Professional Documents
Culture Documents
วงจรอันดับหนึ่ง
วงจรอันดับหนึ่ง (First-Order Circuits)
วงจรอันดับหนึ่ง คือ วงจร RC และ RL ซึ่งสามารถอธิบายคุณลักษณะของวงจรได้ด้วยสมการเชิงอนุพันธ์อันดับ
หนึ่ง (First-order differential equation) โดยการประยุกต์ใช้กฎของเคิร์ชฮอฟฟ์ (Kirchhoff’s Laws)
วงจร RC
วงจร RL
2
ผลตอบสนอง (Responses)
วงจร RC และ RL ที่ไม่มีแหล่งจ่าย – ผลตอบสนองของวงจรจะเกิดจากพลังงานที่สะสมอยู่ในอุปกรณ์วงจรทั้งตัว
เก็บประจุและตัวเหนี่ยวนำ เรียกว่า ผลตอบสนองธรรมชาติ (Natural response)
วงจร RC และ RL ที่ มีแหล่งจ่าย – ผลตอบสนองของวงจรจะเกิดจากการกระตุ้นวงจรด้วยแหล่งจ่ายอิสระ
(Independent source) เรียกว่า ผลตอบสนองบังคับ (Force response)
สภาวะคงตัว (Steady-State)
ตัวเก็บประจุ
1. ตัวเก็บประจุจะเปิดวงจร (Open circuit) เมื่อได้รับ DC voltage
2. แรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัวเก็บประจุจะมีค่าคงที่และกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวเก็บประจุจะมีค่าเป็นศูนย์
ตัวเหนี่ยวนำ
1. ตัวเหนี่ยวนำจะปิดวงจร (Short circuit) เมื่อได้รับ DC voltage
2. กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวเหนี่ยวนำจะมีค่าคงที่และแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัวเหนี่ยวนำจะมีค่าเป็นศูนย์
3
6.1 วงจร RC และ RL ที่ไม่มแี หล่งจ่าย
6.1.1 วงจร RC ที่ไม่มีแหล่งจ่าย
วงจร RC ที่ไม่มีแหล่งจ่ายจะเกิดขึ้น เมื่อปลดแหล่งจ่ายออกจากวงจรทันที พลังงานจะถูกสะสมอยู่ในตัวเก็บประจุ
แล้วจะปล่อยออกไปยังตัวต้านทานที่ถูกต่ออยู่ในวงจร
4
▪ จากรูปวงจร ใช้กฎกระแสของเคิร์ชฮอฟฟ์ (Kirchhoff’s Current Laws)
dv v dv v
iC + iR = 0 C + =0 หรือ + =0
dt R dt RC
▪ จัดรูปสมการใหม่
dv dt
=−
v RC
t
ln v(t ) = − +K
RC
▪ หา K, t = 0
0
ln v(0) = − +K
RC
K = ln v(0) = ln V0
5
▪ แทนค่า K = ln V0 และยกกำลัง e จะได้
t
ln v(t ) = − + ln V0
RC
v(t ) t
ln =−
V0 RC
t
v(t ) −
= e RC
V0
t
−
v(t ) = V0e RC
;V0 = initial voltage
6
7
=> กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทาน
v(t ) = V0e − t
v(t ) V0 −t
iR (t ) = = e
R R
=> กำลังไฟฟ้าที่ใช้โดยตัวต้านทาน
V02 −2t
p (t ) = v(t )iR (t ) = e
R
=> พลังงานที่ดูดซับโดยตัวต้านทาน
t
1
wR (t ) = p(t ) dt =
0
2
CV02 (1 − e −2t )
8
ตัวอย่างที่ 6.1 กำหนดให้ vC (0) = V0 = 15V จงหา vC (t), vx (t) และ ix (t) ที่ t > 0
➢ หา Req
5 20
Req = = 4
5 + 20
= Req C = 4 0.1F = 0.4s
➢ หา vC(t)
vC (t ) = 15e−2.5t V
➢ หา vx(t)
12
vx (t ) = vC (t ) = 0.6(15e −2.5t ) = 9e −2.5t V
12 + 8
➢ หา ix(t)
vx (t ) 9e−2.5t
ix (t ) = = = 0.75e−2.5t A
R 12
9
10
ตัวอย่างที่ 6.2 จงหา vC (t), vx (t) และ ix (t) ที่ t > 0
R1 t=0 R3
1 2 ix ➢ t< 0 => Req และ vC(0)
4 5 20
8 Req = = 4
V1 C1 R4 5 + 20
30V R2 5 Vc Vx
4
0.1 12 vC (0) = V0 = 30V = 15V
4+4
0
R8
t < 0 ➢ t> 0 => vC(t), vx(t) และ ix(t)
4 vC (t ) = 15e−2.5t V
V2
30V Req 4 Vc(0) vx (t ) = 9e−2.5t V
ix (t ) = 0.75e−2.5t A
11
แบบฝึกหัดที่ 6.1 จงหา v(t) และ wC (0) ที่ t > 0 (Answer: 8e −2t
V , 5.333 J )
12
6.1.2 วงจร RL ที่ไม่มีแหล่งจ่าย
วงจร RL ที่ไม่มีแหล่งจ่ายจะเกิดขึ้น เมื่อปลดแหล่งจ่ายออกจากวงจรทันที พลังงานจะถูกสะสมอยู่ในตัวเหนี่ยวนำ
แล้วจะปล่อยออกไปยังตัวต้านทานที่ถูกต่ออยู่ในวงจร
1 2
จะได้ w(0) = LI 0
2
13
▪ จากรูปวงจร ใช้กฎแรงดันของเคิร์ชฮอฟฟ์ (Kirchhoff’s Voltage Laws)
di di R
vL + v R = 0 L + Ri = 0 หรือ + i=0
dt dt L
▪ จัดรูปสมการใหม่
di R
= − dt
i L
R
ln i (t ) = − t + K
L
▪ หา K, t = 0
R
ln i (0) = − (0) + K
L
K = ln i (0) = ln I 0
14
▪ แทนค่า K และยกกำลัง e จะได้
R
ln i (t ) = − t + ln I 0
L
i (t ) R
ln =− t
I0 L
R
i (t ) − t
=e L
I0
R
− t
i (t ) = I 0e L
; I 0 = initial current
………………………………………
L
➢ = => ค่าคงที่ทางเวลา (Time constant) เป็น
R
ค่าเวลาการตอบสนองที่ทำให้กระแสลดลงเป็น 1/e หรือ
36.8% ของค่าเริ่มต้น
i (t ) = I 0e − t
➢ t =
i (t ) = I 0e −1 = 0.368I 0
15
=> แรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัวต้านทาน
vR (t ) = i (t ) R = RI 0e −t
=> กำลังไฟฟ้าที่ใช้โดยตัวต้านทาน
=> พลังงานที่ดูดซับโดยตัวต้านทาน
t
1 2
wR (t ) = p(t ) dt =
0
2
LI 0 (1 − e −2t )
16
ตัวอย่างที่ 6.3 จงหา i(t) ที่ t > 0
➢ จากรูป a ที่ t< 0 => i(t) = i(0) = I0
4 12
Ra = = 3
4 + 12
40
i1 = = 8A
2+3
12 12
i (t ) = i (0) = I 0 = i1 = 8 = 6A
12 + 4 12 + 4
(12 + 4) 16
Req = = 8
(12 + 4) + 16
L 2 1
= = = s
Req 8 4
i (t ) = I 0 e −t = 6e −4t A
17
18
แบบฝึกหัดที่ 6.2 จงหา io (t), vo (t) และ i(t) ที่ t > 0
[Grab your reader’s attention with a great quote from the document or use this space to emphasize
a key point. To place this text box anywhere on the page, just drag it.]
[Grab your reader’s attention with a great quote from the document or use this
space to emphasize a key point. To place this text box anywhere on the page,
just drag it.]
19
เปรียบเทียบระหว่างวงจร RC กับ RL ที่ไม่มีแหล่งจ่าย
วงจร RC วงจร RL
L
v(t ) = vC (t ) = V0e −t ; = RC i (t ) = iL (t ) = I 0e −t ; =
R
20
6.2 วงจร RC และ RL ที่มีแหล่งจ่าย
ฟังก์ชันเอกฐาน (Singularity functions) หรือ ฟังก์ชันสวิตช์ (Switch functions)
ในการวิเคราะห์วงจรเพื่อหาผลตอบสนองของวงจรอันดับหนึ่งสามารถทำได้ โดยการป้อนแหล่งจ่ายหรือกระตุ้น
วงจรดังกล่าวด้วยฟังก์ชันเอกฐาน (Singularity functions) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ไม่ต่อเนื่องทางเวลา หรือ การเปลี่ยนแปลง
ตามเวลาของฟังก์ชันนั้นๆ มีความไม่ต่อเนื่อง ที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์วงจรไฟฟ้ามีอยู่ 3 แบบ คือ ฟังก์ชันขั้นหนึ่งหน่วย
(Unit step function) ฟั งก์ ชั น อิ ม พั ล ส์ ห นึ่ งหน่ วย (Unit impulse function) และฟั ง ก์ ชั น แรมป์ ห นึ่ ง หน่ ว ย (Unit
ramp function)
21
▪ ที่เวลา t ใดๆ
0 t t0
u (t − t0 ) = =
1 t t0
0 t −t0
u (t + t0 ) = =
1 t −t0
22
ฟังก์ชันขั้นใช้ในการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันของแหล่งจ่ายแรงดันและกระแสไฟฟ้า
▪ แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้า
0 t0
v(t ) =
V0 t 0
▪ แหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า
0 t0
i (t ) =
I0 t 0
23
6.2.1 การตอบสนองแบบขั้นของวงจร RC (The step response of an RC circuit)
การวิเคราะห์วงจรไฟฟ้า เพื่อหาผลตอบสนองแบบขั้น (Step response) ของวงจร RC สามารถทำได้โดยการ
กระตุ้นวงจรด้วยฟังก์ชันแบบขั้ น (Step function) โดยการป้ อนแหล่งจ่ายแรงดันหรือกระแสตรง (DC voltage or
current source) ให้กับวงจรในลักษณะแบบทันทีทันใด
24
▪ เงื่อนไขในสภาวะเริ่มต้น (Initial condition)
v(0− ) = v(0+ ) = V0
dv v − VS u (t ) dv dt
C + =0 หรือ =−
dt R v − VS u (t ) RC
t
ln (v(t ) − VS ) − ln(V0 − VS ) = − +0
RC
v(t ) − VS t
ln =−
V0 − VS RC
v(t ) − VS
= e − t / RC
V0 − VS
25
v(t ) − VS = (V0 − VS )e − t / RC
v(t ) = VS + (V0 − VS )e − t / ; t 0, = RC
ดังนั้น
V ;t 0
v(t ) = 0 − t /
VS + (V0 − VS )e ;t 0
0 ;t 0
v(t ) = − t /
VS (1 − e ) ;t 0
dv
i (t ) = C
dt
d (VS − VS e −t / ) C V
=C = VS e−t / = S e −t /
dt R
26
สรุป
หรือ v(t ) = vn (t ) + v f (t )
เมื่อ
vn (t ) = V0e − t /
v f (t ) = VS (1 − e − t / )
27
ตัวอย่างที่ 6.4
28
แบบฝึกหัดที่ 6.3 จงหา v(t) ที่ t > 0 และ ที่ t = 0.5 s ( −5 + 15e V , 0.5182V )
−2t
29
6.2.2 การตอบสนองแบบขั้นของวงจร RL (The step response of an RL circuit)
การวิเคราะห์วงจรไฟฟ้า เพื่อหาผลตอบสนองแบบขั้น (Step response) ของวงจร RL สามารถทำได้โดยการ
กระตุ้นวงจรด้วยฟังก์ชันแบบขั้ น (Step function) โดยการป้ อนแหล่งจ่ายแรงดันหรือกระแสตรง (DC voltage or
current source) ให้กับวงจรในลักษณะแบบทันทีทันใด
30
▪ เงื่อนไขในสภาวะเริ่มต้น (Initial condition)
i (0− ) = i (0+ ) = I 0
31
i (t ) R − VS = ( I 0 R − VS )e −tR / L
VS V L
i (t ) = + ( I 0 − S )e −t / ; t 0, =
R R R
ดังนั้น
I0
;t 0
i (t ) = VS VS −t /
R + ( I 0 − )e ;t 0
R
V
d S (1 − e − t / )
di R
v(t ) = L = L
dt dt
V
d S e − t /
=L
R = L V e − t / = V e − t /
R
S S
dt
32
สรุป
หรือ i(t ) = in (t ) + i f (t )
เมื่อ
in (t ) = I 0e − t /
VS
i f (t ) = (1 − e − t / )
R
จากสมการของแรงดันที่ตกคร่อมตัวเก็บประจุที่เวลา t > 0 อาจจะเขียนได้เป็น
VS VS − t /
i (t ) = + I 0 − e i (t ) = i () + i (0) − i () e − t /
R R
33
ตัวอย่างที่ 6.5 จงหา i(t) ที่ t > 0
34
…………………………………………………..
35