Professional Documents
Culture Documents
Research
Research
ที่ดิน”
โดย ดร. รุ่งทิพย์ จันทร์ธนะกุล และคณะ
สานักบริหารวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร
_______________________
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินได้จ้างสานักบริหารวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยดร. รุ่งทิพย์
จันทร์ธนะกุล และคณะ ทาการศึกษาการดาเนินงานของธนาคารที่ดินที่จะมีขึ้นในอนาคต เพื่อเป็นกรอบ
แนวทางในการวางโครงสร้างและการบริหารธนาคารที่ดิน เนื่องจากเรามองว่าธนาคารที่ ดินไม่ใช่ธนาคาร
พาณิชย์ หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจแท้ๆ แต่ทาหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนและดาเนินการกับ
ปัญหาลดความเหลื่อมล้า เพื่อให้เกษตรกรและผู้ยากจนมีความมั่นคงในทรัพยากรที่ดิน งานศึกษานี้ได้ทาการส่ง
มอบและตรวจรับนานแล้ว แต่ก็ยังมิได้เผยแพร่เป็นการทั่ วไป จึงเห็นสมควรทาสรุปคัดย่อ (digest) ที่ไม่ยาวนัก
เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับสถานะและความมุ่งหมายของธนาคารที่ดิน ซึ่งยังมีความเข้าใจไม่ตรงกันหลายประการ
โดยเฉพาะความซ้าซ้อนอานาจของหน่วยงานอื่นหรือดาเนินการใกล้เคียงกันและธนาคารที่ดินควรมีภาระกิจ
อะไร ซึ่งแม้แต่สถาบันฯ ได้เคยทาความเข้าใจและชี้แจงไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ผู้แทนหลายหน่วยงาน
ก็ยังทาความเห็นว่าซ้าซ้อนอยู่ โดยมิได้พิจารณากฎหมายและอานาจหน้าที่ตลอดจนข้อจากัด และช่องว่างของ
หน่วยงานที่ดาเนินการเกี่ยวกับการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน ที่เกษตรกรและผู้ ยากจนไม่ได้เป็นลูกค้า
ของสถาบันนั้น ที่จะเข้าถึงแหล่งสินเชื่อและความช่วยเหลือได้
ผลงานศึกษานี้เป็นงานทางวิชาการของผู้วิจัย สถาบันฯ มิได้ได้กากับทิศทางของผลการศึกษาแต่อย่าง
ใด เพราะเป็นเสรีภาพในทางวิชาการ อย่างไรก็ตามก็มีบางประเด็นที่ผู้สรุปย่อไม่เห็นด้วย เพราะข้อขัดแย้งกับ
ข้อเสนอของคณะผู้วิจัยเอง เช่น ผู้วิจัยเห็นว่าธนาคารที่ดินมิได้ดาเนินการเยี่ยงธนาคารแท้ๆ เพราะมีภาระกิจ
หลายประการในการช่วยเหลือเกษรตรกรและผู้ยากจน การสรุปว่าธนาคารที่ดินเป็น “สถาบันการเงินเฉพาะ
กิจ” ย่อมไม่ถูกทั้งหมด เพราะสถาบันการเงินเฉพาะกิ จตามกฎหมายนั้นถูกกากับดูแลและควบคุมโดยธนาคาร
แห่งประเทศไทย เพื่อมิให้ดาเนินการกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนผู้เป็นลูกค้าจากการรับฝาก
เงิ น และด าเนิ น ธุ ร กิ จ เยี่ ย งธนาคาร แม้ ที่ ป รึ ก ษาให้ ค วามเห็ น ว่า ไม่ ใช่ ท าหน้า ที่ เป็ น ตัว กลางการเงิ นก็ตาม
ก็ไม่แน่ใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะธนาคารที่ดินมีวัตถุประสงค์แตกต่างออกไป
ดังปรากฏในงานวิจัยศึกษาธนาคารที่ดินในหลายประเทศ และโปรดดูนิยาม “ธนาคารที่ดิน” ในทางวิชาการ แต่
ผู้วิจัยคงจะมีเหตุผล จึงเป็นวิจารณญาณของท่านผู้อ่านซึ่งเป็นผู้ศึกษา
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้สรุปย่อขอขอบคุณคณะผู้วิจัยที่ได้ทาการศึกษาและให้ข้อกฎหมาย ข้อคิดเห็นต่างๆ
ที่เป็นประโยชน์ และมีความเป็นกลางในทางวิชาการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการกาหนดทิศทางของธนาคารที่ดิน
ท้ายนี้ ผู้สนใจงานศึกษานี้อาจขอสาเนา pdf จากสถาบันฯได้ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาและพัฒนา
องค์ความรู้เพื่อกาหนดนโยบายต่อไป
สรุปย่อโดย ธรรมนิตย์ สุมันตกุล
เมษายน 2562
2
ผลการศึกษา
นิยาม”ธนาคารที่ดิน” ในทางวิชาการ
นักวิชาการในประเทศและต่างประเทศได้ให้คานิยามของ “ธนาคารที่ดิน” สอดคล้องกันว่า
เป็นหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรสาธารณะ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะบริหารจัดการที่ดินเพื่อป้องกันการสูญเสีย
สิ ทธิในที่ดิน และทาให้ เ กิด การกระจายการถื อ ครองที่ดิ นที่ เป็ นธรรมและยั่ง ยืน ตลอดจนส่ งเสริ ม การใช้
ประโยชน์ในที่ดิน โดยธนาคารที่ดินสามารถใช้เครื่องมือทางกฎหมายและมาตรการทางการเงินในรูปกองทุน
ที่ดินในการรวบรวมที่ดินของรัฐและ/หรือของเอกชน เพื่อนามาจัดสรรให้แก่เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยที่ขาด
โอกาสในการเข้าถึงที่ดิน ได้ เข้า ทาประโยชน์ในที่ดินด้ว ยวิธี การต่า งๆ เช่น เช่า เช่าซื้อ และแนวทางอื่ น ๆ
ที่เหมาะสม
กรอบความคิดในการวิจัย
การวิจัยนี้วิเคราะห์ตามกรอบแนวคิดคุณค่า (value framework for evaluation of land
banks/funds) โดยพิจารณา (1) ด้านวัตถุประสงค์ (2) ด้านโครงสร้างและการจัดการ และ (3) ด้านการเงินของ
ธนาคารที่ดิน ดังนี้
(1) ด้านวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์หลักของธนาคารที่ดินคือ การส่งเสริมการพัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตร โดยใช้
ธนาคารที่ดินและกองทุนที่ดินเป็นหน่วยงานในการรวบรวมที่ดินและจัดสรรที่ดิน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
(2) ด้านโครงสร้างและการจัดการ
ธนาคารที่ดินโดยส่วนใหญ่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยภาครัฐส่วนกลาง และโดยส่วนใหญ่มักถูกกากับ
ดูแลโดยกระทรวงด้านการเกษตรหรือกระทรวงการคลัง ซึ่ง ธนาคารที่ดินส่วนใหญ่มีระบบการจัดการแบบรวม
ศูนย์อานาจไว้ที่ส่วนกลาง และบางประเทศจะมีหน่วยงานในสั งกัดภูมิภาค แต่ธนาคารที่ดินส่วนใหญ่มักมี
โครงสร้างแบบรวมศูนย์อานาจไว้ที่ส่วนกลาง และบางประเทศจะเป็นหน่วยงานในสังกัดภูมิภาค โดยให้มี
หน่ ว ยงานบริ ห ารจั ด การ ( managing unit) ในระดั บ ส่ ว นกลาง และให้ มี ห น่ ว ยงานปฏิ บั ติ การ
(operational unit) ในระดับภูมิภาคหรือระดับท้องถิ่น นอกจากนั้น ธนาคารที่ดินในแต่ละประเทศอาจมีความ
แตกต่างกันทางโครงสร้างการจัดการ เช่น การตัดสินใจอยู่ในรูปแบบคณะกรรมการ และบางประเทศอาจมอบ
อานาจการตัดสินใจไว้ที่ผู้อานวยการหรือรัฐมนตรี
(3) ด้านการเงิน
ธนาคารที่ดินที่ถูกจัดตั้งโดยรัฐจะพึ่งพาเงินทุนจากงบประมาณของรัฐบาล ขณะที่ธนาคาร
ที่ดินในบางประเทศ เช่น เยอรมนี แม้ว่าจะเป็นธนาคารของรัฐ ก็ไม่พึ่งพางบประมาณของรัฐบาลทั้งหมด แต่จะ
ได้รับการจัดสรรงบดาเนินการจากกองทุนต่ างๆ สาหรับธนาคารของกาลิเซียจะใช้เงินทุนจากกองทุนที่มาจาก
การระดมทุนในแบบการลงทุนทางที่ดิน
วิธีการวิจัย
การศึกษานี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) โดยเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูล
3ประเภท ได้แก่ (1) เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องด้ว ยวิธีการวิจัยเอกสาร (documentary research)
(2) การสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth interview) จากกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก (key informants) และ (3) การจัด
สนทนากลุ่ม (focus group) เครือข่ายธนาคารที่ดินในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง
และภาคใต้
3
รูปแบบการบริหารจัดการธนาคารที่ดินในต่างประเทศ
ได้ศึกษาการบริหารจัดการที่ดินในรูปแบบธนาคารที่ดินในต่างประเทศ จานวน 4 ประเทศ
ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น โดยประเทศดังกล่าวนี้มีลักษณะร่วมกัน 2 ประการ ได้แก่
(1) เป็นประเทศที่มีรูปแบบการบริหารจัดการที่ดินในรู ปแบบธนาคารที่ดินหรือองค์ กรที่มี
ลักษณะเดียวกัน และ
(2) เป็นประเทศใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (capitalism) อันเป็นระบบเศรษฐกิจที่อาศัย
กลไกตลาดเสรีในการจัดสรรทรัพยากร โดยให้เสรีภาพแก่ภาคเอกชนในการเลือกดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
และส่งเสริมให้เอกชนมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินและปัจจัยการผลิตได้อย่างเต็มที่ ประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจ
แบบทุนนิยมมักมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาความเหลื่อมล้าอย่างรุนแรง เนื่องจากให้เอกชนถือครองปัจจัยการ
ผลิตอย่างเช่นที่ดินได้อย่างไม่มีข้อจากัด หากประเทศเหล่านั้นขาดการบริหารจัดการที่ดินอย่างเหมาะสม
ผลการศึกษา
(1) ธนาคารที่ดินในระดับมลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา (Federal Land Bank: FLB)
จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายการกู้ยื มเพื่อการเกษตรแห่งสหพันธ์ พ.ศ. 2459 ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบสิ นเชื่ อ
การเกษตร(FCS) และอยู่ภายใต้องค์กรบริหารสินเชื่อการเกษตร (FCA) มีการดาเนินงานด้านให้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อ
อสังหาริมทรัพย์ และให้สินเชื่อระยะสั้นแก่เกษตรกร นักธุรกิจการเกษตรและผู้อยู่อาศัยในชนบท
(2) ธนาคารที่ดินแห่งไต้หวัน (Land Bank of Taiwan: LBOT) จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย
แห่งสาธารณรัฐจีน วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2489 มีรูปแบบเป็นธนาคารชานัญพิเศษ (specialized bank) ซึ่งทา
หน้ าที่เป็ น กลไกของรั ฐ ที่มีเป้ าหมายเพื่อการกระจายการถือครองที่ดินไปสู่เกษตรกร ในปัจจุบันทาหน้าที่
รับผิดชอบด้านอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อเพื่อการเกษตร
(3) ธนาคารที่ ดิ น แห่ ง ฟิ ลิ ป ปิ น ส์ (Land Bank of Philippines: LBP) จั ด ตั้ ง ภายใต้
กฎหมายปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2506 ต่อมามีกฎหมายธนาคารที่ดิน พ.ศ. 2508 เป็นการเฉพาะขึ้น มีรูปแบบเป็น
ธนาคารครบวงจร (universal bank) แห่งแรกของประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2516 โดยรัฐบาลกาหนดให้ธนาคาร
ดาเนินพันธกิจทางสังคม โดยการเป็นธนาคารส่งเสริมการพัฒนาชนบทและขยายบทบาทไปสู่การส่งเสริมการ
พัฒนาประเทศ โดยให้บริการสินเชื่อแก่ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนการ
ให้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ให้สินเชื่อแก่สหกรณ์และสมาคมการเกษตร และให้สินเชื่อแก่เกษตรกรรายย่อย
( 4 ) ธ น า ค า ร ที่ ดิ น ก า ร เ ก ษ ต ร ( The Farmland Intermediary Management
Institutions หรือ Farmland Bank) ของประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายส่งเสริมกิจการของธนาคาร
ที่ดินเกษตรกรรม พ.ศ. 2556 โดยอยู่ภายใต้กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) และเป็นหน่วยงานของ
รัฐที่ทาหน้าที่เป็นตัวกลางในการรวบรวม ปรับปรุง และให้เช่าที่ดินทางการเกษตร โดยมีสานักงานระดับจังหวัด
ซึ่งใช้องค์กรเกษตรเดิมที่มีอยู่แล้วเป็นตัวแทนในจังหวัดต่างๆ
ในส่วนบทบาทในการป้องกันการสูญเสียสิทธิในที่ดิน การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็น
ธรรมและยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดินของธนาคารที่ดินในต่างประเทศ พบว่า
(1) การป้ อ งกั น การสู ญ เสี ย สิ ท ธิ ใ นที่ ดิ น พบว่ า ธนาคารที่ ดิ น แห่ ง สหพั น ธ์ ( FLB) ของ
สหรัฐอเมริกามีวัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเพื่อลดปัญหาการจานองที่ดินการเกษตร ซึ่งก่อนมีการจัดตั้งธนาคาร
ที่ดินแห่งสหพันธ์เกษตรกรจะต้องพึ่งพาสินเชื่อด้านเกษตรกรรมจากธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกัน บริษัทรับ
จานอง รวมถึงการกู้ยืมเงินจากบุคคลที่ร่ารวย ทาให้เกษตรกรประสบปัญหาเงื่อนไขสินเชื่อที่ค่อนข้างเข้มงวด
และมีดอกเบี้ยสูงและการกู้ยืมมีระยะเวลาอันสั้น
(2) ธนาคารที่ดินแห่งไต้หวัน (LBOT) รับผิดชอบสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อเพื่อ
การเกษตรโดยธนาคารได้จัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาการเกษตร ที่มีโครงการสินเชื่อซื้อที่ดินให้กับครอบครัว
4
เกษตรกรรายย่อย เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรหรือทายาทเกษตรกรสามารถซื้อที่ดินหรือรับช่วงที่ดินเพื่อ
ขยายพื้นทีก่ ารทาเกษตรกรรมของครอบครัว
(3) ธนาคารที่ดินแห่งฟิลิปปินส์ (LBP) ถูกกาหนดให้ดาเนินพันธกิจทางสังคมให้บริการสินเชื่อ
แก่เกษตรกรรายย่อยผ่านทางสหกรณ์การเกษตรและสมาคมการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรรายย่อยกู้ยืมไปใช้ใน
การผลิต การตลาด และอุปกรณ์การเกษตรที่จาเป็น ซึ่งจะช่ วยลดภาวะหนี้สินของเกษตรกรและลดปัญหาการ
สูญเสียที่ดินทากินได้
การศึกษาธนาคารที่ดินของต่างประเทศ พบว่า
(1) การป้องกันการสูญเสียสิทธิในที่ดิน
ธนาคารที่ ดิ น ญี่ ปุ่ น ไม่ มี บ ทบาทและอ านาจหน้ า ที่ ใ นการป้ อ งกั น การสู ญ เสี ย สิ ท ธิ ใ นที่ ดิ น
เนื่องจากเกษตรกรในญี่ปุ่นได้รับการคุ้มครองด้วยมาตรการทางนโยบายและกฎหมายต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพ
ทางด้านการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืนนั้น พบว่า ธนาคารที่ดินแห่งสหพันธ์( FLB) ของ
สหรัฐอเมริกา ไม่มีบทบาทและอานาจหน้าที่ที่ชัดเจนในการกระจายการถือครองที่ดินเช่นกัน
ส่วนธนาคารที่ดินแห่ง ไต้หวัน (LBOT) เป็นสถาบันการเงินสาหรับให้เกษตรกรและผู้ยากจน
สามารถกู้ยืม เพื่อซื้อที่ดินในขนาดเนื้อที่ตามที่กฎหมายจากัดไว้ ซึ่งธนาคารจะให้สินเชื่อระยะยาวและอัตรา
ดอกเบี้ยต่า และภายใต้กองทุนเพื่อการพัฒนาการเกษตร ธนาคารได้จัดทาโครงการสินเชื่อสาหรับเกษตรกรที่
เช่าที่ดินแปลงเล็กเพื่อให้สินเชื่อ 2 ประเภท คือ สินเชื่อเพื่อเช่าที่ดิน และสินเชื่อเพื่อดาเนินธุรกิจ
(2) ทางด้านการกระจายการถือครองที่ดิน
ธนาคารที่ดินแห่งฟิลิปปินส์ (LBP) มีวัตถุประสงค์หลักในการกระจายการถือครองที่ดินตาม
นโยบายการปฏิรูปที่ดินของรัฐบาล โดยให้ธนาคารที่ดินทาหน้าที่จัดซื้อที่ดินและสินทรัพย์การเกษตร เพื่อนามา
บริหารจัดการและขายต่อให้แก่เกษตรกรรายย่อยที่ถือครองที่ดินขนาดเล็ก และการซื้อที่ดินเกษตรกรรมที่ให้
เช่าเพื่อจัดสรรให้เกษตรกรเช่าหรือเช่าซื้อในราคาที่เหมาะสม
ธนาคารที่ดินการเกษตรของญี่ปุ่นเป็นกลไกสาคัญของรัฐบาลในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
และการผลิ ตในภาคเกษตรกรรม โดยแก้ไขปัญหาที่ดินการเกษตรขนาดเล็ ก กระจัดกระจายถื อครองโดย
เกษตรกรรายย่อยเป็นส่วนใหญ่ ให้มีการรวมกันผลิตในรูปแบบที่ดินแปลงใหญ่ เพื่อลดต้นทุนในการผลิตและ
เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์ในที่ดิ นอย่างเต็มศักยภาพ โดยรัฐบาลใช้ธนาคารเป็นตัวกลางระหว่าง
เจ้าของที่ดินที่ต้องการให้มีการเช่าที่ดินและผู้ที่ประสงค์จะเช่าที่ดินเพื่อทาการเกษตร
(3) ทางด้านการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
พบว่าเครือข่ายธนาคารที่ดินของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารที่ดิ นในระดับมลรัฐ
(ธนาคารที่ดินสหรัฐอเมริกาไม่ได้มีหนึ่งเดียว) ทั้งในระดับมลรัฐและระดับเทศมณฑลเป็นกลไกที่สาคัญในการ
ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งธนาคารที่ดินจะมีบทบาทและอานาจหน้าที่ในการสนับสนุนนโยบายการใช้
ประโยชน์ที่ดินของท้องถิ่นต่างๆ โดยให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนไปพร้อมกันด้วย
ธนาคารที่ดิน แห่ งไต้ห วัน (LBOT) มีโ ครงการสิ นเชื่อในกองทุนเพื่อ การพัฒ นาการเกษตร
คือโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาเกษตรกร ที่ช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อการผลิตพืชเศรษฐกิจ
การทาป่าไม้ ตลอดจนการเพาะเลี้ย งสั ตว์น้าและการทาปศุสั ตว์ การขยายธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและการ
กระจายสินค้าการเกษตร หรือการแปรสภาพผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร รวมถึงการลงทุนในการซื้ออุปกรณ์ใน
การทาการเกษตรและซื้อที่ดินเพื่อทาการเกษตร
ธนาคารที่ดินแห่งฟิลิปปินส์ (LBP) มีการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยอ้อมผ่านโครงการ
สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการเกษตร (Agricultural Credit Support Project: ACSP) รวมทั้งสินเชื่อเพื่อการผลิต
เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยและรายใหญ่
5