You are on page 1of 57

รายวิชา Basic Anatomy รหัสวิชา 363218

ผู้สอน อ.วไลลักษณ์ ภูสันต์


ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
 เข้าใจลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์
 บอกหน้าทีข่ องระบบเลือด
 บอกส่วนประกอบของเลือด
 สามารถแยกเซลล์เม็ดเลือดชนิดต่างๆ ได้

 เข้าใจลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์ และหน้าทีร่ ะบบนา้ เหลือง


 แยกอวัยวะในระบบนา้ เหลือง

ขอบเขตการเรียนรู้
ระบบเลือด ระบบนา้ เหลือง
 ส่วนประกอบ  ส่วนประกอบ
 หน้าทีแ่ ละการสร้าง  หน้าที่
 ลักษณะ  ตาแหน่ง
Blood and Lymphatic systems

ระบบเลือดและระบบน้าเหลืองเป็ นระบบหมุนเวียน (circulatory system)


หลักในร่างกาย

• ระบบเลือดทาหน้าที่สง่ เลือดไปเลีย้ งส่วน


ต่างๆ ของร่างกาย
• ระบบน้าเหลืองทาหน้าที่นาของเสีย
ต่างๆ ในเซลล์กลับเข้าสู่ระบบเลือด
• ระบบเลือดและระบบน้าเหลืองเป็ น
ระบบที่แยกกันและมีท่อลาเลียงที่เฉพาะ
แต่จะมีการเชื่อมต่อกันในบางตาแหน่ง
Blood system
(Hematopoietic System)

ระบบเลือด
Functions
นำออกซิเจนและสำรอำหำรไปเลีย้ ง
เซลล์และเนือ้ เยื่อ

1. Transport system

ลำเลียงสำรและฮอร์โมน
ไปอวัยวะเป้ำหมำย
นำคำร์บอนไดออกไซด์และ
ของเสียออกจำกเซลล์ไป
ยังปอดและไต

Source: http://www.interactive-biology.com/wp-content/uploads/2012/08/CirculatorySystem_Full-view_cropped.jpg
2. Body homeostasis

 ควบคุมอุณหภูมิ
ร่างกาย

 รักษาสมดุลของของ
นา้ ในร่างกาย

Source: https://www.safaribooksonline.com/library/view/your-body-the/9780596805456/httpatomoreillycomsourceoreillyimages310768.png
3. Defense system กำจัดสิง่ แปลกปลอมและสร้ำงภูมิคมุ้ กันให้รำ่ งกำย

Source: http://bcs.whfreeman.com/thelifewire8e/content/cat_010/f18004.jpg
เลือด • เป็ นเนือ้ เยือ่ ประสานชนิดพิเศษ
• ประกอบด้วย 2 ส่วน
• เซลล์เม็ดเลือด (blood cells)
• นา้ เลือด (plasma)

• ปริมาตรประมาณ 5 ลิตร
(8% ของนา้ หนักตัว)

• pH 7.3-7.4

http://blog.inceptsaves.com/files/2011/03/Blood-Components.jpg
เซลล์เม็ดเลือด (blood cells)

1. เซลล์เม็ดเลือดแดง
(red blood cell/erythrocyte)
2. เซลล์เม็ดเลือดขาว
(white blood cell/leukocyte)
3. เกล็ดเลือด
(blood platelet/thrombocyte)

http://www.biotestplasma.com/clientuploads/plasma.jpg
การสร้างเม็ดเลือด (hematopoiesis)

สร้ำงโดย hematopoietic tissue

1. Myeloid tissue ได้แก่ เซลล์ในไขกระดูก


 เม็ดเลือดแดง
 เม็ดเลือดขาว
 เกล็ดเลือด

2. Lymphatic tissue เช่น thymus gland


spleen และ lymph node
 เม็ดเลือดขาว

Source: http://www.uchospitals.edu/images/nci/CDR0000661751.jpg
1. เซลล์เม็ดเลือดแดง
• รูปร่ำงกลมและเว้ำเข้ำทัง้ สองด้ำน
(biconcave disk)

• ไม่มีนิวเคลียส
• ขนำดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงเฉลีย่ 7.5 µm
• มีควำมยืดหยุน่
• มีฮีโมโกลบิน ทำหน้ำที่นำออกซิเจน
จำกปอดไปยังเซลล์

• จำนวน
5.0 ล้ำนเซลล์/mm3 (ผูช้ ำย)
4.5 ล้ำนเซลล์/mm3 (ผูห้ ญิง)
http://antranik.org/wp-content/uploads/2011/12/rouleaux-red-blood-cells-1024x506.jpg
http://www.pathologystudent.com/wp-content/uploads/2009/05/normal-blood1.jpg
ฮีม ฮีโมโกลบิน
เม็ดเลือดแดง

ฮีโมโกลบิน
 โกลบิน (Globin)
 ฮีม (Heme)
• ฮีมมีธำตุเหล็ก (Fe)เป็ น
องค์ประกอบ
• Fe 1 โมเลกุลจับกับ O2 ได้
1 โมเลกุล
• Oxyhemoglobin Deoxyhemoglobin

http://www.sigmaaldrich.com/content/dam/sigma-aldrich/life-science/biochemicals/migrationbiochemicals1/Hemo_Banner.jpg http://education-portal.com/cimages/multimages/16/Hemoglobin.png
อวัยวะทีส่ ร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
 ระยะทำรก (3-5 เดือน) สร้ำงโดย ตับ ม้าม ต่อมนา้ เหลือง
 หลังระยะทำรก 5 เดือน จนตลอดชีวิตสร้ำงโดย ไขกระดูก
 หลังอำยุ 20 ปี สร้ำงโดย ไขกระดูก ในกระดูกท่อนยำว
 วัยผูใ้ หญ่ สร้ำงโดย ไขกระดูก ในกระดูกแผ่นบำง
http://www.daviddarling.info/images/bone_marrow.gif

 ไขกระดูก bone marrow แบ่งเป็ น

Red bone marrow


 มีกำรสร้ำง red blood cell

Yellow bone marrow


 มีเซลล์ไขมันมำก พบมำกในผูใ้ หญ่
 ไม่มีกำรสร้ำง red blood cell
การสร้างเม็ดเลือดแดง (Erythropoiesis)

1 2 3.1 3.2 3.3 4 5

1. Stem cell: เซลล์ตน้ กำเนิด hematocytoblast


2. Proerythoblast: เซลล์ตวั อ่อน, ขนำดใหญ่, นิวเคลียสกลมใหญ่, ไซโตพลำสซึมติดสีนำ้ เงิน
3. Normoblast: ระยะสร้ำงฮีโมโกลบิน, ขนำดเซลล์เล็กลง, นิวเคลียสเล็กลง, นิวเคลียสหลุดออกในระยะท้ำย
3.1 Early normoblast (basophilic normoblast)
3.2 Intermediate normoblast (polychromatophilic normoblast)
3.3 late normoblast (orthochromatic normoblast)
4. Reticulocyte: เซลล์ไม่มีนิวเคลียส, ไซโตพลำสซึมติดสีนำ้ เงินปนเล็กน้อย, เซลล์ขนำดใกล้เคียง RBC,
พบประมำณ 1% ของ RBC

5. Erythrocyte (red blood cell): เซลล์เม็ดเลือดแดง, รูปร่ำงกลมและเว้ำเข้ำหำกันทัง้ สองด้ำน, ไม่มีนิวเคลียส,


ย้อมติดสีสม้
http://legacy.owensboro.kctcs.edu/gcaplan/anat2/notes/Image333.gif
อวัยวะทีท่ าลายเซลล์เม็ดเลือดแดง
• red blood cell อยูใ่ นกระแสเลือด 120 วัน
• ถูกทำลำยโดย macrophage ใน  ตับ  Fe และ Globin จะถูก
 ไขกระดูก นำไปใช้ใหม่
 ม้ำม  สำรสีแดง>> Bilirubin

Liver

Spleen

Bone marrow

http://www.sccollege.edu/SiteCollectionImages/Private/816_liver.jpg
http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/magazine/issues/summer11/images/boneAnatomy-lg.png
https://edc2.healthtap.com/ht-staging/user_answer/reference_image/7902/large/Enlarged_spleen.jpeg?1349477491
Anemia
(โรคโลหิตจำง)

http://www.tabletsmanual.com/img/wiki/anemia_1.jpg
http://drclintonb.files.wordpress.com/2012/04/anemia1.jpg
http://www.pathpedia.com/education/eatlas/histopathology/blood_cells/anemia_-_iron_deficiency/iron-
deficiency-anemia-(anaemia)-[1-bl048-1].jpeg?Width=600&Height=450&Format=4
2.เซลล์เม็ดเลือดขาว
 เซลล์เม็ดเลือดขาวมีนิวเคลียส
 มีจานวน 4,500-10,000 เซลล์/mm3

http://www.psmicrographs.co.uk/_assets/uploads/human-red-and-white-blood-cells-80200662-m.jpg

หน้าที่
ป้ องกันและกาจัดสิ่งแปลกปลอม/เชือ้ โรค
เซลล์เม็ดเลือดขาวแบ่งออกเป็ นออกเป็ น 2 กลุ่ม

แกรนูลโลไซต์ อะแกรนูลโลไซต์
มี specific granules ไม่มี specific granules
มี non-specific มี non-specific
granules“lysosomes” granules“lysosomes”
สร้ำงจำกไขกระดูก สร้ำงจำก ต่อมไทมัส ต่อมนำ้ เหลือง ม้ำม
http://images.wisegeek.com/white-blood-cells-diagram.jpg
เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแกรนูลโลไซต์
(granulocytes)
Neutrophil (นิวโทรฟิ ล)
 พบมากที่สุดของจานวนเม็ดเลือด
ขาวทั้งหมด (60%-70%)

 หน้าที่เก็บกินสิง่ แปลกปลอมและ
เชือ้ โรคโดยเฉพาะแบคทีเรีย
แบบฟาโกไซโทซิส

 นิวเคลียส 2-5 พู (multi-lobed nucleus)


 นิวเคลียสเชื่อมต่อกันด้วยโครมาติน
 ในเพศหญิงอาจพบโครมาตินยื่นออกมา Drumstick
เรียกว่า “Drumstick (Barr body, Sex
chromosome)”
 specific granule ขนาดเล็ก ย้อมติดสีชมพู/
ม่วงอ่อน
http://legacy.owensboro.kctcs.edu/gcaplan/anat2/notes/14_09.jpg http://missinglink.ucsf.edu/lm/IDS_101_histo_resource/images/neutrophil100x_copy.jpg-labelled.jpg
Eosinophil (อีโอซิโนฟิ ล)
หน้าที่
 เก็บกินเชือ้ โรค/สิ่งแปลกปลอม
 กาจัดแอนติเจน-แอนติบอดี
คอมเพลกซ์ ที่เกิดจากการตอบสนอง
ต่อการแพ้

 พบจานวนเพิ่มขึน้ ในภาวะเกิดภูมิแพ้
และมีพยาธิ
 นิวเคลียส 2 พู (bilobed)
 พบ 2%-4% ของจานวนเม็ดเลือดขาว
 specific granule ขนาดใหญ่และขนาด
เท่ากัน ย้อมติดสีส้ม
Basophil (เบโซฟิ ล)
หน้าที่
 เก็บกินเชือ้ โรค/สิ่งแปลกปลอม
 กระตุน้ การสร้างอิมมูโนโกลบุลินอี (IgE)
ทาให้เกิดการอักเสบ
 หลั่งสารป้ องกันการแข็งตัวของเลือด

 พบ 0.5%-1% ของจานวนเม็ดเลือดขาว
 พบมากในตาแหน่งทีม่ ีการอักเสบ

 นิวเคลียสแบ่งเป็ นพูไม่แน่นอน และ


ถูกบังด้วย granule
 specific granule ขนาดใหญ่และขนาด
ไม่เท่ากัน ย้อมติดสีม่วงปนน้าเงิน
เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดอะแกรนูลโลไซต์
(agranulocytes)

Lymphocyte
Monocyte
Lymphocyte (ลิมโฟไซต์)

 ทำหน้ำที่สร้ำงแอนติบอดีและ
ทำลำยสิง่ แปลกปลอม

 พบจำนวนเพิ่มขึน้ ในภำวะติดเชือ้
ไวรัส
 พบ 20%-25% ของเม็ดเลือดขำว

 เซลล์รูปร่ำงกลม ขนำด 6-8 um


 นิวเคลียสขนาดใหญ่เกือบเต็มเซลล์ รูปร่ำงกลมหรืออำจมีรอยเว้ำเล็กน้อย
โครมำตินรวมกันหนำแน่นทำให้ติดสีเข้ม
 ไซโตพลามซึมอยู่ทขี่ อบเซลล์
Monocyte (โมโนไซต์)
 เม็ดเลือดขาวทีข่ นาดใหญ่สุด 12-20 um
 พบ 3% -8% ของเม็ดเลือดขาวทัง้ หมด
 ทาหน้าทีเ่ ก็บกินสิ่งแปลกปลอมแบบฟาโกไซ
โทซิส

 นิวเคลียสใหญ่ อยู่ทบี่ ริเวณกลางเซลล์ รู ป


เกือกม้า หรือ U-shaped nucleus
 โครมาตินหนาแน่นน้อย จึงติดสีจางกว่า
lymphocyte

Liver Monocyte สามารถพัฒนาไปเป็ น


Macrophage macrophages ทาหน้าทีท่ าลายเชือ้ โรคสิ่ง
(Kupffer cell) แปลกปลอมขนาดใหญ่ และเซลล์ตาย/เซลล์
เสื่อมสภาพ

http://legacy.owensboro.kctcs.edu/gcaplan/anat2/notes/14_12.jpg
http://classconnection.s3.amazonaws.com/690/flashcards/629690/png/kupffer_cells1316824906629.png
Leukemia
(มะเร็งเม็ดเลือดขาว)

http://images.wisegeek.com/diagram-of-effects-of-leukemia-on-blood.jpg
3.Platelets (Thrombocytes)

 ทาหน้าทีเ่ กี่ยวกับการหยุดเลือดและ
การแข็งตัวของเลือด (blood clot)
 รูปร่างเป็ นแผ่นบางขนาดเล็ก
(2-4 µm)

 ไม่มีนิวเคลียส
 มี specific granule ทีส่ ะสม
สารสาคัญในกระบวนการห้ามเลือด

 สร้างขึน้ ภายไขกระดูก
 มีปริมาณ 150,000-400,000 ชิน้ /mm3
 มีอายุ 7-10 วัน
 ถูกทาลายโดย เซลล์ macrophage ในม้าม

http://legacy.owensboro.kctcs.edu/gcaplan/anat2/notes/Platelets(k).jpg
Platelets (เกล็ดเลือด)
Platelets
• ชิน้ ส่วนไซโตพลาสซึมของเซลล์เมกะคารีโอไซต์
Megakaryocyte: เซลล์ต้นกาเนิด platelets
• hematopoietic cell ที่ขนาดใหญ่ทส่ี ุด (35-160 um)
• จานวนน้อยทีส่ ุด
• รูปร่างหลายแบบ
• นิวเคลียสหลายพู (polyploidy)

http://legacy.owensboro.kctcs.edu/gcaplan/anat2/notes/Image331.gif
http://faculty.weber.edu/nokazaki/Human_Physiology/Class%20notes/Blood_files/image003.gif
น้าเลือด (plasma)
 ส่วนประกอบของเลือดที่เป็ นของเหลว
 น้าสีเหลืองอ่อน
 ปริมาตร 55% ของเลือด
ประกอบด้วย
 สำรอำหำรต่ำงๆ, ฮอร์โมน, เกลือ, ไขมัน, โปรตีน
55%
 โปรตีนในนา้ เลือด
อัลบูมิน (albumin)
<1% Buffy coat  ทำหน้ำที่รกั ษำสมดุลของควำมดันออสโมติก
โกลบูลิน (globulin)
Hematocrit
45%  ทำหน้ำที่เกี่ยวกับภูมิคมุ้ กัน
ไฟบริโนเจน (fibrinogen) และโพรทรอมบิน
(prothrombin)
 ทำหน้ำที่เกี่ยวกับกำรแข็งตัวของเลือด

https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/21304_576171532415796_1314405928_n.jpg
ระบบน้าเหลือง
(Lymphatic System)
ระบบนา้ เหลือง
ระบบนำ้ เหลืองจัดเป็ นส่วนหนึ่งของระบบหมุนเวียน
(circulatory system) ในร่ำงกำย

หน้าที่
 เก็บรวบรวมของเหลวจำกเนือ้ เยื่อ และขนส่ง
กลับไปยังหลอดเลือดดำ
 ดูดซึมไขมันจากลาไส้เล็ก และขนส่งเข้ำสู่
ระบบไหลเวียนเลือด
 ขนส่งเอนไซม์ และฮอร์โมนเข้ำสูร่ ะบบไหลเวียน
 สร้ำง lymphocytes

http://classconnection.s3.amazonaws.com/235/flashcards/846235/png/lymphatic_system1333356548195.png
ระบบน้าเหลือง
(Lymphatic System)

ประกอบด้วย
1. นา้ เหลือง (lymph)

2. หลอดนา้ เหลืองฝอย (lymph capillary) และ


หลอดนา้ เหลือง (lymph vessels)

3. เนือ้ เยือ่ นา้ เหลืองและอวัยวะนา้ เหลือง


(lymphatic tissue and organs)
1. นา้ เหลือง (Lymph)
 ของเหลว ใส ไม่มีสี
 สารน้าที่อยูร่ ะหว่างเซลล์ (interstitial fluid/tissue fluid)
 สารน้าที่อยูใ่ นหลอดน้าเหลือง

 องค์ประกอบ
 น้า
 อัลบูมิน
 กลูโคส
 แอนติบอดี
 วิตามิน
 กรดไขมัน

http://www.cancerresearchuk.org/prod_consump/groups/cr_common/@cah/@gen/documents/image/crukmig_1000img-12067.jpg
การไหลเวียนนา้ เหลือง
1
Interstitial fluid
สารอาหารและ
ของเสียโมเลกุล
ใหญ่
Lymph capillary

Lymph vessels

2 Interstitial fluid Blood capillary หลอดเลือดดา


(Vein)
2. หลอดน้าเหลืองฝอย (lymph capillary) และหลอดน้าเหลือง (lymph vessels)

(source https://i.pinimg.com/originals/8d/20/f4/8d20f401c25fa081166379ec08f0d6ba.jpg)

(source https://plasticsurgerykey.com/wp-content/uploads/2016/03/00244.jpeg)

Lymph vessels
o ท่อทีต่ อ่ จากหลอดน้าเหลืองฝอย
o วางตัวขนานไปกับหลอดเลือด
o ผนังบาง มี valve แทรกโดยตลอด เพือ่
ป้ องกันน้าเหลืองไหลย้อนกลับ
o มีตอ่ มน้าเหลือง (lymph node) คั่นเป็ น
ระยะ เพือ่ กรองและกาจัดสิ่งแปลกปลอม
(Source adapted from https://hi-static.z-dn.net/files/d96/f6a9f5166f69c63cc7629fff0f400be4.jpg)
 บนซ้าย: ศีรษะ ใบหน้า คอ อก แขน
บนขวา: ศีรษะ ใบหน้า คอ อก แขน  ด้านล่างร่างกายทั้งหมด

http://www.balancingbrainchemistry.co.uk/userfiles/lympha_Thorasic.JPG
3.เนือ้ เยือ่ /อวัยวะของระบบน้าเหลือง
(lymphatic tissue/organs)

 Lymphatic follicle
(nodule)
 ต่อมน้าเหลือง (Lymph node)
 ต่อมทอนซิล (Tonsil)
 ต่อมไทมัส (Thymus)
 ม้าม (Spleen)

http://humanphysiology2011.wikispaces.com/file/view/Lymphatic_System.jpg/207611084/491x468/Lymphatic_System.jpg
Lymphatic follicle (nodule)

ภาพลาไส้เล็ก

(source https://media.springernature.com/original/springer-static/image/chp%3A10.1007%2F978-3-319-41873-
5_19/MediaObjects/333516_1_En_19_Fig4_HTML.jpg)

 กลุม่ lymphatic cells


 ไม่มี capsule หุม้
 แทรกอยู่ใน loose connective tissue
 พบในอวัยวะนำ้ เหลือง และในระบบทำงเดินอำหำร ทำงเดิน
หำยใจและทำงเดินปั สสำวะ
 จำนวนเพิ่มขึน้ ในภำวะถูกกระตุน้ ด้วยแอนติเจน
 อำจพบ germinal center: active lymphocytes http://medsci.indiana.edu/a215/virtualscope/images/lymph_gi_vd1.jpg
ต่อมนา้ เหลือง
(Lymph node)
ต่อมนา้ เหลือง

 ลักษณะเป็ นก้อนรูปไข่ หรือ


รูปถั่ว
 พบที่ คอ รักแร้ ขาหนีบ

 หน้าที่
 กรองน้าเหลือง
 สร้าง lymphocyte
 สร้าง antibody

http://img.webmd.com/dtmcms/live/webmd/consumer_assets/site_images/media/medical/hw/h9991282_001.jpg
โครงสร้างต่อมนา้ เหลือง

 มี capsule หุม้
 มี trabeculae ยื่นเข้ำไปด้ำนใน
 Reticular cell
 Lymphatic cells

 ทิศทางการไหลของนา้ เหลือง
 ด้ำนนูนเป็ นทำงเข้ำของนำ้ เหลือง ผ่ำน
ทำง afferent lymphatic
vessels

 ด้ำนเว้ำเป็ นทำงออกของนำ้ เหลือง ผ่ำน


ทำง efferent lymphatic
vessels

Source: http://biology-forums.com/gallery/14755_01_10_12_7_59_22_92311156.jpeg
เนือ้ ต่อมนำ้ เหลือง แบ่งออกเป็ น 3 ส่วน

Cortex
ประกอบด้วย Lymphatic follicle
จำนวนมำก

Medulla
ประกอบด้วย
 Medullary cord: กลุม่ เซลล์
 Medullary sinus: ช่องว่ำง

Paracortical zone
 บริเวณที่ระหว่ำง cortex และ
Medulla

http://trialx.com/g/Lymph_Node-4.jpg
Lymphoma
(มะเร็งต่อมนำ้ เหลือง)

http://www.ccsb.org/Cancer/Image/CDR0000641792/
ต่อมทอนซิล
(Tonsil)
โครงสร้างต่อมทอนซิล

 หน้าที่ ช่วยป้ องกันและกาจัดสิ่ง


แปลกปลอม

 ประกอบด้วย lymphatic follicles

 capsule หุ้มไม่สมบูรณ์

 ช่องว่างทีแ่ ทรกในเนือ้ ต่อมทอนซิล เรียกว่า


tonsillar crypt เป็ นทีส่ ะสมเซลล์ตาย
แล้ว เศษอาหาร และแบคทีเรีย

http://memberfiles.freewebs.com/39/84/59908439/photos/Mouth/uvula,%20Dr%20Sonia%20,ENT%20Specialist%20Bangalore.jpg
ต่อมทอนซิล แบ่งออกเป็ น

Pharyngeal tonsil (Adenoid)


 อยูด่ ำ้ นหลังโพรงจมูก บริเวณคอหอยด้ำนบน
 Pseudostratified ciliated columnar epithelium
 ไม่มี tonsillar crypt

Palatine tonsils
 อยูใ่ นช่องปำก ที่บริเวณผนังส่วนข้ำงของคอหอย
 Stratified squamous non-keratinized epithelium
 มี tonsillar crypt

Lingual tonsils
 อยูด่ ำ้ นหลังของลิน้
 Stratified squamous non-keratinized epithelium
 มี tonsillar crypt

http://bioserv.fiu.edu/~walterm/FallSpring/Immune/FG14_05.jpg
http://classconnection.s3.amazonaws.com/852/flashcards/656852/png/screen_shot_2011-10-
29_at_4.50.40_pm1319932260565.png
Tonsil
Epithelium
Lymphatic follicle
Tonsillar
Crypt

https://secure.health.utas.edu.au/intranet/cds/histoten/images/ADO33x400.jpg
Tonsillitis

 Swelling of
tonsils

 Bacterial or Viral
infections

 Produce more
number of white
blood cells

http://cdn.ent-surgery.com.au/wp-content/uploads/2011/09/tonsillitis.jpg
ต่อมไทมัส
(Thymus)
โครงสร้างต่อมไทมัส

ต่อมไทมัส
• มี capsule หุ้ม
• มี 2 lobe
• มี trabeculae แทรกเข้าไป
แบ่ง lobe ออกเป็ น lobule
http://www.cea1.com/wp-content/uploads/2013/07/Thymus-Gland.jpg

 อยูบ่ ริเวณช่องอก
 หน้ำต่อหลอดเลือด aorta บริเวณขัว้ หัวใจ
 ในเด็กมีขนำดใหญ่
 อำยุ 25 เนือ้ เยื่อไขมันเข้ำมำแทนที่
หน้าที่
 สร้างฮอร์โมน thymosin กระตุ้น
T-lymphocyte ให้เจริญเต็มที่

T-lymphocyte (thymocyte)
Reticular cell
Plasma cell
Macrophage Cortex

T-lymphocyte (thymocyte)
Plasma cell
Reticular cell
Macrophage Medulla
Thymic corpuscle
Thymic
http://biology-forums.com/gallery/14755_07_10_12_2_57_16_9313945.jpeg corpuscle
http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSfIoNUOO_LGiAuTAfDNiTvsAE0r2G3uc9PPnE0fb-ehD1s7hI0
ม้าม
(Spleen)
ม้าม
 อวัยวะนา้ เหลืองทีใ่ หญ่ทส่ี ุด
 มีกระดูกซี่โครงซี่ที่ 9-11 ทางด้านซ้าย คอยป้ องกัน
การกระแทก
 ม้ามอยู่ล่างต่อกระบังลมและหลังต่อกระเพาะอาหาร
 ลักษณะคล้ายฟองนา้

 หน้าที่
 สร้าง lymphatic cell
 กรองเลือด
 ทาลายเม็ดเลือดแดงทีห่ มดอายุ ดึงเอาธาตุเหล็ก
ออกจากฮีโมโกลบิน
 สร้างเม็ดเลือดแดงในวัยเด็ก

http://media.summitmedicalgroup.com/media/db/relayhealth-images/spleen_1.jpg
 มี capsule
หุ้ม

 ไม่มีหลอด
น้าเหลือง

 ไม่มีการแบ่ง
เป็ นส่วน
มีหลอดเลือด cortex และ
 Splenic artery Red pulp medulla
 Splenic vein

White pulp
พบ splenic pulp
 Red pulp
 White pulp
White pulp ประกอบด้วย Red pulp ประกอบด้วย
 Lymphocyte o Lymphocyte
 Central artery (แขนงของ splenic artery) o เม็ดเลือดแดง
 Macrophages o Blood cells
o Macrophages
http://www.proteinatlas.org/images_dictionary/spleen__1__example_1__overview.jpg
White pulp ประกอบด้วย
 B-lymphocytes (ลูกศร)
 Macrophages (หัวลูกศร)
 เก็บทาลายเซลล์ทผี่ ิดปกติ ส่วนประกอบ
ของเซลล์ทไี ม่ต้องการ แบคทีเรีย

http://www.pathpedia.com/education/eatlas/histology/spleen/Images.aspx

Red pulp ประกอบด้วย


 Splenic cord
กลุ่มเซลล์หลายชนิดทีอ่ ยู่รวมกันเป็ นแถวยาว
 Splenic sinus
• ช่องว่างระหว่างแต่ละ cord บุด้วย endothelial
cell ที่เป็ นทำงผ่ำนของเลือดจำก central artery
http://www.pathpedia.com/education/eatlas/histology/spleen/Images.aspx • endothelial cell เรียงตัวห่างกัน“sinusoid”
ทาให้เกิดช่องว่าง ให้เซลล์เคลื่อนผ่านเข้าไป
เอกสารอ้างอิง

กรรณิกำ ชัชวำลวำนิช. 2546. จุลกำยวิภำคศำสตร์. กรุงเทพมหำนคร: สำนักพิมพ์มหำวิทยำลัยเกษตรศำสตร์.

เกร็ดแก้ว ด่ำนวิวฒ
ั น์. 2546.จุลกำยวิภำคศำสตร์. กรุงเทพมหำนคร: สำนักพิมพ์มหำวิทยำลัยธรรมศำสตร์.

เสมอ ถำน้อย. กำยวิภำคศำสตร์พนื ้ ฐำนของมนุษย์. กรุงเทพมหำนคร: ห้ำงหุน้ ส่วนจำกัด เอส. ออฟเซ็ท


กรำฟฟิ ค ดีไซน์

Gunstream, SE. 2010. 4th ed. Anatomy and physiology with integrated study guide. New York: The
McGraw Hill Companies

McKinley, M., O’Loughlin, VD. Human anatomy. 2012. 3rd ed. New York: The McGraw Hill
Companies.

You might also like