Professional Documents
Culture Documents
KM Paper
KM Paper
แนวคิดพื้นฐานและวิธีการบรรลุเปาหมายอยางมีประสิทธิภาพ
(Knowledge Management for Corporate Innovation: Basic Concept and Approaches)
ความรูเปนกระบวนการหนึ่งที่มนุษยสามารถนํามาใชเปนเครื่องมือในการพัฒนาและสรางสรรคสิ่งใหมๆ หาก
องค ก รใดสามารถจั ด การความรู ที่ มี อ ยู ไ ด จ ากบุ ค ลากรในทุ ก ระดั บ ขององค ก ร และจากทรั พ ยากรที่ มี อ ยู ไ ด อ ย า งมี
ประสิทธิภาพ ความรูที่ผานกระบวนการจัดการมาแลวนั้นก็จะกลายเปนเครื่องมือสําคัญที่ชวยใหองคกรนั้นๆ เกิดการ
ปรับปรุงและสรางสรรคนวัตกรรมหรือสิ่งใหมๆ ที่มีประโยชนและคุมคาตอการพัฒนาองคกร ซึ่งจะชวยใหองคกรนั้นสามารถ
เติบโตทางธุรกิจไดอยางมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รวมทั้งมีศักยภาพในการแขงขันระดับโลก
“การจัดการความรู” บอเกิดสูการสรางสรรคนวัตกรรมใหมๆ
ผูใหความรูที่สรางผลการดําเนินงานและการเพิ่มผลิตผลในระดับสูงจะอยูในประเภทของผูสัญจร (nomad) ซึ่งเปน
ผูที่มีสวนรวมกับกิจ กรรมภายนอก เชน การพบปะผูคนหรือการเขารวมการสัมมนาตางๆ ดังนั้น ผูสัญจร จึงเปนผูที่
สามารถแนะนําแนวคิดใหมๆ ใหกับองคกรในการนําความรูไปใชในภาคปฏิบัติได เปนผูที่มีความชํานาญในการคนพบ
ความตองการและปญหาของลูกคาโดยการเผชิญหนาหรือพบปะโดยตรง ผูใหความรูประเภทนี้จะมีวิสัยทัศนของตัวเองใน
การทําใหหนาที่ที่รับผิดชอบบรรลุความสําเร็จและกลาพอที่จะพูดคานความคิดของผูบริหารระดับสูงหรือพันธกิจขององคกร
หากเห็นวาเปนสิ่งที่ไมถูกตอง
ผูรูประเภท Nomad จะมีรูปแบบการทํางานที่เปนของตัวเองและกอใหเกิดนวัตกรรมใหมๆ ขึ้น สวนผูรูที่จัดอยู
ประเภท analyst อาจดูตัวอยางไดจากวิศวกร (engineers) หรือผูที่ทํางานในเนื้องานเพียงอยางเดียวใหสําเร็จลุลวงไปเพียง
คนเดียว แตความรูที่ไดจากผูรู analyst เปนสิ่งที่แลกเปลี่ยนหรือถายโอนไดยาก เนื่องจากการแบงสวนงานภายในองคกร
ดังนั้น ผูทํางานในประเภท Analyst จึงมักใชหลักการหรือเครื่องมือทางดาน IT มาชวยในการทํางาน และมี
แนวโนมที่จะพัฒนาแนวคิดใหมๆ ดวยตัวเองเสมอ สวนพนักงานขายและเจาหนาที่การตลาดจะจัดอยูในประเภท agents
เพราะทํ า หน า ที่ ส ง หรื อ แจ ง ข า วสารข อ ความให กั น ทราบ และผู รู ป ระเภทสุ ด ท า ยคื อ Keeper มั ก จะเป น ผู ที่ ทํ า หน า ที่
มอบหมายงาน จะเห็นไดวา การทํางานเชิงสรางสรรคที่เกิดขึ้นในองคกรเกิดจากการที่ผูทํางานประเภท Nomad และ
Analyst ตางทํางาน ประสานงานและสนทนารวมกัน
หลักการจัดการความรูเพื่อนําไปปฏิบัติ 5 ขั้นตอน
จากผลการศึกษาของ American Productivity and Quality Center (APQC) เกี่ยวกับ 50 บริษัทชั้นนําใน
สหรัฐอเมริกาที่ประสบความสําเร็จในการจัดการความรู พบวาบริษัทเหลานี้มีการจัดแบงการจัดการความรูเพื่อนําไปใช
ปฏิบัติออกเปน 5 ขั้นตอนคือ (1) การเริ่มตน (2) การสํารวจและการทดลอง (3) การนําโครงการนํารองไปใชงาน
และการริเริ่มดําเนินการ (4) การขยายผลและสนับสนุน และ (5) การจัดการองคความรู
ในขั้นตอนแรกคือการเริ่มตนก็มักจะมี “คนดื้อรั้น (renegades)” ซึ่งเปนผูที่กลาเสี่ยงตอการชักนําและริเริ่มการ
จัดการความรูใหเคลื่อนไปทั้งๆ ที่ขาดแรงสนับสนุนจากเพื่อนรวมงาน ผูบริหารสูงสุดขององคกรจึงมีบทบาทในการระบุตัว
บุคคลเหลานี้และกระตุนใหพวกเขาสนับสนุนการเคลื่อนไหวดวยการจัดหาระบบการสนับสนุนทุกรูปแบบที่หลากหลาย
รวมทั้งเรื่องการเงินดวย เพื่อใหพวกเขาสามารถเริ่มดําเนินโครงการนํารองได แนวทางหรือวิธีการเพื่อการจัดการความรู
เริ่มตนดวยการริเริ่มของแตละบุคคลแลวจึงคอยกระจายไปทั่วทั้งองคกรโดยผูบริหารระดับสูง
การแลกเปลี่ยน ba (ที่เปนหลักการหรือสถานที่) ประสบการณและการพูดคุยสนทนายังคงเปนสิ่งสําคัญที่ชวย
รักษาความรูสึกของการทํางานเปนกลุมและการใหความไววางใจซึ่งกันและกัน ในกระบวนการนี้ความรูที่ไดรับการ
รวบรวมไวแลวจะถูกสรางขึ้นเพื่อเผยแพรในรูปแบบอื่นที่ไมผานทางอีเมลล โทรศัพทมือถือหรือแฟกซ เพราะการใช
เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ลักษณะนี้ ไมชวยทําใหการการสื่อสารเปนไปอยางเปดเผยและสนิทสนม (heart-to-heart
communications) รวมทั้งไมทําใหเกิดการไววางใจในกันและกันขึ้นดวย ทั้งนี้ความรูที่ไดรับการรวบรวมขึ้นมายังเปนที่มา
ของความพึงพอใจในชีวิตของคนเราเบื้องตนไดอีกดวย จนไมสามารถแยกเอาความรูและคนออกจากกันไดเลย แตในการ
จัดการความรูโดยใชเทคโนโลยีสารสนเทศกลับมองขามแนวคิดพื้นฐานอันนี้ไปเนื่องจากผูใชและผูจัดหาสารสนเทศไมสนใจ
ที่จะเผชิญหนากันเพื่อทําการสนทนาแลกเปลี่ยนแนวคิดกัน
การสรางและแลกเปลี่ยนความรูอาจจะไมเกิดขึ้นไดเลยหากคนเราขาดการตระหนักรูถึงปญหาและความตองการที่
จะจัดการแกปญหาในงานที่ยากได หากการแลกเปลี่ยนหรือขัดแยงทางความรูระหวางคนที่ตระหนักถึงเรื่องนี้จะนําไปสู
การสรางองคความรูรูปแบบใหมๆ ขึ้น ความรูที่เพิ่มขึ้นเปนสิ่งที่สรางขึ้นบนพื้นฐานการใหและการรับอยางเทาเทียมกัน
(give-and-take basis) การใหความรูแกผูอื่นมากเทาไหรและบอยเทาไหรก็ยิ่งจะไดประโยชนกลับคืนมามากพอกัน แต
หากการรับอยางเดียวมีมากกวาก็จะทําใหการผสมผสานความรูระหวางคนที่มีความรูโดยนัย (implicit) แทบจะไมเกิดขึ้น
การสื่อสารที่วองไวระหวางบุคคลยังเปนสิ่งที่กระตุนใหเกิดการแลกเปลี่ยนความรูโดยนัย (implicit) ขึ้นดวย ทั้งนี้ผูนําและ
วิสัยทัศนของผูบริหารระดับสูงก็เปนสิ่งจําเปน เพราะพวกเขาสามารถที่จะเปนแรงผลักดันเสริมใหทุกคนในองคกรตระหนักรู
ถึงปญหามากยิ่งขึ้น
ที่มา: Asian Productivity Organization. Knowledge Management for Corporate Innovation: Concept and
Approaches. In, Top Management Forum: Knowledge Management for Corporate Innovation. Tokyo:
APO, 2002. Page 4 – 8