Professional Documents
Culture Documents
รายการประกอบแบบก่ อสร้ าง
และ
ข้ อกําหนดเกีย่ วกับวิธีการทํางานและอุปกรณ์ ที่จําเป็ นในการปฏิบัตงิ าน
งานวิศวกรรมระบบปรับอากาศ
สํ าหรับใช้ เป็ นมาตรฐานกลาง
1. คําจํากัดความและความหมาย
คําจํากัดความและความหมาย : คําต่างๆ ที่จะมีปรากฎในเอกสารฉบับนีใ้ ห้มีความหมายตามที่กาํ หนดไว้ดงั นี ้
1.1. “ผูว้ า่ จ้าง” หมายถึง เจ้าของงานผูม้ ีสญ ั ญาโดยตรงกับผูร้ บั จ้าง และรวมถึงผูแ้ ทนของผูว้ า่ จ้าง คือ สถาปนิก
วิศวกร ผูต้ รวจงาน ผูค้ มุ งาน และผูอ้ ื่นที่ผวู้ า่ จ้างแต่งตัง้ ขึน้ มาเป็ นผูแ้ ทนของผูว้ า่ จ้าง
1.2. “ผูร้ บั จ้าง” หมายถึง บริษัท ห้างฯ บุคคล ผูป้ ฏิบตั ิงานตามสัญญานี ้
และรวมถึงพนักงานของผูแ้ ทนของผูร้ บั จ้าง ซึง่ ได้รบั การแต่งตัง้ โดยผูร้ บั จ้างเพื่อปฏิบตั ิงานนี ้
1.3. “งาน” หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ แรงงาน และการปฏิบตั ิงานตามสัญญานี ้
1.4. “แบบ” หมายถึง แบบแปลนที่แนบท้ายสัญญานี ้ และรวมถึงแบบที่จดั ทํา เพิ่มเติมโดยผูว้ า่ จ้าง
และ/หรือผูร้ บั จ้าง เพื่อแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมให้ชดั เจน เพื่อใช้ประกอบการปฏิบตั ิงานนี ้
1.5. “อนุมตั ิ” หมายถึง การอนุมตั ิเป็ นลายลักษณ์อกั ษร
1.6. “วัน” หมายถึง วันในปฏิทินของปี หรือยี่สบิ สี่ (24) ชั่วโมง นับเป็ นหนึง่ วัน
1.7. “เดือน” หมายถึง สามสิบ (30) วัน นับเป็ นหนึง่ เดือน
1.8. “ปี ” หมายถึง สามร้อยหกสิบ (360) วัน นับเป็ นหนึง่ ปี
1.9. “มาตรฐาน” มาตรฐานต่างๆที่อา้ งถึงให้หมายถึง มาตรฐานฉบับล่าสุดในวันที่ลงนามสัญญา
2. ขอบเขตของงาน
2.1. ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบในการจัดหา ติดตัง้ และทดสอบวัสดุอปุ กรณ์ในระบบปรับอากาศ
และระบายอากาศ ขนาดไม่เล็กกว่าที่กาํ หนดในแบบ รวมทัง้ ระบบไฟฟ้ากําลังและควบคุมที่เกี่ยวข้อง
และรายการพร้อมอุปกรณ์, ส่วนประกอบอื่นๆที่กาํ หนดและที่จาํ เป็ นต้องใช้จนงานเสร็จสมบูรณ์
ใช้งานได้ตามจุดประสงค์ของผูว้ า่ จ้าง และผ่านการทดสอบแล้วทุกตัว โดยมีขอบเขตของงานดังต่อไปนี ้
2.1.1. ความรับผิดชอบตามที่ระบุไว้ในข้อกําหนดทั่วไป และเงื่อนไขสัญญา
2.1.2. งานระบบปรับอากาศและระบายอากาศในพืน้ ที่สว่ นกลาง ห้องเครือ่ ง และบริเวณอื่นๆ ที่แสดงในแบบ
2.1.3. ระบบไฟฟ้ากําลังและควบคุมสําหรับอุปกรณ์ในระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
2.2. ผูร้ บั จ้างต้องปฏิบตั ิงานตามที่กาํ หนดในแบบแปลน และรายการประกอบแบบ ถึงแม้วา่ งานบางอย่าง
มีแสดงไว้ในแบบ แต่ไม่ปรากฏในรายการ หรือมีกาํ หนดในรายการแต่ไม่แสดงในแบบ
ผูร้ บั จ้างต้องปฏิบตั ิงานนัน้ เช่นกันเสมือนกับว่าได้แสดงไว้ทงั้ สองแห่ง งานทีเ่ กี่ยวข้อง และจําเป็ นต้องทํา
เพื่อให้งานลุลว่ งถูกต้องตามหลักวิชา แต่ไม่ได้บง่ ในแบบและรายการประกอบแบบ และ/หรือในบัญชี
รายการวัสดุ และอุปกรณ์ของผูว้ า่ จ้าง ผูร้ บั จ้างจะต้องทําให้ถกู ต้องครบถ้วน โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทัง้ สิน้
และไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติมจากผูว้ า่ จ้างอีก
2.3. แบบที่ใช้ในการประมูลนีเ้ ป็ นเพียงการแสดงถึงแนวความคิด และความต้องการในการออกแบบ
ในการทํางานติดตัง้ จริง ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทํา Shop Drawing ขึน้ มาเพื่อให้ผวู้ า่ จ้างพิจารณาอนุมตั ิ
ก่อนการดําเนินการติดตัง้ รวมทัง้ ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการตรวจเช็คค่าทางวิศวกรรมต่างๆ
ที่อาจจะเปลีย่ นไปตามแบบ Shop Drawing เพื่อใช้ในการทํางานให้สาํ เร็จลุลว่ ง ตามจุดประสงค์
ในการออกแบบระบบ และการที่ผวู้ า่ จ้างอนุมตั ิให้ทาํ ได้ตามที่เสนอ มิได้หมายความว่า
ผูร้ บั จ้างจะพ้นความรับผิดชอบในความผิดพลาดต่างๆ ผูร้ บั จ้างยังคงต้องรับผิดชอบ
ต่องานที่จดั ทําทุกประการ
3. ข้อกําหนดและมาตรฐาน
3.1. "ข้อกําหนดทั่วไป" หรือ "เงื่อนไขทั่วไป" ของรายละเอียดประกอบแบบสถาปั ตยกรรม
ถือว่าครอบคลุมถึงงานในสัญญานีด้ ว้ ย
3.2. งานก่อสร้างระบบปรับอากาศและระบายอากาศ ให้ถือมาตรฐานและกฎเกณฑ์ลา่ สุดของสถาบันวิชาชีพ
และสมาคมต่างๆดังต่อไปนี ้
• ARI : Air Conditioning and Refrigeration Institute
• ANSI : American National Standards Institute
• ASHRAE : American Society of Heating, Refrigerating and Air Conditioning
Engineers
• ASME : American Society of Mechanical Engineers
• ASTM : American Society of Testing Material
• AWS : American Welding Society
• BS : British Standard
• EIT : Engineering Institute of Thailand (วสท.)
• IEC : International Electrotechnical Commissions
• MEA : Metropolitan Electricity Authority (กฟน.)
• NEC : National Electrical Code
• NEMA : National Electrical Manufacturer Association
• NFPA : National Fire Protection Association
• SMACNA : Sheet Metal and Air Conditioning Contractors National Association Inc.
• TISI : Thai Industrial Standard Institute
• UL : Underwriters’ Laboratories, Inc.
3.3. สภาวะการออกแบบ (Design Condition)
• พืน้ ที่ท่วั ไป, ที่พกั อาศัย, โรงแรม, สํานักงาน, โรงเรียน 24°C, 55%RH
• ห้องปฏิบตั ิการทั่วไป (Typical Laboratory) 23°C, 50±5%RH, Negative Room
Pressure
• ห้องปฏิบตั ิการ BL3 (BL3 Laboratory) 23°C, 50±5%RH, Negative Room
Pressure
4. ความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง
ผูร้ บั จ้างต้องปฏิบตั ิตามหลักวิชาการช่างที่ดี ผ่านการทดสอบที่กาํ หนด และพร้อมที่จะใช้งานได้โดยมิตอ้ งจัดหา
และติดตัง้ วัสดุและอุปกรณ์ใดมาเพิ่มเติมอีก วัสดุหรืออุปกรณ์ใดๆ ซึง่ มิได้แสดงไว้ในแบบหรือระบุไว้
ในรายการประกอบแบบ หากวัสดุหรืออุปกรณ์นนั้ ๆเป็ นสิง่ จําเป็ นที่จะต้องมีไว้เพื่อให้ระบบปรับอากาศ
และระบายอากาศสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ และปลอดภัยตามหลักวิชาช่าง ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหา
และติดตัง้ วัสดุและอุปกรณ์นนั้ ๆ เสมือนหนึง่ ว่าได้กาํ หนดไว้ในแบบ หรือในรายการประกอบแบบ
4.1. ความคลาดเคลือ่ นหรือขาดตกบกพร่อง
4.1.1. งานส่วนทั่วไปและส่วนประกอบของระบบ ซึง่ มิได้ระบุและเป็ นส่วนที่จะทําให้งานระบบของอาคาร
สําเร็จสมบูรณ์ ตามหลักวิชาช่างที่ดี ให้อยูใ่ นความรับผิดชอบของผูร้ บั จ้างทัง้ สิน้
4.1.2. สิง่ ใดที่ปรากฎในแบบหรือรายการประกอบแบบขัดแย้งกัน หรือมิได้ระบุลงไว้แน่นอน ให้ถือตามคํา
วินิจฉัยของวิศวกรเป็ นอันสิน้ สุด
4.2. การดําเนินการของผูร้ บั จ้าง
4.2.1. หากผูร้ บั จ้างไม่เข้าใจในแบบหรือรายการก่อสร้าง หรือจะเป็ นวัสดุที่ใช้ หรือวิธีการทําก็ตาม ผูร้ บั จ้าง
จะต้องแจ้งให้วิศวกรทราบแต่เนิ่นๆ วิศวกรจะเป็ นผูช้ ีแ้ จงข้อสงสัยนัน้ ๆ เป็ นลายลักษณ์อกั ษร หรือให้
รายละเอียดเป็ นแบบเพิ่มเติม ห้ามมิให้ผรู้ บั จ้างติดสินใจทําอย่างหนึง่ อย่างใดเอง
ผลเสียที่เกิดขึน้ ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบทัง้ หมด
4.2.2. ผูร้ บั จ้างจะต้องแต่งตัง้ วิศวกรที่มีประสบการณ์เป็ นตัวแทนซึง่ มีอาํ นาจเต็ม ประจําสถานที่ ก่อสร้าง
ตลอดเวลาอย่างน้อย 1 คน
4.2.3. ผูร้ บั จ้างจะต้องว่าจ้างช่างฝี มือในแต่ละประเภทของงาน วิศวกรมีอาํ นาจที่จะสั่งให้ ผูร้ บั จ้างถอนผูห้ นึง่
ผูใ้ ดที่ผรู้ บั จ้างออกจากงานทันที ในเมื่อวิศวกรเห็นว่าผูน้ นั้ ประพฤติมิชอบ หรือไร้สมรรถถาพ หรือ
ปล่อยปะละเลยทิง้ งาน ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหา ผูท้ ี่มีความสามารถ เปลีย่ นโดยทันที
4.2.4. ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบในการจัดวางผังการก่อสร้าง ให้ถกู ต้องตามแบบ ตลอดจนการแก้ไขที่ตงั้
ระดับ ขนาด และแนวต่างๆของงาน จัดหาเครือ่ งมืออุปกรณ์ และแรงงานให้พอเพียงหากมีการวางผัง
ผิดพลาด จะต้องแก้ไขใหม่ให้เป็ นที่เรียบร้อย ผูร้ บั จ้างจะต้องบํารุงรักษาหลักฐานแนว, หมุด,เครือ่ ง-
หมายต่างๆ ที่ใช้ในการวางผังให้คงสภาพเรียบร้อยอยูเ่ สมอ
4.2.5. ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบไม่ให้เกิดขึน้ โดยเด็ดขาด ในเรือ่ งก่อความรําคาญหรือเดือดร้อน ต่อทรัพย์สนิ
หรือบุคคลในบริเวณ หรือนอกบริเวณก่อสร้าง
4.2.6. เพื่อให้การดําเนินงานก่อสร้างบรรลุเป้าหมายโดยเรียบร้อยและปลอดภัยผูร้ บั จ้างจะต้องปฏิบตั ิตาม
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรือ่ งความปลอดภัยในการทํางานก่อสร้าง
4.2.7. ผูร้ บั จ้างจะต้องปฏิบตั ิตามพระราชบัญญัติแรงงานทุกประการ ตลอดจนข้อบังคับต่างๆ ของท้องที่
4.3. การจัดทําแผนดําเนินงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องประสานงานกับผูร้ บั จ้างงานก่อสร้างอาคาร (Building Contractor) และส่งมอบราย
ละเอียดแผนดําเนินงานในส่วนของผูร้ บั จ้างเอง ให้แก่ผรู้ บั จ้างงานก่อสร้างอาคาร เพื่อมิให้ผรู้ บั จ้างงานก่อสร้างอาคาร
สามารถวางแผนดําเนินงานร่วมของโครงการได้ โดยที่ผรู้ บั จ้างงานก่อสร้างเป็ นผูร้ บั ผิดชอบต่อความก้าวหน้า
5. ป้ ายชื่อและเครื่องหมายของเครื่องจักรและอุปกรณ์
เครือ่ งจักรและอุปกรณ์ในระบบทุกชนิดจะต้องมีปา้ ยชื่อ (Nameplate) แสดงคุณสมบัติ หรือ Rating เป็ น
ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษติดมากับเครือ่ งจักรหรืออุปกรณ์จากโรงงานผูผ้ ลิต
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทําป้ายชื่อตามที่กาํ หนดในแบบ (Label) ของเครือ่ งจักรและอุปกรณ์เพื่อความสะดวก
ในการอ้างถึง ป้ายชื่อดังกล่าวจะต้องเป็ นภาษาอังกฤษและทําด้วยแผ่นพลาสติกสีดาํ ตัวหนังสือสีขาว มี ขนาดเหมาะสม
(สําหรับแผงควบคุมทัง้ หมด) หรือใช้สพี น่ (สําหรับเครือ่ งจักรและระบบท่อต่างๆ)
6. ของตัวอย่าง
6.1. ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดส่งตัวอย่าง หรือเอกสารแสดงรายละเอียดพร้อมด้วยข้อมูลทางด้านเทคนิค
ของวัสดุและอุปกรณ์ที่จะนํามาใช้ติดตัง้ ให้วิศวกรอนุมตั ิก่อนจึงจะทําการสั่งซือ้ และนําเข้าไป
ในสถานที่ก่อสร้างได้ ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดส่งตัวอย่างหรือรายละเอียดของวัสดุและอุปกรณ์ใน
การขออนุมตั ิดงั กล่าวล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน ก่อนดําเนินการสั่งซือ้
6.2. วัสดุและอุปกรณ์ตวั อย่างที่ได้รบั การอนุมตั ิ ผูค้ วบคุมงานจะเก็บไว้เพื่อเป็ นหลักฐานเปรียบ
เทียบกับวัสดุและอุปกรณ์ที่ติดตัง้ ใช้งานจริง
6.3. การตรวจสอบวัสดุที่ขออนุมตั ินนั้ วิศวกรจะตรวจสอบหรือทดสอบเฉพาะเท่าที่จาํ เป็ น ส่วนที่
เหลือซึง่ ไม่สามารถตรวจสอบได้ให้ถือว่าผูร้ บั จ้างรับผิดชอบว่าเสนอสิง่ ที่ถกู ต้องเหมาะสม
หากปรากฎภายหลังว่ารายละเอียดดังกล่าวมีปัญหาในการใช้งาน ผูร้ บั จ้างจะต้องเป็ นผูร้ บั ผิดชอบ
6.4. ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทํารายการคํานวณที่จาํ เป็ น โดยใช้ขอ้ มูลจากเครือ่ งและอุปกรณ์ที่จะนํามาใช้ จริง
เพื่อให้วศิ วกรพิจารณาตรวจสอบกับสมรรถนะของเครือ่ งและอุปกรณ์ เมื่อผูร้ บั จ้างเสนอ
ขออนุมตั ิเครือ่ งและอุปกรณ์
7. การเทียบเท่าวัสดุ / อุปกรณ์
ผูร้ บั จ้างมีสทิ ธิของเทียบเท่า เพื่ออนุมตั ิเลือกใช้วสั ดุที่มีชื่อแตกต่างจากที่ระบุไว้ในแบบ หรือราย
ละเอียดประกอบแบบได้ ในหลักการคุณภาพเท่ากันหรือดีกว่าราคาเท่ากันหรือแพงกว่า ผูร้ บั จ้างจะขอ
เทียบเท่าได้ในกรณี
7.1. มีระบุในรายการประกอบแบบ “หรือคุณภาพเทียบเท่า” หรือ “หรือเทียบเท่า”
7.2. วัสดุที่ระบุในท้องตลาดมีไม่เพียงพอ หรือขาดตลาดหรือบริษัทผูผ้ ลิตเลิกผลิต โดยผูร้ บั จ้างต้องแสดง
หลักฐานประกอบให้ชดั เจน ทัง้ นี ้ ผูว้ า่ จ้างขอสงวนสิทธิในการอนุมตั ิวสั ดุรายการเทียบเท่า
9. การตัด การเจาะและการสกัดงานอาคาร
ในกรณีที่มีความจําเป็ นจะต้องทําการตัด เจาะ สกัดหรือการกระทําการใดๆ ต่องานโครงสร้างหรืองาน
สถาปั ตยกรรมของอาคาร ผูร้ บั จ้างจะต้องเสนอรายละเอียดเพื่อขออนุมตั ิตอ่ วิศวกรก่อนเริม่ ดําเนินการ
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบในการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึน้ จากการปฏิบตั งิ านของผูร้ บั จ้างให้กลับ คืนสูส่ ภาพเดิม
จนเป็ นที่ยอมรับของวิศวกร
11.การทาสีป้องกันการผุกร่อนและรหัสสี
11.1. การป้องกันการกัดกร่อนของโลหะระหว่างการขนส่ง
จะต้องทําความสะอาดเครือ่ งมืออุปกรณ์ทงั้ หมดก่อนการขนส่ง เพื่อขจัดฝุ่ นสนิม และคราบไขมัน
และรอยขรุขระในการเชื่อม และเศษโลหะ ผิวเครือ่ งมือที่ทาํ จากโลหะจะต้องทําการทาสี
การทาสีจะต้องสามารถป้องกันอากาศที่มีไอเกลือ และจะต้องลอกออกได้
เมื่อมาถึงบริเวณผิวเหล็กทุกชนิดจะต้องทาด้วยสีกนั สนิม 2 ชัน้
11.2. การทาสีที่บริเวณก่อสร้าง
11.2.1. การป้องกันสนิม
ท่อ, อุปกรณ์ทอ่ , ประตูนาํ้ ตลอดจนอุปกรณ์ในระบบที่อาจขึน้ สนิมได้เมื่อทิง้ ไว้ เช่น ผิวเหล็กหล่อ, เหล็กดํา,
หน้าจาน, น๊อต, เหล็กดําจะต้องรีบทาสีเคลือบป้องกันสนิมไว้ก่อนทันที ท่อและอุปกรณ์ที่ติดตัง้ ไปแล้ว ระหว่างก่อสร้าง
ที่อาจถูกนํา้ ปูน, คอนกรีต เช่น ท่อในช่องท่อ ซึง่ จะทําให้ทอ่ สกปรกและขึน้ สนิม จะต้องหา สิง่ มาห่อคลุมผิวตามเหมาะสม
11.2.2. การทําความสะอาด
ผิวของโลหะทุกชนิดที่จะทาสีตอ้ งทําความสะอาด เพื่อกําจัดสนิมอ๊อกไซด์ ขลุย รอยขุรขระจากการเชื่อม
ความไม่เรียบของผิวคราบไขมัน และนํา้ มันที่ปกคลุมผิวโลหะ จะต้องล้างด้วยตัวละลาย หรือผงซักฟอก และเป่ าให้สะอาด
ด้วยลม ถ้าไม่สามารถทําความสะอาดผิวของโลหะด้วยกรรมวิธีเครือ่ งมือกล อาจใช้กรรมวิธีเคมี โดยใช้นาํ้ ยา
หรือตัวละลาย ที่ใช้สาํ หรับทําความสะอาด เมื่อทําความสะอาดผิวโลหะแล้ว หาที่ตงั้ โลหะให้ดีเพื่อทาสี จะต้องทาสีชนั้ แรก
ให้เร็วที่สดุ หลังจากการล้างครัง้ สุดท้าย แล้ววิศวกรจะทําการตรวจผิวของโลหะก่อนที่จะให้ทาสีตอ่ ไป
11.2.3. การทาสี
สีตา่ งๆที่นาํ มาใช้จะต้องเป็ นสีที่มีคณ
ุ ภาพดี และได้รบั อนุมตั ิก่อนจะนํามาทาตารางเวลาที่เหมาะสม
สําหรับการทาสีให้ได้ผลดีนนั้ จะต้องปล่อยให้สชี นั้ แรกแห้งสนิท และแข็งตัวก่อนจึงจะลงมือทาสีชนั้ ที่สองอีกครัง้ หนึง่
11.3. การทาสี
11.3.1. ผูจ้ า้ งจะต้องตระเตรียมสําหรับการทาสีอปุ กรณ์ เช่น มอเตอร์, ปั๊ ม, ท่อที่แขวน, ท่อ, คํา้ ยัน, ที่ยดึ ฯลฯ
ซึง่ อยูใ่ นสัญญานีแ้ ละต้องการการทาสี
11.3.2. ผิวโลหะก่อนทาสีตอ้ งขัดด้วยแปรงเหล็ก (นอกจากท่อเหล็กอาบสังกะสี) และขจัดสนิม, สะเก็ดตะกรัน
คราบสกปรกหรือไขมันออกหมดจนผิวสะอาด จากนัน้ ทาด้วยสีรองพืน้ (Priming Paint)
สีตะกั่วแดงอย่างดีอย่าง น้อย 1 ชัน้ เมื่อแห้งแล้วทาสีนาํ้ มัน (Oil Paint) ทับอีก 2 ชัน้
แต่ละชัน้ ทิง้ ช่วงเวลาให้แห้งสนิทก่อน จากนัน้ ทาทับอีก ชัน้ บนสุดทาด้วย High Gloss Finishing Coat
11.3.3. ชนิดและสีที่จะใช้จะต้องเสนอเพื่อการพิจารณาอนุมตั ิก่อนที่จะใช้ได้รายการ
และสถานที่ตงั้ ต่างกันจะใช้สแี ตกต่างกัน
ตารางการใช้ประเภทสีตามชนิดของวัสดุในสภาวะแวดล้อม
- Galvanized Steel Pipe ชัน้ ที่ 1 Wash Primer ชัน้ ที่ 1 Wash Primer
- Galvanized Steel Hanger & Support ชัน้ ที่ 2 Zinc Chromate Primer ชัน้ ที่ 2 Epoxy Red Lead Primer
- Galvanized Steel Sheet ชัน้ ที่ 3 สีทบั หน้า Alkyd ชัน้ ที่ 3 สีทบั หน้า Epoxy
ในกรณีที่ไม่ได้ระบุรหัสสี ให้ใช้สที บั หน้า ชัน้ ที่ 4 สีทบั หน้า Alkyd ชัน้ ที่ 4 สีทบั หน้า Epoxy
เป็ นสีอลูมิเนียม
- PVC Pipe ชัน้ ที่ 1 Wash Primer ชัน้ ที่ 1 Wash Primer
- Plastic Pipe ชัน้ ที่ 2 สีทบั หน้า Chlorinated Rubber ชัน้ ที่ 2 สีทบั หน้า Chlorinated Rubber
ชัน้ ที่ 3 สีทบั หน้า Chlorinated Rubber ชัน้ ที่ 3 สีทบั หน้า Chlorinated Rubber
- Stainless Steel Pipe ชัน้ ที่ 1 Wash Primer ชัน้ ที่ 1 Wash Primer
- Stainless Steel Sheet ชัน้ ที่ 3 สีทบั หน้า Alkyd ชัน้ ที่ 3 สีทบั หน้า Epoxy
- Aluminium Steel Pipe ชัน้ ที่ 4 สีทบั หน้า Alkyd ชัน้ ที่ 4 สีทบั หน้า Epoxy
- Aluminium Steel Sheet
- Light Alloy
- Lead
- Conduit Clamp
12.ฐานรองรับและทีย่ ดึ เครื่องจักรหรืออุปกรณ์
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการก่อสร้าง ค.ส.ล. โครงเหล็กสําหรับจับยึดหรือแขวนวัสดุอปุ กรณ์ตา่ งๆ ให้มีความ
แข็งแรงและปลอดภัยอย่างถูกต้องตามหลักวิชา ถึงแม้วา่ จะมิได้แสดงในแบบก็ตาม ผูร้ บั จ้างจะต้องส่ง Shop Drawings
ต่อผูค้ วบคุมงาน เพื่อการตรวจอนุมตั ิก่อนดําเนินการก่อสร้าง
16.แผงกรองอากาศ
16.1. ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาและติดตัง้ แผงกรองอากาศตามรายละเอียดที่ปรากฏในแบบรายการและตามข้อกําหนดที่
จะกล่าวต่อไปนี ้ แผงกรองอากาศต้องอยูใ่ นสภาพดีในขณะทําการติดตัง้ ทดสอบและส่งมอบ แผงกรองอากาศ
ที่ใช้ทดสอบจะต้องเป็ นคนละชุดกับที่ใช้สง่ มอบ ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาแผงกรองอากาศสําหรับทดสอบในจํานวนที่
เพียงพอ สําหรับชุดที่สง่ มอบ หากตรวจพบภายหลังว่าแผงกรองอากาศอันใดอันหนึง่ รั่วหรือฉีกขาด ผูร้ บั จ้าง
ต้องเปลีย่ นอันใหม่ที่มีสภาพดีกว่าให้ทนั ที
16.2. หากไม่ระบุในแบบ เครือ่ งส่งลมเย็นขนาดใหญ่ (Air handling unit, AHU) ทัง้ หมด ให้ใช้แผงกรองอากาศ แบบ
Panel Filter โดยมีคณ ุ สมบัติดงั นี ้
- Media : Synthetic Fiber ความหนาไม่นอ้ ยกว่า 9 มิลลิเมตร
- Face Velocity : ไม่เกิน 2.5 เมตร/วินาที (500 ฟุต/นาที)
- Media Velocity : ไม่เกิน 1.5 เมตร/วินาที (300 ฟุต/นาที)
- Efficiency : ไม่นอ้ ยกว่า 65% Arrestance วัดโดยวิธีของ ASHRAE 52-99 หรือ
เทียบเท่า
17.ท่อลม และระบบการกระจายลม
17.1. ความทั่วไป
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาช่างที่มีฝีมือดี และได้รบั การเห็นชอบด้านผลงานจากผูว้ า่ จ้าง ทําและติดตัง้ งานท่อลม
ตะแกรงลมกลับ ช่องงอากาศบริสทุ ธิ์ ตามชนิด ขนาดและตําแหน่งถูกต้องตามที่ระบุไว้ในแบบ รอยต่อของท่อ
แต่ละท่อต้องแน่นสนิท ลมไม่สามารถรั่วออกได้ ตัวท่อยึดติดกับโครงสร้างของอาคารอย่างแข็งแรง ปราศจาก
การสั่นสะเทือนในทุกสภาวะการใช้งานและรอยตะเข็บของท่อลมจะต้องทําการ Seal ด้วยสารที่ไม่ลามไฟ
เพื่อป้องกันการรั่วของลม การทําท่อลม, ความหนาของผนังท่อลม, การเสริมความแข็งแรงของท่อลม, ชนิด
รอยต่อตามขวาง, และการรองรับท่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อลมที่มีคา่ STATIC PRESSURE สูงกว่า 2 นิว้ นํา้
ต้องเป็ นไปตามมาตรฐานของ ASHRAE และ SMACNA ฉบับล่าสุด
17.2. ท่อลมและส่วนประกอบ
17.2.1. แผ่นโลหะ (Sheet Metal)
ท่อลมจะต้องประกอบขึน้ จากแผ่นเหล็กอาบสังกะสี มาตรฐาน มอก. 50-2548 ชุบหนาไม่นอ้ ยกว่า
220 กรัม/ม2 (Z22) ยกเว้นขนาดหนา 0.45 มม. (เบอร์ 26) ชุบหนาไม่นอ้ ยกว่า 180 กรัม/ม2 (Z18)
ความหนาของแผ่นเหล็กอาบสังกะสี และการเสริมท่อลมให้แข็งแรง และต้องเป็ นไป ตามตารางดังนี ้
ความกว้างของท่อลม ความหนาของแผ่นเหล็ก รอยต่อตามขวาง ขนาดเหล็กฉากเสริมความ
มม. (นิว้ ) มม. (BWG) แข็งแรงของท่อลม มม.
UP TO 300 0.45 (26) DRIVE SLIP OR PLAIN NONE
(UP TO 12) “S” SLIP OR POCKET
LOCK SAME AS UP
TO 305
325 TO 450 0.55 (24) SAME AS UP TO 305 NONE
(13 TO18)
475 TO 750 0.55 (24) POCKET LOCK OR 25 x 25 x 3 @ 1200 CC.
(19 TO 30) HAMMED “S” SLIP OR
BAR SLIP OR 25 mm.
COMPANION ANGLES
775 TO 1050 0.55 (22) POCKET LOCK ON 25 x 25 x 3 @ 1200 CC.
(31 TO 42) BAR SLIP OR
REINFORCED BAR
SLIP OR 25 mm.
COMPANION ANGLES
17.2.2. ขนาดของท่อลม
ขนาดของท่อลมที่กาํ หนดในแบบเป็ นขนาดภายในของท่อลม ซึง่ ไม่ได้รวมความหนาของฉนวน โดย
ตัวเลขตัวแรก หมายถึง ขนาดด้านแนวนอนของท่อลม
ตัวเลขตัวหลัง หมายถึง ขนาดด้านแนวตัง้ ของท่อลม
17.2.3. การประกอบท่อลม
ห้ามใช้เศษ หรือชิน้ ส่วนของแผ่นเหล็กอาบสังกะสีมาต่อกัน ข้องอ และส่วนโค้งทุกอันต้องเป็ นแบบ Full
Band ซึง่ มีรศั มีภายใน (Throat Radius) เท่ากับ พ เท่าของความกว้างของท่อลม ถ้าข้องออันนัน้
ไม่สามารถทําแบบ Full Radius Bend ได้เนื่องจากที่จาํ กัดให้ติดตัง้ Guide Vanes ไว้ในข้องอ
โดยมีระยะห่าง และจํานวน Vane ตามมาตรฐาน ASHRAE
17.2.4. แผ่นแบ่งแนวลม (Splitter Damper)
ต้องติดตัง้ ณ ทุกท่อแยกที่ไปจ่ายกิ่งย่อย (Branch take-off) ใบ Damper ทําด้วยแผ่นโลหะ
ซึง่ หนากว่าขนาดที่ใช้ทาํ ท่อลมช่วงนัน้ ๆ หนึง่ เบอร์ และยาวอย่างน้อย 1 1/2 เท่าของความกว้างของ
Branch throat ปลายด้านหนึง่ ติดบานพับเป็ นจุดหมุน ยึดกับท่อทําให้ สามารถเลือ่ นใบ Damper
ไปมาได้โดยไม่หลุดหรือมีเสียงดัง ก้านชักเป็ นแกนโลหะอาบสังกะสีที่ยื่นพันด้านข้างของท่อลม
ออกมาภายหลังจากที่ได้แบ่งปรับลมเรียบร้อยแล้ว ต้องยึดก้านนีใ้ ห้แน่นกับตัวท่อด้วย lock screw
และ locking pin ซึง่ อยูด่ า้ นนอกของแผ่นฉนวน กันมิให้เลือ่ นกลับเข้าไปในท่อได้อีก สําหรับบริเวณ
ท่อแยกแบบ Tap-in ผูร้ บั จ้างอาจติด splitter damper แบบที่ได้กล่าวมาแล้วหรือใช้ Air Extractor
ที่ทาํ สําเร็จรูปมาจากโรงงานก็ได้ แต่ตอ้ งได้รบั อนุมตั ิจากผูว้ า่ จ้างก่อนติดตัง้
17.2.5. Volume Damper (VD)
Volume Damper จะต้องถูกติดตัง้ ในทุก Branches ของท่อลมเย็นและทุก Branches ของท่อลม
ระบายอากาศ โดย Volume Damper ที่ใช้มีอยู่ 2 อย่าง คือ
- แบบ Single blade ทําด้วยโลหะแผ่นชนิดเดียวกับที่ใช้ทาํ ท่อลม ปลายของ blade
แต่ละใบต้องพับงอขึน้ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ขนาดของ damper แบบนีต้ อ้ งกว้างไม่เกิน 10 นิว้
และยาวไม่เกิน 48 นิว้ หากจําเป็ นต้องใช้ยาวกว่านี ้ ให้ทาํ เป็ นชุดย่อยหลายชุดแต่ละชุดขนาดเท่ากัน
- แบบ Multi-blade ต้องเป็ นชนิด Opposed blade แต่ละใบเชื่อมต่อถึงกันหมด เพื่อให้สามารถเปิ ด-
ปิ ดได้ทีเดียวพร้อมกันแบบนีใ้ ช้กบั damper ที่มีความกว้างเกินกว่า 11” ขึน้ ไป
17.2.6. Fire Damper
ผูร้ บั จ้างต้องติดตัง้ Fire Damper เมื่อท่อลมทุกชนิดผ่านไปยังพืน้ ทุกชัน้ , ผนังกันไฟ ทุกจุด
Fire Damper ต้องเป็ นแบบ Dynamic Curtain Type ทําจากวัสดุที่ได้มาตรฐาน NFPA No. 90A และ
UL 555 พร้อมทัง้ มีหนังสือรับรองจาก UL เพื่อประกอบในการส่งขออนุมตั ิ และต้องมีอตั ราการทนไฟ
อย่างน้อย 3 ชั่วโมง (3-Hour Rated) Fusible Link ที่ใช้ทาํ งานที่อณ ุ หภูมิ 165 oF สามารถติดตัง้ ได้
ทัง้ ในแนวนอน และแนวตัง้ บริเวณที่ติดตัง้ จะต้องทํา Access door สําหรับเข้าไปปรับตัง้ และ
Service ตัว Damper ได้
17.2.7. Damper Hardware
ก้าน Damper, Yokes แบริง่ แหวนรอง (washers) Saddles และอื่น ๆ ต้องเป็ นผลิตภัณฑ์ของ
Young Regulator Co หรือเทียบเท่า
17.2.8. Access Doors
ต้องติดตัง้ ณ ที่ทกุ แห่ง ซึง่ จําเป็ นต้องเข้าไปบํารุงรักษาเครือ่ งมือวัด ระบบควบคุมหรือคอล์ย
ทําความเย็นเป็ นประจํา ตัวประตูทาํ ด้วยแผ่นเหล็กอาบสังกะสี ยึดติดกับตัวท่อทางด้านหนึง่
17.2.10.Apparatus Connections
ปลายท่อลมส่วนที่จะต่อเข้ากับพัดลม หรืออุปกรณ์ที่มีการสั่นสะเทือนให้ใช้ Woven asbestos
ชนิดหนัก 15 ออนซ์ หรือวัสดุอื่นที่กนั ไฟได้กว้างประมาณ 6 นิว้ คั่นกลางไว้
17.2.11.ช่องสําหรับสอดเครือ่ งมือวัด (Instrument Insert Holes) ท่อลม หรือ Plenum ส่วนใดที่ติดตัง้ Pitot
tubes หรือเครือ่ งมือวัดอย่างอื่นไว้เพื่อให้ทราบการไหลของอากาศ และ Balance
ระบบลมนัน้ ต้องทําช่องขนาดพอเหมาะไว้ตามแต่จะกําหนด หรือความจําเป็ น ช่องดังกล่าวต้อง
หุม้ ปิ ดด้วยฉนวน และทําเครือ่ งหมายไว้ให้เห็นได้เด่นชัด
17.2.12.Duct Sleeves หรือ Blockout
ท่อลมส่วนใดที่ระบุให้เดินผ่าน พืน้ เพดาน ผนัง หรือหลังคา จะต้องเดินเฉพาะในช่องที่เจาะเตรียมไว้
ให้เท่านัน้ ผูร้ บั จ้างต้องใช้เหล็กแผ่นอาบสังกะสี หนาไม่นอ้ ยกว่า 20 BWG ทําเป็ น sleeve ให้ใหญ่
กว่าขนาดท่อที่หมุ้ ฉนวนแล้ว 1 นิว้ โดยรอบฝังไว้ในช่อง และช่องว่าง 1” นี ้ จะต้องมีสารทนไฟ
ใส่ไว้ก่อนที่จะทําการปิ ดด้วย Flashing ถ้าปรากฎว่า Blockout ที่ได้เตรียมไว้ให้โดยงานโครงสร้าง
มีขนาดใหญ่กว่าตัวท่อลมมาก ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดการต่อเสริมส่วนโครงสร้างคอนกรีตเข้ามาจน
ใกล้เคียงกับขนาดของท่อ สําหรับท่อลมซึง่ ผ่านทะลุพนื ้ ทุกชัน้ และผนังกันไฟ จะต้องทําการอุดช่องว่าง
โดยรอบด้วยสารกันไฟ โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึน้ ผูร้ บั จ้างจะต้องเป็ นผูร้ บั ผิดชอบทัง้ สิน้
17.3. Duct Classification
การเลือกระดับชัน้ ท่อลมจะขึน้ อยูก่ บั ความดันสถิตย์ที่ใช้งาน ตามมาตรฐาน SMACNA ซึง่ ในการใช้งานจะแบ่ง
ออกเป็ น 2 กลุม่ ดังต่อไปนี ้
18.ฉนวนหุ้มท่อลม
18.1. ฉนวนหุม้ ท่อลม
18.1.1. ความทั่วไป
แผ่นฉนวนต้องเป็ นสารอนินทรีย ์ ทําขึน้ จากใยแก้ว (Fiberglass)
มีลกั ษณะเป็ นเส้นใยยาวละเอียด จํานวนมากประสานยึดติดกันด้วย Themosetting resin
มีนาํ้ หนักเบา
คุณสมบัติกนั ไฟเมื่อทดสอบตามมาตรฐาน ASTM E84 เป็ นดังนี ้
- Flame Spread Index ต้องไม่เกิน 25
- Smoke Developed Index ต้องไม่เกิน 50
- ค่าสัมประสิทธิ์การนําความร้อน (Thermal Conductivity) ที่อณ ุ หภูมิเฉลีย่ 75 oF ต้องไม่มากกว่า
0.28 BTUH-in/sq.ft oF
18.1.2. การหุม้ ฉนวนภายนอกท่อลม
ฉนวนที่ใช้เป็ นแผ่นใยแก้วชนิดอ่อน (Flexible type) มีความหนาและความหนาแน่นเพียงพอ
ที่จะไม่ให้เกิด Condensation ได้ และต้องไม่นอ้ ยกว่า 1” และ 2 ปอนด์/ลบ.ฟุต ตามลําดับ
ปะทับหลังด้วยแผ่นกระดาษ Kraft ซึง่ มีผิวด้านนอกเป็ น อลูมิเนียมฟอยด์ชนิดไม่ลามไฟ ทําหน้าที่เป็ น
Vapor Barrier การยึดแผ่นฉนวนให้ติดกับท่อลม ให้ใช้กาวชนิดไม่ติดไฟทาลงบนตัวท่อให้ท่วั
แล้วนําแผ่นใยแก้วไปหุม้ ทับ พยายามให้รอยต่อของ แผ่นฉนวนชนแนบสนิทกัน
โดยให้รอยต่อตามยาวอยูท่ างด้านบนของท่อ ปิ ดทับรอยต่อทัง้ หมดด้วย Pressure sensitive vapor
barrier aluminum tape กว้างไม่นอ้ ยกว่า 2.5 นิว้ รัดให้ตงึ เพื่อให้แน่ใจ
ว่าสามารถยึดแผ่นฉนวนได้แน่นทัง้ สองข้าง ผิวท่อลมทัง้ หมดทุกด้านต้องยึดติดด้วย Spindle Pin
เพื่อยึดติดฉนวนให้ติดกับท่อลมทุก ๆ ระยะไม่เกิด 25 cm.
18.1.3. การหุม้ ฉนวนโฟมยางภายในท่อลม
หากมีสว่ นใดส่วนหนึง่ ในแบบกําหนดให้ใช้การหุม้ ฉนวนแบบภายใน ต้องมีคณ ุ สมบัติดงั นี ้
ฉนวนโฟมยางที่ใช้หมุ้ ภายในท่อลมเป็ นชนิด Closed Cell Elastomer มีความหนาและความหนาแน่น
เพียงพอที่จะไม่ให้เกิด Condensation ได้ และต้องไม่นอ้ ยกว่า 0.5” และ 4 ปอนด์/ลบ.ฟุต มีผิวเรียบ
ทัง้ สองด้าน การยึดแผ่นฉนวนโฟมยางให้ใช้กาว สําหรับติดแผ่นยาง กับท่อลม เป็ นชนิดพิเศษ
ตามคําแนะนําของผูผ้ ลิต รอยต่อของแผ่นฉนวนยางต้องแนบสนิทกัน
19.5. การลดเสียง
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาและติดตัง้ อุปกรณ์ลดเสียง หรือ Sound Attenuator เพื่อลดเสียงของเครือ่ งเป่ าลมเย็น
และพัดลมทุกตัวให้ได้ตามมาตรฐานที่กาํ หนดโดยต้องแสดงการคํานวนมาเพื่อขออนุมตั ิ
โดยกําหนดระดับเสียงดังนี ้
บ้านพักอาศัย 30-35
โรงแรม
ห้องพัก 35-40
ห้องโถง, ห้องจัดเลีย้ ง 35-40
บริเวณทั่วไป 40-45
ห้องครัว ห้องซักรีด โรงรถ 45-50
ห้องผูป้ ่ วย 35-40
ห้องผ่าตัด ห้องผูป้ ่ วยรวม 35-40
โถงทางเดินทั่วไป 40-45
ห้องประชุมทั่วไป 30-35
ห้องทํางานผูบ้ ริหาร 35-40
ห้องทํางานเป็ นสัดส่วน 35-45
ห้องทํางานรวม 40-50
ห้องคอมพิวเตอร์กลาง 50-60
โรงแสดงดนตรี 22-25
โรงแสดงคอนเสิรต์ 65-75
ห้องส่งทีวี วิทยุ 22-25
โรงละคร 30-35
สถานชุมนุม 32-35
ห้องสมุด ห้องเรียน พิพิธภัณฑ์ 35-40
ห้องทดลอง ห้องปฏิบตั ิการ 40-45
ห้องนันทนาการ 40-50
ธนาคาร 40-45
ห้องอาหาร ภัตตาคาร 40-45
โรงอาหาร 45-50
ห้างสรรพสินค้า 45-50
สถานที่เล่นกีฬา 35-40
สระว่ายนํา้ 55-60
โรงงานทั่วไป 45-50
โรงงานใช้เครือ่ งจักรผลิตขนาดกลาง 60-70
โรงงานใช้เครือ่ งจักรผลิตขนาดใหญ่ 65-75
21.5. ชนิดของอุปกรณ์ลดแรงสั่นสะเทือน
21.5.1. ตารางแสดงอุปกรณ์ลดแรงสั่นสะเทือนสําหรับการติดตัง้ วัสดุหรืออุปกรณ์ตา่ งๆ มีดงั ต่อไปนี ้
เครือ่ งส่งลมเย็น (Air Handling Unit) ใช้สปริงแบบ Unhoused Type รองรับด้วย ใช้วสั ดุที่มีความยืดหยุน่ (Flexible
มอเตอร์ขบั พัดลมตัง้ แต่ 1.5 แรงม้าขึน้ ไป Neoprene Waffle Pad ที่มีคา่ ความแข็ง Material) ในการต่อท่อลมกับ
40 Durometer หนาไม่นอ้ ยกว่า 19 เครือ่ งส่งลมเย็น
มิลลิเมตร (3/4 นิว้ ) และสปริงมีคา่ การ
ยุบตัวดังต่อไปนี ้
รอบของพัดลม ค่ายุบตัว
มากกว่า 100 RPM 25 มม. (1 นิว้ )
600 ถึง 1000 RPM 38 มม. (1.5 นิว้ )
400 ถึง 600 RPM 50 มม. (2 นิว้ )
อุปกรณ์อา้ งอิง
• Mason รุน่ SLF
• VMC รุน่ AWH หรือเทียบเท่า
เครือ่ งส่งลมเย็น (Fan Coil Unit) ใช้ Neoprene Rubber Pad ท่อลมที่ตอ่ กับเครือ่ งส่งลมเย็นให้ตอ่ ด้วย
มอเตอร์ขบั พัดลมตัง้ แต่ 1.0 แรงม้าลงมา ที่มคี า่ ความแข็ง 40 Durometer Flexible Material
หนาไม่นอ้ ยกว่า 19 มิลลิเมตร (3/4 นิว้ )
ตรงจุดแขวนหรือรองรับตัวเครือ่ ง
อุปกรณ์อา้ งอิง
• Mason รุน่ HD หรือ ND
• VMC รุน่ RH หรือ RD หรือเทียบเท่า
พัดลมระบายอากาศแบบ Axial หรือ ใช้ยาง Neoprene แบบ Double ท่อลมส่วนที่ตอ่ กับพัดลมให้ตอ่ ด้วย
Centrifugal ที่มีมอเตอร์ขบั พัดลมตัง้ แต่ Deflection Neoprene In Shear Flexible Material จําพวก Flexible
1.0 แรงม้าลงมา ที่มคี า่ การยุบตัวไม่นอ้ ยกว่า 6 มิลลิเมตร Connector
(1/4 นิว้ )
ตรงจุดที่แขวนหรือรองรับตัวเครือ่ ง
อุปกรณ์อา้ งอิง
• Mason รุน่ HD หรือ ND
• VMC รุน่ RH หรือ RD หรือเทียบเท่า
พัดลมระบายอากาศแบบ Axial หรือ ใช้สปริงแบบ Unhoused Type รองรับด้วย ท่อลมส่วนที่ตอ่ กับพัดลมให้ตอ่ ด้วย
Centrifugal ที่มีมอเตอร์ขบั พัดลมตัง้ แต่ Neoprene Waffle Pad ที่มีคา่ ความแข็ง Flexible Material จําพวก Flexible
1.5 แรงม้าขึน้ ไป 40 Durometer หนาไม่นอ้ ยกว่า 19 Connector
มิลลิเมตร (3/4 นิว้ )
และสปริงมีคา่ การยุดตัวดังต่อไปนี ้
รอบของพัดลม ค่ายุบตัว
มากกว่า 100 RPM 25 มม. (1 นิว้ )
600 ถึง 1000 RPM 38 มม. (1.5 นิว้ )
400 ถึง 600 RPM 50 มม. (2 นิว้ )
อุปกรณ์อา้ งอิง
• Mason รุน่ SLFH หรือ 30 N
• VMC รุน่ AWH หรือ RSH
หรือเทียบเท่า
22.ระบบไฟฟ้ า
23.3. ขอบเขตงาน
23.3.1. ให้ติดตัง้ อุปกรณ์หรือวัสดุปอ้ งกันไฟ และควันลามตามตําแหน่งต่างๆ ดังต่อไปนี ้
23.3.1.1.ช่องเปิ ด, ช่องท่อทุกช่องไม่วา่ จะอยูท่ ี่ใดของผนัง พืน้ หรือคาน และช่องท่อต่างๆ ซึง่ ได้เตรียม
ไว้ สําหรับการใช้งานติดตัง้ ระบบท่อ หลังจากที่ได้ติดตัง้ ท่อไปแล้ว และมีช่องว่างเหลืออยู่
ระหว่างท่อกับแผ่นปิ ดช่องท่อ
23.3.1.2.ช่องเปิ ดหรือช่องลอด (Block Out or Sleeve) ที่เตรียมการไว้สาํ หรับติดตัง้ ระบบท่อใน
อนาคต
23.3.1.3.ช่องเปิ ดหรือช่องลอด (Block Out or Sleeve) ที่ใช้สายไฟฟ้าหรือท่อร้อยสายไฟฟ้าที่มี
ช่องว่างอยูแ่ ม้เพียงช่องเล็กน้อยก็ตาม
23.3.1.4.ภายในท่อที่วางทะลุพนื ้ คอนกรีต ผนังคอนกรีต ซึง่ เป็ นผนังทนไฟ เพื่อป้องกันไฟ และควัน
ลามตามท่อ
23.3.1.5.ช่องเปิ ดหรือช่องลอด (Block Out or Sleeve) สําหรับติดตัง้ ท่อ PVC หรือท่อพลาสติกให้ใช้
วัสดุปอ้ งกันไฟและควันลามผลิตภัณฑ์ที่ผลิตสําหรับใช้ติดตัง้ กับท่อ PVC หรือท่อพลาสติก
เท่านัน้ ซึง่ มีคณ
ุ สมบัติขยายตัวเมื่อได้รบั ความร้อน โดยจะต้องเป็ นแบบที่ได้มาตรฐาน และ
รับรองโดย UL
23.3.2. กรรมวิธีการติดตัง้ ผูร้ บั จ้างต้องเสนอขออนุมตั ิจากผูค้ วบคุมงานก่อน
การอุดช่องท่อ ช่องเจาะ ด้วยวัสดุปอ้ งกันไฟ และควันลาม (FIRE BARRIER SYSTEM) หน้า 23-1
ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
23.5. ข้อกําหนดทางด้านประสิทธิภาพ
23.5.1. ช่องเปิ ด ช่องท่อ หรือช่องลอดประเภททะลุผา่ น ( Through Penetrations ) ระบบป้องกันไฟและควัน
ลาม สําหรับช่องเปิ ด ช่องท่อ หรือช่องลอดประเภทนี ้ โดยมีวสั ดุปอ้ งกันไฟและควันลามเป็ น
ส่วนประกอบในการทดสอบตามวธีการทดสอบตามวิธีการทดสอบ UL 1479 และจะต้องมี
ความสามารถในการป้องกันไฟลาม ( F- RATING) ไม่นอ้ ยกว่า 2 ชั่วโมง หรือ 3 ชั่วโมง ขึน้ อยูก่ บั อัตรา
การทนไฟของผนังกันไฟ
23.5.2. วัสดุปอ้ งกันไฟและควันลามจะต้องไม่ก่อให้เกิดควันพิษเมื่อได้รบั ความร้อนหรือติดไฟ
23.5.3. วัสดุปอ้ งกันไฟและควันลามต้องไม่มีสว่ นผสมของแร่ใยหิน ( Asbestos )
23.5.4. วัสดุปอ้ งกันไฟและควันลามต้องสามารถเกาะยึดได้ดีกบั คอนกรีต, โลหะ, ไม้, พลาสติก และฉนวนหุม้
สายไฟฟ้า
23.5.5. ในกรณีที่ไม่มีระบบป้องกันไฟและควันลามที่ผา่ นการรับรองจากสถาบันที่เป็ นสากล เชื่อถือได้ เพื่อใช้
ในการติดตัง้ สําหรับช่องเปิ ด ช่องท่อ ช่องลอด หรือรอยต่อนัน้ ๆ ผูร้ บั จ้างจําเป็ นต้องขอเอกสาร
Engineering Assistance (EA) จากผูผ้ ลิตวัสดุปอ้ งกันไฟและควันลามนัน้ โดยเฉพาะ มาขออนุมตั ิใช้
ระบบป้องกันไฟและควันลามนัน้ กับตัวแทนผูว้ า่ จ้าง และเอกสาร Engineering Assistance (EA)
ควรมีรูปแบบตามแนวทางของ International Firestop Council (IFC)
23.6. เอกสารและวัสดุที่ตอ้ งนําส่ง
23.6.1. ผูร้ บั จ้างต้องปฎิบตั ิตามขัน้ ตอนและวิธีการในการนําส่งเอกสารและวัสดุ
23.6.2. เอกสารและวัสดุที่ตอ้ งนําส่งคือ
- รายละเอียดทางเทคนิคของวัสดุปอ้ งกันไฟและควันลามทุกประเภทที่ใช้
- เอกสารข้อแนะนําวิธีการติดตัง้ และวิธีการควบคุมคุณภาพที่ถกู ต้องสําหรับวัสดุปอ้ งกันไฟและ
ควันลามแต่ละประเภทจากผูผ้ ลิต
การอุดช่องท่อ ช่องเจาะ ด้วยวัสดุปอ้ งกันไฟ และควันลาม (FIRE BARRIER SYSTEM) หน้า 23-2
ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
การอุดช่องท่อ ช่องเจาะ ด้วยวัสดุปอ้ งกันไฟ และควันลาม (FIRE BARRIER SYSTEM) หน้า 23-3
ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
24.4. อุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ
อุปกรณ์ควบคุมทัง้ หมดที่เกี่ยวข้องกับระบบปรับอากาศ และระบายอากาศ จะต้องได้รบั การปรับ
หรือตัง้ ตามเงื่อนไข หรือตําแหน่งที่กาํ หนดไว้ในแบบ ผูร้ บั จ้างทําการตรวจสอบระบบควบคุมแล้ว
ทํารายงานถึงผูว้ า่ จ้างเป็ นลายลักษณ์อกั ษร ภายหลังจากวันตรวจมอบงานแล้วหนึง่ เดือน สามเดือน
แปดเดือน และสิบเอ็ดเดือน ตามลําดับ รวม 4 ครัง้
25.การส่งมอบงาน และการรับประกัน
25.1. การส่งมอบงาน : นอกจากการระบุเป็ นอย่างอื่นในสัญญาการส่งมอบงาน ให้ปฏิบตั ิตามขัน้ ตอน ดังนี ้
25.1.1. กําหนดมอบรับงานขัน้ ต้น (Substantial Completion) 15 วัน ก่อนกําหนดเวลาแล้วเสร็จตาม สัญญา
โดยผูร้ บั จ้างจะต้องแจ้งเพื่อการส่งมอบงานขัน้ ต้น (Substantial Completion) ก่อนกําหนดรับ
มอบงาน 15 วัน
25.1.2. วิศวกรจะจัดทําบัญชีงานที่ตอ้ งแล้วเสร็จ และตรวจสอบทดลองตามบัญชีงานพร้อมทัง้ ออก
หนังสือรับรองข้างต้น และจัดทําบัญชีงานที่ตอ้ งแก้ไข (List of Defect Works) ให้แก่ผรู้ บั
จ้างเพื่อการดําเนินการงานขัน้ สิน้ ท้ายให้แล้วเสร็จตามสัญญา
25.1.3. เมื่อวิศวกรพิจารณางานขัน้ สุดท้ายเป็ นที่เรียบร้อยแล้ว จึงจะได้เชิญผูแ้ ทนของผูว้ า่ จ้าง มาเพื่อ
ตรวจรับมอบงาน
25.1.4. ผูว้ า่ จ้างสงวนสิทธิ์ในการรับมอบงาน ในกรณีที่ผวู้ า่ จ้างเห็นว่างานในส่วนนัน้ ๆ
จะต้องมีการแก้ไขโดยที่ระยะเวลาตามสัญญายังคงสภาพเดิม ผูร้ บั จ้างไม่สามารถอ้างเหตุผลนี ้
ในการต่ออายุสญ ั ญาการก่อสร้างได้
25.1.5. การส่งมอบอุปกรณ์และรายการเอกสาร : ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งมอบอุปกรณ์และ
รายการเอกสารต่อผูว้ า่ จ้างดังต่อไปนี ้
25.1.5.1.ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดรวบรวมและส่งมอบหนังสือคูม่ ือการใช้ และบํารุงรักษาเป็ นภาษาไทยหรือ
ภาษาอังกฤษ ต่อวิศวกร เพื่อการอนุมตั ิก่อนส่ง มอบงาน เมื่อได้รบั อนุมตั ิแล้วผูร้ บั จ้าง โดย
ต้องจัดเตรียมเอกสาร ดังกล่าว จํานวน 3 ชุด เพื่อส่งมอบต่อผูว้ า่ จ้างในวันส่งมอบงาน
(เอกสารซึง่ ใช้ในการโฆษณา
เครือ่ งจักรหรืออุปกรณ์ของผูผ้ ลิตหรือผูข้ ายจะไม่ถือว่าเป็ นหนังสือคูม่ ือ การใช้
และบํารุงรักษา) โดยมีรายละเอียดอย่างน้อยดังนี ้
• คูม่ ือการใช้ และบํารุงรักษาเครือ่ งจักรและอุปกรณ์ทกุ ชนิด
• รายการ Spare parts
• อธิบายองค์ประกอบของระบบในโครงการ รวมถึงการใช้งานระบบทัง้ รวมระบบและ
แยกอุปกรณ์
• รายละเอียดการทํา Preventive Maintenance (PM) ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละ
อุปกรณ์ และให้สรุปประเมินค่าใช้จ่ายแต่ละรายการด้วย
25.1.5.2.ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดการฝึ กอบรม
เจ้าหน้าที่ควบคุมระบบของผูว้ า่ จ้างให้มีความรูค้ วามสามารถในการใช้ งาน
และการบํารุงรักษา ระบบก่อนส่งมอบงาน
25.1.5.3.ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาช่างผูช้ าํ นาญงาน มาช่วยดูแลควบคุมระบบเป็ นระยะเวลา อย่างน้อย
30 วัน ติดต่อ กันภายหลังการส่งมอบงาน
26.รายชื่ออุปกรณ์มาตรฐาน
การพิจารณารายชื่อผลิตภัณฑ์ของอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ที่ใช้ในโครงการ ให้ผรู้ บั จ้างพิจารณาจากรายชื่อผลิตภัณฑ์
ที่มีอยูใ่ นตารางข้างล่างเป็ นสิง่ แรก ถ้าหากรายชื่อผลิตภัณฑ์ท่ีระบุไว้ไม่สามารถติดต่อผูแ้ ทนจําหน่ายได้ หรือจะเสนอ
ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยผูไ้ ด้รบั ลิขสิทธิ์ให้สร้างแทน ก็ให้แจ้งแก่ทางผูว้ า่ จ้างทราบ เพื่อขออนุมตั ิพิจารณาวัสดุ
อุปกรณ์เทียบเท่าเป็ นลําดับต่อไป แต่ในกรณีที่ผรู้ บั จ้างต้องการใช้วสั ดุอปุ กรณ์ที่เทียบเท่า หรือนอกเหนือจากที่ได้ระบุ
ในรายชื่อผลิตภัณฑ์ ผูร้ บั จ้างต้องพิสจู น์และชีแ้ จงรายละเอียดต่าง ๆ ให้ผวู้ า่ จ้างพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน หากผู้
ว่าจ้างเห็นว่าจําเป็ นต้องมีการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบคุณภาพกันกับวัสดุอปุ กรณ์ที่ระบุไว้ ผูร้ บั จ้างต้องเป็ น
ผูช้ าํ ระค่าใช้จ่ายทัง้ สิน้ ทัง้ นีผ้ วู้ า่ จ้างขอสงวนสิทธิ์ในการอนุมตั ิให้เทียบเท่า
รายชื่อผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในโครงการ
27.TYPICAL DETAIL
สารบัญ
1. คําจํากัดความและความหมาย ................................................................................................................. 1-1
5. ป้ ายชื่อและเครื่องหมายของเครื่องจักรและอุปกรณ์............................................................................... 5-1
i
ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
23. การอุดช่องท่อ ช่องเจาะ ด้วยวัสดุป้องกันไฟ และควันลาม (FIRE BARRIER SYSTEM) .................... 23-1
ii