You are on page 1of 6

w w w. s a f e t y l i f e t h a i l a n d .

c o m

  ⌫                

ความต้องการฝึกอบรม (Training Needs)


เมือ่ การปฏิบตั งิ านของพนักงานมีขอ้ ขัดข้อง เกิด
ปัญหา ขาดความรูค้ วามเข้าใจ และไม่มที ศั นคติ
ทีถ่ กู ต้อง จึงจำเป็นต้องแก้ไขด้วยการให้ความรู้
ในลักษณะของการฝึกอบรม
สัญญาณทีเ่ ป็นตัวบ่งชีว้ า่ มีความจำเป็น
ต้องฝึกอบรม คือ
z มีอบุ ตั เิ หตุเกิดการบาดเจ็บ พนักงาน
ลาหยุดงานบ่อย
การฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงาน อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน z งานทำไม่เสร็จตามกำหนด
(Safety Training) หมายถึง กระบวนการจัดการ พ ศ 2549 หมวด 1 ข้อ 3 กำหนดให้นายจ้าง z ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานคุณภาพ
เรียนรูห้ รือกิจกรรมเกีย่ วกับความปลอดภัยในการ ต้องจัดให้มกี ารอบรมให้ลกู จ้างสามารถทำงาน z เครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิตเสีย
ทำงานอย่างเป็นระบบ ทัง้ นี้ เพือ่ ให้พนักงานหรือ ได้อย่างถูกต้องปลอดภัย บ่อยมาก ขาดการดูแลและซ่อมบำรุง มีการหยุด
บุคลากรในองค์กรเกิดการเรียนรู้หรือเพิ่มพูน ความจำเป็นในการฝึกอบรมด้านความ ซ่อมเป็นประจำ
ความรู้ (Knowledge) สร้างเสริมทักษะ (Skill) และ ปลอดภัยฃ z การปฏิบัติงานของพนักงานเฉื่อยชา
ทัศนคติ (Attitude) ทีถ่ กู ต้องเหมาะสมอันจะนำไป วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงาน ขาดขวัญและกำลังใจในการทำงาน ขาดระเบียบ
สูก่ ารเปลีย่ นแปลงพฤติกรรม (Practice) ทำให้เกิด ได้รบั การบาดเจ็บ สูญเสียชีวติ จากอุบตั เิ หตุหรือ วินยั อัตราการลาออกสูง
ความปลอดภัยในการทำงาน รวมทัง้ สามารถ เกิดความเจ็บป่วยจากโรคจากการประกอบอาชีพ การวิเคราะห์หาความจำเป็นหรือความ
ดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ปลอดภัยจากการ และมีความจำเป็นประเด็นอืน่ ดังนี้ ต้องการฝึกอบรมสามารถดำเนินการได้โดย
ทำงานได้ โดยมีเหตุผลสำคัญสอดคล้องกัน คือ 1. ลดต้นทุนการผลิตและเพิม่ ประสิทธิ- วิธกี ารดังต่อไปนี้
1. ทรัพยากรบุคคลหรือบุคลากรเป็นสิง่ ภาพของงาน เมือ่ พนักงานได้รบั การอบรมจนมี 1. การสังเกต (Observation) เป็นการเฝ้า
มีคณ ุ ค่าสำหรับองค์กร การป้องกันไม่ให้สญ ู เสีย ความรู้ อุบตั เิ หตุจากการทำงานย่อมลดลง การ ดูการทำงานเพือ่ ให้รบั รูข้ อ้ มูลสำคัญ เช่น ตัวบ่งชี้
บุคลากรเป็นสิง่ สำคัญ เพราะอุบตั เิ หตุสว่ นใหญ่ สูญเสียค่าใช้จา่ ยการรักษาพยาบาล ทรัพย์สนิ หรือสัญญาณต่างๆ เช่น มีอบุ ตั เิ หตุเกิดขึน้
เกิดจากสภาพการณ์ทไ่ี ม่ปลอดภัย การกระทำ เสียหายหรือเวลาทำงานทีส่ ญ ู เสียไปย่อมลดลง 2. การสัมภาษณ์ (Interviewing) เป็นการ
ทีไ่ ม่ปลอดภัย โดยใช้หลัก 3 E : Engineering ด้วย นัน่ คือ ต้นทุนการผลิตจะลดลงโดยปริยาย สอบถามด้วยวาจากับพนักงานหรือผู้เกี่ยวข้อง
Education Enforcement นัน่ คือ การใช้วธิ ที าง 2. สร้างขวัญและกำลังใจแก่พนักงานและ เกีย่ วกับสภาพการทำงาน ลักษณะของงาน ฯลฯ
วิศวกรรม การให้ความรู้ และการกำหนดระเบียบ ลดอัตราการลาออกของพนักงาน การฝึกอบรม 3. ใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็น
ปฏิบตั หิ รือกฎข้อบังคับ ความปลอดภัยในการทำงานจะทำให้พนักงาน การส่งแบบสอบถามให้พนักงานตอบกลับโดย
2. ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย อาทิ มีความมัน่ ใจและพึงพอใจในการปฏิบตั งิ าน มี ไม่ต้องระบุชื่อหรือหมายเลขประจำตัว
เช่น กฎกระทรวงแรงงานกำหนดมาตรฐานใน ขวัญและกำลังใจดี ส่งผลให้การลาออกลดลง ซึง่ 4. การสำรวจ (Survey) เป็นการเดิน
การบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของงานได้ สำรวจตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติบา้ ง โดยอาจ
จะทำการสัมภาษณ์พนักงานไปด้วยก็ได้
5. การทดสอบ (Testing) อาจเป็นการ
ทดสอบการทำงานและความรูค้ วามเข้าใจเกีย่ ว
กับความปลอดภัยในการทำงาน
สถานการณ์ที่ควรจะจัดการฝึกอบรม
ความปลอดภัยในการทำงาน
1. รับผูป้ ฏิบตั งิ านเข้ามาใหม่
2. เกิดอุบตั เิ หตุและการบาดเจ็บในสถาน
ประกอบการ
3. ผู้ปฏิบัติงานโยกย้าย เปลี่ยนแปลง
ตำแหน่งหน้าทีก่ ารงาน
4. มีการปรับปรุงกฎระเบียบ เทคนิค วิธี
การทำงานใหม่
5. มีการเปลีย่ นแปลงกระบวนการผลิต
ติดตัง้ เครือ่ งจักรใหม่
6. พนักงานขาดทักษะในการปฏิบตั งิ าน
อย่างปลอดภัย
ประเภทการฝึกอบรมความปลอดภัยฯ
1. ชนิดของแหล่งการฝึกอบรม แบ่งเป็น
ment Skill Training)
4. ระดับชัน้ ของพนักงาน คือ ระดับการ
ปฏิบัติหน้าที่การทำงาน ความรับผิดชอบของ
พนักงานทีเ่ ข้ารับการฝึกอบรม แบ่งเป็น
z ระดับผูบ ้ ริหารชัน้ สูง (Executive Training)
เนือ้ หาเฉพาะผูบ้ ริหารระดับสูง เช่น การพัฒนา
องค์กร การวางแผนเชิงกลยุทธ์และการตัดสินใจ
การบริหารจัดการระดับสูง เป็นต้น
z ระดับผูจ ้ ดั การ (Managerial Training)
ฝึกอบรมในระดับรองลงมา ได้แก่ผบู้ ริหารระดับ
ผูจ้ ดั การ เนือ้ หาเกีย่ วกับการจัดการทรัพยากร
มนุษย์หรือองค์การและการจัดการ
2 ประเภท ได้แก่ Training) คือ พนักงานต้องหยุดงานเพือ่ เข้าร่วม z ระดับหัวหน้างาน (Supervisor Training)
z การจัดการฝึกอบรมในองค์กร หรือใน การฝึกปฏิบตั งิ านทีอ่ ยูภ่ ายนอกโรงงาน ตัวอย่าง ฝึกอบรมการบริหารระดับพื้นฐาน กฎหมาย
โรงงานเอง (In House Training) เช่น การฝึกอบรมหลักสูตรหม้อไอน้ำ และกฎระเบียบต่างๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง
z การส่งพนักงานไปฝึกอบรมกับหน่วย 3. ความชำนาญที่ต้องการให้เกิดขึ้น z ระดับพนักงาน (Employee Training)
งานอืน่ ภายนอกโรงงาน (Outside Training) หมายถึง สิง่ ทีต่ อ้ งการให้เกิดขึน้ ในตัวพนักงาน หลักสูตรเน้นการปฎิบตั งิ านด้วยความปลอดภัย
2. ช่วงเวลาการฝึกอบรม : เป็นการฝึก หลังจากการฝึกอบรมผ่านพ้นไปแล้ว กับเครือ่ งจักร การบำรุงรักษาเครือ่ งจักร การขับ
อบรมขณะกำลังปฏิบตั งิ านอยู่ หรือหยุดพักการ 3.1 ทักษะด้านเทคนิควิธกี าร (Technical รถฟอร์กลิฟต์ 5ส เป็นต้น
ปฏิบตั งิ านชัว่ คราวเพือ่ เข้ารับการฝึกอบรม Skill Training) การฝึกอบรมทีต่ อ้ งการเน้นทาง หลักการเรียนรูเ้ ทคนิควิธกี ารฝึกอบรม
z การฝึกอบรมขณะทำงาน (On-the- ด้านการพัฒนาทักษะทีเ่ กีย่ วข้องโดยตรงกับการ ความปลอดภัยในการทำงาน
Job Training) คือ ให้ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมได้ฝกึ ปฏิบตั งิ านของพนักงานโดยเฉพาะ เช่น หลักสูตร วิทยากรพึงระลึกไว้เสมอว่า ปัจจัยสำคัญ
อบรมลงมือปฏิบตั งิ านจริงตามทีไ่ ด้รบั มอบหมาย การจัดทำมาตรฐานความปลอดภัย หลักสูตร ที่จะทำให้การฝึกอบรมความปลอดภัยในการ
ให้ปฏิบัติ โดยมีผู้ให้การอบรมเป็นพี่เลี้ยงคอย คณะกรรมการความปลอดภัย เป็นต้น ทำงานประสบผลสำเร็จ ประกอบด้วย
ดูแลแนะนำ ตัวอย่างเช่น การฝึกอบรมปฏิบตั ิ 3.2 ทักษะด้านมนุษย์สมั พันธ์ (Human 1. ผูร้ บั การฝึกอบรมต้องมีความพร้อมที่
งานกับเครือ่ งจักร Relationship Skill Training) จะอบรม โดยจะต้องมีการชีแ้ จงความสำคัญให้
z การฝึกอบรมนอกงาน (Off-the-job 3.3 ทักษะด้านบริหารจัดการ (Manage- พนักงานเกิดความสนใจและพร้อมจะอบรม
งาน (On the Job Training) ตามขัน้ ตอนดังนี้
2.1 สำรวจฝ่าย/แผนกทีเ่ กีย่ วข้องกับการ
ฝึกอบรม แล้วรวบรวมเนือ้ หาในการทำงานของ
ฝ่าย/แผนกนัน้ มาจัดทำรายการทักษะ (ความ
ชำนาญ) ด้านความปลอดภัยของพนักงาน
2.3 จัดทำรายการฝึกของพนักงานแต่ละ
ฝ่าย/แผนก กำหนดว่าใครจะฝึกฝ่ายไหน จำนวน
เท่าไหร่ ช่วงระยะเวลาเท่าใด เพือ่ เป็นแนวทาง
ปฏิบตั กิ ารฝึกอบรมของหน่วยงาน
2.3 จัดทำคู่มือการฝึกอบรมในงาน มี
รายละเอียดขั้นตอนการทำงานอย่างปลอดภัย

2. ผูร้ บั การฝึกอบรมจะเรียนรูไ้ ด้งา่ ยขึน้


เมื่อสิ่งที่ฝึกอบรมนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับงาน
ทีป่ ฏิบตั เิ ป็นประจำ เช่น เปลีย่ นวิธกี ารทำงาน
จากการใช้แรงงานที่ทำแต่เดิมมาเป็นการควบ
คุมไฟฟ้าอัตโนมัติ
3. ผูร้ บั การฝึกอบรมจะเรียนรูไ้ ด้ดที ส่ี ดุ
เมื่อได้รับการฝึกอบรมเป็นขั้นตอนตามลำดับ
(Step by Step) เช่น การฝึกอบรมการใช้เครือ่ ง
มืออย่างปลอดภัย ขัน้ ตอนแรกคือ การประกอบ
เครือ่ งมือ ขัน้ ตอนต่อๆ ไป เป็นการใช้เครือ่ งมือ
และการจัดเก็บอย่างถูกต้อง
4. หลักการสำคัญทีส่ ดุ ในการฝึกอบรม อาจพยักหน้า หรือใช้คำพูดง่ายๆ เช่น ทำดีแล้ว เน้นทักษะความชำนาญตามที่ได้สำรวจไว้แล้ว
คือ ให้ผู้รับการฝึกอบรมเรียนรู้โดยการลงมือ ถูกต้อง ใช้ได้ หรือทำรายงานความก้าวหน้า 2.4 กำหนดผู้ดูแลทำหน้าที่ฝึกอบรม
ปฏิบตั ิ เช่น การฝึกอบรมการขับขีร่ ถฟอร์กลิฟต์ เทคนิควิธกี ารฝึกอบรม พนักงานหรือพีเ่ ลีย้ ง อาจจะเป็นพนักงานเก่าที่
อย่างปลอดภัย หลังจากเรียนทฤษฎีแล้ว ต้องให้ 1. การฝึกอบรมเป็นรายบุคคลมุ่งเน้น มีทกั ษะความชำนาญงานอย่างดี
พนักงานทดลองขับด้วยจะเกิดความรูอ้ ย่างลึกซึง้ ความรูด้ า้ นความปลอดภัยในการทำงาน 2.5 ดำเนินการฝึกอบรมตามแผนปฏิบตั ิ
5. หากผู้รับการฝึกอบรมได้มีโอกาสใช้ 1.1 โปรแกรมการฝึกอบรมด้วยตัวเอง การ โดยมีพเ่ี ลีย้ งคอยกำกับดูแลให้คำแนะนำใน
สิง่ ทีเ่ รียนมาจะทำให้จดจำ เกิดความเข้าใจอย่าง ทางด้านความปลอดภัย (Safety programmed การปรับปรุงแก้ไข
ถ่องแท้ มีความชำนาญและเกิดทักษะ แต่หาก Instruction) เป็นแบบเรียนด้วยตัวเองทางด้าน 2.5 สรุปผลการอบรมโดยวิทยากรหรือ
เรียนรู้มาแล้วไม่ได้ใช้ก็จะลืม ความปลอดภัย ผูร้ บั การฝึกอบรมต้องศึกษาเนือ้ พีเ่ ลีย้ ง แล้วรายงานผลให้ผบู้ ริหารรับทราบ
6. การประสบผลสำเร็จจากการฝึกอบรม หาตามลำดับ เช่น ชุดการเรียนการสอนด้าน 3. เทคนิควิธกี ารฝึกอบรมมุง่ เน้นความ
จะกระตุน้ ให้ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมเกิดการอยาก ความปลอดภัย ทำกิจกรรมแบบประเมินผลตน รูแ้ ละการเรียนรูด้ า้ นความปลอดภัยสำหรับกลุม่
เรียนรูส้ ง่ิ ใหม่ๆ เกิดขึน้ อีก เช่น ขับรถฟอร์กลิฟต์ เองก่อนเรียนและหลังเรียน พนักงาน
ได้อย่างดีได้รับคำชมหรือประกาศเกียรติคุณ 1.2 การสอนโดยคอมพิ ว เตอร์ ห รื อ 3.1 การบรรยาย (Lecture) คือการพูด
เน้นแรงจูงใจ จะทำให้พนักงานผู้นี้สนใจที่จะ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer-Assisted บรรยายสาระความรู้ต่างๆ โดยวิทยากร เป็น
เรียนรูส้ ง่ิ ใหม่ๆ ขึน้ อีก Instruction: CAI) คือการเรียนรู้กับโปรแกรม การถ่ายทอดความรูห้ รือประสบการณ์ใหม่ๆ ไป
7. ผู้รับการฝึกอบรมต้องการป้อนกลับ คอมพิวเตอร์ทไ่ี ด้จดั ทำไว้ สูผ่ ฟู้ งั จำนวนมาก วิทยากรจึงต้องเตรียมเนือ้ หา
ในสิ่งที่เรียนรู้ วิทยากรควรสะท้อนป้อนกลับ 2. เทคนิคการฝึกอบรมเป็นรายบุคคลมุง่ บรรยายและสือ่ ทีใ่ ช้ประกอบเพือ่ ทำให้ผฟู้ งั เกิด
(Feed Back) สิง่ ทีผ่ เู้ ข้ารับการอบรมเรียนรูไ้ ป เน้นทางด้านทัศนคติ ทักษะและความสามารถ ความเข้าใจและสนใจต่อหัวข้อบรรยาย
แล้วว่าเป็นอย่างไร ผ่าน-ไม่ผา่ น ใช้ได้-ใช้ไม่ได้ ทางด้านความปลอดภัยซึง่ เป็นการฝึกอบรมใน 3.2 การอภิปรายหมู่ (Panel Discussion)
หรือการอภิปรายเป็นคณะวิทยากรผูท้ รงคุณวุฒิ
หรือผูเ้ ชีย่ วชาญ 3-5 คน มีผดู้ ำเนินรายการจัด
ให้วทิ ยากรสลับกันพูด อย่างน้อยคนละ 2 รอบ
3.3 การระดมสมอง (Brain Storming)
หรือการอภิปรายกลุม่ (Group Discussion) แบ่ง
กลุม่ ผูเ้ ข้ารับการอบรมกลุม่ ละ 4-12 คน ให้
สมาชิกทุกคนได้แสดงความคิดเห็นแลกเปลีย่ น
ประสบการณ์อย่างเสรี โดยไม่ตดั สินว่าใครถูก
ใครผิด แล้วนำข้อคิดเห็นทัง้ หมดไปหาผลสรุป
ของการประชุม
3.4 ทัศนศึกษา (Field Trip) เป็นการนำ
พนักงานไปเยีย่ มชมอีกโรงงานหนึง่ เพือ่ นำความ
รูแ้ ละประสบการณ์มาพัฒนาปรับปรุงงานความ
ปลอดภัยในองค์กรของตนเอง
4. เทคนิควิธกี ารฝึกอบรมมุง่ เน้นทัศนคติ
ทางด้านความปลอดภัย รวมทัง้ มุง่ เน้นทักษะ ด้านความปลอดภัยอย่างไร มีอบุ ตั เิ หตุจากการ เพือ่ ให้เกิดการเรียนรู้ เช่น การบรรยายสาธิต
และความสามารถด้านความปลอดภัยสำหรับ ทำงานเกิดขึน้ มากน้อยแค่ไหน การระดมสมอง
กลุม่ พนักงาน 4.4 บทบาทสมมุติ (Role Playing) เป็นการ 3. ผลลัพธ์ (Output) สิ่งที่คาดหวังคือ
4.1 การสาธิต (Demonstration) คือการ กำหนดให้ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมแสดงบทบาทตาม พนักงาน มีความรูท้ ศั นคติทถ่ี กู ต้อง ปฏิบตั งิ าน
แสดงให้พนักงานผูเ้ ข้ารับการอบรมได้เห็นจริง ทีไ่ ด้รบั มอบหมายในสถานการณ์ใดสถานการณ์ ที่ปลอดภัย
โดยวิทยากรหรือผูม้ ปี ระสบการณ์ พร้อมกับการ หนึง่ เช่น เกิดอุบตั เิ หตุในโรงงาน คนงานบาดเจ็บ 4. การป้อนกลับ (Feed Back) การประเมิน
ให้พนักงานปฏิบตั ติ ามการสาธิตซึง่ วิทยากรจะ ต้องหยุดงาน กำหนดให้ผเู้ ข้ารับการอบรมเป็น ปรับปรุงแก้ไข และนำเข้ากระบวนการใหม่
คอยกำกับดูแลและให้คำแนะนำ หัวหน้างานแผนกต่างๆ ร่วมกันอภิปราย วิเคราะห์ ขั้นตอนการวางแผนจัดการฝึกอบรม
4.2 การประชุมเชิงปฏิบตั กิ าร (Work- สาเหตุ สรุปแนวทางแก้ไข ฯลฯ ด้านความปลอดภัย มี 5 ขัน้ ตอน
shop) เป็นเทคนิคที่เน้นประสบการณ์ในการ การวางแผนจั ด การฝึ ก อบรมความ 1. การวิเคราะห์ความต้องการการฝึก
ปฏิบตั งิ านจริง เพือ่ ให้ผเู้ ข้าอบรมมีความรูแ้ ละ ปลอดภัยในการทำงาน อบรมด้านความปลอดภัย
ทักษะมากขึน้ โดยจะเน้นหนักการนำไปใช้งาน การฝึกอบรมความปลอดภัยทีเ่ ป็นระบบ 2. การกำหนดวัตถุประสงค์ของการอบรม
มากกว่าการพูดคุยหรือสัมมนา ตัวอย่างเช่น การ การจัดการจะต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญทัง้ 4 3. การออกแบบโครงการฝึกอบรม
ประชุมเชิงปฏิบัติการตรวจความปลอดภัยใน ด้าน ดังต่อไปนี้ z กำหนดพฤติกรรมผู้เข้ารับการฝึกอบรม
สถานประกอบการ 1. ปัจจัยนำเข้า (Input) พนักงานในระดับ ทีต่ อ้ งการเปลีย่ นแปลง
4.3 สถานการณ์จำลอง (Simulation) เป็น ต่างๆ หรือโรงงานทีต่ อ้ งการฝึกอบรม z กำหนดหัวข้อวิชาการต่างๆ ลงในหลักสูตร
การให้ผู้เข้ารับการอบรมได้เห็นสภาพของจริง 2. ปัจจัยของกระบวนการ (Process) z จัดทำหลักสูตร
เช่น ภายในสถานที่ทำงานมีสภาพแวดล้อม ได้แก่ เทคนิควิธีการฝึกอบรมทุกวิธีที่นำมาใช้ z ทำการประเมิน ปรับปรุงหลักสูตรอบรม
3. ผู้ปฏิบัติงานละเลยไม่สนใจสวมใส่
อุปกรณ์คมุ้ ครองความปลอดภัยส่วนบุคคล
4. มีของเสียที่เป็นมลพิษหรือของเสีย
อันตรายรัว่ ไหลจากกระบวนการผลิตของโรงงาน
5. มีเหตุรอ้ งเรียนต่างๆ จากชุมชนหรือ
องค์กรเกีย่ วกับกระบวนการผลิตของโรงงาน
ความสำคัญของการประชาสัมพันธ์
และการรณรงค์ความปลอดภัยในการทำงาน
z ทำให้เกิดการพัฒนาพฤติกรรมที่ถูก
ต้องในการทำงานด้วยความปลอดภัย
z เกิดความเข้าใจทีต ่ รงกันในเรือ่ งความ
ปลอดภัย
z ทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการดำเนิน
งานด้านความปลอดภัย
z ทำให้ เ กิ ด ความสนใจในการทำงาน
ด้านความปลอดภัยคงอยูต่ ลอดไป
z เกิ ด ขวั ญ และกำลั ง ใจในการทำงาน
4. การเตรียมการและการดำเนินการ และเป็นชือ่ เสียงของโรงงาน
การฝึกอบรม สื่อและบทบาทของสื่อในการประชา
5. การประเมินผลและสรุปรายงาน สัมพันธ์และการรณรงค์ความปลอดภัยใน
การประชาสัมพันธ์และรณรงค์ความ การทำงาน
ปลอดภัยในการทำงาน 1. บทบาทต่อพนักงานในโรงงาน
การประชาสัมพันธ์และรณรงค์ความปลอด z ทำให้พนักงานทุกคนได้รบ ั รูข้ า่ วสาร
ภัยในการทำงาน หมายถึง กระบวนการติดต่อ z ทำให้สามารถปฏิบต ั งิ านได้ดว้ ยความ
สือ่ สารเพือ่ ส่งเสริมความเข้าใจอันถูกต้องต่อกัน ปลอดภัย
เกีย่ วกับงานทางด้านความปลอดภัย และมีการ 2. บทบาทต่อโรงงาน (สถานประกอบการ)
โฆษณาชักจูงอย่างต่อเนือ่ งในงานดังกล่าว โดยมี z เป็ น แหล่ ง วิ ท ยาการและข้ อ มู ล ข่ า ว
เจตนาจะต่อสูเ้ พือ่ ให้บรรลุเป้าหมายการทำงาน สารต่างๆ เพราะสือ่ เป็นแหล่งรวมความรู้ ทัง้ สือ่
ทางด้านความปลอดภัย ทัง้ นี้ จะเป็นการสือ่ สาร บุคคลและเอกสาร
ทีม่ ลี กั ษณะสำคัญ ได้แก่ z เป็นตัวกระตุ้นเตือนและตัวเร่งทำให้
1. เป็นการสื่อสารที่ต้องการโน้มน้าว มีการรายงานข้อมูลผลดำเนินงานการรณรงค์
ความคิดเห็นของพนักงานที่เป็นจริง คือเมื่อ สถิตอิ บุ ตั เิ หตุ และแจ้งข่าวด่วน
ดำเนินการไปแล้วก่อให้เกิดความปลอดภัยใน z เป็นการชักจูงโน้มน้าวและสร้างความ
การทำงานได้จริง การประชาสัมพันธ์ การสือ่ สาร และการรณรงค์ เข้าใจอันดีระหว่างบุคลากร ทำให้เกิดทัศนคติ
2. เป็นการสื่อสารสองทาง (Two Way ศิลป์คอื หลักจิตวิทยาบุคล จิตวิทยาสังคม และ พฤติกรรมทีถ่ กู ต้องในการปฏิบตั งิ านด้วยความ
Communication) ผูป้ ระชาสัมพันธ์และผูร้ บั สาร มวลชนสัมพันธ์ ฯลฯ ปลอดภัย
สามารถป้อนกลับได้ตลอดเวลา ทำให้เกิดความ ตัวบ่งชี้/สิ่งบอกเหตุว่าจะต้องดำเนิน z ทำให้โรงงานหรือสถานประกอบการ
เข้าใจระหว่างกันได้เป็นอย่างดี การประชาสัมพันธ์และรณรงค์ความปลอด เกิดภาพลักษณ์ทด่ี ี เนือ่ งจากมีสอ่ื คุณภาพซึง่ ให้
3. เป็นการดำเนินงานทีจ่ ะต้องมีการวาง ภัยในการทำงาน ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง พนักงานเกิดความรัก
แผนและประเมินผลเพือ่ ให้บรรลุตามเป้าหมาย 1. อัตราอุบตั เิ หตุ การบาดเจ็บ โรคจาก และผูกพันกับโรงงาน
หรือวัตถุประสงค์ทต่ี ง้ั ไว้ การทำงานเพิม่ มากขึน้ รวมทัง้ เหตุการณ์เกือบ 3. บทบาทต่อชุมชนหรือสังคมรอบโรง
4. เป็นการดำเนินงานอย่างต่อเนือ่ งสม่ำ เกิดอุบตั เิ หตุ (Near miss) ต่างๆ งาน เนื่องจากผลผลิตและของเสียที่ออกจาก
เสมอ ทำให้เกิดความเข้าใจ ความศรัทธา เกิด 2. เกิดสภาพการณ์ต่างๆ ที่ก่อให้เกิด โรงงานอาจกระทบกับชุมชนและสิง่ แวดล้อม
ค่านิยม เกิดความร่วมมือกับทุกฝ่ายทีเ่ กีย่ วข้อง อุบตั เิ หตุหรืออันตรายจากการทำงาน อาทิเช่น z ให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างความ
5. การประชาสัมพันธ์และการรณรงค์ เครือ่ งจักรไม่มอี ปุ กรณ์ปอ้ งกันอันตราย สถานที่ สัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้านหรือชุมชนเพื่อให้รับรู้
เป็นทัง้ ศาสตร์และศิลป์ ศาสตร์คอื หลักทฤษฎี ทำงานสภาพแวดล้อมไม่ปลอดภัย และเข้าใจว่าโรงงานมีการกำจัดของเสียก่อนนำ
ออกสูภ่ ายนอก เช่น การบำบัดน้ำเสีย z เอกสารเย็บเล่ม (Booklet) เอกสาร สือ่ ใช้รณรงค์และประชาสัมพันธ์งานด้านความ
z สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนโดย หลายหน้าทีน่ ำมาเย็บเล่มรวมกัน ส่วนใหญ่จะ ปลอดภัย ทัง้ ทีเ่ ป็นภาพนิง่ และภาพเคลือ่ นไหว
ใช้สอ่ื ต่างๆ ในภาวะปกติเพือ่ ให้ชมุ ชนเกิดความ เป็นปกอ่อน และมีเสียง ดังต่อไปนี้
นิยมศรัทธา และพร้อมทีจ่ ะรับฟังข้อมูลข่าวสาร z จดหมายข่าว (New Letter) สิง่ พิมพ์ทม ่ี ี z แผ่นภาพโปร่งใส ภาพนิ่งใช้ร่วมกับ
ต่างๆ จากโรงงาน เช่น เปิดประตูบา้ นให้ชมุ ชน กำหนดออกเผยแพร่แน่นอน เช่น ทุกสัปดาห์ เครือ่ งฉายภาพข้ามศีรษะ
เข้าเยีย่ มชมโรงงาน (Open House) ทุกเดือน ฯลฯ z เสียงตามสาย
ประเภทของสื ่ อ ที ่ ใ ช้ ใ นการประชา z โปสเตอร์ (Poster) แผ่นป้ายประกาศ z สื่ออิเลคทรอนิคส์ ได้แก่ เทปเสียง
สัมพันธ์และการรณรงค์ความปลอดภัยใน ขนาดใหญ่ใช้แจ้งข่าวสาร ข้อมูล กิจกรรมต่างๆ เทปภาพ แผ่นซีดี แผ่นดีวดี ี ธัมไดรพ์
การทำงาน z วารสาร (Journal) สิ่งพิมพ์ที่หน่วย การดำเนินการประชาสัมพันธ์และรณรงค์
1. สือ่ บุคคล เป็นสือ่ ทีใ่ ช้ประชาสัมพันธ์ งานผลิตขึน้ เองเพือ่ ประชาสัมพันธ์กจิ กรรมทีไ่ ด้ ความปลอดภัยในการทำงานจำเป็นต้องมีการ
ได้ดที ส่ี ดุ เพราะสามารถพูด อธิบาย และติดต่อ จัดทำไปแล้ว มีกำหนดออกเผยแพร่แน่นอนทุก จัดทำโครงการเพือ่ เสนอผูบ้ ริหารซึง่ ประกอบด้วย
สื่อสารระหว่างผู้ส่งและผู้รับสารได้อย่างคล่อง 1-3 เดือน ขัน้ ตอนต่างๆ คือ
ตัวโดยใช้ทั้งวัจนภาษา (ภาษาที่เปล่งออกมา z สือ่ สิง่ พิมพ์อน่ื ๆ เช่น สติเกอร์ รูปลอก 1. การวิเคราะห์สถานการณ์
เป็นถ้อยคำ) และอวัจนภาษา (ภาษาที่ไม่ได้ เข็มกลัด นามบัตร สิง่ พิมพ์ตดิ บอลลูน ลูกโป่ง ฯลฯ 2. การกำหนดวัตถุประสงค์
เปล่งออกมาเป็นถ้อยคำ) 3. สือ่ กิจกรรม 3. การกำหนดกลุม่ เป้าหมาย
1.1 การบรรยาย มี ว ิ ท ยากรทำการ z จัดงานวันสำคัญหรือสัปดาห์สำคัญ 4. การกำหนดวิธีการดำเนินงาน หรือ
บรรยาย 1 คน มีผรู้ บั ฟังตัง้ แต่ 20 คน ขึน้ ไป z การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน การ กิจกรรมการดำเนินงาน
1.2 การอภิปราย จะแตกต่างจากการ อุปถัมภ์ ทำบุญทอดกฐิน ให้ทนุ การศึกษา ฯลฯ 5. ทรัพยากรและทรัพยากรทีต่ อ้ งใช้
บรรยายคือ มีวทิ ยากรทำการบรรยาย 3-5 คน z การจัดทัศนศึกษา เช่น ให้พนักงานได้ 6. การควบคุมกำกับงานและการประเมิน
โดยมีผดู้ ำเนินการอภิปราย 1 คน หาความรู้เยี่ยมชมโรงงานอื่นๆ ผลโครงการ ควบคุมโดยใช้แผนผังควบคุมกำกับ
1.3 การสัมมนา ใช้สอ่ื บุคคลทีม่ อี าชีพ 4. สือ่ ทีเ่ ป็นภาพและเสียงทีส่ ำคัญ ได้แก่ งาน (Gantt Chart) หรือบาร์ชาร์ท (Bar Chart)
เดียวกัน มีความสนใจหรือชำนาญเรือ่ งเดียวกัน
มาประชุมร่วมกันเพือ่ แลกเปลีย่ นประสบการณ์
หรือกำหนดแนวทางในการปฏิบตั งิ านใหม่ตอ่ ไป
1.4 การพูดในทีส่ าธารณะ เป็นการใช้สอ่ื
บุคคลพูดคุยในที่ชุมชนหรือที่สาธารณะ เพื่อ
สร้างความเข้าใจและเป็นการประชาสัมพันธ์
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เป็นการสื่อสารด้วยตัว
หนังสือประกอบรูปภาพต่างๆ เพือ่ ให้เกิดความ
เข้าใจในกิจกรรมที่เกี่ยวกับความปลอดภัยใน
สถานประกอบการ มีหลายชนิดด้วยกัน ได้แก่
z แผ่นปลิว (Leaflet) หรือใบปลิว มี
ลักษณะเป็นแผ่นกระดาษแผ่นเดียว
z แผ่ น พั บ (Brochure) ลั ก ษณะเป็ น
กระดาษแผ่นเดียว พับเป็นส่วนๆ 3-4 ส่วน แผนผังควบคุมกำกับงาน (Gantt Chart) หรือบาร์ชาร์ท (Bar Chart)

You might also like