Professional Documents
Culture Documents
Huphadet,+Journal+Manager,+9.บทความ วิชาญ
Huphadet,+Journal+Manager,+9.บทความ วิชาญ
บทคัดย่อ
การวิจ ัย ในครัง้ นี้ มีว ัต ถุ ป ระสงค์ เ พื่อ พัฒ นาแบบฝึ ก เมโลเดีย นขัน้ พื้น ฐานส าหรับ นั ก เรีย นชัน้
มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ทัง้ นี้ เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึ ก
เมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน ตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิทางการเรี ์ ยน ก่อนและหลังการเรียน โดยการ
ใช้แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐาน และเพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียน ที่มตี ่อการเรียนโดยใช้แบบฝึ กเม
โลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน กลุ่มทดลองทีใ่ ช้ ในการศึกษาค้นคว้าครัง้ นี้ เป็ นนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้าน
ทานบ สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ภาคเรียนฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2552 จานวน 31 คน
เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ
อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ จานวน 10 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิทางการเรี ์ ยน เป็ นแบบปรนัยชนิด
เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 30 ข้อ และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึ กเม
โลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน เป็ นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ซึง่ มี 5 ระดับ จานวน 20 ข้อ ผลการศึกษา
พบว่า
แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่า
ตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 96.08 / 92.90 ซึง่ สูงกว่าเกณฑ์ 80 / 80 ทีต่ งั ้ ไว้
นักเรียนที่เรียนโดยการใช้แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐาน มีคะแนนทดสอบหลังการเรียน โดยการใช้
แบบฝึกเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐานทีส่ งู กว่าก่อนการเรียนโดยใช้แบบฝึกเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ
ทีร่ ะดับ .01
ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐาน มีค่าเท่ากับ 0.8565 แสดงว่า นักเรียน มีความรู้
เพิม่ ขึน้ หลังจากฝึ กด้วยแบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน ร้อยละ 85.65 ความพึงพอใจของนักเรียนทีม่ ตี ่อการเรียน
โดยใช้แบบฝึกเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน โดยรวมอยู่ในระดับมากทีส่ ดุ
Abstract
The purposes of the study on the development of the skill workbook for Basic Melodoen for
Mattayom 2 students in Bantanop School, Thatagow District, Nakhorn Sawan Province were to find out
effectiveness of the practice workbook by the standard criteria 80/80 was carried out, to compare the
learning achievement with the use of the practice workbook, and to evaluate the students’ attitude on the
practice workbook for Basic Melodoen. The sample was a group of 31 Mattayom 2 students taking the
course of Basic Melodeon at Bantanop School under the jurisdiction of Nakhorn Sawan Educational
Area, in summer of academic year 2009. The research instruments were 10 sets of workbook for Basic
Melodoen for Mattayom 2 students in Bantamnop School, Thatagow District, Nakhon Sawan Province,
the 4-choice multiple type of the 30-item achievement test, and the 5-scale and 20-item attitudinaire. The
results of study were as follows:
The effectiveness of the skill workbook for Mattayom 2 students in Bantamnop School,
Thatagow District, Nakhon Sawan Province was 96.08/92.90 higher than the standard criteria 80/80.
The students learning the Basic Melodeon with the use of the skill workbook gained significantly
higher score in the posttest at the significance level of .01.
The efficiency index of the skill workbook was 0.8565, so the students made 85.65 per cent
increase of their knowledge and skill after the practice with the skill workbook.
On average, the level of satisfaction on learning with the skill workbook was at a very high level.
ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา
ความเจริญ ของโลกยุ คโลกาภิว ัต น์ นัน้ มีค วามก้า วหน้ า ทางด้า นเทคโนโลยีแ ละการสื่อ สาร มีก าร
เปลีย่ นแปลงทีเ่ กิดขึน้ อย่างรวดเร็ว ด้วยผลอันเกิดจากความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่าง ๆ จึงจาเป็ นทีแ่ ต่ละ
ประเทศ ต้องมีการปรับกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้ทนั กับการเปลี่ยนแปลงทีเ่ กิดขึน้ อยู่ตลอดเวลาและพร้อมทีจ่ ะ
เผชิญกับความท้าทายของกระแสโลกอันไร้พรมแดน โดยปจั จัยสาคัญทีจ่ ะเผชิญกับการเปลีย่ นแปลงและความท้า
ทายดังกล่าว ได้แก่ คุณภาพของคน ดังนัน้ การศึกษามีบทบาทและหน้าทีส่ าคัญ ในการพัฒนาเด็กและเยาวชน
ให้มคี วามรูพ้ น้ื ฐานเพียงพอ รูจ้ กั คิด รูจ้ กั ใฝห่ าความรูป้ ระสบการณ์ดว้ ยตนเองรูจ้ กั พัฒนา มีทกั ษะในการเรียนรู้ มี
ค่านิยมทีด่ ี และมีการ ส่งเสริมความเป็ นเลิศความสามารถตามความถนัดของแต่ละบุคคลตามศักยภาพ ในการ
จัดการเรียน การสอนเพื่อให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรูอ้ ย่างมีประสิทธิภาพในการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทย นัน้ รัฐมี
นโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาแห่งชาติ ซึง่ ถือเป็ นกลไกสาคัญในการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาของประเทศ เพื่อสร้างคนไทยให้เป็ นคนดี คนเก่งมีปญั ญา มีความสุข ในการเรียนรู้ มีศกั ยภาพพร้อมที่
จะเข้าแข่งขันและร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในเวทีระดับโลก ดังนัน้ กระทรวงศึกษาธิการ โดยอาศัยอานาจตามความ
ในบทเฉพาะกาล มาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 จึงเห็นสมควรกาหนดให้มี
หลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544 มีมาตรฐานการเรียนรูแ้ ต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ช่วงชัน้ ละ 3 ปี
โดยให้สถานศึกษาจัดทาสาระในรายละเอียดเป็ นรายปี หรือรายภาค ให้สอดคล้องกับสภาพปญั หาในชุมชน สังคม
ภูมปิ ญั ญา ท้องถิน่ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็ นสมาชิกที่ดขี องครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
รวมถึงจัดให้สอดคล้อง กับความสามารถ ความถนัด ความสนใจ ของผูเ้ รียนแต่ละกลุ่มเป้าหมายโดยจัดกิจกรรม
วารสารสารสนเทศ ปี ท่ี 12 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2554 81
วัตถุประสงค์การวิ จยั
1. เพื่อเป็ นการพัฒนาแบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียน
บ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์
2. เพื่อตรวจสอบแบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้าน
ทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ โดย
2.1 ให้มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80
2.2 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิทางการเรี
์ ยนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยการใช้แบบ
ฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัด
นครสวรรค์
2.3 ศึกษาการพัฒนาทักษะด้านดนตรีของนักเรียน
2.4 ศึกษาความพึงพอใจในการใช้แบบฝึกเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษา
ปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์
สมมุติฐานการวิ จยั
1. แบบฝึกเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่า
ตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80
2. ผลสัมฤทธิทางการเรี
์ ยนของนักเรียนหลังเรียนด้วยการใช้แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐานสาหรับ
นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ สูงกว่าก่อนเรียน
3. นักเรียนมีทกั ษะด้านดนตรีเพิม่ ขึน้
วารสารสารสนเทศ ปี ท่ี 12 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2554 83
ขอบเขตการวิ จยั
1. ประชากรและกลุ่มทดลองในการวิจยั ได้แก่ นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ
สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ภาคเรียนฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2552 จานวน 31 คน
2. ตัวแปรทีใ่ ช้ในการรายงาน
2.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยม ศึกษาปี ท่ี 2
โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์
2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่
2.2.1 ดัช นี ป ระสิท ธิผ ลของแบบฝึ ก เมโลเดีย นขัน้ พื้น ฐาน สาหรับ นัก เรีย น ชัน้
มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์
2.2.2 ผลสัมฤทธิทางการเรี
์ ยน
2.2.3 ทักษะทางด้านดนตรี
2.2.4 ความพึงพอใจของนักเรียนจากการใช้แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐานสาหรับ
นักเรียน ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์
3. เนื้อหาแบบฝึกเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอ
ท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ จานวน 10 ชุด ประกอบด้วยเนื้อหาดังนี้
ชุดที่ 1 เรื่อง ลักษณะทัวไปของเมโลเดี
่ ยน
ชุดที่ 2 เรื่อง วิธจี บั เมโลเดียนและการฝึกไล่น้วิ
ชุดที่ 3 เรื่อง การฝึกไล่น้วิ ตามอัตราจังหวะโน้ตตัวดา
ชุดที่ 4 เรื่อง การฝึกไล่น้วิ ตามอัตราจังหวะโน้ตตัวขาว
ชุดที่ 5 เรื่อง การฝึกไล่น้วิ ตามอัตราจังหวะโน้ตตัวกลม
ชุดที่ 6 เรื่อง โน้ตสากลเบือ้ งต้น : บรรทัด 5 เส้น เส้นน้อย เส้นกัน้ ห้อง
ชุดที่ 7 เรื่อง โน้ตสากลเบือ้ งต้น : ตาแหน่ งเสียงบนบรรทัด 5 เส้น และเครื่องหมายกาหนด
จังหวะ
ชุดที่ 8 เรื่อง การเปา่ เมโลเดียนเสียงโด เร มี ฟา ซอล
ชุดที่ 9 เรื่อง การเปา่ เมโลเดียนเสียงซอล ลา ที โด เร
ชุดที่ 10 เรื่อง การเปา่ เมโลเดียนตามบทเพลงในบันไดเสียงซีเมเจอร์
4. ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ดาเนินการทดลองในภาคเรียนฤดูร้อน ปี การศึกษา 2552
ระหว่างวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553 ถึง วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 โดยใช้เวลา ในการทดลอง
สัปดาห์ละ 2 วัน ๆ ละ 1 ชัวโมง ่ รวม 10 วัน 10 ชัวโมง(ไม่
่ รวมทดสอบก่อนเรียน และทดสอบหลังเรียน)
สรุปผลการวิ จยั
1.แบบฝึกเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่า
ตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 6.08/92.90 ซึง่ สูงกว่าเกณฑ์ 80 / 80 ทีต่ งั ้ ไว้
วารสารสารสนเทศ ปี ท่ี 12 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2554 84
อภิ ปรายผล
1. จากการวิจยั พบว่า แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียน
บ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 96.08 / 92.90 หมายความว่า แบบ
ฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐานสาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก จังหวัด
นครสวรรค์ ทาให้นักเรียนเกิดทักษะเฉลีย่ ร้อยละ 96.08 และผูเ้ รียนมีความรูห้ ลังจากการฝึ กทักษะด้วยการ
ปฎิบตั แิ บบฝึกเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก
จังหวัดนครสวรรค์ เฉลีย่ ร้อยละ 92.90 ซึง่ มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ทต่ี งั ้ ไว้ และเป็ นไปตามสมมุติฐานข้อที่
1 การทีแ่ บบฝึกเมโลเดียน ขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่า
ตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ทีผ่ วู้ จิ ยั สร้างขึน้ มีประสิทธิภาพสูง อาจเนื่อง มาจากเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ
1.1 แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐาน สาหรับนักเรีย นชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ
อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ทีไ่ ด้สร้างขึน้ มีการจัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม กาหนดวัตถุประสงค์
สอดคล้องกับเนื้อหา นักเรียนเรียนรูไ้ ด้อย่างเป็ นขัน้ ตอน จากง่ายไปหายาก เป็ นการจัดกิจกรรมทีเ่ น้นฝึ กปฏิบตั ิ
และคานึงถึงวุฒภิ าวะของผูเ้ รียน เป็ นการสอนทีย่ ดึ เนื้อหาวิชาและผูเ้ รียนเป็ นหลัก
1.2 แบบฝึ ก เมโลเดีย นขัน้ พื้น ฐาน สาหรับ นักเรีย นชัน้ มัธ ยมศึก ษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้าน ท านบ
อาเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ที่ผวู้ จิ ยั สร้างขึน้ ได้ผ่านกระบวนการตามลาดับขัน้ ของการวิจยั กล่ าวคือ ได้
ผ่านการกลันกรองจากผู
่ เ้ ชีย่ วชาญทัง้ 3 ท่าน มีการทดลองใช้เครื่องมือกับนักเรียนทีเ่ ป็ นกลุ่มตัวอย่างทัง้ หมด 2
ครัง้ และนาผลทีไ่ ด้ มาปรับปรุง แก้ไข ก่อนทีจ่ ะนาไปทดลองจริงกับกลุ่มตัวอย่าง จากผลการวิจยั ครัง้ นี้ทาให้
ทราบว่า แบบฝึกทีผ่ วู้ จิ ยั สร้างขึน้ เน้นทีก่ ารฝึกทักษะโดยให้นกั เรียนได้ฝึกปฏิบตั จิ ริง เมื่อนักเรียนฝึกทักษะไม่ผ่าน
ในเรื่องใด ก็สามารถทาการสอนซ่อมเสริมเป็ นรายบุคคล เปิ ดโอกาสให้เด็กได้ทาซ้า ๆ ทาให้สามารถแก้ไข
ข้อบกพร่องของนักเรียนได้ทนั ท่วงที ซึ่งจะสอดคล้องกับระบบการสอนดนตรี ของซูซูกิ ทีใ่ ห้ เด็กเรียนรูโ้ ดยการ
เลียนแบบและทาซ้า ๆ การให้ทาแบบฝึกหัดหรือการฝึกซ้าจะทาให้เกิดทักษะ
1.3 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผูว้ จิ ยั ได้จดั กิจกรรมการเรียนรู้ โดยยึดผูเ้ รียนเป็ นสาคัญ คานึงถึง
พืน้ ฐานความแตกต่างระหว่างบุคคล จัดการเรียนรูโ้ ดยกระบวนการกลุ่ม ร่ว มมือกันเรียนรู้ มีการทางานเป็ น
กลุ่ ม นัก เรีย นได้ร ับ ประสบการณ์ ใ นการท างานเป็ น ทีม ขณะท าแบบฝึ ก เมโลเดีย นขัน้ พื้น ฐานในแต่ ละชุ ด
บรรยากาศในการเรียนรูจ้ ะไม่เครียด กิจกรรมการเรียนการสอนเริม่ จากง่าย ไปหายาก มีความต่อเนื่อง และ
ผูว้ จิ ยั ให้กาลังใจชมเชยนักเรียนทุกครัง้ ทีป่ ฏิบตั ไิ ด้ดี ทาให้นกั เรียนเกิดกาลังใจในการฝึ กฝน เกิดความสนุ กสนาน
เพลิดเพลิน ในการเรียนจนสามารถเล่นเครื่องดนตรีเมโลเดียนได้ดี
2. คะแนนผลสัมฤทธิทางการเรี
์ ยน กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ชิ าศิลปะ (ดนตรี) ของนักเรียนทีเ่ รียนด้วย
แบบฝึ กเมโลเดียนขัน้ พื้นฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่าตะโก
วารสารสารสนเทศ ปี ท่ี 12 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2554 85
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในการนาไปใช้
1.1 แบบฝึกเมโลเดียนขัน้ พืน้ ฐาน สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนบ้านทานบ อาเภอท่า
ตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ผูว้ จิ ยั สร้างขึน้ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 96.08 / 92.90 เป็ นเกณฑ์ประสิทธิภาพทีส่ งู พอทีจ่ ะ
นาไปใช้ในการสอนกลุ่มสาระการเรียนรูศ้ ลิ ปะ (ดนตรี) ได้
1.2 ผู้บริห าร บุค ลากรทางการศึกษา และผู้ท่เี กี่ยวข้องกับการจัด การศึกษา ควรให้การส่งเสริม
สนับสนุ นการสร้างสื่อและนวัตกรรมต่าง ๆ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและจัดให้มกี ารฝึ กอบรม สัมมนา
เผยแพร่ความรูต้ ่าง ๆ แก่ครูในการสร้างสือ่ การเรียนการสอน
2. ข้อเสนอแนะในการวิ จยั ครังต่ ้ อไป
2.1. ควรมีการวิจยั เพื่อพัฒนาแบบฝึกเมโลเดียนในระดับทีส่ งู ขึน้ ทัง้ ในส่วนของแบบฝึกและนักเรียนที่
ทาการศึกษา เพื่อพัฒนาแบบฝึกต่อไป
2.2. ควรมีการศึกษาหรือวิจยั ทักษะการปฏิบตั เิ ครื่องดนตรีพน้ื บ้านของไทย ผสมกับวงดนตรีสากล
เพื่อสร้างความหลากหลายในการเรียนรู้
วารสารสารสนเทศ ปี ท่ี 12 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2554 86
บรรณานุกรม