Professional Documents
Culture Documents
1670 1672
1670 1672
“เฝนเต้าฉี! เจ้า…..เจ้าสุนข
ั เลียงเสียข้าวสุก!”
พริบตาทีเฝนเต้าฉีคก
ุ เข่าคํานับยอมสวามิภักดิต่อฉืออู่เหยา ดวงวิญญาณของยอดยุทธ์ผลาญ
จันทร์ทังหมดเปนต้อง สันคลอนพังทลาย
ไม่มก
ี ารขัดขืนดินรน เพียงแค่เอ่ยวาจาไม่กีคํา ก็ถวายหัวสบถสาบานเสียงดังสนันไหว ยอม
ถวายชีวิตให้ กระทังบอกว่าจะภักดีตลอดไป!
“เฝนเต้าฉี เจ้าไม่ละอายใจต่อองค์เหนือหัวบ้างเลยรึ!”
“….”
จันทรคราสและเทวทูตผลาญจันทร์ต่างทยอยกันลุกขึนยืนทีละคน ไฟโทสะลุกท่วมท้น หาก
ในใจก็ยงั งุนงงไม่เข้าใจ เพราะในความเข้าใจของพวกมัน เฝนเต้าฉีชัวชีวิตล้วนเพือจักรพรรดิ
ต้องจ่ายสิงตอบแทนมากมายอย่างไม่คิดลังเล ไม่สนแม้แต่ชีวิตตัวเอง เรียกได้ว่ายอมถวาย
ชีวิตเพือเปนเต้าจวินอย่างไม่ต้องลังเลใดๆ
หาไม่แล้วเฝนเต้าจวินคงไม่ให้ความสําคัญกับมันถึงเพียงนี…..แล้วเหตุไฉนอยูๆ
่ วันนีถึงกลับ
ตัวเปนคนทรยศได้ เร็วเสียยิงกว่าพลิกหน้าตําราเช่นนี
“ถุด! !"
เฝนโจ้วถ่มถุยออกมาอย่างเดือดดาล ประกายมารแผ่พงุ่ ออกจากร่าง เพียงแต่อํานาจข่มขวัญ
จากพลังเทพแท้จริง ยังคงไม่จางหายไปจากร่างกายทังหมด ประกายมารทีส่องสว่างอยูบ ่ น
ร่างจึงดูปนปวนไม่เสถียรเท่าใด “แดนผลาญจันทร์เราไม่มีสุนัขขลาดเขลาเช่นเจ้า! ข้าจะฆ่า
เจ้าก่อนเปนลําดับแรก!”
ยิงไม่ต้องพูดว่า พวกมันยังมีจันทรคราสอยูอ
่ ีกสิบเอ็ดคน ยังไม่รวมเทวทูตทีเหลือทังหมด! ต่อ
ให้พากันม้วยมรณา กันหมดทีนี ยังต้องสร้างความเสียหายหนักหน่วงให้แดนดับวิญญาณตาม
ไปด้วย
“ราชินม
ี าร! !” เปนโจ้วขบกรามแน่น แสงมารบนตัวลุกโหมขึนอีกครัง “อย่าได้หลงคิดว่าคําพูด
มารยาของท่านจะล่อ ลวงจิตใจเราได้ จันทรคราสอย่างพวกเราตายได้แต่ไม่อาจเสียเกียรติ!”
“พลังของพวกเจ้าไม่ใช่แดนผลาญจันทร์ประทานให้ ยิงไม่ใช่จักรพรรดิศักดิสิทธิผู้ล่วงลับ
ของเจ้าประทานให้ แต เปนมรดกทีตกทอดมาจากเผ่ามารบรรพกาลต่างหาก!"
“สุนข
ั เฝายามแสนซือสัตย์หวังตายตามเจ้านายไป ช่างน่าประทับใจนัก!”
“แต่เราผูน
้ ต่ี างจากเจ้านายคนอืนของเจ้า” ถืออู่เหยายืนมือออกมา ปลายนิวสาดประกาย
แสงสีดํามุง่ ตรงสูต
่ ะวัน ออกเฉียงใต้อันไกลโพ้น ทิศทางทีแดนมารอเวจีตังอยู่ “พวกเจ้าเปน
เพียงก้าวแรกของเราเท่านัน ในไม่ช้า แดนมาร อเวจีก็จะอยูใ่ นกํามือของเราด้วย”
“พวกเจ้าเองก็เพิงได้ประจักษ์ถึงพลังทีจะช่วยให้เราทําสําเร็จ... นันคือพลังทีจักรพรรดินีมาร
ทลายสวรรค์หลงเหลือ ไว้ให้โดยเฉพาะ คือความหวังทีแท้จริงของมณฑลเทวะอุดร! กล่าวคือ
หยุนเช่อทีรับสืบทอดพลังของจักรพรรดินี มารมา จึงมีสิทธิและคู่ควรขึนเปนจักรพรรดิหนึง
เดียวแห่งมณฑลอุดร"
“เมือมีเขาทีสืบทอดพลังของจักรพรรดินม
ี ารอยู่ มณฑลเทวะอุดรก็ไม่จําเปนต้องมีจักรพรรดิ
ศักดิสิทธิองค์อืน”
ถืออู่เหยากวาดตารอบด้านก่อนเอ่ยต่อ “หลังเฝนเต้าฉียอมติดตามเรา หยุนเช่อจะช่วยให้รา่ ง
มันหลอมรวมเข้ากับ ลมปราณทมิฬอย่างสมบูรณ์ด้วยกัลปทมิฬวินาศ ในภายภาคหน้า จะสา
มารถนําทัพสรรพชีวิตในมณฑลอุดรทลาย ผ่านกรงขังแห่งนี บุกเบิกเส้นทางแห่งชะตากรรม
ให้ทังแผ่นดิน”
“ต่อให้ตัวตาย แต่นามของมันจะคงอยูต
่ ลอดกาล!”
“แต่พวกเจ้า...” เสียงถากถางเย็นจับจิตพลันเสียดแทงไปถึงขัววิญญาณของชาวผลาญจันทร์
ทุกคนอีกครัง “กลุ่มคนทีรับสืบทอดพลังแก่นแกนของมณฑลเทวะอุดร กลับไม่ยน ิ ยอมทีจะ
แลกชีวิตสูศ
้ ก
ึ เพือเปลียนชะตา ของมณฑลอุดรอันมืดมิดแห่งนี กลับทําตัวเปนสุนข
ั เฝาประตู
ทียอมสูจ
้ นตัวตายเพือเจ้านายทีไม่ได้เรืองพรรค์นัน!”
“…..” สายลมเย็นเยือกกรรโชกผ่านร่างสันสะท้านขลาดกลัวในนครหลวงแห่งผลาญจันทร์
ดวงตาทุกคู่ต่างหดวูบ สันเทิมไร้ควบคุม
เฝนโจ้วได้แต่ยน
ื เหม่อมองไปด้านหน้า สองตาไร้ประกาย สีหน้าขาวเผือด ตัวมันทีอารมณ์
ฉุนเฉียวเปนทีสุด ยาม นีเมือถูกถืออู่เหยาสร้างความอัปยศซาแล้วซาเล่า กลับได้แต่เก็บปาก
เก็บคําไม่อาจพูดอะไรออกมาอยูน ่ าน
แสงปราณทมิฬบนรางปนปวนวูบไหว เสมือนหมอกดําท่ามกลางมรสุมโหมกระหนา
ความโกรธอันเปยมล้นและปณิธานทีเพียรประคองไว้กลับสลายหายไปอย่างไร้เสียง แม้แต่
พลังบนร่างก็สลายหาย ไปอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายแล้วร่างมันก็โน้มลง คุกเข่าลงกับพืนอย่างอ่อนแรง
ยิงผนวกกับวาจากล่อมจิตของฉืออู่เหยา ใจมันก็ยิงสับสนปนปวนเปนพันเปนหมืนเท่า
แม้ว่าคนทีนางเกลียกล่อมทังสิบเอ็ดจะเปนจันทรคราสผู้กล้าแกร่ง
มิหนําซาเทียบกับดวงจิตทีสับสนอยู่ แค่ภาพทีเห็นและสัมผัสได้ด้วยจิตรอบด้านในตอนนีก็
เกินพอแล้ว
ผูส
้ บ
ื ทอดจักรพรรดิมาร….
พลังทีสังหารจักรพรรดิศก
ั ดิสิทธิได้ในเสียวพริบตา….
ผูบ
้ ุกเบิกเปลียนแปลงโฉมหน้าประวัติศาสตร์มณฑลเทวะอุดร....
สุนข
ั เฝาประตูของจักรพรรดิแดนผลาญจันทร์ผู้ล่วงลับ….
พลังลมปราณทมิฬทีพลุ่งพล่านต่างทยอยกันเสือมสลายไปทีละน้อย บรรดาจันทรคราสค่อย
พากันยอบกายคาร ทีละคนๆ จนกระทังครบทังหมด
เจียซินเจียหลิงผงกศีรษะรับน้อยๆ…. จากนันถืออู่เหยาก็เหินร่างกลับขึนไปบนนาวาวิญญาณ
สวรรค์ดังเดิม
ผูส
้ บ
ื ทอดจักรพรรติศก
ั ดิสิทธิ พลังเทพแท้จริง และสําเนียงมารกล่อมวิญญาณ ทังหมดนีล้วน
แต่เปนปจจัยสําคัญที ไม่อาจขาดไปได้
หลังกลับขึนมาบนนาวา ฉืออู่เหยาก็มาปรากฏกายอยูข
่ ้างหยุนเช่อ ชายหนุม
่ สองตายังปด
แน่น คล้ายว่าสลบไสลไม่ ได้สติไปแล้ว
รอบข้างปราศจากผูค
้ น
ฉืออู่เหยายืนนิงอยูพ
่ ักหนึง จากนันค่อยสาวเท้ามาข้างหน้าช้าๆ นัยน์ตาหลุบลงตา ก่อนจะ
เหยียดมือแตะไปทีลําคอ ของหยุนเช่ออย่างแช่มซ้า
“ข้ามีเรืองต้องคุยกับเจ้า"
เล่มที 51 บทที 1671 มหาวิถีโพธิสัตว์ขันหก
บนนาวาวิญญาณสวรรค์ ฉืออู่เหยาและเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ยืนอยูภ
่ ายใต้รม
่ เงาของข่ายปราณที
กางขึน นัยน์ตาสบประสาน
เบืองล่าง ข่ายปราณแก่นแกนของนครหลวงผลาญจันทร์กําลังก่อร่างสร้างใหม่อย่างรวดเร็ว
แต่พลังแก่นแกนของมันกลับไม่ใช่พลังผลาญจันทร์อีกต่อไป แต่เปนพลังและดวงจิตของ
นางมาร
เพือทีจะสร้างให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาทีสันทีสุด ปองกันเรืองเหนือความคาดหมายจาก
แดนมารอเวจี ฉืออู่เหยาจึงตัดสินใจเด็ดเดียว ใช้ไขกระดูกเทวบรรพโกลาหลทีได้มาจาก
จักรพรรดิฟาอนันตกาลชินนัน
"ไยตอนนันเจ้าถึงไม่ยอมรังมันไว้” เซียนเหยิงเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยนาเสียงกระด้างเย็นชา
และหลังจากนันไม่นาน นาวาวิญญาณสวรรค์ทีเดินทางมาด้วยความเร็วสูงสุดก็แล่นมาเจอ
กับนาวาปราณทมิฬ…. เห็นได้ชัดว่า ฉืออู่เหยาได้สง่ สัญญาณเสียงกลับไปแดนดับวิญญาณ
เพือขับเคลือนนาวาวิญญาณสวรรค์ ออกมาก่อนหน้าทีจะถึงตอนนันแล้ว
“เหอะ” เชียนเย่หยิงเอ๋อร์หว
ั ร่อเสียงตา “ต่อหน้าข้า ไม่มีใครมีคุณสมบัติเอ่ยวาจาเช่นนัน”
“.....”หัวคิวของเชียนเย่หยิงเอ๋อร์พลันจมลึก แววตาทีเพ่งมองฉืออู่เหยายิงจดจ่ออย่างไม่
ลดละ
“ยิงไม่ต้องเอ่ยว่า เราไม่มคี วามตังใจทีจะห้ามปรามมันเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เรากลับ
คาดการณ์ไว้อยูแ ่ ล้วว่า มันต้องทําเช่นนี"
หยุนเช่อเคยบอกเรืองไพ่ตายทีสามารถปลิดชีวิตใครก็ตามทีมันต้องการกับนางอยูค ่ รังหนึง
ทังยังตัดสินใจมันว่าพอ ถึง “วาระสุดท้าย” จะประเคนให้จักรพรรดิมังกร เพียงแต่ไม่เคย
บอกนางมาก่อนว่า “ไพ่ตาย” ใบนีทีแท้คืออะไรกันแน่
เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ "....?"
“เพียงแต่คาดไม่ถึง มันจะทําให้เราทังประหลาดใจและยินดีได้ขนาดนี”
“แดนผลาญจันทร์อันไพศาล ตลอดเวลาร่วมหนึงล้านปยังไม่อาจมีสิงใดสันสะเทือนพวกมัน
ได้แม้แต่ครึงส่วน กระนันอาศัยการบุกเดียวเพียงครังเดียวของมันก็สามารถคว้ามาไว้ในมือ!”
ฉืออู่เหยาหัวเราะอย่างยินดี สุม่ เสียง เย้ายวนลวงใจหาใดเปรียบ “อาศัยเพียงจุดนี ชายคนนีก็
นับว่าอยูเ่ หนือผูใ้ ดทีเคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของแดน เทพแล้ว! บุรุษนับไม่ถ้วนบนโลก
ปจจุบัน ไหนเลยจะเทียบนิวหนึงนิวขนหนึงเส้นของมันได้?"
“ถ้าเกิดหลังจบเรืองนีแล้ว จะทําให้มันเลิกถวิลหาความตายได้ก็ยิงประเสริฐ”
ภายภาคหน้าต้องมีอีกแน่…..
ภาย.... ภาคหน้า.....
พบเห็นมุมปากของเชียนเย่หยิงเอ๋อร์วาดขึนเปนรอยยิมบางๆ อย่างสุดทีจะควบคุมได้
ฉืออู่เหยาเปนต้องเลียงตามองไปอีกทาง กล่าวเสียงเรียบหม่นว่า “เรืองทางฝงแดนผลาญ
จันทร์นคงมี
ี ให้สะสางอีกมาก เรายังต้องทยอยสะสาง ไปทีละเรือง สิงทีเจ้าต้องการจะบอกก็
บอกมาหมดแล้วกระมัง?”
“ยังไม่หมด” เซียนเหยิงเอ๋อร์รงสายตากลั
ั บมามองอีกฝาย แววตาเปลียนเปนยะเยียบ “สิงที
ข้าจะพูดต่อไปนี เจ้าจะต้องฟงให้ดี จําไว้ให้มัน!”
“ได้…. ขึนเปน….ราชัน!”
วาจาหนักแน่นสามคํานีถึงกับเฉียบขาดยิงกว่าตอนทีนางมีฐานะเทพธิดาปรมันต์เสียอีก
“เจ้าพูดออกมาตามตรงเร็วขนาดนี ไม่กลัวว่าการร่วมมือระหว่างเราจะเกิดความร้าวฉานหรือ
ไง?” นางถาม
“เหอะ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็รูอ
้ ยูด
่ ี ถึงตอนนันรอยร้าวจะยิงถ่างกว้าง รีบเปดใจพูดออกมาตามตรง
แต่แรกยังดีเสียกว่า” เชียนเย่หยิงเอ๋อร์หรีตาสีทองลง “นอกจากนี โดยเฉพาะหลังจากวันนีไป
เจ้ารูส
้ ก
ึ ว่าในใต้หล้า ยังมีใครหน้าไหน เหมาะสมคู่ควรเปนราชันมากกว่ามันอีก!"
เสียงหวานดังขึนข้างหูชําแรกนึกถึงดวงจิต “งันเราอยากจะรูว
้ ่า หากมันเปนราชัน... แล้วใคร
จะเปนราชิน?ี "
เชียนเย่หยิงเอ๋อร์มน
ุ่ คิวเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเย็น “เจ้า”
“แค่นยั
ี งไม่พออีกหรือ?"
เชียนเหยิงเอ๋อร์ตะลึงงัน คิวสีทองขมวดมุน
่ ยิงกว่าเดิม “ทีแท้... เจ้า... เปน... ใคร!?"
เชียนเหยิงเอ๋อร์ “!!!”
“เพียงแค่ว่า เจ้านัน.... เทียบกับข้าแล้ววาสนาดีกว่ากันมาก”
ประโยคนีทังสงบนิงและเอือยเฉือย.... แต่กลับแฝงด้วยความเยียบเย็นและโดดเดียวบางเบา
ฉืออู่เหยาเดินจากไป เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ยืนนิงอยูก
่ ับที เนินนานไม่จากไปไหน
--------- ---------
ส่วนข่าวเรืองหยุนเช่อถือครองพลังของจักรพรรดินีมารทลายสวรรค์ ใช้หนึงกระบีสับสังหาร
จักรพรรดิผลาญจันทร์ ขึนรับตําแหน่งจักรพรรดิดับวิญญาณ ยิงเปนหัวข้อทีผู้คนกล่าวถึงยิง
กว่า
ข่าวน่าสะพรึงดุจพายุใหญ่เช่นนี ตลอดประวัติกาลมณฑลอุดรไม่เคยปรากฏ
เทียบกับเมือครังจักรพรรดิจิงเทียนสินลมเมือหมืนปก่อน ยังน่าแตกตืนกว่าเปนพันเท่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทางด้านแดนมารอเวจีเองก็ต้องได้ทราบข่าวแล้ว... หากไม่ตอบโต้อันใด
เท่านัน
แดนดับวิญญาณ วิหารดับวิญญาณ
เชียนเย่หยิงเอ๋อร์เองก็เริมกังวลขึนมาบ้างแล้ว
วันนัน หยุนเช่อทีระเบิดพลังพลิกฟาทีไม่สมควรมีอยูอ
่ อกมา หรือผลสะท้อนกลับของพลังที
ว่าจะร้ายแรงกว่าทีคิด ไว้มาก?
ขณะนังอยูข
่ า้ งกายหยุนเช่อ เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ก็ยืนมือออกมาสัมผัสคอของมัน... นีเปนครังที
หกสิบของวันแล้วทีนาง ตรวจชีพจรหาอาการบาดเจ็บของมัน
ขณะทีนางเพิงโคจรลมปราณแผ่ออก ร่างของหยุนเช่อก็พลันเปล่งประกายแสงสีทองเรือง
รองออกมา
ตรงนันปรากฏเจดียท
์ องคําบริสท
ุ ธิเปล่งแสงเจิดจรัส โคจรหมุนวนอย่างแช่มช้า
เจดียส
์ ท
ี องหลังจ้อยนีเมือหมุนวน ก็เริมเปล่งแสงสีทองอาบย้อมทัวร่างของหยุนเช่อ
“เจดีย์ ล่องลอย...”
ประกายแสงสีทองเช่นนี นางก็เคยเห็นบนร่างของอีกคนหนึง
หมาปาสวรรค์ซซ
ี ู
จากความทรงจําทีเทพแห่งความพิโรธตกทอดมา มหาวิถีโพธิสัตว์ขันทีหกคือขีดจํากัดสูงสุดที
มนุษย์จะบรรลุถึง กล่าวได้ว่าสามารถทําให้รา่ งกายของมนุษย์ คืบเข้าใกล้ขอบเขตกายาเทพ
ได้อย่างแท้จริง!
พลังฝมืออันลึกลากล้าแข็งของหมาปาสวรรค์ชีซู หนึงในปจจัยหลักก็คือมันฝกฝนมหาวิถี
โพธิสตั ว์ จนร่างกายของมันสามารถทนรับข่ายปราณปองกันทีแม้แต่เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ในอดีต
ยังไม่อาจทนไหวได้
หมาปาสวรรค์ซซ
ี ูอาศัยพลังฝกปรือจ้าวเทวะขันเก้า จึงบรรลุมหาวิถีโพธิสัตว์ขันหกได้อย่าง
ยากเข็ญ
มหาวิถีโพธิสต
ั ว์ขนที
ั เหนือกว่าขันหกนัน ว่ากันว่าเปนขอบเขตทีมนุษย์ไม่มีวันสัมผัสถึงได้
เปนขอบเขตเฉพาะของ เทพแท้จริงเท่านัน
เล่มที 51 บทที 1672 ปริแตก
เมือใดทีมรรคายุทธ์มก
ี ารคืบหน้า เมือนันรัศมีพลังก็จะเปลียนตามไปด้วย
แต่ทกุ ครังทีมหาวิถีโพธิสต
ั ว์มก
ี ารคืบหน้า ทังรัศมีพลังและพลังชีวิตต่างก็มีการเปลียนแปลง
เกิดขึนเช่นกัน
ตอนทีอยูบ
่ นเวทีประทับเทพ หลังจากทีหยุนเช่อผ่านพ้นอสนีทัณฑ์เทวะเก้าชันฟามาได้ ตัว
มันในตอนนันสําเร็จ เคล็ดมหาวิถีโพธิสัตว์ขันห้า ต่อมาไม่ว่าจะทําความเข้าใจอย่างไร ก็ไม่มี
ความคืบหน้าใดๆ
ทบทวีกับเส้นชีพจรโลหิตและไขกระดูกเทวะมังกร ระดับความแข็งแกร่งของตัวมันในตอนนี
นับว่าข้ามหน้าข้ามตา หมาปาสวรรค์ซีซูในอดีตไปแล้ว!
ผนวกกับพลังลมปราณธาตุแสงบนตัว ระดับความเร็วในการฟนฟูทางร่างกายและพลังยุทธ์
จึงบรรลุถึงขันทีไม่มใี ครเทียบเปรียบได้ เปนขอบเขตทีไม่อาจทําความเข้าใจได้โดยสินเชิง
“อือ...ฟายังสว่างโร่อยูเ่ ลย ขอข้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ"
“วันนีเปนวันมงคลของเจ้ากับคุณหนูซอ
ื ถู! ใกล้จะได้เวลาแล้ว ยังไม่รบ
ี ตืนขึนมาอีก!"
“ได้ได้ได้”
“อ๊ะ...ไม่ต้องรีบรอนขนาดนันก็ได้ ยังพอมีเวลาอยู"่
“หยวนปา เจ้ากลับตืนเช้าถึงเพียงนีได้?”
“ตอนนีเรืองนีถือเปนความลับ ท่านพ่อบอกให้อุบเงียบไว้เพือไม่ให้เกิดปญหาวุ่นวายตามมา
ตอนนีเลยมีเพียงท่านทีทราบ อ้อ ใช้แล้ว เมือสองปก่อน ข้าได้ยินข่าวลือไม่ดีมาว่าท่านเจ้า
เมืองซือถูจะล้มเลิกงานหมันหมาย และยกแม่นางซือถูให้ลูกชายของประมุขตระกูลเซียว
เซียวยูห
่ ลงแทน ตอนได้ยนิ ข่าว ข้าโมโหยิง เลยไม่กล้าบอกกับท่าน แต่ถึงตอนนี ข่าวลือพวกนี
คงไม่มม ี ล
ู แล้ว”
“และเปนเพราะการช่วยเหลือในคราวนัน พลังยุทธ์ของยิงเอ๋อร์จึงได้เหือดหายไปขุมใหญ่
พลังชีวิตบอบชา และ เปนตอนนันเองทีพลันพบเจอเข้ากับทรชนคนหนึง ถูกมันวางแผนร้าย
เล่นงาน”
และถึงแม้เสียงเหล่านียังคุ้นเคยเปนอย่างยิง แต่กลับให้ความรู้สึกห่างเหินแปลกประหลาดใน
เวลาเดียวกันนี
แม้แต่เด็กทารกทีเซียวยิงเคยช่วยชีวิตเอาไว้ในอดีต ยังเปนซือถูซวน
แล้วเพราะเหตุใดความฝนอันเหลวไหลพวกนีถึงได้กลับมาปรากฏขึนอีกครัง
ทังยังปรากฏขึนพร้อมๆ กัน
“เจ้า(ข้า)ต้องการแบบนีจริงๆ?"
“ควรรูว
้ ่าเจ้า(ข้า)..... ผ่านพ้นคืนวันมายาวนานเพียงใด……. กลับชาติมาเกิดกีครังต่อกีครัง…..
ถึงจะมีตัวเจ้าที ‘สมบูรณ์’ ได้ในทีสุด…..”
“หากเอาทุกสิงทุกอย่างทีมี…….เอาพลังต้นกําเนิดมอบให้กับมัน……..เจ้า(ข้า)ย่อมไม่มีวันจะ
อยูบ
่ นโลกนีต่อไปอีก…...”
“ถึงอย่างไร…... มันก็เปนแค่มนุษย์คนหนึงเท่านัน…...”
“ร่างกายอันเปราะบางของเขาไม่อาจสืบทอดพลังของข้า(เจ้า) ข้า(เจ้า)ก็ไม่อาจมอบมันให้กับ
เขาได้เช่นกัน ที สามารถมอบให้ได้ พวกเรามีเพียง [กายาศักดิสิทธิ] ทีต้องใช้กฏแห่งสุญญตา
ถักทอขึน มันสามารถบรรจุ พลังทังมวลในใต้หล้าเอาไว้ได้ "
“เช่นนีแล้ว ยังไม่พออีกหรือ?”
“เอาเถอะ…..หากเจ้า(ข้า)ยืนกรานเช่นนีละก็….. "
“บางทีพลังต้นกําเนิดขุมสุดท้ายอาจเพียงพอทีจะแก้ไขผลพวงแห่งกรรมได้อีกครังหนึง”
“เพียงแต่จําต้องใช้เวลานานสักหน่อย...อาจต้องใช้เวลาหลายป หรือหลายสิบป”
“ในช่วงเวลานี ข้า(เจ้า)จะต้องหยุดการไหลของช่วงเวลาบนโลกนีเสียก่อน….. นอกจากนัน
นีก็ใกล้จะได้เวลาส่งตัวเขาไปทีโลกนันเพือผสานเข้ากับพลังต้นกําเนิดให้สําเร็จสมบูรณ์….”
“เฮือก!"
หยุนเช่อพลันเบิกตาโพลง ผวาลุกขึนนัง
แม้แต่คําเดียวมันก็ไม่อาจจดจํา
“ในทีสุดเจ้าก็ตืน"
หยุนเช่อเงยศีรษะ พบเห็นเชียนเย่หยิงเอ๋อร์กําลังยืนกอดอกพิงกําแพงอยูห
่ า่ งออกไป จ้อง
มองมาทางมันด้วยแวว ตาเย็นชา
หลังสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงสองสามครัง หยุนเช่อก็พลันตระหนักถึงการเปลียนแปลง
ขนานใหญ่บนร่างกายของตัวเอง
จู่ๆ เคล็ดมหาวิถีโพธิสต
ั ว์ก็มก
ี ารพัฒนาขึนอีกครัง หนําซาชายหนุม
่ ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจน
ถึงความรุดหน้าก้าวใหญ่ทีการพัฒนาครังนีนํามา ซายังเหนือลายิงกว่าครังก่อนๆ อย่างทาบ
ไม่ติด
มันลองแกว่งแขนไปมา รับรูถ
้ ึงการเปลียนแปลงทีเกิดขึนกับร่างกายอย่างเงียบๆ ด้วยสรีระ
ของมันตอนนีทีเกิดการพลิกโฉมใหม่อีกครัง เวลาทีต้องเปดด่านทัณฑ์อสูรโลกันตร์ก็ไม่จําเปน
ต้องแบกรับภาระบาดแผลอันหนักหน่วงเช่นนันอีก ทังยังเปนไปได้ว่าจะยืดระยะเวลาการใช้
งานได้อีกด้วย
รอถึงตอนทีมันได้บรรลุเปนจ้าวเทวะ การรักษาสภาวะด่านทัณฑ์อสูรโลกันตร์เสมือนลม
หายใจเข้าออกก็ไม่ใช่ว่าจะ เปนไปไม่ได้อีก
ปง!
เกิดเสียงอัดอากาศดังทึบทีม อาภรณ์ของหยุนเช่อทีเพิงผลัดเปลียนพลันฉีกขาดไปครึงส่วน
ชายหนุม ่ ขมวดคิวนิวหน้า จากนันพลันเงยหน้ามองไปทางเชียนเย่หยิงเอ๋อร์พร้อมสังว่า “กาง
ม่านปราการ อย่าให้ ใครเข้ามาเด็ดขาด”
"......" แขนทีไขว้อยูเ่ หนือทรวงอกของเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ขยับเกร็งขึนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
เสียงเย็นว่า “ด้านนอกมีนางมารสองคนเฝาอยู่ เจ้าควรอดกลันเสียหน่อย!"
"ข้าตังใจจะทะลวงด่าน คุ้มกันข้าด้วย!”
ทุกครังทีหยุนเช่อทะลวงด่านย่อย ล้วนแตกต่างจากผู้ฝกยุทธ์ทัวไปโดยสินเชิง
การทะลวงด่านของราชันจักรพรรดิเทวะ คือการเปลียนแปลงคุณสมบัติพลังน้อยใหญ่อย่าง
ยาวนานและสงบนิง ทว่าทุกย่างก้าวทะลวงด่านราชันจักรพรรดิเทวะของหยุนเช่อ ล้วน
บังเกิดกระแสลมปราณโคจรหมุนวนประดุจคลืนยักษ์ทะเลคลังชนิดทีสามารถบดขยีเส้น
ชีพจรลมปราณทัวไปให้แหลกลาญ
การทะลวงด่านราชันจักรพรรดิเทวะสองสามขันแรก มันทะลวงด่านภายในนาวาปราณบรรพ
กาล ครังนีทะลวงด่านภายในวิหารดับวิญญาณ เทียบกันแล้วยังปลอดภัยมากกว่า
ภายในข่ายปราณ เชียนเย่หยิงเอ๋อร์เฝามองหยุนเช่อทะลวงด่านอย่างเงียบๆ กระแสลมปน
ปวนวุ่นวายพัดเส้นผม และชายกระโปรงนางปลิวไสว มีเพียงสายตานางเท่านันทีไม่ขยับไป
ไหน
กระทังตัวนางเองก็เริมรูส
้ ก
ึ แล้วว่า นางเปลียนไปแล้วจริงๆ
เปลียนไปเปนตัวตนทีนางไม่มว
ี ันเชือและยอมรับได้ ตัวตนทีนางรังเกียจเดียดฉันท์ทีสุด
แต่นางก็ทราบดีว่าทังหมดทังมวลทีทําให้นางเปลียนแปลงไปอย่างชัดเจนและแนบเนียนนี
มิใช่ตัวนาง แต่เปน ฉืออู่เหยา
หลังผ่านไปไม่ถึงครึงชัวยาม กระแสลมทีร่างหยุนเช่อแผ่ออกก็เริมสงบลง
มันลืมตาขึน สองตาสาดประกายเทวะลึกลาสงบนิงยิงกว่าเก่า
ร่างมันแผ่รศ
ั มีพลังของราชันจักรพรรดิเทวะขันแปดออกมาอย่างเงียบงัน
ผนวกกับมหาวิถีโพธิสต
ั ว์ทีก้าวหน้า แม้ชายหนุม
่ จะเพียงขยับขึนหนึงช่วงชันย่อย หากพลัง
ฝมือโดยรวมทีเพิมพูนขึนนัน ย่อมมิใช่สิงทีคนทัวไปจะจินตนาการได้
“ไม่เพียงไม่พิการ ไม่เพียงไม่สนใจ
ิ แต่กลับช่วยหนุนเสริมให้เจ้าทะลวงด่าน เหอะ! เจ้านีตาย
ยากจริงๆ!”
เชียนเย่หยิงเอ๋อร์เอยเสียงเย็นพลางกางมือออกเตรียมปลดขายปราณ
หยุนเช่อกลับยกมือปรามนางไว้ก่อนถาม “แดนผลาญจันทร์เปนไงบ้าง?"
“ทังหมดเลย!?” หยุนเซ่อขมวดคิวแน่น
“นีมิใช่เรืองดีหรอกรึ? ทุกอย่างราบรืนยิงนัก”
“มีอะไร? เพิงจะรูส
้ ก
ึ ตัวว่าฉืออู่เหยาผู้นีน่ากลัวยิงหรือไร?" เซียนเหยิงเอ๋อร์ว่า
หยุนเช่ออับจนคําพูด ไม่ต่างจากยอมรับกลายๆ
โอสถบรรพโกลาหล!
ก่อนหน้านีทีแดนเทพปฐมต้นกําเนิด เหอหลิงหลอมรวมไขกระดูกเทวบรรพโกลาหลและผล
เทวะปฐมต้นกําเนิดเข้าด้วยกัน แบ่งเปนโอสถบรรพโกลาหลสองเม็ด
เมือเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ยอ
่ ยสลายโอสถเข้าไป พลังฝมือนางก็รุดหน้าก้าวกระโดดในครึงป บรรลุ
สูจ
่ ้าวเทวะขันแปด
ส่วนอีกเม็ด หยุนเช่อเดิมเตรียมไว้ให้ตนเองหลังบรรลุสจ
ู่ ้าวเทวะแล้ว
ทว่ายามนี ชายหนุม
่ กลับนํามันออกมาก่อนถึงเวลา ซายัง… ยืนส่งให้เซียนเย่หยิงเอ๋อร์อีกด้วย
“เอาไป”
โอสถบรรพโกลาหล โอสถระดับสูงส่งแห่งมรรคายุทธ์ในใต้หล้าปจจุบัน กระทังจักรพรรดิ
ศักดิสิทธิยังไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้ครองปาฏิหารย์เช่นนัน ทว่าเมือเห็นโอสถบรรพโกลาหล
เม็ดทีสองนี เซียนเย่หยิงเอ๋อร์กลับขมวดคิว นาเสียงกดตาเย็นชาลงหลายส่วน
“หมายความว่าไง ? รูส
้ ก
ึ ผิดเหรอ? คิดจะชดใช้ให้? เวทนาข้าหรือไง?”