ การจั ด
โครงสร้างและภารกิจขององค์การที่สามารถสนองความ
ต้องการของประชาชน
2. การพัฒนาด้านกระบวนการการบริหาร
1. พยายามที่จะทาให้เส้นทางเดินของงานสัน้ เข้า ทัง้ แนวตัง้ และ
แนวนอน เพื่อประหยัดทรัพยากรทางการบริหาร
2. พยายามทางานให้ง่ายขึน้
3. กระจายอานาจออกไปยัง หน่ ว ยต่า งๆ ที่ อยู่เบือ้ งล่างเพื่ อลด
ความแออัดของภารกิจของงานที่สว่ นกลาง
3. การพัฒนาพฤติกรรมทางการบริหาร
จากการศึกษาเกี่ยวกับลักษณะทางพฤติกรรมของระบบ
ราชการพบว่า
1. การไม่ ค านึ ง ถึ ง เรื่ อ งส่ ว นตัว มี ส่ ว นเอื อ้ ต่ อ การปฏิ บ ัติ ง าน ให้
สัมฤทธิผล
2. ความมีเหตุมีผลมีสว่ นเอือ้ ต่อความเปลี่ยนแปลงการปฏิบตั ิงาน
ให้สมั ฤทธิผล
3. การยอมให้ประชาชนเข้ามีสว่ นร่วมในการตัดสินใจ
Q/A
การพัฒนา
การบริหาร
การพัฒนา การบริหาร
การเมือง โครงการ
ขอบเขต
การบริหาร
การพัฒนา
การพัฒนา การพัฒนา
สังคม เมือง
การพัฒนา
ชนบท
การบริหารโครงการ
(Project Management) คืออะไร
1. การเริ่มต้น (Initiating)
2. การวางแผน (Planning)
3. การดาเนินการ (Executing)
4. การตรวจสอบและควบคุม (Monitoring and
Controlling)
5. การปิดโครงการ (Closing)
2. การบริหารการพัฒนาทีเ่ น้น
การบริหารโครงการพัฒนา
การบริหารโครงการพัฒนา หมายถึง การจัดการเกี่ยวกับ
ภารกิจหรืองานที่เพิ่มมากขึน้ ทัง้ ด้านขนาด ความสลับซับซ้อน
และความจาเป็ นอื่น ๆ ที่ ออกมาในรู ปของโครงการเฉพาะที่
ขนานไปกับการบริหารกิจการประจาวันอื่น ๆ
การบริหารโครงการพัฒนา
ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
1. การจัด เตรี ย มเรื่ อ งการจั ด การ หมายถึ ง การเตรีย มการ
ประสานงานโดยการจัดองค์การไว้รองรับ คือ การแบ่งแยก
หน้า ที่ กัน ท าให้เ ป็ น สัด ส่ ว น แต่ ใ นขณะเดี ย วกัน ต้ อ งมี ก าร
ประสานระหว่างหน้าที่ท่ีแบ่งแยกไปแล้วให้กลมกลืนกันด้วย
2. การจัดเตรียมเทคนิคการบริหาร ได้แก่ การกาหนดประเภท
ของงาน การส ารวจความต้อ งการทรัพ ยากรที่ จ ะใช้ การ
กาหนดตารางเวลาการปฏิบตั ิงาน การกาหนดคุณภาพของ
สินค้าและบริการที่จะผลิต การโฆษณาสินค้าและบริการ และ
การวัดผลโครงการพัฒนา
ประเภทของโครงการพัฒนา
1. แบ่งตามมิติระดับของหน่วยงานที่รบั ผิดชอบ เช่น โครงการพัฒนา
ระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น
2. แบ่งตามมิ ติระยะเวลาดาเนิ นงาน เช่ น โครงการพัฒ นาระยะสัน ้
โครงการพัฒนาระยะกลาง และโครงการพัฒนาระยะยาว
3. แบ่ ง ตามมิ ติ พื น
้ ที่ ดาเนิ นงาน เช่ น โครงการพัฒ นาในเขตเมื อ ง
โครงการพัฒนาในเขตชนบท
4. แบ่ ง ตามมิ ติ ภ าคของการพั ฒ นา เช่ น โครงการพั ฒ นาภาค
การเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และโครงการพัฒนาภาคบริการ
5. แบ่งตามมิติวต ั ถุประสงค์ เช่น โครงการพัฒนาที่ม่งุ ไปที่วตั ถุหรือ
โครงการพัฒนาที่ม่งุ ไปที่ตวั คนหรือจิตใจ
โครงการพัฒนาทีแ่ บ่งตามมิตวิ ัตถุประสงค์
โครงการทดลอง เป็ น โครงการทดลองมี ขนาดเล็ก ไม่ห วัง ผล
ทันทีทนั ใด มุ่งที่จะกาหนดปั ญหา และหาวิธีแก้ปั ญหาให้บรรลุ
เป้าหมายที่วางไว้
โครงการนาร่อง เป็ นโครงการที่ ม่งุ ทดลองวิธีการดาเนิ นงานให้
เหมาะสมกับท้องถิ่น
โครงการสาธิ ต เป็ นโครงการที่ แสดงให้เห็นว่าวิธีการใหม่ ดีกว่า
วิธีการเก่า และน่าจะนามาใช้
โครงการผลิตซา้ เพื่อนามาใช้
สภาพแวดล้อมของการบริหารโครงการพัฒนา
แผน
ทา
ทา
อย่างไร
ทาไม
How แผนงาน WHY
to
โครงการ
กิจกรรม
การนาเอาโครงการพัฒนาไปปฏิบัติ
มีได้หลายฐานะคือในฐานะที่เป็ น
การเมือง แรงกดดัน การเจรจาต่อรอง การดึงและการดัน และ
การยักย้ายถ่ายเท
การระดมฉัน ทานุมัติ โดยน าเอาทุก คนที่ เ กี่ ย วข้อ งมาหาทาง
ปรองดองกัน
การควบคุมทางการบริหารโดยข้าราชการเอง
การเจรจาต่อรองระหว่างหน่วยงานของรัฐบาล
การกระท าร่ว มกัน เพื่ อ จัด กิ จ การความร่ว มมื อ ในขอบข่ า ยที่
ใหญ่โต ยุง่ ยากและสลับซับซ้อน
การประเมินผลโครงการพัฒนา
เป็ นการประเมินผลการดาเนินงานของโครงการพัฒนา เพื่อจะ
ได้ท ราบว่ า โครงการพั ฒ นาที่ ด าเนิ น การไปแล้ว มี ผ ลการ
ดาเนินงานเป็ นอย่างไร
แต่ถา้ ไม่มีการประเมินผลโครงการพัฒนาอย่างมีประสิทธิ ภาพ
การบริหารโครงการพัฒนาก็ยากที่จะประสบความสาเร็จ
การประเมินผลโครงการ
อาจจะทาได้หลายวิธี เช่น
การประเมินสิ่งที่ปอ้ นเข้าไป เช่น บุคลากร เงินเดือนครู หรือ
การประเมินผลที่ออกมา เช่น จานวนผูท ้ ่ีจบการศึกษา หรือเชิง
คุณภาพ เช่น สัดส่วนระหว่างครูและนักเรียน เป็ นต้น
แนวทางการบริหารโครงการพัฒนา
มักจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเทศะ
มักจะเน้นในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็ นองค์ประกอบของการบริห ารการ
พัฒนา คือ การพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การพัฒนา
เมือง การพัฒนาชนบท เป็ นต้น
ลักษณะของโครงการพัฒนาทีด่ ี
• มีความชัดเจน คือ สามารถตอบคาถามของผูอ้ ่านได้อย่างตรง
จุด ทัง้ ในเรือ่ งของเนือ้ หา รวมทัง้ ความชัดเจนของภาษา
• มีความเป็ นไปได้ คือ ต้องมีความชัดเจน เมื่อดาเนินงานแล้ว
จะต้องเห็นแสงสว่างว่าจะประสบความสาเร็จ
• ประหยัด การที่จะไปสูค่ วามสาเร็จได้ คุณจะต้องพบเจอกับ
อุปสรรคนานาชนิด โดยเฉพาะ ‘ปั ญหา’ โดยในแต่ละวิธีจาเป็ นต้อง
มีคา่ ใช้จ่ายในการดาเนินงาน, ระยะเวลา รวมทัง้ ทรัพยากรต่างๆ
เพราะฉะนัน้ จึงควรเลือกทางเลือกเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สดุ , ต้อง
ประหยัดเวลา, ทรัพยากรมากสุด ซึง่ ต้องมาจากการขบคิดทัง้ สิน้
• มีประสิทธิภาพ ขัน้ ตอนดาเนินโครงการอันมีคณ ุ สมบัติ
ประหยัดเวลา, ทรัพยากร จนกระทั่งได้ผลลัพธ์ตาม ประสงค์ หรือได้
ตามวัตถุประสงค์ท่ีตงั้ ไว้ ถือว่ามีประสิทธิภาพ
• มีความเชื่อมั่นในระดับดีเยีย่ ม โครงการที่ดีตอ้ งมีความเชื่อมั่น
ในตัวเอง เล็งเห็นความเป็ นไปได้ นอกจากนีถ้ า้ หากมีเหตุ
จาเป็ นต้องเปลี่ยนผูด้ าเนินโครงการ ก็สามารถดาเนินงานได้ประสบ
ผลสาเร็จได้ใกล้เคียงกัน
• ประเมินผลได้ ต้องสามารถประเมินผลได้ คิดวิเคราะห์แยกแยะ
ว่ามีความแตกต่างกัน มาก – น้อยเพียงใด เมื่อนามาเทียบกับ
วัตถุประสงค์ท่ีตงั้ ไว้ เพราะฉะนัน้ ผลลัพธ์ คือ ตัวบ่งบอกผลสัมฤทธิ์
ได้ดีท่ีสดุ
• ผลประโยชน์ เมื่อโครงการสาเร็จเสร็จสิน้ ผูด้ าเนินงานต้องบอก
ได้วา่ ใครเป็ นผูไ้ ด้รบั ประโยชน์จากเรือ่ งนี ้ สามารถบอกกล่าวทัง้
ผลประโยชน์โดยตรง – ผลประโยชน์ทางอ้อมได้
ปั ญหาของการบริหารโครงการพัฒนา
1.ปั ญหาที่เกิดจากสภาพแวดล้อมจากต่างประเทศ ซึง่
ประกอบด้วยสภาพแวดล้อม ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
ของโลก
2. ปั ญหาที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในประเทศ และ
ภายนอกหน่วยงาน
3. ปั ญหาที่เกิดจากการกาหนดนโยบายการพัฒนาประเทศ
ที่ไม่แน่นอน ไม่ตอ่ เนื่องและ ผิดพลาด
4. ปั ญหาที่เกิดจากโครงสร้างของการบริหารโครงการ
พัฒนา
5.ปั ญหาที่เกิดจากระบวนการการบริหารโครงการพัฒนา
และเทคโนโลยี
6.ปั ญหาที่เกิดจากพฤติกรรม
Q/A
การบริหารการพัฒนา
(การเมือง)
1
แนวคิดการพัฒนาทางการเมือง
มิติ มิติ
เฉพาะ
ทั่วไป เจาะจง
2
การเมือง?
Harold D. Lasswell : ใครได้อะไร เมื่อใด และอย่างไร
David Easton : การจัดสรรสิ่งที่มีค่าซึ่งมีผลบังคับตาม
กฎหมาย
Marion J.Levy : การจัดสรรอานาจบังคับบัญชา และ
ความรับผิดชอบ
Maotse-tung : สงครามที่ปราศจากการสูญเสียเลือด
เนื้อ
3
ไอแซค : การเมือง?
เกี่ยวกับอานาจ อานาจหน้าที่ และความขัดแย้ง เป็น
กระบวนการทางสังคม
การชิงดีชิงเด่น
การร่วมมือกันในการใช้อานาจเพือ่ ตัดสินใจในนามของ
กลุ่ม
การจัดสรรทรัพยากรที่มีคณ
ุ ค่าสาหรับกลุ่ม องค์การ
และสังคม
4
5
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ?
1 รัฐประหาร 2 การปกครองในระบอบเผด็จการทหาร
6 ข้อขัดแย้ง 4 การเลือกตั้ง
5 กระบวนการทางรัฐสภา
6
การเจริญเติบโตทางการเมือง&การพัฒนาทางการเมือง
7
การพัฒนาทางการเมือง
ผลงาน องค์กร/
ประ หน่วย
ของ ปกครอง
ชาชน รัฐบาล การบริหาร
8
ความเป็นสมัยใหม่ทางการเมือง?
กระบวนการที่มีพื้นฐานอยู่บนการใช้ทรัพยากรอย่างมี
เหตุผล เพื่อสร้างสังคมสมัยใหม่ขึ้น
การหล่อหลอมหรือปลูกฝั่งสิ่งที่เรียกว่า วัฒนธรรมโลก
ซึ่ ง มี พื้ น ฐานอยู่ บ นเทคโนโลยี แ ละวิ ท ยาศาสตร์ ที่
ก้าวหน้า
กระบวนการเปลี่ ย นแปลงโครงสร้ า งทางการเมื อ ง
เศรษฐกิจ และสัง คม สนับ สนุ น ซึ่ งกั น และกัน จนเกิ ด
การมีส่วนร่วมทางการเมือง เศรษฐกิจมีประสิทธิภาพ
มีความเสมอภาคทางสังคม
9
สรุปความหมายของการพัฒนาทางการเมือง?
10
การพัฒนาทางการเมือง ครอบคลุม?
เอกภาพหรือบูรณาการทางการเมือง
สมรรถนะหรือความสามารถของระบบการเมือง
ผลประโยชน์
ความยุติธรรม
ความเสมอภาค
เสรีภาพ
ประชาธิปไตย
ความเป็นสถาบันทางการเมือง
การมีส่วนร่วมทางการเมือง
อานาจ
นโยบายสาธารณะ
วัฒนธรรมทางการเมือง
การอบรมบ่มนิสัยทางการเมือง
11
แนวทางการพัฒนาทางการเมือง?
1. แนวทางโครงสร้าง-ภารกิจนิยม
2. แนวทางกระบวนการทางสังคม
3. แนวทางประวัติศาสตร์เปรียบเทียบ
4. แนวทางที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ
5. แนวทางอื่นๆ
12
ปัญหาการเมืองไทยในปัจจุบัน?
ระบบอุปถัมภ์จากระบบทาสเดิม
เงินเดือนข้าราชการน้อย
ระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการ
การเลี้ยงดูในระดับครอบครัว
ระบบการศึกษา
ความอ่อนแอของประชาชน
การเมืองไทยหลังการปกครอง 2475
กลุ่มสื่อมวลชล
13
14
15
16
17
18
19
20
ระบบการเมืองที่ดี
ระบบการเมืองที่สามารถนามาซึ่งความเป็นธรรมในสังคม
ความเป็นธรรมในสังคม
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
21
การสร้างระบบการเมือง
การสร้างระบบการเมือง
ผู้ใช้อานาจรัฐ
ระบบการเมือง
ประชาชน รัฐบาลหรือ
หรือรัฐ
ผู้ปกครอง
22
ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยสามารถพัฒนาเป็น
ระบบการเมืองที่ต่อเนื่องและยั่งยืนได้ มีตัวแปรใหญ่ดังต่อไปนี้
ประชาชน : ปลอดจากความจนและความเขลา
ขึ้นอยูก่ ับ 2 ตัวแปรหลัก คือ เศรษฐกิจหรือความอยู่
ดีกินดี และการศึกษา
• ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอานาจอธิปไตยจะต้องปลอด
จาก ความชั่วแฝด คือ ความจน และ ความเขลา
23
รัฐบาลที่ดี : อุดมการณ์และความรู้
ความสามารถ
บุคคลที่เป็นนักการเมืองต้องมีคุณสมบัติ 2
ประการคือ มีอุดมการณ์ทางการเมืองและมี
ความรู้ความสามารถ
อุดมการณ์ทางการเมือง ประกอบด้วย หลักการ
ทางการเมือง จริยธรรม การเสียสละ ความ
ซื่อสัตย์สุจริต
24
ระบบการเมือง : ประโยชน์และยุติธรรม
25
26
27
การพัฒนาการเมืองไทยในรัฐบาลปัจจุบนั ?
1. การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรายบุคคล ในครัง้
ที่ผา่ นมา ใครถูกยื่นญัติอภิปรายไม่ไว้วางใจบ้าง
2. นักศึกษาชอบการนาเสนอ/อภิปรายของ สส.ฝ่ ายค้านท่านใด/พรรค
ไหน มากที่สดุ ในประเด็นใด ยกตัวอย่างให้เห็นพอสังเขป
3. นักศึกษาพอใจกับผลคะแนนโหวตในการลงมติไม่ไว้วางใจ หรือ
ไว้วางใจรัฐบาลในครัง้ นีห้ รือไม่อย่างไร
4. นักศึกษาได้อะไรจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครัง้ นีบ้ า้ ง
5. อยากเห็นการเมืองไทยมีการพัฒนาไปในรูปแบบหรือทิศทางใด
28