You are on page 1of 37

เล่มที 51 บทที 1670 เสียงมารคร่าวิญญาณ

“เฝนเต้าฉี! เจ้า…..เจ้าสุนข
ั เลียงเสียข้าวสุก!”

พริบตาทีเฝนเต้าฉีคก
ุ เข่าคํานับยอมสวามิภักดิต่อฉืออู่เหยา ดวงวิญญาณของยอดยุทธ์ผลาญ
จันทร์ทังหมดเปนต้อง สันคลอนพังทลาย

จักรพรรดิศกั ดิสิทธิสินใจ ปราการแตกสิน มรดกแก่นแกนร่วงหล่นในมือฝงตรงข้าม ราชินี


และนางพญามารจ่อ ประชิดนครหลวง พวกมันก็คาดคิดไว้แล้วว่าต้องมีคนบังเกิดจิตคิดไม่
ซือด้วยกลัวความตายทีกลากราย แต่ใครจะไปคิดว่า ราชครูทีได้รับความเคารพเลือมใสสูงสุด
จากจักรพรรดิผลาญจันทร์จะเสนอหน้าออกมาเปนคนแรก!

ไม่มก
ี ารขัดขืนดินรน เพียงแค่เอ่ยวาจาไม่กีคํา ก็ถวายหัวสบถสาบานเสียงดังสนันไหว ยอม
ถวายชีวิตให้ กระทังบอกว่าจะภักดีตลอดไป!

“เฝนเต้าฉี เจ้าไม่ละอายใจต่อองค์เหนือหัวบ้างเลยรึ!”

“เจ้าติดค้างบุญคุณแดนผลาญจันทร์ใหญ่หลวง หากยามทีแดนตกอยูใ่ นความคับขันเปนตาย


เจ้ากลับทรยศหักหลัง โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด…..หลังจากทีเจ้าตายไป จะเอาหน้าทีไหนไปพบ
จักรพรรดิศก ั ดิสิทธิ เอาหน้าทีไหนไป พบเหล่าบรรพชน!”

“….”
จันทรคราสและเทวทูตผลาญจันทร์ต่างทยอยกันลุกขึนยืนทีละคน ไฟโทสะลุกท่วมท้น หาก
ในใจก็ยงั งุนงงไม่เข้าใจ เพราะในความเข้าใจของพวกมัน เฝนเต้าฉีชัวชีวิตล้วนเพือจักรพรรดิ
ต้องจ่ายสิงตอบแทนมากมายอย่างไม่คิดลังเล ไม่สนแม้แต่ชีวิตตัวเอง เรียกได้ว่ายอมถวาย
ชีวิตเพือเปนเต้าจวินอย่างไม่ต้องลังเลใดๆ

หาไม่แล้วเฝนเต้าจวินคงไม่ให้ความสําคัญกับมันถึงเพียงนี…..แล้วเหตุไฉนอยูๆ
่ วันนีถึงกลับ
ตัวเปนคนทรยศได้ เร็วเสียยิงกว่าพลิกหน้าตําราเช่นนี

เฝนเต้าฉีหนั หน้ากลับมามอง เผชิญกับสีหน้าถมึงทิงของทุกคน มันกลับไม่ได้แสดงสีหน้าสํานึก


ผิดใดๆ ออกมา กลับยิงแสดงความเด็ดเดียวเปนทวีคูณ เล่นเอาทุกคนสับสนจนจับต้นชนปลาย
ไม่ถูก “จักรพรรดิศกั ดิสิทธิ สินพระชนม์ หยกมารผลาญจันทร์ตกอยูใ่ นมือจักรพรรดิศักดิสิทธิ
หยุน เหล่านีพวกเจ้าล้วนพบเห็นเองกับตา นับ ตังแต่วันนีไป แดนผลาญจันทร์เท่ากับเหลืออยู่
เพียงในนามเท่านัน! ต่อให้ขา้ สูจ้ นตัวตาย ก็ทําได้เพียงกอบกู้ เกียรติยศกระจ้อยร่อยคืนให้กับ
ตัวเอง แต่ไม่อาจเปลียนสถานการณ์รอ ่ แร่ของแดนผลาญจันทร์ให้กลับมาได้"

“ตรงกันข้าม ศึกทีก่อเกิดจากพลังในระดับจ้าวเทวะ ย่อมดึงเหล่าผู้ฝกยุทธ์แดนผลาญจันทร์ที


ไม่รูอ
้ ีโหนเหน่ มากมายนับไม่ถ้วนให้เข้ามาพัวพันจนกระทังอาจถูกกลบฝงตามองค์เหนือหัว
ไปกันหมด!"

สองมือของมันกําสะท้าน นาเสียงยิงทวีความเคร่งเครียด “ข้าเฝนเต้าฉีไร้สามารถ ไม่อาจ


ปกปองแดนผลาญจันทร์ เอาไว้ได้ ต่อให้ตกตายเปนหมืนๆ ครังก็ยังไม่อาจสู้หน้าเหล่า
บรรพชนรุน
่ ก่อน แต่เทียบกับต่อสู้จนตัวตาย ชีวิตของ ตัวข้านี ยังทําคุณประโยชน์ให้…..”

“ถุด! !"
เฝนโจ้วถ่มถุยออกมาอย่างเดือดดาล ประกายมารแผ่พงุ่ ออกจากร่าง เพียงแต่อํานาจข่มขวัญ
จากพลังเทพแท้จริง ยังคงไม่จางหายไปจากร่างกายทังหมด ประกายมารทีส่องสว่างอยูบ ่ น
ร่างจึงดูปนปวนไม่เสถียรเท่าใด “แดนผลาญจันทร์เราไม่มีสุนัขขลาดเขลาเช่นเจ้า! ข้าจะฆ่า
เจ้าก่อนเปนลําดับแรก!”

หลังตวาดเสียงกร้าว มันก็กระโจนเข้าใส่เฝนเต้าฉีทันที…. ทางด้านหลัง จันทรคราสคนอืนๆ


ต่างก็เร่งเร้าพลังลมปราณ กู่รอ
้ งว่าจะต่อสู้จนตกตายกันไปข้าง

ไม่มใี ครทีไม่กลัวความตาย แต่เทียบกับการ “ทรยศหักหลัง” อันเปนตราประทับความอัปยศ


ทีจะติดตามไปชัวชีวิต ไม่อาจลบล้างจางหายแม้จะผ่านไปกีหมืนกีแสนชัวอายุคนแล้วนัน
พวกมันยอมตายเสียยังดีกว่า!

ยิงไม่ต้องพูดว่า พวกมันยังมีจันทรคราสอยูอ
่ ีกสิบเอ็ดคน ยังไม่รวมเทวทูตทีเหลือทังหมด! ต่อ
ให้พากันม้วยมรณา กันหมดทีนี ยังต้องสร้างความเสียหายหนักหน่วงให้แดนดับวิญญาณตาม
ไปด้วย

เฝนโจ้วเพิงทะยานร่างออก ผ้าไหมสีดําก็พลันปรากฏขึน ปราณมารทีพลุ่งพล่านปนปวนของ


เฝนโจ้วพลันสูญสลาย หายไปทันควัน คนร่วงหล่นกระแทกพืน หากสองตากลับยังดุร้าย
กระหายเลือดเช่นเดิม

ฉืออู่เหยาชักมือกลับมา ผ้าไหมดําลอยย้อนทวน นางหรีตามองเบืองล่าง แรงกดดันวิญญาณ


ยิงแผ่พงุ่ หนักอึง ก่อนเอ่ยเย้ยหยันออกมาเบาๆ “ช่างน่าขันยิง แม้เราไม่เคยประเมินแดน
ผลาญจันทร์เจ้าไว้สงู แต่ก็ไม่คิดเลยว่า กระทังจันทรคราสก็ยังรับความจริงไม่ได้ คนเดียวทีมี
ความกล้าพอก็ดันถูกพวกไร้สมองด่าว่า เปน สุนัขเลียงเสียข้าวสุกแทน น่าขันเสียเหลือเกิน”

“ราชินม
ี าร! !” เปนโจ้วขบกรามแน่น แสงมารบนตัวลุกโหมขึนอีกครัง “อย่าได้หลงคิดว่าคําพูด
มารยาของท่านจะล่อ ลวงจิตใจเราได้ จันทรคราสอย่างพวกเราตายได้แต่ไม่อาจเสียเกียรติ!”

“เกียรติ? เปนพวกเจ้าทําตัวเหมือนสุนัขชันตาหาประโยชน์มิได้เสียเอง ยังต้องให้เราสร้าง


ความอัปยศแก่เจ้าอีก หรือ!” นาเสียงฉืออู่เหยาทวีความเย้ยหยันเย็นเยียบ

“เหอะ...น่าขัน!” เฝนโจ้วหยัดยืนขึน หมายมันปนมือว่าจะสู้จนตัวตาย

“น่าขัน? ถูกแล้ว พวกเจ้ามันน่าขันจริงๆ” ฉืออู่เหยายังคงหรีตาลงกึงหนึง เสียงมารค่อยแพร่


กระจายไปทัวทุกมุม เมืองภายในนครหลวงผลาญจันทร์อย่างช้าๆ “ในฐานะจันทรคราส พวก
เจ้าไม่เพียงเปนแก่นกําลังหลักของ แดนผลาญจันทร์ แต่ยังเปนเสาหลักของมณฑลเทวะอุดร
แห่งนีอีกด้วย”

“พลังของพวกเจ้าไม่ใช่แดนผลาญจันทร์ประทานให้ ยิงไม่ใช่จักรพรรดิศักดิสิทธิผู้ล่วงลับ
ของเจ้าประทานให้ แต เปนมรดกทีตกทอดมาจากเผ่ามารบรรพกาลต่างหาก!"

นาเสียงของนางพลันแปรเปลียน กล่าวอย่างแช่มช้า “จักรพรรดิผลาญจันทร์เฝนเต้าจวินที


ร่วงหล่นไปแล้ว ชัวชีวิตมี แต่ความฟุมเฟอยตาทราม ปนปายแต่งตังสถาปนาตน ไม่นิยมการ
สูศ
้ ก
ึ ทังไม่คิดทีจะเปลียนแปลง ตราบใดที ปองกันบัลลังก์ของตัวเองไว้ได้ก็เปนทีสุขสําราญ
ใจ แล้วอนาคตของแดนผลาญจันทร์ อนาคตของมณฑลเทวะ อุดรเล่า? มันเคยเก็บมาใส่ใจ
ทีไหน!”

“เฝนเต้าจวินชัวชีวิตเอาแต่เฝาบ้านเปนสุนัขหวงถิน ส่วนพวกเจ้า... ในแง่หนึง ก็เปนได้แค่


สุนข
ั เฝายามฝูงหนึงใต้เท้า มันแค่นันเอง!”

“เจ้า!” จันทรคราสรอบด้านบันดาลโทสะ... มีเพียงเฝนเต้าฉีทีหลับตาลงอย่างเงียบๆ ไร้โทสะ


ไร้ความอาย

“สุนข
ั เฝายามแสนซือสัตย์หวังตายตามเจ้านายไป ช่างน่าประทับใจนัก!”

“แต่เราผูน
้ ต่ี างจากเจ้านายคนอืนของเจ้า” ถืออู่เหยายืนมือออกมา ปลายนิวสาดประกาย
แสงสีดํามุง่ ตรงสูต
่ ะวัน ออกเฉียงใต้อันไกลโพ้น ทิศทางทีแดนมารอเวจีตังอยู่ “พวกเจ้าเปน
เพียงก้าวแรกของเราเท่านัน ในไม่ช้า แดนมาร อเวจีก็จะอยูใ่ นกํามือของเราด้วย”

“พวกเจ้าเองก็เพิงได้ประจักษ์ถึงพลังทีจะช่วยให้เราทําสําเร็จ... นันคือพลังทีจักรพรรดินีมาร
ทลายสวรรค์หลงเหลือ ไว้ให้โดยเฉพาะ คือความหวังทีแท้จริงของมณฑลเทวะอุดร! กล่าวคือ
หยุนเช่อทีรับสืบทอดพลังของจักรพรรดินี มารมา จึงมีสิทธิและคู่ควรขึนเปนจักรพรรดิหนึง
เดียวแห่งมณฑลอุดร"

“เมือมีเขาทีสืบทอดพลังของจักรพรรดินม
ี ารอยู่ มณฑลเทวะอุดรก็ไม่จําเปนต้องมีจักรพรรดิ
ศักดิสิทธิองค์อืน”
ถืออู่เหยากวาดตารอบด้านก่อนเอ่ยต่อ “หลังเฝนเต้าฉียอมติดตามเรา หยุนเช่อจะช่วยให้รา่ ง
มันหลอมรวมเข้ากับ ลมปราณทมิฬอย่างสมบูรณ์ด้วยกัลปทมิฬวินาศ ในภายภาคหน้า จะสา
มารถนําทัพสรรพชีวิตในมณฑลอุดรทลาย ผ่านกรงขังแห่งนี บุกเบิกเส้นทางแห่งชะตากรรม
ให้ทังแผ่นดิน”

“ต่อให้ตัวตาย แต่นามของมันจะคงอยูต
่ ลอดกาล!”

“แต่พวกเจ้า...” เสียงถากถางเย็นจับจิตพลันเสียดแทงไปถึงขัววิญญาณของชาวผลาญจันทร์
ทุกคนอีกครัง “กลุ่มคนทีรับสืบทอดพลังแก่นแกนของมณฑลเทวะอุดร กลับไม่ยน ิ ยอมทีจะ
แลกชีวิตสูศ
้ ก
ึ เพือเปลียนชะตา ของมณฑลอุดรอันมืดมิดแห่งนี กลับทําตัวเปนสุนข
ั เฝาประตู
ทียอมสูจ
้ นตัวตายเพือเจ้านายทีไม่ได้เรืองพรรค์นัน!”

"ความจงรักภักดี? ต่อสูเ้ พือบ้านเมือง? ยอมตายแต่ไม่ยอมจํานน?” ฉืออู่เหยาส่ายหน้าช้าๆ


รอยยิมเยียบเย็นบาด จิต “เปล่าเลย ยามทีเปดหน้าประวัติศาสตร์มณฑลเทวะอุดรโฉมใหม่ ที
บันทึกบรรยายถึงตัวพวกเจ้า ย่อมมีเพียง คําสาปส่ง ทํานองว่า….. สุนัขเฝาประตูทีแสนโง่
เขลา น่าหัวร่อและมีแต่ความเห็นแก่ได้!"

“…..” สายลมเย็นเยือกกรรโชกผ่านร่างสันสะท้านขลาดกลัวในนครหลวงแห่งผลาญจันทร์
ดวงตาทุกคู่ต่างหดวูบ สันเทิมไร้ควบคุม
เฝนโจ้วได้แต่ยน
ื เหม่อมองไปด้านหน้า สองตาไร้ประกาย สีหน้าขาวเผือด ตัวมันทีอารมณ์
ฉุนเฉียวเปนทีสุด ยาม นีเมือถูกถืออู่เหยาสร้างความอัปยศซาแล้วซาเล่า กลับได้แต่เก็บปาก
เก็บคําไม่อาจพูดอะไรออกมาอยูน ่ าน

แสงปราณทมิฬบนรางปนปวนวูบไหว เสมือนหมอกดําท่ามกลางมรสุมโหมกระหนา

ความโกรธอันเปยมล้นและปณิธานทีเพียรประคองไว้กลับสลายหายไปอย่างไร้เสียง แม้แต่
พลังบนร่างก็สลายหาย ไปอย่างรวดเร็ว

สุดท้ายแล้วร่างมันก็โน้มลง คุกเข่าลงกับพืนอย่างอ่อนแรง

ยิงผนวกกับวาจากล่อมจิตของฉืออู่เหยา ใจมันก็ยิงสับสนปนปวนเปนพันเปนหมืนเท่า

แม้ว่าคนทีนางเกลียกล่อมทังสิบเอ็ดจะเปนจันทรคราสผู้กล้าแกร่ง

ทว่า ก่อนหน้านี จันทรคราสทังหลายต่างประจักษ์ชัดกับตาเองว่าหยุนเซอใช้หนึงฝามือ


สังหารเฝนเต้าจ้าง หนึง กระบีกลบฝงเฝนเต้าจวิน
แรงกดดันและพลังอันล้นเหลือของเทพแท้จริง กระแทกทุบปณิธานและดวงจิตของพวกมัน
จึงไม่อาจต้านทานสําเนียงมารกล่อมวิญญาณของฉืออู่เหยาได้

มิหนําซาเทียบกับดวงจิตทีสับสนอยู่ แค่ภาพทีเห็นและสัมผัสได้ด้วยจิตรอบด้านในตอนนีก็
เกินพอแล้ว

โดยเฉพาะ หลังประสบกับพลังทีสังหารจักรพรรดิศักดิสิทธิในเสียววินาที คําพูดทีว่า “ชีนํา


มณฑลเทวะอุดรฝา ทะลวงออกจากกรงขัง" ย่อมไม่ใช่เรืองเพ้อฝนทีทําได้เพียงจินตนาการ
อีกต่อไป แต่แทบจะกลายเปนสิงที…. ปรากฏอยูต
่ รงหน้าจนแทบแตะสัมผัสได้

ผูส
้ บ
ื ทอดจักรพรรดิมาร….

พลังทีสังหารจักรพรรดิศก
ั ดิสิทธิได้ในเสียวพริบตา….

ผูบ
้ ุกเบิกเปลียนแปลงโฉมหน้าประวัติศาสตร์มณฑลเทวะอุดร....

สุนข
ั เฝาประตูของจักรพรรดิแดนผลาญจันทร์ผู้ล่วงลับ….

ความคิดขัดขืนเสียวสุดท้ายจางหายไปในทีสุด เฝนโจ้วคุกเข่าน้อมศีรษะลง ก่อนส่งเสียงแหบ


พร่า “เฝนโจ้ว... ยินดีละทิงนามจันทรคราส ขอติดตามจักรพรรดิศักดิสิทธิหยุนและราชินีมาร
ต่อสูเ้ พือเขียนชะตากรรมของมณฑล อุดรขึนใหม่.. แม้ตายก็ไม่คิดลังเล!"

เผินเต้าจ้างสินแล้ว เฝนโจ้วถือเปนจันทรคราสทีเข้มแข็งทีสุด ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์หุนหัน


ทีสุดด้วย คนทีลุกพรวดชีหน้าด่าเฝนเต้าฉีอยูด
่ ีๆ เมือครู่ บัดนีกลับคุกเข่าสวามิภักดิเสียแล้ว

การยอมก้มหัวของมันนัน บดขยีความคิดต่อต้านของจันทรคราสทีเหลือจนหมดสิน วาจาของ


ราชินม
ี ารและพลังขยี จักรพรรดิของหยุนเช่อเมือครู่ เอ่อล้นแผ่ซา่ นไปทุกห้วงดวงจิตพวกมัน
อย่างว่องไว

พลังลมปราณทมิฬทีพลุ่งพล่านต่างทยอยกันเสือมสลายไปทีละน้อย บรรดาจันทรคราสค่อย
พากันยอบกายคาร ทีละคนๆ จนกระทังครบทังหมด

จักรพรรดิศก ั ดิสิทธิดับสูญ จันทรคราสทังหมดเลือกทีจะยอมสวามิภักดิ เช่นนัน เทวทูตผลาญ


จันทร์ทีเปนแก่น กําลังหลักเช่นกันจะมีสาเหตุอันใดให้ต้องคัดค้านอยูอ
่ ีก…. ไม่เกียวว่าจะยินดี
หรือไม่ นับแต่วินาทีที จันทรคราสทุกคนพร้อมใจกันคุกเข่าสวามิภักดิ แม้แต่โอกาสเลือกของ
พวกมันก็สญ ู สลายไปแล้ว

“ประเสริฐ” ถืออู่เหยาเอ่ยเสียงเรียบ “เพียงแต่ ไม่จําเปนต้องละทิงนามจันทรคราสของพวก


เจ้า แดนผลาญจันทร์ ยังคงอยูต ่ ่อไปได้ นามจันทรคราสเองก็สามารถใช้สืบต่อ ทีเปลียนไป มี
เพียงนายเหนือของแดนผลาญจันทร์แห่ง นีเท่านัน”
“เฝนเต้าฉี” ฉืออู่เหยากล่าว “เราขอแต่งตังเจ้าให้เปนหัวหอกจันทรคราส ณ บัดนี ส่วนทีว่า
ต้องทําเช่นไรบ้าง เชือ ว่าเราไม่จําเปนต้องสังสอนเจ้า อีกหนึงเดือนให้หลัง หวังว่าเจ้าจะให้คํา
ตอบทีน่าพอใจแก่เรา”

“ขอบพระคุณองค์เหนือหัว โปรดวางใจ เต้าฉียอ ่ มไม่ทําให้ท่านต้องผิดหวัง!” เฝนเต้าฉี


เปลียนคําเรียกขานฉืออู่เหยาอย่างรู้งาน ในเมือมันตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ย่อมต้องทําให้ถึงที

ฉืออู่เหยาหมุนตัวกลับ เอ่ยเสียงตา “เจียซินเจียหลิง ทีเหลือฝากพวกเจ้าด้วย”

เจียซินเจียหลิงผงกศีรษะรับน้อยๆ…. จากนันถืออู่เหยาก็เหินร่างกลับขึนไปบนนาวาวิญญาณ
สวรรค์ดังเดิม

การยึดครองแดนราชัน ไม่ว่าผูใ้ ดได้ฟง ล้วนต่างต้องคิดว่าเปนเปาหมายทีแสนยิงใหญ่และ


อันตราย... กระทังฟงดู น่าขันอยูบ
่ ้าง

สามแดนราชันมณฑลอุดรกําลังโดยรวมแม้ต่างกันอยูบ ่ ้าง แต่คิดกลืนรวบหนึงแดน ต่อให้อีก


สองแดนผนึกกําลังคน ก็ยงั แทบไม่อาจทําได้... หรือต่อให้ทําได้ หากผู้สืบทอดพลังมารต้น
กําเนิดโต้ตอบกลับมา ความเสียหายทีเกิดขึนมหาศาลเกินคาดเดา
ทว่าในวันนี แดนดับวิญญาณกลืนกินแดินผลาญจันทร์ ใช้เวลาเพียงหนึงวัน ชนะได้โดยไม่
เสียเลือดเนือ

ผูส
้ บ
ื ทอดจักรพรรติศก
ั ดิสิทธิ พลังเทพแท้จริง และสําเนียงมารกล่อมวิญญาณ ทังหมดนีล้วน
แต่เปนปจจัยสําคัญที ไม่อาจขาดไปได้

แต่บางที สิงทีสําคัญทีสุด แท้จริงก็คือความหวังในการต่อสู้เปลียนโชคชะตาเพือฝาฟนออก


จากกรงขังแห่งนีทีฝงอยู่ ในส่วนลึกจิตใจของผู้ฝกยุทธ์มณฑลอุตรทังหมด

หลังกลับขึนมาบนนาวา ฉืออู่เหยาก็มาปรากฏกายอยูข
่ ้างหยุนเช่อ ชายหนุม
่ สองตายังปด
แน่น คล้ายว่าสลบไสลไม่ ได้สติไปแล้ว

รอบข้างปราศจากผูค
้ น

ฉืออู่เหยายืนนิงอยูพ
่ ักหนึง จากนันค่อยสาวเท้ามาข้างหน้าช้าๆ นัยน์ตาหลุบลงตา ก่อนจะ
เหยียดมือแตะไปทีลําคอ ของหยุนเช่ออย่างแช่มซ้า

“ฉืออู่เหยา” พลันเกิดเสียงเย็นชาดังขึนจากเบืองหน้า เปนเซียนเย่หยิงเอ๋อร์ทียืนอยูต


่ รงมุม
ห้อง สองตานิงมองมาทีนาง

“ข้ามีเรืองต้องคุยกับเจ้า"
เล่มที 51 บทที 1671 มหาวิถีโพธิสัตว์ขันหก

บนนาวาวิญญาณสวรรค์ ฉืออู่เหยาและเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ยืนอยูภ
่ ายใต้รม
่ เงาของข่ายปราณที
กางขึน นัยน์ตาสบประสาน

เบืองล่าง ข่ายปราณแก่นแกนของนครหลวงผลาญจันทร์กําลังก่อร่างสร้างใหม่อย่างรวดเร็ว
แต่พลังแก่นแกนของมันกลับไม่ใช่พลังผลาญจันทร์อีกต่อไป แต่เปนพลังและดวงจิตของ
นางมาร

เพือทีจะสร้างให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาทีสันทีสุด ปองกันเรืองเหนือความคาดหมายจาก
แดนมารอเวจี ฉืออู่เหยาจึงตัดสินใจเด็ดเดียว ใช้ไขกระดูกเทวบรรพโกลาหลทีได้มาจาก
จักรพรรดิฟาอนันตกาลชินนัน

อย่างไรเสีย ไม่ว่าของจะดีงามเลิศลาปานใด หากไม่นํามาใช้ ก็เปนได้เพียงขยะกองหนึง

"เจ้าอยากคุยอะไรกับเรา?" ฉืออู่เหยาจ้องมองเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ ถามด้วยรอยยิมคล้ายไม่เชิง


ยิม นางสัมผัสได้ราํ ไร ว่าเชียนเย่หยิงเอ๋อร์เหมือนจะต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

"ไยตอนนันเจ้าถึงไม่ยอมรังมันไว้” เซียนเหยิงเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยนาเสียงกระด้างเย็นชา

“รังไว้?" ฉืออู่เหยาผุดยิมบาง “เจ้าคิดว่าเราจะรังมันได้งันหรือ?"

“ทําไมเจ้าถึงคิดว่าทําไม่ได้?” เชียนเย่หยิงเอ๋อร์นิงมองฉืออู่เหยา สายตาคล้ายต้องการทะลวง


ฝาชันหมอกดําหนาทึบ เข้าไปถึงส่วนลึกจิตวิญญาณอีกฝาย มองทะลุถึงความจริงข้างใน
ตอนทีหยุนเช่อละจากนาวาวิญญาณสวรรค์เพือย้อนกลับไปยังแดนผลาญจันทร์ เชียนเย่หยิง
เอ๋อร์ในตอนนันทีกําลังจิตใจปนปวนโกลาหลอย่างถึงทีสุดย่อมไม่อาจสังเกต แต่ฉืออู่เหยา
ย่อมรับรูไ้ ด้อย่างกระจ่างชัด

แต่ถึงอย่างนันนางก็ไม่ได้หา้ มปราม กระทังแสร้งทําเปนไม่รู้ไม่เห็น

และหลังจากนันไม่นาน นาวาวิญญาณสวรรค์ทีเดินทางมาด้วยความเร็วสูงสุดก็แล่นมาเจอ
กับนาวาปราณทมิฬ…. เห็นได้ชัดว่า ฉืออู่เหยาได้สง่ สัญญาณเสียงกลับไปแดนดับวิญญาณ
เพือขับเคลือนนาวาวิญญาณสวรรค์ ออกมาก่อนหน้าทีจะถึงตอนนันแล้ว

“เราเคยบอกเจ้าไปแล้ว….. นันเปนเพราะเราเข้าใจในตัวมันดี" ฉืออู่เหยาเปล่งวาจาทีละคํา


ออกมาอย่างเนิบช้าโดย ไม่ได้หลบเลียงสายตาเชียนเย่หยิงเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย

“เหอะ” เชียนเย่หยิงเอ๋อร์หว
ั ร่อเสียงตา “ต่อหน้าข้า ไม่มีใครมีคุณสมบัติเอ่ยวาจาเช่นนัน”

“แต่ขา้ มี” คําตอบของฉืออู่เหยาดังตามมาอย่างรวดเร็ว คล้ายไม่ต้องผ่านการกลันกรองใดๆ

“.....”หัวคิวของเชียนเย่หยิงเอ๋อร์พลันจมลึก แววตาทีเพ่งมองฉืออู่เหยายิงจดจ่ออย่างไม่
ลดละ
“ยิงไม่ต้องเอ่ยว่า เราไม่มคี วามตังใจทีจะห้ามปรามมันเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เรากลับ
คาดการณ์ไว้อยูแ ่ ล้วว่า มันต้องทําเช่นนี"

“เจ้า…. คาดการณ์ไว้แล้ว?" หัวคิวของเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ยิงจมลึก “หรือว่ามันเคยบอกเรืองไพ่


ตายใบนันกับเจ้า! ?"

หยุนเช่อเคยบอกเรืองไพ่ตายทีสามารถปลิดชีวิตใครก็ตามทีมันต้องการกับนางอยูค ่ รังหนึง
ทังยังตัดสินใจมันว่าพอ ถึง “วาระสุดท้าย” จะประเคนให้จักรพรรดิมังกร เพียงแต่ไม่เคย
บอกนางมาก่อนว่า “ไพ่ตาย” ใบนีทีแท้คืออะไรกันแน่

นางย่อมไม่มที างคาดคิดโดยเด็ดขาดว่า มันจะถึงขันสามารถฝนบงการควบคุมพลังเทวะต้น


กําเนิดทีสมควรมีแต่แดนเทพดาราเท่านันจะใช้ได้แบบนี

“แน่นอนว่าไม่ ของอย่างไพ่ตายนันจะให้บอกกับผู้อืนได้อย่างไร” ฉืออู่เหยาเอ่ยเสียงเรียบหม่น


“การคาดการณ์ทีข้าบอก หมายถึงเรืองทีมันจะต้องเกิดความทุกข์ระทม ความแค้นดาลเดือด
จนบุม
่ บ่ามไม่คิดหน้าคิดหลังเพราะเจ้า เพือบุตรทียังไม่ทันลืมตาดูโลกของมันกับเจ้า...”

เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ "....?"

“เพราะเมือทําแบบนันแล้ว อย่างน้อยก็เปนการบ่งบอกว่าหัวใจของมันไม่ได้ ‘ด้านชา’ ไปแล้ว


จริงๆ และอาจเพราะด้วยเรืองนี... หัวใจของมันคงไม่ต้อง “ด้านชา" อีกต่อไป”
นัยน์ตาของเชียนเหยิงเอ๋อร์ไหวเครือ แววตาทีใช้มองฉืออู่เหยายามนีแปรเปลียนไปอีกครัง

ฉืออู่เหยาคล้ายไม่ได้สงั เกตถึงแววตาทีเปลียนไปของอีกฝาย กล่าวสืบต่อว่า “ก่อนทีมันจะ


ย้อนกลับไปทีแดนผลาญ จันทร์นน ั เราก็ได้ออกคําสังให้ขบ
ั เคลือนนาวาวิญญาณสวรรค์เปน
ทีเรียบร้อย นีก็เพือรอดูว่าหลังจากทีมันบุกเดียวไปแล้วนัน ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่
ไหนก็ยงั อยูใ่ นความดูแลของเรา”

“เพียงแต่คาดไม่ถึง มันจะทําให้เราทังประหลาดใจและยินดีได้ขนาดนี”

“แดนผลาญจันทร์อันไพศาล ตลอดเวลาร่วมหนึงล้านปยังไม่อาจมีสิงใดสันสะเทือนพวกมัน
ได้แม้แต่ครึงส่วน กระนันอาศัยการบุกเดียวเพียงครังเดียวของมันก็สามารถคว้ามาไว้ในมือ!”
ฉืออู่เหยาหัวเราะอย่างยินดี สุม่ เสียง เย้ายวนลวงใจหาใดเปรียบ “อาศัยเพียงจุดนี ชายคนนีก็
นับว่าอยูเ่ หนือผูใ้ ดทีเคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของแดน เทพแล้ว! บุรุษนับไม่ถ้วนบนโลก
ปจจุบัน ไหนเลยจะเทียบนิวหนึงนิวขนหนึงเส้นของมันได้?"

นางจ้องมองเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ คิวงามโค้งโก่งดุจคันศร “เมือพิโรธ เทพแท้จริงพลันปรากฏ


เมือพิโรธ แดนราชันเปนต้องพลิกควาโกลาหล และคนทีทําให้มันพิโรธจนขาดสติ ในมุมมอง
ของข้าทีเปนสตรีผหู้ นึง คําเรียกหาอย่างหยุนเชียนหยิง เกรงว่าพอนําไปเทียบกับ
“เทพธิดาปรมันต์" แล้วยังน่าอิจฉากว่ากันเปนไหนๆ"
“เพือข้า? เฮอะ!” เชียนเย่หยิงเอ๋อร์สบถเสียงเย็น หากสายตากลับหลบเลียงไปอีกทางโดยไม่รู้
ตัว “ตลอดมามัน เอาแต่สาํ นึกผิดต่อธิดาของมันจนฝงลึกในใจ เรืองในครังนีเพียงแค่ไป
กระทบถูกความสํานึกผิดทีว่า ดังนันถึงได้ ระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นนัน แล้วข้าไปเกียวอะไร
ด้วย!”

“อ้อ? เปนเช่นนัน?” ฉืออู่เหยาหรีตาลงอย่างยียวน ก่อนจะคลียิมออกมา “ทีไปแดนผลาญ


จันทร์คราวนี เดิมก็เพือกําจัดภัยคุกคามแฝงเร้น เลียงไม่ให้มน
ั เข้ามายุม
่ ย่ามกับเรืองแดนมาร
อเวจี ไม่คาด กลับเกิดผลพลอยได้เช่นนีขึน จนถึงตอนนีเราก็ยังรูส ้ ึกเหมือนยังฝนไปอยูเ่ ลย"

“ถ้าเกิดหลังจบเรืองนีแล้ว จะทําให้มันเลิกถวิลหาความตายได้ก็ยิงประเสริฐ”

“......” นัยน์ตาสีทองของเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ไหวระริก ก่อนจะกลายเปนเลือนลอยเหมือนคน


ตกอยูใ่ นภวังค์

ภายภาคหน้าต้องมีอีกแน่…..

ภาย.... ภาคหน้า.....

พบเห็นมุมปากของเชียนเย่หยิงเอ๋อร์วาดขึนเปนรอยยิมบางๆ อย่างสุดทีจะควบคุมได้
ฉืออู่เหยาเปนต้องเลียงตามองไปอีกทาง กล่าวเสียงเรียบหม่นว่า “เรืองทางฝงแดนผลาญ
จันทร์นคงมี
ี ให้สะสางอีกมาก เรายังต้องทยอยสะสาง ไปทีละเรือง สิงทีเจ้าต้องการจะบอกก็
บอกมาหมดแล้วกระมัง?”
“ยังไม่หมด” เซียนเหยิงเอ๋อร์รงสายตากลั
ั บมามองอีกฝาย แววตาเปลียนเปนยะเยียบ “สิงที
ข้าจะพูดต่อไปนี เจ้าจะต้องฟงให้ดี จําไว้ให้มัน!”

“โอ้?" ฉืออู่เหยารีบเอียงหน้ามา ท่าทีคล้ายสนอกสนใจเปนอย่างยิง

เชียนเหยิงเอ๋อร์เยืองกรายเข้าหาอีกฝาย พอมาถึงตรงหน้าฉืออู่เหยา สายตาของคนทังสองก็


อยูห
่ า่ งกันเพือแค่ คืบเท่านัน “ตอนทีเจ้ากับข้าพบกันครังแรกในแดนหวงเทียน ข้าเคยบอก
กับเจ้าว่า เราต่างมีเปาหมายทีต่างกัน แต่กลับมีศัตรูคนเดียวกัน"

“เปาหมายของเจ้า คือการทะลวงออกจากกรงขังนามมณฑลอุดรแห่งนี ประชันกับอีกสาม


มณฑล กระทังผงาดขึนครองเหนือพวกมัน แต่เปาหมายของพวกเราคือการล้างแค้น! ก่อ
มรสุมโลหิตไปทุกหย่อมหญ้าบนดินแดนทีแสนน่าชิงชังนัน…. เช่นนี ก็เปนการฆ่าศัตรูคน
เดียวกัน เจ้าช่วยข้าชําระแค้น ข้าช่วยเจ้าขึนเปนราชัน"

“แล้วตอนนีล่ะ?" ฉืออู่เหยาเอ่ยถาม แววตาพร่าเลือนดุจม่านหมอก กลับมองไม่เห็นความ


กระหายอยากรู้ ราวกับว่า นางรูอ้ ยูแ
่ ล้วว่าเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ตังใจจะพูดอะไร

“ตอนนี….. " เชียนเย่หยิงเอ๋อร์คลียิมเย็น “ไม่เพียงต้องล้างแค้น แต่หลังจากทีเหยียบยาสาม


มณฑลเทวะไว้แทบเท้า แล้ว ข้ายังปรารถนาให้เขา..”

“ได้…. ขึนเปน….ราชัน!”
วาจาหนักแน่นสามคํานีถึงกับเฉียบขาดยิงกว่าตอนทีนางมีฐานะเทพธิดาปรมันต์เสียอีก

“โฮ่?" ฉืออู่เหยากระพริบตาสองสามที ไร้โทสะไร้ความประหลาดใจ กลับคล้ายส่งเสียง


หัวเราะออกมาแทน “หากเปนอย่างทีเจ้าว่า ‘การแจกจ่ายผลประโยชน์’ ในตอนท้ายของ
พวกเราก็ดูจะไม่ลงตัวเสียแล้ว ทังยังขัดแย้ง กันอย่างยิงด้วย"

“เจ้าพูดออกมาตามตรงเร็วขนาดนี ไม่กลัวว่าการร่วมมือระหว่างเราจะเกิดความร้าวฉานหรือ
ไง?” นางถาม

“เหอะ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็รูอ
้ ยูด
่ ี ถึงตอนนันรอยร้าวจะยิงถ่างกว้าง รีบเปดใจพูดออกมาตามตรง
แต่แรกยังดีเสียกว่า” เชียนเย่หยิงเอ๋อร์หรีตาสีทองลง “นอกจากนี โดยเฉพาะหลังจากวันนีไป
เจ้ารูส
้ ก
ึ ว่าในใต้หล้า ยังมีใครหน้าไหน เหมาะสมคู่ควรเปนราชันมากกว่ามันอีก!"

“ไอ้หยา เปนคําตอบทีไม่มต ี ัวเลือกอืนให้ตอบเลยจริงๆ” ฉืออู่เหยายิมบาง พินิจดวงหน้า


เชียนเย่หยิงเอ๋อร์อย่างจริงจัง ก่อนก้าวเท้าออกประชิดใกล้จนริมฝปากบางแทบสัมผัสกับของ
อีกฝาย

เสียงหวานดังขึนข้างหูชําแรกนึกถึงดวงจิต “งันเราอยากจะรูว
้ ่า หากมันเปนราชัน... แล้วใคร
จะเปนราชิน?ี "
เชียนเย่หยิงเอ๋อร์มน
ุ่ คิวเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเย็น “เจ้า”

“ดีมาก” เมือได้คําตอบทีน่าชืนใจ ฉืออู่เหยาก็เผยยิมเปยมเสน่ห์ หันกายจากไป

“ช้าก่อน!” เชียนเย่หยิงเอ๋อร์กลับส่งเสียงหยุดนางไว้อีกครัง นาเสียงแผ่วเบาหุ้มตา

"ฉืออู่เหยา แท้จริงแล้วเจ้า... เปนใครกันแน่!”

ริมฝปากเชิดเปนรอยยิมนุม ่ ฉืออู่เหยาตอบช้าๆโดยไม่หันกลับมา “ยิงเจ้าเห็นเหตุผลและ


พฤติการณ์ขา้ มากเท่าไหร่ เจ้าก็ยงเข้
ิ าใจว่าข้าจะไม่ทําร้ายมันมากขึนเท่านัน ข้าคิดว่าหากพูด
กันแบบเปดอก นีก็เปนเหตุผลทีเจ้ายอมให้ ข้าเปน ‘ราชินี’ ”

“แค่นยั
ี งไม่พออีกหรือ?"

เชียนเหยิงเอ๋อร์ตะลึงงัน คิวสีทองขมวดมุน
่ ยิงกว่าเดิม “ทีแท้... เจ้า... เปน... ใคร!?"

"หากเจ้าอยากได้คําตอบจริงๆ...” ฉืออู่เหยายิมน้อยๆ “ข้าก็คือคนทีเข้าใจมันยิงกว่าเจ้า และ


บางที... ก็ อาจเปนคนทีรักมันเสียยิงกว่าเจ้า”

เชียนเหยิงเอ๋อร์ “!!!”
“เพียงแค่ว่า เจ้านัน.... เทียบกับข้าแล้ววาสนาดีกว่ากันมาก”

ประโยคนีทังสงบนิงและเอือยเฉือย.... แต่กลับแฝงด้วยความเยียบเย็นและโดดเดียวบางเบา

ฉืออู่เหยาเดินจากไป เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ยืนนิงอยูก
่ ับที เนินนานไม่จากไปไหน

ณ ตอนนี เวลานี ใต้หล้าล้วนไม่มผ


ี ู้ใดทราบ ว่าชะตากรรมของแดนเทพนัน พินาศลงด้วยการ
พูดคุยของ สตรีสองนางนีไปแล้ว

--------- ---------

จักรพรรดิผลาญจันทร์รว ่ งหล่น นาวาวิญญาณสวรรค์บรรลุถึงนครหลวงผลาญจันทร์ ช่วงชิง


พลังมารต้นกําเนิด จันทรคราสทังหมดยอมอยูใ่ ต้อาณัติของแดนดับวิญญาณ…. ข่าวสะเทือน
หล้ากระจายออกไปดุจพายุ ไม่นานก็ไป ทัวมณฑลเทวะอุดรจนวุ่นวายกันยกใหญ่

ส่วนข่าวเรืองหยุนเช่อถือครองพลังของจักรพรรดินีมารทลายสวรรค์ ใช้หนึงกระบีสับสังหาร
จักรพรรดิผลาญจันทร์ ขึนรับตําแหน่งจักรพรรดิดับวิญญาณ ยิงเปนหัวข้อทีผู้คนกล่าวถึงยิง
กว่า

ข่าวน่าสะพรึงดุจพายุใหญ่เช่นนี ตลอดประวัติกาลมณฑลอุดรไม่เคยปรากฏ
เทียบกับเมือครังจักรพรรดิจิงเทียนสินลมเมือหมืนปก่อน ยังน่าแตกตืนกว่าเปนพันเท่า

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทางด้านแดนมารอเวจีเองก็ต้องได้ทราบข่าวแล้ว... หากไม่ตอบโต้อันใด
เท่านัน

แดนดับวิญญาณ วิหารดับวิญญาณ

สามวันแล้วนับแต่กลับจากแดนผลาญจันทร์ หยุนเช่อบาดแผลบนร่างหายสนิทดีแล้ว แต่


กลับยังไม่ฟนตืนขึนมา

เชียนเย่หยิงเอ๋อร์เองก็เริมกังวลขึนมาบ้างแล้ว

วันนัน หยุนเช่อทีระเบิดพลังพลิกฟาทีไม่สมควรมีอยูอ
่ อกมา หรือผลสะท้อนกลับของพลังที
ว่าจะร้ายแรงกว่าทีคิด ไว้มาก?

ขณะนังอยูข
่ า้ งกายหยุนเช่อ เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ก็ยืนมือออกมาสัมผัสคอของมัน... นีเปนครังที
หกสิบของวันแล้วทีนาง ตรวจชีพจรหาอาการบาดเจ็บของมัน
ขณะทีนางเพิงโคจรลมปราณแผ่ออก ร่างของหยุนเช่อก็พลันเปล่งประกายแสงสีทองเรือง
รองออกมา

“!?" เซียนเย่หยิงเอ๋อร์ขมวดคิวแน่น สายตาพลันชะงักนิงเหนือศีรษะหยุนเช่อ

ตรงนันปรากฏเจดียท
์ องคําบริสท
ุ ธิเปล่งแสงเจิดจรัส โคจรหมุนวนอย่างแช่มช้า

เจดียส
์ ท
ี องหลังจ้อยนีเมือหมุนวน ก็เริมเปล่งแสงสีทองอาบย้อมทัวร่างของหยุนเช่อ

“เจดีย์ ล่องลอย...”

เชียนเย่หยิงเอ๋อร์พึมพําเบาๆ เมือฉุกคิดได้ นัยน์ตาสีทองก็พลันทอประกายจ้า

ประกายแสงสีทองเช่นนี นางก็เคยเห็นบนร่างของอีกคนหนึง

หมาปาสวรรค์ซซ
ี ู

จากความทรงจําทีเทพแห่งความพิโรธตกทอดมา มหาวิถีโพธิสัตว์ขันทีหกคือขีดจํากัดสูงสุดที
มนุษย์จะบรรลุถึง กล่าวได้ว่าสามารถทําให้รา่ งกายของมนุษย์ คืบเข้าใกล้ขอบเขตกายาเทพ
ได้อย่างแท้จริง!
พลังฝมืออันลึกลากล้าแข็งของหมาปาสวรรค์ชีซู หนึงในปจจัยหลักก็คือมันฝกฝนมหาวิถี
โพธิสตั ว์ จนร่างกายของมันสามารถทนรับข่ายปราณปองกันทีแม้แต่เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ในอดีต
ยังไม่อาจทนไหวได้

หมาปาสวรรค์ซซ
ี ูอาศัยพลังฝกปรือจ้าวเทวะขันเก้า จึงบรรลุมหาวิถีโพธิสัตว์ขันหกได้อย่าง
ยากเข็ญ

แต่หยุนเช่อนัน มันทีเปนราชันจักรพรรดิเทวะขันเจ็ด กลับบรรลุมหาวิถีโพธิสัตว์ขันหกเช่น


เดียวกับจ้าวเทวะขันเก้าซีซูแล้ว!

มหาวิถีโพธิสต
ั ว์ขนที
ั เหนือกว่าขันหกนัน ว่ากันว่าเปนขอบเขตทีมนุษย์ไม่มีวันสัมผัสถึงได้
เปนขอบเขตเฉพาะของ เทพแท้จริงเท่านัน
เล่มที 51 บทที 1672 ปริแตก

เมือใดทีมรรคายุทธ์มก
ี ารคืบหน้า เมือนันรัศมีพลังก็จะเปลียนตามไปด้วย

แต่ทกุ ครังทีมหาวิถีโพธิสต
ั ว์มก
ี ารคืบหน้า ทังรัศมีพลังและพลังชีวิตต่างก็มีการเปลียนแปลง
เกิดขึนเช่นกัน

ตอนทีอยูบ
่ นเวทีประทับเทพ หลังจากทีหยุนเช่อผ่านพ้นอสนีทัณฑ์เทวะเก้าชันฟามาได้ ตัว
มันในตอนนันสําเร็จ เคล็ดมหาวิถีโพธิสัตว์ขันห้า ต่อมาไม่ว่าจะทําความเข้าใจอย่างไร ก็ไม่มี
ความคืบหน้าใดๆ

แต่ครังนี เมือพลังเทพแท้จริงปรากฏขึน กลับเปนการเปดด่านมหาวิถีโพธิสัตว์ให้มันอย่างไม่รู้


ตัว

ทบทวีกับเส้นชีพจรโลหิตและไขกระดูกเทวะมังกร ระดับความแข็งแกร่งของตัวมันในตอนนี
นับว่าข้ามหน้าข้ามตา หมาปาสวรรค์ซีซูในอดีตไปแล้ว!

ผนวกกับพลังลมปราณธาตุแสงบนตัว ระดับความเร็วในการฟนฟูทางร่างกายและพลังยุทธ์
จึงบรรลุถึงขันทีไม่มใี ครเทียบเปรียบได้ เปนขอบเขตทีไม่อาจทําความเข้าใจได้โดยสินเชิง

พลังเทพแท้จริงทีปรากฏขึนเพียงชัวประกายไฟแลบ กลับไม่ได้นาํ มาซึงผลลัพธ์เพียงเท่านี

ตอนทีขอบเขตของมันถูกทะลวงออก กลับเกิดการหยังรูใ้ นกฏ “สุญญตา” ได้ลึกซึงยิงขึน


อย่างไม่ได้ตังใจ
“เช่อน้อย รีบตืนขึนมาเร็วเข้า! ได้เวลาลุกออกจากเตียงแล้ว!"

“อือ...ฟายังสว่างโร่อยูเ่ ลย ขอข้านอนต่ออีกหน่อยเถอะ"

“วันนีเปนวันมงคลของเจ้ากับคุณหนูซอ
ื ถู! ใกล้จะได้เวลาแล้ว ยังไม่รบ
ี ตืนขึนมาอีก!"

“เช่อน้อย นีคือข้าวต้มทีข้าเพิงปรุงเสร็จใหม่ๆ ร่างกายเจ้าออนแอนัก แต่ชว


่ งเช้ายังพอมีเวลา
อยู.่ ..เจ้าจะต้องทาน ให้หมดนะ”

“ได้ได้ได้”

“อ๊ะ...ไม่ต้องรีบรอนขนาดนันก็ได้ ยังพอมีเวลาอยู"่

“ฟุว….หมดแล้ว หลังจากนี ไม่ทราบจะได้ทานอาหารฝมืออาหญิงเล็กอีกสักแค่ไหน”

“ฮิฮิ นิเปนเจ้าตบแต่งบุตรีเจ้าเมืองเข้าตระกูล หาใช่เจ้าตบแต่งเข้าตระกูลอีกฝายไม่ ขอเพียง


เจ้าต้องการ ข้าก็ยงั ทํา อาหารให้เจ้าได้ทุกวันเหมือนก่อน แต่ว่านะเช่อน้อย หลังแต่งงานไป
แล้ว คงมีเวลาให้ขา้ น้อยลงทุกวันแน่แล้ว"

“จะเปนแบบนันได้อย่างไร! ข้าเพิงให้คํามันกับอาหญิงเล็กเมือวานนี ว่าหลังตบแต่งแม่นาง


ซือแล้ว ก็หา้ มลืมเลือนท่าน ห้ามใช้เวลากับท่านน้อยลง ยังต้องอยูใ่ นระยะเรียกของอาหญิง
เล็กเหมือนเดิม!"
“ฮิฮิ เจ้านีหว
ั หมอนัก!”

“หยวนปา เจ้ากลับตืนเช้าถึงเพียงนีได้?”

“เหอเหอ! วันนีวันวิวาห์ท่าน ข้าย่อมต้องมาช่วยอยูแ ่ ล้ว จะว่าไป ทีจริงแล้วข้ามีขา่ วดีจะมา


บอก ท่านพ่อข้าเมือวานก่อนได้เชิญสหายสนิททีเปนอาจารย์จากวังยุทธจันทร์เสียวมา คิดให้
เขาพาข้าเข้าสูว ่ ังยุทธ์ ไม่คาดท่านอาจารย์ อาวุโสกล่าวว่าด้วยพรสวรรค์ข้า ต้องสามารถเข้า
สูว
่ ังยุทธ์วายุครามได้แน่”

“โอ้! ประเสริฐนัก! นีสมควรเปนงานฉลองใหญ่ของทังเมืองเมฆาล่องเรา!”

“ฮีฮีฮี….. ข้าตืนเต้นจนสองวันมานีนอนไม่หลับ เมือข้าได้เข้าสูว


่ ังยุทธ์วายุคราม ข้าจะยิงเก่ง
ขึนไปกว่านี ข้าอยาก เห็นนักว่าใครจะกล้ามารังแกท่าน!”

“ตอนนีเรืองนีถือเปนความลับ ท่านพ่อบอกให้อุบเงียบไว้เพือไม่ให้เกิดปญหาวุ่นวายตามมา
ตอนนีเลยมีเพียงท่านทีทราบ อ้อ ใช้แล้ว เมือสองปก่อน ข้าได้ยินข่าวลือไม่ดีมาว่าท่านเจ้า
เมืองซือถูจะล้มเลิกงานหมันหมาย และยกแม่นางซือถูให้ลูกชายของประมุขตระกูลเซียว
เซียวยูห
่ ลงแทน ตอนได้ยนิ ข่าว ข้าโมโหยิง เลยไม่กล้าบอกกับท่าน แต่ถึงตอนนี ข่าวลือพวกนี
คงไม่มม ี ล
ู แล้ว”

“เมือมีไฟย่อมมีควัน ย่อมต้องมีสาเหตุ แต่ชา่ งเถอะ ข้าเปนคนพิการแบบนี สามารถมีเจ้าเปน


สหายได้ ตบแต่งบุตรีเจ้าเมือง ถือเปนของขวัญฟาประทานแล้ว"
“เช่อเอ๋อร์ การตบแต่งระหว่างเจ้าและบุตรีท่านเจ้าเมือง ก็เกิดขึนเพราะเหตุนี ท่านเจ้าเมือง
ซือในตอนนัน รูส ้ ก
ึ ซาบซึงต่อยิงเอ๋อร์ทีช่วยชีวิตบุตรีของมันเอาไว้ จึงได้สาบานเปนพีน้องร่วม
กับยิงเอ๋อร์ในทันที ทังยังประกาศต่อ หน้าฝูงชนว่าบุตรีของมันมีแต่จะต้องตบแต่งให้กับบุตร
ชายของเซียวยิงเท่านัน เพือเปนการตอบแทนบุญคุณเทียม ฟาในครังนี”

“และเปนเพราะการช่วยเหลือในคราวนัน พลังยุทธ์ของยิงเอ๋อร์จึงได้เหือดหายไปขุมใหญ่
พลังชีวิตบอบชา และ เปนตอนนันเองทีพลันพบเจอเข้ากับทรชนคนหนึง ถูกมันวางแผนร้าย
เล่นงาน”

ทังทีได้สติกลับมาแล้ว แต่ไม่รูเ้ พราะเหตุใดถึงไม่อาจตืนขึนมาได้…..กลับกัน มีแต่เสียงทีดัง


ระงมอยูใ่ นมโน สํานึกอย่างไม่ให้หยุดให้หย่อน

และถึงแม้เสียงเหล่านียังคุ้นเคยเปนอย่างยิง แต่กลับให้ความรู้สึกห่างเหินแปลกประหลาดใน
เวลาเดียวกันนี

ทังทีดังสะท้อนไปมาอยูใ่ นความคิด แต่ก็คล้ายห่างเหินจนไม่มีวันสัมผัสได้


สติอันพร่าเลือนกําลังบอกกับมันว่า เสียงทีทังคุ้นเคยและห่างเหิน ทังอยูใ่ กล้และอยูไ่ กลเหล่า
นี มันไม่ใช่เพิงได้ยน
ิ เปนครังแรก แต่เคยปรากฏขึนในความฝนก่อนหน้านีมาแล้ว

ฝนอันพิสดารสุดแสนเหล่านี เซียหยวนปาในความฝนมีความสูงไล่เลียกันกับมัน รูปร่าง


ผ่ายผอม หน้าตาหล่อเหลาคมคาย รวมถึงพรสวรรค์ทางมรรคายุทธ์ทีน่าตืนตกใจอย่างทีสุด
และคนทีมันต้องแต่งงานด้วยในความฝนกลับไม่ใช่เซียชิงเยว่ แต่เปนบุตรสาวท่านเจ้าเมือง
เมฆาล่อง ซือถูซวน

แม้แต่เด็กทารกทีเซียวยิงเคยช่วยชีวิตเอาไว้ในอดีต ยังเปนซือถูซวน

ในความฝน เซียหยวนปาอิจฉาทีมันมีอาหญิงเล็กคอยอยูเ่ คียงข้างตลอดเวลาเปนอย่างยิง


เพราะตัวมันเองกลับ ไม่มพ
ี ีสาวน้องชายแม้แต่คนเดียว

แล้วเพราะเหตุใดความฝนอันเหลวไหลพวกนีถึงได้กลับมาปรากฏขึนอีกครัง
ทังยังปรากฏขึนพร้อมๆ กัน

สติสมั ปชัญญะของหยุนเช่อเริมเกิดการดินรน พยายามสุดฤทธิทีจะฟนคืนสติกลับมา ทันใด


นัน...คลืนทะเลความคิดของมันกลับจมจ่อมหายเข้าไปในพืนทีสีขาวอันบิดเบือนอย่างรุนแรง
แถบหนึงอย่างไม่มก
ี ารบอกกล่าวล่วงหน้า

ท่ามกลางโลกหล้าสีขาวอันบิดเบียวแห่งนี พลันเกิดเสียงขาดๆ หายๆ ดังสะท้อนก้องไปมา….

“เจ้า(ข้า)ต้องการแบบนีจริงๆ?"
“ควรรูว
้ ่าเจ้า(ข้า)..... ผ่านพ้นคืนวันมายาวนานเพียงใด……. กลับชาติมาเกิดกีครังต่อกีครัง…..
ถึงจะมีตัวเจ้าที ‘สมบูรณ์’ ได้ในทีสุด…..”

“หากเอาทุกสิงทุกอย่างทีมี…….เอาพลังต้นกําเนิดมอบให้กับมัน……..เจ้า(ข้า)ย่อมไม่มีวันจะ
อยูบ
่ นโลกนีต่อไปอีก…...”
“ถึงอย่างไร…... มันก็เปนแค่มนุษย์คนหนึงเท่านัน…...”

“เอาเถอะ…... ตามทีเจ้า(ข้า) ต้องการ…... อย่างไรเสีย ปณิธานของเจ้า(ข้า) ก็คือปณิธานของ


ข้า(เจ้า)”

“ร่างกายอันเปราะบางของเขาไม่อาจสืบทอดพลังของข้า(เจ้า) ข้า(เจ้า)ก็ไม่อาจมอบมันให้กับ
เขาได้เช่นกัน ที สามารถมอบให้ได้ พวกเรามีเพียง [กายาศักดิสิทธิ] ทีต้องใช้กฏแห่งสุญญตา
ถักทอขึน มันสามารถบรรจุ พลังทังมวลในใต้หล้าเอาไว้ได้ "

“เช่นนีแล้ว ยังไม่พออีกหรือ?”

“ไม่…… จะอย่างไรบนโลกนี โชคชะตาก็เปนสิงทีไม่อาจแทรกแซงอย่างถึงทีสุด"

“ต่อให้เปนข้า (เจ้า) ก็ไม่อาจ”

“เอาเถอะ…..หากเจ้า(ข้า)ยืนกรานเช่นนีละก็….. "

“การบิดผันทางโชคชะตา ต่อให้เปนเพียงแค่เล็กน้อย ก็ยังพัวพันถึงการเปลียนแปลงทางผล


พวงแห่งกรรมของ โลกทังใบ ผลทีจะตามมา ไม่ใช่สิงทีใครก็สามารถคาดการณ์หรือควบคุม
ได้ ต่อให้คนๆ นันเปนเจ้า (ข้า) ก็ตาม”

“บางทีพลังต้นกําเนิดขุมสุดท้ายอาจเพียงพอทีจะแก้ไขผลพวงแห่งกรรมได้อีกครังหนึง”

“เพียงแต่จําต้องใช้เวลานานสักหน่อย...อาจต้องใช้เวลาหลายป หรือหลายสิบป”
“ในช่วงเวลานี ข้า(เจ้า)จะต้องหยุดการไหลของช่วงเวลาบนโลกนีเสียก่อน….. นอกจากนัน
นีก็ใกล้จะได้เวลาส่งตัวเขาไปทีโลกนันเพือผสานเข้ากับพลังต้นกําเนิดให้สําเร็จสมบูรณ์….”

“เฮือก!"

หยุนเช่อพลันเบิกตาโพลง ผวาลุกขึนนัง

เสียงทีดังขาดๆ หายๆ และสะท้อนไปมาอยูใ่ นห้วงคํานึงก่อนหน้านีพลันเบาบางและเหินห่าง


ออกไปอย่างรวดเร็ว มันรีบผนึกจิตเรียกรังเสียงเหล่านันไว้ พยายามทีจะจดจําสิงทีได้ยินไว้ให้
ได้ แต่เสียงเหล่านันกลับยิงมายิงห่างออก ไป ยิงมายิงเบาบางลงจนท้ายทีสุด ก็อันตรธานไป
จากความทรงจําของมันโดยสมบูรณ์

แม้แต่คําเดียวมันก็ไม่อาจจดจํา

“ในทีสุดเจ้าก็ตืน"

หยุนเช่อเงยศีรษะ พบเห็นเชียนเย่หยิงเอ๋อร์กําลังยืนกอดอกพิงกําแพงอยูห
่ า่ งออกไป จ้อง
มองมาทางมันด้วยแวว ตาเย็นชา

หลังสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงสองสามครัง หยุนเช่อก็พลันตระหนักถึงการเปลียนแปลง
ขนานใหญ่บนร่างกายของตัวเอง

การโคจรของพลังชีวิตและรัศมีพลัง การไหลเวียนของกระแสเลือด ลักษณะการหายใจเข้า


ออก ความเฉียบ คมในการสัมผัสพลังฟาดิน....ทังหลายเหล่านีล้วนแปรเปลียนไปหมดสิน
มันเพ่งกระแสจิต..พบว่าเจดียโ์ พธิสัตว์ทีสงบนิงมาเปนเวลานาน ถึงกับเปลียนเปนสีทอง
อร่าม

จู่ๆ เคล็ดมหาวิถีโพธิสต
ั ว์ก็มก
ี ารพัฒนาขึนอีกครัง หนําซาชายหนุม
่ ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจน
ถึงความรุดหน้าก้าวใหญ่ทีการพัฒนาครังนีนํามา ซายังเหนือลายิงกว่าครังก่อนๆ อย่างทาบ
ไม่ติด

จัสมินเคยบอกกับมันเอาไว้ว่า เคล็ดมหาวิถีโพธิสัตว์ทีมีทังหมดสิบสองขัน ด้วยสรีระร่างกาย


ของมนุษย์ ฝกจนถึงขันทีหกก็ถือเปนขีดจํากัดแล้ว เหนือเส้นแบ่งเขตนีขึนไปก็คือขอบเขต
แห่งทวยเทพทีมนุษย์ไม่มว
ี ันแตะต้องเอือมถึง

มันลองแกว่งแขนไปมา รับรูถ
้ ึงการเปลียนแปลงทีเกิดขึนกับร่างกายอย่างเงียบๆ ด้วยสรีระ
ของมันตอนนีทีเกิดการพลิกโฉมใหม่อีกครัง เวลาทีต้องเปดด่านทัณฑ์อสูรโลกันตร์ก็ไม่จําเปน
ต้องแบกรับภาระบาดแผลอันหนักหน่วงเช่นนันอีก ทังยังเปนไปได้ว่าจะยืดระยะเวลาการใช้
งานได้อีกด้วย

รอถึงตอนทีมันได้บรรลุเปนจ้าวเทวะ การรักษาสภาวะด่านทัณฑ์อสูรโลกันตร์เสมือนลม
หายใจเข้าออกก็ไม่ใช่ว่าจะ เปนไปไม่ได้อีก

ปง!

เกิดเสียงอัดอากาศดังทึบทีม อาภรณ์ของหยุนเช่อทีเพิงผลัดเปลียนพลันฉีกขาดไปครึงส่วน
ชายหนุม ่ ขมวดคิวนิวหน้า จากนันพลันเงยหน้ามองไปทางเชียนเย่หยิงเอ๋อร์พร้อมสังว่า “กาง
ม่านปราการ อย่าให้ ใครเข้ามาเด็ดขาด”
"......" แขนทีไขว้อยูเ่ หนือทรวงอกของเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ขยับเกร็งขึนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
เสียงเย็นว่า “ด้านนอกมีนางมารสองคนเฝาอยู่ เจ้าควรอดกลันเสียหน่อย!"

"ข้าตังใจจะทะลวงด่าน คุ้มกันข้าด้วย!”

พูดจบ หยุนเช่อก็ขยับวาดแขน เริมผนึกจิตชักนํากระแสพลังทีกําลังพลุ่งพล่านจวนเจียนจะ


ทะลุคอขวดอยูร่ อมร่อ

เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ตกใจจนสะอึกอึง ก่อนจะรีบกดตัวออกจากกําแพงโดยไว สองมือขยับวาด


กราด กางออกเปนม่านปราการแขนงหนึง ในขณะเดียวกันก็สง่ สัญญาณเสียงแจ้งบอก
ฉืออู่เหยา อย่าได้ปล่อยให้มค
ี นหรือมีเสียงเข้าใกล้รบกวนเปนอันขาด

ทุกครังทีหยุนเช่อทะลวงด่านย่อย ล้วนแตกต่างจากผู้ฝกยุทธ์ทัวไปโดยสินเชิง

การทะลวงด่านของราชันจักรพรรดิเทวะ คือการเปลียนแปลงคุณสมบัติพลังน้อยใหญ่อย่าง
ยาวนานและสงบนิง ทว่าทุกย่างก้าวทะลวงด่านราชันจักรพรรดิเทวะของหยุนเช่อ ล้วน
บังเกิดกระแสลมปราณโคจรหมุนวนประดุจคลืนยักษ์ทะเลคลังชนิดทีสามารถบดขยีเส้น
ชีพจรลมปราณทัวไปให้แหลกลาญ

การทะลวงด่านราชันจักรพรรดิเทวะสองสามขันแรก มันทะลวงด่านภายในนาวาปราณบรรพ
กาล ครังนีทะลวงด่านภายในวิหารดับวิญญาณ เทียบกันแล้วยังปลอดภัยมากกว่า
ภายในข่ายปราณ เชียนเย่หยิงเอ๋อร์เฝามองหยุนเช่อทะลวงด่านอย่างเงียบๆ กระแสลมปน
ปวนวุ่นวายพัดเส้นผม และชายกระโปรงนางปลิวไสว มีเพียงสายตานางเท่านันทีไม่ขยับไป
ไหน

กระทังตัวนางเองก็เริมรูส
้ ก
ึ แล้วว่า นางเปลียนไปแล้วจริงๆ
เปลียนไปเปนตัวตนทีนางไม่มว
ี ันเชือและยอมรับได้ ตัวตนทีนางรังเกียจเดียดฉันท์ทีสุด

แต่นางก็ทราบดีว่าทังหมดทังมวลทีทําให้นางเปลียนแปลงไปอย่างชัดเจนและแนบเนียนนี
มิใช่ตัวนาง แต่เปน ฉืออู่เหยา

วาจาประหลาดทุกคําก่อนหน้าของฉืออู่เหยา จวบจนบัดนียังดังก้องอยูใ่ นใจนาง

หลังผ่านไปไม่ถึงครึงชัวยาม กระแสลมทีร่างหยุนเช่อแผ่ออกก็เริมสงบลง

มันลืมตาขึน สองตาสาดประกายเทวะลึกลาสงบนิงยิงกว่าเก่า

ร่างมันแผ่รศ
ั มีพลังของราชันจักรพรรดิเทวะขันแปดออกมาอย่างเงียบงัน

ผนวกกับมหาวิถีโพธิสต
ั ว์ทีก้าวหน้า แม้ชายหนุม
่ จะเพียงขยับขึนหนึงช่วงชันย่อย หากพลัง
ฝมือโดยรวมทีเพิมพูนขึนนัน ย่อมมิใช่สิงทีคนทัวไปจะจินตนาการได้

การสังเวยแก่นพลังต้นกําเนิดเทพดาราสีขุมเพือเปดใช้ “เถ้าเทวะ” สองอึดใจ เดิมคาดว่าคง


ต้องแบกรับผลกรรมสาหัส ไม่คิดว่าจะสามารถอาศัยโอกาสนีทะลวงด่านไปได้อีกขัน
แววตาทีลืมขึนของชายหนุม
่ ไร้ซงเศษเสี
ึ ยวของความยินดีหรือตืนเต้น

อย่างไรเสีย สําหรับมันแล้ว นีก็เปนเพียงอีกก้าวหนึงบนเส้นทางแห่งการล้างแค้น เปนก้าวที


ถูกกําหนดให้ต้องเดินผ่านอยูแ่ ล้ว

“เสร็จแล้วหรือ?” เชียนเย่หยิงเอ๋อร์หันกายมาพร้อมเสยเส้นผมสีทอง ท่วงท่าเผลอไผลเช่นนี


นางไม่เคยทําต่อ หน้าหยุนเช่อมาก่อน

“ไม่เพียงไม่พิการ ไม่เพียงไม่สนใจ
ิ แต่กลับช่วยหนุนเสริมให้เจ้าทะลวงด่าน เหอะ! เจ้านีตาย
ยากจริงๆ!”

เชียนเย่หยิงเอ๋อร์เอยเสียงเย็นพลางกางมือออกเตรียมปลดขายปราณ

หยุนเช่อกลับยกมือปรามนางไว้ก่อนถาม “แดนผลาญจันทร์เปนไงบ้าง?"

เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ตอบ “นอกจากเฝนเต้าจวินและเฝนเต้าจ้างทีเจ้าเชือดทิงไป จันทรคราส


และเทวทูตผลาญจันทร์ทีเหลือ ล้วนสวามิภักดิกันหมดแล้ว นครหลวงผลาญจันทร์ตกอยูใ่ ต้
อํานาจควบคุมของนางมาร”

“ทังหมดเลย!?” หยุนเซ่อขมวดคิวแน่น

“แนวทางของฉืออู่เหยา เจ้าเองก็เคยเจอมาแล้ว” เชียนเย่หยิงเอ๋อร์สบตาอีกฝาย


“จันทรคราสเหล่านันเดิมก็ถูกเจ้าข่มขวัญจนจิตไม่มันคง ถูกเสียงมารดับวิญญาณของนาง
เข้าไปซาเติมอีกคํารบ แค่ไม่กีคําก็ล้วนกระทบกระแทกจุดสําคัญ ซึงอาศัยนามและพรสวรรค์
เจ้าเข้าควบคุมแดนผลาญจันทร์ได้โดยไม่เสียเลือดเนือ”

“นีมิใช่เรืองดีหรอกรึ? ทุกอย่างราบรืนยิงนัก”

“......” หยุนเช่อพลันเงียบเสียง สีหน้ากลายเปนไม่นา่ ดู

“มีอะไร? เพิงจะรูส
้ ก
ึ ตัวว่าฉืออู่เหยาผู้นีน่ากลัวยิงหรือไร?" เซียนเหยิงเอ๋อร์ว่า

หยุนเช่ออับจนคําพูด ไม่ต่างจากยอมรับกลายๆ

ในสมองมัน เริมย้อนทวนภาพทุกเรืองทีเกิดขึนนับแต่ยา่ งเท้าสูแ


่ ดนผลาญจันทร์ ทุกภาพทุก
ถ้อยคํายิงทําให้มน
ั ขมวดคิวแน่นกว่าเดิม

“หากนางไร้ปญญาความสามารถ ไหนเลยจะคู่ควรให้พวกเราร่วมมือด้วย" เชียนเย่หยิงเอ๋อร์


กล่าว “ไม่ต้องพูดถึงว่าแนวทางอันยอดเยียมของนาง ยังต้องพึงพิงพวกเราอีกมาก อย่างน้อย
ทีสุดในตอนนี พวกเราก็มเี ปาหมายเดียวกัน มีแต่ผลประโยชน์ไม่มีข้อขัดแย้ง เจ้าอย่าเพิง
กังวลอะไรให้มากเลย"

หยุนเช่อเงยหน้าขึนมองด้วยคิวยับย่น ก่อนสบตาเชียนเย่หยิงเอ๋อร์พร้อมเอ่ยช้าๆ “เจ้ากําลัง


แก้ตัวให้นาง"

"....." เชียนเย่หยิงเอ๋อร์พลันชะงักไป สองตาทอแววสับสนเล็กน้อย “เหมือนจะเปนแบบนัน


หรือเจ้า... คิดว่าข้าเองก็ ถูกนางชิงวิญญาณไปแล้ว?”
หยุนเช่อนิงเงียบอยูน
่ าน ก่อนสุดท้ายยืนเหยียดแบมืออก เพียงเสียวพริบตา โลกหล้าก็ราวกับ
ปรากฏกลินอายพิสท ุ ธิอาบย้อมจนพลิกผัน

โอสถบรรพโกลาหล!

ก่อนหน้านีทีแดนเทพปฐมต้นกําเนิด เหอหลิงหลอมรวมไขกระดูกเทวบรรพโกลาหลและผล
เทวะปฐมต้นกําเนิดเข้าด้วยกัน แบ่งเปนโอสถบรรพโกลาหลสองเม็ด

เมือเชียนเย่หยิงเอ๋อร์ยอ
่ ยสลายโอสถเข้าไป พลังฝมือนางก็รุดหน้าก้าวกระโดดในครึงป บรรลุ
สูจ
่ ้าวเทวะขันแปด

ส่วนอีกเม็ด หยุนเช่อเดิมเตรียมไว้ให้ตนเองหลังบรรลุสจ
ู่ ้าวเทวะแล้ว

ทว่ายามนี ชายหนุม
่ กลับนํามันออกมาก่อนถึงเวลา ซายัง… ยืนส่งให้เซียนเย่หยิงเอ๋อร์อีกด้วย

“เอาไป”
โอสถบรรพโกลาหล โอสถระดับสูงส่งแห่งมรรคายุทธ์ในใต้หล้าปจจุบัน กระทังจักรพรรดิ
ศักดิสิทธิยังไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้ครองปาฏิหารย์เช่นนัน ทว่าเมือเห็นโอสถบรรพโกลาหล
เม็ดทีสองนี เซียนเย่หยิงเอ๋อร์กลับขมวดคิว นาเสียงกดตาเย็นชาลงหลายส่วน

“หมายความว่าไง ? รูส
้ ก
ึ ผิดเหรอ? คิดจะชดใช้ให้? เวทนาข้าหรือไง?”

“เปล่า” หยุนเช่อเอ่ยช้าๆ “เรืองครานีทําให้ข้ารู้สึกถึงวิกฤต ฉืออู่เหยาฉวยโอกาสใช้


ประโยชน์จากกัลปทมิฬวินาศข้าอย่างสุดโต่ง แต่ว่า… ด้านพลังพืนฐานแล้วเรายังห่างชันกับ
นางอยูม
่ าก”

“มีเพียงพลังของเจ้าเท่านัน ทีเปน…. ของของข้าอย่างแท้จริง”

You might also like