กรณีศึกษา “ตลาดสำเพ็ง” ถึงเวลาค้ าปลีก-ส่ งไทย ไม่ ปรับตัว มีตาย

ข้ อคิดที่ได้ ศกึ ษามา ในช่วงที่ผา่ นมาธุรกิจ e-commerce ได้ เข้ ามามีบทบาทเพิ่มขึ ้นอย่าง
ต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ ยุคปั จจุบนั การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวย่อมกระทบต่อผู้ค้ารายเดิมใน
ภาคการค้ าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้ บางธุรกิจอาจต้ องออกจากตลาดไป ขณะที่บางธุรกิจ
ต้ องเร่งปรับตัวเพื่อความอยูร่ อด ซึง่ วิธีการปรับตัวอาจ แตกต่างกันไปตามลักษณะหรื อความเหมาะ
สมของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม แม้ วา่ การซื ้อสินค้ าผ่านหน้ าร้ านแบบดังเดิ
้ มจะสร้ างประสบการณ์การ
ได้ รับรู้คณ
ุ ภาพ ของสินค้ า ได้ สมั ผัสสินค้ า ได้ ทดลองสินค้ า ตลอดจนการได้ รับบริ การด้ านคำ
แนะนำเกี่ยวกับสินค้ า ซึง่ ช่องทาง ออนไลน์ยงั ไม่สามารถทดแทนได้ แต่ในช่วงเวลาที่ผ้ บู ริ โภค
ต้ องการความสะดวก รวดเร็ว การซื ้อสินค้ าผ่าน ช่องทางออนไลน์ก็ยอ่ มมีความเหมาะสมมากกว่า
หรื ออาจกล่าวได้ ว่าในปั จจุบนั อำนาจการต่อรองถูกย้ ายมา อยูท่ างฝั่ งผู้บริ โภคมากยิ่งขึ ้น ผ่านการ
เลือกซื ้อสินค้ าและบริ การโดยค านึงถึงระดับราคา ความสะดวกและ ความพึงพอใจเป็ นสำคัญ ส่ง
ผลให้ การแข่งขันเพื่อแย่งกลุม่ ลูกค้ าในภาคการค้ าเข้ มข้ นขึ ้น และนำมาสู่ ความผูกพันต่อยี่ห้อ
สินค้ าที่ลดลง
ตลาดสำเพ็งร้ านค้ าต่างๆจึงต้ องมีการปรับตัว ทังด้
้ านเทคโนโลยี การบริ การ และการสร้ าง
ความแตกต่างโดดเด่นให้ แก่ร้านและสินค้ าให้ เป็ นที่ร้ ูจกั ยิ่งขึ ้น ต้ องปรับเปลี่ยนจากการขายแค่หน้ า
ร้ าน เพิ่มการขายช่องทางออนไลน์ เช่นทำเพจร้ าน เพิ่มช่องทางการขายโดยใช้ ช่องทาง social
media มาช่วยในการโปรโมทร้ าน เพิ่มฐานลูกค้ าได้ มากยิ่งขึ ้น

นางสาวไพลิน แย้ มบุญเรือง รหัส 65012928