Professional Documents
Culture Documents
"อุตสาหกรรมยาสูบ" รายได้สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่กำลังถดถอย
"อุตสาหกรรมยาสูบ" รายได้สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่กำลังถดถอย
ในปี พ.ศ. 2473 บริ ษทั British American Tobacco Company (BAT) เป็ นบริ ษทั ที่ดาเนินการเกี่ยวข้อง
กับกิ จการยาสู บรายใหญ่ในสยาม ได้ก่อตั้งขึ้นโดยในช่ วงแรกเป็ นดาเนิ นการนาเข้าบุหรี่ จากต่างประเทศ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2475 จึงได้ดาเนิ นการผลิตและนาใบยาสู บสายพันธุ์เวอร์ จิเนียเข้ามาปลูกในประเทศไทยจน
ประสบความสาเร็ จเป็ นครั้งแรกที่จงั หวัดเชียงรายก่อนภายหลังในปี พ.ศ. 2484 จะถูกรัฐเข้าซื้อกิจการภายใต้
นโยบายที่ จ ะรวมอุ ต สาหกรรมยาสู บ เข้า เป็ นของรั ฐ โดยก่ อ นหน้า นี้ ในปี พ.ศ. 2481 มี ก ารประกาศใช้
พระราชบั ญ ญั ติ ย าสู บฉบั บ แรกและด าเนิ น การจั ด ตั้ งรั ฐ วิ ส าหกิ จ ภายใต้ สั ง กั ด กรมสรรพสามิ ต
กระทรวงการคลัง ให้มีหน้าที่ดูแลกิจการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยาสู บ ส่ งผลให้กิจการโรงงานยาสู บทุก
แห่ งถูกรวมเข้าด้วยกันและดาเนิ นการภายใต้ชื่อว่า โรงงานยาสู บ กระทรวงการคลัง (Thailand Tobacco
Monopoly) กิจการยาสู บกลายเป็ นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สร้างรายได้มหาศาลให้กบั รัฐและผลผลิตถูกใช้
เพื่อการบริ โภคภายในประเทศและทดแทนการนาเข้า ซึ่ งการผลิตและนาเข้าผลิตภัณฑ์ยาสู บทุกชนิ ดจาก
ต่ า งประเทศอยู่ภ ายใต้ก ารด าเนิ น งานของโรงงานยาสู บ กระทรวงการคลัง แต่ เ พี ย งผูเ้ ดี ย วภายใต้ก าร
ประกาศใช้พระราชบัญญัติยาสู บฉบับ 2486 ที่กาหนดให้อุตสาหกรรมยาสู บเป็ นกิจการที่ผกู ขาดโดยรัฐ แม้
จะมีการโอนย้ายสังกัดของโรงงานยาสู บไปสังกัดกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สังกัด
กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังบ้าง อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2497 โรงงานอุตสาหกรรมยาสู บจึงเปลี่ยนมา
เป็ นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการคลังโดยตรง และต่อมาในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เว็บไซต์ราช
กิจจานุเบกษาเผยแพร่ “พระราชบัญญัติการยาสู บแห่ งประเทศไทย พ.ศ. 2561” ให้โรงงานยาสู บเป็ นองค์กร
นิ ติ บุ ค คลภายใต้ก ารก ากับ ดู แ ลของกระทรวงการคลัง ใช้ชื่ อ ว่า “การยาสู บ แห่ ง ประเทศไทย Tobacco
Authority of Thailand” มีผลบังคับใช้วนั ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เป็ นต้นมา ปั จจุบนั สานักงานใหญ่การ
ยาสู บแห่ งประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตคลองเตย และมี โรงงานผลิ ตยาสู บ ทั้งในภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื อ
ขอนแก่น นครพนม หนองคาย ในภาคเหนื อ เพชรบูรณ์ สุ โขทัย ลาปาง แพร่ เชียงใหม่ และเชียงราย และ
ภาคกลาง พระนครศรี อยุธยา
รายได้ หลักของรัฐบาลสยามจากอุตสาหกรรมยาสู บ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2469 สยามได้รับอธิ ปไตยทางการคลังกลับคืนบางส่ วนหลังจากที่ตกอยู่ภายใต้การ
ควบคุมของสนธิ สัญญาเบาว์ริ่ง รัฐบาลจึงได้กาหนดจัดเก็บภาษีสินค้าขาเข้าใหม่โดยบุหรี่ ถูกเก็บภาษีใน
อัตราร้อยละ 25 และร้อยละ 5 สาหรับใบยาสู บ ต่อมาในปี 2474 รัฐบาลได้จดั ตั้งกรมสรรพสามิตขึ้นเพื่อ
ควบคุมการจัดเก็บภาษีสินค้าบางชนิ ด โดยเฉพาะสิ นค้าอบายมุข ได้แก่ ฝิ่ น สุ รา และยาสู บ ต่อมารัฐได้เก็บ
ภาษีเพิ่มขึ้นสู งถึงอัตราร้อยละ 60 ส่ งผลให้เกิดกิจการเพาะปลูกใบยาสู บแพร่ หลายในประเทศไทย
3
2. จัดเก็บภาษีตามมูลค่าใหม่ แต่เป็ นรู ปแบบ 2 อัตราเช่นเดิม คือ ราคาขายปลีก ไม่เกิน 72 บาทต่อซอง เสี ย
ภาษี 25เปอร์เซ็น และราคาขายปลีก เกิน 72 บาทต่อซอง เสี ยภาษี 42 เปอร์เซ็น
นอกจากนี้ ยงั สามารถวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่เกิ ดขึ้นหลังจากปรั บโครงสร้ างภาษียาสู บล่าสุ ดเมื่ อเดื อน
ตุลาคม พ.ศ. 2564 ดังนี้
1. ภาระภาษีของบุหรี่ ส่วนใหญ่ในตลาดเพิ่มขึ้นซองละ 8-9 บาท (คานวณโดยสมมติให้ภาระภาษีต่อ
ราคาขายคงที่ก่อนและหลังปรับภาษี) ต่างจากที่กรมสรรพสามิตคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นซองละ 3-7
บาท ทาให้ราคาบุหรี่ ขายดีที่สุดของ ยสท. ปรับขึ้นร้อยละ 10 จากเดิมซองละ 60 บาท เป็ นซองละ 66
บาท ในขณะที่บุหรี่ คู่แข่งของการยาสู บแห่ งประเทศไทยส่ วนใหญ่ปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 17-20
จากเดิมซองละ 60 บาท เป็ นซองละ 70-72 บาท
2. ราคาบุหรี่ ส่วนใหญ่ในตลาดที่ปรับขึ้นกว่าร้อยละ 10-20 ในขณะที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียงร้อย
ละ 1 ในช่วงปี 2560-2564 ทาให้ยอดขายบุหรี่ ผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นค่อนข้างสู งจากร้อยละ 6 เป็ นร้อย
ละ 10 ของปริ มาณการบริ โภคบุหรี่ ท้ งั หมด ซึ่ งการเข้ามาของบุหรี่ เถื่ อนหรื อบุหรี่ หนี ภาษี ที่มีราคา
ถูกกว่าบุหรี่ ทวั่ ไปถึงครึ่ งหนึ่งส่ งผลให้ผมู ้ ีรายได้นอ้ ยซึ่งเป็ นกลุ่มผูบ้ ริ โภครายใหญ่ของบุหรี่ ไทยหัน
มาสู บกันมากขึ้น
3. รายได้ภาษีสรรพสามิตยาสู บในช่วง 10 เดือนของปี งบประมาณ 2565 หรื อ 10 เดือนหลังจากที่มีการ
ขึ้นภาษี ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี ที่แล้ว 4.3 พันล้านบาท หรื อลดลงร้อยละ 8 สวนทางกับที่
กรมสรรพสามิตประมาณการว่าการปรับขึ้นภาษีครั้งนั้นจะช่วยเพิ่มรายได้ข้ ึน 3.5-4.5 ล้านบาทต่อปี
เท่ากับว่าประมาณการพลาดไป 8-9 พันล้านบาท
4. ผลการดาเนินงานของ ยสท.ในช่วง 6 เดือนแรกของปี งบประมาณ 2565 ขาดทุน 35 ล้านบาท เทียบ
กับที่เคยกาไร 452 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน และมีรายได้ลดลงจาก 2.2 หมื่นล้านบาท เหลือ 1.8
หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันปี ที่แล้ว
(อรรถกฤต ปัจฉิมนันต์, 2565)
6
สรุป
แม้อุตสาหกรรมยาสู บเคยสร้างรายได้มหาศาลและเป็ นแหล่งรายได้ที่สาคัญกับรัฐสยามมาก่อน แต่
ด้วยช่วงสมัยที่เปลี่ยนผ่าน การกาหนดโครงสร้างภาษียาสู บแบบใหม่ในรู ปแบบโครงสร้างภาษี 2 อัตราได้
ส่ งผลกระทบต่อความสามารถในการทากาไรของอุตสาหกรรมยาสู บอย่างหนัก ทั้ง ๆ ที่รายได้รัฐที่ได้จาก
อุตสาหกรรมยาสู บในทุกรู ปแบบไม่ได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่การควบคุมการบริ โภคยาสู บในภาพรวมก็มีความ
ท้าทายในด้านสิ นค้าทดแทนราคาถูกที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การตัดสิ นใจคงโครงสร้างภาษีบุหรี่ มูลค่า
2 อัตราไว้ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยาสู บ ในขณะที่ใช้การปรับขึ้นภาระภาษีในอัตราสูง
ก็เพื่อลดการบริ โภคยาสู บ เป็ นแนวคิดที่กรมสรรพสามิตใช้มาตั้งแต่ปี 2560 แต่การกระทาทั้งสองอย่าง
ข้างต้นเป็ นสิ่ งที่ขดั แย้งกันเอง ทาให้ไม่สามารถสร้างความสมดุลระหว่างเป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ 1) รายได้รัฐ
2) สุ ขภาพประชาชน และ 3) อุตสาหกรรมยาสู บ ที่รัฐคานึงถึงในการกาหนดนโยบายภาษียาสู บ ทั้งนี้ คงไม่
เหมาะสมที่รัฐจะมีการลดภาษีให้กบั การยาสู บแห่ งประเทศไทย เพราะคงขัดกับหลักสุ ขภาพของประชาชน
ทางออกง่าย ๆ คือ การรวมภาษีเป็ นอัตราเดี ยวที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิ จและกาลังซื้ อของผูบ้ ริ โภค
เพื่อให้ประเทศไทยมีโครงสร้างภาษีที่มีประสิ ทธิภาพเหมือนตัวอย่างที่ดีในต่างประเทศ
บรรณานุกรม