Professional Documents
Culture Documents
27 ตุลาคม 2566
วันทีจัดส่ง / /
หลักสูตรพลังงานสําหรับผู้บริหาร รุ่นที 8
บทความวิชาการด้านพลังงานฉบับสมบูรณ์
“ข้อเสนอแนะ เชิ งนโยบาย และ แนวปฏิ บตั ิ ทีเป็ นรูปธรรม
เพือการบรรลุเป้ าหมาย ความเป็ นกลางทางคาร์บอน” ของ
ประเทศไทย
นําเสนอโดย
กลุ่ม ต้นไม้
ผู้เข้าร่วมหลักสูตรพลังงานสําหรับผูบ้ ริหาร รุ่นที 8 (EEP8)
รายชือสมาชิกกลุ่มผูจ้ ดั ทํารายงานวิชาการ
ลําดับที ชือและนามสกุล ตําแหน่ งรับผิดชอบในกลุ่ม
1. นาย พีรศุษม์ ธีระโกเมน หัวหน้ากลุ่ม
2. นาย ธงชัย สิรจิ รรยาพงศ์ รองหัวหน้ากลุ่ม
3. นาง นุ ชนารถ ลาภาสระน้อย
4. นาย มนต์ชยั รุ่งชาญชัย
5. นาย คุณาลัย อยู่อกั ษร
6. นาย ปิ ยะวุฒิ วงศ์เลิศวิทย์
7. นาย กรภัทร ศรีสุพงิ ค์
8. นางสาว สุจติ รา สุวรรณพัฒนาชัย
9. นาย ภูธร กวีพนั ธ์
10. นาย เมษ ธีรนิติ
11. นางสาว ชฎาภรณ์ หวัง
12. นาย ศุภกฤต โพธิเพชร
13. นาย ธีร จําเริญเลิศ เหรัญญิก
ปเปด ระยะทาง
สาย เสนทาง สถานี
บริการ (ก.ม.)
อีสาน กทม. - โคราช 2569 251 6
โคราช - หนองคาย 2572 434 5
ใต กทม. - หัวหิน 2575 211 5
หัวหิน - ปาดังเบซาร 2578 759 7
เหนือ กทม. - พิษณุโลก 2572 380 7
พิษณุโลก - เชียงใหม 2576 293 5
ตะวันออก ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ 2569 50.5 10
ดอนเมือง - อูตะเภา 2572 220 9
อูตะเภา - ระยอง - ตราด 2574 200 4
รูป 5 แผนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของกระทรวงคมนาคม
โครงการรถไฟฟ้ าขนส่งมวลชนในเขตนครหลวง
(1) โครงการรถไฟฟ้ า สายสีเ หลือ ง ช่ ว งลาดพร้าว-สํ าโรง เป็ นระบบขนส่งมวลชนประเภท
รถไฟฟ้ ารางเดียว มีลกั ษณะเป็ นโครงสร้างยกระดับตลอดแนวเส้นทาง มีระยะทางทังสิน 30.4 กิโลเมตร
รวม 23 สถานี เปิ ดให้บริการเชิงพาณิชย์ปี 2566
(2) โครงการรถไฟฟ้ าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุร ี (ระยะที 1) เป็ นระบบขนส่งมวลชนสายรอง
ประเภทรถไฟฟ้ ารางเดียวแบบคร่อมราง (Straddle Monorail) สายแรกของประเทศไทย ก่อสร้างเป็ น
ทางยกระดับตลอดเส้นทาง รวมระยะทางประมาณ 34.5 กิโลเมตร จํานวน 30 สถานี โดยมีจุดเริมต้นบน
ถนนรัตนาธิเบศร์บริเวณด้านหน้าศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุร ี โดยมีจุดสินสุดโครงการทีทางแยกร่มเกล้า
บริเวณซอยรามคําแหง 192 คาดว่าจะเปิ ดเดินรถปลายปี 2566
(3) โครงการรถไฟฟ้ าสายสีช มพู ส่ว นต่ อ ขยายช่ ว งสถานี ศ รีร ัช-เมือ งทองธานี (ระยะที 2)
ระยะทาง 3 กิโลเมตร คาดว่าจะสามารถเปิ ดให้บริการได้ภายในปลายปี 2567
(4) โครงการรถไฟฟ้ าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระบบ
รถไฟฟ้ าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (Heavy Rail) มีระยะทางรวมทังสิน 23.63 กิโลเมตร เป็ นโครงสร้างใต้
ดิน 14.29 กิโลเมตร และโครงสร้างยกระดับ 9.34 กิโลเมตร มีสถานีรวมทังสิน 17 สถานี เป็ นสถานีใต้
ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี โรงจอดรถไฟฟ้ า และอาคารจอดแล้วจร 4 อาคาร คาดว่าจะ
เปิ ดให้บริการในปี พ.ศ. 2570
(5) โครงการรถไฟฟ้ า สายสีส ้ม ช่ ว งบางขุ น นนท์ - มีน บุร ี (สุว ิน ทวงศ์) มีแนวเส้น ทางเชือม
ระหว่างกรุงเทพฯ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร รวม 28 สถานี แบ่งออกเป็ น
เส้นทางฝังตะวันออก ช่วงศูนย์วฒ ั นธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุร ี (สุวนิ ทวงศ์) และฝั งตะวันตก ช่วงตลิง
ชัน-ศูนย์วฒั นธรรมแห่งประเทศไทย ด้วยการเดินรถไฟฟ้ าแบบรางหนัก คาดว่าเร็วทีสุดจะเปิ ดใช้บริการ
ได้ในปี 2568
(6) โครงการรถไฟฟ้ าสายสีแดง ส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ช่วงตลิงชัน-ศาลายา ตลิงชัน-ศิรริ าช
และรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระยะทาง กิโลเมตร
โครงการระบบขนส่งมวลชนเมืองหลักในส่วนภูมิภาค
(1) โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชีย งใหม่ ช่วงโรงพยาบาลนครพิงค์ - แยกแม่เหียะ
สมานสามัคคี ระยะทาง 15.8 กิโลเมตร เริมดําเนินการก่อสร้างภายในเดือนกันยายน 2568 คาดว่าจะ
เปิ ดให้บริการได้ภายในเดือนธันวาคม 2571
(2) โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ช่ วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต - ห้าแยก
ฉลอง ระยะทาง 42 กิโลเมตร เริมดําเนิ น การก่อ สร้างภายในเดือ นกรกฎาคม 2568 และพร้อ มเปิ ด
ให้บริการภายในเดือนธันวาคม 2570
(3) โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา (สายสีเขียว) ช่วงตลาดเซฟวัน - สถานี
คุม้ ครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ ระยะทาง 11.15 กิโลเมตร เริมดําเนินการก่อสร้างภายในเดือน
กันยายน 2568 และพร้อมเปิ ดให้บริการได้ภายในเดือนธันวาคม 2571
(4) โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดพิษณุ โลก สายสีแดง (ช่ วงมหาวิทยาลัย พิษณุ โลก –
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพิษณุโลก) ประกอบด้วย 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 12.6 กิโลเมตร โดยใช้ระบบ
รถรางล้อยาง (Auto Tram) พร้อมเปิ ดให้บริการประมาณปี 2571
(5) โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดขอนแก่น คาดว่ าจะสามารถเปิ ด ให้บริก ารได้ภายใน
ปลายปี 2569
(6) โครงการระบบขนส่ ง มวลชน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทีมีรู ป แบบเป็ น รถไฟฟ้ ารางเดียว
เส้น ทาง คลองหวะ-สถานี ร ถตู้ ระยะทาง 12.54 กม. เริมก่ อ สร้า งปี 2566 และพร้อ มเปิ ด ให้บ ริก าร
ประมาณปี 2569
(1) กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก
เป็ นกลุ่มอุตสาหกรรมทีมีอตั ราการใช้พลังงานสูงเป็ นลําดับต้นๆ และส่วนใหญ่มเี ครืองจักรอายุ
มากและยังใช้เทคโนโลยีทีไม่ได้มปี ระสิทธิภาพสูงมากนัก ซึงเครืองจัก รสมัย ใหม่จากต่างประเทศทีมี
ประสิทธิภาพสูงเป็ นทางเลือกทีตรงไปตรงมาในการเพิมประสิทธิภาพ นอกจากนีการปรับเปลียนชนิด
เชือเพลิงเช่ น เชือเพลิงชีวมวล หรือ Biogas ก็ช่วยลดการใช้เชือเพลิงฟอสซิลและถ่านหิน แต่ก็ต้อง
คํานึงถึงอายุการใช้งานเครืองจักรจากการเปลียนชนิดเชือเพลิงด้วย
(2) กลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
การผลิตปูนซีเมนต์เป็ นกลุ่มอุตสาหกรรมทีมีสดั ส่วนการใช้พลังงานขันสุดท้ายสูงทีสุด คิดเป็ น
กว่า 20% ของอุตสาหกรรมทังหมด พลังงานจํานวนมากถูกใช้ในการผลิต Clinker ซึงต้องเผาทีอุณหภูมิ
1400 องศาเซลเซีย ส ทังนีการปรับ ปรุ ง ประสิท ธิภ าพของหม้อ เผา (kiln) ก็มีส่ว นเพิมประสิท ธิภ าพ
พลัง งานของโรงงานผลิต ปู น ซีเ มนต์ไ ด้ม าก แต่ โ อกาสในการเพิมประสิท ธิภ าพไปมากกว่ า นี เริมมี
ขีดจํากัด ทังนีโรงงานต่างๆเริมสนใจในการนําวัสดุอนมาผสมในการผลิ
ื ตปูนซีเมนต์ เช่น ขีเถ้า slag และ
calcined clay เพือผสมในเนื อปู น ซี เ มนต์ แ ทน clinker ทํ า ให้ ล ดอัต ราการผลิต clinker และการใช้
เชือเพลิงด้วย
หน่ ว ยงานต่ า งๆนํ า โดยกรมพัฒนาพลัง งานทดแทนและอนุ ร ัก ษ์ พ ลัง งาน (พพ.) ได้ร่ ว มกับ
ภาคเอกชนจัดทําแนวทางในการอนุ รกั ษ์พลังงานและปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานในกลุ่มอุตสาหกรรม
ข้างต้นรวมถึงอุตสาหกรรมอืนๆ เป็ น 4 แนวทาง ได้แก่
1. กําหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง-ขนาดใหญ่ จัดทําระบบการจัดการพลังงานตาม ISO
50001
2. ส่ง เสริมการลงทุ น หรือ การเข้า ถึง แหล่ง เงิน ทุ น สํา หรับเครืองจัก รและอุป กรณ์ อุต สาหกรรม
ประสิทธิภาพสูง รวมถึงให้รฐั และองค์กรวิชาชีพวิศวกรรมกําหนดมาตรฐานความรู้ ความเข้าใจ
ในการเดินเครืองและบํารุงรักษาเครืองจักรเพือให้คงประสิทธิภาพทีดี
3. จัดบริการเพือให้คําปรึก ษาและแนะนํ าด้านการเพิมประสิท ธิภ าพพลังงานให้ก ับอุต สาหกรรม
ขนาดเล็ก
4. ส่งเสริมให้กลุ่มบริษทั ESCO เป็ นผูน้ ําในการผลักดันและให้ความรูด้ า้ นการประหยัดพลังงาน
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565
10.00
8.81 8.99 8.80 8.75 8.96 8.91 8.69 8.49
9.00 8.39 8.19
7.89 7.98 7.82
8.00 7.46
ค่าความเข้มของการใช้พลังงาน (EI)
7.00
6.00
5.00
4.00
3.00
2.00
1.00
2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565 2566(H1)
4.5 ความท้าทายและอุปสรรค
ตาราง เปรียบเทียบเป้ าหมายและสมมติฐานของแผน EEP 2018 และ EEP 2022 (เรืองเดช ปั นด้วง. n.d.)